📜

๖. มหาลิสุตฺตวณฺณนา

พฺราหฺมณทูตวตฺถุวณฺณนา

๓๕๙. เอวํเม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยนฺติ มหาลิสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา. เวสาลิยนฺติ ปุนปฺปุนํ วิสาลภาวูปคมนโต เวสาลีติ ลทฺธนามเก นคเร. มหาวเนติ พหินคเร หิมวนฺเตน สทฺธึ เอกาพทฺธํ หุตฺวา ิตํ สยํ ชาตวนํ อตฺถิ, ยํ มหนฺตภาเวเนว มหาวนนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ มหาวเน. กูฏาคารสาลายนฺติ ตสฺมึ วนสณฺเฑ สงฺฆารามํ ปติฏฺเปสุํ. ตตฺถ กณฺณิกํ โยเชตฺวา ถมฺภานํ อุปริ กูฏาคารสาลาสงฺเขเปน เทววิมานสทิสํ ปาสาทํ อกํสุ, ตํ อุปาทาย สกโลปิ สงฺฆาราโม ‘‘กูฏาคารสาลา’’ติ ปฺายิตฺถ. ภควา ตํ เวสาลึ อุปนิสฺสาย ตสฺมึ สงฺฆาราเม วิหรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลาย’’นฺติ. โกสลกาติ โกสลรฏฺวาสิโน. มาคธกาติ มคธรฏฺวาสิโน. กรณีเยนาติ อวสฺสํ กตฺตพฺพกมฺเมน. ยฺหิ อกาตุมฺปิ วฏฺฏติ, ตํ กิจฺจนฺติ วุจฺจติ, ยํ อวสฺสํ กาตพฺพเมว, ตํ กรณียํ นาม.

๓๖๐. ปฏิสลฺลีโน ภควาติ นานารมฺมณจารโต ปฏิกฺกมฺม สลฺลีโน นิลีโน, เอกีภาวํ อุปคมฺม เอกตฺตารมฺมเณ ฌานรตึ อนุภวตีติ อตฺโถ. ตตฺเถวาติ ตสฺมิฺเว วิหาเร. เอกมนฺตนฺติ ตสฺมา านา อปกฺกมฺม ตาสุ ตาสุ รุกฺขจฺฉายาสุ นิสีทึสุ.

โอฏฺทฺธลิจฺฉวีวตฺถุวณฺณนา

๓๖๑. โอฏฺทฺโธติ อทฺโธฏฺตาย เอวํลทฺธนาโม. มหติยา ลิจฺฉวีปริสายาติ ปุเรภตฺตํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ภควโต สนฺติเก อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺหิตฺวา คนฺธมาลาทีนิ คาหาเปตฺวา อุคฺโฆสนาย มหตึ ลิจฺฉวิราชปริสํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตาย นีลปีตาทิวณฺณวตฺถาภรณวิเลปนปฏิมณฺฑิตาย ตาวตึสปริสสปฺปฏิภาคาย มหติยา ลิจฺฉวิปริสาย สทฺธึ อุปสงฺกมิ. อกาโล โข มหาลีติ ตสฺส โอฏฺทฺธสฺส มหาลีติ มูลนามํ, เตน มูลนามมตฺเตน นํ เถโร มหาลีติ อาลปติ. เอกมนฺตํ นิสีทีติ ปติรูปาสุ รุกฺขจฺฉายาสุ ตาย ลิจฺฉวิปริสาย สทฺธึ รตนตฺตยสฺส วณฺณํ กถยนฺโต นิสีทิ.

๓๖๒. สีโห สมณุทฺเทโสติ อายสฺมโต นาคิตสฺส ภาคิเนยฺโย สตฺตวสฺสกาเล ปพฺพชิตฺวา สาสเน ยุตฺตปยุตฺโต ‘‘สีโห’’ติ เอวํนามโก สามเณโร, โส กิร ตํ มหาปริสํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ ปริสา มหตี, สกลํ วิหารํ ปูเรตฺวา นิสินฺนา, อทฺธา ภควา อชฺช อิมิสฺสา ปริสาย มหนฺเตน อุสฺสาเหน ธมฺมํ เทเสสฺสติ, ยํนูนาหํ อุปชฺฌายสฺสาจิกฺขิตฺวา ภควโต มหาปริสาย สนฺนิปติตภาวํ อาโรจาเปยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา เยนายสฺมา นาคิโต เตนุปสงฺกมิ. ภนฺเต กสฺสปาติ เถรํ โคตฺเตน อาลปติ. เอสา ชนตาติ เอโส ชนสมูโห.

