📜
๑๑. เกวฏฺฏสุตฺตวณฺณนา
เกวฏฺฏคหปติปุตฺตวตฺถุวณฺณนา
๔๘๑. ปาวาริกมฺพวเนติ ¶ ¶ ¶ ปาวาริกเสฏฺิโน อมฺพพหุเล อุปวเน. ตํ กิร โส เสฏฺี ภควโต อนุจฺฉวิกํ คนฺธกุฏึ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานกุฏิมณฺฑปาทีนิ สมฺปาเทตฺวา ปาการปริกฺขิตฺตํ ทฺวารโกฏฺกสมฺปนฺนํ กตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส นิยฺยาเตสิ, ปุริมโวหาเรน ปน ‘‘ปาวาริกมฺพวน’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ ปาวาริกมฺพวเน. เกวฏฺโฏติ อิทํ ตสฺส นามํ เกวฏฺเฏหิ สํรกฺขิตตฺตา, เตสํ วา สนฺติเก สํวฑฺฒิตตฺตาติ เกจิ. ‘‘คหปติปุตฺตสฺสา’’ติ เอตฺถ กามํ ตทา โส คหปติฏฺาเน ิโต, ปิตุ ปนสฺส อจิรกาลํกตตาย ปุริมสมฺาย ‘‘คหปติปุตฺโต’’ ตฺเวว โวหรียติ, เตนาห ‘‘คหปติ มหาสาโล’’ติ. มหาวิภวตาย มหาสาโร, คหปตีติ อตฺโถ ร-การสฺส ล-การํ กตฺวา ‘‘มหาสาโล สุขุมาโล อห’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๓๙) วิย. สทฺธาสมฺปนฺโนติ โปถุชฺชนิกาย สทฺธาย วเสน สทฺธา สมนฺนาคโต.
สมิทฺธาติ สมฺมเทว อิทฺธา, อิทฺธิยา วิภวสมฺปตฺติยา เวปุลฺลปฺปตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘เอหิ ตฺวํ ภิกฺขุ อนฺวทฺธมาสํ, อนุมาสํ, อนุสํวจฺฉรํ วา มนุสฺสานํ ปสาทาย อิทฺธิปาฏิหาริยํ กโรหี’’ติ เอกสฺส ภิกฺขุโน อาณาปนํ ตสฺมึ าเน ตสฺส ปนํ นาม โหตีติ อาห ‘‘านนฺตเร เปตู’’ติ. อุตฺตริมนุสฺสานํ ¶ ธมฺมโตติ อุตฺตริมนุสฺสานํ พุทฺธาทีนํ อธิคมธมฺมโต. นิทฺธารเณ เจตํ นิสฺสกฺกํ. อิทฺธิปาฏิหาริยฺหิ ตโต นิทฺธาเรติ. มนุสฺสธมฺมโต อุตฺตรีติ ปกติมนุสฺสธมฺมโต อุปริ. ปชฺชลิตปทีโปติ ปชฺชลนฺโต ปทีโป.
๔๘๒. น ธํเสมีติ คุณสมฺปตฺติโต น จาเวมิ, เตนาห ‘‘สีลเภท’’นฺติอาทิ. วิสฺสาสํ วฑฺเฒตฺวา ภควติ อตฺตโน วิสฺสตฺถภาวํ พฺรูเหตฺวา วิภูตํ ปากฏํ กตฺวา.
อิทฺธิปาฏิหาริยวณฺณนา
๔๘๓-๔. อาทีนวนฺติ ¶ ¶ โทสํ. คนฺธารีติ จูฬคนฺธารี, มหาคนฺธารีติ ทฺเว คนฺธารีวิชฺชา. ตตฺถ จูฬคนฺธารี นาม ติวสฺสโต โอรํ มตานํ สตฺตานํ อุปปนฺนฏฺานชานนวิชฺชา. มหาคนฺธารี ตมฺปิ ชานาติ ตโต อุตฺตริปิ อิทฺธิวิธาณกปฺปํ เยภุยฺเยน อิทฺธิวิธกิจฺจํ สาเธติ. ตสฺสา กิร วิชฺชาย สาธโก ปุคฺคโล ตาทิเส เทสกาเล มนฺตํ ปริชปฺปิตฺวา พหุธาปิ อตฺตานํ ทสฺเสติ, หตฺถิอาทีนิปิ ทสฺเสติ, ทสฺสนีโยปิ โหติ, อคฺคิถมฺภมฺปิ กโรติ, ชลถมฺภมฺปิ กโรติ, อากาเสปิ อตฺตานํ ทสฺเสติ. สพฺพํ อินฺทชาลสทิสํ ทฏฺพฺพํ. อฏฺโฏติ ทุกฺขิโต พาธิโต, เตนาห ‘‘ปีฬิโต’’ติ.
