📜

สาสนปฺปวตฺติกฺกโม

ภควโต หิ ปรินิพฺพุติกาลโต ปจฺฉา วสฺสสตพฺภนฺตเร พุทฺธสาสเน โกจิปิ วาทเภโท นาม นตฺถิ. วสฺสสตกาเล ปน ทุติยสงฺคีติกาเรหิ เถเรหิ นิกฺกฑฺฒิตา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู ปกฺขํ ลภิตฺวา ธมฺมฺจ วินยฺจ อฺถา กตฺวา มหาสงฺคีตินาเมน วิสุํ สงฺคีติมกํสุ. ตทา สงฺคีติทฺวยารูฬฺหปุราณธมฺมวินยเมว สมฺปฏิจฺฉนฺตานํ เถรานํ คโณ เถรวาโทติ จ ตทฺเสํ มหาสงฺฆิโกติ จ โวหรียนฺติ.

ปุน มหาสงฺฆิกโต (๑) โคกุลิโก (๒) เอกพฺโยหาริโกติ ทฺเว อาจริยคณา อุปฺปนฺนา. ปุน โคกุลิกโต (๓) ปฺตฺติวาโท (๔) พาหุลิโก (พหุสฺสุติโก)ติ ทฺเว อุปฺปนฺนา. ปุน พาหุลิกโตปิ (๕) เจติยวาทิคโณ อุปฺปนฺโนติ เอเต ปฺจ มูลภูเตน มหาสงฺฆิเกน สห ฉ ปาฏิเยกฺกา อาจริยคณา อเหสุํ.

วิสุทฺธตฺเถรวาทโตปิ (๑) มหิสาสโก (๒) วชฺชิปุตฺตโกติ ทฺเว อาจริยคณา อุปฺปนฺนา. ปุน มหิสาสกโต (๓) สพฺพตฺถิวาโท (๔) ธมฺมคุตฺติโกติ ทฺเว อุปฺปนฺนา. ปุน สพฺพตฺถิวาทโตปิ (๕) กสฺสปิโย, ตโตปิ (๖) สงฺกนฺติโก, ตโตปิ (๗) สุตฺตวาทีติ ตโย อุปฺปนฺนา. วชฺชิปุตฺตกโตปิ (๘) ธมฺโมตฺตริโย (๙) ภทฺทยานิโก (๑๐) ฉนฺนาคาริโก (๑๑) สมฺมิติโยติ จตฺตาโร อุปฺปนฺนาติ เต เอกาทส มูลภูเตน วิสุทฺธตฺเถรวาเทน สห ทฺวาทส อาจริยคณา อเหสุํ. อิติ อิเม จ ทฺวาทส ปุริมา จ ฉาติ อฏฺารส อาจริยคณา ทุติยตติยสงฺคีตีนํ อนฺตเร ชาตา อเหสุํ.

เตสุ มูลภูโต เถรวาทคโณเยว โปราณธมฺมวินยครุโก หุตฺวา อนูนมนธิกํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ โปราณิกํ ธมฺมวินยํ ธาเรสิ. อิตเร ปน สตฺตรส ภินฺนคณา โปราณิกํ ธมฺมวินยํ อฺถา อกํสุ. เตน เตสํ ธมฺมวินโย กตฺถจิ อูโน กตฺถจิ อธิโก หุตฺวา อปริปุณฺโณ เจว อโหสิ อปริสุทฺโธ จ. เตน วุตฺตํ ทีปวํเส ปฺจมปริจฺเฉเท –

๓๐.

‘‘นิกฺกฑฺฒิตา ปาปภิกฺขู, เถเรหิ วชฺชิปุตฺตกา;

อฺํ ปกฺขํ ลภิตฺวาน, อธมฺมวาที พหู ชนา.

๓๑.

ทสสหสฺสา สมาคนฺตฺวา, อกํสุ ธมฺมสงฺคหํ;

ตสฺมายํ ธมฺมสงฺคีติ, มหาสงฺคีตีติ วุจฺจติ.

๓๒.

มหาสงฺคีติกา ภิกฺขู, วิโลมํ อกํสุ สาสเน;

ภินฺทิตฺวา มูลสงฺคหํ, อฺํ อกํสุ สงฺคหํ.

๓๓.

อฺตฺร สงฺคหิตํ สุตฺตํ, อฺตฺร อกรึสุ เต;

อตฺถํ ธมฺมฺจ ภินฺทึสุ, วินเย นิกาเยสุ จ ปฺจสุ…เป…

๔๙.

