📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ทีฆนิกาเย

สีลกฺขนฺธวคฺคฏฺกถา

คนฺถารมฺภกถา

กรุณาสีตลหทยํ , ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ;

สนรามรโลกครุํ, วนฺเท สุคตํ คติวิมุตฺตํ.

พุทฺโธปิ พุทฺธภาวํ, ภาเวตฺวา เจว สจฺฉิกตฺวา จ;

ยํ อุปคโต คตมลํ, วนฺเท ตมนุตฺตรํ ธมฺมํ.

สุคตสฺส โอรสานํ, ปุตฺตานํ มารเสนมถนานํ;

อฏฺนฺนมฺปิ สมูหํ, สิรสา วนฺเท อริยสงฺฆํ.

อิติ เม ปสนฺนมติโน, รตนตฺตยวนฺทนามยํ ปุฺํ;

ยํ สุวิหตนฺตราโย, หุตฺวา ตสฺสานุภาเวน.

ทีฆสฺส ทีฆสุตฺตงฺกิตสฺส, นิปุณสฺส อาคมวรสฺส;

พุทฺธานุพุทฺธสํวณฺณิตสฺส, สทฺธาวหคุณสฺส.

อตฺถปฺปกาสนตฺถํ, อฏฺกถา อาทิโต วสิสเตหิ;

ปฺจหิ ยา สงฺคีตา, อนุสงฺคีตา จ ปจฺฉาปิ.

สีหฬทีปํ ปน อาภตาถ, วสินา มหามหินฺเทน;

ปิตา สีหฬภาสาย, ทีปวาสีนมตฺถาย.

อปเนตฺวาน ตโตหํ, สีหฬภาสํ มโนรมํ ภาสํ;

ตนฺตินยานุจฺฉวิกํ, อาโรเปนฺโต วิคตโทสํ.

สมยํ อวิโลเมนฺโต, เถรานํ เถรวํสปทีปานํ;

สุนิปุณวินิจฺฉยานํ, มหาวิหาเร นิวาสีนํ.

หิตฺวา ปุนปฺปุนาคตมตฺถํ, อตฺถํ ปกาสยิสฺสามิ;

สุชนสฺส จ ตุฏฺตฺถํ, จิรฏฺิตตฺถฺจ ธมฺมสฺส.

สีลกถา ธุตธมฺมา, กมฺมฏฺานานิ เจว สพฺพานิ;

จริยาวิธานสหิโต, ฌานสมาปตฺติวิตฺถาโร.

สพฺพา จ อภิฺาโย, ปฺาสงฺกลนนิจฺฉโย เจว;

ขนฺธธาตายตนินฺทฺริยานิ, อริยานิ เจว จตฺตาริ.

สจฺจานิ ปจฺจยาการเทสนา, สุปริสุทฺธนิปุณนยา;

อวิมุตฺตตนฺติมคฺคา, วิปสฺสนา ภาวนา เจว.

อิติ ปน สพฺพํ ยสฺมา, วิสุทฺธิมคฺเค มยา สุปริสุทฺธํ;

วุตฺตํ ตสฺมา ภิยฺโย, น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามิ.

‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค, เอส จตุนฺนมฺปิ อาคมานฺหิ;

ตฺวา ปกาสยิสฺสติ, ตตฺถ ยถา ภาสิตํ อตฺถํ’’.

อิจฺเจว กโต ตสฺมา, ตมฺปิ คเหตฺวาน สทฺธิเมตาย;

อฏฺกถาย วิชานถ, ทีฆาคมนิสฺสิตํ อตฺถนฺติ.

นิทานกถา

ตตฺถ ทีฆาคโม นาม สีลกฺขนฺธวคฺโค, มหาวคฺโค, ปาถิกวคฺโคติ วคฺคโต ติวคฺโค โหติ; สุตฺตโต จตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห. ตสฺส วคฺเคสุ สีลกฺขนฺธวคฺโค อาทิ, สุตฺเตสุ พฺรหฺมชาลํ. พฺรหฺมชาลสฺสาปิ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาทิ.

ปมมหาสงฺคีติกถา

ปมมหาสงฺคีติ นาม เจสา กิฺจาปิ วินยปิฏเก ตนฺติมารูฬฺหา, นิทานโกสลฺลตฺถํ ปน อิธาปิ เอวํ เวทิตพฺพา. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฺหิ อาทึ กตฺวา ยาว สุภทฺทปริพฺพาชกวินยนา กตพุทฺธกิจฺเจ, กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ยมกสาลานมนฺตเร วิสาขปุณฺณมทิวเส ปจฺจูสสมเย อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุเต ภควติ โลกนาเถ, ภควโต ธาตุภาชนทิวเส สนฺนิปติตานํ สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสานํ สงฺฆตฺเถโร อายสฺมา มหากสฺสโป สตฺตาหปรินิพฺพุเต ภควติ สุภทฺเทน วุฑฺฒปพฺพชิเตน – ‘‘อลํ, อาวุโส, มา โสจิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถ, สุมุตฺตา มยํ เตน มหาสมเณน, อุปทฺทุตา จ โหม – ‘อิทํ โว กปฺปติ, อิทํ โว น กปฺปตี’ติ, อิทานิ ปน มยํ ยํ อิจฺฉิสฺสาม, ตํ กริสฺสาม, ยํ น อิจฺฉิสฺสาม น ตํ กริสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๗) วุตฺตวจนมนุสฺสรนฺโต, อีทิสสฺส จ สงฺฆสนฺนิปาตสฺส ปุน ทุลฺลภภาวํ มฺมาโน, ‘‘านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ ปาปภิกฺขู ‘อตีตสตฺถุกํ ปาวจน’นฺติ มฺมานา ปกฺขํ ลภิตฺวา นจิรสฺเสว สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปยฺยุํ, ยาว จ ธมฺมวินโย ติฏฺติ, ตาว อนตีตสตฺถุกเมว ปาวจนํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘โย โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖).

‘ยํนูนาหํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยํ, ยถยิทํ สาสนํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺิติกํ’.

ยฺจาหํ ภควตา –

‘ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ, กสฺสป, สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานี’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) วตฺวา จีวเร สาธารณปริโภเคน.

‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเทว อากงฺขามิ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ; กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเทว, อากงฺขติ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๒).

เอวมาทินา นเยน นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาปฺปเภเท อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺปเนน จ อนุคฺคหิโต, ตถา อากาเส ปาณึ จาเลตฺวา อลคฺคจิตฺตตาย เจว จนฺโทปมปฏิปทาย จ ปสํสิโต, ตสฺส กิมฺํ อาณณฺยํ ภวิสฺสติ. นนุ มํ ภควา ราชา วิย สกกวจอิสฺสริยานุปฺปทาเนน อตฺตโน กุลวํสปฺปติฏฺาปกํ ปุตฺตํ ‘สทฺธมฺมวํสปฺปติฏฺาปโก เม อยํ ภวิสฺสตี’ติ, มนฺตฺวา อิมินา อสาธารเณน อนุคฺคเหน อนุคฺคเหสิ, อิมาย จ อุฬาราย ปสํสาย ปสํสีติ จินฺตยนฺโต ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสิ. ยถาห –

‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘เอกมิทาหํ, อาวุโส, สมยํ ปาวาย กุสินารํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗) สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพํ. อตฺถํ ปนสฺส มหาปรินิพฺพานาวสาเน อาคตฏฺาเนเยว กถยิสฺสาม.

ตโต ปรํ อาห –

‘‘หนฺท มยํ, อาวุโส, ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายาม, ปุเร อธมฺโม ทิปฺปติ, ธมฺโม ปฏิพาหิยฺยติ; ปุเร อวินโย ทิปฺปติ, วินโย ปฏิพาหิยฺยติ; ปุเร อธมฺมวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺติ, ปุเร อวินยวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).

ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, เถโร ภิกฺขู อุจฺจินตู’’ติ. เถโร ปน สกลนวงฺคสตฺถุสาสนปริยตฺติธเร ปุถุชฺชนโสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิ สุกฺขวิปสฺสก ขีณาสวภิกฺขู อเนกสเต, อเนกสหสฺเส จ วชฺเชตฺวา ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธเร ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเต มหานุภาเว เยภุยฺเยน ภควโต เอตทคฺคํ อาโรปิเต เตวิชฺชาทิเภเท ขีณาสวภิกฺขูเยว เอกูนปฺจสเต ปริคฺคเหสิ. เย สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป เอเกนูนานิ ปฺจ อรหนฺตสตานิ อุจฺจินี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).

กิสฺส ปน เถโร เอเกนูนมกาสีติ? อายสฺมโต อานนฺทตฺเถรสฺส โอกาสกรณตฺถํ. เตนหายสฺมตา สหาปิ, วินาปิ, น สกฺกา ธมฺมสงฺคีตึ กาตุํ. โส หายสฺมา เสกฺโข สกรณีโย, ตสฺมา สหาปิ น สกฺกา. ยสฺมา ปนสฺส กิฺจิ ทสพลเทสิตํ สุตฺตเคยฺยาทิกํ อปฺปจฺจกฺขํ นาม นตฺถิ. ยถาห –

‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;

จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ. (เถรคา. ๑๐๒๗);

ตสฺมา วินาปิ น สกฺกา.

