📜

๑๗. ปฺาภูมินิทฺเทสวณฺณนา

ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาวณฺณนา

๕๗๐. อิมิสฺสาปฺายาติ อิมิสฺสา ยถาธิคตาย วิปสฺสนาย. ภูมิภูเตสูติ ปวตฺติฏฺานภูเตสุ. กามฺจายํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปฏิจฺจสมุปฺปนฺนสมฺา ปิตาปุตฺตสมฺา วิย อเปกฺขาสิทฺธา, เหตุผลธมฺเมสุ ปน ยถากฺกมํ ววตฺถิตาวาติ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เจวา’’ติอาทินา วิภชฺช วุตฺตํ. อาทิสทฺเทนาติ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิเภทา’’ติ เอตฺถ วุตฺตอาทิสทฺเทน. อวเสสา โหนฺติ, สํวณฺณนาวเสนาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘เตสํ วณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต’’ติ.

อวิชฺชาทโย ธมฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, น สมุปฺปตฺติมตฺตํ. สฺวายมตฺโถ อิมินา สุตฺตปเทน เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทึ วตฺวา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺเน ปน ทสฺเสตุํ ‘‘ชรามรณาทโย ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. กสฺมา ปเนตฺถ อนุโลมโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทธมฺมา ทสฺสิตา, ปฏิโลมโต ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมาติ? ยโต เต ปจฺจยโต อุปฺปนฺนา, ตสฺส สมนนฺตรทสฺสนตฺถํ.

น นิจฺจํ น สสฺสตนฺติ อนิจฺจํ. สเมจฺจ สมฺภูย ปจฺจเยหิ กตนฺติ สงฺขตํ. ปฏิจฺจ ปจฺจยารหํ ปจฺจยํ นิสฺสาย สหิตเมว อุปฺปนฺนนฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ. ขยนสภาวํ ขยธมฺมํ. วยนสภาวํ วยธมฺมํ. วิรชฺชนสภาวํ ปลุชฺชนสภาวํ วิราคธมฺมํ. นิรุชฺฌนสภาวํ นิโรธธมฺมํ. เสสํ ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.

๕๗๑. เอตฺถาติ เอเตสุ ยถาวุตฺเตสุ สุตฺตปเทสุ. สงฺเขโปติ อตฺถสงฺเขโป.

ชาติปจฺจยาติ ชาติสงฺขาตา ปจฺจยา. เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนํ. ิตาว สา ธาตูติ ยายํ ชรามรณสฺส อิทปฺปจฺจยตา ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ, เอสา ธาตุ เอส สภาโว. สา ตถาคตานํ อุปฺปาทโต ปุพฺเพ, อุทฺธฺจ อวิฺายมาโน, มชฺเฌ จ วิฺายมาโน, น ตถาคเตหิ อุปฺปาทิโต, อถ โข สมฺภวนฺตสฺส ชรามรณสฺส สพฺพกาลํ ชาติปจฺจยโต สมฺภโวติ ิตา เอว. เกวลํ ปน สยมฺภูาเณน อภิสมฺพุชฺฌนโต, ‘‘อยํ ธมฺโม ตถาคเตน อธิคโต’’ติ ปเวทนโต จ ตถาคโต ‘‘ธมฺมสฺสามี’’ติ วุจฺจติ น อปุพฺพสฺส อุปฺปาทนโต. เตน วุตฺตํ ‘‘ิตาว สา ธาตู’’ติ. สา เอว ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ เอตฺถ วิปลฺลาสาภาวโต เอวํ อวพุชฺฌมานสฺส เอตสฺส สภาวสฺส, เหตุโน วา ตเถว ภาวโต ิตตาติ ธมฺมฏฺิตตา. ชาติ วา ชรามรณสฺส อุปฺปาทฏฺิติ ปวตฺตอายูหนสํโยคปลิโพธสมุทยเหตุปจฺจยฏฺิตีติ ตทุปฺปาทาทิภาเวนสฺสา ิตตา ‘‘ธมฺมฏฺิตตา’’ติ ผลํ ปติสามตฺถิยโต เหตุเมว วทติ.

อถ วา ธารียติ ปจฺจเยหีติ ธมฺโม, ติฏฺติ ตตฺถ ตทายตฺตวุตฺติตาย ผลนฺติ ิติ, ธมฺมสฺส ิติ ธมฺมฏฺิติ. ธมฺโมติ วา การณํ, ปจฺจโยติ อตฺโถ. ธมฺมสฺส ิติสภาโว, ธมฺมโต จ อฺโ สภาโว นตฺถีติ ธมฺมฏฺิติ, ปจฺจโย. เตนาห ‘‘ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๕). ธมฺมฏฺิติ เอว ธมฺมฏฺิตตา. สา เอว ธาตุ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ อิมสฺส สภาวสฺส, เหตุโน วา อฺถตฺตาภาวโต ‘‘น ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ วิฺายมานสฺส ตพฺภาวาภาวโต นิยามตา ววตฺถิตภาโวติ ธมฺมนิยามตา. ผลสฺส วา ชรามรณสฺส ชาติยา สติ สมฺภโว ธมฺเม เหตุมฺหิ ิตตาติ ธมฺมฏฺิตตา. อสติ อสมฺภโว ธมฺเม นิยตตาติ ธมฺมนิยามตาติ เอวํ ผเลน เหตุํ วิภาเวติ. ตํ ‘‘ิตาว สา ธาตู’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒๐) วุตฺตํ อิทปฺปจฺจยตํ อภิสมฺพุชฺฌติ ปจฺจกฺขกรเณน อภิมุขํ พุชฺฌติ ยาถาวโต ปฏิวิชฺฌติ. อภิสเมตีติ ตสฺส เววจนํ. อาทิโต กเถนฺโต อาจิกฺขติ, อุทฺทิสตีติ อตฺโถ. ตเมว อุทฺเทสํ ปริโยสาเปนฺโต เทเสติ. ยถาอุทฺทิฏฺมตฺถํ นิทฺทิสนวเสน ปกาเรหิ าเปนฺตา ปฺเปติ. ปกาเรหิเยว ปติฏฺเปนฺโต ปฏฺเปติ. ยถานิทฺทิฏฺมตฺถํ ปฏินิทฺทิสนวเสน วิวรติ วิภชติ, วิวฏฺหิ วิภตฺตฺจ อตฺถํ เหตุธารณทสฺสเนหิ ปากฏํ กโรนฺโต อุตฺตานีกโรติ. อุตฺตานีกโรนฺโต ตถาปจฺจกฺขภูตํ กตฺวา นิคมนวเสน ปสฺสถาติ จาห.

๕๗๒. ปจฺจยลกฺขโณติ ปจฺจยภาวลกฺขโณ, ปจฺจโยติ วา ลกฺขิตพฺโพ. ปวตฺติทุกฺขสฺส อนุพนฺธาปนกิจฺจตาย ทุกฺขานุพนฺธนรโส. นิพฺพานคามิมคฺคสฺส อุปฺปถภาวโต กุมฺมคฺคปจฺจุปฏฺาโน.

โสปนายํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ยาวตฺตเกหิ ปจฺจเยหิ ยํ ผลํ อุปฺปชฺชนารหํ, อวิกเลเหว เตหิ ตสฺส อุปฺปตฺติ, ตทฺเน จ ตสฺส ปโยชนํ นตฺถีติ อาห ‘‘อนูนาธิเกเหวา’’ติ. ยถา ตํ จกฺขุรูปาโลกมนสิกาเรหิ จกฺขุวิฺาณสฺส, เอเตน ตํตํผลนิปฺผาทเนน ตสฺสา ปจฺจยสามคฺคิยา ตปฺปรตา ตถตาติ ทสฺเสติ. สามคฺคินฺติ สโมธานํ, สมวายนฺติ อตฺโถ. อสมฺภวาภาวโตติ อนุปฺปชฺชนสฺส อภาวโต. ปจฺจยสามคฺคิยฺหิ สติ อนุปฺปชฺชเน ตสฺสา วิตถตา สิยา. อฺธมฺมปฺปจฺจเยหีติ อฺสฺส ผลธมฺมสฺส ปจฺจเยหิ. อฺธมฺมานุปฺปตฺติโตติ ตโต อฺสฺส ผลธมฺมสฺส อนุปฺปชฺชนโต. น หิ กทาจิ จกฺขุรูปาโลกมนสิกาเรหิ โสตวิฺาณสฺส สมฺภโว อตฺถิ, ยทิ สิยา, ตสฺสา สามคฺคิยา อฺถตา นาม สิยา, น เจตํ อตฺถีติ ‘‘อนฺถตา’’ติ วุตฺตํ. ปจฺจยโตติ ปจฺจยภาวโต. ปจฺจยสมูหโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.

๕๗๓. อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตาติ ตา-สทฺเทน ปทํ วฑฺฒิตํ, น กิฺจิ อตฺถนฺตรํ ยถา เทโว เอว เทวตาติ. อิทปฺปจฺจยานํ วา สมูโห อิทปฺปจฺจยตาติ สมูหตฺถํ ตา-สทฺทมาห ยถา ‘‘ชนานํ สมูโห ชนตา’’ติ. นนุ จ ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ. กึ ปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิจฺจสฺส วจนีย’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๖) ชาติสทฺทปจฺจยสทฺทสมานาธิกรเณน กึ-สทฺเทน อิทํสทฺทสฺส สมานาธิกรณตาทสฺสนโต อิทปฺปจฺจยสทฺทสฺส กมฺมธารยสมาโส ทิสฺสติ, น เหตฺถ ‘‘อิมสฺส ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา’’ติ ชรามรณสฺส, อฺสฺส วา ปจฺจยโต ชรามรณสมฺภวปุจฺฉา สมฺภวติ วิทิตภาวโต, อสมฺภวโต จ, ชรามรณสฺส ปน ปจฺจยปุจฺฉา สมฺภวติ. ปจฺจย-สทฺเทน จ สมานาธิกรณตาย อิทํ-สทฺทสฺส อิมสฺมา ปจฺจยาติ ปจฺจยปุจฺฉา ยุชฺชติ. สา จ สมานาธิกรณตา พาหิรตฺถสมาเสปิ ลพฺภติ. ตโต จ อฺปทตฺถวจนิจฺฉาภาเว กมฺมธารยสมาโส ลพฺภติ.

สามิวจนสมาเส ปน สมานาธิกรณตา นตฺถีติ น กถฺจิ กมฺมธารยสมาสสมฺภโวติ? นยิทเมวํ วจนิจฺฉนฺตรภาวโต. ปฏิจฺจสมุปฺปาทวจนิจฺฉา เหสา ‘‘อิทปฺปจฺจยตา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ เอตฺถ. ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ เอตฺถ ปน ชรามรณสฺส ปจฺจยมตฺตปริปุจฺฉา, ตสฺมา ยถา อิทํ-สทฺทสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิเสสนตา, ปุจฺฉิตพฺพปจฺจยวิเสสนตา จ โหติ, ตถา สมาสวิกปฺโป เอตฺถ, ตตฺถ จ กาตพฺโพติ น สมาสนฺตรทสฺสนํ สามิวจนสมาสพาธกํ. กสฺมา ปเนตฺถาปิ กมฺมธารยสมาโส น อิจฺฉิโตติ? เหตุปฺปภวานํ เหตุ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อิมสฺสตฺถสฺส กมฺมธารยสมาเส อสมฺภวโต, ‘‘อิมสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อนุรูโป ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโย’’ติ อิมสฺส จ อตฺถสฺส อิจฺฉิตตฺตา. โย ปเนตฺถ อิทํ-สทฺเทน คหิโต อตฺโถ, โส ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ เอตฺถ ชรามรณคฺคหเณเนว คหิโตติ อิทํ-สทฺโท ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนโต อภสฺสิตฺวา อฺาสมฺภวโต ปจฺจเย อวติฏฺติ, ตสฺมา ตตฺถ กมฺมธารยสมาโส. เอตฺถ ปน อิทํ-สทฺทสฺส ตโต ปริจฺจชนการณํ นตฺถีติ สามิวจนสมาโส เอว. เอวมฺปิ น อิทปฺปจฺจโย เอว อิทปฺปจฺจยภาโว ภวิตุํ ยุตฺโตติ อิทปฺปจฺจยตาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทตานุปปตฺตีติ? นายํ โทโส อตฺถนฺตราภาวโตติ วุตฺโตวายมตฺโถ.

อถ วา ปน โหตุ อิทปฺปจฺจยภาโว อิทปฺปจฺจยตาติ. ภาโวติ เจตฺถ อวินาภาวิผลํ ปติ เหตุโน สตฺวํ. ตถา หิ อิทปฺปจฺจย-สทฺโท ชาติอาทีสุ นิรุฬฺโห. ตฺจ อิทปฺปจฺจยสตฺวํ อิทปฺปจฺจยโต อฺํ นตฺถิ. ยทิ อฺํ สิยา, ตํ อวิชฺชมานํ สิยา. น หิ สตา อฺํ วิชฺชมานํ โหติ. อถ สตฺวํ สํ นาม, ยสฺส สโต ภาโว, ตํ อสํ นาม สิยา. น หิ ตํ สตฺวํ สภาวํ สตฺวโต อฺตฺตา, ตสฺมา สโต ภาโว สตฺวนฺติ นิทฺเทโส น ยุชฺชติ. น จ สํ-สมฺพนฺเธน อสํ สํ นาม โหติ, ปเคว สํ-สมฺพนฺเธน. อสติ จ สทิติคฺคหณํ วิปรีตคฺคาโหติ น คหณโต สํสิทฺธิ. สทิสกปฺปนายฺจ มาณวกสฺส สีหภาโว วิย น อสโต สํ-สภาวตา. ยสฺมา ปน อิทปฺปจฺจยภาโว ยถาวุตฺตํ สตฺวํ, น อสตฺวํ. นาปิ ยสฺส ตํ สตฺวํ, ตทสํ, ตสฺมา อิทปฺปจฺจยภาโว อิทปฺปจฺจยสรูปํ สภาวนฺตเรหิ วินิวตฺตภาวทสฺสนตฺถํ อิมสฺสายนฺติ วิเสเสตฺวา อิทปฺปจฺจยตาติ วุตฺตนฺติ น อิทปฺปจฺจยตาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทภาวาสมฺภโว.

ปฏิจฺจ สมุปฺปชฺชติ เอตสฺมาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ ตสฺสาปิ เหตุอตฺถภาวโต ชาติอาทิปทานํ เอวเมว เหตุภาววาจกตาย เหตุปธานตา โยเชตพฺพา เหตุปฺปภวานํ เหตุ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ กตฺวา . ตถา หิ ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต จตูหิ เวสารชฺเชหิ สมนฺนาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ, อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ ยาว ‘เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๑-๒๒) อเนน สีหนาทสุตฺเตน ปกาสิโต เอวมตฺโถ. ‘‘กึ วาที ปนายสฺมโต สตฺถา กิมกฺขายี’’ติ ปุฏฺเน อายสฺมตา อสฺสชิตฺเถเรน –

‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา, เตสํ เหตุํ ตถาคโต อาห;

เตสฺจ โย นิโรโธ, เอวํวาที มหาสมโณ’’ติ. (มหาว. ๖๐; อป. เถร ๑.๑.๒๘๖) –

วุตฺโต. เตน วิฺายติ เหตุปฺปภวานํ เหตุ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ. เสสเมตฺถ วตฺตพฺพํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.

๕๗๔. ปฏิจฺจาติ ตํ ตํ การณํ นิสฺสาย. สมฺมาติ อวิปรีตํ อนิจฺจโต อนิจฺจสฺส อุปฺปาโทติ กตฺวา. นิจฺจโต หิ การณโต ผลสฺส อุปฺปาโท วิปรีโต. เตนาห ‘‘ติตฺถิย…เป… นิรเปกฺโข’’ติ. ‘‘อุปฺปาโท ปฺายตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓๘; อ. นิ. ๓.๔๗; กถา. ๒๑๔) เอวํ วุตฺตสงฺขตลกฺขณโต อฺโ ‘‘ปจฺจยโต ขณโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตปจฺจยลกฺขโณ เอโก อากาโร อุปฺปาโทติ เตสํ อธิปฺปาโย. ยํ สนฺธาย เต ‘‘ชาติอาทีนํ เหตโว ชาติอาทโย’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, นิพฺพตฺติลกฺขณวินิมุตฺตสฺส ตาทิสสฺส กสฺสจิ อภาวโต. เตนาห ‘‘ตํ น ยุชฺชตี’’ติอาทิ. คมฺภีรนยาสมฺภวโตติ คมฺภีรานํ นยานฺจ อสมฺภวโต. สทฺทเภทโตติ สทฺทวินาสโต สทฺทาโยคโต. สุตฺตํ นตฺถิ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทิสุตฺตปเทหิ (สํ. นิ. ๒.๑, ๒๐) อุปฺปาทมตฺตสฺส อปฺปกาสิตตฺตา. อยเมว หิ อตฺโถ เหฏฺา ทสฺสิโต อิทานิปิ ทสฺสียติ. ตํ อุปฺปาทมตฺตํ. วิหรามิ ตสฺมึ ปมาภิสมฺพุทฺธกาเลติ อธิปฺปาโย. วิหรามีติ วา กาลวิปลฺลาเสน วุตฺตํ, วิหาสินฺติ อตฺโถ. ตตฺราติ ตสฺมึ ปเทสวิหาเร. ปจฺจยาการทสฺสเนนาติ เยนากาเรน ปจฺจยธมฺโม ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจโย โหติ, โส ปจฺจยากาโร ปจฺจยภาโว, ตสฺส ทสฺสเนน. อิธ ปน เวทนานํ ปจฺจยภาโว อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปจฺจยาปิ เวทยิต’’นฺติอาทิ. เวทนานํเยว หิ ปจฺจยํ ปสฺสนฺเตน วุตฺตวิหาโร ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส เอกเทสเมว ปสฺสโต วิหาโรติ กตฺวา ปเทสวิหาโร ชาโต, อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานมนสิกาโร ปมาภิสมฺพุทฺธวิหาโร. ตฺหิ นิปฺปเทสโต ปจฺจยาการทสฺสนนฺติ เอเก. ปเทสวิหารสุตฺตวิโรโธ อาปชฺชติ ตสฺส เวทนานํ ปจฺจยธมฺมมนสิการวิภาวนโต.

โลโก สมุเทติ เอตสฺมาติ โลกสมุทโย, อวิชฺชาทิโก ปจฺจยคโณ, น โลกสมุทยมตฺตํ. เตนาห ‘‘อนุโลมปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ. นตฺถิตาติ สพฺพโส อภาโว, นรนฺวยวินาโส อุจฺเฉโทติ อตฺโถ. นตฺถิตาสหจรณโต ปน อุจฺเฉททิฏฺิ นตฺถิตาติ อธิปฺเปตา. ปจฺจยานุปรโม ปจฺจยานํ อวิจฺเฉโท. ยถา หิ อตีตเหตุปฺจกสนฺนิสฺสเยน เอตรหิผลปฺจกํ วิย เหตุปฺจกมฺปิ โหติ, เอวํ เอตรหิเหตุปฺจกสนฺนิสฺสเยน อายตึผลปฺจกมฺปิ ภวิสฺสติ. เตนาห ‘‘ปจฺจยานุปรเม ผลานุปรมโต’’ติ.

ตํ คมฺภีรตฺตํ อุปฺปาทมตฺเต นตฺถิ อสภาวธมฺมตฺตา. เอกตฺตนยาทโย นยา สภาวธมฺเมสุ ลพฺภมานโต อุปฺปาทมตฺเต กถฺจิปิ น ลพฺเภยฺยุนฺติ อาห ‘‘นยจตุกฺกํ อุปฺปาทมตฺเต นตฺถี’’ติ.

๕๗๕. สมาเน กตฺตรีติ เอกสฺมึเยว กตฺตริ อุปฺปชฺชนกิริยาย โย กตฺตา, ตสฺมึเยว ปจฺจยนกิริยาย จ กตฺตุภูเตติ อตฺโถ. ยถา ‘‘นฺหตฺวา ภุฺชติ, ภุตฺวา สยตี’’ติ. ‘‘ปุพฺพกาเล’’ติ อิทฺจ ตฺวาสทฺทนฺตานํ ปทานํ เยภุยฺเยน ปุริมกาลกิริยาย ทีปนโต วุตฺตํ, น อิธ ปฏิจฺจสทฺทสฺส ปุริมกาลตฺถตฺตา. เอวฺหิ ‘‘จกฺขุํ ปฏิจฺจา’’ติ นิทสฺสนวจนํ นิทสฺสิตพฺเพน สํสนฺเทยฺย. อถ วา กามฺเจตฺถ อุภินฺนํ กิริยานํ สมกาลตา อุปฺปชฺชนกิริยาย ปุพฺเพ ปจฺจยนกิริยาย อสมฺภวโต, ตถาปิ ผลกิริยาย เหตุกิริยา ปุริมกาโล วิย โวหริตุํ ยุตฺตา. เอวเมตฺถ เหตุผลววตฺถานํ สุปากฏํ โหตีติ อุปจารสิทฺธํ ปุริมกาลํ คเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพกาเล’’ติ. อตฺถสิทฺธิกโรติ วากฺยตฺถปฏิวิฺตฺติกโร. ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ หิ เอตฺถ วากฺยตฺถาวโพโธ อิธ อตฺถสิทฺธีติ อธิปฺเปโต. ปยุชฺชมาโน ปฏิจฺจสทฺโท อุปฺปาทสทฺเทน วุจฺจมานสฺส สมานสฺส ‘‘กตฺตุ อภาวโต’’ติ ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕-๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๔; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕) ปจฺจยนกิริยาย, อุปฺปชฺชนกิริยาย จ วิฺาณเมว กตฺตาติ สมานกตฺตุกตา ลพฺภติ.

‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ เอตฺถ ปน อุปฺปาทสทฺทสฺส ภาวสาธนตาย กิริยาว วุตฺตาติ สมานกตฺตุลกฺขโณ สทฺทปฺปโยโค น สมฺภวตีติ. เตนาห ‘‘สทฺทเภทํ คจฺฉตี’’ติ, อปสทฺทปฺปโยโค โหตีติ อตฺโถ. น เจตฺถ ปราวรโยโค (ปาณินี ๓.๔.๒๐) ‘‘อปฺปตฺวา นทึ ปพฺพโต, อติกฺกมฺม ปพฺพตํ นที’’ติอาทีสุ วิย, นาปิ ลกฺขณเหตุอาทิปโยโค ‘‘สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหติ, ฆตํ ปิวิตฺวา พลํ ชายเต, ‘ธ’นฺติ กตฺวา ทณฺโฑ ปติโต’’ติอาทีสุ วิย. เนเวตฺถ สทฺทเภโท. น หิ หตฺถตเล อามลกํ วิย สพฺพฺเยฺยํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ิตานํ มเหสีนํ วจเน อกฺขรจินฺตกานํ วิปฺปลาโป อวสรํ ลภติ. ลภตุ, วากฺยตฺเถน สทฺทสิทฺธิโต ‘‘นฺหตฺวา คมนํ, ภุตฺวา สยน’’นฺติอาทีสุ วิยาติ. เอวมฺปิ น จ กิฺจิ อตฺถํ สาเธติ. ยทิปิ ปจฺเจกํ ปทตฺโถ ลพฺภติ, วากฺยตฺโถ ปน น ยุชฺชติ, ตสฺมา ทสทาฬิมาทิวากฺยานิ วิย อสมฺพนฺธตฺถตาย นิรตฺถกํ โหตีติ อธิปฺปาโย.

นามปเท วุตฺเต อปฺปยุตฺตานิปิ ‘‘อตฺถิ, โหติ, วิชฺชตี’’ติ เอวรูปานิ กิริยาปทานิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพานีติ ายํ สนฺธายาห ‘‘โหติสทฺเทน สทฺธึ โยชยิสฺสามา’’ติ. อิเมสูติ ยถาวุตฺเตสุ เทสนาปฏิฺาปุจฺฉานิคมนวเสน วุตฺเตสุ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปเทสุ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ, อฺเสุปิ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทเมว สาธุกํ โยนิโส มนสิ กาโรติ. ยทิทํ อิทปฺปจฺจยตา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท (ที. นิ. ๒.๖๗; ม. นิ. ๒.๓๓๗; ส. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗). คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๕; สํ. นิ. ๒.๖๐) เอวมาทีสุปิ เอเกนปิ สทฺธึ โหติ-สทฺโท สมฺพนฺธํ น คจฺฉติ. โยคํ น คจฺฉติ ตถา สมฺพนฺธวเสน อวุตฺตตฺตา. ‘‘น จ อุปฺปาโท โหตี’’ติ อิทํ อสภาวธมฺมตฺตา อุปฺปาทสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณาโยคํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยถา หิ วินาสสฺส วินาโส นตฺถิ, เอวํ อุปฺปาทสฺส วินาโส วิย อุปฺปาโทปิ นตฺถิ. ยทิ สิยา, เยน อุปฺปาเทน อุปฺปาโท อุปฺปาทวา, โสปิ อุปฺปาทวาติ อนวฏฺานเมว อาปชฺเชยฺยาติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เตนาห ‘‘สเจ เหยฺยา’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ, กถํ สมุทโย โหตีติ? นายํ โทโส นิพฺพตฺติยา อนธิปฺเปตตฺตา. เอวํ ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย ปาตุภาโว สมฺภวตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ, อิธ ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาโท โหตีติ ตสฺส อตฺถิภาวโจทนาติ กตฺวา โหติ, ชายตีติ นิพฺพตฺติโจทนา กตา สิยาติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ ‘‘น อุปฺปาโท โหตี’’ติ.

๕๗๖. อิเมสํ สงฺขาราทีนํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา, อวิชฺชาทโย, เตสํ ภาโว อิทปฺปจฺจยตา. โก ปน โส ภาโวติ อาห ‘‘ภาโว จ นามา’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – เยนากาเรน อวิชฺชาทโย สงฺขาราทิปาตุภาวเหตู โหนฺติ, ตสฺมึ อวิชฺชาทีนํ ปวตฺติอาการวิเสเส วิกาเร ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อยํ สมฺาติ. เตสํ วาทีนํ ตํ มฺนํ. เหตุวจนโตติ เหตุภาววจนโต.

๕๗๗. เอตฺถาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปเท. สมุปฺปาทปธานวจนวิฺเยฺโย สสตฺติโก เหตุ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อวิปรีตํ อตฺถํ อชานนฺตานํ อฺตฺถ สมุปฺปาทสทฺทสฺส ภาวสาธนสฺส ทสฺสนโต ตถา อิธาปิ พฺยฺชนจฺฉายาย อุปฺปาโทเยวายํ วุตฺโต, น เหตูติ ยา สฺา อุปฺปชฺชติ, สา อิมสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทปทสฺส เอวํ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน อตฺถํ คเหตฺวา วูปสเมตพฺพา วิโนเทตพฺพา.

ทฺเวธาติ คาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺมา อตฺตโน ปจฺจยวเสน ปวตฺโต ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสมูโห ปจฺเจตพฺพโต ปฏิจฺโจ จ โส สห อุปฺปชฺชนโต สมุปฺปาโท จ, ปฏิจฺจ วา การณสามคฺคึ อปจฺจกฺขาย สห อุปฺปชฺชนโต เอวาติ จ เอวํ ทฺเวธา ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ อิทํ วจนํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตสฺมา ตสฺส ปจฺจยธมฺโมปิ ผลูปจาเรน ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อิจฺเจว วุตฺโตติ.

ปจฺจยตายาติ ปจฺจยสมูหโต. ปวตฺโตติ นิพฺพตฺโต. ธมฺมสมูโหติ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมปุฺโช. ปตียมาโนติ าณคติยา อภิมุขํ อุเปยมาโน, อภิสมิยมาโนติ อตฺโถ. หิตาย สุขาย จาติ โลกุตฺตรหิตาย, โลกุตฺตรสุขาย จ. สห อุปฺปชฺชติ เอเกกสฺส กทาจิปิ อุปฺปตฺติยา อภาวโต. สมฺมา อุปฺปชฺชติ อเหตุโต, วิสมเหตุโต จ อนุปฺปชฺชนโต. สห อุปฺปชฺชตีติ เอกชฺฌํ อุปฺปชฺชติ อนฺตมโส อฏฺนฺนํ ธมฺมานํ อุปฺปชฺชนโต. น ปจฺจกฺขายาติ อปฏิกฺขิปิตฺวา, อตฺตโน ปจฺจยภูตธมฺมสมุทาเยน เกนจิ น วินาติ อตฺโถ. ตสฺสาติ ยฺวายํ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ วุตฺโต ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสมูโห, ตสฺส อยํ อวิชฺชาทิโก เหตุสมูโห. ‘‘ตปฺปจฺจยตฺตา’’ติ เอเตน ปฏิจฺจสมุปฺปาทปจฺจเย ปฏิจฺจ สมุปฺปาทสมฺาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ยถา โลเก’’ติอาทิ. ยถา หิ โลเก ‘‘ปิตฺตํ มถิตํ, สูรา ทธิ, ติปุสํ ชโร, เสมฺโห คุโฬ, อายุ ฆต’’นฺติ จ ปจฺจโย ผลโวหาเรน วุจฺจติ, เอวํ ผลูปจาเรน ปฏิจฺจสมุปฺปาโท วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

๕๗๘. ปฏิจฺจ-สทฺเท ปฏิ-สทฺโท อภิมุขตฺโถ, อิจฺจ-สทฺโท คมฺมตฺโถติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปฏิมุขมิโต’’ติ. กสฺส ปน ปฏิมุขํ, เกน วา อิโต, โก วา อิโตติ โจทนตฺตเย ปจฺฉิมํ วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘เหตุสมูโห’’ติ อาห. ตสฺมิฺหิ วิสฺสฏฺเ เหตุสมูโห นาม ปจฺจยสามคฺคีติ ตตฺถ อฺมฺสฺส ปฏิมุขํ, อฺมฺเเนว จ อิโตติ วิสฺสฏฺโวายมตฺโถ โหตีติ. สหิเตติ สมุทิเต อวินิพฺภุตฺเต. โสติ เหตุสมูโห. สมุปฺปาโท อิติ วุตฺโตติ โยชนา.

ปาตุภาวายาติ อุปฺปาทาย. กามํ ปาฬิยํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑; มหาว. ๑; เนตฺติ. ๒๔; วิภ. ๒๒๕) อวิชฺชาว ปจฺจยภาเวน วุตฺตา, ตถาปิ น อวิชฺชา เอกาว ปจฺจโย โหติ, อถ โข สหชาตธมฺมวตฺถุอารมฺมณาทโย, โยนิโสมนสิการาทโย, ตณฺหุปาทานาทโย จ ธมฺมา ยถารหํ สงฺขารุปฺปาทเน อวิชฺชาย สหการีการณํ โหนฺติเยว. เอวํ สงฺขาราทโยปิ วิฺาณาทีนนฺติ อาห ‘‘อวิชฺชาทิเอเกกเหตุสีเสน นิทฺทิฏฺโ เหตุสมูโห’’ติ. สาธารณผลนิปฺผาทกฏฺเนาติ ตํสมูหปริยาปนฺนานํ เหตุธมฺมานํ สาธารณสฺส ผลสฺส นิพฺพตฺตกภาเวน. อเวกลฺลฏฺเนาติ อนูนภาเวน. ตสฺมิฺหิ เหตุสมูเห เอกจฺจาสาธารณฺเจตํ ผลํ, เอกจฺเจเหว จ นิพฺพตฺเตตพฺพํ สิยา, สพฺเพสํ เตสํ ปจฺจยธมฺมานํ อฺมฺาเปกฺขา นตฺถีติ ปฏิมุขคมนาภาวโต ปฏิจฺจตฺโถ น ปริปูเรยฺยาติ. สามคฺคิองฺคานนฺติ ปจฺจยสามคฺคิยา องฺคภูตานํ, สมูหีนนฺติ อตฺโถ . นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. ผลธมฺมานํ สหิตตา นาม วิสุํ อภาโว, น เหตุธมฺมานํ วิย อฺมฺาเปกฺขาติ อาห ‘‘อฺมฺํ อวินิพฺโภควุตฺติธมฺเม’’ติ อวินิพฺโภคคฺคหณฺเจตฺถ รูปธมฺมานมฺปิ สงฺคณฺหนตฺถํ. อฺถา สมฺปยุตฺตธมฺเมติ วุจฺเจยฺย.

๕๗๙. ปจฺจยตาติ อยํ อวิชฺชาทิโก ปจฺจยสมูโห. อฺโฺนฺติ อฺมฺํ. ปฏิจฺจาติ นิสฺสาย สหการีการณํ ลทฺธา. สมนฺติ อวิสมํ อเวกลฺเลน. สหาติ เอกชฺฌํ. ธมฺเมติ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺเม. ยสฺมา อุปฺปาเทติ, ตโตปิ ตสฺมาปิ. เอวํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ มุนินา ภควตา ภาสิตาติ โยชนา. น อปฏิจฺจ ปฏิจฺเจวาติ อวธารณตฺถํ ทสฺเสนฺโต คาถายํ เอว-กาโร ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ ทสฺเสติ.

เอเกกเทสนฺติ ผลสมุทายสฺส เอกเทเสกเทสํ, ภาคโสติ อตฺโถ. ปุพฺพาปรภาเวนาติ ปฏิปาฏิยา . สพฺพเมตํ รูปารูปกลาปุปฺปาทนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อตฺถานุสารโวหารกุสเลนาติ ปรมตฺถธมฺมานุคตโวหารนิปุเณน.

๕๘๐. ปุริเมน ปเทนาติ โยชนา. สสฺสตาทีนนฺติ สสฺสตภาวาทีนํ, สสฺสตวาทาทีนํ วา. สสฺสตสหจริตา หิ วาทาปิ สสฺสตาทโยติ วุจฺจนฺติ ยถา ‘‘ทุกฺขเทสนา ทุกฺข’’นฺติ. อุจฺเฉทาทีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. วิฆาโต วินาโส, ปหานนฺติ อตฺโถ. าโยติ อนฺตทฺวยวิรหิตา มชฺฌิมา ปฏิปตฺติ.

ปวตฺติธมฺมานนฺติ ปวตฺติภูตานํ ธมฺมานํ, กิเลสวฏฺฏาทีนนฺติ อตฺโถ. ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทินยปฺปวตฺโต (ที. นิ. ๑.๓๑) สสฺสตวาโท. ‘‘นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสายา’’ติอาทินยปฺปวตฺโต (ที. นิ. ๑.๑๖๘; ม. นิ. ๒.๑๐๑, ๒๒๗; สํ. นิ. ๓.๒๑๒) อเหตุวาโท. ปกติ อณุกาลาทิวเสน โลโก ปวตฺตตีติ เอวํ ปวตฺโต วิสมเหตุวาโท. อิสฺสรปุริสปชาปติวาทา วสวตฺติวาทา. อเหตุวาทคฺคหเณเนว เจตฺถ สภาวนิยติ ยทิจฺฉาวาทานมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘จกฺขุ เอว จกฺขุสฺส การณ’’นฺติ เอวมาทิโก วิสมเหตุวาโท. อิสฺสราทิวาโท อเหตุวาทนฺโตคโธ. สภาเวเนว ธมฺมา ปวตฺตนฺตีติ วาโท ‘‘วสวตฺติวาโท’’ติ วทนฺติ. กึ หิ ปจฺจยสามคฺคิยา ปโยชนนฺติ อธิปฺปาโย. สมุปฺปาทปเทน ปริทีปิโต โหตีติ โยชนา. ปริทีปนสฺส ปน อวิปรีตการณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปจฺจยสามคฺคิยํ ธมฺมานํ อุปฺปตฺติโต’’ติ วุตฺตํ. วิหตาติ อพฺภาหตา. ‘‘ปุริมปุริมปจฺจยวเสนา’’ติ อิมินา อวิจฺเฉทวเสน ปวตฺตมานํ อุจฺเฉททิฏฺินิวตฺตกํ เหตุผลปพนฺธํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘กุโต อุจฺเฉโท’’ติ. อุจฺเฉทาภาวกถเนเนว เจตฺถ อุจฺเฉทวาทสฺสาปิ อภาวํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ.

ตสฺสา ตสฺสา ปจฺจยสามคฺคิยาติ ตสฺมึ ตสฺมึ เหตุปจฺจยสมวาเย. สนฺตตึ อวิจฺฉินฺทิตฺวาติ เหตุผลปพนฺธสงฺขาตสฺส สนฺตานสฺส อวิจฺฉินฺทเนน. เตสํ เตสํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ สมฺภวโต อุปฺปชฺชนโต สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาตํ อนฺตทฺวยํ อนุปคฺคมฺม ยถาสกํ ปจฺจเยหิ อนุรูปผลุปฺปตฺติ อิธ มชฺฌิมปฏิปทาติ อธิปฺเปตา. กมฺมวฏฺฏสฺส, วิปากวฏฺฏสฺส จ ภินฺนสภาวตฺตา, ภินฺนกาลตฺตา จ โส กโรติ โส ปฏิสํเวเทตีติ วาทปฺปหานํ. กุสลากุสลกฺขนฺธปฺปวตฺติยฺหิ การกโวหาโร, วิปากกฺขนฺธปวตฺติยํ เวทกโวหาโรติ. ยสฺมึ สนฺตาเน กมฺมํ นิพฺพตฺตํ, ตตฺเถว ตสฺส ผลสฺส นิพฺพตฺตนโต อฺโ กโรติ อฺโ ปฏิสํเวเทตีติ วาทปฺปหานํ. น หิ กตสฺส วินาโส, อกตสฺส วา อพฺภาคโม อตฺถิ. ‘‘อิตฺถี, ปุริสา’’ติ โวหาเรน ชนปทนิรุตฺติ. ตตฺถ ยสฺมา ปณฺฑิตาปิ โลเก ‘‘ปฺจกฺขนฺเธ อาเนตุ, นามรูปํ อาคจฺฉตู’’ติ อวตฺวา อิตฺถี, ปุริโสตฺเวว โวหรนฺติ, ตสฺมา ‘‘อิตฺถี เอวายํ, ปุริโส เอวายนฺติ อปริฺาตวตฺถุกานํ โหติ อภินิเวโส. วิทฺทสุโน ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ชานนฺตสฺส ตถา ตถา ปวตฺตมาเน ธมฺเม อุปาทาย ปฺตฺติมตฺตโต ตตฺถ ปรมตฺถโต น อภินิเวโสติ อาห ‘‘ชนปทนิรุตฺติยา อนภินิเวโส’’ติ. สมฺายาติ โลกสมฺาย. อนติธาวนนฺติ อนติกฺกมนํ. ‘‘สตฺโต’’ติ หิ วุตฺเต ‘‘โก เอตฺถ สตฺโต, กึ รูปํ, อุทาหุ เวทนาทโย’’ติ วิภาคํ อกตฺวา โลกสมฺาวเสเนว โลกิเยหิ วิย โลกิโย อตฺโถ สมฺํ อวิลงฺฆนฺเตน โวหริตพฺโพ.

อปโร นโย – ปจฺเจตุมรหตีติ ปฏิจฺโจ. โย หิ นํ ปจฺเจติ อภิสเมติ, ตสฺส อจฺจนฺตเมว ทุกฺขวูปสมาย สํวตฺตติ. สมฺมา, สห จ อุปฺปาเทตีติ สมุปฺปาโท. ปจฺจยธมฺโม หิ อตฺตโน ผลํ อุปฺปาเทนฺโต สมฺปุณฺณเมว อุปฺปาเทติ, น วิกลํ. เย จ ธมฺเม อุปฺปาเทติ, เต สพฺเพ สเหว อุปฺปาเทติ, น เอเกกํ. อิติ ปฏิจฺโจ จ โส สมุปฺปาโท จาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. อถ วา ปฏิจฺจ ปฏิมุขํ อิตฺวา การณสามคฺคึ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา สหิเต อุปฺปาเทตีติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ปฏิมุขคมนฺจ ปจฺจยสฺส การณสามคฺคิยา องฺคภาเวน ผลสฺส อุปฺปาทนเมว. อปฺปฏิกฺขิปิตฺวาติ จ น วินา ตาย การณสามคฺคิยา, องฺคภาวํ อคนฺตฺวา สยเมว น อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. เอเตน การณพหุตา ทสฺสิตา, ‘‘สหิเต’’ติ อิมินา ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมพหุตา. อุภเยนาปิ ‘‘เอกํ น เอกโต’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๗) ปรโต วุจฺจมาโน สาสนนโย ทีปิโต โหติ.

อถ วา ปฏิจฺจ ปจฺเจตพฺพํ ปจฺจยํ ปฏิคนฺตฺวา น วินา เตน สมฺพนฺธสฺส อุปฺปาโท ปฏิจฺจสมุปฺปาโท (อุทา. อฏฺ. ๑). ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เจตฺถ สมุปฺปาทปฺปธานวจนวิฺเยฺโย สสตฺติโก เหตูติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ‘‘ปฏิจฺจา’’ติ วุตฺเต กึ ปฏิจฺจาติ วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปจฺเจตพฺพ’’นฺติ. โส จ ปจฺจยธมฺโมติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปจฺจย’’นฺติ. อิทานิ ปฏิจฺจสทฺทสฺส อตฺถมาห ‘‘ปฏิคนฺตฺวา’’ติ. การณสฺส สภาเวน ตปฺปฏิลาภคติยา ปตฺวา. กถํ น วินา เตน? สติ เอว ตสฺมึ, ตสฺส จ ผลสฺส อุปฺปาทโต เอว, น อฺถา. อสติ, นิโรธโต จาติ อยํ ปจฺจยฏฺิติ ปฏิจฺจสทฺทสฺส อตฺโถ. เตนายํ ปฏิจฺจสทฺโท ยถา ‘‘อิมสฺมึ สติ อิมสฺสุปฺปาโท’’ติ เอเต สทฺทา ภุมฺมนิสฺสกฺกวจนโชตนีเยน อิทํ-สทฺทวจนียสฺส เหตุมโต เหตุอายตฺตภาเวน ภาวุปฺปาทุตฺตรกิริยาเปกฺเขน ยายสฺส ตทายตฺตตา, ตาย สมตฺถตาย เหตุํ วทนฺติ, เอวํ คนฺตฺวา-สทฺทนฺตรวจนีเยน ตํวิฺเยฺยสฺเสว ปจฺจยนกิริยากตฺตุเหตุมโต เหตุปจฺจยเนน เหตุอายตฺตภาเวน สมุปฺปาทุตฺตรกิริยาเปกฺเขน ยายสฺส ตทายตฺตตา, ตาย สมตฺถตาย เหตุมาห. เอวฺจ กตฺวา ‘‘อวิชฺชา ปฏิจฺจ, สงฺขารา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๔๖) สงฺขารปิฏเก วุตฺตํ. สมตฺถตา เจตฺถ นิทานาทิภาโว. โส จ ตทวินาภาวิผลํ ปติ สตฺวเมว. สมฺพนฺธสฺสาติ จ สํโยชนานุรูปตาวเสน ชาติอาทินา สมฺพนฺธสฺส ชรามรณาทิปจฺจยุปฺปนฺนสฺส. อุปฺปาโทติ อุปฺปชฺชนํ. ยทิ เอวํ กถํ ปฏิจฺจสทฺทปฺปโยโค, นนุ สมานกตฺตุกานํ ปุพฺพกาเล อีทิโส สทฺทปฺปโยโคติ? ‘‘ภุตฺวา คจฺฉติ, กสิตฺวา วปตี’’ติอาทีสุ สจฺจเมตํ, ตํ ปน เยภุยฺยวเสน ทฏฺพฺพํ สมานาปรกาเล, อสมานกตฺตุเก จ ทสฺสนโต. สมานกาเล ตาว –

‘‘อนฺธการํ นิหนฺตฺวาน, อุทิตายํ ทิวากโร;

วณฺณปฺาวภาเสหิ, โอภาเสตฺวา สมุคฺคโต’’ติ. –

อุทาหรณํ. เกจิ ปน ‘‘มุขํ พฺยาทาย สยติ, อกฺขีนิ ปริวตฺเตตฺวา ปสฺสตี’’ติ อุทาหรนฺติ. อปเร ‘‘นิสชฺช อธีเต, ตฺวา กเถตี’’ติ.

ตตฺถ พฺยาทานปริวตฺตนุตฺตรกาลภาวิสยนทสฺสนกิริยาเปกฺขา ปุพฺพุตฺตรกาลตา อตฺถิ, สา จ เภทานุปลกฺขณา เกหิจิ น ลกฺขียติ. ‘‘นิสชฺช อธีเต, ตฺวา กเถตี’’ติ จ สมานกาลตายปิ อชฺเฌนกถเนหิ ปุพฺเพปิ นิสชฺชฏฺานานิ โหนฺตีติ สกฺกา ปุพฺพุตฺตรกาลตา สมฺภาเวตุํ, ตสฺมา ปุริมานิเยว อุทาหรณานิ ยุตฺตานิ. อุทยสมกาลเมว หิ ตนฺนิวตฺตนิยนิวตฺตนนฺติ. อปรกาเล ‘‘ทฺวารมาวริตฺวา ปวิสติ, อาวริตฺวา นิกฺขมตี’’ติ. เกจิ ปน ‘‘ฑกฺกจฺจ ปติโต ทณฺโฑ’’ติ อุทาหรนฺติ. อภิฆาตภูตสหชาตาย ปน อภิฆาตชสทฺทสฺส สมานกาลตา เอตฺถ ลพฺภติ, ตสฺมา อิธาปิ ปุริมานิเยว อุทาหรณานิ ยุตฺตานิ. ปุริมตาวจนิจฺฉาวเสเนว ปน ลกฺขณเหตุกิริยานํ ลกฺขณเหตุภาววจนิจฺฉาติ ลกฺขณภาวโต ปุริมกาโล อิจฺเจว ‘‘นิหนฺตฺวานา’’ติ สทฺทสิทฺธิ อิจฺฉิตา, เอวฺจ ปจฺจยนกิริยา สมุปฺปชฺชนกิริยาย ปุริมิกาวาติ ปฏิจฺจ-สทฺทสิทฺธิ. ตตฺถ ยุตฺตํ ปจฺจกฺขโต กตฺตุทสฺสนโต. อิธ ปน ตทภาวโต น ยุตฺตนฺติ เจ? นายํ โทโส. อิธาปิ อนุมานโต สิทฺโธ. ชรามรณาทิโก กตฺตา อตฺเถว ‘‘ตฺวา กิริยโต วย’’นฺติ เอวมาทิปโยคทสฺสนโต อวสฺสํ อนุมิยมาเนน กตฺตุนา อีทิโส สทฺทปโยโค อิจฺฉิตพฺโพ. อสมาเน ปน กตฺตริ ‘‘ปิสาจํ ทิสฺวา ภยํ โหติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๑; ๒.๑๘๒; ปุ. ป. ๒๐๔) เอวมาทิ เวทิตพฺพํ. ยถา จ ตตฺถ ปิสาจทสฺสนาทิปุริสพฺยาปาโร, เอวมิธาปิ ปจฺจยนํ ปจฺจยพฺยาปาโร อตฺตโน ผลุปฺปาทนํ, ตฺจ สตฺวํ สมุปฺปาโทวาติ ‘‘ปจฺจเย สติ, ปจฺจยสฺส อุปฺปาทา’’ติ ปจฺจยนสฺส สมุปฺปาทเหตุตาย คมโก สมานสฺส กตฺตุ อภาเวปิ ปฏิจฺจ-สทฺโท สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ. ยทิ ปฏิจฺจสมฺพนฺธสฺส อุปฺปาโท ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, กถํ ปจฺจโย ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ? เหฏฺา วิจาริโตวายมตฺโถ. อปิจ โยยํ สมุปฺปาท-สทฺทวิภาวิตานํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปฏิจฺจสทฺทวิภาวิโต สสตฺติโก เหตุ อธิปฺเปโต, ตสฺส สมุปฺปาทาภิมุขตาย ปธานวจนวิฺเยฺยสภาวตฺตา ตถา วุตฺโตติ.

กึ ปน การณํ สมุปฺปาทปธาเนน วจเนน สมุปฺปาทสฺส เหตุ เวทิตพฺโพ, น ปน สเหตุโก สมุปฺปาโท เอวาติ? วุจฺจเต – ทิฏฺสฺส ทุกฺขสฺส โย ปจฺจโย ปจฺจยนิทฺเทเสน ตสฺส วิภาวิตตฺตา. กถํ? ยถาห –

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปริวีมํสมาโน ปริวีมํสติ ‘ยํ โข อิทํ อเนกวิธํ นานปฺปการกํ ทุกฺขํ โลเก อุปฺปชฺชติ ชรามรณํ, อิทํ นุ โข ทุกฺขํ กึ นิทานํ กึ สมุทยํ กึ ชาติกํ กึ ปภวํ, กิสฺมึ สติ ชรามรณํ โหติ, กิสฺมึ อสติ ชรามรณํ น โหตี’ติ. โส ปริวีมํสมาโน เอวํ ปชานาติ ‘ยํ โข อิทํ…เป… อิทํ โข ทุกฺขํ ชาตินิทาน’’’มิจฺจาทินา (สํ. นิ. ๒.๕๑) –

ทิฏฺสฺส ทุกฺขสฺส นิทานํ ปริวีมํสสุตฺเต วุตฺตํ. ตํ ปชานนฺจ นิทานมฺปิ วิฺาตพฺพนฺติ. ยถา จาห –

‘‘ปุพฺเพ เม, ภิกฺขเว, สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต เอตทโหสิ ‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน ชายติ จ ชียติ จ มียติ จ จวติ จ อุปปชฺชติ จ, อถ จ ปนิมสฺส ทุกฺขสฺส นิสฺสรณํ นปฺปชานาติ ชรามรณสฺส. กุทาสฺสุ นาม อิมสฺส ทุกฺขสฺส นิสฺสรณํ ปฺายิสฺสติ ชรามรณสฺสา’ติ…เป… ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, โยนิโส มนสิการา อหุ ปฺาย อภิสมโย ‘ชาติยา โข สติ ชรามรณํ โหติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๐) –

อาทินา ทิฏฺสฺส ทุกฺขสฺส ปจฺจยวีมํสาภิสมยา วุตฺตา. ปจฺจโย หิ าตพฺโพ. ตทภิสมยายตฺตฺจ ทุกฺขนิสฺสรณปชานนนฺติ โย จ าตพฺโพ, โส ปเวเทตพฺโพติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสทฺโท ยํ ยทิทํ สมุปฺปาทสทฺทวิภาวิตํ ทิฏฺํ ทุกฺขํ, ตํ ปจฺจยํ ปฏิจฺเจว, น อฺถาติ เอวํ ปจฺจยวิภาวนตฺถํ วุจฺจติ. ภวติ หิ าตุํ, ปเวเทตุฺจ อิจฺฉิตภาเวน ปธานสฺสาปิ เกนจิ วิเสเสน าตพฺพตาย อปฺปธานภาเวน นิทฺเทโส ยถา ‘‘โก โสตาปนฺโน, ยสฺส ตีณิ สํโยชนานิ ปหีนานิ. โก เทวทตฺโต, ยสฺส อุจฺจตรานิ เคหานี’’ติ, เอวมิธาปิ ปจฺจยปจฺจยนปเวทนฏฺเน นิทฺเทเส สตฺติวิเสเสน อตฺตโน ผเลน ปจฺจนียตาย าตพฺพภาเวน ‘‘ปฏิจฺจา’’ติ ปริยาเยน ปจฺจโย วุตฺโต.

โย จายํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิโก นิทฺเทโส, โส จ สกลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส มูลโต ปฏฺาย ปจฺจยานํ ปเวทนาย นิทฺทิฏฺโติ ปริโยสาเนปิ ‘‘เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ เอวํ-สทฺเทน สมุคฺฆาตํ ทุกฺขํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส ยถาวุตฺเต ปจฺจเย ตํสมุทยาภิมุเข กตฺวา นิคมิตา ปจฺจยา. ปฏิปทาสุตฺเตปิ (สํ. นิ. ๒.๓) ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา…เป… สมุทโย โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, มิจฺฉาปฏิปทา’’ติ วุตฺตํ. น จ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนภาเวน คหิตํ ทุกฺขํ มิจฺฉาปฏิปทํ, อถ โข ทุกฺขสมุทยภูตา ปจฺจยาติ. ยถา จ ‘‘ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ (ที. นิ. ๓.๓๓๕), ปฺจาณิโก สมฺมาสมาธี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๕) องฺคาณปฏิเวทนตฺถตฺตา เทสนาย สมฺมาสมาธิปธาเนหิ สทฺเทหิ องฺคาณปฏิเวทนํ กตํ, เอวมิธาปิ สมุปฺปาทปธาเนน สทฺเทน ปจฺจยปฏิเวทนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๕๘๑. ยา ปนายํ ตนฺตีติ สมฺพนฺโธ. นิกฺขิตฺตาติ ปิตา, เทสิตาติ อตฺโถ. ยถาธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส ตนนโต ตนฺติ, คนฺโถ. ‘‘กึ วาที, ภนฺเต, สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิเตน ‘‘วิภชฺชวาที, มหาราชา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.ตติยสงฺคีติกถา; กถา. อฏฺ. นิทานกถา) โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถเรน วุตฺตตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกา วิภชฺชวาทิโน. เต หิ สตฺถารา เวนยิกาทิภาวํ วิภชฺช วุตฺตํ อนุวทนฺติ, โสมนสฺสาทีนํ, จีวราทีนฺจ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพภาวํ. สสฺสตุจฺเฉทวาเท วา วิภชฺช วทนฺติ. ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทีนํ (ที. นิ. ๑.๓๑) ปนียานํ ปนโต, ราคาทิกฺขยสฺส สสฺสตสฺส, ราคาทิกายทุจฺจริตาทิอุจฺเฉทสฺส จ วจนโต, น ปน เอกํสพฺยากรณียาทิเก ตโย ปฺเห อปเนตฺวา วิภชฺชพฺยากรณียเมว วทนฺติ. วิภชฺชวาทีนํ มณฺฑลํ สมูโห วิภชฺชวาทิมณฺฑลํ. วิภชฺชวาทิโน วา ภควโต ปริสา วิภชฺชวาทิมณฺฑลนฺติปิ วทนฺติ, วิภชฺช วา สสฺสตุจฺเฉเท อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม มชฺฌิมปฏิปทาภูตสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส เทสนโต ภควา, ตทนุวาทโต ตสฺส สาวกา จ วิภชฺชวาทิโนติ. เสสํ ปุริมสทิสํ.

โอตริตฺวาติ โอคาเหตฺวา, วิภชฺชวาที หุตฺวาติ อตฺโถ. น หิ สยํ อวิภชฺชวาที สมาโน วิภชฺชวาทีนํ อนฺตเร านมตฺเตน วิภชฺชวาทิมณฺฑลํ โอติณฺโณ นาม โหติ. อาจริเยหิ อวุตฺตวิปรีตตฺถทีปเนน เต นอพฺภจิกฺขนฺเตน. อวิชฺชา ปุฺาเนฺชาภิสงฺขารานมฺปิ เหตุ ปจฺจโย โหตีติ วทนฺโต, กถาวตฺถุมฺหิ ปฏิกฺขิตฺเต ปุคฺคลวาทาทิเก จ วทนฺโต สกสมยํ โวกฺกมติ นาม, ตถา อโวกฺกมนฺเตน. ปรสมยํ โทสาโรปนพฺยาปารวิรเหน อนายูหนฺเตน. ‘‘อิทมฺปิ สุตฺตํ คเหตพฺพ’’นฺติ ปรสมยํ อสมฺปิณฺเฑนฺเตนาติ เกจิ วทนฺติ. ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ อนฺ’’นฺติอาทีนิ (ม. นิ. ๑.๓๙๖) วทนฺโต สุตฺตํ ปฏิพาหติ นาม, ตถา อปฏิพาหนฺเตน. ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายาย (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗, ๔๑๘), สุปินนฺเต กโต วีติกฺกโม อาปตฺติกโร โหตี’’ติ จ เอวมาทึ วทนฺโต วินยํ ปฏิโลเมติ นาม, ตพฺพิปริยาเยน ตํ อนุโลเมนฺเตน. ปฏิโลเมนฺโต หิ กมฺมนฺตรํ ภินฺทนฺโต, ธมฺมตฺจ วิโลเมนฺโต กุโต กิเลสวินยํ อนุโลเมติ. สุตฺเต (ที. นิ. ๒.๑๘๗ อาทโย; อ. นิ. ๔.๑๘๐) วุตฺเต จตฺตาโร มหาปเทเส, อฏฺกถายฺจ วุตฺเต สุตฺตสุตฺตานุโลมอาจริยวาทอตฺตโนมติมหาปเทเส โอโลเกนฺเตน. ตโทโลกเนน หิ สุตฺเต, วินเย จ สนฺติฏฺติ นาติธาวติ.

ธมฺมนฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปาฬึ. อตฺถนฺติ ตทตฺถํ. เหตุ, เหตุผลานิ วา อยเมตฺถ เหตุ ธมฺโม, อิทเมตฺถ เหตุผลํ อตฺโถติ. ธมฺมนฺติ วา ธมฺมตํ. ยถา เอเก ‘‘อุปฺปาทา วา ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ ิตาว สา ธาตู’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐) สุตฺตปทสฺส อตฺถํ มิจฺฉา คาเหนฺตา ‘‘นิจฺโจ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ ปจฺจยาการธมฺมํ มิจฺฉา ทีเปนฺติ, เอวํ อทีเปตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อตฺตโน ผลํ ปติ การณสฺส ววตฺถิตสภาวํ ทีเปนฺเตน. ยถา จ เอเก ‘‘อนิโรธํ อนุปฺปาท’’นฺติอาทินา ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส อตฺถํ มิจฺฉา คาเหนฺติ, เอวํ คาเห อกตฺวา วุตฺตนเยเนว อวิปรีตํ อตฺถํ สงฺคาเหนฺเตน. ‘‘ทุกฺขาทีสุ อฺาณํ อวิชฺชา’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปริวตฺเตตฺวา ปุน ‘‘ปุพฺพนฺเต อฺาณ’’นฺติอาทีหิ (ธ. ส. ๑๐๖๗) อปเรหิปิ ปริยาเยหินิทฺทิสนฺเตน. ‘‘สงฺขารา อิมินา ปริยาเยน ภโวติ วุจฺจนฺติ, ตณฺหา อิมินา ปริยาเยน อุปาทาน’’นฺติอาทินา นิทฺทิสนฺเตนาติ จ วทนฺติ. ปกติยาติ ยถาวุตฺตวิธานํ อนามสิตฺวา เกวลเมว.

สจฺจนฺติ จตุสจฺจํ. สตฺโตติ สตฺตสุฺตาติ วทนฺติ, สตฺตสุฺเสุ ปน สงฺขาเรสุ สตฺตโวหาโร, สตฺตตฺถกิจฺจสิทฺธิ จ. ปจฺจยาการเมว จาติ ปจฺจยากาโร เอว จ, -กาโร ปทสนฺธิกโร. ปจฺจยธมฺมานํ อตฺตโนเยว ผลสฺส ปจฺจยภาโว ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อตฺโถ.

ตสฺมาติ วุตฺตนเยน อตฺถวณฺณนาย กาตพฺพตฺตา, ทุกฺกรตฺตา จ ปติฏฺํ นาธิคจฺฉามีติ ยตฺถ ิตสฺส วณฺณนา สุกรา โหติ, ตสฺสา ปติฏฺาภูตํ ตํ นยํ อตฺตโนเยว าณพเลน นาธิคจฺฉามีติ อตฺโถ. นิสฺสยํ ปน อาจิกฺขนฺโต ‘‘สาสนํ ปนิท’’นฺติอาทิมาห. อิธ สาสนนฺติ ปาฬิธมฺมมาห, ปฏิจฺจสมุปฺปาทเมว วา. โส หิ อนุโลมปฏิโลมาทินานาเทสนานยปฏิมณฺฑิโต อพฺโพจฺฉินฺโน อชฺชาปิ ปวตฺตตีติ นิสฺสโย โหติ. ตทฏฺกถาสงฺขาโต จ ปุพฺพาจริยมคฺโค. ‘‘ตํ สุณาถ สมาหิตา’’ติ อาทรชนเน, อุสฺสาหเน จ กึ ปโยชนนฺติ เจ, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ. อฏฺิ กตฺวาติ อตฺถํ กตฺวา. ยถา วา น นสฺสติ, เอวํ อฏฺิคตํ วิย กโรนฺโต อฏฺึ กตฺวา. ปุพฺพกาลโต อปรกาเล ภวํ ปุพฺพาปริยํ. วิเสสนฺติ ปมารมฺภโต ปภุติ ขเณ ขเณ าณวิเสสํ, กิเลสกฺขยวิเสสฺจ ลภตีติ อตฺโถ.

๕๘๒. เทสนาเภทโตติ เทสนาวิเสสโต. อตฺถโต, ลกฺขณาทิโต, เอกวิธาทิโต จ อตฺถลกฺขเณกวิธาทิโต. องฺคานฺจ ววตฺถานาติ อวิชฺชาทีนํ ทฺวาทสนฺนํ องฺคานํ ววตฺถานทสฺสนโต.

กมฺมวิปากกิเลสวฏฺฏานํ มูลการณตฺตา, อาทิโต วุตฺตตฺตา จ อวิชฺชา ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส มูลํ. ตตฺถ วลฺลิยา มูเล ทิฏฺเ ตโต ปภุติ วลฺลิหรณํ วิย ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส มูเล ทิฏฺเ ตโต ปภุติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนาติ อุปมาสํสนฺทนา น กาตพฺพา. น หิ ภควโต อิทเมว ทิฏฺํ, อิทํ อทิฏฺนฺติ วิภชนียํ อตฺถิ สพฺพสฺส ทิฏฺตฺตา. มูลโต ปภุติ ปน วลฺลิหรณํ วิย มูลโต ปภุติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนา กตาติ อิทเมตฺถ สามฺํ อธิปฺเปตํ, โพธเนยฺยชฺฌาสยวเสน วา โพเธตพฺพภาเวน มูลาทิทสฺสนสามฺํ โยเชตพฺพํ.

ตสฺสาติ –

‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, กุมาโร วุทฺธิมนฺวาย อินฺทฺริยานํ ปริปากมนฺวาย ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต…เป… รชนีเยหิ. โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา ปิยรูเป รูเป สารชฺชติ, อปฺปิยรูเป รูเป พฺยาปชฺชติ, อนุปฏฺิตกายสติ จ วิหรติ ปริตฺตเจตโส, ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ยตฺถสฺส เต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ. โส เอวํ อนุโรธวิโรธํ สมาปนฺโน ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตํ เวทนํ อภินนฺทติ อภิวทติ, อชฺโฌสาย ติฏฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๘) –

เอวํ วุตฺตสฺส. เอวํ โสตทฺวาราทีสุปิ. ตสฺส อภินนฺทโตติ สปฺปีติกตณฺหาย อภิมุขภาเวน นนฺทโต. อภิวทโตติ ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ วจีเภทกรณปวตฺตาย พลวตณฺหาย ‘‘อหํ, มมา’’ติ อภิวทโต. ตโต พลวติยา โมเจตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อชฺโฌสาย ติฏฺโต. ตโตปิ พลวตี ปน อุปาทานภูตา ตณฺหา นนฺที. เอตฺถ จ อภินนฺทนาทินา ตณฺหา วุตฺตา, นนฺทิวจเนน ตปฺปจฺจยํ อุปาทานํ จตุพฺพิธมฺปิ นนฺทิตาตทวิปฺปโยคตาหิ, ตณฺหาทิฏฺาภินนฺทนภาเวหิ จาติ เวทิตพฺพํ.

ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติอาทิกฺจ ตตฺเถว มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺเต วุตฺตํ.

วิปากวฏฺฏภูเต ปฏิสนฺธิปวตฺติผสฺสาทิเก กมฺมสมุฏฺานฺจ โอชํ สนฺธาย ‘‘จตฺตาโร อาหารา ตณฺหานิทานา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วฏฺฏูปถมฺภกา ปน อิตเรปิ อาหารา ตณฺหาปภเว ตสฺมึ อวิชฺชมาเน น วิชฺชนฺตีติ ‘‘ตณฺหานิทานา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏนฺติ.

๕๘๓. ตโตตโตติ จตุพฺพิธาสุ เทสนาสุ ตโต ตโต เทสนโต. ายปฺปฏิเวธาย สํวตฺตตีติ าโยติ มคฺโค, โส เอว วา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ‘‘อริโย จสฺส าโย ปฺาย สุทิฏฺโ โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๔๑; ๕.๑๐๒๔) วจนโต. สยเมว หิ โส สมนฺตภทฺทกตฺตา ตถา ตถา ปฏิวิชฺฌิตพฺพตฺตา ตาย ตาย เทสนาย อตฺตโน ปฏิเวธาย สํวตฺตติ. จตุพฺพิธคมฺภีรภาวปฺปตฺติยาติ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีเรสุ ปติฏฺาธิคมเนน ปติฏฺิตตฺตาติ อตฺโถ.

สมนฺตภทฺทกตา, เทสนาวิลาสปฺปตฺติ จ จตุนฺนมฺปิ เทสนานํ สมานํ การณนฺติ วิเสสการณํ วตฺตุกาโม อาห ‘‘วิเสสโต’’ติ. อสฺสาติ อสฺส ภควโต เทสนา, อสฺส วา ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส เทสนาติ โยเชตพฺพํ. ปวตฺติการณวิภาโค อวิภตฺตสภาวา อวิชฺชาทโยว, การณนฺติ วา คหิตานํ ปกติอาทีนํ, อวิชฺชาทีนฺจ อการณตา, การณตา จ. ตตฺถ สมฺมูฬฺหา เกจิ อการณํ การณนฺติ คณฺหนฺติ, เกจิ น กิฺจิ การณํ พุชฺฌนฺตีติ เตสํ ยถาสเกหิ อนุรูเปหิ การเณหิ สงฺขาราทิปวตฺติสนฺทสฺสนตฺถํ, สํสารปฺปวตฺติสนฺทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ. ปวตฺติอาทีนวปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา อาทิ, ตโต สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ, ตโต วิฺาณนฺติ เอวํ ปวตฺติยา อุปฺปตฺติกฺกมสนฺทสฺสนตฺถํ, คพฺภเสยฺยกาทิวเสน วา ตตฺถ ตตฺถ ภเว อตฺตภาวสฺส อุปฺปชฺชนานุปุพฺพิสนฺทสฺสนตฺถฺจ อนุโลมเทสนา ปวตฺตาติ. อิตราสํ ตทตฺถตาสมฺภเวปิ น ตาสํ ตทตฺถเมว ปวตฺติ อตฺถนฺตรสพฺภาวโต. อยํ ปน ตทตฺถา เอวาติ เอติสฺสา ตทตฺถตา วุตฺตา.

อนุวิโลกยโต โย สมฺโพธิโต ปุพฺพภาเค ตํตํปจฺจยุปฺปนฺนาวโพธสงฺขาโต ปุพฺพภาคปฏิเวโธ ปวตฺโต, ตทนุสาเรน ตทนุคเมน ชรามรณาทิกสฺส ชาติอาทิการณํ ยํ อธิคตํ, ตสฺส สนฺทสฺสนตฺถํ อยํ ปฏิโลมเทสนา ปวตฺตา. อนุวิโลกยโต ปฏิโลมเทสนา ปวตฺตาติ วา สมฺพนฺโธ. เทเสนฺโตปิ หิ ภควา กิจฺฉาปนฺนํ โลกํ อนุวิโลเกตฺวา ปุพฺพภาค…เป… สนฺทสฺสนตฺถํ เทเสสีติ. อาหารตณฺหาทโย ปจฺจุปฺปนฺนทฺธา, สงฺขาราวิชฺชา อตีตทฺธาติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘ยาว อตีตํ อทฺธานํ อติหริตฺวา’’ติ. อาหารา วา ตณฺหาย ปภาเวตพฺพา อนาคโต อทฺธา, ตณฺหาทโย ปจฺจุปฺปนฺโน , สงฺขาราวิชฺชา อตีโตติ. ปจฺจกฺขํ ปน ผลํ ทสฺเสตฺวา ตนฺนิทานทสฺสนวเสน ผลการณปรมฺปรทสฺสนํ ยุชฺชตีติ อาหารา ปุริมตณฺหาย อุปฺปาทิตา ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา, ตณฺหาทโย อตีโต, สงฺขาราวิชฺชา ตโตปิ อตีตตโร สํสารสฺส อนาทิภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺโตติ. ยาว อตีตทฺธานนฺติ ยาว อตีตตรํ อทฺธานนฺติ อตฺโถ ยุตฺโตติ. อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติอาหารกา วา จตฺตาโร อาหารา ‘‘อาหาเรตีตาหํ น วทามิ…เป… เอวํ ปน มํ อวทนฺตํ โย เอวํ ปุจฺเฉยฺย ‘กิสฺส นุ โข, ภนฺเต, วิฺาณาหาโร’ติ, เอส กลฺโล ปฺโห, ตตฺร กลฺลํ เวยฺยากรณํ, วิฺาณาหาโร อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒) วจนโต, ตํสมฺปยุตฺตตฺตา ผสฺสเจตนานํ, ตปฺปวตฺติเหตุตฺตา จ กพฬีการาหารสฺส. เตน หิ อุปตฺถมฺภิตรูปกายสฺส, ตฺจ อิจฺฉนฺตสฺส กามวิฺาณายูหนํ โหติ. โภชนฺหิ สทฺธาทีนํ, ราคาทีนฺจ อุปนิสฺสโยติ วุตฺตํ. ตสฺมา เต กมฺมวฏฺฏสงฺคหิตา อาหารา ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธาติ อิมสฺมึ ปริยาเย ปุริโมเยว อตฺโถ ยุตฺโต.

อตีตทฺธโต ปภุติ ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒) อตีเต, ตโต ปรฺจ เหตุผลปฏิปาฏึ ปจฺจกฺขภูตานํ อาหารานํ นิทานทสฺสนวเสน อาโรหิตฺวา นิวตฺตเนน วินา อพุชฺฌนฺตานํ ตํสนฺทสฺสนตฺถํ สา อยํ เทสนา ปวตฺตาติ อตฺโถ. อนาคตทฺธเหตุสมุฏฺานโต ปภุตีติ อนาคตสฺส ภวสฺส เหตุภูตานํ ธมฺมานํ อุปฺปตฺติโต ปฏฺาย. อนาคตทฺธสนฺทสฺสนตฺถนฺติ อนาคตทฺธุโน อปฺปฏิวิชฺฌนฺตานํ อปสฺสนฺตานํ ปจฺจกฺขํ ปจฺจุปฺปนฺนํ เหตุํ ทสฺเสตฺวา เหตุผลปรมฺปราย ตสฺส สนฺทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ จ อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา, ปริโยสานโต จ ปฏฺาย ยาว อาทิ ปวตฺตา เทสนา ทฺวาทสงฺคา, ตโต เอว ติสนฺธิ จตุสงฺเขปา. มชฺฌโต ปฏฺาย ยาว อาทิ ปวตฺตา เทสนา อฏฺงฺคา ทฺวิสนฺธิ ติสงฺเขปา. มชฺฌโต ปน ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา ปวตฺตา เทสนา ฉฬงฺคา ทฺวิสนฺธิ ติสงฺเขปา. ‘‘สํโยชนิเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๕๓, ๕๗) มชฺฌโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา ปวตฺตา เทสนา เอกสนฺธิ ทฺวิสงฺเขปา. เอวํ อยํ อเนกงฺคา เอว ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนา อาคตา. เอกงฺควเสนาปิ จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนา ลพฺภเตว. ยถาห –

‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโก ปฏิจฺจสมุปฺปาทํเยว สาธุกํ โยนิโส มนสิ กโรติ ‘อิติ อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ. อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’ติ. สุขเวทนิยํ, ภิกฺขเว, ผสฺสํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขเวทนา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๒) –

อาทิ. เอตฺถ หิ ‘‘ผสฺสปจฺจยา’’ติ เอตฺตโก เอว ปฏิจฺจสมุปฺปาโท วุตฺโต. เตเนตํ วิฺายติ ‘‘เอกงฺคปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ.

ตตฺถ อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตีติ อิมสฺมึ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย สติ อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ โหติ. อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส อุปฺปาทา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตีติ อวิชฺชาทีนํ อภาเว สงฺขาราทีนํ อภาวสฺส, อวิชฺชาทีนํ นิโรธา สงฺขาราทีนํ นิโรธสฺส จ วจเนน ปุริมสฺมึ ปจฺจยลกฺขเณ นิยโม ทสฺสิโต โหติ ‘‘อิมสฺมึ สติ เอว, น อสติ, อิมสฺส อุปฺปาทา เอว, น นิโรธา’’ติ. เตเนตํ ลกฺขณํ อนฺโตคธนิยมํ อิธ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

นิโรโธติ จ อวิชฺชาทีนํ วิราคาธิคเมน อายตึ อนุปฺปาโท อปฺปวตฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อวิชฺชายตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา’’ติอาทิ (มหาว. ๑; อุทา. ๓). นิโรธวิโรธี จ อุปฺปาโท, เยน โส อุปฺปาทวิโรธิภาเวน วุตฺโต ‘‘อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติ, เตเนตํ ทสฺเสติ ‘‘อนิโรโธ อุปฺปาโท นาม, โส เจตฺถ อตฺถิภาโวติปิ วุจฺจตี’’ติ. ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตี’’ติ อิทเมว หิ ลกฺขณํ ปริยายนฺตเรน ‘‘อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วทนฺเตน ปเรน ปุริมํ วิเสสิตํ โหติ, ตสฺมา น ธรมานตํเยว สนฺธาย ‘‘อิมสฺมึ สตี’’ติ วุตฺตํ, อถ โข มคฺเคน อนิรุทฺธภาวฺจาติ วิฺายติ. ยสฺมา จ ‘‘อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติ (อุทา. ๒) ทฺวิธาปิ อุทฺทิฏฺลกฺขณสฺส นิโรธสฺส นิทฺเทสํ วทนฺเตน ‘‘อวิชฺชายตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทินา (มหาว. ๑; อุทา. ๓) นิโรโธ เอว วุตฺโต, ตสฺมา นตฺถิภาโวปิ นิโรโธ เอวาติ นตฺถิภาววิรุทฺโธ อตฺถิภาโว อนิโรโธติ ทสฺสิตํ โหติ. เตน อนิโรธสงฺขาเตน อตฺถิภาเวน อุปฺปาทํ วิเสเสติ. ตโต น อิธ อตฺตลาภมตฺตํ อุปฺปาโทติ อธิปฺเปโต, อถ โข อนิโรธสงฺขาโต อตฺถิภาโว จาติ อยมตฺโถ วิภาวิโตติ เอวเมตํ ลกฺขณทฺวยวจนํ อฺมฺํ วิเสสนวิเสสิตพฺพภาเวน สาตฺถกนฺติ เวทิตพฺพํ.

โก ปนายํ อนิโรโธ นาม, โย อตฺถิภาโว, อุปฺปาโทติ จ วุจฺจตีติ? อปฺปหีนภาโว, อนิพฺพตฺติตผลตาปฺปหีนารหตาหิ ผลุปฺปาทนารหตา จ. เย เตหิ ปหาตพฺพา อกุสลา ธมฺมา, เตสํ อริยมคฺเคน อสมุคฺฆาติตภาโว, เย ปน น ปหาตพฺพา กุสลาพฺยากตา ธมฺมา, ยานิ เตสุ สํโยชนานิ อขีณาสวานํ, เตสํ อปริกฺขีณตา จ. อสมุคฺฆาติตานุสยตาย หิ สสํโยชนาขนฺธปฺปวตฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘ยาย จ, ภิกฺขเว, อวิชฺชาย นิวุตสฺส พาลสฺส, ยาย จ ตณฺหาย สมฺปยุตฺตสฺส อยํ กาโย สมุทาคโต, สา เจว อวิชฺชา พาลสฺส อปฺปหีนา, สา จ ตณฺหา อปริกฺขีณา. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, พาโล อจริ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตสฺมา พาโล กายสฺส เภทา กายูปโค โหติ, โส กายูปโค สมาโน น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชรามรเณนา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๙) –

อาทิ. ขีณสํโยชนานํ ปน อวิชฺชาย อภาวโต สงฺขารานํ, ตณฺหุปาทานานํ อภาวโต อุปาทานภวานํ น สมฺภโวติ วฏฺฏสฺส อุปจฺเฉโท ปฺายติ. เตเนวาห –

‘‘ฉนฺนนฺตฺเวว, ผคฺคุน, ผสฺสายตนานํ อเสสวิราคนิโรธา ผสฺสนิโรโธ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒) –

อาทิ. น หิ อคฺคมคฺคาธิคมโต อุทฺธํ ยาว ปรินิพฺพานา สฬายตนาทีนํ อปฺปวตฺติ, อถ โข นตฺถิตา, นิโรธสทฺทวจนียตา, ขีณสํโยชนตาติ นิโรโธ วุตฺโต. อปิจ จิรกตมฺปิ กมฺมํ อนิพฺพตฺติตผลตาย, อปฺปหีนารหตาย จ ผลารหํ สนฺตํ เอว นาม โหติ, น นิพฺพตฺติตผลํ, นาปิ ปหีนารหนฺติ ผลุปฺปตฺติปจฺจยานํ อวิชฺชาสงฺขาราทีนํ วุตฺตนเยน ผลารหภาโว อนิโรโธติ เวทิตพฺพํ. เอวํ อนิรุทฺธภาเวเนว หิ เยน วินา ผลํ น สมฺภวติ, ตํ การณํ อตีตาทิปิ ‘‘อิมสฺมึ สตี’’ติ อิมินา วจเนน วุตฺตํ. ตโต เอว จ อวุสิตพฺรหฺมจริยสฺส อปฺปวตฺติธมฺมตํ อนาปนฺโน ปจฺจยุปฺปาโท กาลเภทํ อนามสิตฺวา อนิวตฺติตาย เอว ‘‘อิมสฺสุปฺปาทา’’ติ วุตฺโต. อถ วา อวเสสปจฺจยสมวาเย อวิชฺชมานสฺสาปิ วิชฺชมานสฺส วิย ปเคว วิชฺชมานสฺส ยา ผลุปฺปตฺติอภิมุขตา, สา ‘‘อิมสฺสุปฺปาทา’’ติ วุตฺตา. ตทา หิ ตโต ผลํ อุปฺปชฺชตีติ ตทวตฺถํ การณํ ผลสฺส อุปฺปาทนภาเวน อุปฏฺิตํ อุปฺปติตํ นาม โหติ, น วิชฺชมานมฺปิ อตทวตฺถนฺติ ตทวตฺถตา อุปฺปาโทติ เวทิตพฺพา.

ตตฺถ ‘‘สตี’’ติ อิมินา วิชฺชมานตามตฺเตน ปจฺจยภาวํ วทนฺโต อพฺยาปารตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺเสติ. อุปฺปาทาติ อุปฺปตฺติธมฺมตํ, อสพฺพกาลภาวิตํ, ผลุปฺปตฺติอภิมุขตฺจ ทีเปนฺโต อนิจฺจตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺเสติ. ‘‘สติ, น อสติ, อุปฺปาทา, น นิโรธา’’ติ ปน เหตุอตฺเถหิ ภุมฺมนิสฺสกฺกวจเนหิ สมตฺถิตํ นิทานสมุทยชาติปภวภาวํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺเสติ. เหตุอตฺถตา เจตฺถ ภุมฺมวจเน ยสฺส ภาเวน ตทวินาภาวิผลสฺส ภาโว ลกฺขียติ, ตตฺถ ปวตฺติยา เวทิตพฺพา, ยถา อธนานํ ธเน อนนุปฺปทียมาเน ทาลิทฺทิยํ เวปุลฺลมคมาสิ (ที. นิ. ๓.๙๑), นิปฺผนฺเน สสฺเส สุภิกฺขํ ชายตีติ จ. นิสฺสกฺกวจนสฺสาปิ เหตุอตฺถตา ผลสฺส ปภเว ปกติยฺจ ปวตฺติยา, ยถา ‘‘กลลา โหติ อพฺพุทํ, อพฺพุทา ชายเต เปสี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓๕; กถา. ๖๙๒), ‘‘หิมวตา คงฺคา ปภวติ, สิงฺคโต สโร ชายตี’’ติ จ. อวิชฺชาทิภาเวน จ ตทวินาภาวิสงฺขาราทิภาโว ลกฺขียติ, อวิชฺชาทีหิ จ สงฺขาราทโย ปภวนฺติ, ปกรียนฺติ จาติ เตสํ ปภโว, ปกติ จ, ตสฺมา ตทตฺถทีปนตฺถํ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิมสฺสุปฺปาทา’’ติ เหตุอตฺถา ภุมฺมนิสฺสกฺกนิทฺเทสา กตา.

ยสฺมา เจตฺถ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ สงฺเขเปน อุทฺทิฏฺสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิโก นิทฺเทโส, ตสฺมา ยถาวุตฺโต อตฺถิภาโว, อุปฺปาโท จ เตสํ เตสํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ ปจฺจยภาโวติ วิฺายติ. น หิ อนิรุทฺธตาสงฺขาตํ อตฺถิภาวํ, อุปฺปาทฺจ อนิวตฺตสภาวตาสงฺขาตํ, อุทยาวตฺถตาสงฺขาตํ วา ‘‘สติเยว, น อสติ, อุปฺปาทา เอว, น นิโรธา’’ติ อนฺโตคธนิยเมหิ วจเนหิ ปกาสิตํ มุฺจิตฺวา อฺโ ปจฺจยภาโว นาม อตฺถิ, ตสฺมา ยถาวุตฺโต อตฺถิภาโว, อุปฺปาโท จ ปจฺจยภาโวติ เวทิตพฺโพ. เยปิ หิ ปฏฺาเน อาคตา เหตุอาทโย จตุวีสติ ปจฺจยา, เตปิ เอตสฺเสว ปจฺจยภาวสฺส วิเสสาติ เวทิตพฺพา. ตถา ยฺวายํ มูลเหตุนิทานสมฺภวปภวาทิปริยาเยหิ , อุปฺปาทฏฺิติ ปวตฺตฏฺิติ นิมิตฺตฏฺิติ อายูหนฏฺิติ สํโยคฏฺิติ ปลิโพธฏฺิตีติอาทิปริยาเยหิ จ ปกาสิโต การณตฺโถ, โสปิ เอตฺเถว อนฺโตคโธติ ทฏฺพฺโพ.

๕๘๔. มูลการณสทฺทํ อเปกฺขิตฺวา น อการณนฺติ นปุํสกนิทฺเทโส, อการณาติ อตฺโถ. อการณํ ยทิ สิยา, สุตฺตํ ปฏิพาหิตํ สิยาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาสวสมุทยา’’ติ สุตฺตํ อาหรติ. ปริยาโย การณํ. วฏฺฏกถาย สีสภาโว วฏฺฏเหตุโน กมฺมสฺสาปิ เหตุภาโว. ตตฺถ ภวตณฺหายปิ เหตุภูตา อวิชฺชา, ตาย ปฏิจฺฉาทิตาทีนเว ภเว ตณฺหาย อุปฺปชฺชนโต อวิชฺชา วิเสเสน สีสภูตาติ ‘‘มูลการณ’’นฺติ วุตฺตา.

ปุริมาย โกฏิยา อปฺายมานาย อุปฺปาทวิรหโต นิจฺจตํ คณฺเหยฺยาติ อาห ‘‘เอวํ เจตํ, ภิกฺขเว, วุจฺจตี’’ติอาทิ. เตน อิโต ปุพฺเพ อุปฺปนฺนปุพฺพตา นตฺถีติ อปฺายนโต ปุริมโกฏิอปฺายนํ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ.

๕๘๕. อวิชฺชาตณฺหาเหตุกฺกเมน ผเลสุ วตฺตพฺเพสุ ‘‘สุคติทุคฺคติคามิโน’’ติ วจนํ สทฺทลกฺขณาวิโรธนตฺถํ. ปูชิตสฺส หิ ทฺวนฺเท ปุพฺพนิปาโต. สวรา กิร มํสสฺส อฏฺินา อลคฺคนตฺถํ ปุนปฺปุนํ ตาเปตฺวา โกฏฺเฏตฺวา อุณฺโหทกํ ปาเยตฺวา วิริตฺตํ สูนํ อฏฺิโต มุตฺตมํสํ คาวึ มาเรนฺติ. เตนาห ‘‘อคฺคิสนฺตาปา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยถา วชฺฌคาวี จ อวิชฺชาภิภูตตาย ยถาวุตฺตํ อุณฺโหทกปานํ อารภติ, เอวํ ปุถุชฺชโน ยถาวุตฺตํ ทุคฺคติคามิกมฺมํ. ยถา ปน สา อุณฺโหทกปาเน อาทีนวํ ทิสฺวา ตณฺหาวเสน สีตุทกปานํ อารภติ, เอวํ ปุถุชฺชโน อวิชฺชาย นาติพลวภาวโต ทุคฺคติคามิกมฺเม อาทีนวํ ทิสฺวา ตณฺหาวเสน สุคติคามิกมฺมํ อารภติ. ทุกฺเข หิ อวิชฺชํ ตณฺหา อนุวตฺตติ, สุเข ตณฺหํ อวิชฺชาติ.

๕๘๖. กตฺถจิ สุตฺเต. เอกธมฺมมูลิกํ เทสนนฺติ อวิชฺชาตณฺหาสุ เอโกเยว ธมฺโม มูลํ เอติสฺสาติ เอกธมฺมมูลิกา, ตํ, ตตฺถ เอกํ เอว ธมฺมํ มูลํ กตฺวา ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนํ เทเสตีติ อตฺโถ. อุปนิสีทติ ผลํ เอตฺถาติ อุปนิสา, การณํ, อวิชฺชา อุปนิสา เอเตสนฺติ อวิชฺชูปนิสา. อสฺสาทานุปสฺสิโนติ อุปาทานิเยสุ เตภูมกธมฺเมสุ วิสยภูเตสุ อสฺสาเทตพฺพโต อสฺสาทสฺิตํ สุขโสมนสฺสํ อนุปสฺสนสีลสฺส. อปฺปหีนาวิชฺชตาย พาลลกฺขณโยเคน พาลสฺส. เอวนฺติ อวิชฺชานิวุตตฺตา, ตณฺหาสํยุตฺตตฺตา จ. อยํ กาโยติ อยํ มมฺเจว ตุมฺหากฺจ ปจฺจกฺขภูโต สวิฺาณกกาโย ขนฺธปฺจกํ. ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ (มหาว. ๑; อุทา. ๑) วจนโต ผสฺสการณฺเจตํ วุจฺจตีติ อายตนจฺฉกฺกํ วา. สมุทาคโตติ อุปฺปนฺโน. พหิทฺธา จ นามรูปนฺติ พหิทฺธา สวิฺาณกกาโย ขนฺธปฺจกํ, สฬายตนานิ วา. อิตฺเถตนฺติ อิตฺถํ เอตํ. อตฺตโน จ ปเรสฺจ ปฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ ทฺวาราลมฺพนภาเวน ววตฺถิตานิ ทฺวยํ นามาติ อตฺโถ. ทฺวยํ ปฏิจฺจ ผสฺโสติ อฺตฺถ จกฺขุรูปาทีนิ ทฺวยานิ ปฏิจฺจ จกฺขุสมฺผสฺสาทโย วุตฺตา, อิธ ปน อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ, มหาทฺวยํ นาม กิเรตนฺติ วุตฺตํ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – อฺตฺถ ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๔; ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕) จกฺขุ เจว รูปา จ…เป… มโน เจว ธมฺมา จาติ วุตฺตานิ ทฺวยานิ ปฏิจฺจ จกฺขุสมฺผสฺสาทโย วุตฺตา. อิธ ปน ‘‘อยฺเจว กาโย’’ติ จกฺขาทินิสฺสเย เสสธมฺเม จกฺขาทินิสฺสิเต เอว กตฺวา วุตฺตํ จกฺขาทิกายํ เอกตฺเตน ‘‘อชฺฌตฺติกายตน’’นฺติ คเหตฺวา, ‘‘พหิทฺธา จ นามรูป’’นฺติ วุตฺตํ รูปาทิอารมฺมณํ เอกตฺเตเนว ‘‘พาหิรายตน’’นฺติ ตานิ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ ปฏิจฺจ ผสฺโส วุตฺโต, ตสฺมา มหาทฺวยเมตนฺติ.

เอวฺจ กตฺวา อตฺตโน จ ปรสฺส จ ปฺจหิ ขนฺเธหิ, ฉหิ อายตเนหิ จาติ อยมตฺโถ ทีเปตพฺโพวาติ วุตฺตํ. ‘‘อยํ กาโย’’ติ หิ วุตฺตานิ สนิสฺสยานิ จกฺขาทีนิ อตฺตโน ปฺจกฺขนฺธา, ‘‘พหิทฺธา นามรูป’’นฺติ วุตฺตานิ รูปาทีนิ ปเรสํ. ตถา อยํ กาโย อตฺตโน ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, พหิทฺธา นามรูปํ ปเรสํ พาหิรานีติ. อฺถา อชฺฌตฺติกายตนมตฺเต เอว ‘‘อยํ กาโย’’ติ วุตฺเตน อชฺฌตฺติกายตนาเนว อตฺตโน ปฺจกฺขนฺธา โหนฺตีติ อตฺตโน จ ปเรสฺจ ปฺจหิ ขนฺเธหิ ทีปนา น สมฺภเวยฺยาติ. สเฬวายตนานีติ สเฬว ผสฺสการณานิ, เยหิ การณภูเตหิ อายตเนหิ อุปฺปนฺเนน ผสฺเสน ผุฏฺโ พาโล สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทติ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘เอเตสํ วา อฺตเรน. อวิชฺชานีวรณสฺส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ตณฺหาย สมฺปยุตฺตสฺสา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๑๙) โยเชตพฺพํ. อิมสฺมิฺหิ สุตฺเต สงฺขาเร อวิชฺชาตณฺหานิสฺสิเต เอว กตฺวา กายคฺคหเณน วิฺาณนามรูปสฬายตนานิ คเหตฺวา ตสฺมึ กาเย สฬายตนานํ ผสฺสํ ตํนิสฺสิตเมว กตฺวา เวทนาย วิเสสปจฺจยภาวํ ทสฺเสนฺเตน ภควตา พาลปณฺฑิตานํ อตีตทฺธาวิชฺชาตณฺหามูลโก เวทนานฺโต ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต. ปุน จ พาลปณฺฑิตานํ วิเสสํ ทสฺเสนฺเตน –

‘‘ยาย จ, ภิกฺขเว, อวิชฺชาย นิวุตสฺส พาลสฺส, ยาย จ ตณฺหาย สมฺปยุตฺตสฺส อยํ กาโย สมุทาคโต, สา เจว อวิชฺชา พาลสฺส อปฺปหีนา, สา จ ตณฺหา อปริกฺขีณา. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, พาโล อจริ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย. ตสฺมา พาโล กายสฺส เภทา กายูปโค โหติ, โส กายูปโค สมาโน น ปริมุจฺจติ ชาติยา…เป… ทุกฺขสฺมาติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๙) –

เวทนาปภวํ สาวิชฺชํ ตณฺหํ ทสฺเสตฺวา, อุปาทานภเว จ ตนฺนิสฺสิเต กตฺวา ‘‘กายูปโค โหตี’’ติอาทินา ชาติอาทิเก ทสฺเสนฺเตน ปจฺจุปฺปนฺนเหตุสมุฏฺานโต ปภุติ อุภยมูลวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาโท วุตฺโต, ตพฺพิปริยาเยน จ ปณฺฑิตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนเหตุปริกฺขยโต ปภุติ อุภยมูลโก ปฏิโลมปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ.

๕๘๗. ปูเรตุนฺติ วฑฺเฒตุํ, อุปจินิตุนฺติ อตฺโถ. ทุคฺคติคามิกมฺมสฺส วิเสสปจฺจยตฺตา อวิชฺชา ‘‘อวินฺทิยํ วินฺทตี’’ติ วุตฺตา, ตถา วิเสสปจฺจโย วินฺทิยสฺส น โหตีติ ‘‘วินฺทิยํ น วินฺทตี’’ติ จ. อตฺตนิสฺสิตานิ กตฺวา จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปวตฺตนํ อุปฺปาทนํ อายตนํ. สมฺโมหภาเวเนว อนภิสมยภูตตฺตา อวิทิตํ อฺาตํ กโรติ. อนฺตวิรหิเต ชวาเปตีติ วณฺณาคมวิปริยายวิการวินาสธาตุอตฺถวิเสสโยเคหิ ปฺจวิธสฺส นิรุตฺติลกฺขณสฺส วเสน อ-การ วิ-การ ช-กาเร คเหตฺวา อฺเสํ วณฺณานํ โลปํ, ช-การสฺส จ ทุติยสฺสาคมํ กตฺวา ‘‘อวิชฺชา’’ติ วุตฺตํ. พฺยฺชนตฺถํ วตฺวา สภาวตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. จกฺขุวิฺาณาทีนํ วตฺถารมฺมณานิ ‘‘อิทํ วตฺถุ, อิทํ อารมฺมณ’’นฺติ อวิชฺชาย าตุํ น สกฺกาติ อวิชฺชา ตปฺปฏิจฺฉาทิกา วุตฺตา. วตฺถารมฺมณสภาวฉาทนโต เอว อวิชฺชาทีนํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทภาวสฺส, ชรามรณาทีนํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนภาวสฺส จ ฉาทนโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทปฏิจฺจสมุปฺปนฺนจฺฉาทนํ เวทิตพฺพํ.

อปจฺจกฺขิตฺวาติ ปจฺจกฺขานํ อกตฺวา อปฏิกฺขิปิตฺวา. อุปการกฏฺโ ปจฺจยฏฺโ ยถา ปิณฺฑปาตาทิ สรีรสฺส.

สงฺขตมภิสงฺขโรนฺตีติ ยถา สงฺขตํ โหติ, เอวํ อภิสงฺขโรนฺติ. สงฺขารสทฺทคฺคหเณน อาคตา สงฺขารา สงฺขารสทฺเทน อาคตสงฺขารา. ยทิปิ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราปิ สงฺขารสทฺเทน อาคตา, เต ปน อิมิสฺสา เทสนาย ปธานาติ วิสุํ วุตฺตา, ตสฺมา ‘‘ทุวิธา’’ติ เอตฺถ สงฺขารสทฺเทน อาคตสงฺขาเรสุ อภิสงฺขรณกสงฺขารํ วชฺเชตฺวา ตทฺเ สงฺขารสทฺเทน อาคตสงฺขารา โยเชตพฺพา. สงฺขารสทฺเทน อาคตสงฺขาราติ วา สมุทาโย วุตฺโต. ตเทกเทสา จ อิธ วณฺเณตพฺพภาเวน คหิตา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, ตสฺมา วณฺเณตพฺพสพฺพสงฺคาหกวเสน ทุวิธตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘ปมํ นิรุชฺฌติ วจีสงฺขาโร’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๖๔) วิตกฺกวิจารอสฺสาสปสฺสาสสฺาเวทนาวจีสงฺขาราทโย วุตฺตา, น อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาเรสุ วุตฺตา กายสฺเจตนาทโย.

สงฺขตสงฺขารา นาม ยถาสกํ ปจฺจเยหิ สงฺขตตฺตา. สติปิ ปจฺจยนิพฺพตฺตานํ สพฺเพสมฺปิ สงฺขตภาเว ‘‘มเมตํ ผล’’นฺติ ตตฺถาภิมุเขน วิย กมฺมุนา นิพฺพตฺติตตฺตา เตภูมกวิปากกฏตฺตารูเปสุ สาติสโย สงฺขตภาโวติ อธิปฺปาเยน อฏฺกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๘๗) กมฺมนิพฺพตฺตานํ อภิสงฺขตสงฺขารตา วุตฺตา. ปาฬิยํ ปน ตถา อาคตฏฺานสฺส อภาวโต ‘‘เตปิ …เป… เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อนิจฺจา วต สงฺขาราติ วุตฺตา อุภุอาทิสมุฏฺานาปิ สพฺพธมฺมา. อภิสงฺขรณกสงฺขาโรติ วุจฺจติ อตฺตโน ผลสฺส อภิสงฺขรณโต. กายปโยคสมุฏฺาปนวีริยํ กายิกวีริยํ. อภิสงฺขารสฺสาติ ปโยคเวคสฺส.

วาจํ สงฺขโรตีติ วจีสงฺขาโร. กาเยน สงฺขรียตีติ กายสงฺขาโร. จิตฺเตน สงฺขรียติ, จิตฺตํ วา สงฺขโรตีติ จิตฺตสงฺขาโร. สงฺเขปโต ปน สพฺเพปิ ยถารหํ สงฺขโรนฺติ, สงฺขรียนฺตีติ จ สงฺขาราติ เวทิตพฺพา. วุตฺตนฺติ สงฺขารฏฺปจฺจยฏฺาทิมาห.

นมตีติ เอกนฺตสารมฺมณตาย อารมฺมณาภิมุขํ นมติ. ปริตสฺสตีติ ปิปาสติ, ตณฺหาปริตาปตาย วา วิจลติ. อุปาทิยตีติ ทฬฺหํ อาทิยติ. ภวตีติ อุปปตฺติภวํ สนฺธายาห. ภาวยตีติ กมฺมภวํ. จุติ ขนฺธานํ มรณนฺติ ‘‘มรนฺติ เอเตนา’’ติ วุตฺตํ. ทุกฺขา เวทนา อุปฺปาททุกฺขา, ิติทุกฺขาติ จ กตฺวา ‘‘ทฺเวธา ขณตี’’ติ วุตฺตํ. อายาโส ปริสฺสโม วิสาโท.

นิทฺทิฏฺนยทสฺสนนฺติ ยถานิทฺทิฏฺวิธิสนฺทสฺสนํ. เกวล-สทฺโท อสมฺมิสฺสวาจโก จ โหติ ‘‘เกวลา สาลโย’’ติอาทีสุ, นิรวเสสวาจโก จ ‘‘เกวลา องฺคมคธา’’ติอาทีสุ, ตสฺมา ทฺวิธาปิ อตฺถํ วทติ. ตตฺถ อสมฺมิสฺสสฺสาติ สุขรหิตสฺส. น หิ เอตฺถ กิฺจิ อุปฺปาทวยรหิตํ อตฺถิ. สกลสฺสาติ สพฺพภวาทิคตสฺส, สพฺพกาลิกสฺส จ.

๕๘๘. ‘‘ลกฺขเณกวิธาทิโต’’ติ เอตฺถ อาทิ-สทฺโท ปจฺเจกํ ปริสมาเปตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ลกฺขณาทิโต’’ติ. สมฺปยุตฺเต, ตํสมงฺคิปุคฺคเล วา สมฺโมหยตีติ สมฺโมหนรสา. อารมฺมณสภาวสฺส ฉาทนํ หุตฺวา คยฺหตีติ ฉาทนปจฺจุปฏฺานา. ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) วจนโต อาสวปทฏฺานา. ปฏิสนฺธิชนนตฺถํ อายูหนฺติ พฺยาปารํ กโรนฺตีติ อายูหนรสา. ราสิกรณํ วา อายูหนํ. เจตนาสภาวตฺตา เจตนา หุตฺวา คยฺหตีติ เจตนาปจฺจุปฏฺานา. นามรูปสฺส ปุเรจาริกภาเวน ปวตฺตตีติ ปุพฺพงฺคมรสํ. ปุริมภเวน สทฺธึ ฆฏนํ หุตฺวา คยฺหตีติ ปฏิสนฺธิปจฺจุปฏฺานํ. วิฺาเณน สห, อฺมฺฺจ สมฺปยุชฺชตีติ สมฺปโยครสํ. สมํ ปกาเรหิ โยโค สมฺปโยโค. วิสุํ อภาโว อวินิพฺโภโค. รูปํ สมฺปโยคาภาวโต วิกิรตีติ วิกิรณรสํ. ตโต เอว หิ ปิสิยมานา ตณฺฑุลาทโย วิกิรนฺติ, จุณฺณีภูตา วิทฺธํสนฺติ, นามสฺส กทาจิ กุสลาทิภาโวปิ อตฺถีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘อพฺยากตปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อเจตโน อพฺยากโต’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑๑; วิภ. อฏฺ. ๑๗๓) เอตฺถ วิย อนารมฺมณตา วา อพฺยากตตา ทฏฺพฺพา. อายตนลกฺขณนฺติ ฆฏฺฏนลกฺขณํ, อายานํ ตนนลกฺขณํ วา. ทสฺสนสฺส ยถาสกํ วิสยคฺคหณสฺส กรณโต ทสฺสนรสํ. ‘‘ทสฺสนาทิรส’’นฺติ ปน สมฺโมหวิโนทนิยํ วุตฺตํ. วตฺถุทฺวารภาวปจฺจุปฏฺานํ ยถารหํ วิฺาณมโนวิฺาณธาตูนนฺติ อธิปฺปาโย. วตฺถุคฺคหณฺเจตฺถ จกฺขาทิปฺจกาเปกฺขํ. อกุสลวิปากุเปกฺขาย อนิฏฺภาวโต ทุกฺเขน, อิตราย อิฏฺภาวโต สุเขน สงฺคหิตตฺตา ‘‘สุขทุกฺขปจฺจุปฏฺานา’’ติ วุตฺตํ. ทุกฺขสมุทยตฺตา เหตุลกฺขณา ตณฺหา. ‘‘ตตฺรตตฺราภินนฺทินี’’ติ (ม. นิ. ๑.๙๑, ๔๖๐; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; วิภ. ๒๐๓; มหาว. ๑๔) วจนโต อภินนฺทนรสา. จิตฺตสฺส, ปุคฺคลสฺส วา รูปาทีสุ อติตฺตภาโว หุตฺวา คยฺหตีติ อติตฺตภาวปจฺจุปฏฺานา. อมุฺจนรสํ ตณฺหาทิฏฺาภินิเวสวเสน. ตณฺหาทฬฺหตฺตํ หุตฺวา กามุปาทานํ, เสสานิ ทิฏฺิ หุตฺวา อุปฏฺหนฺตีติ ตณฺหาทฬฺหตฺตทิฏฺิปจฺจุปฏฺานํ. กมฺมุปปตฺติภววเสน ภวสฺส ลกฺขณาทโย โยเชตพฺพา.

๕๘๙. โมหาทิภาวโตติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อนนุโพธาทีนํ สงฺคโห. ทุกฺขาทีสุ อฺาณวเสน อปฺปฏิปตฺติ, อสุภาทีสุ สุภาทิวิปลฺลาสวเสน มิจฺฉาปฏิปตฺติ. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตวเสน วา อปฺปฏิปตฺติ, ทิฏฺิสมฺปยุตฺตวเสน มิจฺฉาปฏิปตฺติ. ทฺวารารมฺมณโตติ ทฺวารโต, อารมฺมณโต จ ฉสุ ทฺวาเรสุ, ฉสุ อารมฺมเณสุ จ ปวตฺตนโต. อยํ ปน วิภาโค น อวิชฺชาย เอว, อฺเสุปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ อรูปธมฺมานํ ลพฺภตีติ อาห ‘‘สพฺเพสุปี’’ติ.

วิปากธมฺมธมฺมาทิภาวโตติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน เนวเสกฺขานาเสกฺขสํโยชนิยาทิภาเว สงฺคณฺหาติ. จตุโยนิสํวตฺตนโตติ จตุโยนิปริยาปนฺนตฺตภาวนิพฺพตฺตนโต.

โลกิยวิภาคาทิภาวโตติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อพฺยากตสปฺปจฺจยสงฺขตาทิภาเว สงฺคณฺหาติ. สเหตุกาเหตุกาทิโตติ อาทิ-สทฺเทน สสงฺขาราสงฺขาราทิเภเท สงฺคณฺหาติ.

กามํ นามรูปํ ปจฺจุปฺปนฺนทฺธวเสน วุจฺจติ, ตถาปิ ยถา ปจฺจุปฺปนฺนํ, เอวํ อตีตานาคตมฺปีติ อทฺธทฺวยปริยาปนฺนสฺสาปิ นยโต คเหตพฺพตฺตา วุตฺตํ ‘‘อตีตาทิโต ติวิธ’’นฺติ.

สฺชาติสโมสรณฏฺานโตติ วิฺาณตํสมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุปฺปตฺติปวตฺติเทสภาวโต. ‘‘ภูตปฺปสาทวิฺาณโต’’ติ ปาโ ยุตฺโต. ‘‘วิฺาณาทิโต’’ติ ปน ปนฺติ. เอกเสสนเยน พาหิรายตนสฺสาปิ สงฺคเห สติ อาทิ-สทฺเทน ตสฺส สงฺคหิตตา ทฏฺพฺพา. โนภยโคจรนฺติ มนายตนมาห. น หิ อรูปธมฺมานํ เทสวเสน อาสนฺนตา, ทูรตา วา อตฺถิ อวิคฺคหตฺตา, ตสฺมา มนายตนสฺส โคจโร มนายตนํ สมฺปตฺโต, อสมฺปตฺโต วาติ น วุจฺจติ. ผสฺสาทีนมฺปีติ เอตฺถ ผสฺโส ตาว ผุสนสภาวโต, โลกิยสาสวาทิภาวโต จ เอกวิโธ. ปฏิฆสมฺผสฺสอธิวจนสมฺผสฺสเภทโต, สเหตุกาทิภาวโต จ ทุวิโธ. ภวตฺตยปริยาปนฺนโต, เวทนาตฺตยสมฺปโยคโต , อเหตุกทุเหตุกติเหตุกโต จ ติวิโธ. โยนิคติวเสน จตุพฺพิโธ, ปฺจวิโธ จ.

เวทนา อนุภวนลกฺขณโต, โลกิยสาสวาทิภาวโต จ เอกวิธา. ปฺจทฺวาริกมโนทฺวาริกเภทโต ทุวิธา. สุขาทิเภทโต ติวิธา. โยนิคติวเสน จตุพฺพิธา, ปฺจวิธา จ. ฉฬารมฺมณเภทโต ฉพฺพิธา.

ตณฺหา โลกสฺส สมุทยภาวโต เอกวิธา. ทุวิธา ทิฏฺิสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตภาวโต. ติวิธา กามภววิภวตณฺหาเภทโต. จตุพฺพิธา จตุมคฺคปเหยฺยโต. ปฺจวิธา รูปาภินนฺทนาทิภาวโต. ฉพฺพิธา ฉตณฺหากายเภทโต.

อุปาทานํ เอกวิธํ ทฬฺหคฺคาหภาวโต. ทุวิธํ ตณฺหาทิฏฺิเภทโต. ติวิธํ ภวตฺตยูปนิสฺสยภาวโต. จตุพฺพิธํ กามุปาทานาทิเภทโต. ปฺจวิธํ ปฺจคติสํวตฺตนโต.

ภโว เอกวิโธ โลกิยสาสวาทิภาวโต. ทุวิโธ กมฺมุปปตฺติเภทโต. ติวิโธ กามภวาทิเภทโต. จตุพฺพิโธ จตุรุปาทานปจฺจยโต. ปฺจวิโธ ปฺจคติสํวตฺตนโต. ฉพฺพิโธ กามกมฺมภวาทิเภทโต. สตฺตวิโธ สตฺตวิฺาณฏฺิติสงฺคหโต. อฏฺวิโธ จตุรุปาทานปจฺจยกมฺมภวาทิเภทโต. นววิโธ กามภวาทิเภทโต.

ชาติ เอกวิธา ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปมาภินิพฺพตฺติภาวโต. ทุวิธา รูปกฺขนฺธสงฺขารกฺขนฺธสงฺคหโต. ติวิธา ภวตฺตยปริยาปนฺนโต. โยนิคติวเสน จตุพฺพิธา, ปฺจวิธา จ. อิมินา นเยน ชรามรณาทีนมฺปิ เอกวิธาทิภาโว เวทิตพฺโพ.

๕๙๐. โสกาทีนมฺปิ คหิตตฺตา องฺคพหุตฺตปฺปสงฺเค ‘‘ทฺวาทเสวา’’ติ องฺคววตฺถานํ เวทิตพฺพํ. น หิ โสกาทโย องฺคภาเวน วุตฺตา, ผเลน ปน การณํ อวิชฺชํ มูลงฺคํ ทสฺเสตุํ เต วุตฺตา. ชรามรณพฺภาหตสฺส หิ พาลสฺส เต สมฺภวนฺตีติ โสกาทีนํ ชรามรณการณตา วุตฺตา, น ปน ‘‘กายิกาย ทุกฺขาย เวทนาย ผุฏฺโ’’ติ จ สุตฺเต ชรามรณนิมิตฺตฺจ ทุกฺขํ สงฺคหิตนฺติ ตํ ตนฺนิมิตฺตานํ ชรามรณพฺภาหตสฺส สมฺภเว สาธกภาเวน วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ชรามรเณเนว โสกาทีนํ เอกสงฺเขโป กโต, ตสฺมา เตสํ ชาติปจฺจยตา ยุชฺชติ. ชรามรณปจฺจยภาเว หิ อวิชฺชาย เอกสงฺเขโป กาตพฺโพ สิยา. ชาติปจฺจยา ปน ชรามรณํ , โสกาทโย จ สมฺภวนฺตีติ ตตฺถ ชรามรณํ เอกนฺติกํ องฺคภาเวน คหิตํ. โสกาทโย ปน รูปภวาทีสุ อภาวโต อเนกนฺติกา เกวลํ ปากเฏน ผเลน อวิชฺชานิทสฺสนตฺถํ คหิตา. เตน อนาคเต ชาติยา สติ ตโต ปราย ปฏิสนฺธิยา เหตุเหตุภูตา อวิชฺชา ทสฺสิตาติ ภวจกฺกสฺส อวิจฺเฉโท ทสฺสิโต โหตีติ. สุตฺตฺจ โสกาทีนํ อวิชฺชา การณนฺติ เอตสฺเสว อตฺถสฺส สาธกํ ทฏฺพฺพํ, น โสกาทีนํ พาลสฺส ชรามรณนิมิตฺตตามตฺตสฺส. ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ หิ วจเนน อวิชฺชา โสกาทีนํ การณนฺติ ทสฺสิตา, น จ ชรามรณนิมิตฺตเมว ทุกฺขํ ทุกฺขนฺติ.

อปโร นโย ชรามรณมฺปิ ปจฺจโย, อฺถา ทฺวาทสงฺคานิ น ปริปูเรนฺติ. กสฺส ปน โส ปจฺจโย? โสกาทีนํ. ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘ชรามรณปจฺจยา โสกาทโย สมฺภวนฺตี’’ติ อวตฺวา ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณํ, โสกาทโย จ สมฺภวนฺตี’’ติ วุตฺตนฺติ? ยสฺมา ตทฺเนปิ ทุกฺขธมฺเมน ผุฏฺสฺส เต สมฺภวนฺติ, ตสฺมา อปฺปหีนสํโยชนสฺสาปิ เตสํ ตปฺปจฺจยตา น เอกํสิกาติ ชาติปจฺจยตาว วุตฺตา. อถ วา ชรามรณคฺคหเณน อุปปตฺติภโว สงฺคหิโต. อุปาทินฺนกฺขนฺธปริปาโก หิ อายุโน สํหานิ, อินฺทฺริยานํ ปริปาโก จ ชรา, เตสฺจ เภโท มรณนฺติ. สติ จ อุปปตฺติภเว ตตฺถ กตุปจิตํ, โปราณํ วา กมฺมํ กมฺมภโว, กมฺมาทิอุปฏฺาเน จุติอนนฺตรํ ปฏิสนฺธึ ชเนตีติ อุปปตฺติภโว ชาติยา ปจฺจโย, ตสฺมา ชรามรณมฺปิ ชาติยา ปจฺจยตาย ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ยสฺมา ปน ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ เอตฺเถว อุปปตฺติภวสฺส ชาติยา ปจฺจยตา สงฺคหิตา, ตสฺมา วุตฺตปริยายสงฺคหโต จ ‘‘ชรามรณปจฺจยา ชาตี’’ติ น วุตฺตํ. เอวํ ชรามรณสฺสาปิ ปจฺจยภาวสิทฺธิโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทตาติ ทฺวาทสงฺคตา ววตฺถิตาติ เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘ทฺวาทเสวา’’ติอาทิ. อยํ ตาวาติ ‘‘เทสนาเภทโต’’ติอาทินา วุตฺตํ อตฺถสํวณฺณนํ สนฺธายาห.

