📜
๓. มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนา
๑๓๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มหาปรินิพฺพานสุตฺตํ. ตตฺรายมนุปุพฺพปทวณฺณนา – คิชฺฌกูเฏติ คิชฺฌา ตสฺส กูเฏสุ วสึสุ, คิชฺฌสทิสํ วา ตสฺส กูฏํ อตฺถีติ คิชฺฌกูโฏ, ตสฺมึ คิชฺฌกูเฏ. อภิยาตุกาโมติ อภิภวนตฺถาย ยาตุกาโม. วชฺชีติ วชฺชิราชาโน. เอวํมหิทฺธิเกติ เอวํ มหติยา ราชิทฺธิยา สมนฺนาคเต, เอเตน เนสํ สมคฺคภาวํ กเถสิ. เอวํมหานุภาเวติ เอวํ มหนฺเตน อานุภาเวน สมนฺนาคเต, เอเตน เนสํ หตฺถิสิปฺปาทีสุ กตสิกฺขตํ กเถสิ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สิกฺขิตา วติเม ลิจฺฉวิกุมารกา, สุสิกฺขิตา วติเม ลิจฺฉวิกุมารกา, ยตฺร หิ นาม สุขุเมน ตาฬจฺฉิคฺคเลน อสนํ อติปาตยิสฺสนฺติ โปงฺขานุโปงฺขํ อวิราธิต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕). อุจฺเฉจฺฉามีติ อุจฺฉินฺทิสฺสามิ. วินาเสสฺสามีติ นาเสสฺสามิ, อทสฺสนํ ปาเปสฺสามิ. อนยพฺยสนนฺติ เอตฺถ น อโยติ อนโย, อวฑฺฒิยา เอตํ นามํ. หิตฺจ สุขฺจ วิยสฺสติ วิกฺขิปตีติ พฺยสนํ, าติปาริชฺุาทีนํ เอตํ นามํ. อาปาเทสฺสามีติ ปาปยิสฺสามิ.
อิติ กิร โส านนิสชฺชาทีสุ อิมํ ยุทฺธกถเมว กเถติ, คมนสชฺชา โหถาติ เอวํ พลกายํ อาณาเปติ. กสฺมา? คงฺคายํ กิร เอกํ ปฏฺฏนคามํ นิสฺสาย อฑฺฒโยชนํ อชาตสตฺตุโน อาณา, อฑฺฒโยชนํ ลิจฺฉวีนํ. เอตฺถ ปน อาณาปวตฺติฏฺานํ โหตีติ อตฺโถ. ตตฺราปิ จ ปพฺพตปาทโต มหคฺฆภณฺฑํ โอตรติ. ตํ สุตฺวา – ‘‘อชฺช ยามิ, สฺเว ยามี’’ติ อชาตสตฺตุโน สํวิทหนฺตสฺเสว ลิจฺฉวิราชาโน สมคฺคา สมฺโมทมานา ปุเรตรํ คนฺตฺวา สพฺพํ คณฺหนฺติ. อชาตสตฺตุ ปจฺฉา อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ¶ กุชฺฌิตฺวา คจฺฉติ. เต ปุนสํวจฺฉเรปิ ตเถว กโรนฺติ. อถ โส พลวาฆาตชาโต ตทา เอวมกาสิ.
ตโต จินฺเตสิ – ‘‘คเณน สทฺธึ ยุทฺธํ นาม ภาริยํ, เอโกปิ โมฆปฺปหาโร นาม นตฺถิ, เอเกน โข ปน ปณฺฑิเตน สทฺธึ มนฺเตตฺวา กโรนฺโต นิปฺปราโธ โหติ, ปณฺฑิโต จ สตฺถารา สทิโส ¶ นตฺถิ, สตฺถา จ อวิทูเร ธุรวิหาเร วสติ, หนฺทาหํ เปเสตฺวา ปุจฺฉามิ ¶ . สเจ เม คเตน โกจิ อตฺโถ ภวิสฺสติ, สตฺถา ตุณฺหี ภวิสฺสติ, อนตฺเถ ปน สติ กึ รฺโ ตตฺถ คมเนนาติ วกฺขตี’’ติ. โส วสฺสการพฺราหฺมณํ เปเสสิ. พฺราหฺมโณ คนฺตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ราชา…เป… อาปาเทสฺสามี’’ติ.
ราชอปริหานิยธมฺมวณฺณนา
๑๓๔. ภควนฺตํ พีชยมาโนติ เถโร วตฺตสีเส ตฺวา ภควนฺตํ พีชติ, ภควโต ปน สีตํ วา อุณฺหํ วา นตฺถิ. ภควา พฺราหฺมณสฺส วจนํ สุตฺวา เตน สทฺธึ อมนฺเตตฺวา เถเรน สทฺธึ มนฺเตตุกาโม กินฺติ เต, อานนฺท, สุตนฺติอาทิมาห. อภิณฺหํ สนฺนิปาตาติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ สนฺนิปตนฺตาปิ อนฺตรนฺตรา สนฺนิปตนฺตาปิ อภิณฺหํ สนฺนิปาตาว. สนฺนิปาตพหุลาติ หิยฺโยปิ สนฺนิปติมฺหา, ปุริมทิวสมฺปิ สนฺนิปติมฺหา, ปุน อชฺช กิมตฺถํ สนฺนิปติตา โหมาติ โวสานํ อนาปชฺชนฺตา สนฺนิปาตพหุลา นาม โหนฺติ. ยาวกีวฺจาติ ยตฺตกํ กาลํ. วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานีติ – อภิณฺหํ อสนฺนิปตนฺตา หิ ทิสาวิทิสาสุ อาคตํ สาสนํ น สุณนฺติ, ตโต – ‘‘อสุกคามสีมา วา นิคมสีมา วา อากุลา, อสุกฏฺาเน โจรา วา ปริยุฏฺิตา’’ติ น ชานนฺติ, โจราปิ ‘‘ปมตฺตา ราชาโน’’ติ ตฺวา คามนิคมาทีนิ ปหรนฺตา ชนปทํ นาเสนฺติ. เอวํ ราชูนํ ปริหานิ โหติ. อภิณฺหํ สนฺนิปตนฺตา ปน ตํ ตํ ปวตฺตึ สุณนฺติ, ตโต พลํ เปเสตฺวา อมิตฺตมทฺทนํ กโรนฺติ, โจราปิ – ‘‘อปฺปมตฺตา ราชาโน, น สกฺกา อมฺเหหิ วคฺคพนฺเธหิ วิจริตุ’’นฺติ ภิชฺชิตฺวา ปลายนฺติ. เอวํ ราชูนํ วุทฺธิ โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฏิกงฺขา โน ปริหานี’’ติ. ตตฺถ ปาฏิกงฺขาติ อิจฺฉิตพฺพา, อวสฺสํ ภวิสฺสตีติ เอวํ ทฏฺพฺพาติ อตฺโถ.
สมคฺคาติอาทีสุ สนฺนิปาตเภริยา นิคฺคตาย – ‘‘อชฺช เม กิจฺจํ อตฺถิ, มงฺคลํ อตฺถี’’ติ วิกฺเขปํ ¶ กโรนฺตา น สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นาม. เภริสทฺทํ ปน สุตฺวาว ภฺุชนฺตาปิ อลงฺกริยมานาปิ วตฺถานิ นิวาเสนฺตาปิ อฑฺฒภุตฺตา วา อฑฺฒาลงฺกตา วา วตฺถํ นิวาสยมานา วา สนฺนิปตนฺตา สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นาม. สนฺนิปติตา ปน จินฺเตตฺวา มนฺเตตฺวา กตฺตพฺพํ กตฺวา เอกโตว อวุฏฺหนฺตา ¶ น สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม. เอวํ วุฏฺิเตสุ หิ เย ปมํ คจฺฉนฺติ, เตสํ เอวํ โหติ – ‘‘อมฺเหหิ พาหิรกถาว สุตา, อิทานิ วินิจฺฉยกถา ภวิสฺสตี’’ติ. เอกโต วุฏฺหนฺตา ปน สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม. อปิจ – ‘‘อสุกฏฺาเนสุ คามสีมา ¶ วา นิคมสีมา วา อากุลา, โจรา ปริยุฏฺิตา’’ติ สุตฺวา – ‘‘โก คนฺตฺวา อิมํ อมิตฺตมทฺทนํ กริสฺสตี’’ติ วุตฺเต – ‘‘อหํ ปมํ, อหํ ปม’’นฺติ วตฺวา คจฺฉนฺตาปิ สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม. เอกสฺส ปน กมฺมนฺเต โอสีทมาเน เสสา ราชาโน ปุตฺตภาตโร เปเสตฺวา ตสฺส กมฺมนฺตํ อุปตฺถมฺภยมานาปิ, อาคนฺตุกราชานํ – ‘‘อสุกสฺส เคหํ คจฺฉตุ, อสุกสฺส เคหํ คจฺฉตู’’ติ อวตฺวา สพฺเพ เอกโต สงฺคณฺหนฺตาปิ, เอกสฺส มงฺคเล วา โรเค วา อฺสฺมึ วา ปน ตาทิเส สุขทุกฺเข อุปฺปนฺเน สพฺเพ ตตฺถ สหายภาวํ คจฺฉนฺตาปิ สมคฺคา วชฺชิกรณียานิ กโรนฺติ นาม.
อปฺตฺตนฺติอาทีสุ ปุพฺเพ อกตํ สุงฺกํ วา พลึ วา ทณฺฑํ วา อาหราเปนฺตา อปฺตฺตํ ปฺเปนฺติ นาม. โปราณปเวณิยา อาคตเมว ปน อนาหราเปนฺตา ปฺตฺตํ สมุจฺฉินฺทนฺติ นาม. โจโรติ คเหตฺวา ทสฺสิเต อวิจินิตฺวาว เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาเสนฺตา โปราณํ วชฺชิธมฺมํ สมาทาย น วตฺตนฺติ นาม. เตสํ อปฺตฺตํ ปฺเปนฺตานํ อภินวสุงฺกาทีหิ ปีฬิตา มนุสฺสา – ‘‘อติอุปทฺทุตมฺห, โก อิเมสํ วิชิเต วสิสฺสตี’’ติ ปจฺจนฺตํ ปวิสิตฺวา โจรา วา โจรสหายา วา หุตฺวา ชนปทํ ปหรนฺติ. ปฺตฺตํ สมุจฺฉินฺทนฺตานํ ปเวณีอาคตานิ สุงฺกาทีนิ อคณฺหนฺตานํ โกโส ปริหายติ. ตโต หตฺถิอสฺสพลกายโอโรธาทโย ยถานิพทฺธํ วฏฺฏํ อลภมานา ถาเมน พเลน ปริหายนฺติ. เต เนว ยุทฺธกฺขมา โหนฺติ, น ปาริจริยกฺขมา. โปราณํ วชฺชิธมฺมํ สมาทาย อวตฺตนฺตานํ วิชิเต มนุสฺสา – ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตํ ปิตรํ ภาตรํ อโจรํเยว โจโรติ ¶ กตฺวา ฉินฺทึสุ ภินฺทึสู’’ติ กุชฺฌิตฺวา ปจฺจนฺตํ ปวิสิตฺวา โจรา วา โจรสหายา วา หุตฺวา ชนปทํ ปหรนฺติ, เอวํ ราชูนํ ปริหานิ โหติ, ปฺตฺตํ ปฺเปนฺตานํ ปน ‘‘ปเวณีอาคตเมว ราชาโน กโรนฺตี’’ติ มนุสฺสา หฏฺตุฏฺา กสิวาณิชฺชาทิเก กมฺมนฺเต สมฺปาเทนฺติ. ปฺตฺตํ อสมุจฺฉินฺทนฺตานํ ปเวณีอาคตานิ สุงฺกาทีนิ คณฺหนฺตานํ ¶ โกโส วฑฺฒติ, ตโต หตฺถิอสฺสพลกายโอโรธาทโย ยถานิพทฺธํ วฏฺฏํ ลภมานา ถามพลสมฺปนฺนา ยุทฺธกฺขมา เจว ปาริจริยกฺขมา จ โหนฺติ.
โปราณํ วชฺชิธมฺมนฺติ เอตฺถ ปุพฺเพ กิร วชฺชิราชาโน ‘‘อยํ โจโร’’ติ อาเนตฺวา ทสฺสิเต ‘‘คณฺหถ นํ โจร’’นฺติ อวตฺวา วินิจฺฉยมหามตฺตานํ เทนฺติ. เต วินิจฺฉินิตฺวา สเจ อโจโร โหติ, วิสฺสชฺเชนฺติ. สเจ โจโร, อตฺตนา กิฺจิ อวตฺวา โวหาริกานํ เทนฺติ. เตปิ อโจโร เจ, วิสฺสชฺเชนฺติ. โจโร เจ, สุตฺตธรานํ เทนฺติ. เตปิ วินิจฺฉินิตฺวา อโจโร เจ, วิสฺสชฺเชนฺติ. โจโร เจ, อฏฺกุลิกานํ เทนฺติ. เตปิ ตเถว กตฺวา เสนาปติสฺส, เสนาปติ อุปราชสฺส, อุปราชา รฺโ, ราชา วินิจฺฉินิตฺวา อโจโร เจ, วิสฺสชฺเชติ. สเจ ¶ ปน โจโร โหติ, ปเวณีโปตฺถกํ วาจาเปติ. ตตฺถ – ‘‘เยน อิทํ นาม กตํ, ตสฺส อยํ นาม ทณฺโฑ’’ติ ลิขิตํ. ราชา ตสฺส กิริยํ เตน สมาเนตฺวา ตทนุจฺฉวิกํ ทณฺฑํ กโรติ. อิติ เอตํ โปราณํ วชฺชิธมฺมํ สมาทาย วตฺตนฺตานํ มนุสฺสา น อุชฺฌายนฺติ, ‘‘ราชาโน โปราณปเวณิยา กมฺมํ กโรนฺติ, เอเตสํ โทโส นตฺถิ, อมฺหากํเยว โทโส’’ติ อปฺปมตฺตา กมฺมนฺเต กโรนฺติ. เอวํ ราชูนํ วุทฺธิ โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ.
สกฺกโรนฺตีติ ยํกิฺจิ เตสํ สกฺการํ กโรนฺตา สุนฺทรเมว กโรนฺติ. ครุํ กโรนฺตีติ ครุภาวํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวาว กโรนฺติ. มาเนนฺตีติ มเนน ปิยายนฺติ. ปูเชนฺตีติ นิปจฺจการํ ทสฺเสนฺติ. โสตพฺพํ มฺนฺตีติ ทิวสสฺส ทฺเว ตโย วาเร อุปฏฺานํ คนฺตฺวา เตสํ กถํ โสตพฺพํ สทฺธาตพฺพํ มฺนฺติ. ตตฺถ เย เอวํ มหลฺลกานํ ราชูนํ สกฺการาทีนิ น กโรนฺติ, โอวาทตฺถาย จ เนสํ อุปฏฺานํ น คจฺฉนฺติ, เต เตหิ วิสฺสฏฺา อโนวทิยมานา กีฬาปสุตา รชฺชโต ปริหายนฺติ. เย ปน ตถา ปฏิปชฺชนฺติ, เตสํ มหลฺลกราชาโน – ‘‘อิทํ กาตพฺพํ, อิทํ น กาตพฺพ’’นฺติ ¶ โปราณํ ปเวณึ อาจิกฺขนฺติ. สงฺคามํ ปตฺวาปิ – ‘‘เอวํ ปวิสิตพฺพํ, เอวํ นิกฺขมิตพฺพ’’นฺติ อุปายํ ทสฺเสนฺติ. เต เตหิ โอวทิยมานา ยถาโอวาทํ ปฏิปชฺชนฺตา สกฺโกนฺติ ราชปฺปเวณึ สนฺธาเรตุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ.
กุลิตฺถิโยติ ¶ กุลฆรณิโย. กุลกุมาริโยติ อนิวิทฺธา ตาสํ ธีตโร. โอกฺกสฺส ปสยฺหาติ เอตฺถ ‘‘โอกฺกสฺสา’’ติ วา ‘‘ปสยฺหา’’ติ วา ปสยฺหาการสฺเสเวตํ นามํ. ‘‘อุกฺกสฺสา’’ติปิ ปนฺติ. ตตฺถ โอกฺกสฺสาติ อวกสฺสิตฺวา อากฑฺฒิตฺวา. ปสยฺหาติ อภิภวิตฺวา อชฺโฌตฺถริตฺวาติ อยํ วจนตฺโถ. เอวฺหิ กโรนฺตานํ วิชิเต มนุสฺสา – ‘‘อมฺหากํ เคเห ปุตฺตมาตโรปิ, เขฬสิงฺฆาณิกาทีนิ มุเขน อปเนตฺวา สํวฑฺฒิตธีตโรปิ อิเม ราชาโน พลกฺกาเรน คเหตฺวา อตฺตโน ฆเร วาเสนฺตี’’ติ กุปิตา ปจฺจนฺตํ ปวิสิตฺวา โจรา วา โจรสหายา วา หุตฺวา ชนปทํ ปหรนฺติ. เอวํ อกโรนฺตานํ ปน วิชิเต มนุสฺสา อปฺโปสฺสุกฺกา สกานิ กมฺมานิ กโรนฺตา ราชโกสํ วฑฺเฒนฺติ. เอวเมตฺถ วุทฺธิหานิโย เวทิตพฺพา.
วชฺชีนํ วชฺชิเจติยานีติ วชฺชิราชูนํ วชฺชิรฏฺเ จิตฺตีกตฏฺเน เจติยานีติ ลทฺธนามานิ ยกฺขฏฺานานิ. อพฺภนฺตรานีติ อนฺโตนคเร ิตานิ. พาหิรานีติ พหินคเร ิตานิ ¶ . ทินฺนปุพฺพนฺติ ปุพฺเพ ทินฺนํ. กตปุพฺพนฺติ ปุพฺเพ กตํ. โน ปริหาเปสฺสนฺตีติ อปริหาเปตฺวา ยถาปวตฺตเมว กริสฺสนฺติ ธมฺมิกํ พลึ ปริหาเปนฺตานฺหิ เทวตา อารกฺขํ สุสํวิหิตํ น กโรนฺติ, อนุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ชเนตุํ อสกฺโกนฺตาปิ อุปฺปนฺนํ กาสสีสโรคาทึ วฑฺเฒนฺติ, สงฺคาเม ปตฺเต สหายา น โหนฺติ. อปริหาเปนฺตานํ ปน อารกฺขํ สุสํวิหิตํ กโรนฺติ, อนุปฺปนฺนํ สุขํ อุปฺปาเทตุํ อสกฺโกนฺตาปิ อุปฺปนฺนํ กาสสีสโรคาทึ หนนฺติ, สงฺคามสีเส สหายา โหนฺตีติ เอวเมตฺถ วุทฺธิหานิโย เวทิตพฺพา.
ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺตีติ เอตฺถ รกฺขา เอว ยถา อนิจฺฉิตํ น คจฺฉติ, เอวํ อาวรณโต อาวรณํ. ยถา อิจฺฉิตํ น วินสฺสติ, เอวํ โคปายนโต คุตฺติ. ตตฺถ พลกาเยน ปริวาเรตฺวา รกฺขณํ ปพฺพชิตานํ ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ ¶ นาม น โหติ. ยถา ปน วิหารสฺส อุปวเน รุกฺเข น ฉินฺทนฺติ, วาชิกา วชฺฌํ น กโรนฺติ, โปกฺขรณีสุ มจฺเฉ น คณฺหนฺติ, เอวํ กรณํ ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ นาม. กินฺติ อนาคตา จาติ อิมินา ปน เนสํ เอวํ ปจฺจุปฏฺิตจิตฺตสนฺตาโนติ จิตฺตปฺปวตฺตึ ปุจฺฉติ.
ตตฺถ ¶ เย อนาคตานํ อรหนฺตานํ อาคมนํ น อิจฺฉนฺติ, เต อสฺสทฺธา โหนฺติ อปฺปสนฺนา. ปพฺพชิเต จ สมฺปตฺเต ปจฺจุคฺคมนํ น กโรนฺติ, คนฺตฺวา น ปสฺสนฺติ, ปฏิสนฺถารํ น กโรนฺติ, ปฺหํ น ปุจฺฉนฺติ, ธมฺมํ น สุณนฺติ, ทานํ น เทนฺติ, อนุโมทนํ น สุณนฺติ, นิวาสนฏฺานํ น สํวิทหนฺติ. อถ เนสํ อวณฺโณ อพฺภุคฺคจฺฉติ – ‘‘อสุโก นาม ราชา อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน, ปพฺพชิเต สมฺปตฺเต ปจฺจุคฺคมนํ น กโรติ…เป… นิวาสนฏฺานํ น สํวิทหตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ปพฺพชิตา ตสฺส นครทฺวาเรน น คจฺฉนฺติ, คจฺฉนฺตาปิ นครํ น ปวิสนฺติ. เอวํ อนาคตานํ อรหนฺตานํ อนาคมนเมว โหติ. อาคตานมฺปิ ผาสุวิหาเร อสติ เยปิ อชานิตฺวา อาคตา, เต – ‘‘วสิสฺสามาติ ตาว จินฺเตตฺวา อาคตมฺหา, อิเมสํ ปน ราชูนํ อิมินา นีหาเรน โก วสิสฺสตี’’ติ นิกฺขมิตฺวา คจฺฉนฺติ. เอวํ อนาคเตสุ อนาคจฺฉนฺเตสุ, อาคเตสุ ทุกฺขํ วิหรนฺเตสุ โส เทโส ปพฺพชิตานํ อนาวาโส โหติ. ตโต เทวตารกฺขา น โหติ, เทวตารกฺขาย อสติ อมนุสฺสา โอกาสํ ลภนฺติ. อมนุสฺสา อุสฺสนฺนา อนุปฺปนฺนํ พฺยาธึ อุปฺปาเทนฺติ, สีลวนฺตานํ ทสฺสนปฺหาปุจฺฉนาทิวตฺถุกสฺส ปฺุสฺส อนาคโม โหติ. วิปริยาเยน ปน ยถาวุตฺตกณฺหปกฺขวิปรีตสฺส สุกฺกปกฺขสฺส สมฺภโว โหตีติ เอวเมตฺถ วุทฺธิหานิโย เวทิตพฺพา.
๑๓๕. เอกมิทาหนฺติ อิทํ ภควา ปุพฺเพ วชฺชีนํ อิมสฺส วชฺชิสตฺตกสฺส เทสิตภาวปฺปกาสนตฺถมาห ¶ . ตตฺถ สารนฺทเท เจติเยติ เอวํนามเก วิหาเร. อนุปฺปนฺเน กิร พุทฺเธ ตตฺถ สารนฺททสฺส ยกฺขสฺส นิวาสนฏฺานํ เจติยํ อโหสิ. อเถตฺถ ภควโต วิหารํ การาเปสุํ, โส สารนฺทเท เจติเย กตตฺตา สารนฺททเจติยนฺตฺเวว สงฺขฺยํ คโต.
อกรณียาติ อกาตพฺพา, อคฺคเหตพฺพาติ อตฺโถ. ยทิทนฺติ ¶ นิปาตมตฺตํ. ยุทฺธสฺสาติ กรณตฺเถ สามิวจนํ, อภิมุขยุทฺเธน คเหตุํ น สกฺกาติ อตฺโถ. อฺตฺร อุปลาปนายาติ เปตฺวา อุปลาปนํ. อุปลาปนา นาม – ‘‘อลํ วิวาเทน, อิทานิ สมคฺคา โหมา’’ติ หตฺถิอสฺสรถหิรฺสุวณฺณาทีนิ เปเสตฺวา สงฺคหกรณํ. เอวฺหิ สงฺคหํ กตฺวา เกวลํ วิสฺสาเสน สกฺกา คณฺหิตุนฺติ อตฺโถ. อฺตฺร มิถุเภทายาติ เปตฺวา มิถุเภทํ. อิมินา อฺมฺเภทํ กตฺวาปิ สกฺกา เอเต คเหตุนฺติ ¶ ทสฺเสติ. อิทํ พฺราหฺมโณ ภควโต กถาย นยํ ลภิตฺวา อาห.
กึ ปน ภควา พฺราหฺมณสฺส อิมาย กถาย นยลาภํ น ชานาตีติ? อาม, ชานาติ. ชานนฺโต กสฺมา กเถสีติ? อนุกมฺปาย. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘มยา อกถิเตปิ กติปาเหน คนฺตฺวา สพฺเพ คณฺหิสฺสติ, กถิเต ปน สมคฺเค ภินฺทนฺโต ตีหิ สํวจฺฉเรหิ คณฺหิสฺสติ, เอตฺตกมฺปิ ชีวิตเมว วรํ, เอตฺตกฺหิ ชีวนฺตา อตฺตโน ปติฏฺานภูตํ ปฺุํ กริสฺสนฺตี’’ติ.
อภินนฺทิตฺวาติ จิตฺเตน อภินนฺทิตฺวา. อนุโมทิตฺวาติ ‘‘ยาว สุภาสิตฺจิทํ โภตา โคตเมนา’’ติ วาจาย อนุโมทิตฺวา. ปกฺกามีติ รฺโ สนฺติกํ คโต. ตโต นํ ราชา – ‘‘กึ อาจริย, ภควา อวจา’’ติ ปุจฺฉิ. โส – ‘‘ยถา โภ สมณสฺส โคตมสฺส วจนํ น สกฺกา วชฺชี เกนจิ คเหตุํ, อปิ จ อุปลาปนาย วา มิถุเภเทน วา สกฺกา’’ติ อาห. ตโต นํ ราชา – ‘‘อุปลาปนาย อมฺหากํ หตฺถิอสฺสาทโย นสฺสิสฺสนฺติ, เภเทเนว เต คเหสฺสามิ, กึ กโรมา’’ติ ปุจฺฉิ. เตน หิ, มหาราช, ตุมฺเห วชฺชึ อารพฺภ ปริสติ กถํ สมุฏฺาเปถ. ตโต อหํ – ‘‘กึ เต มหาราช เตหิ, อตฺตโน สนฺตเกหิ กสิวาณิชฺชาทีนิ กตฺวา ชีวนฺตุ เอเต ราชาโน’’ติ วตฺวา ปกฺกมิสฺสามิ. ตโต ตุมฺเห – ‘‘กินฺนุ โข โภ เอส พฺราหฺมโณ วชฺชึ อารพฺภ ปวตฺตํ กถํ ปฏิพาหตี’’ติ วเทยฺยาถ, ทิวสภาเค จาหํ เตสํ ปณฺณาการํ เปเสสฺสามิ, ตมฺปิ คาหาเปตฺวา ตุมฺเหปิ มม โทสํ อาโรเปตฺวา พนฺธนตาลนาทีนิ อกตฺวาว เกวลํ ขุรมุณฺฑํ มํ กตฺวา นครา นีหราเปถ. อถาหํ – ‘‘มยา เต นคเร ปากาโร ปริขา จ การิตา, อหํ กิร ทุพฺพลฏฺานฺจ อุตฺตานคมฺภีรฏฺานฺจ ชานามิ, น จิรสฺเสว ทานิ ¶ อุชุํ กริสฺสามี’’ติ ¶ วกฺขามิ. ตํ สุตฺวา ตุมฺเห – ‘‘คจฺฉตู’’ติ วเทยฺยาถาติ. ราชา สพฺพํ อกาสิ.
ลิจฺฉวี ตสฺส นิกฺขมนํ สุตฺวา – ‘‘สโ พฺราหฺมโณ, มา ตสฺส คงฺคํ อุตฺตริตุํ อทตฺถา’’ติ อาหํสุ. ตตฺร เอกจฺเจหิ – ‘‘อมฺเห อารพฺภ กถิตตฺตา กิร โส เอวํ กโต’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ, ภเณ, เอตู’’ติ ภณึสุ. โส คนฺตฺวา ลิจฺฉวี ทิสฺวา ‘‘กึ อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิโต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ, ลิจฺฉวิโน – ‘‘อปฺปมตฺตเกน นาม เอวํ ครุํ ทณฺฑํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ¶ วตฺวา – ‘‘กึ เต ตตฺร านนฺตร’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘วินิจฺฉยามจฺโจหมสฺมี’’ติ. ตเทว เต านนฺตรํ โหตูติ. โส สุฏฺุตรํ วินิจฺฉยํ กโรติ, ราชกุมารา ตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ.
โส ปติฏฺิตคุโณ หุตฺวา เอกทิวสํ เอกํ ลิจฺฉวึ คเหตฺวา เอกมนฺตํ คนฺตฺวา – ทารกา กสนฺตีติ ปุจฺฉิ. อาม, กสนฺติ. ทฺเว โคเณ โยเชตฺวาติ? อาม, ทฺเว โคเณ โยเชตฺวาติ. เอตฺตกํ วตฺวา นิวตฺโต. ตโต ตํ อฺโ – ‘‘กึ อาจริโย อาหา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตน วุตฺตํ อสทฺทหนฺโต ‘‘น เม เอส ยถาภูตํ กเถตี’’ติ เตน สทฺธึ ภิชฺชิ. พฺราหฺมโณ อฺสฺมึ ทิวเส เอกํ ลิจฺฉวึ เอกมนฺตํ เนตฺวา – ‘‘เกน พฺยฺชเนน ภุตฺโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา นิวตฺโต. ตมฺปิ อฺโ ปุจฺฉิตฺวา อสทฺทหนฺโต ตเถว ภิชฺชิ. พฺราหฺมโณ อปรมฺปิ ทิวสํ เอกํ ลิจฺฉวึ เอกมนฺตํ เนตฺวา – ‘‘อติทุคฺคโตสิ กิรา’’ติ ปุจฺฉิ. โก เอวมาหาติ ปุจฺฉิโต อสุโก นาม ลิจฺฉวีติ. อปรมฺปิ เอกมนฺตํ เนตฺวา – ‘‘ตฺวํ กิร ภีรุกชาติโก’’ติ ปุจฺฉิ. โก เอวมาหาติ? อสุโก นาม ลิจฺฉวีติ. เอวํ อฺเน อกถิตเมว อฺสฺส กเถนฺโต ตีหิ สํวจฺฉเรหิ เต ราชาโน อฺมฺํ ภินฺทิตฺวา ยถา ทฺเว เอกมคฺเคน น คจฺฉนฺติ, ตถา กตฺวา สนฺนิปาตเภรึ จราเปสิ. ลิจฺฉวิโน – ‘‘อิสฺสรา สนฺนิปตนฺตุ, สูรา สนฺนิปตนฺตู’’ติ วตฺวา น สนฺนิปตึสุ.
พฺราหฺมโณ – ‘‘อยํ ทานิ กาโล, สีฆํ อาคจฺฉตู’’ติ รฺโ สาสนํ เปเสสิ. ราชา สุตฺวาว พลเภรึ จราเปตฺวา นิกฺขมิ. เวสาลิกา สุตฺวา – ‘‘รฺโ คงฺคํ อุตฺตริตุํ น ทสฺสามา’’ติ เภรึ จราเปสุํ. ตมฺปิ สุตฺวา – ‘‘คจฺฉนฺตุ สูรราชาโน’’ติอาทีนิ วตฺวา น ¶ สนฺนิปตึสุ. ‘‘นครปฺปเวสนํ น ทสฺสาม, ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา สฺสามา’’ติ เภรึ จราเปสุํ. เอโกปิ น สนฺนิปติ. ยถาวิวเฏเหว ทฺวาเรหิ ปวิสิตฺวา สพฺเพ อนยพฺยสนํ ปาเปตฺวา คโต.
ภิกฺขุอปริหานิยธมฺมวณฺณนา
๑๓๖. อถ ¶ โข ภควา อจิรปกฺกนฺเตติอาทิมฺหิ สนฺนิปาเตตฺวาติ ทูรวิหาเรสุ อิทฺธิมนฺเต เปเสตฺวา สนฺติกวิหาเรสุ สยํ คนฺตฺวา – ‘‘สนฺนิปตถ, อายสฺมนฺโต; ภควา โว สนฺนิปาตํ อิจฺฉตี’’ติ สนฺนิปาเตตฺวา. อปริหานิเยติ ¶ อปริหานิกเร, วุทฺธิเหตุภูเตติ อตฺโถ. ธมฺเม เทเสสฺสามีติ จนฺทสหสฺสํ สูริยสหสฺสํ อุฏฺเปนฺโต วิย จตุกุฏฺฏเก เคเห อนฺโต เตลทีปสหสฺสํ อุชฺชาเลนฺโต วิย ปากเฏ กตฺวา กถยิสฺสามีติ.
ตตฺถ อภิณฺหํ สนฺนิปาตาติ อิทํ วชฺชิสตฺตเก วุตฺตสทิสเมว. อิธาปิ จ อภิณฺหํ อสนฺนิปติตา ทิสาสุ อาคตสาสนํ น สุณนฺติ. ตโต – ‘‘อสุกวิหารสีมา อากุลา, อุโปสถปวารณา ิตา, อสุกสฺมึ าเน ภิกฺขู เวชฺชกมฺมทูตกมฺมาทีนิ กโรนฺติ, วิฺตฺติพหุลา ปุปฺผทานาทีหิ ชีวิกํ กปฺเปนฺตี’’ติอาทีนิ น ชานนฺติ, ปาปภิกฺขูปิ ‘‘ปมตฺโต ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ ตฺวา ราสิภูตา สาสนํ โอสกฺกาเปนฺติ. อภิณฺหํ สนฺนิปติตา ปน ตํ ตํ ปวตฺตึ สุณนฺติ, ตโต ภิกฺขุสงฺฆํ เปเสตฺวา สีมํ อุชุํ กโรนฺติ, อุโปสถปวารณาทโย ปวตฺตาเปนฺติ, มิจฺฉาชีวานํ อุสฺสนฺนฏฺาเน อริยวํสเก เปเสตฺวา อริยวํสํ กถาเปนฺติ, ปาปภิกฺขูนํ วินยธเรหิ นิคฺคหํ การาเปนฺติ, ปาปภิกฺขูปิ ‘‘อปฺปมตฺโต ภิกฺขุสงฺโฆ, น สกฺกา อมฺเหหิ วคฺคพนฺเธน วิจริตุ’’นฺติ ภิชฺชิตฺวา ปลายนฺติ. เอวเมตฺถ หานิวุทฺธิโย เวทิตพฺพา.
สมคฺคาติอาทีสุ เจติยปฏิชคฺคนตฺถํ วา โพธิเคหอุโปสถาคารจฺฉาทนตฺถํ วา กติกวตฺตํ วา เปตุกามตาย โอวาทํ วา ทาตุกามตาย – ‘‘สงฺโฆ สนฺนิปตตู’’ติ เภริยา วา ฆณฺฏิยา วา อาโกฏิตาย – ‘‘มยฺหํ จีวรกมฺมํ อตฺถิ, มยฺหํ ปตฺโต ปจิตพฺโพ, มยฺหํ นวกมฺมํ อตฺถี’’ติ วิกฺเขปํ กโรนฺตา น สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นาม. สพฺพํ ปน ตํ กมฺมํ เปตฺวา – ‘‘อหํ ปุริมตรํ, อหํ ปุริมตร’’นฺติ เอกปฺปหาเรเนว สนฺนิปตนฺตา สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นาม. สนฺนิปติตา ปน จินฺเตตฺวา มนฺเตตฺวา กตฺตพฺพํ ¶ กตฺวา เอกโต อวุฏฺหนฺตา สมคฺคา น วุฏฺหนฺติ นาม. เอวํ วุฏฺิเตสุ หิ เย ปมํ คจฺฉนฺติ, เตสํ เอวํ โหติ – ‘‘อมฺเหหิ พาหิรกถาว สุตา, อิทานิ วินิจฺฉยกถา ภวิสฺสตี’’ติ. เอกปฺปหาเรเนว วุฏฺหนฺตา ปน สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม. อปิจ ‘‘อสุกฏฺาเน วิหารสีมา อากุลา, อุโปสถปวารณา ิตา, อสุกฏฺาเน เวชฺชกมฺมาทิการกา ปาปภิกฺขู อุสฺสนฺนา’’ติ สุตฺวา – ‘‘โก คนฺตฺวา ¶ เตสํ นิคฺคหํ กริสฺสตี’’ติ ¶ วุตฺเต – ‘‘อหํ ปมํ, อหํ ปม’’นฺติ วตฺวา คจฺฉนฺตาปิ สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม.
อาคนฺตุกํ ปน ทิสฺวา – ‘‘อิมํ ปริเวณํ ยาหิ, เอตํ ปริเวณํ ยาหิ, อยํ โก’’ติ อวตฺวา สพฺเพ วตฺตํ กโรนฺตาปิ, ชิณฺณปตฺตจีวรกํ ทิสฺวา ตสฺส ภิกฺขาจารวตฺเตน ปตฺตจีวรํ ปริเยสมานาปิ, คิลานสฺส คิลานเภสชฺชํ ปริเยสมานาปิ, คิลานเมว อนาถํ – ‘‘อสุกปริเวณํ ยาหิ, อสุกปริเวณํ ยาหี’’ติ อวตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปริเวเณ ปฏิชคฺคนฺตาปิ, เอโก โอลิยมานโก คนฺโถ โหติ, ปฺวนฺตํ ภิกฺขุํ สงฺคณฺหิตฺวา เตน ตํ คนฺถํ อุกฺขิปาเปนฺตาปิ สมคฺคา สงฺฆํ กรณียานิ กโรนฺติ นาม.
อปฺตฺตนฺติอาทีสุ นวํ อธมฺมิกํ กติกวตฺตํ วา สิกฺขาปทํ วา พนฺธนฺตา อปฺตฺตํ ปฺเปนฺติ นาม, ปุราณสนฺถตวตฺถุสฺมึ สาวตฺถิยํ ภิกฺขู วิย. อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สาสนํ ทีเปนฺตา ปฺตฺตํ สมุจฺฉินฺทนฺติ นาม, วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา วิย. ขุทฺทานุขุทฺทกา ปน อาปตฺติโย สฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺตา ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย น วตฺตนฺติ นาม, อสฺสชิปุนพฺพสุกา วิย. นวํ ปน กติกวตฺตํ วา สิกฺขาปทํ วา อพนฺธนฺตา, ธมฺมวินยโต สาสนํ ทีเปนฺตา, ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ อสมูหนนฺตา อปฺตฺตํ น ปฺเปนฺติ, ปฺตฺตํ น สมุจฺฉินฺทนฺติ, ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺตนฺติ นาม, อายสฺมา อุปเสโน วิย, อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต วิย จ.
‘‘สุณาตุ, เม อาวุโส สงฺโฆ, สนฺตมฺหากํ สิกฺขาปทานิ คิหิคตานิ, คิหิโนปิ ชานนฺติ, ‘อิทํ โว สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กปฺปติ, อิทํ โว น กปฺปตี’ติ. สเจ หิ มยํ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ¶ สมูหนิสฺสาม, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร – ‘ธูมกาลิกํ สมเณน โคตเมน สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ยาวิเมสํ สตฺถา อฏฺาสิ, ตาวิเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขึสุ. ยโต อิเมสํ สตฺถา ปรินิพฺพุโต, น ทานิเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขนฺตี’ติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อปฺตฺตํ ¶ น ปฺเปยฺย, ปฺตฺตํ น สมุจฺฉินฺเทยฺย, ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺเตยฺยา’’ติ (จุฬว. ๔๔๒) –
อิมํ ตนฺตึ ปยนฺโต อายสฺมา มหากสฺสโป วิย จ. วุทฺธิเยวาติ สีลาทีหิ คุเณหิ วุฑฺฒิเยว, โน ปริหานิ.
เถราติ ¶ ถิรภาวปฺปตฺตา เถรการเกหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา. พหู รตฺติโย ชานนฺตีติ รตฺตฺู. จิรํ ปพฺพชิตานํ เอเตสนฺติ จิรปพฺพชิตา. สงฺฆสฺส ปิตุฏฺาเน ิตาติ สงฺฆปิตโร. ปิตุฏฺาเน ิตตฺตา สงฺฆํ ปริเนนฺติ ปุพฺพงฺคมา หุตฺวา ตีสุ สิกฺขาสุ ปวตฺเตนฺตีติ สงฺฆปริณายกา.
เย เตสํ สกฺการาทีนิ น กโรนฺติ, โอวาทตฺถาย ทฺเว ตโย วาเร อุปฏฺานํ น คจฺฉนฺติ, เตปิ เตสํ โอวาทํ น เทนฺติ, ปเวณีกถํ น กเถนฺติ, สารภูตํ ธมฺมปริยายํ น สิกฺขาเปนฺติ. เต เตหิ วิสฺสฏฺา สีลาทีหิ ธมฺมกฺขนฺเธหิ สตฺตหิ จ อริยธเนหีติ เอวมาทีหิ คุเณหิ ปริหายนฺติ. เย ปน เตสํ สกฺการาทีนิ กโรนฺติ, อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ, เตปิ เตสํ โอวาทํ เทนฺติ. ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต อาโลกิตพฺพํ, เอวํ เต วิโลกิตพฺพํ, เอวํ เต สมิฺชิตพฺพํ, เอวํ เต ปสาริตพฺพํ, เอวํ เต สงฺฆาฏิปตฺตจีวรํ ธาเรตพฺพ’’นฺติ ปเวณีกถํ กเถนฺติ, สารภูตํ ธมฺมปริยายํ สิกฺขาเปนฺติ, เตรสหิ ธุตงฺเคหิ ทสหิ กถาวตฺถูหิ อนุสาสนฺติ. เต เตสํ โอวาเท ตฺวา สีลาทีหิ คุเณหิ วฑฺฒมานา สามฺตฺถํ อนุปาปุณนฺติ. เอวเมตฺถ หานิวุทฺธิโย เวทิตพฺพา.
ปุนพฺภวทานํ ปุนพฺภโว, ปุนพฺภโว สีลมสฺสาติ โปโนพฺภวิกา, ปุนพฺภวทายิกาติ อตฺโถ, ตสฺมา โปโนพฺภวิกาย. น วสํ คจฺฉนฺตีติ เอตฺถ เย จตุนฺนํ ปจฺจยานํ การณา อุปฏฺากานํ ปทานุปทิกา หุตฺวา คามโต คามํ วิจรนฺติ, เต ตสฺสา ตณฺหาย วสํ คจฺฉนฺติ นาม, อิตเร น คจฺฉนฺติ ¶ นาม. ตตฺถ หานิวุทฺธิโย ปากฏาเยว.
อารฺเกสูติ ปฺจธนุสติกปจฺฉิเมสุ. สาเปกฺขาติ สตณฺหา สาลยา. คามนฺตเสนาสเนสุ หิ ฌานํ อปฺเปตฺวาปิ ตโต วุฏฺิตมตฺโตว อิตฺถิปุริสทาริกาทิสทฺทํ สุณาติ, เยนสฺส อธิคตวิเสโสปิ หายติเยว. อรฺเ ปน นิทฺทายิตฺวา ปฏิพุทฺธมตฺโต สีหพฺยคฺฆโมราทีนํ สทฺทํ ¶ สุณาติ, เยน อารฺกํ ปีตึ ลภิตฺวา ตเมว สมฺมสนฺโต อคฺคผเล ปติฏฺาติ. อิติ ภควา คามนฺตเสนาสเน ฌานํ อปฺเปตฺวา นิสินฺนภิกฺขุโน อรฺเ นิทฺทายนฺตเมว ปสํสติ. ตสฺมา ตเมว อตฺถวสํ ปฏิจฺจ – ‘‘อารฺเกสุ เสนาสเนสุ สาเปกฺขา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อาห.
ปจฺจตฺตฺเว สตึ อุปฏฺเปสฺสนฺตีติ อตฺตนาว อตฺตโน อพฺภนฺตเร สตึ อุปฏฺเปสฺสนฺติ. เปสลาติ ปิยสีลา. อิธาปิ สพฺรหฺมจารีนํ อาคมนํ อนิจฺฉนฺตา เนวาสิกา อสฺสทฺธา โหนฺติ อปฺปสนฺนา ¶ . สมฺปตฺตภิกฺขูนํ ปจฺจุคฺคมนปตฺตจีวรปฺปฏิคฺคหณอาสนปฺาปนตาลวณฺฏคฺคหณาทีนิ น กโรนฺติ, อถ เนสํ อวณฺโณ อุคฺคจฺฉติ – ‘‘อสุกวิหารวาสิโน ภิกฺขู อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา วิหารํ ปวิฏฺานํ วตฺตปฏิวตฺตํ น กโรนฺตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ปพฺพชิตา วิหารทฺวาเรน คจฺฉนฺตาปิ วิหารํ น ปวิสนฺติ. เอวํ อนาคตานํ อนาคมนเมว โหติ. อาคตานํ ปน ผาสุวิหาเร อสติ เยปิ อชานิตฺวา อาคตา, เต – ‘‘วสิสฺสามาติ ตาว จินฺเตตฺวา อาคตามฺห, อิเมสํ ปน เนวาสิกานํ อิมินา นีหาเรน โก วสิสฺสตี’’ติ นิกฺขมิตฺวา คจฺฉนฺติ. เอวํ โส วิหาโร อฺเสํ ภิกฺขูนํ อนาวาโสว โหติ. ตโต เนวาสิกา สีลวนฺตานํ ทสฺสนํ อลภนฺตา กงฺขาวิโนทนํ วา อาจารสิกฺขาปกํ วา มธุรธมฺมสฺสวนํ วา น ลภนฺติ, เตสํ เนว อคฺคหิตธมฺมคฺคหณํ, น คหิตสชฺฌายกรณํ โหติ. อิติ เนสํ หานิเยว โหติ, น วุทฺธิ.
