📜

๑๒. โลหิจฺจสุตฺตํ

โลหิจฺจพฺราหฺมณวตฺถุ

๕๐๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ เยน สาลวติกา ตทวสริ. เตน โข ปน สมเยน โลหิจฺโจ พฺราหฺมโณ สาลวติกํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกฏฺโทกํ สธฺํ ราชโภคฺคํ รฺา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายํ, พฺรหฺมเทยฺยํ.

๕๐๒. เตน โข ปน สมเยน โลหิจฺจสฺส พฺราหฺมณสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘อิธ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา กุสลํ ธมฺมํ อธิคจฺเฉยฺย, กุสลํ ธมฺมํ อธิคนฺตฺวา น ปรสฺส อาโรเจยฺย, กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสติ. เสยฺยถาปิ นาม ปุราณํ พนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา อฺํ นวํ พนฺธนํ กเรยฺย, เอวํสมฺปทมิทํ ปาปกํ โลภธมฺมํ วทามิ, กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสตี’’ติ.

๕๐๓. อสฺโสสิ โข โลหิจฺโจ พฺราหฺมโณ – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สาลวติกํ อนุปฺปตฺโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ.

๕๐๔. อถ โข โลหิจฺโจ พฺราหฺมโณ โรสิกํ [เภสิกํ (สี. ปี.)] นฺหาปิตํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม โรสิเก, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกม ; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน สมณํ โคตมํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – โลหิจฺโจ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ ภวนฺตํ โคตมํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘‘อธิวาเสตุ กิร ภวํ โคตโม โลหิจฺจสฺส พฺราหฺมณสฺส สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ.

๕๐๕. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ [เอวํ ภนฺเตติ (สี. ปี.)] โข โรสิกา นฺหาปิโต โลหิจฺจสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โรสิกา นฺหาปิโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โลหิจฺโจ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ; เอวฺจ วเทติ – อธิวาเสตุ กิร, ภนฺเต, ภควา โลหิจฺจสฺส พฺราหฺมณสฺส สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน.

๕๐๖. อถ โข โรสิกา นฺหาปิโต ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน โลหิจฺโจ พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โลหิจฺจํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘อโวจุมฺหา โข มยํ โภโต [มยํ ภนฺเต ตว (สี. ปี.)] วจเนน ตํ ภควนฺตํ – ‘โลหิจฺโจ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ; เอวฺจ วเทติ – อธิวาเสตุ กิร, ภนฺเต, ภควา โลหิจฺจสฺส พฺราหฺมณสฺส สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’ติ. อธิวุตฺถฺจ ปน เตน ภควตา’’ติ.

๕๐๗. อถ โข โลหิจฺโจ พฺราหฺมโณ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา โรสิกํ นฺหาปิตํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม โรสิเก, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส กาลํ อาโรเจหิ – กาโล โภ, โคตม, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข โรสิกา นฺหาปิโต โลหิจฺจสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ . เอกมนฺตํ ิโต โข โรสิกา นฺหาปิโต ภควโต กาลํ อาโรเจสิ – ‘‘กาโล, ภนฺเต, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ.

๕๐๘. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน เยน สาลวติกา เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน โรสิกา นฺหาปิโต ภควนฺตํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ โหติ. อถ โข โรสิกา นฺหาปิโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โลหิจฺจสฺส, ภนฺเต, พฺราหฺมณสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘อิธ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา กุสลํ ธมฺมํ อธิคจฺเฉยฺย, กุสลํ ธมฺมํ อธิคนฺตฺวา น ปรสฺส อาโรเจยฺย – กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสติ. เสยฺยถาปิ นาม ปุราณํ พนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา อฺํ นวํ พนฺธนํ กเรยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ ปาปกํ โลภธมฺมํ วทามิ – กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสตี’ติ. สาธุ, ภนฺเต, ภควา โลหิจฺจํ พฺราหฺมณํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจตู’’ติ. ‘‘อปฺเปว นาม สิยา โรสิเก, อปฺเปว นาม สิยา โรสิเก’’ติ.

อถ โข ภควา เยน โลหิจฺจสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ . อถ โข โลหิจฺโจ พฺราหฺมโณ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ.

