📜
๗. ชาลิยสุตฺตวณฺณนา
ทฺเว ปพฺพชิตวตฺถุวณฺณนา
๓๗๘. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… โกสมฺพิยนฺติ ชาลิยสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา. โฆสิตาราเมติ โฆสิเตน เสฏฺินา กเต อาราเม. ปุพฺเพ กิร อลฺลกปฺปรฏฺํ นาม อโหสิ. ตโต โกตูหลิโก นาม ทลิทฺโท ฉาตกภเยน สปุตฺตทาโร อวนฺติรฏฺํ คจฺฉนฺโต ปุตฺตํ วหิตุํ อสกฺโกนฺโต ฉฑฺเฑตฺวา อคมาสิ, มาตา นิวตฺติตฺวา ตํ คเหตฺวา คตา, เต เอกํ โคปาลกคามํ ปวิสึสุ. โคปาลเกน จ ตทา พหุปายาโส ปฏิยตฺโต โหติ, เต ตโต ปายาสํ ลภิตฺวา ภฺุชึสุ. อถ โส ปุริโส พลวปายาสํ ภุตฺโต ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต รตฺติภาเค กาลํ กตฺวา ตตฺเถว สุนขิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา กุกฺกุโร ชาโต, โส โคปาลกสฺส ปิโย อโหสิ. โคปาลโก จ ปจฺเจกพุทฺธํ อุปฏฺหติ. ปจฺเจกพุทฺโธปิ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน กุกฺกุรสฺส เอเกกํ ปิณฺฑํ เทติ, โส ปจฺเจกพุทฺเธ สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา โคปาลเกน สทฺธึ ปณฺณสาลมฺปิ คจฺฉติ. โคปาลเก อสนฺนิหิเต ภตฺตเวลายํ สยเมว คนฺตฺวา กาลาโรจนตฺถํ ปณฺณสาลทฺวาเร ภุสฺสติ, อนฺตรามคฺเคปิ จณฺฑมิเค ทิสฺวา ภุสฺสิตฺวา ปลาเปติ. โส ปจฺเจกพุทฺเธ มุทุเกน จิตฺเตน กาลํกตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ ¶ . ตตฺรสฺส โฆสกเทวปุตฺโต ตฺเวว นามํ อโหสิ. โส เทวโลกโต จวิตฺวา โกสมฺพิยํ เอกสฺส กุลสฺส ฆเร นิพฺพตฺติ. ตํ อปุตฺตโก เสฏฺิ ตสฺส มาตาปิตูนํ ธนํ ทตฺวา ปุตฺตํ กตฺวา อคฺคเหสิ. อถ อตฺตโน ปุตฺเต ชาเต สตฺตกฺขตฺตุํ ฆาตาเปตุํ อุปกฺกมิ. โส ปฺุวนฺตตาย สตฺตสุปิ าเนสุ มรณํ อปฺปตฺวา อวสาเน เอกาย เสฏฺิธีตาย เวยฺยตฺติเยน ลทฺธชีวิโต อปรภาเค ปิตุอจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ปตฺวา โฆสกเสฏฺิ นาม ชาโต. อฺเปิ โกสมฺพิยํ กุกฺกุฏเสฏฺิ ¶ , ปาวาริยเสฏฺีติ ทฺเว เสฏฺิโน อตฺถิ, อิมินา สทฺธึ ตโย อเหสุํ.
เตน จ สมเยน หิมวนฺตโต ปฺจสตตาปสา สรีรสนฺตปฺปนตฺถํ อนฺตรนฺตราโกสมฺพึ อาคจฺฉนฺติ ¶ , เตสํ เอเต ตโย เสฏฺี อตฺตโน อตฺตโน อุยฺยาเนสุ ปณฺณกุฏิโย กตฺวา อุปฏฺานํ กโรนฺติ. อเถกทิวสํ เต ตาปสา หิมวนฺตโต อาคจฺฉนฺตา มหากนฺตาเร ตสิตา กิลนฺตา เอกํ มหนฺตํ วฏรุกฺขํ ปตฺวา ตตฺถ อธิวตฺถาย เทวตาย สนฺติกา สงฺคหํ ปจฺจาสิสนฺตา นิสีทึสุ. เทวตา สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา เตสํ ปานียปานกาทีนิ ทตฺวา กิลมถํ ปฏิวิโนเทสิ, เอเต เทวตายานุภาเวน วิมฺหิตา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ นุ โข, เทวเต, กมฺมํ กตฺวา ตยา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ? เทวตา อาห – ‘‘โลเก พุทฺโธ นาม ภควา อุปฺปนฺโน, โส เอตรหิ สาวตฺถิยํ วิหรติ, อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ตํ อุปฏฺหติ. โส อุโปสถทิวเสสุ อตฺตโน ภตกานํ ปกติภตฺตเวตนเมว ทตฺวา อุโปสถํ การาเปสิ. อถาหํ เอกทิวสํ มชฺฌนฺหิเก ปาตราสตฺถาย อาคโต กฺจิ ภตกกมฺมํ อกโรนฺตํ ทิสฺวา – ‘อชฺช มนุสฺสา กสฺมา กมฺมํ น กโรนฺตี’ติ ปุจฺฉึ. ตสฺส เม ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อถาหํ เอตทโวจํ – ‘อิทานิ อุปฑฺฒทิวโส คโต, สกฺกา นุ โข อุปฑฺฒุโปสถํ กาตุ’นฺติ. ตโต เสฏฺิสฺส ปฏิเวเทตฺวา ‘‘สกฺกา กาตุ’’นฺติ อาห. สฺวาหํ อุปฑฺฒทิวสํ อุปฑฺฒุโปสถํ สมาทิยิตฺวา ตทเหว กาลํ กตฺวา อิมํ สมฺปตฺตึ ปฏิลภิ’’นฺติ.
