📜

๑๑. สมาธินิทฺเทสวณฺณนา

อาหาเรปฏิกฺกูลภาวนาวณฺณนา

๒๙๔. อุทฺเทโส นาม นิทฺเทสตฺโถ มุทุมชฺฌิมปฺาพาหุลฺลโต, อาคโต จ ภาโร อวสฺสํ วหิตพฺโพติ อาห ‘‘เอกา สฺาติ เอวํ อุทฺทิฏฺาย อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺาย ภาวนานิทฺเทโส อนุปฺปตฺโต’’ติ. ตตฺถายํ สฺา-สทฺโท ‘‘รูปสฺา สทฺทสฺา’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑๔) สฺชานนลกฺขเณ ธมฺเม อาคโต, ‘‘อนิจฺจสฺา ทุกฺขสฺา’’ติอาทีสุ วิปสฺสนายํ อาคโต, ‘‘อุทฺธุมาตกสฺาติ วา โสปากรูปสฺาติ วา อิเม ธมฺมา เอกตฺถา อุทาหุ นานตฺถา’’ติอาทีสุ สมเถ อาคโต. อิธ ปน สมถสฺส ปริกมฺเม ทฏฺพฺโพ. อาหาเร หิ ปฏิกฺกูลาการคฺคหณํ, ตปฺปภาวิตํ วา อุปจารชฺฌานํ อิธ ‘‘อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺา’’ติ อธิปฺเปตํ. ตตฺถ ยสฺมึ อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺา ภาเวตพฺพา, ตตฺถ นิพฺเพทวิราคุปฺปาทนาย ตปฺปสงฺเคน สพฺพมฺปิ อาหารํ กิจฺจปฺปเภทาทีนโวปมฺเมหิ วิภาเวตุํ ‘‘อาหรตีติ อาหาโร’’ติอาทิ อารทฺธํ.

ตตฺถ อาหรตีติ อาหารปจฺจยสงฺขาเตน อุปฺปตฺติยา, ิติยา วา ปจฺจยภาเวน อตฺตโน ผลํ อาเนติ นิพฺพตฺเตติ ปวตฺเตติ จาติ อตฺโถ. กพฬํ กรียตีติ กพฬีกาโร, วตฺถุวเสน เจตํ วุตฺตํ, ลกฺขณโต ปน โอชาลกฺขโณ เวทิตพฺโพ, กพฬีกาโร จ โส ยถาวุตฺเตนตฺเถน อาหาโร จาติ กพฬีการาหาโร. เอส นโย เสเสสุปิ. ผุสตีติ ผสฺโส. อยํ หิ อรูปธมฺโมปิ สมาโน อารมฺมเณ ผุสนากาเรเนว ปวตฺตติ. ตถา หิ โส ผุสนลกฺขโณติ วุจฺจติ. เจตยตีติ เจตนา, อตฺตโน สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ สทฺธึ อารมฺมเณ อภิสนฺทหตีติ อตฺโถ, มโนสนฺนิสฺสิตา เจตนา มโนสฺเจตนา. อุปปตฺติปริกปฺปนวเสน วิชานาตีติ วิฺาณํ. เอวเมตฺถ สามฺตฺถโต, วิเสสตฺถโต จ อาหารา เวทิตพฺพา. กสฺมา ปเนเต จตฺตาโรว วุตฺตา, อฺเ ธมฺมา กึ อตฺตโน ผลสฺส ปจฺจยา น โหนฺตีติ? โน น โหนฺติ, อิเม ปน ตถา จ โหนฺติ อฺถา จาติ สมาเนปิ ปจฺจยภาเว อติเรกปจฺจยา โหนฺติ, ตสฺมา อาหาราติ วุจฺจนฺติ.

กถํ? เอเตสุ หิ ปโม สยํ ยสฺมึ กลาเป ตปฺปริยาปนฺนานํ ยถารหํ ปจฺจโย โหนฺโตว โอชฏฺมกํ รูปํ อาหรติ, ทุติโย ติสฺโส เวทนา อาหรติ, ตติโย ตีสุ ภเวสุ ปฏิสนฺธึ อาหรติ, จตุตฺโถ ปฏิสนฺธิกฺขเณ นามรูปํ อาหรติ. เตนาห ‘‘กพฬีการาหาโร’’ติอาทิ. เอตฺถ จ กมฺมชาทิเภทภินฺนา โอชา สติ ปจฺจยลาเภ ทฺเว ติสฺโส ปเวณิโย ฆเฏนฺตี โอชฏฺมกรูปํ อาหรติ, สุขเวทนียาทิเภทภินฺโน ผสฺสาหาโร ยถารหํ ติสฺโส เวทนา อาหรติ, ปุฺาภิสงฺขาราทิเภทภินฺโน มโนสฺเจตนาหาโร กามภวาทีสุ ตีสุ ภเวสุ ยถารหํ สวิฺาณํ, อวิฺาณฺจ ปฏิสนฺธึ อาหรติ, วิฺาณาหาโร ยถาปจฺจยํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ นามํ รูปํ, นามรูปฺจ อาหรตีติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา อุปตฺถมฺภกฏฺเน อิเม เอว ธมฺมา อาหาราติ วุตฺตา. ยถา หิ กพฬีการาหาโร รูปกายสฺส อุปตฺถมฺภกฏฺเน ปจฺจโย, เอวํ อรูปิโน อาหารา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย, อรูปิโน อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๕). อปโร นโย – อชฺฌตฺติกสนฺตติยา วิเสสปจฺจยตฺตา กพฬีการาหาโร, ผสฺสาทโย จ ตโย ธมฺมา อาหาราติ วุตฺตา. วิเสสปจฺจโย หิ กพฬีการาหารภกฺขานํ สตฺตานํ รูปกายสฺส กพฬีการาหาโร, นามกาเย เวทนาย ผสฺโส, วิฺาณสฺส มโนสฺเจตนา, นามรูปสฺส วิฺาณํ. ยถาห ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อยํ กาโย อาหารฏฺิติโก, อาหารํ ปฏิจฺจ ติฏฺติ, อนาหาโร โน ติฏฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๘๓). ตถา ผสฺสปจฺจยา เวทนา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ (อุทา. ๑; มหาว. ๑; เนตฺติ. ๒๔).

กพฬีการาหาเรติ กพฬีกาเร อาหาเร นิกนฺติ ตณฺหา, ตํ ภยํ อนตฺถาวหโต. คธิตสฺส หิ อาหารปริโภโค อนตฺถาย โหติ. เหตุอตฺเถ ภุมฺมํ. เอวํ เสเสสุ. นิกนฺตีติ นิกามนา ฉนฺทราโค . ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ, นิกนฺติ เอว ภยํ นิกนฺติภยํ. กพฬีการาหารเหตุ อิเมสํ สตฺตานํ ฉนฺทราโค ภยํ ภยานกํ ทิฏฺธมฺมิกาทิเภทสฺส อนตฺถสฺส สกลสฺสาปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส เหตุภาวโต. เตเนวาห ‘‘กพฬีกาเร เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร อตฺถิ ราโค, อตฺถิ นนฺที, อตฺถิ ตณฺหา, ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรุฬฺห’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๔; กถา. ๒๙๖; มหานิ. ๗). อุปคมนํ อปฺปหีนวิปลฺลาสสฺส อารมฺมเณน สโมธานํ สงฺคติ สุขเวทนียาทิผสฺสุปฺปตฺติ ภยํ ภยานกํ ตีหิ ทุกฺขตาหิ อปริมุจฺจนโต. เตนาห ‘‘สุขเวทนียํ, ภิกฺขเว, ผสฺสํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขา เวทนา (สํ. นิ. ๔.๑๒๙), ตสฺส เวทนาปจฺจยา ตณฺหา…เป… ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ (อุทา. ๑). ตตฺถ ตตฺถ ภเว อุปปชฺชติ เอเตนาติ อุปปตฺติ, อุปปชฺชนํ วา อุปปตฺติ, ขิปนํ ภยํ ภยานกํ อุปปตฺติมูลเกหิ พฺยสเนหิ อปริมุตฺตโต. เตนาห ‘‘อวิทฺวา, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล ปุฺฺเจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ปุฺุปคํ ภวติ วิฺาณํ. อปุฺฺเจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, อปุฺุปคํ ภวติ วิฺาณ’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๕๑). ปฏิสนฺธีติ ภวนฺตราทีหิ ปฏิสนฺธานํ, ตํ ภยํ ภยานกํ ปฏิสนฺธินิมิตฺเตหิ ทุกฺเขหิ อวิมุจฺจนโต. เตนาห ‘‘วิฺาเณ เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร อตฺถิ ราโค, อตฺถิ นนฺที, อตฺถิ ตณฺหา, ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรุฬฺห’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๔).

ปุตฺตมํสูปเมน โอวาเทน ทีเปตพฺโพ นิจฺฉนฺทราคปริโภคาย. เอวํ หิ ตตฺถ นิกนฺติภยํ น โหติ. นิจฺจมฺมา คาวี ยํ ยํ านํ อุปคจฺฉติ, ตตฺถ ตตฺเถว นํ ปาณิโน ขาทนฺติเยว. เอวํ ผสฺเส สติ เวทนา อุปฺปชฺชติ, เวทนา จ ทุกฺขสลฺลาทิโต ทฏฺพฺพาติ ผสฺเส อาทีนวํ ปสฺสนฺตสฺส อุปคมนภยํ น โหตีติ อาห ‘‘ผสฺสาหาโร นิจฺจมฺมคาวูปเมน ทีเปตพฺโพ’’ติ. เอกาทสหิ อคฺคีหิ สพฺพโส อาทิตฺตา ภวา องฺคารกาสุสทิสาติ ปสฺสโต อุปปตฺติภยํ น โหตีติ อาห ‘‘มโนสฺเจตนาหาโร องฺคารกาสูปเมน ทีเปตพฺโพ’’ติ. โจรสทิสํ วิฺาณํ อนตฺถปาตโต, ปหารสทิสี เวทนา ทุรธิวาสโตติ สมฺมเทว ปสฺสโต ปฏิสนฺธิภยํ น โหตีติ อาห ‘‘วิฺาณาหาโร สตฺติสตูปเมน ทีเปตพฺโพ’’ติ.

เอวํ กิจฺจาทิมุเขน อาหาเรสุ อาทีนวํ วิภาเวตฺวา อิทานิ ตตฺถ ยถาธิปฺเปตํ อาหารํ นิทฺธาเรตฺวา ปฏิกฺกูลโต มนสิการวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปาทายรูปนิทฺเทเสปิ ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร’’ติ (ธ. ส. ๕๙๕) อาคตตฺตา ตโต วิเสเสนฺโต ‘‘อสิตปีตขายิตสายิตปฺปเภโท’’ติ อาห, ภูตกถนํ วา เอตํ. ตตฺถ อสิตปีตขายิตสายิตปฺปเภโทติ อสิตพฺพปาตพฺพขายิตพฺพสายิตพฺพวิภาโค กาลเภทวจนิจฺฉาย อภาวโต ยถา ‘‘ทุทฺธ’’นฺติ. กพฬีกาโร อาหาโร วาติ อวธารณํ ยถา ผสฺสาหาราทินิวตฺตนํ, เอวํ โอชาหารนิวตฺตนมฺปิ ทฏฺพฺพํ. สวตฺถุโก เอว หิ อาหาโร อิธ กมฺมฏฺานภูโต, เตน อาหรียตีติ อาหาโรติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อาหรตีติ อาหาโรติ อยํ ปนตฺโถ นิพฺพตฺติตโอชาวเสน เวทิตพฺโพ. อิมสฺมึ อตฺเถติ อิมสฺมึ กมฺมฏฺานสงฺขาเต อตฺเถ. อุปฺปนฺนา สฺาติ สฺาสีเสน ภาวนํ วทติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ปฏิกฺกูลาการคฺคหณวเสน ปนา’’ติอาทิ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๕).

กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวาติ กมฺมฏฺานํ ปริยตฺติธมฺมโต, อตฺถโต จ สุคฺคหิตํ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ กตฺวา. เตนาห ‘‘อุคฺคหโต เอกปทมฺปิ อวิรชฺฌนฺเตนา’’ติ. ตตฺถ อุคฺคหโตติ อาจริยุคฺคหโต. เอกปทมฺปีติ เอกมฺปิ ปทํ, เอกโกฏฺาสมฺปิ วา, ปเทสมตฺตมฺปีติ อตฺโถ. ทสหากาเรหีติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อนฺติมชีวิกาภาวโต, ปิณฺฑปาตสฺส อลาภลาเภสุ ปริตสฺสนเคธาทิสมุปฺปตฺติโต, ภุตฺตสฺส สมฺมทชนนโต, กิมิกุลสํวทฺธนโตติ เอวมาทีหิปิ อากาเรหิ อาหาเร ปฏิกฺกูลตา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา? วุตฺตํ เหตํ ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกานํ ยทิทํ ปิณฺโฑลฺยํ, อภิสาโปยํ, ภิกฺขเว, โลกสฺมึ ‘ปิณฺโฑโล วิจรสิ ปตฺตปาณี’’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๐), ‘‘อลทฺธา จ ปิณฺฑปาตํ ปริตสฺสติ, ลทฺธา จ ปิณฺฑปาตํ คธิโต มุจฺฉิโต อชฺโฌสนฺโน อนาทีนวทสฺสาวี อนิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๒๔), ‘‘ภุตฺโต จ อาหาโร กสฺสจิ กทาจิ มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ อาวหติ, อุกฺโกจกาทโย, ตกฺโกฏกาทโย จ ทฺวตฺตึส ทฺวตฺตึส กุลปฺปเภทา กิมโย จ นํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺตี’’ติ.

วุจฺจเต – อนฺติมชีวิกาภาโว ตาว จิตฺตสํกิเลสวิโสธนตฺถํ กมฺมฏฺานาภินิเวสโต ปเคว มนสิ กาตพฺโพ ‘‘มาหํ ฉวาลาตสทิโส ภเวยฺย’’นฺติ. ตถา ปิณฺฑปาตสฺส อลาภลาเภสุปิ ปริตสฺสนเคธาทิสมุปฺปตฺตินิวารณํ ปเคว อนุฏฺาตพฺพํ สุปริสุทฺธสีลสฺส ปฏิสงฺขานวโต ตทภาวโต. ภตฺตสมฺมโท อเนกนฺติโก, ปริโภคนฺโตคโธ วา เวทิตพฺโพ. กิมิกุลสํวทฺธนํ ปน น สงฺคเหตพฺพํ, สงฺคหิตเมว วา ‘‘ทสหากาเรหี’’ติ เอตฺถ นิยมสฺส อกตตฺตา. อิมินา วา นเยน อิตเรสมฺเปตฺถ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ ยถาสมฺภวเมตฺถ ปฏิกฺกูลตาปจฺจเวกฺขณสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ตถา หิ ฆรโคฬิกวจฺจมูสิกชตุกวจฺจาทิกํ สมฺภวนฺตํ คหิตํ, น เอกนฺติกนฺติ. ตถา ปริเยสนาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ วตฺตพฺพํ.

คมนโตติอาทีสุ ปจฺจาคมนมฺปิ คมนสภาคตฺตา คมเนเนว สงฺคหิตํ. ปฏิกฺกมนสาลาทิอุปสงฺกมนํ วิย ปริเยสเน สมานปฏิกฺกูลํ หิ อสุจิฏฺานกฺกมนวิรูปทุคฺคนฺธทสฺสนฆายนาธิวาสเนหิ. คมนโตติ ภิกฺขาจารวเสน โคจรคามํ อุทฺทิสฺส คมนโต. ปริเยสนโตติ โคจรคาเม ภิกฺขตฺถํ อาหิณฺฑนโต. ปริโภคโตติ อาหารสฺส ปริภุฺชนโต. อุภยํ อุภเยน อาสยติ, เอกชฺฌํ ปวตฺตมาโนปิ กมฺมพลววตฺถิโต หุตฺวา มริยาทวเสน อฺมฺํ อสงฺกรโต สยติ ติฏฺติ ปวตฺตตีติ อาสโย, อามาสยสฺส อุปริ ติฏฺนโก ปิตฺตาทิโก. มริยาทตฺโถ หิ อยมากาโร, ตโต อาสยโต. นิทธาติ ยถาภุตฺโต อาหาโร นิจิโต หุตฺวา ติฏฺติ เอตฺถาติ นิธานํ, อามาสโย, ตโต นิธานโต. อปริปกฺกโตติ คหณีสงฺขาเตน กมฺมชเตเชน อปริปกฺกโต. ปริปกฺกโตติ ยถาภุตฺตสฺส อาหารสฺส วิปกฺกภาวโต. ผลโตติ นิพฺพตฺติโต. นิสฺสนฺทโตติ อิโต จิโต จ วิสฺสนฺทนโต. สมฺมกฺขนโตติ สพฺพโส มกฺขนโต. สพฺพตฺถ อาหาเร ปฏิกฺกูลตา ปจฺจเวกฺขิตพฺพาติ โยชนา. ตํตํกิริยานิปฺผตฺติปฏิปาฏิวเสน จายํ คมนโตติอาทิกา อนุปุพฺพี ปิตา, สมฺมกฺขนํ ปน ปริโภคาทีสุ ลพฺภมานมฺปิ นิสฺสนฺทวเสน วิเสสโต ปฏิกฺกูลนฺติ สพฺพปจฺฉา ปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๒๙๕. เอวํ มหานุภาเวติ อิทานิ วตฺตพฺพปฏิปตฺติยา มหานุภาเวติ วทนฺติ, สพฺพตฺถกกมฺมฏฺานปริหรณาทิสิทฺธํ วา ธมฺมสุธมฺมตํ ปุรกฺขตฺวา โยคาวจเรน เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ มหานุภาเว นาม สาสเน’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นาม-สทฺโท สมฺภาวเน ทฏฺพฺโพ. ปพฺพชิเตน คามาภิมุเขน คนฺตพฺพนฺติ โยชนา. อยฺจ คมนาทิโต ปจฺจเวกฺขณา โยคิโน น อตฺตุทฺเทสิกาว, อถ โข อนุทฺเทสิกาปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สกลรตฺติ’’นฺติอาทินา ธุรทฺวยํ ปริคฺคเหสิ. ปริเวณนฺติ ปริเวณงฺคณํ. วีสตึสวาเรติ เอตฺถ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนวเสน วารปริจฺเฉโทติ เกจิ, อปเร ปน ‘‘อุณฺหาสเนนา’’ติ วทนฺติ. นีวรณวิกฺขมฺภนฺหิ อปฺปตฺตา ภาวนา ผรณปีติยา อภาวโต นิสชฺชาวเสน กายกิลมถํ น วิโนทติเยวาติ อิริยาปถจลนํ โหติเยว. วีสตึสคฺคหณํ ปน ยถาสลฺลกฺขิตภิกฺขาจรณเวลาวเสน. อถ วา คมนโต ยาว สมฺมกฺขนมนสิกาโร เอโก วาโร, เอวํ วีสตึสวาเร กมฺมฏฺานํ มนสิ กริตฺวา. นิชนสมฺพาธานีติ ชนสมฺพาธรหิตานิ, เตน อปฺปากิณฺณตํ, อปฺปสทฺทตํ, อปฺปนิคฺโฆสตฺจ ทสฺเสติ. ตโต เอว ปวิเวกสุขานิ ชนวิเวเกน อิฏฺานิ, ปวิเวกสฺส วา ฌานานุโยคสฺส อุปการานิ. ยสฺมา ฉายูทกสมฺปนฺนานิ, ตสฺมา สีตลานิ. ยสฺมา สุจีนิ, ตสฺมา รมณียภูมิภาคานีติ ปุริมานิ ทฺเว ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนํ การณวจนานิ. อริยนฺติ นิทฺโทสํ. วิเวกรตินฺติ ฌานานุโยครตึ.

กิฺจาปิ โยคาวจรานํ วสนฏฺานํ นาม สุชคฺคิตํ สุสมฺมฏฺเมว โหติ, กทาจิ ปน ชคฺคนโต ปจฺฉา เอวมฺปิ สิยาติ ปฏิกฺกูลตาปจฺจเวกฺขณาย สมฺภวทสฺสนตฺถํ ‘‘ปาทรชฆรโคลิกวจฺจาทิสมฺปริกิณฺณ’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ ปจฺจตฺถรณนฺติ ภูมิยา ฉวิรกฺขณตฺถํ อตฺถริตพฺพํ จิมิลิกาทิอตฺถรณมาห. ชตุกา ขุทฺทกวคฺคุลิโย. อุปหตตฺตาติ ทูสิตตฺตา. ตโตติ ตโต ตโต. อปฺเปกทา อุลูกปาราวตาทีหีติ อิธาปิ ‘‘อปฺเปกทา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. อุทกจิกฺขลฺลาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน กจวราทึ สงฺคณฺหาติ. ปริเวณโต วิหารงฺคณปฺปเวสมคฺโค วิหารรจฺฉา.

วิตกฺกมาฬเกติ ‘‘กตฺถ นุ โข อชฺช ภิกฺขาย จริตพฺพ’’นฺติอาทินา วิตกฺกนมาฬเก. คามมคฺคนฺติ คามคามิมคฺคํ. ขาณุกณฺฏกมคฺโคติ ขาณุกณฺฏกวนฺโต มคฺโค. ทฏฺพฺโพ โหตีติ ทสฺสเนน คมนํ อุปลกฺเขติ.

