📜

๒. สามฺผลสุตฺตวณฺณนา

ราชามจฺจกถาวณฺณนา

๑๕๐. ราชคเหติ เอตฺถ ทุคฺคชนปทฏฺานวิเสสสมฺปทาทิโยคโต ปธานภาเวน ราชูหิ คหิตนฺติ ราชคหนฺติ อาห ‘‘มนฺธาตุ…เป… วุจฺจตี’’ติ. ตตฺถ มหาโควินฺเทน มหาสตฺเตน ปริคฺคหิตํ เรณุอาทีหิ ราชูหิ ปริคฺคหิตเมว โหตีติ มหาโควินฺทคฺคหณํ. มหาโควินฺโทติ มหานุภาโว เอโก ปุราตโน ราชาติ เกจิ. ปริคฺคหิตตฺตาติ ราชธานีภาเวน ปริคฺคหิตตฺตา. ปกาเรติ นครมาปเนน รฺา การิตสพฺพเคหตฺตา ราชคหํ, คิชฺฌกูฏาทีหิ ปริกฺขิตฺตตฺตา ปพฺพตราเชหิ ปริกฺขิตฺตเคหสทิสนฺติปิ ราชคหํ, สมฺปนฺนภวนตาย ราชมานํ เคหนฺติ ปิ ราชคหํ, สํวิหิตารกฺขตาย อนตฺถาวหภาเวน อุปคตานํ ปฏิราชูนํ คหํ เคหภูตนฺติปิ ราชคหํ, ราชูหิ ทิสฺวา สมฺมา ปติฏฺาปิตตฺตา เตสํ คหํ เคหภูตนฺติปิ ราชคหํ, อารามรามเณยฺยกาทีหิ ราชเต, นิวาสสุขตาทินา สตฺเตหิ มมตฺตวเสน คยฺหติ, ปริคฺคยฺหตีติ วา ราชคหนฺติ เอทิเส ปกาเร โส ปเทโส านวิเสสภาเวน อุฬารสตฺตปริโภโคติ อาห ‘‘ตํ ปเนต’’นฺติอาทิ. เตสนฺติ ยกฺขานํ. วสนวนนฺติ อาปานภูมิภูตํ อุปวนํ.

อวิเสเสนาติ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ’’ (ม. นิ. ๑.๖๙; ๓.๗๕; วิภ. ๕๐๘), ‘‘ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, (ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓; ปารา. ๑๑) ‘‘เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ’’, (ที. นิ. ๑.๕๕๖; ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗, ๔๕๙, ๕๐๙; ๒.๓๐๙, ๓๑๕, ๔๕๑, ๔๗๑; ๓.๒๓๐; วิภ. ๖๔๒) ‘‘สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธึ สมาปชฺชิตฺวา วิหรตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๕๙) วิย สทฺทนฺตรสนฺนิธานสิทฺเธน วิเสสปรามสเนน วินา. อิริยาย กายิกกิริยาย ปวตฺตนูปายภาวโต ปโถติ อิริยาปโถ. านาทีนฺหิ คตินิวตฺติ อาทิอวตฺถาหิ วินา น กฺจิ กายิกกิริยํ ปวตฺเตตุํ สกฺกา. วิหรติ ปวตฺตติ เอเตน, วิหรณฺจาติ วิหาโร, ทิพฺพภาวาวโห วิหาโร ทิพฺพวิหาโร, มหคฺคตชฺฌานานิ. เนตฺติยํ ปน ‘‘จตสฺโส อารุปฺปสมาปตฺติโย อาเนฺชา วิหารา’’ติ วุตฺตํ . ตํ ตาสํ เมตฺตาฌานาทีนํ พฺรหฺมวิหารตา วิย ภาวนาวิเสสภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อฏฺกถาสุ ปน ทิพฺพภาวาวหสามฺโต ตาปิ ‘‘ทิพฺพวิหารา’’ ตฺเวว วุตฺตา. หิตูปสํหาราทิวเสน ปวตฺติยา พฺรหฺมภูตา เสฏฺภูตา วิหาราติ พฺรหฺมวิหารา, เมตฺตาฌานาทิกา. อนฺสาธารณตฺตา อริยานํ วิหาราติ อริยวิหารา, จตสฺโสปิ ผลสมาปตฺติโย. สมงฺคีปริทีปนนฺติ สมงฺคิภาวปริทีปนํ. อิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ อิตรวิหารสมาโยคปริทีปนสฺส วิเสสวจนสฺส อภาวโต, อิริยาปถสมาโยคปริทีปนสฺส จ อตฺถสิทฺธตฺตา. วิหรตีติ เอตฺถ วิ-สทฺโท วิจฺเฉทตฺถโชตโน, หรตีติ เนติ, ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. ตตฺถ กสฺส เกน วิจฺฉินฺทนํ, กถํ กสฺส ปวตฺตนนฺติ อนฺโตลีนํ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘โส หี’’ติอาทิ.

โคจรคามทสฺสนตฺถํ ‘‘ราชคเห’’ติ วตฺวา พุทฺธานํ อนุรูปนิวาสนฏฺานทสฺสนตฺถํ ‘‘อมฺพวเน’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อิทมสฺสา’’ติอาทิ. เอตนฺติ เอตํ ‘‘ราชคเห’’ติ ภุมฺมวจนํ สมีปตฺเถ ‘‘คงฺคาย คาโว จรนฺติ, กูเป คคฺคกุล’’นฺติ จ ยถา. กุมาเรน ภโตติ กุมารภโต, โส เอว โกมารภจฺโจ ยถา ภิสคฺคเมว เภสชฺชํ. โทสาภิสนฺนนฺติ วาตปิตฺตาทิวเสน อุสฺสนฺนโทสํ. วิเรเจตฺวาติ โทสปโกปโต วิเวเจตฺวา.

อฑฺฒเตฬสหีติ อฑฺเฒน เตรสหิ อฑฺฒเตรสหิ ภิกฺขุสเตหิ. ตานิ ปน ปฺาสาย อูนานิ เตรสภิกฺขุสตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘อฑฺฒสเตนา’’ติอาทิ.

ราชตีติ ทิพฺพติ, โสภตีติ อตฺโถ. รฺเชตีติ รเมติ. รฺโติ ปิตุ พิมฺพิสารรฺโ. สาสนฏฺเน หึสนฏฺเน สตฺตุ.

ภาริเยติ ครุเก อฺเสํ อสกฺกุเณยฺเย วา. สุวณฺณสตฺถเกนาติ สุวณฺณมเยน สตฺถเกน. อโยมยฺหิ รฺโ สรีรํ อุปเนตุํ อยุตฺตนฺติ วทติ. สุวณฺณสตฺถเกนาติ วา สุวณฺณปริกฺขเตน สตฺถเกน พาหุํ ผาลาเปตฺวาติ สิราเวธวเสน พาหุํ ผลาเปตฺวา อุทเกน สมฺภินฺทิตฺวา ปาเยสิ เกวลสฺส โลหิตสฺส คพฺภินิตฺถิยา ทุชฺชีรภาวโต. ธุราติ ธุรภูตา, คณสฺส , โธรยฺหาติ อตฺโถ. ธุรํ นีหรามีติ คณธุรํ คณพนฺธิยํ นิพฺพตฺเตมิ. ‘‘ปุพฺเพ โข’’ติอาทิ ขนฺธกปาฬิ เอว.

โปตฺถนิยนฺติ ฉุริกํ, ยํ ‘‘นขร’’นฺติปิ [โปถนิกนฺติ ฉุริกํ, ยํ ขรนฺติปิ (สารตฺถ. ฏี. ๓.๓๓๙) โปถนิกนฺติ ฉุริกํ, ขรนฺติปิ (วิ. วิ. ฏี. ๒.จูฬวคฺควณฺณนา ๓๓๙)] วุจฺจติ. ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสฺสปิ ทิวา, มชฺฌนฺหิกเวลายนฺติ อตฺโถ.

ตสฺสา สรีรํ เลหิตฺวา ยาเปติ อตฺตูปกฺกเมน มรณํ น ยุตฺตนฺติ. น หิ อริยสาวกา อตฺตานํ วินิปาเตนฺตีติ. มคฺคผลสุเขนาติ มคฺคผลสุขาวเหน โสตาปตฺติมคฺคผลสุขูปสฺหิเตน จงฺกเมน ยาเปติ.เจติยงฺคเณติ คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชนฏฺานภูเต เจติยงฺคเณ . นิสชฺชนตฺถายาติ ภิกฺขุสงฺฆนิสีทนตฺถาย. จาตุมหาราชิกเทวโลเก…เป… ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺติ ตตฺถ พหุลํ นิพฺพตฺตปุพฺพตาย จิรปริจิตนิกนฺติวเสน.

โขเภตฺวาติ ปุตฺตสิเนหสฺส พลวภาวโต, สหชาตปีติเวคสฺส จ สวิปฺผารตาย ตํสมุฏฺานรูปธมฺเมหิ ผรณวเสน สกลสรีรํ อาโลเฬตฺวา. เตนาห ‘‘อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ อฏฺาสี’’ติ. ปิตุคุณนฺติ ปิตุ อตฺตนิ สิเนหคุณํ. มุฺจาเปตฺวาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ, เตน ‘‘อภิมารกปุริสเปสนาทิปฺปกาเรนา’’ติ วุตฺเต เอว ปกาเร ปจฺจามสติ. วิตฺถารกถานโยติ อชาตสตฺตุปสาทนาทิวเสน วิตฺถารโต วตฺตพฺพาย กถาย นยมตฺตํ. กสฺมา ปเนตฺถ วิตฺถารนยา กถา น วุตฺตาติ อาห ‘‘อาคตตฺตา ปน สพฺพํ น วุตฺต’’นฺติ.

โกสลรฺโติ มหาโกสลรฺโ. ปณฺฑิตาธิวจนนฺติ ปณฺฑิตเววจนํ. วิทนฺตีติ ชานนฺติ. เวเทน าเณน กรณภูเตน อีหติ ปวตฺตตีติ เวเทหิ.

เอตฺถาติ เอตสฺมึ ทิวเส. อนสเนน วาติ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน เอกจฺจมโนทุจฺจริตทุสฺสีลฺยาทีนิ สงฺคณฺหาติ. ตถา หิ โคปาลกูโปสโถ อภิชฺฌาสหคตจิตฺตสฺส วเสน วุตฺโต, นิคณฺุโปสโถ โมสวชฺชาทิวเสน. ยถาห ‘‘โส เตน อภิชฺฌาสหคเตน เจตสา ทิวสํ อตินาเมตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๗๑), ‘‘อิติ ยสฺมึ สมเย สจฺเจ สมาทเปตพฺพา, มุสาวาเท ตสฺมึ สมเย สมาทเปนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๗๑) จ อาทิ. เอตฺถาติ อุโปสถสทฺเท. อตฺถุทฺธาโรติ วตฺตพฺพอตฺถานํ อุทฺธารณํ.

นนุ จ อตฺถมตฺตํ ปติ สทฺทา อภินิวิสนฺตีติ น เอเกน สทฺเทน อเนเก อตฺถา อภิธียนฺตีติ? สจฺจเมตํ สทฺทวิเสเส อเปกฺขิเต, เตสํ ปน อตฺถานํ อุโปสถสทฺทวจนียตา สามฺํ อุปาทาย วุจฺจมาโน อยํ วิจาโร อุโปสถสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาโรติ วุตฺโต. เหฏฺา ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทีสุ อาคเต อตฺถุทฺธาเรปิ เอเสว นโย. กามฺจ ปาติโมกฺขุทฺเทสาทิวิสโยปิ อุโปสถสทฺโท สามฺรูโป เอว วิเสสสทฺทสฺส อวาจกภาวโต, ตาทิสํ ปน สามฺํ อนาทิยิตฺวา อยมตฺโถ วุตฺโตติ เวทิตพฺพํ. สีลสุทฺธิวเสน อุเปเตหิ สมคฺเคหิ วสียติ อนุฏฺียตีติ อุโปสโถ, ปาติโมกฺขุทฺเทโส. สมาทานวเสน อธิฏฺานวเสน วา อุเปจฺจ อริยวาสาทิอตฺถํ วสิตพฺพโต อุโปสโถ, สีลํ. อนสนาทิวเสน อุเปจฺจ วสิตพฺพโต อนุวสิตพฺพโต อุโปสโถ. อุปวาโสติ สมาทานํ. อุโปสถกุลภูตตาย นวมหตฺถินิกายปริยาปนฺเน หตฺถินาเค กิฺจิ กิริยํ อนเปกฺขิตฺวา รูฬฺหิวเสน สมฺามตฺตํ อุโปสโถติ อาห ‘‘อุโปสโถ นาคราชาติอาทีสุ ปฺตฺตี’’ติ. ทิวเส ปน อุโปสถสทฺทปฺปวตฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตา เอว. สุทฺธสฺส เว สทา ผคฺคูติ เอตฺถ ปน สุทฺธสฺสาติ สพฺพโส กิเลสมลาภาเวน สุทฺธสฺส. เวติ นิปาตมตฺตํ. เวติ วา พฺยตฺตนฺติ อตฺโถ. สทา ผคฺคูติ นิจฺจกาลมฺปิ ผคฺคุณนกฺขตฺตเมว. ยสฺส หิ ผคฺคุณมาเส อุตฺตรผคฺคุณทิวเส ติตฺถนฺหานํ กโรนฺตสฺส สํวจฺฉริกปาปปวาหนํ โหตีติ ลทฺธิ, ตํ ตโต วิเวเจตุํ อิทํ ภควตา วุตฺตํ. สุทฺธสฺสุโปสโถ สทาติ ยถาวุตฺตสุทฺธิยา สุทฺธสฺส อุโปสถงฺคานิ วตสมาทานานิ จ อสมาทิยโตปิ นิจฺจํ อุโปสโถ, อุโปสถวาโส เอวาติ อตฺโถ. ปฺจทสนฺนํ ติถีนํ ปูรณวเสน ปนฺนรโส.

พหุโส , อติสยโต วา กุมุทานิ เอตฺถ สนฺตีติ กุมุทวตี, ติสฺสํ กุมุทวติยา. จตุนฺนํ มาสานํ ปาริปูริภูตาติ จาตุมาสี. สา เอว ปาฬิยํ จาตุมาสินีติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อิธ ปน จาตุมาสินีติ วุจฺจตี’’ติ. ตทา กตฺติกมาสสฺส ปุณฺณตาย มาสปุณฺณตา. วสฺสานสฺส อุตุโน ปุณฺณตาย อุตุปุณฺณตา. กตฺติกมาสลกฺขิตสฺส สํวจฺฉรสฺส ปุณฺณตาย สํวจฺฉรปุณฺณตา. ‘‘มา’’ อิติ จนฺโท วุจฺจติ ตสฺส คติยา ทิวสสฺส มินิตพฺพโต. เอตฺถ ปุณฺโณติ เอติสฺสา รตฺติยา สพฺพกลาปาริปูริยา ปุณฺโณ. ตทา หิ จนฺโท สพฺพโส ปริปุณฺโณ หุตฺวา ทิสฺสติ. เอตฺถ จ ‘‘ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส’’ติ ปทานิ ทิวสวเสน วุตฺตานิ, ‘‘โกมุทิยา’’ติอาทีนิ รตฺติวเสน.

ราชามจฺจปริวุโตติ ราชกุลสมุทาคเตหิ อมจฺเจหิ ปริวุโต. อถ วา อนุยุตฺตกราชูหิ เจว อมจฺเจหิ จ ปริวุโต. จตุรุปกฺกิเลสาติ อพฺภา มหิกา ธูมรโช ราหูติ อิเมหิ จตูหิ อุปกฺกิเลเสหิ. สนฺนิฏฺานํ กตํ อฏฺกถายํ.

ปีติวจนนฺติ ปีติสมุฏฺานํ วจนํ. ยฺหิ วจนํ ปฏิคฺคาหกนิรเปกฺขํ เกวลํ อุฬาราย ปีติยา วเสน สรสโต สหสาว มุขโต นิจฺฉรติ, ตํ อิธ ‘‘อุทาน’’นฺติ อธิปฺเปตํ. เตนาห ‘‘ยํ ปีติวจนํ หทยํ คเหตุํ น สกฺโกตี’’ติอาทิ.

โทเสหิ อิตา คตา อปคตาติ โทสินา ต-การสฺส น-การํ กตฺวา ยถา ‘‘กิเลเส ชิโต วิชิตาวีติ ชิโน’’ติ. อนีย-สทฺโท กตฺตุอตฺเถ เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘มนํ รมยตี’’ติ ‘‘รมณียา’’ติ ยถา ‘‘นิยฺยานิกา ธมฺมา’’ติ. ชุณฺหวเสน รตฺติยา สุรูปตาติ อาห ‘‘วุตฺตโทสวิมุตฺตายา’’ติอาทิ. ตตฺถ อพฺภาทโย วุตฺตโทสา, ตพฺพิคเมเนว จสฺสา ทสฺสนียตา, เตน, อุตุสมฺปตฺติยา จ ปาสาทิกตา เวทิตพฺพา. ลกฺขณํ ภวิตุํ ยุตฺตาติ เอติสฺสา รตฺติยา ยุตฺโต ทิวโส มาโส อุตุ สํวจฺฉโรติ เอวํ ทิวสมาสอุตุสํวจฺฉรานํ สลฺลกฺขณํ ภวิตุํ ยุตฺตา ลกฺขฺา, ลกฺขณียาติ อตฺโถ.

‘‘ยํ โน ปยิรุปาสโต จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา’’ติ เอตฺถ ปรมตฺถสมโณ จ ปรมตฺถพฺราหฺมโณ จ อธิปฺเปโต, น ปพฺพชฺชามตฺตสมโณ, น ชาติมตฺตพฺราหฺมโณ จาติ อาห ‘‘สมิตปาปตาย สมณํ. พาหิตปาปตาย พฺราหฺมณ’’นฺติ. พหุวจเน วตฺตพฺเพ เอกวจนํ, เอกวจเน วา วตฺตพฺเพ พหุวจนํ วจนพฺยตโย. อฏฺกถายํ ปน เอกวจนวเสเนว พฺยตโย ทสฺสิโต. อตฺตนิ, ครุฏฺานิเย จ เอกสฺมิมฺปิ พหุวจนปฺปโยโค นิรูฬฺโหติ. สพฺเพนปีติ ‘‘รมณียา วตา’’ติอาทินา สพฺเพน วจเนน. โอภาสนิมิตฺตกมฺมนฺติ โอภาสภูตนิมิตฺตกมฺมํ ปริพฺยตฺตํ นิมิตฺตกรณนฺติ อตฺโถ. เทวทตฺโต จาติ. -สทฺโท อตฺตูปนยเน, เตน ยถา ราชา อชาตสตฺตุ อตฺตโน ปิตุ อริยสาวกสฺส สตฺถุอุปฏฺากสฺส ฆาตเนน มหาปราโธ , เอวํ ภควโต มหาอนตฺถกรสฺส เทวทตฺตสฺส อวสฺสยภาเวน ปีติ อิมมตฺถํ อุปเนติ. ตสฺส ปิฏฺิฉายายาติ ตสฺส ชีวกสฺส ปิฏฺิอปสฺสเยน, ตํ ปมุขํ กตฺวา ตํ อปสฺสายาติ อตฺโถ. วิกฺเขปปจฺเฉทนตฺถนฺติ ภาวินิยา อตฺตโน กถาย อุปฺปชฺชนกวิกฺเขปนสฺส ปจฺฉินฺทนตฺถํ, อนุปฺปตฺติอตฺถนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตสฺสํ หี’’ติอาทิ.

๑๕๑. ‘‘โส กิรา’’ติอาทิ โปราณฏฺกถาย อาคตนโย. เอเสว นโย ปรโต มกฺขลิปทนิพฺพจเนปิ . อุปสงฺกมนฺตีติ อุปคตา. ตเทว ปพฺพชฺชํ อคฺคเหสีติ ตเทว นคฺครูปํ ปพฺพชฺชํ กตฺวา คณฺหิ.

ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโตสงฺโฆติ ปพฺพชิตสมูหตามตฺเตน สงฺโฆ, น นิยฺยานิกทิฏฺิสุวิสุทฺธสีลสามฺวเสน สํหตตฺตาติ อธิปฺปาโย. อสฺส อตฺถีติ อสฺส สตฺถุปฏิฺสฺส ปริวารภูโต อตฺถิ. สฺเววาติ ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโตว. เกจิ ปน ‘‘ปพฺพชิตสมูหวเสน สงฺฆี, คหฏฺสมูหวเสน คณี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ คเณ เอว โลเก สงฺฆ-สทฺทสฺส นิรูฬฺหตฺตา. อาจารสิกฺขาปนวเสนาติ อเจลก วตจริยาทิอาจารสิกฺขาปนวเสน. ปากโฏติ สงฺฆีอาทิภาเวน ปกาสิโต. ‘‘อปฺปิจฺโฉ’’ติ วตฺวา ตตฺถ ลพฺภมานํ อปฺปิจฺฉตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปิจฺฉตาย วตฺถมฺปิ น นิวาเสตี’’ติ วุตฺตํ. น หิ ตสฺมึ สาสนิเก วิย สนฺตคุณนิคูหณลกฺขณา อปฺปิจฺฉตา ลพฺภตีติ. ยโสติ กิตฺติสทฺโท. ‘‘ตรนฺติ เอเตน สํสาโรฆ’’นฺติ เอวํ สมฺมตตฺตา ติตฺถํ วุจฺจติ ลทฺธีติ อาห ‘‘ติตฺถกโรติ ลทฺธิกโร’’ติ. สาธุสมฺมโตติ ‘‘สาธู’’ติ สมฺมโต, น สาธูหิ สมฺมโตติ อาห ‘‘อยํ สาธู’’ติอาทิ. ‘‘อิมานิ เม วตสมาทานานิ เอตฺตกํ กาลํ สุจิณานี’’ติ ปพฺพชิตโต ปฏฺาย อติกฺกนฺตา พหู รตฺติโย ชานาตีติ รตฺตฺู. ตา ปนสฺส รตฺติโย จิรกาลภูตาติ กตฺวา จิรํ ปพฺพชิตสฺส อสฺสาติ จิรปพฺพชิโต. ตตฺถ จิรปพฺพชิตตาคหเณน พุทฺธิสีลตํ ทสฺเสติ, รตฺตฺุตาคหเณน ตตฺถ สมฺปชานตํ. อทฺธานนฺติ ทีฆกาลํ. กิตฺตโก ปน โสติ อาห ‘‘ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ’’ติ, ทฺวินฺนํ ติณฺณํ ราชูนํ รชฺชํ อนุสาสนปฏิปาฏิโยติ อตฺโถ. ‘‘อทฺธคโต’’ติ วตฺวา กตํ วโยคหณํ โอสานวยาเปกฺขนฺติ อาห ‘‘ปจฺฉิมวยํ อนุปฺปตฺโต’’ติ. อุภยนฺติ ‘‘อทฺธคโต, วโยอนุปฺปตฺโต’’ติ ปททฺวยํ.

ปุพฺเพ ปิตรา สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา เทสนาย สุตปุพฺพตํ สนฺธายาห ‘‘ฌานาภิฺาทิ…เป… โสตุกาโม’’ติ. ทสฺสเนนาติ น ทสฺสนมตฺตํ, ทิสฺวา ปน เตน สทฺธึ อาลาปสลฺลาปํ กตฺวา ตโต อกิริยวาทํ สุตฺวา เตสํ อนตฺตมโน อโหสิ. คุณกถายาติ อภูตคุณกถาย. เตนาห ‘‘สุฏฺุตรํ อนตฺตมโน หุตฺวา’’ติ. ยทิ อนตฺตมโน, กสฺมา ตุณฺหี อโหสีติ อาห ‘‘อนตฺตมโน สมาโนปี’’ติอาทิ.

๑๕๒. โคสาลายาติ เอวํ นามเก คาเม. วสฺสานกาเล คุนฺนํ ติฏฺนสาลาติ เอเก.

๑๕๓. ปฏิกิฏฺตรนฺติ นิหีนตรํ. ตนฺตาวุตานีติ ตนฺเต ปสาเรตฺวา วีตานิ. ‘‘สีเต สีโต’’ติอาทินา ฉหากาเรหิ ตสฺส นิหีนสฺส นิหีนตรตํ ทสฺเสติ.

๑๕๔. วจฺจํ กตฺวาปีติ ปิ-สทฺเทน โภชนํ ภุฺชิตฺวาปิ เกนจิ อสุจินา มกฺขิโต ปีติ อิมมตฺถํ สมฺปิณฺเฑติ. วาลิกถูปํ กตฺวาติ วตฺตวเสน วาลิกาย ถูปํ กตฺวา.

๑๕๖. ปลิพุทฺธนกิเลโสติ สํสาเร ปลิพุทฺธนกิจฺโจ ราคาทิกิเลโส เขตฺตวตฺถุปุตฺตทาราทิวิสโย.

โกมารภจฺจชีวกกถาวณฺณนา

๑๕๗. น ยถาธิปฺปายํ วตฺตตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อนตฺโถ วต เม’’ติ. ชีวกสฺส ตุณฺหีภาโว มม อธิปฺปายสฺส มทฺทนสทิโส, ตสฺมา ตํ ปุจฺฉิตฺวา กถาปเนน มม อธิปฺปาโย ปูเรตพฺโพติ อยเมตฺถ รฺโ อชฺฌาสโยติ ทสฺเสนฺโต ‘‘หตฺถิมฺหิ นุ โข ปนา’’ติอาทิมาห. กึ ตุณฺหีติ กึ การณา ตุณฺหี, กึ ตํ การณํ, เยน ตุวํ ตุณฺหีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘เกน การเณน ตุณฺหี’’ติ.

กามํ สพฺพาปิ ตถาคตสฺส ปฏิปตฺติ อนฺสาธารณา อจฺฉริยอพฺภุตรูปา จ, ตถาปิ คพฺโภกฺกนฺติ- อภิชาติอภินิกฺขมนอภิสมฺโพธิธมฺมจกฺกปฺปวตฺตน- ยมกปาฏิหาริยเทโวโรหณานิ สเทวเก โลเก อติวิย สุปากฏานิ, น สกฺกา เกนจิ ปฏิพาหิตุนฺติ ตานิเยเวตฺถ อุทฺธฏานิ. อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถติ อิตฺถํ เอวํ ปกาโร ภูโต ชาโตติ เอวํ กถนตฺเถ. อุปโยควจนนฺติ. ‘‘อพฺภุคฺคโต’’ติ เอตฺถ อภีติ อุปสคฺโค อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถโชตโก, เตน โยคโต ‘‘ตํ โข ปน ภควนฺต’’นฺติ อิทํ สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ, เตนาห ‘‘ตสฺส โข ปน ภควโตติ อตฺโถ’’ติ. กลฺยาณคุณสมนฺนาคโตติ กลฺยาเณหิ คุเณหิ ยุตฺโต, ตํ นิสฺสิโต ตพฺพิสยตายาติ อธิปฺปาโย. เสฏฺโติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กิตฺเตตพฺพโต กิตฺติ, สา เอว สทฺทนียโต สทฺโทติ อาห ‘‘กิตฺติสทฺโทติ กิตฺติเยวา’’ติ. อภิตฺถวนวเสน ปวตฺโต สทฺโท ถุติโฆโส. อนฺสาธารณคุเณ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา สเทวกํ โลกํ อชฺโฌตฺถริตฺวา อภิภวิตฺวา อุคฺคโต.

โส ภควาติ โย โส สมตึ สปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภฺชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ เทวานํ อติเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา โลกนาโถ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ สเทวเก โลเก ‘‘ภควา’’ติ สพฺพตฺถ ปตฺถฏกิตฺติสทฺโท, โส ภควา. ‘‘ภควา’’ติ จ อิทํ สตฺถุ นามกิตฺตนํ. เตนาห อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กต’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๘๔). ปรโต ปน ภควาติ คุณกิตฺตนํ.

ยถา กมฺมฏฺานิเกน ‘‘อรห’’นฺติอาทีสุ นวฏฺาเนสุ ปจฺเจกํ อิติ-สทฺทํ โยเชตฺวา พุทฺธคุณา อนุสฺสรียนฺติ, เอวํ พุทฺธคุณสงฺกิตฺตเกนาปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติปิ อรหํ, อิติปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… อิติปิ ภควา’’ติ อาห. ‘‘อิติเปตํ อภูตํ, อิติเปตํ อตจฺฉ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๕) วิย อิธ อิติ-สทฺโท อาสนฺนปจฺจกฺขกรณตฺโถ, ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน จ เตสํ คุณานํ พหุภาโว ทีปิโต. ตานิ จ สงฺกิตฺเตนฺเตน วิฺุนา จิตฺตสฺส สมฺมุขีภูตาเนว กตฺวา สงฺกิตฺเตตพฺพานีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาห. เอวฺหิ นิรูเปตฺวา กิตฺเตนฺเต ยสฺส สงฺกิตฺเตติ, ตสฺส ภควติ อติวิย อภิปฺปสาโท โหติ. อารกตฺตาติ สุวิทูรตฺตา. อรีนนฺติ กิเลสารีนํ. อรานนฺติ สํสารจกฺกสฺส อรานํ. หตตฺตาติ วิหตตฺตา. ปจฺจยาทีนนฺติ จีวราทิปจฺจยานฺเจว ปูชาวิเสสานฺจ. ตโตติ วิสุทฺธิมคฺคโต. ยถา จ วิสุทฺธิมคฺคโต, เอวํ ตํสํวณฺณนโตปิ เนสํ วิตฺถาโร คเหตพฺโพ.

ยสฺมา ชีวโก พหุโส สตฺถุสนฺติเก พุทฺธคุเณ สุตฺวา ิโต, ทิฏฺสจฺจตาย จ สตฺถุสาสเน วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต, ตสฺมา อาห ‘‘ชีวโก ปนา’’ติอาทิ. ปฺจวณฺณายาติ ขุทฺทิกาทิวเสน ปฺจปฺปการาย. นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ กตาธิการภาวโต. กมฺมนฺตรายวเสน หิสฺส รฺโ คุณสรีรํ ขตุปหตํ อโหสิ.

๑๕๘. ‘‘อุตฺตม’’นฺติ วตฺวา น เกวลํ เสฏฺภาโว เอเวตฺถ การณํ, อถ โข อปฺปสทฺทตาปิ การณนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อสฺสยานรถยานานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. หตฺถิยาเนสุ นิพฺพิเสวนเมว คณฺหนฺโต หตฺถินิโยว กปฺปาเปสิ. รฺโ อาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ อาสนฺนจารีภาเวน ตตฺถ อิตฺถิโยว นิสชฺชาปิตา. รฺโ ปเรสํ ทุรุปสงฺกมนภาวทสฺสนตฺถํ ตา ปุริสเวสํ คาหาเปตฺวา อาวุธหตฺถา การิตา. ปฏิเวเทสีติ าเปสิ. ตเทวาติ คมนํ, อคมนเมว วา.

๑๕๙. มหฺจาติ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘มหตาจา’’ติ. มหจฺจาติ มหติยา , ลิงฺควิปลฺลาสวเสน วุตฺตํ, มหนฺเตนาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ราชานุภาเวนา’’ติ ‘‘ทฺวินฺนํ มหารฏฺานํ อิสฺสริยสิรี’’ติ องฺคมคธรฏฺานํ อาธิปจฺจมาห. อาสตฺตขคฺคานีติ อํเส โอลมฺพนวเสน สนฺนทฺธอสีนิ. กุลโภคอิสฺสริยาทิวเสน มหตี มตฺตา เอเตสนฺติ มหามตฺตา, มหานุภาวา ราชปุริสา. วิชฺชาธรตรุณา วิยาติ วิชฺชาธรกุมารา วิย. รฏฺิยปุตฺตาติ โภชปุตฺตา. หตฺถิฆฏาติ หตฺถิสมูหา. อฺมฺสงฺฆฏฺฏนาติ อวิจฺเฉทวเสน คมเนน อฺมฺสมฺพนฺธา.

จิตฺตุตฺราโส สยํ ภายนฏฺเน ภยํ ยถา ตถา ภายตีติ กตฺวา. าณํ ภายิตพฺเพ เอว วตฺถุสฺมึ ภยโต อุปฏฺิเต ‘‘ภายิตพฺพมิท’’นฺติ ภยโต ตีรณโต ภยํ. เตเนวาห ‘‘ภยตุปฏฺานาณํ ปน ภายติ นภายตีติ? น ภายติ. ตฺหิ อตีตา สงฺขารา นิรุทฺธา, ปจฺจุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺติ, อนาคตา นิรุชฺฌิสฺสนฺตีติ ตีรณมตฺตเมว โหตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๕๑). อารมฺมณํ ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ. โอตปฺปํ ปาปโต ภายติ เอเตนาติ ภยํ. ภยานกนฺติ ภายนากาโร. ภยนฺติ าณภยํ. สํเวคนฺติ สโหตฺตปฺปาณํ สนฺตาสนฺติ สพฺพโส อุพฺพิชฺชนํ. ภายิตพฺพฏฺเน ภยํ ภีมภาเวน เภรวนฺติ ภยเภรวํ, ภีตพฺพวตฺถุ. เตนาห ‘‘อาคจฺฉตี’’ติ.

ภีรุํปสํสนฺตีติ ปาปโต ภายนโต อุตฺตสนโต ภีรุํ ปสํสนฺติ ปณฺฑิตา. น หิ ตตฺถ สูรนฺติ ตสฺมึ ปาปกรเณ สูรํ ปคพฺภธํสินํ น หิ ปสํสนฺติ. เตนาห ‘‘ภยา หิ สนฺโต น กโรนฺติ ปาป’’นฺติ. ตตฺถ ภยาติ ปาปุตฺราสโต, โอตฺตปฺปเหตูติ อตฺโถ. สรีรจลนนฺติ ภยวเสนสรีรสํกมฺโป. เอเกติ อุตฺตรวิหารวาสิโน. ‘‘ราชคเห’’ติอาทิ เตสํ อธิปฺปายวิวรณํ. กามํ วยตุลฺโย ‘‘วยสฺโส’’ติ วุจฺจติ, รูฬฺหิเรโส, โย โกจิ ปน สหาโย วยสฺโส, ตสฺมา วยสฺสาภิลาโปติ สหายาภิลาโป. น วิปฺปลมฺเภสีติ น วิสํวาเทสิ. วินสฺเสยฺยาติ จิตฺตวิฆาเตน วิหฺเยฺย.

สามฺผลปุจฺฉาวณฺณนา

๑๖๐. ภควโต เตโชติ พุทฺธานุภาโว. รฺโ สรีรํ ผริ ยถา ตํ โสณทณฺฑสฺส พฺราหฺมณสฺส ภควโต สนฺติกํ คจฺฉนฺตสฺส อนฺโตวนสณฺฑคตสฺส. เอเกติ อุตฺตรวิหารวาสิโน.

