📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.
วิสุทฺธิมคฺค นิทานกถา
วิสุทฺธิมคฺโค ¶ นามายํ คนฺโถ ปิฏกตฺตยสารภูโต สกลโลเก ปฏิปตฺติทีปกคนฺถานํ อคฺโค โหติ เสฏฺโ ปมุโข ปาโมกฺโข อุตฺตโม ปวโร จาติ วิฺูหิ ปสตฺโถ. ตตฺถ หิ สงฺคีติตฺตยารูฬฺหสฺส เตปิฏกพุทฺธวจนสฺส อตฺถํ สํขิปิตฺวา สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ พฺรหฺมจริยํ ปริปุณฺณํ ปกาสิตํ สุวิสทฺจ. เอวํ ปสตฺถสฺเสตสฺส วิสุทฺธิมคฺคสฺส นิทานกถายปิ ภวิตพฺพเมว. ตสฺมาทานิ ตมฺปกาสนตฺถมิทํ ปฺหกมฺมํ วุจฺจติ –
‘‘โส ปเนส วิสุทฺธิมคฺโค เกน กโต, กทา กโต, กตฺถ กโต, กสฺมา กโต, กิมตฺถํ กโต, กึ นิสฺสาย กโต, เกน ปกาเรน กโต, กิสฺส สกลโลเก ปตฺถโฏ’’ติ.
ตตฺถ เกน กโตติ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรวเรน เตปิฏกสงฺคหฏฺกถากาเรน กโต.
กทา กโตติ อมฺหากํ ภควโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สกลโลกนาถสฺส ปรินิพฺพุติกาลโต ปจฺฉา ทสเม วสฺสสตเก (๙๗๓ -พุทฺธวสฺเส) กโต.
กตฺถ กโตติ สีหฬทีเป อนุราธปุเร มหาวิหาเร กโต.
กสฺมา กโตติ วิสุทฺธิกามานํ สาธุชนานํ ตทธิคมุปายํ สมฺมาปฏิปตฺตินยํ าเปตุกามตาสงฺขาเตน อตฺตโน อชฺฌาสเยน สฺโจทิตตฺตา, สงฺฆปาลตฺเถเรน จ อชฺเฌสิตตฺตา กโต.
เอตฺถ ปน ตฺวา อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรสฺส อุปฺปตฺติ กเถตพฺพา, สา จ มหาวํเส (จูฬวํโสติปิ โวหริเต ทุติยภาเค) สตฺตตึสมปริจฺเฉเท ปนฺนรสาธิกทฺวิสตคาถาโต (๓๗, ๒๑๕) ปฏฺาย พาตฺตึสาย คาถาหิ ปกาสิตาเยว. กถํ? –
มหาวํส-พุทฺธโฆสกถา
โพธิมณฺฑสมีปมฺหิ, ¶ ชาโต พฺราหฺมณมาณโว;
วิชฺชา-สิปฺป-กลา-เวที, ตีสุ เวเทสุ ปารคู.
สมฺมา วิฺาตสมโย, สพฺพวาทวิสารโท;
วาทตฺถี ชมฺพุทีปมฺหิ, อาหิณฺฑนฺโต ปวาทิโก.
วิหารเมก’มาคมฺม, รตฺตึ ปาตฺชลีมตํ;
ปริวตฺเตติ สมฺปุณฺณ-ปทํ สุปริมณฺฑลํ.
ตตฺเถโก เรวโต นาม, มหาเถโร วิชานิย;
‘‘มหาปฺโ อยํ สตฺโต, ทเมตุํ วฏฺฏตี’’ติ, โส.
‘‘โก นุ คทฺรภราเวน, วิรวนฺโต’’ติ อพฺรวิ;
‘‘คทฺรภานํ รเว อตฺถํ, กึ ชานาสี’’ติ อาห ตํ.
‘‘อหํ ชาเน’’ติ วุตฺโต โส, โอตาเรสิ สกํ มตํ;
ปุฏฺํ ปุฏฺํ วิยากาสิ, วิรทฺธมฺปิ จ ทสฺสยิ.
