📜

๑๙. กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

ปจฺจยปริคฺคหกถาวณฺณนา

๖๗๘. อนนฺตรนิทฺทิฏฺาย ทิฏฺิวิสุทฺธิยา วิสยภาเวน ทสฺสิตตฺตา ‘‘เอตสฺเสวา’’ติ วุตฺตํ, น ตทฺโต วิเสสนตฺถํ ตทฺสฺเสว อภาวโต. อชฺฌตฺตํ วา หิ วิปสฺสนาภินิเวโส โหตุ พหิทฺธา วา, อชฺฌตฺตสิทฺธิยํ ปน ลกฺขณโต สพฺพมฺปิ นามรูปํ อนวเสสโต ปริคฺคหิตเมว โหตีติ. ปจฺจยปริคฺคเหนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนํ. ปจฺจยปริคฺคหเหตุ หิสฺส อทฺธตฺตยกงฺขาวิตรณํ โหตีติ, กรเณ วา เอตํ กรณวจนํ ปจฺจยปริคฺคหสฺส สาธกตมภาวโต กงฺขาวิตรณกิริยาย. ยทา หิสฺส สุปริสุทฺโธ นิชฺชโฏ นิคฺคุมฺโพ ปจฺจยปริคฺคโห สิชฺฌติ, ตทาเนน กงฺขา วิตรียตีติ. วิตริตฺวาติ อติกฺกมิตฺวา, วิกฺขมฺเภตฺวาติ อตฺโถ. ตํ ปน าณํ ตถาธิคตํ วสีภาวปฺปตฺตํ ฌานํ วิย โยคิโน สนฺตาเน ปพนฺธวเสน ปวตฺตตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ิตํ าณ’’นฺติ.

นฺติ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธึ. ตํ สมฺปาเทตุกาโม อาปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. ยาถาวโต ทิฏฺํ นามรูปํ ติวิธทุกฺขตาโยคโต โรโค วิย. ปจฺจยา จสฺส โรคสมุฏฺานํ วิย อุปฏฺหนฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา นาม…เป… ปริเยสตี’’ติ อาห. สํสารทุกฺขนิมุคฺคสฺส สนฺตานสฺส ตโต วิโมเจตุกามตาวเสน อนุกมฺปิตพฺพตา ลพฺภตีติ ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวเมว ิเต ยเทเก วทนฺติ ‘‘อนุกมฺเปตพฺพกุมารกทสฺสเนน ตสฺส มาตาปิตุอาวชฺชนํ อิธ อนุทาหรณํ นิโรเธตพฺพตาย นามรูปสฺส อนุกมฺปิตพฺพตาภาวโต’’ติ, ตทปาหตํ โหติ. อวสฺสฺเจตํ เอวํ อิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา เวเนยฺยปุคฺคลสนฺตาเน สตฺถุ มหากรุณาปวตฺติ เอว วิจาเรตพฺพา สิยา. มนฺทพุทฺธิตาย มนฺทํ. วุฑฺฒตโรปิ โกจิ มนฺทพุทฺธิ โหตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘กุมาร’’นฺติ วุตฺตํ. โย โกจิ ปมวเย วตฺตมาโน ‘‘กุมาโร’’ติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ทหร’’นฺติ วุตฺตํ. เอวมฺปิ โย อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจารณโก ตรุณทารโก, โสปิ ‘‘ทหโร’’ติ วุจฺจตีติ ตโต นิวตฺตนตฺถํ ‘‘อุตฺตานเสยฺยก’’นฺติ วุตฺตํ. จตูหิปิ ปเทหิ กรุณายิตพฺพตํเยว ทสฺเสติ. อาปชฺชตีติ กโรติ.

ยถา ปนสฺส เหตุปจฺจยปริเยสนาปตฺติ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พฺยติเรกมุเขน อตฺโถ สาธิโต สมฺมเทว สาธิโต โหตีติ อเหตุกภาวํ ตาว ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘น ตาวิทํ นามรูปํ อเหตุก’’นฺติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘สพฺพตฺถา’’ติอาทินา. เหตุมนฺตเรน สติ สมฺภเว สพฺพธมฺมานํ เหตุอภาโว สมาโนติ สพฺพสมานตา สิยา, ตถา จ สติ โสตปเทสาทีสุ, พหิทฺธา จ จกฺขุวิฺาณาทิเหตุอภาโวติ สพฺพตฺถ, จกฺขาทีนํ อุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ, ปริเภทโต อุทฺธฺจ เหตุอภาโวติ สพฺพทา จ อนฺธาทีนํ อรูปีนํ, อสฺีนฺจ เหตุอภาโวติ สพฺเพสฺจ จกฺขุวิฺาณาทีหิ ภวิตพฺพํ, เหตุอภาวา วิเสสโต ตฺจ นตฺถีติ อาห ‘‘สพฺพตฺถ สพฺพทา สพฺเพสฺจ เอกสทิสภาวาปตฺติโต’’ติ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ ยทิทํ ‘‘จกฺขุวิฺาณาทีสุ หี’’ติ. ยตฺตกา โลเก วิเสสา, เตหิ สพฺเพสํ, สพฺพกาลฺจ ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. อาทิ-สทฺเทน วา เตสมฺปิ คหณํ กตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ตสฺมา อเหตุกภาเว วิสิฏฺตาย อสมฺภโว เอวาติ สพฺพตฺถ เอกสทิสภาวาปตฺติโต, สพฺพทา เอกสทิสภาวาปตฺติโต, สพฺเพสํ เอกสทิสภาวาปตฺติโตติ ปจฺเจกํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. เอวํ อเหตุภาเว ปฏิสิทฺเธ วิสมเหตุวาที วเทยฺย ‘‘น อิทํ อเหตุกํ กิฺจรหิ สเหตุกํ, เกน ปน เหตุนา สเหตุกนฺติ? อิสฺสราทินา’’ติ.

อาทิ-สทฺเทน ปกติปุริสปชาปติกาลาทีนํ คหณํ เวทิตพฺพํ, ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห ‘‘น อิสฺสราทิเหตุก’’นฺติอาทิ. น นามรูปํ อิสฺสราทิเหตุกํ นามรูปโต อฺสฺส อนุปลพฺภมานตฺตา อิสฺสรปกติอาทินเมว อภาวโต. ยทิ ปน อสโต อิสฺสราทิโต นามรูปสฺส อุปฺปตฺติ, เอวํ สติ สา เอว สพฺพตฺถ สพฺพทา สพฺเพสํ เอกสทิสตา อาปชฺชติ. อถ นามรูปมตฺตเมว อิสฺสราทิเหตุกํ, นามรูปฺจ อหุตฺวา สมฺภวนฺตํ, หุตฺวา จ วินสฺสนฺตํ ทิสฺสตีติ อิสฺสราทีหิปิ ตาทิเสหิ ภวิตพฺพํ. ตถา จ ตทปิ สปฺปจฺจยํ สงฺขตเมวาติ ตสฺสาปิ ปจฺจยปริคฺคโห กาตพฺโพ. อถ ตํ นุปฺปชฺชติ, อเหตุกตา ตสฺส อาปนฺนา. เตนาห ‘‘อเหตุกภาวาปตฺติโต’’ติ.

