📜
อภิธมฺมฏฺกถากรณํ
อฏฺสาลินึ ปน สมฺโมหวิโนทนิฺจ ธาตุกถาทิปฺจปกรณสฺส อฏฺกถฺจาติ ติสฺโส อภิธมฺมฏฺกถาโย อตฺตนา สทิสนาเมน โสตตฺถกีคนฺถการเกน พุทฺธโฆสภิกฺขุนา อายาจิโต อกาสิ. วุตฺตฺเหตํ ตาสุ –
‘‘วิสุทฺธาจารสีเลน, นิปุณามลพุทฺธินา;
ภิกฺขุนา พุทฺธโฆเสน, สกฺกจฺจํ อภิยาจิโต’’ติ [ธ. ส. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา] จ.
‘‘พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตา
อยํ อฏฺสาลินี นาม ธมฺมสงฺคหฏฺกถา’’ติ [ธ. ส. อฏฺ. นิคมนกถา] จ.
‘‘อตฺถปฺปกาสนตฺถํ, ตสฺสาหํ ยาจิโต ิตคุเณน;
ยตินา อทนฺธคตินา, สุพุทฺธินา พุทฺธโฆเสน.
ยํ อารภึ รจยิตุํ, อฏฺกถํ สุนิปุเณสุ อตฺเถสุ;
สมฺโมหวิโนทนโต, สมฺโมหวิโนทนึ นามา’’ติ [วิภ. อฏฺ. นิคมนกถา] จ.
‘‘พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตา
อยํ สมฺโมหวิโนทนี นาม วิภงฺคฏฺกถา’’ติ [วิภ. อฏฺ. นิคมนกถา] จ.
อิมาสุ ปน ตีสุ ปฺจปกรณฏฺกถาย นามวิเสโส นตฺถิ อายาจโก จ น ปกาสิโต, เกวลํ อตฺตโน สทฺธาย เอว สฺโจทิเตน อาจริยพุทฺธโฆเสน สา กตา วิย ทิสฺสติ. วุตฺตฺเหตํ ตสฺสา นิคมเน –
‘‘กุสลาทิธมฺมเภทํ, ¶ นิสฺสาย นเยหิ วิวิธคณเนหิ;
วิตฺถาเรนฺโต สตฺตม-มภิธมฺมปฺปกรณํ สตฺถา.
สุวิหิตสนฺนิฏฺาโน, ปฏฺานํ นาม ยํ ปกาเสสิ;
สทฺธาย สมารทฺธา, ยา อฏฺกถา มยา ตสฺสาติ จ.
‘‘เอตฺตาวตา
สตฺตปฺปกรณํ นาโถ, อภิธมฺมมเทสยิ;
เทวาติเทโว เทวานํ, เทวโลกมฺหิ ยํ ปุเร;
ตสฺส อฏฺกถา เอสา, สกลสฺสาปิ นิฏฺิตา’’ติ [ปฏฺา. อฏฺ. ๑๙-๒๔.๑] จ.
‘‘พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตา
อยํ สกลสฺสปิ อภิธมฺมปิฏกสฺส อฏฺกถา’’ติ [ปฏฺา. อฏฺ. ๑๙-๒๔.๑] จ.