อาเทสนาปาฏิหาริยวณฺณนา
๔๘๕. กามํ ‘‘เจตสิก’’นฺติ ปทํ เย เจตสิ นิยุตฺตา จิตฺเตน สมฺปยุตฺตา, เตสํ สาธารณวจนํ, สาธารเณ ปน คหิเต จิตฺตวิเสโส คหิโตว โหติ, สามฺโชตนา จ วิเสเส อวติฏฺตีติ เจตสิกคฺคหณสฺส อธิปฺปายํ วิวรนฺโต ‘‘โสมนสฺสโทมนสฺสํ อธิปฺเปต’’นฺติ อาห. โสมนสฺสคฺคหเณน เจตฺถ ตเทกฏฺา ราคาทโย, สทฺธาทโย จ ทสฺสิตา โหนฺติ, โทมนสฺสคฺคหเณน โทสาทโย. วิตกฺกวิจารา ปน สรูเปเนว ทสฺสิตา. เอวํ ตว มโนติ อิมินา อากาเรน ตว มโน ปวตฺโตติ อตฺโถ ¶ . เกน ปกาเรน ปวตฺโตติ อาห ‘‘โสมนสฺสิโต วา’’ติอาทิ. ‘‘เอวํ ตว มโน’’ติ อิทํ ปน โสมนสฺสิตตาทิมตฺตทสฺสนํ, น ปน เยน เยน โสมนสฺสิโต วา โทมนสฺสิโต วา, ตํ ตํ ทสฺสนํ. ทุติยนฺติ ‘‘อิตฺถมฺปิ เต มโน’’ติ อิทํ. อิติปีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท นิทสฺสนตฺโถ ‘‘อตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐) วิย, เตนาห ‘‘อิมฺจ อิมฺจ อตฺถํ จินฺตยมาน’’นฺติ ปิ-สทฺโท วุตฺตตฺถสมฺปิณฺฑนตฺโถ. ปรสฺส จินฺตํ มนติ ชานาติ เอเตนาติ จินฺตามณิ. ตสฺสา กิร วิชฺชาย สาธโก ปุคฺคโล ตาทิเส เทสกาเล มนฺตํ ปริชปฺปิตฺวา ยสฺส จิตฺตํ ชานิตุกาโม, ตสฺส ทิฏฺสุตาทิวิเสสสฺชานนมุเขน จิตฺตาจารํ ¶ อนุมินนฺโต กเถตีติ เกจิ. อปเร ‘‘วาจํ นิจฺฉราเปตฺวา ตตฺถ อกฺขรสลฺลกฺขณวเสนา’’ติ วทนฺติ.
อนุสาสนีปาฏิหาริยวณฺณนา
๔๘๖. ปวตฺเตนฺตาติ ปวตฺตนกา หุตฺวา, ปวตฺตนวเสนาติ อตฺโถ. ‘‘เอว’’นฺติ หิ ปทํ ยถานุสิฏฺาย ¶ อนุสาสนิยา วิธิวเสน, ปฏิเสธวเสน จ ปวตฺติอาการปรามสนํ, สา จ สมฺมาวิตกฺกานํ มิจฺฉาวิตกฺกานฺจ ปวตฺติอาการทสฺสนวเสน ปวตฺตติ ตตฺถ อานิสํสสฺส อาทีนวสฺส จ วิภาวนตฺถํ. อนิจฺจสฺเมว น นิจฺจสฺนฺติ อตฺโถ. ปฏิโยคีนิวตฺตนตฺถฺหิ เอว-การคฺคหณํ. อิธาปิ เอวํ สทฺทคฺคหณสฺส อตฺโถ, ปโยชนฺจ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิทํคหเณปิ เอเสว นโย. ปฺจกามคุณิกราคนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ, ตทฺราคสฺส, โทสาทีนฺจ ปหานสฺส อิจฺฉิตตฺตา, ตปฺปหานสฺส จ ตทฺราคาทิเขปนสฺส อุปายภาวโต ตถา วุตฺตํ ทุฏฺโลหิตวิโมจนสฺส ¶ ปุพฺพทุฏฺมํสเขปนูปายตา วิย. โลกุตฺตรธมฺมเมวาติ อวธารณํ ปฏิปกฺขภาวโต สาวชฺชธมฺมนิวตฺตนปรํ ทฏฺพฺพํ ตสฺสาธิคมูปายานิสํสภูตานํ ตทฺเสํ อนวชฺชธมฺมานํ นานนฺตริยภาวโต. อิทฺธิวิธํ อิทฺธิปาฏิหาริยนฺติ ทสฺเสติ อิทฺธิทสฺสเนน ปรสนฺตาเน ปสาทาทีนํ ปฏิปกฺขสฺส หรณโต. อิมินา นเยน เสสปททฺวเยปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สตตํ ธมฺมเทสนาติ สพฺพกาลํ เทเสตพฺพธมฺมเทสนา.
