📜

๑๐. อารุปฺปนิทฺเทสวณฺณนา

ปมารุปฺปวณฺณนา

๒๗๕. อุทฺทิฏฺเสูติ ‘‘จตฺตาโร อารุปฺปา’’ติ เอวํ อุทฺทิฏฺเสุ, นิทฺธารเณ เจตํ ภุมฺมํ. เตเนวาห ‘‘จตูสุ อารุปฺเปสู’’ติ. ตตฺถ รูปวิเวเกน อรูปํ, อรูปเมว อารุปฺปํ ฌานํ, อิธ ปน ตทตฺถํ กมฺมฏฺานํ อธิปฺเปตํ. ตํ ภาเวตุกาโม จตุตฺถชฺฌานํ อุปฺปาเทตีติ สมฺพนฺโธ. รูปาธิกรณนฺติ รูปเหตุ. เหตุอตฺโถ หิ เอตฺถ อธิกรณ-สทฺโท ‘‘กามาธิกรณ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๖๘-๑๖๙) วิย. ทณฺฑนฏฺเน ทณฺโฑ, มุคฺคราทิ. ปรปีฬาธิปฺปาเยน ตสฺส อาทานํ ทณฺฑาทานํ. สตฺตานํ สสนฏฺเน สตฺถํ, อาวุธํ. ภณฺฑนํ กลโห. วิโรโธ วิคฺคโห. นานาวาโท วิวาโท. เอตนฺติ ยถาวุตฺตํ ทณฺฑาทานาทิกํ. สพฺพโสติ อนวเสสโต. อารุปฺเป อรูปภาเว, อารุปฺเป วา ภเว. รูปานํเยวาติ ทิฏฺาทีนวานํ รูปานํเยว, น อรูปานนฺติ อธิปฺปาโย. นิพฺพิทายาติ วิกฺขมฺภนวเสน นิพฺพินฺทนตฺถาย. วิราคายาติ วิรชฺชนตฺถาย. นิโรธายาติ นิรุชฺฌนตฺถาย. สพฺพเมตํ สมติกฺกมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทณฺฑาทานาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน อทินฺนาทานาทิกํ สพฺพํ รูปเหตุกํ อนตฺถํ สงฺคณฺหาติ, น อิธ ปาฬิยํ อาคตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. กรชรูเปติ ยถาวุตฺตาทีนวาธิกรณภาวโยคฺยํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, โอฬาริกรูเปติ อตฺโถ. อาทีนวนฺติ โทสํ. ตสฺสาติ รูปสฺส. อาโลโกติ วณฺณวิเสโส เอวาติ ตตฺถ ปวตฺตํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ อุคฺฆาเฏตฺวา สิยา อากาสนิมิตฺตํ อุคฺคเหตุํ, น ปน ปริจฺฉินฺนากาสกสิณํ อุคฺฆาเฏตฺวา. ตสฺส หิ อุคฺฆาฏนา นาม รูปนิมิตฺเตเนว สิยาติ อาห ‘‘เปตฺวา ปริจฺฉินฺนากาสกสิณํ นวสู’’ติ. เกจิ ปน ‘‘อาโลกกสิณมฺปิ เปตฺวา อฏฺสู’’ติ วทนฺติ, ตสฺส ปน ปเน การณํ น ทิสฺสติ, กรชรูปํ อติกฺกนฺตํ โหติ ตสฺส อนาลมฺพนโต.

ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘จตุตฺถชฺฌานวเสนา’’ติ วุตฺตํ. นนุ ปมชฺฌานาทีนิปิ ตสฺส อนาลมฺพนวเสเนว ปวตฺตนฺติ ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณตฺตา? สจฺจเมตํ, โอฬาริกงฺคปฺปหานโต ปน สนฺตสภาเวน อาเนฺชปฺปตฺเตน จตุตฺถชฺฌาเนน อติกฺกนฺตํ สุฏฺุ อติกฺกนฺตํ นาม โหตีติ ‘‘จตุตฺถชฺฌานวเสนา’’ติ วุตฺตํ . เกจิ ‘‘อสฺสาสปสฺสาสานํ นิรุชฺฌนโต, กามธาตุสมติกฺกมนโต จา’’ติ วทนฺติ, ตํ อการณํ, อิตเรสํ จิตฺตสมุฏฺานรูปานํ สมฺภวโต, เหฏฺิมชฺฌานานฺจ อกามธาตุสํวตฺตนียโต. ตปฺปฏิภาคเมวาติ กรชรูปปฏิภาคเมว นิมิตฺตคฺคาหสมฺภวโต. สทิสฺจ นาม ตํ น โหติ, ตสฺมา กึ ตสฺส สมติกฺกมเนนาติ อนุโยคํ สนฺธาย ‘‘กถํ? ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กถนฺติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. ยถาติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต. เลขาจิตฺตนฺติ กาฬวณฺณาทินา กตปริกมฺมาย เลขาย จิตฺตํ. ผลิตนฺตรนฺติ วิวรํ. ทิสฺวาติ ทูรโต ทิสฺวา. สมานรูปสทฺทสมุทาจารนฺติ สทิสรูปสณฺานสรปฺปโยคํ.

อารมฺมณวเสนาติ ‘‘มม จกฺขุ โสภนํ, มม กาโย ถิโร, มม ปริกฺขารา สุนฺทรา’’ติ เอวํ อารมฺมณกรณวเสน. กรชรูปสมงฺคิกาโลติ อตฺตโน อตฺตภาวรูเปน เจว อารมฺมณรูเปน จ สมนฺนาคตกาโล. ตมฺปีติ กสิณรูปสฺสปิ. สามิอตฺเถ หิ อิทํ อุปโยควจนํ. ภยสนฺตาสอทสฺสนกามตา วิย สมติกฺกมิตุกามตาติ โยชนา. อิทฺจ ยถาวุตฺตานํ นิพฺพิทาวิราคนิโรธานํ สาธารณวจนํ. เต หิ ตโย อเปกฺขิตฺวา ภยสนฺตาสอทสฺสนกามตา วุตฺตา. เอโก กิร สุนโข วเน สูกเรน ปหฏมตฺโต ปลาโต, โส อรูปทสฺสนเวลาย ภตฺตปจนอุกฺขลึ ทูรโต ทิสฺวา สูกรสฺาย ภีโต อุตฺตสนฺโต ปลายิ, ปิสาจภีรุโก ปุริโส รตฺติภาเค อปริจิเต เทเส มตฺถกจฺฉินฺนํ ตาลกฺขนฺธํ ทิสฺวา ปิสาจสฺาย ภีโต อุตฺตสนฺโต มุจฺฉิโต ปปติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สูกรา…เป… เวทิตพฺพา’’ติ.

๒๗๖. เอวนฺติ ยถาวุตฺตํ โอปมฺมตฺถํ นิคเมนฺโต อาห. โสติ โยคาวจโร. ตสฺมึ ฌาเน อาทีนวํ ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. รูปนฺติ กสิณรูปํ. สนฺตวิโมกฺขโตติ อรูปชฺฌานโต. ตานิ หิ ‘‘เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๗๒; ๑๐.๙) สนฺตวิโมกฺขาติ อาคตา. สนฺตตาสิทฺธิ จสฺส อนุสฺสุติโต ทฏฺพฺพา. ยเถวาติ เอว-กาเรน เยน ปกาเรน เอตํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ ทุวงฺคิกํ, เอวํ อารุปฺปานิปีติ อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตาวเสน ทุวงฺคิกตฺตํ ทสฺเสติ, น ตติยชฺฌาเน วิย ทุวงฺคิกตามตฺตํ. นนุ เจตฺถาปิ ทุวงฺคิกตามตฺตเมว ภูมิเภทโตติ? นายํ โทโส อุปโมปเมยฺยภาวสฺส ภินฺนาธิกรณโต.

ตตฺถาติ ตสฺมึ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาเน. นิกนฺตินฺติ อเปกฺขํ. ปริยาทายาติ อาทีนวทสฺสเนน ตสฺมึ ฌาเน เขเปตฺวา, อนเปกฺโข หุตฺวาติ อตฺโถ. สนฺตโต มนสิกรเณเนว ปณีตโต, สุขุมโต จ มนสิกาโร สิทฺโธ โหตีติ อาห ‘‘สนฺตโต อนนฺตโต มนสิ กริตฺวา’’ติ. ปตฺถริตฺวาติ ปเคว วฑฺฒิตํ, ตทา วฑฺฒนวเสน วา ปตฺถริตฺวา. เตนาติ กสิณรูเปน. อุคฺฆาเฏติ กสิณนฺติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสฺส อารมฺมณภูตํ ปถวีกสิณาทิกสิณรูปํ อปเนติ. อุคฺฆาฏนวิธึ ปน ทสฺเสนฺโต ‘‘อุคฺฆาเฏนฺโต หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สํเวลฺเลตีติ ปฏิสํหรติ. อฺทตฺถูติ เอกํเสน. เนว อุพฺพฏฺฏตีติ เนว อุฏฺหติ. น วิวฏฺฏตีติ น วินิวฏฺฏติ. อิมสฺสาติ อิมสฺส กสิณรูปสฺส. อมนสิการนฺติ มนสิ อกรณํ อจินฺตนํ. มนสิการฺจ ปฏิจฺจาติ ‘‘อากาโส อากาโส’’ติ ภาวนามนสิการฺจ นิสฺสาย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสฺส อารมฺมณภูตํ กสิณรูปํ น สพฺเพน สพฺพํ มนสิ กโรโต, เตน จ ผุฏฺโกาสํ ‘‘อากาโส อากาโส’’ติ มนสิ กโรโต ยทา ตํ ภาวนานุภาเวน อากาสํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, ตทา โส กสิณํ อุคฺฆาเฏติ นาม, ตฺจ เตน อุคฺฆาฏิตํ นาม โหตีติ. เตนาห ‘‘กสิณุคฺฆาฏิมากาสมตฺตํ ปฺายตี’’ติ. สพฺพเมตนฺติ ติวิธมฺเปตํ เอกเมว ปริยายภาวโต.