อวิชฺชาปจฺจยาสงฺขารปทกถาวณฺณนา

๕๙๑. อยํ ปนาติ อิทานิ วกฺขมานํ. ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อวิชฺชา ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๐๓) สุตฺตนฺเตสุ จตุฏฺานิกา อวิชฺชา วุตฺตาติ ‘‘สุตฺตนฺตปริยาเยนา’’ติ วุตฺตํ. นิกฺเขปกณฺเฑ (ธ. ส. ๑๑๐๖) ปน สุตฺตนฺเตสุ จตูสุ าเนสุ กถิตาย เอว อวิชฺชาย อฏฺสุ าเนสุ กิจฺจชาติโต กถิตตฺตา ตทตฺถวณฺณนาวเสน วิภาวนํ กาตุํ ‘‘อภิธมฺมปริยาเยนา’’ติ อารภิตฺวา ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อหาเปตฺวา วิภชิตพฺพํ. วิภชนฺหิ อภิธมฺมปริยาโย. ‘‘อฏฺสุ าเนสุ อฺาณ’’นฺติ อาเนตฺวา ตํ สมฺพนฺธิตพฺพํ. เสสฏฺาเนสูติ ทุกฺขสมุทเยสุ, ปุพฺพนฺตาทีสุ จ. อารมฺมณวเสนาติ อารมฺมณกรณวเสนาปิ. อิธาติ อิมสฺมึ ‘‘ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทิเก ปาเ. สาติ อวิชฺชา. อุปฺปนฺนาติ อสมูหตุปฺปนฺนา, ปเคว ปจฺจุปฺปนฺนา. ‘‘ปฏิจฺฉาเทตฺวา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ ปฏิจฺฉาทนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาถาวสรสลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น เทตี’’ติ วุตฺตํ. รสิตพฺโพ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สภาโว รโส, อตฺตโน รโส สรโส, ยาถาโว ยถาภูโต สรโส ยาถาวสรโส, โย ‘‘ปีฬนฏฺโ’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๒.๘) วุตฺโต ทุกฺขสจฺจปฺปเภทา เอว จ ปุพฺพนฺตาทโย, โส เอว ลกฺขิตพฺพตฺตา ยาถาวสรสลกฺขณํ. ตํ ปฏิวิชฺฌิตุํ ปจฺจกฺขโต ชานิตุํ น เทติ.

ตทุภยนฺติ ปุพฺพนฺตฺเจว อปรนฺตฺจ อตีตํ, อนาคตฺจ ขนฺธปฺจกํ. ปุพฺพนฺตาปรนฺตภาควนฺตตาย วา ปจฺจุปฺปนฺนทฺธภูโต มชฺฌนฺโต ปุพฺพนฺตาปรนฺโต. อยํ อวิชฺชา อิเม สงฺขาราติ อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺเมสุ ปจฺจกฺขโต ชานนาการทสฺสนํ. เอตฺถาติ เอเตสุ ทุกฺขาทีสุ. ยทิปิ อวิชฺชา ทุกฺขาทีสุ อารมฺมณกรณวเสนปิ ปวตฺตติ, ยถา ปน นิโรธมคฺเค อารมฺมณํ กาตุํ อสกฺโกนฺตี เต ชานิตุกามสฺส ตปฺปฏิจฺฉาทนวเสน, อนิโรธมคฺเคสุ นิโรธมคฺคคฺคหณการณภาเวน จ ปวตฺตมานา เต ยาถาวโต ปฏิวิชฺฌิตุํ น เทติ, เอวํ ทุกฺขาทีสุปีติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปฏิจฺฉาทนวเสเนว อิธาธิปฺเปตา’’ติ. ทุกฺขาทิวิสโย อนฺธตมกโร, โลภาทีนฺจ อนฺธตมกรานํ ปจฺจยภูโต อทสฺสนากาโร อฺาณํ.

๕๙๒. ปุฺาทโยติ ปุฺาภิสงฺขาราทโย. ตตฺถ ปุนาติ อตฺตโน สนฺตานํ อปุฺผลโต, ทุกฺขสํกิเลสโต จ โสเธตีติ ปุฺํ. หิตสุขชฺฌาสเยน ปุฺํ กโรตีติ ตนฺนิปฺผาทเนน การกสฺส อชฺฌาสยํ ปูเรติ, ปุชฺชภวํ นิพฺพตฺเตตีติ วา ปุฺํ. อิติ ปูรโก, ปุชฺชนิพฺพตฺตโก จ นิรุตฺตินเยน ปุฺนฺติ เวทิตพฺโพ. ปุฺฺจ โส อตฺตโน ผลสฺส อภิสงฺขรณฏฺเน อภิสงฺขาโร จาติ ปุฺาภิสงฺขาโร. ปุฺปฏิปกฺขโต อปุฺนฺติ วุตฺตวิปริยาเยน อปุฺาภิสงฺขาโร เวทิตพฺโพ. สมาธิปจฺจนีกานํ อติทูรตาย น อิฺชติ, อนิฺชฺจ ภวํ อภิสงฺขโรตีติ อาเนฺชาภิสงฺขาโร. กาเยน ปวตฺติโต, กายโต วา ปวตฺโต, กายสฺส วา สงฺขาโรติ กายสงฺขาโร. วจีจิตฺตสงฺขาเรสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ ปมตฺติโก ปริวีมํสนสุตฺตาทิวเสน คหิโต. ตตฺถ หิ ‘‘ปุฺํ เจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ปุฺูปคํ โหติ วิฺาณ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๕๑) อาคตํ. ทุติยตฺติโก วิภงฺคสุตฺตวเสน. ตตฺถ หิ ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, สงฺขารา. กตเม ตโย? กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร จิตฺตสงฺขาโร’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๘) วุตฺตํ.

วิตฺถารโต ปนาติอาทิ ปุฺาภิสงฺขาราทีนํ สรูปโต, ปเภทโต จ วิภาวนํ. ภาวนาวเสเนว ปวตฺตา, น ทานสีลวเสนาติ ตตฺถ ลพฺภมานํ ปุฺกิริยวตฺถุํ ทสฺเสติ. เอวฺจ กตฺวา อรูปาวจรเจตนาปิ ‘‘ภาวนาวเสเนวปวตฺตา’’ติ วุตฺตา. เย ปน ‘‘ภาวนาวเสเนวา’’ติ อวธารเณน อภิฺาเจตนํ นิวตฺเตตีติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ ตาสมฺปิ อวิชฺชาปจฺจยตาย วิย ปุฺาภิสงฺขารภาวสฺส จ อิจฺฉิตตฺตา. อฺถา อภิฺาจิตฺตุปฺปาทสฺส ปุฺกิริยวตฺถูสุ อสงฺคโห เอว สิยา, น จ ยุตฺตํ ‘‘กุสลฺจ ปุฺกิริยวตฺถุฺจ น โหตี’’ติ. ปาณาติปาตาทีติ อาทิ-สทฺเทน น ตทวสิฏฺอกุสลกมฺมปถานํเยว คหณํ, อถ โข อนวเสสอกุสลกมฺมสฺสาปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ.

อิตเรสุ ปนาติ กายสงฺขาราทีสุ. ปุฺาภิสงฺขาราทโย ปวตฺตมานา อิเมหิ ทฺวาเรหิ ปวตฺตนฺตีติ ทฺวารโต ปวตฺติทสฺสนตฺถํ. ‘‘สมวีสติ เจตนา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, ยทิ กายวจีวิฺตฺติโย สมุฏฺาเปนฺติโย กุสลากุสลเจตนา กายสงฺขาโร, วจีสงฺขาโรติ จ วุจฺจนฺติ, เอวํ สนฺเต อภิฺาเจตนายปิ กุสลาย ตถา ปวตฺตาย วจีสงฺขารภาโว วตฺตพฺโพติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อภิฺาเจตนา’’ติอาทิ. เอตฺถาติ กายวจีสงฺขารคฺคหเณ, กายวจีสฺเจตนาคฺคหเณ วา. น คหิตาติ อฏฺกถายํ น คหิตา ‘‘อภิฺาเจตนา วิฺาณสฺส ปจฺจโย น โหตี’’ติ. กสฺมา ปน น โหติ, นนุ สาปิ กุสลา, วิปากธมฺมา จาติ? สจฺจเมตํ, อนุปจฺฉินฺนตณฺหาวิชฺชมาเน ปน สนฺตาเน สพฺยาปารปฺปวตฺติยา ตสฺสา กุสลตา, วิปากธมฺมตา จ วุตฺตา, น วิปากุปฺปาทเนน. สา ปน วิปากํ อุปฺปาเทนฺตี รูปาวจรเมว อุปฺปาเทยฺย. น หิ อฺภูมิกํ กมฺมํ อฺภูมิกํ วิปากํ อุปฺปาเทตีติ. อตฺตนา สทิสารมฺมณํ ติฏฺานิกเมว จ อุปฺปาเทยฺย จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ รูปาวจรวิปากสฺส กมฺมสทิสารมฺมณสฺเสว วุตฺตตฺตา. น จ รูปาวจรวิปาโก ปริตฺตาทิอารมฺมโณ อตฺถิ, อภิฺาเจตนา จ ปริตฺตาทิอารมฺมณาว โหติ. ตสฺมา วิปากํ น อุปฺปาเทตีติ วิฺายติ. กสิเณสุ จ อุปฺปาทิตสฺส จตุตฺถชฺฌานสมาธิสฺส อานิสํสภูตา อภิฺา. ยถาห ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๒๔๔-๒๔๕; ม. นิ. ๑.๓๘๔-๓๘๖, ๔๓๑-๔๓๓; ปารา. ๑๒). ตสฺมา สมาธิผลสทิสา สา, น จ ผลํ เทติ. ทานสีลานิสํสภูโต ตสฺมึ ภเว ปจฺจยลาโภ วิยาติ สาปิ วิปากํ น อุปฺปาเทตีติ.

‘‘ยถา จ อภิฺาเจตนา, เอวํ อุทฺธจฺจเจตนาปิ น โหตี’’ติ อิทํ อุทฺธจฺจสหคตธมฺเม วิสุํ อุทฺธริตฺวา ‘‘เตสํ วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๒๕) วุตฺตตฺตา วิจาเรตพฺพํ. สา ปน วิจารณา เหฏฺา ขนฺธนิทฺเทสวณฺณนายํ อกุสลกถายํ วิจาริตา เอวาติ ตตฺถ วิจาริตนเยเนว เวทิตพฺพา. อปิเจตฺถ ยเทเก วิภชฺช วทนฺติ, ทสฺสนภาวนานํ อภาเวปิ เยสํ ปุถุชฺชนานํ, เสกฺขานฺจ ทสฺสนภาวนาหิ ภวิตพฺพํ, เตสํ ตทุปฺปตฺติกาเล เตหิ ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา อกุสลา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, ภาวนาย ปหาตพฺพาติ จ วุจฺจนฺติ. ปุถุชฺชนานํ ปน ภาวนาย อภาวา ภาวนาย ปหาตพฺพจินฺตา นตฺถิ. เตน เตสํ ปวตฺตมานา ทสฺสเนน ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺยาปิ ภาวนาย ปหาตพฺพาติ น วุจฺจนฺติ. ยทิ วุจฺเจยฺยุํ, ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ เกสฺจิ เกนจิ กทาจิ อารมฺมณอารมฺมณาธิปติอุปนิสฺสยปจฺจเยหิ ปจฺจโย ภเวยฺยุํ? น จ ปฏฺาเน ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโยติ วุตฺตา. เสกฺขานํ ปน วิชฺชมานา ภาวนาย ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยาติ ภาวนาย ปหาตพฺพา. เตเนว เสกฺขานํ ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, จตฺตตฺตา วนฺตตฺตา มุตฺตตฺตา ปหีนตฺตา ปฏินิสฺสฏฺตฺตา อุกฺเขฏิตตฺตา สมุกฺเขฏิตตฺตา อสฺสาทิตพฺพา, อภินนฺทิตพฺพา จ น โหนฺติ. ปหีนตาย เอว โสมนสฺสเหตุภูตา, อวิกฺเขปเหตุภูตา จ น โทมนสฺสํ, อุทฺธจฺจฺจ อุปฺปาเทนฺตีติ น เต เตสํ อารมฺมณอารมฺมณาธิปติภาวํ, ปกตูปนิสฺสยภาวฺจ คจฺฉนฺติ. น หิ ปหีเน อุปนิสฺสาย อริโย ราคาทิกิเลเส อุปฺปาเทติ.

วุตฺตฺเหตํ ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉติ…เป… อรหตฺตมคฺเคน…เป… ปจฺจาคจฺฉตี’’ติ (มหานิ. ๘๐; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๗). น จ ปุถุชฺชนานํ ทสฺสเนน ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา, อิตเรสํ น เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย โหนฺตีติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ทิฏฺึ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ อารพฺภ ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ, วิจิกิจฺฉา, อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชติ. วิจิกิจฺฉํ อารพฺภ วิจิกิจฺฉา , ทิฏฺิ, อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๗) ทิฏฺิวิจิกิจฺฉานํ อุทฺธจฺจารมฺมณปจฺจยภาวสฺส วุตฺตตฺตา. เอตฺถ หิ อุทฺธจฺจนฺติ อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาทํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา อธิปติปจฺจยนิทฺเทเส ‘‘ทิฏฺึ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ ครุํ กตฺวา ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๕) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ตสฺมา ทสฺสนภาวนาหิ ปหาตพฺพานํ อตีตาทิภาเวน น วตฺตพฺพตฺเตปิ ยาทิสานํ ตาหิ อนุปฺปตฺติธมฺมตา อาปาเทตพฺพา, เตสุ ปุถุชฺชเนสุ วตฺตมานา ทสฺสนํ อเปกฺขิตฺวา เตน ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, เสกฺเขสุ วตฺตมานา ภาวนํ อเปกฺขิตฺวา ตาย ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา ภาวนาย ปหาตพฺพา.

เตสุ ภาวนาย ปหาตพฺพา สหายวิรหา วิปากํ น ชนยนฺตีติ ภาวนาย ปหาตพฺพเจตนาย นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว น วุตฺโต, อเปกฺขิตพฺพทสฺสนภาวนารหิตานํ ปน ปุถุชฺชเนสุ อุปฺปชฺชมานานํ สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทีนํ, อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาทสฺส จ สํโยชนตฺตยตเทกฏฺกิเลสานํ อนุปจฺฉินฺนตาย อปริกฺขีณสหายานํ วิปากุปฺปาทนํ น สกฺกา ปฏิเสธิตุนฺติ อุทฺธจฺจสหคตธมฺมานํ วิปาโก วิภงฺเค วุตฺโต. ยทิ เอวํ, อเปกฺขิตพฺพทสฺสนภาวนารหิตานํ อกุสลานํ เนวทสฺสเนน-นภาวนายปหาตพฺพตาย นวตฺตพฺพตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, อปฺปหาตพฺพานํ ‘‘เนวทสฺสเนน-นภาวนาย ปหาตพฺพา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๙) วุตฺตตฺตา, อปฺปหาตพฺพวิรุทฺธสภาวตฺตา จ อกุสลานํ.

เอวมฺปิ เต อิมสฺมึ ติเก ‘‘นวตฺตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพา อาปชฺชนฺตีติ? นาปชฺชนฺติ, จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ ทสฺสิตานํ ทฺวาทสอกุสลจิตฺตุปฺปาทานํ ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺคหิตตฺตา. ยถา หิ ธมฺมวเสน สพฺเพ สงฺขตธมฺมา สงฺคหิตาติ อุปฺปนฺนตฺติเก กาลวเสน อสงฺคหิตาปิ อตีตา ‘‘นวตฺตพฺพา’’ติ น วุตฺตา จิตฺตุปฺปาทรูปภาเวน คหิเตสุ นวตฺตพฺพสฺส อภาวา, เอวมิธาปิ จิตฺตุปฺปาทภาเวน คหิเตสุ นวตฺตพฺพสฺส อสงฺคหิตสฺส อภาวา นวตฺตพฺพตา นวุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ยตฺถ หิ จิตฺตุปฺปาโท โกจิ นิโยคโต นวตฺตพฺโพ อตฺถิ, ตตฺถ เตสํ จตุตฺโถ โกฏฺาโส อตฺถีติ ยถาวุตฺตปเทสุ วิย ตตฺถาปิ ภินฺทิตฺวา ภชาเปตพฺพจิตฺตุปฺปาเท ภินฺทิตฺวา ภชาเปติ ‘‘สิยา นวตฺตพฺพา ปริตฺตารมฺมณา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๔๒๒). ตทภาวา อุปฺปนฺนตฺติเก, อิธ จ ตถา น วุตฺตา.

อถ วา ยถา สปฺปฏิเฆหิ สมานสภาวตฺตา รูปธาตุยํ ตโย มหาภูตา สปฺปฏิฆาติ วุตฺตา. ยถาห ‘‘อสฺสตฺตานํ อนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ ทฺเว มหาภูตา, ทฺเว มหาภูเต ปฏิจฺจ เอกํ มหาภูต’’นฺติ , เอวํ ปุถุชฺชนานํ ปวตฺตมานา ภาวนาย ปหาตพฺพสมานสภาวา ภาวนาย ปหาตพฺพาติ วุจฺเจยฺยุนฺติ? นตฺถิ นวตฺตพฺพตาปสงฺโค. เอวฺจ สติ ปุถุชฺชนานํ ปวตฺตมานาปิ ภาวนาย ปหาตพฺพา สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทโย ปรภณฺเฑ ฉนฺทราคาทีนํ อุปนิสฺสยปจฺจโย, ราโค จ ราคทิฏฺีนํ อธิปติปจฺจโยติ อยมตฺโถ ลทฺโธ โหติ. ยถา ปน อโผฏฺพฺพตฺตา รูปธาตุยํ ตโย มหาภูตา น ปรมตฺถโต สปฺปฏิฆา, เอวํ อเปกฺขิตพฺพภาวนารหิตา ปุถุชฺชเนสุ วตฺตมานา สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทโย น ปรมตฺถโต ภาวนาย ปหาตพฺพาติ ภาวนาย ปหาตพฺพานํ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยตา น วุตฺตา. น จ ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโยติ วุตฺตา. เย หิ ทสฺสเนน ปหาตพฺพปจฺจยา กิเลสา, น เต ทสฺสนโต อุทฺธํ ปวตฺตนฺติ. ทสฺสเนน ปหาตพฺพปจฺจยสฺสปิ ปน อุทฺธจฺจสหคตสฺส สหายเวกลฺลมตฺตเมว ทสฺสเนน กตํ, น ตสฺส โกจิ ภาโว ทสฺสเนน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิโตติ ตสฺส เอกนฺตภาวนายปหาตพฺพตา วุตฺตา. ตสฺมา ตสฺส ตาทิสสฺเสว สติ สหาเย วิปากุปฺปาทนวจนํ, อสติ จ วิปากานุปฺปาทนวจนํ น วิรุชฺฌตีติ.

ตยิทํ สพฺพํ เตสํ อาจริยานํ อโหปุริสิกามตฺตนฺติ อปเร. กสฺมา? อุทฺธจฺจสหคตสฺส เอกนฺเตน ภาวนาย ปหาตพฺพตฺตา. เอวฺหิ วุตฺตํ ภควตา ‘‘กตเม ธมฺมา ภาวนาย ปหาตพฺพา? อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๖). ยทิ หิ ตํ อิจฺฉิตํ สิยา, ยถา อตีตารมฺมณตฺติเก ‘‘นิโยคา อนาคตารมฺมณา นตฺถี’’ติ (ธ. ส. ๑๔๓๓) วตฺวา วิภชฺช วุตฺตํ, เอวมิธาปิ ‘‘นิโยคา ภาวนาย ปหาตพฺพา นตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺธจฺจสหคโต สิยา ภาวนาย ปหาตพฺโพ, สิยา น วตฺตพฺโพ’’ติ วเทยฺย. ยา จ ตํ สมตฺเถนฺเตน ‘‘ยทิ วุจฺเจยฺยุ’’นฺติอาทินา ยุตฺติ วุตฺตา, สาปิ อยุตฺติ. กสฺมา? ยสฺมา ทสฺสเนน ปหาตพฺพารมฺมณานํ ราคทิฏฺิวิจิกิจฺฉาอุทฺธจฺจานํ ทสฺสเนน ปหาตพฺพภาโว เอว อิจฺฉิโตติ. ยํ ปน อุทฺธจฺจคฺคหเณน ปาฬิยํ อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท วุตฺโตติ วตฺวา ตํ สาเธตุํ อธิปติปจฺจยนิทฺเทเส อุทฺธจฺจสฺส อนุทฺธรณํ นิพนฺธนํ วุตฺตํ, ตมฺปิ อนิพนฺธนํ ปฏฺาเน สาวเสสปาทสฺสนโต. ตถา หิ ‘‘อตีโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส, อนาคโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๘.๒) เอเตสํ วิภงฺเค เจโตปริยาณคฺคหณํ กตฺวา ‘‘ปจฺจุปฺปนฺโน ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺสา’’ติ เอตสฺส วิภงฺเค ลพฺภมานมฺปิ น อุทฺธฏํ.

ภาวนาย ปหาตพฺพสฺส วิปากทานํ ปติ ทสฺสเนน ปหาตพฺพสฺส สหายภาวูปคมนํ วิจาเรตพฺพํ. กึ อวิชฺชาทิ วิย ทานสีลาทีนํ อุปฺปตฺติยาเยว วิปากทานสามตฺถิยา านวเสน ทสฺสเนนปหาตพฺพํ ภาวนายปหาตพฺพสฺส สหายภาวํ อุปคจฺฉติ, อุทาหุ กิเลสา วิย กมฺมสฺส ปฏิสนฺธิทานํ ปตีติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว ปุริโม ปกฺโข ปหีนทสฺสนปฺปหาตพฺพตฺตา เสกฺขสนฺตาเน ปวตฺติโน ภาวนาปหาตพฺพสฺส กิริยภาโว อาปชฺชติ ปหีนาวิชฺชาตณฺหามาเน สนฺตาเน ปวตฺตทานาทิ วิย. อถ ทุติโย, ตสฺสาปิ ทสฺสเนนปหาตพฺพตา อาปชฺชติ อปายคมนียสภาวานติวตฺตนโต, ตสฺมา เหฏฺา วิจาริตนเยเนว อุทฺธจฺจสหคตสฺส วิปากทานํ ปติ ปาฬิยา, อฏฺกถาย จ อวิรุชฺฌนวเสเนตฺถ อตฺถวินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.

สาปีติ อุทฺธจฺจเจตนาปิ. วิฺาณสฺส ปจฺจยภาเวติ สมฺปุณฺณสฺส วิปากวิฺาณสฺส ปจฺจยภาเว. ยทิ อปเนตพฺพา, กสฺมา ‘‘สมวีสติ เจตนา’’ติ วุตฺตนฺติ ตสฺส การณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา ปน สพฺพาเปตา โหนฺตี’’ติ. อภิฺาเจตนายปิ ปจฺจยภาวํ ทสฺเสติ. ยทิ เอวํ อภิฺาเจตนาย สห เอกวีสตีติ วตฺตพฺพํ, น, ตถา อวจนสฺส วุตฺตการณตฺตา. ตํ ปน อิตราวจนสฺสาปิ การณนฺติ สมานรูปาย เอกิสฺสา อวจเน ยํ การณํ อเปกฺขิตฺวา เอกา น วุตฺตา, เตน การเณน วุตฺตายปิ อวตฺตพฺพตํ ทสฺเสติ. อยํ ติโกติ กายสงฺขารตฺติโก. ปุริมตฺติกนฺติ ปุฺาภิสงฺขารตฺติกํ. ปวิสตีติ กถํ ปวิสติ. ปุฺาภิสงฺขาโร หิ อฏฺกามาวจรเจตนาปเภโท กายทุจฺจริตโต วิรมนฺตสฺส สิยา กายสงฺขาโร, วจีทุจฺจริตโต วิรมนฺตสฺส สิยา วจีสงฺขาโร, มโนทฺวาเร ปน อุปฺปนฺนา เตรสปิ เจตนา ปุฺาภิสงฺขาโร จ โหติ จิตฺตสงฺขาโร จ. อปุฺาภิสงฺขาโรปิ กายทุจฺจริตวเสน ปวตฺติยํ สิยา กายสงฺขาโร, วจีทุจฺจริตวเสน ปวตฺติยํ สิยา วจีสงฺขาโร, ทฺเว ทฺวารานิ มุฺจิตฺวา มโนทฺวาเร ปวตฺติยํ สิยา จิตฺตสงฺขาโร, อาเนฺชาภิสงฺขาโร จาติ เอวํ ทุติยตฺติโก ปุริมตฺติกเมว ปวิสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺถโต ปุฺาภิสงฺขาราทีนํเยว วเสน อวิชฺชาย ปจฺจยภาโว เวทิตพฺโพ’’ติ.

๕๙๓. อวิชฺชาภาเวภาวโตติ อวิชฺชาย อตฺถิภาเว สงฺขารานํ ภาวโต. น หิ อวิชฺชาย อสติ กทาจิ สงฺขารา สมฺภวนฺติ. อิทานิ ตํ อวิชฺชาย ภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อฺาณํ อปฺปหีนํ โหตี’’ติ อาห. เตน มคฺเคน อนิโรโธ อิธ อวิชฺชาย อตฺถิภาโว, น ธรมานตา เอวาติ ทสฺเสติ. สฺวายมตฺโถ เหฏฺา วิภาวิโตเยว. ‘‘อวิชฺชาสงฺขาต’’นฺติ จ อิมินา าณาภาวาทึ นิวตฺเตติ. อยฺหิ -กาโร ‘‘อเหตุกา ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๒) อภิกฺขุโก อาวาโส’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๗๖) ตํโยคนิวตฺติยํ ทิสฺสติ. อภาโว เหตฺถ ทีปิโต. ‘‘อปฺปจฺจยา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗) ตํสมฺพนฺธิตานิวตฺติยํ. ปจฺจยุปฺปนฺนฺหิ ปจฺจยสมฺพนฺธีติ อปฺปจฺจยุปฺปนฺนตฺตาติ ตํสมฺพนฺธิตา เอตฺถ โชตียติ. ‘‘อนิทสฺสนา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๙) ตํสภาวนิวตฺติยํ. นิทสฺสนฺหิ ทฏฺพฺพตา. อถ จกฺขุวิฺาณํ นิทสฺสนํ น ปสฺสตีติ ตคฺคเหตพฺพตานิวตฺติยํ. ตถา ‘‘อนาสวา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๕). ‘‘อปฺปฏิฆา ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๐), อนารมฺมณา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๕๕) ตํกิจฺจนิวตฺติยํ. ‘‘อรูปิโน ธมฺมา (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๑), อเจตสิกา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๕๗) ตพฺภาวนิวตฺติยํ. ตทฺถา หิ เอตฺถ ปกาสียติ. ‘‘อมนุสฺโส’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒๑) ตพฺภาวมตฺตนิวตฺติยํ. มนุสฺสตฺตมตฺตํ นตฺถิ, อฺํ สมานนฺติ สทิสตา เหตฺถ สูจียติ. ‘‘อสฺสมโณ สมณปฏิฺโ (อ. นิ. ๓.๑๓, ๒๗; ปุ. ป. ๙๑, ๑๒๔), อปุตฺโต’’ติ ตถา สมฺภาวนียคุณนิวตฺติยํ. ครหา หิ เอตฺถ ายติ. ‘‘กจฺจิ โภโต อนามยํ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๖; ๒.๒๐.๑๒๙), อนุทรา กฺา’’ติ ตทนปฺปภาวนิวตฺติยํ. ‘‘อนุปฺปนฺนา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๗) ตํสทิสภาวนิวตฺติยํ. อตีตานฺหิ อุปฺปนฺนปุพฺพตฺตา, อุปฺปาทิธมฺมานฺจ ปจฺจเยกเทสนิพฺพตฺติยา อารทฺธุปฺปาทภาวา, กาลวินิมุตฺตสฺส จ วิชฺชมานตฺตา อุปฺปนฺนานุกูลตา, ปเคว ปจฺจุปฺปนฺนานนฺติ ตพฺพิธุรภาโว เอตฺถ วิฺายติ. ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๑) ตทปริโยสานนิวตฺติยํ. ตนฺนิฏฺานฺเหตฺถ ปกาสียติ. อิเมสํ ปน อตฺถานํ อสมฺภวโต ปาริเสเสน ยถา กุสลปฏิปกฺขา ธมฺมา อกุสลา, เอวํ วิชฺชาปฏิปกฺขา อวิชฺชาติ กตฺวา าณปฏิปกฺโข ธมฺโม อฺาณนฺติ เวทิตพฺพํ.

สุขสฺายคเหตฺวา ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขตาหิ วิฺูหิ ทุกฺขนฺตฺเวว คเหตพฺพํ สํสารทุกฺขํ สุขนฺติ สฺาย อภินิวิสิตฺวา, เอเตน ตตฺถ ตณฺหาปวตฺตึ ทสฺเสติ. อารภตีติ นิพฺพตฺเตติ. ตณฺหาปริกฺขาเรติ ตณฺหาย ‘‘สุขํ สุภ’’นฺติอาทินา สงฺขเต ปริกฺขเต, อลงฺกเตติ อตฺโถ. ตณฺหา หิ ทุกฺขสฺส สมุทโยติ อชานนฺโต พาโล ‘‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ขตฺติยมหาสาลานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๔๒) ปริตสฺสนฺโต กายสงฺขาเร ปริกฺขโรติ. ตณฺหาปริกฺขาเรติ วา ตณฺหาย ปริวารภูเต. ตณฺหาวตฺถุํ หิ จกฺขาทึ, รูปาทิฺจ อภิสงฺขริตฺวา ตํสมงฺคีนํ เทนฺตา สงฺขรา ตณฺหาย อุปเนนฺตา ตสฺสา ปริวารา วิย โหนฺตีติ. คติวิเสเส พฺรหฺมโลกาทิเก. อเนกสตปสุพทฺธภึสโน วาชเปยฺยาทิโก ยฺโ. อมรณตฺถาติ คหิตา ทุกฺกรกิริยา อมรตโป. อมโร วา เทโว วา ภเวยฺยํ, เทวฺตโร วาติ ปวตฺติตา วตจริยา อมรตโป. ทุกฺขตฺตา วา มโร มารโก ตโป อมรตโป. ทิฏฺเ อทิฏฺสทฺโท วิย มเร อมรสทฺโท ทฏฺพฺโพ.

ชาติอาทิปปาตทุกฺขชนนโต มรุปฺปปาตสทิสตา ปุฺาภิสงฺขารสฺส วุตฺตา. ‘‘มหาปริฬาหชนิก’’นฺติ อิมินา อนุทหนฏฺเน ติณุกฺกาสทิสตํ ปุฺผลสฺส ทสฺเสติ. อปฺปสฺสาทตฺจาติ -สทฺเทน อธิกุฏฺฏนวินิวิชฺฌนองฺคปจฺจงฺคปลิภฺชนาทึ สงฺคณฺหาติ. ตปฺปจฺจยนฺติ ตสฺส วิปริณามทุกฺขสภาวสฺส สุคติผลสฺส ปจฺจยภูตํ. รมณียภาเวน จ อสฺสาทภาเวน จ คยฺหมานํ ปุฺผลํ ทีปสิขามธุลิตฺตสตฺถธาราสทิสํ. ตทตฺโถ จ ปุฺาภิสงฺขาโร ตํนิปาตเลหนสทิโส วุตฺโต. ‘‘สุโข อิมิสฺสา ปริพฺพาชิกาย ตรุณาย มุทุกาย โลมสาย พาหาย สมฺผสฺโส’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๖๙) สุขสฺาย อสุภภาวสฺส อสลฺลกฺขเณเนว เอกจฺจกามปริโภโคติ พาโล วิย คูถกีฬนํ, กิเลสาภิภูตตาย โกธารติอภิภูโต อสวโส มริตุกาโม วิย วิสขาทนํ สมฺปติ กิริยาขเณ, อายตึ ผลกฺขเณ จ ชิคุจฺฉนียํ, ทุกฺขฺจ อปุฺาภิสงฺขารํ อารภติ. โลภสหคตสฺส วา คูถกีฬนสทิสตา, โทสสหคตสฺส วิสขาทนสทิสตา โยเชตพฺพา. สภยสฺสาปิ ปิสาจนครสฺส กามคุณสมิทฺธิยา สุขวิปลฺลาสเหตุภาโว วิย อารุปฺปวิปากานํ นิรนฺตรตาย, อนุปลกฺขิยมานอุปฺปาทวยานํ ทีฆสนฺตานตาย อคยฺหมานวิปริณามานํ สงฺขารวิปริณามทุกฺขภูตานมฺปิ นิจฺจาทิวิปลฺลาสเหตุภาโวติ, เตสํ ปิสาจนครสทิสตา, ตทภิมุขคมนสทิสตา จ อาเนฺชาภิสงฺขารสฺส โยเชตพฺพา.

อวิชฺชาภาวโตว สงฺขารภาโว, น อภาวโตติ สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยภาเว สงฺเขเปน อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ วุตฺตมตฺถํ สุตฺเตน สมตฺเถตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทินา สุตฺตปทํ อาภตํ . ตตฺถ อวิทฺวาติ อวิทฺทสุ. อวิชฺชาคโตติ อวิชฺชาย สมนฺนาคโต, อปฺปหีนาวิชฺโชติ อธิปฺปาโย.

ปฏฺานปจฺจยกถาวณฺณนา

๕๙๔. ตาวาติ วตฺตพฺพนฺตราเปกฺโข นิปาโต, เตน ‘‘อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย’’ติ อิทํ ตาว สิทฺธํ, อิทํ ปน อปรํ วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘อิทํ ปน วตฺตพฺพ’’นฺติ ยมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ปจฺจยธมฺมา นาม เยสํ ปจฺจยา โหนฺติ, ยถา วา ปจฺจยา โหนฺติ, ตทุภเยสํ พหุภาวโต อเนกธาว ปจฺจยา โหนฺตีติ อวิชฺชายปิ ตํ อาสงฺกนฺโต ปุจฺฉิ ‘‘กตเมสํ สงฺขารานํ กถํ ปจฺจโย โหตี’’ติ, ปุฺาภิสงฺขาราทโย พหู สงฺขารา วุตฺตา. อวิชฺชา จ เตสํ ปจฺจโย โหติ, น สพฺเพสํ เอกธาว โหติ, ตสฺมา อิเมสํ สงฺขารานํ เอวํ ปจฺจโย โหตีติ อิทํ วตฺตพฺพนฺติ อตฺโถ. ตตฺราติ ตสฺมึ ปจฺจยภาเว. ยทิปิ ‘‘กตเมสํ สงฺขาราน’’นฺติอาทินา อสาธารณโต ปุจฺฉา อารทฺธา, เอกเทเสน ปน สมุทาโยปลกฺขณเมตนฺติ ทฺวาทสนฺนํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานํ ยถาสกํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปจฺจยภาโว วตฺตพฺโพติ ตํ ทสฺเสตุํ, อวิชฺชาย วา ปจฺจยภาเว ปุจฺฉิเต ตปฺปสงฺเคน สพฺเพสมฺปิ ปจฺจยธมฺมานํ ปจฺจยภาวํ วิสชฺเชตุกาโม ปจฺจเย ตาว ปาฬินเยเนว ทสฺเสตุํ ‘‘ภควตา หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ จ ภควตา จตุวีสติ ปจฺจยา วุตฺตาติ สมฺพนฺโธ. เตสํ วเสน อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยภาโว เวทิตพฺโพติ อธิปฺปาโย.

‘‘เหตุ จ โส ปจฺจโย จา’’ติ อิมินา วจเนน เหตุโน, อธิปติปจฺจยาทิภูตสฺส จ คหณํ สิยาติ ตํ นิวาเรนฺโต อาห ‘‘เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย’’ติ. เอวมฺปิ โส เอว โทโส อาปชฺชตีติ ปุน อาห ‘‘เหตุภาเวน ปจฺจโยติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. เตน น อิธ เหตุสทฺเทน ธมฺมคฺคหณํ กตํ, อถ โข ธมฺมสฺส สตฺติวิเสโส คหิโตติ ทสฺเสติ. ตสฺส หิ ปจฺจยสทฺทสฺส จ สมานาธิกรณตํ สนฺธาย ‘‘เหตุ จ โส ปจฺจโย จ, เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย’’ติ จ วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา ปรโต ปาฬิยํ ‘‘เหตู เหตุ…เป… เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๑) เตน เตน เหตุภาวาทิอุปกาเรน ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส อุปการกตฺตํ วุตฺตํ. อภิธมฺมฏฺกถายํ ปน ‘‘โย หิ ธมฺโม ยํ ธมฺมํ อปฺปจฺจกฺขาย ติฏฺติ วา อุปฺปชฺชติ วา, โส ตสฺส ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. อฏฺ. ปจฺจยุทฺเทสวณฺณนา), ‘‘มูลฏฺเน อุปการโก ธมฺโม เหตุปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. อฏฺ. ปจฺจยุทฺเทสวณฺณนา) จ เอวมาทินา ธมฺมปฏฺานนิทฺเทเสน ธมฺมโต อฺา ธมฺมสตฺติ นาม นตฺถีติ ธมฺเมเหว ธมฺมสตฺติวิภาวนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิธาปิ วา ‘‘เหตุ จ โส ปจฺจโย จา’’ติ ธมฺเมเนว ธมฺมสตฺตึ ทสฺเสติ. น หิ ‘‘เหตุปจฺจโย’’ติอาทิโก อุทฺเทโส กุสลาทิอุทฺเทโส วิย ธมฺมปฺปธาโน, อถ โข ธมฺมานํ อุปการกภาวปฺปธาโนติ.

‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ตพฺภาเวน ปจฺจยภาวํ อารมฺมณาทีสุ อติทิสติ ‘‘อารมฺมณฺจ ตํ ปจฺจโย จาติ อารมฺมณปจฺจโย, อารมฺมณํ หุตฺวา ปจฺจโย, อารมฺมณภาเวน ปจฺจโยติ อตฺโถ’’ติ, น กมฺมธารยมตฺตํ.

๕๙๕. วจนาวยโวติ สาธนาวยวํ สนฺธายาห. วจนสภาวฺหิ สาธนํ ปเรสํ อวิทิตตฺถาปนโต โลเก สาธนนฺติ ปากฏํ ปฺาตํ. ตถา หิ นํ อวยวลกฺขณํ, วจนสภาวฺจ สาธนํ, อวยวปกฺขาทีนิ วจนานิ สาธนนฺติ จ ายวาทิโน วทนฺติ. ปฏิฺา, เหตูติอาทีสูติ ปฏิฺา, เหตุ, อุทาหรณ, อุปนย, นิคมนานิ. อุทาหรณสาธมฺมิยา สาธฺยสาธนํ เหตุ. วิรูโป เหตูติ จ เอวมาทีสุ การณํ ยํ กิฺจิ การณลกฺขณํ, สมฺปาปกลกฺขณมฺปิ วา. อาทิ-สทฺเทน ตสฺสาปิ สงฺคเหตพฺพตาย, าปกลกฺขณํ ปน วจนาวยวคฺคหเณน คหิตํ. กามํ มูลมฺปิ การณลกฺขณํ การณเมว, การณนฺติ ปเนตฺถ ปจฺจยเหตุ คหิโต. มูลนฺติ เหตุเหตูติ การณวิเสสวิสยตฺตา มูลสฺส วิสุํ คหณํ. เอตีติ เอตสฺส อตฺถวจนํ วตฺตตีติ, ตฺจ อุปฺปตฺติฏฺิตีนํ สาธารณวจนํ. เตเนวาห ‘‘ติฏฺติ วา อุปฺปชฺชติ วา’’ติ. เอกจฺโจ หิ ปจฺจโย ิติยา เอว อุปการโก โหติ ยถา ปจฺฉาชาตปจฺจโย, เอกจฺโจ อุปฺปตฺติยา เอว ยถา อนนฺตราทิโก, เอกจฺโจ อุภยสฺส ยถา เหตุอาทโย.

อุปการกลกฺขโณติ จ ธมฺเมน ธมฺมสตฺตึ อุปการํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. หิโนติ ปติฏฺาติ เอตฺถาติ เหตุ, อเนกตฺถตฺตา ธาตุสทฺทานํ หิ-สทฺโท มูลสทฺโท วิย ปติฏฺตฺโถ เวทิตพฺโพ. หิโนติ วา เอเตน กมฺมนิทานภูเตน อุทฺธํ โอชํ อติหรนฺเตน มูเลน วิย ปาทโป ตปฺปจฺจยํ ผลํ คจฺฉติ ปวตฺตติ วุทฺธึ วิรุฬฺหึ อาปชฺชตีติ เหตุ. อตฺตโน ผลํ กโรตีติ การณํ. นิททาติ ทสฺเสนฺตํ วิย โหตีติ นิทานํ. สมฺภวติ ตํ เอตสฺมาติ สมฺภโว. ปภวติ เอตสฺมาติ ปภโวติ ปจฺจยเหตุสทฺเทหิ อิตเรสมฺปิ สมานตฺถตา เวทิตพฺพา. เอวํ สนฺเตปิ การณวิเสสวิสโย เหตุสทฺโท, การณสามฺวิสโย ปจฺจยสทฺโทติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มูลฏฺเนา’’ติอาทิมาห. เหตุอตฺโถ, ปจฺจยฏฺโ จ เหฏฺา ปปฺจวเสน วุตฺโตติ ตํ สงฺขิปฺปํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สงฺเขปโต…เป… เหตุปจฺจโย’’ติ.

ยถา สาลิวีหิพีชาทีนิ ตํตํโอสธีนํ สาลิวีหิอาทิภาวสฺส สาธกานิ, มณิอาทิปฺปภาวตฺถูนิ จ นีลาทิวณฺณานิ นีลาทิปฺปภาสาธกานิ, เอวํ เหตุปจฺจโย ยถารหํ อตฺตนา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ กุสลาทิภาวสฺส สาธโกติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘โส สาลิอาทีน’’นฺติอาทินา. อาจริยานนฺติ จ เรวตาจริยํ สนฺธายาห. เอวํ สนฺเตติ เหตุปจฺจโย ยทิ กุสลาทิภาวสาธโก, เอวํ สติ. น สมฺปชฺชติ น สิชฺฌติ. ยถา กุสลากุสลเหตุ ตํสมุฏฺานรูปสฺส กุสลากุสลภาวาย น ปริยตฺโต, เอวํ อพฺยากโตปิ เหตุ ตํสมุฏฺานรูปสฺส อพฺยากตภาวาย. สภาเวเนว หิ ตํ อพฺยากตนฺติ อาห ‘‘น หิ โส เตสํ กุสลาทิภาวํ สาเธตี’’ติ. เหตุปจฺจโย จ เตสํ โหติเยวาติ อาห ‘‘น จ ปจฺจโย น โหตี’’ติ. อิทานิ ตมตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. วินา เอเตนาติ เอเตน เหตุนา อพฺยากตภาวสาธเกน วินา อเหตุกตฺตา, อพฺยากตภาโว สิทฺโธ สภาเวเนวาติ อธิปฺปาโย.

‘‘โยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺนา เจว กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑.๖๗) วจเนหิ กุสลภาวสฺส โยนิโสมนสิการปฺปฏิพทฺธตา สิทฺธาติ อาห ‘‘โยนิโสมนสิการปฺปฏิพทฺโธ กุสลภาโว’’ติ. เอเตเนว อกุสลอพฺยากตภาวาปิ กุสลภาโว วิย น เหตุปฏิพทฺธาติ ทสฺสิตํ โหติ. ยํ ปเนเก มฺเยฺยุํ ‘‘อเหตุกเหตุสฺส อกุสลภาโว วิย สเหตุกเหตูนมฺปิ สภาวโตว กุสลาทิภาโว, อฺเสํ ตํสมฺปยุตฺตานํ เหตุปฏิพทฺโธ’’ติ, ตสฺส อุตฺตรํ วตฺตุํ ‘‘ยทิ จา’’ติอาทิมาห. อโลโภ กุสโล วา สิยา อพฺยากโต วาติ ยทิ อโลโภ สภาวโต กุสโล, โส กุสลสภาวตฺตา อพฺยากโต น สิยา. อถ อพฺยากโต ตํสภาวตฺตา กุสโล น สิยา อโลภสภาวสฺส อโทสตฺตาภาโว วิย. ยสฺมา ปน อุภยถาปิ โหติ, ตสฺมา ยถา อุภยถา โหนฺเตสุ สทฺธาทีสุ สมฺปยุตฺเตสุ เหตุปฏิพทฺธํ กุสลาทิภาวํ ปริเยเสถ, น สภาวโต, เอวํ เหตูสุปิ กุสลาทิตา อฺปฏิพทฺธา ปริเยสิตพฺพา, น สภาวโตติ ยํ วุตฺตํ ‘‘สมฺปยุตฺตเหตูสุ สภาวโตว กุสลาทิภาโว’’ติ, ตํ น ยุชฺชติ. สา ปน ปริเยสิยมานา โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺธา โหตีติ เหตูสุ วิย สมฺปยุตฺเตสุปิ โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, น เหตุปฏิพทฺโธติ สิทฺธํ โหตีติ อธิปฺปาโย.

วิรุฬฺหมูลา วิยาติ เอเตน มูลานิ วิย มูลานีติ ทสฺเสติ. เตเนวาห ‘‘สุปฺปติฏฺิตภาวสาธเนนา’’ติ. สฺวายํ ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส, กุสโล ธมฺโม อพฺยากตสฺส, กุสโล ธมฺโม กุสลาพฺยากตสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส, อกุสโล ธมฺโม อพฺยากตสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลาพฺยากตสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺสา’’ติ เอวํ สตฺตธา ปฺหาวาเร นิทฺทิฏฺโ. ยํ ปน วุตฺตํ เหตุกิจฺจํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ, ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑), ตตฺถ ปโม เหตุสทฺโท ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺโ ปจฺจยธมฺมนิทฺเทโส, เตนสฺส เหตุภาเวน อุปการกตา เหตุปจฺจยตาติ ทสฺเสติ. ทุติโย ปจฺจยุปฺปนฺนวิเสสนํ, เตน น เยสํ เกสฺจิ สมฺปยุตฺตกานํ เหตู เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย, อถ โข เหตุนา สมฺปยุตฺตานเมวาติ ทสฺเสติ. นนุ จ สมฺปยุตฺตสทฺทสฺส สาเปกฺขตฺตา ทุติเย เหตุสทฺเท อวิชฺชมาเนปิ อฺสฺส อเปกฺขิตพฺพสฺส อนิทฺทิฏฺตฺตา เหตู อตฺตนาว สมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ อยมตฺโถ วิฺายตีติ? นายเมกนฺโต. เหตุสทฺโท หิ ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺโ ‘‘เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตฺเถว พฺยาวโฏ ยทา คยฺหติ, น ตทา สมฺปยุตฺตวิเสสนํ โหตีติ สมฺปยุตฺตอวิสิฏฺา เย เกจิ คหิตา ภเวยฺยุนฺติ. นนุ จ ยถา ‘‘อรูปิโน อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ, อรูปิโน อินฺทฺริยา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมาน’’นฺติ จ วุตฺเต ทุติเยน อาหารคฺคหเณน, อินฺทฺริยคฺคหเณน จ วินาปิ อาหารินฺทฺริยสมฺปยุตฺตกาว คยฺหนฺติ, เอวมิธาปิ สิยาติ? น, อาหารินฺทฺริยาสมฺปยุตฺตสฺส วชฺเชตพฺพสฺส อภาวโต. วชฺเชตพฺพาภาวโต หิ ตตฺถ ทุติเย อาหารินฺทฺริยคฺคหเณ อสติปิ ตํสมฺปยุตฺตกาว คยฺหนฺตีติ ตํ น กตํ, อิธ ปน วชฺเชตพฺพํ อตฺถีติ กตฺตพฺพํ ทุติยํ เหตุคฺคหณํ. เอวมฺปิ ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ เอตฺถ เหตุสมฺปยุตฺตกานํ โส เอว สมฺปยุตฺตกเหตูติ วิเสสนสฺส อกตตฺตา โย โกจิ เหตุ ยสฺส กสฺสจิ เหตุสมฺปยุตฺตสฺส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺสฺเสว เหตุโน ปุน สมฺปยุตฺตวิเสสนภาเวน วุตฺตตฺตา. เอตทตฺถเมว หิ วินาปิ ทุติเยน เหตุสทฺเทน เหตุสมฺปยุตฺตภาเว สิทฺเธปิ ตสฺส คหณํ กตํ.

อถ วา อสติ ทุติเย เหตุสทฺเท เหตุสมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย, น ปน เหตูนนฺติ เอวมฺปิ คหณํ สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ โส วุตฺโต. เตน เหตุสมฺปยุตฺตภาวํ เย ลภนฺติ, เตสํ สพฺเพสํ เหตูนํ, อฺเสมฺปิ เหตู เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ ทสฺสิตํ โหติ. ยสฺมา ปน เหตุฌานมคฺคา ปติฏฺามตฺตาทิภาเวน อฺธมฺมนิรเปกฺขา, น อาหารินฺทฺริยา วิย สาเปกฺขา เอว, ตสฺมา เอเตสฺเวว ทุติยํ เหตาทิคฺคหณํ กตํ. อาหารินฺทฺริยา ปน อาหริตพฺพอีสิตพฺพาเปกฺขา เอว, ตสฺมา เต วินาปิ ทุติเยน อาหารินฺทฺริยคฺคหเณน อตฺตนา เอว อาหริตพฺเพ, อีสิตพฺเพ จ อาหารินฺทฺริยภูเต, อฺเ จ สมฺปยุตฺตเก ปริจฺฉินฺทนฺตีติ ตํ ตตฺถ น กตํ. อิธ จ ทุติเยน เหตุคฺคหเณน ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุนา, ปจฺจยภูเตเนว จ สมฺปยุตฺตานํ เหตูนํ, อฺเสฺจ ปริจฺฉินฺนตฺตา ปุน วิเสเสน กิจฺจํ นตฺถีติ ปฺหาวาเร ‘‘กุสลา เหตู สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธาน’’นฺติอาทีสุ ทุติยํ เหตุคฺคหณํ น กตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๕๙๖. อารมฺมณภาเวนาติ วิสยภาเวน, อาลมฺพิตพฺพภาเวนาติ อตฺโถ. อารภิตฺวาปีติ ปิ-สทฺเทน อิมมตฺถํ ทสฺเสติ – รูปายตนาทิมตฺเต ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ เอกสฺมึ อฏฺตฺวา ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ อารพฺภา’’ติ (ปฏฺา ๑.๑.๒) อนิยเมน สพฺพรูปายตนานํ…เป… สพฺพธมฺมายตนานฺจ อารมฺมณปจฺจยภาวสฺส วุตฺตตฺตา รูปาทิเภเทน ฉพฺพิเธสุ สงฺขตาสงฺขตปฺตฺติธมฺเมสุ น โกจิ ธมฺโม อารมฺมณปจฺจโย น โหตีติ. สฺวายํ อารมฺมณปจฺจยภาโว เหฏฺา วิภาวิโต เอว. อาลมฺพิตฺวาติ คเหตฺวา. เอกนฺตสารมฺมณภาวโต อนารพฺภ ปวตฺติ เอว นตฺถีติ อาห ‘‘อารพฺเภวา’’ติ. สฺวายํ ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส, กุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส, กุสโล ธมฺโม อพฺยากตสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส, กุสลสฺส, อพฺยากตสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส, กุสลสฺส, อกุสลสฺสา’’ติ เอวํ นวปฺปกาโร เวทิตพฺโพ.

๕๙๗. เชฏฺกฏฺเนาติ ปมุขภาเวน. อตฺตาธีนานฺหิ ปติภูโต ธมฺโม อธิปติ. โส เตสํ ปมุขภาเวน ปวตฺตติ. ‘‘ฉนฺทวโต กึ นาม น สิชฺฌตี’’ติอาทิกํ ปุริมาภิสงฺขารูปนิสฺสยํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชมาเน จิตฺตุปฺปาเท ฉนฺทาทโย ธุรภูตา เชฏฺกภูตา สมฺปยุตฺตธมฺเม สาธยมานา วเส วตฺตยมานา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, สมฺปยุตฺตธมฺมา จ เตสํ วเสน วตฺตนฺติ หีนาทิภาเวน ตทนุวตฺตนโต, เตน เต อธิปติปจฺจยา โหนฺติ. ครุกาตพฺพมฺปิ อารมฺมณํ ตนฺนินฺนโปณปพฺภารานํ อสฺสาทนปจฺจเวกฺขณมคฺคผลานํ อตฺตโน วเส วตฺตยมานํ วิย ปจฺจโย โหติ. ตสฺมา อยํ อตฺตาธีนานํ ปติภาเวน อุปการกตฺตา อธิปติปจฺจโยติ ทฏฺพฺโพ. ฉนฺทาธิปตีติ ฉนฺทสงฺขาโต อธิปติ, ฉนฺทํ ธุรํ ฉนฺทํ เชฏฺกํ กตฺวา จิตฺตุปฺปตฺติกาเล อุปฺปนฺนสฺส กตฺตุกมฺยตาฉนฺทสฺเสตํ นามํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. กสฺมา ปน ยถา เหตุปจฺจยนิทฺเทเส ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑) วุตฺตํ, เอวมิธ ‘‘อธิปตี อธิปติสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๓) นเยน วุตฺตนฺติ? เอกกฺขเณ อภาวโต. เหตโว หิ ทฺเว ตโยปิ เอกกฺขเณ เหตุปจฺจยา โหนฺติ, มูลฏฺเน อุปการกภาวสฺส อวิชหนโต. อธิปติ ปน เชฏฺกฏฺเน อุปการโก, น จ เอกกฺขเณ พหู เชฏฺกา โหนฺติ. ตสฺมา เอกโต อุปฺปนฺนานมฺปิ เตสํ เอกกฺขเณ อธิปติปจฺจยภาโว นตฺถีติ ‘‘อธิปตี อธิปติสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตํ.

ยํ ยํ ธมฺมนฺติ ยํ ยํ อารมฺมณธมฺมํ. ครุํ กตฺวาติ ครุการจิตฺตีการวเสน วา อสฺสาทนวเสน วา ครุการิกํ ลทฺธพฺพํ อวิชหิตพฺพํ อนวฺาตํ กตฺวา. เต เต ธมฺมาติ เต เต ครุกาตพฺพา ธมฺมา. เตสํ เตสนฺติ ตํตํครุการกธมฺมานํ. อธิปติปจฺจเยนาติ อารมฺมณาธิปติปจฺจเยน. สฺวายํ ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส สหชาตารมฺมเณหิ, อกุสลสฺส อารมฺมเณเนว, อพฺยากตสฺส สหชาตารมฺมเณหิ, กุสลาพฺยากตสฺส สหชาเตเนวาติ กุสลมูลา จตฺตาโร, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส สหชาตารมฺมเณหิ, อพฺยากตสฺส สหชาเตเนว, ตถา อกุสลาพฺยากตสฺสาติ อกุสลมูลา ตโย, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส สหชาตารมฺมเณหิ, กุสลสฺส อารมฺมเณเนว, ตถา อกุสลสฺสาติ อพฺยากตมูลา ตโย’’ติ สงฺเขปโต ทสปฺปกาโร อธิปติปจฺจโย. เอตฺถ จ สตฺตธา สหชาตาธิปติ, สตฺตธา อารมฺมณาธิปติ เวทิตพฺโพ.

