📜
๙. โปฏฺปาทสุตฺตวณฺณนา
โปฏฺปาทปริพฺพาชกวตฺถุวณฺณนา
๔๐๖. สาวตฺถิยนฺติ ¶ ¶ ¶ สมีปตฺเถ ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘สาวตฺถึ อุปนิสฺสายา’’ติ. เชตสฺส กุมารสฺส วเนติ เชเตน นาม ราชกุมาเรน โรปิเต อุปวเน. นิวาสผาสุตาทินา ปพฺพชิตา อารมนฺติ เอตฺถาติ อาราโม, วิหาโร. โผโฏ ปาเทสุ ชาโตติ โปฏฺปาโท. วตฺถจฺฉายาฉาทนปพฺพชูปคตตฺตา ฉนฺนปริพฺพาชโก. พฺราหฺมณมหาสาโลติ มหาวิภวตาย มหาสารตาปตฺโต พฺราหฺมโณ. สมยนฺติ สามฺนิทฺเทโส, ตํ ตํ สมยนฺติ อตฺโถ. ปวทนฺตีติ ปการโต วทนฺติ, อตฺตนา อตฺตนา อุคฺคหิตนิยาเมน ยถา ตถา สมยํ วทนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘ปภุตโย’’ติ อิมินา โตเทยฺยชาณุโสณีโสณทณฺฑาทิเก สงฺคณฺหาติ, ปริพฺพาชกาทโยติ อาทิ-สทฺเทน ฉนฺนปริพฺพาชกาทิเก. ตินฺทุกาจีรเมตฺถ อตฺถีติ ตินฺทุกาจีโร, อาราโม. ตถา เอกา สาลา เอตฺถาติ เอกสาลโก, ตสฺมึ ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก.
อเนกาการานวเสสเยฺยตฺถวิภาวนโต, อปราปรุปฺปตฺติโต จ ภควโต าณํ ตตฺถ ปตฺถฏํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพฺุตฺาณํ ปตฺถริตฺวา’’ติ, ยโต ตสฺส าณชาลตา วุจฺจติ, เวเนยฺยานํ ตทนฺโตคธตา เหฏฺา วุตฺตาเยว. เวเนยฺยสตฺตปริคฺคณฺหนตฺถํ สมนฺนาหาเร กเต ปมํ เนสํ เวเนยฺยภาเวเนว อุปฏฺานํ โหติ, อถ สรณคมนาทิวเสน กิจฺจนิปฺผตฺติ วีมํสียตีติ อาห ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตีติ อุปปริกฺขนฺโต’’ติ ¶ . นิโรธนฺติ สฺานิโรธํ. นิโรธา วุฏฺานนฺติ ตโต นิโรธโต วุฏฺานํ สฺุปฺปตฺตึ. สพฺพพุทฺธานํ าเณน สํสนฺทิตฺวาติ ยถา เต นิโรธํ, นิโรธโต วุฏฺานฺจ พฺยากรึสุ, พฺยากริสฺสนฺติ จ, ตถา พฺยากรณวเสน สํสนฺทิตฺวา. หตฺถิสาริปุตฺโตติ หตฺถิสาริโน ปุตฺโต. ‘‘ยุคนฺธรปพฺพตํ ปริกฺขิปิตฺวา’’ติ อิทํ ปริกปฺปวจนํ ‘‘ตาทิสํ อตฺถิ เจ, ตํ วิยา’’ติ. เมฆวณฺณนฺติ รตฺตเมฆวณฺณํ, สฺฌาปฺปภานุรฺชิตเมฆสงฺกาสนฺติ อตฺโถ. ปจฺจคฺฆนฺติ อภินวํ อาทิโต ตถาลทฺธโวหาเรน ¶ , อนฺปริโภคตาย ¶ , ตถา วา สตฺถุ อธิฏฺาเนน โส ปตฺโต สพฺพกาลํ ‘‘ปจฺจคฺฆํ’’ ตฺเวว วุจฺจติ, สิลาทิวุตฺตรตนลกฺขณูปปตฺติยา วา โส ปตฺโต ‘‘ปจฺจคฺฆ’’นฺติ วุจฺจติ.
๔๐๗. อตฺตโน รุจิวเสน สทฺธมฺมฏฺิติชฺฌาสยวเสน, น ปเรน อุสฺสาหิโตติ อธิปฺปาโย. ‘‘อติปฺปคภาวเมว ทิสฺวา’’ติ อิทํ ภูตกถนํ น ตาว ภิกฺขาจารเวลา สมฺปตฺตาติ ทสฺสนตฺถํ. ภควา หิ ตทา กาลสฺเสว วิหารโต นิกฺขนฺโต ‘‘วาสนาภาคิยาย ธมฺมเทสนาย โปฏฺปาทํ อนุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ. ยนฺนูนาหนฺติ อฺตฺถ สํสยปริทีปโน, อิธ ปน สํสยปริทีปโน วิย. กสฺมาติ อาห ‘‘พุทฺธาน’’นฺติอาทิ. สํสโย นาม นตฺถิ โพธิมูเล เอว สมุคฺฆาฏิตตฺตา. ปริวิตกฺกปุพฺพภาโคติ อธิปฺเปตกิจฺจสฺส ปุพฺพภาคปริวิตกฺโก เอว. พุทฺธานํ ลพฺภตีติ ‘‘กริสฺสาม, น กริสฺสามา’’ติอาทิโก เอส จิตฺตจาโร พุทฺธานํ ลพฺภติ สมฺภวติ วิจารณวเสน ปวตฺตนโต, น ปน สํสยวเสน. เตนาหาติ เยน พุทฺธานมฺปิ ลพฺภติ, เตเนวาห ภควา ‘‘ยนฺนูนาห’’นฺติ. ปริกปฺปเน วายํ นิปาโต. ‘‘อุปสงฺกเมยฺย’’นฺติ ¶ กิริยาปเทน วุจฺจมาโน เอว หิ อตฺโถ ‘‘ยนฺนูนา’’ติ นิปาตปเทน โชตียติ. อหํ ยนฺนูน อุปสงฺกเมยฺยนฺติ โยชนา. ยทิ ปนาติ อิทมฺปิ เตน สมานตฺถนฺติ อาห ‘‘ยทิ ปนาหนฺติ อตฺโถ’’ติ.
๔๐๘. ยถา อุนฺนตปฺปาโย สทฺโท อุนฺนาโท, เอวํ วิปุลภาเวน อุปรูปริ ปวตฺโตปิ อุนฺนาโทติ ตทุภยํ เอกชฺฌํ กตฺวา ปาฬิยํ ‘‘อุนฺนาทินิยา’’ติ วตฺวา ปุน วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทายา’’ติ วุตฺตนฺติ ตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘อุจฺจํ นทมานายา’’ติอาทิมาห. อสฺสาติ ปริสาย. อุทฺธํคมนวเสนาติ อุนฺนตพหุลตาย อุคฺคนฺตฺวา อุคฺคนฺตฺวา ปวตฺตนวเสน. ทิสาสุ ปตฺถฏวเสนาติ วิปุลภาเวน ภูตปรมฺปราย สพฺพทิสาสุ ปตฺถรณวเสน. อิทานิ ปริพฺพาชกปริสาย อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทตาย การณํ, ตสฺส จ ปวตฺติอาการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตสฺหี’’ติอาทิมาห. กามสฺสาโท นาม กามคุณสฺสาโท. กามภวาทิคโต อสฺสาโท ภวสฺสาโท.
๔๐๙. สณฺเปสีติ ¶ สํยมนวเสน สมฺมเทว เปสิ, สณฺปนฺเจตฺถ ติรจฺฉานกถาย อฺมฺสฺมึ อคารวสฺส ชหาปนวเสน อาจารสฺส สิกฺขาปนํ, ยถาวุตฺตโทสสฺส นิคูหนฺจ โหตีติ อาห ‘‘สิกฺขาเปสี’’ติอาทิ. อปฺปสทฺทนฺติ นิสฺสทฺทํ, อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาภาวนฺติ อธิปฺปาโย. นปฺปมชฺชนฺตีติ น อคารวํ กโรนฺติ.
๔๑๐. โน ¶ อาคเต อานนฺโทติ ภควติ อาคเต โน อมฺหากํ อานนฺโท ปีติ โหติ. ปิยสมุทาจาราติ ปิยาลาปา. ‘‘ปจฺจุคฺคมนํ อกาสี’’ติ วตฺวา น เกวลมยเมว, อถ โข อฺเปิ ปพฺพชิตา เยภุยฺเยน ภควโต อปจิตึ กโรนฺเตวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควนฺตฺหี’’ติอาทึ วตฺวา, ตตฺถ การณมาห ‘‘อุจฺจากุลีนตายา’’ติ, เตน สาสเน อปฺปสนฺนาปิ กุลคารเวน ภควติ อปจิตึ กโรนฺเต วาติ ทสฺเสติ. เอตสฺมึ ¶ อนฺตเร กา นาม กถาติ เอตสฺมึ ยถาวุตฺตปริจฺเฉทพฺภนฺตเร กถา กา นาม. วิปฺปกตา อารทฺธา หุตฺวา อปริโยสิตา. ‘‘กา กถา วิปฺปกตา’’ติ วทนฺโต อตฺถโต ตสฺสา ปริโยสาปนํ ปฏิชานาติ นาม. ‘‘กา กถา’’ติ จ อวิเสสโจทนาติ ยสฺสา ตสฺสา สพฺพสฺสาปิ กถาย ปริโยสาปนํ ปฏิฺาตฺจ โหติ, ตฺจ ปเรสํ อสพฺพฺูนํ อวิสยนฺติ อาห ‘‘ปริยนฺตํ เนตฺวา เทมีติ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสี’’ติ.