โลหิจฺจพฺราหฺมณานุโยโค

๕๐๙. อถ โข โลหิจฺโจ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข โลหิจฺจํ พฺราหฺมณํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร เต, โลหิจฺจ, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘อิธ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา กุสลํ ธมฺมํ อธิคจฺเฉยฺย, กุสลํ ธมฺมํ อธิคนฺตฺวา น ปรสฺส อาโรเจยฺย – กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสติ. เสยฺยถาปิ นาม ปุราณํ พนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา อฺํ นวํ พนฺธนํ กเรยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ ปาปกํ โลภธมฺมํ วทามิ, กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสตี’’’ ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม’’. ‘‘ตํ กึ มฺสิ โลหิจฺจ นนุ ตฺวํ สาลวติกํ อชฺฌาวสสี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม’’. ‘‘โย นุ โข, โลหิจฺจ, เอวํ วเทยฺย – ‘โลหิจฺโจ พฺราหฺมโณ สาลวติกํ อชฺฌาวสติ. ยา สาลวติกาย สมุทยสฺชาติ โลหิจฺโจว ตํ พฺราหฺมโณ เอกโก ปริภุฺเชยฺย, น อฺเสํ ทเทยฺยา’ติ. เอวํ วาที โส เย ตํ อุปชีวนฺติ, เตสํ อนฺตรายกโร วา โหติ, โน วา’’ติ?

‘‘อนฺตรายกโร, โภ โคตม’’. ‘‘อนฺตรายกโร สมาโน หิตานุกมฺปี วา เตสํ โหติ อหิตานุกมฺปี วา’’ติ? ‘‘อหิตานุกมฺปี, โภ โคตม’’. ‘‘อหิตานุกมฺปิสฺส เมตฺตํ วา เตสุ จิตฺตํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ สปตฺตกํ วา’’ติ? ‘‘สปตฺตกํ, โภ โคตม’’. ‘‘สปตฺตเก จิตฺเต ปจฺจุปฏฺิเต มิจฺฉาทิฏฺิ วา โหติ สมฺมาทิฏฺิ วา’’ติ? ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิ, โภ โคตม’’. ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิสฺส โข อหํ, โลหิจฺจ, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา’’.

๕๑๐. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, โลหิจฺจ, นนุ ราชา ปเสนทิ โกสโล กาสิโกสลํ อชฺฌาวสตี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม’’. ‘‘โย นุ โข, โลหิจฺจ, เอวํ วเทยฺย – ‘ราชา ปเสนทิ โกสโล กาสิโกสลํ อชฺฌาวสติ; ยา กาสิโกสเล สมุทยสฺชาติ, ราชาว ตํ ปเสนทิ โกสโล เอกโก ปริภุฺเชยฺย, น อฺเสํ ทเทยฺยา’ติ. เอวํ วาที โส เย ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ อุปชีวนฺติ ตุมฺเห เจว อฺเ จ, เตสํ อนฺตรายกโร วา โหติ, โน วา’’ติ?

‘‘อนฺตรายกโร, โภ โคตม’’. ‘‘อนฺตรายกโร สมาโน หิตานุกมฺปี วา เตสํ โหติ อหิตานุกมฺปี วา’’ติ? ‘‘อหิตานุกมฺปี, โภ โคตม’’. ‘‘อหิตานุกมฺปิสฺส เมตฺตํ วา เตสุ จิตฺตํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ สปตฺตกํ วา’’ติ? ‘‘สปตฺตกํ, โภ โคตม’’. ‘‘สปตฺตเก จิตฺเต ปจฺจุปฏฺิเต มิจฺฉาทิฏฺิ วา โหติ สมฺมาทิฏฺิ วา’’ติ? ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิ, โภ โคตม’’. ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิสฺส โข อหํ, โลหิจฺจ, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา’’.