ยทิ เอวํ เสกฺโขปิ สมาโน ธมฺมสงฺคีติยา พหุการตฺตา เถเรน อุจฺจินิตพฺโพ อสฺส, อถ กสฺมา น อุจฺจินิโตติ? ปรูปวาทวิวชฺชนโต. เถโร หิ อายสฺมนฺเต อานนฺเท อติวิย วิสฺสตฺโถ อโหสิ, ตถา หิ นํ สิรสฺมึ ปลิเตสุ ชาเตสุปิ ‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’ติ, (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) กุมารกวาเทน โอวทติ. สกฺยกุลปฺปสุโต จายสฺมา ตถาคตสฺส ภาตา จูฬปิตุปุตฺโต. ตตฺถ เกจิ ภิกฺขู ฉนฺทาคมนํ วิย มฺมานา – ‘‘พหู อเสกฺขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเต ภิกฺขู เปตฺวา อานนฺทํ เสกฺขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตํ เถโร อุจฺจินี’’ติ อุปวเทยฺยุํ. ตํ ปรูปวาทํ ปริวชฺเชนฺโต, ‘อานนฺทํ วินา ธมฺมสงฺคีตึ น สกฺกา กาตุํ, ภิกฺขูนํเยว นํ อนุมติยา คเหสฺสามี’ติ น อุจฺจินิ.

อถ สยเมว ภิกฺขู อานนฺทสฺสตฺถาย เถรํ ยาจึสุ. ยถาห –

‘‘ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจุํ – ‘อยํ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท กิฺจาปิ เสกฺโข อภพฺโพ ฉนฺทา โทสา โมหา ภยา อคตึ คนฺตุํ, พหุ จาเนน ภควโต สนฺติเก ธมฺโม จ วินโย จ ปริยตฺโต, เตน หิ, ภนฺเต, เถโร อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินตู’ติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).

เอวํ ภิกฺขูนํ อนุมติยา อุจฺจินิเตน เตนายสฺมตา สทฺธึ ปฺจเถรสตานิ อเหสุํ.

อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กตฺถ นุ โข มยํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยามา’’ติ? อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘ราชคหํ โข มหาโคจรํ ปหูตเสนาสนํ, ยํนูน มยํ ราชคเห วสฺสํ วสนฺตา ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม, น อฺเ ภิกฺขู ราชคเห วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺยุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๓๗).

กสฺมา ปน เนสํ เอตทโหสิ? ‘‘อิทํ ปน อมฺหากํ ถาวรกมฺมํ, โกจิ วิสภาคปุคฺคโล สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา อุกฺโกเฏยฺยา’’ติ. อถายสฺมา มหากสฺสโป ตฺติทุติเยน กมฺเมน สาเวสิ –

‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ สงฺโฆ อิมานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ สมฺมนฺเนยฺย ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานิ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิตุํ, น อฺเหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพ’’นฺติ. เอสา ตฺติ.

‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส สงฺโฆ, สงฺโฆ อิมานิ ปฺจภิกฺขุสตานิ สมฺมนฺน’’ติ ‘ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานิ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิตุํ, น อฺเหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพนฺติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ สมฺมุติ’ ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิตุํ, น อฺเหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพนฺติ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.

‘‘สมฺมตานิ สงฺเฆน อิมานิ ปฺจภิกฺขุสตานิ ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานิ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิตุํ, น อฺเหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพนฺติ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (จูฬว. ๔๓๘).

อยํ ปน กมฺมวาจา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต เอกวีสติเม ทิวเส กตา. ภควา หิ วิสาขปุณฺณมายํ ปจฺจูสสมเย ปรินิพฺพุโต, อถสฺส สตฺตาหํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ คนฺธมาลาทีหิ ปูชยึสุ. เอวํ สตฺตาหํ สาธุกีฬนทิวสา นาม อเหสุํ. ตโต สตฺตาหํ จิตกาย อคฺคินา ฌายิ, สตฺตาหํ สตฺติปฺชรํ กตฺวา สนฺธาคารสาลายํ ธาตุปูชํ กรึสูติ, เอกวีสติ ทิวสา คตา. เชฏฺมูลสุกฺกปกฺขปฺจมิยํเยว ธาตุโย ภาชยึสุ. เอตสฺมึ ธาตุภาชนทิวเส สนฺนิปติตสฺส มหาภิกฺขุสงฺฆสฺส สุภทฺเทน วุฑฺฒปพฺพชิเตน กตํ อนาจารํ อาโรเจตฺวา วุตฺตนเยเนว จ ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา อยํ กมฺมวาจา กตา.

อิมฺจ ปน กมฺมวาจํ กตฺวา เถโร ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส, อิทานิ ตุมฺหากํ จตฺตาลีส ทิวสา โอกาโส กโต, ตโต ปรํ ‘อยํ นาม โน ปลิโพโธ อตฺถี’ติ, วตฺตุํ น ลพฺภา, ตสฺมา เอตฺถนฺตเร ยสฺส โรคปลิโพโธ วา อาจริยุปชฺฌายปลิโพโธ วา มาตาปิตุปลิโพโธ วา อตฺถิ, ปตฺตํ วา ปน ปจิตพฺพํ, จีวรํ วา กาตพฺพํ, โส ตํ ปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา ตํ กรณียํ กโรตู’’ติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา เถโร อตฺตโน ปฺจสตาย ปริสาย ปริวุโต ราชคหํ คโต. อฺเปิ มหาเถรา อตฺตโน อตฺตโน ปริวาเร คเหตฺวา โสกสลฺลสมปฺปิตํ มหาชนํ อสฺสาเสตุกามา ตํ ตํ ทิสํ ปกฺกนฺตา. ปุณฺณตฺเถโร ปน สตฺตสตภิกฺขุปริวาโร ‘ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานฏฺานํ อาคตาคตํ มหาชนํ อสฺสาเสสฺสามี’ติ กุสินารายํเยว อฏฺาสิ.

อายสฺมา อานนฺโท ยถา ปุพฺเพ อปรินิพฺพุตสฺส, เอวํ ปรินิพฺพุตสฺสาปิ ภควโต สยเมว ปตฺตจีวรมาทาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. คจฺฉโต คจฺฉโต ปนสฺส ปริวารา ภิกฺขู คณนปถํ วีติวตฺตา. เตนายสฺมตา คตคตฏฺาเน มหาปริเทโว อโหสิ . อนุปุพฺเพน ปน สาวตฺถิมนุปฺปตฺเต เถเร สาวตฺถิวาสิโน มนุสฺสา ‘‘เถโร กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา – ‘‘ภนฺเต, อานนฺท, ปุพฺเพ ภควตา สทฺธึ อาคจฺฉถ, อชฺช กุหึ ภควนฺตํ เปตฺวา อาคตตฺถา’’ติอาทีนิ วทมานา ปโรทึสุ. พุทฺธสฺส ภควโต ปรินิพฺพานทิวเส วิย มหาปริเทโว อโหสิ.

ตตฺร สุทํ อายสฺมา อานนฺโท อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยากถาย ตํ มหาชนํ สฺาเปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา ทสพเลน วสิตคนฺธกุฏึ วนฺทิตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา มฺจปีํ นีหริตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา คนฺธกุฏึ สมฺมชฺชิตฺวา มิลาตมาลากจวรํ ฉฑฺเฑตฺวา มฺจปีํ อติหริตฺวา ปุน ยถาาเน เปตฺวา ภควโต ิตกาเล กรณียํ วตฺตํ สพฺพมกาสิ. กุรุมาโน จ นฺหานโกฏฺกสมฺมชฺชนอุทกุปฏฺาปนาทิกาเลสุ คนฺธกุฏึ วนฺทิตฺวา – ‘‘นนุ ภควา, อยํ ตุมฺหากํ นฺหานกาโล, อยํ ธมฺมเทสนากาโล, อยํ ภิกฺขูนํ โอวาททานกาโล, อยํ สีหเสยฺยกปฺปนกาโล, อยํ มุขโธวนกาโล’’ติอาทินา นเยน ปริเทวมาโนว อกาสิ, ยถา ตํ ภควโต คุณคณามตรสฺุตาย ปติฏฺิตเปโม เจว อขีณาสโว จ อเนเกสุ จ ชาติสตสหสฺเสสุ อฺมฺสฺสูปการสฺชนิตจิตฺตมทฺทโว. ตเมนํ อฺตรา เทวตา – ‘‘ภนฺเต, อานนฺท, ตุมฺเห เอวํ ปริเทวมานา กถํ อฺเ อสฺสาเสสฺสถา’’ติ สํเวเชสิ. โส ตสฺสา วจเนน สํวิคฺคหทโย สนฺถมฺภิตฺวา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต ปภุติ านนิสชฺชพหุลตฺตา อุสฺสนฺนธาตุกํ กายํ สมสฺสาเสตุํ ทุติยทิวเส ขีรวิเรจนํ ปิวิตฺวา วิหาเรเยว นิสีทิ. ยํ สนฺธาย สุเภน มาณเวน ปหิตํ มาณวกํ เอตทโวจ –

‘‘อกาโล, โข มาณวก, อตฺถิ เม อชฺช เภสชฺชมตฺตา ปีตา, อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยามา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๔๗).