อปิจ น อิสฺสราทิเหตุกํ นามรูปํ. กึ การณํ? กเมน อุปฺปตฺติโต. ยทิ หิ เอวํ นิจฺจํ อิสฺสราทิสฺิตํ กมฺมกิเลสินฺทฺริยารมฺมณาทินิรเปกฺขการณมฺปิ สิยา, สพฺเพสํเยว เอกชฺฌํ อุปฺปตฺติ สิยา, ยตฺตเกหิ ตโต อุปฺปชฺชิตพฺพํ. กสฺมา? การณสฺส สนฺนิหิตภาวโต. ยทิ ปน ตสฺส อิจฺฉาวเสน ตสฺส อุปฺปตฺตึ ปริกปฺเปยฺยุํ, ตาสฺจ อิจฺฉานํ เอกชฺฌํ อุปฺปตฺติยํ โก วิพนฺโธ. อถ อฺมฺปิ กิฺจิ กมฺมกิเลสินฺทฺริยารมฺมณาทิอเปกฺขิตพฺพํ อตฺถีติ เจ? ตเทว เหตุ การณํ, กิมฺเน อทิฏฺสามตฺถิเยน ปริกปฺปิเตน ปโยชนํ? ทิฏฺฺหิ กมฺมาทีนํ สามตฺถิยํ ตทฺปจฺจยสนฺนิธาเนปิ ตทภาเว อภาวโต. ยถา หิ รูปาโลกมนสิการสนฺนิธาเนปิ จกฺขุโน อภาเว จกฺขุวิฺาณสฺส อภาวํ, ภาเว จ ภาวํ ทิสฺวา จกฺขุโน จกฺขุวิฺาณุปฺปาทนสมตฺถตา อตฺถีติ วิฺายติ. ยถา จ ยฺวายํ ยมกานมฺปิ สมานานํ ชนกชนนีสุกฺกโสณิตาทิพาหิรปจฺจยสมภาเวปิ สตฺตานํ หีนปณีตตาทิวิเสโส ทิสฺสติ, โส จ สสนฺตาเน ตาทิสสฺส อฺสฺส เหตุโน อภาวา กมฺมกิเลสเหตุโกติ ตสฺส ตตฺถ สมตฺถตา อตฺถีติ วิฺายติ, น เอวมิสฺสราทิกสฺส. การณสฺส หิ ภาวาภาเว ผลสฺส ภาวาภาเวหิ การณสฺส สมตฺถตา วิฺาเยยฺย. น จ สนฺนิหิเต ตทการณสฺส นามรูปสฺส อิสฺสราทิเวกลฺเลน กตฺถจิ อนุปฺปตฺติ ทิฏฺา, ตสฺมา อการณมิสฺสโร.

อถาปิ สคฺโค เอวํ อิสฺสราทิเหตุโก วุจฺเจยฺย, โสปิ สคฺคปฺปกาโร สพฺพกาลํ ตโต นิพฺพตฺเตยฺย. น หิ สนฺนิหิตการณสฺส ผลสฺส อนุปฺปตฺติ ยุตฺตา. นิจฺเจ จ สติ อฺนิรเปกฺขการเณ สคฺคสฺส อาทิเยว น ยุตฺโต, ยาว อิสฺสราทิกํ การณํ, ตาว สพฺพสฺส อตฺถิภาวปฺปสงฺคโต. อถาปิ วเทยฺย ‘‘อฺเปิ ยถารหํ ปจฺจยา โหนฺติเยว, อิสฺสราทิกมฺปิ เตสํ สหการีการณํ โหตี’’ติ. ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ยทิ ปโร วเทยฺย ‘‘อิธ พุทฺธิปุพฺโพ ภาวานํ รจนาวิเสโส ทิฏฺโ, ยถา ตํ ฆฏเคหาทีนํ. อตฺถิ จ อชฺฌตฺติกพาหิรานํ สรีรปทุมาทีนํ รจนาวิเสโส, ตสฺมา เตนาปิ พุทฺธิปุพฺเพน ภวิตพฺพํ. ยสฺส จ โส พุทฺธิปุพฺโพ, โส อิสฺสราทิโก, ตสฺมา เตน นามรูปสฺิตสฺส โลกสฺส การเณน ภวิตพฺพ’’นฺติ. ตยิทํ อสิทฺธํ, รจิตา สรีรปทุมาทโยติ ตตฺเถว อุปฺปนฺนตฺตา. อุปฺปนฺนสฺส หิ สนฺนิเวสวเสน ตถา ตถา ปฏฺปนํ ‘‘รจนา’’ติ วุจฺจติ. อเนกนฺติโก จายํ อพุทฺธิปุพฺพสฺสาปิ ทิฏฺตฺตา. ทิฏฺโ หิ นฺหารุอาทีนํ อคฺคิสํโยเคน รจนาวิเสโส, ตถา วิสุสฺสนฺตานํ ปุพฺพจมฺมาทีนํ. ยทิ ปนายมิสฺสราทิโก ควสฺสชคทฺรภาทีนํ กรีสาวตฺเต ปฏิมหุตํ รเจยฺย, อุมฺมตฺโต วิย วิกฺขิตฺโต สิยา. กิฺจายํ โลกํ สชฺเชนฺโต อตฺตตฺถํ วา สชฺเชยฺย โลกตฺถํ วา.

ตตฺถ จ ยทิ ปุริโม มกฺโข กตกิจฺโจ น สิยา โลเกน สาเธตพฺพสฺส อตฺถิภาวโต. อถ ทุติโย, กสฺมา โลกสฺส อหิตทุกฺขาวหํ ปาปํ นิรยาทึ, ชรามรณาทิฺจ สชติ? อถ ตทุภยํ อนามสิตฺวา กีฬตฺถํ สชติ. กีฬา จ นาม รติอตฺถา โหติ. วินา กีฬาย รตึ อชานนฺตานํ รติอตฺถฺจ กีฬมารภนฺโต รติยํ อิสฺสโร อนิสฺสโร สิยา. อถ ปโยชนนิรเปกฺโข, สพฺพกาลํ สเชยฺย, ตสฺส จายํ สชนสมตฺถตา อเหตุกา วา สิยา สเหตุกา วา. อเหตุกา เจ, สพฺเพสํ สิยา สเหตุกา วา. อเหตุกา เจ, สพฺเพสมฺปิ สิยา. อถ สเหตุกา, โส จสฺส เหตุ ปรโต วา สมฺภูโต สิยา อตฺตโต วา. ตตฺถ ปรโต เจ สมฺภูโต, ยทสฺส โส ลทฺโธ, ตสฺสายํ เวยฺยาวจฺจกรสทิโส สิยา. อถ อตฺตโต ตทุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ อยํ กีทิโส โลโก จาติ สพฺพมิทํ อาลุนวิสิณํ อากุลพฺยากุลํ โคยูเถน คตมคฺคสทิสเผณปิณฺฑสมํ อวิมทฺทกฺขมํ อสารํ. ติฏฺตุ ปสงฺโค, ยถาธิกตเมว วณฺณยิสฺสาม. ตสฺมาติ ยสฺมา อิทํ นามรูปํ น อเหตุกํ, นาปิ อิสฺสราทิวิสมเหตุกํ, ตสฺมา. เตติ เหตุปจฺจยา.

๖๗๙. โอฬาริกตฺตา, สุปากฏตฺตา จ รูปสฺส ปจฺจยปริคฺคโห สุกโรติ ‘‘อิมสฺส ตาว รูปกายสฺสา’’ติอาทินา ปมํ ตสฺส ปจฺจยปริคฺคหวิธึ อารภติ. ตตฺถ ยถา นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคโห อเหตุวิสมเหตุวาทนิวตฺติยา โหติ, เอวํ นิพฺพิทาวิราคาวหภาเวน ตตฺถ อภิรตินิวตฺติยาปิ อิจฺฉิตพฺโพติ ตํ คพฺภเสยฺยกวเสน ทสฺเสนฺโต นิพฺพตฺตฏฺานสฺส สุจิภาวปฏิเสธนมุเขน อสุจิภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘อยํ กาโย’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุปฺปลาทีนิ อสุจิฏฺาเน นิพฺพตฺตานิปิ สยํ สุจิสมฺมตาเนวาติ ตํทสฺสนตฺถํ อพฺภนฺตรคฺคหณํ. เตนาห ภควา –

‘‘ยถา สงฺการธานสฺมึ, อุชฺฌิตสฺมึ มหาปเถ;

ปทุมํ ตตฺถ ชาเยถ, สุจิคนฺธํ มโนรม’’นฺติ. (ธ. ป. ๕๘);

‘‘นิพฺพตฺตตี’’ติ อิทํ มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ รูปกายสฺส นิพฺพตฺตนสามฺโต คเหตฺวา วุตฺตํ, น ปมาภินิพฺพตฺติมตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา อาหารสฺส อุปตฺถมฺภกปจฺจยตาวจนํ, อุทรปฏลสฺส ปจฺฉโต กรณาทิวจนํ, ทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฏิกฺกูลตาวจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ. เอวมวฏฺิเต ยเทกจฺเจหิ ปิฏฺิโต, ปุรโต จ กรณํ กึ สิยา ปฏิสนฺธิกาเลติอาทิ วุตฺตํ, ตํ อปาหตํ โหติ. ‘‘นิพฺพตฺตกตฺตา’’ติ อิมินา พีชํ วิย องฺกุรสฺส อวิชฺชาทโย รูปกายสฺส อสาธารณการณตาย เหตูติ ทสฺเสติ. ‘‘อุปตฺถมฺภกตฺตา’’ติ อิมินา ปน องฺกุรสฺส ปถวีสลิลปาริสิอาทโย วิย อาหาโร สาธารณการณตาย ปจฺจโยติ ทสฺเสติ.