อิทฺธิปาฏิหาริเยนาติ สหโยเค กรณวจนํ, อิทฺธิปาฏิหาริเยน สทฺธินฺติ อตฺโถ. อาเทสนาปาฏิหาริเยนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ธมฺมเสนาปติสฺส อาจิณฺณนฺติ โยชนา. ‘‘จิตฺตาจารํ ตฺวา’’ติ อิมินา อาเทสนาปาฏิหาริยํ ทสฺเสติ. ‘‘ธมฺมํ เทเสสี’’ติ อิมินา อนุสาสนีปาฏิหาริยํ ‘‘พุทฺธานํ สตตํ ธมฺมเทสนา’’ติ อนุสาสนีปาฏิหาริยสฺส ตตฺถ สาติสยตาย วุตฺตํ. สอุปารมฺภานิ ปติรูเปน อุปารมฺภิตพฺพโต. สโทสานิ โทสสมุจฺฉินฺทนสฺส อนุปายภาวโต. สโทสตฺตา เอว อทฺธานํ น ติฏฺนฺติ จิรกาลฏฺายีนิ น โหนฺติ. อทฺธานํ อติฏฺนโต น นิยฺยนฺตีติ ผเลน เหตุโน อนุมานํ. อนิยฺยานิกตาย หิ ตานิ อนทฺธนิยานิ. อนุสาสนีปาฏิหาริยํ อนุปารมฺภํ วิสุทฺธิปฺปภวโต, วิสุทฺธินิสฺสยโต ¶ จ. ตโต เอว นิทฺโทสํ. น หิ ตตฺถ ปุพฺพาปรวิโรธาทิโทสสมฺภโว. นิทฺโทสตฺตา เอว อทฺธานํ ติฏฺติ ปรวาทวาเตหิ, กิเลสวาเตหิ จ อนุปหนฺตพฺพโต. ตสฺมาติ ยถาวุตฺตการณโต, เตน สอุปารมฺภาทึ, อนุปารมฺภาทึ จาติ อุภยํ อุภยตฺถ ยถากฺกมํ คารยฺหปาสํสภาวานํ เหตุภาเวน ปจฺจามสติ.
ภูตนิโรเธสกวตฺถุวณฺณนา
๔๘๗. อนิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถนฺติ ¶ ยสฺมา มหาภูตปริเยสโก ภิกฺขุ ปุริเมสุ ทฺวีสุ ปาฏิหาริเยสุ วสิปฺปตฺโต กุสโลปิ สมาโน มหาภูตานํ อปริเสสนิโรธสงฺขาตํ นิพฺพานํ นาวพุชฺฌิ ¶ , ตสฺมา ตานิ นิยฺยานาวหตาภาวโต อนิยฺยานิกานีติ เตสํ อนิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถํ. ตติยํ ปน ตกฺกรสฺส เอกนฺตโต นิยฺยานาวหนฺติ ตสฺเสว นิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถํ.