‘‘นีวรณานิ วิกฺขมฺภนฺตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ รูปาวจรปมชฺฌานสฺส อุปจารกฺขเณเยว นีวรณานิ วิกฺขมฺภิตานิ, ตโต ปฏฺาย จสฺส น เนสํ ปริยุฏฺานํ. ยทิ สิยา, ฌานโต ปริหาเยยฺย? ยํ ปเนเก วทนฺติ ‘‘อตฺเถว สุขุมานิ อรูปชฺฌานวิกฺขมฺภเนยฺยานิ นีวรณานิ, ตานิ สนฺธาเยตํ วุตฺต’’นฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. น หิ มหคฺคตกุสเลสุ โลกุตฺตรกุสเลสุ วิย โอธิโส ปหานํ นาม อตฺถิ. โย ปน รูปาวจเรหิ อารุปฺปานํ อุฬารผลตาทิวิเสโส, โส ภาวนาวิเสเสน สนฺตตรปณีตตรภาเวน เตสุเยว ปุริมปุริเมหิ ปจฺฉิมปจฺฉิมานํ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘วิกฺขมฺภนฺตี’’ติ ปน วจนํ วณฺณภณนวเสน วุตฺตํ. ตถา หิ อฺตฺถาปิ เหฏฺา ปหีนานํ อุปริ ปหานํ วุจฺจติ. เย ปน ‘‘สพฺเพ กุสลา ธมฺมา สพฺเพสํ อกุสลานํ ปฏิปกฺขาติ กตฺวา เอวํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, เตหิ ทุติยชฺฌานูปจาราทีสุ นีวรณวิกฺขมฺภนาวจนสฺส การณํ วตฺตพฺพํ. สติ สนฺติฏฺตีติ อากาสนิมิตฺตารมฺมณา สติ สมฺมา สูปฏฺิตา หุตฺวา ติฏฺติ. สติสีเสน เจตฺถ อุปจารชฺฌานานุคุณานํ สทฺธาปฺจมานํ สกิจฺจโยคํ ทสฺเสติ. อุปจาเรนาติ อุปจารชฺฌาเนน. อิธาปีติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ สนฺธาย สมฺปิณฺฑนํ. ตํ หิ อุเปกฺขาเวทนาสมฺปยุตฺตํ. เสสนฺติ ‘‘เสสานิ กามาวจรานี’’ติอาทิ. ยํ อิธ วตฺตพฺพมวุตฺตํ, ตํ ปน ปถวีกสิณนิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๕๑ อาทโย) วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปถวีกสิเณ วุตฺตนยเมวา’’ติ.

เอวํ ยํ ตตฺถ อวิสิฏฺํ, ตํ อติทิสิตฺวา อิทานิ วิสิฏฺํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติอาทิมาห. ยานปฺปุโตฬิ กุมฺภิมุขาทีนนฺติ โอคุณฺนสิวิกาทิยานานํ มุขํ ยานมุขํ, ปุโตฬิยา ขุทฺทกทฺวารสฺส มุขํ ปุโตฬิมุขํ, กุมฺภิมุขนฺติ ปจฺเจกํ มุข-สทฺโท สมฺพนฺธิตพฺโพ. อากาสํเยว ยานมุขาทิปริจฺฉินฺนํ. ปริกมฺมมนสิกาเรนาติ ปริกมฺมภูเตน มนสิกาเรน อุปจารชฺฌาเนน. ปริกมฺมํ อนุโลมํ อุปจาโรติ จ อนตฺถนฺตรฺเหตํ. เปกฺขมาโน อรูปาวจรชฺฌานจกฺขุนา.

๒๗๗. สพฺพากาเรนาติ รูปนิมิตฺตํ ทณฺฑาทานสมฺภวทสฺสนาทินา สพฺเพน รูปธมฺเมสุ, ปถวีกสิณาทิรูปนิมิตฺเตสุ, ตทารมฺมณชฺฌาเนสุ จ โทสทสฺสนากาเรน, เตสุ เอว วา รูปาทีสุ นิกนฺติปฺปหานอนาวชฺชิตุกามตาทินา. รูปชฺฌานมฺปิ รูปนฺติ วุจฺจติ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๖๐; วิภ. ๖๒๕) ยถา รูปภโว รูปํ. รูปีติ หิ รูปชฺฌานลาภีติ อตฺโถ. อารมฺมณมฺปิ กสิณรูปํ รูปนฺติ วุจฺจติ ปุริมปทโลเปน ยถา ‘‘เทวทตฺโต ทตฺโต’’ติ. รูปานิ ปสฺสตีติ กสิณรูปานิ ฌานจกฺขุนา ปสฺสตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา อุตฺตรปทโลเปน, ปุริมปทโลเปน จ ยถากฺกมํ รูปชฺฌานกสิณรูเปสุ รูปโวหาโร ทิสฺสติ, ตสฺมา. รูเป รูปชฺฌาเน ตํสหคตา สฺา รูปสฺา. ตทารมฺมณสฺส จาติ -สทฺเทน ยถาวุตฺตํ รูปาวจรชฺฌานํ สมฺปิณฺเฑติ, เตน ปาฬิยํ ‘‘รูปสฺาน’’นฺติ สรูเปกเสเสน นิทฺเทโส กโตติ ทสฺเสติ. วิราคาติ ชิคุจฺฉนโต. นิโรธาติ ตปฺปฏิพนฺธฉนฺทราควิกฺขมฺภเนน นิโรธนโต. วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘กึ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺส สพฺพากาเรน วิราคา อนวเสสานํ นิโรธาติ เอวํ วา เอตฺถ โยชนา กาตพฺพา.

‘‘อารมฺมเณ อวิรตฺตสฺส สฺาสมติกฺกโม น โหตี’’ติ อิทํ ยสฺมา อิมานิ ฌานานิ อารมฺมณาติกฺกเมน ปตฺตพฺพานิ, น องฺคาติกฺกเมนาติ กตฺวา วุตฺตํ. ยสฺมา ปเนตฺถ สฺาสมติกฺกโม อารมฺมณสมติกฺกเมน วินา น โหติ, ตสฺมา ‘‘สมติกฺกนฺตาสุ จ สฺาสุ อารมฺมณํ สมติกฺกนฺตเมว โหตี’’ติ อาห. อวตฺวา วุตฺโตติ สมฺพนฺโธ. สมาปนฺนสฺสาติอาทีสุ กุสลสฺาวเสน สมาปนฺนคฺคหณํ, วิปากสฺาวเสน อุปปนฺนคฺคหณํ, กิริยาสฺาวเสน ทิฏฺธมฺมสุขวิหารคฺคหณํ. อรหโต หิ ฌานานิ วิเสสโต ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร. ยทิ สฺาสมติกฺกมสฺส อนุนิปฺผาทิอารมฺมณสมติกฺกโม วิภงฺเค จ อวุตฺโต, อถ กสฺมา อิธ คหิโตติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. อารมฺมณสมติกฺกมวเสนาปิ อยมตฺถวณฺณนา กตา, ‘‘ตทารมฺมณสฺส เจตํ อธิวจน’’นฺติอาทินา วิภงฺเค วิย สฺาสมติกฺกมเมว อวตฺวาติ อธิปฺปาโย.

๒๗๘. ปฏิฆาเตนาติ ปฏิหนเนน วิสยีวิสยสโมธาเนน. อตฺถงฺคมาติอาทีสุ ปุริมํ ปุริมํ ปจฺฉิมสฺส ปจฺฉิมสฺส อตฺถวจนํ, ตสฺมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคโม ฌานสมงฺคิกาเล อนุปฺปตฺตีติ ตสฺส อิเธว คหเณ การณํ อนุโยคมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘กามฺเจตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุสฺสาหชนนตฺถํ ปฏิปชฺชนกานํ. เอตาสํ ปฏิฆสฺานํ. เอตฺถ ปมารุปฺปกถายํ. วจนํ อตฺถงฺคมวเสน.