ปฺจ ธมฺมา เหตุปจฺจยาติ อวิชฺชาทโย ปฺจ ธมฺมา ยถารหํ เหตุ จ ปจฺจโย จาติ อตฺโถ. ภเวสุ วิชฺชมานโทสปฏิจฺฉาทนปตฺถนา ทฬฺหคฺคาหภาเวน สงฺขารภวานํ เหตุภูตา ชนกสหายตาย ภวนิกนฺติ ตํสหชาตอาสนฺนการณตฺตา อภิสงฺขาริกา, อปสฺสยภูตา จาติ ‘‘มาตา วิย ทารกสฺส อุปนิสฺสยา’’ติ วุตฺตา. ยถา ปิตุ ชนิตสุกฺเก ปุตฺตสฺส อุปฺปตฺตีติ ปิตา ชนโก, เอวํ กมฺมํ สตฺตสฺส อุปฺปาทกตฺตา ชนกํ วุตฺตํ. ยถา ธาติ ชาตสฺส ทารกสฺส โปสนวเสน สนฺธาริกา, เอวํ อาหาโร อุปฺปนฺนสฺส กายสฺสาติ สนฺธารโก วุตฺโต.

กามฺเจตฺถ อวิชฺชาทโย นามกายสฺสาปิ ปจฺจโย, ปการนฺตเรน ปน ตสฺส ปากฏํ ปจฺจยปริคฺคหวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จกฺขุฺจาติ -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. เตน จกฺขุวิฺาณสฺส อาวชฺชนาทิอชฺฌตฺตํ สพฺพํ ปจฺจยชาตํ สงฺคณฺหาติ. รูเป จาติ ปน -สทฺเทน ยถา พหุลํ พาหิรรูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจโย, เอวํ อฺมฺปิ พาหิรํ ปจฺจยชาตํ สงฺคณฺหาติ. ปฏิจฺจาติ ปจฺจยภูตํ ลทฺธาติ อตฺโถ. เตน จกฺขุสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน, รูปสฺส อารมฺมณปุเรชาตอตฺถิอวิคตวเสน, อิตเรสฺจ สงฺคหิตานํ อนนฺตราทิสหชาตาทิวเสน ปจฺจยภาวํ ทสฺเสติ. วจนเภเท ปน การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อาทิ-สทฺเทน จ ผสฺสาทีนํ วิย สหปจฺจเยหิ โสตวิฺาณาทีนํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ ‘‘ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติอาทิปาสฺส (ม. นิ. ๑.๒๐๔; ๓.๔๒๑, ๔๒๕-๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๕; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) วิย ‘‘โสตฺจ ปฏิจฺจา’’ติอาทิปาสฺส สงฺคหิตตฺตา. เอวํ สมฺมสนุปคํ สพฺพํ นามํ สหปจฺจเยน สงฺคหิตํ โหติ. เตนาห ‘‘นามกายสฺส ปจฺจยปริคฺคหํ กโรตี’’ติ.

ปวตฺตึ ทิสฺวาติ เอตรหิ ปวตฺตึ ทิสฺวา. เอวนฺติ อิมินา น เกวลํ สปฺปจฺจยตามตฺตเมว ปจฺจามฏฺํ, อถ โข ยาทิเสหิ ปจฺจเยหิ เอตรหิ ปวตฺตติ, ตาทิเสหิ อวิชฺชาทิปจฺจเยเหว อตีเตปิ ปวตฺติตฺถาติ ปจฺจยสทิสตาปิ ปจฺจามฏฺาติ ทฏฺพฺพํ.

๖๘๐. ปุพฺพนฺตนฺติ อตีตํ ขนฺธปฺปพนฺธโกฏฺาสํ. อารพฺภาติ อุทฺทิสฺส. อโหสึ นุ โข, น นุ โข อโหสินฺติ สสฺสตาการํ, อธิจฺจสมุปฺปตฺติอาการฺจ นิสฺสาย อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ, อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. กึ นุ โข อโหสินฺติ ชาติลิงฺคูปปตฺติโย นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย นุ โข อโหสึ, พฺราหฺมณาทีสุ คหฏฺาทีสุ เทวาทีสุ อฺตโร นุ โข’’ติ กงฺขติ. กถํ นุ โขติ สณฺานาการํ นิสฺสาย ‘‘ทีโฆ นุ โข อโหสึ, รสฺสโอทาตกาฬปมาณิกอปฺปมาณิกาทีนมฺปิ อฺตโร’’ติ กงฺขติ. อิสฺสรนิมฺมานาทึ นิสฺสาย ‘‘เกน นุ โข ปกาเรน อโหสิ’’นฺติ นิพฺพตฺตาการโต กงฺขตีติ จ วทนฺติ. กึ หุตฺวา กึ อโหสินฺติ ชาติอาทึ นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย หุตฺวา นุ โข พฺราหฺมโณ อโหสึ…เป… เทโว หุตฺวา นุ โข มนุสฺโส อโหสิ’’นฺติ อตฺตโน อปราปรุปฺปตฺตึ กงฺขติ. สพฺพตฺเถว จ อทฺธานนฺติ กาลาธิวจนํ. ภวิสฺสามิ นุ โขติ สสฺสตาการํ, อุจฺเฉทาการฺจ นิสฺสาย อนาคเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ, อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว. เอตรหิ วา ปน ปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธานนฺติ อิทานิ วา ปฏิสนฺธิมาทึ กตฺวา จุติปริยนฺตํ สพฺพมฺปิ วตฺตมานกาลํ. อชฺฌตฺตํ กถํกถี โหตีติ อตฺตโน ขนฺเธสุ วิจิกิจฺฉา โหติ. อหํ นุ โขสฺมีติ อตฺตโน อตฺถิภาวํ กงฺขติ. อยุตฺตํ ปเนตนฺติ. ยุตฺตํ อยุตฺตนฺติ กา เอตฺถ จินฺตา. อุมฺมตฺตโก วิย หิ พาลปุถุชฺชโน. โน นุ โขสฺมีติ อตฺตโน นตฺถิภาวํ กงฺขติ. กึ นุ โขสฺมีติ ขตฺติโยว สมาโน อตฺตโน ขตฺติยภาวํ กงฺขติ. เอส นโย เสเสสุ. กถํ นุ โขสฺมินฺติ วุตฺตนยเมว. เกวลฺเหตฺถ ‘‘อพฺภนฺตเร ชีโว นาม อตฺถี’’ติ คเหตฺวา ตสฺส ทีฆาทิภาวํ กงฺขนฺโต ‘‘กถํ นุ โขสฺมิ’’นฺติ กงฺขตีติ เวทิตพฺโพ. ปจฺจุปฺปนฺนํ ปน อตฺตโน สรีรสณฺานํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ. กุโต อาคโต, โส กุหึ คามี ภวิสฺสตีติ อตฺตภาวสฺส อาคติคติฏฺานํ กงฺขติ. สา สพฺพาปิ ปหียตีติ สา ยถาวุตฺตา โสฬสวิธาปิ วิจิกิจฺฉา วิกฺขมฺภนวเสน ปหียติ.

