📜
๒๓. ปฺาภาวนานิสํสนิทฺเทสวณฺณนา
อานิสํสปกาสนาวณฺณนา
๘๕๔. อเนกสตานิสํสา ¶ ¶ สาวกโพธิอาทิวิปุโลทาตคุณวิเสสาวหตฺตา. วิตฺถารโตติ นยทสฺสนํ อกตฺวา ‘‘อยมฺปิ ปฺาภาวนาย อานิสํโส, อยมฺปี’’ติ อนุปททสฺสนวเสน วิตฺถารโต ปกาเสตุํ น สุกรํ อติพหุภาวโต. อสฺสาติ ปฺาภาวนาย. นานากิเลสวิทฺธํสนนฺติ สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทิวเสน นานาวิธานํ กิเลสธมฺมานํ ตทงฺคาทิวเสน ปชหนํ. อริยผลรสานุภวนนฺติ โสตาปตฺติผลาทิผลสุขปฏิสํเวทนํ.
นานากิเลสวิทฺธํสนกถาวณฺณนา
๘๕๕. ‘‘อริยผลรสานุภวน’’นฺติ เอเตเนว กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ ทีปียตีติ ‘‘อริยมคฺคกฺขเณ’’ติ วิเสสวจนํ, ตพฺภาวภาวโต วา. สิทฺเธ หิ สมุจฺเฉทปฺปหาเน ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ สิทฺธเมว โหตีติ.
ภีมเวคานุปติตาติ สกลํ โลกํ ภินฺทนฺเตน วิย ภีเมน ภยานเกน เวเคน สหสา ปติตา. สิลุจฺจเยติ ปพฺพเต เสลปุถุเล. สเตชุชฺชลมณฺฑโลติ สรทกาลสมิทฺเธน อตฺตโน เตชสา สมุชฺชลทุทฺทิกฺขมณฺฑโล. วธพนฺธนาทิทุคฺคติปริปกฺกิเลสาทิชาติอาทิสพฺพานตฺถวิธายกํ. สนฺทิฏฺิกนฺติ ปจฺจกฺขภูตํ. ชฺาติ ชาเนยฺย. อิธาติ อิมิสฺสํ ปฺาภาวนายํ.
ผลสมาปตฺติกถาวณฺณนา
๘๕๖. อริยสฺส ¶ มคฺคสฺส ผลํ อริยผลํ, อริยฺจ ตํ วิสุทฺธตฺตา ผลฺจาติปิ อริยผลํ, ตสฺส รโส, ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติสุขํ, อนุภวนํ นิพฺพานารมฺมณสฺส ตสฺส ปฏิเสวนํ. ตตฺราติ เตสุ ทฺวีสุ อากาเรสุ. อสฺสาติ อริยผลสฺส.
๘๕๗. สํโยชเนสุ ¶ ปหีเนสุ สพฺเพปิ กิเลสา ปหีนาเยว โหนฺตีติ สํโยชนานํเยว คหณํ. สํโยชนปฺปหานมตฺตเมว อริยมคฺคสฺส ผลํ นาม, น อฺํ กิฺจิ อตฺถนฺตรํ วิปากภูตนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ผลํ นาม น โกจิ อฺโ ธมฺโม อตฺถี’’ติ. เก ปเนตํ วทนฺตีติ? อนฺธกาทโย. เต หิ ‘‘อรหตฺตํ อรหตฺตนฺติ, อาวุโส, วุจฺจติ…เป… โมหกฺขโย’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๑๕) สุตฺตปทสฺส อตฺถํ อฺถา คเหตฺวา นิปฺปริยายโต ‘‘อรหตฺตํ นาม กิฺจิ นตฺถิ, กิเลสปฺปหานเมว ตถา โวหรียตี’’ติ วทนฺตา เสสผเลปิ ปฏิกฺขิปนฺติ. อิทํ สุตฺตมฺปีติ ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬิมาห. ปกฏฺโ อุกฺกฏฺโ โยโคติ ปโยโค, อริยมคฺโค, ปโยคนิมิตฺตํ ชาตกิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ ปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธิ. ยา ปน อริยมคฺคสฺส ภาวิตตฺตา ลพฺภมานาปิ ยสฺสา วิปากปฺาย นิปฺปชฺชมานาย นิปฺปชฺชติ, สา ปฏิปฺปสฺสทฺธิยํ นิปฺผาเทตพฺพายํ ปฺาติ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺาติ วุตฺตา. สมฺมาทิฏฺิ มิจฺฉาทิฏฺิยา วุฏฺาตีติ สมฺมาทิฏฺิยา อุชุวิปจฺจนีกทสฺสนวเสน วตฺวา ตทฺโตปิ วุฏฺานํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตทนุวตฺตกกิเลเสหี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺสา มิจฺฉาทิฏฺิยา สมฺปโยคโต, อุปนิสฺสยโต จ อนุวตฺตกกิเลเสหิ. เตน ตเทกฏฺปฺปหานมาห. ขนฺเธหีติ ตทนุวตฺตกกฺขนฺเธหิ, ตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา สมฺปยุตฺตกฺขนฺเธหิ เจว ตปฺปจฺจยา อายตึ อุปฺปชฺชนกฺขนฺเธหิ จาติ อตฺโถ. พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตหีติ ยถาวุตฺตกิเลสกฺขนฺเธหิ พหิทฺธาภูเตหิ วิปสฺสนาย โคจรภูเตหิ สพฺพสงฺขารนิมิตฺเตหิ.
เอวํ มคฺคกิจฺจํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺส วเสน ผลํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตมฺปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตมฺปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตาติ ตสฺส อชฺฌตฺตพหิทฺธา วุฏฺานาทิปโยคสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา. มคฺโค หิ นิมิตฺตโต, ปวตฺตโต จ วุฏฺหนฺโต กิเลเส ปชหตีติ อตฺตโน ขเณ ตํ ปโยคํ กโรติ นาม, ผลกฺขเณ ปนสฺส โส ปโยโค ปฏิปฺปสฺสทฺโธ วูปสนฺโต นาม โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตมฺปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา’’ติ. อุปฺปชฺชตีติ มคฺคานนฺตรํ ¶ ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ติกฺขตฺตุํ วา อุปฺปชฺชติ. ผลสมาปตฺติกาเล ปน พหุกฺขตฺตุํ, นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชติ. สพฺพมฺปิ ยถาวุตฺตปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธินิมิตฺตํ อุปฺปชฺชนโต ‘‘ตมฺปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. มคฺคสฺเสตํ ผลนฺติ ยถาวุตฺตา วิปากา สมฺมาทิฏฺิ นาม, เอตํ อริยมคฺคสฺส ¶ ผลนฺติ เวทิตพฺพํ. วิตฺถาเรตพฺพนฺติ ‘‘โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ อภินิโรปนฏฺเน สมฺมาสงฺกปฺโป มิจฺฉาสงฺกปฺปา’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๖๓) สงฺกปฺปาทิวเสน, เสสมคฺควเสน จ วิตฺถารโต เวทิตพฺพํ.
จตฺตาริ จ สามฺผลานิ, อิเม ธมฺมา อปฺปมาณารมฺมณาติ อปฺปมาณารมฺมณตาย มคฺเคหิ นิพฺพิเสสตาย. ตถา เนวสฺานาสฺายตนสงฺขาโต มหคฺคโต ธมฺโม นิโรธโต วุฏฺานเวลายํ อปฺปมาณสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโยติ อริยผลสฺส อนนฺตรปจฺจยตาย จ ทีปนาติ เอวมาทีนิปิ เอตฺถ อริยผลสฺส สภาวธมฺมภาเวน อตฺถิตาย สาธกานิ, น ยถาทสฺสิตปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬิเยวาติ อธิปฺปาโย.
๘๕๘. ผลสมาปตฺติยนฺติ ผลปวตฺติสงฺขาตาย สมาปตฺติยํ. อสฺสาติ อริยผลสฺส. สรูปกตฺตุการณาการฏฺิติวุฏฺานานนฺตรวเสน อิทํ ปฺหากมฺมํ.
๘๕๙. อริยผลสฺส นิโรเธ อปฺปนาติ อริยสฺส ผลฌานสฺส นิพฺพาเน อารมฺมณภูเต อปฺปนากาเรน ปวตฺติ.
๘๖๐. สพฺเพปิ ปุถุชฺชนาติ ฌานสมาปตฺติลาภิโนปิ ปุถุชฺชนา น สมาปชฺชนฺติ, ปเคว อิตเร. อริยา สพฺเพปิ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺตีติ กามํ สามฺโชตนา, สา ปน วิเสสนิวิฏฺาเยว โหติ. อธิคตตฺตาติ ปน เหตุกิตฺตนํ. อุปริมานมฺปิ เหฏฺิมาย โลกิยสมาปตฺติยา วิย สมาปชฺชนํ สาเธนฺตํ วิย ิตนฺติ ตํ นิวตฺเตนฺโต ‘‘อุปริมา ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุปริมาติ สกทาคามิอาทโย. เหฏฺิมนฺติ โสตาปตฺติผลาทึ. น สมาปชฺชนฺติ สติปิ อธิคตตฺเต. กสฺมาติ เจ? การณมาห ‘‘ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมเนน ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา’’ติ. เอเตน อุปริโม อริโย เหฏฺิมํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ อตฺตนา อธิคตตฺตา, ยถา ตํ โลกิยสมาปตฺตินฺติ, เอวํ ปวตฺตํ เหตุํ พฺยภิจาเรติ. น หิ โลกิยชฺฌาเนสุ ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมนํ นาม อตฺถิ วิเสสาภาวโต. อิธ ปน อสมุคฺฆาฏิตกมฺมกิเลสนิโรธเนน ¶ ปุถุชฺชเนหิ วิย โสตาปนฺนสฺส, โสตาปนฺนาทีหิ สกทาคามิอาทีนํ ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมนํ อตฺถิ. ยโต เหฏฺิมา เหฏฺิมา ผลธมฺมา อุปรูปริ มคฺคธมฺเมหิ ¶ นิวตฺติตา ปฏิปกฺเขหิ วิย อภิภูตา อปฺปวตฺติธมฺมตํเยว อาปนฺนา. เตนาห ‘‘ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา’’ติ.
