📜

๒. สามฺผลสุตฺตํ

ราชามจฺจกถา

๑๕๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส อมฺพวเน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ. เตน โข ปน สมเยน ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส โกมุทิยา จาตุมาสินิยา ปุณฺณาย ปุณฺณมาย รตฺติยา ราชามจฺจปริวุโต อุปริปาสาทวรคโต นิสินฺโน โหติ. อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ตทหุโปสเถ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘รมณียา วต โภ โทสินา รตฺติ, อภิรูปา วต โภ โทสินา รตฺติ, ทสฺสนียา วต โภ โทสินา รตฺติ, ปาสาทิกา วต โภ โทสินา รตฺติ, ลกฺขฺา วต โภ โทสินา รตฺติ. กํ นุ ขฺวชฺช สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปยิรุปาเสยฺยาม, ยํ โน ปยิรุปาสโต จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’’ติ?

๑๕๑. เอวํ วุตฺเต, อฺตโร ราชามจฺโจ ราชานํ มาคธํ อชาตสตฺตุํ เวเทหิปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, เทว, ปูรโณ กสฺสโป สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ าโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส รตฺตฺู จิรปพฺพชิโต อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต. ตํ เทโว ปูรณํ กสฺสปํ ปยิรุปาสตุ. อปฺเปว นาม เทวสฺส ปูรณํ กสฺสปํ ปยิรุปาสโต จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ.

๑๕๒. อฺตโรปิ โข ราชามจฺโจ ราชานํ มาคธํ อชาตสตฺตุํ เวเทหิปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, เทว, มกฺขลิ โคสาโล สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ าโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส รตฺตฺู จิรปพฺพชิโต อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต. ตํ เทโว มกฺขลึ โคสาลํ ปยิรุปาสตุ. อปฺเปว นาม เทวสฺส มกฺขลึ โคสาลํ ปยิรุปาสโต จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ.

๑๕๓. อฺตโรปิ โข ราชามจฺโจ ราชานํ มาคธํ อชาตสตฺตุํ เวเทหิปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, เทว, อชิโต เกสกมฺพโล สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ าโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส รตฺตฺู จิรปพฺพชิโต อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต. ตํ เทโว อชิตํ เกสกมฺพลํ ปยิรุปาสตุ. อปฺเปว นาม เทวสฺส อชิตํ เกสกมฺพลํ ปยิรุปาสโต จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ.

๑๕๔. อฺตโรปิ โข ราชามจฺโจ ราชานํ มาคธํ อชาตสตฺตุํ เวเทหิปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, เทว, ปกุโธ [ปกุทฺโธ (สี.)] กจฺจายโน สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ าโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส รตฺตฺู จิรปพฺพชิโต อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต. ตํ เทโว ปกุธํ กจฺจายนํ ปยิรุปาสตุ. อปฺเปว นาม เทวสฺส ปกุธํ กจฺจายนํ ปยิรุปาสโต จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ.

๑๕๕. อฺตโรปิ โข ราชามจฺโจ ราชานํ มาคธํ อชาตสตฺตุํ เวเทหิปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, เทว, สฺจโย [สฺชโย (สี. สฺยา.)] เพลฏฺปุตฺโต [เพลฺลฏฺิปุตฺโต (สี.), เวลฏฺปุตฺโต (สฺยา.)] สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ าโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส รตฺตฺู จิรปพฺพชิโต อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต. ตํ เทโว สฺจยํ เพลฏฺปุตฺตํ ปยิรุปาสตุ. อปฺเปว นาม เทวสฺส สฺจยํ เพลฏฺปุตฺตํ ปยิรุปาสโต จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ.

๑๕๖. อฺตโรปิ โข ราชามจฺโจ ราชานํ มาคธํ อชาตสตฺตุํ เวเทหิปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, เทว, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต [นาถปุตฺโต (สี.), นาตปุตฺโต (ปี.)] สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ าโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส รตฺตฺู จิรปพฺพชิโต อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต. ตํ เทโว นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ ปยิรุปาสตุ. อปฺเปว นาม เทวสฺส นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ ปยิรุปาสโต จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ.

โกมารภจฺจชีวกกถา

๑๕๗. เตน โข ปน สมเยน ชีวโก โกมารภจฺโจ รฺโ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺส อวิทูเร ตุณฺหีภูโต นิสินฺโน โหติ. อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ชีวกํ โกมารภจฺจํ เอตทโวจ – ‘‘ตฺวํ ปน, สมฺม ชีวก, กึ ตุณฺหี’’ติ? ‘‘อยํ, เทว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อมฺหากํ อมฺพวเน วิหรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ. ตํ โข ปน ภควนฺตํ [ภควนฺตํ โคตมํ (สี. ก. ปี.)] เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. ตํ เทโว ภควนฺตํ ปยิรุปาสตุ. อปฺเปว นาม เทวสฺส ภควนฺตํ ปยิรุปาสโต จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’ติ.

๑๕๘. ‘‘เตน หิ, สมฺม ชีวก, หตฺถิยานานิ กปฺปาเปหี’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข ชีวโก โกมารภจฺโจ รฺโ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺส ปฏิสฺสุณิตฺวา ปฺจมตฺตานิ หตฺถินิกาสตานิ กปฺปาเปตฺวา รฺโ จ อาโรหณียํ นาคํ, รฺโ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺส ปฏิเวเทสิ – ‘‘กปฺปิตานิ โข เต, เทว, หตฺถิยานานิ, ยสฺสทานิ กาลํ มฺสี’’ติ.

๑๕๙. อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ปฺจสุ หตฺถินิกาสเตสุ ปจฺเจกา อิตฺถิโย อาโรเปตฺวา อาโรหณียํ นาคํ อภิรุหิตฺวา อุกฺกาสุ ธาริยมานาสุ ราชคหมฺหา นิยฺยาสิ มหจฺจราชานุภาเวน, เยน ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส อมฺพวนํ เตน ปายาสิ.

อถ โข รฺโ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺส อวิทูเร อมฺพวนสฺส อหุเทว ภยํ, อหุ ฉมฺภิตตฺตํ, อหุ โลมหํโส. อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ภีโต สํวิคฺโค โลมหฏฺชาโต ชีวกํ โกมารภจฺจํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ มํ, สมฺม ชีวก, น วฺเจสิ? กจฺจิ มํ, สมฺม ชีวก, น ปลมฺเภสิ? กจฺจิ มํ, สมฺม ชีวก, น ปจฺจตฺถิกานํ เทสิ ? กถฺหิ นาม ตาว มหโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส อฑฺฒเตฬสานํ ภิกฺขุสตานํ เนว ขิปิตสทฺโท ภวิสฺสติ, น อุกฺกาสิตสทฺโท น นิคฺโฆโส’’ติ.

‘‘มา ภายิ, มหาราช, มา ภายิ, มหาราช. น ตํ เทว, วฺเจมิ; น ตํ, เทว, ปลมฺภามิ ; น ตํ, เทว, ปจฺจตฺถิกานํ เทมิ. อภิกฺกม, มหาราช, อภิกฺกม, มหาราช, เอเต มณฺฑลมาเฬ ทีปา [ปทีปา (สี. สฺยา.)] ฌายนฺตี’’ติ.

สามฺผลปุจฺฉา

๑๖๐. อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ยาวติกา นาคสฺส ภูมิ นาเคน คนฺตฺวา, นาคา ปจฺโจโรหิตฺวา, ปตฺติโกว [ปทิโกว (สฺยา.)] เยน มณฺฑลมาฬสฺส ทฺวารํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ชีวกํ โกมารภจฺจํ เอตทโวจ – ‘‘กหํ ปน, สมฺม ชีวก, ภควา’’ติ? ‘‘เอโส, มหาราช, ภควา; เอโส, มหาราช, ภควา มชฺฌิมํ ถมฺภํ นิสฺสาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสินฺโน ปุรกฺขโต ภิกฺขุสงฺฆสฺสา’’ติ.

๑๖๑. อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูตํ ภิกฺขุสงฺฆํ อนุวิโลเกตฺวา รหทมิว วิปฺปสนฺนํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘อิมินา เม อุปสเมน อุทยภทฺโท [อุทายิภทฺโท (สี. ปี.)] กุมาโร สมนฺนาคโต โหตุ, เยเนตรหิ อุปสเมน ภิกฺขุสงฺโฆ สมนฺนาคโต’’ติ. ‘‘อคมา โข ตฺวํ, มหาราช, ยถาเปม’’นฺติ. ‘‘ปิโย เม, ภนฺเต, อุทยภทฺโท กุมาโร. อิมินา เม, ภนฺเต, อุปสเมน อุทยภทฺโท กุมาโร สมนฺนาคโต โหตุ เยเนตรหิ อุปสเมน ภิกฺขุสงฺโฆ สมนฺนาคโต’’ติ.

๑๖๒. อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อฺชลึ ปณาเมตฺวา , เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปุจฺเฉยฺยามหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ กิฺจิเทว เทสํ [กิฺจิเทว เทสํ เลสมตฺตํ (สฺยา. กํ. ก.)]; สเจ เม ภควา โอกาสํ กโรติ ปฺหสฺส เวยฺยากรณายา’’ติ. ‘‘ปุจฺฉ, มหาราช, ยทากงฺขสี’’ติ.