๖๘๑. กุสลาทิเภทโต สพฺพปฺปการสฺสาปิ นามสฺส สาธารโณ ปจฺจโยติ, ตโต ปวตฺติโต มนสิการาทิโก กุสลาทิเภทโต สพฺพปฺปการสฺสาปิ นามสฺส อสาธารโณ ปจฺจโยติ จ โยเชตพฺพํ. กุสลาทิเภทโตติ กุสลากุสลวิปากกิริยเภทโต. ตสฺสาปิ โสมนสฺสสหคตาทิอฺตรเภทวเสน สพฺพปฺปการสฺสาปิ. ยํ เอกนฺตโต ฉทฺวาริกํ, ตมฺปิ ฉทฺวารคฺคหเณเนว คหิตํ ยถา ฉฏฺารมฺมณํ ฉฬารมฺมณคฺคหเณนาติปิ วุตฺตํ ‘‘สพฺพปฺปการสฺสาปี’’ติ. ตโตติ จกฺขุรูปาทิโต. มนสิการาทิโกติ โยนิโสมนสิการอโยนิโสมนสิการาทิโก , กมฺมภวงฺคาทิโก จ. กามฺเจตฺถ ทฺวารจฺฉกฺกโยนิโสมนสิการาทิวเสน นามสฺเสว สาธารโณ, อสาธารโณ จ ปจฺจโย วุตฺโต, ตํ ปน อวิเสสวเสน วุตฺตํ. วิเสสโต ปน กมฺมํ วิปากนามสฺส, กมฺมสมุฏฺานรูปานฺจ จิตฺตํ เจตสิกนามสฺส, จิตฺตสมุฏฺานรูปานฺจ สาธารโณ ปจฺจโย, ยถาวุตฺตสฺเสว จ นามสฺส, รูปสฺส จ ตทฺนามรูปาเปกฺขาย อสาธารโณ ปจฺจโย. ตถา สภาโค, อุตุสภาโค จ อาหาโร ตํสมุฏฺานรูปานํ สาธารโณ ปจฺจโย, ตทฺาเปกฺขาย อสาธารโณติ รูปสฺสาปิ สาธารโณ, อสาธารโณ จ ปจฺจโย ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺโพ. ปจฺจยปริคฺคโห นาม อนธิคตารหตฺเตน กาตพฺโพติ ตทเปกฺขาย ‘‘โยนิโสมนสิการสทฺธมฺมสฺสวนาทิโก กุสลสฺเสวา’’ติ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน สปฺปุริสูปนิสฺสยสฺส, จตุนฺนมฺปิ วา สมฺปตฺติจกฺกานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. วิปรีโต อกุสลสฺสาติ วจนโต ยถา โยนิโสมนสิการาทิวิปรีโต อกุสลสฺเสว ปจฺจโย, ตถา โยนิโสมนสิการาทิ กุสลสฺเสว ปจฺจโย โหตีติ อตฺโถ. ยสฺส วา กุสลํ สมฺภวติ, อกุสลํ สมฺภวติ, กุสลากุสลานิ วา, ตสฺสาติ อตฺถสิทฺธเมตํ. กมฺมาทิโกติ อาทิ-สทฺเทน อวิชฺชาทโย วิย คติกาลาทโยปิ สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา. ภวงฺคาทิโกติ ภวงฺคสนฺตีรณปริตฺตกิริยารหตฺตาทิโก. ตตฺถ ภวงฺคํ ปฺจทฺวารมโนทฺวาราวชฺชนกิริยานํ, สนฺตีรณํ โวฏฺพฺพนสฺส, ปริตฺตกิริยา ยถารหํ ปริตฺตมหคฺคตกิริยานํ, อรหตฺตํ อาวชฺชนวชฺชานํ สพฺพกิริยานํ ปจฺจโยติ เวทิตพฺพํ.

กมฺมนฺติ เจตนาว อธิปฺเปตา, สา จ โข กุสลากุสลา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กุสลากุสลเจตนา วิปากานํ ขนฺธานํ, กฏตฺตา จ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๗). น จิตฺตํ วิย สสมฺปยุตฺตา. จิตฺตฺเหตฺถ สสมฺปยุตฺตํ อธิปฺเปตํ ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ, ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๑.๑.๑). ตตฺถาติ เตสุ กมฺมาทีสุ รูปชนกปจฺจเยสุ. อตีตโต เอว กมฺมโต ผลํ อุปฺปชฺชติ, น วตฺตมานโตติ วุตฺตํ ‘‘กมฺมํ อตีตเมว กมฺมสมุฏฺานสฺส รูปสฺส ปจฺจโย’’ติ. ยทิ หิ ปจฺจุปฺปนฺนโต กมฺมโต ผลํ อุปฺปชฺเชยฺย, อายูหนกฺขเณ เอว ผเลน อุปฺปชฺชิตพฺพํ ภเวยฺย, น จ ตํ ทิฏฺมิจฺฉิตํ วา. น หิ โลเก กุทาจนํ กริยมานเมว กมฺมํ ผลํ เทนฺตํ ทิฏฺํ, ตถารูโป วา อาคโม อตฺถีติ. นนุ จ อิทมปิ น ทิฏฺํ, ยํ วินฏฺโต เหตุโต ผลํ อุปฺปชฺชมานํ, มโต วา กุกฺกุโฏ วสฺสนฺโตติ? สจฺจมทิฏฺํ รูปธมฺมานํ ปพนฺธวิจฺเฉเท, อิทํ ปน อรูปํ ปพนฺโธปิ อตฺถีติ อุปมา น สํสนฺทติ. กมฺมโต หิ อตีตโต เอว กมฺมสฺส กตตฺตา, อุปจิตตฺตา จ ผลํ อุปฺปชฺชติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กามาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติอาทิ (ธ. ส. ๔๓๑). ยสฺมา อนนฺตราทิปจฺจยลาภโต อุปฺปาทกฺขเณ เอว จิตฺตสฺส พลวตา, ตสฺมา ตํ อุปฺปชฺชมานเมว รูปํ ชเนตีติ อาห ‘‘จิตฺตํ จิตฺตสมุฏฺานสฺส อุปฺปชฺชมาน’’นฺติ. รูปสฺส ปจฺจโย โหตีติ สมฺพนฺโธ. ยสฺมา ปน รูปสฺส ิติกฺขเณ พลวตา ปจฺฉาชาตาทิปจฺจยลาภโต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุตุอาหารา…เป… โหนฺตี’’ติ, พาหิรํ อุตุํ, อาหารฺจ ปจฺจยํ ลภิตฺวา อตฺตโน ิติกฺขเณ อุตุอาหารา รูปํ ชเนนฺตีติ อตฺโถ.

เอวนฺติ ‘‘สาธารณาสาธารณวเสนา’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน.

๖๘๒. สงฺขารานนฺติ สงฺขตสงฺขารานํ. ภงฺคนฺติ มรณํ. ชรามรณํ นาม ชาติยา สตีติอาทิ ผลทสฺสนานุปุพฺพิยา เหตุทสฺสนกฺกเมน นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคโห สุกโรติ กตฺวา ทสฺสิโต. ตตฺถ ภเว สตีติ กมฺมภเว สติ.

๖๘๓. ปุพฺเพ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสิตอนุโลมปฏิจฺจสมุปฺปาทวเสนาติ ปริโยสานโต ปฏฺาย ปฏิโลมนเยน อาทิปาปนวเสน วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสิตอนุโลมปฏิจฺจสมุปฺปาทวเสน. ‘‘อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๔) หิ ปฏิโลมวเสน ทสฺสิเต ปจฺจยากาเร ‘‘ยสฺส อภาวา ยสฺส อภาโว, โส ตสฺส ปจฺจโย’’ติ พฺยติเรกโต, อนฺวยโต จ นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคโห สุกโรติ.

๖๘๔. ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโหติอาทิ วุตฺตตฺถเมว. กมฺมสหายตฺตา กิเลสวฏฺฏํ กมฺมวฏฺเฏ ปกฺขิตฺวา วุตฺตํ ‘‘กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสนา’’ติ.