อปิจ กุสลกิริยปวตฺติ นาม อฺาทิสี, วิปากปวตฺติ จ อฺาทิสี, อนนฺตรผลตฺตา จ โลกุตฺตรกุสลานํ เหฏฺิมโต อุปริโม ภวนฺตรคโต วิย โหติ. ตํตํผลวเสเนว หิ อริยานํ โสตาปนฺนาทินามลาโภ. เต สเจ อฺผลสมงฺคิโนปิ โหนฺติ, โสตาปนฺนาทินามมฺปิ เตสํ อวฏฺิตํ สิยา, เตน เตน ฌาเนน คหิตปฏิสนฺธิโก วิยาติ ตสฺส ตสฺส อริยสฺส ตํ ตํ ผลํ ภวงฺคสทิสนฺติ น อุปริมสฺส เหฏฺิมผลสมงฺคิตาย เลโสปิ สมฺภวติ, กุโต ตสฺส สมาปชฺชนนฺติ ทฏฺพฺพํ. เหฏฺิมา จ อุปริมนฺติ เหฏฺิมา จ โสตาปนฺนาทโย อริยา อุปริมํ สกทาคามิผลาทึ น สมาปชฺชนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ การณมาห ‘‘อนธิคตตฺตา’’ติ. น หิ อนธิคตสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตุํ สกฺกา.
‘‘อตฺตโน อตฺตโนเยว ปน ผลํ สมาปชฺชนฺตี’’ติ อิมินา สพฺเพปิ อริยา อตฺตโน อตฺตโน ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺตีติ อตฺเถ อาปนฺเน ตตฺถ เกสฺจิ มติเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘เกจิ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอเต หิ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิโนติ ยสฺมา หิ เต ‘‘อุปริมา ทฺเว’’ติ วุตฺตา อนาคามิโน, อรหนฺโต จ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิโน, อิตเร ปน สีเลสุ ปริปูรการิโน, ตสฺมา ทฺเว เอว ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺตีติ. น หิ สมาธิปาริปูริยา วินา สมาปตฺติวฬฺชนํ สมฺภวตีติ อธิปฺปาโย. ตนฺติ ‘‘สมาธิสฺมึ ปริปูรการิโน’’ติ เตหิ วุตฺตการณํ. อการณเมวาติ อยุตฺติเยว. กสฺมาติ เจ? อาห ‘‘ปุถุชฺชนสฺสาปี’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – สพฺพโส อสมุจฺฉินฺนกิเลสสฺส ปุถุชฺชนสฺสาปิ อตฺตนา ปฏิลทฺธโลกิยสมาปตฺติสมาปชฺชนํ ลพฺภติ, กิมงฺคํ ปน สมุจฺฉินฺเนกจฺจกิเลสานํ เหฏฺิมานํ อริยานํ, ตสฺมา เตสํ สมาธิสฺมึ อปริปูรการิตา อตฺตโน ผลสมาปตฺตึ อสมาปชฺชนสฺส อการณนฺติ. ยุตฺติจินฺตา นาม ปาฬิอนารุฬฺเห อตฺเถ ยุตฺตา, อยํ ปนตฺโถ ปาฬิอารุฬฺโหติ การณาปเทเส อนาทรกรณมุเขน ปาฬึ ทสฺเสนฺโต ‘‘กิฺเจตฺถา’’ติอาทิมาห. โสตาปตฺติมคฺคปฏิลาภตฺถายาติ โสตาปตฺติมคฺคสฺส สมธิคมาย. โสตาปตฺติผลสมาปตฺตตฺถายาติ โสตาปตฺติผลสมาปตฺติยา สมาปชฺชนตฺถํ. เอส นโย เสเสสุปิ.
เอตฺถ ¶ ¶ จ ‘‘สฺุตวิหารสมาปตฺตตฺถาย อนิมิตฺตวิหารสมาปตฺตตฺถายา’’ติอาทินา สรูปโต อุทฺธฏตฺตา ตโต ปุพฺเพ อาคตา มคฺคผลวารา อปฺปณิหิตวเสน วุตฺตา. ตตฺถ อนตฺตานุปสฺสนามุเขน, อนิจฺจานุปสฺสนามุเขน จ ปวตฺตานํ ผลสมาปตฺตีนํ ปุเรจรา โคตฺรภุธมฺมา นวทสภาเวน วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘โสตาปตฺติผลสมาปตฺตตฺถายา’’ติอาทินา ปน จตูสุปิ ผเลสุ เอกสทิสํ เทสนาย อาคตตฺตา โสตาปนฺนสกทาคามิโนปิ อตฺตโน ผลํ สมาปชฺชนฺตีติ วิฺายติ. มคฺคานนฺตรผลวเสน ตํ วุตฺตนฺติ จ น สกฺกา วตฺตุํ วิปสฺสนาวเสน ทสนฺนํ โคตฺรภุธมฺมานํ ทสฺสนวเสน เทสนาย อารทฺธตฺตา, มคฺควาเรเนว จ ตทตฺถสิทฺธิโต. น จ มคฺคานนฺตรํ ผลํ ‘‘ผลสมาปตฺตี’’ติ วุจฺจติ วิสุํ ปริกมฺมาภาวโต. ตสฺมา ผลสมาปตฺติวจเนเนว โสตาปนฺนาทีนมฺปิ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ สิทฺธํ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.
๘๖๑. ปโยชนมฺปิ ตทตฺถาย ปฏิปตฺติยา การณํ โหติ ตนฺนิมิตฺตํ ปฏิปชฺชนโตติ ‘‘กสฺมา สมาปชฺชนฺตี’’ติ การณํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถ’’นฺติ ปโยชนํ วิสฺสชฺชิตํ. กสฺมาติ วา สมฺปทาเน นิสฺสกฺกวจนํ, กิสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถนฺติ ทิฏฺเว ธมฺเม กิเลสทรถปริฬาหวูปสเมน สนฺเตน สุขวิหาเรน วิหรณตฺถํ. สติปิ วิปากภาเว ปริกมฺเมน วินา อนุปฺปชฺชนโต ผลสมาปตฺติธมฺมานํ ตสฺส ตสฺส อริยสฺส รุจิวเสเนว ปวตฺติ, ยโต เนสํ สาธิปติตาติ อาห ‘‘อทฺธาน…เป… สมาปชฺชนฺตี’’ติ.
๘๖๒. ทฺวีหิ อากาเรหีติ ทฺวีหิ การเณหิ. ยถา หิ โลกิยชฺฌานานํ สมธิคโม สมฺปโยคสมงฺคิภาเวน สิชฺฌมาโน ปหานงฺคสมติกฺกมมุเขน วุจฺจติ ตถา สมธิคนฺตพฺพตฺตา, เอวํ ผลสมาปตฺติปิ นิพฺพานมนสิกาเรน สิชฺฌมานา ตทฺารมฺมณามนสิการมุเขน วุจฺจติ สพฺพสงฺขารโต วินิวฏฺฏิตมานสตาวเสน สมิชฺฌนโต. เตนาห ‘‘นิพฺพานโต’’ติอาทิ. อุทยพฺพยาณาทิาณปรมฺปรวเสน หิ สพฺพผลจิตฺตํ สงฺขารโต สพฺพโส นิพฺพินฺนวิรตฺตจิตฺตสฺส ตโต วินิสฺสฏนิพฺพานารมฺมณํ ปวตฺตติ. เอวํ ปวตฺตมานฺจ ตํ นิพฺพานโต อฺสฺส อารมฺมณสฺส อมนสิการา, นิพฺพานสฺส จ มนสิการา ปวตฺตตีติ วุจฺจติ.
อนิมิตฺตาย ¶ เจโตวิมุตฺติยาติ อนิมิตฺตวิโมกฺขทฺวยาย ผลสมาปตฺติยา, อนิจฺจานุปสฺสนามุเขน ¶ วา สมาปชฺชิตพฺพาย ผลสมาปตฺติยา. สมาปตฺติยาติ สมาปชฺชนตฺถาย. สพฺพนิมิตฺตานนฺติ รูปาทิสพฺพสงฺขารนิมิตฺตานํ. อมนสิกาโรติ อาทีนวโต ทิสฺวา วิสฺสฏฺตาย อนาวชฺชนํ อสมนฺนาหาโร. อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา มนสิกาโรติ สพฺพสงฺขารนิมิตฺตาภาวโต อนิมิตฺตาย. เกหิจิ ปจฺจเยหิ น สงฺขตตฺตา จ อสงฺขตาติ ลทฺธนามาย อสงฺขตาย ธาตุยา ผลสมาปตฺติสหชาเตน มนสิกาเรน มนสิกรณํ, ตสฺสา วา ธาตุยา ผลสมาปตฺติจิตฺตสงฺขาเต มนสิกรณํ.
