📜

๗. ฉอนุสฺสตินิทฺเทสวณฺณนา

๑. พุทฺธานุสฺสติกถาวณฺณนา

๑๒๓. อสุภานนฺตรนฺติ อสุภกมฺมฏฺานานนฺตรํ. อนุสฺสตีสูติ อนุสฺสติกมฺมฏฺาเนสุ. ‘‘อนุ อนุ สติ อนุสฺสตี’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต’’ติ วตฺวา น เอตฺถ อนุ-สทฺทโยเคน สติ-สทฺโท อตฺถนฺตรวาจโกติ ทสฺเสตุํ ‘‘สติเยว อนุสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. เตน นายมนุ-สทฺโท ‘‘อุปลพฺภตี’’ติอาทีสุ อุป-สทฺโท วิย อนตฺถโก, นาปิ ‘‘สฺชานนํ ปชานน’’นฺติอาทีสุ สํ-สทฺทาทโย วิย อตฺถนฺตรทีปโกติ ทสฺเสติ. ‘‘ปวตฺติตพฺพฏฺานมฺหิเยว วา ปวตฺตตฺตา’’ติ อิมินา จ อนุสฺสติยา อนุสฺสริตพฺพานุรูปตา วุตฺตา โหตีติ ปวตฺตกสฺเสว อนุรูปตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กุลปุตฺตสฺส อนุรูปา’’ติ วุตฺตํ, สทฺธาปพฺพชิตสฺส วา กุลปุตฺตสฺส. อนุรูปตา นาม ปวตฺติตพฺพฏฺานสฺส อนุรูปตาย เอว โหตีติ ปวตฺตกสฺเสว อนุรูปตา วุตฺตา, น อุภยสฺส. อนุรูปาติ จ ยุตฺตาติ อตฺโถ. พุทฺธนฺติ เย คุเณ อุปาทาย ภควติ ‘‘พุทฺโธ’’ติ ปฺตฺติ, เต คุเณ เอกชฺฌํ คเหตฺวา วุตฺตํ. เตนาห ‘‘พุทฺธคุณารมฺมณาย สติยา เอตมธิวจน’’นฺติ. อารพฺภาติ อาลมฺพิตฺวา. ธมฺมนฺติ ปริยตฺติธมฺเมน สทฺธึ นววิธมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ. นนุ จ นิพฺพานํ วิสุํ กมฺมฏฺานภาเวน วกฺขติ? กิฺจาปิ วกฺขติ, ธมฺมภาวสามฺเน ปน มคฺคผเลหิ สทฺธึ อิธ ปาฬิยา สงฺคหิตตฺตา ตสฺสาปิ ธมฺมานุสฺสติกมฺมฏฺาเน คหณํ ทฏฺพฺพํ, อสงฺขตามตาทิภาเวน ปน มคฺคผเลหิ วิสิฏฺตาย ตสฺส วิสุํ กมฺมฏฺานภาเวน คหณํ กตํ. สีลานุสฺสติอาทีนํ ปน ติสฺสนฺนํ อนุสฺสตีนํ วิสุํ กมฺมฏฺานภาเวน คหณํ โยคาวจรสฺส อตฺตโน เอว สีลสฺส จาคสฺส สทฺธาทีนฺจ อนุสฺสติฏฺานภาเวน คเหตพฺพตฺตา. รูปกายํ คตาติ อตฺตโน กรชกายํ อารพฺภ อารมฺมณกรณวเสน ปวตฺตา. กาเยติ กาเย วิสยภูเต. โกฏฺาสนิมิตฺตารมฺมณายาติ เกสาทิโกฏฺาเสสุ ปฏิกฺกูลนิมิตฺตารมฺมณาย. อิโต ปุริมาสุ สตฺตสุ อนุสฺสตีสุ นตฺถิ นิมิตฺตุปฺปตฺติ , อิธ อตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ นิมิตฺต-คฺคหณํ. ตถา อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตารมฺมณายาติ เอตฺถาปิ. อุปสมนฺติ สพฺพสงฺขารูปสมํ, นิพฺพานนฺติ อตฺโถ.

๑๒๔. อเวจฺจ พุทฺธคุเณ ยาถาวโต ตฺวา อุปฺปนฺโน ปสาโท อเวจฺจปฺปสาโท, อริยมคฺเคน อาคตปฺปสาโท, ตํสทิโสปิ วา โย ทิฏฺิคตวาเตหิ อจโล อสมฺปกมฺปิโย, เตน สมนฺนาคเตน. ตาทิสสฺส พุทฺธานุสฺสติภาวนา อิชฺฌติ, น อิตรสฺส. ปติรูปเสนาสเนติ ยถาวุตฺตอฏฺารสโทสวชฺชิเต ปฺจงฺคสมนฺนาคเต เสนาสเน. รโหคเตนาติ รหสิ คเตน. เตน กายวิเวกํ ทสฺเสติ. ปฏิสลฺลีเนนาติ นานารมฺมณโต ปฏิสลฺลีเนน, พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณโต ปฏิกฺกมาเปตฺวา กมฺมฏฺาเน สลฺลีเนน, สุสิลิฏฺจิตฺเตนาติ อตฺโถ. เอวนฺติ อิมาย ปาฬิยา อาคตนเยน.

โส ภควาติ เอตฺถ โสติ โย โส สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภฺชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ เทวานํ อติเทโว พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา โลกนาโถ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ สเทวเก โลเก ‘‘ภควา’’ติ ปตฺถฏกิตฺติสทฺโท, โส. ภควาติ อิทํ สตฺถุ นามกิตฺตนํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กต’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๑๙๘, ๒๑๐; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒). ปรโต ปน ภควาติ คุณกิตฺตนํ. อรหนฺติอาทีสุ นวสุ าเนสุ ปจฺเจกํ อิติปิ-สทฺทํ โยเชตฺวา พุทฺธคุณา อนุสฺสริตพฺพาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติปิ อรหํ…เป… อิติปิ ภควาติ อนุสฺสรตี’’ติ อาห. ‘‘อิติเปตํ ภูตํ อิติเปตํ ตจฺฉ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๖) วิย อิติ-สทฺโท อาสนฺนปจฺจกฺขกรณตฺโถ, ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน เนสํ พหุภาโว ทีปิโต, ตานิ จ คุณสลฺลกฺขณการณานิ ภาเวนฺเตน จิตฺตสฺส สมฺมุขีภูตานิ กาตพฺพานีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาห.

๑๒๕. ทูรตา นาม อาสนฺนตา วิย อุปาทายุปาทาย วุจฺจตีติ ปรมุกฺกํสคตํ ทูรภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุวิทูรวิทูเร’’ติ อาห, สุฏฺุ วิทูรภาเวเนว วิทูเรติ อตฺโถ. สา ปนสฺส กิเลสโต ทูรตา เตสํ สพฺพโส ปหีนตฺตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มคฺเคน กิเลสานํ วิทฺธํสิตตฺตา’’ติ. นนุ อฺเสมฺปิ ขีณาสวานํ เต ปหีนา เอวาติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สวาสนาน’’นฺติ. น หิ ภควนฺตํ เปตฺวา อฺเ สห วาสนาย กิเลเส ปหาตุํ สกฺโกนฺติ , เอเตน อฺเหิ อสาธารณํ ภควโต อรหตฺตนฺติ ทสฺสิตํ โหติ. กา ปนายํ วาสนา นาม? ปหีนกิเลสสฺสาปิ อปฺปหีนกิเลสสฺส ปโยคสทิสปโยคเหตุภูโต กิเลสนิหิโต สามตฺถิยวิเสโส อายสฺมโต ปิลินฺทวจฺฉสฺส (ปารา. ๖๒๑) วสลสมุทาจารนิมิตฺตํ วิย. กถํ ปน ‘‘อารกา’’ติ วุตฺเต ‘‘กิเลเสหี’’ติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ? สามฺโชตนาย วิเสเส อวฏฺานโต, วิเสสตฺถินา จ วิเสสสฺส อนุปโยเชตพฺพโต, ‘‘อารกาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติอาทีนิ (ม. นิ. ๑.๔๓๔) สุตฺตปทาเนตฺถ อุทาหริตพฺพานิ. อารกาติ เจตฺถ อา-การสฺส รสฺสตฺตํ, ก-การสฺส จ ห-การํ, สานุสารํ กตฺวา นิรุตฺตินเยน ‘‘อรห’’นฺติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. วุตฺตเมวตฺถํ สุขคฺคหณตฺถํ ‘‘โส ตโต อารกา นามา’’ติ คาถาพนฺธมาห. ตตฺถ สมฺชนสีโล สมงฺคี, น สมงฺคิตา อสมงฺคิตา อสมนฺนาคโม อสหวุตฺติตา.

๑๒๖. อนตฺถจรเณน กิเลสา เอว อรโยติ กิเลสารโย. ‘‘อรีนํ หตตฺตา อริหา’’ติ วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน ‘‘อรห’’นฺติ วุตฺตํ.

๑๒๗. ยฺเจตํ สํสารจกฺกนฺติ สมฺพนฺโธ. รถจกฺกสฺส นาภิ วิย มูลาวยวภูตํ อนฺโต, พหิ จ สมวฏฺิตํ อวิชฺชาภวตณฺหามยํ ทฺวยนฺติ วุตฺตํ ‘‘อวิชฺชาภวตณฺหามยนาภี’’ติ. นาภิยา, เนมิยา จ สมฺพนฺธา อรสทิสา ปจฺจยผลภูเตหิ อวิชฺชาตณฺหาชรามรเณหิ สมฺพนฺธา ปุฺาทิสงฺขาราติ วุตฺตํ ‘‘ปุฺาทิอภิสงฺขาราร’’นฺติ. ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปริยนฺตภาเวน ปากฏํ ชรามรณนฺติ ตํ เนมิฏฺานิยํ กตฺวา อาห ‘‘ชรามรณเนมี’’ติ. ยถา จ รถจกฺกปวตฺติยา ปธานการณํ อกฺโข, เอวํ สํสารจกฺกปวตฺติยา อาสวสมุทโยติ อาห ‘‘อาสวสมุทยมเยน อกฺเขน วิชฺฌิตฺวา’’ติ. อาสวา เอว อวิชฺชาทีนํ การณตฺตา อาสวสมุทโย. ยถาห ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓). วิปากกฏตฺตารูปปฺปเภโท กามภวาทิโก ติภโว เอว รโถ, ตสฺมึ ติภวรเถ. อตฺตโน ปจฺจเยหิ สมํ, สพฺพโส วา อาทิโต ปฏฺาย โยชิตนฺติ สมาโยชิตํ. อาทิรหิตํ กาลํ ปวตฺตตีติ กตฺวา อนาทิกาลปฺปวตฺตํ.

‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;

อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, ‘สํสาโร’ติ ปวุจฺจตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕ อปสาทนาวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๙) –

เอวํ วุตฺตสํสาโรว สํสารจกฺกํ. อเนนาติ ภควตา. โพธิมณฺเฑติ โพธิสงฺขาตสฺส าณสฺส มณฺฑภาวปฺปตฺเต าเน, กาเล วา. วีริยปาเทหีติ สํกิเลสโวทานปกฺขิเยสุ สนฺนิรุมฺภนสนฺนิกฺขิปนกิจฺจตาย ทฺวิธา ปวตฺเตหิ อตฺตโน วีริยสงฺขาเตหิ ปาเทหิ. สีลปถวิยนฺติ ปติฏฺฏฺเน สีลเมว ปถวี, ตสฺสํ. ปติฏฺายาติ สมฺปาทนวเสน ปติฏฺหิตฺวา. สทฺธาหตฺเถนาติ อนวชฺชธมฺมาทานสาธนโต สทฺธาว หตฺโถ, เตน. กมฺมกฺขยกรนฺติ กายกมฺมาทิเภทสฺส สพฺพสฺสปิ กมฺมสฺส ขยกรณโต กมฺมกฺขยกรํ. าณผรสุนฺติ สมาธิสิลายํ สุนิสิตมคฺคาณผรสุํ คเหตฺวา.

๑๒๘. เอวํ ‘‘อรานํ หตตฺตา’’ติ เอตฺถ วุตฺตอรฆาเต สํสารํ จกฺกํ วิย จกฺกนฺติ คเหตฺวา อตฺถโยชนํ กตฺวา อิทานิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนากฺกเมนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อนมตคฺคํ สํสารวฏฺฏนฺติ อนุ อนุ อมตคฺคํ อวิฺาตโกฏิกํ สํสารมณฺฑลํ. เสสา ทส ธมฺมา สงฺขาราทโย ชาติปริโยสานา อรา. กถํ? นาภิยา อวิชฺชาย มูลโต, เนมิยา ชรามรเณน อนฺตโต สมฺพนฺธตฺตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อวิชฺชามูลกตฺตา ชรามรณปริยนฺตตฺตา จา’’ติ. ทุกฺขาทีสูติ ทุกฺขสมุทยนิโรธมคฺเคสุ. ตตฺถ ทุกฺเข อฺาณํ ตทนฺโตคธตฺตา, ตปฺปฏิจฺฉาทนโต จ, เสเสสุ ปฏิจฺฉาทนโตว. ทุกฺขนฺติ เจตฺถ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ อธิปฺเปตนฺติ ตํ กามภวาทิวเสน ติธา ภินฺทิตฺวา ตถา ตปฺปฏิจฺฉาทิกํ อวิชฺชํ, อวิชฺชาทิปจฺจเย ตีสุ ภเวสุ สงฺขาราทิเก จ ปฏิปาฏิยา ทสฺเสนฺโต ‘‘กามภเว จ อวิชฺชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กามภเว อวิชฺชาติ กามภเว อาทีนวปฺปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. รูปภเว อรูปภเว อวิชฺชาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กามภเว สงฺขารานนฺติ กามภูมิปริยาปนฺนานํ สงฺขารานํ, กามภเว วา นิปฺผาเทตพฺพา เย สงฺขารา, เตสํ กามภวูปปตฺตินิพฺพตฺตกสงฺขารานนฺติ อตฺโถ. ปจฺจโย โหตีติ ปุฺาภิสงฺขารานํ ตาว อารมฺมณปจฺจเยน เจว อุปนิสฺสยปจฺจเยน จาติ ทฺวิธา ปจฺจโย โหติ. อปุฺาภิสงฺขาเรสุ สหชาตสฺส สหชาตาทิวเสน , อสหชาตสฺส อนนฺตรสมนนฺตราทิวเสน, นานนฺตรสฺส ปน อารมฺมณวเสน เจว อุปนิสฺสยวเสน จ ปจฺจโย โหติ. อรูปภเว สงฺขารานนฺติ อาเนฺชาภิสงฺขารานํ . ปจฺจโย โหติ อุปนิสฺสยวเสเนว. อิมสฺมึ ปนตฺเถ เอตฺถ วิตฺถาริยมาเน อติปฺปปฺโจ โหติ, สยเมว จ ปรโต อาคมิสฺสตีติ น นํ วิตฺถารยาม.

ติณฺณํ อายตนานนฺติ จกฺขุโสตมนายตนานํ. เอกสฺสายตนสฺสาติ มนายตนสฺส. อิมินา นเยน ผสฺสาทีนมฺปิ วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ตตฺถ สา สา ตณฺหาติ รูปตณฺหาทิเภทา ตตฺถ ตตฺถ กามภวาทีสุ อุปฺปชฺชนกา ตณฺหา.

ตณฺหาทิมูลิกา กถา อติสํขิตฺตาติ ตํ, อุปาทานภเว จ วิภชิตฺวา วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘กาเม ปริภุฺชิสฺสามี’’ติ อิมินา กามตณฺหาปวตฺติมาห. ตถา ‘‘สคฺคสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามี’’ติอาทีหิ. สา ปน ตณฺหา ยสฺมา ภุสมาทานวเสน ปวตฺตมานา กามุปาทานํ นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กามุปาทานปจฺจยา’’ติ. ตเถวาติ กามุปาทานปจฺจยา เอว.

พฺรหฺมโลกสมฺปตฺตินฺติ รูปีพฺรหฺมโลเก สมฺปตฺตึ. ‘‘สพฺเพปิ เตภูมกา ธมฺมา กามนียฏฺเน กามา’’ติ (มหานิ. ๑; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘ โถก วิสทิสํ) วจนโต ภวราโคปิ กามุปาทานเมวาติ กตฺวา ‘‘กามุปาทานปจฺจยา เอว เมตฺตํ ภาเวตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เสสุปาทานมูลิกาสุปีติ เอตฺถายํ โยชนา – อิเธกจฺโจ ‘‘นตฺถิ ปโร โลโก’’ติ นตฺถิกทิฏฺึ คณฺหาติ, โส ทิฏฺุปาทานปจฺจยา กาเยน ทุจฺจริตํ จรตีติอาทิ วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ. อปโร ‘‘อสุกสฺมึ สมฺปตฺติภเว อตฺตา อุจฺฉิชฺชตี’’ติ อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ, โส ตตฺรูปปตฺติยา กาเยน สุจริตํ จรตีติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ. อปโร ‘‘รูปี มโนมโย หุตฺวา อตฺตา อุจฺฉิชฺชตี’’ติ รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ. ภาวนาปาริปูริยาติ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อปโร ‘‘อรูปภเว อุปฺปชฺชิตฺวา อตฺตา อุจฺฉิชฺชตี’’ติ อรูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ. ภาวนาปาริปูริยาติ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เอตาหิเยว อตฺตวาทุปาทานมูลิกาปิ โยชนา สํวณฺณิตาติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทวเสนาปิ โยชนา เวทิตพฺพา. อปโร ‘‘สีเลน สุทฺธี’’ติ ‘‘อสุทฺธิมคฺคํ สุทฺธิมคฺโค’’ติ ปรามสนฺโต สีลพฺพตุปาทานปจฺจยา กาเยน ทุจฺจริตํ จรตีติอาทินา สพฺพํ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ.

อิทานิ ยฺวายํ สํสารจกฺกํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘กามภเว อวิชฺชา กามภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหตี’’ติอาทินา อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยภาโว, สงฺขาราทีนํ ปจฺจยุปฺปนฺนภาโว จ ทสฺสิโต, ตเมว ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬึ อาเนตฺวา นิคมนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ อย’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยถา สงฺขารา เหตุนิพฺพตฺตา, เอวํ อวิชฺชาปิ กามาสวาทินา สเหตุกา เอวาติ อาห ‘‘อุโภเปเต เหตุสมุปฺปนฺนา’’ติ. ปจฺจยปริคฺคเหติ นามรูปสฺส ปจฺจยานํ อวิชฺชาทีนํ ปริจฺฉิชฺช คหเณ, นิปฺผาเทตพฺเพ ภุมฺมํ. ปฺาติ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิสงฺขาตา ปการโต ชานนา. ธมฺมฏฺิติาณนฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทาวโพโธ. อิทฺจ ธมฺมฏฺิติาณํ ยสฺมา อทฺธาตฺตเย กงฺขามลวิตรณวเสน ปวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘อตีตมฺปิ อทฺธาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เอเตเนว นเยนาติ เอเตน ‘‘อวิชฺชา เหตู’’ติอาทินา อวิชฺชายํ วุตฺเตน นเยน. ‘‘สงฺขารา เหตุ, วิฺาณํ เหตุสมุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๔๖) สพฺพปทานิ วิตฺถาเรตพฺพานิ.

สํขิปฺปนฺติ เอตฺถ อวิชฺชาทโย, วิฺาณาทโย จาติ สงฺเขโป, เหตุ, วิปาโก จ. เหตุ วิปาโกติ วา สํขิปฺปตีติ สงฺเขโป, อวิชฺชาทโย วิฺาณาทโย จ. สงฺเขปภาวสามฺเน ปน เอกวจนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เต ปน สงฺเขปา อตีเต เหตุ, เอตรหิ วิปาโก, เอตรหิ เหตุ, อายตึ วิปาโกติ เอวํ กาลวิภาเคน จตฺตาโร ชาตา. เตนาห ‘‘ปุริมสงฺเขโป เจตฺถ อตีโต อทฺธา’’ติอาทิ. สงฺเขป-สทฺโท วา ภาคาธิวจนนฺติ อตีโต เหตุภาโค ปโม สงฺเขโป. เอส นโย เสเสสุปิ. ตณฺหุปาทานภวา คหิตาว โหนฺติ กิเลสกมฺมภาวสามฺโต, เตหิ วินา อวิชฺชาสงฺขารานํ สกิจฺจากรณโต จ. กมฺมํ ตณฺหา จ ตสฺส สหการีการณํ หุตฺวา วฏฺฏนตฺเถน กมฺมวฏฺฏํ.

วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนานํ ชาติชราภงฺคาวตฺถา ‘‘ชาติชรามรณ’’นฺติ วุตฺตาติ อาห ‘‘ชาติชรามรณาปเทเสนวิฺาณาทีนํนิทฺทิฏฺตฺตา’’ติ. อิเมติ วิฺาณาทโย. อายตึ วิปากวฏฺฏํ ปจฺจุปฺปนฺนเหตุโต ภาวีนํ อนาคตานํ คหิตตฺตา. เตติ อวิชฺชาทโย. อาการโตติ สรูปโต อวุตฺตาปิ ตสฺมึ ตสฺมึ สงฺคเห อากิรียนฺติ อวิชฺชาสงฺขาราทิคฺคหเณหิ ปกาสียนฺตีติ อาการา, อตีตเหตุอาทีนํ วา ปการา อาการา, ตโต อาการโต. วีสติวิธา โหนฺติ อตีเตเหตุปฺจกาทิเภทโต.

สงฺขารวิฺาณานํ อนฺตรา เอโก สนฺธีติ เหตุโต ผลสฺส อวิจฺเฉทปฺปวตฺติภาวโต เหตุผลสมฺพนฺธภูโต เอโก สนฺธิ. ตถา ภวชาตีนมนฺตรา. เวทนาตณฺหานมนฺตรา ปน ผลโต เหตุโน อวิจฺเฉทปฺปวตฺติภาวโต ผลเหตุสมฺพนฺธภูโต เอโก สนฺธิ. ผลภูโตปิ หิ ธมฺโม อฺสฺส เหตุสภาวสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโย โหตีติ.

อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ. เตนาห ‘‘จตุสงฺเขป’’นฺติอาทิ. สพฺพาการโตติ อิธ วุตฺเตหิ, อวุตฺเตหิ จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺเค (วิภ. ๒๒๕ อาทโย), อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานาทีสุ จ อาคเตหิ สพฺเพหิ อากาเรหิ. ชานาตีติ อวพุชฺฌติ. ปสฺสตีติ ทสฺสนภูเตน าณจกฺขุนา ปจฺจกฺขโต ปสฺสติ. อฺาติ ปฏิวิชฺฌตีติ เตสํเยว เววจนํ. นฺติ ตํ ชานนํ. าตฏฺเนาติ ยถาสภาวโต ชานนฏฺเน. ปชานนฏฺเนาติ อนิจฺจาทีหิ ปกาเรหิ ปฏิวิชฺฌนฏฺเน.

อิทานิ ยทตฺถมิทํ ภวจกฺกํ อิธานีตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมินา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เต ธมฺเมติ เต อวิชฺชาทิเก ธมฺเม. ยถาภูตํ ตฺวาติ มหาวชิราเณน ยาถาวโต ชานิตฺวา. นิพฺพินฺทนฺโต พลววิปสฺสนาย วิรชฺชนฺโต วิมุจฺจนฺโต อริยมคฺเคหิ อเร หนีติ โยชนา. ตตฺถ ยทา ภควา วิรชฺชติ วิมุจฺจติ, ตทา อเร หนติ นาม. ตโต ปรํ ปน อภิสมฺพุทฺธกฺขณํ คเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘หนิ วิหนิ วิทฺธํเสสี’’ติ.

๑๒๙. จกฺกวตฺติโน อเจตเน จกฺกรตเน อุปฺปนฺเน ตตฺเถว โลโก ปูชํ กโรติ, อฺตฺถ ปูชาวิเสสา ปจฺฉิชฺชนฺติ, กิมงฺคํ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธ อุปฺปนฺเนติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุปฺปนฺเน ตถาคเต’’ติอาทิมาห. โก ปน วาโท อฺเสํ ปูชาวิเสสานนฺติ ยถาวุตฺตโต อฺเสํ อมเหสกฺเขหิ เทวมนุสฺเสหิ กริยมานานํ นาติอุฬารานํ ปูชาวิเสสานํ อรหภาเว กา นาม กถา. อตฺถานุรูปนฺติ อรหตฺตตฺถสฺส อนุรูปํ อนฺวตฺถํ.

๑๓๐. อสิโลกภเยนาติ อกิตฺติภเยน. รโห ปาปํ กโรนฺติ ‘‘มา นํ โกจิ ชฺา’’ติ เอส ภควา น กทาจิ กโรติ ปาปเหตูนํ โพธิมณฺเฑ เอว สุปฺปหีนตฺตา. อปโร นโย – อารกาติ อรหํ, สุวิทูรภาวโตอิจฺเจว อตฺโถ. กุโต ปน สุวิทูรภาวโตติ? เย อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา, ตโต เอว อปฺปหีนราคโทสโมหา อริยธมฺมสฺส อโกวิทา อริยธมฺเม อวินีตา อริยธมฺมสฺส อทสฺสาวิโน อปฺปฏิปนฺนา มิจฺฉาปฏิปนฺนา จ, ตโต สุวิทูรภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘สงฺฆาฏิกณฺเณเจปิ เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คเหตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ อสฺส ปาเท ปาทํ นิกฺขิปนฺโต, โส จ โหติ อภิชฺฌาลุ กาเมสุ ติพฺพสาราโค พฺยาปนฺนจิตฺโต ปทุฏฺมนสงฺกปฺโป มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน อสมาหิโต วิพฺภนฺตจิตฺโต ปากตินฺทฺริโย. อถ โข โส อารกาว มยฺหํ, อหฺจ ตสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมํ หิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ปสฺสติ, ธมฺมํ อปสฺสนฺโต มํ น ปสฺสตี’’ติ (อิติวุ. ๙๒).

ยถาวุตฺตปุคฺคลา หิ สเจปิ สายํ ปาตํ สตฺถุ สนฺติกาวจราว สิยุํ, น เต ตาวตา ‘‘สตฺถุ สนฺติกา’’ติ วตฺตพฺพา, ตถา สตฺถาปิ เนสํ. อิติ อสปฺปุริสานํ อารกา ทูเรติ อรหํ.

‘‘สมฺมา น ปฏิปชฺชนฺติ, เย นิหีนาสยา นรา;

อารกา เตหิ ภควา, ทูเร เตนารหํ มโต’’ติ.

ตถา อารกาติ อรหํ, อาสนฺนภาวโตติ อตฺโถ. กุโต ปน อาสนฺนภาวโตติ? เย ภาวิตกายา ภาวิตสีลา ภาวิตจิตฺตา ภาวิตปฺา, ตโต เอว ปหีนราคโทสโมหา อริยธมฺมสฺส โกวิทา อริยธมฺเม สุวินีตา อริยธมฺมสฺส ทสฺสาวิโน สมฺมาปฏิปนฺนา, ตโต อาสนฺนภาวโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –

‘‘โยชนสเต เจปิ เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหเรยฺย, โส จ โหติ อนภิชฺฌาลุ กาเมสุ น ติพฺพสาราโค อพฺยาปนฺนจิตฺโต อปฺปทุฏฺมนสงฺกปฺโป อุปฏฺิตสฺสติ สมฺปชาโน สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต สํวุตินฺทฺริโย. อถ โข โส สนฺติเกว มยฺหํ, อหฺจ ตสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมํ หิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสติ, ธมฺมํ ปสฺสนฺโต มํ ปสฺสตี’’ติ (อิติวุ. ๙๒).

ตถารูปา หิ ปุคฺคลา สตฺถุ โยชนสหสฺสนฺตริกาปิ โหนฺติ, น ตาวตา เต ‘‘สตฺถุ ทูรจาริโน’’ติ วตฺตพฺพา, ตถา สตฺถาปิ เนสํ. อิติ สปฺปุริสานํ อารกา อาสนฺเนติ อรหํ.

เย สมฺมา ปฏิปชฺชนฺติ, สุปฺปณีตาธิมุตฺติกา;

อารกา เตหิ อาสนฺเน, เตนาปิ อรหํ ชิโน.

เย อิเม ราคาทโย ปาปธมฺมา ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺส ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ สมฺปรายิกมฺปิ อนตฺถํ อาวหนฺติ. นิพฺพานคามินิยา ปฏิปทาย เอกํเสเนว อุชุวิปจฺจนีกภูตา จ, เต อตฺตหิตํ, ปรหิตฺจ ปริปูเรตุํ สมฺมา ปฏิปชฺชนฺเตหิ สาธูหิ ทูรโต รหิตพฺพา ปริจฺจชิตพฺพา ปหาตพฺพาติ รหา นาม, เต จ ยสฺมา ภควโต โพธิมูเลเยว อริยมคฺเคน สพฺพโส ปหีนา สมุจฺฉินฺนา. ยถาห –

‘‘ตถาคตสฺส โข, พฺราหฺมณ, ราโค ปหีโน โทโส โมโห, สพฺเพปิ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา’’ติ (ปารา. ๙-๑๐ อตฺถโต สมานํ).

ตสฺมา สพฺพโส น สนฺติ เอตสฺส รหาติ อรโหติ วตฺตพฺเพ โอการสฺส สานุสารํ อ-การาเทสํ กตฺวา ‘‘อรห’’นฺติ วุตฺตํ.