เย ปน สพฺรหฺมจารีนํ อาคมนํ อิจฺฉนฺติ, เต สทฺธา โหนฺติ ปสนฺนา, อาคตานํ สพฺรหฺมจารีนํ ปจฺจุคฺคมนาทีนิ กตฺวา เสนาสนํ ปฺเปตฺวา เทนฺติ, เต คเหตฺวา ภิกฺขาจารํ ปวิสนฺติ, กงฺขํ วิโนเทนฺติ, มธุรธมฺมสฺสวนํ ลภนฺติ. อถ เนสํ กิตฺติสทฺโท อุคฺคจฺฉติ – ‘‘อสุกวิหารภิกฺขู เอวํ สทฺธา ปสนฺนา วตฺตสมฺปนฺนา สงฺคาหกา’’ติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ทูรโตปิ เอนฺติ, เตสํ เนวาสิกา วตฺตํ กโรนฺติ ¶ , สมีปํ อาคนฺตฺวา วุฑฺฒตรํ อาคนฺตุกํ วนฺทิตฺวา นิสีทนฺติ, นวกตรสฺส สนฺติเก อาสนํ คเหตฺวา นิสีทนฺติ. นิสีทิตฺวา – ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร วสิสฺสถ คมิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉนฺติ. ‘คมิสฺสามี’ติ วุตฺเต – ‘‘สปฺปายํ เสนาสนํ, สุลภา ภิกฺขา’’ติอาทีนิ วตฺวา คนฺตุํ น เทนฺติ. วินยธโร เจ โหติ, ตสฺส สนฺติเก วินยํ สชฺฌายนฺติ. สุตฺตนฺตาทิธโร เจ, ตสฺส สนฺติเก ตํ ตํ ธมฺมํ สชฺฌายนฺติ. อาคนฺตุกานํ เถรานํ โอวาเท ตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณนฺติ. อาคนฺตุกา ‘‘เอกํ ¶ ทฺเว ทิวสานิ วสิสฺสามาติ อาคตามฺห, อิเมสํ ปน สุขสํวาสตาย ทสทฺวาทสวสฺสานิ วสิสฺสามา’’ติ วตฺตาโร โหนฺติ. เอวเมตฺถ หานิวุทฺธิโย เวทิตพฺพา.
๑๓๗. ทุติยสตฺตเก กมฺมํ อาราโม เอเตสนฺติ กมฺมารามาติ. กมฺเม รตาติ กมฺมรตา. กมฺมารามตมนุยุตฺตาติ ยุตฺตา ปยุตฺตา อนุยุตฺตา. ตตฺถ กมฺมนฺติ อิติกาตพฺพกมฺมํ วุจฺจติ. เสยฺยถิทํ – จีวรวิจารณํ, จีวรกรณํ, อุปตฺถมฺภนํ, สูจิฆรํ, ปตฺตตฺถวิกํ, อสํพทฺธกํ, กายพนฺธนํ, ธมกรณํ, อาธารกํ, ปาทกถลิกํ, สมฺมชฺชนีอาทีนํ กรณนฺติ. เอกจฺโจ หิ เอตานิ กโรนฺโต สกลทิวสํ เอตาเนว กโรติ. ตํ สนฺธาเยส ปฏิกฺเขโป. โย ปน เอเตสํ กรณเวลายเมว เอตานิ กโรติ, อุทฺเทสเวลายํ อุทฺเทสํ คณฺหาติ, สชฺฌายเวลายํ สชฺฌายติ, เจติยงฺคณวตฺตเวลายํ ¶ เจติยงฺคณวตฺตํ กโรติ, มนสิการเวลายํ มนสิการํ กโรติ, น โส กมฺมาราโม นาม.
น ภสฺสารามาติ เอตฺถ โย อิตฺถิวณฺณปุริสวณฺณาทิวเสน อาลาปสลฺลาปํ กโรนฺโตเยว ทิวสฺจ รตฺติฺจ วีตินาเมติ, เอวรูเป ภสฺเส ปริยนฺตการี น โหติ, อยํ ภสฺสาราโม นาม. โย ปน รตฺตินฺทิวํ ธมฺมํ กเถติ, ปฺหํ วิสฺสชฺเชติ, อยํ อปฺปภสฺโสว ภสฺเส ปริยนฺตการีเยว. กสฺมา? ‘‘สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ – ธมฺมี วา กถา, อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๓) วุตฺตตฺตา.
น นิทฺทารามาติ เอตฺถ โย คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ นิปนฺโนปิ ถินมิทฺธาภิภูโต นิทฺทายติเยว, อยํ นิทฺทาราโม นาม. ยสฺส ปน กรชกายเคลฺเน จิตฺตํ ภวงฺเค โอตรติ ¶ , นายํ นิทฺทาราโม. เตเนวาห – ‘‘อภิชานามหํ อคฺคิเวสฺสน, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน นิทฺทํ โอกฺกมิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗).
น สงฺคณิการามาติ เอตฺถ โย เอกสฺส ทุติโย ทฺวินฺนํ ตติโย ติณฺณํ จตุตฺโถติ เอวํ สํสฏฺโว วิหรติ, เอกโก อสฺสาทํ น ลภติ, อยํ สงฺคณิการาโม. โย ปน จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกโก อสฺสาทํ ลภติ, นายํ สงฺคณิการาโมติ เวทิตพฺโพ.
น ¶ ปาปิจฺฉาติ เอตฺถ อสนฺตสมฺภาวนาย อิจฺฉาย สมนฺนาคตา ทุสฺสีลา ปาปิจฺฉา นาม.
น ปาปมิตฺตาทีสุ ปาปา มิตฺตา เอเตสนฺติ ปาปมิตฺตา. จตูสุ อิริยาปเถสุ สห อยนโต ปาปา สหายา เอเตสนฺติ ปาปสหายา. ตนฺนินฺนตปฺโปณตปฺปพฺภารตาย ปาเปสุ สมฺปวงฺกาติ ปาปสมฺปวงฺกา.
โอรมตฺตเกนาติ อวรมตฺตเกน อปฺปมตฺตเกน. อนฺตราติ อรหตฺตํ อปตฺวาว เอตฺถนฺตเร. โวสานนฺติ ปรินิฏฺิตภาวํ – ‘‘อลเมตฺตาวตา’’ติ โอสกฺกนํ ิตกิจฺจตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยาว สีลปาริสุทฺธิมตฺเตน วา วิปสฺสนามตฺเตน วา ฌานมตฺเตน วา โสตาปนฺนภาวมตฺเตน วา สกทาคามิภาวมตฺเตน วา อนาคามิภาวมตฺเตน วา โวสานํ น อาปชฺชิสฺสนฺติ, ตาว วุทฺธิเยว ภิกฺขูนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ.
๑๓๘. ตติยสตฺตเก ¶ สทฺธาติ สทฺธาสมฺปนฺนา. ตตฺถ อาคมนียสทฺธา, อธิคมสทฺธา, ปสาทสทฺธา, โอกปฺปนสทฺธาติ จตุพฺพิธา สทฺธา. ตตฺถ อาคมนียสทฺธา สพฺพฺุโพธิสตฺตานํ โหติ. อธิคมสทฺธา อริยปุคฺคลานํ. พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆติ วุตฺเต ปน ปสาโท ปสาทสทฺธา. โอกปฺเปตฺวา ปกปฺเปตฺวา ปน สทฺทหนํ โอกปฺปนสทฺธา. สา ทุวิธาปิ อิธาธิปฺเปตา. ตาย หิ สทฺธาย สมนฺนาคโต สทฺธาวิมุตฺโต, วกฺกลิตฺเถรสทิโส โหติ. ตสฺส หิ เจติยงฺคณวตฺตํ วา, โพธิยงฺคณวตฺตํ วา กตเมว โหติ. อุปชฺฌายวตฺตอาจริยวตฺตาทีนิ สพฺพวตฺตานิ ปูเรติ. หิริมนาติ ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย หิริยา ยุตฺตจิตฺตา. โอตฺตปฺปีติ ปาปโต ภายนลกฺขเณน โอตฺตปฺเปน สมนฺนาคตา.
พหุสฺสุตาติ เอตฺถ ปน ปริยตฺติพหุสฺสุโต, ปฏิเวธพหุสฺสุโตติ ¶ ทฺเว พหุสฺสุตา. ปริยตฺตีติ ตีณิ ปิฏกานิ. ปฏิเวโธติ สจฺจปฺปฏิเวโธ. อิมสฺมึ ปน าเน ปริยตฺติ อธิปฺเปตา. สา เยน พหุ สุตา, โส พหุสฺสุโต. โส ปเนส นิสฺสยมุจฺจนโก, ปริสุปฏฺาโก, ภิกฺขุโนวาทโก, สพฺพตฺถกพหุสฺสุโตติ จตุพฺพิโธ โหติ. ตตฺถ ตโย พหุสฺสุตา สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย โอวาทวคฺเค วุตฺตนเยน คเหตพฺพา. สพฺพตฺถกพหุสฺสุตา ปน อานนฺทตฺเถรสทิสา โหนฺติ. เต อิธ อธิปฺเปตา.
อารทฺธวีริยาติ ¶ เยสํ กายิกฺจ เจตสิกฺจ วีริยํ อารทฺธํ โหติ. ตตฺถ เย กายสงฺคณิกํ วิโนเทตฺวา จตูสุ อิริยาปเถสุ อฏฺอารพฺภวตฺถุวเสน เอกกา โหนฺติ, เตสํ กายิกวีริยํ อารทฺธํ นาม โหติ. เย จิตฺตสงฺคาณิกํ วิโนเทตฺวา อฏฺสมาปตฺติวเสน เอกกา โหนฺติ, คมเน อุปฺปนฺนกิเลสสฺส านํ ปาปุณิตุํ น เทนฺติ, าเน อุปฺปนฺนกิเลสสฺส นิสชฺชํ, นิสชฺชาย อุปฺปนฺนกิเลสสฺส สยนํ ปาปุณิตุํ น เทนฺติ, อุปฺปนฺนุปฺปนฺนฏฺาเนเยว กิเลเส นิคฺคณฺหนฺติ, เตสํ เจตสิกวีริยํ อารทฺธํ นาม โหติ.
อุปฏฺิตสฺสตีติ จิรกตาทีนํ สริตา อนุสฺสริตา มหาคติมฺพยอภยตฺเถรทีฆภาณอภยตฺเถรติปิฏกจูฬาภยตฺเถรา วิย. มหาคติมฺพยอภยตฺเถโร กิร ชาตปฺจมทิวเส มงฺคลปายาเส ตุณฺฑํ ปสาเรนฺตํ วายสํ ทิสฺวา หุํ หุนฺติ สทฺทมกาสิ. อถ โส เถรกาเล – ‘‘กทา ปฏฺาย, ภนฺเต, สรถา’’ติ ภิกฺขูหิ ปุจฺฉิโต ‘‘ชาตปฺจมทิวเส กตสทฺทโต ปฏฺาย อาวุโส’’ติ อาห.
ทีฆภาณกอภยตฺเถรสฺส ชาตนวมทิวเส มาตา จุมฺพิสฺสามีติ โอนตา ตสฺสา โมฬิ มุจฺจิตฺถ ¶ . ตโต ตุมฺพมตฺตานิ สุมนปุปฺผานิ ทารกสฺส อุเร ปติตฺวา ทุกฺขํ ชนยึสุ. โส เถรกาเล – ‘‘กทา ปฏฺาย, ภนฺเต, สรถา’’ติ ปุจฺฉิโต – ‘‘ชาตนวมทิวสโต ปฏฺายา’’ติ อาห.
ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร – ‘‘อนุราธปุเร ตีณิ ทฺวารานิ ปิทหาเปตฺวา มนุสฺสานํ เอเกน ทฺวาเรน นิกฺขมนํ กตฺวา – ‘ตฺวํ กินฺนาโม, ตฺวํ กินฺนาโม’ติ ปุจฺฉิตฺวา สายํ ปุน อปุจฺฉิตฺวาว เตสํ นามานิ สมฺปฏิจฺฉาเปตุํ – ‘‘สกฺกา อาวุโส’’ติ อาห. เอวรูเป ภิกฺขู สนฺธาย – ‘‘อุปฏฺิตสฺสตี’’ติ วุตฺตํ.
ปฺวนฺโตติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทยพฺพยปริคฺคาหิกาย ปฺาย สมนฺนาคตา. อปิ จ ทฺวีหิปิ เอเตหิ ปเทหิ วิปสฺสกานํ ¶ ภิกฺขูนํ วิปสฺสนาสมฺภารภูตา สมฺมาสติ เจว วิปสฺสนาปฺา จ กถิตา.
๑๓๙. จตุตฺถสตฺตเก สติเยว สมฺโพชฺฌงฺโค สติสมฺโพชฺฌงฺโคติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ตตฺถ อุปฏฺานลกฺขโณ สติสมฺโพชฺฌงฺโค, ปวิจยลกฺขโณ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค, ปคฺคหลกฺขโณ วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค, ผรณลกฺขโณ ¶ ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค, อุปสมลกฺขโณ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, อวิกฺเขปลกฺขโณ สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค, ปฏิสงฺขานลกฺขโณ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค. ภาเวสฺสนฺตีติ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ จตูหิ การเณหิ สมุฏฺาเปนฺตา, ฉหิ การเณหิ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปนฺตา, นวหิ การเณหิ วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปนฺตา, ทสหิ การเณหิ ปีติสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปนฺตา, สตฺตหิ การเณหิ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปนฺตา, ทสหิ การเณหิ สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปนฺตา, ปฺจหิ การเณหิ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปนฺตา วฑฺเฒสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อิมินา วิปสฺสนามคฺคผลสมฺปยุตฺเต โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเก สมฺโพชฺฌงฺเค กเถสิ.
๑๔๐. ปฺจมสตฺตเก อนิจฺจสฺาติ อนิจฺจานุปสฺสนาย สทฺธึ อุปฺปนฺนสฺา. อนตฺตสฺาทีสุปิ เอเสว นโย. อิมา สตฺต โลกิยวิปสฺสนาปิ โหนฺติ. ‘‘เอตํ สนฺตํ, เอตํ ปณีตํ, ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ วิราโค นิโรโธ’’ติ (อ. นิ. ๙.๓๖) อาคตวเสเนตฺถ ทฺเว โลกุตฺตราปิ โหนฺตีติ เวทิตพฺพา.
๑๔๑. ฉกฺเก เมตฺตํ กายกมฺมนฺติ เมตฺตจิตฺเตน กตฺตพฺพํ กายกมฺมํ. วจีกมฺมมโนกมฺเมสุปิ เอเสว นโย. อิมานิ ปน ภิกฺขูนํ วเสน อาคตานิ คิหีสุปิ ลพฺภนฺติ ¶ . ภิกฺขูนฺหิ เมตฺตจิตฺเตน อาภิสมาจาริกธมฺมปูรณํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. คิหีนํ เจติยวนฺทนตฺถาย โพธิวนฺทนตฺถาย สงฺฆนิมนฺตนตฺถาย คมนํ, คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนํ, ปตฺตปฺปฏิคฺคหณํ, อาสนปฺาปนํ, อนุคมนนฺติ เอวมาทิกํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม.
ภิกฺขูนํ เมตฺตจิตฺเตน อาจารปฺตฺติสิกฺขาปทปฺาปนํ, กมฺมฏฺานกถนํ, ธมฺมเทสนา, เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. คิหีนํ เจติยวนฺทนตฺถาย คจฺฉาม ¶ , โพธิวนฺทนตฺถาย คจฺฉาม, ธมฺมสฺสวนํ กริสฺสาม, ทีปมาลปุปฺผปูชํ กริสฺสาม, ตีณิ สุจริตานิ สมาทาย วตฺติสฺสาม, สลากภตฺตาทีนิ ทสฺสาม, วสฺสวาสิกํ ทสฺสาม, อชฺช สงฺฆสฺส จตฺตาโร ปจฺจเย ทสฺสาม, สงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ขาทนียาทีนิ สํวิทหถ, อาสนานิ ปฺาเปถ, ปานียํ อุปฏฺเปถ, สงฺฆํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา อาเนถ, ปฺตฺตาสเน ¶ นิสีทาเปถ, ฉนฺทชาตา อุสฺสาหชาตา เวยฺยาวจฺจํ กโรถาติอาทิกถนกาเล เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม.
ภิกฺขูนํ ปาโตว อุฏฺาย สรีรปฺปฏิชคฺคนํ, เจติยงฺคณวตฺตาทีนิ จ กตฺวา วิวิตฺตาสเน นิสีทิตฺวา อิมสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู สุขี โหนฺตุ อเวรา อพฺยาปชฺชาติ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม. คิหีนํ ‘อยฺยา สุขี โหนฺตุ, อเวรา อพฺยาปชฺชา’ติ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม.
อาวิ เจว รโห จาติ สมฺมุขา จ ปรมฺมุขา จ. ตตฺถ นวกานํ จีวรกมฺมาทีสุ สหายภาวคมนํ สมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. เถรานํ ปน ปาทโธวนวนฺทนพีชนทานาทิเภทํ สพฺพํ สามีจิกมฺมํ สมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. อุภเยหิปิ ทุนฺนิกฺขิตฺตานํ ทารุภณฺฑาทีนํ เตสุ อวมฺํ อกตฺวา อตฺตนา ทุนฺนิกฺขิตฺตานํ วิย ปฏิสามนํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม.
เทวตฺเถโร ติสฺสตฺเถโรติ เอวํ ปคฺคยฺห วจนํ สมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. วิหาเร อสนฺตํ ปน ปฏิปุจฺฉนฺตสฺส กุหึ อมฺหากํ เทวตฺเถโร, กุหึ อมฺหากํ ติสฺสตฺเถโร, กทา นุ โข อาคมิสฺสตีติ เอวํ มมายนวจนํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม.
เมตฺตาสิเนหสินิทฺธานิ ปน นยนานิ อุมฺมีเลตฺวา ปสนฺเนน มุเขน โอโลกนํ สมฺมุขา เมตฺตํ ¶ มโนกมฺมํ นาม. เทวตฺเถโร ติสฺสตฺเถโร อโรโค โหตุ, อปฺปาพาโธติ สมนฺนาหรณํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม.
ลาภาติ จีวราทโย ลทฺธปจฺจยา. ธมฺมิกาติ กุหนาทิเภทํ มิจฺฉาชีวํ วชฺเชตฺวา ธมฺเมน สเมน ภิกฺขาจารวตฺเตน อุปฺปนฺนา. อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปีติ ปจฺฉิมโกฏิยา ปตฺเต ปริยาปนฺนํ ปตฺตสฺส อนฺโตคตํ ทฺวิติกฏจฺฉุภิกฺขามตฺตมฺปิ ¶ . อปฺปฏิวิภตฺตโภคีติ เอตฺถ ทฺเว ปฏิวิภตฺตา นาม – อามิสปฺปฏิวิภตฺตฺจ, ปุคฺคลปฺปฏิวิภตฺตฺจ. ตตฺถ – ‘‘เอตฺตกํ ทสฺสามิ, เอตฺตกํ น ทสฺสามี’’ติ เอวํ จิตฺเตน วิภชนํ อามิสปฺปฏิวิภตฺตํ นาม. ‘‘อสุกสฺส ทสฺสามิ, อสุกสฺส น ทสฺสามี’’ติ เอวํ จิตฺเตน วิภชนํ ปน ปุคฺคลปฺปฏิวิภตฺตํ นาม. ตทุภยมฺปิ อกตฺวา โย อปฺปฏิวิภตฺตํ ภฺุชติ, อยํ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี นาม.
สีลวนฺเตหิ ¶ สพฺรหฺมจารีหิ สาธารณโภคีติ เอตฺถ สาธารณโภคิโน อิทํ ลกฺขณํ, ยํ ยํ ปณีตํ ลพฺภติ, ตํ ตํ เนว ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตามุเขน คิหีนํ เทติ, น อตฺตนา ภฺุชติ, ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ – ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตู’’ติ คเหตฺวา ฆณฺฏึ ปหริตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ สงฺฆสนฺตกํ วิย ปสฺสติ.
อิมํ ปน สารณียธมฺมํ โก ปูเรติ, โก น ปูเรตีติ? ทุสฺสีโล ตาว น ปูเรติ. น หิ ตสฺส สนฺตกํ สีลวนฺตา คณฺหนฺติ. ปริสุทฺธสีโล ปน วตฺตํ อขณฺเฑนฺโต ปูเรติ. ตตฺริทํ วตฺตํ – โย หิ โอทิสฺสกํ กตฺวา มาตุ วา ปิตุ วา อาจริยุปชฺฌายาทีนํ วา เทติ, โส ทาตพฺพํ เทติ, สารณียธมฺโม ปนสฺส น โหติ, ปลิโพธชคฺคนํ นาม โหติ. สารณียธมฺโม หิ มุตฺตปลิโพธสฺเสว วฏฺฏติ. เตน ปน โอทิสฺสกํ เทนฺเตน คิลานคิลานุปฏฺากอาคนฺตุกคมิกานฺเจว นวปพฺพชิตสฺส จ สงฺฆาฏิปตฺตคฺคหณํ อชานนฺตสฺส ทาตพฺพํ. เอเตสํ ทตฺวา อวเสสํ เถราสนโต ปฏฺาย โถกํ อทตฺวา โย ยตฺตกํ คณฺหาติ, ตสฺส ตตฺตกํ ทาตพฺพํ. อวสิฏฺเ อสติ ปุน ปิณฺฑาย จริตฺวา เถราสนโต ปฏฺาย ยํ ยํ ปณีตํ, ตํ ทตฺวา เสสํ ปริภฺุชิตพฺพํ. ‘‘สีลวนฺเตหี’’ติ วจนโต ทุสฺสีลสฺส อทาตุมฺปิ วฏฺฏติ.
อยํ ปน สารณียธมฺโม สุสิกฺขิตาย ปริสาย สุปูโร โหติ, โน อสิกฺขิตาย ปริสาย. สุสิกฺขิตาย หิ ปริสาย โย อฺโต ลภติ, โส น คณฺหาติ. อฺโต อลภนฺโตปิ ปมาณยุตฺตเมว คณฺหาติ, นาติเรกํ. อยํ ปน สารณียธมฺโม เอวํ ปุนปฺปุนํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ เทนฺตสฺสาปิ ทฺวาทสหิ วสฺเสหิ ปูรติ, น ตโต โอรํ. สเจ หิ ทฺวาทสเม ¶ วสฺเส สารณียธมฺมปูรโก ปิณฺฑปาตปูรํ ปตฺตํ อาสนสาลายํ เปตฺวา นหายิตุํ คจฺฉติ สงฺฆตฺเถโร จ กสฺเสโส ปตฺโตติ, ‘‘สารณียธมฺมปูรกสฺสา’’ติ ¶ วุตฺเต ‘‘อาหรถ น’’นฺติ สพฺพํ ปิณฺฑปาตํ วิจาเรตฺวา ภฺุชิตฺวา จ ริตฺตํ ปตฺตํ เปติ, อถ โส ภิกฺขุ ริตฺตํ ปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยฺหํ อนวเสเสตฺวาว ปริภฺุชึสู’’ติ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทติ, สารณียธมฺโม ภิชฺชติ, ปุน ทฺวาทสวสฺสานิ ปูเรตพฺโพ โหติ. ติตฺถิยปริวาสสทิโส เหส, สกึ ขณฺเฑ ชาเต ปุน ปูเรตพฺโพว. โย ปน – ‘‘ลาภา วต ¶ เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม ปตฺตคตํ อนาปุจฺฉาว สพฺรหฺมจารี ปริภฺุชนฺตี’’ติ โสมนสฺสํ ชเนติ, ตสฺส ปุณฺโณ นาม โหติ.
เอวํ ปูริตสารณียธมฺมสฺส ปน เนว อิสฺสา, น มจฺฉริยํ โหติ. โส มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, สุลภปจฺจโย จ, ปตฺตคตมสฺส ทิยฺยมานมฺปิ น ขียติ, ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ลภติ, ภเย วา ฉาตเก วา สมฺปตฺเต เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺติ.
ตตฺริมานิ วตฺถูนิ – เสนคิริวาสี ติสฺสตฺเถโร กิร มหาคิริคามํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ปฺาส มหาเถรา นาคทีปํ เจติยวนฺทนตฺถาย คจฺฉนฺตา คิริคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลทฺธา นิกฺขมึสุ. เถโร ปน ปวิสนฺโต เต ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ลทฺธํ, ภนฺเต’’ติ? วิจริมฺห อาวุโสติ. โส เตสํ อลทฺธภาวํ ตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต ยาวาหํ อาคจฺฉามิ, ตาว อิเธว โหถา’’ติ. มยํ, อาวุโส, ปฺาส ชนา ปตฺตเตมนมตฺตมฺปิ น ลภิมฺหาติ. ภนฺเต, เนวาสิกา นาม ปฏิพลา โหนฺติ, อลภนฺตาปิ ภิกฺขาจารมคฺคสภาคํ ชานนฺตีติ. เถรา อาคเมสุํ. เถโร คามํ ปาวิสิ. ธุรเคเหเยว มหาอุปาสิกา ขีรภตฺตํ สชฺเชตฺวา เถรํ โอโลกยมานา ิตา. อถ เถรสฺส ทฺวารํ สมฺปตฺตสฺเสว ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ, โส ตํ อาทาย เถรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา คณฺหถ, ภนฺเตติ, สงฺฆตฺเถรํ อาห. เถโร – ‘‘อมฺเหหิ เอตฺตเกหิ กิฺจิ น ลทฺธํ, อยํ สีฆเมว คเหตฺวา อาคโต, กึ นุ โข’’ติ เสสานํ มุขํ โอโลเกสิ. เถโร โอโลกนากาเรเนว ตฺวา ‘‘ภนฺเต, ธมฺเมน สเมน ลทฺธปิณฺฑปาโต, นิกฺกุกฺกุจฺจา คณฺหถา’’ติอาทิโต ปฏฺาย สพฺเพสํ ยาวทตฺถํ ทตฺวา อตฺตนาปิ ยาวทตฺถํ ภฺุชิ.
อถ นํ ภตฺตกิจฺจาวสาเน เถรา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กทา, อาวุโส, โลกุตฺตรธมฺมํ ปฏิวิชฺฌี’’ติ? นตฺถิ เม, ภนฺเต, โลกุตฺตรธมฺโมติ. ฌานลาภีสิ, อาวุโสติ? เอตมฺปิ ¶ เม, ภนฺเต, นตฺถีติ. นนุ, อาวุโส, ปาฏิหาริยนฺติ? สารณียธมฺโม เม, ภนฺเต, ปูริโต, ตสฺส เม ธมฺมสฺส ปูริตกาลโต ปฏฺาย สเจปิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ โหติ, ปตฺตคตํ น ขียตีติ. เต สุตฺวา ¶ – ‘‘สาธุ สาธุ สปฺปุริส, อนุจฺฉวิกมิทํ ตุยฺห’’นฺติ อาหํสุ. อิทํ ตาว – ‘‘ปตฺตคตํ น ขียตี’’ติ เอตฺถ วตฺถุ.
อยเมว ปน เถโร เจติยปพฺพเต คิริภณฺฑมหาปูชาย ทานฏฺานํ คนฺตฺวา อิมสฺมึ าเน กึ วรภณฺฑนฺติ ปุจฺฉิ. ทฺเว สาฏกา, ภนฺเตติ. เอเต มยฺหํ ¶ ปาปุณิสฺสนฺตีติ. ตํ สุตฺวา อมจฺโจ รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘เอโก ทหโร เอวํ วทตี’’ติ. ทหรสฺส เอวํ จิตฺตํ, มหาเถรานํ ปน สุขุมสาฏกา วฏฺฏนฺตีติ วตฺวา มหาเถรานํ ทสฺสามีติ เปติ. ตสฺส ภิกฺขุสงฺเฆ ปฏิปาฏิยา ิเต เทนฺตสฺส มตฺถเก ปิตาปิ เต สาฏกา หตฺถํ นาโรหนฺติ. อฺเ อาโรหนฺติ. ทหรสฺส ทานกาเล ปน หตฺถํ อารุฬฺหา. โส ตสฺส หตฺเถ ปาเตตฺวา อมจฺจสฺส มุขํ โอโลเกตฺวา ทหรํ นิสีทาเปตฺวา ทานํ ทตฺวา สงฺฆํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทหรสฺส สนฺติเก นิสีทิตฺวา – ‘‘ภนฺเต, อิมํ ธมฺมํ กทา ปฏิวิชฺฌิตฺถา’’ติ อาห. โส ปริยาเยนาปิ อสนฺตํ อวทนฺโต – ‘‘นตฺถิ มยฺหํ มหาราช โลกุตฺตรธมฺโม’’ติ อาห. นนุ, ภนฺเต, ปุพฺเพ อวจุตฺถาติ. อาม, มหาราช, สารณียธมฺมปูรโก อหํ, ตสฺส เม ธมฺมสฺส ปูริตกาลโต ปฏฺาย ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ปาปุณาตีติ. ‘‘สาธุ สาธุ, ภนฺเต, อนุจฺฉวิกมิทํ ตุยฺห’’นฺติ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. อิทํ – ‘‘ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ปาปุณาตี’’ติ เอตฺถ วตฺถุ.
พฺราหฺมณติสฺสภเย ปน ภาตรคามวาสิโน นาคตฺเถริยา อนาโรเจตฺวาว ปลายึสุ. เถรี ปจฺจูสสมเย – ‘‘อติวิย อปฺปนิคฺโฆโส คาโม, อุปธาเรถ ตาวา’’ติ ทหรภิกฺขุนิโย อาห. ตา คนฺตฺวา สพฺเพสํ คตภาวํ ตฺวา อาคมฺม เถริยา อาโรเจสุํ. สา สุตฺวา ‘‘มา ตุมฺเห เตสํ คตภาวํ จินฺตยิตฺถ, อตฺตโน อุทฺเทสปริปุจฺฉาโยนิโสมนสิกาเรสุเยว โยคํ กโรถา’’ติ วตฺวา ภิกฺขาจารเวลายํ ปารุปิตฺวา อตฺตทฺวาทสมา คามทฺวาเร นิคฺโรธมูเล อฏฺาสิ. รุกฺเข อธิวตฺถาเทวตา ทฺวาทสนฺนมฺปิ ภิกฺขุนีนํ ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา ‘‘อยฺเย, มา อฺตฺถ คจฺฉถ, นิจฺจํ ¶ อิเธว เอถา’’ติ อาห. เถริยา ปน กนิฏฺภาตา นาคตฺเถโร นาม อตฺถิ, โส – ‘‘มหนฺตํ ภยํ, น สกฺกา อิธ ยาเปตุํ, ปรตีรํ คมิสฺสามี’’ติ อตฺตทฺวาทสโมว อตฺตโน วสนฏฺานา นิกฺขนฺโต เถรึ ทิสฺวา คมิสฺสามีติ ภาตรคามํ อาคโต. เถรี – ‘‘เถรา อาคตา’’ติ สุตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา กึ อยฺยาติ ปุจฺฉิ. โส ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. สา – ‘‘อชฺช เอกทิวสํ วิหาเรเยว วสิตฺวา สฺเว คมิสฺสถา’’ติ อาห. เถรา วิหารํ อคมํสุ.
เถรี ¶ ปุนทิวเส รุกฺขมูเล ปิณฺฑาย จริตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชถา’’ติ อาห. เถโร – ‘‘วฏฺฏิสฺสติ เถรี’’ติ วตฺวา ตุณฺหี อฏฺาสิ. ธมฺมิโก ตาต ปิณฺฑปาโต ¶ , กุกฺกุจฺจํ อกตฺวา ปริภฺุชถาติ. ‘‘วฏฺฏิสฺสติ เถรี’’ติ. สา ปตฺตํ คเหตฺวา อากาเส ขิปิ. ปตฺโต อากาเส อฏฺาสิ. เถโร – ‘‘สตฺตตาลมตฺเต ิตมฺปิ ภิกฺขุนิภตฺตเมว เถรี’’ติ วตฺวา – ‘‘ภยํ นาม สพฺพกาลํ น โหติ, ภเย วูปสนฺเต อริยวํสํ กถยมาโน, ‘โภ ปิณฺฑปาติก, ภิกฺขุนิภตฺตํ ภฺุชิตฺวา วีตินามยิตฺถา’ติ จิตฺเตน อนุวทิยมาโน สนฺถมฺเภตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อปฺปมตฺตา โหถ เถริโย’’ติ มคฺคํ อารุหิ.
รุกฺขเทวตาปิ – ‘‘สเจ เถโร เถริยา หตฺถโต ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิสฺสติ, น นํ นิวตฺเตสฺสามิ. สเจ น ปริภฺุชิสฺสติ, นิวตฺเตสฺสามี’’ติ จินฺตยมานา ตฺวา เถรสฺส คมนํ ทิสฺวา รุกฺขา โอรุยฺห ปตฺตํ, ภนฺเต, เทถาติ ปตฺตํ คเหตฺวา เถรํ รุกฺขมูลํเยว อาเนตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ ปฏิฺํ กาเรตฺวา ทฺวาทส ภิกฺขุนิโย ทฺวาทส ภิกฺขู จ สตฺตวสฺสานิ อุปฏฺหิ. อิทํ – ‘‘เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺตี’’ติ เอตฺถ วตฺถุ. ตตฺร หิ เถรี สารณียธมฺมปูริกา อโหสิ.
อขณฺฑานีติอาทีสุ ยสฺส สตฺตสุ อาปตฺติกฺขนฺเธสุ อาทิมฺหิ วา อนฺเต วา สิกฺขาปทํ ภินฺนํ โหติ, ตสฺส สีลํ ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิย ขณฺฑํ นาม. ยสฺส ปน เวมชฺเฌ ภินฺนํ, ตสฺส มชฺเฌ ฉิทฺทสาฏโก วิย ฉิทฺทํ นาม โหติ. ยสฺส ปน ปฏิปาฏิยา ทฺเว ตีณิ ภินฺนานิ, ตสฺส ปิฏฺิยํ วา กุจฺฉิยํ วา อุฏฺิเตน วิสภาควณฺเณน กาฬรตฺตาทีนํ อฺตรวณฺณา คาวี วิย สพลํ นาม โหติ. ยสฺส ปน อนฺตรนฺตรา วิสภาคพินฺทุจิตฺรา คาวี ¶ วิย กมฺมาสํ นาม โหติ. ยสฺส ปน สพฺเพนสพฺพํ อภินฺนานิ, ตสฺส ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ นาม โหนฺติ. ตานิ ปเนตานิ ตณฺหาทาสพฺยโต โมเจตฺวา ภุชิสฺสภาวกรณโต ภุชิสฺสานิ. พุทฺธาทีหิ วิฺูหิ ปสตฺถตฺตา วิฺุปสตฺถานิ, ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตฺตา – ‘‘อิทํ นาม ตฺวํ อาปนฺนปุพฺโพ’’ติ เกนจิ ปรามฏฺุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา จ อปรามฏฺานิ, อุปจารสมาธึ วา อปฺปนาสมาธึ วา สํวตฺตยนฺตีติ สมาธิสํวตฺตนิกานีติ วุจฺจนฺติ.
สีลสามฺคตา ¶ วิหริสฺสนฺตีติ เตสุ เตสุ ทิสาภาเคสุ วิหรนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สมานภาวูปคตสีลา วิหริสฺสนฺติ. โสตาปนฺนาทีนฺหิ สีลํ สมุทฺทนฺตเรปิ เทวโลเกปิ วสนฺตานํ อฺเสํ โสตาปนฺนาทีนํ สีเลน สมานเมว โหติ, นตฺถิ มคฺคสีเล นานตฺตํ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
ยายํ ¶ ทิฏฺีติ มคฺคสมฺปยุตฺตา สมฺมาทิฏฺิ. อริยาติ นิทฺโทสา. นิยฺยาตีติ นิยฺยานิกา. ตกฺกรสฺสาติ โย ตถาการี โหติ. สพฺพทุกฺขกฺขยายาติ สพฺพทุกฺขกฺขยตฺถํ. ทิฏฺิสามฺคตาติ สมานทิฏฺิภาวํ อุปคตา หุตฺวา วิหริสฺสนฺติ. วุทฺธิเยวาติ เอวํ วิหรนฺตานํ วุทฺธิเยว ภิกฺขูนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานีติ.
๑๔๒. เอตเทว พหุลนฺติ อาสนฺนปรินิพฺพานตฺตา ภิกฺขุ โอวทนฺโต ปุนปฺปุนํ เอตํเยว ธมฺมึ กถํ กโรติ. อิติ สีลนฺติ เอวํ สีลํ, เอตฺตกํ สีลํ. เอตฺถ จตุปาริสุทฺธิสีลํ สีลํ จิตฺเตกคฺคตา สมาธิ, วิปสฺสนาปฺา ปฺาติ เวทิตพฺพา. สีลปริภาวิโตติ อาทีสุ ยสฺมึ สีเล ตฺวาว มคฺคสมาธึ ผลสมาธึ นิพฺพตฺเตนฺติ. เอโส เตน สีเลน ปริภาวิโต มหปฺผโล โหติ, มหานิสํโส. ยมฺหิ สมาธิมฺหิ ตฺวา มคฺคปฺํ ผลปฺํ นิพฺพตฺเตนฺติ, สา เตน สมาธินา ปริภาวิตา มหปฺผลา โหติ, มหานิสํสา. ยาย ปฺาย ตฺวา มคฺคจิตฺตํ ผลจิตฺตํ นิพฺพตฺเตนฺติ, ตํ ตาย ปริภาวิตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ.
ยถาภิรนฺตนฺติ พุทฺธานํ อนภิรติปริตสฺสิตํ นาม นตฺถิ, ยถารุจิ ยถาอชฺฌาสยนฺติ ปน วุตฺตํ โหติ. อายามาติ เอหิ ยาม. ‘‘อยามา’’ติปิ ปาโ, คจฺฉามาติ ¶ อตฺโถ. อานนฺทาติ ภควา สนฺติกาวจรตฺตา เถรํ อาลปติ. เถโร ปน – ‘‘คณฺหถาวุโส ปตฺตจีวรานิ, ภควา อสุกฏฺานํ คนฺตุกาโม’’ติ ภิกฺขูนํ อาโรเจติ.
๑๔๔. อมฺพลฏฺิกาคมนํ อุตฺตานเมว. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโตติอาทิ (ที. นิ. ๓.๑๔๑) สมฺปสาทนีเย วิตฺถาริตํ.
ทุสฺสีลอาทีนววณฺณนา
๑๔๘. ปาฏลิคมเน ¶ อาวสถาคารนฺติ อาคนฺตุกานํ อาวสถเคหํ. ปาฏลิคาเม กิร นิจฺจกาลํ ทฺวินฺนํ ราชูนํ สหายกา อาคนฺตฺวา กุลานิ เคหโต นีหริตฺวา มาสมฺปิ อฑฺฒมาสมฺปิ วสนฺติ. เต มนุสฺสา นิจฺจุปทฺทุตา – ‘‘เอเตสํ อาคตกาเล วสนฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ นครมชฺเฌ มหตึ สาลํ กริตฺวา ตสฺสา เอกสฺมึ ปเทเส ภณฺฑปฏิสามนฏฺานํ, เอกสฺมึ ปเทเส นิวาสฏฺานํ อกํสุ. เต – ‘‘ภควา อาคโต’’ติ สุตฺวาว – ‘‘อมฺเหหิ คนฺตฺวาปิ ภควา อาเนตพฺโพ สิยา, โส สยเมว อมฺหากํ วสนฏฺานํ สมฺปตฺโต, อชฺช ภควนฺตํ อาวสเถ มงฺคลํ วทาเปสฺสามา’’ติ เอตทตฺถเมว อุปสงฺกมนฺตา. ตสฺมา เอวมาหํสุ. เยน อาวสถาคารนฺติ เต กิร ¶ – ‘‘พุทฺธา นาม อรฺชฺฌาสยา อรฺารามา อนฺโตคาเม วสิตุํ อิจฺเฉยฺยุํ วา โน วา’’ติ ภควโต มนํ อชานนฺตา อาวสถาคารํ อปฺปฏิชคฺคิตฺวาว อาคมํสุ. อิทานิ ภควโต มนํ ตฺวา ปุเรตรํ คนฺตฺวา ปฏิชคฺคิสฺสามาติ เยนาวสถาคารํ, เตนุปสงฺกมึสุ. สพฺพสนฺถรินฺติ ยถา สพฺพํ สนฺถตํ โหติ, เอวํ สนฺถรึ.
๑๔๙. ทุสฺสีโลติ อสีโล นิสฺสีโล. สีลวิปนฺโนติ วิปนฺนสีโล ภินฺนสํวโร. ปมาทาธิกรณนฺติ ปมาทการณา.
อิทฺจ สุตฺตํ คหฏฺานํ วเสน อาคตํ ปพฺพชิตานมฺปิ ปน ลพฺภเตว. คหฏฺโ หิ เยน เยน สิปฺปฏฺาเนน ชีวิตํ กปฺเปติ – ยทิ กสิยา, ยทิ วณิชฺชาย, ปาณาติปาตาทิวเสน ปมตฺโต ตํ ตํ ยถากาลํ สมฺปาเทตุํ น สกฺโกติ, อถสฺส มูลมฺปิ วินสฺสติ. มาฆาตกาเล ปาณาติปาตํ ปน อทินฺนาทานาทีนิ จ กโรนฺโต ทณฺฑวเสน มหตึ โภคชานึ นิคจฺฉติ. ปพฺพชิโต ทุสฺสีโล จ ปมาทการณา สีลโต พุทฺธวจนโต ฌานโต สตฺตอริยธนโต จ ชานึ นิคจฺฉติ.
คหฏฺสฺส – ‘‘อสุโก นาม อสุกกุเล ชาโต ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม ¶ ปริจฺจตฺตอิธโลกปรโลโก สลากภตฺตมตฺตมฺปิ น เทตี’’ติ จตุปริสมชฺเฌ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ. ปพฺพชิตสฺส วา – ‘‘อสุโก นาม นาสกฺขิ สีลํ รกฺขิตุํ, น พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตุํ, เวชฺชกมฺมาทีหิ ¶ ชีวติ, ฉหิ อคารเวหิ สมนฺนาคโต’’ติ เอวํ อพฺภุคฺคจฺฉติ.
อวิสารโทติ คหฏฺโ ตาว – ‘‘อวสฺสํ พหูนํ สนฺนิปาตฏฺาเน เกจิ มม กมฺมํ ชานิสฺสนฺติ, อถ มํ นิคฺคณฺหิสฺสนฺตี’’ติ วา, ‘‘ราชกุลสฺส วา ทสฺสนฺตี’’ติ สภโย อุปสงฺกมติ, มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข องฺคุลิเกน ภูมึ กสนฺโต นิสีทติ, วิสารโท หุตฺวา กเถตุํ น สกฺโกติ. ปพฺพชิโตปิ – ‘‘พหู ภิกฺขู สนฺนิปติตา, อวสฺสํ โกจิ มม กมฺมํ ชานิสฺสติ, อถ เม อุโปสถมฺปิ ปวารณมฺปิ เปตฺวา สามฺโต จาเวตฺวา นิกฺกฑฺฒิสฺสนฺตี’’ติ สภโย อุปสงฺกมติ, วิสารโท หุตฺวา กเถตุํ น สกฺโกติ. เอกจฺโจ ปน ทุสฺสีโลปิ ทปฺปิโต วิย วิจรติ, โสปิ อชฺฌาสเยน มงฺกุ โหติเยว.
สมฺมูฬฺโห กาลงฺกโรตีติ ตสฺส หิ มรณมฺเจ นิปนฺนสฺส ทุสฺสีลกมฺเม สมาทาย ปวตฺติตฏฺานํ อาปาถมาคจฺฉติ, โส อุมฺมีเลตฺวา อิธโลกํ ปสฺสติ, นิมีเลตฺวา ปรโลกํ ปสฺสติ ¶ , ตสฺส จตฺตาโร อปายา อุปฏฺหนฺติ, สตฺติสเตน สีเส ปหริยมาโน วิย โหติ. โส – ‘‘วาเรถ, วาเรถา’’ติ วิรวนฺโต มรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรตี’’ติ. ปฺจมปทํ อุตฺตานเมว.
๑๕๐. อานิสํสกถา วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพา.
๑๕๑. พหุเทว รตฺตึ ธมฺมิยา กถายาติ อฺาย ปาฬิมุตฺตกาย ธมฺมิกถาย เจว อาวสถานุโมทนาย จ อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย โยชนปฺปมาณํ มหามธุํ ปีเฬตฺวา มธุปานํ ปาเยนฺโต วิย พหุเทว รตฺตึ สนฺทสฺเสตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุยฺโยเชสิ. อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา ขีณา ขยวยํ อุเปตา. สฺุาคารนฺติ ปาฏิเยกฺกํ สฺุาคารํ นาม นตฺถิ, ตตฺเถว ปน เอกปสฺเส สาณิปากาเรน ปริกฺขิปิตฺวา – ‘‘อิธ สตฺถา วิสฺสมิสฺสตี’’ติ มฺจกํ ปฺเปสุํ. ภควา – ‘‘จตูหิปิ อิริยาปเถหิ ปริภุตฺตํ เอเตสํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ ตตฺถ สีหเสยฺยํ ¶ กปฺเปสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สฺุาคารํ ปาวิสี’’ติ.
ปาฏลิปุตฺตนครมาปนวณฺณนา
๑๕๒. สุนิธวสฺสการาติ ¶ สุนิโธ จ วสฺสกาโร จ ทฺเว พฺราหฺมณา. มคธมหามตฺตาติ มคธรฺโ มหามตฺตา มหาอมจฺจา, มคธรฏฺเ วา มหามตฺตา มหติยา อิสฺสริยมตฺตาย สมนฺนาคตาติ มคธมหามตฺตา. ปาฏลิคาเม นครนฺติ ปาฏลิคามํ นครํ กตฺวา มาเปนฺติ. วชฺชีนํ ปฏิพาหายาติ วชฺชิราชกุลานํ อายมุขปจฺฉินฺทนตฺถํ. สหสฺเสวาติ เอเกกวคฺควเสน สหสฺสํ สหสฺสํ หุตฺวา. วตฺถูนีติ ฆรวตฺถูนิ. จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุนฺติ รฺฺจ ราชมหามตฺตานฺจ นิเวสนานิ มาเปตุํ วตฺถุวิชฺชาปากานํ จิตฺตานิ นมนฺติ. เต กิร อตฺตโน สิปฺปานุภาเวน เหฏฺา ปถวิยํ ตึสหตฺถมตฺเต าเน – ‘‘อิธ นาคคฺคาโห, อิธ ยกฺขคฺคาโห, อิธ ภูตคฺคาโห, ปาสาโณ วา ขาณุโก วา อตฺถี’’ติ ปสฺสนฺติ. เต ตทา สิปฺปํ ชปฺปิตฺวา เทวตาหิ สทฺธึ มนฺตยมานา วิย มาเปนฺติ. อถวา เนสํ สรีเร เทวตา อธิมุจฺจิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิเวสนานิ มาเปตุํ จิตฺตํ นาเมนฺติ. ตา จตูสุ โกเณสุ ขาณุเก โกฏฺเฏตฺวา วตฺถุมฺหิ คหิตมตฺเต ปฏิวิคจฺฉนฺติ. สทฺธานํ กุลานํ สทฺธา เทวตา ตถา กโรนฺติ, อสฺสทฺธานํ กุลานํ อสฺสทฺธา เทวตาว. กึ การณา? สทฺธานฺหิ เอวํ โหติ – ‘‘อิธ มนุสฺสา นิเวสนํ มาเปตฺวา ปมํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา มงฺคลํ วฑฺฒาเปสฺสนฺติ. อถ มยํ สีลวนฺตานํ ทสฺสนํ, ธมฺมกถํ, ปฺหาวิสฺสชฺชนํ ¶ , อนุโมทนฺจ โสตุํ ลภิสฺสาม, มนุสฺสา ทานํ ทตฺวา อมฺหากํ ปตฺตึ ทสฺสนฺตี’’ติ.