๑๖๓. ‘‘ยถา นุ โข อิมานิ, ภนฺเต, ปุถุสิปฺปายตนานิ, เสยฺยถิทํ – หตฺถาโรหา อสฺสาโรหา รถิกา ธนุคฺคหา เจลกา จลกา ปิณฺฑทายกา อุคฺคา ราชปุตฺตา ปกฺขนฺทิโน มหานาคา สูรา จมฺมโยธิโน ทาสิกปุตฺตา อาฬาริกา กปฺปกา นฺหาปกา [นหาปิกา (สี.), นฺหาปิกา (สฺยา.)] สูทา มาลาการา รชกา เปสการา นฬการา กุมฺภการา คณกา มุทฺทิกา, ยานิ วา ปนฺานิปิ เอวํคตานิ ปุถุสิปฺปายตนานิ, เต ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สิปฺปผลํ อุปชีวนฺติ; เต เตน อตฺตานํ สุเขนฺติ ปีเณนฺติ [ปีเนนฺติ (กตฺถจิ)], มาตาปิตโร สุเขนฺติ ปีเณนฺติ, ปุตฺตทารํ สุเขนฺติ ปีเณนฺติ, มิตฺตามจฺเจ สุเขนฺติ ปีเณนฺติ, สมณพฺราหฺมเณสุ [สมเณสุ พฺราหฺมเณสุ (ก.)] อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฏฺเปนฺติ โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิกํ. สกฺกา นุ โข, ภนฺเต, เอวเมว ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปฺเปตุ’’นฺติ?

๑๖๔. ‘‘อภิชานาสิ โน ตฺวํ, มหาราช, อิมํ ปฺหํ อฺเ สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉิตา’’ติ ? ‘‘อภิชานามหํ, ภนฺเต, อิมํ ปฺหํ อฺเ สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉิตา’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน เต, มหาราช, พฺยากรึสุ, สเจ เต อครุ ภาสสฺสู’’ติ. ‘‘น โข เม, ภนฺเต, ครุ, ยตฺถสฺส ภควา นิสินฺโน, ภควนฺตรูโป วา’’ติ [จาติ (สี. ก.)]. ‘‘เตน หิ, มหาราช, ภาสสฺสู’’ติ.

ปูรณกสฺสปวาโท

๑๖๕. ‘‘เอกมิทาหํ, ภนฺเต, สมยํ เยน ปูรโณ กสฺสโป เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปูรเณน กสฺสเปน สทฺธึ สมฺโมทึ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อหํ, ภนฺเต, ปูรณํ กสฺสปํ เอตทโวจํ – ‘ยถา นุ โข อิมานิ, โภ กสฺสป, ปุถุสิปฺปายตนานิ, เสยฺยถิทํ – หตฺถาโรหา อสฺสาโรหา รถิกา ธนุคฺคหา เจลกา จลกา ปิณฺฑทายกา อุคฺคา ราชปุตฺตา ปกฺขนฺทิโน มหานาคา สูรา จมฺมโยธิโน ทาสิกปุตฺตา อาฬาริกา กปฺปกา นฺหาปกา สูทา มาลาการา รชกา เปสการา นฬการา กุมฺภการา คณกา มุทฺทิกา, ยานิ วา ปนฺานิปิ เอวํคตานิ ปุถุสิปฺปายตนานิ- เต ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สิปฺปผลํ อุปชีวนฺติ; เต เตน อตฺตานํ สุเขนฺติ ปีเณนฺติ, มาตาปิตโร สุเขนฺติ ปีเณนฺติ, ปุตฺตทารํ สุเขนฺติ ปีเณนฺติ, มิตฺตามจฺเจ สุเขนฺติ ปีเณนฺติ, สมณพฺราหฺมเณสุ อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฏฺเปนฺติ โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิกํ. สกฺกา นุ โข, โภ กสฺสป, เอวเมว ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปฺเปตุ’นฺติ?

๑๖๖. ‘‘เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, ปูรโณ กสฺสโป มํ เอตทโวจ – ‘กโรโต โข, มหาราช, การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต โสจยโต, โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตาปยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต, กโรโต น กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุฺชํ กเรยฺย, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณํ เจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปาจาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปุฺํ, นตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน นตฺถิ ปุฺํ, นตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม’ติ. อิตฺถํ โข เม, ภนฺเต, ปูรโณ กสฺสโป สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ สมาโน อกิริยํ พฺยากาสิ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, อมฺพํ วา ปุฏฺโ ลพุชํ พฺยากเรยฺย , ลพุชํ วา ปุฏฺโ อมฺพํ พฺยากเรยฺย; เอวเมว โข เม, ภนฺเต, ปูรโณ กสฺสโป สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ สมาโน อกิริยํ พฺยากาสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘กถฺหิ นาม มาทิโส สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา วิชิเต วสนฺตํ อปสาเทตพฺพํ มฺเยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, ปูรณสฺส กสฺสปสฺส ภาสิตํ เนว อภินนฺทึ นปฺปฏิกฺโกสึ. อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิโกสิตฺวา อนตฺตมโน, อนตฺตมนวาจํ อนิจฺฉาเรตฺวา, ตเมว วาจํ อนุคฺคณฺหนฺโต อนิกฺกุชฺชนฺโต [อนิกฺกุชฺเชนฺโต (สฺยา. กํ. ก.)] อุฏฺายาสนา ปกฺกมึ [ปกฺกามึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].

มกฺขลิโคสาลวาโท

๑๖๗. ‘‘เอกมิทาหํ, ภนฺเต, สมยํ เยน มกฺขลิ โคสาโล เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา มกฺขลินา โคสาเลน สทฺธึ สมฺโมทึ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อหํ, ภนฺเต, มกฺขลึ โคสาลํ เอตทโวจํ – ‘ยถา นุ โข อิมานิ, โภ โคสาล, ปุถุสิปฺปายตนานิ…เป… สกฺกา นุ โข, โภ โคสาล, เอวเมว ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปฺเปตุ’นฺติ?

๑๖๘. ‘‘เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, มกฺขลิ โคสาโล มํ เอตทโวจ – ‘นตฺถิ มหาราช เหตุ นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย, อเหตู [อเหตุ (กตฺถจิ)] อปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ. นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ วิสุทฺธิยา, อเหตู อปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ. นตฺถิ อตฺตกาเร, นตฺถิ ปรกาเร, นตฺถิ ปุริสกาเร, นตฺถิ พลํ, นตฺถิ วีริยํ, นตฺถิ ปุริสถาโม, นตฺถิ ปุริสปรกฺกโม . สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพฺเพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา นิยติสงฺคติภาวปริณตา ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ [สุขฺจ ทุกฺขฺจ (สฺยา.)] ปฏิสํเวเทนฺติ. จุทฺทส โข ปนิมานิ โยนิปมุขสตสหสฺสานิ สฏฺิ จ สตานิ ฉ จ สตานิ ปฺจ จ กมฺมุโน สตานิ ปฺจ จ กมฺมานิ ตีณิ จ กมฺมานิ กมฺเม จ อฑฺฒกมฺเม จ ทฺวฏฺิปฏิปทา ทฺวฏฺนฺตรกปฺปา ฉฬาภิชาติโย อฏฺ ปุริสภูมิโย เอกูนปฺาส อาชีวกสเต เอกูนปฺาส ปริพฺพาชกสเต เอกูนปฺาส นาคาวาสสเต วีเส อินฺทฺริยสเต ตึเส นิรยสเต ฉตฺตึส รโชธาตุโย สตฺต สฺีคพฺภา สตฺต อสฺีคพฺภา สตฺต นิคณฺิคพฺภา สตฺต เทวา สตฺต มานุสา สตฺต ปิสาจา สตฺต สรา สตฺต ปวุฏา [สปุฏา (ก.), ปพุฏา (สี.)] สตฺต ปวุฏสตานิ สตฺต ปปาตา สตฺต ปปาตสตานิ สตฺต สุปินา สตฺต สุปินสตานิ จุลฺลาสีติ มหากปฺปิโน [มหากปฺปุโน (ก. สี. ปี.)] สตสหสฺสานิ, ยานิ พาเล จ ปณฺฑิเต จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติ. ตตฺถ นตฺถิ ‘‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา อปริปกฺกํ วา กมฺมํ ปริปาเจสฺสามิ, ปริปกฺกํ วา กมฺมํ ผุสฺส ผุสฺส พฺยนฺตึ กริสฺสามี’ติ เหวํ นตฺถิ. โทณมิเต สุขทุกฺเข ปริยนฺตกเต สํสาเร , นตฺถิ หายนวฑฺฒเน, นตฺถิ อุกฺกํสาวกํเส. เสยฺยถาปิ นาม สุตฺตคุเฬ ขิตฺเต นิพฺเพิยมานเมว ปเลติ, เอวเมว พาเล จ ปณฺฑิเต จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’ติ.

๑๖๙. ‘‘อิตฺถํ โข เม, ภนฺเต, มกฺขลิ โคสาโล สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ สมาโน สํสารสุทฺธึ พฺยากาสิ. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, อมฺพํ วา ปุฏฺโ ลพุชํ พฺยากเรยฺย, ลพุชํ วา ปุฏฺโ อมฺพํ พฺยากเรยฺย; เอวเมว โข เม, ภนฺเต, มกฺขลิ โคสาโล สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ สมาโน สํสารสุทฺธึ พฺยากาสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘กถฺหิ นาม มาทิโส สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา วิชิเต วสนฺตํ อปสาเทตพฺพํ มฺเยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, มกฺขลิสฺส โคสาลสฺส ภาสิตํ เนว อภินนฺทึ นปฺปฏิกฺโกสึ. อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา อนตฺตมโน, อนตฺตมนวาจํ อนิจฺฉาเรตฺวา, ตเมว วาจํ อนุคฺคณฺหนฺโต อนิกฺกุชฺชนฺโต อุฏฺายาสนา ปกฺกมึ.

อชิตเกสกมฺพลวาโท

๑๗๐. ‘‘เอกมิทาหํ, ภนฺเต, สมยํ เยน อชิโต เกสกมฺพโล เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อชิเตน เกสกมฺพเลน สทฺธึ สมฺโมทึ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อหํ, ภนฺเต, อชิตํ เกสกมฺพลํ เอตทโวจํ – ‘ยถา นุ โข อิมานิ, โภ อชิต, ปุถุสิปฺปายตนานิ…เป… สกฺกา นุ โข, โภ อชิต, เอวเมว ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปฺเปตุ’นฺติ?