คณฺฑํปฏิจฺฉาเทนฺเตนาติอาทิ เอวมชฺฌาสเยน นิวาสนาทิ กาตพฺพนฺติ วตฺตทสฺสนํ, คณฺฑโรคินา วาตาตปาทิปริสฺสยวิโนทนตฺถํ คณฺฑํ ปฏิจฺฉาทยมาเนน วิย. อถ วา คณฺฑํ วิย คณฺฑํ ปฏิจฺฉาทยมาเนนาติ เอกํ คณฺฑ-สทฺทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ ภวติ. ‘‘คณฺโฑติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ (อ. นิ. ๙.๑๕; สํ. นิ. ๔.๑๐๓) วจนโต คณฺโฑติ อตฺตภาวสฺส ปริยาโย, วิเสสโต รูปกายสฺส ทุกฺขตาสูลโยคโต, อสุจิปคฺฆรณโต, อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตกปกฺกปภิชฺชนโต. วณโจฬกนฺติ วณปฏิจฺฉาทกวตฺถขณฺฑํ. นีหริตฺวาติ ถวิกโต อุทฺธริตฺวา. กุณปานิปีติ ปิ-สทฺโท ครหายํ เอวรูปานิปิ ทฏฺพฺพานิ ภวนฺตีติ, สมฺภวทสฺสเน วา อิทมฺปิ ตตฺถ สมฺภวตีติ. อธิวาเสตพฺโพติ ขมิตพฺโพ อฺถา อาหารสฺส อนุปลพฺภนโต. คามทฺวาเรติ คามทฺวารสมีเป, อุมฺมารพฺภนฺตเร วา. คามรจฺฉา วินิวิชฺฌิตฺวา ิตา โอโลเกตพฺพา โหนฺติ ยุคมตฺตทสฺสินาปิ สตาติ อธิปฺปาโย.

ปจฺจตฺถรณาทีติ ฆรโคลิกวจฺจาทิสํกิลิฏฺปจฺจตฺถรณาทิกํ. อเนกกุณปปริโยสานนฺติ เอตฺถ ทุนฺนิวตฺถทุปฺปารุตมนุสฺสสมากุลานํ คามรจฺฉานํ โอโลกนมฺปิ อาเนตฺวา วตฺตพฺพํ. ตมฺปิ หิ ปฏิกฺกูลเมวาติ. อโห วตาติ ครหเน นิปาโต. โภติ ธมฺมาลปนํ. ยาวฺจิทํ ปฏิกฺกูโล อาหาโร ยทตฺถํ คมนมฺปิ นาม เอวํ เชคุจฺฉํ, ทุรธิวาสนฺจาติ อตฺโถ.

๒๙๖. คมนปฏิกฺกูลนฺติ คมนเมว ปฏิกฺกูลํ คมนปฏิกฺกูลํ. อธิวาเสตฺวาปีติ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน ‘‘เอตฺตเกนาปิ มุตฺติ นตฺถิ, อิโต ปรมฺปิ มหนฺตํ ปฏิกฺกูลํ สกลํ อธิวาเสตพฺพเมวา’’ติ วกฺขมานํ ปฏิกฺกูลํ สมฺปิณฺเฑติ. สงฺฆาฏิปารุเตนาติ สงฺฆาฏิยา กปฺปนปารุปเนน ปารุตสรีเรน. ยตฺถาติ ยาสุ วีถีสุ. ยาว ปิณฺฑิกมํสาปีติ ยาว ชงฺฆปิณฺฑิกมํสปฺปเทสาปิ. อุทกจิกฺขลฺเลติ อุทกมิสฺเส กทฺทเม. เอเกน จีวรนฺติ เอเกน หตฺเถน นิวตฺถจีวรํ. มจฺฉา โธวียนฺติ เอเตนาติ มจฺฉโธวนํ, อุทกํ. สมฺมิสฺส-สทฺโท ปจฺเจกํ สมฺพนฺธิตพฺโพ. โอฬิคลฺลานิ อุจฺฉิฏฺโทกคพฺภมลาทีนํ สกทฺทมานํ สนฺทนฏฺานานิ, ยานิ ชณฺณุมตฺตอสุจิภริตานิปิ โหนฺติ. จนฺทนิกานิ เกวลานํ อุจฺฉิฏฺโทกคพฺภมลาทีนํ สนฺทนฏฺานานิ . ยโตติ โอฬิคลฺลาทิโต. ตา มกฺขิกาติ ตตฺถ สณฺฑสณฺฑจาริโน นีลมกฺขิกา. นิลียนฺตีติ อจฺฉนฺติ.

ททมานาปีติอาทิ สติปิ เกสฺจิ สทฺธานํ วเสน สกฺกจฺจกาเร ปฏิกฺกูลปจฺจเวกฺขณาโยคฺยํ ปน อสทฺธานํ วเสน ปวตฺตนกอสกฺกจฺจการเมว ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. ตุณฺหี โหนฺติ สยเมว ริฺจิตฺวา คจฺฉิสฺสตีติ. คจฺฉาติ อเปหิ. เรติ อมฺโภ. มุณฺฑกาติ อนาทราลปนํ. สมุทาจรนฺตีติ กเถนฺติ. ปิณฺโฑลฺยสฺส อนฺติมชีวิกาภาเวนาห ‘‘กปณมนุสฺเสน วิย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา นิกฺขมิตพฺพ’’นฺติ.

๒๙๗. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปตฺตคเต อาหาเร. ลชฺชิตพฺพํ โหติ ‘‘อุจฺฉิฏฺํ นุ โข อยํ มยฺหํ ทาตุกาโม’’ติ อาสงฺเกยฺยาติ, เสโท ปคฺฆรมาโน อาหารสฺส วา อุณฺหตาย, ภิกฺขุโน วา สปริฬาหตายาติ อธิปฺปาโย. สุกฺขถทฺธภตฺตมฺปีติ สุกฺขตาย ถทฺธมฺปิ ภตฺตํ, ปเคว ตกฺกกฺชิกาทินา อุปสิตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. เตน เสเทน กิลินฺนตาย ปฏิกฺกูลตํ วทติ.

ตสฺมินฺติ ปิณฺฑปาเต. สมฺภินฺนโสเภติ สพฺพโส วินฏฺโสเภ. เวมชฺฌโต ปฏฺายาติ ชิวฺหาย มชฺฌโต ปฏฺาย. ทนฺตคูถโก ทนฺตมลํ. วิจุณฺณิตมกฺขิโตติ อุภเยหิ ทนฺเตหิ วิจุณฺณิโต เขฬาทีหิ สมุปลิตฺโต. เอวํภูตสฺส จสฺส ยายํ ปุพฺเพ วณฺณสมฺปทา, คนฺธสมฺปทา, อภิสงฺขารสมฺปทา จ, สา เอกํเสน วินสฺสติ, รโส ปน นสฺเสยฺย วา น วาติ อาห ‘‘อนฺตรหิตวณฺณคนฺธสงฺขารวิเสโส’’ติ. สุวานโทณิยนฺติ สารเมยฺยานํ ภุฺชนกอมฺพเณ. สุวานวมถุ วิยาติ วนฺตสุนขฉฑฺฑนํ วิย. จกฺขุสฺส อาปาถํ อตีตตฺตา อชฺโฌหริตพฺโพ โหตีติ อุกฺกํสคตํ ตสฺส ปฏิกฺกูลภาวํ วิภาเวติ.

๒๙๘. ปริโภคนฺติ อชฺโฌหรณํ. เอส อาหาโร อนฺโต ปวิสมาโน พหลมธุกเตลมกฺขิโต วิย ปรมเชคุจฺโฉ โหตีติ สมฺพนฺโธ. อนฺโตติ โกฏฺสฺส อพฺภนฺตเร. นิธานมนุปคโต อามาสยํ อปฺปตฺโตเยว อาหาโร ปิตฺตาทีหิ วิมิสฺสิโต โหตีติ อาห ‘‘ปวิสมาโน’’ติ. อามาสยปกฺกาสยวินิมุตฺโต โกยมาสโย นามาติ อาสงฺกํ สนฺธายาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. ปิตฺตเมวาสโย ปิตฺตาสโย. อธิโก โหตีติ วุตฺตํ มนฺทปุฺพาหุลฺลโต โลกสฺส. เอวํ อาสยโตติ เชคุจฺโฉ หุตฺวา อนฺโต ปวิฏฺโ เชคุจฺฉตเรหิ ปิตฺตาทีหิ วิมิสฺสิโต อติวิย เชคุจฺโฉ โหตีติ เอวํ อาสยโต ปฏิกฺกูลตา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.

๒๙๙. นิธานโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. โสติ อาหาโร. ทสวสฺสิเกนาติ ชาติยา ทสวสฺเสน สตฺเตน. โอกาเสติ อามาสยสงฺขาเต ปเทเส.

๓๐๐. เอวรูเปติ เอทิเส, ทสวสฺสานิ ยาว วสฺสสตํ อโธตวจฺจกูปสทิเสติ อตฺโถ. นิธานนฺติ นิธาตพฺพตํ. ยถาวุตฺตปฺปกาเรติ สเจ ปน ‘‘ทสวสฺสิเกนา’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๙๙) ยถาวุตฺโต ปกาโร เอตสฺสาติ ยถาวุตฺตปฺปกาโร, ตสฺมึ. ปรมนฺธการติมิเสติ อติวิย อนฺธกรณมหาตมสิ. อติทุคฺคนฺธเชคุจฺเฉ ปเทเส ปรมเชคุจฺฉภาวํ อุปคนฺตฺวา ติฏฺตีติ สมฺพนฺโธ. กตฺถ กึ วิยาติ อาห ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ. กาลเมเฆน อภิวุฏฺเ อาวาเฏ พหุโส วสฺสเนน เอกจฺจํ อสุจิชาตํ อุปฺปิลวิตฺวา วิคจฺเฉยฺยาติ อกาลเมฆ-คฺคหณํ. ติณปณฺณกิลฺชขณฺฑ-คฺคหณํ น อสุภสฺสาปิ อสุเภน สมฺมิสฺสตาย อสุภภาวปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ. กายคฺคิสนฺตาปกุถิตกุถนสฺชาตเผณปุพฺพุฬกาจิโตติ คหณิเตเชน ปกฺกุถิตนิปฺปกฺกตาย สมุปฺปนฺนเผณปุพฺพุฬนิจิโต. อปริปกฺกโตติ อปริปกฺกภาวโต.

๓๐๑. สุวณฺณรชตาทิธาตุโย วิยาติ ยถา สุวณฺณรชตาทิธาตุโย วิธินา ตาปิยมานา สุวณฺณรชตาทิเก มุฺจนฺติโย สุวณฺณรชตาทิภาวํ อุปคจฺฉนฺตีติ วุจฺจนฺติ, น เอวมยํ. อยํ ปน อาหาโร กายคฺคินา ปริปกฺโก เผณปุพฺพุฬเก มุฺจนฺโต สณฺหํ กโรนฺติ เอตฺถาติ ‘‘สณฺหกรณี’’ติ ลทฺธนามเก นิสเท ปิสิตฺวา นาฬิเก ขุทฺทกเวฬุนาฬิกายํ วณฺณสณฺานมตฺเตน ปกฺขิปฺปมานปณฺฑุมตฺติกา วิย กรีสภาวํ อุปคนฺตฺวา ปกฺกาสยํ ปูเรติ, มุตฺตภาวํ อุปคนฺตฺวา มุตฺตวตฺถึ ปูเรตีติ โยชนา. คหณิยา อินฺธนภาโค วิย กิมิภกฺขภาโค จ อปากโฏว . รสภาโค ผลโต ปกาสียติ, อปริปกฺกสภาคา จ เตติ เต อนามสิตฺวา กรีสมุตฺตภาคา เอเวตฺถ ทสฺสิตา.

๓๐๒. ปฏิกฺกูลสฺส นาม ผเลน ปฏิกฺกูเลเนว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺมา ปริปจฺจมาโน’’ติอาทิมาห. นขทนฺตาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน น เกวลํ ตจาทีนิ เอว ทฺวตฺตึสาการปาฬิยํ (ม. นิ. ๓.๑๕๔; ขุ. ปา. ๓.ทฺวตฺตึสาการ) อาคตานิ, อถ โข อกฺขิคูถกณฺณคูถทนฺตมลชลฺลิกาสมฺภวาทีนิ ทฺวตฺตึสโกฏฺาสวินิมุตฺตานิ อสุภานิ สงฺคณฺหนฺโต ‘‘นานากุณปานี’’ติ อาหาติ ทฏฺพฺพํ.

๓๐๓. นิสฺสนฺทมาโนติ วิสฺสวนฺโต, ปคฺฆรนฺโตติ อตฺโถ. อาทินา ปกาเรนาติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน นาสิกาย สิงฺฆาณิกา, มุเขน เขโฬ, กทาจิ ปิตฺตํ, เสมฺหํ, โลหิตํ วมติ, วจฺจมคฺเคน อุจฺจาโร, ปสฺสาวมคฺเคน ปสฺสาโว, สกลกาเย โลมกูเปหิ เสทชลฺลิกาติ เอวํปการํ อสุจึ สงฺคณฺหาติ. ‘‘ปมทิวเส’’ติ อิทํ นิสฺสนฺททิวสาเปกฺขาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ทุติยทิวเส นิสฺสนฺเทนฺโต’’ติ. วิกุณิตมุโขติ ชิคุจฺฉาวเสน สงฺกุจิตมุโข. เตนาห ‘‘เชคุจฺฉี’’ติ. มงฺกุภูโตติ วิมนกชาโต ‘‘อิมมฺปิ นาม โปเสมี’’ติ. รตฺโตติ วตฺถํ วิย รงฺคชาเตน จิตฺตสฺส วิปริณามากาเรน ฉนฺทราเคน รตฺโต. คิทฺโธติ อภิกงฺขนสภาเวน อภิคิชฺฌเนน คิทฺโธ เคธํ อาปนฺโน. คธิโตติ ทุมฺโมจนียภาเวน คนฺถิโต วิย ตตฺถ ปฏิพทฺโธ. มุจฺฉิโตติ รสตณฺหาย มุจฺฉํ โมหํ อาปนฺโน. วิรตฺโตติ วิคตราโค. อฏฺฏียมาโนติ ทุกฺขิยมาโน. หรายมาโนติ ลชฺชมาโน. ชิคุจฺฉมาโนติ หีเฬนฺโต.

นวทฺวาเรหีติ ปากฏานํ มหนฺตานํ วเสน วุตฺตํ, โลมกูปวิวเรหิปิ สนฺทเตวาติ. นิลียตีติ อตฺตานํ อทสฺเสนฺโต นิคูหติ, สงฺกุจติ วา. เอวนฺติ เอเกน ทฺวาเรน ปเวสนํ อเนเกหิ ทฺวาเรหิ อเนกธา นิกฺขามนํ, ปกาสนํ ปเวสนํ, นิคูฬฺหํ นิกฺขามนมฺปีติ โสมนสฺสชาเตน ปเวสนํ, มงฺกุภูเตน นิกฺขามนํ, สารตฺเตน ปเวสนํ, วิรตฺเตน นิกฺขามนนฺติ อิเมหิ ปกาเรหิ.

๓๐๔. ปริโภคกาเลปีติ ปิ-สทฺเทน ปวิฏฺมตฺโตปิ นาม ปเวสทฺวารํ เชคุจฺฉํ กโรติ, ปเคว ลทฺธปริวาโส ปริปากปฺปตฺโต อิตรทฺวารานีติ ทสฺเสติ. เอส อาหาโร. คนฺธหรณตฺถนฺติ วิสฺสคนฺธาปนยนตฺถํ. กายคฺคินาติ คหณิเตชานุคเตน กายุสฺมานา. เผณุทฺเทหกนฺติ เผณานิ อุฏฺเปตฺวา อุฏฺเปตฺวา. ปจฺจิตฺวาติ ปริปากํ คนฺตฺวา. อุตฺตรมาโนติ อุปฺปิลวนฺโต. เสมฺหาทีติ อาทิ-สทฺเทน ปิตฺตาทิเก สงฺคณฺหาติ. กรีสาทีติ อาทิ-สทฺเทน เสทชลฺลิกาทิเก. อิมานิ ทฺวารานิ มุขาทีนิ. เอกจฺจนฺติ ปสฺสาวมคฺคํ สนฺธาย วทติ. โจกฺขชาติกา ปน มุขาทีนิปิ โธวิตฺวา หตฺถํ ปุน โธวนฺติเยว. ปุน เอกจฺจนฺติ วจฺจมคฺคํ. ทฺวตฺติกฺขตฺตุนฺติ ทฺวิกฺขตฺตุํ, ติกฺขตฺตุํ วา. เอตฺถ จ อาหารตฺถาย คมนปริเยสนานํ ปฏิกฺกูลตา อาหาเร ปฏิกฺกูลตา วุตฺตา. ปริโภคสฺส ตนฺนิสฺสยโต, อาสยนิธานานํ ตํสมฺพนฺธโต, อิตเรสํ ตพฺพิการโตติ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ. กิมิภกฺขภาโวปิ หิสฺส วิการปกฺเขเยว เปตพฺโพติ.

๓๐๕. ตํ นิมิตฺตนฺติ ยถาวุตฺเตหิ อากาเรหิ ปุนปฺปุนํ มนสิ กโรนฺตสฺส ปฏิกฺกูลาการวเสน อุปฏฺิตํ กพฬีการาหารสฺิตํ ภาวนาย นิมิตฺตํ อารมฺมณํ, น อุคฺคหปฏิภาคนิมิตฺตํ. ยทิ หิ ตตฺถ อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺเชยฺย, ปฏิภาคนิมิตฺเตนปิ ภวิตพฺพํ. ตถา จ สติ อปฺปนาปฺปตฺเตน ฌาเนน ภวิตพฺพํ, น จ ภวติ, กสฺมา? ภาวนาย นานาการโต, สภาวธมฺมภาเวน จ กมฺมฏฺานสฺส คมฺภีรภาวโต. เตนาห ‘‘กพฬีการาหารสฺส สภาวธมฺมตาย คมฺภีรตฺตา’’ติ. เอตฺถ หิ ยทิปิ ปฏิกฺกูลาการวเสน ภาวนา ปวตฺตติ. เย ปน ธมฺเม อุปาทาย กพฬีการาหารปฺตฺติ, เต เอว ธมฺมา ปฏิกฺกูลา, น ปฺตฺตีติ ปฏิกฺกูลาการคฺคหณมุเขนปิ สภาวธมฺเมเยว อารพฺภ ภาวนาย ปวตฺตนโต, สภาวธมฺมานฺจ สภาเวเนว คมฺภีรภาวโต น ตตฺถ ฌานํ อปฺเปตุํ สกฺโกติ. คมฺภีรภาวโต หิ ปุริมสจฺจทฺวยํ ทุทฺทสํ ชาตนฺติ. ยทิ อุปจารสมาธินา จิตฺตํ สมาธิยติ, กถํ กมฺมฏฺานํ ‘‘สฺา’’ อิจฺเจว โวหรียตีติ อาห ‘‘ปฏิกฺกูลาการคฺคหณวเสน ปนา’’ติอาทิ.

อิทานิ อิมิสฺสา ภาวนาย อานิสํสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมฺจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. รสตณฺหายาติ มธุราทิรสวิสยาย ตณฺหาย. ปติลียตีติ สงฺกุจติ อเนกาการํ ตตฺถ ปฏิกฺกูลตาย สณฺิตตฺตา. ปติกุฏตีติ อปสกฺกติ น วิสรติ. ปติวตฺตตีติ นิวตฺตติ. กนฺตารนิตฺถรณตฺถิโกติ มหโต ทุพฺภิกฺขกนฺตารสฺส นิตฺถรณปฺปโยชโน. วิคตมโทติ มานมทาทีนํ อภาเวน นิมฺมโท, มทาภาวคฺคหเณเนว จสฺส ทวมณฺฑนวิภูสนาทีนมฺปิ อภาโว คหิโตเยวาติ ทฏฺพฺพํ. กพฬีการาหารปริฺามุเขนาติ วุตฺตนเยน ปฏิกฺกูลาการโต กพฬีการาหารสฺส ปริจฺฉิชฺช ชานนทฺวาเรน. ปฺจกามคุณิโก ราโคติ อนติวตฺตนฏฺเน ปฺจสุ กามคุเณสุ นิยุตฺโต, ตปฺปโยชโน วา ราโค. ปริฺํ สมติกฺกมํ คจฺฉติ. รสตณฺหาย หิ สมฺมเทว วิคตาย รูปตณฺหาทโยปิ วิคตา เอว โหนฺติ โภชเน มตฺตฺุตาย อุกฺกํสคมนโต. สติ จ วิสยิสมติกฺกเม วิสโย สมติกฺกนฺโต เอว โหตีติ อาห ‘‘โส ปฺจกามคุณปริฺามุเขน รูปกฺขนฺธํ ปริชานาตี’’ติ. รูปายตนาทีสุ หิ ปริฺํ คจฺฉนฺเตสุ ตนฺนิสฺสยภูตานิ, ตคฺคาหกา ปสาทา จ สุเขเนว ปริฺํ คจฺฉนฺตีติ. อปริปกฺกาทีติ อาทิ-สทฺเทน อาสยนิธานานมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ อปริปกฺกํ ตาว อุทริยเมว. อาสยคฺคหเณน ปิตฺตเสมฺหปุพฺพโลหิตานํ, ปริปกฺกคฺคหเณน กรีสมุตฺตานํ, ผลคฺคหเณน เกสาทีนํ สพฺเพสํ ปริคฺคโห สิทฺโธ โหตีติ อาห ‘‘กายคตาสติภาวนาปิ ปาริปูรึ คจฺฉตี’’ติ. อสุภสฺายาติ อสุภภาวนาย, อวิฺาณกอสุภภาวนานุโยคสฺสาติ อตฺโถ. อนุโลมปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหติ ปฏิกฺกูลาการคฺคหเณน กายสฺส อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉภาวสลฺลกฺขณโต. อิมํ ปน ปฏิปตฺตินฺติ อิมํ อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺาภาวนํ. อมตปริโยสานตนฺติ นิพฺพานนิฏฺิตํ อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺาภาวนาสงฺขาตํ อุปจารชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา นิพฺพานาธิคมนฺติ อตฺโถ.

