📜
๔. ภูธาตุมยนามิกรูปวิภาค
‘‘ภู สตฺตาย’’นฺติ ธาตุสฺส, รูปมาขฺยาตสฺิตํ;
ตฺยาทฺยนฺตํ ลปิตํ นาน-ปฺปกาเรหิ อนากุลํ.
สฺยาทฺยนฺตํ, ทานิ ตสฺเสว, รูปํ นามิกสวฺหยํ;
ภาสิสฺสํ ภาสิตตฺเถสุ, ปฏุภาวาย โสตุนํ.
ยทตฺเถ’ตฺตนิ นาเมติ, ปร’มตฺเถสุ วา สยํ;
นมตีติ ตทาหํสุ, นามํ อิติ วิภาวิโน.
นามํ นามิกมิจฺจตฺร, เอกเมเวตฺถโต ภเว;
ตเทวํ นามิกํ เ ยฺยํ, สลิงฺคํ สวิภตฺติกํ.
สตฺวาภิธานํ ลิงฺคนฺติ, อิตฺถิปุมนปุํสกํ;
วิภตฺตีติธ สตฺเตว, ตตฺถ จฏฺ ปวุจฺจเร.
ปมา ทุติยา ตติยา, จตุตฺถี ปฺจมี ตถา;
ฉฏฺี จ สตฺตมี จาติ, โหนฺติ สตฺต วิภตฺติโย.
ลิงฺคตฺเถ ปมา สายํ, ภินฺนา ทฺเวธา สิโย อิติ;
กมฺมตฺเถ ทุติยา สาปิ, ภินฺนา อํ โย อิติ ทฺวิธา.
กรเณ ¶ ตติยา สาปิ, ภินฺนา นา หิ อิติ ทฺวิธา;
สมฺปทาเน จตุตฺถี สา, ภินฺนา ทฺเวธา ส นํ อิติ.
อปาทาเน ปฺจมี สา, ภินฺนา ทฺเวธา สฺมา หิ อิติ;
ฉฏฺี สามิมฺหิ สา จาปิ, ภินฺนา ทฺเวธา ส นํ อิติ.
โอกาเส สตฺตมี สาปิ, ภินฺนา ทฺเวธา สฺมึสุ อิติ;
อามนฺตนฏฺมี สายํ, สิโยเยวาติ จุทฺทส.
วจนทฺวยสํยุตฺตา, เอเกกา ตา วิภตฺติโย;
สตฺวมิติห วิฺเยฺโย, อตฺโถ โส ทพฺพสฺิโต.
โย กโรติส กตฺตาตุ, ตํ กมฺมํ ยํ กโรติ วา;
กุพฺพเต เยน วา ตนฺตุ, กรณํ อิติ สฺิตํ.
เทติ โรจติ วา ยสฺส, สมฺปทานนฺติ ตํ มตํ;
ยโตเปติ ภยํ วา ตํ, อปาทานนฺติ กิตฺติตํ.
ยสฺสายตฺโต สมูโหวา, ตํ เว สามีติ เทสิตํ;
ยสฺมึ กโรติ กิริยํ, ตโทกาสนฺติ สทฺทิตํ.
ยทาลปติ ตํ วตฺถุ, อามนฺตนมุทีริตํ;
สทฺเทนาภิมุขีกาโร, วิชฺชมานสฺส วา ปน.
วินา อาลปนตฺถํ ลิงฺคตฺถาทีสุ ปมาทิวิภตฺตุปฺปตฺติ อุปลกฺขณวเสน วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.
อิทเมตฺถ นิรุตฺติลกฺขณํ ทฏฺพฺพํ – ปจฺจตฺตวจเน ปมา วิภตฺติ ภวติ, อุปโยควจเน ทุติยา วิภตฺติ ภวติ, กรณวจเน ตติยา วิภตฺติ ภวติ, สมฺปทานวจเน จตุตฺถี วิภตฺติ ภวติ, นิสฺสกฺกวจเน ปฺจมี วิภตฺติ ภวติ, สามิวจเน ฉฏฺี วิภตฺติ ภวติ, ภุมฺมวจเน สตฺตมี วิภตฺติ ภวติ, อามนฺตนวจเน อฏฺมี วิภตฺติ ภวติ. ตตฺรุทฺทานํ –
ปจฺจตฺตมุปโยคฺจ, กรณํ สมฺปทานิยํ;
นิสฺสกฺกํ สามิวจนํ, ภุมฺมมาลปนฏฺมํ.
ตตฺร ¶ ปจฺจตฺตวจนํ นาม ติวิธลิงฺคววตฺถานคตานํ อิตฺถิปุมนปุํสกานํ ปจฺจตฺตสภาวนิทฺเทสตฺโถ. อุปโยควจนํ นาม โย ยํ กโรติ, เตน ตทุปยุตฺตปริทีปนตฺโถ. กรณวจนํ นาม ตชฺชาปกตนิพฺพตฺตกปริทีปนตฺโถ. สมฺปทานวจนํ นาม ตปฺปทานปริทีปนตฺโถ. นิสฺสกฺกวจนํ นาม ตนฺนิสฺสฏตทปคมปริทีปนตฺโถ. สามิวจนํ นาม ตทิสฺสรปริทีปนตฺโถ. ภุมฺมวจนํ นาม ตปฺปติฏฺาปริทีปนตฺโถ. อามนฺตนวจนํ นาม ตทามนฺตนปริทีปนตฺโถ. เอวํ ตฺวา ปโยคานิ อสมฺมุยฺหนฺเตน โยเชตพฺพานิ.
ภูโต, ภาวโก, ภโว, อภโว, ภาโว, อภาโว, สภาโว, สพฺภาโว, สมฺภโว, ปภโว, ปภาโว, อนุภโว, อานุภาโว, ปราภโว, วิภโว, ปาตุภาโว, อาวิภาโว, ติโรภาโว, วินาภาโว, โสตฺถิภาโว, อตฺถิภาโว, นตฺถิภาโวติ โอการนฺตปุลฺลิงฺคํ.
อภิภวิตา, ปริภวิตา, อนุภวิตา, สมนุภวิตา, ภาวิตา, ปจฺจนุภวิตาติ อาการนฺตปุลฺลิงฺคํ.
ภวํ, ปราภวํ, ปริภวํ, อภิภวํ, อนุภวํ, สมนุภวํ, ปจฺจนุภวํ, ปภวํ, อปฺปภวนฺติ นิคฺคหีตนฺตปุลฺลิงฺคํ.
ธนภูติ, สิริภูติ, โสตฺถิภูติ, สุวตฺถิภูตีติ อิการนฺตปุลฺลิงฺคํ.
ภาวี, วิภาวี, สมฺภาวี, ปริภาวีติ อีการนฺตปุลฺลิงฺคํ.
สยมฺภู, ปภู, อภิภู, วิภู, อธิภู, ปติภู, โคตฺรภู, วตฺรภู, ปราภิภู, รูปาภิภู, สทฺทาภิภู, คนฺธาภิภู, รสาภิภู, โผฏฺพฺพาภิภู, ธมฺมาภิภู, สพฺพาภิภูติ อูการนฺตปุลฺลิงฺคํ.
อิมาเนตฺถ ฉพฺพิธานิ ปุลฺลิงฺคานิ ภูธาตุมยานิ อุทฺทิฏฺานิ.
อุการนฺตํ ¶ ปุลฺลิงฺคํตุ ภูธาตุมยมปฺปสิทฺธํ, อฺธาตุมยํ ปนุการนฺตปุลฺลิงฺคํ ปสิทฺธํ ‘‘ภิกฺขุ, เหตุ’’อิติ. เตน สทฺธึ สตฺตวิธานิ ปุลฺลิงฺคานิ โหนฺติ, สพฺพาเนตานิ สภาวโตเยว ปุลฺลิงฺคานีติ ทฏฺพฺพานิ. เอตฺถ สตฺโตติ อตฺถวาจโก ภูตสทฺโทเยว นิโยคา ปุลฺลิงฺคนฺติปิ ทฏฺพฺโพ.
เย ปน ‘‘โย ธมฺโม ภูโต, ยา ธมฺมชาติ ภูตา, ยํ ธมฺมชาตํ ภูต’’นฺติ เอวํ ลิงฺคตฺตเย โยชนารหตฺตา อนิยตลิงฺคา อฺเปิ ภูตปราภูตสมฺภูตสทฺทาทโย สนฺทิสฺสนฺติ ปาวจนวเร, เตปิ นาโนปสคฺคนิปาตปเทหิ โยชนวเสน สทฺทรจนายํ สุขุมตฺถคฺคหเณ จ วิฺูนํ โกสลฺลชนนตฺถํ นิยตปุลฺลิงฺเคสุ ปกฺขิปิตฺวา ทสฺเสสฺสาม.
เสยฺยถิทํ? ภูโต, ปราภูโต, สมฺภูโต, วิภูโต, ปาตุภูโต, อาวิภูโต, ติโรภูโต, วินาภูโต, ภพฺโพ, ปริภูโต, อภิภูโต, อธิภูโต, อทฺธภูโต, อนุภูโต, สมนุภูโต, ปจฺจนุภูโต, ภาวิโต, สมฺภาวิโต, วิภาวิโต, ปริภาวิโต, อนุปริภูโต, ปริภวิตพฺโพ, ปริโภตพฺโพ, ปริภวนีโย, อภิภวิตพฺโพ, อภิโภตพฺโพ, อภิภวนีโย, อธิภวิตพฺโพ, อธิโภตพฺโพ, อธิภวนีโย, อนุภวิตพฺโพ, อนุโภตพฺโพ, อนุภวนีโย, สมนุภวิตพฺโพ, สมนุโภตพฺโพ, สมนุภวนีโย, ปจฺจนุภวิตพฺโพ, ปจฺจนุโภตพฺโพ, ปจฺจนุภวนีโย, ภาเวตพฺโพ, ภาวนีโย, สมฺภาเวตพฺโพ, สมฺภาวนีโย, วิภาเวตพฺโพ, วิภาวนีโย, ปริภาเวตพฺโพ, ปริภาวนีโย, ภวมาโน, วิภวมาโน, ปริภวมาโน, อภิภวมาโน, อนุภวมาโน, สมนุภวมาโน, ปจฺจนุภวมาโน, อนุโภนฺโต, สมนุโภนฺโต, ปจฺจนุโภนฺโต, สมฺโภนฺโต, อภิสมฺโภนฺโต, ภาเวนฺโต, สมฺภาเวนฺโต, วิภาเวนฺโต ¶ , ปริภาเวนฺโต, ปริภวิยมาโน, ปริภุยฺยมาโน, อภิภวิยมาโน, อภิภูยมาโน, อนุภวิยมาโน, อนุภุยฺยมาโน, สมนุภวิยมาโน, สมนุภุยฺยมาโน, ปจฺจนุภวิยมาโน, ปจฺจนุภุยฺยมาโนติ อิมานิ นิยตปุลฺลิงฺเคสุ ปกฺขิตฺตลิงฺคานิ. เอวโมการนฺตาทิวเสน ฉพฺพิธานิ ปุลฺลิงฺคานิ ภูธาตุมยานิ ปกาสิตานิ. อยํ ตาว ปุลฺลิงฺควเสน อุทาหรณุทฺเทโส.
ภาวิกา, ภาวนา, วิภาวนา, สมฺภาวนา, ปริภาวนาติ อาการนฺตอิตฺถิลิงฺคํ.
ภูมิ, ภูติ, วิภูติ. อิการนฺตอิตฺถิลิงฺคํ.
ภูรี, ภูตี, โภตี, วิภาวินี, ปริวิภาวินี, สมฺภาวินี, ปาตุภวนฺตี, ปาตุโภนฺตี, ปริภวนฺตี, ปริโภนฺตี, อภิภวนฺตี, อภิโภนฺตี, อธิภวนฺตี, อธิโภนฺตี, อนุภวนฺตี, อนุโภนฺตี, สมนุภวนฺตี, สมนุโภนฺตี, ปจฺจนุภวนฺตี, ปจฺจนุโภนฺตี, อภิสมฺภวนฺตี, อภิสมฺโภนฺตีติ อีการนฺตอิตฺถิลิงฺคํ.
ภู, อภู. อูการนฺตอิตฺถิลิงฺคํ.
อิมาเนตฺถ จตุพฺพิธานิ อิตฺถิลิงฺคานิ ภูธาตุมยานิ อุทฺทิฏฺานิ.