ตฺวฺเว ภควโต อาโรเจหีติ สีโห กิร ภควโต วิสฺสาสิโก, อยฺหิ เถโร ถูลสรีโร, เตนสฺส สรีรครุตาย อุฏฺานนิสชฺชาทีสุ อาลสิยภาโว อีสกํ อปฺปหีโน วิย โหติ. อถายํ สามเณโร ภควโต กาเลน กาลํ วตฺตํ กโรติ. เตน นํ เถโร ‘‘ตฺวมฺปิ ทสพลสฺส วิสฺสาสิโก’’ติ วตฺวา คจฺฉ ตฺวฺเวาโรเจหีติ อาห. วิหารปจฺฉายายนฺติ วิหารฉายายํ, กูฏาคารมหาเคหจฺฉายาย ผริโตกาเสติ อตฺโถ. สา กิร กูฏาคารสาลา ทกฺขิณุตฺตรโต ทีฆา ปาจีนมุขา, เตนสฺสา ปุรโต มหตี ฉายา ปตฺถฏา โหติ, สีโห ตตฺถ ภควโต อาสนํ ปฺเปสิ.

๓๖๓. อถ โข ภควา ทฺวารนฺตเรหิ เจว วาตปานนฺตเรหิ จ นิกฺขมิตฺวา วิธาวนฺตาหิ วิปฺผรนฺตีหิ ฉพฺพณฺณาหิ พุทฺธรสฺมีหิ สํสูจิตนิกฺขมโน วลาหกนฺตรโต ปุณฺณจนฺโท วิย กูฏาคารสาลโต นิกฺขมิตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา วิหารา นิกฺขมฺม วิหารปจฺฉายาย ปฺตฺเต อาสเน นิสีที’’ติ.

๓๖๔-๓๖๕. ปุริมานิ, ภนฺเต, ทิวสานิ ปุริมตรานีติ เอตฺถ หิยฺโย ทิวสํ ปุริมํ นาม, ตโต ปรํ ปุริมตรํ. ตโต ปฏฺาย ปน สพฺพานิ ปุริมานิ เจว ปุริมตรานิ จ โหนฺติ. ยทคฺเคติ มูลทิวสโต ปฏฺาย ยํ ทิวสํ อคฺคํ ปรโกฏึ กตฺวา วิหรามีติ อตฺโถ, ยาว วิหาสินฺติ วุตฺตํ โหติ. อิทานิ ตสฺส ปริมาณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นจิรํ ตีณิ วสฺสานี’’ติ อาห. อถ วา ยทคฺเคติ ยํ ทิวสํ อคฺคํ กตฺวา นจิรํ ตีณิ วสฺสานิ วิหรามีติปิ อตฺโถ . ยํ ทิวสํ อาทึ กตฺวา นจิรํ วิหาสึ ตีณิเยว วสฺสานีติ วุตฺตํ โหติ. อยํ กิร ภควโต ปตฺตจีวรํ คณฺหนฺโต ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภควนฺตํ อุปฏฺาสิ, ตํ สนฺธาย เอวํ วทติ. ปิยรูปานีติ ปิยชาติกานิ สาตชาติกานิ. กามูปสํหิตานีติ กามสฺสาทยุตฺตานิ. รชนียานีติ ราคชนกานิ. โน จ โข ทิพฺพานิ สทฺทานีติ กสฺมา สุนกฺขตฺโต ตานิ น สุณาติ? โส กิร ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ทิพฺพจกฺขุปริกมฺมํ ยาจิ, ตสฺส ภควา อาจิกฺขิ, โส ยถานุสิฏฺํ ปฏิปนฺโน ทิพฺพจกฺขุํ อุปฺปาเทตฺวา เทวตานํ รูปานิ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิมสฺมึ สรีรสณฺาเน สทฺเทน มธุเรน ภวิตพฺพํ, กถํ นุ โข นํ สุเณยฺย’’นฺติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ทิพฺพโสตปริกมฺมํ ปุจฺฉิ. อยฺจ อตีเต เอกํ สีลวนฺตํ ภิกฺขุํ กณฺณสกฺขลิยํ ปหริตฺวา พธิรมกาสิ. ตสฺมา ปริกมฺมํ กโรนฺโตปิ อภพฺโพ ทิพฺพโสตาธิคมาย. เตนสฺส น ภควา ปริกมฺมํ กเถสิ. โส เอตฺตาวตา ภควติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อทฺธา สมณสฺส โคตมสฺส เอวํ โหติ – ‘อหมฺปิ ขตฺติโย อยมฺปิ ขตฺติโย, สจสฺส าณํ วฑฺฒิสฺสติ, อยมฺปิ สพฺพฺู ภวิสฺสตี’ติ อุสูยาย มยฺหํ น กเถสี’’ติ. โส อนุกฺกเมน คิหิภาวํ ปตฺวา ตมตฺถํ มหาลิลิจฺฉวิโน กเถนฺโต เอวมาห.