๕๑๑. ‘‘อิติ กิร, โลหิจฺจ, โย เอวํ วเทยฺย – ‘‘โลหิจฺโจ พฺราหฺมโณ สาลวติกํ อชฺฌาวสติ; ยา สาลวติกาย สมุทยสฺชาติ, โลหิจฺโจว ตํ พฺราหฺมโณ เอกโก ปริภุฺเชยฺย, น อฺเสํ ทเทยฺยา’’ติ. เอวํวาที โส เย ตํ อุปชีวนฺติ, เตสํ อนฺตรายกโร โหติ. อนฺตรายกโร สมาโน อหิตานุกมฺปี โหติ, อหิตานุกมฺปิสฺส สปตฺตกํ จิตฺตํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ, สปตฺตเก จิตฺเต ปจฺจุปฏฺิเต มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ. เอวเมว โข, โลหิจฺจ, โย เอวํ วเทยฺย – ‘‘อิธ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา กุสลํ ธมฺมํ อธิคจฺเฉยฺย, กุสลํ ธมฺมํ อธิคนฺตฺวา น ปรสฺส อาโรเจยฺย, กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสติ. เสยฺยถาปิ นาม ปุราณํ พนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา อฺํ นวํ พนฺธนํ กเรยฺย…เป… กริสฺสตี’’ติ. เอวํวาที โส เย เต กุลปุตฺตา ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม เอวรูปํ อุฬารํ วิเสสํ อธิคจฺฉนฺติ, โสตาปตฺติผลมฺปิ สจฺฉิกโรนฺติ, สกทาคามิผลมฺปิ สจฺฉิกโรนฺติ, อนาคามิผลมฺปิ สจฺฉิกโรนฺติ, อรหตฺตมฺปิ สจฺฉิกโรนฺติ, เย จิเม ทิพฺพา คพฺภา ปริปาเจนฺติ ทิพฺพานํ ภวานํ อภินิพฺพตฺติยา, เตสํ อนฺตรายกโร โหติ, อนฺตรายกโร สมาโน อหิตานุกมฺปี โหติ , อหิตานุกมฺปิสฺส สปตฺตกํ จิตฺตํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ, สปตฺตเก จิตฺเต ปจฺจุปฏฺิเต มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ. มิจฺฉาทิฏฺิสฺส โข อหํ, โลหิจฺจ, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา.

๕๑๒. ‘‘อิติ กิร, โลหิจฺจ, โย เอวํ วเทยฺย – ‘‘ราชา ปเสนทิ โกสโล กาสิโกสลํ อชฺฌาวสติ; ยา กาสิโกสเล สมุทยสฺชาติ, ราชาว ตํ ปเสนทิ โกสโล เอกโก ปริภุฺเชยฺย, น อฺเสํ ทเทยฺยา’’ติ. เอวํวาที โส เย ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ อุปชีวนฺติ ตุมฺเห เจว อฺเ จ, เตสํ อนฺตรายกโร โหติ. อนฺตรายกโร สมาโน อหิตานุกมฺปี โหติ, อหิตานุกมฺปิสฺส สปตฺตกํ จิตฺตํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ, สปตฺตเก จิตฺเต ปจฺจุปฏฺิเต มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ. เอวเมว โข, โลหิจฺจ, โย เอวํ วเทยฺย – ‘‘อิธ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา กุสลํ ธมฺมํ อธิคจฺเฉยฺย, กุสลํ ธมฺมํ อธิคนฺตฺวา น ปรสฺส อาโรเจยฺย, กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสติ. เสยฺยถาปิ นาม…เป… กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสตี’’ติ, เอวํ วาที โส เย เต กุลปุตฺตา ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม เอวรูปํ อุฬารํ วิเสสํ อธิคจฺฉนฺติ, โสตาปตฺติผลมฺปิ สจฺฉิกโรนฺติ, สกทาคามิผลมฺปิ สจฺฉิกโรนฺติ, อนาคามิผลมฺปิ สจฺฉิกโรนฺติ, อรหตฺตมฺปิ สจฺฉิกโรนฺติ. เย จิเม ทิพฺพา คพฺภา ปริปาเจนฺติ ทิพฺพานํ ภวานํ อภินิพฺพตฺติยา, เตสํ อนฺตรายกโร โหติ, อนฺตรายกโร สมาโน อหิตานุกมฺปี โหติ, อหิตานุกมฺปิสฺส สปตฺตกํ จิตฺตํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ, สปตฺตเก จิตฺเต ปจฺจุปฏฺิเต มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ. มิจฺฉาทิฏฺิสฺส โข อหํ, โลหิจฺจ, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา.