อาหาเรปฏิกฺกูลภาวนาวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุธาตุววตฺถานภาวนาวณฺณนา

๓๐๖. ‘‘เอกํ ววตฺถานนฺติ เอวํ อุทฺทิฏฺสฺส จตุธาตุววตฺถานสฺส ภาวนานิทฺเทโส อนุปฺปตฺโต’’ติ อุทฺเทโส นาม นิทฺเทสตฺโถ มุทุมชฺฌปฺาพาหุลฺลโต , อาคโต จ ภาโร อวสฺสํ วหิตพฺโพติ กตฺวา วุตฺตํ. ตตฺถ สติปิ วิสยเภเทน ววตฺถานสฺส เภเท ววตฺถานภาวสามฺเน ปน ตํ อภินฺนํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘เอกํ ววตฺถาน’’นฺติ, ปุพฺพภาเค วา สติปิ วิสยเภเท อตฺถสิทฺธิยํ ตสฺส เอกวิสยตาวาติ ‘‘เอกํ ววตฺถาน’’นฺติ วุตฺตํ. ยถา หิ ทฺวตฺตึสากาเร กมฺมํ กโรนฺตสฺส โยคิโน ยทิปิ ปุพฺพภาเค วิสุํ วิสุํ โกฏฺาเสสุ มนสิกาโร ปวตฺตติ, อปรภาเค ปน เอกสฺมึ ขเณ เอกสฺมึเยว โกฏฺาเส อตฺถสิทฺธิ โหติ, น สพฺเพสุ, เอวมิธาปีติ. ตตฺถ สิยา – ยถา ปฏิกฺกูลภาวสามฺเน ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺาเน อเภทโต มนสิกาโร ปวตฺตติ, เอวํ อิธ ธาตุภาวสามฺเน อเภทโต มนสิกาโร ปวตฺตตีติ ‘‘เอกํ ววตฺถาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ? นยิทเมวํ. ตตฺถ หิ ปณฺณตฺติสมติกฺกมโต ปฏฺาย ปฏิกฺกูลวเสเนว สพฺพตฺถ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ, อิธ ปน สภาวสรสลกฺขณโต ธาตุโย มนสิ กาตพฺพา, น ธาตุภาวสามฺโต. เตเนวาห ‘‘สภาวูปลกฺขณวเสน สนฺนิฏฺาน’’นฺติ. กึ วา เอเตน ปปฺเจน, อฺเหิ เอกูนจตฺตาลีสาย กมฺมฏฺาเนหิ อสํสฏฺํ จตุธาตุววตฺถานํ นาม เอกํ กมฺมฏฺานนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกํ ววตฺถาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘จตุธาตุววตฺถานสฺส ภาวนานิทฺเทโส’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ จตุธาตุววตฺถานํ ภาวนาว? สจฺจํ ภาวนาว, สกึ ปวตฺตํ ปน ววตฺถานํ, ตสฺส พหุลีกาโร ภาวนาติ วจนเภเทน วุตฺตํ. กถํ ปน ภาวนา นิทฺทิสียติ ตสฺสา วจีโคจราติกฺกนฺตภาวโตติ? นายํ โทโส ภาวนตฺเถ ภาวนาโวหารโต. ภาวนตฺโถ หิ กมฺมฏฺานปริคฺคโห อิธ ‘‘ภาวนา’’ติ อธิปฺเปโต.

สภาวูปลกฺขณวเสนาติ กกฺขฬตฺตาทิกสฺส สลกฺขณสฺส อุปธารณวเสน. อิทํ หิ กมฺมฏฺานํ ปถวีกสิณาทิกมฺมฏฺานํ วิย น ปณฺณตฺติมตฺตสลฺลกฺขณวเสน, นีลกสิณาทิกมฺมฏฺานํ วิย น นีลาทิวณฺณสลฺลกฺขณวเสน, นาปิ วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ วิย สงฺขารานํ อนิจฺจตาทิสามฺลกฺขณสลฺลกฺขณวเสน ปวตฺตติ, อถ โข ปถวีอาทีนํ สภาวสลฺลกฺขณวเสน ปวตฺตติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สภาวูปลกฺขณวเสนา’’ติ, กกฺขฬตฺตาทิกสฺส สลกฺขณสฺส อุปธารณวเสนาติ อตฺโถ. สนฺนิฏฺานนฺติ าณวินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ, น เยวาปนกวินิจฺฉโย, นาปิ วิตกฺกาทิวินิจฺฉโย . ธาตุมนสิกาโรติ ธาตูสุ มนสิกาโร, จตสฺโส ธาตุโย อารพฺภ ภาวนามนสิกาโรติ อตฺโถ. กาตพฺพโต กมฺมํ, โยคิโน สุขวิเสสานํ การณภาวโต านฺจาติ กมฺมฏฺานํ, จตุนฺนํ มหาภูตานํ สภาวสลฺลกฺขณวเสน ปวตฺตํ โยคกมฺมํ. เตนาห ‘‘ธาตุมนสิกาโร, ธาตุกมฺมฏฺานํ, จตุธาตุววตฺถานนฺติ อตฺถโต เอก’’นฺติ. ตยิทํ จตุธาตุววตฺถานํ. ‘‘ทฺวิธา อาคต’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ธาตุวิภงฺเค นาติสงฺเขปวิตฺถารวเสน อาคตํ, ตสฺมา ‘‘ติธา อาคต’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ? น, ตตฺถาปิ อชฺฌตฺติกานํ ธาตูนํ ปเภทโต อนวเสสปริยาทานสฺส กตตฺตา, พาหิรานฺจ ธาตูนํ ปริคฺคหิตตฺตา . อถ วา ทฺวิธา อาคตนฺติ เอตฺถ ทฺวิธาว อาคตนฺติ น เอวํ นิยโม คเหตพฺโพ, อถ โข ทฺวิธา อาคตเมวาติ, เตน ตติยสฺสาปิ ปการสฺส สงฺคโห สิทฺโธ โหติ. โส จ นาติสงฺเขปวิตฺถารนโย ‘‘สงฺเขปโต จ วิตฺถารโต จา’’ติ เอตฺถ อาวุตฺติวเสน, -สทฺเทเนว วา สงฺคโหติ ทฏฺพฺโพ. อถ วา โย นาติสงฺเขปวิตฺถารนเยน อติสงฺเขปปฏิกฺเขปมุเขน ลพฺภมาโน วิตฺถารภาโค, ตํ วิตฺถารนยนฺโตคธเมว กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ทฺวิธา อาคต’’นฺติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘นาติติกฺขปฺสฺส ธาตุกมฺมฏฺานิกสฺส วเสน วิตฺถารโต อาคต’’นฺติ อิทฺจ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ. ‘‘มหาสติปฏฺาเน’’ติ จ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ, สติปฏฺาน(ที. นิ. ๒.๓๗๘ อาทโย; ม. นิ. ๓.๑๑๑ อาทโย) กายคตาสติสุตฺตาทีสุปิ (ม. นิ. ๓.๑๕๓ อาทโย) ตเถว อาคตตฺตา. ราหุโลวาเทติ มหาราหุโลวาเท (ม. นิ. ๒.๑๑๓ อาทโย). ธาตุวิภงฺเคติ ธาตุวิภงฺคสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๓๔๒ อาทโย), อภิธมฺเม ธาตุวิภงฺเค (วิภ. ๑๗๒ อาทโย) จ.

กามํ มหาสติปฏฺาเน อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา เทสนา อาคตา, อุปมา จ นาม ยาวเทว อุปเมยฺยตฺถวิภาวนตฺถาติ อุปมํ ตาว ทสฺเสตฺวา อุปเมยฺยตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทินา ปาฬิ อานีตา. กสฺมา ปเนตฺถ ธาตุวเสน, ตตฺถปิ จตุมหาภูตวเสน กมฺมฏฺานนิทฺเทโส กโตติ? สตฺตสุฺตาสนฺทสฺสนตฺถํ, เอตฺถ ธาตุวเสน, ตตฺถาปิ โอฬาริกภาเวน สุปากฏตาย, เอกจฺจเวเนยฺยชนจริตานุกุลตาย จ มหาภูตวเสน กมฺมฏฺานนิทฺเทโส กโตติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปถวีธาตูติอาทีสุ ธาตุตฺโถ นาม สภาวตฺโถ, สภาวตฺโถ นาม สุฺตตฺโถ, สุฺตตฺโถ นาม นิสฺสตฺตตฺโถ. เอวํ สภาวสุฺตนิสฺสตฺตตฺเถน ปถวีเยว ธาตุ ปถวีธาตุ. อาโปธาตุอาทีสุปิ เอเสว นโย. ปถวีธาตูติ สหชรูปธมฺมานํ ปติฏฺา ธาตุ, ตถา อาโปธาตูติ อาพนฺธนธาตุ, เตโชธาตูติ ปริปาจนธาตุ, วาโยธาตูติ วิตฺถมฺภนธาตูติ เอวเมตฺถ สมาโส, ภาวตฺโถ จ เวทิตพฺโพ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปรโต อาคมิสฺสติ.

เอวํ ติกฺขปฺสฺสาติอาทีสุ เอวนฺติ ยถาทสฺสิตํ ปาฬึ ปจฺจามสติ. นาติติกฺขปฺสฺส วิตฺถารเทสนาติ กตฺวา อาห ‘‘ติกฺขปฺสฺสา’’ติ. ยถา วตฺถยุคํ อรหตีติ วตฺถยุคิโก, เอวํ ธาตุกมฺมฏฺานํ อรหติ, ธาตุกมฺมฏฺานปโยชโนติ วา ธาตุกมฺมฏฺานิโก, ตสฺส ธาตุกมฺมฏฺานิกสฺส.

เฉโกติ ตํตํสมฺาย กุสโล, ยถาชาเต สูนสฺมึ นงฺคุฏฺขุรวิสาณาทิวนฺเต อฏฺิมํสาทิอวยวสมุทาเย อวิภตฺเต คาวีสมฺา, น วิภตฺเต, วิภตฺเต ปน อฏฺิมํสาทิอวยวสมฺาติ ชานนโก. โคฆาตโกติ ชีวิกตฺถาย คุนฺนํ ฆาตโก. อนฺเตวาสีติ กมฺมกรณวเสน ตสฺส สมีปวาสี ตสฺส ตนฺนิสฺสาย ชีวนโต. วินิวิชฺฌิตฺวาติ เอกสฺมึ าเน อฺํ วินิวิชฺฌิตฺวา. มหาปถานํ เวมชฺฌฏฺานสงฺขาเตติ จตุนฺนํ มหาปถานํ ตาย เอว วินิวิชฺฌนฏฺานสงฺขาเต. ยสฺมา เต จตฺตาโร มหาปถา จตูหิ ทิสาหิ อาคนฺตฺวา สโมหิตา วิย โหนฺติ, ตสฺมา ตํ านํ จตุมหาปถานํ, ตสฺมึ จตุมหาปเถ. วิลียนฺติ ภิชฺชนฺติ วิภชฺชนฺตีติ พีลา, ภาคา, -การสฺส พ-การํ, อิ-การสฺส จ อี-การํ กตฺวา. ตเมว หิ ภาคตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘โกฏฺาสํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ิต-สทฺโท ‘‘ิโต วา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๒๘) วิย านสงฺขาตอิริยาปถสมงฺคิตาย, คตินิวตฺติอตฺถตาย วา า-สทฺทสฺส อฺตฺถ เปตฺวา คมนํ เสสอิริยาปถสมงฺคิตาย โพธโก, อิธ ปน ยถา ตถา รูปกายสฺส ปวตฺติอาการโพธโก อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘จตุนฺนํ อิริยาปถานํ เยน เกนจิ อากาเรน ิตตฺตายถาิต’’นฺติ . ตตฺถ อากาเรนาติ านาทินา รูปกายสฺส ปวตฺติอากาเรน. านาทโย หิ อิริยาสงฺขาตาย กายิกกิริยาย ปวตฺติฏฺานตาย ‘‘อิริยาปถา’’ติ วุจฺจนฺติ. ยถาิตนฺติ ยถาปวตฺตํ. ยถาวุตฺตฏฺานเมเวตฺถ ปณิธานนฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ยถาิตตฺตาว ยถาปณิหิต’’นฺติ. ิตนฺติ วา กายสฺส านสงฺขาตอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ. ปณิหิตนฺติ ตทฺอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ. ิตนฺติ วา กายสงฺขาตานํ รูปธมฺมานํ ตสฺมึ ตสฺมึ ขเณ สกิจฺจวเสน อวฏฺานปริทีปนํ. ปณิหิตนฺติ ปจฺจยกิจฺจวเสน เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ ปการโต นิหิตํ ปณิหิตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ธาตุโสติ ธาตุํ ธาตุํ ปถวีอาทิธาตุํ วิสุํ วิสุํ กตฺวา. ปจฺจเวกฺขตีติ ปติ ปติ อเวกฺขติ าณจกฺขุนา วินิพฺภุชิตฺวา ปสฺสติ.

ยถา เฉโกติอาทินา ปาฬิยา สทฺทตฺถวิวรณวเสน วุตฺตเมวตฺถํ อิทานิ ภาวตฺถวิภาวนวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา โคฆาตกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โปเสนฺตสฺสาติ มํสูปจยปริพฺรูหนาย กุณฺฑกภตฺตกปฺปาสฏฺิอาทีหิ สํวฑฺเฒนฺตสฺส. วธิตํ มตนฺติ หึสิตํ หุตฺวา มตํ. มตนฺติ จ มตมตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ตาวเทวา’’ติ. คาวีติ สฺา น อนฺตรธายติ ยานิ องฺคปจฺจงฺคานิ อุปาทาย คาวีสมฺา, มตมตฺตายปิ คาวิยา เตสํ สนฺนิเวสสฺส อวินฏฺตฺตา. พิลาโสติ พิลํ พิลํ กตฺวา. วิภชิตฺวาติ อฏฺิสงฺฆาตโต มํสํ วิเวเจตฺวา, ตโต วา วิเวจิตํ มํสํ ภาคโส กตฺวา. เตเนวาห ‘‘มํสสฺา ปวตฺตตี’’ติ. ปพฺพชิตสฺสปิ อปริคฺคหิตกมฺมฏฺานสฺส. ฆนวินิพฺโภคนฺติ สนฺตติสมูหกิจฺจฆนานํ วินิพฺภุชนํ วิเวจนํ. ธาตุโส ปจฺจเวกฺขโตติ ยถาวุตฺตํ ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวา ธาตุโส ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส. สตฺตสฺาติ อตฺตานุทิฏฺิวเสน ปวตฺตา สตฺตสฺาติ วทนฺติ, โวหารวเสน ปวตฺตสตฺตสฺายปิ ตทา อนฺตรธานํ ยุตฺตเมว ยาถาวโต ฆนวินิพฺโภคสฺส สมฺปาทนโต. เอวํ หิ สติ ยถาวุตฺตโอปมฺมตฺเถน โอปเมยฺยตฺโถ อฺทตฺถุ สํสนฺทติ สเมติ. เตเนวาห ‘‘ธาตุวเสเนว จิตฺตํ สนฺติฏฺตี’’ติ.

๓๐๗. เอวํ ธาตุกมฺมฏฺานสฺส สงฺเขปโต อาคตฏฺานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตฺถารโต อาคตฏฺานํ ทสฺเสตุํ ‘‘มหาหตฺถิปทูปเม ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวนฺติ อิมินา ราหุโลวาท- (ม. นิ. ๒.๑๑๓ อาทโย) ธาตุวิภงฺเคสุ (ม. นิ. ๓.๓๔๒ อาทโย; วิภ. ๑๗๒ อาทโย) ธาตุกมฺมฏฺานสฺส วิตฺถารโต อาคมนเมว อุปสํหรติ, น สพฺพํ เทสนานยํ อฺถาปิ ตตฺถ เทสนานยสฺส อาคตตฺตา.

ตตฺราติ ตสฺมึ ยถาทสฺสิเต มหาหตฺถิปทูปมปาเ. อชฺฌตฺติกาติ สตฺตสนฺตานปริยาปนฺนา. อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตนฺติ ปททฺวเยนาปิ ตํตํปาฏิปุคฺคลิกธมฺโม วุจฺจตีติ อาห ‘‘อุภยมฺปิ นิยกสฺส อธิวจน’’นฺติ. สสนฺตติปริยาปนฺนตาย ปน อตฺตนิ คเหตพฺพภาวูปคมนวเสน อตฺตานํ อธิกิจฺจ ปวตฺตํ อชฺฌตฺตํ. ตํตํสนฺตติปริยาปนฺนตาย ปจฺจตฺตํ. เตเนวาห ‘‘อตฺตนิ ปวตฺตตฺตา อชฺฌตฺตํ, อตฺตานํ ปฏิจฺจ ปฏิจฺจ ปวตฺตตฺตา ปจฺจตฺต’’นฺติ. กกฺขฬนฺติ กถินํ. ยสฺมา ตํ ถทฺธภาเวน สหชาตานํ ปติฏฺา โหติ, ตสฺมา ‘‘ถทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. ขริคตนฺติ ขรีสุ ขรสภาเวสุ คตํ ตปฺปริยาปนฺนํ, ขรสภาวเมวาติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ขรสภาวํ ผรุสากาเรน อุปฏฺานโต ผรุสาการํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ผรุส’’นฺติ. เตนาห ‘‘ทุติยํ อาการวจน’’นฺติ. อุปาทินฺนํ นาม สรีรฏฺกํ. ตํ ปน กมฺมสมุฏฺานตํ สนฺธาย อุปาทินฺนมฺปิ อตฺถิ อนุปาทินฺนมฺปิ, ตณฺหาทีหิ อาทินฺนคหิตปรามฏฺวเสน สพฺพมฺเปตํ อุปาทินฺนเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปาทินฺนนฺติ ทฬฺหํ อาทินฺน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘มม’’นฺติ คหิตํ ‘‘อห’’นฺติ ปรามฏฺนฺติ โยชนา. เสยฺยถิทนฺติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาวาจีติ อาห ‘‘ตํ กตมนฺติ เจติ อตฺโถ’’ติ. ตโตติ ปจฺฉา. นฺติ ตํ อชฺฌตฺติกาทิเภทโต ทสฺสิตํ ปถวีธาตุํ. ทสฺเสนฺโตติ วตฺถุวิภาเคน ทสฺเสนฺโต. กิฺจาปิ มตฺถลุงฺคํ อฏฺิมิฺเชเนว สงฺคเหตฺวา อิธ ปาฬิยํ วิสุํ น อุทฺธฏํ, ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๔) ปน วีสติยา อากาเรหิ ปริปุณฺณํ กตฺวา ทสฺเสตุํ วิสุํ คหิตนฺติ ตมฺปิ สงฺคณฺหนฺโต ถทฺธภาวาธิกตาย ปถวีธาตุโกฏฺาเสสุเยว ‘‘มตฺถลุงฺคํ ปกฺขิปิตฺวา วีสติยา อากาเรหิ ปถวีธาตุ นิทฺทิฏฺาติ เวทิตพฺพา’’ติ อาห. ‘‘ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจี’’ติ วา อิมินา ปาฬิยํ มตฺถลุงฺคสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อิธ ‘‘ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจี’’ติ อิทํ ปุพฺพาปราเปกฺขํ ‘‘มตฺถลุงฺคํ ปกฺขิปิตฺวา วีสติยา อากาเรหิ ปถวีธาตุ นิทฺทิฏฺาติ เวทิตพฺพา, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจี’’ติ วจนโต. ปุน ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจีติ อวเสเสสุ ตีสุ โกฏฺาเสสูติ โยเชตพฺพํ. ตีสุ โกฏฺาเสสูติ ติปฺปกาเรสุ โกฏฺาเสสุ. น หิ เต ตโย โกฏฺาสา.

วิสฺสนฺทนภาเวนาติ ปคฺฆรณสภาเวน. อปฺโปตีติ วิสรติ. ปปฺโปตีติ ปาปุณาติ, สสมฺภารอาปวเสน เจตํ วุตฺตํ. โส หิ วิสฺสนฺทนภาเวน สสมฺภารปถวีสงฺขาตํ ตํ ตํ านํ วิสรติ, ปาปุณาติ จ, ลกฺขณาปวเสเนว วา. โสปิ หิ สหชาตอฺมฺนิสฺสยาทิปจฺจยตาย เสสภูตตฺตยสงฺขาตํ ตํ ตํ านํ ทฺรวภาวสิทฺเธน วิสฺสนฺทนภาเวน อาพนฺธตฺตํ, อาสตฺตตฺตํ, อวิปฺปกิณฺณฺจ กโรนฺตํ ‘‘อปฺโปติ ปปฺโปตี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ.

เตชนวเสนาติ นิสิตภาเวน ติกฺขภาเวน. วุตฺตนเยนาติ กมฺมสมุฏฺานาทิวเสน ‘‘นานาวิเธสู’’ติ อาโปธาตุยํ วุตฺตนเยน. กุปิเตนาติ ขุภิเตน. อุสุมชาโตติ อุสฺมาภิภูโต. ชีรตีติ ชิณฺโณ โหติ. เตโชธาตุวเสน ลพฺภมานา อิมสฺมึ กาเย ชราปวตฺติ ปากฏชราวเสน เวทิตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อินฺทฺริยเวกลฺลต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สรีเร ปกติอุสุมํ อติกฺกมิตฺวา อุณฺหภาโว สนฺตาโป, สรีรสฺส ทหนวเสน ปวตฺโต มหาทาโห ปริทาโหติ อยเมเตสํ วิเสโส. เยน ชีรียตีติ จ เอกาหิกาทิชรโรเคน ชรียตีติปิ อตฺโถ ยุชฺชติ. สตกฺขตฺตุํ ตาเปตฺวา ตาเปตฺวา สีตุทเก ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธฏา สปฺปิ ‘‘สตโธตสปฺปี’’ติ วทนฺติ. อสิตนฺติ ภุตฺตํ. ขายิตนฺติ ขาทิตํ. สายิตนฺติ อสฺสาทิตํ. สมฺมา ปริปากํ คจฺฉตีติ สมเวปากินิยา คหณิยา วเสน วุตฺตํ, อสมฺมาปริปาโกปิ ปน วิสมเวปากินิยา ตสฺสา เอว วเสน เวทิตพฺโพ. รสาทิภาเวนาติ รสรุธิรมํสเมทนฺหารุอฏฺิอฏฺิมิฺชสุกฺกวเสน. วิเวกนฺติ ปุถุภาวํ อฺมฺํ วิสทิสภาวํ. อสิตาทิเภทสฺส หิ อาหารสฺส ปริณาเม รโส โหติ, ตํ ปฏิจฺจ รสธาตุ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. เอวํ ‘‘รสสฺส ปริณาเม รุธิร’’นฺติอาทินา สพฺพํ เนตพฺพํ.

