📜
๓. อมฺพฏฺสุตฺตวณฺณนา
อทฺธานคมนวณฺณนา
๒๕๔. อปุพฺพปทวณฺณนาติ ¶ ¶ ¶ อตฺถสํวณฺณนาวเสน เหฏฺา อคฺคหิตตาย อปุพฺพสฺส ปทสฺส วณฺณนา อตฺถวิภชนา. ‘‘หิตฺวา ปุนปฺปุนาคตมตฺถ’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา) หิ วุตฺตํ. ชนปทิโนติ ชนปทวนฺโต, ชนปทสฺส วา อิสฺสรา ราชกุมารา โคตฺตวเสน โกสลา นาม. ยทิ เอโก ชนปโท, กถํ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘รูฬฺหิสทฺเทนา’’ติ. อกฺขรจินฺตกา หิ อีทิเสสุ าเนสุ ยุตฺเต วิย อีทิสลิงฺควจนานิ อิจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ รูฬฺหิ ยถา อฺตฺถปิ ‘‘กุรูสุ วิหรติ, องฺเคสุ วิหรตี’’ติ จ. ตพฺพิเสสเนปิ ชนปท-สทฺเท ชาติ-สทฺเท เอกวจนเมว. โปราณา ปนาติ ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโน, เตน ปุถุอตฺถวิสยตาย เอวฺเจตํ ปุถุวจนนฺติ วกฺขมานวิเสสํ โชเตติ. พหุปฺปเภโท หิ โส ปเทโส ติโยชนสตปริมาณตาย. นงฺคลานิปิ ฉฑฺเฑตฺวาติ กมฺมปฺปหานวเสน นงฺคลานิปิ ปหาย, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ. น เกวลํ กสฺสกา เอว, อถ โข อฺเปิ มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน กิจฺจํ ปหาย ตตฺถ สนฺนิปตึสุ. ‘‘โส ปเทโส’’ติ ปเทสสามฺโต วุตฺตํ, วจนวิปลฺลาเสน วา, เต ปเทสาติ อตฺโถ. โกสลาติ วุจฺจติ กุสลา เอว โกสลาติ กตฺวา.
จาริกนฺติ จรณํ, จรณํ วา จาโร, โส เอว จาริกา. ตยิทํ มคฺคคมนํ อิธาธิปฺเปตํ, น จุณฺณิกคมนมตฺตนฺติ อาห ‘‘อทฺธานคมนํ คจฺฉนฺโต’’ติ. ตํ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘จาริกา จ นาเมสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทูเรปีติ นาติทูเรปิ. สหสา คมนนฺติ ¶ สีฆคมนํ. มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทึ เอกเทเสน วตฺวา วนวาสีติสฺสสามเณรสฺส วตฺถุํ วิตฺถาเรตฺวา ชนปทจาริกํ กเถตุํ ‘‘ภควา หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. อากาสคามีหิ เอว สทฺธึ คนฺตุกาโม ‘‘ฉฬภิฺานํ อาโรเจหี’’ติ อาห.
สงฺฆกมฺมวเสน ¶ ¶ สิชฺฌมานาปิ อุปสมฺปทา สตฺถุ อาณาวเสเนว สิชฺฌนโต ‘‘พุทฺธทายชฺชํ เต ทสฺสามี’’ติ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. อปเร ปน อปริปุณฺณวีสติวสฺสสฺเสว ตสฺส อุปสมฺปทํ อนุชานนฺโต ‘‘ทสฺสามี’’ติ อโวจาติ วทนฺติ. อุปสมฺปาเทตฺวาติ ธมฺมเสนาปตินา อุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทตฺวา.
นวโยชนสติกมฺปิ านํ มชฺฌิมเทสปริยาปนฺนเมว, ตโต ปรํ นาธิปฺเปตํ ตุริตจาริกาวเสน อคมนโต. สมนฺตาติ คตคตฏฺานสฺส จตูสุ ปสฺเสสุ สมนฺตโต. อฺเนปิ การเณนาติ ภิกฺขูนํ สมถวิปสฺสนาตรุณภาวโต อฺเนปิ มชฺฌิมมณฺฑเล เวเนยฺยานํ าณปริปากาทิการเณน มชฺฌิมมณฺฑลํ โอสรติ.‘‘สตฺตหิ วา’’ติอาทิ ‘‘เอกมาสํ วา’’ติอาทินา วุตฺตานุกฺกเมน โยเชตพฺพํ.
สรีรผาสุกตฺถายาติ เอกสฺมึเยว าเน นิพทฺธวาสวเสน อุสฺสนฺนธาตุกสฺส สรีรสฺส วิจรเณน ผาสุกตฺถาย. อฏฺุปฺปตฺติกาลาภิกงฺขนตฺถายาติ อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺต (อ. นิ. ๗.๗๒) มฆเทวชาตกาทิ (ชา. ๑.๑.๙) เทสนานํ วิย ธมฺมเทสนาย อฏฺุปฺปตฺติกาลํ อากงฺขมาเนน. สุราปานสิกฺขาปทปฺาปเน (ปาจิ. ๓๒๘) วิย สิกฺขาปทปฺาปนตฺถาย. โพธเนยฺยสตฺเต องฺคุลิมาลาทิเก (ม. นิ. ๒.๓๔๗) โพธนตฺถาย. กฺจิ, กติปเย วา ปุคฺคเล อุทฺทิสฺส จาริกา นิพทฺธจาริกา. ตทฺา อนิพทฺธจาริกา.
ทสสหสฺสิ โลกธาตุยาติ ¶ ชาติเขตฺตภูเต ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ. ตตฺถ หิ สตฺเต ปริปกฺกินฺทฺริเย ปสฺสิตุํ พุทฺธาณํ อภินีหริตฺวา ิโต ภควา าณชาลํ ปตฺถรตีติ วุจฺจติ. สพฺพฺุตฺาณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺโติ ตสฺส าณสฺส โคจรภาวํ อุปคโต. ภควา กิร มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย ‘‘เย สตฺตา ภพฺพา ปริปากาณา อชฺช มยา วิเนตพฺพา, เต มยฺหํ าณสฺส อุปฏฺหนฺตู’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺาย สมนฺนาหรติ. ตสฺส สห สมนฺนาหารา เอโก วา ทฺเว วา พหู วา ตทา วินยูปคา เวเนยฺยา าณสฺส อาปาถมาคจฺฉนฺติ อยเมตฺถ พุทฺธานุภาโว. เอวมฺปิ อาปาถมาคตานํ ปน เนสํ อุปนิสฺสยํ ปุพฺพจริยํ ปุพฺพเหตุํ สมฺปติ วตฺตมานฺจ ปฏิปตฺตึ ¶ โอโลเกติ, เตนาห ‘‘อถ ภควา’’ติอาทิ. วาทปฏิวาทํ กตฺวาติ ‘‘เอวํ นุ เต อมฺพฏฺา’’ติอาทินา มยา วุตฺตวจนสฺส ‘‘เย จ โข เต โภ โคตม มุณฺฑกา สมณกา’’ติอาทินา ปฏิวจนํ กตฺวา ติกฺขตฺตุํ อิพฺภวาทนิปาตนวเสน นานปฺปการํ อสมฺภิวากฺยํ สาธุสภาวาย วาจาย วตฺตุํ อยุตฺตวจนํ วกฺขติ. นิพฺพิเสวนนฺติ วิคตตุทนํ, มานทพฺพวเสน อปคตปริปฺผนฺทนนฺติ อตฺโถ.
อวสริตพฺพนฺติ ¶ อุปคนฺตพฺพํ. อิจฺฉานงฺคเลติ อิทํ ตทา ภควโต โคจรคามนิทสฺสนํ สมีปตฺเถ ภุมฺมนฺติ กตฺวา. ‘‘อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ’’ติ นิวาสนฏฺานทสฺสนํ อธิกรเณ ภุมฺมนฺติ. ตทุภยํ วิวรนฺโต ‘‘อิจฺฉานงฺคลํ อุปนิสฺสายา’’ติอาทิมาห. ธมฺมราชสฺส ภควโต สพฺพโส อธมฺมนิคฺคณฺหนปรา ปฏิปตฺติ, สา จ สีลสมาธิปฺาวเสนาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สีลขนฺธาวาร’’นฺติอาทิ ¶ วุตฺตํ. ยถาภิรุจิเตนาติ ทิพฺพวิหาราทีสุ เยน เยน อตฺตโน อภิรุจิเตน วิหาเรน.
โปกฺขรสาติวตฺถุวณฺณนา
๒๕๕. มนฺเตติ อิรุพฺเพทาทิมนฺตสตฺเถ. โปกฺขเร กมเล สยมาโน นิสีทีติ โปกฺขรสาตี. สาติ วุจฺจติ สมสณฺานํ, โปกฺขเร สณฺานาวยเว ชาโตติ ‘‘โปกฺขรสาตี’’ติปิ วุจฺจติ. เสตโปกฺขรสทิโสติ เสตปทุมวณฺโณ. สุวฏฺฏิตาติ วฏฺฏภาวสฺส ยุตฺตฏฺาเน สุฏฺุ วฏฺฏุลา. กาฬวงฺคติลกาทีนํ อภาเวน สุปริสุทฺธา.
อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส กีทิโส ปุพฺพโยโค, เยน นํ ภควา อนุคฺคณฺหิตุํ ตํ านํ อุปคโตติ อาห ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิ. ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺติ เตนายํ สํเสทโช ชาโต. น ปุปฺผตีติ น วิกสติ. รชตพิมฺพกนฺติ รูปิยมยํ รูปกํ.
อชฺฌาวสตีติ เอตฺถ อธิ-สทฺโท อิสฺสริยตฺถทีปโน, อาสทฺโท มริยาทตฺโถติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อภิภวิตฺวา’’ติอาทิมาห. เตหิ ยุตฺตตฺตา หิ อุกฺกฏฺนฺติ อุปโยควจนํ, เตนาห ‘‘อุปสคฺควเสนา’’ติอาทิ. ยาย มริยาทายาติ ยาย อวตฺถาย.นครสฺส วตฺถุนฺติ ‘‘อยํ ขโณ, สุมุหุตฺตํ มา อติกฺกมี’’ติ รตฺติวิภายนํ อนุรกฺขนฺตา รตฺติยํ อุกฺกา ¶ เปตฺวา อุกฺกาสุ ชลมานาสุ นครสฺส วตฺถุํ อคฺคเหสุํ, ตสฺมา อุกฺกาสุ ิตาติ อุกฺกฏฺา, อุกฺกาสุ วิชฺโชตยนฺตีสุ ิตา ปติฏฺิตาติ มูลวิภุชาทิปกฺเขเปน สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา, นิรุตฺตินเยน วา อุกฺกาสุ ิตาสุ ิตา อาสีติ อุกฺกฏฺา. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘ภูมิภาคสมฺปตฺติยา, อุปกรณสมฺปตฺติยา, มนุสฺสสมฺปตฺติยา จ ตํ นครํ อุกฺกฏฺคุณโยคโต อุกฺกฏฺาติ นามํ ลภี’’ติ ¶ . ตสฺสาติ ‘‘อุกฺกฏฺ’’นฺติ อุปโยควเสน วุตฺตปทสฺส. อนุปโยคตฺตาติ วิเสสนภาเวน อนุปยุตฺตตฺตา. เสสปเทสูติ ‘‘สตฺตุสฺสท’’นฺติอาทิปเทสุ. ยถาวิธิ หิ อนุปโยโค ปุริมสฺมึ. ตตฺถาติ ‘‘อุปสคฺควเสนา’’ติอาทินา วุตฺตวิธาเน. ‘‘สทฺทสตฺถโต ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ เอเตน สทฺทลกฺขณานุคโต ¶ วายํ สทฺทปฺปโยโคติ ทสฺเสติ. อุปอนุอธิอาอิติเอวํปุพฺพเก วสนกิริยาาเน อุปโยควจนเมว ปาปุณาตีติ สทฺทวิทู อิจฺฉนฺติ.
