📜

๔. โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา

๓๐๐. สุนฺทรภาเวน สาติสยานิ องฺคานิ เอเตสํ อตฺถีติ องฺคา, ราชกุมาราติ อาห ‘‘องฺคา นาม องฺคปาสาทิกตายา’’ติอาทิ. อิธาปิ อธิปฺเปตา, น อมฺพฏฺสุตฺเต เอว. อาคนฺตุํ น ทสฺสนฺตีติ อาคมเน อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปนวเสน อาคนฺตุํ น ทสฺสนฺติ, นานุชานิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโย. นีลาโสกกณิการโกวิฬารกุนฺทราชรุกฺเขหิ สมฺมิสฺสตาย ตํ จมฺปกวนํ ‘‘นีลาทิปฺจวณฺณกุสุมปฏิมณฺฑิต’’นฺติ ทฏฺพฺพํ. น จมฺปกรุกฺขานํเยว นีลาทิปฺจกุสุมตายาติ วทนฺติ. ‘‘ภควา กุสุมคนฺธสุคนฺเธ จมฺปกวเน วิหรตี’’ติ อิมินา น มาปนกาเล เอว ตสฺมึ นคเร จมฺปกรุกฺขา อุสฺสนฺนา, อถ โข อปรภาเค ปีติ ทสฺเสติ. มาปนกาเล หิ จมฺปกานํ อุสฺสนฺนตาย สา นครี ‘‘จมฺปา’’ติ นามํ ลภิ. อิสฺสรตฺตาติ อธิปติภาวโต. เสนา เอตสฺส อตฺถีติ เสนิโก, เสนิโก เอว เสนิโย, อตฺถิตา เจตฺถ พหุภาววิสิฏฺาติ วุตฺตํ ‘‘มหติยา เสนาย สมนฺนาคตตฺตา’’ติ.

๓๐๑-๒. สํหตาติ สนฺนิปติตา, ‘‘สงฺฆิโน’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘สงฺฆี’’ติ ปุถุตฺเถ เอกวจนํ พฺราหฺมณคหปติกานํ อธิปฺเปตตฺตา, เตนาห ‘‘เอเตส’’นฺติ. ราชราชฺาทีนํ ภณฺฑธรา ปุริสา ขตา, เนสํ ตายนโต ขตฺตา. โส หิ เยหิ ยตฺถ เปสิโต, ตตฺถ เตสํ โทสํ ปริหรนฺโต ยุตฺตปตฺตวเสน ปุจฺฉิตมตฺถํ กเถติ, เตนาห ‘‘ปุจฺฉิตปฺเห พฺยากรณสมตฺโถ’’ติ. กุลาปเทสาทินา มหตี มตฺตา เอตสฺสาติ มหามตฺโต.

โสณทณฺฑคุณกถาวณฺณนา

๓๐๓. วิสิฏฺํ รชฺชํ วิรชฺชํ, วิรชฺชเมว เวรชฺชํ ยถา ‘‘เวกตํ เวสย’’นฺติ, นานาวิธํ เวรชฺชํ นานาเวรชฺชํ, ตตฺถ ชาตาติอาทินา สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อุตฺตมพฺราหฺมโณติ อภิชนสมฺปตฺติยา วิตฺตสมฺปตฺติยา วิชฺชาสมฺปตฺติยา อุคฺคตตโร, อุฬาโร วา พฺราหฺมโณ. อสนฺนิปาโตติ ลาภมจฺฉเรน นิปฺปีฬิตตาย อสนฺนิปาโต วิย ภวิสฺสติ.

‘‘องฺเคติ คเมติ าเปตีติ องฺคํ, เหตูติ อาห ‘‘อิมินาปิ การเณนา’’ติ. ‘‘อุภโต สุชาโต’’ติ เอตฺตเก วุตฺเต เยหิ เกหิจิ ทฺวีหิ ภาเคหิ สุชาตตา วิฺาเยยฺย. สุชาต-สทฺโท จ ‘‘สุชาโต จารุทสฺสโน’’ติอาทีสุ (เถรคา. ๘๑๘) อาโรหสมฺปตฺติปริยาโยติ ชาติวเสเนว สุชาตตํ วิภาเวตุํ ‘‘มาติโต จ ปิติโต จา’’ติ วุตฺตํ. อโนรสปุตฺตวเสนาปิ โลเก มาตุปิตุสมฺา ทิสฺสติ, อิธ ปนสฺส โอรสปุตฺตวเสเนว อิจฺฉิตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สํสุทฺธคหณิโก’’ติ วุตฺตํ. คพฺภํ คณฺหาติ ธาเรตีติ คหณี, คพฺภาสยสฺิโต มาตุกุจฺฉิปฺปเทโส. ยถาภุตฺตสฺส อาหารสฺส วิปาจนวเสน คณฺหนโต อฉฑฺฑนโต คหณี, กมฺมชเตโชธาตุ.

