📜

๒๐. มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทโส

สมฺมสนาณกถา

๖๙๒. อยํ มคฺโค, อยํ น มคฺโคติ เอวํ มคฺคฺจ อมคฺคฺจ ตฺวา ิตํ าณํ ปน มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ นาม.

ตํ สมฺปาเทตุกาเมน กลาปสมฺมสนสงฺขาตาย นยวิปสฺสนาย ตาว โยโค กรณีโย. กสฺมา? อารทฺธวิปสฺสกสฺส โอภาสาทิสมฺภเว มคฺคามคฺคาณสมฺภวโต. อารทฺธวิปสฺสกสฺส หิ โอภาสาทีสุ สมฺภูเตสุ มคฺคามคฺคาณํ โหติ, วิปสฺสนาย จ กลาปสมฺมสนํ อาทิ. ตสฺมา เอตํ กงฺขาวิตรณานนฺตรํ อุทฺทิฏฺํ. อปิจ ยสฺมา ตีรณปริฺาย วตฺตมานาย มคฺคามคฺคาณํ อุปฺปชฺชติ, ตีรณปริฺา จ าตปริฺานนฺตรา, ตสฺมาปิ ตํ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธึ สมฺปาเทตุกาเมน กลาปสมฺมสเน ตาว โยโค กาตพฺโพ.

๖๙๓. ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ติสฺโส หิ โลกิยปริฺา าตปริฺา ตีรณปริฺา ปหานปริฺา จ. ยา สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อภิฺาปฺา าตฏฺเ าณํ. ปริฺาปฺา ตีรณฏฺเ าณํ. ปหานปฺา ปริจฺจาคฏฺเ าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๗๕). ตตฺถ ‘‘รุปฺปนลกฺขณํ รูปํ, เวทยิตลกฺขณา เวทนา’’ติ เอวํ เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ปจฺจตฺตลกฺขณสลฺลกฺขณวเสน ปวตฺตา ปฺา าตปริฺา นาม. ‘‘รูปํ อนิจฺจํ, เวทนา อนิจฺจา’’ติอาทินา นเยน เตสํเยว ธมฺมานํ สามฺลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ปวตฺตา ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนา ปฺา ตีรณปริฺา นาม. เตสุเยว ปน ธมฺเมสุ นิจฺจสฺาทิปชหนวเสน ปวตฺตา ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนา ปฺา ปหานปริฺา นาม.

ตตฺถ สงฺขารปริจฺเฉทโต ปฏฺาย ยาว ปจฺจยปริคฺคหา าตปริฺาย ภูมิ. เอตสฺมึ หิ อนฺตเร ธมฺมานํ ปจฺจตฺตลกฺขณปฏิเวธสฺเสว อาธิปจฺจํ โหติ. กลาปสมฺมสนโต ปน ปฏฺาย ยาว อุทยพฺพยานุปสฺสนา ตีรณปริฺาย ภูมิ. เอตสฺมึ หิ อนฺตเร สามฺลกฺขณปฏิเวธสฺเสว อาธิปจฺจํ โหติ. ภงฺคานุปสฺสนํ อาทึ กตฺวา อุปริ ปหานปริฺาย ภูมิ . ตโต ปฏฺาย หิ อนิจฺจโต อนุปสฺสนฺโต นิจฺจสฺํ ปชหติ, ทุกฺขโต อนุปสฺสนฺโต สุขสฺํ, อนตฺตโต อนุปสฺสนฺโต อตฺตสฺํ, นิพฺพินฺทนฺโต นนฺทึ, วิรชฺชนฺโต ราคํ, นิโรเธนฺโต สมุทยํ, ปฏินิสฺสชฺชนฺโต อาทานํ ปชหตีติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๒) เอวํ นิจฺจสฺาทิปหานสาธิกานํ สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ อาธิปจฺจํ. อิติ อิมาสุ ตีสุ ปริฺาสุ สงฺขารปริจฺเฉทสฺส เจว ปจฺจยปริคฺคหสฺส จ สาธิตตฺตา อิมินา โยคินา าตปริฺาว อธิคตา โหติ, อิตรา จ อธิคนฺตพฺพา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา ตีรณปริฺาย วตฺตมานาย มคฺคามคฺคาณํ อุปฺปชฺชติ, ตีรณปริฺา จ าตปริฺานนฺตรา, ตสฺมาปิ ตํ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธึ สมฺปาเทตุกาเมน กลาปสมฺมสเน ตาว โยโค กาตพฺโพ’’ติ.

๖๙๔. ตตฺรายํ ปาฬิ –

‘‘กถํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ? ยํกิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา…เป… ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. ทุกฺขโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. อนตฺตโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. ยา กาจิ เวทนา…เป… ยํกิฺจิ วิฺาณํ…เป… อนตฺตโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ.

‘‘จกฺขุํ…เป… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. ทุกฺขโต อนตฺตโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ.

‘‘รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยฏฺเน, ทุกฺขํ ภยฏฺเน, อนตฺตา อสารกฏฺเนาติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ. เวทนํ… วิฺาณํ… จกฺขุํ…เป… ชรามรณํ…เป… สมฺมสเน าณํ.

‘‘รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมนฺติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ. เวทนํ… วิฺาณํ… จกฺขุํ… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ สงฺขตํ…เป… นิโรธธมฺมนฺติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ.

‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ. อตีตมฺปิ อทฺธานํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ ชาติปจฺจยา ชรามรณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ. ภวปจฺจยา ชาติ…เป… อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, อสติ อวิชฺชาย นตฺถิ สงฺขาราติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ. อตีตมฺปิ อทฺธานํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, อสติ อวิชฺชาย นตฺถิ สงฺขาราติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ.

‘‘ตํ าตฏฺเน าณํ. ปชานนฏฺเน ปฺา. เตน วุจฺจติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๘).

เอตฺถ จ จกฺขุํ…เป… ชรามรณนฺติ อิมินา เปยฺยาเลน ทฺวารารมฺมเณหิ สทฺธึ ทฺวารปฺปวตฺตา ธมฺมา, ปฺจกฺขนฺธา, ฉ ทฺวารานิ, ฉ อารมฺมณานิ, ฉ วิฺาณานิ, ฉ ผสฺสา, ฉ เวทนา, ฉ สฺา, ฉ เจตนา, ฉ ตณฺหา, ฉ วิตกฺกา, ฉ วิจารา, ฉ ธาตุโย, ทส กสิณานิ, ทฺวตฺตึสโกฏฺาสา, ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย, พาวีสติ อินฺทฺริยานิ, ติสฺโส ธาตุโย, นว ภวา, จตฺตาริ ฌานานิ, จตสฺโส อปฺปมฺา, จตสฺโส สมาปตฺติโย, ทฺวาทส ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานีติ อิเม ธมฺมราสโย สํขิตฺตาติ เวทิตพฺพา.

วุตฺตํ เหตํ อภิฺเยฺยนิทฺเทเส –

‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อภิฺเยฺยํ. กิฺจ, ภิกฺขเว, สพฺพํ อภิฺเยฺยํ? จกฺขุ, ภิกฺขเว, อภิฺเยฺยํ. รูปา… จกฺขุวิฺาณํ… จกฺขุสมฺผสฺโส… ยมฺปิทํ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, ตมฺปิ อภิฺเยฺยํ. โสตํ…เป… ยมฺปิทํ มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, ตมฺปิ อภิฺเยฺยํ.

‘‘รูปํ…เป… วิฺาณํ… จกฺขุ…เป… มโน… รูปา…เป… ธมฺมา… จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณํ… จกฺขุสมฺผสฺโส…เป… มโนสมฺผสฺโส….

‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา…เป… มโนสมฺผสฺสชา เวทนา… รูปสฺา…เป… ธมฺมสฺา… รูปสฺเจตนา…เป… ธมฺมสฺเจตนา… รูปตณฺหา…เป… ธมฺมตณฺหา… รูปวิตกฺโก…เป… ธมฺมวิตกฺโก… รูปวิจาโร…เป… ธมฺมวิจาโร….

‘‘ปถวีธาตุ…เป… วิฺาณธาตุ… ปถวีกสิณํ…เป… วิฺาณกสิณํ… เกสา…เป… มุตฺตํ… มตฺถลุงฺคํ….

‘‘จกฺขายตนํ…เป… ธมฺมายตนํ… จกฺขุธาตุ…เป… มโนธาตุ… มโนวิฺาณธาตุ… จกฺขุนฺทฺริยํ…เป… อฺาตาวินฺทฺริยํ….

‘‘กามธาตุ… รูปธาตุ… อรูปธาตุ… กามภโว… รูปภโว… อรูปภโว… สฺาภโว… อสฺาภโว… เนวสฺานาสฺาภโว… เอกโวการภโว… จตุโวการภโว… ปฺจโวการภโว….

‘‘ปมํ ฌานํ…เป… จตุตฺถํ ฌานํ… เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ…เป… อุเปกฺขาเจโตวิมุตฺติ… อากาสานฺจายตนสมาปตฺติ…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติ… อวิชฺชา อภิฺเยฺยา…เป… ชรามรณํ อภิฺเยฺย’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓; สํ. นิ. ๔.๔๖).

ตํ ตตฺถ เอวํ วิตฺถาเรน วุตฺตตฺตา อิธ สพฺพํ เปยฺยาเลน สํขิตฺตํ. เอวํ สํขิตฺเต ปเนตฺถ เย โลกุตฺตรา ธมฺมา อาคตา, เต อสมฺมสนุปคตฺตา อิมสฺมึ อธิกาเร น คเหตพฺพา. เยปิ จ สมฺมสนุปคา , เตสุ เย ยสฺส ปากฏา โหนฺติ สุเขน ปริคฺคหํ คจฺฉนฺติ, เตสุ เตน สมฺมสนํ อารภิตพฺพํ.

๖๙๕. ตตฺรายํ ขนฺธวเสน อารพฺภวิธานโยชนา – ยํกิฺจิ รูปํ…เป… สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. ทุกฺขโต อนตฺตโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนนฺติ. เอตฺตาวตา อยํ ภิกฺขุ ‘‘ยํกิฺจิ รูป’’นฺติ เอวํ อนิยมนิทฺทิฏฺํ สพฺพมฺปิ รูปํ อตีตตฺติเกน เจว จตูหิ จ อชฺฌตฺตาทิทุเกหีติ เอกาทสหิ โอกาเสหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ววตฺถเปติ, อนิจฺจนฺติ สมฺมสติ.

กถํ ? ปรโต วุตฺตนเยน. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยฏฺเนา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๘).

ตสฺมา เอส ยํ อตีตํ รูปํ, ตํ ยสฺมา อตีเตเยว ขีณํ, นยิมํ ภวํ สมฺปตฺตนฺติ อนิจฺจํ ขยฏฺเน.

ยํ อนาคตํ อนนฺตรภเว นิพฺพตฺติสฺสติ, ตมฺปิ ตตฺเถว ขียิสฺสติ, น ตโต ปรํ ภวํ คมิสฺสตีติ อนิจฺจํ ขยฏฺเน.

ยํ ปจฺจุปฺปนฺนํ รูปํ, ตมฺปิ อิเธว ขียติ, น อิโต คจฺฉตีติ อนิจฺจํ ขยฏฺเน.

ยํ อชฺฌตฺตํ, ตมฺปิ อชฺฌตฺตเมว ขียติ, น พหิทฺธาภาวํ คจฺฉตีติ อนิจฺจํ ขยฏฺเน.

ยํ พหิทฺธา…เป… โอฬาริกํ…เป… สุขุมํ…เป… หีนํ…เป… ปณีตํ…เป… ทูเร…เป… สนฺติเก, ตมฺปิ ตตฺเถว ขียติ, น ทูรภาวํ คจฺฉตีติ อนิจฺจํ ขยฏฺเนาติ สมฺมสติ.

อิทํ สพฺพมฺปิ ‘‘อนิจฺจํ ขยฏฺเนา’’ติ เอตสฺส วเสน เอกํ สมฺมสนํ. เภทโต ปน เอกาทสวิธํ โหติ.

สพฺพเมว จ ตํ ทุกฺขํ ภยฏฺเน. ภยฏฺเนาติ สปฺปฏิภยตาย. ยฺหิ อนิจฺจํ, ตํ ภยาวหํ โหติ สีโหปมสุตฺเต (สํ. นิ. ๓.๗๘; อ. นิ. ๔.๓๓) เทวานํ วิย. อิติ อิทมฺปิ ‘‘ทุกฺขํ ภยฏฺเนา’’ติ เอตสฺส วเสน เอกํ สมฺมสนํ. เภทโต ปน เอกาทสวิธํ โหติ.

ยถา จ ทุกฺขํ, เอวํ สพฺพมฺปิ ตํ อนตฺตา อสารกฏฺเน. อสารกฏฺเนาติ ‘‘อตฺตา นิวาสี การโก เวทโก สยํวสี’’ติ เอวํ ปริกปฺปิตสฺส อตฺตสารสฺส อภาเวน. ยฺหิ อนิจฺจํ, ทุกฺขํ, ตํ อตฺตโนปิ อนิจฺจตํ วา อุทยพฺพยปีฬนํ วา วาเรตุํ น สกฺโกติ, กุโต ตสฺส การกาทิภาโว. เตนาห – ‘‘รูปฺจ หิทํ, ภิกฺขเว, อตฺตา อภวิสฺส. นยิทํ รูปํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺยา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๓.๕๙). อิติ อิทมฺปิ ‘‘อนตฺตา อสารกฏฺเนา’’ติ เอตสฺส วเสน เอกํ สมฺมสนํ. เภทโต ปน เอกาทสวิธํ โหติ. เอส นโย เวทนาทีสุ.