อุสฺสทตา นาเมตฺถ พหุลตาติ, ตํ พหุลตํ ทสฺเสตุํ ‘‘พหุชน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. คเหตฺวา โปเสตพฺพํ โปสาวนิยํ. อาวิชฺฌิตฺวาติ ปริกฺขิปิตฺวา.
รฺา วิย ภฺุชิตพฺพนฺติ วา ราชโภคฺคํ. รฺโ ทายภูตนฺติ กุลปรมฺปราย โยคฺยภาเวน ราชโต ลทฺธทายภูตํ. เตนาห ‘‘ทายชฺชนฺติ อตฺโถ’’ติ. ราชนีหาเรน ปริภฺุชิตพฺพโต อุทฺธํ ปริโภคลาภสฺส เสฏฺเทยฺยตา นาม นตฺถีติ อาห ‘‘ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ราชสงฺเขเปน ภฺุชิตพฺพ’’นฺติ. ‘‘สพฺพํ เฉชฺชเภชฺช’’นฺติ สรีรทณฺฑธนทณฺฑาทิ เภทํ สพฺพํ ทณฺฑมาห. นทีติตฺถปพฺพตาทีสูติ นทีติตฺถปพฺพตปาทคามทฺวารอฏวิมุขาทีสุ. ‘‘ราชทาย’’นฺติ อิมินาว รฺโ ทินฺนภาเว สิทฺเธ ‘‘รฺา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺน’’นฺติ วจนํ กิมตฺถิยนฺติ อาห ‘‘ทายกราชทีปนตฺถ’’นฺติอาทิ ¶ . นิสฺสฏฺปริจฺจตฺตนฺติ มุตฺตจาควเสน ปริจฺจตฺตํ กตฺวา. เอวฺหิ ตํ เสฏฺเทยฺยํ อุตฺตมเทยฺยํ ชาตํ.
อุปลภีติ สวนวเสน อุปลภีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสตทฺวาร…เป… อฺาสี’’ติ อาห. อวธารณผลตฺตา สพฺพมฺปิ วากฺยํ อนฺโตคธาวธารณนฺติ อาห ‘‘ปทปูรณมตฺเต นิปาโต’’ติ. ‘‘อวธารณตฺเถ’’ติ ปน อิมินา อิฏฺโตวธารณตฺถํ โข-สทฺทคฺคหณนฺติ ทสฺเสติ ¶ . ‘‘อสฺโสสี’’ติ ปทํ โข-สทฺเท คหิเต เตน ผุลฺลิตมณฺฑิตํ วิย โหนฺตํ ปูริตํ นาม โหติ, เตน จ ปุริมปจฺฉิมปทานิ สิลิฏฺานิ โหนฺติ, น ตสฺมึ อคฺคหิเตติ อาห ‘‘ปทปูรเณน พฺยฺชนสิลิฏฺตามตฺตเมวา’’ติ. มตฺต-สทฺโท วิเสสนิวตฺติอตฺโถ, เตนสฺส อนตฺถนฺตรทีปนตา ทสฺสิตา โหติ, เอว-สทฺเทน ปน พฺยฺชนสิลิฏฺตาย เอกนฺติกตา.
สมิตปาปตฺตาติ อจฺจนฺตํ อนวเสสโต สวาสนํ สมิตปาปตฺตา. เอวฺหิ พาหิรกวิราคเสกฺขาเสกฺขปาปสมนโต ภควโต ปาปสมนํ วิเสสิตํ โหติ, เตนาห วุตฺตฺเหตนฺติอาทิ. อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ อิธ อนุสฺสวตฺโถ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ขลูติ อนุสฺสวตฺเถ นิปาโต’’ติ. อาลปนมตฺตนฺติ ปิยาลาปวจนมตฺตํ. ปิยสมุทาหาโร เหเต ‘‘โภ’’ติ วา ‘‘อาวุโส’’ติ วา ‘‘เทวานํ ปิยา’’ติ วา. โคตฺตวเสนาติ เอตฺถ คํ ตายตีติ โคตฺตํ. โคตโมติ หิ ปวตฺตมานํ วจนํ, พุทฺธิฺจ ตายติ เอกํสิกวิสยตาย รกฺขตีติ โคตฺตํ. ยถา หิ พุทฺธิ อารมฺมณภูเตน ¶ อตฺเถน วินา น วตฺตติ, เอวํ อภิธานํ อภิเธยฺยภูเตน, ตสฺมา ¶ โส โคตฺตสงฺขาโต อตฺโถ ตานิ ตายติ รกฺขตีติ วุจฺจติ. โก ปน โสติ? อฺกุลปรมฺปราสาธารณํ ตสฺส กุลสฺส อาทิปุริสสมุทาคตํ ตํกุลปริยาปนฺนสาธารณํ สามฺรูปนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ ‘‘สมโณ’’ติ อิมินา สริกฺขกชเนหิ ภควโต พหุมตภาโว ทสฺสิโต สมิตปาปตากิตฺตนโต. ‘‘โคตโม’’ติ อิมินา โลกิยชเนหิ อุฬารกุลสมฺภูตตาทีปนโต.
อุจฺจากุลปริทีปนํ อุทิโตทิตวิปุลขตฺติยกุลวิภาวนโต. สพฺพขตฺติยานฺหิ อาทิภูตมหาสมฺมตมหาราชโต ปฏฺาย อสมฺภินฺนํ อุฬารตมํ สกฺยราชกุลํ. เกนจิ ปาริชฺุเนาติ าติปาริชฺุโภคปาริชฺุาทินา เกนจิ ปาริชฺุเน ปาริหานิยา. อนภิภูโต อนชฺโฌตฺถโต. ตถา หิ ตสฺส กุลสฺส น กิฺจิ ปาริชฺุํ โลกนาถสฺส อภิชาติยํ, อถ โข วฑฺฒิเยว. อภินิกฺขมเน จ ตโตปิ สมิทฺธตมภาโว โลเก ปากโฏ ปฺาโต. อิติ ‘‘สกฺยกุลา ปพฺพชิโต’’ติ อิทํ วจนํ ภควโต สทฺธาปพฺพชิตภาวทีปนํ วุตฺตํ มหนฺตํ าติปริวฏฺฏํ, มหนฺตฺจ โภคกฺขนฺธํ ปหาย ปพฺพชิตภาวสิทฺธิโต. สุนฺทรนฺติ ภทฺทกํ. ภทฺทกตา จ ปสฺสนฺตสฺส หิตสุขาวหภาเวน เวทิตพฺพาติ อาห ¶ อตฺถาวหํ สุขาวหนฺติ. ตตฺถ อตฺถาวหนฺติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถสํหิตหิตาวหํ. สุขาวหนฺติ ยถาวุตฺตติวิธสุขาวหํ. ตถารูปานนฺติ ตาทิสานํ. ยาทิเสหิ ปน คุเณหิ ภควา สมนฺนาคโต, เตหิ จตุปฺปมาณิกสฺส โลกสฺส สพฺพถาปิ อจฺจนฺตาย สทฺธาย ปสาทนีโย เตสํ ยถาภูตสภาวตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ยถารูโปติอาทิมาห. ตตฺถ ยถาภูตํ…เป… ¶ อรหตนฺติ อิมินา ธมฺมปฺปมาณานํ, ลูขปฺปมาณานฺจ สตฺตานํ ภควโต ปสาทาวหตํ ทสฺเสติ. ตํ ทสฺสเนเนว จ อิตเรสมฺปิ อตฺถโต ปสาทาวหตา ทสฺสิตา โหตีติ ทฏฺพฺพํ ตทวินาภาวโต. ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตีติ เอตฺถ โกสิยสกุณวตฺถุํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๔; ขุ. ปา. อฏฺ. ๑๐) กเถตพฺพํ.
อมฺพฏฺมาณวกถาวณฺณนา
๒๕๖. มนฺเต ปริวตฺเตตีติ เวเท สชฺฌายติ, ปริยาปุณาตีติ อตฺโถ. มนฺเต ธาเรตีติ ยถาอธีเต มนฺเต อสมฺมุฏฺเ กตฺวา หทเย เปติ โอฏฺปหตกรณวเสน, น อตฺถวิภาวนวเสน.
สนิฆณฺฑุเกฏุภานนฺติ เอตฺถ วจนียวาจกภาเวน อตฺถํ สทฺทฺจ นิขฑติ ภินฺทติ วิภชฺช ทสฺเสตีติ นิขณฺฑุ, สา เอว อิธ ข-การสฺส ฆ-การํ กตฺวา ‘‘นิฆณฺฑู’’ติ วุตฺโต. กิฏยติ ¶ คเมติ าเปติ กิริยาทิวิภาคํ, ตํ วา อนวเสสปริยาทานโต คเมนฺโต ปูเรตีติ เกฏุภํ. เววจนปฺปกาสกนฺติ ปริยายสทฺททีปกํ, เอเกกสฺส อตฺถสฺส อเนกปริยายวจนวิภาวกนฺติ อตฺโถ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ อเนเกสมฺปิ อตฺถานํ เอกสทฺทวจนียตาวิภาวนวเสนปิ ตสฺส คนฺถสฺส ปวตฺตตฺตา. วจีเภทาทิลกฺขณา กิริยา กปฺปียติ เอเตนาติ กิริยากปฺโป, โส ปน วณฺณปทสมฺพนฺธปทตฺถาทิวิภาคโต พหุวิกปฺโปติ อาห ‘‘กิริยากปฺปวิกปฺโป’’ติ. อิทฺจ มูลกิริยากปฺปคนฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. โส หิ สตสหสฺสปริมาโณ นยจริยาทิปกรณํ. านกรณาทิวิภาคโต ¶ , นิพฺพจนวิภาคโต จ อกฺขรา ปเภทียนฺติ เอเตหีติ อกฺขรปฺปเภทา, สิกฺขานิรุตฺติโย. เอเตสนฺติ เวทานํ.
เต ¶ เอว เวเท ปทโส กายตีติ ปทโก. ตํ ตํ สทฺทํ ตทตฺถฺจ พฺยากโรติ พฺยาจิกฺขติ เอเตนาติ พฺยากรณํ, สทฺทสตฺถํ. อายตึ หิตํ เตน โลโก น ยตติ น อีหตีติ โลกายตํ. ตฺหิ คนฺถํ นิสฺสาย สตฺตา ปฺุกิริยาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติ.
วยตีติ วโย, อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ กตฺถจิ อปริกิลมนฺโต อวิตฺถายนฺโต เต คนฺเถ สนฺธาเรติ ปูเรตีติ อตฺโถ. ทฺเว ปฏิเสธา ปกตึ คเมนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อวโย น โหตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ อวยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อวโย นาม…เป… น สกฺโกตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนฺุาโต’’ติ ปทสฺส กมฺมสาธนวเสน, ‘‘ปฏิฺาโต’’ติ ปน ปทสฺส กตฺตุสาธนวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาจริเยนา’’ติอาทิมาห. อาจริยปรมฺปราภตํ อาจริยกํ. ครูติ ภาริยํ อตฺตานํ ตโต โมเจตฺวา คมนํ ทุกฺกรํ โหติ. อนตฺโถปิ อุปฺปชฺชติ นินฺทาพฺยาโรสอุปารมฺภาทิ.
๒๕๗. ‘‘อพฺภุคฺคโต’’ติ เอตฺถ อภิสทฺทโยเคน อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถวเสเนว อุปโยควจนํ.