ปาปธมฺมา รหา นาม, สาธูหิ รหิตพฺพโต;

เตสํ สุฏฺุ ปหีนตฺตา, ภควา อรหํ มโต.

เย เต สพฺพโส ปริฺาตกฺขนฺธา ปหีนกิเลสา ภาวิตมคฺคา สจฺฉิกตนิโรธา อรหนฺโต ขีณาสวา, เย จ เสกฺขา อปฺปตฺตมานสา อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ ปตฺถยมานา วิหรนฺติ, เย จ ปริสุทฺธปโยคา กลฺยาณชฺฌาสยา สทฺธาสีลสุตาทิคุณสมฺปนฺนา ปุคฺคลา, เตหิ น รหิตพฺโพ น ปริจฺจชิตพฺโพ, เต จ ภควตาติ อรหํ. ตถา หิ อริยปุคฺคลา สตฺถารา ทิฏฺธมฺมสฺส ปจฺจกฺขกรณโต สตฺถุ ธมฺมสรีเรน อวิรหิตา เอว โหนฺติ. ยถาห อายสฺมา ปิงฺคิโย

‘‘ปสฺสามิ นํ มนสา จกฺขุนาว,

รตฺตินฺทิวํ พฺราหฺมณ อปฺปมตฺโต;

นมสฺสมาโน วิวเสมิ รตฺตึ,

เตเนว มฺามิ อวิปฺปวาสํ.

‘‘สทฺธา จ ปีติ จ มโน สติ จ,

นาเปนฺติเม โคตมสาสนมฺหา;

ยํ ยํ ทิสํ วชติ ภูริปฺโ,

ส เตน เตเนว นโตหมสฺมี’’ติ. (สุ. นิ. ๑๑๔๘-๑๑๔๙);

เตเนว จ เต อฺํ สตฺถารํ น อุทฺทิสนฺติ. ยถาห –

‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺยาติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๘; อ. นิ. ๑.๒๗๖).

กลฺยาณปุถุชฺชนาปิ เยภุยฺเยน สตฺถริ นิจฺจลสทฺธา เอว โหนฺติ. อิติ สุปฺปฏิปนฺเนหิ ปุริสวิเสเสหิ อวิรหิตพฺพโต, เตสฺจ อวิรหนโต น สนฺติ เอตสฺส รหา ปริจฺจชนกา, นตฺถิ วา เอตสฺส รโห สาธูหิ ปริจฺจชิตพฺพตาติ อรหํ.

‘‘เย สจฺฉิกตสทฺธมฺมา, อริยา สุทฺธโคจรา;

น เตหิ รหิโต โหติ, นาโถ เตนารหํ มโต’’ติ.

รโหติ จ คมนํ วุจฺจติ, ภควโต จ นานาคตีสุ ปริพฺภมนสงฺขาตํ สํสาเร คมนํ นตฺถิ กมฺมกฺขยกเรน อริยมคฺเคน โพธิมูเลเยว สพฺพโส สสมฺภารสฺส กมฺมวฏฺฏสฺส วิทฺธํสิตตฺตา. ยถาห –

‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;

ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;

เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖);

เอวํ นตฺถิ เอตสฺส รโหคมนํ คตีสุ ปจฺจาชาตีติปิ อรหํ.

รโห วา คมนํ ยสฺส, สํสาเร นตฺถิ สพฺพโส;

ปหีนชาติมรโณ, อรหํ สุคโต มโต.

ปาสํสตฺตา วา ภควา อรหํ. อกฺขรจินฺตกา หิ ปสํสายํ อรห-สทฺทํ วณฺเณนฺติ. ปาสํสภาโว จ ภควโต อนฺสาธารโณ ยถาภุจฺจคุณาธิคโต สเทวเก โลเก สุปฺปติฏฺิโต. ตถา เหส อนุตฺตเรน สีเลน อนุตฺตเรน สมาธินา อนุตฺตราย ปฺาย อนุตฺตราย วิมุตฺติยา อสโม อสมสโม อปฺปฏิโม อปฺปฏิภาโค อปฺปฏิปุคฺคโลติ เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ คุเณ วิภชิตฺวา วุจฺจมาเน ปณฺฑิตปุริเสหิ เทเวหิ พฺรหฺเมหิ ภควตา วา ปน ปริโยสาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยรูโป. อิติ ปาสํสตฺตาปิ ภควา อรหํ.

คุเณหิ สทิโส นตฺถิ, ยสฺมา โลเก สเทวเก;

ตสฺมา ปาสํสิยตฺตาปิ, อรหํ ทฺวิปทุตฺตโม.

เอวํ สพฺพถาปิ –

‘‘อารกา มนฺทพุทฺธีนํ, อารกา จ วิชานตํ;

รหานํ สุปฺปหีนตฺตา, วิทูนมรเหยฺยโต;

ภเวสุ จ รหาภาวา, ปาสํสา อรหํ ชิโน’’ติ.

๑๓๑. สมฺมาติ อวิปรีตํ. สามนฺติ สยเมว. สมฺพุทฺโธติ หิ เอตฺถ สํ-สทฺโท ‘‘สย’’นฺติ เอตสฺส อตฺถสฺส โพธโก ทฏฺพฺโพ. สพฺพธมฺมานนฺติ อนวเสสานํ เยฺยธมฺมานํ. กถํ ปเนตฺถ สพฺพธมฺมาวโพโธ ลพฺภตีติ? เอกเทสสฺส อคฺคหณโต. ปเทสคฺคหเณ หิ อสติ คเหตพฺพสฺส นิปฺปเทสตาว วิฺายติ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. เอวฺจ กตฺวา อตฺถวิเสสานเปกฺขา กตฺตริ เอว พุทฺธสทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา กมฺมวจนิจฺฉาย อภาวโต. ‘‘สมฺมา สามํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ เอตฺตกเมว หิ อิธ สทฺทโต ลพฺภติ, ‘‘สพฺพธมฺมาน’’นฺติ ปน อตฺถโต ลพฺภมานํ คเหตฺวา วุตฺตํ. น หิ พุชฺฌนกิริยา อวิสยา ยุชฺชติ.

อิทานิ ตสฺสา วิสยํ ‘‘สพฺพธมฺเม’’ติ สามฺโต วุตฺตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อภิฺเยฺเย ธมฺเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อภิฺเยฺเยติ อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานิตพฺเพ. เก ปน เตติ? จตุสจฺจธมฺเม. อภิฺเยฺยโต พุทฺโธติ อภิฺเยฺยภาวโต พุชฺฌิ. ปุพฺพภาเค วิปสฺสนาปฺาย, อธิคมกฺขเณ มคฺคปฺาย, อปรภาเค สพฺพฺุตฺาณาทีหิ อฺาสีติ อตฺโถ. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. ปริฺเยฺเย ธมฺเมติ ทุกฺขํ อริยสจฺจมาห. ปหาตพฺเพติ สมุทยปกฺขิเย. สจฺฉิกาตพฺเพติ นิพฺพานํ สนฺธายาห. พหุวจนนิทฺเทโส ปน โสปาทิเสสาทิกํ ปริยายสิทฺธํ เภทํ คเหตฺวา กโต, อุทฺเทโส วา อยํ จตุสจฺจธมฺมานนฺติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘จกฺขุํ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทิ. อุทฺเทโส จ อวินิจฺฉิตตฺถปริจฺเฉทสฺส ธมฺมสฺส วเสน กรียติ. อุทฺเทเสน หิ อุทฺทิสิยมานานํ ธมฺมานํ อตฺถิตามตฺตํ วุจฺจติ, น ปริจฺเฉโทติ อปริจฺเฉเทน พหุวจเนน วุตฺตํ ยถา ‘‘อปฺปจฺจยา ธมฺมา, อสงฺขตา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗-๘). สจฺฉิกาตพฺเพติ วา ผลวิมุตฺตีนมฺปิ คหณํ, น นิพฺพานสฺเสวาติ พหุวจนนิทฺเทโส กโต. เอวฺจ ภาเวตพฺเพติ เอตฺถ ฌานานมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ.

คาถายํ ภาเวตพฺพฺจาติ เอตฺถ -สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ, เตน สจฺฉิกาตพฺพสฺส คหณํ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา พุทฺโธสฺมีติ ยสฺมา จตฺตาริ สจฺจานิ มยา พุทฺธานิ, สจฺจวินิมุตฺตฺจ กิฺจิ เยฺยํ นตฺถิ, ตสฺมา สพฺพมฺปิ เยฺยํ พุทฺโธสฺมิ, อพฺภฺาสินฺติ อตฺโถ.

๑๓๒. เอวํ สจฺจวเสน สามฺโต วุตฺตมตฺถํ ทฺวารารมฺมเณหิ สทฺธึ ทฺวารปฺปวตฺตธมฺเมหิ, ขนฺธาทีหิ จ สจฺจวเสเนว วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อปิ จา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ มูลการณภาเวนาติ สนฺเตสุปิ อวิชฺชาทีสุ อฺเสุ การเณสุ เตสมฺปิ มูลภูตการณภาเวน. ตณฺหา หิ กมฺมสฺส วิจิตฺตภาวเหตุโต, สหายภาวูปคมนโต จ ทุกฺขวิจิตฺตตาย ปธานการณํ. สมุฏฺาปิกาติ อุปฺปาทิกา. ปุริมตณฺหาติ ปุริมภวสิทฺธา ตณฺหา. อุภินฺนนฺติ จกฺขุสฺส , ตํสมุทยสฺส จ. อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ. นิโรธปชานนาติ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน นิโรธสฺส ปฏิวิชฺฌนา. เอเกกปทุทฺธาเรนาติ ‘‘จกฺขุํ จกฺขุสมุทโย’’ติอาทินา เอเกกโกฏฺาสนิทฺธารเณน . ตณฺหายปิ ปริฺเยฺยภาวสพฺภาวโต, อุปาทานกฺขนฺธนฺโตคธตฺตา จ ทุกฺขสจฺจสงฺคหํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปตณฺหาทโย ฉ ตณฺหากายา’’ติ วุตฺตํ.

กสิณานีติ กสิณชฺฌานานิ. ทฺวตฺตึสาการาติ ทฺวตฺตึส โกฏฺาสา, ตทารมฺมณชฺฌานานิ จ. นว ภวาติ กามภวาทโย ตโย, สฺีภวาทโย ตโย, เอกโวการภวาทโย ตโยติ นว ภวา. จตฺตาริ ฌานานีติ อคฺคหิตารมฺมณวิเสสานิ จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ, วิปากชฺฌานานํ วา เอตํ คหณํ. เอตฺถ จ กุสลธมฺมานํ อุปนิสฺสยภูตา ตณฺหา สมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหาติ เวทิตพฺพา. กิริยธมฺมานํ ปน ยตฺถ เต ตสฺส อตฺตภาวสฺส การณภูตา.

อนุพุทฺโธติ พุชฺฌิตพฺพธมฺมสฺส อนุรูปโต พุทฺโธ. เตนาติ ตสฺมา. ยสฺมา สามฺโต, วิเสสโต จ เอเกกปทุทฺธาเรน สพฺพธมฺเม พุทฺโธ, ตสฺมา วุตฺตํ. กินฺติ อาห ‘‘สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา’’ติ, สพฺพสฺสปิ เยฺยสฺส สพฺพาการโต อวิปรีตํ สยเมว อภิสมฺพุทฺธตฺตาติ อตฺโถ. อิมินาสฺส ปโรปเทสรหิตสฺส สพฺพากาเรน สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถสฺส อากงฺขปฺปฏิพทฺธวุตฺติโน อนาวรณาณสงฺขาตสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส อธิคโม ทสฺสิโต.

นนุ จ สพฺพฺุตฺาณโต อฺํ อนาวรณาณํ, อฺถา ‘‘ฉ อสาธารณาณานิ พุทฺธาณานี’’ติ (ปฏิ. ม. มาติกา ๑.๗๓) วจนํ วิรุชฺเฌยฺยาติ? น วิรุชฺฌติ, วิสยปวตฺติเภทวเสน อฺเหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ เอกสฺเสว าณสฺส ทฺวิธา วุตฺตตฺตา. เอกเมว หิ ตํ าณํ อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมวิสยตาย สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ จ อาวรณาภาวโต นิสฺสงฺคจารมุปาทาย ‘‘อนาวรณาณ’’นฺติ วุตฺตํ. ยถาห ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘สพฺพํ สงฺขตมสงฺขตํ อนวเสสํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณ’’นฺติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๙). ตสฺมา นตฺถิ เนสํ อตฺถโต เภโท, เอกนฺเตน เจตํ เอวมิจฺฉิตพฺพํ. อฺถา สพฺพฺุตานาวรณาณานํ สาธารณตา, อสพฺพธมฺมารมฺมณตา จ อาปชฺเชยฺย. น หิ ภควโต าณสฺส อณุมตฺตมฺปิ อาวรณํ อตฺถิ, อนาวรณาณสฺส จ อสพฺพธมฺมารมฺมณภาเว ยตฺถ ตํ น ปวตฺตติ, ตตฺถาวรณสพฺภาวโต อนาวรณภาโวเยว น สิยา. อถ วา ปน โหตุ อฺเมว อนาวรณาณํ สพฺพฺุตฺาณโต, อิธ ปน สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย อนาวรณาณนฺติ สพฺพฺุตฺาณเมว อธิปฺเปตํ. ตสฺส จาธิคเมน ภควา ‘‘สพฺพฺู, สพฺพวิทู, สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ จ วุจฺจติ น สกึเยว สพฺพธมฺมาวโพธโต. ตถา จ วุตฺตํ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) ‘‘วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ ‘‘พุทฺโธ’’ติ. สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถาณสมธิคเมน หิ ภควโต สนฺตาเน อนวเสสธมฺเม ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถตา อโหสีติ.

เอตฺถาห – กึ ปนิทํ าณํ ปวตฺตมานํ สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อุทาหุ กเมนาติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธาทิเภทภินฺนานํ สงฺขตธมฺมานํ, อสงฺขตสมฺมุติธมฺมานฺจ เอกชฺฌํ อุปฏฺาเน ทูรโต จิตฺตปฏํ เปกฺขนฺตสฺส วิย ปฏิวิภาเคนาวโพโธ น สิยา, ตถา จ สติ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนฺตานํ อนตฺตากาเรน วิย สพฺพธมฺมา อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณสฺส วิสยา โหนฺตีติ อาปชฺชติ. เยปิ ‘‘สพฺพเยฺยธมฺมานํ ิตลกฺขณวิสยํ วิกปฺปรหิตํ สพฺพกาลํ พุทฺธานํ าณํ ปวตฺตติ, เตน เต ‘สพฺพวิทู’ติ วุจฺจนฺติ, เอวฺจ กตฺวา ‘จรํ สมาหิโต นาโค, ติฏฺนฺโตปิ สมาหิโต’ติ อิทมฺปิ วจนํ สุวุตฺตํ โหตี’’ติ วทนฺติ, เตสมฺปิ วุตฺตโทสานาติวตฺติ, ิตลกฺขณารมฺมณตาย จ อตีตานาคตสมฺมุติธมฺมานํ ตทภาวโต เอกเทสวิสยเมว ภควโต าณํ สิยา. ตสฺมา สกึเยว าณํ ปวตฺตตีติ น ยุชฺชติ.

อถ กเมน สพฺพสฺมึ วิสเย าณํ ปวตฺตติ? เอวมฺปิ น ยุชฺชติ. น หิ ชาติภูมิสภาวาทิวเสน, ทิสาเทสกาลาทิวเสน จ อเนกเภทภินฺเน เยฺเย กเมน คยฺหมาเน ตสฺส อนวเสสปฏิเวโธ สมฺภวติ, อปริยนฺตภาวโต เยฺยสฺส. เย ปน ‘‘อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ‘เสเสปิ เอว’นฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปเนน สพฺพฺู ภควา, ตฺจ าณํ น อนุมานิกํ สํสยาภาวโต. สํสยานุพทฺธํ หิ โลเก อนุมานาณ’’นฺติ วทนฺติ, เตสมฺปิ ตํ น ยุตฺตํ. สพฺพสฺส หิ อปฺปจฺจกฺขภาเว อตฺถาวิสํวาทเนน เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ‘‘เสเสปิ เอว’’นฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปนสฺส อสมฺภวโต. ยฺหิ ตํ เสสํ, ตํ อปฺปจฺจกฺขนฺติ.

อถ ตมฺปิ ปจฺจกฺขํ, ตสฺส เสสภาโว เอว น สิยาติ? สพฺพเมตํ อการณํ. กสฺมา ? อวิสยวิจารณภาวโต. วุตฺตํ เหตํ ภควตา ‘‘พุทฺธวิสโย, ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ. โย จินฺเตยฺย, อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗). อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ – ยํกิฺจิ ภควตา าตุํ อิจฺฉิตํ สกลํ, เอกเทโส วา, ตตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย ปจฺจกฺขโต าณํ ปวตฺตติ, นิจฺจสมาธานฺจ วิกฺเขปาภาวโต. าตุํ อิจฺฉิตสฺส จ สกลสฺส อวิสยภาเว ตสฺส อากงฺขปฺปฏิพทฺธวุตฺติตา น สิยา, เอกนฺเตเนว สา อิจฺฉิตพฺพา ‘‘สพฺเพ ธมฺมา พุทฺธสฺส ภควโต อาวชฺชนปฺปฏิพทฺธา อากงฺขปฺปฏิพทฺธา มนสิการปฺปฏิพทฺธา จิตฺตุปฺปาทปฺปฏิพทฺธา’’ติ วจนโต. อตีตานาคตวิสยมฺปิ ภควโต าณํ อนุมานาคมตกฺกคฺคหณวิรหิตตฺตา ปจฺจกฺขเมว.

นนุ จ เอตสฺมึ ปกฺเข ยทา สกลํ าตุํ อิจฺฉิตํ, ตทา สกึเยว สกลวิสยตาย อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณํ ปวตฺเตยฺยาติ วุตฺตโทสานาติวตฺติเยวาติ? น, ตสฺส วิโสธิตตฺตา. วิโสธิโต หิ โส พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโยติ. อฺถา ปจุรชนาณสมานวุตฺติตาย พุทฺธานํ ภควนฺตานํ าณสฺส อจินฺเตยฺยตา น สิยา. ตสฺมา สกลธมฺมารมฺมณมฺปิ ตํ เอกธมฺมารมฺมณํ วิย สุววตฺถาปิเตเยว เต ธมฺเม กตฺวา ปวตฺตตีติ อิทเมตฺถ อจินฺเตยฺยํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยาวตกํ เยฺยํ, ตาวตกํ าณํ. ยาวตกํ าณํ, ตาวตกํ เยฺยํ. เยฺยปริยนฺติกํ าณํ, าณปริยนฺติกํ เยฺย’’นฺติ (มหานิ. ๖๙; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕). เอวเมกชฺฌํ, วิสุํ, สกึ, กเมน วา อิจฺฉานุรูปํ สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ.

๑๓๓. วิชฺชาหีติ เอตฺถ วินฺทิยํ วินฺทตีติ วิชฺชา, ยาถาวโต อุปลพฺภตีติ อตฺโถ. อตฺตโน วา ปฏิปกฺขสฺส วิชฺฌนฏฺเน วิชฺชา, ตโมกฺขนฺธาทิกสฺส ปทาลนฏฺเนาติ อตฺโถ. ตโต เอว อตฺตโน วิสยสฺส วิทิตกรณฏฺเนปิ วิชฺชา. สมฺปนฺนตฺตาติ สมนฺนาคตตฺตา, ปริปุณฺณตฺตา วา, อวิกลตฺตาติ อตฺโถ. ติสฺสนฺนํ, อฏฺนฺนํ จ วิชฺชานํ ตตฺถ ตตฺถ สุตฺเต คหณํ วิเนยฺยชฺฌาสยวเสนาติ ทฏฺพฺพํ. สตฺต สทฺธมฺมา นาม สทฺธา หิรี โอตฺตปฺปํ พาหุสจฺจํ วีริยํ สติ ปฺา จ. เย สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิธ ภิกฺขุ สทฺโธ โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๑๑). จตฺตาริ ฌานานีติ ยานิ กานิจิ จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ.

กสฺมา ปเนตฺถ สีลาทโย ปนฺนรเสว ‘‘จรณ’’นฺติ วุตฺตาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อิเมเยว หี’’ติอาทิ . เตน เตสํ สิกฺขตฺตยสงฺคหโต นิพฺพานุปคมเน เอกํสโต สาธนภาวมาห. อิทานิ ตทตฺถสาธนาย อาคมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถาหา’’ติอาทิมาห. ภควาติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนวเสน วุตฺตํ.

นนุ จายํ วิชฺชาจรณสมฺปทา สาวเกสุปิ ลพฺภตีติ? กิฺจาปิ ลพฺภติ, น ปน ตถา, ยถา ภควโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ วิชฺชาสมฺปทา’’ติอาทิ วุตฺตํ. จรณธมฺมปริยาปนฺนตฺตา กรุณาพฺรหฺมวิหารสฺส, โส เจตฺถ มหคฺคตภาวปฺปตฺตา สาธารณภาโวติ อาห ‘‘จรณสมฺปทา มหาการุณิกตํ ปูเรตฺวา ิตา’’ติ. ยถา สตฺตานํ อนตฺถํ ปริวชฺเชตฺวา อตฺเถ นิโยชนํ ปฺาย วินา น โหติ, เอวํ เนสํ อตฺถานตฺถชานนํ สตฺถุ กรุณาย วินา น โหตีติ อุภยมฺปิ อุภยตฺถ สกิจฺจกเมว สิยา. ยตฺถ ปน ยสฺสา ปธานภาโว, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส สพฺพฺุตายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา ตํ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติ ยถา อฺโปิ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน, เตน วิชฺชาจรณสมฺปนฺนสฺเสวายํ อาเวณิกา ปฏิปตฺตีติ ทสฺเสติ. สา ปนายํ สตฺถุ วิชฺชาจรณสมฺปทา สาสนสฺส นิยฺยานิกตาย สาวกานํ สมฺมาปฏิปตฺติยา เอกนฺตการณนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เตนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

เอตฺถ จ วิชฺชาสมฺปทาย สตฺถุ ปฺามหตฺตํ ปกาสิตํ โหติ, จรณสมฺปทาย กรุณามหตฺตํ. เตสุ ปฺาย ภควโต ธมฺมรชฺชปฺปตฺติ, กรุณาย ธมฺมสํวิภาโค. ปฺาย สํสารทุกฺขนิพฺพิทา, กรุณาย สํสารทุกฺขสหนํ. ปฺาย ปรทุกฺขปริชานนํ, กรุณาย ปรทุกฺขปติการารมฺโภ. ปฺาย ปรินิพฺพานาภิมุขภาโว, กรุณาย ตทธิคโม. ปฺาย สยํ ตรณํ, กรุณาย ปเรสํ ตารณํ. ปฺาย พุทฺธภาวสิทฺธิ, กรุณาย พุทฺธกิจฺจสิทฺธิ. กรุณาย วา โพธิสตฺตภูมิยํ สํสาราภิมุขภาโว, ปฺาย ตตฺถ อนภิรติ. ตถา กรุณาย ปเรสํ อภึสาปนํ , ปฺาย สยํ ปเรหิ อภายนํ. กรุณาย ปรํ รกฺขนฺโต อตฺตานํ รกฺขติ, ปฺาย อตฺตานํ รกฺขนฺโต ปรํ รกฺขติ. ตถา กรุณาย อปรนฺตโป, ปฺาย อนตฺตนฺตโป. เตน อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทีสุ จตูสุ ปุคฺคเลสุ จตุตฺถปุคฺคลภาโว สิทฺโธ โหติ. ตถา กรุณาย โลกนาถตา, ปฺาย อตฺตนาถตา. กรุณาย จสฺส นินฺนตาภาโว, ปฺาย อุนฺนมาภาโว. ตถา กรุณาย สพฺพสตฺเตสุ ชนิตานุคฺคโห ปฺานุคตตฺตา น จ น สพฺพตฺถ วิรตฺตจิตฺโต, ปฺาย สพฺพธมฺเมสุ วิรตฺตจิตฺโต กรุณานุคตตฺตา น จ น สพฺพสตฺตานุคฺคหาย ปวตฺโต. ยถา หิ กรุณา ภควโต สิเนหโสกวิรหิตา, เอวํ ปฺา อหํการมมํการวินิมุตฺตาติ อฺมฺวิโสธิตา ปรมวิสุทฺธา คุณวิเสสา วิชฺชาจรณสมฺปทาหิ ปกาสิตาติ ทฏฺพฺพํ.

๑๓๔. คมนมฺปิ หิ คตนฺติ วุจฺจติ ‘‘คเต ิเต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๑๔; ๒.๓๗๖). โสภนนฺติ สุภํ. สุภภาโว วิสุทฺธตาย, วิสุทฺธตา โทสวิคเมนาติ อาห ‘‘ปริสุทฺธมนวชฺช’’นฺติ. คมนฺจ นาม พหุวิธนฺติ อิธาธิปฺเปตํ คมนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อริยมคฺโค’’ติ อาห. โส หิ นิพฺพานสฺส คติ อธิคโมติ กตฺวา ‘‘คตํ, คมน’’นฺติ จ วุจฺจติ. อิทานิ ตสฺเสว คหเณ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตน เหสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เขมํ ทิสนฺติ นิพฺพานํ. อสชฺชมาโนติ ปริปนฺถาภาเวน สุคติคมเนปิ อสชฺชนฺโต สงฺคํ อกโรนฺโต, ปเคว อิตรตฺถ. อถ วา เอกาสเน นิสีทิตฺวา ขิปฺปภิฺาวเสเนว จตุนฺนมฺปิ มคฺคานํ ปฏิลทฺธภาวโต อสชฺชมาโน อสชฺชนฺโต คโต. ยํ คมนํ คจฺฉนฺโต สพฺพมนตฺถํ อปหรติ, สพฺพฺจ อนุตฺตรํ สมฺปตฺตึ อาวหติ, ตเทว โสภนํ นาม. เตน จ ภควา คโตติ อาห ‘‘อิติ โสภนคมนตฺตา สุคโต’’ติ โสภนตฺโถ สุ-สทฺโทติ กตฺวา.

อสุนฺทรานํ ทุกฺขานํ สงฺขารปฺปวตฺตีนํ อภาวโต อจฺจนฺตสุขตฺตา เอกนฺตโต สุนฺทรํ นาม อสงฺขตา ธาตูติ อาห ‘‘สุนฺทรฺเจส านํ คโต อมตํ นิพฺพาน’’นฺติ. เตนาห ภควา ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๑๕; ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔). สมฺมาติ สุฏฺุ. สุฏฺุ คมนฺจ นาม ปฏิปกฺเขน อนภิภูตสฺส คมนนฺติ อาห ‘‘ปหีเน กิเลเส ปุน อปจฺจาคจฺฉนฺโต’’ติ. อิทฺจ สิขาปฺปตฺตํ สมฺมาคมนํ, ยาย อาคมนียปฏิปทาย สิทฺธํ, สาปิ สมฺมาคมนเมวาติ เอวมฺปิ ภควา สุคโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘สมฺมา วา คโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมฺมาปฏิปตฺติยาติ สมฺมาสมฺโพธิยา สมฺปาปเน อวิปรีตปฏิปตฺติยา. ‘‘สพฺพโลกสฺส หิตสุขเมว กโรนฺโต’’ติ เอเตน มหาโพธิยา ปฏิปทา อวิภาเคน สพฺพสตฺตานํ สพฺพทา หิตสุขาวหภาเวเนว ปวตฺตตีติ ทสฺเสติ. ‘‘สสฺสตํ อุจฺเฉทนฺติ อิเม อนฺเต อนุปคจฺฉนฺโต คโต’’ติ เอเตน ปฏิจฺจสมุปฺปาทคตึ ทสฺเสติ. ‘‘กามสุขํ อตฺตกิลมถนฺติ อิเม อนุปคจฺฉนฺโต คโต’’ติ เอเตน อริยมคฺคคตึ ทสฺเสติ.

ตตฺราติ ยุตฺตฏฺาเน ยุตฺตสฺเสว ภาสเน นิปฺผาเทตพฺเพ, สาเธตพฺเพ เจตํ ภุมฺมํ. อภูตนฺติ อภูตตฺถํ. อตฺถมุเขน หิ วาจาย อภูตตา, ภูตตา วา. อตจฺฉนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. อภูตนฺติ วา อสนฺตํ อวิชฺชมานํ. อตจฺฉนฺติ อตถาการํ อฺถาสนฺตํ. อนตฺถสฺหิตนฺติ ทิฏฺธมฺมิเกน, สมฺปรายิเกน วา อนตฺเถน สฺหิตํ, อนตฺถาวหํ. น อตฺโถติ อนตฺโถ, อตฺถสฺส ปฏิปกฺโข, อภาโว จ, เตน สฺหิตํ, ปิสุณวาจํ, สมฺผปฺปลาปฺจาติ อตฺโถ. เอวเมตฺถ จตุพฺพิธสฺสาปิ วจีทุจฺจริตสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เอตฺถ จ ปมา วาจา สีลวนฺตํ ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ, อจณฺฑาลาทิเมว ‘‘จณฺฑาโล’’ติอาทินา ภาสมานสฺส ทฏฺพฺพา. ทุติยา ทุสฺสีลํ ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ, จณฺฑาลาทิเมว ‘‘จณฺฑาโล’’ติอาทินา อวินเยน ภาสมานสฺส. ตติยา เนรยิกาทิกสฺส เนรยิกาทิภาววิภาวนีกถา ยถา ‘‘อาปายิโก เทวทตฺโต เนรยิโก’’ติอาทิกา (จูฬว. ๓๔๘). จตุตฺถี ‘‘เวทวิหิเตน ยฺวิธินา ปาณาติปาตาทิกตํ สุคตึ อาวหตี’’ติ โลกสฺส พฺยาโมหนกถา. ปฺจมี ภูเตน เปสุฺูปสํหาราทิกถา. ฉฏฺา ยุตฺตปฺปตฺตฏฺาเน ปวตฺติตา ทานสีลาทิกถา เวทิตพฺพา. เอวํ สมฺมา คทตฺตาติ ยถาวุตฺตํ อภูตาทึ วชฺเชตฺวา ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสฺหิตํ ปิยํ มนาปํ ตโต เอว สมฺมา สุฏฺุ คทนโต สุคโต ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. อาปาถคมนมตฺเตน กสฺสจิ อปฺปิยมฺปิ หิ ภควโต วจนํ ปิยํ มนาปเมว อตฺถสิทฺธิยา โลกสฺส หิตสุขาวหตฺตา.