๑๗๑. ‘‘เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, อชิโต เกสกมฺพโล มํ เอตทโวจ – ‘นตฺถิ, มหาราช, ทินฺนํ , นตฺถิ ยิฏฺํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก [ปรโลโก (สฺยา.)], นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา [สมคฺคตา (ก.), สมคฺคตา (สฺยา.)] สมฺมาปฏิปนฺนา, เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺติ. จาตุมหาภูติโก อยํ ปุริโส, ยทา กาลงฺกโรติ, ปถวี ปถวิกายํ อนุเปติ อนุปคจฺฉติ, อาโป อาโปกายํ อนุเปติ อนุปคจฺฉติ, เตโช เตโชกายํ อนุเปติ อนุปคจฺฉติ, วาโย วาโยกายํ อนุเปติ อนุปคจฺฉติ, อากาสํ อินฺทฺริยานิ สงฺกมนฺติ. อาสนฺทิปฺจมา ปุริสา มตํ อาทาย คจฺฉนฺติ. ยาวาฬาหนา ปทานิ ปฺายนฺติ. กาโปตกานิ อฏฺีนิ ภวนฺติ, ภสฺสนฺตา อาหุติโย. ทตฺตุปฺตฺตํ ยทิทํ ทานํ. เตสํ ตุจฺฉํ มุสา วิลาโป เย เกจิ อตฺถิกวาทํ วทนฺติ. พาเล จ ปณฺฑิเต จ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชนฺติ วินสฺสนฺติ, น โหนฺติ ปรํ มรณา’ติ.

๑๗๒. ‘‘อิตฺถํ โข เม, ภนฺเต, อชิโต เกสกมฺพโล สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ สมาโน อุจฺเฉทํ พฺยากาสิ. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, อมฺพํ วา ปุฏฺโ ลพุชํ พฺยากเรยฺย , ลพุชํ วา ปุฏฺโ อมฺพํ พฺยากเรยฺย; เอวเมว โข เม, ภนฺเต, อชิโต เกสกมฺพโล สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ สมาโน อุจฺเฉทํ พฺยากาสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘กถฺหิ นาม มาทิโส สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา วิชิเต วสนฺตํ อปสาเทตพฺพํ มฺเยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, อชิตสฺส เกสกมฺพลสฺส ภาสิตํ เนว อภินนฺทึ นปฺปฏิกฺโกสึ. อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา อนตฺตมโน อนตฺตมนวาจํ อนิจฺฉาเรตฺวา ตเมว วาจํ อนุคฺคณฺหนฺโต อนิกฺกุชฺชนฺโต อุฏฺายาสนา ปกฺกมึ.

ปกุธกจฺจายนวาโท

๑๗๓. ‘‘เอกมิทาหํ, ภนฺเต, สมยํ เยน ปกุโธ กจฺจายโน เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา ปกุเธน กจฺจายเนน สทฺธึ สมฺโมทึ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อหํ, ภนฺเต, ปกุธํ กจฺจายนํ เอตทโวจํ – ‘ยถา นุ โข อิมานิ, โภ กจฺจายน, ปุถุสิปฺปายตนานิ…เป… สกฺกา นุ โข, โภ กจฺจายน, เอวเมว ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปฺเปตุ’นฺติ?

๑๗๔. ‘‘เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, ปกุโธ กจฺจายโน มํ เอตทโวจ – ‘สตฺติเม, มหาราช, กายา อกฏา อกฏวิธา อนิมฺมิตา อนิมฺมาตา วฺฌา กูฏฏฺา เอสิกฏฺายิฏฺิตา. เต น อิฺชนฺติ , น วิปริณมนฺติ, น อฺมฺํ พฺยาพาเธนฺติ, นาลํ อฺมฺสฺส สุขาย วา ทุกฺขาย วา สุขทุกฺขาย วา. กตเม สตฺต? ปถวิกาโย, อาโปกาโย, เตโชกาโย, วาโยกาโย, สุเข, ทุกฺเข, ชีเว สตฺตเม – อิเม สตฺต กายา อกฏา อกฏวิธา อนิมฺมิตา อนิมฺมาตา วฺฌา กูฏฏฺา เอสิกฏฺายิฏฺิตา. เต น อิฺชนฺติ, น วิปริณมนฺติ, น อฺมฺํ พฺยาพาเธนฺติ, นาลํ อฺมฺสฺส สุขาย วา ทุกฺขาย วา สุขทุกฺขาย วา. ตตฺถ นตฺถิ หนฺตา วา ฆาเตตา วา, โสตา วา สาเวตา วา, วิฺาตา วา วิฺาเปตา วา. โยปิ ติณฺเหน สตฺเถน สีสํ ฉินฺทติ, น โกจิ กิฺจิ [กฺจิ (กํ.)] ชีวิตา โวโรเปติ; สตฺตนฺนํ ตฺเวว [สตฺตนฺนํ เยว (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] กายานมนฺตเรน สตฺถํ วิวรมนุปตตี’ติ.

๑๗๕. ‘‘อิตฺถํ โข เม, ภนฺเต, ปกุโธ กจฺจายโน สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ สมาโน อฺเน อฺํ พฺยากาสิ. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, อมฺพํ วา ปุฏฺโ ลพุชํ พฺยากเรยฺย, ลพุชํ วา ปุฏฺโ อมฺพํ พฺยากเรยฺย; เอวเมว โข เม, ภนฺเต, ปกุโธ กจฺจายโน สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ สมาโน อฺเน อฺํ พฺยากาสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘กถฺหิ นาม มาทิโส สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา วิชิเต วสนฺตํ อปสาเทตพฺพํ มฺเยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, ปกุธสฺส กจฺจายนสฺส ภาสิตํ เนว อภินนฺทึ นปฺปฏิกฺโกสึ, อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา อนตฺตมโน, อนตฺตมนวาจํ อนิจฺฉาเรตฺวา ตเมว วาจํ อนุคฺคณฺหนฺโต อนิกฺกุชฺชนฺโต อุฏฺายาสนา ปกฺกมึ.

นิคณฺนาฏปุตฺตวาโท

๑๗๖. ‘‘เอกมิทาหํ, ภนฺเต, สมยํ เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺเน นาฏปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทึ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อหํ, ภนฺเต, นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘ยถา นุ โข อิมานิ, โภ อคฺคิเวสฺสน, ปุถุสิปฺปายตนานิ…เป… สกฺกา นุ โข, โภ อคฺคิเวสฺสน, เอวเมว ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปฺเปตุ’นฺติ?

๑๗๗. ‘‘เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘อิธ, มหาราช, นิคณฺโ จาตุยามสํวรสํวุโต โหติ. กถฺจ, มหาราช, นิคณฺโ จาตุยามสํวรสํวุโต โหติ? อิธ, มหาราช, นิคณฺโ สพฺพวาริวาริโต จ โหติ, สพฺพวาริยุตฺโต จ, สพฺพวาริธุโต จ, สพฺพวาริผุโฏ จ. เอวํ โข, มหาราช, นิคณฺโ จาตุยามสํวรสํวุโต โหติ . ยโต โข, มหาราช, นิคณฺโ เอวํ จาตุยามสํวรสํวุโต โหติ; อยํ วุจฺจติ, มหาราช, นิคณฺโ [นิคณฺโ นาฏปุตฺโต (สฺยา. ก.)] คตตฺโต จ ยตตฺโต จ ิตตฺโต จา’ติ.

๑๗๘. ‘‘อิตฺถํ โข เม, ภนฺเต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ สมาโน จาตุยามสํวรํ พฺยากาสิ. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, อมฺพํ วา ปุฏฺโ ลพุชํ พฺยากเรยฺย, ลพุชํ วา ปุฏฺโ อมฺพํ พฺยากเรยฺย; เอวเมว โข เม, ภนฺเต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ สมาโน จาตุยามสํวรํ พฺยากาสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘กถฺหิ นาม มาทิโส สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา วิชิเต วสนฺตํ อปสาเทตพฺพํ มฺเยฺยา’ติ . โส โข อหํ, ภนฺเต, นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ภาสิตํ เนว อภินนฺทึ นปฺปฏิกฺโกสึ. อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา อนตฺตมโน อนตฺตมนวาจํ อนิจฺฉาเรตฺวา ตเมว วาจํ อนุคฺคณฺหนฺโต อนิกฺกุชฺชนฺโต อุฏฺายาสนา ปกฺกมึ.

สฺจยเพลฏฺปุตฺตวาโท

๑๗๙. ‘‘เอกมิทาหํ, ภนฺเต, สมยํ เยน สฺจโย เพลฏฺปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา สฺจเยน เพลฏฺปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทึ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อหํ ภนฺเต, สฺจยํ เพลฏฺปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘ยถา นุ โข อิมานิ, โภ สฺจย, ปุถุสิปฺปายตนานิ…เป… สกฺกา นุ โข, โภ สฺจย, เอวเมว ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปฺเปตุ’นฺติ?

๑๘๐. ‘‘เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, สฺจโย เพลฏฺปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘อตฺถิ ปโร โลโกติ อิติ เจ มํ ปุจฺฉสิ, อตฺถิ ปโร โลโกติ อิติ เจ เม อสฺส, อตฺถิ ปโร โลโกติ อิติ เต นํ พฺยากเรยฺยํ. เอวนฺติปิ เม โน, ตถาติปิ เม โน, อฺถาติปิ เม โน, โนติปิ เม โน, โน โนติปิ เม โน. นตฺถิ ปโร โลโก…เป… อตฺถิ จ นตฺถิ จ ปโร โลโก…เป… เนวตฺถิ น นตฺถิ ปโร โลโก…เป… อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา…เป… นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา…เป… อตฺถิ จ นตฺถิ จ สตฺตา โอปปาติกา…เป… เนวตฺถิ น นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา…เป… อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก…เป… นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก…เป…อตฺถิ จ นตฺถิ จ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก…เป… เนวตฺถิ น นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก…เป… โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา…เป… น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา…เป… โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา…เป… เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ อิติ เจ มํ ปุจฺฉสิ, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ อิติ เจ เม อสฺส, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ อิติ เต นํ พฺยากเรยฺยํ. เอวนฺติปิ เม โน, ตถาติปิ เม โน, อฺถาติปิ เม โน, โนติปิ เม โน, โน โนติปิ เม โน’ติ.