๒๕๘. ลกฺขณานีติ ลกฺขณทีปนานิ มนฺตปทานิ. อนฺตรธายนฺตีติ น เกวลํ ลกฺขณมนฺตานิเยว, อถ โข อฺานิปิ พฺราหฺมณานํ าณพลาภาเวน อนุกฺกเมน อนฺตรธายนฺติ. ตถา หิ วทนฺติ ‘‘เอกสตํ อทฺธริยํ สาขา สหสฺสวตฺตโก สามา’’ติอาทิ. ปณิธิ ¶ …เป… มหโตติ เอตฺถ ปณิธิมหโต สมาทานมหโตติ อาทินา ปจฺเจกํ มหนฺต-สทฺโท โยเชตพฺโพ. ปณิธิมหนฺตตาทิ จสฺส พุทฺธวํสจริยาปิฏกวณฺณนาทิวเสน เวทิตพฺโพ. นิฏฺาติ นิปฺผตฺติโย. ภวเภเทติ ภววิเสเส. อิโต จ เอตฺโต จ พฺยาเปตฺวา ิตตา วิสฏภาโว.
ชาติสามฺโตติ ลกฺขณชาติยา ลกฺขณภาวมตฺเตน สมานภาวโต. ยถา หิ พุทฺธานํ ลกฺขณานิ ¶ สุวิสทานิ, สุปริพฺยตฺตานิ, ปริปุณฺณานิ จ โหนฺติ, น เอวํ จกฺกวตฺตีนํ, เตนาห ‘‘น เตเหว พุทฺโธ โหตี’’ติ. อภิรูปตา, ทีฆายุกตา, อปฺปาตงฺกตา, พฺราหฺมณาทีนํ ปิยมนาปตาติ อิเมหิ จตูหิ อจฺฉริยสภาเวหิ. ทานํ, ปิยวจนํ, อตฺถจริยา, สมานตฺตตาติ ¶ อิเมหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ. รฺชนโตติ ปีติชนนโต. จกฺกํ จกฺกรตนํ วตฺเตติ ปวตฺเตตีติ จกฺกวตฺตี. สมฺปตฺติจกฺเกหิ สยํ วตฺตติ, เตหิ จ ปรํ สตฺตนิกายํ วตฺเตติ ปวตฺเตตีติ จกฺกวตฺตี. ปรหิตาวโห อิริยาปถจกฺกานํ วตฺโต วตฺตนํ เอตสฺส, เอตฺถาติ วา จกฺกวตฺตี. อปฺปฏิหตํ วา อาณาสงฺขาตํ จกฺกํ วตฺเตตีติ จกฺกวตฺตี. ขตฺติยมณฺฑลาทิสฺิตํ จกฺกํ สมูหํ อตฺตโน วเส วตฺเตตีติ จกฺกวตฺตี จกฺกวตฺติวตฺตสงฺขาตํ ธมฺมํ จรติ, จกฺกวตฺติวตฺตสงฺขาโต ธมฺโม เอตสฺมึ อตฺถีติ วา ธมฺมิโก. ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺโม รฺชนฏฺเน ราชาติ ธมฺมราชา. ‘‘ราชา โหติ จกฺกวตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘จาตุรนฺโต’’ติ ปทํ จตุทีปิสฺสรตํ วิภาเวตีติ อาห ‘‘จตุสมุทฺทอนฺตายา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘จตุทฺทีปวิภูสิตายา’’ติ อวตฺวา ‘‘จตุพฺพิธา’’ติ วิธคฺคหณํ ตํตํปริตฺตทีปานมฺปิ สงฺคหตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. โกปาทีติ ¶ อาทิ-สทฺเทน กามโมหมานมทาทิเก สงฺคณฺหาติ. วิชิตาวีติ วิชิตวา. เกนจิ อกมฺปิยฏฺเน ชนปเท ถาวริยปฺปตฺโต, ทฬฺหภตฺติภาวโต วา, ชนปโท ถาวริยํ ปตฺโต เอตฺถาติ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต.
จิตฺตีกตภาวาทินาปิ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๓; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฏฺ. ๕๐) จกฺกสฺส รตนฏฺโ เวทิตพฺโพ. เอส นโย เสเสสุปิ. รตินิมิตฺตตาย วา จิตฺตีกตาทิภาวสฺส รติชนนฏฺเน เอกสงฺคหตาย วิสุํ อคฺคหณํ. อิเมหิ ปน รตเนหิ ราชา จกฺกวตฺตี ยํ ยมตฺถํ ปจฺจนุโภติ, ตํ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อชิตํ ชินาติ มเหสกฺขตาสํวตฺตนิยกมฺมนิสฺสนฺทภาวโต. วิชิเต ยถาสุขํ อนุวิจรติ หตฺถิรตนํ อสฺสรตนฺจ อภิรุหิตฺวา เตสํ อานุภาเวน อนฺโตปาตราเสเยว สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวึ อนุสํยายิตฺวา ราชธานิเมว ปจฺจาคมนโต. ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ เตน ตตฺถ ตตฺถ กาตพฺพกิจฺจสฺส สํวิธานโต. อวเสเสหีติ มณิรตนอิตฺถิรตนคหปติรตเนหิ. ตตฺถ มณิรตเนน โยชนปฺปมาเณ ปเทเส อนฺธการํ วิธมิตฺวา อาโลกทสฺสนาทินา สุขมนุภวติ, อิตฺถิรตเนน อติกฺกนฺตมานุสกรูปสมฺปตฺติทสฺสนาทิวเสน, คหปติรตเนน อิจฺฉิติจฺฉิตมณิกนกรชตาทิธนปฏิลาภวเสน.
อุสฺสาหสตฺติโยโค ¶ เตน เกนจิ อปฺปฏิหตาณาจกฺกภาวสิทฺธิโต ปจฺฉิเมนาติ ปริณายกรตเนน. ตฺหิ สพฺพราชกิจฺเจสุ กุสลํ อวิรชฺฌนโยคํ, เตนาห ‘‘มนฺตสตฺติโยโค’’ติ ¶ . หตฺถิอสฺสรตนานํ มหานุภาวตาย โกสสมฺปตฺติยาปิ ปภาวสมฺปตฺติสิทฺธิโต ¶ ‘‘หตฺถิ…เป… โยโค’’ติ วุตฺตํ. (โกโส หิ นาม สติ อุสฺสาหสมฺปตฺติยํ ทุคฺคํ เตชํ กุสุโมรํ ปรกฺกมํ ปพฺพโตมุขํ อโมสปหรณํ) ติวิธสตฺติโยคผลํ ปริปุณฺณํ โหตีติ สมฺพนฺโธ. เสเสหีติ เสเสหิ ปฺจหิ รตเนหิ.
อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ อโทสสงฺขาเตน กุสลมูเลน สหชาตาทิปจฺจยวเสน อุปฺปาทิตกมฺมสฺส อานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ โสมฺมตรรตนชาติกตฺตา. มชฺฌิมานิ มณิอิตฺถิคหปติรตนานิ. อโลภ…เป… กมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ อุฬารสฺส ธนสฺส, อุฬารธนปฏิลาภการณสฺส จ ปริจฺจาคสมฺปทาเหตุกตฺตา. ปจฺฉิมนฺติ ปริณายกรตนํ. ตฺหิ อโมห…เป… กมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชติ มหาปฺเเนว จกฺกวตฺติราชกิจฺจสฺส ปริเณตพฺพตฺตา. อุปเทโส นาม สวิเสสํ สตฺตนฺนํ รตนานํ วิจารณวเสน ปวตฺโต กถาพนฺโธ.
สรณโต ปฏิปกฺขวิธมนโต สูรา, เตนาห ‘‘อภีรุกชาติกา’’ติ. อสุเร วิชินิตฺวา ิตตฺตา วีโร, สกฺโก เทวานํ อินฺโท. ตสฺส องฺคํ เทวปุตฺโต เสนงฺคภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘วีรงฺครูปาติ เทวปุตฺตสทิสกายา’’ติ. ‘‘เอเก’’ติ สารสมาสาจริยมาห. สภาโวติ สภาวภูโต อตฺโถ. วีรการณนฺติ วีรภาวการณํ. วีริยมยสรีรา วิยาติ สวิคฺคหวีริยสทิสา, สวิคฺคหํ เจ วีริยํ สิยา ตํสทิสาติ อตฺโถ. นนุ รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ปฏิเสนา นาม นตฺถิ, ย’มสฺส ปุตฺตา ปมทฺเทยฺยุํ, อถ กสฺมา ปรเสนปฺปมทฺทนาติ วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห สเจติอาทิ, เตน ปรเสนา โหตุ วา มา วา เต ปน เอวํ มหานุภาวาติ ทสฺเสติ. ธมฺเมนาติ กตุปจิเตน อตฺตโน ปฺุธมฺเมน. เตน ¶ หิ สฺโจทิตา ปถวิยํ สพฺพราชาโน ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ‘‘สฺวาคตํ เต มหาราชา’’ติ อาทึ วตฺวา อตฺตโน รชฺชํ รฺโ จกฺกวตฺติสฺส นิยฺยาเตนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘โส อิมํ…เป… อชฺฌาวสตี’’ติ. อฏฺกถายํ ¶ ปน ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส ธมฺมสฺส จิรตรํ วิปจฺจิตุํ ปจฺจยภูตํ จกฺกวตฺติวตฺตสมุทาคตํ ปโยคสมฺปตฺติสงฺขาตํ ธมฺมํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพติอาทินา ปฺจสีลธมฺเมนา’’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ ‘‘อทณฺเฑน อสตฺเถนา’’ติ อิทํ วจนํ สุฏฺุตรํ สมตฺถิตํ โหตีติ. ยสฺมา ราคาทโย ปาปธมฺมา อุปฺปชฺชมานา สตฺตสนฺตานํ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฏฺนฺติ กุสลปฺปวตฺตึ นิวาเรนฺติ, ตสฺมา เต ‘‘ฉทนา, ฉทา’’ติ จ วุตฺตา. วิวเฏตฺวาติ วิคเมตฺวา. ปูชารหตา วุตฺตา ‘‘อรหตีติ อรห’’นฺติ. ตสฺสา ปูชารหตาย. ยสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา อรหนฺติ. พุทฺธตฺตเหตุภูตา วิวฏฺฏจฺฉทตา วุตฺตา สวาสนสพฺพกิเลสปฺปหานปุพฺพกตฺตา พุทฺธภาวสฺส.
อรหํ ¶ วฏฺฏาภาเวนาติ ผเลน เหตุอนุมานทสฺสนํ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฉทนาภาเวนาติ เหตุนา ผลานุมานทสฺสนํ. เหตุทฺวยํ วุตฺตํ ‘‘วิวฏฺโฏ วิจฺฉโท จา’’ติ. ทุติเยน เวสารชฺเชนาติ ‘‘ขีณาสวสฺส เต ปฏิชานโต’’ติอาทินา วุตฺเตน เวสารชฺเชน. ปุริมสิทฺธีติ ปุริมสฺส ปทสฺส อตฺถสิทฺธีติ อตฺโถ. ปเมนาติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ¶ เต ปฏิชานโต’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๕๐; อ. นิ. ๔.๘) วุตฺเตน เวสารชฺเชน. ทุติยสิทฺธีติ ทุติยสฺส ปทสฺส อตฺถสิทฺธิ, พุทฺธตฺถสิทฺธีติ อตฺโถ. ตติยจตุตฺเถหีติ ‘‘เย โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา’’ติอาทินา, (ม. นิ. ๑.๑๕๐; อ. นิ. ๔.๘) ‘‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๕๐; อ. นิ. ๔.๘) จ วุตฺเตหิ ตติยจตุตฺเถหิ เวสารชฺเชหิ. ตติยสิทฺธีติ วิวฏฺฏจฺฉทนตาสิทฺธิ ยาถาวโต อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺมาปเทเสน หิ สตฺถุ วิวฏฺฏจฺฉทนภาโว โลเก ปากโฏ อโหสิ. ปุริมํ ธมฺมจกฺขุนฺติ ปุริมปทํ ภควโต ธมฺมจกฺขุํ สาเธติ กิเลสารีนํ, สํสารจกฺกสฺส จ อรานํ หตภาวทีปนโต. ทุติยํ ปทํ พุทฺธจกฺขุํ สาเธติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺเสว ตํสพฺภาวโต. ตติยํ ปทํ สมนฺตจกฺขุํ สาเธติ สวาสนสพฺพกิเลสปฺปหานทีปนโต. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ หิ วตฺวา ‘‘วิวฏฺฏจฺฉโท’’ติ วจนํ พุทฺธภาวาวหเมว สพฺพกิเลสปฺปหานํ วิภาเวติ. ‘‘สูรภาว’’นฺติ ลกฺขณวิภาวเน วิสทาณตํ.