อภิสฺานิโรธกถาวณฺณนา
๔๑๑. สุการณนฺติ สุนฺทรํ อตฺถาวหํ หิตาวหํ การณํ. นานาติตฺเถสุ นานาลทฺธีสุ นิยุตฺตาติ นานาติตฺถิกา, เต เอว นานาติตฺถิยา ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา. กุตูหลเมตฺถ อตฺถีติ โกตูหลา, สา เอว สาลาติ โกตูหลสาลา, เตนาห ‘‘โกตูหลุปฺปตฺติฏฺานโต’’ติ. สฺานิโรเธติ สฺาสีเสนายํ เทสนา, ตสฺมา สฺาสหคตา สพฺเพปิ ธมฺมา สงฺคยฺหนฺติ, ตตฺถ ปน จิตฺตํ ปธานนฺติ อาห ‘‘จิตฺตนิโรเธ’’ติ. อจฺจนฺตนิโรธสฺส ปน เตหิ อนธิปฺเปตตฺตา, อวิสยตฺตา จ ‘‘ขณิกนิโรเธ’’ติ อาห. กามํ โสปิ เตสํ อวิสโยว, อตฺถโต ปน นิโรธกถา วุจฺจมานา ตตฺเถว ติฏฺตีติ ตถา วุตฺตํ. กิตฺติโฆโสติ ‘‘อโห พุทฺธานุภาโว ภวนฺตรปฏิจฺฉนฺนํ การณํ เอวํ หตฺถามลกํ วิย ปจฺจกฺขโต ทสฺเสติ, สาวเก จ เอทิเส ¶ สํวรสมาทาเน ปติฏฺาเปตี’’ติ ถุติโฆโส ยาว ภวคฺคา ปตฺถรติ. ปฏิภาคกิริยนฺติ ปฬาสวเสน ปฏิภาคภูตํ ปโยคํ กโรนฺโต. ภวนฺตรสมยนฺติ ตตฺร ตตฺร วุฏฺนสมยํ อภูตปริกปฺปิตํ กิฺจิ อุปฺปาทิยํ วตฺถุํ อตฺตโน สมยํ กตฺวา. กิฺจิเทว สิกฺขาปทนฺติ ‘‘เอลมูเคน ภวิตพฺพํ ¶ , เอตฺตกํ, เวลํ เอกสฺมึเยว าเน นิสีทิตพฺพ’’นฺติ เอวมาทิกํ กิฺจิเทว การณํ สิกฺขาโกฏฺาสํ กตฺวา ปฺเปนฺติ. นิโรธกถนฺติ นิโรธสมาปตฺติกถํ.
เตสูติ โกตูหลสาลายํ สนฺนิปติเตสุ ติตฺถิยสมณพฺราหฺมเณสุ. เอกจฺเจติ เอเก. ปุริโมติ ‘‘อเหตู อปฺปจฺจยา’’ติ เอวํวาที. ยฺวายํ อิธ อุปฺปชฺชตีติ โยชนา. สมาปตฺตินฺติ อสฺภาวาวหํ สมาปตฺตึ. นิโรเธติ สฺานิโรเธ. เหตุํ อปสฺสนฺโตติ เยน เหตุนา อสฺภเว ¶ สฺาย นิโรโธ สพฺพโส อนุปฺปาโท, เยน จ ตโต จุตสฺส อิธ ปฺจโวการภเว ตสฺสา อุปฺปาโท, ตํ อวิสยตาย อปสฺสนฺโต.
นนฺติ ปมวาทึ. นิเสเธตฺวาติ ‘‘น โข นาเมตํ โภ เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปฏิกฺขิปิตฺวา. อสฺิกภาวนฺติ มฺุฉาปตฺติยา กิริยมยสฺาวเสน วิคตสฺิภาวํ. วกฺขติ หิ ‘‘วิสฺี หุตฺวา’’ติ. วิกฺขมฺภนวเสน กิเลสานํ สนฺตาปเนน อตฺตนฺตโป. โฆรตโปติ ทุกฺกรตาย ภีมตโป. ปริมาริตินฺทฺริโยติ นิพฺพิเสวนภาวาปาทเนน สพฺพโส มิลาปิตจกฺขาทินฺทฺริโย. ภคฺโคติ ภฺชิตกุสลชฺฌาสโย. เอวมาหาติ ‘‘เอวํ สฺา หิ โภ ปุริสสฺส อตฺตา’’ติอาทิอากาเรน สฺานิโรธมาห. อิมินา นเยน อิโต ปเรสุ ทฺวีสุ าเนสุ ยถารหํ โยชนา เวทิตพฺพา.
อาถพฺพณปโยคนฺติ อาถพฺพณเวทวิหิตํ อาถพฺพณิกานํ วิสฺิภาวาปาทนปโยคํ. อาถพฺพณํ ปโยเชตฺวาติ ¶ อาถพฺพณเวเท อาคตอคฺคิชุหนปุพฺพกํ มนฺตชปฺปนํ ปโยเชตฺวา สีสจฺฉินฺนตาทิทสฺสเนน สฺานิโรธมาห. ตสฺสาติ ยสฺส สีสจฺฉินฺนตาทิ ทสฺสิตํ, ตสฺส.
ยกฺขทาสีนนฺติ ¶ เทวทาสีนํ, ยา ‘‘เทวตาภติโยติปิ’’ วุจฺจนฺติ. มทนิทฺทนฺติ สุรามทนิมิตฺตกํ สุปนํ เทวตูปหารนฺติ นจฺจนคายนาทินา เทวตานํ ปูชํ. สุราปาตินฺติ ปาติปุณฺณํ สุรํ. ทิวาติ อติทิวา อุสฺสูเร.
เอลมูคกถา วิยาติ อิเมสํ ปณฺฑิตมานีนํ กถา อนฺธพาลกถาสทิสี. จตฺตาโร นิโรเธติ อฺมฺวิธุเร จตฺตาโร นิโรเธ เอเต ปฺเปนฺติ. น จ อฺมฺวิรุทฺธนานาสภาเวน เตน ภวิตพฺพํ, อถ โข เอกสภาเวน, เตนาห ‘‘อิมินา จา’’ติอาทิ. อฺเเนวาติ อิเมหิ วุตฺตาการโต อฺากาเรเนว ภวิตพฺพํ. ‘‘อยํ นิโรโธ, อยํ นิโรโธ’’ติ อาเมฑิตวจนํ สตฺถา อตฺตโน เทสนาวิลาเสน อเนกาการโวการํ นิโรธํ วิภาเวสฺสตีติ ทสฺสนตฺถํ กตํ อโห นูนาติ เอตฺถ อโหติ อจฺฉริเย, นูนาติ อนุสฺสรเณ นิปาโต. ตสฺมา อโห นูน ภควา อนฺสาธารณเทสนตฺตา นิโรธมฺปิ อโห อจฺฉริยํ กตฺวา กเถยฺย มฺเติ อธิปฺปาโย. ‘‘อโห นูน สุคโต’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อจฺฉริยวิภาวนโต เอว เจตฺถ ทฺวิกฺขตฺตุํ วจนํ, อจฺฉริยตฺโถปิ เจตฺถ อโห-สทฺโท. โส ยสฺมา อนุสฺสรณมุเขเนว เตน คหิโต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อโห นูนาติ อนุสฺสรณตฺเถ’’ติ. กาลปุคฺคลาทิวิภาเคน พหุเภทตฺตา อิเมสํ นิโรธธมฺมานนฺติ พหุวจนํ, กุสล-สทฺทโยเคน สามิวจนํ ภุมฺมตฺเถ ทฏฺพฺพํ. จิณฺณวสิตายาติ นิโรธสมาปตฺติยํ ¶ วสีภาวสฺส จิณฺณตฺตา. สภาวํ ชานาตีติ นิโรธสฺส สภาวํ ยาถาวโต ชานาติ.
อเหตุกสฺุปฺปาทนิโรธกถาวณฺณนา
๔๑๒. ฆรมชฺเฌเยว ¶ ปกฺขลิตาติ ฆรโต พหิ คนฺตุกามา ปุริสา มคฺคํ อโนตริตฺวา ฆราชิเรน สมตเล วิวฏงฺคเณ เอว ปกฺขลนํ ปตฺตา, เอวํ สมฺปทมิทนฺติ อตฺโถ. อสาธารโณ เหตุ, สาธารโณ ปจฺจโยติ เอวมาทิ วิภาเคน อิธ ปโยชนํ นตฺถิ สฺาย อการณภาวปฏิกฺเขปตฺตา โจทนายาติ วุตฺตํ ‘‘การณสฺเสว นาม’’นฺติ.
ปาฬิยํ ‘‘อุปฺปชฺชนฺติปิ นิรุชฺฌนฺติปี’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ ‘‘สเหตู สปฺปจฺจยา สฺา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา ปน นิรุชฺฌนฺติเยว, น ติฏฺนฺตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘นิรุชฺฌนฺตี’’ติ วจนํ, น นิโรธสฺส สเหตุสปฺปจฺจยภาวทสฺสนตฺถํ. อุปฺปาโท หิ สเหตุโก ¶ , น นิโรโธ. ยทิ หิ นิโรโธปิ สเหตุโก สิยา, ตสฺส นิโรเธนาปิ ภวิตพฺพํ องฺกุราทีนํ วิย, น จ ตสฺส นิโรโธ อตฺถิ. ตสฺมา วุตฺตนเยเนว ปาฬิยา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยฺจ นโย ขณนิโรธวเสน วุตฺโต. โย ปน ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสน สพฺพโสว อนุปฺปาทนิโรโธ, โส ‘‘สเหตุโก’’ติ เวทิตพฺโพ ตถารูปาย ปฏิปตฺติยา วินา อภาวโต. เตนาห ภควา ‘‘สิกฺขา เอกา สฺา นิรุชฺฌตี’’ติ. (ที. นิ. ๑.๔๑๒) ตโต เอว จ อิธาปิ วุตฺตํ ‘‘สฺาย สเหตุกํ อุปฺปาทนิโรธํ ทีเปตุ’’นฺติ.
สิกฺขา เอกาติ เอตฺถ สิกฺขาติ กรเณ ปจฺจตฺตวจนํ, เอก-สทฺโท อฺปริยาโย ‘‘อิตฺเถเก อภิวทนฺติ สโต วา ปน สตฺตสฺสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๘๕ อาทโย; ม. นิ. ๓.๒๑) วิย, น สงฺขฺยาวาจีติ อาห ‘‘สิกฺขา เอกา สฺา อุปฺปชฺชนฺตีติ สิกฺขาย เอกจฺจา สฺา ชายนฺตี’’ติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
๔๑๓. ตตฺถาติ ตสฺสํ อุปริเทสนายํ. สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสงฺกปฺปวเสน ปริยาปนฺนตฺตา อาคตาติ สภาวโต อุปการโต จ ปฺากฺขนฺเธ ปริยาปนฺนตฺตา สงฺคหิตตฺตา ตติยา อธิปฺาสิกฺขา สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสงฺกปฺปวเสน ¶ อาคตา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ยา จาวุโส วิสาข สมฺมาทิฏฺิ, โย จ สมฺมาสงฺกปฺโป, อิเม ธมฺมา ปฺากฺขนฺเธ สงฺคหิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๒) กามฺเจตฺถ วุตฺตนเยน ¶ ติสฺโสปิ สิกฺขา อาคตา เอว, ตถาปิ อธิจิตฺตสิกฺขาย เอว อภิสฺานิโรโธ ทสฺสิโต, อิตรา ตสฺส สมฺภารภาเวน อานีตา.
ปฺจกามคุณิกราโคติ ปฺจกามโกฏฺาเส อารพฺภ อุปฺปชฺชนกราโค. อสมุปฺปนฺนกามจาโรติ วตฺตมานุปฺปนฺนตาวเสน อสมุปฺปนฺโน โย โกจิ กามจาโร ยา กาจิ โลภุปฺปตฺติ. ปุริโม วิสยวเสน นิยมิตตฺตา กามคุณารมฺมโณว โลโภ ทฏฺพฺโพ, อิตโร ปน ฌานนิกนฺติภวราคาทิปฺปเภโท สพฺโพปิ โลภจาโร กามนฏฺเน กาเมสุ ปวตฺตนโต. สพฺเพปิ หิ เตภูมกา ธมฺมา กามนียฏฺเน กามาติ. อุภเยสมฺปิ กามสฺาตินามตา สหจรณาเยนาติ ‘‘กามสฺา’’ติ ปทุทฺธารํ กตฺวา ตทุภยํ นิทฺทิฏฺํ.
‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ ¶ อสมุปฺปนฺนกามจารโต ปฺจกามคุณิกราคสฺส วิเสสทสฺสนํ. กามํ ปฺจกามคุณิกราโคปิ อสมุปฺปนฺโน เอว มคฺเคน สมุคฺฆาฏียติ, ตสฺมึ ปน สมุคฺฆาฏิเตปิ น สพฺโพ ราโค สมุคฺฆาฏํ คจฺฉติ, ตสฺมา ปฺจกามคุณิกราคคฺคหเณน น อิตรสฺส สพฺพสฺส ราคสฺส คหณํ โหตีติ อุภยสาธารเณน ปริยาเยน อุภยํ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ กามสฺาคฺคหณํ กตนฺติ ตทุภยํ สรูปโต วิเสสโต จ ทสฺเสตฺวา สพฺพสงฺคาหิกภาวโต ‘‘อสมุปฺปนฺนกามจาโร ¶ ปน อิมสฺมึ าเน วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ.
สทิสตฺตาติ กามสฺาทิภาเวน สมานตฺตา, เอเตน ปาฬิยํ ‘‘ปุริมา’’ติ สทิสกปฺปนาวเสน วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. อนาคตา หิ อิธ ‘‘นิรุชฺฌตี’’ติ วุตฺตา อนุปฺปาทสฺส อธิปฺเปตตฺตา, เตนาห ‘‘อนุปฺปนฺนาว นุปฺปชฺชตี’’ติ.
นีวรณวิเวกโต ชาตตฺตา วิเวกเชหิ ปมชฺฌานปีติสุเขหิ สห อกฺขาตพฺพา, ตํโกฏฺาสิกา วาติ วิเวกชํ ปีติสุขสงฺขาตา. นานตฺตสฺาปฏิฆสฺาหิ นิปุณตาย สุขุมภูตตาย สุขุมสฺา ภูตา สุขุมภาเวน, ปรมตฺถภาเวน อวิปรีตสภาวา. ฌานํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมานํ ภาวนาสิทฺธา สณฺหสุขุมตา นีวรณวิกฺขมฺภนวเสน วิฺายตีติ อาห ‘‘กามจฺฉนฺทาทิโอฬาริกงฺคปฺปหานวเสน สุขุมา’’ติ. ภูตตายาติ วิชฺชมานตาย. สพฺพตฺถาติ สพฺพวาเรสุ.
สมาปชฺชนาธิฏฺานานิ วิย วุฏฺานํ ฌาเน ปริยาปนฺนมฺปิ โหติ ยถา ตํ ธมฺมานํ ภงฺคกฺขโณ ธมฺเมสุ, น อาวชฺชนปจฺจเวกฺขณานีติ ‘‘ปมชฺฌานํ สมาปชฺชนฺโต อธิฏฺหนฺโต วุฏฺหนฺโต ¶ จ สิกฺขตี’’ติ วุตฺตํ, น ‘‘อาวชฺชนฺโต ปจฺจเวกฺขนฺโต’’ติ. ตนฺติ ปมชฺฌานํ. เตนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนํ, ตสฺมา ปมชฺฌาเนน เหตุภูเตนาติ อตฺโถ. เหตุภาโว เจตฺถ ฌานสฺส ยถาวุตฺตสฺาย อุปฺปตฺติยา สหชาตาทิปจฺจยภาโว กามสฺาย นิโรธสฺส อุปนิสฺสยตาว, ตฺจ โข สุตฺตนฺตปริยาเยน. ตถา เจว สํวณฺณิตํ ‘‘ตถารูปาย ปฏิปตฺติยา วินา อภาวโต’’ติ. เอเตนุปาเยนาติ ยฺวายํ ปมชฺฌานตปฺปฏิปกฺขสฺาวเสน ‘‘สิกฺขา เอกา สฺา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สฺา นิรุชฺฌตี’’ติ ¶ เอตฺถ อตฺโถ วุตฺโต, เอเตน นเยน. สพฺพตฺถาติ สพฺพวาเรสุ.
๔๑๔. ยสฺมา ปเนตฺถ สมาปตฺติวเสน ตํตํสฺานํ ¶ อุปฺปาทนิโรเธ วุจฺจมาเน องฺควเสน โส วุตฺโตติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. ‘‘องฺคโต สมฺมสน’’นฺติ อนุปทธมฺมวิปสฺสนาย ลกฺขณวจนํ. อนุปทธมฺมวิปสฺสนฺหิ กโรนฺโต สมาปตฺตึ ปตฺวา องฺคโต สมฺมสนํ กโรติ, น จ สฺา สมาปตฺติยา กิฺจิ องฺคํ โหติ. วุตฺตฺจ ‘‘อิทฺจ สฺา สฺาติ เอวํ องฺคโต สมฺมสนํ อุทฺธฏ’’นฺติ. องฺคโตติ วา อวยวโตติ อตฺโถ, อนุปทธมฺมโตติ วุตฺตํ โหติ. ตเทวาติ อากิฺจฺายตนเมว.
ยโต โขติ ปจฺจตฺเต นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘โย นามา’’ติ ยถา ‘‘อาทิมฺหี’’ติ เอตสฺมึ อตฺเถ ‘‘อาทิโต’’ติ วุจฺจติ อิตรวิภตฺติโตปิ โต-สทฺทสฺส ลพฺภนโต. สกสฺมึ อตฺตนา อธิคเต สฺา สกสฺา, สา เอตสฺส อตฺถีติ สกสฺี, เตนาห ‘‘อตฺตโน ปมชฺฌานสฺาย สฺวา’’ติ. สกสฺีติ เจตฺถ อุปริ วุจฺจมานนิโรธปาทกตาย สาติสยาย ฌานสฺาย อตฺถิภาวโชตโก อี-กาโร ทฏฺพฺโพ, เตเนวาห ‘‘อนุปุพฺเพน สฺคฺคํ ผุสตี’’ติอาทิ. ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ สกสฺิตาคฺคหเณน ตสฺมึ ตสฺมึ ฌาเน สพฺพโส สุจิณฺณวสีภาโว ทีปิโตติ เวทิตพฺพํ.
โลกิยานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ, สามิอตฺเถ เอว วา. ยทคฺเคน หิ ตํ เตสุ เสฏฺํ, ตทคฺเคน เตสมฺปิ เสฏฺนฺติ. ‘‘โลกิยาน’’นฺติ วิเสสนํ โลกุตฺตรสมาปตฺตีหิ ตสฺส อเสฏฺภาวโต. ‘‘กิจฺจการกสมาปตฺตีน’’นฺติ วิเสสนํ อกิจฺจการกสมาปตฺติโต ตสฺส อเสฏฺภาวโต. อกิจฺจการกตา จสฺสา ปฏุสฺากิจฺจาภาววจนโต วิฺายติ. ยเถว หิ ตตฺถ สฺา, เอวํ ผสฺสาทโย ปีติ. ยทคฺเคน หิ ตตฺถ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติยา ปกติวิปสฺสกานํ สมฺมสิตุํ อสกฺกุเณยฺยรูเปน ิตา, ตทคฺเคน เหฏฺิมสมาปตฺติธมฺมา วิย ปฏุกิจฺจกรณสมตฺถาปิ น โหนฺตีติ. สฺวายมตฺโถ ปรมตฺถมฺชุสายํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ อารุปฺปกถายํ ¶ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๒๘๖) สวิเสสํ วุตฺโต, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยน ¶ ¶ เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘ยถา เหฏฺิมา เหฏฺิมา สมาปตฺติโย อุปริมานํ อุปริมานํ อธิฏฺานกิจฺจํ สาเธนฺติ, น เอวํ เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติ กสฺสจิปิ อธิฏฺานกิจฺจํ สาเธติ, ตสฺมา สา อกิจฺจการิกา, อิตรา กิจฺจการิกา วุตฺตา’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ ตสฺสาปิ วิปสฺสนาจิตฺตปริทมนาทีนํ อธิฏฺานกิจฺจสาธนโต. ตสฺมา ปุริโมเยว อตฺโถ ยุตฺโต.
ปกปฺเปตีติ สํวิทหติ. ฌานํ สมาปชฺชนฺโต หิ ฌานสุขํ อตฺตนิ สํวิทหติ นาม. อภิสงฺขโรตีติ อายูหติ, สมฺปิณฺเฑตีติ อตฺโถ. สมฺปิณฺฑนตฺโถ หิ สมุทยฏฺโ. ยสฺมา นิกนฺติวเสน เจตนากิจฺจสฺส มตฺถกปฺปตฺติ, ตสฺมา ผลูปจาเรน การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิกนฺตึ กุรุมาโน อภิสงฺขโรติ นามา’’ติ วุตฺตํ. อิมา อิทานิ เม ลพฺภมานา อากิฺจฺายตนสฺา นิรุชฺเฌยฺยุํ ตํสมติกฺกเมเนว อุปริฌานตฺถาย เจตนาภิสงฺขรณสมฺภวโต. อฺาติ อากิฺจฺายตนสฺาหิ อฺา. ตโต ถูลตรภาวโต โอฬาริกา. กา ปน ตาติ อาห ‘‘ภวงฺคสฺา’’ติ. อากิฺจฺายตนโต วุฏฺาย เอว หิ อุปริฌานตฺถาย เจตนาภิสงฺขรณานิ ภเวยฺยุํ, วุฏฺานฺจ ภวงฺควเสน โหติ. ยาว จ อุปริ ฌานสมาปชฺชนํ, ตาว อนฺตรนฺตรา ภวงฺคปฺปวตฺตีติ อาห ‘‘ภวงฺคสฺา อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ.
เจเตนฺโตวาติ เนวสฺานาสฺายตนชฺฌานํ เอกํ ทฺเว จิตฺตวาเร สมาปชฺชนฺโต เอว. น เจเตติ ตถา เหฏฺิมชฺฌาเนสุ วิย วา ปุพฺพาโภคาภาวโต ปุพฺพาโภควเสน หิ ฌานํ ปกปฺเปนฺโต อิธ ‘‘เจเตตี’’ติ วุตฺโต. ยสฺมา ‘‘อหเมตํ ฌานํ นิพฺพตฺเตมิ อุปสมฺปาเทมิ สมาปชฺชามี’’ติ เอวํ อภิสงฺขรณํ ตตฺถ สาลยสฺเสว ¶ โหติ, น อนาลยสฺส, ตสฺมา เอกํ จิตฺตกฺขณิกมฺปิ ฌานํ ปวตฺเตนฺโต ตตฺถ อปฺปหีนนิกนฺติกตาย อภิสงฺขโรนฺโต เอวาติ อตฺโถ. ยสฺมา ปนสฺส ตถา เหฏฺิมชฺฌาเนสุ วิย วา ตตฺถ ปุพฺพาโภโค นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘น อภิสงฺขโรตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน’’ติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส วิวรณํ. ‘‘สฺวายมตฺโถ’’ติอาทินา ตเมวตฺถํ อุปมาย ปฏิปาเทติ.