๓๖๖-๓๗๑. เอกํสภาวิโตติ เอกํสาย เอกโกฏฺาสาย ภาวิโต, ทิพฺพานํ วา รูปานํ ทสฺสนตฺถาย ทิพฺพานํ วา สทฺทานํ สวนตฺถาย ภาวิโตติ อตฺโถ. ติริยนฺติ อนุทิสาย. อุภยํสภาวิโตติ อุภยํสาย อุภยโกฏฺาสาย ภาวิโตติ อตฺโถ. อยํ โข มหาลิ เหตูติ อยํ ทิพฺพานํเยว รูปานํ ทสฺสนาย เอกํสภาวิโต สมาธิ เหตุ. อิมมตฺถํ สุตฺวา โส ลิจฺฉวี จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ ทิพฺพโสเตน สทฺทสุณนํ อิมสฺมึ สาสเน อุตฺตมตฺถภูตํ มฺเ อิมสฺส นูน อตฺถาย เอเต ภิกฺขู ปฺาสมฺปิ สฏฺิปิ วสฺสานิ อปณฺณกํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ยํนูนาหํ ทสพลํ เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ.

๓๗๒. ตโต ตมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘เอตาสํ นูน, ภนฺเต’’ติอาทิมาห. สมาธิภาวนานนฺติ เอตฺถ สมาธิเยว สมาธิภาวนา, อุภยํสภาวิตานํ สมาธีนนฺติ อตฺโถ. อถ ยสฺมา สาสนโต พาหิรา เอตา สมาธิภาวนา, น อชฺฌตฺติกา. ตสฺมา ตา ปฏิกฺขิปิตฺวา ยทตฺถํ ภิกฺขู พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘น โข มหาลี’’ติอาทิมาห.

จตุอริยผลวณฺณนา

๓๗๓. ติณฺณํสํโยชนานนฺติ สกฺกายทิฏฺิอาทีนํ ติณฺณํ พนฺธนานํ. ตานิ หิ วฏฺฏทุกฺขมเย รเถ สตฺเต สํโยเชนฺติ, ตสฺมา สํโยชนานีติ วุจฺจนฺติ. โสตาปนฺโนโหตีติ มคฺคโสตํ อาปนฺโน โหติ. อวินิปาตธมฺโมติ จตูสุ อปาเยสุ อปตนธมฺโม. นิยโตติ ธมฺมนิยาเมน นิยโต. สมฺโพธิปรายโณติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตา สมฺโพธิ ปรํ อยนํ อสฺส, อเนน วา ปตฺตพฺพาติ สมฺโพธิปรายโณ.