๖๘๕. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต ปจฺจุปฺปนฺโน อตฺตภาโว, ตตฺถ เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ. ปจฺจุปฺปนฺนภวโต อนนฺตรํ เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ อุปปชฺชเวทนียํ. อปราปริยาเยติ ทิฏฺธมฺมานนฺตรานาคตโต อฺสฺมึ อตฺตภาวปริยาเย อตฺตภาวปริวตฺเต. อโหสิกมฺมนฺติ อโหสิ เอว กมฺมํ, น ตสฺส วิปาโก อโหสิ, ‘‘อตฺถิ, ภวิสฺสติ วา’’ติ เอวํ วตฺตพฺพกมฺมํ. ปฏิปกฺเขหิ อนภิภูตตาย, ปจฺจยวิเสเสน ปฏิลทฺธวิเสสตาย จ พลวภาวํ ปตฺตา ตาทิสสฺส ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส วเสน สาติสยา หุตฺวา ปวตฺตา ปมชวนเจตนา ตสฺมึเยว อตฺตภาเว ผลทายินี ทิฏฺธมฺมเวทนียา นาม. สา หิ วุตฺตากาเรน พลวติ ชวนสนฺตาเน คุณวิเสสยุตฺเตสุ อุปการาปการวสปฺปวตฺติยา, อาเสวนาลาเภน อปฺปวิปากตาย จ ปมชวนเจตนา อิตรทฺวยํ วิย ปวตฺตสนฺตานุปรมาเปกฺขํ, โอกาสลาภาเปกฺขฺจ กมฺมํ น โหตีติ อิเธว ปุปฺผมตฺตํ วิย ปวตฺติวิปากมตฺตํ ผลํ เทติ. ตถา อสกฺโกนฺตนฺติ กมฺมสฺส วิปากทานํ นาม อุปธิปโยคาทิปจฺจยนฺตรสมวาเยเนว โหตีติ ตทภาวโต ตสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตํ. อตฺถสาธิกาติ ทานาทิปาณาติปาตาทิอตฺถสฺส นิปฺผาทิกา. กา ปน สาติ อาห ‘‘สตฺตมชวนเจตนา’’ติ. สา หิ สนฺนิฏฺาปกเจตนา วุตฺตนเยน ปฏิลทฺธวิเสสา, ปุริมชวนเจตนาหิ ลทฺธาเสวนา จ สมานา อนนฺตรตฺตภาเว วิปากทายินี อุปปชฺชเวทนียกมฺมํ นาม. ‘‘สติ สํสารปฺปวตฺติยา’’ติ อิมินา อสติ สํสารปฺปวตฺติยํ อโหสิกมฺมปกฺเข ติฏฺติ วิปจฺจโนกาสสฺส อภาวโตติ ทีเปติ.

๖๘๖. ยํ ครุกนฺติ ยํ อกุสลํ มหาสาวชฺชํ, กุสลํ มหานุภาวํ กมฺมํ. ยํ พหุลนฺติ ยํ พหุลํ อภิณฺหโส กตํ สมาเสวิตํ. มรณกาเล อนุสฺสริตนฺติ ปริพฺยตฺตภาเวน มรณสฺส อาสนฺนกาเล อนุสฺสริตํ. อาสนฺนกาเล กเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ หิ วุตฺตํ. ‘‘ปุนปฺปุนํ ลทฺธาเสวน’’นฺติ อิมินา ‘‘ยํ พหุล’’นฺติ วุตฺตกมฺมโต วิเสเสติ. ตถา ทิฏฺธมฺมเวทนียํ นิวตฺเตติ ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนานุชานนโต. ปฏิสนฺธิชนกวเสน หิ ครุกาทิกมฺมจตุกฺกํ วุตฺตํ.

ตตฺถ ครุกํ สพฺพปมํ วิปจฺจติ. ตถา หิ ตํ ครุกนฺติ วุตฺตํ. ครุเก อสติ พหุลีกตํ, ตสฺมึ อสติ อาสนฺนํ, ตสฺมิมฺปิ อสติ ‘‘กฏตฺตา วา ปนา’’ติ วุตฺตํ ปุริมชาตีสุ กตกมฺมํ วิปจฺจติ. พหุลาสนฺนปุพฺพกเตสุ จ พลาพลํ วา ชานิตพฺพํ, ปาปโต ปาปนฺตรํ, กลฺยาณฺจ, กลฺยาณโต จ กลฺยาณนฺตรํ, ปาปฺจ, พหุลีกตโต จ มหโต จ ปุพฺพกตาทิ, อปฺปฺจ. พหุลานุสฺสรเณน วิปฺปฏิสาราทิชนนโต ปฏิปกฺขสฺส อปริปุณฺณตาย อารทฺธวิปากสฺส กมฺมสฺส, กมฺมเสสสฺส วา อปราปริยาเย เวทนียสฺส อปริกฺขีณตาย สนฺตติยา ปริณามวิเสสโตติ เตหิ เตหิ การเณหิ อาหิตพลํ ปมํ วิปจฺจติ. มหานารทกสฺสปชาตเก วิเทหรฺโ เสนาปติ อลาโต, พีชโก ทาโส, ราชกฺา รุจา จ เอตฺถ นิทสฺสนํ. ตถา หิ วุตฺตํ ภควตา –

‘‘ตตฺรานนฺท , ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตี…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ , มรณกาเล วาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ สมตฺตา สมาทินฺนา, เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. ยฺจ โข โส อิธ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ, ตสฺส ทิฏฺเ วา ธมฺเม วิปากํ ปฏิสํเวเทติ อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย.

‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตี…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ กลฺยาณกมฺมํ สุขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ กลฺยาณกมฺมํ สุขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ สมฺมาทิฏฺิ สมตฺตา สมาทินฺนา, เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. ยฺจ โข โส อิธ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ, ตสฺส ทิฏฺเ วา ธมฺเม วิปากํ ปฏิสํเวเทติ อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย.

‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต…เป… สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ กลฺยาณกมฺมํ สุขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ กลฺยาณกมฺมํ สุขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ สมฺมาทิฏฺิ สมตฺตา สมาทินฺนา, เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. ยฺจ โข โส อิธ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, ตสฺส ทิฏฺเ วา ธมฺเม วิปากํ ปฏิสํเวเทติ อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย.

‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต…เป… สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ…เป… นิรยํ อุปปชฺชติ. ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ สมตฺตา สมาทินฺนา, เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ …เป… นิรยํ อุปปชฺชติ. ยฺจ โข โส อิธ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, ตสฺส ทิฏฺเ วา ธมฺเม วิปากํ ปฏิสํเวเทติ อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๐๓).

กึ พหุนา ยํ ตํ ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภงฺคาณํ, ตสฺเสวายํ วิสโย, ยทิทํ ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส เตน เตน การเณน ปุพฺพาปรวิปากตา สามตฺถิยํ.

๖๘๗. ปฏิสนฺธิทานาทิวเสน วิปากสนฺตานสฺส นิพฺพตฺตกํ ชนกํ. เตนาห ‘‘ตํ ปฏิสนฺธิยมฺปิ ปวตฺเตปิ รูปารูปวิปากกฺขนฺเธ ชเนตี’’ติ. สุขทุกฺขสนฺตานสฺส, นามรูปปฺปพนฺธสฺส วา จิรตรปฺปวตฺติเหตุภูตํ อุปตฺถมฺภกํ. เตนาห ‘‘สุขทุกฺขํ อุปตฺถมฺเภติ, อทฺธานํ ปวตฺเตตี’’ติ. อุปปีฬกํ สุขทุกฺขปฺปพนฺเธ ปวตฺตมาเน สณิกํ สณิกํ ตํ หาเปติ. เตนาห ‘‘สุขทุกฺขํ ปีเฬติ พาธติ, อทฺธานํ ปวตฺติตุํ น เทตี’’ติ. ฆาเตตฺวาติ อุปจฺฉินฺทิตฺวา. กมฺมสฺส อุปจฺฉินฺทนํ นาม ตสฺส วิปากปฏิพาหนเมวาติ อาห ‘‘ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา’’ติ. ตฺจ อตฺตโน วิปากุปฺปตฺติยา โอกาสกรณนฺติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรตี’’ติ. วิปจฺจนาย กโตกาสํ กมฺมํ วิปกฺกเมว นาม โหตีติ อาห ‘‘เอวํ ปน กมฺเมน กเต โอกาเส ตํ วิปากํ อุปฺปนฺนํ นาม วุจฺจตี’’ติ. อุปปีฬกํ อฺสฺส วิปากํ อุปจฺฉินฺทติ, น สยํ อตฺตโน วิปากํ เทติ. อุปฆาตกํ ปน ทุพฺพลํ กมฺมํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อตฺตโน วิปากํ อุปฺปาเทตีติ อยเมเตสํ วิเสโส. พวฺหาพาธตาทิปจฺจยูปนิปาเตน วิปากสฺส วิพาธกํ อุปปีฬกํ, ตถา วิปากสฺเสว อุปจฺเฉทกํ อุปฆาตกํ. กมฺมํ อุปฆาเตตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสกรเณน วิปจฺจเน สติ ชนกเมว สิยา, ชนกาทิภาโว นาม วิปากํ ปติ อิจฺฉิตพฺโพ, น กมฺมํ ปตีติ วิปากสฺเสว อุปฆาตกตา ยุตฺตา วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตพฺพํ.