๑๘๑. ‘‘อิตฺถํ โข เม, ภนฺเต, สฺจโย เพลฏฺปุตฺโต สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ สมาโน วิกฺเขปํ พฺยากาสิ. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, อมฺพํ วา ปุฏฺโ ลพุชํ พฺยากเรยฺย, ลพุชํ วา ปุฏฺโ อมฺพํ พฺยากเรยฺย; เอวเมว โข เม, ภนฺเต, สฺจโย เพลฏฺปุตฺโต สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ สมาโน วิกฺเขปํ พฺยากาสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อยฺจ อิเมสํ สมณพฺราหฺมณานํ สพฺพพาโล สพฺพมูฬฺโห. กถฺหิ นาม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ สมาโน วิกฺเขปํ พฺยากริสฺสตี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘กถฺหิ นาม มาทิโส สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา วิชิเต วสนฺตํ อปสาเทตพฺพํ มฺเยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, สฺจยสฺส เพลฏฺปุตฺตสฺส ภาสิตํ เนว อภินนฺทึ นปฺปฏิกฺโกสึ. อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา อนตฺตมโน อนตฺตมนวาจํ อนิจฺฉาเรตฺวา ตเมว วาจํ อนุคฺคณฺหนฺโต อนิกฺกุชฺชนฺโต อุฏฺายาสนา ปกฺกมึ.

ปมสนฺทิฏฺิกสามฺผลํ

๑๘๒. ‘‘โสหํ, ภนฺเต, ภควนฺตมฺปิ ปุจฺฉามิ – ‘ยถา นุ โข อิมานิ, ภนฺเต, ปุถุสิปฺปายตนานิ เสยฺยถิทํ – หตฺถาโรหา อสฺสาโรหา รถิกา ธนุคฺคหา เจลกา จลกา ปิณฺฑทายกา อุคฺคา ราชปุตฺตา ปกฺขนฺทิโน มหานาคา สูรา จมฺมโยธิโน ทาสิกปุตฺตา อาฬาริกา กปฺปกา นฺหาปกา สูทา มาลาการา รชกา เปสการา นฬการา กุมฺภการา คณกา มุทฺทิกา, ยานิ วา ปนฺานิปิ เอวํคตานิ ปุถุสิปฺปายตนานิ, เต ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สิปฺปผลํ อุปชีวนฺติ, เต เตน อตฺตานํ สุเขนฺติ ปีเณนฺติ, มาตาปิตโร สุเขนฺติ ปีเณนฺติ, ปุตฺตทารํ สุเขนฺติ ปีเณนฺติ, มิตฺตามจฺเจ สุเขนฺติ ปีเณนฺติ, สมณพฺราหฺมเณสุ อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฏฺเปนฺติ โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิกํ. สกฺกา นุ โข เม , ภนฺเต, เอวเมว ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปฺเปตุ’นฺติ?

๑๘๓. ‘‘สกฺกา, มหาราช. เตน หิ, มหาราช, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ. ยถา เต ขเมยฺย, ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ เต อสฺส ปุริโส ทาโส กมฺมกาโร [กมฺมกโร (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กิงฺการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที มุขุลฺโลกโก [มุขุลฺโลกิโก (สฺยา. กํ. ก.)]. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อจฺฉริยํ, วต โภ, อพฺภุตํ, วต โภ, ปุฺานํ คติ, ปุฺานํ วิปาโก. อยฺหิ ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต มนุสฺโส ; อหมฺปิ มนุสฺโส. อยฺหิ ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติ, เทโว มฺเ. อหํ ปนมฺหิสฺส ทาโส กมฺมกาโร ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กิงฺการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที มุขุลฺโลกโก. โส วตสฺสาหํ ปุฺานิ กเรยฺยํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส อปเรน สมเยน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กาเยน สํวุโต วิหเรยฺย, วาจาย สํวุโต วิหเรยฺย, มนสา สํวุโต วิหเรยฺย, ฆาสจฺฉาทนปรมตาย สนฺตุฏฺโ, อภิรโต ปวิเวเก. ตํ เจ เต ปุริสา เอวมาโรเจยฺยุํ – ‘ยคฺเฆ เทว ชาเนยฺยาสิ, โย เต โส ปุริโส [โย เต ปุริโส (สี. ก.)] ทาโส กมฺมกาโร ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กิงฺการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที มุขุลฺโลกโก; โส, เทว, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กาเยน สํวุโต วิหรติ, วาจาย สํวุโต วิหรติ, มนสา สํวุโต วิหรติ, ฆาสจฺฉาทนปรมตาย สนฺตุฏฺโ, อภิรโต ปวิเวเก’ติ. อปิ นุ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘เอตุ เม, โภ, โส ปุริโส, ปุนเทว โหตุ ทาโส กมฺมกาโร ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กิงฺการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที มุขุลฺโลกโก’ติ?

๑๘๔. ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต. อถ โข นํ มยเมว อภิวาเทยฺยามปิ , ปจฺจุฏฺเยฺยามปิ, อาสเนนปิ นิมนฺเตยฺยาม, อภินิมนฺเตยฺยามปิ นํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ, ธมฺมิกมฺปิสฺส รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทเหยฺยามา’’ติ.

๑๘๕. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทิ เอวํ สนฺเต โหติ วา สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ โน วา’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภนฺเต, เอวํ สนฺเต โหติ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผล’’นฺติ. ‘‘อิทํ โข เต, มหาราช, มยา ปมํ ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปฺตฺต’’นฺติ.

ทุติยสนฺทิฏฺิกสามฺผลํ

๑๘๖. ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต, อฺมฺปิ เอวเมว ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปฺเปตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา, มหาราช. เตน หิ, มหาราช, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ. ยถา เต ขเมยฺย, ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ เต อสฺส ปุริโส กสฺสโก คหปติโก กรการโก ราสิวฑฺฒโก. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ, ปุฺานํ คติ, ปุฺานํ วิปาโก. อยฺหิ ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต มนุสฺโส, อหมฺปิ มนุสฺโส. อยฺหิ ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติ, เทโว มฺเ. อหํ ปนมฺหิสฺส กสฺสโก คหปติโก กรการโก ราสิวฑฺฒโก. โส วตสฺสาหํ ปุฺานิ กเรยฺยํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ.

‘‘โส อปเรน สมเยน อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย, อปฺปํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย มหนฺตํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กาเยน สํวุโต วิหเรยฺย, วาจาย สํวุโต วิหเรยฺย, มนสา สํวุโต วิหเรยฺย, ฆาสจฺฉาทนปรมตาย สนฺตุฏฺโ, อภิรโต ปวิเวเก. ตํ เจ เต ปุริสา เอวมาโรเจยฺยุํ – ‘ยคฺเฆ, เทว ชาเนยฺยาสิ, โย เต โส ปุริโส [โย เต ปุริโส (สี.)] กสฺสโก คหปติโก กรการโก ราสิวฑฺฒโก; โส เทว เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กาเยน สํวุโต วิหรติ, วาจาย สํวุโต วิหรติ, มนสา สํวุโต วิหรติ, ฆาสจฺฉาทนปรมตาย สนฺตุฏฺโ, อภิรโต ปวิเวเก’’ติ. อปิ นุ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘เอตุ เม, โภ, โส ปุริโส, ปุนเทว โหตุ กสฺสโก คหปติโก กรการโก ราสิวฑฺฒโก’ติ?

๑๘๗. ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต. อถ โข นํ มยเมว อภิวาเทยฺยามปิ, ปจฺจุฏฺเยฺยามปิ, อาสเนนปิ นิมนฺเตยฺยาม, อภินิมนฺเตยฺยามปิ นํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ, ธมฺมิกมฺปิสฺส รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทเหยฺยามา’’ติ.

๑๘๘. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช? ยทิ เอวํ สนฺเต โหติ วา สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ โน วา’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภนฺเต, เอวํ สนฺเต โหติ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผล’’นฺติ . ‘‘อิทํ โข เต, มหาราช, มยา ทุติยํ ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปฺตฺต’’นฺติ.

ปณีตตรสามฺผลํ

๑๘๙. ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต, อฺมฺปิ ทิฏฺเว ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปฺเปตุํ อิเมหิ สนฺทิฏฺิเกหิ สามฺผเลหิ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจา’’ติ? ‘‘สกฺกา, มหาราช. เตน หิ, มหาราช, สุโณหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ภควโต ปจฺจสฺโสสิ.

๑๙๐. ภควา เอตทโวจ – ‘‘อิธ, มหาราช, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ.

๑๙๑. ‘‘ตํ ธมฺมํ สุณาติ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อฺตรสฺมึ วา กุเล ปจฺจาชาโต. โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภติ. โส เตน สทฺธาปฏิลาเภน สมนฺนาคโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รโชปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ.

๑๙๒. ‘‘โส อปเรน สมเยน อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อปฺปํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย มหนฺตํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ.

๑๙๓. ‘‘โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, กายกมฺมวจีกมฺเมน สมนฺนาคโต กุสเลน, ปริสุทฺธาชีโว สีลสมฺปนฺโน, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร [คุตฺตทฺวาโร, โภชเน มตฺตฺู (ก.)], สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต, สนฺตุฏฺโ.

