📜
๒. ธุตงฺคนิทฺเทสวณฺณนา
๒๒. อปฺปา ¶ ¶ อิจฺฉา เอตสฺสาติ อปฺปิจฺโฉ, ปจฺจยเคธรหิโต. ตสฺส ภาโว อปฺปิจฺฉตา, อโลภชฺฌาสยตาติ อตฺโถ. สมํ ตุฏฺิ, สนฺเตน, สเกน วา ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ, สนฺตุฏฺิ เอว สนฺตุฏฺิตา, อฺํ อปตฺเถตฺวา ยถาลทฺเธหิ อิตรีตเรหิ ปจฺจเยหิ ปริตุสฺสนา. สนฺตุฏฺิตาทีหีติ ต-กาโร วา ปทสนฺธิกโร. ‘‘สนฺตุฏฺิอาทีหี’’ติ วา ปาโ. เต คุเณติ เต สีลโวทานสฺส เหตุภูเต อปฺปิจฺฉตาทิคุเณ. สมฺปาเทตุนฺติ สมฺปนฺเน กาตุํ. เต หิ สีลวิสุทฺธิยา ปฏิลทฺธมตฺตา หุตฺวา ธุตธมฺเมหิ สมฺปนฺนตรา โหนฺติ. ธุตงฺคสมาทานนฺติ กิเลสานํ ธุนนกองฺคานํ วิทฺธํสนการณานํ สมฺมเทว อาทานํ. เอวนฺติ เอวํ สนฺเต, ธุตงฺคสมาทาเน กเตติ อตฺโถ. อสฺส โยคิโน. สลฺเลโข กิเลสานํ สมฺมเทว ลิขนา เฉทนา ตนุกรณํ. ปวิเวโก จิตฺตวิเวกสฺส อุปายภูตา วิเวกฏฺกายตา. อปจโย ยถา ปฏิปชฺชนโต กิเลสา นํ อปจินนฺติ น อาจินนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชนา. วีริยารมฺโภ อนุปฺปนฺนานํ ปาปธมฺมานํ อนุปฺปาทนาทิวเสน อารทฺธวีริยตา. สุภรตา ยถาวุตฺตอปฺปิจฺฉภาวาทิสิทฺธา อุปฏฺกานํ สุขภรณียตา สุโปสตา. อาทิ-สทฺเทน อปฺปกิจฺจตาสลฺลหุกวุตฺติอาทิเก สงฺคณฺหาติ. สีลฺเจว ยถาสมาทินฺนํ ปฏิปกฺขธมฺมานํ ทูรีภาเวน สุปริสุทฺธํ ภวิสฺสติ. วตานิ จ ธุตธมฺมา จ สมฺปชฺชิสฺสนฺติ สมฺปนฺนา ภวิสฺสนฺติ, นิปฺผชฺชิสฺสนฺติ วา. ยา ถิรภูตา อิตรีตรจีวรปิณฺฑปาตเสนาสนสนฺตุฏฺิ โปราณานํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ ปเวณิภาเวน ิตา, ตตฺถ ปติฏฺิตภาวํ สนฺธายาห ‘‘โปราเณ อริยวํสตฺตเย ปติฏฺายา’’ติ. ภาวนา อารมิตพฺพฏฺเน อาราโม เอตสฺสาติ ภาวนาราโม, ตพฺภาโว ภาวนารามตา, สมถวิปสฺสนาภาวนาสุ ยุตฺตปฺปยุตฺตตา. ยสฺมา อธิคมารโห ภวิสฺสติ, ตสฺมาติ สมฺพนฺโธ.
ลาภสกฺการาทิ ตณฺหาย อามสิตพฺพโต, โลกปริยาปนฺนตาย จ โลกามิสํ. นิพฺพานาธิคมสฺส อนุโลมโต อนุโลมปฏิปทา วิปสฺสนาภาวนา. อตฺถโตติ วจนตฺถโต. ปเภทโตติ ¶ วิภาคโต. เภทโตติ วินาสโต. ธุตาทีนนฺติ ธุตธุตวาทธุตธมฺมธุตงฺคานํ. สมาสพฺยาสโตติ สงฺเขปวิตฺถารโต.
๒๓. รถิกาติ ¶ รจฺฉา. สงฺการกูฏาทีนนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. อพฺภุคฺคตฏฺเนาติ อุสฺสิตฏฺเน. ‘‘นทิยา กูล’’นฺติอาทีสุ วิย สมุสฺสยตฺโถ กูล-สทฺโทติ อาห ‘‘ปํสุกูลมิว ปํสุกูล’’นฺติ. กุ-สทฺโท กุจฺฉายํ อุล-สทฺโท คติอตฺโถติ อาห ‘‘กุจฺฉิตภาวํ คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ, ปํสุ วิย กุจฺฉิตํ อุลติ ปวตฺตตีติ วา ปํสุกูลํ. ปํสุกูลสฺส ธารณํ ปํสุกูลํ อุตฺตรปทโลเปน, ตํ สีลมสฺสาติ ปํสุกูลิโก, ยถา ‘‘อาปูปิโก’’ติ. องฺคติ อตฺตโน ผลํ ปฏิจฺจ เหตุภาวํ คจฺฉตีติ องฺคํ, การณํ. เยน ปุคฺคโล ‘‘ปํสุกูลิโก’’ติ วุจฺจติ, โส สมาทานเจตนาสงฺขาโต ธมฺโม ปํสุกูลิกสฺส องฺคนฺติ ปํสุกูลิกงฺคํ. เตนาห ‘‘ปํสุกูลิกสฺสา’’ติอาทิ. ตสฺสาติ สมาทานสฺส. สมาทิยติ เอเตนาติ สมาทานํ, เจตนา.
เอเตเนว นเยนาติ ยถา ปํสุกูลธารณํ ปํสุกูลํ, ตํสีโล ปํสุกูลิโก, ตสฺส องฺคํ สมาทานเจตนา ‘‘ปํสุกูลิกงฺค’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ เอเตเนว วจนตฺถนเยน ติจีวรธารณํ ติจีวรํ, ตํสีโล เตจีวริโก, ตสฺส องฺคํ สมาทานเจตนา ‘‘เตจีวริกงฺค’’นฺติ เวทิตพฺพํ. สงฺฆาฏิอาทีสุ เอว ตีสุ จีวเรสุ ติจีวรสมฺา, น กณฺฑุปฏิจฺฉาทิวสฺสิกสาฏิกาทีสูติ ตานิ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘สงฺฆาฏิอุตฺตราสงฺคอนฺตรวาสกสงฺขาต’’นฺติ อาห.
ตํ ปิณฺฑปาตนฺติ ปเรหิ ทิยฺยมานานํ ปิณฺฑานํ ปตฺเต ปตนสงฺขาตํ ปิณฺฑปาตํ, ตํ อฺุฉตีติ ปิณฺฑปาติโก, ยถา พาทริโก สามากิโก. ปิณฺฑปาติ เอว ปิณฺฑปาติโก, ยถา ภทฺโท เอว ภทฺทโก. อวขณฺฑนํ วิจฺฉินฺทนํ นิรนฺตรมปฺปวตฺติ. ตปฺปฏิกฺเขปโต อนวขณฺฑนํ อวิจฺฉินฺทนํ นิรนฺตรปฺปวตฺติ. สห อปทาเนนาติ สห อนวขณฺฑเนน. สปทานนฺติ ปทสฺส กิริยาวิเสสนภาวํ, ยตฺถ จ ตํ อนวขณฺฑนํ, ตฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘อวขณฺฑนรหิตํ อนุฆรนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. เอกาสเนติ อิริยาปถนฺตเรน อนนฺตริตาย เอกายเยว นิสชฺชาย. ปตฺเต ปิณฺโฑติ เอตฺถ วตฺถุเภโท อิธาธิปฺเปโต, น สามฺํ. เอว-กาโร จ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เกวลํ เอกสฺมึเยว ปตฺเต’’ติ อาห. อุตฺตรปทโลปํ กตฺวา อยํ นิทฺเทโสติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปตฺตปิณฺฑคหเณ ปตฺตปิณฺฑสฺํ กตฺวา’’ติ อาห. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ.