ปจฺฉาภาเคติ ¶ ปิตุฆรสฺส ปจฺฉาภาเค. ตโต ปุตฺตฆรโต. ลทฺธฆรเมวาติ ยโต อเนน ภิกฺขา ลทฺธา, ตเมว ฆรํ ปุตฺตเคหเมว. อาสนสาลา วิย อากิฺจฺายตนสมาปตฺติ ตโต ปิตุฆรปุตฺตฆรฏฺานิยานํ เนวสฺานาสฺายตนนิโรธสมาปตฺตีนํ อุปคนฺตพฺพโต. ปิตุฆรํ อมนสิกริตฺวาติ ปวิสิตฺวา สมติกฺกนฺตมฺปิ ปิตุฆรํ น มนสิ กตฺวา. ปุตฺตฆรสฺเสว อาจิกฺขนํ วิย เอกํ ทฺเว จิตฺตวาเร สมาปชฺชิตพฺพมฺปิ เนวสฺานาสฺายตนํ น มนสิ กตฺวา ¶ ปรโต นิโรธสมาปตฺติอตฺถาย เอว มนสิกาโร. เอวํ อมนสิการสามฺเน, มนสิการสามฺเน จ อุปมุปเมยฺยตา เวทิตพฺพา อาจิกฺขเนนปิ มนสิการสฺเสว โชติตตฺตา. น หิ มนสิกาเรน วินา อาจิกฺขนํ สมฺภวติ.
ตา ฌานสฺาติ ตา เอกํ ทฺเว จิตฺตวาเร ปวตฺตา เนวสฺานาสฺายตนสฺา. นิรุชฺฌนฺตีติ ปเทเสเนว นิรุชฺฌนฺติ, ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน ปน อุปริ อนุปฺปาโท. ยถา จ ฌานสฺานํ, เอวํ อิตรสฺานํ ปีติ อาห ‘‘อฺา จ โอฬาริกา ภวงฺคสฺา นุปฺปชฺชนฺตี’’ติ, ยถาปริจฺฉินฺนกาลนฺติ อธิปฺปาโย. โส เอวํ ปฏิปนฺโน ภิกฺขูติ โส เอวํ ยถาวุตฺเต สฺาคฺเค ิโต อรหตฺเต, อนาคามิผเล วา ปติฏฺิโต ภิกฺขุ ¶ ทฺวีหิ ผเลหิ สมนฺนาคโม, ติณฺณํ สงฺขารานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ, โสฬสวิธา าณจริยา, นววิธา สมาธิจริยาติ อิเมสํ วเสน นิโรธปฏิปาทนปฏิปตฺตึ ปฏิปนฺโน. ผุสตีติ เอตฺถ ผุสนํ นาม วินฺทนํ ปฏิลทฺธีติ อาห ‘‘วินฺทติ ปฏิลภตี’’ติ. อตฺถโต ปน ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ จิตฺตเจตสิกานํ สพฺพโส อปฺปวตฺติ เอว.
อภีติ อุปสคฺคมตฺตํ นิรตฺถกํ, ตสฺมา ‘‘สฺา’’ อิจฺเจว อตฺโถ. นิโรธปเทน อนนฺตริกํ กตฺวา สมาปตฺติปเท วตฺตพฺเพ เตสํ ทฺวินฺนํ อนฺตเร สมฺปชานปทํ ปิตนฺติ อาห ‘‘นิโรธปเทน อนนฺตริกํ กตฺวา วุตฺต’’นฺติ, เตนาห ‘‘อนุปฏิ…เป… อตฺโถ’’ติ. ตตฺราปีติ ตสฺมิมฺปิ ตถา ปทานุปุพฺพิปเนปิ อยํ วิเสสตฺโถติ โยชนา. สมฺปชานนฺตสฺสาติ ตํ ตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ ตตฺถ สงฺขารานํ สมฺมสนวเสน ปชานนฺตสฺส. อนฺเตติ ยถาวุตฺตาย นิโรธปฏิปตฺติยา ปริโยสาเน. ทุติยวิกปฺเป สมฺปชานนฺตสฺสาติ สมฺปชานการิโนติ อตฺโถ, เตน นิโรธสมาปชฺชนกสฺส ¶ ภิกฺขุโน อาทิโต ปฏฺาย สพฺพปาฏิหาริกปฺาย สทฺธึ อตฺถสาธิกา ปฺา กิจฺจโต ทสฺสิตา โหติ, เตนาห ‘‘ปณฺฑิตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ.
สพฺพากาเรนาติ ‘‘สมาปตฺติยา สรูปวิเสโส, สมาปชฺชนโก, สมาปชฺชนสฺส านํ, การณํ, สมาปชฺชนากาโร’’ติ เอวมาทิ สพฺพปฺปกาเรน. ตตฺถาติ วิสุทฺธิมคฺเค. (วิสุทฺธี. ๒.๘๖๗) กถิตโตวาติ กถิตฏฺานโต เอว คเหตพฺพา, น อิธ ตํ วทาม ปุนรุตฺติภาวโตติ อธิปฺปาโย.
เอวํ โข อหนฺติ เอตฺถ อาการตฺโถ เอวํ-สทฺโท อุคฺคหิตาการทสฺสนนฺติ กตฺวา. เอวํ โปฏฺปาทาติ เอตฺถ ปน สมฺปฏิจฺฉนตฺโถ, เตนาห ‘‘สุอุคฺคหิตํ ตยาติ อนุชานนฺโต’’ติ.
๔๑๕. สฺา ¶ ¶ อคฺคา เอตฺถาติ สฺาคฺคํ, อากิฺจฺายตนํ. อฏฺสุ สมาปตฺตีสุปิ สฺาคฺคํ อตฺถิ อุปลพฺภตีติ จินฺเตตฺวา. ‘‘ปุถู’’ติ ปาฬิยํ ลิงฺควิปลฺลาสํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘พหูนิปี’’ติ. ‘‘ยถา’’ติ อิมินา ปการวิเสโส กรณปฺปกาโร คหิโต, น ปการสามฺนฺติ อาห ‘‘เยน เยน กสิเณนา’’ติ, ปถวีกสิเณน กรณภูเตนา’’ติ จ. ฌานํ ตาว ยุตฺโต กรณภาโว สฺานิโรธผุสนสฺส สาธกตมภาวโต, กถํ กสิณานนฺติ? เตสมฺปิ โส ยุตฺโต เอว. ยทคฺเคน หิ ฌานานํ นิโรธผุสนสฺส สาธกตํ อภาโว, ตทคฺเคน กสิณานมฺปิ ตทวินาภาวโต. อเนกกรณาปิ กิริยา โหติเยว ยถา ‘‘อสฺเสน ยาเนน ทีปิกาย คจฺฉตี’’ติ.
เอกวารนฺติ สกึ. ปุริมสฺานิโรธนฺติ กามสฺาทิปุริมสฺาย นิโรธํ, น นิโรธสมาปตฺติสฺิตํ สฺานิโรธํ. เอกํ สฺาคฺคนฺติ เอกํ สฺาภูตํ อคฺคํ เสฏฺนฺติ อตฺโถ เหฏฺิมสฺาย อุกฺกฏฺภาวโต. สฺา จ สา อคฺคฺจาติ สฺาคฺคํ, น สฺาสุ อคฺคนฺติ. ทฺเว วาเรติ ทฺวิกฺขตฺตุํ. เสสกสิเณสูติ กสิณานํเยว คหณํ นิโรธกถาย อธิกตตฺตา. ตโต เอว เจตฺถ ฌานคฺคหเณน กสิณชฺฌานานิ เอว คหิตานีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ปมชฺฌาเนน กรณภูเตนา’’ติ อารมฺมณํ อนามสิตฺวา วทติ ยถา ‘‘เยน เยน กสิเณนา’’ติ เอตฺถ ฌานํ อนามสิตฺวา ¶ วุตฺตํ. ‘‘อิตี’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สงฺคเหตฺวา นิคมนวเสน วทติ. สพฺพมฺปีติ สพฺพํ เอกวารํ สมาปนฺนฌานํ. สงฺคเหตฺวาติ สฺชานนลกฺขเณน ตํสภาวาวิเสสโต เอกชฺฌํ สงฺคเหตฺวา. อปราปรนฺติ ปุนปฺปุนํ.
๔๑๖. ฌานปทฏฺานํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน สฺาาณานิ ทสฺสิตานิ ปมนเย ¶ . ทุติยนเย ปน ยสฺมา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺเคน ฆเฏนฺตสฺส มคฺคาณํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา วิปสฺสนามคฺควเสน สฺาาณานิ ทสฺสิตานิ. ยสฺมา ปน ปมนโย โลกิยตฺตา โอฬาริโก, ทุติยนโย มิสฺสโก ตสฺมา ตทุภยํ อสมฺภาเวตฺวา อจฺจนฺตสุขุมํ สุภํ ถิรํ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรเมว ทสฺเสตุํ มคฺคผลวเสน สฺาาณานิ ทสฺสิตานิ ตติยนเย. ตโยเปเต นยา มคฺคโสธนวเสน ทสฺสิตา.
‘‘อยํ ปเนตฺถ สาโร’’ติ วิภาเวตุํ ติปิฏกมหาสิวตฺเถรวาโท อาภโต. นิโรธํ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺมึ กถิเต ตทนนฺตรํ สฺาาณุปฺปตฺตึ ปุจฺฉนฺโต อตฺถโต นิโรธโต วุฏฺานํ ปุจฺฉติ นาม, นิโรธโต จ วุฏฺานํ อรหตฺตผลุปฺปตฺติยา วา สิยา อนาคามิผลุปฺปตฺติยา วา, ตตฺถ สฺา ปธานา, ตทนนฺตรฺจ ปจฺจเวกฺขณาณนฺติ ตทุภยํ นิทฺธาเรนฺโต เถโร ‘‘กึ อิเม ภิกฺขู ภณนฺตี’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ ‘‘กึ อิเม ภิกฺขู ภณนฺตี’’ติ ตทา ทีฆนิกายตนฺตึ ปริวตฺตนฺเต อิมํ านํ ปตฺวา ยถาวุตฺเตน ปฏิปาฏิยา ตโย นเย กเถนฺเต ภิกฺขู สนฺธาย วทติ.