กึ วา ปสํสากิตฺตเนน, ปฏิฆสฺานํ ปน อตฺถงฺคโม อิเธว วตฺตพฺพตฺตา วุตฺโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สภาวธมฺมสฺส อภาโว นาม ปฏิปกฺเขน ปหีนตาย วา ปจฺจยาภาเวน วา. เตสุ รูปชฺฌานสมงฺคิโน ปฏิฆสฺานํ อภาโว ปจฺจยาภาวมตฺเตน, น ปฏิปกฺขาธิคเมนาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. ตตฺถ ตาติ ปฏิฆสฺา . รูปาวจรนฺติ รูปาวจรชฺฌานํ. สมาปนฺนสฺสาติ สมาปชฺชิตฺวา วิหรนฺตสฺส. กิฺจาปิ น สนฺตีติ โยชนา. น ปหีนตฺตา น สนฺตีติ น ตทา ปฏิฆสฺา ปหีนภาเวน น สนฺติ นาม. ตตฺถ การณมาห ‘‘น หิ รูปวิราคาย รูปาวจรภาวนา สํวตฺตตี’’ติ. นนุ จ ปฏิฆสฺาปิ อรูปธมฺมา เอวาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘รูปายตฺตา จ เอตาสํ ปวตฺตี’’ติ. อยํ ปน ภาวนาติ อรูปภาวนมาห. ธาเรตุนฺติ อวธาเรตุํ. อิธาติ อรูปชฺฌาเน. อาเนฺชาภิสงฺขารวจนาทีหิ อาเนฺชตา. ‘‘เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๗๒; ๑๐.๙) สนฺตวิโมกฺขตา จ วุตฺตา.

๒๗๙. โทสทสฺสนปุพฺพกปฏิปกฺขภาวนาวเสน ปฏิฆสฺานํ สุปฺปหีนตฺตา มหตาปิ สทฺเทน อรูปสมาปตฺติโต น วุฏฺาติ. ตถา ปน น สุปฺปหีนตฺตา สพฺพรูปาวจรสมาปตฺติโต วุฏฺานํ สิยา, ปมชฺฌานํ ปน อปฺปกมฺปิ สทฺทํ น สหตีติ ตํ สมาปนฺนสฺส สทฺโท กณฺฏโกติ วุตฺตํ. อารุปฺปภาวนาย อภาเว จุติโต อุทฺธํ อุปฺปตฺติรหานํ รูปสฺาปฏิฆสฺานํ ยาว อตฺตโน วิปากปฺปวตฺติ, ตาว อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเนน สมติกฺกโม, อตฺถงฺคโม จ วุตฺโต. นานตฺตสฺาสุ ปน ยา ตสฺมึ ภเว น อุปฺปชฺชนฺติ เอกนฺตรูปนิสฺสิตา, ตา อโนกาสตาย น อุปฺปชฺชนฺติ, น อารุปฺปภาวนาย นิวาริตตฺตา, อนิวาริตตฺตา จ กาจิ อุปฺปชฺชนฺติ. ตสฺมา ตาสํ อมนสิกาโร อนาวชฺชนํ อปจฺจเวกฺขณํ, ชวนปฏิปาทเกน วา ภวงฺคมนสฺส อนฺโต อกรณํ อปฺปเวสนํ วุตฺตํ.

เตน จ นานตฺตสฺามนสิการเหตูนํ รูปานํ สมติกฺกมา สมาธิสฺส ถิรภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺเขปโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปิจ อิเมหิ ตีหิ ปเทหิ อากาสานฺจายตนสมาปตฺติยา วณฺโณ กถิโต โสตูนํ อุสฺสาหชนนตฺถํ, ปโลภนตฺถฺจ. เย หิ อกุสลา เอวํคาหิโน ‘‘สพฺพสฺสาทรหิเต อากาเส ปวตฺติตสฺาย โก อานิสํโส’’ติ, เต ตโต มิจฺฉาคาหโต นิวตฺเตตุํ ตีหิ ปเทหิ ฌานสฺส อานิสํโส กถิโต. ตํ หิ สุตฺวา เตสํ เอวํ ภวิสฺสติ ‘‘เอวํ สนฺตา กิรายํ สมาปตฺติ เอวํ ปณีตา, หนฺทสฺสา นิพฺพตฺตนตฺถํ อุสฺสาหํ กริสฺสามี’’ติ.

๒๘๐. อสฺสาติ อากาสสฺส. อุปฺปาโท เอว อนฺโต อุปฺปาทนฺโต, ตถา วยนฺโต. สภาวธมฺโม หิ อหุตฺวา สมฺภวโต, หุตฺวา จ วินสฺสนโต อุทยวยปริจฺฉินฺโน. อากาโส ปน อสภาวธมฺมตฺตา ตทุภยาภาวโต อนนฺโต วุตฺโต. อชฏากาสปริจฺฉินฺนากาสานํ อิธ อนธิปฺเปตตฺตา ‘‘อากาโสติ กสิณุคฺฆาฏิมากาโส วุจฺจตี’’ติ อาห. กสิณํ อุคฺฆาฏียติ เอเตนาติ กสิณุคฺฆาโฏ, ตเทว กสิณุคฺฆาฏิมํ. มนสิการวเสนาปีติ รูปวิเวกมตฺตคฺคหเณน ปริจฺเฉทสฺส อคฺคหณโต อนนฺตผรณากาเรน ปวตฺตปริกมฺมมนสิการวเสนาปิ. อนนฺตํ ผรตีติ อคฺคหิตปริจฺเฉทตาย อนนฺตํ กตฺวา ปริกมฺมสมฺผสฺสปุพฺพเกน ฌานสมฺผสฺเสน ผุสติ. ยถา ภิสคฺคเมว เภสชฺชํ, เอวํ อากาสานนฺตเมว อากาสานฺจํ สํโยคปรสฺส ต-การสฺส จ-การํ กตฺวา. ฌานสฺส ปวตฺติฏฺานภาวโต อารมฺมณํ อธิฏฺานฏฺเน ‘‘อายตนมสฺสา’’ติ วุตฺตํ, อธิฏฺานฏฺเ อายตน-สทฺทสฺส ทสฺสนโต. การณากรสฺชาติเทสนิวาสตฺเถปิ อายตน-สทฺโท อิธ ยุชฺชเตว.

วิฺาณฺจายตนกถาวณฺณนา

๒๘๑. จิณฺโณ จริโต ปคุณิกโต อาวชฺชนาทิลกฺขโณ วสีภาโว เอเตนาติ จิณฺณวสีภาโว, เตน จิณฺณวสีภาเวน. รูปาวจรสฺํ อนติกฺกมิตฺวา อนธิคนฺตพฺพโต, ตํสหคตสฺามนสิการสมุทาจารสฺส หานภาคิยภาวาวหโต, ตํสมติกฺกเมเนว ตทฺเสํ สมติกฺกมิตพฺพานํ สมติกฺกมสิทฺธิโต จ วุตฺตํ ‘‘อาสนฺนรูปาวจรชฺฌานปจฺจตฺถิกา’’ติ. วีถิปฏิปนฺนาย ภาวนาย อุปรูปริวิเสสาวหภาวโต, ปณีตภาวสิทฺธิโต จ ปมารุปฺปโต ทุติยารุปฺปํ สนฺตตรสภาวนฺติ อาห ‘‘โน จ วิฺาณฺจายตนมิว สนฺตา’’ติ วกฺขติ หิ ‘‘สุปฺปณีตตรา โหนฺติ, ปจฺฉิมา ปจฺฉิมา อิธา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๙๐). อนนฺตํ อนนฺตนฺติ เกวลํ ‘‘อนนฺตํ อนนฺต’’นฺติ น มนสิ กาตพฺพํ น ภาเวตพฺพํ, ‘‘อนนฺตํ วิฺาณํ, อนนฺตํ วิฺาณ’’นฺติ ปน มนสิ กาตพฺพํ, ‘‘วิฺาณํ วิฺาณ’’นฺติ วา.

ตสฺมึ นิมิตฺเตติ ตสฺมึ ปมารุปฺปวิฺาณสงฺขาเต วิฺาณนิมิตฺเต. จิตฺตํ จาเรนฺตสฺสาติ ภาวนาจิตฺตํ ปวตฺเตนฺตสฺส. อากาสผุเฏ วิฺาเณติ กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ ผริตฺวา ปวตฺเต ปมารุปฺปวิฺาเณ อารมฺมณภูเต. อปฺเปตีติ อปฺปนาวเสน ปวตฺตติ. สภาวธมฺเมปิ อารมฺมณสมติกฺกมภาวนาภาวโต อิทํ อปฺปนาปฺปตฺตํ โหติ จตุตฺถารุปฺปํ วิย. อปฺปนานโย ปเนตฺถ วุตฺตนเยเนวาติ เอตฺถ ทุติยารุปฺปชฺฌาเน ปุริมภาเค ตีณิ, จตฺตาริ วา ชวนานิ กามาวจรานิ อุเปกฺขาเวทนาสมฺปยุตฺตาเนว โหนฺติ. ‘‘จตุตฺถํ ปฺจมํ วา อรูปาวจร’’นฺติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๗๖) ปมารุปฺปชฺฌาเน วุตฺเตน นเยน, อถ วา อปฺปนานโยติ สภาวธมฺเมปิ อารมฺมเณ ฌานสฺส อปฺปนานโย อารมฺมณาติกฺกมภาวนาวเสน อารุปฺปํ อปฺปนํ ปาปุณาติ, ‘‘อปฺปนาปฺปตฺตสฺเสว หิ ฌานสฺส อารมฺมณสมติกฺกมนมตฺตํ ตตฺถ โหตี’’ติ มรณานุสฺสตินิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๑๗๗) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพติ อตฺโถ.

