📜
อาคมฏฺกถากรณํ
สุมงฺคลวิลาสินึ นาม ทีฆนิกายฏฺกถํ ปน อาจริโย สุมงฺคลปริเวณวาสินา ทาานาคตฺเถเรน อายาจิโต อกาสิ. วุตฺตํ เหตเมติสฺสา นิคมเน –
‘‘อายาจิโต ¶ สุมงฺคล-ปริเวณนิวาสินา ถิรคุเณน;
ทาานาค สงฺฆ, ตฺเถเรน เถรวํสนฺวเยน.
ทีฆาคมสฺส ทสพล-คุณคณปริทีปนสฺส อฏฺกถํ;
ยํ อารภึ สุมงฺคล-วิลาสินึ นาม นาเมน.
สา หิ มหาอฏฺกถาย, สารมาทาย นิฏฺิตา เอสา’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๓. นิคมนกถา].
ปปฺจสูทนึ นาม มชฺฌิมนิกายฏฺกถํ ภทนฺตพุทฺธมิตฺตตฺเถเรน ปุพฺเพ มยูรทูตปฏฺฏเน อตฺตนา สทฺธึ วสนฺเตน อายาจิโต อกาสิ. วุตฺตํ เหตเมติสฺสา นิคมเน –
‘‘อายาจิโต สุมตินา, เถเรน ภทนฺตพุทฺธมิตฺเตน;
ปุพฺเพ มยูรทูตป,ฏฺฏนมฺหิ สทฺธึ วสนฺเตน.
ปรวาทวิธํสนสฺส, มชฺฌิมนิกายเสฏฺสฺส;
ยมหํ ปปฺจสูทนิ-มฏฺกถํ กาตุมารภึ.
สา หิ มหาอฏฺกถาย, สารมาทาย นิฏฺิตา เอสา’’ติ [ม. นิ. อฏฺ. ๓. นิคมนกถา].
สารตฺถปฺปกาสินึ นาม สํยุตฺตนิกายฏฺกถํ ภทนฺตโชติปาลตฺเถเรน อายาจิโต อกาสิ. วุตฺตํ เหตเมติสฺสา นิคมเน –
‘‘เอติสฺสา กรณตฺถํ, เถเรน ภทนฺตโชติปาเลน;
สุจิสีเลน สุภาสิตสฺส ปกาสยนฺตาเณน.
สาสนวิภูติกาเมน, ยาจมาเนน มํ สุภคุเณน;
ยํ สมธิคตํ ปฺุํ, เตนาปิ ชโน สุขี ภวตู’’ติ [สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.นิคมนกถา].
มโนรถปูรณึ นาม องฺคุตฺตรนิกายฏฺกถํ ภทนฺตโชติปาลตฺเถเรน ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเ กฺจิปุราทีสุ จ สีหฬทีเป มหาวิหารมฺหิ จ อตฺตนา สทฺธึ วสนฺเตน อายาจิโต, ตถา ชีวเกนาปิ อุปาสเกน ปิฏกตฺตยปารคุภูเตน วาตาหเตปิ อนิฺชมานสภาเว ทุเม วิย อนิฺชมานสทฺธมฺเม ิเตน สุมตินา ปริสุทฺธาชีเวนาภิยาจิโต อกาสิ. วุตฺตํ เหตเมติสฺสา นิคมเน –
‘‘อายาจิโต สุมตินา, เถเรน ภทนฺตโชติปาเลน;
กฺจิปุราทีสุ มยา, ปุพฺเพ สทฺธึ วสนฺเตน.
วรตมฺพปณฺณิทีเป, ¶ มหาวิหารมฺหิ วสนกาเลปิ;
วาตาหเต วิย ทุเม, อนิฺชมานมฺหิ สทฺธมฺเม.
ปารํ ปิฏกตฺตยสา,ครสฺส คนฺตฺวา ิเตน สุมตินา;
ปริสุทฺธาชีเวนา,ภิยาจิโต ชีวเกนาปิ.
ธมฺมกถานยนิปุเณหิ, ธมฺมกถิเกหิ อปริมาเณหิ;
ปริกีฬิตสฺส ปฏิป,ชฺชิตสฺส สกสมยจิตฺรสฺส.
อฏฺกถํ องฺคุตฺตร,มหานิกายสฺส กาตุมารทฺโธ;
ยมหํ จิรกาลฏฺิติ-มิจฺฉนฺโต สาสนวรสฺส.
สา หิ มหาอฏฺกถาย, สารมาทาย นิฏฺิตา เอสา;
จตุนฺนวุติปริมาณาย, ปาฬิยา ภาณวาเรหิ.
สพฺพาคมสํวณฺณน, มโนรโถ ปูริโต จ เม ยสฺมา;
เอตาย มโนรถ ปูรณีติ นามํ ตโต อสฺสา’’ติ [อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๑.นิคมนกถา].
อิมา จ ปน จตสฺโส อาคมฏฺกถาโย กุรุมาโน อาจริยพุทฺธโฆโส มหามหินฺทตฺเถเรนาภตํ มูลฏฺกถาสงฺขาตํ มหาอฏฺกถํเยว ภาสาปริวตฺตนวเสน เจว ปุนปฺปุนาคตวิตฺถารกถามคฺคสฺส สํขิปนวเสน จ อกาสิ. วุตฺตฺเหตํ คนฺถารมฺเภ –
‘‘สีหฬทีปํ ปน อาภ,ตาถ วสินา มหามหินฺเทน;
ปิตา สีหฬภาสาย, ทีปวาสีนมตฺถาย.
อปเนตฺวาน ตโตหํ, สีหฬภาสํ มโนรมํ ภาสํ;
ตนฺตินยานุจฺฉวิกํ, อาโรเปนฺโต วิคตโทสํ…เป…
หิตฺวา ปุนปฺปุนาคต-มตฺถํ อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ.
ตถา นิคมเนปิ –
‘‘สา หิ มหาอฏฺกถาย, สารมาทาย นิฏฺิตา เอสา’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๓.นิคมนกถา] จ;
‘‘มูลฏฺกถาสารํ, อาทาย มยา อิมํ กโรนฺเตนา’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๓.นิคมนกถา] จ.
อิมาสํ สรีรภูตปาเสุ จ สมนฺตปาสาทิกายํ วิย ‘‘มหาปจฺจริยํ, กุรุนฺทิย’’นฺติอาทินา วินิจฺฉยสํวณฺณนาเภทปฺปกาสนํ น ทิสฺสติ, ตถา อภิธมฺมฏฺกถาสุปิ. ¶ เตเนตํ ายติ ‘‘สุตฺตนฺตาภิธมฺเมสุ มหาอฏฺกถาโต อฺา มหาปจฺจริอาทินามิกา โปราณิกา สีหฬฏฺกถาโย เจว อนฺธกฏฺกถา จ นตฺถี’’ติ. ยาว วสภราชกาลา (๖๐๙-๖๕๓) ปน ปากฏานํ สีหฬิกตฺเถรานํ วินิจฺฉโย จ วาทา จ วตฺถูนิ จ เอตาสุปิ ทิสฺสนฺติเยวาติ.