📜

๘. อนุสฺสติกมฺมฏฺานนิทฺเทสวณฺณนา

มรณสฺสติกถาวณฺณนา

๑๖๗. อิโตติ เทวตานุสฺสติยา. สา หิ ฉสุ อนุสฺสตีสุ สพฺพปจฺฉา นิทฺทิฏฺตฺตา อาสนฺนา, ปจฺจกฺขา จ. อนนฺตรายาติ ตทนนฺตรํ อุทฺทิฏฺตฺตา วุตฺตํ. มรณสฺส สติ มรณสฺสตีติ มรณํ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ มรณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. กามฺเจตฺถ ขนฺธานํ เภโท ‘‘ชรามรณํ ทฺวีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิต’’นฺติ (ธาตุ. ๗๑) วจนโต จุติขนฺธานํ วินาโส มรณนฺติ วตฺตพฺพํ, วิเสสโต ปน ตํ ชีวิตินฺทฺริยสฺส วินาสภาเวน กมฺมฏฺานิกานํ ปจฺจุปติฏฺตีติ ‘‘ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉโท’’ติ วุตฺตํ. เตเนวาห นิทฺเทเส ‘‘กเฬวรสฺส นิกฺเขโป ชีวิตินฺทฺริยสฺสุปจฺเฉโท’’ติ (วิภ. ๒๓๖; ที. นิ. ๒.๓๙๐; ม. นิ. ๑.๙๒, ๑๒๓). ตตฺถ เอกภวปริยาปนฺนสฺสาติ เอเกน ภเวน ปริจฺฉินฺนสฺส. ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉโทติ ชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺธสฺส วิจฺเฉโท อายุกฺขยาทิวเสน อนฺตรธานํ. สมุจฺเฉทมรณนฺติ อรหโต สนฺตานสฺส สพฺพโส อุจฺเฉทภูตํ มรณํ. สงฺขารานํ ขณภงฺคสงฺขาตนฺติ สงฺขตธมฺมานํ อุทยวยปริจฺฉินฺนสฺส ปวตฺติขณสฺส ภงฺโค นิโรโธติ สงฺขํ คตํ. ขณิกมรณนฺติ ยถาวุตฺตขณวนฺตํ ตสฺมึเยว ขเณ ลพฺภมานํ มรณํ. ยํ ขนฺธปฺปพนฺธํ อุปาทาย รุกฺขาทิสมฺา, ตสฺมึ อนุปจฺฉินฺเนปิ อลฺลตาทิวิคมนํ นิสฺสาย มตโวหาโร สมฺมุติมรณํ. น ตํ อิธ อธิปฺเปตนฺติ ตํ สมุจฺเฉทขณิกสมฺมุติมรณํ อิธ มรณานุสฺสติยํ นาธิปฺเปตํ อพาหุลฺลโต, อนุปฏฺหนโต, อสํเวควตฺถุโต จาติ อธิปฺปาโย.

อธิปฺเปตํ สติยา อารมฺมณภาเวน. อายุอาทีนํ ขยกาเล มรณํ กาลมรณํ. เตสํ อปริกฺขีณกาเล มรณํ อกาลมรณํ. ‘‘กาลมรณํ ปุฺกฺขเยนา’’ติ อิทํ ยถาธิการํ สมฺปตฺติภววเสน วุตฺตํ, วิปตฺติภววเสน ปน ‘‘ปาปกฺขเยนา’’ติ วตฺตพฺพํ.

อายุสนฺตานชนกปจฺจยสมฺปตฺติยาติ อายุปฺปพนฺธสฺส ปวตฺตาปนกานํ อาหาราทิปจฺจยานํ สมฺปตฺติยํ. วิปกฺกวิปากตฺตาติ อตฺตโน ผลานุรูปํ ทาตพฺพวิปากสฺส ทินฺนตฺตา. คติกาลาหาราทิสมฺปตฺติยาอภาเวนาติ เทวานํ วิย คติสมฺปตฺติยา, ปมกปฺปิยานํ วิย กาลสมฺปตฺติยา, อุตฺตรกุรุกาทีนํ วิย อาหารสมฺปตฺติยา จ อภาเวน. อาทิ-สทฺเทน อุตุสุกฺกโสณิตาทึ ปริคฺคยฺหติ. อชฺชตนกาลปุริสานํ วิยาติ วิย-สทฺโท อฏฺาเน ปฏฺปิโต, อชฺชตนกาลปุริสานํ วสฺสสตมตฺตปริมาณสฺส วิย อายุโน ขยวเสนาติ โยชนา. เอวํ หิ อนาคเตปิ ปรมายุโน สงฺคโห กโต โหติ, อตีเต ปน คติสมฺปตฺติยา วิย กาลาหาราทิสมฺปตฺติยา ภาเวน อเนกวสฺสสหสฺส ปริมาโณปิ อายุ อโหสิ. อยฺจ วิภาโค วตฺตมานสฺส อนฺตรกปฺปสฺส วเสน วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. กลาพุราชาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน นนฺทยกฺขนนฺทมาณวกาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตํ สพฺพมฺปีติ ยํ ‘‘กาลมรณํ อกาลมรณํ, ตตฺถาปิ ปุฺกฺขยมรณํ อายุกฺขยมรณํ อุภยกฺขยมรณํ อุปกฺกมมรณ’’นฺติ วุตฺตปฺปเภทํ มรณํ, ตํ สพฺพมฺปิ.

๑๖๘. โยนิโสติ อุปาเยน. มนสิกาโรติ มรณารมฺมโณ มนสิกาโร. เยน ปน อุปาเยน มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ, ตํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘อโยนิโส ปวตฺตยโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อโยนิโส ปวตฺตยโตติ อนุปาเยน สตึ, สํเวคํ, าณฺจ อนุปฏฺเปตฺวา มรณํ อนุสฺสรโต. ตเทตํ สพฺพมฺปีติ โสกปาโมชฺชานํ อุปฺปชฺชนํ, สํเวคสฺส อนุปฺปชฺชนํ, สนฺตาสสฺส อุปฺปชฺชนฺจ ยถากฺกมํ สติสํเวคาณวิหรโต โหติ. โย หิ ‘‘มรณํ นาเมตํ ชาตสฺส เอกนฺติก’’นฺติ ปณฺฑิตานํ วจนํ สรติ, ตตฺถ สํเวคชาโต โหติ สมฺปชาโน จ, ตสฺส อิฏฺชนมรณาทินิมิตฺตํ โสกาทโย อโนกาสาว. ตสฺมาติ ยสฺมา อโยนิโส มนสิการํ ปวตฺตยโต เอเต โทสา, ตสฺมา. ตตฺถ ตตฺถาติ อรฺสุสานาทีสุ. หตมตสตฺเตติ โจราทีหิ หเต, สรเสน มเต จ สตฺเต. ทิฏฺปุพฺพา สมฺปตฺติ เยสํ เต ทิฏฺปุพฺพสมฺปตฺตี, เตสํ ทิฏฺปุพฺพสมฺปตฺตีนํ. โยเชตฺวาติ อุปฏฺเปตฺวา. เอกจฺจสฺสาติ ติกฺขินฺทฺริยสฺส าณุตฺตรสฺส.

๑๖๙. วธกปจฺจุปฏฺานโตติ ฆาตกสฺส วิย ปติ ปติ อุปฏฺานโต อาสนฺนภาวโต. สมฺปตฺติวิปตฺติโตติ อาโรคฺยาทิสมฺปตฺตีนํ วิย ชีวิตสมฺปตฺติยา วิปชฺชนโต. อุปสํหรณโตติ ปเรสํ มรณํ ทสฺเสตฺวา อตฺตโน มรณสฺส อุปนยนโต. กายพหุสาธารณโตติ สรีรสฺส พหูนํ สาธารณภาวโต. อายุทุพฺพลโตติ ชีวิตสฺส ทุพฺพลภาวโต. อนิมิตฺตโตติ มรณสฺส ววตฺถิตนิมิตฺตาภาวโต . อทฺธานปริจฺเฉทโตติ กาลสฺส ปริจฺฉนฺนภาวโต. ขณปริตฺตโตติ ชีวิตกฺขณสฺส อิตฺตรภาวโต.

วธกปจฺจุปฏฺานโตติ เอตฺถ วิย-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วธกสฺส วิย ปจฺจุปฏฺานโต’’ติ วตฺวา ตเมวตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จารยมาโนติ อาคุเรนฺโต ปหรณาการํ กโรนฺโต. ปจฺจุปฏฺิโตว อุปคนฺตฺวา ิโต สมีเป เอว. ชรามรณํ คเหตฺวาว นิพฺพตฺตนฺติ ‘‘ยถา หิ อหิจฺฉตฺตกมกุฬํ อุคฺคจฺฉนฺตํ ปํสุวิรหิตํ น โหติ, เอวํ สตฺตา นิพฺพตฺตนฺตา ชรามรณวิรหิตา น โหนฺตี’’ติ เอตฺตเกน อุปมา. อหิจฺฉตฺตกมกุฬํ กทาจิ กตฺถจิ ปํสุวิรหิตมฺปิ ภเวยฺย, สตฺตา ปน กถฺจิปิ ชรามรณวิรหิตา น โหนฺตีติ ขณิกมรณํ ตาว อุปมาภาเวน ทสฺเสตฺวา อิธาธิปฺเปตํ มรณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อถ วา ยทิเม สตฺตา ชรามรณํ คเหตฺวาว นิพฺพตฺตนฺติ, นิพฺพตฺติสมนนฺตรเมว มริตพฺพนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ. อวสฺสํ มรณโตติ อวสฺสํ มริตพฺพโต, เอกนฺเตน มรณสพฺภาวโต วา. ปพฺพเตยฺยาติ ปพฺพตโต อาคตา. หารหารินีติ ปวาเห ปติตสฺส ติณปณฺณาทิกสฺส อติวิย หรณสีลา. สนฺทเตวาติ สวติ เอว. วตฺตเตวาติ ปวาหวเสน วตฺตติ เอว น ติฏฺติ.

ยเมกรตฺตินฺติ ยสฺสํ เอกรตฺติยํ, ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ, อจฺจนฺตสํโยเค วา. ปมนฺติ สพฺพปมํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ. คพฺเภติ มาตุกุจฺฉิยํ. มาณโวติ สตฺโต. เยภุยฺเยน สตฺตา รตฺติยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺตีติ รตฺติคฺคหณํ. อพฺภุฏฺิโตวาติ อุฏฺิตอพฺโภ วิย, อภิมุขภาเวน วา อุฏฺิโตว มรณสฺสาติ อธิปฺปาโย. โส ยาตีติ โส มาณโว ยาติ, ปมกฺขณโต ปฏฺาย คจฺฉเตว. ส คจฺฉํ น นิวตฺตตีติ โส เอวํ คจฺฉนฺโต ขณมตฺตมฺปิ น นิวตฺตติ, อฺทตฺถุ มรณํเยว อุปคจฺฉติ.

กุนฺนทีนนฺติ ปพฺพตโต ปติตานํ ขุทฺทกนทีนํ. ปาโต อาโปรสานุคตพนฺธนานนฺติ ปุริมทิวเส ทิวา สูริยสนฺตาเปน อนฺโต อนุปวิสิตฺวา ปุน รตฺติยํ พนฺธนมูลํ อุปคเตน อาโปรเสน ตินฺตสิถิลพนฺธนตาย ปาโต อาโปรสานุคตพนฺธนานํ.

อจฺจยนฺตีติ อติกฺกมนฺติ. อุปรุชฺฌตีติ นิรุชฺฌติ. อุทกเมว โอทกํ, อุทโกฆํ วา . ยสฺมา อจฺจยนฺติ อโหรตฺตา, ตสฺมา ชีวิตํ อุปรุชฺฌติ. ยสฺมา ชีวิตํ อุปรุชฺฌติ, ตสฺมา อายุ ขียติ มจฺจานํ. ปปตโตติ ปปตนโต ภยํ สามิกานํ รุกฺเข ตฺวา กมฺเม วินิยุฺชิตุกามานํ, เหฏฺา ปวิฏฺานํ วา. อุคฺคมนํ ปติ อุคฺคมนนิมิตฺตํ. มา มํ อมฺม นิวารย ปพฺพชฺชายาติ อธิปฺปาโย.

โกจิ มิตฺตมุขสตฺตุรนฺธคเวสี สห วตฺตมาโนปิ น หเนยฺย, อยํ ปน เอกํเสน หนติเยวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สหชาติยา อาคตโต’’ติ วตฺวา ‘‘ชีวิตหรณโต จา’’ติ วุตฺตํ.

๑๗๐. นฺติ สมฺปตฺตึ. สุขีติ ทิพฺพสทิเสหิ โภเคหิ, อาธิปเตยฺเยน จ สุขสมงฺคี. เทหพนฺเธนาติ สรีเรน. อโสโกติ อโสกมหาราชา. โสกมาคโตติ โสจิตพฺพตํ คโต.

อาโรคฺยํ โยพฺพนานํ. พฺยาธิชราปริโยสานตา ชีวิตสฺส มรณปริโยสานตาย อุทาหรณวเสน อานีตา, ปจฺจยภาควเสน วา. โลโกเยว โลกสนฺนิวาโส ยถา สตฺตาวาสาติ, สนฺนิวสิตพฺพตาย วา สตฺตนิกาโย โลกสนฺนิวาโส. อนุคโตติ อนุพนฺโธ ปจฺจตฺถิเกน วิย. อนุสโฏติ อนุปวิฏฺโ อุปวิเสน วิย. อภิภูโตติ อชฺโฌตฺถโฏ มทฺทหตฺถีหิ วิย. อพฺภาหโตติ ปหโฏ ภูเตหิ วิย.

เสลาติ สิลามยา, น ปํสุอาทิมยา. วิปุลาติ มหนฺตา อเนกโยชนายามวิตฺถารา. นภํ อาหจฺจาติ วิปุลตฺตา เอว อากาสํ อภิวิหจฺจ สพฺพทิสาสุ ผริตฺวา. อนุปริเยยฺยุนฺติ อนุวิจเรยฺยุํ. นิปฺโปเถนฺตาติ อตฺตนา อาฆาติตํ จุณฺณวิจุณฺณํ กโรนฺตา. อธิวตฺตนฺตีติ อธิภวนฺติ. กุเลน วา รูเปน วา สีเลน วา สุเตน วา สทฺธาทีหิ วา เสฏฺโติ สมฺภาวนาย ขตฺติยาทีสุ น กฺจิ ปริวชฺเชติ. เตหิ เอว นิหีโนติ อวมฺมานาย สุทฺทาทีสุ น กฺจิ ปริวชฺเชติ. อฺทตฺถุ สพฺพเมว อภิมทฺทติ นิมฺมถติ. ทณฺฑาทิอุปายา จ ตตฺถ อวิสยา เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘น ตตฺถ หตฺถีนํ ภูมี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ มนฺตยุทฺเธนาติ อาถพฺพณเวทวิหิเตน มนฺตสงฺคามปฺปโยเคน. ธเนนาติ ธนทาเนน. วา-สทฺโท อวุตฺตวิกปฺปนตฺโถ. เตน สามํ, เภทฺจ สงฺคณฺหาติ.

๑๗๑. ปเรหิ สทฺธึ อตฺตโน อุปสํหรณโตติ ปเรหิ มเตหิ สทฺธึ ‘‘เตปิ นาม มตา, กิมงฺคํ ปน มาทิสา’’ติ อตฺตโน มรณสฺส อุปนยนโต. ยสมหตฺตโตติ ปริวารมหตฺตโต, วิภวมหตฺตโต จ. ปุฺมหตฺตโตติ มหาปุฺภาวโต. ถามมหตฺตโตติ วีริยพลมหตฺตโต. ยุธิฏฺิโล ธมฺมปุตฺโต. จานุโร โย พลเทเวน นิพฺพุทฺธํ กตฺวา มาริโต.

สห อิทฺธีหีติ เวชยนฺตกมฺปนนนฺโทปนนฺททมนาทีสุ ทิฏฺานุภาวาหิ อตฺตโน อิทฺธีหิ สทฺธึ มจฺจุมุขํ ปวิฏฺโ.

กลํ นคฺฆนฺติ โสฬสินฺติ โสฬสนฺนํ ปูรณภาคํ น อคฺฆนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อายสฺมโต เถรสฺส สาริปุตฺตสฺส ปฺํ โสฬสภาเค กตฺวา ตโต เอกํ ภาคํ โสฬสธา คเหตฺวา ลทฺธํ เอกภาคสงฺขาตํ กลํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เปตฺวา อฺเสํ สตฺตานํ ปฺา น อคฺฆนฺตีติ.

สพฺพสฺสาปิ สํกิเลสปกฺขสฺส สมุคฺฆาโต าเยน อารทฺธวีริยสฺส โหตีติ อาห ‘‘าณวีริยพเลนา’’ติ. สมฺมาทิฏฺิสมฺมาวายาเมสุ หิ สิทฺเธสุ อฏฺงฺคิโก อริยมคฺโค สิทฺโธว โหตีติ. เอกากีภาเวน ขคฺควิสาณกปฺปา. ปรโตโฆเสน วินา สยเมว ภูตา ปฏิวิทฺธากุปฺปาติ สยมฺภุโน.

หตฺถคตสุวณฺณวลยานํ อฺมฺํ สงฺฆฏฺฏนํ วํสกฬีรสฺส กตฺถจิ อสตฺตตาติ เอวมาทิกํ ตํ ตํ นิมิตฺตํ การณํ อาคมฺม. วีมํสนฺตาติ ปวตฺตินิวตฺติโย อุปปริกฺขนฺตา. มหนฺตานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสนฏฺเน มเหสโย. เอกจริยนิวาเสนาติ เอกจริยนิวาสมตฺเตน, น สีลาทินา. ขคฺคมิคสิงฺคสมา อุปมา เยสํ, ขคฺคมิคสิงฺคํ วา สมูปมา เยสํ เต ขคฺคสิงฺคสมูปมา.

ตมฺพนขตุงฺคนขตาทิอสีติอนุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิเตหิ สุปฺปติฏฺิตปาทตาทีหิ ทฺวตฺตึสาย มหาปุริสลกฺขเณหิ วิจิตฺโร อจฺฉริยพฺภุโต รูปกาโย เอตสฺสาติ อสีติ…เป… รูปกาโย. สห วาสนาย สพฺเพสํ กิเลสานํ ปหีนตฺตา สพฺพาการปริสุทฺธสีลกฺขนฺธาทิคุณรตเนหิ สมิทฺโธ ธมฺมกาโย เอตสฺสาติ สพฺพาการ…เป… ธมฺมกาโย. านโสติ ตงฺขเณเยว.

เอวํมหานุภาวสฺสาติ เอวํ ยถาวุตฺตรูปกายสมฺปตฺติยา, ธมฺมกายสมฺปตฺติยา จ วิฺายมานวิปุลาปริเมยฺยพุทฺธานุภาวสฺส, วสํ นาคตํ อนุปคมนวเสนาติ อธิปฺปาโย.

มรณํ สามฺํ เอตสฺสาติ มรณสามฺโ, ตสฺส ภาโว มรณสามฺตา, ตาย.

๑๗๒. กิมิกุลานนฺติ กิมิสมูหานํ, กิมิชาตีนํ วา. ชียนฺตีติ ชรํ ปาปุณนฺติ.

นิกฺขนฺเตติ วีติวตฺเต. ปฏิหิตายาติ ปจฺจานุคตาย. โส มมสฺส อนฺตราโยติ สา ยถาวุตฺตา น เกวลํ กาลกิริยาว, อถ โข มม อติทุลฺลภํ ขณํ ลภิตฺวา ิตสฺส สตฺถุสาสนมนสิการสฺส อนฺตราโย อสฺส ภเวยฺย. พฺยาปชฺเชยฺยาติ วิปตฺตึ คจฺเฉยฺย. สตฺถเกน วิย องฺคปจฺจงฺคานํ กนฺตนกา มรณกาเล สนฺธิพนฺธนจฺเฉทนกวาตา สตฺถกวาตา.

๑๗๓. อพลนฺติ พลหีนํ. ทุพฺพลนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. อภาวตฺโถ หิ อยํ ทุ-สทฺโท ‘‘ทุสฺสีโล (อ. นิ. ๕.๒๑๓; อ. นิ. ๑๐.๗๕) ทุปฺปฺโ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๔๙) วิย. ตเทตํ อายุ. อสฺสาสปสฺสาสานํ สมวุตฺติตา อปราปรํ ปเวสนิกฺขโมว. พหิ นิกฺขนฺตนาสิกวาเต อนฺโต อปวิสนฺเต, ปวิฏฺเ วา อนิกฺขมนฺเตติ เอกสฺเสว ปเวสนิกฺขโม วิย วุตฺตํ, ตํ นาสิกวาตภาวสามฺเนาติ ทฏฺพฺพํ. อธิมตฺตตาย อจฺจาสนฺนอธิฏฺานาทินา. ตทภาโว หิ อิริยาปถานํ สมวุตฺติตา. อติสีเตน อภิภูตสฺส กายสฺส วิปชฺชนํ มหึสรฏฺาทีสุ หิมปาตกาเลน ทีเปตพฺพํ. ตตฺถ หิ สตฺตา สีเตน ภินฺนสรีรา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺติ. อติอุณฺเหน อภิภูตสฺส วิปชฺชนํ มรุกนฺตาเร อุณฺหาภิตตฺตาย ปจฺฉึ, ตตฺถ ปิตํ อุปริ สาฏกํ, ปุตฺตฺจ อกฺกมิตฺวา มตาย อิตฺถิยา ทีเปตพฺพํ. มหาภูตานํ สมวุตฺติตา ปโกปาภาโว . ปถวีธาตุอาทีนํ ปโกเปน สรีรสฺส วิการาปตฺติ ปรโต ธาตุกมฺมฏฺานกถายํ อาคมิสฺสติ. ยุตฺตกาเลติ ภุฺชิตุํ ยุตฺตกาเล ขุทฺทาภิภูตกาเล.

๑๗๔. อววตฺถานโตติ กาลาทิวเสน ววตฺถานาภาวโต. ววตฺถานนฺติ เจตฺถ ปริจฺเฉโท อธิปฺเปโต, น อสงฺกรโต ววตฺถานํ, นิจฺฉโย จาติ อาห ‘‘ปริจฺเฉทาภาวโต’’ติ. น นายเรติ น ายนฺติ.

อิโตปรนฺติ เอตฺถ ปรนฺติ ปรํ อฺํ กาลนฺติ อตฺโถ. เตน โอรกาลสฺสาปิ สงฺคโห สิทฺโธ โหติ. ปรมายุโต โอรกาลํ เอว เจตฺถ ‘‘ปร’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ตโต ปรํ สตฺตานํ ชีวนสฺส อภาวโต ‘‘ววตฺถานาภาวโต’’ติ วตฺตุํ น สกฺกาติ. อพฺพุทเปสีติอาทีสุ ‘‘อพฺพุทกาเล เปสิกาเล’’ติอาทินา กาล-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. กาโลติ อิธ ปุพฺพณฺหาทิเวลา อธิปฺเปตา. เตนาห ‘‘ปุพฺพณฺเหปิ หี’’ติอาทิ. อิเธว เทเหน ปติตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. อเนกปฺปการโตติ นคเร ชาตานํ คาเม, คาเม ชาตานํ นคเร, วเน ชาตานํ ชนปเท, ชนปเท ชาตานํ วเนติอาทินา อเนกปฺปการโต. อิโต จุเตนาติ อิโต คติโต จุเตน. อิธ อิมิสฺสํ คติยํ. ยนฺตยุตฺตโคโณ วิยาติ ยถา ยนฺเต ยุตฺตโคโณ ยนฺตํ นาติวตฺตติ, เอวํ โลโก คติปฺจกนฺติ เอตฺตเกน อุปมา.

๑๗๕. อปฺปํ วา ภิยฺโยติ วสฺสสตโต อุปริ ‘‘ทส วา วสฺสานิ, วีสติ วา’’ติอาทินา ทุติยํ วสฺสสตํ อปาปุณนฺโต อปฺปกํ วา ชีวตีติ อตฺโถ. คมนีโยติ คนฺธพฺโพ อุปปชฺชนวเสน. สมฺปราโยติ ปรโลโก.

หีเฬยฺยาติ ปริภเวยฺย น สมฺภาเวยฺย. นฺติ อายุํ. สุโปริโสติ สาธุปุริโส ปฺวา. จเรยฺยาติ สุจริตํ จเรยฺย. เตนาห ‘‘อาทิตฺตสีโสวา’’ติ.

สตฺตหิ อุปมาหีติ –

‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ติณคฺเค อุสฺสาวพินฺทุ สูริเย อุคฺคจฺฉนฺเต ขิปฺปํเยว ปฏิวิคจฺฉติ, น จิรฏฺิติกํ โหติ. อุทเก อุทกปุพฺพุฬํ. อุทเก ทณฺฑราชิ. นที ปพฺพเตยฺยา ทูรงฺคมา สีฆโสตา หารหารินี. พลวา ปุริโส ชิวฺหคฺเค เขฬปิณฺฑํ สํยูหิตฺวา อกสิเรเนว วเมยฺย. ทิวสํ สนฺตตฺเต อโยกฏาเห มํสเปสิ ปกฺขิตฺตา ขิปฺปํเยว ปฏิวิคจฺฉติ, น จิรฏฺิติกา โหติ. คาวี วชฺฌา อาฆาตนํ นียมานา ยํ ยเทว ปาทํ อุทฺธรติ, สนฺติเกว โหติ วธสฺส, สนฺติเกว มรณสฺส, เอวเมวํ โข, พฺราหฺมณ, โควชฺฌูปมํ ชีวิตํ มนุสฺสานํ ปริตฺตํ ลหุกํ พหุทุกฺขํ พหุปายาสํ มนฺตายํ โพทฺธพฺพํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ, จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ, นตฺถิ ชาตสฺส อมรณ’’นฺติ (อ. นิ. ๗.๗๔) –

เอวมาคตาหิ อิมาหิ สตฺตหิ อุปมาหิ อลงฺกตํ.

รตฺตินฺทิวนฺติ เอกํ รตฺตินฺทิวํ. ภควโต สาสนนฺติ อริยมคฺคปฏิเวธาวหํ สตฺถุ โอวาทํ. พหุํ วต เม กตํ อสฺสาติ พหุํ วต มยา อตฺตหิตํ ปพฺพชิตกิจฺจํ กตํ ภเวยฺย. ตทนฺตรนฺติ ตํ ขณํ ตตฺตกํ เวลํ. เอกํ ปิณฺฑปาตนฺติ เอกํ ทิวสํ ยาปนปฺปโหนกํ ปิณฺฑปาตํ. ทนฺธนฺติ มนฺทํ จิราย. อวิสฺสาสิโย อวิสฺสาสนีโย.