อปิจ โสภนํ คตํ คมนํ เอตสฺสาติ สุคโต. ภควโต หิ เวเนยฺยชนุปสงฺกมนํ เอกนฺเตน เตสํ หิตสุขนิปฺผาทนโต โสภนํ ภทฺทกํ . ตถา ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ทุตวิลมฺพิตขลิตานุกฑฺฒนนิปฺปีฬนุกฺกุฏิกกุฏิลากุลตาทิโทสรหิตวิลาสิตราชหํสวสภวารณมิคราชคมนํ กายคมนํ, าณคมนฺจ วิปุลนิมฺมลกรุณาสติวีริยาทิคุณวิเสสสหิตํ อภินีหารโต ยาว มหาโพธิ อนวชฺชตาย, สตฺตานํ หิตสุขาวหตาย จ โสภนเมว. อถ วา สยมฺภูาเณน สกลมฺปิ โลกํ ปริฺาภิสมยวเสน ปริชานนฺโต สมฺมา คโต อวคโตติ สุคโต. ตถา โลกสมุทยํ ปหานาภิสมยวเสน ปชหนฺโต อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺโต สมฺมา คโต อตีโตติ สุคโต. โลกนิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน สมฺมา คโต อธิคโตติ สุคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ภาวนาภิสมยวเสน สมฺมา คโต ปฏิปนฺโนติ สุคโต. ตถา ยํ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, สพฺพํ ตํ หตฺถตเล อามลกํ วิย สมฺมา ปจฺจกฺขโต คโต อพฺภฺาสีติ สุคโต.

๑๓๕. สพฺพถาติ สพฺพปฺปกาเรน. โย โย โลโก ยถา ยถา เวทิตพฺโพ, ตถา ตถา. เต ปน ปกาเร ทสฺเสตุํ ‘‘สภาวโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สภาวโตติ ทุกฺขสภาวโต. สพฺโพ หิ โลโก ทุกฺขสภาโว. ยถาห ‘‘สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ (มหาว. ๑๔; ที. นิ. ๒.๓๘๗). สมุทยโตติ ยโต โส สมุเทติ, ตโต ตณฺหาทิโต. นิโรธโตติ ยตฺถ โส นิรุชฺฌติ, ตโต วิสงฺขารโต. นิโรธูปายโตติ เยน วิธินา โส นิโรโธ ปตฺตพฺโพ, ตโต อริยมคฺคโต, อิโต อฺสฺส ปการสฺส อภาวา.

อิติ ‘‘สพฺพถา โลกํ อเวที’’ติ วตฺวา ตทตฺถสาธกํ สุตฺตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยตฺถ โข อาวุโส’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘น ชายตี’’ติอาทินา อุชุกํ ชาติอาทีนิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘น จวติ น อุปปชฺชตี’’ติ ปททฺวเยน อปราปรํ จวนุปปชฺชนานิ ปฏิกฺขิปติ. เกจิ ปน ‘‘น ชายตีติอาทิ คพฺภเสยฺยกวเสน วุตฺตํ, อิตรํ โอปปาติกวเสนา’’ติ วทนฺติ. นฺติ ชาติอาทิรหิตํ. คมเนนาติ ปทสา คมเนน. าเตยฺยนฺติ ชานิตพฺพํ. ‘‘าตาย’’นฺติ วา ปาโ, าตา อยํ นิพฺพานตฺถิโกติ อธิปฺปาโย.

กามํ ปาทคมเนน คนฺตฺวา โลกสฺสนฺตํ าตุํ, ทฏฺุํ, ปตฺตุํ วา น สกฺกา, อปิจ ปริมิตปริจฺฉินฺนฏฺาเน ตํ ปฺาเปตฺวา ทสฺเสมีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สสฺิมฺหีติ สฺาสหิเต. ตโต เอว สมนเก สวิฺาณเก. อวิฺาณเก ปน อุตุสมุฏฺานรูปสมุทายมตฺเต ปฺาเปตุํ น สกฺกาติ อธิปฺปาโย. โลกนฺติ ขนฺธาทิโลกํ. โลกนิโรธนฺติ ตสฺส โลกสฺส นิรุชฺฌนํ, นิพฺพานเมว วา. อเทสมฺปิ หิ ตํ เยสํ นิโรโธ, เตสํ วเสน อุปจารโต, เทสโตปิ นิทฺทิสียติ ยถา ‘‘จกฺขุํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐๑; ม. นิ. ๑.๑๓๔; วิภ. ๒๐๔).

คมเนนาติ ปากติกคมเนน. โลกสฺสนฺโตติ สงฺขารโลกสฺส อนฺโต อนฺตกิริยาเหตุภูตํ นิพฺพานํ. กุทาจนนฺติ กทาจิปิ. อปตฺวาติ อคฺคมคฺเคน อนธิคนฺตฺวา. ปโมจนนฺติ ปมุตฺติ นิสฺสรณํ. ตสฺมาติ ยสฺมา โลกสฺสนฺตํ อปตฺวา วฏฺฏทุกฺขโต มุตฺติ นตฺถิ, ตสฺมา. หเวติ นิปาตมตฺตํ. โลกวิทูติ สภาวาทิโต สพฺพํ โลกํ ชานนฺโต. สุเมโธติ สุนฺทรปฺโ. โลกนฺตคูติ ปริฺาภิสมเยน โลกํ วิทิตฺวา ปหานาภิสมเยน โลกนฺตคู. มคฺคพฺรหฺมจริยวาสสฺส ปรินิฏฺิตตฺตา วุสิตพฺรหฺมจริโย. สพฺเพสํ กิเลสานํ สมิตตฺตา, จตุสจฺจธมฺมานํ วา อภิสมิตตฺตา สมิตาวี. นาสีสติ น ปตฺเถติ. ยถา อิมํ โลกํ, เอวํ ปรฺจ โลกํ อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา.

๑๓๖. เอวํ ยทิปิ โลกวิทุตา อนวเสสโต ทสฺสิตา สภาวโต ทสฺสิตตฺตา, โลโก ปน เอกเทเสเนว วุตฺโตติ ตํ อนวเสสโต ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจ ตโย โลกา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อินฺทฺริยพทฺธานํ ขนฺธานํ สมูโห, สนฺตาโน จ สตฺตโลโก. รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย สตฺโต, โลกียนฺติ เอตฺถ กุสลากุสลํ, ตพฺพิปาโก จาติ โลโกติ. อนินฺทฺริยพทฺธานํ รูปาทีนํ สมูโห, สนฺตาโน จ โอกาสโลโก โลกิยนฺติ เอตฺถ ตสา, ถาวรา จ, เตสฺจ โอกาสภูโตติ. ตทาธารตาย เหส ‘‘ภาชนโลโก’’ติปิ วุจฺจติ. อุภเยปิ ขนฺธา สงฺขารโลโก ปจฺจเยหิ สงฺขรียนฺติ, ลุชฺชนฺติ ปลุชฺชนฺติ จาติ. อาหารฏฺิติกาติ ปจฺจยฏฺิติกา, ปจฺจยายตฺตวุตฺติกาติ อตฺโถ. ปจฺจยตฺโถ เหตฺถ อาหาร-สทฺโท ‘‘อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทายา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) วิย. เอวํ หิ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิมินา อสฺสตฺตาปิ ปริคฺคหิตา โหนฺติ. สา ปนายํ อาหารฏฺิติกตา นิปฺปริยายโต สงฺขารธมฺโม, น สตฺตธมฺโมติ อาห ‘‘อาหารฏฺิติกาติ อาคตฏฺาเน สงฺขารโลโก เวทิตพฺโพ’’ติ.

ยทิ เอวํ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิทํ กถนฺติ? ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนาติ นายํ โทโส. ยถา อฺตฺถาปิ ‘‘เอกธมฺเม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน สมฺมา วิรชฺชมาโน สมฺมา วิมุจฺจมาโน สมฺมา ปริยนฺตทสฺสาวี สมฺมทตฺถํ อภิสเมจฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตมสฺมึ เอกธมฺเม? สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗). ทิฏฺิคติกานํ สสฺสตาทิวเสน ‘‘อตฺตา, โลโก’’ติ จ ปริกปฺปนา เยภุยฺเยน สตฺตวิสยา, น สงฺขารวิสยาติ อาห ‘‘สสฺสโต โลโกติ วา อสสฺสโต โลโกติ วา อาคตฏฺาเน สตฺตโลโก เวทิตพฺโพ’’ติ.

ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺตีติ ยตฺตเก าเน จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺติ ปริพฺภมนฺติ. ทิสา ภนฺติ วิโรจมานาติ เตสํ ปริพฺภมเนเนว ตา ทิสา ปภสฺสรา หุตฺวา วิโรจนฺติ. ตาว สหสฺสธา โลโกติ ตตฺตกํ สหสฺสปฺปกาโร โอกาสโลโก, สหสฺสโลกธาตุโยติ อตฺโถ. ‘‘ตาว สหสฺสวา’’ติ วา ปาโ.

ตมฺปีติ ตํ ติวิธมฺปิ โลกํ. ตถา หิสฺส สพฺพถาปิ วิทิโตติ สมฺพนฺโธ. เอโก โลโกติ ‘‘สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ ยาย ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย สพฺเพสํ สงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตา วุตฺตา, ตาย สพฺโพ สงฺขารโลโก เอโก เอกวิโธ ปการนฺตรสฺส อภาวโต. ทฺเว โลกาติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นาม-คฺคหเณน เจตฺถ นิพฺพานสฺส อคฺคหณํ, ตสฺส อโลกสภาวตฺตา. นนุ จ ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ เอตฺถ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย มคฺคผลธมฺมานมฺปิ โลกตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, ปริฺเยฺยานํ ทุกฺขสจฺจธมฺมานํ อิธ ‘‘โลโก’’ติ อธิปฺเปตตฺตา. อถ วา ‘‘น ลุชฺชติ น ปลุชฺชตี’’ติ โย คหิโต ตถา น โหติ, โส โลโกติ ตํคหณรหิตานํ โลกุตฺตรานํ นตฺถิ โลกตา. อุปาทานานํ อารมฺมณภูตา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา. ทสายตนานีติ ทส รูปายตนานิ.

เอตฺถ จ ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาวจเนน สงฺขารานํ อนิจฺจตา. ตาย จ ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ. ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) วจนโต ทุกฺขานตฺตตา จ ปกาสิตา โหนฺตีติ ตีณิปิ สามฺลกฺขณานิ คหิตานิ. นามนฺติ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา, เต จ อตฺถโต ผสฺสาทโย. รูปนฺติ ภูตุปาทายรูปานิ, ตานิ จ อตฺถโต ปถวีอาทโยติ อวิเสเสเนว สลกฺขณโต สงฺขารา คหิตา. ตคฺคหเณเนว เย เตสํ วิเสสา กุสลาทโย, เหตุอาทโย จ, เตปิ คหิตา เอว โหนฺตีติ อาห ‘‘อิติ อยํ สงฺขารโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต’’ติ.

อาคมฺม จิตฺตํ เสติ เอตฺถาติ อาสโย มิคาสโย วิย. ยถา มิโค โคจราย คนฺตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา ตตฺเถว วนคหเน สยตีติ โส ตสฺส อาสโย, เอวํ อฺถา ปวตฺติตฺวาปิ จิตฺตํ อาคมฺม ยตฺถ เสติ, โส ตสฺส อาสโยติ วุจฺจติ. โส ปน สสฺสตทิฏฺิอาทิวเสน จตุพฺพิโธ. วุตฺตฺจ –

‘‘สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิ จ, ขนฺติ เจวานุโลมิกา;

ยถาภูตฺจ ยํ าณํ, เอตํ อาสยสทฺทิต’’นฺติ.

ตตฺถ สพฺพทิฏฺีนํ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺีหิ สงฺคหิตตฺตา สพฺเพปิ ทิฏฺิคติกา สตฺตา อิมา เอว ทฺเว ทิฏฺิโย สนฺนิสฺสิตา. ยถาห ‘‘ทฺวยนิสฺสิโต ขฺวายํ, กจฺจาน, โลโก เยภุยฺเยน อตฺถิตฺจ นตฺถิตฺจา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕). อตฺถิตาติ หิ สสฺสตคฺคาโห อธิปฺเปโต, นตฺถิตาติ อุจฺเฉทคฺคาโห. อยํ ตาว วฏฺฏนิสฺสิตานํ ปุถุชฺชนานํ อาสโย. วิวฏฺฏนิสฺสิตานํ ปน สุทฺธสตฺตานํ อนุโลมิกา ขนฺติ, ยถาภูตาณนฺติ ทุวิโธ อาสโย.

อาสยํ ชานาตีติ จตุพฺพิธมฺปิ สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ. ชานนฺโต จ เตสํ ทิฏฺิคตานํ, เตสฺจ าณานํ อปฺปวตฺติกฺขเณปิ ชานาติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘กามํ เสวนฺตฺเว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล กามครุโก กามาสโย กามาธิมุตฺโต’ติ, กามํ เสวนฺตฺเว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล เนกฺขมฺมครุโก เนกฺขมฺมาสโย เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต’ติ’’อาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓).

อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน อนุ อนุ สยนฺตีติ อนุสยา, อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. เอเตน เนสํ การณลาเภ อุปฺปชฺชนารหตํ ทสฺเสติ. อปฺปหีนา หิ กิเลสา การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนฺติ. เก ปน เต? ราคาทโย สตฺต อนาคตา กิเลสา, อตีตา, ปจฺจุปฺปนฺนา จ ตํสภาวตฺตา ตถา วุจฺจนฺติ. น หิ ธมฺมานํ กาลเภเทน สภาวเภโท อตฺถิ. ตํ สตฺตวิธํ อนุสยํ ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส สนฺตาเน ปโรปรภาเวน ปวตฺตมานํ ชานาติ.

จริตนฺติ สุจริตทุจฺจริตํ. ตํ หิ วิภงฺเค (วิภ. ๘๑๔, ๘๑๗) จริตนิทฺเทเส นิทฺทิฏฺํ. อถ วา จริตนฺติ จริยา เวทิตพฺพา. ตา ปน ราคโทสโมหสทฺธาพุทฺธิวิตกฺกวเสน ฉ มูลจริยา, ตาสํ อปริยนฺโต อนฺตรเภโท, สํสคฺคเภโท ปน เตสฏฺิวิโธ. ตํ จริตํ สภาวโต สํกิเลสโวทานโต สมุฏฺานโต ผลโต นิสฺสนฺทโตติ เอวมาทินา ปกาเรน ชานาติ.

อธิมุตฺติ อชฺฌาสยธาตุ. สา ทุวิธา หีนาธิมุตฺติ ปณีตาธิมุตฺตีติ. ยาย หีนาธิมุตฺติกา สตฺตา หีนาธิมุตฺติเกเยว เสวนฺติ, ปณีตาธิมุตฺติกา จ ปณีตาธิมุตฺติเกเยว. สา อชฺฌาสยธาตุ อชฺฌาสยสภาโว อธิมุตฺติ. ตํ อธิมุตฺตึ ชานาติ ‘‘อิมสฺส อธิมุตฺติ หีนา, อิมสฺส ปณีตา’’ติ, ตตฺถาปิ ‘‘อิมสฺส มุทุ, อิมสฺส มุทุตรา, อิมสฺส มุทุตมา’’ติอาทินา. อินฺทฺริยานํ หิ ติกฺขมุทุภาวาทินา ยถารหํ อธิมุตฺติยา ติกฺขมุทุภาวาทิโก เวทิตพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนียํ (วิภ. อฏฺ. ๘๑๘, ๘๒๐) ‘‘เหฏฺา คหิตาปิ อธิมุตฺติ อิธ สตฺตานํ ติกฺขินฺทฺริยมุทินฺทฺริยภาวทสฺสนตฺถํ ปุน คหิตา’’ติ.

อปฺปรชํ อกฺขํ เอเตสนฺติ อปฺปรชกฺขา, อปฺปํ วา รชํ ปฺามเย อกฺขิมฺหิ เอเตสนฺติ อปฺปรชกฺขา, อนุสฺสทราคาทิรชา สตฺตา, เต อปฺปรชกฺเข. มหารชกฺเขติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อุสฺสทราคาทิรชา มหารชกฺขา.

ติกฺขินฺทฺริเยติ ติขิเณหิ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคเต. มุทินฺทฺริเยติ มุทุเกหิ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคเต. อุปนิสฺสยอินฺทฺริยานิ นาม อิธาธิปฺเปตานิ. สฺวากาเรติ สุนฺทรากาเร กลฺยาณปกติเก, วิวฏฺฏชฺฌาสเยติ อตฺโถ. สุวิฺาปเยติ สมฺมตฺตนิยามํ วิฺาเปตุํ สุกเร สทฺเธ, ปฺวนฺเต จ. ภพฺเพ อภพฺเพติ เอตฺถ ภพฺเพติ กมฺมาวรณกิเลสาวรณวิปากาวรณรหิเต. วุตฺตวิปริยาเยน ทฺวาการทุวิฺาปยาภพฺพา เวทิตพฺพา. เอตฺถ จ ‘‘อิมสฺส ราครโช อปฺโป, อิมสฺส โทสรโช อปฺโป’’ติอาทินา อปฺปรชกฺเขสุ ชานนํ เวทิตพฺพํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ตสฺมาติ ยสฺมา ภควา อปริมาเณ สตฺเต อาสยาทิโต อนวเสเสตฺวา ชานาติ, ตสฺมา อสฺส ภควโต สตฺตโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต.

นนุ จ สตฺเตสุ ปมาณาทิปิ ชานิตพฺโพ อตฺถีติ? อตฺถิ. ตสฺส ปน ชานนํ น นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธายาติ อิธ น คหิตํ, ภควโต ปน ตมฺปิ สุวิทิตํ สุววตฺถาปิตเมว, ปโยชนาภาวา เทสนํ นารุฬฺหํ. เตน วุตฺตํ –

‘‘อถ โข ภควา ปริตฺตํ นขสิขายํ ปํสุํ อาโรเปตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข พหุตรํ – โย วายํ มยา ปริตฺโต นขสิขายํ ปํสุ อาโรปิโต, อยํ วา มหาปถวี’’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๑๒๑).

๑๓๗. โอกาสโลโกปิ สพฺพถา วิทิโตติ สมฺพนฺโธ. จกฺกวาฬนฺติ โลกธาตุ. สา หิ เนมิมณฺฑลสทิเสน จกฺกวาฬปพฺพเตน สมนฺตโต ปริกฺขิตฺตตฺตา ‘‘จกฺกวาฬ’’นฺติ วุจฺจติ. จตุตึสสตานิ จาติ จตุอธิกานิ ตึสสตานิ, ตีณิสหสฺสานิ, จตฺตาริสตานิ จาติ อตฺโถ . อฑฺฒุฑฺฒานีติ อุปฑฺฒจตุตฺถานิ, ตีณิสตานิ, ปฺาสฺจาติ อตฺโถ. นหุตานีติ ทสสหสฺสานิ. สงฺขาตาติ กถิตา. สณฺิตีติ เหฏฺา, อุปริโต จาติ สพฺพโส ิติ.

เอวํ สณฺิเตติ เอวมวฏฺิเต. เอตฺถาติ จกฺกวาเฬ. อจฺจุคฺคโต ตาวเทวาติ ตตฺตกเมว จตุราสีติ โยชนสหสฺสานิเยว อุพฺเพโธ . น เกวลํ เจตฺถ อุพฺเพโธว, อถ โข อายามวิตฺถาราปิสฺส ตตฺตกาเยว. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘สิเนรุ, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชา จตุราสีติ โยชนสหสฺสานิ อายาเมน, จตุราสีติ โยชนสหสฺสานิ วิตฺถาเรนา’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๖).

ตโตติ สิเนรุสฺส เหฏฺา, อุปริ จ วุตฺตปฺปมาณโต. อุปฑฺฒุปฑฺเฒนาติ อุปฑฺเฒน อุปฑฺเฒน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ทฺวาจตฺตาลีส โยชนสหสฺสานิ สมุทฺเท อชฺโฌคาฬฺโห ตตฺตกเมว จ อุปริ อุคฺคโต ยุคนฺธรปพฺพโต, เอกวีส โยชนสหสฺสานิ สมุทฺเท อชฺโฌคาฬฺโห ตตฺตกเมว จ อุปริ อุคฺคโต อีสธโร ปพฺพโตติ อิมินา นเยน เสเสสุปิ อุปฑฺฒุปฑฺฒปมาณตา เวทิตพฺพา. ยถา มหาสมุทฺโท ยาว จกฺกวาฬปาทมูลา อนุปุพฺพนินฺโน, เอวํ ยาว สิเนรุปาทมูลาติ เหฏฺา สิเนรุปมาณโต อุปฑฺฒปมาโณปิ ยุคนฺธรปพฺพโต ปถวิยํ สุปฺปติฏฺิโต, เอวํ อีสธราทโยปีติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตํ เหตํ ‘‘มหาสมุทฺโท, ภิกฺขเว, อนุปุพฺพนินฺโน อนุปุพฺพโปโณ อนุปุพฺพปพฺภาโร’’ติ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๔; อ. นิ. ๘.๑๙). สิเนรุยุคนฺธราทีนํ อนฺตเร สีทนฺตรสมุทฺทา นาม. เต วิตฺถารโต ยถากฺกมํ สิเนรุอาทีนํ อจฺจุคฺคตสมานปริมาณาติ วทนฺติ. พฺรหาติ มหนฺโต.

สิเนรุสฺส สมนฺตโตติ ปริกฺขิปนวเสน สิเนรุสฺส สมนฺตโต ิตา. สิเนรุํ ตาว ปริกฺขิปิตฺวา ิโต ยุคนฺธโร, ตํ ปริกฺขิปิตฺวา อีสธโร. เอวํ ตํ ตํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตา ‘‘สิเนรุสฺส สมนฺตโต’’ติ วุตฺตา.

โยชนานํ สตานุจฺโจ, หิมวา ปฺจ ปพฺพโตติ หิมวา ปพฺพโต ปฺจ โยชนานํ สตานิ อุจฺโจ อุพฺเพโธ. นควฺหยาติ นค-สทฺเทน อวฺหาตพฺพา รุกฺขาภิธานา. ปฺาสโยชนกฺขนฺธสาขายามาติ’ อุพฺเพธโต ปฺาสโยชนกฺขนฺธายามา, อุพฺเพธโต, สมนฺตโต จ ปฺาสโยชนสาขายามา จ. ตโต เอว สตโยชนวิตฺถิณฺณา, ตาวเทว จ อุคฺคตา. ยสฺสานุภาเวนาติ ยสฺสา มหนฺตตา กปฺปฏฺายิตาทิปฺปกาเรน ปภาเวน.

ครุฬานํ สิมฺพลิรุกฺโข สิเนรุสฺส ทุติยปริภณฺเฑ ปติฏฺิโต.

สิรีเสนาติ ปจฺจตฺเต กรณวจนํ. สตฺตมนฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, สิรีโส ภวติ สตฺตโมติ อตฺโถ.

ตตฺถ จณฺฑมณฺฑลํ เหฏฺา, สูริยมณฺฑลํ อุปริ. ตสฺส อาสนฺนภาเวน จนฺทมณฺฑลํ อตฺตโน ฉายาย วิกลภาเวน อุปฏฺาติ. ตานิ โยชนนฺตริกานิ ยุคนฺธรคฺคปมาเณ อากาเส วิจรนฺติ. อสุรภวนํ สิเนรุสฺส เหฏฺา. อวีจิ ชมฺพุทีปสฺส. ชมฺพุทีโป สกฏสณฺาโน. อปรโคยานํ อาทาสสณฺาโน. ปุพฺพวิเทโห อทฺธจนฺทสณฺาโน. อุตฺตรกุรุ ปีสณฺาโน. ตํตํนิวาสีนํ, ตํตํปริวารทีปวาสีนฺจ มนุสฺสานํ มุขมฺปิ ตํตํสณฺานนฺติ วทนฺติ. ตทนฺตเรสูติ เตสํ จกฺกวาฬานํ อนฺตเรสุ. ติณฺณํ หิ ปตฺตานํ อฺมฺอาสนฺนภาเวน ปิตานํ อนฺตรสทิเส ติณฺณํ ติณฺณํ จกฺกวาฬานํ อนฺตเร เอเกโก โลกนฺตรนิรโย.

อนนฺตานีติ อปริมาณานิ, ‘‘เอตฺตกานี’’ติ อฺเหิ มินิตุํ อสกฺกุเณยฺยานิ. ภควา อนนฺเตน พุทฺธาเณน อเวทิ ‘‘อนนฺโต อากาโส, อนนฺโต สตฺตนิกาโย, อนนฺตานิ จกฺกวาฬานี’’ติ ติวิธมฺปิ อนนฺตํ พุทฺธาณํ ปริจฺฉินฺทติ สยมฺปิ อนนฺตตฺตา. ยาวตกํ หิ เยฺยํ, ตาวตกํ าณํ. ยาวตกํ าณํ, ตาวตกํ เยฺยํ. เยฺยปริยนฺติกํ าณํ, าณปริยนฺติกํ เยฺยนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนนฺเตน พุทฺธาเณน อเวที’’ติ. อนนฺตตา จสฺส อนนฺตเยฺยปฏิวิชฺฌเนเนว เวทิตพฺพา ตตฺถ อปฺปฏิหตจารตฺตา. นนุ เจตฺถ วิวฏฺฏาทีนมฺปิ วิทิตตา วตฺตพฺพาติ? สจฺจํ วตฺตพฺพํ, สา ปน ปรโต อภิฺากถายํ อาคมิสฺสตีติ อิธ น คหิตา.

๑๓๘. อตฺตนาติ นิสฺสกฺกวจนเมตํ. คุเณหิ อตฺตนา วิสิฏฺตรสฺสาติ สมฺพนฺโธ. ตร-คฺคหณํ เจตฺถ ‘‘อนุตฺตโร’’ติ ปทสฺส อตฺถนิทฺเทสตาย กตํ, น วิสิฏฺสฺส กสฺสจิ อตฺถิตาย. สเทวเก หิ โลเก สทิสกปฺโปปิ นาม โกจิ ตถาคตสฺส นตฺถิ, กุโต สทิโส. วิสิฏฺเ ปน กา กถา. กสฺสจีติ กสฺสจิปิ. อภิภวตีติ สีลสมฺปทาย อุปนิสฺสยภูตานํ หิโรตฺตปฺปเมตฺตากรุณานํ, วิเสสปจฺจยานํ สทฺธาสติวีริยปฺานฺจ อุกฺกํสปฺปตฺติยา สมุทาคมโต ปฏฺาย อนฺสาธารโณ สวาสนปฏิปกฺขสฺส ปหีนตฺตา อุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต สตฺถุ สีลคุโณ. เตน ภควา สเทวกํ โลกํ อฺทตฺถุ อภิภุยฺย ปวตฺตติ, น สยํ เกนจิ อภิภุยฺยตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ สมาธิคุณาทีสุปิ ยถารหํ วตฺตพฺพํ. สีลาทโย เจเต โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา เวทิตพฺพา. วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปน โลกิยํ กามาวจรเมว.

ยทิ เอวํ, กถํ เตน สเทวกํ โลกํ อภิภวตีติ? ตสฺสาปิ อานุภาวโต อสทิสตฺตา. ตมฺปิ หิ วิสยโต, ปวตฺติโต, ปวตฺติ อาการโต จ อุตฺตริตรเมว. ตํ หิ อนฺสาธารณํ สตฺถุ วิมุตฺติคุณํ อารพฺภ ปวตฺตติ, ปวตฺตมานฺจ อตกฺกาวจรํ ปรมคมฺภีรํ สณฺหสุขุมํ สวิสยํ ปฏิปกฺขธมฺมานํ สุปฺปหีนตฺตา สุฏฺุ ปากฏํ วิภูตตรํ กตฺวา ปวตฺตติ, สมฺมเทว จ วสีภาวสฺส ปาปิตตฺตา, ภวงฺคปริวาสสฺส จ อติปริตฺตกตฺตา ลหุํ ลหุํ ปวตฺตตีติ.