เอกจฺเจ ปน อาธุนิกา เถรา ‘‘อภิธมฺมฏฺกถาโย อาจริยพุทฺธโฆเสน ยาจิโต สงฺฆปาลพุทฺธมิตฺตโชติปาลาทีนํ อฺตโร เถโร อกาสี’’ติ วทนฺติ. อยฺจ เนสํ วิจารณา, อฏฺสาลินีสมฺโมหวิโนทนีสุ ‘‘ตา พุทฺธโฆเสน ยาจิโต อกาสี’’ติ คนฺถกาเรน วุตฺตํ. เตน ายติ ‘‘ตกฺการโก อฺโ, อาจริยพุทฺธโฆโส ปน ตาสุ ยาจกปุคฺคโลเยวา’’ติ. อาคมฏฺกถาสุ จ อาจริยพุทฺธโฆเสน –
‘‘สีลกถา ธุตธมฺมา, กมฺมฏฺานานิ เจว สพฺพานิ…เป…
อิติ ปน สพฺพํ ยสฺมา, วิสุทฺธิมคฺเค มยา สุปริสุทฺธํ;
วุตฺตํ ตสฺมา ภิยฺโย, น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามี’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา] –
เอวํ สีลกถาทีนํ อตฺตนา เอว วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตภาโว มยาติปเทน ปกาสิโต. อฏฺสาลินิยํ ปน –
‘‘กมฺมฏฺานานิ สพฺพานิ, จริยาภิฺา วิปสฺสนา;
วิสุทฺธิมคฺเค ปนิทํ, ยสฺมา สพฺพํ ปกาสิต’’นฺติ [ธ. ส. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา] –
เอวํ มยาติ กตฺตุปเทน วินา วุตฺตํ. เตนาปิ ายติ ‘‘วิสุทฺธิมคฺคการโก อฺโ, อภิธมฺมฏฺกถาการโก อฺโ’’ติ. กิฺจาปิ อภิธมฺมฏฺกถาสุ อภิยาจโก พุทฺธโฆโส ภิกฺขุนาติ จ ยตินาติ จ ¶ อิเมเหว สามฺคุณปเทหิ วุตฺโต น เถเรนาติ สคารวคุณปเทน, ตถาปิ โส ‘‘วิสุทฺธาจารสีเลน นิปุณามลพุทฺธินา’’ติ จ, ‘‘อทนฺธคตินา สุพุทฺธินา’’ติ จ อิเมหิ อธิกคุณปเทหิ โถมิตตฺตา ‘‘วิสุทฺธิมคฺคาทิการโก อาจริยพุทฺธโฆโสเยวา’’ติ สกฺกา คเหตุํ. โส หิ อุปสมฺปนฺนกาลโตเยว ปฏฺาย คนฺถโกวิโท ปริยตฺติวิสารทคุณสมฺปนฺโน, ตสฺมิฺจ กาเล อูนทสวสฺโส ภเวยฺย, ตสฺมา เถเรนาติ น วุตฺโตติ สกฺกา คเหตุนฺติ.
ตํ ปน เตสํ อติวิจารณมตฺตเมว. น หิ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโร ‘‘ตสฺมึ กาเล อูนทสวสฺโส’’ติ สกฺกา คเหตุํ, วิสุทฺธิมคฺคนิคมเนปิ ‘‘พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรนา’’ติ วจนโต, น จ ‘‘วิสุทฺธาจารสีเลน, นิปุณามลพุทฺธินา’’ติ วา, ‘‘อทนฺธคตินา สุพุทฺธินา’’ติ วา เอตฺตเกเหว ทฺวีหิ ทฺวีหิ คุณปเทหิ โถมเนน สุโถมิโต โหติ, อฺทตฺถุ ‘‘นิปฺปภีกตขชฺโชโต สมุเทติ ทิวากโร’’ติ โถมนํ วิย โหติ. นนุ อาจริเยน อตฺตโน คนฺถนิคมเนสุ –
‘‘ปรมวิสุทฺธสทฺธาพทฺธิวีริยปฏิมณฺฑิเตน สีลาจารชฺชวมทฺทวาทิคุณสมุทยสมุทิเตน สกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหณสมตฺเถน ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคเตน ติปิฏกปริยตฺติเภเท สาฏฺกเถ สตฺถุสาสเน อปฺปฏิหตาณปฺปภาเวน มหาเวยฺยากรเณนา’’ติอาทินา –
อตฺตโน อนุจฺฉวิกานิ คุณปทานิ ปกาสิตานิ, โสเยว จ โปราณสีหฬฏฺกถาโย สงฺขิปิตฺวา อภินวสงฺคหฏฺกถานํ อาทิกตฺตา ปุพฺพงฺคโม, อฺเ ปน อภินวฏฺกถาการา ตสฺเสว อนุวตฺติตฺวา อวเสสเมกํ วา ทฺเว วา อฏฺกถาโย อกํสุ. อภิธมฺมฏฺกถาสุ จ โย โย อตฺโถ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต, โส โส ยถานุปฺปตฺตฏฺาเน ตโต คเหตฺวา ตเถว วุตฺโต. วิเสสโต ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺคขนฺธายตนธาตุสจฺจวิภงฺควณฺณนาสุ ฌานกถาวณฺณนาสุ จ อยมตฺโถ อติวิย ปากโฏ, โยปิ จ ตตฺถ อปฺปโก กติปยมตฺโต วิสุทฺธิมคฺเคน วิสทิโส สํวณฺณนาเภโท ทิสฺสติ, โสปิ อาภิธมฺมิกานํ มตานุสาเรน ยถา โปราณฏฺกถายํ วุตฺโต, ตเถว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ยถา จ อฏฺสาลินิยํ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย อติเทโส ¶ ทิสฺสติ [ธ. ส. อฏฺ. ๑ อกุสลกมฺมปถกถา], ตเถว สมนฺตปาสาทิกายมฺปิ อฏฺสาลินิยา อติเทโส ทิสฺสเตว [ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑;]. ยทิ จ อฏฺสาลินี อฺเน กตา ภเวยฺย, กถํ ตาสุ อฺมฺาติเทโส สกฺกา กาตุํ. ตสฺมา อภิธมฺมฏฺกถาสุ อภิยาจโก พุทฺธโฆโส อาจริเยน สมานนาโม จูฬพุทฺธโฆโสติ ยาวชฺชตนา อาจริยปรมฺปราย คหิโต โสตตฺถกีคนฺถการโก อฺโเยว, น อาจริยมหาพุทฺธโฆสตฺเถโร. เตเนว ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขุนา’’ติ จ ‘‘ยตินา’’ติ จ.