ทุติยทิวเส เจตกตฺเถเรน ปจฺฉาสมเณน คนฺตฺวา สุเภน มาณเวน ปุฏฺโ อิมสฺมึ ทีฆนิกาเย สุภสุตฺตํ นาม ทสมํ สุตฺตํ อภาสิ.

อถ อานนฺทตฺเถโร เชตวนมหาวิหาเร ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ การาเปตฺวา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย ภิกฺขุสงฺฆํ โอหาย ราชคหํ คโต ตถา อฺเปิ ธมฺมสงฺคาหกา ภิกฺขูติ. เอวฺหิ คเต, เต สนฺธาย จ อิทํ วุตฺตํ – ‘‘อถ โข เถรา ภิกฺขู ราชคหํ อคมํสุ, ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๓๘). เต อาสฬฺหีปุณฺณมายํ อุโปสถํ กตฺวา ปาฏิปททิวเส สนฺนิปติตฺวา วสฺสํ อุปคจฺฉึสุ.

เตน โข ปน สมเยน ราชคหํ ปริวาเรตฺวา อฏฺารส มหาวิหารา โหนฺติ, เต สพฺเพปิ ฉฑฺฑิตปติตอุกฺลาปา อเหสุํ. ภควโต หิ ปรินิพฺพาเน สพฺเพปิ ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย วิหาเร จ ปริเวเณ จ ฉฑฺเฑตฺวา อคมํสุ. ตตฺถ กติกวตฺตํ กุรุมานา เถรา ภควโต วจนปูชนตฺถํ ติตฺถิยวาทปริโมจนตฺถฺจ – ‘ปมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ กโรมา’ติ จินฺเตสุํ. ติตฺถิยา หิ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา สตฺถริ ิเตเยว วิหาเร ปฏิชคฺคึสุ, ปรินิพฺพุเต ฉฑฺเฑสุํ, กุลานํ มหาธนปริจฺจาโค วินสฺสตี’’ติ. เตสฺจ วาทปริโมจนตฺถํ จินฺเตสุนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ จินฺตยิตฺวา จ ปน กติกวตฺตํ กรึสุ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ภควตา, โข อาวุโส, ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ วณฺณิตํ, หนฺท มยํ, อาวุโส, ปมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ กโรม, มชฺฌิมํ มาสํ สนฺนิปติตฺวา ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๘).

เต ทุติยทิวเส คนฺตฺวา ราชทฺวาเร อฏฺํสุ. ราชา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา – ‘‘กึ ภนฺเต, อาคตตฺถา’’ติ อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจํ ปุจฺฉิ. เถรา อฏฺารส มหาวิหารปฏิสงฺขรณตฺถาย หตฺถกมฺมํ ปฏิเวเทสุํ. ราชา หตฺถกมฺมการเก มนุสฺเส อทาสิ. เถรา ปมํ มาสํ สพฺพวิหาเร ปฏิสงฺขราเปตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘นิฏฺิตํ, มหาราช, วิหารปฏิสงฺขรณํ, อิทานิ ธมฺมวินยสงฺคหํ กโรมา’’ติ. ‘‘สาธุ ภนฺเต วิสฏฺา กโรถ, มยฺหํ อาณาจกฺกํ , ตุมฺหากฺจ ธมฺมจกฺกํ โหตุ, อาณาเปถ, ภนฺเต, กึ กโรมี’’ติ. ‘‘สงฺคหํ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ สนฺนิสชฺชฏฺานํ มหาราชา’’ติ. ‘‘กตฺถ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เวภารปพฺพตปสฺเส สตฺตปณฺณิ คุหาทฺวาเร กาตุํ ยุตฺตํ มหาราชา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ โข ราชา อชาตสตฺตุ วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิตสทิสํ สุวิภตฺตภิตฺติถมฺภโสปานํ, นานาวิธมาลากมฺมลตากมฺมวิจิตฺตํ, อภิภวนฺตมิว ราชภวนวิภูตึ, อวหสนฺตมิว เทววิมานสิรึ, สิริยา นิเกตนมิว เอกนิปาตติตฺถมิว จ เทวมนุสฺสนยนวิหํคานํ, โลกรามเณยฺยกมิว สมฺปิณฺฑิตํ ทฏฺพฺพสารมณฺฑํ มณฺฑปํ การาเปตฺวา วิวิธกุสุมทาโมลมฺพกวินิคฺคลนฺตจารุวิตานํ นานารตนวิจิตฺตมณิโกฏฺฏิมตลมิว จ, นํ นานาปุปฺผูปหารวิจิตฺตสุปรินิฏฺิตภูมิกมฺมํ พฺรหฺมวิมานสทิสํ อลงฺกริตฺวา, ตสฺมึ มหามณฺฑเป ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ อนคฺฆานิ ปฺจ กปฺปิยปจฺจตฺถรณสตานิ ปฺเปตฺวา, ทกฺขิณภาคํ นิสฺสาย อุตฺตราภิมุขํ เถราสนํ, มณฺฑปมชฺเฌ ปุรตฺถาภิมุขํ พุทฺธสฺส ภควโต อาสนารหํ ธมฺมาสนํ ปฺเปตฺวา, ทนฺตขจิตํ พีชนิฺเจตฺถ เปตฺวา, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรจาเปสิ – ‘‘นิฏฺิตํ, ภนฺเต, มม กิจฺจ’’นฺติ.

ตสฺมิฺจ ปน ทิวเส เอกจฺเจ ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สนฺธาย เอวมาหํสุ – ‘‘อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ เอโก ภิกฺขุ วิสฺสคนฺธํ วายนฺโต วิจรตี’’ติ. เถโร ตํ สุตฺวา อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ อฺโ วิสฺสคนฺธํ วายนฺโต วิจรณกภิกฺขุ นาม นตฺถิ. อทฺธา เอเต มํ สนฺธาย วทนฺตีติ สํเวคํ อาปชฺชิ. เอกจฺเจ นํ อาหํสุเยว – ‘‘สฺเว อาวุโส, อานนฺท, สนฺนิปาโต, ตฺวฺจ เสกฺโข สกรณีโย, เตน เต น ยุตฺตํ สนฺนิปาตํ คนฺตุํ, อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ.

อถ โข อายสฺมา อานนฺโท – ‘สฺเว สนฺนิปาโต, น โข เมตํ ปติรูปํ ยฺวาหํ เสกฺโข สมาโน สนฺนิปาตํ คจฺเฉยฺย’นฺติ, พหุเทว รตฺตึ กายคตาย สติยา วีตินาเมตฺวา รตฺติยา ปจฺจูสสมเย จงฺกมา โอโรหิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘นิปชฺชิสฺสามี’’ติ กายํ อาวชฺเชสิ, ทฺเว ปาทา ภูมิโต มุตฺตา, อปตฺตฺจ สีสํ พิมฺโพหนํ, เอตสฺมึ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิ. อยฺหิ อายสฺมา จงฺกเมน พหิ วีตินาเมตฺวา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘นนุ มํ ภควา เอตทโวจ – ‘กตปุฺโสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยุฺช, ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗). พุทฺธานฺจ กถาโทโส นาม นตฺถิ, มม ปน อจฺจารทฺธํ วีริยํ, เตน เม จิตฺตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺตติ. หนฺทาหํ วีริยสมตํ โยเชมี’’ติ, จงฺกมา โอโรหิตฺวา ปาทโธวนฏฺาเน ตฺวา ปาเท โธวิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา มฺจเก นิสีทิตฺวา, ‘‘โถกํ วิสฺสมิสฺสามี’’ติ กายํ มฺจเก อปนาเมสิ. ทฺเว ปาทา ภูมิโต มุตฺตา, สีสํ พิมฺโพหนมปฺปตฺตํ, เอตสฺมึ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺตํ, จตุอิริยาปถวิรหิตํ เถรสฺส อรหตฺตํ. เตน ‘‘อิมสฺมึ สาสเน อนิปนฺโน อนิสินฺโน อฏฺิโต อจงฺกมนฺโต โก ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ วุตฺเต ‘‘อานนฺทตฺเถโร’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.

อถ เถรา ภิกฺขู ทุติยทิวเส ปฺจมิยํ กาฬปกฺขสฺส กตภตฺตกิจฺจา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา ธมฺมสภายํ สนฺนิปตึสุ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท อรหา สมาโน สนฺนิปาตํ อคมาสิ. กถํ อคมาสิ? ‘‘อิทานิมฺหิ สนฺนิปาตมชฺฌํ ปวิสนารโห’’ติ หฏฺตุฏฺจิตฺโต เอกํสํ จีวรํ กตฺวา พนฺธนา มุตฺตตาลปกฺกํ วิย, ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺตชาติมณิ วิย, วิคตวลาหเก นเภ สมุคฺคตปุณฺณจนฺโท วิย, พาลาตปสมฺผสฺสวิกสิตเรณุปิฺชรคพฺภํ ปทุมํ วิย จ, ปริสุทฺเธน ปริโยทาเตน สปฺปเภน สสฺสิรีเกน จ มุขวเรน อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ อาโรจยมาโน วิย อคมาสิ. อถ นํ ทิสฺวา อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โสภติ วต โภ อรหตฺตปฺปตฺโต อานนฺโท, สเจ สตฺถา ธเรยฺย, อทฺธา อชฺชานนฺทสฺส สาธุการํ ทเทยฺย, หนฺท , ทานิสฺสาหํ สตฺถารา ทาตพฺพํ สาธุการํ ททามี’’ติ, ติกฺขตฺตุํ สาธุการมทาสิ.