๑๗๖. จิตฺเต ธรนฺเตเยว สตฺตานํ ชีวิตโวหาโร, จิตฺตสฺส จ อติอิตฺตโร ขโณ ลหุปริวตฺติภาวโต. ยถาห ภควา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ลหุปริวตฺตํ, ยถยิทํ จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๘; กถา. ๓๓๕). ตสฺมา สตฺตานํ ชีวิตํ เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตา ลหุสํ อิตฺตรนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปรมตฺถโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ปรมตฺถโต’’ติ อิมินา ยายํ ‘‘โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสต’’นฺติอาทินา สตฺตานํ (ที. นิ. ๒.๗; สํ. นิ. ๑.๑๔๕; อ. นิ. ๗.๗๔) ชีวิตปฺปวตฺติ วุตฺตา, สา ปพนฺธวิสยตฺตา โวหารวเสนาติ ตํ ปฏิกฺขิปติ. ‘‘อติปริตฺโต’’ติ อิมินา –

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร ทฬฺหธมฺมา ธนุคฺคหา สุสิกฺขิตา กตหตฺถา กตูปาสนา จตุทฺทิสา ิตา อสฺสุ, อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ‘อหํ อิเมสํ…เป… กตูปาสนานํ จตุทฺทิสา กณฺเฑ ขิตฺเต อปฺปติฏฺิเต ปถวิยํ คเหตฺวา อาหริสฺสามี’ติ. ยถา จ, ภิกฺขเว, ตสฺส ปุริสสฺส ชโว, ยถา จ จนฺทิมสูริยานํ ชโว, ตโต สีฆตโร. ยถา จ, ภิกฺขเว, ตสฺส ปุริสสฺส ชโว, ยถา จ จนฺทิมสูริยานํ ชโว, ยถา จ ยา เทวตา จนฺทิมสูริยานํ ปุรโต ธาวนฺติ, ตาสํ เทวตานํ ชโว, ตโต สีฆตรํ อายุสงฺขารา ขียนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๒๘) –

เอวํ วุตฺตํ ปริตฺตมฺปิ ปฏิกฺขิปติ. ตตฺร หิ คมนสฺสาทานํ เทวปุตฺตานํ เหฏฺุปริเยน ปฏิมุขํ ธาวนฺตานํ สิรสิ, ปาเท จ พทฺธขุรธาราสนฺนิปาตโตปิ ปริตฺตโก รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส โส ขโณ วุตฺโต, จิตฺตสฺส ปน อติวิย ปริตฺตตโร, ยสฺส อุปมาปิ นตฺถิ. เตเนวาห ‘‘ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, อุปมาปิ น สุกรา, ยาว ลหุปริวตฺตํ จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๘). ชีวิตกฺขโณติ ชีวนกฺขโณ. เอกจิตฺตปฺปวตฺติมตฺโตเยว เอกสฺส จิตฺตสฺส ปวตฺติมตฺเตเนว สตฺตานํ ปรมตฺถโต ชีวนกฺขณสฺส ปริจฺฉินฺนตฺตา. อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย ปกาเสนฺโต ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปวตฺตมานนฺติ ปวตฺตนฺตํ. เอกจิตฺตกฺขณิกนฺติ เอกจิตฺตกฺขณมตฺตวนฺตํ. ตสฺมึ จิตฺเต นิรุทฺธมตฺเตติ เยน วตฺตมานจิตฺตกฺขเณน ‘‘ชีวตี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมึ จิตฺเต นิโรธํ ภงฺคํ ปตฺตมตฺเต ตํสมงฺคี สตฺโต นิรุทฺโธ มโตติ วุจฺจติ. วุตฺตเมวตฺถํ ปาฬิยา วิภาเวตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน ตีสุปิ กาเลสุ สตฺตานํ ปรมตฺถโต ชีวนํ นาม จิตฺตกฺขณวเสเนวาติ ทสฺเสติ.

ชีวิตนฺติ ชีวิตินฺทฺริยํ. สุขทุกฺขาติ สุขทุกฺขเวทนา. อุเปกฺขาปิ หิ สุขทุกฺขาสุ เอว อนฺโตคธา อิฏฺานิฏฺภาวโต. อตฺตภาโวติ ชีวิตเวทนาวิฺาณานิ เปตฺวา อวสิฏฺธมฺมา วุตฺตา. เกวลาติ อตฺตนา, นิจฺจภาเวน วา อโวมิสฺสา. เอกจิตฺตสมายุตฺตาติ เอเกเกน จิตฺเตน สหิตา. ลหุโส วตฺตติ ขโณติ วุตฺตนเยน เอกจิตฺตกฺขณิกตาย ลหุโก อติอิตฺตโร ชีวิตาทีนํ ขโณ วตฺตติ.

เย นิรุทฺธา มรนฺตสฺสาติ จวนฺตสฺส สตฺตสฺส จุติโต อุทฺธํ ‘‘นิรุทฺธา’’ติ วตฺตพฺพา เย ขนฺธา. ติฏฺมานสฺส วา อิธาติ เย วา อิธ ปวตฺติยํ ติฏฺนฺตสฺส ธรนฺตสฺส ภงฺคปฺปตฺติยา นิรุทฺธา ขนฺธา. สพฺเพปิ สทิสา เต สพฺเพปิ เอกสทิสา. กถํ? คตา อปฺปฏิสนฺธิกา ปุน อาคนฺตฺวา ปฏิสนฺธานาภาเวน วิคตา. ยถา หิ จุติขนฺธา น นิวตฺตนฺติ, เอวํ ตโต ปุพฺเพปิ ขนฺธา, ตสฺมา เอกจิตฺตกฺขณิกํ สตฺตานํ ชีวิตนฺติ อธิปฺปาโย.

อนิพฺพตฺเตน น ชาโตติ อนุปฺปนฺเนน จิตฺเตน ชาโต น โหติ อชาโต นาม โหติ. ปจฺจุปฺปนฺเนน วตฺตมาเนน จิตฺเตน ชีวติ ชีวมาโน นาม โหติ. จิตฺตภงฺคา มโต โลโกติ จุติจิตฺตสฺส วิย สพฺพสฺสปิ ตสฺส ตสฺส จิตฺตสฺส ภงฺคปฺปตฺติยา อยํ โลโก ปรมตฺถโต มโต นาม โหติ นิรุทฺธสฺส อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา. เอวํ สนฺเตปิ ปฺตฺติ ปรมตฺถิยา ยา ตํ ตํ ธรนฺตํ จิตฺตํ อุปาทาย ‘‘ติสฺโส ชีวติ, ผุสฺโส ชีวตี’’ติ วจนปฺปวตฺติยา วิสยภูตา สนฺตานปฺตฺติ, สา เอตฺถ ปรมตฺถิยา ปรมตฺถภูตา. ตถา หิ วทนฺติ ‘‘นามโคตฺตํ น ชีรตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๗๖).

๑๗๗. อฺตรฺตเรน อากาเรน. จิตฺตนฺติ กมฺมฏฺานารมฺมณํ จิตฺตํ. อาเสวนํ ลภตีติ ภาวนาเสวนํ ลภติ, พหิทฺธา วิกฺเขปํ ปหาย เอกตฺตวเสน มรณารมฺมณเมว โหตีติ. เตนาห ‘‘มรณารมฺมณา สติ สนฺติฏฺตี’’ติ. สภาวธมฺมานํ เภโท สภาวธมฺมคติโก เอวาติ อาห ‘‘สภาวธมฺมตฺตา ปน อารมฺมณสฺสา’’ติ. เตนาห ภควา ‘‘ชรามรณํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๒๐). สํเวชนียตฺตาติ สํเวคชนนโต มหาภูเตสุ มหาวิการตา วิย คยฺหมานา มรณํ อนุสฺสริยมานํ อุปรูปริ อุพฺเพคเมว อาวหตีติ ตตฺถ น ภาวนาจิตฺตํ อปฺเปตุํ สกฺโกติ. ยทิ สภาวธมฺมตฺตา อปฺปนํ น ปาปุณาติ, โลกุตฺตรชฺฌานํ เอกจฺจานิ อรูปชฺฌานานิ จ กถนฺติ อาห ‘‘โลกุตฺตรชฺฌานํ ปนา’’ติอาทิ. วิสุทฺธิภาวนานุกฺกมวเสนาติ เหฏฺิมวิสุทฺธิยา อานุภาเวน อธิคตาติสยาย ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิภาวนาย, สพฺพสงฺขาเรหิ นิพฺพินฺทนวิรชฺชนาทิวิสํโยคาธิมุตฺติอปฺปนาย จ ปฏิปกฺขภูตานํ ปาปธมฺมานํ วิคโมติ เอวํภูตสฺส วิสุทฺธิภาวนานุกฺกมสฺส วเสน โลกุตฺตรชฺฌานํ อปฺปนาปฺปตฺตเมว โหติ. อารมฺมณสมติกฺกมนมตฺตํ ตตฺถ โหตีติ อฺเสํ สภาวธมฺมารมฺมณกมฺมฏฺานานํ วิย จิตฺตสฺส สมาธาเน พฺยาปาโร นตฺถิ. ยถาสมาหิเตน ปน จิตฺเตน อารมฺมณสมติกฺกมนมตฺตเมว ภาวนาย กาตพฺพํ, ตสฺมา สภาวธมฺเมปิ อารุปฺปชฺฌานํ อปฺเปตีติ.

สตตํอปฺปมตฺโต โหติ สํเวคพหุลตฺตา, ตโต เอวสฺส สพฺพภเวสุ อนภิรติสฺาปฏิลาโภ. ชีวิตนิกนฺตึ ชหาติ มรณสฺส อวสฺสํภาวิตาทสฺสนโต. ปาปครหี โหติ อนิจฺจสฺาปฏิลาภโต, ตโต เอว อสนฺนิธิพหุลตา, วิคตมลมจฺเฉรตา จ. ตทนุสาเรนาติ อนิจฺจสฺาปริจยานุสาเรน. อภาวิตมรณาติ อภาวิตมรณานุสฺสรณา. อภโย อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ ปเคว มรณสฺาย สูปฏฺิตตฺตา.

กายคตาสติกถาวณฺณนา

๑๗๘. พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ เอตฺถาติ พุทฺธุปฺปาโท, พุทฺธานํ อุปฺปชฺชนกาโล, ตสฺมา. อฺตฺร ตํ เปตฺวา, อฺสฺมึ กาเลติ อตฺโถ. น ปวตฺตปุพฺพนฺติ อปวตฺตปุพฺพํ. ตโต เอว สพฺพติตฺถิยานํ อวิสยภูตํ. นนุ จ สุเนตฺตสตฺถาราทโย (อ. นิ. ๖.๕๔; ๗.๖๖, ๗๓), อฺเ จ ตาปสปริพฺพาชกา สรีรํ ‘‘อสุภ’’นฺติ ชานึสุ. ตถา หิ สุเมธตาปเสน สรีรํ ชิคุจฺฉนฺเตน วุตฺตํ –

‘‘ยนฺนูนิมํ ปูติกายํ, นานากุณปปูริตํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๘) –

อาทิ. กามํ โพธิสตฺตา, อฺเ จ ตาปสาทโย สรีรํ ‘‘อสุภ’’นฺติ ชานนฺติ, กมฺมฏฺานภาเวน ปน น ชานนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อฺตฺร พุทฺธุปฺปาทา’’ติอาทิ. สํเวคาย สํวตฺตติ ยาถาวโต กายสภาวปฺปเวทนโต. อตฺถายาติ ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถาย. โยคกฺเขมายาติ จตูหิ โยเคหิ เขมภาวาย. สติสมฺปชฺายาติ สพฺพตฺถ สติอวิปฺปวาสาย จ สตฺตฏฺานิยสมฺปชฺาย จ. าณทสฺสนปฏิลาภายาติ วิปสฺสนาาณาธิคมาย. วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยายาติ ติสฺโส วิชฺชา, จิตฺตสฺส อธิมุตฺติ นิพฺพานํ, จตฺตาริ สามฺผลานีติ เอเตสํ ปจฺจกฺขกรณาย. อมตสฺส นิพฺพานสฺส อธิคมเหตุตาย, อมตสทิสาตปฺปกสุขสหิตตาย จ กายคตาสติ ‘‘อมต’’นฺติ วุตฺตา. ปริภุฺชนฺตีติ ฌานสมาปชฺชเนน วฬฺชนฺติ. ปริหีนนฺติ ชินํ. วิรทฺธนฺติ อนธิคเมน วิรชฺฌิตํ. อารทฺธนฺติ สาธิตํ นิปฺผาทิตํ. อเนเกหิ อากาเรหิ เตสุ เตสุ สุตฺตนฺเตสุ ปสํสิตฺวา ยํ ตํ กายคตาสติกมฺมฏฺานํ นิทฺทิฏฺนฺติ สมฺพนฺโธ . กตฺถ ปน นิทฺทิฏฺนฺติ? กายคตาสติสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๑๕๓ อาทโย). ตตฺถ หิ ‘‘กถํ ภาวิตา จ ภิกฺขเว’’ติอาทินา อยํ เทสนา อาคตา. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, เกน ปกาเรน กายคตาสติภาวนา ภาวิตา, เกน จ ปกาเรน ปุนปฺปุนํ กตา อานาปานชฺฌานาทีนํ นิปฺผตฺติยา มหปฺผลา, เตสํ เตสํ วิชฺชาภาคิยานํ, อภิฺาสจฺฉิกรณียานฺจ ธมฺมานํ, อรติรติสหนตาทีนฺจ สํสิทฺธิยา มหานิสํสา จ โหตีติ? อานาปานปพฺพนฺติ อานาปานกมฺมฏฺานาวธิ. เอส นโย เสเสสุปิ.

ธาตุมนสิการกมฺมฏฺาเนน ยทิปิ อุปจารสมาธิ อิชฺฌติ, สมฺมสนวาโร ปน ตตฺถ สาติสโยติ ธาตุมนสิการปพฺพมฺปิ ‘‘วิปสฺสนาวเสน วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อยมฺปิ โข กาโย เอวํธมฺโม เอวํภาวี เอวํอนตีโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๗๙; ม. นิ. ๑.๑๑๒) ตตฺถ ตตฺถ อสุภานิจฺจตาทีหิ สทฺธึ กาเย อาทีนวสฺส วิภาวนวเสน เทสนาย อาคตตฺตา ‘‘นวสิวถิก…เป… วุตฺตานี’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ อุทฺธุมาตกาทีสูติ เอเตสุ สิวถิกปพฺเพสุ อาคตอุทฺธุมาตกาทีสุ. อานาปานสฺสติวเสนาติ อานาปานสฺสติภาวนาวเสน. โย อุปริ ‘‘กรีสํ มตฺถลุงฺค’’นฺติ มตฺถลุงฺคโกฏฺาโส คยฺหติ, ตํ อิธ ปาฬิยํ (ม. นิ. ๓.๑๕๔) อฏฺิมิฺเชเนว สงฺคณฺหิตฺวา เทสนา อาคตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มตฺถลุงฺคํ อฏฺิมิฺเชน สงฺคเหตฺวา’’ติ อาห . อิธาติ อิมสฺมึ อนุสฺสตินิทฺเทเส. กายํ คตา, กาเย วา คตา สติ กายคตาสตีติ สติสีเสน อิทํ ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ อธิปฺเปตนฺติ โยชนา.

๑๗๙. จตุมหาภูติกนฺติ จตุมหาภูตสนฺนิสฺสยํ. ปูติกายนฺติ ปูติภูตํ ปรมทุคฺคนฺธกายํ. านคมนาวตฺถํ สรีรํ สนฺธาย, ตสฺส วา อวยเวสุ สพฺพเหฏฺิมํ ปาทตลนฺติ วุตฺตํ ‘‘อุทฺธํ ปาทตลา’’ติ. ติริยํ ตจปริจฺฉินฺนนฺติ เอตฺถ นนุ เกสโลมนขานํ, ตจสฺส จ อตจปริจฺฉินฺนตา อตฺถีติ? กิฺจาปิ อตฺถิ, ตจปริจฺฉินฺนพหุลตาย ปน กายสฺส ตจปริจฺฉินฺนตา โหตีติ เอวํ วุตฺตํ. ตโจ ปริยนฺโต อสฺสาติ ตจปริยนฺโตติ เอเตน ปน วจเนน กาเยกเทสภูโต ตโจ คหิโต เอว, ตปฺปฏิพทฺธา จ เกสาทโย ตทนุปวิฏฺมูลา ตจปริยนฺตาว โหนฺตีติ ทฺวตฺตึสาการสมูโห สพฺโพปิ กาโย ตจปริยนฺโต วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

อตฺถีติ วจนวิปลฺลาเสน วุตฺตํ, นิปาตปทํ วา เอตํ. ตสฺมา ตีสุปิ สงฺขาสุ ตเทวสฺส รูปํ. เตนาห ‘‘สํวิชฺชนฺตี’’ติ. อกฺขรจินฺตเกหิ สรีเร กาย-สทฺทํ วณฺณนฺเตหิปิ อสุจิสมุทายภาเวเนว อิจฺฉิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสุจิสฺจยโต’’ติ วตฺวา ปุน นํ นิรุตฺตินเยน ทสฺเสตุํ ‘‘กุจฺฉิตาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อายภูตโตติ อุปฺปตฺติฏฺานภูตตฺตา. ‘‘ปูรํ นานปฺปการสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘เก ปน เต ปการา? เยหิ นานปฺปการํ อสุจิ วุตฺต’’นฺติ เต เกสาทิเก ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘เกสา โลมา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘เอเต เกสาทโย ทฺวตฺตึสาการา’’ติ. อาการา ปการาติ หิ เอโก อตฺโถติ. เอวํ สมฺพนฺโธติ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย นขา’’ติอาทินา สพฺพโกฏฺาเสสุ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย’’ติ ปทตฺตเยน สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.

ปริโตติ ติริยํ, สมนฺตโต วา ปาทตลเกสมูเลสุ จ ตจสฺส ลพฺภนโต. สุจิภาวนฺติ สุจิโน สพฺภาวํ, สุจิเมว วา.

๑๘๐. เยน วิธินา อุคฺคเห กุสโล โหติ, โส สตฺตวิโธ วิธิ ‘‘อุคฺคหโกสลฺล’’นฺติ วุจฺจติ, ตนฺนิพฺพตฺตํ วา าณํ. มนสิการโกสลฺเลปิ เอเสว นโย.

สชฺฌายนฺตา วาติ สชฺฌายํ กโรนฺตา เอว. เตสํ กิร จตฺตาโร มาเส สชฺฌายนฺตานํ สชฺฌายมคฺเคเนว โกฏฺาเส อุปธาเรนฺตานํ ปฏิปาฏิยา ทฺวตฺตึสาการา วิภูตตรา หุตฺวา ขายึสุ, ปฏิกฺกูลสฺา สณฺาสิ, เต ตสฺมึ นิมิตฺเต ฌานํ อปฺเปตฺวา ฌานปาทกํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ทสฺสนมคฺคํ ปฏิวิชฺฌึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘สชฺฌายนฺตา ว โสตาปนฺนา อเหสุ’’นฺติ.

ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ ตจปฺจกาทิวเสเนว ปริจฺเฉทํ กตฺวา. ปถวีธาตุพหุลภาวโต มตฺถลุงฺคสฺส กรีสาวสาเน ตนฺติอาโรปนมาห. เอตฺถ จ มํสํ, นฺหารุ, อฏฺิ, อฏฺิมิฺชํ วกฺกํ, วกฺกํ อฏฺิมิฺชํ, อฏฺิ, นฺหารุ, มํสํ, ตโจ, ทนฺตา, นขา, โลมา, เกสาติ เอวํ วกฺกปฺจกาทีสุ อนุโลมสชฺฌายํ วตฺวา ปฏิโลมสชฺฌาโย ปุริเมหิ สมฺพนฺโธ วุตฺโต. สฺวายํ สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๓๕๖) วิสุํ ติปฺจาหํ, ปุริเมหิ เอกโต ติปฺจาหนฺติ ฉปฺจาหํ สชฺฌาโย วุตฺโต, ตตฺถ อาทิอนฺตทสฺสนวเสน วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. อนุโลมปฏิโลมสชฺฌาเยปิ หิ ปฏิโลมสชฺฌาโย อนฺติโม โหติ, สชฺฌายปฺปการนฺตรํ วา เอตมฺปีติ เวทิตพฺพํ.

หตฺถสงฺขลิกาติ องฺคุลิปนฺติมาห.

มนสา สชฺฌาโยติ จิตฺเตน จินฺตนมาห, ยํ มานสํ ‘‘ชปฺปน’’นฺติ วุจฺจติ, สมฺมเทว อชฺฌาโยติ วา สชฺฌาโย, จินฺตนนฺติ อตฺโถ. จิรตรํ สุฏฺุ ปวตฺตเนน ปคุณภูตา กมฺมฏฺานตนฺติ สมาวชฺชิตฺวา มนสิ กโรนฺตสฺส อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา กตฺถจิ อสชฺชมานา นิรนฺตรเมว อุปฏฺาติ, ตทนุสาเรน ตทตฺโถปิ วิภูตตโร หุตฺวา ขายตีติ อาห ‘‘วจสา สชฺฌาโย หิ…เป… ปฏิเวธสฺส ปจฺจโย โหตี’’ติ. ลกฺขณปฏิเวธสฺสาติ อสุภลกฺขณปฏิเวธสฺส.

ปฏิกฺกูลสภาวสลฺลกฺขณสฺส กสฺสจิ วณฺณคฺคหณมุเขน โกฏฺาสา ววตฺถานํ คจฺฉนฺติ, กสฺสจิ สณฺานคฺคหณมุเขน, กสฺสจิ ทิสาวิภาคคฺคหณมุเขน, กสฺสจิ ปติฏฺิโตกาสคฺคหณมุเขน, กสฺสจิ สพฺพโส ปริจฺฉิชฺชคฺคหณมุเขนาติ วณฺณาทิโต สลฺลกฺขณํ อุคฺคหโกสลฺลาวหํ วุตฺตนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เกสาทีนํ วณฺโณ ววตฺถเปตพฺโพ’’ติอาทิมาห.

อตฺตโน ภาโค สภาโค, สภาเคน ปริจฺเฉโท สภาคปริจฺเฉโท, เหฏฺุปริติริยปริยนฺเตหิ, สโกฏฺาสิกเกสนฺตราทีหิ จ ปริจฺเฉโทติ อตฺโถ. อมิสฺสกตาวเสนาติ โกฏฺาสนฺตเรหิ อโวมิสฺสกตาวเสน. อสภาโค หิ อิธ ‘‘วิสภาโค’’ติ อธิปฺเปโต, น วิรุทฺธสภาโค. สฺวายมตฺโถ เกสาทิสทฺทโต เอว ลพฺภติ. สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทตีติ ‘‘เกสา’’ติ วุตฺเต ‘‘อเกสา น โหนฺตี’’ติ อยมตฺโถ วิฺายติ. เก ปน เต อเกสา? โลมาทโย, น จ ฆฏาทีสุ ปสงฺโคปกรเณเนว เตสํ นิวตฺติตตฺตา.

ปฏิกฺกูลวเสเนว กถิตํ ธาตุวิภาคสฺส สามฺโตปิ อคหิตตฺตา. ตตฺเถว วิสุํ ธาตุกมฺมฏฺานสฺส กถิตตฺตา จ ธาตุวิภงฺโค ปกฺกุสาติสุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๓๔๒) วิภงฺคปฺปกรเณ ธาตุวิภงฺคปาฬิ (วิภ. ๑๗๒ อาทโย) จ. ยสฺส วณฺณโต อุปฏฺาติ เกสาทิ, ตํ ปุคฺคลํ สนฺธาย ฌานานิ เกสาทีสุ วณฺณกสิณารมฺมณานิ วิภตฺตานิ. ตฺวา อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ยทตฺถํ วุตฺตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ธาตุวเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ ปฏิกฺกูลมนสิการปพฺเพ. กายคตาสติสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๑๕๓ อาทโย) หิ ปฏิกฺกูลมนสิการปพฺพํ คเหตฺวา อิธ กายคตาสติภาวนา นิทฺทิสียติ.

๑๘๑. น เอกนฺตริกายาติ เอกนฺตริกายปิ น มนสิ กาตพฺพํ, ปเคว ทฺวนฺตริกาทินาติ อธิปฺปาโย. น ภาวนํ สมฺปาเทติ, ลกฺขณปฏิเวธํ น ปาปุณาติ เอกนฺตริกาย มนสิ กโรนฺโตติ สมฺพนฺโธ.

โอกฺกมนวิสฺสชฺชนนฺติ ปฏิปชฺชิตพฺพวิสฺสชฺเชตพฺเพ มคฺเค. ปุจฺฉิตฺวาว คนฺตพฺพํ โหติ คเหตพฺพวิสฺสชฺเชตพฺพฏฺานสฺส อสลฺลกฺขณโต. กมฺมฏฺานํ ปริโยสานํ ปาปุณาตีติ อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา มนสิการมตฺตํ โหตีติ อธิปฺปาโย. อวิภูตํ ปน โหติ ปฏิกฺกูลาการสฺส สุฏฺุ อสลฺลกฺขณโต. ตโต เอว น วิเสสํ อาวหติ.

กมฺมฏฺานํ ปริโยสานํ น คจฺฉตีติ ปฏิปาฏิยา สพฺพโกฏฺาเส มนสิ กโรโตเยว วิภูตา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. เต สาติสยํ ปาฏิกฺกูลโต มนสิ กโรนฺตสฺส กมฺมฏฺานํ ปริโยสานํ คจฺเฉยฺย, อิมสฺส ปน อติวิย ทนฺธํ มนสิ กโรโต วิภูตโต อุปฏฺานเมว นตฺถิ, กุโต ปฏิกฺกูลตาย สณฺานํ. เตนาห ‘‘วิเสสาธิคมสฺส ปจฺจโย น โหตี’’ติ.

พหิทฺธาปุถุตฺตารมฺมเณติ ‘‘อสุจิ ปฏิกฺกูล’’นฺติ เกสาทีสุ ปวตฺเตตพฺพํ อสุภานุปสฺสนํ หิตฺวา สุภาทิวเสน คยฺหมานา เกสาทโยปิ อิธ ‘‘พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณเมวา’’ติ เวทิตพฺพา. รูปาทโย หิ นีลาทิวเสน ปุถุสภาวตาย ปุถุตฺตารมฺมณํ นาม, นานารมฺมณนฺติ อตฺโถ. อสมาธานํ เจตโส วิรูโป เขโปติ วิกฺเขโป. โส สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา สกฺกจฺจํ กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺเตน ปฏิพาหิตพฺโพ. ปริหายตีติ หายติ. ปริธํสตีติ วินสฺสติ.

ยาอยํ เกสา โลมาติอาทิกา โลกสงฺเกตานุคตา. ปณฺณตฺตีติ อฏฺ ธมฺเม อุปาทาย ปณฺณตฺติ. ตํ เกสาทิปณฺณตฺตึ. อติกฺกมิตฺวาติ ปฏิกฺกูลภาวนาย อติกฺกมิตฺวา อุคฺฆาเฏตฺวา. ตสฺสา อุคฺฆาฏิตตฺตา ตสฺมึ ตสฺมึ โกฏฺาเส ปฏิกฺกูลโต อุปฏฺหนฺเต ‘‘ปฏิกฺกูล’’นฺติ จิตฺตํ เปตพฺพํ. อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวนฺโต ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาห. ตตฺริทํ อุปมาสํสนฺทนํ – มนุสฺสา วิย โยคาวจโร. อุทปานํ วิย โกฏฺาสา. ตาลปณฺณาทิสฺาณํ วิย เกสาทิปฺตฺติ. เตน มนุสฺสานํ อุทปาเน นฺหานปิวนาทิ วิย โยคาวจรสฺส ปุพฺพภาเค เกสา โลมาติ ปณฺณตฺติวเสน มนสิกาโร. อภิณฺหสฺจาเรน มนุสฺสานํ สฺาเณน วินา อุทปาเน กิจฺจกรณํ วิย โยคาวจรสฺส มนสิการพเลน ปณฺณตฺตึ อติกฺกมิตฺวา ปฏิกฺกูลภาเวเยว จิตฺตํ เปตฺวา ภาวนานุโยโค. ปุพฺพภาเค…เป… ปากโฏ โหตีติ ‘‘เกสา โลมา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๑๕๔) ภาวนมนุยุฺชนฺตสฺส เกสาทิปฺตฺติยา สทฺธึเยว โกฏฺาสานํ ปฏิกฺกูลภาโว ปุพฺพภาเค ปากโฏ โหติ. อถาติ ปจฺฉา ภาวนาย วีถิปฏิปนฺนกาเล. ปฏิกฺกูลภาเวเยว จิตฺตํ เปตพฺพนฺติ โกฏฺาสานํ ปฏิกฺกูลากาเรเยว ภาวนาจิตฺตํ ปวตฺเตตพฺพํ.