ปจฺฉาภตฺตํ ¶ ¶ นาม ปวารณโต ปจฺฉา ลทฺธภตฺตํ เอว. ขลุ-สทฺทสฺส ปฏิเสธตฺถวาจกตฺตา เตน สมานตฺถํ น-การํ คเหตฺวา อาห ‘‘น ปจฺฉาภตฺติโก’’ติ. สิกฺขาปทสฺส วิสโย สิกฺขาปเทเนว ปฏิกฺขิตฺโต. โย ตสฺส อวิสโย, โส เอว สมาทานสฺส วิสโยติ อาห ‘‘สมาทานวเสน ปฏิกฺขิตฺตาติริตฺตโภชนสฺสา’’ติ. อพฺโภกาเส นิวาโส อพฺโภกาโส. สุสาเน นิวาโส สุสานํ, ตํ สีลํ อสฺสาติอาทินา สพฺพํ วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘เอเสว นโย’’ติ. ยถาสนฺถตํ วิย ยถาสนฺถตํ, อาทิโต ยถาอุทฺทิฏฺํ. ตํ เหส ‘‘อิทํ พหุมงฺกุณํ ทุคฺคนฺธปวาต’’นฺติอาทิวเสน อปฺปฏิกฺขิปิตฺวาว สมฺปฏิจฺฉติ. เตเนวาห ‘‘อิทํ ตุยฺห’’นฺติอาทิ. สยนนฺติ นิปชฺชนมาห. เตน เตน สมาทาเนนาติ เตน เตน ปํสุกูลิกงฺคาทิกสฺส สมาทาเนน ธุตกิเลสตฺตาติ วิทฺธํสิตกิเลสตฺตา, ตทงฺควเสน ปหีนตณฺหุปาทานาทิปาปธมฺมตฺตาติ อตฺโถ. เยหิ ตํ กิเลสธุนนํ, ตานิเยว อิธ ธุตสฺส ภิกฺขุโน องฺคานีติ อธิปฺเปตานิ, น อฺานิ ยานิ กานิจิ, อฺเน วา ธุตสฺสาติ อยมตฺโถ อตฺถโต อาปนฺโน. ‘‘าณํ องฺคํ เอเตส’’นฺติ อิมินา าณปุพฺพกตํ เตสํ สมาทานสฺส วิภาเวติ. ปฏิปตฺติยาติ สีลาทิสมฺมาปฏิปตฺติยา. สมาทิยติ เอเตนาติ สมาทานํ, สมาทานวเสน ปวตฺตา เจตนา, ตํ ลกฺขณํ เอเตสนฺติ สมาทานเจตนาลกฺขณานิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถายํ –
‘‘สมาทานกิริยาย, สาธกตมภาวโต;
สมฺปยุตฺตธมฺมา เยนาติ, กรณภาเวน ทสฺสิตา’’ติ.
สมาทานเจตนาย คหณํ ตํมูลกตฺตา ปริหรณเจตนาปิ ธุตงฺคเมว. อตฺตนา, ปรมฺมุเขน จ กุสลภณฺฑสฺส ภุสํ วิลุปฺปนฏฺเน โลลุปฺปํ ตณฺหาจาโร, ตสฺส วิทฺธํสนกิจฺจตฺตา โลลุปฺปวิทฺธํสนรสานิ. ตโต เอว นิลฺโลลุปฺปภาเวน ปจฺจุปติฏฺนฺติ, ตํ วา ปจฺจุปฏฺาเปนฺตีติ นิลฺโลลุปฺปภาวปจฺจุปฏฺานานิ. อริยธมฺมปทฏฺานานีติ ปริสุทฺธสีลาทิสทฺธมฺมปทฏฺานานิ.
ภควโตว สนฺติเก สมาทาตพฺพานีติ อิทํ อนฺตรา อวิจฺเฉทนตฺถํ วุตฺตํ, รฺโ สนฺติเก ปฏิฺาตารหสฺส อตฺถสฺส ตทุปชีวิโน เอกํสโต อวิสํวาทนํ วิย. เสสานํ สนฺติเก สมาทาเนปิ เอเสว นโย. เอกสงฺคีติกสฺสาติ ¶ ปฺจสุ ทีฆนิกายาทีสุ นิกาเยสุ เอกนิกายิกสฺส. อฏฺกถาจริยสฺสาติ ยสฺส อฏฺกถาตนฺติเยว วิเสสโต ปคุณา, ตสฺส. เอตฺถาติ อตฺตนาปิ สมาทานสฺส รุหเน. เชฏฺกภาตุ ธุตงฺคปฺปิจฺฉตาย วตฺถูติ โส กิร เถโร เนสชฺชิโก ¶ , ตสฺส ตํ น โกจิ ชานาติ. อเถกทิวสํ รตฺติยา สยนปิฏฺเ นิสินฺนํ วิชฺชุลโตภาเสน ทิสฺวา อิตโร ปุจฺฉิ ‘‘กึ, ภนฺเต, ตุมฺเห เนสชฺชิกา’’ติ. เถโร ธุตงฺคปฺปิจฺฉตาย ตาวเทว นิปชฺชิตฺวา ปจฺฉา สมาทิยีติ เอวมาคตํ วตฺถุ.
๑. ปํสุกูลิกงฺคกถาวณฺณนา
๒๔. คหปติทานจีวรนฺติ เอตฺถ ทายกภาเวน สมณาปิ อุกฺกฏฺสฺส คหปติปกฺขํเยว ปวิฏฺาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ปพฺพชิโต คณฺหิสฺสตี’’ติ ปิตกํ สิยา คหปติจีวรํ, น ปน คหปติทานจีวรนฺติ ตาทิสํ นิวตฺเตตุํ ทานคฺคหณํ. อฺตเรนาติ เอตฺถ สมาทานวจเนน ตาว สมาทินฺนํ โหตุ, ปฏิกฺเขปวจเนน ปน กถนฺติ? อตฺถโต อาปนฺนตฺตา. ยถา ‘‘เทวทตฺโต ทิวา น ภฺุชตี’’ติ วุตฺเต ‘‘รตฺติยํ ภฺุชตี’’ติ อตฺถโต อาปนฺนเมว โหติ, ตสฺส อาหาเรน วินา สรีรฏฺิติ นตฺถีติ, เอวมิธาปิ ภิกฺขุโน คหปติทานจีวเร ปฏิกฺขิตฺเต ตทฺจีวรปฺปฏิคฺคโห อตฺถโต อาปนฺโน เอว โหติ, จีวเรน วินา สาสเน ิติ นตฺถีติ.
เอวํ สมาทินฺนธุตงฺเคนาติอาทิวิธานํ ปํสุกูลิกงฺเค ปฏิปชฺชนวิธิ. สุสาเน ลทฺธํ โสสานิกํ. ตํ ปน ยสฺมา ตตฺถ เกนจิ ฉฑฺฑิตตฺตา ปติตํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สุสาเน ปติตก’’นฺติ. เอวํ ปาปณิกมฺปิ ทฏฺพฺพํ. ตาลเวฬิมคฺโค นาม มหาคาเม เอกา วีถิ. อนุราธปุเรติ จ วทนฺติ. ฑฑฺโฒ ปเทโส เอตสฺสาติ ฑฑฺฒปฺปเทสํ, วตฺถํ. มคฺเค ปติตกํ พหุทิวสาติกฺกนฺตํ คเหตพฺพนฺติ วทนฺติ. ‘‘ทฺวตฺติทิวสาติกฺกนฺต’’นฺติ อปเร. โถกํ รกฺขิตฺวาติ กติปยํ กาลํ อาคเมตฺวา. วาตาหตมฺปิ สามิกานํ สติสมฺโมเสน ปติตสทิสนฺติ ‘‘สามิเก อปสฺสนฺเตน คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา โถกํ อาคเมตฺวา คเหตพฺพํ.
‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ ทินฺนํ, โจฬกภิกฺขาวเสน ลทฺธฺจ ลทฺธกาลโต ปฏฺาย ‘‘สมณจีวรํ สิยา นุ โข, โน’’ติ อาสงฺกํ นิวตฺเตตุํ ‘‘น ตํ ปํสุกูล’’นฺติ วุตฺตํ. น หิ ตํ เตวีสติยา อุปฺปตฺติฏฺาเนสุ กตฺถจิ ปริยาปนฺนํ. อิทานิ อิมินาว ปสงฺเคน ยํ ภิกฺขุทตฺติเย ลกฺขณปตฺตํ ¶ ปํสุกูลํ, ตสฺส จ อุกฺกฏฺานุกฺกฏฺวิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภิกฺขุทตฺติเยปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ คาเหตฺวา วา ทียตีติ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา เทนฺเตหิ ยํ จีวรํ วสฺสคฺเคน ปาเปตฺวา ภิกฺขูนํ ทียติ. เสนาสนจีวรนฺติ เสนาสนํ กาเรตฺวา ‘‘เอตสฺมึ เสนาสเน วสนฺตา ปริภฺุชนฺตู’’ติ ¶ ทินฺนจีวรํ. น ตํ ปํสุกูลนฺติ อปํสุกูลภาโว ปุพฺเพ วุตฺตการณโต, คาเหตฺวา ทินฺนตฺตา จ. เตนาห ‘‘โน คาหาเปตฺวา ทินฺนเมว ปํสุกูล’’นฺติ. ตตฺรปีติ ยํ คาเหตฺวา น ทินฺนํ ภิกฺขุทตฺติยํ, ตตฺรปิ เยน ภิกฺขุนา จีวรํ ทียติ, ตสฺส ลาเภ, ทาเน จ วิสุํ วิสุํ อุภยตฺถ อาทรคารวานํ สพฺภาวโต, ตทภาวโต จ ภิกฺขุทตฺติยสฺส เอกโตสุทฺธิ อุภโตสุทฺธิ อนุกฺกฏฺตา โหนฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ทายเกหี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนกํ สมเณนาติ อธิปฺปาโย. ยสฺส กสฺสจีติ อุกฺกฏฺาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ. รุจิยาติ ฉนฺเทน. ขนฺติยาติ นิชฺฌานกฺขนฺติยา.