ปิตา จ มาตา จ ปิตโร, ปิตูนํ ปิตโร ปิตามหา, เตสํ ยุโค ทฺวนฺโท ปิตามหยุโค, ตสฺมา, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา ปิตามหทฺวนฺทาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ ปิตามหคฺคหเณเนว มาตามโหปิ คหิโตติ. โส อฏฺกถายํ วิสุํ น อุทฺธโฏ. ยุค-สทฺโท เจตฺถ เอกเสสนเยน ทฏฺพฺโพ ‘‘ยุโค จ ยุโค จ ยุคา’’ติ. เอวฺหิ ตตฺถ ตตฺถ ทฺวนฺทํ คหิตเมว โหติ, เตนาห ‘‘ตโต อุทฺธํ สพฺเพปิ ปุพฺพปุริสา ปิตามหคฺคหเณเนว คหิตา’’ติ. ปุริสคฺคหณฺเจตฺถ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ ‘‘มาติโต’’ติ ปาฬิวจนํ สมตฺถิตํ โหติ. อกฺขิตฺโตติ อปฺปตฺตเขโป. อนวกฺขิตฺโตติ สทฺธถาลิปากาทีสุ น อวกฺขิตฺโต น ฉฑฺฑิโต. ชาติวาเทนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เกน การเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘อุภโต…เป… ปิตามหยุคา’’ติ เอเตน พฺราหฺมณสฺส โยนิโทสาภาโว ทสฺสิโต สํสุทฺธคหณิกภาวกิตฺตนโต, ‘‘อกฺขิตฺโต’’ติ อิมินา กิริยาปราธาภาโว. กิริยาปราเธน หิ สตฺตา เขปํ ปาปุณนฺติ. ‘‘อนุปกฺกุฏฺโ’’ติ อิมินา อยุตฺตสํสคฺคาภาโว. อยุตฺตสํสคฺคมฺปิ หิ ปฏิจฺจ สตฺตา อกฺโกสํ ลภนฺติ.

อิสฺสโรติ อาธิปเตยฺยสํวตฺตนิยกมฺมพเลน อีสนสีโล, สา ปนสฺส อิสฺสรตา วิภวสมฺปตฺติปจฺจยา ปากฏา ชาตาติ อฑฺฒตาปริยายภาเวเนว วทนฺโต ‘‘อฑฺโฒติ อิสฺสโร’’ติ อาห. มหนฺตํ ธนํ อสฺส ภูมิคตฺเจว เวหาสฏฺฺจาติ มหทฺธโน. ตสฺสาติ ตสฺส ตสฺส . วทนฺติ ‘‘อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ อนุปสงฺกมนการณํ กิตฺเตมา’’ติ.

อธิกรูโปติ วิสิฏฺรูโป อุตฺตมสรีโร. ทสฺสนํ อรหตีติ ทสฺสนีโย, เตนาห ‘‘ทสฺสนโยคฺโค’’ติ. ปสาทํ อาวหตีติ ปาสาทิโก, เตนาห ‘‘จิตฺตปฺปสาทชนนโต’’ติ. วณฺณสฺสาติ วณฺณธาตุยา. สรีรนฺติ สนฺนิเวสวิสิฏฺํ กรจรณคีวาสีสาทิอวยวสมุทายํ, โส จ สณฺานมุเขน คยฺหตีติ ‘‘ปรมาย วณฺณโปกฺขรตายาติ…เป… สมฺปตฺติยา จา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพวณฺเณสุ สุวณฺณวณฺโณว อุตฺตโมติ วุตฺตํ ‘‘เสฏฺเน สุวณฺณวณฺเณน สมนฺนาคโต’’ติ. ตถา หิ พุทฺธา, จกฺกวตฺติโน จ สุวณฺณวณฺณาว โหนฺติ. พฺรหฺมวจฺฉสีติ อุตฺตมสรีราโภ, สุวณฺณาโภ อิจฺเจว อตฺโถ. อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘มหาพฺรหฺมุโน สรีรสทิเสเนว สรีเรน สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺตํ, น พฺรหฺมุชุคตฺตตํ. อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนายาติ อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา, อวยวปาริปูริยา จ ทสฺสนาย โอกาโส น ขุทฺทโก, เตนาห ‘‘สพฺพาเนวา’’ติอาทิ.