อุการนฺติตฺถิลิงฺคํ ภูธาตุมยมปฺปสิทฺธํ, อฺธาตุมยํ ปน อุการนฺติตฺถิลิงฺคํ ปสิทฺธํ ‘‘ธาตุ, เธนุ’’อิติ. เตน สทฺธึ ปฺจวิธานิ อิตฺถิลิงฺคานิ โหนฺติ, โอการนฺตสฺส วา โคสทฺทสฺส อิตฺถิลิงฺคภาเว เตน สทฺธึ ฉพฺพิธานิปิ โหนฺติ, สพฺพาเนตานิ สภาวโตเยวิตฺถิลิงฺคานีติ ทฏฺพฺพานิ. เอตฺถาปิ อนิยตลิงฺคา ภูตปราภูตสมฺภูตสทฺทาทโย อิตฺถิลิงฺควเสน ยุชฺชนฺเต.
กถํ? ภูตา, ปราภูตา, สมฺภูตาติ สพฺพํ วิตฺถารโต คเหตพฺพํ ‘‘อนุโภนฺโต สมนุโภนฺโต’’ติอาทีนิ นว ปทานิ ¶ วชฺเชตฺวา. ตานิ หิ อีการนฺตวเสน โยชิตานิ. อิมานิ นิยตลิงฺเคสุ ปกฺขิตฺตลิงฺคานิ. เอวํ อาการนฺตาทิวเสน จตุพฺพิธานิ อิตฺถิลิงฺคานิ ภูธาตุมยานิ ปกาสิตานิ. อยํ อิตฺถิลิงฺควเสน อุทาหรณุทฺเทโส.
ภูตํ, มหาภูตํ, ภวิตฺตํ, ภูนํ, ภวนํ, ปราภวนํ, สมฺภวนํ, วิภวนํ, ปาตุภวนํ, อาวิภวนํ, ติโรภวนํ, วินาภวนํ, โสตฺถิภวนํ, ปริภวนํ, อภิภวนํ, อธิภวนํ, อนุภวนํ, สมนุภวนํ, ปจฺจนุภวนนฺติ นิคฺคหีตนฺตนปุํสกลิงฺคํ.
อตฺถวิภาวิ, ธมฺมวิภาวิ. อิการนฺตนปุํสกลิงฺคํ.
โคตฺรภุ, จิตฺตสหภุ, นจิตฺตสหภุ. อุการนฺตนปุํสกลิงฺคํ.
สพฺพาเนตานิ สภาวโตเยว นปุํสกลิงฺคานีติ ทฏฺพฺพานิ. เอตฺถ สตฺตภูตรูปวาจโก ภูตสทฺโทเยว นิโยคา นปุํสกลิงฺโคติปิ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถาปิ อนิยตลิงฺคา ภูต ปราภูต สมฺภูตสทฺทาทโย นปุํสกลิงฺควเสน ยุชฺชนฺเต.
กถํ? ภูตํ, ปราภูตํ, สมฺภูตํ, วิภูตํ. เปยฺยาโล. สมนุภวมานํ, ปจฺจนุภวมานํ, อนุโภนฺตํ, อนุภวนฺตํ, สมนุโภนฺตํ, สมนุภวนฺตํ, ปจฺจนุโภนฺตํ, ปจฺจนุภวนฺตํ, สมฺโภนฺตํ, สมฺภวนฺตํ, อภิสมฺโภนฺตํ, อภิสมฺภวนฺตํ, ปาตุโภนฺตํ, ปาตุภวนฺตํ, ปริโภนฺตํ, ปริภวนฺตํ, อภิโภนฺตํ, อภิภวนฺตํ, อธิโภนฺตํ, อธิภวนฺตํ, ภาเวนฺตํ, สมฺภาเวนฺตํ, วิภาเวนฺตํ, ปริภาเวนฺตํ, ปริภาวิยมานํ, ปริภุยฺยมานํ, เปยฺยาโล. ปจฺจนุภวิยมานํ, ปจฺจนุภุยฺยมานนฺติ อิมานิ นิยตนปุํสกลิงฺเคสุ ปกฺขิตฺตลิงฺคานิ. เอวํ นิคฺคหีตนฺตาทิวเสน ติวิธานิ นปุํสกลิงฺคานิ ภูธาตุมยานิ ปกาสิตานิ ¶ . อยํ นปุํสกลิงฺควเสน อุทาหรณุทฺเทโส, เอวํ ปุลฺลิงฺคาทิวเสน ลิงฺคตฺตยํ ภูธาตุมยมุทฺทิฏฺํ.
เอตฺถ เม อปฺปสิทฺธาติ, เย เย สทฺทา ปกาสิตา;
เต เต ปาฬิปฺปเทเสสุ, มคฺคิตพฺพา วิภาวินา.
โอ, อา, พินฺทุ, อิ, อี, อุ, อู-อนฺติเม สตฺตธา ิตา;
เ ยฺยา ปุลฺลิงฺคเภทาติ, นิรุตฺตฺูหิ ภาสิตา.
อา อิวณฺโณ จุวณฺโณ จ, ปฺจ อนฺตา สรูปโต;
อิตฺถิเภทาติ วิฺเยฺยา, โอการนฺเตน ฉาปิ วา.
พินฺทุ, อิ, อุ-อิเม อนฺตา, ตโย เยฺยา วิภาวินา;
นปุํสกปฺปเภทาติ, นิรุตฺตฺูหิ ภาสิตา.
อนฺตา สตฺเตว ปุลฺลิงฺเค, อิตฺถิยํ ปฺจ วา ฉ วา;
นปุํสเก ตโย เอวํ, ทส ปฺจหิ ฉพฺพิธา.
ยสฺมา ปเนตฺถ ‘‘ภูโต’’ติอาทโย สทฺทา นิพฺพจนาภิเธยฺยกถนตฺถสาธกวจนปริยายวจนตฺถุทฺธารวเสน วุจฺจมานา ปากฏา โหนฺติ สุวิฺเยฺยา จ, ตสฺมา อิเมสํ นิพฺพจนาทีนิ ยถาสมฺภวํ วกฺขาม วิฺูนํ ตุฏฺิชนนตฺถฺเจว โสตารานมตฺเถสุ ปฏุตรพุทฺธิปฏิลาภาย จ. ตตฺร ภูโตติ ขนฺธปาตุภาเวน ภวตีติ ภูโต, อิทํ ตาว นิพฺพจนํ. ‘‘ภูโต’’ติ สพฺพสงฺคาหกวเสน สตฺโต วุจฺจติ, อิทมภิเธยฺยกถนํ. ‘‘โย จ กาลฆโส ภูโต. สพฺเพว นิกฺขิปิสฺสนฺติ, ภูตา โลเก สมุสฺสย’’นฺติ จ อิทเมตสฺส อตฺถสฺส สาธกวจนํ. อถ วา ภูโตติ เอวํนามโก อมนุสฺสชาติโย สตฺตวิเสโส, อิทมภิเธยฺยกถนํ. ‘‘ภูตวิชฺชา, ภูตเวชฺโช, ภูตวิคฺคหิโต’’ติ จ อิทเมตสฺส อตฺถสฺส สาธกวจนํ. ยฺจ ปน ‘‘สตฺโต มจฺโจ ปชา’’ติอาทิกํ ตตฺถ ตตฺถ อาคตํ วจนํ, อิทํ สตฺโตติ ¶ อตฺถวาจกสฺส ภูตสทฺทสฺส ปริยายวจนํ. ยฺจ นิทฺเทสปาฬิยํ ‘‘มจฺโจติ สตฺโต นโร มานโว โปโส ปุคฺคโล ชีโว ชคุ ชนฺตุ หินฺทคุ มนุโช’’ติ อาคตํ, อิทมฺปิ ปริยายวจนเมว. ตานิ สพฺพานิ ปิณฺเฑตฺวา วุจฺจนฺเต –
สตฺโต มจฺโจ ชโน ภูโต, ปาโณ หินฺทคุ ปุคฺคโล;
ชนฺตุ ชีโว ชคุ ยกฺโข, ปาณี เทหี ตถาคโต.
สตฺตโว มาติโย โลโก, มนุโช มานโว นโร;
โปโส สรีรีติ ปุเม, ภูตมิติ นปุํสเก.
ปชาติ อิตฺถิยํ วุตฺโต, ลิงฺคโต, น จ อตฺถโต;
เอวํ ติลิงฺคิกา โหนฺติ, สทฺทา สตฺตาภิธานกา.
โย โส ชงฺฆาย อุลติ, โส สตฺโต ชงฺฆโล อิธ;
ปาณเทหาภิธาเนหิ, สตฺตนามํ ปปฺจิตํ.
อิมสฺมึ ปกรเณ ‘‘ปริยายวจน’’นฺติ จ ‘‘อภิธาน’’นฺติ จ ‘‘สงฺขา’’ติอาทีนิ จ เอกตฺถานิ อธิปฺเปตานิ, อตฺถุทฺธารวเสน ปน ภูตสทฺโท ปฺจกฺขนฺธามนุสฺสธาตุสสฺสตวิชฺชมานขีณาสวสตฺตรุกฺขาทีสุ ทิสฺสติ, ตปฺปโยโค อุปริ อตฺถตฺติกวิภาเค อาวิภวิสฺสติ. ภาวโกติ ภาเวตีติ ภาวโก, อิทํ นิพฺพจนํ. โย ภาวนํ กโรติ, โส ภาวโก. อิทมภิเธยฺยกถนํ. ‘‘ภาวโก นิปโก ธีโร’’ติ อิทเมตสฺส อตฺถสฺส สาธกวจนํ. ‘‘ภาวโก ภาวนาปสุโต ภาวนาปยุตฺโต ภาวนาสมฺปนฺโน’’ติ อิทํ ปริยายวจนํ. อิมานิ ‘‘ภูโต ภาวโก’’ติ ทฺเว ปทานิ สุทฺธกตฺตุเหตุกตฺตุวเสน วุตฺตานีติ. อิโต ปรํ นยานุสาเรน สุวิฺเยฺยตฺตา ‘‘อิทํ นิพฺพจน’’นฺติ จ อาทีนิ ¶ อวตฺวา กตฺถจิ อตฺถสาธกวจนํ ปริยายวจนํ อตฺถุทฺธารฺจ ยถารหํ ทสฺเสสฺสาม. เตสุ หิ สพฺพตฺถ ทสฺสิเตสุ คนฺถวิตฺถาโร สิยา, ตสฺมา เยสมตฺโถ อุตฺตาโน, เตสมฺปิ ปทานมภิเธยฺยํ น กเถสฺสาม, นิพฺพจนมตฺตเมว เนสํ กเถสฺสาม. เยสํ ปน คมฺภีโร อตฺโถ, เตสมภิเธยฺยํ กเถสฺสาม.
ภวนํ ภโว, ภโว วุจฺจติ วุทฺธิ. ภูสทฺทสฺส อตฺถาติสยโยคโต วฑฺฒเนปิ ทิสฺสมานตฺตา ภวนํ วฑฺฒนนฺติ กตฺวา. ‘‘ภโว จ รฺโ อภโว จ รฺโ’’ติ อิทํ วุทฺธิอตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. อถ วา ภโวติ วุจฺจติ สสฺสตํ. ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ หิ สสฺสตวเสน ปวตฺตา ทิฏฺิ สสฺสตทิฏฺิ, ตสฺมา ภวทิฏฺี’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. ตถา ภโวติ ภวทิฏฺิ, ภวติ สสฺสตํ ติฏฺตีติ ปวตฺตนโต สสฺสตทิฏฺิ ภวทิฏฺิ นาม. ภวทิฏฺิ หิ อุตฺตรปทโลเปน ภโวติ วุจฺจติ. ‘‘ภเวน ภวสฺส วิปฺปโมกฺขมาหํสู’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. เอตฺถายํ ปาฬิวจนตฺโถ – เอกจฺเจ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภวทิฏฺิยา วา กามภวาทินา วา สพฺพภวโต วิมุตฺตึ สํสารวิสุทฺธึ กถยึสูติ. อถ วา ภวนฺติ วฑฺฒนฺติ สตฺตา เอเตนาติ ภโวติ อตฺเถน สมฺปตฺติปฺุานิ ภโวติ จ วุจฺจนฺติ. ‘‘อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโต’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. เอตฺถ ปนายํ ปาฬิวจนตฺโถ – ภโวติ สมฺปตฺติ, อภโวติ วิปตฺติ. ตถา ภโวติ วุทฺธิ, อภโวติ หานิ. ภโวติ สสฺสตํ, อภโวติ อุจฺเฉโท. ภโวติ ปฺุํ, อภโวติ ปาปํ, ตํ สพฺพํ วีติวตฺโตติ.