๖๙๖. ยํ ปน อนิจฺจํ, ตํ ยสฺมา นิยมโต สงฺขตาทิเภทํ โหติ. เตนสฺส ปริยายทสฺสนตฺถํ, นานากาเรหิ วา มนสิการปฺปวตฺติทสฺสนตฺถํ ‘‘รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺม’’นฺติ ปุน ปาฬิ วุตฺตา. เอส นโย เวทนาทีสูติ.

จตฺตารีสาการอนุปสฺสนากถา

๖๙๗. โส ตสฺเสว ปฺจสุ ขนฺเธสุ อนิจฺจทุกฺขานตฺตสมฺมสนสฺส ถิรภาวตฺถาย, ยํ ตํ ภควตา ‘‘กตเมหิ จตฺตารีสาย อากาเรหิ อนุโลมิกํ ขนฺตึ ปฏิลภติ, กตเมหิ จตฺตารีสาย อากาเรหิ สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมตี’’ติ เอตสฺส วิภงฺเค –

‘‘ปฺจกฺขนฺเธ อนิจฺจโต, ทุกฺขโต, โรคโต, คณฺฑโต, สลฺลโต, อฆโต, อาพาธโต, ปรโต, ปโลกโต, อีติโต, อุปทฺทวโต, ภยโต, อุปสคฺคโต, จลโต, ปภงฺคุโต, อทฺธุวโต, อตาณโต, อเลณโต, อสรณโต, ริตฺตโต, ตุจฺฉโต, สุฺโต, อนตฺตโต, อาทีนวโต, วิปริณามธมฺมโต, อสารกโต, อฆมูลโต, วธกโต, วิภวโต, สาสวโต, สงฺขตโต, มารามิสโต, ชาติธมฺมโต, ชราธมฺมโต, พฺยาธิธมฺมโต, มรณธมฺมโต , โสกธมฺมโต, ปริเทวธมฺมโต, อุปายาสธมฺมโต, สํกิเลสิกธมฺมโต’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๓๗) –

จตฺตารีสาย อากาเรหิ,

‘‘ปฺจกฺขนฺเธ อนิจฺจโต ปสฺสนฺโต อนุโลมิกํ ขนฺตึ ปฏิลภติ. ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ นิโรโธ นิจฺจํ นิพฺพานนฺติ ปสฺสนฺโต สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๓๘) นเยน,

อนุโลมาณํ วิภชนฺเตน ปเภทโต อนิจฺจาทิสมฺมสนํ วุตฺตํ. ตสฺสาปิ วเสน อิเม ปฺจกฺขนฺเธ สมฺมสติ.

๖๙๘. กถํ ? โส หิ เอเกกํ ขนฺธํ อนจฺจนฺติกตาย, อาทิอนฺตวนฺตตาย จ อนิจฺจโต. อุปฺปาทวยปฏิปีฬนตาย, ทุกฺขวตฺถุตาย จ ทุกฺขโต. ปจฺจยยาปนียตาย, โรคมูลตาย จ โรคโต. ทุกฺขตาสูลโยคิตาย, กิเลสาสุจิปคฺฆรณตาย, อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปริปกฺกปภินฺนตาย จ คณฺฑโต. ปีฬาชนกตาย, อนฺโตตุทนตาย, ทุนฺนีหรณียตาย จ สลฺลโต. วิครหณียตาย, อวฑฺฒิอาวหนตาย, อฆวตฺถุตาย จ อฆโต. อเสริภาวชนกตาย, อาพาธปทฏฺานตาย จ อาพาธโต. อวสตาย, อวิเธยฺยตาย จ ปรโต. พฺยาธิชรามรเณหิ ปลุชฺชนตาย ปโลกโต. อเนกพฺยสนาวหนตาย อีติโต. อวิทิตานํเยว วิปุลานํ อนตฺถานํ อาวหนโต, สพฺพุปทฺทววตฺถุตาย จ อุปทฺทวโต. สพฺพภยานํ อากรตาย, ทุกฺขวูปสมสงฺขาตสฺส ปรมสฺสาสสฺส ปฏิปกฺขภูตตาย จ ภยโต. อเนเกหิ อนตฺเถหิ อนุพทฺธตาย, โทสูปสฏฺตาย, อุปสคฺโค วิย อนธิวาสนารหตาย จ อุปสคฺคโต. พฺยาธิชรามรเณหิ เจว ลาภาลาภาทีหิ จ โลกธมฺเมหิ ปจลิตตาย จลโต. อุปกฺกเมน เจว สรเสน จ ปภงฺคุปคมนสีลตาย ปภงฺคุโต. สพฺพาวตฺถนิปาติตาย, ถิรภาวสฺส จ อภาวตาย อทฺธุวโต. อตายนตาย เจว, อลพฺภเนยฺยเขมตาย จ อตาณโต. อลฺลียิตุํ อนรหตาย, อลฺลีนานมฺปิ จ เลณกิจฺจาการิตาย อเลณโต. นิสฺสิตานํ ภยสารกตฺตาภาเวน อสรณโต. ยถาปริกปฺปิเตหิ ธุวสุภสุขตฺตภาเวหิ ริตฺตตาย ริตฺตโต. ริตฺตตาเยว ตุจฺฉโต อปฺปกตฺตา วา, อปฺปกมฺปิ หิ โลเก ตุจฺฉนฺติ วุจฺจติ. สามิ-นิวาสิ-การก-เวทกาธิฏฺายกวิรหิตตาย สุฺโต. สยฺจ อสฺสามิกภาวาทิตาย อนตฺตโต. ปวตฺติทุกฺขตาย, ทุกฺขสฺส จ อาทีนวตาย อาทีนวโต, อถ วา อาทีนํ วาติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อาทีนโว, กปณมนุสฺสสฺเสตํ อธิวจนํ, ขนฺธาปิ จ กปณาเยวาติ อาทีนวสทิสตาย อาทีนวโต. ชราย เจว มรเณน จาติ ทฺเวธา ปริณามปกติตาย วิปริณามธมฺมโต. ทุพฺพลตาย, เผคฺคุ วิย สุขภฺชนียตาย จ อสารกโต. อฆเหตุตาย อฆมูลโต. มิตฺตมุขสปตฺโต วิย วิสฺสาสฆาติตาย วธกโต. วิคตภวตาย, วิภวสมฺภูตตาย จ วิภวโต. อาสวปทฏฺานตาย สาสวโต. เหตุปจฺจเยหิ อภิสงฺขตตาย สงฺขตโต. มจฺจุมารกิเลสมารานํ อามิสภูตตาย มารามิสโต. ชาติ-ชรา-พฺยาธิมรณปกติตาย ชาติ-ชรา-พฺยาธิ-มรณธมฺมโต. โสก-ปริเทว-อุปายาสเหตุตาย โสก-ปริเทวอุปายาสธมฺมโต. ตณฺหาทิฏฺิทุจฺจริตสํกิเลสานํ วิสยธมฺมตาย สํกิเลสิกธมฺมโตติ เอวํ ปเภทโต วุตฺตสฺส อนิจฺจาทิสมฺมสนสฺส วเสน สมฺมสติ.

เอตฺถ หิ อนิจฺจโต, ปโลกโต, จลโต, ปภงฺคุโต, อทฺธุวโต, วิปริณามธมฺมโต, อสารกโต, วิภวโต, สงฺขตโต, มรณธมฺมโตติ เอเกกสฺมึ ขนฺเธ ทส ทส กตฺวา ปฺาส อนิจฺจานุปสฺสนานิ. ปรโต, ริตฺตโต, ตุจฺฉโต, สุฺโต, อนตฺตโตติ เอเกกสฺมึ ขนฺเธ ปฺจ ปฺจ กตฺวา ปฺจวีสติ อนตฺตานุปสฺสนานิ. เสสานิ ทุกฺขโต, โรคโตติอาทีนิ เอเกกสฺมึ ขนฺเธ ปฺจวีสติ ปฺจวีสติ กตฺวา ปฺจวีสติสตํ ทุกฺขานุปสฺสนานีติ.

อิจฺจสฺส อิมินา ทฺวิสตเภเทน อนิจฺจาทิสมฺมสเนน ปฺจกฺขนฺเธ สมฺมสโต ตํ นยวิปสฺสนาสงฺขาตํ อนิจฺจทุกฺขานตฺตสมฺมสนํ ถิรํ โหติ. อิทํ ตาเวตฺถ ปาฬินยานุสาเรน สมฺมสนารมฺภวิธานํ.

อินฺทฺริยติกฺขการณนวกกถา

๖๙๙. ยสฺส ปน เอวํ นยวิปสฺสนาย โยคํ กโรโตปิ นยวิปสฺสนา น สมฺปชฺชติ, เตน ‘‘นวหากาเรหิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ ภวนฺติ – อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ สงฺขารานํ ขยเมว ปสฺสติ, ตตฺถ จ สกฺกจฺจกิริยาย สมฺปาเทติ, สาตจฺจกิริยาย สมฺปาเทติ, สปฺปายกิริยาย สมฺปาเทติ, สมาธิสฺส จ นิมิตฺตคฺคาเหน, โพชฺฌงฺคานฺจ อนุปวตฺตนตาย, กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตํ อุปฏฺาเปติ, ตตฺถ จ อภิภุยฺย เนกฺขมฺเมน, อนฺตรา จ อพฺโยสาเนนา’’ติ เอวํ วุตฺตานํ นวนฺนํ อาการานํ วเสน อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ กตฺวา ปถวีกสิณนิทฺเทเส วุตฺตนเยน สตฺต อสปฺปายานิ วชฺเชตฺวา สตฺต สปฺปายานิ เสวมาเนน กาเลน รูปํ สมฺมสิตพฺพํ, กาเลน อรูปํ. รูปํ สมฺมสนฺเตน รูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา.

รูปนิพฺพตฺติปสฺสนาการกถา

๗๐๐. เสยฺยถิทํ – อิทํ รูปํ นาม กมฺมาทิวเสน จตูหิ การเณหิ นิพฺพตฺตติ. ตตฺถ สพฺเพสํ สตฺตานํ รูปํ นิพฺพตฺตมานํ ปมํ กมฺมโต นิพฺพตฺตติ. ปฏิสนฺธิกฺขเณเยว หิ คพฺภเสยฺยกานํ ตาว ติสนฺตติวเสน วตฺถุ-กาย-ภาวทสกสงฺขาตานิ ตึส รูปานิ นิพฺพตฺตนฺติ, ตานิ จ โข ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณเยว. ยถา จ อุปฺปาทกฺขเณ, ตถา ิติกฺขเณปิ ภงฺคกฺขเณปิ.

ตตฺถ รูปํ ทนฺธนิโรธํ ครุปริวตฺติ, จิตฺตํ ขิปฺปนิโรธํ ลหุปริวตฺติ. เตนาห – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ลหุปริวตฺตํ ยถยิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๘). รูเป ธรนฺเตเยว หิ โสฬสวาเร ภวงฺคจิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ. จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขโณปิ ิติกฺขโณปิ ภงฺคกฺขโณปิ เอกสทิสา. รูปสฺส ปน อุปฺปาทภงฺคกฺขณาเยว ลหุกา, เตหิ สทิสา. ิติกฺขโณ ปน มหา, ยาว โสฬส จิตฺตานิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, ตาว วตฺตติ. ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ านปฺปตฺตํ ปุเรชาตํ วตฺถุํ นิสฺสาย ทุติยํ ภวงฺคํ อุปฺปชฺชติ. เตน สทฺธึ อุปฺปนฺนํ านปฺปตฺตํ ปุเรชาตํ วตฺถุํ นิสฺสาย ตติยํ ภวงฺคํ อุปฺปชฺชติ. อิมินา นเยน ยาวตายุกํ จิตฺตปฺปวตฺติ เวทิตพฺพา. อาสนฺนมรณสฺส ปน เอกเมว านปฺปตฺตํ ปุเรชาตํ วตฺถุํ นิสฺสาย โสฬส จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ.

ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ รูปํ ปฏิสนฺธิจิตฺตโต อุทฺธํ โสฬสเมน จิตฺเตน สทฺธึ นิรุชฺฌติ. านกฺขเณ อุปฺปนฺนํ สตฺตรสมสฺส อุปฺปาทกฺขเณน สทฺธึ นิรุชฺฌติ. ภงฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนํ สตฺตรสมสฺส านกฺขณํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ. ยาว ปวตฺติ นาม อตฺถิ, เอวเมว ปวตฺตติ. โอปปาติกานมฺปิ สตฺตสนฺตติวเสน สตฺตติ รูปานิ เอวเมว ปวตฺตนฺติ.