นิสฺสยานุรูปปฏิปตฺติสพฺภาโวติ อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรํ อาจริเยน วุตฺเตสุ จตูสุ นิสฺสเยสุ อตฺตนา ยถาปฏิฺาตทุติยนิสฺสยานุรูปาย ปฏิปตฺติยา วิชฺชมานตา. อารกฺขทุกฺขาภาโวติ จีวรารกฺขนทุกฺขสฺส อภาโว ปํสุกูลจีวรสฺส อโลภนียตฺตา. ปริโภคตณฺหาย อภาโว สวิเสสลูขสภาวตฺตา. ปาสาทิกตาติ ปเรสํ ปสาทาวหตา. อปฺปิจฺฉตาทีนํ ผลนิปฺผตฺติ ธุตงฺคปริหรณสฺส อปฺปิจฺฉตาทีหิเยว นิปฺผาเทตพฺพโต. ธุตธมฺเม สมาทาย วตฺตนํ ยาวเทว อุปริ สมฺมาปฏิปตฺติสมฺปาทนายาติ วุตฺตํ ‘‘สมฺมาปฏิปตฺติยา อนุพฺรูหน’’นฺติ. มารเสนวิฆาตายาติ มารสฺส, มารเสนาย จ วิหนนาย วิทฺธํสนาย. กายวาจาจิตฺเตหิ ยโต สํยโตติ ยติ, ภิกฺขุ. ธาริตํ ยํ โลกครุนา ปํสุกูลํ, ตํ โก น ธารเย, ยสฺมา วา โลกครุนา ปํสุกูลํ ธาริตํ, ตสฺมา โก ตํ น ธารเยติ โยชนา ยํตํสทฺทานํ เอกนฺตสมฺพนฺธิภาวโต. ปฏิฺํ สมนุสฺสรนฺติ อุปสมฺปทมาเฬ ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ อาจริยปมุขสฺส สงฺฆสฺส สมฺมุขา ทินฺนํ ปฏิฺํ สมนุสฺสรนฺโต.
อิติ ปํสุกูลิกงฺคกถาวณฺณนา.
๒. เตจีวริกงฺคกถาวณฺณนา
๒๕. จตุตฺถกจีวรนฺติ ¶ นิวาสนปารุปนโยคฺยํ จตุตฺถกจีวรนฺติ อธิปฺปาโย, อํสกาสาวสฺส อปฺปฏิกฺขิปิตพฺพโต. อฺตรวจเนนาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. ยาว น สกฺโกติ, ยาว น ลภติ, ยาว น สมฺปชฺชตีติ ปจฺเจกํ ยาว-สทฺโท สมฺพนฺธิตพฺโพ. น สมฺปชฺชตีติ น สิชฺฌติ. นิกฺขิตฺตปจฺจยา โทโส นตฺถีติ นิจยสนฺนิธิธุตงฺคสํกิเลสโทโส ¶ นตฺถิ. อาสนฺเนติ จีวรสฺส อาสนฺเน าเน. รชนกฺขเณ ปริภฺุชนกาสาวํ รชนกาสาวํ. ตตฺรฏฺกปจฺจตฺถรณํ นาม อตฺตโน, ปรสฺส วา สนฺตกํ เสนาสเน ปจฺจตฺถรณวเสน อธิฏฺิตํ. ‘‘อํสกาสาวํ ปริกฺขารโจฬํ โหติ, อิติ ปจฺจตฺถรณํ, อํสกาสาวนฺติ อิมานิ ทฺเวปิ อติเรกจีวรฏฺาเน ิตานิปิ ธุตงฺคเภทํ น กโรนฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. ปริหริตุํ ปน น วฏฺฏตีติ รชนกาเล เอว อนฺุาตตฺตา นิจฺจปริโภควเสน น วฏฺฏติ เตจีวริกสฺส. อํสกาสาวนฺติ ขนฺเธ เปตพฺพกาสาวํ. กายปริหาริเกนาติ วาตาตปาทิปริสฺสยโต กายสฺส ปริหรณมตฺเตน. สมาทาเยวาติ คเหตฺวา เอว. อปฺปสมารมฺภตาติ อปฺปกิจฺจตา. กปฺปิเย มตฺตการิตายาติ นิสีทนาทิวเสน, ปริกฺขารโจฬวเสน จ พหูสุ จีวเรสุ อนฺุาเตสุปิ ติจีวรมตฺเต ิตตฺตา. สห ปตฺตจรณายาติ สปตฺตจรโณ. ปกฺขี สปกฺขโก.
อิติ เตจีวริกงฺคกถาวณฺณนา.
๓. ปิณฺฑปาติกงฺคกถาวณฺณนา
๒๖. อติเรกลาภนฺติ ‘‘ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสายา’’ติ (มหาว. ๗๓, ๑๒๘) เอวํ วุตฺตภิกฺขาหารลาภโต อติเรกลาภํ, สงฺฆภตฺตาทินฺติ อตฺโถ. สกลสฺส สงฺฆสฺส ทาตพฺพภตฺตํ สงฺฆภตฺตํ. กติปเย ภิกฺขู อุทฺทิสิตฺวา ทาตพฺพภตฺตํ อุทฺเทสภตฺตํ. เอกสฺมึ ปกฺเข เอกทิวสํ ทาตพฺพภตฺตํ ปกฺขิกํ. อุโปสเถ อุโปสเถ ทาตพฺพภตฺตํ อุโปสถิกํ. ปฏิปททิวเส ทาตพฺพภตฺตํ ปาฏิปทิกํ. วิหารํ อุทฺทิสฺส ทาตพฺพภตฺตํ วิหารภตฺตํ. ธุรเคเห เอว เปตฺวา ทาตพฺพภตฺตํ ธุรภตฺตํ. คามวาสีอาทีหิ วาเรน ทาตพฺพภตฺตํ ¶ วารกภตฺตํ. ‘‘สงฺฆภตฺตํ คณฺหถาติอาทินา’’ติ อาทิ-สทฺเทน อุทฺเทสภตฺตาทึ สงฺคณฺหาติ. สาทิตุํ วฏฺฏนฺตีติ ภิกฺขาปริยาเยน วุตฺตตฺตา. เภสชฺชาทิปฏิสํยุตฺตา นิรามิสสลากา. ยาวกาลิกวชฺชาติ จ วทนฺติ. วิหาเร ปกฺกภตฺตมฺปีติ อุปาสกา อิเธว ภตฺตํ ปจิตฺวา ‘‘สพฺเพสํ อยฺยานํ ทสฺสามา’’ติ วิหาเรเยว ภตฺตํ สมฺปาเทนฺติ, ตํ ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏติ. อาหริตฺวาติ ปตฺตํ คเหตฺวา เคหโต อาเนตฺวา. ตํ ทิวสํ นิสีทิตฺวาติ ‘‘มา, ภนฺเต, ปิณฺฑาย จริตฺถ, วิหาเรเยว ภิกฺขา อานียตี’’ติ วทนฺตานํ สมฺปฏิจฺฉเนน ตํ ทิวสํ นิสีทิตฺวา. เสริวิหารสุขนฺติ อปรายตฺตวิหาริตาสุขํ ¶ . อริยวํโสติ อริยวํสสุตฺตปฏิสํยุตฺตา (ที. นิ. ๓.๓๐๙; อ. นิ. ๔.๒๘) ธมฺมกถา. ธมฺมรสนฺติ ธมฺมูปสฺหิตํ ปาโมชฺชาทิรสํ.
ชงฺฆพลํ นิสฺสาย ปิณฺฑปริเยสนโต โกสชฺชนิมฺมทฺทนตา. ‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผ’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๔๙; เนตฺติ. ๑๒๓) วุตฺตวิธินา อาหารปริเยสนโต ปริสุทฺธาชีวตา. นิจฺจํ อนฺตรฆรํ ปวิสนฺตสฺเสว สุปฺปฏิจฺฉนฺนคมนาทโย เสขิยธมฺมา สมฺปชฺชนฺตีติ เสขิยปฏิปตฺติปูรณํ. ปฏิคฺคหเณ มตฺตฺุตาย, สํสฏฺวิหาราภาวโต จ อปรโปสิตา. กุเล กุเล อปฺปกอปฺปกปิณฺฑคหเณน ปรานุคฺคหกิริยา. อนฺติมาย ชีวิกาย อวฏฺาเนน มานปฺปหานํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกานํ, ยทิทํ ปิณฺโฑลฺย’’นฺติอาทิ (อิติวุ. ๙๑; สํ. นิ. ๓.๘๐). มิสฺสกภตฺเตน ยาปนโต รสตณฺหานิวารณํ. นิมนฺตนาสมฺปฏิจฺฉนโต คณโภชนาทิสิกฺขาปเทหิ อนาปตฺติตา.