เอวเมติสฺสา เทสนาย มุขฺยปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนุสงฺคิกมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. มหาภูเต ปริเยสนฺโตติ อปริเสสํ นิรุชฺฌนวเสน มหาภูเต คเวสนฺโต, เตสํ อนวเสสนิโรธํ วีมํสนฺโตติ อตฺโถ. วิจริตฺวาติ ธมฺมตาย โจทิยมาโน วิจริตฺวา. ธมฺมตาสิทฺธํ กิเรตํ, ยทิทํ ตสฺส ภิกฺขุโน ตถา วิจรณํ, ยถา อภิชาติยํ มหาปถวิกมฺปาทิ. มหนฺตภาวปฺปกาสนตฺถนฺติ สเทวเก โลเก อนฺสาธารณสฺส พุทฺธานํ มหนฺตภาวสฺส มหานุภาวตาย ทีปนตฺถํ. อิทฺจ การณนฺติ สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ สาสเน อีทิโส เอโก ภิกฺขุ ตทานุภาวปฺปกาสโน โหตีติ อิทมฺปิ การณํ ทสฺเสนฺโต.
กตฺถาติ นิมิตฺเต ภุมฺมํ, ตสฺมา กตฺถาติ กิสฺมึ าเน การณภูเต. กึ อาคมฺมาติ กึ อารมฺมณํ ปจฺจยภูตํ อธิคนฺตฺวา, เตนาห ‘‘กึ ปตฺตสฺสา’’ติ. เตติ มหาภูตา. อปฺปวตฺติวเสนาติ อนุปฺปชฺชนวเสน. สพฺพากาเรนาติ วจนตฺถลกฺขณาทิสมุฏฺานกลาปจุณฺณนานตฺเตกตฺตวินิพฺโภคาวินิพฺโภค- สภาควิสภาคอชฺฌตฺติกพาหิรสงฺคหปจฺจยสมนฺนาหารปจฺจยวิภาคาการโต, สสมฺภารสงฺเขปสสมฺภารวิภตฺติสลกฺขณสงฺเขปสลกฺขณวิภตฺติอาการโต จาติ สพฺเพน อากาเรน.
๔๘๘. ทิพฺพนฺติ ¶ เอตฺถ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมงฺคีภูตา หุตฺวา วิจรนฺติ, กีฬนฺติ, โชตนฺติ จาติ เทโว, เทวโลโก. ตํ ยนฺติ อุปคจฺฉนฺติ เอเตนาติ เทวยานิโย. วสํ วตฺเตนฺโตติ ¶ เอตฺถ วสวตฺตนํ นาม ยถิจฺฉิตฏฺานคมนํ. จตฺตาโร มหาราชาโน เอเตสํ อิสฺสราติ จาตุมหาราชิกา ยา เทวตา มคฺคผลลาภิโน ตา ตมตฺถํ เอกเทเสน ชาเนยฺยุํ พุทฺธวิสโย ปนายํ ปฺโหติ จินฺเตตฺวา ‘‘น ชานามา’’ติ อาหํสุ, เตนาห ‘‘พุทฺธวิสเย’’ติอาทิ. อชฺโฌตฺถรณํ นาเมตฺถ นิปฺปีฬนนฺติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉตี’’ติ. อภิกฺกนฺตตราติ รูปสมฺปตฺติยา เจว ปฺาปฏิภานาทิคุเณหิ จ อมฺเห อภิภุยฺย ปเรสํ กามนียตรา. ปณีตตราติ อุฬารตรา, เตนาห ‘‘อุตฺตมตรา’’ติ.
๔๙๑-๓. เทวยานิยสทิโส อิทฺธิวิธาณสฺเสว อธิปฺเปตตฺตา. ‘‘เทวยานิยมคฺโคติ วา ¶ …เป… สพฺพเมตํ อิทฺธิวิธาณสฺเสว นาม’’นฺติ อิทํ ปาฬิยํ อฏฺกถาสุ จ ตตฺถ ตตฺถ อาคตรุฬฺหิวเสน วุตฺตํ.
๔๙๔. อาคมนปุพฺพภาเค นิมิตฺตนฺติ พฺรหฺมุโน อาคมนสฺส ปุพฺพภาเค อุปฺปชฺชนนิมิตฺตํ. ปาตุรโหสีติ อาวิ ภวิ. ปากโฏ อโหสีติ ปกาโส อโหสิ.