๒๕๙. เอวํ ¶ โภติ เอตฺถ เอวนฺติ วจนสมฺปฏิจฺฉเน นิปาโต. วจนสมฺปฏิจฺฉนฺเจตฺถ ‘‘ตถา มยํ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ เวทิสฺสาม, ตฺวํ มนฺตานํ ปฏิคฺคเหตา’’ติ จ เอวํ ปวตฺตสฺส โปกฺขรสาติโน วจนสฺส สมฺปฏิคฺคโหติ อาห. ‘‘โสปิ ตายา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตายาติ ตาย ยถาวุตฺตาย สมุตฺเตชนาย. อยานภูมินฺติ ¶ ยานสฺส อภูมึ. ทิวาปธานิกาติ ทิวาปธานานุยฺุชนกา.
๒๖๐. ยทิปิ ปุพฺเพ อมฺพฏฺกุลํ อปฺปฺาตํ, ตทา ปน ปฺายตีติ อาห ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิ. อตุริโตติ อเวคายนฺโต.
๒๖๑. ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโตติ ยถา ภควา ‘‘กจฺจิ โว มาณวา ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทินา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโต เตหิ มาณเวหิ สทฺธึ ปมํ ปวตฺตโมโท อโหสิ ปุพฺพภาสิตาย ตทนุกรเณน เอวํ เตปิ มาณวา ภควตา สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมทา อเหสุนฺติ โยชนา. ตํ ปน สมปฺปวตฺตโมทตํ อุปมาย ทสฺเสตุํ ‘‘สีโตทกํ วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สมฺโมทิตนฺติ สํสนฺทิตํ. เอกีภาวนฺติ สมฺโมทนกิริยาย สมานตํ ¶ . ขมนียนฺติ ‘‘อิทํ จตุจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ ทุกฺขพหุลตาย สภาวโต ทุสฺสหํ กจฺจิ ขมิตุํ สกฺกุเณยฺย’’นฺติ ปุจฺฉนฺติ, ยาปนียนฺติ อาหาราทิปจฺจยปฏิพทฺธวุตฺติกํ จิรปฺปพนฺธสงฺขาตาย ยาปนาย กจฺจิ ยาเปตุํ สกฺกุเณยฺยํ. สีสโรคาทิอาพาธาภาเวน กจฺจิ อปฺปาพาธํ, ทุกฺขชีวิกาภาเวน กจฺจิ อปฺปาตงฺกํ, ตํตํกิจฺจกรเณ อุฏฺานสุขตาย กจฺจิ ลหุฏฺานํ, ตทนุรูปพลโยคโต กจฺจิ พลํ, สุขวิหารสพฺภาเวน กจฺจิ ผาสุวิหาโร อตฺถีติ สพฺพตฺถ กจฺจิ-สทฺทํ โยเชตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. พลปฺปตฺตา ปีติ ปีติเยว. ตรุณปีติ ปาโมชฺชํ. สมฺโมทนํ ชเนติ กโรตีติ สมฺโมทนิกํ ตเทว สมฺโมทนียํ. สมฺโมทิตพฺพโต สมฺโมทนียนฺติ อิทํ ปน อตฺถํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ‘‘สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต’’ติ. สริตพฺพภาวโต อนุสฺสริตพฺพภาวโต ‘‘สรณีย’’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘‘สารณีย’’นฺติ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ. ‘‘สุยฺยมานสุขโต’’ติ อาปาถมธุรตมาห, ‘‘อนุสฺสริยมานสุขโต’’ติ วิมทฺทรมณียตํ. ‘‘พฺยฺชนปริสุทฺธตายา’’ติ สภาวนิรุตฺติภาเวน ¶ ตสฺสา กถาย วจนจาตุริยมาห, ‘‘อตฺถปริสุทฺธตายา’’ติ อตฺถสฺส นิรุปกฺกิเลสตํ. อเนเกหิ ปริยาเยหีติ อเนเกหิ การเณหิ.
อปสาเทสฺสามีติ ¶ มงฺกุํ กริสฺสามิ. กณฺเ โอลมฺเพตฺวาติ อุโภสุ ขนฺเธสุ สาฏกํ อาสชฺเชตฺวา กณฺเ โอลมฺพิตฺวา. ทุสฺสกณฺณํ คเหตฺวาติ นิวตฺถสาฏกสฺส ทสาโกฏึ เอเกน หตฺเถน คเหตฺวา. จงฺกมํ อภิรุหิตฺวาติ จงฺกมิตุํ อารภิตฺวา. ธาตุสมตาติ รสาทิธาตูนํ สมาวตฺถตา, อโรคตาติ อตฺโถ. อนาจารภาวสารณียนฺติ อนาจารภาเวน สรณียํ. ‘‘อนาจาโร วตาย’’นฺติ สริตพฺพกํ.
๒๖๒. ‘‘ภวคฺคํ คเหตุกาโม วิยา’’ติอาทิ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ทุกฺกรํ กิจฺจํ อารภตีติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. อสกฺกุเณยฺยฺเหตํ สเทวเกนาปิ โลเกน, ยทิทํ ภควโต อปสาทนํ, เตนาห ‘‘อฏฺาเน วายมตี’’ติ. อยํ พาโล ‘‘มยิ กิฺจิ อกเถนฺเต มยา สทฺธึ กเถตุมฺปิ น วิสหตี’’ติ มานเมว ปคฺคณฺหิสฺสติ, กเถนฺเต ปน กถาปสงฺเคนสฺส ชาติโคตฺเต วิภาวิเต มานนิคฺคโห ภวิสฺสตีติ ภควา ‘‘เอวํ นุ เต’’ติอาทิมาห. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิ. อาจารสมาจารสิกฺขาปเนน อาจริยา, เตสํ ปน อาจริยานํ ปกฏฺา อาจริยาติ ปาจริยา ยถา ปปิตามโหติ, เตนาห ‘‘อาจริเยหิ จ เตสํ ปาจริเยหิ จา’’ติ.
ปมอิพฺภวาทวณฺณนา
๒๖๓. ตีสุ อิริยาปเถสูติ านคมนนิสชฺชาสุ. กถาปฬาสนฺติ ¶ กถาวเสน ยุคคฺคาหํ. สยาเนน ¶ อาจริเยน สทฺธึ สยานสฺส กถา นาม อาจาโร น โหติ, ตํ อิตเรหิ สทิสํ กตฺวา กถนํ อิธ กถาปฬาโส.
ตสฺส ปน ยํ อนาจารภาววิภาวนํ สตฺถารา อมฺพฏฺเน สทฺธึ กเถนฺเตน กตํ, ตํ สงฺคีติอนารุฬฺหํ ปรมฺปราภตนฺติ อุปริ ปาฬิยา สมฺพนฺธภาเวน ทสฺเสนฺโต ‘‘ตโต กิรา’’ติอาทิมาห. มุณฺฑกา สมณกาติ จ ครหายํ ก-สทฺโท, เตนาห ‘‘หีเฬนฺโต’’ติ. อิภสฺส ปโยโค อิโภ อุตฺตรปทโลเปน, ตํ อิภํ อรหนฺตีติ อิพฺภา. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา อิโภ หตฺถิวาหนภูโต ปรสฺส วเสน วตฺตติ, น อตฺตโน, เอวํ เอเตปิ พฺราหฺมณานํ สุสฺสุสกา สุทฺทา ปรสฺส วเสน ¶ วตฺตนฺติ, น อตฺตโน, ตสฺมา อิภสทิสปโยคตาย อิพฺภาติ. เต ปน กุฏุมฺพิกตาย ฆรวาสิโน ฆรสฺสามิกา โหนฺตีติ อาห ‘‘คหปติกา’’ติ. กณฺหาติ กณฺหชาติกา. ทิชา เอว หิ สุทฺธชาติกา, น อิตเรติ ตสฺส อธิปฺปาโย, เตนาห ‘‘กาฬกา’’ติ. มุขโต นิกฺขนฺตาติ พฺราหฺมณานํ ปุพฺพปุริสา พฺรหฺมุโน มุขโต นิกฺขนฺตา, อยํ เตสํ ปมุปฺปตฺตีติ อธิปฺปาโย. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ‘‘สมณา ปิฏฺิปาทโต’’ติ อิทํ ปนสฺส ‘‘มุขโต นิกฺขนฺตา’’ติอาทิวจนโตปิ อติวิย อสมเวกฺขิตวจนํ จตุวณฺณปริยาปนฺนสฺเสว สมณภาวสมฺภวโต. อนิยเมตฺวาติ อวิเสเสตฺวา, อนุทฺเทสิกภาเวนาติ อตฺโถ.
มานุสฺสยวเสน กเถตีติ มานุสฺสยํ อวสฺสาย อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺโต, ปเร จ วมฺเภนฺโต ‘‘มุณฺฑกา’’ติ อาทึ กเถติ. ชานาเปมีติ ชาติโคตฺตสฺส ปมาณํ ¶ ยาถาวโต วิภาวเนน ปมาณํ ชานาเปมีติ. อตฺโถ เอตสฺส อตฺถีติ อตฺถิกํ ทณฺฑิกาเยน.
‘‘ยาเยว โข ปนตฺถายา’’ติ อิตฺถิลิงฺควเสน วุตฺตนฺติ วทนฺติ, ตํ ปรโต ‘‘ปุริสลิงฺควเสเนวา’’ติ วกฺขมานตฺตา ยุตฺตํ. ยาย อตฺถายาติ วา ปุลฺลิงฺควเสเนว ตทตฺเถ สมฺปทานวจนํ, ยสฺส อตฺถสฺส อตฺถายาติ อตฺโถ. อสฺสาติ อมฺพฏฺสฺส ทสฺเสตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อฺเสนฺติ อฺเสํ สาธุรูปานํ. สนฺติกํ อาคตานนฺติ คุรุฏฺานิยานํ สนฺติกํ อุปคตานํ. วตฺตนฺติ เตหิ จริตพฺพอาจารํ. อสิกฺขิโตติ อาจารํ อสิกฺขิโต. ตโต เอว อปฺปสฺสุโต. พาหุสจฺจฺหิ นาม ยาวเทว อุปสมตฺถํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตทภาวโต อมฺพฏฺโ อปฺปสฺสุโต อสิกฺขิโต ‘‘อวุสิโต’’ติ วิฺายติ, เตนาห ‘‘เอตสฺส หี’’ติอาทิ.