ตนุตฺตาติ ปริยุฏฺานมนฺทตาย จ กทาจิ กรหจิ อุปฺปตฺติยา จ ตนุภาวา. โอรมฺภาคิยานนฺติ เหฏฺาภาคิยานํ, เย หิ พทฺโธ อุปริ สุทฺธาวาสภูมิยํ นิพฺพตฺติตุํ น สกฺโกติ. โอปปาติโกติ เสสโยนิปฏิกฺเขปวจนเมตํ. ตตฺถ ปรินิพฺพายีติ ตสฺมึ อุปริภเวเยว ปรินิพฺพานธมฺโม. อนาวตฺติธมฺโมติ ตโต พฺรหฺมโลกา ปุน ปฏิสนฺธิวเสน อนาวตฺตนธมฺโม. เจโตวิมุตฺตินฺติ จิตฺตวิสุทฺธึ, สพฺพกิเลสพนฺธนวิมุตฺตสฺส อรหตฺตผลจิตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. ปฺาวิมุตฺตินฺติ เอตฺถาปิ สพฺพกิเลสพนฺธนวิมุตฺตา อรหตฺตผลปฺาว ปฺาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยนฺติ สามํ. อภิฺาติ อภิชานิตฺวา. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา. อถ วา อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อภิฺาย อภิวิสิฏฺเน าเณน สจฺฉิกริตฺวาติปิ อตฺโถ. อุปสมฺปชฺชาติ ปตฺวา ปฏิลภิตฺวา. อิทํ สุตฺวา ลิจฺฉวิราชา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปน ธมฺโม น สกุเณน วิย อุปฺปติตฺวา, นาปิ โคธาย วิย อุเรน คนฺตฺวา สกฺกา ปฏิวิชฺฌิตุํ , อทฺธา ปน อิมํ ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส ปุพฺพภาคปฺปฏิปทาย ภวิตพฺพํ, ปุจฺฉามิ ตาว น’’นฺติ.

อริยอฏฺงฺคิกมคฺควณฺณนา

๓๗๔-๓๗๕. ตโต ภควนฺตํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘อตฺถิ ปน ภนฺเต’’ติอาทิมาห. อฏฺงฺคิโกติ ปฺจงฺคิกํ ตุริยํ วิย อฏฺงฺคิโก คาโม วิย จ อฏฺงฺคมตฺโตเยว หุตฺวา อฏฺงฺคิโก, น องฺคโต อฺโ มคฺโค นาม อตฺถิ. เตเนวาห – ‘‘เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธี’’ติ. ตตฺถ สมฺมาทสฺสนลกฺขณา สมฺมาทิฏฺิ. สมฺมา อภินิโรปนลกฺขโณ สมฺมาสงฺกปฺโป. สมฺมา ปริคฺคหณลกฺขณา สมฺมาวาจา. สมฺมา สมุฏฺาปนลกฺขโณ สมฺมากมฺมนฺโต. สมฺมา โวทาปนลกฺขโณ สมฺมาอาชีโว. สมฺมา ปคฺคหลกฺขโณ สมฺมาวายาโม. สมฺมา อุปฏฺานลกฺขณา สมฺมาสติ. สมฺมา สมาธานลกฺขโณ สมฺมาสมาธิ. เอเตสุ เอเกกสฺส ตีณิ ตีณิ กิจฺจานิ โหนฺติ. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺิ ตาว อฺเหิปิ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธึ มิจฺฉาทิฏฺึ ปชหติ, นิโรธํ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ปสฺสติ ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหวิธมนวเสน อสมฺโมหโต. สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ตเถว มิจฺฉาสงฺกปฺปาทีนิ ปชหนฺติ, นิโรธฺจ อารมฺมณํ กโรนฺติ, วิเสสโต ปเนตฺถ สมฺมาสงฺกปฺโป สหชาตธมฺเม อภินิโรเปติ. สมฺมาวาจา สมฺมา ปริคฺคณฺหติ. สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมา สมุฏฺาเปติ. สมฺมาอาชีโว สมฺมา โวทาเปติ. สมฺมาวายาโม สมฺมา ปคฺคณฺหติ. สมฺมาสติ สมฺมา อุปฏฺาเปติ. สมฺมาสมาธิ สมฺมา ปทหติ.