๕๙๘. อนฺตรายตีติ อนฺตรํ, พฺยวธายกนฺติ อตฺโถ. นาสฺส อนฺตรํ วิชฺชตีติ อนนฺตโร, อนนฺตโร จ โส ปจฺจโย จาติ อนนฺตรปจฺจโย. ‘‘อตฺถานนฺตรตา อนนฺตรปจฺจโย, กาลานนฺตรตา สมนนฺตรปจฺจโย’’ติอาทินา พหุธา ปปฺจยนฺติ, อสารํ คนฺถวิตฺถารํ กโรนฺติ. ยถา ปวตฺติโอกาสทานวิเสสภาเวน นตฺถิวิคตปจฺจยา วุตฺตา, น เอวํ อนนฺตรสมนนฺตรปจฺจยา, เอเต ปน จิตฺตนิยมเหตุภาเวน วุตฺตาติ ตํ จิตฺตนิยมเหตุภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘โย หิ เอสา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ มโนวิฺาณธาตูติอาทิ จิตฺตนิยโมติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน สนฺตีรณานนฺตรา โวฏฺพฺพนํ, จุติอนนฺตรา ปฏิสนฺธีติ ยสฺส ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา ยํ ยํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตสฺส ตทนนฺตรุปฺปาทนิยโม ตํตํสหการิปจฺจยวิสิฏฺสฺส ปุริมปุริมจิตฺตสฺเสว วเสน อิชฺฌตีติ ทสฺเสติ.

อตฺถานนฺตรตายาติ อตฺเถน เกนจิ ธมฺเมน อนนฺตรตาย. กาลานนฺตรตายาติ กาลเภเทน อนนฺตรตาย . อาจริยานนฺติ อิธาปิ เรวตาจริยเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ กาลานนฺตรตาย สมนนฺตรปจฺจยภาเว, ตสฺมึ วา ยถาวุตฺตวิโรเธ. ภาวนาพเลน ปน วาริตตฺตาติ เอตฺถ ยถา รุกฺขสฺส เวเธ ทินฺเน ปุปฺผิตุํ สมตฺถสฺเสว ปุปฺผนํ น โหติ, เวเธ ปน อปนีเต ตาย เอว สมตฺถตาย ปุปฺผนํ โหติ, เอวมิธาปิ ภาวนาพเลน วาริตตฺตา สมุฏฺาปนสมตฺถสฺเสว อสมุฏฺาปนํ, ตสฺมิฺจ อปคเต ตาย เอว สมตฺถตาย สมุฏฺาปนํ โหตีติ อธิปฺปาโย. ตมฺปิ วจนํ กาลานนฺตรตา นตฺถิ สตฺตาหาทินา กาเลน อนฺตริตภาวโต. เอตเทว ‘‘กาลนฺตริตตา อตฺถิ’’ อิจฺเจว วทาม. นนุ จ กาโล นาม โกจิ ปรมตฺถโต นตฺถีติ วเทยฺยาติ อาสงฺกนฺโต อาห ‘‘กาลานนฺตร…เป… ลทฺธี’’ติ.

พฺยฺชนมตฺตโตเวตฺถ นานากรณํ ปจฺเจตพฺพํ, น อตฺถโตติ อุปจยสนฺตติอธิวจนนิรุตฺติปทานํ วิย สทฺทตฺถมตฺตโต นานากรณํ, น วจนียตฺถโตติ อธิปฺปาโย. เตเนว สทฺทตฺถวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปุริมปจฺฉิมานํ นิโรธุปฺปาทนฺตราภาวโต นิรนฺตรุปฺปาทนสมตฺถตา อนนฺตรปจฺจยภาโว. รูปกลาปานํ วิย สณฺานาภาวโต, ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ สหาวฏฺานาภาวโต จ ‘‘อิทมิโต เหฏฺา, อุทฺธํ, ติริย’’นฺติ วิภาคาภาวา อตฺตนา เอกตฺตมิว อุปเนตฺวา สุฏฺุ อนนฺตรภาเวน อุปฺปาทนสมตฺถตา สมนนฺตรปจฺจยตา. อุปฺปาทนสมตฺถตาติ จ อพฺยาปารตฺตา ธมฺมานํ ยสฺมึ ยทากาเร นิรุทฺเธ, วตฺตมาเน วา สติ ตํตํวิเสสวนฺโต ธมฺมา โหนฺติ, ตสฺส โสว อากาโร วุจฺจตีติ ทฏฺพฺโพ. ธมฺมานํ ปวตฺติมตฺตเมว จ อุปาทาย กาลโวหาโรติ นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส เนวสฺานาสฺายตนผลสมาปตฺตีนํ อสฺภวา จวนฺตสฺส, ปุริมจุติปจฺฉิมปฏิสนฺธีนฺจ นิโรธุปฺปาทนิรนฺตรตาย กาลนฺตรตา นตฺถิ. น หิ เตสํ อนฺตรา อรูปธมฺมปฺปวตฺติ อตฺถิ, ยํ อุปาทาย กาลนฺตรตา วุจฺเจยฺย, น จ รูปธมฺมปฺปวตฺติ อรูปธมฺมปฺปวตฺติยา อนฺตรํ กโรติ อฺสนฺตานตฺตา. รูปารูปสนฺตติโย หิ ทฺเว อฺมฺํ วิสทิสสภาวตฺตา อฺมฺูปการภาเวน ปวตฺตมานาปิ วิสุํเยว โหนฺติ. เอกสนฺตติยฺจ ปุริมปจฺฉิมานํ มชฺเฌ ปวตฺตมานํ ตํสนฺตติปริยาปนฺนตาย อนฺตรการกํ โหติ. ตาทิสฺจ กิฺจิ เนวสฺานาสฺายตนผลสมาปตฺตีนํ มชฺเฌ นตฺถิ, น จ อภาโว อนฺตรการโก โหติ อภาวตฺตา เอว. ตสฺมา ชวนานนฺตรสฺส ชวนสฺส วิย, ภวงฺคานนฺตรสฺส ภวงฺคสฺส วิย จ นิรนฺตรตา สุฏฺุ อนนฺตรตา โหตีติ ตถา อุปฺปาทนสมตฺถตา เนวสฺานาสฺายตนจุตีนมฺปิ ทฏฺพฺพา. อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาโว เจตฺถ อนนฺตรปจฺจยาทีนํ ปากโฏติ อุปฺปาทนสมตฺถตาว วุตฺตา . ปจฺจุปฺปนฺนานํ ปน ธมฺมานํ ปุพฺพนฺตาปรนฺตปริจฺเฉเทน คหิตานํ อุปฺปชฺชตีติ วจนํ อลภนฺตานํ ‘‘อตีโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๒.๑๘.๔) อนนฺตราทิปจฺจยภาโว วุตฺโตติ น โส อุปฺปตฺติยา เอวาติ วิฺายติ. น หิ กุสลาทิคฺคหณํ วิย ปจฺจุปฺปนฺนคฺคหณํ อปริจฺเฉทํ. ยโต อุปฺปตฺติมตฺตสมงฺคิโน เอว คหณํ สิยา. เตเนว จ อตีตตฺติเก ปฏิจฺจวาราทโย น สนฺตีติ. ตสฺส ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส, กุสโล ธมฺโม อพฺยากตสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส, อกุสโล ธมฺโม อพฺยากตสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม กุสลสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อกุสลสฺสา’’ติ สตฺตธา เภโท เวทิตพฺโพ.

๕๙๙. อุปฺปชฺชมาโนว สห อุปฺปาทนภาเวนาติ เอตฺถาปิ อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาเวน ปากเฏน ิติยาปิ ปจฺจยภาวํ นิทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ, อฺถา ปทีปนิทสฺสนํ น ยุชฺเชยฺย. ปทีโป หิ ปภาสสฺส ิติยาปิ ปจฺจโย, น อุปฺปตฺติยา เอว. ปจฺจยุปฺปนฺนานํ สหชาตภาเวน อุปการกตา สหชาตปจฺจยตา. โอกฺกนฺติกฺขเณติ ปฏิสนฺธิกฺขเณ. ตสฺมึ หิ ขเณ นามรูปํ โอกฺกนฺตํ วิย ปรโลกโต อาคนฺตฺวา อิธ มาตุกุจฺฉิอาทึ ปวิสนฺตํ วิย อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา โส ขโณ โอกฺกนฺติกฺขโณติ วุจฺจติ. เอตฺถ จ รูปนฺติ หทยวตฺถุเยว อธิปฺเปตํ. ตฺหิ นามสฺส, นามฺจ ตสฺส สหชาตปจฺจโย โหติ. จิตฺตเจตสิกาติ ปวตฺติยํ จตฺตาโร ขนฺธา ปฏิสนฺธิกฺขเณ จิตฺตสมุฏฺานานํ อภาวโต. รูปิโน ธมฺมาติ หทยวตฺถุํ สนฺธายาห. ตตฺถ ยทิปิ ปุพฺเพ ‘‘โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูป’’นฺติ วุตฺตํ, ตถาปิ เตน ขณนฺตเร สหชาตปจฺจยภาโว รูปธมฺมานํ น นิวาริโตติ ตนฺนิวารณตฺถมิทํ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. กิฺจิ กาเลติ เกจิ กิสฺมิฺจิ กาเลติ อตฺโถ, เตน รูปิโน ธมฺมา เกจิ วตฺถุภูตา กิสฺมิฺจิ ปฏิสนฺธิกาเลติ อฺเสํ รูปธมฺมานํ, วตฺถุโน จ ปวตฺติยํ อรูปธมฺมานํ สหชาตปจฺจยภาวํ ปุพฺเพ อนิวาริตํ นิวาเรติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘กิฺจิ กาล’’นฺติ วา ‘‘กิสฺมิฺจิ กาเล’’ติ วา วตฺตพฺเพ ตถา อวตฺวา วิภตฺติวิปลฺลาสํ กตฺวา วุตฺตํ. เตน กิฺจีติ อุปโยเคกวจนํ. ‘‘รูปิโน ธมฺมา’’ติ เอเตน สมฺพนฺเธ ปจฺจตฺตพหุวจนํ ชายติ. ‘‘กาเล’’ติ เอเตน สมฺพนฺเธ ภุมฺเมกวจนนฺติ ทีปิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปุริเมน จ ‘‘เอโก ขนฺโธ, วตฺถุ จ ติณฺณนฺนํ ขนฺธาน’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๙) อาทิวจเนน นามสหิตํ เอว วตฺถุ นามสฺส ปจฺจโยติ วตฺตพฺเพ อาปนฺเน อิตเรน เกวลสฺส จ ตถาวตฺตพฺพตํ ทสฺเสติ. สฺวายํ สหชาตปจฺจโย ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส, อพฺยากตสฺส, กุสลาพฺยากตสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส , อพฺยากตสฺส, อกุสลาพฺยากตสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส, กุสลาพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส, อกุสลาพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺสา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๙) นววิโธ เวทิตพฺโพ.

๖๐๐. อตฺตโน อุปการกสฺส อุปการกตา อฺมฺปจฺจยตา. ตถา หิสฺส ติทณฺฑํ นิทสฺสิตํ. อุปการกตา จ อฺมฺตาวเสเนว ทฏฺพฺพา, น สหชาตตาทิวเสน. สหชาตาทิปจฺจโย โหนฺโตเยว หิ โกจิ อฺมฺปจฺจโย น โหติ, น จ สหชาตาทิปจฺจยธมฺเมหิ วินา อิมสฺส ปวตฺติ อตฺถิ. ตถา หิ สหชาตาทิปจฺจโย จ โหนฺโตเยว หิ โกจิ อฺมฺปจฺจโย โหติ. ยทิ จ อตฺตโน อุปการกสฺส อุปการกตามตฺตํ อฺมฺปจฺจโย สิยา, ปุเรชาตปจฺฉาชาตภาเวน อุปการสฺส อุปการกา วตฺถุขนฺธา อฺมฺปจฺจยา สิยุํ, น จ ตํ อิจฺฉิตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุปการกตา จ อฺมฺวเสเนว ทฏฺพฺพา’’ติ. อยฺจ อุปฺปตฺติยา, ิติยา จ อุปการโกติ เวทิตพฺโพ. อยํ ปน ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺสา’’ติ ติวิโธ เวทิตพฺโพ.

๖๐๑. ตรุอาทีนํ ปถวี วิย อธิฏฺานากาเรน ปถวีธาตุ เสสธาตูนํ, จกฺขาทโย จกฺขุวิฺาณาทีนํ อุปการกา จิตฺตกมฺมสฺส ปฏาทโย วิย นิสฺสยากาเรน ขนฺธาทโย ตํตํนิสฺสยานํ ขนฺธาทีนํ. ปถวีธาตุยํ ปติฏฺาย เอว หิ เสสธาตุโย อุปาทารูปานิ วิย ยถาสกํ กิจฺจํ กโรนฺติ.

อธิฏฺานากาเรนาติ อาธารากาเรน. อาธารากาโร เจตฺถ เตสํ สาติสยํ ตทธีนวุตฺติตาย เวทิตพฺโพ. ยโต ภูตานิ อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานานิ วุจฺจนฺติ, เอวฺจ กตฺวา จกฺขาทีนมฺปิ อธิฏฺานากาเรน อุปการกตา สุฏฺุ ยุชฺชติ. น หิ ยถาวุตฺตํ ตทธีนวุตฺติตาวิเสสํ มุฺจิตฺวา อฺโ จกฺขาทีสุ อเทสกานํ อรูปธมฺมานํ อธิฏฺานากาโร สมฺภวติ. ยทิปิ ยํ ยํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ เย เย ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, เตสํ สพฺเพสํ ตทธีนวุตฺติภาโว. เยน ปน ปจฺจยภาววิเสเสน จกฺขาทีนํ ปฏุมนฺทภาเวสุ จกฺขุวิฺาณาทโย ตทนุวิธานากาเรเนว ปวตฺตนฺติ, สฺวายมิธ เตสํ ตทธีนวุตฺติตาสิทฺโธ วิเสโสติ. เอวฺหิ ปจฺจยภาวสามฺเ สติปิ อารมฺมณปจฺจยโต นิสฺสยปจฺจยสฺส วิเสโส วิภาวิโต โหติ. สฺวายํ นโย เหฏฺา ปกาสิโตว. ฉฏฺโ ปนาติ เอตฺถ ‘‘รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ ธมฺมานํ กิสฺมิฺจิ กาเล’’ติ อิทํ น ลพฺภติ. ยํ ปเนตฺถ ลพฺภติ ‘‘รูปิโน ธมฺมา เกจี’’ติ, ตตฺถ เต เอว ธมฺเม ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขายตน’’นฺติอาทิ นิทฺทิฏฺํ. ยํ รูปนฺติ หทยวตฺถุํ สนฺธาย วุตฺตํ. อยํ ปน นิสฺสยปจฺจโย เตรสวิโธ. กถํ? สหชาตโต กุสลมูลา ตโย, ตถา อกุสลมูลา, อพฺยากตมูเลสุ ปน ปุเรชาตํ ลพฺภติ. อพฺยากตฺหิ อพฺยากตสฺส สหชาตมฺปิ ปจฺจโย โหติ, ปุเรชาตมฺปิ กุสลสฺส ปุเรชาตเมว, ตถา อกุสลสฺส, กุสลาพฺยากตํ สหชาตปุเรชาตโต กุสลสฺส, สหชาตโต เอว อพฺยากตสฺส, ตถา อกุสลาพฺยากต’’นฺติ เอวํ เตรส.

๖๐๒. ตทธีนวุตฺติตาย อตฺตโน ผเลน นิสฺสิโตติ ยํ กิฺจิ การณํ นิสฺสโยติ วตฺวา ตตฺถ โย ภุโส นิสฺสโย, ตํ อุปนิสฺสโยติ นิทฺธาเรติ. พลวการณภาเวน อุปการโกติ อารมฺมณภาววเสน อนนฺตรํ อนุรูปจิตฺตุปฺปาทนสมตฺถตาวเสน, เกวลฺจ พลวนฺตํ การณํ หุตฺวา อุปการโก. เตนาห ‘‘โส’’ติอาทิ.

ตตฺถ ทานํ ทตฺวาติ เทยฺยธมฺมํ จชิตฺวา. ยาย วา เจตนาย โส ทิยฺยติ, สา เจตนา ทานํ. ทตฺวาติ ตํ เจตนํ ปริโยทเปตฺวา วิสุทฺธํ กตฺวา. สีลํ สมาทิยิตฺวาติ ปฺจงฺคทสงฺคาทิวเสน นิจฺจสีลํ คณฺหิตฺวา. อิมินา สมาทานวิรติเยว ทสฺสิตา, สมฺปตฺตวิรติสมุจฺเฉทวิรติโย ปน โลเก ‘‘สีล’’นฺติ อปากฏตฺตา น วุตฺตา. กิฺจาปิ น วุตฺตา, อารมฺมณปจฺจโย ปน โหนฺติเยว. ตตฺถ สมุจฺเฉทวิรติ เสกฺขานํเยว กุสลสฺส อารมฺมณํ โหติ, น อิตเรสํ. อุโปสถกมฺมนฺติ ‘‘ปาณํ น หเน, น จาทินฺนมาทิเย’’ติ (สุ. นิ. ๔๐๒) เอวํ วุตฺตํ อุโปสถสีลํ. ตํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขตีติ ตํ ยถาวุตฺตํ กุสลํ เสกฺโขปิ ปุถุชฺชโนปิ ปจฺจเวกฺขติ, อรหาปิ ตํ ปจฺจเวกฺขเตว. อรหโตปิ หิ ปุพฺเพ กตํ กุสลํ กุสลเมว. เยน ปน จิตฺเตน ปจฺจเวกฺขติ, ตํ กิริยจิตฺตํ นาม โหติ. ตสฺมา ‘‘กุสโล กุสลสฺสา’’ติ อิมสฺมึ อธิกาเร น ลพฺภติ. ปุพฺเพ สุจิณฺณานีติ ‘‘ทตฺวา กตฺวา’’ติ หิ อาสนฺนกตานิ วุตฺตานิ, อิมินา น อาสนฺนกตานีติ เวทิตพฺพานิ, ทานาทีหิ วา เสสานิ กามาวจรกุสลานิ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ. ฌานา วุฏฺหิตฺวาติ ฌานํ สมาปนฺโน ฌานโต วุฏฺหิตฺวา. ‘‘ฌานํ วุฏฺหิตฺวา’’ติปิ ปาฬิ. เสกฺขา โคตฺรภุนฺติ โสตาปนฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ. โส หิ โคตฺรภุํ ปจฺจเวกฺขติ. ‘‘โวทาน’’นฺติ อิทํ ปน สกทาคามิอนาคามิโน สนฺธาย วุตฺตํ. เตสฺหิ ตํ จิตฺตํ โวทานํ นาม โหติ. เสกฺขาติ โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิโน . มคฺคา วุฏฺหิตฺวาติ มคฺคผลภวงฺคาติกฺกมวเสน อตฺตนา ปฏิลทฺธมคฺคา วุฏฺหิตฺวา, สุทฺธมคฺคโตเยว ปน วุฏฺาย ปจฺจเวกฺขณํ นาม นตฺถิ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘กุสลํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๔) เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ. ยทิปิ นานตฺตํ อกตฺวาว วิภตฺโต, ตถาปิ อิทมฺปิ อารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยานํ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

เนสํ จิตฺตเจตสิกานํ อนนฺตรปจฺจยอนนฺตรูปนิสฺสยานํ นิกฺเขปวิเสโส อตฺถิ. ยสฺมา ปุริโม อพฺยากตธมฺมวเสน ปวตฺโต, อิตโร กุสลาทิวเสนปีติ โสปิ นิกฺเขปวิเสโส อตฺถโต เอกีภาวเมว คจฺฉติ สพฺเพสุปิ จิตฺตุปฺปาเทสุ ตทุภยสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา. เอวํ สนฺเตปีติอาทิ อนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยานํ วิเสสทสฺสนํ. ยถา หีติอาทิ อนนฺตรูปนิสฺสยสฺส สมฺภวทสฺสนํ.

ปกโตติ เอตฺถ -กาโร อุปสคฺโค, โส อตฺตโน ผลสฺส อุปฺปาทนสมตฺถภาเวน สุฏฺุกตตํ ทีเปติ. ตถา จ กตํ อตฺตโน สนฺตาเน กตํ โหตีติ อาห ‘‘อตฺตโน สนฺตาเน’’ติอาทิ. กรณฺจ ทุวิธํ นิปฺผาทนํ, อุปเสวนฺจาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิปฺผาทิโต วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ นิปฺผาทนํ เหตุปจฺจยสโมธาเนน ผลสฺส นิพฺพตฺตนํ. อุปเสวนํ ปน กาเย อลฺลียาปนวเสน อุปโยคูปเสวนํ, วิชานนสฺชานนาทีนํ วเสน อารมฺมณูปเสวนฺจ. เตเนว อนาคตานมฺปิ อุตุสมฺปทาทีนํ อารมฺมณูปเสวเนน อุปเสวิตานํ ปกตูปนิสฺสยตา วุตฺตา โหติ, ปเคว อตีตปจฺจุปฺปนฺนานํ. ปจฺจุปฺปนฺนสฺสาปิ หิ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนํ อุตุโภชนํ เสนาสนํ อุปนิสฺสาย ฌานํ อุปฺปาเทตี’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๒.๑๘.๘) ปกตูปนิสฺสยภาโว ลพฺภตีติ. ปกติยา เอวาติ ปจฺจยนฺตรสงฺกรรหิเตน อตฺตโน สภาเวเนว. อุปนิสฺสโยติ พลวการณํ กตฺวา. อเนกปฺปการโต ปเภโท เวทิตพฺโพ ปฺหาวาเร อาคตนเยน. ปจฺจยวาเร ปน –

‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย, ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ เกสฺจิ, กุสลา อพฺยากตานํ, อกุสลา อกุสลานํ, กุสลานํ เกสฺจิ, อกุสลา อพฺยากตานํ, อพฺยากตา อพฺยากตานํ, อพฺยากตา กุสลานํ, อพฺยากตา อกุสลานํ , ปุคฺคโลปิ, เสนาสนมฺปิ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๙).

ตตฺถ เย ปุริมา เยสํ ปจฺฉิมานํ อนนฺตรูปนิสฺสโย โหนฺติ, เต เตสํ สพฺเพสมฺปิ เอกนฺเตเนว โหนฺติ, น เกสฺจิ กทาจิ. ตสฺมา เยสุ ปเทสุ อนนฺตรูปนิสฺสโย ลพฺภติ, เตสุ ‘‘เกสฺจี’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ น วุตฺตํ. เย ปน ปุริมา เยสํ ปจฺฉิมานํ อารมฺมณูปนิสฺสโย วา ปกตูปนิสฺสโย วา โหนฺติ, เต เตสํ, น สพฺเพสํ เอกนฺเตน โหนฺติ. เยสํ อุปฺปตฺติวิพนฺธกา ปจฺจยา พลวนฺโต โหนฺติ, เตสํ น ภวนฺติ, อิตเรสํ ภวนฺติ. ตสฺมา เยสุ ปเทสุ อนนฺตรปจฺจโย น ลพฺภติ, เตสุ ‘‘เกสฺจี’’ติ วุตฺตํ. สิทฺธานํ ปจฺจยธมฺมานํ เยหิ ปจฺจยุปฺปนฺเนหิ ภวิตพฺพํ, เตสํ ‘‘เกสฺจี’’ติ อยเมตฺถ อตฺโถ.

กสิณปฺตฺติยา อารมฺมณูปนิสฺสยตาภาวโต เอกจฺจาย ปฺตฺติยา สทฺธึ สพฺโพ ธมฺโม อารมฺมณูปนิสฺสโย, อนนฺตราตีโต จิตฺตเจตสิกราสิ อนนฺตรูปนิสฺสโย, กุสลากุสลวิปากกิริยารูปวเสน ปฺจวิโธ ปกตูปนิสฺสโยติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน ปฏฺานฏฺกถายํ เวทิตพฺโพ.

๖๐๓. ปมตรนฺติ ปจฺจยุปฺปนฺนโต ปุเรตรํ. อยฺหิ ปุเรชาตปจฺจโย รูปธมฺมวเสเนว ลพฺภติ. ปจฺจยุปฺปนฺโน จ อรูปธมฺมาเยว. เตนาห ‘‘วตฺตมานภาเวน อุปการโก’’ติ. นิสฺสยารมฺมณาการาทีหิ วิสิฏฺา ปุเรชาตภาเวน วินา อุปการกภาวํ อคจฺฉนฺตานํ วตฺถารมฺมณานํ ปุเรชาตากาเรน อุปการกตา ปุเรชาตปจฺจยตา. เอวํ วตฺถารมฺมณวเสน ทุวิเธ ปุเรชาตปจฺจเย ‘‘จกฺขายตน’’นฺติอาทิ วตฺถุวเสน วุตฺตํ, ‘‘รูปารมฺมณ’’นฺติอาทิ อารมฺมณวเสน.

ยํ รูปนฺติ หทยวตฺถุํ สนฺธายาห. ตตฺถ ‘‘กิฺจิ กาเล’’ติ ปวตฺติกาลวเสน วุตฺตํ. ‘‘กิฺจิ กาเลน’’ อิติ ปฏิสนฺธิกาลวเสน. ยานิ อารมฺมณปุเรชาเตน วินา น วตฺตนฺติ, เตสํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อารมฺมณปุเรชาตทสฺสเนน มโนทฺวาเรปิ ยํ ยํ อารมฺมณปุเรชาเตน วตฺตติ, ตสฺส ตสฺส อารมฺมณปจฺจยภูตํ สพฺพํ รูปรูปํ อารมฺมณปุเรชาตนฺติ ทสฺสิตเมว โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ ปฺหาวาเร ‘‘อารมฺมณปุเรชาตํ เสกฺขา วา ปุถุชฺชนา วา จกฺขุํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺตี’’ติอาทิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๔). ‘‘อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส ธมฺมสฺส ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, อพฺยากโต ธมฺโม กุสลสฺส ธมฺมสฺส ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, อพฺยากโต ธมฺโม อกุสลสฺส ธมฺมสฺส ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๔) อพฺยากตมูลกา ตโยว วารา. เต จ ปจฺเจกํ วตฺถุปุเรชาตํ, อารมฺมณปุเรชาตนฺติ ทฺวิธา วิภตฺตา.

๖๐๔. ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสฺส ปุเรตรํ สิทฺธภาเว สติ ปจฺจยธมฺมสฺส ปจฺฉาชาตตาติ วุตฺตํ ‘‘ปุเรชาตาน’’นฺติ. อยฺจ นโย รูปธมฺเมสุ เอว ลพฺภติ, น อรูปธมฺเมสูติ วุตฺตํ ‘‘รูปธมฺมาน’’นฺติ. ยทิ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมา ปุเรตรเมว ชาตา, กถํ ปจฺจยภาโวติ อาห ‘‘อุปถมฺภกตฺเตนา’’ติ. ปจฺฉาชาเตน หิ วินา สนฺตานาวิจฺเฉทเหตุภาวํ อคจฺฉนฺตานํ ธมฺมานํ เย ปจฺฉาชาตากาเรน อุปการกา, เตสํ สา วิปฺปยุตฺตาการาทีหิ วิสิฏฺา อุปการกตา ปจฺฉาชาตปจฺจยตา. เอวํ สพฺพปจฺจยานํ ปจฺจยนฺตราการวิสิฏฺา อุปการกตา โยเชตพฺพา. ‘‘คิชฺฌโปตกสรีรานํ อาหาราสาเจตนา วิยา’’ติ เอเตน มโนสฺเจตนาหารวเสน ปวตฺตมาเนหิ อรูปธมฺเมหิ รูปกายสฺส อุปตฺถมฺภิตภาวํ ทสฺเสติ. เตเนว ‘‘อาหาราสา วิยา’’ติ อวตฺวา เจตนาคฺคหณํ กตํ. กายสฺสาติ จตุสมุฏฺานิกภูตุปาทายรูปสงฺขาตสฺส รูปกายสฺส. สงฺเขปโต เปตฺวา รูปธมฺเม อวิสิฏฺโ อรูปกฺขนฺโธ ปจฺฉาชาตปจฺจโย. โส ชาติวเสน กุสโล, อกุสโล, วิปาโก, กิริยาติ จตุพฺพิโธติ เวทิตพฺพํ.

๖๐๕. กุสลาทิภาเวน อตฺตนา สทิสสฺส ปโยเคน กรณียสฺส ปุนปฺปุนํ กรณํ ปวตฺตนํ อาเสวนฏฺโ, อตฺตสทิสสภาวตาปาทนํ วาสนํ วา. ปุริมปุริมาภิโยโค วิยาติ อุคฺคหณสวนธารณาทิปุริมาปุริมาเสวนา วิย. ตีสุ ปน เอเตสุ ปุริมา ปุริมาติ สมนนฺตราตีตา ทฏฺพฺพา. กสฺมา ปเนตฺถ อนนฺตรปจฺจเย วิย ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ อพฺยากตาน’’นฺติอาทินา ภินฺนชาติเยหิ สทฺธึ นิทฺเทโส น กโตติ? อตฺตโน คตึ คาเหตุํ อสมตฺถตฺตา. ภินฺนชาติกา หิ ภินฺนชาติกานํ อาเสวนคุเณน ปคุณพลวภาวํ สมฺปาเทนฺตา อตฺตโนว กุสลาทิภาวสงฺขาตํ คตึ คาเหตุํ น สกฺกุณนฺติ. ตสฺมา เตหิ สทฺธึ นิทฺเทสํ อกตฺวา เย เยสํ วาสนาสงฺขาเตน อาเสวนคุเณน ปคุณพลวภาววิสิฏฺํ อตฺตโน กุสลาทิภาวสงฺขาตํ คตึ คาเหตุํ สมตฺถา, เตสํ เตหิ สมานชาติเกเหว สทฺธึ นิทฺเทโส กโตติ ทฏฺพฺโพ.

อถ วิปากาพฺยากตํ กสฺมา น คหิตํ? อาเสวนาภาวโต. วิปากาพฺยากตฺหิ กมฺมวเสน วิปากภาวปฺปตฺตํ กมฺมปริณามิตํ หุตฺวา ปวตฺตมานํ นิรุสฺสาหํ ทุพฺพลํ สนฺตํ อาเสวนคุเณน อตฺตโน สภาวํ คาเหตฺวา ปริภาเวตฺวา เนว อฺํ วิปากํ ปวตฺเตติ, น จ ปุริมวิปากานุภาวํ คเหตฺวา อุปฺปชฺชติ, อถ โข กมฺมเวคกฺขิตฺตํ ปติตํ วิย หุตฺวา อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา สพฺพถาปิ วิปาเก อาเสวนา นตฺถีติ น คหิตํ. กุสลากุสลกิริยานนฺตรํ อุปฺปชฺชมานมฺปิ สกมฺมปฏิพทฺธวุตฺติตาย อาเสวนคุณํ น คณฺหาตีติ กุสลาทโยปิ ตสฺส อาเสวนปจฺจโย น โหนฺติ. นานาชาติกตฺตาปิ เจเต ตสฺส อาเสวนาธานํ น กโรนฺเตว. ภูมิโต, ปน อารมฺมณโต วา นานาชาติกตา นาม นตฺถีติ ปริตฺตกุสลกิริยา มหคฺคตกุสลกิริยานํ, สงฺขารารมฺมณฺจ กุสลํ นิพฺพานารมฺมณสฺส อาเสวนปจฺจโย โหติเยว. สฺวายํ ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๖) ติธาว วุตฺโต. อพฺยากตคฺคหเณน อาวชฺชนวชฺชิตา กิริยธมฺมา คหิตา.

๖๐๖. จิตฺตปโยโค จิตฺตกิริยา, อายูหนนฺติ อตฺโถ. ยถา หิ กายวจีปโยโค วิฺตฺติ, เอวํ จิตฺตปโยโค เจตนา. เตน หิ สา อุปฺปนฺนกิริยตาวิสิฏฺเ สนฺตาเน เสสปจฺจยสมาคเม ปวตฺตมานานํ วิปากกฏตฺตารูปานมฺปิ เตเนว สนฺตานวิเสเสน กิริยาภาเวน อุปการิกา โหติ. ตสฺส หิ กิริยาภาวสฺส ปวตฺตตฺตา เตสํ ปวตฺติ, น อฺถา. สหชาตานํ ปน อายูหนกิริยาภาเวน ปวตฺตมานา อุปการิกาติ กึ วตฺตพฺพํ. กมฺมนฺติ จ เจตนากมฺมเมว อธิปฺเปตํ. น หิ เจตนาสมฺปยุตฺตํ กมฺมํ อภิชฺฌาทิ กมฺมปจฺจโย โหติ. สติปิ วิปากธมฺมภาเว เจตนาวชฺชานํ อตํสภาวตฺตา วิปากาปิ เจตนา สหชาตกมฺมปจฺจโย โหติเยว, สฺวายํ กมฺมปจฺจโย ชาติวเสน จตุพฺพิโธติ สพฺพํ วตฺตพฺพํ.

๖๐๗. ‘‘นิรุสฺสาหสนฺตภาเวนา’’ติ เอเตน สอุสฺสาเหหิ วิปากธมฺมธมฺเมหิ กุสลากุสเลหิ สารมฺมณาทิภาเวน สทิสานมฺปิ อสทิสํ วิปากภาวํ ทสฺเสติ. โส หิ วิปากานํ ปโยเคน อสาเธตพฺพตาย ปโยเคน, อฺถา วา เสสปจฺจเยสุ สิทฺเธสุ กมฺมสฺส กฏตฺตา เอว สิชฺฌนโต นิรุสฺสาโห สนฺตภาโว โหติ, น กิเลสวูปสนฺตภาโว. ตถาสนฺตภาวโต เอว หิ ภวงฺคาทโย ทุวิฺเยฺยา. ปฺจทฺวาเรปิ หิ ชวนปฺปวตฺติยา รูปาทีนํ คหิตตา วิฺายติ, อภินิปาตสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณมตฺตา ปน วิปากา ทุวิฺเยฺยา เอว. นิรุสฺสาหสนฺตภาวายาติ นิรุสฺสาหสนฺตภาวตฺถาย. เอเตน ตปฺปจฺจยวนฺตานํ อวิปากานมฺปิ รูปธมฺมานํ วิปากานุกูลํ ปวตฺตึ ทสฺเสติ. ปวตฺเตติอาทิ ปฺหาวารนยํ คเหตฺวา วุตฺตํ. ปฏิจฺจวาเร ปน ‘‘วิปากา จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อฺมฺํ วิปากปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๑๔) อาคตา. เอตฺถ จ เยสํ เอกนฺเตน วิปาโก วิปากปจฺจโย โหติ, เตสํ วเสน นยทสฺสนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ อารุปฺเป กามรูปภูมีสุ วิย วิปาโก รูปสฺส ปจฺจโย โหติ.

๖๐๘. สติปิ ชนกภาเว อุปตฺถมฺภกตฺตํ อาหารานํ ปธานกิจฺจนฺติ อาห ‘‘รูปารูปานํ อุปตฺถมฺภกตฺเตนา’’ติ. อุปตฺถมฺภกตฺตฺหิ สติปิ ชนกตฺเต อรูปีนํ อาหารานํ, อาหารชรูปสมุฏฺาปกรูปาหารสฺส จ โหติ. อสติปิ จตุสมุฏฺานิกรูปูปตฺถมฺภกรูปาหารสฺส, อสติ ปน อุปตฺถมฺภกตฺเต อาหารานํ ชนกตฺตํ นตฺถีติ อุปตฺถมฺภกตฺตํ ปธานํ. อถ วา ชนยมาโนปิ อาหาโร อวิจฺเฉทวเสน อุปตฺถมฺเภนฺโต ชเนตีติ อุปตฺถมฺภนภาโว เอว อาหารภาโวติ ‘‘อุปตฺถมฺภกตฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘รูปาหาโร อตฺตนา ชนิตสฺส อาหารปจฺจโย น โหติ, อฺเน ชนิตสฺส โหติ, ตสฺมา ‘อุปตฺถมฺภกตฺเตนา’ติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตํ ‘‘อาหาโร รูปสฺส ปจฺจโย โหนฺโต อาหารปจฺจโย น โหตีติ วิรุทฺธเมต’’นฺติ อปเร นานุชานนฺติ. รูปาหาโร เจตฺถ รูปธมฺมานํ เอว อาหารปจฺจโย โหติ. อรูปาหารา ปน รูปธมฺมานมฺปิ อาหารปจฺจโย โหนฺติ. ตฺจ โข น เกวลํ จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานเมว, อถ โข กทาจิ กฏตฺตารูปานมฺปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺหาวาเร ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

๖๐๙. อธิปติยฏฺเนาติ เอตฺถ น อธิปติปจฺจยธมฺมานํ วิย ปวตฺตินิวารเก อภิภวิตฺวา ปวตฺตเนน ครุภาโว อธิปติยฏฺโ, อถ โข ทสฺสนาทิกิจฺเจสุ จกฺขุวิฺาณาทีหิ, ชีวเน กมฺมชรูเปหิ อรูปธมฺเมหิ จ ชีวนฺเตหิ, มนเน สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ, สุขิตาทิภาเว สุขิตาทีหิ, อธิโมกฺขปคฺคหูปฏฺานาวิกฺเขปปชานเนสุ, ‘‘อนฺาตํ สฺสามี’’ติ ปวตฺติยํ อาชานเน, อฺาตาวิภาเว จ สทฺธาทิสหชาเตหีติ เอวํ ตํตํกิจฺเจสุ จกฺขาทิปจฺจเยหิ ธมฺเมหิ จกฺขาทีนํ อนุวตฺตนียตา. เตสุ หิ กิจฺเจสุ จกฺขาทีนํ อิสฺสริยํ, ตปฺปจฺจยานฺจ ตทนุวตฺตเนน ตตฺถ ปวตฺติ. กสฺมา ปเนตฺถ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยทฺวยํ น คหิตํ, นนุ เจตมฺปิ ลิงฺคาทีหิ อนุวตฺตียตีติ? สจฺจํ อนุวตฺตียติ, น ปน ปจฺจยภาวโต. ยถา หิ ชีวิตาหารา เยสํ ปจฺจยา โหนฺติ, เตสํ อนุปาลกอุปตฺถมฺภกา , อตฺถิอวิคตปจฺจยภูตา จ โหนฺติ, น เอวํ อิตฺถิปุริสภาวา ลิงฺคาทีนํ เกนจิ ปกาเรน อุปการกา โหนฺติ. ยโต ปจฺจยา สิยุํ, เกวลํ ปน ยถาสเกหิ เอว ปจฺจเยหิ ปวตฺตมานานํ ลิงฺคาทีนํ ยถา อิตฺถิอาทิคฺคหณสฺส ปจฺจยภาโว โหติ, ตโต อฺเนากาเรน ตํสหิตสนฺตาเน อปฺปวตฺติโต ลิงฺคาทีหิ อนุวตฺตนียตา, อินฺทฺริยตา จ เตสํ วุจฺจติ. ตสฺมา น เตสํ อินฺทฺริยปจฺจยภาโว วุตฺโต. จกฺขาทโย อรูปธมฺมานํเยวาติ เอตฺถ สุขินฺทฺริยทุกฺขินฺทฺริยานิปิ จกฺขาทิคฺคหเณน คหิตานีติ ทฏฺพฺพานิ.

๖๑๐. ลกฺขณารมฺมณูปนิชฺฌานภูตานํ วิตกฺกาทีนํ วิตกฺกนาทิวเสน อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา นิชฺฌานํ เปกฺขนํ, จินฺตนํ วา วิตกฺกาทีนํเยว อาเวณิโก พฺยาปาโร อุปนิชฺฌายนฏฺโ. ‘‘เปตฺวา ทฺวิปฺจวิฺาเณ สุขทุกฺขเวทนาทฺวย’’นฺติ วตฺวาปิ ‘‘สตฺต ฌานงฺคานี’’ติ วจเนน อฌานงฺคานํ อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตานํ นิวตฺตนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ ‘‘สตฺต ฌานงฺคานี’’ติ เอเตเนว สิทฺเธ ‘‘เปตฺวา สุขทุกฺขเวทนาทฺวย’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ? เวทนาเภเทสุ ปฺจสุ สุขทุกฺขทฺวยสฺส เอกนฺเตน อฌานงฺคภาวทสฺสนตฺถํ ฌานงฺคฏฺาเน นิทฺทิฏฺตฺตา, สติปิ วา ฌานงฺคโวหาเร เวทนาเภททฺวยสฺส เอกนฺเตน ฌานปจฺจยตฺตาภาวทสฺสนตฺถํ. อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตานํ ปน ยทิปิ ฌานปจฺจยตฺตาภาโว อตฺถิ, นฌานปจฺจยภาโว ปน นตฺถีติ สพฺพานิปิ สตฺต ฌานงฺคานีติ เอตฺถ คหณํ กตํ. ตตฺถ ‘‘สพฺพานิปี’’ติ วจนํ สพฺพกุสลาทิเภทสงฺคณฺหนตฺถํ, น ปน สพฺพจิตฺตุปฺปาทคตสงฺคณฺหนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. เยสํ ปน ‘‘เปตฺวา ทฺวิปฺจวิฺาเณ เวทนาตฺตย’’นฺติ ปาโ, เตสํ ยถาวุตฺโต วิจาโร จิตฺเตกคฺคตาวเสเนว เวทิตพฺโพ.

๖๑๑. ยโต ตโต วาติ สมฺมา วา มิจฺฉา วาติ อตฺโถ. ปฺหาวาเร ปนาติอาทิ ยทิปิ ปจฺจยนิทฺเทเส ตํสมุฏฺานคฺคหเณน โส อตฺโถ าปิโต เอว, ปฺหาวาเร ปน สรูเปเนว คหิโตติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เอเต ปน ทฺเวปิ…เป… น ลพฺภนฺติ ‘‘ยถาสงฺขฺย’’นฺติ วจนเสโส เวทิตพฺโพ. ปฏฺานฏฺกถายํ ปน ‘‘ทฺเวปิ ฌานมคฺคปจฺจยา อเหตุกจิตฺเตสุ น ลพฺภนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เตนสฺส กถมวิโรโธติ? อธิปฺปายวเสน . อยฺหิ ตตฺถ อธิปฺปาโย – อเหตุกจิตฺเตสุ เอว ฌานมคฺคปจฺจยา น ลพฺภนฺติ, น สเหตุกจิตฺเตสูติ สเหตุกจิตฺเตสุ อลาภาภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น อเหตุกจิตฺเตสุ ลาภาภาวทสฺสนตฺถนฺติ. เอวฺหิ อตฺเถ คยฺหมาเน อเหตุกจิตฺเตสุ กตฺถจิ กสฺสจิ ลาโภ น นิวาริโตติ วิฺายติ. เตน สวิตกฺกาเหตุกจิตฺเตสุ ฌานปจฺจยสฺส สมฺภโว อนุฺาโต โหติ. ตตฺถ หิ เยน อลาเภน ธมฺมสงฺคณิยํ มโนธาตุอาทีนํ สงฺคหสุฺตวาเรสุ ฌานํ น อุทฺธฏํ, ตํ อลาภํ สนฺธาย ฌานปจฺจยสฺสปิ อเหตุกจิตฺเตสุ อลาโภ วุตฺโต. ยถา หิ สเหตุกจิตฺตุปฺปาเทสุ วิตกฺกาทีนํ สหชาเต สงฺกฑฺฒิตฺวา เอกตฺตคตภาวกรณํ อุปนิชฺฌายนพฺยาปาโร พลวา, น ตถา อเหตุกจิตฺตุปฺปาเทสูติ. อิธ ปน ทุพฺพลมฺปิ อุปนิชฺฌายนํ ยทิ กิฺจิมตฺตมฺปิ อตฺถิ, น เตน อุปการกตา น โหตีติ สวิตกฺกาเหตุกจิตฺเตสุปิ ฌานปจฺจยํ อนุชานนฺเตน ‘‘เอเต ปน ทฺเวปิ ฌานมคฺคปจฺจยา ทฺวิปฺจวิฺาณาเหตุกจิตฺเตสุ น ลพฺภนฺตี’’ติ (ปฏฺา. อฏฺ. ปจฺจยุทฺเทสวณฺณนา) วุตฺตํ. ปจฺจยกถา นาม สมนฺตปฏฺานนิสฺสิตา, น ธมฺมสงฺคณีนิสฺสิตาติ.

๖๑๒. สมํ อวิสมํ, สมฺมา, สห วา ปกาเรหิ ยุตฺตตาย เอกีภาวูปคเมน วิย อุปการกตา สมฺปยุตฺตปจฺจยตา. กา ปน สา ปกาเรหิ ยุตฺตตาติ อาห ‘‘เอกวตฺถุกเอการมฺมณเอกุปฺปาเทกนิโรธสงฺขาเตนา’’ติ. ตตฺถ เย เอกวตฺถุกา, เต สมฺปยุตฺตาติ เอตฺตเก วุจฺจมาเน อวินิพฺโภครูเปสุ เอกํ มหาภูตํ เสสมหาภูตุปาทารูปานํ นิสฺสยปจฺจโย โหติ, เตน ตานิ เอกวตฺถุกานิ, จกฺขาทินิสฺสยภูตานิ วา ภูตานิ เอกํ วตฺถุ เอเตสุ นิสฺสิตนฺติ เอกวตฺถุกานีติ กปฺเปนฺตสฺส เตสํ สมฺปยุตฺตตาปตฺติ สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ เอการมฺมณคฺคหณํ. เย เอกวตฺถุกา, เอการมฺมณา จ, เต สมฺปยุตฺตาติ เอวมฺปิ จุติอาสนฺนานํ สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณาทีนํ สมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ เอกุปฺปาทคฺคหณํ. เย เอกวตฺถุเกการมฺมเณกุปฺปาทา, เต สมฺปยุตฺตาติ กึ ปน นานานิโรธาปิ เอวํติวิธลกฺขณา โหนฺติ, อุทาหุ เอกนิโรธา เอวาติ วิจารณายํ เอกนิโรธา เอว เอวํลกฺขณา โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เอกนิโรธา’’ติ วุตฺตํ.

ปฏิโลมโต วา เอกนิโรธา สมฺปยุตฺตาติ วุจฺจมาเน เอกสฺมึ ขเณ นิรุชฺฌมานานํ รูปารูปธมฺมานํ สมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ ‘‘เอกุปฺปาทา’’ติ วุตฺตํ. เอวมฺปิ อวินิพฺโภครูปานํ อตฺถิ เอกุปฺปาเทกนิโรธตาติ เตสมฺปิ สมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ เอการมฺมณคฺคหณํ. เย เอการมฺมณา หุตฺวา เอกุปฺปาเทกนิโรธา, เต สมฺปยุตฺตาติ อยฺจ นโย เอกวตฺถุเกสุ เอว ลพฺภติ, น นานาวตฺถุเกสูติ ทสฺสนตฺถํ เอกวตฺถุกคฺคหณํ. เย เอกวตฺถุเกการมฺมเณกุปฺปาเทกนิโรธา, เต สมฺปยุตฺตาติ ปฺจโวการภวาเปกฺขาย เจตํ เอกวตฺถุกคฺคหณํ. อารุปฺเป ปน วตฺถุเยว นตฺถีติ กุโต เอกวตฺถุกคฺคหณสฺส อวสโร.

๖๑๓. อฺมฺํ สมฺพนฺธตาย ยุตฺตานมฺปิ สมานานํ วิปฺปยุตฺตภาเวน วิสํสฏฺตาย นานตฺตูปคเมน อุปการกตา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา. อยฺจ วิปฺปยุตฺตตา น สมฺปยุตฺตปจฺจยตาย วิย อฺมฺํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมวเสน คเหตพฺพา, อถ โข วิสุํเยว. ตตฺถ หิ อรูปธมฺมานํ สมานชาติยตาย สมธุรํ, อิธ รูปารูปธมฺมานํ วิชาติยตาย วิธุรํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยุตฺตานมฺปิ…เป… วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา’’ติ. น หิ วตฺถุสหชาตปจฺฉาชาตวเสน อยุตฺตานํ รูปาทีนํ อารมฺมณาทิภาเวน อุปการกานํ วิปฺปยุตฺตานมฺปิ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา อตฺถิ. ยถา หิ ‘‘วตฺถุ ขนฺธานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย, สหชาตา กุสลา ขนฺธา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ, ปจฺฉาชาตา กุสลา ขนฺธา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๔) วตฺถุนา, สหชาตปจฺฉาชาตวเสน จ ยุตฺตานํ อตฺถิ วิปฺปยุตฺตปจฺจยภาโว, น เอวํ อยุตฺตานํ อตฺถีติ. ยทิ เอวํ รูปานํ รูเปหิ กสฺมา วิปฺปยุตฺตปจฺจโย น วุตฺโตติ? รูปานํ รูเปหิ สติปิ อวินิพฺโภเค สมฺปโยโค วิย วิปฺปโยโค (ธาตุ. ๓) นตฺถีติ น เตสํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา. วุตฺตฺหิ ‘‘จตูหิ สมฺปโยโค, จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ. สมฺปยุชฺชมานานฺหิ อรูปานํ รูเปหิ, รูปานฺจ เตหิ สิยา สมฺปโยคาสงฺกาติ เตสํ อฺมฺํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา วุตฺตา. รูปานํ ปน รูเปหิ สมฺปโยโค นตฺถีติ น เตสํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา วุตฺตา.

รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ ธมฺมานํ, อรูปิโนปิ รูปีนนฺติ เอตฺถ อรูปคฺคหณํ จตุนฺนํ ขนฺธานํ วเสน เวทิตพฺพํ. อรูปธมฺเมสุ หิ จตฺตาโร เอว ขนฺธา สหชาตปุเรชาตานํ รูปธมฺมานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยา โหนฺติ. นิพฺพานํ ปน ยถา อรูปธมฺมานํ สมฺปยุตฺตปจฺจโย น โหติ, เอวํ รูปธมฺมานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจโย น โหติ. ‘‘จตูหิ สมฺปโยโค, จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ (ธาตุ. ๓) หิ วุตฺตํ. ตสฺมา อรูปธมฺเมสุ จตุนฺนํ ขนฺธานเมว วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา. วุตฺตฺจ ปฺหาวาเร ‘‘สหชาตา กุสลา ขนฺธา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๔). รูปิโน ธมฺมาติ เจตํ หทยวตฺถุโน เจว จกฺขาทีนฺจ วเสน เวทิตพฺพํ. รูปธมฺเมสุ หิ ฉ วตฺถูนิเยว อรูปกฺขนฺธานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจโย. รูปายตนาทโย ปน อารมฺมณธมฺมา กิฺจาปิ วิปฺปยุตฺตธมฺมา, วิปฺปยุตฺตปจฺจโย ปน น โหนฺติ. กึ การณา? สมฺปโยคาสงฺกาภาวโต. อรูปกฺขนฺธา หิ จกฺขาทีนํ วตฺถูนํ อพฺภนฺตรโต นิกฺขมนฺตา วิย อุปฺปชฺชนฺตีติ สิยา ตตฺถ อาสงฺกา ‘‘กึ นุ โข อิเม อิเมหิ สมฺปยุตฺตา, อุทาหุ วิปฺปยุตฺตา’’ติ? อารมฺมณธมฺมา ปน วตฺถุสนฺนิสฺสเยน อุปฺปชฺชมานานํ อารมฺมณมตฺตํ โหนฺตีติ นตฺถิ เตสุ สมฺปโยคาสงฺกาติ น เต วิปฺปยุตฺตา. สมฺปโยคาสงฺกาสพฺภาวโต วตฺถูนิเยว วิปฺปยุตฺตปจฺจยา โหนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ปฺหาวาเร ‘‘วตฺถุ กุสลานํ ขนฺธานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย, วตฺถุ อกุสลานํ ขนฺธานํ, จกฺขายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา’’ติอาทิ. สฺวายํ วิปฺปยุตฺตปจฺจโย ‘‘สหชาตปจฺฉาชาตโต กุสเลน อพฺยากตํ, ตถา อกุสเลน อพฺยากตํ, สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตโต อพฺยากเตน อพฺยากตํ, วตฺถุปุเรชาตโต อพฺยากเตน กุสลํ, ตถา อกุสลนฺติ กุสลมูลเมกํ, อกุสลมูลเมกํ, อพฺยากตมูลานิ ตีณี’’ติ ปฺจวิโธ เวทิตพฺโพ.

๖๑๔. ปจฺจุปฺปนฺนลกฺขเณนาติ ปจฺจุปฺปนฺนสภาเวน. เตน ‘‘อตฺถิ เม ปาปกมฺมํ กตํ, อตฺถิ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน’’ติ (ปุ. ป. จตุกฺกอุทฺเทส ๒๔) จ เอวมาทีสุ วุตฺตํ นิพฺพตฺติตูปลพฺภมานตาลกฺขณํ อตฺถิภาวํ นิวาเรติ. สติปิ ชนกตฺเต อุปตฺถมฺภกตฺตปฺปธานา อตฺถิภาเวน อุปการกตาติ อาห ‘‘อุปตฺถมฺภกตฺเตนา’’ติ. อิทฺจ อุปตฺถมฺภกตฺตํ วตฺถารมฺมณสหชาตาทีนํ สาธารณํ อตฺถิภาเวน อุปการกตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘สตฺตธา มาติกา นิกฺขิตฺตา’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา เอว ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน’’ติอาทินา สหชาตวเสน อตฺถิปจฺจโยทสฺสิโต , ‘‘จกฺขายตน’’นฺติอาทินา ปุเรชาตวเสน, ‘‘ยํ รูปํ นิสฺสายา’’ติอาทินา สหชาตปุเรชาตวเสน. เอวมยํ ปาโ สหชาตปุเรชาตอตฺถิปจฺจยวเสเนว อาคโต.

อฺตฺถ ปน ตโต อฺถาปิ อาคโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺหาวาเร ปนา’’ติอาทิมาห. ตํ เตน ปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยวเสนาปิ อตฺถิปจฺจยตฺตํ วิภาเวติ. ปุริมปาเ ปน สาวเสสา เทสนา กตาติ เวทิตพฺพํ. สติ จ เยสํ ปจฺจยา โหนฺติ, เตหิ เอกโต, ปุเรตรํ, ปจฺฉา จ อุปฺปนฺนภาเว สหชาตาทิปจฺจยตฺตาภาวโต อาหาโร, อินฺทฺริยฺจ สหชาตาทิเภทํ น ลภนฺติ, ตทภาโว จ เตสํ ธมฺมสภาววเสน ทฏฺพฺโพ. สฺวายํ อตฺถิปจฺจโย ‘‘สหชาตโต กุสเลน กุสลํ, สหชาตปจฺฉาชาตโต กุสเลน อพฺยากตํ, สหชาตโต เอว กุสเลน กุสลาพฺยากตนฺติ กุสลมูลา ตโย, ตถา อกุสลมูลา. สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยโต ปน อพฺยากเตน อพฺยากตํ, วตฺถารมฺมณปุเรชาตโต อพฺยากเตน กุสลํ, ตถา อกุสลํ. สหชาตปุเรชาตโต กุสลฺจ อพฺยากตฺจ กุสลสฺส, สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยโต กุสลฺจ อพฺยากตฺจ อพฺยากตสฺส, สหชาตปุเรชาตโต อกุสลฺจ อพฺยากตฺจ อกุสลสฺส, สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยโต อกุสลฺจ อพฺยากตฺจ อพฺยากตสฺสา’’ติ เอวํ เตรสวิโธ. สงฺเขเปน กุสลากุสลวิปากกิริยรูปวเสน ปฺจวิโธ อตฺถิปจฺจโย, น นิพฺพานํ. โย หิ อตฺถิภาวาภาเวน อนุปการโก อตฺถิภาวํ ลภิตฺวา อุปการโก โหติ, โส อตฺถิปจฺจโย โหติ. นิพฺพานฺจ นิพฺพานารมฺมณานํ น อตฺตโน อตฺถิภาวาภาเวน อนุปการกํ หุตฺวา อตฺถิภาวลาเภน อุปการกํ โหตีติ, อุปฺปาทาทิยุตฺตานํ วา นตฺถิภาโวปการกตาวิรุทฺโธ อุปการกภาโว อตฺถิปจฺจยตาติ, น นิพฺพานํ อตฺถิปจฺจโย โหติ.

๖๑๕. อารมฺมเณ ผุสนาทิวเสน ปวตฺตมานานํ ผสฺสาทีนํ อเนเกสํ สหภาโว นตฺถีติ เอกสฺมึ ผสฺสาทิสมุทาเย สติ ทุติโย น โหติ, อสติ ปน โหตีติ เตน นตฺถิภาเวน อุปการกตา นตฺถิปจฺจยตา. สติปิ ปุริมตรจิตฺตานํ นตฺถิภาเว น เตน ตานิ นตฺถิภาเวน อุปการกานิ, อนนฺตรเมว ปน อตฺตโน อตฺถิภาเวน ปวตฺติโอกาสํ อลภมานํ นตฺถิภาเวน โอกาสํ ททมานํ วิย อุปการกํ โหตีติ ‘‘ปวตฺติโอกาสทาเนน อุปการกา’’ติ อาห. ปฏุปฺปนฺนานนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนานํ.