๒๖๔. โกธวสจิตฺตตาย อสกมโน. มานนิมฺมทนตฺถนฺติ มานสฺส นิมฺมทนตฺถํ. อุคฺคิเลตฺวาติ ¶ สิเนหปาเนน กิลินฺนํ อุพฺพมนํ กตฺวา. โคตฺเตน โคตฺตนฺติ เตน วุตฺเตน ปุราตนโคตฺเตน อิทานิ ตํ ตํ อนวชฺชสฺิตํ โคตฺตํ สาวชฺชโต อุฏฺาเปตฺวา อุทฺธริตฺวา. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ โคตฺตํ อาทิปุริสวเสน, กุลาปโทโส, ตทนฺวเย อุปฺปนฺนอภิฺาตปุริสวเสน เวทิตพฺโพ ยถา ‘‘อาทิจฺโจ, มฆเทโว’’ติ. โคตฺตมูลสฺส คารยฺหตาย อมานวตฺถุภาวปเวทนโต ‘‘มานทฺธชํ มูเล เฉตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ฆฏฺเฏนฺโตติ ¶ โอมสนฺโต.
ยสฺมึ ¶ มานุสฺสยโกธุสฺสยา อฺมฺูปตฺถทฺธา, โส ‘‘จณฺโฑ’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘จณฺฑาติ มานนิสฺสิตโกธยุตฺตา’’ติ. ขราติ จิตฺเตน, วาจาย จ กกฺขฬา. ลหุกาติ ตรุณา. ภสฺสาติ ‘‘สาหสิกา’’ติ เกจิ วทนฺติ, ‘‘สารมฺภกา’’ติ อปเร. สมานาติ โหนฺตา, ภวมานาติ อตฺโถติ อาห ‘‘สนฺตาติ ปุริมปทสฺเสว เววจน’’นฺติ. น สกฺกโรนฺตีติ สกฺการํ น กโรนฺติ. อปจิติกมฺมนฺติ ปณิปาตกมฺม นานุโลมนฺติ อตฺตโน ชาติยา น อนุจฺฉวิกนฺติ อตฺโถ.
ทุติยอิพฺภวาทวณฺณนา
๒๖๕. กามํ สกฺยราชกุเล โย สพฺเพสํ พุทฺธตโร สมตฺโถ จ, โส เอว อภิเสกํ ลภติ, เอกจฺโจ ปน อภิสิตฺโต สมาโน ‘‘อิทํ รชฺชํ นาม พหุกิจฺจํ พหุพฺยาปาร’’นฺติ ตโต นิพฺพิชฺช รชฺชํ วยสา อนนฺตรสฺส นิยฺยาเตติ, กทาจิ โสปิ อฺสฺสาติ ตาทิเส สนฺธายาห ‘‘สกฺยาติ อภิสิตฺตราชาโน’’ติ. กุลวํสํ ชานนฺตีติ กณฺหายนโต ปฏฺาย ปรมฺปราคตํ อนุสฺสววเสน ชานนฺติ. กุลาภิมานิโน หิ เยภุยฺเยน ปเรสํ อุจฺจาวจํ กุลํ ตถา ตถา อุทาหรนฺติ, อตฺตโน จ กุลวํสํ ชานนฺติ, เอวํ อมฺพฏฺโปิ. ตถา หิ โส ปรโต ภควตา ปุจฺฉิโต วชิรปาณิภเยน ยาถาวโต กเถสิ.
ตติยอิพฺภวาทวณฺณนา
๒๖๖. เขตฺตเลฑฺฑูนนฺติ เขตฺเต กสนวเสน นงฺคเลน อุฏฺาปิตเลฑฺฑูนํ. ‘‘ลฏุกิกา’’ อิจฺเจว ปฺาตา ขุทฺทกสกุณิกา ลฏุกิโกปมวณฺณนายํ ‘‘จาตกสกุณิกา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๕๐) วุตฺตา. โกธวเสน ลคฺคิตุนฺติ อุปนยฺหิตุํ, อาฆาตํ พนฺธิตุนฺติ ¶ อตฺโถ. ‘‘อมฺเห หํสโกฺจโมรสเม กโรตี’’ติ อิมินา ‘‘น ตํ โกจิ หํโส วา’’ติอาทิวจนํ สงฺคีตึ อนารุฬฺหํ ตทา ภควตา วุตฺตเมวาติ ทสฺเสติ. ‘‘เอวํ นุ เต’’ติอาทิวจนํ, ‘‘อวุสิตวาเยวา’’ติอาทิวจนฺจ ¶ มานวเสน สมเณน โคตเมน วุตฺตนฺติ มฺตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘นิมฺมาโน ทานิ ชาโตติ มฺมาโน’’ติ.
ทาสิปุตฺตวาทวณฺณนา
๒๖๗. นิมฺมาเทตีติ ¶ อ-การสฺส อา-การํ กตฺวา นิทฺเทโสติ อาห ‘‘นิมฺมเทตี’’ติ. กามํ โคตฺตํ นาเมตํ ปิติโต ลทฺธพฺพํ, น มาติโต น หิ พฺราหฺมณานํ สโคตฺตาย อาวาหวิวาโห อิจฺฉิโต, โคตฺตนามํ ปน ยสฺมา ชาติสิทฺธํ, น กิตฺติมํ, ชาติ จ อุภยสมฺพนฺธินี, ตสฺมา ‘‘มาตาเปตฺติกนฺติ มาตาปิตูนํ สนฺตก’’นฺติ วุตฺตํ. นามโคตฺตนฺติ โคตฺตนามํ, น กิตฺติมนามํ, น คุณนามํ วา. ตตฺถ ‘‘กณฺหายโน’’ติ นิรุฬฺหา ยา นามปณฺณตฺติ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ปณฺณตฺติวเสน นามนฺติ. ตํ ปน กณฺหอิสิโต ปฏฺาย ตสฺมึ กุลปรมฺปราวเสน อาคตํ, น เอตสฺมึเยว นิรุฬฺหํ, เตน วุตฺตํ ‘‘ปเวณีวเสน โคตฺต’’นฺติ. โคตฺต-ปทสฺส ปน อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. อนุสฺสรโตติ เอตฺถ น เกวลํ อนุสฺสรณํ อธิปฺเปตํ, อถ โข กุลสุทฺธิวีมํสนวเสนาติ อาห ‘‘กุลโกฏึ โสเธนฺตสฺสา’’ติ. อยฺยปุตฺตาติ อยฺยิกปุตฺตาติ อาห ‘‘สามิโน ปุตฺตา’’ติ. ทิสา โอกฺกากรฺโ อนฺโตชาตา ทาสีติ อาห ‘‘ฆรทาสิยา ปุตฺโต’’ติ. เอตฺถ จ ยสฺมา อมฺพฏฺโ ชาตึ นิสฺสาย มานตฺถทฺโธ, น จสฺส ยาถาวโต ชาติยา อวิภาวิตาย มานนิคฺคโห โหติ, มานนิคฺคเห จ กเต อปรภาเค รตนตฺตเย ปสีทิสฺสติ ¶ , น ‘‘ทาสี’’ติ วาจา ผรุสวาจา นาม โหติ จิตฺตสฺส สณฺหภาวโต. อภยสุตฺตฺเจตฺถ (ม. นิ. ๒.๘๓; อ. นิ. ๔.๑๘๔) นิทสฺสนํ. เกจิ จ สตฺตา อคฺคินา วิย โลหาทโย กกฺขฬาย วาจาย มุทุภาวํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ภควา อมฺพฏฺํ นิพฺพิเสวนํ กาตุกาโม ‘‘อยฺยปุตฺตา สกฺยา ภวนฺติ, ทาสิปุตฺโต ตฺวมสิ สกฺยาน’’นฺติ อโวจ.
เปนฺตีติ ปฺเปนฺติ, เตนาห ‘‘โอกฺกาโก’’ติอาทิ. ปภา นิจฺฉรติ ทนฺตานํ อติวิย ปภสฺสรภาวโต.
ปมกปฺปิกานนฺติ ปมกปฺปสฺส อาทิกาเล นิพฺพตฺตานํ. กิร-สทฺโท อนุสฺสวตฺเถ, เตน โย วุจฺจมานาย ราชปรมฺปราย เกสฺจิ มติเภโท, ตํ อุลฺลิงฺเคติ. มหาสมฺมตสฺสาติ ‘‘อยํ โน ราชา’’ติ มหาชเนน สมฺมนฺนิตฺวา ปิตตฺตา ‘‘มหาสมฺมโต’’ติ เอวํ สมฺมตสฺส. ยํ สนฺธาย วทนฺติ –
‘‘อาทิจฺจกุลสมฺภูโต ¶ ¶ , สุวิสุทฺธคุณากโร;
มหานุภาโว ราชาสิ, มหาสมฺมตนามโก.
โย จกฺขุภูโต โลกสฺส, คุณรํสิสมุชฺชโล;
ตโมนุโท วิโรจิตฺถ, ทุติโย วิย ภาณุมา.
ปิตา เยน มริยาทา, โลเก โลกหิเตสินา;
ววตฺถิตา สกฺกุณนฺติ, น วิลงฺฆยิตุํ ชนา.
ยสสฺสินํ เตชสฺสินํ, โลกสีมานุรกฺขกํ;
อาทิภูตํ มหาวีรํ, กถยนฺติ ‘มนู’ติ ย’’นฺติ.
ตสฺส จ ปุตฺตปปุตฺตปรมฺปรํ สนฺธาย –
‘‘ตสฺส ปุตฺโต มหาเตโช, โรโช นาม มหีปติ;
ตสฺส ปุตฺโต วรโรโช, ปวโร ราชมณฺฑเล.
ตสฺสาสิ ¶ กลฺยาณคุโณ, กลฺยาโณ นาม อตฺรโช;
ราชา ตสฺสาสิ ตนโย, วรกลฺยาณนามโก.
ตสฺส ปุตฺโต มหาวีโร, มนฺธาตา กามโภคินํ;
อคฺคภูโต มหินฺเทน, อฑฺฒรชฺเชน ปูชิโต.
ตสฺส สูนุ มหาเตโช, วรมนฺธาตุนามโก;
‘อุโปสโถ’ติ นาเมน, ตสฺส ปุตฺโต มหายโส.
วโร นาม มหาเตโช, ตสฺส ปุตฺโต มหาวโร;
ตสฺสาสิ อุปวโรติ, ปุตฺโต ราชา มหาพโล.
ตสฺส ¶ ปุตฺโต มฆเทโว, เทวตุลฺโย มหีปติ;
จตุราสีติสหสฺสานิ, ตสฺส ปุตฺตปรมฺปรา.
เตสํ ปจฺฉิมโก ราชา, ‘โอกฺกาโก’ อิติ วิสฺสุโต;
มหายโส มหาเตโช, อขุทฺโท ราชมณฺฑเล’’ติ.
อาทิ เตสํ ปจฺฉโตติ เตสํ มฆเทว ปรมฺปรภูตานํ กฬารชนกปริโยสานานํ อเนกสตสหสฺสานํ ราชูนํ อปรภาเค โอกฺกาโก นาม ¶ ราชา อโหสิ, ตสฺส ปรมฺปราภูตานํ อเนกสตสหสฺสานํ ราชูนํ อปรภาเค อปโร โอกฺกาโก นาม ราชา อโหสิ, ตสฺส ปรมฺปรภูตานํ อเนกสตสหสฺสานํ ราชูนํ อปรภาเค ปุนาปโร โอกฺกาโก นาม ราชา อโหสิ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ตโย โอกฺกากวํสา อเหสุํ. เตสุ ตติยโอกฺกากสฺสา’’ติอาทิ.
สหสา วรํ อทาสินฺติ ปุตฺตทสฺสเนน โสมนสฺสปฺปตฺโต สหสา อวีมํสิตฺวา ตุฏฺิยา วเสน วรํ อทาสึ, ‘‘ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คณฺหา’’ติ. รชฺชํ ปริณาเมตุํ อิจฺฉตีติ สา ชนฺตุกุมารสฺส มาตา มม ตํ วรทานํ อนฺตรํ กตฺวา อิมํ รชฺชํ ปริณาเมตุํ อิจฺฉตีติ.