อนุปุพฺเพน มุฺจนํ อนุปุพฺพมุฺจนํ, อนุปฏฺหนฺตสฺส อนุปฏฺหนฺตสฺส มุฺจนนฺติ อตฺโถ. กถํ ปน อนุปฏฺานํ โหตีติ อาห ‘‘อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติอาทิ. ปริโยสานโกฏฺาสเมว อาหจฺจ ติฏฺตีติ อิทํ กมฺมฏฺานํ ตนฺติอนุสาเรน อาทิโต กมฺมฏฺานมนสิกาโร ปวตฺตตีติ กตฺวา วุตฺตํ. ตถา หิสฺส มนสา สชฺฌาโย วิย มนสิกาโร เต เต โกฏฺาเส อามฏฺมตฺเต กตฺวา คจฺฉติ, น ลกฺขณสลฺลกฺขณวเสน. ยทา ปน เน ลกฺขณสลฺลกฺขณวเสน สุฏฺุ อุปธาเรนฺโต มนสิ กโรติ, ตทา เกจิ อุปฏฺหนฺติ, เกจิ น อุปฏฺหนฺติ. ตตฺถ ปฏิปชฺชนวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กมฺมนฺติ มนสิการกมฺมํ ตาว กาตพฺพํ. กีว จิรนฺติ? ยาว ทฺวีสุ อุปฏฺิเตสุ, เตสมฺปิ ทฺวินฺนํ เอโก สุฏฺุตรํ อุปฏฺหติ ตาว.

อุกฺกุฏฺุกฺกุฏฺิฏฺาเนเยวอุฏฺหิตฺวาติ ปุพฺเพ วิย เอกตฺถกตาย อุกฺกุฏฺิยา กเมน สพฺพตาเลสุ ปติตฺวา อุฏฺหิตฺวา อุฏฺหิตฺวา ปริยนฺตตาลํ , อาทิตาลฺจ อาคนฺตฺวา ตโต ตโต ตตฺถ ตตฺเถว กตาย อุกฺกุฏฺิยา อุฏฺหิตฺวาติ อตฺโถ.

ทฺเว ภิกฺขาติ ทฺวีสุ เคเหสุ ลทฺธภิกฺขา.

อปฺปนาโตติ อปฺปนาการโต ทฺวตฺตึสากาเร อปฺปนา โหนฺติ. กึ ปจฺเจกํ โกฏฺาเสสุ โหติ อุทาหุ อฺถาติ วิจารณายํ อาห ‘‘อปฺปนาโกฏฺาสโต’’ติ, โกฏฺาสโต โกฏฺาสโตติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เกสาทีสู’’ติอาทิ.

อธิจิตฺตนฺติ สมถวิปสฺสนาจิตฺตํ.

อนุยุตฺเตนาติ ยุตฺตปฺปยุตฺเตน, ภาเวนฺเตนาติ อตฺโถ. กาเลนกาลนฺติ กาเล กาเล. สมาธินิมิตฺตํ อุปลกฺขิตสมาธานากาโร สมาธิ เอว. มนสิ กาตพฺพนฺติ จิตฺเต กาตพฺพํ, อุปฺปาเทตพฺพนฺติ อตฺโถ. สมาธิการณํ วา อารมฺมณํ สมาธินิมิตฺตํ, ตํ อาวชฺชิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปคฺคหนิมิตฺตอุเปกฺขานิมิตฺเตสุปิ เอเสว นโย. านํ อตฺถีติ วจนเสโส. ตํ ภาวนา จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย, เอตสฺส สํวตฺตนสฺส านํ การณํ อตฺถีติ อตฺโถ. ตํ วา มนสิกรณจิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย, เอตสฺส านํ การณํ อตฺถีติ อตฺโถ. มุทุนฺติ สุภาวิตภาเวน มุทุภูตํ, วสีภาวปฺปตฺตนฺติ อตฺโถ. มุทุตฺตา เอว กมฺมฺํ กมฺมกฺขมํ กมฺมโยคฺคํ. ปภสฺสรนฺติ อุปกฺกิเลสวิคเมน ปริสุทฺธํ, ปริโยทาตนฺติ อตฺโถ. น จ ปภงฺคูติ กมฺมนิยภาวูปคมเนน น จ ปภิชฺชนสภาวํ สุทฺธนฺตํ วิย สุวณฺณํ วินิโยคกฺขมํ. เตนาห ‘‘สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยายา’’ติ.

อุกฺกํ พนฺธตีติ มูสํ สมฺปาเทติ. อาลิมฺเปตีติ อาทีเปติ ชาเลติ. ตฺจาติ ตํ ปิฬนฺธนวิกติสงฺขาตํ อตฺถํ ปโยชนํ อสฺส สุวณฺณการสฺส อนุโภติ ปโหติ สาเธติ. อสฺส วา สุวณฺณสฺส อตฺถํ สุวณฺณกาโร อนุโภติ ปาปุณาติ.

อภิฺาย อิทฺธิวิธาทิาเณน สจฺฉิกรณียสฺส อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิกสฺส อภิฺา สจฺฉิกรณียสฺส. ยสฺส ปจฺจกฺขํ อตฺถิ, โส สกฺขิ. สกฺขิโน ภพฺพตา สกฺขิภพฺพตา, สกฺขิภวนนฺติ วุตฺตํ โหติ. สกฺขิ จ โส ภพฺโพ จาติ วา สกฺขิภพฺโพ. อยฺหิ อิทฺธิวิธาทีนํ ภพฺโพ, ตตฺถ จ สกฺขีติ สกฺขิภพฺโพ, ตสฺส ภาโว สกฺขิภพฺพตา, ตํ ปาปุณาติ. สติ สติ อายตเนติ ตสฺมึ ตสฺมึ ปุพฺพเหตุอาทิเก การเณ สติ.

สีติภาวนฺติ นิพฺพานํ, กิเลสทรถวูปสมํ วา. นิคฺคณฺหาตีติ อุทฺธฏํ จิตฺตํ อุทฺธจฺจปาตโต รกฺขณวเสน นิคฺคณฺหาติ. ปคฺคณฺหาตีติ ลีนํ จิตฺตํ โกสชฺชปาตโต รกฺขณวเสน ปคฺคณฺหาติ. สมฺปหํเสตีติ สมปฺปวตฺตํ จิตฺตํ ตถาปวตฺติยํ ปฺาย โตเสติ, อุตฺเตเชติ วา. ยทา วา นิรสฺสาทํ จิตฺตํ ภาวนาย น ปกฺขนฺทติ, ตทา ชาติอาทีนิ สํเวควตฺถูนิ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๔๑๘; อิติวุ. อฏฺ. ๓๗) ปจฺจเวกฺขิตฺวา สมฺปหํเสติ สมุตฺเตเชติ. อชฺฌุเปกฺขตีติ ยทา ปน จิตฺตํ อลีนํ อนุทฺธตํ สมฺมเทว ภาวนาวีถึ โอติณฺณํ โหติ, ตทา ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ กฺจิ พฺยาปารํ อกตฺวา สมปฺปวตฺเตสุ ยุเคสุ สารถิ วิย อชฺฌุเปกฺขติ อุเปกฺขโกว โหติ. ปณีตาธิมุตฺติโกติ ปณีเต อุตฺตเม มคฺคผเล อธิมุตฺโต นินฺนโปณปพฺภาโร.

สุคฺคหิตํ กตฺวาติ ยถาวุตฺตํ อุคฺคหโกสลฺลสงฺขาตํ วิธึ สุฏฺุ อุคฺคหิตํ ปริยาปุณนาทินา สุปริคฺคหิตํ กตฺวา. สุฏฺุ ววตฺถเปตฺวาติ มนสิการโกสลฺลสงฺขาตํ วิธึ สมฺมเทว สลฺลกฺขณวเสน อุปธาเรตฺวา. วิเสสนฺติ ปุพฺเพนาปรํ ภาวนาย วิเสสํ. ปุนปฺปุนํ ปริวตฺเตตฺวาติ กมฺมฏฺานตนฺตึ ปคุณภาวํ ปาเปนฺโต ภิยฺโย ภิยฺโย วาจาย, มนสา จ ปริวตฺเตตฺวา. คณฺิฏฺานนฺติ ยถา รุกฺขสฺส ทุพฺพินิเภโท อรฺสฺส วา คหนภูโต ปเทโส ‘‘คณฺิฏฺาน’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ กมฺมฏฺานตนฺติยา อตฺถโต ทุพฺพินิเภโท คหนภูโต จ ปเทโส ‘‘คณฺิฏฺาน’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปริปุจฺฉนาทิลทฺเธน าณผรสุนา ฉินฺทิตฺวา.

นิมิตฺตนฺติ กมฺมฏฺานนิมิตฺตํ, อสุภากาโร. เอทิเสน ปโยชเนน ลุฺจนมฺปิ อนวชฺชนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ลุฺจิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ฉินฺนฏฺาเนติ มุณฺฑิตฏฺาเน. วฏฺฏติเยว นิสฺสรณชฺฌาสเยน โอโลกนโต. อุสฺสทวเสนาติ อผลิตานํ, ผลิตานํ วา พหุลตาวเสน. ทิสฺวาว นิมิตฺตํ คเหตพฺพํ ทสฺสนโยคฺยตาย ตจปฺจกสฺส, อิตเรสุ สุตฺวา จ ตฺวา จ นิมิตฺตํ คเหตพฺพํ.

โกฏฺาสววตฺถาปนกถาวณฺณนา

๑๘๒. อทฺทาริฏฺกวณฺณาติ อภินวาริฏฺผลวณฺณา. กณฺณจูฬิกาติ อุปริกณฺณสกฺขลิกาย ปรภาคํ สนฺธาย วุตฺตํ. ติริยํ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺนา, กถํ? ทฺเว เกสา เอกโต นตฺถีติ.

อาสโยติ นิสฺสโย, ปจฺจโยติ อตฺโถ.

๑๘๔. อสมฺภินฺนกาฬกา อฺเน วณฺเณน อสมฺมิสฺสกาฬกา.

๑๘๕. ปตฺตสทิสตฺตา นขา เอว นขปตฺตานิ. นขา ติริยํ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺนาติ วิสุํ ววตฺถิตตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตเมว หิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทฺเว นขา เอกโต นตฺถี’’ติ อาห.

๑๘๖. ทนฺตปาฬิยาติ ทนฺตาวลิยา. ยานกอุปตฺถมฺภินีติ สกฏสฺส ธุรฏฺาเน อุปตฺถมฺภกทณฺโฑ. ทนฺตานํ อาธารภูตา อฏฺิ หนุกฏฺิ.

๑๘๗. สงฺกฑฺฒิยมานาติ สมฺปิณฺฑิยมานา. โกสการกโกโส อุปลฺลิณฺฑุโปฏฺฏลกํ, ยํ ‘‘โกเสยฺยผล’’นฺติปิ วุจฺจติ. ปุฏพนฺธอุปาหโน สกลปิฏฺิปาทจฺฉาทนอุปาหโน. อานิสทํ อาสนปเทโส. ตูณิโร สราวาโส. คลกฺจุกํ กณฺตฺตาณํ. กีฏกุลาวกํ ขรมุขกุฏิ.

อนุโลเมน ปฏิโลเมน จาติ เอตฺถ อํสปเทสโต ปฏฺาย พาหุโน ปิฏฺิปเทเสน โอตรณํ อนุโลโม, มณิพนฺธโต ปฏฺาย พาหุโน ปุริมภาเคน อาโรหนํ ปฏิโลโม. เตเนว นเยนาติ ทกฺขิณหตฺเถ วุตฺเตน นเยน อนุโลเมน ปฏิโลเมน จาติ อตฺโถ. สุขุมมฺปีติ ยถาวุตฺตโอฬาริกจมฺมโต สุขุมํ. อนฺโตมุขจมฺมาทิโกฏฺาเสสุ วา ตเจน ปริจฺฉินฺนตฺตา ยํ ทุรุปลกฺขณียํ, ตํ ‘‘สุขุม’’นฺติ วุตฺตํ. ตฺหิ วุตฺตนเยน าเณน ตจํ วิวริตฺวา ปสฺสนฺตสฺส ปากฏํ โหติ. อิธ ฉวิปิ ตจคติกา เอวาติ ‘‘ตโจ อุปริ อากาเสน ปริจฺฉินฺโน’’ติ วุตฺโต.

๑๘๘. นิสทโปโต สิลาปุตฺตโก. อุทฺธนโกฏีติ มตฺติกาปิณฺเฑน กตอุทฺธนสฺส โกฏิ. ตาลคุฬปฏลํ นาม ปกฺกตาลผลลสิกํ ตาลปฏฺฏิกาทีสุ ลิมฺปิตฺวา สุกฺขาเปตฺวา อุทฺธริตฺวา คหิตปฏลํ. สุขุมนฺติ ยถาวุตฺตมํสโต สุขุมํ. ปณฺหิกมํสาทิถูลานํ สกลสรีรสฺส กิสานํ เยภุยฺเยน มํเสน ปฏิจฺฉาทิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ติริยํ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺน’’นฺติ.

๑๘๙. ชาลากาโร กฺจุโก ชาลกฺจุโก. วิสุํ ววตฺถิตภาเวเนว นฺหารู ติริยํ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺนา.

๑๙๐. ทนฺตานํ วิสุํ คหิตตฺตา ‘‘เปตฺวา ทฺวตฺตึส ทนฺตฏฺีนี’’ติ วุตฺตํ. เอกํ ชณฺณุกฏฺิ, เอกํ อูรุฏฺีติ เอก-คฺคหณํ ‘‘เอเกกสฺมึ ปาเท’’ติ อธิกตตฺตา. เอวํ ติมตฺตานีติ เอวํ มตฺตสทฺเทหิ อานิสทฏฺิอาทีนิ อิธ อวุตฺตานิปิ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘อติเรกติสตอฏฺิกสมุสฺสย’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๒) อิทฺจ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ.

กีฬาโคฬกานิ สุตฺเตน พนฺธิตฺวา อฺมฺํ ฆฏฺเฏตฺวา กีฬนโคฬกานิ. ธนุกทณฺโฑ ทารกานํ กีฬนกขุทฺทกธนุกํ. ตตฺถ ชงฺฆฏฺิกสฺส ปติฏฺิตฏฺานนฺติ ชณฺณุกฏฺิมฺหิ ปวิสิตฺวา ิตฏฺานนฺติ อธิปฺปาโย. เตน อูรุฏฺินา ปติฏฺิตํ านํ ยํ กฏิฏฺิโน, ตํ อคฺคจฺฉินฺนมหาปุนฺนาคผลสทิสํ.

กุมฺภกาเรน นิปฺผาทิตํ อุทฺธนํ กุมฺภการิกอุทฺธนํ. สีสกปฏฺฏเวกํ เวเตฺวา ปิตํ สีสมยํ ปฏฺฏกํ. เยน สุตฺตํ กนฺตนฺติ, ตสฺมึ ตกฺกมฺหิ วิชฺฌิตฺวา ปิตโคฬกา วฏฺฏนา นาม, วฏฺฏนานํ อาวฬิ วฏฺฏนาวฬิ.

มณฺฑลากาเรน ฉินฺนวํสกฬีรขณฺฑานิ วํสกฬีรจกฺกลกานิ. อวเลขนสตฺถกํ อุจฺฉุตจาวเลขนสตฺถกํ.

๑๙๒. วกฺกภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ วกฺกปริยนฺเตน ภาเคน ปริจฺฉินฺนํ. อิโต ปเรสุปิ เอวรูเปสุ เอเสว นโย.

๑๙๓. ยํนิสฺสายาติ ยํ โลหิตํ นิสฺสาย, นิสฺสยนิสฺสโยปิ ‘‘นิสฺสโย’’ตฺเวว วุจฺจติ. ภวติ หิ การณการเณปิ การณโวหาโร ยถา ‘‘โจเรหิ คาโม ทฑฺโฒ’’ติ. อถ วา ยสฺมึ รูปกลาเป หทยวตฺถุ , ตมฺปิ โลหิตคติกเมว หุตฺวา ติฏฺตีติ ‘‘ยํ นิสฺสายา’’ติ วุตฺตํ.

๑๙๔. ปณฺฑุกธาตุกนฺติ ปณฺฑุสภาวํ.

๑๙๕. ปริโยนหนมํสนฺติ ปฏิจฺฉาทกมํสํ.

๑๙๖. อุทรชิวฺหามํสนฺติ ชิวฺหาสณฺานํ อุทรสฺส มตฺถกปสฺเส ติฏฺนกมํสํ. ‘‘นีล’’นฺติ วตฺวา นีลํ นาม พหุธาตุกนฺติ อาห ‘‘นิคฺคุณฺฑิปุปฺผวณฺณ’’นฺติ.

๑๙๗. ปปฺผาสมํสนฺติ ยถาาเน เอว ลมฺพิตฺวา โถกํ ปริวตฺตกมํสํ. นิรสนฺติ นิหีนรสํ. นิโรชนฺติ นิปฺปภํ, โอชารหิตํ วา.

๑๙๘. โอภคฺคาติ อวภุชิตฺวา ิตา. สกฺขรสุธาวณฺณนฺติ มรุมฺเพหิ กตสุธาวณฺณํ. ‘‘เสตสกฺขรสุธาวณฺณ’’นฺติปิ ปาโ, เสตสกฺขรวณฺณํ, สุธาวณฺณฺจาติ อตฺโถ.

๑๙๙. อนฺตสฺส อาภุชิตฺวา อาภุชิตฺวา ิตปฺปเทสา อนฺตโภคฏฺานานิ. เตสํ พนฺธนภูตํ อนฺตคุณํ นามาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อนฺตคุณนฺติ อนฺตโภคฏฺาเนสุ พนฺธน’’นฺติ. กุทฺทาลผรสุกมฺมาทีนิ กโรนฺตานํ อนฺตโภเค อคฬนฺเต เอกโต อาพนฺธิตฺวา, กึ วิย? ยนฺตสุตฺตกมิว ยนฺตผลกานีติ. กิมิว ตตฺถ ิตนฺติ อาห ‘‘ปาทปุฺฉน…เป… ิต’’นฺติ. ปุริมฺเจตฺถ อาพนฺธนสฺส, ทุติยํ านาการสฺส นิทสฺสนนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๒๐๐. อสิตํ นาม ภุตฺตํ โอทนาทิ. ปีตํ นาม ปิวนวเสน อชฺโฌหฏปานกาทิ. ขายิตํ นาม สํขาทิตํ ปิฏฺมูลผลขชฺชาทิ. สายิตํ นาม อสฺสาทิตํ อมฺพปกฺกมธุผาณิตาทิ.

ยตฺถาติ ยสฺมึ อุทเร. นฺติ จ อุทรเมว ปจฺจามสติ. ยตฺถ ปานโภชนาทีนิ ปติตฺวา ติฏฺตีติ สมฺพนฺโธ. สุวานวมถุ สารเมยฺยวนฺตํ. วิเวกนฺติ วิภาคํ.

๒๐๑. เหฏฺานาภิปิฏฺิกณฺฏกมูลานํอนฺตเรติ ปุริมภาควเสน นาภิยา เหฏฺาปเทสสฺส ปจฺฉิมภาควเสน เหฏฺิมปิฏฺิกณฺฏกานํ เวมชฺเฌ. เวฬุนาฬิกสทิโส ปเทโสติ อธิปฺปาโย.

๒๐๒. สโมหิตนฺติ นิจิตํ.

๒๐๔. ปูติภาวํ อาปนฺนํ กุกฺกุฏณฺฑํ ปูติกุกฺกุฏณฺฑํ. อุทฺเทโก ปิตฺตาทีหิ วินา เกวโล อุทฺธงฺคมวาโต.

๒๐๕. อาจาโม อวสฺสาวนกฺชิกํ.

๒๐๖. วกฺกหทยยกนปปฺผาเส เตมยมานนฺติ เอตฺถ ยกนํ เหฏฺาภาคปูรเณเนว เตเมติ, อิตรานิ เตสํ อุปริ โถกํ โถกํ ปคฺฆรเณนาติ ทฏฺพฺพํ.

๒๐๗. อุตุวิกาโร อุณฺหวลาหกาทิเหตุโก. วิสมจฺฉินฺโน ภิสาทิกลาโป วิสมํ อุทกํ ปคฺฆรติ, เอวเมวํ สรีรํ เกสกูปาทิวิวเรหิ อุปริ, เหฏฺา, ติริยฺจ เสทํ วิสมํ ปคฺฆรตีติ ทสฺเสตุํ วิสมจฺฉินฺน-คฺคหณํ กตํ.

๒๐๘. วิสมาหารนฺติ ตทาปวตฺตมานสรีราวตฺถาย อสปฺปายาหารํ, อติกฏุกอจฺจุณฺหาทิวิสภาคาหารํ วา. สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๓๕๖) ปน ‘‘วิสภาคาหาร’’นฺตฺเวว วุตฺตํ ตทา ปวตฺตมานานํ ธาตูนํ วิสภาคตฺตา.

๒๐๙. ‘‘นฺหานกาเล’’ติ อิทํ อุทกสฺส อุปริ สิเนหสฺส สมฺภวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปริพฺภมนฺตสิเนหพินฺทุวิสฏสณฺานาติ วิสฏํ หุตฺวา ปริพฺภมนฺตสิเนหพินฺทุสณฺานา. อุตุวิสภาโค พหิทฺธาสมุฏฺาโน. ธาตุวิสภาโค อนฺโตสมุฏฺาโน. เต ปเทสาติ เต หตฺถตลาทิปเทสา.

๒๑๐. กิฺจีติ อุณฺหาทิรสานํ อฺตรํ อาหารวตฺถุ. เนสนฺติ สตฺตานํ. หทยํ อาคิลายตีติ วิสภาคาหาราทึ ปฏิจฺจ หทยปฺปเทโส วิวตฺตติ.

๒๑๑. ทธิโน วิสฺสนฺทนอจฺฉรโส ทธิมุตฺตํ. คฬิตฺวาติ สนฺทิตฺวา. ตาลุมตฺถกวิวเรน โอตริตฺวาติ มตฺถกวิวรโต อาคนฺตฺวา ตาลุมตฺถเกน โอตริตฺวา.

๒๑๒. เตลํ วิย สกฏสฺส นาภิอกฺขสีสานํ อฏฺิสนฺธีนํ อพฺภฺชนกิจฺจํ สาธยมานา. กฏกฏายนฺตีติ ‘‘กฏ กฏา’’ติ สทฺทํ กโรนฺติ. อนุรวทสฺสนํ เหตํ. ทุกฺขนฺตีติ ทุกฺขิตานิ สฺชาตทุกฺขานิ โหนฺติ.

๒๑๓. สมูลกูลมาสํ ฌาเปตฺวา ฉาริกํ อวสฺสาเวตฺวา คหิตยูโส มาสขาโร. อุจฺฉิฏฺโทกคพฺภมลาทีนํ ฉฑฺฑนฏฺานํ จนฺทนิกา. รวณฆฏํ นาม ปกติยา สมฺมุขเมว โหติ. ยสฺส ปน อารคฺคมตฺตมฺปิ อุทกสฺส ปวิสนมุขํ นตฺถิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อมุเข รวณฆเฏ’’ติ วุตฺตํ. อายูหนนฺติ สมีหนํ.

๒๑๔. เอวฺหีติอาทิ ยถาวุตฺตาย อุคฺคหโกสลฺลปฏิปตฺติยา นิคมนํ. อิทานิ ยถาวุตฺตํ มนสิการโกสลฺลปฏิปตฺติมฺปิ นิคมนวเสน คเหตฺวา กมฺมฏฺานํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อนุปุพฺพโต’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ปณฺณตฺติสมติกฺกมาวสาเนติ เกสาทิปณฺณตฺติสมติกฺกมวเสน ปวตฺตาย ภาวนาย อวสาเน. อปุพฺพาปริยมิวาติ เอกชฺฌมิว. เกสาติ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เอวมาทินา อิมินา ปกาเรน วาติ อตฺโถ. เต ธมฺมาติ วณฺณาทิวเสน ววตฺถาปิตา ปฏิกฺกูลาการโต อุปฏฺิตา โกฏฺาสธมฺมา.

พหิทฺธาปีติ สสนฺตานโต พหิปิ, ปรสนฺตานกาเยปีติ อตฺโถ. มนสิการํ อุปสํหรตีติ ยถาวุตฺตํ ปฏิกฺกูลมนสิการํ อุปเนติ. ยถา อิทํ, ตถา เอตนฺติ. เอวํ สพฺพโกฏฺาเสสุ ปากฏีภูเตสูติ ยถา อตฺตโน กาเย, เอวํ ปเรสมฺปิ กาเย สพฺเพสุ เกสาทิโกฏฺาเสสุ ปฏิกฺกูลวเสน วิภูตภาเวน อุปฏฺิเตสูติ อตฺโถ. อยเมตฺถ กสิเณสุ วฑฺฒนสทิโส โยคิโน ภาวนาวิเสโส ทสฺสิโต.

อนุปุพฺพมุฺจนาทีติ อาทิ-สทฺเทน สุตฺตนฺตนเยน วิภาวิตํ วีริยสมตาโยชนํ สงฺคณฺหาติ. ปุนปฺปุนํ มนสิ กโรโตติ วุตฺตนเยน อตฺตโน กาเย เกสาทิเก ‘‘ปฏิกฺกูลา ปฏิกฺกูลา’’ติ อภิณฺหโส มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส ยทา สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ลทฺธสมถานิ วิสทานิ ปวตฺตนฺติ, ตทา อสฺสทฺธิยาทีนํ ทูรีภาเวน สาติสยํ พลปฺปตฺเตหิ สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ ลทฺธูปตฺถมฺภานิ วิตกฺกาทีนิ ฌานงฺคานิ ปฏุตรานิ หุตฺวา ปาตุภวนฺติ. เตสํ อุชุวิปจฺจนีกตาย นีวรณานิ วิกฺขมฺภิตาเนว โหนฺติ สทฺธึ ตเทกฏฺเหิ ปาปธมฺเมหิ. อุปจารสมาธินา จิตฺตํ สมาธิยติ, โส ตํเยว นิมิตฺตํ อาเสวนฺโต ภาเวนฺโต พหุลีกโรนฺโต อปฺปนํ ปาปุณาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนุกฺกเมน อปฺปนา อุปฺปชฺชตี’’ติ. สพฺพาการโตติ วณฺณาทิวเสน ปฺจธาปิ. สาติ อปฺปนา.

ยทิ ปเนตํ กมฺมฏฺานํ อวิฺาณกาสุภกมฺมฏฺานานิ วิย ปมชฺฌานวเสน สิชฺฌติ, อถ กสฺมา ‘‘กายคตาสตี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวํ ปมชฺฌานวเสนา’’ติอาทิ. นานาวณฺณสณฺานาทีสุ ทฺวตฺตึสาย โกฏฺาเสสุ ปวตฺตมานาย สติยา กิจฺจเมตฺถ สาติสยนฺติ อาห ‘‘สติพเลน อิชฺฌนโต’’ติ.