๒๘๒. สพฺพโสติ สพฺพากาเรน ปมารุปฺเป ‘‘อาสนฺนรูปชฺฌานปจฺจตฺถิกตา, อสนฺตสภาวตา’’ติ เอวมาทินา สพฺเพน โทสทสฺสนากาเรน, ตตฺถ วา นิกนฺติปหานอนาวชฺชิตุกามตาทิอากาเรน, สพฺพํ วา กุสลวิปากกิริยาเภทโต อนวเสสนฺติ อตฺโถ. สฺวายมตฺโถ เหฏฺา วุตฺตนเยน าตุํ สกฺกาติ อาห ‘‘สพฺพโสติ อิทํ วุตฺตนยเมวา’’ติ. ฌานสฺส อากาสานฺจายตนตา พาหิรตฺถสมาสวเสน เหฏฺา วุตฺตาติ อาห ‘‘ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ฌานมฺปิ อากาสานฺจายตน’’นฺติ . อารมฺมณสฺส ปน สมานาธิกรณสมาสวเสนาติ สนฺทสฺเสตุํ ‘‘อารมฺมณมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ปุริมนเยเนวา’’ติ อิทํ ‘‘นาสฺส อนฺโต’’ติอาทินา วุตฺตปทสิทฺธึ สนฺธาย วุตฺตํ. ยถา อธิฏฺานฏฺเน, เอวํ สฺชาติเทสฏฺเนปิ อายตน-สทฺเทน อิธ อตฺโถ ยุชฺชตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สฺชายติ เอตฺถาติ สฺชาติ, สฺชาติ เอว เทโส สฺชาติเทโส. ฌานํ อปฺปวตฺติกรเณน. อารมฺมณํ อมนสิกรเณน. อุภยมฺปิ วา อุภยตา โยเชตพฺพา. ฌานสฺสปิ หิ อนาวชฺชนํ, ชวนปฏิปาทเกน วา ภวงฺคมนสฺส อนฺโต อกรณํ อมนสิกรณํ, อารมฺมณสฺส จ อารมฺมณกรณวเสน อปฺปวตฺตนํ อปฺปวตฺติกรณนฺติ อตฺถสฺส สมฺภวโต เอกชฺฌํ กตฺวา สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา.

ปุพฺเพ อนนฺตสฺส อากาสสฺส อารมฺมณกรณวเสน ปมารุปฺปวิฺาณํ อตฺตโน ผรณากาเรเนว ‘‘อนนฺต’’นฺติ มนสิ กาตพฺพตฺตา ‘‘อนนฺตํ วิฺาณ’’นฺติ วุตฺตนฺติ ปุน ‘‘มนสิการวเสน วา อนนฺต’’นฺติ วุตฺตํ, สพฺพโส มนสิกรณวเสนาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อนวเสสโต มนสิ กโรนฺโต ‘อนนฺต’นฺติ มนสิ กโรตี’’ติ. ฌานวิภงฺเคปิ อยเมวตฺโถ วุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ ปน วิภงฺเค วุตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสา ปาฬิยา เอวํ วา อตฺโถ เวทิตพฺโพ – ตํเยว อากาสํ ผุฏํ วิฺาณํ วิฺาณฺจายตนวิฺาเณน มนสิ กโรตีติ. อยํ ปนตฺโถ ยุตฺโต วิย ทิสฺสติ, ตํเยว อากาสํ วิฺาเณน ผุฏํ เตน คหิตาการํ มนสิ กโรติ. เอวํ ตํ วิฺาณํ อนนฺตํ ผรตีติ. ยํ หิ อากาสํ ปมารุปฺปสมงฺคี วิฺาเณน อนนฺตํ ผรติ, ตํ ผรณาการสหิตเมว วิฺาณํ มนสิ กโรนฺโต ทุติยารุปฺปสมงฺคี อนนฺตํ ผรตีติ วุจฺจติ.

มนสิการวเสน อนนฺตผรณากาเรน อิธ อนนฺตตา, น อากาสสฺส วิย อุปฺปาทนฺตาทิอภาเวนาติ ‘‘นาสฺส อนฺโตติ อนนฺต’’นฺติ เอตฺตกเมวาห. ‘‘รุฬฺหีสทฺโท’’ติ อิมินา ‘‘วิฺาณานฺจ’’นฺติ เอตสฺส ปทสฺส อตฺเถ วิฺาณฺจ-สทฺโท นิรุฬฺโหติ ทสฺเสติ, ยถาวุตฺตํ วา วิฺาณํ ทุติยารุปฺปชฺฌาเนน อฺจียติ วุตฺตากาเรน อาลมฺพียตีติ วิฺาณฺจนฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เสสํ วุตฺตตฺถเมวาติ อาห ‘‘เสสํ ปุริมสทิสเมวา’’ติ.

อากิฺจฺายตนกถาวณฺณนา

๒๘๓. ตติยารุปฺปกมฺมฏฺาเน ยํ เหฏฺา วุตฺตสทิสํ, ตํ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ, อปุพฺพเมว วณฺณยิสฺสาม. ตตฺถ ตสฺเสวาติ ยํ อารพฺภ วิฺาณฺจายตนํ ปวตฺตํ, ตสฺเสว. กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘อากาสานฺจายตนวิฺาณสฺสา’’ติ. เอเตน ตโต อฺํ ตติยารุปฺปชฺฌานสฺส อารมฺมณํ นตฺถีติ ทสฺเสติ. ‘‘อารมฺมณภูตสฺสา’’ติ อิมินา ตสฺส อนารมฺมณภูตํ ทุติยารุปฺปวิฺาณํ นิวตฺเตติ. อภาโวติ นตฺถิตา. สุฺตาติ ริตฺตตา. วิวิตฺตากาโรติ วิเวโก. ตีหิ ปเทหิ ปมารุปฺปวิฺาณสฺส อปคมเมว วทติ. ‘‘มนสิ กาตพฺโพ’’ติ วตฺวา มนสิการวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ วิฺาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อมนสิกริตฺวาติ สพฺเพน สพฺพํ มนสิ อกตฺวา อจินฺเตตฺวา. วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน ตีสุ ปกาเรสุ เอเกนปิ อตฺถสิทฺธีติ ทสฺเสติ.

ตสฺมึ นิมิตฺเตติ ตสฺมึ ปมารุปฺปวิฺาณสฺส อภาวสงฺขาเต ฌานุปฺปตฺตินิมิตฺเต. อากาเส ผุเฏติ อากาสํ ผริตฺวา ปวตฺเต. ‘‘อากาสผุเฏ’’ติ วา ปาโ. สุฺวิวิตฺตนตฺถิภาเวติ สุฺภาเว, วิวิตฺตภาเว, นตฺถิภาเว จาติ เยน อากาเรน ภาวิตํ, ตสฺส คหณตฺถํ วุตฺตํ. อถ วา สุฺวิวิตฺตนตฺถิภาเวติ สุฺวิวิตฺตตาสงฺขาเต นตฺถิภาเว, เตน วินาสาภาวเมว ทสฺเสติ, น ปุเร อภาวาทิเก.

ตสฺมึ หิ อปฺปนาจิตฺเตติ อากิฺจฺายตนชฺฌานสมฺปยุตฺเต อปฺปนาวเสน ปวตฺเต จิตฺเต, ตสฺมึ วา ปมารุปฺปสฺส อปคมสงฺขาเต นตฺถิภาเว ยถาวุตฺเต อปฺปนาจิตฺเต อุปฺปนฺเน. โส ภิกฺขุ อภาวเมว ปสฺสนฺโต วิหรตีติ สมฺพนฺโธ. ปุริโส กตฺถจิ คนฺตฺวา อาคนฺตฺวา สุฺเมว ปสฺสติ, นตฺถิภาวเมว ปสฺสตีติ โยชนา. ตํ านนฺติ ตํ สนฺนิปาตฏฺานํ. ‘‘ปริกมฺมมนสิกาเรน อนฺตรหิเต’’ติ อิมินา อารมฺมณกรณาภาเวน ตสฺส อนฺตรธานํ น นฏฺตฺตาติ ทสฺเสติ. ตตฺริทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ยถา โส ปุริโส ตตฺถ สนฺนิปติตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ทิสฺวา คโต, ตโต สพฺเพสุ ภิกฺขูสุ เกนจิเทว กรณีเยน อปคเตสุ อาคนฺตฺวา ตํ านํ ภิกฺขูหิ สุฺเมว ปสฺสติ, น ภิกฺขูนํ ตโตปิ อปคตการณํ, เอวมยํ โยคาวจโร ปุพฺเพ วิฺาณฺจายตนชฺฌานจกฺขุนา ปมารุปฺปวิฺาณํ ทิสฺวา ปจฺฉา นตฺถีติ ปริกมฺมมนสิกาเรน ตสฺมึ อปคเต ตติยารุปฺปชฺฌานจกฺขุนา ตสฺส นตฺถิภาวเมว ปสฺสนฺโต วิหรติ, น ตสฺส อปคมนการณํ วีมํสติ ฌานสฺส ตาทิสาโภคาภาวโตติ. สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺมาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.