นปฺปสเหยฺยาติ ¶ น ปริยตฺโต ภเวยฺย.
นิกฺขมฺมาติ ฆราวาสโต, กาเมหิ จ นิกฺขมิตฺวา. เหฏฺา จาติ จ-สทฺเทน ‘‘อสีติหตฺเถ’’ติ อิทํ อนุกฑฺฒติ. เตหีติ มิคสูกเรหิ, มณฺฑูกมูสิเกหิ จ. เตติ สีหพฺยคฺฆาทโย, สปฺปพิฬารา จ.
อวเสสาหิ อตฺตโน อตฺตโน กนิฏฺาหิ.
วฑฺฒมานานนฺติ อนาทเร สามิวจนํ. กุฏฺโรโค นาม สาสมสูรีโรคา วิย เยภุยฺเยน สงฺกมนสภาโวติ วุตฺตํ ‘‘อยํ โรโค สงฺกมตีติ จินฺเตตฺวา’’ติ.
มิคสูกราทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน วนจรโสณาทิเก สงฺคณฺหาติ.
ตสฺมึ นิสินฺเนติ สมฺพนฺโธ. ขตฺติยมายาโรจเนน อตฺตโน ขตฺติยภาวํ ชานาเปตฺวา.
นครํ ¶ มาเปหีติ สาหารํ นครํ มาเปหีติ อธิปฺปาโย.
เกสคฺคหณนฺติ เกสเวณิพนฺธนํ. ทุสฺสคฺคหณนฺติ วตฺถสฺส นิวาสนากาโร.
๒๖๘. อตฺตโน อุปารมฺภโมจนตฺถายาติ อาจริเยน อมฺพฏฺเน จ อตฺตโน อตฺตโน อุปริ ปาเปตพฺพอุปวาทสฺส อปนยนตฺถํ. อสฺมึ วจเนติ ‘‘จตฺตาโรเม โภ โคตม วณฺณา’’ติอาทินา อตฺตนา วุตฺเต, โภตา จ โคตเมน วุตฺเต ‘‘ชาติวาเท’’ติ อิมสฺมึ ยถาธิกเต วจเน. ตตฺถ ปน ยสฺมา เวเท วุตฺตวิธินาว เตน ปฏิมนฺเตตพฺพํ โหติ ¶ , ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เวทตฺตยวจเน’’ติ, ‘‘เอตสฺมึ วา ทาสิปุตฺตวจเน’’ติ จ.
๒๗๐. ธมฺโม นาม การณํ ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๑๘) วิย, สห ธมฺเมนาติ สหธมฺโม, สหธมฺโม ¶ เอว สหธมฺมิโกติ อาห ‘‘สเหตุโก’’ติ.
๒๗๑. ตสฺมา ตทา ปฏิฺาตตฺตา. ตาเสตฺวา ปฺหํ วิสฺสชฺชาเปสฺสามีติ อาคโต ยถา ตํ สจฺจกสมาคเม. ‘‘ภควา เจว ปสฺสติ อมฺพฏฺโ จา’’ติ เอตฺถ อิตเรสํ อทสฺสเน การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยทิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาวาเหตฺวาติ มนฺตพเลน อาเนตฺวา. ตสฺสาติ อมฺพฏฺสฺส. วาทสงฺฆฏฺเฏติ วาจาสงฺฆฏฺเฏ.
๒๗๒. ตาณนฺติ คเวสมาโนติ, ‘‘อยเมว สมโณ โคตโม อิโต ภยโต มม ตายโก’’ติ ภควนฺตํเยว ‘‘ตาณ’’นฺติ ปริเยสนฺโต อุปคจฺฉนฺโต. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ตายตีติ ยถาอุปฏฺิตภยโต ปาเลติ, เตนาห ‘‘รกฺขตี’’ติ, เอเตน ตาณ-สทฺทสฺส กตฺตุสาธนตมาห. ยถุปฏฺิเตน ภเยน อุปทฺทุโต นิลียติ เอตฺถาติ เลณํ, อุปลยนํ, เอเตน เลณ-สทฺทสฺส อธิกรณสาธนตมาห. ‘‘สรตี’’ติ เอเตน สรณ-สทฺทสฺส กตฺตุสาธนตมาห.
อมฺพฏฺวํสกถาวณฺณนา
๒๗๔. คงฺคาย ทกฺขิณโตติ คงฺคาย นทิยา ทกฺขิณทิสาย. อาวุธํ น ปริวตฺตตีติ สรํ วาสตฺติอาทึ วา ปรสฺส อุปริ ขิปิตุกามสฺส หตฺถํ น ปริวตฺตติ, หตฺเถ ปน อปริวตฺเตนฺเต กุโต อาวุธปริวตฺตนนฺติ อาห ‘‘อาวุธํ น ปริวตฺตตี’’ติ. โส กิร ‘‘กถํ นามาหํ ทิสาย ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต’’ติ ตํ หีนํ ชาตึ ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘หนฺทาหํ ยถา ตถา ¶ อิมํ ชาตึ โสเธสฺสามี’’ติ นิคฺคโต, เตนาห ‘‘อิทานิ เม มโนรถํ ปูเรสฺสามี’’ติอาทิ. วิชฺชาพเลน ราชานํ ตาเสตฺวา ตสฺส ธีตุยา ลทฺธกาลโต ปฏฺาย มฺยายํ ชาติโสธิตา ¶ ภวิสฺสตีติ ตสฺส อธิปฺปาโย. อมฺพฏฺํ นาม วิชฺชนฺติ สตฺตานํ สรีเร อพฺภงฺคํ เปตีติ อมฺพฏฺาติ เอวํ ¶ ลทฺธนามํ วิชฺชํ, มนฺตนฺติ อตฺโถ. ยโต อมฺพฏฺา เอตสฺมึ อตฺถีติ อมฺพฏฺโติ กณฺโห อิสิ ปฺายิตฺถ, ตํพํสชาตตาย อยํ มาณโว ‘‘อมฺพฏฺโ’’ติ โวหรียติ.
เสฏฺมนฺเต เวทมนฺเตติ อธิปฺปาโย. มนฺตานุภาเวน รฺโ พาหุกฺขมฺภมตฺตํ ชาตํ เตน ปนสฺส พาหุกฺขมฺเภน ราชา, ‘‘โก ชานาติ, กึ ภวิสฺสตี’’ติ ภีโต อุสฺสงฺกี อุตฺราโส อโหสิ, เตนาห ‘‘ภเยน เวธมาโน อฏฺาสี’’ติ. โสตฺถิ ภทฺทนฺเตติ อาทิวจนํ อโวจุํ. ‘‘อยํ มหานุภาโว อิสี’’ติ มฺมานา.
อุนฺทฺริยิสฺสตีติ วิปฺปกิริยิสฺสติ, เตนาห ‘‘ภิชฺชิสฺสตี’’ติ. มนฺเต ปริวตฺติเตติ พาหุกฺขมฺภกมนฺตสฺส ปฏิปฺปสฺสมฺภกวิชฺชาสงฺขาเต มนฺเต ‘‘สโร โอตรตู’’ติ ปริวตฺติเต. เอวรูปานฺหิ มนฺตานํ เอกํเสเนว ปฏิปฺปสฺสมฺภกวิชฺชา โหนฺติเยว ยถา ตํ กุสุมารกวิชฺชานํ. อตฺตโน ธีตุ อปวาทโมจนตฺถํ ตสฺส ภุชิสฺสกรณํ. ตสฺสานุรูเป อิสฺสริเย ปนตฺถํ อุฬาเร จ นํ าเน เปสิ.
ขตฺติยเสฏฺภาววณฺณนา
๒๗๕. สมสฺสาสนตฺถมาห กรุณายนฺโต, น กุลีนภาวทสฺสนตฺถํ, เตนาห ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิ. พฺราหฺมเณสูติ พฺราหฺมณานํ สมีเป, ตโต พฺราหฺมเณหิ ลทฺธพฺพํ อาสนาทึ สนฺธาย ‘‘พฺราหฺมณานํ อนฺตเร’’ติ วุตฺตํ. เกวลํ ¶ สทฺธาย กาตพฺพํ สทฺธํ, ปรโลกคเต สนฺธาย น ตโต กิฺจิ อปตฺเถนฺเตน กาตพฺพนฺติ อตฺโถ, เตนาห ‘‘มตเก อุทฺทิสฺส กตภตฺเต’’ติ. มงฺคลาทิภตฺเตติ อาทิ-สทฺเทน อุสฺสวเทวตาราธนาทึ สงฺคณฺหาติ. ยฺภตฺเตติ ปาปสฺมาทิวเสน กตภตฺเต. ปาหุนกานนฺติ อติถีนํ. ขตฺติยภาวํ อปฺปตฺโต อุภโต สุชาตตาภาวโต, เตนาห ‘‘อปริสุทฺโธติ อตฺโถ’’ติ.
๒๗๖. อิตฺถึ กริตฺวาติ เอตฺถ กรณํ กิริยาสามฺวิสยนฺติ อาห ‘‘อิตฺถึ ปริเยสิตฺวา’’ติ. พฺราหฺมณกฺํ อิตฺถึ ขตฺติยกุมารสฺส ภริยาภูตํ ¶ คเหตฺวาปิ ขตฺติยาว เสฏฺา, หีนา พฺราหฺมณาติ โยชนา. ปุริเสน วา ปุริสํ กริตฺวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปกรเณติ ราคาทิวเสน ¶ ปทุฏฺเ ปกฺขลิเต การเณ, เตนาห ‘‘โทเส’’ติ. ภสฺสติ นิรตฺถกภาเวน ขิปียตีติ ภสฺสํ, ฉาริกา.
๒๗๗. ชนิตสฺมินฺติ กมฺมกิเลเสหิ นิพฺพตฺเต. ชเน เอตสฺมินฺติ วา ชเนตสฺมึ, มนุสฺเสสูติ อตฺโถ, เตนาห ‘‘โคตฺตปฏิสาริโน’’ติ. สํสนฺทิตฺวาติ ฆเฏตฺวา, อวิรุทฺธํ กตฺวาติ อตฺโถ.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
วิชฺชาจรณกถาวณฺณนา
๒๗๘. อิทํ วฏฺฏตีติ อิทํ อชฺเฌนาทิ กตฺตุํ ลพฺภติ. ชาติวาทวินิพทฺธาติ ชาติสนฺนิสฺสิตวาเท วินิพทฺธา. พฺราหฺมณสฺเสว อชฺเฌนชฺฌาปนยชนยาชนาทโยติ ¶ เอวํ เย อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนวเสน ปวตฺตา, ตโต เอว เต มานวาทปฏิพทฺธา จ โหนฺติ. เย ปน อาวาหวิวาหวินิพทฺธา, เต เอว สมฺพนฺธตฺตยวเสน ‘‘อรหสิ วา มํ ตฺวํ, น วา มํ ตฺวํ อรหสี’’ติ เอวํ ปวตฺตนกา.
ยตฺถาติ ยสฺสํ วิชฺชาจรณสมฺปตฺติยํ. ลคฺคิสฺสามาติ โอลคฺคา อนฺโตคธา ภวิสฺสามาติ จินฺตยิมฺห. ปรมตฺถโต อวิชฺชาจรณานิเยว ‘‘วิชฺชาจรณานี’’ติ คเหตฺวา ิโต ปรมตฺถโต วิชฺชาจรเณสุ วิภชิยมาเนสุ โส ตโต ทูรโต อปนีโต นาม โหตีติ อาห ‘‘ทูรเมว อวกฺขิปี’’ติ. สมุทาคมโต ปภุตีติอาทิสมุฏฺานโต ปฏฺาย.