มชฺฌิมภาณกา ปน วทนฺติ – ‘‘อานนฺทตฺเถโร อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ าเปตุกาโม ภิกฺขูหิ สทฺธึ นาคโต, ภิกฺขู ยถาวุฑฺฒํ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทนฺตา อานนฺทตฺเถรสฺส อาสนํ เปตฺวา นิสินฺนา. ตตฺถ เกจิ เอวมาหํสุ – ‘เอตํ อาสนํ กสฺสา’ติ? ‘อานนฺทสฺสา’ติ. ‘อานนฺโท ปน กุหึ คโต’ติ? ตสฺมึ สมเย เถโร จินฺเตสิ – ‘อิทานิ มยฺหํ คมนกาโล’ติ. ตโต อตฺตโน อานุภาวํ ทสฺเสนฺโต ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อตฺตโน อาสเนเยว อตฺตานํ ทสฺเสสี’’ติ, อากาเสน คนฺตฺวา นิสีทีติปิ เอเก. ยถา วา ตถา วา โหตุ. สพฺพถาปิ ตํ ทิสฺวา อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส สาธุการทานํ ยุตฺตเมว.

เอวํ อาคเต ปน ตสฺมึ อายสฺมนฺเต มหากสฺสปตฺเถโร ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส, กึ ปมํ สงฺคายาม, ธมฺมํ วา วินยํ วา’’ติ? ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, มหากสฺสป, วินโย นาม พุทฺธสาสนสฺส อายุ. วินเย ิเต สาสนํ ิตํ นาม โหติ. ตสฺมา ปมํ วินยํ สงฺคายามา’’ติ. ‘‘กํ ธุรํ กตฺวา’’ติ? ‘‘อายสฺมนฺตํ อุปาลิ’’นฺติ. ‘‘กึ อานนฺโท นปฺปโหตี’’ติ? ‘‘โน นปฺปโหติ’’. อปิ จ โข ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธรมาโนเยว วินยปริยตฺตึ นิสฺสาย อายสฺมนฺตํ อุปาลึ เอตทคฺเค เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ วินยธรานํ ยทิทํ อุปาลี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๒๘). ‘ตสฺมา อุปาลิตฺเถรํ ปุจฺฉิตฺวา วินยํ สงฺคายามา’ติ.

ตโต เถโร วินยํ ปุจฺฉนตฺถาย อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิ. อุปาลิตฺเถโรปิ วิสฺสชฺชนตฺถาย สมฺมนฺนิ. ตตฺรายํ ปาฬิ – อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ าเปสิ –

‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ,

อหํ อุปาลึ วินยํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ.

อายสฺมาปิ อุปาลิ สงฺฆํ าเปสิ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ,

อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน วินยํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ. (จูฬว. ๔๓๙);

เอวํ อตฺตานํ สมฺมนฺนิตฺวา อายสฺมา อุปาลิ อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ ทนฺตขจิตํ พีชนึ คเหตฺวา, ตโต มหากสฺสปตฺเถโร เถราสเน นิสีทิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุปาลึ วินยํ ปุจฺฉิ. ‘‘ปมํ อาวุโส, อุปาลิ, ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติ? ‘‘เวสาลิยํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ? ‘‘สุทินฺนํ กลนฺทปุตฺตํ อารพฺภา’’ติ. ‘‘กิสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ? ‘‘เมถุนธมฺเม’’ติ.

‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อุปาลึ ปมสฺส ปาราชิกสฺส วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ, นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, ปฺตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนุปฺตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ’’ (จูฬว. ๔๓๙). ปุฏฺโ ปุฏฺโ อายสฺมา อุปาลิ วิสฺสชฺเชสิ.

กึ ปเนตฺถ ปมปาราชิเก กิฺจิ อปเนตพฺพํ วา ปกฺขิปิตพฺพํ วา อตฺถิ นตฺถีติ? อปเนตพฺพํ นตฺถิ. พุทฺธสฺส หิ ภควโต ภาสิเต อปเนตพฺพํ นาม นตฺถิ. น หิ ตถาคตา เอกพฺยฺชนมฺปิ นิรตฺถกํ วทนฺติ. สาวกานํ ปน เทวตานํ วา ภาสิเต อปเนตพฺพมฺปิ โหติ, ตํ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถรา อปนยึสุ. ปกฺขิปิตพฺพํ ปน สพฺพตฺถาปิ อตฺถิ, ตสฺมา ยํ ยตฺถ ปกฺขิปิตุํ ยุตฺตํ, ตํ ปกฺขิปึสุเยว. กึ ปน ตนฺติ? ‘เตน สมเยนา’ติ วา, ‘เตน โข ปน สมเยนา’ติ วา, ‘อถ โขติ วา’, ‘เอวํ วุตฺเตติ’ วา, ‘เอตทโวจา’ติ วา, เอวมาทิกํ สมฺพนฺธวจนมตฺตํ. เอวํ ปกฺขิปิตพฺพยุตฺตํ ปกฺขิปิตฺวา ปน – ‘‘อิทํ ปมปาราชิก’’นฺติ เปสุํ. ปมปาราชิเก สงฺคหมารูฬฺเห ปฺจ อรหนฺตสตานิ สงฺคหํ อาโรปิตนเยเนว คณสชฺฌายมกํสุ – ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตี’’ติ. เตสํ สชฺฌายารทฺธกาเลเยว สาธุการํ ททมานา วิย มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อกมฺปิตฺถ.

เอเตเนว นเยน เสสานิ ตีณิ ปาราชิกานิ สงฺคหํ อาโรเปตฺวา ‘‘อิทํ ปาราชิกกณฺฑ’’นฺติ เปสุํ. เตรส สงฺฆาทิเสสานิ ‘‘เตรสก’’นฺติ เปสุํ. ทฺเว สิกฺขาปทานิ ‘‘อนิยตานี’’ติ เปสุํ. ตึส สิกฺขาปทานิ ‘‘นิสฺสคฺคิยานิ ปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ . ทฺเวนวุติ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. จตฺตาริ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาฏิเทสนียานี’’ติ เปสุํ. ปฺจสตฺตติ สิกฺขาปทานิ ‘‘เสขิยานี’’ติ เปสุํ. สตฺต ธมฺเม ‘‘อธิกรณสมถา’’ติ เปสุํ. เอวํ สตฺตวีสาธิกานิ ทฺเว สิกฺขาปทสตานิ ‘‘มหาวิภงฺโค’’ติ กิตฺเตตฺวา เปสุํ. มหาวิภงฺคาวสาเนปิ ปุริมนเยเนว มหาปถวี อกมฺปิตฺถ.

ตโต ภิกฺขุนีวิภงฺเค อฏฺ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาราชิกกณฺฑํ นาม อิท’’นฺติ เปสุํ. สตฺตรส สิกฺขาปทานิ ‘‘สตฺตรสก’’นฺติ เปสุํ. ตึส สิกฺขาปทานิ ‘‘นิสฺสคฺคิยานิ ปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. ฉสฏฺิสตสิกฺขาปทานิ ‘‘ปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. อฏฺ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาฏิเทสนียานี’’ติ เปสุํ. ปฺจสตฺตติ สิกฺขาปทานิ ‘‘เสขิยานี’’ติ เปสุํ. สตฺต ธมฺเม ‘‘อธิกรณสมถา’’ติ เปสุํ. เอวํ ตีณิ สิกฺขาปทสตานิ จตฺตาริ จ สิกฺขาปทานิ ‘‘ภิกฺขุนีวิภงฺโค’’ติ กิตฺเตตฺวา – ‘‘อยํ อุภโต วิภงฺโค นาม จตุสฏฺิภาณวาโร’’ติ เปสุํ. อุภโตวิภงฺคาวสาเนปิ วุตฺตนเยเนว มหาปถวิกมฺโป อโหสิ.

เอเตเนวุปาเยน อสีติภาณวารปริมาณํ ขนฺธกํ, ปฺจวีสติภาณวารปริมาณํ ปริวารฺจ สงฺคหํ อาโรเปตฺวา ‘‘อิทํ วินยปิฏกํ นามา’’ติ เปสุํ . วินยปิฏกาวสาเนปิ วุตฺตนเยเนว มหาปถวิกมฺโป อโหสิ. ตํ อายสฺมนฺตํ อุปาลึ ปฏิจฺฉาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อิมํ ตุยฺหํ นิสฺสิตเก วาเจหี’’ติ. วินยปิฏกสงฺคหาวสาเน อุปาลิตฺเถโร ทนฺตขจิตํ พีชนึ นิกฺขิปิตฺวา ธมฺมาสนา โอโรหิตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทิ.