๗๐๑. ตตฺถ กมฺมํ, กมฺมสมุฏฺานํ, กมฺมปจฺจยํ, กมฺมปจฺจยจิตฺตสมุฏฺานํ, กมฺมปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ, กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานนฺติ เอส วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ กมฺมํ นาม กุสลากุสลเจตนา. กมฺมสมุฏฺานํ นาม วิปากกฺขนฺธา จ, จกฺขุทสกาทิ สมสตฺตติรูปฺจ. กมฺมปจฺจยํ นาม ตเทว, กมฺมํ หิ กมฺมสมุฏฺานสฺส อุปตฺถมฺภกปจฺจโยปิ โหติ. กมฺมปจฺจยจิตฺตสมุฏฺานํ นาม วิปากจิตฺตสมุฏฺานํ รูปํ. กมฺมปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ นาม กมฺมสมุฏฺานรูเปสุ านปฺปตฺตา โอชา อฺํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, ตตฺราปิ โอชา านํ ปตฺวา อฺนฺติ เอวํ จตสฺโส วา ปฺจ วา ปวตฺติโย ฆเฏติ. กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ นาม กมฺมชเตโชธาตุ านปฺปตฺตา อุตุสมุฏฺานํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, ตตฺราปิ อุตุ อฺํ โอชฏฺมกนฺติ เอวํ จตสฺโส วา ปฺจ วา ปวตฺติโย ฆเฏติ. เอวํ ตาว กมฺมชรูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา.

๗๐๒. จิตฺตเชสุปิ จิตฺตํ, จิตฺตสมุฏฺานํ, จิตฺตปจฺจยํ, จิตฺตปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ, จิตฺตปจฺจยอุตุสมุฏฺานนฺติ เอส วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ จิตฺตํ นาม เอกูนนวุติจิตฺตานิ.

เตสุ ทฺวตฺตึส จิตฺตานิ, ฉพฺพีเสกูนวีสติ;

โสฬส รูปิริยาปถวิฺตฺติชนกา มตา.

กามาวจรโต หิ อฏฺ กุสลานิ, ทฺวาทสากุสลานิ, มโนธาตุวชฺชา ทส กิริยา, กุสลกิริยโต ทฺเว อภิฺาจิตฺตานีติ ทฺวตฺตึส จิตฺตานิ รูปํ, อิริยาปถํ, วิฺตฺติฺจ ชเนนฺติ. วิปากวชฺชานิ เสสทสรูปาวจรานิ, อฏฺ อรูปาวจรานิ, อฏฺ โลกุตฺตรจิตฺตานีติ ฉพฺพีสติ จิตฺตานิ รูปํ, อิริยาปถฺจ ชนยนฺติ, น วิฺตฺตึ. กามาวจเร ทส ภวงฺคจิตฺตานิ, รูปาวจเร ปฺจ, ติสฺโส มโนธาตุโย, เอกา วิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตุโสมนสฺสสหคตาติ เอกูนวีสติ จิตฺตานิ รูปเมว ชนยนฺติ, น อิริยาปถํ, น วิฺตฺตึ. ทฺเวปฺจวิฺาณานิ, สพฺพสตฺตานํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ, ขีณาสวานํ จุติจิตฺตํ, จตฺตาริ อารุปฺปวิปากานีติ โสฬส จิตฺตานิ เนว รูปํ ชนยนฺติ, น อิริยาปถํ, น วิฺตฺตึ. ยานิ เจตฺถ รูปํ ชเนนฺติ, ตานิ น ิติกฺขเณ, ภงฺคกฺขเณ วา, ตทา หิ จิตฺตํ ทุพฺพลํ โหติ. อุปฺปาทกฺขเณ ปน พลวํ, ตสฺมา ตํ ตทา ปุเรชาตํ วตฺถุํ นิสฺสาย รูปํ สมุฏฺาเปติ.

จิตฺตสมุฏฺานํ นาม ตโย อรูปิโน ขนฺธา, ‘‘สทฺทนวกํ, กายวิฺตฺติ, วจีวิฺตฺติ, อากาสธาตุ, ลหุตา, มุทุตา, กมฺมฺตา, อุปจโย, สนฺตตี’’ติ สตฺตรสวิธํ รูปฺจ. จิตฺตปจฺจยํ นาม ‘‘ปจฺฉาชาตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺสา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๑) เอวํ วุตฺตํ จตุสมุฏฺานรูปํ. จิตฺตปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ นาม จิตฺตสมุฏฺานรูเปสุ านปฺปตฺตา โอชา อฺํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, เอวํ ทฺเว ติสฺโส ปวตฺติโย ฆเฏติ. จิตฺตปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ นาม จิตฺตสมุฏฺาโน อุตุ านปฺปตฺโต อฺํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, เอวํ ทฺเว ติสฺโส ปวตฺติโย ฆเฏติ. เอวํ จิตฺตชรูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา.

๗๐๓. อาหารเชสุปิ อาหาโร, อาหารสมุฏฺานํ, อาหารปจฺจยํ, อาหารปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ, อาหารปจฺจยอุตุสมุฏฺานนฺติ เอส วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อาหาโร นาม กพฬีกาโร อาหาโร. อาหารสมุฏฺานํ นาม อุปาทิณฺณํ กมฺมชรูปํ ปจฺจยํ ลภิตฺวา ตตฺถ ปติฏฺาย านปฺปตฺตาย โอชาย สมุฏฺาปิตํ โอชฏฺมกํ, อากาสธาตุ, ลหุตา, มุทุตา, กมฺมฺตา, อุปจโย, สนฺตตีติ จุทฺทสวิธํ รูปํ. อาหารปจฺจยํ นาม ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๕) เอวํ วุตฺตํ จตุสมุฏฺานรูปํ. อาหารปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ นาม อาหารสมุฏฺาเนสุ รูเปสุ านปฺปตฺตา โอชา อฺํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, ตตฺราปิ โอชา อฺนฺติ เอวํ ทสทฺวาทสวาเร ปวตฺตึ ฆเฏติ. เอกทิวสํ ปริภุตฺตาหาโร สตฺตาหมฺปิ อุปตฺถมฺเภติ. ทิพฺพา ปน โอชา เอกมาสํ ทฺเวมาสมฺปิ อุปตฺถมฺเภติ. มาตรา ปริภุตฺตาหาโรปิ ทารกสฺส สรีรํ ผริตฺวา รูปํ สมุฏฺาเปติ. สรีเร มกฺขิตาหาโรปิ รูปํ สมุฏฺาเปติ. กมฺมชาหาโร อุปาทิณฺณกาหาโร นาม. โสปิ านปฺปตฺโต รูปํ สมุฏฺาเปติ, ตตฺราปิ โอชา อฺํ สมุฏฺาเปตีติ เอวํ จตสฺโส วา ปฺจ วา ปวตฺติโย ฆเฏติ. อาหารปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ นาม อาหารสมุฏฺานา เตโชธาตุ านปฺปตฺตา อุตุสมุฏฺานํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ. ตตฺรายํ อาหาโร อาหารสมุฏฺานานํ ชนโก หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, เสสานํ นิสฺสยาหารอตฺถิอวิคตวเสนาติ เอวํ อาหารชรูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา.

๗๐๔. อุตุเชสุปิ อุตุ, อุตุสมุฏฺานํ, อุตุปจฺจยํ, อุตุปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ, อุตุปจฺจยอาหารสมุฏฺานนฺติ เอส วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อุตุ นาม จตุสมุฏฺานา เตโชธาตุ, อุณฺหอุตุ สีตอุตูติ เอวํ ปเนส ทุวิโธ โหติ. อุตุสมุฏฺานํ นาม จตุสมุฏฺาโน อุตุ อุปาทิณฺณกํ ปจฺจยํ ลภิตฺวา านปฺปตฺโต สรีเร รูปํ สมุฏฺาเปติ. ตํ สทฺทนวกํ, อากาสธาตุ , ลหุตา, มุทุตา, กมฺมฺตา, อุปจโย, สนฺตตีติ ปนฺนรสวิธํ โหติ. อุตุปจฺจยํ นาม อุตุ จตุสมุฏฺานิกรูปานํ ปวตฺติยา จ วินาสสฺส จ ปจฺจโย โหติ. อุตุปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ นาม อุตุสมุฏฺานา เตโชธาตุ านปฺปตฺตา อฺํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, ตตฺราปิ อุตุ อฺนฺติ เอวํ ทีฆมฺปิ อทฺธานํ อนุปาทิณฺณปกฺเข ตฺวาปิ อุตุสมุฏฺานํ ปวตฺตติเยว. อุตุปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ นาม อุตุสมุฏฺานา านปฺปตฺตา โอชา อฺํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, ตตฺราปิ โอชา อฺนฺติ เอวํ ทสทฺวาทสวาเร ปวตฺตึ ฆเฏติ. ตตฺรายํ อุตุ อุตุสมุฏฺานานํ ชนโก หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, เสสานํ นิสฺสยอตฺถิอวิคตวเสนาติ เอวํ อุตุชรูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา. เอวฺหิ รูปสฺส นิพฺพตฺตึ ปสฺสนฺโต กาเลน รูปํ สมฺมสติ นาม.

อรูปนิพฺพตฺติปสฺสนาการกถา

๗๐๕. ยถา จ รูปํ สมฺมสนฺเตน รูปสฺส, เอวํ อรูปํ สมฺมสนฺเตนปิ อรูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา. สา จ โข เอกาสีติ โลกิยจิตฺตุปฺปาทวเสเนว.

เสยฺยถิทํ – อิทฺหิ อรูปํ นาม ปุริมภเว อายูหิตกมฺมวเสน ปฏิสนฺธิยํ ตาว เอกูนวีสติจิตฺตุปฺปาทปฺปเภทํ นิพฺพตฺตติ. นิพฺพตฺตนากาโร ปนสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ตเทว ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อนนฺตรจิตฺตโต ปฏฺาย ภวงฺควเสน, อายุปริโยสาเน จุติวเสน. ยํ ตตฺถ กามาวจรํ, ตํ ฉสุ ทฺวาเรสุ พลวารมฺมเณ ตทารมฺมณวเสน.

ปวตฺเต ปน อสมฺภินฺนตฺตา จกฺขุสฺส อาปาถคตตฺตา รูปานํ อาโลกสนฺนิสฺสิตํ มนสิการเหตุกํ จกฺขุวิฺาณํ นิพฺพตฺตติ สทฺธึ สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ. จกฺขุปสาทสฺส หิ ิติกฺขเณ ิติปฺปตฺตเมว รูปํ จกฺขุํ ฆฏฺเฏติ. ตสฺมึ ฆฏฺฏิเต ทฺวิกฺขตฺตุํ ภวงฺคํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ. ตโต ตสฺมึเยว อารมฺมเณ กิริยมโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชติ. ตทนนฺตรํ ตเทว รูปํ ปสฺสมานํ กุสลวิปากํ อกุสลวิปากํ วา จกฺขุวิฺาณํ. ตโต ตเทว รูปํ สมฺปฏิจฺฉมานา วิปากมโนธาตุ. ตโต ตเทว รูปํ สนฺตีรยมานา วิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ. ตโต ตเทว รูปํ ววตฺถาปยมานา กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ อุเปกฺขาสหคตา . ตโต ปรํ กามาวจรกุสลากุสลกิริยจิตฺเตสุ เอกํ วา อุเปกฺขาสหคตาเหตุกํ จิตฺตํ ปฺจ สตฺต วา ชวนานิ. ตโต กามาวจรสตฺตานํ เอกาทสสุ ตทารมฺมณจิตฺเตสุ ชวนานุรูปํ ยํกิฺจิ ตทารมฺมณนฺติ. เอส นโย เสสทฺวาเรสุปิ. มโนทฺวาเร ปน มหคฺคตจิตฺตานิปิ อุปฺปชฺชนฺตีติ. เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อรูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา. เอวฺหิ อรูปสฺส นิพฺพตฺตึ ปสฺสนฺโต กาเลน อรูปํ สมฺมสติ นาม.

เอวํ กาเลน รูปํ กาเลน อรูปํ สมฺมสิตฺวาปิ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อนุกฺกเมน ปฏิปชฺชมาโน เอโก ปฺาภาวนํ สมฺปาเทติ.

รูปสตฺตกสมฺมสนกถา

๗๐๖. อปโร รูปสตฺตกอรูปสตฺตกวเสน ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสติ. ตตฺถ อาทานนิกฺเขปนโต, วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต, อาหารมยโต, อุตุมยโต, กมฺมชโต, จิตฺตสมุฏฺานโต, ธมฺมตารูปโตติ อิเมหิ อากาเรหิ อาโรเปตฺวา สมฺมสนฺโต รูปสตฺตกวเสน อาโรเปตฺวา สมฺมสติ นาม. เตนาหุ โปราณา –

‘‘อาทานนิกฺเขปนโต, วโยวุฑฺฒตฺถคามิโต;

อาหารโต จ อุตุโต, กมฺมโต จาปิ จิตฺตโต;

ธมฺมตารูปโต สตฺต, วิตฺถาเรน วิปสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ อาทานนฺติ ปฏิสนฺธิ. นิกฺเขปนนฺติ จุติ. อิติ โยคาวจโร อิเมหิ อาทานนิกฺเขเปหิ เอกํ วสฺสสตํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา สงฺขาเรสุ ติลกฺขณํ อาโรเปติ. กถํ? เอตฺถนฺตเร สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา. กสฺมา? อุปฺปาทวยวตฺติโต, วิปริณามโต, ตาวกาลิกโต, นิจฺจปฏิกฺเขปโต จ. ยสฺมา ปน อุปฺปนฺนา สงฺขารา ิตึ ปาปุณนฺติ, ิติยํ ชราย กิลมนฺติ, ชรํ ปตฺวา อวสฺสํ ภิชฺชนฺติ, ตสฺมา อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนโต, ทุกฺขมโต ทุกฺขวตฺถุโต, สุขปฏิกฺเขปโต จ ทุกฺขา. ยสฺมา จ ‘‘อุปฺปนฺนา สงฺขารา ิตึ มา ปาปุณนฺตุ, านปฺปตฺตา มา ชีรนฺตุ, ชรปฺปตฺตา มา ภิชฺชนฺตู’’ติ อิเมสุ ตีสุ าเนสุ กสฺสจิ วสวตฺติภาโว นตฺถิ, สุฺา เตน วสวตฺตนากาเรน, ตสฺมา สุฺโต, อสฺสามิกโต, อวสวตฺติโต, อตฺตปฏิกฺเขปโต จ อนตฺตาติ.