ตโย โจทนารหา

๕๑๓. ‘‘ตโย โขเม, โลหิจฺจ, สตฺถาโร, เย โลเก โจทนารหา; โย จ ปเนวรูเป สตฺถาโร โจเทติ, สา โจทนา ภูตา ตจฺฉา ธมฺมิกา อนวชฺชา . กตเม ตโย? อิธ, โลหิจฺจ, เอกจฺโจ สตฺถา ยสฺสตฺถาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, สฺวาสฺส สามฺตฺโถ อนนุปฺปตฺโต โหติ. โส ตํ สามฺตฺถํ อนนุปาปุณิตฺวา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘‘อิทํ โว หิตาย อิทํ โว สุขายา’’ติ. ตสฺส สาวกา น สุสฺสูสนฺติ, น โสตํ โอทหนฺติ, น อฺา จิตฺตํ อุปฏฺเปนฺติ, โวกฺกมฺม จ สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติ. โส เอวมสฺส โจเทตพฺโพ – ‘‘อายสฺมา โข ยสฺสตฺถาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, โส เต สามฺตฺโถ อนนุปฺปตฺโต, ตํ ตฺวํ สามฺตฺถํ อนนุปาปุณิตฺวา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสสิ – ‘อิทํ โว หิตาย อิทํ โว สุขายา’ติ . ตสฺส เต สาวกา น สุสฺสูสนฺติ, น โสตํ โอทหนฺติ, น อฺา จิตฺตํ อุปฏฺเปนฺติ, โวกฺกมฺม จ สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติ. เสยฺยถาปิ นาม โอสกฺกนฺติยา วา อุสฺสกฺเกยฺย, ปรมฺมุขึ วา อาลิงฺเคยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ ปาปกํ โลภธมฺมํ วทามิ – กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสตี’’ติ. อยํ โข, โลหิจฺจ, ปโม สตฺถา, โย โลเก โจทนารโห; โย จ ปเนวรูปํ สตฺถารํ โจเทติ, สา โจทนา ภูตา ตจฺฉา ธมฺมิกา อนวชฺชา.

๕๑๔. ‘‘ปุน จปรํ, โลหิจฺจ, อิเธกจฺโจ สตฺถา ยสฺสตฺถาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, สฺวาสฺส สามฺตฺโถ อนนุปฺปตฺโต โหติ. โส ตํ สามฺตฺถํ อนนุปาปุณิตฺวา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘‘อิทํ โว หิตาย, อิทํ โว สุขายา’’ติ. ตสฺส สาวกา สุสฺสูสนฺติ, โสตํ โอทหนฺติ, อฺา จิตฺตํ อุปฏฺเปนฺติ, น จ โวกฺกมฺม สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติ. โส เอวมสฺส โจเทตพฺโพ – ‘‘อายสฺมา โข ยสฺสตฺถาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, โส เต สามฺตฺโถ อนนุปฺปตฺโต. ตํ ตฺวํ สามฺตฺถํ อนนุปาปุณิตฺวา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสสิ – ‘อิทํ โว หิตาย อิทํ โว สุขายา’ติ. ตสฺส เต สาวกา สุสฺสูสนฺติ, โสตํ โอทหนฺติ , อฺา จิตฺตํ อุปฏฺเปนฺติ, น จ โวกฺกมฺม สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติ. เสยฺยถาปิ นาม สกํ เขตฺตํ โอหาย ปรํ เขตฺตํ นิทฺทายิตพฺพํ มฺเยฺย , เอวํ สมฺปทมิทํ ปาปกํ โลภธมฺมํ วทามิ – กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสตี’’ติ. อยํ โข, โลหิจฺจ, ทุติโย สตฺถา, โย, โลเก โจทนารโห; โย จ ปเนวรูปํ สตฺถารํ โจเทติ, สา โจทนา ภูตา ตจฺฉา ธมฺมิกา อนวชฺชา.

