📜
๑๐. สุภสุตฺตวณฺณนา
สุภมาณวกวตฺถุวณฺณนา
๔๔๔. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… สาวตฺถิยนฺติ สุภสุตฺตํ. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา. อจิรปรินิพฺพุเต ภควตีติ อจิรํ ปรินิพฺพุเต ภควติ, ปรินิพฺพานโต อุทฺธํ มาสมตฺเต กาเล. นิทานวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว ภควโต ปตฺตจีวรํ อาทาย อาคนฺตฺวา ขีรวิเรจนํ ปิวิตฺวา วิหาเร นิสินฺนทิวสํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. โตเทยฺยปุตฺโตติ โตเทยฺยพฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต, โส กิร สาวตฺถิยา อวิทูเร ตุทิคาโม นาม อตฺถิ, ตสฺส อธิปติตฺตา โตเทยฺโยติ สงฺขฺยํ คโต. มหทฺธโน ปน โหติ ปฺจจตฺตาลีสโกฏิวิภโว, ปรมมจฺฉรี – ‘‘ททโต โภคานํ อปริกฺขโย นาม นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา กสฺสจิ กิฺจิ น เทติ, ปุตฺตมฺปิ อาห –
‘‘อฺชนานํ ขยํ ทิสฺวา, วมฺมิกานฺจ สฺจยํ;
มธูนฺจ สมาหารํ, ปณฺฑิโต ฆรมาวเส’’ติ.
เอวํ อทานเมว สิกฺขาเปตฺวา กายสฺส เภทา ตสฺมึเยว ฆเร สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต. สุโภ ตํ สุนขํ อติวิย ปิยายติ. อตฺตโน ภฺุชนกภตฺตํเยว โภเชติ, อุกฺขิปิตฺวา วรสยเน สยาเปติ. อถ ภควา เอกทิวสํ นิกฺขนฺเต มาณเว ตํ ฆรํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สุนโข ภควนฺตํ ทิสฺวา ภุกฺการํ กโรนฺโต ภควโต สมีปํ คโต. ตโต นํ ภควา อโวจ ‘‘โตเทยฺย ตฺวํ ปุพฺเพปิ มํ ‘โภ, โภ’ติ ปริภวิตฺวา สุนโข ชาโต, อิทานิปิ ภุกฺการํ กตฺวา อวีจึ คมิสฺสสี’’ติ. สุนโข ตํ กถํ สุตฺวา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา อุทฺธนนฺตเร ฉาริกาย นิปนฺโน, มนุสฺสา นํ อุกฺขิปิตฺวา สยเน สยาเปตุํ นาสกฺขึสุ ¶ .
สุโภ อาคนฺตฺวา ‘‘เกนายํ สุนโข สยนา โอโรปิโต’’ติ อาห. มนุสฺสา ‘‘น เกนจี’’ติ ¶ วตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. มาณโว สุตฺวา ‘‘มม ปิตา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต, สมโณ ปน โคตโม เม ปิตรํ สุนขํ กโรติ ยํ กิฺจิ เอส มุขารูฬฺหํ ภาสตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ภควนฺตํ มุสาวาเทน ¶ โจเทตุกาโม วิหารํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. ภควา ตสฺส ตเถว วตฺวา อวิสํวาทนตฺถํ อาห – ‘‘อตฺถิ ปน เต, มาณว, ปิตรา น อกฺขาตํ ธน’’นฺติ. อตฺถิ, โภ โคตม, สตสหสฺสคฺฆนิกา สุวณฺณมาลา, สตสหสฺสคฺฆนิกา สุวณฺณปาทุกา, สตสหสฺสคฺฆนิกา สุวณฺณปาติ, สตสหสฺสฺจ กหาปณนฺติ. คจฺฉ ตํ สุนขํ อปฺโปทกํ มธุปายาสํ โภเชตฺวา สยนํ อาโรเปตฺวา อีสกํ นิทฺทํ โอกฺกนฺตกาเล ปุจฺฉ, สพฺพํ เต อาจิกฺขิสฺสติ, อถ นํ ชาเนยฺยาสิ – ‘‘ปิตา เม เอโส’’ติ. โส ตถา อกาสิ. สุนโข สพฺพํ อาจิกฺขิ, ตทา นํ – ‘‘ปิตา เม’’ติ ตฺวา ภควติ ปสนฺนจิตฺโต คนฺตฺวา ภควนฺตํจุทฺทส ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชนปริโยสาเน ภควนฺตํ สรณํ คโต, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต’’ติ. สาวตฺถิยํ ปฏิวสตีติ อตฺตโน โภคคามโต อาคนฺตฺวา วสติ.