วินยํ สงฺคายิตฺวา ธมฺมํ สงฺคายิตุกาโม อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู ปุจฺฉิ – ‘‘ธมฺมํ สงฺคายนฺเต หิ กํ ปุคฺคลํ ธุรํ กตฺวา ธมฺโม สงฺคายิตพฺโพ’’ติ? ภิกฺขู – ‘‘อานนฺทตฺเถรํ ธุรํ กตฺวา’’ติ อาหํสุ.

อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ าเปสิ –

‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ,

อหํ อานนฺทํ ธมฺมํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ;

อถ โข อายสฺมา อานนฺโท สงฺฆํ าเปสิ –

‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ,

อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ธมฺมํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ;

อถ โข อายสฺมา อานนฺโท อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ ทนฺตขจิตํ พีชนึ คเหตฺวา. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู ปุจฺฉิ – ‘‘กตรํ, อาวุโส, ปิฏกํ ปมํ สงฺคายามา’’ติ? ‘‘สุตฺตนฺตปิฏกํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สุตฺตนฺตปิฏเก จตสฺโส สงฺคีติโย, ตาสุ ปมํ กตรํ สงฺคีติ’’นฺติ? ‘‘ทีฆสงฺคีตึ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ทีฆสงฺคีติยํ จตุตึส สุตฺตานิ, ตโย วคฺคา, เตสุ ปมํ กตรํ วคฺค’’นฺติ? ‘‘สีลกฺขนฺธวคฺคํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สีลกฺขนฺธวคฺเค เตรส สุตฺตนฺตา, เตสุ ปมํ กตรํ สุตฺต’’นฺติ? ‘‘พฺรหฺมชาลสุตฺตํ นาม ภนฺเต, ติวิธสีลาลงฺกตํ, นานาวิธมิจฺฉาชีวกุห ลปนาทิวิทฺธํสนํ, ทฺวาสฏฺิทิฏฺิชาลวินิเวนํ, ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนํ, ตํ ปมํ สงฺคายามา’’ติ.

อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ, ‘‘พฺรหฺมชาลํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ? ‘‘อนฺตรา จ, ภนฺเต, ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทํ ราชาคารเก อมฺพลฏฺิกาย’’นฺติ. ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ ? ‘‘สุปฺปิยฺจ ปริพฺพาชกํ, พฺรหฺมทตฺตฺจ มาณว’’นฺติ. ‘‘กิสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ? ‘‘วณฺณาวณฺเณ’’ติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ พฺรหฺมชาลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ (จูฬว. ๔๔๐). อายสฺมา อานนฺโท วิสฺสชฺเชสิ. วิสฺสชฺชนาวสาเน ปฺจ อรหนฺตสตานิ คณสชฺฌายมกํสุ. วุตฺตนเยเนว จ ปถวิกมฺโป อโหสิ.

เอวํ พฺรหฺมชาลํ สงฺคายิตฺวา ตโต ปรํ ‘‘สามฺผลํ, ปนาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทินา นเยน ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานุกฺกเมน สทฺธึ พฺรหฺมชาเลน สพฺเพปิ เตรส สุตฺตนฺเต สงฺคายิตฺวา – ‘‘อยํ สีลกฺขนฺธวคฺโค นามา’’ติ กิตฺเตตฺวา เปสุํ.

ตทนนฺตรํ มหาวคฺคํ, ตทนนฺตรํ ปาถิกวคฺคนฺติ, เอวํ ติวคฺคสงฺคหํ จตุตึสสุตฺตปฏิมณฺฑิตํ จตุสฏฺิภาณวารปริมาณํ ตนฺตึ สงฺคายิตฺวา ‘‘อยํ ทีฆนิกาโย นามา’’ติ วตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ปฏิจฺฉาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อิมํ ตุยฺหํ นิสฺสิตเก วาเจหี’’ติ.

ตโต อนนฺตรํ อสีติภาณวารปริมาณํ มชฺฌิมนิกายํ สงฺคายิตฺวา ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรสฺส นิสฺสิตเก ปฏิจฺฉาเปสุํ – ‘‘อิมํ ตุมฺเห ปริหรถา’’ติ.

ตโต อนนฺตรํ สตภาณวารปริมาณํ สํยุตฺตนิกายํ สงฺคายิตฺวา มหากสฺสปตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสุํ – ‘‘ภนฺเต, อิมํ ตุมฺหากํ นิสฺสิตเก วาเจถา’’ติ.

ตโต อนนฺตรํ วีสติภาณวารสตปริมาณํ องฺคุตฺตรนิกายํ สงฺคายิตฺวา อนุรุทฺธตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสุํ – ‘‘อิมํ ตุมฺหากํ นิสฺสิตเก วาเจถา’’ติ.

ตโต อนนฺตรํ ธมฺมสงฺคหวิภงฺคธาตุกถาปุคฺคลปฺตฺติกถาวตฺถุยมกปฏฺานํ อภิธมฺโมติ วุจฺจติ. เอวํ สํวณฺณิตํ สุขุมาณโคจรํ ตนฺตึ สงฺคายิตฺวา – ‘‘อิทํ อภิธมฺมปิฏกํ นามา’’ติ วตฺวา ปฺจ อรหนฺตสตานิ สชฺฌายมกํสุ. วุตฺตนเยเนว ปถวิกมฺโป อโหสีติ.

ตโต ปรํ ชาตกํ, นิทฺเทโส, ปฏิสมฺภิทามคฺโค, อปทานํ, สุตฺตนิปาโต, ขุทฺทกปาโ, ธมฺมปทํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, วิมานวตฺถุ, เปตวตฺถุ, เถรคาถา , เถรีคาถาติ อิมํ ตนฺตึ สงฺคายิตฺวา ‘‘ขุทฺทกคนฺโถ นามาย’’นฺติ จ วตฺวา ‘‘อภิธมฺมปิฏกสฺมึเยว สงฺคหํ อาโรปยึสู’’ติ ทีฆภาณกา วทนฺติ. มชฺฌิมภาณกา ปน ‘‘จริยาปิฏกพุทฺธวํเสหิ สทฺธึ สพฺพมฺเปตํ ขุทฺทกคนฺถํ นาม สุตฺตนฺตปิฏเก ปริยาปนฺน’’นฺติ วทนฺติ.

เอวเมตํ สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ รสวเสน เอกวิธํ, ธมฺมวินยวเสน ทุวิธํ, ปมมชฺฌิมปจฺฉิมวเสน ติวิธํ. ตถา ปิฏกวเสน. นิกายวเสน ปฺจวิธํ, องฺควเสน นววิธํ, ธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสวิธนฺติ เวทิตพฺพํ.

กถํ รสวเสน เอกวิธํ? ยฺหิ ภควตา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ยาว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, เอตฺถนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสานิ เทวมนุสฺสนาคยกฺขาทโย อนุสาสนฺเตน วา ปจฺจเวกฺขนฺเตน วา วุตฺตํ, สพฺพํ ตํ เอกรสํ วิมุตฺติรสเมว โหติ. เอวํ รสวเสน เอกวิธํ.

กถํ ธมฺมวินยวเสน ทุวิธํ? สพฺพเมว เจตํ ธมฺโม เจว วินโย จาติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. ตตฺถ วินยปิฏกํ วินโย, อวเสสํ พุทฺธวจนํ ธมฺโม. เตเนวาห ‘‘ยนฺนูน มยํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๗). ‘‘อหํ อุปาลึ วินยํ ปุจฺเฉยฺยํ, อานนฺทํ ธมฺมํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ จ. เอวํ ธมฺมวินยวเสน ทุวิธํ.

กถํ ปมมชฺฌิมปจฺฉิมวเสน ติวิธํ? สพฺพเมว หิทํ ปมพุทฺธวจนํ, มชฺฌิมพุทฺธวจนํ, ปจฺฉิมพุทฺธวจนนฺติ ติปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ –

‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;

คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;

วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓-๕๔);

อิทํ ปมพุทฺธวจนํ. เกจิ ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา’’ติ (มหาว. ๑) ขนฺธเก อุทานคาถํ วทนฺติ. เอสา ปน ปาฏิปททิวเส สพฺพฺุภาวปฺปตฺตสฺส โสมนสฺสมยาเณน ปจฺจยาการํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนา อุทานคาถาติ เวทิตพฺพา.

ยํ ปน ปรินิพฺพานกาเล อภาสิ – ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว, อามนฺตยามิ โว, วยธมฺมา สงฺขารา, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๘) อิทํ ปจฺฉิมพุทฺธวจนํ. อุภินฺนมนฺตเร ยํ วุตฺตํ, เอตํ มชฺฌิมพุทฺธวจนํ นาม. เอวํ ปมมชฺฌิมปจฺฉิมพุทฺธวจนวเสน ติวิธํ.