กมฺมนฺตรนฺติ กมฺมวิเสโส กมฺมานํ พลาพลเภโท. วิปากนฺตรนฺติ วิปากวิเสโส, ตสฺส หีนปณีตตาทิเภโท. อปโร นโย – ยสฺมึ กมฺเม กเต ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺเต จ วิปากกฏตฺตารูปานํ อุปฺปตฺติ โหติ, ตํ ชนกํ. ยสฺมึ ปน กเต อฺเน ชนิตสฺส อิฏฺสฺส วา อนิฏฺสฺส วา ผลสฺส วิพาธกวิจฺเฉทกปจฺจยานุปฺปตฺติยา, อุปพฺรูหนปจฺจยุปฺปตฺติยา จ ชนกานุภาวานุรูปํ ปริโปสจิรตรปฺปพนฺธา โหนฺติ, ตํ อุปตฺถมฺภกํ. ชนเกน นิพฺพตฺติตํ กุสลผลํ วา อกุสลผลํ วา เยน ปจฺจนีกภูเตน โรคธาตุสมตาทินิมิตฺตตาย พาธียติ, ตํ อุปปีฬกํ. เยน ปน กมฺมุนา ชนกสามตฺถิยวเสน จิรตรปฺปพนฺธารหมฺปิ สมานํ ผลํ วิจฺเฉทกปจฺจยุปฺปตฺติยา อุปหฺติ วิจฺฉิชฺชติ, ตํ อุปฆาตกํ. ตตฺถ เกจิ ทุติยสฺส กุสลภาวํ อิตฺถนฺนามคตสฺส อปฺปาพาธทีฆายุกตาสํวตฺตนวเสน, ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนํ อกุสลภาวํ พวฺหาพาธอปฺปายุกตาสํวตฺตนวเสน วณฺเณนฺติ. เทวทตฺตาทีนํ, ปน นาคาทีนํ, อิโต อนุปทินฺเนน ยาปนกเปตานฺจ นรกาทีสุ อกุสลวิปากุปตฺถมฺภนุปปีฬนุปฆาตกานิ น น สนฺตีติ จตุนฺนมฺปิ อกุสลากุสลภาโว น วิรุชฺฌติ. พุทฺธาเวณิกตาย อสาธารณสฺเสว าณสฺส โคจรภาวโต กมฺมนฺตราทิ ‘‘อสาธารณํ สาวเกหี’’ติ วุตฺตํ. เอกเทสโต ชานิตพฺพํ อนวเสสโต ชานิตุํ น สกฺกา อวิสยตฺตา. สพฺเพน สพฺพํ อชานเน ปจฺจยปริคฺคโห น ปริปูรตีติ.

๖๘๘. ยถาวุตฺตํ กมฺมํ วตฺตมานวิปากปฺปพนฺธนิมิตฺตเมว อธิปฺเปตนฺติ กมฺเมกเทสตาย ‘‘ทฺวาทสวิธํ กมฺมํ กมฺมวฏฺเฏ ปกฺขิปิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. กิเลสวฏฺฏมฺปิ กมฺมสหายตาย กมฺมวฏฺฏปกฺขิกเมว กตฺวา อาห ‘‘กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสนา’’ติ. ยาทิสโต ปจฺจยโต ปจฺจุปฺปนฺเน อทฺธาเน นามรูปสฺส ปวตฺติ, ตาทิสโต เอว อิตรสฺมิมฺปิ อทฺธทฺวเยติ ยถา อตีตานาคเต นยํ เนติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิท’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อนาคเตปิ กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสเนวาติ เอตฺถ วุตฺตํ เอว-สทฺทํ ‘‘เอตรหิ อตีเตปี’’ติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา วตฺตพฺพํ อทฺธตฺตเยปิ กิริยากิริยผลมตฺตตาทสฺสนปรตฺตา โจทนาย. อิติ กมฺมฺเจวาติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนวเสน วุตฺตํ. อปราปรํ วฏฺฏนฏฺเน วฏฺฏํ. ตถา ปวตฺตนํ ปวตฺตํ. เหตุผลภาเวน สมฺพนฺธตีติ สนฺตติ, ปพนฺโธ. กรณฏฺเน, ปจฺจเยหิ กรียตีติ วา กิริยา.

กมฺมาติ กมฺมโต. สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโว, กมฺมํ สมฺภโว เอตสฺสาติ กมฺมสมฺภโว, วิปาโก.

การณสามคฺคิยํ ทานาทีหิ สาธิตกิริยาย วตฺตมานาย การณมตฺเต กตฺตุโวหาโรติ อาห ‘‘เนว การณโต อุทฺธํ การกํ ปสฺสตี’’ติ. กโรตีติ หิ การกํ. วิปากปฏิสํเวทกํ น ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ . กามํ พาลาปิ ‘‘การโก ปฏิสํเวทโก’’ติ วทนฺตา อตฺถโต ปฺตฺติมตฺตเมว วทนฺติ, เต ปน วิปรีตาภินิเวสวเสนาปิ วทนฺตีติ ตํ อปฺปมาณนฺติ อาห ‘‘สมฺามตฺเตน ปณฺฑิตา โวหรนฺตี’’ติ.

๖๘๙. เอเวตนฺติ เอวํวิธํ เอตํ ทสฺสนํ, สมฺมทสฺสนํ, อวิปรีตทสฺสนนฺติ อตฺโถ. พีชรุกฺขาทิกานํวาติ ยถา พีชโต รุกฺโข, รุกฺขโต ปุน พีชนฺติ อนาทิกาลิกตฺตา พีชรุกฺขสนฺตานสฺส ปุพฺพโกฏิ นตฺถิ, เอวํ กมฺมปจฺจยา วิปาโก, วิปากปจฺจยา กมฺมนฺติ อนาทิกาลิกตฺตา กมฺมวิปากสนฺตานสฺส ปุพฺพโกฏิ น ปฺายติ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘กุกฺกุฏิยา อณฺฑํ, อณฺฑโต กุกฺกุฏี, ปุนปิ กุกฺกุฏิยา อณฺฑ’’นฺติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ. อนาคเตปิ สํสาเรติ ยถา อตีเต, เอวํ อนาคเตปิ อทฺธาเน ‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕ อปสาทนาวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๙; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; วิภ. อฏฺ. ๒๒๖ สงฺขารปทนิทฺเทส; สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๕๒๓; อุทา. อฏฺ. ๓๙; อิติวุ. อฏฺ. ๑๔, ๕๘; เถรคา. อฏฺ. ๑.๖๗, ๙๙; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๑๗; จูฬนิ. อฏฺ. ๖; พุ. วํ. อฏฺ. ๒.๕๘) วุตฺเต สํสาเร สติ กมฺมวิปากานํ อปฺปวตฺตํ น ทิสฺสติ, กมฺมวิปากานํ อปฺปวตฺติ น ทิสฺสติ, ปวตฺตติ เอวาติ อตฺโถ.

เอตมตฺถนฺติ ‘‘กมฺมสฺส การโก นตฺถี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๖๘๙) วุตฺตมตฺถํ. อสยํวสีติ น สยํวสิโน, มิจฺฉาภินิเวสปรวสาติ อตฺโถ. อฺมฺวิโรธิตาติ อิตรีตรวิโรธิตา, ทิฏฺิโย, ทิฏฺิยา วา อฺมฺเน วิโรธิตา วิรุทฺธา.