จูฬสีลํ

๑๙๔. ‘‘กถฺจ, มหาราช, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, มหาราช, ภิกฺขุ ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ. นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถ ลชฺชี ทยาปนฺโน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

‘‘อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ ทินฺนาทายี ทินฺนปาฏิกงฺขี, อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหรติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี โหติ อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

‘‘มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ สจฺจวาที สจฺจสนฺโธ เถโต ปจฺจยิโก อวิสํวาทโก โลกสฺส. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

‘‘ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ; อิโต สุตฺวา น อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย; อมุตฺร วา สุตฺวา น อิเมสํ อกฺขาตา, อมูสํ เภทาย. อิติ ภินฺนานํ วา สนฺธาตา, สหิตานํ วา อนุปฺปทาตา, สมคฺคาราโม สมคฺครโต สมคฺคนนฺที สมคฺคกรณึ วาจํ ภาสิตา โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

‘‘ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ; ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

‘‘สมฺผปฺปลาปํ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที, นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา โหติ กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวตึ อตฺถสํหิตํ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

‘‘พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรโต โหติ…เป… เอกภตฺติโก โหติ รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา. นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต โหติ. มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฏิวิรโต โหติ. ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. อามกธฺปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. อามกมํสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. อิตฺถิกุมาริกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. ทาสิทาสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. อเชฬกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. กุกฺกุฏสูกรปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. หตฺถิควสฺสวฬวปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. เขตฺตวตฺถุปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ . ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคา ปฏิวิรโต โหติ. กยวิกฺกยา ปฏิวิรโต โหติ. ตุลากูฏกํสกูฏมานกูฏา ปฏิวิรโต โหติ. อุกฺโกฏนวฺจนนิกติสาจิโยคา ปฏิวิรโต โหติ. เฉทนวธพนฺธนวิปราโมสอาโลปสหสาการา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

จูฬสีลํ นิฏฺิตํ.

มชฺฌิมสีลํ

๑๙๕. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปํ พีชคามภูตคามสมารมฺภํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ. เสยฺยถิทํ – มูลพีชํ ขนฺธพีชํ ผฬุพีชํ อคฺคพีชํ พีชพีชเมว ปฺจมํ, อิติ เอวรูปา พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๑๙๖. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปํ สนฺนิธิการปริโภคํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ. เสยฺยถิทํ – อนฺนสนฺนิธึ ปานสนฺนิธึ วตฺถสนฺนิธึ ยานสนฺนิธึ สยนสนฺนิธึ คนฺธสนฺนิธึ อามิสสนฺนิธึ, อิติ วา อิติ เอวรูปา สนฺนิธิการปริโภคา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๑๙๗. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปํ วิสูกทสฺสนํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ. เสยฺยถิทํ – นจฺจํ คีตํ วาทิตํ เปกฺขํ อกฺขานํ ปาณิสฺสรํ เวตาฬํ กุมฺภถูณํ โสภนกํ จณฺฑาลํ วํสํ โธวนํ หตฺถิยุทฺธํ อสฺสยุทฺธํ มหึสยุทฺธํ อุสภยุทฺธํ อชยุทฺธํ เมณฺฑยุทฺธํ กุกฺกุฏยุทฺธํ วฏฺฏกยุทฺธํ ทณฺฑยุทฺธํ มุฏฺิยุทฺธํ นิพฺพุทฺธํ อุยฺโยธิกํ พลคฺคํ เสนาพฺยูหํ อนีกทสฺสนํ อิติ วา อิติ เอวรูปา วิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๑๙๘. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปํ ชูตปฺปมาทฏฺานานุโยคํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ. เสยฺยถิทํ – อฏฺปทํ ทสปทํ อากาสํ ปริหารปถํ สนฺติกํ ขลิกํ ฆฏิกํ สลากหตฺถํ อกฺขํ ปงฺคจีรํ วงฺกกํ โมกฺขจิกํ จิงฺคุลิกํ ปตฺตาฬฺหกํ รถกํ ธนุกํ อกฺขริกํ มเนสิกํ ยถาวชฺชํ อิติ วา อิติ เอวรูปา ชูตปฺปมาทฏฺานานุโยคา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๑๙๙. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ. เสยฺยถิทํ – อาสนฺทึ ปลฺลงฺกํ โคนกํ จิตฺตกํ ปฏิกํ ปฏลิกํ ตูลิกํ วิกติกํ อุทฺทโลมึ เอกนฺตโลมึ กฏฺฏิสฺสํ โกเสยฺยํ กุตฺตกํ หตฺถตฺถรํ อสฺสตฺถรํ รถตฺถรํ อชินปฺปเวณึ กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณํ สอุตฺตรจฺฉทํ อุภโตโลหิตกูปธานํ อิติ วา อิติ เอวรูปา อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๒๐๐. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปํ มณฺฑนวิภูสนฏฺานานุโยคํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ. เสยฺยถิทํ – อุจฺฉาทนํ ปริมทฺทนํ นฺหาปนํ สมฺพาหนํ อาทาสํ อฺชนํ มาลาคนฺธวิเลปนํ มุขจุณฺณํ มุขเลปนํ หตฺถพนฺธํ สิขาพนฺธํ ทณฺฑํ นาฬิกํ อสึ [ขคฺคํ (สี. ปี.), อสึ ขคฺคํ (สฺยา. กํ.), ขคฺคํ อสึ (ก.)] ฉตฺตํ จิตฺรุปาหนํ อุณฺหีสํ มณึ วาลพีชนึ โอทาตานิ วตฺถานิ ทีฆทสานิ อิติ วา อิติ เอวรูปา มณฺฑนวิภูสนฏฺานานุโยคา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๒๐๑. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปํ ติรจฺฉานกถํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ. เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ มหามตฺตกถํ เสนากถํ ภยกถํ ยุทฺธกถํ อนฺนกถํ ปานกถํ วตฺถกถํ สยนกถํ มาลากถํ คนฺธกถํ าติกถํ ยานกถํ คามกถํ นิคมกถํ นครกถํ ชนปทกถํ อิตฺถิกถํ [อิตฺถิกถํ ปุริสกถํ กุมารกถํ กุมาริกถํ (ก.)] สูรกถํ วิสิขากถํ กุมฺภฏฺานกถํ ปุพฺพเปตกถํ นานตฺตกถํ โลกกฺขายิกํ สมุทฺทกฺขายิกํ อิติภวาภวกถํ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานกถาย ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๒๐๒. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปํ วิคฺคาหิกกถํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ. เสยฺยถิทํ – น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสิ, อหํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานามิ, กึ ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานิสฺสสิ, มิจฺฉา ปฏิปนฺโน ตฺวมสิ, อหมสฺมิ สมฺมา ปฏิปนฺโน, สหิตํ เม, อสหิตํ เต, ปุเร วจนียํ ปจฺฉา อวจ, ปจฺฉา วจนียํ ปุเร อวจ, อธิจิณฺณํ เต วิปราวตฺตํ, อาโรปิโต เต วาโท, นิคฺคหิโต ตฺวมสิ, จร วาทปฺปโมกฺขาย, นิพฺเพเหิ วา สเจ ปโหสีติ อิติ วา อิติ เอวรูปาย วิคฺคาหิกกถาย ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๒๐๓. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปํ ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ. เสยฺยถิทํ – รฺํ, ราชมหามตฺตานํ, ขตฺติยานํ, พฺราหฺมณานํ, คหปติกานํ, กุมารานํ – ‘อิธ คจฺฉ, อมุตฺราคจฺฉ, อิทํ หร, อมุตฺร อิทํ อาหรา’ติ อิติ วา อิติ เอวรูปา ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๒๐๔. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต กุหกา จ โหนฺติ ลปกา จ เนมิตฺติกา จ นิปฺเปสิกา จ ลาเภน ลาภํ นิชิคีํสิตาโร จ. อิติ เอวรูปา กุหนลปนา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ’’.

มชฺฌิมสีลํ นิฏฺิตํ.