เอวํ สีลาทิคุเณหิ ภควโต อุตฺตริตรสฺส อภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สทิสสฺสาปิ อภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อสโม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อสโมติ เอกสฺมึ กาเล นตฺถิ เอตสฺส สีลาทิคุเณน สมา สทิสาติ อสโม. ตถา อสเมหิ อตีตานาคตพุทฺเธหิ สโม, อสมา วา สมา เอตสฺสาติ อสมสโม. สีลาทิคุเณน นตฺถิ เอตสฺส ปฏิมาติ อปฺปฏิโม. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ตตฺถ อุปมามตฺตํ ปฏิมา, สทิสูปมา ปฏิภาโค, ยุคคฺคาหวเสน ิโต ปฏิปุคฺคโล เวทิตพฺโพ.

น โข ปนาหํ สมนุปสฺสามีติ มม สมนฺตจกฺขุนา หตฺถตเล อามลกํ วิย สพฺพโลกํ ปสฺสนฺโตปิ ตตฺถ สเทวเก…เป… ปชาย อตฺตนา อตฺตโต สีลสมฺปนฺนตรํ สมฺปนฺนตรสีลํ กฺจิ ปุคฺคลํ น โข ปน ปสฺสามิ, ตาทิสสฺส อภาวโตติ อธิปฺปาโย. อคฺคปฺปสาทสุตฺตาทีนีติ เอตฺถ –

‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา จตุปฺปทา วา พหุปฺปทา วา รูปิโน วา อรูปิโน วา สฺิโน วา อสฺิโน วา เนวสฺินาสฺิโน วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. เย, ภิกฺขเว, พุทฺเธ ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา. อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; ๑๐.๑๕; อิติวุ๙๐) –

อิทํ อคฺคปฺปสาทสุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน –

‘‘สเทวเก…เป… สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุทโส วสวตฺตี, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔; ที. นิ. ๓.๑๘๘) –

เอวมาทีนิ สุตฺตปทานิ เวทิตพฺพานิ. อาทิกา คาถาโยติ เอตฺถ –

‘‘อหํ หิ อรหา โลเก, อหํ สตฺถา อนุตฺตโร;

เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต. (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑);

‘‘ทนฺโต ทมยตํ เสฏฺโ, สนฺโต สมยตํ อิสิ;

มุตฺโต โมจยตํ อคฺโค, ติณฺโณ ตารยตํ วโร. (อิติวุ. ๑๑๒);

‘‘นยิมสฺมึ โลเก ปรสฺมึ วา ปน,

พุทฺเธน เสฏฺโ สทิโส จ วิชฺชติ;

ยมาหุ ทกฺขิเณยฺยานํ อคฺคตํ คโต,

ปุฺตฺถิกานํ วิปุลผเลสิน’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๐๔๗; กถา. ๗๙๙) –

เอวมาทิกา คาถา วิตฺถาเรตพฺพา.

๑๓๙. ทเมตีติ สเมติ, กายสมาทีหิ โยเชตีติ อตฺโถ. ตํ ปน กายสมาทีหิ โยชนํ ยถารหํ ตทงฺควินยาทีสุ ปติฏฺาปนํ โหตีติ อาห ‘‘วิเนตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ทเมตุํ ยุตฺตาติ ทมนารหา. อมนุสฺสปุริสาติ เอตฺถ น มนุสฺสาติ อมนุสฺสา. ตํสทิสตา เอตฺถ โชตียติ, เตน มนุสฺสตฺตมตฺตํ นตฺถิ, อฺํ สมานนฺติ ยกฺขาทโย ‘‘อมนุสฺสา’’ติ อธิปฺเปตา, น เย เกจิ มนุสฺเสหิ อฺเ. ตถา หิ ติรจฺฉานปุริสานํ วิสุํ คหณํ กตํ, ยกฺขาทโย เอว จ นิทฺทิฏฺา. อปลาโล หิมวนฺตวาสี. จูโฬทรมโหทรา นาคทีปวาสิโน. อคฺคิสิขธูมสิขา สีหฬทีปวาสิโน. นิพฺพิสา กตา โทสวิสสฺส วิโนทเนน. เตนาห ‘‘สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาปิตา’’ติ. กูฏทนฺตาทโยติ อาทิ-สทฺเทน โฆฏมุขอุปาลิคหปติอาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สกฺกเทวราชาทโยติ อาทิ-สทฺเทน อชกลาปยกฺขพกพฺรหฺมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อิทํ เจตฺถ สุตฺตนฺติ อิทํ เกสิสุตฺตํ. วินีตา วิจิตฺเรหิ วินยนูปาเยหีติ เอตสฺมึ อตฺเถ วิตฺถาเรตพฺพํ ยถารหํ สณฺหาทีหิ อุปาเยหิ วินยสฺส ทีปนโต.

วิสุทฺธสีลาทีนํ ปมชฺฌานาทีนีติ ‘‘วิสุทฺธสีลสฺส ปมชฺฌานํ, ปมชฺฌานลาภิโน ทุติยชฺฌาน’’นฺติอาทินา ตสฺส ตสฺส อุปรูปริ วิเสสํ อาจิกฺขนฺโตติ สมฺพนฺโธ. โสตาปนฺนาทีนนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘ทนฺเตปิ ทเมติเยวา’’ติ อิทํ ปุพฺเพ ‘‘สพฺเพน สพฺพํ ทมถํ อนุปคตา ปุริสทมฺมา’’ติ วุตฺตาติ กตฺวา วุตฺตํ. เย ปน วิปฺปกตทมฺมภาวา สพฺพถา ทเมตพฺพตํ นาติวตฺตา, เต สตฺเต สนฺธาย ‘‘ทนฺเตปิ ทเมติเยวา’’ติ วุตฺตํ. เตปิ หิ ปุริสทมฺมา เอวาติ, ยโต เน สตฺถา ทเมติ.

อตฺถปทนฺติ อตฺถาภิพฺยฺชกปทํ, วากฺยนฺติ อตฺโถ. วากฺเยน หิ อตฺถาภิพฺยตฺติ, น นามาทิปทมตฺเตน. เอกปทภาเวน จ อนฺสาธารโณ สตฺถุ ปุริสทมฺมสารถิภาโว ทสฺสิโต โหติ. เตนาห ‘‘ภควา หี’’ติอาทิ. อฏฺ ทิสาติ อฏฺ สมาปตฺติโย. ตา หิ อฺมฺสมฺพนฺธาปิ อสํกิณฺณภาเวน ทิสฺสนฺติ อปทิสฺสนฺตีติ ทิสา, ทิสา วิยาติ วา ทิสา. อสชฺชมานาติ น สชฺชมานา วสีภาวปฺปตฺติยา นิสฺสงฺคจารา. ธาวนฺติ ชวนวุตฺติโยคโต. เอกํเยว ทิสํ ธาวติ, อตฺตโน กายํ อปริวตฺเตนฺโตติ อธิปฺปาโย. สตฺถารา ปน ทมิตา ปุริสทมฺมา เอกิริยาปเถเนว อฏฺ ทิสา ธาวนฺติ. เตนาห ‘‘เอกปลฺลงฺเกเนว นิสินฺนา’’ติ. อฏฺ ทิสาติ จ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, โลกิเยหิ อคตปุพฺพํ นิโรธสมาปตฺติทิสํ, อมตทิสฺจ ปกฺขนฺทนโต.

๑๔๐. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว, ตตฺถ นิยุตฺโตติ ทิฏฺธมฺมิโก, อิธโลกตฺโถ . กมฺมกิเลสวเสน สมฺปเรตพฺพโต สมฺมา คนฺตพฺพโต สมฺปราโย, ปรโลโก, ตตฺถ นิยุตฺโตติ สมฺปรายิโก, ปรโลกตฺโถ. ปรโม อุตฺตโม อตฺโถ ปรมตฺโถ, นิพฺพานํ. เตหิ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ. ยถารหนฺติ ยถานุรูปํ. เตสุ อตฺเถสุ โย โย ปุคฺคโล ยํ ยํ อรหติ, ตทนุรูปํ. อนุสาสตีติ วิเนติ ตสฺมึ อตฺเถ ปติฏฺเปติ, สห อตฺเถน วตฺตตีติ สตฺโถ, ภณฺฑมูเลน วาณิชฺชาย เทสนฺตรํ คจฺฉนฺโต ชนสมูโห. หิตุปเทสาทิวเสน ปริปาเลตพฺโพ สาสิตพฺโพ โส เอตสฺส อตฺถีติ สตฺถา, สตฺถวาโห. โส วิย ภควาติ อาห ‘‘สตฺถา วิยาติ สตฺถา, ภควา สตฺถวาโห’’ติ.

อิทานิ ตมตฺถํ นิทฺเทสปาฬินเยน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา สตฺถวาโห’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สตฺเถติ สตฺถิเก ชเน. กํ ตาเรนฺติ เอตฺถาติ กนฺตาโร, นิรุทโก อรฺปฺปเทโส. รุฬฺหีวเสน ปน อิตโรปิ อรฺปฺปเทโส ตถา วุจฺจติ. โจรกนฺตารนฺติ โจเรหิ อธิฏฺิตกนฺตารํ. ตถา วาฬกนฺตารํ. ทุพฺภิกฺขกนฺตารนฺติ ทุลฺลภภิกฺขํ กนฺตารํ. ตาเรตีติ อเขมนฺตฏฺานํ อติกฺกาเมติ. อุตฺตาเรตีติอาทิ อุปสคฺเคน ปทํ วฑฺเฒตฺวา วุตฺตํ. อถ วา อุตฺตาเรตีติ เขมนฺตภูมึ อุปเนนฺโต ตาเรติ. นิตฺตาเรตีติ อเขมนฺตฏฺานโต นิกฺขาเมนฺโต ตาเรติ. ปตาเรตีติ ปริคฺคเหตฺวา ตาเรติ, หตฺเถน ปริคฺคเหตฺวา วิย ตาเรตีติ อตฺโถ. สพฺพมฺเปตํ ตารณุตฺตารณาทิเขมฏฺาเน ปนเมวาติ อาห ‘‘เขมนฺตภูมึ สมฺปาเปตี’’ติ. สตฺเตติ เวเนยฺยสตฺเต. มหาคหนตาย, มหานตฺถตาย, ทุนฺนิตฺถรณตาย จ ชาติเยว กนฺตาโร ชาติกนฺตาโร, ตํ ชาติกนฺตารํ.

อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสนาติ อุกฺกฏฺสตฺตปริจฺเฉทวเสน. เทวมนุสฺสา เอว หิ อุกฺกฏฺสตฺตา, น ติรจฺฉานาทโย. ภพฺพปุคฺคลปริจฺเฉทวเสนาติ สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนสฺส โยคฺยปุคฺคลสฺส ปริจฺฉินฺทนวเสน. เอตนฺติ ‘‘เทวมนุสฺสาน’’นฺติ เอตํ วจนํ. ภควโตติ นิสฺสกฺกวจนํ ยถา ‘‘อุปชฺฌายโต อชฺเฌตี’’ติ, ภควโต สนฺติเกติ วา อตฺโถ. อุปนิสฺสยสมฺปตฺตินฺติ ติเหตุกปฏิสนฺธิอาทิกํ มคฺคผลาธิคมสฺส พลวการณํ.

คคฺครายาติ คคฺคราย นาม รฺโ เทวิยา, ตาย วา การิตตฺตา ‘‘คคฺครา’’ติ ลทฺธนามาย. สเร นิมิตฺตํ อคฺคเหสีติ ‘‘ธมฺโม เอโส วุจฺจตี’’ติ ธมฺมสฺาย สเร นิมิตฺตํ คณฺหิ, คณฺหนฺโต จ ปสนฺนจิตฺโต ปริสปริยนฺเต นิปชฺชิ. สนฺนิรุมฺภิตฺวา อฏฺาสีติ ตสฺส สีเส ทณฺฑสฺส ปิตภาวํ อปสฺสนฺโต ตตฺถ ทณฺฑํ อุปฺปีเฬตฺวา อฏฺาสิ. มณฺฑูโกปิ ทณฺเฑ ปิเตปิ อุปฺปีฬิเตปิ ธมฺมคเตน ปสาเทน วิสฺสรมกโรนฺโตว กาลมกาสิ. เทวโลเก นิพฺพตฺตสตฺตานํ อยํ ธมฺมตา, ยา ‘‘กุโตหํ อิธ นิพฺพตฺโต, ตตฺถ กึ นุ โข กมฺมมกาสิ’’นฺติ อาวชฺชนา. ตสฺมา อตฺตโน ปุริมภวสฺส ทิฏฺตฺตา อาห ‘‘อเร อหมฺปิ นาม อิธนิพฺพตฺโต’’ติ . ภควโต ปาเท วนฺทิ กตฺุตาสํวฑฺฒิเตน เปมคารวพหุมาเนน.

ภควา ชานนฺโตว มหาชนสฺส กมฺมผลํ, พุทฺธานุภาวฺจ ปจฺจกฺขํ กาตุกาโม ‘‘โก เม วนฺทตี’’ติ คาถาย ปุจฺฉิ. ตตฺถ โกติ เทวนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีสุ โก, กตโมติ อตฺโถ. เมติ มม. ปาทานีติ ปาเท. อิทฺธิยาติ อิมาย เอวรูปาย เทวิทฺธิยา. ‘‘ยสสา’’ติ อิมินา เอทิเสน ปริวาเรน, ปริจฺเฉเทน จ. ชลนฺติ วิชฺโชตมาโน. อภิกฺกนฺเตนาติ อติวิย กนฺเตน กมนีเยน สุนฺทเรน. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน สรีรวณฺณนิภาย. สพฺพา โอภาสยํ ทิสาติ สพฺพา ทสปิ ทิสา ปภาเสนฺโต, จนฺโท วิย, สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกาโลกํ กโรนฺโตติ อตฺโถ.

เอวํ ปน ภควตา ปุจฺฉิโต เทวปุตฺโต อตฺตานํ ปเวเทนฺโต ‘‘มณฺฑูโกหํ ปุเร อาสิ’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ ปุเรติ ปุริมชาติยํ. ‘‘อุทเก’’ติ อิทํ ตทา อตฺตโน อุปฺปตฺติฏฺานทสฺสนํ. ‘‘อุทเก มณฺฑูโก’’ติ เอเตน อุทฺธมายิกาทิกสฺส ถเล มณฺฑูกสฺส นิวตฺตนํ กตํ โหติ. คาโว จรนฺติ เอตฺถาติ โคจโร, คุนฺนํ ฆาเสสนฏฺานํ. อิธ ปน โคจโร วิยาติ โคจโร, วาริ อุทกํ โคจโร เอตสฺสาติ วาริโคจโร. อุทกจารีปิ หิ โกจิ กจฺฉปาทิ อวาริโคจโรปิ โหตีติ ‘‘วาริโคจโร’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. ตว ธมฺมํ สุณนฺตสฺสาติ พฺรหฺมสฺสเรน กรวีกรุตมฺชุนา เทเสนฺตสฺส ตว ธมฺมํ ‘‘ธมฺโม เอโส วุจฺจตี’’ติ สเร นิมิตฺตคฺคาหวเสน สุณนฺตสฺส. อนาทเร เจตํ สามิวจนํ. อวธิ วจฺฉปาลโกติ วจฺเฉ รกฺขนฺโต โคปาลทารโก มม สมีปํ อาคนฺตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ ติฏฺนฺโต มม สีเส ทณฺฑํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา มํ มาเรสีติ อตฺโถ.

สิตํ กตฺวาติ ‘‘ตถา ปริตฺตตเรนาปิ ปุฺานุภาเวน เอวํ อติวิย อุฬารา โลกิยโลกุตฺตรา สมฺปตฺติโย ลพฺภนฺตี’’ติ ปีติโสมนสฺสชาโต ภาสุรตรธวลวิปฺผุรนฺตทสฺสนกิรณาวลีหิ ภิยฺโยโส มตฺตาย ตํ ปเทสํ โอภาเสนฺโต สิตํ กตฺวา. ปีติโสมนสฺสวเสน หิ โส –

‘‘มุหุตฺตํ จิตฺตปสาทสฺส, อิทฺธึ ปสฺส ยสฺจ เม;

อานุภาวฺจ เม ปสฺส, วณฺณํ ปสฺส ชุติฺจ เม.

‘‘เย จ เต ทีฆมทฺธานํ, ธมฺมํ อสฺโสสุํ โคตม;

ปตฺตา เต อจลฏฺานํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร’’ติ. (วิ. ว. ๘๕๙-๘๖๐);

อิมา ทฺเว คาถา วตฺวา ปกฺกามิ.

๑๔๑. ยํ ปน กิฺจีติ เอตฺถ นฺติ อนิยมิตวจนํ. ตถา กิฺจีติ. ปนาติ วจนาลงฺการมตฺตํ. ตสฺมา ยํ กิฺจีติ เยฺยสฺส อนวเสสปริยาทานํ กตํ โหติ. ปนาติ วา วิเสสตฺถทีปโก นิปาโต. เตน ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อิมินา สงฺเขปโต, วิตฺถารโต จ สตฺถุ จตุสจฺจาภิสมฺโพโธ วุตฺโต. ‘‘พุทฺโธ’’ติ ปน อิมินา ตทฺสฺสปิ เยฺยสฺสาวโพโธ. ปุริเมน วา สตฺถุ ปฏิเวธาณานุภาโว, ปจฺฉิเมน เทสนาาณานุภาโว. ปีติ อุปริ วุจฺจมาโน วิเสโส โชตียติ. สพฺพโส ปฏิปกฺเขหิ วิมุจฺจตีติ วิโมกฺโข, อคฺคมคฺโค. ตสฺส อนฺโต อคฺคผลํ, ตตฺถ ภวํ ตสฺมึ ลทฺเธ ลทฺธพฺพโต วิโมกฺขนฺติกาณํ, สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สพฺพมฺปิ พุทฺธาณํ. เอวํ ปวตฺโตติ เอตฺถ –

‘‘สพฺพฺุตาย พุทฺโธ, สพฺพทสฺสาวิตาย พุทฺโธ, อนฺเนยฺยตาย พุทฺโธ, วิสวิตาย พุทฺโธ, ขีณาสวสงฺขาเตน พุทฺโธ, นิรุปเลปสงฺขาเตน พุทฺโธ, เอกนฺตวีตราโคติ พุทฺโธ, เอกนฺตวีตโทโสติ พุทฺโธ, เอกนฺตวีตโมโหติ พุทฺโธ, เอกนฺตนิกฺกิเลโสติ พุทฺโธ, เอกายนมคฺคํ คโตติ พุทฺโธ, เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ พุทฺโธ, อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฏิลาภา พุทฺโธ. พุทฺโธติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามจฺเจหิกตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ. วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ (มหานิ. ๑๙๒) –

อยํ นิทฺเทสปาฬินโย. ยสฺมา เจตฺถ ตสฺสา ปฏิสมฺภิทาปาฬิยา เภโท นตฺถิ, ตสฺมา ทฺวีสุ เอเกนาปิ อตฺถสิทฺธีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฏิสมฺภิทานโย วา’’ติ อนิยมตฺโถ วา-สทฺโท วุตฺโต.

ตตฺถ ยถา โลเก อวคนฺตา ‘‘อวคโต’’ติ วุจฺจติ, เอวํ พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ สุทฺธกตฺตุวเสน. ยถา ปณฺณโสสา วาตา ‘‘ปณฺณสุสา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ เหตุกตฺตุวเสน, เหตุอตฺโถ เจตฺถ อนฺโตนีโต.

สพฺพฺุตาย พุทฺโธติ สพฺพธมฺมพุชฺฌนสมตฺถาย พุทฺธิยา พุทฺโธติ อตฺโถ. สพฺพทสฺสาวิตาย พุทฺโธติ สพฺพธมฺมานํ าณจกฺขุนา ทิฏฺตฺตา พุทฺโธติ อตฺโถ. อนฺเนยฺยตาย พุทฺโธติ อฺเน อโพธนีโต สยเมว พุทฺธตฺตา พุทฺโธติ อตฺโถ. วิสวิตาย พุทฺโธติ นานาคุณวิสวนโต ปทุมมิว วิกสนฏฺเน พุทฺโธติ อตฺโถ. ขีณาสวสงฺขาเตน พุทฺโธติ เอวมาทีหิ ฉหิ ปริยาเยหิ นิทฺทกฺขยวิพุทฺโธ ปุริโส วิย สพฺพกิเลสนิทฺทกฺขยวิพุทฺธตฺตา พุทฺโธติ วุตฺตํ โหติ. เอกายนมคฺคํ คโตติ พุทฺโธติ คมนตฺถานํ พุทฺธิอตฺถตาย พุทฺธิอตฺถานมฺปิ คมนตฺถตา ลพฺภตีติ เอกายนมคฺคํ คตตฺตา พุทฺโธติ วุจฺจตีติ อตฺโถ. เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ พุทฺโธติ น ปเรหิ พุทฺธตฺตา พุทฺโธ, อถ โข สยเมว อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺธตฺตา พุทฺโธติ อตฺโถ. อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฏิลาภา พุทฺโธติ พุทฺธิ พุทฺธํ โพโธติ อนตฺถนฺตรํ. ตตฺถ ยถา รตฺตคุณโยคโต รตฺโต ปโฏ, เอวํ พุทฺธคุณโยคโต พุทฺโธติ าปนตฺถํ วุตฺตํ. ตโต ปรํ พุทฺโธติ เนตํ นามนฺติอาทิ อตฺถานุคตายํ ปฺตฺตีติ โพธนตฺถํ วุตฺตนฺติ เอวเมตฺถ อิมินาปิ การเณน ภควา พุทฺโธติ เวทิตพฺพํ.

๑๔๒. อสฺสาติ ภควโต. คุณวิสิฏฺสพฺพสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนนฺติ สพฺเพหิ สีลาทิคุเณหิ วิสิฏฺสฺส ตโต เอว สพฺพสตฺเตหิ อุตฺตมสฺส ครุโน คารววเสน วุตฺตวจนมิทํ ภควาติ. ตถา หิ โลกนาโถ อปริมิตนิรุปมปฺปภาวสีลาทิคุณวิเสสสมงฺคิตาย สพฺพานตฺถปริหารปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย, อจฺจนฺตุปการิตาย จ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อุตฺตมคารวฏฺานนฺติ.

ภควาติ วจนํ เสฏฺนฺติ เสฏฺวาจกํ วจนํ เสฏฺคุณสหจรณโต ‘‘เสฏฺ’’นฺติ วุตฺตํ. อถ วา วุจฺจตีติ วจนํ, อตฺโถ. ตสฺมา โย ‘‘ภควา’’ติ วจเนน วจนีโย อตฺโถ, โส เสฏฺโติ อตฺโถ. ภควาติ วจนมุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. คารวยุตฺโตติ ครุภาวยุตฺโต ครุคุณโยคโต, ครุกรณํ วา สาติสยํ อรหตีติ คารวยุตฺโต, คารวารโหติ อตฺโถ.

คุณวิเสสเหตุกํ ‘‘ภควา’’ติ อิทํ ภควโต นามนฺติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต วิภชิตุกาโม นามํเยว ตาว อตฺถุทฺธารวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘จตุพฺพิธํ วา นาม’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อาวตฺถิกนฺติ อวตฺถาย วิทิตํ ตํ ตํ อวตฺถํ อุปาทาย ปฺตฺตํ โวหริตํ. ตถา ลิงฺคิกํ เตน เตน ลิงฺเคน โวหริตํ. เนมิตฺติกนฺติ นิมิตฺตโต อาคตํ. อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ ยทิจฺฉาย ปวตฺตํ, ยทิจฺฉาย อาคตํ ยทิจฺฉกํ. ปเมน อาทิ-สทฺเทน พาโล, ยุวา, วุฑฺโฒติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ, ทุติเยน มุณฺฑี, ชฏีติ เอวมาทึ, ตติเยน พหุสฺสุโต, ธมฺมกถิโก, ฌายีติ เอวมาทึ, จตุตฺเถน อฆมริสนํ ปาวจนนฺติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ. ‘‘เนมิตฺติก’’นฺติ วุตฺตมตฺถํ พฺยติเรกวเสน ปติฏฺาเปตุํ ‘‘น มหามายายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘วิโมกฺขนฺติก’’นฺติ อิมินา อิทํ นามํ อริยาย ชาติยา ชาตกฺขเณเยว ชาตนฺติ ทสฺเสติ. ยทิ วิโมกฺขนฺติกํ, อถ กสฺมา อฺเหิ ขีณาสเวหิ อสาธารณนฺติ อาห ‘‘สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา’’ติ. พุทฺธานฺหิ อรหตฺตผลํ นิปฺผชฺชมานํ สพฺพฺุตฺาณาทีหิ สพฺเพหิ พุทฺธคุเณหิ สทฺธึเยว นิปฺผชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิโมกฺขนฺติก’’นฺติ. สจฺฉิกา ปฺตฺตีติ สพฺพธมฺมานํ สจฺฉิกิริยานิมิตฺตา ปฺตฺติ. อถ วา สจฺฉิกา ปฺตฺตีติ ปจฺจกฺขสิทฺธา ปฺตฺติ. ยํคุณนิมิตฺตา หิ สา, เต สตฺถุ ปจฺจกฺขภูตาติ คุณา วิย สาปิ สจฺฉิกตา เอว นาม โหติ, น ปเรสํ โวหารมตฺเตนาติ อธิปฺปาโย.

๑๔๓. วทนฺตีติ มหาเถรสฺส ครุภาวโต พหุวจเนนาห, สงฺคีติกาเรหิ วา กตมนุวาทํ สนฺธาย. อิสฺสริยาทิเภโท ภโค อสฺส อตฺถีติ ภคี. อกาสิ ภคฺคนฺติ ราคาทิปาปธมฺมํ ภคฺคํ อกาสิ, ภคฺควาติ อตฺโถ. พหูหิ าเยหีติ กายภาวนาทิเกหิ อเนเกหิ ภาวนากฺกเมหิ. สุภาวิตตฺตโนติ สมฺมเทว ภาวิตสภาวสฺส. ปจฺจตฺเต เจตํ สามิวจนํ.

นิทฺเทเส วุตฺตนเยนาติ เอตฺถายํ นิทฺเทสนโย –

‘‘ภควาติ คารวาธิวจนเมตํ. อปิจ ภคฺคราโคติ ภควา, ภคฺคโทโสติ ภควา, ภคฺคโมโหติ ภควา, ภคฺคมาโนติ ภควา, ภคฺคทิฏฺีติ ภควา, ภคฺคตณฺโหติ ภควา, ภคฺคกิเลโสติ ภควา, ภชิ วิภชิ ปวิภชิ ธมฺมรตนนฺติ ภควา, ภวานํ อนฺตกโรติ ภควา, ภาวิตกาโย ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปฺโติ ภควา, ภชิ วา ภควา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหสฺเสยฺยกานิ ปฏิสลฺลานสารุปฺปานีติ ภควา, ภาคี วา ภควา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานนฺติ ภควา, ภาคี วา ภควา อตฺถรสสฺส ธมฺมรสสฺส วิมุตฺติรสสฺส อธิสีลสฺส อธิจิตฺตสฺส อธิปฺายาติ ภควา, ภาคี วา ภควา จตุนฺนํ ฌานานํ จตุนฺนํ อปฺปมฺานํ จตุนฺนํ อรูปสมาปตฺตีนนฺติ ภควา, ภาคี วา ภควา อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ อฏฺนฺนํ อภิภายตนานํ นวนฺนํ อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺตีนนฺติ ภควา, ภาคี วา ภควา ทสนฺนํ สฺาภาวนานํ ทสนฺนํ กสิณสมาปตฺตีนํ อานาปานสฺสติสมาธิสฺส อสุภสมาปตฺติยาติ ภควา, ภาคี วา ภควา จตุนฺนํ สติปฏฺานานํ จตุนฺนํ สมฺมปฺปธานานํ จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ ปฺจนฺนํ พลานํ สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ อริยสฺส อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺสาติ ภควา, ภาคี วา ภควา ทสนฺนํ ตถาคตพลานํ จตุนฺนํ เวสารชฺชานํ จตุนฺนํ ปฏิสมฺภิทานํ ฉนฺนํ อภิฺานํ ฉนฺนํ พุทฺธธมฺมานนฺติ ภควา, ภควาติ เนตํ นามํ…เป… สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ ภควา’’ติ (มหานิ. ๘๓).

เอตฺถ ‘‘คารวาธิวจน’’นฺติอาทีนิ ยทิปิ คาถายํ อาคตปทานุกฺกเมน น นิทฺทิฏฺานิ, ยถารหํ ปน เตสํ สพฺเพสมฺปิ นิทฺเทสภาเวน เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ คารวาธิวจนนฺติ ครูนํ ครุภาววาจกํ วจนํ. ภชีติ ภาคโส กเถสิ. เตนาห ‘‘วิภชี’’ติ. ธมฺมรตนนฺติ มคฺคผลาทิอริยธมฺมรตนํ. ปุน ภชีติ เสวิ. ภาคีติ ภาคเธยฺยวา. ปุน ภาคีติ ภชนสีโล. อตฺถรสสฺสาติ อตฺถสนฺนิสฺสยสฺส รสสฺส. วิมุตฺตายตนสีเส หิ ตฺวา ธมฺมํ กเถนฺตสฺส, สุณนฺตสฺส จ ตทตฺถํ อารพฺภ อุปฺปชฺชนกปีติโสมนสฺสํ อตฺถรโส. ธมฺมํ อารพฺภ ธมฺมรโส. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวท’’นฺติ (อ. นิ. ๖.๑๐). วิมุตฺติรสสฺสาติ วิมุตฺติภูตสฺส, วิมุตฺติสนฺนิสฺสยสฺส วา รสสฺส. สฺาภาวนานนฺติ อนิจฺจสฺาทีนํ ทสนฺนํ สฺาภาวนานํ. ฉนฺนํ พุทฺธธมฺมานนฺติ ฉ อสาธารณาณานิ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถ ‘‘ภควา’’ติ สทฺทสิทฺธิ นิรุตฺตินเยน เวทิตพฺพา.