วายนวเสนาติ สมุทีรณวเสน, สเวคคมนวเสน วา. อุคฺคารหิกฺกาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อุทฺเทกขิปนาทิปวตฺตนกวาตานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ . อุจฺจารปสฺสาวาทีติ อาทิ-สทฺเทน ปิตฺตเสมฺหลสิกาเกวลทุคฺคนฺธาทินีหรณกานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ยทิปิ กุจฺฉิ-สทฺโท อุทรปริยาโย, โกฏฺ-สทฺเทน ปน อนฺตนฺตรสฺส วุจฺจมานตฺตา ตทวสิฏฺโ อุทรปฺปเทโส อิธ กุจฺฉิ-สทฺเทน วุจฺจตีติ อาห ‘‘กุจฺฉิสยา วาตาติ อนฺตานํ พหิวาตา’’ติ. สมิฺชนปสารณาทีติ อาทิ-สทฺเทน อาโลกนวิโลกนอุทฺธรณาติหรณาทิกา สพฺพา กายิกกิริยา สงฺคหิตา. ‘‘อสฺสาสปสฺสาสา จิตฺตสมุฏฺานาวา’’ติ เอเตน อสฺสาสปสฺสาสานํ สรีรํ มุฺจิตฺวา ปวตฺติ นตฺถีติ ทีเปติ. น หิ พหิทฺธา จิตฺตสมุฏฺานสฺส สมฺภโว อตฺถีติ. ยทิ เอวํ กถํ ‘‘ปสฺสาโสติ พหินิกฺขมนนาสิกวาโต, ทีฆนาสิกสฺส นาสิกคฺคํ, อิตรสฺส อุตฺตโรฏฺํ ผุสนฺโต ปวตฺตตี’’ติ วจนํ? ตํ นิกฺขมนากาเรน ปวตฺติยา จิตฺตสมุฏฺานสฺส, สนฺตาเน ปวตฺตอุตุสมุฏฺานสฺส จ วเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สพฺพตฺถาติ อาโปธาตุอาทีนํ ติสฺสนฺนํ ธาตูนํ นิทฺเทสํ สนฺธายาห. ตตฺถ อาโปธาตุนิทฺเทเส ‘‘ยํ วา ปนฺ’’นฺติ อิมินา สมฺภวสฺส, เตโชธาตุนิทฺเทเส สรีเร ปากติกอุสฺมาย, วาโยธาตุนิทฺเทเส ธมนิชาลานุสฏสฺส ตตฺถ ตตฺถ จมฺมขีลปีฬกาทินิพฺพตฺตกวายุโน สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สมิฺชนาทินิพฺพตฺตกวาตา จิตฺตสมุฏฺานาว. ยทิ เอวํ, กถํ ‘‘ปุริมา ปฺจ จตุสมุฏฺานา’’ติ วจนํ? น หิ สมิฺชนาทินิพฺพตฺตกา เอว องฺคมงฺคานุสาริโน วาตา, อถ โข ตทฺเปีติ นตฺถิ วิโรโธ.

อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ. เตนาห ‘‘วีสติยา อากาเรหี’’ติอาทิ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ วิตฺถารโต อาคเต ธาตุกมฺมฏฺาเนติ อตฺโถ. เตน อยํ วณฺณนา น เกวลํ มหาหตฺถิปทูปมสฺเสว (ม. นิ. ๑.๓๐๐ อาทโย), อถ โข มหาราหุโลวาท- (ม. นิ. ๒.๑๑๓ อาทโย) ธาตุวิภงฺคสุตฺตานมฺปิ (ม. นิ. ๓.๓๔๒ อาทโย) อตฺถสํวณฺณนา โหติเยวาติ ทสฺสิตํ โหติ. ภาวนานเยปิ เอเสว นโย. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เอวํ ราหุโลวาทธาตุวิภงฺเคสุปี’’ติ.

๓๐๘. ภาวนานเยติ ภาวนาย นเย. เยน กมฺมฏฺานภาวนา อิชฺฌติ, ตสฺมึ ภาวนาวิธิมฺหีติ อตฺโถ. เอตฺถาติ ธาตุกมฺมฏฺาเน. ยสฺมา เยสํ ‘‘ติกฺขปฺโ นาติติกฺขปฺโ’’ติ อิเมสํ ทุวิธานํ ปุคฺคลานํ วเสน อิทํ กมฺมฏฺานํ ทฺวิธา อาคตํ ทฺวิธา เทสิตํ, ตสฺมา กมฺมฏฺานาภินิเวโสปิ เตสํ ทฺวิธาว อิจฺฉิตพฺโพติ ตํ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘ติกฺขปฺสฺส ภิกฺขุโน’’ติอาทิ อารทฺธํ. โลมา ปถวีธาตูตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ . เอวํ วิตฺถารโต ธาตุปริคฺคโหติ ‘‘เกสา ปถวีธาตุ, โลมา ปถวีธาตู’’ติอาทินา เอวํ ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรหิ วิตฺถารโต ธาตุกมฺมฏฺานปริคฺคโห. ปปฺจโตติ ทนฺธโต สณิกโต. ยํ ถทฺธลกฺขณนฺติ เกสาทีสุ ยํ ถทฺธลกฺขณํ กกฺขฬภาโว. ยํ อาพนฺธนลกฺขณนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอวํ มนสิ กโรโตติ วตฺถุํ อนามสิตฺวา เอวํ ลกฺขณมตฺตโต มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส. อสฺสาติ ติกฺขปฺสฺส. กมฺมฏฺานํ ปากฏํ โหตีติ โยคกมฺมสฺส ปวตฺติฏฺานภูตํ ตเทว ลกฺขณํ วิภูตํ โหติ, ตสฺส วา ลกฺขณสฺส สุฏฺุ อุปฏฺานโต ตํ อารพฺภ ปวตฺตมานํ มนสิการสงฺขาตํ กมฺมฏฺานํ วิภูตํ วิสทํ โหติ, ติกฺขปฺสฺส อินฺทฺริยปาฏเวน สํขิตฺตรุจิภาวโต. สพฺพโส มนฺทปฺสฺส ภาวนาว น อิชฺฌตีติ อาห ‘‘นาติติกฺขปฺสฺสา’’ติ. เอวํ มนสิ กโรโตติ วุตฺตนเยน สงฺเขปโต มนสิ กโรโต. อนฺธการํ อวิภูตํ โหตีติ อนุปฏฺานโต อนฺธํ วิย กโรนฺตํ อปากฏํ โหติ กมฺมฏฺานนฺติ โยชนา. ปุริมนเยนาติ ‘‘เกสา ปถวีธาตู’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน. วตฺถุอามสเนน วิตฺถารโต มนสิ กโรนฺตสฺส ปากฏํ โหติ กมฺมฏฺานํ, นาติติกฺขปฺสฺส อขิปฺปนิสนฺติตาย วิตฺถารรุจิภาวโต.

อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา ทฺวีสุ ภิกฺขูสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เปยฺยาลมุขนฺติ เปยฺยาลปาฬิยา มุขภูตํ ทฺวารภูตํ อาทิโต วารํ, วารทฺวยํ วา. วิตฺถาเรตฺวาติ อนวเสสโต สชฺฌายิตฺวา. อุภโตโกฏิวเสเนวาติ ตสฺส ตสฺส วารสฺส อาทิอนฺตคฺคหณวเสเนว. โอฏฺปริยาหตมตฺตนฺติ โอฏฺานํ สมฺผุสนมตฺตํ. ยถา คนฺถปริวตฺตเน ติกฺขปฺสฺส ภิกฺขุโน สงฺเขโป รุจฺจติ, น วิตฺถาโร. อิตรสฺส จ วิตฺถาโร รุจฺจติ, น สงฺเขโป, เอวํ ภาวนานเยปีติ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ.

ตสฺมาติ ยสฺมา ติกฺขปฺสฺส สงฺเขโป, นาติติกฺขปฺสฺส จ วิตฺถาโร สปฺปาโย, ตสฺมา. ยสฺมา กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชิตุกามสฺส สีลวิโสธนาทิปุพฺพกิจฺจํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตํ สพฺพาการสมฺปนฺนํ เหฏฺา วุตฺตเมวาติ อิธ น อามฏฺํ. ยสฺมา ปน วิเวกฏฺกายสฺส, วิเวกฏฺจิตฺตสฺเสว จ ภาวนา อิชฺฌติ , น อิตรสฺส, ตสฺมา ตทุภยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนนา’’ติ อาห. ตตฺถ รโหคเตนาติ รหสิ คเตน, เอกากินา ภาวนานุกูลฏฺานํ อุปคเตนาติ อตฺโถ. ปฏิสลฺลีเนนาติ ปติ ปติ ปุถุตฺตารมฺมณโต จิตฺตํ นิเสเธตฺวา กมฺมฏฺาเน สลฺลีเนน, ตตฺถ สํสิลิฏฺจิตฺเตนาติ อตฺโถ. สกลมฺปิ อตฺตโน รูปกายํ อาวชฺเชตฺวาติ อุทฺธํ ปาทตลา, อโธ เกสมตฺถกา, ติริยํ ตจปริยนฺตํ สพฺพมฺปิ อตฺตโน กรชกายํ ธาตุวเสน มนสิ กโรนฺโต ยสฺมา จาตุมหาภูติโก อยํ กาโย, ตสฺมา ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’’ติ จตุมหาภูตวเสน สมนฺนาหริตฺวาติ อตฺโถ. อิทานิ ตาสํ ธาตูนํ ลกฺขณโต, อุปฏฺานาการโต จ มนสิการวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘โย อิมสฺมึ กาเย’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ตตฺถ ถทฺธภาโวติ ลกฺขณมาห. ถทฺธตฺตลกฺขณา หิ ปถวีธาตุ. ขรภาโวติ อุปฏฺานาการํ, าเณน คเหตพฺพาการนฺติ อตฺโถ. ทฺรวภาโว ลกฺขณํ อาโปธาตุยา ปคฺฆรณสภาวตฺตา. อาพนฺธนํ อุปฏฺานากาโร. อุณฺหภาโว ลกฺขณํ เตโชธาตุยา อุสฺมาสภาวตฺตา. ปริปาจนํ อุปฏฺานากาโร. วิตฺถมฺภนํ ลกฺขณํ วาโยธาตุยา อุปตฺถมฺภนสภาวตฺตา. สมุทีรณํ อุปฏฺานากาโร, อุปฏฺานากาโร จ นาม ธาตูนํ สกิจฺจกรณวเสน าณสฺส วิภูตากาโร. กสฺมา ปเนตฺถ อุภยคฺคหณํ? ปุคฺคลชฺฌาสยโต. เอกจฺจสฺส หิ ธาตุโย มนสิ กโรนฺตสฺส ตา สภาวโต คเหตพฺพตํ คจฺฉนฺติ, เอกจฺจสฺส สกิจฺจกรณโต, โย รโสติ วุจฺจติ. ตตฺรายํ โยคี ธาตุโย มนสิ กโรนฺโต อาทิโต ปจฺเจกํ สลกฺขณโต, สรสโตปิ ปริคฺคณฺหาติ. เตนาห ‘‘โย อิมสฺมึ กาเย ถทฺธภาโว วา ขรภาโว วา…เป… เอวํ สํขิตฺเตน ธาตุโย ปริคฺคเหตฺวา’’ติ. ตตฺถ ปริคฺคเหตฺวาติ ปริคฺคาหกภูเตน าเณน ธาตุโย ลกฺขณโต, รสโต วา ปริจฺฉิชฺช คเหตฺวา. อยํ ตาว สํขิตฺตโต ภาวนานเย กมฺมฏฺานาภินิเวโส.

เอวํ ปน ธาตุโย ปริคฺคเหตฺวา ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย ปถวีธาตุ ถทฺธภาโว วา ขรภาโว วา, อาโปธาตุ ทฺรวภาโว วา อาพนฺธนภาโว วา, เตโชธาตุ อุณฺหภาโว วา ปริปาจนภาโว วา, วาโยธาตุ วิตฺถมฺภนภาโว วา สมุทีรณภาโว วา’’ติ เอวํ ลกฺขณาทีหิ สทฺธึเยว ธาตุโย มนสิ กโรนฺเตน กาลสตมฺปิ กาลสหสฺสมฺปิ ปุนปฺปุนํ อาวชฺชิตพฺพํ มนสิ กาตพฺพํ, ตกฺกาหตํ วิตกฺกปริยาหตํ กาตพฺพํ. ตสฺเสวํ มนสิ กโรโต ยํ ลกฺขณาทีสุ สุปากฏํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, ตเทว คเหตฺวา อิตรํ วิสฺสชฺเชตฺวา เตน สทฺธึ ‘‘ปถวีธาตุ อาโปธาตู’’ติอาทินา มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. เอวํ มนสิ กโรนฺเตน หิ อนุปุพฺพโต, นาติสีฆโต, นาติสณิกโต, วิกฺเขปปฏิพาหนโต, ปณฺณตฺติสมติกฺกมนโต, อนุปฏฺานมุฺจนโต, ลกฺขณโต, ตโย จ สุตฺตนฺตาติ อิเมหิ ทสหากาเรหิ มนสิการโกสลฺลํ อนุฏฺาตพฺพํ.

ตตฺถ อนุปุพฺพโตติ อนุปฏิปาฏิโต อาจริยสฺส สนฺติเก อุคฺคหิตปฏิปาฏิโต, สา จ เทสนาปฏิปาฏิเยว . เอวํ อนุปุพฺพโต มนสิ กโรนฺเตนาปิ นาติสีฆโต มนสิ กาตพฺพํ. อติสีฆโต มนสิ กโรโต หิ อปราปรํ กมฺมฏฺานมนสิกาโร นิรนฺตรํ ปวตฺตติ, กมฺมฏฺานํ ปน อวิภูตํ โหติ, น วิเสสํ อาวหติ. ตสฺมา นาติสีฆโต มนสิ กาตพฺพํ. ยถา จ นาติสีฆโต, เอวํ นาติสณิกโตปิ. อติสณิกโต มนสิ กโรโต หิ กมฺมฏฺานํ ปริโยสานํ น คจฺฉติ, วิเสสาธิคมสฺส ปจฺจโย น โหติ. อติสีฆํ อติสณิกฺจ มคฺคํ คจฺฉนฺตา ปุริสา เอตฺถ นิทสฺเสตพฺพา. วิกฺเขปปฏิพาหนโตติ กมฺมฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมเณ เจตโส วิกฺเขโป ปฏิพาหิตพฺโพ. พหิทฺธา วิกฺเขเป หิ สติ กมฺมฏฺานา ปริหายติ ปริธํสติ. เอกปทิกมคฺคคามี ปุริโส เจตฺถ นิทสฺเสตพฺโพ. ปณฺณตฺติสมติกฺกมนโตติ ‘‘ยา อยํ ปถวีธาตู’’ติอาทิกา ปณฺณตฺติ, ตํ อติกฺกมิตฺวา ลกฺขเณสุ เอว จิตฺตํ เปตพฺพํ.

เอวํ ปณฺณตฺตึ วิชหิตฺวา กกฺขฬลกฺขณาทีสุ เอว มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส ลกฺขณานิ สุปากฏานิ สุวิภูตานิ หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. ตสฺเสวํ ปุนปฺปุนํ มนสิการวเสน จิตฺตํ อาเสวนํ ลภติ. สพฺโพ รูปกาโย ธาตุมตฺตโต อุปฏฺาติ สุฺโ นิสฺสตฺโต นิชฺชีโว ยนฺตํ วิย ยนฺตสุตฺเตน อปราปรํ ปริวตฺตมาโน. สเจ ปน พหิทฺธาปิ มนสิการํ อุปสํหรติ, อถสฺส อาหิณฺฑนฺตา มนุสฺสติรจฺฉานาทโย สตฺตาการํ วิชหิตฺวา ธาตุสมูหวเสเนว อุปฏฺหนฺติ, เตหิ กริยมานา กิริยา ธาตุมเยน ยนฺเตน ปวตฺติยมานา หุตฺวา อุปฏฺาติ, เตหิ อชฺโฌหริยมานํ ปานโภชนาทิ ธาตุสงฺฆาเต ปกฺขิปฺปมาโน ธาตุสงฺฆาโต วิย อุปฏฺาติ. อถสฺส ตถา ลทฺธาเสวนมฺปิ จิตฺตํ ยทิ อจฺจารทฺธวีริยตาย อุทฺธจฺจวเสน วา อติลีนวีริยตาย โกสชฺชวเสน วา ภาวนาวิธึ น โอตเรยฺย, ตทา อธิจิตฺตสุตฺตํ (อ. นิ. ๓.๑๐๓), อนุตฺตรสีติภาวสุตฺตํ (อ. นิ. ๖.๘๕), โพชฺฌงฺคสุตฺตนฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๙๔-๑๙๕) อิเมสุ ตีสุ สุตฺเตสุ อาคตนเยน วีริยสมาธิโยชนา กาตพฺพา. เตน วุตฺตํ ‘‘ตโย จ สุตฺตนฺตา’’ติ. เอวํ ปน วีริยสมตํ โยเชตฺวา ตสฺมึเยว ลกฺขเณ มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส ยทา สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ลทฺธสมตานิ สุวิสทานิ ปวตฺตนฺติ, ตทา อสทฺธิยาทีนํ ทูรีภาเวน สาติสยํ ถามปฺปตฺเตหิ สตฺตหิ พเลหิ ลทฺธูปตฺถมฺภานิ วิตกฺกาทีนิ ฌานงฺคานิ ปฏุตรานิ หุตฺวา ปาตุภวนฺติ, เตสํ อุชุวิปจฺจนีกตาย นีวรณานิ วิกฺขมฺภิตานิเยว โหนฺติ สทฺธึ ตเทกฏฺเหิ ปาปธมฺเมหิ. เอตฺตาวตา จาเนน อุปจารชฺฌานํ สมธิคตํ โหติ ธาตุลกฺขณารมฺมณํ . เตน วุตฺตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ ปถวีธาตุ อาโปธาตูติ…เป… อุปจารมตฺโต สมาธิ อุปฺปชฺชตี’’ติ.

ตตฺถ ธาตุมตฺตโตติ วิเสสนิวตฺติอตฺโถ มตฺต-สทฺโท. เตน ยํ อิโต พาหิรกา, โลกิยมหาชโน จ ‘‘สตฺโต ชีโว’’ติอาทิกํ วิเสสํ อิมสฺมึ อตฺตภาเว อวิชฺชมานํ วิกปฺปนามตฺเตเนว สมาโรเปนฺติ, ตํ นิวตฺเตติ. เตเนวาห ‘‘นิสฺสตฺตโต นิชฺชีวโต’’ติ. อาวชฺชิตพฺพนฺติ สมนฺนาหริตพฺพํ. มนสิ กาตพฺพนฺติ ปุนปฺปุนํ ภาวนาวเสน ธาตุมตฺตโต ธาตุลกฺขณํ มนสิ เปตพฺพํ. ปจฺจเวกฺขิตพฺพนฺติ ตเทว ธาตุลกฺขณํ ปติ ปติ อเวกฺขิตพฺพํ, ภาวนาสิทฺเธน าณจกฺขุนา อปราปรํ ปจฺจกฺขโต ปสฺสิตพฺพํ.

ตสฺเสวํ วายมมานสฺสาติ ตสฺส โยคิโน เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน ภาวนํ อนุยุฺชนฺตสฺส, ตตฺถ จ ภาวนาอนุโยเค สกฺกจฺจการิตาย, สาตจฺจการิตาย, สปฺปายเสวิตาย, สมถนิมิตฺตสลฺลกฺขเณน, โพชฺฌงฺคานํ อนุปวตฺตเนน, กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขวุตฺติตาย, อนฺตรา สงฺโกจํ อนาปชฺชนฺเตน ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อุสฺโสฬฺหิยํ อวฏฺาเนน สมฺมเทว วายามํ ปโยคํ ปรกฺกมํ ปวตฺเตนฺตสฺส. ธาตุปฺปเภทาวภาสนปฺาปริคฺคหิโตติ ปถวีอาทีนํ ธาตูนํ สภาวลกฺขณาวภาสเนน อวภาสนกิจฺจาย ภาวนาปฺาย อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ อวิชหเนน สพฺพโต คหิโต มหคฺคตภาวํ อปฺปตฺตตาย อุปจารมตฺโต สิขาปฺปตฺโต กามาวจรสมาธิ อุปฺปชฺชติ. อุปจารสมาธีติ จ รุฬฺหีวเสน เวทิตพฺพํ. อปฺปนํ หิ อุเปจฺจ จารี สมาธิ อุปจารสมาธิ, อปฺปนา เจตฺถ นตฺถิ. ตาทิสสฺส ปน สมาธิสฺส สมานลกฺขณตาย เอวํ วุตฺตํ. กสฺมา ปเนตฺถ อปฺปนา น โหตีติ? ตตฺถ การณมาห ‘‘สภาวธมฺมารมฺมณตฺตา’’ติ. สภาวธมฺเม หิ ตสฺส คมฺภีรภาวโต อสติ ภาวนาวิเสเส อปฺปนาฌานํ น อุปฺปชฺชติ, โลกุตฺตรํ ปน ฌานํ วิสุทฺธิภาวนานุกฺกมวเสน, อารุปฺปํ อารมฺมณาติกฺกมภาวนาวเสน อปฺปนาปฺปตฺตํ โหตีติ มรณานุสฺสตินิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๑๗๗) วุตฺโตวายมตฺโถ.