๑๖๑. เยน, เตนาติ จ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนนฺติ อาห ‘‘ยตฺถ ภควา, ตตฺถ คโต’’ติ. ตทา ตสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ ตุณฺหีภาวสฺส อนวเสสโต พฺยาปิภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูต’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยโต ยโต…เป… เมวาติ อตฺโถ’’ติ. หตฺถสฺส กุกตตฺตา อสํยโม อสมฺปชฺกิริยา หตฺถกุกฺกุจฺจนฺติ เวทิตพฺโพ. วา-สทฺโท อวุตฺตวิกปฺปตฺโถ, เตน ตทฺโ อสํยมภาโว วิภาวิโตติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ ปน จกฺขุอสํยโม สพฺพปโม, ทุนฺนิวาโร จาติ ตทภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. กายิกวาจสิเกน อุปสเมน ลทฺเธน อิตโรปิ อนุมานโต ลทฺโธ เอว โหตีติ อาห ‘‘มานสิเกน จา’’ติ. อุปสมนฺติ สํยมํ, อาจารสมฺปตฺตินฺติ อตฺโถ. ปฺจปริวฏฺเฏติ ปฺจปุริสปริวฏฺเฏ. ปฺจหากาเรหีติ ‘‘อิฏฺานิฏฺเ ตาที’’ติ (มหานิ. ๓๘, ๑๙๒) เอวํ อาทินา อาคเตหิ, ปฺจวิธอริยิทฺธิสิทฺเธหิ จ ปฺจหิ ปกาเรหิ. ตาทิลกฺขเณติ ตาทิภาเว.

๑๖๒. น เม ปฺหวิสฺสชฺชเน ภาโร อตฺถีติ สตฺถุ สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาทสฺสนํ. ยทากงฺขสีติ น วทนฺติ, กถํ ปน วทนฺตีติ อาห ‘‘สุตฺวา เวทิสฺสามา’’ติ ปเทสาเณ ิตตฺตา. พุทฺธา ปน สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ยกฺขนรินฺทเทวสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกาน’’นฺติ อิทํ ‘‘ปุจฺฉาวุโส ยทากงฺขสี’’ติอาทีนิ (สํ. นิ. ๑.๒๓๗, ๒๔๖; สุ. นิ. อาฬวกสุตฺเต) สุตฺตปทานิ ปุจฺฉนฺตานํ เยสํ ปุคฺคลานํ วเสน อาคตานิ, ตํ ทสฺสนตฺถํ. ‘‘ปุจฺฉาวุโส ยทากงฺขสี’’ติ อิทํ อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส โอกาสกรณํ, เสสานิ นรินฺทาทีนํ. มนสิจฺฉสีติ มนสา อิจฺฉสิ. ปุจฺฉวฺโห, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉถาติ พาวริสฺส สํสยํ มนสา ปุจฺฉวฺโห. ตุมฺหากํ ปน สพฺเพสํ ยํ กิฺจิ สพฺพสํสยํ มนสา, อฺถา จ, ยถา อิจฺฉถ, ตถา ปุจฺฉวฺโหติ อธิปฺปาโย.

สาธุรูปาติ สาธุสภาวา. ธมฺโมติ ปเวณีธมฺโม. วุทฺธนฺติ สีลาทีหิ พุทฺธิปฺปตฺตํ, ครุนฺติ อตฺโถ. เอส ภาโรติ เอส สํสยูปจฺเฉทนสงฺขาโต ภาโร, อาคโต ภาโร อวสฺสํ อาวหิตพฺโพติ อธิปฺปาโย. ตฺวา สยนฺติ ปรูปเทเสน วินา สยเมว ตฺวา.

สุจิรเตนาติ เอวํ นามเกน พฺราหฺมเณน. ตคฺฆาติ เอกํเสน. ยถาปิ กุสโล ตถาติ ยถา สพฺพธมฺมกุสโล สพฺพวิทู ชานาติ กเถติ, ตถา อหมกฺขิสฺสํ. ราชา จ โข ตํ ยทิ กาหติ วา น วาติ โย ตํ อิธ ปุจฺฉิตุํ เปเสสิ, โส ราชานํ ตยา ปุจฺฉิตํ กโรตุ วา มา วา, อหํ ปน เต อกฺขิสฺสํ อกฺขิสฺสามิ, อาจิกฺขิสฺสามีติ อตฺโถ.

๑๖๓. สิปฺปนฏฺเน สิกฺขิตพฺพตาย จ สิปฺปเมว สิปฺปายตนํ ชีวิกาย การณภาวโต . เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส เต กตเมติ อตฺโถ. ปุถุ สิปฺปายตนานีติ หิ สาธารณโต สิปฺปานิ อุทฺทิสิตฺวา อุปริ ตํตํสิปฺปูปชีวิโน นิทฺทิฏฺา ปุคฺคลาธิฏฺานกถาย ปปฺจํ ปริหริตุํ. อฺถา ยถาธิปฺเปตานิ ตาว สิปฺปายตนานิ ทสฺเสตฺวา ปุน ตํตํสิปฺปูปชีวีสุ ทสฺสิยมาเนสุ ปปฺโจ สิยาติ. เตนาห ‘‘หตฺถาโรหา’’ติอาทิ.

หตฺถึ อาโรหนฺติ, อาโรหาปยนฺติ จาติ หตฺถาโรหา. เยหิ ปโยเคหิ ปุริโส หตฺถิโน อาโรหนโยคฺโค โหติ, หตฺถิสฺส ตํ ปโยคํ วิธายตํ สพฺเพสํ เปเตสํ คหณํ. เตนาห ‘‘สพฺเพปี’’ติอาทิ. ตตฺถ หตฺถาจริยา นาม เย หตฺถิโน หตฺถาโรหกานฺจ สิกฺขปกา. หตฺถิเวชฺชา นาม หตฺถิภิสกฺกา. หตฺถิเมณฺฑา นาม หตฺถีนํ ปาทรกฺขกา. อาทิ-สทฺเทน หตฺถีนํ ยวสทายกาทิเก สงฺคณฺหาติ. อสฺสาโรหา รถิกาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. รเถ นิยุตฺตา รถิกา. รถรกฺขา นาม รถสฺส อาณิรกฺขกา. ธนุํ คณฺหนฺติ, คณฺหาเปนฺติ จาติ ธนุคฺคหา, อิสฺสาสา ธนุสิปฺปสฺส สิกฺขาปกา จ. เตนาห ‘‘ธนุอาจริยา อิสฺสาสา’’ติ. เจเลน เจลปฏากาย ยุทฺเธ อกนฺติ คจฺฉนฺตีติ เจลกาติ อาห ‘‘เย ยุทฺเธ ชยธชํ คเหตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺตี’’ติ. ยถา ตถา ิเต เสนิเก พฺยูหกรณวเสน ตโต จลยนฺติ อุจฺจาเลนฺตีติ จลกา. สกุณคฺฆิอาทโย วิย มํสปิณฺฑํ ปรเสนาสมูหํ สาหสิกมหาโยธตาย เฉตฺวา เฉตฺวา ทยนฺติ อุปฺปติตฺวา อุปฺปติตฺวา คจฺฉนฺตีติ ปิณฺฑทายกา. ทุติยวิกปฺเป ปิณฺเฑ ทยนฺติ ชนสมฺมทฺเท อุปฺปตนฺตา วิย คจฺฉนฺตีติ ปิณฺฑทายกาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อุคฺคตุคฺคตาติ ถามชวปรกฺกมาทิวเสน อติวิย อุคฺคตา อุคฺคาติ อตฺโถ. ปกฺขนฺทนฺตีติ อตฺตโน วีรสูรภาเวน อสชฺชมานา ปรเสนํ อนุปวิสนฺตีติ อตฺโถ. ถามชวพลปรกฺกมาทิสมฺปตฺติยา มหานาคา วิย มหานาคา. เอกนฺตสูราติ เอกากิสูรา อตฺตโน สูรภาเวเนว เอกากิโน หุตฺวา ยุชฺฌนกา. สชาลิกาติ สวมฺมิกา. สรปริตฺตาณจมฺมนฺติ จมฺมปริสิพฺพิตํ เขฏกํ, จมฺมมยํ วา ผลกํ. ฆรทาสโยธาติ อนฺโตชาตโยธา.

อาฬารํ วุจฺจติ มหานสํ, ตตฺถ นิยุตฺตาติ อาฬาริกา, ภตฺตการา. ปูวิกาติ ปูวสมฺปาทกา, เย ปูวเมว นานปฺปการโต สมฺปาเทตฺวา วิกฺกิณนฺตา ชีวนฺติ. เกสนขลิขนาทิวเสน มนุสฺสานํ อลงฺการวิธึ กปฺเปนฺติ สํวิทหนฺตีติ กปฺปกา. นฺหาปกาติ จุณฺณวิเลปนาทีหิ มลหรณวณฺณสมฺปาทนวิธินา นฺหาเปนฺตีติ นฺหาปกา. นวนฺตาทิวิธินา ปวตฺโต คณนคนฺโถ อนฺตรา ฉิทฺทาภาเวน อจฺฉิทฺทโกติ วุจฺจติ, ตํ คณนํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺตา อจฺฉิทฺทกปากา. หตฺเถน อธิปฺปายวิฺาปนํ หตฺถมุทฺทา หตฺถ-สทฺโท เจตฺถ ตเทกเทเสสุ องฺคุลีสุ ทฏฺพฺโพ. ‘‘น ภุฺชมาโน สพฺพํ หตฺถํ มุเข ปกฺขิปิสฺสามี’’ติอาทีสุ วิย, ตสฺมา องฺคุลิสงฺโกจนาทินา คณนา หตฺถมุทฺทาย คณนา. จิตฺตการาทีนีติ. อาทิ-สทฺเทน ภมการโกฏฺฏกเลขก วิลีวการาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. สนฺทิฏฺิกเมวาติ อสมฺปรายิกตาย สามํ ทฏฺพฺพํ, สยํ อนุภวิตพฺพํ อตฺตปจฺจกฺขํ ทิฏฺธมฺมิกนฺติ อตฺโถ. สุขิตนฺติ สุขปฺปตฺตํ. อุปรีติ เทวโลเก. โส หิ มนุสฺสโลกโต อุปริโม. กมฺมสฺส กตตฺตา นิพฺพตฺตนโต ตสฺส ผลํ ตสฺส อคฺคิสิขา วิย โหติ, ตฺจ อุทฺธํ เทวโลเกติ อาห ‘‘อุทฺธํ อคฺคํ อสฺสา อตฺถีติ อุทฺธคฺคิกา’’ติ. สคฺคํ อรหตีติ อตฺตโน ผลภูตํ สคฺคํ อรหติ, ตตฺถ สา นิพฺพตฺตนารโหติ อตฺโถ. สุขวิปากาติ อิฏฺวิปากวิปจฺจนีกา. สุฏฺุ อคฺเคติ อติวิย อุตฺตเม อุฬาเร. ทกฺขนฺติ วฑฺฒนฺติ เอตายาติ ทกฺขิณา, ปริจฺจาคมยํ ปุฺนฺติ อาห ‘‘ทกฺขิณํ ทาน’’นฺติ.

มคฺโคสามฺํ สมิตปาปสมณภาโวติ กตฺวา. ยสฺมา อยํ ราชา ปพฺพชิตานํ ทาสกสฺสกาทีนํ โลกโต อภิวาทนาทิลาโภ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลนฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อีทิสมตฺถํ ชานนฺโต’’ติ วีมํสนฺโต ปูรณาทิเก ปุจฺฉิตฺวา เตสํ กถาย อนาราธิตจิตฺโต ภควนฺตมฺปิ ตมตฺถํ ปุจฺฉิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุปริ อาคตํ ปน ทาสกสฺสโกปมํ สนฺธาย ปุจฺฉตี’’ติ.

กณฺหปกฺขนฺติ ยถาปุจฺฉิเต อตฺเถ ลพฺภมานํ ทิฏฺิคตูปสฺหิตํ สํกิเลสปกฺขํ. สุกฺกปกฺขนฺติ ตพฺพิธุรํ อุปริสุตฺตาคตํ โวทานปกฺขํ. สมณโกลาหลนฺติ สมณโกตูหลํ ตํตํสมณวาทานํ อฺมฺวิโรธํ. สมณภณฺฑนนฺติ เตเนว วิโรเธน ‘‘เอวํวาทีนํ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ อยํ โทโส, เอวํวาทีนํ อยํ โทโส’’ติ เอวํ ตํตํวาทสฺส ปริภาสนํ. รฺโ ภารํ กโรนฺโต อตฺตโน เทสนาโกสลฺเลนาติ อธิปฺปาโย.

๑๖๔. ปณฺฑิตปติรูปกานนฺติ อามํ วิย ปกฺกานํ ปณฺฑิตาภาสานํ.

ปูรณกสฺสปวาทวณฺณนา

๑๖๕. เอกํอิทาหนฺติ เอกาหํ. อิธ-สทฺโท เจตฺถ นิปาตมตฺตํ, เอกาหํ สมยํ ติจฺเจว อตฺโถ. สริตพฺพยุตฺตนฺติ อนุสฺสรณานุจฺฉวิกํ.

๑๖๖. สหตฺถา กโรนฺตสฺสาติ สหตฺเถเนว กโรนฺตสฺส. นิสฺสคฺคิยถาวราทโยปิ อิธ สหตฺถกรเณเนว สงฺคหิตา. หตฺถาทีนีติ หตฺถปาทกณฺณนาสาทีนิ. ปจนํ ทหนํ วิพาธนนฺติ อาห ‘‘ทณฺเฑน อุปฺปีเฬนฺตสฺสา’’ติ. ปปฺจสูทนิยํ ‘‘ตชฺเชนฺตสฺส วา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต, อิธ ปน ตชฺชนํ ปริภาสนํ ทณฺเฑเนว สงฺคเหตฺวา ‘‘ทณฺเฑน อุปฺปีเฬนฺตสฺส’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. โสกํ สยํกโรนฺตสฺสาติ ปรสฺส โสกการณํ สยํ กโรนฺตสฺส, โสกํ วา อุปฺปาเทนฺตสฺส. ปเรหีติ อตฺตโน วจนกเรหิ. สยมฺปิ ผนฺทโตติ ปรสฺส วิพาธนปโยเคน สยมฺปิ ผนฺทโต. ‘‘อติปาตาปยโต’’ติ ปทํ สุทฺธกตฺตุอตฺเถ เหตุกตฺตุอตฺเถ จ วตฺตตีติ อาห ‘‘หนนฺตสฺสาปิ หนาเปนฺตสฺสาปี’’ติ. การณวเสนาติ การาปนวเสน.

ฆรสฺส ภิตฺติ อนฺโต พหิ จ สนฺธิตา หุตฺวา ิตา ฆรสนฺธิ. กิฺจิปิ อเสเสตฺวา นิรวเสโส โลโป นิลฺโลโป. เอกาคาเร นิยุตฺโต วิโลโป เอกาคาริโก. ปริโต สพฺพโส ปนฺเถ หนนํ ปริปนฺโถ. ปาปํ น กรียติ ปุพฺเพ อสฺโต อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, ตสฺมา นตฺถิ ปาปํ. ยทิ เอวํ กถํ สตฺตา ปาเป ปฏิปชฺชนฺตีติ อาห ‘‘สตฺตา ปน ปาปํ กโรมาติ เอวํ สฺิโน โหนฺตี’’ติ. เอวํ กิรสฺส โหติ – อิเมสฺหิ สตฺตานํ หึสาทิกิริยา น อตฺตานํ ผุสติ ตสฺส นิจฺจตาย นิพฺพิการตฺตา สรีรํ ปน อเจตนํ กฏฺกลิงฺครูปมํ, ตสฺมึ วิโกปิเตปิ น กิฺจิ ปาปนฺติ. ขุรเนมินาติ นิสิตขุรมยเนมินา.

คงฺคาย ทกฺขิณา ทิสา อปฺปติรูปเทโส, อุตฺตรา ทิสา ปติรูปเทโสติ อธิปฺปาเยน‘‘ทกฺขิณฺจ’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทกฺขิณตีเร มนุสฺสา กกฺขฬา’’ติอาทิ. มหายาคนฺติ มหาวิชิตยฺสทิสํ มหายาคํ. อุโปสถกมฺเมน วาติ อุโปสถกมฺเมน จ. ทม-สทฺโท หิ อินฺทฺริยสํวรสฺส อุโปสถสีลสฺส จ วาจโก อิธาธิปฺเปโต. เกจิ ปน ‘‘อุโปสถกมฺเมนาติ อิทํ อินฺทฺริยทมนสฺส วิเสสนํ, ตสฺมา ‘อุโปสถกมฺมภูเตน อินฺทฺริยทมเนนา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ . สีลสํยเมนาติ กายิกวาจสิกสํวเรน . สจฺจวชฺเชนาติ สจฺจวาจาย, ตสฺสา วิสุํ วจนํ โลเก ครุตรปุฺสมฺมตภาวโต. ยถา หิ ปาปธมฺเมสุ มุสาวาโท ครุ, เอวํ ปุฺธมฺเมสุ สจฺจวาจา. เตนาห ภควา ‘‘เอกํ ธมฺมํ อตีตสฺสา’’ติอาทิ. ปวตฺตีติ โย ‘‘กโรตี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺส สนฺตาเน ผลุปฺปตฺติปจฺจยภาเวน อุปฺปตฺติ. สพฺพถาติ ‘‘กโรโต’’ติอาทินา วุตฺเตน สพฺพปฺปกาเรน. กิริยเมว ปฏิกฺขิปติ, น รฺา ปุฏฺํ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ พฺยากโรตีติ อธิปฺปาโย. อิทํ อวธารณํ วิปากปฏิกฺเขปนิวตฺตนตฺถํ. โย หิ กมฺมํ ปฏิกฺขิปติ, เตน อตฺถโต วิปาโกปิ ปฏิกฺขิตฺโต เอว นาม โหติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กมฺมํ ปฏิพาหนฺเตนาปี’’ติอาทิ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗๐-๑๗๒).

ปฏิราชูหิ อนภิภวนียภาเวน วิเสสโต ชิตนฺติ วิชิตํ, อาณาปวตฺติเทโส. ‘‘มา มยฺหํ วิชิเต วสถา’’ติ อปสาทนา ปพฺพชิตสฺส วิเหนา ปพฺพาชนาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อปสาเทตพฺพนฺติ วิเหเตพฺพ’’นฺติ. อุคฺคณฺหนํ เตน วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ‘‘เอวเมต’’นฺติ อุปธารณํ สลฺลกฺขณํ, นิกุชฺชนํ ตสฺส อทฺธนิยภาวาปาทนวเสน จิตฺเตน สนฺธารณํ. ตทุภยํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห ‘‘อนุคฺคณฺหนฺโต อนิกุชฺชนฺโต’’ติ. เตนาห ‘‘สารวเสน อคฺคณฺหนฺโต’’ติอาทิ.

มกฺขลิโคสาลวาทวณฺณนา

๑๖๘. อุภเยนาติ เหตุปจฺจยปฏิเสธนวจเนน. สํกิเลสปจฺจยนฺติ สํกิลิสฺสนสฺส มลีนภาวสฺส การณํ. วิสุทฺธิปจฺจยนฺติ สงฺกิกิเลสโต วิสุทฺธิยา โวทานสฺส การณํ. อตฺตกาโรติ เตน เตน สตฺเตน อตฺตนา กาตพฺพกมฺมํ อตฺตนา นิปฺผาเทตพฺพปโยโค. ปรการนฺติ ปรสฺส วาหสา อิชฺฌนกปโยชนํ. เตนาห ‘‘เยนา’’ติอาทิ. มหาสตฺตนฺติ อนฺติมภวิกํ มหาโพธิสตฺตํ, ปจฺเจกโพธิสตฺตสฺสปิ เอตฺเถว สงฺคโห เวทิตพฺโพ. มนุสฺสโสภคฺยตนฺติ มนุสฺเสสุ สุภคภาวํ. เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน. กมฺมวาทสฺส กิริยวาทสฺส ปฏิกฺขิปเนน ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปาก’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๔.๒๓๒) นยปฺปวตฺเต ชินจกฺเก ปหารํ เทติ นาม. นตฺถิ ปุริสกาเรติ ยถาวุตฺตอตฺตการปรการาภาวโต เอว สตฺตานํ ปจฺจตฺตปุริสกาโร นาม โกจิ นตฺถีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เยนา’’ติอาทิ. นตฺถิ พลนฺติ สตฺตานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกนิพฺพานสมฺปตฺติอาวหํ พลํ นาม กิฺจิ นตฺถิ. เตนาห ‘‘ยมฺหี’’ติอาทิ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ, สํกิเลสิกมฺปิ จายํ พลํ ปฏิกฺขิปเตว. ยทิ วีริยาทีนิ ปุริสการเววจนานิ, กสฺมา วิสุํ คหณนฺติ อาห ‘‘อิทํ โน วีริเยนา’’ติอาทิ. สทฺทตฺถโต ปน ตสฺสา ตสฺสา กิริยาย อุสฺสนฺนฏฺเน พลํ. สูรวีรภาวาวหฏฺเน วีริยํ. ตเทว ทฬฺหภาวโต, โปริสธุรํ วหนฺเตน ปวตฺเตตพฺพโต จ ปุริสถาโม. ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนปฺปวตฺติยา ปุริสปรกฺกโมติ วุตฺโตติ เวทิตพฺพํ.

สตฺตโยคโต รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย สตฺตา. ปาณนโต อสฺสสนปสฺสสนวเสน ปวตฺติยา ปาณา. เต ปน โส เอกินฺทฺริยาทิวเสน วิภชิตฺวา วทตีติ อาห ‘‘เอกินฺทฺริโย’’ติอาทิ. อณฺฑโกสาทีสุ ภวนโต ‘‘ภูตา’’ติ วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘อณฺฑโกส…เป… วทตี’’ติ . ชีวนโต ปาณํ ธาเรนฺตา วิย วฑฺฒนโต ชีวา. เตนาห ‘‘สาลิยวา’’ติอาทิ. นตฺถิ เอเตสํ สํกิเลสวิสุทฺธีสุ วโสติ อวสา. นตฺถิ เนสํ พลํ วีริยํ จาติ อพลา อวีริยา. นิยตาติ อจฺเฉชฺชสุตฺตาวุตาเภชฺชมณิโน วิย นิยตปฺปวตฺติตาย คติชาติพนฺธาปวคฺควเสน นิยาโม. ตตฺถ ตตฺถ คมนนฺติ ฉนฺนํ อภิชาตีนํ ตาสุ ตาสุ คตีสุ อุปคมนํ สมวาเยน สมาคโม. สภาโวเยวาติ ยถา กณฺฏกสฺส ติขิณตา, กปิตฺถผลานํ ปริมณฺฑลตา, มิคปกฺขีนํ วิจิตฺตาการตา, เอวํ สพฺพสฺสาปิ โลกสฺส เหตุปจฺจเยน วินา ตถา ตถา ปริณาโม อยํ สภาโว เอว อกิตฺติโมเยว. เตนาห ‘‘เยน หี’’ติอาทิ. ฉฬาภิชาติโย ปรโต วิตฺถารียนฺติ. ‘‘สุขฺจ ทุกฺขฺจ ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ วทนฺโต อทุกฺขมสุขภูมึ สพฺเพน สพฺพํ น ชานาตีติ อุลฺลิงฺคนฺโต ‘‘อฺา อทุกฺขมสุขภูมิ นตฺถีติ ทสฺเสตี’’ติ อาห.

ปมุขโยนีนนฺติ มนุสฺสติรจฺฉานาทีสุ ขตฺติยพฺราหฺมณาทิสีหพฺยคฺฆาทิวเสน ปธานโยนีนํ. สฏฺิสตานีติ ฉสหสฺสานิ. ‘‘ปฺจ จ กมฺมุโน สตานี’’ติ ปทสฺส อตฺถทสฺสนํ ‘‘ปฺจกมฺมสตานิ จา’’ติ. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ‘‘เกวลํ ตกฺกมตฺตเกน นิรตฺถกํ ทิฏฺึ ทีเปตี’’ติ อิมเมวตฺถํ อติทิสติ. เอตฺถ จ ‘‘ตกฺกมตฺตเกนา’’ติ อิมินา ยสฺมา ตกฺกิกา นิรงฺกุสตาย ปริกปฺปนสฺส ยํ กิฺจิ อตฺตโน ปริกปฺปิตํ สารโต มฺมานา ตเถว อภินิวิสฺส ตกฺกทิฏฺิคาหํ คณฺหนฺติ, ตสฺมา น เตสํ ทิฏฺิวตฺถุสฺมึ วิฺูหิ วิจารณา กาตพฺพาติ ทสฺเสติ. เกจีติ อุตฺตรวิหารวาสิโน. เต หิ ‘‘ปฺจ กมฺมานีติ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายา อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ ‘ปฺจ กมฺมานี’ติ ปฺาเปนฺตี’’ติ วทนฺติ. กมฺมนฺติ ลทฺธีติ โอฬาริกภาวโต ปริปุณฺณกมฺมนฺติ ลทฺธิ. มโนกมฺมํ อโนฬาริกตฺตา อุปฑฺฒกมฺมนฺติ ลทฺธีติ โยชนา. ทฺวฏฺิปฏิปทาติ ‘‘ทฺวาสฏฺิ ปฏิปทา’’ติ วตฺตพฺเพ สภาวนิรุตฺตึ อชานนฺโต ‘‘ทฺวฏฺิปฏิปทา’’ติ วทติ. เอกสฺมึ กปฺเปติ เอกสฺมึ มหากปฺเป, ตตฺถาปิ จ วิวฏฺฏฏฺายีสฺิเต เอกสฺมึ อสงฺขฺเยยฺเยกปฺเป.

อุรพฺเภ หนนฺตีติ โอรพฺภิกา. เอวํ สูกริกาทโย เวทิตพฺพา. ลุทฺทาติ อฺเปิ เย เกจิ มาควิกเนสาทา. เต ปาปกมฺมปสุตตาย ‘‘กณฺหาภิชาตีติ วทติ. ภิกฺขู’’ติ พุทฺธสาสเน ภิกฺขู. เต กิร ‘‘สฉนฺทราคา ปริภุฺชนฺตี’’ติ อธิปฺปาเยน ‘‘จตูสุ ปจฺจเยสุ กณฺฏเก ปกฺขิปิตฺวา ขาทนฺตี’’ติ วทติ. กสฺมาติ เจ? ยสฺมา ‘‘เต ปณีตปณีเต ปจฺจเย ปฏิเสวนฺตี’’ติ ตสฺส มิจฺฉาคาโห, ตสฺมา ายลทฺเธปิ ปจฺจเย ภุฺชมานา อาชีวกสมยสฺส วิโลมคาหิตาย ปจฺจเยสุ กณฺฏเก ปกฺขิปิตฺวา ขาทนฺติ นามาติ วทตีติ อปเร. เอเก ปพฺพชิตา, เย สวิเสสํ อตฺตกิลมถานุโยคํ อนุยุตฺตา. ตถา หิ เต กณฺฏเก วตฺตนฺตา วิย โหนฺตีติ ‘‘กณฺฏกวุตฺติกา’’ติ วุตฺตา. ตฺวา ภุฺชนนหานปฏิกฺเขปาทิวตสมาโยเคน ปณฺฑรตรา. ‘‘อเจลกสาวกา’’ติ อาชีวกสาวเก วทติ. เต กิร อาชีวกลทฺธิยา วิสุทฺธจิตฺตตาย นิคณฺเหิปิ ปณฺฑรตรา. นนฺทาทโย หิ ตถารูปํ อาชีวกปฏิปตฺตึ อุกฺกํสํ ปาเปตฺวา ิตา. ตสฺมา นิคณฺเหิ อาชีวกสาวเกหิ จ ปณฺฑรตรา ปรมสุกฺกาภิชาตีติ อยํ ตสฺส ลทฺธิ.

ปุริสภูมิโยติ ปธานปุคฺคเลน นิทฺเทโส. อิตฺถีนมฺปิ ตา ภูมิโย อิจฺฉนฺเตว. ‘‘ภิกฺขุ จ ปนฺนโก’’ติอาทิ เตสํ ปาฬิเยว. ตตฺถ ปนฺนโกติ ภิกฺขาย วิจรณโก, เตสํ วา ปฏิปตฺติยา ปฏิปนฺนโก. ชิโนติ ชิณฺโณ ชราวเสน หีนธาตุโก, อตฺตโน วา ปฏิปตฺติยา ปฏิปกฺขํ ชินิตฺวา ิโต. โส กิร ตถาภูโต ธมฺมมฺปิ กสฺสจิ น กเถสิ. เตนาห ‘‘น กิฺจิ อาหา’’ติ. โอฏฺวทนาทิวิปฺปกาเร กเตปิ ขมนวเสน น กิฺจิ วทตีติปิ วทนฺติ. อลาภินฺติ ‘‘โส น กุมฺภิมุขา ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๓๙๔) นเยน วุตฺตอลาภเหตุสมาโยเคน อลาภึ, ตโตเยว ชิฆจฺฉาทุพฺพลปเรตตาย สยนปรายนํ ‘‘สมณํ ปนฺนภูมี’’ติ วทติ.

อาชีววุตฺติสตานีติ สตฺตานํ อาชีวภูตานิ ชีวิกาวุตฺติสตานิ. ปสุคฺคหเณน เอฬกชาติ คหิตา, มิคคฺคหเณน รุรุควยาทิสพฺพมิคชาติ. พหู เทวาติ จาตุมหาราชิกาทิพฺรหฺมกายิกาทิวเสน, เตสํ อนฺตรเภทวเสน พหู เทวา. ตตฺถ จาตุมหาราชิกานํ เอกจฺจเภโท มหาสมยสุตฺตวเสน (ที. นิ. ๒.๓๓๑) ทีเปตพฺโพ. มนุสฺสาปิ อนนฺตาติ ทีปเทสกุลวํสาชีวาทิวิภาควเสน มนุสฺสาปิ อนนฺตเภทา. ปิสาจา เอว เปสาจา. เต อปรเปตาทโย มหนฺตมหนฺตา. ฉทฺทนฺตทหมนฺทากินิโย กุวาฬิยมุจลินฺทนาเมน วทติ.

ปวุฏาติ ปพฺพคณฺิกา. ปณฺฑิโตปิ…เป… อุทฺธํ น คจฺฉติ, กสฺมา? สตฺตานํ สํสรณกาลสฺส นิยตภาวโต. อปริปกฺกํ สํสรณนิมิตฺตํ สีลาทินา ปริปาเจติ นาม สีฆํเยว วิสุทฺธิปฺปตฺติยา. ปริปกฺกํ กมฺมํ ผุสฺส ผุสฺส ปตฺวา ปตฺวา กาเลน ปริปกฺกภาวานาปาทเนน พฺยนฺตึ กโรติ นาม.

สุตฺตคุเฬติ สุตฺตวฏฺฏิยํ. ‘‘นิพฺเพิยมานเมว ปเลตี’’ติ อุปมาย สตฺตานํ สํสาโร อนุกฺกเมน ขียเตว, น ตสฺส วฑฺฒตีติ ทสฺเสติ ปริจฺฉินฺนรูปตฺตา.

อชิตเกสกมฺพลวาทวณฺณนา

๑๗๑. ทินฺนนฺติ เทยฺยธมฺมสีเสน ทานํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทินฺนสฺส ผลาภาวํ วทตี’’ติ, ทินฺนํ ปน อนฺนาทิวตฺถุํ กถํ ปฏิกฺขิปติ. เอเสว นโย ยิฏฺํ หุตนฺติ เอตฺถาปิ. มหายาโคติ สพฺพสาธารณํ มหาทานํ. ปาหุนกสกฺกาโรติ ปาหุนภาเวน กาตพฺพสกฺกาโร. ผลนฺติ อานิสํสผลํ, นิสฺสนฺทผลฺจ. วิปาโกติ สทิสผลํ. ปรโลเก ิตสฺส อยํ โลโก นตฺถีติ ปรโลเก ิตสฺส กมฺมุนา ลทฺธพฺโพ อยํ โลโก น โหติ. อิธโลเก ิตสฺสาปิ ปรโลโก นตฺถีติ อิธโลเก ิตสฺส กมฺมุนา ลทฺธพฺโพ ปรโลโก น โหติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘สพฺเพตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนฺตี’’ติ. อิเม สตฺตา ยตฺถ ยตฺถ ภเว, โยนิอาทีสุ จ ิตา ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนฺติ นิรุทยวินาสวเสน วินสฺสนฺติ. ผลาภาววเสนาติ มาตาปิตูสุ สมฺมาปฏิปตฺติมิจฺฉาปฏิปตฺตีนํ ผลสฺส อภาววเสน ‘‘นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา’’ติ วทติ, น มาตาปิตูนํ, นาปิ เตสุ อิทานิ กยิรมานสกฺการาสกฺการานํ อภาววเสน เตสํ โลกปจฺจกฺขตฺตา. ปุพฺพุฬกสฺส วิย อิเมสํ สตฺตานํ อุปฺปาโท นาม เกวโล, น จวิตฺวา อาคมนปุพฺพโกติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘จวิตฺวา อุปปชฺชนกสตฺตา นาม นตฺถีติ วทตี’’ติ. สมเณน นาม ยาถาวโต ชานนฺเตน กสฺสจิ กิฺจิ อกเถตฺวา สฺเตน ภวิตพฺพํ, อฺถา อาโหปุริสิกา นาม สิยา. กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสติ? ตถา จ อตฺตโน สมฺปาทนสฺส กสฺสจิ อวสฺสโย เอว น สิยา ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนโตติ อาห ‘‘เย อิมฺจ…เป… ปเวเทนฺตี’’ติ.

จตูสุ มหาภูเตสุ นิยุตฺโตติ จาตุมหาภูติโก. ยถา ปน มตฺติกาย นิพฺพตฺตํ ภาชนํ มตฺติกามยํ, เอวํ อยํ จตูหิ มหาภูเตหิ นิพฺพตฺโตติ อาห ‘‘จตุมหาภูตมโย’’ติ. อชฺฌตฺติกปถวีธาตูติ สตฺตสนฺตานคตา ปถวีธาตุ. พาหิรปถวีธาตุนฺติ พหิทฺธา มหาปถวึ. อุปคจฺฉตีติ พาหิรปถวิกายโต ตเทกเทสภูตา ปถวี อาคนฺตฺวา อชฺฌตฺติกภาวปฺปตฺติยา สตฺตภาเวน สณฺิตา อิทานิ ฆฏาทิคตปถวี วิย ตเมว พาหิรปถวิกายํ อุเปติ อุปคจฺฉติ สพฺพโส เตน นิพฺพิเสสตํ เอกีภาวเมว คจฺฉติ. อาปาทีสุปิ เอเสว นโยติ เอตฺถ ปชฺชุนฺเนน มหาสมุทฺทโต คหิตอาโป วิย วสฺโสทกภาเวน ปุนปิ มหาสมุทฺทเมว, สูริยรสฺมิโต คหิตํ อินฺทคฺคิสงฺขาตเตโช วิย ปุน สูริยรสฺมึ, มหาวายุขนฺธโต นิคฺคตมหาวาโต วิย ตเมว วายุขนฺธํ อุเปติ อุปคจฺฉตีติ ทิฏฺิคติกสฺส อธิปฺปาโย. มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ อากาสํ ปกฺขนฺทนฺติ เตสํ วิสยาภาวาติ วทนฺติ. วิสยิคหเณน หิ วิสยาปิ คหิตา เอว โหนฺตีติ. คุณาคุณปทานีติ คุณโทสโกฏฺาสา. สรีรเมว ปทานีติ อธิปฺเปตํ สรีเรน ตํตํกิริยาย ปชฺชิตพฺพโต. ทพฺพนฺติ มุยฺหนฺตีติ ทตฺตู, มูฬฺหปุคฺคลา. เตหิ ทตฺตูหิ พาลมนุสฺเสหิ. ‘‘ปรโลโก อตฺถี’’ติ มติ เยสํ, เต อตฺถิกา, เตสํ วาโทติ อตฺถิกวาโท, ตํ อตฺถิกวาทํ.

