📜
๑๔. ขนฺธนิทฺเทสวณฺณนา
ปฺากถาวณฺณนา
๔๒๑. สพฺพากาเรนาติ ¶ ¶ อุปจารากาโร, อปฺปนากาโร, วสีภาวากาโร, วิตกฺกาทิสมติกฺกมากาโร, รูปาทีหิ วิรชฺชนากาโร, จุทฺทสธา จิตฺตสฺส ปริทมนากาโร, ปฺจวิธอานิสํสาธิคมากาโรติ เอวมาทินา สพฺเพน ภาวนากาเรน.
ตทนนฺตราติ ‘‘จิตฺตํ ปฺ’’นฺติ เอวํ เทสนากฺกเมน, ปฏิปตฺติกฺกเมน จ ตสฺส สมาธิสฺส อนนฺตรา. ปฺา ภาเวตพฺพา สมาธิภาวนาย สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนาติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ปฺฺจ ภาวย’’นฺติ เอวํ อติสงฺเขปเทสิตตฺตา, คาถาวณฺณนายํ วา ‘‘สมาธิสิลายํ สุนิสิตํ วิปสฺสนาปฺาสตฺถ’’นฺติ เอวํ อติวิย สงฺเขเปน ภาสิตตฺตา อยํ สา ปฺาติ สภาวโต วิฺาตุมฺปิ ตาว น สุกรา. ภาวนาวิธานสฺส ปน อทสฺสิตตฺตา ปเคว ภาเวตุํ น สุกราติ สมฺพนฺโธ. ปุจฺฉนฏฺเน ปฺหา, กมฺมํ กิริยา กรณํ, ปฺหาว กมฺมํ ปฺหากมฺมํ, ปุจฺฉนปโยโคติ อตฺโถ.
กา ปฺาติ สรูปปุจฺฉา. เกนฏฺเน ปฺาติ เกน อตฺเถน ปฺาติ วุจฺจติ, ‘‘ปฺา’’ติ ปทํ กํ อภิเธยฺยตฺถํ นิสฺสาย ปวตฺตนฺติ อตฺโถ. สา ปนายํ ปฺา สภาวโต, กิจฺจโต, อุปฏฺานาการโต, อาสนฺนการณโต จ กถํ ชานิตพฺพาติ อาห ‘‘กานสฺสา ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานี’’ติ. กติวิธาติ ปเภทปุจฺฉา. กสฺมา ปเนตฺถ สํกิเลสโวทานปุจฺฉา น คหิตาติ? วุจฺจเต – โลกุตฺตราย ตาว ปฺาย นตฺเถว สํกิเลโส. อสติ จ ตสฺมึ กุโต โวทานปุจฺฉาติ ตทุภยํ น คหิตํ. โลกิยาย ปน ตานิ ภาวนาวิธาเน เอว อนฺโตคธานีติ กตฺวา วิสุํ น คหิตานิ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิอนฺโตคธตฺตา ¶ , สมาธิภาวนายํ วา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพานีติ น คหิตานิ. ปฏิปตฺติ นาม ทิฏฺานิสํเส เอว โหตีติ อาห ‘‘ปฺาภาวนาย โก อานิสํโส’’ติ.
๔๒๒. ตตฺราติ ตสฺมึ, ตสฺส วา ปฺหากมฺมสฺส. วิสฺสชฺชนนฺติ วิวรณํ. ปุจฺฉิโต หิ อตฺโถ อวิภาวิตตฺตา นิคูฬฺโห มุฏฺิยํ กโต วิย ติฏฺติ, ตสฺส ¶ วิวรณํ วิสฺสชฺชนํ วิภูตภาวกรณโต. กา ปฺาติ กามฺจายํ สรูปปุจฺฉา, วิภาควนฺตานํ ปน สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนมุเขเนว โหตีติ วิภาโค ตาว อนวเสสโต ทสฺเสตพฺโพ. ตํทสฺสเนน จ อยมาทีนโวติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺา พหุวิธา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พหุวิธาติ กุสลาทิวเสน อเนกวิธา. นานปฺปการาติ อตฺถชาปิกาทิเภเทน, สุตมยาณาทิเภเทน จ นานาวิธา. ตํ สพฺพนฺติ ตํ อนวเสสํ ปฺาวิภาคํ. น สาเธยฺยาติ วิปสฺสนาภาวนาย สทฺธึ มคฺคภาวนา อิธ อธิปฺเปตตฺโถ. ตาย หิ ตณฺหาชฏาวิชฏนํ, ตฺจ น สาเธยฺย. อนวเสสโต หิ ปฺาปเภเท วิสฺสชฺชิยมาเน ‘‘เอกวิเธน าณวตฺถู’’ติอาทิโก (วิภ. ๗๕๑) สพฺโพ าณวตฺถุ วิภงฺเค, สุตฺตนฺเตสุ จ ตตฺถ ตตฺถ อาคโต ปฺาปเภโท. สกโลปิ วา อภิธมฺมนโย อาหริตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺโพ ภเวยฺย, ตถา จ สติ ยฺวายํ อิธ ปฺาภาวนาวิธิ อธิปฺเปโต, ตสฺส วิสฺสชฺชนาย โอกาโสว น ภเวยฺย. กิฺจ ยฺวายํ านาานกมฺมนฺตรวิปากนฺตราทิวิสเย ปฺาย ปวตฺติเภโท, โสปิ ยถารหํ สทฺธึ ผลาผลเภเทน วิภชิตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺโพ สิยา. โส จ ปน วิสฺสชฺชิยมาโน อฺทตฺถุ วิกฺเขปาย สํวตฺเตยฺย, ยถา ตํ อวิสเย. เตนาห ‘‘อุตฺตริ จ วิกฺเขปาย สํวตฺเตยฺยา’’ติ. กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตํ วิปสฺสนาาณนฺติ เอตฺถ กุสล-คฺคหเณน ทุวิธมฺปิ อพฺยากตํ นิวตฺเตติ, ตถา ‘‘อตฺถิ สํกิลิฏฺปฺา’’ติ เอวํ ปวตฺตํ มิจฺฉาวาทํ ปฏิเสเธติ. วิปสฺสนาาณ-คฺคหเณน เสสกุสลปฺา.
๔๒๓. สฺชานนวิชานนาการวิสิฏฺนฺติ สฺชานนาการวิชานนากาเรหิ สาติสยํ. ยโต นานปฺปการโต ชานนํ ชานนภาโว วิสยคฺคหณากาโร. โส หิ เนสํ สมาโน, น สฺชานนาทิอากาโร. ปีตกนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เตน ‘‘โลหิตกํ โอทาตํ ทีฆํ รสฺส’’นฺติอาทิเก สฺาย คเหตพฺพากาเร สงฺคณฺหาติ. สฺชานนมตฺตเมวาติ เอตฺถ สฺชานนํ นาม ‘‘นีลํ ปีต’’นฺติอาทิกํ อารมฺมเณ วิชฺชมานํ วา อวิชฺชมานํ วา สฺานิมิตฺตํ กตฺวา ชานนํ. ตถา เหสา ปุน สฺชานนปจฺจยนิมิตฺตกรณรสา. มตฺต-สทฺเทน วิเสสนิวตฺติอตฺเถน วิชานนปชานนากาเร นิวตฺเตติ, เอว-สทฺเทน กทาจิปิ อิมิสฺสา เต วิเสสา ¶ นตฺเถวาติ อวธาเรติ. เตนาห ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ ¶ . ตตฺถ วิฺาณกิจฺจมฺปิ กาตุํ อสกฺโกนฺตี สฺา กุโต ปฺากิจฺจํ กเรยฺยาติ ‘‘ลกฺขณปฏิเวธํ ปาเปตุํ น สกฺโกติ’’จฺเจว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘มคฺคปาตุภาว’’นฺติ. อารมฺมเณ ปวตฺตมานํ วิฺาณํ น ตตฺถ สฺา วิย นีลปีตาทิกสฺส สฺชานนวเสเนว ปวตฺตติ, อถ โข ตตฺถ อฺฺจ วิเสสํ ชานนฺตเมว ปวตฺตตีติ อาห ‘‘วิฺาณ’’นฺติอาทิ. กถํ ปน วิฺาณํ ลกฺขณปฏิเวธํ ปาเปตีติ? ปฺาย ทสฺสิตมคฺเคน. ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาย หิ อเนกวารํ ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปวตฺตมานาย ปคุณภาวโต ปริจยวเสน าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตนปิ วิปสฺสนา สมฺภวติ, ยถา ตํ ปคุณสฺส คนฺถสฺส สชฺฌายเน ายาคตาปิ วารา น วิฺายนฺติ. ลกฺขณปฏิเวธนฺติ จ ลกฺขณานํ อารมฺมณกรณมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปฏิวิชฺฌนํ. อุสฺสกฺกิตฺวาติ อุทยพฺพยาณปฏิปาฏิยา อายูหิตฺวา. มคฺคปาตุภาวํ ปาเปตุํ น สกฺโกติ อสมฺโพธสภาวตฺตา. วุตฺตนยวเสนาติ วิฺาเณ วุตฺตนยวเสน อารมฺมณฺจ ชานาติ, ลกฺขณปฏิเวธฺจ ปาเปติ. อตฺตโน ปน อนฺสาธารเณน อานุภาเวน อุสฺสกฺกิตฺวา มคฺคปาตุภาวฺจ ปาเปติ.
อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย ปติฏฺาเปตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อชาตพุทฺธีติ อสฺชาตพฺยวหารพุทฺธิ. อุปโภคปริโภคนฺติ อุปโภคปริโภคารหํ, อุปโภคปริโภควตฺถูนํ ปฏิลาภโยคฺยนฺติ อตฺโถ. เฉโกติ มหาสาโร. กูโฏติ กหาปณปติรูปโก ตมฺพกํสาทิมโย. อทฺธสาโรติ อุปฑฺฒคฺฆนโก. อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เตน ปาทสาร สมสารปโรปาทสาราทีนํ สงฺคโห. เต ปกาเรติ อินฺทชาลาชาติปุปฺผาทิปฺปกาเร เจว เฉกาทิปฺปกาเร จ.
สฺา หีติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. สฺา วิภาคํ อกตฺวา ปิณฺฑวเสเนว อารมฺมณสฺส คหณโต ทารกสฺส กหาปณทสฺสนสทิสี วุตฺตา. ตถา หิ สา ‘‘ยถาอุปฏฺิตวิสยปทฏฺานา’’ วุจฺจติ. วิฺาณํ อารมฺมเณ เอกจฺจวิเสสคหณสมตฺถตาย คามิกปุริสสฺส กหาปณทสฺสนสทิสํ วุตฺตํ. ปฺา อารมฺมเณ อนวเสสวิเสสาวโพธโต เหรฺิกสฺส กหาปณทสฺสนสทิสี วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘นานปฺปการโต ¶ ชานน’’นฺติ อิมินา เยฺยธมฺมา ปจฺเจกํ นานปฺปการาติ เตสํ ยาถาวโต อวโพโธ ปฺาติ ทสฺเสติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถมาคจฺฉนฺตี’’ติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕).
ยตฺถาติ ¶ ยสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท. น ตตฺถ เอกํเสน โหตีติ ตสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท ปฺา เอกนฺเตน น โหติ. น หิ ทุเหตุกอเหตุกจิตฺตุปฺปาเทสุ ปฺา อุปฺปชฺชติ. อวินิพฺภุตฺตาติ อวิยุตฺตา. เตหีติ สฺาวิฺาเณหิ. ยถา หิ สุขํ ปีติยา น นิยมโต อวิยุตฺตํ, เอวํ สฺาวิฺาณานิ ปฺาย น นิยมโต อวิยุตฺตาติ. ยถา ปน ปีติ สุเขน นิยมโต อวิยุตฺตา, เอวํ ปฺา สฺาวิฺาเณหิ นิยมโต อวิยุตฺตา. ตสฺมา เอวํ อวินิพฺภุตฺเตสุ อิเมสุ ตีสุ ธมฺเมสุ เตสํ วินิพฺโภโค ทุกฺกโรติ ติณฺณํ ชนานํ กหาปณทสฺสนํ นิทสฺสิตนฺติ. เตสํ ทุวิฺเยฺยนานตฺตตํเยว วจนนฺตเรนปิ ทสฺเสตุํ ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ รูปธมฺเมสุปิ ตาว นานานทีนํ อุทกสฺส, นานาเตลสฺส วา เอกสฺมึ ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา มถิตสฺส ‘‘อิทํ อสุกาย นทิยา อุทกํ, อิทํ อสุกเตล’’นฺติ นิทฺธาเรตฺวา สรูปโต ทสฺสนํ ทุกฺกรํ, กิมงฺคํ ปน อรูปธมฺเมสูติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ อรูปีนํ จิตฺตเจตสิกาน’’นฺติอาทิมาห.
๔๒๔. ธมฺมานํ สโก ภาโว, สมาโน จ ภาโว ธมฺมสภาโว. ตตฺถ ปเมน กกฺขฬผุสนาทิสลกฺขณํ คหิตํ, ทุติเยน อนิจฺจทุกฺขตาทิสามฺลกฺขณํ. ตทุภยสฺส จ ยาถาวโต ปฏิวิชฺฌนลกฺขณา ปฺาติ อาห ‘‘ธมฺมสภาวปฏิเวธลกฺขณา ปฺา’’ติ. ฆฏปฏาทิปฏิจฺฉาทกสฺส พาหิรนฺธการสฺส ทีปาโลกาทิ วิย ยถาวุตฺตธมฺมสภาวปฏิจฺฉาทกสฺส โมหนฺธการสฺส วิทฺธํสนรสา. อุปฺปชฺชมาโน เอว หิ ปฺาโลโก หทยนฺธการํ วิธเมนฺโต เอวํ อุปฺปชฺชติ, ตโต เอว ธมฺมสภาเวสุ อสมฺมุยฺหนากาเรน ปจฺจุปติฏฺตีติ อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา. การณภูตา วา สยํ ผลภูตํ อสมฺโมหํ ปจฺจุปฏฺาเปตีติ เอวมฺปิ อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา. วิปสฺสนาปฺาย อิธ อธิปฺเปตตฺตา ‘‘สมาธิ ตสฺสา ปทฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ สุตฺตปทํ นิพนฺธนภาเวน อาคตํ (สํ. นิ. ๓.๕, ๙๙; สํ. นิ. ๕.๑๐๗๑; เนตฺติ. ๔๐; มิ. ป. ๒.๑.๑๔).
ปฺาปเภทกถาวณฺณนา
๔๒๕. ธมฺมสภาวปฏิเวโธ ¶ นาม ปฺาย อาเวณิโก สภาโว, น เตนสฺสา โกจิ วิภาโค ลพฺภตีติ อาห ‘‘ธมฺมสภาวปฏิเวธลกฺขเณน ตาว เอกวิธา’’ติ. ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก วุจฺจติ วฏฺฏํ, ตปฺปริยาปนฺนตาย โลเก นิยุตฺตา, ตตฺถ วา วิทิตาติ โลกิยา. ตตฺถ อปริยาปนฺนตาย โลกโต อุตฺตรา อุตฺติณฺณาติ โลกุตฺตรา. โลกุตฺตราปิ ¶ หิ มคฺคสมฺปยุตฺตา ภาเวตพฺพา. วิปสฺสนาปริยาโยปิ ตสฺสา ลพฺภเตวาติ โลกุตฺตร-คฺคหณํ น วิรุชฺฌติ. อตฺตานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺเตหิ สห อาสเวหีติ สาสวา, อารมฺมณกรณวเสนปิ นตฺถิ เอติสฺสา อาสวาติ อนาสวา. อาทิ-สทฺเทน อาสววิปฺปยุตฺตสาสวทุกาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. นามรูปววตฺถานวเสนาติ นามววตฺถานวเสน, รูปววตฺถานวเสน จ. ปมํ นิพฺพานทสฺสนโต ทสฺสนฺจ, นิสฺสยภาวโต สมฺปยุตฺตา ธมฺมา ภวนฺติ เอตฺถ, สยมฺปิ วา ภวติ อุปฺปชฺชติ น นิพฺพานํ วิย อปาตุภาวนฺติ ภูมิ จาติ ทสฺสนภูมิ, ปมมคฺโค. เสสมคฺคตฺตยํ ปน ยสฺมา ปมมคฺเคน ทิฏฺสฺมึเยว ธมฺเม ภาวนาวเสน อุปฺปชฺชติ, น อทิฏฺปุพฺพํ กิฺจิ ปสฺสติ, ตสฺมา ภาวนา จ ยถาวุตฺเตนตฺเถน ภูมิ จาติ ภาวนาภูมิ. ตตฺถ ปฺา ทสฺสนภูมิภาวนาภูมิวเสน ทุวิธาติ วุตฺตา. สุตาทินิรเปกฺขาย จินฺตาย นิพฺพตฺตา จินฺตามยา. เอวํ สุตมยา, ภาวนามยา จ. มยสทฺโท ปจฺเจกํ สมฺพนฺธิตพฺโพ. อาเย วฑฺฒิยํ โกสลฺลํ อายโกสลฺลํ, อปาเย อวฑฺฒิยํ โกสลฺลํ อปายโกสลฺลํ, อุปาเย ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส นิพฺพตฺติการเณ โกสลฺลํ อุปายโกสลฺลนฺติ วิสุํ วิสุํ โกสลฺลปทํ สมฺพนฺธิตพฺพํ. อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส ปฏิปชฺชนํ เอติสฺสาติ อชฺฌตฺตาภินิเวสา. เอวํ พหิทฺธาภินิเวสา, อุภยาภินิเวสา จ เวทิตพฺพา.
๔๒๖. โลกิยมคฺคสมฺปยุตฺตาติ โลกิยกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ มคฺคสมฺปยุตฺตา, วิเสสโต ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทิวิสุทฺธิจตุกฺกสงฺคหิตมคฺคสมฺปยุตฺตา. สมุทาเยสุ ปวตฺตา สมฺา ตเทกเทเสสุปิ วตฺตตีติ อาห ‘‘มคฺคสมฺปยุตฺตา’’ติ, ปจฺเจกมฺปิ วา สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ มคฺคสมฺาติ กตฺวา เอวํ วุตฺตํ.
ธมฺมนานตฺตาภาเวปิ ¶ ปทตฺถนานตฺตมตฺเตน ทุกฺกรวจนํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อตฺถโต ปเนสา โลกิยโลกุตฺตราวา’’ติ. อาสววิปฺปยุตฺตสาสวทุกาทีสุปิ วิปฺปยุตฺตตาทิคฺคหณเมว วิเสโส, อตฺถโต โลกิยโลกุตฺตราว ปฺาติ อาห ‘‘เอเสว นโย’’ติ. อาทิ-สทฺเทน โอฆนียโอฆวิปฺปยุตฺตโอฆนียาทิทุกานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ปมชฺฌานิกานิ จตฺตาริ มคฺคจิตฺตานิ, ตถา ทุติยาทิชฺฌานิกานิ จาติ เอวํ โสฬสสุ มคฺคจิตฺเตสุ. วิปสฺสนาปฺาย อิธ อธิปฺเปตตฺตา มหคฺคตปฺา น คหิตา.
๔๒๗. อตฺตโน จินฺตาวเสนาติ ตสฺส ตสฺส อนวชฺชสฺส อตฺถสฺส สาธเน ปโรปเทเสน วินา ¶ อตฺตโน อุปายจินฺตาวเสเนว. สุตวเสนาติ ยถาสุตสฺส ปโรปเทสสฺส วเสน. ยถา ตถา วาติ ปรโต อุปเทสํ สุตฺวา วา อสุตฺวา วา สยเมว ภาวนํ อนุยฺุชนฺตสฺส. ‘‘อปฺปนาปฺปตฺตา’’ติ อิทํ สิขาปฺปตฺตภาวนามยํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, น ปน ‘‘อปฺปนาปฺปตฺตาว ภาวนามยา’’ติ.
โยควิหิเตสูติ ปฺาวิหิเตสุ ปฺาปริณามิเตสุ อุปายสมฺปาทิเตสุ. กมฺมายตเนสูติ เอตฺถ กมฺมเมว กมฺมายตนํ, กมฺมฺจ ตํ อายตนฺจ อาชีวานนฺติ วา กมฺมายตนํ. เอส นโย สิปฺปายตเนสุปิ. ตตฺถ ทุวิธํ กมฺมํ หีนฺจ วฑฺฒกีกมฺมาทิ, อุกฺกฏฺฺจ กสิวาณิชาทิ. สิปฺปมฺปิ ทุวิธํ หีนฺจ นฬการสิปฺปาทิ, อุกฺกฏฺฺจ มุทฺทาคณนาทิ. วิชฺชาว วิชฺชาฏฺานํ. ตํ ธมฺมิกเมว นาคมณฺฑลปริตฺตผุธมนกมนฺตสทิสํ เวทิตพฺพํ. ตานิ ปเนตานิ เอกจฺเจ ปณฺฑิตา โพธิสตฺตสทิสา มนุสฺสานํ ผาสุวิหารํ อากงฺขนฺตา เนว อฺเหิ กริยมานานิ ปสฺสนฺติ, น วา กตานิ อุคฺคณฺหนฺติ, น กเถนฺตานํ สุณนฺติ. อถ โข อตฺตโน ธมฺมตาย จินฺตาย กโรนฺติ, ปฺวนฺเตหิ อตฺตโน ธมฺมตาย จินฺตาย กตานิปิ อฺเหิ อุคฺคณฺหิตฺวา กโรนฺเตหิ กตสทิสาเนว โหนฺติ.
กมฺมสฺสกตนฺติ ‘‘อิทํ กมฺมํ สตฺตานํ สกํ, อิทํ โน สก’’นฺติ เอวํ ชานนาณํ. สจฺจานุโลมิกนฺติ วิปสฺสนาาณํ. ตํ หิ สจฺจปฏิเวธสฺส อนุโลมนโต ‘‘สจฺจานุโลมิก’’นฺติ วุจฺจติ. อิทานิสฺส ปวตฺตนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ อนิจฺจนฺติ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วา-สทฺเทน อนิยมตฺเถน ทุกฺขานตฺตลกฺขณานิปิ ¶ คหิตาเนวาติ ทฏฺพฺพํ นานนฺตริยกภาวโต. ยํ หิ อนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ. ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตาติ. ยํ เอวรูปินฺติ ยํ เอวํ เหฏฺา นิทฺทิฏฺสภาวํ. อนุโลมิกํ ขนฺตินฺติอาทีนิ ปฺาเววจนานิ. สา หิ เหฏฺา วุตฺตานํ กมฺมายตนาทีนํ อปจฺจนีกทสฺสเนน อนุโลมนโต, ตถา สตฺตานํ หิตจริยาย มคฺคสจฺจสฺส, ปรมตฺถสจฺจสฺส, นิพฺพานสฺส จ อวิโลมนโต อนุโลเมตีติ อนุโลมิกา. สพฺพานิปิ เอตานิ การณานิ ขมติ ทฏฺุํ สกฺโกตีติ ขนฺติ. ปสฺสตีติ ทิฏฺิ. โรเจตีติ รุจิ. มุนาตีติ มุติ. เปกฺขตีติ เปกฺขา. เต จ กมฺมายตนาทโย ธมฺมา เอตาย นิชฺฌายมานา นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ ธมฺมนิชฺฌานขนฺติ. ปรโต อสุตฺวา ปฏิลภตีติ อฺสฺส อุปเทสวจนํ อสุตฺวา สยเมว จินฺเตนฺโต ปฏิลภติ. อยํ วุจฺจตีติ อยํ จินฺตามยา ปฺา นาม วุจฺจติ. สา ปเนสา อภิฺาตานํ โพธิสตฺตานเมว อุปฺปชฺชติ. ตตฺถาปิ ¶ สจฺจานุโลมิกาณํ ทฺวินฺนํเยว โพธิสตฺตานํ อนฺติมภวิกานํ, เสสปฺา สพฺเพสมฺปิ ปูริตปารมีนํ มหาปฺานํ อุปฺปชฺชติ. ปรโต สุตฺวา ปฏิลภตีติ กมฺมายตนาทีนิ ปเรน กริยมานานิ วา กตานิ วา ทิสฺวาปิ ปรสฺส กถยมานสฺส วจนํ สุตฺวาปิ อาจริยสนฺติเก อุคฺคเหตฺวาปิ ปฏิลทฺธา สพฺพา ปรโต สุตฺวาว ปฏิลทฺธา นามาติ เวทิตพฺพา. สมาปนฺนสฺสาติ สมาปตฺติสมงฺคิสฺส, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ. วิปสฺสนามคฺคปฺา อิธ ‘‘ภาวนามยา ปฺา’’ติ อธิปฺเปตา.
สาติ ‘‘ปริตฺตารมฺมณา มหคฺคตารมฺมณา’’ติ (วิภ. ๗๕๓) วุตฺตปฺา. โลกิยวิปสฺสนาติ โลกิยวิปสฺสนาปฺา. สา โลกุตฺตรวิปสฺสนาติ ยา นิพฺพานํ อารพฺภ ปวตฺตา อปฺปมาณารมฺมณา ปฺา วุตฺตา, สา โลกุตฺตรวิปสฺสนาติ มคฺคปฺํ สนฺธายาห. สา หิ สงฺขารานํ อนิจฺจตาทึ อคณฺหนฺตีปิ วิปสฺสนากิจฺจปาริปูริยา, นิพฺพานสฺส วา ตถลกฺขณํ วิเสสโต ปสฺสตีติ วิปสฺสนาติ วุจฺจติ. โคตฺรภุาณํ ปน กิฺจาปิ อปฺปมาณารมฺมณํ, มคฺคสฺส ปน อาวชฺชนฏฺานิยตฺตา น วิปสฺสนาโวหารํ ลภติ.
อยนฺติ เอตาย สมฺปตฺติโยติ อาโย, วุทฺธิ. ตตฺถ โกสลฺลนฺติ ตสฺมึ อนตฺถหานิอตฺถุปฺปตฺติลกฺขเณ อาเย โกสลฺลํ กุสลตา นิปุณตา.
ตํ ¶ ปน เอกนฺติกํ อายโกสลฺลํ ปาฬิวเสเนว ทสฺเสตุํ ‘‘อิเม ธมฺเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิทํ วุจฺจตีติ ยา อิเมสํ อกุสลธมฺมานํ อนุปฺปตฺติปหาเนสุ, กุสลธมฺมานฺจ อุปฺปตฺติฏฺิตีสุ ปฺา, อิทํ อายโกสลฺลํ นามาติ วุจฺจติ.
วุทฺธิลกฺขณา อายโต อเปตตฺตา อปาโย, อวุทฺธิ. ตตฺถ โกสลฺลนฺติ ตสฺมึ อตฺถหานิอนตฺถุปฺปตฺติลกฺขเณ อปาเย โกสลฺลํ กุสลตา อปายโกสลฺลํ. ตมฺปิ ปาฬิวเสเนว ทสฺเสตุํ ‘‘อิเม ธมฺเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิทํ วุจฺจตีติ ยา อิเมสํ กุสลธมฺมานํ อนุปฺปชฺชนนิรุชฺฌเนสุ, อกุสลธมฺมานํ วา อุปฺปตฺติฏฺิตีสุ ปฺา, อิทํ อปายโกสลฺลํ นามาติ วุจฺจติ. อายโกสลฺลํ ตาว ปฺา โหตุ, อปายโกสลฺลํ กถํ ปฺา นาม ชาตาติ? เอวํ มฺติ ‘‘อปายุปฺปาทนสมตฺถตา อปายโกสลฺลํ นาม สิยา’’ติ, ตํ ปน ตสฺส มติมตฺตํ. กสฺมา? ปฺวา เอว หิ ‘‘มยฺหํ เอวํ มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมา นุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา ¶ นิรุชฺฌนฺติ. อนุปฺปนฺนา อกุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา ปวฑฺฒนฺตี’’ติ ปชานาติ, โส เอวํ ตฺวา อนุปฺปนฺเน อกุสเล น อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺเน ปชหติ. อนุปฺปนฺเน กุสเล อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺเน ภาวนาปาริปูรึ ปาเปติ. เอวํ อปายโกสลฺลมฺปิ ปฺา เอวาติ.
สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ. เตสํ เตสํ ธมฺมานนฺติ สตฺตานํ ตํตํหิตสุขธมฺมานํ. ตงฺขณปฺปวตฺตนฺติ อจฺจายิเก กิจฺเจ วา ภเย วา อุปฺปนฺเน ตสฺส ติกิจฺฉนตฺถํ ตสฺมึเยว ขเณ ปวตฺตํ. าเนน อุปฺปตฺติ เอตสฺส อตฺถีติ านุปฺปตฺติกํ, านโส เอว อุปฺปชฺชนกํ. ตตฺรุปายาติ ตตฺร ตตฺร กรณีเย อุปายภูตา.
คเหตฺวาติ ‘‘อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูป’’นฺติอาทินา ปริคฺคณฺหนวเสน คเหตฺวา. อุภยํ คเหตฺวาติ ‘‘อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา’’ติ อุภยํ อนุปุพฺพโต ปริคฺคเหตฺวา. อถ วา ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ เอกปฺปหาเรเนว สพฺเพปิ ปฺจกฺขนฺเธ อวิภาเคน ปริคฺคเหตฺวา. อยํ ปน ติกฺขวิปสฺสกสฺส มหาปฺุสฺส ภิกฺขุโน วิปสฺสนาภินิเวโส.
๔๒๘. ทุกฺขสจฺจํ อารพฺภาติ ทุกฺขสจฺจํ อารมฺมณํ กตฺวา, ตปฺปฏิจฺฉาทกสมฺโมหวิธํสนวเสน จ ปวตฺตํ าณํ ทุกฺเข าณํ. ทุกฺขสมุทยํอารพฺภาติ ¶ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตถา เสสปททฺวเยปิ. ปจฺจเวกฺขณาณํ หิ จตุสจฺจํ อารพฺภ ปวตฺตาณํ นาม, ตติยํ ปน มคฺคาณํ, อิตรสจฺจานิ วิปสฺสนาาณนฺติ ปากฏเมว.
‘‘อตฺถาทีสุ ปเภทคตานิ าณานี’’ติ สงฺเขเปน วุตฺตมตฺถํ ปาฬิวเสเนว วิวริตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อตฺเถ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทาติ ยํ อตฺถปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ อตฺเถ ปเภทคตํ าณํ, อยํ อตฺถปฏิสมฺภิทา นาม. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ธมฺมปฺปเภทสฺส หิ สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. นิรุตฺติปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. ปฏิภานปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ปฏิภาเน ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา. นิรุตฺติปฏิภานปฺปเภทา ตพฺพิสยานํ อตฺถาทีนํ ปจฺจยุปฺปนฺนตาทิเภเทหิ ภินฺทิตฺวา เวทิตพฺพา.
นิพฺพานมฺปิ ¶ สมฺปาปกเหตุอนุสาเรน อรียติ, อธิคมฺมตีติ อตฺโถ. ‘‘ยํ กิฺจิ ปจฺจยสมฺภูต’’นฺติ เอเตน สจฺจเหตุธมฺมปจฺจยาการวาเรสุ อาคตานิ ทุกฺขาทีนิ คหิตานิ. สจฺจปจฺจยาการวาเรสุ นิพฺพานํ, ปริยตฺติวาเร ภาสิตตฺโถ, อภิธมฺมภาชนีเย วิปาโก, กิริยา จาติ เอวํ ปาฬิยํ วุตฺตานํ เอว วเสน ปฺจ อตฺถา เวทิตพฺพา. ทหตีติ วิทหติ, นิพฺพตฺตกเหตุอาทีนํ สาธารณเมตํ นิพฺพจนํ. ตทตฺถํ ปน วิภาเวตุํ ‘‘ปวตฺเตติ วา สมฺปาปุณิตุํ วา เทตี’’ติ วุตฺตํ. เตสุ ปุริโม อตฺโถ มคฺควชฺเชสุ ทฏฺพฺโพ. ภาสิตมฺปิ หิ อวโพธนวเสน อตฺถํ ปวตฺเตติ, มคฺโค ปน นิพฺพานํ ปาเปตีติ ตสฺมึ ปจฺฉิโม อตฺโถ. นิพฺพานํ หิ ปตฺตพฺโพ อตฺโถ, ภาสิตตฺโถ าเปตพฺโพ อตฺโถ, อิตโร นิพฺพตฺเตตพฺโพ อตฺโถติ เอวํ ติวิโธ โหติ.
‘‘โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตโก เหตู’’ติ เอเตน สจฺจเหตุธมฺมปจฺจยาการวาเรสุ อาคตานิ สมุทยาทีนิ คหิตานิ, สจฺจปจฺจยาการวาเรสุ มคฺโค, ปริยตฺติวาเร ภาสิตํ, อภิธมฺมภาชนีเย กุสลากุสลนฺติ เอวํ ปาฬิยํ วุตฺตานํ เอว วเสน ปฺจ ธมฺมา เวทิตพฺพา. ตตฺถ ¶ มคฺโค สมฺปาปโก, ภาสิตํ าปโก, อิตรํ นิพฺพตฺตโกติ เอวํ ติวิโธ เหตุ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ กิริยานํ อวิปากตาย ธมฺมภาโว น วุตฺโต. ยทิ เอวํ วิปากา น โหนฺตีติ อตฺถภาโวปิ น วตฺตพฺโพ? น, ปจฺจยุปฺปนฺนภาวโต. เอวํ สติ กุสลากุสลานมฺปิ อตฺถภาโว อาปชฺชตีติ เจ? นายํ โทโส อปฺปฏิสิทฺธตฺตา. วิปากสฺส ปน ปธานเหตุตาย ปากฏภาวโต ธมฺมภาโว เอว เตสํ วุตฺโต. กิริยานํ ปจฺจยภาวโต ธมฺมภาโว อาปชฺชตีติ เจ? นายํ โทโส อปฺปฏิสิทฺธตฺตา. กมฺมผลสมฺพนฺธสฺส ปน เหตุภาวสฺสาภาวโต ธมฺมภาโว น วุตฺโต. อปิจ ‘‘อยํ อิมสฺส ปจฺจโย, อยํ ปจฺจยุปฺปนฺโน’’ติ เอตํ เภทมกตฺวา เกวลํ กุสลากุสเล, วิปากกิริยาธมฺเม จ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ธมฺมตฺถปฏิสมฺภิทา โหนฺตีติ เตสํ อตฺถธมฺมตา น วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.
อยเมว หิ อตฺโถติ ยฺวายํ อตฺถธมฺมานํ ปฺจธา วิภชนวเสน อตฺโถ วุตฺโต, อยเมว อภิธมฺเม วิภชิตฺวา ทสฺสิโตติ สมฺพนฺโธ.
‘‘ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป’’ติ เอตฺถ ธมฺม-สทฺโท สภาววาจโกติ กตฺวา อาห ‘‘สภาวนิรุตฺตี’’ติ, อวิปรีตนิรุตฺตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อพฺยภิจารี โวหาโร’’ติ, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส โพธเน ปฏินิยตสมฺพนฺโธ สทฺทโวหาโรติ อตฺโถ. ตทภิลาเปติ ตสฺส สภาวนิรุตฺติสฺิตสฺส ¶ อพฺยภิจาริโวหารสฺส อภิลาปเน. สา ปนายํ สภาวนิรุตฺติ มาคธภาสา. อตฺถโต นามปฺตฺตีติ อาจริยา. อปเร ปน ยทิ สภาวนิรุตฺติ ปฺตฺติสภาวา, เอวํ สติ ปฺตฺติ อภิลปิตพฺพา, น วจนนฺติ อาปชฺชติ. น จ วจนโต อฺํ อภิลปิตพฺพํ อุจฺจาเรตพฺพํ อตฺถิ. อถ ผสฺสาทิวจเนหิ โพเธตพฺพํ อภิลปิตพฺพํ, เอวฺจ สติ อตฺถธมฺมานมฺปิ โพเธตพฺพตฺตา เตสมฺปิ นิรุตฺติภาโว อาปชฺชติ. ผสฺโสติ จ สภาวนิรุตฺติ, ผสฺสํ ผสฺสาติ น สภาวนิรุตฺตีติ ทสฺสิโตวายมตฺโถ. น จ อวจนํ เอวํปการํ อตฺถิ. ตสฺมา วจนภูตาย เอว ตสฺสา สภาวนิรุตฺติยา อภิลาเป อุจฺจารเณติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ตํ สภาวนิรุตฺติสทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ สภาวนิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา, ‘‘เอวมยํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา สทฺทารมฺมณา ¶ นาม ชาตา, น ปฺตฺติอารมฺมณา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๗๑๘) จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา นิรุตฺติสทฺทารมฺมณาย โสตวิฺาณวีถิยา ปรโต มโนทฺวาเร นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปวตฺตตีติ วทนฺติ. ‘‘นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา’’ติ (วิภ. ๗๔๙) จ วจนสทฺทํ คเหตฺวา ปจฺฉา ชานนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ. เอวํ ปน อฺสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมเณ อฺํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ วุตฺตนฺติ อาปชฺชติ. ยถา ปน ทิพฺพโสตาณํ มนุสฺสาทิสทฺทเภทนิจฺฉยสฺส ปจฺจยภูตํ ตํตํสทฺทวิภาวกํ, เอวํ สภาวาสภาวนิรุตฺตินิจฺฉยสฺส ปจฺจยภูตํ ปจฺจุปฺปนฺนสภาวนิรุตฺติสทฺทารมฺมณํ ตํวิภาวกํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาติ วุจฺจมาเน น โกจิ ปาฬิวิโรโธ. ‘‘ตํ สภาวนิรุตฺติสทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสา’’ติ จ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนสทฺทารมฺมณํ ปจฺจเวกฺขณํ ปวตฺเตนฺตสฺสา’’ติ น นสกฺกา วตฺตุํ. ตฺหิ าณํ สภาวนิรุตฺตึ วิภาเวนฺตเมว ตํตํสทฺทปจฺจเวกฺขณานนฺตรํ ตํตํปเภทนิจฺฉยเหตุภาวโต นิรุตฺตึ ภินฺทนฺตํ ปฏิวิชฺฌนฺตเมว อุปฺปชฺชตีติ ปเภทคตมฺปิ โหตีติ.
สพฺพตฺถ าณนฺติ สพฺพสฺมึ วิสเย าณํ, สพฺพมฺปิ าณนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘าณารมฺมณํ าณ’’นฺติ. สพฺพตฺถาติ วา สพฺเพสุ อตฺถาทีสุ, ตีสุ, จตูสุปิ วา ปวตฺตตฺตา, กุสลกิริยาภูตาย ปฏิภานปฏิสมฺภิทาย ธมฺมตฺถภาวโต ตีสุ เอว วา ปวตฺตตฺตา ‘‘สพฺพตฺถ าณ’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ยถาวุตฺเตสุ วา’’ติอาทิ. ตตฺถ สโคจรกิจฺจาทิวเสนาติ สโคจรสฺส, กิจฺจาทิกสฺส จ วเสน ‘‘อิทํ าณํ อิทํ นาม อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตํ อิมินา นาม ¶ กิจฺเจนา’’ติ ชานนํ. อาทิ-สทฺเทน ลกฺขณปจฺจุปฏฺานปทฏฺานภูมิอาทีนํ สงฺคโห. เตเนวาห ‘‘อิมานิ าณานิ อิทมตฺถโชตกานี’’ติอาทิ.
๔๒๙. ปเภทํ คจฺฉนฺตีติ อเนกเภทภินฺเนสุ อารมฺมเณสุ เตสํ ยาถาวโต ตํตํปเภทาวโพธนสมตฺถตํ อุปคจฺฉนฺติ.
มหาสาวกานฺจ อเสกฺขภูมิยํ ปเภทํ คตาติ สามฺวิธินา ทสฺสิตมตฺถํ อปวาเทน นิวตฺเตตุํ อานนฺทตฺเถร-คฺคหณํ กตํ.
เอตา ปฏิสมฺภิทา. เสกฺขภูมิยํ ปเภทคมนํ อปฺปวิสยํ, อเสกฺขภูมิยํ พหุวิสยนฺติ อาห ‘‘อธิคโม นาม อรหตฺตปฺปตฺตี’’ติ, สาติสยํ วา อธิคมํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ. เสกฺเขน ปตฺตานมฺปิ หิ อิมาสํ อรหตฺตปฺปตฺติยา วิสทภาวาธิคโมติ ¶ . ปุพฺพโยโค วิย ปน อรหตฺตปฺปตฺติ อรหโตปิ ปฏิสมฺภิทาวิสทตาย ปจฺจโย น น โหตีติ ปฺจนฺนมฺปิ ยถาโยคํ เสกฺขาเสกฺขปฏิสมฺภิทาวิสทตาย การณตา โยเชตพฺพา. อตฺถธมฺมาทีนํ อนวเสสสงฺคณฺหนโต พุทฺธวจนวิสยา เอว ปริยตฺติอาทโย ทสฺสิตา. ปาฬิยา สชฺฌาโย ปริยาปุณนํ, ตทตฺถสวนํ สวนํ, ปริโต สพฺพโส าตุํ อิจฺฉา ปริปุจฺฉาติ อาห ‘‘ปาฬิอฏฺกถาทีสุ คณฺิปทอตฺถปทวินิจฺฉยกถา’’ติ, ปทตฺถโต, อธิปฺปายโต จ ทุวิฺเยฺยฏฺานํ วิตฺถารโต สนฺนิฏฺานกถาติ อตฺโถ. ยสฺส หิ ปทสฺส อตฺโถ ทุวิฺเยฺโย, ตํ คณฺิปทํ, ยสฺส อธิปฺปาโย ทุวิฺเยฺโย, ตํ อตฺถปทํ. อาทิ-สทฺเทน ขนฺธาทิปฏิสํยุตฺเต กถามคฺเค สงฺคณฺหาติ. ภาวนานุโยคสหิตํ คตํ, ปจฺจาคตฺจ เอตสฺส อตฺถีติ คตปจฺจาคติโก, ตสฺส ภาโว, เตน คตปจฺจาคติกภาเวน. วสนฏฺานโต ยาว โคจรคาโม, ตโต จ ยาว วสนฏฺานํ กมฺมฏฺานานุยุตฺโตติ อตฺโถ. ยาว อนุโลมโคตฺรภุสมีปนฺติ สงฺขารุเปกฺขาาณมาห. ตฺหิ เตสํ สมีปปฺปวตฺตํ.
สตฺเถสูติ อนวชฺเชสุ สตฺตานํ หิตสุขาวเหสุ คนฺเถสุ. ตถา สิปฺปายตเนสูติ เอตฺถาปิ. ปุพฺพกาเล เอกสตราชูนํ เทสภาสา เอกสตโวหารา. ธมฺมปเท (ธ. ป. ๑ อาทโย) ยมกวคฺโค โอปมฺมวคฺโคติ วทนฺติ, มูลปณฺณาเส (ม. นิ. ๑.๓๒๕ อาทโย; ๔๓๙ อาทโย) ยมกวคฺโค โอปมฺมวคฺโค เอวาติ อปเร. สุตปฏิภานพหุลานนฺติ พหุสฺสุตานํ ปฏิภานวนฺตานํ.
สพฺพานีติ ¶ ปุพฺเพ วุตฺตานิ ปฺจ, ปจฺฉา วุตฺตานิ อฏฺปิ วา. เสกฺขผลวิโมกฺขปริโยสาเน ภวา เสกฺขผลวิโมกฺขนฺติกา. านาานาณพลาทีนิ สพฺพพุทฺธคุเณสุ สกิจฺจโต ปากฏตรานีติ วุตฺตํ ‘‘ทส พลานิ วิยา’’ติ, อฺเ วา สพฺพฺุตฺาณาทโยปิ สพฺเพ ภควโต คุณวิเสสา อเสกฺขผลวิโมกฺขนฺติกา เอว.
ปฺาภูมิ-มูล-สรีรววตฺถานวณฺณนา
๔๓๐. อิมาย ปฺายาติ วิปสฺสนาปฺาย. ภูมิ สลฺลกฺขณาทิคฺคหณวเสน ปวตฺติฏฺานภาวโต. อาทิ-สทฺเทน อาหาราทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. กสฺมา ปเนเต เอวํ พหุธมฺมา ภูมิภาเวน คยฺหนฺติ, นนุ ขนฺธาทีสุ เอเกนาปิ ¶ อตฺถสิทฺธิ โหตีติ? น, ติวิธสตฺตานุคฺคหตฺถํ ขนฺธาทิตฺตยคฺคหณํ กตฺตพฺพํ, อฺถา สพฺพสาธารโณ อนุคฺคโห น กโต สิยา. ติวิธา หิ สตฺตา รูปสมฺมูฬฺหา อรูปสมฺมูฬฺหา อุภยสมฺมูฬฺหาติ. เตสุ เย อรูปสมฺมูฬฺหา, ตทตฺถํ ขนฺธานํ คหณํ อรูปธมฺมานํ จตุธา วิภตฺตตฺตา. เย รูปสมฺมูฬฺหา, ตทตฺถํ อายตนานํ รูปธมฺมานํ อทฺเธกาทสธา วิภตฺตตฺตา. เย ปน อุภยสมฺมูฬฺหา, ตทตฺถํ ธาตูนํ อุภเยสมฺปิ วิภตฺตตฺตา. ตถา อินฺทฺริยเภเทน ติกฺขินฺทฺริยา มชฺฌิมินฺทฺริยา มุทินฺทฺริยา, สํขิตฺตรุจี มชฺฌิมรุจี วิตฺถารรุจีติ จ ติวิธา สตฺตา, เตสมฺปิ อตฺถาย ยถากฺกมํ ขนฺธาทิคฺคหณํ กตนฺติ โยเชตพฺพํ. อินฺทฺริยคฺคหณํ ปน กามํ เอเต ธมฺมา อิสฺสรา วิย สหชาตธมฺเมสุ อิสฺสริยํ อาธิปจฺจํ ปวตฺเตนฺติ, ตํ ปน เนสํ ธมฺมสภาวสิทฺธํ, น เอตฺถ กสฺสจิ วสีภาโว ‘‘สฺุา เอเต อวสวตฺติโน’’ติ อนตฺตลกฺขณสฺส สุขคฺคหณตฺถํ. ตํ ปเนตํ จตุพฺพิธมฺปิ ปวตฺตินิวตฺติตทุภยเหตุวเสน ทิฏฺเมว อุปการาวหํ, น อฺถาติ สจฺจาทิทฺวยํ คหิตํ. อาทิ-สทฺเทน คหิตธมฺเมสุปิ อยํ นโย เนตพฺโพ. มูลํ ปติฏฺาภาวโต. สติ หิ สีลวิสุทฺธิยํ, จิตฺตวิสุทฺธิยฺจ อยํ ปฺา มูลชาตา โหติ, นาสตีติ. สรีรํ ปริพฺรูเหตพฺพโต. อิมิสฺสา หิ ปฺาย สนฺตานวเสน ปวตฺตมานาย ปาทปาณิสีสฏฺานิยา ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทิกา อิมา ปฺจ วิสุทฺธิโย อวยเวน สมุทายูปลกฺขณนเยน ‘‘สรีร’’นฺติ เวทิตพฺพา.