ตาวตึเสหีติ ยถา หิ เอกสฺมึ กุเล เอกํ ปณฺฑิตมนุสฺสํ, เอกสฺมึ วา วิหาเร เอกํ พหุสฺสุตภิกฺขุํ อุปาทาย – ‘‘อสุกกุเล มนุสฺสา ปณฺฑิตา, อสุกวิหาเร ภิกฺขู พหุสฺสุตา’’ติ สทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, เอวเมว สกฺกํ เทวราชานํ วิสฺสกมฺมฺจ เทวปุตฺตํ อุปาทาย – ‘‘ตาวตึสา ปณฺฑิตา’’ติ สทฺโท อพฺภุคฺคโต. เตนาห – ‘‘ตาวตึเสหี’’ติ. ตาวตึเสหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวาปิ วิย มาเปนฺตีติ อตฺโถ.
ยาวตา อริยํ อายตนนฺติ ยตฺตกํ อริยกมนุสฺสานํ โอสรณฏฺานํ ¶ นาม อตฺถิ. ยาวตา วณิปฺปโถติ ยตฺตกํ วาณิชานํ อาภตภณฺฑสฺส ¶ ราสิวเสเนว กยวิกฺกยฏฺานํ นาม, วาณิชานํ วสนฏฺานํ วา อตฺถิ. อิทํ อคฺคนครนฺติ เตสํ อริยายตนวณิปฺปถานํ อิทํ อคฺคนครํ เชฏฺกํ ปาโมกฺขํ ภวิสฺสตีติ. ปุฏเภทนนฺติ ภณฺฑปุฏเภทนฏฺานํ, ภณฺฑภณฺฑิกานํ โมจนฏฺานนฺติ วุตฺตํ โหติ. สกลชมฺพุทีเป อลทฺธภณฺฑมฺปิ หิ อิเธว ลภิสฺสนฺติ, อฺตฺถ วิกฺกเยน อคจฺฉนฺตมฺปิ จ อิเธว คมิสฺสติ. ตสฺมา อิเธว ปุฏํ ภินฺทิสฺสนฺตีติ อตฺโถ. จตูสุ หิ ทฺวาเรสุ จตฺตาริ สภายํ เอกนฺติ เอวํ ทิวเส ทิวเส ปฺจสตสหสฺสานิ อุฏฺหิสฺสนฺตีติ ทสฺเสติ.
อคฺคิโต วาติอาทีสุ จการตฺโถ วา-สทฺโท. อคฺคินา จ อุทเกน จ มิถุเภเทน จ นสฺสิสฺสตีติ อตฺโถ. เอกโกฏฺาโส อคฺคินา นสฺสิสฺสติ, นิพฺพาเปตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. เอกํ คงฺคา คเหตฺวา คมิสฺสติ. เอโก – ‘‘อิมินา อกถิตํ อมุสฺส, อมุนา อกถิตํ อิมสฺสา’’ติ วทนฺตานํ ปิสุณวาจานํ วเสน ภินฺนานํ มนุสฺสานํ อฺมฺเภเทเนว นสฺสิสฺสตีติ อตฺโถ. อิติ วตฺวา ภควา ปจฺจูสกาเล คงฺคาย ตีรํ คนฺตฺวา กตมุขโธวโน ภิกฺขาจารเวลํ อาคมยมาโน นิสีทิ.
๑๕๓. สุนิธวสฺสการาปิ – ‘‘อมฺหากํ ราชา สมณสฺส โคตมสฺส อุปฏฺาโก, โส อมฺเห ปุจฺฉิสฺสติ, ‘สตฺถา กิร ปาฏลิคามํ อคมาสิ, ตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺถ, น อุปสงฺกมิตฺถา’ติ. อุปสงฺกมิมฺหาติ จ วุตฺเต – ‘นิมนฺตยิตฺถ, น นิมนฺตยิตฺถา’ติ จ ปุจฺฉิสฺสติ. น นิมนฺตยิมฺหาติ จ วุตฺเต อมฺหากํ โทสํ อาโรเปตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสติ. อิทํ จาปิ มยํ อาคตฏฺาเน นครํ มาเปม, สมณสฺส โข ปน โคตมสฺส คตคตฏฺาเน กาฬกณฺณิสตฺตา ¶ ปฏิกฺกมนฺติ, ตํ มยํ นครมงฺคลํ วทาเปสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิมนฺตยึสุ. ตสฺมา – ‘‘อถ โข สุนิธวสฺสการา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ปุพฺพณฺหกาเล. นิวาเสตฺวาติ คามปฺปเวสนนีหาเรน นิวาสนํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ ¶ พนฺธิตฺวา. ปตฺตจีวรมาทายาติ ปตฺตฺจ จีวรฺจ อาทิยิตฺวา กายปฺปฏิพทฺธํ กตฺวา.
สีลวนฺเตตฺถาติ สีลวนฺเต เอตฺถ. สฺเตติ กายวาจามเนหิ สฺเต.
ตาสํ ¶ ทกฺขิณมาทิเยติ สงฺฆสฺส ทินฺเน จตฺตาโร ปจฺจเย ตาสํ ฆรเทวตานํ อาทิเสยฺย, ปตฺตึ ทเทยฺย. ปูชิตา ปูชยนฺตีติ – ‘‘อิเม มนุสฺสา อมฺหากํ าตกาปิ น โหนฺติ, เอวมฺปิ โน ปตฺตึ เทนฺตี’’ติ อารกฺขํ สุสํวิหิตํ กโรถาติ สุฏฺุ อารกฺขํ กโรนฺติ. มานิตา มานยนฺตีติ กาลานุกาลํ พลิกมฺมกรเณน มานิตา ‘‘เอเต มนุสฺสา อมฺหากํ าตกาปิ น โหนฺติ, จตุมาสฉมาสนฺตเร โน พลิกมฺมํ กโรนฺตี’’ติ มาเนนฺติ, มาเนนฺติโย อุปฺปนฺนํ ปริสฺสยํ หรนฺติ.
ตโต นนฺติ ตโต นํ ปณฺฑิตชาติกํ มนุสฺสํ. โอรสนฺติ อุเร เปตฺวา สํวฑฺฒิตํ, ยถา มาตา โอรสํ ปุตฺตํ อนุกมฺปติ, อุปฺปนฺนปริสฺสยหรณตฺถเมว ตสฺส วายมติ, เอวํ อนุกมฺปนฺตีติ อตฺโถ. ภทฺรานิ ปสฺสตีติ สุนฺทรานิ ปสฺสติ.
๑๕๔. อุฬุมฺปนฺติ ปารคมนตฺถาย อาณิโย โกฏฺเฏตฺวา กตํ. กุลฺลนฺติ วลฺลิอาทีหิ พนฺธิตฺวา กตํ.
‘‘เย ตรนฺติ อณฺณว’’นฺติ คาถาย อณฺณวนฺติ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน โยชนมตฺตํ คมฺภีรสฺส จ ปุถุลสฺส จ อุทกฏฺานสฺเสตํ อธิวจนํ. สรนฺติ อิธ นที อธิปฺเปตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ, เย คมฺภีรวิตฺถตํ ตณฺหาสรํ ตรนฺติ, เต อริยมคฺคสงฺขาตํ เสตุํ กตฺวาน. วิสชฺช ปลฺลลานิ อนามสิตฺวา อุทกภริตานิ นินฺนฏฺานานิ. อยํ ปน อิทํ อปฺปมตฺตกํ ตริตุกาโมปิ กุลฺลฺหิ ชโน ปพนฺธติ. พุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ วินาเยว กุลฺเลน ติณฺณา เมธาวิโน ชนาติ.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อริยสจฺจกถาวณฺณนา
๑๕๕. โกฏิคาโมติ ¶ มหาปนาทสฺส ปาสาทโกฏิยํ กตคาโม. อริยสจฺจานนฺติ อริยภาวกรานํ สจฺจานํ. อนนุโพธาติ อพุชฺฌเนน อชานเนน. อปฺปฏิเวธาติ อปฺปฏิวิชฺฌเนน. สนฺธาวิตนฺติ ภวโต ภวํ คมนวเสน ¶ สนฺธาวิตํ. สํสริตนฺติ ปุนปฺปุนํ คมนาคมนวเสน สํสริตํ. มมฺเจว ¶ ตุมฺหากฺจาติ มยา จ ตุมฺเหหิ จ. อถ วา สนฺธาวิตํ สํสริตนฺติ สนฺธาวนํ สํสรณํ มมฺเจว ตุมฺหากฺจ อโหสีติ เอมเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ภวเนตฺติ สมูหตาติ ภวโต ภวํ นยนสมตฺถา ตณฺหารชฺชุ สุฏฺุ หตา ฉินฺนา อปฺปวตฺติกตา.
อนาวตฺติธมฺมสมฺโพธิปรายณวณฺณนา
๑๕๖. นาติกาติ เอกํ ตฬากํ นิสฺสาย ทฺวินฺนํ จูฬปิตุมหาปิตุปุตฺตานํ ทฺเว คามา. นาติเกติ เอกสฺมึ าติคามเก. คิฺชกาวสเถติ อิฏฺกามเย อาวสเถ.
๑๕๗. โอรมฺภาคิยานนฺติ เหฏฺาภาคิยานํ, กามภเวเยว ปฏิสนฺธิคฺคาหาปกานนฺติ อตฺโถ. โอรนฺติ ลทฺธนาเมหิ วา ตีหิ มคฺเคหิ ปหาตพฺพานีติปิ โอรมฺภาคิยานิ. ตตฺถ กามจฺฉนฺโท, พฺยาปาโทติ อิมานิ ทฺเว สมาปตฺติยา วา อวิกฺขมฺภิตานิ, มคฺเคน วา อสมุจฺฉินฺนานิ นิพฺพตฺตวเสน อุทฺธํ ภาคํ รูปภวฺจ อรูปภวฺจ คนฺตุํ น เทนฺติ. สกฺกายทิฏฺิอาทีนิ ตีณิ ตตฺถ นิพฺพตฺตมฺปิ อาเนตฺวา ปุน อิเธว นิพฺพตฺตาเปนฺตีติ สพฺพานิปิ โอรมฺภาคิยาเนว. อนาวตฺติธมฺมาติ ปฏิสนฺธิวเสน อนาคมนสภาวา.
ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตาติ เอตฺถ กทาจิ กรหจิ อุปฺปตฺติยา จ, ปริยุฏฺานมนฺทตาย จาติ ทฺเวธาปิ ตนุภาโว เวทิตพฺโพ. สกทาคามิสฺส หิ ปุถุชฺชนานํ วิย อภิณฺหํ ราคาทโย นุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ. อุปฺปชฺชมานา จ ปุถุชฺชนานํ วิย พหลพหลา นุปฺปชฺชนฺติ, มกฺขิกาปตฺตํ วิย ตนุกตนุกา อุปฺปชฺชนฺติ. ทีฆภาณกติปิฏกมหาสีวตฺเถโร ปนาห – ‘‘ยสฺมา สกทาคามิสฺส ปุตฺตธีตโร โหนฺติ, โอโรธา จ โหนฺติ, ตสฺมา พหลา กิเลสา. อิทํ ปน ภวตนุกวเสน กถิต’’นฺติ. ตํ อฏฺกถายํ – ‘‘โสตาปนฺนสฺส สตฺตภเว เปตฺวา อฏฺเม ภเว ภวตนุกํ นตฺถิ. สกทาคามิสฺส ทฺเว ภเว เปตฺวา ปฺจสุ ภเวสุ ภวตนุกํ นตฺถิ. อนาคามิสฺส รูปารูปภเว เปตฺวา กามภเว ภวตนุกํ นตฺถิ. ขีณาสวสฺส กิสฺมิฺจิ ภเว ภวตนุกํ นตฺถี’’ติ วุตฺตตฺตา ปฏิกฺขิตฺตํ โหติ.
อิมํ ¶ โลกนฺติ อิมํ กามาวจรโลกํ สนฺธาย วุตฺตํ. อยฺเจตฺถ ¶ อธิปฺปาโย, สเจ หิ มนุสฺเสสุ สกทาคามิผลํ ปตฺโต เทเวสุ นิพฺพตฺติตฺวา ¶ อรหตฺตํ สจฺฉิกโรติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. อสกฺโกนฺโต ปน อวสฺสํ มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา สจฺฉิกโรติ. เทเวสุ สกทาคามิผลํ ปตฺโตปิ สเจ มนุสฺเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉิกโรติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. อสกฺโกนฺโต ปน อวสฺสํ เทวโลกํ คนฺตฺวา สจฺฉิกโรตีติ.
อวินิปาตธมฺโมติ เอตฺถ วินิปตนํ วินิปาโต, นาสฺส วินิปาโต ธมฺโมติ อวินิปาตธมฺโม. จตูสุ อปาเยสุ อวินิปาตธมฺโม จตูสุ อปาเยสุ อวินิปาตสภาโวติ อตฺโถ. นิยโตติ ธมฺมนิยาเมน นิยโต. สมฺโพธิปรายโณติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตา สมฺโพธิ ปรํ อยนํ อสฺส คติ ปฏิสรณํ อวสฺสํ ปตฺตพฺพาติ สมฺโพธิปรายโณ.
ธมฺมาทาสธมฺมปริยายวณฺณนา
๑๕๘. วิเหสาติ เตสํ เตสํ าณคตึ าณูปปตฺตึ าณาภิสมฺปรายํ โอโลเกนฺตสฺส กายกิลมโถว เอส, อานนฺท, ตถาคตสฺสาติ ทีเปติ, จิตฺตวิเหสา ปน พุทฺธานํ นตฺถิ. ธมฺมาทาสนฺติ ธมฺมมยํ อาทาสํ. เยนาติ เยน ธมฺมาทาเสน สมนฺนาคโต. ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโตติ อิทํ นิรยาทีนํเยว เววจนวเสน วุตฺตํ. นิรยาทโย หิ วฑฺฒิสงฺขาตโต อยโต อเปตตฺตา อปายา. ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติ ทุคฺคติ. เย ทุกฺกฏการิโน, เต เอตฺถ วิวสา นิปตนฺตีติ วินิปาตา.
อเวจฺจปฺปสาเทนาติ พุทฺธคุณานํ ยถาภูตโต าตตฺตา อจเลน อจฺจุเตน ปสาเทน. อุปริ ปททฺวเยปิ เอเสว นโย. อิติปิ โส ภควาติอาทีนํ ปน วิตฺถาโร วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต.
อริยกนฺเตหีติ อริยานํ กนฺเตหิ ปิเยหิ มนาเปหิ. ปฺจ สีลานิ หิ อริยสาวกานํ กนฺตานิ โหนฺติ, ภวนฺตเรปิ อวิชหิตพฺพโต. ตานิ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. สพฺโพปิ ปเนตฺถ สํวโร ลพฺภติเยว.
โสตาปนฺโนหมสฺมีติ อิทํ เทสนาสีสเมว. สกทาคามิอาทโยปิ ปน สกทาคามีหมสฺมีติอาทินา นเยน พฺยากโรนฺติ เยวาติ. สพฺเพสมฺปิ หิ สิกฺขาปทาวิโรเธน ยุตฺตฏฺาเน พฺยากรณํ อนฺุาตเมว โหติ.
อมฺพปาลีคณิกาวตฺถุวณฺณนา
๑๖๑. เวสาลิยํ ¶ ¶ วิหรตีติ เอตฺถ เตน โข ปน สมเยน เวสาลี อิทฺธา เจว โหติ ผีตาจาติอาทินา ขนฺธเก วุตฺตนเยน ¶ เวสาลิยา สมฺปนฺนภาโว เวทิตพฺโพ. อมฺพปาลิวเนติ อมฺพปาลิยา คณิกาย อุยฺยานภูเต อมฺพวเน. สโต ภิกฺขเวติ ภควา อมฺพปาลิทสฺสเน สติปจฺจุปฏฺานตฺถํ วิเสสโต อิธ สติปฏฺานเทสนํ อารภิ. ตตฺถ สรตีติ สโต. สมฺปชานาตีติ สมฺปชาโน. สติยา จ สมฺปชฺเน จ สมนฺนาคโต หุตฺวา วิหเรยฺยาติ อตฺโถ. กาเย กายานุปสฺสีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ มหาสติปฏฺาเน วกฺขาม.
นีลาติ อิทํ สพฺพสงฺคาหกํ. นีลวณฺณาติอาทิ ตสฺเสว วิภาคทสฺสนํ. ตตฺถ น เตสํ ปกติวณฺโณ นีโล, นีลวิเลปนวิลิตฺตตฺตา ปเนตํ วุตฺตํ. นีลวตฺถาติ ปฏทุกูลโกเสยฺยาทีนิปิ เตสํ นีลาเนว โหนฺติ. นีลาลงฺการาติ นีลมณีหิ นีลปุปฺเผหิ อลงฺกตา, รถาปิ เตสํ นีลมณิขจิตา นีลวตฺถปริกฺขิตฺตา นีลทฺธชา นีลวมฺมิเกหิ นีลาภรเณหิ นีลอสฺเสหิ ยุตฺตา, ปโตทลฏฺิโยปิ นีลา เยวาติ. อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปริวฏฺเฏสีติ ปหริ. กึ เช อมฺพปาลีติ เชติ อาลปนวจนํ, โภติ อมฺพปาลิ, กึ การณาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘กิฺจา’’ติปิ ปาโ, อยเมเวตฺถ อตฺโถ. สาหารนฺติ สชนปทํ. องฺคุลึ โผเฏสุนฺติ องฺคุลึ จาเลสุํ. อมฺพกายาติ อิตฺถิกาย.
เยสนฺติ กรณตฺเถ สามิวจนํ, เยหิ อทิฏฺาติ วุตฺตํ โหติ. โอโลเกถาติ ปสฺสถ. อวโลเกถาติ ปุนปฺปุนํ ปสฺสถ. อุปสํหรถาติ อุปเนถ. อิมํ ลิจฺฉวิปริสํ ตุมฺหากํ จิตฺเตน ตาวตึสสทิสํ อุปสํหรถ อุปเนถ อลฺลียาเปถ. ยเถว ตาวตึสา อภิรูปา ปาสาทิกา นีลาทินานาวณฺณา, เอวมิเม ลิจฺฉวิราชาโนปีติ ตาวตึเสหิ สมเก กตฺวา ปสฺสถาติ อตฺโถ.
กสฺมา ปน ภควา อเนกสเตหิ สุตฺเตหิ จกฺขาทีนํ รูปาทีสุ นิมิตฺตคฺคาหํ ปฏิเสเธตฺวา อิธ มหนฺเตน อุสฺสาเหน นิมิตฺตคฺคาเห อุยฺโยเชตีติ? หิตกามตาย. ตตฺร กิร เอกจฺเจ ภิกฺขู โอสนฺนวีริยา, เตสํ ¶ สมฺปตฺติยา ปโลเภนฺโต – ‘‘อปฺปมาเทน สมณธมฺมํ กโรนฺตานํ เอวรูปา อิสฺสริยสมฺปตฺติ สุลภา’’ติ สมณธมฺเม อุสฺสาหชนนตฺถํ อาห. อนิจฺจลกฺขณวิภาวนตฺถฺจาปิ ¶ เอวมาห. นจิรสฺเสว หิ สพฺเพปิเม อชาตสตฺตุสฺส วเสน วินาสํ ปาปุณิสฺสนฺติ. อถ เนสํ รชฺชสิริสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ิตภิกฺขู – ‘‘ตถารูปายปิ นาม ¶ สิริสมฺปตฺติยา วินาโส ปฺายิสฺสตี’’ติ อนิจฺจลกฺขณํ ภาเวตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺตีติ อนิจฺจลกฺขณวิภาวนตฺถํ อาห.
อธิวาเสตูติ อมฺพปาลิยา นิมนฺติตภาวํ ตฺวาปิ กสฺมา นิมนฺเตนฺตีติ? อสทฺทหนตาย เจว วตฺตสีเสน จ. สา หิ ธุตฺตา อิตฺถี อนิมนฺเตตฺวาปิ นิมนฺเตมีติ วเทยฺยาติ เตสํ จิตฺตํ อโหสิ, ธมฺมํ สุตฺวา คมนกาเล จ นิมนฺเตตฺวา คมนํ นาม มนุสฺสานํ วตฺตเมว.
เวฬุวคามวสฺสูปคมนวณฺณนา
๑๖๓. เวฬุวคามโกติ เวสาลิยา สมีเป เวฬุวคาโม. ยถามิตฺตนฺติอาทีสุ มิตฺตา มิตฺตาว. สนฺทิฏฺาติ ตตฺถ ตตฺถ สงฺคมฺม ทิฏฺมตฺตา นาติทฬฺหมิตฺตา. สมฺภตฺตาติ สุฏฺุ ภตฺตา สิเนหวนฺโต ทฬฺหมิตฺตา. เยสํ เยสํ ยตฺถ ยตฺถ เอวรูปา ภิกฺขู อตฺถิ, เต เต ตตฺถ ตตฺถ วสฺสํ อุเปถาติ อตฺโถ. กสฺมา เอวมาห? เตสํ ผาสุวิหารตฺถาย. เตสฺหิ เวฬุวคามเก เสนาสนํ นปฺปโหติ, ภิกฺขาปิ มนฺทา. สมนฺตา เวสาลิยา ปน พหูนิ เสนาสนานิ, ภิกฺขาปิ สุลภา, ตสฺมา เอวมาห. อถ กสฺมา – ‘‘ยถาสุขํ คจฺฉถา’’ติ น วิสฺสชฺเชสิ? เตสํ อนุกมฺปาย. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อหํ ทสมาสมตฺตํ ตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสามิ, สเจ อิเม ทูรํ คจฺฉิสฺสนฺติ, มม ปรินิพฺพานกาเล ทฏฺุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. อถ เนสํ – ‘‘สตฺถา ปรินิพฺพายนฺโต อมฺหากํ สติมตฺตมฺปิ น อทาสิ, สเจ ชาเนยฺยาม, เอวํ น ทูเร วเสยฺยามา’’ติ วิปฺปฏิสาโร ภเวยฺย. เวสาลิยา สมนฺตา ปน วสนฺตา มาสสฺส อฏฺ วาเร อาคนฺตฺวา ธมฺมํ สุณิสฺสนฺติ, สุคโตวาทํ ลภิสฺสนฺตี’’ติ น วิสฺสชฺเชสิ.
๑๖๔. ขโรติ ผรุโส. อาพาโธติ วิสภาคโรโค. พาฬฺหาติ พลวติโย. มารณนฺติกาติ มรณนฺตํ มรณสนฺติกํ ปาปนสมตฺถา. สโต สมฺปชาโน อธิวาเสสีติ สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อธิวาเสสิ. อวิหฺมาโนติ เวทนานุวตฺตนวเสน อปราปรํ ¶ ปริวตฺตนํ อกโรนฺโต อปีฬิยมาโน อทุกฺขิยมาโนว อธิวาเสสิ ¶ . อนามนฺเตตฺวาติ อชานาเปตฺวา. อนปโลเกตฺวาติ น อปโลเกตฺวา โอวาทานุสาสนึ อทตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. วีริเยนาติ ปุพฺพภาควีริเยน เจว ผลสมาปตฺติวีริเยน จ. ปฏิปณาเมตฺวาติ วิกฺขมฺเภตฺวา. ชีวิตสงฺขารนฺติ เอตฺถ ชีวิตมฺปิ ชีวิตสงฺขาโร. เยน ชีวิตํ สงฺขริยติ ฉิชฺชมานํ ฆเฏตฺวา ปิยติ, โส ผลสมาปตฺติธมฺโมปิ ชีวิตสงฺขาโร. โส อิธ อธิปฺเปโต. อธิฏฺายาติ ¶ อธิฏฺหิตฺวา ปวตฺเตตฺวา, ชีวิตฏฺปนสมตฺถํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺเชยฺยนฺติ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ.
กึ ปน ภควา อิโต ปุพฺเพ ผลสมาปตฺตึ น สมาปชฺชตีติ? สมาปชฺชติ. สา ปน ขณิกสมาปตฺติ. ขณิกสมาปตฺติ จ อนฺโตสมาปตฺติยํเยว เวทนํ วิกฺขมฺเภติ, สมาปตฺติโต วุฏฺิตมตฺตสฺส กฏฺปาเตน วา กลปาเตน วา ฉินฺนเสวาโล วิย อุทกํ ปุน สรีรํ เวทนา อชฺโฌตฺถรติ. ยา ปน รูปสตฺตกํ อรูปสตฺตกฺจ นิคฺคุมฺพํ นิชฺชฏํ กตฺวา มหาวิปสฺสนาวเสน สมาปนฺนา สมาปตฺติ, สา สุฏฺุ วิกฺขมฺเภติ. ยถา นาม ปุริเสน โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ สุฏฺุ อปพฺยูฬฺโห เสวาโล จิเรน อุทกํ โอตฺถรติ; เอวเมว ตโต วุฏฺิตสฺส จิเรน เวทนา อุปฺปชฺชติ. อิติ ภควา ตํ ทิวสํ มหาโพธิปลฺลงฺเก อภินววิปสฺสนํ ปฏฺเปนฺโต วิย รูปสตฺตกํ อรูปสตฺตกํ นิคฺคุมฺพํ นิชฺชฏํ กตฺวา จุทฺทสหากาเรหิ สนฺเนตฺวา มหาวิปสฺสนาย เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา – ‘‘ทสมาเส มา อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. สมาปตฺติวิกฺขมฺภิตา เวทนา ทสมาเส น อุปฺปชฺชิ เยว.
คิลานา วุฏฺิโตติ คิลาโน หุตฺวา ปุน วุฏฺิโต. มธุรกชาโต วิยาติ สฺชาตครุภาโว สฺชาตถทฺธภาโว สูเล อุตฺตาสิตปุริโส วิย. น ปกฺขายนฺตีติ นปฺปกาสนฺติ, นานาการโต น อุปฏฺหนฺติ. ธมฺมาปิ มํ น ปฏิภนฺตีติ สติปฏฺานาทิธมฺมา มยฺหํ ปากฏา น โหนฺตีติ ทีเปติ. ตนฺติธมฺมา ปน เถรสฺส สุปคุณา. น อุทาหรตีติ ปจฺฉิมํ โอวาทํ น เทติ. ตํ สนฺธาย วทติ.
๑๖๕. อนนฺตรํ ¶ อพาหิรนฺติ ธมฺมวเสน วา ปุคฺคลวเสน วา อุภยํ อกตฺวา. ‘‘เอตฺตกํ ธมฺมํ ปรสฺส น เทเสสฺสามี’’ติ ¶ หิ จินฺเตนฺโต ธมฺมํ อพฺภนฺตรํ กโรติ นาม. ‘‘เอตฺตกํ ปรสฺส เทเสสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ธมฺมํ พาหิรํ กโรติ นาม. ‘‘อิมสฺส ปุคฺคลสฺส เทเสสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ปน ปุคฺคลํ อพฺภนฺตรํ กโรติ นาม. ‘‘อิมสฺส น เทเสสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ปุคฺคลํ พาหิรํ กโรติ นาม. เอวํ อกตฺวา เทสิโตติ อตฺโถ. อาจริยมุฏฺีติ ยถา พาหิรกานํ อาจริยมุฏฺิ นาม โหติ. ทหรกาเล กสฺสจิ อกเถตฺวา ปจฺฉิมกาเล มรณมฺเจ นิปนฺนา ปิยมนาปสฺส อนฺเตวาสิกสฺส กเถนฺติ, เอวํ ตถาคตสฺส – ‘‘อิทํ มหลฺลกกาเล ปจฺฉิมฏฺาเน กเถสฺสามี’’ติ มุฏฺึ กตฺวา ‘‘ปริหริสฺสามี’’ติ ปิตํ กิฺจิ นตฺถีติ ทสฺเสติ.
อหํ ¶ ภิกฺขุสงฺฆนฺติ อหเมว ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามีติ วา มมุทฺเทสิโกติ อหํ อุทฺทิสิตพฺพฏฺเน อุทฺเทโส อสฺสาติ มมุทฺเทสิโก. มํเยว อุทฺทิสิตฺวา มม ปจฺจาสีสมาโน ภิกฺขุสงฺโฆ โหตุ, มม อจฺจเยน วา มา อเหสุํ, ยํ วา ตํ วา โหตูติ อิติ วา ยสฺส อสฺสาติ อตฺโถ. น เอวํ โหตีติ โพธิปลฺลงฺเกเยว อิสฺสามจฺฉริยานํ วิหตตฺตา เอวํ น โหติ. ส กินฺติ โส กึ. อาสีติโกติ อสีติสํวจฺฉริโก. อิทํ ปจฺฉิมวยอนุปฺปตฺตภาวทีปนตฺถํ วุตฺตํ. เวมิสฺสเกนาติ พาหพนฺธจกฺกพนฺธาทินา ปฏิสงฺขรเณน เวมิสฺสเกน. มฺเติ ชิณฺณสกฏํ วิย เวมิสฺสเกน มฺเ ยาเปติ. อรหตฺตผลเวเนน จตุอิริยาปถกปฺปนํ ตถาคตสฺส โหตีติ ทสฺเสติ.
อิทานิ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต ยสฺมึ, อานนฺท, สมเยติอาทิมาห. ตตฺถ สพฺพนิมิตฺตานนฺติ รูปนิมิตฺตาทีนํ. เอกจฺจานํ เวทนานนฺติ โลกิยานํ เวทนานํ. ตสฺมาติหานนฺทาติ ยสฺมา อิมินา ผลสมาปตฺติวิหาเรน ผาสุ โหติ, ตสฺมา ตุมฺเหปิ ตทตฺถาย เอวํ วิหรถาติ ทสฺเสติ. อตฺตทีปาติ มหาสมุทฺทคตทีปํ วิย อตฺตานํ ทีปํ ปติฏฺํ กตฺวา วิหรถ. อตฺตสรณาติ อตฺตคติกาว โหถ, มา อฺคติกา. ธมฺมทีปธมฺมสรณปเทสุปิ เอเสว นโย. ตมตคฺเคติ ตมอคฺเค. มชฺเฌ ตกาโร ปทสนฺธิวเสน วุตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อิเม อคฺคตมาติ ตมตคฺคา’’ติ. เอวํ สพฺพํ ตมโยคํ ฉินฺทิตฺวา อติวิย อคฺเค อุตฺตมภาเว เอเต ¶ , อานนฺท ¶ , มม ภิกฺขู ภวิสฺสนฺติ. เตสํ อติอคฺเค ภวิสฺสนฺติ, เย เกจิ สิกฺขากามา, สพฺเพปิ เต จตุสติปฏฺานโคจราว ภิกฺขู อคฺเค ภวิสฺสนฺตีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ สงฺคณฺหาติ.
ทุติยภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิมิตฺโตภาสกถาวณฺณนา
๑๖๖. เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสีติ กทา ปาวิสิ? อุกฺกเจลโต นิกฺขมิตฺวา เวสาลึ คตกาเล. ภควา กิร วุฏฺวสฺโส เวฬุวคามกา นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถึ คมิสฺสามีติ อาคตมคฺเคเนว ปฏินิวตฺตนฺโต อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนํ ปาวิสิ. ธมฺมเสนาปติ ภควโต วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ทิวาฏฺานํ คโต. โส ตตฺถ อนฺเตวาสิเกสุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺกนฺเตสุ ทิวาฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา จมฺมกฺขณฺฑํ ปฺเปตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ผลสมาปตฺตึ ¶ ปาวิสิ. อถสฺส ยถาปริจฺเฉเทน ตโต วุฏฺิตสฺส อยํ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘พุทฺธา นุ โข ปมํ ปรินิพฺพายนฺติ, อคสาวกา นุ โข’’ติ? ตโต – ‘‘อคฺคสาวกา ปม’’นฺติ ตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขารํ โอโลเกสิ. โส – ‘‘สตฺตาหเมว เม อายุสงฺขาโร ปวตฺตตี’’ติ ตฺวา – ‘‘กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. ตโต – ‘‘ราหุโล ตาวตึเสสุ ปรินิพฺพุโต, อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร ฉทฺทนฺตทเห, อหํ กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ ปุน จินฺเตนฺโต มาตรํ อารพฺภ สตึ อุปฺปาเทสิ – ‘‘มยฺหํ มาตา สตฺตนฺนํ อรหนฺตานํ มาตา หุตฺวาปิ พุทฺธธมฺมสงฺเฆสุ อปฺปสนฺนา, อตฺถิ นุ โข ตสฺสา อุปนิสฺสโย, นตฺถิ นุ โข’’ติ อาวชฺเชตฺวา โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา – ‘‘กสฺส เทสนาย อภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ โอโลเกนฺโต – ‘‘มเมว ธมฺมเทสนาย ภวิสฺสติ, น อฺสฺส. สเจ โข ปนาหํ อปฺโปสฺสุกฺโก ภเวยฺยํ, ภวิสฺสนฺติ เม วตฺตาโร – ‘สาริปุตฺตตฺเถโร อวเสสชนานมฺปิ อวสฺสโย โหติ. ตถา หิสฺส สมจิตฺตสุตฺตเทสนาทิวเส (อ. นิ. ๑.๓๗) โกฏิสตสหสฺสเทวตา อรหตฺตํ ปตฺตา ¶ . ตโย มคฺเค ปฏิวิทฺธเทวตานํ คณนา นตฺถิ. อฺเสุ จ าเนสุ อเนกา อภิสมยา ¶ ทิสฺสนฺติ. เถเรว จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตาเนว อสีติกุลสหสฺสานิ. โส ทานิ สกมาตุมิจฺฉาทสฺสนมตฺตมฺปิ หริตุํ นาสกฺขี’ติ. ตสฺมา มาตรํ มิจฺฉาทสฺสนา โมเจตฺวา ชาโตวรเกเยว ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา – ‘‘อชฺเชว ภควนฺตํ อนุชานาเปตฺวา นิกฺขมิสฺสามี’’ติ จุนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ. ‘‘อาวุโส, จุนฺท, อมฺหากํ ปฺจสตาย ภิกฺขุปริสาย สฺํ เทหิ – ‘คณฺหถาวุโส ปตฺตจีวรานิ, ธมฺมเสนาปติ นาฬกคามํ คนฺตุกาโม’ติ’’. เถโร ตถา อกาสิ. ภิกฺขู เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เถรสฺส สนฺติกํ อาคมํสุ. เถโร เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ทิวาฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา ทิวาฏฺานทฺวาเร ตฺวา ทิวาฏฺานํ โอโลเกนฺโต – ‘‘อิทํ ทานิ ปจฺฉิมทสฺสนํ, ปุน อาคมนํ นตฺถี’’ติ ปฺจสตภิกฺขุปริวุโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอตทโวจ –
‘‘ฉินฺโน ทานิ ภวิสฺสามิ, โลกนาถ มหามุนิ;
คมนาคมนํ นตฺถิ, ปจฺฉิมา วนฺทนา อยํ.
ชีวิตํ อปฺปกํ มยฺหํ, อิโต สตฺตาหมจฺจเย;
นิกฺขิเปยฺยามหํ เทหํ, ภารโวโรปนํ ยถา.
อนุชานาตุ เม ภนฺเต, ภควา, อนุชานาตุ สุคโต;
ปรินิพฺพานกาโล เม, โอสฺสฏฺโ อายุสงฺขาโร’’ติ.
พุทฺธา ¶ ปน ยสฺมา ‘‘ปรินิพฺพาหี’’ติ วุตฺเต มรณสํวณฺณนํ สํวณฺเณนฺติ นาม, ‘‘มา ปรินิพฺพาหี’’ติ วุตฺเต วฏฺฏสฺส คุณํ กเถนฺตีติ มิจฺฉาทิฏฺิกา โทสํ อาโรเปสฺสนฺติ, ตสฺมา ตทุภยมฺปิ น วทนฺติ. เตน นํ ภควา อาห – ‘‘กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสสิ สาริปุตฺตา’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, มคเธสุ นาฬกคาเม ชาโตวรโก, ตตฺถาหํ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘ยสฺส ทานิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, กาลํ มฺสิ, อิทานิ ปน เต เชฏฺกนิฏฺภาติกานํ ตาทิสสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสนํ ทุลฺลภํ ภวิสฺสตีติ เทเสหิ เตสํ ธมฺม’’นฺติ อาห.
เถโร – ‘‘สตฺถา มยฺหํ อิทฺธิวิกุพฺพนปุพฺพงฺคมํ ธมฺมเทสนํ ปจฺจาสีสตี’’ติ ตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ตาลปฺปมาณํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปุน โอรุยฺห ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ¶ สตฺตตาลปฺปมาเณ ¶ อนฺตลิกฺเข ิโต อิทฺธิวิกุพฺพนํ ทสฺเสตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. สกลนครํ สนฺนิปติ. เถโร โอรุยฺห ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘คมนกาโล เม, ภนฺเต’’ติ อาห. ภควา ‘‘ธมฺมเสนาปตึ ปฏิปาเทสฺสามี’’ติ ธมฺมาสนา อุฏฺาย คนฺธกุฏิอภิมุโข คนฺตฺวา มณิผลเก อฏฺาสิ. เถโร ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ วนฺทิตฺวา – ‘‘ภควา อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺส อสงฺขฺเยยฺยสฺส อุปริ อโนมทสฺสิสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาทมูเล นิปติตฺวา ตุมฺหากํ ทสฺสนํ ปตฺเถสึ. สา เม ปตฺถนา สมิทฺธา, ทิฏฺา ตุมฺเห, ตํ ปมทสฺสนํ, อิทํ ปจฺฉิมทสฺสนํ. ปุน ตุมฺหากํ ทสฺสนํ นตฺถี’’ติ – วตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ยาว ทสฺสนวิสโย, ตาว อภิมุโขว ปฏิกฺกมิตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย จุติปฏิสนฺธิวเสน กิสฺมิฺจิ าเน คมนาคมนํ นาม นตฺถี’’ติ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาภูมิจาโล อโหสิ. ภควา ปริวาเรตฺวา ิเต ภิกฺขู อาห – ‘‘อนุคจฺฉถ, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เชฏฺภาติก’’นฺติ. ภิกฺขู ยาว ทฺวารโกฏฺกา อคมํสุ. เถโร – ‘‘ติฏฺถ, ตุมฺเห อาวุโส, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ นิวตฺตาเปตฺวา อตฺตโน ปริสาเยว สทฺธึ ปกฺกามิ. มนุสฺสา – ‘‘ปุพฺเพ อยฺโย ปจฺจาคมนจาริกํ จรติ, อิทํ ทานิ คมนํ น ปุน ปจฺจาคมนายา’’ติ ปริเทวนฺตา อนุพนฺธึสุ. เตปิ ‘‘อปฺปมตฺตา โหถ อาวุโส, เอวํภาวิโน นาม สงฺขารา’’ติ นิวตฺตาเปสิ.
อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อนฺตรามคฺเค สตฺตาหํ มนุสฺสานํ อนุคฺคหํ กโรนฺโต สายํ นาฬกคามํ ปตฺวา คามทฺวาเร นิคฺโรธรุกฺขมูเล อฏฺาสิ. อถ อุปเรวโต นาม เถรสฺส ภาคิเนยฺโย พหิคามํ คจฺฉนฺโต เถรํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. เถโร ตํ อาห – ‘‘อตฺถิ เคเห เต อยฺยิกา’’ติ? อาม, ภนฺเตติ. คจฺฉ อมฺหากํ อิธาคตภาวํ อาโรเจหิ. ‘‘กสฺมา อาคโต’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อชฺช กิร เอกทิวสํ อนฺโตคาเม ภวิสฺสติ, ชาโตวรกํ ปฏิชคฺคถ, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ นิวาสนฏฺานํ ชานาถา’’ติ. โส คนฺตฺวา ‘‘อยฺยิเก, มยฺหํ มาตุโล ¶ อาคโต’’ติ อาห. อิทานิ กุหินฺติ? คามทฺวาเรติ. เอกโกว, อฺโปิ โกจิ อตฺถีติ ¶ ? อตฺถิ ปฺจสตา ภิกฺขูติ. กึ การณา อาคโตติ? โส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. พฺราหฺมณี – ‘‘กึ นุ โข เอตฺตกานํ วสนฏฺานํ ปฏิชคฺคาเปติ ¶ , ทหรกาเล ปพฺพชิตฺวา มหลฺลกกาเล คิหี โหตุกาโม’’ติ จินฺเตนฺตี ชาโตวรกํ ปฏิชคฺคาเปตฺวา ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ วสนฏฺานํ กาเรตฺวา ทณฺฑทีปิกาโย ชาเลตฺวา เถรสฺส ปาเหสิ.
เถโร ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปาสาทํ อภิรุหิ. อภิรุหิตฺวา จ ชาโตวรกํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ. นิสชฺเชว – ‘‘ตุมฺหากํ วสนฏฺานํ คจฺฉถา’’ติ ภิกฺขู อุยฺโยเชสิ. เตสุ คตมตฺเตสุเยว เถรสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิ, โลหิตปกฺขนฺทิกา มารณนฺติกา เวทนา วตฺตนฺติ, เอกํ ภาชนํ ปวิสติ, เอกํ นิกฺขมติ. พฺราหฺมณี – ‘‘มม ปุตฺตสฺส ปวตฺติ มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ อตฺตโน วสนคพฺภทฺวารํ นิสฺสาย อฏฺาสิ. จตฺตาโร มหาราชาโน ‘‘ธมฺมเสนาปติ กุหึ วิหรตี’’ติ โอโลเกนฺตา ‘‘นาฬกคาเม ชาโตวรเก ปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโน, ปจฺฉิมทสฺสนํ คมิสฺสามา’’ติ อาคมฺม วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. เถโร – เก ตุมฺเหติ? มหาราชาโน, ภนฺเตติ. กสฺมา อาคตตฺถาติ? คิลานุปฏฺากา ภวิสฺสามาติ. โหตุ, อตฺถิ คิลานุปฏฺาโก, คจฺฉถ ตุมฺเหติ อุยฺโยเชสิ. เตสํ คตาวสาเน เตเนว นเยน สกฺโก เทวานมินฺโท, ตสฺมึ คเต สุยามาทโย มหาพฺรหฺมา จ อาคมึสุ. เตปิ ตเถว เถโร อุยฺโยเชสิ.
พฺราหฺมณี เทวตานํ อาคมนฺจ คมนฺจ ทิสฺวา – ‘‘เก นุ โข เอเต มม ปุตฺตํ วนฺทิตฺวา คจฺฉนฺตี’’ติ เถรสฺส คพฺภทฺวารํ คนฺตฺวา – ‘‘ตาต, จุนฺท, กา ปวตฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา – ‘‘มหาอุปาสิกา, ภนฺเต อาคตา’’ติ อาห. เถโร กสฺมา อเวลาย อาคตตฺถาติ ปุจฺฉิ. สา ตุยฺหํ ตาต ทสฺสนตฺถายาติ วตฺวา ‘‘ตาต เก ปมํ อาคตา’’ติ ปุจฺฉิ. จตฺตาโร มหาราชาโน, อุปาสิเกติ. ตาต, ตฺวํ จตูหิ มหาราเชหิ มหนฺตตโรติ? อารามิกสทิสา เอเต อุปาสิเก, อมฺหากํ สตฺถุ ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย ขคฺคหตฺถา หุตฺวา อารกฺขํ อกํสูติ. เตสํ ตาต, คตาวสาเน โก อาคโตติ? สกฺโก เทวานมินฺโทติ. เทวราชโตปิ ตฺวํ ตาต, มหนฺตตโรติ? ภณฺฑคาหกสามเณรสทิโส ¶ เอส อุปาสิเก, อมฺหากํ สตฺถุ ตาวตึสโต โอตรณกาเล ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา โอติณฺโณติ. ตสฺส ตาต คตาวสาเน โชตมาโน วิย โก อาคโตติ? อุปาสิเก ตุยฺหํ ภควา จ สตฺถา จ มหาพฺรหฺมา นาม เอโสติ. มยฺหํ ภควโต มหาพฺรหฺมโตปิ ตฺวํ ตาต มหนฺตตโรติ? อาม อุปาสิเก, เอเต นาม กิร อมฺหากํ สตฺถุ ¶ ชาตทิวเส จตฺตาโร มหาพฺรหฺมาโน มหาปุริสํ สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคณฺหึสูติ.
อถ ¶ พฺราหฺมณิยา – ‘‘ปุตฺตสฺส ตาว เม อยํ อานุภาโว, กีทิโส วต มยฺหํ ปุตฺตสฺส ภควโต สตฺถุ อานุภาโว ภวิสฺสตี’’ติ จินฺตยนฺติยา สหสา ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิตฺวา สกลสรีเร ผริ. เถโร – ‘‘อุปฺปนฺนํ เม มาตุ ปีติโสมนสฺสํ, อยํ ทานิ กาโล ธมฺมเทสนายา’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘กึ จินฺเตสิ มหาอุปาสิเก’’ติ อาห. สา – ‘‘ปุตฺตสฺส ตาว เม อยํ คุโณ, สตฺถุ ปนสฺส กีทิโส คุโณ ภวิสฺสตีติ อิทํ, ตาต, จินฺเตมี’’ติ อาห. มหาอุปาสิเก, มยฺหํ สตฺถุ ชาตกฺขเณ, มหาภินิกฺขมเน, สมฺโพธิยํ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน จ ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถ, สีเลน สมาธินา ปฺาย วิมุตฺติยา วิมุตฺติาณทสฺสเนน สโม นาม นตฺถิ, อิติปิ โส ภควาติ วิตฺถาเรตฺวา พุทฺธคุณปฺปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมเทสนํ กเถสิ.
