📜
๒. มหานิทานสุตฺตวณฺณนา
นิทานวณฺณนา
๙๕. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… กุรูสูติ มหานิทานสุตฺตํ. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา. กุรูสุ วิหรตีติ กุรู นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีสทฺเทน ‘‘กุรู’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมึ กุรูสุ ชนปเท. อฏฺกถาจริยา ปนาหุ – มนฺธาตุกาเล ตีสุ ทีเปสุ มนุสฺสา ‘‘ชมฺพุทีโป นาม พุทฺธปจฺเจกพุทฺธมหาสาวกจกฺกวตฺติปฺปภุตีนํ อุตฺตมมนุสฺสานํ อุปฺปตฺติภูมิ อุตฺตมทีโป อติรมณีโย’’ติ สุตฺวา รฺา มนฺธาตุจกฺกวตฺตินา จกฺกรตนํ ปุรกฺขตฺวา จตฺตาโร ทีเป อนุสํยายนฺเตน สทฺธึ อาคมํสุ. ตโต ราชา ปริณายกรตนํ ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข มนุสฺสโลกโต รมณียตรํ าน’’นฺติ. กสฺมา เทว เอวํ ภณสิ? กึ น ปสฺสสิ จนฺทิมสูริยานํ อานุภาวํ, นนุ เอเตสํ านํ อิโต รมณียตรนฺติ? ราชา จกฺกรตนํ ปุรกฺขตฺวา ตตฺถ อคมาสิ. จตฺตาโร มหาราชาโน – ‘‘มนฺธาตุมหาราชา อาคโต’’ติ สุตฺวาว ‘‘มหิทฺธิโก มหานุภาโว ราชา, น สกฺกา ยุทฺเธน ปฏิพาหิตุ’’นฺติ สกํ รชฺชํ นิยฺยาเตสุํ. โส ตํ คเหตฺวา ปุน ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข อิโต รมณียตรํ าน’’นฺติ?
อถสฺส ตาวตึสภวนํ กถยึสุ. ‘‘ตาวตึสภวนํ, เทว, อิโต รมณียตรํ. ตตฺถ สกฺกสฺส เทวรฺโ อิเม จตฺตาโร มหาราชาโน ปริจารกา โทวาริกภูมิยํ ติฏฺนฺติ, สกฺโก เทวราชา มหิทฺธิโก มหานุภาโว, ตสฺสิมานิ อุปโภคฏฺานานิ – โยชนสหสฺสุพฺเพโธ เวชยนฺโต ปาสาโท, ปฺจโยชนสตุพฺเพธา สุธมฺมา เทวสภา, ทิยฑฺฒโยชนสติโก เวชยนฺตรโถ ตถา เอราวโณ หตฺถี ¶ , ทิพฺพรุกฺขสหสฺสปฺปฏิมณฺฑิตํ นนฺทนวนํ, จิตฺตลตาวนํ, ผารุสกวนํ, มิสฺสกวนํ, โยชนสตุพฺเพโธ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร, ตสฺส เหฏฺา สฏฺิโยชนายามา ปฺาสโยชนวิตฺถตา ¶ ปฺจทสโยชนุพฺเพธา ชยกุสุมปุปฺผวณฺณา ปณฺฑุกมฺพลสิลา, ยสฺสา มุทุตาย สกฺกสฺส นิสีทโต อุปฑฺฒกาโย อนุปวิสตี’’ติ.
ตํ ¶ สุตฺวา ราชา ตตฺถ คนฺตุกาโม จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิริ. ตํ อากาเส ปติฏฺาสิ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย. อถ ทฺวินฺนํ เทวโลกานํ เวมชฺฌโต จกฺกรตนํ โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาสิ สทฺธึ ปริณายกรตนปมุขาย จตุรงฺคินิยา เสนาย. ราชา เอกโกว ตาวตึสภวนํ อคมาสิ. สกฺโก – ‘‘มนฺธาตา อาคโต’’ติ สุตฺวาว ตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา – ‘‘สฺวาคตํ, เต มหาราช, สกํ เต มหาราช, อนุสาส มหาราชา’’ติ วตฺวา สทฺธึ นาฏเกหิ รชฺชํ ทฺเว ภาเค กตฺวา เอกํ ภาคมทาสิ. รฺโ ตาวตึสภวเน ปติฏฺิตมตฺตสฺเสว มนุสฺสภาโว วิคจฺฉิ, เทวภาโว ปาตุรโหสิ. ตสฺส กิร สกฺเกน สทฺธึ ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ นิสินฺนสฺส อกฺขินิมิสมตฺเตน นานตฺตํ ปฺายติ. ตํ อสลฺลกฺเขนฺตา เทวา สกฺกสฺส จ ตสฺส จ นานตฺเต มุยฺหนฺติ. โส ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาโน ยาว ฉตฺตึส สกฺกา อุปฺปชฺชิตฺวา จุตา, ตาว รชฺชํ กาเรตฺวา อติตฺโตว กาเมหิ ตโต จวิตฺวา อตฺตโน อุยฺยาเน ปติฏฺิโต วาตาตเปน ผุฏฺคตฺโต กาลมกาสิ.
จกฺกรตเน ปน ปุน ปถวิยํ ปติฏฺิเต ปริณายกรตนํ สุวณฺณปฏฺเฏ มนฺธาตุ อุปาหนํ ลิขาเปตฺวา อิทํ มนฺธาตุ รชฺชนฺติ รชฺชมนุสาสิ. เตปิ ตีหิ ทีเปหิ อาคตมนุสฺสา ปุน คนฺตุํ อสกฺโกนฺตา ปริณายกรตนํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘เทว, มยํ รฺโ อานุภาเวน อาคตา, อิทานิ คนฺตุํ น สกฺโกม, วสนฏฺานํ โน เทหี’’ติ ยาจึสุ. โส เตสํ เอกเมกํ ชนปทมทาสิ. ตตฺถ ปุพฺพวิเทหโต อาคตมนุสฺเสหิ อาวสิตปเทโส ตาเยว ปุริมสฺาย – ‘‘วิเทหรฏฺ’’นฺติ นามํ ลภิ, อปรโคยานโต อาคตมนุสฺเสหิ อาวสิตปเทโส ‘‘อปรนฺตชนปโท’’ติ นามํ ลภิ, อุตฺตรกุรุโต อาคตมนุสฺเสหิ อาวสิตปเทโส ‘‘กุรุรฏฺ’’นฺติ นามํ ¶ ลภิ, พหุเก ปน คามนิคมาทโย อุปาทาย พหุวจเนน โวหริยติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘กุรูสุ วิหรตี’’ติ.
กมฺมาสธมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโมติ กมฺมาสธมฺมนฺติ เอตฺถ เกจิ ธ-การสฺส ท-กาเรน อตฺถํ วณฺณยนฺติ. กมฺมาโส เอตฺถ ทมิโตติ กมฺมาสทมฺโม.กมฺมาโสติ กมฺมาสปาโท โปริสาโท วุจฺจติ. ตสฺส กิร ปาเท ขาณุเกน วิทฺธฏฺาเน วโณ รุหนฺโต จิตฺตทารุสทิโส หุตฺวา รุหิ. ตสฺมา กมฺมาสปาโทติ ปฺายิตฺถ. โส จ ตสฺมึ โอกาเส ทมิโต โปริสาทภาวโต ¶ ปฏิเสธิโต ¶ . เกน? มหาสตฺเตน. กตรสฺมึ ชาตเกติ? มหาสุตโสมชาตเกติ เอเก. อิเม ปน เถรา ชยทฺทิสชาตเกติ วทนฺติ. ตทา หิ มหาสตฺเตน กมฺมาสปาโท ทมิโต. ยถาห –
‘‘ปุตฺโต ยทา โหมิ ชยทฺทิสสฺส;
ปฺจาลรฏฺธิปติสฺส อตฺรโช.
จชิตฺวาน ปาณํ ปิตรํ ปโมจยึ;
กมฺมาสปาทมฺปิ จหํ ปสาทยิ’’นฺติ.
เกจิ ปน ธ-กาเรเนว อตฺถํ วณฺณยนฺติ. กุรูรฏฺวาสีนํ กิร กุรุวตฺตธมฺโม, ตสฺมึ กมฺมาโส ชาโต, ตสฺมา ตํ านํ กมฺมาโส เอตฺถ ธมฺโม ชาโตติ กมฺมาสธมฺมนฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ นิวิฏฺนิคมสฺสาปิ เอตเทว นามํ. ภุมฺมวจเนน กสฺมา น วุตฺตนฺติ. อวสโนกาสโต. ภควโต กิร ตสฺมึ นิคเม วสโนกาโส โกจิ วิหาโร นาม นาโหสิ. นิคมโต ปน อปกฺกมฺม อฺตรสฺมึ อุทกสมฺปนฺเน รมณีเย ภูมิภาเค มหาวนสณฺโฑ อโหสิ ตตฺถ ภควา วิหาสิ, ตํ นิคมํ โคจรคามํ กตฺวา. ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ – ‘‘กุรูสุ วิหรติ กมฺมาสธมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโม, ตํ โคจรคามํ กตฺวา’’ติ.
อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ, คารววจนเมตํ. อานนฺโทติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส – ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิย. ตสฺมา ยถา นิสินฺโน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหติ, ตถา นิสีทีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ภุมฺมตฺเถ วา เอตํ อุปโยควจนํ นิสีทีติ ¶ อุปาวิสิ. ปณฺฑิตา หิ ครุฏฺานิยํ อุปสงฺกมิตฺวา อาสนกุสลตาย เอกมนฺตํ นิสีทนฺติ. อยฺจ เตสํ อฺตโร, ตสฺมา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
กถํ นิสินฺโน โข ปน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหตีติ? ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา. เสยฺยถิทํ – อติทูรํ, อจฺจาสนฺนํ, อุปริวาตํ, อุนฺนตปฺปเทสํ, อติสมฺมุขํ, อติปจฺฉาติ. อติทูเร นิสินฺโน หิ สเจ กเถตุกาโม โหติ, อุจฺจาสทฺเทน กเถตพฺพํ โหติ. อจฺจาสนฺเน นิสินฺโน สงฺฆฏฺฏนํ กโรติ. อุปริวาเต นิสินฺโน สรีรคนฺเธน พาธติ. อุนฺนตปฺปเทเส นิสินฺโน ¶ อคารวํ ปกาเสติ. อติสมฺมุขา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ทฏฺพฺพํ โหติ. อติปจฺฉา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, คีวํ ปริวตฺเตตฺวา ทฏฺพฺพํ โหติ. ตสฺมา อยมฺปิ ติกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา เอเต ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา ¶ ทกฺขิณชาณุมณฺฑลสฺส อภิมุขฏฺาเน ฉพฺพณฺณานํ พุทฺธรสฺมีนํ อนฺโต ปวิสิตฺวา ปสนฺนลาขารสํ วิคาหนฺโต วิย สุวณฺณปฏํ ปารุปนฺโต วิย รตฺตุปฺปลมาลาวิตานมชฺฌํ ปวิสนฺโต วิย จ ธมฺมภณฺฑาคาริโก อายสฺมา อานนฺโท นิสีทิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติ.
กาย ปน เวลาย, เกน การเณน อยมายสฺมา ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺโตติ? สายนฺหเวลายํ ปจฺจยาการปฺหปุจฺฉนการเณน. ตํ ทิวสํ กิรายมายสฺมา กุลสงฺคหตฺถาย ฆรทฺวาเร ฆรทฺวาเร สหสฺสภณฺฑิกํ นิกฺขิปนฺโต วิย กมฺมาสธมฺมคามํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต สตฺถุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา สตฺถริ คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน ทิวาฏฺานํ คนฺตฺวา อนฺเตวาสิเกสุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺกนฺเตสุ ทิวาฏฺานํ ปฏิสมฺมชฺชิตฺวา จมฺมกฺขณฺฑํ ปฺเปตฺวา อุทกตุมฺพโต อุทกํ คเหตฺวา อุทเกน หตฺถปาเท สีตเล กตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน โสตาปตฺติผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. อถ ปริจฺฉินฺนกาลวเสน สมาปตฺติโต อุฏฺาย ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรสิ. โส – ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิโต ปฏฺาย อนฺตํ, อนฺตโต ปฏฺาย อาทึ, อุภยนฺตโต ปฏฺาย มชฺฌํ, มชฺฌโต ปฏฺาย อุโภ อนฺเต ปาเปนฺโต ติกฺขตฺตุํ ทฺวาทสปทํ ปจฺจยาการํ สมฺมสิ. ตสฺเสวํ สมฺมสนฺตสฺส ปจฺจยากาโร วิภูโต ¶ หุตฺวา อุตฺตานกุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ.
ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปจฺจยากาโร สพฺพพุทฺเธหิ – ‘คมฺภีโร เจว คมฺภีราวภาโส จา’ติ กถิโต, มยฺหํ โข ปน ปเทสาเณ ิตสฺส สาวกสฺส สโต อุตฺตาโน วิภูโต ปากโฏ หุตฺวา อุปฏฺาติ, มยฺหํเยว นุ โข เอส อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาติ, อุทาหุ อฺเสมฺปี’’ติ? อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘หนฺทาหํ อิมํ ปฺหํ คเหตฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉามิ, อทฺธา เม ภควา อิมํ อตฺถุปฺปตฺตึ กตฺวา สาลินฺทํ สิเนรุํ อุกฺขิปนฺโต วิย เอกํ สุตฺตนฺตกถํ กเถตฺวา ทสฺเสสฺสติ. พุทฺธานฺหิ วินยปฺตฺตึ, ภุมฺมนฺตรํ, ปจฺจยาการํ, สมยนฺตรนฺติ อิมานิ จตฺตาริ านานิ ปตฺวา คชฺชิตํ มหนฺตํ โหติ, าณํ อนุปวิสติ, พุทฺธาณสฺส มหนฺตภาโว ¶ ปฺายติ, เทสนา คมฺภีรา โหติ ติลกฺขณพฺภาหตา สฺุตปฏิสํยุตฺตา’’ติ.
โส กิฺจาปิ ปกติยาว เอกทิวเส สตวารมฺปิ สหสฺสวารมฺปิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺโต น อเหตุอการเณน อุปสงฺกมติ, ตํ ทิวสํ ปน อิมํ ปฺหํ คเหตฺวา – ‘‘อิมํ พุทฺธคนฺธหตฺถึ อาปชฺช าณโกฺจนาทํ โสสฺสามิ, พุทฺธสีหํ อาปชฺช าณสีหนาทํ โสสฺสามิ, พุทฺธสินฺธวํ อาปชฺช าณปทวิกฺกมํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ทิวาฏฺานา อุฏฺาย จมฺมกฺขณฺฑํ ปปฺโผเฏตฺวา ¶ อาทาย สายนฺหสมเย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สายนฺหเวลายํ ปจฺจยาการปฺหปุจฺฉนการเณน อุปสงฺกมนฺโต’’ติ.