๔๓๑. ปฺจ ขนฺธาติ เอตฺถ ปฺจาติ คณนปริจฺเฉโท, เตน น ตโต เหฏฺา, น อุทฺธนฺติ ทสฺเสติ. ขนฺธาติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํ. ยสฺมา เจตฺถ ขนฺธ-สทฺโท ราสฏฺโ ‘‘มหาอุทกกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๕๑; ๖.๓๗) วิย, ตสฺมา อตีตาทิวิภาคภินฺนํ ¶ สพฺพํ รูปํ ราสิวเสน พุทฺธิยา เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘รูปเมว ขนฺโธ รูปกฺขนฺโธ’’ติ สมานาธิกรณสมาโส ทฏฺพฺโพ. ‘‘ตีหิ ขนฺเธหิ อิณํ ทสฺสามา’’ติอาทีสุ วิย โกฏฺาสฏฺเ ปน ขนฺธ-สทฺเท นิพฺพานสฺสาปิ ขนฺธนฺตรภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ อตีตาทิวิภาคาภาวโต. น หิ เอกสฺส นิจฺจสฺส สโต นิพฺพานสฺส อตีตาทิวิภาโค อตฺถีติ. ปเมนตฺเถน รูปราสีติ อตฺโถ, ทุติเยน รูปโกฏฺาโสติ. เวทนากฺขนฺโธติอาทีสุปิ เอเสว นโย. กสฺมา ปเนเต ขนฺธา ปฺเจว วุตฺตา อิมินา เอว จ กเมนาติ? ภาชนโภชนพฺยฺชนภตฺตการกภฺุชกวิกปฺปทสฺสนโต ¶ , ยโถฬาริกยถาสํกิเลสูปเทสโต จาติ เวทิตพฺพํ. วิวาทมูลเหตุภาวํ สํสารเหตุตํ, กมฺมเหตุตฺจ จินฺเตตฺวา เวทนาสฺา สงฺขารกฺขนฺธโต นีหริตฺวา วิสุํ ขนฺธภาเวน เทสิตา.
รูปกฺขนฺธกถาวณฺณนา
๔๓๒. ตตฺถาติ เตสุ ปฺจสุ ขนฺเธสุ. ยํ กิฺจีติ อนวเสสปริยาทานํ. รุปฺปนลกฺขณนฺติ อติปฺปสงฺคนิยมนํ. ยํ-สทฺเทน หิ สนิปาเตน กึ-สทฺเทน จ คหิเตน อนิยมตฺถตาย อติปฺปสงฺเค อาปนฺเน ตํ รุปฺปนสทฺโท นิวตฺเตติ, เตน รูปสฺส อนวเสสปริคฺคโห กโต โหติ. สีตาทีหีติ สีตุณฺหชิฆจฺฉาปิปาสาทีหิ. เหตุอตฺเถ เจตํ กรณวจนํ. รุปฺปนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ รุปฺปนลกฺขณํ. ธมฺโม เอว ธมฺมชาตํ. รุปฺปนฺเจตฺถ สีตาทิวิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ. นนุ จ อรูปธมฺมานมฺปิ วิโรธิปจฺจยสมาคเม วิสทิสุปฺปตฺติ ลพฺภตีติ? สจฺจํ ลพฺภติ, น ปน วิภูตตรํ. วิภูตตรํ เหตฺถ รุปฺปนํ อธิปฺเปตํ สีตาทิคฺคหณโต. ยทิ เอวํ, กถํ พฺรหฺมโลเก รูปสมฺา? ตตฺถาปิ ตํสภาวานติวตฺตนโต โหติเยว รูปสมฺา, อนุคฺคาหกปจฺจยวเสน วา. วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต โย อตฺตโน สนฺตาเน ภินฺเน ภิชฺชมานสฺเสว วิสทิสุปฺปตฺติเหตุภาโว, ตํ รุปฺปนนฺติ อฺเ. อิมสฺมึ ปกฺเข รูปยติ วิการํ อาปาเทตีติ รูปํ, ปุริมปกฺเข ปน รุปฺปตีติ. สงฺฆฏฺฏเนน วิการาปตฺติยํ รุปฺปนสทฺโท นิรุฬฺโหติ เกจิ. อิมสฺมึ ปกฺเข อรูปธมฺเมสุ รูปสมฺาย ปสงฺโค เอว นตฺถิ สงฺฆฏฺฏนาภาวโต. ปฏิฆาโต รุปฺปนนฺติ อปเร. สพฺพํ ตํ เอกโต กตฺวาติ ราสฏฺํ หทเย เปตฺวา วทติ.
ภูโตปาทายเภทโตติ ¶ เอตฺถ ตทธีนวุตฺติตาย ภวติ เอตฺถ อุปาทายรูปนฺติ ภูตํ. ภูตานิ อุปาทิยเตว, น ปน สยํ เตหิ, อฺเหิ วา อุปาทียตีติ อุปาทายํ.
กามํ จตุธาตุววตฺถาเน วจนตฺถาทิโตปิ ภูตานิ วิภาวิตาเนว, สภาวธมฺมานํ ปน ลกฺขณาทิวิภาวนาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานานิ จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานี’’ติ. ตตฺถ ปทฏฺานสฺส อวุตฺตตฺตา อาห ‘‘ปทฏฺานโต ปนา’’ติอาทิ. อวจนฺจ ตสฺส ตสฺสตฺถสฺส ปจฺจยโตติ เอตฺถ ปการนฺตเรน วิภาวิตตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. สพฺพาปีติ จตสฺโสปิ ธาตุโย. อาโปสงฺคหิตาย เตโชนุปาลิตาย วาโยวิตฺถมฺภิตาย ¶ เอว ปถวีธาตุยา ปวตฺติ, น อฺถาติ สา เสสภูตตฺตยปทฏฺานา, เอวมิตราปีติ อาห ‘‘อวเสสธาตุตฺตยปทฏฺานา’’ติ.
จตุวีสติวิธนฺติ คณนปริจฺเฉโท พลรูปาทีนํ ปฏิเสธนตฺโถ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. จกฺขตีติ จกฺขุ, วิฺาณาธิฏฺิตํ รูปํ อสฺสาเทนฺตํ วิย โหตีติ อตฺโถ. จกฺขตีติ หิ อยํ จกฺขติ-สทฺโท ‘‘มธุํ จกฺขติ, พฺยฺชนํ จกฺขตี’’ติอาทีสุ วิย อสฺสาทนตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘จกฺขุํ โข, มาคณฺฑิย, รูปารามํ รูปรตํ รูปสมุทิต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๐๙). อฏฺกถายมฺปิ วุจฺจติ ‘‘รูเปสุ อาวิฺฉนรส’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๓๓; ธ. ส. อฏฺ. ๖๐๐). สติปิ โสตาทีนํ สทฺทารมฺมณาทิภาเว นิรุฬฺหตฺตา ทสฺสเน เอว จกฺขุ-สทฺโท ปวตฺตติ ปทุมาทีสุ ปงฺกชาทิสทฺทา วิยาติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา จกฺขตีติ วิฺาณาธิฏฺิตํ สมวิสมํ อาจิกฺขนฺตํ วิย อภิพฺยตฺตํ วทนฺตํ วิย โหตีติ อตฺโถ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘วิภาเวติ จา’’ติ (มหานิ. อฏฺ. ๑๓; วิภ. อฏฺ. ๑๕๔) วุตฺตํ. ตํ อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ วิภาวนตฺถตาปิ จกฺขติ-สทฺทสฺส สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ. สุณาติ เอเตน, วิฺาณาธิฏฺิตํ สยํ วา สุณาตีติ โสตํ. ฆายติ เอเตน, สยํ วา ฆายตีติ ฆานํ. รสคฺคหณมูลกตฺตา อชฺโฌหรณสฺส ชีวิตนิมิตฺตํ อาหารรโส ชีวิตํ, ตสฺมึ นินฺนตาย ตํ อวฺหายตีติ ชิวฺหา นิรุตฺตินเยน. กุจฺฉิตานํ สาสวธมฺมานํ อาโย อุปฺปตฺติฏฺานนฺติ กาโย อนุตฺตริยเหตุภาวํ อนาคจฺฉนฺเตสุ กามราคนิทานกมฺมชนิเตสุ, กามราคสฺส จ วิเสสปจฺจเยสุ ฆานชิวฺหากาเยสุ กายสฺส วิเสสโต สาสวปจฺจยตฺตา. เตน หิ โผฏฺพฺพสุขํ อสฺสาเทนฺตา สตฺตา เมถุนมฺปิ เสวนฺติ. กายินฺทฺริยวตฺถุกา วา จตฺตาโร ขนฺธา พลวกามาสวาทิเหตุภาวโต วิเสเสน สาสวาติ กุจฺฉิตานํ สาสวธมฺมานํ อาโยติ กาโย วุตฺโต. วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ รูปยตีติ รูปํ, รูปมิว ปกาสํ กโรติ สวิคฺคหมิว ¶ ทสฺเสตีติ อตฺโถ. อเนกตฺถตฺตา วา ธาตูนํ ปกาสนตฺโถ เอว รูปสทฺโท ทฏฺพฺโพ. สปฺปตีติ สทฺโท, อุทาหรียติ, สเกหิ วา ปจฺจเยหิ สปฺปียติ โสตวิฺเยฺยภาวํ อุปนียตีติ อตฺโถ. คนฺธยตีติ คนฺโธ, อตฺตโน วตฺถุํ สูจยติ อปากฏํ ‘‘อิทํ สุคนฺธํ, ทุคฺคนฺธ’’นฺติ ปกาเสติ ¶ , ปฏิจฺฉนฺนํ วา ปุปฺผผลาทึ ‘‘อิทเมตฺถ อตฺถี’’ติ เปสฺุํ กโรนฺตํ วิย โหตีติ อตฺโถ. รสนฺติ ตํ สตฺตาติ รโส, อสาเทนฺตีติ อตฺโถ.
อิตฺถิยาว อินฺทฺริยํ อิตฺถินฺทฺริยํ, ตถา ปุริสินฺทฺริยํ. ชีวนฺติ เตน สหชาตธมฺมาติ ชีวิตํ, ตเทว อินฺทฺริยํ ชีวิตินฺทฺริยํ. หทยฺจ ตํ วตฺถุ จ, หทยสฺส วา มโนวิฺาณสฺส วตฺถุ หทยวตฺถุ. โจปนกายภาวโต กาโย จ โส อธิปฺปายวิฺาปนโต วิฺตฺติ จาติ กายวิฺตฺติ. โจปนวาจาภาวโต, อธิปฺปายวิฺาปนโต จ วจี จ สา วิฺตฺติ จาติ วจีวิฺตฺติ. วิคฺคหาภาวโต น กสฺสติ, กสิตุํ ฉินฺทิตุํ น สกฺกา, น วา กาสติ ทิพฺพตีติ อกาสํ, อกาสเมว อากาสํ, ตเทว นิสฺสตฺตนิชฺชีวฏฺเน อากาสธาตุ. รูปสฺสาติ นิปฺผนฺนรูปสฺส. ลหุภาโว ลหุตา. สยํ อนิปฺผนฺนตาย ‘‘รูปสฺสา’’ติ วิเสสิตํ. เอส นโย เสเสสุปิ. อยํ ปน วิเสโส – กมฺมนิ สาธุ กมฺมฺํ, ตสฺส ภาโว กมฺมฺตา. ปมํ, อุปริ จ จโย ปวตฺติ อุปจโย. ปุพฺพาปรวเสน สมฺพนฺธา ตติ ปวตฺติ สนฺตติ. อนิจฺจสฺส วินาสิโน ภาโว อนิจฺจตา. กพลํ กรียตีติ กพฬีกาโร. อาหรตีติ อาหาโร. เอวํ ตาว อุปาทายรูปํ สทฺทตฺถโต เวทิตพฺพํ.
กมโต ปน สพฺเพสํ รูปธมฺมานํ นิสฺสยภาเวน มูลภูตตฺตา ปมํ ภูตรูปานิ อุทฺทิฏฺานิ. อิตเรสุ อชฺฌตฺติกภาเวน อตฺตภาวสมฺาย มูลภาวโต จกฺขาทีนิ ปฺจ อาทิโต อุทฺทิฏฺานิ. เตสํ วิสยีนํ อิเม วิสยาติ ทสฺเสตุํ รูปาทีนิ จตฺตาริ อุทฺทิฏฺานิ. โผฏฺพฺพํ ปน อนุปาทารูปตฺตา, ภูตคฺคหเณน คหิตตฺตา จ อิธ น คหิตํ. สฺวายํ อตฺตภาโว อิเมหิ ‘‘อิตฺถี’’ติ วา ‘‘ปุริโส’’ติ วา สงฺขํ คจฺฉตีติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยทฺวยํ อุทฺทิฏฺํ. ‘‘อิมินา ชีวตี’’ติ โวหารํ ลพฺภตีติ ทสฺสนตฺถํ ตโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ตสฺส อิมํ นิสฺสาย วิฺาณปฺปวตฺติยํ อตฺตหิตาทิสิทฺธีติ ทสฺสนตฺถํ หทยวตฺถุ. ตสฺส อิมาสํ วเสน สพฺเพ กายวจีปโยคาติ ทสฺสนตฺถํ วิฺตฺติทฺวยํ. อิมาย รูปกายสฺส ปริจฺเฉโท, อฺชโส จาติ ทสฺสนตฺถํ อากาสธาตุ. อิเมหิสฺส สุขปฺปวตฺติ, อุปฺปตฺติอาทโย ¶ จาติ ทสฺสนตฺถํ ลหุตาทโย. สพฺโพ จายํ จตุสนฺตติรูปสนฺตาโน อิมินา อุปตฺถมฺภียตีติ ทสฺสนตฺถํ อนฺเต กพฬีกาโร อาหาโร อุทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพ.
๔๓๓. อิทานิ ¶ ยถาอุทฺทิฏฺานิ อุปาทารูปานิ ลกฺขณาทิโต นิทฺทิสิตุํ ‘‘ตตฺถ รูปาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขณ’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ อุปาทารูเปสุ. รูเป, รูปสฺส วา อภิฆาโต รูปาภิฆาโต, ตํ อรหตีติ รูปาภิฆาตารโห, รูปาภิฆาโต โหตุ วา มา วา เอวํสภาโว จตุนฺนํ ภูตานํ ปสาโท รูปาภิฆาตารหภูตปฺปสาโท, เอวํลกฺขณํ จกฺขูติ อตฺโถ. ยสฺมา ปจฺจยนฺตรสหิโต เอว จกฺขุปสาโท รูปาภิหนนวเสน ปวตฺตติ, น เกวโล. ตสฺมา ตํสภาวตาว ปมาณํ, น รูปาภิฆาโตติ ทสฺสนตฺถํ รูปาภิฆาตารหตา วุตฺตา ยถา วิปาการหํ กุสลากุสลนฺติ. อภิฆาโต จ วิสยวิสยีนํ อฺมฺํ อภิมุขีภาโว โยคฺยเทสาวฏฺานํ อภิฆาโต วิยาติ กตฺวา. โส รูเป จกฺขุสฺส, รูปสฺส วา จกฺขุมฺหิ โหติ. เตนาห ‘‘ยํ จกฺขุ อนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ รูปมฺหิ สนิทสฺสนมฺหิ สปฺปฏิฆมฺหิ ปฏิหฺิ วา’’ติ, ‘‘ยมฺหิ จกฺขุมฺหิ อนิทสฺสนมฺหิ สปฺปฏิฆมฺหิ รูปํ สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ ปฏิหฺิ วา ปฏิหฺติ วา’’ติ (ธ. ส. ๕๙๗) จ อาทิ. ปริปุณฺณาปริปุณฺณายตนตฺตภาวนิพฺพตฺตกสฺส กมฺมสฺส นิทานภูตา กามตณฺหา, รูปตณฺหา จ ตทายตนิกภวปตฺถนาภาวโต ทฏฺุกามตาทิโวหารํ อรหตีติ ทุติยนโย สพฺพตฺถ วุตฺโต. ตตฺถ ทฏฺุกามตานิทานกมฺมํ สมุฏฺานํ เอเตสนฺติ ทฏฺุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺานานิ. เอวํวิธานํ ภูตานํ ปสาโท ทฏฺุกามตา…เป… ปสาโท, เอวํลกฺขณํ จกฺขุ. ตสฺส ตสฺส หิ ภวสฺส มูลการณภูตา ตณฺหา ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว อุปฺปชฺชนารหายตนวิสยาปิ นาม โหตีติ กามตณฺหาทีนํ ทฏฺุกามตาทิโวหารารหตา วุตฺตา.
ทฏฺุกามตาติ หิ ทฏฺุมิจฺฉา, รูปตณฺหาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ทฏฺุกามตาย, เสสานฺจ ตํตํอตฺตภาวนิพฺพตฺตกกมฺมายูหนกฺขณโต สติ ปุริมนิพฺพตฺติยํ วตฺตพฺพํ นตฺถิ, อสติ ปน มคฺเคน อสมุคฺฆาติตภาโวเยว การณนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยโต มคฺเคน อสมุจฺฉินฺนํ การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชิตฺวา อตฺตโน ผลสฺส ปจฺจยภาวูปคมนโต วิชฺชมานเมวาติ อุปฺปนฺนตา อตฺถิตา ปริยาเยหิ วุจฺจติ ‘‘อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวนฺโต อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกโรนฺโต อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ¶ ปาปเก อกุสเล ธมฺเม อนฺตราเยว อนฺตรธาเปตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๕๖), ‘‘สนฺตํ ¶ วา อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺทํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺโท’ติ ปชานาตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๘๒; ม. นิ. ๑.๑๑๕) จ เอวมาทีสุ.
รูเปสุ ปุคฺคลสฺส, วิฺาณสฺส วา อาวิฺฉนรสํ. อาธารภาวปจฺจุปฏฺานํ นิสฺสยปจฺจยภาวโต. ทฏฺุกามตานิทานกมฺมชภูตปทฏฺานํ เยสํ ภูตานํ ปสาโท, เตวสฺส อาสนฺนการณนฺติ กตฺวา. เอตฺถ จ ตํตํอตฺตภาวนิปฺผาทกสาธารณกมฺมวเสน ปุริมํ จกฺขุลกฺขณํ วุตฺตํ การณวิเสสสฺส อนามฏฺตฺตา. ‘‘เอวรูปํ นาม เม จกฺขุ โหตู’’ติ เอวํ นิพฺพตฺติตอาเวณิกกมฺมวเสน ทุติยนฺติ วทนฺติ. สติปิ ปน ปฺจนฺนํ ปสาทภาวสามฺเ สวิสยาวภาสนสงฺขาตสฺส ปสาทพฺยาปารสฺส วเสน ปุริมํ วุตฺตํ. ปสาทการณสฺส สติปิ กมฺมภาวสามฺเ, เอกตฺเต วา อตฺตโน การณเภเทน เภททสฺสนวเสน ทุติยนฺติ ทฏฺพฺพํ. โสตาทีนํ ลกฺขณาทีสุ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอตฺถาห – จกฺขาทีนํ อินฺทฺริยานํ กึ เอกกมฺมุนา อุปฺปตฺติ, อุทาหุ นานากมฺมุนาติ? อุภยถาปีติ โปราณา. ตตฺถ นานากมฺมุนา ตาว อุปฺปตฺติยํ จกฺขาทีนํ วิเสเส วตฺตพฺพํ นตฺถิ การณสฺส ภินฺนตฺตา. เอกกมฺมุนา ปน อุปฺปตฺติยํ กถํ เนสํ วิเสโสติ? การณสฺส ภินฺนตฺตา เอว. ตํตํภวปตฺถนาภูตา หิ ตณฺหา ตํตํภวปริยาปนฺนายตนาภิลาสตาย สยํ วิจิตฺตรูปา อุปนิสฺสยภาเวน ตํตํภวนิพฺพตฺตกกมฺมสฺส วิจิตฺตเภทตํ วิทหติ. ยโต ตทาหิตวิเสสํ ตํ ตถารูปสมตฺถตาโยเคนาเนกรูปาปนฺนํ วิย อเนกํ วิสิฏฺสภาวํ ผลํ นิพฺพตฺเตติ. น เจตฺถ สมตฺถตา สมตฺถภาวโต อฺา เวทิตพฺพา การณวิเสเสน อาหิตวิเสสสฺส วิสิฏฺผลนิปฺผาทนโยคฺยตามตฺตโต. อยฺจ เอกสฺสปิ กมฺมสฺส อเนกินฺทฺริยเหตุตาวิเสสโยโค ยุตฺติโต, อาคมนโต จ ปรโต อาคมิสฺสติ. อปิจ เอกสฺเสว กุสลจิตฺตสฺส โสฬสาทิวิปากจิตฺตนิพฺพตฺติเหตุตา วุจฺจติ. โลเกปิ เอกสฺเสว สาลิพีชสฺส ปริปุณฺณาปริปุณฺณตณฺฑุลอาตณฺฑุลผลนิพฺพตฺติเหตุตา ทิสฺสเตว, กึ วา เอตาย ยุตฺติจินฺตาย. ยโต กมฺมผลํ จกฺขาทีนิ, กมฺมวิปาโก จ สพฺพโส พุทฺธานํเยว าณสฺส วิสโยติ.
๔๓๔. เกจีติ ¶ มหาสงฺฆิเกสุ เอกจฺเจ. เตสุ หิ วสุธมฺโม เอวํ วทติ ‘‘จกฺขุมฺหิ เตโช อธิกํ, โสเต วายุ, ฆาเน ปถวี, ชิวฺหาย อาโป, กาเย สพฺเพปิ สมา’’ติ. จกฺขาทีสุ เตชาทิอธิกตา นาม ตนฺนิสฺสยภูตานํ ตทธิกตายาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตชาธิกานํ ภูตานํ ¶ ปสาโท จกฺขู’’ติอาทิมาห. กาโย สพฺเพสนฺติ โก เอตฺถ วิเสโส, นนุ เตชาทิอธิกานฺจ ภูตานํ ปสาทา สพฺเพสํเยวาติ? สจฺจเมตํ, อิทํ ปน ‘‘สพฺเพส’’นฺติ วจนํ สมานานนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปติ อนุวตฺตมานสฺส เอกเทสาธิกภาวสฺส นิวารณวเสน วุตฺตตฺตา. เตชาทีนํ หิ ปจฺเจกํ อธิกภาเว วิย ทฺวินฺนํ, ติณฺณํ วา อธิกภาเวปิ ยถาวุตฺตาธิกภาเวเนว เอกกาทิวเสน ลพฺภมานาย โอมตฺตตายปิ กายปฺปสาโท น โหตีติ ปากโฏยมตฺโถ. ตสฺมา จตุนฺนมฺปิ ภูตานํ สมภาเวน กายปฺปสาโท โหตีติ สพฺพสทฺโท อิธ สมภาวทีปโก ทฏฺพฺโพ. เตชาทีนนฺติ ปทีปสงฺขาตสฺส เตชสฺส โอภาสรูเปน, วายุสฺส สทฺเทน, ปถวิยา คนฺเธน, เขฬสงฺขาตสฺส อุทกสฺส รเสนาติ ปุริมวาเท, ปจฺฉิมวาเท จ ยถาโยคํ ตํตํภูตคุเณหิ อนุคฺคยฺหภาวโต, รูปาทีนํ คหเณ อุปการิตพฺพโตติ อตฺโถ. อาโลกาทิสหการีการณสหิตานํเยว จกฺขาทีนํ รูปาทิอวภาสนสมตฺถตา, วิวรสฺส จ โสตวิฺาณูปนิสฺสยภาโว คุโณติ เตสํ ลทฺธิ. เตชาทีนํ วิย ปน วิวรสฺส ภูตภาวาภาวโต ยถาโยค-คฺคหณํ. อถ วา รูปาทโย วิย วิวรมฺปิ ภูตคุโณติ ปราธิปฺปาเย เตชสฺส อาโลกรูเปน, อากาสสงฺขาตสฺส วิวรสฺส สทฺเทน, วายุสฺส คนฺเธน, อุทกสฺส รเสน, ปถวิยา โผฏฺพฺเพนาติ เอวํ ยถาโยคํ ตํตํภูตคุเณหีติ โยชนา.
รูปาทีนํ อธิกภาวทสฺสนโตติ อคฺคิมฺหิ รูปสฺส ปภสฺสรสฺส, วายุมฺหิ สทฺทสฺส สภาเวน สุยฺยมานสฺส, ปถวิยา สุรภิอาทิโน คนฺธสฺส, อาเป จ รสสฺส มธุรสฺสาติ อิเมสํ วิเสสยุตฺตานํ ทสฺสนโต ‘‘รูปาทโย เตสํ คุณา’’ติ ปมวาที อาหาติ. ตสฺเสว ‘‘อิจฺเฉยฺยามา’’ติอาทินา อุตฺตรมาห. อิมินาว อุปาเยน ทุติยวาทิโนปิ นิคฺคโห โหตีติ. อถ วา รูปาทิวิเสสคุเณหิ เตชอากาสปถวีอาปวายูหิ จกฺขาทีนิ กตานีติ วทนฺตสฺส กณาทสฺส วาทํ อุทฺธริตฺวา ¶ ตํ นิคฺคเหตุํ ‘‘อถาปิ วเทยฺยุ’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อาสเว อุปลพฺภมาโนปิ คนฺโธ ปถวิยา อาโปสํยุตฺตาย กปฺปาสโต วิสทิสายาติ น กปฺปาสคนฺธสฺส อธิกภาวาปตฺตีติ เจ? น, อนภิภูตตฺตา. อาสเว หิ อุทกสํยุตฺตา ปถวี อุทเกน อภิภูตา, น กปฺปาสปถวีติ ตสฺส เอว คนฺเธน อธิเกน ภวิตพฺพํ. อุณฺโหทกสํยุตฺโต จ อคฺคิ อุปลพฺภนีโย มหนฺโตติ กตฺวา ตสฺส ผสฺโส วิย วณฺโณปิ ปภสฺสโร อุปลพฺเภยฺยาติ อุณฺโหทเก วณฺณโต อคฺคินา อนภิสมฺพนฺธสฺส สีโตทกสฺส วณฺโณ ปริหาเยถ. ตสฺมาติ เอตสฺส อุภยสฺส อภาวา. ตทภาเวน หิ รูปาทีนํ เตชาทิวิเสสคุณตา นิวตฺติตา. ตนฺนิวตฺตเนน ‘‘เตชาทีนํ คุเณหิ รูปาทีหิ อนุคฺคยฺหภาวโต’’ติ อิทํ การณํ นิวตฺติตนฺติ เอวํ ¶ ปรมฺปราย อุภยาภาโว วิเสสปริกปฺปนปหานสฺส การณํ โหตีติ อาห ‘‘ตสฺมา ปหาเยต’’นฺติอาทิ. เอกกลาเปปิ รูปรสาทโย วิสทิสา, โก ปน วาโท นานากลาเป จกฺขาทโย ภูตวิเสสาภาเวปีติ ทสฺเสตุํ รูปรสาทินิทสฺสนํ วุตฺตํ.
ยทิ ภูตวิเสโส นตฺถิ, กึ ปน จกฺขาทิวิเสสสฺส การณนฺติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ อฺมฺสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกมฺปิ กมฺมํ ปฺจายตนิกตฺตภาวภวปฺปตฺถนานิปฺผนฺนํ จกฺขาทิวิเสสเหตุตาย อฺมฺสฺส อสาธารณนฺติ จ กมฺมวิเสโสติ จ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ตํ เยน วิเสเสน จกฺขุสฺส ปจฺจโย, เตเนว โสตสฺส ปจฺจโย โหติ อินฺทฺริยนฺตราภาวปฺปตฺติโต. ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ มหคฺคตา เจตนา กฏตฺตารูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๒.๗๘) วจเนน ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิชฺชมานานํ สพฺเพสํ กฏตฺตารูปานํ เอกา เจตนา กมฺมปจฺจโย โหตีติ วิฺายติ. นานาเจตนาย หิ ตทา อินฺทฺริยุปฺปตฺติยํ สติ ปริตฺเตน จ มหคฺคเตน จ กมฺมุนา นิพฺพตฺติตํ กฏตฺตารูปํ อาปชฺเชยฺยาติ. น เจกา ปฏิสนฺธิ อเนกกมฺมนิพฺพตฺตา โหตีติ สิทฺธเมเกน กมฺเมน อเนกินฺทฺริยุปฺปตฺติ โหตีติ.
๔๓๕. อนลฺลีโน นิสฺสโย เอตสฺสาติ อนลฺลีนนิสฺสโย, รูปสทฺทสงฺขาโต วิสโย. คนฺธรสานํ นิสฺสยา ฆานชิวฺหานํ นิสฺสเย อลฺลียนฺตีติ ¶ เต นิสฺสยวเสน อลฺลีนา. โผฏฺพฺพํ สยํ กายนิสฺสยอลฺลีนํ ภูตตฺตา. อปโร นโย – จกฺขุโสตานิ อปฺปตฺตวิสยคฺคาหกานิ สานฺตเร, อธิเก จ วิสเย วิฺาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต. โสตมฺปิ สมฺปตฺตวิสยคฺคาหีติ เกจิ. ยทิ โสตํ สมฺปตฺตคฺคาหิ, จิตฺตโช สทฺโท โสตวิฺาณสฺส อารมฺมณํ น สิยา. น หิ พหิทฺธา จิตฺตสมุฏฺานานํ อุปฺปตฺติ อตฺถิ. ปาฬิยฺจ อวิเสเสน สทฺทารมฺมณสฺส โสตวิฺาณารมฺมณภาโว วุตฺโต. กิฺจ ทิสาเทสววตฺถานฺจ สทฺทสฺส น สิยา, อตฺตโน วิสยิปเทสสฺส เอว คเหตพฺพโต คนฺโธ วิย. ตสฺมา ยตฺถ อุปฺปนฺโน สทฺโท, ตตฺเถว ิโต. สเจ โสตปเถ อาปาถมาคจฺฉติ, นนุ ทูเร ิเตหิ รชกาทิสทฺทา จิเรน สุยฺยนฺตีติ? น ทูราสนฺนานํ ยถาปากเฏ สทฺเท คหณวิเสสโต. ยถา หิ ทูราสนฺนานํ วจนสทฺเท ยถาปากเฏ คหณวิเสสโต อาการวิเสสานํ อคฺคหณํ, คหณฺจ โหติ, เอวํ รชกาทิสทฺเทปิ อาสนฺนสฺส อาทิโต ปภุติ ยาว อวสานา กเมน ปากฏีภูเต, ทูรสฺส จ อวสาเน, มชฺเฌ วา ปิณฺฑวเสน ปวตฺติปากฏีภูเต นิจฺฉยคฺคหณานํ โสตวิฺาณวีถิยา ปรโต ปวตฺตานํ วิเสสโต ลหุกํ สุโต ‘‘จิเรน สุโต’’ติ อธิมาโน โหติ. โส ปน สทฺโท ยตฺถ อุปฺปนฺโน, ตนฺนิสฺสิโตว อตฺตโน วิชฺชมานกฺขเณ โสตสฺส อาปาถมาคจฺฉติ ¶ . ยทิ สทฺทสฺส ภูตปรมฺปราย สมนฺตโต ปวตฺติ นตฺถิ, กถํ ปฏิโฆสุปฺปตฺตีติ? ทูเร ิโตปิ สทฺโท อฺตฺถ ปฏิโฆสุปฺปตฺติยา, ภาชนาทิจลนสฺส จ อโยกนฺโต วิย อโยจลนสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
๔๓๖. ปุพฺเพ ลกฺขณาทินา วิภาวิตมฺปิ จกฺขุํ ิตฏฺานาทิโต วิภาเวตุํ ‘‘จกฺขุ เจตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ จกฺขุ สาธยมานํ ติฏฺตีติ สมฺพนฺโธ. จ-กาโร พฺยติเรกตฺโถ, เตนสฺส วุจฺจมานเมว วิเสสํ โชเตติ. เอตฺถาติ เอเตสุ ยถานิทฺทิฏฺเสุ ปฺจสุ อุปาทารูเปสุ. ‘‘สรีรสณฺานุปฺปตฺติเทเส’’ติ เอเตน อวเสสํ กณฺหมณฺฑลํ ปฏิกฺขิปติ. สฺเนหมิว สตฺต อกฺขิปฏลานิ พฺยาเปตฺวา ิตาเหว อตฺตโน นิสฺสยภูตาหิ จตูหิ ธาตูหิ กตูปการํ ตนฺนิสฺสิเตเหว อายุวณฺณาทีหิ อนุปาลิตํ ปริวาริตํ ติสนฺตติรูปสมุฏฺาปเกหิ อุตุจิตฺตาหาเรหิ ¶ อุปตฺถมฺภิยมานํ ติฏฺติ. สตฺตอกฺขิปฏลพฺยาปนวจเนเนว จกฺขุสฺส อเนกกลาปคตภาวํ ทสฺเสติ. ปมาณโต อูกาสิรมตฺตนฺติ อูกาสิรมตฺเต ปเทเส ปวตฺตนโต วุตฺตํ. จกฺขุวิฺาณสฺส วตฺถุภาวํ นิสฺสยภาวโต อาวชฺชนสมฺปฏิจฺฉนาทีนํ ตทารมฺมณาวสานานํ ทฺวารภาวํ สมวสรฏฺานโต. ตํ ปเนตํ จกฺขุ อธิฏฺานเภทโต, ตตฺถาปิ ปจฺเจกํ อเนกกลาปคตภาวโต อเนกมฺปิ สมานํ สามฺนิทฺเทเสน อาวชฺชนาย เอกตฺตา, เอกสฺมึ ขเณ เอกสฺเสว จ กิจฺจกรตฺตา เอกํ กตฺวา วุตฺตํ. เอวมฺปิ พหูสุ กถเมกสฺเสว กิจฺจกรตฺตํ. ยํ ตตฺถ วิสทํ หุตฺวา รูปาภิฆาตารหํ, ตํ วิฺาณสฺส นิสฺสโย โหตีติ คเหตพฺพํ. โผฏฺพฺพวิเสโส วิย กายวิฺาณสฺส อารมฺมณภาเว.
มนุปสฺสตีติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโร, อถ วา มนูติ มจฺโจ.
องฺคุลิเวธกํ องฺคุลียกํ.
วิสมชฺฌาสยตาย จกฺขุ วมฺมิกฉิทฺทาภิรตสปฺโป วิย, พิลชฺฌาสยตาย โสตํ อุทกพิลาภิรตกุมฺภีโล วิย, อากาสชฺฌาสยตาย ฆานํ อชฏากาสาภิรตปกฺขี วิย, คามชฺฌาสยตาย ชิวฺหา คามาภิรตกุกฺกุโร วิย, อุปาทินฺนกชฺฌาสยตาย กาโย อามกสุสานาภิรตสิงฺคาโล วิย ปสฺสิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วมฺมิ…เป… ทฏฺพฺพา’’ติ อาห. วิสมชฺฌาสยตา จ จกฺขุสฺส วิสมชฺฌาสยํ วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตา, จกฺขุมโต วา ปุคฺคลสฺส ¶ อชฺฌาสยวเสน จกฺขุ วิสมชฺฌาสยํ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย เสเสสุปิ. สพฺโพปิ จ ยถาวุตฺโต ปปฺโจ โสตาทีสุปิ ยถารหํ เวทิตพฺโพ.
๔๓๗. จกฺขุมฺหิ, จกฺขุสฺส วา ปฏิหนนํ จกฺขุปฏิหนนํ, ตํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ จกฺขุปฏิหนนลกฺขณํ. ปฏิหนนฺเจตฺถ ยถาวุตฺโต อภิฆาโตว. วิสยภาโว อารมฺมณปจฺจยตา. กามํ สา เอว โคจรตา, ตถาปิ วิสยโคจรานํ อยํ วิเสโส – อนฺตฺถภาโว, ตพฺพหุลจาริตา จ จกฺขุวิฺาณสฺส. วิสยภาเว จสฺส ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. ยตฺถ ปน กายวิฺตฺติอาทิเก.
๔๓๘. อิตฺถิยา ¶ ภาโว, ‘‘อิตฺถี’’ติ วา ภวติ เอเตน จิตฺตํ, อภิธานฺจาติ อิตฺถิภาโว, ตํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ อิตฺถิภาวลกฺขณํ. ตโต เอว ‘‘อิตฺถี’’ติ ตํสหิตํ สนฺตานํ ปกาเสนฺตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อิตฺถีติ ปกาสนรส’’นฺติ. วฏฺฏํสตา อวิสทหตฺถปาทาทิตา จ อิตฺถิลิงฺคํ. ถนมํสาวิสทตา, นิมฺมสฺสุทาิตา, เกสพนฺธนํ, วตฺถคฺคหณฺจ ‘‘อิตฺถี’’ติ สฺชานนสฺส ปจฺจยภาวโต อิตฺถินิมิตฺตํ. ทหรกาเลปิ สุปฺปกมุสลกาทีหิ กีฬา, มตฺติกตกฺเกน สุตฺตกนฺตนาทิ จ อิตฺถิกุตฺตํ, อิตฺถิกิริยาติ อตฺโถ. อวิสทฏฺานคมนาทิโก อากาโร อิตฺถากปฺโป. อปโร นโย – อิตฺถีนํ มุตฺตกรณํ อิตฺถิลิงฺคํ. สราธิปฺปายา อิตฺถินิมิตฺตํ. อวิสทฏฺานคมนนิสชฺชาขาทนโภชนาทิกา อิตฺถิกุตฺตํ. อิตฺถิสณฺานํ อิตฺถากปฺโป. อิมานิ จ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ ยถาสกํ กมฺมาทินา ปจฺจเยน อุปฺปชฺชมานานิปิ เยภุยฺเยน อิตฺถินฺทฺริยสหิเต เอว สนฺตาเน ตํตทาการานิ หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อิตฺถินฺทฺริยํ เตสํ การณนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อิตฺถิลิงฺคนิมิตฺตกุตฺตากปฺปานํ การณภาวปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ. อิตฺถิลิงฺคาทีสุ เอว จ การณภาวสงฺขาเตน อธิปติภาเวน ตสฺส อินฺทฺริยตา วุตฺตา, อินฺทฺริยสหิเต สนฺตาเน อิตฺถิลิงฺคาทิอาการรูปปจฺจยานํ อฺถา อนุปฺปาทนโต, อิตฺถิคฺคหณสฺส จ เตสํ รูปานํ ปจฺจยภาวโต.
ยสฺมา ปน ภาวทสเกปิ รูปานํ อิตฺถินฺทฺริยํ น ชนกํ, นาปิ อนุปาลกํ, อุปตฺถมฺภกํ วา, น จ อฺเสํ กลาปรูปานํ, ตสฺมา ตํ ชีวิตินฺทฺริยํ วิย สกลาปรูปานํ, อาหาโร วิย วา กลาปนฺตรรูปานฺจ ‘‘อินฺทฺริยอตฺถิอวิคตปจฺจโย’’ติ ปาฬิยํ น วุตฺตํ. ยสฺมา จ ปจฺจยนฺตราธีนานิ ลิงฺคาทีนิ, ตสฺมา ยตฺถสฺส อาธิปจฺจํ, ตํสทิเสสุ มตจิตฺตกตรูเปสุปิ ตํสณฺานตา ทิสฺสติ. เอส นโย ปุริสินฺทฺริเยปิ. ยํ ปเนตฺถ วิสทิสํ, ตํ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ ¶ . ตยิทํ ทฺวยํ ยสฺมา เอกสฺมึ สนฺตาเน สห น ปวตฺตติ ‘‘ยสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? โน’’ติอาทิ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘) วจนโต, ตสฺมา อุภโตพฺยฺชนกสฺสาปิ เอกสฺมึ ขเณ เอกเมว โหตีติ เวทิตพฺพํ. เย ปน ‘‘สรีเรกเทสวุตฺติ ภาวรูป’’นฺติ วทนฺติ, เตสมฺปิ ตํ มิจฺฉาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตทุภยมฺปิ…เป… พฺยาปกเมวา’’ติ วตฺวา ยทิ เอวํ กายปฺปสาเทน สงฺกโร สิยาติ อาสงฺกํ นิวตฺเตนฺโต ‘‘น จ กายปฺปสาเทนา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ยทิปิ ¶ สกลสรีรพฺยาปิตาย กายปฺปสาเทน อฏฺิโตกาเส ิตนฺติ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชติ, เตน ปน ภินฺนนิสฺสยตฺตา ิโตกาเส ิตนฺติปิ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชตีติ อยเมว เจตฺถ นิปฺปริยายกถา. ‘‘รูปรสาทโย วิยา’’ติ เอเตน สมานนิสฺสเยสุปิ นาม สงฺกโร นตฺถิ ลกฺขณเภทโต, กิมงฺคํ ปน ภินฺนนิสฺสยสภาเวสูติ ทสฺเสติ.
๔๓๙. สหชรูปานุปาลนลกฺขณนฺติ อตฺตนา สหชาตรูปานํ อนุปาลนลกฺขณํ. ชีวิตินฺทฺริยสฺส เอกนฺตกมฺมชตฺตา สหช-คฺคหเณเนว อนุปาเลตพฺพานมฺปิ กมฺมชภาโว สิทฺโธติ กมฺมช-คฺคหณํ น กตํ. ยถาสกํ ขณมตฺตฏฺายิโนปิ กมฺมชรูปสฺส ปวตฺติเหตุภาเวน ตํ อนุปาลกํ, ตสฺมา สหชรูปานุปาลนลกฺขณํ. น หิ กมฺมชานํ กมฺมํเยว ิติเหตุ ภวิตุํ อรหติ อาหารชาทีนํ อาหาราทิ วิย. กึ การณา? ตงฺขณาภาวโต. เตสนฺติ สหชรูปานํ. ปวตฺตนํ ยาปนํ. ปนํ ิติเหตุตา. อตฺตนา อนุปาลนวเสน ยาเปตพฺพานิ ปวตฺเตตพฺพานิ ภูตานิ เอตสฺส ปทฏฺานนฺติ ยาปยิตพฺพภูตปทฏฺานํ. อนุปาลนลกฺขณาทิมฺหีติ อาทิ-สทฺเทน ปวตฺตนรสาทิเมว สงฺคณฺหาติ. อตฺถิกฺขเณเยวาติ อนุปาเลตพฺพานํ อตฺถิกฺขเณเยว. อสติ อนุปาเลตพฺเพ อุปฺปลาทิมฺหิ กึ อุทกํ อนุปาเลยฺย. ยทิ กมฺมชานํ ิติเหตุมนฺตเรน ิติ น โหติ, ชีวิตินฺทฺริยสฺส โก ิติเหตูติ อาห ‘‘สย’’นฺติอาทิ. ยทิ กมฺมชานํ านํ ชีวิตินฺทฺริยปฏิพทฺธํ, อถ กสฺมา สพฺพกาลํ น เปตีติ อาห ‘‘น ภงฺคโต’’ติอาทิ. ตสฺส ตสฺส อนุปาลนาทิกสฺส สาธนโต. ตํ สาธนฺจ ชีวมานตาวิเสสสฺส ปจฺจยภาวโต. อินฺทฺริยพทฺธรูปสฺส หิ มตรูปโต กมฺมชสฺส, ตทนุพนฺธภูตสฺส จ อุตุสมุฏฺานาทิโต ชีวิตินฺทฺริยกโต วิเสโส, น เกวลํ ขณฏฺิติยา เอว, ปพนฺธานุปจฺเฉทสฺสาปิ ชีวิตินฺทฺริยํ การณนฺติ ทฏฺพฺพํ, อิตรถา อายุกฺขยโต มรณํ น ยุชฺเชยฺยาติ.