พฺราหฺมณี ปิยปุตฺตสฺส ธมฺมเทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต, อุปติสฺส, กสฺมา เอวมกาสิ, เอวรูปํ นาม อมตํ มยฺหํ เอตฺตกํ กาลํ น อทาสี’’ติ. เถโร – ‘‘ทินฺนํ ทานิ เม มาตุ รูปสาริยา พฺราหฺมณิยา โปสาวนิกมูลํ, เอตฺตเกน วฏฺฏิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ มหาอุปาสิเก’’ติ พฺราหฺมณึ อุยฺโยเชตฺวา ‘‘จุนฺท กา เวลา’’ติ อาห. พลวปจฺจูสกาโล, ภนฺเตติ. เตน หิ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตหีติ. สนฺนิปติโต, ภนฺเต, สงฺโฆติ. มํ อุกฺขิปิตฺวา นิสีทาเปหิ จุนฺทาติ อุกฺขิปิตฺวา นิสีทาเปสิ. เถโร ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส จตุจตฺตาลีสํ โว วสฺสานิ มยา สทฺธึ วิจรนฺตานํ ยํ เม กายิกํ วา วาจสิกํ วา น โรเจถ, ขมถ ตํ อาวุโสติ. เอตฺตกํ, ภนฺเต, อมฺหากํ ฉายา วิย ตุมฺเห อมฺุจิตฺวา วิจรนฺตานํ อรุจฺจนกํ นาม นตฺถิ, ตุมฺเห ปน อมฺหากํ ขมถาติ. อถ ¶ เถโร อรุณสิขาย ปฺายมานาย มหาปถวึ อุนฺนาทยนฺโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. พหู เทวมนุสฺสา เถรสฺส ปรินิพฺพาเน สกฺการํ กรึสุ.
อายสฺมา ¶ จุนฺโท เถรสฺส ปตฺตจีวรฺจ ธาตุปริสฺสาวนฺจ คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา อานนฺทตฺเถรํ คเหตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. ภควา ธาตุปริสฺสาวนํ คเหตฺวา ปฺจหิ คาถาสเตหิ เถรสฺส คุณํ กเถตฺวา ธาตุเจติยํ การาเปตฺวา ราชคหคมนตฺถาย อานนฺทตฺเถรสฺส สฺํ อทาสิ. เถโร ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ. ภควา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหํ อคมาสิ. ตตฺถ คตกาเล มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ปรินิพฺพายิ. ภควา ตสฺส ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ การาเปตฺวา ราชคหโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน คงฺคาภิมุโข คนฺตฺวา อุกฺกเจลํ อคมาสิ. ตตฺถ คงฺคาตีเร ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต นิสีทิตฺวา ตตฺถ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานานํ ปรินิพฺพานปฺปฏิสํยุตฺตํ สุตฺตํ เทเสตฺวา อุกฺกเจลโต นิกฺขมิตฺวา เวสาลึ อคมาสิ. เอวํ คเต อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ ¶ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสีติ อยเมตฺถ อนุปุพฺพี กถา.
นิสีทนนฺติ เอตฺถ จมฺมกฺขณฺฑํ อธิปฺเปตํ. อุเทนเจติยนฺติ อุเทนยกฺขสฺส เจติยฏฺาเน กตวิหาโร วุจฺจติ. โคตมกาทีสุปิ เอเสว นโย. ภาวิตาติ วฑฺฒิตา. พหุลีกตาติ ปุนปฺปุนํ กตา. ยานีกตาติ ยุตฺตยานํ วิย กตา. วตฺถุกตาติ ปติฏฺานฏฺเน วตฺถุ วิย กตา. อนุฏฺิตาติ อธิฏฺิตา. ปริจิตาติ สมนฺตโต จิตา สุวฑฺฒิตา. สุสมารทฺธาติ สุฏฺุ สมารทฺธา.
อิติ อนิยเมน กเถตฺวา ปุน นิยเมตฺวา ทสฺเสนฺโต ตถาคตสฺส โขติอาทิมาห. เอตฺถ จ กปฺปนฺติ อายุกปฺปํ. ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล ยํ มนุสฺสานํ อายุปฺปมาณํ โหติ, ตํ ปริปุณฺณํ กโรนฺโต ติฏฺเยฺย. กปฺปาวเสสํ วาติ – ‘‘อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๗; อ. นิ. ๖.๗๔) วุตฺตวสฺสสตโต อติเรกํ วา. มหาสีวตฺเถโร ปนาห – ‘‘พุทฺธานํ อฏฺาเน คชฺชิตํ นาม นตฺถิ. ยเถว หิ เวฬุวคามเก อุปฺปนฺนํ มารณนฺติกํ เวทนํ ทส มาเส วิกฺขมฺเภติ, เอวํ ปุนปฺปุนํ ¶ ตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ทส ทส มาเส วิกฺขมฺเภนฺโต อิมํ ภทฺทกปฺปเมว ติฏฺเยฺย, กสฺมา ปน น ิโตติ? อุปาทินฺนกสรีรํ นาม ขณฺฑิจฺจาทีหิ อภิภุยฺยติ, พุทฺธา จ ขณฺฑิจฺจาทิภาวํ อปตฺวา ปฺจเม อายุโกฏฺาเส พหุชนสฺส ปิยมนาปกาเลเยว ปรินิพฺพายนฺติ. พุทฺธานุพุทฺเธสุ จ มหาสาวเกสุ ปรินิพฺพุเตสุ เอกเกเนว ขาณุเกน วิย ¶ าตพฺพํ โหติ, ทหรสามเณรปริวาริเตน วา. ตโต – ‘อโห พุทฺธานํ ปริสา’ติ หีเฬตพฺพตํ อาปชฺเชยฺย. ตสฺมา น ิโต’’ติ. เอวํ วุตฺเตปิ โส น รุจฺจติ, ‘‘อายุกปฺโป’’ติ อิทเมว อฏฺกถายํ นิยมิตํ.
๑๖๗. ยถา ตํ มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺโตติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ. ยถา มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺโต อชฺโฌตฺถฏจิตฺโต อฺโปิ โกจิ ปุถุชฺชโน ปฏิวิชฺฌิตุํ น สกฺกุเณยฺย, เอวเมว นาสกฺขิ ปฏิวิชฺฌิตุนฺติ อตฺโถ. กึ การณา? มาโร หิ ยสฺส สพฺเพน สพฺพํ ทฺวาทส วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, ตสฺส จิตฺตํ ปริยุฏฺาติ. เถรสฺส จตฺตาโร วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, เตนสฺส มาโร จิตฺตํ ปริยุฏฺาติ. โส ปน จิตฺตปริยุฏฺานํ กโรนฺโต กึ กโรตีติ? เภรวํ รูปารมฺมณํ วา ทสฺเสติ, สทฺทารมฺมณํ วา สาเวติ, ตโต สตฺตา ตํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา สตึ วิสฺสชฺเชตฺวา วิวฏมุขา โหนฺติ. เตสํ มุเขน หตฺถํ ปเวเสตฺวา หทยํ มทฺทติ. ตโต วิสฺาว หุตฺวา ติฏฺนฺติ. เถรสฺส ปเนส มุเขน หตฺถํ ปเวเสตุํ กึ สกฺขิสฺสติ ¶ ? เภรวารมฺมณํ ปน ทสฺเสติ. ตํ ทิสฺวา เถโร นิมิตฺโตภาสํ น ปฏิวิชฺฌิ. ภควา ชานนฺโตเยว – ‘‘กิมตฺถํ ยาวตติยํ อามนฺเตสี’’ติ? ปรโต ‘‘ติฏฺตุ, ภนฺเต, ภควา’’ติ ยาจิเต ‘‘ตุยฺเหเวตํ ทุกฺกฏํ, ตุยฺเหเวตํ อปรทฺธ’’นฺติ โทสาโรปเนน โสกตนุกรณตฺถํ.
มารยาจนกถาวณฺณนา
๑๖๘. มาโร ปาปิมาติ เอตฺถ มาโรติ สตฺเต อนตฺเถ นิโยเชนฺโต มาเรตีติ มาโร. ปาปิมาติ ตสฺเสว เววจนํ. โส หิ ปาปธมฺมสมนฺนาคตตฺตา ‘‘ปาปิมา’’ติ วุจฺจติ. กณฺโห, อนฺตโก, นมุจิ, ปมตฺตพนฺธูติปิ ตสฺเสว นามานิ. ภาสิตา โข ปเนสาติ อยฺหิ ภควโต สมฺโพธิปตฺติยา อฏฺเม สตฺตาเห โพธิมณฺเฑเยว อาคนฺตฺวา – ‘‘ภควา ยทตฺถํ ตุมฺเหหิ ปารมิโย ปูริตา, โส โว อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, ปฏิวิทฺธํ สพฺพฺุตฺาณํ, กึ เต โลกวิจารเณนา’’ติ วตฺวา, ยถา อชฺช ¶ , เอวเมว ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภนฺเต, ภควา’’ติ ยาจิ. ภควา จสฺส – ‘‘น ¶ ตาวาห’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ปฏิกฺขิปิ. ตํ สนฺธาย ‘‘ภาสิตา โข ปเนสา ภนฺเต’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ วิยตฺตาติ มคฺควเสน วิยตฺตา. ตเถว วินีตา ตถา วิสารทา. พหุสฺสุตาติ เตปิฏกวเสน พหุ สุตเมเตสนฺติ พหุสฺสุตา. ตเมว ธมฺมํ ธาเรนฺตีติ ธมฺมธรา. อถวา ปริยตฺติพหุสฺสุตา เจว ปฏิเวธพหุสฺสุตา จ. ปริยตฺติปฏิเวธธมฺมานํเยว ธารณโต ธมฺมธราติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺนาติ อริยธมฺมสฺส อนุธมฺมภูตํ วิปสฺสนาธมฺมํ ปฏิปนฺนา. สามีจิปฺปฏิปนฺนาติ อนุจฺฉวิกปฏิปทํ ปฏิปนฺนา. อนุธมฺมจาริโนติ อนุธมฺมจรณสีลา. สกํ อาจริยกนฺติ อตฺตโน อาจริยวาทํ. อาจิกฺขิสฺสนฺตีติอาทีนิ สพฺพานิ อฺมฺสฺส เววจนานิ. สหธมฺเมนาติ สเหตุเกน สการเณน วจเนน. สปฺปาฏิหาริยนฺติ ยาว น นิยฺยานิกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสนฺติ.
พฺรหฺมจริยนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สกลํ สาสนพฺรหฺมจริยํ. อิทฺธนฺติ สมิทฺธํ ฌานสฺสาทวเสน. ผีตนฺติ วุทฺธิปฺปตฺตํ สพฺพผาลิผุลฺลํ วิย อภิฺาย สมฺปตฺติวเสน. วิตฺถาริกนฺติ วิตฺถตํ ตสฺมึ ตสฺมึ ทิสาภาเค ปติฏฺิตวเสน. พาหุชฺนฺติ พหุชเนหิ าตํ ปฏิวิทฺธํ มหาชนาภิสมยวเสน. ปุถุภูตนฺติ สพฺพาการวเสน ปุถุลภาวปฺปตฺตํ. กถํ? ยาว เทวมนุสฺเสหิ ¶ สุปฺปกาสิตนฺติ ยตฺตกา วิฺุชาติกา เทวา เจว มนุสฺสา จ อตฺถิ สพฺเพหิ สุฏฺุ ปกาสิตนฺติ อตฺโถ.
อปฺโปสฺสุกฺโกติ นิราลโย. ตฺวฺหิ ปาปิม, อฏฺมสตฺตาหโต ปฏฺาย – ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภนฺเต, ภควา ปรินิพฺพาตุ, สุคโต’’ติ วิรวนฺโต อาหิณฺฑิตฺถ. อชฺช ทานิ ปฏฺาย วิคตุสฺสาโห โหหิ; มา มยฺหํ ปรินิพฺพานตฺถํ วายามํ กโรหีติ วทติ.
อายุสงฺขารโอสฺสชฺชนวณฺณนา
๑๖๙. สโต สมฺปชาโน อายุสงฺขารํ โอสฺสชีติ สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อายุสงฺขารํ วิสฺสชฺชิ, ปชหิ. ตตฺถ น ภควา หตฺเถน เลฑฺฑุํ วิย อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ, เตมาสมตฺตเมว ปน สมาปตฺตึ ¶ สมาปชฺชิตฺวา ตโต ปรํ น สมาปชฺชิสฺสามีติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘โอสฺสชี’’ติ. ‘‘อุสฺสชฺชี’’ติ ปิ ปาโ. มหาภูมิจาโลติ ¶ มหนฺโต ปถวีกมฺโป. ตทา กิร ทสสหสฺสี โลกธาตุ กมฺปิตฺถ. ภึสนโกติ ภยชนโก. เทวทุนฺทุภิโย จ ผลึสูติ เทวเภริโย ผลึสุ, เทโว สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชิ, อกาลวิชฺชุลตา นิจฺฉรึสุ, ขณิกวสฺสํ วสฺสีติ วุตฺตํ โหติ.
อุทานํ อุทาเนสีติ กสฺมา อุทาเนสิ? โกจิ นาม วเทยฺย – ‘‘ภควา ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุพนฺธิตฺวา – ‘ปรินิพฺพายถ, ภนฺเต, ปรินิพฺพายถ, ภนฺเต’ติ อุปทฺทุโต ภเยน อายุสงฺขารํ วิสฺสชฺเชสี’’ติ. ‘‘ตสฺโสกาโส มา โหตุ, ภีตสฺส อุทานํ นาม นตฺถี’’ติ เอตสฺส ทีปนตฺถํ ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สพฺเพสํ โสณสิงฺคาลาทีนมฺปิ ปจฺจกฺขภาวโต ตุลิตํ ปริจฺฉินฺนนฺติ ตุลํ. กึ ตํ? กามาวจรกมฺมํ. น ตุลํ, น วา ตุลํ สทิสมสฺส อฺํ โลกิยํ กมฺมํ อตฺถีติ อตุลํ. กึ ตํ? มหคฺคตกมฺมํ. อถวา กามาวจรรูปาวจรํ ตุลํ, อรูปาวจรํ อตุลํ. อปฺปวิปากํ วา ตุลํ, พหุวิปากํ อตุลํ. สมฺภวนฺติ สมฺภวสฺส เหตุภูตํ, ปิณฺฑการกํ ราสิการกนฺติ อตฺโถ. ภวสงฺขารนฺติ ปุนพฺภวสงฺขารณกํ. อวสฺสชีติ วิสฺสชฺเชสิ. มุนีติ พุทฺธมุนิ. อชฺฌตฺตรโตติ นิยกชฺฌตฺตรโต. สมาหิโตติ อุปจารปฺปนาสมาธิวเสน สมาหิโต. อภินฺทิ กวจมิวาติ กวจํ วิย อภินฺทิ. อตฺตสมฺภวนฺติ อตฺตนิ สฺชาตํ กิเลสํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สวิปากฏฺเน สมฺภวํ, ภวาภิสงฺขารณฏฺเน ภวสงฺขารนฺติ จ ลทฺธนามํ ตุลาตุลสงฺขาตํ ¶ โลกิยกมฺมฺจ โอสฺสชิ. สงฺคามสีเส มหาโยโธ กวจํ วิย อตฺตสมฺภวํ กิเลสฺจ อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต หุตฺวา อภินฺที’’ติ.
อถ วา ตุลนฺติ ตุเลนฺโต ตีเรนฺโต. อตุลฺจ สมฺภวนฺติ นิพฺพานฺเจว สมฺภวฺจ. ภวสงฺขารนฺติ ภวคามิกมฺมํ. อวสฺสชิ มุนีติ ‘‘ปฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา, ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ นิโรโธ นิพฺพานํ นิจฺจ’’นฺติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๓๘) นเยน ตุลยนฺโต พุทฺธมุนิ ภเว อาทีนวํ, นิพฺพาเน จ อานิสํสํ ทิสฺวา ตํ ขนฺธานํ มูลภูตํ ภวสงฺขารกมฺมํ – ‘‘กมฺมกฺขยาย สํวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๑) เอวํ วุตฺเตน กมฺมกฺขยกเรน อริยมคฺเคน ¶ อวสฺสชิ. กถํ? อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต อภินฺทิ กวจมิว อตฺตนิ ¶ สมฺภวํ. โส หิ วิปสฺสนาวเสน อชฺฌตฺตรโต สมถวเสน สมาหิโตติ เอวํ ปุพฺพภาคโต ปฏฺาย สมถวิปสฺสนาพเลน กวจมิว อตฺตภาวํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ, อตฺตนิ สมฺภวตฺตา ‘‘อตฺตสมฺภว’’นฺติ ลทฺธนามํ สพฺพกิเลสชาลํ อภินฺทิ. กิเลสาภาเวน จ กตกมฺมํ อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา อวสฺสฏฺํ นาม โหตีติ เอวํ กิเลสปฺปหาเนน กมฺมํ ปชหิ, ปหีนกิเลสสฺส จ ภยํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา อภีโตว อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ, อภีตภาวาปนตฺถฺจ อุทานํ อุทาเนสีติ เวทิตพฺโพ.
มหาภูมิจาลวณฺณนา
๑๗๑. ยํ มหาวาตาติ เยน สมเยน ยสฺมึ วา สมเย มหาวาตา วายนฺติ, มหาวาตา วายนฺตาปิ อุกฺเขปกวาตา นาม อุฏฺหนฺติ, เต วายนฺตา สฏฺิสหสฺสาธิกนวโยชนสตสหสฺสพหลํ อุทกสนฺธารกํ วาตํ อุปจฺฉินฺทนฺติ, ตโต อากาเส อุทกํ ภสฺสติ, ตสฺมึ ภสฺสนฺเต ปถวี ภสฺสติ. ปุน วาโต อตฺตโน พเลน อนฺโตธมกรเณ วิย อุทกํ อาพนฺธิตฺวา คณฺหาติ, ตโต อุทกํ อุคฺคจฺฉติ, ตสฺมึ อุคฺคจฺฉนฺเต ปถวี อุคฺคจฺฉติ. เอวํ อุทกํ กมฺปิตํ ปถวึ กมฺเปติ. เอตฺจ กมฺปนํ ยาว อชฺชกาลาปิ โหติเยว, พหลภาเวน ปน น โอคจฺฉนุคฺคจฺฉนํ ปฺายติ.
มหิทฺธิโก มหานุภาโวติ อิชฺฌนสฺส มหนฺตตาย มหิทฺธิโก, อนุภวิตพฺพสฺส มหนฺตตาย มหานุภาโว. ปริตฺตาติ ทุพฺพลา. อปฺปมาณาติ พลวา. โส อิมํ ปถวึ กมฺเปตีติ โส อิทฺธึ นิพฺพตฺเตตฺวา สํเวเชนฺโต มหาโมคฺคลฺลาโน วิย, วีมํสนฺโต วา มหานาคตฺเถรสฺส ภาคิเนยฺโย สงฺฆรกฺขิตสามเณโร วิย ปถวึ กมฺเปติ. โส กิรายสฺมา ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปตฺวา จินฺเตสิ ¶ – ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ ภิกฺขุ, เยน ปพฺพชิตทิวเสเยว อรหตฺตํ ปตฺวา เวชยนฺโต ปาสาโท กมฺปิตปุพฺโพ’’ติ? ตโต – ‘‘นตฺถิ โกจี’’ติ ตฺวา – ‘‘อหํ กมฺเปสฺสามี’’ติ อภิฺาพเลน เวชยนฺตมตฺถเก ตฺวา ปาเทน ปหริตฺวา กมฺเปตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ สกฺกสฺส นาฏกิตฺถิโย อาหํสุ – ‘‘ปุตฺต สงฺฆรกฺขิต, ตฺวํ ปูติคนฺเธเนว สีเสน เวชยนฺตํ กมฺเปตุํ อิจฺฉสิ, สุปฺปติฏฺิโต ตาต ปาสาโท, กถํ กมฺเปตุํ ¶ สกฺขิสฺสสี’’ติ?
สามเณโร ¶ – ‘‘อิมา เทวตา มยา สทฺธึ เกฬึ กโรนฺติ, อหํ โข ปน อาจริยํ นาลตฺถํ, กหํ นุ โข เม อาจริโย สามุทฺทิกมหานาคตฺเถโร’’ติ อาวชฺเชนฺโต มหาสมุทฺเท อุทกเลณํ มาเปตฺวา ทิวาวิหารํ นิสินฺโนติ ตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ตโต นํ เถโร – ‘‘กึ, ตาต สงฺฆรกฺขิต, อสิกฺขิตฺวาว ยุทฺธํ ปวิฏฺโสี’’ติ วตฺวา ‘‘นาสกฺขิ, ตาต, เวชยนฺตํ กมฺเปตุ’’นฺติ ปุจฺฉิ. อาจริยํ, ภนฺเต, นาลตฺถนฺติ. อถ นํ เถโร – ‘‘ตาต ตุมฺหาทิเส อกมฺเปนฺเต โก อฺโ กมฺเปสฺสติ. ทิฏฺปุพฺพํ เต, ตาต, อุทกปิฏฺเ โคมยขณฺฑํ ปิลวนฺตํ, ตาต, กปลฺลกปูวํ ปจนฺตา อนฺตนฺเตน ปริจฺฉินฺทนฺติ, อิมินา โอปมฺเมน ชานาหี’’ติ อาห. โส – ‘‘วฏฺฏิสฺสติ, ภนฺเต, เอตฺตเกนา’’ติ วตฺวา ปาสาเทน ปติฏฺิโตกาสํ อุทกํ โหตูติ อธิฏฺาย เวชยนฺตาภิมุโข อคมาสิ.
เทวธีตโร ตํ ทิสฺวา – ‘‘เอกวารํ ลชฺชิตฺวา คโต, ปุนปิ สามเณโร เอติ, ปุนปิ เอตี’’ติ วทึสุ. สกฺโก เทวราชา – ‘‘มา มยฺหํ ปุตฺเตน สทฺธึ กถยิตฺถ, อิทานิ เตน อาจริโย ลทฺโธ, ขเณน ปาสาทํ กมฺเปสฺสตี’’ติ อาห. สามเณโรปิ ปาทงฺคุฏฺเน ปาสาทถูปิกํ ปหริ. ปาสาโท จตูหิ ทิสาหิ โอณมติ. เทวตา – ‘‘ปติฏฺาตุํ เทหิ, ตาต, ปาสาทสฺส ปติฏฺาตุํ เทหิ, ตาต, ปาสาทสฺสา’’ติ วิรวึสุ. สามเณโร ปาสาทํ ยถาาเน เปตฺวา ปาสาทมตฺถเก ตฺวา อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘อชฺเชวาหํ ปพฺพชิโต, อชฺช ปตฺตาสวกฺขยํ;
อชฺช กมฺเปมิ ปาสาทํ, อโห พุทฺธสฺสุฬารตา.
อชฺเชวาหํ ปพฺพชิโต…เป… อโห ธมฺมสฺสุฬารตา.
อชฺเชวาหํ ปพฺพชิโต…เป… อโห สงฺฆสฺสุฬารตาติ.
อิโต ¶ ปเรสุ ฉสุ ปถวีกมฺเปสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ มหาปทาเน วุตฺตเมว.
อิติ อิเมสุ อฏฺสุ ปถวีกมฺเปสุ ปโม ธาตุโกเปน, ทุติโย อิทฺธานุภาเวน, ตติยจตุตฺถา ปฺุเตเชน, ปฺจโม าณเตเชน, ฉฏฺโ สาธุการทานวเสน, สตฺตโม การฺุภาเวน, อฏฺโม อาโรทเนน. มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนฺเต จ ตโต นิกฺขมนฺเต จ มหาสตฺเต ตสฺส ปฺุเตเชน ปถวี อกมฺปิตฺถ. อภิสมฺโพธิยํ าณเตเชน อภิหตา ¶ หุตฺวา อกมฺปิตฺถ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน ¶ สาธุการภาวสณฺิตา สาธุการํ ททมานา อกมฺปิตฺถ. อายุสงฺขาโรสฺสชฺชเน การฺุสภาวสณฺิตา จิตฺตสงฺโขภํ อสหมานา อกมฺปิตฺถ. ปรินิพฺพาเน อาโรทนเวคตุนฺนา หุตฺวา อกมฺปิตฺถ. อยํ ปนตฺโถ ปถวีเทวตาย วเสน เวทิตพฺโพ, มหาภูตปถวิยา ปเนตํ นตฺถิ อเจตนตฺตาติ.
อิเม โข, อานนฺท, อฏฺ เหตูติ เอตฺถ อิเมติ นิทฺทิฏฺนิทสฺสนํ. เอตฺตาวตา จ ปนายสฺมา อานนฺโท – ‘‘อทฺธา อชฺช ภควตา อายุสงฺขาโร โอสฺสฏฺโ’’ติ สลฺลกฺเขสิ. ภควา ปน สลฺลกฺขิตภาวํ ชานนฺโตปิ โอกาสํ อทตฺวาว อฺานิปิ อฏฺกานิ สมฺปิณฺเฑนฺโต – ‘‘อฏฺ โข อิมา’’ติอาทิมาห.
อฏฺปริสวณฺณนา
๑๗๒. ตตฺถ อเนกสตํ ขตฺติยปริสนฺติ พิมฺพิสารสมาคมาติสมาคลิจฺฉวีสมาคมาทิสทิสํ, สา ปน อฺเสุ จกฺกวาเฬสุปิ ลพฺภเตเยว. สลฺลปิตปุพฺพนฺติ อาลาปสลฺลาโป กตปุพฺโพ. สากจฺฉาติ ธมฺมสากจฺฉาปิ สมาปชฺชิตปุพฺพา. ยาทิสโก เตสํ วณฺโณติ เต โอทาตาปิ โหนฺติ กาฬาปิ มงฺคุรจฺฉวีปิ, สตฺถา สุวณฺณวณฺโณว. อิทํ ปน สณฺานํ ปฏิจฺจ กถิตํ. สณฺานมฺปิ จ เกวลํ เตสํ ปฺายติเยว, น ปน ภควา มิลกฺขุสทิโส โหติ, นาปิ อามุตฺตมณิกุณฺฑโล, พุทฺธเวเสเนว นิสีทติ. เต ปน อตฺตโน สมานสณฺานเมว ปสฺสนฺติ. ยาทิสโก เตสํ สโรติ เต ฉินฺนสฺสราปิ โหนฺติ คคฺครสฺสราปิ กากสฺสราปิ, สตฺถา พฺรหฺมสฺสโรว. อิทํ ปน ภาสนฺตรํ สนฺธาย กถิตํ. สเจปิ หิ สตฺถา ราชาสเน นิสินฺโน กเถติ, ‘‘อชฺช ราชา มธุเรน สเรน กเถตี’’ติ เตสํ โหติ. กเถตฺวา ปกฺกนฺเต ปน ภควติ ปุน ราชานํ อาคตํ ทิสฺวา – ‘‘โก นุ โข อย’’นฺติ วีมํสา อุปฺปชฺชติ. ตตฺถ โก นุ โข อยนฺติ อิมสฺมึ าเน อิทาเนว มาคธภาสาย สีหฬภาสาย มธุเรนากาเรน กเถนฺโต โก นุ โข อยํ อนฺตรหิโต, กึ เทโว, อุทาหุ มนุสฺโสติ เอวํ วีมํสนฺตาปิ ¶ น ชานนฺตีติ อตฺโถ. กิมตฺถํ ปเนวํ อชานนฺตานํ ธมฺมํ เทเสตีติ? วาสนตฺถาย ¶ . เอวํ สุโตปิ หิ ธมฺโม อนาคเต ปจฺจโย โหติ เยวาติ อนาคตํ ปฏิจฺจ เทเสติ. อเนกสตํ พฺราหฺมณปริสนฺติอาทีนมฺปิ โสณทณฺฑกูฏทณฺฑสมาคมาทิวเสน ¶ เจว อฺจกฺกวาฬวเสน จ สมฺภโว เวทิตพฺโพ.
อิมา ปน อฏฺ ปริสา ภควา กิมตฺถํ อาหริ? อภีตภาวทสฺสนตฺถเมว. อิมา กิร อาหริตฺวา เอวมาห – ‘‘อานนฺท, อิมาปิ อฏฺ ปริสา อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ตถาคตสฺส ภยํ วา สารชฺชํ วา นตฺถิ, มารํ ปน เอกกํ ทิสฺวา ตถาคโต ภาเยยฺยาติ โก เอวํ สฺํ อุปฺปาเทตุมรหติ. อภีโต, อานนฺท, ตถาคโต อจฺฉมฺภี, สโต สมฺปชาโน อายุสงฺขารํ โอสฺสชี’’ติ.
อฏฺอภิภายตนวณฺณนา
๑๗๓. อภิภายตนานีติ อภิภวนการณานิ. กึ อภิภวนฺติ? ปจฺจนีกธมฺเมปิ อารมฺมณานิปิ. ตานิ หิ ปฏิปกฺขภาเวน ปจฺจนีกธมฺเม อภิภวนฺติ, ปุคฺคลสฺส าณุตฺตริยตาย อารมฺมณานิ.
อชฺฌตฺตํ รูปสฺีติอาทีสุ ปน อชฺฌตฺตรูเป ปริกมฺมวเสน อชฺฌตฺตํ รูปสฺี นาม โหติ. อชฺฌตฺตฺหิ นีลปริกมฺมํ กโรนฺโต เกเส วา ปิตฺเต วา อกฺขิตารกาย วา กโรติ. ปีตปริกมฺมํ กโรนฺโต เมเท วา ฉวิยา วา หตฺถปาทปิฏฺเสุ วา อกฺขีนํ ปีตกฏฺาเน วา กโรติ. โลหิตปริกมฺมํ กโรนฺโต มํเส วา โลหิเต วา ชิวฺหาย วา อกฺขีนํ รตฺตฏฺาเน วา กโรติ. โอทาตปริกมฺมํ กโรนฺโต อฏฺิมฺหิ วา ทนฺเต วา นเข วา อกฺขีนํ เสตฏฺาเน วา กโรติ. ตํ ปน สุนีลํ สุปีตํ สุโลหิตกํ สุโอทาตกํ น โหติ, อวิสุทฺธเมว โหติ.
เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตีติ ยสฺเสวํ ปริกมฺมํ อชฺฌตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, นิมิตฺตํ ปน พหิทฺธา, โส เอวํ อชฺฌตฺตํ ปริกมฺมสฺส พหิทฺธา จ อปฺปนาย วเสน – ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ วุจฺจติ. ปริตฺตานีติ อวฑฺฒิตานิ. สุวณฺณทุพฺพณฺณานีติ สุวณฺณานิ วา โหนฺติ, ทุพฺพณฺณานิ วา. ปริตฺตวเสเนว อิทํ อภิภายตนํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตานิ อภิภุยฺยาติ ยถา นาม สมฺปนฺนคหณิโก กฏจฺฉุมตฺตํ ภตฺตํ ลภิตฺวา – ‘‘กึ ¶ เอตฺถ ภฺุชิตพฺพํ อตฺถี’’ติ สงฺกฑฺฒิตฺวา เอกกพฬเมว กโรติ, เอวเมว าณุตฺตริโก ปุคฺคโล วิสทาโณ ¶ – ‘‘กึ เอตฺถ ปริตฺตเก อารมฺมเณ สมาปชฺชิตพฺพํ อตฺถิ, นายํ มม ภาโร’’ติ ตานิ รูปานิ อภิภวิตฺวา สมาปชฺชติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตีติ อตฺโถ. ชานามิ ¶ ปสฺสามีติ อิมินา ปนสฺส อาโภโค กถิโต. โส จ โข สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส, น อนฺโตสมาปตฺติยํ. เอวํสฺี โหตีติ อาโภคสฺายปิ ฌานสฺายปิ เอวํสฺี โหติ. อภิภวนสฺา หิสฺส อนฺโตสมาปตฺติยมฺปิ อตฺถิ, อาโภคสฺา ปน สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺเสว.
อปฺปมาณานีติ วฑฺฒิตปฺปมาณานิ, มหนฺตานีติ อตฺโถ. อภิภุยฺยาติ เอตฺถ ปน ยถา มหคฺฆโส ปุริโส เอกํ ภตฺตวฑฺฒิตกํ ลภิตฺวา – ‘‘อฺมฺปิ โหตุ, กึ เอตํ มยฺหํ กริสฺสตี’’ติ ตํ น มหนฺตโต ปสฺสติ, เอวเมว าณุตฺตโร ปุคฺคโล วิสทาโณ ‘‘กึ เอตฺถ สมาปชฺชิตพฺพํ, นยิทํ อปฺปมาณํ, น มยฺหํ จิตฺเตกคฺคตากรเณ ภาโร อตฺถี’’ติ ตานิ อภิภวิตฺวา สมาปชฺชติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตีติ อตฺโถ.
อชฺฌตฺตํ อรูปสฺีติ อลาภิตาย วา อนตฺถิกตาย วา อชฺฌตฺตรูเป ปริกมฺมสฺาวิรหิโต.
เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตีติ ยสฺส ปริกมฺมมฺปิ นิมิตฺตมฺปิ พหิทฺธาว อุปฺปนฺนํ, โส เอวํ พหิทฺธา ปริกมฺมสฺส เจว อปฺปนาย จ วเสน – ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ วุจฺจติ. เสสเมตฺถ จตุตฺถาภิภายตเน วุตฺตนยเมว. อิเมสุ ปน จตูสุ ปริตฺตํ วิตกฺกจริตวเสน อาคตํ, อปฺปมาณํ โมหจริตวเสน, สุวณฺณํ โทสจริตวเสน, ทุพฺพณฺณํ ราคจริตวเสน. เอเตสฺหิ เอตานิ สปฺปายานิ. สา จ เนสํ สปฺปายตา วิตฺถารโต วิสุทฺธิมคฺเค จริตนิทฺเทเส วุตฺตา.
ปฺจมอภิภายตนาทีสุ นีลานีติ สพฺพสงฺคาหกวเสน วุตฺตํ. นีลวณฺณานีติ วณฺณวเสน. นีลนิทสฺสนานีติ นิทสฺสนวเสน, อปฺาย มานวิวรานิ อสมฺภินฺนวณฺณานิ เอกนีลาเนว หุตฺวา ทิสฺสนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. นีลนิภาสานีติ อิทํ ปน โอภาสวเสน วุตฺตํ, นีโลภาสานิ นีลปฺปภายุตฺตานีติ อตฺโถ. เอเตน เนสํ วิสุทฺธตํ ทสฺเสติ. วิสุทฺธวณฺณวเสเนว ¶ หิ อิมานิ จตฺตาริ อภิภายตนานิ วุตฺตานิ. อุมาปุปฺผนฺติ เอตฺหิ ปุปฺผํ สินิทฺธํ มุทุ, ทิสฺสมานมฺปิ นีลเมว โหติ. คิริกณฺณิกปุปฺผาทีนิ ปน ทิสฺสมานานิ เสตธาตุกาเนว โหนฺติ. ตสฺมา อิทเมว คหิตํ, น ¶ ตานิ. พาราณเสยฺยกนฺติ พาราณสิสมฺภวํ. ตตฺถ กิร กปฺปาโสปิ ¶ มุทุ, สุตฺตกนฺติกาโยปิ ตนฺตวายาปิ เฉกา, อุทกมฺปิ สุจิ สินิทฺธํ. ตสฺมา ตํ วตฺถํ อุภโตภาควิมฏฺํ โหติ; ทฺวีสุปิ ปสฺเสสุ มฏฺํ มุทุ สินิทฺธํ ขายติ.
ปีตานีติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ‘‘นีลกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโต นีลสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหาติ ปุปฺผสฺมึ วา วตฺถสฺมึ วา วณฺณธาตุยา วา’’ติอาทิกํ ปเนตฺถ กสิณกรณฺจ ปริกมฺมฺจ อปฺปนาวิธานฺจ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถารโต วุตฺตเมว. อิมานิปิ อฏฺ อภิภายตนานิ อภีตภาวทสฺสนตฺถเมว อานีตานิ. อิมานิ กิร วตฺวา เอวมาห – ‘‘อานนฺท, เอวรูปาปิ สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺตสฺส จ วุฏฺหนฺตสฺส จ ตถาคตสฺส ภยํ วา สารชฺชํ วา นตฺถิ, มารํ ปน เอกกํ ทิสฺวา ตถาคโต ภาเยยฺยาติ โก เอวํ สฺํ อุปฺปาเทตุมรหติ. อภีโต, อานนฺท, ตถาคโต อจฺฉมฺภี, สโต สมฺปชาโน อายุสงฺขารํ โอสฺสชี’’ติ.
อฏฺวิโมกฺขวณฺณนา
๑๗๔. วิโมกฺขกถา อุตฺตานตฺถาเยว. อิเมปิ อฏฺ วิโมกฺขา อภีตภาวทสฺสนตฺถเมว อานีตา. อิเมปิ กิร วตฺวา เอวมาห – ‘‘อานนฺท, เอตาปิ สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺตสฺส จ วุฏฺหนฺตสฺส จ ตถาคตสฺส ภยํ วา สารชฺชํ วา นตฺถิ…เป… โอสฺสชี’’ติ.
๑๗๕. อิทานิปิ ภควา อานนฺทสฺส โอกาสํ อทตฺวาว เอกมิทาหนฺติอาทินา นเยน อปรมฺปิ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ ปมาภิสมฺพุทฺโธติ อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปมเมว อฏฺเม สตฺตาเห.
๑๗๗. โอสฺสฏฺโติ วิสฺสชฺชิโต ปริจฺฉินฺโน, เอวํ กิร วตฺวา – ‘‘เตนายํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ กมฺปิตฺถา’’ติ อาห.
อานนฺทยาจนกถา
๑๗๘. อลนฺติ ปฏิกฺเขปวจนเมตํ. โพธินฺติ จตุมคฺคาณปฏิเวฆํ. สทฺทหสิ ตฺวนฺติ เอวํ วุตฺตภาวํ ตถาคตสฺส สทฺทหสีติ วทติ. ตสฺมาติหานนฺทาติ ¶ ยสฺมา อิทํ วจนํ สทฺทหสิ, ตสฺมา ตุยฺเหเวตํ ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสติ.
๑๗๙. เอกมิทาหนฺติ ¶ อิทํ ภควา – ‘‘น เกวลํ อหํ อิเธว ตํ อามนฺเตสึ, อฺทาปิ อามนฺเตตฺวา โอฬาริกํ นิมิตฺตํ อกาสึ, ตมฺปิ ¶ ตยา น ปฏิวิทฺธํ, ตเววายํ อปราโธ’’ติ เอวํ โสกวิโนทนตฺถาย นานปฺปการโต เถรสฺเสว โทสาโรปนตฺถํ อารภิ.
๑๘๓. ปิเยหิ มนาเปหีติ มาตาปิตาภาตาภคินิอาทิเกหิ ชาติยา นานาภาโว, มรเณน วินาภาโว, ภเวน อฺถาภาโว. ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ ตนฺติ ตสฺมา, ยสฺมา สพฺเพเหว ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว, ตสฺมา ทส ปารมิโย ปูเรตฺวาปิ, สมฺโพธึ ปตฺวาปิ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวาปิ, ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวาปิ, เทโวโรหณํ กตฺวาปิ, ยํ ตํ ชาตํ ภูตํ สงฺขตํ ปโลกธมฺมํ, ตํ วต ตถาคตสฺสาปิ สรีรํ มา ปลุชฺชีติ เนตํ านํ วิชฺชติ, โรทนฺเตนาปิ กนฺทนฺเตนาปิ น สกฺกา ตํ การณํ ลทฺธุนฺติ. ปุน ปจฺจาวมิสฺสตีติ ยํ จตฺตํ วนฺตํ, ตํ วต ปุน ปฏิขาทิสฺสตีติ อตฺโถ.
๑๘๔. ยถยิทํ พฺรหฺมจริยนฺติ ยถา อิทํ สิกฺขาตฺตยสงฺคหํ สาสนพฺรหฺมจริยํ. อทฺธนิยนฺติ อทฺธานกฺขมํ. จิรฏฺิติกนฺติ จิรปฺปวตฺติวเสน จิรฏฺิติกํ. จตฺตาโร สติปฏฺานาติอาทิ สพฺพํ โลกิยโลกุตฺตรวเสเนว กถิตํ. เอเตสํ ปน โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ วินิจฺฉโย สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทเส วุตฺโต. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ตติยภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นาคาปโลกิตวณฺณนา
๑๘๖. นาคาปโลกิตนฺติ ยถา หิ มหาชนสฺส อฏฺีนิ โกฏิยา โกฏึ อาหจฺจ ิตานิ ปจฺเจกพุทฺธานํ, องฺกุสกลคฺคานิ วิย, น เอวํ พุทฺธานํ. พุทฺธานํ ¶ ปน สงฺขลิกานิ วิย เอกาพทฺธานิ หุตฺวา ิตานิ, ตสฺมา ปจฺฉโต อปโลกนกาเล น สกฺกา โหติ คีวํ ปริวตฺเตตุํ. ยถา ปน หตฺถินาโค ปจฺฉาภาคํ อปโลเกตุกาโม สกลสรีเรเนว ปริวตฺตติ, เอวํ ปริวตฺติตพฺพํ โหติ. ภควโต ปน นครทฺวาเร ตฺวา – ‘‘เวสาลึ อปโลเกสฺสามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเต – ‘‘ภควา อเนกานิ กปฺปโกฏิสหสฺสานิ ปารมิโย ปูเรนฺเตหิ ตุมฺเหหิ น คีวํ ปริวตฺเตตฺวา ¶ อปโลกนกมฺมํ กต’’นฺติ อยํ ปถวี กุลาลจกฺกํ วิย ปริวตฺเตตฺวา ภควนฺตํ ¶ เวสาลินคราภิมุขํ อกาสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
นนุ จ น เกวลํ เวสาลิยาว, สาวตฺถิราชคหนาฬนฺทปาฏลิคามโกฏิคามนาติกคามเกสุปิ ตโต ตโต นิกฺขนฺตกาเล ตํ ตํ สพฺพํ ปจฺฉิมทสฺสนเมว, ตตฺถ ตตฺถ กสฺมา นาคาปโลกิตํ นาปโลเกสีติ? อนจฺฉริยตฺตา. ตตฺถ ตตฺถ หิ นิวตฺเตตฺวา อปโลเกนฺตสฺเสตํ น อจฺฉริยํ โหติ, ตสฺมา นาปโลเกสิ. อปิ จ เวสาลิราชาโน อาสนฺนวินาสา, ติณฺณํ วสฺสานํ อุปริ วินสฺสิสฺสนฺติ. เต ตํ นครทฺวาเร นาคาปโลกิตํ นาม เจติยํ กตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชสฺสนฺติ, ตํ เนสํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตีติ เตสํ อนุกมฺปาย อปโลเกสิ.
ทุกฺขสฺสนฺตกโรติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกโร. จกฺขุมาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา. ปรินิพฺพุโตติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต.
จตุมหาปเทสวณฺณนา
๑๘๗. มหาปเทเสติ มหาโอกาเส, มหาอปเทเส วา, พุทฺธาทโย มหนฺเต มหนฺเต อปทิสิตฺวา วุตฺตานิ มหาการณานีติ อตฺโถ.
๑๘๘. เนว อภินนฺทิตพฺพนฺติ หฏฺตุฏฺเหิ สาธุการํ ทตฺวา ปุพฺเพว น โสตพฺพํ, เอวํ กเต หิ ปจฺฉา ‘‘อิทํ น สเมตี’’ติ วุจฺจมาโน – ‘‘กึ ปุพฺเพว อยํ ธมฺโม, อิทานิ น ธมฺโม’’ติ วตฺวา ลทฺธึ น วิสฺสชฺเชติ. นปฺปฏิกฺโกสิตพฺพนฺติ – ‘‘กึ เอส พาโล วทตี’’ติ เอวํ ปุพฺเพว น วตฺตพฺพํ, เอวํ วุตฺเต หิ วตฺตุํ ยุตฺตมฺปิ น วกฺขติ. เตนาห – ‘‘อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา’’ติ. ปทพฺยฺชนานีติ ปทสงฺขาตานิ พฺยฺชนานิ. สาธุกํ อุคฺคเหตฺวาติ อิมสฺมึ ¶ าเน ปาฬิ วุตฺตา, อิมสฺมึ าเน อตฺโถ วุตฺโต, อิมสฺมึ าเน อนุสนฺธิ กถิโต, อิมสฺมึ าเน ปุพฺพาปรํ กถิตนฺติ สุฏฺุ คเหตฺวา. สุตฺเต โอสาเรตพฺพานีติ สุตฺเต โอตาเรตพฺพานิ. วินเย สนฺทสฺเสตพฺพานีติ วินเย สํสนฺเทตพฺพานิ.
เอตฺถ จ สุตฺตนฺติ วินโย. ยถาห – ‘‘กตฺถ ปฏิกฺขิตฺตํ? สาวตฺถิยํ สุตฺตวิภงฺเค’’ติ (จุฬว. ๔๕๗). วินโยติ ขนฺธโก. ยถาห – ‘‘วินยาติสาเร’’ติ. เอวํ วินยปิฏกมฺปิ น ¶ ปริยาทิยติ. อุภโตวิภงฺคา ปน สุตฺตํ, ขนฺธกปริวารา วินโยติ เอวํ วินยปิฏกํ ปริยาทิยติ. อถวา สุตฺตนฺตปิฏกํ สุตฺตํ, วินยปิฏกํ วินโยติ เอวํ ทฺเวเยว ปิฏกานิ ปริยาทิยนฺติ. สุตฺตนฺตาภิธมฺมปิฏกานิ ¶ วา สุตฺตํ, วินยปิฏกํ วินโยติ เอวมฺปิ ตีณิ ปิฏกานิ น ตาว ปริยาทิยนฺติ. อสุตฺตนามกฺหิ พุทฺธวจนํ นาม อตฺถิ. เสยฺยถิทํ – ชาตกํ, ปฏิสมฺภิทา, นิทฺเทโส, สุตฺตนิปาโต, ธมฺมปทํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, วิมานวตฺถุ, เปตวตฺถุ, เถรคาถา, เถรีคาถา, อปทานนฺติ.