เอวํ รูปกาเย อวิเสเสน จตุนฺนํ ธาตูนํ ปริคฺคณฺหนวเสน ธาตุกมฺมฏฺานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ อฏฺิอาทีนํ วินิพฺภุชนวเสน สงฺเขปโต สุตฺเต อาคตํ ธาตุมนสิการวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ เย อิเม จตฺตาโร โกฏฺาสา วุตฺตาติ สมฺพนฺโธ. ยถาปจฺจยํ ิตา สนฺนิเวสวิสิฏฺา กฏฺวลฺลิติณมตฺติกาโย อุปาทาย ยถา อคารสมฺา, น ตตฺถ โกจิ อคาโร นาม อตฺถิ, เอวํ ยถาปจฺจยํ สนฺนิเวสวิสิฏฺานิ ปวตฺตมานานิ อฏฺินฺหารุมํสจมฺมานิ ปฏิจฺจ สรีรสมฺา, น เอตฺถ โกจิ อตฺตา ชีโว. เกวลํ เตหิ ปริวาริตมากาสมตฺตนฺติ ทสฺเสติ. เทสนา สตฺตสุฺตาสนฺทสฺสนปราติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘นิสฺสตฺตภาวทสฺสนตฺถ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อฏฺิฺจ ปฏิจฺจาติ ปณฺหิกฏฺิกาทิเภทํ ปฏิปาฏิยา อุสฺสิตํ หุตฺวา ิตํ อติเรกติสตเภทํ อฏฺึ อุปาทาย. นฺหารุฺจาติ ตเมว อฏฺิสงฺฆาฏํ อาพนฺธิตฺวา ิตํ นวสตปฺปเภทํ นฺหารุํ. มํสนฺติ ตเมว อฏฺิสงฺฆาฏํ อนุลิมฺปิตฺวา ิตํ นวเปสิสตปฺปเภทํ มํสํ. จมฺมนฺติ มจฺฉิกปตฺตกจฺฉายาย ฉวิยา สฺฉาทิตํ สกลสรีรํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ พหลจมฺมํ ปฏิจฺจ อุปาทาย. สพฺพตฺถ -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. อากาโส ปริวาริโตติ ยถา ภิตฺติปาทาทิวเสน ปิตํ กฏฺํ, ตสฺเสว อาพนฺธนวลฺลิ, อนุเลปนมตฺติกา, ฉาทนติณนฺติ เอตานิ กฏฺาทีนิ อนฺโต, พหิ จ ปริวาเรตฺวา ิโต อากาโส อคารนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ, เคหนฺติ ปณฺณตฺตึ ลภติ, เอวเมว ยถาวุตฺตานิ อฏฺิอาทีนิ อนฺโต, พหิ จ ปริวาเรตฺวา ิโต อากาโส ตาเนว อฏฺิอาทีนิ อุปาทาย รูปนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ, สรีรนฺติ โวหารํ ลภติ. ยถา จ กฏฺาทีนิ ปฏิจฺจ สงฺขํ คตํ อคารํ โลเก ‘‘ขตฺติยเคหํ, พฺราหฺมณเคห’’นฺติ วุจฺจติ, เอวมิทมฺปิ ‘‘ขตฺติยสรีรํ พฺราหฺมณสรีร’’นฺติ โวหรียติ, นตฺเถตฺถ โกจิ สตฺโต วา ชีโว วาติ อธิปฺปาโย.

เตติ เต จตฺตาโร โกฏฺาเส วินิพฺภุชิตฺวา วินิพฺภุชิตฺวาติ โยชนา. ตํตํอนฺตรานุสารินาติ อฏฺินฺหารูนํ นฺหารุมํสานํ มํสจมฺมานนฺติ เตสํ เตสํ โกฏฺาสานํ วิวรานุปาตินา าณสงฺขาเตน หตฺเถน. วินิพฺภุชิตฺวา วินิพฺภุชิตฺวาติ อเนกกฺขตฺตุํ วินิเวเตฺวา. อถ วา วินิพฺภุชิตฺวา วินิพฺภุชิตฺวาติ ปจฺเจกํ อฏฺิอาทีนํ อนฺตรานุสารินา าณหตฺเถน วินิพฺโภคํ กตฺวา. เอเตสูติ สกลมฺปิ อตฺตโน รูปกายํ จตุธา กตฺวา วิภตฺเตสุ ยถาวุตฺเตสุ อฏฺิอาทีสุ จตูสุ โกฏฺาเสสุ. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘โย อิมสฺมึ กาเย ถทฺธภาโว วา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ ภาวนาวิธานํ, ตํ อนนฺตรนเย วุตฺตากาเรเนว วตฺตพฺพํ.

๓๐๙. วิตฺถารโต อาคเต ปน ‘‘จตุธาตุววตฺถาเน’’ติ อาเนตฺวา โยชนา. เอวํ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน เวทิตพฺโพ ภาวนานโย. ‘‘ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรหิ ธาตุโย อุคฺคณฺหิตฺวา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อาทิโต ทฺวตฺตึสาการา ธาตุโย น โหนฺตีติ? วตฺถุสีเสน ธาตูนํเยว อุคฺคเหตพฺพตฺตา นายํ โทโส. วุตฺตปฺปกาเรติ ‘‘โคจรคามโต นาติทูรนาจฺจาสนฺนตาทีหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคเต’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๕๓) วุตฺตปฺปกาเร. กตสพฺพกิจฺเจนาติ ปลิโพธุปจฺเฉทาทิกํ กตํ สพฺพกิจฺจํ เอเตนาติ กตสพฺพกิจฺโจ, เตนสฺส สีลวิโสธนาทิ ปน กมฺมฏฺานุคฺคหณโต ปเคว สิทฺธํ โหตีติ ทสฺเสติ. สสมฺภารสงฺเขปโตติ สมฺภรียนฺติ เอเตน พุทฺธิโวหาราติ สมฺภาโร, ตนฺนิมิตฺตํ. กึ ปเนตํ? ปถวีอาทิ. เกสาทีสุ หิ วีสติยา อากาเรสุ ‘‘ปถวี’’ติ พุทฺธิโวหารา ปถวีนิมิตฺตกา ถทฺธตํ อุปาทาย ปวตฺตนโต. ตสฺมา ตตฺถ ปถวีสมฺภาโร นาม สวิเสสาย ตสฺสา อตฺถิตาย เกสาทโย สห สมฺภาเรหีติ สสมฺภารา. อาโปโกฏฺาสาทีสุปิ เอเสว นโย. สสมฺภารานํ สงฺเขโป สสมฺภารสงฺเขโป, ตโต สสมฺภารสงฺเขปโต ภาเวตพฺพนฺติ โยชนา. สงฺเขปโต วีสติยา, ทฺวาทสสุ, จตูสุ, ฉสุ จ โกฏฺาเสสุ ยถากฺกมํ ปถวีอาทิกา จตสฺโส ธาตุโย ปริคฺคเหตฺวา ธาตุววตฺถานํ สสมฺภารสงฺเขปโต ภาวนา. เตนาห ‘‘อิธ ภิกฺขุ วีสติยา โกฏฺาเสสู’’ติอาทิ.

สสมฺภารวิภตฺติโตติ สสมฺภารานํ เกสาทีนํ วิภาคโต เกสาทิเก วีสติ โกฏฺาเส ปุพฺเพ วิย เอกชฺฌํ อคฺคเหตฺวา วิภาคโต ปถวีธาตุภาเวน ววตฺถาปนํ. อาโปโกฏฺาสาทีสุปิ เอเสว นโย. สลกฺขณสงฺเขปโตติ ลกฺขียติ เอเตนาติ ลกฺขณํ, ธมฺมานํ สภาโว, อิธ ปน ถทฺธตาทิ. ตสฺมา ถทฺธลกฺขณาทิวนฺตตาย สห ลกฺขเณหีติ สลกฺขณา, เกสาทโย ทฺวาจตฺตาลีส อาการา. เตสํ สงฺเขปโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เกสาทิเก วีสติ โกฏฺาเส เอกชฺฌํ คเหตฺวา ตตฺถ ถทฺธตาทิกํ จตุพฺพิธมฺปิ ลกฺขณํ ววตฺถเปตฺวา ภาวนา สลกฺขณสงฺเขปโต ภาวนา. เอส นโย อาโปโกฏฺาสาทีสุปิ. สลกฺขณวิภตฺติโตติ ถทฺธลกฺขณาทินา สลกฺขณานํ เกสาทีนํ วิภาคโต เกสาทีสุ ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรสุ ปจฺเจกํ ถทฺธตาทีนํ จตุนฺนํ จตุนฺนํ ลกฺขณานํ ววตฺถาปนวเสน ภาวนา.

เอวํ จตูหิ อากาเรหิ อุทฺทิฏฺํ ภาวนานยํ นิทฺทิสิตุํ ‘‘กถํ สสมฺภารสงฺเขปโต ภาเวตี’’ติอาทิ อารทฺธํ. เอตฺถ จ ยถา ติกฺขปฺโ ปุคฺคโล ติกฺขตาย ปโรปริยตฺตสพฺภาวโต ติกฺขินฺทฺริยมุทินฺทฺริยตาวเสน ทุวิโธติ. ตตฺถ ติกฺขินฺทฺริยสฺส วเสน สงฺเขปโต ปมนโย วุตฺโต, มุทินฺทฺริยสฺส วเสน ทุติโย. เอวํ นาติติกฺขปฺโปิ ปุคฺคโลติ. ตตฺถ โย วิสทินฺทฺริโย ปุคฺคโล, ตสฺส วเสน สสมฺภารสงฺเขปโต, สลกฺขณสงฺเขปโต จ ภาวนานโย นิทฺทิฏฺโ. โย ปน นาติวิสทินฺทฺริโย, ตสฺส วเสน สสมฺภารวิภตฺติโต, สลกฺขณวิภตฺติโต จ ภาวนานโย นิทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพ. ตสฺส เอวํ ววตฺถาปยโต เอว ธาตุโย ปากฏา โหนฺติ สวิเสสํ ธาตูนํ ปริคฺคหิตตฺตา. ภาวนาวิธานํ ปเนตฺถ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

๓๑๐. ยสฺสาติ นาติวิสทินฺทฺริยํ ปุคฺคลํ สนฺธาย วทติ. เอวํ ภาวยโตติ สสมฺภารสงฺเขปโต ภาเวนฺตสฺส. เยน วิธินา อุคฺคเหตฺวา กุสโล โหติ, โส สตฺตวิโธ วิธิ ‘‘อุคฺคหโกสลฺล’’นฺติ วุจฺจติ, ตนฺนิพฺพตฺตํ วา าณํ. เอวํ มนสิการโกสลฺลมฺปิ เวทิตพฺพํ. ทฺวตฺตึสากาเรติ ธาตุมนสิการวเสน ปริคฺคหิเต เกสาทิเก ทฺวตฺตึสวิเธ โกฏฺาเส. ‘‘ทฺวตฺตึสากาเร’’ติ จ อิทํ เตชวายุโกฏฺาเสสุ วณฺณาทิวเสน ววตฺถานสฺส อภาวโต วุตฺตํ. สพฺพํ ตตฺถ วุตฺตวิธานํ กาตพฺพนฺติ ‘‘วจสา มนสา’’ติอาทินา วุตฺตอุคฺคหโกสลฺลุทฺเทสโต ปฏฺาย ยาว ‘‘อนุปุพฺพมุฺจนาทิวเสนา’’ติ ปทํ, ตาว อาคตํ สพฺพํ ภาวนาวิธานํ กาตพฺพํ สมฺปาเทตพฺพํ. วณฺณาทิวเสนาติ วณฺณสณฺานทิโสกาสปริจฺเฉทวเสน. อยฺจ วณฺณาทิวเสน มนสิกาโร ธาตุปฏิกฺกูลวณฺณมนสิการานํ สาธารโณ ปุพฺพภาโคติ นิพฺพตฺติตธาตุมนสิการเมว ทสฺเสตุํ ‘‘อวสาเน เอวํ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ.

๓๑๑. อฺมฺํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาติ เอเต ‘‘สีสกฏาหปลิเวนจมฺมํ เกสา’’ติ เอวํ โวหริยมานา ภูตุปาทายธมฺมา ‘‘มยิ เกสา ชาตา, มยเมตฺถ ชาตา’’ติ เอวํ อฺมฺํ อาโภคปจฺจเวกฺขณสุฺา. อิมินา การณสฺส จ ผลสฺส จ อพฺยาปารตาย ธาตุมตฺตตํ สนฺทสฺเสติ, เตน จ อาโภคปจฺจเวกฺขณานมฺปิ เอวเมว อพฺยาปารตา ทีปิตาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ตานิ, เตสํ การณานิ จ ตถา ตถา อาภุชิตฺวา, ปจฺจเวกฺขิตฺวา จ อุปฺปชฺชนฺติ, ปจฺจยภาวํ วา คจฺฉนฺตีติ. อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ. อเจตโนติ น เจตโน, เจตนารหิโต วา. อพฺยากโตติ อพฺยากตราสิปริยาปนฺโน. สุฺโติ อตฺตสุฺโ. ตโต เอว นิสฺสตฺโต. ถทฺธลกฺขณาธิกตาย ถทฺโธ. ตโต เอว ปถวีธาตูติ เอวํ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. เอวํ สพฺพตฺถ.

๓๑๒. สุฺคามฏฺาเนติ เอตฺถ สุฺคามคฺคหณํ ปรมตฺถโต เวทกวิรหทสฺสนตฺถํ กายสฺส.

๓๑๓. มธุกฏฺิเกติ มธุกพีชานิ.

๓๑๔. เคหถมฺภานํ อาธารภาเวน ปิตสิลาโย ปาสาณอุทุกฺขลกานีติ อธิปฺเปตานิ.

๓๑๕. ทุคฺคนฺธาทิภาเว จสฺส สทิสภาวทสฺสนตฺถํ อลฺลโคจมฺมคฺคหณํ.

๓๑๖. เยภุยฺเยน มํสเปสีนํ พหลตาย มหามตฺติกคฺคหณํ.

๓๑๗. กุฏฺฏทารูสูติ ทารุกุฏฺฏิกาย กุฏิยา ภิตฺติปาทภูเตสุ กฏฺเสุ.

๓๑๘. ปณฺหิกฏฺิอาทีนํ อาธารภาโว วิย โคปฺผกฏฺิอาทีนํ อาเธยฺยภาโวปิ อสมนฺนาหารสิทฺโธติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปณฺหิกฏฺิโคปฺผกฏฺึ อุกฺขิปิตฺวา ิต’’นฺติอาทึ วตฺวา ปุน ‘‘สีสฏฺิคีวฏฺิเก ปติฏฺิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

๓๑๙. สินฺนเวตฺตคฺคาทีสูติ เสทิตเวตฺตกฬีราทีสุ.

๓๒๑. อุรฏฺิสงฺฆาโฏ ปฺชรสทิสตาย ‘‘อุรฏฺิปฺชร’’นฺติ วุตฺโต. ตสฺส อถิรภาวทสฺสนตฺถํ ชิณฺณสนฺทมานิกปฺชรํ นิทสฺสนภาเวน คหิตํ.

๓๒๒. ยมกมํสปิณฺเฑติ มํสปิณฺฑยุคเฬ.

๓๒๓. กิโลมกสฺส เสตวณฺณตาย ‘‘ปิโลติกปลิเวิเต’’ติ ปิโลติกํ นิทสฺสนภาเวน วุตฺตํ. เอวเมว น วกฺกหทยานิ สกลสรีเร จ มํสํ ชานาตีติ เอตฺถ น วกฺกหทยานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ ปฏิจฺฉนฺนกิโลมเกน ปฏิจฺฉนฺนานี’’ติ, น สกลสรีเร จ มํสํ ชานาติ ‘‘อหํ ปฏิจฺฉนฺนกิโลมเกน ปฏิจฺฉนฺน’’นฺติ โยเชตพฺพํ.

๓๒๔. โกฏฺมตฺถกปสฺสนฺติ กุสูลสฺส อพฺภนฺตเร มตฺถกปสฺสํ.

๓๒๕. ทฺวินฺนํ ถนานมนฺตเรติ ทฺวินฺนํ ถนปฺปเทสานํ เวมชฺเฌ, ถนปฺปเทโส จ อพฺภนฺตรวเสน เวทิตพฺโพ.

๓๒๗. เอกวีสติอนฺตโภเคติ เอกวีสติยา าเนสุ โอภคฺโคภคฺเค อนฺตมณฺฑเล.

๓๒๘. อามาสเย ิโต ปริภุตฺตาหาโร อุทริยนฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อุทริยํ อุทเร ิตํ อสิตปีตขายิตสายิต’’นฺติ.

๓๓๑. อพทฺธปิตฺตํ สํสรณโลหิตํ วิย, กายุสฺมา วิย จ กมฺมชรูปปฏิพทฺธวุตฺติกนฺติ อาห ‘‘อาพทฺธปิตฺตํ ชีวิตินฺทฺริยปฏิพทฺธํ สกลสรีรํ พฺยาเปตฺวา ิต’’นฺติ. ปฏิพทฺธตาวจเนน จสฺส ชีวิตินฺทฺริเย สติ สพฺภาวเมว ทีเปติ, น ชีวิตินฺทฺริยสฺส วิย เอกนฺตกมฺมชตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปิตฺตโกสเกติ มหาโกสาฏกีโกสสทิเส ปิตฺตาธาเร. ยูสภูโตติ รสภูโต.

๓๓๒. อุจฺฉิฏฺโทกคพฺภมลาทีนํ ฉฑฺฑนฏฺานํ จนฺทนิกา, ตสฺสํ จนฺทนิกายํ.

๓๓๓. ปุพฺพาสโย มนฺทปฺานํ เกสฺจิเทว โหตีติ กตฺวา อสพฺพสาธารณนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ปุพฺโพ อนิพทฺโธกาโส’’ติ.

๓๓๔. ปิตฺตํ วิยาติ อพทฺธปิตฺตํ วิย. สกลสรีรนฺติ ชีวิตินฺทฺริยปฏิพทฺธํ สพฺพํ สรีรปฺปเทสํ. วกฺกหทยยกนปปฺผาสานิ เตเมนฺตนฺติ เอตฺถ ยกนํ เหฏฺาภาคปูรเณน, อิตรานิ เตสํ อุปริ โถกํ โถกํ ปคฺฆรเณน จ เตเมตีติ ทฏฺพฺพํ. เหฏฺา เลฑฺฑุขณฺฑาทีนิ เตมยมาเนติ เตมกเตมิตพฺพานํ อพฺยาปารตาสามฺนิทสฺสนตฺถํ เอว อุปมา ทฏฺพฺพา, น านสามฺนิทสฺสนตฺถํ. สนฺนิจิตโลหิเตน หิ เตเมตพฺพานํ เกสฺจิ เหฏฺา, กสฺสจิ อุปริ ิตตา กายคตาสตินิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐๖) ทสฺสิตาติ. ยกนสฺส เหฏฺาภาคฏฺานํ ‘‘มยิ โลหิตํ ิต’’นฺติ น ชานาติ, วกฺกาทีนิ ‘‘อมฺเห เตมยมานํ โลหิตํ ิต’’นฺติ น ชานนฺตีติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.

๓๓๖. ปตฺถินฺนสิเนโหติ ถินภาวํ ฆนภาวํ คตสิเนโห. สกลสรีเร มํสนฺติ โยชนา, ตฺจ ถูลสรีรํ สนฺธาย วุตฺตํ. เมทสฺส สติปิ ปตฺถินฺนตาย ฆนภาเว มํสสฺส วิย น พทฺธตาติ วุตฺตํ ‘‘ปตฺถินฺนยูโส’’ติ. เตเนวสฺส อาโปโกฏฺาสตา.

๓๓๗. อุทกปุณฺเณสุตรุณตาลฏฺิกูปเกสูติ นาติปริณตานํ สชลกานํ อคฺคโต ฉินฺนานํ ตาลสลาฏุกานํ วิวรานิ สนฺธาย วุตฺตํ.

๓๓๘. วสาย อตฺตโน อาธาเร อภิพฺยาปนมุเขน อพฺยาปารตาสามฺํ วิภาเวตพฺพนฺติ อาจามคตเตลํ นิทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๓๓๙. เขฬุปฺปตฺติปจฺจเย อมฺพิลคฺคมธุรคฺคาทิเก.

๓๔๓. เกสาทีสุ มนสิการํ ปวตฺเตตฺวา เตโชโกฏฺาเสสุ ปวตฺเตตพฺโพ มนสิกาโรติ วิภตฺตึ ปริณาเมตฺวา โยเชตพฺพํ. เยน สนฺตปฺปตีติ เยน กาโย สนฺตปฺปติ, อยํ สนฺตปฺปนกิจฺโจ. เตโชติ ตสฺส ปริคฺคณฺหนากาโร เอว ปจฺจามฏฺโ. เยน ชีรียตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย.

๓๔๔. อสฺสาสปสฺสาสวเสนาติ อนฺโตปวิสนพหินิกฺขมนนาสิกาวาตภาเวน. ‘‘เอวํ ปวตฺตมนสิการสฺสา’’ติ อิมินา วุตฺตากาเรน สสมฺภารวิภตฺติโต ปวตฺตกมฺมฏฺานมนสิการสฺส. ธาตุโย ปากฏา โหนฺตีติ วิตฺถารโต ปริคฺคหิตตฺตา ธาตุโย วิภูตา โหนฺติ. อิธาปิ ภาวนาวิธานํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

๓๔๕. ตตฺเถวาติ เตสุเยว วีสติยา โกฏฺาเสสุ. ปริปาจนลกฺขณํ วิตฺถมฺภนลกฺขณนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘ตตฺเถวา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

ปุน ตตฺเถวาติ เตสุเยว ทฺวาทสสุ โกฏฺาเสสูติ อตฺโถ. เอตฺถ จ เกสาทิโกฏฺาสานํ สํวิคฺคหตาย ตตฺถ วิชฺชมานา อาโปธาตุอาทโย นฺหานิยจุณฺณาทีสุ อุทกาทโย วิย สุวิฺเยฺยาติ ‘‘ตตฺเถว อาพนฺธนลกฺขณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

สนฺตปฺปนาทิเตโชโกฏฺาเสสุ ปน วาโยธาตุอาทโย น ตถา สุวิฺเยฺยาติ กตฺวา ‘‘เตน อวินิภุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, น ตตฺเถวาติ. ยทิ เอวํ, วายุโกฏฺาเสสุ กถํ ตตฺเถวาติ? วายุโกฏฺาสาปิ หิ อุทฺธงฺคมวาตาทโย ปิณฺฑากาเรเนว ปริคฺคเหตพฺพตํ อุปคจฺฉนฺติ, น ปน สนฺตปฺปนาทิเตโชโกฏฺาสาติ นายํ โทโส. ตตฺถ เตนาติ เตน เตเชน. อวินิภุตฺตนฺติ อวินาภูตํ, ตํตํกลาปคตวเสน วา เอวํ วุตฺตํ. เอวํ ววตฺถาปยโตติ วุตฺตากาเรน สลกฺขณสงฺเขปโต ธาตุโย ววตฺถาเปนฺตสฺส . วุตฺตนเยนาติ ‘‘ตสฺเสวํ วายมมานสฺสา’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๘) เหฏฺา วุตฺตนเยน.