๑๔๔. ยทิปิ ‘‘ภาคฺยวา’’ติอาทีหิ ปเทหิ วุจฺจมาโน อตฺโถ ‘‘ภคี ภชี’’ติ นิทฺเทสคาถาย สงฺคหิโต เอว, ตถาปิ ปทสิทฺธิ อตฺถวิภาคอตฺถโยชนาทิสหิโต สํวณฺณนานโย ตโต อฺากาโรติ วุตฺตํ ‘‘อยํ ปน อปโร นโย’’ติ. อาทิกนฺติ อาทิ-สทฺเทน วณฺณวิกาโร , วณฺณโลโป, ธาตุอตฺเถน นิโยชนฺจาติ อิมํ ติวิธํ ลกฺขณํ สงฺคณฺหาติ. สทฺทนเยนาติ พฺยากรณนเยน. ปิโสทราทีนํ สทฺทานํ อากติคณภาวโต วุตฺตํ ‘‘ปิโสทราทิปกฺเขปลกฺขณํ คเหตฺวา’’ติ. ปกฺขิปนเมว ลกฺขณํ. ตปฺปริยาปนฺนตากรณํ หิ ปกฺขิปนํ. ปารปฺปตฺตนฺติ ปรมุกฺกํสคตํ ปารมิภาวปฺปตฺตํ. ภาคฺยนฺติ กุสลํ. ตตฺถ มคฺคกุสลํ โลกุตฺตรสุขนิพฺพตฺตกํ, อิตรํ โลกิยสุขนิพฺพตฺตกํ, อิตรมฺปิ วา วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปริยายโต โลกุตฺตรสุขนิพฺพตฺตกํ สิยา.

โลภาทโย เอกกวเสน คหิตา. ตถา วิปรีตมนสิกาโร วิปลฺลาสภาวสามฺเน, อหิริกาทโย ทุกวเสน. โลภาทโย จ ปุน ‘‘ติวิธากุสลมูล’’นฺติ ติกวเสน คหิตา. กายทุจฺจริตาทิ-ตณฺหาสํกิเลสาทิราคมลาทิราควิสมาทิกามสฺาทิกามวิตกฺกาทิตณฺหาปปฺจาทโย ติวิธทุจฺจริตาทโย. สุภสฺาทิกา จตุพฺพิธวิปริเยสา. ‘‘จีวรเหตุ วา ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, ปิณฺฑปาต , เสนาสน, อิติภวาภวเหตุ วา’’ติ (อ. นิ. ๔.๙) เอวมาคตา จตฺตาโร ตณฺหุปฺปาทา. ‘‘พุทฺเธ กงฺขติ, ธมฺเม, สงฺเฆ, สิกฺขาย, สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขีลชาโต’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๙; ม. นิ. ๑.๑๘๕; อ. นิ. ๕.๒๐๕; ๙.๗๑; วิภ. ๙๔๑) เอวมาคตานิ ปฺจ เจโตขีลานิ. ‘‘กาเม อวีตราโค โหติ, กาเย อวีตราโค, รูเป อวีตราโค, ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ, อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๐; ม. นิ. ๑.๑๘๖) อาคตา ปฺจ วินิพนฺธา. รูปาภินนฺทนาทโย ปฺจาภินนฺทนา. โกโธ, มกฺโข, อิสฺสา, สาเยฺยํ, ปาปิจฺฉตา, สนฺทิฏฺิปรามาโสติ อิมานิ ฉ วิวาทมูลานิ. รูปตณฺหาทโย ฉ ตณฺหากายา.

กามราคปฏิฆทิฏฺิวิจิกิจฺฉาภวราคมานาวิชฺชา สตฺตานุสยา. มิจฺฉาทิฏฺิอาทโย อฏฺ มิจฺฉตฺตา. ‘‘ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฏิจฺจ ลาโภ, ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย, วินิจฺฉยํ ปฏิจฺจ ฉนฺทราโค, ฉนฺทราคํ ปฏิจฺจ อชฺโฌสานํ, อชฺโฌสานํ ปฏิจฺจ ปริคฺคโห, ปริคฺคหํ ปฏิจฺจ มจฺฉริยํ, มจฺฉริยํ ปฏิจฺจ อารกฺขา, อารกฺขาธิกรณํ ทณฺฑาทานาทโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๓; ๓.๓๕๙) เอเต นว ตณฺหามูลกา. จตฺตาโร สสฺสตวาทา, จตฺตาโร เอกจฺจสสฺสตวาทา, จตฺตาโร อนฺตานนฺติกา, จตฺตาโร อมราวิกฺเขปิกา, ทฺเว อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา, โสฬส สฺีวาทา, อฏฺ อสฺีวาทา, อฏฺ เนวสฺีนาสฺีวาทา , สตฺต อุจฺเฉทวาทา, ปฺจ ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทาติ เอตานิ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ. อชฺฌตฺติกสฺส อุปาทาย ‘‘อสฺมี’’ติ โหติ, ‘‘อิตฺถสฺมี’’ติ, ‘‘เอวสฺมี’’ติ, ‘‘อฺถาสฺมี’’ติ, ‘‘ภวิสฺส’’นฺติ, ‘‘อิตฺถํ ภวิสฺส’’นฺติ, ‘‘เอวํ ภวิสฺส’’นฺติ, ‘‘อฺถา ภวิสฺส’’นฺติ, ‘‘อสสฺมี’’ติ, ‘‘สาตสฺมี’’ติ, ‘‘สิย’’นฺติ, ‘‘อิตฺถํ สิย’’นฺติ, ‘‘เอวํ สิย’’นฺติ, ‘‘อฺถา สิย’’นฺติ, ‘‘อปาหํ สิย’’นฺติ, ‘‘อปาหํ อิตฺถํ สิย’’นฺติ, ‘‘อปาหํ เอวํ สิย’’นฺติ, ‘‘อปาหํ อฺถา สิย’’นฺติ โหตีติ อฏฺารส, พาหิรสฺสุปาทาย ‘‘อิมินา อสฺมี’’ติ โหติ, ‘‘อิมินา อิตฺถสฺมี’’ติ, ‘‘อิมินา เอวสฺมี’’ติ, ‘‘อิมินา อฺถาสฺมี’’ติอาทิกา (วิภ. ๙๗๕-๙๗๖) วุตฺตนยา อฏฺารสาติ ฉตฺตึส, อตีตา ฉตฺตึส, อนาคตา ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺนา ฉตฺตึสาติ อฏฺสตตณฺหาวิจริตานิ.

ปเภท-สทฺโท ปจฺเจกํ สมฺพนฺธิตพฺโพ. ตตฺถายํ โยชนา – โลภปฺปเภทา โทสปฺปเภทา ยาว อฏฺสตตณฺหาวิจริตปฺปเภทาติ. สพฺพานิ สตฺตานํ ทรถปริฬาหกรานิ กิเลสานํ อเนกานิ สตสหสฺสานิ อภฺชีติ โยชนา. อารมฺมณาทิวิภาคโต หิ ปวตฺติอาการวิภาคโต จ อนนฺตปฺปเภทา กิเลสาติ. สงฺเขปโตติ เอตฺถ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน สพฺพโส อปฺปวตฺติกรเณน กิเลสมารํ, สมุทยปฺปหานปริฺาวเสน ขนฺธมารํ, สหายเวกลฺลกรณวเสน สพฺพถา อปฺปวตฺติกรเณน อภิสงฺขารมารํ, พลวิธมนวิสยาติกฺกมนวเสน เทวปุตฺตมจฺจุมารฺจ อภฺชิ ภคฺเค อกาสิ. ปริสฺสยานนฺติ อุปทฺทวานํ. สมฺปติ, อายติฺจ สตฺตานํ อนตฺถาวหตฺตา มารณฏฺเน วิพาธนฏฺเน กิเลสาว มาโรติ กิเลสมาโร. วธกฏฺเน ขนฺธาว มาโรติ ขนฺธมาโร. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘วธกํ รูปํ ‘วธกํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๓.๘๕). ชาติชราทิมหาพฺยสนนิพฺพตฺตเนน อภิสงฺขาโรว มาโรติ อภิสงฺขารมาโร. สํกิเลสนิมิตฺตํ หุตฺวา คุณมารณฏฺเน เทวปุตฺโตว มาโรติ เทวปุตฺตมาโร. สตฺตานํ ชีวิตสฺส, ชีวิตปริกฺขารานฺจ ชานิกรเณน มหาพาธรูปตฺตา มจฺจุ เอว มาโรติ มจฺจุมาโร.

สตปุฺลกฺขณธรสฺสาติ อเนกสตปุฺนิพฺพตฺตมหาปุริสลกฺขณวหโต รูปกายสมฺปตฺติ ทีปิตา โหติ, อิตราสํ ผลสมฺปทานํ มูลภาวโต, อธิฏฺานภาวโต จ. ธมฺมกายสมฺปตฺติ ทีปิตา โหติ, ปหานสมฺปทาปุพฺพกตฺตา าณสมฺปทาทีนํ. ภาคฺยวตาย โลกิยานํ พหุมตภาโว. ภคฺคโทสตาย ปริกฺขกานํ พหุมตภาโวติ โยชนา. เอวํ อิโต ปเรสุปิ ยถาสงฺขฺยํ โยเชตพฺพํ. ปุฺวนฺตํ หิ คหฏฺา ขตฺติยาทโย อภิคจฺฉนฺติ, ปหีนโทสํ ปพฺพชิตตาปสปริพฺพาชกาทโย ‘‘โทสวินยาย ธมฺมํ เทเสตี’’ติ. อภิคตานฺจ เนสํ กายจิตฺตทุกฺขาปนยเน ปฏิพลภาโว, อามิสทานธมฺมทาเนหิ อุปการสพฺภาวโต. รูปกายํ ตสฺส ปสาทจกฺขุนา, ธมฺมกายํ ปฺาจกฺขุนา ทิสฺวา ทุกฺขทฺวยสฺส ปฏิปฺปสฺสมฺภนโต อุปคตานฺจ เตสํ อามิสทานธมฺมทาเนหิ อุปการิตา, ‘‘ปุพฺเพ อามิสทานธมฺมทาเนหิ มยา อยํ โลกคฺคภาโว อธิคโต, ตสฺมา ตุมฺเหหิปิ เอวเมว ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ เอวํ สมฺมาปฏิปตฺติยํ นิโยชเนน อภิคตานํ โลกิยโลกุตฺตรสุเขหิ สํโยชนสมตฺถตา จ ทีปิตา โหติ.

สกจิตฺเต อิสฺสริยํ อตฺตโน จิตฺตสฺส วสีภาวาปาทนํ, เยน ปฏิกฺกูลาทีสุ อปฺปฏิกฺกูลสฺิตาทิวิหารสิทฺธิ, อธิฏฺานิทฺธิอาทิโก อิทฺธิวิโธปิ จิตฺติสฺสริยเมว จิตฺตภาวนาย วสีภาวปฺปตฺติยา อิชฺฌนโต. อณิมาลฆิมาทิกนฺติ อาทิ-สทฺเทน มหิมา ปตฺติ ปากมฺมํ อีสิตา วสิตา ยตฺถกามาวสายิตาติ อิเม ฉปิ สงฺคหิตา. ตตฺถ กายสฺส อณุภาวกรณํ อณิมา. ลหุภาโว ลฆิมา อากาเส ปทสา คมนาทินา. มหตฺตํ มหิมา กายสฺส มหนฺตตาปาทนํ. อิฏฺเทสปฺปตฺติ ปตฺติ. อธิฏฺานาทิวเสน อิจฺฉิตนิปฺผาทนํ ปากมฺมํ. สยํวสิตา อิสฺสรภาโว อีสิตา. อิทฺธิวิเธ วสีภาโว วสิตา. อากาเสน วา คจฺฉโต, อฺํ วา กิฺจิ กโรโต ยตฺถ กตฺถจิ โวสานปฺปตฺติ ยตฺถกามาวสายิตา. ‘‘กุมารกรูปาทิทสฺสน’’นฺติปิ วทนฺติ. เอวมิทํ อฏฺวิธํ โลกิยสมฺมตํ อิสฺสริยํ. ตํ ปน ภควโต อิทฺธิวิธนฺโตคธํ, อนฺสาธารณฺจาติ อาห ‘‘สพฺพาการปริปูรํ อตฺถี’’ติ.

เกสฺจิ ปเทสวุตฺติ, อยถาภูตคุณสนฺนิสฺสยตฺตา อปริสุทฺโธ จ ยโส โหติ, น เอวํ ตถาคตสฺสาติ ทสฺเสตุํ ‘‘โลกตฺตยพฺยาปโก’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิธ อธิคตสตฺถุคุณานํ อารุปฺเป อุปฺปนฺนานํ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา ภควโต คุเณ อนุสฺสรนฺตานํ ยโส ปากโฏ โหตีติ อาห ‘‘โลกตฺตยพฺยาปโก’’ติ. ยถาภุจฺจคุณาธิคตตฺตา เอว อติวิย ปริสุทฺโธ. อนวเสสลกฺขณานุพฺยฺชนาทิสมฺปตฺติยา สพฺพาการปริปูรา. สพฺพงฺคปจฺจงฺคสิรี สพฺเพสํ องฺคปจฺจงฺคานํ โสภา. ‘‘ติณฺโณ ตาเรยฺย’’นฺติอาทินา ยํ ยํ เอเตน โลกนาเถน อิจฺฉิตํ มโนวจีปณิธานวเสน, ปตฺถิตํ กายปณิธานวเสน. ตเถวาติ ปณิธานานุรูปเมว. วีริยปารมิภาวปฺปตฺโต, อริยมคฺคปริยาปนฺโน จ สมฺมาวายามสงฺขาโต ปยตฺโต.

เภเทหีติ สพฺพตฺติกทุกปทสํหิเตหิ ปเภเทหิ. ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน น เกวลํ วิภงฺคปาฬิยํ อาคตา สติปฏฺานาทโยว สงฺคหิตา, อถ โข สงฺคหาทโย, สมยวิมุตฺตาทโย, ปนาทโย , ติกปฏฺานาทโย จ สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพํ. ทุกฺขสจฺจสฺส ปีฬนฏฺโ ตํสมงฺคิโน สตฺตสฺส หึสนํ อวิปฺผาริกตากรณํ. สงฺขตฏฺโ สเมจฺจสมฺภูยปจฺจเยหิ กตภาโว. สนฺตาปฏฺโ ทุกฺขทุกฺขตาทีหิ สนฺตปฺปนํ ปริทหนํ. วิปริณามฏฺโ ชราย, มรเณน จาติ ทฺวิธา วิปริณาเมตพฺพตา. สมุทยสฺส อายูหนฏฺโ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺตนวเสน สมฺปิณฺฑนํ. นิทานฏฺโ ‘‘อิทํ ตํ ทุกฺข’’นฺติ นิททนฺตสฺส วิย สมุฏฺาปนํ. สํโยคฏฺโ สํสารทุกฺเขน สํโยชนํ. ปลิโพธฏฺโ มคฺคาธิคมสฺส นิวารณํ. นิโรธสฺส นิสฺสรณฏฺโ สพฺพูปธีนํ ปฏินิสฺสคฺคสภาวตฺตา ตโต วินิสฺสฏตา, ตนฺนิสฺสรณนิมิตฺตตา วา. วิเวกฏฺโ สพฺพสงฺขารวิสํยุตฺตตา. อสงฺขตฏฺโ เกนจิปิ ปจฺจเยน อนภิสงฺขตตา. อมตฏฺโ นิจฺจสภาวตฺตา มรณาภาโว, สตฺตานํ มรณาภาวเหตุตา วา. มคฺคสฺส นิยฺยานฏฺโ วฏฺฏทุกฺขโต นิคฺคมนฏฺโ. เหตุอตฺโถ นิพฺพานสฺส สมฺปาปกภาโว. ทสฺสนฏฺโ อจฺจนฺตสุขุมสฺส นิพฺพานสฺส สจฺฉิกรณํ. อาธิปเตยฺยฏฺโ จตุสจฺจทสฺสเน สมฺปยุตฺตานํ อาธิปจฺจกรณํ, อารมฺมณาธิปติภาโว วา วิเสสโต มคฺคาธิปติวจนโต. สติปิ หิ ฌานาทีนํ อารมฺมณาธิปติภาเว ‘‘ฌานาธิปติโน ธมฺมา’’ติ เอวมาทึ อวตฺวา ‘‘มคฺคาธิปติโน ธมฺมา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ, ตสฺมา วิฺายติ ‘‘อตฺถิ มคฺคสฺส อารมฺมณาธิปติภาเว วิเสโส’’ติ. เอเต จ ปีฬนาทโย โสฬสาการา นาม. กสฺมา ปเนตฺถ อฺเสุ โรคคณฺาทิอากาเรสุ วิชฺชมาเนสุ เอเตว ปริคฺคยฺหนฺตีติ? สลกฺขณโต จ สจฺจนฺตรทสฺสนโต จ อาวิภาวโต. สฺวายมตฺโถ ปรโต สจฺจกถายเมว อาวิ ภวิสฺสติ.

ทิพฺพวิหาโร กสิณาทิอารมฺมณานิ รูปาวจรชฺฌานานิ. เมตฺตาทิชฺฌานานิ พฺรหฺมวิหาโร. ผลสมาปตฺติ อริยวิหาโร. กาเมหิ วิเวกฏฺกายตาวเสน เอกีภาโว กายวิเวโก. ปมชฺฌานาทินา นีวรณาทีหิ วิวิตฺตจิตฺตตา จิตฺตวิเวโก. อุปธิวิเวโก นิพฺพานํ. อฺเติ โลกิยาภิฺาทิเก.

กิเลสาภิสงฺขารวเสน ภเวสุ ปริพฺภมนํ, โส จ ตณฺหาปฺปธาโนติ วุตฺตํ ‘‘ตณฺหาสงฺขาตํ คมน’’นฺติ. วนฺตนฺติ อริยมคฺคมุเขน อุคฺคิริตํ ปุน อปจฺจาวมนวเสน ฉฑฺฑิตํ. ภควาติ วุจฺจติ นิรุตฺตินเยนาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยถา…เป… เมขลา’’ติ.

อปโร นโย – ภาควาติ ภควา, ภตวาติ ภควา, ภาเค วนีติ ภควา, ภเค วนีติ ภควา, ภตฺตวาติ ภควา, ภเค วมีติ ภควา. ภาเค วมีติ ภควา.

ภาควา ภตวา ภาเค, ภเค จ วนิ ภตฺตวา;

ภเค วมิ ตถา ภาเค, วมีติ ภควา ชิโน.

ตตฺถ กถํ ภาควาติ ภควา? เย เต สีลาทโย ธมฺมกฺขนฺธา คุณโกฏฺาสา, เต อนฺสาธารณา นิรติสยา ตถาคตสฺส อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ. ตถา หิสฺส สีลํ สมาธิ ปฺา วิมุตฺติ วิมุตฺติาณทสฺสนํ, หิรี โอตฺตปฺปํ, สทฺธา วีริยํ, สติ สมฺปชฺํ, สีลวิสุทฺธิ ทิฏฺิวิสุทฺธิ, สมโถ วิปสฺสนา, ตีณิ กุสลมูลานิ, ตีณิ สุจริตานิ, ตโย สมฺมาวิตกฺกา, ติสฺโส อนวชฺชสฺา, ติสฺโส ธาตุโย, จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, จตฺตาโร อริยมคฺคา, จตฺตาริ อริยผลานิ, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณานิ, จตฺตาโร อริยวํสา, จตฺตาริ เวสารชฺชาณานิ, ปฺจ ปธานิยงฺคานิ, ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจาณิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, ปฺจ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ปฺจ วิมุตฺตายตนาณานิ, ปฺจ วิมุตฺติปริปาจนียา สฺา, ฉ อนุสฺสติฏฺานานิ, ฉ คารวา, ฉ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ฉ สตตวิหารา, ฉ อนุตฺตริยานิ, ฉ นิพฺเพธภาคิยา สฺา, ฉ อภิฺา, ฉ อสาธารณาณานิ, สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา, สตฺต อริยธมฺมา, สตฺต อริยธนานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, สตฺต สปฺปุริสธมฺมา, สตฺต นิชฺชรวตฺถูนิ, สตฺต สฺา, สตฺตทกฺขิเณยฺยปุคฺคลเทสนา, สตฺตวิฺาณฏฺิติเทสนา, สตฺตขีณาสวพลเทสนา, อฏฺปฺาปฏิลาภเหตุเทสนา, อฏฺ สมฺมตฺตานิ, อฏฺโลกธมฺมาติกฺกมา, อฏฺ อารมฺภวตฺถูนิ, อฏฺอกฺขณเทสนา, อฏฺ มหาปุริสวิตกฺกา, อฏฺอภิภายตนเทสนา, อฏฺ วิโมกฺขา, นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา, นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ, นวสตฺตาวาสเทสนา, นว อาฆาตปฏิวินยา, นว สฺา, นว นานตฺตา, นว อนุปุพฺพวิหารา, ทส นาถการณา ธมฺมา, ทส กสิณายตนานิ, ทส กุสลกมฺมปถา, ทส สมฺมตฺตานิ, ทส อริยวาสา, ทส อเสกฺขธมฺมา, ทส ตถาคตพลานิ, เอกาทส เมตฺตานิสํสา, ทฺวาทส ธมฺมจกฺกาการา, เตรส ธุตคุณา, จุทฺทส พุทฺธาณานิ, ปฺจทส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, โสฬสวิธา อานาปานสฺสติ, โสฬส อปรนฺตปนียา ธมฺมา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณาณานิ, จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ , ปฺาส อุทยพฺพยาณานิ, ปโรปฺาส กุสลธมฺมา, สตฺตสตฺตติาณวตฺถูนิ, จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติสฺจาริมหาวชิราณํ, อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานปวิจยปจฺจเวกฺขณเทสนาาณานิ, ตถา อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตานํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนาณานิ จาติ เอวมาทโย อนนฺตาปริมาณเภทา อนฺสาธารณา นิรติสยา คุณภาคา คุณโกฏฺาสา สํวิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตวิภาคา คุณภาคา อสฺส อตฺถีติ ภาควาติ วตฺตพฺเพ อา-การสฺส รสฺสตฺตํ กตฺวา ‘‘ภควา’’ติ วุตฺโต. เอวํ ตาว ภาควาติ ภควา.

ยสฺมา สีลาทโย สพฺเพ, คุณภาคา อเสสโต;

วิชฺชนฺติ สุคเต ตสฺมา, ‘‘ภควา’’ติ ปวุจฺจติ.

กถํ ภตวาติ ภควา? เย เต สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺเนหิ มนุสฺสตฺตาทิเก อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา สมฺมาสมฺโพธิยา กตมหาภินีหาเรหิ มหาโพธิสตฺเตหิ ปริปูเรตพฺพา ทานปารมี, สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจอธิฏฺานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมีติ ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย, ทานาทีนิ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ, สจฺจาทีนิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ, อตฺตปริจฺจาโค, นยน, ธน, รชฺช, ปุตฺตทารปริจฺจาโคติ ปฺจ มหาปริจฺจาคา, ปุพฺพโยโค, ปุพฺพจริยา, ธมฺมกฺขานํ, าตตฺถจริยา, โลกตฺถจริยา, พุทฺธตฺถจริยาติ เอวมาทโย, สงฺเขปโต วา สพฺเพ ปุฺสมฺภาราณสมฺภารพุทฺธการกธมฺมา, เต มหาภินีหารโต ปฏฺาย กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยานิ ยถา หานภาคิยา, สํกิเลสภาคิยา, ิติภาคิยา วา น โหนฺติ, อถ โข อุตฺตรุตฺตริ วิเสสภาคิยาว โหนฺติ, เอวํ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ อนวเสสโต ภตา สมฺภตา อสฺส อตฺถีติ ภตวาติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุตฺโต นิรุตฺตินเยน ต-การสฺส ค-การํ กตฺวา. อถ วา ภตวาติ เตเยว ยถาวุตฺเต พุทฺธการกธมฺเม วุตฺตนเยน ภริ สมฺภริ, ปริปูเรสีติ อตฺโถ. เอวมฺปิ ภตวาติ ภควา.

สมฺมาสมฺโพธิยา สพฺเพ, ทานปารมิอาทิเก;

สมฺภาเร ภตวา นาโถ, ตสฺมาปิ ภควา มโต.

กถํ ภาเค วนีติ ภควา? เย เต จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา เทวสิกํ วฬฺชนกสมาปตฺติภาคา, เต อนวเสสโต โลกหิตตฺถํ, อตฺตโน จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ นิจฺจกปฺปํ นิจฺจกปฺปํ วนิ ภชิ เสวิ พหุลมกาสีติ ภาเค วนีติ ภควา. อถ วา อภิฺเยฺยธมฺเมสุ, กุสลาทีสุ, ขนฺธาทีสุ จ เย เต ปริฺเยฺยาทิวเสน สงฺเขปโต วา จตุพฺพิธา อภิสมยภาคา, วิตฺถารโต ปน ‘‘จกฺขุํ ปริฺเยฺยํ…เป… ชรามรณํ ปริฺเยฺย’’นฺติอาทินา อเนกปริฺเยฺยภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส สมุทโย ปหาตพฺโพ…เป… ชรามรณสฺส สมุทโย ปหาตพฺโพ’’ติอาทินา ปหาตพฺพภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส นิโรโธ…เป… ชรามรณสฺส นิโรโธ สจฺฉิกาตพฺโพ’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๒๑) สจฺฉิกาตพฺพภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส นิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติอาทินา, ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา จ อเนกเภทา ภาเวตพฺพภาคา จ ธมฺมา, เต สพฺเพ วนิ ภชิ ยถารหํ โคจรภาวนาเสวนานํ วเสน เสวิ. เอวมฺปิ ภาเค วนีติ ภควา. อถ วา เย อิเม สีลาทโย ธมฺมกฺขนฺธา สาวเกหิ สาธารณา คุณโกฏฺาสา คุณภาคา, ‘‘กินฺติ นุ โข เต เวเนยฺยสนฺตาเนสุ ปติฏฺเปยฺย’’นฺติ มหากรุณาย วนิ อภิปตฺถยิ, สา จสฺส อภิปตฺถนา ยถาธิปฺเปตผลาวหา อโหสิ. เอวมฺปิ ภาเค วนีติ ภควา.

ยสฺมา เยฺยสมาปตฺติ-คุณภาเค ตถาคโต;

ภชิ ปตฺถยิ สตฺตานํ, หิตาย ภควา ตโต.

กถํ ภเค วนีติ ภควา? สมาสโต ตาว กตปุฺเหิ ปโยคสมฺปนฺเนหิ ยถาวิภวํ ภชียนฺตีติ ภคา, โลกิยโลกุตฺตรสมฺปตฺติโย. ตตฺถ โลกิเย ตาว ตถาคโต สมฺโพธิโต ปุพฺเพ โพธิสตฺตภูโต ปรมุกฺกํสคเต วนิ ภชิ เสวิ, ยตฺถ ปติฏฺาย นิรวเสสโต พุทฺธการกธมฺเม สมนฺนาเนนฺโต พุทฺธธมฺเม ปริปาเจสิ. พุทฺธภูโต ปน เต นิรวชฺชสุขูปสํหิเต อนฺสาธารเณ โลกุตฺตเรปิ วนิ ภชิ เสวิ. วิตฺถารโต ปน ปเทสรชฺชอิสฺสริยจกฺกวตฺติสมฺปตฺติเทวรชฺชสมฺปตฺติอาทิวเสน, ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺติาณทสฺสนมคฺคภาวนาผลสจฺฉิกิริยาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺมวเสน จ อเนกวิหิเต อนฺสาธารเณ ภเค วนิ ภชิ เสวิ. เอวมฺปิ ภเค วนีติ ภควา.

ยา ตา สมฺปตฺติโย โลเก, ยา จ โลกุตฺตรา ปุถู;

สพฺพา ตา ภชิ สมฺพุทฺโธ, ตสฺมาปิ ภควา มโต.