๒๘๔. นตฺถิตา ปริยายาสุฺวิวิตฺตภาวาติ ‘‘นตฺถี’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วทนฺเตน สุฺวิวิตฺตปทานิปิ คหิตานิ. อาเมฑิตวจนํ ปน ภาวนาการทสฺสนํ. วิภงฺเคปิ อิมสฺส ปทสฺส อยเมวตฺโถ วุตฺโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยมฺปิ วิภงฺเค’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตฺเว วิฺาณํ อภาเวตีติ ยํ ปุพฺเพ ‘‘อนนฺตํ วิฺาณ’’นฺติ มนสิ กตํ ปมารุปฺปวิฺาณํ, ตํเยวาติ อตฺโถ . ตํเยว หิ อารมฺมณภูตํ ปเมน วิย รูปนิมิตฺตํ ตติเยนารุปฺเปนาภาเวตีติ. ขยโต สมฺมสนนฺติ ภงฺคานุปสฺสนมาห. สา หิ สงฺขตธมฺมานํ ภงฺคาภาวเมว ปสฺสนฺตี ‘‘วิฺาณมฺปิ อภาเวตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพตํ ลภตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ขยโต สมฺมสนํ วิย วุตฺต’’นฺติ. อสฺสาติ ปาสฺส. ปุน อสฺสาติ วิฺาณสฺส. อภาเวตีติ อภาวํ กโรติ. ยถา าณสฺส น อุปติฏฺติ, เอวํ กโรติ อมนสิกรณโต. ตโต เอว วิภาเวติ วิคตภาวํ กโรติ, วินาเสติ วา ยถา น ทิสฺสติ, ตถา กรณโต. เตเนว อนฺตรธาเปติ ติโรภาวํ คเมติ. น อฺถาติ อิมิสฺสา ปาฬิยา เอวมตฺโถ, น อิโต อฺถา อยุชฺชมานกตฺตาติ อธิปฺปาโย.

อสฺสาติ ปมารุปฺปวิฺาณาภาวสฺส. กิฺจนนฺติ กิฺจิปิ. สภาวธมฺมสฺส อปฺปาวเสสตา นาม ภงฺโค เอว สิยาติ อาห ‘‘ภงฺคมตฺตมฺปิ อสฺส อวสิฏฺํ นตฺถี’’ติ. สติ หิ ภงฺคมตฺเตปิ ตสฺส สกิฺจนตา สิยา. อกิฺจนนฺติ จ วิฺาณสฺส กิฺจิ ปการํ อคฺคเหตฺวา สพฺเพน สพฺพํ วิภาวนมาห. เสสํ วุตฺตนยเมว.

เนวสฺานาสฺายตนกถาวณฺณนา

๒๘๕. โน จ สนฺตาติ ยถา เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติยา สวิเสสา สนฺตา, เอวมยํ อากิฺจฺายตนสมาปตฺติ โน จ สนฺตา ตทภาวโต. ยา อยํ ขนฺเธสุ ปจฺจยยาปนียตาย, โรคมูลตาย จ โรคสริกฺขตา, ทุกฺขตาสูลโยคาทินา คณฺฑสริกฺขตา, ปีฬาชนนาทินา สลฺลสริกฺขตา จ, สา สฺาย สติ โหติ, นาสตีติ วุตฺตํ ‘‘สฺา โรโค, สฺา คณฺโฑ, สฺา สลฺล’’นฺติ. สา เจตฺถ ปฏุกิจฺจา ปฺจโวการภวโต โอฬาริกสฺา เวทิตพฺพา. น เกวลํ สฺา เอว, อถ โข เวทนาเจตนาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สฺาสีเสน ปน นิทฺเทโส กโต. เอตํ สนฺตนฺติ เอตํ อสนฺตภาวกรโรคาทิสริกฺขสฺาวิรหโต สนฺตํ. ตโต เอว ปณีตํ. กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘เนวสฺานาสฺา’’ติ ? ตทปเทเสน ตํสมฺปยุตฺตชฺฌานมาห ‘‘อาทีนว’’นฺติ. เอตฺถ โรคาทิสริกฺขสฺาทิสพฺภาโวปิ อาทีนโว ทฏฺพฺโพ, น อาสนฺนวิฺาณฺจายตนปจฺจตฺถิกตาว. อุปรีติ จตุตฺถารุปฺเป. สา วาติ สา เอว. วตฺติตาติ ปวตฺติตา นิพฺพตฺติตา วฬฺชิตา.

ตสฺมึ นิมิตฺเตติ ตสฺมึ ตติยารุปฺปสมาปตฺติสงฺขาเต ฌานนิมิตฺเต. มานสนฺติ จิตฺตํ ‘‘มโน เอว มานส’’นฺติ กตฺวา, ภาวนามนสิการํ วา. ตํ หิ มนสิ ภวนฺติ มานสนฺติ วุจฺจติ. ฌานสมฺปยุตฺตธมฺมานมฺปิ ฌานานุคุณตาย สมาปตฺติปริยาโย ลพฺภตีติ อาห ‘‘อากิฺจฺายตนสมาปตฺติสงฺขาเตสุ จตูสุ ขนฺเธสู’’ติ, อารมฺมณภูเตสูติ อธิปฺปาโย.

๒๘๖. ยถาวุตฺตํ อากิฺจฺํ อารมฺมณปจฺจยภาวโต อายตนํ การณมสฺสาติ ฌานํ อากิฺจฺายตนํ, อากิฺจฺเมว อารมฺมณปจฺจยภูตํ ฌานสฺส การณนฺติ อารมฺมณํ อากิฺจฺายตนนฺติ เอวํ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เสสเมตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.

ยาย สฺาย ภาวโตติ ยาทิสาย สฺาย อตฺถิภาเวน. ยา หิ สา ปฏุสฺากิจฺจสฺส อภาวโต สฺาติปิ น วตฺตพฺพา, สฺาสภาวานาติวตฺตนโต อสฺาติปิ น วตฺตพฺพา, ตสฺสา วิชฺชมานตฺตาติ อตฺโถ. นฺติ ตํ ฌานํ. ตํ ตาว ทสฺเสตุนฺติ เอตฺถ นฺติ ตํ สสาปฏิปทํ, ยถาวุตฺตสฺํ, ตสฺสา จ อธิคมุปายนฺติ อตฺโถ. เนวสฺีนาสฺีติ หิ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน ธมฺมํ อุทฺธรนฺเตน สฺาวนฺตมุเขน สฺา อุทฺธฏา, อฺถา เนวสฺานาสฺายตนนฺติ อุทฺธริตพฺพํ สิยา. สา ปน ปฏิปทา ยตฺถ ปวตฺตติ, ยถา จ ปวตฺตติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อากิฺจฺายตนํ สนฺตโต มนสิ กโรติ, สงฺขาราวเสสสมาปตฺตึ ภาเวตี’’ติ วุตฺตํ. อากิฺจฺายตนํ หิ จตุตฺถารุปฺปภาวนาย ปวตฺติฏฺานํ, สงฺขาราวเสสสมาปตฺติ ปวตฺติอากาโรติ. ยตฺร หิ นามาติ ยา นาม. นตฺถิภาวมฺปีติ วิฺาณสฺส สุฺตมฺปิ, เอวํ สุขุมมฺปีติ อธิปฺปาโย. สนฺตารมฺมณตายาติ สนฺตํ อารมฺมณํ เอติสฺสาติ สนฺตารมฺมณา, ตพฺภาโว สนฺตารมฺมณตา, ตาย, น ฌานสนฺตตาย. น หิ ตติยารุปฺปสมาปตฺติ จตุตฺถารุปฺปชฺฌานโต สนฺตา.

โจทโก ‘‘ยํ สนฺตโต มนสิ กโรติ, น ตตฺถ อาทีนวทสฺสนํ ภเวยฺย. อสติ จ อาทีนวทสฺสเน สมติกฺกโม เอว น สิยา’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สนฺตโต เจ มนสิ กโรติ, กถํ สมติกฺกโมโหตี’’ติ อาห. อิตโร ‘‘อสมาปชฺชิตุกามตายา’’ติ ปริหารมาห, เตน อาทีนวทสฺสนมฺปิ อตฺเถวาติ ทสฺเสติ. โส หีติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กโรติ. ตตฺถ ยสฺมึ ฌาเน อภิรติ, ตตฺถ อาวชฺชนสมาปชฺชนาทิปฏิปตฺติยา ภวิตพฺพํ. สา ปนสฺส ตติยารุปฺเป สพฺพโส นตฺถิ, เกวลํ อฺาภาวโต อารมฺมณกรณมตฺตเมวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิมาห.