ยทิ ปน เอตฺตเกน นิฏฺํ น คจฺเฉยฺย, เอวมฺปิ วิจาเรตพฺพํ – กินฺนุ โข สงฺฆปาลาทโย เถรา วิสุทฺธิมคฺคาทีนํ กรณตฺถาย อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรํ อายาจมานา อตฺตนา สมตฺถตโรติ สทฺทหนฺตา อายาจนฺติ อุทาหุ อสทฺทหนฺตาติ? สทฺทหนฺตาเยว อายาจนฺตีติ ปากโฏเยวายมตฺโถ. ตถา จ สติ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโร สยํ อฺเหิ สมตฺถตโรว สมาโน กสฺมา อฺํ อายาเจยฺย. น หิ สทฺธาสมฺปนฺนสฺส ถามสมฺปนฺนสฺส โยพฺพนสมฺปนฺนสฺส อาจริยสฺส สุนฺทรตรํ อภิธมฺมฏฺกถํ กาตุํ ภาริยํ ภวิสฺสติ. อภิธมฺมฏฺกถาสุ จ วุตฺตวจนานิ วิสุทฺธิมคฺคอาคมฏฺกถาสุ วุตฺตสํวณฺณนาวจเนหิ เอกาการาเนว โหนฺติ. ยทิ จ อภิธมฺมฏฺกถํ อฺโ กเรยฺย, กถมปิ ตาหิ วจนาการสฺส วิสทิสตา ภเวยฺย เอว. เอตาสํ นิคมเน จ ทสฺสิเตน ‘‘พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตา’’ติ วจเนน ‘‘อาจริยพุทฺธโฆเสน กตา’’ตฺเวว ปากฏา โหนฺติ, น อฺเนาติ. เยปิ ‘‘อฺเน กตา’’ติ วทนฺติ, เตปิ ‘‘อิมินา นาม เถเรนา’’ติ เอกํสโต ทสฺเสตุํ น สกฺโกนฺติ, ตถา ทสฺเสตฺุจ เลสมตฺตมฺปิ สาธกวจนํ น ทิสฺสติ. ตสฺมา อภิธมฺมฏฺกถาโยปิ อิทานิ อาจริเยหิ จูฬพุทฺธโฆโสติ โวหริเตน พุทฺธโฆเสน นาม ภิกฺขุนายาจิโต วิสุทฺธิมคฺควินยาคมฏฺกถานํ การโก อาจริยมหาพุทฺธโฆสตฺเถโรเยว อกาสีติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ.
ยํ ปน มหาวํเส ‘‘อาจริยพุทฺธโฆโส สีหฬทีปาคมนโต ปุพฺเพ ชมฺพุทีเป วสนกาเลเยว อฏฺสาลินึ อกาสี’’ติ อธิปฺปาเยน –
๒๒๕. ‘‘ธมฺมสงฺคณิยากาสิ, กจฺฉํ โส อฏฺสาลินิ’’นฺติ –
วุตฺตํ, ¶ ตํ อิทานิ ทิสฺสมานาย อฏฺสาลินิยา น สเมติ. ตตฺถ หิ คนฺถารมฺเภเยว วิสุทฺธิมคฺคํ อติทิสิตฺวา ปจฺฉาปิ โส จ, สมนฺตปาสาทิกา จ พหูสุ าเนสุ อติทิสียนฺติ. ตสฺมา ตสฺสา อาจริเยน สีหฬทีปํ ปตฺวา วิสุทฺธิมคฺคฺเจว สมนฺตปาสาทิกฺจ กตฺวา ปจฺฉาเยว กตภาโว อติวิย ปากโฏติ.