๔๔๕-๔๔๖. อฺตรํ มาณวกํ อามนฺเตสีติ สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ‘‘อานนฺทตฺเถโร กิรสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อาคโต, มหาชโน ตํ ทสฺสนตฺถาย อุปสงฺกมตี’’ติ สุตฺวา ‘‘วิหารํ โข ปน คนฺตฺวา มหาชนมชฺเฌ น สกฺกา สุเขน ปฏิสนฺถารํ วา กาตุํ, ธมฺมกถํ วา โสตุํ เคหํ อาคตํเยว นํ ทิสฺวา สุเขน ปฏิสนฺถารํ กริสฺสามิ, เอกา จ เม กงฺขา อตฺถิ, ตมฺปิ นํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อฺตรํ มาณวกํ อามนฺเตสิ. อปฺปาพาธนฺติอาทีสุ อาพาโธติ วิสภาคเวทนา วุจฺจติ, ยา เอกเทเส อุปฺปชฺชิตฺวา จตฺตาโร อิริยาปเถ อยปฏฺเฏน อาพนฺธิตฺวา วิย คณฺหติ, ตสฺสา อภาวํ ปุจฺฉาติ วทติ. อปฺปาตงฺโกติ ¶ กิจฺฉชีวิตกโร โรโค วุจฺจติ, ตสฺสาปิ อภาวํ ปุจฺฉาติ วทติ. คิลานสฺเสว จ อุฏฺานํ นาม ครุกํ โหติ, กาเย พลํ น โหติ, ตสฺมา นิคฺเคลฺภาวฺจ พลฺจ ปุจฺฉาติ วทติ. ผาสุวิหารนฺติ คมนานนิสชฺชสยเนสุ จตูสุ อิริยาปเถสุ สุขวิหารํ ปุจฺฉาติ วทติ. อถสฺส ปุจฺฉิตพฺพาการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุโภ’’ติอาทิมาห.
๔๔๗. กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายาติ กาลฺจ สมยฺจ ปฺาย คเหตฺวา อุปธาเรตฺวาติ อตฺโถ. สเจ อมฺหากํ สฺเว คมนกาโล ภวิสฺสติ, กาเย พลมตฺตา เจว ผริสฺสติ, คมนปจฺจยา จ อฺโ อผาสุวิหาโร ¶ น ภวิสฺสติ, อเถตํ กาลฺจ คมนการณสมวายสงฺขาตํ สมยฺจ อุปธาเรตฺวา – ‘‘อปิ เอว นาม สฺเว อาคจฺเฉยฺยามา’’ติ วุตฺตํ โหติ.
๔๔๘. เจตเกน ¶ ภิกฺขุนาติ เจติรฏฺเ ชาตตฺตา เจตโกติ เอวํ ลทฺธนาเมน. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียนฺติ โภ, อานนฺท, ทสพลสฺส โก นาม อาพาโธ อโหสิ, กึ ภควา ปริภฺุชิ. อปิ จ สตฺถุ ปรินิพฺพาเนน ตุมฺหากํ โสโก อุทปาทิ, สตฺถา นาม น เกวลํ ตุมฺหากํเยว ปรินิพฺพุโต, สเทวกสฺส โลกสฺส มหาชานิ, โก ทานิ อฺโ มรณา มุจฺจิสฺสติ, ยตฺร โส สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคปุคฺคโล ปรินิพฺพุโต, อิทานิ กํ อฺํ ทิสฺวา มจฺจุราชา ลชฺชิสฺสตีติ เอวมาทินา นเยน มรณปฏิสํยุตฺตํ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เถรสฺส หิยฺโย ปีตเภสชฺชานุรูปํ อาหารํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน เอกมนฺตํ นิสีทิ.