กถํ ปิฏกวเสน ติวิธํ? สพฺพมฺปิ เจตํ วินยปิฏกํ สุตฺตนฺตปิฏกํ อภิธมฺมปิฏกนฺติ ติปฺปเภทเมว โหติ. ตตฺถ ปมสงฺคีติยํ สงฺคีตฺจ อสงฺคีตฺจ สพฺพมฺปิ สโมธาเนตฺวา อุภยานิ ปาติโมกฺขานิ, ทฺเว วิภงฺคา, ทฺวาวีสติ ขนฺธกา, โสฬสปริวาราติ – อิทํ วินยปิฏกํ นาม. พฺรหฺมชาลาทิจตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห ทีฆนิกาโย, มูลปริยายสุตฺตาทิทิยฑฺฒสตทฺเวสุตฺตสงฺคโห มชฺฌิมนิกาโย, โอฆตรณสุตฺตาทิสตฺตสุตฺตสหสฺสสตฺตสตทฺวาสฏฺิสุตฺตสงฺคโห สํยุตฺตนิกาโย, จิตฺตปริยาทานสุตฺตาทินวสุตฺตสหสฺสปฺจสตสตฺตปฺาสสุตฺตสงฺคโห องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกปา-ธมฺมปท-อุทาน-อิติวุตฺตก-สุตฺตนิปาต-วิมานวตฺถุ-เปตวตฺถุ-เถรคาถา-เถรีคาถา-ชาตก-นิทฺเทส-ปฏิสมฺภิทามคฺค-อปทาน-พุทฺธวํส-จริยาปิฏกวเสน ปนฺนรสปฺปเภโท ขุทฺทกนิกาโยติ อิทํ สุตฺตนฺตปิฏกํ นาม. ธมฺมสงฺคโห, วิภงฺโค, ธาตุกถา, ปุคฺคลปฺตฺติ, กถาวตฺถุ, ยมกํ, ปฏฺานนฺติ – อิทํ อภิธมฺมปิฏกํ นาม. ตตฺถ –

‘‘วิวิธวิเสสนยตฺตา, วินยนโต เจว กายวาจานํ;

วินยตฺถวิทูหิ อยํ, วินโย วินโยติ อกฺขาโต’’.

วิวิธา หิ เอตฺถ ปฺจวิธปาติโมกฺขุทฺเทสปาราชิกาทิ สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธมาติกา วิภงฺคาทิปฺปเภทา นยา. วิเสสภูตา จ ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนา อนุปฺตฺตินยา. กายิกวาจสิกอชฺฌาจารนิเสธนโต เจส กายํ วาจฺจ วิเนติ, ตสฺมา วิวิธนยตฺตา วิเสสนยตฺตา กายวาจานํ วินยนโต เจว วินโยติ อกฺขาโต. เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –

‘‘วิวิธวิเสสนยตฺตา, วินยนโต เจว กายวาจานํ;

วินยตฺถวิทูหิ อยํ, วินโย วินโยติ อกฺขาโต’’ติ.

อิตรํ ปน –

‘‘อตฺถานํ สูจนโต สุวุตฺตโต, สวนโตถ สูทนโต;

สุตฺตาณา สุตฺตสภาคโต จ, สุตฺตนฺติ อกฺขาตํ.

ตฺหิ อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภเท อตฺเถ สูเจติ. สุวุตฺตา เจตฺถ อตฺถา, เวเนยฺยชฺฌาสยานุโลเมน วุตฺตตฺตา. สวติ เจตํ อตฺเถ สสฺสมิว ผลํ, ปสวตีติ วุตฺตํ โหติ. สูทติ เจตํ เธนุ วิย ขีรํ, ปคฺฆราเปตีติ วุตฺตํ โหติ. สุฏฺุ จ เน ตายติ, รกฺขตีติ วุตฺตํ โหติ. สุตฺตสภาคฺเจตํ, ยถา หิ ตจฺฉกานํ สุตฺตํ ปมาณํ โหติ, เอวเมตมฺปิ วิฺูนํ. ยถา จ สุตฺเตน สงฺคหิตานิ ปุปฺผานิ น วิกิรียนฺติ, น วิทฺธํสียนฺติ, เอวเมว เตน สงฺคหิตา อตฺถา. เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –

‘‘อตฺถานํ สูจนโต, สุวุตฺตโต สวนโตถ สูทนโต;

สุตฺตาณา สุตฺตสภาคโต จ, สุตฺตนฺติ อกฺขาต’’นฺติ.

อิตโร ปน –

‘‘ยํ เอตฺถ วุฑฺฒิมนฺโต, สลกฺขณา ปูชิตา ปริจฺฉินฺนา;

วุตฺตาธิกา จ ธมฺมา, อภิธมฺโม เตน อกฺขาโต’’.

อยฺหิ อภิสทฺโท วุฑฺฒิลกฺขณปูชิตปริจฺฉินฺนาธิเกสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๘๙) วุฑฺฒิยํ อาคโต. ‘‘ยา ตา รตฺติโย อภิฺาตา อภิลกฺขิตา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๙) สลกฺขเณ. ‘‘ราชาภิราชา มนุชินฺโท’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙) ปูชิเต. ‘‘ปฏิพโล วิเนตุํ อภิธมฺเม อภิวินเย’’ติอาทีสุ (มหาว. ๘๕) ปริจฺฉินฺเน. อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเม จ วินเย จาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนา’’ติอาทีสุ (วิ. ว. ๘๑๙) อธิเก.

เอตฺถ จ ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ’’ (ธ. ส. ๒๕๑), ‘‘เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (วิภ. ๖๔๒) นเยน วุฑฺฒิมนฺโตปิ ธมฺมา วุตฺตา. ‘‘รูปารมฺมณํ วา สทฺทารมฺมณํ วา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑) นเยน อารมฺมณาทีหิ ลกฺขณียตฺตา สลกฺขณาปิ. ‘‘เสกฺขา ธมฺมา, อเสกฺขา ธมฺมา, โลกุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๑, ทุกมาติกา ๑๒) นเยน ปูชิตาปิ, ปูชารหาติ อธิปฺปาโย. ‘‘ผสฺโส โหติ, เวทนา โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑) นเยน สภาวปริจฺฉินฺนตฺตา ปริจฺฉินฺนาปิ. ‘‘มหคฺคตา ธมฺมา, อปฺปมาณา ธมฺมา (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๑), อนุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๑) นเยน อธิกาปิ ธมฺมา วุตฺตา. เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –

‘‘ยํ เอตฺถ วุฑฺฒิมนฺโต, สลกฺขณา ปูชิตา ปริจฺฉินฺนา;

วุตฺตาธิกา จ ธมฺมา, อภิธมฺโม เตน อกฺขาโต’’ติ.

ยํ ปเนตฺถ อวิสิฏฺํ, ตํ –

‘‘ปิฏกํ ปิฏกตฺถวิทู, ปริยตฺติพฺภาชนตฺถโต อาหุ;

เตน สโมธาเนตฺวา, ตโยปิ วินยาทโย เยฺยา’’.

ปริยตฺติปิ หิ ‘‘มา ปิฏกสมฺปทาเนนา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) ปิฏกนฺติ วุจฺจติ. ‘‘อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กุทาลปิฏกมาทายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๐) ยํ กิฺจิ ภาชนมฺปิ. ตสฺมา ‘ปิฏกํ ปิฏกตฺถวิทู ปริยตฺติภาชนตฺถโต อาหุ.

อิทานิ ‘เตน สโมธาเนตฺวาตโยปิ วินยาทโย เยฺยา’ติ, เตน เอวํ ทุวิธตฺเถน ปิฏกสทฺเทน สห สมาสํ กตฺวา วินโย จ โส ปิฏกฺจ ปริยตฺติภาวโต, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส ภาชนโต จาติ วินยปิฏกํ, ยถาวุตฺเตเนว นเยน สุตฺตนฺตฺจ ตํ ปิฏกฺจาติ สุตฺตนฺตปิฏกํ, อภิธมฺโม จ โส ปิฏกฺจาติ อภิธมฺมปิฏกนฺติ. เอวเมเต ตโยปิ วินยาทโย เยฺยา.

เอวํ ตฺวา จ ปุนปิ เตสุเยว ปิฏเกสุ นานปฺปการโกสลฺลตฺถํ –

‘‘เทสนาสาสนกถาเภทํ เตสุ ยถารหํ;

สิกฺขาปฺปหานคมฺภีรภาวฺจ ปริทีปเย.

ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺติฺจาปิ ยํ ยหึ;

ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเย’’.

ตตฺรายํ ปริทีปนา วิภาวนา จ. เอตานิ หิ ตีณิ ปิฏกานิ ยถากฺกมํ อาณาโวหารปรมตฺถเทสนา, ยถาปราธยถานุโลมยถาธมฺมสาสนานิ, สํวราสํวรทิฏฺิวินิเวนนามรูปปริจฺเฉทกถาติ จ วุจฺจนฺติ. เอตฺถ หิ วินยปิฏกํ อาณารเหน ภควตา อาณาพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา อาณาเทสนา, สุตฺตนฺตปิฏกํ โวหารกุสเลน ภควตา โวหารพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา โวหารเทสนา, อภิธมฺมปิฏกํ ปรมตฺถกุสเลน ภควตา ปรมตฺถพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา ปรมตฺถเทสนาติ วุจฺจติ.

ตถา ปมํ – ‘เย เต ปจุราปราธา สตฺตา, เต ยถาปราธํ เอตฺถ สาสิตา’ติ ยถาปราธสาสนํ, ทุติยํ – ‘อเนกชฺฌาสยานุสยจริยาธิมุตฺติกา สตฺตา ยถานุโลมํ เอตฺถ สาสิตา’ติ ยถานุโลมสาสนํ, ตติยํ – ‘ธมฺมปุฺชมตฺเต ‘‘อหํ มมา’’ติ สฺิโน สตฺตา ยถาธมฺมํ เอตฺถ สาสิตา’ติ ยถาธมฺมสาสนนฺติ วุจฺจติ.