สมติกฺกมิตฺวาว คจฺฉตีติ เตสํ สิปฺปีนํ ชีวิกํ ติณายปิ อมฺมาโน เต วีติวตฺตติเยว. โสติ โยคาวจโร. นฺติ ตติยารุปฺปสมาปตฺตึ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ ‘‘สนฺตา วตายํ สมาปตฺตี’’ติอาทินา วุตฺเตน นเยน สนฺตโต มนสิ กโรนฺโต. นฺติ ยาย เนวสฺีนาสฺี นาม โหติ, สงฺขาราวเสสสมาปตฺตึ ภาเวตีติ วุจฺจติ, ตํ สฺํ ปาปุณาตีติ โยชนา. สฺาสีเสน หิ เทสนา. ปรมสุขุมนฺติ อุกฺกํสคตสุขุมภาวํ. สงฺขาราวเสสสมาปตฺตินฺติ อุกฺกํสคตสุขุมตาย สงฺขารานํ เสสตามตฺตํ สมาปตฺตึ. เตนาห ‘‘อจฺจนฺตสุขุมภาวปฺปตฺตสงฺขาร’’นฺติ. อนฺตมติจฺจ อจฺจนฺตํ. ยโต สุขุมตมํ นาม นตฺถิ, ตถาปรมุกฺกํสคตสุขุมสงฺขารนฺติ อตฺโถ. ปมชฺฌานูปจารโต ปฏฺาย หิ ตจฺฉนฺติยา วิย ปวตฺตมานาย ภาวนาย อนุกฺกเมน สงฺขารา ตตฺถ อนฺติมโกฏฺาสตํ ปาปิตา, ตโต ปรํ นิโรโธ เอว, น สงฺขารปฺปวตฺตีติ. เตน วุจฺจติ ‘‘สงฺขาราวเสสสมาปตฺตี’’ติ.

๒๘๗. ยํ ตํ จตุกฺขนฺธํ. อตฺถโตติ กุสลาทิวิเสสวิสิฏฺปรมตฺถโต. วิเสสโต อธิปฺาสิกฺขาย อธิฏฺานภูตํ อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อิธ สมาปนฺนสฺส จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา อธิปฺเปตา’’ติ. โอฬาริกาย สฺาย อภาวโตติ ยทิปิ จตุตฺถารุปฺปวิปากสฺาย จตุตฺถารุปฺปกุสลสฺา โอฬาริกา, ตถา วิปสฺสนามคฺคผลสฺาหิ, ตถาปิ โอฬาริกสุขุมตา นาม อุปาทายุปาทาย คเหตพฺพาติ ปฺจโวการภวปริยาปนฺนาย วิย จตุโวกาเรปิ เหฏฺา ตีสุ ภูมีสุ สฺาย วิย โอฬาริกาย อภาวโต. สุขุมายาติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติยา สุขุมาย สฺาย ภาวโต วิชฺชมานตฺตา. เนวสฺาติ เอตฺถ -กาโร อภาวตฺโถ, นาสฺนฺติ เอตฺถ -กาโร อฺตฺโถ, -กาโร อภาวตฺโถว, อสฺํ อนสฺฺจาติ อตฺโถ. ปริยาปนฺนตฺตาติ เอกเทสภาเวน อนฺโตคธตฺตา. เอตฺถาติ จตุตฺถารุปฺเป. ทุติเย อตฺถวิกปฺเป เนวสฺาติ เอตฺถ -กาโร อฺตฺโถ. ตถา นาสฺาติ เอตฺถ -กาโร, -กาโร จ อฺตฺโถ เอวาติ เตน ทฺวเยน สฺาภาโว เอว ทสฺสิโตติ ธมฺมายตนปริยาปนฺนตาย อายตนภาโว วุตฺโตวาติ ‘‘อธิฏฺานฏฺเนา’’ติ วุตฺตํ นิสฺสยปจฺจยภาวโต.

กึ ปน การณํ, เยเนตฺถ สฺาว เอทิสี ชาตาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิ. สฺาสีเสนายํ เทสนา กตา ‘‘นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๔๑, ๓๕๙; อ. นิ. ๙.๒๔) วิยาติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ เอส อตฺโถติ กฺจิ วิเสสํ อุปาทาย สภาวโต อตฺถีติ วตฺตพฺพสฺเสว ธมฺมสฺส กฺจิ วิเสสํ อุปาทาย นตฺถีติ วตฺตพฺพตาสงฺขาโต อตฺโถ.

อติโถกมฺปิ ยํ เตลมตฺถิ ภนฺเตติ อาห อกปฺปิยภาวํ อุปาทาย, ตเทว นตฺถิ, ภนฺเต, เตลนฺติ อาห นาฬิปูรณํ อุปาทาย. เตนาห ‘‘ตตฺถ ยถา’’ติอาทิ.

ยทิ อารมฺมณสฺชานนํ สฺากิจฺจํ, ตํ สฺา สมานา กถมยํ กาตุํ น สกฺโกตีติ อาห ‘‘ทหนกิจฺจมิวา’’ติอาทิ. สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติยา เอว เหสา ปฏุสฺากิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ, ตโต เอว จ าณสฺส สุคยฺหาปิ น โหติ. เตนาห ‘‘นิพฺพิทาชนนมฺปิ กาตุํ น สกฺโกตี’’ติ. อกตาภินิเวโสติ อกตวิปสฺสนาภินิเวโส อปฺปวตฺติตสมฺมสนจาโร. ปกติวิปสฺสโกติ ปกติยา วิปสฺสโก. ขนฺธาทิมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสิตฺวา ทฺวาราลมฺพเนหิ สทฺธึ ทฺวารปฺปวตฺตธมฺมานํ วิปสฺสโก สกฺกุเณยฺย ตพฺพิสยอุทยพฺพยาณํ อุปฺปาเทตุํ, ยถา ปน สกฺโกติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โสปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กลาปสมฺมสนวเสเนวาติ จตุตฺถารุปฺปจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺเน ผสฺสาทิธมฺเม อวินิพฺภุชฺช เอกโต คเหตฺวา กลาปโต สมูหโต สมฺมสนวเสน นยวิปสฺสนาสงฺขาตกลาปสมฺมสนวเสน. ผสฺสาทิธมฺเม วินิพฺภุชฺชิตฺวา วิสุํ วิสุํ สรูปโต คเหตฺวา อนิจฺจาทิวเสน สมฺมสนํ อนุปทธมฺมวิปสฺสนา. เอวํ สุขุมตฺตํ คตา ยถา ธมฺมเสนาปตินาปิ นาม อนุปทํ น วิปสฺสเนยฺยาติ อตฺโถ.

เถรสฺสาติ อฺตรสฺส เถรสฺส. อฺาหิปีติ เอตฺถ อยมปรา อุปมา – เอโก กิร พฺราหฺมโณ อฺตรํ ปุริสํ มนุฺํ มตฺติกภาชนํ คเหตฺวา ิตํ ทิสฺวา ยาจิ ‘‘เทหิ เม อิมํ ภาชน’’นฺติ. โส สุราสิตฺตตํ สนฺธาย ‘‘นายฺโย สกฺกา ทาตุํ, สุรา เอตฺถ อตฺถี’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ อตฺตโน สมีเป ิตํ ปุริสํ อุทฺทิสฺส อาห ‘‘เตน หิ อิมสฺส ปาตุํ เทหี’’ติ. อิตโร ‘‘นตฺถยฺโย’’ติ อาห. ตตฺถ ยถา พฺราหฺมณสฺส อโยคฺยภาวํ อุปาทาย ‘‘อตฺถี’’ติปิ วตฺตพฺพํ, ปาตพฺพตาย ตตฺถ อภาวโต ‘‘นตฺถี’’ติปิ วตฺตพฺพํ ชาตํ, เอวํ อิธาปีติ ทฏฺพฺพํ.

กสฺมา ปเนตฺถ ยถา เหฏฺา ‘‘อนนฺโต อากาโส, อนนฺตํ วิฺาณํ, นตฺถิ กิฺจี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ภาวนากาโร คหิโต, เอวํ โกจิ ภาวนากาโร น คหิโตติ? เกจิ ตาว อาหุ – ‘‘ภาวนากาโร นาม โสปจารสฺส ฌานสฺส ยถาสกํ อารมฺมเณ ปวตฺติอากาโร, อารมฺมณฺเจตฺถ อากิฺจฺายตนธมฺมา. เต ปน คยฺหมานา เอกสฺส วา ปุพฺพงฺคมธมฺมสฺส วเสน คเหตพฺพา สิยุํ, สพฺเพ เอว วา. ตตฺถ ปมปกฺเข วิฺาณสฺส คหณํ อาปนฺนนฺติ ‘วิฺาณํ วิฺาณ’นฺติ มนสิกาเร จตุตฺถารุปฺปสฺส วิฺาณฺจายตนภาโว อาปชฺชติ. ทุติยปกฺเข ปน สพฺพโส อากิฺจฺายตนธมฺมารมฺมณตาย ฌานสฺส ‘อากิฺจฺํ อากิฺจฺ’นฺติ มนสิกาเร อากิฺจฺายตนตา วา สิยา, อภาวารมฺมณตา วา. สพฺพถา เนวสฺานาสฺายตนภาโว น ลพฺภตี’’ติ. ตทิทมการณํ ตถา ฌานสฺส อปฺปวตฺตนโต. น หิ จตุตฺถารุปฺปภาวนา วิฺาณมากิฺจฺํ วา อามสนฺตี ปวตฺตติ, กิฺจรหิ? ตติยารุปฺปสฺส สนฺตตํ.