อุปฏฺาโก สนฺติกาวจโรติ อุปฏฺาโก หุตฺวา สนฺติกาวจโร, น รนฺธคเวสี. น วีมํสนาธิปฺปาโย. สมีปจารีติ อิทํ ปุริมปทสฺเสว เววจนํ. เยสํ โส ภวํ โคตโมติ กสฺมา ปุจฺฉติ? ตสฺส กิร เอวํ อโหสิ ‘‘เยสุ ธมฺเมสุ ภวํ โคตโม อิมํ โลกํ ปติฏฺเปสิ, เต ตสฺส อจฺจเยน นฏฺา นุ โข, ธรนฺติ นุ โข, สเจ ธรนฺติ, อานนฺโท ชานิสฺสติ, หนฺท นํ ปุจฺฉามี’’ติ, ตสฺมา ปุจฺฉิ.
๔๔๙. อถสฺส ¶ เถโร ตีณิ ปิฏกานิ ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ติณฺณํ โข’’ติอาทิมาห. มาณโว สงฺขิตฺเตน กถิตํ อสลฺลกฺเขนฺโต – ‘‘วิตฺถารโต ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กตเมสํ ติณฺณ’’นฺติอาทิมาห.
สีลกฺขนฺธวณฺณนา
๔๕๐-๔๕๓. ตโต เถเรน ‘‘อริยสฺส สีลกฺขนฺธสฺสา’’ติ เตสุ ทสฺสิเตสุ ปุน ‘‘กตโม ปน โส, โภ อานนฺท, อริโย สีลกฺขนฺโธ’’ติ เอเกกํ ปุจฺฉิ. เถโรปิสฺส พุทฺธุปฺปาทํ ทสฺเสตฺวา ตนฺติธมฺมํ เทเสนฺโต อนุกฺกเมน ภควตา วุตฺตนเยเนว สพฺพํ วิสฺสชฺเชสิ. ตตฺถ อตฺถิ ¶ เจเวตฺถ อุตฺตริกรณียนฺติ เอตฺถ ภควโต สาสเน น สีลเมว สาโร, เกวลฺเหตํ ปติฏฺามตฺตเมว โหติ. อิโต อุตฺตริ ปน อฺมฺปิ กตฺตพฺพํ อตฺถิ เยวาติ ทสฺเสสิ. อิโต พหิทฺธาติ พุทฺธสาสนโต พหิทฺธา.
สมาธิกฺขนฺธวณฺณนา
๔๕๔. กถฺจ ¶ , มาณว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหตีติ อิทมายสฺมา อานนฺโท ‘‘กตโม ปน โส, โภ อานนฺท, อริโย สมาธิกฺขนฺโธ’’ติ เอวํ สมาธิกฺขนฺธํ ปุฏฺโปิ เย เต ‘‘สีลสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต สนฺตุฏฺโ’’ติ เอวํ สีลานนฺตรํ อินฺทฺริยสํวราทโย สีลสมาธีนํ อนฺตเร อุภินฺนมฺปิ อุปการกธมฺมา อุทฺทิฏฺา, เต นิทฺทิสิตฺวา สมาธิกฺขนฺธํ ทสฺเสตุกาโม อารภิ. เอตฺถ จ รูปชฺฌานาเนว อาคตานิ, น อรูปชฺฌานานิ, อาเนตฺวา ปน ทีเปตพฺพานิ. จตุตฺถชฺฌาเนน หิ อสงฺคหิตา อรูปสมาปตฺติ นาม นตฺถิเยว.
๔๗๑-๔๘๐. อตฺถิ เจเวตฺถ อุตฺตริกรณียนฺติ เอตฺถ ภควโต สาสเน น จิตฺเตกคฺคตามตฺตเกเนว ปริโยสานปฺปตฺติ นาม อตฺถิ, อิโตปิ อุตฺตริ ปน อฺํ กตฺตพฺพํ อตฺถิ เยวาติ ทสฺเสติ. นตฺถิ เจเวตฺถ อุตฺตริกรณียนฺติ เอตฺถ ภควโต สาสเน อิโต อุตฺตริ กาตพฺพํ นาม นตฺถิเยว, อรหตฺตปริโยสานฺหิ ภควโต สาสนนฺติ ทสฺเสติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
สุภสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.