๔๔๐. มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ นิสฺสยลกฺขณํ หทยวตฺถูติ กถเมตํ วิฺาตพฺพนฺติ? อาคมโต, ยุตฺติโต จ. ‘‘ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิฺาณธาตุ จ ¶ ปวตฺตนฺติ, ตํ รูปํ มโนธาตุยา จ มโนวิฺาณธาตุยา จ ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ ¶ (ปฏฺา. ๑.๑.๘) เอวมาทิ อาคโม. ยทิ เอวํ, กสฺมา รูปกณฺเฑ ตํ น วุตฺตนฺติ? ตตฺถ อวจนํ อฺการณํ. กึ ปน ตนฺติ? เทสนาเภโท. ยถา หิ จกฺขุวิฺาณาทีนิ เอกนฺตโต จกฺขาทินิสฺสยานิ, น เอวํ มโนวิฺาณํ เอกนฺเตน หทยวตฺถุนิสฺสยํ. นิสฺสิตวเสน จ วตฺถุทุกาทิเทสนา ปวตฺตา ‘‘อตฺถิ รูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส วตฺถุ, อตฺถิ รูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส น วตฺถู’’ติอาทินา (ธ. ส. ๕๘๔). ยมฺปิ เอกนฺตโต หทยวตฺถุนิสฺสยํ, ตสฺส วเสน ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิฺาณสฺส วตฺถู’’ติอาทินา ทุกาทีสุ วุจฺจมาเนสุปิ น ตทนุคุณา อารมฺมณทุกาทโย สมฺภวนฺติ. น หิ ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิฺาณสฺส อารมฺมณํ, อตฺถิ รูปํ น มโนวิฺาณสฺส อารมฺมณ’’นฺติ สกฺกา วตฺตุนฺติ วตฺถารมฺมณทุกา ภินฺนคติกา สิยุนฺติ เอกรสา เทสนา น ภเวยฺย. เอกรสฺจ เทสนํ เทเสตุํ อิธ สตฺถุ อชฺฌาสโย. ตสฺมา ตตฺถ หทยวตฺถุ น วุตฺตํ, น อลพฺภมานตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.
ยุตฺติ ปน เอวํ เวทิตพฺพา – นิปฺผนฺนอุปาทายรูปนิสฺสยํ ธาตุทฺวยํ ปฺจโวการภเว. ตตฺถ รูปายตนาทีนํ, โอชาย จ อินฺทฺริยพทฺธโต พหิปิ ปวตฺติทสฺสนโต น ตํนิสฺสยตา ยุชฺชติ, อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานมฺปิ ตทุภยรหิเตปิ สนฺตาเน ธาตุทฺวยทสฺสนโต น ตํนิสฺสยตา ยุชฺชติ, ชีวิตินฺทฺริยสฺสาปิ อฺกิจฺจํ วิชฺชตีติ น ตํนิสฺสยตา ยุชฺชติ เอวาติ ปาริเสสโต หทยวตฺถุ, เตสํ นิสฺสโยติ วิฺายติ. สกฺกา หิ วตฺตุํ นิปฺผนฺนอุปาทายรูปนิสฺสยํ ธาตุทฺวยํ ปฺจโวการภเว รูปปฏิพทฺธวุตฺติภาวโต. ยํ ยฺหิ รูปปฏิพทฺธวุตฺติ, ตํ ตํ นิปฺผนฺนอุปาทายรูปนิสฺสยํ ทิฏฺํ ยถา ‘‘จกฺขุวิฺาณธาตู’’ติ. ‘‘ปฺจโวการภเว’’ติ จ วิเสสนํ มโนวิฺาณธาตุวเสน กตํ. มโนธาตุ ปน จตุโวการภเว นตฺเถว. นนุ จ อินฺทฺริยนิสฺสยตายปิ สาธนโต วิรุทฺโธ เหตุ อาปชฺชตีติ? น ทิฏฺพาธนโต. ทิฏฺํ เหตํ จกฺขุวิฺาณสฺส วิย ธาตุทฺวยสฺส วตฺถุโน มนฺทติกฺขาทิอนนุวิธานํ. ตถา หิสฺส ปาฬิยํ อินฺทฺริยปจฺจยตา น วุตฺตา. เตน ตทนุวิธานสงฺขาตา อินฺทฺริยนิสฺสยตา พาธียติ. โหตุ ธาตุทฺวยนิสฺสโย หทยวตฺถุ, อุปาทายรูปฺจ, เอตํ ปน กมฺมสมุฏฺานํ, ปฏินิยตกิจฺจํ, หทยปเทเส ิตเมวาติ กถํ วิฺายตีติ? วุจฺจเต – วตฺถุรูปภาวโต กมฺมสมุฏฺานํ จกฺขุ วิย, ตโต เอว ¶ ปฏินิยตกิจฺจํ, วตฺถุรูปภาวโตติ จ วิฺาณนิสฺสยภาวโตติ อตฺโถ. อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา กิฺจิ จินฺเตนฺตสฺส หทยสฺส ขิชฺชนโต ตตฺเถตมวฏฺิตนฺติ วิฺายติ. ตาสฺเว ธาตูนนฺติ มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํเยว ¶ . นิสฺสยภาวโต อุปริ อาโรเปตฺวา วหนฺตํ วิย ปจฺจุปติฏฺตีติ อุพฺพหนปจฺจุปฏฺานํ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
๔๔๑. อภิกฺกโม อาทิ เยสํ เต อภิกฺกมาที. อาทิ-สทฺเทน ปฏิกฺกมสมิฺชนปสารณอุกฺเขปนอเวกฺเขปนาทิกา สพฺพา กิริยา ปริคฺคยฺหติ. เตสํ อภิกฺกมาทีนํ ปวตฺตกํ จิตฺตํ สมุฏฺานํ ยสฺสา สา อภิกฺกมาทิปฺปวตฺตกจิตฺตสมุฏฺานา, วาโยธาตุ. ตสฺสา ยํ สหชรูปกายสฺส ถมฺภนสนฺธารณจลนสงฺขาตํ กิจฺจํ, ตสฺส สหการีการณภูโต อาการวิเสโส กายวิฺตฺติ นามาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อภิกฺกมาทิ…เป… กายวิฺตฺตี’’ติ.
กสฺส ปน อาการวิกาโรติ? สามตฺถิยโต วาโยธาตุอธิกานํ จิตฺตชมหาภูตานํ. กึ ตํ สามตฺถิยํ? จิตฺตชตา, อุปาทายรูปตา จ. อถ วา วาโยธาตุยา อาการวิกาโร สหช…เป… ปจฺจโยติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. ยทิ เอวํ วิฺตฺติยา อุปาทายรูปภาโว น ยุชฺชติ. น หิ อุปาทายรูปํ เอกภูตสนฺนิสฺสยํ อตฺถิ. ‘‘จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’’นฺติ หิ วุตฺตํ, นายํ โทโส จตุนฺนํ วิกาโร จตูสุ เอกสฺสาปิ โหติ จตุสาธารณธนํ วิย. วาโยธาตุอธิกตาย จ กลาปสฺส ‘‘วาโยธาตุยา’’ติ วจนํ น วิรุชฺฌติ. เอวํ อธิกตา จ สามตฺถิยโต, น ปมาณโต. อฺถา หิ อวินิพฺโภควุตฺติตา น ยุชฺเชยฺย. วาโยธาตุยา เอวาติ เกจิ. เตสํ มเตน วิฺตฺติยา อุปาทายรูปตา ทุรุปปาทา. น หิ เอกสฺส วิกาโร จตุนฺนํ โหติ. สา ปนายํ หตฺถจลนาทีสุ ผนฺทมานวณฺณคฺคหณานนฺตรมวิฺายมานนฺตเรน มโนทฺวารชวเนน คยฺหติ. ผนฺทมานวณฺณวินิมุตฺโต โกจิ วิกาโร อตฺถิ. ตสฺส จ ตคฺคหณานนฺตรํ คหณํ โหตีติ กถเมตํ วิฺายตีติ อธิปฺปายคฺคหณโต. น หิ วิฺตฺติวิการรหิเตสุ รุกฺขจลนาทีสุ ‘‘อิทเมส กาเรติ มฺเ’’ติ อธิปฺปายคฺคหณํ ¶ ทิฏฺํ, หตฺถจลนาทีสุ ปน ทิฏฺํ. ตสฺมา ผนฺทมานวณฺณวินิมุตฺโต โกจิ วิกาโร อตฺถิ อธิปฺปายสฺส าปโกติ วิฺายติ. าปโก จ เหตุ าเปตพฺพมตฺถํ สยํ คหิโต เอว าเปติ, น วิชฺชมานตามตฺเตนาติ วณฺณคฺคหณานนฺตรํ วิการคฺคหณมฺปิ อนุมานโต วิฺายติ. ตถา หิ วทนฺติ –
‘‘วิสยตฺตมนาปนฺนา, สทฺทา เนวตฺถโพธกา;
น สตฺตามตฺตโต อตฺเถ, เต อฺาตา ปกาสกา’’ติ.
ยทิ ¶ วิการคฺคหณเมว การณํ อธิปฺปายคฺคหณสฺส, กสฺมา อคฺคหิตสงฺเกตานํ อธิปฺปายคฺคหณํ น โหตีติ? น เกวลํ วิการคฺคหณเมว อธิปฺปายคฺคหณสฺส การณํ, อถ โข ปุริมสิทฺธสมฺพนฺธคฺคหณฺจ อิมสฺส อุปนิสฺสโยติ ทฏฺพฺพํ. ถมฺภนสนฺธารณจลนานิ วิฺตฺติวิการสหิตาย วาโยธาตุยา โหนฺตีติ วุตฺตํ. กึ สพฺพาว วาโยธาตู สพฺพานิ ตานิ กโรนฺตีติ? นยิทเมวํ. สตฺตมชวนสมฺภูตา หิ วาโยธาตุ ปุริมชวนสมฺภูตา วาโยธาตุโย อุปถมฺภกปจฺจเย ลภิตฺวา เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาเวน จลยติ จิตฺตชรูปํ, น อิตรา. อิตรา ปน สนฺถมฺภนสนฺธารณมตฺตํ กโรนฺติโย ตสฺสา อุปการาย โหนฺติ. เทสนฺตรุปฺปตฺติ เอว จลนนฺติ นิมิตฺเต จ กตฺตุภาโว สมาโรปิโตติ ทฏฺพฺพํ. อฺถา ธมฺมานํ อพฺยาปารตา, ขณิกตา จ น สิยา. สตฺตหิ ยุเคหิ อากฑฺฒิตพฺพสกฏเมตฺถ อฏฺกถายํ นิทสฺสิตํ. จิตฺตชรูเป ปน จลนฺเต ตํสมฺพนฺธตาย อุตุกมฺมาหารชรูปมฺปิ จลติ นทีโสเต ปกฺขิตฺตสุกฺขโคมยปิณฺฑํ วิย ผนฺทมานวณฺณคฺคหณานนฺตรํ วิฺตฺติคฺคหณสฺส วุตฺตตฺตา. กึ จลนกรา เอว วาโยธาตุ วิฺตฺติวิการสหิตาติ? นยิทเมวํ, ตถา จลยิตุมสกฺกุณนฺติโยปิ ถมฺภนสนฺธารณมตฺตกรา ปมชวนาทิสมฺภูตาปิ วาโยธาตุโย วิฺตฺติวิการสหิตา เอวาติ คเหตพฺพํ. เยน ทิสาภาเคนายํ อภิกฺกมาทึ ปวตฺเตตุกาโม, ตทภิมุขวิการสพฺภาวโต. อธิปฺปายสหภาวี หิ วิกาโร วิฺตฺติ. เอวฺจ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนสฺสาปิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกวจนํ สุฏฺุ ยุชฺชติ. ยถาวุตฺตวิการคฺคหณมุเขน ตํสมงฺคิโน อธิปฺปาโย วิฺายตีติ วุตฺตํ ‘‘อธิปฺปายปฺปกาสนรสา’’ติ.
กายวิปฺผนฺทนสฺส ¶ เหตุภูตาย วาโยธาตุยา วิการภาวโต ปริยาเยน วิฺตฺติ กายวิปฺผนฺทนเหตุภาวปจฺจุปฏฺานา วุตฺตา. จิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตุปทฏฺานาติ จ วาโยธาตุยา กิจฺจาธิกตาย วุตฺตํ. กายวิปฺผนฺทเนน อธิปฺปายวิฺาปนเหตุตฺตาติ กายวิปฺผนฺทเนน กรณภูเตน อธิปฺปายสฺส วิฺาปนเหตุภาวโต กายวิฺตฺตีติ วุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – วิฺาเปตีติ วิฺตฺติ. กึ วิฺาเปติ? อธิปฺปายํ. เกน? กาเยน. กีทิเสน? วิปฺผนฺทมาเนนาติ. ทุติยนเย ปน ยถาวุตฺเตน กาเยน วิฺายตีติ กายวิฺตฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
อตฺถาวโพธนสมตฺโถ วจีวิเสโส วจีเภโท. เตน วายุวนปฺปตินทีโฆสาทึ นิวตฺเตติ. ตสฺส ปวตฺตกํ จิตฺตํ สมุฏฺานํ ยสฺสา สา วจีเภทปฺปวตฺตกจิตฺตสมุฏฺานา, ปถวีธาตุ. ตสฺสา ยํ อุปาทินฺนสงฺขาตสฺส ¶ อกฺขรุปฺปตฺติฏฺานสฺส ฆฏฺฏนสฺิตํ กิจฺจํ, ตสฺส สหการีการณภูโต อาการวิเสโส วจีวิฺตฺติ นามาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วจีเภ…เป… วจีวิฺตฺตี’’ติ.
อิทานิ ‘‘กสฺส ปน อาการวิกาโร’’ติอาทิ กายวิฺตฺติยํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ยถา ตตฺถ ‘‘ผนฺทมานวณฺณคฺคหณานนฺตร’’นฺติ วุตฺตํ, เอวมิธ ‘‘สุยฺยมานสทฺทสวนานนฺตร’’นฺติ โยเชตพฺพํ. อิธ จ ถมฺภนาทีนํ อภาวโต ‘‘สตฺตมชวนสมฺภูตา’’ติอาทินโย น ลพฺภติ. ฆฏฺฏเนน หิ สทฺธึ สทฺโท อุปฺปชฺชติ. ฆฏฺฏนฺจ ปมชวนาทีสุปิ ลพฺภเตว. ฆฏฺฏนํ ปจฺจยวเสน ภูตกลาปานํ อฺมฺํ อาสนฺนตรุปฺปาโท. จลนํ เอกสฺสาปิ เทสนฺตรุปฺปาทปรมฺปรตาติ อยเมเตสํ วิเสโส. ยถา จ วาโยธาตุยา จลนํ กิจฺจํ, เอวํ ปถวีธาตุยา ฆฏฺฏนํ. เตเนวาห ‘‘ปถวีธาตุยา อุปาทินฺนฆฏฺฏนสฺส ปจฺจโย’’ติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. ยถา หีติอาทิ กายวจีวิฺตฺตีนํ อนุมานวเสน คเหตพฺพภาววิภาวนํ. ยถา หิ อุสฺสาเปตฺวา พทฺธโคสีสาทิรูปานิ ทิสฺวา ตทนนฺตรปฺปวตฺตาย อวิฺายมานนฺตราย มโนทฺวารวีถิยา โคสีสาทีนํ อุทกสหจาริปฺปการสฺาณาการํ คเหตฺวา อุทกคฺคหณํ โหติ, เอวํ วิปฺผนฺทมานสมุจฺจาริยมานวณฺณสทฺเท คเหตฺวา ตทนนฺตรปวตฺตาย อวิฺายมานนฺตราย มโนทฺวารวีถิยา ปุริมสิทฺธสมฺพนฺธคหณูปนิสฺสยสหิตาย สาธิปฺปายวิการคฺคหณํ โหติ.
๔๔๒. รูปานิ ¶ ปริจฺฉินฺทติ, สยํ วา เตหิ ปริจฺฉิชฺชติ, รูปานํ วา ปริจฺเฉทมตฺตํ รูปปริจฺเฉโท, ตํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ รูปปริจฺเฉทลกฺขณา. อยํ หิ อากาสธาตุ ตํ ตํ รูปกลาปํ ปริจฺฉินฺทนฺตี วิย โหติ. เตนาห ‘‘รูปปริยนฺตปฺปกาสนรสา’’ติ. อตฺถโต ปน ยสฺมา รูปานํ ปริจฺเฉทมตฺตํ หุตฺวา คยฺหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘รูปมริยาทปจฺจุปฏฺานา’’ติ. ยสฺมึ กลาเป ภูตานํ ปริจฺเฉโท, เตเหว อสมฺผุฏฺภาวปจฺจุปฏฺานา. วิชฺชมาเนปิ หิ กลาปนฺตรภูตานํ กลาปนฺตรภูเตหิ สมฺผุฏฺภาเว ตํตํภูตวิวิตฺตตา รูปปริยนฺโต อากาโสติ เยสํ โส ปริจฺเฉโท, เตหิ โส อสมฺผุฏฺโว. อฺถา ปริจฺฉินฺนตา น สิยา เตสํ ภูตานํ พฺยาปิภาวาปตฺติโต. อพฺยาปิตา หิ อสมฺผุฏฺตา. เตนาห ภควา ‘‘อสมฺผุฏฺํ จตูหิ มหาภูเตหี’’ติ (ธ. ส. ๖๓๗, ๗๒๔). กณฺณจฺฉิทฺทมุขวิวราทิวเสน จ ฉิทฺทวิวรภาวปจฺจุปฏฺานา วา. เยสํ รูปานํ ปริจฺเฉโท, ตตฺเถว เตสํ ปริจฺเฉทภาเวน ลพฺภตีติ วุตฺตํ ‘‘ปริจฺฉินฺนรูปปทฏฺานา’’ติ. ‘‘ยาย ปริจฺฉินฺเนสู’’ติอาทินา อากาสธาตุยา ตํตํกลาปานํ กลาปนฺตเรหิ อสงฺกรการณตํ ทสฺเสติ.
๔๔๓. อทนฺธตาติ ¶ อครุตา. วิโนทนํ วิกฺขิปนํ, อปนยนนฺติ อตฺโถ. อถทฺธตาติ อกถินตา. อตฺตโน มุทุภาเวเนว สพฺพกิริยาสุ อวิโรธิตา. มุทุ หิ กตฺถจิ น วิรุชฺฌติ. ตีสุปิ าเนสุ ปฏิปกฺเข อ-กาโร ทนฺธตาทิเหตูนํ ปฏิปกฺขสมุฏฺานตฺตา ลหุตาทีนนฺติ เกจิ. อปเร ปน ‘‘สตฺตาปฏิเสเธ’’ติ วทนฺติ. สรีเรน กตฺตพฺพกิริยานํ อนุกูลตาสงฺขาตกมฺมฺภาโว ลกฺขณํ เอติสฺสาติ สรีรกิริยานุกูลกมฺมฺภาวลกฺขณา. อกมฺมฺํ ทุพฺพลํ นาม โหตีติ กมฺมฺตา อทุพฺพลภาวปจฺจุปฏฺานา วุตฺตา.
ลหุตาทีนํ อฺมฺาวิชหเนน ทุวิฺเยฺยนานตฺตตา วุตฺตาติ ตํตํวิการาธิกรูเปหิ ตํนานตฺตปฺปกาสนตฺถํ ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติ วุตฺตํ. ธาตุกฺโขโภ วาตปิตฺตเสมฺหปโกโป, รสาทิธาตูนํ วา วิการาวตฺถา. ทฺวิธา วุตฺโตปิ อตฺถโต ปถวีธาตุอาทีนํ ธาตูนํเยว วิกาโรติ ทฏฺพฺโพ. ปฏิปกฺขปจฺจยา สปฺปายอุตุอาหาราวิกฺขิตฺตจิตฺตตา. เต จ ตํตํวิการสฺส วิเสสปจฺจยภาวโต วุตฺตา, อวิเสเสน ปน ¶ สพฺเพ สพฺเพสํ ปจฺจยา. ยโต เนสํ อฺมฺาวิชหนํ, อิทฺธิวฬฺชนาทีสุ วิย วสวตฺตนํ มทฺทวปฺปกาโร. สุปริมทฺทิตจมฺมสุธนฺตสุวณฺณคหณฺเจตฺถ มุทุกมฺมฺสทิสรูปนิทสฺสนมตฺตํ, น ตํ อิธ อธิปฺเปตํ มุทุตากมฺมฺตาสพฺภาวโต. น หิ อนินฺทฺริยพทฺธรูปสนฺตาเน ลหุตาทีนิ สมฺภวนฺติ, อินฺทฺริยพทฺเธปิ รูปภเว น สนฺติ ทนฺธตฺตกราทิธาตุกฺโขภาภาวโต. สติ หิ ตาทิเส ธาตุกฺโขเภ ตปฺปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺานาหิ ลหุตาทีหิ ภวิตพฺพนฺติ เกจิ, ตํ อการณํ. น หิ วูปสเมตพฺพปจฺจนีกาเปกฺโข ตพฺพิโรธิธมฺมสมุปฺปาโท, ตถา สติ สเหตุกกิริยจิตฺตุปฺปาเทสุ กายลหุตาทีนํ อภาโวว สิยา. กสฺมา ปน กมฺมชรูเปสุ ลหุตาทโย น โหนฺตีติ? ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจยาเปกฺขตฺตา. อฺถา สพฺพทาภาวีหิ ลหุตาทีหิ ภวิตพฺพํ สิยาติ.
๔๔๔. อาทิ จโย, อีสํ วา จโยติ อาจโย, ยถาปจฺจยํ ตโต ตโต อาคตสฺส วิย จโยติ วา อาจโย, ตทุภยํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา อาจโย ลกฺขณํ เอตสฺสาติ อาจยลกฺขโณ. รูปสฺส อุปจโย ปมุปฺปาโท, วฑฺฒิ จ ‘‘อุปฺตฺตํ อุปสิตฺต’’นฺติอาทีสุ วิย อุป-สทฺทสฺส ปมูปริอตฺถสฺส นิทสฺสนโต. ปุพฺพนฺตโตติ ปุพฺพโกฏฺาสโต, อนาคตภาวโตติ อตฺโถ. อุปฺปชฺชมาเน รูปธมฺเม อุปฺปาโท อนาคตกฺขณโต อุมฺมุชฺชาเปนฺโต วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุมฺมุชฺชาปนรโส’’ติ. ตถา โส ‘‘อิเม รูปธมฺมา’’ติ นิยฺยาเตนฺโต วิย คยฺหตีติ อาห ‘‘นิยฺยาตนปจฺจุปฏฺาโน’’ติ. ปริปุณฺณภาวปจฺจุปฏฺานตา ‘‘อุปริจโย อุปจโย’’ติ อิมสฺส อตฺถสฺส วเสน ¶ เวทิตพฺพา. ปวตฺติลกฺขณาติ รูปานํ ปวตฺตนนฺติ ลกฺขิตพฺพา. อนุปฺปพนฺธนรสาติ ปุพฺพาปรวเสน อนุ อนุ ปพนฺธนกิจฺจา. ตโต เอว อนุปจฺเฉทวเสน คเหตพฺพโต อนุปจฺเฉทปจฺจุปฏฺานา.
อุภยมฺปีติ อุปจโย สนฺตตีติ อุภยมฺปิ. ชาติรูปสฺเสวาติ รูปุปฺปาทสฺเสว อธิวจนํ. ยทิ เอวํ กสฺมา วิภชฺช วุตฺตาติ อาห ‘‘อาการนานตฺตโต’’ติ, ชาติรูปสฺส ปวตฺติอาการเภทโตติ อตฺโถ. เวเนยฺยวเสน วิภชฺชกถเน การณํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. กถํ ปเนตํ วิฺาตพฺพํ, ปวตฺติอาการนานตฺตโต ชาติรูปสฺส เภโท, น สภาวโตติ ¶ ? นิทฺเทสโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โย อายตนานนฺติ โย อฑฺเฒกาทสนฺนํ รูปายตนานํ อาทิจยตฺตา ‘‘อาจโย’’ติ วุตฺโต. โส เอว อุปจโย ปมุปฺปาทภาวโต อุป-สทฺโท ปมตฺโถติ กตฺวา. โย ปน ตตฺเถว อุปฺปชฺชมานานํ อุปริ จยตฺตา อุปจโย, สา เอว สนฺตติ อนุปพนฺธวเสน อุปฺปตฺติภาวโต. อถ วา โย อายตนานํ อาจโย ปมภาเวน อุปลกฺขิโต อุปฺปาโท, โส ปน ตตฺเถว อุปฺปชฺชมานานํ อุปริ จยตฺตา อุปจโย, วฑฺฒีติ อตฺโถ. อุปจโย วฑฺฒิภาเวน อุปลกฺขิโต อุปฺปาโท, สา เอว สนฺตติ ปพนฺธากาเรน อุปฺปตฺติภาวโต. เตนาห ‘‘อฏฺกถายมฺปี’’ติอาทิ.
ตตฺถ เอวํ กึ กถิตนฺติ ‘‘โย อายตนานํ อาจโย’’ติอาทินา (ธ. ส. ๖๔๑) นิทฺเทเสน กึ อตฺถชาตํ กถิตํ โหติ? อายตเนน อาจโย กถิโต. อาจยุปจยสนฺตติโย หิ นิพฺพตฺติภาเวน อาจโย เอวาติ อายตเนหิ อาจยาทีนํ ปกาสิตตฺตา เตหิ อาจโย กถิโต. อายตนานํ อาจยาทิวจเนเนว อาจยสภาวานิ อุปฺปาทธมฺมานิ อายตนานีติ อาจเยน ตํปกติกํ อายตนํ กถิตํ. ลกฺขณฺหิ อุปฺปาโท, น รูปรูปนฺติ.
รูปปริปาโก รูปธมฺมานํ ชิณฺณตา. อุปนยนรสาติ ภงฺคุปนยนกิจฺจา. สภาวานปคเมปีติ กกฺขฬตาทิสภาวสฺส อวิคเมปิ. ิติกฺขเณ หิ ชรา, น จ ตทา ธมฺโม สภาวํ วิชหติ นาม. นวภาโว อุปฺปาทาวตฺถา, ตสฺส อปคมภาเวน คยฺหตีติ อาห ‘‘นวภาวาปคมปจฺจุปฏฺานา’’ติ. ‘‘อรูปธมฺมาน’’นฺติ อิทํ เตสํ ชราย สุฏฺุ ปฏิจฺฉนฺนตาย วุตฺตํ. รูปธมฺมานมฺปิ หิ ขณิกชรา ปฏิจฺฉนฺนา เอว, ยา อวีจิชราติปิ วุจฺจติ. เอส วิกาโรติ ขณฺฑิจฺจาทิวิการมาห. โส หิ อรูปธมฺเมสุ น ลพฺภติ. ยา อวีจิชรา นาม, ตสฺสาปิ ¶ เอส วิกาโร นตฺถีติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. นตฺถิ เอติสฺสา ชราย วีจีติ อวีจิชรา, นวภาวโต ทุวิฺเยฺยนฺตรชราติ อตฺโถ.
ปริโต สพฺพโส ‘‘ภิชฺชน’’นฺติ ลกฺขิตพฺพาติ ปริเภทลกฺขณา. นิจฺจํ นาม ธุวํ, รูปํ ปน ขณภงฺคิตาย เยน ภงฺเคน น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ, โส อนิจฺจสฺส ภาโวติ อนิจฺจตา. สา ปน ยสฺมา ิติปฺปตฺตํ รูปํ วินาสภาเวน ¶ สํสีทนฺตี วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สํสีทนรสา’’ติ. ยสฺมา จ สา รูปธมฺมานํ ภงฺคภาวโต ขยวยากาเรเนว คยฺหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ขยวยปจฺจุปฏฺานา’’ติ.
๔๔๕. โอชาลกฺขโณติ เอตฺถ องฺคมงฺคานุสาริโน รสสฺส สาโร อุปถมฺภพลกโร ภูตนิสฺสิโต เอโก วิเสโส โอชา. กพฬํ กรียตีติ กพฬีกาโร. อาหรียตีติ อาหาโร, กพฬํ กตฺวา อชฺโฌหรียตีติ อตฺโถ. อิทํ ปน สวตฺถุกํ โอชํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. พาหิรํ อาหารํ ปจฺจยํ ลภิตฺวา เอว อชฺฌตฺติกาหาโร รูปํ อุปฺปาเทติ, โส ปน รูปํ อาหรตีติ อาหาโร. เตนาห ‘‘รูปาหรณรโส’’ติ. ตโต เอว โอชฏฺมกรูปุปฺปาทเนน อิมสฺส กายสฺส อุปถมฺภนปจฺจุปฏฺาโน. โอชาย รูปาหรณกิจฺจํ พาหิราธีนนฺติ อาห ‘‘อาหริตพฺพวตฺถุปทฏฺาโน’’ติ.
๔๔๖. พลรูปนฺติอาทีสุ อิมสฺมึ กาเย พลํ นาม อตฺถิ, สมฺภโว นาม อตฺถิ, โรโค นาม อตฺถิ, ‘‘ชาติ สฺชาตี’’ติ (วิภ. ๑๙๑) วจนโต ชาติ นาม อตฺถิ, เตหิปิ จตูหิ มหาภูเตหิ วินา อภาวโต อุปาทายรูเปหิ ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เอกจฺจานนฺติ อภยคิริวาสีนํ. ปฏิกฺขิตฺตนฺติ เอตฺถ เอวํ ปฏิกฺเขโป เวทิตพฺโพ – มิทฺธํ รูปเมว น โหติ นีวรเณสุ เทสิตตฺตา. ยสฺส หิ นีวรเณสุ เทสนา, ตํ น รูปํ ยถา กามจฺฉนฺโท. สิยา ปเนตํ ทุวิธํ มิทฺธํ รูปํ, อรูปฺจาติ. ตตฺถ ยํ อรูปํ, ตํ นีวรเณสุ เทสิตํ ‘‘น รูป’’นฺติ? ตํ น, วิเสสวจนาภาวโต. น หิ วิเสเสตฺวา มิทฺธํ นีวรเณสุ เทสิตํ, ตสฺมา มิทฺธสฺส ทุวิธตํ ปริกปฺเปตฺวาปิ น สกฺกา นีวรณภาวํ นิวตฺเตตุํ. สกฺกา หิ วตฺตุํ ‘‘ยํ ตํ อรูปโต อฺํ มิทฺธํ ปริกปฺปิตํ, ตมฺปิ นีวรณํ มิทฺธสภาวตฺตา อิตรํ มิทฺธํ วิยา’’ติ.
ภวตุ ¶ นีวรณํ, โก วิโรโธติ เจ? นีวรณฺจ ปหาตพฺพํ. ปฺจ นีวรเณ ปหาย ‘‘อทฺธา มุนีสิ สมฺพุทฺโธ, นตฺถิ นีวรณา ตวา’’ติ (สุ. นิ. ๕๔๖) วจนโต. อปฺปหาตพฺพฺจ รูปํ ‘‘กตเม ธมฺมา เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพา? จตูสุ ภูมีสุ กุสลํ, จตูสุ ภูมีสุ วิปาโก, ตีสุ ภูมีสุ กิริยาพฺยากตํ, รูปฺจ นิพฺพานฺจ. อิเม ธมฺมา เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพา’’ติ ¶ (ธ. ส. ๑๔๐๗) วจนโต. น เจตฺถ ตทารมฺมณกิเลสปฺปหานํ อธิปฺเปตํ ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๓๔) วิย กามจฺฉนฺทาทีนํ ตถา ปหานสฺส อนธิปฺเปตตฺตา. ตสฺมา น มิทฺธํ รูปํ. ยทิ มิทฺธสฺส รูปภาวํ น สมฺปฏิจฺฉถ, กถํ ภควโต นิทฺทา. มิทฺธฺหิ ‘‘นิทฺทาปจลายิกา’’ติอาทินา วิภงฺเค วิภตฺตตฺตา นิทฺทาติ? น มิทฺธํ นิทฺทา, นิทฺทาเหตุภาวโต ปน ตํ ‘‘นิทฺทา’’ติ วิภตฺตํ ยถา อิตฺถิลิงฺคาทิ. เอวมฺปิ นิทฺทาเหตุโน มิทฺธสฺส อภาวโต กถํ ภควโต นิทฺทาติ? นิทฺทา ภควโต สรีรคิลานิยา, น มิทฺเธน. สา จ นตฺถีติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ปิฏฺิ เม อาคิลายติ, ตมหํ อายมิสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๒) วจนโต. น เจตฺถ เอวมวธารณํ มิทฺธเมว นิทฺทาเหตูติ, นิทฺทาเหตุ เอว มิทฺธนฺติ เอวมวธารณา. ตสฺมา อฺโปิ อตฺถิ นิทฺทาเหตุ, โก ปน โสติ? สรีรคิลานิยา. เตน วุตฺตํ ‘‘นิทฺทา ภควโต สรีรคิลานิยา, น มิทฺเธนา’’ติ.
นิทฺทา จ ภควโต นตฺถีติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ อคฺคิเวสฺสน…เป… ทิวา สุปิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) วจนโต. อิโตปิ น มิทฺธํ รูปํ สมฺปโยควจนโต. วุตฺตฺหิ ‘‘ถินมิทฺธนีวรณํ อวิชฺชานีวรเณน นีวรณฺเจว นีวรณสมฺปยุตฺตฺจา’’ติอาทิ (ธ. ส. ๑๑๗๖). น เจตฺถ ยถาลาภภวนํ? สกฺกา ปจฺเจตุํ ‘‘สกฺขรกถลิกมฺปิ มจฺฉคุมฺพมฺปิ จรนฺตมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๒๔๙) วิย อปฺปสิทฺธตาย รูปภาวสฺส. สิทฺเธ หิ ตสฺส รูปภาเว สมฺภวโต ยถาลาภปจฺจโย ยุชฺเชยฺยาติ. อิโตปิ น รูปํ มิทฺธํ อารุปฺเปสุ อุปฺปชฺชนโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘นีวรณํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ นีวรโณ ธมฺโม อุปฺปชฺชติ นปุเรชาตปจฺจยา’’ติ (ปฏฺา. ๓.๘.๘) อิมสฺส วิภงฺเค ‘‘อารุปฺเป กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฏิจฺจ ถินมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจนีวรณํ อวิชฺชานีวรณํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วิตฺถาโร. ตสฺมา ‘‘น มิทฺธํ รูป’’นฺติ ยํ อฏฺกถาสุ ปฏิกฺขิตฺตํ, ตํ สุปฏิกฺขิตฺตเมว.
อิตเรสูติ ¶ พลรูปาทีสุ. กมฺมสมุฏฺานสฺสาปิ โรคสฺส วิสภาคปจฺจยสมุปฺปนฺโน ธาตุกฺโขโภ อาสนฺนการณํ, ปเคว อิตรสฺส. โส จ อตฺถโต รูปธมฺมานํ วิการาวตฺถาิติภงฺคกฺขเณสุ เอว สิยาติ วุตฺตํ ‘‘โรครูปํ ชรตาอนิจฺจตาคหเณน คหิตเมวา’’ติ. อุปจยสนฺตติคหเณน คหิตเมวาติ ตพฺพินิมุตฺตสฺส รูปุปฺปาทสฺส อภาวโต. อุปาทาวตฺถาย ¶ จ อฺา ชาติ นาม นตฺเถว. สมฺภโว กามธาตุยํ เอกจฺจิยสตฺตานํ อินฺทฺริยปริปากปจฺจโย อาโปธาตุยา ปวตฺติอาการวิเสโสติ อาห ‘‘สมฺภวรูปํ อาโปธาตุคฺคหเณน คหิตเมวา’’ติ. กายพลํ นาม อตฺถโต วาโยธาตุยา ปวตฺติอาการวิเสโส ตสฺสา วิปฺผารภาวโต. ยโต นํ ‘‘ปาณพล’’นฺติ วทนฺติ, เตนาห ‘‘พลรูปํ วาโยธาตุคฺคหเณน คหิตเมวา’’ติ. กสฺมา ปน เนสํ อยถากฺกมโต ปฏิกฺเขโป กโตติ? วิสุํ นตฺถีติ กตฺวา อนุปลพฺภมานตฺตา อนาทรทสฺสนตฺถํ, มิทฺธปฏิกฺเขโป วา มหาปฺโหติ ปมํ กโต. ตทนุสาเรน ปฏิโลมนเยน อิตเรสมฺปิ อภาโว วุตฺโตติ เวทิตพฺพํ.
‘‘อิตี’’ติ อิทํ ‘‘อฏฺวีสติวิธ’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺธิตพฺพํ, อิมินา วุตฺตกฺกเมน อฏฺวีสติวิธํ โหตีติ. โส จ โข ปาฬิยํ อาคตนเยเนวาติ อนูนตา เวทิตพฺพา. อนธิกภาโว ปน ทสฺสิโต เอว.
๔๔๗. สมฺปยุตฺตธมฺมราสิ หิโนติ เอเตน ปติฏฺหตีหิ เหตุ, มูลฏฺเน โลภาทิโก, อโลภาทิโก จ, ตาทิโส เหตุ น โหตีติ นเหตุ. นาสฺส เหตุ อตฺถีติ อเหตุกํ, สเหตุกปฏิโยคิภาวโต เหตุนา สห น อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. อเหตุกเมว เหตุนา วิปฺปยุตฺตตาย เหตุวิปฺปยุตฺตํ. ธมฺมนานตฺตาภาเวปิ หิ สทฺทตฺถนานตฺเตน เวเนยฺยวเสน ทุกนฺตรเทสนา โหตีติ ทุกปทวเสน เจตํ วุตฺตํ. ปจฺจยาธีนวุตฺติตาย สห ปจฺจเยนาติ สปฺปจฺจยํ. อตฺตโน ปจฺจเยหิ โลเก นิยุตฺตํ, วิทิตนฺติ วา โลกิยํ. อา ภวคฺคํ, อา โคตฺรภุํ วา สวนฺตีติ อาสวา, สห อาสเวหีติ สาสวํ, อาสเวหิ อาลมฺพิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อาทิสทฺเทน สํโยชนียํ โอฆนียํ โยคนียํ นีวรณียํ สํกิเลสิกํ ปรามฏฺํ อเจตสิกํ จิตฺตวิปฺปยุตฺตํ นรูปาวจรํ นอรูปาวจรํ นอปริยาปนฺนํ อนิยตํ อนิยฺยานิกํ อนิจฺจนฺติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อาหิโต อหํ มาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโว. ตํ อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตา อชฺฌตฺตา ¶ , อินฺทฺริยพทฺธธมฺมา, เตสุ ภวํ อชฺฌตฺติกํ, จกฺขาทิ. อฏฺกถายํ ปน วุตฺตนเยน อชฺฌตฺตเมว อชฺฌตฺติกํ ยถา เวนยิโกติ ¶ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘) อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อตฺตภาวํ อธิกิจฺจ ปวตฺตตฺตา อชฺฌตฺติก’’นฺติ. เสสํ เตวีสติวิธํ. ‘‘ตโต พาหิรตฺตา’’ติ อิทํ อชฺฌตฺติกลกฺขณาภาวโต วุตฺตํ. ฆฏฺฏนวเสนาติ วิสยี, วิสโย จ หุตฺวา สงฺฆฏฺฏนวเสน. เสสํ โสฬสวิธํ. วิปรีตตฺตาติ ฆฏฺฏนวเสน อคเหตพฺพโต. ทุปฺปฏิวิชฺฌสภาวตฺตาติ สุขุมภาเวน ทุวิฺเยฺยสภาวตฺตา. าณสฺส อาสนฺเน น โหตีติ ทูเร. เตรส หทยวตฺถุปริโยสานานิ. สภาเวเนวาติ ‘‘รูปสฺส ปริจฺเฉโท, รูปสฺส วิกาโร, รูปสฺส อุปจโย’’ติอาทินา อคฺคเหตฺวา อตฺตโน สภาเวเนว กกฺขฬตฺตาทินา าเณน ปริจฺฉิชฺช คเหตพฺพโต. เสสํ ทสวิธํ. ตพฺพิปรีตตายาติ สภาเวน อปริคฺคหิตพฺพโต. โสตาทีนมฺปิ จกฺขุโน วิย ปสนฺนสภาวตฺตา เอว ยถาสกํ วิสยคฺคหณปจฺจยตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จกฺขาทิ…เป… ปสาทรูป’’นฺติ. วิปรีตตฺตาติ ตพฺพิธุรสภาวตฺตา. อธิปติยฏฺเนาติ เอตฺถ จกฺขาทีนํ ตาว ปฺจนฺนํ จกฺขุวิฺาณาทีสุ อาธิปเตยฺยํ เตสํ ปฏุมนฺทภาวานุวตฺตนโต, อิตฺถิปุริสินฺทฺริยทฺวยสฺส สกิจฺเจ ชีวิตินฺทฺริยสฺส สหชรูปานุปาลเน. ตทุภยํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อุปาทินฺนตฺตาติ คหิตตฺตา. กมฺมนิพฺพตฺตฺหิ ‘‘มเมตํ ผลํ’’นฺติ กมฺมุนา คหิตํ วิย โหติ อปฏิกฺเขปโต.
๔๔๘. สนิทสฺสนกมฺมชาทีนํ ติกานนฺติ สนิทสฺสนตฺติกสฺส, กมฺมชาทิตฺติกานฺจ. โอฬาริเกติ ทฺวาทสวิเธ โอฬาริกรูเป. รูปนฺติ รูปายตนํ. ทฏฺพฺพภาวสงฺขาเตน สห นิทสฺสเนนาติ สนิทสฺสนํ, ปฏิหนนภาวสงฺขาเตน สห ปฏิเฆนาติ สปฺปฏิฆํ, สนิทสฺสนฺจ ตํ สปฺปฏิฆฺจาติ สนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ. ตตฺถ ยสฺส ทฏฺพฺพภาโว อตฺถิ, ตํ สนิทสฺสนํ. จกฺขุวิฺาณโคจรภาโวว ทฏฺพฺพภาโว. ตสฺส รูปายตนโต อนฺตฺเตปิ อฺเหิ ธมฺเมหิ รูปายตนํ วิเสเสตุํ อฺํ วิย กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สห นิทสฺสเนน สนิทสฺสน’’นฺติ. ธมฺมภาวสามฺเน หิ เอกีภูเตสุ ธมฺเมสุ โย นานตฺตกโร วิเสโส, โส อฺโ วิย กตฺวา อุปจริตุํ ยุตฺโต. เอวํ หิ อตฺถวิเสสาวโพโธ โหตีติ. โย สยํ, นิสฺสยวเสน จ สมฺปตฺตานํ, อสมฺปตฺตานฺจ ปฏิมุขภาโว อฺมฺํ ปตนํ, โส ปฏิหนนภาโว, เยน พฺยาปาราทิวิการปจฺจยนฺตรสหิเตสุ จกฺขาทีนํ ¶ วิสเยสุ วิการุปฺปตฺติ. เสสํ เอกาทสวิธํ โอฬาริกรูปํ. ตฺหิ สนิทสฺสนตฺตาภาวโต อนิทสฺสนํ, วุตฺตนเยเนว สปฺปฏิฆํ. อุภยปฏิกฺเขเปน อนิทสฺสนอปฺปฏิฆํ. กมฺมโต ชาตนฺติ เอตฺถ ยํ เอกนฺตกมฺมสมุฏฺานํ อฏฺินฺทฺริยานิ, หทยฺจาติ นววิธํ รูปํ, ยฺจ นววิเธ จตุสมุฏฺาเน กมฺมสมุฏฺานํ นววิธเมว รูปนฺติ ¶ เอวํ อฏฺารสวิธมฺปิ กมฺมโต อุปฺปชฺชนโต กมฺมชํ. ยฺหิ ชาตฺจ ยฺจ ชายติ ยฺจ ชายิสฺสติ, ตํ สพฺพมฺปิ ‘‘กมฺมช’’นฺติ วุจฺจติ ยถา ทุทฺธนฺติ. ตทฺปจฺจยชาตนฺติ กมฺมโต อฺปจฺจยโต ชาตํ อุตุจิตฺตาหารชํ. นกุโตจิชาตนฺติ ลกฺขณรูปมาห. วิฺตฺติทฺวยํ, สทฺโท, อากาสธาตุ, ลหุตาทิตฺตยํ จิตฺตสมุฏฺานานิ อวินิพฺโภครูปานีติ เอตํ ปฺจทสวิธํ รูปํ จิตฺตชํ. อากาสธาตุ, ลหุตาทิตฺตยํ, อาหารสมุฏฺานานิ อวินิพฺโภครูปานีติ เอตํ ทฺวาทสวิธํ รูปํ อาหารชํ. เอตฺถ สทฺทํ ปกฺขิปิตฺวา เตรสวิธํ รูปํ อุตุโต สมุฏฺิตํ อุตุชํ. เสสํ กมฺมชติเก วุตฺตนยานุสาเรเนว เวทิตพฺพํ.
๔๔๙. ทิฏฺาทิจตุกฺกวเสน, รูปรูปาทิจตุกฺกวเสน, วตฺถาทิจตุกฺกวเสนาติ ปาเฏกฺกํ จตุกฺกสทฺโท โยเชตพฺโพ. ยํ รูปายตนํ อทกฺขิ ยํ ปสฺสติ ยํ ทกฺขิสฺสติ ยํ ปสฺเสยฺย, ตํ สพฺพํ ทิฏฺํ นาม ทิฏฺสภาวานาติวตฺตนโต ยถา ทุทฺธนฺติ. เอส นโย เสเสสุปิ. ทสฺสนวิสยตฺตาติ จกฺขุวิฺาณวิฺเยฺยตฺตา. สวนวิสยตฺตาติ โสตวิฺาณวิฺเยฺยตฺตา. คนฺธรสโผฏฺพฺพตฺตยนฺติ คนฺโธ รโส โผฏฺพฺพนฺติ เอตํ ตยํ. มุตํ นาม มุตฺวา ปตฺวา คเหตพฺพโต. เตนาห ‘‘สมฺปตฺตคฺคาหกอินฺทฺริยวิสยตฺตา’’ติ.