๓๔๖. เอวมฺปิ ภาวยโตติ สลกฺขณสงฺเขปโต ธาตุโย ปริคฺคเหตฺวา ภาเวนฺตสฺสาปิ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ สสมฺภารวิภตฺติโต ภาวนายํ วุตฺเตน นเยน. เอวนฺติ ยถา เกเส, เอวํ. สพฺพโกฏฺาเสสูติ เอกจตฺตาลีสเภเทสุ เสสสพฺพโกฏฺาเสสุ เอวเมตฺถ อฏฺสฏฺิธาตุสตสฺส ปริคฺคโห วุตฺโต โหติ. ภาวนาวิธานํ ปเนตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

อิทานิ วจนตฺถาทิมุเขนปิ ธาตูสุ มนสิการวิธานํ ทสฺเสตุํ ‘‘วจนตฺถโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วจนตฺถโตติ ยสฺมา สพฺพปมํ กมฺมฏฺานสฺส อุคฺคหณํ วจนวเสน โหติ วจนทฺวาเรน ตทตฺถสฺส อาทิโต คเหตพฺพโต, ตสฺมา วจนตฺถโตปิ ธาตูนํ มนสิกาตพฺพตา วุตฺตา. กลาปโตติ วจนตฺถวเสน วิเสสโต, สามฺโต จ ธาตุโย ปริคฺคเหตฺวา ิตสฺส ยสฺมา ตา ปิณฺฑโส ปวตฺตนฺติ, น ปจฺเจกํ, ตสฺมา กลาปโตปิ มนสิกาตพฺพตา วุตฺตา. เต ปน กลาปา ปรมาณุปริมาณา โหนฺตีติ ตปฺปริยาปนฺนานํ ปถวีธาตุอาทีนํ เอกสฺมึ สรีเร ปริเมยฺยปริจฺเฉทํ ทสฺเสตุํ จุณฺณโต มนสิกาตพฺพตา วุตฺตา. โส ปนายํ ตาสํ จุณฺณโต มนสิกาโร สงฺฆาฏวเสน โหตีติ นิพฺพฏฺฏิตสรูปเมว ปริคฺคเหตพฺพํ ทสฺเสตุํ ลกฺขณาทิโต มนสิกาโร วุตฺโต. ลกฺขณาทิโต ธาตุโย ปริคฺคณฺหนฺเตน สลกฺขณวิภตฺติโต กมฺมฏฺานาภินิเวเส ยสฺมา ทฺวาจตฺตาลีสาย โกฏฺาสานํ วเสน ธาตูสุ ปริคฺคยฺหมานาสุ ‘‘เอตฺตกา อุตุสมุฏฺานา, เอตฺตกา จิตฺตาทิสมุฏฺานา’’ติ อยํ วิภาโค าตพฺโพ โหติ, ตสฺมา สมุฏฺานโต มนสิกาโร วุตฺโต.

เอวํ ปริฺาตสมุฏฺานานมฺปิ ตาสํ สทฺทานุสาเรน วินา วิเสสสามฺปริคฺคโห กาตพฺโพติ ทสฺเสตุํ นานตฺเตกตฺตโต มนสิกาโร วุตฺโต. ลกฺขณวิเสสโต วินิภุตฺตรูปาปิ เอตา อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานตาย ปเทเสน อวินิภุตฺตาติ อยํ วิเสโส ปริคฺคเหตพฺโพติ ทสฺเสตุํ วินิพฺโภคาวินิพฺโภคโต มนสิกาโร วุตฺโต. สติปิ อวินิพฺโภควุตฺติยํ กาจิเทว กาสฺจิ สภาคา, กาจิ วิสภาคาติ อยมฺปิ วิเสโส ปริคฺคเหตพฺโพติ ทสฺเสตุํ สภาควิสภาคโต มนสิกาโร วุตฺโต. สภาควิสภาคาปิ ธาตุโย อชฺฌตฺติกา อีทิสกิจฺจวิเสสยุตฺตา, พาหิรา ตพฺพิปรีตาติ อยํ วิเสโส ปริคฺคเหตพฺโพติ ทสฺเสตุํ อชฺฌตฺติกพาหิรวิเสสโต มนสิกาโร วุตฺโต. สชาติสงฺคหาทิโก ธาตุสงฺคหวิเสโสปิ ปริคฺคหิตพฺโพติ ทสฺเสตุํ สงฺคหโต มนสิกาโร วุตฺโต. สนฺธารณาทีหิ ยถาสกกิจฺเจหิ อฺมฺูปตฺถมฺภภาวโตปิ ธาตุโย ปริคฺคเหตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ปจฺจยโต มนสิกาโร วุตฺโต. อพฺยาปารนยโต ธาตุโย ปริคฺคเหตพฺพาติ ทสฺเสตุํ อสมนฺนาหารโต มนสิกาโร วุตฺโต. อตฺตโน ปจฺจยธมฺมวิเสสโต, ปจฺจยภาววิเสสโต จ ธาตุโย ปริคฺคเหตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ปจฺจยวิภาคโต มนสิกาโร วุตฺโตติ เอวเมเตสํ เตรสนฺนํ อาการานํ ปริคฺคเห การณํ เวทิตพฺพํ. อากาเรหีติ ปกาเรหิ, การเณหิ วา.

๓๔๗. ตตฺถ ปตฺถฏตฺตาติ ปุถุตฺตา, เตน ปุถุภาวโต ปุถุวี, ปุถุวี เอว ปถวีติ นิรุตฺตินเยน สทฺทตฺถมาห. ปตฺถนฏฺเน วา ปถวี, ปติฏฺาภาเวน ปตฺถายติ อุปติฏฺตีติ อตฺโถ. ‘‘อปฺโปตี’’ติ ปทสฺส อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว. อาปียตีติ โสสียติ, ปิวียตีติ เกจิ. ‘‘อยํ ปนตฺโถ สสมฺภาราเป ยุชฺชตี’’ติ วทนฺติ, ลกฺขณาเปปิ ยุชฺชเตว. โสปิ หิ ผรุสปาจนวิโสสนากาเรน เสสภูตตฺตเยน ปียมาโน วิย ปวตฺตตีติ. อปฺปายตีติ พฺรูเหติ. ปริพฺรูหนรสา หิ อาโปธาตุ. เตชตีติ นิเสติ, ติกฺขภาเวน เสสภูตตฺตยํ อุสฺมาปยตีติ อตฺโถ. วายตีติ สมีเรติ, เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาเวน ภูตสงฺฆาตํ คเมตีติ อตฺโถ.

เอวํ ตาว วิเสสโต วจนตฺถํ วตฺวา อิทานิ สามฺโต วตฺตุํ ‘‘อวิเสเสน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สลกฺขณธารณโตติ ยถา ติตฺถิยปริกปฺปิโต ‘‘ปกติ อตฺตา’’ติ เอวมาทิโก สภาวโต นตฺถิ, น เอวเมตา. เอตา ปน สลกฺขณํ สภาวํ ธาเรนฺตีติ ธาตุโย. ทุกฺขาทานโตติ ทุกฺขสฺส วิทหนโต. เอตา หิ ธาตุโย การณภาเวน ววตฺถิตา หุตฺวา อยโลหาทิธาตุโย วิย อยโลหาทึ อเนกปฺปการํ สํสารทุกฺขํ วิทหนฺติ. ทุกฺขาธานโตติ อนปฺปกสฺส ทุกฺขสฺส วิธานมตฺตโต อวสวตฺตนโต, ตํ วา ทุกฺขํ เอตาหิ การณภูตาหิ สตฺเตหิ อนุวิธียติ, ตถาวิหิตฺจ ตํ เอตาสฺเวว ธียติ ปียตีติ เอวํ ทุกฺขาธานโต, ธาตุโย. อปิจ ‘‘นิชฺชีวฏฺโ ธาตุฏฺโ’’ติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ตถา หิ ภควา ‘‘ฉธาตุโรยํ ภิกฺขุ ปุริโส’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๔๓-๓๔๕) ชีวสฺาสมูหนนตฺถํ ธาตุเทสนํ อกาสีติ. อิติ วจนตฺถมุเขนปิ อสาธารณโต, สาธารณโต จ ธาตูนํ สรสลกฺขณเมว วิภาวียตีติ อาห ‘‘เอวํ วิเสสสามฺวเสน วจนตฺถโต มนสิ กาตพฺพา’’ติ. มนสิกาโร ปน วจนตฺถมุเขน ธาตุโย ปริคฺคเหตฺวา ิตสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

๓๔๘. อากาเรหีติ ปกาเรหิ. อถ วา อากรียนฺติ ทิสฺสนฺติ เอตฺถ ธาตุโยติ อาการา, โกฏฺาสา. อฏฺธมฺมสโมธานาติ ยถาวุตฺตานํ ปจฺจยวิเสเสน วิสิฏฺรูปานํ วณฺณาทีนํ อฏฺนฺนํ ธมฺมานํ สมวธานโต สนฺนิเวสวิเสสวเสน สหาวฏฺานโต ตํ อุปาทาย. เกสาติ สมฺมุติ สมฺามตฺตํ โหติ. เตสํเยว วินิพฺโภคาติ เตสํเยว วณฺณาทีนํ วินิพฺภุชนโต. ยถา หิ วณฺณาทโย อฏฺ ธมฺมา ปฺาย วินิพฺภุชฺชมานา อฺมฺพฺยติเรเกน ปรมตฺถโต อุปลพฺภนฺติ, น เอวํ วณฺณาทิพฺยติเรเกน ปรมตฺถโต เกสา อุปลพฺภนฺติ. ตสฺมา เย จ ธมฺเม สมุทิเต อุปาทาย ‘‘เกสา’’ติ สมฺมุติ, เตสุ วิสุํ วิสุํ กเตสุ นตฺถิ ‘‘เกสา’’ติ สมฺมุติ, โวหารมตฺตนฺติ อตฺโถ.

‘‘อฏฺธมฺมกลาปมตฺตเมวา’’ติ อิทํ เกสปฺตฺติยา อุปาทายภูเต วณฺณาทิเก เอกตฺเตน คเหตฺวา วุตฺตํ, น เตสํ อฏฺธมฺมมตฺตภาวโต. กมฺมสมุฏฺาโน โกฏฺาโสติ เกเสสุ ตาว เกสมูลํ, เอวํ โลมาทีสุปิ ยถารหํ เวทิตพฺพํ. ทสธมฺมกลาโปปีติ เอตฺถ อสิตาทิปริปาจโก เตโชโกฏฺาโส นวธมฺมกลาโปปีติ วตฺตพฺโพ. ยทิเม เกสาทิโกฏฺาสา ยถารหํ อฏฺนวทสธมฺมสมูหภูตา , อถ กสฺมา ปถวีอาทิธาตุมตฺตโต มนสิ กรียนฺตีติ อาห ‘‘อุสฺสทวเสน ปนา’’ติอาทิ. ยสฺมา อยํ ธาตุมนสิกาโร ยาวเทว สตฺตสฺาสมุคฺฆาฏนตฺโถ, ธมฺมวินิพฺโภโค จ สาติสยํ สตฺตสฺาสมุคฺฆาฏาย สํวตฺตติ, ตสฺมา โกฏฺาเสสุ เอวํ ธมฺมวิภาโค เวทิตพฺโพ. เอตฺถ หิ อุทริยํ กรีสํ ปุพฺโพ มุตฺตฺจ อุตุสมุฏฺานา, อสิตาทิปริปาจกเตโช กมฺมสมุฏฺาโน, อสฺสาสปสฺสาสวาโต จิตฺตสมุฏฺาโนติ ฉ เอกสมุฏฺานา, เสโทอสฺสุ เขโฬ สิงฺฆาณิกาติ จตฺตาโร อุตุจิตฺตวเสน ทฺวิสมุฏฺานา, เสสา ทฺวตฺตึส จตุสมุฏฺานา.

เตสุ อสิตาทิปริปาจเก เตโชโกฏฺาเส เอโก กลาโป ชีวิตนวโก, อฺเสุ เอกสมุฏฺาเนสุ อุตุสมุฏฺาโน, จิตฺตสมุฏฺาโน วา เอเกโก อฏฺโก, ทฺวิสมุฏฺาเนสุ อุตุจิตฺตวเสน ทฺเว ทฺเว อฏฺกา, จตุสมุฏฺาเนสุ อุตุจิตฺตาหารสมุฏฺานา ตโย ตโย อฏฺกา, อุตุจิตฺตสมุฏฺาเนสุ สทฺทนวกา, อฏฺสุ เตโชวาโยโกฏฺาเสสุ อฏฺ ชีวิตนวกา, เสเสสุ จตุวีสติยา โกฏฺาเสสุ กายภาวทสกทฺวยสหิตา, จกฺขาทิสฺิเตสุ มํสโกฏฺาเสสุ จกฺขุโสตฆานชิวฺหาวตฺถุทสกสหิตา จาติ ปริปุณฺณายตนเก รูปกาเย เภทํ อนามสิตฺวา เอกตฺตวเสน คยฺหมานา สตฺตจตฺตาลีสาธิกสตรูปกลาปา รูปวิภาคโต สาธิกํ ทิยฑฺฒรูปสหสฺสํ โหติ, โกฏฺาสานํ ปน อวยววิภาเคน ตทวยวกลาปานํ เภเท คยฺหมาเน รูปธมฺมานํ อสงฺขฺเยยฺยเภทตา เวทิตพฺพา . เอวํ ธมฺมวิภาคโต อเนกเภทภินฺนาปิ อิเม ทฺวาจตฺตาลีส โกฏฺาสา อุสฺสทคฺคหเณน จตุธาตุวเสเนว ววตฺถเปตพฺพา. เตนาห ‘‘อุสฺสทวเสน ปน…เป… มนสิ กาตพฺพา’’ติ. ตตฺถ มนสิการวิธิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

๓๔๙. มชฺฌิเมน ปมาเณนาติ อาโรหปริณาเหหิ มชฺฌิมสรีเร ลพฺภมาเนน มชฺฌิเมน ปริมาเณน. ปริคฺคยฺหมานาติ ปฺาย ปริตกฺเกตฺวา คยฺหมานา. ปรมาณุเภทสฺจุณฺณาติ เอตฺถ ยถา ‘‘องฺคุลสฺส อฏฺโม ภาโค ยโว, ยวสฺส อฏฺโม ภาโค อูกา, อูกาย อฏฺโม ภาโค ลิกฺขา, ลิกฺขาย อฏฺโม ภาโค รถเรณุ, รถเรณุสฺส อฏฺโม ภาโค ตชฺชารี, ตชฺชาริยา อฏฺโม ภาโค อณุ, เอวํ อณุโน อฏฺโม ภาโค ปรมาณุ นามา’’ติ เกจิ. อฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๕๑๕) ปน ‘‘สตฺตธฺมาสปฺปมาณํ เอกํ องฺคุลํ, สตฺตอูกาปมาโณ เอโก ธฺมาโส, สตฺตลิกฺขาปมาณา เอกา อูกา, ฉตฺตึสรถเรณุปฺปมาณา เอกา ลิกฺขา, ฉตฺตึสตชฺชาริปฺปมาโณ เอโก รถเรณุ, ฉตฺตึสอณุปฺปมาณา เอกา ตชฺชารี, ฉตฺตึสปรมาณุปฺปมาโณ เอโก อณู’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา อณุโน ฉตฺตึสติมภาคมตฺโต ปรมาณุ นาม อากาสโกฏฺาสิโก มํสจกฺขุสฺส อโคจโร ทิพฺพจกฺขุสฺเสว โคจรภูโต. ตํ สนฺธายาห ‘‘ปรมาณุเภทสฺจุณฺณา’’ติ, ยถาวุตฺตปรมาณุปฺปเภเทน จุณฺณวิจุณฺณภูตา. สุขุมรชภูตาติ ตโตเยว อติวิย สุขุมรชภาวํ คตา.

โทณมตฺตา สิยาติ โสฬส นาฬิมตฺตา. อิธาปิ ‘‘มชฺฌิเมน ปมาเณนา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เตน ‘‘ปกติยา จตุมุฏฺิกํ กุฑุวํ, จตุกุฑุวํ นาฬิ, ตาย นาฬิยา โสฬส นาฬิโย โทณํ, ตํ ปน มคธนาฬิยา ทฺวาทส นาฬิโย โหนฺตี’’ติ วทนฺติ. สงฺคหิตาติ ยถา น วิปฺปกิรติ, เอวํ อาพนฺธนวเสน สมฺปิณฺฑิตฺวา คหิตา. อนุปาลิตาติ ยถา ปคฺฆรณสภาวาย อาโปธาตุยา วเสน กิลินฺนภาวํ, ปิจฺฉิลภาวํ วา นาปชฺชติ, เอวํ อนุรกฺขิตา. วิตฺถมฺภิตาติ สงฺฆาตวายุนา อติวิย วิตฺถมฺภนํ ปาปิตา. น วิกิรติ น วิทฺธํสตีติ สุขุมรชภูตาปิ ปถวีธาตุ อาพนฺธนปริปาจนสมุทีรณกิจฺจาหิ อาโปเตโชวาโยธาตูหิ ลทฺธปจฺจยา สิเนเหน เตมิตา เตชสา ปริปกฺกา วายุนา วิตฺถมฺภนํ ปาปิตา ปิฏฺจุณฺณา วิย น อิโต จิโต จ วิกิรติ น วิทฺธํสติ, อถ โข ปิณฺฑิตา ฆนภูตา หุตฺวา นานปฺปกาเรน คเหตพฺพตํ อาปชฺชติ. เตนาห ‘‘อวิกิริยมานา’’ติอาทิ. ตตฺถ วิกปฺปนฺติ วิภาคํ. ยทิปิ เตโชวาโยธาตุโยปิ สวิคฺคหา รูปธมฺมภาวโต, ยาทิโส ปน ฆนภาโว ปถวีอาโปธาตูสุ ลพฺภติ , น ตาทิโส เตโชวาโยธาตูสุ ลพฺภตีติ เมยฺยภาวาภาวโต ตตฺถ จุณฺณเภโท น อุทฺธโฏ. ตถา หิ สสมฺภารเตโชวายูสุปิ เมยฺยภาโว น ลพฺภเตว.

ยูสคตาติ ยูสภาวํ ทฺรวภาวํ คตา. ตโต เอว อาพนฺธนาการภูตา. น ปคฺฆรตีติ น โอคฬติ. น ปริสฺสวตีติ น วิสฺสนฺทติ. ปีณิตปีณิตภาวํ ทสฺเสตีติ อาโปธาตุยา พฺรูหนรสตาย วุตฺตํ.

อุสุมาการภูตาติ เอเตน กาเย ปากติกอุสฺมาปิ คหณีสงฺขาตาย ตสฺสาเยว เตโชธาตุยา วเสน โหตีติ ทสฺเสติ. ปริปาเจตีติ สนฺเตเชติ. สา หิ ยถาภุตฺตสฺส อาหารสฺส สมฺมา ปริณามเนน รสาทิสมฺปตฺติยา เหตุภาวํ คจฺฉนฺตี อิมํ กายํ ปริปาเจติ สนฺเตเชตีติ วุจฺจติ. เตเนวาห ‘‘น ปูติภาวํ ทสฺเสตี’’ติ. กมฺมูปนิสฺสยาย, จิตฺตปฺปสาทเหตุกาย จ สรีเร วณฺณสมฺปทาย เตโชธาตุ วิเสสปจฺจโย, ปเคว อุตุอาหารสมุฏฺานาย รูปสมฺปตฺติยา ยถาวุตฺตเตโชธาตูติ อาห ‘‘วณฺณสมฺปตฺติฺจสฺส อาวหตี’’ติ.

สมุทีรณวิตฺถมฺภนลกฺขณาติ เอตฺถ สมุทีรณํ อนุเปลฺลนํ, วิโสสนนฺติ เกจิ. วิตฺถมฺภนํ เสสภูตตฺตยสฺส ถมฺภิตตฺตาปาทนํ, อุปฺปีลนนฺติ เอเก. ตายาติ วิตฺถมฺภนลกฺขณาย วาโยธาตุยา. อปรายาติ สมุทีรณลกฺขณาย. สา หิ เปลฺลนสภาวา. เตนาห ‘‘สมพฺภาหโต’’ติ. สมพฺภาหนฺจ รูปกลาปสฺส เทสนฺตรุปฺปตฺติยา เหตุภาโว. อวฆฏฺฏนํ อาสนฺนตรุปฺปตฺติยา. ลาเฬตีติ ปริวตฺเตติ. อิทานิ ยทตฺถํ จุณฺณโต มนสิกาโร อาคโต, ตํ นิคมนวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘เอวเมต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ธาตุยนฺตนฺติ สุตฺเตน วิย ยนฺตรูปกํ อสติปิ กตฺตุภูเต อตฺตนิ จิตฺตวเสน ธาตุมยํ ยนฺตํ ปวตฺตติ, อิธาปิ มนสิการวิธิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

๓๕๐. ยทิปิ จตุนฺนํ ธาตูนํ ลกฺขณาทโย เหฏฺา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตา เอว, ตถาปิ เต อนวเสสโต ทสฺเสตฺวา วิสุํ กมฺมฏฺานปริคฺคหวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ลกฺขณาทิโต’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ลกฺขียติ เอเตนาติ ลกฺขณํ, กกฺขฬตฺตํ ลกฺขณเมติสฺสาติ กกฺขฬตฺตลกฺขณา. นนุ จ กกฺขฬตฺตเมว ปถวีธาตูติ? สจฺจเมตํ, ตถาปิ วิฺาตาวิฺาตสทฺทตฺถตาวเสน อภินฺเนปิ ธมฺเม กปฺปนาสิทฺเธน เภเทน เอวํ นิทฺเทโส กโต. เอวํ หิ อตฺถวิเสสาวโพโธ โหตีติ. อถ วา ลกฺขียตีติ ลกฺขณํ, กกฺขฬตฺตํ หุตฺวา ลกฺขิยมานา ธาตุ กกฺขฬตฺตลกฺขณาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เสสาสุปิ เอเสว นโย. ปติฏฺานรสาติ สหชาตธมฺมานํ ปติฏฺาภาวกิจฺจา. ตโต เอว เนสํ สมฺปฏิจฺฉนากาเรน าณสฺส ปจฺจุปติฏฺตีติ สมฺปฏิจฺฉนปจฺจุปฏฺานา. ปทฏฺานํ ปเนตฺถ อฺธมฺมตาย น อุทฺธฏํ, สาธารณภาวสพฺภาวโต วา ทูรการณํ วิย. ยถา วา ธมฺมุทฺเทสวารวณฺณนาทีสุ รสาทินา อฺเสํ ปจฺจยภาวํ ทสฺเสตฺวา ปจฺจยวนฺตตาทสฺสนตฺถํ ปทฏฺานํ อุทฺธฏํ, น เอวมิธ. อิธ ปน ธาตูนํ อนฺสาธารณวิเสสวิภาวนปราย โจทนาย อฺธมฺมภูตํ ปทฏฺานํ น อุทฺธฏนฺติ ทฏฺพฺพํ. พฺรูหนรสาติ สหชาตธมฺมานํ วฑฺฒนกิจฺจา. ตถา หิ สา เนสํ ปีณิตภาวํ ทสฺเสตีติ วุจฺจติ. สงฺคหปจฺจุปฏฺานาติ พาหิรอุทกํ วิย นฺหานียจุณฺณสฺส สหชาตธมฺมานํ สงฺคหณปจฺจุปฏฺานา. มทฺทวานุปฺปทานปจฺจุปฏฺานาติ พาหิรคฺคิ วิย ชตุโลหาทีนํ สหชาตธมฺมานํ มุทุภาวานุปฺปทานปจฺจุปฏฺานา. อภินีหาโร ภูตสงฺฆาฏสฺส เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาโว, นีหรณํ วา พีชโต องฺกุรสฺส วิย.