อปิ เจสา สมฺมาทิฏฺิ นาม ปุพฺพภาเค นานากฺขณา นานารมฺมณา โหติ, มคฺคกฺขเณ เอกกฺขณา เอการมฺมณา. กิจฺจโต ปน ‘‘ทุกฺเข าณ’’นฺติอาทีนิ จตฺตาริ นามานิ ลภติ. สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ปุพฺพภาเค นานากฺขณา นานารมฺมณา โหนฺติ. มคฺคกฺขเณ เอกกฺขณา เอการมฺมณา. เตสุ สมฺมาสงฺกปฺโป กิจฺจโต ‘‘เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป’’ติอาทีนิ ตีณิ นามานิ ลภติ. สมฺมา วาจาทโย ติสฺโส วิรติโยปิ โหนฺติ, เจตนาทโยปิ โหนฺติ, มคฺคกฺขเณ ปน วิรติเยว. สมฺมาวายาโม สมฺมาสตีติ อิทมฺปิ ทฺวยํ กิจฺจโต สมฺมปฺปธานสติปฏฺานวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภติ. สมฺมาสมาธิ ปน ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ สมฺมาสมาธิเยว.

อิติ อิเมสุ อฏฺสุ ธมฺเมสุ ภควตา นิพฺพานาธิคมาย ปฏิปนฺนสฺส โยคิโน พหุการตฺตา ปมํ สมฺมาทิฏฺิ เทสิตา. อยฺหิ ‘‘ปฺาปชฺโชโต ปฺาสตฺถ’’นฺติ (ธ. ส. ๒๐) จ วุตฺตา. ตสฺมา เอตาย ปุพฺพภาเค วิปสฺสนาาณสงฺขาตาย สมฺมาทิฏฺิยา อวิชฺชนฺธการํ วิธมิตฺวา กิเลสโจเร ฆาเตนฺโต เขเมน โยคาวจโร นิพฺพานํ ปาปุณาติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘นิพฺพานาธิคมาย ปฏิปนฺนสฺส โยคิโน พหุการตฺตา ปมํ สมฺมาทิฏฺิ เทสิตา’’ติ.

สมฺมาสงฺกปฺโป ปน ตสฺสา พหุกาโร, ตสฺมา ตทนนฺตรํ วุตฺโต. ยถา หิ เหรฺิโก หตฺเถน ปริวฏฺเฏตฺวา ปริวฏฺเฏตฺวา จกฺขุนา กหาปณํ โอโลเกนฺโต – ‘‘อยํ เฉโก, อยํ กูโฏ’’ติ ชานาติ. เอวํ โยคาวจโรปิ ปุพฺพภาเค วิตกฺเกน วิตกฺเกตฺวา วิปสฺสนาปฺาย โอโลกยมาโน – ‘‘อิเม ธมฺมา กามาวจรา, อิเม ธมฺมา รูปาวจราทโย’’ติ ปชานาติ. ยถา วา ปน ปุริเสน โกฏิยํ คเหตฺวา ปริวฏฺเฏตฺวา ปริวฏฺเฏตฺวา ทินฺนํ มหารุกฺขํ ตจฺฉโก วาสิยา ตจฺเฉตฺวา กมฺเม อุปเนติ, เอวํ วิตกฺเกน วิตกฺเกตฺวา วิตกฺเกตฺวา ทินฺเน ธมฺเม โยคาวจโร ปฺาย – ‘‘อิเม กามาวจรา, อิเม รูปาวจรา’’ติอาทินา นเยน ปริจฺฉินฺทิตฺวา กมฺเม อุปเนติ . เตน วุตฺตํ – ‘‘สมฺมาสงฺกปฺโป ปน ตสฺสา พหุกาโร, ตสฺมา ตทนนฺตรํ วุตฺโต’’ติ. สฺวายํ ยถา สมฺมาทิฏฺิยา เอวํ สมฺมาวาจายปิ อุปการโก. ยถาห – ‘‘ปุพฺเพ โข, วิสาข, วิตกฺเกตฺวา วิจาเรตฺวา ปจฺฉา วาจํ ภินฺทตี’’ติ, (ม. นิ. ๑.๔๖๓) ตสฺมา ตทนนฺตรํ สมฺมาวาจา วุตฺตา.