คมฺภีราณโคจรตาย คมฺภีรํ. ตถา นิปุณํ. สตฺตสุฺตาย, อฺมฺสภาวสุฺตาย จ สุฺํ. ปจฺจยนฺติ นามรูปสฺส ปจฺจยํ, ตปฺปจฺจยปฏิเวเธเนว จ สพฺพํ ปฏิวิทฺธํ โหตีติ. กมฺมํ นตฺถิ วิปากมฺหีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

ปจฺจยสุฺํ ผลนฺติ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา น สูริเย’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตสนฺติ สูริยาทีนํ. โสติ อคฺคิ. สมฺภาเรหีติ อาตปาทีหิ การเณหิ.

ยทิ จ เหตุ จ ผลฺจ อฺมฺรหิตํ, กถํ เหตุโต ผลํ นิพฺพตฺตตีติ อาห ‘‘กมฺมฺจ โข อุปาทายา’’ติ. น เกวลํ กมฺมผลเมว สุฺํ กตฺตุรหิตํ, สพฺพมฺปิ ธมฺมชาตํ การกรหิตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘น เหตฺถ เทโว’’ติ คาถา วุตฺตา. เหตุสมฺภารปจฺจยาติ เหตุสมูหนิมิตฺตํ, เหตุปจฺจยนิมิตฺตํ วา.

๖๙๐. จุติปฏิสนฺธิวเสนวิทิตา โหนฺตีติ กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสน ปจฺจยปริคฺคหสฺส กตตฺตา จุติปฏิสนฺธิวเสน วิทิตา โหนฺตีติ วทนฺติ. วุตฺตนเยน ปน สปฺปจฺจยนามรูปสฺส ทสฺสเนน ตีสุ อทฺธาสุ ปหีนวิจิกิจฺฉสฺส อทฺธตฺตยปริยาปนฺนา ธมฺมา อตีตปจฺจุปฺปนฺนานาคตภเวสุ จ จุติปฏิสนฺธิวเสน วิทิตา โหนฺติ, น อนุปทธมฺมวเสน ตถาปริคฺคหสฺส อกตตฺตา. สาสฺส โหติ าตปริฺาติ ยาย นามรูปปริคฺคหํ, ตสฺส จ ปจฺจยปริคฺคหํ กโรติ, สา อสฺส โยคิโน ‘‘อิทํ นามํ, เอตฺตกํ นาม’’นฺติอาทินา, ‘‘ตสฺส อยํ ปจฺจโย, เอตฺตโก ปจฺจโย’’ติอาทินา จ ปริจฺเฉทวเสน าตวตี ปฺาติ กตฺวา าตปริฺา.

อิทานิ เยน การเณน อทฺธตฺตยปริยาปนฺนา ธมฺมา จุติปฏิสนฺธิวเสน วิทิตา โหนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส เอวํ ปชานาตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน ธมฺมานํ ภวนฺตรสงฺกโม นาม น กทาจิปิ อตฺถิ, ตตฺถ ตตฺเถว นิรุชฺฌนโตติ ทสฺเสติ. สชฺฌาย มนฺโตทกปาน มุขมณฺฑน ปทีปสีขูปมาหิ ตเมว ธมฺมานํ สงฺกมาภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘อปิจ โข’’ติอาทิมาห.

มโนธาตุอนนฺตรนฺติ กิริยมโนธาตุยา อนนฺตรํ ลพฺภมานํ จกฺขุวิฺาณํ. น เจว อาคตนฺติ กิริยมโนธาตุโต น เจว อาคตํ กิริยมโนธาตุยํ จกฺขุวิฺาณสฺส อภาวโต. นาปิ น นิพฺพตฺตํ อนนฺตรนฺติ กิริยมโนธาตุโต อนาคจฺฉนฺตมฺปิ ปจฺจยสามคฺคิลาเภน ตโต อนนฺตรํ นาปิ น นิพฺพตฺตํ, นิพฺพตฺตเมว โหติ. ยถายํ ปวตฺติยํ จิตฺตปฺปวตฺติ, ตเถว ปฏิสนฺธิมฺหิ วตฺตเต จิตฺตสนฺตติ, จุติจิตฺตโต อนาคจฺฉนฺตมฺปิ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ ตโต อนนฺตรํ นาปิ น นิพฺพตฺตติ, ปจฺจยสามคฺคิวเสน นิพฺพตฺตเตวาติ อตฺโถ. สนฺตติคหเณน เจตฺถ กุโตจิ อาคมาภาวเมว วิภาเวติ. เหตุผลภาเวน หิ สมฺพนฺธตาติ ธมฺมปฺปวตฺติ สนฺตตีติ. เตนาห ‘‘ปุริมํ ภิชฺชเต จิตฺต’’นฺติอาทิ. ปุริมนฺติ จุติจิตฺตํ. ภิชฺชเตติ นิรุชฺฌติ. ปจฺฉิมนฺติ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ. ตโตติ จุติจิตฺตโต อนนฺตรเมว ชายติ. ยตฺถ หิ จุติจิตฺตโต ทูเรปิ กาลนฺตเรปิ อุปฺปชฺชมานํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อนนฺตรเมว ชายตีติ วุจฺจติ. ตสฺมา เตสํ อนฺตริกา นตฺถิ เตสํ จุติปฏิสนฺธิจิตฺตานํ พฺยวธายกํ กิฺจิ นตฺถิ. วีจิ เตสํ น วิชฺชตีติ ตสฺเสว เววจนํ. อิโตติ จุติจิตฺตโต อนนฺตรํ น จ คจฺฉติ กิฺจิ จิตฺตํ. ตฺหิ สสมฺปยุตฺตธมฺมํ ตเถว นิรุชฺฌติ. ปฏิสนฺธิ จาติ ปฏิสนฺธิวิฺาณฺจ อฺเมว ยถาปจฺจยํ ชายติ นิพฺพตฺตตีติ ปุนปิ สงฺกมาภาวเมว วิภาเวนฺโต สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนํ นิคเมติ.

๖๙๑. นามรูปคฺคหเณน , ตสฺส จ ปจฺจยธมฺมคฺคหเณน อคฺคหิตสฺส เตภูมกธมฺมสฺส อภาวโต ‘‘วิทิตสพฺพธมฺมสฺสา’’ติ วุตฺตํ. น เจตฺถ โลกุตฺตรธมฺมา อธิคตา. ถามคตํ โหติ อเนกาการโวการปจฺจยปริคฺคหวิธิโน อนุฏฺิตตฺตา. สุฏฺุตรํ ปหียติ ติยทฺธคตธมฺมปฺปวตฺติยา วิคตสมฺโมหตฺตา. สา เอวาติ โสฬสวิธา กงฺขา เอว. ยสฺมา เอตฺถ ‘‘พุทฺโธ, ธมฺโม, สงฺโฆ, สิกฺขา’’ติ จ กงฺขาย โคจรภูตา โลกิยา ธมฺมา อธิปฺเปตา. น หิ โลกุตฺตรธมฺเม อารพฺภ กิเลสา ปวตฺติตุํ สกฺโกนฺติ. ปุพฺพนฺโตติ อตีตา ขนฺธายตนธาตุโย. อปรนฺโตติ อนาคตา. ปุพฺพนฺตาปรนฺโตติ ตทุภยํ, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วา ตทุภยภาคยุตฺตตฺตา. เอวํ พุทฺธาทิคฺคหเณน, ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมคฺคหเณน จ คหิโต อฏฺโม กงฺขาวิสโย นามรูปมตฺตํ, อิทปฺปจฺจยตาคฺคหเณน ปน ตสฺส ปจฺจโย คหิโต, ตสฺมา โสฬสวตฺถุกาย กงฺขาย ปหีนาย อฏฺวตฺถุกา กงฺขา อปฺปติฏฺาว โหตีติ อาห ‘‘น เกวลฺจ…เป… ปหียติเยวา’’ติ.