ปนฺตเสนาสเนสุ, อธิกุสเลสุ จ อรตึ, กามคุเณสุ จ รตึ สหติ อภิภวตีติ อรติรติสโห สรีรสภาวจินฺตเนน อนภิรติยา ปหีนตฺตา. ตถา โกฏฺาสภาวนาย อตฺตสิเนหสฺส ปริกฺขีณตฺตา ภยเภรวํ สหติ, สีตาทีนฺจ อธิวาสกชาติโก โหติ. อตฺตสิเนหวเสน หิ ปุริสสฺส ภยเภรวํ โหติ, ทุกฺขสฺส จ อนธิวาสนํ. อิมํ ปน โกฏฺาสภาวนมนุยุตฺตสฺส น เกวลํ ปมชฺฌานมตฺตเมว, อุตฺตริปิ ปฏิเวโธ อตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เกสาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

อานาปานสฺสติกถาวณฺณนา

๒๑๕. ยํ ตํ เอวํ ปสํสิตฺวา อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ นิทฺทิฏฺนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ยสฺมา ‘‘กถํ ภาวิโต’’ติอาทิกาย ปุจฺฉาปาฬิยา อตฺเถ วิภาวิเต โถมนาปาฬิยาปิ อตฺโถ วิภาวิโตเยว โหติ เภทาภาวโต, ตสฺมา ตํ ลงฺฆิตฺวา ‘‘กถํ ภาวิโต จา’’ติอาทินา อารภติ. ตตฺถ หิ อิโต ปสํสาภาโว ‘‘อยมฺปิ โข’’ติ วจนฺจ วิเสโส. เตสุ ปสํสาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ ปสํสิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ปสํสา จ ตตฺถ อภิรุจิชนเนน อุสฺสาหนตฺถา. ตฺหิ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘ภควา อิมํ สมาธึ อเนเกหิ อากาเรหิ ปสํสติ, สนฺโต กิรายํ สมาธิ ปณีโต จ อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร ปาปธมฺเม จ านโส อนฺตรธาเปตี’’ติ สฺชาตาภิรุจโย อุสฺสาหชาตา สกฺกจฺจํ อนุยุฺชิตพฺพํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ มฺนฺติ. ‘‘อยมฺปิ โข’’ติ ปทสฺส เย อิเม มยา นิพฺพานมหาสรสฺส โอตรณติตฺถภูตา กสิณชฺฌานอสุภชฺฌานาทโย เทสิตา, น เกวลํ เต เอว, อยมฺปิ โขติ ภควา อตฺตโน ปจฺจกฺขภูตํ สมาธึ เทสนานุภาเวน เตสมฺปิ ภิกฺขูนํ อาสนฺนํ, ปจฺจกฺขฺจ กโรนฺโต สมฺปิณฺฑนวเสน เอวมาหาติ สมฺพนฺธมุเขน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

โสฬสวตฺถุกนฺติ จตูสุ อนุปสฺสนาสุ จตุนฺนํ จตุกฺกานํ วเสน โสฬสฏฺานํ. สพฺพาการปริปูโรติ กมฺมฏฺานปาฬิยา ปทตฺโถ ปิณฺฑตฺโถ อุปมา โจทนา ปริหาโร ปโยชนนฺติ เอวมาทีหิ สพฺเพหิ อากาเรหิ ปริปุณฺโณ. นิทฺเทโสติ กมฺมฏฺานสฺส นิสฺเสสโต วิตฺถาโร.

๒๑๖. กถนฺติ อิทํ ปุจฺฉนาการวิภาวนปทํ. ปุจฺฉา เจตฺถ กเถตุกมฺยตาวเสน อฺาสํ อสมฺภวโต. สา จ อุปริ เทสนํ อารุฬฺหานํ สพฺเพสํ ปการวิเสสานํ อามสนวเสนาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กถนฺติ…เป… กมฺยตาปุจฺฉา’’ติ อาห. กถํ พหุลีกโตติ เอตฺถาปิ ‘‘อานาปานสฺสติสมาธี’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตตฺถ กถนฺติ อานาปานสฺสติสมาธิพหุลีการํ นานปฺปการโต วิตฺถาเรตุกมฺยตาปุจฺฉา. พหุลีกโต อานาปานสฺสติสมาธีติ ตถาปุฏฺธมฺมนิทสฺสนนฺติ อิมมตฺถํ ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา อติทิสติ. ตถา สนฺตภาวาทโยปิ ตสฺส เยหิ ภาวนาพหุลีกาเรหิ สิทฺธา, ตคฺคหเณเนว คหิตา โหนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘กถํ พหุลีกโต…เป… วูปสเมตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย’’ติ วุตฺตํ.

‘‘ปุน จ ปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา จตฺตาโร สติปฏฺาเน ภาเวนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๔๗) อุปฺปาทนวฑฺฒนฏฺเน ภาวนา วุจฺจตีติ ตทุภยวเสน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภาวิโตติ อุปฺปาทิโต วฑฺฒิโต วา’’ติ อาห. ตตฺถ ภาวํ วิชฺชมานตํ อิโต คโตติ ภาวิโต, อุปฺปาทิโต ปฏิลทฺธมตฺโตติ อตฺโถ. อุปฺปนฺโน ปน ลทฺธาเสวโน, ภาวิโต ปคุณภาวํ อาปาทิโต, วฑฺฒิโตติ อตฺโถ . อานาปานปริคฺคาหิกายาติ ทีฆรสฺสาทิวิเสเสหิ สทฺธึ อสฺสาสปสฺสาเส ปริจฺฉิชฺชคาหิกาย, เต อารพฺภ ปวตฺตาย, สติยํ ปจฺจยภูตายนฺติ อตฺโถ. ปุริมสฺมิฺหิ อตฺเถ สมาธิสฺส สติยา สหชาตาทิปจฺจยภาโว วุตฺโต สมฺปยุตฺตวจนโต, ทุติยสฺมึ ปน อุปนิสฺสยภาโวปิ. อุปจารชฺฌานสหคตา หิ สติ อปฺปนาสมาธิสฺส อุปนิสฺสโย โหตีติ. พหุลีกโตติ พหุลํ ปวตฺติโต, เตน อาวชฺชนาทิวสีภาวปฺปตฺติมาห. โย หิ วสีภาวํ อาปาทิโต, โส อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตพฺพโต ปุนปฺปุนํ ปวตฺตียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ กโต’’ติ. ยถา ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๒๔๑), ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) จ เอวมาทีสุ ปมปเท วุตฺโต เอว-สทฺโท ทุติยาทีสุปิ วุตฺโต เอว โหติ, เอวมิธาปีติ อาห ‘‘อุภยตฺถ เอวสทฺเทน นิยโม เวทิตพฺโพ’’ติ. อุภยปทนิยเมน ลทฺธคุณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

อสุภกมฺมฏฺานนฺติ อสุภารมฺมณฌานมาห. ตํ หิ อสุเภสุ โยคกมฺมภาวโต, โยคิโน สุขวิเสสานํ การณภาวโต จ ‘‘อสุภกมฺมฏฺาน’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘เกวล’’นฺติ อิมินา อารมฺมณํ นิวตฺเตติ. ปฏิเวธวเสนาติ ฌานปฏิเวธวเสน. ฌานฺหิ ภาวนาวิเสเสน อิชฺฌนฺตํ อตฺตโน วิสยํ ปฏิวิชฺฌนฺตเมว ปวตฺตติ, ยถาสภาวโต ปฏิวิชฺฌียติ จาติ ‘‘ปฏิเวโธ’’ติ วุจฺจติ. โอฬาริการมฺมณตฺตาติ พีภจฺฉารมฺมณตฺตา. ปฏิกฺกูลารมฺมณตฺตาติ ชิคุจฺฉิตพฺพารมฺมณตฺตา. ปริยาเยนาติ การเณน, เลสนฺตเรน วา. อารมฺมณสนฺตตายาติ อนุกฺกเมน วิเจตพฺพตํ ปตฺตํ อารมฺมณสฺส ปรมสุขุมตํ สนฺธายาห. สนฺเต หิ สนฺนิสินฺเน อารมฺมเณ ปวตฺตมาโน ธมฺโม สยมฺปิ สนฺนิสินฺโนว โหติ. เตนาห ‘‘สนฺโต วูปสนฺโต นิพฺพุโต’’ติ, นิพฺพุตสพฺพปริฬาโหติ อตฺโถ. อารมฺมณสนฺตตาย ตทารมฺมณธมฺมานํ สนฺตตา โลกุตฺตรธมฺมารมฺมณาหิ ปจฺจเวกฺขณาหิ ทีเปตพฺพา.

นาสฺส สนฺตปณีตภาวาวหํ กิฺจิ เสจนนฺติ อเสจนโก. อเสจนกตฺตา อนาสิตฺตโก. อนาสิตฺตกตฺตา เอว อพฺโพกิณฺโณ อสมฺมิสฺโส ปริกมฺมาทินา. ตโต เอว ปาฏิเยกฺโก วิสุํเยเวโก. อาเวณิโก อสาธารโณ. สพฺพเมตํ สรสโต เอว สนฺตภาวํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ปริกมฺมํ วา สนฺตภาวนิมิตฺตํ, ปริกมฺมนฺติ จ กสิณกรณาทีนิ นิมิตฺตุปฺปาทปริโยสานํ, ตาทิสํ อิธ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. ตทา หิ กมฺมฏฺานํ นิรสฺสาทตฺตา อสนฺตมปฺปณีตํ สิยา. อุปจาเรน วา นตฺถิ เอตฺถ สนฺตตาติ โยชนา. ยถา อุปจารกฺขเณ นีวรณวิคเมน, องฺคปาตุภาเวน จ ปเรสํ สนฺตตา โหติ, น เอวมิมสฺส. อยํ ปน อาทิสมนฺนา…เป… ปณีโต จาติ โยชนา. เกจีติ อุตฺตรวิหารวาสิเก สนฺธายาห. อนาสิตฺตโกติ อุปเสจเนน น อาสิตฺตโก. เตนาห ‘‘โอชวนฺโต’’ติ, โอชวนฺตสทิโสติ อตฺโถ. มธูโรติ อิฏฺโ, เจตสิกสุขปฏิลาภสํวตฺตนํ ติกจตุกฺกชฺฌานวเสน, อุเปกฺขาย วา สนฺตภาเวน สุขคติกตฺตา สพฺเพสมฺปิ วเสน เวทิตพฺพํ. ฌานสมุฏฺานปณีตรูปผุฏฺสรีรตาวเสน ปน กายิกสุขปฏิลาภสํวตฺตนํ ทฏฺพฺพํ, ตฺจ โข ฌานโต วุฏฺิตกาเล. อิมสฺมึ ปกฺเข ‘‘อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ’’ติ อิทํ เหตุมฺหิ ภุมฺมวจนํ ทฏฺพฺพํ. อวิกฺขมฺภิเตติ ฌาเนน สกสนฺตานโต อนีหเฏ อปฺปหีเน. อโกสลฺลสมฺภูเตติ อโกสลฺลํ วุจฺจติ อวิชฺชา, ตโต สมฺภูเต. อวิชฺชาปุพฺพงฺคมา หิ สพฺเพ ปาปธมฺมา. ขเณเนวาติ อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณเนว. อนฺตรธาเปตีติ เอตฺถ อนฺตรธาปนํ วินาสนํ, ตํ ปน ฌานกตฺตุกสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา ปริยุฏฺานปฺปหานํ โหตีติ อาห ‘‘วิกฺขมฺเภตี’’ติ. วูปสเมตีติ วิเสเสน อุปสเมติ. วิเสเสน อุปสมนํ ปน สมฺมเทว อุปสมนํ โหตีติ อาห ‘‘สุฏฺุ อุปสเมตี’’ติ.

นนุ จ อฺโปิ สมาธิ อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณเนว ปฏิปกฺขธมฺเม อนฺตรธาเปติ วูปสเมติ, อถ กสฺมา อยเมว สมาธิ เอวํ วิเสเสตฺวา วุตฺโตติ? ปุพฺพภาคโต ปฏฺาย นานาวิตกฺกวูปสมสพฺภาวโต. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อานาปานสฺสติ ภาเวตพฺพา วิตกฺกุปจฺเฉทายา’’ติ (อ. นิ. ๙.๑; อุทา. ๓๑). อปิจ ติกฺขปฺสฺส าณุตฺตรสฺเสตํ กมฺมฏฺานํ, าณุตฺตรสฺส จ กิเลสปฺปหานํ อิตเรหิ สาติสยํ, ยถา สทฺธาธิมุตฺเตหิ ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส. ตสฺมา อิมํ วิเสสํ สนฺธาย ‘‘านโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมตี’’ติ วุตฺตํ. อถ วา นิมิตฺตปาตุภาเว สติ ขเณเนว องฺคปาตุภาวสพฺภาวโต อยเมว สมาธิ ‘‘านโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมตี’’ติ วุตฺโต. ยถา ตํ มหโต อกาลเมฆสฺส อุฏฺิตสฺส ธารานิปาเต ขเณเนว ปถวิยํ รโชชลฺลสฺส วูปสโม. เตนาห – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหาอกาลเมโฆ อุฏฺิโต’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๙๘๕; ปารา. ๑๖๕). สาสนิกสฺส ฌานภาวนา เยภุยฺเยน นิพฺเพธภาคิยาว โหตีติ อาห ‘‘นิพฺเพธภาคิยตฺตา’’ติ. พุทฺธานํ ปน เอกํเสน นิพฺเพธภาคิยาว โหติ. อิมเมว หิ กมฺมฏฺานํ ภาเวตฺวา สพฺเพปิ สมฺมาสมฺพุทฺธา สมฺมาสมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺติ. อริยมคฺคสฺส ปาทกภูโต อยํ สมาธิ อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา อริยมคฺคภาวํ อุปคโต วิย โหตีติ อาห ‘‘อนุปุพฺเพน อริยมคฺควุทฺธิปฺปตฺโต’’ติ.

อยํ ปนตฺโถ วิราคนิโรธปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนานํ วเสน สมฺมเทว ยุชฺชติ. เหฏฺา ปปฺจวเสน วุตฺตมตฺถํ สุขคฺคหณตฺถํ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ’’ติ อาห, ปิณฺฑตฺโถติ วุตฺตํ โหติ.

๒๑๗. ตมตฺถนฺติ ตํ ‘‘กถํ ภาวิโต’’ติอาทินา ปุจฺฉาวเสน สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ. ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๙๐; ม. นิ. ๑.๒๙๑; อ. นิ. ๓.๖๑) อิธ-สทฺโท โลกํ อุปาทาย วุตฺโต, ‘‘อิเธว ติฏฺมานสฺสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๖๙) โอกาสํ, ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺสํ ปวาริโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐) ปทปูรณมตฺตํ, ‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๗๓) ปน สาสนํ, ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู’’ติ อิธาปิ สาสนเมวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภิกฺขเว, อิมสฺมึ สาสเน ภิกฺขู’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สพฺพปฺปการอานาปานสฺสติสมาธินิพฺพตฺตกสฺสาติ สพฺพปฺปการคฺคหณํ โสฬส ปกาเร สนฺธาย. เต หิ อิมสฺมึเยว สาสเน. พาหิรกา หิ ชานนฺตา อาทิโต จตุปฺปการเมว ชานนฺติ. เตนาห ‘‘อฺสาสนสฺส ตถาภาวปฏิเสธโน’’ติ, ยถาวุตฺตสฺส ปุคฺคลสฺส นิสฺสยภาวปฏิเสธโนติ อตฺโถ. เอเตน ‘‘อิธ ภิกฺขเว’’ติ อิทํ อนฺโตคเธวสทฺทนฺติ ทสฺเสติ. สนฺติ หิ เอกปทานิปิ สาวธารณานิ ยถา ‘‘วายุภกฺโข’’ติ. เตเนวาห ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ’’ติอาทิ. ปริปุณฺณสมณกรณธมฺโม หิ โส, โย สพฺพปฺปการอานาปานสฺสติสมาธินิพฺพตฺตโก. ปรปฺปวาทาติ ปเรสํ อฺติตฺถิยานํ นานปฺปการา วาทา ติตฺถายตนานิ.

อรฺาทิกสฺเสว ภาวนานุรูปเสนาสนตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทุทฺทโม ทมถํ อนุปคโต โคโณ กูฏโคโณ. ยถา ถเนหิ สพฺพโส ขีรํ น ปคฺฆรติ, เอวํ โทหปฏิพนฺธินี กูฏเธนุ. รูปสทฺทาทิเก ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนโก อสฺสาโท รูปารมฺมณาทิรโส. ปุพฺเพ อาจิณฺณารมฺมณนฺติ ปพฺพชฺชโต ปุพฺเพ, อนาทิมติ วา สํสาเร ปริจิตารมฺมณํ.

นิพนฺเธยฺยาติ พนฺเธยฺย. สติยาติ สมฺมเทว กมฺมฏฺานสลฺลกฺขณสมฺปวตฺตาย สติยา. อารมฺมเณติ กมฺมฏฺานารมฺมเณ. ทฬฺหนฺติ ถิรํ, ยถา สโตการิสฺส อุปจารปฺปนาเภโท สมาธิ อิชฺฌติ, ตถา ถามคตํ กตฺวาติ อตฺโถ.

วิเสสาธิคมทิฏฺธมฺมสุขวิหารปทฏฺานนฺติ สพฺเพสํ พุทฺธานํ, เอกจฺจานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ, พุทฺธสาวกานฺจ วิเสสาธิคมสฺส เจว อฺกมฺมฏฺาเนน อธิคตวิเสสานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสฺส จ ปทฏฺานภูตํ.

วตฺถุวิชฺชาจริโย วิย ภควา โยคีนํ อนุรูปนิวาสฏฺานุปทิสนโต.

ภิกฺขุ ทีปิสทิโส อรฺเ เอกิโก วิหริตฺวา ปฏิปกฺขนิมฺมถเนน อิจฺฉิตตฺถสาธนโต. ผลมุตฺตมนฺติ สามฺผลมาห. ปรกฺกมชวโยคฺคภูมินฺติ ภาวนุสฺสาหชวสฺส โยคฺคกรณภูมิภูตํ.

๒๑๘. เอวํ วุตฺตลกฺขเณสูติ อภิธมฺมปริยาเยน (วิภ. ๕๓๐), สุตฺตนฺตปริยาเยน จ วุตฺตลกฺขเณสุ. รุกฺขสมีปนฺติ ‘‘ยาวตา มชฺฌนฺหิเก กาเล สมนฺตา ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูลนฺติ วุจฺจตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ รุกฺขสฺส สมีปฏฺานํ. อวเสสสตฺตวิธเสนาสนนฺติ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปุฺชนฺติ เอวํ วุตฺตํ.

อุตุตฺตยานุกูลํ ธาตุจริยานุกูลนฺติ คิมฺหาทิอุตุตฺตยสฺส, เสมฺหาทิธาตุตฺตยสฺส, โมหาทิจริยตฺตยสฺส จ อนุกูลํ. ตถา หิ คิมฺหกาเล จ อรฺํ อนุกูลํ, เหมนฺเต รุกฺขมูลํ, วสฺสกาเล สุฺาคารํ, เสมฺหธาตุกสฺส เสมฺหปกติกสฺส อรฺํ, ปิตฺตธาตุกสฺส รุกฺขมูลํ , วาตธาตุกสฺส สุฺาคารํ อนุกูลํ, โมหจริตสฺส อรฺํ, โทสจริตสฺส รุกฺขมูลํ, ราคจริตสฺส สุฺาคารํ อนุกูลํ. อลีนานุทฺธจฺจปกฺขิกนฺติ อสงฺโกจาวิกฺเขปปกฺขิกํ. สยนฺหิ โกสชฺชปกฺขิกํ, านจงฺกมนานิ อุทฺธจฺจปกฺขิกานิ, น เอวํ นิสชฺชา. ตโต เอวสฺส สนฺตตา. นิสชฺชาย ทฬฺหภาวํ ปลฺลงฺกาภุชเนน, อสฺสาสปสฺสาสานํ ปวตฺตนสุขตํ อุปริมกายสฺส อุชุกฏฺปเนน, อารมฺมณปริคฺคหูปายํ ปริมุขํ สติยา ปเนน ทสฺเสนฺโต. อูรุพทฺธาสนนฺติ อูรูนมโธพนฺธนวเสน นิสชฺชา. เหฏฺิมกายสฺส อนุชุกํ ปนํ นิสชฺชา-วจเนเนว โพธิตนฺติ ‘‘อุชุํ กาย’’นฺติ เอตฺถ กาย-สทฺโท อุปริมกายวิสโยติ อาห ‘‘อุปริมสรีรํ อุชุกํ เปตฺวา’’ติ. ตํ ปน อุชุกฏฺปนํ สรูปโต, ปโยชนโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺารสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น ปณมนฺตีติ น โอนมนฺติ. น ปริปตตีติ น วิคจฺฉติ วีถึ น วิลงฺฆติ, ตโต เอว ปุพฺเพนาปรํ วิเสสุปฺปตฺติยา วุทฺธึ ผาตึ อุปคจฺฉติ. อิธ ปริ-สทฺโท อภิ-สทฺเทน สมานตฺโถติ อาห ‘‘กมฺมฏฺานาภิมุข’’นฺติ, พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณโต นิวาเรตฺวา กมฺมฏฺานํเยว ปุรกฺขิตฺวาติ อตฺโถ. ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ ‘‘ปริณายิกา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๖) วิย. นิยฺยานฏฺโ ปฏิปกฺขโต นิคฺคมนฏฺโ. ตสฺมา ปริคฺคหิตนิยฺยานนฺติ สพฺพถา คหิตาสมฺโมสํ ปริจฺจตฺตสมฺโมสํ สตึ กตฺวา, ปรมํ สติเนปกฺกํ อุปฏฺเปตฺวาติ อตฺโถ.

๒๑๙. สโตวาติ สติยา สมนฺนาคโต เอว สรนฺโต เอว อสฺสสติ นาสฺส กาจิ สติวิรหิตา อสฺสาสปฺปวตฺติ โหตีติ อตฺโถ. สโต ปสฺสสตีติ เอตฺถาปิ สโตว ปสฺสสตีติ เอว-สทฺโท อาเนตฺวา วตฺตพฺโพ. สโตการีติ สโต เอว หุตฺวา, สติยา เอว วา กาตพฺพสฺส กตฺตา, กรณสีโล วา. ยทิ ‘‘สโตว อสฺสสติ สโต ปสฺสสตี’’ติ เอตสฺส วิภงฺเค (ม. นิ. ๓.๑๔๘; สํ. นิ. ๕.๙๘๖; ปารา. ๑๖๕) วุตฺตํ, อถ กสฺมา ‘‘อสฺสสติ ปสฺสสติ’’จฺเจว อวตฺวา ‘‘สโตการี’’ติ วุตฺตํ? เอกรสํ เทสนํ กาตุกามตาย. ปมจตุกฺเก ปททฺวยเมว หิ วตฺตมานกาลวเสน อาคตํ, อิตรานิ อนาคตกาลวเสน. ตสฺมา เอกรสํ เทสนํ กาตุกามตาย สพฺพตฺถ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๕ อาทโย) ‘‘สโตการิ’’จฺเจว วุตฺตํ.

ทีฆํอสฺสาสวเสนาติ ทีฆอสฺสาสวเสน วิภตฺติอโลปํ กตฺวา นิทฺเทโส. ทีฆนฺติ วา ภควตา วุตฺตอสฺสาสวเสน. จิตฺตสฺส เอกคฺคตํ อวิกฺเขปนฺติ วิกฺเขปสฺส ปฏิปกฺขภาวโต ‘‘อวิกฺเขโป’’ติ ลทฺธนามจิตฺตสฺส เอกคฺคภาวํ ปชานโต. สติ อุปฏฺิตา โหตีติ อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ิตา โหติ. ตาย สติยา เตน าเณนาติ ยถาวุตฺตาย สติยา, ยถาวุตฺเตน จ าเณน. อิทํ วุตฺต โหติ – ทีฆํ อสฺสาสํ อารมฺมณภูตํ อวิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส, อสมฺโมหโต วา ปชานนฺตสฺส ตตฺถ สติ อุปฏฺิตา เอว โหติ, ตํ สมฺปชานนฺตสฺส อารมฺมณกรณวเสน, อสมฺโมหวเสน วา สมฺปชฺํ, ตทธีนสติสมฺปชฺเน ตํสมงฺคี โยคาวจโร สโตการี นาม โหตีติ. ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี อสฺสาสวเสนาติ ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี หุตฺวา อสฺสสนสฺส วเสน. ‘‘ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสีอสฺสาสวเสนา’’ติ วา ปาโ. ตสฺส ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสิโน อสฺสาสา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสีอสฺสาสา, เตสํ วเสนาติ อตฺโถ. วินยนเยน อนฺโต อุฏฺิตสสนํ อสฺสาโส, พหิ อุฏฺิตสสนํ ปสฺสาโส. สุตฺตนฺตนเยน ปน พหิ อุฏฺหิตฺวาปิ อนฺโต สสนโต อสฺสาโส, อนฺโต อุฏฺหิตฺวาปิ พหิ สสนโต ปสฺสาโส. อยเมว จ นโย –

‘‘อสฺสาสาทิมชฺฌปริโยสานํ สติยา อนุคจฺฉโต อชฺฌตฺตํ วิกฺเขปคเตน จิตฺเตน กาโยปิ จิตฺตมฺปิ สารทฺธา จ โหนฺติ อิฺชิตา จ ผนฺทิตา จา’’ติ, ‘‘ปสฺสาสาทิมชฺฌปริโยสานํ สติยา อนุคจฺฉโต พหิทฺธา วิกฺเขปคเตน จิตฺเตน กาโยปิ จิตฺตมฺปิ สารทฺธา จ โหนฺติ อิฺชิตา จ ผนฺทิตา จา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๕๗) –

อิมาย ปาฬิยา สเมติ.

ปมํ อพฺภนฺตรวาโต พหิ นิกฺขมติ, ตสฺมา ปวตฺติกฺกเมน อสฺสาโส ปมํ วุตฺโตติ วทนฺติ. ตาลุํ อาหจฺจ นิพฺพายตีติ ตาลุํ อาหจฺจ นิรุชฺฌติ. เตน กิร สมฺปติชาโต พาลทารโก ขิปิตํ กโรติ. เอวํ ตาวาติอาทิ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส นิคมนํ. เกจิ ‘‘เอวํ ตาวาติ อเนน ปวตฺติกฺกเมน อสฺสาโส พหินิกฺขมนวาโตติ คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย’’ติ วทนฺติ.

อทฺธานวเสนาติ กาลทฺธานวเสน. อยํ หิ อทฺธาน-สทฺโท กาลสฺส, เทสสฺส จ วาจโก. ตตฺถ เทสทฺธานํ อุทาหรณภาเวน ทสฺเสตฺวา กาลทฺธานวเสน อสฺสาสปสฺสาสานํ ทีฆรสฺสตํ วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โอกาสทฺธานนฺติ โอกาสภูตํ อทฺธานํ. ผริตฺวาติ พฺยาเปตฺวา. จุณฺณวิจุณฺณาปิ อเนกกลาปภาเวน. ทีฆํ อทฺธานนฺติ ทีฆํ ปเทสํ. ตสฺมาติ สณิกํ ปวตฺติยา ทีฆสนฺตานตาย ‘‘ทีฆา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอตฺถ จ หตฺถิอาทิสรีเร, สุนขาทิสรีเร จ อสฺสาสปสฺสาสานํ เทสทฺธานวิสิฏฺเน กาลทฺธานวเสเนว ทีฆรสฺสตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘สณิกํ ปูเรตฺวา สณิกเมว นิกฺขมนฺติ’’, ‘‘สีฆํ ปูเรตฺวา สีฆเมว นิกฺขมนฺตี’’ติ จ วจนโต. มนุสฺเสสูติ สมานปฺปมาเณสุปิ มนุสฺสสรีเรสุ. ทีฆํ อสฺสสนฺตีติ ทีฆํ อสฺสาสปฺปพนฺธํ ปวตฺเตนฺตีติ อตฺโถ. ปสฺสสนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สุนขสสาทโย วิย รสฺสํ อสฺสสนฺติ จ ปสฺสสนฺติ จาติ โยชนา. อิทํ ปน ทีฆํ, รสฺสฺจ อสฺสสนํ, ปสฺสสนฺจ เตสํ สตฺตานํ สรีรสภาโวติ ทฏฺพฺพํ. เตสนฺติ สตฺตานํ. เตติ อสฺสาสปสฺสาสา. อิตฺตรมทฺธานนฺติ อปฺปกํ กาลํ.

นวหากาเรหีติ ภาวนมนุยุฺชนฺตสฺส ปุพฺเพนาปรํ อลทฺธวิเสสสฺส เกวลํ อทฺธานวเสน อาทิโต วุตฺตา ตโย อาการา, เต จ โข เอกจฺโจ อสฺสาสํ สุฏฺุ สลฺลกฺเขติ, เอกจฺโจ ปสฺสาสํ, เอกจฺโจ ตทุภยนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ วเสน. เกจิ ปน ‘‘อสฺสสติปิ ปสฺสสติปีติ เอกชฺฌํ วจนํ ภาวนาย นิรนฺตรํ ปวตฺติทสฺสนตฺถ’’นฺติ วทนฺติ. ฉนฺทวเสน ปุพฺเพ วิย ตโย, ตถา ปาโมชฺชวเสนาติ อิเมหิ นวหากาเรหิ.