‘‘เต เอวา’’ติ เอเตน นตฺถิวิคตปจฺจยานํ ธมฺมโต วิเสสาภาวมาห. เอวํ สนฺเตปิ อภาวมตฺเตน อุปการกตา โอกาสทานํ นตฺถิปจฺจยตา, สภาวาวิคเมน อปฺปวตฺตมานานํ สภาววิคเมน อุปการกตา วิคตปจฺจยตา. นตฺถิตา จ นิโรธานนฺตรา สุฺตา, วิคตตา นิโรธปฺปตฺตตาติ อยเมเตสํ วิเสโส.

อตฺถิปจฺจยธมฺมา เอว จาติ -สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน น เกวลํ นตฺถิวิคตปจฺจยา เอว ธมฺมโต อวิสิฏฺา, อถ โข อตฺถิอวิคตปจฺจยาปีติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ยทิปิเม ปจฺจยา ธมฺมโต อวิสิฏฺา, ตถาปิ อตฺถิตาย สสภาวตาย อุปการกตา อตฺถิปจฺจยตา, สภาวาวิคเมน นิโรธสฺส อปฺปตฺติยา อุปการกตา อวิคตปจฺจยตาติ ปจฺจยภาววิเสโส ธมฺมาวิเสเสปิ เวทิตพฺโพ. ธมฺมานฺหิ สมตฺถตาวิเสสํ สพฺพํ ยาถาวโต อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ภควตา จตุวีสติปจฺจยวิเสสา วุตฺตาติ ธมฺมสฺสามิมฺหิ สทฺธาย ‘‘เอวํ วิเสสา เอเต ธมฺมา’’ติ สุตมยาณํ อุปฺปาเทตฺวา จินฺตาภาวนามเยหิ ตทภิสมยาย โยโค กรณีโย.

เอตฺถ จ อารมฺมณอนนฺตรสมนนฺตรอุปนิสฺสยปุเรชาตอาเสวนสมฺปยุตฺตนตฺถิวิคตปจฺจยา อรูปธมฺมานํเยว, ปจฺฉาชาตปจฺจโย รูปธมฺมานํเยว, อิตเร จุทฺทส รูปารูปธมฺมานํ.

เหตุอนนฺตรสมนนฺตราเสวนปจฺฉาชาตกมฺมวิปากฌานมคฺคสมฺปยุตฺตนตฺถิวิคตปจฺจยา อรูปธมฺมา เอว, ปุเรชาตปจฺจโย รูปเมว, อุภยํ อารมฺมณูปนิสฺสเย เปตฺวา เสสา, เต ทฺเว ปฺตฺติสภาวาปิ โหนฺติ.

อนนฺตรสมนนฺตราเสวนนตฺถิวิคตปจฺจยา อตีตา เอว. อารมฺมณารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยา ติกาลิกา, กาลวินิมุตฺตา จ. กมฺมปจฺจโย อตีตปจฺจุปฺปนฺนวเสน ทฺวิกาลิโก. เสสา ปฺจทส ปจฺจุปฺปนฺนาว.

ตถา อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยปกตูปนิสฺสยาเสวนปจฺจยา, นานากฺขณิกกมฺมปจฺจโย, นตฺถิวิคตปจฺจยา จาติ อิเม ปจฺจยา ชนกา เอว, น อุปตฺถมฺภกา. ปจฺฉาชาตปจฺจโย อุปตฺถมฺภโก เอว, น ชนโก . เสสา ชนกา จ อุปตฺถมฺภกา จาติ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ.

อวิชฺชาปจฺจยาสงฺขารปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๑๖. ปจฺจเยสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ. ทุวิธา ทฺวิปฺปกาเรน. อเนกธาติ สตฺตรสธา อารมฺมณปจฺจยาทิวเสน.

อภิฺาจิตฺเตนาติ เจโตปริยปุพฺเพนิวาสอนาคตํสาณสงฺขาตาหิ อภิฺาหิ สหคตจิตฺเตน. สโมหจิตฺตชานนกาเลติ ปเรสํ, อตฺตโน จ สโมหสฺส จิตฺตสฺส ชานนกาเล. อวิชฺชาปุพฺพงฺคมา อกุสลปฺปวตฺติโย ยา กาจิ วิปตฺติโย, สพฺพา ตา โมหมูลิกาติ จ อวิชฺชาย อาทีนวทสฺสเนน อวิชฺชาสมติกฺกมตฺถาย วิวฏฺฏาภิปตฺถนายาติ อตฺโถ. ทฺวินฺนมฺปิ เตสํ ปุฺาภิสงฺขารานํ. อวิชฺชาสมฺมูฬฺหตฺตาติ ภวาทีนวปฺปฏิจฺฉาทิกาย อวิชฺชาย สมฺมูฬฺหตฺตา. ตาเนว ปุฺานีติ ตาเนว ยถาวุตฺตานิ กามาวจรรูปาวจรปุฺานิ. อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย โหตีติ สมฺพนฺโธ.

ราคาทีนนฺติ ราคทิฏฺิวิจิกิจฺฉุทฺธจฺจโทมนสฺสานํ. อวิชฺชาสมฺปยุตฺตตฺตา ราคาทีนํ ราคาทิอสฺสาทนกาเลสุ อวิชฺชํ อารพฺภ อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา. ครุํ กตฺวา อสฺสาทนํ ราคทิฏฺิสมฺปยุตฺตาย เอว อวิชฺชาย โยเชตพฺพํ. อสฺสาทนฺจ ราโค, ตทวิยุตฺตา จ ทิฏฺีติ อสฺสาทนวจเนเนว ยถาวุตฺตํ อวิชฺชํ ครุํ กโรนฺตี ทิฏฺิ จ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ราคาทีหิ จ ปาฬิยํ สรูปโต วุตฺเตหิ ตํสมฺปยุตฺตสงฺขารสฺส อวิชฺชารมฺมณาทิตํ ทสฺเสติ. อนาทีนวทสฺสาวิโนติ ปาณาติปาตาทีสุ น อาทีนวทสฺสิโน. อวิชฺชาย อนารมฺมณสฺส, ปมชวนสฺส จ อารมฺมณาธิปติอนนฺตราทิปจฺจยวจเนสุ อวุตฺตสฺส, วุตฺตสฺส จ สพฺพสฺส สงฺคณฺหนตฺถํ ‘‘ยํ กิฺจี’’ติ อาห.

วุตฺตนเยนาติ สมติกฺกมภวปตฺถนาวเสน ปุฺาภิสงฺขาเร วุตฺตนเยน.

๖๑๗. กึ ปนายนฺติอาทินา โจทกสฺส อยมธิปฺปาโย – ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตี’’ติ เอตฺถ สมฺภวนฺติ เอวาติ อวธารณํ น ยุชฺชติ , อวเสสปจฺจยสมวายาภาเว สงฺขารานํ สมฺภวาภาวโต. ตถา สงฺขารา เอวาติ อวธารณมฺปิ น ยุชฺชติ. กสฺมา? อฺเสฺจ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ สมฺภวสฺส ตโต อิจฺฉิตพฺพตฺตา. วากฺยสฺส อวธารณผลตฺตา อวิชฺชาปจฺจยา เอว สงฺขารา สมฺภวนฺตีติ อวธารเณ คยฺหมาเนปิ อยํ โทโส. กสฺมา? ยสฺมา โลภาทิกมฺมนิทานอุปาทานวตฺถารมฺมณมนสิการาทโย อฺเปิ ปจฺจยา ลพฺภนฺติเยวาติ. ตตฺถ เอกาติ อสหายา, การณนฺตรนิรเปกฺขาติ อตฺโถ. อฺเปิ ปจฺจยา สหการิการณภูตา. โทสเมตฺถ วตฺตุกาโม โจทโก ปุจฺฉตีติ ตฺวา อาจริโย อาห ‘‘กึ ปเนตฺถา’’ติ. เอตฺถ อวิชฺชาย ปจฺจยนฺตเรน รหิตภาเว จ สหิตภาเว จ กึ ปน วตฺตพฺพํ, อสมตฺตา เต โจทนา, อวสิฏฺฺจ ตาว กเถหีติ วุตฺตํ โหติ. เอกการณวาโท อาปชฺชตีติ โทสปฺปสงฺโค วุตฺโต. อนิฏฺโ หิ เอกการณวาโท สพฺพตฺถ สพฺพกาลํ สมฺภวาปตฺติโต, เอกสทิสาสภาวาปตฺติโต จ.

ยสฺมา เอกํ น เอกโตติอาทีสุ ตีสุ ปกาเรสุ อวิชฺชมาเนสุ ปาริเสเสน อเนกโต อเนกเมวาติ เอตสฺมึ จตุตฺเถ เอว ปกาเร วิชฺชมาเน เอกเหตุผลทีปเน อตฺโถ อตฺถิ, ตสฺมา น นุปปชฺชติ อุปปชฺชติเยว. เอกํ ผลํ เอกโต นตฺถิ, อเนกมฺปิ เอกโต นตฺถิ. อเนกโตปิ เอกํ ผลํ โน อตฺถีติ สมฺพนฺโธ.

เอเกกเหตุผลทีปนนฺติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอกเหตุทีปนํ, ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ เอกผลทีปนนฺติ เอวํ ตตฺถ ตตฺถ เอเกกเหตุผลทีปนํ กตํ.

เวเนยฺยานํ อนุรูปโตติ เวเนยฺยานํ อชฺฌาสยสฺส อนุรูปโต. เอกสฺเสว เหตุโน, ผลสฺส จ ทีปนา สตฺถุ เทสนาวิลาสโต วา เวเนยฺยปุคฺคลานํ อชฺฌาสยโต วา. ตทุภยสฺส ปเนตฺถ การณํ ตตฺถ ตตฺถ เทเสตพฺพสฺส อตฺถสฺส ปธานตา, ปากฏตา, อสาธารณตา จ. เทสนาวิลาสปฺปตฺตา จ พุทฺธา ภควนฺโต เต เทเสตพฺเพ อตฺเถ พหูสุปิ ปริยาเยสุ ลพฺภมาเนสุ ยถารุจิตํ คเหตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺติ, สา เทสนาวิลาสานุรูปตา. ตตฺถ ปน เยน ปริยาเยน เย เวเนยฺยา พุชฺฌนฺติ, เตเนว เตสํ โพธนํ, สา เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปตา.

ยถาผสฺสํเวทนาววตฺถานโตติ ‘‘สุขเวทนียํ, ภิกฺขเว, ผสฺสํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขา เวทนา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๑๒๙), ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๔; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) จ สุขเวทนียผสฺสาทิจกฺขุสมฺผสฺสาทิอนุรูเปน สุขเวทนาทิจกฺขุสมฺผสฺสชาเวทนาทีนํ ววตฺถานโต. สมาเนสุปิ หิ จกฺขุรูปาทีสุ ผสฺสวเสน สุขาทิวิปริยายาภาวโต, สมาเนสุ รูปมนสิการาทีสุ จกฺขาทิสงฺฆฏฺฏนวเสน จกฺขุสมฺผสฺสชาทิวิปริยายาภาวโต, อฺปจฺจยสามฺเปิ จกฺขุสมฺผสฺสวเสน สุขาทิจกฺขุสมฺผสฺสชาทีนํ โอฬาริกสุขุมาทิสงฺกราภาวโต จาติ อตฺโถ. ยถาวุตฺตผสฺสสฺส สุขาทีนํ อวิปรีโต ปจฺจยภาโว เอว ยถาเวทนํ ผสฺสววตฺถานํ. การณผลวิเสเสน วา ผลการณวิเสสนิจฺฉโย โหตีติ อุภยตฺถาปิ นิจฺฉโย ปวตฺถานนฺติ วุตฺโต.

กมฺมาทโยติ กมฺมอาหารอุตุอาทโย อปากฏา เสมฺหปฏิกาเรน โรควูปสมนโต. เสมฺหสฺส มนฺทภาวาทินา จ เสมฺหํเยว ปากฏํ การณํ. อยมิธ อวิชฺชา สงฺขารานํ เหตุภาเวน ทีปิตาติ สมฺพนฺโธ. อสฺสาทานุปสฺสิโน ตณฺหา ปวฑฺฒตีติ วจนโตติ ‘‘สํโยชนิเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน ตณฺหา ปวฑฺฒติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๓) อิมินา สุตฺเตน ตณฺหาย สงฺขารการณภาวสฺส วุตฺตตฺตาติ อตฺโถ. ปุน ตสฺสาปิ อวิชฺชาย การณนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา อาสวสมุทโยติ จ วจนโต’’ติ อาห . ตณฺหา วา จตุรุปาทานภูตา กามาสวทิฏฺาสวา จ สงฺขารสฺส การณนฺติ ปากฏา อวิชฺชาเหตุกาติ สุตฺตทฺวเยนาปิ อวิชฺชาย ปากฏํ สงฺขารานํ การณภาวเมว ทสฺเสติ. ‘‘อสฺสาทานุปสฺสิโน’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๓) หิ วจเนน ภวาทีนวปฺปฏิจฺฉาทนกิจฺจา อวิชฺชา ตณฺหาย การณนฺติ ทสฺสิตา โหติ. ยสฺมา อวิทฺวา, ตสฺมา ปุฺาภิสงฺขาราทิเก อภิสงฺขโรตีติ อวิชฺชาย สงฺขารการณภาวสฺส ปากฏตฺตา อวิทฺทสุภาโวว สงฺขารการณภาเวน วุตฺโต. ขีณาสวสฺส สงฺขาราภาวโต, อสาธารณตฺตา จ ปุฺาภิสงฺขาราทีนํ สาธารณการณานิ วตฺถารมฺมณาทีนีติ ปุฺภวาทีนวปฺปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา ปุฺาภิสงฺขาราทีนํ อสาธารณํ การณนฺติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอเตเนว ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑; มหาว. ๑; เนตฺติ. ๒๔) เอตฺถ ปน ปธานตฺตา, ปากฏตฺตา, อสาธารณตฺตาติ เอเกกเหตุผลทีปนปริหารวจเนน สพฺพตฺถ ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติอาทีสุ โพธเนยฺยชฺฌาสยวเสน ธมฺมสฺส โพธนสงฺขาตํ ปโยชนํ เวทิตพฺพํ.

๖๑๘. ‘‘เอกนฺตานิฏฺผลายา’’ติ เอเตน วิรุทฺธภาวํ, ‘‘สาวชฺชายา’’ติ เอเตน วิชาติยภาวํ อวิชฺชาย โชเตติ. ปุฺาเนฺชาภิสงฺขารา หิ อิฏฺวิปากตาย, อนวชฺชสภาวตาย จ ตสฺสา วิรุทฺธา, วิชาติยา จาติ. กถํ น ยุชฺชิสฺสตีติอาทิ สมาธานํ, เตน ยฺวายํ เอกนฺตานิฏฺผลตาทิเหตุปเทโส, ตสฺส อเนกนฺติกตํ ทสฺเสติ. อยํ เหตฺถ อธิปฺปาโย – ยายํ ตยา โจทนา ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทินา กตา, สา ยุตฺตา วิปากํ ปติ. น หิ อนิฏฺเวปกฺกํ การณํ อิฏฺํ ผลติ, อิฏฺเวปกฺกํ วา อนิฏฺํ. ยสฺมา ปเนตฺถ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ ปจฺจยภาวลกฺขณธมฺมานํ ธมฺมตา อธิปฺเปตา, ตตฺร จายํ นิยโม นตฺถิ วิจิตฺตรูปตฺตา ตสฺสาติ. เตนาห ‘‘วิรุทฺโธ จา’’ติอาทิ.

ตตฺถ ธมฺมานนฺติ สภาวธมฺมานํ. านนฺติ อวฏฺานํ. ตสฺมา านวิรุทฺโธติ อตฺถิตาวิรุทฺโธ. เกจิ ปน ‘‘ปฏิสนฺธิอาทีนิานานี’’ติ วทนฺติ. เอวํ สติ ‘‘ปุริมจิตฺตํ ปจฺฉิมจิตฺตสฺส านวิรุทฺโธ ปจฺจโย’’ติ นยิทํ เอกนฺติกํ สิยา. ภวงฺคมฺปิ หิ ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจโย, ชวนํ ชวนสฺส, น จ สิปฺปาทีนํ ปฏิสนฺธิอาทิฏฺานํ อตฺถิ, ตสฺมา น ตํ อิธ อธิปฺเปตํ. กมฺมํ รูปสฺส นมนรุปฺปนวิโรธา, สารมฺมณานารมฺมณาทิวิโรธา จ สภาววิรุทฺโธ ปจฺจโย . ขีราทีนิ ทธิอาทีนํ มธุรมฺพิลรสาทิสภาววิโรธา. อวิชานนกิจฺโจ อาโลโก วิชานนกิจฺจสฺส วิฺาณสฺส. อมทนกิจฺจา จ คุฬาทโย มทนกิจฺจสฺส อาสวสฺส.

โคโลมาวิโลมาทีติอาทีสุ โคโลมาวิโลมานิ ทุพฺพาย, อวีติ จ รตฺตา เอฬกา เวทิตพฺพา. วิสาณํ สรสฺส. ทธิติลปิฏฺคุฬานิ ภูติณกสฺส. เสวาลํ ตณฺฑุเลยฺยกสฺส, ขรวฬวา อสฺสตรสฺสาติ เอวมาทิ อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิโต. ยสฺมา วิปากา เอว น, ตสฺมา ทุกฺขวิปากายปิ อวิชฺชาย อทุกฺขวิปากานํ ปุฺาเนฺชาภิสงฺขารานํ ปจฺจยตฺตํ น น ยุชฺชตีติ อตฺโถ.

ตทวิปากตฺเตปิ สาวชฺชตาย ตทวิรุทฺธานํ, ตํสทิสานฺจ อปุฺาภิสงฺขารานเมว ปจฺจโย, น อิตเรสนฺติ เอตสฺส ปสงฺคสฺส นิวารณตฺถํ ‘‘วิรุทฺโธ จาวิรุทฺโธ จ, สทิสาสทิโส ตถา. ธมฺมานํ ปจฺจโย สิทฺโธ’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา ตมตฺถํ ปากฏํ กโรนฺโต ‘‘อิติ อยํ อวิชฺชา’’ติอาทิมาห.

๖๑๙. สพฺพตฺถ ขนฺธานํ เภโท มรณนฺติ จุตึ อคฺคณฺหนฺโตติ อิธ จุติ นาม ตตฺถ ตตฺถ ภวาทีสุ รูปาทีนํ ขนฺธานํ มรณสฺิโต จริโม เภโทติ ยาถาวโต อชานนฺโต. สตฺตสฺส สโต วิชฺชมานสฺเสว. เทหนฺตรสงฺกมนํ อฺเน กาเยน สมาคโม.

สพฺพตฺถ ขนฺธานํ ปาตุภาโวติ ตตฺถ ตตฺถ ภวาทีสุ ขนฺธานํ ปมาภินิพฺพตฺติ. นวสรีรปาตุภาโวติ อิธ ชิณฺณสฺส สรีรสฺส นิกฺเขเป ปรโลกปริยาปนฺนสฺส นวกายสฺส อุปฺปาโท. ยเถเก วทนฺติ –

‘‘วตฺถานิ ชิณฺณานิ ยถา ปหาย,

นวานิ คณฺหาติ นโร ปรานิ;

นิกฺขิปฺป เทหํ อิธ ชิณฺณเมวํ,

คณฺหาติ อตฺตาภินวํ สุเขสี’’ติ.

อยํ สตฺโตติ อยมตฺตา, โย สามี, นิวาสี, การโก, เวทโก จาติ อธิปฺเปโต. สตฺโตมรติ, สตฺโต อุปปชฺชตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตีสุปิ าเนสุ อาทิ-สทฺเทน อิสฺสรกุตฺตพฺรหฺมกุตฺตาทิวิกปฺปนํ สงฺคณฺหาติ.

สภาวลกฺขณนฺติ’รุปฺปนานุภวนาทึ, กกฺขฬผุสนาทิสภาวเมว วา. สามฺลกฺขณนฺติ อนิจฺจตาทึ. สงฺขาเร อตฺตโต อตฺตนิยโตติ รูปาทีสุ เอกจฺจํ อตฺตโต, ตทฺํ อตฺตนิยโต.

อตฺตา ชานาติ วาติ วิกปฺเปติ กาปิลาทโย วิย. น ชานาติ วาติ กาณาทาชีวิกาทโย วิย. กาณาโทปิ หิ อตฺตา สภาเวน น ชานาติ. ยทา พุทฺธิคุเณน สํยุชฺชติ, ตทา ชานาตีติ อิจฺฉติ. โส เอว กโรติ จ กาเรติ จาติ โย ปรตฺถ สุขทุกฺขํ อนุภวติ, โส เอว ปุฺาปุฺํ สยํ กโรติ, อฺฺจ กาเรติ, น อฺโติ อธิปฺปาโย . สณฺเปนฺตาติ ทฺวิอณุกาทิอุปฺปาทนวเสน, อิจฺฉาวเสน จ สมฺปาเทนฺตา. โสติ อตฺตสฺิโต สตฺโต. อินฺทฺริยสมฺปนฺโนติ จกฺขาทีหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคโต, เตน สฬายตนปฺปวตฺตึ ทสฺเสติ. สพฺพฺเหตํ ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมานานํ อวิชฺชาทีนํ กิจฺจํ อตฺตโน พฺยาปารํ กตฺวา ทิฏฺิคติโก วิมุยฺหตีติ ทสฺสนวเสน วุตฺตํ. อจฺเฉชฺชสุตฺตาวุตาเภชฺชมณีนํ วิย ปุพฺพาปริยววตฺถานํ นิยติ, นิยติยา, นิยติ เอว วา สงฺคติ สมาคโม นิยติสงฺคติ, ตาย ภาเวสุ ปริณตา มนุสฺสเทววิหงฺคาทิภาวํ ปตฺตา นิยติสงฺคติภาวปริณตา. นิยติยา, สงฺคติยา, ภาวสงฺขาเตน สภาเวน จ ปริณตา นานปฺปการตํ ปตฺตา นิยติสงฺคติภาวปริณตาติ จ อตฺถํ วทนฺติ.

เอเตหิ จ วิกปฺปเนหิ อวิชฺชา อกุสลํ จิตฺตํ กตฺวา สตฺเต ปุฺาทีสุ สงฺขาเรสุ ยตฺถ กตฺถจิ ปวตฺเตตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โส อวิชฺชาย อนฺธีกโต’’ติอาทิ. ปฏิปชฺชตีติ อุปสงฺกมติ.

อปริณายโกติ อรหตฺตมคฺคสมฺปฏิปาทกกลฺยาณมิตฺตรหิโต, อรหตฺตมคฺคาณาวสานํ วา าณํ สมวิสมํ ทสฺเสตฺวา สตฺเต นิพฺพานํ นยตีติ ปริณายกํ, เตน รหิโต อปริณายโก. ธมฺมํ ตฺวาติ สปฺปุริสูปสฺสเยน จตุสจฺจปฺปกาสกํ สุตฺตาทิธมฺมํ ตฺวา, มคฺคาเณเนว วา สพฺพธมฺมปวรํ นิพฺพานธมฺมํ ตฺวา. ตํชานนายตฺตํ ปน เสสสจฺจตฺตยาภิสมยํ สมานกาลมฺปิ ตํ ปุริมกาลํ วิย กตฺวา วุตฺตํ. อุปสนฺโต จริสฺสตีติ อคฺคมคฺคาธิคเมน สพฺพโส อวิชฺชูปสมา อุปสนฺโต สอุปาทิเสสนิพฺพานธาตุยํ ิโต ยาว อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุปตฺติ, ตาว สตฺตานํ หิตจริยาย อตฺตภาวํ ปวตฺเตนฺโต จริสฺสติ, ทิฏฺธมฺมสุขวิหาเรหิ วิหริสฺสตีติ อตฺโถ.

สงฺขารปจฺจยาวิฺาณปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๒๐. ยถาวุตฺตสงฺขารปจฺจยา อุปฺปชฺชมานํ ตํ กมฺมนิพฺพตฺตเมว ภวิตุํ อรหตีติ ‘‘พาตฺตึส โลกิยวิปากวิฺาณานิ สงฺคหิตานี’’ติ อาห. ธาตุกถายํ ปน วิปฺปยุตฺเตน สงฺคหิตาสงฺคหิตปทนิทฺเทเส ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาเณน เย ธมฺมา, สฬายตนปจฺจยา ผสฺเสน เย ธมฺมา, ผสฺสปจฺจยา เวทนาย เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา, เต ธมฺมา กติหิ ขนฺเธหิ…เป… สงฺคหิตา? เต ธมฺมา อสงฺขตํ ขนฺธโต เปตฺวา เอเกน ขนฺเธน, เอกาทสหิ อายตเนหิ, เอกาทสหิ ธาตูหิ สงฺคหิตา. กติหิ อสงฺคหิตา? จตูหิ ขนฺเธหิ, เอเกนายตเนน, สตฺตหิ ธาตูหิ อสงฺคหิตา’’ติ (ธาตุ. ๔๖๖) วจนโต สพฺพวิฺาณผสฺสเวทนาปริคฺคโห กโต. ยทิ หิ เอตฺถ วิฺาณผสฺสเวทนา สปฺปเทสา สิยุํ, ‘‘วิปากา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๓) อิมสฺส วิย วิสชฺชนํ สิยา. ตสฺมา ตตฺถ อภิธมฺมภาชนียวเสน สงฺขารปจฺจยา วิฺาณาทโย คหิตาติ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาโร จ อภิธมฺมภาชนีเย (วิภ. ๒๔๓) จตุภูมกกุสลสงฺขาโร, อกุสลสงฺขาโร จ วุตฺโตติ เอโส เอว ธาตุกถายํ คหิโตติ ทฏฺพฺโพ. ภโว ปน ธาตุกถายํ กมฺมูปปตฺติภววิเสสทสฺสนตฺถํ น อภิธมฺมภาชนียวเสน คหิโต, เอวฺจ กตฺวา ตตฺถ ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ อนุทฺธริตฺวา ‘‘กมฺมภโว’’ติอาทินา (ธาตุ. ๖๖) นเยน ภโว อุทฺธโฏ.

โลกิยวิปากมโนวิฺาณเมว สนฺธายาห ‘‘พาวีสติวิธํ โหตี’’ติ. ฉหิ วิฺาเณหีติ ยถาอธิกเตหิ จกฺขุวิฺาณาทีหิ ฉหิ วิฺาเณหิ. กสฺมา ปเนตฺถ โลกิยวิปากวิฺาณสฺเสว คหณํ กตนฺติ อาห ‘‘โลกุตฺตรานิ ปน วฏฺฏกถาย น ยุชฺชนฺตี’’ติ. ยทิ เอวํ กสฺมา ธาตุกถายํ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาเณน เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา’’ติอาทีสุ (ธาตุ. ๓๖๒) โลกุตฺตรวิปากานมฺปิ คหณํ กตนฺติ? ตํ ยถาธมฺมสาสนตฺตา อภิธมฺมเทสนาย วิปากตฺติเก (ธ. ส. ติกมาติกา ๓) วิย อนวเสสวิปากธมฺมสงฺคณฺหนวเสน วุตฺตํ. สุตฺตนฺตเทสนา ปน ยถานุโลมเทสนาติ ตตฺถ ปวตฺตินิวตฺติโย อสงฺกรโต ทสฺเสตพฺพา. ตสฺมา ตทตฺถสํวณฺณนาติ กตฺวา ปวตฺติกถายํ โลกิยวิปากวิฺาณานิเยว คหิตานิ. เตเนวาห ‘‘วฏฺฏกถาย น ยุชฺชนฺตีติ น คหิตานี’’ติ.

ยถา กตํ กมฺมํ ผลทาเน สมตฺถํ โหติ, ตถา กตํ ‘‘อุปจิต’’นฺติ วุจฺจตีติ วิปากทานโยคฺยเมว สงฺขารํ คณฺหนฺโต ‘‘อุปจิตกมฺมาภาเว’’ติ อาห. เหตุ นาม พฺยติเรกปฺปธานนฺติ อภาว-คฺคหณํ, เตน กมฺเม สติ ภาวโต, อสติ อภาวโตติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย . ยถา ปนสฺส วิฺาณสฺส สงฺขารปจฺจยตา น สิทฺธา, น เอวํ วิปากภาโว. โส ปน สิทฺโธติ กตฺวา อาห ‘‘วิปากํเหต’’นฺติ. เตน วิฺาณสฺส วิปากภาเวน สงฺขารปจฺจยตฺตํ สาเธติ. ตสฺส ปน สาธนตฺถํ ‘‘อุปจิตกมฺมาภาเว วิปากาภาวโต’’ติ วุตฺตนฺติ ตํ วิวรนฺโต ‘‘วิปากฺจา’’ติอาทิมาห. ยทิ อุปฺปชฺเชยฺยาติ ยทิ กมฺมนิรเปกฺโข วิปาโก อุปฺปชฺเชยฺย. สพฺเพสํ สตฺตานํ พฺรหฺมตฺตํ อุปคตานํ ฆานาทิวิฺาณานิ มหาวิปากวิฺาณานีติ ตสฺส ตสฺส วิปากสฺส อโนกาเส ิตานมฺปิ. วิปากานีติ วิฺาณาเปกฺขาย นปุํสกนิทฺเทโส, สพฺพวิปากวิฺาณานีติ อตฺโถ.

สงฺขารา พหู เอกูนตึสเจตนาเภทโต, วิฺาณานิ จ พหูนิ พาตฺตึสวิธตฺตา, น จ สพฺพโต สพฺพานีติ อาห ‘‘กตรสงฺขารปจฺจยา กตรวิฺาณนฺติ เจ’’ติ. ‘‘วิฺาณ’’นฺติ จ อิทํ วิฺาณสามฺํ คเหตฺวา วุตฺตํ. กามํ ขนฺธนิทฺเทเสปิ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๕๑ อาทโย) อิมานิ วิฺาณานิ นิทฺทิฏฺานิ, ตํ ปน อติสํขิตฺตํ, น จ ตตฺถ เนสํ สงฺขารปจฺจยตา วิภาวิตาติ ตํ ปวตฺติยํ, ปฏิสนฺธิยฺจ ภวาทีสุ ปวตฺตนาการวเสน วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กามาวจรปุฺาภิสงฺขารปจฺจยา’’ติอาทิ อารทฺธํ. มโนวิฺาเณติ นิทฺธารเณ ภูมฺมํ. มหาวิปากานีติ วิฺาณาเปกฺขาย นปุํสกนิทฺเทโส. มหาวิปากาติ ปน ปาเ มโนวิฺาณธาตุโยติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

๖๒๑. ยํสงฺขารปจฺจยาติ ยสฺส ยสฺส สงฺขารสฺส ปจฺจยภาเวน. ยํ วิฺาณนฺติ ‘‘ยํ ยํ วิฺาณ’’นฺติ เอวํ อุภยตฺถ อาเมฑิตโลโป ทฏฺพฺโพ. ‘‘โหตี’’ติ อิมินา การณภาเว วิฺาณสฺส สพฺภาวมตฺตํ ปเวทิตํ, น ปวตฺติวิเสโสติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ ปวตฺติ เวทิตพฺพา’’ติ อาห . พฺรหฺมานมฺปิ อนิฏฺรูปาทิอาปาถคมเน อกุสลวิปากจกฺขุวิฺาณาทีนิ กทาจิ อุปฺปชฺชนฺตีติ ‘‘อิมานิ เตรส…เป… ปวตฺตนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ โวกาโร วิตฺถาโร เอตฺถาติ ปฺจโวกาโร, โส เอว ภโว, เอตสฺมึ ปฺจโวการภเว. โหติ หิ ภินฺนาธิกรณานมฺปิ อฺปทตฺถสมาโส ยถา ‘‘อุรสิโลโม’’ติ. อถ วา ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมาเนหิ ปฺจหิ ขนฺเธหิ โวกรียตีติ ปฺจโวกาโร, โส เอว ภโวติ สพฺพํ ปุพฺเพ วิย.

‘‘ปวตฺติยฺเว ปวตฺตนฺตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ อารทฺธํ.

‘‘เยภุยฺเยน โลภสมฺปยุตฺตชวนาวสาเน’’ติ อิทํ ปฏิฆวิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตานนฺตรํ โสมนสฺสสหคตสฺส อนุปฺปชฺชนโตติ เกจิ, ตํ น คเหตพฺพํ. ‘‘จกฺขุํ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ อารพฺภ ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ…เป… วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชติ, อกุสเล นิรุทฺเธ วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนโต. อิฏฺํ เจ อารมฺมณํ, โสมนสฺสตทารมฺมณํ น น อุปฺปชฺชตีติ. ชวเนน ตทารมฺมณนิยเม โสมนสฺสสหคตานนฺตรํ โสมนสฺสสหคตาเนว สนฺธาย วุตฺตนฺติ อปเร, ตํ วิจาเรตพฺพํ อุเปกฺขาสหคตกุสลากุสลชวนานนฺตรมฺปิ โสมนสฺสตทารมฺมณสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา. อุเปกฺขาสหคตกิริยาชวนานนฺตรเมว หิ โสมนสฺสตทารมฺมณํ น อิจฺฉนฺติ.

ยสฺมา ปน ติเหตุกชวนาวสาเน จ กทาจิ อเหตุกํ ตทารมฺมณํ โหติ, ตสฺมา ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา เอกจิตฺตกฺขณายุกํ ชวนารมฺมณํ โหติ, ตทา ตตฺถ เอกเมว ตทารมฺมณํ โหตีติ กตฺวา ‘‘สกึ วา’’ติ วุตฺตนฺติ เกจิ. อปเร ปน ตทารมฺมณํ นาม ชวนารมฺมณานุภวนกิจฺจํ, ตํ เอกจิตฺตกฺขณิเก ตถา อาสนฺนเภเท อารมฺมเณ นุปฺปชฺชติ. ตสฺมา ‘‘สกึ วา’’ติ อิทํ ทิรตฺตติรตฺตาทิ วิย วจนสิลิฏฺตาวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, ทฺวิกฺขตฺตุเมว ปน อุปฺปชฺชตีติ. ‘‘ทิรตฺตติรตฺต’’นฺติ (ปาจิ. ๕๐) เอตฺถ หิ วา-สทฺทสฺส อภาวา วจนสิลิฏฺตามตฺเตน ทิรตฺตคฺคหณํ กตนฺติ ยุชฺชติ. ‘‘นิรนฺตรํ ติรตฺตทสฺสนตฺถํ วา’’ติ อิธ ปน วา-สทฺโท วิกปฺปตฺโถ วุตฺโตติ สกึ เอว จ กทาจิ ปวตฺตึ สนฺธาย ‘‘สกึ วา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว หิ สมฺโมหวิโนทนิยํ สกึ ตทารมฺมณปฺปวตฺติยา วิจาเรตพฺพตํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘จิตฺตปฺปวตฺติคณนายํ ปน สพฺพทฺวาเรสุ ตทารมฺมเณ ทฺเว เอว จิตฺตวารา อาคตา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๒๒๗) วุตฺตํ.

ตตฺถ จิตฺตปฺปวตฺติคณนายนฺติ วิปากกถายํ พลวรูปาทิอารมฺมเณ วุตฺตํ จิตฺตปฺปวตฺติคณนํ สนฺธายาห. ตตฺถ หิ ทฺเวว ตทารมฺมณุปฺปตฺติวารา วุตฺตา . ตเทว หิ สนฺธาย อิธาปิ วุตฺตํ ‘‘อภิธมฺมฏฺกถายํ ปน ตทารมฺมเณ ทฺเว จิตฺตวารา อาคตา’’ติ. อภิธมฺมฏฺกถายํ อนิยตารมฺมณฏฺานกิจฺจา หุตฺวา ปวตฺตนฺตีติ (วิภ. อฏฺ. ๒๒๗) ทฺวารํ อนามสิตฺวา เอว วุตฺตํ, ตํ อนนฺตรํ ปรโต วุตฺตสเหตุกวิปากวิฺาณานํ สทิสสํวณฺณนํ กาตุกามตาธิปฺปาเยน วุตฺตํ. อเหตุกทฺวยาทีนฺหิ ภวงฺคภูตานํ สยเมว ทฺวารตฺตา, จุติปฏิสนฺธิภูตานฺจ ภวงฺคสงฺขาเตน, อฺเน จ ทฺวาเรน อนุปฺปตฺติโต นิยตํ, อนิยตํ วา ทฺวารํ เอเตสนฺติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ.

อเหตุกทฺวยสฺส ปน สนฺตีรณตทารมฺมณภูตสฺส ทฺวารํ ลพฺภติ, ตฺจ อนิยตนฺติ ตมฺปิ คณฺหนฺโต ‘‘อนิยตทฺวารารมฺมณฏฺานกิจฺจา หุตฺวา ปวตฺตนฺตี’’ติ อาห. เตเนว เจตฺถ มหาวิปากานมฺปิ ตทารมฺมณภูตานํ ทฺวารํ ลพฺภตีติ ตตฺถาปิ ทฺวารคฺคหณํ กตํ.

เอกสฺส สตฺตสฺส ปวตฺโต รูปาวจรวิปาโก ปถวีกสิณาทีสุ ยสฺมึ อารมฺมเณ ปวตฺโต, ตโต อฺสฺมึ ตสฺส ปวตฺติ นตฺถีติ รูปาวจรานํ นิยตารมฺมณตา วุตฺตา. อิตรานิ อารุปฺปวิปากวิฺาณานิ. นิยตํ อวตฺถุกานีติ นิยตาวตฺถุกานิ. กสิณุคฺฆาฏิมากาสาทีสุเยว อารมฺมเณสุ ปวตฺตนโต นิยตารมฺมณานิ. ตตฺราติ ปวตฺติยํ. อสฺสาติ พาตฺตึสวิธสฺส วิปากวิฺาณสฺส. เต เต สงฺขาราติ ยถาวุตฺตา ปุฺาภิสงฺขาราทิสงฺขารา. กมฺมปจฺจเยนาติ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจเยน. อุปนิสฺสยปจฺจเยนาติ ปกตูปนิสฺสยปจฺจเยน.

๖๒๒. เอวํ ปวตฺติยํ วิฺาณปฺปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา ปฏิสนฺธิยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ปน วุตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อนุรูปาย ปฏิสนฺธิยาติ อนุรูเปน ปฏิสนฺธิกิจฺเจน. ตํ ปน อนุรูปตํ สยเมว วกฺขติ. ภวนฺตเรน ภวนฺตรสฺส สนฺธานํ อิธ ปฏิสนฺธีติ ตํ อจิตฺตกมฺปิ อตฺเถวาติ กตฺวา ‘‘กติ ปฏิสนฺธิโย’’ติ ปุจฺฉํ กตฺวาปิ ‘‘กติ ปฏิสนฺธิจิตฺตานี’’ติ ปุจฺฉา กตา. ‘‘เกน กตฺถา’’ติ เกน จิตฺเตน กสฺมึ ภเว.

ตตฺถาติ เตสุ เอกูนวีสติยา ปฏิสนฺธิจิตฺเตสุ. กุสลวิปากาย อเหตุกมโนวิฺาณธาตุยาติ สมฺพนฺโธ. นตฺถิ เทเวสุ อเหตุกา ปฏิสนฺธีติ ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติ วิเสสนํ. นปุํสกาทีนนฺติ อาทิสทฺเทน มมฺมาทีนํ สงฺคโห. เกจิ ปน เอกจฺเจ อเหตุกปฏิสนฺธิกา อวิกลินฺทฺริยา หุตฺวา โถกํ วิจารณปกติกาปิ โหนฺติเยว, ตสฺมา ตาทิสานมฺปิ อิธ อาทิสทฺเทน สงฺคโหติ วทนฺติ. สงฺเขปโตติ สมาสโต, อสุกาย ปฏิสนฺธิยา อสุกํ อารมฺมณนฺติ วิภาคํ อกตฺวาติ อตฺโถ.

เสสานนฺติ รูปาวจรา ปฺจ, ปมตติยารุปฺปา ทฺเวติ อิมาสํ วุตฺตาวเสสานํ สตฺตนฺนํ ปฏิสนฺธีนํ. ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ จุติจิตฺตํ นาม นตฺถิ ปฏิสนฺธิอารมฺมเณ เอว ปวตฺตนโต. ทฺวีสุ อารมฺมเณสูติ อตีตนวตฺตพฺพวเสน ทฺวีสุ อารมฺมเณสุ.

๖๒๓. ตานีติ ปุพฺเพ กตานิ กมฺมานิ. อสฺสาติ อาสนฺนมรณสฺส ปุคฺคลสฺส. โอลมฺพนฺตีติ สายนฺเห มหนฺตานํ ปพฺพตกูฏานํ ฉายา วิย ภูมิยํ ตสฺส จิตฺเต อวลมฺพนฺติ อุปติฏฺนฺติ. ตสฺมึ นิรุทฺเธติ ตสฺมึ จุติจิตฺเต นิรุทฺธมตฺเต ตสฺส นิโรธสมนนฺตรเมว. ตเทวาติ ตํเยว ยถาวุตฺตชวนวีถิยา อารมฺมณภูตํ. อวิชฺชาตณฺหาทีสุ กิเลเสสุ อนุปจฺฉินฺเนสฺเวว กมฺมาทิโน อุปฏฺานํ, ตฺจ อารพฺภ จิตฺตสนฺตานสฺส ภวนฺตรนินฺนโปณปพฺภารตา โหตีติ อาห ‘‘อนุปจฺฉินฺนกิเลสพลวินามิต’’นฺติ. สนฺตาเน หิ วินามิเต ตเทกเทสภูตํ ปฏิสนฺธิจิตฺตฺจ วินามิตเมว โหติ, น จ เอกเทสวินามิตภาเวน วินา สนฺตานสฺส วินามิตตา อตฺถีติ. สพฺพตฺถ ปน ทุคฺคติปฏิสนฺธินินฺนาย จุติยา ปุริมชวนานิ อกุสลานิ, อิตราย จ กุสลานีติ นิจฺฉินนฺติ. ‘‘นิมิตฺตสฺสาทคธิตํ วา, ภิกฺขเว, วิฺาณํ ติฏฺมานํ ติฏฺติ, อนุพฺยฺชนสฺสาทคธิตํ วา, ตสฺมึ เจ สมเย กาลํ กโรติ, านเมตํ วิชฺชติ, ยํ ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ อุปปชฺเชยฺย นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๕) หิ วุตฺตํ, ตสฺมา อกุสลํ ทุคฺคติยํ, กุสลฺจ สุคติยํ ปฏิสนฺธิยา อุปนิสฺสโย โหตีติ. อรหโต ปน สพฺพโส กิเลสานํ อุปจฺฉินฺนตฺตา ปฏิปฺปสฺสทฺธสพฺพภวุสฺสุกฺกตาย กมฺมาทินิมิตฺตํ น อุปฏฺหติ, ตโต วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อลทฺธสหายตฺตา ปฏิสนฺธึ น ชเนติ.

วุตฺตปฺปการกมฺมวเสนาติ ปาปกมฺมวเสน, ตทุปฏฺาปิตนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘นรกาทีสุ อคฺคิชาลวณฺณาทิก’’นฺติ อิทํ ตํสทิสตาวเสน วุตฺตํ. น หิ โส เอว นิรยคฺคิวณฺณาทิ ตทา ตสฺส อาปาถํ อาคจฺฉติ. ตตฺถ อคฺคิชาลวณฺณาทิกนฺติ อาทิ-สทฺเทน เวตฺตรณีสิมฺพลิอสิปตฺตวนาทิวณฺณํ สงฺคณฺหาติ. นรกาทีสูติ ปน อาทิ-สทฺเทน เปตติรจฺฉานานํ นิพทฺธสฺจรณฏฺานปริยาปนฺนวณฺณํ. มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉตีติ กมฺมพเลน อุปฏฺาปิตวณฺณายตนํ สุปินํ ปสฺสนฺตสฺส วิย, ทิพฺพจกฺขุสฺส วิย จ มโนทฺวาเร เอว โคจรภาวํ คจฺฉติ. เอกํ อาวชฺชนํ, ปฺจ ชวนานิ, ทฺเว ตทารมฺมณานีติ ตีณิ วีถิจิตฺตานิ.

ราคาทิเหตุภูตํ หีนมารมฺมณนฺติ อกุสลวิปากสฺส อารมฺมณํ ภวิตุํ ยุตฺตํ อนิฏฺมารมฺมณมาห. ตมฺปิ หิ สงฺกปฺปนวเสน ราคสฺสาปิ เหตุ โหตีติ. อกุสลวิปากชนกกมฺมสหชาตานํ วา ตํสทิสาสนฺนจุติชวนเจตนาสหชาตานฺจ ราคาทีนํ เหตุภาโว เอว หีนตา. ตฺหิ ปจฺฉานุตาปชนกกมฺมานมารมฺมณํ กมฺมวเสน อนิฏฺํ อกุสลวิปากสฺส อารมฺมณํ ภเวยฺย. อฺถา จ อิฏฺารมฺมเณ ปวตฺตสฺส อกุสลกมฺมสฺส วิปาโก อกุสลกมฺมนิมิตฺตารมฺมโณ น ภเวยฺย. น หิ อกุสลวิปาโก อิฏฺารมฺมโณ ภวิตุํ อรหตีติ.

ปฺจทฺวาเร จ อาปาถํ อาคจฺฉนฺตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ กมฺมนิมิตฺตํ อาสนฺนกตกมฺมารมฺมณสนฺตติยํ อุปฺปนฺนํ, ตํสทิสฺจ ทฏฺพฺพํ. อฺถา ตเทว ปฏิสนฺธิอารมฺมณูปฏฺาปกํ, ตเทว จ ปฏิสนฺธิชนกํ ภเวยฺย. น จ ปฏิสนฺธิยา อุปจารภูตานิ วิย, เอตสฺมึ ตยา ปวตฺติตพฺพนฺติ ปฏิสนฺธิยา อารมฺมณํ อนุปฺปาเทนฺตานิ วิย จ ปวตฺตานิ จุติอาสนฺนานิ ชวนานิ ปฏิสนฺธิชนกานิ ภเวยฺยุํ. ‘‘กตตฺตา อุปจิตตฺตา’’ติ (ธ. ส. ๔๓๑) หิ วุตฺตํ. ตทา จ ตํสมานวีถิยํ วิย ปวตฺตมานานิ กถํ กตูปจิตานิ สิยุํ? ตทา น อสฺสาทิตานิ. น จ โลกิยานิ โลกุตฺตรานิ วิย สมานวีถิผลานิ โหนฺติ. ‘‘ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ สมตฺตา โหติ สมาทินฺนา. เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๐๓) สุตฺเต มรณกาเล สมตฺตาย สมาทินฺนาย มิจฺฉาทิฏฺิยา, สมฺมาทิฏฺิยา จ สหชาตเจตนาย ปฏิสนฺธิทานํ วุตฺตํ, น จ ทุพฺพเลหิ ปฺจทฺวาริกชวเนหิ มิจฺฉาทิฏฺิ, สมฺมาทิฏฺิ วา สมตฺตา โหติ สมาทินฺนา. ตถา หิ วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนิยํ ‘‘สพฺพมฺปิ เหตํ กุสลากุสลธมฺมปฏิวิชานนาทิจวนปริโยสานํ กิจฺจํ มโนทฺวาริกจิตฺเตเนว โหติ, น ปฺจทฺวาริเกนาติ สพฺพสฺสเปตสฺส กิจฺจสฺส กรเณ สหชวนกานิ วีถิจิตฺตานิ ปฏิกฺขิตฺตานี’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๗๖๖).

ตตฺถ หิ น กิฺจิ ธมฺมํ ปฏิวิชานาตีติ ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ (ธ. ป. ๑-๒) เอวํ วุตฺตํ เอกมฺปิ กุสลํ วา อกุสลํ วา น ปฏิวิชานาตีติ จ วุตฺตํ. เยสํ ปฏิวิภาวนปฺปวตฺติยา สุขํ วา ทุกฺขํ วา อนฺเวติ, เตสํ สา ปวตฺติ ปฺจทฺวาเร ปฏิกฺขิตฺตา. กุสลากุสลกมฺมสมาทานฺจ ตาทิสเมวาติ. ตทารมฺมณานนฺตรํ ปน จวนํ, ตทนนฺตรา จ อุปปตฺติ มโนทฺวาริกา เอว โหติ, น สหชวนกวีถิจิตฺตปริยาปนฺนาติ อิมินา อธิปฺปาเยน อิธ ปฺจทฺวาริกตทารมฺมณานนฺตรา จุติ, ตทนนฺตรา ปฏิสนฺธิ จ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา. ตตฺถ อวเสสปฺจจิตฺตกฺขณายุเก รูปาทิมฺหิ อุปฺปนฺนํ ปฏิสนฺธึ สนฺธาย ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ อุปปตฺติจิตฺตํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ, อวเสสเอกจิตฺตกฺขณายุเก จ อุปฺปนฺนํ ปฏิสนฺธึ สนฺธาย ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ อุปปตฺติจิตฺตํ อตีตารมฺมณสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ จ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๖๒๔. กณฺหปกฺเข สุกฺกปกฺขํ เปตฺวาติ เอตฺถ ยถา ปุพฺเพ ‘‘ปาปกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา’’ติ วุตฺเต กณฺหปกฺเข ‘‘อนวชฺชกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา’’ติ สุกฺกปกฺโข วุตฺโต, เอวํ ‘‘ทุคฺคติปริยาปนฺนํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ, นรกาทีสุ อคฺคิชาลวณฺณาทิกํ ทุคฺคตินิมิตฺต’’นฺติ จ วุตฺเต กณฺหปกฺเข ‘‘สุคติปริยาปนฺนํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ, มนุสฺสโลเก รตฺตกมฺพลสทิสมาตุกุจฺฉิวณฺณสงฺขาตํ, เทวโลเก วา อุยฺยานวิมานกปฺปรุกฺขาทิวณฺณสงฺขาตํ สุคตินิมิตฺต’’นฺติ เอวํ สุกฺกปกฺขํ เปตฺวา เสสํ สพฺพํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ. อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณายาติ กมฺมกมฺมนิมิตฺตวเสน อตีตารมฺมณาย, มาตุกุจฺฉิวณฺณาทิสุคตินิมิตฺตวเสน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาย.

๖๒๕. ตฺจ โขติ ยเทตํ ‘‘อนวชฺชกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา’’ติ อนิยมนํ กตํ, ตฺจ โข. กมฺมนิมิตฺตเมว อาปาถมาคจฺฉติ เอกนฺตโต อตฺตโน กมฺมารมฺมณตาย มหคฺคตวิปากสฺส. สุทฺธาย วาติ มหคฺคตกมฺมนิมิตฺตารมฺมณาย ชวนวีถิยา, ตทารมฺมณรหิตายาติ อตฺโถ, สา ปน ชวนวีถิ มหคฺคตวิปากสฺส อุปจาโร วิย ทฏฺพฺพา. เกจิ ปน ตฺจ วีถึ มหคฺคตาวสานํ วทนฺติ. ‘‘นวตฺตพฺพารมฺมณา วา’’ติ อิทํ รูปาวจรปฏิสนฺธึ, อารุปฺเปสุ จ ปมํ, ตติยฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. ทุติยจตุตฺถา ปน อตีตารมฺมณวจเนเนว คหิตา.

มาตุกุจฺฉิวณฺณสงฺขาตนฺติอาทินา วณฺโณ เอว คตินิมิตฺตภาเวน อาคโต. ตตฺถ สทฺโท ตาว อนุปาทินฺนภาเวน สุคติปริยาปนฺนตาย คตินิมิตฺตภาเวน อฏฺกถาสุ นาคโตติ ยุตฺตเมตํ, คนฺธาทีนํ ปน อนาคมเน การณํ วีมํสิตพฺพํ.

อยํ ตาต ตวตฺถาย พุทฺธปูชา กรียตีติอาทีสุ ปุพฺพเจตนาวเสน ปุฺํ โหติ. สพฺพนฺติมชวเน วตฺตมานสฺสาปีติ วทนฺติ.

๖๒๖. ‘‘เอเตนานุสาเรน อารุปฺปจุติยาปิ อนนฺตรา ปฏิสนฺธิ เวทิตพฺพา’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ‘‘ปถวีกสิณชฺฌานาทิวเสน ปฏิลทฺธมหคฺคตสฺส สุคติยํ ิตสฺสา’’ติ เอวมาทิเก เอว นเย อยมฺปิ ปฏิสนฺธิ อวรุทฺธาติ? น, ตตฺถ รูปาวจรจุติอนนฺตราย เอว ปฏิสนฺธิยา วุตฺตตฺตา. ตตฺถ หิ ‘‘ปถวีกสิณาทิกํ วา นิมิตฺตํ มหคฺคตจิตฺตํ วา มโนทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉติ, จกฺขุโสตานํ วา’’ติอาทินา เตน วจเนน รูปาวจรจุติยา เอว อนนฺตรา ปฏิสนฺธิ วุตฺตาติ วิฺายติ. อถาปิ ยถาสมฺภวโยชนาย อยมฺปิ ปฏิสนฺธิ ตตฺเถว อวรุทฺธา, อรูปาวจรจุติอนนฺตรา ปน รูปาวจรปฏิสนฺธิ นตฺถิ. อรูปาวจเร จ อุปรูปริ จุติยา อนนฺตรา เหฏฺิมา เหฏฺิมา ปฏิสนฺธิ นตฺถีติ จตุตฺถารุปฺปจุติยา นวตฺตพฺพารมฺมณปฏิสนฺธิ นตฺถิ. เตน ตโต ตตฺเถว อตีตารมฺมณา, กามาวจเร จ อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธิ. อิตราหิ จ ยถาสมฺภวํ อตีตนวตฺตพฺพารมฺมณา อารุปฺปปฏิสนฺธิ, อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา จ กามาวจรปฏิสนฺธิ โยเชตพฺพาติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ วิสุํ อุทฺธรณํ กตํ.

๖๒๗. เอวํ อารมฺมณวเสน เอกวิธาย กามาวจรสุคติจุติยา ทุวิธา ทุคฺคติปฏิสนฺธิ, ทุคฺคติจุติยา ทุวิธา สุคติปฏิสนฺธิ, กามาวจรสุคติจุติยา ทฺวิเอกทฺวิปฺปการานํ กามรูปารูปานํ วเสน ปฺจวิธา สุคติปฏิสนฺธิ , รูปาวจรจุติยา ตเถว ปฺจวิธา, ทุวิธาย อารุปฺปจุติยา ปจฺเจกํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ กามารุปฺปานํ วเสน อฏฺวิธา จ ปฏิสนฺธิ ทสฺสิตา. ทุคฺคติจุติยา ปน เอกวิธาย ทุคฺคติปฏิสนฺธิ ทุวิธา น ทสฺสิตา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทุคฺคติยํ ิตสฺส ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา วุตฺตา ปน –

ทฺเว ทฺเว ปฺจาถ ปฺจฏฺ, ทฺเว ภวาลมฺพเภทโต;

จุติยา ตาทิสาเยตา, จตุวีสติ สนฺธิโย. (วิภ. มูลฏี. ๒๒๗);

๖๒๘. ‘‘กามาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๔๓๑) นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว เหฏฺา ทสฺสิตปฺปกาโรติ อุปนิสฺสยภาวเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห.

นิสฺสยปจฺจยภูเตน รูเปน สหปวตฺติเยเวตฺถ วิฺาณสฺส เตน มิสฺสิตา, ตทภาโว อมิสฺสิตา. ยวนฺติ เอตฺถ สตฺตา เอกชาติสมนฺวเยน อฺมฺมิสฺสิตา โหนฺตีติ โยนิโย. สุจริตทุจฺจริตวเสน คนฺตพฺพา ปาปุณิตพฺพาติ คติโย. ติฏฺติ เอตฺถาติ ิติ, วิฺาณสฺส ิติ วิฺาณฏฺิติ. นานตฺตกายนานตฺตสฺีติอาทิอาวาโส เอว สตฺเตหิ อาวสิตพฺพโต สตฺตาวาโส. อสฺสตฺตาวาสสฺส อิธ อสมฺภวโต ‘‘สตฺตาวาสวเสน อฏฺวิธํ โหตี’’ติ วุตฺตํ.