กมฺมํปฏิพาหติ อกิริยวาทิภาวโต. วิปากํ ปฏิพาหติ สพฺเพน สพฺพํ อายตึ อุปปตฺติยา ปฏิกฺขิปนโต. อุภยํ ปฏิพาหติ สพฺพโส เหตุปฏิพาหเนเนว ผลสฺสปิ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. อุภยนฺติ หิ กมฺมํ วิปากฺจาติ อุภยํ. โส หิ ‘‘อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ, วิสุชฺฌนฺติ จา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘; ม. นิ. ๒.๑๐๐, ๒๒๗; สํ. นิ. ๓.๒๑๒) วทนฺโต กมฺมสฺส วิย วิปากสฺสาปิ สํกิเลสวิสุทฺธีนํ ปจฺจยตฺตาภาววจนโต ตทุภยํ ปฏิพาหติ นาม. วิปาโก ปฏิพาหิโต โหติ อสติ กมฺเม วิปากาภาวโต. กมฺมํ ปฏิพาหิตํ โหติ อสติ วิปาเก กมฺมสฺส นิรตฺถกภาวาปตฺติโต. อตฺถโตติ สรูเปน. อุภยปฺปฏิพาหกาติ วิสุํ วิสุํ ตํตํทิฏฺิทีปกภาเวน ปาฬิยํ อาคตาปิ ปจฺเจกํ ติวิธทิฏฺิกา เอว อุภยปฏิพาหกตฺตา. อุภยปฺปฏิพาหกาติ หิ เหตุวจนํ. ‘‘อเหตุกวาทา เจวา’’ติอาทิ ปฏิฺาวจนํ. โย หิ วิปากปฏิพาหเนน นตฺถิกทิฏฺิโก อุจฺเฉทวาที, โส อตฺถโต กมฺมปฏิพาหเนน อกิริยทิฏฺิโก, อุภยปฏิพาหเนน อเหตุกทิฏฺิโก จ โหติ. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย.

สชฺฌายนฺตีติ ตํ ทิฏฺิทีปกํ คนฺถํ อุคฺคเหตฺวา ปนฺติ. วีมํสนฺตีติ ตสฺส อตฺถํ วิจาเรนฺติ. ‘‘เตส’’นฺติอาทิ วีมํสนาการทสฺสนํ. ตสฺมึ อารมฺมเณติ ยถาปริกปฺปิตกมฺมผลาภาวาทิเก ‘‘กโรโต น กรียติ ปาป’’นฺติ อาทินยปฺปวตฺตาย ลทฺธิยา อารมฺมเณ. มิจฺฉาสติ สนฺติฏฺตีติ ‘‘กโรโต น กรียติ ปาป’’นฺติอาทิวเสน อนุสฺสวูปลทฺเธ อตฺเถ ตทาการปริวิตกฺกเนหิ สวิคฺคเห วิย สรูปโต จิตฺตสฺส ปจฺจุปฏฺิเต จิรกาลปริจเยน เอวเมตนฺติ นิชฺฌานกฺขมภาวูปคมเนน นิชฺฌานกฺขนฺติยา ตถาคหิเต ปุนปฺปุนํ ตเถว อาเสวนฺตสฺส พหุลีกโรนฺตสฺส มิจฺฉาวิตกฺเกน สมาทิยมานา มิจฺฉาวายามูปตฺถมฺภิตา อตํสภาวํ ‘‘ตํสภาว’’นฺติ คณฺหนฺตี มิจฺฉาสตีติ ลทฺธนามา ตํลทฺธิสหคตา ตณฺหา สนฺติฏฺติ. จิตฺตํ เอกคฺคํ โหตีติ ยถาสกํ วิตกฺกาทิปจฺจยลาเภน ตสฺมึ อารมฺมเณ อวฏฺิตตาย อเนกคฺคตํ ปหาย เอกคฺคํ อปฺปิตํ วิย โหติ. จิตฺตสีเสน มิจฺฉาสมาธิ เอว วุตฺโต. โสปิ หิ ปจฺจยวิเสเสหิ ลทฺธภาวนาพโล อีทิเส าเน สมาธานปติรูปกิจฺจกโรเยว, วาฬวิชฺฌนาทีสุ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. ชวนานิ ชวนฺตีติ อเนกกฺขตฺตุํ เตนากาเรน ปุพฺพภาคิเยสุ ชวนวาเรสุ ปวตฺเตสุ สพฺพปจฺฉิเม ชวนวาเร สตฺต ชวนานิ ชวนฺติ. ปเม ชวเน สเตกิจฺฉา โหนฺติ. ตถา ทุติยาทีสูติ ธมฺมสภาวทสฺสนมตฺตเมตํ, น ปน ตสฺมึ ขเณ เตสํ ติกิจฺฉา เกนจิ สกฺกา กาตุํ.

ตตฺถาติ เตสุ ตีสุ มิจฺฉาทสฺสเนสุ. โกจิ เอกํ ทสฺสนํ โอกฺกมตีติ ยสฺส เอกสฺมึเยว อภินิเวโส อาเสวนา จ ปวตฺตา, โส เอกเมว ทสฺสนํ โอกฺกมติ. ยสฺส ปน ทฺวีสุ ตีสุปิ วา อภินิเวโส อาเสวนา จ ปวตฺตา, โส ทฺเว ตีณิปิ โอกฺกมติ, เอเตน ยา ปุพฺเพ อุภยปฏิพาหกตามุเขน ทีปิตา อตฺถสิทฺธา สพฺพทิฏฺิกตา, สา ปุพฺพภาคิยา. ยา ปน มิจฺฉตฺตนิยาโมกฺกนฺติภูตา, สา ยถาสกํ ปจฺจยสมุทาคมสิทฺธิโต ภินฺนารมฺมณานํ วิย วิเสสาธิคมานํ เอกชฺฌํ อนุปฺปตฺติยา อสงฺกิณฺณา เอวาติ ทสฺเสติ. ‘‘เอกสฺมึ โอกฺกนฺเตปี’’ติอาทินา ติสฺสนฺนมฺปิ ทิฏฺีนํ สมานพลตํ สมานผลตฺจ ทสฺเสติ. ตสฺมา ติสฺโสปิ เจตา เอกสฺส อุปฺปนฺนา อพฺโพกิณฺณา เอว, เอกาย วิปาเก ทินฺเน อิตรา อนุพลปฺปทายิกาโย โหนฺติ. ‘‘วฏฺฏขาณุ นาเมสา’’ติ อิทํ วจนํ เนยฺยตฺถํ, น นีตตฺถํ. ตถา หิ ปปฺจสูทนิยํ ‘‘กึ ปเนส เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว นิยโต โหติ, อุทาหุ อฺสฺมึ ปีติ? เอกสฺมึเยว นิยโต, อาเสวนวเสน ปน ภวนฺตเรปิ ตํ ตํ ทิฏฺึ โรเจติ เยวา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๒๙) วุตฺตํ. อกุสลฺหิ นาเมตํ อพลํ ทุพฺพลํ, น กุสลํ วิย สพลํ มหาพลํ. ตสฺมา ‘‘เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว นิยโต’’ติ วุตฺตํ. อฺถา สมฺมตฺตนิยาโม วิย มิจฺฉตฺตนิยาโมปิ อจฺจนฺติโก สิยา, น จ อจฺจนฺติโก. ยทิ เอวํ วฏฺฏขาณุโชตนา กถนฺติ อาห ‘‘อาเสวนวเสน ปนา’’ติอาทิ. ตสฺมา ยถา ‘‘สกึ นิมุคฺโคปิ นิมุคฺโค เอว พาโล’’ติ วุตฺตํ, เอวํ วฏฺฏขาณุโชตนา. ยาทิเส หิ ปจฺจเย ปฏิจฺจ อยํ ตํ ตํ ทสฺสนํ โอกฺกนฺโต ปุน กทาจิ ตปฺปฏิปกฺเข ปจฺจเย ปฏิจฺจ ตโต สีสุกฺขิปนมสฺส น โหตีติ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘เยภุยฺเยน หิ เอวรูปสฺส ภวโต วุฏฺานํ นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตํ.

ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ สํสารขาณุภาวสฺสปิ ปจฺจโย อปณฺณกชาโต, ตสฺมา. ภูติกาโมติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถานํ วเสน อตฺตโน คุเณหิ วฑฺฒิกาโม.

ปกุธกจฺจายนวาทวณฺณนา

๑๗๔. อกตาติ สเมน วิสเมน วา เกนจิ เหตุนา น กตา น วิหิตา. กตวิโธ กรณวิธิ นตฺถิ เอเตสนฺติ อกตวิธานา. ปททฺวเยนาปิ โลเก เกนจิ เหตุปจฺจเยน เนสํ อนิพฺพตฺตนภาวํ ทสฺเสติ. อิทฺธิยาปิ น นิมฺมิตาติ กสฺสจิ อิทฺธิมโต เจโตวสิปฺปตฺตสฺส เทวสฺส , อิสฺสราทิโน วา อิทฺธิยาปิ น นิมฺมิตา. อนิมฺมาปิตา กสฺสจิ อนิมฺมาปิตา. วุตฺตตฺถเมวาติ พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐) วุตฺตตฺถเมว. วฺฌาติ วฺฌปสุวฺฌตาลาทโย วิย อผลา, กสฺสจิ อชนกาติ อตฺโถ, เอเตน ปถวิกายาทีนํ รูปาทิชนกภาวํ ปฏิกฺขิปติ. รูปสทฺทาทโย หิ ปถวิกายาทีหิ อปฺปฏิพทฺธวุตฺติกาติ ตสฺส ลทฺธิ. ปพฺพตกูฏํ วิย ิตาติ กูฏฏฺา, ยถา ปพฺพตกูฏํ เกนจิ อนิพฺพตฺติตํ, กสฺสจิ จ อนิพฺพตฺตกํ, เอวเมเต ปีติ อธิปฺปาโย. ยมิทํ ‘‘พีชโต องฺกุราทิ ชายตี’’ติ วุจฺจติ, ตํ วิชฺชมานเมว ตโต นิกฺขมติ, น อวิชฺชมานํ, อฺถา อฺโตปิ อฺสฺส อุปลทฺธิ สิยาติ อธิปฺปาโย. ิตตฺตาติ นิพฺพิการาภาเวน ิตตฺตา. น จลนฺตีติ วิการํ นาปชฺชนฺติ. วิการาภาวโต หิ เตสํ สตฺตนฺนํ กายานํ เอสิกฏฺายิฏฺิตตา. อนิฺชนฺจ อตฺตโน ปกติยา อวฏฺานเมว. เตนาห ‘‘น วิปริณมนฺตี’’ติ. อวิปริณามธมฺมตฺตา เอว หิ เต อฺมฺํ น พฺยาพาเธนฺติ. สติ หิ วิการํ อาปาเทตพฺพตาย พฺยาพาธกตาปิ สิยา, ตถา อนุคฺคเหตพฺพตาย อนุคฺคาหกตาติ ตทภาวํ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ นาลนฺติอาทิ วุตฺตํ. ปถวี เอว กาเยกเทสตฺตา ปถวิกาโย. ชีวสตฺตมานํ กายานํ นิจฺจตาย นิพฺพิการภาวโต น หนฺตพฺพตา, น ฆาเตตพฺพตา จาติ เนว โกจิ หนฺตา วา ฆาเตตา วา, เตเนวาห ‘‘สตฺตนฺนํ ตฺเวว กายาน’’นฺติอาทิ. ยทิ โกจิ หนฺตา นตฺถิ, กถํ สตฺถปฺปหาโรติ อาห ‘‘ยถา มุคฺคราสิ อาทีสู’’ติอาทิ. เกวลํ สฺามตฺตเมว โหติ. หนนฆาตนาทิ ปน ปรมตฺถโต นตฺเถว กายานํ อวิโกปนียภาวโตติ อธิปฺปาโย.

นิคณฺนาฏปุตฺตวาทวณฺณนา

๑๗๗. จตฺตาโร ยามา ภาคา จตุยามา, จตุยามา เอว จาตุยามา, ภาคตฺโถ หิ อิธ ยาม-สทฺโท ยถา ‘‘รตฺติยา ปโม ยาโม’’ติ . โส ปเนตฺถ ภาโค สํวรลกฺขโณติ อาห ‘‘จาตุยามสํวุโตติ จตุโกฏฺาเสน สํวเรน สํวุโต’’ติ. ปฏิกฺขิตฺตสพฺพสีโตทโกติ ปฏิกฺขิตฺตสพฺพสีโตทกปริโภโค. สพฺเพน ปาปวารเณน ยุตฺโตติ สพฺพปฺปกาเรน สํวรลกฺขเณน สมนฺนาคโต. ธุตปาโปติ สพฺเพน นิชฺชรลกฺขเณน ปาปวารเณน วิธุตปาโป. ผุฏฺโติ อฏฺนฺนมฺปิ กมฺมานํ เขปเนน โมกฺขปฺปตฺติยา กมฺมกฺขยลกฺขเณน สพฺเพน ปาปวารเณน ผุฏฺโ ตํ ปตฺวา ิโต. โกฏิปฺปตฺตจิตฺโตติ โมกฺขาธิคเมเนว อุตฺตมมริยาทปฺปตฺตจิตฺโต. ยตตฺโตติ กายาทีสุ อินฺทฺริเยสุ สํยเมตพฺพสฺส อภาวโต สํยตจิตฺโต. สุปฺปติฏฺิตจิตฺโตติ นิสฺเสสโต สุฏฺุ ปติฏฺิตจิตฺโต. สาสนานุโลมํ นาม ปาปวารเณน ยุตฺตตา. เตนาห ‘‘ธุตปาโป’’ติอาทิ. อสุทฺธลทฺธิตายาติ ‘‘อตฺถิ ชีโว, โส จ สิยา นิจฺโจ, สิยา อนิจฺโจ’’ติ เอวมาทิอสุทฺธลทฺธิตาย . สพฺพาติ กมฺมปกติวิภาคาทิวิสยา สพฺพา นิชฺฌานกฺขนฺติโย. ทิฏฺิเย วาติ มิจฺฉาทิฏฺิโย เอว ชาตา.

สฺจยเพลฏฺปุตฺตวาทวณฺณนา

๑๗๙-๑๘๑. อมราวิกฺเขเปวุตฺตนโย เอวาติ พฺรหฺมชาเล อมราวิกฺเขปวาทสํวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๖๑-๖๓) วุตฺตนโย เอว วิกฺเขปพฺยากรณภาวโต, ตเถว เจตฺถ วิกฺเขปวาทสฺส อาคตตฺตา.

ปมสนฺทิฏฺิกสามฺผลวณฺณนา

๑๘๓. ยถา เต รุจฺเจยฺยาติ อิทานิ มยา ปุจฺฉิยมาโน อตฺโถ ยถา ตว จิตฺเต โรเจยฺย. ฆรทาสิยา กุจฺฉิสฺมึ ชาโต อนฺโตชาโต. ธเนน กีโต ธนกฺกีโต. พนฺธคฺคาหคหิโต กรมรานีโต. สามนฺติ สยเมว. ทาสพฺยนฺติ ทาสภาวํ. โกจิ ทาโสปิ สมาโน อลโส กมฺมํ อกโรนฺโต ‘‘กมฺมกาโร’’ติ น วุจฺจตีติ อาห ‘‘อนลโส กมฺมกรณสีโลเยวา’’ติ. ปมเมวาติ อาสนฺนตรฏฺานูปสงฺกมนโต ปเคว ปุเรตรเมว. ปจฺฉาติ สามิกสฺส นิปชฺชาย ปจฺฉา. สยนโต อวุฏฺิเตติ รตฺติยา วิภายนเวลาย เสยฺยโต อวุฏฺิเต. ปจฺจูสกาลโต ปฏฺายาติ อตีตาย รตฺติยา ปจฺจูสกาลโต ปฏฺาย. ยาว สามิโน รตฺตึ นิทฺโทกฺกมนนฺติ อปราย ปโทสเวลายํ ยาว นิทฺโทกฺกมนํ. กึ การนฺติ กึ กรณียํ, กึการภาวโต ปุจฺฉิตฺวา กาตพฺพเวยฺยาวจฺจนฺติ อตฺโถ.

เทโว วิยาติ อาธิปจฺจปริวาราทิสมฺปตฺติสมนฺนาคโต ปธานเทโว วิย. โส วตสฺสาหนฺติ โส วต อสฺสํ อหํ. โส ราชา วิย อหมฺปิ ภเวยฺยํ, กถํ ปุฺานิ กเรยฺยํ, ยทิ ปุฺานิ อุฬารานิ กเรยฺยนฺติ โยชนา. ‘‘โส วตสฺส’สฺส’’นฺติ ปาเ โส ราชา อสฺส อหํ อสฺสํ วต, ยทิ ปุฺานิ กเรยฺยนฺติ โยชนา. เตนาห ‘‘อยเมวตฺโถ’’ติ. อสฺสนฺติ อุตฺตมปุริสปฺปโยเค อหํ-สทฺโท อปฺปยุตฺโตปิ ปยุตฺโต เอว โหติ. ยาวชีวํ น สกฺขิสฺสามิ ทาตุนฺติ ยาวชีวํ ทานตฺถาย อุสฺสาหํ กโรนฺโตปิ ยํ ราชา เอกํ ทิวสํ เทติ , ตโต สตภาคมฺปิ ทาตุํ น สกฺขิสฺสามิ. ตสฺมา ปพฺพชิสฺสามีติ ปพฺพชฺชายํ อุสฺสาหํ กตฺวาติ โยชนา.

กาเยนสํวุโตติ กาเยน สํวริตพฺพํ กายทฺวาเรน ปวตฺตนกํ ปาปธมฺมํ สํวริตฺวา วิหเรยฺยาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘กาเยน ปิหิโต หุตฺวา’’ติอาทิ. ฆาสจฺฉาทเนน ปรมตายาติ ฆาสจฺฉาทนปริเยสเน สลฺเลขวเสน ปรมตาย, อุกฺกฏฺภาเว สณฺิโต ฆาสจฺฉาทนเมว วา ปรมํ ปรา โกฏิ เอตสฺส, น ตโต ปรํ กิฺจิ อามิสชาตํ ปริเยสติ ปจฺจาสิสติ จาติ ฆาสจฺฉาทนปรโม, ตพฺภาโว ฆาสจฺฉาทนปรมตา, ตสฺสา ฆาสจฺฉาทนปรมตาย. วิเวกฏฺกายานนฺติ คณสงฺคณิกโต ปวิวิตฺเต ิตกายานํ. เนกฺขมฺมาภิรตานนฺติ ฌานาภิรตานํ. ตาย เอว ฌานาภิรติยา ปรมํ อุตฺตมํ โวทานํ วิสุทฺธึ ปตฺตตาย ปรมโวทานปฺปตฺตานํ. กิเลสูปธิอภิสงฺขารูปธีนํ อจฺจนฺตวิคเมน นิรุปธีนํ. วิสงฺขารคตานนฺติ อธิคตนิพฺพานานํ. เอตฺถ จ ปโม วิเวโก อิตเรหิ ทฺวีหิ วิเวเกหิ สหาปิ ปตฺตพฺโพ วินาปิ, ตถา ทุติโย. ตติโย ปน อิตเรหิ ทฺวีหิ สเหว ปตฺตพฺโพ, น วินาติ ทฏฺพฺพํ. คเณ ชนสมาคเม สนฺนิปตนํ คณสงฺคณิกา, ตํ ปหาย เอโก วิหรติ จรติ ปุคฺคลวเสน อสหายตฺตา. จิตฺเต กิเลสานํ สนฺนิปตนํ จิตฺตกิเลสสงฺคณิกา, ตํ ปหาย เอโก วิหรติ กิเลสวเสน อสหายตฺตา. มคฺคสฺส เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตา, โคตฺรภุอาทีนฺจ อารมฺมณมตฺตตฺตา น เตสํ วเสน สาติสยา นิพฺพุติสุขสมฺผุสนา, ผลสมาปตฺตินิโรธสมาปตฺติวเสน สาติสยาติ อาห ‘‘ผลสมาปตฺตึ วา นิโรธสมาปตฺตึ วา ปวิสิตฺวา’’ติ. ผลปริโยสาโน หิ นิโรโธติ.

๑๘๔. อภิหริตฺวาติ อภิมุขีภาเวน เนตฺวา. ‘‘อหํ จีวราทีหิ ปโยชนํ สาเธสฺสามี’’ติ วจนเสโส. สปฺปายนฺติ สพฺพเคลฺปหรณวเสน อุปการาวหํ. ภาวินา อนตฺถโต ปริปาลนวเสน โคปนา รกฺขาคุตฺติ. ปจฺจุปฺปนฺนสฺส นิเสธวเสน อาวรณคุตฺติ.

ทุติยสนฺทิฏฺิกสามฺผลวณฺณนา

๑๘๖. กสตีติ กสึ กโรติ. คหปติโกติ เอตฺถ ก-สทฺโท อปฺปตฺโถติ อาห ‘‘เอกเคหมตฺเต เชฏฺโก’’ติ, เตน อเนกกุลเชฏฺกภาวํ ปฏิกฺขิปติ. กรํ กโรตีติ กรํ สมฺปาเทติ. วฑฺเฒตีติ อุปรูปริ สมฺปาทเนน วฑฺเฒติ. เอวํ อปฺปมฺปิ ปหาย ปพฺพชิตุํ ทุกฺกรนฺติ อยมตฺโถ ลฏุกิโกปมสุตฺเตน (ม. นิ. ๒.๑๕๑, ๑๕๒) ทีเปตพฺโพ. เตนาห ‘‘เสยฺยถาปิ, อุทายิ, ปุริโส ทลิทฺโท อสฺสโก อนาฬฺหิโย, ตสฺสสฺส เอกํ อคารกํ โอลุคฺควิลุคฺคํ กากาติทายึ นปรมรูป’’นฺติ วิตฺถาโร. ยทิ อปฺปมฺปิ โภคํ ปหาย ปพฺพชิตุํ ทุกฺกรํ, กสฺมา ทาสวาเร โภคคฺคหณํ น กตนฺติ อาห ‘‘ทาสวาเร ปนา’’ติอาทิ. ยถา จ ทาสสฺส โภคาปิ อโภคา ปรายตฺตภาวโต, เอวํ าตโย ปีติ ทาสวาเร าติปริวฏฺฏคฺคหณมฺปิ น กตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ปณีตตรสามฺผลวณฺณนา

๑๘๙. เอวรูปาหีติ ยถาวุตฺตทาสกสฺสกูปมาสทิสาหิ อุปมาหิ สามฺผลํ ทีเปตุํ ปโหติ ภควา สกลมฺปิ รตฺตินฺทิวํ ตโต ภิยฺโยปิ อนนฺตปฏิภานตาย วิจิตฺตนยเทสนภาวโต. ตถาปีติ สติปิ เทสนาย อุตฺตรุตฺตราธิกนานานยวิจิตฺตภาเว.

เอกตฺถเมตํ ปทํ สาธุสทฺทสฺเสว ก-กาเรน วฑฺฒิตฺวา วุตฺตตฺตา, เตเนว สาธุก-สทฺทสฺส อตฺถํ วทนฺเตน อตฺถุทฺธารวเสน สาธุ-สทฺโท อุทาหโฏ. อายาจเนติ อภิมุขยาจเน, อภิปตฺถนายนฺติ อตฺโถ . สมฺปฏิจฺฉเนติ ปฏิคฺคณฺหเน . สมฺปหํสเนติ สํวิชฺชมานคุณวเสน หํสเน โตสเน, อุทคฺคตากรเณติ อตฺโถ. ธมฺมรุจีติ ปุฺกาโม. ปฺาณวาติ ปฺวา. อทฺทุพฺโภติ อทูสโก, อนุปฆาตโกติ อตฺโถ. อิธาปีติ อิมสฺมึ สามฺผเลปิ. อยํ สาธุ-สทฺโท. ทฬฺหีกมฺเมติ สกฺกจฺจ กิริยายํ. อาณตฺติยนฺติ อาณาปเน. ‘‘สุโณหิ สาธุกํ มนสิ กโรหี’’ติ หิ วุตฺเต สาธุก-สทฺเทน สวนมนสิการานํ สกฺกจฺจกิริยา วิย ตทาณาปนมฺปิ โชติตํ โหติ, อายาจนตฺถตา วิย จสฺส อาณาปนตฺถตา เวทิตพฺพา. สุนฺทเรปีติ สุนฺทรตฺเถปิ. อิทานิ ยถาวุตฺเตน สาธุก-สทฺทสฺส อตฺถตฺตเยน ปกาสิตํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทฬฺหีกมฺมตฺเถน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

มนสิ กโรหีติ เอตฺถ มนสิกาโร น อารมฺมณปฏิปาทนลกฺขโณ, อถ โข วีถิปฏิปาทนชวนปฏิปาทนมนสิการปุพฺพกํ จิตฺเต ปนลกฺขโณติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาวชฺชา’’ติอาทิมาห. โสตินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ สวเน นิโยชนวเสน กิริยนฺตรปฏิเสธนภาวโต, โสตํ โอทหาติ อตฺโถ. มนินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ อฺจินฺตาปฏิเสธนโต. พฺยฺชนวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ ‘‘สาธุก’’นฺติ วิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตา. ปจฺฉิมสฺส อตฺถวิปลฺลาสคฺคาหวารเณปิ เอเสว นโย. ธารณูปปริกฺขาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน ตุลนตีรณาทิเก, ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิเธ จ สงฺคณฺหาติ. สพฺยฺชโนติ เอตฺถ ยถาธิปฺเปตมตฺถํ พฺยฺชยตีติ พฺยฺชนํ, สภาวนิรุตฺติ. สห พฺยฺชเนนาติ สพฺยฺชโน, พฺยฺชนสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. สาตฺโถติ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต อนุธาตพฺพโต อตฺโถ, จตุปาริสุทฺธิสีลาทิโก . เตน สห อตฺเถนาติ สาตฺโถ, อตฺถสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. ธมฺมคมฺภีโรติอาทีสุ ธมฺโม นาม ตนฺติ. เทสนา นาม ตสฺสา มนสา ววตฺถาปิตาย ตนฺติยา เทสนา. อตฺโถ นาม ตนฺติยา อตฺโถ. ปฏิเวโธ นาม ตนฺติยา, ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ. ยสฺมา เจเต ธมฺมเทสนา อตฺถปฺปฏิเวธา สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท มนฺทพุทฺธีหิ ทุกฺโขคาหา, อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา อยํ ธมฺโม…เป… สาธุกํ มนสิ กโรหี’’ติ. เอตฺถ จ ปฏิเวธสฺส ทุกฺกรภาวโต ธมฺมตฺถานํ, เทสนาาณสฺส ทุกฺกรภาวโต เทสนาย ทุกฺโขคาหตา, ปฏิเวธสฺส ปน อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย, าณุปฺปตฺติยา จ ทุกฺกรภาวโต ทุกฺโขคาหตา เวทิตพฺพา. เทสนํ นาม อุทฺทิสนํ, ตสฺส นิทฺทิสนํ ภาสนนฺติ อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘วิตฺถารโต ภาสิสฺสามี’’ติ. ปริพฺยตฺตํ กถนฺหิ ภาสนํ, เตนาห ‘‘เทเสสฺสามีติ…เป… วิตฺถารทีปน’’นฺติ.

ยถาวุตฺตมตฺถํ สุตฺตปเทน สมตฺเถตุํ ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สาฬิกายิว นิคฺโฆโสติ สาฬิกาย อาลาโป วิย มธุโร กณฺณสุโข เปมนีโย. ปฏิภานนฺติ สทฺโท. อุทีรยีติ อุจฺจารียติ, วุจฺจติ วา.

เอวํ วุตฺเต อุสฺสาหชาโตติ เอวํ ‘‘สุโณหิ สาธุกํ มนสิ กโรหิ ภาสิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘น กิร ภควา สงฺเขเปเนว เทเสสฺสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสิสฺสตี’’ติ สฺชาตุสฺสาโห หฏฺตุฏฺโ หุตฺวา.

๑๙๐. ‘‘อิธา’’ติ อิมินา วุจฺจมานํ อธิกรณํ ตถาคตสฺส อุปฺปตฺติฏฺานภูตํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘เทสาปเทเส นิปาโต’’ติ. ‘‘สฺวาย’’นฺติ สามฺโต อิธสทฺทมตฺตํ คณฺหาติ, น ยถาวิเสสิตพฺพํ อิธ-สทฺทํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กตฺถจิ ปทปูรณมตฺตเมวา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐). โลกํ อุปาทาย วุจฺจติ โลก-สทฺเทน สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตตฺตา . เสสปททฺวเย ปน ปทนฺตรสนฺนิธานมตฺเตน ตํ ตํ อุปาทาย วุตฺตตา ทฏฺพฺพา. อิธ ตถาคโต โลเกติ หิ ชาติเขตฺตํ, ตตฺถาปิ อยํ จกฺกวาโฬ ‘‘โลโก’’ติ อธิปฺเปโต. สมโณติ โสตาปนฺโน. ทุติโย สมโณติ สกทาคามี. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กตโม จ ภิกฺขเว สมโณ? อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๒๔๑). ‘‘กตโม จ ภิกฺขเว ทุติโย สมโณ? อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๒๔๑). โอกาสนฺติ กฺจิ ปเทสํ. อิเธว ติฏฺมานสฺสาติ อิมิสฺสา เอว อินฺทสาลคุหายํ ติฏฺมานสฺส.

ปทปูรณมตฺตเมว โอกาสาปทิสนสฺสาปิ อสมฺภวโต อตฺถนฺตรสฺส อโพธนโต. อรหนฺติ อาทโย สทฺทา วิตฺถาริตาติ โยชนา. อตฺถโต วิตฺถารณํ สทฺทมุเขเนว โหตีติ สทฺทคฺคหณํ. ยสฺมา. ‘‘อปเรหิปิ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต’’ติอาทินา อุทานฏฺกถาทีสุ, (อุทา. อฏฺ. ๑๘; อิติวุ. อฏฺ. ๓๘) อรหนฺติ อาทโย วิสุทฺธิมคฺคฏีกายํ อปเรหิ ปกาเรหิ วิตฺถาริตา , ตสฺมาเตสุ วุตฺตานเยนปิ โส (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๒๙, ๑๓๐) อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตถาคตสฺส สตฺตนิกายนฺโตคธตาย ‘‘อิธ ปน สตฺตโลโก อธิปฺเปโต’’ติ วตฺวา ตตฺถายํ ยสฺมึ สตฺตนิกาเย ยสฺมิฺจ โอกาเส อุปฺปชฺชติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตโลเก อุปฺปชฺชมาโนปิ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ตถาคโต น เทวโลเก อุปฺปชฺชตี’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาคมิสฺสติ. สารปฺปตฺตาติ กุลโภคิสฺสริยาทิวเสน สารภูตา. พฺราหฺมณคหปติกาติ พฺรหฺมายุโปกฺขรสาติอาทิพฺราหฺมณา เจว อนาถปิณฺฑิกาทิคหปติกา จ.

‘‘สุชาตายา’’ติอาทินา วุตฺเตสุ จตูสุ วิกปฺเปสุ ปโม วิกปฺโป พุทฺธภาวาย อาสนฺนตรปฏิปตฺติทสฺสนวเสน วุตฺโต. อาสนฺนตราย หิ ปฏิปตฺติยา ิโต ‘‘อุปฺปชฺชตีติ’’ วุจฺจติ อุปฺปาทสฺส เอกนฺติกตฺตา, ปเคว ปฏิปตฺติยา มตฺถเก ิโต. ทุติโย พุทฺธภาวาวหปพฺพชฺชโต ปฏฺาย อาสนฺนปฏิปตฺติทสฺสนวเสน, ตติโย พุทฺธกรธมฺม ปาริปูริโต ปฏฺาย พุทฺธภาวาย ปฏิปตฺติทสฺสนวเสน. น หิ มหาสตฺตานํ อุปฺปติภวูปปตฺติโต ปฏฺาย โพธิสมฺภารสมฺภรณํ นาม อตฺถิ. จตุตฺโถ พุทฺธกรธมฺมสมารมฺภโต ปฏฺาย. โพธิยา นิยตภาวปฺปตฺติโต ปภุติ หิ วิฺูหิ ‘‘พุทฺโธ อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺตุํ สกฺกา อุปฺปาทสฺส เอกนฺติกตฺตา. ยถา ปน สนฺทนฺติ นทิโยติ สนฺทนกิริยาย อวิจฺเฉทมุปาทาย วตฺตมานปฺปโยโค, เอวํ อุปฺปาทตฺถาย ปฏิปชฺชนกิริยาย อวิจฺเฉทมุปาทาย จตูสุ วิกปฺเปสุ ‘‘อุปฺปชฺชติ นามา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพปมํ อุปฺปนฺนภาวนฺติ จตูสุ วิกปฺเปสุ สพฺพปมํ วุตฺตํ ตถาคตสฺส อุปฺปนฺนตาสงฺขาตํ อตฺถิภาวํ. เตนาห ‘‘อุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ’’ติ.

โส ภควาติ โย ‘‘ตถาคโต อรห’’นฺติอาทินา กิตฺติตคุโณ, โส ภควา. ‘‘อิมํ โลก’’นฺติ นยิทํ มหาชนสฺส สมฺมุขมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข อนวเสสํ ปริยาทายาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, เตนาห ‘‘อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทสฺเสตี’’ติ. ปชาตตฺตาติ ยถาสกํ กมฺมกิเลเสหิ นิพฺพตฺตตฺตา. ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ ปาริเสสาเยน อิตเรสํ ปทนฺตเรหิ สงฺคหิตตฺตา. สเทวกนฺติ จ อวยเวน วิคฺคโห สมุทาโย สมาสตฺโถ. ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ ปจฺจาสตฺติาเยน. ตตฺถ หิ โส ชาโต, ตํนิวาสี จ. พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปจฺจตฺถิก…เป… สมณพฺราหฺมณคฺคหณนฺติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ อปจฺจตฺถิกานํ, อสมิตาพาหิตปาปานฺจ สมณพฺราหฺมณานํ สสฺสมณพฺราหฺมณีวจเนน คหิตตฺตา. กามํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิ วิเสสนานํ วเสน สตฺตวิสโย โลกสทฺโทติ วิฺายติ ตุลฺยโยควิสยตฺตา เตสํ, ‘‘สโลมโก สปกฺขโก’’ติอาทีสุ ปน อตุลฺยโยเคปิ อยํ สมาโส ลพฺภตีติ พฺยภิจารทสฺสนโต ปชาคหณนฺติ อาห ‘‘ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณ’’นฺติ.

อรูปิโน สตฺตา อตฺตโน อาเนฺชวิหาเรน วิหรนฺตา ทิพฺพนฺตีติ เทวาติ อิมํ นิพฺพจนํ ลภนฺตีติ อาห ‘‘สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรโลโก คหิโต’’ติ. เตนาห ‘‘อากาสานฺจายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยต’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๑๑๗). สมารกคฺคหเณน ฉกามาวจรเทวโลโก คหิโต ตสฺส สวิเสสํ มารสฺส วเส วตฺตนโต. รูปี พฺรหฺมโลโก คหิโต อรูปีพฺรหฺมโลกสฺส วิสุํ คหิตตฺตา. จตุปริสวเสนาติ ขตฺติยาทิจตุปริสวเสน, อิตรา ปน จตสฺโส ปริสา สมารกาทิคฺคหเณน คหิตา เอวาติ. อวเสสสพฺพสตฺตโลโก นาคครุฬาทิเภโท.