สโหกาสา ¶ ขนฺธาปิ ภโว. ‘‘กามภโว รูปภโว’’ อิจฺเจวมาทิ เอตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. เอตฺถ ปน ขนฺธา ‘‘โย ปฺายติ, โส สรูปํ ลภตี’’ติ กตฺวา ‘‘ภวติ อวิชฺชาตณฺหาทิสมุทยา นิรนฺตรํ สมุเทตี’’ติ อตฺเถน วา ‘‘ภวา’’ติ วุจฺจนฺติ. โอกาโส ปน ‘‘ภวนฺติ ชายนฺติ เอตฺถ สตฺตา นามรูปธมฺมา จา’’ติ อตฺเถน ‘‘ภโว’’ติ. อปิจ กมฺมภโวปิ ภโว, อุปปตฺติภโวปิ ภโว. ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว ทุวิเธน อตฺถิ กมฺมภโว, อตฺถิ อุปปตฺติภโว’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. ตตฺถ กมฺมเมว ภโว กมฺมภโว. ตถา อุปปตฺติ เอว ภโว อุปปตฺติภโว. เอตฺถูปปตฺติ ภวตีติ ภโว, กมฺมํ ปน ยถา สุขการณตฺตา ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท’’ติ วุตฺโต. เอวํ ภวการณตฺตา ผลโวหาเรน ภโวติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ภาวนลกฺขณตฺตา ภาเวตีติ ภโว. กึ ภาเวติ? อุปปตฺตึ. อิติ อุปปตฺตึ ภาเวตีติ ภโวติ วุจฺจติ. ภาเวตีติมสฺส จ นิพฺพตฺเตตีติ เหตุกตฺตุวเสนตฺโถ. อถ วา ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ วจนโต ภวติ เอเตนาติ ภโวติ กมฺมภโว วุจฺจติ.
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ
วุตฺตลกฺขโณ สํสาโรปิ ภโว. ‘‘ภเว ทุกฺขํ ภวทุกฺขํ, ภเว สํสรนฺโต’’ติ อิมาเนตสฺสตฺถสฺส สาธกานิ วจนานิ. ตตฺร เกนฏฺเน สํสาโร ภโวติ กถียติ? ภวติ เอตฺถ สตฺตสมฺมุติ ขนฺธาทิปฏิปาฏิสงฺขาเต ธมฺมปฺุชสฺมินฺติ อตฺเถน ¶ . อิทํ ภวสทฺทสฺส ภาวกตฺตุกรณาธิกรณสาธนวเสนตฺถกถนํ.
เอตฺถ ภวสทฺทสฺส อตฺถุทฺธารํ วทาม –
วุทฺธิสมฺปตฺติปฺุานิ, ขนฺธา โสกาสสฺิตา;
สํสาโร สสฺสตฺเจตํ, ภวสทฺเทน สทฺทิตํ.
ภวตณฺหา ภวทิฏฺิ, อุปปตฺติภโว ตถา;
กมฺมภโว จ สพฺพนฺตํ, ภวสทฺเทน สทฺทิตํ.
ภวตณฺหาภวทิฏฺิ-ทฺวยํ กตฺถจิ ปาฬิยํ;
อุตฺตรปทโลเปน, ภวสทฺเทน สทฺทิตํ.
อภโวติ น ภโว อภโว.
วิปตฺติ หานิ อุจฺเฉโท, ปาปฺเจว จตุพฺพิธา;
อิเม อภวสทฺเทน, อตฺถา วุจฺจนฺติ สาสเน.
ภาโวติ อชฺฌาสโย, โย ‘‘อธิปฺปาโย’’ติปิ วุจฺจติ. ‘‘ถีนํภาโว ทุราชาโน. นามจฺโจ ราชภริยาสุ, ภาวํ กุพฺเพถ ปณฺฑิโต. หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตี’’ติ เอวมาทิ เอตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. อปิจ วตฺถุธมฺโมปิ ภาโว. ‘‘ภาวสงฺเกตสิทฺธีน’’นฺติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ, จิตฺตมฺปิ ภาโว. ‘‘อจฺจาหิตํ กมฺมํ กโรสิ ลุทฺทํ, ภาเว จ เต กุสลํ นตฺถิ กิฺจี’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. กฺริยาปิภาโว. ‘‘ภาวลกฺขณํ ภาวสตฺตมี’’ติ จ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. อปิจ ภาโวติ สตฺตเววจนนฺติ ภณนฺติ, ธาตุ วา เอตํ อธิวจนํ. ตตฺถ อชฺฌาสโย จ วตฺถุธมฺโม จ จิตฺตฺจ สตฺโต จาติ อิเม ภวตีติ ภาโว. ตถา ปน ภาเวตีติ ภาโว, กฺริยา ¶ ตุ ภวนนฺติ ภาโว. สา จ ภวนคมนปจนาทิวเสนาเนกวิธา. อปิจ ภาวรูปมฺปิ ภาโว, ยํ อิตฺถิภาโว ปุมฺภาโว อิตฺถินฺทฺริยนฺติ จ วุจฺจติ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – ‘‘อิตฺถี’’ติ วา ‘‘ปุริโส’’ติ วา ภวติ เอเตน จิตฺตํ อภิธานฺจาติ ภาโว.
นตฺตโนมติยา เอตํ, นิพฺพจนมุทาหฏํ;
ปุพฺพาจริยสีหานํ, มตํ นิสฺสาย มาหฏํ.
วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ ‘‘อิตฺถิยา ภาโว อิตฺถิภาโว, อิตฺถีติ วา ภวติ เอเตน จิตฺตํ อภิธานฺจาติ อิตฺถิภาโว’’ติ, ตสฺมา ปุมฺภาโวติ เอตฺถาปิ ปุมสฺส ภาโว ปุมฺภาโว, ปุมาติ วา ภวติ เอเตน จิตฺตํ อภิธานฺจาติ ปุมฺภาโวติ นิพฺพจนํ สมธิคนฺตพฺพํ. อิทํ ภาวสทฺทสฺส กตฺตุภาวกรณสาธนวเสนตฺถกถนํ.
อภาโวติ น ภาโวติ อภาโว, โก โส? สฺุตา นตฺถิตา. สภาโวติ อตฺตโน ภาโว สภาโว, อตฺตโน ปกติ อิจฺเจวตฺโถ. อถ วา สภาโวติ ธมฺมานํ สติ อตฺถสมฺภเว โย โกจิ สรูปํ ลภติ, ตสฺส ภาโว ลกฺขณมิติ สฺิโต นมนรุปฺปนกกฺขฬผุสนาทิอากาโร อิจฺเจวตฺโถ. ‘‘สามฺํ วา สภาโว วา, ธมฺมานํ ลกฺขณํ มต’’นฺติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. อปิจ สภาโวติ สลกฺขโณ ปรมตฺถธมฺโม. เกนฏฺเน? สห ภาเวนาติ อตฺเถน. สพฺภาโวติ สตํ ภาโว สพฺภาโว, สปฺปุริสธมฺโม อิจฺเจวตฺโถ. อถ วา อตฺตโน ภาโว สพฺภาโว. ‘‘คาหาปยนฺติ สพฺภาว’’นฺติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. สํวิชฺชมาโน วา ภาโว สพฺภาโว. ‘‘เอวํ คหณสพฺภาโว’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ ¶ วจนํ. อิทํ สภาว สพฺภาวสทฺทานํ ภาวสาธนวเสนตฺถกถนํ.
สมฺภโวติ สมฺภวนํ สมฺภโว, สมฺภวนกฺริยา, ยุตฺติ วา. ยุตฺติ หิ สมฺภโวติ วุจฺจติ ‘‘สมฺภโว คหณสฺส การณ’’นฺติอาทีสุ. อถ วา สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโว. ยโต หิ ยํ กิฺจิ สมฺภวติ, โส สมฺภโว. ปภโวติ ปภวนํ ปภโว, อจฺฉินฺนตา, ปภวติ เอตสฺมาติ วา ปภโว. ยโต หิ ยํ กิฺจิ ปภวติ, โส ปภโว. อิเม ปน สมฺภวปภวสทฺทา กตฺถจิ สมานตฺถา กตฺถจิ ภินฺนตฺถาติ เวทิตพฺพา. กถํ? สมฺภวสทฺโท หิ ภวนกฺริยมฺปิ วทติ ยุตฺติมฺปิ ปฺตฺติมฺปิ สมฺภวรูปมฺปิ ปจฺจยตฺถมฺปิ, ปภวสทฺโท ปน ภวนกฺริยมฺปิ วทติ นทิปฺปภวมฺปิ ปจฺจยตฺถมฺปิ, ตสฺมา ปจฺจยตฺถํ วชฺเชตฺวา ภินฺนตฺถาติ คเหตพฺพา, ปจฺจยตฺเถน ปน สมานตฺถาติ คเหตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปจฺจโย เหตุ นิทานํ การณํ สมฺภโว ปภโวติอาทิ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนโต นาน’’นฺติ.
‘‘มูลํ เหตุ นิทานฺจ, สมฺภโว ปภโว ตถา;
สมุฏฺานาหารารมฺมณํ, ปจฺจโย สมุทเยน จา’’ติ
อยมฺปิ คาถา เอตสฺสตฺถสฺส สาธิกา. อิทํ สมฺภวปภวสทฺทานํ ภาวาปาทานสาธนวเสนตฺถกถนํ.
เอวเมตฺถ ภาวกตฺตุกมฺมกรณาปาทานาธิกรณวเสน ฉ สาธนานิ ปกาสิตานิ. ตานิ สมฺปทานสาธเนน สตฺตวิธานิ ภวนฺติ, ตํ ปน อุตฺตริ อาวิภวิสฺสติ ‘‘ธนมสฺส ภวตูติ ธนภูตี’’ติอาทินา. อิจฺเจวํ กิตกวเสน สพฺพถาปิ สตฺตวิธานิ สาธนานิ โหนฺติ, ยานิ ‘‘การกานี’’ติปิ วุจฺจติ, อิโต อฺํ สาธนํ นตฺถิ. อิธ ปโยเคสฺวตฺเถสุ จ วิฺูนํ ¶ ปาฏวตฺถํ สาธนนามํ ปกาสิตํ. ตถา หิ ทุนฺนิกฺขิตฺตสาธเนหิ ปเทหิ โยชิตา สทฺทปฺปโยคา ทุพฺโพธตฺถา โหนฺติ, สุนิกฺขิตฺตสาธเนหิ ปน ปเทหิ โยชิตา สุโพธตฺถา โหนฺติ, ตสฺมา ปโยคาสาธนมูลกา, อตฺโถ จ ปโยคมูลโก. ปโยคานุรูปฺหิ อวิปรีตํ กตฺวา อตฺถํ กถนสีลา ‘‘ยาจิโตว พหุลํ จีวรํ ปริภฺุชติ, อปฺปํ อยาจิโต’’ติ เอวมาทีสุ สาธนวเสน คเหตพฺเพสุ อตฺเถสุ, อฺเสุ จตฺเถสุ ปฏุตรพุทฺธิโน ปณฺฑิตาเยว เอกนฺเตน ภควโต ปริยตฺติสาสนธรา นาม โหนฺตีติ เวทิตพฺพํ. อิโต ปรํ นยานุสาเรน สุวิฺเยฺยตฺตา ‘‘อิทํ นาม สาธน’’นฺติ น วกฺขาม, เกวลมิธ ทสฺสิเตสุ ปโยเคสุ วิฺูนํ พหุมานุปฺปาทนตฺถฺเจว วิวิธวิจิตฺตปาฬิคติเก วิวิธตฺถสาเร ชินวรวจเน โสตูนํ พุทฺธิวิชมฺภนตฺถฺจ อตฺถสาธกวจนานิเยว ยถารหํ สุตฺตเคยฺยเวยฺยากรณคาถาทีสุ ตโต ตโต อาหริตฺวา ทสฺเสสฺสาม.