อถ เต ตาปสา ‘‘พุทฺโธ กิร อุปฺปนฺโน’’ติ สฺชาตปีติปาโมชฺชา ตโตว สาวตฺถึ คนฺตุกามา หุตฺวาปิ – ‘‘พหุการา โน อุปฏฺากเสฏฺิโน เตสมฺปิ อิมมตฺถมาโรเจสฺสามา’’ติ ¶ โกสมฺพึ คนฺตฺวา เสฏฺีหิ กตสกฺการพหุมานา ‘‘ตทเหว มยํ คจฺฉามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘กึ, ภนฺเต, ตุริตาตฺถ, นนุ ตุมฺเห ปุพฺเพ จตฺตาโร ปฺจ มาเส วสิตฺวา คจฺฉถา’’ติ จ วุตฺเต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, สเหว คจฺฉามา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘คจฺฉาม มยํ, ตุมฺเห สณิกํ อาคจฺฉถา’’ติ สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เตปิ เสฏฺิโน ปฺจสตปฺจสตสกฏปริวารา ¶ สาวตฺถึ คนฺตฺวา ทานาทีนิ ทตฺวา โกสมฺพึ อาคมนตฺถาย ภควนฺตํ ยาจิตฺวา ปจฺจาคมฺม ตโย วิหาเร กาเรสุํ. เตสุ กุกฺกุฏเสฏฺินา กโต กุกฺกุฏาราโม นาม, ปาวาริยเสฏฺินา กโต ปาวาริกมฺพวนํ นาม, โฆสิตเสฏฺินา กโต โฆสิตาราโม นาม อโหสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม’’ติ.
มุณฺฑิโยติ อิทํ ตสฺส นามํ. ชาลิโยติ อิทมฺปิ อิตรสฺส นามเมว. ยสฺมา ปนสฺส อุปชฺฌาโย ทารุมเยน ปตฺเตน ปิณฺฑาย จรติ, ตสฺมา ทารุปตฺติกนฺเตวาสีติ วุจฺจติ. เอตทโวจุนฺติ อุปารมฺภาธิปฺปาเยน วาทํ อาโรเปตุกามา หุตฺวา เอตทโวจุํ. อิติ กิร เนสํ อโหสิ, สเจ สมโณ โคตโม ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติ วกฺขติ, อถสฺส มยํ เอตํ วาทํ อาโรเปสฺสาม – ‘‘โภ โคตม, ตุมฺหากํ ลทฺธิยา อิเธว สตฺโต ภิชฺชติ, เตน โว วาโท อุจฺเฉทวาโท ¶ โหตี’’ติ. สเจ ปน ‘‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’’นฺติ วกฺขติ, อถสฺเสตํ วาทํ อาโรเปสฺสาม ‘‘ตุมฺหากํ วาเท รูปํ ภิชฺชติ, น สตฺโต ภิชฺชติ. เตน โว วาเท สตฺโต สสฺสโต อาปชฺชตี’’ติ. อถ ภควา ‘‘อิเม วาทาโรปนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, มม สาสเน อิเม ทฺเว อนฺเต อนุปคมฺม มชฺฌิมา ปฏิปทา อตฺถีติ น ชานนฺติ, หนฺท เนสํ ปฺหํ อวิสฺสชฺเชตฺวา ตสฺสาเยว ปฏิปทาย อาวิภาวตฺถํ ธมฺมํ เทเสมี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เตน หาวุโส’’ติอาทิมาห.
๓๗๙-๓๘๐. ตตฺถ กลฺลํ นุ โข ตสฺเสตํ วจนายาติ ตสฺเสตํ สทฺธาปพฺพชิตสฺส ติวิธํ สีลํ ปริปูเรตฺวา ปมชฺฌานํ ¶ ปตฺตสฺส ยุตฺตํ นุ โข เอตํ วตฺตุนฺติ อตฺโถ. ตํ สุตฺวา ปริพฺพาชกา ปุถุชฺชโน นาม ยสฺมา นิพฺพิจิกิจฺโฉ น โหติ, ตสฺมา กทาจิ เอวํ วเทยฺยาติ มฺมานา – ‘‘กลฺลํ ตสฺเสตํ วจนายา’’ติ อาหํสุ. อถ จ ปนาหํ น วทามีติ อหํ เอตเมวํ ชานามิ, โน จ เอวํ วทามิ, อถ โข กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ภาเวนฺตสฺส ปฺาพเลน อุปฺปนฺนํ มหคฺคตจิตฺตเมตนฺติ สฺํ เปสึ. น ¶ กลฺลํ ตสฺเสตนฺติ อิทํ เต ปริพฺพาชกา – ‘‘ยสฺมา ขีณาสโว วิคตสมฺโมโห ติณฺณวิจิกิจฺโฉ, ตสฺมา น ยุตฺตํ ตสฺเสตํ วตฺตุ’’นฺติ มฺมานา วทนฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
ชาลิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.