เอตฺตาวตา จ ภาคโส โลกํ คเหตฺวา โยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตน เตน วิเสเสน อภาคโส โลกํ คเหตฺวา โยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิ เจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโตติ อุกฺกํสคติวิชานเนน. ปฺจสุ หิ คตีสุ เทวคติปริยาปนฺนาว เสฏฺา, ตตฺถาปิ อรูปิโน ทูรสมุสฺสาริตกิเลสทุกฺขตาย, สนฺตปณีตอาเนฺชวิหารสมงฺคิตาย, อติทีฆายุกตายาติ เอวมาทีหิ วิเสเสหิ อติวิย อุกฺกฏฺา. ‘‘พฺรหฺมา มหานุภาโว’’ติอาทิ ทสสหสฺสิยํ มหาพฺรหฺมุโน วเสน วทติ. ‘‘อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต’’ติ หิ วุตฺตํ. อนุตฺตรนฺติ เสฏฺํ นว โลกุตฺตรํ. ภาวานุกฺกโมติ ภาววเสน ปเรสํ อชฺฌาสยวเสน ‘‘สเทวก’’นฺติอาทีนํ ปทานํ อนุกฺกโม.

ตีหากาเรหีติ เทวมารพฺรหฺมสหิตตาสงฺขาเตหิ ตีหิ ปกาเรหิ. ตีสุ ปเทสูติ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทีสุ ตีสุ ปเทสุ. เตน เตนากาเรนาติ สเทวกตฺตาทินา เตน เตน ปกาเรน. เตธาตุกเมว ปริยาทินฺนนฺติ โปราณา ปนาหูติ โยชนา.

อภิฺาติ ย-การโลเปนายํ นิทฺเทโส, อภิชานิตฺวาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘อภิฺาย อธิเกน าเณน ตฺวา’’ติ. อนุมานาทิปฏิกฺเขโปติ อนุมานอุปมานอตฺถาปตฺติอาทิปฏิกฺเขโป เอกปฺปมาณตฺตา. สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย หิ สพฺพปจฺจกฺขา พุทฺธา ภควนฺโต.

อนุตฺตรํวิเวกสุขนฺติ ผลสมาปตฺติสุขํ, เตน ิติมิสฺสาปิ [วีถิมิสฺสาปิ (สารตฺถ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนายํ) ธิติมิสฺสาปิ (ก)] กทาจิ ภควโต ธมฺมเทสนา โหตีติ หิตฺวาปีติ ปิ-สทฺทคฺคหณํ. ภควา หิ ธมฺมํ เทเสนฺโต ยสฺมึ ขเณ ปริสา สาธุการํ วา เทติ, ยถาสุตํ วา ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขติ, ตํ ขณํ ปุพฺพภาเคน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, ยถาปริจฺเฉทฺจ สมาปตฺติโต วุฏฺาย ิตฏฺานโต ปฏฺาย ธมฺมํ เทเสติ. อุคฺฆฏิตฺุสฺส วเสน อปฺปํ วา วิปฺจิตฺุสฺส, เนยฺยสฺส วา วเสน พหุํ วา เทเสนฺโต. ธมฺมสฺส กลฺยาณตา นิยฺยานิกตาย, นิยฺยานิกตา จ สพฺพโส อนวชฺชภาเวเนวาติ อาห ‘‘อนวชฺชเมว กตฺวา’’ติ. เทสกายตฺเตน อาณาทิวิธินา อภิสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนาติ สา ปริยตฺติธมฺมวเสน เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘เทสนาย ตาว จตุปฺปทิกายปิ คาถายา’’ติอาทิ. นิทานนิคมนานิปิ สตฺถุโน เทสนาย อนุวิธานโต ตทนฺโตคธานิ เอวาติ อาห ‘‘นิทานมาทิ, อิทํ เอโวจาติ ปริโยสาน’’นฺติ.

สาสิตพฺพปุคฺคลคเตน ยถาปราธาทิสาสิตพฺพภาเวน อนุสาสนํ ตทงฺควินยาทิวเสน วินยนํ สาสนนฺติ ตํ ปฏิปตฺติธมฺมวเสน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สีลสมาธิวิปสฺสนา’’ติอาทิ. กุสลานํ ธมฺมานนฺติ อนวชฺชธมฺมานํ สีลสฺส, สมถวิปสฺสนานฺจ สีลทิฏฺีนํ อาทิภาโว ตํ มูลกตฺตา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ. อริยมคฺคสฺส อนฺตทฺวยวิคเมน มชฺฌิมปฏิปทาภาโว วิย, สมฺมาปฏิปตฺติยา อารพฺภนิปฺผตฺตีนํ เวมชฺฌตฺตาปิ มชฺฌภาโวติ วุตฺตํ. ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว…เป… มชฺฌํ นามา’’ติ. ผลํ ปริโยสานํ นาม สอุปาทิเสสตาวเสน, นิพฺพานํ ปริโยสานํ นาม อนุปาทิเสสตาวเสน. อิทานิ เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ สาสนสฺส ปริโยสานตํ อาคเมน ทสฺเสตุํ ‘‘เอตทตฺถมิท’’นฺติอาทิ อาห. อิธ เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานํ อธิปฺเปตํ ‘‘สพฺยฺชน’’นฺติอาทิ วจนโต. ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ กตาวธิสทฺทปฺปพนฺโธ คาถาวเสน, สุตฺตวเสน จ ววตฺถิโต ปริยตฺติธมฺโม, โย อิธ ‘‘เทสนา’’ติ วุตฺโต, ตสฺส ปน อตฺโถ วิเสสโต สีลาทิ เอวาติ อาห ‘‘ภควา หิ ธมฺมํ เทเสนฺโต…เป… ทสฺเสตี’’ติ. ตตฺถ สีลํ ทสฺเสตฺวาติ สีลคฺคหเณน สสมฺภารํ สีลํ คหิตํ, ตถา มคฺคคฺคหเณน สสมฺภาโร มคฺโคติ ตทุภยวเสน อนวเสสโต ปริยตฺติ อตฺถํ ปริยาทิยติ. เตนาติ สีลาทิทสฺสเนน. อตฺถวเสน หิ อิธ เทสนาย อาทิกลฺยาณาทิภาโว อธิปฺเปโต. กถิกสณฺิตีติ กถิกสฺส สณฺานํ กถนวเสน สมวฏฺานํ.

น โส สาตฺถํ เทเสติ นิยฺยานตฺถวิรหโต ตสฺสา เทสนาย. เอกพฺยฺชนาทิยุตฺตา วาติ สิถิลาทิเภเทสุ พฺยฺชเนสุ เอกปฺปกาเรเมว, ทฺวิปกาเรเมว วา พฺยฺชเนน ยุตฺตา วา ทมิฬภาสา วิย . วิวฏกรณตาย โอฏฺเ อผุสาเปตฺวา อุจฺจาเรตพฺพโต สพฺพนิโรฏฺพฺยฺชนา วา กิราตภาสา วิย. สพฺพสฺเสว [สพฺพตฺเถว (สารตฺถ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนายํ ๑)] วิสฺสชฺชนียยุตฺตตาย สพฺพวิสฺสฏฺพฺยฺชนา วา สวรภาสา [ยวนภาสา (สารตฺถ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนายํ)] วิย. สพฺพสฺเสว [สพฺพตฺเถว (สารตฺถ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนายํ)] สานุสารตาย สพฺพนิคฺคหิตพฺยฺชนา วา ปารสิกาทิมิลกฺขุภาสา วิย. สพฺพาเปสา พฺยฺชเนกเทสวเสน ปวตฺติยา อปริปุณฺณพฺยฺชนาติ กตฺวา ‘‘อพฺยฺชนา’’ติ วุตฺตา.

านกรณานิ สิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ อกฺขรํ ปฺจสุ วคฺเคสุ ปมตติยนฺติ เอวมาทิ สิถิลํ. ตานิ อสิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ อกฺขรํ วคฺเคสุ ทุติยจตุตฺถนฺติ เอวมาทิ ธนิตํ. ทฺวิมตฺตกาลํ ทีฆํ. เอกมตฺตกาลํ รสฺสํ ตเทว ลหุกํ. ลหุกเมว สํโยคปรํ, ทีฆฺจ ครุกํ. านกรณานิ นิคฺคเหตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ นิคฺคหิตํ. ปเรน สมฺพนฺธํ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ สมฺพนฺธํ. ตถา นสมฺพนฺธํ ววตฺถิตํ. านกรณานิ นิสฺสฏฺานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ วิมุตฺตํ. ทสธาติ เอวํ สิถิลาทิวเสน พฺยฺชนพุทฺธิยา อกฺขรุปฺปาทกจิตฺตสฺส สพฺพากาเรน ปเภโท. สพฺพานิ หิ อกฺขรานิ จิตฺตสมุฏฺานานิ ยถาธิปฺเปตตฺถํ พฺยฺชนโต พฺยฺชนานิ จาติ.

อมกฺเขตฺวาติ อมิเลจฺเฉตฺวา, อวินาเสตฺวา, อหาเปตฺวาติ วา อตฺโถ. ภควา ยมตฺถํ าเปตุํ เอกํ คาถํ, เอกํ วากฺยํ วา เทเสติ, ตมตฺถํ ตาย เทสนาย ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนาย เอว เทเสตีติ อาห ‘‘ปริปุณฺณพฺยฺชนเมว กตฺวา ธมฺมํ เทเสตี’’ติ. อิธ เกวลสทฺโท อนวเสสวาจโก, น อโวมิสฺสกาทิวาจโกติ อาห ‘‘สกลาธิวจน’’นฺติ. ปริปุณฺณนฺติ สพฺพโส ปุณฺณํ, ตํ ปน เกนจิ อูนํ, อธิกํ วา น โหตีติ ‘‘อนูนาธิกวจน’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยทตฺถํ เทสิโต, ตสฺส สาธกตฺตา อนูนตา เวทิตพฺพา, ตพฺพิธุรสฺส ปน อสาธกตฺตา อนธิกตา. สกลนฺติ สพฺพภาควนฺตํ. ปริปุณฺณนฺติ สพฺพโส ปริปุณฺณเมว, เตนาห ‘‘เอกเทสนาปิ อปริปุณฺณา นตฺถี’’ติ. อปริสุทฺธา เทสนา โหติ ตณฺหาย สํกิลิฏฺตฺตา. โลกามิสํ จีวราทโย ปจฺจยา ตตฺถ อคธิตจิตฺตตาย โลกามิสนิรเปกฺโข. หิตผรเณนาติ หิตูปสํหาเรน. เมตฺตาภาวนาย กรณภูตาย มุทุหทโย. อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิเตนาติ สกลสํกิเลสโต, วฏฺฏทุกฺขโต จ อุทฺธรณาการาวฏฺิเตน จิตฺเตน, การุณาธิปฺปาเยนาติ อตฺโถ.

‘‘อิโต ปฏฺาย ทสฺสาเมว, เอวฺจ ทสฺสามี’’ติ สมาทาตพฺพฏฺเน วตํ. ปณฺฑิตปฺตฺตตาย เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมํ พฺรหฺมานํ วา จริยนฺติ พฺรหฺมจริยํ ทานํ. มจฺฉริยโลภาทินิคฺคณฺหเนน สุจิณฺณสฺส. อิทฺธีติ เทวิทฺธิ. ชุตีติ ปภา, อานุภาโว วา. พลวีริยูปปตฺตีติ เอวํ มหตา พเลน จ วีริเยน จ สมนฺนาคโม. ปุฺนฺติ ปุฺผลํ. เวยฺยาวจฺจํ พฺรหฺมจริยํ เสฏฺา จริยาติ กตฺวา. เอส นโย เสเสปิ.

ตสฺมาติ ยสฺมา สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สกลํ สาสนํ อิธ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ อธิปฺเปตํ ตสฺมา. ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ อิมินา สมานาธิกรณานิ สพฺพปทานิ โยเชตฺวา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ…เป… ปกาเสตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ อาห.

๑๙๑. วุตฺตปฺปการสมฺปทนฺติ ยถาวุตฺตํ อาทิกลฺยาณตาทิคุณสมฺปทํ, ทูรสมุสฺสาริตมานสฺเสว สาสเน สมฺมาปฏิปตฺติ สมฺภวติ, น มานชาติกสฺสาติ อาห ‘‘นิหตมานตฺตา’’ติ. อุสฺสนฺนตฺตาติ พหุลภาวโต. โภคาโรคฺยาทิวตฺถุกา มทา สุปฺปเหยฺยา โหนฺติ นิมิตฺตสฺส อนวตฺถานโต, น ตถา กุลวิชฺชามทา, ตสฺมา ขตฺติยพฺราหฺมณกุลานํ ปพฺพชิตานมฺปิ ชาติวิชฺชา นิสฺสาย มานชปฺปนํ ทุปฺปชหนฺติ อาห ‘‘เยภุยฺเยน หิ…เป… มานํ กโรนฺตี’’ติ. วิชาติตายาติ นิหีนชาติตาย. ปติฏฺาตุํ น สกฺโกนฺตีติ สุวิสุทฺธํ กตฺวา สีลํ รกฺขิตุํ น สกฺโกนฺติ. สีลวเสน หิ สาสเน ปติฏฺา, ปติฏฺาตุนฺติ วา สจฺจปฏิเวเธน โลกุตฺตราย ปติฏฺาย ปติฏฺาตุํ. สา หิ นิปฺปริยายโต สาสเน ปติฏฺา นาม, เยภุยฺเยน จ อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา สุชาตา เอว โหนฺติ, น ทุชฺชาตา.

ปริสุทฺธนฺติ ราคาทีนํ อจฺจนฺตเมว ปหานทีปนโต นิรุปกฺกิเลสตาย สพฺพโส ปริสุทฺธํ. สทฺธํ ปฏิลภตีติ โปถุชฺชนิกสทฺธาวเสน สทฺทหติ. วิฺูชาติกานฺหิ ธมฺมสมฺปตฺติคฺคหณปุพฺพิกา สทฺธา สิทฺธิ ธมฺมปฺปมาณธมฺมปฺปสนฺนภาวโต. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา, โย เอวํ สฺวากฺขาตธมฺโม’’ติ สทฺธํ ปฏิลภติ. ชายมฺปติกาติ ฆรณีปติกา. กามํ ‘‘ชายมฺปติกา’’ติ วุตฺเต ฆรสามิกฆรสามินีวเสน ทฺวินฺนํเยว คหณํ วิฺายติ. ยสฺส ปน ปุริสสฺส อเนกา ปชาปติโย, ตตฺถ กึ วตฺตพฺพํ, เอกายาปิ สํวาโส สมฺพาโธติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ทฺเว’’ติ วุตฺตํ. ราคาทินา สกิฺจนฏฺเน, เขตฺตวตฺถุ อาทินา สปลิโพธฏฺเน ราครชาทีนํ อาคมนปถตาปิ อุฏฺานฏฺานตา เอวาติ ทฺเวปิ วณฺณนา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นานํ. อลคฺคนฏฺเนาติ อสฺสชฺชนฏฺเน อปฺปฏิพทฺธภาเวน. เอวํ อกุสลกุสลปฺปวตฺตีนํ านภาเวน ฆราวาสปพฺพชฺชานํ สมฺพาธพฺโภกาสตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กุสลปฺปวตฺติยา เอว อฏฺานฏฺานภาเวน เตสํ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

สงฺเขปกถาติ วิสุํ วิสุํ ปทุทฺธารํ อกตฺวา สมาสโต อตฺถวณฺณนา. เอกมฺปิ ทิวสนฺติ เอกทิวสมตฺตมฺปิ. อขณฺฑํ กตฺวาติ ทุกฺกฏมตฺตสฺสปิ อนาปชฺชเนน อขณฺฑิตํ กตฺวา. กิเลสมเลน อมลีนนฺติ ตณฺหาสํกิเลสาทินา อสํกิลิฏฺํ กตฺวา. ปริโยทาตฏฺเน นิมฺมลภาเวน สงฺขํ วิย ลิขิตํ โธตนฺติ สงฺขลิขิตนฺติ อาห ‘‘โธตสงฺขสปฺปฏิภาค’’นฺติ. ‘‘อชฺฌาวสตา’’ติ ปทปฺปโยเคน ‘‘อคาร’’นฺติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘อคารมชฺเฌ’’ติ. กสาเยน รตฺตานิ วตฺถานิ กาสายานีติ อาห ‘‘กสายรสปีตตายา’’ติ. ปริทหิตฺวาติ นิวาเสตฺวา เจว ปารุปิตฺวา จ. อคารวาโส อคารํ อุตฺตรปทโลเปน, ตสฺส วฑฺฒิอาวหํ อคารสฺส หิตํ.

๑๙๒. โภคกฺขนฺโธติ โภคสมุทาโย. อาพนฺธนฏฺเนาติ ‘‘ปุตฺโต นตฺตา’’ติอาทินา เปมวเสน สปริจฺเฉทํ พนฺธนฏฺเน. ‘‘อมฺหากเมเต’’ติ ายนฺตีติ าตี. ปิตามหปิตุปุตฺตาทิวเสน ปริวตฺตนฏฺเน ปริวฏฺโฏ.

๑๙๓. ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ ปาติโมกฺขสํวเรน ปิหิตกายวจีทฺวาโร, ตถาภูโต จ ยสฺมา เตน สํวเรน อุเปโต นาม โหติ , ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวเรน สมนฺนาคโต’’ติ. ‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโน’’ติอาทิ ตสฺเสว ปาติโมกฺขสํวรสมนฺนาคมสฺส ปจฺจยทสฺสนํ. อปฺปมตฺตเกสูติ อสฺจิจฺจ อาปนฺนอนุขุทฺทเกสุ เจว สหสา อุปฺปนฺนอกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ จ. ภยทสฺสาวีติ ภยทสฺสนสีโล. สมฺมา อาทิยิตฺวาติ สกฺกจฺจํ ยาวชีวํ อวีติกฺกมวเสน อาทิยิตฺวา. ตํ ตํ สิกฺขาปทนฺติ ตํ ตํ สิกฺขาโกฏฺาสํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ ปาเ. สงฺเขโปติ สงฺเขปวณฺณนา. วิตฺถาโร วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔) วุตฺโต, ตสฺมา โส ตตฺถ, ตํสํวณฺณนาย (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๔) จ วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.

อาจารโคจรคฺคหเณเนวาติ ‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโน’’ติ วจเนเนว. เตนาห ‘‘กุสเล กายกมฺมวจีกมฺเม คหิเตปี’’ติ. อธิกวจนํ อฺมตฺถํ โพเธตีติ กตฺวา ตสฺส อาชีวปาริสุทฺธิสีลสฺส อุปฺปตฺติทฺวารทสฺสนตฺถํ…เป… กุสเลนาติ วุตฺตํ, สพฺพโส อเนสนปฺปหาเนน อนวชฺเชนาติ อตฺโถ. ยสฺมา ‘‘กตเม จ ถปติ กุสลา สีลา กุสลํ กายกมฺมํ กุสลํ วจีกมฺม’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๖๕) สีลสฺส กุสลกายวจีภาวํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อาชีวปริสุทฺธมฺปิ โข อหํ ถปติ สีลสฺมึ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๖๕) เอวํ ปวตฺตาย มุณฺฑิกสุตฺตเทสนาย ‘‘กายกมฺมวจีกมฺเมน สมนฺนาคโต กุสเลน, ปริสุทฺธาชีโว’’ติ อยํ เทสนา เอกสงฺคหา อฺทตฺถุ สํสนฺทติ สเมตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มุณฺฑิกสุตฺตวเสน วา เอวํ วุตฺต’’นฺติ. สีลสฺมึ วทามีติ ‘‘สีล’’นฺติ วทามิ, ‘‘สีลสฺมึ อนฺโตคธํ ปริยาปนฺน’’นฺติ วทามีติ วา อตฺโถ. ปริยาทานตฺถนฺติ ปริคฺคหตฺถํ.

ติวิเธน สีเลนาติ จูฬสีลํ มชฺฌิมสีลํ มหาสีลนฺติ เอวํ ติวิเธน สีเลน. มนจฺฉฏฺเสุ อินฺทฺริเยสุ, น กายปฺจเมสุ. ยถาลาภยถาพลยถาสารุปฺปปฺปการวเสน ติวิเธน สนฺโตเสน.

จูฬมชฺฌิมมหาสีลวณฺณนา

๑๙๔-๒๑๑. ‘‘สีลสฺมิ’’นฺติ อิทํ นิทฺธารเณ ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘เอกํ สีลํ โหตีติ อตฺโถ’’ติ. อยเมว อตฺโถติ ปจฺจตฺตวจนตฺโถ เอว. พฺรหฺมชาเลติ พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗).

๒๑๒. อตฺตานุวาทปรานุวาททณฺฑภยาทีนิ อสํวรมูลกานิ. สีลสฺสาสํวรโตติ สีลสฺส อสํวรณโต, สีลสํวราภาวโตติ อตฺโถ. ภเวยฺยาติ อุปฺปชฺเชยฺย. ยถาวิธานวิหิเตนาติ ยถาวิธานสมฺปาทิเตน. อวิปฺปฏิสาราทินิมิตฺตํ อุปฺปนฺนเจตสิกสุขสมุฏฺาเนหิ ปณีตรูเปหิ ผุฏฺสรีรสฺส อุฬารํ กายิกํ สุขํ ภวตีติ อาห ‘‘อวิปฺปฏิสาร…เป… ปฏิสํเวเทตี’’ติ.

อินฺทฺริยสํวรกถาวณฺณนา

๒๑๓. วิเสโส กมฺมตฺถาเปกฺขตาย สามฺสฺส น เตหิ ปริจตฺโตติ อาห ‘‘จกฺขุ-สทฺโท กตฺถจิ พุทฺธจกฺขุมฺหิ วตฺตตี’’ติ. วิชฺชมานเมว หิ อภิเธยฺเย วิเสสตฺถํ วิเสสนฺตรนิวตฺตนวเสน วิเสสสทฺโท วิภาเวติ, น อวิชฺชมานํ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อฺเหิ อสาธารณํ พุทฺธานํเยว จกฺขุทสฺสนนฺติ พุทฺธจกฺขุ, อาสยานุสยาณํ, อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณฺจ. สมนฺตโต สพฺพโส ทสฺสนฏฺเน สมนฺตจกฺขุ, สพฺพฺุตฺาณํ. อริยมคฺคตฺตยปฺาติ เหฏฺิเม อริยมคฺคตฺตเย ปฺา. อิธาติ ‘‘จกฺขุนา รูป’’นฺติ อิมสฺมึ ปาเ. อยํ จกฺขุ-สทฺโท ปสาท…เป… วตฺตติ นิสฺสยโวหาเร นิสฺสิตสฺส วตฺตพฺพโต ยถา. ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ. อสมฺมิสฺสนฺติ กิเลสทุกฺเขน อโวมิสฺสํ. เตนาห ‘‘ปริสุทฺธ’’นฺติ . สติ หิ สุวิสุทฺเธ อินฺทฺริยสํวเร, ปธานภูตปาปธมฺมวิคเมน อธิจิตฺตานุโยโค หตฺถคโต เอวํ โหตีติ อาห ‘‘อธิจิตฺตสุขํ ปฏิสํเวเทตี’’ติ.

สติสมฺปชฺกถาวณฺณนา

๒๑๔. สมนฺตโต, ปกฏฺํ วา สวิเสสํ ชานาตีติ สมฺปชาโน, สมฺปชานสฺส ภาโว สมฺปชฺํ, ตถาปวตฺตาณํ. ตสฺส วิภชนํ สมฺปชฺภาชนียํ, ตสฺมึ สมฺปชฺภาชนียมฺหิ. อภิกฺกมนํ อภิกฺกนฺตนฺติ อาห ‘‘อภิกฺกนฺตํ วุจฺจติ คมน’’นฺติ. ตถา ปฏิกฺกมนํ ปฏิกฺกนฺตนฺติ อาห ‘‘ปฏิกฺกนฺตํ นิวตฺตน’’นฺติ. นิวตฺตนนฺติ จ นิวตฺติมตฺตํ. นิวตฺติตฺวา ปน คมนํ คมนเมว. อภิหรนฺโตติ คมนวเสน กายํ อุปเนนฺโต. านนิสชฺชาสยเนสุ โย คมนวิธุโร กายสฺส ปุรโต อภิหาโร, โส อภิกฺกโม, ปจฺฉโต อปหรณํ ปฏิกฺกโมติ ทสฺเสนฺโต ‘‘าเนปี’’ติอาทิมาห. อาสนสฺสาติ ปีกาทิอาสนสฺส. ปุริมองฺคาภิมุโขติ อฏนิกาทิปุริมาวยวาภิมุโข. สํสรนฺโตติ สํสปฺปนฺโต. ปจฺจาสํสรนฺโตติ ปฏิอาสปฺปนฺโต. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา นิปนฺนสฺเสว อภิมุขสํสปฺปนปฏิอาสปฺปนานิ นิทสฺเสติ.

สมฺมา ปชานนํ สมฺปชานํ, เตน อตฺตนา กาตพฺพกิจฺจสฺส กรณสีโล สมฺปชานการีติ อาห ‘‘สมฺปชฺเน สพฺพกิจฺจการี’’ติ. สมฺปชานสทฺทสฺส สมฺปชฺปริยายตา ปุพฺเพ วุตฺตา เอว. สมฺปชฺํ กโรเตวาติ อภิกฺกนฺตาทีสุ อสมฺโมหํ อุปฺปาเทติ เอว. สมฺปชฺสฺส วา กาโร เอตสฺส อตฺถีติ สมฺปชานการี. ธมฺมโต วฑฺฒิสงฺขาเตน สห อตฺเถน วตฺตตีติ สาตฺถกํ, อภิกฺกนฺตาทิ. สาตฺถกสฺส สมฺปชานนํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. สปฺปายสฺส อตฺตโน หิตสฺส สมฺปชานนํ สปฺปายสมฺปชฺํ. อภิกฺกมาทีสุ ภิกฺขาจารโคจเร, อฺตฺถาปิ จ ปวตฺเตสุ อวิชหิเต กมฺมฏฺานสงฺขาเต โคจเร สมฺปชฺํ โคจรสมฺปชฺํ. อภิกฺกมาทีสุ อสมฺมุยฺหนเมว สมฺปชฺํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ. ปริคฺคเหตฺวาติ ตูเลตฺวา ตีเรตฺวา ปฏิสงฺขายาติ, อตฺโถ. สงฺฆทสฺสเนเนว อุโปสถปวารณาทิอตฺถํ คมนํ สงฺคหิตํ. อสุภทสฺสนาทีติ อาทิ-สทฺเทน กสิณปริกมฺมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ . สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เจติยํ วา โพธึ วา ทิสฺวาปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อรหตฺตํ ปาปุณาตีติ อุกฺกฏฺนิทฺเทโส เอโส. สมถวิปสฺสนุปฺปาทนมฺปิ หิ ภิกฺขุโน วฑฺฒิเยว. เกจีติ อภยคิริวาสิโน.

ตสฺมึ ปนาติ สาตฺถกสมฺปชฺวเสน ปริคฺคหิตอตฺเถ. ‘‘อตฺโถติ ธมฺมโต วฑฺฒี’’ติ ยํ สาตฺถกนฺติ อธิปฺเปตํ, ตํ สปฺปายํ เอวาติ สิยา กสฺสจิ อาสงฺกาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘เจติยทสฺสนํ ตาวา’’ติอาทิ อารทฺธํ. จิตฺตกมฺมรูปกานิ วิยาติ จิตฺตกมฺมกตา ปฏิมาโย วิย, ยนฺตปโยเคน วา วิจิตฺตกมฺมา ปฏิมาโย วิย. อสมเปกฺขนํ เคหสฺสิต อฺาณุเปกฺขาวเสน อารมฺมณสฺส อโยนิโส คหณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขา พาลสฺส มูฬฺหสฺส ปุถุชฺชนสฺสา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๓๐๘). หตฺถิอาทิสมฺมทฺเทน ชีวิตนฺตราโย. วิสภาครูปทสฺสนาทินา พฺรหฺมจริยนฺตราโย.

ปพฺพชิตทิวสโตปฏฺาย ภิกฺขูนํ อนุวตฺตนกถา อาจิณฺณา, อนนุวตฺตนกถา ปน ตสฺสา ทุติยา นาม โหตีติ อาห ‘‘ทฺเว กถา นาม น กถิตปุพฺพา’’ติ. เอวนฺติ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิกํ สพฺพมฺปิ วุตฺตาการํ ปจฺจามสติ, น ‘‘ปุริสสฺส มาตุคามาสุภ’’นฺติอาทิกํ วุจฺจมานํ.

โยคกมฺมสฺส ปวตฺติฏฺานตาย ภาวนาย อารมฺมณํ ‘‘กมฺมฏฺาน’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘กมฺมฏฺานสงฺขาตํ โคจร’’นฺติ. อุคฺคเหตฺวาติ ยถา อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, เอวํ อุคฺคหโกสลฺลสฺส สมฺปาทนวเสน อุคฺคเหตฺวา .

หรตีติ กมฺมฏฺานํ ปวตฺเตติ, ยาว ปิณฺฑปาตปฏิกฺกมา อนุยุฺชตีติ อตฺโถ. น ปจฺจาหรตีติ อาหารูปโยคโต ยาว ทิวาานุปสงฺกมนา กมฺมฏฺานํ น ปฏิเนติ. สรีรปริกมฺมนฺติ มุขโธวนาทิสรีรปฏิชคฺคนํ. ทฺเว ตโย ปลฺลงฺเกติ ทฺเว ตโย นิสชฺชาวาเร ทฺเว ตีณิ อุณฺหาสนานิ. เตนาห ‘‘อุสุมํ คาหาเปนฺโต’’ติ. กมฺมฏฺานสีเสเนวาติ กมฺมฏฺานมุเขเนว กมฺมฏฺานํ อวิชหนฺโต เอว, เตน ‘‘ปตฺโตปิ อเจตโน’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑๔) วกฺขมานํ กมฺมฏฺานํ, ยถาปริหริยมานํ วา อวิชหิตฺวาติ ทสฺเสติ. ตเถวาติ ติกฺขตฺตุเมว. ปริโภคเจติยโต สารีริกเจติยํ ครุตรนฺติ กตฺวา ‘‘เจติยํ วนฺทิตฺวา’’ติ ปุพฺพกาลกิริยาย วเสน วุตฺตํ. ตถา หิ อฏฺกถายํ ‘‘เจติยํ พาธยมานา โพธิสาขา หริตพฺพา’’ติ วุตฺตา. พุทฺธคุณานุสฺสรณวเสเนว โพธิยํ ปณิปาตกรณนฺติ อาห ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต สมฺมุขา วิย นิปจฺจการํ ทสฺเสตฺวา’’ติ. คามสมีเปติ คามสฺส อุปจารฏฺาเน. ชนสงฺคหตฺถนฺติ ‘‘มยิ อกเถนฺเต เอเตสํ โก กเถสฺสตี’’ติ ธมฺมานุคฺคเหน ชนสงฺคหตฺถํ. ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘ธมฺมกถา นาม กเถตพฺพา เอวา’’ติ อฏฺกถาจริยา วทนฺติ, ยสฺมา จ ธมฺมกถา กมฺมฏฺานวินิมุตฺตา นาม นตฺถิ, ตสฺมา. กมฺมฏฺานสีเสเนวาติ อตฺตนา ปริหริยมานํ กมฺมฏฺานํ อวิชหนฺโต ตทนุคุณํเยว ธมฺมกถํ กเถตฺวา. อนุโมทนํ วตฺวาติ เอตฺถาปิ ‘‘กมฺมฏฺานสีเสเนวา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

สมฺปตฺตปริจฺเฉเทเนวาติ ‘‘ปริจิโต อปริจิโต’’ติอาทิ วิภาคํ อกตฺวา สมฺปตฺตโกฏิยา เอว, สมาคมมตฺเตเนวาติ อตฺโถ. ภเยติ ปรจกฺกาทิภเย.

‘‘กมฺมชเตโช’’ติ คหณึ สนฺธายาห. กมฺมฏฺานํ วีถึ นาโรหติ ขุทาปริสฺสเมน กิลนฺตกายตฺตา สมาธานาภาวโต. อวเสสฏฺาเนติ ยาคุยา อคฺคหิตฏฺาเน. โปงฺขานุโปงฺขนฺติ กมฺมฏฺานุปฏฺานสฺส อวิจฺเฉททสฺสนเมตํ, ยถา โปงฺขานุโปงฺขํ ปวตฺตาย สรปฏิปาติยา อนวิจฺเฉโท, เอวเมตสฺสปีติ.

นิกฺขิตฺตธุโร ภาวนานุโยเค. วตฺตปฏิปตฺติยา อปูรเณน สพฺพวตฺตานิ ภินฺทิตฺวา. ‘‘กาเมสุ อวีตราโค โหติ, กาเย อวีตราโค, รูเป อวีตราโค, ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ, อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๐; ม. นิ. ๑.๑๘๖) เอวํ วุตฺตปฺจวิธเจโตขิลวินิพนฺธจิตฺโต. จริตฺวาติ ปวตฺติตฺวา.

คตปจฺจาคติกวตฺตวเสนาติ ภาวนาสหิตํเยว ภิกฺขาย คตปจฺจาคตํ คมนปจฺจาคมนํ เอตสฺส อตฺถีติ คตปจฺจาคติกํ, ตเทว วตฺตํ, ตสฺส วเสน. อตฺตกามาติ อตฺตโน หิตสุขํ อิจฺฉนฺตา, ธมฺมจฺฉนฺทวนฺโตติ อตฺโถ. ธมฺโม หิ หิตํ ตนฺนิมิตฺตกฺจ สุขนฺติ. อถ วา วิฺูนํ นิพฺพิเสสตฺตา, อตฺตภาวปริยาปนฺนตฺตา จ อตฺตา นาม ธมฺโม, ตํ กาเมนฺติ อิจฺฉนฺตีติ อตฺตกามา.

อุสภํ นาม วีสติ ยฏฺิโย. ตาย สฺายาติ ตาย ปาสาณสฺาย, เอตฺตกํ านํ อาคตาติ ชานนฺตาติ อธิปฺปาโย. โสเยว นโยติ ‘‘อยํ ภิกฺขู’’ติอาทิโก โย าเน วุตฺโต, โส เอว นิสชฺชายปิ นโย. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตานํ ฉินฺนภตฺตภาวภเยนปิ โยนิโสมนสิการํ ปริพฺรูเหติ. มทฺทนฺตาติ ธฺกรณฏฺาเน สาลิสีสานิ มทฺทนฺตา.

มหาปธานํ ปูเชสฺสามีติ อมฺหากํ อตฺถาย โลกนาเถน ฉวสฺสานิ กตํ ทุกฺกรจริยเมวาหํ ยถาสตฺติ ปูเชสฺสามีติ. ปฏิปตฺติปูชา หิ สตฺถุปูชา, น อามิสปูชาติ. ‘‘านจงฺกมเมวา’’ติ อธิฏฺาตพฺพอิริยาปถวเสน วุตฺตํ, น โภชนาทิกาเลสุ อวสฺสํ กตฺตพฺพนิสชฺชาย ปฏิกฺเขปวเสน.