๗๐๗. เอวํ อาทานนิกฺเขปนวเสน วสฺสสตปริจฺฉินฺเน รูเป ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ตโต ปรํ วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต อาโรเปติ. ตตฺถ วโยวุฑฺฒตฺถงฺคโม นาม วยวเสน วุฑฺฒสฺส วฑฺฒิตสฺส รูปสฺส อตฺถงฺคโม. ตสฺส วเสน ติลกฺขณํ อาโรเปตีติ อตฺโถ.

กถํ? โส ตเมว วสฺสสตํ ปมวเยน มชฺฌิมวเยน ปจฺฉิมวเยนาติ ตีหิ วเยหิ ปริจฺฉินฺทติ. ตตฺถ อาทิโต เตตฺตึส วสฺสานิ ปมวโย นาม. ตโต จตุตฺตึส มชฺฌิมวโย นาม. ตโต เตตฺตึส ปจฺฉิมวโย นามาติ. อิติ อิเมหิ ตีหิ วเยหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา, ‘‘ปมวเย ปวตฺตํ รูปํ มชฺฌิมวยํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ. ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ. ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา. มชฺฌิมวเย ปวตฺตรูปมฺปิ ปจฺฉิมวยํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา. ปจฺฉิมวเย เตตฺตึส วสฺสานิ ปวตฺตรูปมฺปิ มรณโต ปรํ คมนสมตฺถํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา ตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.

๗๐๘. เอวํ ปมวยาทิวเสน วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ปุน ‘‘มนฺททสกํ, ขิฑฺฑาทสกํ, วณฺณทสกํ, พลทสกํ, ปฺาทสกํ, หานิทสกํ, ปพฺภารทสกํ, วงฺกทสกํ, โมมูหทสกํ, สยนทสก’’นฺติ อิเมสํ ทสนฺนํ ทสกานํ วเสน วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต ติลกฺขณํ อาโรเปติ.

ตตฺถ ทสเกสุ ตาว วสฺสสตชีวิโน ปุคฺคลสฺส ปมานิ ทส วสฺสานิ มนฺททสกํ นาม, ตทา หิ โส มนฺโท โหติ จปโล กุมารโก. ตโต ปรานิ ทส ขิฑฺฑาทสกํ นาม, ตทา หิ โส ขิฑฺฑารติพหุโล โหติ. ตโต ปรานิ ทส วณฺณทสกํ นาม, ตทา หิสฺส วณฺณายตนํ เวปุลฺลํ ปาปุณาติ. ตโต ปรานิ ทส พลทสกํ นาม, ตทา หิสฺส พลฺจ ถาโม จ เวปุลฺลํ ปาปุณาติ. ตโต ปรานิ ทส ปฺาทสกํ นาม, ตทา หิสฺส ปฺา สุปฺปติฏฺิตา โหติ, ปกติยา กิร ทุพฺพลปฺสฺสาปิ ตสฺมึ กาเล อปฺปมตฺตกา ปฺา อุปฺปชฺชติเยว. ตโต ปรานิ ทส หานิทสกํ นาม, ตทา หิสฺส ขิฑฺฑารติวณฺณพลปฺา ปริหายนฺติ. ตโต ปรานิ ทส ปพฺภารทสกํ นาม, ตทา หิสฺส อตฺตภาโว ปุรโต ปพฺภาโร โหติ. ตโต ปรานิ ทส วงฺกทสกํ นาม, ตทา หิสฺส อตฺตภาโว นงฺคลโกฏิ วิย วงฺโก โหติ. ตโต ปรานิ ทส โมมูหทสกํ นาม. ตทา หิ โส โมมูโห โหติ, กตํ กตํ ปมุสฺสติ. ตโต ปรานิ ทส สยนทสกํ นาม, วสฺสสติโก หิ สยนพหุโลว โหติ.

ตตฺรายํ โยคี เอเตสํ ทสกานํ วเสน วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต ติลกฺขณํ อาโรเปตุํ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘ปมทสเก ปวตฺตรูปํ ทุติยทสกํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา. ทุติยทสเก…เป… นวมทสเก ปวตฺตรูปํ ทสมทสกํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ. ทสมทสเก ปวตฺตรูปํ ปุนพฺภวํ อปฺปตฺวา อิเธว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.

๗๐๙. เอวํ ทสกวเสน วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ปุน ตเทว วสฺสสตํ ปฺจปฺจวสฺสวเสน วีสติโกฏฺาเส กตฺวา วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต ติลกฺขณํ อาโรเปติ. กถํ? โส หิ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘ปเม วสฺสปฺจเก ปวตฺตรูปํ ทุติยํ วสฺสปฺจกํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา. ทุติเย วสฺสปฺจเก ปวตฺตรูปํ ตติยํ…เป… เอกูนวีสติเม วสฺสปฺจเก ปวตฺตรูปํ วีสติมํ วสฺสปฺจกํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ. วีสติเม วสฺสปฺจเก ปวตฺตรูปํ มรณโต ปรํ คมนสมตฺถํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา ตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ.

เอวํ วีสติโกฏฺาสวเสน วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ปุน ปฺจวีสติ โกฏฺาเส กตฺวา จตุนฺนํ จตุนฺนํ วสฺสานํ วเสน อาโรเปติ. ตโต เตตฺตึส โกฏฺาเส กตฺวา ติณฺณํ ติณฺณํ วสฺสานํ วเสน, ปฺาส โกฏฺาเส กตฺวา ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ วสฺสานํ วเสน, สตํ โกฏฺาเส กตฺวา เอเกกวสฺสวเสน. ตโต เอกํ วสฺสํ ตโย โกฏฺาเส กตฺวา วสฺสานเหมนฺตคิมฺเหสุ ตีสุ อุตูสุ เอเกกอุตุวเสน ตสฺมึ วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปติ.

กถํ? ‘‘วสฺสาเน จตุมาสํ ปวตฺตรูปํ เหมนฺตํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ. เหมนฺเต ปวตฺตรูปํ คิมฺหํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ. คิมฺเห ปวตฺตรูปํ ปุน วสฺสานํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ. เอวํ อาโรเปตฺวา ปุน เอกํ วสฺสํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา – ‘‘วสฺสาเน ทฺเวมาสํ ปวตฺตรูปํ สรทํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ. สรเท ปวตฺตรูปํ เหมนฺตํ. เหมนฺเต ปวตฺตรูปํ สิสิรํ. สิสิเร ปวตฺตรูปํ วสนฺตํ. วสนฺเต ปวตฺตรูปํ คิมฺหํ. คิมฺเห ปวตฺตรูปํ ปุน วสฺสานํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ เอวํ ตสฺมึ วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปติ.

เอวํ อาโรเปตฺวา ตโต กาฬชุณฺหวเสน – ‘‘กาเฬ ปวตฺตรูปํ ชุณฺหํ อปฺปตฺวา. ชุณฺเห ปวตฺตรูปํ กาฬํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ. ตโต รตฺตินฺทิววเสน – ‘‘รตฺตึ ปวตฺตรูปํ ทิวสํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ. ทิวสํ ปวตฺตรูปมฺปิ รตฺตึ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ. ตโต ตเทว รตฺตินฺทิวํ ปุพฺพณฺหาทิวเสน ฉ โกฏฺาเส กตฺวา – ‘‘ปุพฺพณฺเห ปวตฺตรูปํ มชฺฌนฺหํ อปฺปตฺวา. มชฺฌนฺเห ปวตฺตรูปํ สายนฺหํ. สายนฺเห ปวตฺตรูปํ ปมยามํ. ปมยาเม ปวตฺตรูปํ มชฺฌิมยามํ. มชฺฌิมยาเม ปวตฺตรูปํ ปจฺฉิมยามํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ. ปจฺฉิมยาเม ปวตฺตรูปํ ปุน ปุพฺพณฺหํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.

๗๑๐. เอวํ อาโรเปตฺวา ปุน ตสฺมึเยว รูเป อภิกฺกมปฏิกฺกมอาโลกนวิโลกนสมิฺชนปสารณวเสน – ‘‘อภิกฺกเม ปวตฺตรูปํ ปฏิกฺกมํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ. ปฏิกฺกเม ปวตฺตรูปํ อาโลกนํ. อาโลกเน ปวตฺตรูปํ วิโลกนํ. วิโลกเน ปวตฺตรูปํ สมิฺชนํ. สมิฺชเน ปวตฺตรูปํ ปสารณํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ. ตสฺมา อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.

ตโต เอกปทวารํ อุทฺธรณ อติหรณวีติหรณโวสฺสชฺชนสนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุมฺภนวเสน ฉ โกฏฺาเส กโรติ.

ตตฺถ อุทฺธรณํ นาม ปาทสฺส ภูมิโต อุกฺขิปนํ. อติหรณํ นาม ปุรโต หรณํ. วีติหรณํ นาม ขาณุกณฺฏกทีฆชาติอาทีสุ กิฺจิเทว ทิสฺวา อิโต จิโต จ ปาทสฺจารณํ. โวสฺสชฺชนํ นาม ปาทสฺส เหฏฺา โอโรปนํ. สนฺนิกฺเขปนํ นาม ปถวีตเล ปนํ. สนฺนิรุมฺภนํ นาม ปุน ปาทุทฺธรณกาเล ปาทสฺส ปถวิยา สทฺธึ อภินิปฺปีฬนํ. ตตฺถ อุทฺธรเณ ปถวีธาตุ อาโปธาตูติ ทฺเว ธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา โหนฺติ พลวติโย. ตถา อติหรณวีติหรเณสุ. โวสฺสชฺชเน เตโชธาตุ วาโยธาตูติ ทฺเว ธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา โหนฺติ พลวติโย. ตถา สนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุมฺภเนสุ. เอวํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา เตสํ วเสน ตสฺมึ วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปติ.

กถํ? โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘ยา อุทฺธรเณ ปวตฺตา ธาตุโย, ยานิ จ ตทุปาทายรูปานิ, สพฺเพ เต ธมฺมา อติหรณํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา. ตถา อติหรเณ ปวตฺตา วีติหรณํ. วีติหรเณ ปวตฺตา โวสฺสชฺชนํ. โวสฺสชฺชเน ปวตฺตา สนฺนิกฺเขปนํ. สนฺนิกฺเขปเน ปวตฺตา สนฺนิรุมฺภนํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌนฺติ. อิติ ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปนฺนา อิตรํ อิตรํ โกฏฺาสํ อปฺปตฺวา ตตฺถ ตตฺเถว ปพฺพํ ปพฺพํ สนฺธิ สนฺธิ โอธิ โอธิ หุตฺวา ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตติลา วิย ตฏตฏายนฺตา สงฺขารา ภิชฺชนฺติ. ตสฺมา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา’’ติ. ตสฺเสวํ ปพฺพปพฺพคเต สงฺขาเร วิปสฺสโต รูปสมฺมสนํ สุขุมํ โหติ.

๗๑๑. สุขุมตฺเต จ ปนสฺส อิทํ โอปมฺมํ. เอโก กิร ทารุติณุกฺกาทีสุ กตปริจโย อทิฏฺปุพฺพปทีโป ปจฺจนฺตวาสิโก นครมาคมฺม อนฺตราปเณ ชลมานํ ปทีปํ ทิสฺวา เอกํ ปุริสํ ปุจฺฉิ อมฺโภ ‘‘กึ นาเมตํ เอวํ มนาป’’นฺติ? ตเมนํ โส อาห ‘‘กิเมตฺถ มนาปํ, ปทีโป นาเมส เตลกฺขเยน วฏฺฏิกฺขเยน จ คตมคฺโคปิสฺส น ปฺายิสฺสตี’’ติ. ตมฺโ เอวมาห ‘‘อิทํ โอฬาริกํ, อิมิสฺสา หิ วฏฺฏิยา อนุปุพฺเพน ฑยฺหมานาย ตติยภาเค ตติยภาเค ชาลา อิตรีตรํ ปเทสํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ. ตมฺโ เอวมาห ‘‘อิทมฺปิ โอฬาริกํ, อิมิสฺสา หิ องฺคุลงฺคุลนฺตเร อฑฺฒงฺคุลฑฺฒงฺคุลนฺตเร ตนฺตุมฺหิ ตนฺตุมฺหิ อํสุมฺหิ อํสุมฺหิ ชาลา อิตรีตรํ อํสุํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสติ. อํสุํ ปน มุฺจิตฺวา น สกฺกา ชาลํ ปฺาเปตุ’’นฺติ.