ยมนิยมลกฺขณํ สีลมสฺส อตฺถีติ สีลวา. ตํ ปนสฺส รตฺตฺุตาย วุทฺธํ วฑฺฒิตํ อตฺถีติ วุทฺธสีลี. เตน จ สพฺพทา สมฺมาโยคโต วุทฺธสีเลน สมนฺนาคโต. สพฺพเมตํ ปฺจสีลมตฺตเมว สนฺธาย วทนฺติ ตโต ปรํ สีลสฺส ตตฺถ อภาวโต, เตสฺจ อชานนโต.

านกรณสมฺปตฺติยา, สิกฺขาสมฺปตฺติยา จ กตฺถจิปิ อนูนตาย ปริมณฺฑลปทานิ พฺยฺชนานิ อกฺขรานิ เอติสฺสาติ ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา. อถ วา ปชฺชติ อตฺโถ เอเตนาติ ปทํ, นามาทิ. ยถาธิปฺเปตมตฺถํ พฺยฺเชตีติ พฺยฺชนํ, วากฺยํ. เตสํ ปริปุณฺณตาย ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา. อตฺถาปเน สาธนตาย วาจาว กรณนฺติ วากฺกรณํ, อุทาหารโฆโส. คุณปริปุณฺณภาเวน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส, เตน วา ภาสิตพฺพอตฺถสฺส. ปูเร ปุณฺณภาเว. ปูเรติ จ ปุริมสฺมึ อตฺเถ อาธาเร ภุมฺมํ, ทุติยสฺมึ วิสเย. ‘‘สุขุมาลตฺตเนนา’’ติ อิมินา ตสฺสา วาจาย มุทุสณฺหภาวมาห. อปลิพุทฺธาย ปิตฺตเสมฺหาทีหิ. สนฺทิฏฺํ สพฺพํ ทสฺเสตฺวา วิย เอกเทสํ กถนํ. วิลมฺพิตํ สณิกํ จิรายิตฺวา กถนํ. ‘‘สนฺทิทฺธวิลมฺพิตาที’’ติ วา ปาโ. ตตฺถ สนฺทิทฺธํ สนฺเทหชนกํ. อาทิ-สทฺเทน ทุกฺขลิตานุกฑฺฒิตาทึ สงฺคณฺหาติ. ‘‘อาทิมชฺฌปริโยสานํ ปากฏํ กตฺวา’’ติ อิมินา ตสฺสา วาจาย อตฺถปาริปูรึ วทนฺติ.

‘‘ชิณฺโณ’’ติอาทีนิ ปทานิ สุวิฺเยฺยานิ, เหฏฺา วุตฺตตฺถานิ จ. ทุติยนเย ปน ชิณฺโณติ นายํ ชิณฺณตา วโยมตฺเตน, อถ โข กุลปริวฏฺเฏน ปุราณตาติ อาห ‘‘ชิณฺโณติ โปราโณ’’ติอาทิ, เตน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส กุลวเสน อุทิโตทิตภาวมาห. ชาติวุทฺธิยา ‘‘วโยอนุปฺปตฺโต’’ติ วกฺขมานตฺตา, คุณวุทฺธิยา ตโต สาติสยตฺตา จ ‘‘วุทฺโธติ สีลาจาราทิคุณวุทฺธิยา ยุตฺโต’’ติ อาห. ตถา ชาติมหลฺลกตาย วกฺขมานตฺตา ‘‘มหลฺลโก’’ติ ปเทน วิภวมหตฺตตา โยชิตา. มคฺคปฏิปนฺโนติ พฺราหฺมณานํ ปฏิปตฺติวีถึ อุปคโต ตํ อโวกฺกมฺม จรณโต. อนฺติมวยนฺติ ปจฺฉิมวยํ.