วีถึ โอตริตฺวา อิโต จิโต จ อโนโลเกตฺวา ปมเมว วีถิโย สลฺลกฺเขตพฺพาติ อาห ‘‘วีถิโย สลฺลกฺเขตฺวา’’ติ. ยํ สนฺธาย วุจฺจติ ‘‘ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตนา’’ติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺํ อุปฏฺเปตฺวา’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาคมิสฺสติ. อฏฺงฺคสมนฺนาคตนฺติ ‘‘ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘; มหานิ. ๒๐๖) วุตฺเตหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ กตฺวา. ‘‘เนว ทวายา’’ติอาทิ ปฏิกฺเขปทสฺสนํ.

ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกโรติ, ยทิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน โหตีติ สมฺพนฺโธ. เอวํ สพฺพตฺถ อิโต ปเรสุปิ. ตตฺถ ปจฺเจกโพธิยา อุปนิสฺสยสมฺปทา กปฺปานํ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ, สตสหสฺสฺจ ตชฺชาปุฺาณสมฺภรณํ. สาวกโพธิยา อคฺคสาวกานํ อสงฺขฺเยยฺยํ, กปฺปสตสหสฺสฺจ, มหาสาวกานํ (เถรคา. อฏฺ. ๒.๑๒๘๘) สตสหสฺสเมว ตชฺชาปุฺาณสมฺภรณํ. อิตเรสํ อตีตาสุ ชาตีสุ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสยวเสน นิพฺพตฺติตํ นิพฺเพธภาคิยํ กุสลํ. พาหิโย ทารุจีริโยติ พาหิยวิสเย สฺชาตสํวฑฺฒตาย พาหิโย, ทารุจีรปริหรเณน ทารุจีริโยติ จ สมฺาโต. โส หิ อายสฺมา ‘‘ตสฺมาติห เต, พาหิย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต, มุเต, วิฺาเต วิฺาตมตฺตํ ภวิสฺสตี’ติ, เอวฺหิ เต พาหิย สิกฺขิตพฺพํ. ยโต โข เต พาหิย ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต, มุเต, วิฺาเต วิฺาตมตฺตํ ภวิสฺสติ, ตโต ตฺวํ, พาหิย, น เตน. ยโต ตฺวํ, พาหิย, น เตน, ตโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถ. ยโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถ, ตโต ตฺวํ, พาหิย, เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรน. เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา’’ติ (อุทา. ๑๐) เอตฺตกาย เทสนาย อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เอวํ สาริปุตฺตตฺเถราทีนํ มหาปฺตาทิทีปนานิ สุตฺตปทานิ วิตฺถารโต เวทิตพฺพานิ.

นฺติ อสมฺมุยฺหนํ เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานมากาเรเนว เวทิตพฺพํ. ‘‘อตฺตา อภิกฺกมตี’’ติ อิมินา อนฺธปุถุชฺชนสฺส ทิฏฺิคาหวเสน อภิกฺกเม สมฺมุยฺหนํ ทสฺเสติ, ‘‘อหํ อภิกฺกมามี’’ติ ปน อิมินา มานคาหวเสน. ตทุภยํ ปน ตณฺหาย วินา น โหตีติ ตณฺหคาหวเสนปิ สมฺมุยฺหนํ ทสฺสิตเมว โหติ. ‘‘ตถา อสมฺมุยฺหนฺโต’’ติ วตฺวา ตํ อสมฺมุยฺหนํ เยน ฆนวินิพฺโภเคน โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อภิกฺกมามี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา วาโยธาตุยา อนุคตา เตโชธาตุ อุทฺธรณสฺส ปจฺจโย. อุทฺธรณคติกา หิ เตโชธาตูติ. อุทฺธรเณ วาโยธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว, ตสฺมา อิมาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, อิตราสฺจ โอมตฺตตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอเกกปาทุทฺธรเณ…เป… พลวติโยติ อาห. ยสฺมา ปน เตโชธาตุยา อนุคตา วาโยธาตุ อติหรณวีติหรณานํ ปจฺจโย. ติริยคติกาย หิ วาโยธาตุยา อติหรณวีติหรเณสุ สาติสโย พฺยาปาโรติ. เตโชธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว, ตสฺมา อิมาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, อิตราสฺจ โอมตฺตตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตถา อติหรณวีติหรเณสู’’ติ อาห. สติปิ อนุคมกอนุคนฺตพฺพตาวิเสเส เตโชธาตุวาโยธาตุภาวมตฺตํ สนฺธาย ตถา-สทฺทคฺคหณํ,. ตตฺถ อกฺกนฺตฏฺานโต ปาทสฺส อุกฺขิปนํ อุทฺธรณํ. ิตฏฺานํ อติกฺกมิตฺวา ปุรโต หรณํ อติหรณํ, ขาณุอาทิปริหรณตฺถํ, ปติฏฺิตปาทฆฏฺฏนปริหรณตฺถํ วา ปสฺเสน หรณํ วีติหรณํ. ยาว ปติฏฺิตปาโท, ตาว อาหรณํ อติหรณํ, ตโต ปรํ หรณํ วีติหรณนฺติ อยํ วา เอเตสํ วิเสโส.

ยสฺมา ปถวีธาตุยา อนุคตา อาโปธาตุ โวสฺสชฺชนสฺส ปจฺจโย. ครุตรสภาวา หิ อาโปธาตูติ. โวสฺสชฺชเน ปถวีธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว, ตสฺมา ตาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, อิตราสฺจ โอมตฺตตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โวสฺสชฺชเน…เป… พลวติโย’’ติ. ยสฺมา ปน อาโปธาตุยา อนุคตา ปถวีธาตุ สนฺนิกฺเขปนสฺส ปจฺจโย, ปติฏฺาภาเว วิย ปติฏฺาปเนปิ ตสฺสา สาติสยกิจฺจตฺตา อาโปธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว, ตถา ฆฏฺฏนกิริยาย ปถวีธาตุยา วเสน สนฺนิรุชฺฌนสฺส สิชฺฌนโต ตตฺถาปิ ปถวีธาตุยา อาโปธาตุอนุคตภาโว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตถา สนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุชฺฌเนสู’’ติ.

ตตฺถาติ ตสฺมึ อภิกฺกมเน, เตสุ วา วุตฺเตสุ อุทฺทรณาทีสุ โกฏฺาเสสุ. อุทฺธรเณติ อุทฺธรณกฺขเณ. รูปารูปธมฺมาติ อุทฺธรณากาเรน ปวตฺตา รูปธมฺมา, ตํสมุฏฺาปกา อรูปธมฺมา จ. อติหรณํน ปาปุณนฺติ ขณมตฺตาวฏฺานโต. ตตฺถ ตตฺเถวาติ ยตฺถ ยตฺถ อุปฺปนฺนา, ตตฺถ ตตฺเถว. น หิ ธมฺมานํ เทสนฺตรสงฺกมนํ อตฺถิ. ‘‘ปพฺพํ ปพฺพ’’ติอาทิ อุทฺธรณาทิโกฏฺาเส สนฺธาย สภาคสนฺตติวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อติอิตฺตโร หิ รูปธมฺมานมฺปิ ปวตฺติกฺขโณ, คมนสฺสาทีนํ, เทวปุตฺตานํ เหฏฺุปริเยน ปฏิมุขํ ธาวนฺตานํ สิรสิ ปาเท จ พนฺธขุรธารา สมาคมโตปิ สีฆตโร. ยถา ติลานํ ภชฺชิยมานานํ ปฏปฏายเนน เภโท ลกฺขียติ, เอวํ สงฺขตธมฺมานํ อุปฺปาเทนาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฏปฏายนฺตา’’ติ วุตฺตํ. อุปฺปนฺนา หิ เอกนฺตโต ภิชฺชนฺตีติ. ‘‘สทฺธึ รูเปนา’’ติ อิทํ ตสฺส ตสฺส จิตฺตสฺส นิโรเธน สทฺธึ นิรุชฺฌนกรูปธมฺมานํ วเสน วุตฺตํ, ยํ ตโต สตฺตรสมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ. อฺถา ยทิ รูปารูปธมฺมา สมานกฺขณา สิยุํ, ‘‘รูปํ ครุปริณามํ ทนฺธนิโรธ’’นฺติอาทิวจเนหิ วิโรโธ สิยา, ตถา ‘‘นาหํ ภิกฺขเว อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ลหุปริวตฺตํ, ยถยิทํ จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๘) เอวํ อาทิปาฬิยา. จิตฺตเจตสิกา หิ สารมฺมณสภาวา ยถาพลํ อตฺตโน อารมฺมณปจฺจยภูตมตฺถํ วิภาเวนฺโต เอว อุปฺปชฺชนฺตีติ เตสํ ตํสภาวนิปฺผตฺติอนนฺตรํ นิโรโธ. รูปธมฺมา ปน อนารมฺมณา ปกาเสตพฺพา, เอวํ เตสํ ปกาเสตพฺพภาวนิปฺผตฺติ โสฬสหิ จิตฺเตหิ โหตีติ ตงฺขณายุกตา เตสํ อิจฺฉิตา, ลหุวิฺาณวิสยสงฺคติมตฺตปฺปจฺจยตาย ติณฺณํ ขนฺธานํ, วิสยสงฺคติมตฺตตาย จ วิฺาณสฺส ลหุปริวตฺติตา, ทนฺธมหาภูตปฺปจฺจยตาย รูปธมฺมานํ ทนฺธปริวตฺติตา. นานาธาตุยา ยถาภูตาณํ โข ปน ตถาคตสฺเสว, เตน จ ปุเรชาตปจฺจโย รูปธมฺโมว วุตฺโต, ปจฺฉาชาตปจฺจโย จ ตเถวาติ รูปารูปธมฺมานํ สมานกฺขณตา น ยุชฺชเตว. ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

อฺํอุปฺปชฺชเต จิตฺตํ, อฺํ จิตฺตํ นิรุชฺฌตีติ ยํ ปุริมุปฺปนฺนํ จิตฺตํ, ตํ อฺํ, ตํ ปน นิรุชฺฌนฺตํ อปรสฺส อนนฺตราทิปจฺจยภาเวเนว นิรุชฺฌตีติ ตถาลทฺธปจฺจยํ อฺํ อุปฺปชฺชเต จิตฺตํ. ยทิ เอวํ เตสํ อนฺตโร ลพฺเภยฺยาติ? โนติ อาห ‘‘อวีจิ มนุปฺปพนฺโธ’’ติ, ยถา วีจิ อนฺตโร น ลพฺภติ, ‘‘ตเทเวต’’นฺติ อวิเสสวิทู มฺนฺติ, เอวํ อนุ อนุ ปพนฺโธ จิตฺตสนฺตาโน รูปสนฺตาโน จ นทีโสโตว นทิยํ อุทกปฺปวาโห วิย วตฺตติ.

อภิมุขํ โลกิตํ อาโลกิตนฺติ อาห ‘‘ปุรโต เปกฺขน’’นฺติ. ยสฺมา ยํทิสาภิมุโข คจฺฉติ, ติฏฺติ, นิสีทติ วา ตทภิมุขํ เปกฺขนํ อาโลกิตํ, ตสฺมา ตทนุคตวิทิสาโลกนํ วิโลกิตนฺติ อาห ‘‘วิโลกิตํ นาม อนุทิสาเปกฺขน’’นฺติ. สมฺมชฺชนปริภณฺฑาทิกรเณ โอโลกิตสฺส, อุลฺโลกหรณาทีสุ อุลฺโลกิตสฺส, ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตปริสฺสยสฺส ปริวชฺชนาทีสุ อปโลกิตสฺส สิยา สมฺภโวติ อาห ‘‘อิมินา วา มุเขน สพฺพานิปิ ตานิ คหิตาเนวา’’ติ.

กายสกฺขินฺติ กาเยน สจฺฉิกตวนฺตํ, ปจฺจกฺขการินนฺติ อตฺโถ. โส หิ อายสฺมา วิปสฺสนากาเล ‘‘ยเมวาหํ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตํ นิสฺสาย สาสเน อนภิรติอาทิวิปฺปการํ ปตฺโต, ตเมว สุฏฺุ นิคฺคเหสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต พลวหิโรตฺตปฺโป, ตตฺถ จ กตาธิการตฺตา อินฺทฺริยสํวเร อุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต, เตเนว นํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ ภิกฺขเว มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ, ยทิทํ นนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๓๕) เอตทคฺเค เปสิ.

สาตฺถกตา จ สปฺปายตา จ เวทิตพฺพา อาโลกิตวิโลกิตสฺสาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. ตสฺมาติ กมฺมฏฺานาวิชหนสฺเสว โคจรสมฺปชฺภาวโตติ วุตฺตเมวตฺถํ เหตุภาเวน ปจฺจามสติ. อตฺตโนกมฺมฏฺานวเสเนว อาโลกนวิโลกนํ กาตพฺพํ, ขนฺธาทิกมฺมฏฺานา อฺโ อุปาโย น คเวสิตพฺโพติ อธิปฺปาโย. อาโลกิตาทิสมฺาปิ ยสฺมา ธมฺมมตฺตสฺเสว ปวตฺติวิเสโส, ตสฺมา ตสฺส ยาถาวโต ปชานนํ อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อพฺภนฺตเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสนาติ กิริยมยจิตฺตสมุฏฺานาย วาโยธาตุยา จลนาการปฺปวตฺติวเสน. อโธ สีทตีติ อโธ คจฺฉติ. อุทฺธํ ลงฺเฆตีติ ลงฺฆํ วิย อุปริ คจฺฉติ.

องฺคกิจฺจํ สาธยมานนฺติ ปธานภูตองฺคกิจฺจํ นิปฺผาเทนฺตํ หุตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘ปมชวเนปิ…เป… น โหตี’’ติ อิทํ ปฺจทฺวารวีถิยํ ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติ รชฺชนาทีนํ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ หิ อาวชฺชน โวฏฺพฺพปนานํ อโยนิโส อาวชฺชนโวฏฺพฺพนวเสน อิฏฺเ อิตฺถิรูปาทิมฺหิ โลภมตฺตํ, อนิฏฺเ จ ปฏิฆมตฺตํ อุปฺปชฺชติ, มโนทฺวาเร ปน ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติ รชฺชนาทิ โหติ. ตสฺส ปฺจทฺวารชวนํ มูลํ, ยถาวุตฺตํ วา สพฺพํ ภวงฺคาทิ. เอวํ มโนทฺวารชวนสฺส มูลวเสน มูลปริฺา วุตฺตา. อาคนฺตุกตาวกาลิกตา ปน ปฺจทฺวารชวนสฺเสว อปุพฺพภาววเสน, อิตฺตรภาววเสน จ วุตฺตา. ‘‘เหฏฺุปริยวเสน ภิชฺชิตฺวา ปติเตสู’’ติ เหฏฺิมสฺส อุปริมสฺส จ อปราปรํ ภงฺคปฺปตฺติมาห.

นฺติ ชวนํ, ตสฺส อยุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. อาคนฺตุโก อพฺภาคโต.

อุทยพฺพยปริจฺฉินฺโน ตาวตโก กาโล เอเตสนฺติ ตาวกาลิกานิ.

เอตํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ. สมวาเยติ สามคฺคิยํ . ตตฺถาติ ปฺจกฺขนฺธวเสน อาโลกนวิโลกเน ปฺายมาเน ตพฺพินิมุตฺโต โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกติ.

‘‘อุปนิสฺสยปจฺจโย’’ติ อิทํ สุตฺตนฺตนเยน ปริยายโต วุตฺตํ. สหชาตปจฺจโยติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ อฺมฺสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตาทิปจฺจยานมฺปิ ลพฺภนโต.

กาเล สมฺฉิตุํ ยุตฺตกาเล สมฺฉนฺตสฺส. ตถา ปสาเรนฺตสฺสาติ เอตฺถาปิ. มณิสปฺโป นาม เอกา สปฺปชาตีติ วทนฺติ. ลฬนนฺติ กมฺปนํ, ลีฬากรณํ วา.

อุณฺหปกติโก ปริฬาหพหุลกาโย. สีลวิทูสเนน อหิตาวหตฺตา มิจฺฉาชีววเสน อุปฺปนฺนํ อสปฺปายํ. ‘‘จีวรมฺปิ อเจตน’’นฺติอาทินา จีวรสฺส วิย กาโยปิ อเจตโนติ กายสฺส อตฺตสุฺตาวิภาวเนน ‘‘อพฺภนฺตเร’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ ปริทีเปนฺโต อิตรีตรสนฺโตสสฺส การณํ ทสฺเสติ, เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.

จตุปฺจคณฺิกาหโตติ อาหตจตุปฺจคณฺิโก, จตุปฺจคณฺิกาหิ วา อาหโต ตถา.

อฏฺวิโธปิอตฺโถติ อฏฺวิโธปิ ปโยชนวิเสโส มหาสิวตฺเถรวาทวเสน ‘‘อิมสฺส กายสฺส ิติยา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓, ๔๒๒; ม. นิ. ๒.๓๘๗; อ. นิ. ๒.๓๔๑; ๘.๙; ธ. ส. ๑๓๕๕; วิภ. ๕๑๘; มหานิ. ๒๐๖) นเยน วุตฺโต ทฏฺพฺโพ. อิมสฺมึ ปกฺเข ‘‘เนว ทวายาติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓, ๔๒๒; ม. นิ. ๒.๓๘๗; อ. นิ. ๘.๙; ธ. ส. ๑๓๕๕; วิภ. ๕๑๘; มหานิ. ๒๐๖) นเยนา’’ติ ปน ปฏิกฺเขปงฺคทสฺสนมุเขน เทสนาย อาคตตฺตา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ปถวิสนฺธารกชลสฺส ตํสนฺธารกวายุนา วิย ปริภุตฺตสฺส อาหารสฺส วาโยธาตุยาว อาสเย อวฏฺานนฺติ อาห ‘‘วาโยธาตุวเสเนว ติฏฺตี’’ติ. อติหรตีติ ยาว มุขา อภิหรติ. วีติหรตีติ ตโต กุจฺฉิยํ วีมิสฺสํ กโรนฺโต หรติ. อติหรตีติ วา มุขทฺวารํ อติกฺกาเมนฺโต หรติ. วีติหรตีติ กุจฺฉิคตํ ปสฺสโต หรติ, ปริวตฺเตตีติ อปราปรํ จาเรติ. เอตฺถ จ อาหารสฺส ธารณปริวตฺตนสฺจุณฺณนวิโสสนานิ ปถวีธาตุสหิตา เอว วาโยธาตุ กโรติ, น เกวลาติ ตานิ ปถวีธาตุยาปิ กิจฺจภาเวน วุตฺตานิ. อลฺลตฺตฺจ อนุปาเลตีติ ยถา วาโยธาตุ อาทีหิ อฺเหิ วิโสสนํ น โหติ, ตถา อลฺลตฺตฺจ อนุปาเลติ. เตโชธาตูติ คหณีสงฺขาตา เตโชธาตุ. สา หิ อนฺโตปวิฏฺํ อาหารํ ปริปาเจติ. อฺชโส โหตีติ อาหารสฺส ปเวสนาทีนํ มคฺโค โหติ. อาภุชตีติ ปริเยสนวเสน, อชฺโฌหรณชิณฺณาชิณฺณตาทิปฏิสํเวทนวเสน จ อาวชฺเชติ, วิชานาตีติ อตฺโถ. ตํตํวิชานนสฺส ปจฺจยภูโตเยว หิ ปโยโค ‘‘สมฺมาปโยโค’’ติ วุตฺโต. เยน หิ ปโยเคน ปริเยสนาทิ นิปฺผชฺชติ, โส ตพฺพิสยวิชานนมฺปิ นิปฺผาเทติ นาม ตทวินาภาวโต. อถ วา สมฺมาปโยคํ สมฺมาปฏิปตฺติ มนฺวาย อาคมฺม อาภุชติ สมนฺนาหรติ. อาโภคปุพฺพโก หิ สพฺโพปิ วิฺาณพฺยาปาโรติ ตถา วุตฺตํ.

คมนโตติ ภิกฺขาจารวเสน โคจรคามํ อุทฺทิสฺส คมนโต. ปริเยสนโตติ โคจรคาเม ภิกฺขตฺถํ อาหิณฺฑนโต. ปริโภคโตติ อาหารสฺส ปริภุฺชนโต. อาสยโตติ ปิตฺตาทิอาสยโต. อาสยติ เอตฺถ เอกชฺฌํ ปวตฺตมาโนปิ กมฺมผลววตฺถิโต หุตฺวา มริยาทวเสน อฺมฺํ อสงฺกรโต สยติ ติฏฺติ ปวตฺตตีติ อาสโย, อามาสยสฺส อุปริ ติฏฺนโก ปิตฺตาทิโก. มริยาทตฺโถ หิ อยมากาโร. นิธานนฺติ ยถาภุตฺโต อาหาโร นิจิโต หุตฺวา ติฏฺติ เอตฺถาติ นิธานํ, อามาสโย. ตโต นิธานโต. อปริปกฺกโตติ คหณีสงฺขาเตน กมฺมชเตเชน อวิปกฺกโต. ปริปกฺกโตติ ยถาภุตฺตสฺส อาหารส วิปกฺกภาวโต. ผลโตติ นิปฺผตฺติโต. นิสฺสนฺทโตติ อิโต จิโต จ นิสฺสนฺทนโต. สมฺมกฺขนโตติ สพฺพโส มกฺขนโต. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาย (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๒๙๔) คเหตพฺโพ.

สรีรโต เสทา มุจฺจนฺตีติ เวคสํธารเณน อุปฺปนฺนปริฬาหโต สรีรโต เสทา มุจฺจนฺติ. อฺเ จ โรคา กณฺณสูลภคนฺทราทโย. อฏฺาเนติ มนุสฺสามนุสฺสปริคฺคหิเต อยุตฺตฏฺาเน เขตฺตเทวายตนาทิเก. กุทฺธา หิ อมนุสฺสา, มนุสฺสาปิ วา ชีวิตกฺขยํ ปาเปนฺติ. นิสฺสฏฺตฺตา เนว อตฺตโน, กสฺสจิ อนิสฺสชฺชิตตฺตา, ชิคุจฺฉนียตฺตา จ น ปรสฺส. อุทกตุมฺพโตติ เวฬุนาฬิอาทิอุทกภาชนโต. นฺติ ฉฑฺฑิตอุทกํ.

อทฺธานอิริยาปถา จิรตรปฺปวตฺติกา ทีฆกาลิกา อิริยาปถา. มชฺฌิมา ภิกฺขาจรณาทิวเสน ปวตฺตา. จุณฺณิยอิริยาปถา วิหาเร, อฺตฺถาปิ อิโต จิโต จ ปริวตฺตนาทิวเสน ปวตฺตาติ วทนฺติ. ‘‘คเตติ คมเน’’ติ ปุพฺเพ อภิกฺกมปฏิกฺกมคฺคหเณน คมเนนปิ ปุรโต ปจฺฉโต จ กายสฺส อภิหรณํ วุตฺตนฺติ อิธ คมนเมว คหิตนฺติ เกจิ.

ยสฺมา มหาสิวตฺเถรวาเท อนนฺตเร อนนฺตเร อิริยาปเถ ปวตฺตรูปารูปธมฺมานํ ตตฺถ ตตฺเถว นิโรธทสฺสนวเสน สมฺปชานการิตา คหิตาติ ตํ สมฺปชฺวิปสฺสนาจารวเสน เวทิตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตยิทํ มหาสิวตฺเถเรน วุตฺตํ อสมฺโมหธุรํ มหาสติปฏฺานสุตฺเต อธิปฺเปต’’นฺติ. อิมสฺมึ ปน สามฺผเล สพฺพมฺปิ จตุพฺพิธํ สมฺปชฺํ ลพฺภติ ยาวเทว สามฺผลวิเสสทสฺสนปรตฺตา อิมิสฺสา เทสนาย. ‘‘สติสมฺปยุตฺตสฺเสวา’’ติ อิทํ ยถา สมฺปชฺสฺส กิจฺจโต ปธานตา คหิตา, เอวํ สติยา ปีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น สติยา สพฺภาวมตฺตทสฺสนตฺถํ. น หิ กทาจิ สติรหิตา าณปฺปวตฺติ อตฺถิ. ‘‘เอตสฺส หิ ปทสฺส อยํ วิตฺถาโร’’ติ อิมินา สติยา าเณน สมธุรตํเยว วิภาเวติ. เอตานิปทานีติ ‘‘อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหตี’’ติอาทีนิ ปทานิ. วิภตฺตาเนวาติ วิสุํ กตฺวา วิภตฺตานิเยว, อิมินาปิ สมฺปชฺสฺส วิย สติยาเปตฺถ ปธานตเมว วิภาเวติ.

มชฺฌิมภาณกา ปน ภณนฺติ – เอโก ภิกฺขุ คจฺฉนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต คจฺฉติ, เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว คจฺฉติ. ตถา เอโก ติฏฺนฺโต…เป… นิสีทนฺโต…เป… สยนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต สยติ, เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว สยติ, เอตฺตเกน ปน น ปากฏํ โหตีติ จงฺกมเนน ทีเปนฺติ. โย หิ ภิกฺขุ จงฺกมํ โอตริตฺวา จ จงฺกมนโกฏิยํ ิโต ปริคฺคณฺหาติ ‘‘ปาจีนจงฺกมนโกฏิยํ ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา ปจฺฉิมจงฺกมนโกฏึ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, ปจฺฉิมจงฺกมนโกฏิยํ ปวตฺตาปิ ปาจีนจงฺกมนโกฏึ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, จงฺกมนมชฺเฌ ปวตฺตา อุโภ โกฏิโย อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, จงฺกมเน ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา านํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, าเน ปวตฺตา นิสชฺชํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, นิสชฺชาย ปวตฺตา สยนํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ เอวํ ปริคฺคณฺหนฺโต ปริคฺคณฺหนฺโตเยว ภวงฺคํ โอตรติ. อุฏฺหนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว อุฏฺหติ, อยํ ภิกฺขุ คตาทีสุ สมฺปชานการี นาม โหตีติ . เอวมฺปิ น โสตฺเต กมฺมฏฺานํ อวิภูตํ โหติ, ตสฺมา ภิกฺขุ ยาว สกฺโกติ, ตาว จงฺกมิตฺวา ตฺวา นิสีทิตฺวา สยมาโน เอวํ ปริคฺคเหตฺวา สยติ ‘‘กาโย อเจตโน, มฺโจ อเจตโน, กาโย น ชานาติ ‘อหํ มฺเจ สยิโต’ติ, มฺโจ น ชานาติ ‘มยิ กาโย สยิโต’ติ, อเจตโน กาโย อเจตเน มฺเจ สยิโต’’ติ เอวํ ปริคฺคณฺหนฺโต เอว จิตฺตํ ภวงฺเค โอตาเรติ. ปพุชฺฌนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว ปพุชฺฌติ, อยํ โสตฺเต สมฺปชานการี นาม โหติ. กายาทีกิริยานิพฺพตฺตเนน ตมฺมยตฺตา, อาวชฺชนกิริยา สมุฏฺิตตฺตา จ ชวนํ สพฺพมฺปิ วา ฉทฺวารปฺปวตฺตํ กิริยมยปวตฺตํ นาม. ตสฺมึ สติ ชาคริตํ นาม โหตีติ ปริคฺคณฺหนฺโต ชาคริเต สมฺปชานการี นาม. อปิ จ รตฺตินฺทิวํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา ปฺจ โกฏฺาเส ชคฺคนฺโตปิ ชาคริเต สมฺปชานการี นาม โหติ. วิมุตฺตายตนสีเสน ธมฺมํ เทเสนฺโตปิ พตฺตึสติรจฺฉานกถํ ปหาย ทสกถาวตฺถุนิสฺสิตสปฺปายกถํ กเถนฺโตปิ ภาสิเต สมฺปชานการี นาม. อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ จิตฺตรุจิยํ มนสิการํ ปวตฺเตนฺโตปิ ทุติยํ ฌานํ สมาปนฺโนปิ ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี นาม. ทุติยฺหิ ฌานํ วจีสงฺขารวิรหโต วิเสสโต ตุณฺหีภาโว นามาติ. เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน, สตฺตสุปิ าเนสุ จตุธาติ อตฺโถ.

สนฺโตสกถาวณฺณนา

๒๑๕. ยสฺส สนฺโตสสฺส อตฺตนิ อตฺถิตาย ภิกฺขุ ‘‘สนฺตุฏฺโ’’ติ วุจฺจติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิตรีตรปจฺจยสนฺโตเสน สมนฺนาคโต’’ติ อาห. จีวราทิ ยตฺถ กตฺถจิ ปจฺจเย สนฺตุสฺสเนน สมงฺคีภูโตติ อตฺโถ. อถ วา อิตรํ วุจฺจติ หีนํ ปณีตโต อฺตฺตา, ตถา ปณีตํ อิตรํ หีนโต อฺตฺตา. อเปกฺขาสิทฺธา หิ อิตรตาติ. อิติ เยน ธมฺเมน หีเนน วา ปณีเตน วา จีวราทิปจฺจเยน สนฺตุสฺสติ, โส ตถา ปวตฺโต อโลโภ อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส, เตน สมนฺนาคโต. ยถาลาภํ อตฺตโน ลาภานุรูปํ สนฺโตโส ยถาลาภสนฺโตโส. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. ลพฺภตีติ วา ลาโภ, โย โย ลาโภ ยถาลาภํ, เตน สนฺโตโส ยถาลาภสนฺโตโส.พลนฺติ กายพลํ. สารุปฺปนฺติ ปกติทุพฺพลาทีนํ อนุจฺฉวิกตา.

ยถาลทฺธโต อฺสฺส อปตฺถนา นาม สิยา อปฺปิจฺฉตายปิ ปวตฺติอากาโรติ ตโต วินิวตฺติตเมว สนฺโตสสฺส สรูปํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ลภนฺโตปิ น คณฺหาตี’’ติ อาห. ตํ ปริวตฺเตตฺวาติ ปกติทุพฺพลาทีนํ ครุจีวรํ น ผาสุภาวาวหํ, สรีรเขทาวหฺจ โหตีติ ปโยชนวเสน, น อตฺริจฺฉตาทิวเสน ตํ ปริวตฺเตตฺวา. ลหุกจีวรปริโภโค น สนฺโตสวิโรธีติ อาห ‘‘ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหตี’’ติ. มหคฺฆํ จีวรํ พหูนิ วา จีวรานิ ลภิตฺวาปิ ตานิ วิสฺสชฺเชตฺวา ตทฺสฺส คหณํ ยถาสารุปฺปนเย ิตตฺตา น สนฺโตสวิโรธีติ อาห ‘‘เตสํ…เป… ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหตี’’ติ. เอวํ เสสปจฺจเยปิ ยถาพลยถาสารุปฺปนิทฺเทเสสุ อปิ-สทฺทคฺคหเณ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ.

มุตฺตหรีตกนฺติ โคมุตฺตปริภาวิตํ, ปูติภาเวน วา ฉฑฺฑิตํ หรีตกํ. พุทฺธาทีหิ วณฺณิตนฺติ ‘‘ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติอาทินา (มหาว. ๗๓, ๑๒๘) สมฺมาสมฺพุทฺธาทีหิ ปสตฺถํ. อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺีสุ ภิกฺขู นิโยเชนฺโต ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ ปรเมน อุกฺกํสคเตน สนฺโตเสน สมนฺนาคตตฺตา.

กายํ ปริหรนฺติ โปเสนฺตีติ กายปริหาริกา. ตถา กุจฺฉิปริหาริกา เวทิตพฺพา. กุจฺฉิปริหาริกตา จ อชฺโฌหรเณน สรีรสฺส ิติยา อุปการกตาวเสน อิจฺฉิตาติ พหิทฺธาว กายสฺส อุปการกตาวเสน กายปริหาริกตา ทฏฺพฺพา.

ปริกฺขารมตฺตาติ ปริกฺขารคฺคหณํ. ตตฺรฏฺกปจฺจตฺถรณนฺติ อตฺตนา อนธิฏฺหิตฺวา ตตฺเถว ติฏฺนกปจฺจตฺถรณํ . ปจฺจตฺถรณาทีนฺเจตฺถ นวมาทิภาโว ยถาวุตฺตปฏิปาฏิยา ทฏฺพฺโพ, น เตสํ ตถา ปตินิยตภาวโต. กสฺมา? ตถา นธารณโต. ทุปฺโปสภาเวน มหาคชา วิยาติ มหาคชา. ยทิ อิตเรปิ อปฺปิจฺฉตาทิสภาวา, กึ เตสมฺปิ วเสน อยํ เทสนา อิจฺฉิตาติ? โนติ อาห ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิ. กายปริหาโร ปโยชนํ เอเตนาติ กายปริหาริกํ. เตนาห ‘‘กายํ ปริหรณมตฺตเกนา’’ติ.

จตูสุ ทิสาสุ สุขวิหารตาย สุขวิหารฏฺานภูตา จตสฺโส ทิสา เอตสฺสาติ จตุทฺทิโส จตุทฺทิโส เอว จาตุทฺทิโส. ตาสุ เอว กตฺถจิ สตฺเต วา สงฺขาเร วา ภเยน น ปฏิหนติ, สยํ วา เตน น ปฏิหฺตีติ อปฺปฏิโฆ. สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรนาติ อุจฺจาวเจน ปจฺจเยน สเกน, สนฺเตน, สมเมว จ ตุสฺสนโก. ปริจฺจ สยนฺติ, กายจิตฺตานิ ปริสยนฺติ อภิภวนฺตีติ ปริสฺสยา, สีหพฺยคฺฆาทโย, กามจฺฉนฺทาทโย จ, เต ปริสฺสเย อธิวาสนขนฺติยา วินยาทีหิ จ สหิตา ขนฺตา, อภิภวิตา จ. ถทฺธภาวกรภยาภาเวน อฉมฺภี. เอโก จเรติ เอกากี หุตฺวา จริตุํ สกฺกุเณยฺย. ขคฺควิสาณกปฺโปติ ตาย เอว เอกวิหาริตาย ขคฺคมิคสิงฺคสโม.

อสฺชาตวาตาภิฆาเตหิ สิยา สกุโณ อปกฺขโกติ ‘‘ปกฺขี สกุโณ’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺโต.

นีวรณปฺปหานกถาวณฺณนา

๒๑๖. วตฺตพฺพตํ อาปชฺชตีติ ‘‘อสุกสฺส ภิกฺขุโน อรฺเ ติรจฺฉานคตานํ วิย, วนจรกานํ วิย จ นิวาสมตฺตเมว, น ปน อรฺวาสานุจฺฉวิกา กาจิ สมฺมาปฏิปตฺตี’’ติ อปวาทวเสน วตฺตพฺพตํ, อารฺเกหิ วา ติรจฺฉานคเตหิ, วนจรวิสภาคชเนหิ วา สทฺธึ วิปฺปฏิปตฺติวเสน วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ. กาฬกสทิสตฺตา กาฬกํ, ถุลฺลวชฺชํ. ติลกสทิสตฺตา ติลกํ, อณุมตฺตวชฺชํ.