๖๒๙. อฺตฺร ชาติปณฺฑกปฏิสนฺธิยาติ เอตฺถ ปมกปฺปิกปฏิสนฺธิยาปีติ วตฺตพฺพํ. สาปิ หิ ภาเวน วินาว อุปฺปชฺชตีติ.

โอมโตติ อวมโต, อวกํสโตติ อตฺโถ. อาทินาติ ‘‘มิสฺสํ อมิสฺส’’นฺติ เอตสฺมึ ทุเก อาทิมฺหิ วุตฺเตน มิสฺสวิฺาเณน. โอมโต ทฺเว วา ตโย วา ทสกา อุปฺปชฺชนฺตีติ คพฺภเสยฺยกานํ วเสน วุตฺตํ. อฺตฺถ ปน อเนเก กลาปา สห อุปฺปชฺชนฺติ. พฺรหฺมตฺตภาเวปิ หิ อเนกคาวุตปฺปมาเณน อเนเก กลาปา สห อุปฺปชฺชนฺตีติ ตึสโต อธิกาเนว รูปานิ โหนฺติ. ตทหุชาตเอฬกสฺส โลมํ ชาติอุณฺณาติ เกจิ. หิมวนฺตปฺปเทเส ชาติมนฺตเอฬกโลมํ ชาติอุณฺณาติ อปเร. คพฺภํ ผาเลตฺวา คหิตเอฬกโลมํ ชาติอุณฺณาติ อฺเ. อิมาสุ คตีสุ อิมา โยนิโย สมฺภวนฺติ, อิมาสุ น สมฺภวนฺตีติ เอวํ โยนีนํ คติวเสน สมฺภวเภโท.

๖๓๐. ภุมฺมวชฺเชสูติ ภุมฺมเทวานํ วชฺชนํ โยนิวิภาคํ ปติ เตสํ มนุสฺสสทิสตฺตา. โยนิโยติสฺโส ปุริมิกา น โหนฺตีติ โยนิตฺตยปฏิกฺเขเปน ปจฺฉิมา โยนิ อนุฺาตาติ อตฺถโต อาปนฺนเมว โหติ. คติตฺตเยติ มนุสฺสเปตติรจฺฉานสฺิเต คติตฺตเย. ตฺหิ เอตฺถ ปุพฺเพ อนามฏฺํ.

จ-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถติ ทสฺเสตุํ ‘‘จ-สทฺเทนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กสฺมา ปน นิชฺฌามตณฺหิกเปเตสุ ปุริมิกา ติสฺโส โยนิโย น สนฺตีติ? อสมฺภวโต. ตาสฺหิ นิจฺจาตุรภาวโต กามเสวา นตฺถีติ น ตา อณฺฑชาทโย โหนฺติ. กุจฺฉิยํ ตาสํ คพฺโภ นาวติฏฺติ ชาลสพฺภาวโตติ เกจิ. อคฺคิชาลาย สนฺตปฺปมานสรีรา เอตา นิพฺพตฺตนฺตีติ อลฺลฏฺาเนสุ, ปุปฺผาทีสุ จ สมฺภวาภาวโต สํเสทชตาปิ ตาสํ นตฺเถวาติ วทนฺติ. เตนาห ‘‘โอปปาติกา เอว หิ เต โหนฺตี’’ติ.

รูปีพฺรหฺเมสุ ตาว โอปปาติกโยนิเกสูติ โอปปาติกโยนิเกหิ รูปีพฺรหฺเม นิทฺธาเรติ. รูปีพฺรหฺเมสูติ หิ อธิกรเณ ภุมฺมํ, โอปปาติเกสูติ นิทฺธารเณ. เตน ‘‘โอปปาติกโยนิเกสู’’ติ สามฺโต วุตฺตราสิโต ‘‘รูปีพฺรหฺเมสู’’ติ วิเสเสน ตเทกเทสํ นิทฺธาเรติ. จกฺขุโสตวตฺถุทสกานํ, ชีวิตนวกสฺส จาติ เอตฺถ เกจิ ‘‘จกฺขุโสตวตฺถุสตฺตกานํ, ชีวิตฉกฺกสฺส จาติ จตุนฺนํ กลาปานํ วเสน รูปภเว ปฏิสนฺธิวิฺาเณน สห สตฺตวีสติ รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ คนฺธรสาหารานํ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา’’ติ การณํ วตฺวา ตํ สมตฺเถนฺตา ‘‘ปาฬิยฺหิ ‘รูปธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ เปตฺวา อฺสตฺตานํ เทวานํ ปฺจายตนานิ ปาตุภวนฺติ, ปฺจ ธาตุโย ปาตุภวนฺตี’ติ (วิภ. ๑๐๑๕-๑๐๑๖) วุตฺตํ, ตถา ‘รูปธาตุยา ฉ อายตนานิ, นว ธาตุโย’ติ สพฺพสงฺคหกวเสน ตตฺถ วิชฺชมานายตนธาตุโย ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. กถาวตฺถุมฺหิ จ ฆานายตนาทีนํ วิย คนฺธายตนาทีนฺจ ตตฺถ ภาโว ปฏิกฺขิตฺโต ‘อตฺถิ ตตฺถ ฆานายตนนฺติ? อามนฺตา. อตฺถิ ตตฺถ คนฺธายตนนฺติ? น เหวํ วตฺตพฺเพ’ติอาทินา (กถา. ๕๒๐). น จ อโผฏฺพฺพายตนานํ ปถวีธาตุอาทีนํ วิย อคนฺธรสายตนานํ คนฺธรสานํ ตตฺถ ภาโว สกฺกา วตฺตุํ, ผุสิตุํ สกฺกุเณยฺยตาวินิมุตฺตสฺส ปถวีอาทิสภาวสฺส วิย คนฺธรสายตนภาววินิมุตฺตสฺส คนฺธรสสภาวสฺส อภาวา. ยทิ จ ฆานสมฺผสฺสาทีนํ การณภาโว นตฺถีติ ‘อายตนานี’ติ เต น วุจฺเจยฺยุํ, ธาตุสทฺโท ปน นิสฺสตฺตนิชฺชีววาจโกติ ‘คนฺธธาตุ รสธาตู’ติ อวจเน การณํ นตฺถิ, ธมฺมภาโว จ เตสํ เอกนฺเตน อิจฺฉิตพฺโพ สภาวธารณาทิลกฺขณโต อฺสฺส อภาวา. ธมฺมานฺจ อายตนภาโว เอกนฺติโก ยมเก วุตฺโต ‘ธมฺโม อายตนนฺติ? อามนฺตา’ติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๓). ตสฺมา เตสํ คนฺธรสายตนภาวาภาเวปิ โกจิ อายตนภาโว วตฺตพฺโพ. ยทิ จ โผฏฺพฺพภาวโต อฺโ ปถวีอาทิภาโว วิย คนฺธรสภาวโต อฺโ เตสํ โกจิ สภาโว สิยา, เตสํ ธมฺมายตนสงฺคโห. คนฺธรสภาเว ปน อายตนภาเว จ สติ ‘คนฺโธ จ โส อายตนฺจ คนฺธายตนํ, รโส จ โส อายตนฺจ รสายตน’นฺติ อิทมาปนฺนเมวาติ คนฺธรสายตนภาโว จ น สกฺกา นิวาเรตุํ. ‘ตโย อาหารา’ติ จ วจนโต กพฬีการาหารสฺส ตตฺถ อภาโว วิฺายติ. ตสฺมา ยถา ปาฬิยา อวิโรโธ โหติ, ตถา รูปคณนา กาตพฺพา. เอวฺหิ ธมฺมตา น วิโลมิตา โหตี’’ติ วทนฺติ.

เอตฺถ วุจฺจเต – รูปาวจรสตฺตานํ ฆานชิวฺหายตนาภาวโต วิชฺชมานาปิ คนฺธรสา อายตนกิจฺจํ น กโรนฺตีติ เต อนามสิตฺวา ปาฬิยํ ‘‘ปฺจายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๑๕), ‘‘ฉ อายตนานี’’ติ (วิภ. ๙๙๒) จ อาทิ วุตฺตํ, ‘‘ตโย อาหารา’’ติ จ อชฺโฌหริตพฺพสฺส อาหารสฺส อภาเวน โอชฏฺมกรูปสมุฏฺาปนสงฺขาตสฺส อาหารกิจฺจสฺส อกรณโต, น สพฺเพน สพฺพํ คนฺธรสานํ, โอชาย จ อภาวโต. อิติ วิสยิโน, กิจฺจสฺส จ อภาเวน วิสโย, กิจฺจวา จ ธมฺโม น วุตฺโต. ยสฺมิฺหิ ภเว วิสยี นตฺถิ, ตสฺมึ ตํเหตุโก นิปฺปริยาเยน วิสยสฺส อายตนภาโว นตฺถีติ วิชฺชมานสฺสาปิ อวจนํ ยถา ตตฺเถว รูปภเว ปถวีเตโชวาโยธาตูนํ โผฏฺพฺพายตนภาเวน. ยสฺส ปน ยตฺถ วจนํ, ตสฺส ตตฺถ วิสยีสพฺภาวเหตุโก นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว วุตฺโต ยถา ตตฺเถว รูปายตนสฺส.

ยทิ วิสยีสพฺภาวเหตุโก วิสยสฺส นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว, กถมสฺสตฺตานํ ทฺเว อายตนานิ ปาตุภวนฺตีติ, อสฺสตฺตานฺหิ จกฺขายตนํ นตฺถิ, อจกฺขายตนภาเวน จ เนสํ รูปายตนํ อฺเสํ อวิสโยติ? นายํ วิโรโธ. เยน อธิปฺปาเยน รูปธาตุยํ สฺีนํ คนฺธายตนาทีนํ อวจนํ, เตน รูปายตนสฺสาปิ อวจนนฺติ อสฺีนํ เอกํ อายตนํ วตฺตพฺพํ. ยถาสกฺหิ อินฺทฺริยโคจรภาวาเปกฺขาย เยสํ นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว อตฺถิ, เตสุ นิทฺทิสิยมาเนสุ ตทภาวโต รูปธาตุยํ สฺีนํ คนฺธาทิเก วิสุํ อายตนภาเวน อวตฺวา ธมฺมสภาวานติวตฺตนโต, มโนวิฺาณสฺส จ วิสยภาวูปคมนโต ธมฺมายตนนฺโตคเธ กตฺวา ‘‘ปฺจายตนานี’’ติ ปาฬิยํ (วิภ. ๑๐๑๕) วุตฺตํ. เอตทตฺถฺหิ ‘‘ธมฺมายตน’’นฺติ สามฺโต นามกรณํ, ปิฏฺิวฏฺฏกานิ วา ตานิ กตฺวา ‘‘ปฺจายตนานี’’ติ วุตฺตํ.

เยน จ ปน อธิปฺปาเยน อสฺีนํ รูปายตนํ วุตฺตํ, เตน สฺีนมฺปิ คนฺธาทีนํ วิสุํ คหณํ กาตพฺพนฺติ อิมสฺส นยสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘อสฺสตฺตานํ เทวานํ ทฺเว อายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๑๗) วุตฺตํ. อสติปิ หิ ตตฺถ อตฺตโน อินฺทฺริเย รูปสฺส วณฺณายตนสภาวาติกฺกโม นตฺเถวาติ ตํ รูปายตนนฺตฺเวว วุจฺจติ. อิมินา จ นยทสฺสเนน คนฺธาทีนิ ตีณิ ปกฺขิปิตฺวา สฺีนํ อฏฺ อายตนานิ, อสฺีนํ ปฺจาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. เอวฺเจตํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา รูปโลเก ผุสิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ปถวีอาทีนํ พฺรหฺมานํ วจีโฆโส เอว น สิยา. น หิ ปฏิฆฏฺฏนานิฆํสมนฺตเรน สทฺทปฺปวตฺติ อตฺถิ, น จ ผุสนสภาวานํ กตฺถจิ อผุสนภาวตา สกฺกา วิฺาตุํ, โผฏฺพฺพายตนสงฺขาตสฺส จ ภูตตฺตยสฺส อภาเว รูปภเว รูปายตนาทีนมฺปิ สมฺภโว เอว น สิยา. ตสฺมา ผุสิตุํ สกฺกุเณยฺยตายปิ ปถวีอาทีนํ ตตฺถ กายินฺทฺริยาภาเวน เตสํ โผฏฺพฺพภาโว น วุตฺโต. เอวฺจ กตฺวา รูปธาตุยํ เตสํ สปฺปฏิฆวจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ. วุตฺตฺหิ ‘‘อสฺสตฺตานํ อนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ ทฺเว มหาภูตา’’ติอาทิ (ปฏฺา. ๒.๒๒.๒๐).

ปฏิโฆ จ นาม ภูตตฺตยสฺส กายปฺปสาทํ ปติ ตนฺนิสฺสยภูตฆฏฺฏนาทฺวาเรน อภิมุขภาโว, อิธ ปน ตํสภาวตา. โส จ ผุสิตุํ อสกฺกุเณยฺยสภาวสฺส ฆฏฺฏนาย อภาวโต นตฺถิ. ยทิ ตตฺถ อสติปิ วิสยินิ รูปายตนํ คเหตฺวา ‘‘ทฺเว อายตนานี’’ติ วุตฺตํ, อถ กสฺมา คนฺธายตนาทีนิ คเหตฺวา ‘‘ปฺจายตนานี’’ติ น วุตฺตนฺติ? นยทสฺสนวเสน เทสนา ปวตฺตาติ วุตฺโตวายมตฺโถ. อถ วา ตตฺถ รูปายตนสฺเสว วจนํ กทาจิ อฺภูมิกานํ ปสาทสฺส วิสยภาวํ สนฺธาย, น ปน อิตเรสํ อภาวโต, นาปิ ปริยาเยนปิ อายตนภาวาภาวโต. อสฺีนฺหิ รูปายตนํ สมานตลวาสีนํ เวหปฺผลานํ, อุปริภูมิกานฺจ สุทฺธาวาสานํ ปสาทสฺส วิสยภาวํ คจฺฉติ, น ปน คนฺธรสาติ เตสํเยว ตตฺถ อวจนํ ยุตฺตํ. กถาวตฺถุมฺหิ จ นิปฺปริยาเยน คนฺธายตนาทีนํ อตฺถิภาวํ ปฏิชานนฺตํ สนฺธาย ปฏิเสโธ กโต.

ยทิปิ เจตํ วจนํ ตตฺถ คนฺธายตนาทีนํ อภาววิภาวนํ น โหติ, อตฺถิภาวทีปนมฺปิ ปน อฺวจนํ นตฺเถวาติ? นยิทเมวํ, อฏฺกถาสุ ตตฺถ เนสํ อตฺถิภาวสฺส นิทฺธาเรตฺวา วุตฺตตฺตา. ยฺหิ อฏฺกถาวจนํ ปาฬิยา น วิรุชฺฌติ, ตํ ปาฬิ วิย ปมาณภูตํ อครหิตาย อาจริยปรมฺปราย ยาวชฺชตนา อาคตตฺตา. ตตฺถ สิยา – ยํ ปาฬิยา น วิรุชฺฌติ อฏฺกถาวจนํ, ตํ ปมาณํ, อิทํ ปน วิรุชฺฌตีติ? นยิทเมวํ, ยถา น วิรุชฺฌติ, ตถา ปฏิปาทิตตฺตา. จกฺขาทีนํ อายตนานํ, ตนฺนิสฺสยานฺจ วิฺาณานํ สตฺตสุฺตาสนฺทสฺสนตฺถํ ภควโต ธาตุเทสนาติ อายตนภาเวน วุตฺตานํเยว ธาตุภาวทีปนโต ธาตุภาวสฺสาปิ เตสํ อวจนํ ยุชฺชติ เอว. ตสฺมา ยถา ปาฬิยา อวิโรโธ โหติ, ตถา จกฺขุทสกาทิวเสน อิธ รูปคณนา กตาติ น เอตฺถ ธมฺมตาวิโลมนาสงฺกาย โอกาโสติ เวทิตพฺพํ.

อฺเสุ สํเสทชโอปปาติกโยนิเกสูติ รูปีพฺรหฺเม ปน เปตฺวา อฺเสุ โอปปาติเกสุ, สํเสทเชสุ จาติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. โอปปาติกวิเสสนฺเหตฺถ อฺคฺคหณํ, น สํเสทชวิเสสนํ อสมฺภวโต. สติ หิ สมฺภเว, พฺยภิจาเร จ วิเสสนวิเสสิตพฺพตา โหติ. กามาวจรเทเวสุ สพฺพกาลํ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ ยถาวุตฺตาย สนฺตติยา รูปานํ ลพฺภนโต วุตฺตํ ‘‘ตานิ จ นิจฺจํ เทเวสู’’ติ. น หิ เต กทาจิปิ วิกลินฺทฺริยา, อภาวกา จ โหนฺตีติ. จกฺขุ เนสํ ทสนฺนํ ปูรโณติ กตฺวา จกฺขุทสโก นาม, อสาธารเณน วา จกฺขุนา ลกฺขิโต ทสโก จกฺขุทสโก. เอวํ เสสาติ ยถา จกฺขุทสโก วุตฺโต, เอวํ เสสาปิ ทสกา โยเชตฺวา เวทิตพฺพา. ‘‘สํเสทชูปปาตโยนีสุ , อวกํสโต ตึสา’’ติ สงฺเขเปน วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘อวกํสโต ปนา’’ติอาทิมาห, ตํ ปเนตํ ปาฬิยา น สเมติ. น หิ ปาฬิยํ กามาวจรานํ สํเสทโชปปาติกานํ อฆานกานํ อุปปตฺติ วุตฺตา. ธมฺมหทยวิภงฺเค หิ ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺติ, กสฺสจิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ อปรานิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ นวายตนานิ, กสฺสจิ สตฺตายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๐๗). ยทิ หิ อฆานกสฺสาปิ อุปปตฺติ สิยา, ติกฺขตฺตุํ ‘‘ทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ติกฺขตฺตุฺจ ‘‘นวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ, น จ ตํ วุตฺตํ.

ตตฺถ อุปปตฺติกฺขเณติ ปฏิสนฺธิกฺขเณ. เอกาทสาติ ปริปุณฺณายตนสฺส สทฺทายตนวชฺชานิ เอกาทส อายตนานิ. กสฺสจิ ทสายตนานีติ อนฺธสฺส จกฺขายตนวชฺชานิ. อปรานิ ทสายตนานีติ พธิรสฺส โสตายตนวชฺชานิ. นวายตนานีติ อนฺธพธิรสฺส จกฺขุโสตายตนวชฺชานิ. สตฺตายตนานีติ คพฺภเสยฺยกสฺส รูปคนฺธรสกายโผฏฺพฺพมโนธมฺมายตนวเสน วุตฺตํ. ยทิ จกฺขุโสตฆานวิกโลปิ อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺส อฏฺเวายตนานิ สิยุํ, น จ วุตฺตํ ‘‘อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ. ตสฺมา นตฺเถว จกฺขุโสตฆานวิกโล. สติ จ อฆานกูปปตฺติยํ ปุนปิ ‘‘กสฺสจิ อปรานิปิ ทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. ตถา จ สติ ยถา อนฺธพธิรสฺส วเสน ‘‘กสฺสจิ นวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ เอกวารํ วุตฺตํ, เอวํ อนฺธาฆานกสฺส, พธิราฆานกสฺส จ วเสน ‘‘กสฺสจิ อปรานิ นวายตนานิ, กสฺสจิ อปรานิปิ นวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ อตฺโถ. เอวํ ธาตุปาตุภาวาทิปฺหานิปิ วตฺตพฺพานีติ วทนฺติ. เอตฺถ จ ยถา ‘‘สตฺตติ อุกฺกํสโตถ รูปานี’’ติ ปทํ ‘‘สํเสทชูปปาตโยนีสู’’ติ เอตฺถ โยนิทฺวยวเสน โยชียติ, น เอวํ ‘‘อวกํสโต ตึสา’’ติ อิทํ. อิทํ ปน สํเสทชโยนิวเสเนว โยเชตพฺพํ. เอกโยคนิทฺทิฏฺสฺสาปิ เอกเทโส สมฺพนฺธํ ลภตีติ สํเสทชสฺส ชจฺจนฺธพธิรอฆานกนปุํสกสฺส ชิวฺหากายวตฺถุทสกานํ วเสน ตึส รูปานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ, น โอปปาติกสฺสาติ อยเมตฺถ อฏฺกถายมธิปฺปาโย.

เย ปน ‘‘โอปปาติกสฺส ชจฺจนฺธพธิรอฆานกนปุํสกสฺส ชิวฺหากายวตฺถุทสกานํ วเสน ตึส รูปานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. โส หิ ปมาทปาโ. เอวฺจ กตฺวา อายตนยมกวณฺณนายํ ‘‘กามธาตุยํ ปน อฆานโก โอปปาติโก นตฺถิ. ยทิ ภเวยฺย, ‘กสฺสจิ อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตี’ติ วเทยฺยา’’ติ (ยม. อฏฺ. อายตนยมก ๑๘-๒๑) วุตฺตํ. อปเร ปนาหุ ‘‘กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺตีติ ยาว ‘กสฺสจิ นวายตนานี’ติ ปาฬิ โอปปาติเก สนฺธาย วุตฺตา. ตสฺมา ปุพฺเพนาปรํ อฏฺกถายํ อวิโรโธ สิทฺโธ. ตถา จ ยถาวุตฺตปาฬิยา อยมตฺถวณฺณนา อฺทตฺถุ สํสนฺทติ สเมติเยวา’’ติ. ยํ ปเนเก วทนฺติ ‘‘โอปปาติกคฺคหเณน สํเสทชาปิ สงฺคยฺหนฺติ. ตถา หิ ธมฺมหทยวิภงฺเค ‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’ติอาทีนํ (วิภ. ๑๐๐๗) นิทฺเทเส ‘โอปปาติกานํ เปตาน’นฺติอาทินา (วิภ. ๑๐๐๙) โอปปาติกคฺคหณเมว กตํ, น สํเสทชคฺคหณ’’นฺติ, ตํ ปริปุณฺณายตนานํเยว สํเสทชานํ โอปปาติเกสุ สงฺคหณวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘สํเสทชโยนิกา ปริปุณฺณายตนาปริปุณฺณายตนภาเวน โอปปาติกสงฺคหํ กตฺวา วุตฺตา’’ติ, ปธานาย วา โยนิยา สพฺพํ ปริปุณฺณายตนโยนึ ทสฺเสตุํ ‘‘โอปปาติกานนฺติ วุตฺต’’นฺติ จ, อิธ ปน โยนิทฺวยํ สรูเปเนว ปกาเสตุํ, สํเสทชโยนิวเสเนว จ อวกํสโต รูปปวตฺตึ ทสฺเสตุํ โอปปาติกโยนิยา อิตรํ อสงฺคเหตฺวา ‘‘สํเสทชูปปาตโยนีสู’’ติ วุตฺตํ. ตํ สพฺพํ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.

อุกฺกํสาวกํสานํ ปน อนฺตเรติ ‘‘สตฺตติ, ตึสา’’ติ เอวํ วุตฺตานํ รูปสฺส อุกฺกํสาวกํสปริจฺเฉทานํ มชฺเฌ. อนุรูปโต วิกปฺโป เวทิตพฺโพติ อปาเยสุ อนฺธสฺส ฉ จกฺขุทสกาภาวโต, ตถา พธิรสฺส โสตทสกาภาวโต, อนฺธพธิรสฺส ปน ปฺจ จกฺขุโสตทสกาภาวโตติ เอวมาทินา นเยน เวทิตพฺโพ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตเมวาติ.

๖๓๑. จุติปฏิสนฺธีนํ ขนฺธาทีหิ อฺมฺสมานตา อเภโท. อสมานตา เภโท.

อารมฺมณโตปิอภินฺนาติ จตูสุ อารุปฺเปสุ ตโต ตโต จวิตฺวา ตตฺถ ตตฺเถว อุปปชฺชนฺตสฺส วเสน วุตฺตํ. ตเถว ปน เหฏฺา, รูปภเว วา อุปปตฺติ นตฺถิ. อรูปภูมิโต จวิตฺวา เหฏฺา อุปปตฺติ นาม กามภเว เอว, ตตฺถาปิ ติเหตุกปฏิสนฺธิ เอว. รูปภวโต ปน จุโต ทุเหตุโกปิ โหตีติ วทนฺติ. อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา มหคฺคตอชฺฌตฺตารมฺมณา ทุติยจตุตฺถารุปฺปปฏิสนฺธิ. เอวํ นยมตฺตสฺส ทสฺสิตตฺตา วุตฺตํ, อวุตฺตฺจ สพฺพํ สงฺคเหตฺวา อาห ‘‘อยํ ตาว อรูปภูมีสุเยว นโย’’ติ. รูปารูปาวจรานํ อุปจารสฺส พลวตาย ตโต จวิตฺวา ทุคฺคติยํ อุปปตฺติ นตฺถีติ ‘‘เอกจฺจสุคติจุติยา’’ติ อาห. เอกจฺจทุคฺคติปฏิสนฺธีติ เอตฺถ เอกจฺจคฺคหณสฺส ปโยชนํ มคฺคิตพฺพํ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย สิยา – นานตฺตกายนานตฺตสฺีสุ วุตฺตา เอกจฺเจ จ วินิปาติกา ติเหตุกาทิปฏิสนฺธิกา, เตสํ ปฏิสนฺธึ วินิปาติกภาเวน ‘‘ทุคฺคติปฏิสนฺธี’’ติ คเหตฺวา สพฺพสุคติจุติยา จ สา ปฏิสนฺธิ โหติ, น เอกจฺจสุคติจุติยา เอวาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ เอกจฺจทุคฺคติคฺคหณํ กตํ. อปายปฏิสนฺธิ เอว หิ เอกจฺจสุคติจุติยา โหติ, น สพฺพสุคติจุติยาติ. อถ วา ทุคฺคติปฏิสนฺธิ ทุวิธา เอกจฺจสุคติจุติยา อนนฺตรา, ทุคฺคติจุติยา จาติ. ตตฺถ ปจฺฉิมํ วชฺเชตฺวา ปุริมํเยว คเหตุํ วุตฺตํ ‘‘เอกจฺจทุคฺคติปฏิสนฺธี’’ติ. อเหตุกจุติยา สเหตุกปฏิสนฺธีติ ทุเหตุกา จ ติเหตุกา จ โยเชตพฺพา. มณฺฑูกเทวปุตฺตาทีนํ วิย หิ อเหตุกจุติยา ติเหตุกปฏิสนฺธิปิ โหตีติ.

ตสฺสตสฺส วิปรีตโต จ ยถาโยคํ โยเชตพฺพนฺติ ‘‘เอกจฺจสุคติจุติยา เอกจฺจทุคฺคติปฏิสนฺธี’’ติอาทีสุ เภทวิเสเสสุ ‘‘เอกจฺจทุคฺคติจุติยา เอกจฺจทุคฺคติปฏิสนฺธี’’ติอาทินา ยํ ยํ ยุชฺชติ, ตํ ตํ โยเชตพฺพนฺติ อตฺโถ. ยุชฺชมานมตฺตาเปกฺขนวเสน นปุํสกนิทฺเทโส กโต. โยเชตพฺพนฺติ วา ภาวตฺถตา ทฏฺพฺพา. ‘‘อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณาย มหคฺคตอชฺฌตฺตารมฺมณา’’ติอาทีสุ ปน วิปรีตโยชนา น กาตพฺพา. น หิ มหคฺคตอชฺฌตฺตารมฺมณาย จุติยา อรูปภูมีสุ อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณา ปฏิสนฺธิ อตฺถิ. ‘‘จตุกฺขนฺธาย อารุปฺปจุติยา อนนฺตรา ปฺจกฺขนฺธา กามาวจรปฏิสนฺธี’’ติ เอตสฺส วิปริยาโย สยเมว โยชิโต. ‘‘อตีตารมฺมณาย จุติยา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธี’’ติ เอตสฺส จ วิปริยาโย นตฺถิ เอว. เภทวิเสโส เอว จ เอวํ วิตฺถาเรน ทสฺสิโต, อเภทวิเสโส ปน เอเกกสฺมึ เภเท ตตฺถ ตตฺเถว จุติปฏิสนฺธิโยชนาวเสน เวทิตพฺโพ ‘‘ปฺจกฺขนฺธาย กามาวจรจุติยา ปฺจกฺขนฺธา กามาวจรา…เป… อวิตกฺกอวิจาราย อวิตกฺกาวิจารา’’ติ. จตุกฺขนฺธาย ปน จตุกฺขนฺธา สยเมว โยชิตา. เอเตเนว นเยน สกฺกา วิฺาตุนฺติ ปฺจกฺขนฺธาทีสุ อเภทวิเสโส น ทสฺสิโตติ.

๖๓๒. อิตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน. เอตํ วิฺาณํ อวิชฺชาทิสหการิการณสหิตสฺส สงฺขารสฺส วเสน ลทฺธปฺปจฺจยํ. พาหิรกกปฺปิตสฺส อธิปติฏฺนกสฺส อภาวโต รูปารูปธมฺมมตฺตํ. เตนาห ‘‘น สตฺโต น ชีโว’’ติ. อุเปตีติ วุจฺจติ ตถาโวหารมตฺตํ, อตฺถโต ปน ปจฺจยสามคฺคิยา ภวนฺตรภาเวน อุปฺปชฺชนมตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตสฺส จา’’ติอาทิ. ตโต เหตุํ วินาติ ตตฺถ เหตุํ วินา. มนุสฺสจุติปฏิสนฺธิกฺกเมนาติ มนุสฺสจุติโต มนุสฺสปฏิสนฺธิกฺกเมน. เอวฺหิ ปากฏคฺคหณํ อุภยวิเสสนํ โหติ. ปากฏตา เจตฺถ ตทาสนฺนกฺขนฺธวเสน เวทิตพฺพา ‘‘จวมาเน อุปปชฺชมาเน’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๔๗) วิย. มนุสฺสจุติปฏิสนฺธิกฺกเมนาติ วา มนุสฺสจุติโต ยสฺส กสฺสจิ ปฏิสนฺธิกฺกเมน. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘นิสฺสยํ อสฺสาทยมานํ วา อนาสฺสาทยมานํ วา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๓๒).

สรเสนาติ สภาเวน, ปริกฺขีณายุสงฺขารตายาติ อตฺโถ. อุปกฺกเมนาติ อตฺตนา, ปเรน วา กเตน สีสจฺเฉทนาทิอุปกฺกเมน. สพฺเพสํ องฺคปจฺจงฺคสนฺธีนํ พนฺธนานิ สพฺพงฺคปจฺจงฺคสนฺธิพนฺธนานิ, เตสํ เฉทกานํ. สนฺนิปาตนฺติ ปตนํ ปวตฺติ. หทยปฺปเทโสปิ อนุกฺกเมน สุสฺสิตฺวา อปฺปาวเสโส โหติ, ปเคว กาโยติ อาห ‘‘กเมน อุปสุสฺสมาเน สรีเร’’ติ. เตเนวาห ‘‘ตงฺขณาวเสสหทยวตฺถุสนฺนิสฺสิต’’นฺติ. ‘‘นิรุทฺเธสุ จกฺขาทีสู’’ติ อิทํ คพฺภเสยฺยกานํ อายตนานํ อนุปุพฺพุปฺปตฺติ วิย นิโรโธปิ อนุปุพฺพโต โหตีติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ, อติมนฺทภาวูปคมนตํ วา สนฺธาย ‘‘นิรุทฺเธสู’’ติ วุตฺตํ, น อนวเสสนิโรธํ. ปฺจทฺวาริกวิฺาณานนฺตรมฺปิ หิ ปุพฺเพ จุติ ทสฺสิตา. ยมเก จ ‘‘ยสฺส จกฺขายตนํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส มนายตนํ นิรุชฺฌตีติ? อามนฺตา. ยสฺส วา ปน มนายตนํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส จกฺขายตนํ นิรุชฺฌตีติ? สจิตฺตกานํ อจกฺขุกานํ จวนฺตานํ เตสํ มนายตนํ นิรุชฺฌติ, โน จ เตสํ จกฺขายตนํ นิรุชฺฌติ. สจกฺขุกานํ จวนฺตานํ เตสํ มนายตนฺจ นิรุชฺฌติ, จกฺขายตนฺจ นิรุชฺฌตี’’ติอาทินา (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๒๐) จกฺขายตนาทีนํ จุติจิตฺเตน สห นิโรโธ วุตฺโตติ.

หทยวตฺถุมตฺเตติ หทยวตฺถุปเทสมตฺเต. น หิ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย กายินฺทฺริยํ ปวตฺตติ. หทยวตฺถุปิ ตทา อาตเป ปกฺขิตฺตหริตตาลปณฺณํ วิย อปฺปาวเสสํ โหตีติ ‘‘ตงฺขณาวเสสหทยวตฺถุสนฺนิสฺสิต’’นฺติ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. อิตรวตฺถูนํ ปน สกิจฺจาสมตฺถตาย เกวลํ หทยวตฺถุสนฺนิสฺสิตเมว, ตทา วิฺาณํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ตงฺขณาวเสสหทยวตฺถุสนฺนิสฺสิต’’นฺติ. มาตุฆาตาทิ, มหคฺคตมฺํ วา ตาทิสํ ครุกํ นาม. สมาเสวิตํ อภิณฺหโส กตํ. อาสนฺนํ มรณกาเล กตํ, ยทา ตทา วา กตมฺปิ ปริพฺยตฺตํ หุตฺวา อนุสฺสริตํ. ปุพฺพกตํ อปราปริยายเวทนียํ. ลทฺโธ อวเสโส อวิชฺชาทิโก วิฺาณสฺส ปจฺจโย เอเตนาติ ลทฺธาวเสสปจฺจโย, สงฺขาโร. เอเตน วิปจฺจิตุํ กโตกาสํ ยถูปจิตํ กุสลากุสลเจตนมาห. กมฺมนิมิตฺตํ นาม ยํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา อายูหนกาเล กมฺมํ อายูหติ, ตํ. อตีเต กปฺปโกฏิสตสหสฺสมตฺถเกปิ หิ กมฺเม กเต วิปจฺจนกาเล อาคนฺตฺวา กมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา อุปติฏฺติ. คตินิมิตฺตํ นาม นิพฺพตฺตนกโอกาเส เอโก วณฺโณ. โส จ นิรเย นิพฺพตฺตนารหสฺส ‘‘อคฺคิชาลวณฺณาทิโก’’ติอาทินา เหฏฺา วุตฺโตเยว. อวิชฺชาปฏิจฺฉาทิตาทีนเว ตสฺมึ กมฺมาทิวิสเย ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อารมฺมณภาเวน อุปฺปตฺติฏฺานภูเต.

ตณฺหาย อปฺปหีนตฺตา เอว, ปุริมุปฺปนฺนาย จ สนฺตติยา ตถาปริณตตฺตา ปฏิสนฺธิฏฺานาภิมุขํ วิฺาณํ นินฺนโปณปพฺภารํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ อาห ‘‘ตณฺหา นาเมตี’’ติ. สหชาตสงฺขาราติ จุติอาสนฺนชวนวิฺาณสหชาตา เจตนา, สพฺเพปิ วา ผสฺสาทโย. ตสฺมึ ปฏิสนฺธิฏฺาเน กมฺมาทิวิสเย วิฺาณํ ขิปนฺติ. ขิปนฺตา วิย ตสฺมึ วิสเย ปฏิสนฺธิวเสน วิฺาณปติฏฺานสฺส เหตุภาเวน ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. นฺติ ตํ วิฺาณํ. จุติปฏิสนฺธิตทาสนฺนวิฺาณานํ สนฺตติวเสน วิฺาณนฺติ อุปนีเตกตฺตํ . ตณฺหาย นามิยมานํ…เป… ปวตฺตตีติ นมนขิปนปุริมนิสฺสยชหนอปรนิสฺสยสฺสาทนนิสฺสยรหิตปวตฺตนานิ สนฺตติวเสน ตสฺเสเวกสฺส วิฺาณสฺส โหนฺติ, น อฺสฺสาติ ทสฺเสติ. สนฺตติวเสนาติ จ วทนฺโต ‘‘ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ อนฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๓๙๖) อิมฺจ มิจฺฉาคาหํ ปฏิกฺขิปติ. สติ หิ นานตฺตนเย สนฺตติวเสน เอกตฺตนโย โหตีติ. เอตฺถ จ โอริมตีรรุกฺขวินิพทฺธรชฺชุ วิย ปุริมภวตฺตภาววินิพทฺธํ กมฺมาทิอารมฺมณํ ทฏฺพฺพํ, ปุริโส วิย วิฺาณํ, ตสฺส มาติกาติกฺกมนิจฺฉา วิย ตณฺหา, อติกฺกมนปโยโค วิย ขิปนกสงฺขารา, ยถา จ โส ปุริโส ปรตีเร ปติฏฺหมาโน ปรตีรรุกฺขวินิพทฺธํ กิฺจิ อสฺสาทยมาโน วา อนสฺสาทยมาโน วา เกวลํ ปถวิยํ สกพลปโยเคเหว ปติฏฺาติ, เอวมิทมฺปิ ภวนฺตรตฺตภาววินิพทฺธํ หทยวตฺถุสงฺขาตํ นิสฺสยํ ปฺจโวการภเว อสฺสาทยมานํ, จตุโวการภเว อนสฺสาทยมานํ วา เกวลํ อารมฺมณสมฺปยุตฺตกมฺเมเหว ปวตฺตติ. ตตฺถ อสฺสาทยมานนฺติ ปาปุณนฺตํ, ปฏิลภมานนฺติ อตฺโถ.

ภวนฺตราทิปฏิสนฺธานโตติ ภวนฺตรสฺส อฺภวสฺส อาทิปฏิสนฺธานภาวโต. ภวนฺตราทโย วา ภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสนฺตรานิ, เตสํ ปฏิสนฺธานโตติ อตฺโถ. ตเทตํ วิฺาณํ นาปิ อิธาคตํ อิมสฺมึเยว ภเว อุปฺปนฺนตฺตา. กมฺมนฺติ ปฏิสนฺธิชนกํ กมฺมํ. สงฺขาราติ จุติอาสนฺนชวนวิฺาณสหคตา ขิปนกสงฺขารา. นตีติ นมนวเสน ปวตฺตตณฺหา. วิสโย กมฺมาทิ.

๖๓๓. สทฺทปฏิโฆสาทีนํ สติปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเว สนฺตานพนฺโธ น ปากโฏติ เตสํ เอกตฺตนานตฺตภาวํ อนามสิตฺวา อนาคมนาตีตเหตุสมุปฺปาทเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. สทฺทาทิเหตุกาติ เอตฺถ ปฏิโฆโส สทฺทเหตุโก. ปทีโป ปทีปนฺตราทิเหตุโก. มุทฺทา ลฺฉนเหตุกา. ฉายา อาทาสาทิอภิมุขมุขาทิเหตุกา. โหนฺติ อฺตฺร อคนฺตฺวาติ สทฺทาทิปจฺจยเทสํ อนุปคนฺตฺวา สทฺทาทิเหตุกา โหนฺติ ตโต ปุพฺเพ อภาวา. เอวํ อิทมฺปิ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ น เหตุเทสํ คนฺตฺวา ตํเหตุกํ โหติ ตโต ปุพฺเพ อภาวา. ตสฺมา น อิทํ เหตุเทสโต ปุริมภวโต อิธาคตํ ปฏิโฆสาทโย วิย สทฺทาทิเทสโต, นาปิ ตตฺถ เหตุนา วินา อุปฺปนฺนํ สทฺทาทีหิ วินา ปฏิโฆสาทโย วิยาติ อตฺโถ. อถ วา โหนฺติ อฺตฺร อคนฺตฺวาติ ปุพฺเพ ปจฺจยเทเส สนฺนิหิตา หุตฺวา ตโต อฺตฺร คนฺตฺวา ตปฺปจฺจยา น โหนฺติ อุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ อภาวา, นาปิ สทฺทาทิปจฺจยา น โหนฺติ, เอวํ อิทมฺปีติ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ.

นตฺถิ เอกตา เอกสนฺตาเนกตฺเตปิ อฺสฺเสว วิฺาณสฺส ปาตุภวนโต. นาปิ นานตา สนฺตานพนฺธโต ปทีโป วิย. ขณิกาย หิ ปทีปชาลาย สนฺตาเนกตฺตํ อุปาทาย โส เอวาติ วุจฺจติ, อตฺถกิจฺจฺจ สาเธติ, เอวมิธาปิ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ยทิ หี’’ติอาทินา สนฺตานพนฺเธ เอกนฺตํ เอกตาย, นานตาย จ อคฺคเหตพฺพตํ, คหเณ จ โทสํ ทสฺเสติ. เอส นโยติ อติเทเสน พีชงฺกุราทีสุ สพฺพเหตุเหตุสมุปฺปนฺเนสุ ยถาสมฺภวํ โยชนา กาตพฺพาติ ทสฺเสติ. อิธาปิ หิ เหตุเหตุสมุปฺปนฺนวิฺาณานํ เอกนฺตเมกตฺเต สติ น มนุสฺสคติโต เทวคติ สมฺภูตา สิยา. เอกนฺตนานตฺเต น กมฺมวโต ผลํ สิยา, ตโต ‘‘รตฺตสฺส พีชํ รตฺตสฺส ผล’’นฺติอาทิกสฺส วิย ‘‘ภูตปุพฺพาหํ, ภนฺเต, โรหิตสฺโส นาม อิสิ อโหสิ’’นฺติอาทิกสฺส (สํ. นิ. ๑.๑๐๗) โวหารสฺส โลโป สิยา, ตสฺมา เอตฺถ สนฺตานพนฺเธสุ เหตุเหตุสมุปฺปนฺเนสุ น เอกนฺตเมกตา วา นานตา วา อุปคนฺตพฺพา น คเหตพฺพา. เอตฺถ จ เอกนฺตเอกตาปฏิเสเธน ‘‘สยํกตํ สุขํ ทุกฺข’’นฺติ (วิภ. มูลฏี. ๒๒๗) อิมํ ทิฏฺึ นิวาเรติ, เอกนฺตนานตาปฏิเสเธน ‘‘ปรํกตํ สุขํ ทุกฺข’’นฺติ (วิภ. มูลฏี. ๒๒๗), เหตุเหตุสมุปฺปนฺนตาวจเนน ‘‘อธิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ (วิภ. มูลฏี. ๒๒๗) อิมํ ทิฏฺึ นิวาเรติ.

๖๓๔. ตตฺถาติ ผลุปฺปตฺติฏฺาเน. อฺสฺสาติ เยน ตํ กมฺมํ กตํ, ตโต อฺสฺส. อฺโตติ ยํ ตํ กมฺมํ นิพฺพตฺติตํ, ตโต อฺโต. ‘‘ธมฺมมตฺตํ ภวนฺตรมุเปตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๓๒; วิภ. อฏฺ. ๒๒๗; มหานิ. อฏฺ. ๒๗; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๑๐๕) วุตฺตตฺตา ผลสฺส อุปภุฺชเก จ อสติ กสฺส ตํ ผลํ สิยาติ อนุยุฺเชติ. ตตฺราติ ตสฺมึ ยถาวุตฺเต อนุโยเค.

ตตฺถาติ เอกสนฺตาเน. ยสฺมึ ธมฺมปุฺเช กมฺมํ นิพฺพตฺตํ, ตสฺเสว สนฺตาเนติ อตฺโถ. เอตสฺส อตฺถสฺสาติ เหตุผลานํ อตฺถโต อฺตฺเตปิ เตเนว เหตุผลภาเวน สมฺพนฺธตฺตา ตํ ผลํ ‘‘อฺสฺส, อฺโต’’ติ วา น วตฺตพฺพนฺติ เอตสฺส อตฺถสฺส. จตุมธุรอลตฺตกรสาทิภาวนา อมฺพมาตุลุงฺคาทิพีชานํ อภิสงฺขาโร. เอตฺถ จ อภิสงฺขตํ พีชํ วิย กมฺมวา สตฺโต, อภิสงฺขาโร วิย กมฺมํ, พีชสฺส องฺกุราทิปฺปพนฺโธ วิย สตฺตสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณาทิปฺปพนฺโธ. ตตฺถุปฺปนฺนสฺส มธุรสฺส รตฺตเกสรสฺส วา ผลสฺส วา ตสฺเสว พีชสฺส, ตโต เอว จ อภิสงฺขารโต ภาโว วิย กมฺมการกสฺเสว สตฺตสฺส, ตํกมฺมโต เอว จ ผลสฺส ภาโว เวทิตพฺโพ. พาลสรีเร กตํ วิชฺชาปริยาปุณนํ, สิปฺปสิกฺขนํ, โอสธปฺปโยโค จ น วุฑฺฒสรีรํ คจฺฉนฺติ. อถ จ ตนฺนิมิตฺตํ วิชฺชาปาฏวํ สิปฺปชานนํ, อนามยตา จ วุฑฺฒสรีเร โหนฺติ, น จ ตานิ อฺสฺส โหนฺติ ตํสนฺตติปริยาปนฺเน เอว วุฑฺฒสรีเร อุปฺปชฺชนโต, น จ ยถาปยุตฺเตน วิชฺชาปริยาปุณนาทินา วินา ตานิ อฺโต โหนฺติ ตทภาเว อภาวโต, เอวํ อิธาปิ สนฺตาเน ยํ ผลํ, เอตํ นาฺสฺส. น จ อฺโตติ โยเชตพฺพํ. เอเตน จ สงฺขาราภาเว ผลาภาวเมว ทสฺเสติ, น อฺปจฺจยนิวารณํ กโรติ.

ยมฺปิ วุตฺตํ, ตตฺถ วทามาติ วจนเสโส. ตตฺถ วา อุปภุฺชเก อสติ สิทฺธา ภุฺชกสมฺมุตีติ สมฺพนฺโธ. ผลตีติ สมฺมุติ ผลติสมฺมุติ.

รุกฺขสงฺขาตานํ ธมฺมานนฺติ รุกฺขปฺตฺติยา อุปาทานภูตานํ ภูตุปาทายธมฺมานํ. ตสฺมาติ ยสฺมา ยถา ขนฺธสนฺตาเน กุสลากุสลเจตนุปฺปตฺติยํ ‘‘ปุฺํ กโรติ, ปาปํ กโรตี’’ติ กตฺตุโวหาโร, เอวํ ตสฺส ผลุปฺปตฺติยํ ‘‘สุขํ อนุภวติ, ทุกฺขํ อนุภวตี’’ติ อุปภุฺชกโวหาโร, ตสฺมา น เอตฺถ ขนฺธวินิมุตฺเตน อฺเน อุปภุฺชเกน นาม โกจิ อตฺโถ อตฺถีติ.

๖๓๕. เอวํ สนฺเตปีติ อสงฺกนฺติปาตุภาเว ตตฺถ จ ยถาวุตฺตโทสปริหรเณ สติ, สิทฺเธติ อตฺโถ. ปวตฺติกฺขเณเยวาติ สงฺขารานํ ปวตฺตมานกฺขเณ เอว. ปวตฺติโต ปุพฺเพติ กมฺมายูหนกฺขณโต ปุพฺเพ, อวิชฺชมานตาย สมานตฺตา เอวํ วุตฺตํ. ปจฺฉา จาติ วิปจฺจนปฺปปตฺติโต ปจฺฉา จ.

อวิปกฺกวิปากา กตตฺตา เจ ปจฺจยา, วิปกฺกวิปากานมฺปิ กตตฺตํ สมานนฺติ เตสมฺปิ ผลาวหตา สิยาติ อาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ อาห ‘‘น จ นิจฺจํ ผลาวหา’’ติ.

‘‘นวิชฺชมานตฺตา อวิชฺชมานตฺตา วา’’ติ เอเตน วิชฺชมานตฺตํ, อวิชฺชมานตฺตฺจ นิสฺสาย วุตฺตโทเส ปริหรติ. ตสฺสา ปาฏิโภคกิริยาย, ภณฺฑกีณนกิริยาย, อิณคฺคหณกิริยาย วา กรณมตฺตํ ตํกิริยากรณมตฺตํ, ตเทว ตทตฺถนิยฺยาตเน ปฏิภณฺฑทาเน, อิณทาเน จ ปจฺจโย โหติ, อผลิตนิยฺยาตนาทิผลนฺติ อตฺโถ.

๖๓๖. สมฺโมหวิฆาตตฺถนฺติ พาตฺตึสาย วิฺาเณสุ ยถาวุตฺตสงฺขารานํ ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺติยฺจ ปจฺจยภาเว วิภชฺช อวิภาวิเต ปวตฺตนกสมฺโมหสฺส อปนยนตฺถํ.

ปุฺาภิสงฺขาเรติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ. อวิเสเสนาติ ‘‘ติเหตุโก ติเหตุกสฺสา’’ติอาทิกํ เภทํ อกตฺวา สามฺโต, ปิณฺฑวเสนาติ อตฺโถ. สพฺพตฺถ อุปนิสฺสยปจฺจโย พลวกมฺมสฺส วเสน โยเชตพฺโพ. ‘‘ทุพฺพลฺหิ กมฺมํ อุปนิสฺสยปจฺจโย น โหตี’’ติ ปฏฺานสํวณฺณนาย ทสฺสิตเมตํ. รูปาวจรปฺจกุสลเจตนาเภโทติ ‘‘เปตฺวา อภิฺาปฺปตฺต’’นฺติ วิเสเสตฺวา วตฺตพฺพํ, น วา วตฺตพฺพํ วิปากสฺส ปจฺจยภาวกถาย อวิปาการหสฺส ปสงฺคาภาวโต. อภิฺาเจตนาย หิ อวิปากตา เหฏฺา วิภาวิตา เอว. อวิเสเสน ปนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปฺจนฺนํ วิปากวิฺาณานนฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

ปฺจนฺนนฺติ จกฺขุโสตวิฺาณานํ, สมฺปฏิจฺฉนมโนธาตุยา, ทฺวินฺนํ สนฺตีรณมโนวิฺาณธาตูนฺจาติ เอเตสํ ปฺจนฺนํ. ตเถวาติ ทฺเวธา เอว. กถํ ปน อิฏฺารมฺมเณเยว ปวตฺตนกานิ กุสลวิปากวิฺาณานิ ทุคฺคติยํ ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘นิรเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺสา’’ติอาทิ. เถโร หิ ตตฺถ อิทฺธิยา วสฺสํ นิมฺมินิตฺวา กติปยํ เวลํ นิรยคฺคึ วูปสเมตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสติ.

สฺเวว กามาวจโร ปุฺาภิสงฺขาโร. อวิเสเสน ปน ปุฺาภิสงฺขาโรติ กามาวจรํ, รูปาวจรฺจาติ ทุวิธมฺปิ ปุฺาภิสงฺขารํ เอกชฺฌํ สงฺคณฺหาติ.

ทฺวาทสากุสลเจตนาเภโทติ เอตฺถ อุทฺธจฺจสหคตเจตนาย คหเณ การณํ น ทิสฺสติ, วิจาเรตพฺพเมตํ. เอกสฺส วิฺาณสฺส ตเถว ปจฺจโย ปฏิสนฺธิยํ, โน ปวตฺเตติ เอกสฺเสว ปจฺจยภาวนิยโม ปฏิสนฺธิยํ, โน ปวตฺเต. ปวตฺเต หิ สตฺตนฺนมฺปิ ปจฺจโยติ อธิปฺปาโย.

รูปภเวจตุนฺนนฺติ อกุสลวิปากานํ จกฺขุโสตวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณานํ. ตานิ ปน เอกนฺตโต อนิฏฺารมฺมณานิ, รูปภเว จ กถํ อนิฏฺารมฺมณสมาโยโคติ อาห ‘‘โส จ โข’’ติอาทิ. ‘‘ตถา กามาวจรเทวโลเกปิ อนิฏฺรูปาทโย นตฺถี’’ติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. พหุลฺหิ เตสํ อิฏฺา เอว รูปาทโย อุปฏฺหนฺติ, กทาจิ อนิฏฺํ. เทวานฺหิ เกสฺจิเทว ปุพฺพนิมิตฺตปาตุภาวกาลาทีสุ มิลาตมาลาทิอนิฏฺารมฺมณสมาโยโค โหตีติ.

๖๓๗. ยตฺถ วิตฺถารปฺปกาสนํ กตํ, ตโต ภวโต ปฏฺาย มุขมตฺตปฺปกาสนํ กาตุกาโม อาห ‘‘อาทิโต ปฏฺายา’’ติ. เตเนว ‘‘ทฺวีสุ ภเวสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. มนุสฺสาปิ เกจิ อณฺฑชา, สํเสทชา จ โหนฺตีติ ตทเปกฺขาย ‘‘จตูสุ โยนีสู’’ติ วุตฺตํ. เอกตฺตกายเอกตฺตสฺิตาสามฺเน จตุตฺถฌานภูมิกาปิ อสฺารุปฺปวชฺชา จตุตฺถึเยว วิฺาณฏฺิตึ ภชนฺติ. เอส ปุฺาภิสงฺขาโร. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘นานากฺขณิกกมฺมปจฺจเยน เจว อุปนิสฺสยปจฺจเยน จา’’ติ วุตฺตนเยเนว. ยถาสมฺภวนฺติ เอกวีสติกามาวจรรูปาวจรกุสลวิปาเกสุ จุทฺทสนฺนํ ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺเต จ, สตฺตนฺนํ ปวตฺเต เอวาติ อยํ ยถาสมฺภโว.

ตาทิเสเยวาติ นานตฺตกายเอกตฺตสฺีสงฺขาเตเยว.

จตุนฺนํ วิฺาณานนฺติ ภวาทโย อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ. จตูสุ อนฺโตคธานํ ปน ติณฺณํ วิฺาณานํ ตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ ปจฺจยภาโว โยเชตพฺโพ. อวิฺาณเก สตฺตาวาเส สงฺขารปจฺจยา วิฺาเณ อลพฺภมาเนปิ ตสฺส สงฺขารเหตุกตฺตํ ลพฺภเตว. ตถา หิ ตตฺถ ปุฺาภิสงฺขาโร กฏตฺตารูปานํ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ. เอตสฺมิฺจ มุขมตฺตปฺปกาสเน ปุฺาภิสงฺขาราทีนํ ทุคฺคติอาทีสุ ปวตฺติยํ กุสลวิปากาทิวิฺาณานํ ปจฺจยภาโว ภเวสุ วุตฺตนเยเนว วิฺายตีติ น วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

วิฺาณปจฺจยานามรูปปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๓๘. วิภาคานามรูปานนฺติ นามสฺส, รูปสฺส จ ปเภทโต.

ตตฺถ นามสฺส ตาว ปเภทํ ทสฺเสนฺเตน กามํ วิฺาณมฺปิ นามเมว, ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺเน ปน อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ ‘‘อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต เวทนาทโย ตโย ขนฺธา’’ติ วุตฺตํ. นิพฺพานสฺส ปเนตฺถ ปวตฺติกถายํ อปฺปจฺจยตฺตา, นมนฏฺาภาวโต จ ปสงฺโค เอว นตฺถิ. นามนฏฺเน หิ ตํ นามํ, น นมนฏฺเน. เตสํ นามรูปานํ สุขาทิวเสน, ปถวีอาทิวเสน จ วิภาโค.

เอกํ สตฺตาวาสนฺติ อสฺสตฺตาวาสํ. ปุริเมสุ จตูสุ, อสฺสตฺตาวาเส จาติ ปฺจสุ.

คพฺภเสยฺยคฺคหเณน ชลาพุชา คหิตาติ ‘‘อณฺฑชานฺจา’’ติ วุตฺตํ. อณฺฑชานฺจ อภาวกานนฺติ โยเชตพฺพํ. สนฺตติสีสานีติ กลาปสนฺตานมูลานิ. ยทิปิ วิการรูปานิ ปฏิสนฺธิกฺขเณ น สนฺติ, ลกฺขณปริจฺเฉทรูปานิ ปน สนฺตีติ ตานิ ปรมตฺถโต อปรินิปฺผนฺนานีติ วชฺเชนฺโต อาห ‘‘รูปรูปโต’’ติ. ผสฺสาทิเก สงฺขารกฺขนฺธภาเวน เอกตฺตํ เนตฺวา ‘‘เตวีสติ ธมฺมา’’ติ วุตฺตํ. อปเนตฺวาติ กลาปนฺตรคเต ปถวีอาทิเก สมานลกฺขณตาย อคฺคเหตฺวา.