๒๗๙. ติวิธํ สีลนฺติ ขุทฺทกาทิเภทํ ติวิธํ สีลํ. สีลวเสเนวาติ สีลปริยาเยเนว. กิฺจิ กิฺจีติ อหึสนาทิยมนิยมลกฺขณํ กิฺจิ กิฺจิ สีลํ อตฺถิ. ตตฺถ ตตฺเถว ลคฺเคยฺยาติ ตสฺมึ ตสฺมึเยว พฺราหฺมณสมยสิทฺเธ สีลมตฺเต ‘‘จรณ’’นฺติ ลคฺเคยฺย. อฏฺปิ สมาปตฺติโย จรณนฺติ นิยฺยาติตา โหนฺติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานนิทฺเทเสเนว อรูปชฺฌานานมฺปิ นิทฺทิฏฺภาวาปตฺติโต นิยฺยาติตา นิทสฺสิตา.
จตุอปายมุขกถาวณฺณนา
๒๘๐. อสมฺปาปุณนฺโตติ ¶ ¶ อารภิตฺวา สมฺปตฺตุํ อสกฺโกนฺโต. อวิสหมาโนติ อารภิตุเมว อสกฺโกนฺโต. ขารินฺติ ปริกฺขารํ. ตํ ปน วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อรณี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อรณีติ อคฺคิธมนกํ อรณีทฺวยํ. สุชาติ ทพฺพิ. อาทิ-สทฺเทน ติทณฺฑติฆฏิกาทึ ¶ สงฺคณฺหาติ ขาริภริตนฺติ ขารีหิ ปุณฺณํ. นนุ อุปสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขุโน สาสนิโกปิ โย โกจิ อนุปสมฺปนฺโน อตฺถโต ปริจารโกว, กึ องฺคํ ปน พาหิรกปพฺพชิเตติ ตตฺถ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘กามฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘กปฺปิยกรณ…เป… วตฺตกรณวเสนา’’ติ เอวํ วุตฺเตน นเยน. ปริจารโก โหติ อุปสมฺปนฺนภาวสฺส วิสิฏฺภาวโต. ‘‘นวโกฏิสหสฺสานี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๓๗) วุตฺตปฺปเภทานํ อเนกสหสฺสานํ สํวรวินยานํ สมาทิยิตฺวา วตฺตเนน อุปริภูตา อคฺคภูตา สมฺปทาติ หิ ‘‘อุปสมฺปทา’’ติ วุจฺจตีติ. คุณาธิโกปีติ คุเณหิ อุกฺกฏฺโปิ. อยํ ปนาติ วุตฺตลกฺขโณ ตาปโส.
ตาปสา นาม กมฺมวาทิกิริยาวาทิโน, น สาสนสฺส ปฏาณีภูตา, ยโต เนสํ ปพฺพชิตุํ อาคตานํ ติตฺถิยปริวาเสน วินาว ปพฺพชฺชา อนฺุาตาติ กตฺวา ‘‘กสฺมา ปนา’’ติ โจทนํ สมุฏฺเปติ โจทโก. อาจริโย ‘‘ยสฺมา’’ติอาทินา โจทนํ ปริหรติ. ‘‘โอสกฺกิสฺสตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อิมสฺมิฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ขุรธารูปมนฺติ ขุรธารานํ มตฺถเกเนว อกฺกมิตฺวา คมนูปมํ. อฺเติ อฺเ ภิกฺขู. อคฺคิสาลนฺติ อคฺคิหุตฺตสาลํ. นานาทารูหีติ ปลาสทณฺฑาทินานาวิธสมิธาทารูหิ.
อิทนฺติ ‘‘จตุทฺวารํ อาคารํ กตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตํ. อสฺสาติ อสฺส จตุตฺถสฺส ปุคฺคลสฺส. ปฏิปตฺติมุขนฺติ โกหฺปฏิปตฺติยา มุขมตฺตํ. โส หิ นานาวิเธน โกหฺเน โลกํ วิมฺหาเปนฺโต ตตฺถ อจฺฉติ, เตนาห ‘‘อิมินา หิ มุเขน โส เอวํ ปฏิปชฺชตี’’ติ.
ขลาทีสุ ¶ มนุสฺสานํ สนฺติเก อุปติฏฺิตฺวา วีหิมุคฺคติลมาสาทีนิ ภิกฺขาจริยานิยาเมน สงฺกฑฺฒิตฺวา อฺุฉนํ อฺุฉา, สา เอว จริยา วุตฺติ เอเตสนฺติ อฺุฉาจริยา. อคฺคิปกฺเกน ชีวนฺตีติ อคฺคิปกฺกิกา, น อคฺคิปกฺกิกา อนคฺคิปกฺกิกา ¶ . อฺุฉาจริยา หิ ขเลสุ คนฺตฺวา ขลคฺคํ นาม มนุสฺเสหิ ทิยฺยมานํ ธฺํ คณฺหนฺติ, ตํ อิเม น คณฺหนฺตีติ อนคฺคิปกฺกิกา นาม ชาตา. อสามปากาติ อสยํปาจกา. อสฺมมุฏฺินา มุฏฺิปาสาเณน ¶ วตฺตนฺตีติ อสฺมมุฏฺิกา. ทนฺเตน อุปฺปาฏิตํ วกฺกลํ รุกฺขตฺตโจ ทนฺตวกฺกลํ, เตน วตฺตนฺตีติ ทนฺตวกฺกลิกา. ปวตฺตํ รุกฺขาทิโต ปาติตํ ผลํ ภฺุชนฺตีติ ปวตฺตผลโภชิโน. ชิณฺณปกฺกตาย ปณฺฑุภูตํ ปลาสํ, ตํสทิสฺจ ปณฺฑุปลาสํ, เตน วตฺตนฺตีติ ปณฺฑุปลาสิกา, สยํปติตปุปฺผผลปตฺตโภชิโน.
อิทานิ เต อฏฺวิเธปิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สงฺกฑฺฒิตฺวาติ ภิกฺขาจริยาวเสน ลทฺธธฺํ เอกชฺฌํ กตฺวา.
ปริเยฏฺิ นาม ทุกฺขาติ ปเรสํ เคหโต เคหํ คนฺตฺวา ปริเยฏฺิ นาม ทีนวุตฺติภาเวน ทุกฺขา. ปาสาณสฺส ปริคฺคโห ทุกฺโข ปพฺพชิตสฺสาติ วา ทนฺเตเหว อุปฺปาเฏตฺวา ขาทนฺติ.
อิมาหิ จตูหิเยวาติ ‘‘ขาริวิธํ อาทายา’’ติอาทินา วุตฺตาหิ จตูหิ เอว ตาปสปพฺพชฺชาหีติ.
๒๘๒. อปาเย วินาเส นิยุตฺโต อาปายิโก. ตพฺภาวํ ปริปูเรตุํ อสกฺโกนฺโต เตน อปริปุณฺโณ อปริปูรมาโน ¶ , กรเณ เจตํ ปจฺจตฺตวจนํ, เตนาห ‘‘อาปายิเกนาปิ อปริปูรมาเนนา’’ติ.
ปุพฺพกอิสิภาวานุโยควณฺณนา
๒๘๓. ทียตีติ ทตฺติ, ทตฺติเยว ทตฺติกนฺติ อาห ‘‘ทินฺนก’’นฺติ. ยทิ พฺราหฺมณสฺส สมฺมุขีภาโว รฺโ น ทาตพฺโพ, กสฺมาสฺส อุปสงฺกมนํ น ปฏิกฺขิตฺตนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. เขตฺตวิชฺชายาติ นีติสตฺเถ. ปยาตนฺติ สทฺธํ, สสฺสติกํ วา, เตนาห ‘‘อภิหริตฺวา ทินฺน’’นฺติ. กสฺมา ภควา ‘‘รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ทตฺติกํ ภฺุชตี’’ติอาทินา พฺราหฺมณสฺส มมฺมวจนํ อโวจาติ ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ ปน การณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
๒๘๔. รถูปตฺถเรติ ¶ รถสฺส อุปริ อตฺถริตปเทเส. ปากฏมนฺตนนฺติ ปกาสภูตํ มนฺตนํ. ตฺหิ สุทฺทาทีหิ ายตีติ น รหสฺสมนฺตนํ. ภณตีติ อปิ นุ ภณติ.
๒๘๕. ปวตฺตาโรติ ¶ ปาวจนภาเวน วตฺตาโร, ยสฺมา เต เตสํ มนฺตานํ ปวตฺตกา, ตสฺมา อาห ‘‘ปวตฺตยิตาโร’’ติ. สุทฺเท พหิ กตฺวา รโห ภาสิตพฺพฏฺเน มนฺตา เอว, ตํตํอตฺถปฏิปตฺติเหตุตาย ปทนฺติ มนฺตปทํ, อนุปนีตาสาธารณตาย วา รหสฺสภาเวน วตฺตพฺพํ หิตกิริยาย อธิคมุปายํ. สชฺฌายิตนฺติ คายนวเสน สชฺฌายิตํ, ตํ ปน อุทตฺตานุทตฺตาทีนํ สรานํ สมฺปาทนวเสเนว อิจฺฉิตนฺติ อาห ‘‘สรสมฺปตฺติวเสนา’’ติ. อฺเสํ วุตฺตนฺติ ปาวจนภาเวน อฺเสํ วุตฺตํ. สมุปพฺยูฬฺหนฺติ สงฺคเหตฺวา อุปรูปริ สฺูฬฺหํ. ราสิกตนฺติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทาทิวเสน ¶ , ตตฺถาปิ ปจฺเจกํ มนฺตพฺรหฺมาทิวเสน, อชฺฌายานุวากาทิวเสน จ ราสิกตํ.
เตสนฺติ มนฺตานํ กตฺตูนํ. ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกตฺวาติ ทิพฺพจกฺขุปริภณฺเฑน ยถากมฺมูปคาเณน สตฺตานํ กมฺมสฺสกตาทึ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนฏฺเน ทิพฺพจกฺขุสทิเสน ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตกปฺเป พฺราหฺมณานํ มนฺตชฺเฌนวิธิฺจ โอโลเกตฺวา. ปาวจเนน สห สํสนฺทิตฺวาติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ยํ วจนํ วฏฺฏสนฺนิสฺสิตํ, เตน สห อวิรุทฺธํ กตฺวา. น หิ เตสํ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิโต อตฺโถ ปจฺจกฺโข โหติ. อปราปเร ปนาติ อฏฺกาทีหิ อปรา ปเร ปจฺฉิมา โอกฺกากราชกาลาทีสุ อุปฺปนฺนา. ปกฺขิปิตฺวาติ อฏฺกาทีหิ คนฺถิตมนฺตปเทสุ กิเลสสนฺนิสฺสิตปทานํ ตตฺถ ตตฺถ ปเท ปกฺขิปนํ กตฺวา. วิรุทฺเธ อกํสูติ พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตาทีสุ อาคตนเยน สํกิเลสิกตฺถทีปนโต ปจฺจนีกภูเต อกํสุ. อิธาติ ‘‘ตฺยาหํ มนฺเต อธียามี’’ติ เอตสฺมึ าเน. ปฏิฺํ อคฺคเหตฺวาติ ‘‘ตํ กึ มฺสี’’ติ เอวํ ปฏิฺํ อคฺคเหตฺวาว.