ปภาโวติ ปการโต ภวตีติ ปภาโว, โสยมานุภาโวเยว. ‘‘ปภาวํ เต น ปสฺสามิ, เยน ตฺวํ มิถิลํ วเช’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. อนุภโวติ อนุภวนํ อนุภโว, กึ ตํ? ปริภฺุชนํ. อานุภาโวติ เตชุสฺสาหมนฺตปภูสตฺติโย. ‘‘เตชสงฺขโต อุสฺสาหมนฺตปภูสตฺติสงฺขาโต วา มหนฺโต อานุภาโว เอตสฺสาติ มหานุภาโว’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ.
เตโช อุสฺสาหมนฺตา จ, ปภูสตฺตีติ ปฺจิเม;
อานุภาวาติ วุจฺจนฺติ, ปภาวาติ จ เต วเท.
เตชาทิวาจกตฺตมฺหิ, อานุภาวปทสฺส ตุ;
อตฺถนิพฺพจนํ ธีโร, ยถาสมฺภวมุทฺทิเส.
อถ ¶ วา อานุภาโวติ อนุภวิตพฺพผลํ. ‘‘อนุภวิตพฺพสฺส ผลสฺส มหนฺตตาย มหานุภาโว’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. ปราภโวติ ปราภวนํ ปราภโว, อถ วา ปราภวตีติ ปราภโว. ‘‘สุวิชาโน ปราภโว’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. อปิจ ‘‘ธมฺมเทสฺสี ปราภโว’’ติ ปาานุรูปโต ปราภวิสฺสตีติ ปราภโวติ อนาคตกาลวเสนปิ นิพฺพจนํ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ปราภวนฺติ เอเตนาติ ปราภโว. กึ ตํ? ธมฺมเทสฺสิตาทิ. ‘‘ปโม โส ปราภโว’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. วิภโวติ นิพฺพานํ. ตฺหิ ภวโต วิคตตฺตา ภวโต วิคโตติ วิภโว, ภวสฺส จ ตํเหตุ วิคตตฺตา วิคโต ภโว เอตสฺมาติ วิภโว. วิภวนฺติ อุจฺฉิชฺชนฺติ วินสฺสนฺติ อิโต อริยธนวิโลมกา กิเลสมหาโจราติปิ วิภโว. วิภวสทฺทสฺส นิพฺพานาภิธานตฺเต ‘‘เอวํ ภเว วิชฺชมาเน, วิภโว อิจฺฉิตพฺพโก’’ติ อิทเมตฺถ สาธกํ วจนํ. อิมานิ ปน นิพฺพานสฺส ปริยายวจนานิ –
นิพฺพานํ วิภโว โมกฺโข, นิโรโธ อมตํ สมํ;
สงฺขารูปสโม ทุกฺข-นิโรโธ อจฺจุต’กฺขโย.
วิวฏฺฏ’มกตํ อตฺถํ, สนฺติปท’มสงฺขตํ;
ปารํ ตณฺหากฺขโย ทุกฺข-กฺขโย สฺโชนกฺขโย.
โยคกฺเขโม วิราโค จ,
โลกนฺโต จ ภวกฺขโย;
อปวคฺโค วิสงฺขาโร,
สพฺภิ สุทฺธิ วิสุทฺธิ จ.
วิมุตฺยา’ปจโย มุตฺติ, นิพฺพุติ อุปธิกฺขโย;
สนฺติ อสงฺขตา ธาตุ, ทิสา จ สพฺพโตปภํ.
วินาเปตานิ ¶ นามานิ, วิเสสกปทํ อิธ;
นิพฺพานวาจกานีติ, สลฺลกฺเขยฺย สุเมธโส.
‘‘ตาณํ เลณ’’นฺติอาทีนิ-เปกฺขิกานิ ภวนฺติ หิ;
วิเสสกปทานนฺติ, เอตฺเถตานิ ปกาสเย.
ตาณํ เลณ’มรูปฺจ, สนฺตํ สจฺจ’มนาลยํ;
สุทุทฺทสํ สรณฺจ, ปรายณ’มนีติกํ.
อนาสวํ ธุวํ นิจฺจํ, วิฺาณ’มนิทสฺสนํ;
อพฺยาปชฺชํ สิวํ เขมํ, นิปุณํ อปโลกิกํ.
อนนฺต’มกฺขรํ ทีโป, อจฺจนฺตํ เกวลํ ปทํ;
ปณีตํ อจฺจุตฺจาติ, พหุธาปิ วิภาวเย.
โคตฺรภูติ ปทสฺสตฺถํ, วทนฺเตหิ ครูหิ ตุ;
โคตฺตํ วุจฺจติ นิพฺพาน-มิติ โคตฺตนฺติ ภาสิตํ.
วิภโวติ วา วินาสสมฺปตฺติธนุจฺเฉททิฏฺิโยปิ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ วินาโส วิภวนํ อุจฺฉิชฺชนํ นสฺสนนฺติ อตฺเถน วิภโว. ‘‘วิภโว สพฺพธมฺมานํ, อิตฺเถเก สโต สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺเปนฺตี’’ติ จ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. สมฺปตฺติ ปน วิเสสโต ภวตีติ วิภโว. ‘‘รฺโ สิริวิภวํ ทฏฺุกามา’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. ธนํ ปน ภวนฺติ วฑฺฒนฺติ วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺติ สตฺตา เอเตนาติ วิภโว. ‘‘อสีติโกฏิวิภวสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺตี’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. อิทํ ปน ปริยายวจนํ –
ธนํ สํ วิภโว ทพฺพํ, สาปเตยฺยํ ปริคฺคโห;
โอฑฺฑํ ภณฺฑํ สกํ อตฺโถ, อิจฺเจเต ธนวาจกา.
อุจฺเฉททิฏฺิ ปน วิภวติ อุจฺฉิชฺชติ ‘‘อตฺตา จ โลโก จ ปุน จุติโต อุทฺธํ น ชายตี’’ติ คหณโต วิภโวติ. ‘‘วิภวตณฺหา’’ติ ¶ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. วิภวตณฺหาติ หิ อุจฺเฉททิฏฺิสหคตาย ตณฺหาย นามํ. เอตฺถ อตฺถุทฺธาโร วุจฺจติ –
ธนนิพฺพานสมฺปตฺติ-วินาสุจฺเฉททิฏฺิโย;
วุตฺตา วิภวสทฺเทน, อิติ วิฺู วิภาวเย.
ปาตุภาโวติ ปาตุภวนํ ปาตุภาโว. อาวิภาโวติ อาวิภวนํ อาวิภาโว, อุภินฺนเมเตสํ ปากฏตา อิจฺเจวตฺโถ. ติโรภาโวติ ติโรภวนํ ติโรภาโว, ปฏิจฺฉนฺนภาโว. วินาภาโวติ วินาภวนํ วินาภาโว, วิโยโค. โสตฺถิภาโวติ โสตฺถิภวนํ โสตฺถิภาโว, สุวตฺถิภาโว สุขสฺส อตฺถิตา, อตฺถโต ปน นิพฺภยตา นิรุปทฺทวตา เอว. อตฺถิภาโวติ อตฺถิตา วิชฺชมานตา อวิวิตฺตตา. นตฺถิภาโวติ นตฺถิตา อวิชฺชมานตา วิวิตฺตตา ริตฺตตา ตุจฺฉตา สฺุตา. โอการนฺตปุลฺลิงฺคนิทฺเทโส.
อภิภวตีติ อภิภวิตา, ปรํ อภิภวนฺโต โย โกจิ. เอวํ ปริภวิตา, อนุภวตีติ อนุภวิตา, สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา อนุภวนฺโต โย โกจิ. เอวํ สมนุภวิตา. ปจฺจนุภวิตา, เอตฺถ ปน ยถา ‘‘อมตสฺส ทาตา. อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’’ติอาทีสุ ‘‘ทาตา’’ติ ปทานํ กตฺตุวาจกานํ ‘‘อมตสฺสา’’ติอาทีหิ ปเทหิ กมฺมวาจเกหิ ฉฏฺิยนฺเตหิ สทฺธึ โยชนา ทิสฺสติ, ตถา อิเมสมฺปิ ปทานํ ‘‘ปจฺจามิตฺตสฺส อภิภวิตา’’ติอาทินา โยชนา กาตพฺพา. เอวํ อฺเสมฺปิ เอวรูปานํ ปทานํ. อาการนฺตปุลฺลิงฺคนิทฺเทโส.
ภวตีติ ภวํ. ภวิสฺสตีติ วา ภวํ, วฑฺฒมาโน ปุคฺคโล. ‘‘สุวิชาโน ภวํ โหติ, สุวิชาโน ปราภโว. ธมฺมกาโม ¶ ภวํ โหติ, ธมฺมเทสฺสี ปราภโว’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. อถ วา เยน สทฺธึ กเถติ, โส ‘‘ภว’’นฺติ วตฺตพฺโพ, ‘‘ภวํ กจฺจายโน. ภวํ อานนฺโท. มฺเ ภวํ ปตฺถยติ, รฺโ ภริยํ ปติพฺพต’’นฺติอาทีสุ. เอตฺถ ปน ธาตุอตฺเถ อาทโร น กาตพฺโพ, สมฺมุติอตฺเถเยวาทโร กาตพฺโพ ‘‘สงฺเกตวจนํ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณ’’นฺติ วจนโต. โวหารวิสยสฺมิฺหิ โลกสมฺมุติ เอว ปธานา อวิลงฺฆนียา. ปราภวตีติ ปราภวํ. เอวํ ปริภวํ. อภิภวํ. อนุภวํ. ปภวติ ปโหติ สกฺโกตีติ ปภวํ, ปโหนฺโต โย โกจิ. น ปภวํ อปฺปภวํ, ‘‘อปฺปภว’’นฺติ จ อิทํ ชาตเก ทิฏฺํ –
‘‘ฉินฺนพฺภมิว วาเตน, รุณฺโณ รุกฺขมุปาคมึ;
โสหํ อปฺปภวํ ตตฺถ, สาขํ หตฺเถหิ อคฺคหิ’’นฺติ
ตตฺถ สาธกวจนมิทํ. นิคฺคหีตนฺตปุลฺลิงฺคนิทฺเทโส.
ธนภูตีติ ธนมสฺส ภวตูติ ธนภูติ. สิริภูตีติ โสภาย เจว ปฺาปฺุานฺจ อธิวจนํ. สา อสฺส ภวตูติ สิริภูติ. เอวํ โสตฺถิภูติ, สุวตฺถิภูติ. อิการนฺตปุลฺลิงฺคนิทฺเทโส.
ภาวีติ ภวนสีโล ภาวี, ภวนธมฺโม ภาวี, ภวเน สาธุการี ภาวี. เอวํ วิภาวี. สมฺภาวี. ปริภาวีติ. ตตฺร วิภาวีติ อตฺถวิภาวเน สมตฺโถ ปณฺฑิโต วุจฺจติ. เอตฺถ วิทฺวา, วิชฺชาคโต, าณีติอาทิ ปริยายวจนํ ทฏฺพฺพํ. ภวนฺติ จตฺร –
วิทฺวา วิชฺชาคโต าณี, วิภาวี ปณฺฑิโต สุธี;
พุโธ วิสารโท วิฺู, โทสฺู วิทฺทสุ วิทู.
วิปสฺสี ¶ ปฏิภาณี จ, เมธาวี นิปโก กวิ;
กุสโล วิทุโร ธีมา, คติมา มุติมา จยํ.
จกฺขุมา กณฺณวา ทพฺโพ, ธีโร ภูริ วิจกฺขโณ;
สปฺปฺโ พุทฺธิมา ปฺโ, เอวํนามา วิภาวิโนติ.
อีการนฺตปุลฺลิงฺคนิทฺเทโส.
สยมฺภูติ สยเมว ภวตีติ สยมฺภู. โก โส? อนฺตเรน ปโรปเทสํ สามํเยว สพฺพํ เยฺยธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโต สกฺยมุนิ ภควา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ;
สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ, นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล.
อหฺหิ อรหา โลเก, อหํ สตฺถา อนุตฺตโร;
เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สีตีภูโตสฺมิ นิพฺพุโต’’ติ.