๓๕๑. อุตุสมุฏฺานาว กมฺมาทิวเสน อนุปฺปตฺติโต. อุตุจิตฺตสมุฏฺานา กทาจิ อุตุโต, กทาจิ จิตฺตโต อุปฺปชฺชนโต. อวเสสาติ วุตฺตาวเสสา เกสาทโย จตุวีสติ, อาทิโต ตโย เตโชโกฏฺาสา, ปฺจ วาโยโกฏฺาสา จาติ ทฺวตฺตึส. สพฺเพปีติ เต สพฺเพปิ กมฺมาทิวเสน อุปฺปชฺชนโต จตุสมุฏฺานา. เกสาทีนมฺปิ หิ มํสโต อวิมุตฺตภาโค กมฺมาหารจิตฺตสมุฏฺาโนว โหตีติ.

๓๕๒. นานตฺเตกตฺตโตติ วิเสสสามฺโต. ธมฺมานํ หิ อฺมฺํ วิสทิสตา นานตฺตํ, สมานตา เอกตฺตํ. สพฺพาสมฺปีติ จตุนฺนมฺปิ. สลกฺขณาทิโตติ สกํ ลกฺขณํ สลกฺขณํ, ตโต สลกฺขณาทิโต. อาทิ-สทฺเทน รสปจฺจุปฏฺานานํ วิย มุทุสณฺหผรุสภาวาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘กมฺมสมุฏฺานาทิวเสน นานตฺตภูตาน’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ กมฺมสมุฏฺานาทิวเสน จตุนฺนํ ธาตูนํ เอกตฺตํ โหติ สาธารณตฺตาติ? น, ‘‘อฺา เอว ธาตุโย กมฺมสมุฏฺานา, อฺา อุตุอาทิสมุฏฺานา’’ติอาทิกํ เภทํ สนฺธาย ตถา วจนโต. เอตาสํ ธาตูนํ. รุปฺปนลกฺขณํ รุปฺปนสภาวํ. กิมฺปเนตํ รุปฺปนํ นาม? ยา สีตาทิวิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ, ตสฺมึ วา สติ โย วิชฺชมานสฺเสว วิสทิสุปฺปตฺติยา เหตุภาโว, ตํ รุปฺปนํ. อนตีตตฺตาติ อปริจฺจชนโต.

มหนฺตปาตุภาโว เจตฺถ สสมฺภารธาตุวเสน เวทิตพฺโพ, ตถา มหาวิการตา มหาภูตสามฺลกฺขณธาตุวเสน, มหาปริหารตา, มหตฺตวิชฺชมานตา จ อุภยวเสนาติ. ภูตสทฺทาเปกฺขาย ‘‘เอตานี’’ติ นปุํสกนิทฺเทโส. มหนฺตานิ ปาตุภูตานิ อเนกสตสหสฺส รูปกลาปสงฺฆาฏตาย สมูหวเสน, สนฺตติวเสน จ อปริมิตปริมาณานํ, อเนกโยชนายามวิตฺถารานฺจ อุปฺปชฺชนโต. จตฺตาริ นหุตานีติ จตฺตาริ ทสสหสฺสานิ. เทวทานวาทีนํ ติคาวุตาทิสรีรวเสน มหนฺตานิ ปาตุภูตานิ.

ตตฺถายํ วจนตฺโถ – มหนฺตานิ ภูตานิ ชาตานิ นิพฺพตฺตานีติ มหาภูตานีติ. อเนกาภูตวิเสสทสฺสเนน, อเนกพฺภุตทสฺสเนน จ อเนกจฺฉริยทสฺสนวเสน มหนฺโต อพฺภุโต, มหนฺตานิ วา อภูตานิ เอตฺถาติ มหาภูโต, มายากาโร. ยกฺขาทโย ชาติวเสเนว มหนฺตา ภูตาติ มหาภูตา, นิรุฬฺโห วา อยํ เตสุ มหาภูตสทฺโท ทฏฺพฺโพ. ปถวีอาทโย ปน วฺจกตาย, อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานตาย จ มหาภูตา วิย มหาภูตา. ภูตสทฺทสฺส อุภยลิงฺคตาย นปุํสกตา กตา. ตตฺถ วฺจกตา สยํ อนีลาทิสภาวานิ หุตฺวา นีลาทิสภาวสฺส อุปฏฺาปนํ, อนิตฺถิปุริสาทิสภาวาเนว จ หุตฺวา อิตฺถิปุริสาทิอาการสฺส อุปฏฺาปนํ. ตถา อฺมฺสฺส อนฺโต, พหิ จ อฏฺิตานํเยว อฺมฺํ นิสฺสาย อวฏฺานโต อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานตา. ยทิ หิ อิมา ธาตุโย อฺมฺสฺส อนฺโต ิตา, น สกิจฺจกรา สิยุํ อฺมฺานุปฺปเวสนโต, อถ พหิ ิตา วินิพฺภุตฺตา สิยุํ. ตถา สติ อวินิพฺภุตฺตวาโท หาเยยฺย, ตสฺมา น นิทฺทิสิตพฺพฏฺานา. เอวํ สนฺเตปิ ปติฏฺานาทินา ยถาสกํ กิจฺจวิเสเสน เสสานํ ติณฺณํ ติณฺณํ อุปการิกา โหนฺติ, เยน สหชาตาทินา ปจฺจเยน ปจฺจยา โหนฺติ. เตนาห ‘‘น จ อฺมฺํ นิสฺสาย น ติฏฺนฺตี’’ติ. มนาเปหีติ มโนหเรหิ จาตุริยวนฺเตหิ. วณฺณสณฺานวิกฺเขเปหีติ กาฬสามตาทิวณฺเณหิ, ปุถุลวิวรกิสตาทิสณฺาเนหิ, หตฺถภมุกาทิวิกฺเขเปหิ จ. สรสลกฺขณนฺติ สภาวภูตํ ลกฺขณํ, สกิจฺจกํ วา สภาวํ.

มหาปริหารโตติ เอตฺถ วจนตฺถํ วทนฺโต อาห ‘‘มหนฺเตหิ…เป… ภูตานิ, มหาปริหารานิ วา ภูตานี’’ติ. ตตฺถ ปจฺฉิมตฺเถ ปุริมปเท อุตฺตรปทสฺส ปริหาร-สทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘มหาภูตานี’’ติ วุตฺตํ.

ตถา หีติ ตโต เอว วิการสฺส มหนฺตตฺตา เอวาติ ตํ วิการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภูมิโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อจฺจิมโตติ อคฺคิสฺส. โกฏิสตสหสฺสํ เอกํ โกฏิสตสหสฺเสกํ จกฺกวาฬนฺติ ตํ สพฺพํ อาณาเขตฺตภาเวน เอกํ กตฺวา วทติ. วิลียตีติ วิปตฺติกรเมฆาภิวุฏฺเน ขารุทเกน ลวณํ วิย วิลยํ คจฺฉติ วิทฺธํสติ. กุปิเตนาติ ขุภิเตน. วิกีรตีติ วิธมติ วิทฺธํสติ.

อนุปาทินฺเนสุ วิการมหตฺตํ ทสฺเสตฺวา อุปาทินฺเนสุ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปตฺถทฺโธ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กฏฺมุเขน วาติ วา-สทฺโท อุปมตฺโถ. ยถา กฏฺมุเขน สปฺเปน ฑฏฺโ ปตฺถทฺโธ โหติ, เอวํ ปถวีธาตุปฺปโกเปน โส กาโย กฏฺมุเขว โหติ, กฏฺมุขมุขคโต วิย ปตฺถทฺโธ โหตีติ อตฺโถ. อถ วา วา-สทฺโท อวธารณตฺโถ. โส ‘‘ปถวีธาตุปฺปโกเปน วา’’ติ เอวํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺโพ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – กฏฺมุเขน ฑฏฺโปิ กาโย ปถวีธาตุปฺปโกเปเนว ปตฺถทฺโธ โหติ, ตสฺมา ปถวีธาตุยา อวิยุตฺโต โส กาโย สพฺพทา กฏฺมุขมุขคโต วิย โหตีติ. วา-สทฺโท วา อนิยมตฺโถ, ตตฺรายมตฺโถ – กฏฺมุเขน ฑฏฺโ กาโย ปตฺถทฺโธ โหติ วา, น วา โหติ มนฺตาคทวเสน, ปถวีธาตุปฺปโกเปน ปน มนฺตาคทรหิโต โส กาโย กฏฺมุขมุขคโต วิย โหติ เอกนฺตปตฺถทฺโธติ.

ปูติโยติ กุถิโต. สนฺตตฺโตติ สพฺพโส ตตฺโต สมุปฺปนฺนทาโห. สฺฉินฺโนติ สมนฺตโต ฉินฺโน ปรมาณุเภทสฺจุณฺโณ อายสฺมโต อุปเสนตฺเถรสฺส สรีรํ วิย. มหาวิการานิ ภูตานีติ มหาวิการวนฺตานิ ภูตานิ มหาภูตานีติ ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปน นิทฺเทโส ทฏฺพฺโพ. ‘‘ปถวี’’ติอาทินา สพฺพโลกสฺส ปากฏานิปิ วิปลฺลาสํ มุฺจิตฺวา ยถาสภาวโต ปริคฺคณฺหเน มหนฺเตน วายาเมน วินา น ปริคฺคณฺหนฺตีติ ทุวิฺเยฺยสภาวตฺตา ‘‘มหนฺตานี’’ติ วุจฺจนฺติ. ตานิ หิ สุวิฺเยฺยานิ. ‘‘อมหนฺตานี’’ติ มนฺตฺวา ิตา เตสํ ทุปฺปริคฺคหตํ ทิสฺวา ‘‘อโห มหนฺตานิ เอตานี’’ติ ชานาตีติ มหาภูเตกเทสตาทีหิ วา การเณหิ มหาภูตานิ. เอตา หิ ธาตุโย มหาภูเตกเทสโต, มหาภูตสามฺโต, มหาภูตสนฺนิสฺสยโต, มหาภูตภาวโต, มหาภูตปริโยสานโต จาติ อิเมหิปิ การเณหิ ‘‘มหาภูตานี’’ติ วุจฺจนฺติ.

ตตฺถ มหาภูเตกเทสโตติ ‘‘ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว, สมนุปสฺสถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๐๑) หิ อวิเสเสน ขนฺธปฺจกํ ‘‘ภูต’’นฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ ยทิทํ กามภเว, รูปภเว, ปฺจโวการภเว, เอกจฺเจ จ สฺีภเว ปวตฺตํ ขนฺธปฺจกํ, ตํ มหาวิสยตาย ‘‘มหาภูต’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. ปถวีอาทโย ปน จตสฺโส ธาตุโย ตสฺส มหาภูตสฺส เอกเทสภูตา ‘‘มหาภูตา’’ติ วุจฺจนฺติ. สมุทาเยสุ หิ ปวตฺตโวหารา อวยเวสุปิ ทิสฺสนฺติ ยถา ‘‘สมุทฺโท ทิฏฺโ, ปโฏ ทฑฺโฒ’’ติ จ. มหาภูตสมฺโตติ ตทธีนวุตฺติตาย ภวนฺติ เอตฺถ อุปาทารูปานีติ ภูตานิ, ปถวีอาทโย จตสฺโส ธาตุโย. สา ปนายเมตาสุ ภูตสมฺา อนฺตฺถวุตฺติตาย อุปาทารูปานํ อวิปรีตฏฺา, โลกสฺส เจตา พหูปการา, จกฺขุสมุทฺทาทีนํ นิสฺสยภูตา จาติ มหนฺตานิ ภูตานีติ สมฺายึสุ. มหาภูตสนฺนิสฺสยโตติ มหนฺตานํ มหานุภาวานํ มหาสมฺมตมนฺธาตุปฺปภุตีนํ รฺํ, สกฺกาทีนํ เทวานํ, เวปจิตฺติอาทีนํ อสุรานํ, มหาพฺรหฺมาทีนํ พฺรหฺมานํ, คุณโต วา มหนฺตานํ พุทฺธานํ, ปจฺเจกพุทฺธานํ, สาวกานํ อุปาทายุปาทาย วา สพฺเพสมฺปิ ภูตานํ สตฺตานํ นิสฺสยภูตตาย มหนฺตา ภูตา เอเตสูติ มหาภูตา. จาตุมหาภูติโก หิ เนสํ กาโยติ. มหาภูตภาวโตติ พหุภูตภาวโต. อยํ หิ มหา-สทฺโท ‘‘มหาชโน สนฺนิปติโต’’ติอาทีสุ พหุภาเว ทิสฺสติ. ปถวีอาทโย จ ธาตุโย เอกสฺมิมฺปิ อตฺตภาเว อปริเมยฺยปฺปเภทา ปวตฺตนฺติ. ตสฺมา มหนฺตา พหู อเนกสตสหสฺสปฺปเภทา ภูตาติ มหาภูตา. มหาภูตปริโยสานโตติ มหาภูตสฺส วเสน ปริโยสานปฺปตฺติโต.

‘‘กาโล ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา;

โย จ กาลฆโส ภูโต, ส ภูตปจนึ ปจี’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๙๐) –

หิ เอวมาทีสุ ขีณาสโว ‘‘ภูโต’’ติ วุตฺโต. โส หิ อุจฺฉินฺนภวเนตฺติกตาย อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา เอกนฺตโต ‘‘ภูโต’’ติ วุจฺจติ, น อิตเร, ภวิสฺสนฺตีติ โวหารํ อนตีตตฺตา. ภูโต เอว อิธ ปูชาวเสน ‘‘มหาภูโต’’ติ วุตฺโต ยถา ‘‘มหาขีณาสโว, มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ จ. อิมาสฺจ ธาตูนํ อนาทิมติ สํสาเร ปพนฺธวเสน ปวตฺตมานานํ ยถาวุตฺตสฺส มหาภูตสฺเสว สนฺตาเน ปริโยสานปฺปตฺติ, นาฺตฺร. ตสฺมา มหาภูเต ภูตา ปริโยสานํ ปตฺตาติ มหาภูตา ปุริมปเท ภูต-สทฺทสฺส โลปํ กตฺวา. เอวเมตา ธาตุโย มหาภูเตกเทสตาทีหิ มหาภูตาติ เวทิตพฺพา. ปถวีอาทีนํ กกฺขฬปคฺฆรณาทิวิเสสลกฺขณสมงฺคิตา อปริจฺจตฺตธาตุลกฺขณานํเยวาติ อาห ‘‘ธาตุลกฺขณํ อนตีตตฺตา’’ติ. น หิ สามฺปริจฺจาเคน วิเสโส, วิเสสนิรเปกฺขํ วา สามฺํ ปวตฺตติ. ตถา หิ วทนฺติ –

‘‘ตมตฺถาเปกฺขโต เภทํ, สสามฺํ ชหาติ โน;

คณฺหาติ สํสยุปฺปาทา, สเมเวกตฺถกํ ทฺวย’’นฺติ.

สลกฺขณธารเณน จาติ เยน สลกฺขณธารเณน ‘‘ธาตุโย’’ติ วุจฺจนฺติ, เตเนว ‘‘ธมฺมา’’ติปิ วุจฺจนฺติ อุภยถาปิ นิสฺสตฺตนิชฺชีวตาย เอว วิภาวนโต. เตเนวาห – ‘‘ฉธาตุโรยํ ภิกฺขุ ปุริโส, ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรตี’’ติ จ. อรูปานํ ขณโต รูปานํ ขณสฺส นาติอิตฺตรตายาห ‘‘อตฺตโน ขณานุรูป’’นฺติ. ธรเณนาติ าเนน, ปวตฺตเนนาติ อตฺโถ. ขยฏฺเนาติ ขณภงฺคุตาย. ภยฏฺเนาติ อุทยวยปฏิปีฬนาทินา สปฺปฏิภยตาย. อสารกฏฺเนาติ อตฺตสารวิรเหน.

๓๕๓. สหุปฺปนฺนาว เอตาติ เอตา จตสฺโส ธาตุโย สห อุปฺปนฺนาว สห ปวตฺตมานาว สมานกาเล ลพฺภมานาปิ อวกํสโต สพฺพปริยนฺติเม อุตุจิตฺตาหารสมุฏฺาเนสุ สุทฺธฏฺเก, กมฺมเชสุ ชีวิตนวเกติ เอเกกสฺมึ สุทฺธฏฺกาทิกลาเปปิ ปเทเสน อวินิพฺภุตฺตา วิสุํ วิสุํ อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานตาย. ยตฺถ หิ ติสฺสนฺนํ ธาตูนํ ปติฏฺาวเสน ปถวี, ตตฺเถว ตสฺสา อาพนฺธนปริปาจนสมุทีรณวเสน อิตรา. เอส นโย เสสาสุปิ.

๓๕๔. ปุริมา ทฺเว ครุกตฺตา สภาคา อฺมฺนฺติ อธิปฺปาโย. เอตฺถ จ นนุ ปถวิยาปิ ลหุภาโว อตฺถิ. ตถา หิ สา ‘‘กกฺขฬํ มุทุกํ สณฺหํ ผรุสํ ครุกํ ลหุก’’นฺติ นิทฺทิฏฺา, อาเปปิ ลหุภาโว ลพฺภเตวาติ? น, นิปฺปริยายครุภาวสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ครุภาโว เอว หิ ปถวีธาตุยา ครุตรํ อุปาทาย ลหุภาโวติ ปริยาเยน วุตฺโต สีตภาโว วิย เตโชธาตุยา. ยทิ เอวํ รูปสฺส ลหุตาติ กถํ? อยมฺปิ วุตฺตนยา เอว ลหุตาการํ อุปาทาย ลพฺภนโต. น หิ ปริจฺเฉทวิการลกฺขณานิ ปรมตฺถโต ลพฺภนฺติ นิปฺผนฺนรูปานํ อวตฺถาวิเสสสภาวโต. ตสฺมา ปรมตฺถสิทฺธํ ครุภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปุริมา ทฺเว ครุกตฺตา สภาคา’’ติ. ‘‘ตถา’’ติ ปเทน ‘‘สภาคา’’ติ อิมมตฺถํ อุปสํหรติ. ‘‘ทฺเว’’ติ ปน อิทํ ยถา ‘‘ปุริมา’’ติ เอตฺถ, เอวํ ‘‘ปจฺฉิมา’’ติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. วิสภาคา ครุกลหุกภาวโตติ อธิปฺปาโย. ยถา จ ครุกลหุกภาเวหิ, เอวํ เปยฺยภาวาเปยฺยภาเวหิ จ สภาควิสภาคตา โยเชตพฺพา.

๓๕๕. อชฺฌตฺติกา เหฏฺา วุตฺตอชฺฌตฺติกา, สตฺตสนฺตานปริยาปนฺนาติ อตฺโถ. วิฺาณวตฺถุ วิฺตฺติอินฺทฺริยานนฺติ จกฺขาทีนํ ฉนฺนํ วิฺาณวตฺถูนํ, ทฺวินฺนํ วิฺตฺตีนํ, อิตฺถิปุริสินฺทฺริยชีวิตินฺทฺริยานฺจ. เย ปน ‘‘วิฺาณวตฺถูติ หทยวตฺถุ คหิต’’นฺติ วทนฺติ, เตสํ อินฺทฺริย-คฺคหเณน อฏฺนฺนมฺปิ รูปินฺทฺริยานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. ‘‘วุตฺตวิปรีตปฺปการา’’ติ อิทํ พาหิรานํ ธาตูนํ ยถา สพฺพโส วิฺาณวตฺถุวิฺตฺติอินฺทฺริยานํ อนิสฺสยตา จ อิริยาปถวิรโห จ วุตฺตวิปริยาโย, เอวํ จตุสมุฏฺานตาปีติ กตฺวา วุตฺตํ, น ลกฺขณรูปสฺส วิย กุโตจิปิ สมุฏฺานสฺส อภาวโต อุตุสมุฏฺานตาย ตาสํ. ลหุตาทินิสฺสยตาปิ อชฺฌตฺติกานํ ธาตูนํ วตฺตพฺพา, น วา วตฺตพฺพา. วิฺตฺติ-คฺคหณํ หิ ลกฺขณนฺติ.

๓๕๖. อิตราหีติ อาโปเตโชวายุธาตูหิ. เอกสงฺคหาติ สชาติสงฺคเหน เอกสงฺคหา. สมานชาติยานํ หิ สงฺคโห สหชาติสงฺคโห. เตนาห ‘‘สมุฏฺานนานตฺตาภาวโต’’ติ.

๓๕๗. ติณฺณํมหาภูตานํ ปติฏฺา หุตฺวา ปจฺจโย โหตีติ เยหิ มหาภูเตหิ สมฺปิณฺฑนวเสน สงฺคหิตา, ปริปาจนวเสน อนุปาลิตา, สมุทีรณวเสน วิตฺถมฺภิตา จ, เตสํ อตฺตนา สหชาตานํ ติณฺณํ มหาภูตานํ ปติฏฺา หุตฺวา ตโต เอว สนฺธารณวเสน อวสฺสโย โหติ, วุตฺตนเยน วา ปติฏฺา หุตฺวา สหชาตาทิวเสน ปจฺจโย โหตีติ. เอส นโย เสสาสุปิ.