๘๖๓. อุทยพฺพยาทิวเสนาติ อุทยพฺพยภงฺคภยตุปฏฺานาทิวเสน ปวตฺตนกานํ นวนฺนมฺปิ าณานํ พฺยาปารํ วทติ. เตนาห ‘‘ปวตฺตานุปุพฺพวิปสฺสนสฺสา’’ติ. สงฺขารารมฺมณโคตฺรภุาณานนฺตรนฺติ สงฺขารารมฺมณสฺส ‘‘โวทาน’’นฺติ ลทฺธนามสฺส โคตฺรภุาณสฺส อนนฺตรํ. กสฺมา ปเนตฺถ โคตฺรภุาณํ มคฺคาณปุเรจาริกํ วิย นิพฺพานารมฺมณํ น โหตีติ? ผลธมฺมานํ อนิยฺยานิกภาวโต. อริยมคฺคธมฺมา เอว หิ นิยฺยานิกา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กตเม ธมฺมา นิยฺยานิกา? จตฺตาโร มคฺคา อปริยาปนฺนา’’ติ (ธ. ส. ๑๒๙๕, ๑๖๐๙). ตสฺมา เอกนฺเตน นิยฺยานิกสภาวสฺส อุภโตวุฏฺานภาเวน ปวตฺตมานสฺส มคฺคาณสฺส อนนฺตรปจฺจยภูเตน าเณน นิมิตฺตโต วุฏฺิเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ตสฺส นิพฺพานารมฺมณตา ยุตฺตา, น ปน อริยมคฺคสฺส ภาวิตตฺตา ตสฺส วิปากภาเวน ปวตฺตมานานํ กิเลสานํ อสมุจฺฉินฺทนโต อนิยฺยานิกตฺตา อวุฏฺานสภาวานํ ผลาณานํ ปุเรจาริกาณสฺส กทาจิปิ นิพฺพานารมฺมณตา อุภยตฺถ อนุโลมาณานํ อตุลฺยาการโต. อริยมคฺควีถิยฺหิ อนุโลมาณานิ อนิพฺพิทฺธปุพฺพานํ ถูลถูลโลภกฺขนฺธาทีนํ สาติสยํ ปทาลเนน โลกิยาเณสุ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตานิ มคฺคาณานุคุณานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ผลสมาปตฺติวีถิยํ ปน ตานิ เตน เตน มคฺเคน เตสํ เตสํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา ตตฺถ กิเลสวิกฺขมฺภเน นิรุสฺสุกฺกานิ เกวลํ อริยานํ ผลสมาปตฺติสุขสมงฺคิภาวสฺส ปริกมฺมมตฺตานิ หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ น เตสํ กุโตจิ วุฏฺานสมฺภโว, ยโต เนสํ ปริโยสานาณํ สงฺขารนิมิตฺตวุฏฺานโต นิพฺพานารมฺมณํ สิยา.
เอวฺจ ¶ กตฺวา ‘‘เสกฺขสฺส อตฺตโน ผลสมาปตฺติวฬฺชนตฺถาย อุทยพฺพยาทิวเสน สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส วิปสฺสนาาณานุปุพฺพิยา ผลเมว อุปฺปชฺชติ, น มคฺโค’’ติ อิทฺจ อฏฺกถาวจนํ สมตฺถิตํ โหติ. เตนาห ‘‘เสกฺขสฺสาปิ ผลเมว อุปฺปชฺชติ, น มคฺโค’’ติ. นิพฺพานารมฺมเณ อปฺปนชฺฌานวเสน ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ นิรนฺตรํ ผลจิตฺตสฺเสว ปวตฺตนํ สมาปชฺชนํ ¶ ผลสมาปตฺตีติ อาห ‘‘ผลสมาปตฺติวเสน นิโรเธ จิตฺตํ อปฺเปตี’’ติ. ยทิ อนุปุพฺพวิปสฺสนานํ วเสน ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ, เตน นีหาเรน เสกฺขสฺส อุปริมคฺเคนาปิ ภวิตพฺพนฺติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘ผลสมาปตฺตินินฺนตายา’’ติอาทิ. เตน อฺโเยว วิปสฺสนาจาโร อริยมคฺคาวโห, อฺโ ผลสมาปตฺติอาวโหติ ทสฺเสติ, สฺวายํ วิปสฺสนาย วิภาโค วุตฺโต เอว. เย ปนาติ อภยคิริวาสิโน สนฺธายาห. เต หิ มคฺคผลวิปสฺสนาย อาโลเฬตฺวา วทนฺติ. เตเนว หิ ‘‘เอวํ สตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อรหา ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสติ ยทิ อิตรตฺถาปิ วิปสฺสนา ตทตฺถาย สํวตฺเตยฺยาติ อธิปฺปาโย. ปาฬิวเสเนว จ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ ‘‘ทส โคตฺรภุธมฺมา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ มคฺคตฺถา ผลตฺถา วิปสฺสนา วิสุํ กตฺวา ปวตฺตปาฬิวเสเนว เตสํ วจนํ ปฏิกฺขิตฺตนฺติปิ น คเหตพฺพํ, อฺถา ‘‘ทส โคตฺรภุธมฺมา’’ติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺยาติ. อิทเมว ปน คเหตพฺพนฺติ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนํ. ผลฺจสฺสาติอาทิ มหคฺคตวิปากานํ วิย โลกุตฺตรวิปากานฺจ กุสลสริกฺขตาทสฺสนํ. ฌานโต สริกฺขตาทสฺสเนเนว เจตฺถ โพชฺฌงฺคมคฺคงฺควเสนาปิ สริกฺขตา ทสฺสิตาเยวาติ เวทิตพฺพํ.
๘๖๔. ิติยาติ ปพนฺธฏฺิติยา. ยถาปริจฺฉินฺนกาลฺหิ สมาปตฺติยา ปพนฺธวเสนาวฏฺานํ อิธ ิตีติ. ‘‘จนฺเท วา สูริเย วา เอตฺตกํ านํ คเต วุฏฺหิสฺสามี’’ติ กาลาวธิคฺคหณวเสน สมาปชฺชนํ จิตฺตสฺส อภิสงฺขรณํ อภิสงฺขาโร.
๘๖๕. สพฺพาเนเวตานีติ รูปนิมิตฺตาทิสพฺพาเนว เอตานิ เอกโต กามํ น มนสิ กโรติ อสมฺภวโต. สพฺพสงฺคาหิกวเสนาติ อนวเสสปริยาทานวเสน. สมุทายสทฺทา หิ อวยเวสุปิ ปวตฺตนฺติ ¶ , อวยวพฺยติเรเกน จ สมุทาโย น ลพฺภตีติ อวยวคตมฺปิ กิจฺจํ สมุทายวเสน วุตฺตํ. ตสฺมาติ สพฺเพสํ สงฺขารนิมิตฺตานํ เอกโต มนสิการาภาวโต. ยสฺมา ภวงฺคจิตฺเต อุปฺปนฺเน ผลสมาปตฺติโต วุฏฺิโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ยํ ภวงฺคสฺสา’’ติอาทิ. ภวงฺคสฺส อารมฺมณํ นาม กมฺมาทิ. มนสิ กโรโตติ ภวงฺคสหคเตน มนสิกาเรน มนสิ กโรโต, ตํ วา อารมฺมณํ ภวงฺคมนสิ กโรโต.
๘๖๖. ผลสฺส ผลเมว วา อนนฺตรํ โหติ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ. ภวงฺคํ ¶ วา สพฺพปจฺฉิมสฺส. ผลานนฺตรํ มคฺควีถิยํ, ผลสมาปตฺติยฺจ. ‘‘เยน ผเลน นิโรธา วุฏฺานํ โหตี’’ติ อิทํ ผลุปฺปตฺติยา นิโรธา วุฏฺานภาวโต วุตฺตํ. ตนฺติ นิโรธาวุฏฺานภาเวน วุตฺตํ อนาคามิผลํ วา อคฺคผลํ วา. เนวสฺานาสฺายตนานนฺตรนฺติ เนวสฺานาสฺายตนสฺส กุสลสฺส, กิริยสฺส วา อนนฺตรํ สติปิ สตฺตาหาติกฺกเม วิชาติเยน อนฺตริกตฺตา.
ปฏิปฺปสฺสทฺธทรถนฺติ สพฺพโส ปสฺสทฺธกิเลสทรถํ. อมตารมฺมณนฺติ นิพฺพานารมฺมณํ. สุภนฺติ อโสภนตาย กิเลสสฺสาปิ อภาวโต โสภนํ. ตณฺหาสงฺขาตํ โลกามิสํ วนฺตํ ฉฑฺฑิตํ เอเตนาติ วนฺตโลกามิสํ. วูปสนฺตกิเลสตาย, สุสนฺตตาย จ สนฺตํ. เยน ธมฺเมน โยคโต สมโณ นาม โหติ, ตสฺส อริยมคฺคสงฺขาตสฺส สามฺสฺส ผลนฺติ สามฺผลํ.
โอชวนฺเตนาติ สภาวสมฺปนฺเนน. สุจินาติ กิเลสาสุจิวิรหโต ปริสุทฺเธน. สุเขนาติ อนุตฺตรสุเขน. อภิสนฺทิตนฺติ สพฺพโส ลูขภาวาปคมเนน สิเนหิตํ. สาตาติสาเตนาติ มหคฺคตสาตโต, โลกุตฺตรกุสลสาตโต จ อติวิย สาเตน มธุเรน. มคฺคสุขโตปิ หิ ผลสุขํ สนฺตตรตาย ปณีตตรํ. อมเตน สมฺโมทิตํ. ‘‘มธุํ วิยา’’ติ อิมินา สาตาติสาตตํเยว วิภาเวติ.
ตสฺส อริยสฺส ผลสฺส รสภูตํ สารภูตํ ตํ สุขํ ปฺํ ภาเวตฺวา ยสฺมา ปณฺฑิโต วินฺทติ ปฏิลภตีติ โยชนา.
นิโรธสมาปตฺติกถาวณฺณนา
๘๖๗. ตตฺราติ ¶ ตสฺมึ ‘‘นิโรธสมาปตฺติยา สมาปชฺชนสมตฺถตา’’ติ สํขิตฺตวจเน. อิทํ สรูปาทิวเสน ปฺหากมฺมํ. กตฺถาติ กสฺมึ ภเว.