ยทิ เอวํ, กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘สนฺต’’นฺติ น คหิตนฺติ? กิฺจาปิ น คหิตตํ สุตฺเต (ที. นิ. ๒.๑๒๙; สํ. นิ. ๒.๑๕๒), วิภงฺเค (วิภ. ๖๐๖ อาทโย) ปน คหิตเมว. ยถาห – ‘‘ตฺเว อากิฺจฺายตนํ สนฺตโต มนสิ กโรติ, สงฺขาราวเสสสมาปตฺตึ ภาเวตี’’ติ (วิภ. ๖๑๙). อถ กสฺมา วิภงฺเค วิย สุตฺเต ภาวนากาโร น คหิโตติ? เวเนยฺยชฺฌาสยโต, เทสนาวิลาสโต จ. เย หิ เวเนยฺยา ยถา เหฏฺา ตีสุ อารุปฺเปสุ ‘‘อนนฺโต อากาโส, อนนฺตํ วิฺาณํ, นตฺถิ กิฺจี’’ติ ภาวนากาโร คหิโต, เอวํ อคฺคหิเต เอว ตสฺมึ ตมตฺถํ ปฏิวิชฺฌนฺติ, เตสํ วเสน สุตฺเต ตถา เทสนา กตา, สุตฺตนฺตคติกาว อภิธมฺเม สุตฺตนฺตภาชนีเย (วิภ. ๖๐๕ อาทโย) อุทฺเทสเทสนา. เย ปน เวเนยฺยา วิภชิตฺวา วุตฺเตเยว ตสฺมึ ตมตฺถํ ปฏิวิชฺฌนฺติ, เตสํ วเสน วิภงฺเค ภาวนากาโร วุตฺโต. ธมฺมิสฺสโร ปน ภควา สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมานํ เทเสตพฺพปฺปการํ ชานนฺโต กตฺถจิ ภาวนาการํ คณฺหาติ, กตฺถจิ ภาวนาการํ น คณฺหาติ. สา จ เทสนา ยาวเทว เวเนยฺยวินยตฺถาติ อยเมตฺถ เทสนาวิลาโส. สุตฺตนฺตเทสนา วา ปริยายกถาติ ตตฺถ ภาวนากาโร น คหิโต, อภิธมฺมเทสนา ปน นิปฺปริยายกถาติ ตตฺถ ภาวนากาโร คหิโตติ เอวมฺเปตฺถ ภาวนาการสฺส คหเณ, อคฺคหเณ จ การณํ เวทิตพฺพํ.

อปเร ปน ภณนฺติ – ‘‘จตุตฺถารุปฺเป วิเสสทสฺสนตฺถํ สุตฺเต ภาวนาการสฺส อคฺคหณํ, สฺวายํ วิเสโส อนุปุพฺพภาวนาชนิโต. สา จ อนุปุพฺพภาวนา ปหานกฺกโมปชนิตา ปหาตพฺพสมติกฺกเมน ฌานานํ อธิคนฺตพฺพโต. ตถา หิ กามาทิวิเวกวิตกฺกวิจารวูปสมปีติวิราคโสมนสฺสตฺถงฺคมมุเขน รูปาวจรชฺฌานานิ เทสิตานิ, รูปสฺาทิสมติกฺกมมุเขน อรูปชฺฌานานิ. น เกวลฺจ ฌานานิเยว, อถ โข สพฺพมฺปิ สีลํ, สพฺพาปิ ปฺา ปฏิปกฺขธมฺมปฺปหานวเสเนว สมฺปาเทตพฺพโต ปหาตพฺพธมฺมสมติกฺกมทสฺสนมุเขเนว เทสนา อารุฬฺหา. ตถา หิ ‘‘ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๘, ๑๙๔) สีลสํวโร, ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๑๓; ม. นิ. ๑.๔๑๑, ๔๒๑; ๓.๑๕, ๗๕) อินฺทฺริยสํวโร, ‘‘เนว ทวาย น มทายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓, ๔๒๒; ๒.๒๔; ๓.๗๕; สํ. นิ. ๒.๖๓; อ. นิ. ๖.๕๘; มหานิ. ๒๐๖; วิภ. ๕๑๘) โภชเน มตฺตฺุตา, ‘‘อิธ ภิกฺขุ มิจฺฉาชีวํ ปหาย สมฺมาอาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๘) อาชีวปาริสุทฺธิ, ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๑๗; ม. นิ. ๑.๔๑๒, ๔๒๕; ๓.๑๖, ๗๕) ชาคริยานุโยโค, ‘‘อนิจฺจสฺา ภาเวตพฺพา อสฺมิมานสมุคฺฆาตาย, อนิจฺจสฺิโน, เมฆิย, อนตฺตสฺา สณฺาติ, อนตฺตสฺี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ คจฺฉติ, อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติอาทินา ปฺา ปฏิปกฺขธมฺมปฺปหานวเสเนว เทสิตา. ตสฺมา ฌานานิ เทเสนฺโต ภควา ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) ปหาตพฺพธมฺมสมติกฺกมทสฺสนมุเขเนว เทเสสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘กามาทิวิเวกวิตกฺกวิจารวูปสมปีติวิราคโสมนสฺสตฺถงฺคมมุเขน รูปาวจรชฺฌานานิ เทสิตานิ, รูปสฺาทิสมติกฺกมมุเขน อรูปชฺฌานานี’’ติ. ตตฺถ ยถา รูปาวจรํ ปมํ ฌานํ ภาวนาวิเสสาธิคเตหิ วิตกฺกาทีหิ วิย สทฺธาทีหิปิ ติกฺขวิสทสูรสภาเวหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตา กามจฺฉนฺทาทีนํ นีวรณานํ, ตเทกฏฺานฺจ ปาปธมฺมานํ วิกฺขมฺภนโต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมภาวปฺปตฺตํ กามาวจรธมฺเมหิ สณฺหสุขุมํ, สนฺตํ, ปณีตฺจ โหติ; ทุติยชฺฌานาทีนิ ปน ภาวนาวิเสเสน โอฬาริกงฺคปฺปหานโต ตโต สาติสยํ สณฺหสุขุมสณฺหสุขุมตราทิภาวปฺปตฺตานิ โหนฺติ. ตถา อรูปาวจรํ ปมชฺฌานํ รูปวิราคภาวนาภาเวน ปวตฺตมานํ อารมฺมณสนฺตตายปิ องฺคสนฺตตายปิ ปากติกปริตฺตธมฺเมหิ วิย สพฺพรูปาวจรธมฺเมหิ สนฺตสุขุมภาวปฺปตฺตํ โหติ. อารมฺมณสนฺตภาเวนาปิ หิ ตทารมฺมณธมฺมา สนฺตสภาวา โหนฺติ, เสยฺยถาปิ โลกุตฺตรธมฺมารมฺมณา ธมฺมา.

สติปิ ธมฺมโต, มหคฺคตภาเวนาปิ จ อเภเท รูปาวจรจตุตฺถโต อารุปฺปํ องฺคโตปิ สนฺตเมว, ยตสฺส สนฺตวิโมกฺขตา วุตฺตา. ทุติยารุปฺปาทีนิ ปน ปมารุปฺปาทิโต องฺคโต, อารมฺมณโต จ สนฺตสนฺตตรสนฺตตมภาวปฺปตฺตานิ ตถา ภาวนาวิเสสสมาโยคโต, สฺวายํ ภาวนาวิเสโส ปมชฺฌานูปจารโต ปฏฺาย ตํตํปหาตพฺพสมติกฺกมนวเสน ตสฺส ตสฺส ฌานสฺส สนฺตสุขุมภาวํ อาปาเทนฺโต จตุตฺถารุปฺเป สงฺขาราวเสสสุขุมภาวํ ปาเปติ. ยโต จตุตฺถารุปฺปํ ยถา อนุปทธมฺมวิปสฺสนาวเสน วิปสฺสนาย อารมฺมณภาวํ อุปคนฺตฺวา ปกติวิปสฺสกสฺสาปิ นิพฺพิทุปฺปตฺติยา ปจฺจโย น โหติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติโต, ตถา สยํ ตติยารุปฺปธมฺเมสุ ปวตฺตมานํ เต ยาถาวโต วิภาเวตุํ น สกฺโกติ, ยถา ตทฺชฺฌานานิ อตฺตโน อารมฺมณํ. เกวลํ ปน อารพฺภ ปวตฺติมตฺตเมวสฺส ตตฺถ โหติ , ตยิทํ อารมฺมณภาเวนาปิ นาม วิภูตาการตาย าตุํ อปฺปโหนฺตํ อารมฺมณกรเณ กึ ปโหติ. ตสฺมา ตทสฺส อวิภูตกิจฺจตํ ทิสฺวา สตฺถา เหฏฺา ตีสุ าเนสุ ภาวนาการํ วตฺวา ตาทิโส อิธ น ลพฺภตีติ ทีเปตุํ จตุตฺถารุปฺปเทสนายํ สุตฺเต ภาวนาการํ ปริยายเทสนตฺตา น กเถสิ.