กามํ เจตฺถ เอกสฺส ปุคฺคลสฺส ตโย เอว อาการา ลพฺภนฺติ, ตนฺติวเสน ปน สพฺเพสํ ปาฬิอารุฬฺหตฺตา, เตสํ วเสน ปริกมฺมสฺส กาตพฺพตฺตา จ ‘‘ตตฺรายํ ภิกฺขุ นวหากาเรหี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ ปชานโตติ เอวํ ยถาวุตฺเตหิ อากาเรหิ อสฺสาสปสฺสาเส ปชานโต, ตตฺถ มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส. เอเกนากาเรนาติ ทีฆํ อสฺสาสาทีสุ จตูสุ อากาเรสุ เอเกน อากาเรน, นวสุ ตีสุ วา เอเกน. ตถา หิ วกฺขติ –

‘‘ทีโฆ รสฺโส จ อสฺสาโส, ปสฺสาโสปิ จ ตาทิโส;

จตฺตาโร วณฺณา วตฺตนฺติ, นาสิกคฺเค ว ภิกฺขุโน’’ติ.

อยํ ภาวนา อสฺสาสปสฺสาสกายานุปสฺสนาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘กายานุปสฺสนาสติปฏฺานภาวนา สมฺปชฺชตี’’ติ.

อิทานิ ปาฬิวเสเนว เต นว อากาเร, ภาวนาวิธิฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ กถํ ปชานาตีติ ปชานนวิธึ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉติ. ทีฆํ อสฺสาสนฺติ วุตฺตลกฺขณํ ทีฆํ อสฺสาสํ. อทฺธานสงฺขาเตติ ‘‘อทฺธาน’’นฺติ สงฺขํ คเต ทีเฆ กาเล, ทีฆํ ขณนฺติ อตฺโถ. โกฏฺาสปริยาโย วา สงฺขาต-สทฺโท ‘‘เถยฺยสงฺขาต’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๙๑) วิย, ตสฺมา อทฺธานสงฺขาเตติ อทฺธานโกฏฺาเส, เทสภาเคติ อตฺโถ. ฉนฺโท อุปฺปชฺชตีติ ภาวนาย ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ อาวหนฺติยา ลทฺธสฺสาทตฺตา ตตฺถ สาติสโย กตฺตุกามตาลกฺขโณ กุสลจฺฉนฺโท อุปฺปชฺชติ. ฉนฺทวเสนาติ ตถาปวตฺตฉนฺทสฺส วเสน สวิเสสํ ภาวนมนุยุฺชนฺตสฺส กมฺมฏฺานํ วุทฺธึ ผาตึ คเมนฺตสฺส. ตโต สุขุมตรนฺติ ยถาวุตฺตฉนฺทปฺปวตฺติยา ปุริมโต สุขุมตรํ. ภาวนาพเลน หิ ปฏิปฺปสฺสทฺธทรถปริฬาหตาย กายสฺส อสฺสาสปสฺสาสา สุขุมตรา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ. ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชตีติ อสฺสาสปสฺสาสานํ สุขุมตรภาเวน อารมฺมณสฺส สนฺตตรตาย, กมฺมฏฺานสฺส จ วีถิปฏิปนฺนตาย ภาวนาจิตฺตสหคโต ปโมโท ขุทฺทิกาทิเภทา ตรุณปีติ อุปฺปชฺชติ. จิตฺตํ วิวตฺตตีติ อนุกฺกเมน อสฺสาสปสฺสาสานํ อติวิย สุขุมตรภาวปฺปตฺติยา อนุปฏฺหเน วิเจตพฺพาการปฺปตฺเตหิ จิตฺตํ วินิวตฺตตีติ เกจิ. ภาวนาพเลน ปน สุขุมตรภาวปฺปตฺเตสุ อสฺสาสปสฺสาเสสุ ตตฺถ ปฏิภาคนิมิตฺเต อุปฺปนฺเน ปกติอสฺสาสปสฺสาสโต จิตฺตํ นิวตฺตติ. อุเปกฺขา สณฺาตีติ ตสฺมึ ปฏิภาคนิมิตฺเต อุปจารปฺปนาเภเท สมาธิมฺหิ อุปฺปนฺเน ปุน ฌานนิพฺพตฺตนตฺถํ พฺยาปาราภาวโต อชฺฌุเปกฺขนํ โหตีติ. สา ปนายํ อุเปกฺขา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาติ เวทิตพฺพา.

อิเมหิ นวหิ อากาเรหีติ อิเมหิ ยถาวุตฺเตหิ นวหิ ปกาเรหิ ปวตฺตา. ทีฆํ อสฺสาสปสฺสาสา กาโยติ ทีฆาการา อสฺสาสปสฺสาสา จุณฺณวิจุณฺณาปิ สมูหฏฺเน กาโย. อสฺสาสปสฺสาเส นิสฺสาย อุปฺปนฺนนิมิตฺตมฺเปตฺถ อสฺสาสปสฺสาสสมฺเมว วุตฺตํ. อุปฏฺานํ สตีติ อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ติฏฺตีติ สติ อุปฏฺานํ นาม. อนุปสฺสนาาณนฺติ สมถวเสน นิมิตฺตสฺส อนุปสฺสนา, วิปสฺสนาวเสน อสฺสาสปสฺสาเส, ตนฺนิสฺสยฺจ กายํ ‘‘รูป’’นฺติ, จิตฺตํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺเม จ ‘‘อรูป’’นฺติ ววตฺถเปตฺวา นามรูปสฺส อนุปสฺสนา จ าณํ, ตตฺถ ยถาภูตาวโพโธ. กาโย อุปฏฺานนฺติ โส กาโย อารมฺมณกรณวเสน อุปคนฺตฺวา สติ เอตฺถ ติฏฺตีติ อุปฏฺานํ นาม. เอตฺถ จ ‘‘กาโย อุปฏฺาน’’นฺติ อิมินา อิตรกายสฺสาปิ สงฺคโห โหติ ยถาวุตฺตสมฺมสนจารสฺสาปิ อิธ อิจฺฉิตตฺตา. โน สตีติ โส กาโย สติ นาม น โหติ. สติ อุปฏฺานฺเจว สติ จ สรณฏฺเน, อุปติฏฺนฏฺเน จ. ตาย สติยาติ ยถาวุตฺตาย สติยา. เตน าเณนาติ ยถาวุตฺเตเนว าเณน. ตํ กายนฺติ ตํ อสฺสาสปสฺสาสกายฺเจว ตนฺนิสฺสยรูปกายฺจ. อนุปสฺสตีติ ฌานสมฺปยุตฺตาเณน เจว วิปสฺสนาาเณน จ อนุ อนุ ปสฺสติ. เตน วุจฺจติ กาเย กายานุปสฺสนาสติปฏฺานภาวนาติ เตน อนุปสฺสเนน ยถาวุตฺเต กาเย อยํ กายานุปสฺสนาสติปฏฺานภาวนาติ วุจฺจติ.

อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยา อยํ ยถาวุตฺเต อสฺสาสปสฺสาสกาเย, ตสฺส นิสฺสยภูเต กรชกาเย จ กายสฺเสว อนุปสฺสนา อนุทกภูตาย มรีจิยา อุทกานุปสฺสนา วิย น อนิจฺจาทิสภาเว กาเย นิจฺจาทิภาวานุปสฺสนา, อถ โข ยถารหํ อนิจฺจทุกฺขานตฺตาสุภภาวสฺเสวานุปสฺสนา. อถ วา กาเย ‘‘อห’’นฺติ วา ‘‘มม’’นฺติ วา ‘‘อิตฺถี’’ติ วา ‘‘ปุริโส’’ติ วา คเหตพฺพสฺส กสฺสจิ อภาวโต ตาทิสํ อนนุปสฺสิตฺวา กายมตฺตสฺเสว อนุปสฺสนา กายานุปสฺสนา, ตาย กายานุปสฺสนาย สมฺปยุตฺตา สติเยว อุปฏฺานํ สติปฏฺานํ, ตสฺส ภาวนา วฑฺฒนา กายานุปสฺสนาสติปฏฺานภาวนาติ.

เอส นโยติ ‘‘นวหิ อากาเรหี’’ติอาทินา วุตฺตวิธึ รสฺส-ปเท อติทิสติ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ยถาทสฺสิเต ‘‘กถํ ทีฆํ อสฺสสนฺโต’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๑๔๘; สํ. นิ. ๕.๙๘๖; ปารา. ๑๖๕) อาคเต ปาฬินเย. อิธาติ อิมสฺมึ รสฺสปทวเสน อาคเต ปาฬินเย.

อยนฺติ โยคาวจโร. อทฺธานวเสนาติ ทีฆกาลวเสน. อิตฺตรวเสนาติ ปริตฺตกาลวเสน. อิเมหิ อากาเรหีติ อิเมหิ นวหิ อากาเรหิ.

ตาทิโสติ ทีโฆ, รสฺโส จ. จตฺตาโร วณฺณาติ จตฺตาโร อาการา, เต จ ทีฆาทโย เอว. นาสิกคฺเค ว ภิกฺขุโนติ คาถาพนฺธสุขตฺถํ รสฺสํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘นาสิกคฺเค วา’’ติ, วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน อุตฺตโรฏฺํ สงฺคณฺหาติ.

๒๒๐. สพฺพกายปฏิสํเวทีติ สพฺพสฺส กายสฺส ปฏิ ปฏิ ปจฺเจกํ สมฺมเทว เวทนสีโล ชานนสีโล, ตสฺส วา ปฏิ ปฏิ สมฺมเทว เวโท เอตสฺส อตฺถิ, ตํ วา ปฏิ ปฏิ สมฺมเทว เวทมาโนติ อตฺโถ. ตตฺถ ตตฺถ สพฺพ-คฺคหเณน อสฺสาสาทิกายสฺส อนวเสสปริยาทาเน สิทฺเธปิ อเนกกลาปสมุทายภาวโต ตสฺส สพฺเพสมฺปิ ภาคานํ สํเวทนทสฺสนตฺถํ ปฏิ-สทฺทคฺคหณํ. ตตฺถ สกฺกจฺจการีภาวทสฺสนตฺถํ สํ-สทฺทคฺคหณนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สกลสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยถา สมาเนปิ อสฺสาสปสฺสาเสสุ โยคิโน ปฏิปตฺติวิธาเน ปจฺเจกํ สกฺกจฺจํเยว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ วิสุํ เทสนา กตา, เอวํ ตเมวตฺถํ ทีเปตุํ สติปิ อตฺถสฺส สมานตาย ‘‘สกลสฺสา’’ติอาทินา ปททฺวยสฺส วิสุํ วิสุํ อตฺถวณฺณนา กตาติ เวทิตพฺพํ. ปากฏํ กโรนฺโตติ วิภูตํ กโรนฺโต, สพฺพโส วิภาเวนฺโตติ อตฺโถ. ปากฏีกรณํ วิภาวนํ ตตฺถ อสมฺมุยฺหนํ าเณเนว เนสํ ปวตฺตเนน โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ วิทิตํ กโรนฺโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา าณสมฺปยุตฺตจิตฺเตเนว อสฺสาสปสฺสาเส ปวตฺเตติ, น วิปฺปยุตฺตจิตฺเตน, ตสฺมา เอวํภูโต สพฺพกายปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามิ ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขตีติ วุจฺจติ พุทฺธาทีหีติ โยชนา. จุณฺณวิจุณฺณวิสเฏติ อเนกกลาปตาย จุณฺณวิจุณฺณภาเวน วิสเฏ. อาทิ ปากโฏ โหติ สติยา, าณสฺส จ วเสน ตถา ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส ปวตฺตตฺตา. ตาทิเสน ภวิตพฺพนฺติ จตุตฺถปุคฺคลสทิเสน ภวิตพฺพํ, ปเคว สตึ, าณฺจ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ตีสุปิ าเนสุ าณสมฺปยุตฺตเมว จิตฺตํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.

เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน สพฺพกายปฏิสํเวทนวเสเนว. ฆฏตีติ อุสฺสหติ. วายมตีติ วายามํ กโรติ, มนสิการํ ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. ตถาภูตสฺสาติ อานาปานสฺสตึ ภาเวนฺตสฺส. สํวโรติ สติ , วีริยมฺปิ วา. ตาย สติยาติ ยา อานาปาเน อารพฺภ ปวตฺตา สติ, ตาย. เตน มนสิกาเรนาติ โย โส ตตฺถ สติปุพฺพงฺคโม ภาวนามนสิกาโร, เตน สทฺธินฺติ อธิปฺปาโย. อาเสวตีติ ‘‘ติสฺโส สิกฺขาโย’’ติ วุตฺเต อธิกุสลธมฺเม อาเสวติ. ตทาเสวนฺเหตฺถ สิกฺขนนฺติ อธิปฺเปตํ.

ปุริมนเยติ ปุริมสฺมึ ภาวนานเย, ปมวตฺถุทฺวเยติ อธิปฺปาโย. ตตฺถาปิ กามํ าณุปฺปาทนํ ลพฺภเตว อสฺสาสปสฺสาสานํ ยาถาวโต ทีฆรสฺสภาวาวโพธสพฺภาวโต, ตถาปิ ตํ น ทุกฺกรํ ยถาปวตฺตานํ เตสํ คหณมตฺตภาวโตติ ตตฺถ วตฺตมานกาลปฺปโยโค กโต. อิทํ ปน ทุกฺกรํ ปุริสสฺส ขุรธารายํ คมนสทิสํ, ตสฺมา สาติสเยเนตฺถ ปุพฺพาภิสงฺขาเรน ภวิตพฺพนฺติ ทีเปตุํ อนาคตกาลปฺปโยโค กโตติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ยสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ าณุปฺปาทนาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน กายสงฺขารปสฺสมฺภนปีติปฏิสํเวทนาทึ สงฺคณฺหาติ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘สํวรสมาทานานํ สงฺคโห’’ติ วทนฺติ.

กายสงฺขารนฺติ อสฺสาสปสฺสาสํ. โส หิ จิตฺตสมุฏฺาโนปิ สมาโน กรชกายปฺปฏิพทฺธวุตฺติตาย เตน สงฺขรียตีติ กายสงฺขาโรติ วุจฺจติ. โย ปน ‘‘กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๒) เอวมาคโต กายสงฺขาโร เจตนาลกฺขโณ สติปิ ทฺวารนฺตรุปฺปตฺติยํ เยภุยฺยวุตฺติยา, ตพฺพหุลวุตฺติยา จ กายทฺวาเรน ลกฺขิโต, โส อิธ นาธิปฺเปโต. ปสฺสมฺเภนฺโตติอาทีสุ ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ ปทํ ปุริมสฺส ปุริมสฺส อตฺถวจนํ, ตสฺมา ปสฺสมฺภนํ นาม วูปสมนํ, ตฺจ ตถาปโยเค อสติ อุปฺปชฺชนารหสฺส โอฬาริกสฺส กายสงฺขารสฺส ปโยคสมฺปตฺติยา อนุปฺปาทนนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺราติ ‘‘โอฬาริกํ กายสงฺขารํ ปสฺสมฺเภนฺโต’’ติ เอตฺถ. อปริคฺคหิตกาเลติ กมฺมฏฺานสฺส อนารทฺธกาเล, ตโต เอว กายจิตฺตานมฺปิ อปริคฺคหิตกาเล. ‘‘นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธายา’’ติ หิ อิมินา กายปริคฺคโห, ‘‘ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ อิมินา จิตฺตปริคฺคโห วุตฺโต. เตเนวาห ‘‘กาโยปิ จิตฺตมฺปิ ปริคฺคหิตา โหนฺตี’’ติ. กาโยติ กรชกาโย. สทรถาติ สปริฬาหา, สา จ เนสํ สทรถตา ครุภาเวน วิย โอฬาริกตาย อวินาภาวินีติ อาห ‘‘โอฬาริกา’’ติ. พลวตราติ สพลา ถูลา. สนฺตา โหนฺตีติ จิตฺตํ ตาวํ พหิทฺธา วิกฺเขปาภาเวน เอกคฺคํ หุตฺวา กมฺมฏฺานํ ปริคฺคเหตฺวา ปวตฺตมานํ สนฺตํ โหติ วูปสนฺตํ, ตโต เอว ตํสมุฏฺานา รูปธมฺมา ลหุมุทุกมฺมฺภาวปฺปตฺตา, ตทนุคุณตาย เสสํ ติสนฺตติรูปนฺติ เอวํ จิตฺเต, กาเย จ วูปสนฺเต ปวตฺตมาเน ตนฺนิสฺสิตา อสฺสาสปสฺสาสา สนฺตสภาวา อนุกฺกเมน สุขุมตรสุขุมตมา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยทา ปนสฺส กาโยปี’’ติอาทิ.

อาภุชนํ อาโภโค, ‘‘ปสฺสมฺเภมี’’ติ ปมาวชฺชนา. สมฺมา อนุ อนุ อาหรณํ สมนฺนาหาโร, ตสฺมึเยว อตฺเถ อปราปรํ ปวตฺตอาวชฺชนา. ตสฺเสว อตฺถสฺส มนสิ กรณํ จิตฺเต ปนํ มนสิกาโร. วีมํสา ปจฺจเวกฺขณา.

สารทฺเธติ สทรเถ สปริฬาเห. อธิมตฺตนฺติ พลวํ โอฬาริกํ. ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ. กายสงฺขาโรติ หิ อธิปฺเปโต. ‘‘อธิมตฺตํ หุตฺวา ปวตฺตตี’’ติ กิริยาวิเสสนํ วา เอตํ. สุขุมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กายมฺหีติ เอตฺถ ‘‘จิตฺเต จา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

๒๒๑. ปมชฺฌานโต วุฏฺาย กริยมานํ ทุติยชฺฌานสฺส นานาวชฺชนํ ปริกมฺมํ ปมชฺฌานํ วิย ทูรสมุสฺสาริตปฏิปกฺขนฺติ กตฺวา ตํสมุฏฺาโน กายสงฺขาโร ปมชฺฌาเน จ ทุติยชฺฌานูปจาเร จ โอฬาริโกติ สทิโส วุตฺโต. เอส นโย เสสูปจารทฺวเยปิ. อถ วา ทุติยชฺฌานาทีนํ อธิคมาย ปฏิปชฺชโต ทุกฺขาปฏิปทาทิวเสน กิลมโต โยคิโน กายกิลมถจิตฺตูปฆาตาทิวเสน, วิตกฺกาทิสงฺโขเภน จ สปริผนฺทตาย จิตฺตปฺปวตฺติยา ทุติยชฺฌานาทิอุปจาเรสุ กายสงฺขารสฺส โอฬาริกตา เวทิตพฺพา. อติสุขุโมติ อฺตฺถ ลพฺภมาโน กายสงฺขาโร จตุตฺถชฺฌาเน อติกฺกนฺตสุขุโม. สุขุมภาโวปิสฺส ตตฺถ นตฺถิ, กุโต โอฬาริกตา อปฺปวตฺตนโต. เตนาห ‘‘อปฺปวตฺติเมว ปาปุณาตี’’ติ.

ลาภิสฺส สโต อนุปุพฺพสมาปตฺติสมาปชฺชนเวลํ, เอกาสเนเนว วา สพฺเพสํ ฌานานํ ปฏิลาภํ สนฺธาย มชฺฌิมภาณกา เหฏฺิมเหฏฺิมชฺฌานโต อุปรูปริฌานูปจาเรปิ สุขุมตรํ อิจฺฉนฺติ. ตตฺถ หิ โสปจารานํ ฌานานํ อุปรูปริ วิเสสวนฺตตา, สนฺตตา จ สมฺภเวยฺย, เอกาวชฺชนูปจารํ วา สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ. เอวฺหิ เหฏฺา วุตฺตวาเทน อิมสฺส วาทสฺส อวิโรโธ สิทฺโธ ภินฺนวิสยตฺตา. สพฺเพสฺเวาติ อุภเยสมฺปิ. ยสฺมา เต สพฺเพปิ วุจฺจมาเนน วิธินา ปสฺสทฺธิมิจฺฉนฺติเยว. ‘‘อปริคฺคหิตกาเล ปวตฺตกายสงฺขาโร ปริคฺคหิตกาเล ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ อิทํ สทิสสนฺตานตาย วุตฺตํ. น หิ เต เอว โอฬาริกา อสฺสาสาทโย สุขุมา โหนฺติ. ปสฺสมฺภนากาโร ปน เนสํ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

มหาภูตปริคฺคเห สุขุโมติ จตุธาตุมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสํ สนฺธาย วุตฺตํ. สกลรูปปริคฺคเห สุขุโม ภาวนาย อุปรูปริ ปณีตภาวโต. เตเนวาห ‘‘รูปารูปปริคฺคเห สุขุโม’’ติ. ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาติ กลาปสมฺมสนมาห. นิพฺพิทานุปสฺสนโต ปฏฺาย พลววิปสฺสนา. ตโต โอรํ ทุพฺพลวิปสฺสนา. ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ ‘‘อปริคฺคหิตกาเล’’ติอาทินา สมถนเย วุตฺเตน นเยน ‘‘อปริคฺคเห ปวตฺโต กายสงฺขาโร มหาภูตปริคฺคเห ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติอาทินา วิปสฺสนานเยปิ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ โยเชตพฺพาติ วุตฺตํ โหติ.

อสฺสาติ อิมสฺส ‘‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขาร’’นฺติ ปทสฺส. โจทนาโสธนาหีติ อนุโยคปริหาเรหิ. เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน.

กถนฺติ ยํ อิทํ ‘‘ปสฺสมฺภยํ…เป… สิกฺขตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๗๑) วุตฺตํ, ตํ กถํ เกน ปกาเรน กายสงฺขารสฺส ปสฺสมฺภนํ, โยคิโน จ สิกฺขนํ โหตีติ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉิตฺวา กายสงฺขาเร สรูปโต, โอฬาริกสุขุมโต, วูปสมโต, อนุโยคปริหารโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘กตเม กายสงฺขารา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ กายิกาติ รูปกาเย ภวา. กายปฏิพทฺธาติ กายสนฺนิสฺสิตา. กาเย สติ โหนฺติ, อสติ น โหนฺติ, ตโต เอว เต อกายสมุฏฺานาปิ กาเยน สงฺขรียนฺตีติ กายสงฺขารา. ปสฺสมฺเภนฺโตติ โอฬาริโกฬาริกํ ปสฺสมฺเภนฺโต. เสสปททฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. โอฬาริกฺหิ กายสงฺขารํ อวูปสนฺตสภาวํ สนฺนิสีทาเปนฺโต ‘‘ปสฺสมฺเภนฺโต’’ติ วุจฺจติ, อนุปฺปาทนิโรธํ ปาเปนฺโต ‘‘นิโรเธนฺโต’’ติ, สุฏฺุ สนฺตสภาวํ นยนฺโต ‘‘วูปสเมนฺโต’’ติ.

ยถารูเปหีติ ยาทิเสหิ. กายสงฺขาเรหีติ โอฬาริเกหิ กายสงฺขาเรหิ. อานมนาติ อภิมุขภาเวน กายสฺส นมนา. วินมนาติ วิสุํ วิสุํ ปสฺสโต นมนา. สนฺนมนาติ สพฺพโต, สุฏฺุ วา นมนา. ปณมนาติ ปจฺฉโต นมนา. อิฺชนาทีนิ อานมนาทีนํ เววจนานิ, อธิมตฺตานิ วา อภิมุขํ จลนาทีนิ อานมนาทโย, มนฺทานิ อิฺชนาทโย. ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารนฺติ ตถารูปํ อานมนาทีนํ การณภูตํ โอฬาริกํ กายสงฺขารํ ปสฺสมฺเภนฺโต. ตสฺมึ หิ ปสฺสมฺภิเต อานมนาทโยปิ ปสฺสมฺภิตา เอว โหนฺติ.

สนฺตํ สุขุมนฺติ ยถารูเปหิ กายสงฺขาเรหิ กายสฺส อปริปฺผนฺทนเหตูหิ อานมนาทโย น โหนฺติ, ตถารูปํ ทรถาภาวโต สนฺตํ, อโนฬาริกตาย สุขุมํ. ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารนฺติ สามฺโต เอกํ กตฺวา วทติ. อถ วา ปุพฺเพ โอฬาริโกฬาริกํ กายสงฺขารํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภนฺโต อนุกฺกเมน กายสฺส อปริปฺผนฺทนเหตุภูเต สุขุมสุขุมตเร อุปฺปาเทตฺวา เตปิ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา ปรมสุขุมตาย โกฏิปฺปตฺตํ ยํ กายสงฺขารํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สนฺตํ สุขุมํ ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขาร’’นฺติ.

อิตีติอาทิ โจทกวจนํ. ตตฺถ อิตีติ ปการตฺเถ นิปาโต. กิราติ อรุจิสูจเน, เอวํ เจติ อตฺโถ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – วุตฺตปฺปกาเรน ยทิ อติสุขุมมฺปิ กายสงฺขารํ ปสฺสมฺเภตีติ. เอวํ สนฺเตติ เอวํ สติ ตยา วุตฺตากาเร ลพฺภมาเน. วาตูปลทฺธิยาติ วาตสฺส อุปลทฺธิยา. -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, อสฺสาสาทิวาตารมฺมณสฺส จิตฺตสฺส ปภาวนา อุปฺปาทนา ปวตฺตนา น โหติ, เต จ เตน ปสฺสมฺเภตพฺพาติ อธิปฺปาโย. อสฺสาสปสฺสาสานฺจ ภาวนาติ โอฬาริเก อสฺสาสปสฺสาเส ภาวนาย ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา สุขุมานํ เตสํ ปภาวนา จ น โหติ, อุภเยสํ เตสํ เตน ปฏิปฺปสฺสมฺเภตพฺพโต. อานาปานสฺสติยาติ อานาปานารมฺมณาย สติยา จ ปวตฺตนํ น โหติ, อานาปานานํ อภาวโต. ตโต เอว ตํสมฺปยุตฺตสฺส อานาปานสฺสติสมาธิสฺส จ ปภาวนา อุปฺปาทนาปิ น โหติ. น หิ กทาจิ อารมฺมเณน วินา สารมฺมณธมฺมา สมฺภวนฺติ. น จ นํ ตนฺติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ . ตํ วุตฺตวิธานํ สมาปตฺตึ ปณฺฑิตา ปฺวนฺโต น เจว สมาปชฺชนฺติปิ ตโต น วุฏฺหนฺติปีติ โยชนา. เอวํ โจทโก สพฺเพน สพฺพํ อภาวูปนยนํ ปสฺสมฺภนนฺติ อธิปฺปาเยน โจเทติ.

ปุน อิติ กิราติอาทิ ยถาวุตฺตาย โจทนาย วิสฺสชฺชนา. ตตฺถ กิราติ ‘‘ยที’’ติ เอตสฺส อตฺเถ นิปาโต. อิติ กิร สิกฺขติ, มยา วุตฺตากาเรน ยทิ สิกฺขตีติ อตฺโถ. เอวํ สนฺเตติ เอวํ ปสฺสมฺภเน สติ. ปภาวนา โหตีติ ยทิปิ โอฬาริกา กายสงฺขารา ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ, สุขุมา ปน อตฺเถวาติ อนุกฺกเมน ปรมสุขุมภาวปฺปตฺตสฺส วเสน นิมิตฺตุปฺปตฺติยา อานาปานสฺสติยา, อานาปานสฺสติสมาธิสฺส จ ปภาวนา อิชฺฌเตวาติ อธิปฺปาโย.