ยาว คมฺภีโรติ เอตฺถ ยาวสทฺโท ปมาณาติกฺกเม, อติกฺกมฺม ปมาณํ คมฺภีโร, อติคมฺภีโรติ อตฺโถ. คมฺภีราวภาโสติ คมฺภีโรว หุตฺวา อวภาสติ, ทิสฺสตีติ อตฺโถ. เอกฺหิ อุตฺตานเมว คมฺภีราวภาสํ โหติ ปูติปณฺณาทิวเสน กาฬวณฺณปุราณอุทกํ วิย. ตฺหิ ชาณุปฺปมาณมฺปิ สตโปริสํ วิย ทิสฺสติ. เอกํ คมฺภีรํ ¶ อุตฺตานาวภาสํ โหติ มณิคงฺคาย วิปฺปสนฺนอุทกํ วิย. ตฺหิ สตโปริสมฺปิ ชาณุปฺปมาณํ วิย ขายติ. เอกํ อุตฺตานํ อุตฺตานาวภาสํ โหติ จาฏิอาทีสุ อุทกํ วิย. เอกํ คมฺภีรํ คมฺภีราวภาสํ โหติ สิเนรุปาทกมหาสมุทฺเท อุทกํ วิย. เอวํ อุทกเมว จตฺตาริ นามานิ ลภติ. ปฏิจฺจสมุปฺปาเท ปเนตํ นตฺถิ. อยฺหิ คมฺภีโร เจว คมฺภีราวภาโส จาติ เอกเมว นามํ ลภติ. เอวรูโป สมาโนปิ อถ จ ปน เม อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายติ, ยทิทํ อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ ภนฺเตติ. เอวํ อตฺตโน วิมฺหยํ ปกาเสนฺโต ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ตุณฺหีภูโต นิสีทิ.
ภควา ตสฺส วจนํ สุตฺวา – ‘‘อานนฺโท ภวคฺคคฺคหณาย หตฺถํ ปสาเรนฺโต วิย, สิเนรุํ ฉินฺทิตฺวา มิฺชํ นีหริตุํ วายมมาโน วิย, วินา นาวาย มหาสมุทฺทํ ตริตุกาโม วิย, ปถวึ ปริวตฺเตตฺวา ปถโวชํ คเหตุํ วายมมาโน วิย พุทฺธวิสยปฺหํ อตฺตโน อุตฺตานํ วทติ. หนฺทสฺส คมฺภีรภาวํ อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา มา เหวนฺติอาทิมาห.
ตตฺถ มา เหวนฺติ ห-กาโร นิปาตมตฺตํ. เอวํ มา ภณีติ อตฺโถ. มา เหวนฺติ จ อิทํ วจนํ ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อุสฺสาเทนฺโตปิ ภณติ อปสาเทนฺโตปิ.
อุสฺสาทนาวณฺณนา
ตตฺถ ¶ อุสฺสาเทนฺโต – อานนฺท, ตฺวํ มหาปฺโ วิสทาโณ, เตน เต คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย ขายติ. อฺเสํ ปเนส อุตฺตานโกติ น สลฺลกฺเขตพฺโพ, คมฺภีโรเยว จ คมฺภีราวภาโส จ. ตตฺถ จตสฺโส อุปมา วทนฺติ. ฉมาเส สุโภชนรสปุฏฺสฺส กิร กตโยคสฺส มหามลฺลสฺส สมชฺชสมเย กตมลฺลปาสาณปริจยสฺส ยุทฺธภูมึ คจฺฉนฺตสฺส อนฺตรา มลฺลปาสาณํ ทสฺเสสุํ, โส – กึ เอตนฺติ อาห. มลฺลปาสาโณติ. อาหรถ นนฺติ. อุกฺขิปิตุํ ¶ น สกฺโกมาติ วุตฺเต สยํ คนฺตฺวา กุหึ อิมสฺส ภาริยฏฺานนฺติ วตฺวา ทฺวีหิ หตฺเถหิ ทฺเว ปาสาเณ อุกฺขิปิตฺวา กีฬาคุเฬ วิย ขิปิตฺวา อคมาสิ. ตตฺถ มลฺลสฺส มลฺลปาสาโณ ลหุโกปิ น อฺเสํ ลหุโกติ วตฺตพฺโพ. ฉมาเส สุโภชนรสปุฏฺโ มลฺโล วิย หิ กปฺปสตสหสฺสํ อภินีหารสมฺปนฺโน อายสฺมา อานนฺโท, ยถา มลฺลสฺส มหาพลตาย มลฺลปาสาโณ ลหุโก, เอวํ เถรสฺส มหาปฺตาย ¶ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโน, โส อฺเสํ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ.
มหาสมุทฺเท จ ติมินาม มจฺโฉ ทฺวิโยชนสติโก ติมิงฺคโล ติโยชนสติโก, ติมิปิงฺคโล จตุโยชนสติโก ติมิรปิงฺคโล ปฺจโยชนสติโก, อานนฺโท ติมินนฺโท อชฺฌาโรโห มหาติมีติ อิเม จตฺตาโร โยชนสหสฺสิกา. ตตฺถ ติมิรปิงฺคเลเนว ทีเปนฺติ. ตสฺส กิร ทกฺขิณกณฺณํ จาเลนฺตสฺส ปฺจโยชนสเต ปเทเส อุทกํ จลติ. ตถา วามกณฺณํ. ตถา นงฺคุฏฺํ, ตถา สีสํ. ทฺเว ปน กณฺเณ จาเลตฺวา นงฺคุฏฺเน อุทกํ ปหริตฺวา สีสํ อปราปรํ กตฺวา กีฬิตุํ อารทฺธสฺส สตฺตฏฺโยชนสเต ปเทเส ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธเน อาโรปิตํ วิย อุทกํ ปกฺกุถติ, ติโยชนสตมตฺเต ปเทเส อุทกํ ปิฏฺึ ฉาเทตุํ น สกฺโกติ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘‘อยํ มหาสมุทฺโท คมฺภีโร คมฺภีโรติ วทนฺติ กุตสฺส คมฺภีรตา, มยํ ปิฏฺิปฏิจฺฉาทนมตฺตมฺปิ อุทกํ น ลภามา’’ติ. ตตฺถ กายุปปนฺนสฺส ติมิรปิงฺคลสฺส มหาสมุทฺโท อุตฺตาโนติ, อฺเสํ ขุทฺทกมจฺฉานํ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ, เอวเมว าณุปปนฺนสฺส เถรสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ, อฺเสมฺปิ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ.
สุปณฺณราชา ¶ จ ทิยฑฺฒโยชนสติโก, ตสฺส ทกฺขิณปกฺโข ปฺาสโยชนิโก โหติ ตถา วามปกฺโข, ปิฺฉวฏฺฏิ สฏฺิโยชนิกา, คีวา ตึสโยชนิกา, มุขํ นวโยชนํ, ปาทา ทฺวาทสโยชนิกา. ตสฺมึ สุปณฺณวาตํ ทสฺเสตุํ อารทฺเธ สตฺตฏฺโยชนสตํ านํ นปฺปโหติ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘‘อยํ อากาโส อนนฺโต อนนฺโตติ วทนฺติ, กุตสฺส อนนฺตตา, มยํ ปกฺขวาตปฺปสารโณกาสมฺปิ น ลภามา’’ติ. ตตฺถ กายุปปนฺนสฺส สุปณฺณรฺโ อากาโส ปริตฺโตติ, อฺเสํ ขุทฺทกปกฺขีนํ ปริตฺโตติ น วตฺตพฺโพ, เอวเมว าณุปปนฺนสฺส เถรสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ, อฺเสมฺปิ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ.
ราหุ อสุรินฺโท ปน ปาทนฺตโต ยาว เกสนฺตา โยชนานํ จตฺตาริ สหสฺสานิ อฏฺ จ สตานิ โหติ. ตสฺส ทฺวินฺนํ พาหานํ อนฺตรํ ทฺวาทสโยชนสติกํ. พหลตฺเตน ฉโยชนสติกํ ¶ . หตฺถปาทตลานิ ¶ ติโยชนสติกานิ, ตถา มุขํ. เอเกกํ องฺคุลิปพฺพํ ปฺาสโยชนํ, ตถา ภมุกนฺตรํ. นลาฏํ ติโยชนสติกํ. สีสํ นวโยชนสติกํ. ตสฺส มหาสมุทฺทํ โอติณฺณสฺส คมฺภีรํ อุทกํ ชาณุปฺปมาณํ โหติ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘‘อยํ มหาสมุทฺโท คมฺภีโร คมฺภีโรติ วทนฺติ, กุตสฺส คมฺภีรตา, มยํ ชาณุปฺปฏิจฺฉาทนมตฺตมฺปิ อุทกํ น ลภามา’’ติ. ตตฺถ กายุปปนฺนสฺส ราหุโน มหาสมุทฺโท อุตฺตาโนติ, อฺเสํ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ, เอวเมว าณุปปนฺนสฺส เถรสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ, อฺเสมฺปิ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ. เอตมตฺถํ สนฺธาย ภควา – ‘‘มา เหวํ, อานนฺท, อวจ; มา เหวํ, อานนฺท อวจา’’ติ อาห.
เถรสฺส หิ จตูหิ การเณหิ คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ อุปฏฺาติ. กตเมหิ จตูหิ? ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา, ติตฺถวาเสน, โสตาปนฺนตาย, พหุสฺสุตภาเวนาติ.
ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติกถา
อิโต กิร สตสหสฺสิเม กปฺเป ปทุมุตฺตโร นาม สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิ. ตสฺส หํสวตี นาม นครํ อโหสิ, อานนฺโท นาม ราชา ปิตา ¶ , สุเมธา นาม เทวี มาตา, โพธิสตฺโต อุตฺตรกุมาโร นาม อโหสิ. โส ปุตฺตสฺส ชาตทิวเส มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา ปธานมนุยฺุชนฺโต อนุกฺกเมน สพฺพฺุตํ ปตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตาหํ โพธิปลฺลงฺเก วีตินาเมตฺวา ปถวิยํ เปสฺสามีติ ปาทํ อภินีหริ. อถ ปถวึ ภินฺทิตฺวา มหนฺตํ ปทุมํ อุฏฺาสิ. ตสฺส ธุรปตฺตานิ นวุติหตฺถานิ, เกสรํ ตึสหตฺถํ, กณฺณิกา ทฺวาทสหตฺถา, นวฆฏปฺปมาโณ เรณุ อโหสิ.
สตฺถา ปน อุพฺเพธโต อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพโธ อโหสิ. ตสฺส อุภินฺนํ พาหานมนฺตรํ อฏฺารสหตฺถํ, นลาฏํ ปฺจหตฺถํ, หตฺถปาทา เอกาทสหตฺถา. ตสฺส เอกาทสหตฺเถน ปาเทน ทฺวาทสหตฺถาย กณฺณิกาย อกฺกนฺตมตฺตาย นวฆฏปฺปมาโณ เรณุ อุฏฺาย อฏฺปณฺณาสหตฺถํ ปเทสํ อุคฺคนฺตฺวา โอกิณฺณมโนสิลาจุณฺณํ วิย ปจฺโจกิณฺโณ. ตทุปาทาย ภควา ปทุมุตฺตโรตฺเวว ปฺายิตฺถ. ตสฺส เทวิโล ¶ จ สุชาโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา อเหสุํ. อมิตา จ อสมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา. สุมโน นาม อุปฏฺาโก. ปทุมุตฺตโร ภควา ปิตุสงฺคหํ กุรุมาโน ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร หํสวติยา ราชธานิยา วสติ.
กนิฏฺภาตา ¶ ปนสฺส สุมนกุมาโร นาม. ตสฺส ราชา หํสวติโต วีสติโยชนสเต าเน โภคคามํ อทาสิ. โส กทาจิ อาคนฺตฺวา ปิตรฺจ สตฺถารฺจ ปสฺสติ. อเถกทิวสํ ปจฺจนฺโต กุปิโต. สุมโน รฺโ เปเสสิ – ‘‘ปจฺจนฺโต กุปิโต’’ติ. ราชา ‘‘มยา ตฺวํ ตตฺถ กสฺมา ปิโต’’ติ ปฏิเปเสสิ. โส นิกฺขมฺม โจเร วูปสเมตฺวา – ‘‘อุปสนฺโต, เทว, ชนปโท’’ติ รฺโ เปเสสิ. ราชา ตุฏฺโ – ‘‘สีฆํ มม ปุตฺโต อาคจฺฉตู’’ติ อาห. ตสฺส สหสฺสมตฺตา อมจฺจา โหนฺติ. โส เตหิ สทฺธึ อนฺตรามคฺเค มนฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ ปิตา ตุฏฺโ, สเจ เม วรํ เทติ, กึ คณฺหามี’’ติ. อถ นํ เอกจฺเจ ‘‘หตฺถึ คณฺหถ, อสฺสํ คณฺหถ, รถํ คณฺหถ, ชนปทํ คณฺหถ, สตฺตรตนานิ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. อปเร – ‘‘ตุมฺเห ปถวิสฺสรสฺส ปุตฺตา, ตุมฺหากํ ธนํ น ทุลฺลภํ, ลทฺธมฺปิ เจตํ สพฺพํ ปหาย คมนียํ, ปฺุเมว เอกํ อาทาย คมนียํ; ตสฺมา เต เทเว วรํ ททมาเน เตมาสํ ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ อุปฏฺาตุํ วรํ คณฺหถา’’ติ. โส – ‘‘ตุมฺเห มยฺหํ กลฺยาณมิตฺตา, น มเมตํ จิตฺตํ อตฺถิ, ตุมฺเหหิ ปน อุปฺปาทิตํ, เอวํ กริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา ¶ ปิตราปิ อาลิงฺเคตฺวา ตสฺส มตฺถเก จุมฺพิตฺวา – ‘‘วรํ เต ปุตฺต, เทมี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ มหาราช, อิจฺฉามหํ มหาราช ภควนฺตํ เตมาสํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺโต ชีวิตํ อวฺฌํ กาตุํ, อิมเมว วรํ เทหี’’ติ อาห. ‘‘น สกฺกา ตาต, อฺํ วเรหี’’ติ วุตฺเต ‘‘เทว, ขตฺติยานํ นาม ทฺเว กถา นตฺถิ, เอตเมว เทหิ, น เม อฺเนตฺโถ’’ติ. ตาต พุทฺธานํ นาม จิตฺตํ ทุชฺชานํ, สเจ ภควา น อิจฺฉิสฺสติ, มยา ทินฺเนปิ กึ ภวิสฺสตีติ? โส – ‘‘สาธุ, เทว, อหํ ภควโต จิตฺตํ ชานิสฺสามี’’ติ วิหารํ คโต.