อปฺปฏิหตวุตฺติตาย จตูสุปิ ทิสาสุ วตฺตนฏฺเน จาตุทฺทิโส. อาชีวสฺส วิสุชฺฌตีติ อาชีโว อสฺส วิสุชฺฌติ. อตฺตภรสฺสาติ อปฺปานวชฺชสุลภรูเปหิ ปจฺจเยหิ อตฺตโน ภรณโต อตฺตภรสฺส. ตโต เอว เอกวิหาริตาย สทฺธิวิหาริกาทีนมฺปิ อฺเสํ อโปสนโต อนฺโปสิโน. ปททฺวเยนาปิ กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน วิจรณโต สลฺลหุกวุตฺติตํ, สุภรตํ, ปรมอปฺปิจฺฉตํ, สนฺตุฏฺิฺจ ทสฺเสติ. เทวาปิ ปิหยนฺติ ตาทิโนติ ตาทิสสฺส ภุสํ อติวิย สนฺตกายวจีมโนกมฺมตาย อุปสนฺตสฺส ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคมโต สพฺพกาลํ สติมโต ปิณฺฑปาติกสฺส ภิกฺขุสฺส สกฺกาทโย ¶ เทวาปิ ปิหยนฺติ ปตฺเถนฺติ. ตสฺส สีลาทิคุเณสุ พหุมานํ อุปฺปาเทนฺตา อาทรํ ชเนนฺติ, ปเคว มนุสฺสา. สเจ โส ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิโต น โหติ, ตทภิกงฺขี น โหตีติ อตฺโถ.
อิติ ปิณฺฑปาติกงฺคกถาวณฺณนา.
๔. สปทานจาริกงฺคกถาวณฺณนา
๒๗. อิมินาติ สปทานจาริเกน. กาลตรนฺติ กาลสฺเสว. อผาสุกฏฺานนฺติ สปริสฺสยาทิวเสน ¶ ทุปฺปเวสนฏฺานํ. ปุรโตติ วีถิยํ คจฺฉนฺตสฺส ปุรโต ฆรํ อปวิฏฺสฺเสว. ปตฺตวิสฺสฏฺฏฺานนฺติ เปสการวีถิยํ เปสการภาวํ นิมฺมินิตฺวา ิตสฺส สกฺกสฺส ฆรทฺวาเร ปตฺตวิสฺสฏฺฏฺานํ. อุกฺกฏฺปิณฺฑปาติโก ตํ ทิวสํ น ภิกฺขํ อาคมยมาโน นิสีทติ, ตสฺมา ตํ อนุโลเมติ. กตฺถจิปิ กุเล นิพทฺธํ อุปสงฺกมนาภาวโต ปริจยาภาเวน กุเลสุ นิจฺจนวกตา. สพฺพตฺถ อลคฺคมานสตาย จ โสมฺมภาเวน จ จนฺทูปมตา. กุเลสุ ปริคฺคหจิตฺตาภาเวน ตตฺถ มจฺเฉรปฺปหานํ. หิเตสิตาย วิภาคาภาวโต สมานุกมฺปิตา. กุลานํ สงฺคณฺหนสํสฏฺตาทโย กุลูปกาทีนวา. อวฺหานานภินนฺทนาติ นิมนฺตนวเสน อวฺหานสฺส อสมฺปฏิจฺฉนา. อภิหาเรนาติ ภิกฺขาภิหาเรน. เสริจารนฺติ ยถารุจิ วิจรณํ.
อิติ สปทานจาริกงฺคกถาวณฺณนา.
๕. เอกาสนิกงฺคกถาวณฺณนา
๒๘. นานาสนโภชนนฺติ อเนกสฺมึ อาสเน โภชนํ, เอกนิสชฺชาย เอว อภฺุชิตฺวา วิสุํ วิสุํ นิสชฺชาสุ อาหารปริโภคนฺติ อตฺโถ. ปติรูปนฺติ ยุตฺตรูปํ อนุฏฺาปนียํ. วตฺตํ กาตุํ วฏฺฏตีติ วตฺตํ กาตุํ ยุชฺชติ. วตฺตํ นาม ครุฏฺานีเย กตฺตพฺพเมว. ตตฺถ ปน ปฏิปชฺชนวิธึ ทสฺเสตุํ ยํ เถรวาทํ อาห ‘‘อาสนํ วา รกฺเขยฺย โภชนํ วา’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – เอกาสนิกํ ภิกฺขุํ ภฺุชนฺตํ อาสนํ วา รกฺเขยฺย, ธุตงฺคเภทโต ยาว โภชนปริโยสานา น วุฏฺาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ ¶ . โภชนํ วา รกฺเขยฺย ธุตงฺคเภทโต, อภฺุชิยมานํ ยาว ภฺุชิตุํ นารภติ, ตาว วุฏฺาตพฺพนฺติ อตฺโถ. ยสฺมา ตยิทํ ทฺวยํ อิธ นตฺถิ, ตสฺมา วตฺตกรณํ ธุตงฺคํ น รกฺขตีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อยฺจา’’ติอาทิ. ‘‘เภสชฺชตฺถเมวา’’ติ อิมินา เภสชฺชปริโภควเสเนว สปฺปิอาทีนิปิ วฏฺฏนฺตีติ ทสฺเสติ. อปฺปาพาธตาติ อโรคตา. อปฺปาตงฺกตาติ อกิจฺฉชีวิตา สรีรทุกฺขาภาโว. ลหุฏฺานนฺติ กายสฺส ลหุปริวตฺติตา. พลนฺติ สรีรพลํ. ผาสุวิหาโรติ สุขวิหาโร. สพฺพเมตํ พหุกฺขตฺตุํ ภฺุชนปจฺจยา อุปฺปชฺชนวิการปฏิกฺเขปปทํ. รุชาติ โรคา. น กมฺมมตฺตโนติ อตฺตโน โยคกมฺมํ ปุเรภตฺตํ, ปจฺฉาภตฺตฺจ น ปริหาเปติ, พหุโส โภชเน อพฺยาวฏภาวโต, อโรคภาวโต จาติ อธิปฺปาโย.
อิติ เอกาสนิกงฺคกถาวณฺณนา.
๖. ปตฺตปิณฺฑิกงฺคกถาวณฺณนา
๒๙. อปฺปฏิกูลํ ¶ กตฺวา ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ ปฏิกูลสฺส ภุตฺตสฺส อคณฺหนมฺปิ สิยาติ อธิปฺปาโย. ปมาณยุตฺตเมว คณฺหิตพฺพนฺติ ‘‘เอกภาชนเมว คณฺหามี’’ติ พหุํ คเหตฺวา น ฉฑฺเฑตพฺพํ. นานารสตณฺหาวิโนทนนฺติ นานารสโภชเน ตณฺหาย วิโนทนํ. อตฺร อตฺร นานาภาชเน ิเต นานารเส อิจฺฉา เอตสฺสาติ อตฺริจฺโฉ, ตสฺส ภาโว อตฺริจฺฉตา, ตสฺสา อตฺริจฺฉตาย ปหานํ. อาหาเร ปโยชนมตฺตทสฺสิตาติ อสมฺภินฺนนานารเส เคธํ อกตฺวา อาหาเร สตฺถารา อนฺุาตปโยชนมตฺตทสฺสิตา. วิสุํ วิสุํ ภาชเนสุ ิตานิ พฺยฺชนานิ คณฺหโต ตตฺถ ตตฺถ สาโภคตาย สิยา วิกฺขิตฺตโภชิตา, น ตถา อิมสฺส เอกปตฺตคตสฺิโนติ วุตฺตํ ‘‘อวิกฺขิตฺตโภชิตา’’ติ. โอกฺขิตฺตโลจโนติ ปตฺตสฺิตาย เหฏฺาขิตฺตจกฺขุ. ปริภฺุเชยฺยาติ ปริภฺุชิตุํ สกฺกุเณยฺย.
อิติ ปตฺตปิณฺฑิกงฺคกถาวณฺณนา.
๗. ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคกถาวณฺณนา
๓๐. ภฺุชนฺตสฺส ¶ ยํ อุปนีตํ, ตสฺส ปฏิกฺเขเปน ตํ อติริตฺตํ โภชนนฺติ อติริตฺตโภชนํ. ปุน โภชนํ กปฺปิยํ กาเรตฺวา น ภฺุชิตพฺพํ, ตพฺพิสยตฺตา อิมสฺส ธุตงฺคสฺส. เตนาห ‘‘อิทมสฺส วิธาน’’นฺติ. ยสฺมึ โภชเนติ ยสฺมึ ภฺุชิยมาเน โภชเน. ตเทว ภฺุชติ, น อฺํ. อนติริตฺตโภชนปจฺจยา อาปตฺติ อนติริตฺตโภชนาปตฺติ, ตโต ทูรีภาโว อนาปชฺชนํ. โอทริกตฺตํ ฆสฺมรภาโว กุจฺฉิปูรกตา, ตสฺส อภาโว เอกปิณฺเฑนาปิ ยาปนโต. นิรามิสสนฺนิธิตา นิหิตสฺส อภฺุชนโต. ปุน ปริเยสนวเสน ปริเยสนาย เขทํ น ยาติ. อภิสลฺเลขกานํ สนฺโตสคุณาทีนํ วุทฺธิยา สฺชนนํ สนฺโตสคุณาทิวุฑฺฒิสฺชนนํ. อิทนฺติ ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคํ.