๘๖๘. อนุปุพฺพนิโรธวเสนาติ วิปสฺสนานุคตา อฏฺ สมาปตฺติโย อาโรหนฺเตน ตํตํปฏิปกฺขนิโรธมุเขน ติณฺณํ สงฺขารานํ อนุปุพฺพโต นิโรธวเสน. ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ ยา จิตฺตเจตสิกานํ อปฺปวตฺติ, อยํ นิโรธสมาปตฺตีติ อตฺโถ. เก สมาปชฺชนฺติ, เก น สมาปชฺชนฺตีติ ¶ กามํ สมาปชฺชนสมตฺถา ปธานตาย ปมํ ปุจฺฉิตา, ตพฺพิสฺสชฺชนํ ปน ครุภาวโต ปจฺฉา วิสฺสชฺเชตุํ อสมาปชฺชนเก ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺเพปิ…เป… น สมาปชฺชนฺตี’’ติ อาห ยถา ‘‘วามํ มฺุจ, ทกฺขิณํ คณฺหา’’ติ. ตตฺถ ‘‘สพฺเพปี’’ติ อิทํ ปุถุชฺชนาทีนํ ติณฺณํ วิเสสนํ. เต หิ อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ ลาภิโนปิ อลาภิโน วิย สมาธิสฺมึ อปริปูรการิตาย นิโรธํ สมาปชฺชิตุํ น สกฺโกนฺติ. กามจฺฉนฺทาทิสมุจฺฉินฺทเนน หิ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิตา, น ฌานาธิคมมตฺเตน. อนาคามิโน, อรหนฺโตติ เอตฺถ สุกฺขวิปสฺสกา จ อนาคามิโน, สุกฺขวิปสฺสกา จ อรหนฺโตติ สุกฺขวิปสฺสกสทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. อุภเยปิ เจเต สติปิ วิปสฺสนาพเล สมาธิพลสฺส อภาวโต นิโรธํ น สมาปชฺชนฺติ. อนุปุพฺพวิหารสมฺภวตฺเเวตฺถ สมาธิพลํ อิจฺฉิตพฺพํ. ปุริมกา ปน ตโย สติปิ สมาธิพเล วิปสฺสนาพลสฺส อภาวโต, อปริปุณฺณตฺตา จ สมาปชฺชิตุํ น สกฺโกนฺติ. อปริปุณฺณตา จสฺส สงฺขารานํ น สมฺมา ปริมทฺทิตตฺตา. อฏฺ สมาปตฺติ…เป… สมาปชฺชนฺตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณํ ปาฬิวเสเนว ทสฺเสตุํ ‘‘ทฺวีหิ พเลหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตโย จ สงฺขารานนฺติ เอตฺถ ตโยติ สามิอตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, ติณฺณนฺติ อตฺโถ. าณจริยาหีติ าณปฺปวตฺตีหิ. นิโรธสมาปตฺติยาติ นิโรธสมาปชฺชนาย าณํ. อยฺจ สมฺปทาติ อยํ พลทฺวยสมนฺนาคมาทิกา ยถาวุตฺตนิโรธสมาปตฺติอาวหา สมฺปตฺติ. อนาคามิขีณาสเวติ อนาคามิโน เจว ขีณาสเว จ.
๘๖๙. สมถพลนฺติ กามจฺฉนฺทาทิเก ปจฺจนีกธมฺเม สเมตีติ สมโถ, โส เอว ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปิยฏฺเน พลํ. อนิจฺจาทิวเสน วิวิเธหิ ¶ อากาเรหิ ปสฺสตีติ วิปสฺสนา, สา เอว วุตฺตนเยน พลนฺติ วิปสฺสนาพลํ. เนกฺขมฺมวเสนาติอาทีสุ กามจฺฉนฺทวิกฺขมฺภนสฺส เนกฺขมฺมสงฺกปฺปสฺส, อโลภปธานสฺส วา ตถาปวตฺตกุสลจิตฺตุปฺปาทสฺส วเสน จิตฺตสฺส เอกคฺคตาสงฺขาโต โย อวิกฺเขโป, ตํ สมถพลํ. พฺยาปาทวิกฺขมฺภนสฺส อพฺยาปาทวิตกฺกสฺส, อโทสปธานสฺส วา ตถาปวตฺตกุสลจิตฺตุปฺปาทสฺส วเสเนว. ถินมิทฺธวิกฺขมฺภิกาย วิภูตํ กตฺวา มนสิกรเณน อุปฏฺิตอาโลกสฺาย วเสน. อุทฺธจฺจวิกฺขมฺภนสฺส อวิกฺเขปสฺส สมาธานสฺส วเสน. สกลมิจฺฉาวิตกฺกวิกฺขมฺภนสฺส สิขาปตฺตอานาปานสฺสติสิทฺธปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสิอสฺสาสปสฺสาสานํ วเสน จิตฺตสฺส เอกคฺคตาสงฺขาโต โย อวิกฺเขโป, ตํ สมถพลนฺติ อตฺถโยชนา.
เอวํ ¶ อุปจารสฺส ฌานสฺส วเสน สมถพลํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํ อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ วเสน ปฏิปกฺเขหิ อนภิภวนียตาย จ พลปฺปตฺติวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ปมชฺฌาเนนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ นีวรเณติ นีวรณนิมิตฺตํ นีวรณปจฺจยา. น กมฺปติ ฌานสมงฺคิปุคฺคโล, ฌานสมฺปยุตฺตสมาธิ วา. โส หิ วิเสสโต อิธ ‘‘สมถพล’’นฺติ อธิปฺเปโต. ตถา หิ เกนฏฺเน สมถพลนฺติ พลฏฺโ ปุจฺฉิโต. อุทฺธจฺเจติ อุทฺธจฺจนิมิตฺตํ. อุทฺธจฺจสหคตกิเลเสติ อุทฺธจฺเจน สมฺปยุตฺตโมหอหิริกาทิกิเลสเหตุ. ขนฺเธติ อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตจตุกฺขนฺธนิมิตฺตํ. น กมฺปตีติอาทีนิ อฺมฺเววจนานิ. กมฺปนํ วา านาปคโม. จลนํ ปริพฺภมนํ. เวธนํ สนฺธาวนํ. อุทฺธจฺเจ น กมฺปติ, อุทฺธจฺจสหคตกิเลเส น จลติ, อุทฺธจฺจสหคตกฺขนฺเธ น เวธตีติ วา โยเชตพฺพํ. อุทฺธจฺจคฺคหณฺเจตฺถ สมถสฺส อุชุปฏิปกฺขตาย ตทภิภเวน พลปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ. เตเนตํ อฏฺนฺนมฺปิ สมาปตฺตีนํ สาธารณโต กิจฺจาติสยทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ. อิทํ สมถพลนฺติ ยายํ เนกฺขมฺมาทิวเสน ลทฺธาย จิตฺเตกคฺคตาย นีวรณาทีหิ อกมฺปนียตา, ตานิ จ อภิภวิตฺวา อวฏฺานํ, อิทํ สมถพลํ.
อิทานิ วิปสฺสนาพลํ นิทฺทิสนฺโต ยสฺมา วิปสฺสนา สงฺเขปโต สตฺตหิ อนุปสฺสนาหิ สงฺคหิตา, ตสฺมา ตโต ตโต สมาปตฺติโต วุฏฺาย ตาสํ วเสน อนุปสฺสนา กาตพฺพา, ตตฺตเกเนว เจตฺถ อนุปสฺสนากิจฺจํ ปริปุณฺณํ โหตีติ ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนา วิปสฺสนาพลํ…เป… ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา วิปสฺสนาพล’’นฺติ สรูปโต ทสฺเสตฺวา ปุน ตา เหฏฺา ¶ วุตฺตนเยน วิสยวิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘รูเป อนิจฺจานุปสฺสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิธาปิ ปฏิปกฺเขหิ อนภิภวนียตาว พลฏฺโติ ทสฺเสตุํ ‘‘เกนฏฺเน วิปสฺสนาพล’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อวิชฺชายาติ ทฺวาทสสุ อกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ อวิชฺชานิมิตฺตํ. อวิชฺชาสหคตกิเลเสติ อวิชฺชาย สมฺปยุตฺตโลภโทสาทิกิเลสวตฺถุนิมิตฺตํ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว. อวิชฺชคฺคหณฺเจตฺถ วิปสฺสนาย อุชุปฏิปกฺขตาย ตทภิภเวน พลปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ. เตเนตํ สตฺตนฺนมฺปิ อนุปสฺสนานํ สาธารณโต กิจฺจาติสยทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ. อิทํ วิปสฺสนาพลนฺติ ยายํ อนิจฺจานุปสฺสนาทิวเสน ลทฺธสฺส วิปสฺสนาาณสฺส นิจฺจสฺาทินิมิตฺตํ อกมฺปนียตา, ตา จ อภิภวิตฺวา อวฏฺานํ, อิทํ วิปสฺสนาพลํ.
วิตกฺกวิจารา วจีสงฺขารา วาจํ สงฺขโรนฺติ ปวตฺเตนฺตีติ กตฺวา. เตนาห ‘‘ปุพฺเพ โข, อาวุโส วิสาข, วิตกฺเกตฺวา วิจาเรตฺวา ปจฺฉา วาจํ ภินฺทติ, ตสฺมา วิตกฺกวิจารา วจีสงฺขาโร’’ติ ¶ (ม. นิ. ๑.๔๖๓; สํ. นิ. ๔.๓๔๘). เต ปน ทุติยชฺฌาเน วูปสนฺตา โหนฺตีติ อาห ‘‘ทุติยชฺฌานํ…เป… ปฏิปฺปสฺสทฺธา โหนฺตี’’ติ. กาเยน สงฺขรียนฺตีติ กายสงฺขารา, อสฺสาสปสฺสาสา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อสฺสาสปสฺสาสา โข, อาวุโส วิสาข, กายิกา เอเต ธมฺมา กายปฺปฏิพทฺธา, ตสฺมา อสฺสาสปสฺสาสา กายสงฺขาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๓; สํ. นิ. ๔.๓๔๘). เต ปน ยสฺมา จตุตฺถชฺฌาเน วูปสนฺตา โหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ…เป… ปฏิปฺปสฺสทฺธา โหนฺตี’’ติ. จิตฺเตน สงฺขรียนฺตีติ จิตฺตสงฺขารา, สฺา เวทนา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สฺา จ เวทนา จ เจตสิกา เอเต ธมฺมา จิตฺตปฺปฏิพทฺธา, ตสฺมา สฺา จ เวทนา จ จิตฺตสงฺขาโร’’ติ (สํ. นิ. ๑.๔๖๓; สํ. นิ. ๔.๓๔๘). เต ปน ยสฺมา นิโรธํ สมาปนฺนสฺส วูปสมนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สฺาเวทยิต…เป… ปฏิปฺปสฺสทฺธา โหนฺตี’’ติ.
าณจริยาสุ วิวฏฺฏานุปสฺสนาคฺคหเณเนว ตสฺส อาทิภูตา เสสานุปสฺสนาปิ คหิตาว โหนฺติ ตทวินาภาวโต. มคฺโค าณจริยา, ผลสมาปตฺติ าณจริยาติ มคฺคผลสมาปตฺตีนํ าณจริยาภาววจนํ มคฺคผลธมฺมานํ าณปธานตฺตา, าเณน วา อินฺทฺริยาธิปติเหตุมคฺคปจฺจยาทิวเสน สาติสยปจฺจยภูเตน เสสา มคฺคผลธมฺมา จริตา ปวตฺติตาติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ. สมาธิจริยาสุปิ เอเสว นโย ¶ . อิมาหิ โสฬสหีติ อฏฺนฺนํ อนุปสฺสนานํ, อฏฺนฺนฺจ มคฺคผลาณานํ วเสน อิมาหิ โสฬสหิ าณปวตฺตีหิ.
นวหิ สมาธิจริยาหีติ อฏฺ สมาปตฺติโย อฏฺ สมาธิจริยา, ตาสํ อุปจารสมาธิ อุปจารสมาธิภาวนาสามฺเน เอกา สมาธิจริยาติ เอวํ นวหิ สมาธิจริยาหิ. เตนาห ‘‘ปมชฺฌานํ สมาธิจริยา’’ติอาทิ. ปมชฺฌานปฏิลาภตฺถาย วิตกฺโก จาติอาทิ นานาวชฺชนุปจารวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ, อุปริสมาปตฺตีนมฺปิ อุปจารสฺส ตเถว วุตฺตตฺตา. น หิ เอกาวชฺชเน จตุตฺถชฺฌานาทิอุปจาเร ปีติอาทโย สมฺภวนฺติ. เอตฺถ จ ‘‘ปมชฺฌานปฏิลาภตฺถายา’’ติอาทิวจเนน อุปจารสมาธิสฺสาปิ ปาริปูรี อิจฺฉิตพฺพาติ ทสฺเสติ. กึ ปเนตฺถ สมถพลสมาธิจริยานํ นานตฺตํ, กึ วา วิปสฺสนาพลโลกิยาณจริยานํ? ยถา สมถพเลปิ ‘‘เนกฺขมฺมวเสนา’’ติอาทินา อุปจารสมาธินา สทฺธึ อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ อปฺปนาสมาธิเยว วุตฺโต, ตถา สมาธิจริยาสุ, วิปสฺสนาพลโลกิยาณจริยาสุ จ วิปสฺสนาว วุตฺตาติ? กิฺจาปิ วุตฺตา, วิวฏฺฏานุปสฺสนา ปน ปุเรจราณาทิวิปสฺสนาพเล อวุตฺตา ¶ เอว าณจริยาสุ วุตฺตา. อปิจ ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปิยฏฺโ พลฏฺโ, ปฺจนฺนํ วสีภาวานํ วเสน สุจิณฺณตา จริยฏฺโ, เอเตเนว สมถพลสมาธิจริยานมฺปิ นานตฺตํ สํวณฺณิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
วสีภาวตา ปฺาติ เอตฺถ วโส เอตสฺส อตฺถีติ วสี, ตสฺส ภาโว วสีภาโว, สา เอว วสีภาวตา. ‘‘วสิโย’’ติ ปน ปาฬิยํ อิตฺถิลิงฺควเสน วุตฺตตฺตา ตาโย ทสฺเสตุํ ‘‘วสีติ ปฺจ วสิโย’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ฌานํ อาวชฺชนฺตสฺส นิรนฺตรํ ฌานงฺเคสุ จิตฺตปฺปวตฺตนสมตฺถตา อาวชฺชนวสี. สมาปชฺชิตุกามสฺส สีฆํ ฌานํ สมาปชฺชนสมตฺถตา สมาปชฺชนวสี. อจฺฉรามตฺตํ วา กติปยจฺฉรามตฺตํ วา ขณํ ฌานํ เปตุํ สมตฺถตา อธิฏฺานวสี. ตเถว ลหุํ วุฏฺาตุํ สมตฺถตา วุฏฺานวสี. ปจฺจเวกฺขณวสี ปน อาวชฺชนวสิยา เอว สิชฺฌติ. ปจฺจเวกฺขณชวนาเนว หิ ตตฺถ อาวชฺชนานนฺตรานีติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน เหฏฺา อาคโต เอว. อยฺจ วสีภาโว สมาธิจริยานํ วเสน วุตฺโต. าณจริยาสุ ปน โลกุตฺตรานํ าณจริยานํ วสีภาวาปาทนกิจฺจํ นาม นตฺถิ. ปฏิปกฺขสฺส สุวิหตตฺตา สภาวสิทฺโธ ตตฺถ ¶ วสีภาโว, โลกิยานํ ปน ปคุณพลวภาวาปาทเนน วสีภาโว ลพฺภเตว.
๘๗๐. อุกฺกฏฺนิทฺเทโสติ อนวเสสนิทฺเทโส. จุทฺทสหิ าณจริยาหิ โหติ อคฺคมคฺคผลานํ อนธิคตตฺตาติ. ยทิ เอวนฺติ ยทิ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน ‘‘โสฬสหิ าณจริยาหี’’ติ วุตฺตํ, ตโต อวกํสวเสนปิ อิจฺฉิตพฺพํ, เอวํ สนฺเต กึ น โหติ นิโรธสมาปชฺชนนฺติ อธิปฺปาโย. ปฺจ กามคุณา วตฺถุภูตา เอตสฺส สนฺตีติ ปฺจกามคุณิโก, กามราโค. อปฺปหีนตฺตา อสมุจฺฉินฺนตฺตา. น หิ กามราคสฺส วิกฺขมฺภนปฺปหานมตฺตํ นิโรธสฺส อธิฏฺานํ ภวิตุํ สกฺโกติ. ตสฺมาติ สมาธิปาริปนฺถิกสฺส กามราคสฺส สุปหีนตฺตา. เอเตน กามํ มคฺคผลาณจริยา โลกิยาณสมาธิจริยา วิย นิโรธสมาปชฺชเน สรูเปน น วินิยุชฺชนฺติ ตทา อปฺปวตฺตนโต, ตสฺส ตสฺส ปน ปฏิปกฺขสฺส สมุจฺฉินฺทเนน พลจริยานํ วิเสสปจฺจยตาย นิโรธสมาปตฺติยา อธิฏฺานํ โหตีติ ทสฺเสติ. เอสาติ อนาคามี. อิทฺหิ ‘‘นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺสา’’ติอาทิวจนํ อนาคามิโนว นิโรธา วุฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เนวสฺานาสฺายตนกุสล’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) วจนโต, อฺถา ‘‘เนวสฺานาสฺายตนกิริยา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) วุจฺเจยฺย.
๘๗๑. ‘‘ปฺจโวการภเว’’ติ ¶ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ จตุโวการภเวปิ อรูปชฺฌานวเสน ยถารหํ อนุปุพฺพสมาปตฺติ ลพฺภตีติ? กามํ ลพฺภติ, สา ปน ‘‘อนุปุพฺพสมาปตฺตี’’ติ น วุจฺจติ เอกเทสภาวโต. อฏฺสมาปตฺติวเสเนว จ ‘‘อนุปุพฺพสมาปตฺตี’’ติ วุจฺจตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปมชฺฌานาทีนํ อุปฺปตฺติ นตฺถี’’ติ. วตฺถุสฺส อภาวาติ หทยวตฺถุโน อภาวาติ วทนฺติ, กรชกายสงฺขาตสฺส ปน วตฺถุโน อภาวาติ อตฺโถ. ยทิ หิ อารุปฺเป นิโรธํ สมาปชฺเชยฺย, จิตฺตเจตสิกานํ, อฺสฺส จ กสฺสจิ อภาวโต อปฺตฺติโกว ภเวยฺย อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตสทิโส. กิฺจายํ อุปาทาย นิโรธํ สมาปนฺโนติ วุจฺเจยฺย, กึ วา เอตาย วตฺถุจินฺตาย. องฺคเวกลฺลโตว นตฺถิ อารุปฺเป นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนํ.
๘๗๒. สงฺขารานํ ¶ ปวตฺติเภเทติ สงฺขตธมฺมานํ ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชเน, ภิชฺชเน จ, เตสํ วา กุสลาทิเภทภินฺเน ยถารหํ ตีหิ ทุกฺขตาหิ อุปทฺทุเต ปวตฺติวิภาเค. จิตฺตเจตสิกวิคเมหิ รูปธมฺเมสุ ลพฺภมานาปิ สงฺขารทุกฺขตา อพฺโพหาริกตํ อาปชฺชติ. อุกฺกณฺิตฺวาติ นิพฺพินฺทิตฺวา. นิพฺพานํ ปตฺวาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานํ ปตฺวา วิย. สุขนฺติ นิทฺทุกฺขํ.
๘๗๓. สมถวิปสฺสนาวเสนาติ ยุคนทฺธานํ วิย อฺมฺูปการิตาย สหิตานํ วเสน. อุสฺสกฺกิตฺวาติ อุกฺกํสํ ปตฺวา ยาว เนวสฺานาสฺายตนา, ยาว จ อนุโลมาณา อารุหิตฺวา. นิโรธยโตติ เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา ตํ นิโรเธนฺตสฺส. อฺสฺส กสฺสจิปิ จิตฺตสฺส อนุปฺปชฺชเนน เอวมสฺสา นิโรธสมาปตฺติยา สมาปชฺชนํ โหติ. ‘‘โย หี’’ติอาทินา ‘‘สมถวิปสฺสนาวเสนา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ พฺยติเรกมุเขน วิวรติ. เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺตึ ปตฺวา ติฏฺติ ตทุทฺธํ สุทฺธสมถวิปสฺสนาย อภาวโต. โย วิปสฺสนาวเสเนว อุสฺสกฺกติ สเจ อริโย ผลสมาปตฺตตฺถิโก, โส อตฺตโน ผลสมาปตฺตึ ปตฺวา ติฏฺติ. อถ ปุถุชฺชโน, เสโข วา มคฺคตฺถิโก ตาย เจ วิปสฺสนาย มคฺคํ ปตฺวา ผเล ิโต, โสปิ ผลสมาปตฺตึ ปตฺวา ติฏฺติจฺเจว วุจฺจติ. โสติ อุภยวเสน ปฏิปนฺโน. ตนฺติ นิโรธสมาปตฺตึ.
๘๗๔. เยน ผลทฺวยสมนฺนาคมาทินา นิโรธํ สมาปชฺชิตุํ สมตฺโถ โหติ, โส วิธิ ปเคว วิภาวิโตติ สมาปชฺชนาการเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘กตภตฺตกิจฺโจ’’ติอาทิมาห. ตฺหิ สพฺพาสมฺปิ ¶ ภาวนานํ สาธารณํ ปุพฺพกิจฺจํ. ตตฺถ สงฺขาเรติ ตสฺมึ ปมชฺฌาเน, ปมชฺฌานจิตฺตุปฺปาเท วา สงฺขาเร.
‘‘วิปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ, กีทิสี ปเนตฺถ วิปสฺสนา อิจฺฉิตพฺพาติ ตํ นิทฺธารณตฺถํ ‘‘วิปสฺสนา ปเนสา’’ติอาทินา ตเมว วิปสฺสนํ ติธา ภินฺทิตฺวา ทสฺเสติ. มนฺทา เจ วิปสฺสนา, ทนฺธาภิฺํ มคฺคํ สาเธติ. ติกฺขา เจ, ขิปฺปาภิฺนฺติ อยํ มนฺทติกฺขตาย วิเสโส. ลกฺขณปฺปตฺตา ปน วิปสฺสนา มคฺคสฺส ปจฺจโย โหติเยวาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สงฺขาร…เป… โหติเยวา’’ติ. ติกฺขาว วฏฺฏติ สงฺขารารมฺมเณปิ สติ สพฺพสงฺขาเรหิ วิวฏฺฏนากาเรเนว ปวตฺตนโต, มคฺโค วิย วิสงฺขารคตสฺส ผลสฺส ¶ ปจฺจยภาวโต จ. เตนาห ‘‘มคฺคภาวนาสทิสา’’ติ. ยสฺมา อติมนฺทา สมถาทิกา สงฺขารานํ นิโรธเน อสมตฺถา สมถนิฏฺา โหติ, อติติกฺขา าณาทิกา สาติสยํ สงฺขาเรสุ โทสทสฺสเน ผลสมาปตฺตินิฏฺา โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นาติมนฺทนาติติกฺขา วฏฺฏตี’’ติ. เอส นิโรธสมาปชฺชนโก. เต สงฺขาเรติ เต ปมชฺฌานสงฺขาเร.
‘‘ตเถวา’’ติ อิมินา ‘‘นาติมนฺทาย นาติติกฺขายา’’ติ อิมมตฺถํ อากฑฺฒติ. เอส นโย เสเสสุปิ. ‘‘อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ สงฺขาเร ตเถว วิปสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพํ, เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา ปน ตํ อวตฺวา ‘‘จตุพฺพิธํ ปุพฺพกิจฺจํ กโรติ’’จฺเจว วุตฺตนฺติ เกจิ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. วิปสฺสนาจารโต หิ สมาธิจาโร, ตสฺมา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ปุพฺพกิจฺจํ กาตพฺพํ. ตถา หิ ปรโตปิ ‘‘อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อิมํ ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา’’ติอาทึ (วิสุทฺธิ. ๒.๘๗๙) วกฺขติ, น ปน ‘‘ตตฺถ สงฺขาเร ตเถว วิปสฺสิตฺวา’’ติ. นานาพทฺธอวิโกปนนฺติ อตฺตนา อสมฺพทฺธสฺส ปริกฺขารสฺส อวินาสนํ. ยถา ตํ น วินสฺสติ, ตถา อธิฏฺานํ. สงฺฆปฏิมานนนฺติ สงฺฆสฺส ปฏิมานนาวชฺชนํ. สตฺถุปกฺโกสนนฺติ สตฺถุ ปกฺโกสนาวชฺชนํ. อทฺธานปริจฺเฉทนฺติ ชีวิตทฺธานปริจฺเฉทํ ปุพฺพกิจฺจํ กโรตีติ สมฺพนฺโธ.
๘๗๕. อธิฏฺาตพฺพนฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ. ตถา จิตฺตุปฺปาทนเมว เหตฺถ อธิฏฺานํ.
จิตฺตชรูปาทีนํ อนุปฺปชฺชนโต, ปจฺฉาชาตปจฺจยาทิอุปตฺถมฺภาภาวโต จ สตฺตาหเมว ตถา สรีรํ ¶ ปวตฺตติ, ตโต ปรํ กิลมตีติ สตฺตาหเมว ปริจฺฉินฺทิตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชนฺตีติ วทนฺติ.
สมาปตฺติวเสเนวาติ นิโรธสมาปตฺติวเสเนว. นํ อคฺคิอาทิอนฺตรายํ รกฺขติ สมาปนฺนโก อธิฏฺานวเสนาติ อธิปฺปาโย. อายสฺมโต สฺชีวสฺสาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา อิทฺธิกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๓๗๔) วุตฺตเมว.
๘๗๖. เอตสฺสาติ ¶ นิโรธํ สมาปชฺชนฺตสฺส, นิโรธสมาปชฺชนสฺส วา. ตสฺมึ สมเยติ ตสฺมึ ตสฺส ภิกฺขุโน อุปสงฺกมนสมเย วุฏฺาติเยว. กาลปริจฺเฉทสทิสฺเหตํ.
เอวํ ครุกาติ อคฺคิอาทีหิปิ อนภิภวนียํ นิโรธํ สมาปนฺนํ สมาปตฺติโต วุฏฺาปนโต เอวํ ครุกา หิ สงฺฆสฺส อาณา นาม, ตสฺมา อตฺตโน หิตสุขํ อากงฺขนฺเตน ชีวิตเหตุปิ สงฺฆสฺส อาณา น อติกฺกมิตพฺพาติ อธิปฺปาโย.
๘๗๗. น ปกฺโกสติ ‘‘สตฺถา ตํ, อาวุโส, อามนฺเตตี’’ติ. ‘‘วุฏฺหิสฺสามี’’ติ อาวชฺชิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ.
๘๗๘. ชีวิตทฺธานสฺสาติ อตฺตโน ชีวิตกาลสฺส ชีวิตปฺปวตฺติยา. อายุ เอว อายุสงฺขารา. ‘‘อายุอุสฺมาวิฺาณานี’’ติ จ วทนฺติ, เต จสฺส ปกติจิตฺตสฺเสว อารมฺมณํ โหนฺติ. อนฺโตนิโรเธ มรณํ นตฺถิ จริมภวงฺเคน มียนโต. อาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชิตพฺพํ ‘‘สหสา มรณํ มา อโหสี’’ติ. สหสา หิ มรเณ อฺพฺยากรณภิกฺขุโอวาททานสาสนานุภาวทีปนานํ อนิสฺสโร สิยา, อนาคามิโน วา อคฺคมคฺคานธิคโม สิยา. อวเสสนฺติ นานาพทฺธอวิโกปนาทิติวิธมฺปิ ปุพฺพกิจฺจํ. วุตฺตํ อฏฺกถายํ.
๘๗๙. กิฺจาปิ ‘‘เอกํ วา ทฺเว วา’’ติ อนิยเมตฺวา วิย วุตฺตํ, ทฺเว วาเร เอว ปน นิยมโต วทนฺติ. จิตฺตวาเรติ เนวสฺานาสฺายตนจิตฺตวาเร. นิโรธํ ผุสตีติ อจิตฺตกภาวเมวาห. นิโรธสฺส ปโยคตฺตาติ จิตฺตนิโรธาย ปโยคภาวโต, พลทฺวยสมฺภรณาทิปโยคสฺส จิตฺตนิโรธตฺตาติ อตฺโถ. สมถวิปสฺสนาพลสมนฺนาคโม, าณสมาธิจริยาวสีภาโว เจตฺถ ¶ อฺมฺานติวตฺตนวเสเนว อิจฺฉิตพฺโพติ อาห ‘‘ทฺเว สมถวิปสฺสนาธมฺเม ยุคนทฺเธ กตฺวา’’ติ. อนุปุพฺพนิโรธสฺส ปโยโคติ ปมชฺฌานาทีนํ, ตทนุปสฺสนานฺจ อนุปุพฺพโต นิโรธนสฺสายํ ปโยโค. อิทํ วุตฺตนเยน อฏฺสมาปตฺติอาโรหนํ น เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา สมาปชฺชนสฺส. ตสฺมา ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ อุปริ จิตฺตานิ น ปวตฺตนฺตีติ โยชนา.
ปรโต ¶ อจิตฺตโก ภวิตุํ น สกฺโกตีติ สกลํ ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ อจิตฺตโก ภวิตุํ น สกฺโกติ. ตฺจ โข สงฺฆปฏิมานนสตฺถุปกฺโกสนอทฺธานปริจฺเฉทาวชฺชนานํ อกรเณน, น นานาพทฺธอวิโกปนสฺส. ตสฺส หิ อกรเณน กทาจิ เกวลํ ตาทิสสฺส ปริกฺขารสฺส อวินาโส น สิยา, น นิโรธสมาปตฺติวิพนฺโธ. อยฺจ อตฺโถ มหานาคตฺเถรวตฺถุนา วิภาวิโต เอว. เอวํ สนฺเต ตีหิ อากาเรหิ นิโรธสมาปตฺติยา วุฏฺานํ โหตีติ อาปชฺชติ, ตสฺมา ตํ น สารโต ปจฺเจตพฺพํ. ปฏินิวตฺติตฺวา ปุน อากิฺจฺายตเนเยว ปติฏฺาตีติ อิมินา สมาปตฺติยา วิพนฺเธ ชาเต เอวํ โหตีติ ทสฺเสติ, อวิพนฺเธเนว ปน ยถาปริจฺฉินฺนกาลวีติกฺกมเน ผลจิตฺตุปฺปตฺติยา วุฏฺานํ โหติ. เอวฺจ กตฺวา คมฺภีรกนฺทโรรุฬฺหตตฺตปาสาณกฺกนฺตปุริสนิทสฺสนมฺปิ สมตฺถิตํ โหตีติ เกจิ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘ปุพฺพกิจฺจสฺส อกตตฺตา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปนฺนมตฺโตว ‘ปฏินิวตฺติตฺวา อากิฺจฺายตเน ปติฏฺาตี’ติ วุตฺตตฺตา สงฺฆปฏิมานนาทิเอกจฺจปุพฺพกิจฺจากรเณ องฺคเวกลฺลโต นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนํ น อิชฺฌเตวา’’ติ วทนฺติ. วตฺตสทิสฺเหตํ นิโรธสมาปตฺติยา, ยทิทํ ปุพฺพกิจฺจกรณํ. ตสฺมา ตตฺถ ยํ ครุตรํ, ตสฺส อกรณํ สมาปชฺชนํ วิพนฺธตีติ อปเร. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘อากิฺจฺายตเน ปติฏฺาตี’’ติ จ อิทํ ปุน อากิฺจฺายตนสฺส สมาปชฺชิตพฺพตฺตา วุตฺตํ. สมาปชฺชิตฺวา หิ วุฏฺาย ปุพฺพกิจฺจสฺส กาตพฺพตฺตา.
ยถา ปนาติอาทิ กตปุพฺพกิจฺจตาสามฺเน อุปมาสํสนฺทนํ.
๘๘๐. อสฺสาติ นิโรธสมาปตฺติยา. ‘‘กาลปริจฺเฉทวเสนา’’ติอาทินา จตูหิ อากาเรหิ นิโรธสมาปตฺติยา านํ ทสฺเสติ.
๘๘๒. วิเวกนินฺนนฺติ ¶ นิสฺสรณวิเวกนินฺนํ, ปเคว สงฺขารวิมุขตาย, ผลจิตฺตุปฺปตฺติยา จาติ เวทิตพฺพํ.
๘๘๓. อูสงฺขารตฺตยปฏิปฺปสฺสทฺธิยา, อวเสสเจตสิกวิฺาณาภาเวน รูปธมฺมมตฺตาวเสสตาย จ มตนิโรธสมาปนฺนานํ อวิเสสํ คเหตฺวา ปุจฺฉา ‘‘มตสฺส จ สมาปนฺนสฺส จ โก วิเสโส’’ติ. กามํ เนสํ สงฺขารตฺตยปฏิปฺปสฺสทฺธิอาทีหิ ¶ อวิเสโส, รูปธมฺมมตฺตาวเสสตาย ปน อายุอุสฺมาอินฺทฺริยานํ อปคมานปคมนํ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยฺวาย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
๘๘๔. สภาวโตติ สภาวธมฺมโต, ปรมตฺถโตติ อตฺโถ. ปรมตฺถโต หิ วิชฺชมานานํ สงฺขตาทิภาเวน วตฺตพฺพตํ ลภติ, น อวิชฺชมานํ. สมาปชฺชนฺตสฺส วเสนาติ ยสฺมา สมาปชฺชนฺตสฺส อริยปุคฺคลสฺส สมถวิปสฺสนาธมฺเม ยุคนทฺเธ กตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย อาโรหนฺตสฺส อนุกฺกเมน สงฺขารานํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนปโยคนิพฺพตฺติยา นิโรธสมาปตฺติ นิปฺผนฺนา นาม โหติ, ตสฺมา ตํ ปโยคนิพฺพตฺตึ อุปาทาย ‘‘นิปฺผนฺนา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
สงฺขารวูปสมโต, สนฺตธมฺมสมนฺวยโต จ สนฺตํ. อริเยหิ เอว นิเสวิตพฺพตฺตา อริยนิเสวิตํ. ติสฺสนฺนมฺปิ ทุกฺขตานํ นิพฺพุตภาวโต นิพฺพานมิติ สงฺขํ อุปาคตํ. อริยํ ปฺนฺติ สุวิสุทฺธํ มคฺคผลปฺํ. อิมิสฺสาปีติ นิโรธสมาปตฺติยา. สมาปตฺติสมตฺถตาติ สมาปชฺชนสมตฺถตา.
อาหุเนยฺยภาวาทิสิทฺธิกถาวณฺณนา
๘๘๕. อาหุเนยฺยภาวาทิสิทฺธีติ อาหุเนยฺยปาหุเนยฺยทกฺขิเณยฺยอฺชลิกรณียอนุตฺตรปฺุกฺเขตฺตภาวสิทฺธิ. อวิเสเสนาติ ทสฺสนมคฺคปฺาทิวิเสเสน วินา, เอติสฺสา โลกุตฺตรปฺาย. อาเนตฺวา หุนิตพฺพนฺติ อาหุนํ, ทูรโตปิ อาเนตฺวา ทาตพฺพทานํ, ตํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโตติ อาหุเนยฺโย. ปาหุนํ วุจฺจติ อาคนฺตุกทานํ, ตํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโตติ ปาหุเนยฺโย. ทกฺขิณํ อรหตีติ ทกฺขิเณยฺโย, อฺชลิกรณํ อฺชลิกมฺมํ, ตํ อรหตีติ อฺชลิกรณีโย. อนุตฺตรํ อุตฺตมํ สตฺตานํ ปฺุวิรุหนฏฺานนฺติ อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน เหฏฺา วุตฺโตเยว.
๘๘๖. มนฺทาย ¶ วิปสฺสนาย อาคโตติ อติกฺขาย วิปสฺสนาย วเสน ปมมคฺคปฺํ ภาเวตฺวา โสตาปนฺนภาวํ อาคโต. สทฺธาทีนํ มุทูนํ อินฺทฺริยานํ วเสน มุทินฺทฺริโยปิ สมาโน. สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ สตฺตกฺขตฺตุํ ปรมา ภวูปปตฺติ อตฺตภาวคฺคหณํ, ตโต ปรํ อฏฺมํ ภวํ นาทิยตีติ ¶ สตฺตกฺขตฺตุปรโม. สํสริตฺวาติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อปราปรํ คนฺตฺวา. ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรตีติ วฏฺฏทุกฺขสฺส ปริยนฺตํ ปริโยสานํ กโรติ. อยํ กาเลน เทวโลกสฺส, กาเลน มนุสฺสโลกสฺสาติ มิสฺสกสฺส ภวสฺส วเสน ‘‘สตฺตสุคติภเว สํสริตฺวา’’ติ วุตฺโต. กุลโต กุลํ คจฺฉตีติ โกลํโกโล. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยโต ปฏฺาย หิ นีจกุเล อุปปตฺติ นาม นตฺถิ, มหาโภคกุเลสุเยว นิพฺพตฺตตีติ อตฺโถ. ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานีติ เทวมนุสฺสวเสน ทฺเว วา ตโย วา ภเว. อิติ อยมฺปิ มิสฺสกภเวเนว กถิโต. เทสนามตฺตเมว เจตํ ‘‘ทฺเว วา ตีณิ วา’’ติ. ยาว ฉฏฺภวา สํสรนฺโตปิ โกลํโกโลว โหติ. อตฺตภาวคฺคหณสงฺขาตํ เอกํเยว ขนฺธพีชํ เอตสฺส อตฺถีติ เอกพีชี. ‘‘มานุสกํ ภว’’นฺติ อิทมฺปิ เทสนามตฺตํ. ‘‘เทวภวํ นิพฺพตฺเตตี’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติเยว. โก ปเนเตสํ อิมํ ปเภทํ นิยเมตีติ? ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา. สเจ หิ อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา พลวตี โหติ, เอกพีชี นาม โหติ. ตโต มนฺทาย โกลํโกโล, ตโต มนฺทตราย สตฺตกฺขตฺตุปรโม.
๘๘๗. ปฏิสนฺธิวเสน สกึ อาคจฺฉตีติ สกทาคามี. สกิเทวาติ เอกวารํเยว. ‘‘อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา’’ติ อิมินา ปฺจสุ สกทาคามีสุ จตฺตาโร วชฺเชตฺวา เอโกว คหิโต. เอกจฺโจ หิ อิธ สกทาคามิผลํ ปตฺวา อิเธว ปรินิพฺพาติ, เอกจฺโจ อิธ ปตฺวา เทวโลเก ปรินิพฺพาติ, เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพาติ, เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพาติ. อิเม จตฺตาโรปิ อิธ น คหิตา. โย ปน อิธ ปตฺวา เทวโลเก ยาวตายุกํ วสิตฺวา ปุน อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพาติ, อยํ อิธ คหิโต.