เตน จ สมเยน ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺเปตฺวา ภควา คนฺธกุฏึ ปวิฏฺโ โหติ. โส มณฺฑลมาเฬ สนฺนิสินฺนานํ ภิกฺขูนํ สนฺติกํ อคมาสิ. เต ตํ อาหํสุ – ‘‘ราชปุตฺต, กสฺมา อาคโตสี’’ติ? ภควนฺตํ ทสฺสนาย, ทสฺเสถ เม ภควนฺตนฺติ. น ¶ มยํ, ราชปุตฺต, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สตฺถารํ ทฏฺุํ ลภามาติ. โก ปน, ภนฺเต, ลภตีติ? สุมนตฺเถโร นาม ราชปุตฺตาติ. ‘‘โส กุหึ, ภนฺเต, เถโร’’ติ. เถรสฺส นิสินฺนฏฺานํ ปุจฺฉิตฺวา คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา – ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ปสฺสิตุํ, ทสฺเสถ เม’’ติ อาห. เถโร – ‘‘เอหิ ราชปุตฺตา’’ติ ตํ คเหตฺวา ตํ คนฺธกุฏิปริเวเณ เปตฺวา คนฺธกุฏึ อภิรุหิ. อถ นํ ภควา – ‘‘สุมน, กสฺมา อาคโตสี’’ติ อาห. ราชปุตฺโต, ภนฺเต, ภควนฺตํ ทสฺสนาย อาคโตติ. เตน หิ ภิกฺขุ อาสนํ ปฺาเปหีติ. เถโร อาสนํ ปฺาเปสิ, นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. ราชปุตฺโต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ อกาสิ. กทา อาคโตสิ ราชปุตฺตาติ? ภนฺเต, ตุมฺเหสุ คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเสุ. ภิกฺขู ปน – ‘‘น มยํ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ภควนฺตํ ทฏฺุํ ลภามา’’ติ มํ ¶ เถรสฺส สนฺติกํ ปาเหสุํ. เถโร ปน เอกวจเนเนว ทสฺเสสิ. เถโร, ภนฺเต, ตุมฺหากํ สาสเน วลฺลโภ มฺเติ. อาม ราชกุมาร, วลฺลโภ เอส ภิกฺขุ มยฺหํ สาสเนติ. ภนฺเต, พุทฺธานํ สาสเน กึ กตฺวา วลฺลโภ โหตีติ? ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา กุมาราติ. ภควา, อหํ เถโร วิย พุทฺธสาสเน วลฺลโภ โหตุกาโม, เตมาสํ เม วสฺสาวาสํ อธิวาเสถาติ. ภควา – ‘‘อตฺถิ นุ โข ตตฺถ คเตน อตฺโถ’’ติ โอโลเกตฺวา อตฺถีติ ทิสฺวา ‘‘สฺุาคาเร, โข ราชกุมาร ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติ ¶ อาห. กุมาโร ‘‘อฺาตํ ภควา, อฺาตํ สุคตา’’ติ วตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปุริมตรํ คนฺตฺวา วิหารํ กาเรมิ, มยา เปสิเต ภิกฺขุสตสหสฺเสน สทฺธึ อาคจฺฉถา’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา ปิตุสนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ทินฺนา เม, เทว, ภควตา ปฏิฺา, มยา ปหิเต ภควนฺตํ เปเสยฺยาถา’’ติ ปิตรํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา โยชเน โยชเน วิหารํ กาเรตฺวา วีสโยชนสตํ อทฺธานํ คนฺตฺวา อตฺตโน นคเร วิหารฏฺานํ วิจินนฺโต โสภนํ นาม กุฏุมฺพิกสฺส อุยฺยานํ ทิสฺวา สตสหสฺเสน กิณิตฺวา สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิหารํ กาเรสิ. ตตฺถ ภควโต คนฺธกุฏึ เสสภิกฺขูนฺจ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานตฺถาย กุฏิเลณมณฺฑเป การาเปตฺวา ¶ ปาการปริกฺเขเป กตฺวา ทฺวารโกฏฺกฺจ นิฏฺเปตฺวา ปิตุสนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘นิฏฺิตํ มยฺหํ กิจฺจํ, สตฺถารํ ปหิณถา’’ติ.
ราชา ภควนฺตํ โภเชตฺวา – ‘‘ภควา, สุมนสฺส กิจฺจํ นิฏฺิตํ, ตุมฺหากํ คมนํ ปจฺจาสีสตี’’ติ อาห. ภควา สตสหสฺสภิกฺขุปริวาโร โยชเน โยชเน วิหาเรสุ วสมาโน อคมาสิ. กุมาโร ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา โยชนํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา มาลาทีหิ ปูชยมาโน วิหารํ ปเวเสตฺวา –
‘‘สตสหสฺเสน เม กีตํ, สตสหสฺเสน มาปิตํ;
โสภนํ นาม อุยฺยานํ, ปฏิคฺคณฺห มหามุนี’’ติ.
วิหารํ นิยฺยาเตสิ. โส วสฺสูปนายิกทิวเส ทานํ ทตฺวา อตฺตโน ปุตฺตทาเร จ อมจฺเจ จ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘อยํ สตฺถา อมฺหากํ สนฺติกํ ทูรโต อาคโต, พุทฺธา จ นาม ธมฺมครุโน น อามิสครุกา. ตสฺมา อหํ เตมาสํ ทฺเว สาฏเก นิวาเสตฺวา ทส สีลานิ สมาทิยิตฺวา อิเธว วสิสฺสามิ, ตุมฺเห ขีณาสวสตสหสฺสสฺส อิมินาว นีหาเรน เตมาสํ ทานํ ทเทยฺยาถา’’ติ.
โส สุมนตฺเถรสฺส วสนฏฺานสภาเคเยว าเน วสนฺโต ยํ เถโร ภควโต วตฺตํ กโรติ, ตํ ¶ สพฺพํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺมึ าเน เอกนฺตวลฺลโภ เอส เถโร, เอตสฺเสว เม านนฺตรํ ปตฺเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปกฏฺาย ปวารณาย คามํ ปวิสิตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส ภิกฺขุสตสหสฺสสฺส ปาทมูเล ติจีวรํ เปตฺวา ภควนฺตํ ¶ วนฺทิตฺวา – ‘‘ภนฺเต, ยเทตํ มยา มคฺเค โยชนนฺตริกํ โยชนนฺตริกํ วิหารํ การาปนโต ปฏฺาย ปฺุํ กตํ, ตํ เนว สกฺกสมฺปตฺตึ, น มารสมฺปตฺตึ, น พฺรหฺมสมฺปตฺตึ ปตฺถยนฺเตน, พุทฺธสฺส ปน อุปฏฺากภาวํ ปตฺถยนฺเตน กตํ. ตสฺมา อหมฺปิ, ภควา, อนาคเต สุมนตฺเถโร วิย พุทฺธสฺส อุปฏฺาโก ภเวยฺย’’นฺติ ปฺจปติฏฺิเตน นิปติตฺวา วนฺทิ.
ภควา – ‘‘มหนฺตํ กุลปุตฺตสฺส จิตฺตํ, สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข โน’’ติ โอโลเกนฺโต – ‘‘อนาคเต อิโต สตสหสฺสิเม กปฺเป โคตโม นาม ¶ พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺเสว อุปฏฺาโก ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา –
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, สพฺพเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา’’ติ.
อาห. กุมาโร ตํ สุตฺวา – ‘‘พุทฺธา นาม อทฺเวชฺฌกถา โหนฺตี’’ติ ทุติยทิวเสเยว ตสฺส ภควโต ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต คจฺฉนฺโต วิย อโหสิ. โส ตสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท วสฺสสตสหสฺสํ ทานํ ทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเลปิ ปิณฺฑาย จรโต เถรสฺส ปตฺตคฺคหณตฺถํ อุตฺตริสาฏกํ ทตฺวา ปูชมกาสิ. ปุน สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต พาราณสิราชา หุตฺวา อฏฺนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ปณฺณสาลาโย กาเรตฺวา มณิอาธารเก อุปฏฺเปตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ ทสวสฺสสหสฺสานิ อุปฏฺานํ อกาสิ. เอตานิ ปากฏฏฺานานิ.
กปฺปสตสหสฺสํ ปน ทานํ ททมาโนว อมฺหากํ โพธิสตฺเตน สทฺธึ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต อมิโตทนสกฺกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน กตาภินิกฺขมโน สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ปมคมเนน กปิลวตฺถุํ อาคนฺตฺวา ตโต นิกฺขมนฺเต ภควติ ภควโต ปริวารตฺถํ ราชกุมาเรสุ ปพฺพชิเตสุ ภทฺทิยาทีหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส สนฺติเก ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ (สํ. นิ. ๓.๘๓). เอวเมส อายสฺมา ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปนฺโน ตสฺสิมาย ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ.
ติตฺถวาสาทิวณฺณนา
ติตฺถวาโสติ ¶ ¶ ปุนปฺปุนํ ครูนํ สนฺติเก อุคฺคหณสวนปริปุจฺฉนธารณานิ วุจฺจนฺติ. โส เถรสฺส อติวิย ปริสุทฺโธ, เตนาปิสฺสายํ คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ.
โสตาปนฺนานฺจ นาม ปจฺจยากาโร อุตฺตานโกว หุตฺวา อุปฏฺาติ, อยฺจ อายสฺมา โสตาปนฺโน. พหุสฺสุตานฺจ จตุหตฺเถ โอวรเก ปทีเป ชลมาเน มฺจปีํ วิย นามรูปปริจฺเฉโท ¶ ปากโฏ โหติ, อยฺจ อายสฺมา พหุสฺสุตานํ อคฺโค โหติ, พาหุสจฺจานุภาเวนปิสฺส คมฺภีโรปิ ปจฺจยากาโร อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทคมฺภีรตา
ตตฺถ อตฺถคมฺภีรตาย, ธมฺมคมฺภีรตาย, เทสนาคมฺภีรตาย, ปฏิเวธคมฺภีรตายาติ จตูหิ อากาเรหิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีโร นาม.
ตตฺถ ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ คมฺภีโร…เป… สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ คมฺภีโรติ อยํ อตฺถคมฺภีรตา.
อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ คมฺภีโร…เป… ชาติยา ชรามรณสฺส ปจฺจยฏฺโ คมฺภีโรติ อยํ ธมฺมคมฺภีรตา.
กตฺถจิ สุตฺเต ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อนุโลมโต เทสิยติ, กตฺถจิ ปฏิโลมโต, กตฺถจิ อนุโลมปฏิโลมโต, กตฺถจิ มชฺฌโต ปฏฺาย อนุโลมโต วา ปฏิโลมโต วา อนุโลมปฏิโลมโต วา, กตฺถจิ ติสนฺธิ จตุสงฺเขโป, กตฺถจิ ทฺวิสนฺธิ ติสงฺเขโป, กตฺถจิ เอกสนฺธิ ทฺวิสงฺเขโปติ อยํ เทสนาคมฺภีรตา.
อวิชฺชาย ปน อฺาณอทสฺสนสจฺจาปฏิเวธฏฺโ คมฺภีโร, สงฺขารานํ อภิสงฺขรณายูหนสราควิราคฏฺโ, วิฺาณสฺส สฺุตอพฺยาปารอสงฺกนฺติปฏิสนฺธิปาตุภาวฏฺโ, นามรูปสฺส เอกุปฺปาทวินิพฺโภคาวินิพฺโภคนมนรุปฺปนฏฺโ, สฬายตนสฺส อธิปติโลกทฺวารกฺเขตฺตวิสยิภาวฏฺโ ¶ , ผสฺสสฺส ¶ ผุสนสงฺฆฏฺฏนสงฺคติสนฺนิปาตฏฺโ, เวทนาย อารมฺมณรสานุภวนสุขทุกฺขมชฺฌตฺตภาวนิชฺชีวเวทยิตฏฺโ, ตณฺหาย อภินนฺทิตอชฺโฌสานสริตาลตาตณฺหานทีตณฺหาสมุทฺททุปฺปูรณฏฺโ, อุปาทานสฺส อาทานคฺคหณาภินิเวสปรามาสทุรติกฺกมฏฺโ, ภวสฺส อายูหนาภิสงฺขรณโยนิคติิตินิวาเสสุ ขิปนฏฺโ, ชาติยา ชาติสฺชาติโอกฺกนฺตินิพฺพตฺติปาตุภาวฏฺโ, ชรามรณสฺส ขยวยเภทวิปริณามฏฺโ คมฺภีโรติ. เอวํ โย อวิชฺชาทีนํ สภาโว, เยน ปฏิเวเธน อวิชฺชาทโย สรสลกฺขณโต ปฏิวิทฺธา โหนฺติ; โส คมฺภีโรติ อยํ ปฏิเวธคมฺภีรตาติ เวทิตพฺพา. สา สพฺพาปิ เถรสฺส อุตฺตานกา วิย อุปฏฺาสิ. เตน ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อุสฺสาเทนฺโต – ‘‘มา เหว’’นฺติอาทิมาห. อยฺเจตฺถ ¶ อธิปฺปาโย – อานนฺท, ตฺวํ มหาปฺโ วิสทาโณ, เตน เต คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย ขายติ, ตสฺมา – ‘‘มยฺหเมว นุ โข เอส อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาติ, อุทาหุ อฺเสมฺปี’’ติ มา เอวํ อวจาติ.
อปสาทนาวณฺณนา
ยํ ปน วุตฺตํ – ‘‘อปสาเทนฺโต’’ติ, ตตฺถ อยํ อธิปฺปาโย – อานนฺท, ‘‘อถ จ ปน เม อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายตี’’ติ มา เหวํ อวจ. ยทิ หิ เต เอส อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายติ, กสฺมา ตฺวํ อตฺตโน ธมฺมตาย โสตาปนฺโน นาโหสิ, มยา ทินฺนนเยว ตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิวิชฺฌสิ. อานนฺท, อิทํ นิพฺพานเมว คมฺภีรํ, ปจฺจยากาโร ปน ตว อุตฺตานโก ชาโต, อถ กสฺมา โอฬาริกํ กามราคสํโยชนํ ปฏิฆสํโยชนํ, โอฬาริกํ กามราคานุสยํ ปฏิฆานุสยนฺติ อิเม จตฺตาโร กิเลเส สมุคฺฆาเฏตฺวา สกทาคามิผลํ น สจฺฉิกโรสิ? เตเยว อณุสหคเต จตฺตาโร กิเลเส สมุคฺฆาเฏตฺวา อนาคามิผลํ น สจฺฉิกโรสิ? รูปราคาทีนิ ปฺจ สํโยชนานิ, ภวราคานุสยํ, มานานุสยํ, อวิชฺชานุสยนฺติ อิเม อฏฺ กิเลเส สมุคฺฆาเฏตฺวา อรหตฺตํ น สจฺฉิกโรสิ?