พุทฺธคุณกถาวณฺณนา

๓๐๔. ตาทิเสหิ มหานุภาเวหิ สทฺธึ ยุคคฺคาหวเสนปิ ทหนํ น มาทิสานํ อนุจฺฉวิกํ, กุโต ปน อุกฺกํสนนฺติ อิทํ พฺราหฺมณสฺส น ยุตฺตรูปนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘น โข ปน เมตํ ยุตฺต’’นฺติอาทิ. สทิสาติ เอกเทเสน สทิสา. น หิ พุทฺธานํ คุเณหิ สพฺพถา สทิสา เกจิปิ คุณา อฺเสุ ลพฺภนฺติ. อิตเรติ อตฺตโน คุเณหิ อสทิสคุเณ. อิทนฺติ อิทํ อตฺถชาตํ. โคปทกนฺติ คาวิยา ปเท ิตอุทกํ.

สฏฺิกุลสตสหสฺสนฺติ สฏฺิสหสฺสาธิกํ กุลสตสหสฺสํ กุลปริยาเยนาติ สุทฺโธทนมหาราชสฺส กุลานุกฺกเมน อาคตํ. เตสุปีติ เตสุปิ จตูสุ นิธีสุ. คหิตคหิตนฺติ คหิตํ คหิตํ านํ ปูรติเยว ธเนน ปฏิปากติกเมว โหติ. อปริมาโณเยวาติ ‘‘เอตฺตโก เอโส’’ติ เกนจิ ปริจฺฉินฺทิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อปริจฺฉินฺโน เอว.

ตตฺถาติ มฺจเก. สีหเสยฺยํ กปฺเปสีติ ยถา ราหุ อสุรินฺโท อายามโต, วิตฺถารโต อุพฺเพธโต จ ภควโต รูปกายสฺส ปริจฺเฉทํ คเหตุํ น สกฺโกติ, ตถา รูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขโรนฺโต สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ.

กิเลเสหิ อารกตฺตา ปริสุทฺธฏฺเน อริยนฺติ อาห ‘‘อริยํ อุตฺตมํ ปริสุทฺธ’’นฺติ. อนวชฺชฏฺเน กุสลํ, น สุขวิปากฏฺเน. กตฺถจิ จตุราสีติปาณสหสฺสานิ, กตฺถจิ อปริมาณาปิ เทวมนุสฺสา ยสฺมา จตุวีสติยา าเนสุ อสงฺขฺเยยฺยา อปริเมยฺยา เทวมนุสฺสา มคฺคผลามตํ ปิวึสุ, โกฏิสตสหสฺสาทิปริมาเณนปิ พหู เอว, ตสฺมา อนุตฺตราจารสิกฺขาปนวเสน ภควา พหูนํ อาจริโย. เตติ กามราคโต อฺเ ภควโต ปหีนกิเลเส. เกฬนาติ เกฬายนา ธนายนา.

อปาปปุเรกฺขาโรติ อปาเป ปุเร กโรติ, น วา ปาปํ ปุรโต กโรตีติปิ อปาปปุเรกฺขาโรติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปาเป นวโลกุตฺตรธมฺเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อปาเปติ ปาปปฏิปกฺเข, ปาปรหิเต จ. พฺรหฺมนิ เสฏฺเ พุทฺเธ ภควติ ภวา ตสฺส ธมฺมเทสนาวเสน อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา, พฺรหฺมุโน วา ภควโต หิตา ครุกรณาทินา, ยถานุสิฏฺปฏิปตฺติยา จ, พฺรหฺมํ วา เสฏฺํ อริยมคฺคํ ชานาตีติ พฺรหฺมฺา, อริยสาวกสงฺขาตา ปชา, เตนาห ‘‘สาริปุตฺตา’’ติอาทิ. ปกติพฺราหฺมณชาติวเสนาปิ ‘‘พฺรหฺมฺาย ปชายา’’ติ ปทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ติโรรฏฺา ติโรชนปทาติ เอตฺถ รชฺชํ รฏฺํ, ราชนฺติ ราชาโน เอเตนาติ, ตเทกเทสภูตา ปเทสา ปน ชนปโท,ชนา ปชฺชนฺติ เอตฺถ สุขชีวิกํ ปาปุณนฺตีติ. ปุจฺฉาย วา โทสํ สลฺลกฺเขตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อสมตฺถตนฺติ อตฺตโน อสมตฺถตํ. ภควา วิสฺสชฺเชติ เตสํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ, าณปริปากํ, จิตฺตาจารฺจ ตฺวาติ อธิปฺปาโย.