กิมิทํ โผฏฺพฺพํ นามาติ? ปถวีเตโชวาโยธาตุตฺตยํ. กสฺมา ปเนตฺถ อาโปธาตุ อคฺคหิตา, นนุ สีตตา ผุสิตฺวา คยฺหติ, สา จ อาโปธาตูติ? สจฺจํ คยฺหติ, น ปน สา อาโปธาตุ. กิฺจรหีติ? เตโชธาตุ เอว. มนฺเท หิ อุณฺหภาเว สีตพุทฺธิ. น หิ สีตํ นาม โกจิ คุโณ อตฺถิ, เกวลํ ปน อุณฺหภาวสฺส มนฺทตาย สีตตาภิมาโน. กถเมตํ วิฺาตพฺพนฺติ เจ? อนวฏฺิตตฺตา สีตพุทฺธิยา ยถา ปาราปาเร. ตถา หิ ฆมฺมกาเล อาตเป ิตานํ ฉายํ ปวิฏฺานํ สีตพุทฺธิ โหติ, ตตฺเถว ปน ปถวีคพฺภโต อุฏฺิตานํ อุณฺหพุทฺธิ. ยทิ หิ สีตตา อาโปธาตุ สิยา, เอกสฺมึ กลาเป อุณฺหภาเวน สทฺธึ อุปลพฺเภยฺย, น จ อุปลพฺภติ. ตสฺมา วิฺายติ น อาโปธาตุ สีตตาติ ¶ . อิทฺจ ภูตานํ อวินิพฺโภควุตฺติตํ อิจฺฉนฺตานํ อุตฺตรํ, อนิจฺฉนฺตานมฺปิ ปน จตุนฺนํ ภูตานํ เอกสฺมึ กลาเป กิจฺจทสฺสเนน สภาควุตฺติตาย สาธิตาย อุตฺตรเมว. เย ปน ‘‘วาโยธาตุยา ลกฺขณํ สีตตา’’ติ วทนฺติ, เตสมฺปิ อิทเมว อุตฺตรํ. ยทิ หิ วาโยธาตุ สีตตา สิยา, เอกสฺมึ กลาเป อุณฺหภาเวน สทฺธึ สีตตา อุปลพฺเภยฺย, น จ อุปลพฺภติ. ตสฺมา วิฺายติ น วาโยธาตุ สีตตาติ. เยสํ ปน ทฺรวตา อาโปธาตุ, สา จ ผุสิตฺวา ¶ คยฺหตีติ ทสฺสนํ. เต วตฺตพฺพา ‘‘ทฺรวภาโวปิ ผุสียตีติ อายสฺมนฺตานํ อธิมานมตฺตํ สณฺานํ วิยา’’ติ. วุตฺตฺเหตํ ปุราตเนหิ –
‘‘ทฺรวตา สหวุตฺตีนิ, ตีณิ ภูตานิ สมฺผุสํ;
‘ทฺรวตํ สมฺผุสามี’ติ, โลโกยมภิมฺติ.
‘‘ผุสํ ภูตานิ สณฺานํ, มนสา คณฺหเต ยถา;
‘ปจฺจกฺขโต ผุสามี’ติ, าตพฺพา ทฺรวตา ตถา’’ติ.
เสสนฺติ ยถาวุตฺตํ รูปาทิสตฺตวิธํ รูปํ เปตฺวา อวสิฏฺํ เอกวีสติวิธํ รูปํ. วิฺาณสฺเสวาติ มโนวิฺาณสฺเสว. อวธารเณน รูปายตนาทีนมฺปิ มโนวิฺาณวิฺเยฺยตฺเต นิยมาภาวโต น วิฺาตรูปตาติ สงฺกราภาวํ ทสฺเสติ.
นิปฺผนฺนรูปํ ปเนตฺถ รูปรูปํ นามาติ ยเทตฺถ อฏฺวีสติวิเธ รูเป ‘‘นิปฺผนฺน’’นฺติ วุตฺตํ รูปํ, ตเทว รูปลกฺขณโยคโต รูปํ. รุปฺปนํ รูปํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ ยถา อริสโสติ, รูปคุณโยคโต วา ยถา นีลคุณโยคโต นีลํ วตฺถนฺติ. สฺวายํ รูปสทฺโท รุฬฺหิยา อตํสภาเวปิ ปวตฺตตีติ อปเรน รูปสทฺเทน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘รูปรูป’’นฺติ ยถา ติลเตลํ, ทุกฺขทุกฺขนฺติ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๓๙) จ, รุปฺปนสภาวํ รูปนฺติ อตฺโถ. ยทิ เอวํ, อากาสธาตุอาทีนํ กถํ รูปภาโวติ? นิปฺผนฺนรูปสฺส ปริจฺเฉทวิการลกฺขณภาวโต ตคฺคติกเมวาติ ‘‘รูป’’นฺตฺเวว วุจฺจติ.
วสนฺติ เอตฺถ จิตฺตเจตสิกา ปวตฺตนฺตีติ วตฺถุ, จิตฺตตํสมฺปยุตฺตานํ อาธารภูตํ รูปํ. ตํ ปน ฉพฺพิธํ. ตตฺถ หทยรูปํ วตฺถุ เอว มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ นิสฺสยภาวโต. น ทฺวารํ อฺนิสฺสยานํ จกฺขาทิ วิย. ยถา หิ จกฺขาทีนิ สมฺปฏิจฺฉนาทีนํ ปวตฺติยา ทฺวารํ โหนฺติ, น ¶ เอวํ หทยวตฺถุ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ ปเนตฺถ หทยรูปํ นาม, ตํ วตฺถุ, น ทฺวาร’’นฺติ. วิฺตฺติทฺวยํ ทฺวารํ กมฺมทฺวารภาวโต. ตนฺนิสฺสิตสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส อภาวโต น วตฺถุ. ปสาทรูปํ วตฺถุ เจว อตฺตสนฺนิสฺสิตสฺส จกฺขุวิฺาณาทิกสฺส, ทฺวารฺจ อฺนิสฺสิตสฺส สมฺปฏิจฺฉนาทิกสฺส. เสสํ เอกวีสติวิธํ รูปํ วุตฺตวิปริยายโต เนว วตฺถุ น จ ทฺวารํ.
๔๕๐. เอกโต ¶ เอว ชาตํ เอกชํ. นนุ จ เอกโต เอว ปจฺจยโต ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อุปฺปตฺติ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, รูปชนกปจฺจเยสุ เอกโตติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. น หิ รูปุปฺปตฺติ รูปชนกโต อฺํ ปจฺจยํ อเปกฺขติ. ทฺวิชนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อิเมสนฺติ อิเมสํ ปเภทานํ วเสน. กมฺมชเมวาติ กมฺมโต เอว ชาตํ. จิตฺตชเมวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. จิตฺตโต จ อุตุโต จ ชาตนฺติ กาเลน จิตฺตโต, กาเลน อุตุโตติ เอวํ จิตฺตโต จ อุตุโต จ ชาตํ ทฏฺพฺพํ. ตํ ทฺวิชํ ทฺวีหิ ชาตนฺติ. ปรโต ทฺวีสุปิ เอเสว นโย. สทฺทายตนเมวาติ เอตฺถ ยํ จิตฺตชํ สทฺทายตนํ, ตํ สวิฺตฺติกเมวาติ เอเก. อวิฺตฺติโกปิ อตฺถิ วิตกฺกวิปฺผารสทฺโทติ โปราณา.
วิตกฺกวิปฺผารสทฺโท น โสตวิฺเยฺโยติ หิ เอวํ ปวตฺตมหาอฏฺกถาวาทํ นิสฺสาย จิตฺตสมุฏฺานสฺส สทฺทสฺส วิฺตฺติยา วินาปิ อุปฺปตฺติ อิจฺฉิตพฺพา. น หิ วิฺตฺติ ‘‘กายวาจาย วิฺตฺตี’’ติ วจนโต อโสตวิฺเยฺเยน สทฺเทน สห อุปฺปชฺชติ, เอวํ สนฺเต จิตฺตเชนาปิ สทฺทนวเกน ภวิตพฺพํ. โส จ วาโท ‘‘สทฺโท จ โหติ, น โสตวิฺเยฺโย จา’’ติ วิรุทฺธเมเวตนฺติ มฺมาเนหิ สงฺคหกาเรหิ ปฏิกฺขิตฺโต. อปเร ปน มหาอฏฺกถาวาทํ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา ตสฺส อธิปฺปายํ วณฺเณนฺติ. กถํ? ‘‘ชิวฺหาตาลุจลนาทิกํ วิตกฺกสมุฏฺิตํ วิฺตฺติสหชเมว สุขุมสทฺทํ ทิพฺพโสเตน สุตฺวา อาทิสตี’’ติ สุตฺเต, ปฏฺาเน จ โอฬาริกํ สทฺทํ สนฺธาย โสตวิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจยภาโว วุตฺโตติ อิมินา อธิปฺปาเยน วิตกฺกวิปฺผารสทฺทสฺส อโสตวิฺเยฺยตา วุตฺตาติ. ตํ จตุชํ. อวเสสนฺติ อวินิพฺโภครูเปน สทฺธึ อากาสธาตุมาห.
ลกฺขณรูปํ ¶ ปน นกุโตจิชาตนฺติ กุโตจิปิ ปจฺจยโต น ชาตํ, นาปิ สยเมว ชาตํ ปจฺจเยหิ วินา สยเมว ชาตสฺส สพฺเพน สพฺพํ อภาวโต. กถํ ปเนตํ วิฺาตพฺพํ ลกฺขณรูปํ น ชายตีติ? ลกฺขณาภาวโต. อุปฺปตฺติมนฺตานํ หิ รูปายตนาทีนํ ชาติอาทีนิ ลกฺขณานิ วิชฺชนฺติ, น เอวํ ชาติอาทีนํ. ตสฺมา วิฺาตพฺพเมตํ ชาติอาทีนิ น ชายนฺตีติ. สิยา ปเนตํ ‘‘ชาติอาทีนํ ชาติอาทีนิ ลกฺขณานิ วิชฺชนฺตี’’ติ? ตํ น, กสฺมา? ตถา สติ อนวฏฺานาปตฺติโต. ยทิ หิ ชาติอาทีนิ ชาติอาทิมนฺตานิ สิยุํ, ตานิปิ ชาติอาทิมนฺตานิ, ตานิปิ ชาติอาทิมนฺตานีติ อนวฏฺานเมว อาปชฺชติ. ตสฺมา สุฏฺุ วุตฺตํ ‘‘ชาติอาทีนิ ¶ น ชายนฺตี’’ติ. เตนาห ‘‘น หิ อุปฺปาทสฺส อุปฺปาโท อตฺถิ, อุปฺปนฺนสฺส จ ปริปากเภทมตฺตํ อิตรทฺวย’’นฺติ, ชรามรณนฺติ อตฺโถ.
ตตฺถ ‘‘อุปฺปาโท นตฺถี’’ติ เอเตน อุปฺปาทสฺส ชรามรณาภาวมาห. อสติ อุปฺปาเท กุโต ชรามรณนฺติ มตฺตคฺคหเณน ชรามรณสฺส อุปฺปาทาภาวมฺปิ. ยทิ เอวํ ชาติยา กุโตจิ ชาตตาวจนํ กถนฺติ อาห ‘‘ยมฺปี’’ติอาทิ. ตตฺถ กิจฺจานุภาวกฺขเณ ทิฏฺตฺตาติ เย เต จิตฺตาทโย รูปายตนาทีนํ รูปานํ ชนกปจฺจยา, เตสํ ตทุปฺปาทนํ ปติ อนุปรตพฺยาปารานํ โย โส ปจฺจยภาวูปลกฺขณีโย กิจฺจานุภาวกฺขโณ, ตทา ชายมานานํ รูปายตนาทีนํ ธมฺมานํ วิการภาเวน อุปลพฺภมานตํ สนฺธาย เวเนยฺยปุคฺคลวเสน ชาติยา กุโตจิ ปจฺจยโต ชาตตฺตํ ปาฬิยํ อนฺุาตํ ยถา ตํ จิตฺตสมุฏฺานตาทิ วิฺตฺติอาทีนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – เยหิ ปจฺจยธมฺเมหิ รูปาทโย อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตสํ ปจฺจยภาวูปคมนกฺขเณ อุปลพฺภมานา รูปาทโย ตโต ปุเร, ปจฺฉา จ อนุปลพฺภมานา ตโต อุปฺปชฺชนฺตีติ วิฺายนฺติ, เอวํ ชาติปิ เวทิตพฺพา. ยทิ เอวํ นิปฺปริยายโต ชาติยา กุโตจิ ชาตตา สิทฺธา, อถ กสฺมา เวเนยฺยปุคฺคลวเสนาติ วุตฺตนฺติ? นยิทเมวํ ชายมานธมฺมวิการภาเวน อุปลพฺภมานตฺตา. ยทิ หิ ธมฺโม วิย อุปลพฺเภยฺย ชาติ, นิปฺปริยาโยว ตสฺสา กุโตจิ ชาตภาโว, น เอวมุปลพฺภติ, อถ โข วิการภาเวน. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เวเนยฺยปุคฺคลวเสนา’’ติ.
ตทา กิร โสตูนํ เอวํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ ‘‘อยํ ชาติ สพฺเพสํ ธมฺมานํ ปภโว, สยฺจ น กุโตจิ ชายติ ยถา ตํ ปกติวาทีนํ ปกตี’’ติ, ตํ ¶ เนสํ มิจฺฉาคาหํ วิธเมนฺโต สตฺถา ‘‘อุปจโย สนฺตตี’’ติ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา กุโตจิ ปจฺจยโต ชาตฺจ กตฺวา เทเสสิ, น ปน ชรามรณํ ปจฺจยธมฺมานํ กิจฺจานุภาวกฺขเณ อทสฺสนโต. ยทิ เอวํ กถํ ‘‘ชรามรณํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๐) วุตฺตํ? ยสฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ ปริปากภงฺคตาย เตสุ สนฺเตสุ โหนฺติ, น อสนฺเตสุ. น หิ อชาตํ ปริปจฺจติ, ภิชฺชติ วา, ตสฺมา ตํ ชาติปจฺจยตํ สนฺธาย ‘‘ชรามรณํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๐) ปริยาเยน สุตฺเตสุ วุตฺตํ. โย ปเนตฺถ กามภวาทีสุ กมฺมาทินา ปจฺจเยน โยนิวิภาคโต ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺติยฺจ รูปธมฺมานํ ปวตฺติเภโท วตฺตพฺโพ, โส ปรโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถายํ อาวิ ภวิสฺสตีติ น วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.
อิติ รูปกฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขวณฺณนา.
วิฺาณกฺขนฺธกถาวณฺณนา
๔๕๑. ยํ ¶ กิฺจีติ อนวเสสปริยาทานทีปเกน ปททฺวเยน เวทยิตสฺส พหุเภทตํ ทสฺเสนฺโต วุจฺจมานํ ราสฏฺํ อุลฺลิงฺเคติ. เวทยิตํ อารมฺมณรสานุภวนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ เวทยิตลกฺขณํ. สพฺพํ ตํ ธมฺมชาตนฺติ อธิปฺปาโย, ปุพฺเพ วา รูปกฺขนฺธกถายํ วุตฺตํ อธิการโต อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เอกโต กตฺวาติ อตีตาทิเภทภินฺนํ สพฺพํ ตํ พุทฺธิยา เอกโต กตฺวา. เอวฺหิ ราสฏฺสฺส สมฺภโว. นีลาทิเภทสฺส อารมฺมณสฺส สฺชานนํ, ‘‘นีลํ ปีตํ ทีฆํ รสฺส’’นฺติ (ธ. ส. ๖๑๕) จ อาทินา สฺุปฺปาทวเสน ชานนํ คหณํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ สฺชานนลกฺขณํ. อภิสงฺขรณํ อายูหนํ พฺยาปาราปตฺติ, อภิสนฺทหนํ วา, อุภยถาปิ เจตนาปธานตาย สงฺขารกฺขนฺธสฺส เอวํ วุตฺตํ ‘‘อภิสงฺขรณลกฺขณ’’นฺติ. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธํ วิภชนฺเตน ภควตา ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา (วิภ. ๒๑) เจตนาว วิภตฺตา. มินิตพฺพวตฺถุํ นาฬิยา มินมาโน ปุริโส วิย เยน สฺชานนาการวิสิฏฺเน อากาเรน วิสยํ คณฺหาติ, ตํ อารมฺมณูปลทฺธิสงฺขาตํ วิชานนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ วิชานนลกฺขณํ. อิตเร เวทนากฺขนฺธาทโย สุวิฺเยฺยา โหนฺตีติ วิฺาเณน เอกุปฺปาทาทิภาวโต, สมานชาติอาทิวิภาคโต จ.
อตฺตนา ¶ ‘‘วิชานนลกฺขณ’’นฺติ วุตฺตมตฺถํ สุตฺเตน สมตฺเถตุํ ‘‘ยํ กิฺจี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถาปจฺจยํ ปวตฺติมตฺตเมตํ, ยทิทํ สภาวธมฺโมติ ทสฺเสตุํ ‘‘วิชานนลกฺขณ’’นฺติ ภาวสาธนวเสน วุตฺตํ. ธมฺมสภาวา วินิมุตฺโต โกจิ กตฺตา นาม นตฺถีติ ตสฺเสว กตฺตุภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิชานาตี’’ติ วุตฺตํ. ยํ วิชานนฏฺเน วิฺาณํ, ตเทว จินฺตนาทิอตฺเถน จิตฺตํ, มนนฏฺเน มโนติ ปริยายโตปิ นํ โพเธติ. เอตฺตาวตา จ ขนฺธโต, เภทโต, ปริยายโต จ วิฺาณํ วิภาวิตํ โหติ.
ชายนฺติ เอตฺถ วิสทิสาปิ สทิสาการาติ ชาติ, สมานากาโร. สา ปนายํ ชาติ กามํ อเนกวิธา นานปฺปการา, ตํ อิธาธิปฺเปตเมว ปน ทสฺเสนฺโต ‘‘กุสลํ, อกุสลํ, อพฺยากตฺจา’’ติ อาห. ตตฺถ กุสลฏฺเน กุสลํ. โกยํ กุสลฏฺโ นาม? อาโรคฺยฏฺโ อนวชฺชฏฺโ สุขวิปากฏฺโ. อาโรคฺยฏฺเนาปิ หิ กุสลํ วุจฺจติ ‘‘กจฺจิ นุ โภโต กุสล’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๖; ๒.๒๐.๑๒๙). อนวชฺชฏฺเนาปิ ‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กุสโล กายสมาจาโร? โย โข, มหาราช ¶ , อนวชฺโช กายสมาจาโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๖๑). สุขวิปากฏฺเนาปิ ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตู’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐). กุสลจิตฺตฺหิ ราคาทีนํ เจตสิกโรคานํ อวชฺชสภาวานํ ปฏิปกฺขภาวโต, สุขวิปากวิปจฺจนโต จ อโรคํ, อนวชฺชํ, สุขวิปากฺจาติ.
สทฺทตฺถโต ปน กุจฺฉิเต ปาปธมฺเม สลยติ จลยติ กมฺเมติ วิทฺธํเสตีติ กุสลํ. กุจฺฉิเตน วา อากาเรน สยนฺตีติ กุสา, ปาปธมฺมา, เต กุเส ลุนาติ ฉินฺทตีติ กุสลํ. กุจฺฉิตานํ วา สานโต ตนุกรณโต าณํ กุสํ นาม, เตน ลาตพฺพํ คเหตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ กุสลํ. ยถา วา กุโส อุภยภาคคตํ หตฺถปเทสํ ลุนาติ, เอวมิทํ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนวเสน อุภยภาคคตํ สํกิเลสปกฺขํ ลุนาติ ฉินฺทติ, ตสฺมา กุโส วิย ลุนาตีติ กุสลํ. กุจฺฉิตานํ วา สาวชฺชธมฺมานํ สลนโต สํวรณโต กุสลํ. กุสลธมฺมวเสน หิ อกุสลา ปวตฺตินิวารเณน, อปฺปวตฺติภาวาปาทเนน จ มนจฺฉฏฺเสุ ทฺวาเรสุ อปฺปวตฺติยา สํวุตา ปิหิตา โหนฺติ. กุจฺฉิเต วา ปาปธมฺเม สลยติ กมฺเปติ อปเนตีติ กุสลํ. กุจฺฉิตานํ วา ปาณาติปาตาทีนํ ปาปธมฺมานํ ¶ สานโต นิสานโต เตชนโต กุสา, โทสโลภาทโย. โทสาทีนฺหิ วเสน เจตนาย ติกฺขภาวปฺปตฺติยา ปาณาติปาตาทีนํ มหาสาวชฺชตา, เต กุเส ลุนาติ ฉินฺทตีติ กุสลํ. กุจฺฉิตานํ วา สานโต อนฺตกรณโต วินาสนโต กุสานิ, ปฺุกิริยวเสน ปวตฺตานิ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ, เตหิ ลาตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ กุสลํ. ‘‘กุ’’ อิติ วา ภูมิ วุจฺจติ, อธิฏฺานภาเวน ตํสทิสสฺส อตฺตโน นิสฺสยภูตสฺส รูปารูปปฺปพนฺธสฺส สมฺปติ, อายติฺจ อนุทหเนน วินาสนโต กุํ สิยนฺตีติ กุสา, ราคาทโย, เต วิย อตฺตโน นิสฺสยสฺส ลวนโต ฉินฺทนโต กุสลํ. ปโยคสมฺปาทิตา หิ กุสลธมฺมา อจฺจนฺตเมว รูปารูปธมฺเม อปฺปวตฺติกรเณน สมุจฺฉินฺทนฺตีติ.
น กุสลนฺติ อกุสลํ, กุสลปฏิปกฺขนฺติ อตฺโถ. น กุสลนฺติ หิ กุสลปฏิกฺเขเปน อกุสลปทสฺส อวยวเภเทน อตฺเถ วุจฺจมาเน ยถา ยํ ธมฺมชาตํ น อโรคํ, น อนวชฺชํ, น สุขวิปากํ, น จ โกสลฺลสมฺภูตํ, ตํ อกุสลนฺติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ, เอวํ ยํ น กุจฺฉิตานํ สลนสภาวํ, น กุสานํ ลวนสภาวํ, น กุเสน กุเสหิ วา ปวตฺเตตพฺพํ, น จ กุโส วิย ลวนกํ, ตํ อกุสลํ นามาติ อยมฺปิ อตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. เอตฺถ จ ยสฺมา กุสลํ อกุสลสฺส อุชุวิปจฺจนีกภูตํ, ยโต เจตสิกโรคปฏิปกฺขาทิภาวโต อโรคาทิปริยาเยนปิ ¶ โพธิตํ, ตสฺมา อกุสลํ ปน กุสลสฺส อุชุวิปจฺจนีกภูตนฺติ วุตฺตํ ‘‘กุสลปฏิปกฺขนฺติ อตฺโถ’’ติ. ตํ ปน ยถากฺกมํ ปหายกปหาตพฺพภาเวเนวาติ ทฏฺพฺพํ.
น พฺยากตนฺติ อพฺยากตํ, กุสลากุสลภาเวน อกถิตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ กุสลภาโว อนวชฺชสุขวิปากฏฺโ. อกุสลภาโว สาวชฺชทุกฺขวิปากฏฺโ, ตทุภยภาเวน อวุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอเตเนว อโรคสโรคาทิภาเวน จ อวุตฺตตา วณฺณิตาติ ทฏฺพฺพา. เอตฺถ จ ‘‘กุสลํ อกุสล’’นฺติ จ วตฺวา ‘‘อพฺยากต’’นฺติ วุตฺตตฺตา กุสลากุสลภาเวเนว อวุตฺตตา วิฺายติ, น ปการนฺตเรน. อวุตฺตตา เจตฺถ น ตถา อวตฺตพฺพตามตฺเตน, อถ โข ตทุภยวินิมุตฺตสภาวตาย เตสํ ธมฺมานนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา เหตํ ‘‘อวิปากลกฺขณ’’นฺติ วุจฺจติ.
๔๕๒. ภูมิเภทโตติ ภวนฺติ เอตฺถ ธมฺมาติ ภูมิ, านํ, อวตฺถา จ. อวตฺถาปิ หิ อวตฺถาวนฺตานํ ปวตฺติฏฺานํ วิย คยฺหติ, เอวํ เนสํ สุขคฺคหณํ โหตีติ ¶ . ตตฺถ โลกิยา ภูมิ านวเสเนว เวทิตพฺพา, โลกุตฺตรา อวตฺถาวเสน. โลกิยา วา านาวตฺถาวเสน, โลกุตฺตรา อวตฺถาวเสเนว. กามาวจรนฺติ เอตฺถ วตฺถุกาโม กิเลสกาโมติ ทฺเว กามา. เตสุ วตฺถุกาโม วิเสสโต ปฺจ กามคุณา กามียนฺตีติ, กิเลสกาโม ตณฺหา กาเมตีติ. เต ทฺเวปิ สหิตา หุตฺวา ยตฺถ อวจรนฺติ, ตํ กามาวจรํ. กึ ปน ตนฺติ? เอกาทสวิโธ กามภโว. อิทํ เยภุยฺเยน ตตฺถ อวจรติ ปวตฺตตีติ กามาวจรํ เอกสฺส อวจรสทฺทสฺส โลปํ กตฺวา. เอวํ รูปารูปาวจรานิปิ เวทิตพฺพานิ รูปตณฺหา รูปํ, อรูปตณฺหา อรูปนฺติ กตฺวา. อถ วา กามตณฺหา กาโม อุตฺตรปทโลเปน, อวจรติ เอตฺถาติ อวจรํ, กามสฺส อวจรํ กามาวจรํ. เอวํ รูปาวจรารูปาวจรานิปิ เวทิตพฺพานิ. โลกโต อุตฺตรตีติ โลกุตฺตรํ กุสลสฺส อธิปฺเปตตฺตา. อิตรํ ปน โลกโต อุตฺติณฺณนฺติ โลกุตฺตรํ.
โสมนสฺสุเปกฺขาาณสงฺขารเภทโตติ เอตฺถ โสมนสฺสุเปกฺขาเภโท ตาว ยุตฺโต เตสํ ภินฺนสภาวตฺตา, าณสงฺขารเภโท ปน กถนฺติ? นายํ โทโส าณสงฺขารกโต เภโทาณสงฺขารเภโท, โส จ เตสํ ภาวาภาวกโตติ กตฺวา. โสภนํ มโน, สุนฺทรํ วา มโน เอตสฺสาติ สุมโน, สุมนสฺส ภาโว โสมนสฺสํ, มานสิกสุขา เวทนา รุฬฺหิยา, โสมนสฺเสน อุปฺปาทโต ปฏฺาย ยาว ภงฺคา สหคตํ ปวตฺตํ สํสฏฺํ, สมฺปยุตฺตนฺติ อตฺโถ. โสมนสฺสสหคตตา จสฺส อารมฺมณวเสน เวทิตพฺพา. อิฏฺารมฺมเณ หิ จิตฺตํ โสมนสฺสสหคตํ โหติ. นนุ จ อิฏฺารมฺมณํ โลภสฺส วตฺถุ, กถํ ¶ ตตฺถ กุสลํ โหตีติ? นยิทเมกนฺติกํ อิฏฺเปิ อาโภคาทิวเสน กุสลสฺส อุปฺปชฺชนโต. ยสฺส หิ จตุสมฺปตฺติจกฺกสมาโยคาทิวเสน โยนิโสว อาโภโค โหติ, กุสลเมว จ มยา กตฺตพฺพนฺติ กุสลกรเณ จิตฺตํ นิยมิตํ, อกุสลปฺปวตฺติโต จ นิวตฺเตตฺวา กุสลกรเณ เอว ปริณามิตํ, อภิณฺหกรณวเสน จ สมุทาจริตํ, ตสฺส อิฏฺเปิ อารมฺมเณ อโลภาทิสมฺปยุตฺตเมว จิตฺตํ โหติ, น โลภาทิสมฺปยุตฺตํ.
าเณน ¶ สมํ ปกาเรหิ ยุตฺตนฺติ าณสมฺปยุตฺตํ. เอกุปฺปาทาทโย เอว เจตฺถ ปการาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ กมฺมูปปตฺติอินฺทฺริยปริปากกิเลสทูรีภาวา าณสมฺปยุตฺตตาย การณํ. โย หิ ปเรสํ ธมฺมํ เทเสติ, อนวชฺชานิ สิปฺปายตนกมฺมายตนวิชฺชฏฺานานิ สิกฺขาเปตีติ เอวมาทิกํ ปฺาสํวตฺตนิยํ กโรติ, ตสฺส กมฺมูปนิสฺสยวเสน กุสลจิตฺตํ อุปฺปชฺชมานํ าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. ตถา อพฺยาปชฺเช โลเก อุปฺปนฺนสฺส อุปปตฺตึ นิสฺสาย าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ตสฺส ตตฺถ สุขิโน ธมฺมปทา ปฺลวนฺติ, ทนฺโธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโท, อถ โข โส สตฺโต ขิปฺปํเยว วิเสสภาคี (อ. นิ. ๔.๑๙๑) โหตี’’ติ. ตถา ปฺาทสกปตฺตสฺส อินฺทฺริยปริปากํ นิสฺสาย กุสลํ อุปฺปชฺชมานํ าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. เยน ปน กิเลสา วิกฺขมฺภิตา, ตสฺส กิเลสทูรีภาวํ นิสฺสาย าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘โยคา เว ชายเต ภูริ, อโยคา ภูริสงฺขโย’’ติ (ธ. ป. ๒๘๒). อตฺตโน วา ปรสฺส วา สมุสฺสาหชนิตํ จิตฺตปโยคสงฺขาตํ สงฺขรณํ สงฺขาโร, โส เอตสฺส นตฺถีติ อสงฺขารํ. เตน ปน สห สงฺขาเรน ปวตฺตตีติ สสงฺขารํ. าเณน วิปฺปยุตฺตํ วิรหิตนฺติ าณวิปฺปยุตฺตํ. วิปฺปโยโคติ เจตฺถ าณสฺส อภาโว อปฺปวตฺติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. อุเปกฺขตีติ อุเปกฺขา, เวทยมานาปิ อารมฺมณํ อชฺฌุเปกฺขติ มชฺฌตฺตตาการสณฺิตตฺตาติ อตฺโถ. อถ วา อุเปตา สุขทุกฺขานํ อวิรุทฺธา อิกฺขา อนุภวนนฺติ อุเปกฺขา. อถ วา อิฏฺเ จ อนิฏฺเ จ อารมฺมเณ ปกฺขปาตาภาเวน อุปปตฺติโต ยุตฺติโต อิกฺขติ อนุภวตีติ อุเปกฺขา, ตาย สหคตนฺติ อุเปกฺขาสหคตํ. เสสํ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
เอวํ อฏฺ กามาวจรกุสลจิตฺตานิ อุทฺทิสิตฺวา อิทานิ เตสํ ปวตฺติอาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยทา หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ปฏิคฺคาหกาทิสมฺปตฺตินฺติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน เทสกาลกลฺยาณมิตฺตาทิสมฺปตฺตึ สงฺคณฺหาติ. อฺํ วา โสมนสฺสเหตุนฺติ เอตฺถ อฺคฺคหเณน สทฺธาพหุลตา, วิสุทฺธทิฏฺิตา, กุสลกิริยาย อานิสํสทสฺสาวิตา, โสมนสฺสปฏิสนฺธิกตา, เอกาทส ¶ ปีติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยา ธมฺมาติ เอวมาทีนํ สงฺคโห. อาทินยปฺปวตฺตนฺติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน น เกวลํ ‘‘อตฺถิ ยิฏฺ’’นฺติอาทีนํ (ม. นิ. ๑.๔๔๑; ๒.๙๕) นวนฺนํเยว สมฺมาทิฏฺิวตฺถูนํ คหณํ, อถ โข ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยาทีนมฺปิ ¶ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ปุรกฺขตฺวาติ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา. ตฺจ โข สหชาตปุพฺพงฺคมวเสน ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑-๒) วิย สมฺปโยคสฺส อธิปฺเปตตฺตา. อสํสีทนฺโตติ สิโลกมจฺฉริยาทิวเสน ปฺุกิริยายํ สํสีทํ สงฺโกจํ อนาปชฺชนฺโต, เตน มุตฺตจาคตาทึ ทสฺเสติ. อนุสฺสาหิโตติ เกนจิปิ น อุสฺสาหิโต. สรสโต หิ ปฺุปฏิปตฺติทสฺสนมิทํ. ปเรหีติ ปน ปากฏุสฺสาหนทสฺสนํ.
ทานาทีนีติ ทานํ สีลํ ยาว ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ อิมานิ ทานาทีนิ ทส ปฺุานิ, ทานาทีนีติ วา ทานสีลภาวนามยานิ อิตเรสมฺปิ สตฺตนฺนํ เอตฺเถวนฺโตคธตฺตา. ยตฺถ สยํ อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ สนฺตานํ ปุนนฺติ, ปุชฺชํ ภวผลํ นิพฺพตฺเตนฺตีติ วา ปฺุานิ. อสฺส ปฺุเจตนาสมงฺคิโน. อมุตฺตจาคตา เทยฺยธมฺเม สาเปกฺขจิตฺตตา. อาทิ-สทฺเทน สีลสมาทานาทีสุ อนธิมุตฺตตาทึ สงฺคณฺหาติ. ตเทวาติ โสมนสฺสสหคตาทินา สทิสตาย วุตฺตํ. สทิสมฺปิ หิ ‘‘ตเทวา’’ติ โวหรียติ ยถา ‘‘สา เอว ติตฺติรี, ตานิเยว โอสธานี’’ติ. อิมสฺมิฺหิ อตฺเถติ ลีนสฺส จิตฺตสฺส อุสฺสาหนปโยคสงฺขาเต อตฺเถ. เอตนฺติ ‘‘สงฺขาโร’’ติ เอตํ ปทํ. ปุพฺพปโยคสฺสาติ ปฺุกิริยายํ สงฺโกเจ ชายมาเน ตโต วิเวเจตฺวา สมุสฺสาหนวเสน ปวตฺตสฺส จิตฺตปโยคสฺส, ปุพฺพคฺคหณฺเจตฺถ ตถาปวตฺตปุพฺพาภิสงฺขารวเสน โส สงฺขาโร โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ, น ตสฺส สงฺขารสฺส ปุพฺพกาลิกตฺตา. ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๔๑; ๒.๙๕) นยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฏฺิยา อสมฺภวทสฺสนตฺถํ พาล-คฺคหณํ. สํสีทนุสฺสาหนาภาวทสฺสนตฺถํ สหสา-คหณํ. โสมนสฺสรหิตา โหนฺติ ปฺุํ กโรนฺตาติ อธิปฺปาโย. โสมนสฺสเหตูนํ อภาวํ อาคมฺมาติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. มชฺฌตฺตารมฺมณตถารูปเจโตสงฺขาราทโยปิ หิ อุเปกฺขาสหคตตาย การณํ โหนฺติเยวาติ.
เอวนฺติอาทิ นิคมนํ. ตยิทํ อฏฺวิธมฺปิ กามาวจรํ กุสลจิตฺตํ รูปารมฺมณํ ยาว ธมฺมารมฺมณนฺติ ฉสุ อารมฺมเณสุ ยํ วา ตํ วา อาลมฺพิตฺวา อุเปกฺขาสหคตาเหตุกกิริยามโนวิฺาณธาตานนฺตรํ กายทฺวาราทีหิ ตีหิ ทฺวาเรหิ กายกมฺมาทิวเสน อุปฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ¶ าณสมฺปยุตฺตานิ จตฺตาริ ยทา ติเหตุกปฏิสนฺธึ อุปฺปาเทนฺติ, ตทา โสฬส วิปากจิตฺตานิ ¶ ผลนฺติ. ยทา ปน ทุเหตุกํ, ตทา ทฺวาทส ติเหตุกวชฺชานิ. อเหตุกํ ปน ปฏิสนฺธึ ติเหตุกานิ น อุปฺปาเทนฺเตว, ทุเหตุกานิ ปน ทุเหตุกปฏิสนฺธิทานกาเล ทฺวาทส, อเหตุกปฏิสนฺธึ ทานกาเล อฏฺ ผลนฺติ. ติเหตุกา ปน ปฏิสนฺธิ ทุเหตุเกหิ น โหติเยว. ‘‘อฏฺ ผลนฺตี’’ติ เจตํ ปฏิสนฺธึ ชนกกมฺมวเสน วุตฺตํ. อฺเน ปน กมฺมุนา ‘‘สเหตุกํ ภวงฺคํ อเหตุกสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๓.๑.๑๐๒) วจนโต สเหตุกมฺปิ วิปากจิตฺตํ อเหตุกปฏิสนฺธิกสฺส โหติเยว. อิมสฺมึ จ ปกฺเข พลวตา ปจฺจเยน อุปฺปนฺนํ อสงฺขารํ, ทุพฺพเลน สสงฺขารนฺติ เวทิตพฺพํ. เย ปน อาคมนโต จ วิปากสฺส อสงฺขารสสงฺขารภาวํ อิจฺฉนฺติ, เตสํ มเตน ทฺวาทส, อฏฺ จ ผลนฺตีติ โยเชตพฺพํ. เอวํ ติธา ผลํ ททนฺตฺเจตํ กามาวจรสุคติยํ อุปปตฺตึ, สุคติทุคฺคตีสุ โภคสมฺปทฺจ กโรติ. นาคสุปณฺณาทีนมฺปิ หิ ยํ เทวโภคสมฺปตฺติสทิสํ โภคชาตํ อุปฺปชฺชติ, ตมฺปิ กามาวจรกุสลสฺเสว ผลํ. น หิ อกุสลสฺส อิฏฺํ ผลํ อตฺถีติ.
รูปาวจรํ ปนาติ ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโก. เตน ยถา กามาวจรํ กิเลสานํ ตทงฺคปฺปหานมตฺตกรํ, น เอวมิทํ, อิทํ ปน วิกฺขมฺภนปฺปหานกรํ. ยถา วา ตํ เวทนาาณสงฺขารเภทโต อฏฺธา ภิชฺชติ, น เอวมิทํ, อิทํ ปน ตโต อฺถา วาติ วกฺขมานํ วิเสสํ โชเตติ. ตํ ปเนตํ สวตฺถุกํ, สาสวํ, วินีวรณฺจ รูปาวจรนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘สวตฺถุกํ เอวา’’ติ หิ อิมินา อรูปาวจรํ นิวตฺเตติ, ‘‘สาสว’’นฺติ อิมินา ปมมคฺคจิตฺตํ, ‘‘วินีวรณ’’นฺติ อิมินา ปฏิฆสหิตทฺวยํ. กตฺถจิ ปฺจ ฌานงฺคานิ, กตฺถจิ จตฺตาริ, กตฺถจิ ตีณิ, กตฺถจิ ทฺเว, กตฺถจิ อปรานิ ทฺเวติ เอวํ ฌานงฺคโยคเภทโต ปฺจวิธนฺติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เสยฺยถิท’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา ฌานกถายํ (วิสุทฺธิ. ๑.๗๙ อาทโย) วุตฺตเมว. ตยิทํ ภาวนามยเมว หุตฺวา วุตฺตนเยน ปถวีกสิณาทิกํ อาลมฺพิตฺวา ยถารหํ าณสมฺปยุตฺตกุสลานนฺตรํ อุปฺปชฺชติ, หีนาทิเภทภินฺนํ ปเนตํ ยถากฺกมํ พฺรหฺมปาริสชฺชาทีสุ โสฬสสุปิ พฺรหฺมโลเกสุ อุปปตฺตินิปฺผาทกนฺติ ทฏฺพฺพํ.
รูปสฺาสมติกฺกมาทินา ¶ สมธิคนฺตพฺพํ อรูปาวจรํ. จตุนฺนํ อรูปานนฺติ อุเปกฺขาสมาธิสงฺขาเตหิ จตูหิ อรูปชฺฌาเนหิ. กรเณ หิ เอตํ สามิวจนํ. อรูปานํ วา โย อารมฺมณาทิกโต สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ โยโค โยคเภโท, ตสฺส วเสน. วุตฺตปฺปกาเรนาติ เหฏฺา อารุปฺปกถายํ ¶ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๗๕ อาทโย) วุตฺตปฺปกาเรน. ปมนฺติ ปมํ อรูปาวจรกุสลจิตฺตํ. ทุติยตติยจตุตฺถานีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตานิมานิ ภาวนามยาเนว หุตฺวา ยถานุปุพฺพํ กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ, ปมารุปฺปวิฺาณํ, นตฺถิภาวํ, อากิฺจฺายตนนฺติ อิมานิ อาลมฺพิตฺวา อุเปกฺขาสหคตาณสมฺปยุตฺตกุสลานนฺตรํ อุปฺปชฺชิตฺวา จตูสุ อรูปีพฺรหฺมโลเกสุ ปฏิสนฺธิปวตฺติวิปากทายีนิ. เสสํ ปเนตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ฉวิสุทฺธิปรมฺปราย สมธิคนฺตพฺพํ โลกุตฺตรํ. ตตฺถ วตฺตพฺพํ ปรโต อาคมิสฺสติ. จตุมคฺคสมฺปโยคโตติ โสตาปตฺติมคฺโค ยาว อรหตฺตมคฺโคติ อิเมหิ จตูหิ อริยมคฺเคหิ สมฺปโยคโต. จตุพฺพิธมฺปิ เจตํ ภาวนามยเมว หุตฺวา นิพฺพานํ อาลมฺพิตฺวา สฺุโต วิโมกฺโข, อนิมิตฺโต วิโมกฺโข, อปฺปณิหิโต วิโมกฺโขติ นาเมน อุปฺปชฺชติ, สตฺตภวาทิภวูปปตฺตินิวตฺตกนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอกวีสติวิธํ โหติ นาติสงฺเขปวิตฺถารนเยนาติ อธิปฺปาโย.
๔๕๓. กามาวจรเมวาติ เอตฺถ นิกายนฺตริยา รูปารูปาวจรมฺปิ อกุสลํ อิจฺฉนฺตีติ เตสํ มตินิเสธนตฺถํ กามาวจรคฺคหณํ. มหคฺคตภูมิยํ อุปฺปชฺชนฺตมฺปิ ตตฺถ รูปธาตุยํ ปวตฺติวิปากํ เทนฺตมฺปิ เอกนฺเตน กามาวจรเมวาติ ทสฺสนตฺถํ อวธารณํ. ยทิ เอวํ, กสฺมา กามาวจรเมวาติ? ตตฺถ การณํ วุตฺตเมว. กถํ วุตฺตํ? ‘‘กามตณฺหา กาโม อุตฺตรปทโลปโต, อวจรติ เอตฺถาติ อวจรํ, กามสฺส อวจรํ กามาวจร’’นฺติ. เอตฺถ หิ กามตณฺหาวิสยตา ‘‘กามาวจรภาวสฺส การณํ’’ วุตฺตา ยถา รูปารูปตณฺหาวิสยตา ‘‘รูปารูปาวจรภาวสฺส’’. เอกํเสน เจตํ เอวํ อิจฺฉิตพฺพํ. อฺถา พฺยาปิลกฺขณํ น สิยา. ยทิ หิ อาลมฺพิตพฺพธมฺมวเสน ภูมิววตฺถานํ กเรยฺย, เอวํ สติ อนารมฺมณานํ สงฺคโห น สิยา. อถ วิปากทานวเสน, เอวมฺปิ อวิปากานํ สงฺคโห น สิยา. ตสฺมา อาลมฺพณธมฺมวเสน ปริยาปนฺนานํ สา กาตพฺพา, อปริยาปนฺนานํ ปน โลกโต อุตฺติณฺณตาย โลกุตฺตรตา, อุตฺตริตราภาวโต อนุตฺตรตา จ เวทิตพฺพา.
ปริยาปนฺนาติ ¶ จ ปริจฺเฉทการิกาย ตณฺหาย ปริจฺฉิชฺช อาปนฺนา, คหิตาติ อตฺโถ. นนุ เจตฺถ กามตณฺหา กตมา? กามาวจรธมฺมารมฺมณา ตณฺหา, กามาวจรธมฺมา กตเม? กามตณฺหาวิสยาติ อิตเรตรสนฺนิสฺสยตาโทโสติ? นยิทเมวํ อวีจิอาทิเอกอาทโสกาสนินฺนตาย กฺจิ ตณฺหํ กามตณฺหาภาเวน คเหตฺวา ตํสภาวาย ตณฺหาย วิสยภาเวน ¶ กามาวจรธมฺมานํ อุปลกฺขิตพฺพตฺตา. นิกฺเขปกณฺเฑปิ (ธ. ส. ๙๘๕ อาทโย) ‘‘เอตฺถาวจรา’’ติ วจนํ อวีจิปรนิมฺมิตปริจฺฉินฺโนกาสาย กามตณฺหาย วิสยภาวํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. ตโทกาสตา จ ตณฺหาย ตนฺนินฺนตาย เวทิตพฺพา.
มูลโต ติวิธนฺติ ตีณิ อกุสลมูลานิ โลภาทีนิ, เตสํ วเสน ตํสหิตมฺปิ ติวิธนฺติ อตฺโถ. ตานิ หิ สุปฺปติฏฺิตภาวการณตฺตา มูลมิวาติ มูลานิ, โลโภ มูลํ เอตสฺสาติ โลภมูลํ. อสาธารเณน นิทฺเทโส ยถา เภริสทฺโท, ยวงฺกุโรติ. ตถา โทสมูลํ. โมโห เอว มูลํ อิมสฺส, นาฺนฺติ โมหมูลํ.
โสมนสฺสุเปกฺขาทิฏฺิคตสงฺขารเภทโตติ โสมนสฺสุเปกฺขาเภทโต ทิฏฺิคตเภทโต สงฺขารเภทโตติ ปจฺเจกํ เภทสทฺโท โยเชตพฺโพ. ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตนฺติ ทิฏฺิเยว ทิฏฺิคตํ ‘‘คูถคตํ, มุตฺตคต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑) ยถา. อถ วา วิปริเยสคฺคาหตาย ทิฏฺิยา คตเมว, น เอตฺถ คนฺตพฺพวตฺถุ ตถา สภาวนฺติ ทิฏฺิคตํ. ตยิทํ ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๒, ๒๐๓, ๔๒๗; ๓.๒๗-๒๙) อภินิเวสภาวโต โลเภเนว สทฺธึ ปวตฺตติ, น โทเสน.
