📜
ตกฺกรณปฺปกาโร
เกน ปกาเรน กโตติ เอตฺถ อนนฺตรปฺเห วุตฺตปฺปกาเรเนว กโต. ตถา หิ อาจริโย สํยุตฺตนิกายโต
‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;
อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ [สํ. นิ. ๑.๒๓] –
อิมํ คาถํ ปมํ ทสฺเสตฺวา ตตฺถ ปธานวเสน วุตฺตา สีลสมาธิปฺาโย วิสุํ วิสุํ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา อกาสิ. เอวํ กุรุมาโน จ ปฺจหิปิ นิกาเยหิ สีลสมาธิปฺาปฏิสํยุตฺตานิ สุตฺตปทานิ อุทฺธริตฺวา เตสํ อตฺถฺจ สีหฬฏฺกถาหิ ภาสาปริวตฺตนวเสน ทสฺเสตฺวา ตาสุ วุตฺตานิ สีหฬิกวตฺถูนิ จ วินิจฺฉเย จ ปกาเสสิ. วิเสสโต ปน ตสฺมึ ¶ กาเล ปากฏา สกสมยวิรุทฺธา สมยนฺตรา จ พหูสุ าเนสุ ทสฺเสตฺวา สเหตุกํ ปฏิกฺขิตฺตา. กถํ?
ตตฺถ หิ จริยาวณฺณนายํ ‘‘ตตฺร ปุริมา ตาว ติสฺโส จริยา ปุพฺพาจิณฺณนิทานา ธาตุโทสนิทานา จาติ เอกจฺเจ วทนฺติ. ปุพฺเพ กิร อิฏฺปฺปโยคสุภกมฺมพหุโล ราคจริโต โหติ, สคฺคา วา จวิตฺวา อิธูปปนฺโน. ปุพฺเพ เฉทนวธพนฺธนเวรกมฺมพหุโล โทสจริโต โหติ, นิรยนาคโยนีหิ วา จวิตฺวา อิธูปปนฺโน. ปุพฺเพ มชฺชปานพหุโล สุตปริปุจฺฉาวิหีโน จ โมหจริโต โหติ, ติรจฺฉานโยนิยา วา จวิตฺวา อิธูปปนฺโนติ เอวํ ปุพฺพาจิณฺณนิทานาติ วทนฺติ. ทฺวินฺนํ ปน ธาตูนํ อุสฺสนฺนตฺตา ปุคฺคโล โมหจริโต โหติ ปถวีธาตุยา จ อาโปธาตุยา จ. อิตราสํ ทฺวินฺนํ อุสฺสนฺนตฺตา โทสจริโต. สพฺพาสํ สมตฺตา ปน ราคจริโตติ. โทเสสุ จ เสมฺหาธิโก ราคจริโต โหติ. วาตาธิโก โมหจริโต. เสมฺหาธิโก วา โมหจริโต. วาตาธิโก ราคจริโตติ เอวํ ธาตุโทสนิทานาติ วทนฺตี’’ติ เอกจฺเจวาทํ ทสฺเสตฺวา โส ‘‘ตตฺถ ยสฺมา ปุพฺเพ อิฏฺปฺปโยคสุภกมฺมพหุลาปิ สคฺคา จวิตฺวา อิธูปปนฺนาปิ จ น สพฺเพ ราคจริตาเนว โหนฺติ, น อิตเร วา โทสโมหจริตา. เอวํ ธาตูนฺจ ยถาวุตฺเตเนว นเยน อุสฺสทนิยโม นาม นตฺถิ. โทสนิยเม จ ราคโมหทฺวยเมว วุตฺตํ, ตมฺปิ จ ปุพฺพาปรวิรุทฺธเมว. ตสฺมา สพฺพเมตํ อปริจฺฉินฺนวจน’’นฺติ [วิสุทฺธิ. ๑.๔๔] ปฏิกฺขิตฺโต. ตํ ปรมตฺถมฺชูสาย นาม วิสุทฺธิมคฺคมหาฏีกายํ ‘‘เอกจฺเจติ อุปติสฺสตฺเถรํ สนฺธายาห, เตน หิ วิมุตฺติมคฺเค ตถา วุตฺต’’นฺติอาทินา วณฺณิตํ [วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๔๔].