กสฺมา ¶ จ สตสหสฺสกปฺปาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปูริตปารมิโน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา วิย สาวกปารมิาณํ นปฺปฏิวิชฺฌสิ? สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมิโน ปจฺเจกพุทฺธา วิย จ ปจฺเจกโพธิาณํ นปฺปฏิวิชฺฌสิ? ยทิ วา เต สพฺพถาว เอส อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาติ, อถ กสฺมา สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ จตฺตาริ อฏฺ โสฬส วา อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมิโน พุทฺธา วิย สพฺพฺุตฺาณํ น สจฺฉิกโรสิ? กึ อนตฺถิโกสิ เอเตหิ วิเสสาธิคเมหิ, ปสฺส ยาวฺจ เต อปรทฺธํ, ตฺวํ นาม สาวโก ปเทสาเณ ¶ ิโต อติคมฺภีรํ ปจฺจยาการํ – ‘‘อุตฺตานโก เม อุปฏฺาตี’’ติ วทสิ, ตสฺส เต อิทํ วจนํ พุทฺธานํ กถาย ปจฺจนีกํ โหติ, น ตาทิเสน นาม ภิกฺขุนา พุทฺธานํ กถาย ปจฺจนีกํ กเถตพฺพนฺติ ยุตฺตเมตํ.
นนุ มยฺหํ, อานนฺท, อิทํ ปจฺจยาการํ ปฏิวิชฺฌิตุํ วายมนฺตสฺเสว สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อติกฺกนฺตานิ? ปจฺจยาการํ ปฏิวิชฺฌนตฺถาย จ ปน เม อทินฺนํ ทานํ นาม นตฺถิ, อปูริตปารมี นาม นตฺถิ. ปจฺจยาการํ ¶ ปฏิวิชฺฌสฺสามีติ ปน เม นิรุสฺสาหํ วิย มารพลํ วิธมนฺตสฺส อยํ มหาปถวี ทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ น กมฺปิ ตถา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ สมฺปาเทนฺตสฺส. ปจฺฉิมยาเม ปน เม พลวปจฺจูสสมเย – ‘‘อวิชฺชา สงฺขารานํ นวหิ อากาเรหิ ปจฺจโย โหตี’’ติ ทิฏฺมตฺเตว ทสสหสฺสิโลกธาตุ อยทณฺฑเกน อาโกฏิตกํสตาลํ วิย วิรวสตํ วิรวสหสฺสํ มฺุจมานา วาตาหเต ปทุมินิปณฺเณ อุทกพินฺทุ วิย กมฺปิตฺถ. เอวํ คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, คมฺภีราวภาโส จ. เอตสฺส อานนฺท, ธมฺมสฺส อนนุโพธา…เป… นาติวตฺตตีติ.
เอตสฺส ธมฺมสฺสาติ เอตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส. อนนุโพธาติ าตปริฺาวเสน อนนุพุชฺฌนา. อปฺปฏิเวธาติ ตีรณปฺปหานปริฺาวเสน อปฺปฏิวิชฺฌนา. ตนฺตากุลกชาตาติ ตนฺตํ วิย อากุลกชาตา. ยถา นาม ทุนฺนิกฺขิตฺตํ มูสิกจฺฉินฺนํ เปสการานํ ตนฺตํ ตหึ ตหึ อากุลํ โหติ, อิทํ อคฺคํ อิทํ มูลนฺติ อคฺเคน วา อคฺคํ มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรํ โหติ; เอวเมว สตฺตา อิมสฺมึ ปจฺจยากาเร ขลิตา อากุลา พฺยากุลา โหนฺติ, น สกฺโกนฺติ ตํปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ. ตตฺถ ตนฺตํ ปจฺจตฺตปุริสกาเร ตฺวา สกฺกาปิ ภเวยฺย อุชุํ กาตุํ, เปตฺวา ปน ¶ ทฺเว โพธิสตฺเต อฺเ สตฺตา อตฺตโน ธมฺมตาย ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ สมตฺถา นาม นตฺถิ. ยถา ปน อากุลํ ตนฺตํ กฺชิยํ ทตฺวา โกจฺเฉน ปหตํ ตตฺถ ตตฺถ คุฬกชาตํ โหติ คณฺิพทฺธํ, เอวมิเม สตฺตา ปจฺจเยสุ ปกฺขลิตฺวา ปจฺจเย อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตา ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตวเสน อากุลกชาตา โหนฺติ, คณฺิพทฺธา. เย หิ เกจิ ทิฏฺิคตนิสฺสิตา, สพฺเพ ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตาเยว.
กุลาคณฺิกชาตาติ กุลาคณฺิกํ วุจฺจติ เปสการกฺชิยสุตฺตํ. กุลา นาม สกุณิกา, ตสฺสา กุลาวโกติปิ เอเก. ยถา หิ ตทุภยมฺปิ อากุลํ อคฺเคน วา อคฺคํ มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรนฺติ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ.
มฺุชปพฺพชภูตาติ ¶ ¶ มฺุชติณํ วิย ปพฺพชติณํ วิย จ ภูตา. ยถา ตานิ ติณานิ โกฏฺเฏตฺวา กตรชฺชุ ชิณฺณกาเล กตฺถจิ ปติตํ คเหตฺวา เตสํ ติณานํ อิทํ อคฺคํ, อิทํ มูลนฺติ อคฺเคน วา อคฺคํ มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรนฺติ. ตมฺปิ ปจฺจตฺตปุริสกาเร ตฺวา สกฺกา ภเวยฺย อุชุํ กาตุํ, เปตฺวา ปน ทฺเว โพธิสตฺเต อฺเ สตฺตา อตฺตโน ธมฺมตาย ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ สมตฺถา นาม นตฺถิ. เอวมยํ ปชา ปจฺจยากาเร อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตี ทิฏฺิคตวเสน คณฺิกชาตา หุตฺวา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตติ.
ตตฺถ อปาโยติ นิรยติรจฺฉานโยนิเปตฺติวิสยอสุรกายา. สพฺเพปิ หิ เต วฑฺฒิสงฺขาตสฺส อยสฺส อภาวโต – ‘‘อปาโย’’ติ วุจฺจนฺติ. ตถา ทุกฺขสฺส คติภาวโต ทุคฺคติ. สุขสมุสฺสยโต วินิปติตตฺตา วินิปาโต. อิตโร ปน –
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ.
ตํ สพฺพมฺปิ นาติวตฺตติ นาติกฺกมติ. อถ โข จุติโต ปฏิสนฺธึ, ปฏิสนฺธิโต จุตินฺติ เอวํ ปุนปฺปุนํ จุติปฏิสนฺธิโย คณฺหนฺตา ตีสุ ภเวสุ จตูสุ โยนีสุ ปฺจสุ คตีสุ สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ นวสุ สตฺตาวาเสสุ มหาสมุทฺเท วาตุกฺขิตฺตนาวา วิย ยนฺเตสุ ยุตฺตโคโณ วิย จ ปริพฺภมติเยว ¶ . อิติ สพฺพํ เปตํ ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อปสาเทนฺโต อาหาติ เวทิตพฺพํ.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทวณฺณนา
๙๖. อิทานิ ยสฺมา อิทํ สุตฺตํ – ‘‘คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ จ ‘‘ตนฺตากุลกชาตา’’ติ จ ทฺวีหิเยว ปเทหิ อาพทฺธํ, ตสฺมา – ‘‘คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ อิมินา ตาว อนุสนฺธินา ปจฺจยาการสฺส คมฺภีรภาวทสฺสนตฺถํ เทสนํ อารภนฺโต อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณนฺติอาทิมาห. ตตฺรายมตฺโถ – อิมสฺส ชรามรณสฺส ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโย, ตสฺมา อิทปฺปจฺจยา อตฺถิ ชรามรณํ, อตฺถิ นุ โข ชรามรณสฺส ปจฺจโย, ยมฺหา ปจฺจยา ชรามรณํ ภเวยฺยาติ ¶ เอวํ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, ปณฺฑิเตน ปุคฺคเลน ยถา – ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติ วุตฺเต ปนียตฺตา ปฺหสฺส ตุณฺหี ภวิตพฺพํ โหติ, ‘‘อพฺยากตเมตํ ¶ ตถาคเตนา’’ติ วา วตฺตพฺพํ โหติ, เอวํ อปฺปฏิปชฺชิตฺวา, ยถา – ‘‘จกฺขุ สสฺสตํ อสสฺสต’’นฺติ วุตฺเต อสสฺสตนฺติ เอกํเสเนว วตฺตพฺพํ โหติ, เอวํ เอกํเสเนว อตฺถีติสฺส วจนียํ. ปุน กึ ปจฺจยา ชรามรณํ, โก นาม โส ปจฺจโย, ยโต ชรามรณํ โหตีติ วุตฺเต ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิจฺจสฺส วจนียํ, เอวํ วตฺตพฺพํ ภเวยฺยาติ อตฺโถ. เอส นโย สพฺพปเทสุ.
นามรูปปจฺจยา ผสฺโสติ อิทํ ปน ยสฺมา สฬายตนปจฺจยาติ วุตฺเต จกฺขุสมฺผสฺสาทีนํ ฉนฺนํ วิปากสมฺผสฺสานํเยว คหณํ โหติ, อิธ จ ‘‘สฬายตนปจฺจยา’’ติ อิมินา ปเทน คหิตมฺปิ อคหิตมฺปิ ปจฺจยุปฺปนฺนวิเสสํ ผสฺสสฺส จ สฬายตนโต อติริตฺตํ อฺมฺปิ วิเสสปจฺจยํ ทสฺเสตุกาโม, ตสฺมา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิมินา ปน วาเรน ภควตา กึ กถิตนฺติ? ปจฺจยานํ นิทานํ กถิตํ. อิทฺหิ สุตฺตํ ปจฺจเย นิชฺชเฏ นิคฺคุมฺเพ กตฺวา กถิตตฺตา มหานิทานนฺติ วุจฺจติ.
๙๘. อิทานิ เตสํ เตสํ ปจฺจยานํ ตถํ อวิตถํ อนฺถํ ปจฺจยภาวํ ทสฺเสตุํ ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปริยาเยนาติ การเณน. สพฺเพนสพฺพํ สพฺพถาสพฺพนฺติ นิปาตทฺวยเมตํ. ตสฺสตฺโถ – ‘‘สพฺพากาเรน สพฺพา สพฺเพน สภาเวน ¶ สพฺพา ชาติ นาม ยทิ น ภเวยฺยา’’ติ. ภวาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กสฺสจีติ อนิยมวจนเมตํ, เทวาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ. กิมฺหิจีติ อิทมฺปิ อนิยมวจนเมว, กามภวาทีสุ นวสุ ภเวสุ ยตฺถ กตฺถจิ. เสยฺยถิทนฺติ อนิยมิตนิกฺขิตฺตอตฺถวิภชนตฺเถ นิปาโต, ตสฺสตฺโถ – ‘‘ยํ วุตฺตํ ‘กสฺสจิ กิมฺหิจี’ติ, ตสฺส เต อตฺถํ วิภชิสฺสามี’’ติ. อถ นํ วิภชนฺโต – ‘‘เทวานํ วา เทวตฺตายา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เทวานํ วา เทวตฺตายาติ ยา อยํ เทวานํ เทวภาวาย ขนฺธชาติ, ยาย ขนฺธชาติยา เทวา ‘‘เทวา’’ติ วุจฺจนฺติ. สเจ ¶ หิ ชาติ สพฺเพน สพฺพํ นาภวิสฺสาติ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ เทวาติ อุปปตฺติเทวา. คนฺธพฺพาติ มูลขนฺธาทีสุ อธิวตฺถเทวตาว. ยกฺขาติ อมนุสฺสา. ภูตาติ เย เกจิ นิพฺพตฺตสตฺตา. ปกฺขิโนติ เย เกจิ อฏฺิปกฺขา วา จมฺมปกฺขา วา โลมปกฺขา วา. สรีสปาติ เย เกจิ ภูมิยํ สรนฺตา คจฺฉนฺติ. เตสํ เตสนฺติ เตสํ เตสํ เทวคนฺธพฺพาทีนํ. ตทตฺถายาติ เทวคนฺธพฺพาทิภาวาย. ชาตินิโรธาติ ชาติวิคมา, ชาติอภาวาติ อตฺโถ.
เหตูติอาทีนิ สพฺพานิปิ การณเววจนานิ เอว. การณฺหิ ยสฺมา อตฺตโน ผลตฺถาย หิโนติ ¶ ปวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘เหตู’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมา ตํ ผลํ นิเทติ – ‘‘หนฺท, นํ คณฺหถา’’ติ อปฺเปติ วิย ตสฺมา นิทานํ. ยสฺมา ผลํ ตโต สมุเทติ อุปฺปชฺชติ, ตฺจ ปฏิจฺจ เอติ ปวตฺตติ, ตสฺมา สมุทโยติ จ ปจฺจโยติ จ วุจฺจติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. อปิ จ ยทิทํ ชาตีติ เอตฺถ ยทิทนฺติ นิปาโต. ตสฺส สพฺพปเทสุ ลิงฺคานุรูปโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิธ ปน – ‘‘ยา เอสา ชาตี’’ติ อยมสฺส อตฺโถ. ชรามรณสฺส หิ ชาติ อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย โหติ.
๙๙. ภวปเท – ‘‘กิมฺหิจี’’ติ อิมินา โอกาสปริคฺคโห กโต. ตตฺถ เหฏฺา อวีจิปริยนฺตํ กตฺวา อุปริ ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทเว อนฺโตกริตฺวา กามภโว เวทิตพฺโพ. อยํ นโย อุปปตฺติภเว. อิธ ปน กมฺมภเว ยุชฺชติ. โส หิ ชาติยา อุปนิสฺสยโกฏิยาว ปจฺจโย โหติ. อุปาทานปทาทีสุปิ – ‘‘กิมฺหิจี’’ติ อิมินา โอกาสปริคฺคโหว กโตติ เวทิตพฺโพ.
๑๐๐. อุปาทานปจฺจยา ¶ ภโวติ เอตฺถ กามุปาทานํ ติณฺณมฺปิ กมฺมภวานํ ติณฺณฺจ อุปปตฺติภวานํ ปจฺจโย, ตถา เสสานิปีติ อุปาทานปจฺจยา จตุวีสติภวา เวทิตพฺพา. นิปฺปริยาเยเนตฺถ ทฺวาทส กมฺมภวา ลพฺภนฺติ. เตสํ อุปาทานานิ สหชาตโกฏิยาปิ อุปนิสฺสยโกฏิยาปิ ปจฺจโย.
๑๐๑. รูปตณฺหาติ รูปารมฺมเณ ตณฺหา. เอส นโย สทฺทตณฺหาทีสุ. สา ปเนสา ตณฺหา อุปาทานสฺส สหชาตโกฏิยาปิ อุปนิสฺสยโกฏิยาปิ ปจฺจโย โหติ.