วิวิตฺตนฺติ ชนวิวิตฺตํ. เตนาห ‘‘สุฺ’’นฺติ. ตํ ปน ชนสทฺทโฆสาภาเวเนว เวทิตพฺพํ สทฺทกณฺฏกตฺตา ฌานสฺสาติ อาห ‘‘อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆสนฺติ อตฺโถ’’ติ. เอตเทวาติ นิสฺสทฺทตํเยว. วิหาโร ปาการปริจฺฉินฺโน สกโล อาวาโส. อฑฺฒโยโคติ ทีฆปาสาโท, ‘‘ครุฬสณฺานปาสาโท’’ติปิ วทนฺติ. ปาสาโทติ จตุรสฺสปาสาโท. หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโท . อฏฺโฏ ปฏิราชูนํ ปฏิพาหนโยคฺโค จตุปฺจภูมโก ปติสฺสยวิเสโส. มาโฬ เอกกูฏสงฺคหิโต อเนกโกณวนฺโต ปติสฺสยวิเสโส. อปโร นโย วิหาโร นาม ทีฆมุขปาสาโท. อฑฺฒโยโค เอกปสฺสจฺฉทนกเสนาสนํ. ตสฺส กิร เอกปสฺเส ภิตฺติ อุจฺจตรา โหติ, อิตรปสฺเส นีจา, เตน ตํ เอกปสฺสฉทนกํ โหติ. ปาสาโท นาม อายตจตุรสฺสปาสาโท. หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนกํ จนฺทิกงฺคณยุตฺตํ. คุหา นาม เกวลา ปพฺพตคุหา. เลณํ ทฺวารพทฺธํ ปพฺภารํ. เสสํ วุตฺตนยเมว. มณฺฑโปติ สาขามณฺฑโป.

วิหารเสนาสนนฺติ ปติสฺสยภูตํ เสนาสนํ. มฺจปีเสนาสนนฺติ มฺจปีฺเจว มฺจปีสมฺพนฺธเสนาสนฺจ. จิมิลิกาทิ สนฺถริตพฺพโต สนฺถตเสนาสนํ. อภิสงฺขรณาภาวโต สยนสฺส นิสชฺชาย จ เกวลํ โอกาสภูตํ เสนาสนํ. ‘‘วิวิตฺตํ เสนาสน’’นฺติ อิมินา เสนาสนคฺคหเณน สงฺคหิตเมว สามฺโชตนาภาวโต.

ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘อรฺ’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อิม ปนา’’ติอาทิ. ‘‘ภิกฺขุนีนํ วเสน อาคต’’นฺติ อิทํ วินเย ตถา อาคตตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อภิธมฺเมปิ ปน ‘‘อรฺนฺติ นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา, สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) อาคตเมว. ตตฺถ หิ ยํ น คามปเทสนฺโตคธํ, ตํ ‘‘อรฺ’’นฺติ นิปฺปริยายวเสน ตถา วุตฺตํ. ธุตงฺคนิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑) ยํ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํ,ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยน คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. รุกฺขมูลนฺติ รุกฺขสมีปํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยาวตา มชฺฌนฺหิเก กาเล สมนฺตา ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ นิปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูล’’นฺติ. เสล-สทฺโท อวิเสสโต ปพฺพตปริยาโยติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปพฺพตนฺติ เสล’’นฺติ, น สิลามยเมว, ปํสุมยาทิโก ติวิโธปิ ปพฺพโต เอวาติ. วิวรนฺติ ทฺวินฺนํ ปพฺพตานํ มิโถ อาสนฺนตเร ิตานํ โอวรกาทิสทิสํ วิวรํ, เอกสฺมึเยว วา ปพฺพเต. อุมงฺคสทิสนฺติ สุทุงฺคาสทิสํ. มนุสฺสานํ อนุปจารฏฺานนฺติ ปกติสฺจารวเสน มนุสฺเสหิ น สฺจริตพฺพฏฺานํ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘วนปตฺถนฺติ วนสณฺานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจนํ, วนปตฺถนฺติ ภีสนกานเมตํ, วนปตฺถนฺติ สโลมหํสานเมตํ, วนปตฺถนฺติ ปริยนฺตานเมตํ, วนปตฺถนฺติ น มนุสฺสูปจารานเมตํ, วนปตฺถนฺติ ทุรภิสมฺภวานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติ (วิภ. ๕๓๑) อิมํ ปาฬิเสสํ สงฺคณฺหาติ. อจฺฉนฺนนฺติ เกนจิ ฉทเนน อนฺตมโส รุกฺขสาขายปิ น ฉาทิตํ. นิกฺกฑฺฒิตฺวาติ นีหริตฺวา. ปพฺภารเลณสทิเสติ ปพฺภารสทิเส เลณสทิเส จ.

ปิณฺฑปาตปริเยสนํ ปิณฺฑปาโต อุตฺตรปทโลเปนาติ อาห ‘‘ปิณฺฑปาตปริเยสนโต ปฏิกฺกนฺโต’’ติ . ปลฺลงฺกนฺติ เอตฺถ ปริสทฺโท ‘‘สมนฺตโต’’ติ เอตสฺส อตฺเถ, ตสฺมา วาโมรุฺจ ทกฺขิโณรุฺจ สมํ เปตฺวา อุโภ ปาเท อฺมฺํ สมฺพนฺธิตฺวา นิสชฺชา ปลฺลงฺกนฺติ อาห ‘‘สมนฺตโต อูรุพทฺธาสน’’นฺติ. อูรูนํ พนฺธนวเสน นิสชฺชา ปลฺลงฺกํ. อาภุชิตฺวาติ จ ยถา ปลฺลงฺกวเสน นิสชฺชา โหติ, เอวํ อุโภ ปาเท อาภุคฺเค ภฺชิเต กตฺวา, ตํ ปน อุภินฺนํ ปาทานํ ตถา สมฺพนฺธตากรณนฺติ อาห ‘‘พนฺธิตฺวา’’ติ.

เหฏฺิมกายสฺส จ อนุชุกํ ปนํ นิสชฺชาวจเนเนว โพธิตนฺติ ‘‘อุชุํ กาย’’นฺติ เอตฺถ กาย-สทฺโท อุปริมกายวิสโยติ อาห ‘‘อุปริมํ สรีรํ อุชุํ เปตฺวา’’ติ. ตํ ปน อุชุกปนํ สรูปโต, ปโยชนโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺารสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น ปณมนฺตีติ น โอนมนฺติ. น ปริปตตีติ น วิคจฺฉติ วีถึ น ลงฺเฆติ. ตโต เอว ปุพฺเพนาปรํ วิเสสปฺปตฺติยา กมฺมฏฺานํ วุฑฺฒึ ผาตึ เวปุลฺลํ อุปคจฺฉติ. ปริมุขนฺติ เอตฺถ ปริสทฺโท อภิ-สทฺเทน สมานตฺโถติ อาห ‘‘กมฺมฏฺานาภิมุข’’นฺติ, พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณโต นิวาเรตฺวา กมฺมฏฺานํเยว ปุรกฺขตฺวาติ อตฺโถ. สมีปตฺโถ วา ปริสทฺโทติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มุขสมีเป วา กตฺวา’’ติ อาห. เอตฺถ จ ยถา ‘‘วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชตี’’ติอาทินา ภาวนานุรูปํ เสนาสนํ ทสฺสิตํ, เอวํ ‘‘นิสีทตี’’ติ อิมินา อลีนานุทฺธจฺจปกฺขิโย สนฺโต อิริยาปโถ ทสฺสิโต. ‘‘ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา’’ติ อิมินา นิสชฺชาย ทฬฺหภาโว, ‘‘ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ อิมินา อารมฺมณปริคฺคหูปาโย. ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ ‘‘ปริณายิกา’’ติอาทีสุ วิย. มุขนฺติ นิยฺยานฏฺโ ‘‘สุฺตวิโมกฺขมุข’’นฺติอาทีสุ วิย. ปฏิปกฺขโต นิคฺคมนฏฺโ หิ นิยฺยานฏฺโ, ตสฺมา ปริคฺคหิตนิยฺยานนฺติ สพฺพถา คหิตาสมฺโมสํ ปริจตฺตสมฺโมสํ สตึ กตฺวา, ปรมํ สติเนปกฺกํ อุปฏฺเปตฺวาติ อตฺโถ.

๒๑๗. อภิชฺฌายติ คิชฺฌติ อภิกงฺขติ เอตายาติ อภิชฺฌา, โลโภ. ลุชฺชนฏฺเนาติ ภิชฺชนฏฺเน, ขเณ ขเณ ภิชฺชนฏฺเนาติ อตฺโถ. วิกฺขมฺภนวเสนาติ เอตฺถ วิกฺขมฺภนํ อนุปฺปาทนํ อปฺปวตฺตนํ, น ปฏิปกฺขานํ สุปฺปหีนตา. ‘‘ปหีนตฺตา’’ติ จ ปหีนสทิสตํ สนฺธาย วุตฺตํ ฌานสฺส อนธิคตตฺตา. ตถาปิ นยิทํ จกฺขุวิฺาณํ วิย สภาวโต วิคตาภิชฺฌํ, อถ โข ภาวนาวเสน, เตนาห ‘‘น จกฺขุวิฺาณสทิเสนา’’ติ. เอเสว นโยติ ยถา อิมสฺส จิตฺตสฺส ภาวนาย ปริภาวิตตฺตา วิคตาภิชฺฌตา, เอวํ อพฺยาปนฺนํ วิคตถินมิทฺธํ อนุทฺธตํ นิพฺพิจิกิจฺฉฺจาติ อตฺโถ. ปุริมปกตินฺติ ปริสุทฺธปณฺฑรสภาวํ. ‘‘ยา จิตฺตสฺส อกลฺยตาติ’’อาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๒; วิภ. ๕๔๖) ถินสฺส, ‘‘ยา กายสฺส อกลฺยตา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๓; วิภ. ๕๔๖) จ มิทฺธสฺส อภิธมฺเม นิทฺทิฏฺตฺตา วุตฺตํ ‘‘ถินํ จิตฺตเคลฺํ, มิทฺธํ เจตสิกเคลฺ’’นฺติ. สติปิ อฺมฺํ อวิปฺปโยเค จิตฺตกายลหุตาทีนํ วิย จิตฺตเจตสิกานํ ยถากมฺมํ ตํ ตํ วิเสสสฺส ยา เตสํ อกลฺยตาทีนํ วิเสสปฺปจฺจยตา, อยเมเตสํ สภาโวติ ทฏฺพฺพํ. อาโลกสฺีติ เอตฺถ อติสยตฺถวิสิฏฺอตฺถิ อตฺถาวโพธโก อยมีกาโรติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘รตฺติมฺปิ…เป… สมนฺนาคโต’’ติ. อิทํ อุภยนฺติ สติสมฺปชฺมาห. อติกฺกมิตฺวา วิกฺขมฺภนวเสน ปชหิตฺวา. ‘‘กถมิท’’นฺติ ปวตฺติยา กถงฺกถา, วิจิกิจฺฉา. สา เอตสฺส อตฺถีติ กถงฺกถี, น กถงฺกถีติ อกถํกถี, นิพฺพิจิกิจฺโฉ. ลกฺขณาทิเภทโตติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ปจฺจยปหานปหายกาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เตปิ หิ เภทโต วตฺตพฺพาติ.

๒๑๘. เตสนฺติ อิณวเสน คหิตธนานํ. ปริยนฺโตติ ทาตพฺพเสโส. โส พลวปาโมชฺชํ ลภติ ‘‘อิณปลิโพธโต มุตฺโตมฺหี’’ติ. โสมนสฺสํ อธิคจฺฉติ ‘‘ชีวิกานิมิตฺตํ อตฺถี’’ติ.

๒๑๙. วิสภาคเวทนุปฺปตฺติยาติ ทุกฺขเวทนุปฺปตฺติยา. ทุกฺขเวทนา หิ สุขเวทนาย กุสลวิปากสนฺตานสฺส วิโรธิตาย วิสภาคา. จตุอิริยาปถํ ฉินฺทนฺโตติ จตุพฺพิธมฺปิ อิริยาปถปฺปวตฺตึ ปจฺฉินฺทนฺโต. พฺยาธิโก หิ ยถา านคมเนสุ อสมตฺโถ, เอวํ นิสชฺชาทีสุปิ อสมตฺโถ โหติ. อาพาเธตีติ ปีเฬติ. วาตาทีนํ วิกาโร วิสมาวตฺถา พฺยาธีติ อาห ‘‘ตํสมุฏฺาเนน ทุกฺเขน ทุกฺขิโต’’ติ. ทุกฺขเวทนาย ปน พฺยาธิภาเว มูลพฺยาธินา อาพาธิโก อาทิโต พาธตีติ กตฺวา. อนุพนฺธพฺยาธินา ทุกฺขิโต อปราปรํ สฺชาตทุกฺโขติ กตฺวา. คิลาโนติ ธาตุสงฺขเยน ปริกฺขีณสรีโร. อปฺปมตฺตกํ วา พลํ พลมตฺตา. ตทุภยนฺติ ปาโมชฺชํ, โสมนสฺสฺจ. ตตฺถ ลเภถ ปาโมชฺชํ ‘‘โรคโต มุตฺโตมฺหี’’ติ. อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺสํ ‘‘อตฺถิ เม กาเย พล’’นฺติ.

๒๒๐. เสสนฺติ ‘‘ตสฺส หิ ‘พนฺธนา มุตฺโตมฺหี’ติ อาวชฺชยโต ตทุภยํ โหติ. เตน วุตฺต’’นฺติ เอวมาทิ. วุตฺตนเยเนวาติ ปมทุติยปเทสุ วุตฺตนเยเนว. สพฺพปเทสูติ อวสิฏฺปเทสุ ตติยาทีสุ โกฏฺาเสสุ.

๒๒๑-๒๒๒. น อตฺตนิ อธีโนติ น อตฺตายตฺโต. ปราธีโนติ ปรายตฺโต. อปราธีนตาย ภุโช วิย อตฺตโน กิจฺเจ เอสิตพฺโพติ ภุชิสฺโส. สวโสติ อาห ‘‘อตฺตโน สนฺตโก’’ติ. อนุทกตาย กํ ปานียํ ตาเรนฺติ เอตฺถาติ กนฺตาโรติ อาห ‘‘นิรุทกํ ทีฆมคฺค’’นฺติ.

๒๒๓. ตตฺราติ ตสฺมึ ทสฺสเน. อยนฺติ อิทานิ วุจฺจมานา สทิสตา. เยน อิณาทีนํ อุปมาภาโว, กามจฺฉนฺทาทีนฺจ อุปเมยฺยภาโว โหติ, โส เนสํ อุปโมปเมยฺยสมฺพนฺโธ สทิสตาติ ทฏฺพฺพํ. โย ยมฺหิ กามจฺฉนฺเทน รชฺชตีติ โย ปุคฺคโล ยมฺหิ กามราคสฺส วตฺถุภูเต ปุคฺคเล กามจฺฉนฺทวเสน รตฺโต โหติ. ตํ วตฺถุํ คณฺหาตีติ ตํ ตณฺหาวตฺถุํ ‘‘มเมต’’นฺติ คณฺหาติ.

อุปทฺทเวถาติ อุปทฺทวํ กโรถ.

นกฺขตฺตสฺสาติ มหสฺส. มุตฺโตติ พนฺธนโต มุตฺโต.

วินเย อปกตฺุนาติ วินยกฺกเม อกุสเลน. โส หิ กปฺปิยากปฺปิยํ ยาถาวโต น ชานาติ. เตนาห ‘‘กิสฺมิฺจิเทวา’’ติอาทิ.

คจฺฉติปีติ โถกํ โถกํ คจฺฉติปิ. คจฺฉนฺโต ปน ตาย เอว อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิตตาย ตตฺถ ตตฺถ ติฏฺติปิ. อีทิเส กนฺตาเร คโต ‘‘โก ชานาติ กึ ภวิสฺสตี’’ติ นิวตฺตติปิ, ตสฺมา คตฏฺานโต อคตฏฺานเมว พหุตรํ โหติ. สทฺธาย คณฺหิตุํ สทฺเธยฺยํ วตฺถุํ ‘‘อิทเมว’’นฺติ สทฺทหิตุํ น สกฺโกติ. อตฺถิ นตฺถีติ ‘‘อตฺถิ นุ โข, นตฺถิ นุ โข’’ติ. อรฺํ ปวิฏฺสฺส อาทิมฺหิ เอว สปฺปนํ อาสปฺปนํ. ปริ ปริโต, อุปรูปริ วา สปฺปนํ ปริสปฺปนํ. อุภเยนปิ ตตฺเถว ปริพฺภมนํ วทติ. เตนาห ‘‘อปริโยคาหน’’นฺติ. ฉมฺภิตตฺตนฺติ อรฺสฺาย อุปฺปนฺนํ ฉมฺภิตภาวํ, อุตฺราสนฺติ อตฺโถ.

๒๒๔. ตตฺรายํ สทิสตาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนยานุสาเรน สทิสตา เวทิตพฺพา. ยทคฺเคน หิ กามจฺฉนฺทาทโย อิณาทิสทิสา, ตทคฺเคน เตสํ ปหานํ อาณณฺยาทิสทิสํ อภาโวติ กตฺวา. ฉ ธมฺเมติ อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, อสุภภาวนานุโยโค, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม. ภาเวตฺวาติ พฺรูเหตฺวา. มหาสติปฏฺาเน (ที. นิ. ๒.๓๗๒-๓๗๔) วณฺณยิสฺสาม ตตฺถสฺส อนุปฺปนฺนานุปฺปาทนอุปฺปนฺนปหานาทิวิภาวนวเสน สวิเสสํ ปาฬิยา อาคตตฺตา. เอส นโย พฺยาปาทาทิปฺปหานกภาเวปิ. ปรวตฺถุมฺหีติ อารมฺมณภูเต ปรสฺมึ วตฺถุสฺมึ.

อนตฺถกโรติ อตฺตโน ปรสฺส จ อนตฺถาวโห. ฉ ธมฺเมติ เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, เมตฺตาภาวนานุโยโค , กมฺมสฺสกตา, ปฏิสงฺขานพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม. ตตฺเถวาติ มหาสติปฏฺาเนเยว (ที. นิ. ๒.๓๗๒-๓๗๔). จาริตฺตสีลํ อุทฺทิสฺส ปฺตฺตสิกฺขาปทํ อาจารปณฺณตฺติ.

พนฺธนาคารํ ปเวสิตตฺตา อลทฺธนกฺขตฺตานุภโว ปุริโส ‘‘นกฺขตฺตทิวเส พนฺธนาคารํ ปเวสิโต ปุริโส’’ติ วุตฺโต, นกฺขตฺตทิวเส เอว วา ตทนนุภวนตฺถํ ตถา กโต. มหาอนตฺถกรนฺติ ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถหาปนมุเขน มหโต อนตฺถสฺส การกํ. ฉ ธมฺเมติ อติโภชเน นนิมิตฺตคฺคาโห, อิริยาปถสมฺปริวตฺตนตา, อาโลกสฺามนสิกาโร, อพฺโภกาสวาโส, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม.

อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺเจ มหาอนตฺถกรนฺติ ปรายตฺตตาปาทนโต วุตฺตนเยน มหโต อนตฺถสฺส การกนฺติ. อตฺโถ ฉ ธมฺเมติ พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตฺุตา, วุฑฺฒเสวิตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม.

พลวาติ ปจฺจตฺถิกวิธมนสมตฺเถน พเลน พลวา. สชฺชาวุโธติ สนฺนทฺธธนุอาทิอาวุโธ. สูรวีรเสวกชนวเสน สปริวาโร. ตนฺติ ยถาวุตฺตํ ปุริสํ. พลวนฺตตาย, สชฺชาวุธตาย, สปริวารตาย จ โจรา ทูรโตว ทิสฺวา ปลาเยยฺยุํ. อนตฺถการิกาติ สมฺมาปฏิปตฺติยา วิพนฺธกรณโต วุตฺตนเยน อนตฺถการิกา. ฉ ธมฺเมติ พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตฺุตา, อธิโมกฺขพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม. ยถา พาหุสจฺจาทีนิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ วิจิกิจฺฉาย ปีติ อิธาปิ พหุสฺสุตตาทโย คหิตา. กลฺยาณมิตฺตตา สปฺปายกถา วิย ปฺจนฺนํ, ตสฺมา ตสฺส ตสฺส อนุจฺฉวิกเสวนตา เวทิตพฺพา. สมฺมาปฏิปตฺติยา อปฺปฏิปตฺตินิมิตฺตตามุเขน วิจิกิจฺฉา มิจฺฉาปฏิปตฺติเมว ปริพฺรูเหตีติ ตสฺสา ปหานํ ทุจฺจริตวิธูนนูปาโยติ อาห ‘‘ทุจฺจริตกนฺตารํ นิตฺถริตฺวา’’ติอาทิ.

๒๒๕. ปาโมชฺชํ นาม ตรุณปีติ, สา กถฺจิปิ ตุฏฺาวตฺถาติ อาห ‘‘ปาโมชฺชํ ชายตีติ ตุฏฺากาโร ชายตี’’ติ. ตุฏฺสฺสาติ โอกฺกนฺติกภาวปฺปตฺตาย ปีติยา วเสน ตุฏฺสฺส. อตฺตโน สวิปฺผาริกตาย, อตฺตสมุฏฺานปณีตรูปุปฺปตฺติยา จ สกลสรีรํ โขภยมานา ผรณลกฺขณา ปีติ ชายติ. ปีติสหิตํ ปีติ อุตฺตรปทโลเปน, กึ ปน ตํ ? มโน. ปีติ มโน เอตสฺสาติ ปีติมโน, ตสฺส ปีติมนสฺส. ตยิทํ อตฺถมตฺตเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘ปีติสมฺปยุตฺตจิตฺตสฺสา’’ติ อาห. กาโยติ อิธ อรูปกลาโป อธิปฺเปโต, น เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยเมวาติ อาห ‘‘นามกาโย ปสฺสมฺภตี’’ติ, ปสฺสทฺธิทฺวยสฺส ปีติวเสเนตฺถ ปสฺสมฺภนํ อธิปฺเปตํ. วิคตทรโถติ ปหีนอุทฺธจฺจาทิกิเลสทรโถ. วุตฺตปฺปการาย ปุพฺพภาคภาวนาย วเสน เจตสิกสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโตเยว ตํสมุฏฺานปณีตรูปผุฏฺสรีรตาย กายิกมฺปิ สุขํ เวเทตีติ อาห ‘‘กายิกมฺปิ เจตสิกมฺปิ สุขํ เวทยตี’’ติ. อิมินาติ ‘‘สุขํ ปฏิสํเวเทตี’’ติ เอวํ วุตฺเตน. สํกิเลสปกฺขโต นิกฺขนฺตตฺตา, ปมชฺฌานปกฺขิกตฺตา จ เนกฺขมฺมสุเขน. สุขิตสฺสาติ สุขิโน.

ปมชฺฌานกถาวณฺณนา

๒๒๖. ‘‘จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ เอเตน อุปจารวเสนปิ อปฺปนาวเสนปิ จิตฺตสฺส สมาธานํ กถิตํ. เอวํ สนฺเต ‘‘โส วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทิกา เทสนา กิมตฺถิยาติ อาห ‘‘โส วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… วุตฺต’’นฺติ. ตตฺถ อุปริวิเสสทสฺสนตฺถนฺติ ปมชฺฌานาทิอุปริวตฺตพฺพวิเสสทสฺสนตฺถํ. น หิ อุปจารสมาธิสมธิคเมน วินา ปมชฺฌานาทิวิเสโส สมธิคนฺตุํ สกฺกา. ปาโมชฺชุปฺปาทาทีหิ การณปรมฺปรา ทุติยชฺฌานาทิสมธิคเมปิ อิจฺฉิตพฺพาว ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ วิย ทุติยมคฺคาทิสมธิคเมติ ทฏฺพฺพํ. ตสฺส สมาธิโนติ ‘‘สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ เอวํ สาธารณวเสน วุตฺโต โย อปฺปนาลกฺขโณ, ตสฺส สมาธิโน. ปเภททสฺสนตฺถนฺติ ทุติยชฺฌานาทิวิภาคสฺส เจว อภิฺาทิวิภาคสฺส จ ปเภททสฺสนตฺถํ. กโร วุจฺจติ ปุปฺผสมฺภวํ คพฺภาสเย กรียตีติ กตฺวา, กรโต ชาโต กาโย กรชกาโย, ตทุปสนิสฺสโย จตุสนฺตติรูปสมุทาโย. กามํ นามกาโยปิ วิเวกเชน ปีติสุเขน ตถาลทฺธุปกาโร, ‘‘อภิสนฺเทตี’’ติอาทิวจนโต ปน รูปกาโย อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อิมํ กรชกาย’’นฺติ. อภิสนฺเทตีติ อภิสนฺทนํ กโรติ. ตํ ปน ฌานมเยน ปีติสุเขน กรชกายสฺส ตินฺตภาวาปาทนํ, สพฺพตฺถกเมว ลูขภาวาปนยนนฺติ อาห ‘‘เตเมตี’’ติอาทิ, ตยิทํ อภิสนฺทนํ อตฺถโต ยถาวุตฺตปีติสุขสมุฏฺาเนหิ ปณีตรูเปหิ กายสฺส ปริปฺผรณํ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ปริสนฺเทตี’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. สพฺพํ เอตสฺส อตฺถีติ สพฺพวา, ตสฺส สพฺพาวโต. อวยวาวยวิสมฺพนฺเธ อวยวินิ สามิวจนนฺติ อวยวีวิสโย สพฺพ-สทฺโท, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สพฺพโกฏฺาสวโต’’ติ. อผุฏํนาม น โหติ ยตฺถ ยตฺถ กมฺมชรูปํ, ตตฺถ ตตฺถ จิตฺตชรูปสฺส อภิพฺยาปนโต. เตนาห ‘‘อุปาทินฺนกสนฺตตี’’ติอาทิ.

๒๒๗. เฉโกติ กุสโล. ตํ ปนสฺส โกสลฺลํ นฺหานิยจุณฺณานํ สนฺนเน ปิณฺฑีกรเณ จ สมตฺถตาวเสน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปฏิพโล’’ติอาทิ. กํส-สทฺโท ‘‘มหติยา กํสปาติยา’’ติอาทีสุ สุวณฺเณ อาคโต.

‘‘กํโส อุปหโต ยถา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๓๔) กิตฺติมโลเห, กตฺถจิ ปณฺณตฺติมตฺเต ‘‘อุปกํโส นาม ราชาปิ มหากํสสฺส อตฺรโช’’ติอาทิ, [ชา. อฏฺ. ๔.๑๐ ฆฏปณฺฑิตชาตกวณฺณนายํ (อตฺถโต สมานํ)] อิธ ปน ยตฺถ กตฺถจิ โลเหติ อาห ‘‘เยน เกนจิ โลเหน กตภาชเน’’ติ. สฺเนหานุคตาติ อุทกสิเนเหน อนุปวิสนวเสน คตา อุปคตา. สฺเนหปเรตาติ อุทกสิเนเหน ปริโต คตา สมนฺตโต ผุฏฺา, ตโต เอว สนฺตรพาหิรา ผุฏฺา สิเนเหน, เอเตน สพฺพโส อุทเกน เตมิตภาวมาห. ‘‘น จ ปคฺฆรณี’’ติ เอเตน ตินฺตสฺสปิ ตสฺส ฆนถทฺธภาวํ วทติ. เตนาห ‘‘น จ พินฺทุํ พินฺทุ’’นฺติอาทิ.

ทุติยชฺฌานกถาวณฺณนา

๒๒๙. ตาหิ ตาหิ อุทกสิราหิ อุพฺภิชฺชตีติ อุพฺภิทํ, อุพฺภิทํ อุทกํ เอตสฺสาติ อุพฺภิโททโก. อุพฺภินฺนอุทโกติ นทีตีเร ขตกูปโก วิย อุพฺภิชฺชนกอุทโก. อุคฺคจฺฉนกอุทโกติ ธาราวเสน อุฏฺหนอุทโก. กสฺมา ปเนตฺถ อุพฺภิโททโกว รหโท คหิโต, น อิตโรติ อาห ‘‘เหฏฺา อุคฺคจฺฉนอุทกฺหี’’ติอาทิ. ธารานิปาตปุพฺพุฬเกหีติ ธารานิปาเตหิ อุทกปุพฺพุฬเกหิ จ, ‘‘เผณปฏเลหิ จา’’ติ วตฺตพฺพํ. สนฺนิสินฺนเมวาติ อปริกฺโขภตาย นิจฺจลเมว, สุปฺปสนฺนเมวาติ อธิปฺปาโย. เสสนฺติ ‘‘อภิสนฺเทตี’’ติอาทิกํ.

ตติยชฺฌานกถาวณฺณนา

๒๓๑. อุปฺปลานีติ อุปฺปลคจฺฉานิ. เสตรตฺตนีเลสูติ อุปฺปเลสุ, เสตุปฺปลรตฺตุปฺปลนีลุปฺปเลสูติ อตฺโถ. ยํ กิฺจิ อุปฺปลํ อุปฺปลเมว สามฺคหณโต . สตปตฺตนฺติ เอตฺถ สต-สทฺโท พหุปริยาโย ‘‘สตคฺฆี’’ติอาทีสุ วิย, เตน อเนกสตปตฺตสฺสปิ สงฺคโห สิทฺโธ โหติ. โลเก ปน ‘‘รตฺตํ ปทุมํ, เสตํ ปุณฺฑรีก’’นฺติปิ วุจฺจติ. ยาว อคฺคา, ยาว จ มูลา อุทเกน อภิสนฺทนาทิสมฺภวทสฺสนตฺถํ อุทกานุคฺคตคฺคหณํ. อิธ อุปฺปลาทีนิ วิย กรชกาโย, อุทกํ วิย ตติยชฺฌานสุขํ.

จตุตฺถชฺฌานกถาวณฺณนา

๒๓๓. ยสฺมา ‘‘ปริสุทฺเธน เจตสา’’ติ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตมาห, ตฺจ ราคาทิอุปกฺกิเลสาปคมนโต นิรุปกฺกิเลสํ นิมฺมลํ, ตสฺมา อาห ‘‘นิรุปกฺกิเลสฏฺเน ปริสุทฺธ’’นฺติ. ยสฺมา ปน ปาริสุทฺธิยา เอว ปจฺจยวิเสเสน ปวตฺติวิเสโส ปริโยทาตตา สุวณฺณสฺส นิฆํสเนน ปภสฺสรตา วิย, ตสฺมา อาห ‘‘ปภสฺสรฏฺเน ปริโยทาตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ. อิทนฺติ โอทาตวจนํ. อุตุผรณตฺถนฺติ อุณฺหอุตุโน ผรณทสฺสนตฺถํ. อุตุผรณํ น โหติ สวิเสสนฺติ อธิปฺปาโย, เตนาห ‘‘ตงฺขณ…เป… พลวํ โหตี’’ติ. วตฺถํ วิย กรชกาโยติ โยคิโน กรชกาโย วตฺถํ วิย ทฏฺพฺโพ อุตุผรณสทิเสน จตุตฺถชฺฌานสุเขน ผริตพฺพตฺตา. ปุริสสฺส สรีรํ วิย จตุตฺถชฺฌานํ ทฏฺพฺพํ อุตุผรณฏฺานิยสฺส สุขสฺส นิสฺสยภาวโต, เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ‘‘ปริสุทฺเธน เจตสา’’ติ เจโต คหเณน ฌานสุขํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ, เตนาห ‘‘อุตุผรณํ วิย จตุตฺถชฺฌานสุข’’นฺติ. นนุ จ จตุตฺถชฺฌาเน สุขเมว นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ สาตลกฺขณสนฺตสภาวตฺตา ปเนตฺถ อุเปกฺขา ‘‘สุข’’นฺติ อธิปฺเปตา. เตน วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนิยํ ‘‘อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิจฺเจว ภาสิตา’’ติ. (วิภ. อฏฺ. ๒๓๒; วิสุทฺธิ. ๒.๖๔๔; ปฏิ. ม. ๑๐๕, มหานิ. อฏฺ. ๒๗)

น อรูปชฺฌานลาภีติ น เวทิตพฺโพ อวินาภาวโต, เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. ตตฺถ จุทฺทสหากาเรหีติ กสิณานุโลมโต, กสิณปฏิโลมโต, กสิณานุโลมปฏิโลมโต, ฌานานุโลมโต, ฌานปฏิโลมโต, ฌานานุโลมปฏิโลมโต, ฌานุกฺกนฺติกโต, กสิณุกฺกนฺติกโต, ฌานกสิณุกฺกนฺติกโต, องฺคสงฺกนฺติโต, อารมฺมณสงฺกนฺติโต, องฺคารมฺมณสงฺกนฺติโต, องฺคววตฺถานโต , อารมฺมณววตฺถานโตติ อิเมหิ จุทฺทสหากาเรหิ. สติปิ ฌาเนสุ อาวชฺชนาทิวสีภาเว อยํ วสีภาโว อภิฺานิพฺพตฺตเน เอกนฺเตน อิจฺฉิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘น หิ…เป… โหตี’’ติ. สฺวายํ นโย อรูปสมาปตฺตีหิ วินา น อิชฺฌตีติ ตายเปตฺถ อวินาภาโว เวทิตพฺโพ. ยทิ เอวํ กสฺมา ปาฬิยํ น อารุปฺปชฺฌานานิ อาคตานีติ? วิเสสโต จ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานปาทกตฺตา สพฺพาภิฺานํ ตทนฺโตคธา กตฺวา ตาย เทสิตา, น อรูปาวจรชฺฌานานํ อิธ อนุปโยคโต, เตนาห ‘‘อรูปชฺฌานานิ อาหริตฺวา กเถตพฺพานี’’ติ.

วิปสฺสนาาณกถาวณฺณนา

๒๓๔. เสสนฺติ ‘‘เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทีสุ วตฺตพฺพํ. เยฺยํ ชานาตีติ าณํ, ตํ ปน เยฺยํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ปสฺสตีติ ทสฺสนํ, าณเมว ทสฺสนนฺติ าณทสฺสนํ. ตยิทํ าณทสฺสนปทํ สาสเน อฺตฺถ าณวิเสเส นิรูฬฺหํ, ตํ สพฺพํ อตฺถุทฺธารวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘าณทสฺสนนฺติ มคฺคาณมฺปิ วุจฺจตี’’ติอาทิมาห. ยสฺมา วิปสฺสนาาณํ เตภูมกสงฺขาเร อนิจฺจาทิโต ชานาติ, ภงฺคานุปสฺสนโต ปฏฺาย ปจฺจกฺขโต จ เต ปสฺสติ ตสฺมา อาห ‘‘อิธ ปน…เป… าณทสฺสนนฺติ วุตฺต’’นฺติ.