เตสนฺติ พฺรหฺมกายิกาทีนํ. วิตฺถาเรนาติ จตูสุปิ สนฺตติสีเสสุ รูปานํ อสงฺขิปเนน.

กามภเว ปน ยสฺมา เสสโอปปาติกานนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ กามภเว โอปปาติกา วุตฺตา น สนฺติ, เยน เสสคฺคหณํ สาตฺถกํ ภเวยฺย, อณฺฑชคพฺภเสยฺยเกหิ ปน โอปปาติกสํเสทชา เสสา โหนฺตีติ เสสคฺคหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา พฺรหฺมกายิกาทิเกหิ โอปปาติเกหิ วุตฺเตหิ เสเส สนฺธาย ‘‘เสสโอปปาติกาน’’นฺติ อาห. เต ปน อรูปิโนปิ สนฺตีติ ‘‘กามภเว’’ติ วุตฺตํ. อปริปุณฺณายตนานํ ปน นามรูปํ ยถาสมฺภวํ รูปมิสฺสกวิฺาณนิทฺเทเส วุตฺตนเยน สกฺกา ธมฺมคณนโต วิฺาตุนฺติ น วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สห ปวตฺตอุตุโตติ ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สห อุปฺปนฺนรูเปสุ เตโชธาตุโต. หทยวตฺถุโน ตงฺขณุปฺปนฺนตฺตา ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส วตฺถุทุพฺพลตา. เตสํ อชฺโฌหริตาหาเรน อนุคเต สรีเร อาหารสมุฏฺานํ สุฏฺทฺธกนฺติ สมฺพนฺโธ. นโรติ เตเนว มาตุกุจฺฉิคตภาเวน ติโรกฺโข. อวกํสโต ทฺเว อฏฺกาเนว อุตุจิตฺตสมุฏฺานานิ โหนฺตีติ สสทฺทกาลํ สนฺธาย ‘‘อุกฺกํสโต ทฺวินฺนํ นวกาน’’นฺติ วุตฺตํ. ปุพฺเพติ ยํ ปุพฺเพ สนฺตติทฺวยาทิกํ สตฺตกปริโยสานํ รูปํ อิธ วุตฺตํ, ตํ เอเกกสฺส จิตฺตสฺส ตีสุ ตีสุ ขเณสุ อุปฺปชฺชมานเมว วุตฺตนฺติ กตฺวา อาห ‘‘ปุพฺเพ…เป… สตฺตติวิธ’’นฺติ. ทุวิธมฺปิ ตนฺติ อุตุสมุฏฺานํ, จิตฺตสมุฏฺานฺจาติ ทุวิธมฺปิ ตํ สทฺทํ.

สณฺาตุนฺติ อทฺธนิยภาเวน าตุํ, อตฺตโน ปน ขณมตฺตํ ติฏฺเตว. จตุทฺทิสา ววตฺถาปิตาติ อฺมฺํ สํสฏฺสีสา มูเลน จตูสุ ทิสาสุ ววตฺถาปิตา. อฺมฺํ อาลิงฺเคตฺวา ิตา ภินฺนวาหนิกา วิย จ.

๖๓๙. ปฺจโวการภเว จ ปวตฺติยนฺติ รูปาชนกกมฺมชปฺจวิฺาณปฺปวตฺติกาลํ, สหชาตวิฺาณปจฺจยฺจ สนฺธายาห. ตทา หิ ตโต นามเมว โหตีติ. กมฺมวิฺาณปจฺจยา ปน ตทาปิ อุภยํ โหตีติ สกฺกา วตฺตุํ, ปจฺฉาชาตวิฺาณปจฺจยา จ รูปํ อุปตฺถทฺธํ โหตีติ. อสฺเสูติอาทิ กมฺมวิฺาณปจฺจยํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปฺจโวการภเว จ ปวตฺติยนฺติ ภวงฺคาทิชนกกมฺมโต อฺเน รูปุปฺปตฺติกาลํ, นิโรธสมาปตฺติกาลํ, ภวงฺคาทิอุปฺปตฺติกาลโต อฺกาลฺจ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ยุตฺตํ. ภวงฺคาทิอุปฺปตฺติกาเล หิ ตํชนเกน กมฺมุนา อุปฺปชฺชมานํ รูปํ, โส จ วิปาโก กมฺมวิฺาณปจฺจโย โหตีติ สกฺกา วตฺตุํ. สหชาตวิฺาณปจฺจยานเปกฺขมฺปิ หิ ปวตฺติยํ กมฺเมน ปวตฺตมานํ รูปํ, นามฺจ น กมฺมวิฺาณานเปกฺขํ โหตีติ. สพฺพตฺถาติ ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺเต จ. สหชาตวิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, กมฺมวิฺาณปจฺจยา นามรูปฺจ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. นามฺจ รูปฺจ นามรูปฺจาติ เอตฺถ นามรูปสทฺโท อตฺตโน เอกเทเสน นามสทฺเทน นามสทฺทสฺส สรูโป, รูปสทฺเทน จ รูปสทฺทสฺส, ตสฺมา สรูปานํ เอกเสโสติ เอกเทสสรูเปกเสโส, นามรูปสทฺทสฺส านํ อิตเรสฺจ นามรูปสทฺทานํ อทสฺสนนฺติ อตฺโถ.

วิปากโต อฺํ อวิปากํ. ยโต ทฺวิธา มตํ, ตโต ยุตฺตเมว อิทนฺติ โยเชตพฺพํ.

กุสลาทิจิตฺตกฺขเณติ อาทิ-สทฺเทน อกุสลกิริยจิตฺตกฺขเณ วิย วิปากจิตฺตกฺขเณปิ วิปากาชนกกมฺมสมุฏฺานํ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. วิปากจิตฺตกฺขเณ ปน อภิสงฺขารวิฺาณปจฺจยา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน อุภยฺจ ลพฺภตีติ ตาทิสวิปากจิตฺตกฺขณวชฺชนตฺถํ ‘‘กุสลาทิจิตฺตกฺขเณ’’ติ วุตฺตํ.

๖๔๐. สุตฺตนฺติกปริยายโตติ ปฏฺาเน รูปานํ อุปนิสฺสยปจฺจยสฺส อวุตฺตตฺตา วุตฺตํ. สุตฺตนฺเต ปน ยสฺมึ สติ ยํ โหติ, อสติ จ น โหติ, โส ตสฺส อุปนิสฺสโย นิทานํ เหตุ ปภโวติ กตฺวา ‘‘วิฺาณูปนิสํ นามรูป’’นฺติ รูปสฺส จ วิฺาณูปนิสฺสยตา วุตฺตา. วนปตฺถปริยาเย จ วนปตฺถคามนิคมนครชนปทปุคฺคลูปนิสฺสโย อิริยาปถวิหาโร, ตโต จ จีวราทีนํ ชีวิตปริกฺขารานํ กสิเรน, อปฺปกสิเรน จ สมุทาคมนํ วุตฺตํ, น จ วนปตฺถาทโย อารมฺมณูปนิสฺสยาทิภาวํ อิริยาปถานํ, จีวราทิสมุทาคมนสฺส จ ภชนฺติ. ตสฺมา วินา อภาโว เอว สุตฺตนฺติกปริยายโต อุปนิสฺสยภาโว ทฏฺพฺโพ. นามสฺส อภิสงฺขารวิฺาณํ กมฺมารมฺมณปฏิสนฺธิอาทิกาเล อารมฺมณปจฺจโยว โหตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ รูปสฺเสว สุตฺตนฺติกปริยายโต เอกธาว ปจฺจยภาโว วุตฺโต. สสํสยสฺส หิ รูปสฺเสตํ ปจฺจโย โหตีติ วุตฺเต นามสฺส โหตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ.

ปวตฺตสฺส ปากฏตฺตา อปากฏํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ปุจฺฉติ ‘‘กถํ ปเนต’’นฺติอาทินา. สุตฺตโต นามํ, ยุตฺติโต รูปํ วิฺาณปจฺจยา โหตีติ ชานิตพฺพํ.

ยุตฺติโต สาเธตฺวา สุตฺเตน ตํ ทฬฺหํ กโรนฺโต ‘‘กมฺมสมุฏฺานสฺสาปิ หี’’ติอาทิมาห. จิตฺตสมุฏฺานสฺเสวาติ จิตฺตสมุฏฺานสฺส วิย. เอตฺถ จ ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑, ๓๙; มหาว. ๑; อุทา. ๑) ภาสมาเนน ภควตา ยสฺมา อุปปริกฺขมานานํ ปณฺฑิตานํ ปรมตฺถโต นามรูปมตฺตเมว ปวตฺตมานํ ทิสฺสติ, น สตฺโต, น ชีโว, ตสฺมา เกนจิ อปฺปฏิวตฺติยํ อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ โหติ. สุฺตปฺปกาสนฺหิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนนฺติ. อถ วา นามรูปมตฺตตาวจเนน ปวตฺติยา ทุกฺขสจฺจมตฺตตา วุตฺตา. ทุกฺขสจฺจปฺปกาสเนน จ ตสฺส สมุทโย, ตสฺส จ นิโรโธ, นิโรธคามินิปฏิปทา จ ปกาสิตา เอว โหติ. อเหตุกสฺส ทุกฺขสฺส, เหตุนิโรธา อนิรุชฺฌนกสฺส จ อภาวา, นิโรธสฺส จ อุปาเยน วินา อนธิคนฺตพฺพตฺตาติ จตุสจฺจปฺปกาสนํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ นิทฺธาเรตพฺพํ.

นามรูปปจฺจยาสฬายตนปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๔๑. นฺติ นามรูปํ. ตสฺสาติ สฬายตนสฺส. ตาทิสสฺเสวาติ กเตกเสสสฺเสว.

อิธาปิ นามนฺติ ขนฺธตฺตยสฺเสว คหเณ การณํ วุตฺตนยเมว. นิยมโตติ อิทฺจ จตุนฺนํ ภูตานํ, ฉนฺนํ วตฺถูนํ, ชีวิตสฺส จ ยถาสมฺภวํ สหชาตนิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยาทินา สฬายตนสฺส ปวตฺตมานสฺส เอกนฺเตน ปจฺจยภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. รูปายตนาทีนํ ปน สหชาตนิสฺสยานุปาลนภาโว นตฺถีติ อคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. อารมฺมณารมฺมณปุเรชาตาทิภาโว จ เตสํ น สสนฺตติปริยาปนฺนานเมว, น จ จกฺขาทีนํ วิย เอกปฺปหาเรเนวาติ อนิยมโต ปจฺจยภาโว. นิยมโต…เป… ชีวิตินฺทฺริยนฺติ เอวนฺติ เอตฺถ เอวํ-สทฺเทน วา รูปายตนาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนนฺติ เอตฺถ ยทิปิ ฉฏฺายตนสฬายตนสทฺทานํ สทฺทโต สรูปตา นตฺถิ, อตฺถโต ปน สฬายตเนกเทโสว ฉฏฺายตนนฺติ เอกเทสสรูปตา อตฺถีติ เอกเทสสรูเปกเสโส กโตติ เวทิตพฺโพ. อตฺถโตปิ หิ สรูปานํ เอกเทสสรูเปกเสสํ อิจฺฉนฺติ ‘‘วงฺโก จ กุฏิโล จ กุฏิลา’’ติ. ตสฺมา อตฺถโต เอกเทสสรูปานฺจ เอกเสเสน ภวิตพฺพนฺติ.

อถ วา ฉฏฺายตนฺจ มนายตนฺจ ฉฏฺายตนนฺติ วา มนายตนนฺติ วา ฉฏฺายตนฺจ ฉฏฺายตนฺจ ฉฏฺายตนนฺติ วา มนายตนฺจ มนายตนฺจ มนายตนนฺติ วา เอกเสสํ กตฺวา จกฺขาทีหิ สทฺธึ ‘‘สฬายตน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ตเมว เอกเสสํ นามมตฺตปจฺจยสฺส, นามรูปปจฺจยสฺส จ มนายตนสฺส วเสน กตํ อตฺถโต ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนนฺติ เอวํ กเตกเสสสฺสา’’ติ. ยถาวุตฺโตปิ หิ เอกเสโส อตฺถโต ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจาติ เอวํ กโต นาม โหตีติ. สพฺพตฺถ จ เอกเสเส กเต เอกวจนนิทฺเทโส กเตกเสสานํ สฬายตนาทิสทฺทวจนียตาสามฺวเสน กโตติ ทฏฺพฺโพ.

‘‘น อฺถา’’ติ เอเตน ตสฺส ตสฺส นามสฺส, รูปสฺส จ อภาเว ตํ ตํ อายตนํ น โหตีติ พฺยติเรกํ วิภาเวติ.

นฺติ ยํ ยํ นามํ, รูปฺจ. ยสฺสาติ ยสฺส ยสฺส อายตนสฺส. ยถาติ สหชาตาทินา เยน เยน ปกาเรน. เนยฺยนฺติ เยฺยํ.

ตสฺส วเสนาติ ตสฺส เหตุอาทิปจฺจยสฺส วเสน. อุกฺกํสาวกํโสติ เอตฺถ สตฺตธา ปจฺจยภาวโต อุกฺกํโส อฏฺธา ปจฺจยภาโว, ตโต นวธา, ตโต ทสธาติ อยํ อุกฺกํโส. อวกํโส ปน ทสธา ปจฺจยภาวโต นวธา ปจฺจยภาโว, ตโต อฏฺธา, ตโต สตฺตธาติ เอวํ เวทิตพฺโพ, น ปน สตฺตธา ปจฺจยภาวโต เอว ทฺเวปิ อุกฺกํสาวกํสา โยเชตพฺพา, ตโต อวกํสาภาวโตติ.

วิปากํ นามนฺติ สมฺพนฺโธ. วุตฺตนเยเนวาติ สหชาตาทิวเสน, สตฺตธา, เหตุอาทิวเสน จ. อิตรนฺติ อวิปากํ นามํ.

‘‘หทยวตฺถุโน สหายํ หุตฺวา’’ติ เอเตน อรูเป วิย อสหายํ นามํ น โหติ, หทยวตฺถุ จ นาเมน สห ฉฏฺายตนสฺส ปจฺจโย โหตีติ เอตฺตกเมว ทสฺเสติ, น ปน ยถา หทยวตฺถุ ปจฺจโย โหติ, ตถา นามมฺปีติ อยมตฺโถ อธิปฺเปโต. วตฺถุ หิ นามสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจโย โหติ, น นามํ. นามฺจ วิปากเหตาทิปจฺจโย โหติ, น วตฺถูติ. ปวตฺเต อรูปธมฺมา กมฺมชรูปสฺส ิติปฺปตฺตสฺเสว ปจฺจยา โหนฺติ, น อุปฺปชฺชมานสฺสาติ วิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตา จ ปจฺฉาชาตวิปฺปยุตฺตาทโย เอว จกฺขาทีนํ โยเชตพฺพา.

‘‘ตตฺเถวา’’ติ อิมินา ‘‘ปวตฺเต’’ติ อิทํ ปจฺจามฏฺนฺติ อาห ‘‘ตตฺเถว หิ ปวตฺเต’’ติ. ‘‘ปฺจโวการภเว’’ติ ปน อิทํ ‘‘ปฺจนฺน’’นฺติ อิมินา ทีปิตเมวาติ. ปวตฺติยํ จกฺขายตนาทิกสฺส นามํ วิปากปจฺจโย น โหติ, อตฺตนา ชนิตรูปสฺเสว โหติ. ปฏิสนฺธิยํ ปน กมฺมสมุฏฺานํ จิตฺตสมุฏฺานสทิสํ, ตสฺมา วตฺถุโนปิ วิปากปจฺจโย โหติเยว.

รูปโตติ รูเปสุ. ยํ ยํ อายตนํ อุปฺปชฺชตีติ ปฏิสนฺธิยํ อณฺฑชชลาพุชานํ ปฺจสุ อายตเนสุ กายายตนเมว อุปฺปชฺชติ. อิตเรสํ ยถารหํ อิตรานิปิ.

อวเสสมนายตนสฺสาติ เอตฺถ ‘‘ปฺจกฺขนฺธภเว ปนา’’ติ เอตสฺส อนุวตฺตมานตฺตา ปฺจโวการภเว เอว ปวตฺตมานํ ปฺจวิฺาเณหิ อวเสสํ มนายตนํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นามรูปสฺส สหชาตาทิสาธารณปจฺจยภาโว, สมฺปยุตฺตาทิอสาธารณปจฺจยภาโว จ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพ. ‘‘รูปปจฺจยา ปฺจายตนานี’’ติ อยมฺปิ นโย ลพฺภติ นิโรธสมาปนฺนานํ วเสน, โส ปน อปจุรภาวโต เยภุยฺเยน จ ปฏิสนฺธิยํ ปจฺจยภูตสฺเสว นามรูปสฺส ปวตฺติยํ ปจฺจยภาโว วิภาวิโตติ น ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.

สฬายตนปจฺจยาผสฺสปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๔๒. พาวีสติยา โลกิยวิปากวิฺาเณหิ สมฺปยุตฺตา พาวีสติโลกิยวิฺาณสมฺปยุตฺตา. ตโต เอว พาวีสติ.

ตตฺถาติ ตสฺมึ สฬายตเน, เตสุ ฉสุ อายตเนสูติ อตฺโถ. อชฺฌตฺตนฺติ สสนฺตติปริยาปนฺนเมว คณฺหาติ. ตฺหิ สสนฺตติปริยาปนฺนกมฺมนิพฺพตฺตํ ตาทิสสฺส ผสฺสสฺส ปจฺจโย โหติ. รูปาทีนิ, ปน พหิทฺธา อนุปาทินฺนานิ จ ผสฺสสฺส อารมฺมณํ โหนฺติ, น ตานิ จกฺขาทีนิ วิย สสนฺตติปริยาปนฺนกมฺมกิเลสนิมิตฺตปฺปวตฺติภาเวน ผสฺสสฺส ปจฺจยา โหนฺตีติ ปมาจริยวาเท น คหิตานิ, ทุติยาจริยวาเท ปน ยถา ตถา วา ปจฺจยภาเว สติ น สกฺกา วชฺเชตุนฺติ คหิตานิ.

ตตฺถาติ สฬายตนปจฺจยา ผสฺสปเท. เย ตาว อาจริยา มหาวิหารวาสิโนว ยถา วิฺาณํ, เอวํ นามรูปํ, สฬายตนํ, ผสฺสํ, เวทนฺจ ปจฺจยํ, ปจฺจยุปฺปนฺนฺจ สสนฺตติปริยาปนฺนํ ทีเปนฺตา วิปากเมว อิจฺฉนฺติ. ‘‘ฉฏฺายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ อภิธมฺมภาชนียปาฬิ (วิภ. ๒๔๓) อารุปฺปํ สนฺธาย วุตฺตาติ ‘‘ฉฏฺายตนปจฺจยา ผสฺโสติ ปาฬิอนุสารโต’’ติ วุตฺตํ.

สพฺเพ ผสฺสา น สมฺโภนฺตีติ โยชนา. ยทิ สพฺพายตเนหิ เอโก ผสฺโส สมฺภเวยฺย, ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ เอกสฺส วจนํ ยุชฺเชยฺย , อถาปิ เอกมฺหา อายตนา สพฺเพ ผสฺสา สมฺภเวยฺยุํ, ตถาปิ สพฺพายตเนหิ สพฺพผสฺสสมฺภวโต อายตนเภเทน ผสฺสเภโท นตฺถีติ ตทเภทวเสน เอกสฺส วจนํ ยุชฺเชยฺย, ตถา ปน อสมฺภวโต น ยุตฺตนฺติ โจเทติ ‘‘น สพฺพายตเนหี’’ติอาทินา . อฺสฺสาปิ วา อสมฺภวนฺตสฺส วิธานสฺส โพธนตฺถเมตํ วุตฺตํ ‘‘นาปิ เอกมฺหา อายตนา สพฺเพ ผสฺสา’’ติ. ‘‘น สพฺพายตเนหิ เอโก ผสฺโส สมฺโภตี’’ติ อิทเมว ปน เอกผสฺสวจนสฺสายุตฺตตฺตทีปกํ การณนฺติ เวทิตพฺพํ. นิทสฺสนวเสน วา เอตํ วุตฺตํ. นาปิ เอกมฺหา อายตนา สพฺเพ ผสฺสา สมฺโภนฺติ, เอวํ น สพฺพายตเนหิ เอโก ผสฺโส สมฺโภติ. ตสฺมา เอกสฺส วจนํ อยุตฺตนฺติ. ปริหารํ ปน อเนกายตเนหิ เอกผสฺสสฺส สมฺภวโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺริทํ วิสฺสชฺชน’’นฺติอาทิมาห. อวเสสสมฺปยุตฺตธมฺมายตนา ผสฺสวชฺชิตา ตํสมฺปยุตฺตเจตสิกา ธมฺมา.

เอโกปิ อเนกายตนปฺปภโว เอโกปเนกายตนปฺปภโว.

ฉธา ปจฺจยตฺเต ปฺจ วิภาวเย, เอกํ นวธา ปจฺจยตฺเต, พาหิรานิ ฉ อายตนานิ อารมฺมณาทินา ยถาสมฺภวํ ปจฺจยตฺเต วิภาวเยติ สมฺพนฺโธ.

อเนกเภทสฺสาติ กุสลวิปากาทิปฺจทฺวาราทิวเสน อเนกวิธสฺส ทฺวิปฺจวิฺาณสมฺปยุตฺตวชฺชสฺส วิปากผสฺสสฺส. ตานิ จาติ รูปายตนาทีนิ. ‘‘มโน จ เนสํ โคจรวิสยํ ปจฺจนุโภตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๕) หิ วุตฺตํ. ตถา จาติ ปจฺจุปฺปนฺนานิ รูปาทีนิ ปจฺจุปฺปนฺนฺจ ธมฺมายตนปริยาปนฺนํ รูปรูปํ สนฺธาย วุตฺตํ. อารมฺมณปจฺจยมตฺเตนาติ ตํ สพฺพํ อปจฺจุปฺปนฺนํ, อฺฺจ ธมฺมายตนํ สนฺธาย วุตฺตํ.

ผสฺสปจฺจยาเวทนาปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๔๓. ทฺวารโต สเฬวาติ ปภวสามฺโต เอกวิธาปิ อุปฺปตฺติทฺวารโต ฉ เอว โหนฺตีติ ฉเฬว เวทนา วุตฺตา.

จิตฺตเภเทน เอกูนนวุติวิธาปิ อิธาธิปฺเปตา เอว ทสฺเสตุํ ‘‘เวทนาสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘เสสาน’’นฺติ เอตฺถ สมฺปฏิจฺฉนสมฺปยุตฺตาย จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ปฺจ ยทิปิ อนนฺตราทีหิ ปจฺจยา โหนฺติ, อนนฺตราทีนํ ปน อุปนิสฺสเย อนฺโตคธตฺตา สนฺตีรณตทารมฺมณานฺจ สาธารณสฺส ตสฺส วเสน ‘‘เอกธา’’ติ วุตฺตํ. เอเกกสฺมึ ทฺวาเร หิ จกฺขุทฺวาราทีสุ อุปฺปนฺนจกฺขุวิฺาณาทีหิ สหชาตา ผสฺสา สกสกวีถีสุ สมฺปฏิจฺฉนาทีหิ สมฺปยุตฺตเวทนานํ, มโนทฺวาเร ตทารมฺมณวเสเนว ปวตฺตานํ เตภูมกวิปากเวทนานมฺปิ สหชาตมโนสมฺผสฺสสงฺขาโต โส ผสฺโส อฏฺธา ปจฺจโย โหตีติ โยเชตพฺพํ.

รูปารูปาวจรวิปากเวทนา ปฏิสนฺธิอาทิวเสเนว ปวตฺตนฺติ, กามาวจราปิ เอกจฺจาติ ‘‘เตภูมกวิปากเวทนานมฺปี’’ติ วุตฺตํ. ตาสมฺปิ หิ สหชาตมโนสมฺผสฺโส อฏฺธาว ปจฺจโย โหติ. ปจฺจยํ อนุปาทินฺนมฺปิ เกจิ อิจฺฉนฺตีติ ‘‘ยา ปนา’’ติอาทินา มโนทฺวาราวชฺชนสมฺปยุตฺตผสฺสสฺส ปจฺจยภาโว วุตฺโต. ตฺจ มุขมตฺตทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ. เอเตน นเยน สพฺพสฺส อนนฺตรสฺส, อนานนฺตรสฺส จ ผสฺสสฺส ตสฺสา ตสฺสา วิปากเวทนาย อุปนิสฺสยตา โยเชตพฺพาติ.

เวทนาปจฺจยาตณฺหาปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๔๔. อิธาติ อิมสฺมึ โลเก, อิมสฺมึ วา สาสเน ฉ ตณฺหา ทีปิตา. อิธาติ วา อิมสฺมึ เวทนาปจฺจยา ตณฺหาปเท. ตตฺถาติ ตาสุ ฉสุ ตณฺหาสุ.

เอเกกาย สสฺสตทิฏฺิสหคตาย, อุจฺเฉททิฏฺิสหคตาย จ ตณฺหาย ตทภินนฺทนานุคุโณ รูปาทีสุ ปวตฺติอากาโร, เกวลํ กามสฺสาทวเสน ปวตฺติยา วิสิฏฺาการตฺตา วุตฺตปฺปวตฺติอาการโต ตณฺหาย ติวิธตา.

มมตฺเตนาติ สมฺปิยายเนน, อสฺสาทนตณฺหาย อิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ปุตฺโต วิย เวทนา ทฏฺพฺพา, ขีราทโย วิย เวทนาย ปจฺจยภูตา รูปาทโย, ขีราทิทายิกา ธาติ วิย รูปาทิฉฬารมฺมณทายกา จิตฺตการาทโย ฉ. ตตฺถ สุขสมฺผสฺสวตฺถทายโก ตนฺตวาโย, เวชฺโช รสายตโนชาวเสน, ตทุปตฺถมฺภิตชีวิตวเสน จ ธมฺมารมฺมณสฺส ทายโกติ ทฏฺพฺโพ. สพฺพาเปสา อฏฺสตปฺปเภทาปิ.

อารมฺมณปจฺจโย อุปฺปชฺชมานาย อารมฺมณมตฺตเมว โหติ, น อุปนิสฺสโย วิย อุปฺปาทโกติ อุปฺปาทกสฺส อุปนิสฺสยสฺเสว วเสน ‘‘เอกธาวา’’ติ วุตฺตํ. อุปนิสฺสเยน วา อารมฺมณูปนิสฺสโย สงฺคหิโต. เตน จ อารมฺมณภาเวน ตํสภาโค อฺโปิ อารมฺมณปจฺจยภาโว ทีปิโต โหตีติ อุปนิสฺสยวเสเนว ปจฺจยภาโว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

‘‘ยสฺมา วา’’ติอาทินา น เกวลํ วิปากสุขเวทนา เอว, ติสฺโสปิ ปน เวทนา วิปากา วิเสเสน ตณฺหาย อุปนิสฺสยปจฺจโย, อวิเสเสน อิตรา จาติ ทสฺเสติ. อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิจฺเจว ภาสิตาติ ตสฺมา สาปิ ภิยฺโย อิจฺฉนวเสน ตณฺหาย อุปนิสฺสโยติ อธิปฺปาโย. อุเปกฺขา ปน อกุสลวิปากภูตา อนิฏฺตฺตา ทุกฺเข อวโรเธตพฺพา, อิตรา อิฏฺตฺตา สุเขติ สา ทุกฺขํ วิย, สุขํ วิย จ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหตีติ สกฺกา วตฺตุํ. ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ วจเนน สพฺพสฺส เวทนาวโต ปจฺจยสฺส อตฺถิตาย ตณฺหุปฺปตฺติปฺปสงฺเค ตนฺนิวารณตฺถมาห ‘‘เวทนาปจฺจยา จาปี’’ติอาทิ.

นนุ ‘‘อนุสยสหายา เวทนา ตณฺหาย ปจฺจโย’’ติ วจนสฺส อภาวา อติปฺปสงฺคนิวตฺตึ น สกฺกา กาตุนฺติ? น, วฏฺฏกถาย ปวตฺตตฺตา. วฏฺฏสฺส จ อนุสยวิรเห อภาวโต อนุสยสหิตาว ปจฺจโยติ อตฺถโต วุตฺตเมเวตํ โหตีติ. อถ วา ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา’’ติ อนุวตฺตมานตฺตา อนุสยสหิตาว ปจฺจโยติ วิฺายติ. เวทนาปจฺจยา ตณฺหาติ เจตฺถ เวทนาปจฺจยา เอว ตณฺหา, น เวทนาย วินาติ อยํ นิยโม อิจฺฉิโต, น เวทนาปจฺจยา ตณฺหา โหติเยวาติ, ตสฺมา อติปฺปสงฺโค เอตฺถ นตฺถิ เอวาติ.

วุสีมโตติ วุสิตวโต, วุสิตพฺรหฺมจริยวาสสฺสาติ อตฺโถ. วุสฺสตีติ วา วุสีติ มคฺโค วุจฺจติ, โส เอตสฺส วุตฺโถ อตฺถีติ วุสีมา, อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน อรหา. อคฺคผลํ วา ปรินิฏฺิตวาสตฺตา ‘‘วุสี’’ติ วุจฺจติ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ วุสีมา.

ตณฺหาปจฺจยาอุปาทานปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๔๕. อตฺถวิภาโค อตฺถสฺส วิภชนา. วตฺถุสงฺขาตํ กามนฺติ กามคุณสฺิตํ รูปาทิอารมฺมณมาห. อุปาทิยตีติ กามวเสน คณฺหาติ, ทฬฺหํ อสฺสาเทตีติ อตฺโถ. กามํ อุปาทิยตีติ เอตฺถ กมฺมสาธโน กามสทฺโท , กาโม จ โสติ เอตฺถ กตฺตุสาธโน กิเลสกามสฺส อธิปฺเปตตฺตา. อุปาทานสทฺโท ปน อุภยตฺถาปิ กตฺตุสาธโนว. ทฬฺหตฺโถ ภุสตฺโถ. ยถา ภุโส อายาโส อุปายาโส, ภุสํ กุฏฺํ อุปกุฏฺํ, เอวํ อิธาปีติ อาห ‘‘อุปายาสอุปกุฏฺาทีสุ วิยา’’ติ. ปุริมทิฏฺึ อุตฺตรทิฏฺิ อุปาทิยตีติ ปุริมทิฏฺึ สสฺสตภาเวน คณฺหนฺตี อุปาทิยติ, ปุริมทิฏฺิอากาเรน วา อุตฺตรทิฏฺิ อุปฺปชฺชมานา เตเนว ปุริมทิฏฺึ ทฬฺหํ กโรนฺตี ตํ อุปาทิยตีติ วุตฺตา. อถ วา ปุริมทิฏฺึ อุตฺตรทิฏฺิ อุปาทิยตีติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๑) อิทํ ปุริมทิฏฺึ อุปาทิยมานํ อุตฺตรทิฏฺึ นิทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ยถา หิ เอสา ทฬฺหีกรณวเสน ปุริมํ อุตฺตรา อุปาทิยติ, เอวํ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกาปีติ (ม. นิ. ๑.๔๔๕; ๒.๙๔; ๓.๙๑, ๑๑๖, ๑๓๖; ธ. ส. ๑๒๒๑; วิภ. ๙๓๘). อตฺตคฺคหณํ ปน อตฺตวาทุปาทานนฺติ น อิทํ ทิฏฺุปาทานทสฺสนนฺติ ทฏฺพฺพํ. โลโก จาติ วา อตฺตคฺคหณวินิมุตฺตํ คหณํ ทิฏฺุปาทานภูตํ อิธ ปุริมทิฏฺิอุตฺตรทิฏฺิวจเนหิ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

สีลพฺพตํ อุปาทิยตีติ เอตฺถ อสุทฺธิมคฺคโคสีลาทิสมาทานวเสน สีลํ, อวีติกฺกมนวเสน วตํ. อุภยถาปิ วา สีลํ, ตโปกมฺมภาเวน คหิตตาย วตํ, ควาทิปกติภาวนา. อตฺตโน วา ควาทิภาวาธิฏฺานํ สีลํ, ‘‘คจฺฉนฺโต ภกฺเขติ, ติฏฺนฺโต มุตฺเตตี’’ติอาทินา ควาทิกิริยากรณํ วตํ. ตํตํอกิจฺจสมฺมตโต วา นิวตฺติ สีลํ, ตํสมาทานวโตเวส โภชนกิจฺจกรณาทิวิเสสปฏิปตฺติ วตํ, ตํ สีลพฺพตํ อสุทฺธิมคฺคํ ‘‘สุทฺธิมคฺโค’’ติ ปรามสนฺโต ตถา อภินิวิสนฺโต อุปาทิยติ, ตํ คาหํ ทฬฺหํ คณฺหาตีติ อตฺโถ. สีลพฺพตสหจริตํ ปรามาสํ สีลพฺพตนฺติ คเหตฺวา อาห ‘‘สีลพฺพตฺจ ตํ อุปาทานฺจา’’ติ. โคสีลโควตาทีนีติ จ ตถาภูตํ ทิฏฺึ วทติ. เตเนวาห ‘‘สยเมว อุปาทานานี’’ติ. อภินิเวสโตติ อภินิเวสภาวโต, อภินิวิสนโต วา. อตฺตวาทุปาทานนฺติ ‘‘อตฺตา’’ติ วาทสฺส ปฺาปนสฺส, คหณสฺส จ การณภูตา ทิฏฺีติ อตฺโถ. อตฺตวาทมตฺตเมวาติ อตฺตสฺส อภาวา ‘‘อตฺตา’’ติ อิทํ วจนมตฺตเมว. อุปาทิยนฺตีติ ทฬฺหํ คณฺหนฺติ. กถํ? ‘‘อตฺตา’’ติ. ‘‘อตฺตา’’ติ หิ อภินิวิสนฺตา วจนมตฺตเมว ทฬฺหํ กตฺวา คณฺหนฺตีติ อตฺโถติ. เอวํ ‘‘อตฺตวาทมตฺตเมว อุปาทิยนฺตี’’ติ วุตฺตํ . อตฺตวาทมตฺตนฺติ วา วาจาวตฺถุมตฺตเมวาห. วาจาวตฺถุมตฺตเมว หิ ‘‘อตฺตา’’ติ อุปาทิยนฺติ อตฺตสฺส อภาวาติ.

‘‘ธมฺมสงฺเขปวิตฺถาเร ปน กามุปาทานํ สงฺเขปโต ตณฺหาทฬฺหตฺตํ, เสสุปาทานตฺตยํ ทิฏฺิมตฺตเมว, วิตฺถารโต ปนา’’ติ เอวํ ธมฺมสงฺเขปวิตฺถารสมุทายโต ตทวยวภูตํ สงฺเขปํ, วิตฺถารฺจ นิทฺธาเรตีติ. ธมฺมสงฺเขปวิตฺถาเรติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ ทฏฺพฺพํ. กาเมสูติ ปฺจสุ กามคุเณสุ . กามจฺฉนฺโทติ กามสงฺขาโต ฉนฺโท, น กตฺตุกมฺยตาฉนฺโท, น จ ธมฺมจฺฉนฺโท. กามนวเสน, รฺชนวเสน จ กาโมเยว ราโค กามราโค, เอวํ สพฺพตฺถ กามตฺถํ วิทิตฺวา กาโม เอว นนฺทนฏฺเน กามนนฺที, ตณฺหายนฏฺเน กาโมเยว กามตณฺหา, สิเนหนฏฺเน กาโม เอว กามสฺเนโห, ปริทยฺหนฏฺเน กามปริฬาโห, มุจฺฉนฏฺเน กามมุจฺฉา, คิลิตฺวา ปรินิฏฺาปนฏฺเน กามชฺโฌสานํ เวทิตพฺพํ. อปฺปตฺตวิสยปตฺถนา ตณฺหา อารมฺมเณ ปริตสฺสนภาวโต, สมฺปตฺตวิสยคฺคหณํ อุปาทานํ อารมฺมเณ ทฬฺหคฺคาหภาวโต. อปฺปิจฺฉตาปฏิปกฺขา ตณฺหา วิสยาภิมุขภาวโต, สนฺตุฏฺิปฏิปกฺขา อุปาทานํ ตณฺหาทฬฺหตฺตํ หุตฺวา อตฺริจฺฉตาภาวโต. ปริเยสนทุกฺขมูลา ตณฺหา อปฺปตฺตวิสยปตฺถนาภาวโต, อารกฺขทุกฺขมูลํ อุปาทานํ สมฺปตฺตวิสยคฺคหณภาวโต.

นตฺถิ ทินฺนนฺติอาทีสุ ทินฺนนฺติ ทานมาห, ตํ อผลตฺตา รูปํ วิย ทานํ นาม น โหตีติ ปฏิกฺขิปติ. ยิฏฺํ วุจฺจติ มหาวิชิตยฺสทิโส มหายาโค. หุตนฺติ อาหุนปาหุนมงฺคลกิริยา. ตตฺถ อามนฺเตตฺวา หวนํ ทานํ อาหุนํ, ปาหุนานํ อติถีนํ อติถิกิริยา ปาหุนํ, อาวาหาทีสุ มงฺคลตฺถํ ทานํ มงฺคลกิริยา, ทส กุสลกมฺมปถา สุกตกมฺมานิ นาม, ทส อกุสลกมฺมปถา ทุกฺกฏกมฺมานิ นาม, ผลํ วิปาโกติ นิสฺสนฺทาทิผลฺเจว นิปฺปริยายวิปาโก จ นตฺถีติ โยชนา. ยถา เจตฺถ, เอวํ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทีสุปิ ผลวิปากปฏิกฺเขโปว ทฏฺพฺโพ. นตฺถิ อยํ โลโกติ ปรโลเก ิโต อิมํ โลกํ ‘‘นตฺถี’’ติ คณฺหาติ. อิมํ หิ โลกํ อเวกฺขิตฺวา ปรโลโก, ปรฺจ โลกํ อเวกฺขิตฺวา อยํ โลโก โหติ คนฺตพฺพโต, อาคนฺตพฺพโต จาติ ปรโลกโต อิธาคมนสฺส อภาวา ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนโต จิตฺเตน ปรโลเก ิโต อิมํ โลกํ ‘‘นตฺถี’’ติ คณฺหาตีติ อตฺโถ. น หิ อยํ ทิฏฺิ ปรโลเก ิตสฺเสว โหตีติ. นตฺถิ ปรโลโกติ อิธโลเก ิโต ปรโลกํ ‘‘นตฺถี’’ติ คณฺหาติ. อิธาปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยํ วา เอตฺถ อตฺโถ – สํสรณปฺปเทโส อิธโลโก, ปรโลโก จ นาม โกจิ นตฺถิ สํสรณสฺส อภาวา ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนโตติ.

ปุริมภวโต ปจฺฉิมภเว อุปปตนํ อุปปาโต, โส เยสํ สีลํ, เต โอปปาติกา. เต ปน จวนกอุปปชฺชนกสตฺตา นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ. นตฺถิ โลเก สมณ…เป… ปเวเทนฺตีติ อนุโลมปฏิปทํ ปฏิปนฺนตฺตา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา โลกสฺมึ นตฺถิ, เย อิมฺจ โลกํ, ปรฺจ โลกํ อตฺตนา เอว อภิวิสิฏฺเน าเณน ปจฺจกฺขโต ตฺวา ปเวทนสมตฺถา สพฺพฺุพุทฺธา นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ. รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติอาทีสุ วตฺตพฺพํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

ปกติอณุอาทีนํ สสฺสตคฺคาหปุพฺพงฺคโม, สรีรสฺส อุจฺเฉทคฺคาหปุพฺพงฺคโม จ เตสํ คาหานํ สามิภูโต โกจิ สสฺสโต, อุจฺฉิชฺชมาโน วา อตฺตา อตฺถีติ อตฺตคฺคาโห กทาจิ โหตีติ ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ วุตฺตํ. สฺวายํ อตฺตคฺคาโห อตฺถโต ขนฺธารมฺมโณ เอว ทฏฺพฺโพ. เยภุยฺเยน ปมํ อตฺตวาทุปาทานนฺติอาทินาว สมฺพนฺโธ. ยทิปิ ภวราคชวนวีถิ ปมํ ปวตฺตติ คหิตปฏิสนฺธิกสฺส ภวนิกนฺติยา ปวตฺติตพฺพตฺตา, โส ปน ภวราโค ตณฺหาทฬฺหตฺตํ น โหตีติ มฺมาโน น กามุปาทานสฺส ปมุปฺปตฺติมาห.

ตณฺหา กามุปาทานนฺติ ปน วิภาคสฺส อกรเณ สพฺพาปิ ตณฺหา กามุปาทานํ, กรเณปิ วา กามราคโต อฺาปิ ตณฺหา ทฬฺหภาวํ ปตฺตา กามุปาทานนฺติ ตสฺส อรหตฺตมคฺควชฺฌตา วุตฺตา.

อุปฺปตฺติฏฺานภูตา จิตฺตุปฺปาทา วิสโย. ปฺจุปาทานกฺขนฺธา อาลโย. ตตฺถ รมตีติ อาลยรามา, ปชา. เตเนว สา อาลยรามตา สสนฺตาเน, ปรสนฺตาเน จ ปากฏา โหติ. กามานนฺติ วตฺถุกามานํ. ‘‘สุขทุกฺขํ กมฺมุนา โหตี’’ติ อคฺคเหตฺวา โกตูหลมงฺคลาทิพหุโล โหติ. สา โกตูหลมงฺคลาทิพหุลตา. อสฺส กามุปาทานวโต. นฺติ ทิฏฺุปาทานํ, อนตฺตนิ ธมฺมมตฺเต ‘‘อตฺตา’’ติ มิจฺฉาภินิเวสสฺส สุขุมตรธมฺมุปาทานตาย สุขุมตา วุตฺตา. อุปนิสฺสยวจเนน อารมฺมณานนฺตรปกตูปนิสฺสยา วุตฺตาติ อนนฺตรปจฺจยาทีนมฺปิ สงฺคโห กโต โหติ.

อุปาทานปจฺจยาภวปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๔๖. อตฺถโตติ วจนตฺถโต. ธมฺมโตติ สภาวธมฺมโต. สาตฺถโตติ สาตฺถกโต, ปุพฺเพ วุตฺตสฺสปิ ปุน วจนสฺส สปฺปโยชนโต. เภทสงฺคหาติ เภทโต สงฺคหโต, วิภาคโต เจว วิภตฺตสฺส สงฺขิปนโต จาติ อตฺโถ. ยํ ยสฺส ปจฺจโยติ ยํ ยํ อุปาทานํ ยสฺส ยสฺส ภวสฺส ปจฺจโย โหติ, ตโต จาติ อตฺโถ.

ภวตีติภโวติ ผลโวหาเรน กมฺมภโว วุตฺโต. อุปปตฺติภวนิพฺพจนเมว หิ ทฺวยสฺสปิ สาธารณํ กตฺวา วุตฺตํ, ภวติ เอตสฺมา อุปปตฺติภโวติ วา. ทุติโย ปน กมฺมภโว สตฺตสฺส ปุนพฺภวภาเวน สวิเสสํ ภวตีติ ภโว. ตโต เอว น สพฺพสฺส ภวนฺตรสฺส, ตํเหตุโน วา ภวภาวปฺปสงฺโค. ทุวิเธนาติ ทฺวีหิ อากาเรหิ ปวตฺติโตติ อตฺโถ. ทุวิเธนาติ วา ปจฺจตฺตตฺเถ กรณวจนํ, ทุวิโธติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถีติ สํวิชฺชติ.

๖๔๗. อตฺตโน ปจฺจเยหิ กรียตีติ กมฺมํ, อตฺตโน ผลํ กโรตีติ กมฺมนฺติ เกจิ, ‘‘กมฺม’’นฺติ เอวํ วตฺตพฺพา กมฺมสงฺขาตา. ปริตฺตภูมโกติ กามภูมโก. มหาภูมโกติ มหคฺคตภูมโก. สพฺพนฺติ อนวเสสํ. ภวํ คจฺฉติ, คเมติ จาติ ภวคามิ. คจฺฉตีติ จ นิปฺผาทนสมตฺถตาวเสน, อตฺตโน ปวตฺติกาเล ภวาภิมุขํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ อตฺโถ, นิพฺพตฺตนเมว วา คมนํ อธิปฺเปตํ. ‘‘ภวคามี’’ติ จ เอเตน กมฺมกฺขยกรํ กมฺมํ นิวตฺเตติ. อยฺหิ วฏฺฏกถา, ตฺจ วิวฏฺฏนิสฺสิตนฺติ. อปุฺาภิสงฺขาโรติ ทฺวาทส เจตนาติ อุทฺธจฺจสหคตเจตนายปิ คหณํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอตฺถ วิย เวทิตพฺพํ. ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ เอตฺถ ปน ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; มหาว. ๑; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑; เนตฺติ. ๒๔) เอตฺถ วิย สาปิ อปเนตพฺพา. มนฺทพหุวิปากตาติ อปฺปมหาวิปากตา.

‘‘สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺมนฺติ อิมินา เจตนาสมฺปยุตฺตา อภิชฺฌาทโย วุตฺตา’’ติ เอเตน อาจยคามิตาย เตสํ กมฺมสงฺขาตตา วุตฺตาติ กมฺมภวปริยาปนฺนตํ ปริยาเยน วทติ, นิปฺปริยาเยน ปน เจตนาว กมฺมภโว. วุตฺตฺหิ ‘‘กมฺมภโว ตีหิ ขนฺเธหิ เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา สมฺปยุตฺโต, เอเกน ขนฺเธน เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา เกหิจิ สมฺปยุตฺโต’’ติ (ธาตุ. ๒๔๔). อุปปตฺติภโว ตีหิปิ ติเกหิ วุตฺโต อุปาทินฺนกฺขนฺโธว. ยถาห ‘‘อุปปตฺติภโว… กามภโว… สฺาภโว… ปฺจโวการภโว ปฺจหิ ขนฺเธหิ เอกาทสหายตเนหิ สตฺตรสหิ ธาตูหิ สงฺคหิโต’’ติอาทิ (ธาตุ. ๖๗). ยทิ หิ อนุปาทินฺนกานมฺปิ คหณํ สิยา, ‘‘ทฺวาทสหิ อายตเนหิ อฏฺารสหิ ธาตูหี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ. กามตณฺหาย กาเมตพฺพโต กามนิสฺสยตาย โภคา วิย, กามสหจริตตาย ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ วิย, กามารมฺมณตาย ‘‘สุขํ รูป’’นฺติ วิย, กามปจฺจยฏฺานตาย ‘‘สุโข สคฺโค’’ติ วิย กามาติ อวีจิปรนิมฺมิตวสวตฺติปริจฺฉินฺนา อุปาทินฺนกฺขนฺธา วุจฺจนฺติ . รูปาวิราคโต ยํ นิสฺสิตา, ตทุปจาเรน ‘‘มฺจา โฆสนฺตี’’ติ วิย, ‘‘ผนฺทนเทวตา’’ติ วิย จ ‘‘รูป’’นฺติ วุจฺจนฺติ พฺรหฺมกายิกากนิฏฺปริจฺฉินฺนา อุปาทินฺนกฺขนฺธา.

รูปเมว ภโว รูปภโว, ตถา อรูปนฺติ อากาสานฺจายตนภวคฺคปริจฺฉินฺนา จตฺตาโร อุปาทินฺนกฺขนฺธา วุจฺจนฺติ. อรูปเมว ภโว อรูปภโว. กาโม เอว ภโวติ กามภโว, โส ปน ยสฺมา ยถาวุตฺเตนตฺเถน ‘‘กาโม’’ติ วตฺตพฺโพ โหติ, ตสฺมา ‘‘กามสงฺขาโต ภโว’’ติ วุตฺตํ. กามาวจรสฺิโต วา ภโว ‘‘กามสงฺขาโต ภโว’’ติ วุตฺโต. ตถา รูปารูปภโวติ อาห ‘‘เอส นโย รูปารูปภเวสู’’ติ. สฺาวตํ ภโวติ เอตฺถ วนฺตุ-สทฺทสฺส โลโป ทฏฺพฺโพ. ตสฺส วา อตฺเถ อการํ กตฺวา ‘‘สฺภโว’’ติปิ ปาโ. เตนาห ‘‘สฺาวา’’ติอาทิ. โวกิณฺโณติ เอเตน โวการสทฺทสฺส กมฺมสาธนตมาห. โวกิรียติ ปสารียติ วิตฺถารียตีติ โวกาโร, โวกิรณํ วา โวกาโร, โส เอกสฺเสว ขนฺธสฺส วเสน ปวตฺตตฺตา ‘‘เอโก โวกาโร’’ติ วุตฺโต, ปสฏุปฺปตฺตีติ อตฺโถ.

๖๔๘. กิฺจาปิ ภวนิทฺเทเส ‘‘สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺมํ กมฺมภโว’’ติ (วิภ. ๒๓๔) อิมินา เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ วุตฺตา. ปุฺาภิสงฺขาราทโยวาติ ปน อวธารณํ ปจฺจยธมฺมวิเสเสปิ อตฺถปฺปเภเทน สงฺขารภวคฺคหเณสุ อตฺเถว วิเสโสติ ทสฺสนตฺถํ กตํ. เตนาห ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิ. สงฺขารภวานํ ธมฺมเภทโต น สงฺขารา เอว ปุน วุตฺตาติ ‘‘สาตฺถกเมวิทํ ปุนวจน’’นฺติ เอตํ อยุตฺตนฺติ เจ? น, ภเวกเทสภาเวน สงฺขารานํ ภโวติ ปุน วุตฺตตฺตา. ปเรน วา ธมฺมวิเสสํ อคฺคเหตฺวา ปุนวจนํ โจทิตนฺติ โจทกาภิลาสวเสน ‘‘สาตฺถกเมวิทํ ปุนวจน’’นฺติ วุตฺตํ.

๖๔๙. กามภวาทินิพฺพตฺตกสฺส กมฺมสฺส กามภวาทิภาโว ผลโวหาเรน อฏฺกถายํ วุตฺโต. สหชาตวิฺาณสฺสปิ ปจฺจยภูตํ อวิชฺชาเหตุกํ สงฺขารคฺคหเณน ยํ กิฺจิ กมฺมํ ปุพฺเพ วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺม’’นฺติ (วิภ. ๒๓๔) วจนโต ภวสฺส นิพฺพตฺตกํ อุปาทานเหตุกํ วิปจฺจนาย กโตกาสเมว ภโวติ อธิปฺเปโต. ยํ กามุปาทานปจฺจยา รูปภวนิพฺพตฺตกํ, อรูปภวนิพฺพตฺตกฺจ กมฺมํ กรียติ, โส กมฺมภโว, ตทภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโวติ อิมมตฺถํ ‘‘เอส นโย รูปารูปภเวสู’’ติ อติทิสติ. ทฺเว กามภวาติ กามกมฺมภโว, กามูปปตฺติภโวติ ทฺเว กามภวา. เอวํ ‘‘ทฺเว รูปภวา, ทฺเว อรูปภวา’’ติ เอตฺถาปิ. อนฺโตคเธ หิ วิสุํ อคฺคเหตฺวา อพฺภนฺตรคเต เอว กตฺวา กามภวาทิเก กมฺมูปปตฺติภววเสน ทุคุเณ กตฺวา อาห ‘‘ฉ ภวา’’ติ.

อวิเสเสนาติ อุปาทานวเสน เภทํ อกตฺวา. อุปาทานเภทากรเณเนว จ ทฺวาทสปฺปเภทสฺส สงฺคหวเสน สงฺคหโต ‘‘ฉ ภวา’’ติ วุตฺตํ. อนุปคมฺมาติ อนิสฺสาย, อนามสิตฺวาติ อตฺโถ.

๖๕๐. โคสีเลน, กุกฺกุรสีเลน จ สมตฺเตน สมาทินฺเนน คุนฺนํ, กุกฺกุรานฺจ สหพฺยตา วุตฺตาติ ‘‘สีลพฺพตุปาทานวโต ฌานภาวนา น อิชฺฌตี’’ติ มฺมานา เตน รูปารูปภวา น โหนฺตีติ เกจิ วทนฺติ. วกฺขมาเนน ปน ปกาเรน ปจฺจยภาวโต ‘‘ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ อาห. อสุทฺธิมคฺเค จ สุทฺธิมคฺคปรามสนํ สีลพฺพตุปาทานนฺติ สุทฺธิมคฺคปรามสเนน รูปารูปาวจรชฺฌานานํ นิพฺพตฺตนํ น น ยุชฺชตีติ.

อนุสฺสววเสนาติ ‘‘เสตวธยชฺชํ อาลภเต ภูติกาโม’’ติ อาทินฺนอนุสฺสววเสน, ยถา อิเม มนุสฺสโลเก กามา สมิทฺธา, เอวํ เทวโลเก อิโต สมิทฺธตราติ ทิฏฺานุสาเรน วา. ปุราณภารตสีตาหรณปสุพนฺธวิธิอาทิสวนํ อสฺสทฺธมฺมสฺสวนํ. อาทิ-สทฺเทน อสปฺปุริสูปนิสฺสยํ ปุพฺเพ จ อกตปุฺตํ, อตฺตมิจฺฉาปณิธิฺจ สงฺคณฺหาติ. กายทุจฺจริตาทีนิปีติ อตฺตโน อธิปฺเปตานํ กามานํ อนุปายภูตานิปิ กายทุจฺจริตาทีนิ กโรติ, จิรสคฺคาทิอตฺถํ ยุทฺธาทิวเสนาติ อธิปฺปาโย. สนฺทิฏฺิเก วา ปน รชฺชเสนาปติฏฺานาทิสงฺคเห กาเม. ตทนฺโตคธา เอวาติ ตสฺมึ ทุจฺจริตนิพฺพตฺเต, สุจริตนิพฺพตฺเต จ กามภเว อนฺโตคธา เอวาติ อตฺโถ. อนฺโตคธาติ จ สฺาภวปฺจโวการภวานํ เอกเทเสน อนฺโตคธตฺตา วุตฺตํ. น หิ เต นิรวเสสา กามภเว อนฺโตคธาติ.

สปฺปเภทสฺสาติ สุคติทุคฺคติมนุสฺสาทิปฺปเภทวโต.

กามาวจรสมฺปตฺติภเว ปมทุติยอุจฺเฉทวาทวเสน, รูปภเว ตติยอุจฺเฉทวาทวเสน, อรูปภเว เสสอุจฺเฉทวาทวเสน อยมตฺตา สุอุจฺฉินฺโน โหตีติ ตทุปคํ กมฺมํ กโรตีติ อาห ‘‘อยํอตฺตา นามา’’ติอาทิ. ตตฺถ สุอุจฺฉินฺโนติ สกลวฏฺฏทุกฺขสมุจฺเฉเทน สุฏฺุ อุจฺฉินฺโน, อปุนพฺภวุปฺปตฺติโก โหตีติ อตฺโถ.

‘‘กามาวจรสมฺปตฺติภเว’’ติ อิทํ ปมทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทวเสน วุตฺตํ, เสสํ อิตรทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทวเสน. ตตฺถ กิฺจาปิ ปาฬิยํ (ที. นิ. ๑.๙๓ อาทโย) รูปาวจรชฺฌานวเสเนว อุปริ จตฺตาโร ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทา อาคตา, ทิฏฺิคติโก ปน ยํ กิฺจิ คเหตฺวา ยถา ตถา อภินิวิสตีติ อรูปภวคฺคหณํ, อรูปชฺฌานานมฺปิ วา จตุตฺถฌานสงฺคหโต อรูปภวคฺคหณํ, สนฺตสุขตาย วา ตํสมงฺคิโน สุขิตภาวสามฺโต. วิคตปริฬาโหติ ยถาภิลาสิตวิสยูปหาเรน, ปหาเนน จ วูปสนฺตกามราคปริฬาโห, ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานปฺปตฺโตติ อตฺโถ.