๑๐๒. เอส ปจฺจโย ตณฺหาย, ยทิทํ ¶ เวทนาติ เอตฺถ วิปากเวทนา ตณฺหาย อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย โหติ, อฺา อฺถาปีติ.
๑๐๓. เอตฺตาวตา ปน ภควา วฏฺฏมูลภูตํ ปุริมตณฺหํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เทสนํ, ปิฏฺิยํ ปหริตฺวา เกเสสุ วา คเหตฺวา วิรวนฺตํ วิรวนฺตํ มคฺคโต โอกฺกเมนฺโต วิย นวหิ ปเทหิ สมุทาจารตณฺหํ ทสฺเสนฺโต – ‘‘อิติ โข ปเนตํ, อานนฺท, เวทนํ ปฏิจฺจ ตณฺหา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตณฺหาติ ทฺเว ตณฺหา เอสนตณฺหา จ, เอสิตตณฺหา จ. ยาย ตณฺหาย อชปถสงฺกุปถาทีนิ ปฏิปชฺชิตฺวา โภเค เอสติ คเวสติ, อยํ เอสนตณฺหา นาม. ยา เตสุ เอสิเตสุ คเวสิเตสุ ปฏิลทฺเธสุ ตณฺหา, อยํ เอสิตตณฺหา นาม. ตทุภยมฺปิ สมุทาจารตณฺหาย เอว อธิวจนํ. ตสฺมา ¶ ทุวิธาเปสา เวทนํ ปฏิจฺจ ตณฺหา นาม. ปริเยสนา นาม รูปาทิอารมฺมณปริเยสนา, สา หิ ตณฺหาย สติ โหติ. ลาโภติ รูปาทิอารมฺมณปฏิลาโภ, โส หิ ปริเยสนาย สติ โหติ. วินิจฺฉโย ปน าณตณฺหาทิฏฺิวิตกฺกวเสน จตุพฺพิโธ. ตตฺถ – ‘‘สุขวินิจฺฉยํ ชฺา, สุขวินิจฺฉยํ ตฺวา อชฺฌตฺตํ สุขมนุยฺุเชยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๒๓) อยํ าณวินิจฺฉโย. ‘‘วินิจฺฉโยติ ทฺเว วินิจฺฉยา – ตณฺหาวินิจฺฉโย จ ทิฏฺิวินิจฺฉโย จา’’ติ (มหานิ. ๑๐๒). เอวํ อาคตานิ อฏฺสตตณฺหาวิจริตานิ ตณฺหาวินิจฺฉโย. ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย ทิฏฺิวินิจฺฉโย. ‘‘ฉนฺโท โข, เทวานมินฺท, วิตกฺกนิทาโน’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕๘) อิมสฺมึ ปน สุตฺเต อิธ วินิจฺฉโยติ วุตฺโต วิตกฺโกเยว อาคโต. ลาภํ ลภิตฺวา หิ อิฏฺานิฏฺํ สุนฺทราสุนฺทรฺจ วิตกฺเกเนว วินิจฺฉินาติ ¶ – ‘‘เอตฺตกํ เม รูปารมฺมณตฺถาย ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ สทฺทาทิอารมฺมณตฺถาย, เอตฺตกํ มยฺหํ ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ ปรสฺส, เอตฺตกํ ปริภฺุชิสฺสามิ, เอตฺตกํ นิทหิสฺสามี’’ติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย’’ติ.
ฉนฺทราโคติ เอวํ อกุสลวิตกฺเกน วิตกฺกิตวตฺถุสฺมึ ทุพฺพลราโค จ พลวราโค จ อุปฺปชฺชติ, อิทฺหิ อิธ ตณฺหา. ฉนฺโทติ ทุพฺพลราคสฺสาธิวจนํ. อชฺโฌสานนฺติ อหํ มมนฺติ พลวสนฺนิฏฺานํ. ปริคฺคโหติ ตณฺหาทิฏฺวเสน ปริคฺคหณกรณํ. มจฺฉริยนฺติ ปเรหิ สาธารณภาวสฺส อสหนตา. เตเนวสฺส โปราณา เอวํ ¶ วจนตฺถํ วทนฺติ – ‘‘อิทํ อจฺฉริยํ มยฺหเมว โหตุ, มา อฺเสํ อจฺฉริยํ โหตูติ ปวตฺตตฺตา มจฺฉริยนฺติ วุจฺจตี’’ติ. อารกฺโขติ ทฺวารปิทหนมฺชูสโคปนาทิวเสน สุฏฺุ รกฺขณํ. อธิกโรตีติ อธิกรณํ, การณสฺเสตํ นามํ. อารกฺขาธิกรณนฺติ ภาวนปุํสกํ, อารกฺขเหตูติ อตฺโถ. ทณฺฑาทานาทีสุ ปรนิเสธนตฺถํ ทณฺฑสฺส อาทานํ ทณฺฑาทานํ. เอกโต ธาราทิโน สตฺถสฺส อาทานํ สตฺถาทานํ. กลโหติ กายกลโหปิ วาจากลโหปิ. ปุริโม ปุริโม วิโรโธ วิคฺคโห. ปจฺฉิโม ปจฺฉิโม วิวาโท. ตุวํตุวนฺติ อคารววจนํ ตุวํตุวํ.
๑๑๒. อิทานิ ปฏิโลมนเยนาปิ ตํสมุทาจารตณฺหํ ทสฺเสตุํ ปุน – ‘‘อารกฺขาธิกรณ’’นฺติ อารภนฺโต เทสนํ นิวตฺเตสิ. ตตฺถ กามตณฺหาติ ปฺจกามคุณิกราควเสน อุปฺปนฺนา รูปาทิตณฺหา. ภวตณฺหาติ สสฺสตทิฏฺิสหคโต ราโค. วิภวตณฺหาติ อุจฺเฉททิฏฺิสหคโต ราโค. อิเม ทฺเว ธมฺมาติ วฏฺฏมูลตณฺหา จ สมุทาจารตณฺหา จาติ อิเม ทฺเว ธมฺมา. ทฺวเยนาติ ตณฺหาลกฺขณวเสน เอกภาวํ คตาปิ วฏฺฏมูลสมุทาจารวเสน ทฺวีหิ โกฏฺาเสหิ เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ, เวทนาปจฺจเยน เอกปจฺจยาติ อตฺโถ. ติวิธฺหิ สโมสรณํ โอสรณสโมสรณํ, สหชาตสโมสรณํ, ปจฺจยสโมสรณฺจ. ตตฺถ – ‘‘อถ ¶ โข สพฺพานิ ตานิ กามสโมสรณานิ ภวนฺตี’’ติ อิทํ โอสรณสโมสรณํ นาม. ‘‘ฉนฺทมูลกา, อาวุโส, เอเต ธมฺมา ผสฺสสมุทยา เวทนาสโมสรณา’’ติ (อ. นิ. ๘.๘๓) อิทํ สหชาตสโมสรณํ นาม. ‘‘ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา’’ติ อิทํ ปน ปจฺจยสโมสรณนฺติ เวทิตพฺพํ.
๑๑๓. จกฺขุสมฺผสฺโสติ ¶ อาทโย สพฺเพ วิปากผสฺสาเยว. เตสุ เปตฺวา จตฺตาโร โลกุตฺตรวิปากผสฺเส อวเสสา ทฺวตฺตึส ผสฺสา โหนฺติ. ยทิทํ ผสฺโสติ เอตฺถ ปน ผสฺโส พหุธา เวทนาย ปจฺจโย โหติ.
๑๑๔. เยหิ, อานนฺท, อากาเรหีติอาทีสุ อาการา วุจฺจนฺติ เวทนาทีนํ อฺมฺํ อสทิสสภาวา. เตเยว สาธุกํ ทสฺสิยมานา ตํ ตํ ลีนมตฺถํ คเมนฺตีติ ลิงฺคานิ. ตสฺส ตสฺส สฺชานนเหตุโต นิมิตฺตานิ. ตถา ตถา อุทฺทิสิตพฺพโต อุทฺเทสา ¶ . ตสฺมา อยเมตฺถ อตฺโถ – ‘‘อานนฺท, เยหิ อากาเรหิ…เป… เยหิ อุทฺเทเสหิ นามกายสฺส นามสมูหสฺส ปฺตฺติ โหติ, ยา เอสา จ เวทนาย เวทยิตากาเร เวทยิตลิงฺเค เวทยิตนิมิตฺเต เวทนาติ อุทฺเทเส สติ, สฺาย สฺชานนากาเร สฺชานนลิงฺเค สฺชานนนิมิตฺเต สฺาติ อุทฺเทเส สติ, สงฺขารานํ เจตนากาเร เจตนาลิงฺเค เจตนานิมิตฺเต เจตนาติ อุทฺเทเส สติ, วิฺาณสฺส วิชานนากาเร วิชานนลิงฺเค วิชานนนิมิตฺเต วิฺาณนฺติ อุทฺเทเส สติ – ‘อยํ นามกาโย’ติ นามกายสฺส ปฺตฺติ โหติ. เตสุ นามกายปฺปฺตฺติเหตูสุ เวทนาทีสุ อาการาทีสุ อสติ อปิ นุ โข รูปกาเย อธิวจนสมฺผสฺโส ปฺาเยถ? ยฺวายํ จตฺตาโร ขนฺเธ วตฺถุํ กตฺวา มโนทฺวาเร อธิวจนสมฺผสฺสเววจโน มโนสมฺผสฺโส อุปฺปชฺชติ, อปิ นุ โข โส รูปกาเย ปฺาเยถ, ปฺจ ปสาเท วตฺถุํ กตฺวา กตฺวา อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ. อถ อายสฺมา อานนฺโท อมฺพรุกฺเข อสติ ชมฺพุรุกฺขโต อมฺพปกฺกสฺส อุปฺปตฺตึ วิย รูปกายโต ตสฺส อุปฺปตฺตึ อสมฺปฏิจฺฉนฺโต โน เหตํ ภนฺเตติ อาห.
ทุติยปฺเห รุปฺปนาการรุปฺปนลิงฺครุปฺปนนิมิตฺตวเสน รูปนฺติ อุทฺเทสวเสน จ อาการาทีนํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปฏิฆสมฺผสฺโสติ สปฺปฏิฆํ รูปกฺขนฺธํ วตฺถุํ กตฺวา อุปฺปชฺชนกสมฺผสฺโส. อิธาปิ เถโร ชมฺพุรุกฺเข อสติ อมฺพรุกฺขโต ชมฺพุปกฺกสฺส อุปฺปตฺตึ วิย นามกายโต ตสฺส อุปฺปตฺตึ อสมฺปฏิจฺฉนฺโต ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ อาห.
ตติยปฺโห ¶ ¶ อุภยวเสเนว วุตฺโต. ตตฺร เถโร อากาเส อมฺพชมฺพุปกฺกานํ อุปฺปตฺตึ วิย นามรูปาภาเว ทฺวินฺนมฺปิ ผสฺสานํ อุปฺปตฺตึ อสมฺปฏิจฺฉนฺโต ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ อาห.
เอวํ ทฺวินฺนํ ผสฺสานํ วิสุํ วิสุํ ปจฺจยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ทฺวินฺนมฺปิ เตสํ อวิเสสโต นามรูปปจฺจยตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘เยหิ อานนฺท อากาเรหี’’ติ จตุตฺถํ ปฺหํ อารภิ. ยทิทํ นามรูปนฺติ ยํ อิทํ นามรูปํ, ยํ อิทํ ฉสุปิ ทฺวาเรสุ นามรูปํ, เอเสว เหตุ เอเสว ปจฺจโยติ อตฺโถ. จกฺขุทฺวาราทีสุ หิ จกฺขาทีนิ เจว รูปารมฺมณาทีนิ จ รูปํ, สมฺปยุตฺตกา ขนฺธา นามนฺติ เอวํ ปฺจวิโธปิ โส ผสฺโส นามรูปปจฺจยาว ¶ ผสฺโส. มโนทฺวาเรปิ หทยวตฺถฺุเจว ยฺจ รูปํ อารมฺมณํ โหติ, อิทํ รูปํ. สมฺปยุตฺตธมฺมา เจว ยฺจ อรูปํ อารมฺมณํ โหติ, อิทํ อรูปํ นาม. เอวํ มโนสมฺผสฺโสปิ นามรูปปจฺจยา ผสฺโสติ เวทิตพฺโพ. นามรูปํ ปนสฺส พหุธา ปจฺจโย โหติ.
๑๑๕. น โอกฺกมิสฺสถาติ ปวิสิตฺวา ปวตฺตมานํ วิย ปฏิสนฺธิวเสน น วตฺติสฺสถ. สมุจฺจิสฺสถาติ ปฏิสนฺธิวิฺาเณ อสติ อปิ นุ โข สุทฺธํ อวเสสํ นามรูปํ อนฺโตมาตุกุจฺฉิสฺมึ กลลาทิภาเวน สมุจฺจิตํ มิสฺสกภูตํ หุตฺวา วตฺติสฺสถ. โอกฺกมิตฺวา โวกฺกมิสฺสถาติ ปฏิสนฺธิวเสน โอกฺกมิตฺวา จุติวเสน โวกฺกมิสฺสถ, นิรุชฺฌิสฺสถาติ อตฺโถ. โส ปนสฺส นิโรโธ น ตสฺเสว จิตฺตสฺส นิโรเธน, น ตโต ทุติยตติยานํ นิโรเธน โหติ. ปฏิสนฺธิจิตฺเตน หิ สทฺธึ สมุฏฺิตานิ สมตึส กมฺมชรูปานิ นิพฺพตฺตนฺติ. เตสุ ปน ิเตสุเยว โสฬส ภวงฺคจิตฺตานิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ. เอตสฺมึ อนฺตเร คหิตปฏิสนฺธิกสฺส ทารกสฺส วา มาตุยา วา ปนสฺส อนฺตราโย นตฺถิ. อยฺหิ อโนกาโส นาม. สเจ ปน ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สทฺธึ สมุฏฺิตรูปานิ สตฺตรสมสฺส ภวงฺคสฺส ปจฺจยํ ทาตุํ สกฺโกนฺติ, ปวตฺติ ปวตฺตติ, ปเวณี ฆฏิยติ. สเจ ปน น สกฺโกนฺติ, ปวตฺติ นปฺปวตฺตติ, ปเวณี น ฆฏิยติ, โวกฺกมติ นาม โหติ. ตํ สนฺธาย ‘‘โอกฺกมิตฺวา โวกฺกมิสฺสถา’’ติ วุตฺตํ.
อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวาย, เอวํ ปริปุณฺณปฺจกฺขนฺธภาวายาติ อตฺโถ. ทหรสฺเสว สโตติ มนฺทสฺส พาลสฺเสว สนฺตสฺส. โวจฺฉิชฺชิสฺสถาติ อุปจฺฉิชฺชิสฺสถ ¶ วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลนฺติ วิฺาเณ อุปจฺฉินฺเน สุทฺธํ นามรูปเมว อุฏฺหิตฺวา ปมวยวเสน วุฑฺฒึ, มชฺฌิมวยวเสน วิรูฬฺหึ, ปจฺฉิมวยวเสน เวปุลฺลํ อปิ นุ โข อาปชฺชิสฺสถาติ. ทสวสฺสวีสติวสฺสวสฺสสตวสฺสสหสฺสสมฺปาปเนน ¶ วา อปิ นุ โข วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสถาติ อตฺโถ.
ตสฺมาติหานนฺทาติ ยสฺมา มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธิคฺคหเณปิ ¶ กุจฺฉิวาเสปิ กุจฺฉิโต นิกฺขมเนปิ, ปวตฺติยํ ทสวสฺสาทิกาเลปิ วิฺาณเมวสฺส ปจฺจโย, ตสฺมา เอเสว เหตุ เอส ปจฺจโย นามรูปสฺส, ยทิทํ วิฺาณํ. ยถา หิ ราชา อตฺตโน ปริสํ นิคฺคณฺหนฺโต เอวํ วเทยฺย – ‘‘ตฺวํ อุปราชา, ตฺวํ เสนาปตีติ เกน กโต นนุ มยา กโต, สเจ หิ มยิ อกโรนฺเต ตฺวํ อตฺตโน ธมฺมตาย อุปราชา วา เสนาปติ วา ภเวยฺยาสิ, ชาเนยฺยาม โว พล’’นฺติ; เอวเมว วิฺาณํ นามรูปสฺส ปจฺจโย โหติ. อตฺถโต เอวํ นามรูปํ วทติ วิย ‘‘ตฺวํ นามํ, ตฺวํ รูปํ, ตฺวํ นามรูปํ นามาติ เกน กตํ, นนุ มยา กตํ, สเจ หิ มยิ ปุเรจาริเก หุตฺวา มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ อคณฺหนฺเต ตฺวํ นามํ วา รูปํ วา นามรูปํ วา ภเวยฺยาสิ, ชาเนยฺยาม โว พล’’นฺติ. ตํ ปเนตํ วิฺาณํ นามรูปสฺส พหุธา ปจฺจโย โหติ.
๑๑๖. ทุกฺขสมุทยสมฺภโวติ ทุกฺขราสิสมฺภโว. ยทิทํ นามรูปนฺติ ยํ อิทํ นามรูปํ, เอเสว เหตุ เอส ปจฺจโย. ยถา หิ ราชปุริสา ราชานํ นิคฺคณฺหนฺโต เอวํ วเทยฺยุํ – ‘‘ตฺวํ ราชาติ เกน กโต, นนุ มยา กโต, สเจ หิ มยิ อุปราชฏฺาเน, มยิ เสนาปติฏฺาเน อติฏฺนฺเต ตฺวํ เอกโกว ราชา ภเวยฺยาสิ, ปสฺเสยฺยาม เต ราชภาว’’นฺติ; เอวเมว นามรูปมฺปิ อตฺถโต เอวํ วิฺาณํ วทติ วิย ‘‘ตฺวํ ปฏิสนฺธิวิฺาณนฺติ เกน กตํ, นนุ อมฺเหหิ กตํ, สเจ หิ ตฺวํ ตโย ขนฺเธ หทยวตฺถฺุจ อนิสฺสาย ปฏิสนฺธิวิฺาณํ นาม ภเวยฺยาสิ, ปสฺเสยฺยาม เต ปฏิสนฺธิวิฺาณภาว’’นฺติ. ตฺจ ปเนตํ นามรูปํ วิฺาณสฺส พหุธา ปจฺจโย โหติ.
เอตฺตาวตา โขติ วิฺาเณ นามรูปสฺส ปจฺจเย โหนฺเต, นามรูเป วิฺาณสฺส ปจฺจเย โหนฺเต, ทฺวีสุ อฺมฺปจฺจยวเสน ปวตฺเตสุ เอตฺตเกน ¶ ชาเยถ วา…เป… อุปปชฺเชถ วา, ชาติอาทโย ปฺาเยยฺยุํ อปราปรํ วา จุติปฏิสนฺธิโยติ.
อธิวจนปโถติ ‘‘สิริวฑฺฒโก ธนวฑฺฒโก’’ติอาทิกสฺส อตฺถํ อทิสฺวา วจนมตฺตเมว อธิกิจฺจ ปวตฺตสฺส โวหารสฺส ปโถ. นิรุตฺติปโถติ สรตีติ สโต, สมฺปชานาตีติ สมฺปชาโนติอาทิกสฺส ¶ การณาปเทสวเสน ปวตฺตสฺส โวหารสฺส ปโถ. ปฺตฺติปโถติ – ‘‘ปณฺฑิโต ¶ พฺยตฺโต เมธาวี นิปุโณ กตปรปฺปวาโท’’ติอาทิกสฺส นานปฺปการโต าปนวเสน ปวตฺตสฺส โวหารสฺส ปโถ. อิติ ตีหิ ปเทหิ อธิวจนาทีนํ วตฺถุภูตา ขนฺธาว กถิตา. ปฺาวจรนฺติ ปฺาย อวจริตพฺพํ ชานิตพฺพํ. วฏฺฏํ วตฺตตีติ สํสารวฏฺฏํ วตฺตติ. อิตฺถตฺตนฺติ อิตฺถํภาโว, ขนฺธปฺจกสฺเสตํ นามํ. ปฺาปนายาติ นามปฺตฺตตฺถาย. ‘‘เวทนา สฺา’’ติอาทินา นามปฺตฺตตฺถาย, ขนฺธปฺจกมฺปิ เอตฺตาวตา ปฺายตีติ อตฺโถ. ยทิทํ นามรูปํ สห วิฺาเณนาติ ยํ อิทํ นามรูปํ สห วิฺาเณน อฺมฺปจฺจยตาย ปวตฺตติ, เอตฺตาวตาติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺเหตฺถ นิยฺยาติตวจนํ.
อตฺตปฺตฺติวณฺณนา
๑๑๗. อิติ ภควา – ‘‘คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, คมฺภีราวภาโส จา’’ติ ปทสฺส อนุสนฺธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘ตนฺตากุลกชาตา’’ติ ปทสฺส อนุสนฺธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘กิตฺตาวตา จา’’ติอาทิกํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ รูปึ วา หิ, อานนฺท, ปริตฺตํ อตฺตานนฺติอาทีสุ โย อวฑฺฒิตํ กสิณนิมิตฺตํ อตฺตาติ คณฺหาติ, โส รูปึ ปริตฺตํ ปฺเปติ. โย ปน นานากสิณลาภี โหติ, โส ตํ กทาจิ นีโล, กทาจิ ปีตโกติ ปฺเปติ. โย วฑฺฒิตํ กสิณนิมิตฺตํ อตฺตาติ คณฺหาติ, โส รูปึ อนนฺตํ ปฺเปติ. โย วา ปน อวฑฺฒิตํ กสิณนิมิตฺตํ อุคฺฆาเฏตฺวา นิมิตฺตผุฏฺโกาสํ วา ตตฺถ ปวตฺเต จตฺตาโร ขนฺเธ วา เตสุ วิฺาณมตฺตเมว วา อตฺตาติ คณฺหาติ, โส อรูปึ ปริตฺตํ ปฺเปติ. โย วฑฺฒิตํ นิมิตฺตํ อุคฺฆาเฏตฺวา นิมิตฺตผุฏฺโกาสํ วา ตตฺถ ปวตฺเต จตฺตาโร ขนฺเธ วา เตสุ วิฺาณมตฺตเมว วา อตฺตาติ คณฺหาติ, โส อรูปึ อนนฺตํ ปฺเปติ.
๑๑๘. ตตฺรานนฺทาติ ¶ เอตฺถ ตตฺราติ เตสุ จตูสุ ทิฏฺิคติเกสุ. เอตรหิ วาติ อิทาเนว, น อิโต ปรํ. อุจฺเฉทวเสเนตํ วุตฺตํ. ตตฺถภาวึ วาติ ตตฺถ วา ปรโลเก ภาวึ. สสฺสตวเสเนตํ วุตฺตํ. อตถํ วา ปน สนฺตนฺติ อตถสภาวํ สมานํ. ตถตฺตายาติ ตถภาวาย. อุปกปฺเปสฺสามีติ สมฺปาเทสฺสามิ. อิมินา วิวาทํ ทสฺเสติ. อุจฺเฉทวาที หิ ‘‘สสฺสตวาทิโน อตฺตานํ อตถํ อนุจฺเฉทสภาวมฺปิ สมานํ ตถตฺถาย ¶ อุจฺเฉทสภาวาย อุปกปฺเปสฺสามิ, สสฺสตวาทฺจ ชานาเปตฺวา อุจฺเฉทวาทเมว นํ คาเหสฺสามี’’ติ จินฺเตติ. สสฺสตวาทีปิ ‘‘อุจฺเฉทวาทิโน อตฺตานํ อตถํ อสสฺสตสภาวมฺปิ สมานํ ตถตฺถาย สสฺสตภาวาย อุปกปฺเปสฺสามิ, อุจฺเฉทวาทฺจ ชานาเปตฺวา สสฺสตวาทเมว นํ คาเหสฺสามี’’ติ จินฺเตติ.
เอวํ ¶ สนฺตํ โขติ เอวํ สมานํ รูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺตนฺติ อตฺโถ. รูปินฺติ รูปกสิณลาภึ. ปริตฺตตฺตานุทิฏฺิ อนุเสตีติ ปริตฺโต อตฺตาติ อยํ ทิฏฺิ อนุเสติ, สา ปน น วลฺลิ วิย จ ลตา วิย จ อนุเสติ. อปฺปหีนฏฺเน อนุเสตีติ เวทิตพฺโพ. อิจฺจาลํ วจนายาติ ตํ ปุคฺคลํ เอวรูปา ทิฏฺิ อนุเสตีติ วตฺตุํ ยุตฺตํ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
อรูปินฺติ เอตฺถ ปน อรูปกสิณลาภึ, อรูปกฺขนฺธโคจรํ วาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอตฺตาวตา ลาภิโน จตฺตาโร, เตสํ อนฺเตวาสิกา จตฺตาโร, ตกฺกิกา จตฺตาโร, เตสํ อนฺเตวาสิกา จตฺตาโรติ อตฺตโต โสฬส ทิฏฺิคติกา ทสฺสิตา โหนฺติ.
นอตฺตปฺตฺติวณฺณนา
๑๑๙. เอวํ เย อตฺตานํ ปฺเปนฺติ, เต ทสฺเสตฺวา อิทานิ เย น ปฺเปนฺติ, เต ทสฺเสตุํ – ‘‘กิตฺตาวตา จ อานนฺทา’’ติอาทิมาห. เก ปน น ปฺเปนฺติ? สพฺเพ ตาว อริยปุคฺคลา น ปฺเปนฺติ. เย จ พหุสฺสุตา ติปิฏกธรา ทฺวิปิฏกธรา เอกปิฏกธรา, อนฺตมโส เอกนิกายมฺปิ สาธุกํ วินิจฺฉินิตฺวา อุคฺคหิตธมฺมกถิโกปิ อารทฺธวิปสฺสโกปิ ปุคฺคโล, เต น ปฺเปนฺติเยว. เอเตสฺหิ ปฏิภาคกสิเณ ปฏิภาคกสิณมิจฺเจว าณํ โหติ. อรูปกฺขนฺเธสุ จ อรูปกฺขนฺธา อิจฺเจว.
อตฺตสมนุปสฺสนาวณฺณนา
๑๒๑. เอวํ ¶ เย น ปฺเปนฺติ, เต ทสฺเสตฺวา อิทานิ เย เต ปฺเปนฺติ, เต ยสฺมา ทิฏฺิวเสน สมนุปสฺสิตฺวา ปฺเปนฺติ, สา จ เนสํ สมนุปสฺสนา วีสติวตฺถุกาย สกฺกายทิฏฺิยา อปฺปหีนตฺตา โหติ, ตสฺมา ตํ วีสติวตฺถุกํ สกฺกายทิฏฺึ ทสฺเสตุํ ปุน กิตฺตาวตา จ อานนฺทาติอาทิมาห.
ตตฺถ เวทนํ วา หีติ อิมินา เวทนากฺขนฺธวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ กถิตา. อปฺปฏิสํเวทโน เม อตฺตาติ อิมินา รูปกฺขนฺธวตฺถุกา. อตฺตา เม เวทิยติ, เวทนาธมฺโม หิ เม อตฺตาติ อิมินา สฺาสงฺขารวิฺาณกฺขนฺธวตฺถุกา ¶ . อิทฺหิ ขนฺธตฺตยํ เวทนาสมฺปยุตฺตตฺตา เวทิยติ. เอตสฺส จ เวทนาธมฺโม อวิปฺปยุตฺตสภาโว.
๑๒๒. อิทานิ ¶ ตตฺถ โทสํ ทสฺเสนฺโต – ‘‘ตตฺรานนฺทา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺราติ เตสุ ตีสุ ทิฏฺิคติเกสุ. ยสฺมึ, อานนฺท, สมเยติอาทิ โย โย ยํ ยํ เวทนํ อตฺตาติ สมนุปสฺสติ, ตสฺส ตสฺส อตฺตโน กทาจิ ภาวํ, กทาจิ อภาวนฺติ เอวมาทิโทสทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ.
๑๒๓. อนิจฺจาทีสุ หุตฺวา อภาวโต อนิจฺจา. เตหิ เตหิ การเณหิ สงฺคมฺม สมาคมฺม กตาติ สงฺขตา. ตํ ตํ ปจฺจยํ ปฏิจฺจ สมฺมา การเณเนว อุปฺปนฺนาติ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา. ขโยติอาทิ สพฺพํ ภงฺคสฺส เววจนํ. ยฺหิ ภิชฺชติ, ตํ ขิยติปิ วยติปิ วิรชฺฌติปิ นิรุชฺฌติปิ, ตสฺมา ขยธมฺมาติอาทิ วุตฺตํ.
พฺยคา เมติ วิอคาติ พฺยคา, วิคโต นิรุทฺโธ เม อตฺตาติ อตฺโถ. กึ ปน เอกสฺเสว ตีสุปิ กาเลสุ – ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ โหตีติ, กึ ปน น ภวิสฺสติ? ทิฏฺิคติกสฺส หิ ถุสราสิมฺหิ นิกฺขิตฺตขาณุกสฺเสว นิจฺจลตา นาม นตฺถิ, วนมกฺกโฏ วิย อฺํ คณฺหาติ, อฺํ มฺุจติ. อนิจฺจสุขทุกฺขโวกิณฺณนฺติ วิเสเสน ตํ ตํ เวทนํ อตฺตาติ สมนุปสฺสนฺโต อนิจฺจฺเจว สุขฺจ ทุกฺขฺจ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ อวิเสเสน เวทนํ อตฺตาติ สมนุปสฺสนฺโต โวกิณฺณํ อุปฺปาทวยธมฺมํ ¶ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ. เวทนา หิ ติวิธา เจว อุปฺปาทวยธมฺมา จ, ตฺเจส อตฺตาติ สมนุปสฺสติ. อิจฺจสฺส อนิจฺโจ เจว อตฺตา อาปชฺชติ, เอกกฺขเณ จ พหูนํ เวทนานํ อุปฺปาโท. ตํ โข ปเนส อนิจฺจํ อตฺตานํ อนุชานาติ, น เอกกฺขเณ พหูนํ เวทนานํ อุปฺปตฺติ อตฺถิ. อิมมตฺถํ สนฺธาย – ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเตนเปตํ นกฺขมติ ‘เวทนา เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสิตุ’’นฺติ วุตฺตํ.