ทิฏฺเกฏฺตฺตา วิจิกิจฺฉาย ยถา ทิฏฺิ สมุจฺฉิชฺชมานา วิจิกิจฺฉาย สทฺธึเยว สมุจฺฉิชฺชติ, เอวํ วิจิกิจฺฉา วิกฺขมฺภิยมานา ทิฏฺิยา สทฺธึเยว วิกฺขมฺภียตีติ อาห ‘‘ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ วิกฺขมฺภนฺตี’’ติ. อตฺตาภินิเวสูปนิสฺสยา หิ ‘‘อโหสึ นุ โข อห’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) นยปฺปวตฺตา โสฬสวตฺถุกา กงฺขา, สา เอว จ ปุพฺพนฺตาทิวตฺถุกภาเวน วุตฺตา. อตฺตาภินิเวสวตฺถุกานิ จ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ, พุทฺธาทิวตฺถุกา จ กงฺขา ตเทกฏฺาติ. ธรียนฺติ อตฺตโน ปจฺจเยหีติ ธมฺมา, ติฏฺติ เอตฺถ ตทายตฺตวุตฺติตาย ผลนฺติ ิติ, ธมฺมานํ ิติ ธมฺมฏฺิติ, ปจฺจยธมฺโม. อถ วา ธมฺโมติ การณํ ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๑๘ อาทโย) วิย, ธมฺมสฺส ิติ สภาโว, ธมฺมโต จ อฺโ สภาโว นตฺถีติ ปจฺจยธมฺมานํ ปจฺจยภาโว ธมฺมฏฺิติ, ธมฺมฏฺิติยํ าณํ ธมฺมฏฺิติาณํ. สงฺขารานํ ยํ ยํ ภูตํ อนิจฺจตาทิ ยถาภูตํ, ตตฺถ าณนฺติ ยถาภูตาณํ. สมฺมา ปสฺสตีติ สมฺมาทสฺสนํ.

อวิชฺชา ปจฺจโยติ อวิชฺชา เหตุอาทิวเสน สงฺขารานํ ยถารหํ ปจฺจโย. ตโต เอว สงฺขารา ปจฺจยสมุปฺปนฺนา. อุโภเปเตติ ยสฺมา อวิชฺชาปิ อาสวาทิวเสน ปจฺจยสมฺภูตาว, ตสฺมา อวิชฺชา สงฺขาราติ อุภเยปิ เอเต ธมฺมา ปจฺจยสมุปฺปนฺนา. อิตีติ เอวํ. ปจฺจยปริคฺคเห ปฺาติ ปจฺจยานํ ปริจฺฉิชฺช คหณวเสน ปวตฺตา ปฺา. วุตฺตนเยน ธมฺมฏฺิติาณํ.

นิมิตฺตนฺติ สงฺขารนิมิตฺตํ, อตฺถโต ปฺจกฺขนฺธา. เต หิ ฆนสฺาปวตฺติยา วตฺถุภาวโต นิมิตฺตํ, สวิคฺคหภาเวน อุปฏฺานโต วา. ยสฺมา อนิจฺจตา นาม สงฺขารานํ อวิปรีตากาโร. ตตฺถ นิจฺจตาย เลสสฺสาปิ อภาวโต อนิจฺจโต ปสฺสนฺโต ยถาภูตํ ชานาติ. ตฺจ าณํ อวิปรีตคฺคหณตาย สมฺมาทสฺสนํ. ตํสมงฺคินา จ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ วิย อตีตานาคเตสุปิ นยํ เนนฺเตน เต สุปริวิทิตา โหนฺติ.

อนิจฺจตา จ นาม อุปฺปตฺติมโต, อุปฺปาโท จ ปจฺจยวเสนาติ อนิจฺจตา สิชฺฌมานา สงฺขารานํ สปฺปจฺจยตํ สาเธนฺตี ยถาวุตฺตกงฺขปฺปหานาย สํวตฺตตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนิจฺจโต…เป… ปหียตี’’ติ อาห. ตตฺถ ตทนฺวเยนาติ ปจฺจกฺขโต ทิฏฺสฺส อนุคมเนน. เอตฺถาติ ยถาทิฏฺเสุ ธมฺเมสุ. ทุกฺขโต มนสิ กโรนฺโตติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ปวตฺตนฺติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปฺปวตฺตํ. ตฺหิ กิเลสาภิสงฺขาเรหิ ปวตฺติตตฺตา สาติสยํ ทุกฺขภาเวน อุปฏฺาติ. ปวตฺตนฺติ านนิสชฺชาทิวเสน ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน จ สงฺขารปฺปวตฺตนฺติ อปเร. ‘‘นิมิตฺตํ, ปวตฺต’’นฺติ จ วุตฺเต อชฺฌตฺตพหิทฺธาสนฺตานสฺิเต สพฺพสฺมึ สปฺปจฺจเย นามรูเป ยาถาวโต ปวตฺตา เอกาว ปฺา ปริยายวเสน ‘‘ยถาภูตาณ’’นฺติปิ ‘‘สมฺมาทสฺสน’’นฺติปิ ตตฺถ กงฺขาวิกฺขมฺภเนน ‘‘กงฺขาวิตรณา’’ติปิ วุจฺจติ. ยถา ‘‘รุกฺโข ปาทโป ตรู’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยฺจ ยถาภูตาณ’’นฺติอาทิ.

ปรมตฺถโต สาสเน อสฺสาโส นาม อริยผลํ, ปติฏฺา นาม อริยมคฺโค, อยํ ปน อนธิคตมคฺคผโลปิ ตทธิคมุปายปฏิปตฺติยํ ิตตฺตา ลทฺธสฺสาโส วิย, ลทฺธปติฏฺโ วิย จ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ลทฺธสฺสาโส ลทฺธปติฏฺโ’’ติ. อปริหีนกงฺขาวิตรณวิสุทฺธิโก วิปสฺสโก โลกิยาหิ สีลสมาธิปฺาสมฺปทาหิ สมนฺนาคตตฺตา อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต สุคติปรายโณ จ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘นิยตคติโก’’ติ. ตโต เอว จูฬโสตาปนฺโน นาม โหติ. โสตาปนฺโน หิ ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโตติ.

อถ วา ลทฺธสฺสาโส ทิฏฺิวิสุทฺธิสมธิคเมน. นามรูปปริจฺเฉเทน หิ ขนฺธาทิเก สภาวสรสโต สลฺลกฺเขตฺวา สาสเน ธมฺมุปสํหิตปาโมชฺชปฺปฏิลาเภน ลทฺธสฺสาโส โหติ. ลทฺธปติฏฺโ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิสมธิคเมน. สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสเนน หิ ปริมทฺทิตทิฏฺิกณฺฏโก วินิทฺธตอเหตุวิสมเหตุวาโท ยถาสกํ ปจฺจเยเหว ธมฺมมตฺตํ ชานิตฺวา สาสเน ปติฏฺิตสทฺโธ ลทฺธปติฏฺโ นาม โหติ. นามรูปววตฺถาเนน ทุกฺขสจฺจํ, ธมฺมฏฺิติาเณน สมุทยสจฺจํ, ตสฺเสว อปรภาเคน อนิจฺจโต มนสิการาทิวิธินา มคฺคสจฺจฺจ อภิฺาย ปวตฺติยา ทุกฺขภาวํ ทิสฺวา อปฺปวตฺเต นิโรเธ เอกํเสเนว นินฺนชฺฌาสยตาย โลกิเยเนว าเณน จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อธิคตตฺตา อปาเยสุ อภพฺพุปฺปตฺติโก, โสตาปนฺนภูมิยํ ภพฺพุปฺปตฺติโก จ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘นิยตคติโก’’ติ. เตนาห ‘‘จูฬโสตาปนฺโน นาม โหตี’’ติ.

ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ มหานิสํสเมตํ ยถาภูตาณํ, ตสฺมา. สทาติ สพฺพกาลํ รตฺติฺเจว ทิวา จ. สพฺพโสติ นิพฺพตฺตกเหตุอาทิปริคฺคณฺหนวเสน สพฺพปฺปกาเรน.

กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ เอกูนวีสติมปริจฺเฉทวณฺณนา.