ตถา ปมํ – อชฺฌาจารปฏิปกฺขภูโต สํวราสํวโร เอตฺถ กถิโตติ สํวราสํวรกถา. สํวราสํวโรติ ขุทฺทโก เจว มหนฺโต จ สํวโร, กมฺมากมฺมํ วิย, ผลาผลํ วิย จ, ทุติยํ – ‘‘ทฺวาสฏฺิทิฏฺิปฏิปกฺขภูตา ทิฏฺิวินิเวนา เอตฺถ กถิตา’’ติ ทิฏฺิวินิเวนกถา, ตติยํ – ‘‘ราคาทิปฏิปกฺขภูโต นามรูปปริจฺเฉโท เอตฺถ กถิโต’’ติ นามรูปปริจฺเฉทกถาติ วุจฺจติ.

ตีสุปิ เจเตสุ ติสฺโส สิกฺขา, ตีณิ ปหานานิ, จตุพฺพิโธ จ คมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ. ตถา หิ วินยปิฏเก วิเสเสน อธิสีลสิกฺขา วุตฺตา, สุตฺตนฺตปิฏเก อธิจิตฺตสิกฺขา, อภิธมฺมปิฏเก อธิปฺาสิกฺขา.

วินยปิฏเก จ วีติกฺกมปฺปหานํ, กิเลสานํ วีติกฺกมปฏิปกฺขตฺตา สีลสฺส. สุตฺตนฺตปิฏเก ปริยุฏฺานปฺปหานํ, ปริยุฏฺานปฏิปกฺขตฺตา สมาธิสฺส. อภิธมฺมปิฏเก อนุสยปฺปหานํ, อนุสยปฏิปกฺขตฺตา ปฺาย. ปเม จ ตทงฺคปฺปหานํ, อิตเรสุ วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปหานานิ. ปเม จ ทุจฺจริตสํกิเลสปฺปหานํ, อิตเรสุ ตณฺหาทิฏฺิสํกิเลสปฺปหานํ.

เอกเมกสฺมิฺเจตฺถ จตุพฺพิโธปิ ธมฺมตฺถเทสนา ปฏิเวธคมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ธมฺโมติ ตนฺติ. อตฺโถติ ตสฺสาเยว อตฺโถ. เทสนาติ ตสฺสา มนสา ววตฺถาปิตาย ตนฺติยา เทสนา. ปฏิเวโธติ ตนฺติยา ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ. ตีสุปิ เจเตสุ เอเต ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธา. ยสฺมา สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท มนฺทพุทฺธีหิ ทุกฺโขคาฬฺหา อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. เอวํ เอกเมกสฺมึ เอตฺถ จตุพฺพิโธปิ คมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ.

อปโร นโย, ธมฺโมติ เหตุ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ. อตฺโถติ เหตุผลํ, วุตฺตฺเหตํ – ‘‘เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๒๐). เทสนาติ ปฺตฺติ, ยถา ธมฺมํ ธมฺมาภิลาโปติ อธิปฺปาโย. อนุโลมปฏิโลมสงฺเขปวิตฺถาราทิวเสน วา กถนํ. ปฏิเวโธติ อภิสมโย, โส จ โลกิยโลกุตฺตโร วิสยโต อสมฺโมหโต จ, อตฺถานุรูปํ ธมฺเมสุ, ธมฺมานุรูปํ อตฺเถสุ, ปฺตฺติปถานุรูปํ ปฺตฺตีสุ อวโพโธ. เตสํ เตสํ วา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตธมฺมานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว.

อิทานิ ยสฺมา เอเตสุ ปิฏเกสุ ยํ ยํ ธมฺมชาตํ วา อตฺถชาตํ วา, ยา จายํ ยถา ยถา าเปตพฺโพ อตฺโถ โสตูนํ าณสฺส อภิมุโข โหติ, ตถา ตถา ตทตฺถโชติกา เทสนา, โย เจตฺถ อวิปรีตาวโพธสงฺขาโต ปฏิเวโธ, เตสํ เตสํ วา ธมฺมานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว. สพฺพมฺเปตํ อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ทุปฺปฺเหิ สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท ทุกฺโขคาฬฺหํ อลพฺภเนยฺยปติฏฺฺจ, ตสฺมา คมฺภีรํ. เอวมฺปิ เอกเมกสฺมึ เอตฺถ จตุพฺพิโธปิ คมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ.

เอตฺตาวตา จ –

‘‘เทสนาสาสนกถา, เภทํ เตสุ ยถารหํ;

สิกฺขาปฺปหานคมฺภีร, ภาวฺจ ปริทีปเย’’ติ

อยํ คาถา วุตฺตตฺถาว โหติ.

‘‘ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺติฺจาปิ ยํ ยหึ;

ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเย’’ติ –

เอตฺถ ปน ตีสุ ปิฏเกสุ ติวิโธ ปริยตฺติเภโท ทฏฺพฺโพ. ติสฺโส หิ ปริยตฺติโย – อลคทฺทูปมา, นิสฺสรณตฺถา, ภณฺฑาคาริกปริยตฺตีติ.

ตตฺถ ยา ทุคฺคหิตา, อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฏา, อยํ อลคทฺทูปมา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก อลคทฺทคเวสี อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโน, โส ปสฺเสยฺย มหนฺตํ อลคทฺทํ, ตเมนํ โภเค วา นงฺคุฏฺเ วา คณฺเหยฺย, ตสฺส โส อลคทฺโท ปฏิปริวตฺติตฺวา หตฺเถ วา พาหายํ วา อฺตรสฺมึ วา องฺคปจฺจงฺเค ฑํเสยฺย, โส ตโต นิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย, มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, อลคทฺทสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, สุตฺตํ…เป… เวทลฺลํ, เต ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เตสํ ธมฺมานํ ปฺาย อตฺถํ น อุปปริกฺขนฺติ, เตสํ เต ธมฺมา ปฺาย อตฺถํ อนุปปริกฺขตํ น นิชฺฌานํ ขมนฺติ, เต อุปารมฺภานิสํสา เจว ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จ, ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, ตฺจสฺส อตฺถํ นานุโภนฺติ, เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๘).

ยา ปน สุคฺคหิตา สีลกฺขนฺธาทิปาริปูรึเยว อากงฺขมาเนน ปริยาปุฏา, น อุปารมฺภาทิเหตุ, อยํ นิสฺสรณตฺถา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เตสํ เต ธมฺมา สุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๙).

ยํ ปน ปริฺาตกฺขนฺโธ ปหีนกิเลโส ภาวิตมคฺโค ปฏิวิทฺธากุปฺโป สจฺฉิกตนิโรโธ ขีณาสโว เกวลํ ปเวณีปาลนตฺถาย วํสานุรกฺขณตฺถาย ปริยาปุณาติ, อยํ ภณฺฑาคาริกปริยตฺตีติ.

วินเย ปน สุปฺปฏิปนฺโน ภิกฺขุ สีลสมฺปทํ นิสฺสาย ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณาติ, ตาสํเยว จ ตตฺถ ปเภทวจนโต. สุตฺเต สุปฺปฏิปนฺโน สมาธิสมฺปทํ นิสฺสาย ฉ อภิฺา ปาปุณาติ, ตาสํเยว จ ตตฺถ ปเภทวจนโต. อภิธมฺเม สุปฺปฏิปนฺโน ปฺาสมฺปทํ นิสฺสาย จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ปาปุณาติ, ตาสฺจ ตตฺเถว ปเภทวจนโต, เอวเมเตสุ สุปฺปฏิปนฺโน ยถากฺกเมน อิมํ วิชฺชาตฺตยฉฬภิฺาจตุปฺปฏิสมฺภิทาเภทํ สมฺปตฺตึ ปาปุณาติ.

วินเย ปน ทุปฺปฏิปนฺโน อนุฺาตสุขสมฺผสฺสอตฺถรณปาวุรณาทิผสฺสสามฺโต ปฏิกฺขิตฺเตสุ อุปาทินฺนกผสฺสาทีสุ อนวชฺชสฺี โหติ. วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เย เม อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๔). ตโต ทุสฺสีลภาวํ ปาปุณาติ. สุตฺเต ทุปฺปฏิปนฺโน – ‘‘จตฺตาโร เม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๕) อธิปฺปายํ อชานนฺโต ทุคฺคหิตํ คณฺหาติ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขติ, อตฺตานฺจ ขณติ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๖). ตโต มิจฺฉาทิฏฺิตํ ปาปุณาติ. อภิธมฺเม ทุปฺปฏิปนฺโน ธมฺมจินฺตํ อติธาวนฺโต อจินฺเตยฺยานิปิ จินฺเตติ. ตโต จิตฺตกฺเขปํ ปาปุณาติ, วุตฺตฺเหตํ – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺยานิ, น จินฺเตตพฺพานิ, ยานิ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗). เอวเมเตสุ ทุปฺปฏิปนฺโน ยถากฺกเมน อิมํ ทุสฺสีลภาว มิจฺฉาทิฏฺิตา จิตฺตกฺเขปเภทํ วิปตฺตึ ปาปุณาตี’’ติ.