อภินีหรตีติ วุตฺตนเยน อฏฺงฺคสมนฺนาคเต ตสฺมึ จิตฺเต วิปสฺสนากฺกเมน ชาเต วิปสฺสนาภิมุขํ เปเสติ, เตนาห ‘‘วิปสฺสนา…เป… กโรตี’’ติ. ตทภิมุขภาโว เอว หิสฺส ตนฺนินฺนตาทิกรตา. วุตฺโตเยว พฺรหฺมชาเล. โอทนกุมฺมาเสหิ อุปจียตีติ โอทนกุมฺมาสูปจโย. อนิจฺจธมฺโมติ ปภงฺคุตาย อทฺธุวสภาโว. ทุคฺคนฺธวิฆาตตฺถายาติ สรีเร ทุคฺคนฺธสฺส วิคมาย. อุจฺฉาทนธมฺโมติ อุจฺฉาเทตพฺพตาสภาโว. อุจฺฉาทเนน หิ สรีเร เสทคูถปิตฺตเสมฺหาทิธาตุกฺโขภครุภาวทุคฺคนฺธานํ อปคโม โหติ. มหาสมฺพาหนํ มลฺลาทีนํ พาหุวฑฺฒนาทิอตฺถํ โหตีติ ‘‘ขุทฺทกสมฺพาหเนนา’’ติ วุตฺตํ. ปริมทฺทนธมฺโมติ ปริมทฺทิตพฺพตาสภาโว. ภิชฺชติ เจว วิกิรติ จาติ อนิจฺจตาวเสน ภิชฺชติ จ ภินฺนฺจ กิฺจิ ปโยชนํ อสาเธนฺตํ วิปฺปกิณฺณฺจ โหติ. รูปีติ อตฺตโน ปจฺจยภูเตน อุตุอาหารลกฺขเณน รูปวาติ อยเมตฺถ อตฺโถ อิจฺฉิโตติ อาห ‘‘ฉหิ ปเทหิ สมุทโย กถิโต’’ติ. สํสคฺเค หิ อยมีกาโร. สณฺานสมฺปาทนมฺปิ ตถารูปรูปุปฺปาทเนเนว โหตีติ อุจฺฉาทนปริมทฺทนปเทหิปิ สมุทโย กถิโตติ วุตฺตํ. เอวํ นวหิ ยถารหํ กาเย สมุทยวยธมฺมานุปสฺสิตา ทสฺสิตา. นิสฺสิตฺจ ฉฏฺวตฺถุนิสฺสิตตฺตา วิปสฺสนาาณสฺส. ปฏิพทฺธฺจ เตน วินา อปฺปวตฺตนโต, กายสฺิตานํ รูปธมฺมานํ อารมฺมณกรณโต จ.

๒๓๕. สุฏฺุ ภาติ โอภาสตีติ สุโภ, ปภาสมฺปตฺติยาปิ มณิโน ภทฺทตาติ อาห ‘‘สุโภติ สุนฺทโร’’ติ. กุรุวินฺทชาติ อาทิชาติวิเสโสปิ มณิโน อากรปริสุทฺธิมูลโก เอวาติ อาห ‘‘ปริสุทฺธากรสมุฏฺิโต’’ติ โทสนีหรณวเสน ปริกมฺมนิปฺผตฺตีติ อาห ‘‘สุฏฺุ กตปริกมฺโม อปนีตปาสาณสกฺขโร’’ติ. ฉวิยา สณฺหภาเวนสฺส อจฺฉตา, น สงฺฆาตสฺสาติ อาห ‘‘อจฺโฉติ ตนุจฺฉวี’’ติ, เตนาห ‘‘วิปฺปสนฺโน’’ติ. โธวนเวธนาทีหีติ จตูสุ ปาสาเณสุ โธวเนน เจว กาฬกาทิอปหรณตฺถาย สุตฺเตน อาวุนนตฺถาย จ วิชฺฌเนน. ตาปสณฺหกรณาทีนํ สงฺคโห อาทิ-สทฺเทน. วณฺณสมฺปตฺตินฺติ สุตฺตสฺส วณฺณสมฺปตฺตึ. มณิ วิย กรชกาโย ปจฺจเวกฺขิตพฺพโต. อาวุตสุตฺตํ วิย วิปสฺสนาาณํ อนุปวิสิตฺวา ิตตฺตา. จกฺขุมา ปุริโส วิย วิปสฺสนาลาภี ภิกฺขุ สมฺมเทว ทสฺสนโต. ตทารมฺมณานนฺติ รูปธมฺมารมฺมณานํ. ผสฺสปฺจมกจิตฺตเจตสิกคฺคหเณน คหิตธมฺมาปิ วิปสฺสนาจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนา เอวาติ เวทิตพฺพํ. เอวฺหิ เตสํ วิปสฺสนาาณคติกตฺตา ‘‘อาวุตสุตฺตํ วิย วิปสฺสนาาณ’’นฺติ วจนํ อวิโรธิตํ โหติ. กึ ปเนเต าณสฺส อาวิ ภวนฺติ, อุทาหุ ปุคฺคลสฺสาติ? าณสฺส. ตสฺส ปน อาวิภาวตฺตา ปุคฺคลสฺส อาวิภูตา นาม โหนฺติ. าณสฺสาติ จ ปจฺจเวกฺขณาาณสฺส.

มคฺคาณสฺส อนนฺตรํ, ตสฺมา โลกิยาภิฺานํ ปรโต ฉฏฺาภิฺาย ปุรโต วตฺตพฺพํ วิปสฺสนาาณํ. เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปายํ าณานุปุพฺพี, เอวํ สนฺเตปิ. เอตสฺส อนฺตราวาโร นตฺถีติ ปฺจสุ โลกิยาภิฺาสุ กถิตาสุ อากงฺเขยฺยสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๖๕) วิย ฉฏฺาภิฺา กเถตพฺพาติ เอตสฺส อนภิฺาลกฺขณสฺส วิปสฺสนาาณสฺส ตาสํ อนฺตราวาโร น โหติ. ตสฺมา ตตฺถ อวสราภาวโต อิเธว รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานานนฺตรเมว ทสฺสิตํ วิปสฺสนาาณํ. ยสฺมา จาติ -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน น เกวลํ ตเทว, อถ โข อิทมฺปิ การณํ วิปสฺสนาาณสฺส อิเธว ทสฺสเนติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ทิพฺเพน จกฺขุนา เภรวมฺปิ รูปํ ปสฺสโตติ เอตฺถ ‘‘อิทฺธิวิธาเณน เภรวํ รูปํ นิมฺมินิตฺวา จกฺขุนา ปสฺสโต’’ติปิ วตฺตพฺพํ, เอวมฺปิ อภิฺาลาภิโน อปริฺาตวตฺถุกสฺส ภยํ สนฺตาโส อุปฺปชฺชติ. อุจฺจาวาลิกวาสิ มหานาคตฺเถรสฺส วิย. ปาฏิเยกฺกํ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ. เตนาห ภควา –

‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติอาทิ. (ธ. ป. ๓๗๔);

มโนมยิทฺธิาณกถาวณฺณนา

๒๓๖-๗. มเนน นิพฺพตฺติตนฺติ อภิฺามเนน นิพฺพตฺติตํ. หตฺถปาทาทิ องฺเคหิ จ กปฺปรชณฺณุอาทิ ปจฺจงฺเคหิ จ. สณฺานวเสนาติ กมลทลาทิสทิสสณฺานมตฺตวเสน, น รูปาภิฆาตารหภูตปฺปสาทิอินฺทฺริยวเสน. สพฺพากาเรหีติ วณฺณสณฺานอวยววิเสสาทิสพฺพากาเรหิ. เตน อิทฺธิมตา. สทิสภาวทสฺสนตฺถเมวาติ สณฺานโตปิ วณฺณโตปิ อวยววิเสสโตปิ สทิสภาวทสฺสนตฺถเมว. สชาติยํ ิโต, น นาคิทฺธิยา อฺชาติรูโป.

อิทฺธิวิธาณาทิกกถาวณฺณนา

๒๓๙. สุปริกมฺมกตมตฺติกาทโยวิย อิทฺธิวิธาณํ วิกุพฺพนกิริยาย นิสฺสยภาวโต.

๒๔๑. สุขนฺติ อกิจฺเฉน, อกสิเรนาติ อตฺโถ.

๒๔๓. มนฺโท อุตฺตานเสยฺยกทารโกปิ ‘‘ทหโร’’ติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ยุวา’’ติ วุตฺตํ. ยุวาปิ โกจิ อนิจฺฉนโก อมณฺฑนชาติโก โหตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘มณฺฑนกชาติโก’’ติอาทิ วุตฺตํ, เตนาห ‘‘ยุวาปีติ’’อาทิ. กาฬติลปฺปมาณา พินฺทโว กาฬติลกานิ กาฬา วา กมฺมาสา, ติลปฺปมาณา พินฺทโว ติลกานิ. วงฺคํ นาม วิยงฺคํ. โยพฺพนปีฬกาทโย มุขทูสิปีฬกา. มุขคโต โทโส มุขโทโส, ลกฺขณวจนฺเจตํ มุเข อโทสสฺสาปิ ปากฏภาวสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ยถา วา มุเข โทโส, เอวํ มุเข อโทโสปิ มุขโทโส สรโลเปน. มุขโทโส จ มุขโทโส จ มุขโทโสติ เอกเสสนเยนเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ ‘‘ปเรสํ โสฬสวิธํ จิตฺตํ ปากฏํ โหตี’’ติ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ.

๒๔๕. ปุพฺเพนิวาสาณูปมายนฺติ ปุพฺเพนิวาสาณสฺส ทสฺสิตอุปมายํ. ตํ ทิวสํ กตกิริยา นาม ปากติกสตฺตสฺสปิ เยภุยฺเยน ปากฏา โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ตํทิวส-คฺคหณํ กตํ. ตํทิวสคตคามตฺตย-คฺคหเณเนว มหาภินีหาเรหิ อฺเสมฺปิ ปุพฺเพนิวาสาณลาภีนํ ตีสุ ภเวสุ กตกิริยา เยภุยฺเยน ปากฏา โหตีติ ทีปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๒๔๗. อปราปรํ สฺจรนฺเตติ ตํตํกิจฺจวเสน อิโต จิโต จ สฺจรนฺเต. ยถาวุตฺตปาสาโทวิย ภิกฺขุโน กรชกาโย ทฏฺพฺโพ ตตฺถ ปติฏฺิตสฺส ทฏฺพฺพทสฺสนสิทฺธิโต. จกฺขุมโต หิ ทิพฺพจกฺขุสมธิคโม. ยถาห ‘‘มํสจกฺขุสฺส อุปฺปาโท, มคฺโค ทิพฺพสฺส จกฺขุโน’’ติ (อิติวุ. ๖๑). จกฺขุมา ปุริโส วิย อยเมว ทิพฺพจกฺขุํ ปตฺวา ิโต ภิกฺขุ ทฏฺพฺพสฺส ทสฺสนโต. เคหํ ปวิสนฺตา วิย เอตํ อตฺตภาวเคหํ โอกฺกมนฺตา, อุปปชฺชนฺตาติ อตฺโถ. เคหา นิกฺขมนฺตา วิย เอตสฺมา อตฺตภาวเคหโต ปกฺกนฺตา, จวนฺตาติ อตฺโถ. เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อปราปรํ สฺจรณกสตฺตาติ ปน ปุนปฺปุนํ สํสาเร ปริพฺภมนฺตา สตฺตา. ‘‘ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตสตฺตา’’ติ ปน อิมินา ตสฺมึ ภเว ชาตสํวทฺเธ สตฺเต วทติ. นนุ จายํ ทิพฺพจกฺขุาณกถา, เอตฺถ กสฺมา ‘‘ตีสุ ภเวสู’’ติ จตุโวการภวสฺสาปิ สงฺคโห กโตติ อาห ‘‘อิทฺจา’’ติอาทิ. ตตฺถ อิทนฺติ ‘‘ตีสุ ภเวสุ นิพฺพตฺตสตฺตาน’’นฺติ อิทํ วจนํ. เทสนาสุขตฺถเมวาติ เกวลํ เทสนาสุขตฺถํ, น จตุโวการภเว นิพฺพตฺตสตฺตานํ ทิพฺพจกฺขุโน อาวิภาวสพฺภาวโต. น หิ ‘‘เปตฺวา อรูปภว’’นฺติ วา ‘‘ทฺวีสุ ภเวสู’’ติ วา วุจฺจมาเน เทสนา สุขาวโพธา จ โหตีติ.

อาสวกฺขยาณกถาวณฺณนา

๒๔๘. วิปสฺสนาปาทกนฺติ วิปสฺสนาย ปทฏฺานภูตํ. วิปสฺสนา จ ติวิธา วิปสฺสกปุคฺคลเภเทน. มหาโพธิสตฺตานฺหิ ปจฺเจกโพธิสตฺตานฺจ วิปสฺสนา จินฺตามยาณสํวทฺธิตา สยมฺภุาณภูตา, อิตเรสํ สุตมยาณสํวทฺธิตา ปโรปเทสสมฺภูตา นาม. สา ‘‘เปตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ อวเสสรูปารูปชฺฌานานํ อฺตรโต วุฏฺายา’’ติอาทินา อเนกธา, อรูปมุขวเสน จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานํ เตสํ เตสํ ธาตุปริคฺคหมุขานฺจ อฺตรมุขวเสน อเนกธา จ วิสุทฺธิมคฺเค นานานยโต วิภาวิตา. มหาโพธิสตฺตานํ ปน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสมุเขน ปเภทคมนโต นานานยํ สพฺพฺุตาณสนฺนิสฺสยสฺส อริยมคฺคาณสฺส อธิฏฺานภูตํ ปุพฺพภาคาณคพฺภํ คณฺหาเปนฺตํ ปริณตํ คจฺฉนฺตํ ปรมคมฺภีรํ สณฺหสุขุมตรํ อนฺสาธารณํ วิปสฺสนาาณํ โหติ, ยํ อฏฺกถาสุ ‘‘มหาวชิราณ’’นฺติ วุจฺจติ. ยสฺส จ ปวตฺติวิภาเคน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสปฺปเภทสฺส ปาทกภาเวน สมาปชฺชิยมานา จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยา เทวสิกํ สตฺถุ วฬฺชนกสมาปตฺติโย วุจฺจนฺติ, สฺวายํ พุทฺธานํ วิปสฺสนาจาโร ปรมตฺถมฺชุสายํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๒๑๖) อุทฺเทสโต ทสฺสิโต. อตฺถิเกหิ ตโต คเหตพฺโพ, อิธ ปน สาวกานํ วิปสฺสนา อธิปฺเปตา.

อาสวานํ ขยาณายาติ อาสวานํ เขปนโต สมุจฺฉินฺทนโต อาสวกฺขโย, อริยมคฺโค, ตตฺถ าณํ อาสวานํ ขยาณํ, ตทตฺถํ เตนาห ‘‘อาสวานํ ขยาณนิพฺพตฺตนตฺถายา’’ติ. อาสวา เอตฺถ ขียนฺตีติ อาสวานํ ขโย นิพฺพานํ. เขเปติ ปาปธมฺเมติ ขโย, มคฺโค. โส ปน ปาปกฺขโย อาสวกฺขเยน วินา นตฺถีติ ‘‘ขเย าณ’’นฺติ เอตฺถ ขยคฺคหเณน อาสวกฺขโย วุตฺโตติ อาห ‘‘ขเย าณ’’นฺติอาทิ. สมิตปาโป สมโณติ กตฺวา อาสวานํ ขีณตฺตา สมโณ นาม โหตีติ อาห ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตีติ เอตฺถ ผล’’นฺติ. อาสววฑฺฒิยา สงฺขาเร วฑฺเฒนฺโต วิสงฺขารโต สุวิทูรวิทูโรติ ‘‘อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ เอตฺถ อาสวกฺขยปทํ วิสงฺขาราธิวจนนฺติ อาห ‘‘อาสวกฺขยาติ เอตฺถ นิพฺพานํ วุตฺต’’นฺติ. ภงฺโคติ อาสวานํ ขณนิโรโธ ‘‘อาสวานํ ขโย’’ติ วุตฺโตติ โยชนา.

‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส ตทา ภิกฺขุโน ปจฺจกฺขโต คหิตภาวทสฺสนํ. ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺข’’นฺติ ตสฺส ปริจฺฉิชฺชคฺคหิตภาวทสฺสนํ. ‘‘น อิโต ภิยฺโย’’ติ ตสฺส อนวเสเสตฺวา คหิตภาวทสฺสนํ. เตนาห ‘‘สพฺพมฺปิ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทิ. สรสลกฺขณปฏิเวเธนาติ สภาวสงฺขาตสฺส ลกฺขณสฺส อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌเนน, อสมฺโมหปฏิเวโธติ จ. ยถา ตสฺมึ าเณ ปวตฺเต ปจฺฉา ทุกฺขสจฺจสฺส สรูปาทิปริจฺเฉเท สมฺโมโห น โหติ, ตถา ปวตฺติ, เตนาห ‘‘ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ. ทุกฺขํ สมุเทติ เอตสฺมาติ ทุกฺขสมุทโย, ตณฺหาติ อาห ‘‘ตสฺส จา’’ติอาทิ. ยํ านํ ปตฺวาติ ยํ นิพฺพานํ มคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยฏฺเน การณภูตํ อาคมฺม, ‘‘ปตฺวา’’ติ จ ตทุภยวโต ปุคฺคลสฺส ปตฺติ ตทุภยสฺส ปตฺติ วิยาติ กตฺวา วุตฺตํ. ปตฺวาติ วา ปาปุณนเหตุ. อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ, เต วา นปฺปวตฺตนฺติ เอตฺถาติ อปฺปวตฺติ, นิพฺพานํ. ตสฺสาติ ทุกฺขนิโรธสฺส. สมฺปาปกนฺติ สจฺฉิกรณวเสน สมฺมเทว ปาปกํ.

กิเลสวเสนาติ อาสวสงฺขาตกิเลสวเสน. ยสฺมา อาสวานํ ทุกฺขสจฺจปริยาโย ตปฺปริยาปนฺนตฺตา, เสสสจฺจานฺจ ตํสมุทยาทิปริยาโย อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปริยายโต’’ติ. ทสฺเสนฺโต สจฺจานีติ โยชนา. อาสวานํเยว เจตฺถ คหณํ ‘‘อาสวานํ ขยาณายา’’ติ อารทฺธตฺตา. ตถา หิ ‘‘กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๔๘; ม. นิ. ๑.๔๓๓; ม. นิ. ๓.๑๙) อาสววิมุตฺติสีเสเนว สพฺพกิเลสวิมุตฺติ วุตฺตา. ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ ปชนาตี’’ติอาทินา มิสฺสกมคฺโค อิธ กถิโตติ ‘‘สห วิปสฺสนาย โกฏิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถสี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ชานโต ปสฺสโต’’ติ อิมินา ปริฺาสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยา วุตฺตา. ‘‘วิมุจฺจตี’’ติ อิมินา ปหานาภิสมโย วุตฺโตติ อาห ‘‘อิมินา มคฺคกฺขณํ ทสฺเสตี’’ติ. ‘‘ชานโต ปสฺสโต’’ติ วา เหตุนิทฺเทโสยํ. ชานนเหตุ ทสฺสนเหตุ กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตีติ โยชนา. ธมฺมานฺหิ สมานกาลิกานมฺปิ ปจฺจยปฺปจฺจยุปฺปนฺนตา สหชาตโกฏิยา ลพฺภตีติ. ภวาสวคฺคหเณน เจตฺถ ภวราคสฺส วิย ภวทิฏฺิยาปิ สมวโรโธติ ทิฏฺาสวสฺสาปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ขีณา ชาตีติอาทีหิ ปเทหิ. ตสฺสาติ ปจฺจเวกฺขณาาณสฺส. ภูมินฺติ ปวตฺติฏฺานํ.

เยนาธิปฺปาเยน ‘‘กตมา ปนสฺสา’’ติอาทินา โจทนา กตา, ตํ วิวรนฺโต ‘‘น ตาวสฺสา’’ติอาทิมาห . ตตฺถ น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา มคฺคภาวนายาติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ การณมาห ‘‘ปุพฺเพว ขีณตฺตา’’ติ. น อนาคตา อสฺส ชาติ ขีณาติ โยชนา. น อนาคตาติ จ อนาคตภาวสามฺํ คเหตฺวา เลเสน โจเทติ, เตนาห ‘‘อนาคเต วายามาภาวโต’’ติ. อนาคตวิเสโส ปเนตฺถ อธิปฺเปโต, ตสฺส จ เขปเน วายาโมปิ ลพฺภเตว, เตนาห ‘‘ยา ปน มคฺคสฺสา’’ติอาทิ. เอกจตุปฺจโวการภเวสูติ ภวตฺตยคฺคหณํ วุตฺตนเยน อนวเสสโต ชาติยา ขีณภาวทสฺสนตฺถํ. นฺติ ยถาวุตฺตํ ชาตึ. โสติ ขีณาสโว ภิกฺขุ.

พฺรหฺมจริยวาโส นาม อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส นิพฺพตฺตนํ เอวาติ อาห ‘‘ปริวุตฺถ’’นฺติ. สมฺมาทิฏฺิยา จตูสุ สจฺเจสุ ปริฺาทิกิจฺจสาธนวเสน ปวตฺตมานาย สมฺมาสงฺกปฺปาทีนมฺปิ ทุกฺขสจฺเจ ปริฺาภิสมยานุคุณา ปวตฺติ, อิตรสจฺเจสุ จ เนสํ ปหานาภิสมยาทิปวตฺติ ปากฏา เอว, เตน วุตฺตํ ‘‘จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสนา’’ติ. ทุกฺขนิโรธมคฺเคสุ ปริฺาสจฺฉิกิริยาภาวนา ยาวเทว สมุทยปฺปหานตฺถายาติ อาห ‘‘เตน เตน มคฺเคน ปหาตพฺพกิเลสา ปหีนา’’ติ. อิตฺถตฺตายาติ อิเม ปการา อิตฺถํ, ตพฺภาโว อิตฺถตฺตํ, ตทตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. เต ปน ปการา อริยมคฺคพฺยาปารภูตา ปริฺาทโย อิธาธิปฺเปตาติ อาห ‘‘เอวํ โสฬสกิจฺจภาวายา’’ติ. เต หิ มคฺคํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺคานุภาเวน ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, ปริฺาทีสุ จ ปหานเมว ปธานํ ตทตฺถตฺตา อิตเรสนฺติ อาห ‘‘กิเลสกฺขยภาวาย วา’’ติ. ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณวเสน วา เอวํ วุตฺตํ. ทุติยวิกปฺเป อิตฺถตฺตายาติ นิสฺสกฺเก สมฺปทานวจนนฺติ อาห ‘‘อิตฺถภาวโต’’ติ. อปรนฺติ อนาคตํ. อิเม ปน จริมกตฺตภาวสงฺขาตา ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ, เอเตน เตสํ อปฺปติฏฺตํ ทสฺเสติ. อปริฺามูลิกา หิ ปติฏฺา. ยถาห ‘‘กพฬีกาเร เจ ภิกฺขเว อาหาเร อตฺถิ ราโค อตฺถิ นนฺที อตฺถิ ตณฺหา, ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรูฬฺห’’นฺติอาทิ. (สํ. นิ. ๒.๖๔; กถา. ๒๙๖; มหานิ. ๗) เตเนวาห ‘‘ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิยา’’ติอาทิ.

๒๔๙. ปพฺพตมตฺถเกติ ปพฺพตสิขเร. ตฺหิ เยภุยฺเยน สงฺขิตฺตํ สงฺกุจิตํ โหตีติ ปาฬิยํ ‘‘ปพฺพตสงฺเขเป’’ติ วุตฺตํ. ปพฺพตปริยาปนฺโน วา ปเทโส ปพฺพตสงฺเขโป. อนาวิโลติ อกาลุสิโย, สา จสฺส อนาวิลตา กทฺทมาภาเวน โหตีติ อาห ‘‘นิกฺกทฺทโม’’ติ. สิปฺปิโยติ สุตฺติโย. สมฺพุกาติ สงฺขลิกา. ิตาสุปิ นิสินฺนาสุปิ คาวีสุ. วิชฺชมานาสูติ ลพฺภมานาสุ, อิตรา ิตาปิ นิสินฺนาปิ ‘‘จรนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ สหจรณนเยน. ติฏฺนฺตเมว, น ปน กทาจิปิ จรนฺตํ. ทฺวยนฺติ สิปฺปิสมฺพุกํ, มจฺฉคุมฺพนฺติ อิทํ อุภยํ. ติฏฺนฺตนฺติ วุตฺตํ จรนฺตํ ปีติ อธิปฺปาโย. ‘‘อิตรฺจ ทฺวย’’นฺติ จ ยถาวุตฺตเมว สิปฺปิสมฺพุกาทิทฺวยํ วทติ. ตฺหิ จรตีติ. กึ วา อิมาย สหจริยาย, ยถาลาภคฺคหณํ ปเนตฺถ ทฏฺพฺพํ. สกฺขรกถลสฺส หิ วเสน ติฏฺนฺตนฺติ. สิปฺปิสมฺพุกสฺส มจฺฉคุมฺพสฺส จ วเสน ติฏฺนฺตมฺปิ จรนฺตํ ปีติ โยชนา กาตพฺพา.

เตสํ ทสนฺนํ าณานํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ อารมฺมณวิภาเค, เตสุ วา าเณสุ. ภูมิเภทโต, กาลเภทโต, สนฺตานเภทโต จาติ สตฺตวิธารมฺมณํ วิปสฺสนาาณํ. ‘‘รูปายตนมตฺตเมวา’’ติ อิทํ ตสฺส าณสฺส อภินิมฺมิยมาเน มโนมเย กาเย รูปายตนเมวารพฺภ ปวตฺตนโต วุตฺตํ, น ตตฺถ คนฺธายตํ อาทีนํ อภาวโต. น หิ รูปกลาโป คนฺธายตํ อาทิรหิโต อตฺถิ. ปรินิปฺผนฺนเมว นิมฺมิตรูปํ, เตนาห ‘‘ปริตฺตปจฺจุปฺปนฺนพหิทฺธารมฺมณ’’นฺติ. อาสวกฺขยาณํ นิพฺพานารมฺมณเมว สมานํ ปริตฺตตฺติกวเสน อปฺปมาณารมฺมณํ, อชฺฌตฺตตฺติกวเสน พหิทฺธารมฺมณํ, อตีตตฺติกวเสน นวตฺตพฺพารมฺมณฺจ โหตีติ อาห ‘‘อปฺปมาณพหิทฺธานวตฺตพฺพารมฺมณ’’นฺติ. กูโฏ วิย กูฏาคารสฺส ภควโต เทสนาย อรหตฺตํ อุตฺตมงฺคภูตนฺติ อาห ‘‘อรหตฺตนิกูเฏนา’’ติ. เทสนํ นิฏฺาเปสีติ ติตฺถกรมตหรวิภาวินึ นานาวิธกุหนลปนาทิมิจฺฉาชีววิทฺธํสินึ ติวิธสีลาลงฺกตํ ปรมสลฺเลขปฏิปตฺติทีปนึ ฌานาภิฺาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺมวิภูสิตํ จุทฺทสวิธมหาสามฺผลปฏิมณฺฑิตํ อนฺสาธารณํ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

อชาตสตฺตุอุปาสกตฺตปฏิเวทนากถาวณฺณนา

๒๕๐. อาทิมชฺฌปริโยสานนฺติ อาทิฺจ มชฺฌฺจ ปริโยสานฺจ. สกฺกจฺจํ สคารวํ. อารทฺธํ ธมฺมสงฺคาหเกหิ.

อภิกฺกนฺตา วิคตาติ อตฺโถติ อาห ‘‘ขเย ทิสฺสตี’’ติ. ตถา หิ ‘‘นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม’’ติ อุปริ วุตฺตํ. อภิกฺกนฺตตโรติ อติวิย กนฺตตโร มโนรโม, ตาทิโส จ สุนฺทโร ภทฺทโก นาม โหตีติ อาห ‘‘สุนฺทเร ทิสฺสตี’’ติ. โกติ เทวนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีสุ โก กตโม. เมติ มม. ปาทานีติ ปาเท. อิทฺธิยาติ อิมาย เอวรูปาย เทวิทฺธิยา. ยสสาติ อิมินา เอทิเสน ปริวาเรน, ปริชเนน จ. ชลนฺติ วิชฺโชตมาโน. อภิกฺกนฺเตนาติ อติวิย กนฺเตน กมนีเยน อภิรูเปน. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน สรีรวณฺณนิภาย . สพฺพา โอภาสยํ ทิสาติ ทสปิ ทิสา ปภาเสนฺโต จนฺโท วิย, สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกาโลกํ กโรนฺโตติ คาถาย อตฺโถ. อภิรูเปติ อุฬารรูเป สมฺปนฺนรูเป.

‘‘โจโร โจโร, สปฺโป สปฺโป’’ติอาทีสุ ภเย อาเมฑิตํ, ‘‘วิชฺฌ วิชฺฌ, ปหร ปหรา’’ติอาทีสุ โกเธ, ‘‘สาธุ สาธูติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๒๗; สํ. นิ. ๒.๑๒๗; ๓.๓๕; ๕.๑๐๐๕) ปสํสายํ, ‘‘คจฺฉ คจฺฉ, ลุนาหิ ลุนาหี’’ติอาทีสุ ตุริเต, ‘‘อาคจฺฉ อาคจฺฉา’’ติอาทีสุ โกตูหเล, ‘‘พุทฺโธ พุทฺโธติ จินฺเตนฺโต’’ติอาทีสุ (พุ. วํ. ๔๔) อจฺฉเร, ‘‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต อภิกฺกมถายสฺมนฺโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๒๐; อ. นิ. ๙.๑๑) หาเส, ‘‘กหํ เอกปุตฺตก กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๖๓) โสเก, ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๒๐; ที. นิ. ๓.๓๐๕; จูฬว. ๓๓๒) ปสาเท. จ-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ, เตน ครหาอสมฺมานาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ ‘‘ปาโป ปาโป’’ติอาทีสุ ครหายํ, ‘‘อภิรูปก อภิรูปกา’’ติอาทีสุ อสมฺมาเน ทฏฺพฺพํ.

นยิทํ อาเมฑิตวเสน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํ, อถ โข อตฺถทฺวยวเสนาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติ วจนํ อเปกฺขิตฺวา นปุํสกลิงฺควเสน วุตฺตํ. ตํ ปน ภควโต วจนํ ธมฺมสฺส เทสนาติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ. อตฺถมตฺตทสฺสนํ วา เอตํ, ตสฺมา อตฺถวเสเนตฺถ ลิงฺควิภตฺติปริณาโม เวทิตพฺโพ. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. โทสนาสนโตติ ราคาทิกิเลสวิธมนโต. คุณาธิคมนโตติ สีลาทิคุณานํ สมฺปาทนโต. เย คุเณ เทสนา อธิคเมติ, เตสุ ปธานภูตา ทสฺเสตพฺพาติ เต ปธานภูเต ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺธาชนนโต ปฺาชนนโต’’ติ วุตฺตํ. สทฺธาปมุขา หิ โลกิยา คุณา ปฺาปมุขา โลกุตฺตรา. สีลาทิอตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถโต. สภาวนิรุตฺติสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนโต. สุวิฺเยฺยสทฺทปโยคตาย อุตฺตานปทโต. สณฺหสุขุมภาเวน ทุพฺพิฺเยฺยตฺถตาย คมฺภีรตฺถโต. สินิทฺธมุทุมธุรสทฺทปโยคตาย กณฺณสุขโต. วิปุลวิสุทฺธเปมนียตฺถตาย หทยงฺคมโต. มานาติมานวิธมเนน อนตฺตุกฺกํสนโต. ถมฺภสารมฺภนิมฺมทฺทเนน อปรวมฺภนโต. หิตาธิปฺปายปฺปวตฺติยา, ปเรสํ ราคปริฬาหาทิวูปคมเนน กรุณาสีตลโต. กิเลสนฺธการวิธมเนน ปฺาวทาตโต. กรวีกรุตมฺชุตาย อาปาถรมณียโต. ปุพฺพาปราวิรุทฺธสุวิสุทฺธตาย วิมทฺทกฺขมโต. อาปาถรมณียตาย เอว สุยฺยมานสุขโต. วิมทฺทกฺขมตาย, หิตชฺฌาสยปฺปวตฺติตาย จ วีมํสิยมานหิตโต. เอวมาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน สํสารจกฺกนิวตฺตนโต สทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต, มิจฺฉาวาทวิทฺธํสนโต สมฺมาวาทปติฏฺาปนโต, อกุสลมูลสมุทฺธรณโต กุสลมูลสํโรปนโต, อปายทฺวารปิธานโต สคฺคมคฺคทฺวารวิวรณโต, ปริยุฏฺานวูปสมนโต อนุสยสมุคฺฆาฏนโตติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.

อโธมุขฏฺปิตนฺติ เกนจิ อโธมุขํ ปิตํ. เหฏฺามุขชาตนฺติ สภาเวเนว เหฏฺามุขํ ชาตํ. อุคฺฆาเฏยฺยาติ วิวฏํ กเรยฺย. หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘ปุรตฺถาภิมุโข, อุตฺตราภิมุโข วา คจฺฉา’’ติอาทีนิ อวตฺวา หตฺเถ คเหตฺวา นิสฺสนฺเทหํ กตฺวา. ‘‘เอส มคฺโค, เอวํ คจฺฉา’’ติ ทสฺเสยฺย. กาฬปกฺขจาตุทฺทสีติ กาฬปกฺเข จาตุทฺทสี. นิกฺกุชฺชิตํ อาเธยฺยสฺส อนาธารภูตํ ภาชนํ อาธารภาวาปาทนวเสน อุกฺกุชฺเชยฺย. อฺาณสฺส อภิมุขตฺตา เหฏฺามุขชาตตาย สทฺธมฺมวิมุขํ อโธมุขฏฺปิตตาย อสทฺธมฺเม ปติตนฺติ เอวํ ปททฺวยํ ยถารหํ โยเชตพฺพํ, น ยถาสงฺขฺยํ. กามํ กามจฺฉนฺทาทโย ปฏิจฺฉาทกา นีวรณภาวโต, มิจฺฉาทิฏฺิ ปน สวิเสสํ ปฏิจฺฉาทิกา สตฺเต มิจฺฉาภินิเวสนวเสนาติ อาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺน’’นฺติ. เตนาห ภควา ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมาหํ ภิกฺขเว วชฺชํ วทามี’’ติ. สพฺโพ อปายคามิมคฺโค กุมฺมคฺโค กุจฺฉิโต มคฺโคติ กตฺวา. สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ อุชุปฏิปกฺขตาย มิจฺฉาทิฏฺิอาทโย อฏฺ มิจฺฉตฺตธมฺมา มิจฺฉามคฺคา. เตเนว หิ ตทุภยปฏิปกฺขตํ สนฺธาย ‘‘สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรนฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. สปฺปิอาทิสนฺนิสฺสโย ปทีโป น ตถา อุชฺชโล, ยถา เตลสนฺนิสฺสโยติ เตลปชฺโชต-คฺคหณํ. เอเตหิ ปริยาเยหีติ เอเตหิ นิกฺกุชฺชิตุกฺกุชฺชนปฏิจฺฉนฺนวิวรณาทิอุปโมปมิตพฺพปฺปกาเรหิ, เอเตหิ วา ยถาวุตฺเตหิ นานาวิธกุหนลปนาทิมิจฺฉาชีววิวิธมนาทิวิภาวนปริยาเยหิ. เตนาห ‘‘อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต’’ติ.