ยสฺส ยถา มคฺควีถิยํ มคฺคผลาเณสุ อุปฺปนฺเนสุ นิยมโต มคฺคผลปจฺจเวกฺขณาณานิ โหนฺติ, เอวํ ผลสมาปตฺติยํ ผลปจฺจเวกฺขณาณนฺติ อาห ‘‘ปจฺฉา ปจฺจเวกฺขณาณ’’นฺติ. ‘‘อิทํ อรหตฺตผล’’นฺติ อิทํ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส ปวตฺติอาการทสฺสนํ. ผลสมาธิสฺาปจฺจยาติ ผลสมาธิสหคตสฺาปจฺจยา. กิร-สทฺโท อนุสฺสรณตฺโถ. ยถาธิคตธมฺมานุสฺสรณปกฺขิยา หิ ปจฺจเวกฺขณา. สมาธิสีเสน เจตฺถ สพฺพํ อรหตฺตผลํ คหิตํ สหจรณาเยน, ตสฺมึ อสติ ปจฺจเวกฺขณาย อสมฺภโว เอวาติ อาห ‘‘อิทปฺปจฺจยา’’ติ.
สฺาอตฺตกถาวณฺณนา
๔๑๗. เทสนาย ¶ สณฺหภาเวน สารมฺภมกฺขิสฺสาทิมลวิโสธนโต ¶ สุตมยาณํ นฺหาปิตํ วิย, สุขุมภาเวน ตนุเลปนวิลิตฺตํ วิย, ติลกฺขณพฺภาหตตาย กุณฺฑลาทิอลงฺการวิภูสิตํ วิย จ โหติ, ตทนุปเสวโต าณสฺส จ ตถาภาโว ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส ตถาภาวาปตฺติ, นิโรธกถาย นิเวสนฺจสฺส สิริสยนปฺปเวสนสทิสนฺติ อาห ‘‘สณฺหสุขุม…เป… อาโรปิโตปี’’ติ. ตตฺถาติ ตสฺสํ นิโรธกถายํ. สุขํ อวินฺทนฺโต มนฺทพุทฺธิตาย อลภนฺโต. มลวิทูสิตตาย คูถฏฺานสทิสํ. อตฺตโน ลทฺธึ อตฺตทิฏฺึ. อนุมตึ คเหตฺวาติ อนฺุํ คเหตฺวา ‘‘เอทิโส เม อตฺตา’’ติ อนุชานาเปตฺวา, อตฺตโน ลทฺธิยํ ปติฏฺเปตฺวาติ อตฺโถ. กํ ปนาติ โอฬาริโก, มโนมโย, อรูปีติ ติณฺณํ อตฺตวาทานํ วเสน ติวิเธสุ กตมนฺติ อตฺโถ. ปริหรนฺโตติ วิทฺธํสนโต ปริหรนฺโต, นิคูหนฺโตติ อธิปฺปาโย. ยสฺมา จตุสนฺตติรูปปฺปพนฺธํ เอกตฺตวเสน คเหตฺวา รูปีภาวโต ‘‘โอฬาริโก อตฺตา’’ติ ปจฺเจติ อตฺตวาที, อนฺนปาโนปธานตฺจสฺส ปริกปฺเปตฺวา ‘‘สสฺสโต’’ติ มฺติ, รูปีภาวโต เอว จ สฺาย อฺตฺตํ ายาคตเมว, ยํ เวทวาทิโน ‘‘อนฺนมโย, ปานมโย’’ติ จ ทฺวิธา โวหรนฺติ, ตสฺมา ปริพฺพาชโก ตํ สนฺธายา ‘‘โอฬาริกํ โข’’ติ อาห.
ตตฺถ ยทิ อตฺตา รูปี, น สฺี, สฺาย อรูปภาวตฺตา, รูปธมฺมานฺจ อสฺชานนสภาวตฺตา, รูปี จ สมาโน ยทิ ตว มเตน นิจฺโจ, สฺา อปราปรํ ปวตฺตนโต ตตฺถ ตตฺถ ภิชฺชตีติ เภทสพฺภาวโต อนิจฺจา, เอวมฺปิ ‘‘อฺา สฺา, อฺโ อตฺตา’’ติ ¶ สฺาย อภาวโต อเจตโนติ น กมฺมสฺส การโก, ผลสฺส จ น อุปภฺุชโกติ อาปนฺนเมว, เตนาห ‘‘โอฬาริโก จ หิ เต’’ติอาทิ. ปจฺจาคจฺฉโตติ ปจฺจาคจฺฉนฺตสฺส ¶ , ชานโตติ อตฺโถ. ‘‘อฺา จ สฺา อุปฺปชฺชนฺติ, อฺา จ สฺา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อุปฺปาทปุพฺพโก นิโรโธ, น จ อุปฺปนฺนํ อนิรุชฺฌกํ นาม อตฺถีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘จตุนฺนฺจ ขนฺธาน’’นฺติอาทิ.
๔๑๘-๔๒๐. มโนมยนฺติ ¶ ฌานมนโส วเสน มโนมยํ. โย หิ พาหิรปจฺจยนิรเปกฺโข, โส มนสาว นิพฺพตฺโตติ มโนมโย. รูปโลเก นิพฺพตฺตสรีรํ สนฺธาย วทติ, ยํ เวทวาทิโน อานนฺทมโย, วิฺาณมโยติ จ ทฺวิธา โวหรนฺติ. ตตฺราปีติ ‘‘มโนมโย อตฺตา’’ติ อิมสฺมิมฺปิ ปกฺเข. โทเส ทินฺเนติ ‘‘อฺาว สฺา ภวิสฺสตี’’ติอาทินา โทเส ทินฺเน. อิธาปิ ปุริมวาเท วุตฺตนเยเนว โทสทสฺสนํ เวทิตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ยทิ อตฺตา มโนมโย, สพฺพงฺคปจฺจงฺคี, อหีนินฺทฺริโย จ ภเวยฺย, เอวํ สติ ‘‘รูปํ อตฺตา สิยา, น จ สฺี’’ติ ปุพฺเพ วิย วตฺตพฺพํ. เตนาห – ‘‘มโนมโย จ หิ เต’’ติอาทิ. กสฺมา ปนายํ ปริพฺพาชโก ปมํ โอฬาริกํ อตฺตานํ ปฏิชานิตฺวา ตํ ลทฺธึ วิสฺสชฺเชตฺวา ปุน มโนมยํ อตฺตานํ ปฏิชานาติ, ตฺจ วิสฺสชฺเชตฺวา อรูปึ อตฺตานํ ปฏิชานาตีติ? กามฺเจตฺถ การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว, ตถาปิ อิเม ติตฺถิยา นาม อนวฏฺิตจิตฺตา ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุโก วิย จฺจลาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา นาม อุมฺมตฺตโก’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สฺายาติ ปกติสฺาย. อุปฺปาทนิโรธํ อิจฺฉติ อปราปรํ ปวตฺตาย สฺาย อุทยวยทสฺสนโต. ตถาปิ ‘‘สฺา สฺา’’ติ ปวตฺตสมฺํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตสฺส จ อวิจฺเฉทํ ปริกปฺเปนฺโต สสฺสตํ มฺติ, เตนาห ‘‘อตฺตานํ ปน สสฺสตํ มฺตี’’ติ.
ตเถวาติ ยถา ‘‘รูปี อตฺตา’’ติ, ‘‘มโนมโย อตฺตา’’ติ จ วาททฺวเย สฺาย อตฺตโต อฺตา, ตถา จสฺส อเจตนตาทิโทสปฺปสงฺโค ทุนฺนิวาโร ¶ , ตเถว อิมสฺมึ วาเท โทโส. เตนาห ‘‘ตเถวสฺส โทสํ ทสฺเสนฺโต’’ติ. มิจฺฉาทสฺสเนนาติ อตฺตทิฏฺิสงฺขาเตน มิจฺฉาภินิเวเสน. อภิภูตตฺตาติ อนาทิกาลภาวิตภาเวน อชฺโฌตฺถฏตฺตา นิวาริตาณจารตฺตา. ตํ นานตฺตํ อชานนฺโตติ เยน สนฺตติฆเนน, สมูหฆเนน จ วฺจิโต พาโล ปพนฺธวเสน ปวตฺตมานํ ธมฺมสมูหํ มิจฺฉาคาหวเสน ‘‘อตฺตา’’ติ, ‘‘นิจฺโจ’’ติ จ อภินิวิสฺส โวหรติ, ตํ เอกตฺตสฺิตํ ฆนคฺคหณํ วินิภุชฺช ยาถาวโต ชานนํ ฆนวินิพฺโภโค, สพฺเพน สพฺพํ ติตฺถิยานํ โส นตฺถีติ อยมฺปิ ปริพฺพาชโก ตาทิสสฺส าณสฺส ปริปากสฺส อภาวโต วุจฺจมานมฺปิ ¶ นาฺาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ภควตา วุจฺจมานมฺปิ ตํ นานตฺตํ อชานนฺโต’’ติ. สฺา นามายํ นานารมฺมณา นานากฺขเณ อุปฺปชฺชติ, เวติ จาติ สฺาย ¶ อุปฺปาทนิโรธํ ปสฺสนฺโตปิ สฺามยํ สฺาภูตํ อตฺตานํ ปริกปฺเปตฺวา ยถาวุตฺตฆนวินิพฺโภคาภาวโต นิจฺจเมว กตฺวา มฺติ ทิฏฺิมฺนาย. ตถาภูตสฺส จ ตสฺส สณฺหสุขุมปรมคมฺภีรธมฺมตา น ายเตวาติ วุตฺตํ ‘‘ทุชฺชานํ โข’’ติอาทิ.
ทิฏฺิอาทีสุ ‘‘เอวเมต’’นฺติ ทสฺสนํ อภินิวิสนํ ทิฏฺิ. ตสฺสา เอว ปุพฺพภาคภูตํ ‘‘เอวเมต’’นฺติ นิชฺฌานวเสน ขมนํ ขนฺติ. ตถา โรจนํ รุจิ. ‘‘อฺถา’’ติอาทิ เตสํ ทิฏฺิอาทีนํ วิภชิตฺวา ทสฺสนํ. ตตฺถ อฺถาติ ยถา อริยวินเย อนฺตทฺวยํ อนุปคฺคมฺม มชฺฌิมา ปฏิปทาวเสน ทสฺสนํ โหติ, ตโต อฺถาเยว. อฺเทวาติ ยํ ปรมตฺถโต วิชฺชติ ขนฺธายตนาทิ, ตสฺส จ อนิจฺจตาทิ, ตโต อฺเทว ปรมตฺถโต อวิชฺชมานํ อตฺตานํ สสฺสตาทิ เต ขมติ เจว รุจฺจติ จ. อายฺุชนํ อนุยฺุชนํ อาโยโค, เตนาห ‘‘ยุตฺตปยุตฺตตา’’ติ. ปฏิปตฺติยาติ ปรมตฺตจินฺตนาทิปริพฺพาชกปฏิปตฺติยา ¶ . ทุชฺชานเมตํ ธมฺมตํ ตฺวํ ‘‘อยํ ปรมตฺโถ, อยํ สมฺมุตี’’ติ อิมสฺส วิภาคสฺส ทุพฺพิภาคตฺตา. ‘‘ยทิ เอตํ ทุชฺชานํ, ตํ ตาว ติฏฺตุ, อิมํ ปนตฺถํ ภควนฺตํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ยถา ปฏิปชฺชิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ ปริพฺพาชโก’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฺโ วา สฺโตติ สฺาสภาวโต อฺโ สภาโว วา อตฺตา โหตูติ อตฺโถ. อสฺสาติ อตฺตโน.