ตตฺถ ‘‘เตลกฺขเยน วฏฺฏิกฺขเยน จ ปทีปสฺส คตมคฺโคปิ น ปฺายิสฺสตี’’ติ ปุริสสฺส าณํ วิย โยคิโน อาทานนิกฺเขปนโต วสฺสสเตน ปริจฺฉินฺนรูเป ติลกฺขณาโรปนํ. ‘‘วฏฺฏิยา ตติยภาเค ตติยภาเค ชาลา อิตรีตรํ ปเทสํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ ปุริสสฺส าณํ วิย โยคิโน วสฺสสตสฺส ตติยโกฏฺาสปริจฺฉินฺเน วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูเป ติลกฺขณาโรปนํ. ‘‘องฺคุลงฺคุลนฺตเร ชาลา อิตรีตรํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ ปุริสสฺส าณํ วิย โยคิโน ทสวสฺส ปฺจวสฺส จตุวสฺส ติวสฺส ทฺวิวสฺส เอกวสฺส ปริจฺฉินฺเน รูเป ติลกฺขณาโรปนํ. ‘‘อฑฺฒงฺคุลฑฺฒงฺคุลนฺตเร ชาลา อิตรีตรํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ ปุริสสฺส าณํ วิย โยคิโน เอเกกอุตุวเสน เอกํ วสฺสํ ติธา, ฉธา จ วิภชิตฺวา จตุมาส-ทฺวิมาสปริจฺฉินฺเน รูเป ติลกฺขณาโรปนํ. ‘‘ตนฺตุมฺหิ ตนฺตุมฺหิ ชาลา อิตรีตรํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ ปุริสสฺส าณํ วิย โยคิโน กาฬชุณฺหวเสน, รตฺตินฺทิววเสน, เอกรตฺตินฺทิวํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา ปุพฺพณฺหาทิวเสน จ ปริจฺฉินฺเน รูเป ติลกฺขณาโรปนํ. ‘‘อํสุมฺหิ อํสุมฺหิ ชาลา อิตรีตรํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ ปุริสสฺส าณํ วิย โยคิโน อภิกฺกมาทิวเสน เจว อุทฺธรณาทีสุ จ เอเกกโกฏฺาสวเสน ปริจฺฉินฺเน รูเป ติลกฺขณาโรปนนฺติ.

๗๑๒. โส เอวํ นานากาเรหิ วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ปุน ตเทว รูปํ วิสงฺขริตฺวา อาหารมยาทิวเสน จตฺตาโร โกฏฺาเส กตฺวา เอเกกโกฏฺาเส ติลกฺขณํ อาโรเปติ. ตตฺราสฺส อาหารมยํ รูปํ ฉาตสุหิตวเสน ปากฏํ โหติ. ฉาตกาเล สมุฏฺิตํ รูปํ หิ ฌตฺตํ โหติ กิลนฺตํ, ฌามขาณุโก วิย, องฺคารปจฺฉิยํ นิลีนกาโก วิย จ ทุพฺพณฺณํ ทุสฺสณฺิตํ. สุหิตกาเล สมุฏฺิตํ ธาตํ ปีณิตํ มุทุ สินิทฺธํ ผสฺสวนฺตํ โหติ. โส ตํ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘ฉาตกาเล ปวตฺตรูปํ สุหิตกาลํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ. สุหิตกาเล สมุฏฺิตมฺปิ ฉาตกาลํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ เอวํ ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.

๗๑๓. อุตุมยํ สีตุณฺหวเสน ปากฏํ โหติ. อุณฺหกาเล สมุฏฺิตํ รูปํ หิ ฌตฺตํ โหติ กิลนฺตํ ทุพฺพณฺณํ. สีตอุตุนา สมุฏฺิตํ รูปํ ธาตํ ปีณิตํ สินิทฺธํ โหติ. โส ตํ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘อุณฺหกาเล ปวตฺตรูปํ สีตกาลํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ. สีตกาเล ปวตฺตรูปํ อุณฺหกาลํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ เอวํ ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.

๗๑๔. กมฺมชํ อายตนทฺวารวเสน ปากฏํ โหติ. จกฺขุทฺวารสฺมึ หิ จกฺขุกายภาวทสกวเสน ตึส กมฺมชรูปานิ, อุปตฺถมฺภกานิ ปน เตสํ อุตุจิตฺตาหารสมุฏฺานานิ จตุวีสตีติ จตุปณฺณาส โหนฺติ. ตถา โสตฆานชิวฺหาทฺวาเรสุ. กายทฺวาเร กายภาวทสกวเสน เจว อุตุสมุฏฺานาทิวเสน จ จตุจตฺตาลีส. มโนทฺวาเร หทยวตฺถุกายภาวทสกวเสน เจว อุตุสมุฏฺานาทิวเสน จ จตุปณฺณาสเมว.

โส สพฺพมฺปิ ตํ รูปํ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘จกฺขุทฺวาเร ปวตฺตรูปํ โสตทฺวารํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ. โสตทฺวาเร ปวตฺตรูปํ ฆานทฺวารํ. ฆานทฺวาเร ปวตฺตรูปํ ชิวฺหาทฺวารํ. ชิวฺหาทฺวาเร ปวตฺตรูปํ กายทฺวารํ. กายทฺวาเร ปวตฺตรูปํ มโนทฺวารํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ เอวํ ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.

๗๑๕. จิตฺตสมุฏฺานํ โสมนสฺสิตโทมนสฺสิตวเสน ปากฏํ โหติ, โสมนสฺสิตกาเล อุปฺปนฺนํ หิ รูปํ สินิทฺธํ มุทุ ปีณิตํ ผสฺสวนฺตํ โหติ. โทมนสฺสิตกาเล อุปฺปนฺนํ ฌตฺตํ กิลนฺตํ ทุพฺพณฺณํ โหติ. โส ตํ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘โสมนสฺสิตกาเล ปวตฺตรูปํ โทมนสฺสิตกาลํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ. โทมนสฺสิตกาเล ปวตฺตรูปํ โสมนสฺสิตกาลํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ เอวํ ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.

ตสฺเสวํ จิตฺตสมุฏฺานรูปํ ปริคฺคเหตฺวา ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรปยโต อยมตฺโถ ปากโฏ โหติ –

ชีวิตํ อตฺตภาโว จ, สุขทุกฺขา จ เกวลา;

เอกจิตฺตสมายุตฺตา, ลหุโส วตฺตเต ขโณ.

จุลฺลาสีติ สหสฺสานิ, กปฺปํ ติฏฺนฺติ เย มรู;

น ตฺเวว เตปิ ติฏฺนฺติ, ทฺวีหิ จิตฺเตหิ สโมหิตา.

เย นิรุทฺธา มรนฺตสฺส, ติฏฺมานสฺส วา อิธ;

สพฺเพว สทิสา ขนฺธา, คตา อปฺปฏิสนฺธิกา.

อนนฺตรา จ เย ภคฺคา, เย จ ภคฺคา อนาคเต;

ตทนฺตรา นิรุทฺธานํ, เวสมํ นตฺถิ ลกฺขเณ.

อนิพฺพตฺเตน น ชาโต, ปจฺจุปฺปนฺเนน ชีวติ;

จิตฺตภงฺคา มโต โลโก, ปฺตฺติ ปรมตฺถิยา.

อนิธานคตา ภคฺคา, ปุฺโช นตฺถิ อนาคเต;

นิพฺพตฺตา เยปิ ติฏฺนฺติ, อารคฺเค สาสปูปมา.

นิพฺพตฺตานฺจ ธมฺมานํ, ภงฺโค เนสํ ปุรกฺขโต;

ปโลกธมฺมา ติฏฺนฺติ, ปุราเณหิ อมิสฺสิตา.

อทสฺสนโต อายนฺติ, ภคฺคา คจฺฉนฺตุทสฺสนํ;

วิชฺชุปฺปาโทว อากาเส, อุปฺปชฺชนฺติ วยนฺติ จาติ. (มหานิ. ๑๐);

๗๑๖. เอวํ อาหารมยาทีสุ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ปุน ธมฺมตารูเป ติลกฺขณํ อาโรเปติ. ธมฺมตารูปํ นาม พหิทฺธา อนินฺทฺริยพทฺธํ อยโลหติปุสีสสุวณฺณรชตมุตฺตามณิเวฬุริยสงฺขสิลาปวาฬโลหิตงฺคมสารคลฺลภูมิปาสาณปพฺพตติณรุกฺขลตาทิเภทํ วิวฏฺฏกปฺปโต ปฏฺาย อุปฺปชฺชนกรูปํ. ตทสฺส อโสกงฺกุราทิวเสน ปากฏํ โหติ.

อโสกงฺกุรํ หิ อาทิโตว ตนุรตฺตํ โหติ, ตโต ทฺวีหตีหจฺจเยน ฆนรตฺตํ, ปุน ทฺวีหตีหจฺจเยน มนฺทรตฺตํ, ตโต ตรุณปลฺลววณฺณํ, ตโต ปริณตปลฺลววณฺณํ, ตโต หริตปณฺณวณฺณํ. ตโต นีลปณฺณวณฺณํ. ตโต นีลปณฺณวณฺณกาลโต ปฏฺาย สภาครูปสนฺตติมนุปฺปพนฺธาปยมานํ สํวจฺฉรมตฺเตน ปณฺฑุปลาสํ หุตฺวา วณฺฏโต ฉิชฺชิตฺวา ปตติ.

โส ตํ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘ตนุรตฺตกาเล ปวตฺตรูปํ ฆนรตฺตกาลํ อปฺปตฺวา นิรุชฺฌติ. ฆนรตฺตกาเล ปวตฺตรูปํ มนฺทรตฺตกาลํ. มนฺทรตฺตกาเล ปวตฺตรูปํ ตรุณปลฺลววณฺณกาลํ. ตรุณปลฺลววณฺณกาเล ปวตฺตํ ปริณตปลฺลววณฺณกาลํ. ปริณตปลฺลววณฺณกาเล ปวตฺตํ หริตปณฺณวณฺณกาลํ . หริตปณฺณกาเล ปวตฺตํ นีลปณฺณวณฺณกาลํ. นีลปณฺณวณฺณกาเล ปวตฺตํ ปณฺฑุปลาสกาลํ. ปณฺฑุปลาสกาเล ปวตฺตํ วณฺฏโต ฉิชฺชิตฺวา ปตนกาลํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ, เอวํ ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อิมินา นเยน สพฺพมฺปิ ธมฺมตารูปํ สมฺมสติ.

เอวํ ตาว รูปสตฺตกวเสน ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสติ.

อรูปสตฺตกสมฺมสนกถา

๗๑๗. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อรูปสตฺตกวเสนา’’ติ, ตตฺถ อยํ มาติกา – กลาปโต, ยมกโต, ขณิกโต, ปฏิปาฏิโต, ทิฏฺิอุคฺฆาฏนโต, มานสมุคฺฆาฏนโต, นิกนฺติปริยาทานโตติ.

ตตฺถ กลาปโตติ ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา. กถํ กลาปโต สมฺมสตีติ? อิธ ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘เย อิเม ‘เกสา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา’ติ สมฺมสเน อุปฺปนฺนา ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา, เย จ ‘โลมา…เป… มตฺถลุงฺคํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’ติ สมฺมสเน อุปฺปนฺนา ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา, สพฺเพ เต อิตรีตรํ อปฺปตฺวา ปพฺพํปพฺพํ โอธิโอธิ หุตฺวา ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตติลา วิย ตฏตฏายนฺตา วินฏฺา, ตสฺมา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา’’ติ. อยํ ตาว วิสุทฺธิกถายํ นโย.

อริยวํสกถายํ ปน ‘‘เหฏฺา รูปสตฺตเก สตฺตสุ าเนสุ ‘รูปํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’ติ ปวตฺตํ จิตฺตํ อปเรน จิตฺเตน ‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’ติ สมฺมสนฺโต ‘กลาปโต สมฺมสตี’ติ’’ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตตรํ. ตสฺมา เสสานิปิ เตเนว นเยน วิภชิสฺสาม.

๗๑๘. ยมกโตติ อิธ ภิกฺขุ อาทานนิกฺเขปรูปํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสิตฺวา ตมฺปิ จิตฺตํ อปเรน จิตฺเตน ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสติ. วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูปํ, อาหารมยํ, อุตุมยํ, กมฺมชํ, จิตฺตสมุฏฺานํ, ธมฺมตารูปํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสิตฺวา ตมฺปิ จิตฺตํ อปเรน จิตฺเตน ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสติ. เอวํ ยมกโต สมฺมสติ นาม.

๗๑๙. ขณิกโตติ อิธ ภิกฺขุ อาทานนิกฺเขปรูปํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสิตฺวา ตํ ปมจิตฺตํ ทุติยจิตฺเตน, ทุติยํ ตติเยน, ตติยํ จตุตฺเถน, จตุตฺถํ ปฺจเมน ‘‘เอตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสติ. วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูปํ, อาหารมยํ, อุตุมยํ, กมฺมชํ, จิตฺตสมุฏฺานํ, ธมฺมตารูปํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสิตฺวา ตํ ปมจิตฺตํ ทุติยจิตฺเตน, ทุติยํ ตติเยน, ตติยํ จตุตฺเถน, จตุตฺถํ ปฺจเมน ‘‘เอตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสติ. เอวํ รูปปริคฺคาหกจิตฺตโต ปฏฺาย จตฺตาริ จตฺตาริ จิตฺตานิ สมฺมสนฺโต ขณิกโต สมฺมสติ นาม.