มหาสีลํ

๒๐๕. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กปฺเปนฺติ. เสยฺยถิทํ – องฺคํ นิมิตฺตํ อุปฺปาตํ สุปินํ ลกฺขณํ มูสิกจฺฉินฺนํ อคฺคิโหมํ ทพฺพิโหมํ ถุสโหมํ กณโหมํ ตณฺฑุลโหมํ สปฺปิโหมํ เตลโหมํ มุขโหมํ โลหิตโหมํ องฺควิชฺชา วตฺถุวิชฺชา ขตฺตวิชฺชา สิววิชฺชา ภูตวิชฺชา ภูริวิชฺชา อหิวิชฺชา วิสวิชฺชา วิจฺฉิกวิชฺชา มูสิกวิชฺชา สกุณวิชฺชา วายสวิชฺชา ปกฺกชฺฌานํ สรปริตฺตาณํ มิคจกฺกํ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๒๐๖. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กปฺเปนฺติ. เสยฺยถิทํ – มณิลกฺขณํ วตฺถลกฺขณํ ทณฺฑลกฺขณํ สตฺถลกฺขณํ อสิลกฺขณํ อุสุลกฺขณํ ธนุลกฺขณํ อาวุธลกฺขณํ อิตฺถิลกฺขณํ ปุริสลกฺขณํ กุมารลกฺขณํ กุมาริลกฺขณํ ทาสลกฺขณํ ทาสิลกฺขณํ หตฺถิลกฺขณํ อสฺสลกฺขณํ มหึสลกฺขณํ อุสภลกฺขณํ โคลกฺขณํ อชลกฺขณํ เมณฺฑลกฺขณํ กุกฺกุฏลกฺขณํ วฏฺฏกลกฺขณํ โคธาลกฺขณํ กณฺณิกลกฺขณํ กจฺฉปลกฺขณํ มิคลกฺขณํ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๒๐๗. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กปฺเปนฺติ. เสยฺยถิทํ – รฺํ นิยฺยานํ ภวิสฺสติ, รฺํ อนิยฺยานํ ภวิสฺสติ, อพฺภนฺตรานํ รฺํ อุปยานํ ภวิสฺสติ, พาหิรานํ รฺํ อปยานํ ภวิสฺสติ, พาหิรานํ รฺํ อุปยานํ ภวิสฺสติ, อพฺภนฺตรานํ รฺํ อปยานํ ภวิสฺสติ, อพฺภนฺตรานํ รฺํ ชโย ภวิสฺสติ, พาหิรานํ รฺํ ปราชโย ภวิสฺสติ, พาหิรานํ รฺํ ชโย ภวิสฺสติ, อพฺภนฺตรานํ รฺํ ปราชโย ภวิสฺสติ, อิติ อิมสฺส ชโย ภวิสฺสติ, อิมสฺส ปราชโย ภวิสฺสติ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๒๐๘. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กปฺเปนฺติ. เสยฺยถิทํ – จนฺทคฺคาโห ภวิสฺสติ, สูริยคฺคาโห ภวิสฺสติ, นกฺขตฺตคฺคาโห ภวิสฺสติ, จนฺทิมสูริยานํ ปถคมนํ ภวิสฺสติ, จนฺทิมสูริยานํ อุปฺปถคมนํ ภวิสฺสติ, นกฺขตฺตานํ ปถคมนํ ภวิสฺสติ, นกฺขตฺตานํ อุปฺปถคมนํ ภวิสฺสติ , อุกฺกาปาโต ภวิสฺสติ, ทิสาฑาโห ภวิสฺสติ, ภูมิจาโล ภวิสฺสติ, เทวทุทฺรภิ ภวิสฺสติ, จนฺทิมสูริยนกฺขตฺตานํ อุคฺคมนํ โอคมนํ สํกิเลสํ โวทานํ ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก จนฺทคฺคาโห ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก สูริยคฺคาโห ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก นกฺขตฺตคฺคาโห ภวิสฺสติ, เอวํวิปากํ จนฺทิมสูริยานํ ปถคมนํ ภวิสฺสติ, เอวํวิปากํ จนฺทิมสูริยานํ อุปฺปถคมนํ ภวิสฺสติ, เอวํวิปากํ นกฺขตฺตานํ ปถคมนํ ภวิสฺสติ, เอวํวิปากํ นกฺขตฺตานํ อุปฺปถคมนํ ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก อุกฺกาปาโต ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก ทิสาฑาโห ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก ภูมิจาโล ภวิสฺสติ, เอวํวิปาโก เทวทุทฺรภิ ภวิสฺสติ, เอวํวิปากํ จนฺทิมสูริยนกฺขตฺตานํ อุคฺคมนํ โอคมนํ สํกิเลสํ โวทานํ ภวิสฺสติ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๒๐๙. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กปฺเปนฺติ. เสยฺยถิทํ – สุวุฏฺิกา ภวิสฺสติ, ทุพฺพุฏฺิกา ภวิสฺสติ, สุภิกฺขํ ภวิสฺสติ, ทุพฺภิกฺขํ ภวิสฺสติ, เขมํ ภวิสฺสติ, ภยํ ภวิสฺสติ, โรโค ภวิสฺสติ, อาโรคฺยํ ภวิสฺสติ, มุทฺทา, คณนา, สงฺขานํ, กาเวยฺยํ, โลกายตํ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๒๑๐. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กปฺเปนฺติ. เสยฺยถิทํ – อาวาหนํ วิวาหนํ สํวรณํ วิวรณํ สงฺกิรณํ วิกิรณํ สุภคกรณํ ทุพฺภคกรณํ วิรุทฺธคพฺภกรณํ ชิวฺหานิพนฺธนํ หนุสํหนนํ หตฺถาภิชปฺปนํ หนุชปฺปนํ กณฺณชปฺปนํ อาทาสปฺหํ กุมาริกปฺหํ เทวปฺหํ อาทิจฺจุปฏฺานํ มหตุปฏฺานํ อพฺภุชฺชลนํ สิริวฺหายนํ อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๒๑๑. ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิตํ กปฺเปนฺติ . เสยฺยถิทํ – สนฺติกมฺมํ ปณิธิกมฺมํ ภูตกมฺมํ ภูริกมฺมํ วสฺสกมฺมํ โวสฺสกมฺมํ วตฺถุกมฺมํ วตฺถุปริกมฺมํ อาจมนํ นฺหาปนํ ชุหนํ วมนํ วิเรจนํ อุทฺธํวิเรจนํ อโธวิเรจนํ สีสวิเรจนํ กณฺณเตลํ เนตฺตตปฺปนํ นตฺถุกมฺมํ อฺชนํ ปจฺจฺชนํ สาลากิยํ สลฺลกตฺติยํ ทารกติกิจฺฉา, มูลเภสชฺชานํ อนุปฺปทานํ, โอสธีนํ ปฏิโมกฺโข อิติ วา อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา ปฏิวิรโต โหติ. อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมึ.

๒๑๒. ‘‘ส โข โส, มหาราช, ภิกฺขุ เอวํ สีลสมฺปนฺโน น กุโตจิ ภยํ สมนุปสฺสติ, ยทิทํ สีลสํวรโต. เสยฺยถาปิ – มหาราช, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาภิสิตฺโต นิหตปจฺจามิตฺโต กุโตจิ ภยํ สมนุปสฺสติ, ยทิทํ ปจฺจตฺถิกโต; เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ เอวํ สีลสมฺปนฺโน น กุโตจิ ภยํ สมนุปสฺสติ, ยทิทํ สีลสํวรโต. โส อิมินา อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อนวชฺชสุขํ ปฏิสํเวเทติ. เอวํ โข, มหาราช, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน โหติ.

มหาสีลํ นิฏฺิตํ.

อินฺทฺริยสํวโร

๒๑๓. ‘‘กถฺจ, มหาราช, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ? อิธ, มหาราช, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌา โทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌา โทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โส อิมินา อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อพฺยาเสกสุขํ ปฏิสํเวเทติ. เอวํ โข, มหาราช, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ.

สติสมฺปชฺํ

๒๑๔. ‘‘กถฺจ , มหาราช, ภิกฺขุ สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต โหติ? อิธ, มหาราช, ภิกฺขุ อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหติ, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี โหติ, สมิฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี โหติ, สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี โหติ, อุจฺจารปสฺสาวกมฺเม สมฺปชานการี โหติ, คเต ิเต นิสินฺเน สุตฺเต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี โหติ. เอวํ โข, มหาราช , ภิกฺขุ สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต โหติ.

สนฺโตโส

๒๑๕. ‘‘กถฺจ, มหาราช, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ? อิธ, มหาราช, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน, กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน . โส เยน เยเนว ปกฺกมติ, สมาทาเยว ปกฺกมติ. เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปกฺขี สกุโณ เยน เยเนว เฑติ, สปตฺตภาโรว เฑติ. เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน. โส เยน เยเนว ปกฺกมติ, สมาทาเยว ปกฺกมติ. เอวํ โข, มหาราช, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ.

นีวรณปฺปหานํ

๒๑๖. ‘‘โส อิมินา จ อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต, อิมินา จ อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต, อิมินา จ อริเยน สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต, อิมาย จ อริยาย สนฺตุฏฺิยา สมนฺนาคโต, วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปุฺชํ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา.

๒๑๗. ‘‘โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ. พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต วิหรติ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี, พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ. ถินมิทฺธํ ปหาย วิคตถินมิทฺโธ วิหรติ อาโลกสฺี, สโต สมฺปชาโน, ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ. อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ, อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ. วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิหรติ, อกถํกถี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติ.

๒๑๘. ‘‘เสยฺยถาปิ , มหาราช, ปุริโส อิณํ อาทาย กมฺมนฺเต ปโยเชยฺย. ตสฺส เต กมฺมนฺตา สมิชฺเฌยฺยุํ. โส ยานิ จ โปราณานิ อิณมูลานิ, ตานิ จ พฺยนฺตึ กเรยฺย [พฺยนฺตีกเรยฺย (สี. สฺยา. กํ.)], สิยา จสฺส อุตฺตรึ อวสิฏฺํ ทารภรณาย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ โข ปุพฺเพ อิณํ อาทาย กมฺมนฺเต ปโยเชสึ. ตสฺส เม เต กมฺมนฺตา สมิชฺฌึสุ. โสหํ ยานิ จ โปราณานิ อิณมูลานิ, ตานิ จ พฺยนฺตึ อกาสึ, อตฺถิ จ เม อุตฺตรึ อวสิฏฺํ ทารภรณายา’ติ. โส ตโตนิทานํ ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺสํ.

๒๑๙. ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปุริโส อาพาธิโก อสฺส ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน; ภตฺตฺจสฺส นจฺฉาเทยฺย, น จสฺส กาเย พลมตฺตา. โส อปเรน สมเยน ตมฺหา อาพาธา มุจฺเจยฺย; ภตฺตํ จสฺส ฉาเทยฺย, สิยา จสฺส กาเย พลมตฺตา. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ โข ปุพฺเพ อาพาธิโก อโหสึ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน; ภตฺตฺจ เม นจฺฉาเทสิ, น จ เม อาสิ [น จสฺส เม (ก.)] กาเย พลมตฺตา. โสมฺหิ เอตรหิ ตมฺหา อาพาธา มุตฺโต; ภตฺตฺจ เม ฉาเทติ, อตฺถิ จ เม กาเย พลมตฺตา’ติ. โส ตโตนิทานํ ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺสํ.

๒๒๐. ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปุริโส พนฺธนาคาเร พทฺโธ อสฺส. โส อปเรน สมเยน ตมฺหา พนฺธนาคารา มุจฺเจยฺย โสตฺถินา อพฺภเยน [อุพฺพเยน (สี. ก.)], น จสฺส กิฺจิ โภคานํ วโย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ โข ปุพฺเพ พนฺธนาคาเร พทฺโธ อโหสึ, โสมฺหิ เอตรหิ ตมฺหา พนฺธนาคารา มุตฺโต โสตฺถินา อพฺภเยน. นตฺถิ จ เม กิฺจิ โภคานํ วโย’ติ. โส ตโตนิทานํ ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺสํ.

๒๒๑. ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปุริโส ทาโส อสฺส อนตฺตาธีโน ปราธีโน น เยนกามํคโม. โส อปเรน สมเยน ตมฺหา ทาสพฺยา มุจฺเจยฺย อตฺตาธีโน อปราธีโน ภุชิสฺโส เยนกามํคโม. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ โข ปุพฺเพ ทาโส อโหสึ อนตฺตาธีโน ปราธีโน น เยนกามํคโม. โสมฺหิ เอตรหิ ตมฺหา ทาสพฺยา มุตฺโต อตฺตาธีโน อปราธีโน ภุชิสฺโส เยนกามํคโม’ติ. โส ตโตนิทานํ ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺสํ.