อตฺถโต ปน ปารมิตาปริภาวิโต สยมฺภูาเณน สห วาสนาย วิคตวิทฺธสฺตนิรวเสสกิเลโส มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริเมยฺยคุณคณาธาโร ขนฺธสนฺตาโน สยมฺภู. โส เอวํภูโต ขนฺธสนฺตาโน โลเก อคฺคปุคฺคโลติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘เอกปุคฺคโล ภิกฺขเว โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อจฺฉริยมนุสฺโส, กตโม เอกปุคฺคโล? ตถาคโต ภิกฺขเว อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ. โส เอกปุคฺคโล เอตรหิ ‘‘สพฺพฺู, สุคโต’’ติอาทีหิ ยถาภุจฺจคุณาธิคตนาเมหิ จ ปสิทฺโธ, ‘‘โคตโม อาทิจฺจพนฺธู’’ติ โคตฺตโต จ ปสิทฺโธ, สกฺยปุตฺโต สกฺโก สกฺยมุนิ สกฺยสีโห สกฺยปุงฺคโวติ กุลโต จ ปสิทฺโธ, สุทฺโธทนิมายาเทวีสุโตติ ¶ มาตาปิติโต จ ปสิทฺโธ, สิทฺธตฺโถติ คหิตนาเมน จ ปสิทฺโธ. ภวนฺติ จตฺร –
โย เอกปุคฺคโล อาสิ, พุทฺโธ โส วทตํ วโร;
โคตฺตโต โคตโม นาม, ตเถวาทิจฺจพนฺธุ จ.
สกฺยกุเล ปสูตตฺตา, สกฺยปุตฺโตติ วิสฺสุโต;
สกฺโก อิติ จ อวฺหิโต, ตถา สกฺยมุนีติ จ.
สพฺพตฺถ เสฏฺภาเวน, สกฺเย จ เสฏฺภาวโต;
สกฺยสีโหติ โส สกฺย-ปุงฺคโวติ จ สมฺมโต.
สุทฺโธทนีติ ปิติโต, นเภ จนฺโทว วิสฺสุโต;
มาติโตปิ จ สฺาโต, มายาเทวีสุโต อิติ.
สพฺพฺู สุคโต พุทฺโธ, ธมฺมราชา ตถาคโต;
สมนฺตภทฺโท ภควา, ชิโน ทสพโล มุนิ.
สตฺถา วินายโก นาโถ,
มุนินฺโท โลกนายโก;
นราสโภ โลกชิโน,
สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม.
เทวเทโว โลกครุ, ธมฺมสฺสามี มหามุนิ;
สมนฺตจกฺขุ ปุริส-ทมฺมสารถิ มารชิ.
ธมฺมิสฺสโร จ อทฺเวชฺฌ-วจโน สตฺถวาหโก;
วิสุทฺธิเทโว เทวาติ-เทโว จ สมณิสฺสโร.
ภูริปฺโ’นธิวโร, นรสีโห จ จกฺขุมา;
มุนิมุนิ นรวโร, ฉฬภิฺโ ชเน สุโต.
องฺคีรโส ยติราชา, โลกพนฺธุ’มตนฺทโท;
วตฺตา ปวตฺตา สทฺธมฺม-จกฺกวตฺตี ยติสฺสโร.
โลกทีโป ¶ สิรีฆโน, สมณินฺโท นรุตฺตโม;
โลกตฺตยวิทู โลก-ปชฺโชโต ปุริสุตฺตโม.
สจฺจทโส สตปฺุ-ลกฺขโณ สจฺจสวฺหโย;
รวิพนฺธา’สมสโม, ปฺจเนตฺต’คฺคปุคฺคโล.
สพฺพาภิภู สพฺพวิทู, สจฺจนาโม จ ปารคู;
ปุริสาติสโย สพฺพ-ทสฺสาวี นรสารถิ.
สมฺมาสมฺพุทฺโธ อิติ โส, าโต สตฺตุตฺตโมติ จ;
ตาที วิภชฺชวาทีติ, มหาการุณิโกติ จ.
จกฺขุภูโต ธมฺมภูโต, าณภูโตติ วณฺณิโต;
พฺรหฺมภูโตติ ปุริสา-ชฺโ อิติ จ โถมิโต.
โลกเชฏฺโ สยมฺภู จ, มเหสิ มารภฺชโน;
อโมฆวจโน ธมฺม-กาโย มาราภิภู อิติ.
อสงฺขฺเยยฺยานิ นามานิ, สคุเณน มเหสิโน;
นามํ คุเณหิ นิสฺสิตํ, โก กวินฺโท กเถสฺสติ.
ตตฺร สพฺพฺุ อิจฺจาทิ-นามํ สาธารณํ ภเว;
สพฺเพสานมฺปิ พุทฺธานํ, โคตโม อิติอาทิ น.
พุทฺโธ ปจฺเจกพุทฺโธ จ, ‘‘สยมฺภู’’อิติ สาสเน;
เกจิ ‘‘พฺรหฺมา สยมฺภู’’ติ, สาสนาวจรํ น ตํ.
‘‘พุทฺโธ ตถาคโต สตฺถา, ภควา’’ติ ปทานิ ตุ;
าเนเนกสหสฺสมฺหิ, สฺจรนฺติ อภิณฺหโส.
ตตฺร จาทิปทํ อนฺต-ปทฺเจว อิมานิ ตุ;
เอกโตปิ จรนฺตีติ, วิภาเวยฺย วิสารโท.
วิเสสกปทานํ ตุ, อเปกฺขกปทานิ จ;
อนเปกฺขปทานีติ, ปทานิ ทุวิธา สิยุํ.
ตถา ¶ หิ สตฺถวาโห นรวโร ฉฬภิฺโติ เอวํปการานิ อภิธานปทานิ วิเสสกปทาเปกฺขกานิ. กถํ?
‘‘เอวํ วิชิตสงฺคามํ, สตฺถวาหํ อนุตฺตรํ;
สาวกา ปยิรุปาสนฺติ, เตวิชฺชา มจฺจุหายิโน.
ยํ โลโก ปูชยเต,
สโลกปาโล สทา นมสฺสติ จ;
ตสฺเสต สาสนวรํ,
วิทูหิ เยฺยํ นรวรสฺสา’’ติ,
‘‘ฉฬภิฺสฺส สาสน’’นฺติ จ เอวํ วิเสสกปทาเปกฺขกานิ ภวนฺติ. พุทฺโธ ชิโน ภควาติ เอวํปการานิ ปน โน วิเสสกาเปกฺขานีติ ทฏฺพฺพํ.
เกจิ ปเนตฺถ เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘มุนินฺโท สมณินฺโท สมณิสฺสโร ยติสฺสโร อาทิจฺจพนฺธุ รวิพนฺธูติ เอวํปการานํ อิธ วุตฺตานมภิธานานํ วิเสสตฺถาภาวโต ปุนรุตฺติโทโส อตฺถี’’ติ. ตนฺน, อภิธานานํ อภิสงฺขรณียานภิสงฺขรณียวเสน อภิสงฺขตาภิธานานิ อนภิสงฺขตาภิธานานีติ ทฺเวธา ทิสฺสนโต. ตถา หิ กตฺถจิ เกจิ ‘‘สกฺยสีโห’’ติ อภิธานํ ปฏิจฺจ ‘‘สกฺยเกสรี สกฺยมิคาธิโป’’ติอาทินา นานาวิวิธมภิธานมภิสงฺขโรนฺติ, ปาวจเนปิ หิ ‘‘ทฺวิทุคฺคมวรหนุตฺต’มลตฺถา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. ตถา เกจิ ‘‘ธมฺมราชา’’ติ อภิธานํ ปฏิจฺจ ‘‘ธมฺมทิสมฺปตี’’ติอาทีนิ อภิสงฺขโรนฺติ. ‘‘สพฺพฺู’’ติ อภิธานํ ปฏิจฺจ ‘‘สพฺพทสฺสาวี สพฺพทสฺสี’’ติอาทีนิ อภิสงฺขโรนฺติ, ‘‘สหสฺสกฺโข’’ติ อภิธานํ ปฏิจฺจ ‘‘ทสสตโลจโน’’ติอาทีนิ อภิสงฺขโรนฺติ. ‘‘อาทิจฺจพนฺธู’’ติ อภิธานํ ปฏิจฺจ ‘‘อรวินฺทสหายพนฺธู’’ติอาทีนิ อภิสงฺขโรนฺติ. ‘‘อมฺพุช’’นฺติ อภิธานํ ปฏิจฺจ ‘‘นีรชํ กฺุช’’นฺติอาทีนิ อภิสงฺขโรนฺติ. ปาวจเนปิ หิ ¶ ยํ ปทุมํ, ตํ ชลชํ นามาติ มนฺตฺวา ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเตหิ อริเยหิ เทสนาวิลาสวเสน วุตฺโต ‘‘ปทุมุตฺตรนามิโน’’ติ วตฺตพฺพฏฺาเน ‘‘ชลชุตฺตรนามิโน’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. เอวํ อภิสงฺขตาภิธานานิ ทิสฺสนฺติ.
‘‘พุทฺโธ ภควา’’ติ อภิธานานิ ปน อนภิสงฺขตาภิธานานิ. วุตฺตฺเหตํ ธมฺมเสนาปตินา อายสฺมตา สาริปุตฺเตน ‘‘พุทฺโธติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณปฺปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ, ตถา ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ…เป… สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ ภควา’’ติ. เอวํ ‘‘พุทฺโธ ภควา’’ติ อภิธานานิ อนภิสงฺขตาภิธานานิ. น หิ ตานิ อภิธานานิ เจว ‘‘สตฺถา สุคโต ชิโน’’ติอาทีนิ จ อฺํ กิฺจิ อภิธานํ ปฏิจฺจ อภิสงฺขตานิ, นาปิ อฺานิ อภิธานานิ เอตานิ ปฏิจฺจ อภิสงฺขตานิ ทิสฺสนฺติ. ตถา หิ ‘‘พุทฺโธ’’ติ อภิธานํ ปฏิจฺจ ‘‘พุชฺฌิตา โพเธตา โพธโก’’ติอาทีนิ นามาภิธานานิ น อภิสงฺขโรนฺติ. ตถา ‘‘ภควา สตฺถา สุคโต’’ติอาทีนิ นามาภิธานานิ ปฏิจฺจ ‘‘สมฺปนฺนภโค อนุสาสโก สุนฺทรวจโน’’ติอาทีนิ นามาภิธานานิ นาภิสงฺขโรนฺติ. เอวํ อิมํ วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘มุนินฺโท สมณินฺโท สมณิสฺสโร ยติสฺสโร อาทิจฺจพนฺธุ รวิพนฺธู’’ติอาทินา นเยน ปุนรุตฺติ อมฺเหหิ กตาติ ทฏฺพฺพา. เอวมฺตฺราปิ นโย เนตพฺโพ. อตฺริทํ วุจฺจติ –
‘‘อภิสงฺขตนามฺจ, นามฺจานภิสงฺขตํ;
ทฺวิทุคฺคมวโร พุทฺโธ, อิติ นามํ ทฺวิธา ภเว’’ติ.
ปภูติ ปรํ ปสยฺห ภวตีติ ปภู, อิสฺสโร. ‘‘อรฺสฺส ปภู อยํ ลุทฺทโก’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. อภิภูติ ¶ อภิภวตีติ อภิภู, อสฺสตฺโต. กึ โส อภิภวิ? จตฺตาโร ขนฺเธ อรูปิโน. อิติ จตฺตาโร ขนฺเธ อรูปิโน อภิภวีติ อภิภู. โส จ โข นิจฺเจตนตฺตา อภิภวนกฺริยายาสติ ปุพฺเพวา’สฺุปฺปตฺติโต ฌานลาภิกาเล อตฺตนา อธิคตปฺจมชฺฌานํ สฺาวิราควเสน ภาเวตฺวา จตฺตาโร อรูปกฺขนฺเธ อสฺิภเว อปฺปวตฺติกรเณน อภิภวิตุมารภิ, ตทภิภวนกิจฺจํ อิทานิ สิทฺธนฺติ อภิภวีติ อภิภูติ วุจฺจติ. อปิจ นิจฺเจตนภาเวน อภิภวนพฺยาปาเร อสติปิ ปุพฺเพ สเจตนกาเล สพฺยาปารตฺตา สเจตนสฺส วิย นิจฺเจตนสฺสาปิ สโต ตสฺส อุปจาเรน สพฺยาปารตาวจนํ ยุชฺชเตว. ทิสฺสติ หิ โลเก สาสเน จ สเจตนสฺส วิย อเจตนสฺสปิ อุปจาเรน สพฺยาปารตาวจนํ. ตํ ยถา? กูลํ ปติตุกามํ, เอวํ โลเก. สาสเน ปน –
‘‘โรทนฺเต ทารเก ทิสฺวา, อุพฺพิคฺคา วิปุลา ทุมา;
สยเมโวนมิตฺวาน, อุปคจฺฉนฺติ ทารเก’’ติ จ
‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทนฺเต, ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหายา’’ติ จ ‘‘ผลํ โตเสติ กสฺสก’’นฺติ จ อาทิ. อภิภูสทฺทสฺส อสฺสตฺตาภิธานตฺเต ‘‘อภิภุํ อภิภุโต มฺตี’’ติ อิทเมตฺถ สาธกํ วจนํ. อถ วา อภิภวตีติ อภิภู, ปเรสมภิภวิตา โย โกจิ. วิเสสโต ปน ตถาคโตเยว อภิภู. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘ตถาคโต ภิกฺขเว อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุทโส วสวตฺตี’’ติ. เกจิ ปน ‘‘อภิภู นาม สหสฺโส พฺรหฺมา’’ติ วทนฺติ.