ยทาหีติอาทิ โลภมูลจิตฺตานํ ปวตฺติอาการทสฺสนํ. มิจฺฉาทิฏฺินฺติ อุจฺเฉททิฏฺิอาทิมิจฺฉาทิฏฺึ. ตาย หิ วิปลฺลตฺถจิตฺตา สตฺตา ‘‘เอตาวโก ชีววิสโย ยาว อินฺทฺริยโคจโร’’ติ ปรโลกํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘นตฺถิ กาเมสุ อาทีนโว’’ติ ยถา ตถา กาเมสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชนฺติ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘เอส ปนฺโถ ปเคว วิหิโต เทวยาเน, เยน ยนฺติ ปุตฺตวนฺโต วิโสกา. ตํ ปสฺสนฺติ ปสโว, ปกฺขิโน จ, เตน เต มาตริปิ มิถุนํ จรนฺตี’’ติอาทินา นเยน ปุตฺตมุขทสฺสนํ สคฺคโมกฺขมคฺโคติ เอวมาทิกํ มิจฺฉาทิฏฺึ สงฺคณฺหาติ.
กาเม ¶ วาติ เอตฺถ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน พฺราหฺมณานํ สุวณฺณหรณเมว อทินฺนาทาเน สาวชฺชํ, อิตรํ อนวชฺชํ. ครูนํ, คุนฺนํ, อตฺตโน, ชีวิตสฺส, วิวาหสฺส จ อตฺถาย มุสาวาโท อนวชฺโช, อิตโร สาวชฺโช. ครุอาทีนํ อตฺถาย เปสฺุหรณํ อนวชฺชํ, อิตรํ สาวชฺชํ. ภารตยุทฺธสีตาหรณาทิกถา ปาปวูปสมาย โหตีติ เอวมาทิเก มิจฺฉาคาเห สงฺคณฺหาติ. ทิฏฺมงฺคลาทีนีติ ทิฏฺสุตมุตมงฺคลานิ. สภาวติกฺเขนาติ โลภสฺส, มิจฺฉาภินิเวสสฺส ¶ วา วเสน สรเสเนว ติขิเณน กุรูเรน. มนฺเทนาติ ทนฺเธน อติขิเณน. ตาทิสํ ปน อตฺตโน, ปรสฺส วา สมุสฺสาหเนน ปวตฺตตีติ อาห ‘‘สมุสฺสาหิเตนา’’ติ. ปรภณฺฑํ วา หรตีติ วา-สทฺเทน ตถาปวตฺตนกมุสาวาทาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. กามานํ วา อนุภุยฺยมานานํ. วา-สทฺเทน ปรสนฺตกสฺส วา อยถาธิปฺเปตตาย ยํ ลทฺธํ, ตํ คเหตพฺพนฺติ คหณาทิกํ สงฺคณฺหาติ.
ทุวิธเมว โหติ สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน เภทาภาวโต. ยทิ เอวํ, กสฺมา ‘‘โทมนสฺสสหคตํ ปฏิฆสมฺปยุตฺต’’นฺติ วุตฺตนฺติ? อสาธารณธมฺเมหิ ตสฺส จิตฺตสฺส อุปลกฺขณตฺถํ. ปาณาติปาตาทีสูติ ปาณาติปาตนาทีสุ. อาทิ-สทฺเทน อทินฺนาทานมุสาวาทเปสฺุผรุสสมฺผปฺปลาปพฺยาปาเท สงฺคณฺหาติ. สภาวติกฺขํ หุตฺวา ปวตฺตมานํ จิตฺตํ อสงฺขารเมว โหติ, อิตรํ สสงฺขารนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ติกฺขมนฺทปฺปวตฺติกาเล’’ติ. มนฺทํ ปน หุตฺวา ปวตฺตมานํ เอกํเสน สสงฺขารเมวาติ น สกฺกา วิฺาตุํ. ยํ สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน ปวตฺตติ, ตํ มนฺทเมว โหตีติ กตฺวา ตถาวุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
โมเหกเหตุกํ จิตฺตํ มูลนฺตรวิรหโต อติมูฬฺหํ, วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจโยคโต จฺจลฺจาติ อุเปกฺขาสหคตเมว โหติ, น ตสฺส กทาจิปิ สภาวติกฺขตา อตฺถิ. อารมฺมเณ หิ สํสปฺปนวเสน, วิกฺขิปนวเสน จ ปวตฺตมานสฺส จิตฺตทฺวยสฺส กีทิเส กิจฺเจ สภาวติกฺขตาย, อุสฺสาเหตพฺพตาย วา ภวิตพฺพํ, ตสฺมา น ตตฺถ สงฺขารเภโท อตฺถิ. อฺเสุ อกุสลจิตฺเตสุ ลพฺภมานมฺปิ อุทฺธจฺจํ วิเสสโต เอตฺเถว พลวํ, ตโต เอว สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ปธานํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ อิทเมว อุทฺธจฺเจน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺต’’นฺติ. ตถา หิ ปาฬิยํ (ธ. ส. ๔๒๗) อิธ สรูปโต ¶ อุทฺธจฺจํ อาคตํ, เอวํ อสาธารณปธานธมฺมวเสน โมหมูลํ ‘‘วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺตํ, อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺต’’นฺติ ทุวิธํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อสนฺนิฏฺานํ สํสโย. วิกฺเขโป อวูปสโม, ภนฺตตาติ อตฺโถ.
ตยิทํ ทฺวาทสวิธมฺปิ อกุสลจิตฺตํ ฉสุ อารมฺมเณสุ ยํ วา ตํ วา อาลมฺพิตฺวา อุเปกฺขาสหคตาเหตุกกิริยามโนวิฺาณธาตานนฺตรํ กายทฺวาราทีหิ ตีหิ ทฺวาเรหิ กายกมฺมาทิวเสน ยถารหํ ปาณาติปาตาทิกมฺมปถวเสน เจว กมฺมวเสน จ อุปฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ¶ เปตฺวา อุทฺธจฺจสหคตํ เสสํ เอกาทสวิธมฺปิ จตูสุปิ อปาเยสุ ปฏิสนฺธึ เทติ, ปวตฺติวิปากํ สุคติยมฺปิ. อุทฺธจฺจสหคตํ ปน ปวตฺติวิปากเมวาติ. เอตฺถาห – กึ ปน การณํ สพฺพทุพฺพลํ วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺตํ ปฏิสนฺธึ เทติ, อธิโมกฺขสพฺภาวโต ตโต พลวนฺตมฺปิ อุทฺธจฺจสหคตํ น เทตีติ? ทสฺสเนน ปหาตพฺเพสุ อวุตฺตตฺตา. อิทํ หิ ปฏิสนฺธึ เทนฺตํ อปาเยสุ ทเทยฺย, อปายคมนียฺจ ทสฺสนปหาตพฺพนฺติ ตตฺถ วุจฺเจยฺย, น จ วุตฺตํ. ตสฺมา ปฏิสนฺธึ น เทติ, ปวตฺติวิปากทานํ ปนสฺส น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุํ. ปฏิสมฺภิทาวิภงฺเค ‘‘อุทฺธจฺจสหคเต าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, ตสฺส วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๓๐ อตฺถโต สมานํ) วจนโต.
อปเร ปนาหุ – ปุถุชฺชนสฺส อุปฺปชฺชมานํ อุทฺธจฺจสหคตํ ทสฺสนปฺปหาตพฺพสหายสพฺภาวโต อุภยวิปากมฺปิ เทติ, น เสกฺขสฺส ตทภาวโตติ. อิทเมตฺถ วิจาเรตพฺพํ, ยสฺส วิปากทานํ วุตฺตํ, กึ ตํ ภาวนาย ปหาตพฺพํ, อุทาหุ โนติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว ภาวนาย ปหาตพฺพํ, ปฏฺาเน ภาวนาย ปหาตพฺพสฺส นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว วตฺตพฺโพ สิยา. อถ น ภาวนาย ปหาตพฺพํ, ทสฺสเนนปหาตพฺพตฺติเก ‘‘เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพ’’มิจฺจสฺส วิภงฺเค วตฺตพฺพํ สิยา. ยทิ ตพฺพิรุทฺธสภาวตาย ตตฺถ น วุจฺเจยฺย, เอวมฺปิ ตสฺมึ ติเก ตสฺส นวตฺตพฺพตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, กึ การณํ? จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ (ธ. ส. ๓๖๕ อาทโย) อาคตานํ ทฺวาทสนฺนํ อกุสลจิตฺตุปฺปาทานํ ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺคหิตตฺตา วิภชิตฺวา ทสฺเสตพฺพสฺส นิโยคโต กสฺสจิ จิตฺตุปฺปาทสฺส อภาวา, ยถา อุปฺปนฺนตฺติเก อตีตาทีนํ นวตฺตพฺพตา น วุตฺตา, เอวเมตสฺสาปิ. อถ วา ภาวนาย ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺสาปิ ตสฺส ปุถุชฺชเน วตฺตมานสฺส ¶ ภาวนาย ปหาตพฺพสภาวสามฺโต, สาวชฺชโต จ ภาวนาย ปหาตพฺพปริยาโย วิชฺชตีติ นตฺถิ นวตฺตพฺพตาปสงฺคโทโส. นิปฺปริยาเยน จ น ภาวนาย ปหาตพฺพนฺติ ตสฺส วเสน นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโวปิ น วุตฺโต. ทสฺสนปหาตพฺพปจฺจยสฺสาปิ อุทฺธจฺจสหคตสฺส สหายเวกลฺลมตฺตเมว ทสฺสเนน กตํ, น โกจิปิ ภาโว อนุปฺปาทธมฺมตํ ตสฺส อาปาทิโตติ เอกนฺเตน ภาวนาย ปหาตพฺพตา วุตฺตา. อถ วา อปายคมนียภาวาเปกฺขํ ทสฺสนปฺปหาตพฺพวจนนฺติ ตทภาวโต ตํ วิภชนํ วุตฺตนฺติ.
๔๕๔. ‘‘วิฺาณ’’นฺติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘อพฺยากตํ วิปาก’’นฺติ อาทิโก นปุํสกนิทฺเทโส, ตโต เอว อธิกตาพฺยากตาเปกฺขาย ทุวิธนฺติ วุตฺตํ. อฺถา รูปนิพฺพานานมฺปิ อพฺยากตภาวโต ¶ ตํ จตุพฺพิธนฺติ วตฺตพฺพํ สิยา. วิปากสฺส กามาวจราทิภาโว กุสเล วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อเหตุกตา สเหตุกตา วิย สมฺปยุตฺตเหตุวเสน, น นิพฺพตฺตกเหตุวเสน. วิปากสฺส หิ สเหตุกตา สเหตุกกมฺมวเสน สิชฺฌมานาปิ สมฺปยุตฺตเหตุวเสเนว วุจฺจติ, อฺถา อเหตุกานมฺปิ สเหตุกตา อาปชฺเชยฺยาติ. กสฺมา ปน สเหตุกสฺส อเหตุโก วิปาโก โหตีติ? ตตฺถ การณํ วุตฺตเมว. กิฺจ อารมฺมณาภินิปาตมตฺเตสุ ปฺจสุ วิฺาเณสุ ยถา อโลภาทิสมฺปโยโค น สมฺภวติ, เอวํ มนฺทตรมนฺทกิจฺเจสุ สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรเณสูติ เหตูนํ อุปฺปตฺติยา อสมฺภวโตปิ เนสํ อเหตุกตา ทฏฺพฺพา.
มโนวิฺาณโต อุปฺปชฺชนวิสิฏฺมนนกิจฺจานํ อภาวโต มโนมตฺตา ธาตุ มโนธาตุ.
จกฺขุสนฺนิสฺสิตํ หุตฺวา รูปสฺส วิชานนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ จกฺขุสนฺนิสฺสิตรูปวิชานนลกฺขณํ. ตตฺถ จกฺขุสนฺนิสฺสิตวจเนน รูปารมฺมณํ อฺํ วิฺาณํ นิวตฺเตติ. วิชานนคฺคหเณน จกฺขุสนฺนิสฺสิเต ผสฺสาทิเก นิวตฺเตติ. จกฺขุรูปคฺคหเณน นิสฺสยโต, อารมฺมณโต จ วิฺาณํ วิภาเวติ อุภยาธีนวุตฺติกตฺตา. ยทิ หิ จกฺขุ นาม น สิยา, อนฺธาปิ รูปํ ปสฺเสยฺยุํ, น จ ปสฺสนฺติ. ยทิ จ นีลาทิรูปํ นาม น สิยา, เทสาทินิยเมน น ภวิตพฺพํ, อตฺเถว จ นิยโม, เอกนฺตสารมฺมณตา จ จิตฺตสฺส วุตฺตาติ ‘‘อารมฺมเณน วินา นีลาทิอาภาสํ จิตฺตํ ปวตฺตตี’’ติ เอวํ ¶ ปวตฺโต วาโท มิจฺฉาวาโทติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ภควา ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕; สํ. นิ. ๒.๔๔; ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕).
กสฺมา ปเนตฺถ วจนเภโท กโตติ? เอกมฺปิ จกฺขุ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปํ ปน อเนกเมว สํหตนฺติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ. กึ ปน การณํ เอกมฺปิ จกฺขุ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปํ ปน อเนกเมวาติ? ปจฺจยภาววิเสสโต. จกฺขุ หิ จกฺขุวิฺาณสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหนฺตํ อตฺถิภาเวเนว โหติ, ตสฺมึ สติ ตสฺส ภาวโต, อสติ อภาวโต. ยโต ตํ อตฺถิอวิคตปจฺจเยหิสฺส ปจฺจโย โหตีติ วุจฺจติ, ตํนิสฺสยตา จสฺส น เอกเทเสน อลฺลียนวเสน อิจฺฉิตพฺพา อรูปภาวโต, อถ โข ครุราชาทีสุ สิสฺสราชปุริสาทีนํ วิย ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติตาย. อิตเร ปน ปจฺจยา เตน ¶ เตน วิเสเสน เวทิตพฺพา. สฺวายํ ปจฺจยภาโว น เอกสฺมึ น สมฺภวตีติ เอกมฺปิ จกฺขุ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจา’’ติ เอกวจเนน นิทฺเทโส กโต.
รูปํ ปน ยทิปิ จกฺขุ วิย ปุเรชาตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ ปุเรตรํ หุตฺวา วิชฺชมานกฺขเณเยว อุปการกตฺตา, ตถาปิ อเนกเมว สํหตํ หุตฺวา ปจฺจโย โหติ อารมฺมณภาวโต. ยฺหิ ปจฺจยธมฺมํ สภาวภูตํ, ปริกปฺปิตาการมตฺตํ วา วิฺาณํ วิภาเวนฺตํ ปวตฺตติ, ตทฺเสฺจ สติปิ ปจฺจยภาเว โส ตสฺส สารมฺมณสภาวตาย ยํ กิฺจิ อนาลมฺพิตฺวา ปวตฺติตุํ อสมตฺถสฺส โอลุพฺภ ปวตฺติการณตาย อาลมฺพนียโต อารมฺมณํ นาม. ตสฺส ยสฺมา ยถา ตถา สภาวูปลทฺธิวเสน อารมฺมณปจฺจยลาโภ, ตสฺมา จกฺขุวิฺาณํ รูปํ อารพฺภ ปวตฺตมานํ ตสฺส สภาวํ วิภาเวนฺตเมว ปวตฺตติ. สา จสฺส อินฺทฺริยาธีนวุตฺติกสฺส อารมฺมณสภาวูปลทฺธิ, น เอกทฺวิกลาปคตวณฺณวเสน โหติ, นาปิ กติปยกลาปคตวณฺณวเสน, อถ โข อาโภคานุรูปํ อาปาถคตวณฺณวเสนาติ อเนกเมว รูปํ สํหจฺจการิตาย วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘รูเป จา’’ติ พหุวจเนน นิทฺทิสิ.
ยํ ¶ ปน ‘‘รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒) วุตฺตํ, ตํ กถนฺติ? ตมฺปิ ยาทิสํ รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ, ตาทิสเมว สนฺธาย วุตฺตํ. กีทิสํ ปน ตนฺติ? สมุทิตนฺติ ปากโฏยมตฺโถ. เอวฺจ กตฺวา ยเทเก วทนฺติ ‘‘อายตนสลฺลกฺขณวเสน จกฺขุวิฺาณาทโย สลฺลกฺขณารมฺมณา, น ทพฺพสลฺลกฺขณวเสนา’’ติ, ตมฺปิ ยุตฺตเมว โหติ. น เจตฺถ สมุทายารมฺมณตา อาสงฺกิตพฺพา สมุทายาโภคสฺเสวาภาวโต. สมุทิตา ปน วณฺณธมฺมา อารมฺมณปจฺจยา โหนฺติ. กถํ ปน ปจฺเจกํ อสมตฺถา สมุทิตา อารมฺมณา ปจฺจยา โหนฺติ, น หิ ปจฺเจกํ ทฏฺุํ อสกฺโกนฺตา อนฺธา สมุทิตา ปสฺสนฺตีติ? นยิทเมกนฺติกํ วิสุํ วิสุํ อสมตฺถานํ สิวิกาวหนาทีสุ สมตฺถตาย ทสฺสนโต. เกสาทีนฺจ ยสฺมึ าเน ิตานํ ปจฺเจกํ วณฺณํ คเหตุํ น สกฺกา, ตสฺมึเยว าเน สมุทิตานํ วณฺณํ คเหตุํ สกฺกาติ ภิยฺโยปิ เตสํ สํหจฺจการิตา ปริพฺยตฺตา. เอเตน จกฺขุวิฺาณสฺส ปรมาณุรูปํ อารมฺมณํ, อุทาหุ ตํสมุทาโยติอาทิกา โจทนา ปฏิกฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘โสตฺจ ปฏิจฺจ สทฺเท จา’’ติอาทีสุปิ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖) เอเสว ¶ นโย. เอวํ อุภยาธีนวุตฺติกตาย จกฺขุวิฺาณสฺส นิสฺสยโต, อารมฺมณโต จ วิภาวนํ กตํ, เอวํ โสตวิฺาณาทีสุปิ ยถารหํ วตฺตพฺพํ.
รูปมตฺตารมฺมณรสนฺติ รูปายตนมตฺตสฺเสว อารมฺมณกรณรสํ. มตฺตสทฺเทน ยถา อารมฺมณนฺตรํ นิวตฺเตติ, เอวํ รูปายตเนปิ ลพฺภมาเน เอกจฺเจ วิเสเส นิวตฺเตติ. น หิ จกฺขุวิฺาณํ วณฺณมตฺตโต อฺํ กิฺจิ วิเสสํ ตตฺถ คเหตุํ สกฺโกติ. เตนาห ภควา ‘‘ปฺจหิ วิฺาเณหิ น กิฺจิ ธมฺมํ ปฏิวิชานาติ อฺตฺร อภินิปาตมตฺตา’’ติ. จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชมานํ รูปารมฺมเณ เอว อุปฺปชฺชนโต ตทภิมุขภาเวน คยฺหตีติ วุตฺตํ ‘‘รูปาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ. อตฺตโน อนนฺตรํ อุปฺปชฺชมานานํ อรูปธมฺมานํ สมนนฺตรวิคตา อรูปธมฺมา ปวตฺติโอกาสทาเนน อนนฺตรสมนนฺตรนตฺถิวิคตปจฺจเยหิ อุปการกา นิสฺสยารมฺมณธมฺมา วิย อาสนฺนการณนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘รูปารมฺมณาย กิริยมโนธาตุยา อปคมปทฏฺาน’’นฺติ. โสตวิฺาณาทีสุปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
จกฺขุวิฺาณาทิคหิตํ ¶ รูปาทิอารมฺมณํ ตทนนฺตรเมว อปริปตนฺตํ กตฺวา สมฺปฏิจฺฉนฺตี คณฺหนฺตี วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘รูปาทิสมฺปฏิจฺฉนรสา’’ติ. ตถาภาเวน สมฺปฏิจฺฉนภาเวน ปจฺจุปติฏฺตีติ ตถาภาวปจฺจุปฏฺานา.
ฉสุ อารมฺมเณสุ กทาจิ ปฺจนฺนํ, ตโต วา กติปยานํ วิชานนสภาวาปิ ฉฬารมฺมณวิชานนลกฺขณา วุตฺตา ตํสภาวานติวตฺตนโต, ฉสฺเวว วา อิตเรสํ อารมฺมณานํ อนฺโตคธตฺตา. สนฺตีรณาทิกิจฺจาติ สนฺตีรณตทารมฺมณกิจฺจา วา, สนฺตีรณตทารมฺมณปฏิสนฺธิภวงฺคจุติกิจฺจา วาติ อธิปฺปาโย. ‘‘หทยวตฺถุปทฏฺานา’’ติ อิทํ อิมาสํ ทฺวินฺนํ มโนวิฺาณธาตูนํ เอกนฺเตเนว หทยวตฺถุสนฺนิสฺสยตาย วุตฺตํ. เหฏฺา วุตฺตนเยน ปน ตํตํอนนฺตราตีตวิฺาณาปคมปทฏฺานาติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติเยว. ตสฺสา เภโทติ ตสฺสา วิปากมโนวิฺาณธาตุยา ‘‘ทุวิธา’’ติ วุตฺตาย ทุวิธตาสงฺขาโต เภโท. เอกนฺตมิฏฺารมฺมเณติ เอกนฺเตเนว อิฏฺเ อารมฺมเณ, อติวิย อิฏฺารมฺมเณติ อตฺโถ. ปฺจทฺวาเร เจว ชวนาวสาเน จาติ เอตฺถ ปฺจทฺวาเร สมฺปฏิจฺฉนโวฏฺพฺพนานํ อนฺตราฬํ านํ, อิตรตฺร ชวนภวงฺคานนฺติ เอวํ ทฺวิานา โหติ. อิตรายปิ สนฺตีรณตทารมฺมณกาเล ยถาวุตฺตเมว านํ, ปฏิสนฺธิอาทิกาเล ปน จุติภวงฺคานํ ¶ อนฺตราฬํ ปฏิสนฺธิยา, ปฏิสนฺธิอาวชฺชนานํ ตทารมฺมณาวชฺชนานํ ชวนาวชฺชนานํ โวฏฺพฺพนาวชฺชนานฺจ อนฺตราฬํ ภวงฺคสฺส, ตทารมฺมณปฏิสนฺธีนํ ชวนปฏิสนฺธีนํ วา อนฺตราฬํ จุติยา านนฺติ เวทิตพฺพํ.
ฉสูติ เอตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิภาโค เวทิตพฺโพ. กายสฺส นิสฺสยภูตานํ นาติอิฏฺโผฏฺพฺพภูตานํ ปฏิฆฏฺฏนานิฆํสสฺส พลวภาวโต กายวิฺาณํ สุขสมฺปยุตฺตํ. อุปาทารูปานํเยว ฆฏฺฏนา ทุพฺพลาติ จกฺขุวิฺาณาทีนิ อุเปกฺขาสหคตานิ. เตนาห ‘‘เสสํ อุเปกฺขายุตฺต’’นฺติ. เสสํ ฉพฺพิธมฺปิ.
อโลภาโทสาโมหา เจว อโลภาโทสา จ อโลภาทโย, เตหิ อโลภาทีหิ วิปากเหตูหิ สมฺปยุตฺตํ อโลภาทิวิปากเหตุสมฺปยุตฺตํ. กามาวจรกุสลํ วิย โสมนสฺสาทิเภทโตติ ยถา กามาวจรํ กุสลํ โสมนสฺสุเปกฺขาาณสงฺขารเภทโต อฏฺวิธํ, เอวมิทมฺปีติ อฏฺวิธตาย สทิสตํ ทสฺเสติ. กามาวจรภาวโต หีนาทิโต, โยนีสุ อุปฺปตฺติโต จ สทิสเมว, สมฺปยุตฺตธมฺมโต ปน อารมฺมณโต, ปวตฺติอาการโต จ วิสทิสํ. ตถา ¶ หิ กุสลํ กมฺมทฺวารวเสน ปวตฺตติ, น อิทํ, วิปากานํ อวิฺตฺติชนกตฺตา. อุปฺปตฺติทฺวารวเสน ปน อิมสฺสาปิ อตฺเถว ปวตฺติเภโท ปฺจทฺวารมโนทฺวาเรสุ มหาวิปากานํ ตทารมฺมณวเสน ปวตฺติสมฺภวโต. ยถา ปน กุสลํ คติวเสน ปฺจวิธํ, วิฺาณฏฺิติวเสน สตฺตวิธฺจ, น เอวมิทํ ตเทกเทเส เอว อุปฺปชฺชนโต. ตตฺถ อารมฺมณโต, เอกจฺจปวตฺติอาการโต จ วิสทิสตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ฉสุ อารมฺมเณสูติ ปริตฺตาทิอตีตาทิอชฺฌตฺตาทิปฺปเภเทสุ ฉสุ อารมฺมเณสุ.
อาคมนาทิวเสนาติ อาคมนปจฺจยวเสน. ตตฺถ เอกจฺจานํ อาจริยานํ มเตน มุเข จลิเต อาทาสตเล มุขนิมิตฺตํ จลนํ วิย อสงฺขารสฺส กุสลสฺส วิปาโก อสงฺขาโร, สสงฺขารสฺส กุสลสฺส วิปาโก สสงฺขาโรติ เอวํ อาคมนวเสน. เอกจฺจานํ ปน อาจริยานํ มเตน พลวนฺเตหิ วิภูเตหิ ปจฺจเยหิ กมฺมาทีหิ อุปฺปนฺโน อสงฺขาโร, ทุพฺพเลหิ สสงฺขาโรติ เอวํ ปจฺจยวเสน. สมฺปยุตฺตธมฺมานนฺติ ปาฬิยํ สรูปโต อาคตสมฺปยุตฺตธมฺมานํ. เตสํ หิ วเสน กุสลโต วิปากสฺส วิเสสาภาโว. นิรุสฺสาหนฺติ เอตฺถ อุสฺสาโห นาม อนุปจฺฉินฺนาวิชฺชาตณฺหามานสนฺตาเน ¶ วิปากุปฺปาทนสมตฺถตาสงฺขาโต พฺยาปาโร, โส วิปาเกสุ นตฺถีติ ตํ นิรุสฺสาหํ. กุสเลสุ ปน อภิฺาวสปวตฺเตสุปิ อตฺเถวาติ ตํ สอุสฺสาหํ.
โลภาทีนํ เอกนฺตสาวชฺชตาย อโยนิโสมนสิการเหตุกานํ นตฺถิ วิปากภาโว, อโลภาทีนมฺปิ เอกนฺตอนวชฺชสภาวานํ การณสฺส ตพฺพิธุรตาย นตฺเถว อกุสลวิปากภาโวติ อาห ‘‘อกุสลวิปากํ อเหตุกเมวา’’ติ. ยถา อติอิฏฺเ, อิฏฺมชฺฌตฺเต จ อารมฺมเณ เวทนาเภทสพฺภาวโต กุสลวิปากมโนวิฺาณธาตุ ทุวิธา โหติ โสมนสฺสสหคตา, อุเปกฺขาสหคตาติ, น เอวํ อติอนิฏฺเ, อนิฏฺมชฺฌตฺเต จ อารมฺมเณ เวทนาเภโท อตฺถีติ อกุสลวิปากมโนวิฺาณธาตุ เอกเมวาติ ‘‘สตฺตวิธ’’นฺติ วุตฺตํ. สติ หิ ตตฺถ เวทนาเภเท อติอนิฏฺเ โทมนสฺเสน ภวิตพฺพํ, น จ ปฏิเฆน วินา โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตีติ.
กายวิฺาณสฺส ทุกฺขสหคตตา กุสลวิปาเก วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพา. อุเปกฺขา หีนาติ เอกนฺตนิหีนสฺส อกุสลสฺส วิปากภาวโต อุเปกฺขาปิ สมานา หีนา เอว ทุกฺขสภาวตฺตา. เตนาห ‘‘ทุกฺขํ วิย ¶ นาติติขิณา’’ติ. ยถา ทุกฺขํ อติวิย ติขิณํ กฏุกํ, น เอวมยํ, ตถาปิ ทุกฺขสภาเวเนว ปวตฺตติ. น หิ อกุสลสฺส วิปาโก อทุกฺโข โหติ. อุเปกฺขาภาโว จสฺส พลวตา พาธิยมานสฺส ปฏิปฺปหริตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ทุพฺพลสฺส ปุริสสฺส เตน กริยมานพาธาย อุเปกฺขนา วิยาติ ทฏฺพฺโพ. อิตเรสูติ กุสลวิปาเกสุ.
รูปาวจรนฺติ รูปาวจรวิปากวิฺาณํ. วิปากกถา เหสาติ. กุสลํ วิยาติ รูปาวจรกุสลํ วิย. น หิ รูปาวจรวิปาโก ตทฺกุสลสทิโส. อปิจ สมฺพนฺธิสทฺทา เอเต, ยทิทํ ‘‘กุสลํ, วิปาโก’’ติ จ. ตสฺมา ยถา ‘‘มาตรํ ปยิรุปาสตี’’ติ วุตฺเต อตฺตโน มาตรนฺติ อวุตฺตมฺปิ สิทฺธเมเวตํ, เอวํ อิธาปีติ อตฺตโน กุสลํ วิยาติ อตฺโถ. กุสลสทิสตา เจตฺถ ธมฺมโต, อารมฺมณโต จ เวทิตพฺพา. ตถา หิ เย ผสฺสาทโย กุสเล ลพฺภนฺติ, เต วิปาเกปิ ลพฺภนฺติ. ยสฺมึ จ อารมฺมเณ กุสลํ ปวตฺตติ, ตตฺเถว อยํ วิปาโกปิ ปวตฺตติ. ยํ ปเนตฺถ ปฺจมชฺฌานจิตฺตํ อภิฺาปฺปตฺตํ, ตสฺส วิปาโก เอว นตฺถิ. กสฺมา นตฺถิ? อสมฺภวโต, อานิสํสภูตตฺตา จ. ตฺหิ วิปากํ เทนฺตํ รูปาวจรเมว ทเทยฺย. น หิ อฺภูมิกํ กมฺมํ อฺภูมิกํ วิปากํ เทติ. กมฺมนิมิตฺตารมฺมณตา จ รูปาวจรวิปากสฺส วุตฺตาติ น ตํ อฺํ อารพฺภ ¶ ปวตฺตติ. ปริตฺตารมฺมณาทิอารมฺมณฺจ ตํ น โหตีติ อยมสมฺภโว. ฌานสฺส อานิสํสภูตฺจ ทานาทีนํ ตสฺมึ อตฺตภาเว ปจฺจยลาโภ วิยาติ.
ปวตฺติโต ปน วิปากสฺส, กุสลสฺส จ อตฺเถว เภโทติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กุสลํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กุสลํ วิย กสิณุคฺฆาฏิมากาสาทิอารมฺมณเภทโต จตุพฺพิธํ. ปวตฺติเภโท วุตฺตนโยว ชวนวเสน, ปฏิสนฺธิอาทิวเสน จ ปวตฺตนโต.
จตุมคฺคยุตฺตจิตฺตผลตฺตาติ จตูหิ อริยมคฺเคหิ สมฺปยุตฺตกุสลจิตฺตสฺส ผลตฺตา, จตุพฺพิธสามฺผลสมฺปยุตฺตภาวโตติ อตฺโถ. มคฺควีถิยํ ทฺวิกฺขตฺตุํ, ติกฺขตฺตุํ วา ผลสมาปตฺติยํ อปริจฺฉินฺนปริมาณํ ปวตฺตมานมฺปิ ทฺวีสุ าเนสุ ปวตฺติยา ‘‘ทฺวิธา ปวตฺตตี’’ติ วุตฺตํ. สพฺพมฺปีติ เตวีสติวิธํ กามาวจรวิปากํ, ปฺจวิธํ รูปาวจรวิปากํ, จตุพฺพิธํ อรูปาวจรวิปากํ, จตุพฺพิธเมว โลกุตฺตรวิปากนฺติ สพฺพมฺปิ วิปากวิฺาณํ นาติสงฺเขปวิตฺถารนเยน ฉตฺตึสวิธํ โหติ.
ภูมิเภทโต ¶ ติวิธํ โลกุตฺตรสฺส อภาวโต. โลกุตฺตรฺหิ กิริยจิตฺตํ นตฺถิ เอกนฺเตน อนนฺตรวิปากทายิภาวโต. วุตฺตฺหิ ‘‘สมาธิมานนฺตริกฺมาหู’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๕; สุ. นิ. ๒๒๘). โหตุ ตาว เสกฺขานํ อุปฺปชฺชมานํ อนุตฺตรํ กุสลํ ปุคฺคลนฺตรภาวูปนยนโต สผลํ, อรหโต ปน อุปฺปชฺชมานํ ปุคฺคลนฺตรภาวูปนยนโต นิปฺผลํ, ตสฺส กิริยภาโว กสฺมา น อิจฺฉิโตติ? อิจฺฉิตพฺโพ สิยา. ยทิ ตสฺส ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติ สิยา, สกึเยว ปน โลกุตฺตรกุสลํ ปวตฺตติ. ยทิ หิ ปุนปฺปุนํ ปวตฺเตยฺย, มคฺคจิตฺตํ อรหโตปิ ปวตฺตตีติ โลกุตฺตรกิริยจิตฺตํ สิยา, น เจตํ อตฺถิ ปโยชนาภาวโต. ตสฺมา นตฺถิ โลกุตฺตรกิริยวิฺาณํ. กิริยวิฺาณนฺติ จ กิริยามตฺตํ วิฺาณํ, กุสลากุสลํ วิย กิฺจิ วิปากํ อนุปฺปาเทตฺวา กิริยามตฺตเมว หุตฺวา ปวตฺตนกวิฺาณนฺติ อตฺโถ. กสฺมา ปเนตํ วิปากํ น อุปฺปาเทตีติ? วุจฺจเต – เอตฺถ หิ ยเทตํ อาวชฺชนทฺวยํ, ตํ อนุปจฺฉินฺนภวมูเลปิ สนฺตาเน ปวตฺตํ อนาเสวนตาย ทุพฺพลภาวโต อพีชสามตฺถิยํ วิย ปุปฺผํ อผลเมว โหติ. ยํ ปน อุจฺฉินฺนภวมูลายํ สนฺตติยํ ปวตฺตํ อฏฺารสวิธํ วิฺาณํ, ตํ สมุจฺฉินฺนมูลาย ลตาย ปุปฺผํ วิย ผลทายิ น โหตีติ เวทิตพฺพํ. อฺสฺส อสมฺภวโต ¶ กิริยเหตุนา นาม อโลภาทินาว ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘อโลภาทิกิริยเหตุวิรหิต’’นฺติ.
จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปุเรจรา หุตฺวา รูปาทิอารมฺมณานํ วิชานนลกฺขณา จกฺขุวิฺาณาทิปุเรจรรูปาทิวิชานนลกฺขณา. อยํ ปน มโนวิฺาณโต อุปฺปนฺนาปิ วิสิฏฺมนนกิจฺจาภาเวน มโนมตฺตา ธาตูติ มโนธาตุ. ตถา เหสา มโนวิฺาณสฺส ปจฺจโย น โหติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ธาตุนิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๒.๕๑๗) อาคมิสฺสติ. อาวชฺชนรสาติ อาโภครสา, จิตฺตสนฺตานสฺส วา ปุริมาการโต อฺถา โอโณชนรสา. ภวงฺควิจฺเฉทปทฏฺานาติ ภวงฺคสนฺตานวิจฺเฉทปทฏฺานา. อปุพฺพารมฺมณา สกิเทว ปวตฺตมานา สพฺพถา วิสยรสํ อนุภวิตุํ น สกฺโกตีติ อิฏฺาทีสุ สพฺพตฺถ อุเปกฺขายุตฺตาว โหติ.
สาธารณาติ เสกฺขาเสกฺขปุถุชฺชนานํ สาธารณา. อสาธารณาติ อเสกฺขานํเยว อาเวณิกา. โวฏฺพฺพนาวชฺชนรสาติ ปฺจทฺวาเร สนฺตีรเณน คหิตารมฺมณํ ววตฺถเปนฺตี วิย ปวตฺตนโต โวฏฺพฺพนรสา, มโนทฺวาเร ¶ ปน วุตฺตนเยน อาวชฺชนรสา. ตถาภาเวน ปฺจทฺวารมโนทฺวาเรสุ ยถากฺกมํ โวฏฺพฺพนาวชฺชนภาเวน ปจฺจุปติฏฺตีติ ตถาภาวปจฺจุปฏฺานา. โวฏฺพฺพนกาเล สนฺตีรณกิจฺจานํ ติสฺสนฺนํ อเหตุกวิปากมโนวิฺาณธาตูนํ อาวชฺชนกาเล ยสฺส กสฺสจิ ภวงฺคสฺสาติ อิเมสํ อฺตราปคโม เอติสฺสา อาสนฺนการณนฺติ อาห ‘‘อเหตุก…เป… ปทฏฺานา’’ติ.
อรหตนฺติ อรหตํเยว อสาธารณภาวโต. อนุฬาเรสูติ อฏฺิกสงฺขลิกเปตรูปาทีสุ, อฺเสุ วา อปฺปณีเตสุ วตฺถูสุ. หสิตุปฺปาทนรสาติ หสิตสฺเสว อุปฺปาทนรสา. ตถา หิ ตํ จิตฺตํ ‘‘หสิตุปฺปาทน’’นฺตฺเวว วุจฺจติ, น อฺเสํ หสิตุปฺปาทกจิตฺตานํ อภาวโต. อฺานิปิ หิ ทฺวาทส โสมนสฺสสหคตานิ ปริตฺตกุสลากุสลกิริยจิตฺตานิ ยถารหํ ปุถุชฺชนาทีนํ หสิตุปฺปาทกานิ วิชฺชนฺติ, อิทํ ปน จิตฺตํ วิจารณปฺาวิรหิตํ ปริตฺเตสุ อปฺปณีเตสุ อารมฺมเณสุ อรหนฺตานํ โสมนสฺสมตฺตํ อุปฺปาเทนฺตํ อุปฺปชฺชติ. ภควโตปิ อุปฺปชฺชตีติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตํ อตีตํสาทีสุ อปฺปฏิหตาณํ วตฺวา ‘‘อิเมหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺตี’’ติ (มหานิ. ๖๙; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) วจนโต วิจาเรตพฺพนฺติ เอเก ¶ . ตตฺถ หสิตุปฺปาทจิตฺเตน ปวตฺติยมานมฺปิ ภควโต สิตกรณํ ปุพฺเพนิวาสานาคตํสสพฺพฺุตฺาณานํ อนุวตฺตกตฺตา าณานุปริวตฺติเยวาติ เอวํ ปน าณานุปริวตฺติภาเว สติ น โกจิ ปาฬิอฏฺกถานํ วิโรโธ. เอวฺจ กตฺวา อฏฺกถายํ ‘‘เตสํ าณานํ จิณฺณปริยนฺเต อิทํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อวสฺสฺจ เอตํ เอวํ อิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา อฺสฺสาปิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกสฺส อเหตุกจิตฺตสฺส ภควโต อุปฺปตฺติ น ยุชฺเชยฺย. น หิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกสฺส ตํสมุฏฺิตาย วิฺตฺติยา กายกมฺมาทิภาวํ อาปชฺชนภาโว วิพนฺธตีติ. เอกนฺตโต หทยวตฺถุปทฏฺานา ปฺจโวการภเว เอว อุปฺปชฺชนโต.
อยเมตฺถ วิเสโสติ อยํ เสกฺขปุถุชฺชนานํ อุปฺปตฺติยา วิปากุปฺปาทนสมตฺถตา, อรหตํ อุปฺปตฺติยา ตทภาโวติ อุภเยสํ สนฺตาเน อุปฺปตฺติสมุปลกฺขิโต เอตฺถ กุสลกิริยวิฺาเณสุ วิเสโส. เอวฺจ กตฺวา ปจฺจยเวกลฺเลน อวิปากสฺสาปิ กุสลากุสลสฺส กิริยภาวปฺปสงฺโค ¶ นิวตฺติโต โหติ. ปรโต กุสลโต วิเสโสติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
๔๕๕. สพฺพานิปิ กุสลากุสลพฺยากตานิ เอกูนนวุติ วิฺาณานิ โหนฺติ นาติสงฺเขปวิตฺถารนเยนาติ อธิปฺปาโย. ปฏิสนฺธิวิฺาณาทีนํ กิจฺจํ นาม ภวนฺตรปฏิสนฺธาทินา อากาเรน ปวตฺติ เอว. ตพฺพินิมุตฺตฺจ จิตฺตสฺส อฺํ กิจฺจํ นตฺถีติ อาห ‘‘จุทฺทสหิ อากาเรหิ ปวตฺตนฺตี’’ติ.
อานุภาเวนาติ สามตฺถิเยน. กตูปจิตํ หิ กมฺมํ อวเสสปจฺจยสมวาเย วิปากํ เทนฺตํ อตฺตโน อานุภาวํ วิสฺสชฺชนฺตํ วิย โหติ. เทวมนุสฺเสสูติ ฉสุ กามาวจรเทเวสุ เจว มนุสฺเสสุ จ. กมฺมกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตานนฺติ เอตฺถ กมฺมํ นาม กตูปจิตํ กามาวจรกุสลกมฺมํ, ตฺจ โข วิปากทานาย ลทฺโธกาสํ. เตนาห ‘‘ปจฺจุปฏฺิต’’นฺติ. กมฺมนิมิตฺตํ กมฺมายูหนกฺขเณ เจตนาย ปจฺจยภูตํ เทยฺยธมฺมาทิ. คตินิมิตฺตํ ยํ คตึ อุปปชฺชติ, ตปฺปริยาปนฺนํ รูปายตนํ. ปณฺฑกาทิภาวนฺติ ปณฺฑกมูคมมฺมนาทิภาวํ. ทุพฺพลสฺส ทฺวิเหตุกกุสลสฺส วิปากภูตา อุเปกฺขาสหคตาเหตุมโนวิฺาณธาตุ ทุพฺพล…เป… มโนวิฺาณธาตุ. เนสนฺติ ภาวิตรูปารูปาวจรกุสลานํ สตฺตานํ. กมฺมนิมิตฺตเมวาติ ปถวีกสิณาทิกํ อตฺตโน กมฺมารมฺมณเมว.
เอวํ ¶ ตาเวตฺถาติ เอตฺถ วิฺาณกฺขนฺธนิทฺเทเส เอวํ สงฺเขปโต สรูปทสฺสนมตฺเตเนว เอกูนวีสติยา วิปากวิฺาณานํ ปฏิสนฺธิวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา. ภวาลมฺพนาทิวิภาเคน ปน ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถายํ อาคมิสฺสตีติ.
ตํ ตนฺติ เอกูนวีสติยา ปฏิสนฺธิวิฺาเณสุ ยํ ยํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธํ, ตํ ตํ อนนฺตรํ อุปฺปตฺติยา อนุพนฺธมานํ. ตสฺส ตสฺเสวาติ ยสฺส ยสฺส กมฺมสฺส วิปากภูตํ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ, ตสฺส ตสฺเสว. ตสฺมิฺเวาติ กมฺมาทิเก เอว. กมฺมฺเจ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อารมฺมณํ, ตสฺมึ กมฺเม, อถ กมฺมนิมิตฺตํ, คตินิมิตฺตฺจ, ตสฺมึ กมฺมนิมิตฺเต คตินิมิตฺเตติ อตฺโถ. ตาทิสเมวาติ ยาทิสํ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ เหตุโต, เสสสมฺปยุตฺตธมฺมโต จ ตาทิสเมว. สนฺตานวินิวตฺตเกติ ภวงฺคสนฺตานสฺส วินิวตฺตนเก. อฺสฺมึ อาวชฺชนสงฺขาเต จิตฺตุปฺปาเท. กิริยมยจิตฺเตเนว สุปินทสฺสนํ ¶ โหตีติ อาห ‘‘สุปินํ อปสฺสโต’’ติ. อปริมาณสงฺขฺยมฺปิ ปวตฺตติเยว, ตถา หิทํ อุปปตฺติภวสฺส องฺคภาเวน ปวตฺตนโต ‘‘ภวงฺค’’นฺติ วุจฺจติ. เตสฺเวาติ ปฏิสนฺธิภูตานํเยว.