โลกียติ ทิสฺสติ เอตฺถ ปฺุปาปํ, ตพฺพิปาโก จาติ โลโก, อตฺตา. โส หิสฺส การโก, เวทโก จาติ อิจฺฉิโต. ทิฏฺิคตนฺติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๓๑; อุทา. ๕๕) นยปฺปวตฺตํ ทิฏฺิคตํ. น เหส ทิฏฺาภินิเวโส ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถนิสฺสิโต ตทสํวตฺตนโต. โย หิ ตทาวโห, โส ตํนิสฺสิโตติ วตฺตพฺพตํ ลเภยฺย ยถา ตํ ปฺุาณสมฺภาโร. เอเตเนว ตสฺส น ธมฺมนิสฺสิตตาปิ สํวณฺณิตา ทฏฺพฺพา. อาทิพฺรหฺมจริยสฺสาติ อาทิพฺรหฺมจริยํ, ตเทว อาทิพฺรหฺมจริยกํ ยถา ‘‘วินโย เอว เวนยิโก’’ติ, (ปารา. อฏฺ. ๒๑) เตนาห ‘‘สิกฺขตฺตยสงฺขาตสฺสา’’ติอาทิ. ทิฏฺาภินิเวสสฺส สํสารวฏฺเฏ นิพฺพิทาวิราคนิโรธุปสมาสํวตฺตนํ วฏฺฏนฺโตคธตฺตา, ตสฺส วฏฺฏสมฺพนฺธนโต จ. ตถา อภิฺาสมฺโพธนิพฺพานาสํวตฺตนฺจ ¶ ทฏฺพฺพํ. อภิชานนายาติ าตปริฺาวเสน อภิชานนตฺถาย. สมฺพุชฺฌนตฺถายาติ ตีรณปหานปริฺาวเสน สมฺโพธนตฺถายาติ วทนฺติ. อภิชานนายาติ อภิฺาปฺาวเสน ชานนาย, ตํ ปน วฏฺฏสฺส ปจฺจกฺขกรณเมว ¶ ¶ โหตีติ อาห ‘‘ปจฺจกฺขกิริยายา’’ติ. สมฺพุชฺฌนตฺถายาติ ปริฺาภิสมยวเสน ปฏิเวธาย.
กามํ ตณฺหาปิ ทุกฺขสภาวา, ตสฺสา ปน สมุทยภาเวน วิสุํ คหิตตฺตา ‘‘ตณฺหํ เปตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ปภาวนโต อุปฺปาทนโต. ทุกฺขํ ปภาเวนฺตีปิ ตณฺหา อวิชฺชาทิปจฺจยนฺตรสหิตา เอว ปภาเวติ, น เกวลาติ อาห ‘‘สปฺปจฺจยา’’ติ. อุภินฺนํ อปฺปวตฺตีติ อุภินฺนํ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ, นปฺปวตฺตนฺติ เอตฺถ ทุกฺขสมุทยา เอตสฺมึ วา อธิคเตติ อปฺปวตฺติ. ทุกฺขนิโรธํ นิพฺพานํ คจฺฉติ อธิคจฺฉติ, ตทตฺถํ ปฏิปทา จาติ ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทา. มคฺคปาตุภาโวติ อคฺคมคฺคสมุปฺปาโท. ผลสจฺฉิกิริยาติ อเสกฺขผลาธิคโม. อาการนฺติ ตํ คมนลิงฺคํ.
๔๒๑. สมนฺตโต นิคฺคณฺหนวเสน โตทนํ วิชฺฌนํ สนฺนิโตทกํ, วาจายาติ จ ปจฺจตฺเต กรณวจนนฺติ อาห ‘‘วจนปโตเทนา’’ติ. สชฺฌพฺภริตนฺติ สมนฺตโต ภุสํ อริตํ อกํสูติ สตมตฺเตหิ ตุตฺตเกหิ วิย ตึสสตมตฺตา ปริพฺพาชกา วาจาปโตทเนหิ ตุทึสุ สภาวโต วิชฺชมานนฺติ ปรมตฺถสภาวโต อุปลพฺภมานํ, นปกติอาทิ วิย อนุปลพฺภมานํ. ตจฺฉนฺติ สจฺจํ. ตถนฺติ อวิปรีตํ โลกุตฺตรธมฺเมสูติ วิสเย ภุมฺมํ เต ธมฺเม วิสยํ กตฺวา. ิตสภาวนฺติ อวฏฺิตสภาวํ, ตทุปฺปาทกนฺติ อตฺโถ. โลกุตฺตรธมฺมนิยามตนฺติ โลกุตฺตรธมฺมสมฺปาปนนิยาเมน นิยตํ, เตนาห ‘‘พุทฺธานฺหี’’ติอาทิ. เอทิสาติ ‘‘ธมฺมฏฺิตต’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปการา.
จิตฺตหตฺถิสาริปุตฺตโปฏฺปาทวตฺถุวณฺณนา
๔๒๒. สุขุเมสุ อตฺถนฺตเรสูติ ขนฺธายตนาทีสุ สุขุมาณโคจเรสุ ¶ ธมฺเมสุ. กุสโลติ ปุพฺเพ พุทฺธสาสเน กตปริจยตาย เฉโก อโหสิ. คิหิภาเว อานิสํสกถายกถิตตฺตา สีลวนฺตสฺส ¶ ภิกฺขุโน ตถา กถเนน วิพฺภมเน นิโยชิตตฺตา อิทานิ สยมฺปิ สีลวา เอว หุตฺวา ฉ วาเร (ธ. ป. อฏฺ. ๓๗; ชา. อฏฺ. ๑.๑.๖๙) วิพฺภมิ. กมฺมสริกฺขเกน หิ ผเลน ภวิตพฺพํ. มหาสาวกสฺส กถิเตติ มหาสาวกสฺส มหาโกฏฺิกตฺเถรสฺส อปสาทนกถิตนิมิตฺตํ. ปติฏฺาตุํ อสกฺโกนฺโตติ สาสเน ปติฏฺํ ลทฺธุํ อสกฺโกนฺโต.
๔๒๓. ปฺาจกฺขุโน นตฺถิตายาติ สุวุตฺตทุรุตฺตสมวิสมทสฺสนสมตฺถปฺาจกฺขุโน อภาเวน ¶ . จกฺขุมาติ เอตฺถ ยาทิเสน จกฺขุนา ปุริโส ‘‘จกฺขุมา’’ติ วุตฺโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุภาสิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกโกฏฺาสาติ เอกนฺติกา, นิพฺพานาวหภาเวน นิจฺฉิตาติ อธิปฺปาโย. ปิตาติ ววตฺถาปิตา. น เอกโกฏฺาสา น เอกนฺติกา, น นิพฺพานาวหภาเวน นิจฺฉิตา วฏฺฏนฺโตคธภาวโตติ อธิปฺปาโย.
เอกํสิกธมฺมวณฺณนา
๔๒๕. ‘‘กสฺมา อารภี’’ติ การณํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อนิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถ’’นฺติ ปโยชนํ วิสฺสชฺชิตํ. สติ หิ ผลสิทฺธิยํ เหตุสิทฺโธเยว โหตีติ. ปฺาปิตนิฏฺายาติ ปเวทิตวิมุตฺติมคฺคสฺส, วฏฺฏทุกฺขปริโยสานํ คจฺฉติ เอตายาติ ‘‘นิฏฺา’’ติ วิมุตฺติ วุตฺตา. นิฏฺามคฺโค หิ อิธ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘นิฏฺา’’ติ วุตฺโต. ตสฺส หิ อนิยฺยานิกตา, นิยฺยานิกตา จ วุจฺจติ, น นิฏฺาย. นิยฺยานํ วา นิคฺคมนํ นิสฺสรณํ, วฏฺฏทุกฺขสฺส วุปสโมติ อตฺโถ. นิยฺยานเมว นิยฺยานิกํ, น นิยฺยานิกํ อนิยฺยานิกํ, โส เอว ภาโว อนิยฺยานิกภาโว, ตสฺส ทสฺสนตฺถนฺติ โยเชตพฺพํ. ‘‘เอว’’นฺติ ‘‘นิพฺพานํ นิพฺพาน’’นฺติ วจนมตฺตสามฺํ คเหตฺวา วทติ, น ปน ปรมตฺถโต เตสํ สมเย นิพฺพานปฺาปนสฺส ลพฺภนโต, เตน วุตฺตํ ‘‘สา จ น นิยฺยานิกา’’ติอาทิ. โลกถูปิกาทิวเสนาติ ¶ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ‘‘อฺโ ปุริโส, อฺา ปกตี’’ติ ปกติปุริสนฺตราวโพโธ โมกฺโข, พุทฺธิอาทิคุณวินิมุตฺตสฺส อตฺตโน สกตฺตนิ อวฏฺานํ โมกฺโข, กายปวตฺติคติชาติพนฺธานํ อปฺปมชฺชนวเสน อปฺปวตฺโต โมกฺโข, ยฺเหิ ชุเตน ปเรน ปุริเสน สโลกตา โมกฺโข, สมีปตา โมกฺโข, สหโยโค โมกฺโขติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ยถาปฺตฺตาติ ปฺตฺตปฺปการา หุตฺวา น นิยฺยาติ, เยนากาเรน ¶ ‘‘นิฏฺา ปาปุณียตี’’ติ เตหิ ปเวทิตา, เตนากาเรน ตสฺสา อปฺปตฺตพฺพโต น นิยฺยาติ. ปณฺฑิเตหิ ปฏิกฺขิตฺตาติ ‘‘นายํ นิฏฺา ปฏิปทา วฏฺฏสฺส อนติกฺกมนโต’’ติ พุทฺธาทีหิ ปณฺฑิเตหิ ปฏิกฺขิตฺตา. นิวตฺตตีติ ปฏิกฺเขปสฺส การณวจนํ, ตสฺมา เตหิ ปฺตฺตา นิฏฺา ปฏิปทา น นิยฺยาติ, อฺทตฺถุ ตํสมงฺคินํ ปุคฺคลํ สํสาเร เอว ปริพฺภมาเปนฺตี นิวตฺตติ.
ปธานํ ชานนํ นาม ปจฺจกฺขโต ชานนํ ตสฺส ปมาณเชฏฺภาวโต, อิตรสฺส สํสยานุพทฺธตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘ชานํ ปสฺส’’นฺติ. เตเนตฺถ ทสฺสเนน ชานนํ วิเสเสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตุมฺหากํ เอกนฺตสุเข โลเก ปจฺจกฺขโต าณทสฺสนํ อตฺถีติ. ชานนฺติ วา ตสฺส โลกสฺส ¶ อนุมานวิสยตํ ปุจฺฉติ, ปสฺสนฺติ ปจฺจกฺขโต โคจรตํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – อปิ ตุมฺหากํ โลโก ปจฺจกฺขโต าโต, อุทาหุ อนุมานโตติ.