กถํ ภตฺตวาติ ภควา? ภตฺตา ทฬฺหภตฺติกา อสฺส พหู อตฺถีติ ภตฺตวา. ตถาคโต หิ มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริมิตนิรุปมปฺปภาวคุณวิเสสสมงฺคิ ภาวโต สพฺพสตฺตุตฺตโม สพฺพานตฺถปริหารปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตุปการิตาย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาทิอนฺสาธารณคุณวิเสสปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ยถาภุจฺจคุณาธิคเตน ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน โลกตฺตยพฺยาปินาสุวิปุเลน, สุวิสุทฺเธน จ ถุติโฆเสน สมนฺนาคตตฺตา, อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตาสุ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิอาทีสุ สุปติฏฺิตภาวโต, ทสพลจตุเวสารชฺชาทินิรติสยคุณวิเสสสมงฺคิภาวโต จ ‘‘รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน, โฆสปฺปมาโณ โฆสปฺปสนฺโน, ลูขปฺปมาโณ ลูขปฺปสนฺโน, ธมฺมปฺปมาโณ ธมฺมปฺปสนฺโน’’ติ เอวํ จตุปฺปมาณิเก โลกสนฺนิวาเส สพฺพถาปิ ปสาทาวหภาเวน สมนฺตปาสาทิกตฺตา อปริมาณานํ สตฺตานํ สเทวมนุสฺสานํ อาทรพหุมานคารวายตนตาย ปรมเปมสมฺภตฺติฏฺานํ. เย ตสฺส โอวาเท ปติฏฺิตา อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา โหนฺติ, เกนจิ อสํหาริยา เตสํ สมฺภตฺติ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วาติ. ตถา หิ เต อตฺตโน ชีวิตปริจฺจาเคปิ ตตฺถ ปสาทํ น ปริจฺจชนฺติ, ตสฺส วา อาณํ ทฬฺหภตฺติภาวโต. เตเนวาห –

‘‘โย เว กตฺู กตเวทิ ธีโร,

กลฺยาณมิตฺโต ทฬฺหภตฺติ จ โหตี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๗๘);

‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, มหาสมุทฺโท ิตธมฺโม เวลํ นาติวตฺตติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๕) จ.

เอวํ ภตฺตวาติ ภควา นิรุตฺตินเยน เอกสฺส ต-การสฺส โลปํ กตฺวา อิตรสฺส ค-การํ กตฺวา.

คุณาติสยยุตฺตสฺส , ยสฺมา โลกหิเตสิโน;

สมฺภตฺตา พหโว สตฺถุ, ภควา เตน วุจฺจติ.

กถํ ภเค วมีติ ภควา? ยสฺมา ตถาคโต โพธิสตฺตภูโตปิ ปุริมาสุ ชาตีสุ ปารมิโย ปูเรนฺโต ภคสงฺขาตํ สิรึ, อิสฺสริยํ, ยสฺจ วมิ อุคฺคิริ เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปกฺโข ฉฑฺฑยิ. ตถา หิสฺส โสมนสฺสกุมารกาเล (ชา. ๑.๑๕.๒๑๑ อาทโย) หตฺถิปาลกุมารกาเล (ชา. ๑.๑๕.๓๓๗ อาทโย) อโยฆรปณฺฑิตกาเล (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓ อาทโย) มูคปกฺขปณฺฑิตกาเล (ชา. ๒.๒๒.๑ อาทโย) จูฬสุตโสมกาเลติ (ชา. ๒.๑๗.๑๙๕ อาทโย) เอวมาทีสุ เนกฺขมฺมปารมิปูรณวเสน เทวรชฺชสทิสาย รชฺชสิริยา ปริจฺจตฺตอตฺตภาวานํ ปริมาณํ นตฺถิ. จริมตฺตภาเวปิ หตฺถคตํ จกฺกวตฺติสิรึ เทวโลกาธิปจฺจสทิสํ จตุทีปิสฺสริยํ, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติสนฺนิสฺสยํ สตฺตรตนสมุชฺชลํ ยสฺจ ติณายปิ อมฺมาโน นิรเปกฺโข ปหาย อภินิกฺขมิตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา อิเม สิริอาทิเก ภเค วมีติ ภควา. อถ วา ภานิ นาม นกฺขตฺตานิ, เตหิ สมํ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ ภคา, สิเนรุยุคนฺธรอุตฺตรกุรุหิมวนฺตาทิภาชนโลกวิเสสสนฺนิสฺสยา โสภา กปฺปฏฺิยภาวโต. เตปิ ภควา วมิ ตนฺนิวาสสตฺตาวาสสมติกฺกมนโต ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหีติ. เอวมฺปิ ภเค วมีติ ภควา.

จกฺกวตฺติสิรึ ยสฺมา, ยสํ อิสฺสริยํ สุขํ;

ปหาสิ โลกจิตฺตฺจ, สุคโต ภควา ตโต.

กถํ ภาเค วมีติ ภควา? ภาคา นาม สภาวธมฺมโกฏฺาสา, เต ขนฺธายตนธาตาทิวเสน, ตตฺถาปิ รูปเวทนาทิวเสน, อตีตาทิวเสน จ อเนกวิธา, เต จ ภควา ‘‘สพฺพํ ปปฺจํ, สพฺพํ โยคํ, สพฺพํ คนฺถํ, สพฺพํ สํโยชนํ สมุจฺฉินฺทิตฺวา อมตํ ธาตุํ สมธิคจฺฉนฺโต วมิ อุคฺคิริ อนเปกฺโข ฉฑฺฑยิ น ปจฺจาวมิ. ตถา เหส สพฺพตฺถกเมว ปถวึ อาปํ เตชํ วายํ, จกฺขุํ โสตํ ฆานํ ชิวฺหํ กายํ มนํ, รูเป สทฺเท คนฺเธ รเส โผฏฺพฺเพ ธมฺเม, จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณํ, จกฺขุสมฺผสฺสํ…เป… มโนสมฺผสฺสํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เวทนํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ สฺํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ สฺํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เจตนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เจตนํ, รูปตณฺหํ …เป… ธมฺมตณฺหํ, รูปวิตกฺกํ…เป… ธมฺมวิตกฺกํ, รูปวิจารํ…เป… ธมฺมวิจาร’’นฺติอาทินา อนุปทธมฺมวิภาควเสนปิ สพฺเพว ธมฺมโกฏฺาเส อนวเสสโต วมิ อุคฺคิริ อนเปกฺขปริจฺจาเคน ฉฑฺฑยิ. วุตฺตํ เหตํ –

‘‘ยํ ตํ, อานนฺท, จตฺตํ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฏินิสฺสฏฺํ, ตํ ตถาคโต ปุน ปจฺจาวมิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘๓).

เอวมฺปิ ภาเค วมีติ ภควา. อถ วา ภาเค วมีติ สพฺเพปิ กุสลากุสเล สาวชฺชานวชฺเช หีนปณีเต กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม อริยมคฺคาณมุเขน วมิ อุคฺคิริ อนเปกฺโข ปริจฺจชิ ปชหิ, ปเรสฺจ ตถตฺตาย ธมฺมํ เทเสสิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ธมฺมาปิ โว, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา (ม. นิ. ๑.๒๔๐). กุลฺลูปมํ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ นิตฺถรณตฺถาย, โน คหณตฺถายา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๔๐).

เอวมฺปิ ภาเค วมีติ ภควา.

ขนฺธายตนธาตาทิ-ธมฺมเภทา มเหสินา;

กณฺหา สุกฺกา ยโต วนฺตา, ตโตปิ ภควา มโต.

เตน วุตฺตํ –

‘‘ภาควา ภตวา ภาเค, ภเค จ วนิ ภตฺตวา;

ภเค วมิ ตถา ภาเค, วมีติ ภควา ชิโน’’ติ.

เอตฺถ จ ยสฺมา สงฺเขปโต อตฺตหิตสมฺปตฺติปรหิตปฏิปตฺติวเสน ทุวิธา พุทฺธคุณา, ตาสุ อตฺตหิตสมฺปตฺติ ปหานสมฺปทาาณสมฺปทาเภทโต ทุวิธา, อานุภาวสมฺปทาทีนํ ตทวินาภาเวน ตทนฺโตคธตฺตา. ปรหิตปฏิปตฺติ ปโยคาสยเภทโต ทุวิธา. ตตฺถ ปโยคโต ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกธมฺมูปเทโส, อาสยโต ปฏิวิรุทฺเธสุปิ นิจฺจํ หิเตสิตา, าณปริปากกาลาคมนาทิปรหิตปฏิปตฺติ จ, อามิสปฏิคฺคหณาทินาปิ อตฺถจริยา ปรหิตปฏิปตฺติ โหติเยว. ตสฺมา เตสํ วิภาวนวเสน ปาฬิยํ ‘‘อรห’’นฺติอาทีนํ ปทานํ คหณํ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ ‘‘อรห’’นฺติ อิมินา ปเทน ปหานสมฺปทาวเสน ภควโต อตฺตหิตสมฺปตฺติ วิภาวิตา. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ, โลกวิทู’’ติ จ อิเมหิ ปเทหิ าณสมฺปทาวเสน. นนุ จ ‘‘โลกวิทู’’ติ อิมินาปิ สมฺมาสมฺพุทฺธตา วิภาวียตีติ? สจฺจํ วิภาวียติ, อตฺถิ ปน วิเสโส, ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อิมินา สพฺพฺุตฺาณานุภาโว วิภาวิโต, ‘‘โลกวิทู’’ติ ปน อิมินา อาสยานุสยาณาทีนมฺปิ อานุภาโว วิภาวิโตติ. ‘‘วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน’’ติ อิมินา สพฺพาปิ ภควโต อตฺตหิตสมฺปตฺติ วิภาวิตา. ‘‘สุคโต’’ติ ปน อิมินา สมุทาคมโต ปฏฺาย ภควโต อตฺตหิตสมฺปตฺติ, ปรหิตปฏิปตฺติ จ วิภาวิตา. ‘‘อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ อิเมหิ ปเทหิ ภควโต ปรหิตปฏิปตฺติ วิภาวิตา. ‘‘พุทฺโธ’’ติ อิมินา ภควโต อตฺตหิตสมฺปตฺติ, ปรหิตปฏิปตฺติ จ วิภาวิตา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ วตฺวา ‘‘พุทฺโธ’’ติ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ. เตเนวาห ‘‘อตฺตนาปิ พุชฺฌิ อฺเปิ สตฺเต โพเธสี’’ติอาทิ. ‘‘ภควา’’ติ จ อิมินาปิ สมุทาคมโต ปฏฺาย ภควโต สพฺพา อตฺตหิตสมฺปตฺติ, ปรหิตปฏิปตฺติ จ วิภาวิตา.

อปโร นโย – เหตุผลสตฺตูปการวเสน สงฺเขปโต ติวิธา พุทฺธคุณา. ตตฺถ ‘‘อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โลกวิทู’’ติ อิเมหิ ปเทหิ ผลสมฺปตฺติวเสน พุทฺธคุณา วิภาวิตา. ‘‘อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ อิเมหิ สตฺตูปการวเสน พุทฺธคุณา ปกาสิตา. ‘‘พุทฺโธ’’ติ อิมินา ผลวเสน, สตฺตูปการวเสน จ พุทฺธคุณา วิภาวิตา. ‘‘สุคโต ภควา’’ติ ปน อิเมหิ ปเทหิ เหตุผลสตฺตูปการวเสน พุทฺธคุณา วิภาวิตาติ เวทิตพฺพํ.

๑๔๕. ตสฺสาติ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานิกสฺส โยคิโน. เอวนฺติ ‘‘ตตฺรายํ นโย’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน. ตสฺมึ สมเยติ พุทฺธคุณานุสฺสรณสมเย. ราคปริยุฏฺิตนฺติ ราเคน ปริยุฏฺิตํ, ปริยุฏฺานปฺปตฺเตหิ ราเคหิ สหิตํ จิตฺตํ อรฺมิว โจเรหิ เตน ปริยุฏฺิตนฺติ วุตฺตํ, ตสฺส ปริยุฏฺานฏฺานภาวโต, ปริยุฏฺิตราคนฺติ อตฺโถ. ยํ วา ราคสฺส ปริยุฏฺานํ, ตํ ตํสหิเต จิตฺเต อุปจริตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอตสฺมึ ปกฺเข ราเคนาติ ราเคน เหตุนาติ อตฺโถ. อุชุคตเมวาติ ปเคว กายวงฺกาทีนํ อปนีตตฺตา, จิตฺตสฺส จ อนุชุภาวกรานํ มายาทีนํ อภาวโต, ราคาทิปริยุฏฺานาภาเวน วา โอนติอุนฺนติวิรหโต อุชุภาวเมว กตํ. อถ วา อุชุคตเมวาติ กมฺมฏฺานสฺส วีถึ โอติณฺณตาย ลีนุทฺธจฺจวิคมนโต มชฺฌิมสมถนิมิตฺตปฏิปตฺติยา อุชุภาวเมว คตํ. ตถาคตํ อารพฺภาติ ตถาคตคุเณ อารมฺมณํ กตฺวา.

อิจฺจสฺสาติ อิติ อสฺส. ‘‘โส ภควา อิติปิ อรห’’นฺติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเรน พุทฺธคุเณ อนุวิตกฺกยโตติ สมฺพนฺโธ. เอวนฺติ ‘‘เนว ตสฺมึ สมเย’’ติอาทินา วุตฺตนเยน. พุทฺธคุณโปณาติ พุทฺธคุณนินฺนา. ‘‘วิตกฺกวิจารา ปวตฺตนฺตี’’ติ เอเตน พุทฺธคุณสงฺขาตํ กมฺมฏฺานํ วิตกฺกาหตํ, วิตกฺกปริยาหตํ, ปุนปฺปุนํ อนุมชฺชนฺจ กโรตีติ ทสฺเสติ. ปีติ อุปฺปชฺชตีติ ภาวนาวเสน อุปจารชฺฌานนิปฺผาทิกา พลวตี ปีติ อุปฺปชฺชติ. ปีติมนสฺส วุตฺตปฺปการปีติสหิตจิตฺตสฺส. กายจิตฺตทรถาติ กายจิตฺตปสฺสทฺธีนํ ปฏิปกฺขภูตา สุขุมาวตฺถา อุทฺธจฺจสหคตา กิเลสา. ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ สนฺนิสีทนฺติ. อนุกฺกเมน เอกกฺขเณติ ยทา พุทฺธคุณารมฺมณา ภาวนา อุปรูปริ วิเสสํ อาวหนฺตี ปวตฺตติ, ตทา นีวรณานิ วิกฺขมฺภิตาเนว โหนฺติ, กิเลสา สนฺนิสินฺนาว โหนฺติ, สุวิสทานิ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ โหนฺติ, ภาวนาย ปคุณตาย วิตกฺกวิจารา สาติสยํ ปฏุกิจฺจาว โหนฺติ, พลวตี ปีติ อุปฺปชฺชติ, ปีติปทฏฺานา ปสฺสทฺธิ สวิเสสา ชายติ, ปสฺสทฺธกายสฺส สมาธิปทฏฺานํ สุขํ ถิรตรํ หุตฺวา ปวตฺตติ, สุเขน อนุพฺรูหิตํ จิตฺตํ กมฺมฏฺาเน สมฺมเทว สมาธิยติ. เอวํ อนุกฺกเมน ปุพฺพภาเค วิตกฺกาทโย อุปรูปริ ปฏุปฏุตรภาเวน ปวตฺติตฺวา ภาวนาย มชฺฌิมสมถปฏิปตฺติยา อินฺทฺริยานฺจ เอกรสภาเวน ปฏุตมานิ หุตฺวา เอกกฺขเณ ฌานงฺคานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ภควตา –

‘‘ยสฺมึ , มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ…เป… สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐).

กสฺมา ปเนตฺถ ฌานํ อปฺปนาปตฺตํ น โหตีติ อาห ‘‘พุทฺธคุณานํ ปน คมฺภีรตายา’’ติอาทิ. คมฺภีเร หิ อารมฺมเณ คมฺภีเร อุทเก ปติตนาวา วิย สมถภาวนา ปติฏฺํ น ลภติ, ‘‘คมฺภีรตายา’’ติ จ อิมินา สภาวธมฺมตาปิ สงฺคหิตา. สภาวธมฺโม หิ คมฺภีโร น ปฺตฺติ. นนุ จ ตชฺชาปฺตฺติวเสน สภาวธมฺโม คยฺหตีติ? สจฺจํ คยฺหติ ปุพฺพภาเค, ภาวนาย ปน วฑฺฒมานาย ปฺตฺตึ สมติกฺกมิตฺวา สภาเวเยว จิตฺตํ ติฏฺติ. นนุ จ สภาวธมฺเมปิ กตฺถจิ อปฺปนา สมิชฺฌติ ทุติยารุปฺปชฺฌานาทีติ? สจฺจํ สมิชฺฌติ, ตฺจ โข เอกปฺปกาเร อารมฺมเณ, อิทํ ปน นานปฺปการนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นานปฺปการคุณานุสฺสรณาธิมุตฺตตายา’’ติ อาห. เอวมฺปิ ยถา นานปฺปกาเรสุ เกสาทิโกฏฺาเสสุ มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส เอกสฺมึเยว โกฏฺาเส อปฺปนาวเสน ภาวนา อวติฏฺติ, เอวมิธ กสฺมา น โหตีติ? วิสโมยํ อุปฺาโส. ตตฺถ หิ สติปิ โกฏฺาสพหุภาเว เอกปฺปกาเรเนว ภาวนา วตฺตติ ปฏิกฺกูลาการสฺเสว คหณโต, อิธ ปน นานปฺปกาเรน คุณานํ นานปฺปการตฺตา, น อยเมกสฺมึเยว คุเณ าตุํ สกฺโกติ ภาวนาพเลน ปจฺจกฺขโต พุทฺธคุเณสุ อุปฏฺหนฺเตสุ สทฺธาย พลวภาวโต. เตเนว หิ ‘‘อธิมุตฺตตายา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ อุปจารปฺปตฺตํ ฌานํ โหติ, กถํ พุทฺธานุสฺสตีติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตเทต’’นฺติอาทิ.

สคารโว โหติ สปฺปติสฺโส, สตฺถุ คุณสรีรสฺส ปจฺจกฺขโต อุปฏฺหนโต. ตโตเยว สทฺธาเวปุลฺลํ อเวจฺจปฺปสาทสทิสํ สทฺธามหตฺตํ. พุทฺธคุณานํ อนุสฺสรณวเสน ภาวนาย ปวตฺตตฺตา สติเวปุลฺลํ. เตสํ ปรมคมฺภีรตาย, นานปฺปการตาย จ ปฺาเวปุลฺลํ. เตสํ อุฬารปุฺกฺเขตฺตตาย ปุฺเวปุลฺลฺจ อธิคจฺฉติ. ปีติปาโมชฺชพหุโล โหติ ปีติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียตฺตา พุทฺธานุสฺสติยา. ภยเภรวสโห พุทฺธคุณารมฺมณาย สติยา ภยเภรวาภิภวนโต. เตนาห ภควา ‘‘อนุสฺสเรถ สมฺพุทฺธํ, ภยํ ตุมฺหาก โน สิยา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙ โถกํ วิสทิสํ). ทุกฺขาธิวาสนสมตฺโถ พุทฺธานุสฺสติยา สรีรทุกฺขสฺส ปทุมปลาเส อุทกสฺส วิย วินิวฏฺฏนโต . สํวาสสฺนฺติ สหวาสสฺํ. พุทฺธภูมิยํ จิตฺตํ นมติ พุทฺธคุณานํ มหนฺตภาวสฺส ปจฺจกฺขโต อุปฏฺานโต. พุทฺธานุสฺสติภาวนาย สพฺพทา พุทฺธคุณานํ จิตฺเต วิปริวตฺตนโต วุตฺตํ ‘‘สมฺมุขา สตฺถารํ ปสฺสโต วิยา’’ติ. อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโตติ อิมาย ภาวนาย อุปริ ตํ อธิฏฺานํ กตฺวา สจฺจานิ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต. สุคติปรายโณติ สุคติสมฺปราโย.

อปฺปมาทนฺติ อปฺปมชฺชนํ สกฺกจฺจํ อนุโยคํ. กยิราถาติ กเรยฺย. สุเมธโสติ สุนฺทรปฺโ . เอวํ มหานุภาวายาติ วุตฺตปฺปกาเรน นีวรณวิกฺขมฺภนาทิสมตฺเถน สตฺถริ สคารวภาวาทิเหตุภูเตน มหตา สามตฺถิเยน สมนฺนาคตาย.

๒. ธมฺมานุสฺสติกถาวณฺณนา

๑๔๖. ธมฺมานุสฺสตินฺติ เอตฺถ ปทตฺโถ, สภาวตฺโถ จ อาทิโต วุตฺโตเยวาติ ตํ อนามสิตฺวา ภาวนาวิธานเมว ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมานุสฺสตึ ภาเวตุกาเมนาปี’’ติอาทิ อารทฺธํ. กสฺมา ปเนตฺถ พุทฺธานุสฺสติยํ วิย ‘‘อเวจฺจปฺปสาทสมนฺนาคเตนา’’ติ น วุตฺตํ. นนุ เอตา ปฏิปาฏิยา ฉ อนุสฺสติโย อริยสาวกานํ วเสน เทสนํ อารุฬฺหาติ? สจฺจเมตํ, เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ปริสุทฺธสีลาทิคุณานํ ปุถุชฺชนานมฺปิ อิชฺฌนฺตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อเวจฺจปฺปสาทสมนฺนาคเตนา’’ติ อิธ น วุตฺตํ, อริยสาวกานํ ปน สุเขน อิชฺฌนฺตีติ. ตถาปิ ปาฬิยํ อาคตตฺตา จ พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ, อยฺจ วิจาโร ปรโต อาคมิสฺสเตว.

๑๔๗. ปริยตฺติธมฺโมปีติ ปิ-สทฺเทน โลกุตฺตรธมฺมํ สมฺปิณฺเฑติ. อิตเรสูติ สนฺทิฏฺิกาทิปเทสุ. โลกุตฺตรธมฺโมวาติ อวธารณํ นิปฺปริยาเยน สนฺทิฏฺิกาทิอตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปริยายโต ปเนเต ปริยตฺติธมฺเมปิ สมฺภวนฺเตว. ตถา หิ ปริยตฺติธมฺโม พหุสฺสุเตน อาคตาคเมน ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคเตน ปฺวตา อาทิกลฺยาณตาทิวิเสสโต สยํ ทฏฺพฺโพติ สนฺทิฏฺิโก. อาจริยปยิรุปาสนาย วินา น ลพฺภาติ เจ? โลกุตฺตรธมฺเมปิ สมาเน กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยเนว สิชฺฌนโต, ตถา สตฺถุสนฺทสฺสเนปิ. ‘‘สนฺทิฏฺิยา ชยตี’’ติ อยํ ปนตฺโถ ติตฺถิยนิมฺมทฺทเน นิปฺปริยายโตว ลพฺภติ , กิเลสชเย ปริยายโต ปรมฺปราเหตุภาวโต. ‘‘สนฺทิฏฺํ อรหตี’’ติ อยมฺปิ อตฺโถ ลพฺภเตว, สพฺพโส สํกิเลสธมฺมานํ ปหานํ, โวทานธมฺมานํ ปริพฺรูหนฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตตฺตา. อยฺจ อตฺโถ ‘‘เย โข ตฺวํ, โคตมิ, ธมฺเม ชาเนยฺยาสิ, อิเม ธมฺมา สราคาย สํวตฺตนฺติ โน วิราคาย, สฺโคาย สํวตฺตนฺติ โน วิสฺโคาย, สอุปาทานาย สํวตฺตนฺติ โน อนุปาทานาย. เอกํเสน, โคตมิ, ธาเรยฺยาสิ ‘เนโส ธมฺโม, เนโส วินโย, เนตํ สตฺถุสาสน’’’นฺติ (จูฬว. ๔๐๖; อ. นิ. ๘.๕๓), ‘‘ธมฺมาปิ โว, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๐) จ เอวมาทีหิ สุตฺตปเทหิ วิภาเวตพฺโพ. อกาลิกาธิคมุปายตาย อกาลิโก. วิชฺชมานตาปริสุทฺธตาหิ เอหิปสฺสวิธึ อรหตีติ เอหิปสฺสิโก. ตโต เอว วฏฺฏทุกฺขนิตฺถรณตฺถิเกหิ อตฺตโน จิตฺเต อุปนยนํ, จิตฺตสฺส วา ตตฺถ อุปนยนํ อรหตีติ โอปเนยฺยิโก. วิมุตฺตายตนสีเส ตฺวา ปริจเยน สมฺมเทว อตฺถเวทํ, ธมฺมเวทฺจ ลภนฺเตหิ ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหีติ. เอวํ สนฺทิฏฺิกาทิปเทสุ ปริยตฺติธมฺมมฺปิ ปกฺขิปิตฺวา มนสิกาโร ยุชฺชเตว.

สาติ คาถา. สมนฺตภทฺรกตฺตาติ สพฺพภาเคหิ สุนฺทรตฺตา. ธมฺมสฺสาติ สาสนธมฺมสฺส. กิฺจาปิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม ปรมตฺถโต โกจิ นตฺถิ, เยสุ ปน อวยเวสุ สมุทายรูเปน อเวกฺขิเตสุ ‘‘คาถา’’ติ สมฺา, ตํ ตโต ภินฺนํ วิย กตฺวา สํสามิโวหารํ อาโรเปตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ปเมน ปาเทน อาทิกลฺยาณา’’ติอาทิมาห. ‘‘เอกานุสนฺธิก’’นฺติ อิทํ นาติพหุวิภาคํ ยถานุสนฺธินา เอกานุสนฺธิกํ สนฺธาย วุตฺตํ, อิตรสฺส ปน เตเนว เทเสตพฺพธมฺมวิภาเคน อาทิมชฺฌปริโยสานภาคา ลพฺภนฺตีติ. นิทาเนนาติ กาลเทสเทสกปริสาทิอปทิสนลกฺขเณน นิทานคนฺเถน. นิคมเนนาติ ‘‘อิทมโวจา’’ติอาทิเกน (สํ. นิ. ๑.๒๔๙), ‘‘อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗) วา ยถาวุตฺตตฺถนิคมเนน.

อยํ กถา วิเสสโต สุตฺตปิฏกสํวณฺณนาติ กตฺวา สุตฺตปิฏกวเสน ธมฺมสฺส อาทิกลฺยาณาทิกํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สุตฺตปิฏกวินยปิฏกานํ วเสน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สนิทานสอุปฺปตฺติกตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สนิทานสอุปฺปตฺติกตฺตาติ ยถาวุตฺตนิทาเนน สนิทานตาย, สอฏฺุปฺปตฺติกตาย จ. เวเนยฺยานํ อนุรูปโตติ สิกฺขาปทปฺตฺติยา, ธมฺมเทสนาย จ ตํตํสิกฺขาปทภาเวน ปฺาปิยมานสฺส เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ปวตฺติยมานสฺส อนุรูปโต. อตฺถสฺสาติ เทสิยมานสฺส จ สีลาทิอตฺถสฺส. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙)? เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๙๕) ตตฺถ ตตฺถ เหตูปมาคหเณน เหตุทาหรณยุตฺตโต.

เอวํ สุตฺตวินยวเสน ปริยตฺติธมฺมสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตีณิ ปิฏกานิ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สกโลปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สาสนธมฺโมติ –

‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;

สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๘๓; ที. นิ. ๒.๙๐) –

เอวํ วุตฺตสฺส สตฺถุสาสนสฺส ปกาสโก ปริยตฺติธมฺโม. สีเลน อาทิกลฺยาโณ สีลมูลกตฺตา สาสนสฺส. สมถาทีหิ มชฺเฌกลฺยาโณ เตสํ สาสนสมฺปตฺติยา เวมชฺฌภาวโต. นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาโณ ตทธิคมโต อุตฺตริกรณียาภาวโต. สาสเน สมฺมาปฏิปตฺติ นาม ปฺาย โหติ, ตสฺสา จ สีลํ, สมาธิ จ มูลนฺติ อาห ‘‘สีลสมาธีหิ อาทิกลฺยาโณ’’ติ. ปฺา ปน อนุโพธปฏิเวธวเสน ทุวิธาติ ตทุภยมฺปิ คณฺหนฺโต ‘‘วิปสฺสนามคฺเคหิ มชฺเฌกลฺยาโณ’’ติ อาห. ตสฺส นิปฺผตฺติ ผลํ, กิจฺจํ นิพฺพานสจฺฉิกิริยา, ตโต ปรํ กตฺตพฺพํ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณ’’ติ. ผลคฺคหเณน วา สอุปาทิเสสนิพฺพานมาห, อิตเรน อิตรํ, ตทุภยฺจ สาสนสมฺปตฺติยา โอสานนฺติ อาห ‘‘ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณ’’ติ.

พุทฺธสฺส สุโพธิตา สมฺมาสมฺพุทฺธตา, ตาย อาทิกลฺยาโณ ตปฺปภวตฺตา. สพฺพโส สํกิเลสปฺปหานํ โวทานํ, ปาริปูรี จ ธมฺมสุธมฺมตา, ตาย มชฺเฌกลฺยาโณ ตํสรีรตฺตา. สตฺถารา ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปตฺติ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติ, ตาย ปริโยสานกลฺยาโณ, ตาย สาสนสฺส โลเก สุปฺปติฏฺิตภาวโต. นฺติ สาสนธมฺมํ. ตถตฺตายาติ ยถตฺตาย ภควตา ธมฺโม เทสิโต, ตถตฺตาย ตถภาวาย. โส ปน อภิสมฺโพธิ ปจฺเจกโพธิ สาวกโพธีติ ติวิโธ , อิโต อฺถา นิพฺพานาธิคมสฺส อภาวโต. ตตฺถ สพฺพคุเณหิ อคฺคภาวโต, อิตรโพธิทฺวยมูลตาย จ ปมาย โพธิยา อาทิกลฺยาณตา, คุเณหิ เวมชฺฌภาวโต ทุติยาย มชฺเฌกลฺยาณตา, ตทุภยาวรตาย, ตโทสานตาย จ สาสนธมฺมสฺส ตติยาย ปริโยสานกลฺยาณตา วุตฺตา.