๑๒๔. ยตฺถ ปนาวุโสติ ยตฺถ สุทฺธรูปกฺขนฺเธ สพฺพโส เวทยิตํ นตฺถิ. อปิ นุ โข ตตฺถาติ อปิ นุ โข ตสฺมึ เวทนาวิรหิเต ตาลวณฺเฏ วา วาตปาเน วา อสฺมีติ เอวํ อหํกาโร อุปฺปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ. ตสฺมาติหานนฺทาติ ยสฺมา สุทฺธรูปกฺขนฺโธ อุฏฺาย อหมสฺมีติ น วทติ, ตสฺมา เอเตนปิ เอตํ นกฺขมตีติ อตฺโถ. อปิ นุ โข ตตฺถ อยมหมสฺมีติ สิยาติ อปิ นุ โข เตสุ ¶ เวทนาธมฺเมสุ ตีสุ ขนฺเธสุ เอกธมฺโมปิ อยํ นาม อหมสฺมีติ เอวํ วตฺตพฺโพ สิยา. อถ วา เวทนานิโรธา สเหว เวทนาย นิรุทฺเธสุ เตสุ ตีสุ ขนฺเธสุ อปิ นุ โข อยมหมสฺมีติ วา อหมสฺมีติ วา อุปฺปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ. อถายสฺมา อานนฺโท สสวิสาณสฺส ติขิณภาวํ วิย ตํ อสมฺปฏิจฺฉนฺโต โน เหตํ ภนฺเตติ อาห.
เอตฺตาวตา ¶ กึ กถิตํ โหติ? วฏฺฏกถา กถิตา โหติ. ภควา หิ วฏฺฏกถํ กเถนฺโต กตฺถจิ อวิชฺชาสีเสน กเถสิ, กตฺถจิ ตณฺหาสีเสน, กตฺถจิ ทิฏฺิสีเสน. ตตฺถ ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ นปฺปฺายติ อวิชฺชาย, ‘อิโต ปุพฺเพ อวิชฺชา นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’ติ. เอวฺจิทํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ. อถ จ ปน ปฺายติ อิทปฺปจฺจยา อวิชฺชา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๑) เอวํ อวิชฺชาสีเสน กถิตา. ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ นปฺปฺายติ ภวตณฺหาย, ‘อิโต ปุพฺเพ ภวตณฺหา นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’ติ. เอวฺจิทํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ. อถ จ ปน ปฺายติ อิทปฺปจฺจยา ภวตณฺหา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๒) เอวํ ตณฺหาสีเสน กถิตา. ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ นปฺปฺายติ ภวทิฏฺิยา, ‘อิโต ปุพฺเพ ภวทิฏฺิ นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’ติ, เอวฺจิทํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ. อถ จ ปน ปฺายติ อิทปฺปจฺจยา ภวทิฏฺี’’ติ เอวํ ทิฏฺิสีเสน กถิตา. อิธาปิ ทิฏฺิสีเสเนว กถิตา.
ทิฏฺิคติโก ¶ หิ สุขาทิเวทนํ อตฺตาติ คเหตฺวา อหงฺการมมงฺการปรามาสวเสน สพฺพภวโยนิคติ – วิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ ตโต ตโต จวิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อุปปชฺชนฺโต มหาสมุทฺเท วาตุกฺขิตฺตนาวา วิย สตตํ สมิตํ ปริพฺภมติ, วฏฺฏโต สีสํ อุกฺขิปิตุํเยว น สกฺโกติ.
๑๒๖. อิติ ภควา ปจฺจยาการมูฬฺหสฺส ทิฏฺิคติกสฺส เอตฺตเกน กถามคฺเคน วฏฺฏํ กเถตฺวา อิทานิ วิวฏฺฏํ กเถนฺโต ยโต โข ปน, อานนฺท, ภิกฺขูติอาทิมาห.
ตฺจ ปน วิวฏฺฏกถํ ภควา เทสนาสุ กุสลตฺตา วิสฺสฏฺกมฺมฏฺานํ นวกมฺมาทิวเสน วิกฺขิตฺตปุคฺคลํ อนามสิตฺวา การกสฺส สติปฏฺานวิหาริโน ปุคฺคลสฺส วเสน อารภนฺโต เนว เวทนํ อตฺตานํ สมนุปสฺสตีติอาทิมาห. เอวรูโป หิ ภิกฺขุ – ‘‘ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ ¶ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร วา สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. ทุกฺขโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. อนตฺตโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสน’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตสฺส สมฺมสนาณสฺส วเสน สพฺพธมฺเมสุ ปวตฺตตฺตา เนว เวทนํ อตฺตาติ สมนุปสฺสติ, น อฺํ, โส เอวํ อสมนุปสฺสนฺโต น กิฺจิ โลเก อุปาทิยตีติ ขนฺธโลกาทิเภเท โลเก รูปาทีสุ ธมฺเมสุ กิฺจิ เอกธมฺมมฺปิ อตฺตาติ วา อตฺตนิยนฺติ วา น อุปาทิยติ.
อนุปาทิยํ ¶ น ปริตสฺสตีติ อนุปาทิยนฺโต ตณฺหาทิฏฺิมานปริตสฺสนายาปิ น ปริตสฺสติ. อปริตสฺสนฺติ อปริตสฺสมาโน. ปจฺจตฺตํเยว ปรินิพฺพายตีติ อตฺตนาว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายติ. เอวํ ปรินิพฺพุตสฺส ปนสฺส ปจฺจเวกฺขณาปวตฺติทสฺสนตฺถํ ขีณา ชาตีติอาทิ วุตฺตํ.
อิติ สา ทิฏฺีติ ยา ตถาวิมุตฺตสฺส อรหโต ทิฏฺิ, สา เอวํ ทิฏฺิ. ‘‘อิติสฺส ทิฏฺี’’ติปิ ปาโ. โย ตถาวิมุตฺโต อรหา, เอวมสฺส ทิฏฺีติ อตฺโถ. ตทกลฺลนฺติ ตํ น ยุตฺตํ. กสฺมา? เอวฺหิ สติ – ‘‘อรหา น กิฺจิ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ ภเวยฺย, เอวํ ตฺวา วิมุตฺตฺจ อรหนฺตํ ‘‘น กิฺจิ ชานาตี’’ติ วตฺตุํ ¶ น ยุตฺตํ. เตเนว จตุนฺนมฺปิ นยานํ อวสาเน – ‘‘ตํ กิสฺส เหตู’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ยาวตา อานนฺท อธิวจนนฺติ ยตฺตโก อธิวจนสงฺขาโต โวหาโร อตฺถิ. ยาวตา อธิวจนปโถติ ยตฺตโก อธิวจนสฺส ปโถ, ขนฺธา อายตนานิ ธาตุโย วา อตฺถิ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ปฺาวจรนฺติ ปฺาย อวจริตพฺพํ ขนฺธปฺจกํ. ตทภิฺาติ ตํ อภิชานิตฺวา. เอตฺตเกน ภควตา กึ ทสฺสิตํ? ตนฺตากุลปทสฺเสว อนุสนฺธิ ทสฺสิโต.
สตฺตวิฺาณฏฺิติวณฺณนา
๑๒๗. อิทานิ โย – ‘‘น ปฺเปตี’’ติ วุตฺโต, โส ยสฺมา คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต นาม โหติ. โย จ – ‘‘น สมนุปสฺสตี’’ติ วุตฺโต, โส ยสฺมา คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต ปฺาวิมุตฺโต นาม โหติ. ตสฺมา เตสํ เหฏฺา วุตฺตานํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ นิคมนฺจ นามฺจ ทสฺเสตุํ สตฺต โข อิมานนฺท วิฺาณฏฺิติโยติอาทิมาห.
ตตฺถ สตฺตาติ ปฏิสนฺธิวเสน วุตฺตา, อารมฺมณวเสน สงฺคีติสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๓๑๑) วุตฺตา จตสฺโส อาคมิสฺสนฺติ. วิฺาณํ ติฏฺติ เอตฺถาติ ¶ วิฺาณฏฺิติ, วิฺาณปติฏฺานสฺเสตํ อธิวจนํ. ทฺเว จ อายตนานีติ ทฺเว นิวาสฏฺานานิ. นิวาสฏฺานฺหิ อิธายตนนฺติ อธิปฺเปตํ. เตเนว วกฺขติ – ‘‘อสฺสตฺตายตนํ เนวสฺานาสฺายตนเมว ทุติย’’นฺติ. กสฺมา ปเนตํ สพฺพํ คหิตนฺติ? วฏฺฏปริยาทานตฺถํ. วฏฺฏฺหิ น สุทฺธวิฺาณฏฺิติวเสน สุทฺธายตนวเสน วา ปริยาทานํ คจฺฉติ, ภวโยนิคติสตฺตาวาสวเสน ปน คจฺฉติ, ตสฺมา สพฺพเมตํ คหิตํ.
อิทานิ ¶ อนุกฺกเมน ตมตฺถํ วิภชนฺโต กตมา สตฺตาติอาทิมาห. ตตฺถ เสยฺยถาปีติ นิทสฺสนตฺเถ นิปาโต, ยถา มนุสฺสาติ อตฺโถ. อปริมาเณสุ หิ จกฺกวาเฬสุ อปริมาณานํ มนุสฺสานํ วณฺณสณฺานาทิวเสน ทฺเวปิ เอกสทิสา นตฺถิ. เยปิ หิ กตฺถจิ ยมกภาตโร วณฺเณน วา สณฺาเนน วา เอกสทิสา โหนฺติ, เตสมฺปิ อาโลกิตวิโลกิตกถิตหสิตคมนานาทีหิ วิเสโส โหติเยว. ตสฺมา ¶ นานตฺตกายาติ วุตฺตา. ปฏิสนฺธิสฺา ปน เนสํ ติเหตุกาปิ ทฺวิเหตุกาปิ อเหตุกาปิ โหนฺติ, ตสฺมา นานตฺตสฺิโนติ วุตฺตา. เอกจฺเจ จ เทวาติ ฉ กามาวจรเทวา. เตสุ หิ เกสฺจิ กาโย นีโล โหติ, เกสฺจิ ปีตกาทิวณฺโณ. สฺา ปน เนสํ ทฺวิเหตุกาปิ ติเหตุกาปิ โหนฺติ, อเหตุกา นตฺถิ. เอกจฺเจ จ วินิปาติกาติ จตุอปายวินิมุตฺตา อุตฺตรมาตา ยกฺขินี, ปิยงฺกรมาตา, ผุสฺสมิตฺตา, ธมฺมคุตฺตาติ เอวมาทิกา อฺเ จ เวมานิกา เปตา. เอเตสฺหิ ปีตโอทาตกาฬมงฺคุรจฺฉวิสามวณฺณาทิวเสน เจว กิสถูลรสฺสทีฆวเสน จ กาโย นานา โหติ, มนุสฺสานํ วิย ทฺวิเหตุกติเหตุกอเหตุกวเสน สฺาปิ. เต ปน เทวา วิย น มเหสกฺขา, กปณมนุสฺสา วิย อปฺเปสกฺขา, ทุลฺลภฆาสจฺฉาทนา ทุกฺขปีฬิตา วิหรนฺติ. เอกจฺเจ กาฬปกฺเข ทุกฺขิตา ชุณฺหปกฺเข สุขิตา โหนฺติ, ตสฺมา สุขสมุสฺสยโต วินิปติตตฺตา วินิปาติกาติ วุตฺตา. เย ปเนตฺถ ติเหตุกา เตสํ ธมฺมาภิสมโยปิ โหติ, ปิยงฺกรมาตา หิ ยกฺขินี ปจฺจูสสมเย อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ธมฺมํ สชฺฌายโต สุตฺวา –
‘‘มา ¶ สทฺทมกริ ปิยงฺกร, ภิกฺขุ ธมฺมปทานิ ภาสติ;
อปิ ธมฺมปทํ วิชานิย, ปฏิปชฺเชม หิตาย โน สิยา;
ปาเณสุ จ สํยมามเส, สมฺปชานมุสา น ภณามเส;
สิกฺเขม สุสีลฺยมตฺตโน, อปิ มุจฺเจม ปิสาจโยนิยา’’ติ. (สํ. นิ. ๒.๔๐);
เอวํ ปุตฺตกํ สฺาเปตฺวา ตํ ทิวสํ โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา. อุตฺตรมาตา ปน ภควโต ธมฺมํ สุตฺวาว โสตาปนฺนา ชาตา.
พฺรหฺมกายิกาติ พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิตมหาพฺรหฺมาโน. ปมาภินิพฺพตฺตาติ เต สพฺเพปิ ปเมน ฌาเนน อภินิพฺพตฺตา. เตสุ พฺรหฺมปาริสชฺชา ปน ปริตฺเตน อภินิพฺพตฺตา, เตสํ กปฺปสฺส ตติโย ภาโค อายุปฺปมาณํ. พฺรหฺมปุโรหิตา มชฺฌิเมน, เตสํ อุปฑฺฒกปฺโป อายุปฺปมาณํ, กาโย ¶ จ เตสํ วิปฺผาริกตโร โหติ. มหาพฺรหฺมาโน ปณีเตน, เตสํ กปฺโป อายุปฺปมาณํ, กาโย ปน เตสํ อติวิปฺผาริโก โหติ. อิติ เต กายสฺส นานตฺตา, ปมชฺฌานวเสน สฺาย เอกตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโนติ เวทิตพฺพา.
ยถา ¶ จ เต, เอวํ จตูสุ อปาเยสุ สตฺตา. นิรเยสุ หิ เกสฺจิ คาวุตํ, เกสฺจิ อฑฺฒโยชนํ, เกสฺจิ โยชนํ อตฺตภาโว โหติ, เทวทตฺตสฺส ปน โยชนสติโก ชาโต. ติรจฺฉาเนสุปิ เกจิ ขุทฺทกา, เกจิ มหนฺตา. เปตฺติวิสเยปิ เกจิ สฏฺิหตฺถา, เกจิ สตฺตติหตฺถา, เกจิ อสีติหตฺถา โหนฺติ, เกจิ สุวณฺณา, เกจิ ทุพฺพณฺณา โหนฺติ. ตถา กาลกฺชิกา อสุรา. อปิ เจตฺถ ทีฆปิฏฺิกเปตา นาม สฏฺิโยชนิกาปิ โหนฺติ. สฺา ปน สพฺเพสมฺปิ อกุสลวิปากอเหตุกาว โหนฺติ. อิติ อาปายิกาปิ นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโนตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ.