อตฺถํ ธมฺมฺจ ภินฺทึสุ, เอกเทสฺจ สงฺคหํ;

คนฺถฺจ เอกเทสฺหิ, ฉฑฺเฑตฺวา อฺํ อกํสุ เต.

๕๐.

นามํ ลิงฺคํ ปริกฺขารํ, อากปฺปกรณียานิ จ;

ปกติภาวํ ชหิตฺวา, ตฺจ อฺํ อกํสุ เต.

๕๑.

สตฺตรส ภินฺนวาทา, เอกวาโท อภินฺนโก;

สพฺเพวฏฺารส โหนฺติ, ภินฺนวาเทน เต สห.

๕๒.

นิคฺโรโธว มหารุกฺโข, เถร วาทานมุตฺตโม;

อนูนํ อนธิกฺจ, เกวลํ ชินสาสนํ;

กณฺฏกา วิย รุกฺขมฺหิ, นิพฺพตฺตา วาทเสสกา.

๕๓.

ปเม วสฺสสเต นตฺถิ, ทุติเย วสฺสสตนฺตเร;

ภินฺนา สตฺตรส วาทา, อุปฺปนฺนา ชินสาสเน’’ติ [กถา. อฏฺ. นิทานกถา].

อโสกรฺโ จ กาเล ปริหีนลาภสกฺการา อฺติตฺถิยา ลาภสกฺการํ ปตฺถยมานา ภิกฺขูสุ ปพฺพชิตฺวา สกานิ สกานิ ทิฏฺิคตานิ ทีเปนฺติ ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสน’’นฺติ. ภิกฺขูนํ สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อลภมานาปิ สยเมว เกเส ฉินฺทิตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา วิหาเรสุ วิจรนฺตา อุโปสถกมฺมาทิกรณกาเล สงฺฆมชฺฌํ ปวิสนฺติ, เต ภิกฺขุสงฺเฆน ธมฺเมน วินเยน สตฺถุสาสเนน นิคฺคยฺหมานาปิ ธมฺมวินยานุโลมาย ปฏิปตฺติยา อสณฺหนฺตา อเนกรูปํ สาสนสฺส อพฺพุทฺจ มลฺจ กณฺฏกฺจ สมุฏฺาเปนฺติ. เกจิ อคฺคึ ปริจรนฺติ, เกจิ ปฺจาตเป ตปนฺติ, เกจิ อาทิจฺจํ อนุปริวตฺตนฺติ, เกจิ ธมฺมฺจ วินยฺจ โวภินฺทิสฺสามาติ ตถา ตถา ปคฺคณฺหนฺติ. ตทา ภิกฺขุสงฺโฆ น เตหิ สทฺธึ อุโปสถํ วา ปวารณํ วา อกาสิ, อโสการาเม สตฺต วสฺสานิ อุโปสโถ อุปจฺฉิชฺชิ [กถา. อฏฺ. นิทานกถา; ปารา. อฏฺ. ๑.ตติยสงฺคีติกถา].

อิมฺจ ปน ปวตฺตึ อุปาทาย เอวมฺปิ สกฺกา คเหตุํ ‘‘สตฺตรสนฺนํ ภินฺนวาทคณานํ ธมฺมวินยสฺส ปจฺฉิมกาเลสุ อปริสุทฺธตรภาโว อีทิเสนปิ การเณน อโหสี’’ติ. กิฺจาปิ หิ พุทฺธสาสนภูเต ปริสุทฺธธมฺมวินเย ‘‘โกจิปิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต นาม นตฺถิ อฺตฺร นิพฺพานธาตุยา, ปรมตฺถโต อตฺตาปิ นตฺถิ, สพฺเพปิ สงฺขารา อนิจฺจา อทฺธุวา อสสฺสตา อนตฺตาเยวา’’ติ อตฺโถ อติวิย ปากโฏ โหติ, ตถาปิ ทานิ อเถรวาทิกานํ คนฺเถสุ จ ปุพฺเพ เวตุลฺลวาทาทีสุ จ ‘‘พุทฺโธ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อตฺตา’’ติ จ, ‘‘สพฺเพปิ สตฺตา นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อตฺตา’’ติ จ อตฺโถ ทิสฺสติ.