‘‘เอหิสฺวาคตวาที’’ติ อิมินา สุขสมฺภาสปุพฺพกํ ปิยวาทิตํ ทสฺเสติ, ‘‘สขิโล’’ติ อิมินา สณฺหวาจตํ, ‘‘สมฺโมทโก’’ติ อิมินา ปฏิสนฺธารกุสลตํ, ‘‘อภากุฏิโก’’ติ อิมินา สพฺพตฺเถว วิปฺปสนฺนมุขตํ, ‘‘อุตฺตานมุโข’’ติ อิมินา สุขาลาปตํ, ‘‘ปุพฺพภาสี’’ติ อิมินา ธมฺมานุคฺคหสฺส โอกาสกรณโต หิตชฺฌาสยตํ ภควโต วิภาเวติ.

ยตฺถ กิราติ กิร-สทฺโท อรุจิสูจนตฺโถ, เตน ภควตา อธิวุตฺถปเทเส น เทวตานุภาเวน มนุสฺสานํ อนุปทฺทวตา, อถ โข พุทฺธานุภาเวนาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิ.

อนุสาสิตพฺโพติ วิเนยฺยชนสมูโห คยฺหตีติ นิพฺพตฺติตํ อริยสงฺฆเมว ทสฺเสตุํ ‘‘สยํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ, อนนฺตรสฺส วิธิ ปฏิเสโธ วาติ กตฺวา. ‘‘ตาทิโสวา’’ติ อิมินา ‘‘สยํ วา’’ติอาทินา วุตฺตวิกปฺโป เอว ปจฺจามฏฺโติ. ‘‘ปุริมปทสฺเสว วา’’ติ วิกปฺปนฺตรคฺคหณํ. พหูนํ ติตฺถกรานนฺติ ปูรณาทีนํ อเนเกสํ ติตฺถกรานํ, นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. การเณนาติ อปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺตาทิสมาโรปนลกฺขเณน การเณน. อาคนฺตุกา นวกาติ อภินวา อาคนฺตุกา อพฺภาคตา. ปริยาปุณามีติ ปริจฺฉินฺทิตุํ ชานามิ สกฺโกมิ, เตนาห ‘‘ชานามี’’ติ. ‘‘กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน’’ติ อภูตปริกปฺปนวจนเมตํ ตถา ภาสมานสฺส อภาวโต.

๓๐๕. อลํ-สทฺโท อรหตฺโตปิ โหติ ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๔) วิยาติ อาห ‘‘อลเมวาติ ยุตฺตเมวา’’ติ. ปุเฏน เนตฺวา อสิตพฺพโต ปริภุฺชิตพฺพโต ปุโฏสํ วุจฺจติ ปาเถยฺยํ. ปุฏํเสน ปุริเสน.

โสณทณฺฑปริวิตกฺกวณฺณนา

๓๐๗. อุภโตปกฺขิกาติ มิจฺฉาทิฏฺิสมฺมาทิฏฺีนํ วเสน อุภยปกฺขิกา. เกราฏิกาติ สา.

พฺราหฺมณปฺตฺติวณฺณนา

๓๐๙. วิฆาตนฺติ จิตฺตทุกฺขํ.

๓๑๑-๓. สุชนฺติ โหมทพฺพึ ปคฺคณฺหนฺเตสูติ ชุหนตฺถํ คณฺหนเกสุ, อิรุพฺพิชฺเชสูติ อตฺโถ. ปโม วาติ ตตฺถ สนฺนิปติเตสุ ยชนกิริยายํ สพฺพปธาโน วา. ทุติโย วาติ ตทนนฺตโร วา. ‘‘สุช’’นฺติ กรเณ เอตํ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘สุชายา’’ติ. อคฺคิหุตฺตปมุขตาย ยฺสฺส ยฺเ ทิยฺยมานํ สุชามุเขน ทียตีติ อาห ‘‘สุชาย ทิยฺยมาน’’นฺติ. โปราณาติ อฏฺกถาจริยา. วิเสสโตติ วิชฺชาจรณวิเสสโต, น พฺราหฺมเณหิ อิจฺฉิตวิชฺชาจรณมตฺตโต. อุตฺตมพฺราหฺมณสฺสาติ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยตาย อุกฺกฏฺพฺราหฺมณสฺส. พฺราหฺมณสมยนฺติ พฺราหฺมณสิทฺธนฺตํ. มา ภินฺทิ มา วินาเสสิ.