ปสนฺนการนฺติ ปสนฺเนหิ กาตพฺพํ สกฺการํ. สรณนฺติ ปฏิสรณํ, เตนาห ‘‘ปรายณ’’นฺติ. ปรายณภาโว จ อนตฺถนิเสธเนน, อตฺถสมฺปฏิปาทเนน จ โหตีติ อาห ‘‘อฆสฺส ตาตา, หิตสฺส จ วิธาตา’’ติ. อฆสฺสาติ ทุกฺขโตติ วทนฺติ, ปาปโตติ ปน อตฺโถ ยุตฺโต, นิสฺสกฺเก เจตํ สามิวจนํ. เอตฺถ จ นายํ คมุ-สทฺโท นี-สทฺทาทโย วิย ทฺวิกมฺมโก, ตสฺมา ยถา ‘‘อชํ คามํ เนตี’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วตฺตุํ น สกฺกา, ‘‘สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติ ปน วตฺตพฺพํ. อิติ-สทฺโท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. ตสฺส จายมตฺโถ. คมนฺจ ตทธิปฺปาเยน ภชนํ ชานนํ วาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา อธิปฺปาเยนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ภชามี’’ติอาทีสุ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อตฺถวจนํ, ภชนํ วา สรณาธิปฺปาเยน อุปสงฺกมนํ, เสวนํ สนฺติกาวจรตา, ปยิรุปาสนํ วตฺตปฏิวตฺตกรเณน อุปฏฺานนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ อนฺสรณตํเยว ทีเปติ. ‘‘คจฺฉามี’’ติ ปทสฺส พุชฺฌามีติ อยมตฺโถ กถํ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เยสฺหี’’ติอาทิ.

‘‘อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ’’ติ ปททฺวเยนาปิ ผลฏฺา เอว ทสฺสิตา, น มคฺคฏฺาติ เต ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จา’’ติอาทิมาห. นนุ จ กลฺยาณปุถุชฺชโนปิ ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชตี’’ติ วุจฺจตีติ? กิฺจาปิ วุจฺจติ, นิปฺปริยาเยน ปน มคฺคฏฺา เอว ตถา วตฺตพฺพา, น อิตโร นิยาโมกฺกมนาภาวโต. ตถา หิ เต เอว วุตฺตา ‘‘อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตี’’ติ. สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมเนน หิ อปายวินิมุตฺตสมฺภโว . อกฺขายตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เตน ‘‘ยาวตา ภิกฺขเว ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคํ อกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) สุตฺตปทํ สงฺคณฺหาติ, ‘‘วิตฺถาโร’’ติ วา อิมินา. เอตฺถ จ อริยมคฺโค นิยฺยานิกตาย, นิพฺพานํ ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตายาติ อุภยเมว นิปฺปริยาเยน ‘‘ธมฺโม’’ติ วุตฺโต. นิพฺพานฺหิ อารมฺมณปจฺจยภูตํ ลภิตฺวา อริยมคฺคสฺส ตทตฺถสิทฺธิ. ตถาปิ ยสฺมา อริยผลานํ ‘‘ตาย สทฺธาย อวูปสนฺตายา’’ติอาทิ วจนโต มคฺเคน สมุจฺฉินฺนานํ กิเลสานํ ปฏิปสฺสทฺธิปฺปหานกิจฺจตาย, นิยฺยานานุคุณตาย, นิยฺยานปริโยสานตาย จ, ปริยตฺติธมฺมสฺส ปน ‘‘นิยฺยานธมฺมสฺส สมธิคมนเหตุตายา’’ติ อิมินา ปริยาเยน วุตฺตนเยน ธมฺมภาโว ลพฺภติ เอว. สฺวายมตฺโถ ปาารูฬฺโห เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิมาห.

‘‘กามราโค ภวราโค’’ติ เอวมาทิ เภโท สพฺโพปิ ราโค วิรชฺชติ เอเตนาติ ราควิราโคติ มคฺโค กถิโต. เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย, อนฺโตนิชฺฌานลกฺขณสฺส โสกสฺส จ ตทุปฺปตฺติยํ สพฺพโส ปริกฺขีณตฺตา อเนชํ อโสกนฺติ ผลํ กถิตํ. อปฺปฏิกูลนฺติ อวิโรธทีปนโต เกนจิ อวิรุทฺธํ, อิฏฺํ ปณีตนฺติ วา อตฺโถ. ปคุณรูเปน ปวตฺติตตฺตา, ปกฏฺคุณวิภาวนโต วา ปคุณํ. ยถาห ‘‘วิหึสสฺี ปคุณํ น ภาสึ, ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’’ติ. (ม. นิ. ๑.๒๘๓; ม. นิ. ๒.๓๓๙; มหาว. ๙) สพฺพธมฺมกฺขนฺธา กถิตาติ โยชนา.

ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตนาติ ‘‘ยายํ ทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔; ม. นิ. ๔.๙๒; ๓.๕๔) เอวํ วุตฺตาย ทิฏฺิยา, ‘‘ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ , ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๓; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๑; ปริ. ๒๗๔) เอวํ วุตฺตานํ สีลานฺจ สํหตภาเวน, ทิฏฺิสีลสามฺเนาติ อตฺโถ. สํหโตติ ฆฏิโต, สเมโตติ อตฺโถ. อริยปุคฺคลา หิ ยตฺถ กตฺถจิ ทูเร ิตาปิ อตฺตโน คุณสามคฺคิยา สํหตา เอว . อฏฺ จ ปุคฺคลธมฺมทสา เตติ เต ปุริสยุควเสน จตฺตาโรปิ ปุคฺคลวเสน อฏฺเว อริยธมฺมสฺส ปจฺจกฺขทสฺสาวิตาย ธมฺมทสา. ตีณิ วตฺถูนิ ‘‘สรณ’’นฺติ คมเนน, ติกฺขตฺตุํ คมเนน จ ตีณิ สรณคมนานิ. ปฏิเวเทสีติ อตฺตโน หทยคตํ วาจาย ปเวเทสิ.

สรณคมนกถาวณฺณนา

สรณคมนสฺส วิสยปฺปเภทผลสํกิเลสเภทานํ วิย กตฺตุ จ วิภาวนา ตตฺถ โกสลฺลาย โหตีติ ‘‘สรณคมเนสุ โกสลฺลตฺถํ สรณํ…เป… เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ เตน วินา สรณคมนสฺเสว อสมฺภวโต. กสฺมา ปเนตฺถ โวทานํ น คหิตํ, นนุ โวทานวิภาวนาปิ ตตฺถ โกสลฺลาวหาติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน สํกิเลสคฺคหเณเนว อตฺถโต ทีปิตํ โหตีติ น คหิตํ. ยานิ หิ เนสํ สํกิเลสการณานิ อฺาณาทีนิ, เตสํ สพฺเพน สพฺพํ อนุปฺปนฺนานํ อนุปฺปาทเนน, อุปฺปนฺนานฺจ ปหาเนน โวทานํ โหตีติ. หึสตฺถสฺส สร-สทฺทสฺส วเสเนตํ ปทํ ทฏฺพฺพนฺติ ‘‘หึสตีติ สรณ’’นฺติ วตฺวา ตํ ปน หึสนํ เกสํ กถํ กสฺส วาติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘สรณคตาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ภยนฺติ วฏฺฏภยํ. สนฺตาสนฺติ จิตฺตุตฺราสํ เตเนว เจตสิกทุกฺขสฺส คหิตตฺตา. ทุกฺขนฺติ กายิกทุกฺขํ. ทุคฺคติปริกิเลสนฺติ ทุคฺคติปริยาปนฺนํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ, ตยิทํ สพฺพํ ปรโต ผลกถายํ อาวิภวิสฺสติ. เอตนฺติ ‘‘สรณ’’นฺติ ปทํ.

เอวํ อวิเสสโต สรณ-สทฺทสฺส อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิเสสโต ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. หิเต ปวตฺตเนนาติ ‘‘สมฺปนฺนสีลา ภิกฺขเว วิหรถา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๖๔, ๖๙) อตฺเถ นิโยชเนน. อหิตา จ นิวตฺตเนนาติ. ‘‘ปาณาติปาตสฺส โข ปาปโก วิปาโก, ปาปกํ อภิสมฺปราย’’นฺติอาทินา อาทีนวทสฺสนาทิมุเขน อนตฺถโต นิวตฺตเนน. ภยํ หึสตีติ หิตาหิเตสุ อปฺปวตฺติปวตฺติเหตุกํ พฺยสนํ อปฺปวตฺติกรเณน วินาเสติ. ภวกนฺตารา อุตฺตารเณน มคฺคสงฺขาโต ธมฺโม, อิตโร อสฺสาสทาเนน สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ โยชนา. การานนฺติ ทานวเสน ปูชาวเสน จ อุปนีตานํ สกฺการานํ. วิปุลผลปฏิลาภกรเณน สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ โยชนา, อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวโตติ อธิปฺปาโย. อิมินาปิ ปริยาเยนาติ อิมินาปิ วิภชิตฺวา วุตฺเตน การเณน.

‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เอวํ ปวตฺโต ตตฺถ รตนตฺตเย ปสาโท ตปฺปสาโท, ตเทว รตนตฺตยํ ครุ เอตสฺสาติ ตคฺครุ ตพฺภาโว ตคฺครุตา, ตปฺปสาโท จ ตคฺครุตา จ ตปฺปสาทตคฺครุตา, ตาหิ ตปฺปสาทตคฺครุตาหิ. วิธูตทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสมฺโมหอสฺสทฺธิยาทิตาย วิหตกิเลโส. ตเทว รตนตฺตยํ ปรายณํ ปราคติ ตาณํ เลณนฺติ เอวํ ปวตฺติยา ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํ สรณํ คจฺฉติ เอเตนาติ. ตํสมงฺคีติ เตน ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาเทน สมนฺนาคโต. เอวํ อุเปตีติ ภชติ เสวติ ปยิรุปาสติ, เอวํ วา ชานาติ พุชฺฌตีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ ปสาท-คฺคหเณน โลกิยสรณคมนมาห. ตฺหิ ปสาทปฺปธานํ. ครุตาคหเณน โลกุตฺตรํ. อริยา หิ รตนตฺตยํ คุณาภิฺตาย ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุํ กตฺวา ปสฺสนฺติ. ตสฺมา ตปฺปสาเทน วิกฺขมฺภนวเสน วิคตกิเลโส, ตคฺครุตาย สมุจฺเฉทวเสนาติ โยเชตพฺพํ อคารวกรณเหตูนํ สมุจฺฉินฺทนโต. ตปฺปรายณตา ปเนตฺถ ตคฺคติกตาติ ตาย จตุพฺพิธมฺปิ วกฺขมานํ สรณคมนํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อวิเสเสน วา ปสาทครุตา โชติตาติ ปสาทคฺคหเณน อเวจฺจปฺปสาทสฺส อิตรสฺส จ คหณํ, ตถา ครุตาคหเณนาติ อุภเยนาปิ อุภยํ สรณคมนํ โยเชตพฺพํ.

มคฺคกฺขเณ อิชฺฌตีติ โยชนา. ‘‘นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา’’ติ เอเตน อตฺถโต จตุสจฺจาธิคโม เอว โลกุตฺตรสรณคมนนฺติ ทสฺเสติ. ตตฺถ หิ นิพฺพานธมฺโม สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน, มคฺคธมฺโม ภาวนาภิสมยวเสน ปฏิวิชฺฌิยมาโนเยว สรณคมนตฺถํ สาเธติ. พุทฺธคุณา ปน สาวกโคจรภูตา ปริฺาภิสมยวเสน, ตถา อริยสงฺฆคุณา, เตนาห ‘‘กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌตี’’ติ. อิชฺฌนฺตฺจ สเหว อิชฺฌติ, น โลกิยํ วิย ปติปาฏิยา อสมฺโมหปฏิเวเธน ปฏิวิทฺธตฺตาติ อธิปฺปาโย. เย ปน วทนฺติ ‘‘น สรณคมนํ นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา ปวตฺตติ. มคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปน อธิคตเมว โหติ เอกจฺจานํ เตวิชฺชาทีนํ โลกิยวิชฺชาทโย วิยา’’ติ, เตสํ โลกิยเมว สรณคมนํ สิยา, น โลกุตฺตรํ, ตฺจ อยุตฺตํ ทุวิธสฺสาปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตา.

นฺติ โลกิยํ สรณคมนํ. สทฺธาปฏิลาโภ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติอาทินา. สทฺธามูลิกาติ ยถาวุตฺตสทฺธาปุพฺพงฺคมา สมฺมาทิฏฺิติ พุทฺธสุพุทฺธตํ, ธมฺมสุธมฺมตํ, สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติฺจ โลกิยาวโพธวเสเนว สมฺมา าเยน ทสฺสนโต. ‘‘สทฺธามูลิกา สมฺมาทิฏฺี’’ติ เอเตน สทฺธูปนิสฺสยา ยถาวุตฺตลกฺขณา ปฺา โลกิยสรณคมนนฺติ ทสฺเสติ, เตนาห ‘‘ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ วุจฺจตี’’ติ. ทิฏฺิ เอว อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุชุ กรียตีติ กตฺวา ทิฏฺิ วา อุชุ กรียติ เอเตนาติ ทิฏฺิชุกมฺมํ, ตถา ปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท. เอวฺจ กตฺวา ‘‘ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ อิทํ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ. สทฺธาปุพฺพงฺคมสมฺมาทิฏฺิคฺคหณํ ปน จิตฺตุปฺปาทสฺส ตปฺปธานตายาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘สทฺธาปฏิลาโภ’’ติ อิมินา มาตาทีหิ อุสฺสาหิตทารกาทีนํ วิย าณวิปฺปยุตฺตํ สรณคมนํ ทสฺเสติ, ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ อิมินา าณสมฺปยุตฺตํ สรณคมนํ. ตยิทํ โลกิยํ สรณคมนํ. อตฺตา สนฺนิยฺยาตียติ อปฺปียติ ปริจฺจชียติ เอเตนาติ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ, ยถาวุตฺตํ ทิฏฺิชุกมฺมํ. ตํ รตนตฺตยํ ปรายณํ ปฏิสรณํ เอตสฺสาติ ตปฺปรายโณ, ปุคฺคโล, จิตฺตุปฺปาโท วา. ตสฺส ภาโว ตปฺปรายณตา, ยถาวุตฺตํ ทิฏฺิชุกมฺมเมว. ‘‘สรณ’’นฺติ อธิปฺปาเยน สิสฺสภาวํ อนฺเตวาสิกภาวํ อุปคจฺฉติ เอเตนาติ สิสฺสภาวูปคมนํ. สรณคมนาธิปฺปาเยเนว ปณิปตติ เอเตนาติ ปณิปาโต. สพฺพตฺถ ยถาวุตฺตทิฏฺิชุกมฺมวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

อตฺตปริจฺจชนนฺติ สํสารทุกฺขนิตฺถรณตฺถํ อตฺตโน อตฺตภาวสฺส ปริจฺจชนํ. เอเสว นโย เสเสสุปิ. พุทฺธาทีนํ เยวาติ อวธารณํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีสุปิ ตตฺถ ตตฺถ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ ตทฺนิวตฺตนํ กตํ โหติ.

เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีนิ เอเกน ปกาเรน ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปเรหิปิ ปกาเรหิ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ, เตน ปริยายนฺตเรหิปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทิ กตเมว โหติ อตฺถสฺส อภินฺนตฺตาติ ทสฺเสติ. อาฬวกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สาตาคิรเหมวตาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. นนุ เจเต อาฬวกาทโย มคฺเคเนว อาคตสรณคมนา, กถํ เตสํ ตปฺปรายณตาสรณคมนํ วุตฺตนฺติ? มคฺเคนาคตสรณคมเนหิปิ. ‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ…เป… สุธมฺมตํ’’ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๔) ‘‘เต มยํ วิจริสฺสาม , คามา คามํ นคา นคํ…เป… สุธมฺมต’’นฺติ, (สุ. นิ. ๑๘๒) เตหิ ตปฺปรายณตาการสฺส ปเวทิตตฺตา ตถา วุตฺตํ.

โส ปเนส าติ…เป… วเสนาติ เอตฺถ าติวเสน, ภยวเสน, อาจริยวเสน, ทกฺขิเณยฺยวเสนาติ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ าติวเสนาติ าติภาววเสน. เอวํ เสเสสุปิ. ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตนาติ ทกฺขิเณยฺยตาเหตุเกน ปณิปาเตน. อิตเรหีติ าติภาวาทิวสปฺปวตฺเตหิ ตีหิ ปณิปาเตหิ. ‘‘อิตเรหี’’ติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วนฺทตีติ ปณิปาตสฺส ลกฺขณวจนํ. เอวรูปนฺติ ทิฏฺธมฺมิกํ สนฺธาย วทติ. สมฺปรายิกฺหิ นิยฺยานิกํ วา อนุสาสนึ ปจฺจาสิสนฺโต ทกฺขิเณยฺยปณิปาตเมว กโรตีติ อธิปฺปาโย.

สรณคมนปฺปเภโทติ สรณคมนวิภาโค.

อริยมคฺโค เอว โลกุตฺตรํ สรณคมนนฺติ ‘‘จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผล’’นฺติ วุตฺตํ. สพฺพทุกฺขกฺขโยติ สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ. เอตนฺติ ‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ อริยสจฺจสฺส ทสฺสนํ.

นิจฺจาทิโต อนุปคมนาทิวเสนาติ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ อคฺคหณาทิวเสน. อฏฺานนฺติ เหตุปฏิกฺเขโป. อนวกาโสติ ปจฺจยปฏิกฺเขโป. อุภเยนาปิ การณเมว ปฏิกฺขิปติ. นฺติ เยน การเณน. ทิฏฺิสมฺปนฺโนติ มคฺคทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โสตาปนฺโน. กฺจิ สงฺขารนฺติ จตุภูมเกสุ สงฺขตสงฺขาเรสุ เอกสงฺขารมฺปิ. นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺยาติ ‘‘นิจฺโจ’’ติ คณฺเหยฺย. ‘‘สุขโต อุปคจฺเฉยฺยา’’ติ. ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’’ติ (ที. นิ. ๑.๗๖) เอวํ อตฺตทิฏฺิวเสน สุขโต คาหํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ . ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน ปน อริยสาวโก ปริฬาหวูปสมนตฺถํ มตฺตหตฺถิปริตฺตาสิโต วิย โจกฺขพฺราหฺมโณ อุกฺการภูมึ กฺจิ สงฺขารํ สุขโต อุปคจฺฉติ. อตฺตวาเร กสิณาทิปฺตฺติสงฺคหตฺถํ ‘‘สงฺขาร’’นฺติ อวตฺวา ‘‘กฺจิ ธมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. อิเมสุปิ วาเรสุ จตุภูมกวเสเนว ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ, เตภูมกวเสเนว วา. ยํ ยฺหิ ปุถุชฺชโน คาหวเสน คณฺหาติ, ตโต ตโต อริยสาวโก คาหํ วินิเวเติ.

‘‘มาตร’’นฺติอาทีสุ ชนิกา มาตา, ชนโก ปิตา, มนุสฺสภูโต ขีณาสโว อรหาติ อธิปฺเปโต. กึ ปน อริยสาวโก อฺํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ? เอตมฺปิ อฏฺานํ, ปุถุชฺชนภาวสฺส ปน มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถํ, อริยสาวกสฺส จ ผลทสฺสนตฺถํ เอวํ วุตฺตํ. ทุฏฺจิตฺโตติ วธกจิตฺเตน ปทุฏฺจิตฺโต. โลหิตํ อุปฺปาเทยฺยาติ ชีวมานกสรีเร ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย. สงฺฆํ ภินฺเทยฺยาติ สมานสํวาสกํ สมานสีมายํ ิตํ สงฺฆํ. ‘‘กมฺเมน, อุทฺเทเสน, โวหรนฺโต, อนุสฺสาวเนน, สลากคฺคาเหนา’’ติ (ปริ. ๔๕๘) เอวํ วุตฺเตหิ ปฺจหิ การเณหิ ภินฺเทยฺย. อฺํ สตฺถารนฺติ อฺํ ติตฺถกรํ ‘‘อยํ เม สตฺถา’’ติ เอวํ คณฺเหยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตีติ อตฺโถ. น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมินฺติ เต พุทฺธํ สรณํ คตา ตํนิมิตฺตํ อปายํ น คมิสฺสนฺติ, เทวกายํ ปน ปริปูเรสฺสนฺตีติ อตฺโถ.

ทสหิ าเนหีติ ทสหิ การเณหิ. อธิคณฺหนฺตีติ อภิภวนฺติ. เวลามสุตฺตาทิวเสนาปีติ เอตฺถ กรีสสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาณานํ จตุราสีติสหสฺสสงฺขฺยานํ สุวณฺณปาติรูปิยปาติกํสปาตีนํ ยถากฺกมํ รูปิยสุวณฺณหิรฺปูรานํ, สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตานํ จตุราสีติยา หตฺถิสหสฺสานํ, จตุราสีติยา อสฺสสหสฺสานํ, จตุราสีติยา รถสหสฺสานํ, จตุราสีติยา เธนุสหสฺสานํ, จตุราสีติยา กฺาสหสฺสานํ, จตุราสีติยา ปลฺลงฺกสหสฺสานํ, จตุราสีติยา วตฺถโกฏิสหสฺสานํ, อปริมาณสฺส จ ขชฺชโภชฺชาทิเภทสฺส อาหารสฺส ปริจฺจชนวเสน สตฺตมาสาธิกานิ สตฺตสํวจฺฉรานิ นิรนฺตรํ ปวตฺตเวลามมหาทานโต เอกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ, ตโต สตํ โสตาปนฺนานํ ทินฺนทานโต เอกสฺส สกทาคามิโน, ตโต เอกสฺส อนาคามิโน, ตโต เอกสฺส อรหโต, ตโต เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส, ตโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, ตโต พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ, ตโต จาตุทฺทิสสงฺฆํ อุทฺทิสฺส วิหารกรณํ, ตโต สรณคมนํ มหปฺผลตรนฺติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺตสฺส เวลามสุตฺตสฺส (อ. นิ. ๙.๒๐) วเสน. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยํ คหปติ เวลาโม พฺราหฺมโณ ทานํ อทาสิ มหาทานํ, โย เจกํ ทิฏฺิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตร’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๙.๒๐). เวลามสุตฺตาทีติ อาทิสทฺเทน อคฺคปฺปสาทสุตฺตาทีนํ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.

อฺาณํ วตฺถุตฺตยสฺส คุณานํ อชานนํ, ตตฺถ สมฺโมโห. ‘‘พุทฺโธ นุ โข, น นุ โข’’ติอาทินา วิจิกิจฺฉา สํสโย. มิจฺฉาาณํ ตสฺส คุณานํ อคุณภาวปริกปฺปเนน วิปรีตคฺคาโห. อาทิ-สทฺเทน อนาทราคารวาทีนํ สงฺคโห. น มหาชุติกนฺติ น อุชฺชลํ, อปริสุทฺธํ อปริโยทาตนฺติ อตฺโถ. น มหาวิปฺผารนฺติ อนุฬารํ. สาวชฺโชติ ตณฺหาทิฏฺาทิวเสน สโทโส, โลกิยสรณคมนํ สิกฺขาสมาทานํ วิย อคฺคหิตกาลปริจฺเฉทํ ชีวิตปริยนฺตเมว โหติ, ตสฺมา ตสฺส ขนฺธเภเทน เภโทติ อาห ‘‘อนวชฺโช กาลกิริยายา’’ติ. โสติ อนวชฺโช สรณคมนเภโท. สติปิ อนวชฺชตฺเต อิฏฺผโลปิ น โหตีติ อาห ‘‘อผโล’’ติ. กสฺมา? อวิปากตฺตา. น หิ ตํ อกุสลนฺติ.

โก อุปาสโกติ สรูปปุจฺฉา, กึลกฺขโณ อุปาสโกติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมาติ เหตุปุจฺฉา, เตน เกน ปวตฺตินิมิตฺเตน อุปาสก-สทฺโท ตสฺมึ ปุคฺคเล นิรูฬฺโหติ ทสฺเสติ, เตนาห ‘‘กสฺมา อุปาสโกติ วุจฺจตี’’ติ. สทฺทสฺส อภิเธยฺเย ปวตฺตินิมิตฺตํ ตทตฺถสฺส ตพฺภาวการณํ. กิมสฺส สีลนฺติ กีทิสํ อสฺส อุปาสกสฺส สีลํ, กิตฺตเกน สีเลนายํ สีลสมฺปนฺโน นาม โหตีติ อตฺโถ. โก อาชีโวติ โก อสฺส สมฺมาอาชีโว, โส ปน มิจฺฉาชีวสฺส ปริวชฺชเนน โหตีติ โสปิ วิภชียติ. กา วิปตฺตีติ กา อสฺส สีลสฺส, อาชีวสฺส วา วิปตฺติ. อนนฺตรสฺส หิ วิธิ วา ปฏิเสโธ วา. สมฺปตฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.

โย โกจีติ ขตฺติยาทีสุ โย โกจิ, เตน สรณคมนํ เอวํ การณํ, น ชาติ อาทิวิเสโสติ ทสฺเสติ.

อุปาสนโตติ เตเนว สรณคมเนน, ตตฺถ จ สกฺกจฺจกิริยาย อาทร คารวพหุมานาทิโยเคน ปยิรุปาสนโต.

เวรมณิโยติ เวรํ วุจฺจติ ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยํ, ตสฺส มณนโต หนนโต วินาสนโต เวรมณิโย, ปฺจ วิรติโย วิรติปธานตฺตา ตสฺส สีลสฺส, เตเนวาห ‘‘ปฏิวิรโต โหตี’’ติ.

มิจฺฉาวณิชฺชาติ น สมฺมาวณิชฺชา อยุตฺตวณิชฺชา อสารุปฺปวณิชฺชา. ปหายาติ อกรเณเนว ปชหิตฺวา. ธมฺเมนาติ ธมฺมโต อนเปเตน, เตน อฺมฺปิ อธมฺมิกํ ชีวิกํ ปฏิกฺขิปติ. สเมนาติ อวิสเมน, เตน กายวิสํ อาทิทุจฺจริตํ วชฺเชตฺวา กายสมาทินา สุจริเตน ชีวิกํ ทสฺเสติ. สตฺถวณิชฺชาติ อาวุธภณฺฑํ กตฺวา วา กาเรตฺวา วา ยถากตํ วา ปฏิลภิตฺวา ตสฺส วิกฺกโย. สตฺตวณิชฺชาติ มนุสฺสวิกฺกโย. มํสวณิชฺชาติ สูนการาทโย วิย มิคสูกราทิเก โปเสตฺวา มํสํ สมฺปาเทตฺวา วิกฺกโย. มชฺชวณิชฺชาติ ยํ กิฺจิ มชฺชํ โยเชตฺวา ตสฺส วิกฺกโย. วิสวณิชฺชาติ วิสํ โยเชตฺวา วา วิสํ คเหตฺวา วา ตสฺส วิกฺกโย. ตตฺถ สตฺถวณิชฺชา ปโรปโรธนิมิตฺตตาย อกรณียา วุตฺตา สตฺตวณิชฺชา อภุชิสฺสภาวกรณโต, มํสวณิชฺชา วธเหตุโต, มชฺชวณิชฺชา ปมาทฏฺานโต.

ตสฺเสวาติ ปฺจเวรมณิลกฺขณสฺส สีลสฺส เจว ปฺจมิจฺฉาวณิชฺชาลกฺขณสฺส อาชีวสฺส จ. วิปตฺตีติ เภโท, ปโกโป จ. ยายาติ ยาย ปฏิปตฺติยา. จณฺฑาโลติ อุปาสกจณฺฑาโล. มลนฺติ อุปาสกมลํ. ปฏิกิฏฺโติ อุปาสกนิหีโน. พุทฺธาทีสุ กมฺมกมฺมผเลสุ จ สทฺธาวิปริยาโย อสฺสทฺธิยํ มิจฺฉาธิโมกฺโข, ยถาวุตฺเตน อสฺสทฺธิเยน สมนฺนาคโต อสฺสทฺโธ. ยถาวุตฺตสีลวิปตฺติอาชีววิปตฺติวเสน ทุสฺสีโล. ‘‘อิมินา ทิฏฺาทินา อิทํ นาม มงฺคลํ โหตี’’ติ เอวํ พาลชนปริกปฺปิตโกตูหลสงฺขาเตน ทิฏฺสุตมุตมงฺคเลน สมนฺนาคโต โกตูหลมงฺคลิโก. มงฺคลํ ปจฺเจตีติ ทิฏฺมงฺคลาทิเภทํ มงฺคลเมว ปตฺติยายติ. โน กมฺมนฺติ กมฺมสฺสกตํ โน ปตฺติยายติ. อิโต จ พหิทฺธาติ อิโต สพฺพฺุพุทฺธสาสนโต พหิทฺธา พาหิรกสมเย. ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสตีติ ทุปฺปฏิปนฺนํ ทกฺขิณารหสฺี คเวสติ. ปุพฺพการํ กโรตีติ ทานมานํ อาทิกํ กุสลกิริยํ ปมตรํ กโรติ. เอตฺถ จ ทกฺขิเณยฺยปริเยสนปุพฺพกาเร เอกํ กตฺวา ปฺจ ธมฺมา เวทิตพฺพา.

วิปตฺติยํ วุตฺตวิปริยาเยน สมฺปตฺติ เวทิตพฺพา. อยํ ปน วิเสโส – จตุนฺนมฺปิ ปริสานํ รติชนนฏฺเน อุปาสโกว รตนํ อุปาสกรตนํ. คุณโสภากิตฺติสทฺทสุคนฺธตาย อุปาสโกว ปทุมํ อุปาสกปทุมํ. ตถา อุปาสกปุณฺฑรีกํ.

อาทิมฺหีติอาทิอตฺเถ. โกฏิยนฺติ ปริยนฺตโกฏิยํ. วิหารคฺเคนาติ โอวรกโกฏฺาเสน, ‘‘อิมสฺมึ คพฺเภ วสนฺตานมิทํ นาม ปนสผลํ ปาปุณาตี’’ติอาทินา ตํ ตํวสนฏฺานโกฏฺาเสนาติ อตฺโถ. อชฺชตคฺคนฺติ วา อชฺชทคฺคนฺติ วา อชฺช อิจฺเจว อตฺโถ.

‘‘ปาเณหิ อุเปต’’นฺติ อิมินา ตสฺส สรณคมนสฺส อาปาณโกฏิกตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ปุน ชีวิเตนาปิ ตํ วตฺถุตฺตยํ ปฏิปูเชนฺโต ‘‘สรณคมนํ รกฺขามี’’ติ อุปฺปนฺนํ ตสฺส รฺโ อธิปฺปายํ วิภาเวนฺโต ‘‘อหฺหี’’ติอาทิมาห. ปาเณหิ อุเปตนฺติ หิ ยาว เม ปาณา ธรนฺติ, ตาว สรณํ อุเปตํ, อุเปนฺโต จ น วาจามตฺเตน, น เอกวารํ จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน, อถ โข ปาณานํ ปริจฺจชนวเสน ยาวชีวํ อุเปตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

อจฺจยนํ สาธุมริยาทํ มทฺทิตฺวา วีติกฺกมนํ อจฺจโยติ อาห ‘‘อปราโธ’’ติ. อจฺเจติ อติกฺกมติ เอเตนาติ วา อจฺจโย, วีติกฺกมสฺส ปวตฺตนโก อกุสลธมฺโม. โส เอว อปรชฺฌติ เอเตนาติ อปราโธ. โส หิ อปรชฺฌนฺตํ ปุริสํ อภิภวิตฺวา ปวตฺตติ, เตนาห ‘‘อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา ปวตฺโต’’ติ. จรตีติ อาจรติ กโรติ. ธมฺเมเนวาติ ธมฺมโต อนเปเตน ปโยเคน. ปฏิคฺคณฺหาตูติ อธิวาสนวเสน สมฺปฏิจฺฉตูติ อตฺโถติ อาห ‘‘ขมตู’’ติ.

๒๕๑. สเทวเกน โลเกน ‘‘สรณ’’นฺติ อรณียโต อริโย, ตถาคโตติ อาห ‘‘อริยสฺส วินเย พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน’’ติ. ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺโตติ กามํ ‘‘วุทฺธิ เหสา’’ติ ธมฺมาธิฏฺานวเสน วากฺยํ อารทฺธํ, ตถาปิ เทสนํ ปน ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺโต สํวรํ อาปชฺชตีติ อาหาติ โยชนา.

๒๕๓. อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว นิปฺปชฺชนกานํ อตฺตโน กุสลมูลานํ ขณเนน ขโต, เตสํเยว อุปหนเนน อุปหโต. อุภเยนาปิ ตสฺส กมฺมาปราธเมว วทติ. ปติฏฺาติ สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนํ เอตายาติ ปติฏฺา, ตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปทา. สา กิริยาปราเธน ภินฺนา วินาสิตา เอเตนาติ ภินฺนปติฏฺโ, เตนาห ‘‘ตถา’’ติอาทิ. ธมฺเมสุ จกฺขุนฺติ จตุสจฺจธมฺเมสุ เตสํ ทสฺสนฏฺเน จกฺขุ. อฺเสุ าเนสูติ อฺเสุ สุตฺตปเทสุ. มุจฺจิสฺสตีติ สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ ปจฺจิตฺวา โลหกุมฺภี นรกโต มุจฺจิสฺสติ.

ยทิ อนนฺตเร อตฺตภาเว นรเก ปจฺจติ, อิมํ ปน สุตฺตํ สุตฺวา รฺโ โก อานิสํโส ลทฺโธติ อาห ‘‘มหานิสํโส’’ติอาทิ. โส ปน อานิสํโส นิทฺทาลาภสีเสน วุตฺโต ตทา กายิกเจตสิกทุกฺขาปคโม, ติณฺณํ รตนานํ มหาสกฺการกิริยา, สาติสโย โปถุชฺชนิกสทฺธาปฏิลาโภติ เอวํปกาโร ทิฏฺธมฺมิโก, สมฺปรายิโก ปน อปราปเรสุปิ ภเวสุ อปริมาโณ เยวาติ เวทิตพฺโพ.

เอตฺถาห – ยทิ รฺโ กมฺมนฺตรายาภาเว ตสฺมึเยว อาสเน ธมฺมจกฺขุ อุปฺปชฺชิสฺสติ, กถํ อนาคเต ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ. อถ ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, กถํ ตทา ธมฺมจกฺขุํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, นนุ อิเม สาวกโพธิปจฺเจกโพธิอุปนิสฺสยา ภินฺนนิสฺสยาติ? นายํ วิโรโธ อิโต ปรโต เอวสฺส ปจฺเจกโพธิสมฺภารานํ สมฺภรณียโต. สาวกโพธิยา พุชฺฌนกสตฺตาปิ หิ อสติ ตสฺสา สมวาเย กาลนฺตเร ปจฺเจกโพธิยา พุชฺฌิสฺสนฺติ กตาภินีหารสมฺภวโต. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘ปจฺเจกโพธิยา เยวายํ กตาภินีหาโร. กตาภินีหาราปิ หิ ตตฺถ นิยตึ อปฺปตฺตา ตสฺส าณสฺส ปริปากํ อนุปคตตฺตา สตฺถุ สมฺมุขีภาเว สาวกโพธึ ปาปุณิสฺสนฺตีติ ภควา ‘สจายํ ภิกฺขเว ราชา’ติอาทิมาห. มหาโพธิสตฺตานเมว จ อานนฺตริยปริมุตฺติ, น อิตรโพธิสตฺตานํ. ตถา หิ ปจฺเจกโพธิยํ นิยโต สมาโน เทวทตฺโต จิรกาลสมฺภูเตน โลกนาเถ อาฆาเตน ครุตรานิ อานนฺตริยานิ ปสวิ, ตสฺมา กมฺมนฺตราเยนายํ อิทานิ อสมเวตทสฺสนาภิสมโย ราชา ปจฺเจกโพธินิยาเมน อนาคเต ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ ทฏฺพฺพํ.

สามฺผลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.