๓๕๘. ยทิปิ อฺมฺอาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาติ เหฏฺา ธาตูนํ อสมนฺนาหารตา ทสฺสิตา เอว, อถาปิ อิมินาว นเยน วิสุํ กมฺมฏฺานปริคฺคโห กาตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปถวีธาตุ เจตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปถวีธาตุ เจตฺถาติ -สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน อยมฺปิ เอโก มนสิการปฺปกาโรติ ทีเปติ. เอตฺถาติ เอตาสุ ธาตูสุ. อหํ ‘‘ปถวีธาตู’’ติ วา ‘‘ปจฺจโย โหมี’’ติ วา น ชานาตีติ อตฺตนิ วิย อตฺตโน กิจฺเจ จ อาโภคาภาวํ ทสฺเสตฺวา อุปการกสฺส วิย อุปกตฺตพฺพานมฺปิ อาโภคาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิตรานิปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพตฺถาติ สพฺพาสุ ธาตูสุ, ตตฺถาปิ อตฺตกิจฺจุปกตฺตพฺพเภเทสุ สพฺเพสุ.

๓๕๙. ปจฺจยวิภาคโตติ ปจฺจยธมฺมวิภาคโต เจว ปจฺจยภาววิภาคโต จ. ‘‘ปจฺจยโต’’ติ หิ อิมินา ปถวีอาทีนํ อฺาสาธารโณ ปติฏฺาภาวาทินา เสสภูตตฺตยสฺส ปจฺจยภาโว วุตฺโต. อิธ ปน เยหิ ธมฺเมหิ ปถวีอาทีนํ อุปฺปตฺติ, เตสํ ปถวีอาทีนฺจ อนวเสสโต ปจฺจยภาววิภาโค วุจฺจตีติ อยํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อาการานํ วิเสโส. กมฺมนฺติ กุสลากุสลํ รูปุปฺปาทกํ กมฺมํ. จิตฺตนฺติ ยํ กิฺจิ รูปุปฺปาทกํ จิตฺตํ. อาหาโรติ อชฺฌตฺติโก รูปุปฺปาทโก อาหาโร. อุตูติ โย โกจิ อุตุ, อตฺถโต เตโชธาตุ. กมฺมเมวาติ อวธารณํ สมุฏฺานสงฺกราภาวทสฺสนตฺถํ, เตน อกมฺมชานมฺปิ เกสฺจิ กมฺมสฺส ปริยายปจฺจยภาโว ทีปิโต โหติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กมฺมปจฺจยจิตฺตสมุฏฺาน’’นฺติอาทิ. นนุ จ กมฺมสมุฏฺานานํ กมฺมโต อฺเนปิ ปจฺจเยน ภวิตพฺพนฺติ? ภวิตพฺพํ, โส ปน กมฺมคติโกวาติ ปฏิโยคีนิวตฺตนตฺถํ อวธารณํ กตํ, เตนาห ‘‘น จิตฺตาทโย’’ติ. จิตฺตาทิสมุฏฺานานนฺติ เอตฺถาปิ อยมตฺโถ ยถารหํ วตฺตพฺโพ. อิตเรติ จิตฺตาทิโต อฺเ. ชนกปจฺจโยติ สมุฏฺาปกตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปจฺจโย ปน กมฺมปจฺจโยว. วุตฺตํ หิ ‘‘กุสลากุสลา เจตนา วิปากานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๗).

เสสานนฺติ จิตฺตาทิสมุฏฺานานํ. ปริยายโต อุปนิสฺสยปจฺจโย โหตีติ ปฏฺาเน (ปฏฺา. ๑.๑.๙) อรูปานํเยว อุปนิสฺสยปจฺจยสฺส อาคตตฺตา นิปฺปริยาเยน รูปธมฺมานํ อุปนิสฺสยปจฺจโย นตฺถิ. สุตฺเต ปน ‘‘ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วนสณฺฑํ อุปนิสฺสายา’’ติ วจนโต สุตฺตนฺติกปริยาเยน วินา อภาโว อุปนิสฺสยปจฺจโยติ เวทิตพฺโพ. จิตฺตํ ชนกปจฺจโย โหตีติ สหชาตนิสฺสยาหาราทิวเสน ปจฺจโย โหนฺตํ จิตฺตํ สมุฏฺาปกตํ อุปาทาย ‘‘ชนกปจฺจโย โหตี’’ติ วุตฺตํ. อาหารอุตูสุปิ เอเสว นโย.

เอวํ กมฺมาทีนํ ปจฺจยธมฺมานํ วเสน ธาตูสุ ปจฺจยวิภาคํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํสมุฏฺานานํ ธาตูนมฺปิ วเสน ปจฺจยวิภาคํ ทสฺเสนฺโต ปมํ ตาว ‘‘กมฺมสมุฏฺานํ มหาภูต’’นฺติอาทินา อุทฺทิสิตฺวา ปุน ‘‘ตตฺถ กมฺมสมุฏฺานา ปถวีธาตู’’ติอาทินา นิทฺทิสติ. ตตฺถ กมฺมสมุฏฺานา ปถวีธาตูติ ‘‘กมฺมสมุฏฺานํ มหาภูต’’นฺติ เอตฺถ สามฺโต วุตฺตา กมฺมชปถวีธาตุ. กมฺมสมุฏฺานานํ อิตราสนฺติ กมฺมชานํ อาโปธาตุอาทีนํ ติสฺสนฺนํ ธาตูนํ สหุปฺปตฺติยา อตฺตโน อุปการกานํ ตาสํ อุปการกโต, อาธารภาวโต, อุปฺปาทโต ยาว ภงฺคาธรณโต, วิคมาภาวโต จ สหชาตอฺมฺนิสฺสยอตฺถิอวิคตวเสน เจว ปติฏฺาวเสน จ ปจฺจโย โหติ, โหนฺตี จ กมฺมํ วิย อตฺตโน, ตาสฺจ น ชนกวเสน ปจฺจโย โหติ อสมุฏฺาปกตฺตา ตาสํ. กามฺเจตฺถ นิสฺสยปจฺจย-คฺคหเณเนว ปติฏฺาภาโว สงฺคหิโต, ปถวีธาตุยา ปน อนฺสาธารณกิจฺจํ สหชาตานํ ปติฏฺาภาโวติ อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปติฏฺาวเสน จา’’ติ วิสุํ กตฺวา วุตฺตํ. อาพนฺธนวเสน จาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ติสนฺตติมหาภูตานนฺติ อุตุจิตฺตาหารสมุฏฺานานํ จตุมหาภูตานํ อฺมฺํ อโวกิณฺณานํ, อวิจฺเฉเทน ปวตฺตึ อุปาทาย สนฺตตีติ สนฺตติคฺคหณํ. ปถวีธาตุยา ปติฏฺาภาโว นาม สหชาตานํ ธมฺมานํเยวาติ อาห ‘‘น ปติฏฺาวเสนา’’ติ. น อาพนฺธนวเสนาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถาติ เอเตสุ กมฺมสมุฏฺานมหาภูเตสุ. ‘‘จิตฺตสมุฏฺานา ปถวีธาตุ จิตฺตสมุฏฺานานํ อิตราส’’นฺติอาทีสุ สุกโร ตนฺตินโย เนตุนฺติ ‘‘จิตฺตอาหาร…เป… เอเสว นโย’’ติ อติทิสติ.

สหชาตาทิปจฺจยวสปฺปวตฺตาสุ จ ปนาติ เอตฺถ -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, ปน-สทฺโท วิเสสตฺโถ, ตทุภเยน จ ยถาวุตฺตสหชาตาทิปจฺจเยหิ ปวตฺตมานา ธาตุโย อิมินา วิเสเสน ปวตฺตนฺตีติ อิมมตฺถํ ทีเปติ.

อิทานิ ตํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกํ ปฏิจฺจา’’ติคาถมาห. ตตฺถ เอกํ ธาตุํ ปฏิจฺจ ติสฺโส ธาตุโย จตุธา สมฺปวตฺตนฺติ, ติสฺโส ธาตุโย ปฏิจฺจ เอกาว ธาตุ จตุธา สมฺปวตฺตติ, ทฺเว ธาตุโย ปฏิจฺจ ทฺเว ธาตุโย ฉธา สมฺปวตฺตนฺตีติ โยชนา. อตฺโถ ปน ปถวีอาทีสุ เอเกกิสฺสา ปจฺจยภาเว อิตราสํ ติสฺสนฺนํ ติสฺสนฺนํ ปจฺจยุปฺปนฺนตาติ อยเมโก จตุกฺโก, ติสฺสนฺนํ ติสฺสนฺนํ ปจฺจยภาเว อิตราย เอเกกิสฺสา ปจฺจยุปฺปนฺนตาติ อยมปโร จตุกฺโก, ปมทุติยา, ตติยจตุตฺถา, ปมตติยา, ทุติยจตุตฺถา, ปมจตุตฺถา, ทุติยตติยาติ อิมาสํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ปจฺจยภาเว ตตฺถ ตตฺถ อิตราสํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ปจฺจยุปฺปนฺนตาติ อยเมโก ฉกฺโก. เอวํ ปจฺจยภาเวน จตุธา, ฉธา จ ปวตฺตมานานํ เอกกทฺวิกติกวเสน ติกทุกเอกกวเสน จ ยถากฺกมํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตาวิภาโค เวทิตพฺโพ. อยฺจ ปจฺจยภาโว สหชาตอฺมฺนิสฺสยอตฺถิอวิคตปจฺจยวเสน, ตตฺถาปิ จ อฺมฺมุเขเนว เวทิตพฺโพ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ปฏิจฺจวาเร ‘‘เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ ตโย มหาภูตา, ตโย มหาภูเต ปฏิจฺจ เอกํ มหาภูตํ, ทฺเว มหาภูเต ปฏิจฺจ ทฺเว มหาภูตา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๕๓).

อภิกฺกมปฏิกฺกมาทีติ อาทิ-สทฺเทน อาทานวิสฺสชฺชนาทิกายิกกิริยากรณสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อุปฺปีฬนสฺส ปจฺจโย โหติ ฆฏฺฏนกิริยาย ปถวีธาตุวเสน สิชฺฌนโต. สาวาติ ปถวีธาตุเยว. อาโปธาตุยา อนุคตา อาโปธาตุยา ตตฺถ อปฺปธานภาวํ, ปถวีธาตุยา จ ปธานภาวนฺติ ปติฏฺาภาเว วิย ปติฏฺาปเนปิ สาติสยกิจฺจตฺตา ตสฺสา ปติฏฺาปนสฺส ปาทฏฺปนสฺส ปจฺจโย โหตีติ สมฺพนฺโธ. อวกฺเขปนสฺสาติ อโธนิกฺขิปนสฺส. ตตฺถ จ ครุตรสภาวาย อาโปธาตุยา สาติสโย พฺยาปาโรติ อาห ‘‘ปถวีธาตุยา อนุคตา อาโปธาตู’’ติ. ตถา อุทฺธงฺคติกา เตโชธาตูติ อุทฺธรเณ วาโยธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว วุตฺโต. ติริยํ คติกาย วาโยธาตุยา อติหรณวีติหรเณสุ สาติสโย พฺยาปาโรติ เตโชธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว คหิโต. ตตฺถ ิตฏฺานโต อภิมุขํ ปาทสฺส หรณํ อติหรณํ, ปุรโต หรณํ. ตโต โถกํ วีติกฺกมฺม หรณํ วีติหรณํ, ปสฺสโต หรณํ.

เอเกเกน มุเขนาติ ‘‘ปตฺถฏตฺตา ปถวี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๓๔๗) วิภตฺเตสุ เตรสสุ อากาเรสุ เอเกเกน ธาตูนํ ปริคฺคณฺหนมุเขน. สฺวายนฺติ โส อยํ อุปจารสมาธิ. กถํ ปนสฺส ววตฺถานปริยาโยติ อาห ‘‘จตุนฺนํ ธาตูน’’นฺติอาทิ.

๓๖๐. อิทานิ อิมิสฺสา ภาวนาย อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘อิทฺจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สุฺตํ อวคาหตีติ ธาตุมตฺตตาทสฺสเนน รูปกายสฺส อนตฺตกตํ ววตฺถาปยโต ตทนุสาเรน นามกายสฺสาปิ อนตฺตกตา สุปากฏา โหตีติ สพฺพโส อตฺตสุฺตํ ปริโยคาหติ ตตฺถ ปติฏฺหติ. สตฺตสฺํ สมุคฺฆาเตตีติ ตโต เอว ‘‘สตฺโต โปโส อิตฺถี ปุริโส’’ติ เอวํ ปวตฺตํ อยาถาวสฺํ อุคฺฆาเตติ สมูหนติ. วาฬมิคยกฺขรกฺขสาทิวิกปฺปํ อนาวชฺชมาโนติ สสนฺตาเน วิย ปรสนฺตาเนปิ ธาตุมตฺตตาย สุทิฏฺตฺตา ขีณาสโว วิย ‘‘อิเม สีหพฺยคฺฆาทโย วาฬมิคา, อิเม ยกฺขรกฺขสา’’ติ เอวมาทิวิกปฺปํ อกโรนฺโต ภยเภรวํ สหติ อภิภวติ. ยถาวุตฺตวิกปฺปนาปชฺชนํ หิ ภยเภรวสหนสฺส การณํ วุตฺตํ. อุคฺฆาโต อุปฺปิลาวิตตฺตํ. นิคฺฆาโต ทีนภาวปฺปตฺติ. มหาปฺโ จ ปน โหติ ธาตุวเสน กาเย สมฺมเทว ฆนวินิพฺโภคสฺส กรณโต. ตถา หิทํ กมฺมฏฺานํ พุทฺธิจริตสฺส อนุกูลนฺติ วุตฺตํ, สุคติปรายโณ วา อินฺทฺริยานํ อปริปกฺกตายนฺติ อธิปฺปาโย.

เอกูนวีสติภาวนานยปฏิมณฺฑิตสฺส

จตุธาตุววตฺถานนิทฺเทสสฺส ลีนตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓๖๑. ‘‘โก สมาธี’’ติอาทินา สรูปาทิปุจฺฉา ยาวเทว วิภาคาวโพธนตฺถา. สรูปาทิโต หิ าตสฺส ปเภโท วุจฺจมาโน สุวิฺเยฺโย โหติ สงฺเขปปุพฺพกตฺตา วิตฺถารสฺส, วิตฺถารวิธินา จ สงฺเขปวิธิ สงฺคยฺหตีติ ‘‘สมาธิสฺส วิตฺถารํ ภาวนานยฺจ ทสฺเสตุ’’นฺติ วุตฺตํ. อถ วา ‘‘โก สมาธี’’ติอาทินาปิ สมาธิสฺเสว ปการเภโท ทสฺสียติ, ภาวนานิสํโสปิ ภาวนานยนิสฺสิโต เอวาติ อธิปฺปาเยน ‘‘วิตฺถารํ ภาวนานยฺจ ทสฺเสตุ’’นฺติ วุตฺตํ. สพฺพปฺปการโตติ ปลิโพธุปจฺเฉทาทิกสฺส สพฺพสฺส ภาวนาย ปุพฺพกิจฺจสฺส กรณปฺปการโต เจว สพฺพกมฺมฏฺานภาวนาวิภาวนโต จ.

‘‘สมตฺตา โหตี’’ติ วตฺวา ตเมว สมตฺตภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘ทุวิโธเยวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิธ อธิปฺเปโต สมาธีติ โลกิยสมาธึ อาห. ทสสุ กมฺมฏฺาเนสูติ ยานิ เหฏฺา ‘‘อุปจาราวหานี’’ติ วุตฺตานิ ทส กมฺมฏฺานานิ, เตสุ. อปฺปนาปุพฺพภาคจิตฺเตสูติ อปฺปนาย ปุพฺพภาคจิตฺเตสุ อฏฺนฺนํ ฌานานํ ปุพฺพภาคจิตฺตุปฺปาเทสุ. เอกคฺคตาติ เอกาวชฺชนวีถิยํ, นานาวชฺชนวีถิยฺจ เอกคฺคตา. อวเสสกมฺมฏฺาเนสูติ ‘‘อปฺปนาวหานี’’ติ วุตฺเตสุ ตึสกมฺมฏฺาเนสุ.

สมาธิอานิสํสกถาวณฺณนา

๓๖๒. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต อตฺตภาโว, ตตฺถ สุขวิหาโร ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร. กามํ ‘‘สมาปชฺชิตฺวา’’ติ เอเตน อปฺปนาสมาธิเยว วิภาวิโต, ‘‘เอกคฺคจิตฺตา’’ติ ปน ปเทน อุปจารสมาธิโนปิ คหณํ โหตีติ ตโต นิวตฺตนตฺถํ ‘‘อปฺปนาสมาธิภาวนา’’ติ วุตฺตํ. น โข ปเนเตติ เอเต พาหิรกภาวิตา ฌานธมฺมา จิตฺเตกคฺคตามตฺตกรา. อริยสฺส วินเย พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน ‘‘สลฺเลขา’’ติ น วุจฺจนฺติ กิเลสานํ สลฺเลขนปฏิปทา น โหตีติ กตฺวา, สาสเน ปน อวิหึสาทโยปิ สลฺเลขาว โลกุตฺตรปาทกตฺตา.

สมฺพาเธติ ตณฺหาสํกิเลสาทินา สํกิลิฏฺตาย ปรมสมฺพาเธ อติวิย สงฺกฏฏฺานภูเต สํสารปฺปวตฺเต. โอกาสาธิคมนเยนาติ อตฺถปฏิลาภโยคฺคสฺส นวมขณสงฺขาตสฺส โอกาสสฺส อธิคมนเยน. ตสฺส หิ ทุลฺลภตาย อปฺปนาธิคมมฺปิ อนธิคมยมาโน สํเวคพหุโล ปุคฺคโล อุปจารสมาธิมฺหิเยว ตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรติ ‘‘สีฆํ สํสารทุกฺขํ สมติกฺกมิสฺสามี’’ติ.

อภิฺาปาทกนฺติ อิทฺธิวิธาทิอภิฺาาณปาทกภูตํ อธิฏฺานภูตํ. โหตีติ วุตฺตนยาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ, เตน ‘‘อิมินา ปกาเรน วุตฺตนยา’’ติ เสสาภิฺานมฺปิ วุตฺตปฺปการํ สงฺคณฺหาติ. สติ สติ อายตเนติ ปุริมภวสิทฺเธ อภิฺาธิคมสฺส การเณ วิชฺชมาเน. อภิฺาธิคมสฺส หิ อธิกาโร อิจฺฉิตพฺโพ, โย ‘‘ปุพฺพเหตู’’ติ วุจฺจติ. น สมาปตฺตีสุ วสีภาโว. เตนาห ภควา ‘‘สติ สติ อายตเน’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๕๘; อ. นิ. ๓.๑๐๒). อภิฺาสจฺฉิกรณียสฺสาติ วกฺขมานวิภาคาย อภิวิสิฏฺาย ปฺาย สจฺฉิกาตพฺพสฺส. ธมฺมสฺสาติ ภาเวตพฺพสฺส เจว วิภาเวตพฺพสฺส จ ธมฺมสฺส. อภิฺาสจฺฉิกิริยาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมตีติ โยชนา. ตตฺร ตตฺเรวาติ ตสฺมึ ตสฺมึเยว สจฺฉิกาตพฺพธมฺเม. สกฺขิภาวาย ปจฺจกฺขการิตาย ภพฺโพ สกฺขิภพฺโพ, ตสฺส ภาโว สกฺขิภพฺพตา, ตํ สกฺขิภพฺพตํ.

ตํ ตํ ภวคมิกมฺมํ อารพฺภ ภวปตฺถนาย อนุปฺปนฺนายปิ กมฺมสฺส กตูปจิตภาเวเนว ภวปตฺถนากิจฺจํ สิชฺฌตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อปตฺถยมานา วา’’ติ. สห พฺเยติ ปวตฺตตีติ สหพฺโย, สหาโย, อิธ ปน เอกภวูปโค อธิปฺเปโต, ตสฺส ภาโว สหพฺยตา, ตํ สหพฺยตํ.

กึ ปน อปฺปนาสมาธิภาวนาเยว ภววิเสสานิสํสา, อุทาหุ อิตราปีติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘อุปจารสมาธิภาวนาปี’’ติอาทิ.

นิพฺพานนฺติ ติสฺสนฺนํ ทุกฺขตานํ นิพฺพุตึ. รูปธมฺเม ปริยาปนฺนา วิชฺชมานาปิ สงฺขารทุกฺขตา จิตฺตสฺส อภาเวน อสนฺตสมาว. เตนาห ‘‘สุขํ วิหริสฺสามา’’ติ. โสฬสหิ าณจริยาหีติ อนิจฺจานุปสฺสนาทุกฺขอนตฺตนิพฺพิทาวิราคนิโรธปฏินิสฺสคฺควิวฏฺฏานุปสฺสนาติ อิมาหิ อฏฺหิ, อฏฺหิ จ อริยมคฺคผลาเณหีติ เอวํ โสฬสหิ. นวหิ สมาธิจริยาหีติ ปฺจนฺนํ รูปชฺฌานานํ, จตุนฺนํ อรูปชฺฌานานฺจ วเสน เอวํ นวหิ. เกจิ ปน ‘‘จตฺตาโร รูปชฺฌานสมาธี, จตฺตาโร อรูปชฺฌานสมาธี, อุภเยสํ อุปจารสมาธึ เอกํ กตฺวา เอวํ นวา’’ติ วทนฺติ.

สมาธิภาวนาโยเคติ สมาธิภาวนาย อนุโยเค อนุยุฺชเน, สมาธิภาวนาสงฺขาเต วา โยเค. โยโคติ ภาวนา วุจฺจติ. ยถาห ‘‘โยคา เว ชายตี ภูรี’’ติ (ธ. ป. ๒๘๒).

๓๖๓. สมาธิปีติ ปิ-สทฺเทน สีลํ สมฺปิณฺเฑติ.

สมาธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ เอกาทสมปริจฺเฉทวณฺณนา.

ปโม ภาโค นิฏฺิโต.