๒๘๖. นิรามคนฺธาติ กิเลสาสุจิวเสน วิสฺสคนฺธรหิตา. อนิตฺถิคนฺธาติ อิตฺถีนํ คนฺธมตฺตสฺสปิ อวิสหเนน อิตฺถิคนฺธรหิตา. เอตฺถ จ ‘‘นิรามคนฺธา’’ติ ¶ เอเตน เตสํ โปราณานํ พฺราหฺมณานํ วิกฺขมฺภิตกิเลสตํ ทสฺเสติ, ‘‘อนิตฺถิคนฺธา พฺรหฺมจาริโน’’ติ เอเตน เอกวิหาริตํ, ‘‘รโชชลฺลธรา’’ติ เอเตน มณฺฑนวิภูสนานุโยคาภาวํ, ‘‘อรฺายตเน ปพฺพตปาเทสุ วสึสู’’ติ เอเตน มนุสฺสูปจารํ ¶ ปหาย วิวิตฺตวาสํ, ‘‘วนมูลผลาหารา วสึสู’’ติ เอเตน สาลิมํโสทนาทิปณีตาหารปฏิกฺเขปํ, ‘‘ยทา’’ติอาทินา ยานวาหนปฏิกฺเขปํ, ‘‘สพฺพทิสาสู’’ติอาทินา รกฺขาวรณปฏิกฺเขปํ, เอวฺจ วทนฺโต มิจฺฉาปฏิปทาปกฺขิกํ สาจริยสฺส อมฺพฏฺสฺส วุตฺตึ อุปาทาย สมฺมาปฏิปทาปกฺขิกาปิ เตสํ พฺราหฺมณานํ วุตฺติ อริยวินเย สมฺมาปฏิปตฺตึ อุปาทาย มิจฺฉาปฏิปทาเยว. กุตสฺส สลฺเลขปฏิปตฺติยุตฺตตาติ. ‘‘เอวํ สุเต’’ติอาทินา ภควา อมฺพฏฺํ สนฺตชฺเชนฺโต นิคฺคณฺหาตีติ ทสฺเสติ.
เวเกหีติ ¶ เวกปฏฺฏกาหิ. สมนฺตานครนฺติ นครสฺส สมนฺตโต. กตสุธากมฺมํ ปาการสฺส อโธภาเค านํ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย.
ทฺเวลกฺขณทสฺสนวณฺณนา
๒๘๗. น สกฺโกติสงฺกุจิเต อิริยาปเถ อนวเสสโต เตสํ ทุพฺพิภาวนโต. คเวสีติ าเณน ปริเยสนมกาสิ. สมานยีติ าเณน สงฺกเลนฺโต สมฺมา อานยิ สมาหริ. ‘‘กงฺขตี’’ติ ปทสฺส อากงฺขตีติ อยมตฺโถติ อาห ‘‘อโห วต ปสฺเสยฺยนฺติ ปตฺถนํ อุปฺปาเทตี’’ติ. กิจฺฉตีติ กิลมติ. ‘‘กงฺขตี’’ติ ปทสฺส ปุพฺเพ อาสิสนตฺถตํ วตฺวา อิทานิสฺส สํสยตฺถตเมว วิกปฺปนฺตรวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘กงฺขาย วา ทุพฺพลา วิมติ วุตฺตา’’ติ อาห. ตีหิ ธมฺเมหีติ ติปฺปกาเรหิ สํสยธมฺเมหิ. กาลุสิยภาโวติ อปฺปสนฺนตาย เหตุภูโต อาวิลภาโว.
ยสฺมา ภควโต โกโสหิตํ สพฺพพุทฺธานํ อาเวณิกํ อฺเหิ อสาธารณํ วตฺถคุยฺหํ สุวิสุทฺธกฺจนมณฺฑลสนฺนิกาสํ, อตฺตโน สณฺานสนฺนิเวสสุนฺทรตาย ¶ อาชาเนยฺยคนฺธหตฺถิโน วรงฺคปรมจารุภาวํ, วิกสมานตปนิยารวินฺทสมุชฺชลเกสราวตฺตวิลาสํ, สฺฌาปภานุรฺชิตชลวนนฺตราภิลกฺขิตสมฺปุณฺณจนฺทมณฺฑลโสภฺจ อตฺตโน สิริยา อภิภุยฺย วิราชติ, ยํ พาหิรพฺภนฺตรมเลหิ อนุปกฺกิลิฏฺตาย, จิรกาลํ สุปริจิตพฺรหฺมจริยาธิการตาย, สุสณฺิตสณฺานสมฺปตฺติยา จ ¶ , โกปีนมฺปิ สนฺตํ อโกปีนเมว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. ปหูตภาวนฺติ ปุถุลภาวํ. เอตฺเถว หิ ตสฺส สํสโย, ตนุมุทุสุกุมารตาทีสุ ปนสฺส คุเณสุ วิจารณา เอว นาโหสิ.
๒๘๘. หิริกรโณกาสนฺติ หิริยิตพฺพฏฺานํ. ฉายนฺติ ปฏิพิมฺพํ. กถํ กีทิสนฺติ อาห ‘‘อิทฺธิยา’’ติอาทิ. ฉายารูปกมตฺตนฺติ ภควโต ปฏิพิมฺพรูปํ. ตฺจ โข พุทฺธสนฺตานโต วินิมุตฺตตฺตา รูปกมตฺตํ ภควโต สรีรวณฺณสณฺานาวยวํ อิทฺธิมยํ พิมฺพกมตฺตํ. ตํ ปน รูปกมตฺตํ ทสฺเสนฺโต ภควา ยถา อตฺตโน พุทฺธรูปํ น ทิสฺสติ, ตถา กตฺวา ทสฺเสติ. นินฺเนตฺวาติ นีหริตฺวา. กลฺโลสีติ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชเน กุสโล เฉโก อสิ. ตถากรเณนาติ กถินสูจึ วิย กรเณน. เอตฺถาติ ปหูตชิวฺหาย. มุทุภาโว ปกาสิโต อมุทุโน ฆนสุขุมภาวาปาทนตฺถํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ทีฆภาโว, ตนุภาโว จาติ ทฏฺพฺพํ.
๒๙๑. ‘‘อตฺถจรเกนา’’ติ ¶ อิมินา พฺยติเรกมุเขน อนตฺถจรกตํเยว วิภาเวติ. น อฺตฺราติ น อฺสฺมึ สุคติยนฺติ อตฺโถ. อุปเนตฺวา ¶ อุปเนตฺวาติ ตํ ตํ โทสํ อุปเนตฺวา อุปเนตฺวา, เตนาห ‘‘สุฏฺุทาสาทิภาวํ อาโรเปตฺวา’’ติ. ปาเตสีติ ปวฏฺฏนวเสน ปาเตสิ.
โปกฺขรสาติพุทฺธูปสงฺกมนวณฺณนา
๒๙๓-๖. อาคมา นูติ อาคโต นุ. โขติ นิปาตมตฺตํ. อิธาติ เอตฺถ, ตุมฺหากํ สนฺติกนฺติ อตฺโถ. อธิวาเสตูติ สาทิยตุ, ตํ ปน สาทิยนํ มนสา สมฺปฏิคฺคโห โหตีติ อาห ‘‘สมฺปฏิจฺฉตู’’ติ.
๒๙๗. ยาวทตฺถนฺติ ยาว อตฺโถ, ตาว โภชเนน ตทา กตนฺติ อตฺโถ. โอณิตฺตนฺติ อามิสาปนยเนน สุจิกตํ, เตนาห ‘‘หตฺเถ จ ปตฺตฺจ โธวิตฺวา’’ติ.
๒๙๘. อนุปุพฺพึ กถนฺติ อนุปุพฺพํ กเถตพฺพกถํ, เตนาห ‘‘อนุปฏิปาฏิกถ’’นฺติ. กา ปน สา? ทานาทิกถาติ อาห ‘‘ทานานนฺตรํ สีล’’นฺติอาทิ. เตน ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสาธารณตฺตา, สุกรตฺตา, สีเล ปติฏฺานสฺส อุปายภาวโต จ อาทิโต ¶ กเถตพฺพา. ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหิตวตฺถูสุ นิสฺสงฺคภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฏฺิโต โหติ. สีเลน ทายกปฏิคฺคาหกสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต, กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต, โภคสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กเถตพฺพา, ตฺเจ ทานสีลํ วฏฺฏนิสฺสิตํ, อยํ ภวสมฺปตฺติ ตสฺส ผลนฺติ ทสฺสนตฺถํ อิเมหิ จ ทานสีลมเยหิ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺเนหิ ปฺุกิริยวตฺถูหิ เอตา จาตุมหาราชิกาทีสุ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺนา ¶ อปริเมยฺยา ทิพฺพโภคสมฺปตฺติโย ลทฺธพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สคฺคกถา. สฺวายํ สคฺโค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺโ, สพฺพถานุปกฺกิลิฏฺโ อริยมคฺโคติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคานนฺตรํ มคฺโค กเถตพฺโพ. มคฺคฺจ กเถนฺเตน ตทธิคมุปายสนฺทสฺสนตฺถํ สคฺคปริยาปนฺนาปิ, ปเคว อิตเร สพฺเพปิ กามา นาม พหฺวาทีนวา อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมาติ กามานํ อาทีนโว, หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสฺหิตาติ เตสํ โอกาโร ลามกภาโว, สพฺเพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ ตตฺถ สํกิเลโส, สพฺพสํกิเลสวิปฺปมุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขมฺเม อานิสํโส จ กเถตพฺโพติ อยมตฺโถ โพธิโตติ เวทิตพฺโพ. มคฺโคติ เจตฺถ อิติ-สทฺเทน อาทิอตฺถทีปนโต ‘‘กามานํ อาทีนโว’’ติ เอวมาทีนํ สงฺคโหติ ¶ เอวมยํ อตฺถวณฺณนา กตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถ’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ มคฺคาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณํ, น สงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ ปฏิวิชฺฌนฺตนฺติ อสมฺโมหปฏิเวธวเสน ปฏิวิชฺฌนฺตํ, เตนาห ‘‘กิจฺจวเสนา’’ติ.
โปกฺขรสาติอุปาสกตฺตปฏิเวทนากถาวณฺณนา
๒๙๙. เอตฺถ จ ‘‘ทิฏฺธมฺโม’’ติอาทิ ปาฬิยํ ทสฺสนํ นาม าณทสฺสนโต อฺมฺปิ อตฺถิ, ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. ปตฺติ จ าณสมฺปตฺติโต อฺมฺปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. สา ปเนสา วิทิตธมฺมตา เอกเทสโตปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ ¶ วุตฺตํ. เตนสฺส สจฺจาภิสมฺโพธํเยว ทีเปติ. มคฺคาณฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริฺาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสน ¶ จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาฬฺหํ นาม โหติ, เตนาห ‘‘ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม’’ติ. ติณฺณา วิจิกิจฺฉาติ สปฺปฏิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา, อฏฺวตฺถุกา จ ติณฺณา วิติณฺณา วิจิกิจฺฉา. วิคตา กถงฺกถาติ ปวตฺติอาทีสุ. ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺติกา วิคตา สมุจฺฉินฺนา กถงฺกถา. เวสารชฺชปฺปตฺโตติ สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา, ตปฺปฏิปกฺเขสุ จ สีลาทิคุเณสุ สุปฺปติฏฺิตตฺตา เวสารชฺชํ วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปตฺโต อธิคโต. สายํ เวสารชฺชปฺปตฺติ สุปฺปติฏฺิตภาโวติ กตฺวา อาห ‘‘สตฺถุสาสเน’’ติ. อตฺตนา ปจฺจกฺขโต ทิฏฺตฺตา อธิคตตฺตา น ปรํ ปจฺเจติ, น ตสฺส ปโร ปจฺเจตพฺโพ อตฺถีติ อปรปฺปจฺจโย. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ อวุตฺตํ, ตํ ปรโต อาคมิสฺสติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อมฺพฏฺสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.