อาภสฺสราติ ทณฺฑอุกฺกาย อจฺจิ วิย เอเตสํ สรีรโต อาภา ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปตนฺตี วิย สรติ วิสฺสรตีติ อาภสฺสรา. เตสุ ปฺจกนเยน ทุติยตติยชฺฌานทฺวยํ ปริตฺตํ ภาเวตฺวา อุปปนฺนา ปริตฺตาภา นาม โหนฺติ, เตสํ ทฺเว กปฺปา อายุปฺปมาณํ. มชฺฌิมํ ภาเวตฺวา อุปปนฺนา อปฺปมาณาภา นาม โหนฺติ, เตสํ จตฺตาโร กปฺปา อายุปฺปมาณํ. ปณีตํ ภาเวตฺวา อุปปนฺนา อาภสฺสรา ¶ นาม โหนฺติ, เตสํ อฏฺ กปฺปา อายุปฺปมาณํ. อิธ ปน อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน สพฺเพปิ เต คหิตา. สพฺเพสฺหิ เตสํ กาโย เอกวิปฺผาโรว โหติ, สฺา ปน อวิตกฺกวิจารมตฺตา วา อวิตกฺกอวิจารา วาติ นานา.
สุภกิณฺหาติ สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา, สุเภน สรีรปฺปภาวณฺเณน เอกคฺฆนาติ อตฺโถ. เอเตสฺหิ อาภสฺสรานํ วิย น ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปภา คจฺฉติ. ปฺจกนเย ปน ปริตฺตมชฺฌิมปณีตสฺส จตุตฺถชฺฌานสฺส วเสน โสฬสทฺวตฺตึสจตุสฏฺิกปฺปายุกา ปริตฺตสุภอปฺปมาณสุภสุภกิณฺหา นาม หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติ. อิติ สพฺเพปิ เต เอกตฺตกายา เจว จตุตฺถชฺฌานสฺาย เอกตฺตสฺิโน จาติ เวทิตพฺพา. เวหปฺผลาปิ จตุตฺถวิฺาณฏฺิติเมว ภชนฺติ. อสฺสตฺตา วิฺาณาภาวา เอตฺถ สงฺคหํ น คจฺฉนฺติ, สตฺตาวาเสสุ คจฺฉนฺติ.
สุทฺธาวาสา วิวฏฺฏปกฺเข ิตา น สพฺพกาลิกา, กปฺปสตสหสฺสมฺปิ อสงฺขฺเยยฺยมฺปิ พุทฺธสฺุเ โลเก นุปฺปชฺชนฺติ. โสฬสกปฺปสหสฺสพฺภนฺตเร พุทฺเธสุ อุปฺปนฺเนสุเยว อุปฺปชฺชนฺติ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตสฺส ภควโต ขนฺธวารฏฺานสทิสา โหนฺติ. ตสฺมา เนว วิฺาณฏฺิตึ น สตฺตาวาสํ ¶ ภชนฺติ. มหาสีวตฺเถโร ปน – ‘‘น โข ปน โส สาริปุตฺต สตฺตาวาโส สุลภรูโป ¶ โย มยา อนิวุตฺถปุพฺโพ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา อฺตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๐) อิมินา สุตฺเตน สุทฺธาวาสาปิ จตุตฺถวิฺาณฏฺิตึ จตุตฺถสตฺตาวาสํเยว ภชนฺตีติ วทติ, ตํ อปฺปฏิพาหิยตฺตา สุตฺตสฺส อนฺุาตํ.
สพฺพโส รูปสฺานนฺติอาทีนํ อตฺโถ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต. เนวสฺานาสฺายตนํ ปน ยเถว สฺาย, เอวํ วิฺาณสฺสปิ สุขุมตฺตา เนว วิฺาณํ นาวิฺาณํ. ตสฺมา วิฺาณฏฺิตีสุ อวตฺวา อายตเนสุ วุตฺตํ.
๑๒๘. ตตฺราติ ตาสุ วิฺาณฏฺิตีสุ. ตฺจ ปชานาตีติ ตฺจ วิฺาณฏฺิตึ ปชานาติ. ตสฺสา จ สมุทยนฺติ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๔๙) นเยน ตสฺสา สมุทยฺจ ปชานาติ. ตสฺสา จ อตฺถงฺคมนฺติ – ‘‘อวิชฺชานิโรธา ¶ รูปนิโรโธ’’ติอาทินา นเยน ตสฺสา อตฺถงฺคมฺจ ปชานาติ. อสฺสาทนฺติ ยํ รูปํ ปฏิจฺจ…เป… ยํ วิฺาณํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ วิฺาณสฺส อสฺสาโทติ, เอวํ ตสฺสา อสฺสาทฺจ ปชานาติ. อาทีนวนฺติ ยํ รูปํ…เป… ยํ วิฺาณํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, อยํ วิฺาณสฺส อาทีนโวติ, เอวํ ตสฺสา อาทีนวฺจ ปชานาติ. นิสฺสรณนฺติ โย รูปสฺมึ…เป… โย วิฺาเณ ฉนฺทราควินโย, ฉนฺทราคปฺปหานํ, อิทํ วิฺาณสฺส นิสฺสรณนฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๖) เอวํ ตสฺสา นิสฺสรณฺจ ปชานาติ. กลฺลํ นุ เตนาติ ยุตฺตํ นุ เตน ภิกฺขุนา ตํ วิฺาณฏฺิตึ ตณฺหามานทิฏฺีนํ วเสน อหนฺติ วา มมนฺติ วา อภินนฺทิตุนฺติ. เอเตนุปาเยน สพฺพตฺถ เวทิตพฺโพ. ยตฺถ ปน รูปํ นตฺถิ, ตตฺถ จตุนฺนํ ขนฺธานํ วเสน, ยตฺถ วิฺาณํ นตฺถิ, ตตฺถ เอกสฺส ขนฺธสฺส วเสน สมุทโย โยเชตพฺโพ. อาหารสมุทยา อาหารนิโรธาติ อิทฺเจตฺถ ปทํ โยเชตพฺพํ.
ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขูติ ยทา โข อานนฺท, ภิกฺขุ. อนุปาทา วิมุตฺโตติ จตูหิ อุปาทาเนหิ อคฺคเหตฺวา วิมุตฺโต. ปฺาวิมุตฺโตติ ปฺาย วิมุตฺโต. อฏฺ วิโมกฺเข อสจฺฉิกตฺวา ปฺาพเลเนว นามกายสฺส จ รูปกายสฺส จ อปฺปวตฺตึ กตฺวา วิมุตฺโตติ อตฺโถ. โส สุกฺขวิปสฺสโก จ ปมชฺฌานาทีสุ อฺตรสฺมึ ตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต ¶ จาติ ปฺจวิโธ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล ปฺาวิมุตฺโต? อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล น เหว โข อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปฺาวิมุตฺโต’’ติ (ปุ. ป. ๑๕).
อฏฺวิโมกฺขวณฺณนา
๑๒๙. เอวํ ¶ เอกสฺส ภิกฺขุโน นิคมนฺจ นามฺจ ทสฺเสตฺวา อิตรสฺส ทสฺเสตุํ อฏฺ โข อิเมติอาทิมาห. ตตฺถ วิโมกฺโขติ เกนฏฺเน วิโมกฺโข? อธิมุจฺจนฏฺเน. โก ปนายํ อธิมุจฺจนฏฺโ นาม? ปจฺจนีกธมฺเมหิ จ สุฏฺุ มุจฺจนฏฺโ, อารมฺมเณ จ อภิรติวเสน สุฏฺุ มุจฺจนฏฺโ, ปิตุองฺเก วิสฺสฏฺงฺคปจฺจงฺคสฺส ทารกสฺส สยนํ วิย อนิคฺคหิตภาเวน นิราสงฺกตาย อารมฺมเณ ปวตฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อยํ ปนตฺโถ ปจฺฉิเม ¶ วิโมกฺเข นตฺถิ, ปุริเมสุ สพฺเพสุ อตฺถิ.
รูปี รูปานิ ปสฺสตีติ เอตฺถ อชฺฌตฺตํ เกสาทีสุ นีลกสิณาทีสุ นีลกสิณาทิวเสน อุปฺปาทิตํ รูปชฺฌานํ รูปํ, ตทสฺสตฺถีติ รูปี. พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตีติ พหิทฺธาปิ นีลกสิณาทีนิ รูปานิ ฌานจกฺขุนา ปสฺสติ. อิมินา อชฺฌตฺตพหิทฺธาวตฺถุเกสุ กสิเณสุ อุปฺปาทิตชฺฌานสฺส ปุคฺคลสฺส จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ ทสฺสิตานิ. อชฺฌตฺตํ อรูปสฺีติ อชฺฌตฺตํ น รูปสฺี, อตฺตโน เกสาทีสุ อนุปฺปาทิตรูปาวจรชฺฌาโนติ อตฺโถ. อิมินา พหิทฺธา ปริกมฺมํ กตฺวา พหิทฺธาว อุปฺปาทิตชฺฌานสฺส ปุคฺคลสฺส รูปาวจรชฺฌานานิ ทสฺสิตานิ.
สุภนฺตฺเวว อธิมุตฺโต โหตีติ อิมินา สุวิสุทฺเธสุ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ฌานานิ ทสฺสิตานิ. ตตฺถ กิฺจาปิ อนฺโตอปฺปนายํ สุภนฺติ อาโภโค นตฺถิ, โย ปน วิสุทฺธํ สุภํ กสิณมารมฺมณํ กริตฺวา วิหรติ, โส ยสฺมา สุภนฺติ อธิมุตฺโต โหตีติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, ตสฺมา เอวํ เทสนา กตา. ปฏิสมฺภิทามคฺเค ปน – ‘‘กถํ สุภนฺตฺเวว อธิมุตฺโต โหตีติ วิโมกฺโข? อิธ ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ…เป… เมตฺตาย ภาวิตตฺตา สตฺตา อปฺปฏิกูลา โหนฺติ. กรุณา, มุทิตา, อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ…เป… อุเปกฺขาย ภาวิตตฺตา สตฺตา อปฺปฏิกูลา ¶ โหนฺติ. เอวํ สุภํ ตฺเวว อธิมุตฺโต โหตีติ วิโมกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๒) วุตฺตํ.
สพฺพโส รูปสฺานนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตเมว. อยํ อฏฺโม วิโมกฺโขติ อยํ จตุนฺนํ ขนฺธานํ สพฺพโส วิสุทฺธตฺตา วิมุตฺตตฺตา อฏฺโม อุตฺตโม วิโมกฺโข นาม.
๑๓๐. อนุโลมนฺติ ¶ อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา. ปฏิโลมนฺติ ปริโยสานโต ปฏฺาย ยาว อาทิโต. อนุโลมปฏิโลมนฺติ อิทํ อติปคุณตฺตา สมาปตฺตีนํ อฏฺตฺวาว อิโต จิโต จ สฺจรณวเสน วุตฺตํ. ยตฺถิจฺฉกนฺติ โอกาสปริทีปนํ, ยตฺถ ยตฺถ โอกาเส อิจฺฉติ. ยทิจฺฉกนฺติ สมาปตฺติทีปนํ, ยํ ยํ สมาปตฺตึ อิจฺฉติ. ยาวติจฺฉกนฺติ อทฺธานปริจฺเฉททีปนํ ¶ , ยาวตกํ อทฺธานํ อิจฺฉติ. สมาปชฺชตีติ ตํ ตํ สมาปตฺตึ ปวิสติ. วุฏฺาตีติ ตโต อุฏฺาย ติฏฺติ.
อุภโตภาควิมุตฺโตติ ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุตฺโต, อรูปสมาปตฺติยา รูปกายโต วิมุตฺโต, มคฺเคน นามกายโต วิมุตฺโตติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อจฺจี ยถา วาตเวเคน ขิตฺตา, (อุปสิวาติ ภควา)
อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺขํ;
เอวํ มุนี นามกายา วิมุตฺโต,
อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺข’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๐๘๐);
โส ปเนส อุภโตภาควิมุตฺโต อากาสานฺจายตนาทีสุ อฺตรโต อุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโต จ อนาคามี หุตฺวา นิโรธา อุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโต จาติ ปฺจวิโธ. เกจิ ปน – ‘‘ยสฺมา รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานมฺปิ ทุวงฺคิกํ อุเปกฺขาสหคตํ, อรูปาวจรชฺฌานมฺปิ ตาทิสเมว. ตสฺมา รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานโต อุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโตปิ อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ.
อยํ ปน อุภโตภาควิมุตฺตปฺโห เหฏฺา โลหปาสาเท สมุฏฺหิตฺวา ติปิฏกจูฬสุมนตฺเถรสฺส วณฺณนํ นิสฺสาย จิเรน วินิจฺฉยํ ปตฺโต ¶ . คิริวิหาเร กิร เถรสฺส อนฺเตวาสิโก เอกสฺส ปิณฺฑปาติกสฺส มุขโต ตํ ปฺหํ สุตฺวา อาห – ‘‘อาวุโส, เหฏฺาโลหปาสาเท อมฺหากํ อาจริยสฺส ธมฺมํ วณฺณยโต น เกนจิ สุตปุพฺพ’’นฺติ. กึ ปน, ภนฺเต, เถโร อวจาติ? รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ กิฺจาปิ ทุวงฺคิกํ อุเปกฺขาสหคตํ กิเลเส วิกฺขมฺเภติ, กิเลสานํ ปน อาสนฺนปกฺเข วิรูหนฏฺาเน สมุทาจรติ. อิเม หิ กิเลสา นาม ปฺจโวการภเว นีลาทีสุ อฺตรํ อารมฺมณํ อุปนิสฺสาย สมุทาจรนฺติ, รูปาวจรชฺฌานฺจ ตํ อารมฺมณํ น สมติกฺกมติ. ตสฺมา สพฺพโส รูปํ นิวตฺเตตฺวา อรูปชฺฌานวเสน กิเลเส วิกฺขมฺเภตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโตว อุภโตภาควิมุตฺโตติ, อิทํ อาวุโส เถโร อวจ. อิทฺจ ปน วตฺวา อิทํ สุตฺตํ อาหริ – ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุตฺโต. อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อฏฺวิโมกฺเข ¶ ¶ กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ (ปุ. ป. ๒๔).
อิมาย จ อานนฺท อุภโตภาควิมุตฺติยาติ อานนฺท อิโต อุภโตภาควิมุตฺติโต. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
มหานิทานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.