สุทินฺนตฺเถโร ปน – ‘‘อสุตฺตนามกํ พุทฺธวจนํ น อตฺถี’’ติ ตํ สพฺพํ ปฏิปกฺขิปิตฺวา – ‘‘ตีณิ ปิฏกานิ สุตฺตํ, วินโย ปน การณ’’นฺติ อาห. ตโต ตํ การณํ ทสฺเสนฺโต อิทํ สุตฺตมาหริ –
‘‘เย โข ตฺวํ, โคตมิ, ธมฺเม ชาเนยฺยาสิ, อิเม ธมฺมา สราคาย สํวตฺตนฺติ โน วิราคาย, สฺโคาย สํวตฺตนฺติ โน วิสฺโคาย, อาจยาย สํวตฺตนฺติ โน อปจยาย, มหิจฺฉตาย สํวตฺตนฺติ โน อปฺปิจฺฉตาย, อสนฺตุฏฺิยา สํวตฺตนฺติ โน สนฺตุฏฺิยา, สงฺคณิกาย สํวตฺตนฺติ โน ปวิเวกาย, โกสชฺชาย สํวตฺตนฺติ โน วีริยารมฺภาย, ทุพฺภรตาย สํวตฺตนฺติ โน สุภรตาย. เอกํเสน, โคตมิ, ธาเรยฺยาสิ – ‘เนโส ธมฺโม, เนโส วินโย, เนตํ สตฺถุสาสน’นฺติ. เย จ โข ตฺวํ, โคตมิ, ธมฺเม ชาเนยฺยาสิ, อิเม ธมฺมา วิราคาย สํวตฺตนฺติ โน สราคาย, วิสฺโคาย สํวตฺตนฺติ โน สฺโคาย, อปจยาย สํวตฺตนฺติ โน อาจยาย, อปฺปิจฺฉตาย สํวตฺตนฺติ โน มหิจฺฉตาย, สนฺตุฏฺิยา สํวตฺตนฺติ โน อสนฺตุฏฺิยา, ปวิเวกาย สํวตฺตนฺติ โน สงฺคณิกาย ¶ , วีริยารมฺภาย สํวตฺตนฺติ โน โกสชฺชาย, สุภรตาย สํวตฺตนฺติ โน ทุพฺภรตาย. เอกํเสน, โคตมิ, ธาเรยฺยาสิ – ‘เอโส ธมฺโม, เอโส วินโย, เอตํ สตฺถุสาสน’นฺติ’’ (อ. นิ. ๘.๕๓).
ตสฺมา สุตฺเตติ เตปิฏเก พุทฺธวจเน โอตาเรตพฺพานิ. วินเยติ เอตสฺมึ ราคาทิวินยการเณ สํสนฺเทตพฺพานีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. น เจว สุตฺเต โอสรนฺตีติ สุตฺตปฏิปาฏิยา กตฺถจิ อนาคนฺตฺวา ฉลฺลึ อุฏฺเปตฺวา คุฬฺหเวสฺสนฺตร-คุฬฺหอุมฺมคฺค-คุฬฺหวินย-เวทลฺลปิฏกานํ อฺตรโต อาคตานิ ปฺายนฺตีติ อตฺโถ. เอวํ อาคตานิ หิ ราคาทิวินเย จ น ปฺายมานานิ ฉฑฺเฑตพฺพานิ โหนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อิติ เหตํ, ภิกฺขเว, ฉฑฺเฑยฺยาถา’’ติ. เอเตนุปาเยน สพฺพตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อิทํ ¶ , ภิกฺขเว, จตุตฺถํ มหาปเทสํ ธาเรยฺยาถาติ อิทํ ¶ จตุตฺถํ ธมฺมสฺส ปติฏฺาโนกาสํ ธาเรยฺยาถ.
อิมสฺมึ ปน าเน อิมํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ. สุตฺเต จตฺตาโร มหาปเทสา, ขนฺธเก จตฺตาโร มหาปเทสา, จตฺตาริ ปฺหพฺยากรณานิ, สุตฺตํ, สุตฺตานุโลมํ, อาจริยวาโท, อตฺตโนมติ, ติสฺโส สงฺคีติโยติ.
ตตฺถ – ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย’’ติ ธมฺมวินิจฺฉเย ปตฺเต อิเม จตฺตาโร มหาปเทสา ปมาณํ. ยํ เอตฺถ สเมติ ตเทว คเหตพฺพํ, อิตรํ วิรวนฺตสฺสปิ น คเหตพฺพํ.
‘‘อิทํ กปฺปติ, อิทํ น กปฺปตี’’ติ กปฺปิยากปฺปิยวินิจฺฉเย ปตฺเต – ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, มยา อิทํ น กปฺปตีติ อปฺปฏิกฺขิตฺตํ, ตํ เจ อกปฺปิยํ อนุโลเมติ, กปฺปิยํ ปฏิพาหติ, ตํ โว น กปฺปตี’’ติอาทินา (มหาว. ๓๐๕) นเยน ขนฺธเก วุตฺตา จตฺตาโร มหาปเทสา ปมาณํ. เตสํ วินิจฺฉยกถา สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตา. ตตฺถ วุตฺตนเยน ยํ กปฺปิยํ อนุโลเมติ, ตเทว กปฺปิยํ, อิตรํ อกปฺปิยนฺติ เอวํ สนฺนิฏฺานํ กาตพฺพํ.
เอกํสพฺยากรณีโย ปฺโห, วิภชฺชพฺยากรณีโย ปฺโห, ปฏิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปฺโห, ปนีโย ปฺโหติ อิมานิ จตฺตาริ ปฺหพฺยากรณานิ นาม. ตตฺถ ‘‘จกฺขุํ อนิจฺจ’’นฺติ ปุฏฺเน – ‘‘อาม อนิจฺจ’’นฺติ เอกํเสเนว พฺยากาตพฺพํ ¶ . เอส นโย โสตาทีสุ. อยํ เอกํสพฺยากรณีโย ปฺโห. ‘‘อนิจฺจํ นาม จกฺขุ’’นฺติ ปุฏฺเน – ‘‘น จกฺขุเมว, โสตมฺปิ อนิจฺจํ ฆานมฺปิ อนิจฺจ’’นฺติ เอวํ วิภชิตฺวา พฺยากาตพฺพํ. อยํ วิภชฺชพฺยากรณีโย ปฺโห. ‘‘ยถา จกฺขุ ตถา โสตํ, ยถา โสตํ ตถา จกฺขุ’’นฺติ ปุฏฺเน ‘‘เกนฏฺเน ปุจฺฉสี’’ติ ปฏิปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทสฺสนฏฺเน ปุจฺฉามี’’ติ วุตฺเต ‘‘น หี’’ติ พฺยากาตพฺพํ, ‘‘อนิจฺจฏฺเน ปุจฺฉามี’’ติ วุตฺเต อามาติ พฺยากาตพฺพํ. อยํ ปฏิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปฺโห. ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติอาทีนิ ปุฏฺเน ปน ‘‘อพฺยากตเมตํ ภควตา’’ติ เปตพฺโพ, เอส ปฺโห น พฺยากาตพฺโพ. อยํ ปนีโย ปฺโห. อิติ เตนากาเรน ปฺเห สมฺปตฺเต อิมานิ จตฺตาริ ปฺหพฺยากรณานิ ปมาณํ. อิเมสํ วเสน โส ปฺโห พฺยากาตพฺโพ.
สุตฺตาทีสุ ปน สุตฺตํ นาม ติสฺโส สงฺคีติโย อารูฬฺหานิ ตีณิ ปิฏกานิ. สุตฺตานุโลมํ นาม อนุโลมกปฺปิยํ. อาจริยวาโท นาม อฏฺกถา. อตฺตโนมติ นาม นยคฺคาเหน ¶ อนุพุทฺธิยา อตฺตโน ปฏิภานํ. ตตฺถ สุตฺตํ อปฺปฏิพาหิยํ, ตํ ปฏิพาหนฺเตน พุทฺโธว ปฏิพาหิโต โหติ. อนุโลมกปฺปิยํ ¶ ปน สุตฺเตน สเมนฺตเมว คเหตพฺพํ, น อิตรํ. อาจริยวาโทปิ สุตฺเตน สเมนฺโตเยว คเหตพฺโพ, น อิตโร. อตฺตโนมติ ปน สพฺพทุพฺพลา, สาปิ สุตฺเตน สเมนฺตาเยว คเหตพฺพา, น อิตรา. ปฺจสติกา, สตฺตสติกา, สหสฺสิกาติ อิมา ปน ติสฺโส สงฺคีติโย. สุตฺตมฺปิ ตาสุ อาคตเมว ปมาณํ, อิตรํ คารยฺหสุตฺตํ น คเหตพฺพํ. ตตฺถ โอตรนฺตานิปิ หิ ปทพฺยฺชนานิ น เจว สุตฺเต โอตรนฺติ, น จ วินเย สนฺทิสฺสนฺตีติ เวทิตพฺพานิ.
กมฺมารปุตฺตจุนฺทวตฺถุวณฺณนา
๑๘๙. กมฺมารปุตฺตสฺสาติ สุวณฺณการปุตฺตสฺส. โส กิร อฑฺโฒ มหากุฏุมฺพิโก ภควโต ปมทสฺสเนเนว โสตาปนฺโน หุตฺวา อตฺตโน อมฺพวเน วิหารํ การาเปตฺวา นิยฺยาเตสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อมฺพวเน’’ติ.
สูกรมทฺทวนฺติ นาติตรุณสฺส นาติชิณฺณสฺส เอกเชฏฺกสูกรสฺส ปวตฺตมํสํ. ตํ กิร มุทุ เจว สินิทฺธฺจ โหติ, ตํ ปฏิยาทาเปตฺวา สาธุกํ ปจาเปตฺวาติ ¶ อตฺโถ. เอเก ภณนฺติ – ‘‘สูกรมทฺทวนฺติ ปน มุทุโอทนสฺส ปฺจโครสยูสปาจนวิธานสฺส นาเมตํ, ยถา ควปานํ นาม ปากนาม’’นฺติ. เกจิ ภณนฺติ – ‘‘สูกรมทฺทวํ นาม รสายนวิธิ, ตํ ปน รสายนสตฺเถ อาคจฺฉติ, ตํ จุนฺเทน – ‘ภควโต ปรินิพฺพานํ น ภเวยฺยา’ติ รสายนํ ปฏิยตฺต’’นฺติ. ตตฺถ ปน ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ เทวตา โอชํ ปกฺขิปึสุ.
นาหํ ตนฺติ อิมํ สีหนาทํ กิมตฺถํ นทติ? ปรูปวาทโมจนตฺถํ. อตฺตนา ปริภุตฺตาวเสสํ เนว ภิกฺขูนํ, น มนุสฺสานํ ทาตุํ อทาสิ, อาวาเฏ นิขณาเปตฺวา วินาเสสีติ หิ วตฺตุกามานํ อิทํ สุตฺวา วจโนกาโส น ภวิสฺสตีติ ปเรสํ อุปวาทโมจนตฺถํ สีหนาทํ นทตีติ.
๑๙๐. ภุตฺตสฺส จ สูกรมทฺทเวนาติ ภุตฺตสฺส อุทปาทิ, น ปน ภุตฺตปจฺจยา. ยทิ หิ อภุตฺตสฺส อุปฺปชฺชิสฺสถ, อติขโร ภวิสฺสติ. สินิทฺธโภชนํ ภุตฺตตฺตา ปนสฺส ตนุเวทนา อโหสิ. เตเนว ปทสา คนฺตุํ อสกฺขิ. วิเรจมาโนติ อภิณฺหํ ปวตฺตโลหิตวิเรจโนว สมาโน ¶ . อโวจาติ อตฺตนา ปตฺถิตฏฺาเน ปรินิพฺพานตฺถาย เอวมาห. อิมา ปน ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปิตคาถาโยติ เวทิตพฺพา.
ปานียาหรณวณฺณนา
๑๙๑. อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. อจฺโฉทกาติ ¶ ปสนฺโนทกา. สาโตทกาติ มธุโรทกา. สีโตทกาติ ตนุสีตลสลิลา. เสตกาติ นิกฺกทฺทมา. สุปฺปติตฺถาติ สุนฺทรติตฺถา.
ปุกฺกุสมลฺลปุตฺตวตฺถุวณฺณนา
๑๙๒. ปุกฺกุโสติ ตสฺส นามํ. มลฺลปุตฺโตติ มลฺลราชปุตฺโต. มลฺลา กิร วาเรน รชฺชํ กาเรนฺติ. ยาว เนสํ วาโร น ปาปุณาติ, ตาว วณิชฺชํ กโรนฺติ. อยมฺปิ วณิชฺชเมว กโรนฺโต ปฺจ สกฏสตานิ โยชาเปตฺวา ธุรวาเต วายนฺเต ปุรโต คจฺฉติ, ปจฺฉา วาเต วายนฺเต สตฺถวาหํ ปุรโต เปเสตฺวา สยํ ปจฺฉา คจฺฉติ. ตทา ปน ปจฺฉา วาโต วายิ, ตสฺมา เอส ปุรโต สตฺถวาหํ เปเสตฺวา สพฺพรตนยาเน ¶ นิสีทิตฺวา กุสินารโต นิกฺขมิตฺวา ‘‘ปาวํ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘กุสินาราย ปาวํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน โหตี’’ติ.
อาฬาโรติ ตสฺส นามํ. ทีฆปิงฺคโล กิเรโส, เตนสฺส อาฬาโรติ นามํ อโหสิ. กาลาโมติ โคตฺตํ. ยตฺร หิ นามาติ โย นาม. เนว ทกฺขตีติ น อทฺทส. ยตฺรสทฺทยุตฺตตฺตา ปเนตํ อนาคตวเสน วุตฺตํ. เอวรูปฺหิ อีทิเสสุ าเนสุ สทฺทลกฺขณํ.
๑๙๓. นิจฺฉรนฺตีสูติ วิจรนฺตีสุ. อสนิยา ผลนฺติยาติ นววิธาย อสนิยา ภิชฺชมานาย วิย มหารวํ รวนฺติยา. นววิธา หิ อสนิโย – อสฺา, วิจกฺกา, สเตรา, คคฺครา, กปิสีสา, มจฺฉวิโลลิกา, กุกฺกุฏกา, ทณฺฑมณิกา, สุกฺขาสนีติ. ตตฺถ อสฺา อสฺํ กโรติ. วิจกฺกา เอกํ จกฺกํ กโรติ. สเตรา สเตรสทิสา หุตฺวา ปตติ. คคฺครา คคฺครายมานา ปตติ. กปิสีสา ภมุกํ อุกฺขิเปนฺโต มกฺกโฏ วิย โหติ. มจฺฉวิโลลิกา วิโลลิตมจฺโฉ วิย โหติ. กุกฺกุฏกา กุกฺกุฏสทิสา หุตฺวา ปตติ. ทณฺฑมณิกา นงฺคลสทิสา หุตฺวา ปตติ. สุกฺขาสนี ปติตฏฺานํ สมุคฺฆาเฏติ.
เทเว ¶ วสฺสนฺเตติ สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชิตฺวา อนฺตรนฺตรา วสฺสนฺเต. อาตุมายนฺติ อาตุมํ นิสฺสาย วิหรามิ. ภุสาคาเรติ ขลสาลายํ. เอตฺเถโสติ เอตสฺมึ การเณ เอโส มหาชนกาโย สนฺนิปติโต. กฺว อโหสีติ กุหึ อโหสิ. โส ตํ ภนฺเตติ โส ตฺวํ ภนฺเต.
๑๙๔. สิงฺคีวณฺณนฺติ สิงฺคีสุวณฺณวณฺณํ. ยุคมฏฺนฺติ ¶ มฏฺยุคํ, สณฺหสาฏกยุคฬนฺติ อตฺโถ. ธารณียนฺติ อนฺตรนฺตรา มยา ธาเรตพฺพํ, ปริทหิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ตํ กิร โส ตถารูเป ฉณทิวเสเยว ธาเรตฺวา เสสกาเล นิกฺขิปติ. เอวํ อุตฺตมํ มงฺคลวตฺถยุคํ สนฺธายาห. อนุกมฺปํ อุปาทายาติ มยิ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ. อจฺฉาเทหีติ อุปจารวจนเมตํ – เอกํ มยฺหํ เทหิ, เอกํ อานนฺทสฺสาติ อตฺโถ. กึ ปน เถโร ตํ คณฺหีติ? อาม คณฺหิ. กสฺมา? มตฺถกปฺปตฺตกิจฺจตฺตา. กิฺจาปิ เหส เอวรูปํ ลาภํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อุปฏฺากฏฺานํ ปฏิปนฺโน. ตํ ปนสฺส อุปฏฺากกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ. ตสฺมา อคฺคเหสิ. เย จาปิ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘‘อนาราธโก มฺเ อานนฺโท ¶ ปฺจวีสติ วสฺสานิ อุปฏฺหนฺเตน น กิฺจิ ภควโต สนฺติกา เตน ลทฺธปุพฺพ’’นฺติ. เตสํ วจโนกาสจฺเฉทนตฺถมฺปิ อคฺคเหสิ. อปิ จ ชานาติ ภควา – ‘‘อานนฺโท คเหตฺวาปิ อตฺตนา น ธาเรสฺสติ, มยฺหํเยว ปูชํ กริสฺสติ. มลฺลปุตฺเตน ปน อานนฺทํ ปูเชนฺเตน สงฺโฆปิ ปูชิโต ภวิสฺสติ, เอวมสฺส มหาปฺุราสิ ภวิสฺสตี’’ติ เถรสฺส เอกํ ทาเปสิ. เถโรปิ เตเนว การเณน อคฺคเหสีติ. ธมฺมิยา กถายาติ วตฺถานุโมทนกถาย.
๑๙๕. ภควโต กายํ อุปนามิตนฺติ นิวาสนปารุปนวเสน อลฺลียาปิตํ. ภควาปิ ตโต เอกํ นิวาเสสิ, เอกํ ปารุปิ. หตจฺจิกํ วิยาติ ยถา หตจฺจิโก องฺคาโร อนฺตนฺเตเนว โชตติ, พหิ ปนสฺส ปภา นตฺถิ, เอวํ พหิ ปฏิจฺฉนฺนปฺปภํ หุตฺวา ขายตีติ อตฺโถ.
อิเมสุ โข, อานนฺท, ทฺวีสุปิ กาเลสูติ กสฺมา อิเมสุ ทฺวีสุ กาเลสุ เอวํ โหติ? อาหารวิเสเสน เจว พลวโสมนสฺเสน จ. เอเตสุ หิ ทฺวีสุ กาเลสุ สกลจกฺกวาเฬ เทวตา อาหาเร โอชํ ปกฺขิปนฺติ, ตํ ปณีตโภชนํ กุจฺฉึ ปวิสิตฺวา ปสนฺนรูปํ สมุฏฺาเปติ. อาหารสมุฏฺานรูปสฺส ปสนฺนตฺตา มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ อติวิย วิโรจนฺติ. สมฺโพธิทิวเส จสฺส – ‘‘อเนกกปฺปโกฏิสตสหสฺสสฺจิโต วต เม กิเลสราสิ อชฺช ปหีโน’’ติ อาวชฺชนฺตสฺส พลวโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ ปสีทติ, จิตฺเต ปสนฺเน โลหิตํ ปสีทติ, โลหิเต ปสนฺเน มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ อติวิย วิโรจนฺติ. ปรินิพฺพานทิวเสปิ – ‘‘อชฺช, ทานาหํ, อเนเกหิ ¶ พุทฺธสตสหสฺเสหิ ปวิฏฺํ อมตมหานิพฺพานํ นาม นครํ ปวิสิสฺสามี’’ติ อาวชฺชนฺตสฺส ¶ พลวโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ ปสีทติ, จิตฺเต ปสนฺเน โลหิตํ ปสีทติ, โลหิเต ปสนฺเน มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ อติวิย วิโรจนฺติ. อิติ อาหารวิเสเสน เจว พลวโสมนสฺเสน จ อิเมสุ ทฺวีสุ กาเลสุ เอวํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. อุปวตฺตเนติ ปาจีนโต นิวตฺตนสาลวเน. อนฺตเรน ยมกสาลานนฺติ ยมกสาลรุกฺขานํ มชฺเฌ.
สิงฺคีวณฺณนฺติ คาถา สงฺคีติกาเล ปิตา.
๑๙๖. นฺหตฺวา ¶ จ ปิวิตฺวา จาติ เอตฺถ ตทา กิร ภควติ นหายนฺเต อนฺโตนทิยํ มจฺฉกจฺฉปา จ อุภโตตีเรสุ วนสณฺโฑ จ สพฺพํ สุวณฺณวณฺณเมว โหติ. อมฺพวนนฺติ ตสฺสาเยว นทิยา ตีเร อมฺพวนํ. อายสฺมนฺตํ จุนฺทกนฺติ ตสฺมึ กิร ขเณ อานนฺทตฺเถโร อุทกสาฏกํ ปีเฬนฺโต โอหียิ, จุนฺทตฺเถโร สมีเป อโหสิ. ตํ ภควา อามนฺเตสิ.
คนฺตฺวาน พุทฺโธ นทิกํ กกุธนฺติ อิมาปิ คาถา สงฺคีติกาเลเยว ปิตา. ตตฺถ ปวตฺตา ภควา อิธ ธมฺเมติ ภควา อิธ สาสเน ธมฺเม ปวตฺตา, จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ปวตฺตานีติ อตฺโถ. ปมุเข นิสีทีติ สตฺถุ ปุรโตว นิสีทิ. เอตฺตาวตา จ เถโร อนุปฺปตฺโต. เอวํ อนุปฺปตฺตํ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ.
๑๙๗. อลาภาติ เย อฺเสํ ทานานิสํสสงฺขาตา ลาภา โหนฺติ, เต อลาภา. ทุลฺลทฺธนฺติ ปฺุวิเสเสน ลทฺธมฺปิ มนุสฺสตฺตํ ทุลฺลทฺธํ. ยสฺส เตติ ยสฺส ตว. อุตฺตณฺฑุลํ วา อติกิลินฺนํ วา โก ชานาติ, กีทิสมฺปิ ปจฺฉิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา ตถาคโต ปรินิพฺพุโต, อทฺธา เต ยํ วา ตํ วา ทินฺนํ ภวิสฺสตีติ. ลาภาติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกทานานิสํสสงฺขาตา ลาภา. สุลทฺธนฺติ ตุยฺหํ มนุสฺสตฺตํ สุลทฺธํ. สมสมผลาติ สพฺพากาเรน สมานผลา.
นนุ จ ยํ สุชาตาย ทินฺนํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา ตถาคโต อภิสมฺพุทฺโธ, โส สราคสโทสสโมหกาเล ปริภุตฺโต, อยํ ปน จุนฺเทน ทินฺโน วีตราควีตโทสวีตโมหกาเล ปริภุตฺโต, กสฺมา เอเต สมผลาติ? ปรินิพฺพานสมตาย จ สมาปตฺติสมตาย จ อนุสฺสรณสมตาย จ. ภควา ¶ หิ สุชาตาย ทินฺนํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต, จุนฺเทน ทินฺนํ ปริภฺุชิตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโตติ เอวํ ปรินิพฺพานสมตายปิ สมผลา. อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส จ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยา ¶ สมาปตฺติโย สมาปชฺชิ, ปรินิพฺพานทิวเสปิ สพฺพา ตา สมาปชฺชีติ เอวํ สมาปตฺติสมตายปิ สมผลา. สุชาตา จ อปรภาเค อสฺโสสิ – ‘‘น กิเรสา รุกฺขเทวตา, โพธิสตฺโต กิเรส, ตํ กิร ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ ¶ , สตฺตสตฺตาหํ กิรสฺส เตน ยาปนํ อโหสี’’ติ. ตสฺสา อิทํ สุตฺวา – ‘‘ลาภา วต เม’’ติ อนุสฺสรนฺติยา พลวปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิ. จุนฺทสฺสาปิ อปรภาเค – ‘‘อวสานปิณฺฑปาโต กิร มยา ทินฺโน, ธมฺมสีสํ กิร เม คหิตํ, มยฺหํ กิร ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา สตฺถา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต’’ติ สุตฺวา ‘‘ลาภา วต เม’’ติ อนุสฺสรโต พลวโสมนสฺสํ อุทปาทีติ เอวํ อนุสฺสรณสมตายปิ สมผลาติ เวทิตพฺพา.
ยสสํวตฺตนิกนฺติ ปริวารสํวตฺตนิกํ. อาธิปเตยฺยสํวตฺตนิกนฺติ เชฏฺกภาวสํวตฺตนิกํ.
สํยมโตติ สีลสํยเมน สํยมนฺตสฺส, สํวเร ิตสฺสาติ อตฺโถ. เวรํ น จียตีติ ปฺจวิธํ เวรํ น วฑฺฒติ. กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ กุสโล ปน าณสมฺปนฺโน อริยมคฺเคน อนวเสสํ ปาปกํ ลามกํ อกุสลํ ชหาติ. ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ โส อิมํ ปาปกํ ชหิตฺวา ราคาทีนํ ขยา กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุโตติ. อิติ จุนฺทสฺส จ ทกฺขิณํ, อตฺตโน จ ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺตึ สมฺปสฺสมาโน อุทานํ อุทาเนสีติ.
จตุตฺถภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ยมกสาลาวณฺณนา
๑๙๘. มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธินฺติ อิธ ภิกฺขูนํ คณนปริจฺเฉโท นตฺถิ. เวฬุวคาเม เวทนาวิกฺขมฺภนโต ปฏฺาย หิ – ‘‘น จิเรน ภควา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ สุตฺวา ตโต ตโต อาคเตสุ ภิกฺขูสุ เอกภิกฺขุปิ ปกฺกนฺโต นาม นตฺถิ. ตสฺมา คณนวีติวตฺโต สงฺโฆ อโหสิ. อุปวตฺตนํ มลฺลานํ สาลวนนฺติ ยเถว หิ กลมฺพนทีตีรโต ราชมาตุวิหารทฺวาเรน ถูปารามํ คนฺตพฺพํ ¶ โหติ, เอวํ หิรฺวติยา ปาริมตีรโต สาลวนุยฺยานํ, ยถา อนุราธปุรสฺส ถูปาราโม, เอวํ ตํ กุสินารายํ โหติ. ยถา ถูปารามโต ทกฺขิณทฺวาเรน นครํ ปวิสนมคฺโค ปาจีนมุโข ¶ คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺโต, เอวํ อุยฺยานโต สาลวนํ ปาจีนมุขํ คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตํ. ตสฺมา ตํ – ‘‘อุปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจติ. อนฺตเรน ยมกสาลานํ ¶ อุตฺตรสีสกนฺติ ตสฺส กิร มฺจกสฺส เอกา สาลปนฺติ สีสภาเค โหติ, เอกา ปาทภาเค. ตตฺราปิ เอโก ตรุณสาโล สีสภาคสฺส อาสนฺโน โหติ, เอโก ปาทภาคสฺส. อปิ จ ยมกสาลา นาม มูลขนฺธวิฏปปตฺเตหิ อฺมฺํ สํสิพฺพิตฺวา ิตสาลาติ วุตฺตํ. มฺจกํ ปฺเปหีติ ตสฺมึ กิร อุยฺยาเน ราชกุลสฺส สยนมฺโจ อตฺถิ, ตํ สนฺธาย ปฺเปหีติ อาห. เถโรปิ ตํเยว ปฺเปตฺวา อทาสิ.
กิลนฺโตสฺมิ, อานนฺท, นิปชฺชิสฺสามีติ ตถาคตสฺส หิ –
‘‘โคจริ กฬาโป คงฺเคยฺโย, ปิงฺคโล ปพฺพเตยฺยโก;
เหมวโต จ ตมฺโพ จ, มนฺทากินิ อุโปสโถ;
ฉทฺทนฺโตเยว ทสโม, เอเต นาคานมุตฺตมา’’ติ. –
เอตฺถ ยํ ทสนฺนํ โคจริสงฺขาตานํ ปกติหตฺถีนํ พลํ, ตํ เอกสฺส กฬาปสฺสาติ. เอวํ ทสคุณวฑฺฒิตาย คณนาย ปกติหตฺถีนํ โกฏิสหสฺสพลปฺปมาณํ พลํ, ตํ สพฺพมฺปิ จุนฺทสฺส ปิณฺฑปาตํ ปริภุตฺตกาลโต ปฏฺาย จงฺควาเร ปกฺขิตฺตอุทกํ วิย ปริกฺขยํ คตํ. ปาวานครโต ตีณิ คาวุตานิ กุสินารานครํ, เอตสฺมึ อนฺตเร ปฺจวีสติยา าเนสุ นิสีทิตฺวา มหตา อุสฺสาเหน อาคจฺฉนฺโตปิ สูริยสฺส อตฺถงฺคมิตเวลายํ สฺฌาสมเย ภควา สาลวนํ ปวิฏฺโ. เอวํ โรโค สพฺพํ อาโรคฺยํ มทฺทนฺโต อาคจฺฉติ. เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต วิย สพฺพโลกสฺส สํเวคกรํ วาจํ ภาสนฺโต – ‘‘กิลนฺโตสฺมิ, อานนฺท, นิปชฺชิสฺสามี’’ติ อาห.
กสฺมา ปน ภควา เอวํ มหนฺเตน อุสฺสาเหน อิธาคโต, กึ อฺตฺถ น สกฺกา ปรินิพฺพายิตุนฺติ? ปรินิพฺพายิตุํ นาม น กตฺถจิ น สกฺกา, ตีหิ ปน การเณหิ อิธาคโต, อิทฺหิ ภควา เอวํ ปสฺสติ – ‘‘มยิ อฺตฺถ ปรินิพฺพายนฺเต มหาสุทสฺสนสุตฺตสฺส อตฺถุปฺปตฺติ น ภวิสฺสติ, กุสินารายํ ¶ ปน ปรินิพฺพายนฺเต ยมหํ เทวโลเก อนุภวิตพฺพํ สมฺปตฺตึ มนุสฺสโลเกเยว อนุภวึ, ตํ ทฺวีหิ ภาณวาเรหิ มณฺเฑตฺวา เทเสสฺสามิ, ตํ เม สุตฺวา พหู ชนา กุสลํ กาตพฺพํ มฺิสฺสนฺตี’’ติ.
อปรมฺปิ ¶ ปสฺสติ – ‘‘มํ อฺตฺถ ปรินิพฺพายนฺตํ สุภทฺโท น ปสฺสิสฺสติ, โส จ พุทฺธเวเนยฺโย ¶ , น สาวกเวเนยฺโย; น ตํ สาวกา วิเนตุํ สกฺโกนฺติ. กุสินารายํ ปรินิพฺพายนฺตํ ปน มํ โส อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, ปฺหาวิสฺสชฺชนปริโยสาเน จ สรเณสุ ปติฏฺาย มม สนฺติเก ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา มยิ ธรมาเนเยว อรหตฺตํ ปตฺวา ปจฺฉิมสาวโก ภวิสฺสตี’’ติ.
อปรมฺปิ ปสฺสติ – ‘‘มยิ อฺตฺถ ปรินิพฺพายนฺเต ธาตุภาชนีเย มหากลโห ภวิสฺสติ, โลหิตํ นที วิย สนฺทิสฺสติ. กุสินารายํ ปรินิพฺพุเต โทณพฺราหฺมโณ ตํ วิวาทํ วูปสเมตฺวา ธาตุโย วิภชิสฺสตี’’ติ. อิเมหิ ตีหิ การเณหิ ภควา เอวํ มหนฺเตน อุสฺสาเหน อิธาคโตติ เวทิตพฺโพ.
สีหเสยฺยนฺติ เอตฺถ กามโภคีเสยฺยา, เปตเสยฺยา, สีหเสยฺยา, ตถาคตเสยฺยาติ จตสฺโส เสยฺยา.
ตตฺถ – ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, กามโภคี สตฺตา วาเมน ปสฺเสน เสนฺตี’’ติ อยํ กามโภคีเสยฺยา. เตสุ หิ เยภุยฺเยน ทกฺขิเณน ปสฺเสน สยนฺตา นาม นตฺถิ.
‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, เปตา อุตฺตานา เสนฺตี’’ติ อยํ เปตเสยฺยา. อปฺปมํสโลหิตตฺตา หิ เปตา อฏฺิสงฺฆาฏชฏิตา เอเกน ปสฺเสน สยิตุํ น สกฺโกนฺติ, อุตฺตานาว เสนฺติ.
‘‘สีโห, ภิกฺขเว, มิคราชา ทกฺขิเณน ปสฺเสน เสยฺยํ กปฺเปติ…เป… อตฺตมโน โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๖) อยํ สีหเสยฺยา. เตชุสฺสทตฺตา หิ สีโห มิคราชา ทฺเว ปุริมปาเท เอกสฺมึ าเน, ปจฺฉิมปาเท เอกสฺมึ าเน เปตฺวา นงฺคุฏฺํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทปจฺฉิมปาทนงฺคุฏฺานํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ทฺวินฺนํ ปุริมปาทานํ มตฺถเก สีสํ เปตฺวา สยติ. ทิวสํ สยิตฺวาปิ ปพุชฺฌมาโน น อุตฺรสนฺโต ปพุชฺฌติ, สีสํ ปน อุกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทาทีนํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขติ. สเจ กิฺจิ านํ วิชหิตฺวา ิตํ โหติ – ‘‘น ยิทํ ตุยฺหํ ชาติยา สูรภาวสฺส จ อนุรูป’’นฺติ อนตฺตมโน หุตฺวา ตตฺเถว สยติ, น โคจราย ปกฺกมติ. อวิชหิตฺวา ิเต ปน ¶ – ‘‘ตุยฺหํ ชาติยา จ สูรภาวสฺส จ อนุรูปมิท’’นฺติ หฏฺตุฏฺโ อุฏฺาย สีหวิชมฺภิตํ ¶ วิชมฺภิตฺวา เกสรภารํ วิธุนิตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมติ.
‘‘จตุตฺถชฺฌานเสยฺยา ¶ ปน ตถาคตสฺส เสยฺยาติ วุจฺจติ’’ (อ. นิ. ๔.๒๔๖). ตาสุ อิธ สีหเสยฺยา อาคตา. อยฺหิ เตชุสฺสทอิริยาปถตฺตา อุตฺตมเสยฺยา นาม.
ปาเท ปาทนฺติ ทกฺขิณปาเท วามปาทํ. อจฺจาธายาติ อติอาธาย, อีสกํ อติกฺกมฺม เปตฺวา. โคปฺผเกน หิ โคปฺผเก, ชาณุนา วา ชาณุมฺหิ สงฺฆฏฺฏิยมาเน อภิณฺหํ เวทนา อุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ น โหติ, เสยฺยา อผาสุกา โหติ. ยถา ปน น สงฺฆฏฺเฏติ, เอวํ อติกฺกมฺม ปิเต เวทนา นุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, เสยฺยา ผาสุ โหติ. ตสฺมา เอวํ นิปชฺชิ. อนุฏฺานเสยฺยํ อุปคตตฺตา ปเนตฺถ – ‘‘อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา’’ติ น วุตฺตํ. กายวเสน เจตฺถ อนุฏฺานํ เวทิตพฺพํ, นิทฺทาวเสน ปน ตํ รตฺตึ ภควโต ภวงฺคสฺส โอกาโสเยว นาโหสิ. ปมยามสฺมิฺหิ มลฺลานํ ธมฺมเทสนา อโหสิ, มชฺฌิมยาเม สุภทฺทสฺส ปจฺฉิมยาเม ภิกฺขุสงฺฆํ โอวทิ, พลวปจฺจูเส ปรินิพฺพายิ.
สพฺพผาลิผุลฺลาติ สพฺเพ สมนฺตโต ปุปฺผิตา มูลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคา เอกจฺฉนฺนา อเหสุํ, น เกวลฺจ ยมกสาลาเยว, สพฺเพปิ รุกฺขา สพฺพปาลิผุลฺลาว อเหสุํ. น เกวลฺหิ ตสฺมึเยว อุยฺยาเน, สกลฺหิปิ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ ปุปฺผูปคา ปุปฺผํ คณฺหึสุ, ผลูปคา ผลํ คณฺหึสุ, สพฺพรุกฺขานํ ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, วลฺลีสุ วลฺลิปทุมานิ, อากาเสสุ อากาสปทุมานิ ปถวีตลํ ภินฺทิตฺวา ทณฺฑปทุมานิ ปุปฺผึสุ. สพฺโพ มหาสมุทฺโท ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺโน อโหสิ. ติโยชนสหสฺสวิตฺถโต หิมวา ฆนพทฺธโมรปิฺฉกลาโป วิย, นิรนฺตรํ มาลาทามควจฺฉิโก วิย, สุฏฺุ ปีเฬตฺวา อาพทฺธปุปฺผวฏํสโก วิย, สุปูริตํ ปุปฺผจงฺโกฏกํ วิย จ อติรมณีโย อโหสิ.
เต ตถาคตสฺส สรีรํ โอกิรนฺตีติ เต ยมกสาลา ภุมฺมเทวตาหิ สฺจลิตขนฺธสาขวิฏปา ตถาคตสฺส สรีรํ อวกิรนฺติ, สรีรสฺส อุปริ ปุปฺผานิ วิกิรนฺตีติ อตฺโถ. อชฺโฌกิรนฺตีติ อชฺโฌตฺถรนฺตา วิย กิรนฺติ. อภิปฺปกิรนฺตีติ อภิณฺหํ ปุนปฺปุนํ ปกิรนฺติเยว. ทิพฺพานีติ ¶ เทวโลเก นนฺทโปกฺขรณีสมฺภวานิ, ตานิ โหนฺติ ¶ สุวณฺณวณฺณานิ ปณฺณจฺฉตฺตปฺปมาณปตฺตานิ, มหาตุมฺพมตฺตํ เรณุํ คณฺหนฺติ. น เกวลฺจ มนฺทารวปุปฺผาเนว, อฺานิปิ ปน ทิพฺพานิ ปาริจฺฉตฺตกโกวิฬารปุปฺผาทีนิ สุวณฺณจงฺโกฏกานิ ปูเรตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยมฺปิ ติทสปุเรปิ พฺรหฺมโลเกปิ ิตาหิ เทวตาหิ ปวิฏฺานิ, อนฺตลิกฺขา ปตนฺติ. ตถาคตสฺส สรีรนฺติ อนฺตรา อวิกิณฺณาเนว อาคนฺตฺวา ปตฺตกิฺชกฺขเรณุจุณฺเณหิ ตถาคตสฺส สรีรเมว โอกิรนฺติ.
ทิพฺพานิปิ ¶ จนฺทนจุณฺณานีติ เทวตานํ อุปกปฺปนจนฺทนจุณฺณานิ. น เกวลฺจ เทวตานํเยว, นาคสุปณฺณมนุสฺสานมฺปิ อุปกปฺปนจนฺทนจุณฺณานิ. น เกวลฺจ จนฺทนจุณฺณาเนว, กาฬานุสาริกโลหิตจนฺทนาทิสพฺพทิพฺพคนฺธชาลจุณฺณานิ, หริตาลอฺชนสุวณฺณรชตจุณฺณานิ สพฺพทิพฺพคนฺธวาสวิกติโย สุวณฺณรชตาทิสมุคฺเค ปูเรตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิอาทีสุ ิตาหิ เทวตาหิ ปวิฏฺานิ อนฺตรา อวิปฺปกิริตฺวา ตถาคตสฺเสว สรีรํ โอกิรนฺติ.
ทิพฺพานิปิ ตูริยานีติ เทวตานํ อุปกปฺปนตูริยานิ. น เกวลฺจ ตานิเยว, สพฺพานิปิ ตนฺติพทฺธจมฺมปริโยนทฺธฆนสุสิรเภทานิ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวนาคสุปณฺณมนุสฺสานํ ตูริยานิ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา อนฺตลิกฺเข วชฺชนฺตีติ เวทิตพฺพานิ.
ทิพฺพานิปิ สงฺคีตานีติ วรุณวารณเทวตา กิร นาเมตา ทีฆายุกา เทวตา – ‘‘มหาปุริโส มนุสฺสปเถ นิพฺพตฺติตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ สุตฺวา ‘‘ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส นํ คเหตฺวา คมิสฺสามา’’ติ มาลํ คนฺเถตุมารภึสุ. ตา คนฺถมานาว – ‘‘มหาปุริโส มาตุกุจฺฉิยํ นิพฺพตฺโต’’ติ สุตฺวา ‘‘ตุมฺเห กสฺส คนฺถถา’’ติ วุตฺตา ‘‘น ตาว นิฏฺาติ, กุจฺฉิโต นิกฺขมนทิวเส คณฺหิตฺวา คมิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ปุนปิ ‘‘นิกฺขนฺโต’’ติ สุตฺวา ‘‘มหาภินิกฺขมนทิวเส คมิสฺสามา’’ติ. เอกูนตึสวสฺสานิ ฆเร วสิตฺวา ‘‘อชฺช มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต’’ติปิ สุตฺวา ‘‘อภิสมฺโพธิทิวเส คมิสฺสามา’’ติ. ฉพฺพสฺสานิ ปธานํ กตฺวา ‘‘อชฺช อภิสมฺพุทฺโธ’’ติปิ สุตฺวา ‘‘ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนทิวเส คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘สตฺตสตฺตาหานิ โพธิมณฺเฑ วีตินาเมตฺวา ¶ อิสิปตนํ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติต’’นฺติปิ สุตฺวา ‘‘ยมกปาฏิหาริยทิวเส คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อชฺช ยมกปาฏิหาริยํ กรี’’ติปิ ¶ สุตฺวา ‘‘เทโวโรหณทิวเส คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อชฺช เทโวโรหณํ กรี’’ติปิ สุตฺวา ‘‘อายุสงฺขาโรสฺสชฺชเน คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อชฺช อายุสงฺขารํ โอสฺสชี’’ติปิ สุตฺวา ‘‘น ตาว นิฏฺาติ, ปรินิพฺพานทิวเส คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อชฺช ภควา ยมกสาลานมนฺตเร ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน สีหเสยฺยํ อุปคโต พลวปจฺจูสสมเย ปรินิพฺพายิสฺสติ. ตุมฺเห กสฺส คนฺถถา’’ติ สุตฺวา ปน – ‘‘กินฺนาเมตํ, ‘อชฺเชว มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อชฺเชว มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิ, อชฺเชว มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิ, อชฺเชว พุทฺโธ อโหสิ, อชฺเชว ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิ, อชฺเชว ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ, อชฺเชว เทวโลกา โอติณฺโณ, อชฺเชว อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ, อชฺเชว กิร ปรินิพฺพายิสฺสตี’ติ. นนุ นาม ทุติยทิวเส ยาคุปานกาลมตฺตมฺปิ าตพฺพํ อสฺส. ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา พุทฺธตฺตํ ปตฺตสฺส นาม อนนุจฺฉวิกเมต’’นฺติ อปรินิฏฺิตาว มาลาโย คเหตฺวา อาคมฺม อนฺโต จกฺกวาเฬ ¶ โอกาสํ อลภมานา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ลมฺพิตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยาว อาธาวนฺติโย หตฺเถน หตฺถํ คีวาย คีวํ คเหตฺวา ตีณิ รตนานิ อารพฺภ ทฺวตฺตึส มหาปุริสลกฺขณานิ ฉพฺพณฺณรสฺมิโย ทส ปารมิโย อฑฺฒฉฏฺานิ ชาตกสตานิ จุทฺทส พุทฺธาณานิ อารพฺภ คายิตฺวา ตสฺส ตสฺส อวสาเน ‘‘มหายโส, มหายโส’’ติ วทนฺติ. อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ – ‘‘ทิพฺพานิปิ สงฺคีตานิ อนฺตลิกฺเข วตฺตนฺติ ตถาคตสฺส ปูชายา’’ติ.
๑๙๙. ภควา ปน ยมกสาลานํ อนฺตรา ทกฺขิเณน ปสฺเสน นิปนฺโนเยว ปถวีตลโต ยาว จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยา, จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิโต จ ยาว พฺรหฺมโลกา สนฺนิปติตาย ปริสาย มหนฺตํ อุสฺสาหํ ทิสฺวา อายสฺมโต อานนฺทสฺส อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ…เป… ตถาคตสฺส ปูชายา’’ติ. เอวํ มหาสกฺการํ ทสฺเสตฺวา เตนาปิ อตฺตโน อสกฺกตภาวเมว ทสฺสนฺโต น โข, อานนฺท, เอตฺตาวตาติอาทิมาห.
อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อานนฺท, มยา ทีปงฺกรปาทมูเล นิปนฺเนน อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา อภินีหารํ กโรนฺเตน ¶ น มาลาคนฺธตูริยสงฺคีตานํ อตฺถาย อภินีหาโร กโต, น เอตทตฺถาย ปารมิโย ปูริตา. ตสฺมา น โข อหํ เอตาย ปูชาย ปูชิโต นาม โหมี’’ติ.
กสฺมา ¶ ปน ภควา อฺตฺถ เอกํ อุมาปุปฺผมตฺตมฺปิ คเหตฺวา พุทฺธคุเณ อาวชฺเชตฺวา กตาย ปูชาย พุทฺธาเณนาปิ อปริจฺฉินฺนํ วิปากํ วณฺเณตฺวา อิธ เอวํ มหนฺตํ ปูชํ ปฏิกฺขิปตีติ? ปริสานุคฺคเหน เจว สาสนสฺส จ จิรฏฺิติกามตาย. สเจ หิ ภควา เอวํ น ปฏิกฺขิเปยฺย, อนาคเต สีลสฺส อาคตฏฺาเน สีลํ น ปริปูเรสฺสนฺติ, สมาธิสฺส อาคตฏฺาเน สมาธึ น ปริปูเรสฺสนฺติ, วิปสฺสนาย อาคตฏฺาเน วิปสฺสนาคพฺภํ น คาหาเปสฺสนฺติ. อุปฏฺาเก สมาทเปตฺวา ปูชํเยว กาเรนฺตา วิหริสฺสนฺติ. อามิสปูชา จ นาเมสา สาสนํ เอกทิวสมฺปิ เอกยาคุปานกาลมตฺตมฺปิ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ. มหาวิหารสทิสฺหิ วิหารสหสฺสํ มหาเจติยสทิสฺจ เจติยสหสฺสมฺปิ สาสนํ ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ. เยน กมฺมํ กตํ, ตสฺเสว โหติ. สมฺมาปฏิปตฺติ ปน ตถาคตสฺส อนุจฺฉวิกา ปูชา. สา หิ เตน ปตฺถิตา เจว, สกฺโกติ สาสนฺจ สนฺธาเรตุํ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสนฺโต โย โข อานนฺทาติอาทิมาห.