วิภูติ วิเสสภูโตติ วิภู, ‘‘ภวโสตํ สเจ พุทฺโธ, ติณฺโณ โลกนฺตคู วิภู’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ ¶ วจนํ. วิภูติ เหตฺถ รูปกายธมฺมกายสมฺปตฺติยา วิเสสภูโตติ อตฺโถ. อาห จ –
‘‘ทิสฺสมาโนปิ ตาวสฺส, รูปกาโย อจินฺติโย;
อสาธารณาณฏฺเ, ธมฺมกาเย กถาว กา’’ติ.
อธิภูติ อธิภวตีติ อธิภู, อิสฺสโร.
‘‘ตทา มํ ตปเตเชน, สนฺตตฺโต ติทิวาธิภู;
ธาเรนฺโต พฺราหฺมณํ วณฺณํ, ภิกฺขาย มํ อุปาคมี’’ติ –
อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. ปติภูติ ปติภูโตติ ปติภู, ‘‘โคณสฺส ปติภู’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. โคตฺรภูติ โคตฺตสงฺขาตํ อมตมหานิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ภูโตติ โคตฺรภู, โสตาปตฺติมคฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน สิขาปฺปตฺตพลววิปสฺสนาจิตฺเตน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล โคตฺรภู? เยสํ ธมฺมานํ สมนนฺตรา อริยธมฺมสฺส อวกฺกนฺติ โหติ, เตหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล โคตฺรภู’’ติ, อิทเมเวตฺถ อตฺถสาธกํ วจนํ. อปิจ สมโณติ โคตฺตมตฺตมนุภวมาโน กาสาวกณฺสมโณปิ โคตฺรภู. โส หิ ‘‘สมโณ’’ติ โคตฺตมตฺตํ อนุภวติ วินฺทติ, น สมณธมฺเม อตฺตนิ อวิชฺชมานตฺตาติ ‘‘โคตฺรภู’’ติ วุจฺจติ, ‘‘ภวิสฺสนฺติ โข ปนานนฺท อนาคตมทฺธานํ โคตฺรภุโน กาสาวกณฺา ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. วตฺรภูติ สกฺโก. โส หิ มาตาปิติภรณาทีหิ สตฺตหิ วตฺเตหิ สกฺกตฺตํ ลภิตฺวา อฺเ เทเว วตฺเตน อภิภวตีติ วตฺรภู. อาคมฏฺกถายํ ปน ภูธาตุมฺหิ ลพฺภมานํ ปตฺติอตฺถมฺปิ คเหตฺวา ‘‘วตฺเตน อฺเ อภิภวิตฺวา เทวิสฺสริยํ ปตฺโตติ วตฺรภู’’ติ ¶ วุตฺตํ, ‘‘วตฺรนามกํ วา อสุรํ อภิภวตีติ วตฺรภู’’ติ จ, ‘‘วตฺรภู ชยตํปิตา’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. เอตฺถ หิ วตฺรภูติ วตฺรนามกสฺส อสุรสฺส อภิภวิตา. ชยตํ ปิตาติ ชยนฺตานํ ปิตา. ‘‘สกฺโก อินฺโท ปุรินฺทโท’’ อิจฺจาทิ ปริยายวจนํ. อิทํ ตุ ธาตาธิกาเร ปกาเสสฺสาม. ปราภิภูติ ปรมภิภวตีติ ปราภิภู. เอวํ รูปาภิภูติอาทีสุปิ. สพฺพาภิภูติ สพฺพมภิภวิตพฺพํ อภิภวตีติ สพฺพาภิภู. สพฺพาภิภูติ จ อิทํ นามํ ตถาคตสฺเสว ยุชฺชติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘สพฺพาภิภู สพฺพวิทูหมสฺมิ,
สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนูปลิตฺโต;
สพฺพฺชโห ตณฺหกฺขเย วิมุตฺโต,
สยํ อภิฺาย กมุทฺทิเสยฺย’’นฺติ.
อูการนฺตปุลฺลิงฺคนิทฺเทโส. นิยตปุลฺลิงฺคนิทฺเทโสยํ.
อิทานิ อนิยตลิงฺคานํ นิยตลิงฺเคสุ ปกฺขิตฺตานํ ภูตปราภูต สมฺภูตสทฺทาทีนํ นิทฺเทโส วุจฺจติ. ตตฺร ภูโตติ อตฺตโน ปจฺจเยหิ อภวีติ ภูโต, ภูโตติ ชาโต สฺชาโต นิพฺพตฺโต อภินิพฺพตฺโต ปาตุภูโต, ภูโตติ วา ลทฺธสรูโป โย โกจิ สวิฺาณโก วา อวิฺาณโก วา. อถ วา ตถากาเรน ภวตีติ ภูโต, ภูโตติ สจฺโจ ตโถ อวิตโถ อวิปรีโต โย โกจิ, เอตฺถ โย ภูตสทฺโท สจฺจตฺโถ, ตสฺส ‘‘ภูตฏฺโ’’ติ อิทเมตฺถ สาธกํ วจนํ. ปราภูโตติ ปราภวีติ ปราภูโต. สุฏฺุ ภูโตติ สมฺภูโต. วิเสเสน ภูโตติ วิภูโต. วิสฺสุโต ภูโตติ วา วิภูโต, ‘‘วิภูตารมฺมณ’’นฺติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. วิภวีติ วา วิภูโต, วินฏฺโติ อตฺโถ, ‘‘รูเป วิภูเต น ผุสนฺติ ผสฺสา’’ติ ¶ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. ปากโฏ ภูโตติ ปาตุภูโต. อาวิ ภวตีติ อาวิภูโต. เอวํ ติโรภูโต. วินาภูโต. ภวิตุมนุจฺฉวิโกติ ภพฺโพ. ปริภวิยเต โสติ ปริภูโต. เยน เกนจิ โย ปีฬิโต หีฬิโต วา, โส ปริภูโต. คมฺยมานตฺโถ ยถากามจารี. อภิภวิยฺยเต โสติ อภิภูโต. อธิภวิยเต โสติ อธิภูโต. เอวํ อทฺธภูโต. เอตฺถ อธิสทฺเทน สมานตฺโถ อทฺธสทฺโท, ‘‘จกฺขุ ภิกฺขเว อทฺธภูตํ, รูปา อทฺธภูตา, จกฺขุวิฺาณํ อทฺธภูต’’นฺติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ, ตถา ‘‘อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ น เหว อนทฺธภูตํ อตฺตานํ น อทฺธภาเวตี’’ติ ปทมฺปิ. ตตฺถ อนทฺธภูตนฺติ ทุกฺเขน อนธิภูตํ. ทุกฺเขน อนธิภูโต นาม มนุสฺสตฺตภาโว วุจฺจติ, ตํ น อทฺธภาเวติ นาภิภวตีติ สุตฺตปทตฺโถ.
อนุภวิยเต โสติ อนุภูโต. เอวํ สมนุภูโต. ปจฺจนุภูโต. ภาวิโต. เอตฺถ ภาวิโตติ อิมินา สมานาธิกรณํ ‘‘สติสมฺโพชฺฌงฺโค โข กสฺสป มยา สมฺมทกฺขาโต ภาวิโต’’ติอาทีสุ คุณีวาจกํ ปธานปทํ สาสเน ทฏฺพฺพํ. ติตฺถิยสมเย ปน ภาวิโตติ กามคุโณ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ปาฬิยํ ‘‘น ภาวิตมาสีสตี’’ติ. ตตฺร ภาวิตา นาม ปฺจ กามคุณา, เต น อาสีสติ น เสวตีติ สุตฺตปทตฺโถ. สมฺภาวิยเต โสติ สมฺภาวิโต. เอวํ วิภาวิโต. ปริภาวิโต. อนุปริภูโต. มนํปริภูโตติ มนํ ปริภวิยิตฺถ โสติ มนํปริภูโต. เอตฺถ มนํปริภูโตติ อีสกํ อปฺปตฺตปริภวโน วุจฺจติ. มนนฺติ หิ นิปาตปทํ. ‘‘อติปณฺฑิเตน ปุตฺเตน, มนมฺหิ อุปกูลิโต, เทวทตฺเตน อตฺตโน อพุทฺธภาเวน เจว ขนฺติเมตฺตาทีนฺจ ¶ อภาเวน กุมารกสฺสปตฺเถโร จ เถรี จ มนํ นาสิโต, มนํ วุฬฺโห อโหสี’’ติอาทีสุ จสฺส ปโยโค เวทิตพฺโพ. อตฺร มนํสทฺทสฺส กิฺจิ ยุตฺตึ วทาม.
มนํสทฺโท ทฺวิธา ภินฺโน, นามํ เนปาติกฺจิติ;
สนฺตํ ตสฺส มนํ โหติ, มนมฺหิ อุปกูลิโตติ.
ปริภวิตพฺโพติ อฺเน ปริภวิตุํ สกฺกุเณยฺโยติ ปริภวิตพฺโพ. เอวํ ปริโภตฺตพฺโพ ปริภวนีโย. ตพฺพปจฺจยฏฺาเน หิ สกฺกุเณยฺยปทโยชนา ทิสฺสติ ‘‘อลทฺธํ อารมฺมณํ ลทฺธพฺพํ ลภนียํ ลทฺธุํ วา สกฺกุเณยฺย’’นฺติ. อถ วา ปริภวนมรหตีติ ปริภวิตพฺโพ. เอวํ ปริโภตฺตพฺโพ ปริภวนีโย. ตถา หิ ตพฺพปจฺจยฏฺาเน อรหติปทโยชนา ทิสฺสติ ‘‘ปริสกฺกุเณยฺยํ ลาภมรหตีติ ลทฺธพฺพ’’นฺติ. เอตฺถ ปน ปริโภตฺตพฺโพติ ปทสฺส อตฺถิภาเว ‘‘ขตฺติโย โข มหาราช ทหโรติ น อฺุาตพฺโพ น ปริโภตฺตพฺโพ’’ติ ปาฬิ นิทสฺสนํ. อภิอธิปุพฺพา ภูธาตุโย สมานตฺถา. เสสานิ ทุกานิ นยานุสาเรน เยฺยานิ. ภมาโนติ ภวตีติ ภมาโน, มชฺเฌ วการโลโป ทฏฺพฺโพ. อตฺริทํ วตฺตพฺพํ –
‘‘กึ โส ภมาโน สจฺจโก’’, อิจฺจตฺร ปาฬิยํ ปน;
รูปํ ภวติธาตุสฺส, วโลเปเนว ทิสฺสติ.
อตฺรายํ ปาฬิ ‘‘กึ โส ภมาโน สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต, โย ภควโต วาทํ อาโรเปสฺสตี’’ติ. วิภวมาโนติ วิภวตีติ วิภวมาโน. เอวํ ปริภวมาโนติอาทีสุ. ตตฺถ ‘‘อภิสมฺโภนฺโต’’ติมสฺส กโรนฺโต นิปฺผาเทนฺโต อิจฺเจวตฺโถ. ‘‘สพฺพานิ อภิสมฺโภนฺโต, ส ราชวสตึ วเส’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. ยสฺมา ปนิมานิ ¶ ‘‘ภวมาโน’’ติอาทีนิ วิปฺปกตปจฺจตฺตวจนานิ, ตสฺมา สรมาโน โรทติ, คจฺฉนฺโต คณฺหาติ, ‘‘คจฺฉนฺโต โส ภารทฺวาโช, อทฺทส อจฺจุตํ อิสิ’’นฺติอาทีนิ วิย ปริปุณฺณุตฺตรกฺริยาปทานิ กตฺวา ราชา ภวมาโน สมฺปตฺติมนุภวตีติอาทินา โยเชตพฺพานิ. ‘‘สรมาโน คจฺฉนฺโต’’ติอาทีนิ หิ ‘‘ยาโต คโต ปตฺโต’’ติอาทีหิ สทิสานิ น โหนฺติ, อุตฺตรกฺริยาปทาเปกฺขกานิ โหนฺติ ตฺวาปจฺจยนฺตปทานิ วิยาติ.