๒๒๒. ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปุริโส สธโน สโภโค กนฺตารทฺธานมคฺคํ ปฏิปชฺเชยฺย ทุพฺภิกฺขํ สปฺปฏิภยํ. โส อปเรน สมเยน ตํ กนฺตารํ นิตฺถเรยฺย โสตฺถินา, คามนฺตํ อนุปาปุเณยฺย เขมํ อปฺปฏิภยํ. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ โข ปุพฺเพ สธโน สโภโค กนฺตารทฺธานมคฺคํ ปฏิปชฺชึ ทุพฺภิกฺขํ สปฺปฏิภยํ. โสมฺหิ เอตรหิ ตํ กนฺตารํ นิตฺถิณฺโณ โสตฺถินา, คามนฺตํ อนุปฺปตฺโต เขมํ อปฺปฏิภย’นฺติ. โส ตโตนิทานํ ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺสํ.

๒๒๓. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ ยถา อิณํ ยถา โรคํ ยถา พนฺธนาคารํ ยถา ทาสพฺยํ ยถา กนฺตารทฺธานมคฺคํ, เอวํ อิเม ปฺจ นีวรเณ อปฺปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ.

๒๒๔. ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ยถา อาณณฺยํ ยถา อาโรคฺยํ ยถา พนฺธนาโมกฺขํ ยถา ภุชิสฺสํ ยถา เขมนฺตภูมึ; เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ.

๒๒๕. ‘‘ตสฺสิเม ปฺจ นีวรเณ ปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสโต ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ.

ปมชฺฌานํ

๒๒๖. ‘‘โส วิวิจฺเจว กาเมหิ, วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ วิเวกเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส วิเวกเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ.

๒๒๗. ‘‘เสยฺยถาปิ , มหาราช, ทกฺโข นฺหาปโก วา นฺหาปกนฺเตวาสี วา กํสถาเล นฺหานียจุณฺณานิ อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสกํ สนฺเนยฺย, สายํ นฺหานียปิณฺฑิ สฺเนหานุคตา สฺเนหปเรตา สนฺตรพาหิรา ผุฏา สฺเนเหน, น จ ปคฺฆรณี; เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ วิเวกเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส วิเวกเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ. อิทมฺปิ โข, มหาราช, สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุริเมหิ สนฺทิฏฺิเกหิ สามฺผเลหิ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

ทุติยชฺฌานํ

๒๒๘. ‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ สมาธิเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส สมาธิเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ.

๒๒๙. ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, อุทกรหโท คมฺภีโร อุพฺภิโททโก [อุพฺภิโตทโก (สฺยา. กํ. ก.)] ตสฺส เนวสฺส ปุรตฺถิมาย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ, น ทกฺขิณาย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ, น ปจฺฉิมาย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ, น อุตฺตราย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ, เทโว จ น กาเลนกาลํ สมฺมาธารํ อนุปฺปเวจฺเฉยฺย. อถ โข ตมฺหาว อุทกรหทา สีตา วาริธารา อุพฺภิชฺชิตฺวา ตเมว อุทกรหทํ สีเตน วารินา อภิสนฺเทยฺย ปริสนฺเทยฺย ปริปูเรยฺย ปริปฺผเรยฺย, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต อุทกรหทสฺส สีเตน วารินา อปฺผุฏํ อสฺส. เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ สมาธิเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส สมาธิเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ. อิทมฺปิ โข, มหาราช, สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุริเมหิ สนฺทิฏฺิเกหิ สามฺผเลหิ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

ตติยชฺฌานํ

๒๓๐. ‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ, ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ นิปฺปีติเกน สุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส นิปฺปีติเกน สุเขน อปฺผุฏํ โหติ.

๒๓๑. ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, อุปฺปลินิยํ วา ปทุมินิยํ วา ปุณฺฑรีกินิยํ วา อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนิ, ตานิ ยาว จคฺคา ยาว จ มูลา สีเตน วารินา อภิสนฺนานิ ปริสนฺนานิ [อภิสนฺทานิ ปริสนฺทานิ (ก.)] ปริปูรานิ ปริปฺผุฏานิ [ปริปฺผุฏฺานิ (ปี.)], นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวตํ อุปฺปลานํ วา ปทุมานํ วา ปุณฺฑรีกานํ วา สีเตน วารินา อปฺผุฏํ อสฺส; เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ นิปฺปีติเกน สุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส นิปฺปีติเกน สุเขน อปฺผุฏํ โหติ. อิทมฺปิ โข, มหาราช, สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุริเมหิ สนฺทิฏฺิเกหิ สามฺผเลหิ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

จตุตฺถชฺฌานํ

๒๓๒. ‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, โส อิมเมว กายํ ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน ผริตฺวา นิสินฺโน โหติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน อปฺผุฏํ โหติ.

๒๓๓. ‘‘เสยฺยถาปิ , มหาราช, ปุริโส โอทาเตน วตฺเถน สสีสํ ปารุปิตฺวา นิสินฺโน อสฺส, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส โอทาเตน วตฺเถน อปฺผุฏํ อสฺส; เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน ผริตฺวา นิสินฺโน โหติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน อปฺผุฏํ โหติ. อิทมฺปิ โข, มหาราช, สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุริเมหิ สนฺทิฏฺิเกหิ สามฺผเลหิ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

วิปสฺสนาาณํ

๒๓๔. ‘‘โส [ปุน จปรํ มหาราช ภิกฺขุ โส (ก.)] เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘อยํ โข เม กาโย รูปี จาตุมหาภูติโก มาตาเปตฺติกสมฺภโว โอทนกุมฺมาสูปจโย อนิจฺจุจฺฉาทน-ปริมทฺทน-เภทน-วิทฺธํสน-ธมฺโม; อิทฺจ ปน เม วิฺาณํ เอตฺถ สิตํ เอตฺถ ปฏิพทฺธ’นฺติ.

๒๓๕. ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต อจฺโฉ วิปฺปสนฺโน อนาวิโล สพฺพาการสมฺปนฺโน. ตตฺราสฺส สุตฺตํ อาวุตํ นีลํ วา ปีตํ วา โลหิตํ วา [ปีตกํ วา โลหิตกํ วา (ก.)] โอทาตํ วา ปณฺฑุสุตฺตํ วา. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส หตฺเถ กริตฺวา ปจฺจเวกฺเขยฺย – ‘อยํ โข มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต อจฺโฉ วิปฺปสนฺโน อนาวิโล สพฺพาการสมฺปนฺโน; ตตฺริทํ สุตฺตํ อาวุตํ นีลํ วา ปีตํ วา โลหิตํ วา โอทาตํ วา ปณฺฑุสุตฺตํ วา’ติ. เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘อยํ โข เม กาโย รูปี จาตุมหาภูติโก มาตาเปตฺติกสมฺภโว โอทนกุมฺมาสูปจโย อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺโม; อิทฺจ ปน เม วิฺาณํ เอตฺถ สิตํ เอตฺถ ปฏิพทฺธ’นฺติ. อิทมฺปิ โข, มหาราช , สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุริเมหิ สนฺทิฏฺิเกหิ สามฺผเลหิ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

มโนมยิทฺธิาณํ

๒๓๖. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต มโนมยํ กายํ อภินิมฺมานาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ อภินิมฺมินาติ รูปึ มโนมยํ สพฺพงฺคปจฺจงฺคึ อหีนินฺทฺริยํ.

๒๓๗. ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปุริโส มุฺชมฺหา อีสิกํ ปวาเหยฺย [ปพฺพาเหยฺย (สฺยา. ก.)]. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ มุฺโช, อยํ อีสิกา, อฺโ มุฺโช, อฺา อีสิกา, มุฺชมฺหา ตฺเวว อีสิกา ปวาฬฺหา’ติ [ปพฺพาฬฺหาติ (สฺยา. ก.)]. เสยฺยถา วา ปน, มหาราช, ปุริโส อสึ โกสิยา ปวาเหยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ อสิ, อยํ โกสิ, อฺโ อสิ, อฺา โกสิ, โกสิยา ตฺเวว อสิ ปวาฬฺโห’’ติ. เสยฺยถา วา ปน, มหาราช, ปุริโส อหึ กรณฺฑา อุทฺธเรยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ อหิ, อยํ กรณฺโฑ. อฺโ อหิ, อฺโ กรณฺโฑ, กรณฺฑา ตฺเวว อหิ อุพฺภโต’ติ [อุทฺธริโต (สฺยา. กํ.)]. เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต มโนมยํ กายํ อภินิมฺมานาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ อภินิมฺมินาติ รูปึ มโนมยํ สพฺพงฺคปจฺจงฺคึ อหีนินฺทฺริยํ. อิทมฺปิ โข, มหาราช, สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุริเมหิ สนฺทิฏฺิเกหิ สามฺผเลหิ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

อิทฺธิวิธาณํ

๒๓๘. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อิทฺธิวิธาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ . โส อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ; อาวิภาวํ ติโรภาวํ ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ อากาเส. ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ เสยฺยถาปิ อุทเก. อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺฉติ [อภิชฺชมาโน (สี. ก.)] เสยฺยถาปิ ปถวิยา . อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กมติ เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ. อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปรามสติ ปริมชฺชติ. ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตติ.