ยสฺมา โลเก ปจฺจกฺขภูโต อตฺโถ อินฺทฺริยโคจรภาเวน ปากโฏ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺปุพฺพานี’’ติอาทิ. ทิฏฺปุพฺพานีติ ทิฏฺวา, ทสฺสนภูเตน, ตทนุคเตน จ าเณน คหิตปุพฺพานีติ อตฺโถ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สรีรสณฺานาทีนี’’ติ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ. ‘‘อปฺปาฏิหีรก ต’’นฺติ ¶ อนุนาสิกโลปํ กตฺวา นิทฺเทโสติ อาห ‘‘อปฺปาฏิหีรกํ ต’’นฺติ ‘‘อปฺปาฏิหีรํ กต’’นฺติ เอวเมตฺถ วณฺเณนฺติ. ปฏิปกฺขหรณโต ปฏิหาริยํ, ตเทว ปาฏิหาริยํ, อุตฺตรวิรหิตํ วจนํ. ปาฏิหาริยเมเวตฺถ ‘‘ปาฏิหีรก’’นฺติ วา วุตฺตํ. น ปาฏิหีรกํ อปฺปาฏิหีรกํ ปเรหิ วุจฺจมานอุตฺตเรหิ สอุตฺตรตฺตา, เตนาห ‘‘ปฏิหรณวิรหิต’’นฺติ. สอุตฺตรฺหิ วจนํ เตน อุตฺตเรน ปฏิหารียติ อติวิปริวตฺตียติ. ตโต เอว นิยฺยานสฺส ปฏิหรณมคฺคสฺส อภาวโต ‘‘อนิยฺยานิก’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติ.
๔๒๖. วิลาโส ลีฬา. อากปฺโป เกสพนฺธวตฺถคฺคหณํ อาทิอาการวิเสโส, เวสสํวิธานํ วา. อาทิ-สทฺเทน ภาวาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘ภาโว’’ติ จ จาตุริยํ เวทิตพฺพํ.
ตโยอตฺตปฏิลาภวณฺณนา
๔๒๘. อาหิโต อหํ มาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโวติ อาห ‘‘อตฺตปฏิลาโภติ อตฺตภาวปฏิลาโภ’’ติ. กามภวํ ทสฺเสติ ตสฺส อิตรทฺวยตฺตภาวโต โอฬาริกตฺตา. รูปภวํ ทสฺเสติ ¶ ฌานมเนน นิพฺพตฺตํ หุตฺวา รูปีภาเวน อุปลพฺภนโต. สํกิเลสิกา ธมฺมา นาม ทฺวาทส อกุสลจิตฺตุปฺปาทา ตทภาเว กสฺสจิ สํกิเลสสฺสาปิ อสมฺภวโต. โวทานิยา ธมฺมา นาม สมถวิปสฺสนา ตาสํ วเสน สพฺพโส จิตฺตโวทานสฺส สิชฺฌนโต.
๔๒๙. ปฏิปกฺขธมฺมานํ อสมุจฺเฉเท ปน น กทาจิปิ อนวชฺชธมฺมานํ ปาริปูรี, เวปุลฺลํ วา สมฺภวติ, สมุจฺเฉเท ปน สติ เอว สมฺภวตีติ มคฺคปฺาผลปฺา-คฺคหณํ. ตา หิ สกึ ปริปุณฺณา ปริปุณฺณา เอว อปริหานธมฺมตฺตา. ตรุณปีตีติ อุปฺปนฺนมตฺตา อลทฺธาเสวนา ทุพฺพลา ปีติ. พลวตุฏฺีติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติยา ลทฺธาเสวนา ¶ อุปริวิเสสาธิคมสฺส ปจฺจยภูตา ถิรตรา ปีติ. ‘‘ยํ อโวจุมฺหา’’ติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ ¶ – ยํ โวหารํ ‘‘สํกิเลสิกโวทานิยธมฺมานํ ปหานาภิวุทฺธินิฏฺํ ปฺาย ปาริปูริเวปุลฺลภูตํ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อปรปฺปจฺจเยน าเณน ปจฺจกฺขโต สมฺปาเทตฺวา วิหริสฺสตี’’ติ กถยิมฺห. ตตฺถ ตสฺมึ วิหาเร ตสฺส มม โอวาทกรสฺส ภิกฺขุโน เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน วิหรณนิมิตฺตํ ปโมทปฺปภาวิตา ปีติ จ ภวิสฺสติ, ตสฺสา จ ปจฺจยภูตํ ปสฺสทฺธิทฺวยํ สมฺมเทว อุปฏฺิตา สติ จ อุกฺกํสคตํ าณฺจ ตถาภูโต จ โส วิหาโร. สนฺตปณีตตาย อตปฺปโก อนฺสาธารโณ สุขวิหาโรติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ.
ปมชฺฌาเน ปฏิลทฺธมตฺเต หีนภาวโต ปีติ ทุพฺพลา ปาโมชฺชปกฺขิกา, สุวิภาวิเต ปน ตสฺมึ ปคุเณ สา ปณีตา พลวภาวโต ปริปุณฺณกิจฺจา ปีตีติ วุตฺตํ ‘‘ปมชฺฌาเน ปาโมชฺชาทโย ฉปิ ธมฺมา ลพฺภนฺตี’’ติ. ‘‘สุโข วิหาโร’’ติ อิมินา สมาธิ คหิโต. สุขํ คหิตนฺติ อปเร, เตสํ มเตน สนฺตสุขตาย อุเปกฺขา จตุตฺถชฺฌาเน ‘‘สุข’’นฺติ อิจฺฉิตา, เตนาห ‘‘ตถา จตุตฺเถ’’ติอาทิ. ปาโมชฺชํ นิวตฺตตีติ ทุพฺพลปีติสงฺขาตํ ปาโมชฺชํ ฉสุ ธมฺเมสุ นิวตฺตติ หายติ. วิตกฺกวิจารกฺโขภวิรเหน ทุติยชฺฌาเน สพฺพทา ปีติ พลวตี เอว โหติ, น ปมชฺฌาเน วิย กทาจิ ทุพฺพลา. สุทฺธวิปสฺสนา ปาทกชฺฌานเมวาติ อุปริ มคฺคํ อกเถตฺวา เกวลํ วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ กถิตํ. จตูหิ มคฺเคหิ สทฺธึ วิปสฺสนา กถิตาติ วิปสฺสนาย ¶ ปาทกภาเวน ฌานานิ กเถตฺวา ตโต ปรํ วิปสฺสนาปุพฺพกา จตฺตาโรปิ มคฺคา กถิตาติ อตฺโถ. จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติ กถิตาติ ปมชฺฌานิกาทิกา ผลสมาปตฺติโย อกเถตฺวา จตุตฺถชฺฌานิกา เอว ผลสมาปตฺติ ¶ กถิตา. ปีติเววจนเมว กตฺวาติ ทฺวินฺนํ ปีตีนํ เอกสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท อนุปฺปชฺชนโต ปาโมชฺชํ ปีติเววจนเมว กตฺวา. ปีติสุขานํ อปริจฺจตฺตตฺตา, ‘‘สุโข จ วิหาโร’’ติ สาติสยสฺส สุขวิหารสฺส คหิตตฺตา จ ทุติยชฺฌานิกผลสมาปตฺติ นาม กถิตา. กามํ ปมชฺฌาเนปิ ปีติสุขานิ ลพฺภนฺติ, ตานิ ปน วิตกฺกวิจารกฺโขเภน น สนฺตปณีตานิ, สนฺตปณีตานิ จ อิธาธิปฺเปตานิ.
๔๓๒-๔๓๗. วิภาวนตฺโถติ ปกาสนตฺโถ สรูปโต นิรูปนตฺโถ, เตนาห ‘‘อยํ โส’’ติอาทิ. นนฺติ โอฬาริกํ อตฺตปฏิลาภํ. สปฺปฏิหรณนฺติ ปเรน โจทิตวจเนน สปริหารํ สอุตฺตรํ. ตุจฺโฉติ มุสา อภูโต. สฺเววาติ โส เอว อตฺตปฏิลาโภ. ตสฺมึ สมเย โหตีติ ตสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺนสมเย วิชฺชมาโน โหติ. อตฺตปฏิลาโภตฺเวว นิยฺยาเตสิ, น นํ สรูปโต นีหริตฺวา ทสฺเสสิ. รูปาทโย เจตฺถ ธมฺมาติ รูปเวทนาทโย เอว เอตฺถ โลเก สภาวธมฺมา. อตฺตปฏิลาโภติ ปน เต รูปาทิเก ปฺจกฺขนฺเธ อุปาทาย ปฺตฺติ, เตนาห ‘‘นามมตฺตเมต’’นฺติ. นามปณฺณตฺติวเสนาติ นามภูตปฺตฺติมตฺตตาวเสน.
๔๓๘. เอวฺจ ¶ ปน วตฺวาติ ‘‘อตฺตปฏิลาโภติ รูปาทิเก อุปาทาย ปฺตฺติมตฺต’’นฺติ อิมมตฺถํ ‘‘ยสฺมึ จิตฺต สมเย’’ติอาทินา วตฺวา. ปฏิปุจฺฉิตฺวา วินยนตฺถนฺติ ยถา ปเร ปุจฺเฉยฺยุํ, เตนากาเรน ¶ กาลวิภาคโต ปฏิปทานิ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺส อตฺถสฺส าปนวเสน วินยนตฺถํ. ตสฺมึ สมเย สจฺโจ อโหสีติ ตสฺมึ อตีตสมเย อุปาทานสฺส วิชฺชมานตาย สจฺจภูโต วิชฺชมาโน วิย วตฺตพฺโพ อโหสิ, น ปน อนาคโต อิทานิ ปจฺจุปฺปนฺโน วา อตฺตปฏิลาโภ ตทุปาทานสฺส ตทา อวิชฺชมานตฺตา. เย เต อตีตา ธมฺมา อตีตสมเย อตีตตฺตปฏิลาภสฺส อุปาทานภูตา รูปาทโย. เต เอตรหิ นตฺถิ นิรุทฺธตฺตา. ตโต เอว อเหสุนฺติ สงฺขฺยํ คตา. ตสฺมาติ ตสฺมึเยว สมเย ลพฺภนโต. โสปิ ตทุปาทาโน ¶ เม อตฺตปฏิลาโภ ตสฺมึเยว อตีตสมเย สจฺโจ ภูโต วิชฺชมาโน วิย อโหสิ. อนาคตปจฺจุปฺปนฺนานนฺติ อนาคตานฺเจว ปจฺจุปฺปนฺนานฺจ รูปธมฺมานํ อุปาทานภูตานํ ตทา ตสฺมึ อตีตสมเย อภาวา ตทุปาทาโน อนาคโต ปจฺจุปฺปนฺโน จ อตฺตปฏิลาโภ ตสฺมึ อตีตสมเย โมโฆ ตุจฺโฉ มุสา นตฺถีติ อตฺโถ. นามมตฺตเมวาติ สมฺามตฺตเมว. อตฺตปฏิลาภํ ปฏิชานาติ ปรมตฺถโต อนุปลพฺภมานตฺตา.
‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา เย เต อนาคตา ธมฺมา, เต เอตรหิ นตฺถิ, ‘‘ภวิสฺสนฺตี’’ติ ปน สงฺขฺยํ คมิสฺสนฺติ, ตสฺมา โสปิ เม อตฺตปฏิลาโภ ตสฺมึเยว สมเย สจฺโจ ภวิสฺสติ. อตีตปจฺจุปฺปนฺนานํ ปน ธมฺมานํ ตทา อภาวา ตสฺมึ สมเย โมโฆ อตีโต โมโฆ ปจฺจุปฺปนฺโน. เย อิเม ปจฺจุปฺปนฺนา ธมฺมา, เต เอตรหิ อตฺถิ, ตสฺมา โยยํ เม อตฺตปฏิลาโภ, โส อิทานิ สจฺโจ. อตีตานาคตานํ ปน ธมฺมานํ อิทานิ อภาวา ตสฺมึ สมเย โมโฆ อตีโต โมโฆ อนาคโตติ เอวํ อตฺถโต นามมตฺตเมว อตฺตปฏิลาภํ ปฏิชานาตีติ อิมมตฺถํ อติทิสติ.
๔๓๙-๔๔๓. สํสนฺทิตุนฺติ สมาเนตุํ. ยสฺมึ สมเย ขีรํ โหตีติ ยสฺมึ กาเล ภูตุปาทายสฺิตํ ¶ อุปาทานวิเสสํ อุปาทาย ขีรปฺตฺติ โหติ. น ตสฺมึ…เป… คจฺฉติ ขีรปฺตฺติอุปาทานสฺส ทธิอาทิปฺตฺติยา อนุปาทานโต. ปฏินิยตวตฺถุกา หิ เอกา โลกสมฺา, เตนาห ‘‘เย ธมฺเม อุปาทายา’’ติอาทิ. ตตฺถ สงฺขายติ เอตายาติ สงฺขา, ปฺตฺติ. นิทฺธาเรตฺวา วจนฺติ วทนฺติ เอตายาติ นิรุตฺติ. นมนฺติ เอเตนาติ นามํ. โวหรนฺติ เอเตนาติ โวหาโร, ปฺตฺติเยว. เอส นโย สพฺพตฺถาติ ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติอาทินา ขีเร วุตฺตนยํ ทธิอาทีสุ อติทิสติ.
สมนุชานนมตฺตกานีติ ‘‘อิทํ ขีรํ, อิทํ ทธี’’ติอาทินา ตาทิเส ภูตุปาทายรูปวิเสเส โลเก ¶ ปรมฺปราภตํ ปฺตฺตึ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา สมนุชานนํ วิย ปจฺจยวิเสสวิสิฏฺํ รูปาทิขนฺธสมูหํ อุปาทาย ‘‘โอฬาริโก อตฺตปฏิลาโภ’’ติ จ ‘‘มโนมโย อตฺตปฏิลาโภ’’ติ จ ‘‘อรูโป ¶ อตฺตปฏิลาโภ’’ติ จ ตถา ตถา สมนุชานนมตฺตกานิ, น จ ตพฺพินิมุตฺโต อุปาทานโต อฺโ โกจิ อตฺโถ อตฺถีติ อตฺโถ. นิรุตฺติมตฺตกานีติ สทฺทนิรุตฺติยา คหณูปายมตฺตกานิ. ‘‘สตฺโต ผสฺโสติ หิ สทฺทคฺคหณุตฺตรกาลํ ตทนุวิทฺธปณฺณตฺติคฺคหณมุเขเนว ตทตฺถาวโพโธ. วจนปถมตฺตกานีติ ตสฺเสว เววจนํ. โวหารมตฺตกานีติ ตถา ตถา โวหารมตฺตกานิ. นามปณฺณตฺติมตฺตกานีติ ตสฺเสว เววจนํ, ตํตํนามปฺาปนมตฺตกานิ. สพฺพเมตนฺติ ‘‘อตฺตปฏิลาโภ’’ติ วา ‘‘สตฺโต’’ติ วา ‘‘โปโส’’ติ วา สพฺพเมตํ โวหารมตฺตกํ ปรมตฺถโต อนุปลพฺภนโต, เตนาห ‘‘ยสฺมา ปรมตฺถโต สตฺโต นาม นตฺถี’’ติอาทิ.
ยทิ เอวํ กสฺมา ตํ พุทฺเธหิปิ วุจฺจตีติ อาห ‘‘พุทฺธานํ ปน ทฺเว กถา’’ติอาทิ. สมฺมุติยา โวหารสฺส กถนํ สมฺมุติกถา. ปรมตฺถสฺส สภาวธมฺมสฺส กถนํ ปรมตฺถกถา. อนิจฺจาทิกถาปิ ปรมตฺถสนฺนิสฺสิตกถา ปรมตฺถกถาติ กตฺวา ปรมตฺถกถา. ปรมตฺถธมฺโม หิ ‘‘อนิจฺโจ, ทุกฺโข, อนตฺตา’’ติ จ วุจฺจติ ¶ , น สมฺมุติธมฺโม. กสฺมา ปเนวํ ทุวิธา พุทฺธานํ กถาปวตฺตีติ ตตฺถ การณมาห ‘‘ตตฺถ โย’’ติอาทินา. ยสฺมา ปรมตฺถกถาย สจฺจสมฺปฏิเวโธ, อริยสจฺจกถา จ สิขาปฺปตฺตา เทสนา, ตสฺมา วิเนยฺยปุคฺคลวเสน สมฺมุติกถํ กเถนฺโตปิ ภควา ปรมตฺถกถํเยว กเถตีติ อาห ‘‘ตสฺส ภควา อาทิโตว…เป… กเถตี’’ติ, เตนาห ‘‘ตถา’’ติอาทิ, เตนสฺส กตฺถจิ สมฺมุติกถาปุพฺพิกา ปรมตฺถกถา โหติ ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน, กตฺถจิ ปรมตฺถกถาปุพฺพิกา สมฺมุติกถา. อิติ วิเนยฺยทมนกุสลสฺส สตฺถุ วิเนยฺยชฺฌาสยวเสน ตถา ตถา เทสนาปวตฺตีติ ทสฺเสติ. สพฺพตฺถ ปน ภควา ธมฺมตํ อวิชหนฺโต เอว สมฺมุตึ อนุวตฺตติ, สมฺมุตึ อปริจฺจชนฺโตเยว ธมฺมตํ วิภาเวติ, น ตตฺถ อภินิเวสาติธาวนานิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ชนปทนิรุตฺตึ นาภินิวิเสยฺย, สมฺํ นาติธาเวยฺยา’’ติ.
ปมํ สมฺมุตึ กตฺวา กถนํ ปน เวเนยฺยวเสน เยภุยฺเยน พุทฺธานํ อาจิณฺณนฺติ ตํ การเณน สทฺธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปกติยา ปนา’’ติอาทิมาห. นนุ จ สมฺมุติ นาม ปรมตฺถโต อวิชฺชมานตฺตา อภูตา, ตํ กถํ พุทฺธา กเถนฺตีติ อาห ‘‘สมฺมุติกถํ กเถนฺตาปี’’ติอาทิ. สจฺจเมวาติ ¶ ตถเมว. สภาวเมวาติ สมฺมุติภาเวน ตํสภาวเมว, เตนาห ‘‘อมุสาวา’’ติ. ปรมตฺถสฺส ปน สจฺจาทิภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
อิเมสํ ¶ ปน สมฺมุติปรมตฺถานํ โก วิเสโส? ยสฺมึ ภินฺเน, พุทฺธิยา วา อวยววินิพฺโภเค กเต น ตํสฺา, โส ฆฏปฏาทิปฺปเภโท สมฺมุติ, ตพฺพิปริยายโต ปรมตฺโถ. น หิ กกฺขฬผุสนาทิสภาเว อยํ นโย ลพฺภติ. เอวํ สนฺเตปิ วุตฺตนเยน สมฺมุติปิ ¶ สจฺจสภาวา เอวาติ อาห ‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสี’’ติอาทิ.
อิทานิ เนสํ สจฺจสภาวํ การเณน ทสฺเสนฺโต ‘‘สงฺเกตวจนํ สจฺจนฺติ คาถมาห. ตตฺถ สงฺเกตวจนํ สจฺจํ วิสํวาทนาภาวโต. ตตฺถ เหตุมาห ‘‘โลกสมฺมุติการณ’’นฺติ. โลกสิทฺธา หิ สมฺมุติ สงฺเกตวจนสฺส อวิสํวาทนตาย การณํ. ปรโม อุตฺตโม อตฺโถ ปรมตฺโถ, ธมฺมานํ ยถาภูตสภาโว. ตสฺส วจนํ สจฺจํ ยาถาวโต อวิสํวาทนวเสน จ ปวตฺตนโต. ตตฺถ การณมาห ‘‘ธมฺมานํ ภูตลกฺขณ’’นฺติ, สภาวธมฺมานํ โย ภูโต อวิปรีโต สภาโว, ตสฺส ลกฺขณํ องฺคนํ าปนนฺติ กตฺวา.
ยทิ ตถาคโต ปรมตฺถสจฺจํ สมฺมเทว อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ิโตปิ โลกสมฺํ คเหตฺวาว วทติ, โก เอตฺถ โลกิยมหาชเนหิ วิเสโสติ อาห. ‘‘ยาหิ ตถาคโต โวหรติ อปรามาส’’นฺติอาทิ. โลกิยมหาชโน อปฺปหีนปรามาสตฺตา ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ปรามสนฺโต โวหรติ, ตถาคโต ปน สพฺพโส ปหีนปรามาสตฺตา อปรามสนฺโต ยสฺมา โลกสมฺาหิ วินา โลกิโย อตฺโถ โลเก เกนจิ ทุวิฺเยฺโย, ตสฺมา ตาหิ ตํ โวหรติ. ตถา โวหรนฺโต เอว จ อตฺตโน เทสนาวิลาเสน เวเนยฺยสตฺเต ปรมตฺถสจฺเจ ปติฏฺเปติ. เทสนํ วินิวฏฺเฏตฺวาติ เหฏฺา ปวตฺติตกถาย วินิวฏฺเฏตฺวา วิเวเจตฺวา เทสนํ ‘‘อปรามาส’’นฺติ ตณฺหามานปรามาสปฺปหานกิตฺตเนน อรหตฺตนิกูเฏน นิฏฺาเปสิ. ยํ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
โปฏฺปาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.