อิติ ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคกถาวณฺณนา.
๘. อารฺิกงฺคกถาวณฺณนา
๓๑. คามนฺตเสนาสนํ ¶ ปหาย อรฺเ อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพนฺติ เอตฺถ คามนฺตํ, อรฺฺจ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ สทฺธึ อุปจาเรนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ คามปริยาปนฺนตฺตา คามนฺตเสนาสนสฺส ‘‘คาโมเยว คามนฺตเสนาสน’’นฺติ วุตฺตํ. โย โกจิ สตฺโถปิ คาโม นามาติ สมฺพนฺโธ. อินฺทขีลาติ อุมฺมารา. ตสฺสาติ เลฑฺฑุปาตสฺส. วินยปริยาเยน อรฺลกฺขณํ อทินฺนาทานปาราชิเก (ปารา. ๙๒) อาคตํ. ตตฺถ หิ ‘‘คามา วา อรฺา วา’’ติ อนวเสสโต อวหารฏฺานปริคฺคเห ตทุภยํ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ ‘‘เปตฺวา คามฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คามูปจาโร หิ โลเก คามสงฺขเมว คจฺฉตีติ. นิปฺปริยายโต ปน คามวินิมุตฺตํ านํ อรฺเมว โหตีติ อภิธมฺเม (วิภ. ๕๒๙) คามา ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา, สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ วุตฺตํ. สุตฺตนฺติกปริยาเยน อารฺกสิกฺขาปเท (ปารา. ๖๕๔) ‘‘ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ อาคตํ อารฺิกํ ภิกฺขุํ สนฺธาย. น หิ โส วินยปริยายิเก ‘‘อรฺเ วสนโต อารฺิโก ปนฺตเสนาสโน’’ติ สุตฺเต วุตฺโต. อยฺจ สุตฺตสํวณฺณนาติ อิธ สพฺพตฺถ สุตฺตนฺตกถาว ¶ ปมาณํ. ตสฺมา ตตฺถ อาคตเมว ลกฺขณํ คเหตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตํ อาโรปิเตน อาจริยธนุนา’’ติอาทินา มินนวิธึ อาห. เตเนว หิ มชฺฌิมฏฺกถานโยว (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙๖) อิทเมตฺถ ปมาณนฺติ จ วุตฺโต.
ตโต ตโต มคฺคนฺติ ตตฺถ ตตฺถ ขุทฺทกมคฺคํ ปิทหติ. ธุตงฺคสุทฺธิเกน ธุตงฺคโสธนปสุเตน. ยถาปริจฺฉินฺเน กาเลติ อุกฺกฏฺสฺส ตโยปิ อุตู, มชฺฌิมสฺส ทฺเว, มุทุกสฺส เอโก อุตุ. ตตฺถปิ ธุตงฺคํ น ภิชฺชติ สอุสฺสาหตฺตา. นิปชฺชิตฺวา คมิสฺสามาติ จิตฺตสฺส สิถิลภาเวน ธุตงฺคํ ภิชฺชตีติ วุตฺตํ. อรฺสฺํ มนสิ กโรนฺโตติ ‘‘อหํ วิเวกวาสํ วสิสฺสามิ, ยถาลทฺโธว กายวิเวโก สาตฺถโก กาตพฺโพ’’ติ มนสิการสพฺภาวโต ‘‘ภพฺโพ…เป… รกฺขิตุ’’นฺติ วุตฺตํ. อสฺส อารฺิกสฺส จิตฺตํ น วิกฺขิปนฺติ อาปาถมนุปคมนโต. วิคตสนฺตาโส โหติ วิเวกปริจยโต. ชีวิตนิกนฺตึ ชหติ พหุปริสฺสเย อรฺเ นิวาเสเนว มรณภยสฺส ทูรีกรณโต. ปวิเวกสุขรสํ อสฺสาเทติ อนุภวติ ชนสํสคฺคาภาวโต. อาราธยนฺโตติ อนุนยนฺโต. ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา วิเวกสฺส อธิฏฺานภาวโต อารฺิกงฺคโยคิโน วาหนสทิสนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อวเสสธุตายุโธ’’ติ, อวสิฏฺธุตธมฺมายุโธติ อตฺโถ.
อิติ อารฺิกงฺคกถาวณฺณนา.
๙. รุกฺขมูลิกงฺคกถาวณฺณนา
๓๒. ฉนฺนนฺติ ¶ อิฏฺกาฉทนาทีหิ ฉาทิตํ, อาวสถนฺติ อตฺโถ. สีมนฺตริกรุกฺโขติ ทฺวินฺนํ ราชูนํ รชฺชสีมาย ิตรุกฺโข. ตตฺถ หิ เตสํ ราชูนํ พลกาโย อุปคนฺตฺวา อนฺตรนฺตรา ยุทฺธํ กเรยฺย, โจราปิ ปาริปนฺถิกา สโมสรนฺตา ภิกฺขุสฺส สุเขน นิสีทิตุํ น เทนฺติ. เจติยรุกฺโข ‘‘เทวตาธิฏฺิโต’’ติ มนุสฺเสหิ สมฺมตรุกฺโข ปูเชตุํ อุปคเตหิ มนุสฺเสหิ อวิวิตฺโต โหติ. นิยฺยาสรุกฺโข สชฺชรุกฺขาทิ. วคฺคุลิรุกฺโข วคฺคุลินิเสวิโต. สีมนฺตริกรุกฺขาทโย สปริสฺสยา, ทุลฺลภวิเวกา จาติ อาห ‘‘อิเม รุกฺเข วิวชฺเชตฺวา’’ติ. ปณฺณสฏนฺติ ¶ รุกฺขโต ปติตปณฺณํ. ปฏิจฺฉนฺเน าเน นิสีทิตพฺพํ รุกฺขมูลิกภาวสฺส ปฏิจฺฉาทนตฺถํ. ฉนฺเน วาสกปฺปนา ธมฺมสฺสวนาทีนมตฺถายปิ โหติ. ตสฺมา ‘‘ชานิตฺวา อรุณํ อุฏฺาปิตมตฺเต’’ติ วุตฺตํ.
อภิณฺหํ ตรุปณฺณวิการทสฺสเนนาติ อภิกฺขณํ ตรูสุ, ตรูนํ วา ปณฺเณสุ วิการสฺส ขณภงฺคสฺส ทสฺสเนน. เสนาสนมจฺเฉรกมฺมารามตานนฺติ อาวาสมจฺฉริยนวกมฺมรตภาวานํ. เทวตาหีติ รุกฺขเทวตาหิ. ตาปิ หิ รุกฺขฏฺวิมาเนสุ วสนฺติโย รุกฺเขสุ วสนฺติ. อยมฺปิ รุกฺเขติ สหวาสิตา. วณฺณิโตติ ‘‘อปฺปานิ เจวา’’ติอาทินา ปสํสิโต. ‘‘รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติ (มหาว. ๗๓, ๑๒๘) เอวํ นิสฺสโยติ จ ภาสิโต. อภิรตฺตานิ ตรุณกาเล, นีลานิ มชฺฌิมกาเล, ปณฺฑูนิ ชิณฺณกาเล. ปติตานิ มิลายนวเสน. เอวํ ปสฺสนฺโต ตรุปณฺณานิ ปจฺจกฺขโต เอว นิจฺจสฺํ ปนูทติ ปชหติ, อนิจฺจสฺา เอวสฺส สณฺาติ. ยสฺมา ภควโต ชาติโพธิธมฺมจกฺกปวตฺตนปรินิพฺพานานิ รุกฺขมูเลเยว ชาตานิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘พุทฺธทายชฺชํ รุกฺขมูล’’นฺติ.
อิติ รุกฺขมูลิกงฺคกถาวณฺณนา.