ยสฺมา ปน สารมฺมณสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมเณ ปวตฺติอากาโร อตฺเถวาติ อติสุขุมภาวปฺปตฺตํ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํเยว อากิฺจฺายตนํ สนฺตโต มนสิ กโรตี’’ติ (วิภ. ๖๑๙) วิภงฺเค วุตฺตํ ยถาธมฺมสาสนภาวโต, ปุพฺพภาควเสน วา วิภงฺเค ‘‘สนฺตโต มนสิ กโรตี’’ติ วุตฺตํ ตทา โยคิโน ตสฺส วิภูตภาวโต. อปฺปนาวเสน ปน สุตฺเต ภาวนากาโร น คหิโต อวิภูตภาวโต. กมฺมฏฺานํ หิ กิฺจิ อาทิโต อวิภูตํ โหติ, ยถา ตํ? พุทฺธานุสฺสติอาทิ. กิฺจิ มชฺเฌ, ยถา ตํ? อานาปานสฺสติ. กิฺจิ อุภยตฺถ, ยถา ตํ? อุปสมานุสฺสติอาทิ. จตุตฺถารุปฺปกมฺมฏฺานํ ปน ปริโยสาเน อวิภูตํ ภาวนาย มตฺถกปฺปตฺติยํ อารมฺมณสฺส อวิภูตภาวโต. ตสฺมา จตุตฺถารุปฺเป อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ สตฺถารา สุตฺเต ภาวนากาโร น คหิโต, น สพฺเพน สพฺพํ อภาวโตติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.

ปกิณฺณกกถาวณฺณนา

๒๘๘. อสทิสรูโปติ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาเกตุมาลาทีหิ รูปคุเณหิ อฺเหิ อสาธารณรูปกาโย, สภาวตฺโถ วา รูป-สทฺโท ‘‘ยํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓; วิภ. ๒๐๓) วิย. ตสฺมา อสทิสรูโปติ อสทิสสภาโว, เตน ทสพลจตุเวสารชฺชาทิคุณวิเสสสมาโยคทีปนโต สตฺถุ ธมฺมกายสมฺปตฺติยาปิ อสทิสตา ทสฺสิตา โหติ. อิตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน. ตสฺมินฺติ อารุปฺเป. ปกิณฺณกกถาปิ วิฺเยฺยาติ ปุพฺเพ วิย อสาธารณํ ตตฺถ ตตฺถ ฌาเน ปตินิยตเมว อตฺถํ อคฺคเหตฺวา สาธารณภาวโต ตตฺถ ตตฺเถว ปกิณฺณกํ วิสฏํ อตฺถํ คเหตฺวา ปวตฺตา ปกิณฺณกกถาปิ วิชานิตพฺพา.

๒๘๙. รูปนิมิตฺตาติกฺกมโตติ กสิณรูปสงฺขาตสฺส ปฏิภาคนิมิตฺตสฺส อติกฺกมนโต. อากาสาติกฺกมโตติ กสิณุคฺฆาฏิมากาสสฺส อติกฺกมนโต. อากาเส ปวตฺติตวิฺาณาติกฺกมโตติ ปมารุปฺปวิฺาณสฺส อติกฺกมนโต, น ทุติยารุปฺปวิฺาณาติกฺกมนโต. ตทติกฺกมโต หิ ตสฺเสว วิภาวนํ โหติ. ทุติยารุปฺปวิฺาณวิภาวเน หิ ตเทว อติกฺกนฺตํ สิยา, น ตสฺส อารมฺมณํ, น จ อารมฺมเณ โทสํ ทิสฺวา อนารมฺมณสฺส วิภาวนาติกฺกโม ยุชฺชติ. ปาฬิยฺจ ‘‘วิฺาณฺจายตนํ สโต สมาปชฺชติ…เป… สโต วุฏฺหิตฺวา ตํเยว วิฺาณํ อภาเวตี’’ติ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘ตํเยว วิฺาณฺจายตนํ อภาเวตี’’ติ, ‘‘ตํเยว อภาเวตี’’ติ วา. ‘‘อนนฺตํ วิฺาณนฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺชา’’ติ เอตฺถ ปน ทฺวยํ วุตฺตํ อารมฺมณฺจ วิฺาณํ, วิฺาณฺจายตนฺจ. ตสฺมึ ทฺวเย เยน เกนจิ, ยโต วา วุฏฺิโต, เตเนว ปธานนิทฺทิฏฺเน ตํ-สทฺทสฺส สมฺพนฺเธ อาปนฺเน ‘‘อยฺจ อารมฺมณาติกฺกมภาวนา’’ติ วิฺาณฺจายตนสฺส นิวตฺตนตฺถํ วิฺาณวจนํ. ตสฺมา ปมารุปฺปวิฺาณสฺเสว อภาวนาติกฺกโม วุตฺโต.

๒๙๐. เอวํสนฺเตปีติ องฺคาติกฺกเม อสติปิ. สุปฺปณีตตราติ สุฏฺุ ปณีตตรา, สุนฺทรา ปณีตตรา จาติ วา อตฺโถ. สติปิ จตุนฺนํ ปาสาทตลานํ, สาฏิกานฺจ ตพฺภาวโต, ปมาณโต จ สมภาเว อุปรูปริ ปน กามคุณานํ, สุขสมฺผสฺสาทีนฺจ วิเสเสน ปณีตตราทิภาโว วิย เอตาสํ จตุนฺนํ สมาปตฺตีนํ อารุปฺปภาวโต, องฺคโต จ สติปิ สมภาเว ภาวนาวิเสสสิทฺโธ ปน สาติสโย อุปรูปริ ปณีตตราทิภาโวติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ยถา หี’’ติอาทินา.

๒๙๑. นิสฺสิโตติ นิสฺสาย ิโต. ทุฏฺิตาติ น สมฺมา ิตา, ทุกฺขํ วา ิตา. ตนฺนิสฺสิตนฺติ เตน นิสฺสิตํ, านนฺติ อตฺโถ. ตนฺนิสฺสิตนฺติ วา ตํ มณฺฑปลคฺคํ ปุริสํ นิสฺสาย ิตํ ปุริสนฺติ อตฺโถ. มณฺฑปลคฺคฺหิ อนิสฺสาย เตน วินาภูเต วิวิตฺเต พหิ โอกาเส านํ วิย อากาสลคฺควิฺาณสฺส วิเวเก ตทปคเม ตติยารุปฺปสฺส านนฺติ.

๒๙๒. อารมฺมณํกโรเตว, อฺาภาเวน ตํ อิทนฺติ ‘‘อาสนฺนวิฺาณฺจายตนปจฺจตฺถิกรูปาสนฺนากาสารมฺมณวิฺาณาปคมารมฺมณํ, โน จ สนฺต’’นฺติ จ ทิฏฺาทีนวมฺปิ ตํ อากิฺจฺายตนํ อิทํ เนวสฺานาสฺายตนชฺฌานํ อฺสฺส ตาทิสสฺส อารมฺมณภาวโยคฺยสฺส อภาเวน อลาเภน อารมฺมณํ กโรติ เอว. ‘‘สพฺพทิสมฺปติ’’นฺติ อิทํ ชนสฺส อคติกภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. วุตฺตินฺติ ชีวิกํ. วตฺตตีติ ชีวติ.

๒๙๓. อารุฬฺโหติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ยถา โกจิ ปุริโส อเนกโปริสํ ทีฆนิสฺเสณึ อารุฬฺโห ตสฺส อุปริมปเท ิโต ตสฺสา นิสฺเสณิยา พาหุเมว โอลุพฺภติ อฺสฺส อลาภโต, ยถา จ ปํสุปพฺพตสฺส, มิสฺสกปพฺพตสฺส วา อคฺคโกฏึ อารุฬฺโห ตสฺส มตฺถกเมว โอลุพฺภติ, ยถา จ คิรึ สิลาปพฺพตํ อารุฬฺโห ปริปฺผนฺทมาโน อฺาภาวโต อตฺตโน ชณฺณุกเมว โอลุพฺภติ, ตถา เอตํ จตุตฺถารุปฺปชฺฌานํ ตํ ตติยารุปฺปํ โอลุพฺภิตฺวา ปวตฺตตีติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ อุตฺตานเมว.

อารุปฺปนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ทสมปริจฺเฉทวณฺณนา.