ปริภวิยมาโนติ ปริภวิยเต โสติ ปริภวิยมาโน. เอวํ ปริภุยฺยมาโนติอาทีสุปิ. อิมานิปิ วิปฺปกตปจฺจตฺตวจนานิ, ตสฺมา ‘‘ราชปุริเสหิ นียมาโน โจโร เอวํ จินฺเตสี’’ติอาทีนิ วิย ปริปุณฺณุตฺตรกฺริยาปทานิ กตฺวา อฺเหิ ปริภวิยมาโน ตาณํ คเวสติ. โภโค ปุคฺคเลนานุภวิยมาโน ปริกฺขยํ คจฺฉตีติอาทินา โยเชตพฺพานิ. เอวํ สพฺพตฺร อีทิเสสุ วิปฺปกตวจเนสุ โยเชตพฺพานิ. อยํ อนิยตลิงฺคานํ นิยตลิงฺเคสุ ปกฺขิตฺตานํ ภูต ปราภูต สมฺภูตสทฺทานํ นิทฺเทโส. อิจฺเจวํ ปุลฺลิงฺคานํ ภูธาตุมยานํ ยถารหํ นิพฺพจนาทิวเสน นิทฺเทโส วิภาวิโต.
อิทานิ อิตฺถิลิงฺคนิทฺเทโส วุจฺจติ – ตตฺร ภาวิกาติ ภาเวตีติ ภาวิกา. ยา ภาวนํ กโรติ, สา ภาวิกา. ภาวนาติ วฑฺฒนา พฺรูหนา ผาติกรณํ อาเสวนา พหุลีกาโร. วิภาวนาติ ปกาสนา สนฺทสฺสนา. อถ วา วิภาวนาติ อภาวนา อนฺตรธาปนา. สมฺภาวนาติ อุกฺกํสนา โถมนา. ปริภาวนาติ วาสนา, สมนฺตโต วา วฑฺฒนา. อาการนฺติตฺถิลิงฺคนิทฺเทโส.
ภูมีติ สตฺตายมานา ภวตีติ ภูมิ, อถ วา ภวนฺติ ชายนฺติ วฑฺฒนฺติ เจตฺถ ถาวรา จ ชงฺคมา จาติ ภูมิ. ภูมิ วุจฺจติ ¶ ปถวี. ‘‘ปมาย ภูมิยา ปตฺติยา’’ติอาทีสุ ปน โลกุตฺตรมคฺโค ภูมีติ วุจฺจติ. ยา ปนนฺธพาลมหาชเนน วิฺาตา ปถวี, ตสฺสิมานิ อภิธานานิ –
‘‘ปถวี เมทนี ภูมิ, ภูรี ภู ปุถุวี มหี;
ฉมา วสุมตี อุพฺพี, อวนี กุ วสุนฺธรา;
ชคตี ขิติ วสุธา, ธรณี โค ธรา’’อิติ.
อตฺร ภู กุ โคสทฺทา ปถวีปทตฺเถ วตฺตนฺตีติ กุตฺร ทิฏฺปุพฺพาติ เจ?
วิทฺวา ภูปาล กุมุท-โครกฺขาทิปเทสุ เว;
ภู กุ โคอิติ ปถวี, วุจฺจตีติ วิภาวเย.
ภูตีติ ภวนํ ภูติ. วิภูตีติ วินาโส, วิเสสโต ภวนํ วา, อถ วา วิเสสโต ภวนฺติ สตฺตา เอตายาติ วิภูติ, สมฺปตฺติเยว, ‘‘รฺโ วิภูติ. ปิหนียา วิภูติโย’’ติ จ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. อิการนฺติตฺถิลิงฺคนิทฺเทโส.
ภูรีติ ปถวี. สา หิ ภวนฺติ เอตฺถาติ ภูรีติ วุจฺจติ, ภวติ วา ปฺายติ วฑฺฒติ จาติ ภูรี, อถ วา ภูตาภูตา ตนฺนิสฺสิตา สตฺตา รมนฺติ เอตฺถาติ ภูรี. ปถวีนิสฺสิตา หิ สตฺตา ปถวิยํเยว รมนฺติ, ตสฺมา สา อิมินาปิ อตฺเถน ภูรีติ วุจฺจติ. ภูรีสทฺทสฺส ปถวีวจเน ‘‘ภูริปฺโ’’ติ อตฺถสาธกํ วจนํ. อปิจ ภูรี วิยาติ ภูรี, ปฺา, ภูรีติ ปถวีสมาย วิตฺถตาย ปฺาย นามํ, ‘‘โยคา เว ชายตี ภูรี, อโยคา ภูริสงฺขโย’’ติ เอตฺถ อฏฺกถาวจนํ อิมสฺสตฺถสฺส สาธกํ. อถ วา ภูเต อตฺเถ รมตีติ ภูรี, ปฺาเยตํ นามํ, ‘‘ภูรี เมธา ปริณายิกา’’ติ เอตฺถ ¶ อฏฺกถาวจนํ อิมสฺสตฺถสฺส สาธกํ. อถ วา ปฺาเยว ราคาทโย ธมฺเม อภิภวตีติ ภูรี, ราคาทิอรโย อภิภวตีติปิ ภูรี. ตถา หิ ปฏิสมฺภิทามคฺเค อายสฺมตา สาริปุตฺเตน วุตฺตํ ‘‘ราคํ อภิภูยตีติ ภูรี, ปฺา. โทสํ โมหํ…เป… ราโค อริ, ตํ อรึ มทฺทตีติ ภูรี, ปฺา. โทโส. โมโห…เป… สพฺเพ ภวคามิโน กมฺมา อริ, ตํ อรึ มทฺทตีติ ภูรี, ปฺา’’. เอตฺถ ปน ‘‘โคตฺรภู’’ติ ปทมิว ‘‘อริภู’’ติ วตฺตพฺเพปิ ภูสทฺทํ ปุพฺพนิปาตํ กตฺวา สนฺธิวเสน ภูรีติ ปทมุจฺจาริตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อปิจ อีทิเสสุ นามิกปเทสุ วินาปิ อุปสคฺเคน อภิภวนาทิอตฺถา ลพฺภนฺติเยว, นาขฺยาติกปเทสูติ ทฏฺพฺพํ. อิทํ ปน ปฺาย ปริยายวจนํ –
ปฺา ปชานนา จินฺตา, วิจโย อุปลกฺขณา;
ปวิจโย จ ปณฺฑิจฺจํ, ธมฺมวิจยเมว จ.
สลฺลกฺขณา จ โกสลฺลํ, ภูรี ปจฺจุปลกฺขณา;
เนปฺฺุเจว เวภพฺยา, เมธา จุปปริกฺขกา.
สมฺปชฺฺจ ปริณา-ยิกา เจว วิปสฺสนา;
ปฺินฺทฺริยํ ปฺาพลํ, อโมโห สมฺมาทิฏฺิ จ;
ปโตโท จาภิธมฺมสฺมา, อิมานิ คหิตานิ เม.
าณํ ปฺาณมุมฺมงฺโค, สตฺโถ โสโต จ ทิฏฺิ จ;
มนฺตา โพโธ พุทฺธิ พุทฺธํ, ปฏิภานฺจ โพธิติ.
ธมฺโม วิชฺชา คติ โมนํ, เนปกฺกํ โค มตี มุติ;
วีมํสา โยนิ โธนา จ, ปณฺฑา ปณฺฑิจฺจยมฺปิ จ;
เวโท ปณฺฑิติยฺเจว, จิกิจฺฉา มิริยาปิ จ.
‘‘โสโต โพธี’’ติ ยํ วุตฺตํ, าณนามทฺวยํ อิทํ;
พุทฺธปจฺเจกสมฺพุทฺธ-สาวกานมฺปิ รูหติ.
‘‘อภิสมฺโพธิ ¶ สมฺโพธิ’’, อิติ นามทฺวยํ ปน;
ปจฺเจกพุทฺธสพฺพฺุ-พุทฺธานํเยว รูหติ.
อภิสมฺโพธิสงฺขาตา, ปรโมปปทา ปน;
าณปณฺณตฺติ สพฺพฺุ-สมฺพุทฺธสฺเสว รูหติ.
สมฺมาสมฺโพธิสงฺขาตา, อนุตฺตรปทาทิกา;
พุทฺธา วา าณปณฺณตฺติ, สพฺพฺุสฺเสว รูหติ.
‘‘สพฺพฺุตา’’ติ ยํ วุตฺตํ, าณํ สพฺพฺุโนว ตํ;
ยุชฺชเต อวเสสา ตุ, าณปฺตฺติ สพฺพคา.
าณภาวมฺหิ สนฺเตปิ, ธมฺมจกฺขาทิกํ ปน;
ปโยชนนฺตราภาวา, นาตฺร สนฺทสฺสิตํ มยาติ.
ภูตีติ ภูตสฺส ภริยา. ยถา หิ เปตสฺส ภริยา ‘‘เปตี’’ติ วุจฺจติ, เอวเมว ภูตสฺส ภริยา ‘‘ภูตี’’ติ วุจฺจติ. โภตีติ ยาย สทฺธึ กเถนฺเตน สา อิตฺถี ‘‘โภตี’’ อิติ วตฺตพฺพา, ตสฺมา อิมินา ปเทน อิตฺถี โวหริยตีติ จ ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ ปุริเสน สทฺธึ กเถนฺเตน ปุริโส ‘‘ภวํ’’ อิติ โวหริยติ, เอวเมว อิตฺถิยา สทฺธึ กเถนฺเตน อิตฺถี ‘‘โภตี’’อิติ โวหริยติ. ‘‘กุโต นุ ภวํ ภารทฺวาโช, อิเม อาเนสิ ทารเก’’ติ, ‘‘อหํ โภตึ อุปฏฺิสฺสํ, มา โภตี กุปิตา อหู’’ติ เจตฺถ นิทสฺสนํ. อถ วา อิเธกจฺโจ สตฺโต อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนาโม, โส ‘‘โภตี’’อิติ วตฺตพฺโพ, ตสฺมา อิมินา ปเทน อิตฺถีปิ อิตฺถิลิงฺเคน ลทฺธนามา อนิตฺถีปิ โวหริยตีติ จ ทฏฺพฺพา. ตถา หิ เทวปุตฺโตปิ ‘‘เทวตา’’ติ อิตฺถิลิงฺควเสน โวหริตพฺพตฺตา เทวตาสทฺทมเปกฺขิตฺวา ‘‘โภตี’’อิติ โวหริโต, ปเคว เทวธีตา. ตถา หิ ‘‘โภตี จรหิ ชานาติ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิตา’’ติ เอตฺถ ปน เทวตาสทฺทมเปกฺขิตฺวา ‘‘โภตี’’อิติ อิตฺถิ ลิงฺคโวหาโร กโต. อตฺรายํ ¶ สุตฺตปทตฺโถ ‘‘ยทิ โส กุหโก ธนตฺถิโก ตาปโส น ชานาติ, โภตี เทวตา ปน ชานาติ กิ’’นฺติ. อปิจ –
‘‘อตฺถกาโมสิ เม ยกฺข, หิตกามาสิ เทวเต;
กโรมิ เต ตํ วจนํ, ตฺวํสิ อาจริโย มมา’’ติ –
มฏฺกุณฺฑลีวตฺถุสฺมึ ปุลฺลิงฺคยกฺขสทฺทมเปกฺขิตฺวา ‘‘อตฺถกาโม’’ติ ปุลฺลิงฺควเสน อิตฺถิลิงฺคฺจ เทวตาสทฺทมเปกฺขิตฺวา ‘‘หิตกามา’’ติ อิตฺถิลิงฺควเสน ปุริสภูโต มฏฺกุณฺฑลี โวหริโต. อฺตฺราปิ เทวตาสทฺทมเปกฺขิตฺวา เทวปุตฺโต อิตฺถิลิงฺควเสน โวหริโต –
‘‘น ตฺวํ พาเล วิชานาสิ, ยถา อรหตํ วโจ’’ติ;
‘‘อตฺถกามาสิ เม อมฺม, หิตกามาสิ เทวเต’’ติ.