ยถา กถํ วิยาติ ยถาวุตฺตวิธานํ ตํ กถํ วิย ทฏฺพฺพํ, อตฺถิ กิฺจิ ตทตฺถสมฺปฏิปาทเน โอปมฺมนฺติ อธิปฺปาโย. อิทานิ โอปมฺมํ ทสฺเสตุํ ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เสยฺยถาปีติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต. กํเสติ กํสภาชเน. นิมิตฺตนฺติ นิมิตฺตสฺส, เตสํ สทฺทานํ ปวตฺตาการสฺสาติ อตฺโถ. สามิอตฺเถ หิ อิทํ อุปโยควจนํ. สุคฺคหิตตฺตาติ สุฏฺุ คหิตตฺตา. สุมนสิกตตฺตาติ สุฏฺุ จิตฺเต ปิตตฺตา. สูปธาริตตฺตาติ สมฺมเทว อุปธาริตตฺตา สลฺลกฺขิตตฺตา. สุขุมกา สทฺทาติ อนุรเว อาห, เย อปฺปกา. อปฺปตฺโถ หิ อยํ ก-สทฺโท. สุขุมสทฺทนิมิตฺตารมฺมณตาปีติ สุขุโม สทฺโทว นิมิตฺตํ สุขุมสทฺทนิมิตฺตํ, ตทารมฺมณตายปิ. กึ วุตฺตํ โหติ? กามํ ตทาสุขุมาปิ สทฺทา นิรุทฺธา, สทฺทนิมิตฺตสฺส ปน สุคฺคหิตตฺตา สุขุมตรสทฺทนิมิตฺตารมฺมณภาเวนาปิ จิตฺตํ ปวตฺตติ. อาทิโต ปฏฺาย หิ ตสฺส ตสฺส นิรุทฺธสฺส สทฺทสฺส นิมิตฺตํ อวิกฺขิตฺเตน จิตฺเตน อุปธาเรนฺตสฺส อนุกฺกเมน ปริโยสาเน อติสุขุมสทฺทนิมิตฺตมฺปิ อารมฺมณํ กตฺวา จิตฺตํ ปวตฺตเตว. จิตฺตํ น วิกฺเขปํ คจฺฉติ ตสฺมึ ยถาอุปฏฺิเต นิมิตฺเต สมาธานสพฺภาวโต.

เอวํ สนฺเตติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนวเสน วุตฺตํ. ตตฺถ ยสฺส สุตฺตปทสฺส สทฺธึ โจทนาโสธนาหิ อตฺโถ วุตฺโต, ตํ อุทฺธริตฺวา กายานุปสฺสนาสติปฏฺานานิ วิภาคโต ทสฺเสตุํ ‘‘ปสฺสมฺภย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตํ สพฺพํ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมว.

๒๒๒. อาทิกมฺมิกสฺสกมฺมฏฺานวเสนาติ สมถกมฺมฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ. วิปสฺสนํ กมฺมฏฺานํ ปน อิตรจตุกฺเกสุปิ ลพฺภเตว. เอตฺถาติ ปมจตุกฺเก. ปฺจสนฺธิกนฺติ ปฺจปพฺพํ, ปฺจภาคนฺติ อตฺโถ.

กมฺมฏฺานสฺส อุคฺคณฺหนนฺติ กมฺมฏฺานคนฺถสฺส อุคฺคณฺหนํ. ตทตฺถปริปุจฺฉา กมฺมฏฺานสฺส ปริปุจฺฉนา. อถ วา คนฺถโต, อตฺถโต จ กมฺมฏฺานสฺส อุคฺคณฺหนํ อุคฺคโห. ตตฺถ สํสยปริปุจฺฉนา ปริปุจฺฉา. กมฺมฏฺานสฺส อุปฏฺานนฺติ นิมิตฺตุปฏฺานํ, เอวํ ภาวนมนุยุฺชนฺตสฺส ‘‘เอวมิธ นิมิตฺตํ อุปฏฺาตี’’ติ อุปธารณํ, ตถา กมฺมฏฺานปฺปนา ‘‘เอวํ ฌานมปฺเปตี’’ติ. กมฺมฏฺานสฺส ลกฺขณนฺติ คณนานุพนฺธนาผุสนานํ วเสน ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ปนาย สมฺปตฺติ, ตโต ปรมฺปิ วา สลฺลกฺขณาทิวเสน มตฺถกปฺปตฺตีติ กมฺมฏฺานสภาวสฺส สลฺลกฺขณํ. เตนาห ‘‘กมฺมฏฺานสภาวูปธารณนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ.

อตฺตนาปิ น กิลมติ โอธิโส กมฺมฏฺานสฺส อุคฺคณฺหนโต. ตโต เอว อาจริยมฺปิ น วิเหเสติ ธมฺมาธิกรณมฺปิ ภาวนาย มตฺถกํ ปาปนโต. ตสฺมาติ ตํ นิมิตฺตํ อตฺตโน อกิลมนอาจริยาวิเหสนเหตุ. โถกนฺติ โถกํ โถกํ. อุคฺคเหตพฺพโต อุคฺคโห, สพฺโพปิ กมฺมฏฺานวิธิ, น ปุพฺเพ วุตฺตอุคฺคหมตฺตํ. อาจริยโต อุคฺคโห อาจริยุคฺคโห, ตโต. เอกปทมฺปีติ เอกโกฏฺาสมฺปิ.

๒๒๓. อนุวหนาติ อสฺสาสปสฺสาสานํ อนุคมนวเสน สติยา นิรนฺตรํ อนุปวตฺตนา. ผุสนาติ อสฺสาสปสฺสาเส คเณนฺตสฺส คณนํ ปฏิสํหริตฺวา เต สติยา อนุพนฺธนฺตสฺส ยถา อปฺปนา โหติ, ตถา จิตฺตํ เปนฺตสฺส จ นาสิกคฺคาทิฏฺานสฺส เนสํ ผุสนา. ยสฺมา ปน คณนาทิวเสน วิย ผุสนาวเสน วิสุํ มนสิกาโร นตฺถิ, ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยว คณนาทิ กาตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ อิธ ผุสนาคหณนฺติ ทีเปนฺโต ‘‘ผุสนาติ ผุฏฺฏฺาน’’นฺติ อาห. ปนาติ สมาธานํ. ตํ หิ สมฺมเทว อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อาธานํ ปนํ โหติ. ตถา หิ สมาธิ ‘‘จิตฺตสฺส ิติ สณฺิตี’’ติ (ธ. ส. ๑๑.๑๕) นิทฺทิฏฺโ. สมาธิปฺปธานา ปน อปฺปนาติ อาห ‘‘ปนาติ อปฺปนา’’ติ. อนิจฺจตาทีนํ สลฺลกฺขณโต สลฺลกฺขณา วิปสฺสนา. ปวตฺตโต, นิมิตฺตโต จ วินิวฏฺฏนโต วิวฏฺฏนา นาม มคฺโค. สกลสํกิเลสปฏิปฺปสฺสทฺธิภาวโต สพฺพโส สุทฺธีติ ปาริสุทฺธิ ผลํ. เตสนฺติ วิวฏฺฏนาปาริสุทฺธีนํ. ปฏิปสฺสนาติ ปฏิ ปฏิ ทสฺสนํ เปกฺขนํ. เตนาห ‘‘ปจฺจเวกฺขณา’’ติ.

ขณฺฑนฺติ เอกํ ตีณิ ปฺจาติ เอวํ คณนาย ขณฺฑนํ. โอกาเสติ คณนวิธึ สนฺธายาห. คณนนิสฺสิโตว น กมฺมฏฺานนิสฺสิโต. ‘‘สิขาปฺปตฺตํ นุ โข’’ติ อิทํ จิรตรํ คณนาย มนสิ กโรนฺตสฺส วเสน วุตฺตํ. โส หิ ตถา ลทฺธํ อวิกฺเขปมตฺตํ นิสฺสาย เอวํ มฺเยฺย . ‘‘อสฺสาสปสฺสาเสสุ โย อุปฏฺาติ, ตํ คเหตฺวา’’ติ อิทํ อสฺสาสปสฺสาเสสุ ยสฺส เอโกว ปมํ อุปฏฺาติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ยสฺส ปน อุโภปิ อุปฏฺหนฺติ, เตน อุภยมฺปิ คเหตฺวา คเณตพฺพํ. ‘‘โย อุปฏฺาตี’’ติ อิมินา จ ทฺวีสุ นาสาปุฏวาเตสุ โย ปากฏตโร อุปฏฺาติ, โส คเหตพฺโพติ อยมฺปิ อตฺโถ ทีปิโตติ ทฏฺพฺพํ. ปวตฺตมานํ ปวตฺตมานนฺติ อาเมฑิตวจเนน นิรนฺตรํ อสฺสาสปสฺสาสานํ อุปลกฺขณํ ทสฺเสติ. เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน อุปลกฺเขตฺวา วาติ อตฺโถ. ปากฏา โหนฺติ คณนาวเสน พหิทฺธา วิกฺเขปาภาวโต.

ปลิฆสฺส ปริวตฺตนํ, ตํ ยตฺถ นิกฺขิปนฺติ, โส ปลิฆตฺถมฺโภ. ติยามรตฺตินฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. ปุริมนเยนาติ สีฆคณนาย, โคปาลกคณนายาติ อตฺโถ. เอโก ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ ปฺจาติ คณนาวิธิทสฺสนํ. ตสฺมา อฏฺาติอาทีสุปิ เอกโต ปฏฺาเยว ปจฺเจกํ อฏฺาทีนิ ปาเปตพฺพานิ. สีฆํ สีฆํ คเณตพฺพเมว. กสฺมาติ ตตฺถ การณํ, นิทสฺสนฺจ ทสฺเสติ ‘‘คณนปฏิพทฺเธ หี’’ติอาทินา. ตตฺถ อรียติ เตน นาวาติ อริตฺตํ, ปาชนทณฺโฑ. อริตฺเตน อุปตฺถมฺภนํ อริตฺตุปตฺถมฺภนํ, ตสฺส วเสน.

นิปฺปริยายโต นิรนฺตรปฺปวตฺติ นาม ปนายเมวาติ อาห ‘‘นิรนฺตรํ ปวตฺตํ วิยา’’ติ. อนฺโต ปวิสนฺตํ วาตํ มนสิ กโรนฺโต อนฺโต จิตฺตํ ปเวเสติ นาม. พหิ จิตฺตนีหรเณปิ เอเสว นโย. วาตพฺภาหตนฺติ อพฺภนฺตรคตํ วาตํ พหุลํ มนสิ กโรนฺตสฺส วาเตน ตํ านํ อพฺภาหตํ วิย, เมเทน ปูริตํ วิย จ โหติ, ตถา อุปฏฺาติ. นีหรโต ผุฏฺโกาสํ มุฺจิตฺวา, ตถา ปน นีหรโต วาตสฺส คติสมนฺเนสนมุเขน นานารมฺมเณสุ จิตฺตํ วิธาวตีติ อาห ‘‘ปุถุตฺตารมฺมเณ จิตฺตํ วิกฺขิปตี’’ติ.

เอตนฺติ เอตํ อสฺสาสปสฺสาสชาตํ.

๒๒๔. อนุคมนนฺติ ปวตฺตปวตฺตานํ อสฺสาสปสฺสาสานํ อารมฺมณกรณวเสน สติยา อนุ อนุ ปวตฺตนํ อนุคจฺฉนํ. เตเนวาห ‘‘ตฺจ โข น อาทิมชฺฌปริโยสานานุคมนวเสนา’’ติ. นาภิ อาทิ ตตฺถ ปมํ อุปฺปชฺชนโต. ปมุปฺปตฺติวเสน หิ อิธ อาทิจินฺตา, น อุปฺปตฺติมตฺตวเสน. ตถา หิ เต นาภิโต ปฏฺาย ยาว นาสิกคฺคา สพฺพตฺถ อุปฺปชฺชนฺเตว. ยตฺถ ยตฺถ จ อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนฺติ ธมฺมานํ คมนาภาวโต. ยถาปจฺจยํ ปน เทสนฺตรุปฺปตฺติยํ คติสมฺา. หทยํ มชฺฌนฺติ หทยสมีปํ ตสฺส อุปริภาโค มชฺฌํ. นาสิกคฺคํ ปริโยสานนฺติ นาสิกฏฺานํ ตสฺส ปริโยสานํ อสฺสาสปสฺสาสสมฺาย ตทวธิภาวโต. ตถา เหเต ‘‘จิตฺตสมุฏฺานา’’ติ วุตฺตา, น จ พหิทฺธา จิตฺตสมุฏฺานานํ สมฺภโว อตฺถิ. เตนาห ‘‘อพฺภนฺตรํ ปวิสนวาตสฺส นาสิกคฺคํ อาที’’ติ. ปวิสนนิกฺขมนปริยาโย ปน ตํสทิสวเสน วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. วิกฺเขปคตนฺติ วิกฺเขปํ อุปคตํ, วิกฺขิตฺตํ อสมาหิตนฺติ อตฺโถ. สารทฺธายาติ สทรถภาวาย. อิฺชนายาติ กมฺมฏฺานมนสิการสฺส จลนาย.

วิกฺเขปคเตน จิตฺเตนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนํ, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ วา. สารทฺธาติ สทรถา. อิฺชิตาติ อิฺชนกา จลนกา. ตถา ผนฺทิตา.

อาทิมชฺฌปริโยสานวเสนาติ อาทิมชฺฌปริโยสานานุคมนวเสน น มนสิ กาตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘อนุพนฺธนาย มนสิ กโรนฺเตน ผุสนาวเสน จ ปนาวเสน จ มนสิ กาตพฺพ’’นฺติ เยนาธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ตํ วิวริตุํ ‘‘คณนานุพนฺธนาวเสน วิยา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วิสุํ มนสิกาโร นตฺถีติ คณนาย, อนุพนฺธนาย จ วินา ยถากฺกมํ เกวลํ ผุสนาวเสน, ปนาวเสน จ กมฺมฏฺานมนสิกาโร นตฺถิ. นนุ ผุสนาย วินา ปนาย วิย, ผุสนาย วินา คณนายปิ มนสิกาโร นตฺถิเยว? ยทิปิ นตฺถิ, คณนา ปน ยถา กมฺมฏฺานมนสิการสฺส มูลภาวโต ปธานภาเวน คเหตพฺพา, เอวํ อนุพนฺธนา ปนาย, ตาย วินา ปนาย อสมฺภวโต. ตสฺมา สติปิ ผุสนาย นานนฺตริกภาเว คณนานุพนฺธนา เอว มูลภาวโต ปธานภาเวน คเหตฺวา อิตราสํ ตทภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘คณนานุพนฺธนาวเสน วิย หิ ผุสนาปนาวเสน วิสุํ มนสิกาโร นตฺถี’’ติ. ยทิ เอวํ ตา กสฺมา อุทฺเทเส วิสุํ คหิตาติ อาห ‘‘ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยวา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยว คเณนฺโต’’ติ อิมินา คณนาย ผุสนา องฺคนฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘คณนาย จ ผุสนาย จ มนสิ กโรตี’’ติ. ตตฺเถวาติ ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยว. เตติ อสฺสาสปสฺสาเส. สติยา อนุพนฺธนฺโตติ คณนาวีถึ อนุคนฺตฺวา สติยา นิพนฺธนฺโต, ผุฏฺโกาเสเยว เต นิรนฺตรํ อุปธาเรนฺโตติ อตฺโถ. อปฺปนาวเสน จิตฺตํ เปนฺโตติ ยถา อปฺปนา โหติ, เอวํ ยถาอุปฏฺิเต นิมิตฺเต จิตฺตํ เปนฺโต สมาทหนฺโต. อนุพนฺธนาย จาติอาทีสุ อนุพนฺธนาย จ ผุสนาย จ ปนาย จ มนสิ กโรตีติ วุจฺจตีติ โยชนา. สฺวายมตฺโถติ ยฺวายํ ‘‘ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยว คเณนฺโต, ตตฺเถว คณนํ ปฏิสํหริตฺวา เต สติยา อนุพนฺธนฺโต’’ติ จ วุตฺโต, โส อยมตฺโถ. ยา อจฺจนฺตาย น มิโนติ น วินิจฺฉินาติ, สา มานสฺส สมีเปติ อุปมา ยถา ‘‘โคโณ วิย ควโย’’ติ.

๒๒๕. ปงฺคุโฬติ ปีสปฺปี. โทลา เปโขโล. กีฬตนฺติ กีฬนฺตานํ. มาตาปุตฺตานนฺติ อตฺตโน ภริยาย, ปุตฺตสฺส จ. อุโภ โกฏิโยติ อาคจฺฉนฺตสฺส ปุริมโกฏึ, คจฺฉนฺตสฺส ปจฺฉิมโกฏินฺติ ทฺเวปิ โกฏิโย. มชฺฌนฺติ โทลาผลกสฺเสว มชฺฌํ. อุปนิพนฺธนถมฺโภ วิยาติ อุปนิพนฺธนถมฺโภ, นาสิกคฺคํ, มุขนิมิตฺตํ วา, ตสฺส มูเล สมีเป ตฺวา. กถํ ตฺวา? สติยา วเสน. สติฺหิ ตตฺถ สูปฏฺิตํ กโรนฺโต โยคาวจโร ตตฺถ ิโต นาม โหติ, อวยวธมฺเมน สมุทายสฺส อปทิสิตพฺพโต. นิมิตฺเตติ นาสิกคฺคาทินิมิตฺเต. สติยา นิสีทนฺโตติ สติวเสน นิสีทนฺโต. ‘‘สติฺหิ ตตฺถา’’ติอาทินา าเน วิย วตฺตพฺพํ. ตตฺถาติ ผุฏฺผุฏฺฏฺาเน.

๒๒๖. เตติ นครสฺส อนฺโตพหิคตา มนุสฺสา, เตสํ สงฺคหา จ หตฺถคตา.

๒๒๗. อาทิโต ปฏฺายาติ อุปเมยฺยตฺถทสฺสนโต ปฏฺาย. คาถายํ นิมิตฺตนฺติ อุปนิพนฺธนานิมิตฺตํ. อนารมฺมณเมกจิตฺตสฺสาติ เอกสฺส จิตฺตสฺส น อารมฺมณํ, อารมฺมณํ น โหนฺตีติ อตฺโถ. อชานโต จ ตโย ธมฺเมติ นิมิตฺตํ อสฺสาโส ปสฺสาโสติ อิเม ตโย ธมฺเม อารมฺมณกรณวเสน อวินฺทนฺตสฺส. -สทฺโท พฺยติเรเก. ภาวนาติ อานาปานสฺสติสมาธิภาวนา. นุปลพฺภตีติ น อุปลพฺภติ น สิชฺฌตีติ อยํ โจทนาคาถาย อตฺโถ, ทุติยา ปน ปริหารคาถา สุวิฺเยฺยาว.

กถนฺติ ตาสํ อตฺถํ วิวริตุํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. อิเม ตโย ธมฺมาติอาทีสุ ปทโยชนาย สทฺธึ อยมตฺถนิทฺเทโส – อิเม นิมิตฺตาทโย ตโย ธมฺมา เอกจิตฺตสฺส กถํ อารมฺมณํ น โหนฺติ, ตถาปิ น จิเม น จ อิเม ตโย ธมฺมา อวิทิตา โหนฺติ, กถํ น จ โหนฺติ อวิทิตา? เตสฺหิ อวิทิตตฺเต จิตฺตฺจ กถํ วิกฺเขปํ น คจฺฉติ, ปธานฺจ ภาวนาย นิปฺผาทกํ วีริยฺจ กถํ ปฺายติ, นีวรณานํ วิกฺขมฺภกํ สมฺมเทว สมาธานาวหํ ภาวนานุโยคสงฺขาตํ ปโยคฺจ โยคี กถํ สาเธติ, อุปรูปริ โลกิยโลกุตฺตรฺจ วิเสสํ กถมธิคจฺฉตีติ.

อิทานิ ตมตฺถํ กกจูปมาย สาเธตุํ ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภูมิภาคสฺส วิสมตาย จฺจเล รุกฺเข เฉทนกิริยา น สุกรา สิยา, ตถา จ สติ กกจทนฺตคติ ทุพฺพิฺเยฺยาติ อาห ‘‘สเม ภูมิภาเค’’ติ. กกเจนาติ ขุทฺทเกน ขรปตฺเตน. เตนาห ‘‘ปุริโส’’ติ. ผุฏฺกกจทนฺตานนฺติ ผุฏฺผุฏฺกกจทนฺตานํ วเสน. เตน กกจทนฺเตหิ ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยว ปุริสสฺส สติยา อุปฏฺานํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘น อาคเต วา คเต วา กกจทนฺเต มนสิ กโรตี’’ติ. กกจสฺส อากฑฺฒนกาเล ปุริสาภิมุขํ ปวตฺตา อาคตา. เปลฺลนกาเล ตโต วิคตา ‘‘คตา’’ติ วุตฺตา. น จ อาคตา วา คตา วา กกจทนฺตา อวิทิตา โหนฺติ สพฺพตฺถ สติยา อุปฏฺิตตฺตา ฉินฺทิตพฺพฏฺานํ อผุสิตฺวา คจฺฉนฺตานํ, อาคจฺฉนฺตานฺจ กกจทนฺตานํ อภาวโต. ปธานนฺติ รุกฺขสฺส เฉทนวีริยํ . ปโยคนฺติ ตสฺเสว เฉทนกิริยํ. วิเสสนฺติ อเนกภาวาปาทนํ, เตน จ สาเธตพฺพํ ปโยชนวิเสสํ.

ยถา รุกฺโขติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. อุปนิพนฺธติ อารมฺมเณ จิตฺตํ เอตายาติ สติ อุปนิพนฺธนา นาม, ตสฺสา อสฺสาสปสฺสาสานํ สลฺลกฺขณสฺส นิมิตฺตนฺติ อุปนิพนฺธนานิมิตฺตํ, นาสิกคฺคํ, มุขนิมิตฺตํ วา. เอวเมวาติ ยถาปิ โส ปุริโส กกเจน รุกฺขํ ฉินฺทนฺโต อาคตคเต กกจทนฺเต อมนสิกโรนฺโตปิ ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยว สติยา อุปฏฺปเนน อาคตคเต กกจทนฺเต ชานาติ, สุตฺตปทฺจ อวิรชฺฌนฺโต อตฺถกิจฺจํ สาเธติ, เอวเมว. นาสิกคฺเค มุขนิมิตฺเตติ ทีฆนาสิโก นาสิกคฺเค อิตโร มุขํ ทสนํ นิมียติ ฉาทียติ เอเตนาติ มุขนิมิตฺตนฺติ ลทฺธนาเม อุตฺตโรฏฺเ.

อิทํ ปธานนฺติ เยน วีริยารมฺเภน อารทฺธวีริยสฺส โยคิโน กาโยปิ จิตฺตมฺปิ กมฺมนิยํ ภาวนากมฺมกฺขมํ ภาวนากมฺมโยคฺคํ โหติ, อิทํ วีริยํ ปธานนฺติ ผเลน เหตุํ ทสฺเสติ. อุปกฺกิเลสา ปหียนฺตีติ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสภูตานิ นีวรณานิ วิกฺขมฺภนวเสน ปหียนฺติ. วิตกฺกา วูปสมนฺตีติ ตโต เอว กามวิตกฺกาทโย มิจฺฉาวิตกฺกา อุปสมํ คจฺฉนฺติ, นีวรณปฺปหาเนน วา ปมชฺฌานาธิคมํ ทสฺเสตฺวา วิตกฺกวูปสมาปเทเสน ทุติยชฺฌานาทีนมธิคมมาห. อยํ ปโยโคติ อยํ ฌานาธิคมสฺส เหตุภูโต กมฺมฏฺานานุโยโค ปโยโค. สํโยชนา ปหียนฺตีติ ทสปิ สํโยชนานิ มคฺคปฏิปาฏิยา สมุจฺเฉทวเสน ปหียนฺติ. อนุสยา พฺยนฺตี โหนฺตีติ ตถา สตฺตปิ อนุสยา อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเนน ภงฺคมตฺตสฺสปิ อนวเสสโต วิคตนฺตา โหนฺติ. เอตฺถ จ สํโยชนปฺปหานํ นาม อนุสยนิโรเธเนว โหติ, ปหีเนสุ จ สํโยชเนสุ อนุสยานํ เลโสปิ น ภวิสฺสตีติ จ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สํโยชนา ปหียนฺติ อนุสยา พฺยนฺตี โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อยํ วิเสโสติ อิมํ สมาธึ นิสฺสาย อนุกฺกเมน ลพฺภมาโน อยํ สํโยชนปฺปหานาทิโก อิมสฺส สมาธิสฺส วิเสโสติ อตฺโถ.

ยสฺสาติ เยน. อนุปุพฺพนฺติ อนุกฺกเมน. ปริจิตาติ ปริจิณฺณา. อยํ เหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – อานาปานสฺสติ ยถา พุทฺเธน ภควตา เทสิตา , ตเถว เยน ทีฆรสฺสปชานนาทิวิธินา อนุปุพฺพํ ปริจิตา สุฏฺุ ภาวิตา, ตโต เอว ปริปุณฺณา โสฬสนฺนํ วตฺถูนํ ปาริปูริยา สพฺพโส ปุณฺณา. โส ภิกฺขุ อิมํ อตฺตโน ขนฺธาทิโลกํ ปฺโภาเสน ปภาเสติ. ยถา กึ อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา อพฺภุปกฺกิเลสวิมุตฺโต จนฺทิมา ตารกราชา วิยาติ.

อิธาติ กกจูปมายํ. อสฺสาติ โยคิโน. อิธาติ วา อิมสฺมึ าเน. อสฺสาติ อุปมาภูตสฺส กกจสฺส. อาคตคตวเสน ยถา ตสฺส ปุริสสฺส อมนสิกาโร, เอวํ อสฺสาสปสฺสาสานํ อาคตคตวเสน อมนสิการมตฺตเมว ปโยชนํ.

๒๒๘. นิมิตฺตนฺติ ปฏิภาคนิมิตฺตํ. อวเสสฌานงฺคปฏิมณฺฑิตาติ อปฺปนาวิตกฺกาทิอวเสสฌานงฺคปฏิมณฺฑิตาติ วทนฺติ, วิจาราทีติ ปน วตฺตพฺพํ นิปฺปริยาเยน วิตกฺกสฺส อปฺปนาภาวโต. โส หิ ปาฬิยํ ‘‘อปฺปนา พฺยปฺปนา’’ติ (ธ. ส. ๗) นิทฺทิฏฺโ, ตํสมฺปโยคโต วา ยสฺมา ฌานํ ‘‘อปฺปนา’’ติ อฏฺกถาโวหาโร, ฌานงฺเคสุ จ สมาธิ ปธานํ, ตสฺมา ตํ ‘‘อปฺปนา’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อวเสสฌานงฺคปฏิมณฺฑิตา อปฺปนาสงฺขาตา ปนา จ สมฺปชฺชตี’’ติ อาห. กสฺสจิ ปน คณนาวเสเนว มนสิการกาลโต ปภุตีติ เอตฺถ ‘‘อนุกฺกมโต…เป… ลงฺฆนาการปฺปตฺตํ วิย โหตี’’ติ เอตฺตโก คนฺโถ ปริหีโน.

สารทฺธกายสฺส กสฺสจิ ปุคฺคลสฺส. โอนมติ ปฏฺฏิกาทีนํ ปลมฺพเนน. วิกูชตีติ สทฺทํ กโรติ. คตฺตานิสทกปฺปราทีนํ สนฺธิฏฺาเนสุ วลึ คณฺหาติ ตตฺถ ตตฺถ วลิตํ โหติ. กสฺมา? ยสฺมา สารทฺธกาโย ครุโก โหตีติ กายทรถวูปสเมน สทฺธึ สิชฺฌมาโน โอฬาริกอสฺสาสปสฺสาสนิโรโธ พฺยติเรกมุเขน ตสฺส สาธนํ วิย วุตฺโต. โอฬาริกอสฺสาสปสฺสาสนิโรธวเสนาติ อนฺวยวเสน ตทตฺถสาธนํ. ตตฺถ กายทรเถ วูปสนฺเตติ จิตฺตชรูปานํ ลหุมุทุกมฺมฺภาเวน โย เสสติสนฺตติรูปานมฺปิ ลหุอาทิภาโว, โส อิธ กายสฺส ลหุภาโวติ อธิปฺเปโต. สฺวายํ ยสฺมา จิตฺตสฺส ลหุอาทิภาเวน วินา นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กาโยปิ จิตฺตมฺปิ ลหุกํ โหตี’’ติ.

โอฬาริเกอสฺสาสปสฺสาเส นิรุทฺเธติอาทิ เหฏฺา วุตฺตนยมฺปิ วิเจตพฺพาการปฺปตฺตสฺส กายสงฺขารสฺส วิจยนวิธึ ทสฺเสตุํ อานีตํ.

๒๒๙. อุปรูปริ วิภูตานีติ ภาวนาพเลน อุทฺธํ อุทฺธํ ปากฏานิ โหนฺติ. เทสโตติ ปกติยา ผุสนเทสโต, ปุพฺเพ อตฺตนา ผุสนวเสน อุปธาริตฏฺานโต.