‘‘เตน หิ ตฺวํ สกํ วาท-โมตาเรหี’’ติ โจทิโต;
ปาฬิ’มาหา’ภิธมฺมสฺส, อตฺถ’มสฺส น โส’ธิคา.
อาห‘‘กสฺเส’ส มนฺโต’’ติ,‘‘พุทฺธมนฺโต’’ติ โส’พฺรวิ;
‘‘เทหิ เมตํ’’ติ วุตฺเต หิ, ‘‘คณฺห ปพฺพชฺช ตํ’’อิติ.
มนฺตตฺถี ปพฺพชิตฺวา โส, อุคฺคณฺหิ ปิฏกตฺตยํ;
เอกายโน อยํ มคฺโค, อิติ ปจฺฉา ต’มคฺคหิ.
พุทฺธสฺส วิย คมฺภีร-โฆสตฺตา นํ วิยากรุํ;
พุทฺธโฆโสติ โฆโส หิ, พุทฺโธ วิย มหีตเล.
ตตฺถ าโณทยํ[าโณทยํ นามปกรณํ อิทานิ กุหิฺจิปิ น ทิสฺสติ;] นาม, กตฺวา ปกรณํ ตทา;
ธมฺมสงฺคณิยากาสิ, กจฺฉํ โส อฏฺสาลินึ[อิทานิ ทิสฺสมานา ปน อฏฺสาลินี สีหฬทีปิกาเยว; น ชมฺพุทีปิกา; ปรโต (๕๔-๕๕ ปิฏฺเสุ) เอส อาวิภวิสฺสติ].
ปริตฺตฏฺกถฺเจว ¶ [ปริตฺตฏฺกถนฺติ ปิฏกตฺตยสฺส สงฺเขปโต อตฺถวณฺณนาภูตา ขุทฺทกฏฺกถาติ อธิปฺเปตา ภเวสุ], กาตุํ อารภิ พุทฺธิมา;
ตํ ทิสฺวา เรวโต เถโร, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘‘ปาฬิมตฺตํ อิธานีตํ, นตฺถิ อฏฺกถา อิธ [เอตฺถ สคีภิตฺตยารูฬฺหา โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส สนฺติกา อุคฺคหิตา สิสฺสานุสิสฺสปรมฺปราตตา มูลฏฺกถา กสฺมา ชมฺพุทีเป สพฺพโส อนฺตรหิตาติ วิมํสิตพฺพํ];
ตถาจริยวาทา จ, ภินฺนรูปา น วิชฺชเร.
สีหฬฏฺกถา สุทฺธา, มหินฺเทน มตีมตา;
สงฺคีติตฺตยมารูฬฺหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ.
สาริปุตฺตาทิคีตฺจ, กถามคฺคํ สเมกฺขิย;
กตา สีหฬภาสาย, สีหเฬสุ ปวตฺตติ.
ตํ ตตฺถ คนฺตฺวา สุตฺวา ตฺวํ, มาคธานํ นิรุตฺติยา;
ปริวตฺเตหิ, สา โหติ, สพฺพโลกหิตาวหา’’.
เอวํ วุตฺเต ปสนฺโน โส, นิกฺขมิตฺวา ตโต อิมํ;
ทีปํ อาคา อิมสฺเสว [อิทสฺเสวาติ อิมสฺเสว มหานามรฺโ กาเล ๙๕๓-๙๗๕ พุทฺธวสฺเส; อยฺจ วสฺสปริจฺเฉโท สีหฬราชวํสํ นิสฺสาย ทสฺสิโต; ยุโรปิยวิจกฺขณานํ ปน มเตน ๙๔๑-๙๖๔ พุทฺธวสฺเส อิติ เวทิตพฺโพ; เอวมุปริปิ;], รฺโ กาเล มหามติ.
มหาวิหารํ สมฺปตฺโต, วิหารํ สพฺพสาธุนํ;
มหาปธานฆรํ คนฺตฺวา, สงฺฆปาลสฺส สนฺติกา.