๗๒๐. ปฏิปาฏิโตติ อาทานนิกฺเขปรูปํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสิตฺวา ตํ ปมจิตฺตํ ทุติยจิตฺเตน, ทุติยํ ตติเยน, ตติยํ จตุตฺเถน…เป… ทสมํ เอกาทสเมน ‘‘เอตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสติ. วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูปํ, อาหารมยํ, อุตุมยํ, กมฺมชํ, จิตฺตสมุฏฺานํ, ธมฺมตารูปํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสิตฺวา ตํ ปมจิตฺตํ ทุติยจิตฺเตน, ทุติยํ ตติเยน, ตติยํ จตุตฺเถน…เป… ทสมํ เอกาทสเมน ‘‘เอตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ เอวํ วิปสฺสนา ปฏิปาฏิยา สกลมฺปิ ทิวสภาคํ สมฺมสิตุํ วฏฺเฏยฺย. ยาว ทสมจิตฺตสมฺมสนา ปน รูปกมฺมฏฺานมฺปิ อรูปกมฺมฏฺานมฺปิ ปคุณํ โหติ. ตสฺมา ทสเมเยว เปตพฺพนฺติ วุตฺตํ. เอวํ สมฺมสนฺโต ปฏิปาฏิโต สมฺมสติ นาม.

๗๒๑. ทิฏฺิอุคฺฆาฏนโต มานอุคฺฆาฏนโต นิกนฺติปริยาทานโตติ อิเมสุ ตีสุ วิสุํ สมฺมสนนโย นาม นตฺถิ. ยํ ปเนตํ เหฏฺา รูปํ, อิธ จ อรูปํ ปริคฺคหิตํ, ตํ ปสฺสนฺโต รูปารูปโต อุทฺธํ อฺํ สตฺตํ นาม น ปสฺสติ. สตฺตสฺส อทสฺสนโต ปฏฺาย สตฺตสฺา อุคฺฆาฏิตา โหติ. สตฺตสฺํ อุคฺฆาฏิตจิตฺเตน สงฺขาเร ปริคฺคณฺหโต ทิฏฺิ นุปฺปชฺชติ. ทิฏฺิยา อนุปฺปชฺชมานาย ทิฏฺิ อุคฺฆาฏิตา นาม โหติ. ทิฏฺิอุคฺฆาฏิตจิตฺเตน สงฺขาเร ปริคฺคณฺหโต มาโน นุปฺปชฺชติ. มาเน อนุปฺปชฺชนฺเต มาโน สมุคฺฆาฏิโต นาม โหติ. มานสมุคฺฆาฏิตจิตฺเตน สงฺขาเร ปริคฺคณฺหโต ตณฺหา นุปฺปชฺชติ. ตณฺหาย อนุปฺปชฺชนฺติยา นิกนฺติ ปริยาทิณฺณา นาม โหตีติ อิทํ ตาว วิสุทฺธิกถายํ วุตฺตํ.

อริยวํสกถายํ ปน ‘‘ทิฏฺิอุคฺฆาฏนโต มานสมุคฺฆาฏนโต นิกนฺติปริยาทานโต’’ติ มาติกํ เปตฺวา อยํ นโย ทสฺสิโต.

‘‘อหํ วิปสฺสามิ, มม วิปสฺสนา’’ติ คณฺหโต หิ ทิฏฺิสมุคฺฆาฏนํ นาม น โหติ. ‘‘สงฺขาราว สงฺขาเร วิปสฺสนฺติ สมฺมสนฺติ ววตฺถเปนฺติ ปริคฺคณฺหนฺติ ปริจฺฉินฺทนฺตี’’ติ คณฺหโต ปน ทิฏฺิอุคฺฆาฏนํ นาม โหติ.

‘‘สุฏฺุ วิปสฺสามิ, มนาปํ วิปสฺสามี’’ติ คณฺหโต มานสมุคฺฆาโฏ นาม น โหติ. ‘‘สงฺขาราว สงฺขาเร วิปสฺสนฺติ สมฺมสนฺติ ววตฺถเปนฺติ ปริคฺคณฺหนฺติ ปริจฺฉินฺทนฺตี’’ติ คณฺหโต ปน มานสมุคฺฆาโฏ นาม โหติ.

‘‘วิปสฺสิตุํ สกฺโกมี’’ติ วิปสฺสนํ อสฺสาเทนฺตสฺส นิกนฺติปริยาทานํ นาม น โหติ. ‘‘สงฺขาราว สงฺขาเร วิปสฺสนฺติ สมฺมสนฺติ ววตฺถเปนฺติ ปริคฺคณฺหนฺติ ปริจฺฉินฺทนฺตี’’ติ คณฺหโต ปน นิกนฺติปริยาทานํ นาม โหติ.

สเจ สงฺขารา อตฺตา ภเวยฺยุํ, อตฺตาติ คเหตุํ วฏฺเฏยฺยุํ, อนตฺตา จ ปน อตฺตาติ คหิตา, ตสฺมา เต อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา, อุปฺปาทวยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขาติ ปสฺสโต ทิฏฺิอุคฺฆาฏนํ นาม โหติ.

สเจ สงฺขารา นิจฺจา ภเวยฺยุํ, นิจฺจาติ คเหตุํ วฏฺเฏยฺยุํ, อนิจฺจา จ ปน นิจฺจาติ คหิตา, ตสฺมา เต หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา, อุปฺปาทวยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขา, อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตาติ ปสฺสโต มานสมุคฺฆาโฏ นาม โหติ.

สเจ สงฺขารา สุขา ภเวยฺยุํ, สุขาติ คเหตุํ วฏฺเฏยฺยุํ, ทุกฺขา จ ปน สุขาติ คหิตา, ตสฺมา เต อุปฺปาทวยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขา, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา, อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตาติ ปสฺสโต นิกนฺติปริยาทานํ นาม โหติ.

เอวํ สงฺขาเร อนตฺตโต ปสฺสนฺตสฺส ทิฏฺิสมุคฺฆาฏนํ นาม โหติ. อนิจฺจโต ปสฺสนฺตสฺส มานสมุคฺฆาฏนํ นาม โหติ. ทุกฺขโต ปสฺสนฺตสฺส นิกนฺติปริยาทานํ นาม โหติ. อิติ อยํ วิปสฺสนา อตฺตโน อตฺตโน าเนเยว ติฏฺตีติ.

เอวํ อรูปสตฺตกวเสนาปิ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสติ. เอตฺตาวตา ปนสฺส รูปกมฺมฏฺานมฺปิ อรูปกมฺมฏฺานมฺปิ ปคุณํ โหติ.

๗๒๒. โส เอวํ ปคุณรูปารูปกมฺมฏฺาโน ยา อุปริ ภงฺคานุปสฺสนโต ปฏฺาย ปหานปริฺาวเสน สพฺพาการโต ปตฺตพฺพา อฏฺารส มหาวิปสฺสนา, ตาสํ อิเธว ตาว เอกเทสํ ปฏิวิชฺฌนฺโต ตปฺปฏิปกฺเข ธมฺเม ปชหติ.

อฏฺารส มหาวิปสฺสนา นาม อนิจฺจานุปสฺสนาทิกา ปฺา. ยาสุ อนิจฺจานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต นิจฺจสฺํ ปชหติ, ทุกฺขานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต สุขสฺํ ปชหติ, อนตฺตานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อตฺตสฺํ ปชหติ, นิพฺพิทานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต นนฺทึ ปชหติ, วิราคานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต ราคํ ปชหติ, นิโรธานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต สมุทยํ ปชหติ, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อาทานํ ปชหติ, ขยานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต ฆนสฺํ ปชหติ, วยานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อายูหนํ ปชหติ, วิปริณามานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต ธุวสฺํ ปชหติ, อนิมิตฺตานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต นิมิตฺตํ ปชหติ, อปฺปณิหิตานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต ปณิธึ ปชหติ, สุฺตานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อภินิเวสํ ปชหติ, อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนํ ภาเวนฺโต สาราทานาภินิเวสํ ปชหติ, ยถาภูตาณทสฺสนํ ภาเวนฺโต สมฺโมหาภินิเวสํ ปชหติ, อาทีนวานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อาลยาภินิเวสํ ปชหติ, ปฏิสงฺขานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อปฺปฏิสงฺขํ ปชหติ, วิวฏฺฏานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต สํโยคาภินิเวสํ ปชหติ.

ตาสุ ยสฺมา อิมินา อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยวเสน สงฺขารา ทิฏฺา, ตสฺมา อนิจฺจ-ทุกฺข-อนตฺตานุปสฺสนา ปฏิวิทฺธา โหนฺติ. ยสฺมา จ ‘‘ยา จ อนิจฺจานุปสฺสนา ยา จ อนิมิตฺตานุปสฺสนา, อิเม ธมฺมา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นานํ’’. ตถา ‘‘ยา จ ทุกฺขานุปสฺสนา ยา จ อปฺปณิหิตานุปสฺสนา, อิเม ธมฺมา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นานํ’’. ‘‘ยา จ อนตฺตานุปสฺสนา ยา จ สุฺตานุปสฺสนา, อิเม ธมฺมา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๗) วุตฺตํ. ตสฺมา ตาปิ ปฏิวิทฺธา โหนฺติ.

อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนา ปน สพฺพาปิ วิปสฺสนา. ยถาภูตาณทสฺสนํ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิยา เอว สงฺคหิตํ. อิติ อิทมฺปิ ทฺวยํ ปฏิวิทฺธเมว โหติ. เสเสสุ วิปสฺสนาาเณสุ กิฺจิ ปฏิวิทฺธํ, กิฺจิ อปฺปฏิวิทฺธํ, เตสํ วิภาคํ ปรโต อาวิกริสฺสาม.

ยเทว หิ ปฏิวิทฺธํ, ตํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘เอวํ ปคุณรูปารูปกมฺมฏฺาโน ยา อุปริ ภงฺคานุปสฺสนโต ปฏฺาย ปหานปริฺาวเสน สพฺพาการโต ปตฺตพฺพา อฏฺารส มหาวิปสฺสนา. ตาสํ อิเธว ตาว เอกเทสํ ปฏิวิชฺฌนฺโต ตปฺปฏิปกฺเข ธมฺเม ปชหตี’’ติ.

อุทยพฺพยาณกถา

๗๒๓. โส เอวํ อนิจฺจานุปสฺสนาทิปฏิปกฺขานํ นิจฺจสฺาทีนํ ปหาเนน วิสุทฺธาโณ สมฺมสนาณสฺส ปารํ คนฺตฺวา, ยํ ตํ สมฺมสนาณานนฺตรํ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ วิปริณามานุปสฺสเน ปฺา อุทยพฺพยานุปสฺสเน าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. มาติกา ๑.๖) อุทยพฺพยานุปสฺสนํ วุตฺตํ, ตสฺส อธิคมาย โยคํ อารภติ. อารภมาโน จ สงฺเขปโต ตาว อารภติ. ตตฺรายํ ปาฬิ –

‘‘กถํ ปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ วิปริณามานุปสฺสเน ปฺา อุทยพฺพยานุปสฺสเน าณํ? ชาตํ รูปํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณํ อุทโย, วิปริณามลกฺขณํ วโย, อนุปสฺสนา าณํ. ชาตา เวทนา… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ… ชาตํ จกฺขุ…เป… ชาโต ภโว ปจฺจุปฺปนฺโน, ตสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณํ อุทโย, วิปริณามลกฺขณํ วโย, อนุปสฺสนา าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๙).

โส อิมินา ปาฬินเยน ชาตสฺส นามรูปสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณํ ชาตึ อุปฺปาทํ อภินวาการํ ‘‘อุทโย’’ติ, วิปริณามลกฺขณํ ขยํ ภงฺคํ ‘‘วโย’’ติ สมนุปสฺสติ. โส เอวํ ปชานาติ ‘‘อิมสฺส นามรูปสฺส อุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ อนุปฺปนฺนสฺส ราสิ วา นิจโย วา นตฺถิ, อุปฺปชฺชมานสฺสาปิ ราสิโต วา นิจยโต วา อาคมนํ นาม นตฺถิ, นิรุชฺฌมานสฺสาปิ ทิสาวิทิสาคมนํ นาม นตฺถิ, นิรุทฺธสฺสาปิ เอกสฺมึ าเน ราสิโต นิจยโต นิธานโต อวฏฺานํ นาม นตฺถิ. ยถา ปน วีณาย วาทิยมานาย อุปฺปนฺนสทฺทสฺส เนว อุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ สนฺนิจโย อตฺถิ, น อุปฺปชฺชมาโน สนฺนิจยโต อาคโต, น นิรุชฺฌมานสฺส ทิสาวิทิสาคมนํ อตฺถิ, น นิรุทฺโธ กตฺถจิ สนฺนิจิโต ติฏฺติ, อถ โข วีณฺจ อุปวีณฺจ ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฏิจฺจ อหุตฺวา สมฺโภติ, หุตฺวา ปฏิเวติ. เอวํ สพฺเพปิ รูปารูปิโน ธมฺมา อหุตฺวา สมฺโภนฺติ, หุตฺวา ปฏิเวนฺตี’’ติ.

๗๒๔. เอวํ สงฺเขปโต อุทยพฺพยมนสิการํ กตฺวา ปุน ยานิ เอตสฺเสว อุทยพฺพยาณสฺส วิภงฺเค –

‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. ตณฺหาสมุทยา… กมฺมสมุทยา… อาหารสมุทยา รูปสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ.

‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธติ ปจฺจยนิโรธฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. ตณฺหานิโรธา… กมฺมนิโรธา… อาหารนิโรธา รูปนิโรโธติ ปจฺจยนิโรธฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสนฺโตปิ อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ’’ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐).

ตถา ‘‘อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. ตณฺหาสมุทยา… กมฺมสมุทยา… ผสฺสสมุทยา เวทนาสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ. อวิชฺชานิโรธา… ตณฺหานิโรธา… กมฺมนิโรธา… ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธติ ปจฺจยนิโรธฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ’’ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐).

เวทนากฺขนฺธสฺส วิย จ สฺาสงฺขารวิฺาณกฺขนฺธานํ. อยํ ปน วิเสโส, วิฺาณกฺขนฺธสฺส ผสฺสฏฺาเน ‘‘นามรูปสมุทยา, นามรูปนิโรธา’’ติ –

เอวํ เอเกกสฺส ขนฺธสฺส อุทยพฺพยทสฺสเน ทส ทส กตฺวา ปฺาส ลกฺขณานิ วุตฺตานิ. เตสํ วเสน เอวมฺปิ รูปสฺส อุทโย เอวมฺปิ รูปสฺส วโย, เอวมฺปิ รูปํ อุเทติ, เอวมฺปิ รูปํ เวตีติ ปจฺจยโต เจว ขณโต จ วิตฺถาเรน มนสิการํ กโรติ.

๗๒๕. ตสฺเสวํ มนสิกโรโต ‘‘อิติ กิริเม ธมฺมา อหุตฺวา สมฺโภนฺติ, หุตฺวา ปฏิเวนฺตี’’ติ าณํ วิสทตรํ โหติ. ตสฺเสวํ ปจฺจยโต เจว ขณโต จ ทฺเวธา อุทยพฺพยํ ปสฺสโต สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทนยลกฺขณเภทา ปากฏา โหนฺติ.

๗๒๖. ยฺหิ โส อวิชฺชาทิสมุทยา ขนฺธานํ สมุทยํ, อวิชฺชาทินิโรธา จ ขนฺธานํ นิโรธํ ปสฺสติ, อิทมสฺส ปจฺจยโต อุทยพฺพยทสฺสนํ. ยํ ปน นิพฺพตฺติลกฺขณวิปริณามลกฺขณานิ ปสฺสนฺโต ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ ปสฺสติ, อิทมสฺส ขณโต อุทยพฺพยทสฺสนํ, อุปฺปตฺติกฺขเณเยว หิ นิพฺพตฺติลกฺขณํ. ภงฺคกฺขเณ จ วิปริณามลกฺขณํ.

๗๒๗. อิจฺจสฺเสวํ ปจฺจยโต เจว ขณโต จ ทฺเวธา อุทยพฺพยํ ปสฺสโต ปจฺจยโต อุทยทสฺสเนน สมุทยสจฺจํ ปากฏํ โหติ ชนกาวโพธโต. ขณโต อุทยทสฺสเนน ทุกฺขสจฺจํ ปากฏํ โหติ ชาติทุกฺขาวโพธโต. ปจฺจยโต วยทสฺสเนน นิโรธสจฺจํ ปากฏํ โหติ ปจฺจยานุปฺปาเทน ปจฺจยวตํ อนุปฺปาทาวโพธโต. ขณโต วยทสฺสเนน ทุกฺขสจฺจเมว ปากฏํ โหติ มรณทุกฺขาวโพธโต. ยฺจสฺส อุทยพฺพยทสฺสนํ, มคฺโควายํ โลกิโกติ มคฺคสจฺจํ ปากฏํ โหติ ตตฺร สมฺโมหวิฆาตโต.

๗๒๘. ปจฺจยโต จสฺส อุทยทสฺสเนน อนุโลโม ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ปากโฏ โหติ, ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๔; สํ. นิ. ๒.๒๑; อุทา. ๑) อวโพธโต. ปจฺจยโต วยทสฺสเนน ปฏิโลโม ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ปากโฏ โหติ, ‘‘อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๖; สํ. นิ. ๒.๒๑; อุทา. ๒) อวโพธโต . ขณโต ปน อุทยพฺพยทสฺสเนน ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมา ปากฏา โหนฺติ สงฺขตลกฺขณาวโพธโต. อุทยพฺพยวนฺโต หิ สงฺขตา, เต จ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนาติ.

๗๒๙. ปจฺจยโต จสฺส อุทยทสฺสเนน เอกตฺตนโย ปากโฏ โหติ เหตุผลสมฺพนฺเธน สนฺตานสฺส อนุปจฺเฉทาวโพธโต. อถ สุฏฺุตรํ อุจฺเฉททิฏฺึ ปชหติ. ขณโต อุทยทสฺสเนน นานตฺตนโย ปากโฏ โหติ นวนวานํ อุปฺปาทาวโพธโต. อถ สุฏฺุตรํ สสฺสตทิฏฺึ ปชหติ. ปจฺจยโต จสฺส อุทยพฺพยทสฺสเนน อพฺยาปารนโย ปากโฏ โหติ ธมฺมานํ อวสวตฺติภาวาวโพธโต. อถ สุฏฺุตรํ อตฺตทิฏฺึ ปชหติ. ปจฺจยโต ปน อุทยทสฺสเนน เอวํธมฺมตานโย ปากโฏ โหติ ปจฺจยานุรูเปน ผลสฺส อุปฺปาทาวโพธโต. อถ สุฏฺุตรํ อกิริยทิฏฺึ ปชหติ.

๗๓๐. ปจฺจยโต จสฺส อุทยทสฺสเนน อนตฺตลกฺขณํ ปากฏํ โหติ ธมฺมานํ นิรีหกตฺตปจฺจยปฏิพทฺธวุตฺติตาวโพธโต. ขณโต อุทยพฺพยทสฺสเนน อนิจฺจลกฺขณํ ปากฏํ โหติ หุตฺวา อภาวาวโพธโต, ปุพฺพนฺตาปรนฺตวิเวกาวโพธโต จ. ทุกฺขลกฺขณมฺปิ ปากฏํ โหติ อุทยพฺพเยหิ ปฏิปีฬนาวโพธโต. สภาวลกฺขณมฺปิ ปากฏํ โหติ อุทยพฺพยปริจฺฉินฺนาวโพธโต. สภาวลกฺขเณ สงฺขตลกฺขณสฺส ตาวกาลิกตฺตมฺปิ ปากฏํ โหติ อุทยกฺขเณ วยสฺส, วยกฺขเณ จ อุทยสฺส อภาวาวโพธโตติ.

๗๓๑. ตสฺเสวํ ปากฏีภูตสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทนยลกฺขณเภทสฺส ‘‘เอวํ กิร นามิเม ธมฺมา อนุปฺปนฺนปุพฺพา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ นิจฺจนวาว หุตฺวา สงฺขารา อุปฏฺหนฺติ. น เกวลฺจ นิจฺจนวา, สูริยุคฺคมเน อุสฺสาวพินฺทุ วิย อุทกพุพฺพุโฬ วิย อุทเก ทณฺฑราชิ วิย อารคฺเค สาสโป วิย วิชฺชุปฺปาโท วิย จ ปริตฺตฏฺายิโน. มายามรีจิสุปินนฺตอลาตจกฺกคนฺธพฺพนครเผณกทลิอาทโย วิย อสฺสารา นิสฺสาราติ จาปิ อุปฏฺหนฺติ.

เอตฺตาวตาเนน ‘‘วยธมฺมเมว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนฺจ วยํ อุเปตี’’ติ อิมินา อากาเรน สมปฺาส ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิตํ อุทยพฺพยานุปสฺสนํ นาม ตรุณวิปสฺสนาาณํ อธิคตํ โหติ, ยสฺสาธิคมา อารทฺธวิปสฺสโกติ สงฺขํ คจฺฉติ.

วิปสฺสนุปกฺกิเลสกถา

๗๓๒. อถสฺส อิมาย ตรุณวิปสฺสนาย อารทฺธวิปสฺสกสฺส ทส วิปสฺสนุปกฺกิเลสา อุปฺปชฺชนฺติ. วิปสฺสนุปกฺกิเลสา หิ ปฏิเวธปฺปตฺตสฺส อริยสาวกสฺส เจว วิปฺปฏิปนฺนกสฺส จ นิกฺขิตฺตกมฺมฏฺานสฺส กุสีตปุคฺคลสฺส นุปฺปชฺชนฺติ. สมฺมาปฏิปนฺนกสฺส ปน ยุตฺตปยุตฺตสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส กุลปุตฺตสฺส อุปฺปชฺชนฺติเยว.

กตเม ปน เต ทส อุปกฺกิเลสาติ? โอภาโส, าณํ, ปีติ, ปสฺสทฺธิ, สุขํ, อธิโมกฺโข, ปคฺคโห, อุปฏฺานํ, อุเปกฺขา, นิกนฺตีติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘กถํ ธมฺมุทฺธจฺจวิคฺคหิตมานสํ โหติ? อนิจฺจโต มนสิกโรโต โอภาโส อุปฺปชฺชติ, ‘โอภาโส ธมฺโม’ติ โอภาสํ อาวชฺชติ, ตโต วิกฺเขโป อุทฺธจฺจํ. เตน อุทฺธจฺเจน วิคฺคหิตมานโส อนิจฺจโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ทุกฺขโต… อนตฺตโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ’’.

ตถา ‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรโต าณํ อุปฺปชฺชติ…เป… ปีติ… ปสฺสทฺธิ… สุขํ… อธิโมกฺโข… ปคฺคโห… อุปฏฺานํ… อุเปกฺขา… นิกนฺติ อุปฺปชฺชติ, ‘นิกนฺติ ธมฺโม’ติ นิกนฺตึ อาวชฺชติ, ตโต วิกฺเขโป อุทฺธจฺจํ. เตน อุทฺธจฺเจน วิคฺคหิตมานโส อนิจฺจโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ทุกฺขโต… อนตฺตโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๖).

๗๓๓. ตตฺถ โอภาโสติ วิปสฺสโนภาโส. ตสฺมึ อุปฺปนฺเน โยคาวจโร ‘‘น วต เม อิโต ปุพฺเพ เอวรูโป โอภาโส อุปฺปนฺนปุพฺโพ, อทฺธา มคฺคปฺปตฺโตสฺมิ ผลปตฺโตสฺมี’’ติ อมคฺคเมว ‘‘มคฺโค’’ติ, อผลเมว จ ‘‘ผล’’นฺติ คณฺหาติ. ตสฺส อมคฺคํ ‘‘มคฺโค’’ติ อผลํ ‘‘ผล’’นฺติ คณฺหโต วิปสฺสนาวีถิ อุกฺกนฺตา นาม โหติ. โส อตฺตโน มูลกมฺมฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา โอภาสเมว อสฺสาเทนฺโต นิสีทติ.

โส โข ปนายํ โอภาโส กสฺสจิ ภิกฺขุโน ปลฺลงฺกฏฺานมตฺตเมว โอภาเสนฺโต อุปฺปชฺชติ. กสฺสจิ อนฺโตคพฺภํ. กสฺสจิ พหิคพฺภมฺปิ. กสฺสจิ สกลวิหารํ, คาวุตํ, อฑฺฒโยชนํ, โยชนํ, ทฺวิโยชนํ, ติโยชนํ…เป… กสฺสจิ ปถวีตลโต ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมโลกา เอกาโลกํ กุรุมาโน. ภควโต ปน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอภาเสนฺโต อุทปาทิ.

เอวํ เวมตฺตตาย จสฺส อิทํ วตฺถุ – จิตฺตลปพฺพเต กิร ทฺวิกุฏฺฏเคหสฺส อนฺโต ทฺเว เถรา นิสีทึสุ. ตํทิวสฺจ กาฬปกฺขุโปสโถ โหติ, เมฆปฏลจฺฉนฺนา ทิสา, รตฺติภาเค จตุรงฺคสมนฺนาคตํ ตมํ ปวตฺตติ. อเถโก เถโร อาห – ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อิทานิ เจติยงฺคณมฺหิ สีหาสเน ปฺจวณฺณานิ กุสุมานิ ปฺายนฺตี’’ติ. ตํ อิตโร อาห – ‘‘อนจฺฉริยํ, อาวุโส, กเถสิ, มยฺหํ ปเนตรหิ มหาสมุทฺทมฺหิ โยชนฏฺาเน มจฺฉกจฺฉปา ปฺายนฺตี’’ติ.

อยํ ปน วิปสฺสนุปกฺกิเลโส เยภุยฺเยน สมถวิปสฺสนาลาภิโน อุปฺปชฺชติ. โส สมาปตฺติวิกฺขมฺภิตานํ กิเลสานํ อสมุทาจารโต ‘‘อรหา อห’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทติ อุจฺจวาลิกวาสี มหานาคตฺเถโร วิย หํกนกวาสี มหาทตฺตตฺเถโร วิย จิตฺตลปพฺพเต นิงฺกเปณฺณกปธานฆรวาสี จูฬสุมนตฺเถโร วิย จ.