๔๙๗. ปเทเสนาติ เอกเทเสน, อุปาทินฺนกวเสน, สตฺตสนฺตานปริยาปนฺเนนาติ อตฺโถ. อนุปาทินฺนเกปีติ อนินฺทฺริยพทฺเธปิ. นิปฺปเทสโต อนวเสสโต. ปุจฺฉามูฬฺหสฺสาติ ปุจฺฉิตุํ อชานนฺตสฺส. ปุจฺฉาย โทสํ ทสฺเสตฺวาติ เตน กตปุจฺฉาย ปุจฺฉิตากาเร โทสํ วิภาเวตฺวา. ยสฺมา วิสฺสชฺชนํ นาม ปุจฺฉานุรูปํ ปุจฺฉาสภาเคน วิสฺสชฺเชตพฺพโต, น จ ตถาคตา วิรชฺฌิตฺวา กตปุจฺฉานุรูปํ วิสฺสชฺเชนฺติ, อตฺถสภาคตาย จ วิสฺสชฺชนสฺส ปุจฺฉกา ตทตฺถํ อนวพุชฺฌนฺตา สมฺมุยฺหนฺติ, ตสฺมา ปุจฺฉาย สิกฺขาปนํ พุทฺธาจิณฺณํ, เตนาห ‘‘ปุจฺฉํ สิกฺขาเปตฺวา’’ติอาทิ.
๔๙๘. อปฺปติฏฺาติ อปฺปจฺจยา, สพฺพโส สมุจฺฉินฺนการณาติ อตฺโถ. อุปาทินฺนํ เยวาติ อินฺทฺริยพทฺธเมว. ยสฺมา เอกทิสาภิมุขํ สนฺตานวเสน สณฺิเต รูปปฺปพนฺเธ ทีฆสมฺา ตํ อุปาทาย ตโต อปฺปเก รสฺสสมฺา ตทุภยฺจ วิเสสโต รูปคฺคหณมุเขน ¶ คยฺหติ, ตสฺมา อาห ¶ ‘‘ทีฆฺจ รสฺสฺจาติ สณฺานวเสน อุปาทารูปํ วุตฺต’’นฺติ. อปฺปปริมาเณ รูปสงฺฆาเต อณุสมฺา, ตํ อุปาทาย ตโต มหติ ถูลสมฺา. อิทมฺปิ ทฺวยํ วิเสสโต รูปคฺคหณมุเขน คยฺหติ, เตนาห ‘‘อิมินาปี’’ติอาทิ. ปิ-สทฺเทน เจตฺถ ‘‘สณฺานวเสน อุปาทารูปํ วุตฺต’’นฺติ เอตฺถาปิ วณฺณมตฺตเมว กถิตนฺติ อิมมตฺถํ สมุจฺจินตีติ วทนฺติ. สุภนฺติ สุนฺทรํ, อิฏฺนฺติ อตฺโถ. อสุภนฺติ อสุนฺทรํ, อนิฏฺนฺติ วุตฺตํ โหติ. เตเนวาห ‘‘อิฏฺานิฏฺารมฺมณํ ปเนวํ กถิต’’นฺติ. ทีฆํ รสฺสํ, อณุํ ถูลํ, สุภาสุภนฺติ ตีสุ าเนสุ อุปาทารูปสฺเสว คหณํ, ภูตรูปานํ วิสุํ คหิตตฺตา. นามนฺติ เวทนาทิกฺขนฺธจตุกฺกํ ตฺหิ อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต, นามกรณโต จ ‘‘นาม’’นฺติ วุจฺจติ. เหฏฺา ‘‘ทีฆํ รสฺส’’นฺติอาทินา วุตฺตเมว อิธ รุปฺปนฏฺเน ‘‘รูป’’นฺติ คหิตนฺติ อาห ‘‘ทีฆาทิเภทํ รูปฺจา’’ติ. ทีฆาทีติ จ อาทิ-สทฺเทน อาปาทีนฺจ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา วา ทีฆาทิสมฺา น รูปายตนวตฺถุกาว, อถ โข ภูตรูปวตฺถุกาปิ. ตถา หิ สณฺานํ ผุสนมุเขนปิ คยฺหติ, ตสฺมา ทีฆรสฺสาทิคฺคหเณน ภูตรูปมฺปิ คยฺหเตวาติ ‘‘ทีฆาทิเภทํ รูป’’มิจฺเจว วุตฺตํ. กึ อาคมฺมาติ กึ อธิคนฺตฺวา กิสฺส ¶ อธิคมเหตุ. ‘‘อุปรุชฺฌตี’’ติ อิทํ อนุปฺปาทนิโรธํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ขณนิโรธนฺติ อาห ‘‘อเสสเมตํ นปฺปวตฺตตี’’ติ.