อถ อโสโก ธมฺมราชา สาสนํ วิโสเธตุกาโม โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส สนฺติเก ปมเมว สมยํ อุคฺคณฺหิตฺวา เอกลทฺธิเก เอกลทฺธิเก ภิกฺขู เอกโต กาเรตฺวา เอกเมกํ ภิกฺขุสมูหํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘กึ วาที ภนฺเต สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ. ตโต เย เย ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ สสฺสตวาที’’ติ วา, ‘‘เอกจฺจสสฺสตวาที’’ติ วา เอวมาทินา อตฺตโน อตฺตโน วาทานุรูปํ มิจฺฉาวาทํ อาหํสุ, เต เต ‘‘นยิเม ภิกฺขู, อฺติตฺถิยา อิเม’’ติ ตถโต ตฺวา เตสํ เสตกานิ วตฺถานิ ทตฺวา อุปฺปพฺพาเชสิ. เต สพฺเพปิ สฏฺิสหสฺสมตฺตา อเหสุํ.

อถฺเ ภิกฺขู ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘วิภชฺชวาที มหาราช สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ วุตฺเต ‘‘สุทฺธํ ทานิ ภนฺเต สาสนํ, กโรตุ ภิกฺขุสงฺโฆ อุโปสถ’’นฺติ วตฺวา อารกฺขฺจ ทตฺวา นครํ ปาวิสิ. สมคฺโค สงฺโฆ สนฺนิปติตฺวา อุโปสถํ อกาสิ. ตสฺมึ สมาคเม โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร ยานิ จ ตทา อุปฺปนฺนานิ วตฺถูนิ ยานิ จ อายตึ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, สพฺเพสมฺปิ เตสํ ปฏิพาหนตฺถํ สตฺถารา ทินฺนนยวเสเนว ตถาคเตน ปิตมาติกํ วิภชนฺโต ปรปฺปวาทมทฺทนํ กถาวตฺถุํ นาม อภิธมฺมปิฏเก ปฺจมํ ปกรณํ อภาสิ. ตโต โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรปฺปมุขา ติปิฏกปริยตฺติธรา ปภินฺนปฏิสมฺภิทาปตฺตา สหสฺสํ ภิกฺขู เถรวาทิโน สงฺคีติทฺวยารูฬฺหํ ปริสุทฺธํ โปราณธมฺมวินยํ ปุน สงฺคายิตฺวา สุรกฺขิตํ รกฺขึสุ [ปารา. อฏฺ. ๑.ตติยสงฺคีติกถา].

อถ โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร นวสุ ปจฺจนฺตฏฺาเนสุ สาสนปติฏฺาปนตฺถํ นว นายกตฺเถเร อุจฺจินิตฺวา เปเสสิ. เตสุ อฏฺหิ เถเรหิ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตฏฺานํ คนฺตฺวา พุทฺธสาสเน ปติฏฺาปิเต มหามหินฺทตฺเถโร ฉตฺตึสาธิกทฺวิสเต (๒๓๖) พุทฺธวสฺเส ชมฺพุทีปโต สีหฬทีปํ คนฺตฺวา เทวานํปิยติสฺสราชปฺปมุขํ ทีปกชนสมูหํ ปสาเทตฺวา พุทฺธสาสนํ สมฺปติฏฺาเปสิ, เตน จ รฺา ทินฺนํ มหาเมฆวนุยฺยานํ ปฏิคฺคเหตฺวา ตตฺถ มหาวิหารํ นาม สงฺฆารามํ ปติฏฺาเปสิ [ปารา. อฏฺ. ๑.ตติยสงฺคีติกถา]. ตโต ปภุติ สีหฬทีเป พุทฺธสาสนํ ยาว วฏฺฏคามณิราชกาลา นิกายนฺตรวาทากุลรหิตํ นิมฺมลํ สุปริสุทฺธํ หุตฺวา สมุชฺชลิตฺถ. วฏฺฏคามณิราชกาลโต ปน ปฏฺาย นิกายนฺตรวาทาปิ สีหฬทีปมุปาคมึสุ. ตทา วิสุทฺธตฺเถรวาทิโน ยถา ปุราณธมฺมวินโย เตหิ นิกายนฺตรวาเทหิ อสมฺมิสฺโส อมลีโน ปกติปริสุทฺโธ หุตฺวา ติฏฺเยฺย, ตถา ตํ มหุสฺสาเหน สุรกฺขิตํ รกฺขึสุ. กถํ?