ตตฺริทํ เอกวตฺถุปริทีปนํ – ตลงฺครวาสี ธมฺมทินฺนตฺเถโร กิร นาม เอโก ปภินฺนปฏิสมฺภิโท มหาขีณาสโว มหโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอวาททายโก อโหสิ. โส เอกทิวสํ อตฺตโน ทิวาฏฺาเน นิสีทิตฺวา ‘‘กินฺนุ โข อมฺหากํ อาจริยสฺส อุจฺจวาลิกวาสีมหานาคตฺเถรสฺส สมณภาวกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ, โน’’ติ อาวชฺชนฺโต ปุถุชฺชนภาวเมวสฺส ทิสฺวา ‘‘มยิ อคจฺฉนฺเต ปุถุชฺชนกาลกิริยเมว กริสฺสตี’’ติ จ ตฺวา อิทฺธิยา เวหาสํ อุปฺปติตฺวา ทิวาฏฺาเน นิสินฺนสฺส เถรสฺส สมีเป โอโรหิตฺวา วนฺทิตฺวา วตฺตํ ทสฺเสตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ‘‘กึ, อาวุโส ธมฺมทินฺน, อกาเล อาคโตสี’’ติ จ วุตฺเต ‘‘ปฺหํ, ภนฺเต, ปุจฺฉิตุํ อาคโตมฺหี’’ติ อาห. ตโต ‘‘ปุจฺฉาวุโส, ชานมานา กถยิสฺสามา’’ติ วุตฺเต ปฺหสหสฺสํ ปุจฺฉิ.

เถโร ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ อสชฺชมาโนว กเถสิ. ตโต ‘‘อติติกฺขํ โว, ภนฺเต, าณํ, กทา ตุมฺเหหิ อยํ ธมฺโม อธิคโต’’ติ วุตฺเต ‘‘อิโต สฏฺิวสฺสกาเล, อาวุโส’’ติ อาห. สมาธิมฺปิ, ภนฺเต, วฬฺเชถาติ, น ยิทํ, อาวุโส, ภาริยนฺติ. เตน หิ, ภนฺเต, เอกํ หตฺถึ มาเปถาติ . เถโร สพฺพเสตํ หตฺถึ มาเปสิ. อิทานิ, ภนฺเต, ยถา อยํ หตฺถี อฺจิตกณฺโณ ปสาริตนงฺคุฏฺโ โสณฺฑํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา เภรวํ โกฺจนาทํ กโรนฺโต ตุมฺหากํ อภิมุโข อาคจฺฉติ, ตถา นํ กโรถาติ. เถโร ตถา กตฺวา เวเคน อาคจฺฉโต หตฺถิสฺส เภรวํ อาการํ ทิสฺวา อุฏฺาย ปลายิตุํ อารทฺโธ. ตเมนํ ขีณาสวตฺเถโร หตฺถํ ปสาเรตฺวา จีวรกณฺเณ คเหตฺวา ‘‘ภนฺเต, ขีณาสวสฺส สารชฺชํ นาม โหตี’’ติ อาห.

โส ตมฺหิ กาเล อตฺตโน ปุถุชฺชนภาวํ ตฺวา ‘‘อวสฺสโย เม, อาวุโส, ธมฺมทินฺน โหหี’’ติ วตฺวา ปาทมูเล อุกฺกุฏิกํ นิสีทิ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ อวสฺสโย ภวิสฺสามิจฺเจวาหํ อาคโต, มา จินฺตยิตฺถา’’ติ กมฺมฏฺานํ กเถสิ. เถโร กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา จงฺกมํ อารุยฺห ตติเย ปทวาเร อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เถโร กิร โทสจริโต อโหสิ. เอวรูปา ภิกฺขู โอภาเส กมฺปนฺติ.

๗๓๔. าณนฺติ วิปสฺสนาาณํ. ตสฺส กิร รูปารูปธมฺเม ตุลยนฺตสฺส ตีเรนฺตสฺส วิสฺสฏฺอินฺทวชิรมิว อวิหตเวคํ ติขิณํ สูรํ อติวิสทํ าณํ อุปฺปชฺชติ.

ปีตีติ วิปสฺสนาปีติ. ตสฺส กิร ตสฺมึ สมเย ขุทฺทกาปีติ, ขณิกาปีติ, โอกฺกนฺติกาปีติ, อุพฺเพคาปีติ, ผรณาปีตีติ อยํ ปฺจวิธา ปีติ สกลสรีรํ ปูรยมานา อุปฺปชฺชติ.

ปสฺสทฺธีติ วิปสฺสนาปสฺสทฺธิ. ตสฺส กิร ตสฺมึ สมเย รตฺติฏฺาเน วา ทิวาฏฺาเน วา นิสินฺนสฺส กายจิตฺตานํ เนว ทรโถ, น คารวํ, น กกฺขฬตา, น อกมฺมฺตา, น เคลฺํ, น วงฺกตา โหติ, อถ โข ปนสฺส กายจิตฺตานิ ปสฺสทฺธานิ ลหูนิ มุทูนิ กมฺมฺานิ สุวิสทานิ อุชุกานิเยว โหนฺติ. โส อิเมหิ ปสฺสทฺธาทีหิ อนุคฺคหิตกายจิตฺโต ตสฺมึ สมเย อมานุสึ นาม รตึ อนุภวติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘สุฺาคารํ ปวิฏฺสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;

อมานุสี รติ โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต.

‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๓-๓๗๔);

เอวมสฺส อิมํ อมานุสึ รตึ สาธยมานา ลหุตาทิสมฺปยุตฺตา ปสฺสทฺธิ อุปฺปชฺชติ.

สุขนฺติ วิปสฺสนาสุขํ. ตสฺส กิร ตสฺมึ สมเย สกลสรีรํ อภิสนฺทยมานํ อติปณีตํ สุขํ อุปฺปชฺชติ.

อธิโมกฺโขติ สทฺธา. วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตาเยว หิสฺส จิตฺตเจตสิกานํ อติสยปสาทภูตา พลวตี สทฺธา อุปฺปชฺชติ.

ปคฺคโหติ วีริยํ. วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตเมว หิสฺส อสิถิลํ อนจฺจารทฺธํ สุปคฺคหิตํ วีริยํ อุปฺปชฺชติ.

อุปฏฺานนฺติ สติ. วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตาเยว หิสฺส สุปฏฺิตา สุปติฏฺิตา นิขาตา อจลา ปพฺพตราชสทิสา สติ อุปฺปชฺชติ. โส ยํ ยํ านํ อาวชฺชติ สมนฺนาหรติ มนสิกโรติ ปจฺจเวกฺขติ, ตํ ตํ านมสฺส โอกฺขนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ทิพฺพจกฺขุโน ปรโลโก วิย สติยา อุปฏฺาติ.

อุเปกฺขาติ วิปสฺสนุเปกฺขา เจว อาวชฺชนุเปกฺขา จ. ตสฺมึ หิสฺส สมเย สพฺพสงฺขาเรสุ มชฺฌตฺตภูตา วิปสฺสนุเปกฺขาปิ พลวตี อุปฺปชฺชติ. มโนทฺวาเร อาวชฺชนุเปกฺขาปิ. สา หิสฺส ตํ ตํ านํ อาวชฺชนฺตสฺส วิสฺสฏฺอินฺทวชิรมิว ปตฺตปุเฏ ปกฺขิตฺต ตตฺตนาราโจ วิย จ สูรา ติขิณา หุตฺวา วหติ.

นิกนฺตีติ วิปสฺสนานิกนฺติ. เอวํ โอภาสาทิปฏิมณฺฑิตาย หิสฺส วิปสฺสนาย อาลยํ กุรุมานา สุขุมา สนฺตาการา นิกนฺติ อุปฺปชฺชติ. ยา นิกนฺติ กิเลโสติ ปริคฺคเหตุมฺปิ น สกฺกา โหติ.

ยถา จ โอภาเส, เอวํ เอเตสุปิ อฺตรสฺมึ อุปฺปนฺเน โยคาวจโร ‘‘น วต เม อิโต ปุพฺเพ เอวรูปํ าณํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ, เอวรูปา ปีติ, ปสฺสทฺธิ, สุขํ, อธิโมกฺโข, ปคฺคโห, อุปฏฺานํ, อุเปกฺขา, นิกนฺติ อุปฺปนฺนปุพฺพา, อทฺธา มคฺคปฺปตฺโตสฺมิ ผลปฺปตฺโตสฺมี’’ติ อมคฺคเมว ‘‘มคฺโค’’ติ อผลเมว จ ‘‘ผล’’นฺติ คณฺหาติ. ตสฺส อมคฺคํ ‘‘มคฺโค’’ติ อผลํ ‘‘ผล’’นฺติ คณฺหโต วิปสฺสนาวีถิ อุกฺกนฺตา นาม โหติ. โส อตฺตโน มูลกมฺมฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา นิกนฺติเมว อสฺสาเทนฺโต นิสีทตีติ.

๗๓๕. เอตฺถ จ โอภาสาทโย อุปกฺกิเลสวตฺถุตาย อุปกฺกิเลสาติ วุตฺตา, น อกุสลตฺตา. นิกนฺติ ปน อุปกฺกิเลโส เจว อุปกฺกิเลสวตฺถุ จ. วตฺถุวเสเนว เจเต ทส. คาหวเสน ปน สมตึส โหนฺติ. กถํ? ‘‘มม โอภาโส อุปฺปนฺโน’’ติ คณฺหโต หิ ทิฏฺิคาโห โหติ, ‘‘มนาโป วต โอภาโส อุปฺปนฺโน’’ติ คณฺหโต มานคาโห, โอภาสํ อสฺสาทยโต ตณฺหาคาโห, อิติ โอภาเส ทิฏฺิมานตณฺหาวเสน ตโย คาหา. ตถา เสเสสุปีติ เอวํ คาหวเสน สมตึส อุปกฺกิเลสา โหนฺติ. เตสํ วเสน อกุสโล อพฺยตฺโต โยคาวจโร โอภาสาทีสุ กมฺปติ วิกฺขิปติ. โอภาสาทีสุ เอเกกํ ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) สมนุปสฺสติ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘โอภาเส เจว าเณ จ, ปีติยา จ วิกมฺปติ;

ปสฺสทฺธิยา สุเข เจว, เยหิ จิตฺตํ ปเวธติ.

‘‘อธิโมกฺเข จ ปคฺคาเห, อุปฏฺาเน จ กมฺปติ;

อุเปกฺขาวชฺชนายฺจ, อุเปกฺขาย นิกนฺติยา’’ติ. (ปฏิ. ม. ๒.๗);

มคฺคามคฺคววตฺถานกถา

๗๓๖. กุสโล ปน ปณฺฑิโต พฺยตฺโต พุทฺธิสมฺปนฺโน โยคาวจโร โอภาสาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ‘‘อยํ โข เม โอภาโส อุปฺปนฺโน, โส โข ปนายํ อนิจฺโจ สงฺขโต ปฏิจฺจสมุปฺปนฺโน ขยธมฺโม วยธมฺโม วิราคธมฺโม นิโรธธมฺโม’’ติ อิติ วา ตํ ปฺาย ปริจฺฉินฺทติ อุปปริกฺขติ. อถ วา ปนสฺส เอวํ โหติ, ‘‘สเจ โอภาโส อตฺตา ภเวยฺย, ‘อตฺตา’ติ คเหตุํ วฏฺเฏยฺย. อนตฺตา จ ปนายํ ‘อตฺตา’ติ คหิโต. ตสฺมา โส อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺโจ, อุปฺปาทวยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺโข’’ติ สพฺพํ อรูปสตฺตเก วุตฺตนเยน วิตฺถาเรตพฺพํ. ยถา จ โอภาเส, เอวํ เสเสสุปิ.

โส เอวํ อุปปริกฺขิตฺวา โอภาสํ ‘‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) สมนุปสฺสติ. าณํ…เป… นิกนฺตึ ‘‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) สมนุปสฺสติ. เอวํ สมนุปสฺสนฺโต โอภาสาทีสุ น กมฺปติ น เวธติ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘อิมานิ ทส านานิ, ปฺายสฺส ปริจฺจิตา;

ธมฺมุทฺธจฺจกุสโล โหติ, น จ วิกฺเขปํ คจฺฉตี’’ติ. (ปฏิ. ม. ๒.๗);

โส เอวํ วิกฺเขปํ อคจฺฉนฺโต ตํ สมตึสวิธํ อุปกฺกิเลสชฏํ วิชเฏตฺวา โอภาสาทโย ธมฺมา น มคฺโค. อุปกฺกิเลสวิมุตฺตํ ปน วีถิปฏิปนฺนํ วิปสฺสนาาณํ มคฺโคติ มคฺคฺจ อมคฺคฺจ ววตฺถเปติ. ตสฺเสวํ ‘‘อยํ มคฺโค, อยํ น มคฺโค’’ติ มคฺคฺจ อมคฺคฺจ ตฺวา ิตํ าณํ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธีติ เวทิตพฺพํ.

เอตฺตาวตา จ ปน เตน ติณฺณํ สจฺจานํ ววตฺถานํ กตํ โหติ. กถํ? ทิฏฺิวิสุทฺธิยํ ตาว นามรูปสฺส ววตฺถาปเนน ทุกฺขสจฺจสฺส ววตฺถานํ กตํ. กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิยํ ปจฺจยปริคฺคหเณน สมุทยสจฺจสฺส ววตฺถานํ. อิมิสฺสํ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิยํ สมฺมามคฺคสฺส อวธารเณน มคฺคสจฺจสฺส ววตฺถานํ กตนฺติ, เอวํ โลกิเยเนว ตาว าเณน ติณฺณํ สจฺจานํ ววตฺถานํ กตํ โหติ.

อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค

ปฺาภาวนาธิกาเร

มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทโส นาม

วีสติโม ปริจฺเฉโท.