‘‘กตฺถ นตฺถี’’ติ านวเสน, ‘‘กสฺส นตฺถี’’ติ ปุคฺคลวเสน วีมํสิยมานมตฺถํ เอกชฺฌํ กตฺวา วิภาเวตุํ ‘‘อนฺโตมาตุกุจฺฉิย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา อุทเก นิมุคฺคสฺส ปุคฺคลสฺส นิรุทฺโธกาสตาย อสฺสาสปสฺสาสา น ปวตฺตนฺติ, เอวํ อนฺโตมาตุกุจฺฉิยํ. ยถา มตานํ สมุฏฺาปกจิตฺตาภาวโต, เอวํ อสฺีภูตานํ มุจฺฉาปเรตานํ, อสฺีสุ วา ชาตานํ, ตถา นิโรธสมาปนฺนานํ. จตุตฺถชฺฌานสมาปนฺนานํ ปน ธมฺมตาวเสเนว เนสํ อนุปฺปชฺชนํ, ตถา รูปารูปภวสมงฺคีนํ. เกจิ ปน ‘‘อนุปุพฺพโต สุขุมภาวปฺปตฺติยา จตุตฺถชฺฌานสมาปนฺนสฺส, รูปภเว รูปานํ ภวงฺคสฺส จ สุขุมภาวโต รูปภวสมงฺคีนํ นตฺถี’’ติ การณํ วทนฺติ. อตฺถิเยว เต อสฺสาสปสฺสาสา ปริเยสโตติ อธิปฺปาโย, ยถาวุตฺตสตฺตฏฺานวินิมุตฺตสฺส อสฺสาสปสฺสาสานํ อนุปฺปชฺชนฏฺานสฺส อภาวโต. ปกติผุฏฺวเสนาติ ปกติยา ผุสนฏฺานวเสน. นิมิตฺตํ เปตพฺพนฺติ สติยา ตตฺถ ตตฺถ สุขปฺปวตฺตนตฺถํ ถิรตรสฺชานนํ ปวตฺเตตพฺพํ. ถิรสฺาปทฏฺานา หิ สติ. อิมเมวาติ อิมํ เอว อนุปฏฺหนฺตสฺส กายสงฺขารสฺส กณฺฏกุฏฺาปนนเยน อุปฏฺาปนวิธิเมว. อตฺถวสนฺติ เหตุํ. อตฺโถติ หิ ผลํ, โส ยสฺส วเสน ปวตฺตติ, โส อตฺถวโสติ. มุฏฺสฺสติสฺสาติ วินฏฺสฺสติสฺส. อสมฺปชานสฺสาติ สมฺปชฺรหิตสฺส, ภาเวนฺตสฺส อนุกฺกเมน อนุปฏฺหนฺเต อสฺสาสปสฺสาเส วีมํสิตฺวา ‘‘อิเม เต’’ติ อุปธาเรตุํ, สมฺมเทว ปชานิตุฺจ สมตฺถาหิ สติปฺาหิ วิรหิตสฺสาติ อธิปฺปาโย.

๒๓๐. อิโต อฺํ กมฺมฏฺานํ. ครุกนฺติ ภาริยํ. สา จสฺส ครุกตา ภาวนาย สุทุกฺกรภาเวนาติ อาห ‘‘ครุกภาวน’’นฺติ. อุปรูปริ สนฺตสุขุมภาวปฺปตฺติโต ‘‘พลวตี สุวิสทา สูรา จ สติปฺา จ อิจฺฉิตพฺพา’’ติ วตฺวา สุขุมสฺส นาม อตฺถสฺส สาธเนนาปิ สุขุเมเนว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิทานิ อนุปฏฺหนฺตานํ อสฺสาสปสฺสาสานํ ปริเยสนุปายํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตาหิ จ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โคจรมุเขติ โคจราภิมุเข. อนุปทนฺติ ปทานุปทํ. จริตฺวาติ โคจรํ คเหตฺวา. ตสฺมึเยว าเนติ อุปนิพนฺธนานิมิตฺตสฺิตฏฺาเน. โยเชตฺวาติ มนสิกาเรน โยเชตฺวา. สติรสฺมิยา พนฺธิตฺวาติ วา วุตฺตเมวตฺถมาห ‘‘ตสฺมึเยว าเน โยเชตฺวา’’ติ. น หิ อุปเมยฺเย พนฺธนโยชนฏฺานานิ วิสุํ ลพฺภนฺติ.

๒๓๑. นิมิตฺตนฺติ อุคฺคหนิมิตฺตํ, ปฏิภาคนิมิตฺตํ วา. อุภยมฺปิ หิ อิธ เอกชฺฌํ วุตฺตํ. ตถา หิ ตูลปิจุอาทิอุปมตฺตยํ อุคฺคเห ยุชฺชติ, เสสํ อุภยตฺถ. เอกจฺเจติ เอเก อาจริยา.

ตารกรูปํ วิยาติ ตารกาย ปภารูปํ วิย. มณิคุฬิกาทิอุปมา ปฏิภาเค วฏฺฏนฺติ. กถํ ปเนตํ เอกํเยว กมฺมฏฺานํ อเนกาการโต อุปฏฺาตีติ อาห ‘‘ตฺจ ปเนต’’นฺติอาทิ. สุตฺตนฺตนฺติ เอกํ สุตฺตํ. ปคุณปฺปวตฺติภาเวน อวิจฺเฉทํ, มหาวิสยตฺจ สนฺธายาห ‘‘มหตี ปพฺพเตยฺยา นที วิยา’’ติ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปตฺติยา สมนฺตภทฺทกํ สุตฺตํ สพฺพภาคมโนหรา สพฺพปาลิผุลฺลา วนฆฏา วิยาติ อาห ‘‘เอกา วนราชิ วิยา’’ติ. เตนาห ภควา – ‘‘วนปฺปคุมฺเพ ยถ ผุสฺสิตคฺเค’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๑๓; สุ. นิ. ๒๓๖). นานานุสนฺธิกํ นานาเปยฺยาลํ วิวิธนยนิปุณํ พหุวิธกมฺมฏฺานมุขสุตฺตนฺตํ อตฺถิเกหิ สกฺกจฺจํ สมุปชีวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สีตจฺฉาโย…เป… รุกฺโข วิยา’’ติ. สฺานานตายาติ นิมิตฺตุปฏฺานโต ปุพฺเพว ปวตฺตสฺานํ นานาวิธภาวโต.

อิเม ตโย ธมฺมาติ อสฺสาโส, ปสฺสาโส, นิมิตฺตนฺติ อิเม ตโย ธมฺมา. นตฺถีติ กมฺมฏฺานวเสน มนสิกาตพฺพภาเวน นตฺถิ น อุปลพฺภนฺติ. น จ อุปจารนฺติ อุปจารมฺปิ น ปาปุณาติ, ปเคว อปฺปนนฺติ อธิปฺปาโย. ยสฺส ปนาติ วิชฺชมานปกฺโข วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺโพ.

อิทานิ วุตฺตสฺเสว อตฺถสฺส สมตฺถนตฺถํ กกจูปมายํ อาคตา ‘‘นิมิตฺต’’นฺติอาทิกา คาถา ปจฺจานีตา.

๒๓๒. นิมิตฺเตติ ยถาวุตฺเต ปฏิภาคนิมิตฺเต. เอวํ โหตีติ ภาวนมนุยุตฺตสฺส เอว โหติ. ตสฺมา ‘‘ปุนปฺปุนํ เอวํ มนสิ กโรหี’’ติ วตฺตพฺโพ. โวสานํ อาปชฺเชยฺยาติ ‘‘นิมิตฺตํ นาม ทุกฺกรํ อุปฺปาเทตุํ, ตยิทํ ลทฺธํ, หนฺทาหํ ทานิ ยทา วา ตทา วา วิเสสํ นิพฺพตฺเตสฺสามี’’ติ สงฺโกจํ อาปชฺเชยฺย. วิสีเทยฺยาติ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ ภาวนมนุยุตฺตสฺส นิมิตฺตมฺปิ น อุปฺปนฺนํ, อภพฺโพ มฺเ วิเสสสฺสา’’ติ วิสาทํ อาปชฺเชยฺย.

‘‘อิมาย ปฏิปทาย ชรามรณโต มุจฺจิสฺสามีติ ปฏิปนฺนสฺส นิมิตฺต’’นฺติ วุตฺเต กถํ สงฺโกจาปตฺติ, ภิยฺโยโส มตฺตาย อุสฺสาหเมว กเรยฺยาติ ‘‘นิมิตฺตมิทํ…เป… วตฺตพฺโพ’’ติ มชฺฌิมภาณกา อาหุ. เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน ปฏิภาคนิมิตฺเตเยว ภาวนาจิตฺตสฺส ปเนน. อิโต ปภุตีติ อิโต ปฏิภาคนิมิตฺตุปฺปตฺติโต ปฏฺาย. ปุพฺเพ ยํ วุตฺตํ ‘‘อนุพนฺธนาย จ ผุสนาย จ ปนาย จ มนสิ กโรตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๒๔), ตตฺถ อนุพนฺธนํ, ผุสนฺจ วิสฺสชฺเชตฺวา ปนาวเสน ภาวนา โหตีติ ปนาวเสเนว ภาเวตพฺพนฺติ อตฺโถ.

โปราเณหิ วุตฺโตวายมตฺโถติ ‘‘นิมิตฺเต’’ติ คาถมาห. ตตฺถ นิมิตฺเตติ ปฏิภาคนิมิตฺเต. ปยํ จิตฺตนฺติ ภาวนาจิตฺตํ เปนฺโต, ปนาวเสน มนสิ กโรนฺโตติ อตฺโถ. นานาการนฺติ ‘‘จตฺตาโร วณฺณา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๑๙; ปารา. อฏฺ. ๒.๑๖๕; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๖๓) เอวํ วุตฺตํ นานาการํ. อาการสามฺวเสน เหตํ เอกวจนํ. วิภาวยนฺติ วิภาเวนฺโต อนฺตรธาเปนฺโต. นิมิตฺตุปฺปตฺติโต ปฏฺาย หิ เต อาการา อมนสิกโรโต อนฺตรหิตา วิย โหนฺติ. อสฺสาสปสฺสาเสติ อสฺสาสปสฺสาเส โย นานากาโร, ตํ วิภาวยํ, อสฺสาสปสฺสาสสมฺภูเต วา นิมิตฺเต. สกํ จิตฺตํ นิพนฺธตีติ ตาย เอว ปนาย อตฺตโน จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ, อปฺเปตีติ อตฺโถ. เย ปน ‘‘วิภาวยนฺติ วิภาเวนฺโต วิทิตํ ปากฏํ กโรนฺโต’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ ปุพฺพภาควเสน ยุชฺเชยฺย. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ธิติสมฺปนฺนตฺตา ธีโร โยคี อสฺสาสปสฺสาเส นานาการํ วิภาเวนฺโต นานาการโต เต ปชานนฺโต วิทิเต ปากเฏ กโรนฺโต, นานาการํ วา โอฬาริโกฬาริเก ปสฺสมฺเภนฺโต วูปสเมนฺโต ตตฺถ ยํ ลทฺธํ นิมิตฺตํ, ตสฺมึ จิตฺตํ เปนฺโต อนุกฺกเมน สกํ จิตฺตํ นิพนฺธติ อปฺเปตีติ.

วณฺณโตติ ปิจุปิณฺฑตารกรูปาทีสุ วิย อุปฏฺิตวณฺณโต. ลกฺขณโตติ ขรภาวาทิสภาวโต, อนิจฺจาทิลกฺขณโต วา. รกฺขิตพฺพํ ตํ นิมิตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. นิมิตฺตสฺส รกฺขณํ นาม ตตฺถ ปฏิลทฺธสฺส อุปจารฌานสฺส รกฺขเณเนว โหตีติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนํ มนสิการวเสน วุทฺธึ วิรุฬฺหึ คมยิตฺวา’’ติ.

๒๓๓. เอตฺถาติ เอติสฺสํ กายานุปสฺสนายํ. ปาริสุทฺธึ ปตฺตุกาโมติ อธิคนฺตุกาโม, สมาปชฺชิตุกาโม จ, ตตฺถ สลฺลกฺขณาวิวฏฺฏนาวเสน อธิคนฺตุกาโม, สลฺลกฺขณาวเสน สมาปชฺชิตุกาโมติ โยเชตพฺพํ. นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตีติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา หีติอาทิ กายสฺส, จิตฺตสฺส จ อสฺสาสปสฺสาสานํ สมุทยภาวทสฺสนํ. กมฺมารคคฺคริยาติ กมฺมารานํ อุกฺกายํ อคฺคิธมนภสฺตา. ธมมานายาติ ธมยนฺติยา, วาตํ คาหาเปนฺติยาติ อตฺโถ. ตชฺชนฺติ ตทนุรูปํ. เอวเมวาติ เอตฺถ กมฺมารคคฺครี วิย กรชกาโย, วายาโม วิย จิตฺตํ ทฏฺพฺพํ. กิฺจาปิ อสฺสาสปสฺสาสา จิตฺตสมุฏฺานา, กรชกายํ ปน วินา เตสํ อปฺปวตฺตนโต ‘‘กายฺจ จิตฺตฺจ ปฏิจฺจ อสฺสาสปสฺสาสา’’ติ วุตฺตํ.

ตสฺสาติ นามรูปสฺส. ปจฺจยํ ปริเยสตีติ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) อวิชฺชาทิกํ ปจฺจยํ วีมํสติ ปริคฺคณฺหาติ. กงฺขํ วิตรตีติ ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) อาทินยปฺปวตฺตํ โสฬสวตฺถุกํ วิจิกิจฺฉํ อติกฺกมติ ปชหติ. ‘‘ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๓๔๗; ๓๖๑; ๓.๘๖; อ. นิ. ๔.๑๘๑) อาทินยปฺปวตฺตํ กลาปสมฺมสนํ. ปุพฺพภาเคติ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิปริยาปนฺนาย อุทยพฺพยานุปสฺสนาย ปุพฺพภาเค อุปฺปนฺเน. โอภาสาทโยติ โอภาโส าณํ ปีติ ปสฺสทฺธิ สุขํ อธิโมกฺโข ปคฺคโห อุเปกฺขา อุปฏฺานํ นิกนฺตีติ อิเม โอภาสาทโย ทส. อุทยํ ปหายาติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาย คหิตํ สงฺขารานํ อุทยํ วิสฺสชฺเชตฺวา เตสํ ภงฺคสฺเสว อนุปสฺสนโต ภงฺคานุปสฺสนํ าณํ ปตฺวา อาทีนวานุปสฺสนาปุพฺพงฺคมาย นิพฺพิทานุปสฺสนาย นิพฺพินฺทนฺโต. มุฺจิตุกมฺยตาปฏิสงฺขานุปสฺสนาสงฺขารุเปกฺขานุโลมาณานํ จิณฺณปริยนฺเต อุปฺปนฺนโคตฺรภุาณานนฺตรํ อุปฺปนฺเนน มคฺคาเณน สพฺพสงฺขาเรสุ วิรชฺชนฺโต วิมุจฺจนฺโต. มคฺคกฺขเณ หิ อริโย วิรชฺชติ วิมุจฺจตีติ จ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘ยถากฺกเมน จตฺตาโร อริยมคฺเค ปาปุณิตฺวา’’ติ. มคฺคผลนิพฺพานปหีนาวสิฏฺกิเลสสงฺขาตสฺส ปจฺจเวกฺขิตพฺพสฺส ปเภเทน เอกูนวีสติเภทสฺส. อรหโต หิ อวสิฏฺกิเลสาภาเวน เอกูนวีสติตา. อสฺสาติ อานาปานกมฺมฏฺานิกสฺส.

๒๓๔. วิสุํ กมฺมฏฺานภาวนานโย นาม นตฺถิ ปมจตุกฺกวเสน อธิคตฌานสฺส เวทนาจิตฺตธมฺมานุปสฺสนาวเสน เทสิตตฺตา. เตสนฺติ ติณฺณํ จตุกฺกานํ.

ปีติปฏิสํเวทีติ ปีติยา ปฏิ ปฏิ สมฺมเทว เวทนาสีโล, ตสฺสา วา ปฏิ ปฏิ สมฺมเทว เวโท เอตสฺส อตฺถิ, ตํ วา ปฏิ ปฏิ สมฺมเทว เวทยมาโน. ตตฺถ กามํ สํเวทน-คฺคหเณเนว ปีติยา สกฺกจฺจํ วิทิตภาโว โพธิโต โหติ, เยหิ ปน ปกาเรหิ ตสฺสา สํเวทนํ อิจฺฉิตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ปฏิ-สทฺทคฺคหณํ ‘‘ปฏิ ปฏิ สํเวทีติ ปฏิสํเวที’’ติ. เตนาห ‘‘ทฺวีหากาเรหี’’ติอาทิ.

ตตฺถ กถํ อารมฺมณโต ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหตีติ ปุจฺฉาวจนํ. สปฺปีติเก ทฺเว ฌาเน สมาปชฺชตีติ ปีติสหคตานิ ทฺเว ปมทุติยฌานานิ ปฏิปาฏิยา สมาปชฺชติ. ตสฺสาติ เตน. ‘‘ปฏิสํวิทิตา’’ติ หิ ปทํ อเปกฺขิตฺวา กตฺตุอตฺเถ เอตํ สามิวจนํ. สมาปตฺติกฺขเณติ สมาปนฺนกฺขเณ. ฌานปฏิลาเภนาติ ฌาเนน สมงฺคิภาเวน. อารมฺมณโตติ อารมฺมณมุเขน, ตทารมฺมณฌานปริยาปนฺนา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ อารมฺมณสฺส ปฏิสํวิทิตตฺตา. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา นาม สปฺปปริเยสนํ จรนฺเตน ตสฺส อาสเย ปฏิสํวิทิเต โสปิ ปฏิสํวิทิโต คหิโต เอว โหติ มนฺตาคทพเลน ตสฺส คหณสฺส สุกรตฺตา, เอวํ ปีติยา อาสยภูเต อารมฺมเณ ปฏิสํวิทิเต สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา เอว โหติ สลกฺขณโต, สามฺโต จ ตสฺสา คหณสฺส สุกรตฺตาติ.

กถํ อสมฺโมหโต ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. วิปสฺสนากฺขเณติ วิปสฺสนาปฺาย ติกฺขวิสทปฺปตฺตาย วิสยโต ทสฺสนกฺขเณ. ลกฺขณปฏิเวเธนาติ ปีติยา สลกฺขณสฺส, สามฺลกฺขณสฺส จ ปฏิวิชฺฌเนน. ยํ หิ ยสฺส วิเสสโต, สามฺโต จ ลกฺขณํ, ตสฺมึ วิทิเต โส ยาถาวโต วิทิโต เอว โหติ. เตนาห ‘‘อสมฺโมหโต ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหตี’’ติ.

อิทานิ ตมตฺถํ ปาฬิยา เอว วิภาเวตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ทีฆํ อสฺสาสวเสนาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ตตฺถ ปน สโตการิตาทสฺสนวเสน ปาฬิ อาคตา, อิธ ปีติปฏิสํเวทิตาวเสน, ปีติปฏิสํเวทิตา จ อตฺถโต วิภตฺตา เอว. อปิจ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ทีฆํ อสฺสาสวเสนาติ ทีฆสฺส อสฺสาสสฺส อารมฺมณภูตสฺส วเสน ปชานโต สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหตีติ สมฺพนฺโธ. จิตฺตสฺส เอกคฺคตํ อวิกฺเขปํ ปชานโตติ ฌานปริยาปนฺนํ ‘‘อวิกฺเขโป’’ติ ลทฺธนามํ จิตฺตสฺเสกคฺคตํ ตํสมฺปยุตฺตาย ปฺาย ปชานโต. ยเถว หิ อารมฺมณมุเขน ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ, เอวํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ อารมฺมณมุเขน ปฏิสํวิทิตา เอว โหนฺตีติ. สติ อุปฏฺิตา โหตีติ ทีฆํ อสฺสาสวเสน ฌานสมฺปยุตฺตา สติ ตสฺส อารมฺมเณ อุปฏฺิตา อารมฺมณมุเขน ฌาเนปิ อุปฏฺิตา นาม โหติ. ตาย สติยาติ เอวํ อุปฏฺิตาย ตาย สติยา ยถาวุตฺเตน เตน าเณน สุปฺปฏิวิทิตตฺตา อารมฺมณสฺส ตสฺส วเสน ตทารมฺมณา สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ. ทีฆํ ปสฺสาสวเสนาติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

เอวํ ปมจตุกฺกวเสน ทสฺสิตํ ปีติปฏิสํเวทนํ อารมฺมณโต, อสมฺโมหโต จ วิภาคโส ทสฺเสตุํ ‘‘อาวชฺชโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อาวชฺชโตติ ฌานํ อาวชฺชนฺตสฺส. สา ปีตีติ สา ฌานปริยาปนฺนา ปีติ. ชานโตติ สมาปนฺนกฺขเณ อารมฺมณมุเขน ชานโต. ตสฺส สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหตีติ สมฺพนฺโธ. ปสฺสโตติ ทสฺสนภูเตน าเณน ฌานโต วุฏฺาย ปสฺสนฺตสฺส. ปจฺจเวกฺขโตติ ฌานํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส. จิตฺตํ อธิฏฺหโตติ ‘‘เอตฺตกํ เวลํ ฌานสมงฺคี ภวิสฺสามี’’ติ ฌานจิตฺตํ อธิฏฺหนฺตสฺส. เอวํ ปฺจนฺนํ วสีภาวานํ วเสน ฌานสฺส ปชานนมุเขน อารมฺมณโต ปีติยา ปฏิสํเวทนา ทสฺสิตา.

อิทานิ เยหิ ธมฺเมหิ ฌานํ, วิปสฺสนา จ สิชฺฌนฺติ; เตสํ ฌานปริยาปนฺนานํ, วิปสฺสนามคฺคปริยาปนฺนานฺจ สทฺธาทีนํ วเสน ปีติปฏิสํเวทนํ ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺธาย อธิมุจฺจโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อธิมุจฺจโตติ สทฺทหนฺตสฺส, สมถวิปสฺสนาวเสนาติ อธิปฺปาโย. วีริยํ ปคฺคณฺหโตติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อภิฺเยฺยนฺติ อภิวิสิฏฺาย ปฺาย ชานิตพฺพํ. อภิชานโตติ วิปสฺสนาปฺาปุพฺพงฺคมาย มคฺคปฺาย ชานโต. ปริฺเยฺยนฺติ ทุกฺขสจฺจํ ตีรณปริฺาย, มคฺคปฺาย จ ปริชานโต. ปหาตพฺพนฺติ สมุทยสจฺจํ ปหานปริฺาย, มคฺคปฺาย จ ปชหโต. ภาวยโต สจฺฉิกโรโต ภาเวตพฺพํ มคฺคสจฺจํ , สจฺฉิกาตพฺพํ นิโรธสจฺจํ. เกจิ ปเนตฺถ ปีติยา เอว วเสน อภิฺเยฺยาทีนิ อุทฺธรนฺติ, ตํ อยุตฺตํ ฌานาทิสมุทายํ อุทฺธริตฺวา ตโต ปีติยา นิทฺธารณสฺส อธิปฺเปตตฺตา.

เอตฺถ จ ‘‘ทีฆํ อสฺสาสวเสนา’’ติอาทินา ปมจตุกฺกวเสน อารมฺมณโต ปีติปฏิสํเวทนํ วุตฺตํ, ตถา ‘‘อาวชฺชโต’’ติอาทีหิ ปฺจหิ ปเทหิ. ‘‘อภิฺเยฺยํ อภิชานโต’’ติอาทีหิ ปน อสมฺโมหโต. ‘‘สทฺธาย อธิมุจฺจโต’’ติอาทีหิ อุภยถาปีติ สงฺเขปโต สมถวเสน อารมฺมณโต, วิปสฺสนาวเสน อสมฺโมหโต ปีติปฏิสํเวทนํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กสฺมา ปเนตฺถ เวทนานุปสฺสนายํ ปีติสีเสน เวทนา คหิตา, น สรูปโต เอวาติ? ภูมิวิภาคาทิวเสน เวทนํ ภินฺทิตฺวา จตุธา เวทนานุปสฺสนํ ทสฺเสตุํ. อปิจ เวทนากมฺมฏฺานํ ทสฺเสนฺโต ภควา ปีติยา โอฬาริกตฺตา ตํสมฺปยุตฺตสุขํ สุขคฺคหณตฺถํ ปีติสีเสน ทสฺเสติ.

เอเตเนว นเยน อวเสสปทานีติ ‘‘สุขปฏิสํเวที จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที’’ติ ปทานิ ปีติปฏิสํเวทิปเท อาคตนเยเนว อตฺถโต เวทิตพฺพานิ. สกฺกา หิ ‘‘ทฺวีหากาเรหิ สุขปฏิสํเวทิตา โหติ, จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวทิตา โหติ อารมฺมณโต’’ติอาทินา ปีติฏฺาเน สุขาทิปทานิ ปกฺขิปิตฺวา ‘‘สุขสหคตานิ ตีณิ ฌานานิ, จตฺตาริ วา ฌานานิ สมาปชฺชตี’’ติอาทินา อตฺถํ วิฺาตุํ. เตนาห ‘‘ติณฺณํ ฌานานํ วเสนา’’ติอาทิ. เวทนาทโยติ อาทิ-สทฺเทน สฺา คหิตา. เตนาห ‘‘ทฺเว ขนฺธา’’ติ. วิปสฺสนาภูมิทสฺสนตฺถนฺติ ปกิณฺณกสงฺขารสมฺมสนวเสน วิปสฺสนาย ภูมิทสฺสนตฺถํ ‘‘สุขนฺติ ทฺเว สุขานี’’ติอาทิ วุตฺตํ สมเถ กายิกสุขาภาวโต. โสติ โส ปสฺสมฺภนปริยาเยน วุตฺโต นิโรโธ. ‘‘อิมสฺส หิ ภิกฺขุโน ปุพฺเพ อปริคฺคหิตกาเล’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๒๐) วิตฺถารโต กายสงฺขาเร วุตฺโต, ตสฺมา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ตตฺถ กายสงฺขารวเสน อาคโต, อิธ จิตฺตสงฺขารวเสนาติ อยเมว วิเสโส.

เอวํ จิตฺตสงฺขารสฺส ปสฺสมฺภนํ อติเทเสน ทสฺเสตฺวา ยทฺํ อิมสฺมึ จตุกฺเก วตฺตพฺพํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปีติปเทติ ‘‘ปีติปฏิสํเวที’’ติอาทินา เทสิตโกฏฺาเส. ปีติสีเสน เวทนา วุตฺตาติ ปีติอปเทเสน ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา วุตฺตา, น ปีตีติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ทฺวีสุ จิตฺตสงฺขารปเทสูติ ‘‘จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขาร’’นฺติ จิตฺตสงฺขารปฏิสํยุตฺเตสุ ทฺวีสุ ปเทสุ. ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ (มหาว. ๑; ม. นิ. ๓.๑๒๖; อุทา. ๑) วจนโต จิตฺเตน ปฏิพทฺธาติ จิตฺตปฏิพทฺธา. ตโต เอว กามํ จิตฺเตน สงฺขรียนฺตีติ จิตฺตสงฺขารา, สฺาเวทนาทโย, อิธ ปน อุปลกฺขณมตฺตํ สฺา เวทนาว อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘สฺาสมฺปยุตฺตา เวทนา’’ติ.

๒๓๕. จิตฺตปฏิสํเวทีติ เอตฺถ ทฺวีหากาเรหิ จิตฺตปฏิสํเวทิตา โหติ อารมฺมณโต, อสมฺโมหโต จ. กถํ อารมฺมณโต? จตฺตาริ ฌานานิ สมาปชฺชติ, ตสฺส สมาปตฺติกฺขเณ ฌานปฏิลาเภนาติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรน สพฺพํ สุวิฺเยฺยนฺติ อาห ‘‘จตุนฺนํ ฌานานํ วเสน จิตฺตปฏิสํเวทิตา เวทิตพฺพา’’ติ. จิตฺตํ โมเทนฺโตติ ฌานสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ สมฺปยุตฺตาย ปีติยา โมทยมาโน, ตํ วา ปีตึ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตํ วิปสฺสนาจิตฺตํ ตาย เอว อารมฺมณภูตาย ปีติยา โมทยมาโน. ปโมเทนฺโตติอาทีนิ ปทานิ ตสฺเสว เววจนานิ ปีติปริยายภาวโต.