๑๐. อพฺโภกาสิกงฺคกถาวณฺณนา
๓๓. ‘‘รุกฺขมูลํ ปฏิกฺขิปามี’’ติ เอตฺตเก วุตฺเต ฉนฺนํ อปฺปฏิกฺขิตฺตเมว โหตีติ ‘‘ฉนฺนฺจ ¶ รุกฺขมูลฺจ ปฏิกฺขิปามี’’ติ วุตฺตํ. ธุตงฺคสฺส สพฺพโส ปฏิโยคิปฏิกฺเขเปน หิ สมาทานํ อิชฺฌติ, โน อฺถาติ. ‘‘ธมฺมสฺสวนายา’’ติ อิมินาว ธมฺมํ กเถนฺเตนาปิ อุโปสถทิวสาทีสุ สุณนฺตานํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ เตหิ ยาจิเตน ฉนฺนํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ, ธมฺมํ ปน กเถตฺวา อพฺโภกาโสว คนฺตพฺโพ. รุกฺขมูลิกสฺสาปิ เอเสว นโย. อุโปสถตฺถายาติ อุโปสถกมฺมาย. อุทฺทิสนฺเตนาติ ปเรสํ อุทฺเทสํ เทนฺเตน. อุทฺทิสาเปนฺเตนาติ สยํ อุทฺเทสํ คณฺหนฺเตน. มคฺคมชฺเฌ ิตํ สาลนฺติ สีหฬทีเป วิย มคฺคา อโนกฺกมฺม อุชุกเมว ปวิสิตพฺพสาลํ. เวเคน คนฺตุํ น วฏฺฏติ อสารุปฺปตฺตา. ยาว วสฺสูปรมา ตฺวา คนฺตพฺพํ, น ตาว ธุตงฺคเภโท โหตีติ อธิปฺปาโย.
รุกฺขสฺส ¶ อนฺโต นาม รุกฺขมูลํ. ปพฺพตสฺส ปน ปพฺภารสทิโส ปพฺพตปเทโส. อจฺฉนฺนมริยาทนฺติ ยถา วสฺโสทกํ อนฺโต น ปวิสติ, เอวํ ฉทนสงฺเขเปน อุปริ อกตมริยาทํ. อนฺโต ปน ปพฺภารสฺส วสฺโสทกํ ปวิสติ เจ, อพฺโภกาสสงฺเขปเมวาติ ตตฺถ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ. สาขามณฺฑโปติ รุกฺขสาขาหิ วิรฬจฺฉนฺนมณฺฑโป. ปีปโฏ ขลิตฺถทฺธสาฏโก.
ปวิฏฺกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ ยถาวุตฺตปพฺภาราทิเก เปตฺวาติ อธิปฺปาโย. ชานิตฺวาติ ธมฺมสฺสวนาทิอตฺถํ ฉนฺนํ รุกฺขมูลํ ปวิสิตฺวา นิสินฺโน ‘‘อิทานิ อรุโณ อุฏฺหตี’’ติ ชานิตฺวา. รุกฺขมูเลปิ กตฺถจิ อตฺเถว นิวาสผาสุกตาติ สิยา ตตฺถ อาสงฺคปุพฺพโก อาวาสปลิโพโธ, น ปน อพฺโภกาเสติ อิเธว อาวาสปลิโพธุปจฺเฉโท อานิสํโส วุตฺโต. ปสํสายานุรูปตาติ อนิเกตาติ วุตฺตปสํสาย อนาลยภาเวน อนุจฺฉวิกตา. นิสฺสงฺคตาติ อาวาสปริคฺคหาภาเวเนว ตตฺถ นิสฺสงฺคตา. อสุกทิสาย วสนฏฺานํ นตฺถิ, ตสฺมา ตตฺถ คนฺตุํ เนว สกฺกาติ เอทิสสฺส ปริวิตกฺกสฺส อภาวโต จาตุทฺทิโส. มิคภูเตนาติ ปริคฺคหาภาเวน มิคสฺส วิย ภูเตน. สิโตติ นิสฺสิโต. วินฺทตีติ ลภติ.
อิติ อพฺโภกาสิกงฺคกถาวณฺณนา.
๑๑. โสสานิกงฺคกถาวณฺณนา
๓๔. น ¶ สุสานนฺติ อสุสานํ. อฺตฺโถ น-กาโร, สุสานลกฺขณรหิตํ วสนฏฺานนฺติ อธิปฺปาโย. น ตตฺถาติ ‘‘สุสาน’’นฺติ ววตฺถปิตมตฺเต าเน น วสิตพฺพํ. น หิ นามมตฺเตน สุสานลกฺขณํ สิชฺฌติ. เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. ฌาปิตกาลโต ปน ปฏฺาย…เป… สุสานเมว ฉเวน สยิตมตฺตาย สุสานลกฺขณปฺปตฺติโต. ฉวสยนํ หิ ‘‘สุสาน’’นฺติ วุจฺจติ.
โสสานิเกน นาม อปฺปกิจฺเจน สลฺลหุกวุตฺตินา ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมึ ปน วสนฺเตนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ครุกนฺติ ทุปฺปริหารํ. ตเมว หิ ทุปฺปริหารภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุปฺปนฺนปริสฺสยวิฆาตตฺถายาติ ¶ ‘‘สุสานํ นาม มนุสฺสราหสฺเสยฺยก’’นฺติ โจรา กตกมฺมาปิ อกตกมฺมาปิ โอสรนฺติ, ตตฺถ โจเรสุ ภณฺฑสามิเก ทิสฺวา ภิกฺขุสมีเป ภณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลาเตสุ มนุสฺสา ภิกฺขุํ ‘‘โจโร’’ติ คเหตฺวา โปเถยฺยุํ, ตสฺมา วิหาเร สงฺฆตฺเถรํ วา โคจรคาเม รฺา นิยุตฺตํ ราชยุตฺตกํ วา อตฺตโน โสสานิกภาวํ ชานาเปตฺวา ยถา ตาทิโส, อฺโ วา ปริสฺสโย น โหติ, ตถา อปฺปมตฺเตน วสิตพฺพํ. จงฺกมนฺตสฺส ยทา อาฬหนํ อภิมุขํ น โหติ, ตทาปิ สํเวคชนนตฺถํ ตตฺถ ทิฏฺิ วิสฺสชฺเชตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อทฺธกฺขิเกน อาฬหนํ โอโลเกนฺเตนา’’ติ วุตฺตํ.
อุปฺปถมคฺเคน คนฺตพฺพํ อตฺตโน โสสานิกภาวสฺส อปากฏภาวตฺถํ. อารมฺมณนฺติ ตสฺมึ สุสาเน ‘‘อยํ วมฺมิโก, อยํ รุกฺโข, อยํ ขาณุโก’’ติอาทินา ทิวาเยว อารมฺมณํ ววตฺถเปตพฺพํ. ภยานกนฺติ ภยชนกํ วมฺมิกาทึ. เกนจิ เลฑฺฑุปาสาณาทินา อาสนฺเน วิจรนฺตีติ น ปหริตพฺพา. ติลปิฏฺํ วุจฺจติ ปลลํ. มาสมิสฺสํ ภตฺตํ มาสภตฺตํ. คุฬาทีติ อาทิ-สทฺเทน ติลสํคุฬิกาทิฆนปูวฺจ สงฺคณฺหาติ. กุลเคหํ น ปวิสิตพฺพนฺติ เปตธูเมน วาสิตตฺตา, ปิสาจานุพนฺธตฺตา จ กุลเคหสฺส อพฺภนฺตรํ น ปวิสิตพฺพํ. เทวสิกํ ฉวฑาโห ธุวฑาโห. มตาตกานํ ตตฺถ คนฺตฺวา เทวสิกํ โรทนํ ธุวโรทนํ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘ฌาปิตกาลโต ปน ปฏฺายา’’ติ วุตฺตนเยน. ‘‘ปจฺฉิมยาเม ปฏิกฺกมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิจฺฉิตตฺตา ‘‘สุสานํ อคตทิวเส’’ติ องฺคุตฺตรภาณกา.
สุสาเน นิจฺจกาลํ สิวถิกทสฺสเนน มรณสฺสติปฏิลาโภ. ตโต เอว อปฺปมาทวิหาริตา ¶ . ตตฺถ ฉฑฺฑิตสฺส มตกเฬวรสฺส ทสฺสเนน อสุภนิมิตฺตาธิคโม. ตโต เอว กามราควิโนทนํ. พหุลํ สรีรสฺส อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉภาวสลฺลกฺขณโต อภิณฺหํ กายสภาวทสฺสนํ. ตโต มรณสฺสติปฏิลาภโต จ สํเวคพหุลตา. พฺยาธิกานํ, ชราชิณฺณานฺจ มตานํ ตตฺถ ทสฺสเนน อาโรคฺยโยพฺพนชีวิตมทปฺปหานํ. ขุทฺทกสฺส, มหโต จ ภยสฺส อภิภวนโต ภยเภรวสหนตา. สํวิคฺคสฺส โยนิโส ปทหนํ สมฺภวตีติ อมนุสฺสานํ ครุภาวนียตา. นิทฺทาคตมฺปีติ สุตฺตมฺปิ, สุปินนฺเตปีติ อธิปฺปาโย.
อิติ โสสานิกงฺคกถาวณฺณนา.