๒๓๙. ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ทกฺโข กุมฺภกาโร วา กุมฺภการนฺเตวาสี วา สุปริกมฺมกตาย มตฺติกาย ยํ ยเทว ภาชนวิกตึ อากงฺเขยฺย, ตํ ตเทว กเรยฺย อภินิปฺผาเทยฺย. เสยฺยถา วา ปน, มหาราช, ทกฺโข ทนฺตกาโร วา ทนฺตการนฺเตวาสี วา สุปริกมฺมกตสฺมึ ทนฺตสฺมึ ยํ ยเทว ทนฺตวิกตึ อากงฺเขยฺย, ตํ ตเทว กเรยฺย อภินิปฺผาเทยฺย. เสยฺยถา วา ปน, มหาราช, ทกฺโข สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา สุปริกมฺมกตสฺมึ สุวณฺณสฺมึ ยํ ยเทว สุวณฺณวิกตึ อากงฺเขยฺย, ตํ ตเทว กเรยฺย อภินิปฺผาเทยฺย. เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อิทฺธิวิธาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ; อาวิภาวํ ติโรภาวํ ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ อากาเส. ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ เสยฺยถาปิ อุทเก. อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ ปถวิยา. อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กมติ เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ. อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปรามสติ ปริมชฺชติ. ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตติ. อิทมฺปิ โข, มหาราช, สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุริเมหิ สนฺทิฏฺิเกหิ สามฺผเลหิ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

ทิพฺพโสตาณํ

๒๔๐. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ทิพฺพาย โสตธาตุยา จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุณาติ ทิพฺเพ จ มานุเส จ เย ทูเร สนฺติเก จ.

๒๔๑. ‘‘เสยฺยถาปิ , มหาราช, ปุริโส อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน. โส สุเณยฺย เภริสทฺทมฺปิ มุทิงฺคสทฺทมฺปิ [มุติงฺคสทฺทมฺปิ (สี. ปี.)] สงฺขปณวทินฺทิมสทฺทมฺปิ [สงฺขปณวเทณฺฑิมสทฺทมฺปิ (สี. ปี.), สงฺขสทฺทํปิ ปณวสทฺทํปิ เทนฺทิมสทฺทํปิ (สฺยา. กํ.)]. ตสฺส เอวมสฺส – ‘เภริสทฺโท’ อิติปิ, ‘มุทิงฺคสทฺโท’ อิติปิ, ‘สงฺขปณวทินฺทิมสทฺโท’ อิติปิ [สงฺขสทฺโท อิติปิ ปณวสทฺโท อิติปิ เทนฺทิมสทฺโท อิติปิ (สฺยา. กํ.)]. เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ทิพฺพาย โสตธาตุยา จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุณาติ ทิพฺเพ จ มานุเส จ เย ทูเร สนฺติเก จ. อิทมฺปิ โข, มหาราช, สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุริเมหิ สนฺทิฏฺิเกหิ สามฺผเลหิ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

เจโตปริยาณํ

๒๔๒. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต เจโตปริยาณาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ – สราคํ วา จิตฺตํ ‘สราคํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, วีตราคํ วา จิตฺตํ ‘วีตราคํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, สโทสํ วา จิตฺตํ ‘สโทสํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, วีตโทสํ วา จิตฺตํ ‘วีตโทสํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, สโมหํ วา จิตฺตํ ‘สโมหํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ ‘วีตโมหํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, สงฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ ‘สงฺขิตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ ‘วิกฺขิตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, มหคฺคตํ วา จิตฺตํ ‘มหคฺคตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ ‘อมหคฺคตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ ‘สอุตฺตรํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ ‘อนุตฺตรํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, สมาหิตํ วา จิตฺตํ ‘สมาหิตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ ‘อสมาหิตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ , วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ ‘วิมุตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ ‘อวิมุตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ.

๒๔๓. ‘‘เสยฺยถาปิ , มหาราช, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนชาติโก อาทาเส วา ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อจฺเฉ วา อุทกปตฺเต สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน สกณิกํ วา ‘สกณิก’นฺติ ชาเนยฺย, อกณิกํ วา ‘อกณิก’นฺติ ชาเนยฺย; เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต เจโตปริยาณาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ – สราคํ วา จิตฺตํ ‘สราคํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, วีตราคํ วา จิตฺตํ ‘วีตราคํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, สโทสํ วา จิตฺตํ ‘สโทสํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, วีตโทสํ วา จิตฺตํ ‘วีตโทสํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, สโมหํ วา จิตฺตํ ‘สโมหํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ ‘วีตโมหํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, สงฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ ‘สงฺขิตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ ‘วิกฺขิตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, มหคฺคตํ วา จิตฺตํ ‘มหคฺคตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ ‘อมหคฺคตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ ‘สอุตฺตรํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ ‘อนุตฺตรํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, สมาหิตํ วา จิตฺตํ ‘สมาหิตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ ‘อสมาหิตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ ‘วิมุตฺตํ จิตฺต’’นฺติ ปชานาติ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ ‘อวิมุตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ. อิทมฺปิ โข, มหาราช, สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุริเมหิ สนฺทิฏฺิเกหิ สามฺผเลหิ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ

๒๔๔. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป, ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’ติ. อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ.

๒๔๕. ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปุริโส สกมฺหา คามา อฺํ คามํ คจฺเฉยฺย, ตมฺหาปิ คามา อฺํ คามํ คจฺเฉยฺย. โส ตมฺหา คามา สกํเยว คามํ ปจฺจาคจฺเฉยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ โข สกมฺหา คามา อมุํ คามํ อคจฺฉึ [อคฺฉึ (สฺยา. กํ.)], ตตฺราปิ เอวํ อฏฺาสึ, เอวํ นิสีทึ, เอวํ อภาสึ, เอวํ ตุณฺหี อโหสึ, ตมฺหาปิ คามา อมุํ คามํ อคจฺฉึ, ตตฺราปิ เอวํ อฏฺาสึ, เอวํ นิสีทึ, เอวํ อภาสึ, เอวํ ตุณฺหี อโหสึ, โสมฺหิ ตมฺหา คามา สกํเยว คามํ ปจฺจาคโต’ติ. เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป, ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’ติ, อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. อิทมฺปิ โข, มหาราช, สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุริเมหิ สนฺทิฏฺิเกหิ สามฺผเลหิ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

ทิพฺพจกฺขุาณํ

๒๔๖. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา. เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ.

๒๔๗. ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, มชฺเฌ สิงฺฆาฏเก ปาสาโท. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส ิโต ปสฺเสยฺย มนุสฺเส เคหํ ปวิสนฺเตปิ นิกฺขมนฺเตปิ รถิกายปิ วีถึ สฺจรนฺเต [รถิยาปี รถึ สฺจรนฺเต (สี.), รถิยาย วิถึ สฺจรนฺเตปิ (สฺยา.)] มชฺเฌ สิงฺฆาฏเก นิสินฺเนปิ. ตสฺส เอวมสฺส – ‘เอเต มนุสฺสา เคหํ ปวิสนฺติ, เอเต นิกฺขมนฺติ, เอเต รถิกาย วีถึ สฺจรนฺติ, เอเต มชฺเฌ สิงฺฆาฏเก นิสินฺนา’ติ. เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา. เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต; ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ. ‘อิทมฺปิ โข, มหาราช, สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุริเมหิ สนฺทิฏฺิเกหิ สามฺผเลหิ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

อาสวกฺขยาณํ

๒๔๘. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ , อยํ ทุกฺขสมุทโยติ ยถาภูตํ ปชานาติ, อยํ ทุกฺขนิโรโธติ ยถาภูตํ ปชานาติ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อิเม อาสวาติ ยถาภูตํ ปชานาติ, อยํ อาสวสมุทโยติ ยถาภูตํ ปชานาติ, อยํ อาสวนิโรโธติ ยถาภูตํ ปชานาติ, อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทาติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ‘วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิ’ติ าณํ โหติ, ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ.

๒๔๙. ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปพฺพตสงฺเขเป อุทกรหโท อจฺโฉ วิปฺปสนฺโน อนาวิโล. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส ตีเร ิโต ปสฺเสยฺย สิปฺปิสมฺพุกมฺปิ สกฺขรกถลมฺปิ มจฺฉคุมฺพมฺปิ จรนฺตมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปิ. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ โข อุทกรหโท อจฺโฉ วิปฺปสนฺโน อนาวิโล. ตตฺริเม สิปฺปิสมฺพุกาปิ สกฺขรกถลาปิ มจฺฉคุมฺพาปิ จรนฺติปิ ติฏฺนฺติปี’ติ. เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. ‘โส อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ , ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อิเม อาสวาติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทาติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ‘วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ, ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. อิทํ โข, มหาราช, สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุริเมหิ สนฺทิฏฺิเกหิ สามฺผเลหิ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ. อิมสฺมา จ ปน, มหาราช, สนฺทิฏฺิกา สามฺผลา อฺํ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา นตฺถี’’ติ.

อชาตสตฺตุอุปาสกตฺตปฏิเวทนา

๒๕๐. เอวํ วุตฺเต, ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ, ภนฺเต, ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต . เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ. อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, โยหํ ปิตรํ ธมฺมิกํ ธมฺมราชานํ อิสฺสริยการณา ชีวิตา โวโรเปสึ. ตสฺส เม, ภนฺเต ภควา อจฺจยํ อจฺจยโต ปฏิคฺคณฺหาตุ อายตึ สํวรายา’’ติ.

๒๕๑. ‘‘ตคฺฆ ตฺวํ, มหาราช, อจฺจโย อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, ยํ ตฺวํ ปิตรํ ธมฺมิกํ ธมฺมราชานํ ชีวิตา โวโรเปสิ. ยโต จ โข ตฺวํ, มหาราช, อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรสิ, ตํ เต มยํ ปฏิคฺคณฺหาม. วุทฺธิเหสา, มหาราช, อริยสฺส วินเย, โย อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, อายตึ สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ.

๒๕๒. เอวํ วุตฺเต, ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท จ ทานิ มยํ, ภนฺเต, คจฺฉาม พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, มหาราช, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.

๒๕๓. อถ โข ภควา อจิรปกฺกนฺตสฺส รฺโ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺส ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ขตายํ, ภิกฺขเว, ราชา. อุปหตายํ, ภิกฺขเว, ราชา. สจายํ, ภิกฺขเว, ราชา ปิตรํ ธมฺมิกํ ธมฺมราชานํ ชีวิตา น โวโรเปสฺสถ, อิมสฺมิฺเว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุปฺปชฺชิสฺสถา’’ติ. อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

สามฺผลสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.