เอตฺตาวตา จ –

‘‘ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺติฺจาปิ ยํ ยหึ;

ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเย’’ติ –

อยมฺปิ คาถา วุตฺตตฺถาว โหติ. เอวํ นานปฺปการโต ปิฏกานิ ตฺวา เตสํ วเสเนตํ พุทฺธวจนํ ติวิธนฺติ าตพฺพํ.

กถํ นิกายวเสน ปฺจวิธํ? สพฺพเมว เจตํ ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ กตโม ทีฆนิกาโย? ติวคฺคสงฺคหานิ พฺรหฺมชาลาทีนิ จตุตฺตึส สุตฺตานิ.

‘‘จตุตฺตึเสว สุตฺตนฺตา, ติวคฺโค ยสฺส สงฺคโห;

เอส ทีฆนิกาโยติ, ปโม อนุโลมิโก’’ติ.

กสฺมา ปเนส ทีฆนิกาโยติ วุจฺจติ? ทีฆปฺปมาณานํ สุตฺตานํ สมูหโต นิวาสโต จ. สมูหนิวาสา หิ นิกาโยติ วุจฺจนฺติ. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกนิกายมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ จิตฺตํ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว , ติรจฺฉานคตา ปาณา’’ (สํ. นิ. ๒.๑๐๐). โปณิกนิกาโย จิกฺขลฺลิกนิกาโยติ เอวมาทีนิ เจตฺถ สาธกานิ สาสนโต โลกโต จ. เอวํ เสสานมฺปิ นิกายภาเว วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ.

กตโม มชฺฌิมนิกาโย? มชฺฌิมปฺปมาณานิ ปฺจทสวคฺคสงฺคหานิ มูลปริยายสุตฺตาทีนิ ทิยฑฺฒสตํ ทฺเว จ สุตฺตานิ.

‘‘ทิยฑฺฒสตสุตฺตนฺตา, ทฺเว จ สุตฺตานิ ยตฺถ โส;

นิกาโย มชฺฌิโม ปฺจ, ทสวคฺคปริคฺคโห’’ติ.

กตโม สํยุตฺตนิกาโย? เทวตาสํยุตฺตาทิวเสน กถิตานิ โอฆตรณาทีนิ สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ สตฺต จ สุตฺตสตานิ ทฺวาสฏฺิ จ สุตฺตานิ.

‘‘สตฺตสุตฺตสหสฺสานิ , สตฺตสุตฺตสตานิ จ;

ทฺวาสฏฺิ เจว สุตฺตนฺตา, เอโส สํยุตฺตสงฺคโห’’ติ.

กตโม องฺคุตฺตรนิกาโย? เอเกกองฺคาติเรกวเสน กถิตานิ จิตฺตปริยาทานาทีนิ นว สุตฺตสหสฺสานิ ปฺจ สุตฺตสตานิ สตฺตปฺาสฺจ สุตฺตานิ.

‘‘นว สุตฺตสหสฺสานิ, ปฺจ สุตฺตสตานิ จ;

สตฺตปฺาส สุตฺตานิ, สงฺขฺยา องฺคุตฺตเร อย’’นฺติ.

กตโม ขุทฺทกนิกาโย? สกลํ วินยปิฏกํ, อภิธมฺมปิฏกํ, ขุทฺทกปาาทโย จ ปุพฺเพ ทสฺสิตา ปฺจทสปฺปเภทา, เปตฺวา จตฺตาโร นิกาเย อวเสสํ พุทฺธวจนํ.

‘‘เปตฺวา จตุโรเปเต, นิกาเย ทีฆอาทิเก;

ตทฺํ พุทฺธวจนํ, นิกาโย ขุทฺทโก มโต’’ติ.

เอวํ นิกายวเสน ปฺจวิธํ.

กถํ องฺควเสน นววิธํ? สพฺพเมว หิทํ สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถา, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลนฺติ นวปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ อุภโตวิภงฺคนิทฺเทสขนฺธกปริวารา, สุตฺตนิปาเต มงฺคลสุตฺตรตนสุตฺตนาลกสุตฺตตุวฏฺฏกสุตฺตานิ จ อฺมฺปิ จ สุตฺตนามกํ ตถาคตวจนํ สุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สพฺพมฺปิ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยนฺติ เวทิตพฺพํ. วิเสเสน สํยุตฺตเก สกโลปิ สคาถวคฺโค, สกลมฺปิ อภิธมฺมปิฏกํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ, ยฺจ อฺมฺปิ อฏฺหิ องฺเคหิ อสงฺคหิตํ พุทฺธวจนํ, ตํ เวยฺยากรณนฺติ เวทิตพฺพํ. ธมฺมปทํ, เถรคาถา, เถรีคาถา, สุตฺตนิปาเต โนสุตฺตนามิกา สุทฺธิกคาถา จ คาถาติ เวทิตพฺพา. โสมนสฺสฺาณมยิกคาถา ปฏิสํยุตฺตา ทฺเวอสีติ สุตฺตนฺตา อุทานนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา’’ติอาทินยปฺปวตฺตา ทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา อิติวุตฺตกนฺติ เวทิตพฺพํ. อปณฺณกชาตกาทีนิ ปฺาสาธิกานิ ปฺจชาตกสตานิ ‘ชาตก’นฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานนฺเท’’ติอาทินยปฺปวตฺตา (ที. นิ. ๒.๒๐๙) สพฺเพปิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺมปฏิสํยุตฺตสุตฺตนฺตา อพฺภุตธมฺมนฺติ เวทิตพฺพํ. จูฬเวทลฺล-มหาเวทลฺล-สมฺมาทิฏฺิ-สกฺกปฺห-สงฺขารภาชนิย-มหาปุณฺณมสุตฺตาทโย สพฺเพปิ เวทฺจ ตุฏฺิฺจ ลทฺธา ลทฺธา ปุจฺฉิตสุตฺตนฺตา เวทลฺลนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ องฺควเสน นววิธํ.

กถํ ธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสวิธํ? สพฺพเมว เจตํ พุทฺธวจนํ –

‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;

จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ.

เอวํ ปริทีปิตธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ. ยํ อเนกานุสนฺธิกํ, ตตฺถ อนุสนฺธิวเสน ธมฺมกฺขนฺธคณนา. คาถาพนฺเธสุ ปฺหาปุจฺฉนํ เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ, วิสฺสชฺชนํ เอโก. อภิธมฺเม เอกเมกํ ติกทุกภาชนํ, เอกเมกฺจ จิตฺตวารภาชนํ, เอกเมโก ธมฺมกฺขนฺโธ. วินเย อตฺถิ วตฺถุ, อตฺถิ มาติกา, อตฺถิ ปทภาชนียํ, อตฺถิ อนฺตราปตฺติ, อตฺถิ อาปตฺติ, อตฺถิ อนาปตฺติ, อตฺถิ ติกจฺเฉโท. ตตฺถ เอกเมโก โกฏฺาโส เอกเมโก ธมฺมกฺขนฺโธติ เวทิตพฺโพ. เอวํ ธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสวิธํ.

เอวเมตํ อเภทโต รสวเสน เอกวิธํ, เภทโต ธมฺมวินยาทิวเสน ทุวิธาทิเภทํ พุทฺธวจนํ สงฺคายนฺเตน มหากสฺสปปฺปมุเขน วสีคเณน ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ ปมพุทฺธวจนํ, อิทํ มชฺฌิมพุทฺธวจนํ, อิทํ ปจฺฉิมพุทฺธวจนํ, อิทํ วินยปิฏกํ, อิทํ สุตฺตนฺตปิฏกํ, อิทํ อภิธมฺมปิฏกํ, อยํ ทีฆนิกาโย…เป… อยํ ขุทฺทกนิกาโย, อิมานิ สุตฺตาทีนิ นวงฺคานิ, อิมานิ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ, อิมํ ปเภทํ ววตฺถเปตฺวาว สงฺคีตํ. น เกวลฺจ อิมเมว, อฺมฺปิ อุทฺทานสงฺคห-วคฺคสงฺคห-เปยฺยาลสงฺคห-เอกกนิปาต-ทุกนิปาตาทินิปาตสงฺคห-สํยุตฺตสงฺคห-ปณฺณาสสงฺคหาทิ-อเนกวิธํ ตีสุ ปิฏเกสุ สนฺทิสฺสมานํ สงฺคหปฺปเภทํ ววตฺถเปตฺวา เอว สตฺตหิ มาเสหิ สงฺคีตํ.

สงฺคีติปริโยสาเน จสฺส – ‘‘อิทํ มหากสฺสปตฺเถเรน ทสพลสฺส สาสนํ ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณกาลํ ปวตฺตนสมตฺถํ กต’’นฺติ สฺชาตปฺปโมทา สาธุการํ วิย ททมานา อยํ มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อเนกปฺปการํ กมฺปิ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, อเนกานิ จ อจฺฉริยานิ ปาตุรเหสุนฺติ, อยํ ปมมหาสงฺคีติ นาม. ยา โลเก –

‘‘สเตหิ ปฺจหิ กตา, เตน ปฺจสตาติ จ;

เถเรเหว กตตฺตา จ, เถริกาติ ปวุจฺจตี’’ติ.