เอโสติ สาสนธมฺโม. นีวรณวิกฺขมฺภนโตติ วิมุตฺตายตนสีเส ตฺวา สทฺธมฺมํ สุณนฺตสฺส นีวรณานํ วิกฺขมฺภนสมฺภวโต. วุตฺตํ เหตํ –

‘‘ยถา ยถาวุโส, ภิกฺขุโน สตฺถา วา ธมฺมํ เทเสติ, อฺตโร วา ครุฏฺานิโย สพฺรหฺมจารี , ตถา ตถา โส ตตฺถ ลภติ อตฺถเวทํ ลภติ ธมฺมเวท’’นฺติ (อ. นิ. ๕.๒๖).

‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย อริยสาวโก โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, ปฺจสฺส นีวรณานิ ตสฺมึ สมเย ปหีนานิ โหนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๑๙) –

จ อาทิ. สมถวิปสฺสนาสุขาวหนโตติ สมถสุขสฺส จ วิปสฺสนาสุขสฺส จ สมฺปาทนโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘โส วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุข’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๑.๒๗๙; ม. นิ. ๒.๑๓๘).

ตถา –

‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานตํ;

อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต’’ติ จ. (ธ. ป. ๓๗๔, ๓๗๓);

ตถาปฏิปนฺโนติ ยถา สมถวิปสฺสนาสุขํ อาวหติ, ยถา วา สตฺถารา อนุสิฏฺํ, ตถา ปฏิปนฺโน สาสนธมฺโม. ตาทิภาวาวหนโตติ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน อิฏฺาทีสุ ตาทิภาวสฺส โลกธมฺเมหิ อนุปเลปสฺส อาวหนโต. เอส ภควา วุตฺตนเยน ติวิธกลฺยาณํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ยํ สาสนพฺรหฺมจริยํ, มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ ปกาเสติ, ตํ ยถานุรูปํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, พฺยฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนนฺติ โยชนา.

ตตฺถ อวิเสเสน ติสฺโส สิกฺขา, สกโล จ ตนฺติธมฺโม สาสนพฺรหฺมจริยํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กตเมสานํ โข, ภนฺเต, พุทฺธานํ ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยํ นจิรฏฺิติกํ อโหสี’’ติอาทิ (ปารา. ๑๘). สพฺพสิกฺขานํ มณฺฑภูตสิกฺขตฺตยสงฺคหิโต อริยมคฺโค มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณีย’’นฺติ (มหาว. ๒๓; สํ. นิ. ๕.๑๘๖). ยถานุรูปนฺติ ยถารหํ. สิกฺขตฺตยสงฺคหํ หิ สาสนพฺรหฺมจริยํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ. มคฺคพฺรหฺมจริเย วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อตฺถสมฺปตฺติยาติ สมฺปนฺนตฺถตาย. สมฺปตฺติอตฺโถ หิ อิธ สห-สทฺโท. อิตรํ ปน ยถาวุตฺเตนตฺเถน สาตฺถํ, สพฺยฺชนฺจ. เย ปเนตฺถ ‘‘วจนสภาวํ สาตฺถํ, อตฺถสภาวํ สพฺยฺชน’’นฺติ วิภชิตฺวา วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ, ตถา วิภตฺตสฺส ปริยตฺติธมฺมสฺส อภาวโต. สทฺทตฺถา หิ อภินฺนรูปา วิย หุตฺวา วินิโยคํ คจฺฉนฺติ. ตถา หิ เนสํ โลกิยามิสฺสีภาวํ ปฏิชานนฺติ. สติปิ วา เภเท ‘‘สพฺยฺชน’’นฺติ เอตฺถ ยทิ ตุลฺยโยโค อธิปฺเปโต ‘‘สปุตฺโต อาคโต’’ติอาทีสุ วิย, เอวํ สติ ‘‘อตฺถปฏิสรณา, ภิกฺขเว, โหถ, มา พฺยฺชนปฏิสรณา’’ติ อตฺถปฺปธานวาโท พาธิโต สิยา, อถ วิชฺชมานตามตฺตํ ‘‘สโลมโก สปกฺขโก’’ติอาทีสุ วิย พฺยฺชนสมฺปตฺติ อคฺคหิตา สิยา. ตสฺมา อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ.

สาตฺถํ สพฺยฺชนนฺติ เอตฺถ เนตฺตินเยนาปิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺกาสน…เป… สพฺยฺชน’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยทิปิ เนตฺติยํ พฺยฺชนมุเขน พฺยฺชนตฺถคฺคหณํ โหตีติ ‘‘อกฺขรํ ปท’’นฺติอาทินา (เนตฺติ. ๔ ทฺวาทสปท) พฺยฺชนปทานิ ปมํ อุทฺทิฏฺานิ, อิธ ปน ปาฬิยํ ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชน’’นฺติ อาคตตฺตา อตฺถปทานิเยว ปมํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺกาสนปกาสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สงฺเขปโต กาสนํ ทีปนํ สงฺกาสนํ ‘‘มฺมาโน ภิกฺขุ พทฺโธ มารสฺส, อมฺมาโน มุตฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๔) วิย. ตตฺตเกน หิ เตน ภิกฺขุนา ปฏิวิทฺธํ. เตนาห ‘‘อฺาตํ ภควา’’ติอาทิ. ปมํ กาสนํ ปกาสนํ. อาทิกมฺมสฺมึ หิ อยํ สทฺโท ‘‘ปฺเปติ ปฏฺเปตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๒๐) วิย. ติกฺขินฺทฺริยาเปกฺขํ เจตํ ปททฺวยํ อุทฺเทสภาวโต. ติกฺขินฺทฺริโย หิ สงฺเขปโต ปมฺจ วุตฺตมตฺถํ ปฏิปชฺชติ . สํขิตฺตสฺส วิตฺถารวจนํ, สกึ วุตฺตสฺส ปุน วจนฺจ วิวรณวิภชนานิ. ยถา ‘‘กุสลา ธมฺมา’’ติ สงฺเขปโต สกึเยว จ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺต’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑) วิตฺถารโต วิวรณวเสน, วิภชนวเสน จ ปุน วจนํ. มชฺฌิมินฺทฺริยาเปกฺขเมตํ ปททฺวยํ นิทฺเทสภาวโต. วิวฏสฺส วิตฺถารตราภิธานํ, วิภตฺตสฺส จ ปกาเรหิ าปนํ เวเนยฺยานํ จิตฺตปริโตสนํ อุตฺตานีกรณปฺาปนานิ. ยถา ‘‘ผสฺโส โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒) วิวฏวิภตฺตสฺส อตฺถสฺส ‘‘กตโม ตสฺมึ สมเย ผสฺโส? โย ตสฺมึ สมเย ผสฺโส ผุสนา สมฺผุสนา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒) อุตฺตานีกิริยา, ปฺาปนา จ. มุทินฺทฺริยาเปกฺขเมตํ ปททฺวยํ ปฏินิทฺเทสภาวโต. ‘‘ปฺาปนปฏฺปนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปกาสนอตฺถปทสมาโยคโต’’ติปิ ปาโ.

กถํ ปนายํ ปาวิกปฺโป ชาโตติ? วุจฺจเต – เนตฺติปาฬิยํ อาคตนเยน ปุริมปาโ. ตตฺถ หิ –

‘‘สงฺกาสนา ปกาสนา,

วิวรณา วิภชนุตฺตานีกมฺมปฺตฺติ;

เอเตหิ ฉหิ ปเทหิ,

อตฺโถ กมฺมฺจ นิทฺทิฏฺ’’นฺติ. (เนตฺติ. ๔ ทฺวาทสปท) –

เทสนาหารโยชนาย จ เอตสฺเสวตฺถสฺส ‘‘สงฺกาสนา ปกาสนา’’ติอาทินา อาคตํ. ปจฺฉิโม ปน ‘‘ปฺเปติ ปฏฺเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติ ‘ปสฺสถา’ติ จาหา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐) สุตฺเต อาคตนเยน พฺยฺชนมตฺตกโต. เอวฺจ เนสํ ทฺวินฺนํ ปาานํ วิเสโส, น อตฺถโต. ตถา หิ สงฺเขปโต ‘‘ปมํ าปนํ ปฺาปนํ, ปมเมว ปนํ ปฏฺปน’’นฺติ อิมานิ ปทานิ สงฺกาสนปกาสนปเทหิ อตฺถโต อวิสิฏฺานิ. ยฺจ ปุริมปาเ ฉฏฺํ ปทํ ‘‘ปการโต าปน’’นฺติ ปฺาปนํ วุตฺตํ, ตํ ทุติยปาเ ปกาสนปเทน ‘‘นิพฺพิเสสํ ปการโต กาสน’’นฺติ กตฺวา. ยสฺมา าปนกาสนานิ อตฺถาวภาสนสภาวตาย อภินฺนานิ, สพฺเพสฺจ เวเนยฺยานํ จิตฺตสฺส โตสนํ, พุทฺธิยา จ นิสานํ ยาถาวโต วตฺถุสภาวาวภาสเน ชายตีติ. เอวํ อตฺถปทรูปตฺตา ปริยตฺติอตฺถสฺส ยถาวุตฺตฉอตฺถปทสมาโยคโต สาตฺถํ สาสนํ.

อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสสมฺปตฺติยาติ เอตฺถ อุจฺจารณเวลายํ อปริโยสิเต ปเท วณฺโณ อกฺขรํ. ‘‘เอกกฺขรํ ปทํ อกฺขร’’นฺติ เอเก ‘‘อา เอวํ กิร ต’’นฺติอาทีสุ อา-การาทโย วิย. ‘‘วิสุทฺธกรณานํ มนสา เทสนาวาจาย อกฺขรณโต อกฺขร’’นฺติ อฺเ. วิภตฺติยนฺตํ อตฺถาปนโต ปทํ. สงฺเขปโต วุตฺตํ ปทาภิหิตํ อตฺถํ พฺยฺเชตีติ พฺยฺชนํ, วากฺยํ. ‘‘กิริยาปทํ อพฺยยการกวิเสสนยุตฺตํ วากฺย’’นฺติ หิ วทนฺติ. ปการโต วากฺยวิภาโค อากาโร. อาการาภิหิตํ นิพฺพจนํ นิรุตฺติ. นิพฺพจนวิตฺถาโร นิสฺเสสุปเทสโต นิทฺเทโส. เอเตสํ อกฺขราทีนํ พฺยฺชนปทานํ สมฺปตฺติยา สมฺปนฺนตาย สพฺยฺชนํ.

ตตฺรายมสฺส อตฺถปทสมาโยโค, พฺยฺชนสมฺปตฺติ จ – อกฺขเรหิ สงฺกาเสติ, ปเทหิ ปกาเสติ, พฺยฺชเนหิ วิวรติ, อากาเรหิ วิภชติ, นิรุตฺตีหิ อุตฺตานีกโรติ, นิทฺเทเสหิ ปฺเปติ, ตถา อกฺขเรหิ อุคฺฆาเฏตฺวา ปเทหิ วิเนติ อุคฺฆฏิตฺุํ, พฺยฺชเนหิ วิปฺเจตฺวา อากาเรหิ วิเนติ วิปฺจิตฺุํ, นิรุตฺตีหิ เนตฺวา นิทฺเทเสหิ วิเนติ เนยฺยํ. เอวฺจายํ ธมฺโม อุคฺฆฏิยมาโน อุคฺฆฏิตฺุํ วิเนติ, วิปฺจิยมาโน วิปฺจิตฺุํ, นิยฺยมาโน เนยฺยํ. ตตฺถ อุคฺฆฏนา อาทิ, วิปฺจนา มชฺเฌ, นยนมนฺเต. เอวํ ตีสุ กาเลสุ ติธา เทสิโต โทสตฺตยวิธมโน คุณตฺตยาวโห ติวิธเวเนยฺยวินยโนติ. เอวมฺปิ ติวิธกลฺยาโณยํ ธมฺโม อตฺถพฺยฺชนปาริปูริยา ‘‘สาตฺโถ สพฺยฺชโน’’ติ เวทิตพฺโพ ‘‘ปริปุณฺโณ, ปริสุทฺโธ’’ติ จ.

อตฺถคมฺภีรตาติอาทีสุ อตฺโถ นาม ตนฺติอตฺโถ. ธมฺโม ตนฺติ. ปฏิเวโธ ตนฺติยา, ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ. เทสนา มนสา ววตฺถาปิตาย ตนฺติยา เทสนา. เต ปเนเต อตฺถาทโย ยสฺมา สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท มนฺทพุทฺธีหิ ทุกฺโขคาหา, อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. อถ วา อตฺโถ นาม เหตุผลํ. ธมฺโม เหตุ. เทสนา ปฺตฺติ, ยถาธมฺมํ ธมฺมาภิลาโป, อนุโลมปฏิโลมสงฺเขปวิตฺถาราทิวเสน วา กถนํ. ปฏิเวโธ อภิสมโย, อตฺถานุรูปํ ธมฺเมสุ, ธมฺมานุรูปํ อตฺเถสุ, ปฺตฺติปถานุรูปํ ปฺตฺตีสุ อวโพโธ, เตสํ เตสํ วา ธมฺมานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว. เตปิ เจเต อตฺถาทโย ยสฺมา อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ทุปฺปฺเหิ สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท ทุกฺโขคาหา, อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. เตสุ ปฏิเวธสฺสาปิ อตฺถสนฺนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘อตฺถคมฺภีรตาปฏิเวธคมฺภีรตาหิ สาตฺถ’’นฺติ อตฺถคุณทีปนโต. ตาสํ ธมฺมเทสนานํ พฺยฺชนสนฺนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ธมฺมคมฺภีรตาเทสนาคมฺภีรตาหิ สพฺยฺชน’’นฺติ ตาสํ พฺยฺชนสมฺปตฺติทีปนโต.

อตฺเถสุ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. อตฺถธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสุ ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทาติ อิมิสฺสาปิ ปฏิสมฺภิทาย อตฺถวิสยตฺตา อาห ‘‘อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาวิสยโต สาตฺถ’’นฺติ, อตฺถสมฺปตฺติยา อสติ ตทภาวโต. ธมฺโมติ ตนฺติ . นิรุตฺตีติ ตนฺติปทานํ นิทฺธาเรตฺวา วจนํ. ตตฺถ ปเภทคตานิ าณานิ ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาติ อาห ‘‘ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาวิสยโต สพฺยฺชนนฺติ, อสติ พฺยฺชนสมฺปตฺติยา ตทภาวโต. ปริกฺขกชนปฺปสาทกนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา ปริกฺขกชนานํ กึกุสลคเวสีนํ ปสาทาวหํ, ตสฺมา สาตฺถํ. อตฺถสมฺปนฺนนฺติ ผเลน เหตุโน อนุมานํ นทีปูเรน วิย อุปริ วุฏฺิปฺปวตฺติยา. สาตฺถกตา ปนสฺส ปณฺฑิตเวทนียตาย, สา ปรมคมฺภีรสณฺหสุขุมภาวโต เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘คมฺภีโร ทุทฺทโส’’ติอาทิ (มหาว. ๘). โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ สพฺยฺชนนฺติ ยสฺมา โลกิยชนสฺส ปสาทาวหํ, ตสฺมา สพฺยฺชนํ. โลกิยชโน หิ พฺยฺชนสมฺปตฺติยา ตุสฺสติ, อิธาปิ ผเลน เหตุโน อนุมานํ. สพฺยฺชนตา ปนสฺส สทฺเธยฺยตาย, สา อาทิกลฺยาณาทิภาวโต เวทิตพฺพา.

อถ วา ปณฺฑิตเวทนียโต สาตฺถ’’นฺติ ปฺาปทฏฺานตาย อตฺถสมฺปนฺนตํ อาห, ตโต ปริกฺขกชนปฺปสาทกํ. สทฺเธยฺยโต สพฺยฺชนนฺติ สทฺธาปทฏฺานตาย พฺยฺชนสมฺปนฺนตํ, ตโต โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. คมฺภีราธิปฺปายโต สาตฺถนฺติ อธิปฺปายโต อคาธาปารตาย อตฺถสมฺปนฺนํ อฺถา ตทภาวโต. อุตฺตานปทโต สพฺยฺชนนฺติ สุโพธสทฺทตาย พฺยฺชนสมฺปนฺนํ, ปรมคมฺภีรสฺสปิ อตฺถสฺส เวเนยฺยานํ สุวิฺเยฺยภาวาปาทนโต. สพฺโพเปส ปมสฺส อตฺถทฺวยสฺส ปเภโท ทฏฺพฺโพ, ตถา เจว ตตฺถ ตตฺถ สํวณฺณิตํ. ตถา เหตฺถ วิกปฺปสฺส, สมุจฺจยสฺส วา อคฺคหณํ. อุปเนตพฺพสฺสาติ ปกฺขิปิตพฺพสฺส โวทานตฺถสฺส อวุตฺตสฺส อภาวโต. สกลปริปุณฺณภาเวนาติ สพฺพภาเคหิ ปริปุณฺณตาย. อปเนตพฺพสฺสาติ สํกิเลสธมฺมสฺส.

ปฏิปตฺติยาติ สีลวิสุทฺธิยาทิสมฺมาปฏิปตฺติยา, ตนฺนิมิตฺตํ. อธิคมพฺยตฺติโตติ สจฺจปฏิเวเธน อธิคมเวยฺยตฺติยสพฺภาวโต สาตฺถํ กปิลวตาทิ วิย ตุจฺฉํ นิรตฺถกํ อหุตฺวา อตฺถสมฺปนฺนนฺติ กตฺวา. ปริยตฺติยาติ ปริยตฺติธมฺมปริจเยน. อาคมพฺยตฺติโตติ ทุรกฺขาตธมฺเมสุ ปริจยํ กโรนฺตสฺส วิย สมฺโมหํ อชเนตฺวา พาหุสจฺจเวยฺยตฺติยสพฺภาวโต สพฺยฺจนํ. พฺยฺชนสมฺปตฺติยา หิ สติ อาคมพฺยตฺตีติ. สีลาทิปฺจธมฺมกฺขนฺธยุตฺตโตติ สีลาทีหิ ปฺจหิ ธมฺมโกฏฺาเสหิ อวิรหิตตฺตา. เกวลปริปุณฺณํ อนวเสเสน สมนฺตโต ปุณฺณํ ปูริตํ. นิรุปกฺกิเลสโตติ ทิฏฺิมานาทิอุปกฺกิเลสาภาวโต. นิตฺถรณตฺถายาติ วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรณาย. โลกามิสนิรเปกฺขโตติ กถฺจิปิ ตณฺหาสนฺนิสฺสยสฺส อนิสฺสยนโต.

เอวํ อาทิกลฺยาณตาทิอปเทเสน สตฺถุ ปุริมเวสารชฺชทฺวยวเสน ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตตํ วิภาเวตฺวา อิทานิ ปจฺฉิมเวสารชฺชทฺวยวเสนาปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถวิปลฺลาสาภาวโต วา สุฏฺุ อกฺขาโตติ สฺวากฺขาโต’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวนฺโต ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วิปลฺลาสมาปชฺชตีติ เตสํ ธมฺเม ‘‘อนฺตรายิกา’’ติ วุตฺตธมฺมานํ วิปากาทีนํ อนฺตรายิกตฺตาภาวโต เอกํเสน อปายูปปตฺติเหตุตาย อภาวโต. นิยฺยานิกตฺตาภาวโตติ อตมฺมยตาภาวโต, สํสารโต จ นิยฺยานิกาติ วุตฺตธมฺมานํ เอกจฺจยฺกิริยาปกติปุริสนฺตรฺาณาทีนํ ตโต นิยฺยานิกตฺตาภาวโต วิปรีโต เอว โหติ. เตนาติ อตฺถสฺส วิปลฺลาสาปชฺชเนน. เต อฺติตฺถิยา. ตถาภาวานติกฺกมนโตติ กมฺมนฺตรายาทีนํ ปฺจนฺนํ อนฺตรายิกภาวสฺส อริยมคฺคธมฺมานํ นิยฺยานิกภาวสฺส กทาจิปิ อนติวตฺตนโต.

นิพฺพานานุรูปาย ปฏิปตฺติยาติ อธิคนฺตพฺพสฺส สพฺพสงฺขตวินิสฺสฏสฺส นิพฺพานสฺส อนุรูปาย สพฺพสงฺขารนิสฺสรณูปายภูตาย สปุพฺพภาคาย สมฺมาปฏิปตฺติยา อกฺขาตตฺตาติ โยชนา. ปฏิปทานุรูปสฺสาติ สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกภูตา อารมฺมณกรณมตฺเตนาปิ กิเลเสหิ อนามสนียา ยาทิสี ปฏิปทา, ตทนุรูปสฺส. สุปฺตฺตาติ สีลาทิกฺขนฺธตฺตยสงฺคหิตา สมฺมาทิฏฺิอาทิปฺปเภทา มิจฺฉาทิฏฺิอาทีนํ ปหายิกภาเวน สุฏฺุ สมฺมเทว วิหิตา. สํสนฺทติ กิเลสมลวิสุทฺธิตาย สเมติ. เอวํ มคฺคนิพฺพานานํ ปฏิปทาปฏิปชฺชนียภาเวหิ อฺมฺานุรูปตาย สฺวากฺขาตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ติวิธสฺสาปิ โลกุตฺตรธมฺมสฺส ปจฺเจกํ สฺวากฺขาตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อริยมคฺโค เจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อนฺตทฺวยนฺติ สสฺสตุจฺเฉทํ, กามสุขอตฺตกิลมถานุโยคํ, ลีนุทฺธจฺจํ, ปติฏฺานายูหนนฺติ เอวํ ปเภทํ อนฺตทฺวยํ. อนุปคมฺมาติ อนุปคนฺตฺวา, อนุปคมนเหตุ วา. ปฏิปสฺสทฺธกิเลสานีติ สุฏฺุ วูปสนฺตกิเลสานิ, ปฏิปสฺสทฺธิปฺปหานวเสน สมฺมเทว ปหีนโทสานิ. สสฺสตาทิสภาววเสนาติ ‘‘สสฺสตฺจ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ อมตฺจ ตาณฺจ เลณฺจา’’ติอาทินา เตสุ เตสุ สุตฺเตสุ สสฺสตาทิภาวกิตฺตนวเสน.

๑๔๘. ‘‘ราคาทีนํ อภาวํ กโรนฺเตน อริยปุคฺคเลน สามํ ทฏฺพฺโพ’’ติ อิมินา ‘‘อริยมคฺเคน มม ราคาทโย ปหีนา’’ติ สยํ อตฺตนา อนฺเนยฺเยน ทฏฺพฺโพติ สนฺทิฏฺิ, สนฺทิฏฺิ เอว สนฺทิฏฺิโก.

เตนเตน อริยสาวเกน ปรสทฺธาย ปรสฺส สทฺทหเนน ปรเนยฺเยน คนฺตพฺพตํ หิตฺวา าเปตพฺพตํ ปหาย ปจฺจเวกฺขณาเณน กรณภูเตน. ปสตฺถา ทิฏฺิ สนฺทิฏฺิ ยถา สมฺโพชฺฌงฺโค. อริยมคฺโค อตฺตนา สมฺปยุตฺตาย สนฺทิฏฺิยา กิเลเส ชยติ, อริยผลํ ตาย เอว อตฺตโน การณภูตาย, นิพฺพานํ อารมฺมณกรเณน อตฺตโน วิสยีภูตาย สนฺทิฏฺิยา กิเลเส ชยตีติ โยชนา.

ภาวนาภิสมยวเสน มคฺคธมฺโม. สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน นิพฺพานธมฺโม. ผลมฺปิ เหฏฺิมํ สกทาคามิวิปสฺสนาทีนํ ปจฺจยภาเวน อุปริ มคฺคาธิคมสฺส อุปนิสฺสยภาวโต ปริยายโต ‘‘ทิสฺสมาโน วฏฺฏภยํ นิวตฺเตตี’’ติ วตฺตพฺพตํ ลภติ.

๑๔๙. นาสฺสกาโลติ นาสฺส อาคเมตพฺโพ กาโล อตฺถิ. ยถา หิ โลกิยกุสลสฺส ‘‘อุปปชฺเช, อปรปริยาเย’’ติอาทินา ผลทานํ ปติ อาคเมตพฺโพ กาโล อตฺถิ, น เอวเมตสฺสาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น ปฺจาหา’’ติอาทิ. ปกฏฺโติ ทูโร. ผลทานํ ปติ กาโล ปกฏฺโ อสฺสาติ กาลิโก, กาลนฺตรผลทายี. เตนาห ‘‘อตฺตโน ผลทาเน’’ติ. ปตฺโตติ อุปนีโต. อิทนฺติ ‘‘อกาลิโก’’ติ ปทํ.

๑๕๐. วิธินฺติ วิธานํ, ‘‘เอหิ ปสฺสา’’ติ เอวํปวตฺตวิธิวจนํ. วิชฺชมานตฺตาติ ปรมตฺถโต อุปลพฺภมานตฺตา. ปริสุทฺธตฺตาติ กิเลสมลวิรเหน สพฺพถา วิสุทฺธตฺตา. อมนุฺมฺปิ กทาจิ ปโยชนวเสน ยถาสภาวปฺปกาสเนน ทสฺเสตพฺพํ ภเวยฺยาติ ตทภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มนุฺภาวปฺปกาสเนนา’’ติ.

๑๕๑. อุปเนตพฺโพติ อุปเนยฺโย, อุปเนยฺโยว โอปเนยฺยิโกติ อิมสฺส อตฺถสฺส อธิปฺเปตตฺตา อาห ‘‘อุปเนตพฺโพติ โอปเนยฺยิโก’’ติ. จิตฺเต อุปนยนํ อุปฺปาทนนฺติ อาห ‘‘อิทํ สงฺขเต โลกุตฺตรธมฺเม ยุชฺชตี’’ติ. จิตฺเต อุปนยนนฺติ ปน อารมฺมณภูตสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณภาวูปนยเน อธิปฺเปเต อสงฺขเตปิ ยุชฺเชยฺย ‘‘อารมฺมณกรณสงฺขาตํ อุปนยนํ อรหตีติ โอปเนยฺยิโก’’ติ. อลฺลียนนฺติ ผุสนํ. นิพฺพานํ อุปเนติ อริยปุคฺคลนฺติ อธิปฺปาโย.

๑๕๒. วิฺูหีติ วิทูหิ, ปฏิวิทฺธสจฺเจหีติ อตฺโถ. เต ปน เอกํสโต อุคฺฆฏิตฺูอาทโย โหนฺตีติ อาห ‘‘อุคฺฆฏิตฺูอาทีหี’’ติ. ‘‘ปจฺจตฺต’’นฺติ เอตสฺส ‘‘ปติ อตฺตนี’’ติ ภุมฺมวเสน อตฺโถ คเหตพฺโพติ อาห ‘‘อตฺตนิ อตฺตนี’’ติ. เวทิตพฺโพติ วุตฺตํ, กถํ เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘ภาวิโต เม’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘เม’’ติ อิมินา ‘‘ปจฺจตฺต’’นฺติ ปเทน วุตฺตมตฺถํ อนฺวยโต ทสฺเสตฺวา ปุน พฺยติเรเกน ทสฺเสตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว. ‘‘วิฺูหี’’ติ อิทํ อนฺโตคธาวธารณนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘พาลานํ ปน อวิสโย เจสา’’ติ อาห.

เอวํ อาทิกลฺยาณตาทินา อฺมฺสฺส อนุรูปเทสนาย ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ ปทํ การณวจนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สนฺทิฏฺิกตฺตาติ ยสฺมา อยํ ธมฺโม วุตฺตนเยน สามํ ทฏฺพฺโพ, สนฺทิฏฺิยา กิเลเส วิทฺธํเสติ, สนฺทสฺสนฺจ อรหติ, ตสฺมา สฺวากฺขาโต ทุรกฺขาเต ติตฺถิยธมฺเม ตทภาวโต. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ ยถารหํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

๑๕๓. ตสฺเสวนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ พุทฺธานุสฺสติยํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.

๓. สงฺฆานุสฺสติกถาวณฺณนา

๑๕๔. อริยสงฺฆคุณาติ อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต, สเทวเกน จ โลเกน ‘‘สรณ’’นฺติ อรณียโต อริโย จ โส สงฺโฆ จ, อริยานํ วา สงฺโฆ อริยสงฺโฆ, ตสฺส คุณา.

๑๕๕. ยํ สมฺมาปฏิปทํ ปฏิปนฺโน ‘‘สุฏฺุ ปฏิปนฺโน’’ติ วุจฺจติ. สา อริยมคฺคปฏิปทา ปฏิปกฺขธมฺเม อนิวตฺติธมฺเม กตฺวา ปชหนโต ปโยชนาภาวา สยมฺปิ อนิวตฺติธมฺมา, อธิคนฺตพฺพสฺส จ นิพฺพานสฺส เอกํสโต อนุโลมีติ. ตโต เอว อปจฺจนีกา, อนุธมฺมภูตา จ, ตสฺสา ปฏิปนฺนตฺตา อริยสงฺโฆ ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน’’ติ วุตฺโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘สุฏฺุ ปฏิปนฺโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘อนิวตฺติปฏิปท’’นฺติ อิมินา อุชุปฺปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. ปุนปฺปุนํ นิวตฺตเน หิ สติ อุชุปฺปฏิปตฺติ น โหติ. ‘‘อนุโลมปฏิปทํ อปจฺจนีกปฏิปท’’นฺติ อิมินา ายปฺปฏิปตฺตึ. ปฏิปชฺชิตพฺพสฺส หิ นิพฺพานสฺส อนุโลมเนน, อปจฺจนีกตาย จสฺสา ายโต. ‘‘ธมฺมานุธมฺมปฏิปท’’นฺติ อิมินา สามีจิปฺปฏิปตฺตึ อนุจฺฉวิกภาวทีปนโต. เอเตน ปมปทสฺส ปปฺจนิทฺเทโส, อิตรานิ ตีณิ ปทานีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ.

ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชเนน กิจฺจสิทฺธิโต อริยภาวาวหํ สวนํ สกฺกจฺจสวนํ นามาติ วุตฺตํ ‘‘สกฺกจฺจํ สุณนฺตีติ สาวกา’’ติ, เตน อริยา เอว นิปฺปริยายโต สตฺถุ สาวกา นามาติ ทสฺเสติ. สีลทิฏฺิสามฺตายาติ อริเยน สีเลน, อริยาย จ ทิฏฺิยา สมานภาเวน. อริยานฺหิ สีลทิฏฺิโย มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย นินฺนานากรณํ มคฺเคนาคตตฺตา. เตน เต ยตฺถ กตฺถจิ ิตาปิ สํหตาว. เตนาห ‘‘สงฺฆาตภาวมาปนฺโน’’ติ. มายาสาเยฺยาทิปาปธมฺมสมุจฺเฉเทน อุชุ. ตโต เอว โคมุตฺตวงฺกาภาเวน อวงฺกา. จนฺทเลขาวงฺกาภาเวน อกุฏิลา. นงฺคลโกฏิวงฺกาภาเวน อชิมฺหา. อวงฺกาทิภาเวน วา อุชุ. ปริสุทฺธฏฺเน อริยา. อปณฺณกภาเวน ายติ กมติ นิพฺพานํ, ตํ วา ายติ ปฏิวิชฺฌียติ เอเตนาติ าโย. วฏฺฏทุกฺขนิยฺยานาย อนุจฺฉวิกตฺตา. อนุรูปตฺตา สามีจิ โอปายิกาติปิ สงฺขํ สมฺํ คตา สมฺมาปฏิปตฺติ, ตาย สมงฺคิตาย สุปฺปฏิปนฺนา ‘‘สมฺมา ปฏิปชฺชนฺตี’’ติ กตฺวา. วตฺตมานตฺโถ หิ อยํ ปฏิปนฺน-สทฺโท ยถา ‘‘โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน’’ติ (ปุ. ป. ๒๐๖). อตีตํ ปฏิปทนฺติ ยถาวุตฺตมคฺคสมฺมาปฏิปตฺตึ วทติ. อุภเยน จ สามฺนิทฺเทเสน, ‘‘สุปฺปฏิปนฺนา จ สุปฺปฏิปนฺนา จ สุปฺปฏิปนฺนา’’ติ เอกเสสนเยน วา คหิตานํ สมูโห ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน’’ติ วุตฺโตติ ทสฺเสติ.

เอวํ อาทิปทตฺถนิทฺเทสภาเวน อิตรปทานํ อตฺถํ วตฺวา อิทานิ จตุนฺนมฺปิ ปทานํ อโวมิสฺสกํ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถานุสิฏฺนฺติ สตฺถารา ยถา อนุสิฏฺํ, ตถา อนุสาสนีอนุรูปนฺติ อตฺโถ. อปณฺณกปฏิปทนฺติ อวิรชฺฌนกปฏิปทํ, อนวชฺชปฏิปตฺตินฺติ อตฺโถ. เอตฺถ จ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย อปณฺณกปฏิปทํ ปฏิปนฺนตฺตาติ เอวํ สมฺพนฺธิตพฺพํ. ปุริมปเทน สมฺพนฺเธ ทุติยปทํ น วตฺตพฺพํ สิยา, นนุ จ ทุติยปเทน สมฺพนฺเธปิ ปมํ ปทํ น วตฺตพฺพํ สิยาติ? น ตสฺส ปมํ อเปกฺขิตตฺตา. สา ปน สาวกานํ อปณฺณกปฏิปทา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปทาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปนฺนตฺตา’’ติ วตฺตพฺพํ . อุภยสฺสาปิ วา สุปฺปฏิปนฺนภาวสาธนตฺตา อุภยํ วุตฺตํ. ตถา หิ ปิ-สทฺเทน อุภยํ สมุจฺจิโนติ.

กิเลสชิมฺหวเสน อนฺตทฺวยคาโหติ สพฺพโส ตํ ปหาย สมฺมาปฏิปทา กายาทิวงฺกปฺปหายินี อุชุปฺปฏิปตฺติ โหตีติ อาห ‘‘มชฺฌิมาย ปฏิปทาย…เป… อุชุปฺปฏิปนฺโน’’ติ.

าโย นาม ยุตฺตปฺปตฺตปฏิปตฺติ, นิพฺพานฺจ, สพฺพสงฺขารสมถตาย อาทิตฺตํ เจลํ, สีสํ วา อชฺฌุเปกฺขิตฺวาปิ ปฏิปชฺชิตพฺพเมวาติ อาห ‘‘าโย วุจฺจติ นิพฺพาน’’นฺติ. นิพฺพายนกิริยามุเขน เจตฺถ นิพฺพานํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ , มคฺคาณาทีหิ วา ายติ ปฏิวิชฺฌียติ สจฺฉิกรียติ จาติ าโย นิพฺพานนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

คุณสมฺภาวนาย ปเรหิ กยิรมานํ ปจฺจุปฏฺานาทิสามีจิกมฺมํ อรหนฺตีติ สามีจิกมฺมารหา.

๑๕๖. ยทิทนฺติ อนฺโตคธลิงฺควจนเภโท นิปาโตติ ตสฺส วจนเภเทน อตฺถมาห ‘‘ยา อิมานี’’ติ. เอวนฺติ ปการตฺเถ นิปาโต, อิมินา ปกาเรนาติ อตฺโถ. เตน อิตรานิ ตีณิ ยุคฬานิ ทสฺสิตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘เอวํ จตฺตาริ ปุริสยุคฬานิ โหนฺตี’’ติ. เอตนฺติ เอตํ ‘‘ปุริสปุคฺคลา’’ติ พหุวจนวเสน วุตฺตํ ปทํ. ปุริสา จ เต ปุคฺคลา จ ปุริสปุคฺคลา. ตตฺถ ‘‘ปุริสา’’ติ อิมินา ปมาย ปกติยา คหณํ, ‘‘ปุคฺคลา’’ติ ปน ทุติยายปิ สตฺตสามฺเนาติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. จตุนฺนํ ปจฺจยานํ กีทิสานํ? อาเนตฺวา หุนิตพฺพานนฺติ อธิการโต ปากโฏยมตฺโถ. ทาตพฺพนฺติ วา ปจฺจตฺตวจนํ ‘‘จตุนฺนํ ปจฺจยาน’’นฺติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา สามิวเสน ปริณาเมตพฺพํ, อฺถา เยสํ เกสฺจิ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ‘‘อาหุน’’นฺติ สมฺา สิยา. อาหุนํ อรหตีติ วา อาหุเนยฺโย. สกฺกาทีนมฺปิ วา อาหวนนฺติ สกฺกาทีหิปิ ทิยฺยมานํ ทานํ. ยตฺถ หุตํ มหปฺผลนฺติ ยสฺมึ อาวหนียคฺคิมฺหิ หุตํ ทธิอาทิ อาหุเนยฺยคฺคิคหปตคฺคิทกฺขิเณยฺยคฺคีสุ หุตโต อุฬารผลนฺติ เตสํ พฺราหฺมณานํ ลทฺธิ. หุตนฺติ ทินฺนํ. นิกายนฺตเรติ สพฺพตฺถิกวาทินิกาเย.

เปตฺวา ๑๖๕ เตติ เต ปิยมนาเป าติมิตฺเต อปเนตฺวา, เตสํ อทตฺวาติ อธิปฺปาโย. เอส เอโส. เอกพุทฺธนฺตเร จ ทิสฺสตีติ เอกสฺมึ พุทฺธนฺตเร วีติวตฺเต ทิสฺสติ. -สทฺเทน กทาจิ อสงฺขฺเยยฺเยปิ กปฺเป วีติวตฺเตติ ทสฺเสติ. อพฺโพกิณฺณนฺติ ปฏิปกฺเขหิ อโวมิสฺสํ, กิริยาวิเสสกฺเจตํ. ปิยมนาปตฺตกรธมฺมา นาม สีลาทโย, เต อริยสงฺเฆ สุปฺปติฏฺิตา. อยํ เหตฺถ อธิปฺปาโย – าติมิตฺตา วิปฺปยุตฺตา น จิรสฺเสว สมาคจฺฉนฺติ, อนวฏฺิตา จ เตสุ ปิยมนาปตา, น เอวมริยสงฺโฆ. ตสฺมา สงฺโฆว ปาหุเนยฺโยติ. ปุพฺพการนฺติ อคฺคกิริยํ. สพฺพปฺปกาเรนาติ อาทรคารวพหุมานาทินา, เทยฺยธมฺมสฺส สกฺกจฺจกรณาทินา จ สพฺเพน ปกาเรน. สฺวายํ ปาหวนีย-สทฺโท ‘‘ปาหุเนยฺโย’’ติ วุจฺจติ ปริยายภาเวน.

ทกฺขนฺติ เอตาย สตฺตา ยถาธิปฺเปตาหิ สมฺปตฺตีหิ วฑฺฒนฺตีติ ทกฺขิณา. ตถาภาวกรเณน ทกฺขิณํ อรหติ. ยถา อุฬาราติวิปุลุทฺรยลาเภน วิโสธิตํ นาม โหติ, เอวํ ทกฺขิณา วิปุลผลตายาติ วุตฺตํ ‘‘มหปฺผลกรณตาย วิโสเธตี’’ติ.

ปุฺตฺถิเกหิ อฺชลิ กรณียา เอตฺถาติ อฺชลิกรณีโย.

ยทิปิ ปาฬิยํ ‘‘อนุตฺตร’’นฺติ วุตฺตํ. นตฺถิ อิโต อุตฺตรํ วิสิฏฺนฺติ หิ อนุตฺตรํ. สมมฺปิสฺส ปน นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสทิส’’นฺติ อาห. ขิตฺตํ วุตฺตํ พีชํ มหปฺผลภาวกรเณน ตายติ รกฺขติ, ขิปนฺติ วปนฺติ เอตฺถ พีชานีติ วา เขตฺตํ, เกทาราทิ, เขตฺตํ วิย เขตฺตํ, ปุฺานํ เขตฺตํ ปุฺกฺเขตฺตํ. เสสํ พุทฺธานุสฺสติยํ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.

๔. สีลานุสฺสติกถาวณฺณนา

๑๕๘. อโห วต สีลานิ อขณฺฑานิ, อโห วต อจฺฉิทฺทานีติ เอวํ สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ. อโห วตาติ จ สมฺภาวเน นิปาโต. เตนาห ‘‘อขณฺฑตาทิคุณวเสนา’’ติ. อขณฺฑภาวาทิสมฺปตฺติวเสนาติ อตฺโถ. ปรสฺส สีลานิ อนุสฺสริยมานานิ ปิยมนาปภาวาวหเนน เกวลํ เมตฺตาย ปทฏฺานํ โหนฺติ, น วิสุํ กมฺมฏฺานนฺติ อาห ‘‘อตฺตโน สีลานิ อนุสฺสริตพฺพานี’’ติ. จาคาทีสุปิ เอเสว นโย.

เยสนฺติ สีลาทีนํ. ปฏิปาฏิยา สมาทาเน สมาทานกฺกเมน, เอกชฺฌํ สมาทาเน อุทฺเทสกฺกเมน สีลานํ อาทิอนฺตํ เวทิตพฺพํ. ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิยาติ วตฺถนฺเต, ทสนฺเต วา ฉินฺนวตฺถํ วิย, วิสทิสูทาหรณํ เจตํ. เอวํ เสสานิปิ อุทาหรณานิ. วินิเวธวเสน ฉินฺนสาฏโก วินิวิทฺธสาฏโก. วิสภาควณฺเณน คาวี วิยาติ สมฺพนฺโธ. สพลรหิตานิ วา อสพลานิ. ตถา อกมฺมาสานิ. สตฺตวิธเมถุนสํโยโค เหฏฺา สีลกถายํ วุตฺโต เอว. โกธูปนาหาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน มกฺขปฬาสอิสฺสามจฺฉริยมายาสาเยฺยมานาติมานาทโย คหิตา. ตานิเยว อขณฺฑาทิคุณานิ สีลานิ. สีลสฺส ตณฺหาทาสพฺยโต โมจนํ วิวฏฺฏูปนิสฺสยภาวาปาทนํ. ตโต เอว ตํสมงฺคีปุคฺคโล เสรี สยํวสี ภุชิสฺโส นาม โหติ. เตนาห ‘‘ภุชิสฺสภาวกรเณน ภุชิสฺสานี’’ติ. ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภเวยฺยํ เทวฺตโร วา, ตตฺถ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต’’ติ, ‘‘สีเลน สุทฺธี’’ติ จ เอวมาทินา ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตฺตา อยํ เต สีเลสุ โทโสติ จตูสุ วิปตฺตีสุ ยาย กายจิ วิปตฺติยา ทสฺสเนน ปรามฏฺุํ อนุทฺธํเสตุํ. สมาธิสํวตฺตนปฺปโยชนานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ.

๑๕๙. สิกฺขาย สคารโวติ สีลธนํ นิสฺสาย ปฏิลทฺธสมาทานตฺตา สาติสยํ สิกฺขาย สคารโว สปฺปติสฺโส โหติ. สภาควุตฺตีติ สมฺปนฺนสีเลหิ สภาควุตฺติโก, ตาย เอว วา สิกฺขาย สภาควุตฺติ. โย หิ สิกฺขาคารวรหิโต, โส ตาย วิสภาควุตฺติ นาม โหติ วิโลมนโต. ยถา ปเรหิ สทฺธึ อตฺตโน ฉิทฺทํ น โหติ, เอวํ ธมฺมามิเสหิ ปฏิสนฺถรณํ ปฏิสนฺถาโร. สิกฺขาย สคารวตฺตา เอว ตตฺถ อปฺปมตฺโต โหติ. อตฺตานุวาทภยํ ปรานุวาทภยํ ทณฺฑภยํ ทุคฺคติภยนฺติ เอวมาทีนิ ภยานิ อิมสฺส ทูรสมุสฺสาริตานีติ อาห ‘‘อตฺตานุวาทาทิภยวิรหิโต’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

๕. จาคานุสฺสติกถาวณฺณนา

๑๖๐. ปกติยาติ สภาเวน. จาคาธิมุตฺเตนาติ เทยฺยธมฺมปริจฺจาเค ยุตฺตปฺปยุตฺเตน ตนฺนินฺเนน ตปฺโปเณน. นิจฺจํ สทา ปวตฺตา ทานสํวิภาคา ยสฺส โส นิจฺจปวตฺตทานสํวิภาโค, เตน. อิธาปิ ‘‘ปกติยา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ยํ ปรสฺส ปฏิยตฺตํ ทิยฺยติ, ตํ ทานํ. ยํ อตฺตนา ปริภุฺชิตพฺพโต สํวิภชติ, โส สํวิภาโค. อิโต ทานิ ปภุตีติ อิโต ปฏฺาย ทานิ อชฺชตคฺเค อชฺชทิวสํ อาทึ กตฺวา. อทตฺวา น ภุฺชิสฺสามีติ ทานสมาทานํ กตฺวา . ตํทิวสนฺติ ตสฺมึ ภาวนารมฺภทิวเส. ตตฺถ นิมิตฺตํ คณฺหิตฺวาติ ตสฺมึ ทาเน ปริจฺจาคเจตนาย ปวตฺติอาการสฺส สลฺลกฺขณวเสน นิมิตฺตํ คเหตฺวา. วิคตมลมจฺเฉรตาทิคุณวเสนาติ วิคตานิ มลมจฺเฉรานิ เอตสฺมาติ วิคตมลมจฺเฉโร, จาโค, ตสฺส ภาโว วิคตมลมจฺเฉรตา. ตทาทีนํ คุณานํ, สมฺปตฺตีนํ, อานิสํสานํ วา วเสน.

สตํธมฺมํ อนุกฺกมนฺติ สาธูนํ โพธิสตฺตานํ ธมฺมํ ปเวณึ อนุ อนุ กมนฺโต โอกฺกมนฺโต, อโวกฺกมนฺโต วา. เย อิเม ทายกสฺส ลาภา อายุวณฺณสุขพลปฏิภานาทโย, ปิยภาวาทโย จ ภควตา สํวณฺณิตา ปกิตฺติตา. มนุสฺสตฺตํ วาติ วา-สทฺโท อวุตฺตวิกปฺปตฺโถ, เตน อินฺทฺริยปาฏวภาวกมฺมสฺสกตาาณาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.

มจฺเฉรมเลนาติ มจฺเฉรสงฺขาเตน มเลน. อถ วา มจฺเฉรฺจ มลฺจ มจฺเฉรมลํ, เตน มจฺเฉเรน เจว โลภาทิมเลน จาติ อตฺโถ. ปชายนวเสนาติ ยถาสกํ กมฺมนิพฺพตฺตนวเสน. กณฺหธมฺมานนฺติ โลภาทิเอกนฺตกาฬกานํ ปาปธมฺมานํ. วิคตตฺตาติ ปหีนตฺตา. วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสาติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ. โสตาปนฺนสฺส สโตติ เคหํ อาวสนฺตสฺส โสตาปนฺนสฺส สมานสฺส. นิสฺสยวิหารนฺติ นิสฺสาย วิหริตพฺพวิหารํ, เทวสิกํ วฬฺชนกกมฺมฏฺานนฺติ อตฺโถ. อภิภวิตฺวาติ อคารํ อาวสนฺตานํ อฺเสํ อุปฺปชฺชนกราคาทิอุปกฺกิเลเส อภิภุยฺย.

โย กิฺจิ เทนฺโตปิ สาเปกฺโขว เทติ, โส มุตฺตจาโค น โหติ, อยํ ปน น เอวนฺติ ‘‘มุตฺตจาโค’’ติ วุตฺตํ. วิสฺสฏฺจาโคติ นิรเปกฺขปริจฺจาโคติ อตฺโถ. ยถา ปาณาติปาตพหุโล ปุคฺคโล ‘‘โลหิตปาณี’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ทานพหุโล ปุคฺคโล ‘‘ปยตปาณี’’ติ วุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทาตุํ สทา โธตหตฺโถเยวา’’ติ อาห. ตตฺถ สทาติ นิจฺจํ, อภิณฺหนฺติ อตฺโถ. ปริจฺจาโคติ เทยฺยธมฺมปริจฺจาโคติ อธิการโต วิฺายติ. ยํ ยํ เทยฺยธมฺมํ ปเร ยาจนกา. ยาจเน โยโค ยาจนโยโค, ปเรหิ ยาจิตุํ ยุตฺโตติ อตฺโถ. ยาเชน ยุตฺโตติ ทาเนน ยุตฺโต สทา ปริจฺจชนโต. อุภเยติ ยถาวุตฺเต ทาเน, สํวิภาเค จ รโต อภิรโต.

๑๖๑. ยถา ปริสุทฺธสีลสฺส ปุคฺคลสฺส อขณฺฑตาทิคุณวเสน อตฺตโน สีลสฺส อนุสฺสรนฺตสฺส สีลานุสฺสติภาวนา อิชฺฌติ, เอวํ ปริสุทฺธอุฬารปริจฺจาคสฺส ปุคฺคลสฺส อนุปกฺกิลิฏฺเมว อตฺตโน ปริจฺจาคํ อนุสฺสรนฺตสฺส ภาวนา อิชฺฌตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘วิคตมลมจฺเฉรตาทิคุณวเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ วุตฺตตฺถเมว.

ภิยฺโยโสติ อุปริปิ. มตฺตาย ปมาณสฺส มหติยา มตฺตาย, วิปุเลน ปมาเณนาติ อตฺโถ. จาคาธิมุตฺโตติ ปริจฺจาเค อธิมุตฺโต นินฺนโปณปพฺภาโร. ตโต เอว อโลภชฺฌาสโย กตฺถจิปิ อนภิสงฺคจิตฺโต. ปฏิคฺคาหเกสุ เมตฺตายนวเสน ปริจฺจาโค โหตีติ เมตฺตาย เมตฺตาภาวนาย อนุโลมการี อนุรูปปฏิปตฺติ. วิสารโทติ วิสโท อตฺตโนว คุเณน กตฺถจิปิ อมงฺกุภูโต อภิภุยฺย วิหารี. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

๖. เทวตานุสฺสติกถาวณฺณนา

๑๖๒. อริยมคฺควเสนาติ อริยมคฺคสฺส อธิคมวเสน. สมุทาคเตหีติ สมฺมเทว ตทุปฺปตฺติโต อุทฺธํ อาคเตหิ. ยาทิสา หิ อริยานํ สนฺตาเน โลกิยาปิ สทฺธาทโย, น ตาทิสา กทาจิปิ โปถุชฺชนิกา สทฺธาทโย. ทิพฺพนฺตีติ เทวา. จตฺตาโร มหาราชาโน เอเตสนฺติ จตุมหาราชา, เต เอว จาตุมหาราชิกา. เตตฺตึส สหปุฺการิโน ตตฺถูปปนฺนาติ ตํสหจริตํ านํ ตาวตึสํ, ตนฺนิวาสิโนปิ เทวา ตํสหจรณโต เอว ตาวตึสา. ทุกฺขโต ยาตา อปยาตาติ ยามา. ตุสาย ปีติยา อิตา อุปคตาติ ตุสิตา. โภคานํ นิมฺมาเน รติ เอเตสนฺติ นิมฺมานรติโน. ปรนิมฺมิเตสุ โภเคสุ วสํ วตฺเตนฺตีติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน. พฺรหฺมานํ กาโย สมูโห พฺรหฺมกาโย, ตปฺปริยาปนฺนตาย ตตฺถ ภวาติ พฺรหฺมกายิกา. ตตุตฺตรีติ ตโต พฺรหฺมกายิเกหิ อุตฺตริ, อุปริ ปริตฺตาภาทิเก สนฺธาย วทติ. เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวาติ ‘‘ยถารูปาย มคฺเคนาคตาย สทฺธาย สมนฺนาคตา, สีเลน สุเตน จาเคน ปฺาย สมนฺนาคตา อิโต จุตา ตตฺถ อุปปนฺนา ตา เทวตา, มยฺหมฺปิ ตถารูปา สทฺธา สีลํ สุตํ จาโค ปฺา จ สํวิชฺชตี’’ติ เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวา สกฺขึ โอตาเรนฺเตน วิย อตฺตโน สทฺธาทิคุณา อนุสฺสริตพฺพา.

ยทิ เอวํ สุตฺเต (อ. นิ. ๖.๑๐) อุภยคุณานุสฺสรณํ วุตฺตํ, ตํ กถนฺติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘สุตฺเต ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ กิฺจาปิ วุตฺตนฺติ ‘‘อตฺตโน จ, ตาสฺจ เทวตาน’’นฺติ อุภยํ สมธุรํ วิย สุตฺเต (อ. นิ. ๖.๑๐) กิฺจาปิ วุตฺตํ. อถ โข ตํ ‘‘เทวตานํ สทฺธฺจ สีลฺจา’’ติอาทิวจนํ. สกฺขิฏฺาเน เปตพฺพนฺติ ‘‘วุตฺต’’นฺติ ปรโต ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. กิมตฺถํ ปน สกฺขิฏฺาเน ปนนฺติ อาห ‘‘เทวตานํ อตฺตโน สทฺธาทีหิ สมานคุณทีปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ. กสฺมา ปน สุตฺเต ยถารุตวเสน อตฺถํ อคฺคเหตฺวา เอวํ อตฺโถ คยฺหตีติ อาห ‘‘อฏฺกถายฺหี’’ติอาทิ.

๑๖๓. ตสฺมาติ ยสฺมา อฏฺกถายํ เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวา อตฺตโน คุณานุสฺสรณํ ทฬฺหํ กตฺวา วุตฺตํ, สีลจาคานุสฺสตีสุ วิย อิธาปิ อตฺตโน คุณานุสฺสรณํ ฌานุปฺปตฺตินิมิตฺตํ ยุตฺตํ, ตสฺมา. ปุพฺพภาเค ภาวนารมฺเภ. อปรภาเคติ ยถา ภาเวนฺตสฺส อุปจารชฺฌานํ อิชฺฌติ, ตถา ภาวนากาเล. ยทิ อตฺตโน เอว อิธ คุณา อนุสฺสริตพฺพา, กถมยํ เทวตานุสฺสตีติ อาห ‘‘เทวตานํ คุณสทิสสทฺธาทิคุณานุสฺสรณวเสนา’’ติ. เตน สทิสกปฺปนาย อยํ ภาวนา ‘‘เทวตานุสฺสตี’’ติ วุตฺตา, น เทวตานํ, ตาสํ คุณานํ วา อนุสฺสรเณนาติ ทสฺเสติ. ปุพฺพภาเค วา ปวตฺตํ เทวตาคุณานุสฺสรณํ อุปาทาย ‘‘เทวตานุสฺสตี’’ติ อิมิสฺสา สมฺา เวทิตพฺพา. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ปุพฺพภาเค เทวตา อารพฺภ ปวตฺตจิตฺตวเสนา’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ปกิณฺณกกถาวณฺณนา

๑๖๔. เอตาสนฺติ เอตาสํ พุทฺธานุสฺสติอาทีนํ ฉนฺนํ อนุสฺสตีนํ. วิตฺถารเทสนายนฺติ วิตฺถารวเสน ปวตฺตเทสนายํ, มหานามสุตฺตํ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑) สนฺธาย วทติ. ภควาติอาทีนํ อตฺถนฺติ ภควาติอาทีนํ ปทานํ อตฺถํ. อตฺถเวทนฺติ วา เหตุผลํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ ตุฏฺิมาห. ธมฺมเวทนฺติ เหตุํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ ตุฏฺึ. ‘‘อารกตฺตา อรห’’นฺติ อนุสฺสรนฺตสฺส หิ ยํ ตํ ภควโต กิเลเสหิ อารกตฺตํ, โส เหตุ. าปโก เจตฺถ เหตุ อธิปฺเปโต, น การโก, สมฺปาปโก วา. โยเนน ายมาโน อรหตฺตตฺโถ, ตํ ผลํ. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ เหตุผลวิภาโค เวทิตพฺโพ. ธมฺมานุสฺสติอาทีสุปิ ‘‘อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณตฺตา’’ติอาทินา, ‘‘ยสฺมา ปน สา สมฺมาปฏิปทา’’ติอาทินา จ ตตฺถ ตตฺถ เหตุอปเทโส กโตเยวาติ. ธมฺมูปสํหิตนฺติ ยถาวุตฺตเหตุเหตุผลสงฺขาตคุณูปสํหิตํ. คุเณติ อตฺตโน คุเณ.

๑๖๕. อริยสาวกานฺเวอิชฺฌนฺตีติ อริยสาวกานํ อิชฺฌนฺติเยวาติ อุตฺตรปทาวธารณํ ทฏฺพฺพํ, อวธารณฺจ เตสํ สุขสิทฺธิทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘เตสํ หี’’ติอาทิ. น ปุถุชฺชนานํ สพฺเพน สพฺพํ อิชฺฌนฺตีติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ , กสฺมา มหานามสุตฺตาทีสุ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑) พหูสุ สุตฺเตสุ อริยสาวกคฺคหณํ กตนฺติ? เตสํ พหุลวิหารตายาติ อาจริยา.

นิกฺขนฺตนฺติ นิคฺคตํ นิสฺสฏํ. มุตฺตนฺติ วิสฺสฏฺํ. วุฏฺิตนฺติ อเปตํ. สพฺพเมตํ วิกฺขมฺภนเมว สนฺธาย วทติ. เคธมฺหาติ ปลิโพธโต. อิทมฺปีติ พุทฺธานุสฺสติวเสน ลทฺธํ อุปจารชฺฌานมาห. อารมฺมณํ กริตฺวาติ ปจฺจยํ กตฺวา, ปาทกํ กตฺวาติ อตฺโถ. วิสุชฺฌนฺตีติ ปรมตฺถวิสุทฺธึ ปาปุณนฺติ.

สมฺพาเธติ ตณฺหาสํกิเลสาทินา สมฺปีเฬ สํกเฏ ฆราวาเส. โอกาสาธิคโม โลกุตฺตรธมฺมสฺส อธิคมาย อธิคนฺตพฺพโอกาโส. อนุสฺสติโย เอว อนุสฺสติฏฺานานิ. วิสุทฺธิธมฺมาติ วิสุชฺฌนสภาวา, วิสุชฺฌิตุํ วา ภพฺพา. ปรมตฺถวิสุทฺธิธมฺมตายาติ ปรมตฺถวิสุทฺธิยา นิพฺพานสฺส ภพฺพภาเวน. อุปกฺกเมนาติ ปโยเคน. ปริโยทปนาติ วิโสธนา.

๑๖๖. เอวํ สนฺเตปีติ เอวํ มหานามสุตฺตาทีสุ อเนเกสุ สุตฺเตสุ อริยสาวกสฺเสว วเสน ฉสุ อนุสฺสตีสุ เทสิตาสุปิ. ยสฺสานุภาเวนาติ ยสฺส จิตฺตปฺปสาทสฺส พเลน. ปีตึ ปฏิลภิตฺวาติ อนุสฺสววเสน พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา.

ฉอนุสฺสตินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ สตฺตมปริจฺเฉทวณฺณนา.