๓๑๖. สมสโมติ สโมเยว หุตฺวา สโม. หีโนปมวเสนปิ สมตา วุจฺจตีติ ตํ นิวตฺเตนฺโต ‘‘เปตฺวา เอกเทสสมตฺต’’นฺติอาทิมาห. กุลโกฏิปริทีปนนฺติ กุลอาทิปริทีปนํ อถาปิสิยาติ อถาปิ ตุมฺหากํ เอวํ ปริวิตกฺโก สิยา. พฺราหฺมณภาวํ สาเธติ วณฺโณ. มนฺตชาตีสุปิ เอเสว นโย. สีลเมว สาเธสฺสติ พฺราหฺมณภาวํ. กสฺมาติ เจ? อาห ‘‘ตสฺมิฺหิสฺสา’’ติอาทิ. สมฺโมหมตฺตํ วณฺณาทโยติ วณฺณมนฺตชาติโย หิ พฺราหฺมณภาวสฺส องฺคนฺติ สมฺโมหมตฺตเมตํ อสมเวกฺขิตาภิมานภาวโต.

สีลปฺากถาวณฺณนา

๓๑๗. กถิโต พฺราหฺมเณน ปฺโหติ ‘‘สีลวา จ โหตี’’ติอาทินา ทฺวินฺนเมว องฺคานํ วเสน ยถาปุจฺฉิโต ปฺโห ยาถาวโต วิสฺสชฺชิโต เอตฺถาติ เอตสฺมึ ยถาวิสฺสชฺชิเต อตฺเถ. ตสฺสาติ โสณทณฺฑสฺส. สีลปริสุทฺธาติ สีลสมฺปตฺติยา สพฺพโส สุทฺธา อนุปกฺกิลิฏฺา. กุโต ทุสฺสีเล ปฺา อสมาหิตตฺตา ตสฺส. ชเฬ เอฬมูเค กุโต สีลนฺติ ชเฬ เอฬมูเค ทุปฺปฺเ กุโต สีลํ สีลวิภาคสฺส, สีลปริโสธนูปายสฺส จ อชานนโต. ปกฏฺํ อุกฺกฏฺํ าณํ ปฺาณนฺติ, ปากติกํ าณํ นิวตฺเตตุํ ‘‘ปฺาณ’’นฺติ วุตฺตนฺติ ตยิทํ ปกาเรหิ ชานนโต ปฺาวาติ อาห ‘‘ปฺาณนฺติ ปฺา เยวา’’ติ.

สีเลนโธตาติ สมาธิปทฏฺาเนน สีเลน สกลสํกิเลสมลวิสุทฺธิยา โธตา วิสุทฺธา, เตนาห ‘‘กถํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ โธวตีติ สุชฺฌติ. มหาสฏฺิวสฺสตฺเถโร วิยาติ สฏฺิวสฺสมหาเถโร วิย. เวทนาปริคฺคหมตฺตมฺปีติ เอตฺถ เวทนาปริคฺคโห นาม ยถาอุปฺปนฺนํ เวทนํ สภาวรสโต อุปธาเรตฺวา ‘‘อยํ เวทนา ผสฺสํ ปฏิจฺจ, โส ผสฺโส อนิจฺโจ ทุกฺโข วิปริณามธมฺโม’’ติ ลกฺขณตฺตยํ อาโรเปตฺวา ปวตฺติตวิปสฺสนา. เอวํ วิปสฺสนฺเตน ‘‘สุเขน สกฺกา สา เวทนา อธิวาเสตุํ ‘‘เวทนา เอว เวทิยตี’’ติ. เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวาติ ยถาอุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ เวทนํ อนนุวตฺติตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา วีถึ ปฏิปนฺนาย วิปสฺสนาย ตํ วิโนเทตฺวา. สํสุมารปติเตนาติ กุมฺภีเลน วิย ภูมิยํ อุเรน นิปชฺชเนน. ปฺาย สีลํ โธวิตฺวาติ อขณฺฑาทิภาวาปาทเนน สีลํ อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ ปฺาย สุวิโสธิตํ กตฺวา.