๔๙๙. วิฺาตพฺพนฺติ วิสิฏฺเน าตพฺพํ, าณุตฺตเมน อริยมคฺคาเณน ปจฺจกฺขโต ชานิตพฺพนฺติ อตฺโถ, เตนาห ‘‘นิพฺพานสฺเสตํ นาม’’นฺติ. นิทิสฺสตีติ นิทสฺสนํ, จกฺขุวิฺเยฺยํ. น นิทสฺสนํ อนิทสฺสนํ, อจกฺขุวิฺเยฺยนฺติ เอตมตฺถํ วทนฺติ. นิทสฺสนํ ¶ วา อุปมา, ตํ เอตสฺส นตฺถีติ อนิทสฺสนํ. น หิ นิพฺพานสฺส นิจฺจสฺส เอกสฺส อจฺจนฺตสนฺตปณีตสภาวสฺส สทิสํ นิทสฺสนํ กุโตจิ ลพฺภตีติ. ยํ อหุตฺวา สมฺโภติ, หุตฺวา ปฏิเวติ ตํ สงฺขตํ อุทยวยนฺเตหิ สอนฺตํ, อสงฺขตสฺส ปน นิพฺพานสฺส นิจฺจสฺส เต อุโภปิ อนฺตา น สนฺติ, ตโต เอว นวภาวาปคมสงฺขาโต ชรนฺโตปิ ตสฺส นตฺถีติ อาห ‘‘อุปฺปาทนฺโต…เป… อนนฺต’’นฺติ. ‘‘ติตฺถสฺส นาม’’นฺติ วตฺวา ตตฺถ นิพฺพจนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปปนฺติ เอตฺถาติ ปป’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ หิ ปปนฺติ ปานติตฺถํ. ภ-กาโร กโต นิรุตฺตินเยน. วิสุทฺธฏฺเน วา สพฺพโตปภํ, เกนจิ อนุปกฺกิลิฏฺตาย สมนฺตโต ปภสฺสรนฺติ อตฺโถ ¶ . เยน นิพฺพานํ อธิคตํ, ตํ สนฺตติปริยาปนฺนานํเยว อิธ อนุปฺปาทนิโรโธ อธิปฺเปโตติ วุตฺตํ ‘‘อุปาทินฺนกธมฺมชาตํ นิรุชฺฌติ อปฺปวตฺตํ โหตี’’ติ.
ตตฺถาติ ‘‘วิฺาณสฺส นิโรเธนา’’ติ ยํ ปทํ วุตฺตํ, ตสฺมึ. ‘‘วิฺาณ’’นฺติ วิฺาณํ อุทฺธรติ วิภตฺตพฺพตฺตา เอตฺเถตํ อุปรุชฺฌตีติ เอตสฺมึ นิพฺพาเน เอตํ นามรูปํ จริมกวิฺาณนิโรเธน อนุปฺปาทวเสน นิรุชฺฌติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา, เตนาห ‘‘วิชฺฌาตทีปสิขา วิย อปณฺณตฺติกภาวํ ยาตี’’ติ. ‘‘จริมกวิฺาณ’’นฺติ หิ อรหโต จุติจิตฺตํ อธิปฺเปตํ. ‘‘อภิสงฺขารวิฺาณสฺสาปี’’ติอาทินาปิ สอุปาทิเสสนิพฺพานมุเขน อนุปาทิเสสนิพฺพานเมว วทติ นามรูปสฺส อนวเสสโต อุปรุชฺฌนสฺส อธิปฺเปตตฺตา, เตนาห ‘‘อนุปฺปาทวเสน อุปรุชฺฌตี’’ติ. โสตาปตฺติมคฺคาเณนาติ กตฺตริ, กรเณ วา กรณวจนํ. นิโรเธนาติ ปน เหตุมฺหิ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ นิพฺพาเน. เสสเมตฺถ ยํ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
เกวฏฺฏสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.