ตตฺถ ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโนติ นววิธสฺส โลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุธมฺมํ ปุพฺพภาคปฏิปทํ ปฏิปนฺโน ¶ . สาเยว ปน ปฏิปทา อนุจฺฉวิกตฺตา ‘‘สามีจี’’ติ วุจฺจติ. ตํ สามีจึ ปฏิปนฺโนติ สามีจิปฺปฏิปนฺโน. ตเมว ปุพฺพภาคปฏิปทาสงฺขาตํ อนุธมฺมํ จรติ ปูเรตีติ อนุธมฺมจารี.
ปุพฺพภาคปฏิปทาติ จ สีลํ อาจารปฺตฺติ ธุตงฺคสมาทานํ ยาว โคตฺรภุโต สมฺมาปฏิปทา เวทิตพฺพา. ตสฺมา โย ภิกฺขุ ฉสุ อคารเวสุ ปติฏฺาย ปฺตฺตึ อติกฺกมติ, อเนสนาย ชีวิกํ กปฺเปติ, อยํ น ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน. โย ปน สพฺพํ อตฺตโน ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ ชินเวลํ ชินมริยาทํ ชินกาฬสุตฺตํ อณุมตฺตมฺปิ น วีติกฺกมติ, อยํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน นาม. ภิกฺขุนิยาปิ เอเสว นโย. โย อุปาสโก ปฺจ เวรานิ ทส อกุสลกมฺมปเถ สมาทาย วตฺตติ อปฺเปติ, อยํ น ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน. โย ปน ตีสุ สรเณสุ, ปฺจสุปิ สีเลสุ, ทสสุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ, มาสสฺส อฏฺ อุโปสเถ กโรติ, ทานํ เทติ, คนฺธปูชํ มาลาปูชํ กโรติ, มาตรํ ปิตรํ ¶ อุปฏฺาติ, ธมฺมิเก สมณพฺราหฺมเณ อุปฏฺาติ, อยํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน นาม. อุปาสิกายปิ เอเสว นโย.
ปรมาย ¶ ปูชายาติ อุตฺตมาย ปูชาย. อยฺหิ นิรามิสปูชา นาม สกฺโกติ มม สาสนํ สนฺธาเรตุํ. ยาว หิ อิมา จตสฺโส ปริสา มํ อิมาย ปูเชสฺสนฺติ, ตาว มม สาสนํ มชฺเฌ นภสฺส ปุณฺณจนฺโท วิย วิโรจิสฺสตีติ ทสฺเสติ.
อุปวาณตฺเถรวณฺณนา
๒๐๐. อปสาเรสีติ อปเนสิ. อเปหีติ อปคจฺฉ. เถโร เอกวจเนเนว ตาลวณฺฏํ นิกฺขิปิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อุปฏฺาโกติอาทิ ปมโพธิยํ อนิพทฺธุปฏฺากภาวํ สนฺธายาห. อยํ, ภนฺเต, อายสฺมา อุปวาโณติ เอวํ เถเรน วุตฺเต อานนฺโท อุปวาณสฺส สโทสภาวํ สลฺลกฺเขติ, ‘หนฺทสฺส นิทฺโทสภาวํ กเถสฺสามี’ติ ภควา เยภุยฺเยน อานนฺทาติอาทิมาห. ตตฺถ เยภุยฺเยนาติ อิทํ อสฺสตฺตานฺเจว อรูปเทวตานฺจ โอหีนภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อปฺผุโฏติ อสมฺผุฏฺโ อภริโต วา. ภควโต กิร อาสนฺนปเทเส วาลคฺคมตฺเต โอกาเส สุขุมตฺตภาวํ มาเปตฺวา ทส ทส มเหสกฺขา เทวตา อฏฺํสุ. ตาสํ ปรโต วีสติ วีสติ. ตาสํ ปรโต ตึสติ ตึสติ. ตาสํ ปรโต จตฺตาลีสํ จตฺตาลีสํ. ตาสํ ปรโต ปฺาสํ ปฺาสํ. ตาสํ ปรโต สฏฺิ สฏฺิ เทวตา อฏฺํสุ. ตา อฺมฺํ หตฺเถน วา ปาเทน วา วตฺเถน วา น พฺยาพาเธนฺติ. ‘‘อเปหิ มํ, มา ฆฏฺเฏหี’’ติ วตฺตพฺพาการํ นาม นตฺถิ. ‘‘ตา ¶ โข ปน เทวตาโย ทสปิ หุตฺวา วีสติปิ หุตฺวา ตึสมฺปิ หุตฺวา จตฺตาลีสมฺปิ หุตฺวา ปฺาสมฺปิ หุตฺวา อารคฺคโกฏินิตุทนมตฺเตปิ ติฏฺนฺติ, น จ อฺมฺํ พฺยาพาเธนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๗) วุตฺตสทิสาว อเหสุํ. โอวาเรนฺโตติ อาวาเรนฺโต. เถโร กิร ปกติยาปิ มหาสรีโร หตฺถิโปตกสทิโส. โส ปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา อติมหา วิย อโหสิ.
ตถาคตํ ทสฺสนายาติ ภควโต มุขํ ทฏฺุํ อลภมานา เอวํ อุชฺฌายึสุ. กึ ปน ตา เถรํ วินิวิชฺฌ ปสฺสิตุํ น สกฺโกนฺตีติ? อาม, น สกฺโกนฺติ. เทวตา หิ ปุถุชฺชเน วินิวิชฺฌ ปสฺสิตุํ สกฺโกนฺติ, น ขีณาสเว. เถรสฺส จ มเหสกฺขตาย ¶ เตชุสฺสทตาย อุปคนฺตุมฺปิ น สกฺโกนฺติ. กสฺมา ¶ ปน เถโรว เตชุสฺสโท, น อฺเ อรหนฺโตติ? ยสฺมา กสฺสปพุทฺธสฺส เจติเย อารกฺขเทวตา อโหสิ.
วิปสฺสิมฺหิ กิร สมฺมาสมฺพุทฺเธ ปรินิพฺพุเต เอกคฺฆนสุวณฺณกฺขนฺธสทิสสฺส ธาตุสรีรสฺส เอกเมว เจติยํ อกํสุ, ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ เอกเมว เจติยํ โหติ. ตํ มนุสฺสา รตนายามาหิ วิทตฺถิวิตฺถตาหิ ทฺวงฺคุลพหลาหิ สุวณฺณิฏฺกาหิ หริตาเลน จ มโนสิลาย จ มตฺติกากิจฺจํ ติลเตเลเนว อุทกกิจฺจํ สาเธตฺวา โยชนปฺปมาณํ อุฏฺเปสุํ. ตโต ภุมฺมา เทวตา โยชนปฺปมาณํ, ตโต อากาสฏฺกเทวตา, ตโต อุณฺหวลาหกเทวตา, ตโต อพฺภวลาหกเทวตา, ตโต จาตุมหาราชิกา เทวตา, ตโต ตาวตึสา เทวตา โยชนปฺปมาณํ อุฏฺเปสุนฺติ เอวํ สตฺตโยชนิกํ เจติยํ อโหสิ. มนุสฺเสสุ มาลาคนฺธวตฺถาทีนิ คเหตฺวา อาคเตสุ อารกฺขเทวตา คเหตฺวา เตสํ ปสฺสนฺตานํเยว เจติยํ ปูเชสิ.
ตทา อยํ เถโร พฺราหฺมณมหาสาโล หุตฺวา เอกํ ปีตกํ วตฺถํ อาทาย คโต. เทวตา ตสฺส หตฺถโต วตฺถํ คเหตฺวา เจติยํ ปูเชสิ. พฺราหฺมโณ ตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ‘‘อหมฺปิ อนาคเต เอวรูปสฺส พุทฺธสฺส เจติเย อารกฺขเทวตา โหมี’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ตสฺส เทวโลเก จ มนุสฺสโลเก จ สํสรนฺตสฺเสว กสฺสโป ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิ. ตสฺสาปิ เอกเมว ธาตุสรีรํ อโหสิ. ตํ คเหตฺวา โยชนิกํ เจติยํ กาเรสุํ. โส ตตฺถ อารกฺขเทวตา หุตฺวา สาสเน อนฺตรหิเต สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล ตโต จุโต มหากุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต. อิติ เจติเย อารกฺขเทวตา หุตฺวา อาคตตฺตา เถโร เตชุสฺสโทติ เวทิตพฺโพ.
เทวตา ¶ , อานนฺท, อุชฺฌายนฺตีติ อิติ อานนฺท, เทวตา อุชฺฌายนฺติ, น มยฺหํ ปุตฺตสฺส อฺโ โกจิ โทโส อตฺถีติ ทสฺเสติ.
๒๐๑. กถํภูตา ปน, ภนฺเตติ กสฺมา อาห? ภควา ตุมฺเห – ‘‘เทวตา อุชฺฌายนฺตี’’ติ วทถ, กถํ ภูตา ปน ตา ตุมฺเห มนสิ กโรถ ¶ , กึ ตุมฺหากํ ปรินิพฺพานํ อธิวาเสนฺตีติ ปุจฺฉติ. อถ ภควา – ‘‘นาหํ อธิวาสนการณํ วทามี’’ติ ตาสํ อนธิวาสนภาวํ ทสฺเสนฺโต สนฺตานนฺทาติอาทิมาห.
ตตฺถ ¶ อากาเส ปถวีสฺินิโยติ อากาเส ปถวึ มาเปตฺวา ตตฺถ ปถวีสฺินิโย. กนฺทนฺตีติ โรทนฺติ. ฉินฺนปาตํ ปปตนฺตีติ มชฺเฌ ฉินฺนา วิย หุตฺวา ยโต วา ตโต วา ปปตนฺติ. อาวฏฺฏนฺตีติ อาวฏฺฏนฺติโย ปติตฏฺานเมว อาคจฺฉนฺติ. วิวฏฺฏนฺตีติ ปติตฏฺานโต ปรภาคํ วฏฺฏมานา คจฺฉนฺติ. อปิจ ทฺเว ปาเท ปสาเรตฺวา สกึ ปุรโต สกึ ปจฺฉโต สกึ วามโต สกึ ทกฺขิณโต สํปริวตฺตมานาปิ – ‘‘อาวฏฺฏนฺติ วิวฏฺฏนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ. สนฺตานนฺท, เทวตา ปถวิยํ ปถวีสฺินิโยติ ปกติปถวี กิร เทวตา ธาเรตุํ น สกฺโกติ. ตตฺถ หตฺถโก พฺรหฺมา วิย เทวตา โอสีทนฺติ. เตนาห ภควา – ‘‘โอฬาริกํ หตฺถก, อตฺตภาวํ อภินิมฺมินาหี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๒๘). ตสฺมา ยา เทวตา ปถวิยํ ปถวึ มาเปสุํ, ตา สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘ปถวิยํ ปถวีสฺินิโย’’ติ.
วีตราคาติ ปหีนโทมนสฺสา สิลาถมฺภสทิสา อนาคามิขีณาสวเทวตา.
จตุสํเวชนียานวณฺณนา
๒๐๒. วสฺสํวุฏฺาติ พุทฺธกาเล กิร ทฺวีสุ กาเลสุ ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย กมฺมฏฺานคฺคหณตฺถํ, วุฏฺวสฺสา จ คหิตกมฺมฏฺานานุโยเคน นิพฺพตฺติตวิเสสาโรจนตฺถํ. ยถา จ พุทฺธกาเล, เอวํ ตมฺพปณฺณิทีเปปิ อปารคงฺคาย ภิกฺขู โลหปาสาเท สนฺนิปตึสุ, ปารคงฺคาย ภิกฺขู ติสฺสมหาวิหาเร. เตสุ อปารคงฺคาย ภิกฺขู สงฺการฉฑฺฑกสมฺมชฺชนิโย คเหตฺวา อาคนฺตฺวา มหาวิหาเร สนฺนิปติตฺวา เจติเย สุธากมฺมํ กตฺวา – ‘‘วุฏฺวสฺสา อาคนฺตฺวา โลหปาสาเท สนฺนิปตถา’’ติ วตฺตํ กตฺวา ผาสุกฏฺาเนสุ วสิตฺวา วุฏฺวสฺสา อาคนฺตฺวา โลหปาสาเท ปฺจนิกายมณฺฑเล, เยสํ ปาฬิ ปคุณา, เต ปาฬึ สชฺฌายนฺติ. เยสํ อฏฺกถา ปคุณา, เต อฏฺกถํ สชฺฌายนฺติ. ¶ โย ปาฬึ วา อฏฺกถํ วา วิราเธติ ¶ , ตํ – ‘‘กสฺส สนฺติเก ตยา คหิต’’นฺติ วิจาเรตฺวา อุชุํ กตฺวา คาหาเปนฺติ. ปารคงฺคาวาสิโนปิ ติสฺสมหาวิหาเร เอวเมว กโรนฺติ. เอวํ ทฺวีสุ กาเลสุ สนฺนิปติเตสุ ภิกฺขูสุ เย ปุเร วสฺสูปนายิกาย กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คตา วิเสสาโรจนตฺถํ อาคจฺฉนฺติ, เอวรูเป สนฺธาย ‘‘ปุพฺเพ ภนฺเต วสฺสํวุฏฺา’’ติอาทิมาห.
มโนภาวนีเยติ มนสา ภาวิเต สมฺภาวิเต. เย วา มโน มนํ ภาเวนฺติ วฑฺเฒนฺติ ราครชาทีนิ ปวาเหนฺติ, เอวรูเปติ อตฺโถ. เถโร ¶ กิร วตฺตสมฺปนฺโน มหลฺลกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ถทฺโธ หุตฺวา น นิสีทติ, ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา หตฺถโต ฉตฺตฺจ ปตฺตจีวรฺจ คเหตฺวา ปีํ ปปฺโผเฏตฺวา เทติ, ตตฺถ นิสินฺนสฺส วตฺตํ กตฺวา เสนาสนํ ปฏิชคฺคิตฺวา เทติ. นวกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ตุณฺหีภูโต น นิสีทติ, สมีเป ตฺวา วตฺตํ กโรติ. โส ตาย วตฺตปฏิปตฺติยา อปริหานึ ปตฺถยมาโน เอวมาห.
อถ ภควา – ‘‘อานนฺโท มโนภาวนียานํ ทสฺสนํ น ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตติ, หนฺทสฺส, มโนภาวนียานํ ทสฺสนฏฺานํ อาจิกฺขิสฺสามิ, ยตฺถ วสนฺโต อิโต จิโต จ อนาหิณฺฑิตฺวาว ลจฺฉติ มโนภาวนีเย ภิกฺขู ทสฺสนายาติ จินฺเตตฺวา จตฺตาริมานีติอาทิมาห.
ตตฺถ สทฺธสฺสาติ พุทฺธาทีสุ ปสนฺนจิตฺตสฺส วตฺตสมฺปนฺนสฺส, ยสฺส ปาโต ปฏฺาย เจติยงฺคณวตฺตาทีนิ สพฺพวตฺตานิ กตาเนว ปฺายนฺติ. ทสฺสนียานีติ ทสฺสนารหานิ ทสฺสนตฺถาย คนฺตพฺพานิ. สํเวชนียานีติ สํเวคชนกานิ. านานีติ การณานิ, ปเทสานาเนว วา.
เย หิ เกจีติ อิทํ เจติยจาริกาย สตฺถกภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถ เจติยจาริกํ อาหิณฺฑนฺตาติ เย จ ตาว ตตฺถ ตตฺถ เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชนฺตา, อาสนานิ โธวนฺตา โพธิมฺหิ อุทกํ สิฺจนฺตา อาหิณฺฑนฺติ, เตสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ อสุกวิหาเร ‘‘เจติยํ วนฺทิสฺสามา’’ติ นิกฺขมิตฺวา ปสนฺนจิตฺตา อนฺตรา กาลงฺกโรนฺตาปิ อนนฺตราเยน สคฺเค ปติฏฺหิสฺสนฺติ เยวาติ ทสฺเสติ.
อานนฺทปุจฺฉากถาวณฺณนา
๒๐๓. อทสฺสนํ ¶ ¶ , อานนฺทาติ ยเทตํ มาตุคามสฺส อทสฺสนํ, อยเมตฺถ อุตฺตมา ปฏิปตฺตีติ ทสฺเสติ. ทฺวารํ ปิทหิตฺวา เสนาสเน นิสินฺโน หิ ภิกฺขุ อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ิตมฺปิ มาตุคามํ ยาว น ปสฺสติ, ตาวสฺส เอกํเสเนว น โลโภ อุปฺปชฺชติ, น จิตฺตํ จลติ. ทสฺสเน ปน สติเยว ตทุภยมฺปิ อสฺส. เตนาห – ‘‘อทสฺสนํ อานนฺทา’’ติ. ทสฺสเน ภควา สติ กถนฺติ ภิกฺขํ คเหตฺวา อุปคตฏฺานาทีสุ ทสฺสเน สติ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ปุจฺฉติ. อถ ภควา ยสฺมา ขคฺคํ คเหตฺวา – ‘‘สเจ มยา สทฺธึ อาลปสิ, เอตฺเถว เต สีสํ ปาเตสฺสามี’’ติ ิตปุริเสน วา, ‘‘สเจ มยา สทฺธึ อาลปสิ, เอตฺเถว เต มํสํ มุรุมุราเปตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ ¶ ิตยกฺขินิยา วา อาลปิตุํ วรํ. เอกสฺเสว หิ อตฺตภาวสฺส ตปฺปจฺจยา วินาโส โหติ, น อปาเยสุ อปริจฺฉินฺนทุกฺขานุภวนํ. มาตุคาเมน ปน อาลาปสลฺลาเป สติ วิสฺสาโส โหติ, วิสฺสาเส สติ โอตาโร โหติ, โอติณฺณจิตฺโต สีลพฺยสนํ ปตฺวา อปายปูรโก โหติ; ตสฺมา อนาลาโปติ อาห. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สลฺลเป อสิหตฺเถน, ปิสาเจนาปิ สลฺลเป;
อาสีวิสมฺปิ อาสีเท, เยน ทฏฺโ น ชีวติ;
น ตฺเวว เอโก เอกาย, มาตุคาเมน สลฺลเป’’ติ. (อ. นิ. ๕.๕๕);
อาลปนฺเตน ปนาติ สเจ มาตุคาโม ทิวสํ วา ปุจฺฉติ, สีลํ วา ยาจติ, ธมฺมํ วา โสตุกาโม โหติ, ปฺหํ วา ปุจฺฉติ, ตถารูปํ วา ปนสฺส ปพฺพชิเตหิ กตฺตพฺพกมฺมํ โหติ, เอวรูเป กาเล อนาลปนฺตํ ‘‘มูโค อยํ, พธิโร อยํ, ภุตฺวาว พทฺธมุโข นิสีทตี’’ติ วทติ, ตสฺมา อวสฺสํ อาลปิตพฺพํ โหติ. เอวํ อาลปนฺเตน ปน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ปุจฺฉติ. อถ ภควา – ‘‘เอถ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, มาตุมตฺตีสุ มาตุจิตฺตํ อุปฏฺเปถ, ภคินิมตฺตีสุ ภคินิจิตฺตํ อุปฏฺเปถ, ธีตุมตฺตีสุ ธีตุจิตฺตํ อุปฏฺเปถา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๑๒๗) อิมํ โอวาทํ สนฺธาย สติ, อานนฺท, อุปฏฺเปตพฺพาติ อาห.
๒๐๔. อพฺยาวฏาติ อตนฺติพทฺธา นิรุสฺสุกฺกา โหถ. สารตฺเถ ฆฏถาติ อุตฺตมตฺเถ อรหตฺเต ฆเฏถ. อนุยฺุชถาติ ตทธิคมาย อนุโยคํ ¶ กโรถ. อปฺปมตฺตาติ ตตฺถ อวิปฺปมุฏฺสตี. วีริยาตาปโยเคน อาตาปิโน. กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขตาย ปหิตตฺตา เปสิตจิตฺตา วิหรถ.
๒๐๕. กถํ ¶ ปน, ภนฺเตติ เตหิ ขตฺติยปณฺฑิตาทีหิ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. อทฺธา มํ เต ปฏิปุจฺฉิสฺสนฺติ – ‘‘กถํ, ภนฺเต, อานนฺท ตถาคตสฺส สรีเร ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ; ‘‘เตสาหํ กถํ ปฏิวจนํ เทมี’’ติ ปุจฺฉติ. อหเตน วตฺเถนาติ นเวน กาสิกวตฺเถน. วิหเตน กปฺปาเสนาติ สุโปถิเตน กปฺปาเสน. กาสิกวตฺถฺหิ สุขุมตฺตา เตลํ น คณฺหาติ, กปฺปาโส ปน คณฺหาติ. ตสฺมา ‘‘วิหเตน กปฺปาเสนา’’ติ อาห. อายสายาติ โสวณฺณาย. โสวณฺณฺหิ อิธ ‘‘อยส’’นฺติ อธิปฺเปตํ.
ถูปารหปุคฺคลวณฺณนา
๒๐๖. ราชา จกฺกวตฺตีติ เอตฺถ กสฺมา ภควา อคารมชฺเฌ วสิตฺวา กาลงฺกตสฺส รฺโ ถูปารหตํ อนุชานาติ, น สีลวโต ปุถุชฺชนสฺส ภิกฺขุสฺสาติ? อนจฺฉริยตฺตา. ปุถุชฺชนภิกฺขูนฺหิ ¶ ถูเป อนฺุายมาเน ตมฺพปณฺณิทีเป ตาว ถูปานํ โอกาโส น ภเวยฺย, ตถา อฺเสุ าเนสุ. ตสฺมา ‘‘อนจฺฉริยา เต ภวิสฺสนฺตี’’ติ นานุชานาติ. ราชา จกฺกวตฺตี เอโกว นิพฺพตฺตติ, เตนสฺส ถูโป อจฺฉริโย โหติ. ปุถุชฺชนสีลวโต ปน ปรินิพฺพุตภิกฺขุโน วิย มหนฺตมฺปิ สกฺการํ กาตุํ วฏฺฏติเยว.
อานนฺทอจฺฉริยธมฺมวณฺณนา
๒๐๗. วิหารนฺติ อิธ มณฺฑลมาโล วิหาโรติ อธิปฺเปโต, ตํ ปวิสิตฺวา. กปิสีสนฺติ ทฺวารพาหโกฏิยํ ิตํ อคฺคฬรุกฺขํ. โรทมาโน อฏฺาสีติ โส กิรายสฺมา จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถารา มม สํเวคชนกํ วสนฏฺานํ กถิตํ, เจติยจาริกาย สาตฺถกภาโว กถิโต, มาตุคาเม ปฏิปชฺชิตพฺพปฺโห วิสฺสชฺชิโต, อตฺตโน สรีเร ปฏิปตฺติ อกฺขาตา, จตฺตาโร ถูปารหา กถิตา, ธุวํ อชฺช ภควา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ, ตสฺเสวํ จินฺตยโต พลวโทมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ภควโต สนฺติเก โรทนํ นาม อผาสุกํ, เอกมนฺตํ คนฺตฺวา ¶ โสกํ ตนุกํ กริสฺสามี’’ติ, โส ตถา อกาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘โรทมาโน อฏฺาสี’’ติ.
อหฺจ วตมฺหีติ อหฺจ วต อมฺหิ, อหํ วตมฺหีติปิ ปาโ. โย มม อนุกมฺปโกติ โย มํ อนุกมฺปติ อนุสาสติ, สฺเว ทานิ ปฏฺาย กสฺส มุขโธวนํ ทสฺสามิ, กสฺส ปาเท โธวิสฺสามิ, กสฺส เสนาสนํ ปฏิชคฺคิสฺสามิ, กสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจริสฺสามีติ พหุํ วิลปิ. อามนฺเตสีติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนฺตเร เถรํ อทิสฺวา อามนฺเตสิ.
เมตฺเตน ¶ กายกมฺเมนาติ เมตฺตจิตฺตวเสน ปวตฺติเตน มุขโธวนทานาทิกายกมฺเมน. หิเตนาติ หิตวุทฺธิยา กเตน. สุเขนาติ สุขโสมนสฺเสเนว กเตน, น ทุกฺขินา ทุมฺมเนน หุตฺวาติ อตฺโถ. อทฺวเยนาติ ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา อกเตน. ยถา หิ เอโก สมฺมุขาว กโรติ น ปรมฺมุขา, เอโก ปรมฺมุขาว กโรติ น สมฺมุขา เอวํ วิภาคํ อกตฺวา กเตนาติ วุตฺตํ โหติ. อปฺปมาเณนาติ ปมาณวิรหิเตน. จกฺกวาฬมฺปิ หิ อติสมฺพาธํ, ภวคฺคมฺปิ อตินีจํ, ตยา กตํ กายกมฺมเมว ¶ พหุนฺติ ทสฺเสติ.
เมตฺเตน วจีกมฺเมนาติ เมตฺตจิตฺตวเสน ปวตฺติเตน มุขโธวนกาลาโรจนาทินา วจีกมฺเมน. อปิ จ โอวาทํ สุตฺวา – ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ วจนมฺปิ เมตฺตํ วจีกมฺมเมว. เมตฺเตน มโนกมฺเมนาติ กาลสฺเสว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา วิวิตฺตาสเน นิสีทิตฺวา – ‘‘สตฺถา อโรโค โหตุ, อพฺยาปชฺโช สุขี’’ติ เอวํ ปวตฺติเตน มโนกมฺเมน. กตปฺุโสีติ กปฺปสตสหสฺสํ อภินีหารสมฺปนฺโนสีติ ทสฺเสติ. กตปฺุโสีติ จ เอตฺตาวตา วิสฺสตฺโถ มา ปมาทมาปชฺชิ, อถ โข ปธานมนุยฺุช. เอวฺหิ อนุยุตฺโต ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว, ธมฺมสงฺคีติกาเล อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสสิ. น หิ มาทิสสฺส กตปาริจริยา นิปฺผลา นาม โหตีติ ทสฺเสติ.
๒๐๘. เอวฺจ ปน วตฺวา มหาปถวึ ปตฺถรนฺโต วิย อากาสํ วิตฺถาเรนฺโต วิย จกฺกวาฬคิรึ โอสาเรนฺโต วิย สิเนรุํ อุกฺขิเปนฺโต วิย มหาชมฺพุํ ขนฺเธ คเหตฺวา จาเลนฺโต วิย อายสฺมโต อานนฺทสฺส คุณกถํ อารภนฺโต อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ. ตตฺถ ‘‘เยปิ ¶ เต, ภิกฺขเว, เอตรหี’’ติ กสฺมา น วุตฺตํ? อฺสฺส พุทฺธสฺส นตฺถิตาย. เอเตเนว เจตํ เวทิตพฺพํ – ‘‘ยถา จกฺกวาฬนฺตเรปิ อฺโ พุทฺโธ นตฺถี’’ติ. ปณฺฑิโตติ พฺยตฺโต. เมธาวีติ ขนฺธธาตุอายตนาทีสุ กุสโล.
๒๐๙. ภิกฺขุปริสา อานนฺทํ ทสฺสนายาติ เย ภควนฺตํ ปสฺสิตุกามา เถรํ อุปสงฺกมนฺติ, เย จ ‘‘อายสฺมา กิรานนฺโท สมนฺตปาสาทิโก อภิรูโป ทสฺสนีโย พหุสฺสุโต สงฺฆโสภโน’’ติ เถรสฺส คุเณ สุตฺวา อาคจฺฉนฺติ, เต สนฺธาย ‘‘ภิกฺขุปริสา อานนฺทํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เอส นโย สพฺพตฺถ. อตฺตมนาติ สวเนน โน ทสฺสนํ สเมตีติ สกมนา ตุฏฺจิตฺตา. ธมฺมนฺติ ‘‘กจฺจิ, อาวุโส, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โยนิโส มนสิกาเรน กมฺมํ กโรถ, อาจริยุปชฺฌาเย วตฺตํ ปูเรถา’’ติ เอวรูปํ ปฏิสนฺถารธมฺมํ. ตตฺถ ภิกฺขุนีสุ – ‘‘กจฺจิ, ภคินิโย, อฏฺ ครุธมฺเม สมาทาย วตฺตถา’’ติ อิทมฺปิ นานากรณํ โหติ. อุปาสเกสุ อาคเตสุ ‘‘อุปาสก, น เต กจฺจิ สีสํ วา องฺคํ วา ¶ รุชฺชติ, อโรคา เต ปุตฺตภาตโร’’ติ น เอวํ ปฏิสนฺถารํ กโรติ. เอวํ ปน กโรติ – ‘‘กถํ อุปาสกา ตีณิ สรณานิ ปฺจ สีลานิ รกฺขถ, มาสสฺส อฏฺ ¶ อุโปสเถ กโรถ, มาตาปิตูนํ อุปฏฺานวตฺตํ ปูเรถ, ธมฺมิกสมณพฺราหฺมเณ ปฏิชคฺคถา’’ติ. อุปาสิกาสุปิ เอเสว นโย.
อิทานิ อานนฺทตฺเถรสฺส จกฺกวตฺตินา สทฺธึ อุปมํ กโรนฺโต จตฺตาโรเม ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ ขตฺติยาติ อภิสิตฺตา จ อนภิสิตฺตา จ ขตฺติยชาติกา. เต กิร – ‘‘ราชา จกฺกวตฺตี นาม อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก อากาเสน วิจรนฺโต รชฺชํ อนุสาสติ ธมฺมิโก ธมฺมราชา’’ติ ตสฺส คุณกถํ สุตฺวา ‘‘สวเนน ทสฺสนมฺปิ สม’’นฺติ อตฺตมนา โหนฺติ. ภาสตีติ กเถนฺโต – ‘‘กถํ, ตาตา, ราชธมฺมํ ปูเรถ, ปเวณึ รกฺขถา’’ติ ปฏิสนฺถารํ กโรติ. พฺราหฺมเณสุ ปน – ‘‘กถํ อาจริยา มนฺเต วาเจถ, กถํ อนฺเตวาสิกา มนฺเต คณฺหนฺติ, ทกฺขิณํ วา วตฺถานิ วา กปิลํ วา อลตฺถา’’ติ ปฏิสนฺถารํ กโรติ. คหปตีสุ – ‘‘กถํ ตาตา, น โว ราชกุลโต ทณฺเฑน วา พลินา วา ปีฬา อตฺถิ, สมฺมา ¶ เทโว ธารํ อนุปเวจฺฉติ, สสฺสานิ สมฺปชฺชนฺตี’’ติ เอวํ ปฏิสนฺถารํ กโรติ. สมเณสุ – ‘‘กถํ, ภนฺเต, ปพฺพชิตปริกฺขารา สุลภา, สมณธมฺเม น ปมชฺชถา’’ติ เอวํ ปฏิสนฺถารํ กโรติ.
มหาสุทสฺสนสุตฺตเทสนาวณฺณนา
๒๑๐. ขุทฺทกนครเกติ นครปติรูปเก สมฺพาเธ ขุทฺทกนครเก. อุชฺชงฺคลนครเกติ วิสมนครเก. สาขานครเกติ ยถา รุกฺขานํ สาขา นาม ขุทฺทกา โหนฺติ, เอวเมว อฺเสํ มหานครานํ สาขาสทิเส ขุทฺทกนครเก. ขตฺติยมหาสาลาติ ขตฺติยมหาสารปฺปตฺตา มหาขตฺติยา. เอส นโย สพฺพตฺถ.
เตสุ ขตฺติยมหาสาลา นาม เยสํ โกฏิสตมฺปิ โกฏิสหสฺสมฺปิ ธนํ นิขณิตฺวา ปิตํ, ทิวสปริพฺพโย เอกํ กหาปณสกฏํ นิคจฺฉติ, สายํ ทฺเว ปวิสนฺติ. พฺราหฺมณมหาสาลา นาม เยสํ อสีติโกฏิธนํ นิหิตํ โหติ, ทิวสปริพฺพโย เอโก กหาปณกุมฺโภ นิคจฺฉติ, สายํ เอกสกฏํ ปวิสติ. คหปติมหาสาลา นาม เยสํ จตฺตาลีสโกฏิธนํ นิหิตํ โหติ, ทิวสปริพฺพโย ปฺจ กหาปณมฺพณานิ นิคจฺฉนฺติ, สายํ กุมฺโภ ปวิสติ.
มา ¶ เหวํ, อานนฺท, อวจาติ อานนฺท, มา เอวํ อวจ, น อิมํ ‘‘ขุทฺทกนคร’’นฺติ ¶ วตฺตพฺพํ. อหฺหิ อิมสฺเสว นครสฺส สมฺปตฺตึ กเถตุํ – ‘‘อเนกวารํ ติฏฺํ นิสีทํ มหนฺเตน อุสฺสาเหน, มหนฺเตน ปรกฺกเมน อิธาคโต’’ติ วตฺวา ภูตปุพฺพนฺติอาทิมาห. สุภิกฺขาติ ขชฺชโภชฺชสมฺปนฺนา. หตฺถิสทฺเทนาติ เอกสฺมึ หตฺถิมฺหิ สทฺทํ กโรนฺเต จตุราสีติหตฺถิสหสฺสานิ สทฺทํ กโรนฺติ, อิติ หตฺถิสทฺเทน อวิวิตฺตา, โหติ, ตถา อสฺสสทฺเทน. ปฺุวนฺโต ปเนตฺถ สตฺตา จตุสินฺธวยุตฺเตหิ รเถหิ อฺมฺํ อนุพนฺธมานา อนฺตรวีถีสุ วิจรนฺติ, อิติ รถสทฺเทน อวิวิตฺตา โหติ. นิจฺจํ ปโยชิตาเนว ปเนตฺถ เภริอาทีนิ ตูริยานิ, อิติ เภริสทฺทาทีหิปิ อวิวิตฺตา โหติ. ตตฺถ สมฺมสทฺโทติ กํสตาฬสทฺโท. ปาณิตาฬสทฺโทติ ปาณินา จตุรสฺสอมฺพณตาฬสทฺโท. กุฏเภริสทฺโทติปิ วทนฺติ.
อสฺนาถ ¶ ปิวถ ขาทถาติ อสฺนาถ ปิวถ ขาทถ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป, ภฺุชถ โภติ อิมินา ทสเมน สทฺเทน อวิวิตฺตา โหติ อนุปจฺฉินฺนสทฺทา. ยถา ปน อฺเสุ นคเรสุ ‘‘กจวรํ ฉฑฺเฑถ, กุทาลํ คณฺหถ, ปจฺฉึ คณฺหถ, ปวาสํ คมิสฺสาม, ตณฺฑุลปุฏํ คณฺหถ, ภตฺตปุฏํ คณฺหถ, ผลกาวุธาทีนิ สชฺชานิ กโรถา’’ติ เอวรูปา สทฺทา โหนฺติ, น ยิธ เอวํ อโหสีติ ทสฺเสติ.
‘‘ทสเมน สทฺเทนา’’ติ จ วตฺวา ‘‘กุสาวตี, อานนฺท, ราชธานี สตฺตหิ ปากาเรหิ ปริกฺขิตฺตา อโหสี’’ติ สพฺพํ มหาสุทสฺสนสุตฺตํ นิฏฺาเปตฺวา คจฺฉ ตฺวํ อานนฺทาติอาทิมาห. ตตฺถ อภิกฺกมถาติ อภิมุขา กมถ, อาคจฺฉถาติ อตฺโถ. กึ ปน เต ภควโต อาคตภาวํ น ชานนฺตีติ? ชานนฺติ. พุทฺธานํ คตคตฏฺานํ นาม มหนฺตํ โกลาหลํ โหติ, เกนจิเทว กรณีเยน นิสินฺนตฺตา น อาคตา. ‘‘เต อาคนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส านนิสชฺโชกาสํ สํวิทหิตฺวา ทสฺสนฺตี’’ติ เตสํ สนฺติเก อเวลายมฺปิ ภควา เปเสสิ.
มลฺลานํ วนฺทนาวณฺณนา
๒๑๑. อมฺหากฺจ โนติ เอตฺถ โน กาโร นิปาตมตฺตํ. อฆาวิโนติ อุปฺปนฺนทุกฺขา. ทุมฺมนาติ อนตฺตมนา. เจโตทุกฺขสมปฺปิตาติ โทมนสฺสสมปฺปิตา. กุลปริวตฺตโส กุลปริวตฺตโส เปตฺวาติ เอเกกํ ¶ กุลปริวตฺตํ กุลสงฺเขปํ วีถิสภาเคน เจว รจฺฉาสภาเคน จ วิสุํ วิสุํ เปตฺวา.
สุภทฺทปริพฺพาชกวตฺถุวณฺณนา
๒๑๒. สุภทฺโท ¶ นาม ปริพฺพาชโกติ อุทิจฺจพฺราหฺมณมหาสาลกุลา ปพฺพชิโต ฉนฺนปริพฺพาชโก. กงฺขาธมฺโมติ วิมติธมฺโม. กสฺมา ปนสฺส อชฺช เอวํ อโหสีติ? ตถาวิธอุปนิสฺสยตฺตา. ปุพฺเพ กิร ปฺุกรณกาเล ทฺเว ภาตโร อเหสุํ. เต เอกโตว สสฺสํ อกํสุ. ตตฺถ เชฏฺกสฺส – ‘‘เอกสฺมึ สสฺเส นววาเร อคฺคสสฺสทานํ มยา ทาตพฺพ’’นฺติ อโหสิ. โส วปฺปกาเล พีชคฺคํ นาม ทตฺวา คพฺภกาเล กนิฏฺเน สทฺธึ ¶ มนฺเตสิ – ‘‘คพฺภกาเล คพฺภํ ผาเลตฺวา ทสฺสามา’’ติ กนิฏฺโ – ‘‘ตรุณสสฺสํ นาเสตุกาโมสี’’ติ อาห. เชฏฺโ กนิฏฺสฺส อนนุวตฺตนภาวํ ตฺวา เขตฺตํ วิภชิตฺวา อตฺตโน โกฏฺาสโต คพฺภํ ผาเลตฺวา ขีรํ นีหริตฺวา สปฺปินวนีเตน สํโยเชตฺวา อทาสิ, ปุถุกกาเล ปุถุกํ กาเรตฺวา อทาสิ, ลายนกาเล ลายนคฺคํ, เวณิกรเณ เวณคฺคํ, กลาปาทีสุ กลาปคฺคํ, ขลคฺคํ, ขลภณฺฑคฺคํ, โกฏฺคฺคนฺติ เอวํ เอกสสฺเส นววาเร อคฺคทานํ อทาสิ. กนิฏฺโ ปน อุทฺธริตฺวา อทาสิ.
เตสุ เชฏฺโก อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร ชาโต. ภควา – ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ โอโลเกนฺโต ‘‘อฺาสิโกณฺฑฺโ เอกสฺมึ สสฺเส นว อคฺคทานานิ อทาสิ, อิมํ อคฺคธมฺมํ ตสฺส เทเสสฺสามี’’ติ สพฺพปมํ ธมฺมํ เทเสสิ. โส อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. กนิฏฺโ ปน โอหียิตฺวา ปจฺฉา ทานสฺส ทินฺนตฺตา สตฺถุ ปรินิพฺพานกาเล เอวํ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ ทฏฺุกาโม อโหสิ.
มา ตถาคตํ วิเหเสีติ เถโร กิร – ‘‘เอเต อฺติตฺถิยา นาม อตฺตโน คหณเมว คณฺหนฺติ, ตสฺส วิสฺสชฺชาปนตฺถาย ภควโต พหุํ ภาสมานสฺส กายวาจาวิเหสา ภวิสฺสติ, ปกติยาปิ จ กิลนฺโตเยว ภควา’’ติ มฺมาโน เอวมาห. ปริพฺพาชโก – ‘‘น เม อยํ ภิกฺขุ โอกาสํ กโรติ, อตฺถิเกน ปน อนุวตฺติตฺวา กาเรตพฺโพ’’ติ เถรํ อนุวตฺตนฺโต ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ อาห.
๒๑๓. อสฺโสสิ ¶ โขติ สาณิทฺวาเร ิตสฺส ภาสโต ปกติโสเตเนว อสฺโสสิ, สุตฺวา จ ปน สุภทฺทสฺเสว อตฺถาย มหตา อุสฺสาเหน อาคตตฺตา อลํ อานนฺทาติอาทิมาห. ตตฺถ อลนฺติ ปฏิกฺเขปตฺเถ นิปาโต. อฺาเปกฺโขวาติ อฺาตุกาโมว หุตฺวา. อพฺภฺึสูติ ยถา เตสํ ปฏิฺา, ตเถว ชานึสุ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ เนสํ สา ปฏิฺา นิยฺยานิกา, สพฺเพ อพฺภฺํสุ, โน เจ, น อพฺภฺํสุ. ตสฺมา กึ เตสํ ปฏิฺา นิยฺยานิกา, อนิยฺยานิกาติ ¶ อยเมว ¶ ตสฺส ปฺหสฺส อตฺโถ. อถ ภควา เตสํ อนิยฺยานิกภาวกถเนน อตฺถาภาวโต เจว โอกาสาภาวโต จ ‘‘อล’’นฺติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ธมฺมเมว เทเสสิ. ปมยามสฺมิฺหิ มลฺลานํ ธมฺมํ เทเสตฺวา มชฺฌิมยาเม สุภทฺทสฺส, ปจฺฉิมยาเม ภิกฺขุสงฺฆํ โอวทิตฺวา พลวปจฺจูสสมเย ปรินิพฺพายิสฺสามิจฺเจว ภควา อาคโต.
๒๑๔. สมโณปิ ตตฺถ น อุปลพฺภตีติ ปโม โสตาปนฺนสมโณปิ ตตฺถ นตฺถิ, ทุติโย สกทาคามิสมโณปิ, ตติโย อนาคามิสมโณปิ, จตุตฺโถ อรหตฺตสมโณปิ ตตฺถ นตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘อิมสฺมึ โข’’ติ ปุริมเทสนาย อนิยมโต วตฺวา อิทานิ อตฺตโน สาสนํ นิยเมนฺโต อาห. สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภีติ จตุนฺนํ มคฺคานํ อตฺถาย อารทฺธวิปสฺสเกหิ จตูหิ, มคฺคฏฺเหิ จตูหิ, ผลฏฺเหิ จตูหีติ ทฺวาทสหิ สมเณหิ สฺุา ปรปฺปวาทา ตุจฺฉา ริตฺตกา. อิเม จ สุภทฺทาติ อิเม ทฺวาทส ภิกฺขู. สมฺมา วิหเรยฺยุนฺติ เอตฺถ โสตาปนฺโน อตฺตโน อธิคตฏฺานํ อฺสฺส กเถตฺวา ตํ โสตาปนฺนํ กโรนฺโต สมฺมา วิหรติ นาม. เอส นโย สกทาคามิอาทีสุ. โสตาปตฺติมคฺคฏฺโ อฺมฺปิ โสตาปตฺติมคฺคฏฺํ กโรนฺโต สมฺมา วิหรติ นาม. เอส นโย เสสมคฺคฏฺเสุ. โสตาปตฺติมคฺคตฺถาย อารทฺธวิปสฺสโก อตฺตโน ปคุณํ กมฺมฏฺานํ กเถตฺวา อฺมฺปิ โสตาปตฺติมคฺคตฺถาย อารทฺธวิปสฺสกํ กโรนฺโต สมฺมา วิหรติ นาม. เอส นโย เสสมคฺคตฺถาย อารทฺธวิปสฺสเกสุ. อิทํ สนฺธายาห – ‘‘สมฺมา วิหเรยฺยุ’’นฺติ. อสฺุโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสาติ นฬวนํ สรวนํ วิย นิรนฺตโร ¶ อสฺส.
เอกูนตึโส วยสาติ วเยน เอกูนตึสวสฺโส หุตฺวา. ยํ ปพฺพชินฺติ เอตฺถ ยนฺติ นิปาตมตฺตํ. กึ กุสลานุเอสีติ ‘‘กึ กุสล’’นฺติ อนุเอสนฺโต ปริเยสนฺโต. ตตฺถ – ‘‘กึ กุสล’’นฺติ สพฺพฺุตฺาณํ อธิปฺเปตํ, ตํ คเวสนฺโตติ อตฺโถ. ยโต อหนฺติ ยโต ปฏฺาย อหํ ปพฺพชิโต, เอตฺถนฺตเร สมธิกานิ ปฺาส วสฺสานิ โหนฺตีติ ทสฺเสติ. ายสฺส ธมฺมสฺสาติ อริยมคฺคธมฺมสฺส. ปเทสวตฺตีติ ปเทเส วิปสฺสนามคฺเค ปวตฺตนฺโต. อิโต พหิทฺธาติ มม สาสนโต พหิทฺธา. สมโณปิ ¶ นตฺถีติ ปเทสวตฺติวิปสฺสโกปิ นตฺถิ, ปมสมโณ โสตาปนฺโนปิ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ.
เย เอตฺถาติ เย ตุมฺเห เอตฺถ สาสเน สตฺถารา สมฺมุขา อนฺเตวาสิกาภิเสเกน อภิสิตฺตา, เตสํ โว ลาภา เตสํ โว สุลทฺธนฺติ. พาหิรสมเย กิร ยํ อนฺเตวาสิกํ อาจริโย – ‘‘อิมํ ปพฺพาเชหิ ¶ , อิมํ โอวท, อิมํ อนุสาสา’’ติ วทติ, โส เตน อตฺตโน าเน ปิโต โหติ, ตสฺมา ตสฺส – ‘‘อิมํ ปพฺพเชหิ, อิมํ โอวท, อิมํ อนุสาสา’’ติ อิเม ลาภา โหนฺติ. เถรมฺปิ สุภทฺโท ตเมว พาหิรสมยํ คเหตฺวา เอวมาห.
อลตฺถ โขติ กถํ อลตฺถ? เถโร กิร นํ เอกมนฺตํ เนตฺวา อุทกตุมฺพโต ปานีเยน สีสํ เตเมตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ กเถตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาทาเปตฺวา สรณานิ ทตฺวา ภควโต สนฺติกํ อาเนสิ. ภควา อุปสมฺปาเทตฺวา กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส ตํ คเหตฺวา อุยฺยานสฺส เอกมนฺเต จงฺกมํ อธิฏฺาย ฆเฏนฺโต วายมนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา อาคมฺม ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. ตํ สนฺธาย – ‘‘อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
โส จ ภควโต ปจฺฉิโม สกฺขิสาวโก อโหสีติ สงฺคีติการกานํ วจนํ. ตตฺถ โย ภควติ ธรมาเน ปพฺพชิตฺวา อปรภาเค อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อุปสมฺปทมฺปิ วา ธรมาเนเยว ลภิตฺวา อปรภาเค กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, กมฺมฏฺานมฺปิ วา ธรมาเนเยว คเหตฺวา อปรภาเค อรหตฺตเมว ปาปุณาติ, สพฺโพปิ โส ปจฺฉิโม สกฺขิสาวโก. อยํ ปน ธรมาเนเยว ภควติ ¶ ปพฺพชิโต จ อุปสมฺปนฺโน จ กมฺมฏฺานฺจ คเหตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโตติ.
ปฺจมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตถาคตปจฺฉิมวาจาวณฺณนา
๒๑๖. อิทานิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอวาทํ อารภิ, ตํ ทสฺเสตุํ อถ โข ภควาติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เทสิโต ปฺตฺโตติ ธมฺโมปิ เทสิโต เจว ¶ ปฺตฺโต จ, วินโยปิ เทสิโต เจว ปฺตฺโต จ. ปฺตฺโต จ นาม ปิโต ปฏฺปิโตติ อตฺโถ. โส โว มมจฺจเยนาติ โส ธมฺมวินโย ตุมฺหากํ มมจฺจเยน สตฺถา. มยา หิ โว ิเตเนว – ‘‘อิทํ ลหุกํ, อิทํ ครุกํ, อิทํ สเตกิจฺฉํ, อิทํ อเตกิจฺฉํ, อิทํ โลกวชฺชํ, อิทํ ปณฺณตฺติวชฺชํ, อยํ อาปตฺติ ปุคฺคลสฺส สนฺติเก วุฏฺาติ, อยํ อาปตฺติ คณสฺส สนฺติเก วุฏฺาติ, อยํ สงฺฆสฺส สนฺติเก วุฏฺาตี’’ติ ¶ สตฺตาปตฺติกฺขนฺธวเสน โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ สขนฺธกปริวาโร อุภโตวิภงฺโค วินโย นาม เทสิโต, ตํ สกลมฺปิ วินยปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ.
ิเตเนว จ มยา – ‘‘อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปฺจ อินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ เตน เตนากาเรน อิเม ธมฺเม วิภชิตฺวา วิภชิตฺวา สุตฺตนฺตปิฏกํ เทสิตํ, ตํ สกลมฺปิ สุตฺตนฺตปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ. ิเตเนว จ มยา – ‘‘อิเม ปฺจกฺขนฺธา, ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย, จตฺตาริ สจฺจานิ, พาวีสตินฺทฺริยานิ, นว เหตู, จตฺตาโร อาหารา, สตฺต ผสฺสา, สตฺต เวทนา, สตฺต สฺา, สตฺต สฺเจตนา, สตฺต จิตฺตานิ. ตตฺราปิ ‘เอตฺตกา ธมฺมา กามาวจรา, เอตฺตกา รูปาวจรา, เอตฺตกา อรูปาวจรา, เอตฺตกา ปริยาปนฺนา, เอตฺตกา อปริยาปนฺนา, เอตฺตกา โลกิยา, เอตฺตกา โลกุตฺตรา’ติ’’ อิเม ธมฺเม วิภชิตฺวา วิภชิตฺวา จตุวีสติสมนฺตปฏฺานอนนฺตนยมหาปฏฺานปฏิมณฺฑิตํ อภิธมฺมปิฏกํ เทสิตํ, ตํ สกลมฺปิ อภิธมฺมปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ.
อิติ สพฺพมฺเปตํ อภิสมฺโพธิโต ยาว ปรินิพฺพานา ปฺจจตฺตาลีสวสฺสานิ ภาสิตํ ลปิตํ – ‘‘ตีณิ ปิฏกานิ, ปฺจ นิกายา, นวงฺคานิ, จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ เอวํ มหาปเภทํ โหติ. อิติ ¶ อิมานิ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ติฏฺนฺติ, อหํ เอโกว ปรินิพฺพายามิ. อหฺจ โข ปน ทานิ เอกโกว โอวทามิ อนุสาสามิ, มยิ ปรินิพฺพุเต อิมานิ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ตุมฺเห โอวทิสฺสนฺติ อนุสาสิสฺสนฺตีติ เอวํ ภควา พหูนิ การณานิ ทสฺเสนฺโต – ‘‘โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ โอวทิตฺวา ปุน อนาคเต จาริตฺตํ ทสฺเสนฺโต ยถา โข ปนาติอาทิมาห.
ตตฺถ ¶ สมุทาจรนฺตีติ กเถนฺติ โวหรนฺติ. นาเมน วา โคตฺเตน วาติ นวกาติ อวตฺวา ‘‘ติสฺส, นาคา’’ติ เอวํ นาเมน วา, ‘‘กสฺสป, โคตมา’’ติ เอวํ โคตฺเตน วา, ‘‘อาวุโส ติสฺส, อาวุโส กสฺสปา’’ติ เอวํ อาวุโสวาเทน วา สมุทาจริตพฺโพ. ภนฺเตติ วา อายสฺมาติ วาติ ภนฺเต ติสฺส, อายสฺมา ติสฺสาติ เอวํ สมุทาจริตพฺโพ. สมูหนตูติ อากงฺขมาโน สมูหนตุ, ยทิ อิจฺฉติ สมูหเนยฺยาติ อตฺโถ. กสฺมา ปน สมูหนถาติ เอกํเสเนว อวตฺวา วิกปฺปวจเนเนว เปสีติ? มหากสฺสปสฺส พลํ ทิฏฺตฺตา. ปสฺสติ หิ ภควา ¶ – ‘‘สมูหนถาติ วุตฺเตปิ สงฺคีติกาเล กสฺสโป น สมูหนิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา วิกปฺเปเนว เปสิ.
ตตฺถ – ‘‘เอกจฺเจ เถรา เอวมาหํสุ – จตฺตาริ ปาราชิกานิ เปตฺวา อวเสสานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานี’’ติอาทินา นเยน ปฺจสติกสงฺคีติยํ ขุทฺทานุขุทฺทกกถา อาคตาว วินิจฺฉโย เปตฺถ สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺโต. เกจิ ปนาหุ – ‘‘ภนฺเต, นาคเสน, กตมํ ขุทฺทกํ, กตมํ อนุขุทฺทก’’นฺติ มิลินฺเทน รฺา ปุจฺฉิโต. ‘‘ทุกฺกฏํ, มหาราช, ขุทฺทกํ, ทุพฺภาสิตํ อนุขุทฺทก’’นฺติ วุตฺตตฺตา นาคเสนตฺเถโร ขุทฺทานุขุทฺทกํ ชานาติ. มหากสฺสโป ปน ตํ อชานนฺโต –
‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ สนฺตมฺหากํ สิกฺขาปทานิ คิหิคตานิ, คิหิโนปิ ชานนฺติ – ‘‘อิทํ โว สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กปฺปติ, อิทํ โว น กปฺปตี’’ติ. สเจ มยํ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนิสฺสาม, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร – ‘‘ธูมกาลิกํ สมเณน โคตเมน สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ยาว เนสํ สตฺถา อฏฺาสิ, ตาวิเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขึสุ, ยโต อิเมสํ สตฺถา ปรินิพฺพุโต, น ทานิเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขนฺตี’’ติ. ยทิ สงฺฆสฺส ¶ ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อปฺตฺตํ น ปฺเปยฺย, ปฺตฺตํ น สมุจฺฉินฺเทยฺย, ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺเตยฺย. เอสา ตฺตีติ –
กมฺมวาจํ สาเวสีติ. น ตํ เอวํ คเหตพฺพํ. นาคเสนตฺเถโร หิ – ‘‘ปรวาทิโน โอกาโส มา อโหสี’’ติ เอวมาห. มหากสฺสปตฺเถโร ‘‘ขุทฺทานุขุทฺทกาปตฺตึ น สมูหนิสฺสามี’’ติ กมฺมวาจํ สาเวสิ.
พฺรหฺมทณฺฑกถาปิ ¶ สงฺคีติยํ อาคตตฺตาสมนฺตปาสาทิกายํ วินิจฺฉิตา.
กงฺขาติ ทฺเวฬฺหกํ. วิมตีติ วินิจฺฉิตุํ อสมตฺถตา, พุทฺโธ นุ โข, น พุทฺโธ นุ โข, ธมฺโม นุ โข, น ธมฺโม นุ โข, สงฺโฆ นุ โข, น สงฺโฆ นุ โข, มคฺโค นุ โข, น มคฺโค นุ โข, ปฏิปทา นุ โข, น ปฏิปทา นุ โขติ ยสฺส สํสโย อุปฺปชฺเชยฺย, ตํ โว วทามิ ‘‘ปุจฺฉถ ภิกฺขเว’’ติ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ. สตฺถุคารเวนาปิ น ปุจฺเฉยฺยาถาติ มยํ สตฺถุสนฺติเก ปพฺพชิมฺห, จตฺตาโร ปจฺจยาปิ โน สตฺถุ สนฺตกาว, เต มยํ เอตฺตกํ กาลํ กงฺขํ อกตฺวา ¶ น อรหาม อชฺช ปจฺฉิมกาเล กงฺขํ กาตุนฺติ สเจ เอวํ สตฺถริ คารเวน น ปุจฺฉถ. สหายโกปิ ภิกฺขเว สหายกสฺส อาโรเจตูติ ตุมฺหากํ โย ยสฺส ภิกฺขุโน สนฺทิฏฺโ สมฺภตฺโต, โส ตสฺส อาโรเจตุ, อหํ เอตสฺส ภิกฺขุสฺส กเถสฺสามิ, ตสฺส กถํ สุตฺวา สพฺเพ นิกฺกงฺขา ภวิสฺสถาติ ทสฺเสติ.
เอวํ ปสนฺโนติ เอวํ สทฺทหามิ อหนฺติ อตฺโถ. าณเมวาติ นิกฺกงฺขภาวปจฺจกฺขกรณาณํเยว, เอตฺถ ตถาคตสฺส น สทฺธามตฺตนฺติ อตฺโถ. อิเมสฺหิ, อานนฺทาติ อิเมสํ อนฺโตสาณิยํ นิสินฺนานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ. โย ปจฺฉิมโกติ โย คุณวเสน ปจฺฉิมโก. อานนฺทตฺเถรํเยว สนฺธายาห.
๒๑๘. อปฺปมาเทน สมฺปาเทถาติ สติอวิปฺปวาเสน สพฺพกิจฺจานิ สมฺปาเทยฺยาถ. อิติ ภควา ปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโน ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ ทินฺนํ โอวาทํ สพฺพํ เอกสฺมึ อปฺปมาทปเทเยว ปกฺขิปิตฺวา อทาสิ. อยํ ตถาคตสฺส ปจฺฉิมา วาจาติ อิทํ ปน สงฺคีติการกานํ ¶ วจนํ.
ปรินิพฺพุตกถาวณฺณนา
๒๑๙. อิโต ปรํ ยํ ปรินิพฺพานปริกมฺมํ กตฺวา ภควา ปรินิพฺพุโต, ตํ ทสฺเสตุํ อถ โข ภควา ปมํ ฌานนฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปรินิพฺพุโต ภนฺเตติ นิโรธํ สมาปนฺนสฺส ภควโต อสฺสาสปสฺสาสานํ อภาวํ ทิสฺวา ปุจฺฉติ. น อาวุโสติ เถโร กถํ ชานาติ? เถโร กิร สตฺถารา สทฺธึเยว ตํ ตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺโต ยาว เนวสฺานาสฺายตนา วุฏฺานํ, ตาว คนฺตฺวา อิทานิ ภควา ¶ นิโรธํ สมาปนฺโน, อนฺโตนิโรเธ จ กาลงฺกิริยา นาม นตฺถีติ ชานาติ.
อถ โข ภควา สฺาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฏฺหิตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิ…เป… ตติยชฺฌานา วุฏฺหิตฺวา จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชีติ เอตฺถ ภควา จตุวีสติยา าเนสุ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิ, เตรสสุ าเนสุ ทุติยชฺฌานํ, ตถา ตติยชฺฌานํ, ปนฺนรสสุ าเนสุ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิ. กถํ? ทสสุ อสุเภสุ, ทฺวตฺตึสากาเร อฏฺสุ กสิเณสุ, เมตฺตากรุณามุทิตาสุ, อานาปาเน, ปริจฺเฉทากาเสติ อิเมสุ ตาว จตุวีสติยา าเนสุ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิ. เปตฺวา ปน ทฺวตฺตึสาการฺจ ทส อสุภานิ จ เสเสสุ เตรสสุ ทุติยชฺฌานํ ¶ , เตสุเยว จ ตติยชฺฌานํ สมาปชฺชิ. อฏฺสุ ปน กสิเณสุ, อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาเร, อานาปาเน, ปริจฺเฉทากาเส, จตูสุ อรูเปสูติ อิเมสุ ปนฺนรสสุ าเนสุ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิ. อยมฺปิ จ สงฺเขปกถาว. นิพฺพานปุรํ ปวิสนฺโต ปน ภควา ธมฺมสฺสามี สพฺพาปิ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยา สมาปตฺติโย ปวิสิตฺวา วิเทสํ คจฺฉนฺโต าติชนํ อาลิงฺเคตฺวา วิย สพฺพสมาปตฺติสุขํ อนุภวิตฺวา ปวิฏฺโ.
จตุตฺถชฺฌานา วุฏฺหิตฺวา สมนนฺตรา ภควา ปรินิพฺพายีติ เอตฺถ ฌานสมนนฺตรํ, ปจฺจเวกฺขณาสมนนฺตรนฺติ ทฺเว สมนนฺตรานิ. ตตฺถ ฌานา วุฏฺาย ภวงฺคํ โอติณฺณสฺส ตตฺเถว ปรินิพฺพานํ ฌานสมนนฺตรํ นาม. ฌานา วุฏฺหิตฺวา ปุน ฌานงฺคานิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ภวงฺคํ โอติณฺณสฺส ตตฺเถว ปรินิพฺพานํ ปจฺจเวกฺขณาสมนนฺตรํ นาม. อิมานิปิ ทฺเว สมนนฺตราเนว. ภควา ปน ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ฌานา วุฏฺาย ฌานงฺคานิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ภวงฺคจิตฺเตน อพฺยากเตน ทุกฺขสจฺเจน ปรินิพฺพายิ. เย ¶ หิ เกจิ พุทฺธา วา ปจฺเจกพุทฺธา วา อริยสาวกา วา อนฺตมโส กุนฺถกิปิลฺลิกํ อุปาทาย สพฺเพ ภวงฺคจิตฺเตเนว อพฺยากเตน ทุกฺขสจฺเจน กาลงฺกโรนฺตีติ. มหาภูมิจาลาทีนิ วุตฺตนยาเนวาติ.
๒๒๐. ภูตาติ สตฺตา. อปฺปฏิปุคฺคโลติ ปฏิภาคปุคฺคลวิรหิโต. พลปฺปตฺโตติ ทสวิธาณพลํ ปตฺโต.
๒๒๑. อุปฺปาทวยธมฺมิโนติ ¶ อุปฺปาทวยสภาวา. เตสํ วูปสโมติ เตสํ สงฺขารานํ วูปสโม, อสงฺขตํ นิพฺพานเมว สุขนฺติ อตฺโถ.
๒๒๒. นาหุ อสฺสาสปสฺสาโสติ น ชาโต อสฺสาสปสฺสาโส. อเนโชติ ตณฺหาสงฺขาตาย เอชาย อภาเวน อเนโช. สนฺติมารพฺภาติ อนุปาทิเสสํ นิพฺพานํ อารพฺภ ปฏิจฺจ สนฺธาย. ยํ กาลมกรีติ โย กาลํ อกริ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อาวุโส, โย มม สตฺถา พุทฺธมุนิ สนฺตึ คมิสฺสามีติ, สนฺตึ อารพฺภ กาลมกริ, ตสฺส ิตจิตฺตสฺส ตาทิโน อิทานิ อสฺสาสปสฺสาโส น ชาโต, นตฺถิ, นปฺปวตฺตตี’’ติ.
อสลฺลีเนนาติ อลีเนน อสงฺกุฏิเตน สุวิกสิเตเนว จิตฺเตน. เวทนํ อชฺฌวาสยีติ เวทนํ อธิวาเสสิ, น เวทนานุวตฺตี หุตฺวา อิโต จิโต จ สมฺปริวตฺติ. วิโมกฺโขติ เกนจิ ธมฺเมน อนาวรณวิโมกฺโข สพฺพโส อปฺตฺติภาวูปคโม ปชฺโชตนิพฺพานสทิโส ชาโต.
๒๒๓. ตทาสีติ ¶ ‘‘สห ปรินิพฺพานา มหาภูมิจาโล’’ติ เอวํ เหฏฺา วุตฺตํ ภูมิจาลเมว สนฺธายาห. ตฺหิ โลมหํสนฺจ ภึสนกฺจ อาสิ. สพฺพาการวรูเปเตติ สพฺพวรการณูเปเต.
๒๒๔. อวีตราคาติ ปุถุชฺชนา เจว โสตาปนฺนสกทาคามิโน จ. เตสฺหิ โทมนสฺสํ อปฺปหีนํ. ตสฺมา เตปิ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ. อุโภปิ หตฺเถ สีเส เปตฺวา โรทนฺตีติ สพฺพํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๒๒๕. อุชฺฌายนฺตีติ ‘‘อยฺยา อตฺตนาปิ อธิวาเสตุํ น สกฺโกนฺติ, เสสชนํ กถํ สมสฺสาเสสฺสนฺตี’’ติ วทนฺติโย อุชฺฌายนฺติ. กถํภูตา ปน ภนฺเต อายสฺมา อนุรุทฺโธ เทวตา มนสิกโรตีติ เทวตา, ภนฺเต, กถํภูตา อายสฺมา อนุรุทฺโธ สลฺลกฺเขติ, กึ ตา สตฺถุ ปรินิพฺพานํ อธิวาเสนฺตีติ?
อถ ตาสํ ปวตฺติทสฺสนตฺถํ เถโร สนฺตาวุโสติอาทิมาห. ตํ วุตฺตตฺถเมว. รตฺตาวเสสนฺติ ¶ พลวปจฺจูเส ปรินิพฺพุตตฺตา รตฺติยา อวเสสํ ¶ จุลฺลกทฺธานํ. ธมฺมิยา กถายาติ อฺา ปาฏิเยกฺกา ธมฺมกถา นาม นตฺถิ, ‘‘อาวุโส สเทวเก นาม โลเก อปฺปฏิปุคฺคลสฺส สตฺถุโน อยํ มจฺจุราชา น ลชฺชติ, กิมงฺคํ ปน โลกิยมหาชนสฺส ลชฺชิสฺสตี’’ติ เอวรูปาย ปน มรณปฏิสํยุตฺตาย กถาย วีตินาเมสุํ. เตสฺหิ ตํ กถํ กเถนฺตานํ มุหุตฺเตเนว อรุณํ อุคฺคจฺฉิ.
๒๒๖. อถ โขติ อรุณุคฺคํ ทิสฺวาว เถโร เถรํ เอตทโวจ. เตเนว กรณีเยนาติ กีทิเสน นุ โข ปรินิพฺพานฏฺาเน มาลาคนฺธาทิสกฺกาเรน ภวิตพฺพํ, กีทิเสน ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสชฺชฏฺาเนน ภวิตพฺพํ, กีทิเสน ขาทนียโภชนีเยน ภวิตพฺพนฺติ, เอวํ ยํ ภควโต ปรินิพฺพุตภาวํ สุตฺวา กตฺตพฺพํ เตเนว กรณีเยน.
พุทฺธสรีรปูชาวณฺณนา
๒๒๗. สพฺพฺจ ตาฬาวจรนฺติ สพฺพํ ตูริยภณฺฑํ. สนฺนิปาเตถาติ เภรึ จราเปตฺวา สมาหรถ. เต ตเถว อกํสุ. มณฺฑลมาเฬติ ทุสฺสมณฺฑลมาเฬ. ปฏิยาเทนฺตาติ สชฺเชนฺตา.
ทกฺขิเณน ทกฺขิณนฺติ นครสฺส ทกฺขิณทิสาภาเคเนว ทกฺขิณทิสาภาคํ. พาหิเรน พาหิรนฺติ ¶ อนฺโตนครํ อปฺปเวเสตฺวา พาหิเรเนว นครสฺส พาหิรปสฺสํ หริตฺวา. ทกฺขิณโต นครสฺสาติ อนุราธปุรสฺส ทกฺขิณทฺวารสทิเส าเน เปตฺวา สกฺการสมฺมานํ กตฺวา เชตวนสทิเส าเน ฌาเปสฺสามาติ อตฺโถ.
๒๒๘. อฏฺ มลฺลปาโมกฺขาติ มชฺฌิมวยา ถามสมฺปนฺนา อฏฺมลฺลราชาโน. สีสํ นฺหาตาติ สีสํ โธวิตฺวา นหาตา. อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธนฺติ เถโรว ทิพฺพจกฺขุโกติ ปากโฏ, ตสฺมา เต สนฺเตสุปิ อฺเสุ มหาเถเรสุ – ‘‘อยํ โน ปากฏํ กตฺวา กเถสฺสตี’’ติ เถรํ ปุจฺฉึสุ. กถํ ปน, ภนฺเต, เทวตานํ อธิปฺปาโยติ ภนฺเต, อมฺหากํ ตาว อธิปฺปายํ ชานาม. เทวตานํ กถํ อธิปฺปาโยติ ปุจฺฉนฺติ. เถโร ปมํ เตสํ อธิปฺปายํ ทสฺเสนฺโต ตุมฺหากํ โขติอาทิมาห. มกุฏพนฺธนํ นาม มลฺลานํ เจติยนฺติ มลฺลราชูนํ ปสาธนมงฺคลสาลาย เอตํ นามํ. จิตฺตีกตฏฺเน ปเนสา ‘‘เจติย’’นฺติ วุจฺจติ.
๒๒๙. ยาว ¶ ¶ สนฺธิสมลสงฺกฏีราติ เอตฺถ สนฺธิ นาม ฆรสนฺธิ. สมลํ นาม คูถราสินิทฺธมนปนาฬิ. สงฺกฏีรํ นาม สงฺการฏฺานํ. ทิพฺเพหิ จ มานุสเกหิ จ นจฺเจหีติ อุปริ เทวตานํ นจฺจานิ โหนฺติ, เหฏฺา มนุสฺสานํ. เอส นโย คีตาทีสุ. อปิจ เทวตานํ อนฺตเร มนุสฺสา, มนุสฺสานํ อนฺตเร เทวตาติ เอวมฺปิ สกฺกโรนฺตา ปูเชนฺตา อคมํสุ. มชฺเฌน มชฺฌํ นครสฺส หริตฺวาติ เอวํ หริยมาเน ภควโต สรีเร พนฺธุลมลฺลเสนาปติภริยา มลฺลิกา นาม – ‘‘ภควโต สรีรํ อาหรนฺตี’’ติ สุตฺวา อตฺตโน สามิกสฺส กาลํ กิริยโต ปฏฺาย อปริภฺุชิตฺวา ปิตํ วิสาขาย ปสาธนสทิสํ มหาลตาปสาธนํ นีหราเปตฺวา – ‘‘อิมินา สตฺถารํ ปูเชสฺสามี’’ติ ตํ มชฺชาเปตฺวา คนฺโธทเกน โธวิตฺวา ทฺวาเร ิตา.
ตํ กิร ปสาธนํ ตาสฺจ ทฺวินฺนํ อิตฺถีนํ, เทวทานิยโจรสฺส เคเหติ ตีสุเยว าเนสุ อโหสิ. สา จ สตฺถุ สรีเร ทฺวารํ สมฺปตฺเต – ‘‘โอตาเรถ, ตาตา, สตฺถุสรีร’’นฺติ วตฺวา ตํ ปสาธนํ สตฺถุสรีเร ปฏิมฺุจิ. ตํ สีสโต ปฏฺาย ปฏิมุกฺกํ ยาวปาทตลาคตํ. สุวณฺณวณฺณํ ภควโต สรีรํ สตฺตรตนมเยน มหาปสาธเนน ปสาธิตํ อติวิย วิโรจิตฺถ. ตํ สา ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา ปตฺถนํ อกาสิ – ‘‘ภควา ยาว วฏฺเฏ สํสริสฺสามิ, ตาว เม ปาฏิเยกฺกํ ปสาธนกิจฺจํ มา โหตุ, นิจฺจํ ปฏิมุกฺกปสาธนสทิสเมว สรีรํ โหตู’’ติ.
อถ ภควนฺตํ สตฺตรตนมเยน มหาปสาธเนน อุกฺขิปิตฺวา ปุรตฺถิเมน ทฺวาเรน นีหริตฺวา ปุรตฺถิเมน นครสฺส มกุฏพนฺธนํ มลฺลานํ เจติยํ, เอตฺถ ภควโต สรีรํ นิกฺขิปึสุ.
มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุวณฺณนา
๒๓๑. ปาวาย ¶ กุสินารนฺติ ปาวานคเร ปิณฺฑาย จริตฺวา ‘‘กุสินารํ คมิสฺสามี’’ติ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน โหติ. รุกฺขมูเล นิสีทีติ เอตฺถ กสฺมา ทิวาวิหารนฺติ น วุตฺตํ? ทิวาวิหารตฺถาย อนิสินฺนตฺตา. เถรสฺส หิ ปริวารา ภิกฺขู สพฺเพ สุขสํวทฺธิตา มหาปฺุา. เต มชฺฌนฺหิกสมเย ตตฺตปาสาณสทิสาย ภูมิยา ปทสา คจฺฉนฺตา กิลมึสุ. เถโร เต ทิสฺวา – ‘‘ภิกฺขู กิลมนฺติ, คนฺตพฺพฏฺานฺจ น ทูรํ, โถกํ วิสฺสมิตฺวา ทรถํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา สายนฺหสมเย กุสินารํ คนฺตฺวา ทสพลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ มคฺคา ¶ โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ¶ สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา อุทกตุมฺพโต อุทเกน หตฺถปาเท สีตเล กตฺวา นิสีทิ. ปริวารภิกฺขูปิสฺส รุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา โยนิโส มนสิกาเร กมฺมํ กุรุมานา ติณฺณํ รตนานํ วณฺณํ ภณมานา นิสีทึสุ. อิติ ทรถวิโนทนตฺถาย นิสินฺนตฺตา ‘‘ทิวาวิหาร’’นฺติ น วุตฺตํ.
มนฺทารวปุปฺผํ คเหตฺวาติ มหาปาติปฺปมาณํ ปุปฺผํ อาคนฺตุกทณฺฑเก เปตฺวา ฉตฺตํ วิย คเหตฺวา. อทฺทส โขติ อาคจฺฉนฺตํ ทูรโต อทฺทส. ทิสฺวา จ ปน จินฺเตสิ –
‘‘เอตํ อาชีวกสฺส หตฺเถ มนฺทารวปุปฺผํ ปฺายติ, เอตฺจ น สพฺพทา มนุสฺสปเถ ปฺายติ, ยทา ปน โกจิ อิทฺธิมา อิทฺธึ วิกุพฺพติ, ตทา สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺส จ มาตุกุจฺฉิโอกฺกมนาทีสุ โหติ. น โข ปน อชฺช เกนจิ อิทฺธิวิกุพฺพนํ กตํ, น เม สตฺถา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกนฺโต, น กุจฺฉิโต นิกฺขมนฺโต, นาปิสฺส อชฺช อภิสมฺโพธิ, น ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ, น ยมกปาฏิหาริยํ, น เทโวโรหณํ, น อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนํ. มหลฺลโก ปน เม สตฺถา ธุวํ ปรินิพฺพุโต ภวิสฺสตี’’ติ.
ตโต – ‘‘ปุจฺฉามิ น’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา – ‘‘สเจ โข ปน นิสินฺนโกว ปุจฺฉามิ, สตฺถริ อคารโว กโต ภวิสฺสตี’’ติ อุฏฺหิตฺวา ิตฏฺานโต อปกฺกมฺม ฉทฺทนฺโต นาคราชา มณิจมฺมํ วิย ทสพลทตฺติยํ เมฆวณฺณํ ปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ สิรสฺมึ ปติฏฺเปตฺวา สตฺถริ กเตน คารเวน อาชีวกสฺส อภิมุโข หุตฺวา – ‘‘อาวุโส, อมฺหากํ สตฺถารํ ชานาสี’’ติ อาห. กึ ปน สตฺถุ ปรินิพฺพานํ ชานนฺโต ปุจฺฉิ อชานนฺโตติ? อาวชฺชนปฏิพทฺธํ ขีณาสวานํ ชานนํ, อนาวชฺชิตตฺตา ปเนส อชานนฺโต ปุจฺฉีติ ¶ เอเก. เถโร สมาปตฺติพหุโล, รตฺติฏฺานทิวาฏฺานเลณมณฺฑปาทีสุ นิจฺจํ สมาปตฺติพเลเนว ยาเปติ, กุลสนฺตกมฺปิ คามํ ปวิสิตฺวา ทฺวาเร สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺิโตว ภิกฺขํ คณฺหาติ. เถโร กิร อิมินา ปจฺฉิเมน อตฺตภาเวน มหาชนานุคฺคหํ กริสฺสามิ – ‘‘เย มยฺหํ ภิกฺขํ วา เทนฺติ คนฺธมาลาทีหิ วา สกฺการํ กโรนฺติ, เตสํ ตํ มหปฺผลํ โหตู’’ติ เอวํ ¶ กโรติ. ตสฺมา สมาปตฺติพหุลตาย น ชานาติ. อิติ อชานนฺโตว ปุจฺฉตีติ วทนฺติ, ตํ ¶ น คเหตพฺพํ.
น เหตฺถ อชานนการณํ อตฺถิ. อภิลกฺขิตํ สตฺถุ ปรินิพฺพานํ อโหสิ, ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนาทีหิ นิมิตฺเตหิ. เถรสฺส ปน ปริสาย เกหิจิ ภิกฺขูหิ ภควา ทิฏฺปุพฺโพ, เกหิจิ น ทิฏฺปุพฺโพ, ตตฺถ เยหิปิ ทิฏฺปุพฺโพ, เตปิ ปสฺสิตุกามาว, เยหิปิ อทิฏฺปุพฺโพ, เตปิ ปสฺสิตุกามาว. ตตฺถ เยหิ น ทิฏฺปุพฺโพ, เต อติทสฺสนกามตาย คนฺตฺวา ‘‘กุหึ ภควา’’ติ ปุจฺฉนฺตา ‘‘ปรินิพฺพุโต’’ติ สุตฺวา สนฺธาเรตุํ นาสกฺขิสฺสนฺติ. จีวรฺจ ปตฺตฺจ ฉฑฺเฑตฺวา เอกวตฺถา วา ทุนฺนิวตฺถา วา ทุปฺปารุตา วา อุรานิ ปฏิปิสนฺตา ปโรทิสฺสนฺติ. ตตฺถ มนุสฺสา – ‘‘มหากสฺสปตฺเถเรน สทฺธึ อาคตา ปํสุกูลิกา สยมฺปิ อิตฺถิโย วิย ปโรทนฺติ, เต กึ อมฺเห สมสฺสาเสสฺสนฺตี’’ติ มยฺหํ โทสํ ทสฺสนฺติ. อิทํ ปน สฺุํ มหาอรฺํ, อิธ ยถา ตถา โรทนฺเตสุ โทโส นตฺถิ. ปุริมตรํ สุตฺวา นาม โสโกปิ ตนุโก โหตีติ ภิกฺขูนํ สตุปฺปาทนตฺถาย ชานนฺโตว ปุจฺฉิ.
อชฺช สตฺตาหปรินิพฺพุโต สมโณ โคตโมติ อชฺช สมโณ โคตโม สตฺตาหปรินิพฺพุโต. ตโต เม อิทนฺติ ตโต สมณสฺส โคตมสฺส ปรินิพฺพุตฏฺานโต.
๒๓๒. สุภทฺโท นาม วุฑฺฒปพฺพชิโตติ ‘‘สุภทฺโท’’ติ ตสฺส นามํ. วุฑฺฒกาเล ปน ปพฺพชิตตฺตา ‘‘วุฑฺฒปพฺพชิโต’’ติ วุจฺจติ. กสฺมา ปน โส เอวมาห? ภควติ อาฆาเตน. อยํ กิเรโส ขนฺธเก อาคเต อาตุมาวตฺถุสฺมึ นหาปิตปุพฺพโก วุฑฺฒปพฺพชิโต ภควติ กุสินารโต นิกฺขมิตฺวา อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ อาตุมํ อาคจฺฉนฺเต ภควา อาคจฺฉตีติ สุตฺวา – ‘‘อาคตกาเล ยาคุปานํ กริสฺสามี’’ติ สามเณรภูมิยํ ิเต ทฺเว ปุตฺเต เอตทโวจ – ‘‘ภควา กิร, ตาตา, อาตุมํ อาคจฺฉติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ; คจฺฉถ ตุมฺเห, ตาตา, ขุรภณฺฑํ อาทาย นาฬิยาวาปเกน อนุฆรกํ อนุฆรกํ อาหิณฺฑถ โลณมฺปิ เตลมฺปิ ตณฺฑุลมฺปิ ขาทนียมฺปิ ¶ สํหรถ ¶ ภควโต อาคตสฺส ยาคุปานํ กริสฺสามา’’ติ (มหาว. ๓๐๓). เต ตถา อกํสุ.
มนุสฺสา ¶ เต ทารเก มฺชุเก ปฏิภาเนยฺยเก ทิสฺวา กาเรตุกามาปิ อกาเรตุกามาปิ กาเรนฺติเยว. กตกาเล – ‘‘กึ คณฺหิสฺสถ ตาตา’’ติ ปุจฺฉนฺติ. เต วทนฺติ – ‘‘น อมฺหากํ อฺเน เกนจิ อตฺโถ, ปิตา ปน โน ภควโต, อาคตกาเล ยาคุทานํ ทาตุกาโม’’ติ. ตํ สุตฺวา มนุสฺสา อปริคเณตฺวาว ยํ เต สกฺโกนฺติ อาหริตุํ, สพฺพํ เทนฺติ. ยมฺปิ น สกฺโกนฺติ, มนุสฺเสหิ เปเสนฺติ. อถ ภควติ อาตุมํ อาคนฺตฺวา ภุสาคารํ ปวิฏฺเ สุภทฺโท สายนฺหสมยํ คามทฺวารํ คนฺตฺวา มนุสฺเส อามนฺเตสิ – ‘‘อุปาสกา, นาหํ ตุมฺหากํ สนฺติกา อฺํ กิฺจิ ปจฺจาสีสามิ, มยฺหํ ทารเกหิ อาภตานิ ตณฺฑุลาทีนิเยว สงฺฆสฺส ปโหนฺติ. ยํ หตฺถกมฺมํ, ตํ เม เทถา’’ติ. ‘‘อิทฺจิทฺจ คณฺหถา’’ติ สพฺพูปกรณานิ คาเหตฺวา วิหาเร อุทฺธนานิ กาเรตฺวา เอกํ กาฬกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา ตาทิสเมว ปารุปิตฺวา – ‘‘อิทํ กโรถ, อิทํ กโรถา’’ติ สพฺพรตฺตึ วิจาเรนฺโต สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา โภชฺชยาคฺุจ มธุโคฬกฺจ ปฏิยาทาเปสิ. โภชฺชยาคุ นาม ภฺุชิตฺวา ปาตพฺพยาคุ, ตตฺถ สปฺปิมธุผาณิตมจฺฉมํสปุปฺผผลรสาทิ ยํ กิฺจิ ขาทนียํ นาม สพฺพํ ปกฺขิปติ กีฬิตุกามานํ สีสมกฺขนโยคฺคา โหติ สุคนฺธคนฺธา.
อถ ภควา กาลสฺเสว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปิณฺฑาย จริตุํ อาตุมนคราภิมุโข ปายาสิ. มนุสฺสา ตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘ภควา ปิณฺฑาย คามํ ปวิสติ, ตยา กสฺส ยาคุ ปฏิยาทิตา’’ติ. โส ยถานิวตฺถปารุเตเหว เตหิ กาฬกกาสาเวหิ เอเกน หตฺเถน ทพฺพิฺจ กฏจฺฉฺุจ คเหตฺวา พฺรหฺมา วิย ทกฺขิณชาณุมณฺฑลํ ภูมิยํ ปติฏฺเปตฺวา วนฺทิตฺวา – ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ เม, ภนฺเต, ภควา ยาคุ’’นฺติ อาห.
ตโต ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺตี’’ติ ขนฺธเก อาคตนเยน ภควา ปุจฺฉิตฺวา จ สุตฺวา จ ตํ วุฑฺฒปพฺพชิตํ วิครหิตฺวา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ อกปฺปิยสมาทานสิกฺขาปทฺจ, ขุรภณฺฑปริหรณสิกฺขาปทฺจาติ ทฺเว สิกฺขาปทานิ ¶ ปฺเปตฺวา – ‘‘ภิกฺขเว, อเนกกปฺปโกฏิโย โภชนํ ปริเยสนฺเตเหว ¶ วีตินามิตา, อิทํ ปน ตุมฺหากํ อกปฺปิยํ อธมฺเมน อุปฺปนฺนํ โภชนํ, อิมํ ปริภุตฺตานํ อเนกานิ อตฺตภาวสหสฺสานิ อปาเยสฺเวว นิพฺพตฺติสฺสนฺติ, อเปถ มา คณฺหถา’’ติ ภิกฺขาจาราภิมุโข อคมาสิ. เอกภิกฺขุนาปิ น กิฺจิ คหิตํ.
สุภทฺโท อนตฺตมโน หุตฺวา อยํ ‘‘สพฺพํ ชานามี’’ติ อาหิณฺฑติ. สเจ น คหิตุกาโม, เปเสตฺวา อาโรเจตพฺพํ. อยํ ปกฺกาหาโร นาม สพฺพจิรํ ติฏฺนฺโต สตฺตาหมตฺตํ ติฏฺเยฺย. อิทฺหิ มม ยาวชีวํ ปริยตฺตํ อสฺส. สพฺพํ เตน นาสิตํ, อหิตกาโม อยํ มยฺหนฺติ ¶ ภควติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ทสพเล ธรนฺเต กิฺจิ วตฺตุํ นาสกฺขิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อยํ อุจฺจา กุลา ปพฺพชิโต มหาปุริโส, สเจ กิฺจิ วกฺขามิ, มํเยว สนฺตชฺเชสฺสตี’’ติ. สฺวายํ อชฺช ‘‘ปรินิพฺพุโต ภควา’’ติ สุตฺวา ลทฺธสฺสาโส วิย หฏฺตุฏฺโ เอวมาห.
เถโร ตํ สุตฺวา หทเย ปหารทานํ วิย มตฺถเก ปติตสุกฺขาสนิ วิย มฺิ, ธมฺมสํเวโค จสฺส อุปฺปชฺชิ – ‘‘สตฺตาหมตฺตปรินิพฺพุโต ภควา, อชฺชาปิสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ธรติเยว, ทุกฺเขน ภควตา อาราธิตสาสเน นาม เอวํ ลหุ มหนฺตํ ปาปกสฏํ กณฺฏโก อุปฺปนฺโน, อลํ โข ปเนส ปาโป วฑฺฒมาโน อฺเปิ เอวรูเป สหาเย ลภิตฺวา สกฺกา สาสนํ โอสกฺกาเปตุ’’นฺติ. ตโต เถโร จินฺเตสิ –
‘‘สเจ โข ปนาหํ อิมํ มหลฺลกํ อิเธว ปิโลติกํ นิวาสาเปตฺวา ฉาริกาย โอกิราเปตฺวา นีหราเปสฺสามิ, มนุสฺสา ‘สมณสฺส โคตมสฺส สรีเร ธรมาเนเยว สาวกา วิวทนฺตี’ติ อมฺหากํ โทสํ ทสฺเสสฺสนฺติ อธิวาเสมิ ตาว.
ภควตา หิ เทสิโต ธมฺโม อสงฺคหิตปุปฺผราสิสทิโส. ตตฺถ ยถา วาเตน ปหฏปุปฺผานิ ยโต วา ตโต วา คจฺฉนฺติ, เอวเมว เอวรูปานํ ปาปปุคฺคลานํ วเสน คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล วินเย เอกํ ทฺเว สิกฺขาปทานิ นสฺสิสฺสนฺติ, สุตฺเต เอโก ทฺเว ปฺหาวารา นสฺสิสฺสนฺติ, อภิธมฺเม เอกํ ทฺเว ภูมนฺตรานิ นสฺสิสฺสนฺติ, เอวํ อนุกฺกเมน มูเล นฏฺเ ปิสาจสทิสา ภวิสฺสาม; ตสฺมา ธมฺมวินยสงฺคหํ กริสฺสาม. เอวฺหิ สติ ทฬฺหํ ¶ สุตฺเตน สงฺคหิตานิ ปุปฺผานิ วิย อยํ ธมฺมวินโย นิจฺจโล ภวิสฺสติ.
เอตทตฺถฺหิ ภควา ¶ มยฺหํ ตีณิ คาวุตานิ ปจฺจุคฺคมนํ อกาสิ, ตีหิ โอวาเทหิ อุปสมฺปทํ อทาสิ, กายโต อปเนตฺวา กาเย จีวรปริวตฺตนํ อกาสิ, อากาเส ปาณึ จาเลตฺวา จนฺทูปมํ ปฏิปทํ กเถนฺโต มํ กายสกฺขึ กตฺวา กเถสิ, ติกฺขตฺตุํ สกลสาสนทายชฺชํ ปฏิจฺฉาเปสิ. มาทิเส ภิกฺขุมฺหิ ติฏฺมาเน อยํ ปาโป สาสเน วุฑฺฒึ มา อลตฺถ. ยาว อธมฺโม น ทิปฺปติ, ธมฺโม น ปฏิพาหิยติ. อวินโย น ทิปฺปติ วินโย น ปฏิพาหิยติ. อธมฺมวาทิโน น พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน น ทุพฺพลา โหนฺติ; อวินยวาทิโน น พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน น ทุพฺพลา โหนฺติ. ตาว ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิสฺสามิ. ตโต ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปโหนกํ คเหตฺวา กปฺปิยากปฺปิยํ ¶ กเถสฺสนฺติ. อถายํ ปาโป สยเมว นิคฺคหํ ปาปุณิสฺสติ, ปุน สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺขิสฺสติ, สาสนํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ ภวิสฺสตี’’ติ.
โส เอวํ นาม มยฺหํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนนฺติ กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สมสฺสาเสสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป…เป… เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ.
๒๓๓. จิตกนฺติ วีสรตนสติกํ จนฺทนจิตกํ. อาฬิมฺเปสฺสามาติ อคฺคึ คาหาเปสฺสาม. น สกฺโกนฺติ อาฬิมฺเปตุนฺติ อฏฺปิ โสฬสปิ ทฺวตฺตึสปิ ชนา ชาลนตฺถาย ยมกยมกอุกฺกาโย คเหตฺวา ตาลวณฺเฏหิ พีชนฺตา ภสฺตาหิ ธมนฺตา ตานิ ตานิ การณานิ กโรนฺตาปิ น สกฺโกนฺติเยว อคฺคึ คาหาเปตุํ. เทวตานํ อธิปฺปาโยติ เอตฺถ ตา กิร เทวตา เถรสฺส อุปฏฺากเทวตาว. อสีติมหาสาวเกสุ หิ จิตฺตานิ ปสาเทตฺวา เตสํ อุปฏฺากานิ อสีติกุลสหสฺสานิ สคฺเค นิพฺพตฺตานิ. ตตฺถ เถเร จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตา เทวตา ตสฺมึ สมาคเม เถรํ อทิสฺวา – ‘‘กุหึ นุ โข อมฺหากํ กุลูปกตฺเถโร’’ติ อนฺตรามคฺเค ปฏิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ กุลูปกตฺเถเรน อวนฺทิเต จิตโก มา ปชฺชลิตฺถา’’ติ อธิฏฺหึสุ.
มนุสฺสา ¶ ตํ สุตฺวา – ‘‘มหากสฺสโป กิร นาม โภ ภิกฺขุ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ‘ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิสฺสามี’ติ อาคจฺฉติ. ตสฺมึ กิร อนาคเต จิตโก น ปชฺชลิสฺสติ. กีทิโส โภ โส ภิกฺขุ กาโฬ โอทาโต ทีโฆ รสฺโส, เอวรูเป นาม โภ ภิกฺขุมฺหิ ิเต กึ ทสพลสฺส ปรินิพฺพานํ นามา’’ติ เกจิ ¶ คนฺธมาลาทิหตฺถา ปฏิปถํ คจฺฉึสุ. เกจิ วีถิโย วิจิตฺตา กตฺวา อาคมนมคฺคํ โอโลกยมานา อฏฺํสุ.
๒๓๔. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป เยน กุสินารา…เป… สิรสา วนฺทีติ เถโร กิร จิตกํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อาวชฺชนฺโตว สลฺลกฺเขสิ – ‘‘อิมสฺมึ าเน สีสํ, อิมสฺมึ าเน ปาทา’’ติ. ตโต ปาทานํ สมีเป ตฺวา อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย – ‘‘อราสหสฺสปฏิมณฺฑิตจกฺกลกฺขณปติฏฺิตา ทสพลสฺส ปาทา สทฺธึ กปฺปาสปฏเลหิ ปฺจ ทุสฺสยุคสตานิ สุวณฺณโทณึ จนฺทนจิตกฺจ ทฺเวธา กตฺวา มยฺหํ อุตฺตมงฺเค สิรสฺมึ ปติฏฺหนฺตู’’ติ อธิฏฺาสิ. สห อธิฏฺานจิตฺเตน ตานิ ปฺจ ทุสฺสยุคสตานิ ทฺเวธา กตฺวา วลาหกนฺตรา ปุณฺณจนฺโท วิย ปาทา นิกฺขมึสุ. เถโร วิกสิตรตฺตปทุมสทิเส หตฺเถ ปสาเรตฺวา สุวณฺณวณฺเณ สตฺถุปาเท ยาว โคปฺผกา ทฬฺหํ คเหตฺวา อตฺตโน สิรวเร ปติฏฺเปสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ภควโต ปาเท สิรสา วนฺที’’ติ.
มหาชโน ¶ ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา เอกปฺปหาเรเนว มหานาทํ นทิ, คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา ยถารุจิ วนฺทิ. เอวํ ปน เถเรน จ มหาชเนน จ เตหิ จ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ วนฺทิตมตฺเต ปุน อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถิ. ปกติอธิฏฺานวเสเนว เถรสฺส หตฺถโต มุจฺจิตฺวา อลตฺตกวณฺณานิ ภควโต ปาทตลานิ จนฺทนทารุอาทีสุ กิฺจิ อจาเลตฺวาว ยถาาเน ปติฏฺหึสุ, ยถาาเน ิตาเนว อเหสุํ. ภควโต หิ ปาเทสุ นิกฺขมนฺเตสุ วา ปวิสนฺเตสุ วา กปฺปาสอํสุ วา ทสิกตนฺตํ วา เตลพินฺทุ วา ทารุกฺขนฺธํ วา านา จลิตํ นาม นาโหสิ. สพฺพํ ยถาาเน ิตเมว อโหสิ. อุฏฺหิตฺวา ปน อตฺถงฺคเต จนฺเท วิย สูริเย วิย จ ตถาคตสฺส ปาเทสุ อนฺตรหิเตสุ มหาชโน มหากนฺทิตํ กนฺทิ. ปรินิพฺพานกาลโต อธิกตรํ การฺุํ อโหสิ.
สยเมว ¶ ภควโต จิตโก ปชฺชลีติ อิทํ ปน กสฺสจิ ปชฺชลาเปตุํ วายมนฺตสฺส อทสฺสนวเสน วุตฺตํ. เทวตานุภาเวน ปเนส สมนฺตโต เอกปฺปหาเรเนว ปชฺชลิ.
๒๓๕. สรีราเนว อวสิสฺสึสูติ ปุพฺเพ เอกคฺฆเนน ิตตฺตา สรีรํ นาม อโหสิ. อิทานิ วิปฺปกิณฺณตฺตา สรีรานีติ วุตฺตํ สุมนมกุฬสทิสา ¶ จ โธตมุตฺตสทิสา จ สุวณฺณสทิสา จ ธาตุโย อวสิสฺสึสูติ อตฺโถ. ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ สรีรํ สุวณฺณกฺขนฺธสทิสํ เอกเมว โหติ. ภควา ปน – ‘‘อหํ น จิรํ ตฺวา ปรินิพฺพายามิ, มยฺหํ สาสนํ ตาว สพฺพตฺถ น วิตฺถาริตํ, ตสฺมา ปรินิพฺพุตสฺสาปิ เม สาสปมตฺตมฺปิ ธาตุํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺาเน เจติยํ กตฺวา ปริจรนฺโต มหาชโน สคฺคปรายโณ โหตู’’ติ ธาตูนํ วิกิรณํ อธิฏฺาสิ. กติ, ปนสฺส ธาตุโย วิปฺปกิณฺณา, กติ น วิปฺปกิณฺณาติ. จตสฺโส ทาา, ทฺเว อกฺขกา, อุณฺหีสนฺติ อิมา สตฺต ธาตุโย น วิปฺปกิรึสุ, เสสา วิปฺปกิรึสูติ. ตตฺถ สพฺพขุทฺทกา ธาตุ สาสปพีชมตฺตา อโหสิ, มหาธาตุ มชฺเฌ ภินฺนตณฺฑุลมตฺตา, อติมหตี มชฺเฌ ภินฺนมุคฺคมตฺตาติ.
อุทกธาราติ อคฺคพาหุมตฺตาปิ ชงฺฆมตฺตาปิ ตาลกฺขนฺธมตฺตาปิ อุทกธารา อากาสโต ปติตฺวา นิพฺพาเปสิ. อุทกสาลโตติ ปริวาเรตฺวา ิตสาลรุกฺเข สนฺธาเยตํ วุตฺตํ, เตสมฺปิ หิ ขนฺธนฺตรวิฏปนฺตเรหิ อุทกธารา นิกฺขมิตฺวา นิพฺพาเปสุํ. ภควโต จิตโก มหนฺโต. สมนฺตา ปถวึ ภินฺทิตฺวาปิ นงฺคลสีสมตฺตา อุทกวฏฺฏิ ผลิกวฏํสกสทิสา อุคฺคนฺตฺวา จิตกเมว คณฺหนฺติ. คนฺโธทเกนาติ สุวณฺณฆเฏ รชตฆเฏ จ ปูเรตฺวา อาภตนานาคนฺโธทเกน. นิพฺพาเปสุนฺติ สุวณฺณมยรชตมเยหิ อฏฺทณฺฑเกหิ วิกิริตฺวา จนฺทนจิตกํ นิพฺพาเปสุํ.
เอตฺถ ¶ จ จิตเก ฌายมาเน ปริวาเรตฺวา ิตสาลรุกฺขานํ สาขนฺตเรหิ วิฏปนฺตเรหิ ปตฺตนฺตเรหิ ชาลา อุคฺคจฺฉนฺติ, ปตฺตํ วา สาขา วา ปุปฺผํ วา ทฑฺฒา นาม นตฺถิ, กิปิลฺลิกาปิ มกฺกฏกาปิ ชาลานํ อนฺตเรเนว วิจรนฺติ ¶ . อากาสโต ปติตอุทกธาราสุปิ สาลรุกฺเขหิ นิกฺขนฺตอุทกธาราสุปิ ปถวึ ภินฺทิตฺวา นิกฺขนฺตอุทกธาราสุปิ ธมฺมกถาว ปมาณํ. เอวํ จิตกํ นิพฺพาเปตฺวา ปน มลฺลราชาโน สนฺถาคาเร จตุชฺชาติยคนฺธปริภณฺฑํ กาเรตฺวา ลาชปฺจมานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา อุปริ เจลวิตานํ พนฺธิตฺวา สุวณฺณตารกาทีหิ ขจิตฺวา ตตฺถ คนฺธทามมาลาทามรตนทามานิ โอลมฺเพตฺวา ¶ สนฺถาคารโต ยาว มกุฏพนฺธนสงฺขาตา สีสปสาธนมงฺคลสาลา, ตาว อุโภหิ ปสฺเสหิ สาณิกิลฺชปริกฺเขปํ กาเรตฺวา อุปริ เจลวิตานํ พนฺธาเปตฺวา สุวณฺณตารกาทีหิ ขจิตฺวา ตตฺถปิ คนฺธทามมาลาทามรตนทามานิ โอลมฺเพตฺวา มณิทณฺฑวณฺเณหิ เวณูหิ จ ปฺจวณฺณทฺธเช อุสฺสาเปตฺวา สมนฺตา วาตปฏากา ปริกฺขิปิตฺวา สุสมฺมฏฺาสุ วีถีสุ กทลิโย จ ปุณฺณฆเฏ จ เปตฺวา ทณฺฑกทีปิกา ชาเลตฺวา อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺเธ สห ธาตูหิ สุวณฺณโทณึ เปตฺวา มาลาคนฺธาทีหิ ปูเชนฺตา สาธุกีฬิตํ กีฬนฺตา อนฺโตนครํ ปเวเสตฺวา สนฺถาคาเร สรภมยปลฺลงฺเก เปตฺวา อุปริ เสตจฺฉตฺตํ ธาเรสุํ. เอวํ กตฺวา – ‘‘อถ โข โกสินารกา มลฺลา ภควโต สรีรานิ สตฺตาหํ สนฺถาคาเร สตฺติปฺชรํ กริตฺวา’’ติ สพฺพํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ สตฺติปฺชรํ กริตฺวาติ สตฺติหตฺเถหิ ปุริเสหิ ปริกฺขิปาเปตฺวา. ธนุปาการนฺติ ปมํ ตาว หตฺถิกุมฺเภน กุมฺภํ ปหรนฺเต ปริกฺขิปาเปสุํ, ตโต อสฺเส คีวาย คีวํ ปหรนฺเต, ตโต รเถ อาณิโกฏิยา อาณิโกฏึ ปหรนฺเต, ตโต โยเธ พาหุนา พาหุํ ปหรนฺเต. เตสํ ปริยนฺเต โกฏิยา โกฏึ ปหรมานานิ ธนูนิ ปริกฺขิปาเปสุํ. อิติ สมนฺตา โยชนปฺปมาณํ านํ สตฺตาหํ สนฺนาหควจฺฉิกํ วิย กตฺวา อารกฺขํ สํวิทหึสุ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ธนุปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา’’ติ.
กสฺมา ปเนเต เอวมกํสูติ? อิโต ปุริเมสุ หิ ทฺวีสุ สตฺตาเหสุ เต ภิกฺขุสงฺฆสฺส านนิสชฺโชกาสํ กโรนฺตา ขาทนียํ โภชนียํ สํวิทหนฺตา สาธุกีฬิกาย โอกาสํ น ลภึสุ. ตโต เนสํ อโหสิ – ‘‘อิมํ สตฺตาหํ สาธุกีฬิตํ กีฬิสฺสาม, านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ อมฺหากํ ปมตฺตภาวํ ตฺวา โกจิเทว อาคนฺตฺวา ธาตุโย คณฺเหยฺย, ตสฺมา อารกฺขํ เปตฺวา กีฬิสฺสามา’’ติ. เต ตถา เอวมกํสุ.
สรีรธาตุวิภชนวณฺณนา
๒๓๖. อสฺโสสิ ¶ ¶ โข ราชาติ กถํ อสฺโสสิ? ปมเมว กิรสฺส อมจฺจา สุตฺวา จินฺตยึสุ – ‘‘สตฺถา นาม ปรินิพฺพุโต, น โส สกฺกา ปุน อาหริตุํ. โปถุชฺชนิกสทฺธาย ปน อมฺหากํ รฺา สทิโส นตฺถิ, สเจ เอส อิมินาว นิยาเมน สุณิสฺสติ, หทยมสฺส ผลิสฺสติ. ราชา โข ปน อมฺเหหิ อนุรกฺขิตพฺโพ’’ติ เต ติสฺโส สุวณฺณโทณิโย อาหริตฺวา จตุมธุรสฺส ปูเรตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘เทว ¶ , อมฺเหหิ สุปินโก ทิฏฺโ, ตสฺส ปฏิฆาตตฺถํ ตุมฺเหหิ ทุกูลทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา ยถา นาสาปุฏมตฺตํ ปฺายติ, เอวํ จตุมธุรโทณิยา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ราชา อตฺถจรานํ อมจฺจานํ วจนํ สุตฺวา ‘‘เอวํ โหตุ ตาตา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา อกาสิ.
อเถโก อมจฺโจ อลงฺการํ โอมฺุจิตฺวา เกเส ปกิริย ยาย ทิสาย สตฺถา ปรินิพฺพุโต, ตทภิมุโข หุตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ราชานํ อาห – ‘‘เทว, มรณโต มุจฺจนกสตฺโต นาม นตฺถิ, อมฺหากํ อายุวฑฺฒโน เจติยฏฺานํ ปฺุกฺเขตฺตํ อภิเสกสิฺจโก โส ภควา สตฺถา กุสินาราย ปรินิพฺพุโต’’ติ. ราชา สุตฺวาว วิสฺีชาโต จตุมธุรโทณิยํ อุสุมํ มฺุจิ. อถ นํ อุกฺขิปิตฺวา ทุติยาย โทณิยา นิปชฺชาเปสุํ. โส ปุน สฺํ ลภิตฺวา – ‘‘ตาตา, กึ วเทถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สตฺถา, มหาราช, ปรินิพฺพุโต’’ติ. ราชา ปุนปิ วิสฺีชาโต จตุมธุรโทณิยา อุสุมํ มฺุจิ. อถ นํ ตโตปิ อุกฺขิปิตฺวา ตติยาย โทณิยา นิปชฺชาเปสุํ. โส ปุน สฺํ ลภิตฺวา ‘‘ตาตา, กึ วเทถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สตฺถา, มหาราช, ปรินิพฺพุโต’’ติ. ราชา ปุนปิ วิสฺีชาโต, อถ นํ อุกฺขิปิตฺวา นหาเปตฺวา มตฺถเก ฆเฏหิ อุทกํ อาสิฺจึสุ.
ราชา สฺํ ลภิตฺวา อาสนา วุฏฺาย คนฺธปริภาวิเต มณิวณฺเณ เกเส วิกิริตฺวา สุวณฺณผลกวณฺณาย ปิฏฺิยํ ปกิริตฺวา ปาณินา อุรํ ปหริตฺวา ปวาฬงฺกุรวณฺณาหิ สุวฏฺฏิตงฺคุลีหิ สุวณฺณพิมฺพิสกวณฺณํ อุรํ สิพฺพนฺโต วิย คเหตฺวา ปริเทวมาโน อุมฺมตฺตกเวเสน อนฺตรวีถึ โอติณฺโณ, โส อลงฺกตนาฏกปริวุโต นครโต นิกฺขมฺม ชีวกมฺพวนํ คนฺตฺวา ยสฺมึ าเน นิสินฺเนน ภควตา ธมฺโม เทสิโต ตํ โอโลเกตฺวา ¶ – ‘‘ภควา สพฺพฺุ, นนุ อิมสฺมึ าเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทสยิตฺถ, โสกสลฺลํ เม วิโนทยิตฺถ, ตุมฺเห มยฺหํ โสกสลฺลํ นีหริตฺถ, อหํ ตุมฺหากํ สรณํ คโต, อิทานิ ปน เม ปฏิวจนมฺปิ น เทถ, ภควา’’ติ ปุนปฺปุนํ ปริเทวิตฺวา ‘‘นนุ ภควา อหํ อฺทา เอวรูเป กาเล ‘ตุมฺเห มหาภิกฺขุสงฺฆปริวารา ¶ ชมฺพุทีปตเล จาริกํ จรถา’ติ สุโณมิ, อิทานิ ปนาหํ ตุมฺหากํ อนนุรูปํ อยุตฺตํ ปวตฺตึ สุโณมี’’ติ เอวมาทีนิ จ วตฺวา สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ ¶ ภควโต คุณํ อนุสฺสริตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มม ปริเทวิเตเนว น สิชฺฌติ, ทสพลสฺส ธาตุโย อาหราเปสฺสามี’’ติ เอวํ อสฺโสสิ. สุตฺวา จ อิมิสฺสา วิสฺิภาวาทิปวตฺติยา อวสาเน ทูตํ ปาเหสิ. ตํ สนฺธาย อถ โข ราชาติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ ทูตํ ปาเหสีติ ทูตฺจ ปณฺณฺจ เปเสสิ. เปเสตฺวา จ ปน – ‘‘สเจ ทสฺสนฺติ, สุนฺทรํ. โน เจ ทสฺสนฺติ, อาหรณุปาเยน อาหริสฺสามี’’ติ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา สยมฺปิ นิกฺขนฺโตเยว. ยถา จ อชาตสตฺตุ, เอวํ ลิจฺฉวีอาทโยปิ ทูตํ เปเสตฺวา สยมฺปิ จตุรงฺคินิยา เสนาย นิกฺขมึสุเยว. ตตฺถ ปาเวยฺยกา สพฺเพหิ อาสนฺนตรา กุสินารโต ติคาวุตนฺตเร นคเร วสนฺติ, ภควาปิ ปาวํ ปวิสิตฺวาว กุสินารํ คโต. อถ กสฺมา ปมตรํ น อาคตาติ เจ? มหาปริวารา ปเนเต ราชาโน มหาปริวารํ กโรนฺตาว ปจฺฉโต ชาตา.
เต สงฺเฆ คเณ เอตทโวจุนฺติ สพฺเพปิ เต สตฺตนครวาสิโน อาคนฺตฺวา – ‘‘อมฺหากํ ธาตุโย วา เทนฺตุ, ยุทฺธํ วา’’ติ กุสินารานครํ ปริวาเรตฺวา ิเต – ‘‘เอตํ ภควา อมฺหากํ คามกฺเขตฺเต’’ติ ปฏิวจนํ อโวจุํ. เต กิร เอวมาหํสุ – ‘‘น มยํ สตฺถุ สาสนํ ปหิณิมฺห, นาปิ คนฺตฺวา อานยิมฺห. สตฺถา ปน สยเมว อาคนฺตฺวา สาสนํ เปเสตฺวา อมฺเห ปกฺโกสาเปสิ. ตุมฺเหปิ โข ปน ยํ ตุมฺหากํ คามกฺเขตฺเต รตนํ อุปฺปชฺชติ, น ตํ อมฺหากํ เทถ. สเทวเก จ โลเก พุทฺธรตนสมํ รตนํ นาม นตฺถิ, เอวรูปํ อุตฺตมรตนํ ลภิตฺวา มยํ น ทสฺสาม. น โข ปน ตุมฺเหหิเยว มาตุถนโต ขีรํ ปีตํ, อมฺเหหิปิ มาตุถนโต ขีรํ ปีตํ. น ตุมฺเหเยว ปุริสา, อมฺเหปิ ปุริสา โหตู’’ติ อฺมฺํ อหํการํ กตฺวา สาสนปฏิสาสนํ เปเสนฺติ, อฺมฺํ มานคชฺชิตํ คชฺชนฺติ. ยุทฺเธ ปน สติ โกสินารกานํเยว ชโย อภวิสฺส. กสฺมา? ยสฺมา ธาตุปาสนตฺถํ ¶ อาคตา เทวตา เนสํ ปกฺขา อเหสุํ. ปาฬิยํ ปน – ‘‘ภควา อมฺหากํ คามกฺเขตฺเต ปรินิพฺพุโต, น มยํ ทสฺสาม ภควโต สรีรานํ ภาค’’นฺติ เอตฺตกเมว อาคตํ.
๒๓๗. เอวํ วุตฺเต โทโณ พฺราหฺมโณติ โทณพฺราหฺมโณ อิมํ เตสํ วิวาทํ สุตฺวา – ‘‘เอเต ราชาโน ภควโต ปรินิพฺพุตฏฺาเน วิวาทํ กโรนฺติ, น โข ปเนตํ ปติรูปํ, อลํ อิมินา กลเหน, วูปสเมสฺสามิ น’’นฺติ โส คนฺตฺวา เต สงฺเฆ คเณ เอตทโวจ. กิมโวจ? อุนฺนตปฺปเทเส ¶ ¶ ตฺวา ทฺวิภาณวารปริมาณํ โทณคชฺชิตํ นาม อโวจ. ตตฺถ ปมภาณวาเร ตาว เอกปทมฺปิ เต น ชานึสุ. ทุติยภาณวารปริโยสาเน – ‘‘อาจริยสฺส วิย โภ สทฺโท, อาจริยสฺส วิย โภ สทฺโท’’ติ สพฺเพ นิรวา อเหสุํ. ชมฺพุทีปตเล กิร กุลฆเร ชาตา เยภุยฺเยน ตสฺส น อนฺเตวาสิโก นาม นตฺถิ. อถ โส เต อตฺตโน วจนํ สุตฺวา นิรเว ตุณฺหีภูเต วิทิตฺวา ปุน เอตทโวจ – ‘‘สุณนฺตุ โภนฺโต’’ติ เอตํ คาถาทฺวยํ อโวจ.
ตตฺถ อมฺหากํ พุทฺโธติ อมฺหากํ พุทฺโธ. อหุ ขนฺติวาโทติ พุทฺธภูมึ อปฺปตฺวาปิ ปารมิโย ปูเรนฺโต ขนฺติวาทิตาปสกาเล ธมฺมปาลกุมารกาเล ฉทฺทนฺตหตฺถิกาเล ภูริทตฺตนาคราชกาเล จมฺเปยฺยนาคราชกาเล สงฺขปาลนาคราชกาเล มหากปิกาเล อฺเสุ จ พหูสุ ชาตเกสุ ปเรสุ โกปํ อกตฺวา ขนฺติเมว อกาสิ. ขนฺติเมว วณฺณยิ. กิมงฺคํ ปน เอตรหิ อิฏฺานิฏฺเสุ ตาทิลกฺขณํ ปตฺโต, สพฺพถาปิ อมฺหากํ พุทฺโธ ขนฺติวาโท อโหสิ, ตสฺส เอวํวิธสฺส. น หิ สาธุ ยํ อุตฺตมปุคฺคลสฺส, สรีรภาเค สิยา สมฺปหาโรติ น หิ สาธุยนฺติ น หิ สาธุ อยํ. สรีรภาเคติ สรีรวิภาคนิมิตฺตํ, ธาตุโกฏฺาสเหตูติ อตฺโถ. สิยา สมฺปหาโรติ อาวุธสมฺปหาโร สาธุ น สิยาติ วุตฺตํ โหติ.
สพฺเพว โภนฺโต สหิตาติ สพฺเพว โภนฺโต สหิตา โหถ, มา ภิชฺชถ. สมคฺคาติ กาเยน จ วาจาย จ เอกสนฺนิปาตา เอกวจนา สมคฺคา โหถ. สมฺโมทมานาติ จิตฺเตนาปิ อฺมฺํ สมฺโมทมานา โหถ. กโรมฏฺภาเคติ ภควโต สรีรานิ อฏฺ ภาเค กโรม ¶ . จกฺขุมโตติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมโต พุทฺธสฺส. น เกวลํ ตุมฺเหเยว, พหุชโนปิ ปสนฺโน, เตสุ เอโกปิ ลทฺธุํ อยุตฺโต นาม นตฺถีติ พหุํ การณํ วตฺวา สฺาเปสิ.
๒๓๘. เตสํ สงฺฆานํ คณานํ ปฏิสฺสุตฺวาติ เตสํ เตสํ ตโต ตโต สมาคตสงฺฆานํ สมาคตคณานํ ปฏิสฺสุณิตฺวา. ภควโต ¶ สรีรานิ อฏฺธา สมํ สุวิภตฺตํ วิภชิตฺวาติ เอตฺถ อยมนุกฺกโม – โทโณ กิร เตสํ ปฏิสฺสุณิตฺวา สุวณฺณโทณึ วิวราเปสิ. ราชาโน อาคนฺตฺวา โทณิยํเยว ิตา สุวณฺณวณฺณา ธาตุโย ทิสฺวา – ‘‘ภควา สพฺพฺุ ปุพฺเพ มยํ ตุมฺหากํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิขจิตํ อสีติอนุพฺยฺชนสมุชฺชลิตโสภํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ อทฺทสาม, อิทานิ ปน สุวณฺณวณฺณาว ธาตุโย อวสิฏฺา ชาตา, น ยุตฺตมิทํ ภควา ตุมฺหาก’’นฺติ ปริเทวึสุ.
พฺราหฺมโณปิ ตสฺมึ สมเย เตสํ ปมตฺตภาวํ ตฺวา ทกฺขิณทาํ คเหตฺวา เวนฺตเร เปสิ, อถ ¶ ปจฺฉา อฏฺธา สมํ สุวิภตฺตํ วิภชิ, สพฺพาปิ ธาตุโย ปากติกนาฬิยา โสฬส นาฬิโย อเหสุํ, เอเกกนครวาสิโน ทฺเว ทฺเว นาฬิโย ลภึสุ. พฺราหฺมณสฺส ปน ธาตุโย วิภชนฺตสฺเสว สกฺโก เทวานมินฺโท – ‘‘เกน นุ โข สเทวกสฺส โลกสฺส กงฺขจฺเฉทนตฺถาย จตุสจฺจกถาย ปจฺจยภูตา ภควโต ทกฺขิณทาา คหิตา’’ติ โอโลเกนฺโต ‘‘พฺราหฺมเณน คหิตา’’ติ ทิสฺวา – ‘‘พฺราหฺมโณปิ ทาาย อนุจฺฉวิกํ สกฺการํ กาตุํ น สกฺขิสฺสติ, คณฺหามิ น’’นฺติ เวนฺตรโต คเหตฺวา สุวณฺณจงฺโกฏเก เปตฺวา เทวโลกํ เนตฺวา จูฬามณิเจติเย ปติฏฺเปสิ.
พฺราหฺมโณปิ ธาตุโย วิภชิตฺวา ทาํ อปสฺสนฺโต โจริกาย คหิตตฺตา – ‘‘เกน เม ทาา คหิตา’’ติ ปุจฺฉิตุมฺปิ นาสกฺขิ. ‘‘นนุ ตยาว ธาตุโย ภาชิตา, กึ ตฺวํ ปมํเยว อตฺตโน ธาตุยา อตฺถิภาวํ น อฺาสี’’ติ อตฺตนิ โทสาโรปนํ สมฺปสฺสนฺโต – ‘‘มยฺหมฺปิ โกฏฺาสํ เทถา’’ติ วตฺตุมฺปิ นาสกฺขิ. ตโต – ‘‘อยมฺปิ สุวณฺณตุมฺโพ ธาตุคติโกว, เยน ตถาคตสฺส ธาตุโย มิตา, อิมสฺสาหํ ถูปํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อิมํ เม โภนฺโต ตุมฺพํ ททนฺตูติ อาห.
ปิปฺปลิวนิยา ¶ โมริยาปิ อชาตสตฺตุอาทโย วิย ทูตํ เปเสตฺวา ยุทฺธสชฺชาว นิกฺขมึสุ.
ธาตุถูปปูชาวณฺณนา
๒๓๙. ราชคเห ภควโต สรีรานํ ถูปฺจ มหฺจ อกาสีติ กถํ อกาสิ? กุสินารโต ยาว ราชคหํ ปฺจวีสติ โยชนานิ, เอตฺถนฺตเร อฏฺอุสภวิตฺถตํ สมตลํ มคฺคํ ¶ กาเรตฺวา ยาทิสํ มลฺลราชาโน มกุฏพนฺธนสฺส จ สนฺถาคารสฺส จ อนฺตเร ปูชํ กาเรสุํ. ตาทิสํ ปฺจวีสติโยชเนปิ มคฺเค ปูชํ กาเรตฺวา โลกสฺส อนุกฺกณฺนตฺถํ สพฺพตฺถ อนฺตราปเณ ปสาเรตฺวา สุวณฺณโทณิยํ ปกฺขิตฺตธาตุโย สตฺติปฺชเรน ปริกฺขิปาเปตฺวา อตฺตโน วิชิเต ปฺจโยชนสตปริมณฺฑเล มนุสฺเส สนฺนิปาตาเปสิ. เต ธาตุโย คเหตฺวา กุสินารโต สาธุกีฬิตํ กีฬนฺตา นิกฺขมิตฺวา ยตฺถ ยตฺถ สุวณฺณวณฺณานิ ปุปฺผานิ ปสฺสนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ ธาตุโย สตฺติอนฺตเร เปตฺวา ปูชํ อกํสุ. เตสํ ปุปฺผานํ ขีณกาเล คจฺฉนฺติ, รถสฺส ธุรฏฺานํ ปจฺฉิมฏฺาเน สมฺปตฺเต สตฺต ทิวเส สาธุกีฬิตํ กีฬนฺติ. เอวํ ธาตุโย คเหตฺวา อาคจฺฉนฺตานํ สตฺต วสฺสานิ สตฺต มาสานิ สตฺต ทิวสานิ วีติวตฺตานิ.
มิจฺฉาทิฏฺิกา ¶ – ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส ปรินิพฺพุตกาลโต ปฏฺาย พลกฺกาเรน สาธุกีฬิตาย อุปทฺทุตมฺห สพฺเพ โน กมฺมนฺตา นฏฺา’’ติ อุชฺฌายนฺตา มนํ ปโทเสตฺวา ฉฬาสีติสหสฺสมตฺตา อปาเย นิพฺพตฺตา. ขีณาสวา อาวชฺชิตฺวา ‘‘มหาชโน มนํ ปโทเสตฺวา อปาเย นิพฺพตฺตี’’ติ ทิสฺวา – ‘‘สกฺกํ เทวราชานํ ธาตุอาหรณูปายํ กาเรสฺสามา’’ติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา – ‘‘ธาตุอาหรณูปายํ กโรหิ มหาราชา’’ติ อาหํสุ. สกฺโก อาห – ‘‘ภนฺเต, ปุถุชฺชโน นาม อชาตสตฺตุนา สโม สทฺโธ นตฺถิ, น โส มม วจนํ กริสฺสติ, อปิจ โข มารวิภึสกสทิสํ วิภึสกํ ทสฺเสสฺสามิ, มหาสทฺทํ สาเวสฺสามิ, ยกฺขคาหกขิปิตกอโรจเก กริสฺสามิ, ตุมฺเห ‘อมนุสฺสา มหาราช กุปิตา ธาตุโย อาหราเปถา’ติ วเทยฺยาถ, เอวํ โส อาหราเปสฺสตี’’ติ. อถ โข สกฺโก ตํ สพฺพํ อกาสิ.
เถราปิ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘มหาราช, อมนุสฺสา กุปิตา, ธาตุโย อาหราเปหี’’ติ ภณึสุ. ราชา – ‘‘น ตาว, ภนฺเต, มยฺหํ จิตฺตํ ¶ ตุสฺสติ, เอวํ สนฺเตปิ อาหรนฺตู’’ติ อาห. สตฺตมทิวเส ธาตุโย อาหรึสุ. เอวํ อาหตา ธาตุโย คเหตฺวา ราชคเห ถูปฺจ มหฺจ อกาสิ. อิตเรปิ อตฺตโน อตฺตโน ¶ พลานุรูเปน อาหริตฺวา สกสกฏฺาเนสุ ถูปฺจ มหฺจ อกํสุ.
๒๔๐. เอวเมตํ ภูตปุพฺพนฺติ เอวํ เอตํ ธาตุภาชนฺเจว ทสถูปกรณฺจ ชมฺพุทีเป ภูตปุพฺพนฺติ ปจฺฉา สงฺคีติการกา อาหํสุ. เอวํ ปติฏฺิเตสุ ปน ถูเปสุ มหากสฺสปตฺเถโร ธาตูนํ อนฺตรายํ ทิสฺวา ราชานํ อชาตสตฺตุํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาราช, เอกํ ธาตุนิธานํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. สาธุ, ภนฺเต, นิธานกมฺมํ ตาว มม โหตุ, เสสธาตุโย ปน กถํ อาหรามีติ? น, มหาราช, ธาตุอาหรณํ ตุยฺหํ ภาโร, อมฺหากํ ภาโรติ. สาธุ, ภนฺเต, ตุมฺเห ธาตุโย อาหรถ, อหํ ธาตุนิธานํ กริสฺสามีติ. เถโร เตสํ เตสํ ราชกุลานํ ปริจรณมตฺตเมว เปตฺวา เสสธาตุโย อาหริ. รามคาเม ปน ธาตุโย นาคา ปริคฺคณฺหึสุ, ตาสํ อนฺตราโย นตฺถิ. ‘‘อนาคเต ลงฺกาทีเป มหาวิหาเร มหาเจติยมฺหิ นิทหิสฺสนฺตี’’ติ ตา น อาหริตฺวา เสเสหิ สตฺตหิ นคเรหิ อาหริตฺวา ราชคหสฺส ปาจีนทกฺขิณทิสาภาเค ตฺวา – ‘‘อิมสฺมึ าเน โย ปาสาโณ อตฺถิ, โส อนฺตรธายตุ, ปํสุ สุวิสุทฺธา โหตุ, อุทกํ มา อุฏฺหตู’’ติ อธิฏฺาสิ.
ราชา ตํ านํ ขณาเปตฺวา ตโต อุทฺธตปํสุนา อิฏฺกา กาเรตฺวา อสีติมหาสาวกานํ เจติยานิ ¶ กาเรติ. ‘‘อิธ ราชา กึ กาเรตี’’ติ ปุจฺฉนฺตานมฺปิ ‘‘มหาสาวกานํ เจติยานี’’ติ วทนฺติ, น โกจิ ธาตุนิธานภาวํ ชานาติ. อสีติหตฺถคมฺภีเร ปน ตสฺมึ ปเทเส ชาเต เหฏฺา โลหสนฺถารํ สนฺถราเปตฺวา ตตฺถ ถูปาราเม เจติยฆรปฺปมาณํ ตมฺพโลหมยํ เคหํ การาเปตฺวา อฏฺ อฏฺ หริจนฺทนาทิมเย กรณฺเฑ จ ถูเป จ การาเปสิ. อถ ภควโต ธาตุโย หริจนฺทนกรณฺเฑ ปกฺขิปิตฺวา ตํ หริจนฺทนกรณฺฑกมฺปิ อฺสฺมึ หริจนฺทนกรณฺฑเก, ตมฺปิ อฺสฺมินฺติ เอวํ อฏฺ หริจนฺทนกรณฺเฑ เอกโต กตฺวา เอเตเนว อุปาเยน เต อฏฺ กรณฺเฑ อฏฺสุ หริจนฺทนถูเปสุ, อฏฺ หริจนฺทนถูเป อฏฺสุ โลหิตจนฺทนกรณฺเฑสุ, อฏฺ โลหิตจนฺทนกรณฺเฑ อฏฺสุ โลหิตจนฺทนถูเปสุ, อฏฺ โลหิตจนฺทนถูเป อฏฺสุ ทนฺตกรณฺเฑสุ ¶ , อฏฺ ทนฺตกรณฺเฑ ¶ อฏฺสุ ทนฺตถูเปสุ, อฏฺ ทนฺตถูเป อฏฺสุ สพฺพรตนกรณฺเฑสุ, อฏฺ สพฺพรตนกรณฺเฑ อฏฺสุ สพฺพรตนถูเปสุ, อฏฺ สพฺพรตนถูเป อฏฺสุ สุวณฺณกรณฺเฑสุ, อฏฺ สุวณฺณกรณฺเฑ, อฏฺสุ สุวณฺณถูเปสุ, อฏฺ สุวณฺณถูเป อฏฺสุ รชตกรณฺเฑสุ, อฏฺ รชตกรณฺเฑ อฏฺสุ รชตถูเปสุ, อฏฺ รชตถูเป, อฏฺสุ มณิกรณฺเฑสุ, อฏฺ มณิกรณฺเฑ อฏฺสุ มณิถูเปสุ, อฏฺ มณิถูเป อฏฺสุ โลหิตงฺกกรณฺเฑสุ, อฏฺ โลหิตงฺกกรณฺเฑ อฏฺสุ โลหิตงฺกถูเปสุ, อฏฺ โลหิตงฺกถูเป อฏฺสุ มสารคลฺลกรณฺเฑสุ, อฏฺ มสารคลฺลกรณฺเฑ อฏฺสุ มสารคลฺลถูเปสุ, อฏฺ มสารคลฺลถูเป อฏฺสุ ผลิกกรณฺเฑสุ, อฏฺ ผลิกกรณฺเฑ อฏฺสุ ผลิกมยถูเปสุ ปกฺขิปิ.
สพฺเพสํ อุปริมํ ผลิกเจติยํ ถูปารามเจติยปฺปมาณํ อโหสิ, ตสฺส อุปริ สพฺพรตนมยํ เคหํ กาเรสิ, ตสฺส อุปริ สุวณฺณมยํ, ตสฺส อุปริ รชตมยํ, ตสฺส อุปริ ตมฺพโลหมยํ เคหํ. ตตฺถ สพฺพรตนมยํ วาลิกํ โอกิริตฺวา ชลชถลชปุปฺผานํ สหสฺสานิ วิปฺปกิริตฺวา อฑฺฒฉฏฺานิ ชาตกสตานิ อสีติมหาเถเร สุทฺโธทนมหาราชานํ มหามายาเทวึ สตฺต สหชาเตติ สพฺพาเนตานิ สุวณฺณมยาเนว กาเรสิ. ปฺจปฺจสเต สุวณฺณรชตมเย ปุณฺณฆเฏ ปาเปสิ, ปฺจ สุวณฺณทฺธชสเต อุสฺสาเปสิ. ปฺจสเต สุวณฺณทีเป, ปฺจสเต รชตทีเป การาเปตฺวา สุคนฺธเตลสฺส ปูเรตฺวา เตสุ ทุกูลวฏฺฏิโย เปสิ.
อถายสฺมา มหากสฺสโป – ‘‘มาลา มา มิลายนฺตุ, คนฺธา มา วินสฺสนฺตุ, ทีปา มา วิชฺฌายนฺตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ อกฺขรานิ ฉินฺทาเปสิ –
‘‘อนาคเต ปิยทาโส นาม กุมาโร ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อโสโก ธมฺมราชา ภวิสฺสติ. โส อิมา ธาตุโย วิตฺถาริกา กริสฺสตี’’ติ.
ราชา ¶ สพฺพปสาธเนหิ ปูเชตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ทฺวารํ ปิทหนฺโต นิกฺขมิ, โส ตมฺพโลหทฺวารํ ปิทหิตฺวา อาวิฺฉนรชฺชุยํ กฺุจิกมุทฺทิกํ พนฺธิตฺวา ¶ ตตฺเถว มหนฺตํ มณิกฺขนฺธํ เปตฺวา – ‘‘อนาคเต ทลิทฺทราชา อิมํ มณึ คเหตฺวา ¶ ธาตูนํ สกฺการํ กโรตู’’ติ อกฺขรํ ฉินฺทาเปสิ.
สกฺโก เทวราชา วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตตฺวา – ‘‘ตาต, อชาตสตฺตุนา ธาตุนิธานํ กตํ, เอตฺถ อารกฺขํ ปฏฺเปหี’’ติ ปหิณิ. โส อาคนฺตฺวา วาฬสงฺฆาฏยนฺตํ โยเชสิ, กฏฺรูปกานิ ตสฺมึ ธาตุคพฺเภ ผลิกวณฺณขคฺเค คาเหตฺวา วาตสทิเสน เวเคน อนุปริยายนฺตํ ยนฺตํ โยเชตฺวา เอกาย เอว อาณิยา พนฺธิตฺวา สมนฺตโต คิฺชกาวสถากาเรน สิลาปริกฺเขปํ กตฺวา อุปริ เอกาย ปิทหิตฺวา ปํสุํ ปกฺขิปิตฺวา ภูมึ สมํ กตฺวา ตสฺส อุปริ ปาสาณถูปํ ปติฏฺเปสิ. เอวํ นิฏฺิเต ธาตุนิธาเน ยาวตายุกํ ตฺวา เถโรปิ ปรินิพฺพุโต, ราชาปิ ยถากมฺมํ คโต, เตปิ มนุสฺสา กาลงฺกตา.
อปรภาเค ปิยทาโส นาม กุมาโร ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อโสโก นาม ธมฺมราชา หุตฺวา ตา ธาตุโย คเหตฺวา ชมฺพุทีเป วิตฺถาริกา อกาสิ. กถํ? โส นิคฺโรธสามเณรํ นิสฺสาย สาสเน ลทฺธปฺปสาโท จตุราสีติ วิหารสหสฺสานิ กาเรตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, มยา จตุราสีติ วิหารสหสฺสานิ การิตานิ, ธาตุโย กุโต ลภิสฺสามี’’ติ? มหาราช, – ‘‘ธาตุนิธานํ นาม อตฺถี’’ติ สุโณม, น ปน ปฺายติ – ‘‘อสุกสฺมึ าเน’’ติ. ราชา ราชคเห เจติยํ ภินฺทาเปตฺวา ธาตุํ อปสฺสนฺโต ปฏิปากติกํ กาเรตฺวา ภิกฺขุภิกฺขุนิโย อุปาสกอุปาสิกาโยติ จตสฺโส ปริสา คเหตฺวา เวสาลึ คโต. ตตฺราปิ อลภิตฺวา กปิลวตฺถุํ. ตตฺราปิ อลภิตฺวา รามคามํ คโต. รามคาเม นาคา เจติยํ ภินฺทิตุํ น อทํสุ, เจติเย นิปติตกุทาโล ขณฺฑาขณฺฑํ โหติ. เอวํ ตตฺราปิ อลภิตฺวา อลฺลกปฺปํ เวทีปํ ปาวํ กุสินารนฺติ สพฺพตฺถ เจติยานิ ภินฺทิตฺวา ธาตุํ อลภิตฺวาว ปฏิปากติกานิ กตฺวา ปุน ราชคหํ คนฺตฺวา จตสฺโส ปริสา สนฺนิปาตาเปตฺวา – ‘‘อตฺถิ เกนจิ สุตปุพฺพํ ‘อสุกฏฺาเน นาม ธาตุนิธาน’นฺติ’’ ปุจฺฉิ.
ตตฺเรโก วีสวสฺสสติโก เถโร – ‘‘อสุกฏฺาเน ธาตุนิธาน’’นฺติ น ชานามิ, มยฺหํ ปน ปิตา มหาเถโร มํ สตฺตวสฺสกาเล ¶ มาลาจงฺโกฏกํ คาหาเปตฺวา – ‘‘เอหิ สามเณร, อสุกคจฺฉนฺตเร ปาสาณถูโป ¶ อตฺถิ, ตตฺถ คจฺฉามา’’ติ คนฺตฺวา ปูเชตฺวา – ‘‘อิมํ านํ อุปธาเรตุํ วฏฺฏติ สามเณรา’’ติ อาห. อหํ เอตฺตกํ ชานามิ มหาราชาติ อาห. ราชา ‘‘เอตเทว าน’’นฺติ ¶ วตฺวา คจฺเฉ หาเรตฺวา ปาสาณถูปฺจ ปํสฺุจ อปเนตฺวา เหฏฺา สุธาภูมึ อทฺทส. ตโต สุธฺจ อิฏฺกาโย จ หาเรตฺวา อนุปุพฺเพน ปริเวณํ โอรุยฺห สตฺตรตนวาลุกํ อสิหตฺถานิ จ กฏฺรูปกานิ สมฺปริวตฺตกานิ อทฺทส. โส ยกฺขทาสเก ปกฺโกสาเปตฺวา พลิกมฺมํ กาเรตฺวาปิ เนว อนฺตํ น โกฏึ ปสฺสนฺโต เทวตานํ นมสฺสมาโน – ‘‘อหํ อิมา ธาตุโย คเหตฺวา จตุราสีติยา วิหารสหสฺเสสุ นิทหิตฺวา สกฺการํ กโรมิ, มา เม เทวตา อนฺตรายํ กโรนฺตู’’ติ อาห.
สกฺโก เทวราชา จาริกํ จรนฺโต ตํ ทิสฺวา วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตาต, อโสโก ธมฺมราชา ‘ธาตุโย นีหริสฺสามี’ติ ปริเวณํ โอติณฺโณ, คนฺตฺวา กฏฺรูปกานิ หาเรหี’’ติ. โส ปฺจจูฬคามทารกเวเสน คนฺตฺวา รฺโ ปุรโต ธนุหตฺโถ ตฺวา – ‘‘หรามิ มหาราชา’’ติ อาห. ‘‘หร, ตาตา’’ติ สรํ คเหตฺวา สนฺธิมฺหิเยว วิชฺฌิ, สพฺพํ วิปฺปกิริยิตฺถ. อถ ราชา อาวิฺฉเน พนฺธํ กฺุจิกมุทฺทิกํ คณฺหิ, มณิกฺขนฺธํ ปสฺสิ. ‘‘อนาคเต ทลิทฺทราชา อิมํ มณึ คเหตฺวา ธาตูนํ สกฺการํ กโรตู’’ติ ปุน อกฺขรานิ ทิสฺวา กุชฺฌิตฺวา – ‘‘มาทิสํ นาม ราชานํ ทลิทฺทราชาติ วตฺตุํ อยุตฺต’’นฺติ ปุนปฺปุนํ ฆเฏตฺวา ทฺวารํ วิวราเปตฺวา อนฺโตเคหํ ปวิฏฺโ.
อฏฺารสวสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ อาโรปิตทีปา ตเถว ปชฺชลนฺติ. นีลุปฺปลปุปฺผานิ ตงฺขณํ อาหริตฺวา อาโรปิตานิ วิย, ปุปฺผสนฺถาโร ตงฺขณํ สนฺถโต วิย, คนฺธา ตํ มุหุตฺตํ ปิสิตฺวา ปิตา วิย ราชา สุวณฺณปฏฺฏํ คเหตฺวา – ‘‘อนาคเต ปิยทาโส นาม กุมาโร ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อโสโก นาม ธมฺมราชา ภวิสฺสติ โส อิมา ธาตุโย วิตฺถาริกา กริสฺสตี’’ติ วาเจตฺวา – ‘‘ทิฏฺโ โภ, อหํ อยฺเยน มหากสฺสปตฺเถเรนา’’ติ วตฺวา วามหตฺถํ อาภุชิตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน อปฺโผเฏสิ. โส ตสฺมึ าเน ปริจรณธาตุมตฺตเมว เปตฺวา เสสา ธาตุโย คเหตฺวา ¶ ธาตุเคหํ ปุพฺเพ ปิหิตนเยเนว ปิทหิตฺวา สพฺพํ ยถาปกติยาว กตฺวา อุปริ ปาสาณเจติยํ ปติฏฺาเปตฺวา จตุราสีติยา วิหารสหสฺเสสุ ธาตุโย ¶ ปติฏฺาเปตฺวา มหาเถเร วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ทายาโทมฺหิ, ภนฺเต, พุทฺธสาสเน’’ติ. กิสฺส ทายาโท ตฺวํ, มหาราช, พาหิรโก ตฺวํ สาสนสฺสาติ. ภนฺเต, ฉนฺนวุติโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา จตุราสีติ วิหารสหสฺสานิ กาเรตฺวา อหํ น ทายาโท, อฺโ โก ทายาโทติ? ปจฺจยทายโก นาม ตฺวํ มหาราช, โย ปน อตฺตโน ปุตฺตฺจ ธีตรฺจ ปพฺพาเชติ, อยํ สาสเน ทายาโท นามาติ. โส ปุตฺตฺจ ธีตรฺจ ปพฺพาเชสิ. อถ นํ เถรา อาหํสุ – ‘‘อิทานิ, มหาราช, สาสเน ทายาโทสี’’ติ.
เอวเมตํ ¶ ภูตปุพฺพนฺติ เอวํ เอตํ อตีเต ธาตุนิธานมฺปิ ชมฺพุทีปตเล ภูตปุพฺพนฺติ. ตติยสงฺคีติการาปิ อิมํ ปทํ ปยึสุ.
อฏฺโทณํ จกฺขุมโต สรีรนฺติอาทิคาถาโย ปน ตมฺพปณฺณิทีเป เถเรหิ วุตฺตาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.