อินฺทฺริยานีติ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ. อารมฺมณคหณกฺขมานีติ รูปาทิอารมฺมณํ คเหตุํ สมตฺถานิ. มาตุกุจฺฉิคตกาเล วิย หิ พหินิกฺขนฺตกาเลปิ น ตาว อินฺทฺริยานิ สกิจฺจกานิ โหนฺติ, อนุกฺกเมน ปน วิสทภาวํ ปตฺตกาเล เอว สกิจฺจกานิ โหนฺติ. เตเนวาห ‘‘อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนาน’’นฺติ. อาปาถคเตติ โยคฺยเทสาวฏฺิเต. ตเมว โยคฺยเทสาวฏฺิตํ รูปํ ปฏิจฺจ ฆฏฺฏนา ปจฺจยํ ลทฺธา. ฆฏฺฏนาติ ปฏิฆาโต, เยน พฺยาปาราทิวิเสสปจฺจยนฺตรสหิเต จกฺขุสฺส วิสเย วิการุปฺปตฺติวิสทิสุปฺปตฺติวิสยสฺส อิฏฺานิฏฺภาเวน อนุคฺคโห, อุปฆาโต จาติ อตฺโถ. ตโตติ ฆฏฺฏนานนฺตรํ. ฆฏฺฏนานุภาเวนาติ ฆฏฺฏนาพเลน. ภวงฺคจลนนฺติ ภวงฺคจิตฺตสฺส ปกมฺปนํ, ตถา ทฺวิกฺขตฺตุํ ปวตฺติยา วิสทิสสฺส การณภาวูปคมนนฺติ อตฺโถ. ตฺหิ จิตฺตสนฺตานสฺส ปุริมาวตฺถาย ภินฺนาวตฺถาเหตุตาย จลนํ วิยาติ ‘‘จลน’’นฺติ วุตฺตํ. วิสยวิสยีภาวสิทฺธาย ธมฺมตาย อารมฺมณสฺส อภิมุขีภาเวน ปสาทสฺส ตาว ฆฏฺฏนา โหตุ, อฺสนฺนิสฺสิตสฺส ปน ภวงฺคสฺส จลนํ กถํ โหตีติ? ตํสมฺพนฺธภาวโต. เภริตเล ปิตาสุ สกฺขราสุ เอกิสฺสา สกฺขราย ฆฏิตาย ตทฺสกฺขรายํ ิตมกฺขิกา จลนํ เจตฺถ อุทาหรณนฺติ. ตเทว รูปนฺติ ตเทว ภวงฺคจลนสฺส ปจฺจยภูตํ อาปาถคตํ รูปายตนํ. ภวงฺคํ วิจฺฉินฺทมานา วิยาติ ภวงฺคสนฺตานํ วิจฺฉินฺทนฺตี ¶ วิย. ตทารมฺมณุปฺปตฺติยา ปรโต ภวงฺคสฺส อุปฺปชฺชนโต วิสยคฺคหณํ ปฺจทฺวาราวชฺชนํ วตฺวา ตทนนฺตรํ ทสฺสนาทีสุ วตฺตพฺเพสุ ตานิ อวตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนสฺส คหณํ อุทฺเทเส ทฺวินฺนํ อาวชฺชนานํ อาวชฺชนสามฺเน คหิตตฺตา.
อาวชฺชนานนฺตรนฺติ ปฺจทฺวาราวชฺชนานนฺตรํ. เย หทยวตฺถุ วิย สมฺปฏิจฺฉนาทิวีถิจิตฺตานิปิ นานุชานนฺติ, เตสํ ‘‘สมฺปฏิจฺฉนาย จกฺขุวิฺาณธาตุยา’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ ปาฬิ อาคตา. น หิ สกฺกา ปาฬึ ปฏิเสเธตุํ.
‘‘สเจ ¶ มหนฺตํ โหตี’’ติ อิทํ ชวนปริโยสานาย จิตฺตปฺปวตฺติยา วุจฺจมานตฺตา วุตฺตํ. จุทฺทสจิตฺตกฺขณายุกฺหิ อารมฺมณมิธ ‘‘มหนฺต’’นฺติ อธิปฺเปตํ, ตฺจ อุปฺปชฺชิตฺวา ทฺวิติจิตฺตกฺขณาตีตํ หุตฺวา อาปาถคมนวเสน เวทิตพฺพํ.
ยถาววตฺถาปิเตติ โวฏฺพฺพเนน วุตฺตากาเรน กตววตฺถาปเน. อาวชฺชนาย, โวฏฺพฺพนสฺส จ วุตฺตตฺตา ‘‘อวเสสกามาวจรกิริยาน’’นฺติ อวเสสคฺคหณํ กตํ. ฉ สตฺต วาติ วา-สทฺเทน ‘‘ปฺจ วา’’ติ อิทมฺปิ วุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. สุตฺตมุจฺฉิตาทิกาเล หิ ปฺจปิ ชวนานิ ชวนฺตีติ.
ตานิเยวาติ ‘‘อฏฺนฺนํ วา’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๔๕๕) วุตฺตานิ เอกูนตึส กามาวจรชวนานิเยว. อิโต อฺํ มโนทฺวาราวชฺชนานนฺตรํ อุปฺปชฺชนกจิตฺตํ นาม นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ เอวการคฺคหณํ. ‘‘โคตฺรภูโต’’ติ อิทํ โคตฺรภุฏฺานิยานํ ปริกมฺมโวทานานมฺปิ คหณํ, น โคตฺรภุโน เอว. ผลจิตฺตานีติ สมาปตฺติวเสน ปวตฺตนกผลจิตฺตานิ. ยํ ยํ ลทฺธปจฺจยนฺติ ยํ ยํ ชวนํ รูปาวจรชวนาทิวเสน โคตฺรภุอนนฺตรํ อุปฺปตฺติยา ลทฺธปจฺจยํ.
อติมหนฺตนฺติ โสฬสจิตฺตกฺขณายุกํ. ตตฺถ หิ ตทารมฺมณจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, น อฺตฺถ. วิภูตนฺติ สุปากฏํ, ตฺจ กามาวจรเมว. ตตฺถ หิ ตทารมฺมณสฺส อุปฺปตฺติ. กามาวจรชวนาวสาเนติ กามาวจรชวนสฺเสว อวสาเน. น หิ ตํ กามตณฺหาเหตุกกมฺมนิพฺพตฺตํ มหคฺคตานุตฺตรชวนํ อนุพนฺธติ อชนกตฺตา, ชนกาสทิสตฺตา จ. ยถา เคหโต พหิ คนฺตุกาโม ตรุณทารโก ชนกํ, ชนกสทิสํ วา อนุพนฺธติ, น อฺํ, เอวมิทมฺปิ ¶ . ตตฺถาปิ น สพฺพสฺมา ชวนา สพฺพํ ชวเนน ตทารมฺมณสฺส นิยเมตพฺพโต, อารมฺมเณน จ เวทนาย ปริวตฺเตตพฺพโต. ตตฺถายํ นิยโม – ปริตฺตกุสลโลภโมหมูลโสมนสฺสสหคตกิริยชวนานํ อฺตรานนฺตรํ อติมหติ วิสเย ปฺจนฺนํ โสมนสฺสสหคตานํ อฺตรํ ตทารมฺมณํ อุปฺปชฺชติ, ตถา ปริตฺตกุสลากุสลอุเปกฺขาสหคตกิริยชวนานํ อฺตรานนฺตรํ อุเปกฺขาสหคตานํ ฉนฺนํ ตทารมฺมณานํ อฺตรํ ปวตฺตติ. อิฏฺารมฺมณาทีนนฺติ อิฏฺอิฏฺมชฺฌตฺตอนิฏฺารมฺมณานํ วเสนาติ สมฺพนฺโธ. ตยิทํ อารมฺมเณน เวทนาปริวตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘ปุริมกมฺมวเสนา’’ติ อิทํ ตทารมฺมณวิเสสทสฺสนตฺถํ. น ¶ หิ ปฏิสนฺธิชนกเมว กมฺมํ ตทารมฺมณํ ชเนติ, อถ โข อฺกมฺมมฺปิ. ตํ ปน ปฏิสนฺธิทายินา กมฺเมน นิพฺพตฺเตตพฺพตทารมฺมณโต วิสทิสมฺปิ นิพฺพตฺเตตีติ. ‘‘ชวนจิตฺตวเสนา’’ติ อิทํ ตทารมฺมณนิยมทสฺสนตฺถํ. ‘‘ชวเนน ตทารมฺมณํ นิยเมตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน ปฏิสนฺธิจิตฺตํ สงฺคณฺหาติ. ตฺหิ อตฺตโน อุกฺกฏฺตรสฺส ตทารมฺมณสฺส ปจฺจโย น โหติ. โย โย ปจฺจโย ลทฺโธ โหตีติ ยถาวุตฺเตสุ อิฏฺารมฺมณาทีสุ โย โย ตทารมฺมณสฺส อุปฺปตฺติยา ปจฺจโย สมเวโต โหติ. กิฺจิ อนฺตรนฺติ กิฺจิ ขณนฺตรํ. อุทกมิวาติ ปฏิโสตํ คจฺฉนฺตํ อุทกมิว.
ทฺวิกฺขตฺตุํ สกึ วาติ วจนสิลิฏฺวเสน วุตฺตํ ‘‘อฏฺ วา ทส วา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๑๑) วิย. ทฺวิกฺขตฺตุํเยว ปน วณฺเณนฺติ. วิปากจิตฺตตฺตา, อาวชฺชนสฺส จ วิทูรตฺตา, มูลภวงฺคาทิภวงฺคสามฺสพฺภาวโต จ ภวงฺคสฺส อารมฺมเณ ปวตฺตนารหํ สมานํ ตสฺส ชวนสฺส อารมฺมณํ อารมฺมณํ เอตสฺสาติ ตทารมฺมณนฺติ วุจฺจติ เอกสฺส อารมฺมณสทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘กามาวจรํ, โอฏฺมุข’’นฺติ จ ยถา. เอตฺถ จ เกจิ ‘‘ปฏฺาเน ‘กุสลากุสเล นิรุทฺเธ วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๖) วิปากธมฺมธมฺมานํ เอว อนนฺตรํ ตทารมฺมณํ วุตฺต’’นฺติ กิริยาชวนานนฺตรํ น อิจฺฉนฺติ. วิปฺผารวนฺตํ หิ ชวนํ นาวํ วิย นทีโสโต ภวงฺคํ อนุพนฺธติ, น ปน ฉฬงฺคุเปกฺขาวโต สนฺตวุตฺติกิริยชวนํ ปณฺณปุฏํ วิย นทีโสโตติ. ตยิทํ ลพฺภมานสฺสาปิ เกนจิ อธิปฺปาเยน กตฺถจิ อวจนํ ทิสฺสติ, ยถา ตํ ธมฺมสงฺคเห อกุสลนิทฺเทเส ลพฺภมาโนปิ อธิปติ น วุตฺโต. ยฺจ ปณฺณปุฏํ นิทสฺสิตํ, ตมฺปิ นิทสฺสิตพฺเพน น สมานํ. นาวาปณฺณปุฏานฺหิ นทีโสตสฺส อาวฏฺฏนํ, คติ จ วิสทิสีติ นาวาย นทีโสตสฺส อนุพนฺธนํ, ปณฺณปุฏสฺส อนนุพนฺธนฺจ ยุชฺชติ, อิธ ปน กิริยชวเนตรชวนานํ ภวงฺคโสตสฺส ¶ อาวฏฺฏนํ, คติ จ สทิสีติ เอตสฺส อนนุพนฺธนํ, อิตรสฺส อนุพนฺธนฺจ น ยุชฺชติ. ตสฺมา วิจาเรตพฺพํ.
ภวงฺคเมวาติ อวธารณํ ภวปริโยสานสฺส อิธ น อธิปฺเปตตฺตา. อฺถา ตทารมฺมณาวสาเน จุติปิ น โหติเยว. ทสฺสนาทีนีติ ทสฺสนสวนฆายนสายนผุสนานิ. อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เตน สมฺปฏิจฺฉนาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ปฏิสนฺธิโต ภวงฺคเมว, ภวงฺคโต อาวชฺชนเมวาติ ¶ เอวํ ปวตฺตจิตฺตนิยมวเสเนว. ตมฺปีติ จุติจิตฺตมฺปิ. ปฏิสนฺธิภวงฺคจิตฺตานิ วิย เอกูนวีสติวิธเมว โหติ อตฺถโต เภทาภาวโต.
ภวคติิตินิวาเสสูติ ตีสุ ภเวสุ, ปฺจสุ คตีสุ, สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ, นวสุ สตฺตาวาเสสุ จ. โย ปเนตฺถ อจิตฺตโก, โส อิธ น คเหตพฺโพ วิฺาณกถาภาวโต. ‘‘เอตฺถา’’ติ อิทํ ‘‘สํสรมานานํ สตฺตาน’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เอตฺถ เอเตสุ วุตฺตนเยน สํสรมาเนสุ สตฺเตสุ โย ปน อรหตฺตํ ปาปุณาติ สมฺมาปฏิปตฺติมนฺวายาติ อธิปฺปาโย. ตสฺส อรหโต นิรุทฺธเมว โหติ จิตฺตํ อปฺปฏิสนฺธิกภาวโต.
อิติ วิฺาณกฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขวณฺณนา.
เวทนากฺขนฺธกถาวณฺณนา
๔๕๖. เวเทน อนุภวนากาเรน อยิตํ ปวตฺตํ เวทยิตํ, เวทยิตนฺติ ลกฺขิตพฺพธมฺมชาตํ เวทยิตลกฺขณํ. ตํ ปน อตฺถโต เวทนา เอวาติ อาห ‘‘เวทยิตลกฺขณํ นาม เวทนาวา’’ติ. อถ วา เวทยิตํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ กปฺปนาสิทฺธํ เภทํ นิสฺสาย อฺปทตฺถสมาสวเสนาปิ เวทนาว วุจฺจตีติ อาห ‘‘เวทยิตลกฺขณํ นาม เวทนาวา’’ติ. เวทยติ เวทยตีติ พฺยาปนิจฺฉาวเสน วจนํ เวทนาย สวิสเย อภิณฺหปฺปวตฺติทสฺสนตฺถํ. สภาวธมฺมโต อฺโ กตฺตา นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ กตฺตุนิทฺเทโส. อิตีติ อนิยมโต เหตุอตฺโถ. โขติ วจนาลงฺการมตฺตํ. ตสฺมาติ ตสฺส นิยมนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา ยถาปจฺจยํ อารมฺมณรสํ อนุภวติ, ตสฺมา เวทนาติ วุจฺจตีติ.
‘‘กุสลวิฺาเณน ¶ สมฺปยุตฺตา’’ติ อิทํ กุสลาย เวทนาย อุปลกฺขณํ ทฏฺพฺพํ. ยา กาจิ กุสลา เวทนา, สพฺพา สา กุสเลน วิฺาเณน สมฺปยุตฺตาติ, น ปน ตสฺสา กุสลภาวสํสิทฺธิทสฺสนตฺถํ. น หิ กุสเลน วิฺาเณน สมฺปโยคโต กุสลาย เวทนาย กุสลภาโว, อถ ¶ โข โยนิโสมนสิการาทิกโต. เตนาห ‘‘ชาติวเสนา’’ติ. อกุสลาทีสุปิ เอเสว นโย. ยถา ปน ชาติวเสน กุสลาทิวิฺาณสมฺปยุตฺตตาย ติวิธา, เอวํ ยาว เอกูนนวุติวิฺาณสมฺปยุตฺตาติ เอกูนนวุติวิธา เวทิตพฺพา. สภาวเภทโตติ สมฺปยุตฺตภูมิอารมฺมณาทิวเสน ลพฺภมานํ เภทํ อคฺคเหตฺวา เกวลํ สภาวกตเภทโต เอวาติ อตฺโถ.
‘‘ปฺจวิธา’’ติ วตฺวา ตํ ปฺจวิธตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุข’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุขยตีติ สุขํ, กายํ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ลทฺธสฺสาเท กโรตีติ อตฺโถ. สุฏฺุ วา ขาทติ, ขณติ วา กายิกํ อาพาธนฺติ สุขํ. สุกรํ โอกาสทานํ เอตสฺสาติ สุขนฺติ อปเร. ทุกฺขยตีติ ทุกฺขํ, กายํ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ วิพาธตีติ อตฺโถ. ทุฏฺุ วา ขาทติ, ขณติ วา กายิกํ อสฺสาทนฺติ ทุกฺขํ. ทุกฺกรํ โอกาสทานํ เอตสฺสาติ ทุกฺขนฺติ อปเร. โสมนสฺสุเปกฺขานํ สทฺทตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. โทมนสฺสสฺส โสมนสฺเส วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. กึ ปน การณํ มานเสตรสาตาสาตวเสน สุขํ, ทุกฺขฺจ วิภชิตฺวา วุตฺตํ ‘‘สุขํ โสมนสฺสํ ทุกฺขํ โทมนสฺส’’นฺติ, อุเปกฺขา ปน มานสี, อิตรา จ เอกธาว วุตฺตาติ? เภทาภาวโต. ยถา หิ อนุคฺคหูปฆาตกตาย สุขทุกฺขานิ อฺถา กายสฺส อนุคฺคหมุปฆาตฺจ กโรนฺติ, อฺถา มนโส, น เอวมุเปกฺขา. ตสฺมา เภทาภาวโต เอกธาว อุเปกฺขา วุตฺตาติ.
ตตฺถ เยน สภาวเภเทน เวทนา ปฺจวิธา, สา ปวตฺติฏฺาเน ทสฺสิเต สุปากฏา โหตีติ ปวตฺติฏฺานํ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อกุสลวิปาเกนาติ เอตฺถาปิ ‘‘กายวิฺาเณน สมฺปยุตฺต’’นฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ยถา อธิกรณีมตฺถเก กปฺปาสปิจุปิณฺฑํ เปตฺวา อโยกูเฏน ปหรนฺตสฺส ปิจุปิณฺฑํ อติกฺกมิตฺวา กูฏํ อธิกรณึ คณฺหาติ, นิฆํโส พลวา โหติ, เอวํ ปฏิฆฏฺฏนานิฆํสสฺส พลวภาวโต อิฏฺเ, อิฏฺมชฺฌตฺเต จ อารมฺมเณ กายวิฺาณํ สุขสหคตํ โหติ. อนิฏฺเ, อนิฏฺมชฺฌตฺเต จ ทุกฺขสหคตนฺติ อาห ‘‘กุสล…เป… ทุกฺข’’นฺติ. กามาวจรวิปากวิฺาณานิ ปฺจ กมฺมารมฺมณวเสน โสมนสฺสสหคตานิ โหนฺติ, รูปาวจรวิปากานิ จตฺตาริ กมฺมวเสน, เสสานิ เตรส กามาวจรานิ, อฏฺ รูปาวจรานิ, ทฺวตฺตึส โลกุตฺตรานิ, ยถารหํ ¶ เจโตภิสงฺขารารมฺมณปาทกาทิวเสน ¶ โสมนสฺสสหคตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘โสมนสฺสํ ทฺวาสฏฺิยา วิฺาเณหิ สมฺปยุตฺต’’นฺติ. โทมนสฺสํ ทฺวีหิ อกุสลวิฺาเณหิ สมฺปยุตฺตํ เจโตภิสงฺขารารมฺมณาทิวเสน.
อวเสสปฺจปฺาสายาติ ยถาวุตฺตานิ ฉสฏฺิ วิฺาณานิ เปตฺวา อวเสสาย ปฺจปฺาสาย. ตตฺถ กุสลากุสลวิปากานิ อิฏฺานิฏฺเสุ นิพฺพิกปฺปกานิ สุขทุกฺขสมฺปยุตฺตานิ ภวิตุํ ยุตฺตานิปิ ทฺวินฺนํ ปิจุปิณฺฑานํ วิย ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ อุปาทารูปานํ ฆฏฺฏนานิฆํสสฺส มนฺทภาวโต จกฺขาทิสนฺนิสฺสิตานิ อฏฺปิ วิฺาณานิ สพฺพตฺถ อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตาเนว โหนฺติ, ตถา พลวปจฺจยตาย สุขทุกฺขานํ เตสฺจ ตทภาวโต. อปุพฺพารมฺมณนิสฺสยปฺปวตฺตีนิ อาวชฺชนสมฺปฏิจฺฉนวิฺาณานิ, อสทิสานนฺตรปฺปจฺจยํ กิริยารมฺภสฺส อาทิภูตํ โวฏฺพฺพนํ, กายทุกฺขปธานตาย อกุสลผลสฺส ตทุปนิสฺสยภูตํ อกุสลวิปากปฏิสนฺธิอาทิ, อิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมณปฺปวตฺตีนิ กามาวจรกุสลวิปากวิฺาณานิ จ อุเปกฺขาสหคตานิเยว โหนฺติ. กมฺมวเสน วา วิปากานุภวนสฺส อิฏฺานิฏฺารมฺมเณสุ อทุกฺขมสุขภาโว ยุตฺโต. สติ จ วิปากภูตาย อุเปกฺขาย สุขทุกฺขมชฺฌตฺตภาเว กมฺมารมฺมณวเสน กุสลวิปากาย อิฏฺภาโว, อกุสลวิปากาย อนิฏฺภาโว จ เวทิตพฺโพ. อวสิฏฺานิ ปน สตฺตตึส วิฺาณานิ เจโตภิสงฺขารารมฺมณปาทกาทิวเสน อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตานิ โหนฺตีติ เอวํ ปฺจปฺาสาย วิฺาเณหิ อุเปกฺขาย สมฺปยุตฺตตา เวทิตพฺพา.
สลกฺขณํ นาม ธมฺมานํ อนฺสาธารโณ สภาโว, อนุภวนฺจ สพฺพเวทนานํ สาธารณลกฺขณนฺติ ตํ ปฏินิยเตน อารมฺมเณน นิยเมตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิฏฺโผฏฺพฺพานุภวนลกฺขณํ สุข’’นฺติ ตสฺส พฺยภิจาราภาวโต. ภุสํ พฺรูหนํ วฑฺฒนํ อุปพฺรูหนํ. ตยิทํ กามฺจ เจตสิกสุเขปิ ลพฺภติ, ตํ ปน สวิกปฺปกํ เจโตภิสงฺขารวเสนาปิ โหติ. อิทนฺตุ นิพฺพิกปฺปกํ สภาวสิทฺธตฺตา ตโต สาติสยนฺติ อาห ‘‘สมฺปยุตฺตานํ อุปพฺรูหนรส’’นฺติ. อสฺสาทิยตีติ อสฺสาโท, สุขาเวทนา. เตนาห ภควา ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปฺจุปาทานกฺขนฺเธสุ อสฺสาโท’’ติ ¶ (สํ. นิ. ๓.๒๖). กายนิสฺสิตตฺตา กาเย ภโว กายิโก, โส เอว อสฺสาโท ตถา ปจฺจุปติฏฺตีติ กายิกอสฺสาทปจฺจุปฏฺานํ. กายินฺทฺริยปทฏฺานํ อนฺวตฺถุกตฺตา.
ทุกฺขสฺส ลกฺขณาทีนิ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพานิ.
สภาวโต ¶ , ปริกปฺปโต วา อิฏฺสฺส อารมฺมณสฺส อนุภวนลกฺขณํ อิฏฺารมฺมณานุภวนลกฺขณํ. เตนาห ‘‘ยถา ตถา วา อิฏฺาการสมฺโภครส’’นฺติ, ยถาภูเตน วา อยถาภูเตน วา อิฏฺากาเรน อารมฺมณสฺส สํภฺุชนรสํ, ปจฺจนุภวนกิจฺจนฺติ อตฺโถ. ‘‘ปสฺสทฺธิปทฏฺาน’’นฺติ อิทํ ‘‘ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๖; อ. นิ. ๑๑.๑๒) สุตฺตปทํ นิสฺสาย วุตฺตํ, ตํ ปน นิรามิสโสมนสฺสวเสน เวทิตพฺพํ.
โสมนสฺเส วุตฺตวิปริยาเยน โทมนสฺสสฺส ลกฺขณาทีนิ เวทิตพฺพานิ. โทมนสฺสสฺส กามธาตุยํ อุปฺปชฺชนโต เอกนฺเตน หทยวตฺถุปทฏฺานตา ตโต วิเสโส.
มชฺฌตฺตสฺส, อารมฺมณสฺส มชฺฌตฺตํ วา เวทยิตํ อนุภวนํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ มชฺฌตฺตเวทยิตลกฺขณา. มชฺฌตฺตานุภวนโต เอว สมฺปยุตฺตานํ นาติอุปพฺรูหนมิลาปนรสา. ‘‘สนฺตภาวปจฺจุปฏฺานา’’ติ อิทํ อนวชฺชาย นิรามิสาย อุเปกฺขาย วเสน เวทิตพฺพํ, น สพฺพาย.
อิติ เวทนากฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขวณฺณนา.
สฺากฺขนฺธกถาวณฺณนา
๔๕๗. สฺชานนลกฺขณํ นาม สฺาวาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เวทนากฺขนฺธนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
กามํ เวทนายปิ วิปฺปยุตฺตํ วิฺาณํ นตฺถิ, ตสฺสา ปน สภาวโต ภินฺนตฺตา กายจิ เวทนาย สมฺปยุตฺตมฺปิ กายจิ วิปฺปยุตฺตํ โหติ. สฺาย ปน อีทิสํ นตฺถีติ อาห ‘‘น หิ ตํ วิฺาณํ…เป… สฺายา’’ติ.
สพฺพาวาติ จตุภูมิกาปิ. อถ วา ยถา เวทนา ภินฺนสภาวตฺตา เภทนลกฺขณาทิโต วุตฺตา, น เอวมยํ, อยํ ปน สพฺพาว สฺชานนลกฺขณา ¶ . นีลาทิเภทสฺส อารมฺมณสฺส สฺชานนํ สฺํ กตฺวา ชานนํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ สฺชานนลกฺขณา. ตถา หิ สา อภิฺาเณน สฺชานนโต ¶ ปจฺจาภิฺาณรสาติ วุจฺจติ. นิมิตฺเตน หิ ปุน สฺชานนกิจฺจา ปจฺจาภิฺาณรสา. ตสฺสา วฑฺฒกิสฺส ทารุมฺหิ อภิฺาณํ กตฺวา เตน อภิฺาเณน ปจฺจาภิชานนกาเล ปวตฺติ เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘ตเทเวต’’นฺติอาทิ. ปุน สฺชานนสฺส ปจฺจโย ปุนสฺชานนปจฺจโย, ตเทว นิมิตฺตํ ปุน…เป… นิมิตฺตํ, ตสฺส กรณํ, ปุน…เป… กรณํ, ปุนสฺชานนปจฺจยภูตํ วา นิมิตฺตกรณํ ปุน…เป… กรณํ, ตทสฺสา กิจฺจนฺติ ปุนสฺชานนปจฺจยนิมิตฺตกรณรสา. ปุนสฺชานนนิมิตฺตกรณํ นิมิตฺตการิกาย, นิมิตฺเตน สฺชานนนฺติยา จ สพฺพาย สฺาย สมานํ โยเชตพฺพํ. อภินิเวสกรณํ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๒, ๒๐๓, ๔๒๗; ม. นิ. ๓.๒๗-๒๙) สฺาภินิเวสมตฺเตเนว ทฏฺพฺพํ. ยถาอุปฏฺิตวิสยปทฏฺานา อวิกปฺปสภาวตฺตา. าณสมฺปยุตฺตา ปน สฺา าณเมว อนุวตฺตติ, ตสฺมา อภินิเวสการิกา, วิปรีตคฺคาหิกา จ น โหติ. เอเตเนว สมาธิสมฺปยุตฺตตาย อจิรฏฺานตา จ น โหตีติ เวทิตพฺพา. เอวํ ราคทิฏฺิมานาทิสมฺปยุตฺตาย สฺาย ราคาทิอนุวตฺติกภาโวติ.
อิติ สฺากฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขวณฺณนา.
สงฺขารกฺขนฺธกถาวณฺณนา
๔๕๘. ราสิกรณลกฺขณนฺติ สมฺปิณฺฑนลกฺขณํ, ตโต สงฺขารา อายูหนรสา วุจฺจนฺติ. เจตนาปธานตาย หิ สงฺขารกฺขนฺธธมฺมา เอวํ วุตฺตา. เตเนวาห ‘‘กึ ปน ตนฺติ สงฺขาราเยวา’’ติอาทิ. ตตฺถ สงฺขตมภิสงฺขโรนฺตีติ ยถา อตฺตโน ผลํ สงฺขตํ สมฺมเทว นิปฺผนฺนํ โหติ, เอวํ อภิสงฺขโรนฺตีติ อตฺโถ. วิปฺผารปจฺจุปฏฺานาติ เอตฺถ วิปฺผาโร นาม วิปฺผารวนฺตตา, ตสฺมา สพฺยาปารปจฺจุปฏฺานาติ อตฺโถ.
ตสฺมึ ตสฺมึ จิตฺเต อุปฺปนฺเน นิยเมน อุปฺปชฺชนโต นิยตา. สรูเปน อาคตาติ เอวํ ปิฏฺิวตฺตเก อกตฺวา ปาฬิยา สรูเปเนว อาคตา. กทาจิเทว อุปฺปชฺชนโต น นิยตาติ อนิยตา. ยทิปิ อนิยตา เอกชฺฌํ ¶ น อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมึ ปน จิตฺเต อุปฺปชฺชนธมฺมตาย ‘‘ฉตฺตึสา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อุปฺปชฺชมานาปิ จ น เอกโต อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ.
๔๕๙. ผุสตีติ ¶ กตฺตุนิทฺเทโส. ยํ ตตฺถ การณํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ผุสนฺติ เอเตนาติ วา ผสฺโส. สมฺปยุตฺตธมฺมา หิ อารมฺมเณ ปวตฺตมานา ตํ ผุสนลกฺขเณน ผสฺเสน ผุสนฺตา วิย โหนฺติ. อารมฺมณผุสนมตฺตํ วา ผสฺโสติ สาธนตฺตยมฺปิ ยุชฺชเตว. สภาวธมฺเมสุ กตฺตุกรณสาธนวจนํ ตทาการสมาโรปนโต ปริยายกถา, ภาวสาธนวจนเมว นิปฺปริยายกถาติ วุตฺตํ ‘‘ผุสนลกฺขโณ’’ติ. อยฺหีติอาทิ ยถาวุตฺตลกฺขณาทิสมตฺถนํ. ยทิ อยํ ธมฺโม เจตสิโก, สฺวายํ อรูปธมฺโม สมาโน กถํ ผุสนลกฺขโณ, สงฺฆฏฺฏนรสาทิโก จ โหตีติ อนฺโตลีนํ โจทนํ หทเย เปตฺวา ตสฺส โสธนตฺถํ ‘‘อรูปธมฺโมปิ สมาโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ผุสนากาเรเนว ปวตฺตตี’’ติ อิมินา อรูปสฺสาปิ ตสฺส ธมฺมสฺส อยํ สภาโวติ ทสฺเสติ. สา จ ตสฺส ผุสนาการปฺปวตฺติ อมฺพิลอมฺพปกฺกาทึ ขาทนฺตํ ปสฺสนฺตสฺส ปรสฺส เขฬุปฺปตฺติ, ปรํ วิพาธิยมานํ ทิสฺวา ทยาลุกสฺส สรีรกมฺปนํ, รุกฺขสาขคฺเค ทุฏฺิตํ ปุริสํ ทิสฺวา ภูมิยํ ิตสฺส ภีรุกปุริสสฺส ชงฺฆจลนํ, ปิสาจาทิภายิตพฺพํ ทิสฺวา อูรุขมฺโภติ เอวมาทีสุ ปริพฺยตฺตา โหติ.
เอกเทเสนาติ กฏฺทฺวยาทิ วิย อตฺตโน เอกปสฺเสน. อนลฺลียมาโนปีติ อสํสิลิยมาโนปิ. รูปสทฺเทหิ สห ผสฺสสฺส สามฺํ อนลฺลียมานสงฺฆฏฺฏนเมว, น วิสยภาโว. ยถา รูปสทฺทา จกฺขุโสตานิ อนลฺลียมานา เอว ‘‘ผุสิต’’นฺติอาทินา วุตฺตา, เอวํ ผสฺสสฺสาปิ อารมฺมณผุสนสงฺฆฏฺฏนานีติ. สงฺฆฏฺฏนฺจ ผสฺสสฺส จิตฺตารมฺมณานํ สนฺนิปตนภาโว เอว. เตนาห ‘‘จิตฺตมารมฺมณฺจ สงฺฆฏฺเฏตี’’ติ. กิจฺจฏฺเน รเสน สงฺฆฏฺฏนรสตา วุตฺตา, วตฺถารมฺมณสนฺนิปาเตน วา สมฺปชฺชตีติ สงฺฆฏฺฏนสมฺปตฺติโก ผสฺโส สงฺฆฏฺฏนรโส วุตฺโต. ยถา ‘‘ทฺเว ปาณี วชฺเชยฺยุ’’นฺติอาทีสุ (มิ. ป. ๒.๓.๘) ปาณิสฺส ปาณิมฺหิ สงฺฆฏฺฏนํ ตพฺพิเสสภูตา รูปธมฺมา, เอวํ จิตฺตสฺส อารมฺมเณ สงฺฆฏฺฏนํ ตพฺพิเสสภูโต เอโก เจตสิกธมฺโม ทฏฺพฺโพ. ‘‘ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๔; ๔.๖๐) วจนโต จกฺขุรูปวิฺาณาทีนํ ¶ สงฺคติวเสน คเหตพฺพตฺตา อาห ‘‘ติกสนฺนิปาตสงฺขาตสฺสา’’ติอาทิ. ตสฺส ผสฺสสฺส การณภูโต ตทนุรูโป สมนฺนาหาโร ตชฺชาสมนฺนาหาโร. อินฺทฺริยสฺส ตทภิมุขภาโว, อาวชฺชนาย จ อารมฺมณกรณํ วิสยสฺส ปริกฺขตตา อภิสงฺขตตา, วิฺาณสฺส วิสยภาวกรณนฺติ อตฺโถ. ยถา นิจฺจมฺมา คาวี ยํ ยํ านํ อุปคตา, ตตฺถ ตตฺถ ทุกฺขเมว ปาปุณาติ, เอวํ ผสฺเส สติ เวทนา อุปฺปชฺชเตว. เวทนา จ ทุกฺขสลฺลาทิสภาวาติ วุตฺตํ ‘‘เวทนาธิฏฺานภาวโต ปน นิจฺจมฺมคาวี วิย ทฏฺพฺโพ’’ติ.
๔๖๐. อภิสนฺทหติ ¶ ปพนฺธติ ปวตฺเตติ. เจตนาภาโว พฺยาปารภาโว. อายูหนํ เจตยนํ อีริยนํ. สํวิทหนํ วิจารณํ. อายูหนรสาย เจตนาย ปวตฺตมานาย สพฺเพปิ สมฺปยุตฺตธมฺมา ยถาสกํ กิจฺจปฺปสุตา โหนฺตีติ สา สกิจฺจปรกิจฺจสาธิกา วุตฺตา. เชฏฺสิสฺโส ปเร สชฺฌายเน อุยฺโยเชนฺโต สยมฺปิ สชฺฌายติ. มหาวฑฺฒกิมฺหิ วฑฺฒกิกมฺมํ กาตุมารทฺเธ อิตเรปิ กโรนฺติเยว. อุสฺสาหนภาเวนาติ อาทรกรณภาเวน. สา หิ สยํ อาทรภูตา สมฺปยุตฺตธมฺเม อาทรยตีติ. อายูหนวเสน อุสฺสาหนํ ทฏฺพฺพํ, น วีริยุสฺสาหวเสน.
๔๖๑. วีรภาโวติ เยน วีโร นาม โหติ, โส ธมฺโมติ อตฺโถ. วิธินา อีเรตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ วา วีริยํ, อุสฺสาโห, ตํตํกิจฺจสมารมฺโภ, ปรกฺกโม วา. อุปตฺถมฺภนํ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา ธารณํ อนุพลปฺปทานํ, สมฺปคฺคณฺหนํ วา. สํสีทนปฏิปกฺโข ธมฺโม อสํสีทนํ, น สํสีทนาภาวมตฺตนฺติ อสํสีทนภาเวน ปจฺจุปติฏฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อสํสีทนภาวปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ. สํเวคปทฏฺานนฺติ อฏฺสํเวคปุพฺพิกาย (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๔๑๘) กุสลกิริยาย วีริยารมฺภวตฺถุปทฏฺานํ. ‘‘มคฺโค คนฺตพฺโพ โหติ, มคฺโค คโต, กมฺมํ กาตพฺพํ, กมฺมํ กตํ, อปฺปมตฺตโก อาพาโธ อุปฺปนฺโน, คิลานา วุฏฺิโต โหติ, อจิรวุฏฺิโต เคลฺา, คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย วิจรนฺโต น ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึ, ลภติ…เป… ปาริปูริ’’นฺติ เอวํ วุตฺตานิ เอตานิ อนุรูปปจฺจเวกฺขณาสหิตานิ อฏฺ วีริยารมฺภวตฺถูนิ, ตํมูลกานิ วา ปจฺจเวกฺขณานิ.
๔๖๒. อตฺตนา ¶ อนุปาเลตพฺพานํ สหชาตธมฺมานํ อนุปาลนํ ชีวิตสฺส พฺยาปาโร, ตฺจ เนสํ ชีวนนฺติ ตํ ตสฺส การณภาวํ ปุรกฺขตฺวา วุตฺตํ ‘‘ชีวนฺติ เตนา’’ติ. ตมฺปิ จสฺส อตฺถโต ชีวนเมวาติ อาห ‘‘ชีวนมตฺตเมว วา ต’’นฺติ.
๔๖๓. อาธิยตีติ เปติ. อวิสาโร อตฺตโน เอว อวิสรณสภาโว. อวิกฺเขโป สมฺปยุตฺตานํ ธมฺมานํ อวิกฺขิตฺตตา. เยน สมฺปยุตฺตา อวิกฺขิตฺตา โหนฺติ, โส ธมฺโม อวิกฺเขโปติ. อวูปสมลกฺขณสฺส วิกฺเขปสฺส ปฏิปกฺขตาย จิตฺตสฺส อุปสมนากาเรน ปจฺจุปติฏฺตีติ อุปสมปจฺจุปฏฺาโน. วิเสสโตติ เยภุยฺเยน. สุขวิรหิโตปิ หิ อตฺถิ สมาธีติ. ทีปจฺจินิทสฺสเนน สนฺตานิติภาวํ สมาธิสฺส ทสฺเสติ.
๔๖๔. สทฺทหนฺติ ¶ เอตายาติ สทฺทหนกิริยาย ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ ตตฺถ อาธิปจฺจภาเวน สทฺธาย ปจฺจยตํ ทสฺเสติ. ตสฺสา หิ ธมฺมานํ ตถาปจฺจยภาเว สติ ปุคฺคโล สทฺทหตีติ โวหาโร โหติ. สทฺทหนํ สทฺเธยฺยวตฺถุโน ปตฺติยายนํ, ตํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ สทฺทหนลกฺขณา. โอกปฺปนลกฺขณาติ อนุปวิสิตฺวา เอวเมตนฺติ กปฺปนลกฺขณา. กาลุสฺสิยมลํ วิธเมตฺวา สมฺปยุตฺตานํ, ปุคฺคลสฺเสว วา ปสาทนํ อนาวิลภาวกรณํ รโส เอติสฺสาติ ปสาทนรสา. ปกฺขนฺทนํ อธิมุจฺจนวเสน อารมฺมณสฺส อนุปวิสนํ. อกาลุสภาโว อกาลุสฺสิยํ, อนาวิลภาโวติ อตฺโถ. ปสาทนียฏฺาเนสุ ปสาทวิปรีตํ อกุสลํ อสฺสทฺธิยํ, มิจฺฉาธิมุตฺติ จ, ตปฺปจฺจนีโกว ปสาทภูโต วตฺถุคโต นิจฺฉโย อธิมุตฺติ, น เยวาปนกาธิโมกฺโข. รตนตฺตยํ, กมฺมํ, กมฺมผลฺจ สทฺเธยฺยวตฺถุ. สปฺปุริสสํเสวนสทฺธมฺมสวนโยนิโสมนสิการธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติโย โสตาปตฺติยงฺคานิ. กุสลธมฺมานํ อาทาเน หตฺถํ วิย, สพฺพสมฺปตฺติสมฺปทาเน วิตฺตํ วิย, อมตกสิผลผลเน พีชํ วิย ทฏฺพฺพา.
๔๖๕. สรนฺติ ตายาติ สรณกิริยาย ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ ตตฺถ อาธิปจฺจภาเวน สติยา ปจฺจยตํ ทสฺเสติ. ตสฺสา หิ ธมฺมานํ ตถาปจฺจยภาเว สติ ตํสมงฺคิปุคฺคโล สรตีติ โวหาโร โหติ. อุทเก อลาพุ วิย ปิลวิตฺวา คนฺตุํ อทตฺวา ปาสาณสฺส วิย นิจฺจลสฺส ¶ อารมฺมณสฺส ปนํ สรณํ อสมฺมุฏฺตากรณํ อปิลาปนํ. สมฺโมสปจฺจนีกํ กิจฺจํ อสมฺโมโส, น สมฺโมสาภาวมตฺตํ. ‘‘สตารกฺเขน เจตสา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๐) วจนโต อารกฺขปจฺจุปฏฺานา. อฺโต อาคนฺตฺวา จิตฺตวิสเย อภิมุโข ภวติ เอตายาติ วิสยาภิมุขภาโว, สติ. สติยา วตฺถุภูตา กายาทโยว กายาทิสติปฏฺานานิ, สติ เอว วา ปุริมา ปจฺฉิมาย ปทฏฺานํ.
๔๖๖. กายทุจฺจริตาทีหีติ เหตุมฺหิ กรณวจนํ. หิริยตีติ ลชฺชากาเรน ชิคุจฺฉติ. เตหิเยวาติ กายทุจฺจริตาทีหิเยว. โอตฺตปฺปตีติ อุพฺพิชฺชติ. หิรี ปาปธมฺเม คูถํ วิย ปสฺสนฺตี ชิคุจฺฉตีติ อาห ‘‘ปาปโต ชิคุจฺฉนลกฺขณา หิรี’’ติ. โอตฺตปฺปํ เต อุณฺหํ วิย ปสฺสนฺตํ ตโต อุตฺตสตีติ วุตฺตํ ‘‘อุตฺตาสลกฺขณํ โอตฺตปฺป’’นฺติ. วุตฺตปฺปกาเรนาติ ลชฺชากาเรน, อุตฺตาสากาเรน จ. อตฺตคารวปทฏฺานา หิรี อชฺฌตฺตสมุฏฺานตาย, อตฺตาธิปติตาย จ. ปรคารวปทฏฺานํ โอตฺตปฺปํ พหิทฺธาสมุฏฺานตาย, โลกาธิปติตาย จ. ตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘อตฺตานํ ¶ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อชฺฌตฺตสมุฏฺานาทิตา จ หิริโอตฺตปฺปานํ ตตฺถ ตตฺถ ปากฏภาเวน วุตฺตา, น ปเนเตสํ กทาจิ อฺมฺวิปฺปโยคา. น หิ ลชฺชนํ นิพฺภยํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ อตฺถีติ. โลกปาลกาติ เอตฺถ ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, สุกฺกา ธมฺมา โลกํ ปาเลนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๒.๙; อิติวุ. ๔๒) สุตฺตปทํ อตฺตาธิปติ, โลกาธิปติภาเว จ ‘‘โส อตฺตานํเยว อธิปตึ กริตฺวา, โส โลกํเยว อธิปตึ กริตฺวา’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๐) จ สุตฺตปทานิ อาหริตฺวา วตฺตพฺพานิ.
๔๖๗. ยสฺมา โลภปฏิปกฺโข อโลโภติ เย ธมฺมา เตน สมฺปยุตฺตา, ตํสมงฺคิโน วา สตฺตา เตน น ลุพฺภนฺติ, สยํ กทาจิปิ น ลุพฺภเตว, อตฺถโต วา อลุพฺภนากาโร เอว จ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘น ลุพฺภนฺตี’’ติอาทิ. เอเสว นโยติ ‘‘น ทุสฺสนฺติ เตนา’’ติอาทินา การกตฺตยโยชนํ อติทิสติ. อเคโธ อคิชฺฌนํ อนภิกงฺขนํ. อลคฺคภาโว อนาสตฺตตา. อปริคฺคโห กสฺสจิ วตฺถุโน มมตฺตวเสน อสงฺคโห. อนลฺลีโน ภาโว อธิปฺปาโย เอตสฺสาติ อนลฺลีนภาโว. เอวฺหิ อุปมาย สเมติ.
๔๖๘. จณฺฑิกสฺส ¶ ภาโว จณฺฑิกฺกํ, โกโป. ตปฺปฏิปกฺโข อจณฺฑิกฺกํ, อพฺยาปาโท. อวิโรโธ อวิคฺคโห. อนุกูลมิตฺโต อนุวตฺตโก. วินยรโสติ วินยนรโส. โสมฺมภาโว เมชฺชนวเสน หิลาทนียตา.
๔๖๙. ธมฺมานํ โย โย สภาโว ยถาสภาโว, ตสฺส ตสฺส ปฏิวิชฺฌนํ ยถาสภาวปฏิเวโธ. อกฺขลิตํ อวิรชฺฌิตฺวา ปฏิเวโธ อกฺขลิตปฏิเวโธ. วิสยสฺส โอภาสนํ ตปฺปฏิจฺฉาทกสมฺโมหนฺธการวิธมนํ วิสโยภาสนํ. กตฺถจิปิ วิสเย อสมฺมุยฺหนากาเรเนว ปจฺจุปติฏฺติ, สมฺโมหปฏิปกฺขตาย วา ตทภาวํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ อสมฺโมหปจฺจุปฏฺาโน. สพฺพกุสลานํ มูลภูตาติ สพฺเพสํ จตุภูมกกุสลธมฺมานํ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธเนน ปติฏฺาภูตา, น เตสํ กุสลภาวสาธเนน. ยทิ หิ เตสํ กุสลภาโว กุสลมูลปฏิพทฺโธ สิยา, เอวํ สติ ตํสมุฏฺานรูเปสุ เหตุปจฺจยตา น สิยา. น หิ เต เตสํ กุสลาทิภาวํ สาเธนฺติ, น จ ปจฺจยา น โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑). ยถา จ กุสลภาโว, เอวํ อพฺยากตภาโวปิ อพฺยากตมูลปฺปฏิพทฺโธ สิยา. ตถา สติ อเหตุกจิตฺตานํ ¶ อพฺยากตภาโว เอว น สิยา, อกุสเลสุ จ ยตฺถ เอกํเยว มูลํ, ตสฺส อกุสลภาโว น สิยา, อุภยมฺปิ โหติเยว. ตสฺมา น มูลปฺปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, อถ โข โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺโธ. เตสํ ปน สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนานิ มูลานีติ คเหตพฺพํ.
๔๗๐. ปสฺสมฺภนํ ทรถวูปสโม. กายสทฺโท สมูหวาจี, โส จ โข เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยวเสนาติ อาห ‘‘กาโยติ เจตฺถ เวทนาทโย ตโย ขนฺธา’’ติ. เตเนวาห ‘‘ตตฺถ กตมา ตสฺมึ สมเย กายปสฺสทฺธิ โหติ? ยา ตสฺมึ สมเย เวทนากฺขนฺธสฺสา’’ติอาทิ (ธ. ส. ๔๐). ทรโถ สารมฺโภ, โทมนสฺสปจฺจยานํ อุทฺธจฺจาธิกานํ กิเลสานํ, ตถาปวตฺตานํ วา จตุนฺนํ ขนฺธานํ เอตํ อธิวจนํ. ทรถนิมฺมทฺทเนน ปริฬาหปริปฺผนฺทวิรหิโต สีติภาโว อปริปฺผนฺทสีติภาโว. อุทฺธจฺจปฺปธานา กิเลสา ¶ อุทฺธจฺจาทิกิเลสา, อุทฺธจฺจํ วา อาทึ กตฺวา สพฺพกิเลเส สงฺคณฺหาติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
ครุภาโว ทนฺธตา, ถินมิทฺธาธิกานํ, ตถาปวตฺตานํ วา จตุนฺนํ ขนฺธานํ เอตํ อธิวจนํ. ทนฺธตาย ปฏิปกฺโข อทนฺธตา, น ทนฺธตาย อภาวมตฺตํ.
ถทฺธภาโว ถมฺโภ, ทิฏฺิมานาธิกานํ, ตปฺปธานานํ วา จตุนฺนํ ขนฺธานเมตํ นามํ. ถทฺธภาวนิมฺมทฺทนโต เอว กตฺถจิ อารมฺมเณ อปฺปฏิหตากาเรน ปจฺจุปติฏฺนฺติ, สมฺปยุตฺตานํ วา ตตฺถ อปฺปฏิฆาตํ ปจฺจุปฏฺาเปนฺตีติ อปฺปฏิฆาตปจฺจุปฏฺานา.
กมฺมนิ สาธุ กมฺมฺํ, น กมฺมฺํ อกมฺมฺํ, ตสฺส ภาโว อกมฺมฺภาโว, ทานสีลาทิปฺุกิริยายํ อโยคฺยตา. อตฺถโต กามจฺฉนฺทาทิสํกิเลสธมฺมา, ตปฺปธานา วา จตฺตาโร อกุสลกฺขนฺธา. กมฺมฺภาเวเนว สมฺปนฺนากาเรน อารมฺมณสฺส คหณํ อารมฺมณกรณสมฺปตฺติ. วุตฺตาวเสสา กามจฺฉนฺทาทโย, ตเทกฏฺา จ สํกิเลสธมฺมา อวเสสนีวรณาทโย. วินิพนฺธนิมฺมทฺทเนน สุขปฺปวตฺติเหตุตาย ปสาทนียวตฺถูสุ ปสาทาวหา. สุวณฺณวิสุทฺธิ วิยาติ ยถา สุวณฺณวิสุทฺธิ อปคตกาฬกา อลงฺการวิกติวินิโยคกฺขมา, เอวมยมฺปิ สํกิเลสวิคเมน หิตกิริยาวินิโยคกฺขมา.
กายจิตฺตานํ เคลฺํ, อสฺสทฺธิยาทิ, ตเทกฏฺา จ ปาปธมฺมา. เคลฺปฏิปกฺโข อเคลฺํ ¶ , ตพฺภาโว ลกฺขณํ เอตาสนฺติ อเคลฺภาวลกฺขณา. ยถาวุตฺตเคลฺนิมฺมทฺทเนเนว นตฺถิ เอตาสํ อาทีนโว โทโส, น วา เอตา อาทีนํ กปณํ วนฺติ ปวตฺตนฺตีติ นิราทีนวา, เตนากาเรน ปจฺจุปติฏฺนฺติ, ตํ วา สมฺปยุตฺเตสุ ปจฺจุปฏฺเปนฺตีติ นิราทีนวปจฺจุปฏฺานา.
กายสมฺพนฺธี, จิตฺตสมฺพนฺธี จ อุชุภาโวติ ลกฺขิตพฺพตาย กายจิตฺตอชฺชวลกฺขณา. กายจิตฺตานํ นงฺคลสีสจนฺทโกฏิโคมุตฺตวงฺกตาสงฺขาตานํ กุฏิลภาวานํ นิมฺมทฺทนโต กายจิตฺตกุฏิลภาวนิมฺมทฺทนรสา. ตโต เอว สพฺพถาปิ อชิมฺหภาเวน ปจฺจุปติฏฺนฺติ, สมฺปยุตฺตานํ วา อชิมฺหตํ ปจฺจุปฏฺเปนฺตีติ อชิมฺหตาปจฺจุปฏฺานา. ‘‘สนฺตโทสปฏิจฺฉาทนลกฺขณา มายา, อสนฺตคุณสมฺภาวนลกฺขณํ สาเยฺย’’นฺติ เอวํ วุตฺตา ตทาการปฺปวตฺตา ¶ อกุสลา ขนฺธา, ตเทกฏฺา จ สํกิเลสธมฺมา มายาสาเยฺยาทิกา. เอตฺถ จ จิตฺตปสฺสทฺธิอาทีหิ จิตฺตเมว ปสฺสทฺธํ, ลหุ, มุทุ, กมฺมฺํ, ปคุณํ, อุชุ จ โหติ. กายปสฺสทฺธิอาทีหิ ปน รูปกาโยปิ. เตเนเวตฺถ ภควตา ธมฺมานํ ทุวิธตา วุตฺตา, น สพฺพตฺถ.
๔๗๑. ฉนฺทนํ ฉนฺโท, อารมฺมเณน อตฺถิกตา. ‘‘ฉนฺโท กาโม’’ติอาทีสุ (วิภ. ๕๖๔) ปน ตณฺหาปิ วุจฺจติ, ‘‘ฉนฺทํ ชเนติ วายมตี’’ติอาทีสุ (วิภ. ๔๓๒) วีริยมฺปีติ ตโต นิวตฺตนตฺถํ ‘‘กตฺตุกามตาเยตํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ. กตฺตุกามตา วุจฺจติ กรณิจฺฉา. เจตสิกสฺส จ ธมฺมสฺส สารมฺมณตฺตา กรณิจฺฉา นาม อาลมฺพนสฺส อาลมฺพิตุกามตามุเขเนว โหตีติ อารมฺมณกรณิจฺฉาลกฺขโณ ฉนฺโท กตฺตุกามตาลกฺขโณ วุตฺโต. เตเนวาห ‘‘อารมฺมณปริเยสนรโส, อารมฺมเณน อตฺถิกตาปจฺจุปฏฺาโน’’ติ จ. ยทคฺเคน ปนายํ อตฺตโน อารมฺมณปริเยสนรโส, ตทคฺเคน สมฺปยุตฺตานมฺปิ โหติเยว เอการมฺมณตาย เตน เตสํ. เตเนวาห ‘‘อารมฺมณคฺคหเณ จายํ เจตโส หตฺถปฺปสารณํ วิย ทฏฺพฺโพ’’ติ. สฺวายํ กุสเลสุ อุปฺปนฺโน กุสลจฺฉนฺโทติ วุจฺจติ โยนิโสมนสิการสมุฏฺานตฺตา.
๔๗๒. อธิมุจฺจนํ อารมฺมเณ สนฺนิฏฺานวเสน เวทิตพฺพํ, น ปสาทนวเสน. ยถา ตถา วา หิ อารมฺมเณ นิจฺฉยนํ อธิมุจฺจนํ อนธิมุจฺจนฺตสฺส ปาณาติปาตาทีสุ, ทานาทีสุ วา ปวตฺติยา อภาวา, สทฺธา ปน ปสาทนีเยสุ ปสาทาธิโมกฺขาติ อยเมเตสํ วิเสโส. โวฏฺพฺพนํ ปน ยถา สนฺตีริเต อตฺเถ นิจฺฉยนากาเรน ปวตฺติตฺวา ปรโต ตฺตมานานํ ตถา ปวตฺติยา ปจฺจโย โหติ. ยทิ เอวํ, วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺเตสุ กถนฺติ? เตสมฺปิ เอกํเสเนว สํสปฺปนาการสฺส ¶ ปจฺจยตาย ทฏฺพฺพํ. ทารกสฺส วิย อิโต จิโต จ สํสปฺปนสฺส ‘‘กริสฺสามิ น กริสฺสามี’’ติ อนิจฺฉยสฺส ปฏิปกฺขกิริยา อสํสปฺปนํ, เยสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ อยํ สนฺนิฏฺานลกฺขโณ อธิโมกฺโข, เตสํ อารมฺมณธมฺโม เอว สนฺนิฏฺเยฺยธมฺโม.
๔๗๓. กิริยา ¶ กาโรติ การสทฺทสฺส ภาวสาธนตมาห. มนมฺหิ กาโรติ มนสิ อารมฺมณสฺส กรณํ. เยน หิ มโน อารมฺมเณ กรียติ อารมฺมเณนสฺส สํโยชนโต, ตโต เอว เตน อารมฺมณมฺปิ มนสิ กรียตีติ. ปุริมมนโตติ ภวงฺคมนโต. วิสทิสมนนฺติ วีถิชวนํ มนํ กโรตีติ มนสิการสามฺเน วีถิชวนปฏิปาทเก ทสฺเสติ.
สมฺปยุตฺตธมฺเม อารมฺมณาภิมุขํ สาเรนฺโต วิย โหตีติ มนสิกาโร สารณลกฺขโณ วุตฺโต. สติยา อสมฺมุสฺสนวเสน วิสยาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานตา, มนสิการสฺส ปน สํโยชนวเสน อารมฺมณาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานตาติ อยเมเตสํ วิเสโส. อารมฺมณปฏิปาทกสฺส สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนตาวจนํ อิตรมนสิการานํ ตทฺกฺขนฺธปริยาปนฺนตามตฺตํ โชเตตีติ ตถาโชติตํ ตํ วิฺาณกฺขนฺเธ โอตาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘วีถิปฏิปาทโก’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๔๗๔. เตสุ ธมฺเมสูติ เยสุ ธมฺเมสุ สยํ อุปฺปนฺนา, เตสุ อตฺตนา สมฺปยุตฺเตสุ จิตฺตเจตสิกธมฺเมสุ. อนารมฺมณตฺเตปิ หิ เตสุ สมปฺปวตฺเตสุ อุทาสินภาวโต ‘‘ตตฺรมชฺฌตฺตตา’’ติ วุจฺจติ. สมวาหิตลกฺขณาติ สมํ อวิสมํ ยถาสกกิจฺเจสุ ปวตฺตนลกฺขณา. อุทาสินภาเวน ปวตฺตมานาปิ เหสา สมฺปยุตฺตธมฺเม ยถาสกกิจฺเจสุ ปวตฺเตติ, ยถา ราชา ตุณฺหี นิสินฺโนปิ อตฺถกรเณ ธมฺมฏฺเ ยถาสกกิจฺเจสุ อปฺปมตฺเต ปวตฺเตติ. อลีนานุทฺธตปวตฺติปจฺจยตา อูนาธิกตานิวารณรสา, กิจฺจวเสน เจตํ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ, สหชาตาธิปติโน กถนฺติ? ตมฺปิ ตสฺสา กิจฺจเมว. ยํ สหชาตธมฺมานํ อธิปติภาโวติ, ตสฺสาปิ ตถาปวตฺตนเมวาติ นายํ โทโส. ‘‘อิทํ นิหีนกิจฺจํ โหตุ, อิทํ อติเรกตรกิจฺจ’’นฺติ เอวํ ปกฺขปาตวเสน วิย ปวตฺติ ปกฺขปาโต, ตํ อุปจฺฉินฺทนฺตี วิย โหตีติ อธิปฺปาโย.
‘‘อนิยเตสุ อิจฺฉนฺตี’’ติ อิมินา เจตสิกนฺตรภาเวน อิจฺฉนฺตีติ ทสฺเสติ. อโทโสเยว เมตฺตา. ตถา ¶ หิ โสเยว ‘‘เมตฺตา เมตฺตายนา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๖๒) นิทฺทิฏฺโ. อุเปกฺขาติ ยํ อุเปกฺขํ เมตฺตาย สทฺธึ ปริกปฺเปนฺติ, สา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาเยว.
๔๗๕. กายทุจฺจริตาทิวตฺถูนนฺติ ¶ ปรปาณปรธนปรอิตฺถิอาทีนํ. อมทฺทนํ มทฺทนปฏิปกฺขภาโว. กายทุจฺจริตาทิวตฺถุโต สงฺโกจนกิริยาปเทเสน กายทุจฺจริตาทิโต เอว สงฺโกจนกิริยา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ วิรติโย ทุจฺจริตวตฺถุโน อกิริยปจฺจุปฏฺานา ยุชฺชนฺติ, อถ โข ทุจฺจริตสฺส, วิรตีนฺจ โสรจฺจวเสน สงฺโกจนํ, อกิริยานฺจ หิโรตฺตปฺปานํ ชิคุจฺฉนาทิวเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส.
๔๗๖. สงฺขาราติ สงฺขารกฺขนฺธธมฺเม สนฺธายาห. เต หิ อิธาธิปฺเปตา, อฺถา อฏฺตึสาติ วตฺตพฺพํ สิยา. ยถา จิตฺตํ, เอวํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ ทุติเย สสงฺขารา เอวาติ อาห ‘‘สสงฺขารภาวมตฺตเมว เหตฺถ วิเสโส’’ติ. อวเสสา ปเม วุตฺตธมฺมา.
อวเสสา ปฺจเมน สมฺปโยคํ คจฺฉนฺตีติ เอตฺถ กถํ กรุณามุทิตาอุเปกฺขาสหคเต สมฺภวนฺตีติ? ปุพฺพภาคภาวโต. อปฺปนาปฺปตฺตา เอว หิ กรุณามุทิตา อุเปกฺขาสหคตา น โหนฺติ, ตโต อฺตฺถ ปน อุเปกฺขาสหคตาปิ โหนฺตีติ อาจริยา.
สุวิสุทฺธสฺส กายกมฺมาทิกสฺส จิตฺตสมาธานวเสน รูปารูปาวจรกุสลปฺปวตฺติ, น กายกมฺมาทีนํ โสธนวเสน, นาปิ ทุจฺจริตทุราชีวานํ สมุจฺฉินฺทนปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสนาติ มหคฺคตจิตฺตุปฺปาเทสุ วิรตีนํ อสมฺภโวเยวาติ อาห ‘‘เปตฺวา วิรติตฺตย’’นฺติ. ตโตติ รูปาวจรปเม วุตฺตเจตสิกโต. เตเยวาติ รูปาวจรปฺจเม วุตฺตเจตสิกา เอว. ยทิ เอว รูปาวจรโต โก วิเสโสติ อาห ‘‘อรูปาวจรภาโวเยว หิ เอตฺถ วิเสโส’’ติ.
ปมชฺฌานิเกติ ปมชฺฌานวติ. มคฺควิฺาเณติ จตุพฺพิเธปิ มคฺควิฺาเณ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. ทุติยชฺฌานิกาทิเภเท มคฺควิฺาเณติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ตติยจตุตฺถปฺจมชฺฌานิกานิ สงฺคณฺหาติ. ‘‘วุตฺตนเยนา’’ติ วุตฺตํ กึ อวิเสเสนาติ โจทนายเน ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กรุณามุทิตาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ มคฺควิฺาณานํ นิพฺพานารมฺมณตฺตา, กรุณามุทิตานฺจ สตฺตารมฺมณตฺตา น ตาสํ ตตฺถ สมฺภโว. มคฺคธมฺเมสุ จ ปาทกาทินิยเมน ¶ กทาจิ สมฺมาสงฺกปฺปวิรโห สิยา ¶ , น ปน วิรติวิรโห กายทุจฺจริตาทีนํ สมุจฺฉินฺทนวเสเนว อริยมคฺคสฺส ปวตฺตนโตติ นิยตวิรติตา.
๔๗๘. น หิริยติ น ลชฺชตีติ อหิริโก, ปุคฺคโล, จิตฺตํ, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมสมุทาโย วา. ‘‘อหิริกฺก’’นฺติ วตฺตพฺเพ เอกสฺส กการสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘อหิริก’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘น โอตฺตปฺป’’นฺติ โอตฺตปฺปสฺส ปฏิปกฺขภูตํ ธมฺมมาห. อชิคุจฺฉนํ อหีฬนํ. อลชฺชา อวิริฬา. เตเหวาติ กายทุจฺจริตาทีหิ เอว. อสารชฺชํ นิพฺภยตา. อนุตฺตาโส อสมฺภโม. วุตฺตปฏิปกฺขวเสนาติ อลชฺชนากาเรน ปาปานํ กรณรสํ อหิริกํ, อนุตฺตาสากาเรน อโนตฺตปฺปํ, วุตฺตปฺปกาเรเนว ปาปโต อสงฺโกจนปจฺจุปฏฺานานิ อตฺตนิ, ปเรสุ จ อคารวปทฏฺานานิ. คามสูกรสฺส วิย อสุจิโต กิเลสาสุจิโต อชิคุจฺฉนํ อหิริเกน โหติ, สลภสฺส วิย อคฺคิโต ปาปโต อนุตฺตาโส อโนตฺตปฺเปน โหตีติ เอวํ วุตฺตปฺปฏิปกฺขวเสน วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ.
๔๗๙. ลุพฺภนฺติ เตนาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. ลุพฺภนฺตีติ อภิคิชฺฌนฺติ. มุยฺหนฺตีติ น พุชฺฌนฺติ. อารมฺมณคฺคหณํ ‘‘มม อิท’’นฺติ ตณฺหาภินิเวสวเสน อภินิวิสฺส อารมฺมณสฺส อวิสฺสชฺชนํ, น อารมฺมณกรณมตฺตํ. อภิสงฺโค อภิมุขภาเวน อาสตฺติ. อปริจฺจาโค อวิชหนํ, ทุมฺโมจนียตา วา. อสฺสาททสฺสนํ อสฺสาททิฏฺิ. ‘‘อสฺสาทานุปสฺสิโน จ ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๒, ๕๔, ๕๗) หิ วุตฺตํ.
๔๘๐. ธมฺมสภาวสฺส ยาถาวโต อทสฺสนํ จิตฺตสฺส อนฺธภาโว. อฺาณํ าณปฏิปกฺโข. สมฺปฏิวิชฺฌิตุํ อสมตฺถตา อสมฺปฏิเวโธ. ยถา าณํ อารมฺมณสภาวํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น ลพฺภติ, โมหสฺส ตถา ปวตฺติ อารมฺมณสภาวจฺฉาทนํ. อสมฺมาปฏิปตฺตึ ปจฺจุปฏฺเปติ, สมฺมาปฏิปตฺติยา ปฏิปกฺขภาเวน คยฺหตีติ วา อสมฺมาปฏิปตฺติปจฺจุปฏฺาโน. ยสฺส อุปฺปชฺชติ, ตสฺส อนฺธกรณํ อนฺธกาโร, ตถา ปจฺจุปติฏฺตีติ อนฺธการปจฺจุปฏฺาโน.
๔๘๑. มิจฺฉาติ ธมฺมสภาวสฺส วิปรีตํ, นิจฺจาทิโตติ อตฺโถ. อโยนิโส อภินิเวโส อนุปายาภินิเวโส อุปฺปถาภินิเวโส. ธมฺมสภาวํ ¶ อติกฺกมิตฺวา ปรโต อามสนํ ¶ ปรามาโส. วิปรีตคฺคาหวเสน ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๒, ๒๐๓; ๓.๒๗-๒๙) อภินิวิสนํ มิจฺฉาภินิเวโส.
๔๘๒. ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน อุทฺธตํ โหติ จิตฺตํ, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา วา, โส ธมฺโม อุทฺธจฺจํ. อวูปสโมติ อสนฺนิสินฺนอปฺปสนฺนภาวมาห. อนวฏฺานรสนฺติ จลนกิจฺจํ. ภนฺตตฺตนฺติ ปริพฺภมนาการํ. เจตโส อวูปสเมติ นิปฺผาเทตพฺเพ ปโยชเน ภุมฺมํ, อวูปสมปจฺจยภูตํ อารมฺมณํ วา ‘‘อวูปสโม’’ติ วุตฺตํ. อกุสลธมฺมานํ เอกนฺตนิหีนตาย ‘‘อกุสลภาเวน จ ลามกตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
๔๘๓. ถินมิทฺธเมตฺถ อนิยตํ, น มานาทีติ ถินมิทฺธสฺส อนิยตตา จ เอตฺถ ทุติยจิตฺเต ปมากุสลโต วิเสโส.
อนุสฺสาหนาวสีทนภาเวน สํหตภาโว ถินํ, เตน โยคโต จิตฺตํ ถินํ, ตสฺส ภาโวติ ถินตา. อสมตฺถตาวิฆาตวเสน อกมฺมฺตา มิทฺธํ. ยสฺมา ตโต เอว เตน สมฺปยุตฺตธมฺมา เมธิตา วิหตสามตฺถิยา โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘มิทฺธนตา มิทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. อนุสฺสาหลกฺขณนฺติ อุสฺสาหปฏิปกฺขลกฺขณํ. วีริยสฺส อวโนทนํ ขิปนํ วีริยาวโนทนํ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สํสีทนากาเรน ปจฺจุปติฏฺติ, เตสํ วา สํสีทนํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ สํสีทนปจฺจุปฏฺานํ. อกมฺมฺตาลกฺขณนฺติ เอตฺถ กามํ ถินมฺปิ อกมฺมฺสภาวเมว, ตํ ปน จิตฺตสฺส, มิทฺธํ เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสฺสาติ อยเมตฺถ วิเสโส. ตถา หิ ปาฬิยํ ‘‘ตตฺถ กตมํ ถินํ? ยา จิตฺตสฺส อกลฺลตา อกมฺมฺตา. ตตฺถ กตมํ มิทฺธํ? ยา กายสฺส อกลฺลตา อกมฺมฺตา’’ติ (ธ. ส. ๑๑๖๒-๑๑๖๓) จ อาทินา อิเมสํ นิทฺเทโส ปวตฺโต. โอนหนํ วิฺาณทฺวารานํ ปิทหนํ. ลีนตา ลีนากาโร อารมฺมณคฺคหเณ สงฺโกโจ. ยสฺมา ถิเนน จิตฺตสฺเสว สํหนนํ โหติ, มิทฺเธน ปน เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสฺส วิย รูปกายสฺสาปิ, ตสฺมา ตํ ปจลายิกานิทฺทํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ ปจลายิกานิทฺทาปจฺจุปฏฺานํ วุตฺตํ. อรติ ปนฺตเสนาสเนสุ, อธิกุสลธมฺเมสุ จ อโรจนา. วิชมฺภิกา วิชมฺภนสงฺขาตสฺส กายทุฏฺุลฺลสฺส การณภูตา สํกิเลสปฺปวตฺติ. อรติวิชมฺภิกาทีสูติ ¶ จ อาทิ-สทฺเทน ตนฺทิอาทีนํ คหณํ. นิปฺผาเทตพฺเพ ปโยชเน เจตํ ภุมฺมวจนํ.
อวเสสา ¶ โสฬส. มาโน ปเนตฺถ อนิยโต โหติ, เตน สทฺธึ สตฺตรเสว โหนฺติ. ปฏฺาเน หิ ‘‘สํโยชนํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ สํโยชโน ธมฺโม อุปฺปชฺชติ เหตุปจฺจยา’’ติ เอตฺถ จตุกฺขตฺตุํ กามราเคน, ติกฺขตฺตุํ ปฏิเฆน จ มาโน วิจิกิจฺฉา ภวราโคติ ตโยเปเต สกทาคามิโน สํโยชนานํ สํโยชเนหิ ทสวิธา โยชนาติ ทสฺสิตาย ทสวิธาย โยชนาย ‘‘กามราคสํโยชนํ ปฏิจฺจ มานสํโยชนํ อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ (ปฏฺา. ๓.๔.๑) วตฺวา ‘‘กามราคสํโยชนํ ปฏิจฺจ อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ (ปฏฺา. ๓.๔.๑) ตถา ‘‘มานสํโยชนํ ปฏิจฺจ ภวราคสํโยชนํ อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ (ปฏฺา ๓.๔.๑) วตฺวา ‘‘ภวราคสํโยชนํ ปฏิจฺจ อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ (ปฏฺา. ๓.๔.๑) จ เอวมาคตาหิ โยชนาหิ มานสฺส อนิยตภาโว ปกาสิโต. ยทิ หิ มาโน นิยโต สิยา, กามราคสฺส มานรหิตา ปวตฺติ น สิยา, ตถา ภวราคสฺส. เอวํ สติ ปฏฺาเน จตุกฺขตฺตุํ กามราเคน โยชนา น สิยา, ติกฺขตฺตุํเยว สิยา. ภวราคมูลิกา จ น สิยา. เอวฺจ สํโยชนานํ สํโยชเนหิ อฏฺวิเธน โยชนา สิยา, น ทสวิเธน. ทสวิธาว จ ทสฺสิตาติ. เสยฺยาทิวเสน อุจฺจโต นมนํ อุนฺนติ. อุนฺนมนวเสเนว สํปคฺคหรโส. น วีริยํ วิย ตํตํกิจฺจสาธเน อพฺภุสฺสหนวเสน. โอมานสฺสาปิ อตฺตานํ อวํ กตฺวา คหณมฺปิ สมฺปคฺคหณวเสเนวาติ ทฏฺพฺพํ. เกตุ วุจฺจติ อจฺจุคฺคตธโช, อิธ ปน เกตุ วิยาติ เกตุ, อุฬารตมาทิภาโว. ตํ เกตุภาวสงฺขาตํ เกตุํ กาเมตีติ เกตุกมฺยํ, จิตฺตํ. ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน เกตุกมฺยํ, สา เกตุกมฺยตา. ‘‘อห’’นฺติ ปวตฺตนโต มานสฺส ทิฏฺิสทิสี ปวตฺตีติ โส ทิฏฺิยา สทฺธึ เอกจิตฺตุปฺปาเท น ปวตฺตติ, อตฺตสิเนหสนฺนิสฺสโย จาติ อาห ‘‘ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตโลภปทฏฺาโน’’ติ.
เอตฺถาปิ จาติ จ-สทฺเทน ถินมิทฺธํ อากฑฺฒติ.
๔๘๕. ทุสฺสนฺตีติ พฺยาปชฺชนฺติ. จณฺฑิกฺกํ กุชฺฌนํ. อตฺตโน ปวตฺติอาการวเสน, วิรูปสํสปฺปนกอนิฏฺรูปสมุฏฺาปนวเสน จ วิสปฺปนรโส. กายสฺส ¶ วิชฺฌตฺตภาวาปาทนโต อตฺตโน นิสฺสยทหนรโส. ทุสฺสนํ อตฺตโน, ปรสฺส จ อุปโภคผลกาเลสุ อนิฏฺตฺตา วิสสํสฏฺปูติมุตฺตํ วิย ทฏฺพฺโพติ สพฺเพน สพฺพํ อคฺคเหตพฺพตํ ทสฺเสติ.
๔๘๖. ยํ ปรสมฺปตฺตีสุ อิสฺสากรณํ, สา อิสฺสาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิสฺสายนา อิสฺสา’’ติ ¶ . อุสูยนํ อสหนํ. ตตฺเถวาติ ปรสมฺปตฺตีสุ เอว. อภิรติปฏิปกฺขภูตํ อิสฺสาย กิจฺจํ, น อภิรติยา อภาวมตฺตนฺติ อาห ‘‘อนภิรติรสา’’ติ.
๔๘๗. มจฺฉรโยเคน ‘‘มจฺฉรี’’ติ ปวตฺตมานํ มจฺฉริสทฺทํ คเหตฺวา อาห ‘‘มจฺฉรภาโว มจฺฉริย’’นฺติ. นิรุตฺตินเยน ปน มา อิทํ อจฺฉริยํ อฺเสํ โหตุ, มยฺหเมว โหตูติ มจฺฉริยนฺติ โปราณา. ตํ มจฺฉริยํ วุจฺจมานานิ ลกฺขณาทีนิ ปริยาทาย ติฏฺติ. สงฺโกจนปจฺจุปฏฺานนฺติ อตฺตสมฺปตฺตีนํ ปเรหิ อสาธารณภาวกรเณน สงฺโกจนปจฺจุปฏฺานํ. กฏุกาการคติ กฏุกฺจุกตา. อตฺตสมฺปตฺติ อาวาสาทิ.
๔๘๘. กุกตนฺติ เอตฺถ อกตมฺปิ กุกตเมว. เอวฺหิ วตฺตาโร โหนฺติ ‘‘ยํ มยา น กตํ, ตํ กุกต’’นฺติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กตากตานุโสจนรส’’นฺติ. เอวํ กตากตํ ทุจฺจริตํ, สุจริตฺจ กุกตํ, ตํ อารพฺภ วิปฺปฏิสารวเสน ปวตฺตํ ปน จิตฺตํ ตํสหจริตตาย อิธ ‘‘กุกต’’นฺติ คเหตฺวา ‘‘ตสฺส ภาโว กุกฺกุจฺจ’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปจฺฉา อนุตาปนํ วิพาธนํ ปจฺฉานุตาโป. ยถาปวตฺตสฺส กตากตาการวิสิฏฺสฺส ทุจฺจริตสุจริตสฺส อนุโสจนวเสน วิรูปํ ปฏิสรณํ วิปฺปฏิสาโร. ปรายตฺตตาเหตุตาย ทาสพฺยมิว ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ ทาสพฺเย สติ ทาโส ปรายตฺโต โหติ, เอวํ กุกฺกุจฺเจ สติ ตํสมงฺคี. น หิ โส อตฺตโน ธมฺมตาย กุสเล ปวตฺติตุํ สกฺโกติ. อถ วา กตากตากุสลกุสลานุโสจเน อายตฺตตาย ตทุภยวเสน กุกฺกุจฺเจน ตํสมงฺคี โหตีติ ตํ ทาสพฺยํ วิย โหตีติ.
อนิยเตสุ อิสฺสาทีสุ ถินมิทฺธสมฺภโวว จาติ จ-สทฺทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.
๔๙๐. ปวตฺติฏฺิติมตฺโตติ ¶ ขณฏฺิติมตฺโต. ‘‘นิวาเต ทีปจฺจีนํ ิติ วิยา’’ติ หิ เอวํ วุตฺตจิตฺตฏฺิติ วิย สนฺตานฏฺิติยา ปจฺจโย ภวิตุํ อสมตฺโถ นิจฺฉยาภาเวน อสณฺหนโต เจตโส ปวตฺติปจฺจยมตฺตตาย ปวตฺติฏฺิติมตฺโต. เตนาห ‘‘ทุพฺพโล สมาธี’’ติ. วิคตา จิกิจฺฉาติ จิกิจฺฉิตุํ ทุกฺกรตาย วุตฺตํ, น สพฺพถา วิจิกิจฺฉาย จิกิจฺฉาภาวโตติ ตทตฺถมตฺตํ ทสฺเสติ. ‘‘เอวํ นุ โข, นนุ โข’’ติอาทินา สํสปฺปนวเสน เสตีติ สํสโย. กมฺปนรสาติ นานารมฺมเณ จิตฺตสฺส กมฺปนกิจฺจา. อุทฺธจฺจฺหิ อตฺตนา คหิตากาเร ¶ เอว ตฺวา ภมตีติ เอการมฺมณสฺมึเยว วิปฺผนฺทนวเสน ปวตฺตติ. วิจิกิจฺฉา ปน ยทิปิ รูปาทีสุ เอกสฺมึเยว อารมฺมเณ อุปฺปชฺชติ, ตถาปิ ‘‘เอวํ นุ โข, นนุ โข, อิทํ นุ โข, อฺํ นุ โข’’ติ อฺํ คเหตพฺพาการํ อเปกฺขตีติ นานารมฺมเณ กมฺปนํ โหตีติ. อนิจฺฉยํ ทฺเวฬฺหกํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ อนิจฺฉยปจฺจุปฏฺานา. อเนกํสสฺส อารมฺมเณ นานาสภาวสฺส คหณากาเรน ปจฺจุปติฏฺตีติ อเนกํสคาหปจฺจุปฏฺานา.
๔๙๑. สตฺตารมฺมณตฺตาติ สตฺตปฺตฺติอารมฺมณตฺตา. นนุ จ ปฺตฺติอารมฺมณาปิ วิปากา โหนฺตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘เอกนฺตปริตฺตารมฺมณา หิ กามาวจรวิปากา’’ติ. วิรติโยปิ วิปาเกสุ น สนฺตีติ เอตฺถาปิ นนุ เกสุจิ วิปาเกสุ วิรติโยปิ สนฺตีติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ปฺจ สิกฺขาปทา กุสลาเยวาติ หิ วุตฺต’’นฺติ, เตน โลกิยวิปาเกสุ วิรติโย น สนฺตีติ ทสฺเสติ.
เตสนฺติ รูปาวจราทิวิปากวิฺาณานํ. ชเนตพฺพชนกสมฺพนฺเธ หิ อิทํ สามิวจนํ.
๔๙๒. เตติ เต อเหตุกกิริยสงฺขารา. ตตฺถ กุสลวิปากมโนธาตุสมฺปยุตฺเตหิ สมานา อเหตุกกิริยมโนธาตุสมฺปยุตฺตา, โสมนสฺสสหคตสนฺตีรณสมฺปยุตฺเตหิ สมานา หสิตุปฺปาทสมฺปยุตฺตา, อุเปกฺขาสหคตสนฺตีรณสมฺปยุตฺเตหิ สมานา โวฏฺพฺพนสมฺปยุตฺตาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘กุสล…เป… สมานา’’ติ วตฺวา ตโต ลพฺภมานํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘มโนวิฺาณธาตุทฺวเย ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วีริยสพฺภาวโต พลปฺปตฺโต สมาธิ โหติ ‘‘วีริยนฺตํ พล’’นฺติ กตฺวา.
สมุจฺเฉทวิรตีหิ ¶ เอว อรหนฺตานํ วิรมนกิจฺจสฺส นิฏฺิตตฺตา กิริยจิตฺเตสุ วิรติโย น สนฺตีติ อาห ‘‘เปตฺวา วิรติโย’’ติ. กามาวจรสเหตุกกิริยสงฺขารานํ กามาวจรกุสเลหิ วิรติกโต วิเสโส อตฺถิ, มหคฺคเตสุ ปน ตาทิโสปิ นตฺถีติ อาห ‘‘สพฺพากาเรนปี’’ติ, ธมฺมโต, อารมฺมณโต, ปวตฺติอาการโตติ สพฺพปกาเรนปีติ อตฺโถ.
อิติ สงฺขารกฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขวณฺณนา.
อตีตาทิวิภาคกถาวณฺณนา
อภิธมฺมนฺโตคธมฺปิ ¶ สุตฺตนฺตภาชนียํ สุตฺตนฺตนโย เอว, เอกนฺตอภิธมฺมนโย ปน อภิธมฺมภาชนียนฺติ อาห ‘‘อภิธมฺเม ปทภาชนียนเยนา’’ติ.
๔๙๓. ภควตา ปน เอวํ ขนฺธา วิตฺถาริตาติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมา อิมายปิ ปาฬิยา วเสน ขนฺธานํ สํวณฺณนํ กริสฺสามาติ อธิปฺปาโย. ยํ กิฺจีติ เอตฺถ ยนฺติ สามฺเน อนิยมทสฺสนํ. กิฺจีติ ปการเภทํ อามสิตฺวา อนิยมทสฺสนํ. อุภเยนาปิ อตีตํ วา…เป… สนฺติเก วา อปฺปํ วา พหุํ วา ยาทิสํ วา ตาทิสํ วา นปุํสกนิทฺเทสารหํ สพฺพํ พฺยาเปตฺวา คณฺหาตีติ อาห ‘‘อนวเสสปริยาทาน’’นฺติ. เอวํ ปน อฺเสุปิ นปุํสกนิทฺเทสารเหสุ ปสงฺคํ ทิสฺวา ตตฺถ อธิปฺเปตตฺถํ อติจฺจ ปวตฺตนโต อติปฺปสงฺคสฺส นิยมนตฺถํ รูปนฺติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘รูปนฺติ อติปฺปสงฺคนิยมน’’นฺติ อาห. ยํ กิฺจีติ จ ยํ-สทฺทํ เอกํ ปทํ, สนิปาตํ กึ-สทฺทฺจ เอกํ ปทนฺติ คเหตฺวา อนิยเมกตฺถทีปนโต ‘‘ปททฺวเยนาปี’’ติ วุตฺตํ. อสฺสาติ รูปสฺส. อตีตาทินา วิภาคํ อารภติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนนฺติอาทินา.
๔๙๔. อทฺธาสนฺตติสมยขณวเสนาติ เอตฺถ จุติปฏิสนฺธิปริจฺฉินฺเน กาเล อทฺธา-สทฺโท วตฺตตีติ ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติอาทิสุตฺตวเสน (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) วิฺายติ. ตถา หิ ภทฺเทกรตฺตสุตฺเตปิ ‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺยา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๗๒, ๒๗๕, ๒๗๖, ๒๗๗) อทฺธาวเสเนว อตีตาทิภาโว วุตฺโต. ‘‘ตโยเม, ¶ ภิกฺขเว, อทฺธา, กตเม ตโย? อตีโต อทฺธา อนาคโต อทฺธา ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๓) ปน ปรมตฺถโต ปริจฺฉิชฺชมาโน อทฺธา นิรุตฺติปถสุตฺตวเสน ขณปริจฺฉินฺโน วุตฺโต. ตตฺถ หิ ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, รูปํ ชาตํ…เป… ปาตุภูตํ. อตฺถีติ ตสฺส สงฺขา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๖๒) วิชฺชมานสฺส ปจฺจุปฺปนฺนตา, ตโต ปุพฺเพ, ปจฺฉา จ อตีตานาคตตา วุตฺตา. ตทฺสุตฺเตสุ ปน เยภุยฺเยน จุติปฏิสนฺธิปริจฺฉินฺโน อตีตาทิโก อทฺธา วุตฺโตติ โส เอว อิธาปิ ‘‘อทฺธาวเสนา’’ติ วุตฺโต.
สีตํ สีตสฺส สภาโค, ตถา อุณฺหํ อุณฺหสฺส. ยํ ปน สีตํ, อุณฺหํ วา สรีเร สนฺนิปติตํ ¶ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ อนูนํ อนธิกํ เอกาการํ, ตํ เอโก อุตูติ วุจฺจตีติ สภาคอุตุโน อเนกตฺตา เอก-คฺคหณํ กตํ, เอวํ อาหาเรปิ. เอกวีถิเอกชวนสมุฏฺานนฺติ ปฺจฉฏฺทฺวารวเสน วุตฺตํ. สนฺตติสมยกถา วิปสฺสกานํ อุปการตฺถาย อฏฺกถาสุ กถิตา. ชนโก เหตุ, อุปถมฺภโก ปจฺจโย, เตสํ อุปฺปาทนํ, อุปตฺถมฺภนฺจ กิจฺจํ. ยถา พีชสฺส องฺกุรุปฺปาทนํ, ปถวีอาทีนฺจ ตทุปตฺถมฺภนํ, กมฺมสฺส กฏตฺตารูปวิปากุปฺปาทนํ, อาหาราทีนํ ตทุปตฺถมฺภนํ, เอวํ เอเกกสฺส กลาปสฺส, จิตฺตุปฺปาทสฺส จ ชนกานํ กมฺมานนฺตราทิปจฺจยภูตานํ, อุปตฺถมฺภกานฺจ สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตานํ กิจฺจํ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. เอวํ อุตุอาทีนํ สภาควิสภาคตาสมฺภวโต ตํสมุฏฺานานํ รูปานํ สนฺตติวเสน อตีตาทิวิภาโค วุตฺโต, กมฺมสฺส ปน เอกภวนิพฺพตฺตกสฺส สภาควิสภาคตา นตฺถีติ ตํสมุฏฺานานํ รูปานํ สนฺตติวเสน อตีตาทิวิภาคํ อวตฺวา อุปตฺถมฺภกวเสเนว วุตฺโต. ยทา ปน ลิงฺคปริวตฺตนํ โหติ, ตทา พลวตา อกุสเลน ปุริสลิงฺคํ อนฺตรธายติ, ทุพฺพเลน กุสเลน อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวติ. ทุพฺพเลน จ อกุสเลน อิตฺถิลิงฺคํ อนฺตรธายติ, พลวตา กุสเลน ปุริสลิงฺคํ ปาตุภวตีติ กมฺมสมุฏฺานรูปานมฺปิ อตฺเถว วิสภาคตาติ เตสมฺปิ สนฺตติวเสน อตีตาทิวิภาโค สมฺภวติ, โส ปน น สพฺพกาลิโกติ น คหิโต.
ตํตํสมยนฺติ เอกมุหุตฺตาทิโก โส โส สมโย เอตสฺสาติ ตํตํสมยํ, รูปํ, ตํตํสมยวนฺตนฺติ อตฺโถ.
ตโต ¶ ปุพฺเพติ ตโต ขณตฺตยสฺส ปริยาปตฺติโต ปุพฺเพ. อนุปฺปนฺนตฺตา อนาคตํ. ปจฺฉาติ ตโต ปจฺฉา. ขณตฺตยํ อติกฺกนฺตตฺตา อตีตํ. ยสฺส เหตุกิจฺจํ, ปจฺจยกิจฺจฺจ นิฏฺิตตฺตา อติกฺกนฺตํ, ตํ อตีตํ อุปฺปาทกฺขเณ เหตุกิจฺจํ, อุปฺปนฺนผลตฺตา นิฏฺิตฺจาติ ทฏฺพฺพํ. ตีสุปิ ขเณสุ ปจฺจยกิจฺจํ. ปถวีอาทีนํ สนฺธารณาทิกํ, ผสฺสาทีนํ ผุสนาทิกฺจ อตฺตโน กิจฺจํ สกิจฺจํ, สกิจฺจสฺส กรณกฺขโณ สกิจฺจกฺขโณ, สห วา กิจฺเจน สกิจฺจํ, ยสฺมึ ขเณ สกิจฺจํ รูปํ วา อรูปํ วา โหติ, โส สกิจฺจกฺขโณ, ตสฺมึ ขเณ ปจฺจุปฺปนฺนํ. เอตฺถ จ ขณาทิกถายํ ‘‘ตโต ปุพฺเพ อนาคตํ, ปจฺฉา อตีต’’นฺติ วจนํ อทฺธาทีสุ วิย เภทาภาวโต นิปฺปริยายํ. อทฺธาทิวเสน หิ อฺเว ธมฺมา อตีตา อฺเ อนาคตา อฺเ ปจฺจุปฺปนฺนา ลพฺภนฺติ, ขณาทิวเสน ปน นตฺถิ ธมฺมโต เภโท, กาลโต เอว เภโท. อุปฺปาทโต ปุพฺเพ อนาคโต ¶ , ขณตฺตเย วตฺตมาโน, ตโต ปรํ อตีโตติ นิปฺปริยายา, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนาทิ วิย เกนจิ ปริยาเยน อตีตมนาคตนฺติ จ วตฺตพฺพตาภาวโต.
๔๙๕. เหฏฺา วุตฺตํ อชฺฌตฺติกพาหิรเภทํ สนฺธาย ‘‘วุตฺตนโย เอวา’’ติ วตฺวา เตน อปริตุสฺสมาเนน ยทิปิ ตตฺถ อชฺฌตฺตเมว อชฺฌตฺติกนฺติ สทฺทตฺโถ ลพฺภติ, ตถาปิ อตฺเถว อชฺฌตฺตอชฺฌตฺติกสทฺทานํ, พหิทฺธาพาหิรสทฺทานฺจ อฺมฺํ อตฺถเภโท. ตถา หิ อชฺฌตฺติกสทฺโท สปรสนฺตานิเกสุ จกฺขาทีสุ รูปาทีสุ พาหิรสทฺโท วิย ปวตฺตติ, อชฺฌตฺตสทฺโท ปน ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส สสนฺตานิเกสฺเวว จกฺขุรูปาทีสุ ตโต อฺเสุ พหิทฺธาสทฺโท วิย ปวตฺตติ. ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺตนฺตนเย. นิยกชฺฌตฺตมฺปิ น ปุพฺเพ วุตฺตอชฺฌตฺติกเมว, ปรปุคฺคลิกมฺปิ น ปุพฺเพ วุตฺตพาหิรเมวาติ อธิปฺปาโย.
๔๙๖. หีนปณีตเภโท ปริยายโต, นิปฺปริยายโต จ เวทิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. ตเทว สุทสฺสีนํ รูปํ. ยตฺถาติ ยสฺมึ อารมฺมณภูเต. ยํ อารมฺมณํ กตฺวา อกุสลวิปากวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตํ หีนํ อนิฏฺภาวโต. ยํ กุสลวิปากํ, ตํ ปณีตํ อิฏฺภาวโต. ยถา หิ อกุสลวิปาโก สยํ อนิฏฺโ อนิฏฺเ เอว อุปฺปชฺชติ, น อิฏฺเ, เอวํ กุสลวิปาโกปิ สยํ อิฏฺโ อิฏฺเ เอว อุปฺปชฺชติ, น อนิฏฺเ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ –
‘‘อกุสลกมฺมชวเสน ¶ อนิฏฺา ปฺจ กามคุณา วิภตฺตา, กุสลกมฺมชํ ปน อนิฏฺํ นาม นตฺถิ, สพฺพํ อิฏฺเมว. กุสลกมฺมชวเสน อิฏฺา ปฺจ กามคุณา วิภตฺตา. กุสลกมฺมชฺหิ อนิฏฺํ นาม นตฺถิ, สพฺพํ อิฏฺเมวา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๖) จ.
ตตฺถ มนาปานิปิ กานิจิ หตฺถิรูปาทีนิ อกุสลกมฺมนิพฺพตฺตานิ สนฺติ, น ปน ตานิ เตสํเยว หตฺถิอาทีนํ สุขสฺส เหตุภาวํ คจฺฉนฺติ. ตสฺส ตสฺเสว หิ สตฺตสฺส อตฺตนา กเตน กุสเลน นิพฺพตฺตํ สุขสฺส ปจฺจโย โหติ, อกุสเลน นิพฺพตฺตํ ทุกฺขสฺส. ตสฺมา กมฺมชานํ อิฏฺานิฏฺตา กมฺมการกสตฺตสฺส วเสน โยชนารหา สิยา. ตตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘กุสลกมฺมชํ อนิฏฺํ นาม นตฺถี’’ติ, น จ วุตฺตํ ‘‘อกุสลกมฺมชํ อิฏฺํ นาม นตฺถี’’ติ, เตน ¶ อกุสลกมฺมชมฺปิ โสภนํ ปรสตฺตานํ อิฏฺํ อตฺถีติ อนฺุาตํ ภวิสฺสติ, กุสลกมฺมชํ ปน สพฺเพสํ อิฏฺเมวาติ.
ติรจฺฉานคตานํ ปน เกสฺจิ มนุสฺสรูปํ อมนาปํ, ยโต เต ทิสฺวาว ปลายนฺติ, มนุสฺสา จ เทวตารูปํ ปสฺสิตฺวา ภายนฺติ, เตสมฺปิ วิปากวิฺาณํ ตํ รูปํ อารพฺภ กุสลวิปากเมว อุปฺปชฺชติ, ตาทิสสฺส ปน ปฺุสฺส อภาวา น เตสํ ตตฺถ อภิรติ โหติ. กุสลกมฺมชสฺส ปน อนิฏฺสฺส อภาโว วิย อกุสลกมฺมชสฺส จ อิฏฺสฺส อภาโว วตฺตพฺโพ. หตฺถิอาทีนมฺปิ หิ อกุสลกมฺมชํ มนุสฺสานํ อกุสลวิปากสฺเสว อารมฺมณํ, กุสลกมฺมชํ ปน ปวตฺเต สมุฏฺิตํ กุสลวิปากสฺส. อิฏฺารมฺมเณน ปน โวมิสฺสกตฺตา อปฺปกํ อกุสลกมฺมชํ พหุลํ อกุสลวิปากุปฺปตฺติยา การณํ น ภวิสฺสตีติ สกฺกา วิฺาตุํ, วิปากํ ปน น สกฺกา วฺเจตุนฺติ วิปากวเสน อิฏฺานิฏฺารมฺมณววตฺถานํ สุฏฺุ ยุชฺชติ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อนิฏฺา ปฺจ กามคุณา’’ติ, ตํ รูปาทิภาวสามฺโต กามคุณสทิสตาย ตํสทิเสสุ ตพฺโพหาเรน วุตฺตํ. อิฏฺาเนว หิ รูปาทีนิ ‘‘กามคุณา’’ติ ปาฬิยํ (ม. นิ. ๑.๑๖๔-๑๖๕, ๑๗๗-๑๗๘, ๒๘๗; ๒.๑๕๕, ๒๘๐; ๓.๕๗, ๑๙๐; สํ. นิ. ๕.๓๐) วุตฺตานิ. กามคุณวิสภาคา วา รูปาทโย ‘‘กามคุณา’’ติ วุตฺตา อสิเว สิโวติ โวหาโร วิย, สพฺพานิ วา อิฏฺานิฏฺานิ รูปาทีนิ ตณฺหาวตฺถุภาวโต กามคุณา เอว. วุตฺตฺหิ ‘‘รูปา โลเก ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓). อติสเยน ปน กมนียตฺตา สุตฺเตสุ กามคุณาติ อิฏฺรูปาทีนิ วุตฺตานิ.
วุตฺตนยเมวาติ ¶ อภิเทเสน ลกฺขณโต ทูรสนฺติกํ ทสฺสิตนฺติ อาห ‘‘โอกาสโตเปตฺถ อุปาทายุปาทาย ทูรสนฺติกตา เวทิตพฺพา’’ติ. ตตฺถ กิตฺตกโต ปฏฺาย รูปํ โอกาสวเสน สนฺติเก นาม, กิตฺตกโต ปน ปฏฺาย ทูเร นาม? ปกติกถาย กเถนฺตานํ ทฺวาทส หตฺถา สวนูปจาโร นาม, ตสฺส โอรโต สนฺติเก, ปรโต ทูเร. ตตฺถ สุขุมรูปํ ทูเร โหนฺตํ ลกฺขณโตปิ โอกาสโตปิ ทูเร โหติ, สนฺติเก โหนฺตํ ปน โอกาสโตว สนฺติเก โหติ, น ลกฺขณโต. โอฬาริกรูปํ สนฺติเก โหนฺตํ ลกฺขณโตปิ โอกาสโตปิ สนฺติเก โหติ, ทูเร โหนฺตํ โอกาสโตว โหติ, น ลกฺขณโต. ‘‘อุปาทายุปาทายา’’ติ ปน วุตฺตตฺตา อตฺตโน รูปํ สนฺติเก นาม, อนฺโตกุจฺฉิคตสฺสาปิ ปรสฺส ทูเร. อนฺโตกุจฺฉิคตสฺส สนฺติเก, พหิ ิตสฺส ทูเรติ ¶ เอวํ อนฺโตคพฺภปมุขปริเวณสงฺฆารามสีมาคามเขตฺตชนปทรชฺชสมุทฺทจกฺกวาเฬสุ ตทนฺโตคตพหิคตานํ วเสน ทูรสนฺติกตา เวทิตพฺพา.
๔๙๗. ตเทกชฺฌนฺติ ตํ เอกชฺฌํ เอกโต. อภิสํยูหิตฺวาติ สํหริตฺวา, สมูหํ วา กตฺวา. อภิสงฺขิปิตฺวาติ สงฺขิปิตฺวา สงฺเขปํ กตฺวา. ‘‘สพฺพมฺปิ รูปํ…เป… ทสฺสิตํ โหตี’’ติ อิมินา รูปขนฺธสทฺทานํ สมานาธิกรณสมาสภาวํ ทสฺเสติ. เตเนวาห ‘‘น หิ รูปโต อฺโ รูปกฺขนฺโธ นาม อตฺถี’’ติ.
๔๙๘. ราสิภาวูปคมเนน เวทนากฺขนฺธาทโยติ ทสฺสิตา โหนฺตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.
สนฺตติวเสน, ขณาทิวเสน จาติ เอตฺถ อทฺธาสมยวเสน อตีตาทิวิภาคสฺส อวจนํ สุขาทิวเสน ภินฺนาย อตีตาทิภาววจนโต. น หิ สุขา เอว อทฺธาวเสน, สมยวเสน จ อตีตาทิกา โหติ, ตถา ทุกฺขา เอว, อทุกฺขมสุขา เอว จ กายิกเจตสิกาทิภาเวน ภินฺนา, เตน เวทนาสมุทาโย อทฺธาสมยวเสน อตีตาทิภาเวน วตฺตพฺพตํ อรหติ สมุทายสฺส เตหิ ปริจฺฉินฺทิตพฺพตฺตา, เวทเนกเทสา ปน คยฺหมานา สนฺตติขเณหิ ปริจฺเฉทํ อรหนฺติ ตถา ปริจฺฉินฺทิตฺวา คเหตพฺพโต. เอกสนฺตติยํ ปน สุขาทีสุ อเนกเภทภินฺเนสุ โย เภโท ปริจฺฉินฺทิตพฺพภาเวน คหิโต, ตสฺส เอกปฺปการสฺส ¶ ปากฏสฺส ปริจฺเฉทิกา ตํสหิตทฺวาราลมฺพนปฺปวตฺตา, อวิจฺเฉเทน ตทุปฺปาทเกกวิธวิสยสมาโยคปฺปวตฺตา จ สนฺตติ ภวิตุํ อรหตีติ ตสฺสา เภทนฺตรํ อนามสิตฺวา ปริจฺเฉทกภาเวน คหณํ กตํ, ลหุปริวตฺติโน วา อรูปธมฺมา ปริวตฺตเนเนว ปริจฺเฉเทน ปริจฺฉินฺทนํ อรหนฺตีติ สนฺตติขณวเสเนว ปริจฺเฉโท วุตฺโต. เอกวิธวิสยสมาโยคปฺปวตฺตา ทิวสมฺปิ พุทฺธรูปํ ปสฺสนฺตสฺส, ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปวตฺตสทฺธาทิสหิตเวทนา ปจฺจุปฺปนฺนา. ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺตมชฺฌตฺตคตา’’ติ เอเตน เหตุปจฺจยกิจฺจวเสน วุตฺตนยํ ทสฺเสติ.
๔๙๙. สพฺยาปารสอุสฺสาหสวิปากตา กุสลาทีหิ ตีหิปิ สาธารณาติ อสาธารณเมว ทสฺเสตุํ ‘‘สาวชฺชกิริยเหตุโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สาวชฺชกิริยเหตุโตติ ปาณาติปาตาทิคารยฺหกิริยานิมิตฺตโต. กิเลสสนฺตาปภาวโตติ กิเลสปริฬาเหน สทรถภาวโต ¶ . วูปสนฺตสภาวาย กุสลาย เวทนาย โอฬาริกา. สพฺยาปารโตติ สอีหโต. เตน ยถา ปวตฺตมานายสฺสา วิปาเกน ภวิตพฺพํ, ตถา ปวตฺตึ วทนฺโต วิปากุปฺปาทนโยคฺยตมาห. สอุสฺสาหโตติ สสตฺติโต, เตน วิปากุปฺปาทนสมตฺถตํ. สวิปากโตติ วิปากสพฺภาวโต, เตน ปจฺจยนฺตรสมวาเยนสฺสา วิปากนิพฺพตฺตนํ. ตีหิปิ ปเทหิ วิปากธมฺมตํเยว ทสฺเสติ. กายกมฺมาทิพฺยาปารสพฺภาวโต วา สพฺยาปารโต, ชวนุสฺสาหวเสน สอุสฺสาหโต, วิปากุปฺปาทนสมตฺถตาวเสน สวิปากโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วิปากํ อนุปฺปาเทนฺตีปิ กิริยา กุสลา วิย สพฺยาปารา, สอุสฺสาหา เอว จ โหตีติ ตทุภยํ อนามสิตฺวา กิริยาพฺยากตวาเร ‘‘สวิปากโต’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. สพฺยาพชฺฌโตติ กิเลสทุกฺเขน สทุกฺขโต. วุตฺตวิปริยายโตติ อนวชฺชกิริยเหตุโต, กิเลสสนฺตาปาภาวโต, อพฺยาพชฺฌโต จ วูปสนฺตวุตฺตีติ เอวํ อกุสลาย วุตฺตวิปลฺลาสโต. ยถาโยคนฺติ โยคานุรูปํ. ตีสุ การเณสุ ยํ ยํ ยสฺสา ยสฺสา ยุชฺชติ, ตทนุรูปนฺติ อตฺโถ. กุสลากุสลเวทนาหิ วิปากพฺยากตาย ตีหิปิ การเณหิ โอฬาริกา. กิริยาพฺยากตาย สวิปากโต สวิปากตาวิสิฏฺสพฺยาปารสอุสฺสาหโต วาติ. วุตฺตปริยาเยนาติ วิปากพฺยากตา อพฺยาปารโต ¶ , อนุสฺสาหโต, อวิปากโต จ ตาหิ กุสลากุสลเวทนาหิ สุขุมา. กิริยาพฺยากตา อวิปากโต, อวิปากตาวิสิฏฺสพฺยาปารสอุสฺสาหโต วาติ เอวํ กุสลากุสลาย วุตฺตวิปลฺลาเสน. กมฺมเวคกฺขิตฺตา หิ กมฺมปฏิพิมฺพภูตา จ กายกมฺมาทิพฺยาปารวิรหโต นิรุสฺสาหา วิปากา. สอุสฺสาหา จ กิริยา อวิปากธมฺมา. สวิปากธมฺมา หิ สคพฺภา วิย โอฬาริกาติ.
๕๐๐. นิรสฺสาทโตติ อสฺสาทาภาวโต สุขปฏิกฺเขปโต. สวิปฺผารโตติ สปริปฺผนฺทโต, อนุปสนฺตโตติ อตฺโถ. อภิภวนโตติ อชฺโฌตฺถรณโต. สุขาย มชฺฌตฺตตา นตฺถิ, อุเปกฺขาย สาตตา. สนฺตตาทโย ปน สพฺพตฺถ สุขุเปกฺขาสุ ลพฺภนฺตีติ ‘‘ยถาโยค’’นฺติ วุตฺตํ. ปากฏโตติ สุขิโต ทุกฺขิโตติ ทิสฺวาปิ ชานิตพฺพตฺตา วิภูตภาวโต. สา อทุกฺขมสุขา เวทนา.
๕๐๑. อสมาปนฺนสมาปนฺน-คฺคหเณน เจตฺถ ภูมิวเสนาปิ เวทนานํ โอฬาริกสุขุมตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อิตรา สมาปนฺนสฺส เวทนา.
โอฆนิยโตติ ¶ โอเฆหิ อารมฺมณํ กตฺวา อติกฺกมิตพฺพโต. ตถา โยคนิยโต, คนฺถนิยโต จาติ เอตฺถาปิ คนฺโถว คนฺถนํ, ตสฺส หิตํ อารมฺมณภาเวน สมฺพนฺธนโตติ คนฺถนิยํ. เอวํ นีวรณิยํ, อุปาทานิยฺจ เวทิตพฺพํ. สํกิเลเส นิยุตฺตา, สํกิเลสํ วา อรหนฺตีติ สํกิเลสิกา. สา อนาสวา.
๕๐๒. ตตฺถาติ ยถาวุตฺตาย โอฬาริกสุขุมตาย. สมฺเภโทติ สงฺกโร. ‘‘โอฬาริกา, สุขุมา’’ติ จ วุตฺตานมฺปิ ชาติอาทิวเสน ปุน สุขุโมฬาริกภาวาปตฺติโทโส ยถา น โหติ, ตถา ปริหริตพฺโพ. ชาติวเสน สุขุมาย เวทนาย สภาวปุคฺคลโลกิยวเสน โอฬาริกตํ ปาฬิวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ สุขาทโยปีติ เอตฺถ อกุสลา เวทนา ชาติวเสน โอฬาริกา, สภาววเสน สุขุมา. กุสลชฺฌานสหคตา สุขา เวทนา ชาติวเสน โอฬาริกา, สมาปนฺนสฺส เวทนาติ กตฺวา ปุคฺคลวเสน สุขุมาติ เอวมาทินา โยเชตพฺพา. ‘‘น ปรามสิตพฺโพ’’ติ เอเตน ชาติอาทโย ¶ จตฺตาโร โกฏฺาสา อฺมฺํ อโวมิสฺสกา เอว คเหตพฺพา. เอวํ สมฺเภทสฺส ปริหาโร, น อฺถาติ ทสฺเสติ. ยถา อพฺยากตมุเขน, เอวํ กุสลากุสลมุเขนปิ, ยถา จ ชาติมุเขน, เอวํ สภาวาทิมุเขนปิ ทสฺเสตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ อติทิสติ.
อิทานิ ชาติอาทิโกฏฺาเสสุปิ มิโถ อกุสลาทีนํ อุปาทายุปาทาย โอฬาริกสุขุมตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ‘‘นิสฺสยทหนโต’’ติ อิมินา โทสสหคตาย ปากฏํ กุรูรปฺปวตฺตึ ทสฺเสติ. นิยตาติ มิจฺฉตฺตนิยาเมน นิยตา, อานนฺตริยภาวปฺปตฺตา กปฺปติฏฺนกวิปากตาย กปฺปฏฺิติกา เทวทตฺตาทีนํ วิย. อสงฺขาริกา สภาวติขิณตาย โอฬาริกา. ทิฏฺิสมฺปยุตฺตา มหาสาวชฺชตาย โอฬาริกา. สาปิ ทิฏฺิสมฺปยุตฺตา นิยตา โอฬาริกา, ตโต กปฺปฏฺิติกา, ตโต อสงฺขาริกาติ ติวิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา เอกชฺฌํ วุตฺตา วิสุํ วิสุํเยว โยเชตพฺพา. เตนาห ‘‘อิตรา สุขุมา’’ติ. อวิเสเสนาติ โทสสหคตา, โลภสหคตาติ อเภเทน. อกุสลา พหุวิปากา โทสุสฺสนฺนตาย โอฬาริกา. ตถา กุสลา อปฺปวิปากา. มนฺทโทสตฺตา อกุสลา อปฺปวิปากา สุขุมา. ตถา กุสลา พหุวิปากา.
โอฬาริกสุขุมนิกนฺติวตฺถุภาวโต กามาวจราทีนํ โอฬาริกสุขุมตา, โลกุตฺตรา ปน เอกนฺตสุขุมาว. ตตฺถาปิ จ วิภาคํ ปรโต วกฺขติ. ภาวนามยาปีติ ภาวนามยาย เภทเนน ¶ ทานสีลมยานมฺปิ เภทนํ นยโต ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ภาวนาย ปคุณพลวกาลาทีสุ กทาจิ าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตนปิ มนสิกาโร โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ภาวนามยาปิ ทุเหตุกา’’ติ. ตํตํภูมิวิปากกิริยาเวทนาสูติ เอตฺถ ‘‘กามาวจรวิปากา โอฬาริกา, รูปาวจรา สุขุมา’’ติอาทินา ยาว อรหตฺตผลา เนตพฺพํ. ‘‘กามาวจรกิริยา โอฬาริกา, รูปาวจรกิริยา สุขุมา’’ติอาทินา กามาวจรา จ ‘‘ทานาการปฺปวตฺตา โอฬาริกา, สีลาการปฺปวตฺตา สุขุมา’’ติอาทินา ยาว เนวสฺานาสฺายตนา เนตพฺพํ. ยถา จ ชาติโกฏฺาเส อยํ วิภาโค, เอวํ สภาวโกฏฺาสาทีสุปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ทุกฺขาที’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สพฺโพ ¶ จายํ วิภาโค ลกฺขณสนฺนิสฺสิโต วุตฺโตติ กตฺวา อาห ‘‘โอกาสวเสน จาปี’’ติอาทิ. สุขาปีติ ปิ-สทฺเทน อทุกฺขมสุขํ สมฺปิณฺเฑติ. สพฺพตฺถาติ สพฺพาสุ ภูมีสุ. ยถานุรูปนฺติ ยา ยา เวทนา ยตฺถ ยตฺถ ลพฺภติ, ตทนุรูปํ. วตฺถุวเสนาติ ยํ วตฺถุํ อารพฺภ เวทนา ปวตฺตติ, ตสฺส วเสนาปิ. หีนวตฺถุกาติ หีนํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา กงฺคุภตฺตํ ภฺุชนฺตสฺส เวทนา หีนวตฺถุกตาย โอฬาริกา. สาลิมํโสทนํ ภฺุชนฺตสฺส ปณีตวตฺถุกตาย สุขุมาติ.
๕๐๓. อาทินา นเยนาติ สพฺพํ ปาฬิคตึ อามสติ. ชาติอาทิวเสน อสมานโกฏฺาสตา วิสภาคตา. ทุกฺขวิปากตาทิวเสน อสทิสกิจฺจตา อสํสฏฺตา, น อสมฺปโยโค. ยทิ สิยา, ทูรวิปริยาเยน สนฺติกํ โหตีติ สํสฏฺตา สนฺติกตา อาปชฺชติ, น จ เวทนาย เวทนาสมฺปโยโค อตฺถิ. สนฺติกปทวณฺณนาย จ ‘‘สภาคโต จ สริกฺขโต จา’’ติ วกฺขตีติ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อสทิสสภาวตา อสริกฺขตา. สพฺพวาเรสูติ โอฬาริกสุขุมเภเท วุตฺตนยานุสาเรน วตฺตพฺเพสุ สพฺเพสุ วาเรสุ. ชาติอาทิวเสน สมานโกฏฺาสตา สภาคตา, ทุกฺขวิปากตาทิวเสน ปน สทิสสภาวตา สริกฺขตา. เตนาห ‘‘อกุสลา ปน…เป… สนฺติเก’’ติ.
อิติ เวทนากฺขนฺธสฺส อตีตาทิวิภาเค วิตฺถารกถามุขวณฺณนา.
กมาทิวินิจฺฉยกถาวณฺณนา
๕๐๔. เอตนฺติ ¶ เอวํ อตีตาทิวิภาเค วิตฺถารกถามุขํ. าณเภทตฺถนฺติ นานปฺปการํ าณปฺปเภทตฺถํ. กมโตติ เทสนากฺกมโต, เยน การเณนายํ เทสนากฺกโม กโต, ตโตติ อตฺโถ. วิเสสโตติ เภทโต, ขนฺธุปาทานกฺขนฺธวิภาคโตติ อตฺโถ. อนูนาธิกโตติ ปฺจภาวโต. อุปมาโตติ อุปมาหิ อุปเมตพฺพโต. ทฏฺพฺพโต ทฺวิธาติ ทฺวีหิ อากาเรหิ าเณน ปสฺสิตพฺพโต. ปสฺสนฺตสฺสตฺถสิทฺธิโตติ ¶ ยถา ปสฺสนฺตสฺส ยถาธิปฺเปตตฺถนิปฺผตฺติโต. วิภาวินาติ ปฺวตา.
อุปฺปตฺติกฺกโมติ ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชนฺตานํ อุปฺปชฺชนปฏิปาฏิ. ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพา’’ติอาทินา (ธ. ส. ติกมาติกา ๘, ๙) ปมํ ปหาตพฺพา ปมํ วุตฺตา, ทุติยํ ปหาตพฺพา ทุติยํ วุตฺตาติ อยํ ปหานกฺกโม. สีลวิสุทฺธึ ปฏิปชฺช จิตฺตวิสุทฺธิ ปฏิปชฺชิตพฺพา, ตถา ตโต ปราปีติ อาห ‘‘สีลวิสุทฺธิ…เป… ปฏิปตฺติกฺกโม’’ติ, อนุปุพฺพปณีตา ภูมิโย อนุปุพฺเพน ววตฺถิตาติ อยํ ภูมิกฺกโม. ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทิโก (วิภ. ๓๕๕) เอกกฺขเณปิ สติปฏฺานาทิสมฺภวโต เทสนากฺกโม จ. ทานกถาทโย อนุปุพฺพุกฺกํสโต กถิตา, อุปฺปตฺติอาทิววตฺถานาภาวโต ปน ทานาทีนํ อิธ เทสนากฺกมวจนํ. อุปฺปตฺติอาทิววตฺถานเหตุกตาย หิ ‘‘ปมํ กลลํ โหตี’’ติอาทิกา (สํ. นิ. ๑.๒๓๕; กถา. ๖๙๒) เทสนาปิ สมานา อุปฺปตฺติอาทิกมภาเวเนว วุตฺตา. ยถาวุตฺตววตฺถานาภาเวน ปน อเนเกสํ วจนานํ สหปวตฺติยา อสมฺภวโต เยน เกนจิ ปุพฺพาปริเยน เทเสตพฺพตาย เตน เตน อธิปฺปาเยน เทสนามตฺตสฺเสว กโม เทสนากฺกโม ทฏฺพฺโพ. ปุพฺพาปริยววตฺถาเนนาติ ปมํ รูปกฺขนฺโธ, ตโต เวทนากฺขนฺโธติ เอวํ ปุพฺพาปริยววตฺถาเนน อนุปฺปตฺติโต. อปฺปหาตพฺพโตติ ขนฺเธสุ เอกจฺจานํ ปหาตพฺพตาว นตฺถิ, กุโต ปหานกฺกโม. สติ หิ สพฺเพสํ ปหาตพฺพตาย ปหานกฺกเมน เนสํ เทสนา สิยา. อปฺปฏิปชฺชนียโตติ สมฺมาปฏิปตฺติวเสน น ปฏิปชฺชิตพฺพโต. ‘‘จตุภูมิปริยาปนฺนตฺตา’’ติ อิมินา เวทนาทีนํ อนิยตภูมิกตํ ทสฺเสติ. นิยตภูมิกานฺหิ ภูมิกฺกโม สมฺภเวยฺย.
อเภเทนาติ รูปาทีนํ เภทํ วิภาคํ อกตฺวา เอกชฺฌํ ปิณฺฑคฺคหเณน. อตฺตคาหปติตนฺติ อตฺตคาหสงฺขาเต ทิฏฺโเฆ นิปติตํ. สมูหฆนวินิพฺโภคทสฺสเนนาติ รูปโต อรูปํ วิเวเจนฺโต รูปารูปสมูเห ¶ ฆนวินิพฺภุชฺชนทสฺสเนน. จกฺขุอาทีนมฺปิ วิสยภูตนฺติ เอกเทเสน สมุทายภูตํ รูปกฺขนฺธํ วทติ. ยา เอตฺถ อิฏฺํ, อนิฏฺฺจ รูปํ สํเวเทติ, อยํ เวทนากฺขนฺโธติ อิฏฺานิฏฺรูปสํเวทนิกํ เวทนํ เทเสสีติ สมฺพนฺโธ. เอวํ สพฺพตฺถ. อิฏฺมชฺฌตฺตอนิฏฺมชฺฌตฺตานมฺปิ อิฏฺานิฏฺสภาวตฺตา อิฏฺานิฏฺคฺคหเณเนว คหณํ ทฏฺพฺพํ. เอวนฺติ ยถาวุตฺตนเยน. สฺาย คหิตากาเร ¶ วิสเย อภิสงฺขารปฺปวตฺตีติ อาห ‘‘สฺาวเสน อภิสงฺขารเก’’ติ. ยถา วิฺาณสฺส สมฺปยุตฺตธมฺมานํ นิสฺสยภาโว ปากโฏ, น ตถา เวทนาทีนนฺติ อาห ‘‘เวทนาทีนํ นิสฺสย’’นฺติ. ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา (ธ. ป. ๑-๒), จิตฺตานุปริวตฺติโน ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๖๒), ฉทฺวาราธิปติ ราชา’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๘๑ เอรกปตฺถนาคราชวตฺถุ) วจนโต วิฺาณํ อธิปติ.
๕๐๕. รูปกฺขนฺเธ ‘‘สาสวํ อุปาทานิย’’นฺติ วจนํ อนาสวานํ ธมฺมานํ สพฺภาวโต รูปกฺขนฺธสฺส ตํสภาวตานิวตฺตนตฺถํ, น อนาสวรูปนิวตฺตนตฺถํ.
อนาสวาว ขนฺเธสุ วุตฺตาติ เอตฺถ อฏฺานปฺปยุตฺโต เอว-สทฺโท, อนาสวา ขนฺเธสฺเวว วุตฺตาติ อตฺโถ. อิธ ปน วิสุทฺธิมคฺเค สพฺเพเปเต ขนฺธาปิ อุปาทานกฺขนฺธาปิ.
๕๐๖. สพฺพสงฺขตานํ สภาเคน เอกชฺฌํ สงฺคโห สพฺพสงฺขตสภาเคกสงฺคโห. สภาคสภาเวน หิ สงฺคยฺหมานา สพฺพสงฺขตา ปฺจกฺขนฺธา โหนฺติ. ตตฺถ รุปฺปนาทิสามฺเน สมานโกฏฺาสา สภาคาติ เวทิตพฺพา. เตสุ สงฺขตาภิสงฺขรณกิจฺจํ อายูหนรสาย เจตนาย พลวนฺติ สา ‘‘สงฺขารกฺขนฺโธ’’ติ วุตฺตา. อฺเ จ รุปฺปนาทิวิเสสลกฺขณรหิตา ผสฺสาทโย สงฺขตาภิสงฺขรณสามฺเนาติ ทฏฺพฺพา, ผุสนาทโย ปน สภาวา วิสุํ ขนฺธสทฺทวจนียา น โหนฺตีติ ธมฺมสภาวฺุนา ตถาคเตน ผสฺสกฺขนฺธาทโย น วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺติ, สพฺเพ เต อิเม เอว ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ นิสฺสาย ปฏิจฺจ, เอเตสํ วา อฺตร’’นฺติ เอวมาทิสุตฺตานฺจ วเสน อตฺตตฺตนิยคาหสฺส เอตปฺปรมตา ทฏฺพฺพา. เอเตน จ วกฺขมานสุตฺตวเสน จ ขนฺเธ เอว นิสฺสาย ปริตฺตารมฺมณาทิวเสน น วตฺตพฺพา จ ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ ขนฺธนิพฺพานวชฺชสฺส สภาวธมฺมสฺส อภาวโตติ วุตฺตํ โหติ. รูปนฺติ รุปฺปนสภาวํ ธมฺมชาตมาห. เวทนนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ‘‘สีลกฺขนฺโธ สมาธิกฺขนฺโธ’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๕๕) วจนโต ¶ อฺเสฺจ ขนฺธสทฺทวจนียานํ ¶ สีลกฺขนฺธาทีนํ สพฺภาวโต น ปฺเจวาติ โจทนํ นิวตฺเตตุมาห ‘‘อฺเสํ ตทวโรธโต’’ติ.
๕๐๗. ปวตฺติฏฺานภูตํ วสนฏฺานํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘นิวาสฏฺานโต’’ติ. ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขตาวเสน เวทนาย อาพาธกตฺตํ ทฏฺพฺพํ. ราคาทิสมฺปยุตฺตสฺส วิปริณามาทิทุกฺขสฺส อิตฺถิปุริสาทิอาการคาหิกา ตํตํสงฺกปฺปมูลภูตา สฺา สมุฏฺานํ. ปิตฺตาทิ วิย โรคสฺส อาสนฺนการณํ สมุฏฺานํ. อุตุโภชนวิสมตาวิสมปริหาราทิ วิย มูลการณํ นิทานํ. จิตฺตสฺส องฺคภูตา เจตสิกาติ วิฺาณํ คิลานูปมํ วุตฺตํ. กุฏฺโรควโต สินิยฺหนํ ตสฺส ภิยฺโยภาวาย วิย พาลสฺส ปฺุาภิสงฺขาราทิวเสน ปวตฺติ เวทนาทุกฺขาวหา อสปฺปายเสวนสทิสี. เวทนตฺตายาติ เวทนาสภาวตฺถํ, เวทนตฺตลาภายาติ อตฺโถ. การณฏฺานตาย, โภชนาธารตาย จ จารกูปมํ, ภาชนูปมฺจ รูปํ. สุภสฺาทิวเสน เวทนาการณสฺส เหตุภาวโต, เวทนาโภชนสฺส ฉาทาปนโต จ อปราธูปมา, พฺยฺชนูปมา จ สฺา. เวทนาเหตุโต การณการกูปโม, ปริเวสกูปโม จ สงฺขารกฺขนฺโธ. ภตฺตกาโร เอว เยภุยฺเยน ปริวิสตีติ ปริเวสกคฺคหณํ. เวทนาย วิพาธิตพฺพโต, อนุคฺคเหตพฺพโต จ อปราธิกูปมํ, ภฺุชกูปมฺจ วิฺาณํ วุตฺตํ.
๕๐๘. ‘‘ปฺจ วธกา ปจฺจตฺถิกา อุกฺขิตฺตาสิกาติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ อาสีวิสูปเม (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) วธกาติ วุตฺตา, ‘‘ภาโรติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ ภารสุตฺเต (สํ. นิ. ๓.๒๒) ภาราติ, ‘‘อตีตมฺปาหํ อทฺธานํ เอวเมว รูเปน ขชฺชึ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ ปจฺจุปฺปนฺเนน รูเปน ขชฺชามิ. อหฺเจว โข ปน อนาคตํ รูปํ อภินนฺเทยฺยํ, อนาคตมฺปาหํ อทฺธานํ เอวเมว รูเปน ขชฺเชยฺยํ, เสยฺยถาปิ…เป… ขชฺชามี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๗๙) ขชฺชนียปริยาเย ขาทกาติ, ‘‘โส อนิจฺจํ รูปํ ‘อนิจฺจํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๘๕) ยมกสุตฺเต อนิจฺจาทิกาติ. ยทิปิ ‘‘อิธ ปน สพฺเพเปเต เอกชฺฌํ กตฺวา ขนฺธาติ อธิปฺเปตา’’ติ วุตฺตํ, พาหุลฺเลน ปน อุปาทานกฺขนฺธานํ ตทนฺโตคธานํ ทฏฺพฺพตา เวทิตพฺพา. วิปสฺสนาย ภูมิวิจาโร เหโสติ.
เผณปิณฺโฑ ¶ วิยาติอาทีสุ รูปาทีนํ เอวํ เผณปิณฺฑาทิสทิสตา ทฏฺพฺพา, ยถา เผณปิณฺโฑ ¶ นิสฺสาโร ปริทุพฺพโล อคยฺหุปโค; คหิโตปิ กิฺจิ อตฺถํ น สาเธติ, ฉิทฺทาวฉิทฺโท อเนกสนฺธิสงฺฆฏิโต พหูนํ ปาณกานํ อาวาโส อนุปุพฺพูปจิโต สพฺพาวตฺถนิปาตี อวสฺสํเภที, เอวํ รูปมฺปิ นิจฺจสาราทิวิรหโต นิสฺสารํ เผคฺคุ วิย, สุขภฺชนียโต ทุพฺพลํ, นิจฺจนฺติ วา ธุวนฺติ วา อหนฺติ วา มมนฺติ วา น คเหตพฺพํ, คหิตมฺปิ ตถา น โหติ, พหุฉิทฺทํ อสีติสตสนฺธิสงฺฆฏิตํ อเนกกิมิกุลาวาสํ กลลาทิวเสน อนุปุพฺพูปจิตํ กลลกาลโต ปฏฺาย สพฺพาสุปิ อวตฺถาสุ วินสฺสติ, อวสฺสเมว จ ภิชฺชติ. อฏฺกถายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๙๕; วิภ. อฏฺ. ๒๖ กมาทิวินิจฺฉยกถา) ปน ปริมทฺทนาสหนเมว อุปมูปเมยฺยสมฺพนฺโธ วุตฺโต.
ยถา ปุพฺพุโฬ นิสฺสาโร ปริทุพฺพโล อคยฺหุปโค, คหิโตปิ น กิฺจิ อตฺถํ สาเธติ, น จิรฏฺิติโก, ตถา เวทนาปิ. ยถา จ ปุพฺพุโฬ, อุทกตลํ, อุทกพินฺทุํ, อุทกชลฺลิกํ สงฺกฑฺฒิตฺวา ปุฏํ กตฺวา คหณวาตฺจาติ จตฺตาริ การณานิ ปฏิจฺจ ชายติ, เอวํ เวทนาปิ วตฺถุํ, อารมฺมณํ, กิเลสชลฺลํ, ผสฺสสงฺฆฏฺฏนฺจาติ จตฺตาริ การณานิ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ. ยถา หิ อุทกตเล พินฺทุนิปาตชนิโต วาโต อุทกชลฺลิกสงฺขาตํ อุทกลสิกํ สงฺกฑฺฒิตฺวา ปุฏํ กตฺวา ปุพฺพุฬํ นาม กโรติ, เอวํ วตฺถุมฺหิ อารมฺมณาปาถคมนชนิโต ผสฺโส อนุปจฺฉินฺนํ กิเลสชลฺลํ สหการีปจฺจยภาเวน สงฺกฑฺฒิตฺวา เวทนํ นาม กโรติ. อิทฺจ กิเลเสหิ มูลการณภูเตหิ, อารมฺมณสฺสาทนภูเตหิ จ นิพฺพตฺตํ วฏฺฏคตํ เวทนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน วา จตฺตาโร ปจฺจยา วุตฺตา, อูเนหิปิ ปน อุปฺปชฺชเตว. อิธ มุหุตฺตรมณียตา อุปโมปเมยฺยสมฺพนฺโธ วุตฺโต.
ยถา ปน มรีจิกา อสารา อคยฺหุปคา. น หิ ตํ คเหตฺวา ปาตุํ วา นฺหายิตุํ วา ภาชนํ วา ปูเรตุํ สกฺกา, เอวํ สฺาปิ อสารา อคยฺหุปคา. ยถา จ มรีจิกา วิปฺผนฺทมานา สฺชาตูมิเวคา วิย ขายนฺตี มหาชนํ วิปฺปลมฺเพติ, เอวํ สฺาปิ ‘‘นีลํ ปีตํ ทีฆํ รสฺส’’นฺติอาทินา อารมฺมเณ ปวตฺตมานา สภาวมตฺเต อฏฺตฺวา ‘‘สุภํ สุขํ นิจฺจ’’นฺติอาทิมิจฺฉาคาหสฺส การณภาเวน โลกํ วิปฺปลมฺเพติ.
ยถา ¶ กทลิกฺขนฺโธ อสาโร อคยฺหุปโค. น หิ ตํ คเหตฺวา โคปานสีอาทีนํ อตฺถาย อุปเนตุํ สกฺกา, อุปนีตมฺปิ ตถา น โหติ, พหุวฏฺฏิสโมธาโน จ โหติ, เอวํ สงฺขารกฺขนฺโธปิ ¶ อสาโร อคยฺหุปโค. น หิ ตํ นิจฺจาทิวเสน คเหตุํ สกฺกา, คหิตมฺปิ ตถา น โหติ, พหุธมฺมสโมธาโน จ. อฺเทว หิ ผสฺสสฺส ลกฺขณํ, อฺํ เจตนาทีนํ, เต ปน สพฺเพ สโมธาเนตฺวา สงฺขารกฺขนฺโธติ วุจฺจติ.
ยถา จ มายา อสารา อคยฺหุปคา. น หิ ตํ คเหตฺวา กิฺจิ อตฺถํ กิจฺจํ สาเธตุํ สกฺกา, อิตฺตรา ลหุปจฺจุปฏฺานา อมณิอาทิเมว มณิอาทิรูเปน ทสฺเสนฺตี มหาชนํ วฺเจติ, เอวํ วิฺาณมฺปิ อสารํ อิตฺตรํ ลหุปจฺจุปฏฺานํ, เตเนว จิตฺเตน อาคจฺฉนฺตํ วิย, คจฺฉนฺตํ วิย, ิตํ วิย, นิสินฺนํ วิย จ กตฺวา คาหาเปติ, อฺเทว จิตฺตํ อาคมเน, อฺํ คมนาทีสูติ. เอวํ วิฺาณํ มายาสทิสํ.
ปฺจปิ อุปาทานกฺขนฺธา อสุภาทิสภาวา เอว สํกิเลสาสุจิวตฺถุภาวาทิโตติ อสุภาทิโต ทฏฺพฺพา เอว, ตถาปิ กตฺถจิ โกจิ วิเสโส สุขคฺคหณีโย โหตีติ อาห ‘‘วิเสสโต จา’’ติอาทิ. ตตฺถ จตฺตาโร สติปฏฺานา จตุวิปลฺลาสปฺปหานกราติ เตสํ โคจรภาเวน รูปกฺขนฺธาทีสุ อสุภาทิภาเวน ทฏฺพฺพตา วุตฺตา.
๕๐๙. ขนฺเธหิ น วิหฺติ ปริวิทิตสภาวตฺตา. วิปสฺสโกปิ เตสํ วิปตฺติยํ น ทุกฺขมาปชฺชติ, ขีณาสเวสุ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เต หิ อายติมฺปิ ขนฺเธหิ น พาธียนฺตีติ.
กพฬีการาหารํ ปริชานาตีติ ‘‘อาหารสมุทยา รูปสมุทโย’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕๖,๕๗) วจนโต อชฺฌตฺติกรูเป ฉนฺทราคํ ปชหนฺโต ตสฺส สมุทยภูเต กพฬีการาหาเรปิ ฉนฺทราคํ ปชหตีติ อตฺโถ. อยํ ปหานปริฺา. อชฺฌตฺติกรูปํ ปน ปริคฺคณฺหนฺโต ตสฺส ปจฺจยภูตํ กพฬีการาหารํ ปริคฺคณฺหาตีติ าตปริฺา. ตสฺส จ อุทยพฺพยานุปสฺสี โหตีติ ตีรณปริฺา จ โยเชตพฺพา. เอวํ ปริฺตฺตเย สิชฺฌนฺเต อิเม วิปลฺลาสาทโย วิธมียนฺติ เอวาติ อาห ‘‘อสุเภ สุภนฺติ วิปลฺลาสํ ปชหตี’’ติอาทิ. ตตฺถ กามราคภูตํ อภิชฺฌํ สนฺธายาห ‘‘อภิชฺฌากายคนฺถ’’นฺติ. อสุภานุปสฺสนาย หิ กามราคปฺปหานํ โหติ ¶ , กามราคมุเขน วา สพฺพโลภปฺปหานํ วทติ. น อุปาทิยติ น คณฺหติ น อุปฺปาเทติ.
‘‘ผสฺสปจฺจยา ¶ เวทนา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๓๙; มหาว. ๑; อุทา. ๑; เนตฺติ. ๒๔) วุตฺตตฺตา ‘‘เวทนาย ฉนฺทราคํ ปชหนฺโต ตสฺสา ปจฺจยภูเต ผสฺสาหาเรปิ ฉนฺทราคํ ปชหตี’’ติอาทินา อาหารปริชานเน วุตฺตนเยน ผสฺสปริชานนํ โยเชตพฺพํ. เวทนาย ทุกฺขโต ทสฺสเนน ตตฺถ สุขนฺติ วิปลฺลาสํ ปชหติ. สุขตฺถเมว ภวปตฺถนา โหตีติ เวทนาย ตณฺหํ ปชหนฺโต ภโวฆํ อุตฺตรติ. ตโต เอว ภวโยเคน วิสํยุชฺชติ. ภวาสเวน จ อนาสโว โหติ, สพฺพเวทนํ ทุกฺขโต ปสฺสนฺโต อตฺตโน ปเรน อปุพฺพํ ทุกฺขํ อุปฺปาทิตํ, สุขํ วา วินาสิตํ น จินฺเตติ, ตโต ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทิ (ธ. ส. ๑๒๓๗; วิภ. ๙๐๙) อาฆาตวตฺถุปฺปหานโต พฺยาปาทกายคนฺถํ ภินฺทติ. ‘‘สุขพหุเล สุคติภเว สุทฺธี’’ติ อคฺคเหตฺวา โคสีลโควตาทีหิ สุทฺธึ ปรามสนฺโต สุขปตฺถนาวเสเนว ปรามสตีติ เวทนาย ตณฺหํ ปชหนฺโตปิ สีลพฺพตุปาทานํ น อุปาทิยติ.
มโนสฺเจตนา สงฺขารกฺขนฺโธ, สฺา ปน ตํสมฺปยุตฺตาติ สฺาสงฺขาเร อนตฺตโต ปสฺสนฺโต มโนสฺเจตนาย ฉนฺทราคํ ปชหติ, ตฺจ ปริคฺคณฺหาติ, ตีเรติ จาติ ‘‘สฺํ สงฺขาเร…เป… ปริชานาตี’’ติ วุตฺตํ. สฺาสงฺขาเร อนตฺตาติ ปสฺสนฺโต อตฺตทิฏฺิมูลกตฺตา สพฺพทิฏฺีนํ อตฺตทิฏฺึ วิย สพฺพทิฏฺิโยปิ วิธมตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทิฏฺโฆํ อุตฺตรติ…เป… อตฺตวาทุปาทานํ น อุปาทิยตี’’ติ อาห.
วิฺาณํ อนิจฺจโต ปสฺสนฺโต อนิจฺจานุปสฺสนามุเขน ติสฺโสปิ อนุปสฺสนา อุสฺสุกฺกนฺโต ตีหิปิ ปริฺาหิ วิฺาณาหารํ ปริชานาติ. วิเสสโต ปเนตฺถ อนิจฺเจ นิจฺจนฺติ วิปลฺลาสํ ปชหติ. ตตฺถ นิจฺจคฺคาหพาหุลฺลโต อวิชฺชาย วิฺาเณ ฆนคหณํ โหตีติ ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวา ตํ อนิจฺจโต ปสฺสนฺโต อวิชฺโชฆํ อุตฺตรติ. ตโต เอว อวิชฺชาโยเคน วิสํยุตฺโต อวิชฺชาสเวน อนาสโว จ โหติ. โมหพเลเนว สีลพฺพตปรามสนํ โหตีติ ตํ ปชหนฺโต ‘‘สีลพฺพตปรามาสกายคนฺถํ ภินฺทติ.
‘‘ยฺจ ¶ โข อิทํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ จิตฺตํ อิติปิ, มโน อิติปิ, วิฺาณํ อิติปิ, ตตฺราสฺสุตวา ปุถุชฺชโน นาลํ นิพฺพินฺทิตุํ, นาลํ วิรชฺชิตุํ, นาลํ วิมุจฺจิตุํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทีฆรตฺตํ เหตํ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อชฺโฌสิตํ มมายิตํ ¶ ปรามฏฺํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๒) –
วจนโต ยถา วิฺาณํ นิจฺจโต ปสฺสนฺโต ทิฏฺุปาทานํ อุปาทิยติ, เอวํ ตํ อนิจฺจโต ปสฺสนฺโต ทิฏฺุปาทานํ น อุปาทิยตีติ.
เอวํ มหานิสํสนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน วิปลฺลาสาทิสกลสํกิเลสวิธมนุปายภาวโต เอวํ วิปุลุทยํ. วธกาทิวเสนาติ อุกฺขิตฺตาสิกวธกาทิวเสน. ปสฺเสยฺยาติ าณทสฺสเนน ปจฺจกฺขโต ปสฺเสยฺย.
ขนฺธนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ จุทฺทสมปริจฺเฉทวณฺณนา.