๑๒. ยถาสนฺถติกงฺคกถาวณฺณนา
๓๕. เสนาสนคาหเณ ¶ ปเร อุฏฺาเปตฺวา คหณํ, ‘‘อิทํ สุนฺทรํ, อิทํ น สุนฺทร’’นฺติ ปริตุลยิตฺวา ปุจฺฉนา, โอโลกนา จ เสนาสนโลลุปฺปํ. ตุฏฺพฺพนฺติ ตุสฺสิตพฺพํ. วิหารสฺส ปริยนฺตภาเวน ทูเรติ วา พหูนํ สนฺนิปาตฏฺานาทีนํ อจฺจาสนฺเนติ วา ปุจฺฉิตุํ น ลภติ, ปุจฺฉเนนปิสฺส ธุตงฺคสฺส สํกิลิสฺสนโต. โอโลเกตุนฺติ โลลุปฺปวเสน ปสฺสิตุํ. สจสฺส ตํ น รุจฺจตีติ อสฺส ยถาสนฺถติกสฺส ตํ ยถาคาหิตํ เสนาสนํ อผาสุกภาเวน สเจ น รุจฺจติ, มุทุกสฺส อสติ โรเค ยถาคาหิตํ ปหาย อฺสฺส เสนาสนสฺส คหณํ โลลุปฺปํ, มชฺฌิมสฺส คนฺตฺวา โอโลกนา, อุกฺกฏฺสฺส ปุจฺฉนา. สพฺเพสมฺปิ อุฏฺาเปตฺวา คหเณ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
อุปฏฺาปนียานมฺปิ อนุฏฺาปเนน สพฺรหฺมจารีนํ หิเตสิตา. ตาย กรุณาวิหารานุคุณตา. สุนฺทราสุนฺทรวิภาคากรณโต หีนปณีตวิกปฺปปริจฺจาโค. เตน ตาทิลกฺขณานุคุณตา. ตโต เอว อนุโรธวิโรธปฺปหานํ. ทฺวารปิทหนํ โอกาสาทานโต. ยถาสนฺถตรามตนฺติ ยถาคาหิเต ยถานิทฺทิฏฺเ เสนาสเน อภิรตภาวํ.
อิติ ยถาสนฺถติกงฺคกถาวณฺณนา.
๑๓. เนสชฺชิกงฺคกถาวณฺณนา
๓๖. เสยฺยนฺติ ¶ อิริยาปถลกฺขณํ เสยฺยํ. ตปฺปฏิกฺเขเปเนว หิ ตทตฺถา ‘‘มฺโจ ภิสี’’ติ เอวมาทิกา (จูฬว. ๓๒๑, ๓๒๒) เสยฺยา ปฏิกฺขิตฺตา เอว โหนฺติ. ‘‘เนสชฺชิโก’’ติ จ สยนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา นิสชฺชาย เอว วิหริตุํ สีลมสฺสาติ อิมสฺส อตฺถสฺส อิธ อธิปฺเปตตฺตา เสยฺยา เอเวตฺถ ปฏิโยคินี, น อิตเร ตถา อนิฏฺตฺตา, อสมฺภวโต จ. โกสชฺชปกฺขิโย หิ อิริยาปโถ อิธ ปฏิโยคิภาเวน อิจฺฉิโต, น อิตเร. น จ สกฺกา านคมเนหิ วินา นิสชฺชาย เอว ยาเปตุํ ตถา ปวตฺเตตุนฺติ เสยฺยาเวตฺถ ปฏิโยคินี. เตนาห ‘‘เตน ปนา’’ติอาทิ. จงฺกมิตพฺพํ น ‘‘เนสชฺชิโก อห’’นฺติ สพฺพรตฺตึ นิสีทิตพฺพํ. อิริยาปถนฺตรานุคฺคหิโต หิ กาโย มนสิการกฺขโม โหติ.
จตฺตาโร ¶ ปาทา, ปิฏฺิอปสฺสโย จาติ อิเมหิ ปฺจหิ องฺเคหิ ปฺจงฺโค. จตูหิ อฏฺฏนีหิ, ปิฏฺิอปสฺสเยน จ ปฺจงฺโคติ อปเร. อุโภสุ ปสฺเสสุ ปิฏฺิปสฺเส จ ยถาสุขํ อปสฺสาย วิหรโต เนสชฺชิกสฺส ‘‘อเนสชฺชิกโต โก วิเสโส’’ติ คาหํ นิวาเรตุํ อภยตฺเถโร นิทสฺสิโต ‘‘เถโร อนาคามี หุตฺวา ปรินิพฺพายี’’ติ.
อุปจฺเฉทียติ เอเตนาติ อุปจฺเฉทนนฺติ วินิพนฺธุปจฺเฉทสฺส สาธกตมภาโว ทฏฺพฺโพ. สพฺพกมฺมฏฺานานุโยคสปฺปายตา อลีนานุทฺธจฺจปกฺขิกตฺตา นิสชฺชาย. ตโต เอว ปาสาทิกอิริยาปถตา. วีริยารมฺภานุกูลตา วีริยสมตาโยชนสฺส อนุจฺฉวิกตา. ตโต เอว สมฺมาปฏิปตฺติยา อนุพฺรูหนตา. ปณิธายาติ เปตฺวา. ตนุนฺติ อุปริมกายํ. วิกมฺเปตีติ จาเลติ, อิจฺฉาวิฆาตํ กโรตีติ อธิปฺปาโย. วตนฺติ ธุตงฺคํ.
อิติ เนสชฺชิกงฺคกถาวณฺณนา.
ธุตงฺคปกิณฺณกกถาวณฺณนา
๓๗. เสกฺขปุถุชฺชนานํ วเสน สิยา กุสลานิ, ขีณาสวานํ วเสน สิยา อพฺยากตานิ ¶ . ตตฺถ เสกฺขปุถุชฺชนา ปฏิปตฺติปูรณตฺถํ, ขีณาสวา ผาสุวิหารตฺถํ ธุตงฺคานิ ปริหรนฺติ. อกุสลมฺปิ ธุตงฺคนฺติ อกุสลจิตฺเตนาปิ ธุตงฺคเสวนา อตฺถีติ อธิปฺปาโย. ตํ น ยุตฺตํ, เยน อกุสลจิตฺเตน ปพฺพชิตสฺส อารฺิกตฺตํ, ตํ ธุตงฺคํ นาม น โหติ. กสฺมา? ลกฺขณาภาวโต. ยํ หิทํ กิเลสานํ ธุนนโต ธุตสฺส ปุคฺคลสฺส, าณสฺส, เจตนาย วา องฺคตฺตํ, น ตํ อกุสลธมฺเมสุ สมฺภวติ. ตสฺมา อรฺวาสาทิมตฺเตน อารฺิกาทโย ตาว โหนฺตุ, อารฺิกงฺคาทีนิ ปน น โหนฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘น มย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิมานีติ ธุตงฺคานิ. วุตฺตํ เหฏฺา วจนตฺถนิทฺเทเส. น จ อกุสเลน โกจิ ธุโต นาม โหติ, กิเลสานํ ธุนนฏฺเนาติ อธิปฺปาโย. ยสฺส ภิกฺขุโน เอตานิ สมาทานานิ องฺคานิ, เอเตน ปเมนาปิ อตฺถวิกปฺเปน ‘‘นตฺถิ อกุสลํ ธุตงฺค’’นฺติ ทสฺเสติ. น จ อกุสลํ กิฺจิ ธุนาตีติ อกุสลํ กิฺจิ ปาปํ น จ ธุนาติ เอว อปฺปฏิปกฺขโต. เยสํ สมาทานานํ ตํ อกุสลํ าณํ วิย ¶ องฺคนฺติ กตฺวา ตานิ ธุตงฺคานีติ วุจฺเจยฺยุํ. อิมินา ทุติเยนาปิ อตฺถวิกปฺเปน ‘‘นตฺถิ อกุสลํ ธุตงฺค’’นฺติ ทสฺเสติ. นาปิ อกุสลนฺติอาทิ ตติยอตฺถวิกปฺปวเสน โยชนา. ตสฺมาติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนํ.
เยสนฺติ อภยคิริวาสิเก สนฺธายาห. เต หิ ธุตงฺคํ นาม ปฺตฺตีติ วทนฺติ. ตถา สติ ตสฺส ปรมตฺถโต อวิชฺชมานตฺตา กิเลสานํ ธุนนฏฺโปิ น สิยา, สมาทาตพฺพตา จาติ เตสํ วจนํ ปาฬิยา วิรุชฺฌตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘กุสลตฺติกวินิมุตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปฺตฺติปกฺเข เอเต โทสา ทุนฺนิวารา, ตสฺมา ตํ เตสํ วจนํ น คเหตพฺพํ, วุตฺตนโย เจตนาปกฺโขเยว คเหตพฺโพติ อตฺโถ. ยสฺมา เอเต ธุตคุณา กุสลตฺติเก ปมตติยปทสงฺคหิตา, ตสฺมา สิยา สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา, สิยา อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา, สิยา วิปากธมฺมธมฺมา, สิยา เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมา, สิยา อนุปาทินฺนุปาทานิยา, สิยา อสํกิลิฏฺสํกิเลสิกาติ เอวํ เสสติกทุกปเทหิปิ เนสํ ยถารหํ สงฺคโห วิภาเวตพฺโพ.
