📜

อธมฺมวาทุปฺปตฺติ

อยํ ปน อาทิโต ปฏฺาย สาสนมลภูตานํ อธมฺมวาทานํ อุปฺปตฺติ. อโสกรฺโ หิ กาเล อุปฺปพฺพาเชตฺวา นิกฺกฑฺฒิตา อฺติตฺถิยา พุทฺธสาสเน อลทฺธปติฏฺา โกธาภิภูตา ปาฏลิปุตฺตโต นิกฺขมิตฺวา ราชคหสมีเป นาลนฺทายํ สนฺนิปติตฺวา เอวํ สมฺมนฺตยึสุ ‘‘มหาชนสฺส พุทฺธสาสเน อนวคาหตฺถาย สกฺยานํ ธมฺมวินโย นาเสตพฺโพ, ตฺจ โข เตสํ สมยํ อชานนฺเตหิ น สกฺกา กาตุํ, ตสฺมา เยน เกนจิ อุปาเยน ปุนปิ ตตฺถ ปพฺพชิตพฺพเมวา’’ติ. เต เอวํ สมฺมนฺตยิตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา วิสุทฺธตฺเถรวาทีนมนฺตรํ ปวิสิตุํ อสกฺโกนฺตา ตทฺเสํ สตฺตรสนฺนํ มหาสงฺฆิกาทินิกายานํ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน อฺติตฺถิยภาวํ อชานาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปิฏกตฺตยมุคฺคณฺหิตฺวา ตฺจ วิปริวตฺเตตฺวา ตโต โกสมฺพึ คนฺตฺวา ธมฺมวินยนาสนาย อุปายํ มนฺตยิตฺวา ๒๕๓-พุทฺธวสฺเส ฉสุ าเนสุ วสนฺตา (๑) เหมวติโก (๒) ราชคิริโก (๓) สิทฺธตฺถิโก (๔) ปุพฺพเสลิโย (๕) อปรเสลิโย (๖) วาชิริโย (๗) เวตุลฺโล (๘) อนฺธโก (๙) อฺมหาสงฺฆิโกติ นว อภินเว นิกาเย อุปฺปาเทสุํ [นิกายสงฺคเห ๙-ปิฏฺเ]. เตสํ นามานิ จ ลทฺธิโย จ กถาวตฺถุอฏฺกถายํ อาคตาเยว.

เตสุ เหมวติกา สทฺธมฺมปติรูปกํ พุทฺธภาสิตภาเวน ทสฺเสตฺวา

(๑) วณฺณปิฏกํ นาม คนฺถํ อกํสุ.

ราชคิริกา (๒) องฺคุลิมาลปิฏกํ,

สิทฺธตฺถิกา (๓) คูฬฺหเวสฺสนฺตรํ,

ปุพฺพเสลิยา (๔) รฏฺปาลคชฺชิตํ,

อปรเสลิยา (๕) อาฬวกคชฺชิตํ,

วชิรปพฺพตวาสิโน วาชิริยา (๖) คูฬฺหวินยํ นาม คนฺถํ อกํสุ.

เตเยว สพฺเพ มายาชาลตนฺต-สมาชตนฺตาทิเก อเนเก ตนฺตคนฺเถ จ, มรีจิกปฺป-เหรมฺภกปฺปาทิเก อเนเก กปฺปคนฺเถ จ อกํสุ.

เวตุลฺลวาทิโน ปน (๗) เวตุลฺลปิฏกมกํสุ.

อนฺธกา จ (๘) รตนกูฏาทิเก คนฺเถ,

อฺมหาสงฺฆิกา จ (๙) อกฺขรสาริยาทิสุตฺตนฺเต อกํสุ [นิกายสงฺคเห ๙-ปิฏฺเ].

เตสุ ปน สทฺธมฺมปติรูปเกสุ เวตุลฺลวาโท, วาชิริยวาโท, รตนกูฏสตฺถนฺติ อิมานิเยว ตีณิ ลงฺกาทีปมุปาคตานิ, อฺานิ ปน วณฺณปิฏกาทีนิ ชมฺพุทีเปเยว นิวตฺตนฺตีติ นิกายสงฺคเห วุตฺตํ. วณฺณปิฏกาทีนมฺปิ ปน ลงฺกาทีปมุปาคตจฺฉายา ทิสฺสเตว. ตถา หิ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถายํ (๓, ๙-ปิฏฺเ)

‘‘วณฺณปิฏก องฺคุลิมาลปิฏกรฏฺปาลคชฺชิตอาฬวกคชฺชิตคูฬฺหมคฺคคูฬฺหเวสฺสนฺตร คูฬฺหวินย เวทลฺลปิฏกานิ [เอตฺถ ‘‘เวปุลฺล, เวทลฺลํ, เวตุลฺลนฺติ อตฺถโก เอกํ, โพธิสตฺตปิฏกสฺเสว นาม’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ อสงฺเคน นาม อาจริเยน อภิธมฺมสมุจฺจเย นาม มหายานิกคนฺเต (๗๙-ปิฏฺเ) ‘‘เวปุลฺลํ กตมํ? โพธิสตฺตปิฏกสมฺปยุตฺตํ ภาสิตํ. ยทุจฺจเต เวปุลฺลํ, ตํ เวทลฺลมปฺยุจฺจเต, เวตุลฺลมปฺยุจฺจเต. กิมตฺถํ เวปุลฺลมุจฺจเต? สพฺพสตฺตานํ หิตสุขาธิฏฺานโต, อุทารคมฺภีรธมฺมเทสนาโต จ. กิมตฺถมุจฺจเต เวทลฺลํ? สพฺพาวรณวิทลนโต. กิมตฺถมุจฺจเต เวตุลฺลํ? อุปมานธมฺมานํ ตุลนาภาวโต’’ติ] ปน อพุทฺธวจนานิเยวาติ วุตฺต’’นฺติ จ.

สารตฺถปฺปกาสินิยา สํยุตฺตฏฺกถายมฺปิ (๒, ๑๘๖-ปิฏฺเ)

‘‘คูฬฺหวินยํ คูฬฺหเวสฺสนฺตรํ คูฬฺหมโหสธํ วณฺณปิฏกํ องฺคุลิมาลปิฏกํ รฏฺปาลคชฺชิตํ อาฬวกคชฺชิตํ เวทลฺลปิฏกนฺติ อพุทฺธวจนํ สทฺธมฺมปติรูปกํ นามา’’ติ จ–

เตสํ ปฏิกฺเขโป ทิสฺสติ. น หิ ตานิ อสุตฺวา, เตสฺจ อตฺถํ อชานิตฺวา สีหฬฏฺกถาจริเยหิ ตานิ ปฏิกฺขิปิตุํ สกฺกา, นาปิ ตํ ปฏิกฺเขปวจนํ ชมฺพุทีปิกฏฺกถาจริยานํ วจนํ ภวิตุํ, มหามหินฺทตฺเถรสฺส สีหฬทีปํ คมนสมเย เตสํเยว อภาวโต. ตสฺมา ตานิ จ ตทฺานิ จ มหายานิกปิฏกานิ ตํกาลิกานิ เยภุยฺเยน สีหฬทีปมุปาคตานีติ คเหตพฺพานิ. เตสุ จ วชฺชิปุตฺตกคณปริยาปนฺนสฺส ธมฺมรุจินิกายสฺส ปิฏกานํ ตทุปาคมนํ ปุพฺเพว วุตฺตํ. ตทฺเสํ ปน ตทุปาคมนํ เอวํ เวทิตพฺพํ.