ยสฺมา ปน – ‘‘อิทฺจิทฺจ กริสฺสามา’’ติ ปมํ วาจาย สํวิทหิตฺวา โลเก กมฺมนฺเต ปโยเชนฺติ; ตสฺมา วาจา กายกมฺมสฺส อุปการิกาติ สมฺมาวาจาย อนนฺตรํ สมฺมากมฺมนฺโต วุตฺโต. จตุพฺพิธํ ปน วจีทุจฺจริตํ, ติวิธฺจ กายทุจฺจริตํ ปหาย อุภยํ สุจริตํ ปูเรนฺตสฺเสว ยสฺมา อาชีวฏฺมกํ สีลํ ปูเรติ, น อิตรสฺส, ตสฺมา ตทุภยานนฺตรํ สมฺมาอาชีโว วุตฺโต. เอวํ วิสุทฺธาชีเวน ปน ‘‘ปริสุทฺโธ เม อาชีโว’’ติ เอตฺตาวตา จ ปริโตสํ กตฺวา สุตฺตปมตฺเตน วิหริตุํ น ยุตฺตํ, อถ โข ‘‘สพฺพิริยาปเถสุ อิทํ วีริยํ สมารภิตพฺพ’’นฺติ ทสฺเสตุํ ตทนนฺตรํ สมฺมาวายาโม วุตฺโต. ตโต ‘‘อารทฺธวีริเยนปิ กายาทีสุ จตูสุ วตฺถูสุ สติ สูปฏฺิตา กาตพฺพา’’ติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สมฺมาสติ เทสิตา. ยสฺมา ปเนวํ สูปฏฺิตา สติ สมาธิสฺสุปการานุปการานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเนสิตฺวา ปโหติ เอกตฺตารมฺมเณ จิตฺตํ สมาธาตุํ, ตสฺมา สมฺมาสติยา อนนฺตรํ สมฺมาสมาธิ เทสิโตติ เวทิตพฺโพ. เอเตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยายาติ เอเตสํ โสตาปตฺติผลาทีนํ ปจฺจกฺขกิริยตฺถาย.

ทฺเว ปพฺพชิตวตฺถุวณฺณนา

๓๗๖-๓๗๗. เอกมิทาหนฺติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํ? อยํ กิร ราชา – ‘‘รูปํ อตฺตา’’ติ เอวํลทฺธิโก, เตนสฺส เทสนาย จิตฺตํ นาธิมุจฺจติ. อถ ภควตา ตสฺส ลทฺธิยา อาวิกรณตฺถํ เอกํ การณํ อาหริตุํ อิทมารทฺธํ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ‘‘อหํ เอกํ สมยํ โฆสิตาราเม วิหรามิ, ตตฺร วสนฺตํ มํ เต ทฺเว ปพฺพชิตา เอวํ ปุจฺฉึสุ. อถาหํ เตสํ พุทฺธุปฺปาทํ ทสฺเสตฺวา ตนฺติธมฺมํ นาม กเถนฺโต อิทมโวจํ – ‘‘อาวุโส, สทฺธาสมฺปนฺโน นาม กุลปุตฺโต เอวรูปสฺส สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิโต, เอวํ ติวิธํ สีลํ ปูเรตฺวา ปมชฺฌานาทีนิ ปตฺวา ิโต ‘ตํ ชีว’นฺติอาทีนิ วเทยฺย, ยุตฺตํ นุ โข เอตมสฺสา’’ติ? ตโต เตหิ ‘‘ยุตฺต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อหํ โข ปเนตํ, อาวุโส, เอวํ ชานามิ, เอวํ ปสฺสามิ, อถ จ ปนาหํ น วทามี’’ติ ตํ วาทํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อุตฺตริ ขีณาสวํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิมสฺส เอวํ วตฺตุํ น ยุตฺต’’นฺติ อโวจํ. เต มม วจนํ สุตฺวา อตฺตมนา อเหสุนฺติ. เอวํ วุตฺเต โสปิ อตฺตมโน อโหสิ . เตนาห – ‘‘อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน โอฏฺทฺโธ ลิจฺฉวี ภควโต ภาสิตํ อภินนฺที’’ติ.

อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ

มหาลิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.