กามํ สพฺโพปิ อรหา ธุตกิเลโส, อิธ ปน ธุตงฺคเสวนามุเขน กิเลเส วิธุนิตฺวา ิโต ขีณาสโว ‘‘ธุตกิเลโส ปุคฺคโล’’ติ อธิปฺเปโต. ตถา สพฺโพปิ อริยมคฺโค นิปฺปริยาเยน กิเลสธุนโน ธมฺโม, วิเสสโต อคฺคมคฺโค. ปริยาเยน ปน วิปสฺสนาาณาทิ. เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ธุตงฺคเจตนาสมฺปยุตฺตาณํ ทฏฺพฺพํ. เอวํ ธุตํ ทสฺเสตฺวา ธุตวาเท ทสฺเสตพฺเพ ยสฺมา ธุตวาทเภเทน ¶ ธุโต วิย ธุตเภเทน ธุตวาโทปิ ทุวิโธ, ตสฺมา เตสํ, ตทุภยปฏิกฺเขปสฺส จ วเสน จตุกฺกเมตฺถ สมฺภวตีติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถิ ธุโต’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตยิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส ‘‘โส อย’’นฺติ อตฺโถ. ธุตธมฺมา นามาติ ธุตงฺคเสวนาย ปฏิปกฺขภูตานํ ปาปธมฺมานํ ธุนนวเสน ปวตฺติยา ‘‘ธุโต’’ติ ลทฺธนามาย ธุตงฺคเจตนาย อุปการกา ธมฺมาติ กตฺวา ธุตธมฺมา นาม. อสมฺปตฺตสมฺปตฺเตสุ ปจฺจเยสุ อลุพฺภนากาเรน ปวตฺตนโต อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฏฺิตา จ อตฺถโต อโลโภ. ปจฺจยเคธาทิเหตุกานํ โลลตาทีนํ สํกิเลสานํ สมฺมเทว ลิขนโต ¶ เฉทนโต คณสงฺคณิกาทิเภทโต สํสคฺคโต จิตฺตสฺส วิเวจนโต สลฺเลขตา ปวิเวกตา จ อโลโภ อโมโหติ อิเมสุ ทฺวีสุ ธมฺเมสุ อนุปตนฺติ ตทนฺโตคธา ตปฺปริยาปนฺนา โหนฺติ, ตทุภยสฺเสว ปวตฺติวิเสสภาวโต. อิเมหิ กุสลธมฺเมหิ อตฺถี อิทมตฺถี, เยน าเณน ปพฺพชิเตน นาม ปํสุกูลิกงฺคาทีสุ ปติฏฺิเตน ภวิตพฺพนฺติ ยถานุสิฏฺํ ธุตคุเณ สมาทิยติ เจว ปริหรติ จ, ตํ าณํ อิทมตฺถิตา. เตนาห ‘‘อิทมตฺถิตา าณเมวา’’ติ. ปฏิกฺเขปวตฺถูสูติ คหปติจีวราทีสุ เตหิ เตหิ ธุตงฺเคหิ ปฏิกฺขิปิตพฺพวตฺถูสุ. โลภนฺติ ตณฺหํ. เตสฺเวว วาติ ปฏิกฺเขปวตฺถูสุ เอว. อาทีนวปฏิจฺฉาทกนฺติ อารกฺขทุกฺขปราธีนวุตฺติโจรภยาทิอาทีนวปฏิจฺฉาทกํ. อนฺุาตานนฺติ สตฺถารา นิจฺฉนฺทราคปริโภควเสน อนฺุาตานํ สุขสมฺผสฺสอตฺถรณปาวุรณาทีนํ. ปฏิเสวนมุเขนาติ ปฏิเสวนทฺวาเรน, เตน เลเสนาติ อตฺโถ. อติสลฺเลขมุเขนาติ อติวิย สลฺเลขปฏิปตฺติมุเขน, อุกฺกฏฺสฺส วตฺตนกานมฺปิ ปฏิกฺขิปนวเสนาติ อตฺโถ.
สุขุมกรณสนฺนิสฺสโย ราโค ทุกฺขาย ปฏิปตฺติยา ปติฏฺํ น ลภตีติ อาห ‘‘ทุกฺขาปฏิปทฺจ นิสฺสาย ราโค วูปสมฺมตี’’ติ. สลฺเลโข นาม สมฺปชานสฺส โหติ, สติสมฺปชฺเ โมโห อปติฏฺโว อปฺปมาทสมฺภวโตติ วุตฺตํ ‘‘สลฺเลขํ นิสฺสาย อปฺปมตฺตสฺส โมโห ปหียตี’’ติ. เอตฺถาติ เอเตสุ ธุตงฺเคสุ. ตตฺถาติ อรฺรุกฺขมูเลสุ.
สีสงฺคานีติ สีสภูตานิ องฺคานิ, ปเรสมฺปิ เกสฺจิ นานนฺตริกตาย, สุกรตาย จ สงฺคณฺหนโต อุตฺตมงฺคานีติ อตฺโถ. อสมฺภินฺนงฺคานีติ เกหิจิ สมฺเภทรหิตานิ, วิสุํเยว องฺคานีติ วุตฺตํ โหติ. กมฺมฏฺานํ วฑฺฒติ ราคจริตสฺส โมหจริตสฺส โทสจริตสฺสาปิ, ตํ เอกจฺจํ ¶ ธุตงฺคํ เสวนฺตสฺสาติ อธิปฺปาโย. หายติ กมฺมฏฺานํ สุกุมารภาเวนลูขปฏิปตฺตึ อสหนฺตสฺส. วฑฺฒเตว มหาปุริสชาติกสฺสาติ อธิปฺปาโย. น วฑฺฒติ กมฺมฏฺานํ อุปนิสฺสยรหิตสฺส. เอกเมว หิ ธุตงฺคํ ยถา กิเลสธุนนฏฺเน, เอวํ เจตนาสภาวตฺตา. เตนาห ‘‘สมาทานเจตนา’’ติ.
เตรสาปิ ¶ ธุตงฺคานิ สมาทาย ปริหรนฺตานํ ปุคฺคลานํ วเสน ‘‘ทฺวาจตฺตาลีส โหนฺตี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูนํ เตรสนฺนมฺปิ ปริหรณสฺส เอกชฺฌํเยว สมฺภวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘เอกปฺปหาเรน สพฺพธุตงฺคานิ ปริภฺุชิตุํ สกฺโกตี’’ติ วุตฺตํ. กถํ อพฺโภกาเส วิหรนฺตสฺส รุกฺขมูลิกงฺคํ? ‘‘ฉนฺนํ ปฏิกฺขิปามิ, รุกฺขมูลิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๒) วจนโต ฉนฺเน อรุณํ อุฏฺาปิตมตฺเต ธุตงฺคํ ภิชฺชติ, น อพฺโภกาเส, ตสฺมา เภทเหตุโน อภาเวน ตมฺปิ อโรคเมว. ตถา เสนาสนโลลุปฺปสฺส อภาเวน ยถาสนฺถติกงฺคนฺติ ทฏฺพฺพํ. อารฺิกงฺคํ คณมฺหา โอหียนสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๖๙๑-๖๙๒) ปฏิกฺขิตฺตํ, ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคํ อนติริตฺตโภชนสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๒๓๘-๒๔๐). ปวาริตาย หิ ภิกฺขุนิยา อติริตฺตํ กตฺวา ภฺุชิตุํ น ลพฺภติ. กปฺปิเย จ วตฺถุสฺมึ โลลตาปหานาย ธุตงฺคสมาทานํ, น อกปฺปิเย, สิกฺขาปเทเนว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. อฏฺเว โหนฺติ ภิกฺขุนิยา สํกจฺจิกจีวราทีหิ สทฺธึ ปฺจปิ ติจีวรสงฺขเมว คจฺฉนฺตีติ กตฺวา. ยถาวุตฺเตสูติ ภิกฺขูนํ วุตฺเตสุ เตรสสุ ติจีวราธิฏฺานวินยกมฺมาภาวโต เปตฺวา เตจีวริกงฺคํ ทฺวาทส สามเณรานํ. สตฺตาติ ภิกฺขุนีนํ วุตฺเตสุ อฏฺสุ เอกํ ปหาย สตฺต ติจีวราธิฏฺานวินยกมฺมาภาวโต. ‘‘เปตฺวา เตจีวริกงฺค’’นฺติ หิ อิมํ อนุวตฺตมานเมว กตฺวา ‘‘สตฺต สิกฺขมานสามเณรีน’’นฺติ วุตฺตํ. ปติรูปานีติ อุปาสกภาวสฺส อนุจฺฉวิกานิ.
ธุตงฺคนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ ทุติยปริจฺเฉทวณฺณนา.