สีหฬฏฺกถํ สุตฺวา, เถรวาทฺจ สพฺพโส;
‘‘ธมฺมสฺสามิสฺส เอโสว, อธิปฺปาโย’’ติ นิจฺฉิย.
ตตฺถ สงฺฆํ สมาเนตฺวา, ‘‘กาตุํ อฏฺกถํ มม;
โปตฺถเก เทถ สพฺเพ’’ติ, อาห, วีมํสิตุํ ส ตํ.
สงฺโฆ ¶ คาถาทฺวยํ ตสฺสา’ทาสิ ‘‘สามตฺถิยํ ตว;
เอตฺถ ทสฺเสหิ, ตํ ทิสฺวา, สพฺเพ เทมาติ โปตฺถเก’’ [๒๓๔-๕ คาถาสุ อยมตฺถโยชนา– ‘‘ตตฺถ มหาวิหาเร สํฆํ มหาเนตฺวา สํฆ สนฺนิปาตํ กาเรตฺวา อาจริยปุพฺพทฺธโฆโส เอวมาห ‘อฏฺกถํ กาตุํ สพฺเพ ปาฬิ-อฏฺกถา-โปตฺถเก มม เทถา’ติ; โส สํโฆ ตํ วีมํสิตุํ สํยุตฺตนิกายโต ‘อนฺโตชฏา’ติอาทิกํ จ ‘สีเล ปติฏฺายา’ติอาทิกํ จาติ คาถาทฺวยํ ตสฺส อทาสิ ‘เอตฺถ ตว สามตฺถิยํ าณปฺปภาวํ ทสฺเสติ; ตํ ทิสฺวา สพฺเพ โปตฺถเก เทมา’ติวตฺวา’’ติ; อิมินา ปน อยมตฺถา ทสฺสิโต โหติ ‘‘อาจริย พุทฺธโฆโส วิสุทฺธิมคฺคํ กโรนฺโต ตเทว คาถาทฺวยํ โอโลเกตฺวา, กิฺจิปิ อฺํ โปตฺถกํ อโนโลเกตฺวา อกาสี’’ติ; ตสฺส ปนตฺถสฺส ยุตฺตายุตฺตวิจารณา ปรโต (๓๙-๔๙-ปิฏฺเสุ) อาคมิสฺสติ].
ปิฏกตฺตย’เมตฺเถว, สทฺธึ อฏฺกถาย โส;
วิสุทฺธิมคฺคํ นามา’กา, สงฺคเหตฺวา สมาสโต.
ตโต สงฺฆํ สมูเหตฺวา, สมฺพุทฺธมตโกวิทํ;
มหาโพธิสมีปมฺหิ, โส ตํ วาเจตุ มารภิ.
เทวตา ตสฺส เนปฺุํ, ปกาเสตุํ มหาชเน;
ฉาเทสุํ โปตฺถกํ โสปิ, ทฺวตฺติกฺขตฺตุมฺปิ ตํ อกา [๒๓๘ คาถาย อยมตฺโถ– ‘‘เทวตา ตสฺส พุทฺธโฆสสฺส เนปฺุํ นิปุณฺาปฺปสาวํ มหาชนสฺส ปกาเสตุํ เตน ลิขิตํ วิสุทฺธิมคฺคโปตฺถกํ ฉาเทสุํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อปสฺสิยภาวํ ปาเปตฺวา เปสุํ; โสปิ พุทฺธโฆโส ทุติยมฺปิ ตํ ลิขิ, ตมฺปิ เทวตา ฉเทสุํ; ตติยมฺปิ ลิขี’’ติ; เตน วุตฺตํ ‘‘ทฺวตฺติกฺขตฺตุมฺปิ ตํ อกา’’ติ; อิทเมว มหาวํสวจนํ นิสฺสาย วิตฺตาเรตฺวา กถิตาย พุทฺธโฆสุปฺปตฺติยา นาม กถาล เอกรตฺเตเนว วิสุทฺธิมคฺคสฺส ติกฺขตฺตุมฺปิ ลิขิตฺวา นิฏฺาปิตภาโว ปกาสิโต; อีทิสี ปน กถา พหูนํ วิมฺหยชนนีปิ ปริกฺขกานํ สํสยชนนี โหติ; ตสฺมา อิมิสฺสาปิ วิจารณา ปรโต (๔๗-๘-ปิฏฺเสุ) ทสฺสิยิสฺสติ].
วาเจตุํ ตติเย วาเร, โปตฺถเก สมุทาหเฏ;
โปตฺถกทฺวย’มฺมฺปิ, สณฺเปสุํ ตหึ มรู.
วาจยึสุ ตทา ภิกฺขู, โปตฺถกตฺตย’เมกโต;
คนฺถโต อตฺถโต วาปิ, ปุพฺพาปรวเสน วา.
เถรวาเทหิ ปาฬีหิ, ปเทหิ พฺยฺชเนหิ วา;
อฺถตฺตมหู เนว, โปตฺถเกสุปิ ตีสุปิ.
อถ ¶ อุคฺโฆสยี สงฺโฆ, ตุฏฺหฏฺโ วิเสสโต;
นิสฺสํสยํ’ส เมตฺเตยฺโย, อิติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ.
สทฺธึ อฏฺกถายา’ทา, โปตฺถเก ปิฏกตฺตเย;
คนฺถากเร วสนฺโต โส, วิหาเร ทูรสงฺกเร.
ปริวตฺเตสิ สพฺพาปิ, สีหฬฏฺกถา ตทา;
สพฺเพสํ มูลภาสาย, มาคธาย นิรุตฺติยา.
สตฺตานํ สพฺพภาสานํ, สา อโหสิ หิตาวหา;
เถริยาจริยา สพฺเพ, ปาฬึ วิย ต’มคฺคหุํ.
อถ กตฺตพฺพกิจฺเจสุ, คเตสุ ปรินิฏฺิตึ;
วนฺทิตุํ โส มหาโพธึ, ชมฺพุทีปํ อุปาคมี’’ติ [โส มหาโพธิ วนฺทิตุํ ชมฺพุทีปํ อุปาคมีติ อิทํ วจนํ ปุริมวจเนหิ อสํสฏฺํ วิย โหติ; ปุพฺเพ หิ ‘‘อาจริยพุทฺธโฆโส โพธิมณฺฑสมีเป ชาโต’’ติ จ, ‘‘สีหฬทีปํ คนฺตฺวา สีหฬฏฺกถาโย มาคธภาสาย ปริวตฺเตหีติ ตสฺสาจริเยน เรวตตฺเถเรน วุตฺโต’’ติ จ วุตฺตํ; ตสฺมา อิธาปิ อาจริยพุทฺธโฆสสฺส ปวตฺติ ตทนุรูปา ‘‘ตา ภาสาปริวตฺติตฏฺกถาโย อาทาย สาสนุชฺโชตนตฺถํ ชมฺพุทีปํ อุปาคมี’’ติ เอวมาทินา สาสนุชฺโชตนมูลิกา เอว ภวิตุํ อรหติ, น ปน มหาโพธิวนฺทนมูลิกาติ].
อยฺจ ปน มหาวํสกถา ๑๙๕๐ - ขริสฺตวสฺเส หาพทมหาวิชฺชาลยมุทฺทณยนฺเต โรมกฺขเรน มุทฺทิตสฺส วิสุทฺธิมคฺคโปตฺถกสฺส ปุเรจาริกกถายํ ‘‘อเนกาเนตฺถ อตฺถิ วิจาเรตพฺพานี’’ติ วตฺวา ธมฺมานนฺทโกสมฺพีนามเกน วิจกฺขเณน วิจาริตา. ตเมตฺถ ยุตฺตายุตฺตวิจินนาย ทสฺเสตฺวา อนุวิจารณมฺปิสฺส กริสฺสาม.