๓๑๘. ‘‘กสฺมา อาหา’’ติ อุปริเทสนาย การณํ ปุจฺฉติ. ลชฺชา นาม ‘‘สีลสฺส ชาติยา จ คุณโทสปกาสเนน สมเณน โคตเมน ปุจฺฉิตปฺหํ วิสฺสชฺเชสี’’ติ ปริสาย ปฺาตตา. เอตฺตกปรมาติ เอตฺตกอุกฺกํสโกฏิกา ปฺจ สีลานิ, เวทตฺตยวิภาวนํ ปฺฺจ ลกฺขณาทิโต นิทฺธาเรตฺวา ชานนํ นตฺถิ, เกวลํ ตตฺถ วจีปรมา มยนฺติ ทสฺเสตีติ อาห ‘‘สีลปฺาณนฺติ วจนเมว ปรมํ อมฺหาก’’นฺติ. ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติ อิทํ นิยฺยาตนาเปกฺขํ สีลนิทฺเทเส, เตนาห ‘‘สีลมิจฺเจว นิยฺยาติต’’นฺติ. สามฺผเล ปน ‘‘สามฺผล’’ มิจฺเจว นิยฺยาติตํ, ปฺานิทฺเทเส ปน ฌานปฺํ อธิฏฺานํ กตฺวา วิปสฺสนาปฺาวเสเนว ปฺานิยฺยาตนํ กตํ, เตนาห ‘‘ปมชฺฌานาทีนี’’ติ.

โสณทณฺฑอุปาสกตฺตปฏิเวทนากถาวณฺณนา

๓๒๑-๒. นตฺตาติ ปุตฺตปุตฺโต. อคารวํ นาม นตฺถิ, น จายํ ภควติ อคารเวน ‘‘อหฺเจว โข ปนา’’ติอาทิมาห, อถ โข อตฺตลาภปริหานิภเยน. อยฺหิ ยถา ตถา อตฺตโน มหาชนสฺส สมฺภาวนํ อุปฺปาเทตฺวา โกหฺเน ปเร วิมฺหาเปตฺวา ลาภุปฺปาทํ นิชิคิสนฺโต วิจรติ, ตสฺมา ตถา อโวจ, เตนาห ‘‘อิมินา กิรา’’ติอาทิ.

ตงฺขณานุรูปายาติ ยาทิสี ตทา ตสฺส อชฺฌาสยปฺปวตฺติ, ตทนุรูปายาติ อตฺโถ. ตสฺส ตทา ตาทิสสฺส วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิตสฺส าณสฺส ปริปากสฺส อภาวโต เกวลํ อพฺภุทยนิสฺสิโต เอว อตฺโถ ทสฺสิโตติ อาห ‘‘ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกมตฺถํ สนฺทสฺเสตฺวา’’ติ, ปจฺจกฺขโต วิภาเวตฺวาติ อตฺโถ. กุสเล ธมฺเมติ เตภูมเก กุสเล ธมฺเม, ‘‘จตุภูมเก’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติเยว, เตเนวาห ‘‘อายตึ นิพฺพานตฺถาย วาสนาภาคิยา วา’’ติ. ตตฺถาติ กุสลธมฺเม ยถา สมาทปิเต. นฺติ พฺราหฺมณํ สมุตฺเตเชตฺวาติ สมฺมเทว อุปรูปริ นิสาเนตฺวา ปุฺกิริยาย ติกฺขวิสทภาวํ อาปาเทตฺวา. ตํ ปน อตฺถโต ตตฺถ อุสฺสาหชนนํ โหตีติ อาห ‘‘สอุสฺสาหํ กตฺวา’’ติ . เอวํ ปุฺกิริยาย สอุสฺสาหตา, เอวรูปํ คุณสมงฺคิตา จ นิยมโต ทิฏฺธมฺมิกา อตฺถสมฺปาทนีติ เอวํ สอุสฺสาหตาย, อฺเหิ จ ตสฺมึ วิชฺชมานคุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา สมฺมเทว หฏฺตุฏฺภาวํ อาปาเทตฺวา.

ยทิ ภควา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสิ, อถ กสฺมา โส วิเสสํ นาธิคจฺฉตีติ อาห ‘‘พฺราหฺมโณ ปนา’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ กสฺมา ภควา ตสฺส ตถา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสีติ อาห ‘‘เกวลมสฺสา’’ติอาทิ. น หิ ภควโต นิรตฺถกา เทสนา โหตีติ.

โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.