สุทฺธิมคฺคปรามสนวเสน ปวตฺติตํ ยํ กิฺจิ โลกิยํ สีลํ, ฌานฺจ สีลพฺพตมิจฺเจว อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อิทํ สีลพฺพตํ นามา’’ติอาทิ. กเมน อวตฺวา สีลพฺพตุปาทานสฺส อนฺเต ภวปจฺจยตาวจนํ อตฺตวาทุปาทานํ วิย อภิณฺหํ อสมุทาจารโต, อตฺตวาทุปาทานนิมิตฺตตฺตา จ.

กมฺมภเวติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ. เหตุปจฺจยปฺปเภเทหีติ เอตฺถ มคฺคปจฺจโย จ วตฺตพฺโพ. ทิฏฺุปาทานาทีนิ หิ สหชาตกมฺมภวสฺส มคฺคปจฺจยา โหนฺตีติ, ตสฺมา ตานิ สหชาตาทีสุ เหตุปจฺจยํ อปนีย มคฺคปจฺจยํ ปกฺขิปิตฺวา สตฺตธา ปจฺจยา โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิ. สพฺพานิ ปน อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตาเสวนปจฺจเยหิ ปจฺจยา โหนฺติ. นานนฺตรสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจยา โหนฺติ. กทาจิ อารมฺมณปจฺจยาทินาปิ, ตํ ปน อุปนิสฺสยปจฺจเยเนว สงฺคเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘วิปฺปยุตฺตสฺส ปน อุปนิสฺสยปจฺจเยเนวา’’ติ.

ภวปจฺจยาชาติอาทิปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๕๑. ชาตีติอาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; มหาว. ๑; อุทา. ๑; เนตฺติ. ๒๔) สพฺพํ สงฺคณฺหาติ. เตนาห ‘‘ชาติอาทีน’’นฺติอาทิ. อุปปตฺติภวุปฺปตฺติเยว ชาตีติ อาห ‘‘น อุปปตฺติภโว’’ติ. ชายมานสฺส ปน ชาติ ชาตีติ อุปปตฺติภโวปิ อสติ อภาวา ชาติยา ปจฺจโยติ สกฺกา วตฺตุํ. ชายมานรูปปทฏฺานตาปิ หิ รูปชาติยา วุตฺตา ‘‘อุปจิตรูปปทฏฺาโน อุปจโย, อนุปฺปพนฺธรูปปทฏฺานา สนฺตตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๖๔๑).

ชาตานํ ขนฺธานํ อุฺาตตา, อภิมตตา จ หีนปณีตตา. อนิฏฺฺหิ หีนํ, อิฏฺํ ปณีตํ. อาทิ-สทฺเทน สุวณฺณทุพฺพณฺณหีนุตฺตมาทึ สงฺคณฺหาติ. ยมกานมฺปิ สตนฺติ ยมกภาเวน นิพฺพตฺตานมฺปิ สมานานํ. โส จ สตฺตานํ วิเสโส. ภินฺนสนฺตานิกสฺส วิเสสการณสฺส สพฺเพน สพฺพํ อภาวโต ‘‘อชฺฌตฺตสนฺตาเน’’ติ วุตฺตํ. อฺสฺส การณสฺส อภาวโตติ อตฺตสนฺตานคตโต อฺสฺส วิเสสการณสฺส อนุปลพฺภมานตฺตา, สติ จ ตสฺมึ สพฺพทา สพฺเพสํ อภาวโตติ ปสงฺคสฺส ทุนฺนิวารณโต การเณ อวิสิฏฺเ ผลวิเสสสฺส อยุชฺชมานกตฺตา. เตนาห ‘‘กมฺมภวเหตุโกวา’’ติ.

เตน เตนาติ าติพฺยสนาทินา ชรามรณโต อฺเน ทุกฺขธมฺเมน. ชรามรณนิมิตฺตฺหิ อุปฺปนฺนา โสกาทโย ชรามรณาภิสมฺพนฺธา, ตทฺเ อนภิสมฺพนฺธา. อุปนิสฺสยโกฏิยาติ อุปนิสฺสยํเสน, อุปนิสฺสยเลเสนาติ อตฺโถ. โย หิ ปฏฺาเน อนาคโต สติ ภาวา, อสติ จ อภาวา สุตฺตนฺตปริยาเยน อุปนิสฺสโย, โส ‘‘อุปนิสฺสยโกฏี’’ติ วุจฺจติ. ปจฺจยมหาปเทโส กิเรโส, ยทิทํ อุปนิสฺสโยติ.

ภวจกฺกกถาวณฺณนา

๖๕๒. น เกวลํ โสกาทีนํเยว ชาติ ปจฺจโย โหติ, โสกาทีนํ ปน ปจฺจยตฺตา อวิชฺชายปิ ปจฺจโย เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เอตฺถาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนายํ. อวิทิตาทิ มิทนฺติ -กาโร ปทสนฺธิกโร. สตตนฺติ สพฺพกาลํ ยาว อคฺคมคฺคาธิคมา. สมิตนฺติ สงฺคตํ, อพฺโพจฺฉินฺนนฺติ อตฺโถ.

เตสูติ โสกาทีสุ. สิทฺเธสูติ ลพฺภมาเนสุ. สิทฺธา โหติ อวิชฺชา อวินาภาวโต.

กามยานสฺสาติ กามยมานสฺส, กาโม วา ยานํ เอตสฺสาติ กามยาโน, ตสฺส กามวเสน ยายมานสฺสาติ อตฺโถ. ฉนฺทชาตสฺสาติ ชาตตณฺหาฉนฺทสฺส. ปริหายนฺตีติ วิคจฺฉนฺติ. รุปฺปตีติ โสกาทินา กุปฺปติ.

ปริยุฏฺานตาย ติฏฺนสีโล ปริยุฏฺานฏฺายี. ‘‘ปริยุฏฺฏฺายิโน’’ติ วา ปาโ. ตตฺถ ปริยุฏฺาตีติ ปริยุฏฺํ, ทิฏฺิปริยุฏฺานํ, เตน ติฏฺตีติ ปริยุฏฺฏฺายีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

ปฺจ ปุพฺพนิมิตฺตานีติ ‘‘มาลา มิลายนฺติ, วตฺถานิ กิลิสฺสนฺติ, กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ, กาเย เววณฺณิยํ โอกฺกมติ, เทโว เทวาสเน นาภิรมตี’’ติ (อิติวุ. ๘๓) วุตฺตานิ ปฺจ มรณปุพฺพนิมิตฺตานีติ อตฺโถ. ตานิ หิ ทิสฺวา กมฺมนิพฺพตฺตกฺขนฺธสงฺขาเต อุปปตฺติภเว ภวจฺฉนฺทพเลน เทวานํ พลวโสโก อุปฺปชฺชตีติ.

พาโลติ อวิทฺวา. เตน อวิชฺชาย การณภาวํ ทสฺเสติ. ติวิธํ ทุกฺขนฺติ ตสฺสารุปฺปกถาสวน, กมฺมการณาทสฺสน, มรณกาลกมฺโมปฏฺานนิทานํ โสกาทิทุกฺขํ.

อาสเว สาเธนฺตีติ อาสเว คเมนฺติ โพเธนฺตีติ อตฺโถ.

เอวํสตีติ เอวํ ภวจกฺกสฺส อวิทิตาทิตาย อนาทิภาเว สติ. อาทิมตฺตกถนนฺติ อวิชฺชาวเสน อาทิสพฺภาวกถนํ. อาทิ เอตสฺส อตฺถีติ หิ อาทิมํ, ภวจกฺกํ. ตสฺส ภาโว อาทิมตฺตํ, ตสฺส กถนํ อาทิมตฺตกถนํ. วิเสสนิวตฺติอตฺโถ วา มตฺตสทฺโท, สติ อนาทิภาเว อวิชฺชา อาทิมฺหิ, มชฺเฌ, ปริโยสาเน จ สพฺพตฺถ สิยาติ อาทิมตฺตาย อวิชฺชาย กถนํ วิรุชฺฌตีติ อตฺโถ. ‘‘อวิชฺชา ปธานา’’ติ วตฺวา ตสฺสา ปธานภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อวิชฺชาคฺคหเณนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อวิชฺชาคฺคหเณนาติ อวิชฺชาย อุปฺปาทเนน, อปฺปหาเนน วา, อตฺตโน สนฺตาเน สนฺนิหิตภาวกรเณนาติ อตฺโถ. กมฺมาทีนีติ กมฺมวิปากวฏฺฏานิ. ปลิโพเธนฺตีติ นานาทุกฺขปริพฺยูฬฺเห สํสารจารเก นิโรเธนฺติ. เตหีติ กิเลสกมฺมวิปากวฏฺเฏหิ. วฏฺฏสฺส การณภาเวน ปธานตฺตา ‘‘ปธานธมฺโม’’ติ อวิชฺชา กถิตา.

ตโต อวิชฺชาทิโต. พฺรหฺมาทินาติ อาทิ-สทฺเทน ปชาปติสฺสรปุริสาทิเก สงฺคณฺหาติ. วทตีติ วโท, ตํ ตํ หิตาหิตํ ปวตฺตาติ อตฺโถ. เวเทติ, เวทิยตีติ วา เวเทยฺโย, สุขาทึ อนุภวติ, สพฺพวิสเย วา ชานาติ, ‘‘สุขิโต ทุกฺขิโต’’ติอาทินา อตฺตนา, ปเรหิ จ ชานาติ, ายติ จาติ อตฺโถ. พฺรหฺมาทินา วา อตฺตนา วาติ วา-สทฺโท -สทฺทตฺโถ. เตนาห ‘‘การกเวทกรหิต’’นฺติ จ-สทฺทตฺถสมาสํ.

ทฺวาทสวิธสุฺตาสุฺนฺติ อวิชฺชาทีนํ ทฺวาทสนฺนํ สุฺสภาวานํ สุฺตาย สุฺํ ทฺวาทสวิธสุฺตาสุฺํ, ธุวภาวาทิสุฺตาย วา จตุพฺพิธมฺปิ สุฺตํ เอกํ กตฺวา ทฺวาทสงฺคคตตฺตา ทฺวาทสวิธาติ ตาย ทฺวาทสสุฺตาย สุฺนฺติ อตฺโถ.

๖๕๓. ปุพฺพนฺตาหรณโตติ ปุพฺพนฺตโต อตีตโกฏฺาสโต ปจฺจุปฺปนฺนวิปากสฺส อาหรณโต. เวทนาวสานํ ปริจฺฉินฺนํ เอกํ ภวจกฺกํ โหติ. ภวจกฺเกกเทโสปิ หิ ภวจกฺกนฺติ วุจฺจติ. เวทนา วา ตณฺหาสหายาย อวิชฺชาย ปจฺจโย โหตีติ เวทนาโต อวิชฺชา, อวิชฺชาโต สงฺขาราติ สมฺพชฺฌนโต เวทนาวสานํ ภวจกฺกํ ปริปุณฺณเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อวิชฺชาคฺคหเณน วา ตณฺหุปาทานานิ ตทวินาภาวโต. สงฺขารคฺคหเณน ภโว, วิฺาณาทิคฺคหเณน ชาติชรามรณานิ, โสกาทโย จ คหิตาติ เอวมฺปิ เวทนาวสานํ ภวจกฺกนฺติ ยุตฺตเมเวตํ. เอวํ ตณฺหามูลเก จ โยเชตพฺพํ. ทฺวินฺนมฺปิ หิ อฺมฺานุปฺปเวโส โหตีติ. อวิชฺชา ธมฺมสภาวํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา วิปรีตาภินิเวสํ กาเรนฺตี ทิฏฺิจริเต สํสาเร นยติ, เตสํ วา สํสารํ สงฺขาราทิปวตฺตึ นยติ ปวตฺเตตีติ สํสารนายิกา วุตฺตา. ตณฺหาย ตณฺหาจริตานํ สํสารนายิกาภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.

ปมํ ภวจกฺกํ. ผลุปฺปตฺติยาติ กตฺตุอตฺเถ กรณวจนํ, กรณตฺเถ เอว วา. วิฺาณาทิปจฺจุปฺปนฺนผลุปฺปตฺติ หิ อิธ ทิฏฺา, อทิฏฺานํ ปุริมภเว อตฺตโน เหตูนํ อวิชฺชาสงฺขารานํ ผลํ อนุปฺปาเทตฺวา อนุปจฺฉิชฺชนํ ปกาเสติ, ปกาสนสฺส วา กรณํ โหตีติ. อถ วา ปุริมภวจกฺกํ ทุติเยน สมฺพนฺธํ วุตฺตนฺติ เวทนาสงฺขาตสฺส ผลสฺส อุปฺปตฺติยา ตณฺหาทีนํ เหตูนํ อนุปจฺเฉทํ ปกาเสติ, ตสฺมา ผลุปฺปตฺติยา การณภูตาย ปมสฺส ภวจกฺกสฺส เหตูนํ อนุปจฺเฉทปฺปกาสนโตติ อตฺโถ. สงฺขาราทีนเมว วา ผลานํ อุปฺปตฺติยา อวิชฺชาทีนํ เหตูนํ ผลํ อชเนตฺวา อนุปจฺเฉทเมว, วิฺาณาทิเหตูนํ วา สงฺขาราทีนํ อนุปฺปพนฺธเมว ปกาเสติ ปมํ ภวจกฺกํ, น ทุติยํ วิย ปริโยสานมฺปีติ ‘‘ผลุปฺปตฺติยา เหตูนํอนุปจฺเฉทปฺปกาสนโต’’ติ วุตฺตํ. อนุปุพฺพปวตฺติทีปนโตติ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑) ธมฺมานํ อนุปุพฺพโต ปวตฺติยา ทีปนโต. ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ หิ เอตฺถ อปริปุณฺณายตนํ กลลรูปํ วตฺวา ตโต อุทฺธํ ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ สฬายตนปฺปวตฺติ วุตฺตา. สหุปฺปตฺติทีปนโตติ ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ วา อุปปตฺติกฺขนฺธานํ เอกชฺฌํ อุปฺปตฺติยา ทีปนโต. น หิ เอตฺถ ปเม วิย ภวจกฺเก อายตนานํ กเมน อุปฺปตฺติ วุตฺตา.

๖๕๔. เหตุอาทิปุพฺพกา ตโย สนฺธี เอตสฺสาติ เหตุผลเหตุปุพฺพกติสนฺธิ, ภวจกฺกํ. เหตุผลเหตุผลวเสน จตุปฺปเภโท องฺคานํ สงฺคโห เอตสฺสาติ จตุเภทสงฺคหํ. สรูปโต อวุตฺตาปิ ตสฺมึ ตสฺมึ สงฺคเห อากิรียนฺติ อวิชฺชาสงฺขาราทิคฺคหเณหิ ปกาสียนฺตีติ อาการา. อตีตเหตุอาทีนํ วา ปการา อาการา. กิเลสกมฺมวิปากา วิปากกิเลสกมฺเมหิ สมฺพนฺธา หุตฺวา ปุนปฺปุนํ ปริวตฺตนฺตีติ เตสุ วฏฺฏนามํ อาโรเปตฺวา ‘‘ติวฏฺฏ’’นฺติ วุตฺตํ, วฏฺเฏกเทสตฺตา วา ‘‘วฏฺฏานี’’ติ วุตฺตานิ.

สนฺธีนํ อาทิปริโยสานววตฺถิตาติ สนฺธีนํ ปุพฺพาปรววตฺถิตาติ อตฺโถ.

ปริตสฺสตีติ ตํ ตํ วตฺถุํ ปริคฺคหกรณวเสน ตสฺสติ, ตณฺหายตีติ อตฺโถ. อุปาทิยตีติ ทฬฺหคาหํ คณฺหาติ. ปุริมกมฺมภวสฺมินฺติ ปุริมกมฺมภเว สติ.

ตสฺส จ สพฺภาโว กริยมานตา เอวาติ อาห ‘‘กมฺมภเว กริยมาเนติ อตฺโถ’’ติ. ทุกฺขาทีสุ โมโหติ ทุกฺขาทีนํ อาทีนวปฏิจฺฉาทโก อปฺปหีโน โมโห. อายูหนาติ สมฺปิณฺฑนกา ทานาทิกิริยาย ปวตฺตนกา. เอกํ อาวชฺชนํ เอเตสนฺติ เอกาวชฺชนา, เตสุ เอกาวชฺชเนสุ. สตฺตเม เจตนา ภโว. ‘‘ยา กาจิ วา ปน เจตนา ภโว, สมฺปยุตฺตา อายูหนา สงฺขารา’’ติ อิทํ ยถาทสฺสิตาย ธมฺมฏฺิติาณภาชนีเย วุตฺตาย ปฏิสมฺภิทาปาฬิยา (ปฏิ. ม. ๑.๔๕) วเสน วุตฺตํ. ตตฺถ หิ ‘‘เจตนา ภโว’’ติ อาคตา. ภวนิทฺเทเส ปน ‘‘สาตฺถโต’’ติ เอตฺถ ‘‘เจตนาว สงฺขารา, ภโว ปน เจตนาสมฺปยุตฺตาปี’’ติ วิภงฺคปาฬิวเสน ทสฺสิตํ. ‘‘ตตฺถ กตโม ปุฺาภิสงฺขาโร? กุสลา เจตนา กามาวจรา’’ติอาทินา หิ สงฺขารานํ เจตนาภาโว วิภงฺคปาฬิยํ (วิภ. ๒๒๖) วุตฺโต. ตตฺถ ปฏิสมฺภิทาปาฬิยํ ‘‘เจตนาสมฺปยุตฺตา วิปากธมฺมตฺตา สวิปาเกน อายูหนสงฺขาเตน สงฺขตาภิสงฺขรณกิจฺเจน สงฺขารา’’ติ วุตฺตา. วิภงฺคปาฬิยํ ‘‘สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺมํ กมฺมภโว’’ติ (วิภ. ๒๓๔) ภวสฺส ปจฺจยภาเวน ภวคามิภาวโต, กมฺมสํสฏฺสหายตาย กมฺมภาวโต จ อุปปตฺติภวํ ภาเวนฺตีติ ‘‘ภโว’’ติ วุตฺตา. อุปปตฺติภวภาวนากิจฺจํ ปน เจตนาย สาติสยนฺติ ปฏิสมฺภิทาปาฬิยา เจตนา ‘‘ภโว’’ติ วุตฺตา. ภวาภิสงฺขรณกิจฺจํ เจตนาย สาติสยนฺติ วิภงฺคปาฬิยํ ‘‘กุสลา เจตนา’’ติอาทินา (วิภ. ๒๒๖) เจตนา ‘‘สงฺขารา’’ติ วุตฺตา. ตสฺมา เตน เตน ปริยาเยน อุภยํ อุภยตฺถ วตฺตุํ ยุตฺตนฺติ นตฺเถตฺถ วิโรโธ. ตสฺส ผเล อุปปตฺติภเว นิกามนาติ ‘‘ตสฺส สุตํ โหติ ‘จาตุมหาราชิกา เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา’ติ’’อาทิสุตานุสาเรน ภาวินิ อุปปตฺติภเว อภิกงฺขนา. คหณนฺติ กามุปาทานํ กิจฺเจนาห. ปรามสนนฺติ อิตรานิ. อายูหนาวสาเนติ ตีสุปิ อตฺถวิกปฺเปสุ วุตฺตสฺส อายูหนสฺส อวสาเน.

อิธาติ อิมสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺนภเว. ภวนฺตรสฺส อตีตภวสฺส อิมินา ปจฺจุปฺปนฺนภเวน ปฏิสนฺธานํ ภวนฺตรปฏิสนฺธานํ, ภวนฺตรภาเวน วา ปฏิสนฺธานํ ภวนฺตรปฏิสนฺธานํ, ตสฺส วเสน. ยํ ปฏิสนฺธีติ วุจฺจติ, ตํ วิฺาณนฺติ สมฺพนฺโธ. ตถา หิ วิฺาณํ ‘‘ปฏิสนฺธานปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ วุจฺจติ. คพฺเภติ มาตุกุจฺฉิยํ, คพฺภาวตฺถายํ วา.

ทฺวีสุ อตฺถวิกปฺเปสุ วุตฺเต อายูหนสงฺขาเร ‘‘ตสฺส ปุพฺพภาคา’’ติ อาห, ตติเย อตฺถวิกปฺเป วุตฺเต ‘‘ตํสมฺปยุตฺตา’’ติ. ตํสมฺปยุตฺตา อวิชฺชา คหิตาว โหตีติ สมฺพนฺโธ. ทหรสฺส จิตฺตปฺปวตฺติ ภวงฺคพหุลา เยภุยฺเยน ภวนฺตรชนกกมฺมายูหนสมตฺถา น โหตีติ ‘‘อิธ ปฏิปกฺกตฺตา อายตนาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘กมฺมกรณกาเล สมฺโมโห ทสฺสิโต’’ติ เอเตน กมฺมสฺส ปจฺจยภูตํ สมฺโมหํ ทสฺเสติ, น กมฺมสมฺปยุตฺตเมว.

‘‘ตตฺถ ปุริมภวสฺมึ ปฺจ กมฺมสมฺภารา, เอตรหิ ปฺจ วิปากธมฺมา, เอตรหิ ปฺจ กมฺมสมฺภารา, อนาคเต ปฺจ วิปากธมฺมาติ ทส ธมฺมา กมฺมํ, ทส ธมฺมา วิปาโก, อิติ ทฺวีสุ าเนสุ กมฺมํ, กมฺมวฏฺฏํ, ทฺวีสุ าเนสุ วิปาโก, วิปากวฏฺฏนฺติ กมฺมสงฺเขโป จ วิปากสงฺเขโป จ, กมฺมภโว จ วิปากภโว จ กมฺมวฏฺฏฺจ วิปากวฏฺฏฺจ, กมฺมปวตฺตฺจ วิปากปวตฺตฺจ, กมฺมสนฺตติ จ วิปากสนฺตติ จ, กิริยา เจว กิริยาผลฺจาติ –

‘‘เอวํ สมุปฺปนฺนมิทํ สเหตุกํ,

ทุกฺขํ อนิจฺจํ จลมิตฺตรทฺธุวํ;

ธมฺเมหิ ธมฺมา ปภวนฺติ เหตุโส,

น เหตฺถ อตฺตาว ปโรว วิชฺชติ.

‘‘ธมฺมา ธมฺเม สฺชเนนฺติ, เหตุสมฺภารปจฺจยา;

เหตูนฺจ นิโรธาย, ธมฺโม พุทฺเธน เทสิโต.

‘‘เหตูสุ อุปรุทฺเธสุ, ฉินฺนํ วฏฺฏํ น วฏฺฏติ;

เอวํ ทุกฺขนฺตกิริยาย, พฺรหฺมจริยิธ วิชฺชติ;

สตฺเต จ นุปลพฺภนฺเต, เนวุจฺเฉโท น สสฺสต’’นฺติ. (วิภ. อฏฺ. ๒๔๒);

ตตฺถ กมฺมาเนว วิปากํ สมฺภรนฺติ วฑฺเฒนฺตีติ กมฺมสมฺภารา, กมฺมํ วา สงฺขารภวา, ตทุปการกานิ อวิชฺชาตณฺหุปาทานานิ กมฺมสมฺภารา. ปฏิสนฺธิทายโก วา ภโว กมฺมํ, ตทูปการกา ยถาวุตฺตา อายูหนสงฺขารา, อวิชฺชาทโย จ กมฺมสมฺภาราติ กมฺมฺจ กมฺมสมฺภารา จ กมฺมสมฺภาราติ เอกเสสวเสน กมฺมสมฺภารคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. ทส ธมฺมา กมฺมนฺติ อวิชฺชาทโยปิ กมฺมสหายตาย กมฺมสริกฺขกา, ตทูปการา จาติ ‘‘กมฺม’’นฺติ วุตฺตา. สงฺขิปฺปนฺติ เอตฺถ อวิชฺชาทโย, วิฺาณาทโย จาติ สงฺเขโป, กมฺมํ, วิปาโก จ. ‘‘กมฺมํ วิปาโก’’ติ เอวํ สงฺขิปียตีติ วา สงฺเขโป, อวิชฺชาทโย, วิฺาณาทโย จ. สงฺเขปภาวสามฺเน ปน เอกวจนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ, สงฺเขปสทฺโท วา ภาคาธิวจนนฺติ กมฺมภาโค กมฺมสงฺเขโป.

เอวํ สมุปฺปนฺนนฺติ กมฺมโตปิ วิปาโก. ตตฺถาปิ ‘‘อวิชฺชาโต สงฺขารา’’ติ เอวํ สมุปฺปนฺนํ, ติสนฺธิอาทิวเสน วา สมุปฺปนฺนํ อิทํ ภวจกฺกนฺติ อตฺโถ. อิตฺตรนฺติ คมนธมฺมํ, วินสฺสธมฺมนฺติ อตฺโถ. เตน อุปฺปาทวยวนฺตตาทีปเกน อนิจฺจสทฺเทน, วิการาปตฺติทีปเกน จลสทฺเทน จ อทีปิตํ กาลนฺตรฏฺายิตาภาวํ วิภาเวติ. อทฺธุวนฺติ เอเตน ถิรภาวาภาวนิสฺสารตํ. เหตุ เอว สมฺภารา เหตุสมฺภารา. ‘‘านโส เหตุโส’’ติ (กถา. ๓๕๕; ปฏิ. ม. ๑.๔๔) เอตฺถ เอวํ วุตฺตํ วา านํ, อฺมฺปิ ตสฺส ตสฺส สาธารณํ การณํ สมฺภาโร, อสาธารณํ เหตุ. เอวนฺติ เอวํ เหตุโต ธมฺมมตฺตสมฺภเว, เหตุนิโรธา จ วฏฺฏจฺเฉเท ธมฺเม จ ตํนิโรธาย เทสิเต สตีติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยํ อิธ พฺรหฺมจริยิธ สตฺเต จาติ เอตฺถ -สทฺโท ‘‘เอวํ พฺรหฺมจริยฺจ วิชฺชติ, สสฺสตุจฺเฉทา จ น โหนฺตี’’ติ สมุจฺจยตฺโถ. เอวฺหิ เหตุอายตฺเต ธมฺมมตฺตสมฺภเว สตฺโต นุปลพฺภติ, ตสฺมิฺจ อุปลพฺภนฺเต สสฺสโต, อุจฺเฉโท วา สิยาติ นุปลพฺภนฺเต ตสฺมึ เนว อุจฺเฉโท น สสฺสตนฺติ วุตฺตํ โหติ.

๖๕๕. สจฺจปฺปภวโตติ สจฺจโต, สจฺจานํ วา ปภวโต จ.

กุสลากุสลํกมฺมนฺติ วฏฺฏกถาย วตฺตมานตฺตา สาสวนฺติ วิฺายติ. อวิเสเสนาติ ‘‘เจตนา เจตนาสมฺปยุตฺตกา’’ติ วิเสสํ อกตฺวา, สพฺพมฺปิ ตํ กุสลากุสลํ กมฺมํ สมุทยสจฺจนฺติ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. ‘‘ตณฺหา จ…เป… อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมา’’ติ (วิภ. ๒๐๘-๒๑๐) หิ เจตนาเจตนาสมฺปยุตฺตวิเสสํ อกตฺวา วุตฺตนฺติ, อริยสจฺจวิเสสํ วา อกตฺวา สมุทยสจฺจนฺติ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. สจฺจวิภงฺเค หิ สพฺเพปิ กิเลสา สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺมํ ‘‘สมุทยสจฺจ’’นฺติ วุตฺตํ. ทุติยสจฺจํ ปภโว เอตสฺสาติ ทุติยสจฺจปภวํ. อุปาทานปจฺจยา ภโวติ อุปปตฺติภวสฺส, กมฺมภวสฺส จ อธิปฺเปตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ปมทุติยสจฺจทฺวย’’นฺติ.

๖๕๖. วตฺถูสูติ อารมฺมเณสุ, ทุกฺขาทีสุ วา ปฏิจฺฉาเทตพฺเพสุ วตฺถูสุ. สมฺโมเหตีติ ธมฺมสภาวํ ชานิตุํ ปฏิวิชฺฌิตุํ อเทนฺตี ตสฺส ปฏิจฺฉาทนวเสน สมฺโมเหติ. วตฺถุนฺติ อิธ อารมฺมณํ อธิปฺเปตํ. อฺมฺฺจ อุปตฺถมฺเภติ อฺมฺสนฺนิสฺสเยน วินา าตุํ อสกฺโกนฺตา ทฺเว นฬกลาปา วิย. สวิสเยติ ยถาสกํ วิสเย รูปายตนาทิเก. ชายมานานํ ขนฺธานํ วิการภาเวน ลพฺภมานา ชาติ เต ชเนนฺตี วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ขนฺเธ จ ชเนตี’’ติ. เตนาห ‘‘เตสํ อภินิพฺพตฺติภาเวน ปวตฺตตฺตา’’ติ. ปากเภทภาวฺจ อธิติฏฺตีติ เอตฺถาปิ ‘‘ขนฺเธ ชเนตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ. ปากเภทวเสน วตฺตติจฺเจว อตฺโถ . ปจฺจตีติ ปาโก, ภิชฺชตีติ เภโท, ปาโก จ เภโท จ ปากเภทํ, ตสฺส ภาวํ ปจฺจนํ, ภิชฺชนฺจาติ อตฺโถ. โสกาทีนํ อธิฏฺานตฺตาติ เตสํ การณตฺตา, เตหิ สิทฺธาย อวิชฺชาย สหิเตหิ สงฺขาเรหิ ปจฺจโย จ โหติ ภวนฺตรปาตุภาวายาติ อธิปฺปาโย. จุติจิตฺตํ วา ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อนนฺตรปจฺจโย โหตีติ ‘‘ปจฺจโย จ โหติ ภวนฺตรปาตุภาวายา’’ติ วุตฺตํ. ตํ ปน จุติจิตฺตํ อวิชฺชาสงฺขารรหิตํ ภวนฺตรสฺส ปจฺจโย น โหตีติ สสหายตฺตทสฺสนตฺถมาห ‘‘โสกาทีนํ อธิฏฺานตฺตา’’ติ. ทฺเวธาติ อตฺตโน อตฺตโน สรเสน, ธมฺมนฺตรปจฺจยภาเวน จาติ ทฺเวธา ทฺเวธา. พฺยาปนิจฺฉาโลเปน หิ นิทฺเทโส.

๖๕๗. ‘‘อวิชฺชาปจฺจยาสงฺขารา’’ติ เอเตน สงฺขารานํ ปจฺจยุปฺปนฺนตาทสฺสเนน ‘‘โก นุ โข อภิสงฺขโรตีติ เอส โน กลฺโล ปฺโห’’ติ ทสฺเสติ, เตเนตํ การกทสฺสนนิวารณํ. อตฺตา ภวโต ภวนฺตรํ สงฺกมตีติ ทสฺสนํ อตฺตสงฺกนฺติทสฺสนํ, ตํ สงฺขารปจฺจยา วิฺาณุปฺปตฺติวจเนน นิวาริตํ โหติ. ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อเภทโต เอโก อตฺตาติ คหณํ ฆนสฺา, ตํ ยมกตาลกนฺทํ ภินฺทนฺเตน วิย ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูปมตฺตเมต’’นฺติ วจเนน นิวาริตํ โหติ. ‘‘เอวมาทิทสฺสนนิวารณ’’นฺติ เอเตน ‘‘โสจติ ปริเทวติ ทุกฺขิโต’’ติอาทิทสฺสนนิวารณมาห. โสกาทโยปิ หิ ปจฺจยายตฺตา อวสวตฺติโนติ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสก…เป… สมฺภวนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑) เอเตน วุตฺตเมวาติ. มิจฺฉาทสฺสนนิวารณโตปีติ การกทสฺสนาทินานาวิธมิจฺฉาภินิเวสนิวารณโตปิ.

๖๕๘. ‘‘สลกฺขณสามฺลกฺขณวเสนา’’ติ เอเตน สพฺพปฺปกาเรน ธมฺมานํ ยาถาวโต อทสฺสนมาห ตทุภยวินิมุตฺตสฺส ธมฺเมสุ ปรมตฺถโต ปสฺสิตพฺพภาวสฺส อภาวโต. อุปกฺขลนํ วิย ทุกฺขุปฺปตฺติเหตุโต. ปตนํ วิย ภวนฺตรปปาตโต. คณฺฑปาตุภาโว วิย ทุกฺขตาสูลโยคโต, กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต จ. คณฺฑเภทปีฬกา วิยาติ เภทนตฺถํ ปจฺจมาเน คณฺเฑ ตสฺส อุปริ ชายมานา ขุทฺทกปีฬกา วิย, คณฺฑสฺส วา อเนกธาเภเท ปีฬกา วิย. ฆฏฺฏนํ วิย สงฺฆฏฺฏนรสตาย ผสฺโส. ฆฏฺฏนทุกฺขํ วิยาติ ฆฏฺฏนโต ชาตํ ทุกฺขํ วิย ติวิธทุกฺขตาวเสน ติสฺสนฺนมฺปิ เวทนานํ ทุกฺขภาวโต. ปฏิการาภิลาโส วิยาติ สมุทายสฺส เอกเทสนิทสฺสนภาเวนาห. อสปฺปายคฺคหณํ วิย พหุวิธานตฺถุปฺปตฺตินิมิตฺตโต. อสปฺปายเลปนํ วิย ทุกฺขเหตุโน สสนฺตาเน สนฺนิธาปนโต. คณฺฑวิการปาตุภาโว วิย อตฺตภาวคณฺฑสฺส นิพฺพตฺติวิการภาวโต , ตนฺนิมิตฺตฺจสฺส สูนภาวาทิสมฺภวโต. สูนตาสราคปุพฺพคฺคหณาทโย หิ คณฺฑวิการา. สรสโต คณฺฑสฺส ภิชฺชนํ ปาเกน วินา น โหตีติ เภทคฺคหเณเนวสฺส ปาโกปิ คหิโตติ กตฺวา อาห ‘‘คณฺฑเภโท วิย ชรามรณ’’นฺติ. คณฺฑสฺส วา วิสทิสาปตฺติ, ภิชฺชนฺจ คณฺฑเภโท, ตตฺถ วิสทิสาปตฺติ ปาโกติ เวทิตพฺพํ.

อุปมาหิ ภวจกฺกํ วิฺาเปนฺเตน เอกาธิฏฺาเนหิ อุปมาวิเสเสหิ ตํ วิฺาเปตฺวา อิทานิ นานาธิฏฺาเนหิ วิฺาเปตุํ ‘‘ยสฺมา วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปฏลาภิภูตจกฺขุโก รูปานิ น ปสฺสติ, กิฺจิ ปสฺสนฺโตปิ วิปรีตํ ปสฺสติ, เอวํ อวิชฺชาภิภูโต ทุกฺขาทีนิ น ปฏิปชฺชติ น ปสฺสติ, มิจฺฉา วา ปฏิปชฺชตีติ ปฏลํ วิย อวิชฺชา. โกสการกิมิ วิย อตฺตนาว กตตฺตา, วฏฺฏสฺส อตฺตโน เอว ปริพฺภมนการณตฺตา จ โกสปฺปเทสา วิย สงฺขารา. สงฺขารปริคฺคหํ วินา ปติฏฺํ อลภมานํ วิฺาณํ ปริณายกปริคฺคหํ วินา ปติฏฺํ อลภมาโน ราชกุมาโร วิยาติ ปริคฺคเหน วินา ปติฏฺาลาโภ เอตฺถ อุปโมปเมยฺยสามฺํ. อุปปตฺตินิมิตฺตนฺติ กมฺมาทิอารมฺมณมาห. ปริกปฺปนโตติ อารมฺมณกรณโต, สมฺปยุตฺเตน วา วิตกฺเกน วิตกฺกนโต. เทวมนุสฺสมิควิหงฺคาทิวิวิธปฺปการตาย มายา วิย นามรูปํ. ปติฏฺาวิเสเสน วุทฺธิวิเสสาปตฺติโต วนปฺปคุมฺโพ วิย สฬายตนํ. อายตนานํ วิสยิวิสยภูตานํ อฺมฺาภิมุขภาโว อายตนฆฏฺฏนํ. ตโต อายตนฆฏฺฏนโต ทฺวยสงฺฆฏฺฏนุปฺปตฺติโต, เวทนาทุกฺขเหตุโต จ อคฺคิ วิย ผสฺโส. สปริฬาหโต ทาโห วิย เวทนา. อุปรูปริ ตณฺหาปวฑฺฒนโต โลณูทกปานํ วิย วิสยานุภวนํ. อารมฺมเณ ปาตุกมฺยตาภาวโต ปิปาสา วิย ตณฺหา. ตทสฺสุปาทานนฺติ ตํ อภิลาสกรณํ ตณฺหาทิฏฺาภินนฺทนํ อสฺส ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส, ตทสฺส วา ภเวยฺย อุปาทานํ. พฺยสนาวหตาย อชานนโต ภวุปาทานํ มจฺฉสฺส พฬิสุปาทานํ วิย. เอตฺถ จ สงฺขาราทีนํ โกสปฺปเทสปริณายกาทีหิ ทฺวีหิ ทฺวีหิ สทิสตาย ทฺเว ทฺเว อุปมา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.

๖๕๙. โกจิ อคมฺภีโร เอว คมฺภีโร วิย ขายติ ปุราณติณปณฺณาทิภริโต ปพฺพตสงฺเขเป ชลาสโย วิย, น เอวมยํ. อยํ ปน คมฺภีโรว หุตฺวา โอภาสติ ปกาสติ ทิสฺสตีติ คมฺภีราวภาโส. ยถารหนฺติ อตฺถาทิวเสน ยถานุรูปํ.

ชาติโต ชรามรณํ น น โหติ, โหติ เอวาติ อวธารเณ สิทฺเธ ‘‘สิยา นุ โข ชรามรณํ ชาติโต, อฺโตปี’’ติ อาสงฺกายํ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘น จ ชาตึ วินา อฺโต โหตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อฺคฺคหณํ ชาติยา ปฏิโยคีวิสยํ, น อฺมตฺตวิสยํ ‘‘ชาตึ วินา’’ติ วจนโต. เตนสฺส นาฺํ ชาติยา สหการีการณภูตํ นิวตฺติตํ โหติ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. อิตฺถนฺติ อิทํ ปการํ, อิมินา ปกาเรนาติ อตฺโถ. ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโติ ชาติปจฺจยสมฺภูตํ หุตฺวา สหิตสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อุทฺธํ อุทฺธํ อาคตภาโว, อนุปฺปวตฺตฏฺโติ อตฺโถ. อถ วา สมฺภูตฏฺโ จ สมุทาคตฏฺโ จ สมฺภูตสมุทาคตฏฺโ. ‘‘น ชาติโต ชรามรณํ น โหติ, น จ ชาตึ วินา อฺโต โหตี’’ติ หิ ชาติปจฺจยสมฺภูตฏฺโ วุตฺโต. อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ ชาติปจฺจยสมุทาคตฏฺโ, ยา ยา ชาติ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, ตทนุรูปปาตุภาโวติ อตฺโถ.

ตตฺถ ‘‘น ชาติโต ชรามรณํ น โหตี’’ติ อิมินา ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยตาย อวิตถตํ ทสฺเสติ, ‘‘น ชาตึ วินา อฺโต ชรามรณํ โหตี’’ติ อิมินา อนฺถตฺตํ, ‘‘อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตี’’ติ อิมินา ตถตํ. เตน จ ยถา ปจฺจยธมฺมา อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปจฺจยภาเว, ตถา อวิตถา อนฺถา, เอวํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมาปิ ตพฺภาเวติ ทสฺเสติ. เอส นโย เสเสสุปิ. ‘‘เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ เอเตน วจเนน อตฺถสฺส เหตุผลภาโว กถํ าตพฺโพติ? ‘‘อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตสฺส สมาสปทสฺส อวยวปทตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตุผเล าณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา. ‘‘อตฺเถ ปฏิสมฺภิทา อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตฺถ หิ ‘‘อตฺเถ’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตุผเล’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘าณ’’นฺติ, ตสฺมา เหตุผลอตฺถสทฺทา เอกตฺถา, าณปฏิสมฺภิทา จาติ อิมมตฺถํ วทนฺเตน สาธิโต อตฺถสฺส เหตุผลภาโว.

เยนากาเรนาติ เยน ปวตฺติอากาเรน. สภาวธมฺมา หิ ปจฺจยวิเสสสิทฺเธน ปวตฺติอากาเรน วิสิฏฺาการา โหนฺติ. เตนาห ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถมาคจฺฉนฺตี’’ติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕). ยทวตฺถาติ ยาย อวตฺถาย อวตฺถิตา. อวตฺถาวิเสสวนฺโต หิ ธมฺมา เตน เตน อวตฺถาวิเสเสน ตํ ตํ อตฺถกิจฺจํ สาเธตุํ สมตฺถา โหนฺติ. สฺวายํ ปวตฺติอากาโร, อวตฺถาวิเสโส จ อวิชฺชายปิ อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ทุรวโพธโต เอว าเณน อลพฺภเนยฺยปติฏฺโ จาติ อาห ‘‘ตสฺส…เป… คมฺภีโร’’ติ. ตสฺส อาการสฺส, อวตฺถาย จ. เหตุมฺหิ าณนฺติ เอตฺถ เหตุโน ธมฺมปริยายตา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.

อสฺสาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส. เตน เตน การเณนาติ เตน เตน เวเนยฺยานํ พุชฺฌนานุคุณตาสงฺขาเตน การเณน. ตตฺถาติ ตสฺมึ เทสนปฺปกาเร. อนุโลมปฏิโลมโตติ นยิธ ปจฺจยุปฺปาทา ปจฺจยุปฺปนฺนุปฺปาทสงฺขาตํ อนุโลมํ, ปจฺจยนิโรธา ปจฺจยุปฺปนฺนนิโรธสงฺขาตฺจ ปฏิโลมมาห. อาทิโต ปน อนฺตคมนมนุโลมํ, อนฺตโต จ อาทิคมนํ ปฏิโลมมาห. อาทิโต ปฏฺาย อนุโลมเทสนาย, อนฺตโต ปฏฺาย ปฏิโลมเทสนาย จ ติสนฺธิจตุสงฺเขปํ. ‘‘อิเม จตฺตาโร อาหารา กึนิทานา’’ติอาทิกาย (สํ. นิ. ๒.๑๑) เวมชฺฌโต ปฏฺาย ปฏิโลมเทสนาย, ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติอาทิกาย (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ม. นิ. ๓.๔๒๑, ๔๒๕-๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๕; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) อนุโลมเทสนาย จ ทฺวิสนฺธิติสงฺเขปํ. ‘‘สํโยชนีเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๓, ๕๗) เอกสนฺธิทฺวิสงฺเขปํ. กตฺถจิ เอกงฺโคปิ จ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เทสิโต, โส ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโก’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๖๒) ทสฺสิโต เอว.

อวิชฺชาทีนํ สภาโว ปฏิวิชฺฌียตีติ ปฏิเวโธ. วุตฺตํ เหตํ อฏฺกถายํ ‘‘เตสํ เตสํ วา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตธมฺมานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว ปฏิเวโธ’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา). ชานนลกฺขณสฺส าณสฺส ปฏิปกฺขภูโต อวิชฺชาย อฺาณฏฺโ. อารมฺมณสฺส ปจฺจกฺขกรเณน ทสฺสนภูตสฺส ปฏิปกฺขภูโต อทสฺสนฏฺโ. เยน ปเนสา ทุกฺขาทีนํ ยาถาวสรสํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น เทติ, ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฏฺติ, โส ตสฺสา สจฺจาสมฺปฏิเวธฏฺโ. อปุฺาภิสงฺขาเรกเทโส สราโค, อฺโ วิราโค. ราคสฺส วา อปฏิปกฺขภาวโต ราคปวฑฺฒโก อปุฺาภิสงฺขาโร สพฺโพปิ สราโค, อิตโร ตปฺปฏิปกฺขภาวโต วิราโค. ‘‘ทีฆรตฺตํ เหตํ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อชฺโฌสิตํ มมายิตํ ปรามฏฺํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๒) อตฺตปรามาสสฺส วิฺาณํ วิเสสโต วตฺถุ วุตฺตนฺติ วิฺาณสฺส สุฺตฏฺโ คมฺภีโร. อตฺตา วิชานาติ สํสรตีติ สพฺยาปารตาสงฺกนฺติ อภินิเวสพลวตาย อพฺยาปารฏฺอสงฺกนฺติปฏิสนฺธิปาตุภาวฏฺา จ คมฺภีรา. นามรูปสฺส ปฏิสนฺธิกฺขเณ เอกุปฺปาโท, ปวตฺติยํ วิสุํ วิสุํ ยถารหํ เอกุปฺปาโท, นามสฺส รูเปน, รูปสฺส จ นาเมน อสมฺปโยคโต วินิพฺโภโค, นามสฺส นาเมน, รูปสฺส จ รูเปน, เอกจฺจสฺส เอกจฺเจน อวินิพฺโภโค โยเชตพฺโพ. เอกุปฺปาเทกนิโรเธ หิ อวินิพฺโภเค อธิปฺเปเต โส รูปสฺส จ เอกกลาปวุตฺติโน ลพฺภติ. อถ วา เอกจตุโวการภเวสุ นามรูปานํ อสหวตฺตนโต อฺมฺวินิพฺโภโค, ปฺจโวการภเว สหวตฺตนโต อวินิพฺโภโค จ เวทิตพฺโพ.

อธิปติยฏฺโ นาม อิธ อินฺทฺริยปจฺจยภาโว. ‘‘โลโกเปโส ทฺวาราเปสา เขตฺตมฺเปต’’นฺติ (ธ. ส. ๕๙๘-๕๙๙) วุตฺตา โลกาทิอตฺถา จกฺขาทีสุ ปฺจสุ โยเชตพฺพา. มนายตนสฺสาปิ ลุชฺชนโต, มโนสมฺผสฺสาทีนํ ทฺวารเขตฺตภาวโต จ เอเต อตฺถา สมฺภวนฺติ เอว. อาปาถคตานํ รูปาทีนํ ปกาสนโยคฺยตาลกฺขณํ โอภาสนํ จกฺขาทีนํ วิสยิภาโว, มนายตนสฺส วิชานนํ. สงฺฆฏฺฏนฏฺโ วิเสสโต จกฺขุสมฺผสฺสาทีนํ ปฺจนฺนํ, อิตเร ฉนฺนมฺปิ โยเชตพฺพา. ผุสนฺจ ผสฺสสฺส สภาโว, สงฺฆฏฺฏนํ รโส, อิตเร อุปฏฺานาการา. อารมฺมณรสานุภวนฏฺโ รสวเสน วุตฺโต, เวทยิตฏฺโ ลกฺขณวเสน. สุขทุกฺขมชฺฌตฺตภาวา ยถากฺกมํ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ สภาววเสน วุตฺตา. อตฺตา เวทยตีติ อภินิเวสสฺส พลวตาย นิชฺชีวฏฺโ เวทนาย คมฺภีโร. นิชฺชีวาย วา เวทนาย เวทยิตํ นิชฺชีวเวทยิตํ, นิชฺชีวเวทยิตเมว อตฺโถ นิชฺชีวเวทยิตฏฺโ. สปฺปีติกตณฺหาย อภินนฺทิตฏฺโ, พลวตรตณฺหาย คิลิตฺวา ปรินิฏฺาปนํ อชฺโฌสานฏฺโ. อิตโร สาธารณวเสน เวทิตพฺโพ. อาทานคฺคหณาภินิเวสฏฺา จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ สมานา, ปรามาสฏฺโ วุตฺโต ทิฏฺุปาทานาทีนเมว, ตถา ทุรติกฺกมฏฺโ. ‘‘ทิฏฺิกนฺตาโร’’ติ (ธ. ส. ๓๙๒) หิ วจนโต ทิฏฺีนํ ทุรติกฺกมตา, ทฬฺหคฺคหณตฺตา วา จตุนฺนมฺปิ ทุรติกฺกมฏฺโ โยเชตพฺโพ. ทุรติกฺกมตายปิ หิ ตณฺหาย สมุทฺทฏฺโ วุตฺโต. โยนิคติิตินิวาเสสุขิปนนฺติ สมาเส ภุมฺมวจนสฺส อโลโป ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ เตน อายูหนาภิสงฺขรณปทานํ สมาโส โหติ. ชรามรณงฺคํ มรณปฺปธานนฺติ มรณฏฺา เอว ขยาทโย คมฺภีราติ ทสฺสิตา. นวนวานฺหิ ขเยน ขณฺฑิจฺจาทิปริปกฺกปฺปวตฺติ ชราติ, ขยฏฺโ วา ชราย วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. นวภาวาปคโม หิ ขโยติ วตฺตุํ ยุตฺโตติ. วิปริณามฏฺโ ทฺวินฺนมฺปิ. สนฺตติวเสน วา ชราย ขยวยภาโว, สมฺมุติขณิกวเสน มรณสฺส เภทวิปริณามตา โยเชตพฺพา.

๖๖๐. อตฺถนยาติ อตฺถานํ นยา, อวิชฺชาทิอตฺเถหิ เอกตฺตาที สเกน ภาเวน นยนฺติ คเมนฺตีติ เอกตฺตาทโย, เตสํ นยาติ วุตฺตา. นียนฺตีติ หิ นยาติ. อตฺถา เอว วา เอกตฺตาทิภาเวน นียมานา ายมานา อตฺถนยาติ วุตฺตา. นียนฺติ เอเตหีติ วา นยา, เอกตฺตาทีหิ จ อตฺถา ‘‘เอก’’นฺติอาทินา นียนฺติ, ตสฺมา เอกตฺตาทโย อตฺถานํ นยาติ อตฺถนยา.

องฺกุราทิภาเวนาติ องฺกุรปตฺตนาฬขนฺธสาขาปลฺลวปลาสาทิภาเวน ปวตฺตมาเน อวยเว เอกชฺฌํ คเหตฺวา สนฺตานานุปจฺเฉเทน พีชํ รุกฺขภาวํ ปตฺตํ รุกฺขภาเวน ปวตฺตํ ตฺจ เอกตฺเตน วุจฺจตีติ สนฺตานานุปจฺเฉโท ยถา เอกตฺตํ, เอวํ อิธาปิ อวิชฺชาสงฺขาราทิเหตุเหตุสมุปฺปนฺนานํ สนฺตานานุปจฺเฉโท เอกสนฺตติปติตตา เอกตฺตนโยติ ทสฺเสติ. ‘‘เหตุผลสมฺพนฺเธนา’’ติ เอเตน สนฺตานานุปจฺเฉทํ วิภาเวติ. สติปิ หิ เหตุผลานํ ปรมตฺถโต เภเท เหตุภาเวน, ผลภาเวน จ เตสํ สมฺพนฺธภาโวเยเวตฺถ สนฺตานานุปจฺเฉโท, ยโต ยสฺมึ สนฺตาเน กมฺมํ นิพฺพตฺตํ, ตตฺเถว ผลุปฺปตฺตีติ กตสฺส วินาโส, อกตสฺส อพฺภาคโม จ นตฺถีติ. เอกตฺตคฺคหณโตติ เหตุผลานํ เภทํ อนุปธาเรตฺวา เหตุํ, ผลฺจ อภินฺนํ กตฺวา อุภินฺนํ เอกภาวสฺส อเภทสฺส คหเณน. ‘‘ตเทว วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรตี’’ติอาทินา สสฺสตทิฏฺึ อุปาทิยติ.

ลกฺขณววตฺถานนฺติ สภาวววตฺถานํ เหตุโน, ผลสฺส จ ภินฺนสภาวตาวโพโธ. ภินฺนสนฺตานสฺเสวาติ สมฺพนฺธรหิตสฺส นานตฺตสฺส คหณโต อฺโ มโต, อฺโ ชาโต, ตสฺมา ‘‘สตฺตนฺตโร อุจฺฉินฺโน, สตฺตนฺตโร อุปฺปนฺโน’’ติ คณฺหนฺโต อุจฺเฉททิฏฺึ อุปาทิยติ.

อมฺเหหิ อุปฺปาเทตพฺพนฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. พฺยาปาราภาโว อนภิสนฺธิตาย อพฺยาวฏตา. สมฺมา ปสฺสนฺโตติ ‘‘นิรีหา นิชฺชีวา ธมฺมมตฺตา’’ติ ปสฺสนฺโต. สภาโว เอว นิยโม สภาวนิยโม ‘‘สสมฺภารคฺคิโน อุทฺธมุขตา, สสมฺภารวายุโน ติริยคมน’’นฺติ เอวมาทิ วิย. เตน สิทฺโธ ยถาสกํ ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส เหตุภาโว. ‘‘กสฺสจิ กตฺตุโน อภาวา น กาจิ กิริยา ผลปพนฺธินี’’ติ อกิริยทิฏฺึ อุปาทิยติ.

‘‘ขีรโต ทธิ, น อุทกโต, ติลโต เตลํ, น วาลิกโต’’ติ สพฺพโต สพฺพสมฺภวาภาวทสฺสเนน อเหตุกทิฏฺึ เหตุอนุรูปเมว ผลํ ปสฺสนฺโต อกิริยทิฏฺึ ปชหติ. ยโต กุโตจีติ ยทิ อฺสฺมา อฺสฺส อุปฺปตฺติ สิยา, วาลิกโต เตลสฺส, อุจฺฉุโต ขีรสฺส กสฺมา อุปฺปตฺติ น สิยา, ตสฺมา น โกจิ กสฺสจิ เหตุ อตฺถีติ อเหตุกทิฏฺึ, อวิชฺชมาเนปิ เหตุมฺหิ นิยตตาย ติลคาวีสุกฺกโสณิตาทีหิ เตลขีรสรีราทีนิ ปวตฺตนฺตีติ นิยติวาทฺจ อุปาทิยตีติ วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.

๖๖๑. กสฺมา? ยสฺมา อิทฺหิ ภวจกฺกํ อปทาเลตฺวา สํสารภยมตีโต น โกจิ สุปินนฺตเรปิ อตฺถีติ สมฺพนฺโธ. อคาธํ อปฺปติฏฺํ ทุรติยานํ ทุรติกฺกมํ. อสนิวิจกฺกมิวาติ อสนิมณฺฑลมิว. ตฺหิ นิมฺมถนเมว, นานิมฺมถนํ ปวตฺตติ, เอวํ ภวจกฺกมฺปิ เอกนฺตทุกฺขุปฺปาทนโตว ‘‘นิจฺจนิมฺมถน’’นฺติ วุตฺตํ.

าณาสินา อปทาเลตฺวา สํสารภยมตีโต นตฺถีติ เอตสฺส สาธกสุตฺตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาห. ตนฺตูนํ อากุลกํ ตนฺตากุลกํ, ตนฺตากุลกมิว ชาตา ตนฺตากุลกชาตา, กิเลสกมฺมวิปาเกหิ อติวิย ชฏิตาติ อตฺโถ. กุลิยา สกุณิยา นีฑํ กุลิกํ, ตํ วิย ชาตา กุลิกุณฺฑิกชาตา. มุฺจา วิย, ปพฺพชา วิย จ ภูตา ชาตา มุฺชปพฺพชภูตา. ตทุภยํ กิร ติณํ อากุลํ ชฏิตํ หุตฺวา วฑฺฒติ. วฑฺฒิยา อภาวโต อปายํ, ทุกฺขคติภาวโต ทุคฺคตึ, สุขสมุสฺสยโต วินิปติตตฺตา วินิปาตฺจ, จตุพฺพิธํ อปายํ ‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕ อาปสาทนาวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๙; วิภ. อฏฺ. ๒๒๖ สงฺขารปทนิทฺเทส; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๕๒๓; อุทา. อฏฺ. ๓๙; อิติวุ. อฏฺ. ๑๔, ๕๘; เถรคา. อฏฺ. ๑.๖๗, ๙๙; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๑๗; จูฬนิ. อฏฺ. ๖; พุ. วํ. อฏฺ. ๒.๕๘) วุตฺตํ สํสารฺจ นาติวตฺตติ. สํสาโร เอว วา สพฺโพ อิธ วฑฺฒิอปคมาทิอตฺเถหิ อปายาทินามโก วุตฺโต เกวลํ ทุกฺขกฺขนฺธภาวโต.

ปฺาภูมินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ สตฺตรสมปริจฺเฉทวณฺณนา.