๘๘๘. ปฏิสนฺธิวเสน อิธ อนาคมนโต อนาคามี. อินฺทฺริยเวมตฺตตาวเสนาติ สทฺธาทีนํ วิมุตฺติปริปาจกอินฺทฺริยานํ ปโรปริยตฺเตน. ปฺจธา อิธ วิหาย นิฏฺโ โหตีติ โส อนาคามี อนฺตราปรินิพฺพายิอาทิภาเวน ปฺจปกาเรน อิมํ โลกํ ปชหิตฺวา ปรินิพฺพายนโก โหติ. อายุเวมชฺฌสฺส อนฺตราเยว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนโต อนฺตราปรินิพฺพายี ¶ . อุปหจฺจาติ วา อุปคนฺตฺวา กาลกิริยํ. อปฺปโยเคนาติ อธิมตฺตปโยเคน วินา อปฺปกสิเรเนว ติกฺขินฺทฺริยตาย ¶ สุเขเนว. สปฺปโยเคนาติ เอตฺถ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อุทฺธํ วา หิ ภาเวน อุทฺธมสฺส ตณฺหาโสตํ, วฏฺฏโสตํ วาติ อุทฺธํโสโต. อุทฺธํ วา คนฺตฺวา ปฏิลภิตพฺพโต อุทฺธมสฺส มคฺคโสตนฺติ อุทฺธํโสโต. ปฏิสนฺธิวเสน อกนิฏฺภวํ คจฺฉตีติ อกนิฏฺคามี.
ยตฺถุปปนฺโนติ อวิหาทีสุ ยตฺถ ยตฺถ อุปปนฺโน. อิเมสํ ปน อนาคามีนํ ปเภทชานนตฺถํ อุทฺธํโสตอกนิฏฺคามิจตุกฺกํ เวทิตพฺพํ – โย หิ อวิหโต ปฏฺาย จตฺตาโร เทวโลเก โสเธตฺวา อกนิฏฺํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพาติ, อยํ อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย ปน เหฏฺา ตโย เทวโลเก โสเธตฺวา สุทสฺสีเทวโลเก ตฺวา ปรินิพฺพาติ, อยํ อุทฺธํโสโต นอกนิฏฺคามี นาม. โย อิโต อกนิฏฺเมว คนฺตฺวา ปรินิพฺพาติ, อยํ นอุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย ปน เหฏฺา จตูสุ เทวโลเกสุ ตตฺถ ตตฺเถว ปรินิพฺพาติ, อยํ นอุทฺธํโสโต นอกนิฏฺคามี นาม. เอเต ปน อวิเหสุ อุปปนฺนสมนนฺตรา อายุเวมชฺฌํ อปฺปตฺวา, ปตฺวา จ ปรินิพฺพายนวเสน ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน, เอโก อุปหจฺจปรินิพฺพายี, เอโก อุทฺธํโสโตติ ปฺจ. เต อสงฺขารสสงฺขารปรินิพฺพายิวิภาเคน ทส โหนฺติ. ตถา อตปฺปสุทสฺสสุทสฺสีสูติ จตฺตาโร ทสกา จตฺตาลีสํ. อกนิฏฺเ ปน อุทฺธํโสโต นตฺถิ. ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน, เอโก อุปหจฺจปรินิพฺพายีติ จตฺตาโร. เต อสงฺขารสสงฺขารปรินิพฺพายิวิภาเคน อฏฺาติ อฏฺจตฺตาลีสํ อนาคามิโน.
โสตาปนฺนา ปน ปฏิปทาเภเทน จตฺตาโร สตฺตกฺขตฺตุปรมา, จตฺตาโร โกลํโกลา, จตฺตาโร เอกพีชิโนติ สทฺธาธุเรน ปฏิปนฺนา ทฺวาทส, ตถา ปฺาธุเรนาติ จตุวีสติ.
สกทาคามิโน สฺุตวิโมกฺเขน วิมุตฺตา ปฏิปทาวเสน จตฺตาโร, ตถา อนิมิตฺตอปฺปณิหิตวิโมกฺเขหีติ ทฺวาทส.
๘๘๙. ตถา อรหนฺโต. เต ปน ทฺวาทส ปฺาวิมุตฺตา, ทฺวาทส อุภโตภาควิมุตฺตา, ทฺวาทส เตวิชฺชา, ทฺวาทส ฉฬภิฺา, ทฺวาทส ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตาติ ¶ สมสฏฺิ โหนฺติ. เอวเมเต สทฺธึ ปจฺเจกสมฺพุทฺธสมฺมาสมฺพุทฺเธหิ ฉจตฺตาลีสาธิกสตํ อริยา. ยสฺมา เตสํ อริยภาวสิทฺธิ อริยาย ปฺาภาวนาย, เตน วุตฺตํ ‘‘อาหุเนยฺยภาวาทิสิทฺธิปิ อิมิสฺสา โลกุตฺตรปฺาภาวนาย อานิสํโส’’ติ. โลกิยวิชฺชาภิฺาหิ วินาปิ อุภโตภาควิมุตฺตตา โหตีติ ¶ อุภโตภาควิมุตฺโต วิสุํ คหิโต. ยํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ยํ จตุตฺถมคฺคปฺาภาวนํ สนฺธาย เหฏฺา สงฺเขปโต คาถาวณฺณนายํ วุตฺตํ, ตํ ปน วุตฺตาการํ นิคมนวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘มคฺคกฺขเณ’’ติอาทิ วุตฺตํ. กามํ จตูสุปิ มคฺคกฺขเณสุ ตํ ชฏํ วิชเฏติ นาม, ผลกฺขเณสุปิ ยถารหํ วิชฏิตชโฏ, อคฺคผลกฺขเณเยว ปน สพฺพโส วิชฏิตชโฏ, ตโต ปรํ วิชเฏตพฺพาย ชฏาย อภาวโต. เตเนตฺถ เหฏฺา เหฏฺิมมคฺคปฺาภาวนานิสํสสฺส วุตฺตตฺตาว จตุตฺถมคฺคปฺาภาวนาวเสน อตฺโถ วุตฺโต.
รตินฺติ อภิรตึ, อภิรุจินฺติ อตฺโถ. ตตฺถาติ อริยาย ปฺาภาวนาย.
๘๙๐. อิมิสฺสา คาถายาติ อิมิสฺสํ คาถายํ. คาถา หิ อตฺตโน อตฺถภูตสฺส วิสุทฺธิมคฺคสฺส อาธารภาเวน วุตฺตา, สามิวจนํ วา เอตํ อตฺถสฺส ตํสมฺพนฺธิภาวโต.
ปฺาภาวนานิสํสนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ เตวีสติมปริจฺเฉทวณฺณนา.
นิคมนกถาวณฺณนา
๘๙๑. อิมิสฺสา ¶ ทานิ คาถายาติอาทีนํ คาถานํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว. สฺวายํ ‘‘วิสุทฺธิมคฺคํ ภาสิสฺส’’นฺติ เอวํ ปฏิฺาโต วิสุทฺธิมคฺโค เอตฺตาวตา ภาสิโต โหตีติ สมฺพนฺโธ.
๘๙๒. ตตฺถาติอาทีสุ อยํ ปทสมฺพนฺเธน สทฺธึ สงฺเขปตฺโถ – เตสํ ‘‘สีเล ปติฏฺายา’’ติคาถายํ วุตฺตานํ สีลาทิปฺปเภทานํ อตฺถานํ ปฺจนฺนมฺปิ มหานิกายานํ อฏฺกถานเย อฏฺกถาตนฺติยํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺโต โย วินิจฺฉโย, เยภุยฺเยน ตํ สพฺพํ สมาหริตฺวา สมาเนตฺวา นิกายนฺตรสฺส นิกายคตวาทโทสสงฺกเรหิ มุตฺโต โส นิจฺฉโย ยสฺมา ปกาสิโต, ตสฺมา วิสุทฺธิกาเมหิ โยคีหิ เอตสฺมึ วิสุทฺธิมคฺเค อาทโร กรณีโยเยวาติ.
นิคมนคาถาโย
สุวิสุทฺธสมาจาโร, วิสุทฺธนยมณฺฑิตํ;
วิสุทฺธิมคฺคํ โลกสฺส, ยทจฺจนฺตวิสุทฺธิยา.
อภาสิ กรุณาเวค-สมุสฺสาหิตมานโส;
มเหสิ วิปุโลทาต-วิสุทฺธิมติปาฏโว.
ตสฺส อตฺถํ ปกาเสตุํ, กถามคฺคํ ปุราตนํ;
นิสฺสาย ยา สมารทฺธา, อตฺถสํวณฺณนา มยา.
อายาจิโต สิทฺธคาม-ปริเวณนิวาสินา;
เถเรน ทานาเคน, สุทฺธาจาเรน ธีมตา.
สา เอสา ปรมตฺถานํ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;
นิธานโต ปรมตฺถ-มฺชูสา นาม นามโต.
สมฺปตฺตา ปรินิฏฺานํ, อนากุลวินิจฺฉยา;
อฏฺาสีติปฺปมาณาย, ปาฬิยา ภาณวารโต.
อิติ ตํ สงฺขโรนฺเตน, ยํ ตํ อธิคตํ มยา;
ปฺุํ ตสฺสานุภาเวน, โลกนาถสฺส สาสเน.
โอคาเหตฺวา วิสุทฺธาย, สีลาทิปฏิปตฺติยา;
สพฺเพปิ เทหิโน โหนฺตุ, วิมุตฺติรสภาคิโน.
จิรํ ¶ ติฏฺตุ โลกสฺมึ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ;
ตสฺมึ สคารวา นิจฺจํ, โหนฺตุ สพฺเพปิ ปาณิโน.
สมฺมา วสฺสตุ กาเลน, เทโว ราชา มหีปติ;
สทฺธมฺมนิรโต โลกํ, ธมฺเมเนว ปสาสตูติ.
พทรติตฺถวิหารวาสินา อาจริยธมฺมปาเลน กตา
ปรมตฺถมฺชูสา นาม วิสุทฺธิมคฺคมหาฏีกา สมตฺตา.
วิสุทฺธิมคฺค-มหาฏีกา สมตฺตา.