สมฺปยุตฺตาย ปีติยา จิตฺตํ อาโมเทตีติ ฌานจิตฺตสมฺปยุตฺตาย ปีติสมฺโพชฺฌงฺคภูตาย โอทคฺยลกฺขณาย ฌานปีติยา ตเมว ฌานจิตฺตํ สหชาตาทิปจฺจยวเสน เจว ฌานปจฺจยวเสน จ ปริพฺรูเหนฺโต หฏฺปหฏฺาการํ ปาเปนฺโต อาโมเทติ ปโมเทติ จ. อารมฺมณํ กตฺวาติ อุฬารํ ฌานสมฺปยุตฺตํ ปีตึ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมานํ วิปสฺสนาจิตฺตํ ตาย เอว อารมฺมณภูตาย ปีติยา โยคาวจโร หฏฺปหฏฺาการํ ปาเปนฺโต ‘‘อาโมเทติ ปโมเทตี’’ติ วุจฺจติ.

สมํ เปนฺโตติ ยถา อีสกมฺปิ ลีนปกฺขํ, อุทฺธจฺจปกฺขฺจ อนุปคมฺม อโนนตํ อนุนฺนตํ ยถา อินฺทฺริยานํ สมตฺตปฏิปตฺติยา อวิสมํ, สมาธิสฺส วา อุกฺกํสคมเนน อาเนฺชปฺปตฺติยา สมฺมเทว ิตํ โหติ, เอวํ อปฺปนาวเสน เปนฺโต. ลกฺขณปฏิเวเธนาติ อนิจฺจาทิกสฺส ลกฺขณสฺส ปฏิ ปฏิ วิชฺฌเนน ขเณ ขเณ อวโพเธน. ขณิกจิตฺเตกคฺคตาติ ขณมตฺตฏฺิติโก สมาธิ. โสปิ หิ อารมฺมเณ นิรนฺตรํ เอกากาเรน ปวตฺตมาโน ปฏิปกฺเขน อนภิภูโต อปฺปิโต วิย จิตฺตํ นิจฺจลํ เปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ อุปฺปนฺนายา’’ติอาทิ.

โมเจนฺโตติ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติวเสน วิเวเจนฺโต วิสุํ กโรนฺโต, นีวรณานิ ปชหนฺโตติ อตฺโถ. วิปสฺสนากฺขเณติ ภงฺคานุปสฺสนากฺขเณ. ภงฺโค หิ นาม อนิจฺจตาย ปรมา โกฏิ, ตสฺมา ตาย ภงฺคานุปสฺสโก โยคาวจโร จิตฺตมุเขน สพฺพสงฺขารคตํ อนิจฺจโต ปสฺสติ, โน นิจฺจโต. อนิจฺจสฺส ทุกฺขตฺตา, ทุกฺขสฺส จ อนตฺตกตฺตา ตเทว ทุกฺขโต อนุปสฺสติ, โน สุขโต. อนตฺตโต อนุปสฺสติ, โน อตฺตโต. ยสฺมา ปน ยํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, น ตํ อภินนฺทิตพฺพํ. ยฺจ น อภินนฺทิตพฺพํ, น ตํ รฺชิตพฺพํ. ตสฺมา ภงฺคทสฺสนานุสาเรน ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ สงฺขารคเต ทิฏฺเ ตสฺมึ นิพฺพินฺทติ, โน นนฺทติ. วิรชฺชติ, โน รชฺชติ. โส เอวํ นิพฺพินฺทนฺโต วิรชฺชนฺโต โลกิเยเนว ตาว าเณน ราคํ นิโรเธติ, โน สมุเทติ, นาสฺส สมุทยํ กโรตีติ อตฺโถ. อถ วา โส เอวํ วิรตฺโต ยถา ทิฏฺํ สงฺขารคตํ, ตถา อทิฏฺํ อตฺตโน าเณน นิโรเธติ, โน สมุเทติ. นิโรธเมวสฺส มนสิกโรติ, โน สมุทยนฺติ อตฺโถ. โส เอวํ ปฏิปนฺโน ปฏินิสฺสชฺชติ, โน อาทิยติ. กึ วุตฺตํ โหติ? อยฺหิ อนิจฺจาทิอนุปสฺสนา สทฺธึ ขนฺธาภิสงฺขาเรหิ กิเลสานํ ปริจฺจชนโต, สงฺขตโทสทสฺสเนน ตพฺพิปรีเต นิพฺพาเน ตนฺนินฺนตาย ปกฺขนฺทนโต ปริจฺจาคปฏินิสฺสคฺโค ปกฺขนฺทนปฏินิสฺสคฺโค จาติ วุจฺจติ. ตสฺมา ตาย สมนฺนาคโต โยคาวจโร วุตฺตนเยน กิเลเส จ ปริจฺจชติ, นิพฺพาเน จ ปกฺขนฺทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โส วิปสฺสนากฺขเณ อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺาโต จิตฺตํ โมเจนฺโต วิโมเจนฺโต…เป… ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย อาทานโต จิตฺตํ โมเจนฺโต วิโมเจนฺโต อสฺสสติ เจว ปสฺสสติ จา’’ติ.

ตตฺถ อนิจฺจสฺส, อนิจฺจนฺติ วา อนุปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนา. เตภูมกธมฺมานํ อนิจฺจตํ คเหตฺวา ปวตฺตาย วิปสฺสนาย เอตํ นามํ. นิจฺจสฺาโตติ สงฺขตธมฺเม ‘‘นิจฺจา สสฺสตา’’ติ ปวตฺตาย มิจฺฉาสฺาย. สฺาสีเสน จิตฺตทิฏฺีนมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย สุขสฺาทีสุปิ. นิพฺพิทานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นนฺทิโตติ สปฺปีติกตณฺหาโต. วิราคานุปสฺสนายาติ ตถา วิรชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. เตน วุตฺตํ ‘‘ราคโต โมเจนฺโต’’ติ. นิโรธานุปสฺสนายาติ สงฺขารานํ นิโรธสฺส อนุปสฺสนาย. ยถา สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติเยว, อายตึ ปุนพฺภววเสน น อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ วา อนุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา. มุฺจิตุกมฺยตา หิ อยํ พลปฺปตฺตา. เตนาห ‘‘สมุทยโต โมเจนฺโต’’ติ. ปฏินิสฺสชฺชนากาเรน ปวตฺตา อนุปสฺสนา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา. อาทานโตติ นิจฺจาทิวเสน คหณโต, ปฏิสนฺธิคฺคหณโต วาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

๒๓๖. อนิจฺจนฺติ อนุปสฺสี, อนิจฺจสฺส วา อนุปสฺสนสีโล อนิจฺจานุปสฺสีติ เอตฺถ กึ ปเนตํ อนิจฺจํ, กถํ วา อนิจฺจํ, กา วา อนิจฺจานุปสฺสนา, กสฺส วา อนิจฺจานุปสฺสนาติ จตุกฺกํ วิภาเวตพฺพนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนิจฺจํ เวทิตพฺพ’’นฺติอาทิมาห.

ตตฺถ นิจฺจํ นาม ธุวํ สสฺสตํ ยถา ตํ นิพฺพานํ, น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ, อุทยพฺพยวนฺตํ, อตฺถโต สงฺขตา ธมฺมาติ อาห ‘‘อนิจฺจนฺติ ปฺจกฺขนฺธา. กสฺมา? อุปฺปาทวยฺถตฺตภาวา’’ติ, อุปฺปาทวยฺถตฺตสพฺภาวาติ อตฺโถ. ตตฺถ สงฺขตธมฺมานํ เหตุปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชนํ อหุตฺวา สมฺภโว อตฺตลาโภ อุปฺปาโท. อุปฺปนฺนานํ เตสํ ขณนิโรโธ วินาโส วโย. ชราย อฺถาภาโว อฺถตฺตํ. ยถา หิ อุปฺปาทาวตฺถาย ภินฺนาย ภงฺคาวตฺถายํ วตฺถุเภโท นตฺถิ, เอวํ ิติสงฺขาตาย ภงฺคาภิมุขาวตฺถายมฺปิ วตฺถุเภโท นตฺถิ, ยตฺถ ชราโวหาโร. ตสฺมา เอกสฺสาปิ ธมฺมสฺส ชรา ยุชฺชติ, ยา ขณิกชราติ วุจฺจติ. เอกํเสน จ อุปฺปาทภงฺคาวตฺถาสุ วตฺถุโน อเภโท อิจฺฉิตพฺโพ, อฺถา ‘‘อฺโ อุปฺปชฺชติ, อฺโ ภิชฺชตี’’ติ อาปชฺเชยฺย . ตยิมํ ขณิกชรํ สนฺธายาห ‘‘อฺถตฺต’’นฺติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต กถยิสฺสาม.

ยสฺส ลกฺขณตฺตยสฺส ภาวา ขนฺเธสุ อนิจฺจสมฺา, ตสฺมึ ลกฺขณตฺตเย อนิจฺจตาสมฺาติ ‘‘อนิจฺจตาติ เตสํเยว อุปฺปาทวยฺถตฺต’’นฺติ วตฺวา วิเสสโต ธมฺมานํ ขณิกนิโรเธ อนิจฺจตาโวหาโรติ ทสฺเสนฺโต ‘‘หุตฺวา อภาโว วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุปฺปาทปุพฺพกตฺตา อภาวสฺส หุตฺวาคหณํ. เตน ปากภาวปุพฺพกตฺตํ วินาสภาวสฺส ทสฺเสติ. เตเนวากาเรนาติ นิพฺพตฺตนากาเรเนว. ขณภงฺเคนาติ ขณิกนิโรเธน. ตสฺสา อนิจฺจตายาติ ขณิกภงฺคสงฺขาตาย อนิจฺจตาย. ตาย อนุปสฺสนายาติ ยถาวุตฺตาย อนิจฺจานุปสฺสนาย. สมนฺนาคโตติ สมงฺคิภูโต โยคาวจโร.

ขโย สงฺขารานํ วินาโส, วิรชฺชนํ เตสํเยว วิลุชฺชนํ วิราโค, ขโย เอว วิราโค ขยวิราโค, ขณิกนิโรโธ. อจฺจนฺตเมตฺถ เอตสฺมึ อธิคเต สงฺขารา วิรชฺชนฺติ นิรุชฺฌนฺตีติ อจฺจนฺตวิราโค, นิพฺพานํ. เตนาห ‘‘ขยวิราโค สงฺขารานํ ขณภงฺโค, อจฺจนฺตวิราโค นิพฺพาน’’นฺติ. ตทุภยวเสน ปวตฺตาติ ขยวิราคานุปสฺสนาวเสน วิปสฺสนาย, อจฺจนฺตวิราคานุปสฺสนาวเสน มคฺคสฺส ปวตฺติ โยเชตพฺพา. อารมฺมณโต วา วิปสฺสนาย ขยวิราคานุปสฺสนาวเสน ปวตฺติ, ตนฺนินฺนภาวโต อจฺจนฺตวิราคานุปสฺสนาวเสน, มคฺคสฺส ปน อสมฺโมหโต ขยวิราคานุปสฺสนาวเสน, อารมฺมณโต อจฺจนฺตวิราคานุปสฺสนาวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ยสฺมา วิราคานุปสฺสี-ปเท วุตฺตนยานุสาเรน ‘‘ทฺเว นิโรธา ขยนิโรโธ จ อจฺจนฺตนิโรโธ จา’’ติ เอวมาทิอตฺถวณฺณนํ อติทิสติ, ตสฺมา วิราคฏฺาเน นิโรธปทํ ปกฺขิปิตฺวา ‘‘ขโย สงฺขารานํ วินาโส’’ติอาทินา อิธ วุตฺตนเยน ตสฺส อตฺถวณฺณนา เวทิตพฺพา.

ปฏินิสฺสชฺชนํ ปหาตพฺพสฺส ตทงฺควเสน วา สมุจฺเฉทวเสน วา ปริจฺจชนํ ปริจฺจาคปฏินิสฺสคฺโค. ตถา สพฺพูปธีนํ ปฏินิสฺสคฺคภูเต วิสงฺขาเร อตฺตโน นิสฺสชฺชนํ, ตนฺนินฺนตาย วา ตทารมฺมณตาย วา ตตฺถ ปกฺขนฺทนํ ปกฺขนฺทนปฏินิสฺสคฺโค.

ตทงฺควเสนาติ เอตฺถ อนิจฺจานุปสฺสนา ตาว ตทงฺคปฺปหานวเสน นิจฺจสฺํ ปริจฺจชติ, ปริจฺจชนฺตี จ ตถา อปฺปวตฺติยํ เย ‘‘นิจฺจ’’นฺติ คหณวเสน กิเลสา, ตมฺมูลกา อภิสงฺขารา, ตทุภยมูลกา จ วิปากกฺขนฺธา อนาคเต อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เต สพฺเพปิ อปฺปวตฺติกรณวเสน ปริจฺจชติ, ตถา ทุกฺขสฺาทโย. เตนาห ‘‘วิปสฺสนา หิ ตทงฺควเสน สทฺธึ ขนฺธาภิสงฺขาเรหิ กิเลเส ปริจฺจชตี’’ติ.

สงฺขตโทสทสฺสเนนาติ สงฺขเต เตภูมเก สงฺขารคเต อนิจฺจตาทิโทสทสฺสเนน. นิจฺจาทิภาเวน ตพฺพิปรีเต. ตนฺนินฺนตายาติ ตทธิมุตฺตตาย. ปกฺขนฺทตีติ อนุปวิสติ อนุปวิสนฺตํ วิย โหติ. สทฺธึ ขนฺธาภิสงฺขาเรหิ กิเลเส ปริจฺจชตีติ มคฺเคน กิเลเสสุ ปริจฺจตฺเตสุ อวิปากธมฺมตาปาทเนน อภิสงฺขารา, ตมฺมูลกา จ ขนฺธา อนุปฺปตฺติรหภาเวน ปริจฺจตฺตา นาม โหนฺตีติ สพฺเพปิ เต มคฺโค ปริจฺจชตีติ วุตฺตํ. อุภยนฺติ วิปสฺสนาาณํ, มคฺคาณฺจ. มคฺคาณมฺปิ หิ โคตฺรภุาณสฺส อนุ ปจฺฉา นิพฺพานทสฺสนโต ‘‘อนุปสฺสนา’’ติ วุจฺจติ.

โสฬสวตฺถุวเสน จาติ โสฬสนฺนํ วตฺถูนํ วเสนาปิ วุจฺจมานสนฺตภาวาทิวเสนาปีติ สมุจฺจยตฺโถ -สทฺโท. ‘‘อานาปานสฺสติ ภาวิตา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

๒๓๗. อสฺสาติ อานาปานสฺสติสมาธิสฺส. กามวิตกฺกาทิวิตกฺกุปจฺเฉทสมตฺถตายปิ มหานิสํสตา เวทิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. อยนฺติ อานาปานสฺสติสมาธิ. อุจฺจาวเจสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺติเยว อิโต จิโต จ จิตฺตสฺส วิธาวนํ.

วิชฺชา นาม มคฺโค. วิมุตฺติ ผลํ. มูลภาโว วิปสฺสนาย ปาทกภาโว. จตฺตาโร สติปฏฺาเน ปริปูเรติ กายานุปสฺสนาทีนํ จตุนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสน ตสฺสา ภาวนาย ปวตฺตนโต. สตฺต โพชฺฌงฺเค ปริปูเรนฺติ โพชฺฌงฺคภาวนาย วินา สติปฏฺานภาวนาปาริปูริยา อภาวโต. วิชฺชาวิมุตฺตึ ปริปูเรนฺติ โพชฺฌงฺคภาวนาย ตาสํ สิขาปฺปตฺติภาวโต. จริมกานนฺติ อนฺติมกานํ.

๒๓๘. นิโรธวเสนาติ นิรุชฺฌนวเสน. ภวจริมกาติ ภววเสน จริมกา นิหีนภวปวตฺติโน. ตถา ฌานจริมกา เวทิตพฺพา. จุติจริมกาติ จุติยา จริมกา จุติกฺขณปวตฺติโน สพฺพปริโยสานกา. ตสฺมาติ ตีสุ ภเวสุ นิหีเน กามภเว ปวตฺตนโต. เตติ อสฺสาสปสฺสาสา. ปุรโตติ เหฏฺา. ยสฺมา วิภงฺคฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๒๖ ปกิณฺณกกถา) รูปธมฺมานํ โสฬสจิตฺตกฺขณายุกตา วิภาวิตา, ตสฺมา ‘‘โสฬสเมน จิตฺเตน สทฺธึ อุปฺปชฺชิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. จุติจิตฺตสฺส ปุรโตติ วา จุติจิตฺตํ อวธิภาเวน คเหตฺวา ตโต โอรํ โสฬสเมน จิตฺเตน สทฺธึ อุปฺปชฺชิตฺวาติ เอวํ ปน อตฺเถ คยฺหมาเน สตฺตรสจิตฺตกฺขณายุกตาว อสฺสาสปสฺสาสานํ วุตฺตา โหติ.

อิเม กิร อิมํ กมฺมฏฺานํ อนุยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ปากฏา โหนฺตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. ตตฺถ การณมาห ‘‘อานาปานารมฺมณสฺส สุฏฺุ ปริคฺคหิตตฺตา’’ติ. ตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘จุติจิตฺตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ตตฺถ อายุอนฺตรํ นาม ชีวิตนฺตรํ ชีวนกฺขณาวธิ. ธมฺมตาย เอวาติ สภาเวเนว, รุจิวเสเนวาติ อตฺโถ.

จนฺทาโลกํ โอโลเกตฺวาติ ชุณฺหปกฺเข ปโทสเวลายํ สมนฺตโต อาสิฺจมานขีรธารํ วิย คคนตลํ, รชตปตฺตสทิสวาลิกาสนฺถตฺจ ภูมิภาคํ ทิสฺวา ‘‘รมณีโย วตายํ กาโล, เทโส จ มม อชฺฌาสยสทิโส, กีว จิรํ นุ โข อยํ ทุกฺขภาโร วหิตพฺโพ’’ติ อตฺตโน อายุสงฺขาเร อุปธาเรตฺวา ปริกฺขีเณติ อธิปฺปาโย. เลขํ กตฺวาติ จงฺกเม ติริยํ เลขํ กตฺวา.

อนุยุฺเชถาติ อนุยุฺเชยฺย, ภาเวยฺยาติ อตฺโถ.

อุปสมานุสฺสติกถาวณฺณนา

๒๓๙. เอวนฺติ ยถาวุตฺเตน วิราคาทิคุณานุสฺสรณปฺปกาเรน. สพฺพทุกฺขูปสมสงฺขาตสฺสาติ ทุกฺขทุกฺขาทิเภทํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ อุปสมฺมติ เอตฺถาติ สพฺพทุกฺขูปสโมติ สงฺขาตพฺพสฺส.

‘‘ปฺตฺติธมฺมา’’ติอาทีสุ อสภาโวปิ าเณน ธารียติ อวธารียตีติ ธมฺโมติ วุจฺจตีติ ตโต นิวตฺเตนฺโต ‘‘ธมฺมาติ สภาวา’’ติ อาห . ภวนํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานตา ภาโว, สห ภาเวนาติ สภาวา, สจฺฉิกฏฺปรมตฺถโต ลพฺภมานรูปาติ อตฺโถ. เต หิ อตฺตโน สภาวสฺส ธารณโต ธมฺมาติ, ยถาวุตฺเตนฏฺเน สภาวาติ จ วุจฺจนฺติ. สงฺคมฺมาติ ปจฺจยสโมธานลกฺขเณน สงฺคเมน สนฺนิปติตฺวา. สมาคมฺมาติ ตสฺเสว เววจนํ. ปจฺจเยหีติ อนุรูเปหิ ปจฺจเยหิ. กตาติ นิพฺพตฺติตา. อกตาติ เกหิจิปิ ปจฺจเยหิ น กตา. อสงฺขตาติ พหุวจนสฺส การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อคฺคมกฺขายตีติ อคฺโค อกฺขายติ, -กาโร ปทสนฺธิกโร. โส อสงฺขตลกฺขโณ สภาวธมฺโม วิราโคติ ปจฺเจตพฺโพ, วิรชฺชติ เอตฺถ สํกิเลสธมฺโมติ. นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมาเนน อริยมคฺเคน ปหียมานา มานมทาทโย ตํ ปตฺวา ปหียนฺติ นามาติ อาห ‘‘ตมาคมฺม…เป… วินสฺสนฺตี’’ติ. ตตฺถ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๒๑; สํ. นิ. ๔.๑๐๘) มฺนาวเสน ปวตฺโต มาโน เอว มานมโท. ปุริสภาวํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกมโท ปุริสมโท. อาทิ-สทฺเทน ชาติมทาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. นิมฺมทาติ วิคตมทภาวา. อิมเมว หิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อมทา’’ติ วุตฺตํ. มทา นิมฺมทียนฺติ เอตฺถ อมทภาวํ วินาสํ คจฺฉนฺตีติ มทนิมฺมทโน. เอเสว นโย เสสปเทสุปิ. กามปิปาสาติ กามานํ ปาตุกมฺยตา, กามตณฺหา. กามคุณา เอว อาลิยนฺติ เอตฺถ สตฺตาติ กามคุณาลยา. เตภูมกํ วฏฺฏนฺติ ตีสุ ภูมีสุ กมฺมกิเลสวิปากวฏฺฏํ. เอส อสงฺขตธมฺโม. อปราปรภาวายาติ อปราปรํ โยนิอาทิโต โยนิอาทิภาวาย. อาพนฺธนํ คณฺิกรณํ. สํสิพฺพนํ ตุนฺนการณํ. นิกฺขมนํ, นิสฺสรณฺจสฺส ตณฺหาย วิสํโยโค เอวาติ อาห ‘‘วิสํยุตฺโต’’ติ.

เย คุเณ นิมิตฺตํ กตฺวา มทนิมฺมทนาทินามานิ นิพฺพาเน นิรุฬฺหานิ, เต มทนิมฺมทนตาทิเก ยถาวุตฺเต นิพฺพตฺติตนิพฺพานคุเณ เอว คเหตฺวา อาห ‘‘มทนิมฺมทนตาทีนํ คุณานํ วเสนา’’ติ, น ปน มทา นิมฺมทียนฺติ เอเตนาติ เอวมาทิเก. เต หิ อริยมคฺคคุณา . ภควตา อุปสมคุณา วุตฺตาติ สมฺพนฺโธ. กตฺถ ปน วุตฺตาติ? อสงฺขตสํยุตฺตาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๓๖๖ อาทโย). ตตฺถ สจฺจนฺติ อวิตถํ. นิพฺพานํ หิ เกนจิ ปริยาเยน อสนฺตภาวาภาวโต เอกํเสเนว สนฺตตฺตา อวิปรีตฏฺเน สจฺจํ. เตนาห ‘‘เอกํ หิ สจฺจํ, น ทุติยมตฺถี’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๐). ปารนฺติ สํสารสฺส ปรตีรภูตํ. เตเนวาห ‘‘ติณฺโณ ปารงฺคโต ถเล ติฏฺติ พฺราหฺมโณ’’ติ (อิติวุ. ๖๙), ‘‘อปฺปกา เต มนุสฺเสสุ, เย ชนา ปารคามิโน’’ติ (ธ. ป. ๘๕) จ. สุทุทฺทสนฺติ ปรมคมฺภีรตาย, อติสุขุมสนฺตสภาวตาย จ อนุปจิตาณสมฺภาเรหิ ทฏฺุํ อสกฺกุเณยฺยตาย สุฏฺุ ทุทฺทสํ. นตฺถิ เอตฺถ ชรา, เอตสฺมึ วา อธิคเต ปุคฺคลสฺส ชราภาโวติ อชรํ. ตโต เอว ชราทีหิ อปโลกิยตาย ถิรฏฺเน ธุวํ. ตณฺหาทิปปฺจาภาวโต นิปฺปปฺจํ. นตฺถิ เอตฺถ มตนฺติ อมตํ. อสิวภาวกรานํ สํกิเลสธมฺมานํ อภาเวน สิวํ. จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา เขมํ. วิสงฺขารภาเวน อจฺฉริยตาย, อภูตปุพฺพตาย จ อพฺภุตํ. สพฺพาสํ อีตีนํ อนตฺถานํ อภาเวน อนีติกํ. นิทฺทุกฺขตาย อพฺยาพชฺฌํ. สพฺพสํกิเลสมลโต อจฺจนฺตสุทฺธิยา วิเสสโต สุทฺธีติ วิสุทฺธิ. จตูหิปิ โอเฆหิ อนชฺโฌตฺถรณียตาย ทีปํ. สกลวฏฺฏทุกฺขโต ปริปาลนฏฺเน ตาณํ.

‘‘สจฺจฺจ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทิกา ปาฬิ สํขิตฺตาติ เวทิตพฺพา. อาทิ-สทฺเทน อนนฺตอนาสวนิปุณอชชฺชรอปโลกิตอนิทสฺสนปณีตอจฺฉริยอนีติกธมฺมมุตฺติเลณปรายณคมฺภีราทิวจเนหิ จ โพธิตา อิธ อวุตฺตา คุณา สงฺคยฺหนฺติ, ตตฺถ นตฺถิ เอตสฺส อุปฺปาทนฺโต วา วยนฺโต วาติ อนนฺโต, อสงฺขตธมฺโม. อาสวานํ อนารมฺมณตาย อนาสโว. นิปุณาณโคจรตาย นิปุโณ. สงฺขตธมฺโม วิย ชราย อชชฺชริตตาย อชชฺชโร. พฺยาธิอาทีหิ อปโลกิยตาย อปโลกิตํ. อจกฺขุวิฺาณวิฺเยฺยตาย อนิทสฺสโน. อติตฺติกรฏฺเน ปณีโต. อปจุรตาย อจฺฉริโย. อีตีหิ อนภิภวนียสภาวตฺตา, อนีติกภาวเหตุโต จ อนีติกธมฺโม. วฏฺฏทุกฺขมุตฺตินิมิตฺตตาย มุตฺติ. สํสารํ ภยโต ปสฺสนฺเตหิ นิลียนียโต เลณํ. เตสํเยว ปรา คตีติ ปรายโณ. ปกติาเณน อลทฺธปติฏฺตาย อคาธฏฺเน คมฺภีโร. กตปุฺเหิปิ ทุกฺเขน กิจฺเฉน อนุพุชฺฌิตพฺพโต ทุรนุโพโธ. สจฺฉิกิริยํ มุฺจิตฺวา น ตกฺกาเณน อวจริตพฺโพติ อตกฺกาวจโร. พุทฺธาทีหิ ปณฺฑิเตเหว เวทิตพฺพโต อธิคนฺตพฺพโต ปณฺฑิตเวทนีโยติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.

อริยสาวกสฺเสวอิชฺฌติ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน นิพฺพานคุณานํ ปากฏภาวโต. อฏฺาเน จายํ เอว-สทฺโท วุตฺโต, อิชฺฌติ เอวาติ โยชนา. สุขสิทฺธิวเสน วา เอวํ วุตฺตํ ‘‘อริยสาวกสฺเสวา’’ติ. เตเนวาห ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิ. อุปสมครุเกนาติ นิพฺพานนินฺเนน. มนสิ กาตพฺพา ยถาวุตฺตา อุปสมคุณา. สุขํ สุปตีติอาทีสุ วตฺตพฺพํ เมตฺตากถายํ อาวิ ภวิสฺสติ. ปณีตาธิมุตฺติโก โหติ นิพฺพานาธิมุตฺตตฺตา.

อนุสฺสติกมฺมฏฺานนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ อฏฺมปริจฺเฉทวณฺณนา.