เอตฺถ ปน ‘‘เอหิ พาเล ขมาเปหิ, กุสราชํ มหพฺพล’’นฺติ เอตฺถ จ อิตฺถีเยว อิตฺถิลิงฺควเสน โวหริตา, ตสฺมา กตฺถจิ อิตฺถิปุริสปทตฺถสงฺขาตํ อตฺถํ อนเปกฺขิตฺวา ลิงฺคมตฺตเมวาเปกฺขิตฺวา โภตี เทวตา, โภตี สิลา, โภตี ชมฺพู, โภตึ เทวตนฺติอาทีหิ สทฺธึ ปจฺจตฺตวจนาทีนิ โยเชตพฺพานิ. กตฺถจิ ปน ลิงฺคฺจ อตฺถฺจ อเปกฺขิตฺวา ‘‘โภตี อิตฺถี, โภตึ เทว’’นฺติอาทินา โยเชตพฺพานิ. วิภาวินีติ วิภาเวตีติ วิภาวินี. เอวํ ปริภาวินีติอาทีสุปิ. อีการนฺติตฺถิลิงฺคนิทฺเทโส.
ภูติ สตฺตายมานา ภวตีติ ภู. อถ วา ภวนฺติ ชายนฺติ วฑฺฒนฺติ เจตฺถ สตฺตสงฺขาราติ ภู. ภู วุจฺจติ ปถวี. อภูติ วฑฺฒิวิรหิตา กถา, น ภูตปุพฺพาติ วา อภู, อภูตปุพฺพา กถา. น ภูตาติ วา อภู, อภูตา กถา. ‘‘อภุํ เม กถํ นุ ภณสิ, ปาปกํ วต ภาสสี’’ติ อิทเมเตสมตฺถานํ ¶ สาธกํ วจนํ. อูการนฺติตฺถิลิงฺคนิทฺเทโส. นิยติตฺถิลิงฺคนิทฺเทโสยํ.
อนิยตลิงฺคานํ ปน นิยติตฺถิลิงฺเคสุ ปกฺขิตฺตานํ ภูตปราภูตสมฺภูตสทฺทาทีนํ นิทฺเทโส นยานุสาเรน สุวิฺเยฺโยว. อิจฺเจวํ อิตฺถิลิงฺคานํ ภูธาตุมยานํ ยถารหํ นิพฺพจนาทิวเสน นิทฺเทโส วิภาวิโต.
อิทานิ นปุํสกลิงฺคนิทฺเทโส วุจฺจติ – ตตฺร ภูตนฺติ จตุพฺพิธํ ปถวีธาตุอาทิกํ มหาภูตรูปํ. ตฺหิ อฺเสํ นิสฺสยภาเวน ภวตีติ ภูตํ, ภวติ วา ตสฺมึ ตทธีนวุตฺติตาย อุปาทารูปนฺติ ภูตํ. อถ วา ภูตนฺติ สตฺโต ภูตนามโก วา. ภูตนฺติ หิ นปุํสกวเสน สกโล สตฺโต เอวํนามโก จ ยกฺขาทิโก วุจฺจติ. ‘‘กาโล ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา. ยานีธ ภูตานิ สมาคตานิ, อุชฺฌาเปตฺวาน ภูตานิ, ตมฺหา านา อปกฺกมี’’ติ เอวมาทีสุ นปุํสกปฺปโยโค เวทิตพฺโพ. คาตาพนฺธสุขตฺถํ ลิงฺควิปลฺลาโสติ เจ? ตนฺน, ‘‘ยกฺขาทีนิ มหาภูตานิ ยํ คณฺหนฺติ, เนว เตสํ ตสฺส อนฺโต, น พหิ านํ อุปลพฺภตี’’ติ จุณฺณิยปทรจนายมฺปิ ภูตสทฺทสฺส นปุํสกลิงฺคตฺตทสฺสนโตติ อวคนฺตพฺพํ. มหาภูตนฺติ วุตฺตปฺปการํ จตุพฺพิธํ มหาภูตรูปํ. ตสฺส มหนฺตปาตุภาวาทีหิ การเณหิ มหาภูตตา เวทิตพฺพา. กถํ? มหนฺตํ ภูตนฺติ มหาภูตํ, มายาการสงฺขาเตน มหาภูเตน สมนฺติปิ มหาภูตํ, ยกฺขาทีหิ มหาภูเตหิ สมนฺติปิ มหาภูตํ, มหนฺเตหิ ฆาสจฺฉาทนาทิปจฺจเยหิ ภูตํ ปวตฺตนฺติปิ มหาภูตํ, มหาวิการภูตนฺติปิ มหาภูตํ. เอวํ มหนฺตปาตุภาวาทีหิ การเณหิ มหาภูตตา เวทิตพฺพา. อตฺริทํ สุฏฺุปลกฺขิตพฺพํ –
ปุนฺนปุํสกลิงฺโค ¶ จ, ภูตสทฺโท ปวตฺตติ;
ปณฺณตฺติยํ คุเณ เจว, คุเณเยวิตฺถิลิงฺคโก.
ภูต สมฺภูตสทฺทาทิ-นเย ปณฺณตฺติวาจกา;
โยเชตพฺพา ติลิงฺเค เต, อิติ เ ยฺยํ วิเสสโต.
‘‘ภูโต ติฏฺติ, ภูตานิ, ติฏฺนฺติ, สมโณ อยํ;
อิทานิ ภูโต, จิตฺตานิ, ภูตานิ วิมลานิ ตุ.
วฺฌา ภูตา วธู เอสา’’, อิจฺจุทาหรณานิเม;
วุตฺตานิ สุฏฺุ ลกฺเขยฺย, สาสนตฺถคเวสโก.
ภวิตฺตนฺติ วฑฺฒิตฏฺานํ. ตฺหิ ภวนฺติ วฑฺฒนฺติ เอตฺถาติ ภวิตฺตนฺติ วุจฺจติ, ‘‘ชนิตฺตํ เม ภวิตฺตํ เม, อิติ ปงฺเก อวสฺสยิ’’นฺติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ.
‘‘ภวิตฺตํ’’ อิติ ‘‘ภาวิตฺต’’-นฺติ จ ปาโ ทฺวิธา มยา;
รสฺสตฺตทีฆภาเวน, ทิฏฺโ ภคฺควชาตเก.
ภูนนฺติ ภวนํ ภูนํ วทฺธิ. ‘‘อหเมว ทูสิยา ภูนหตา, รฺโ มหาปตาปสฺสา’’ติ, ‘‘ภูนหจฺจํ กตํ มยา’’ติ จ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ.
ภวนนฺติ ภวนกฺริยา. อถ วา ภวนฺติ วฑฺฒนฺติ เอตฺถ สตฺตา ปุตฺตธีตาหิ นานาสมฺปตฺตีหิ จาติ ภวนํ วุจฺจติ เคโห, ‘‘เปตฺติกํ ภวนํ มมา’’ติ อิทเมตสฺสตฺถสฺส สาธกํ วจนํ. ‘‘เคโห ฆรฺจ อาวาโส, ภวนฺจ นิเกตน’’นฺติ อิทํ ปริยายวจนํ. ปราภวนนฺติ อวทฺธิมาปชฺชนํ. สมฺภวนนฺติ สุฏฺุ ภวนํ. วิภวนนฺติ อุจฺเฉโท วินาโส วา. ปาตุภวนนฺติ ปากฏตา สรูปลาโภ อิจฺเจวตฺโถ. อาวิภวนนฺติ ปจฺจกฺขภาโว. ติโรภวนนฺติ ปฏิจฺฉนฺนภาโว. วินาภวนนฺติ วินาภาโว. โสตฺถิภวนนฺติ สุวตฺถิตา. ปริภวนนฺติ ปีฬนา หีฬนา วา. อภิภวนนฺติ วิธมนํ. อธิภวนนฺติ อชฺโฌตฺถรณํ ¶ . อนุภวนนฺติ ปริภฺุชนํ. สมนุภวนนฺติ สุฏฺุ ปริภฺุชนํ. ปจฺจนุภวนนฺติ อธิปติภาเวนปิ สุฏฺุ ปริภฺุชนํ. นิคฺคหีตนฺตนปุํสกลิงฺคนิทฺเทโส.
อตฺถวิภาวีติ อตฺถสฺส วิภาวนสีลํ จิตฺตํ วา าณํ วา กุลํ วา อตฺถวิภาวิ. เอวํ ธมฺมวิภาวิ. อิการนฺตนปุํสกลิงฺคนิทฺเทโส.
โคตฺรภูติ ปฺตฺตารมฺมณํ มหคฺคตารมฺมณํ วา โคตฺรภุจิตฺตํ. ตฺหิ กามาวจรโคตฺตมภิภวติ, มหคฺคตโคตฺตฺจ ภาเวติ นิพฺพตฺเตตีติ ‘‘โคตฺรภู’’ติ วุจฺจติ. อปิจ โคตฺรภูติ นิพฺพานารมฺมณํ มคฺควีถิยํ ปวตฺตํ โคตฺรภุาณํ วา สงฺขารารมฺมณํ วา ผลสมาปตฺติวีถิยํ ปวตฺตํ โคตฺรภุาณํ. เตสุ หิ ปมํ ปุถุชฺชนโคตฺตมภิภวติ, อริยโคตฺตฺจ ภาเวติ, โคตฺตาภิธานา จ นิพฺพานโต อารมฺมณกรณวเสน ภวตีติ ‘‘โคตฺรภู’’ติ วุจฺจติ, ทุติยํ ปน สงฺขารารมฺมณมฺปิ สมานํ อาเสวนปจฺจยภาเวน สสมฺปยุตฺตานิ ผลจิตฺตานิ โคตฺตาภิธาเน นิพฺพานมฺหิ ภาเวตีติ ‘‘โคตฺรภู’’ติ วุจฺจติ. อิทํ ปาฬิววตฺถานํ –
‘‘โคตฺรภุ’’อิติ รสฺสตฺต-วเสน กถิตํ ปทํ;
นปุํสกนฺติ วิฺเยฺยํ, าณจิตฺตาทิเปกฺขกํ.
‘‘โคตฺรภู’’อิติ ทีฆตฺต-วเสน กถิตํ ปน;
ปุลฺลิงฺคมิติ วิฺเยฺยํ, ปุคฺคลาทิกเปกฺขกํ.
ทีฆภาเวน วุตฺตํ ตุ, นปุํสกนฺติ โน วเท;
พินฺทุวนฺตี’ตเร เภทา, ตโย อิติ หิ ภาสิตา.
อีการนฺตา จ อูทนฺตา, รสฺสตฺตํ ยนฺติ สาสเน;
นปุํสกตฺตํ ปตฺวาน, สหภุ สีฆยายิติ.
จิตฺเตน สห ภวตีติ จิตฺตสหภุ, จิตฺเตน สห น ภวตีติ นจิตฺตสหภุ, รูปํ. อุการนฺตนปุํสกลิงฺคนิทฺเทโส. นิยตนปุํสกลิงฺคนิทฺเทโสยํ.
อนิยตลิงฺคานํ ¶ นิยตนปุํสกลิงฺเคสุ ปกฺขิตฺตานํ ภูตปราภูตสทฺทาทีนํ นิทฺเทโส นยานุสาเรน สุวิฺเยฺโยว. อิจฺเจวํ นปุํสกลิงฺคานํ ภูธาตุมยานํ ยถารหํ นิพฺพจนาทิวเสน นิทฺเทโส วิภาวิโต. อิจฺเจวํ สพฺพถาปิ ลิงฺคตฺตยนิทฺเทโส สมตฺโต.
อุลฺลิงฺคเนน วิวิเธน นเยน วุตฺตํ,
ภูธาตุสทฺทมยลิงฺคติกํ ยเทตํ;
อาลิงฺคิยํ ปิยตรฺจ สุตํ สุลิงฺคํ,
โปโส กเร มนสิ ลิงฺควิทุตฺตมิจฺฉํ.
อิติ นวงฺเค สาฏฺกเถ ปิฏกตฺตเย พฺยปฺปถคตีสุ วิฺูนํ
โกสลฺลตฺถาย กเต สทฺทนีติปฺปกรเณ
ภูธาตุมยานํ ติวิธลิงฺคิกานํ นามิกรูปานํ วิภาโค
จตุตฺโถ ปริจฺเฉโท.