๕๑๕. ‘‘ปุน จปรํ, โลหิจฺจ, อิเธกจฺโจ สตฺถา ยสฺสตฺถาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, สฺวาสฺส สามฺตฺโถ อนุปฺปตฺโต โหติ. โส ตํ สามฺตฺถํ อนุปาปุณิตฺวา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ – ‘‘อิทํ โว หิตาย อิทํ โว สุขายา’’ติ. ตสฺส สาวกา น สุสฺสูสนฺติ, น โสตํ โอทหนฺติ, น อฺา จิตฺตํ อุปฏฺเปนฺติ, โวกฺกมฺม จ สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติ. โส เอวมสฺส โจเทตพฺโพ – ‘‘อายสฺมา โข ยสฺสตฺถาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, โส เต สามฺตฺโถ อนุปฺปตฺโต. ตํ ตฺวํ สามฺตฺถํ อนุปาปุณิตฺวา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสสิ – ‘อิทํ โว หิตาย อิทํ โว สุขายา’ติ. ตสฺส เต สาวกา น สุสฺสูสนฺติ, น โสตํ โอทหนฺติ, น อฺา จิตฺตํ อุปฏฺเปนฺติ , โวกฺกมฺม จ สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติ. เสยฺยถาปิ นาม ปุราณํ พนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา อฺํ นวํ พนฺธนํ กเรยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ ปาปกํ โลภธมฺมํ วทามิ, กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสตี’’ติ. อยํ โข, โลหิจฺจ, ตติโย สตฺถา, โย โลเก โจทนารโห; โย จ ปเนวรูปํ สตฺถารํ โจเทติ, สา โจทนา ภูตา ตจฺฉา ธมฺมิกา อนวชฺชา. อิเม โข, โลหิจฺจ, ตโย สตฺถาโร, เย โลเก โจทนารหา, โย จ ปเนวรูเป สตฺถาโร โจเทติ, สา โจทนา ภูตา ตจฺฉา ธมฺมิกา อนวชฺชาติ.

นโจทนารหสตฺถุ

๕๑๖. เอวํ วุตฺเต, โลหิจฺโจ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ ปน, โภ โคตม, โกจิ สตฺถา, โย โลเก นโจทนารโห’’ติ? ‘‘อตฺถิ โข, โลหิจฺจ, สตฺถา, โย โลเก นโจทนารโห’’ติ. ‘‘กตโม ปน โส, โภ โคตม, สตฺถา, โย โลเก นโจทนารโห’’ติ?

‘‘อิธ, โลหิจฺจ, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… (ยถา ๑๙๐-๒๑๒ อนุจฺเฉเทสุ เอวํ วิตฺถาเรตพฺพํ). เอวํ โข, โลหิจฺจ, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน โหติ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ… ยสฺมึ โข, โลหิจฺจ, สตฺถริ สาวโก เอวรูปํ อุฬารํ วิเสสํ อธิคจฺฉติ, อยมฺปิ โข, โลหิจฺจ, สตฺถา, โย โลเก นโจทนารโห . โย จ ปเนวรูปํ สตฺถารํ โจเทติ, สา โจทนา อภูตา อตจฺฉา อธมฺมิกา สาวชฺชา…เป… ทุติยํ ฌานํ…เป… ตติยํ ฌานํ…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ยสฺมึ โข, โลหิจฺจ, สตฺถริ สาวโก เอวรูปํ อุฬารํ วิเสสํ อธิคจฺฉติ, อยมฺปิ โข, โลหิจฺจ, สตฺถา, โย โลเก นโจทนารโห, โย จ ปเนวรูปํ สตฺถารํ โจเทติ, สา โจทนา อภูตา อตจฺฉา อธมฺมิกา สาวชฺชา… าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ…เป… ยสฺมึ โข, โลหิจฺจ, สตฺถริ สาวโก เอวรูปํ อุฬารํ วิเสสํ อธิคจฺฉติ, อยมฺปิ โข, โลหิจฺจ, สตฺถา, โย โลเก นโจทนารโห, โย จ ปเนวรูปํ สตฺถารํ โจเทติ, สา โจทนา อภูตา อตจฺฉา อธมฺมิกา สาวชฺชา… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ. ยสฺมึ โข, โลหิจฺจ, สตฺถริ สาวโก เอวรูปํ อุฬารํ วิเสสํ อธิคจฺฉติ, อยมฺปิ โข, โลหิจฺจ, สตฺถา, โย โลเก นโจทนารโห, โย จ ปเนวรูปํ สตฺถารํ โจเทติ, สา โจทนา อภูตา อตจฺฉา อธมฺมิกา สาวชฺชา’’ติ.

๕๑๗. เอวํ วุตฺเต, โลหิจฺโจ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, ปุริโส ปุริสํ นรกปปาตํ ปตนฺตํ เกเสสุ คเหตฺวา อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฏฺเปยฺย, เอวเมวาหํ โภตา โคตเมน นรกปปาตํ ปปตนฺโต อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฏฺาปิโต. อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ. เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต . เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

โลหิจฺจสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทฺวาทสมํ.