📜
๙. มหาสติปฏฺานสุตฺตวณฺณนา
อุทฺเทสวารกถาวณฺณนา
๓๗๓. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มหาสติปฏฺานสุตฺตํ. ตตฺรายมปุพฺพปทวณฺณนา – เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโคติ กสฺมา ภควา อิทํ สุตฺตมภาสิ? กุรุรฏฺวาสีนํ คมฺภีรเทสนาปฏิคฺคหณสมตฺถตาย. กุรุรฏฺวาสิโน กิร ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย อุตุปจฺจยาทิสมฺปนฺนตฺตา ตสฺส รฏฺสฺส สปฺปายอุตุปจฺจยเสวเนน นิจฺจํ กลฺลสรีรา กลฺลจิตฺตา จ โหนฺติ. เต จิตฺตสรีรกลฺลตาย อนุคฺคหิตปฺาพลา คมฺภีรกถํ ปฏิคฺคเหตุํ สมตฺถา โหนฺติ. เตน เนสํ ภควา อิมํ คมฺภีรเทสนาปฏิคฺคหณสมตฺถตํ สมฺปสฺสนฺโต เอกวีสติยา าเนสุ กมฺมฏฺานํ อรหตฺเต ปกฺขิปิตฺวา อิทํ คมฺภีรตฺถํ มหาสติปฏฺานสุตฺตํ อภาสิ. ยถา หิ ปุริโส สุวณฺณจงฺโกฏกํ ลภิตฺวา ตตฺถ นานาปุปฺผานิ ปกฺขิเปยฺย, สุวณฺณมฺชูสํ วา ปน ลภิตฺวา สตฺตรตนานิ ปกฺขิเปยฺย, เอวํ ภควา กุรุรฏฺวาสิปริสํ ลภิตฺวา คมฺภีรเทสนํ เทเสสิ. เตเนเวตฺถ อฺานิปิ คมฺภีรตฺถานิ อิมสฺมึ ทีฆนิกาเย มหานิทานํ มชฺฌิมนิกาเย ¶ สติปฏฺานํ, สาโรปมํ, รุกฺโขปมํ, รฏฺปาลํ, มาคณฺฑิยํ, อาเนฺชสปฺปายนฺติ อฺานิปิ สุตฺตานิ เทเสสิ.
อปิจ ตสฺมึ ชนปเท จตสฺโส ปริสา ปกติยาว สติปฏฺานภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, อนฺตมโส ทาสกมฺมกรปริชานาปิ สติปฏฺานปฏิสํยุตฺตเมว กถํ กเถนฺติ. อุทกติตฺถสุตฺตกนฺตนฏฺานาทีสุปิ นิรตฺถกกถา นาม นปฺปวตฺตติ. สเจ กาจิ อิตฺถี ‘‘อมฺม, ตฺวํ กตรํ สติปฏฺานภาวนํ มนสิกโรสี’’ติ ปุจฺฉิตา ‘‘น กิฺจี’’ติ วทติ, ตํ ครหนฺติ ‘‘ธิรตฺถุ ตว ชีวิตํ, ชีวมานาปิ ตฺวํ มตสทิสา’’ติ. อถ นํ ‘‘มา ทานิ ปุน เอวมกาสี’’ติ โอวทิตฺวา อฺตรํ สติปฏฺานํ อุคฺคณฺหาเปนฺติ. ยา ปน ‘‘อหํ อสุกสติปฏฺานํ นาม มนสิกโรมี’’ติ วทติ, ตสฺสา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ สาธุการํ กตฺวา ‘‘ตว ¶ ชีวิตํ สุชีวิตํ, ตฺวํ นาม มนุสฺสตฺตํ ปตฺตา, ตวตฺถาย สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติอาทีหิ ปสํสนฺติ. น เกวลฺเจตฺถ มนุสฺสชาติกาว สติปฏฺานมนสิการยุตฺตา, เต นิสฺสาย วิหรนฺตา ติรจฺฉานคตาปิ.
ตตฺริทํ ¶ วตฺถุ – เอโก กิร นฏโก สุวโปตกํ คเหตฺวา สิกฺขาเปนฺโต วิจรติ. โส ภิกฺขุนุปสฺสยํ อุปนิสฺสาย วสิตฺวา คมนกาเล สุวโปตกํ ปมุสฺสิตฺวา คโต. ตํ สามเณริโย คเหตฺวา ปฏิชคฺคึสุ. พุทฺธรกฺขิโต ติสฺส นามํ อกํสุ. ตํ เอกทิวสํ ปุรโต นิสินฺนํ ทิสฺวา มหาเถรี อาห – ‘‘พุทฺธรกฺขิตา’’ติ. กึ, อยฺเยติ? อตฺถิ เต โกจิ ภาวนามนสิกาโรติ? นตฺถิ, อยฺเยติ. อาวุโส, ปพฺพชิตานํ สนฺติเก วสนฺเตน นาม วิสฺสฏฺอตฺตภาเวน ภวิตุํ น วฏฺฏติ, โกจิเทว มนสิกาโร อิจฺฉิตพฺโพ, ตฺวํ ปน อฺํ น สกฺขิสฺสสิ, ‘‘อฏฺิ อฏฺี’’ติ สชฺฌายํ กโรหีติ. โส เถริยา โอวาเท ตฺวา ‘‘อฏฺิ อฏฺี’’ติ สชฺฌายนฺโต จรติ.
ตํ เอกทิวสํ ปาโตว โตรณคฺเค นิสีทิตฺวา พาลาตปํ ตปมานํ เอโก สกุโณ นขปฺชเรน อคฺคเหสิ. โส ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ. สามเณริโย สุตฺวา ‘‘อยฺเย พุทฺธรกฺขิโต สกุเณน คหิโต, โมเจม น’’นฺติ เลฑฺฑุอาทีนิ คเหตฺวา อนุพนฺธิตฺวา โมเจสุํ ¶ . ตํ อาเนตฺวา ปุรโต ปิตํ เถรี อาห – ‘‘พุทฺธรกฺขิต, สกุเณน คหิตกาเล กึ จินฺเตสี’’ติ? น, อยฺเย, อฺํ กิฺจิ จินฺเตสึ, อฏฺิปฺุโชว อฏฺิปฺุชํ คเหตฺวา คจฺฉติ, กตรสฺมึ าเน วิปฺปกิริสฺสตีติ, เอวํ อยฺเย อฏฺิปฺุชเมว จินฺเตสินฺติ. สาธุ, สาธุ, พุทฺธรกฺขิต, อนาคเต ภวกฺขยสฺส เต ปจฺจโย ภวิสฺสตีติ. เอวํ ตตฺถ ติรจฺฉานคตาปิ สติปฏฺานมนสิการยุตฺตา. ตสฺมา เนสํ ภควา สติปฏฺานพุทฺธิเมว ชเนนฺโต อิทํ สุตฺตมภาสิ.
ตตฺถ เอกายโนติ เอกมคฺโค. มคฺคสฺส หิ –
‘‘มคฺโค ปนฺโถ ปโถ ปชฺโช, อฺชสํ วฏุมายนํ;
นาวา อุตฺตรเสตู จ, กุลฺโล จ ภิสิสงฺกโม’’ติ.
พหูนิ นามานิ. สฺวายมิธ อยนนาเมน วุตฺโต, ตสฺมา เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโคติ เอตฺถ เอกมคฺโค อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค น ทฺวิธา ปถภูโตติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อถ วา ¶ เอเกน อยิตพฺโพติ เอกายโน. เอเกนาติ คณสงฺคณิกํ ปหาย วูปกฏฺเน ปวิวิตฺตจิตฺเตน. อยิตพฺโพ ปฏิปชฺชิตพฺโพ, อยนฺติ วา เอเตนาติ อยโน, สํสารโต ¶ นิพฺพานํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. เอกสฺส อยโน เอกายโน. เอกสฺสาติ เสฏฺสฺส. สพฺพสตฺตเสฏฺโ จ ภควา, ตสฺมา ภควโตติ วุตฺตํ โหติ. กิฺจาปิ หิ เตน อฺเปิ อยนฺติ, เอวํ สนฺเตปิ ภควโตว โส อยโน เตน อุปฺปาทิตตฺตา. ยถาห ‘‘โส หิ, พฺราหฺมณ, ภควา อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๗๙). อยตีติ วา อยโน, คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อตฺโถ. เอกสฺมึ อยโนติ เอกายโน, อิมสฺมิฺเว ธมฺมวินเย ปวตฺตติ, น อฺตฺถาติ วุตฺตํ โหติ. ยถาห – ‘‘อิมสฺมึ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค อุปลพฺภตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔). เทสนาเภโทเยว เหโส, อตฺถโต ปน เอโกว. อปิจ เอกํ อยตีติ เอกายโน. ปุพฺพภาเค นานามุขภาวนานยปฺปวตฺโตปิ อปรภาเค เอกํ นิพฺพานเมว ¶ คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ. ยถาห พฺรหฺมา สหมฺปติ –
เอกายนํ ชาติขยนฺตทสฺสี,
มคฺคํ ปชานาติ หิตานุกมฺปี;
เอเตน มคฺเคน ตรึสุ ปุพฺเพ,
ตริสฺสนฺติ เย จ ตรนฺติ โอฆนฺติ. (สํ. นิ. ๕.๔๐๙);
เกจิ ปน ‘‘น ปารํ ทิคุณํ ยนฺตี’’ติ คาถานเยน ยสฺมา เอกวารํ นิพฺพานํ คจฺฉติ, ตสฺมา ‘‘เอกายโน’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ. อิมสฺส หิ อตฺถสฺส สกึ อยโนติ อิมินา พฺยฺชเนน ภวิตพฺพํ. ยทิ ปน เอกํ อยนมสฺส เอกา คติ ปวตฺตีติ เอวํ อตฺถํ โยเชตฺวา วุจฺเจยฺย, พฺยฺชนํ ยุชฺเชยฺย, อตฺโถ ปน อุภยถาปิ น ยุชฺชติ. กสฺมา? อิธ ปุพฺพภาคมคฺคสฺส อธิปฺเปตตฺตา. กายาทิจตุอารมฺมณปฺปวตฺโต หิ ปุพฺพภาคสติปฏฺานมคฺโค อิธาธิปฺเปโต, น โลกุตฺตโร, โส จ อเนกวารมฺปิ อยติ, อเนกฺจสฺส อยนํ โหติ.
ปุพฺเพปิ จ อิมสฺมึ ปเท มหาเถรานํ สากจฺฉา อโหสิเยว. ติปิฏกจูฬนาคตฺเถโร ปุพฺพภาคสติปฏฺานมคฺโคติ อาห. อาจริโย ปนสฺส ติปิฏกจูฬสุมตฺเถโร มิสฺสกมคฺโคติ อาห. ปุพฺพภาโค ภนฺเตติ? มิสฺสโก, อาวุโสติ. อาจริเย ปน ปุนปฺปุนํ ภณนฺเต อปฺปฏิพาหิตฺวา ¶ ตุณฺหี อโหสิ. ปฺหํ อวินิจฺฉินิตฺวาว อุฏฺหึสุ. อถาจริยตฺเถโร นหานโกฏฺกํ คจฺฉนฺโต ‘‘มยา มิสฺสกมคฺโค กถิโต, จูฬนาโค ปุพฺพภาคมคฺโคติ อาทาย โวหรติ, โก นุ โข เอตฺถ นิจฺฉโย’’ติ สุตฺตนฺตํ อาทิโต ปฏฺาย ปริวตฺเตนฺโต ‘‘โย หิ โกจิ ¶ , ภิกฺขเว, อิเม จตฺตาโร สติปฏฺาเน เอวํ ภาเวยฺย สตฺต วสฺสานี’’ติ อิมสฺมึ าเน สลฺลกฺเขสิ. โลกุตฺตรมคฺโค อุปฺปชฺชิตฺวา สตฺต วสฺสานิ ติฏฺมาโน นาม นตฺถิ, มยา วุตฺโต มิสฺสกมคฺโค น ลพฺภติ. จูฬนาเคน ทิฏฺโ ปุพฺพภาคมคฺโคว ลพฺภตีติ ตฺวา อฏฺมิยํ ธมฺมสวเน สงฺฆุฏฺเ อคมาสิ.
โปราณกตฺเถรา กิร ปิยธมฺมสวนา โหนฺติ, สทฺทํ สุตฺวาว ‘‘อหํ ปมํ, อหํ ปม’’นฺติ เอกปฺปหาเรเนว โอสรนฺติ. ตสฺมิฺจ ทิวเส จูฬนาคตฺเถรสฺส วาโร, เตน ¶ ธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา พีชนึ คเหตฺวา ปุพฺพคาถาสุ วุตฺตาสุ เถรสฺส อาสนปิฏฺิยํ ิตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘รโห นิสีทิตฺวา น วกฺขามี’’ติ. โปราณกตฺเถรา หิ อนุสูยกา โหนฺติ. น อตฺตโน รุจิเมว อุจฺฉุภารํ วิย เอวํ อุกฺขิปิตฺวา วิจรนฺติ, การณเมว คณฺหนฺติ, อการณํ วิสฺสชฺเชนฺติ. ตสฺมา เถโร ‘‘อาวุโส, จูฬนาคา’’ติ อาห. โส อาจริยสฺส วิย สทฺโทติ ธมฺมํ เปตฺวา ‘‘กึ ภนฺเต’’ติ อาห. อาวุโส, จูฬนาค, มยา วุตฺโต มิสฺสกมคฺโค น ลพฺภติ, ตยา วุตฺโต ปุพฺพภาคสติปฏฺานมคฺโคว ลพฺภตีติ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อมฺหากํ อาจริโย สพฺพปริยตฺติโก เตปิฏโก สุตพุทฺโธ, เอวรูปสฺสาปิ นาม ภิกฺขุโน อยํ ปฺโห อาลุเฬติ, อนาคเต มม ภาติกา อิมํ ปฺหํ อาลุเฬสฺสนฺตีติ สุตฺตํ คเหตฺวา อิมํ ปฺหํ นิจฺจลํ กริสฺสามี’’ติ ปฏิสมฺภิทามคฺคโต ‘‘เอกายนมคฺโค วุจฺจติ ปุพฺพภาคสติปฏฺานมคฺโค’’.
มคฺคานฏฺงฺคิโก เสฏฺโ, สจฺจานํ จตุโร ปทา;
วิราโค เสฏฺโ ธมฺมานํ, ทฺวิปทานฺจ จกฺขุมา.
เอเสว มคฺโค นตฺถฺโ, ทสฺสนสฺส วิสุทฺธิยา;
เอตฺหิ ตุมฺเห ปฏิปชฺชถ, มารเสนปฺปมทฺทนํ;
เอตฺหิ ตุมฺเห ปฏิปนฺนา, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสถาติ. –
สุตฺตํ อาหริตฺวา เปสิ.
มคฺโคติ ¶ เกนฏฺเน มคฺโค? นิพฺพานคมนฏฺเน นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคนียฏฺเน จ. สตฺตานํ วิสุทฺธิยาติ ราคาทีหิ มเลหิ อภิชฺฌาวิสมโลภาทีหิ จ อุปกฺกิเลเสหิ กิลิฏฺจิตฺตานํ สตฺตานํ วิสุทฺธตฺถาย. ตถา หิ อิมินาว มคฺเคน อิโต สตสหสฺสกปฺปาธิกานํ จตุนฺนํ ¶ อสงฺขฺเยยฺยานํ ¶ อุปริ เอกสฺมึเยว กปฺเป นิพฺพตฺเต ตณฺหงฺกรเมธงฺกรสรณงฺกรทีปงฺกรนามเก พุทฺเธ อาทึ กตฺวา สกฺยมุนิปริโยสานา อเนเก สมฺมาสมฺพุทฺธา อเนกสตา ปจฺเจกพุทฺธา คณนปถํ วีติวตฺตา อริยสาวกา จาติ อิเม สตฺตา สพฺเพ จิตฺตมลํ ปวาเหตฺวา ปรมวิสุทฺธึ ปตฺตา. รูปมลวเสน ปน สํกิเลสโวทานปฺตฺติเยว นตฺถิ. ตถา หิ –
‘‘รูเปน สํกิลิฏฺเน, สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา;
รูเป สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ, อนกฺขาตํ มเหสินา.
จิตฺเตน สํกิลิฏฺเน, สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา;
จิตฺเต สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ, อิติ วุตฺตํ มเหสินา’’.
ยถาห – ‘‘จิตฺตสํกิเลสา, ภิกฺขเว, สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ, จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ. ตฺจ จิตฺตโวทานํ อิมินา สติปฏฺานมคฺเคน โหติ. เตนาห ‘‘สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติ.
โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายาติ โสกสฺส จ ปริเทวสฺส จ สมติกฺกมาย ปหานายาติ อตฺโถ, อยฺหิ มคฺโค ภาวิโต สนฺตติมหามตฺตาทีนํ วิย โสกสมติกฺกมาย, ปฏาจาราทีนํ วิย ปริเทวสมติกฺกมาย สํวตฺตติ. เตนาห ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายา’’ติ. กิฺจาปิ หิ สนฺตติมหามตฺโต –
‘‘ยํ ปุพฺเพ ตํ วิโสเธหิ, ปจฺฉา เต มาตุ กิฺจนํ;
มชฺเฌ เจ โน คเหสฺสสิ, อุปสนฺโต จริสฺสสี’’ติ. (สุ. นิ. ๙๔๕);
อิมํ คาถํ สุตฺวาว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺโต. ปฏาจารา –
‘‘น สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย, น ปิตา นาปิ พนฺธวา;
อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส, นตฺถิ าตีสุ ตาณตา’’ติ. (ธ. ป. ๒๘๘);
อิมํ ¶ ¶ คาถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตา. ยสฺมา ปน กายเวทนาจิตฺตธมฺเมสุ กฺจิ ธมฺมํ ¶ อนามสิตฺวา ภาวนา นาม นตฺถิ, ตสฺมา เตปิ อิมินาว มคฺเคน โสกปริเทเว สมติกฺกนฺตาติ เวทิตพฺพา.
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมายาติ กายิกทุกฺขสฺส เจตสิกโทมนสฺสสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อตฺถงฺคมาย, นิโรธายาติ อตฺโถ. อยฺหิ มคฺโค ภาวิโต ติสฺสตฺเถราทีนํ วิย ทุกฺขสฺส, สกฺกาทีนํ วิย จ โทมนสฺสสฺส อตฺถงฺคมาย สํวตฺตติ.
ตตฺรายํ อตฺถทีปนา – สาวตฺถิยํ กิร ติสฺโส นาม กุฏุมฺพิกปุตฺโต จตฺตาลีส หิรฺโกฏิโย ปหาย ปพฺพชิตฺวา อคามเก อรฺเ วิหรติ. ตสฺส กนิฏฺภาตุ ภริยา ‘‘คจฺฉถ, นํ ชีวิตา โวโรเปถา’’ติ ปฺจสเต โจเร เปเสสิ. เต คนฺตฺวา เถรํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. เถโร อาห – ‘‘กสฺมา อาคตตฺถ อุปาสกา’’ติ? ตํ ชีวิตา โวโรเปสฺสามาติ. ปาฏิโภคํ เม อุปาสกา, คเหตฺวา อชฺเชกรตฺตึ ชีวิตํ เทถาติ. โก เต, สมณ, อิมสฺมึ าเน ปาฏิโภโค ภวิสฺสตีติ? เถโร มหนฺตํ ปาสาณํ คเหตฺวา ทฺเว อูรุฏฺีนิ ภินฺทิตฺวา ‘‘วฏฺฏติ อุปาสกา ปาฏิโภโค’’ติ อาห. เต อปกฺกมิตฺวา จงฺกมนสีเส อคฺคึ กตฺวา นิปชฺชึสุ. เถรสฺส เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา สีลํ ปจฺจเวกฺขโต ปริสุทฺธํ สีลํ นิสฺสาย ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชิ. ตโต อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต ติยามรตฺตึ สมณธมฺมํ กตฺวา อรุณุคฺคมเน อรหตฺตํ ปตฺโต อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘อุโภ ปาทานิ ภินฺทิตฺวา, สฺเปสฺสามิ โว อหํ;
อฏฺฏิยามิ หรายามิ, สราคมรณํ อหํ.
เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, ยถาภูตํ วิปสฺสิสํ;
สมฺปตฺเต อรุณุคฺคมฺหิ, อรหตฺตมปาปุณิ’’นฺติ.
อปเรปิ ตึส ภิกฺขู ภควโต สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺวิหาเร วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ‘‘อาวุโส, ติยามรตฺตึ ¶ สมณธมฺโมว กาตพฺโพ, น อฺมฺสฺส สนฺติกํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา วิหรึสุ. เตสํ สมณธมฺมํ กตฺวา ปจฺจูสสมเย ปจลายนฺตานํ เอโก พฺยคฺโฆ อาคนฺตฺวา เอเกกํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา คจฺฉติ. น โกจิ ‘‘มํ พฺยคฺโฆ คณฺหี’’ติ วาจมฺปิ นิจฺฉาเรสิ. เอวํ ปฺจสุ ทสสุ ภิกฺขูสุ ขาทิเตสุ อุโปสถทิวเส ‘‘อิตเร, อาวุโส ¶ , กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตฺวา จ ‘‘อิทานิ คหิเตน คหิโตมฺหีติ วตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา วิหรึสุ ¶ . อถ อฺตรํ ทหรภิกฺขุํ ปุริมนเยเนว พฺยคฺโฆ คณฺหิ. โส ‘‘พฺยคฺโฆ ภนฺเต’’ติ อาห. ภิกฺขู กตฺตรทณฺเฑ จ อุกฺกาโย จ คเหตฺวา โมเจสฺสามาติ อนุพนฺธึสุ. พฺยคฺโฆ ภิกฺขูนํ อคตึ ฉินฺนตฏฏฺานมารุยฺห ตํ ภิกฺขุํ ปาทงฺคุฏฺกโต ปฏฺาย ขาทิตุํ อารภิ. อิตเรปิ ‘‘อิทานิ สปฺปุริส, อมฺเหหิ กตฺตพฺพํ นตฺถิ, ภิกฺขูนํ วิเสโส นาม เอวรูเป าเน ปฺายตี’’ติ อาหํสุ. โส พฺยคฺฆมุเข นิปนฺโนว ตํ เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต ยาว โคปฺผกา ขาทิตสมเย โสตาปนฺโน หุตฺวา, ยาว ชณฺณุกา ขาทิตสมเย สกทาคามี, ยาว นาภิยา ขาทิตสมเย อนาคามี หุตฺวา, หทยรูเป อขาทิเตเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘สีลวา วตสมฺปนฺโน, ปฺวา สุสมาหิโต;
มุหุตฺตํ ปมาทมนฺวาย, พฺยคฺเฆโนรุทฺธมานโส.
ปฺชรสฺมึ คเหตฺวาน, สิลาย อุปรี กโต;
กามํ ขาทตุ มํ พฺยคฺโฆ, อฏฺิยา จ นฺหารุสฺส จ;
กิเลเส เขปยิสฺสามิ, ผุสิสฺสามิ วิมุตฺติย’’นฺติ.
อปโรปิ ปีตมลฺลตฺเถโร นาม คิหิกาเล ตีสุ รชฺเชสุ ปฏากํ คเหตฺวา ตมฺพปณฺณิทีปํ อาคมฺม ราชานํ ปสฺสิตฺวา รฺา ¶ กตานุคฺคโห เอกทิวสํ กิลฺชกาปณสาลทฺวาเรน คจฺฉนฺโต ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ, ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ น ตุมฺหากวากฺยํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘เนว กิร รูปํ อตฺตโน, น เวทนา’’ติ. โส ตํเยว องฺกุสํ กตฺวา นิกฺขมิตฺวา มหาวิหารํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชิโต อุปสมฺปนฺโน ทฺเวมาติกา ปคุณา กตฺวา ตึส ภิกฺขู คเหตฺวา คพลวาลิยองฺคณํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ. ปาเทสุ อวหนฺเตสุ ชณฺณุเกหิ จงฺกมติ. ตเมนํ รตฺตึ เอโก มิคลุทฺทโก มิโคติ มฺมาโน ปหริ. สตฺติ วินิวิชฺฌิตฺวา คตา, โส ตํ สตฺตึ หราเปตฺวา ปหรณมุขานิ ติณวฏฺฏิยา ปูราเปตฺวา ปาสาณปิฏฺิยํ อตฺตานํ นิสีทาเปตฺวา โอกาสํ กาเรตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สห ¶ ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา อุกฺกาสิตสทฺเทน อาคตานํ ภิกฺขูนํ พฺยากริตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘ภาสิตํ พุทฺธเสฏฺสฺส, สพฺพโลกคฺควาทิโน;
น ตุมฺหากมิทํ รูปํ, ตํ ชเหยฺยาถ ภิกฺขโว.
อนิจฺจา ¶ วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติ.
เอวํ ตาว อยํ มคฺโค ติสฺสตฺเถราทีนํ วิย ทุกฺขสฺส อตฺถงฺคมาย สํวตฺตติ.
สกฺโก ปน เทวานมินฺโท อตฺตโน ปฺจวิธปุพฺพนิมิตฺตํ ทิสฺวา มรณภยสนฺตชฺชิโต โทมนสฺสชาโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิ. โส อุเปกฺขาปฺหวิสฺสชฺชนาวสาเน ¶ อสีติสหสฺสาหิ เทวตาหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สา จสฺส อุปปตฺติ ปุน ปากติกาว อโหสิ.
สุพฺรหฺมาปิ เทวปุตฺโต อจฺฉราสหสฺสปริวุโต สคฺคสมฺปตฺตึ อนุโภติ. ตตฺถ ปฺจสตา อจฺฉราโย รุกฺขโต ปุปฺผานิ โอจินนฺติโย จวิตฺวา นิรเย อุปฺปนฺนา. โส ‘‘กึ อิมา จิรายนฺตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ตาสํ นิรเย นิพฺพตฺตนภาวํ ตฺวา ‘‘กิตฺตกํ นุ โข มม อายู’’ติ อุปปริกฺขนฺโต อตฺตโน อายุปริกฺขยํ วิทิตฺวา จวิตฺวา ตตฺเถว นิรเย นิพฺพตฺตนภาวํ ทิสฺวา ภีโต อติวิย โทมนสฺสชาโต หุตฺวา ‘‘อิมํ เม โทมนสฺสํ สตฺถา วินยิสฺสติ, น อฺโ’’ติ อวเสสา ปฺจสตา อจฺฉราโย คเหตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิ –
‘‘นิจฺจํ อุตฺรสฺตมิทํ จิตฺตํ, นิจฺจํ อุพฺพิคฺคิทํ มโน;
อนุปฺปนฺเนสุ กิจฺเฉสุ, อโถ อุปฺปติเตสุ จ;
สเจ อตฺถิ อนุตฺรสฺตํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโตติ. (สํ. นิ. ๑.๙๘);
ตโต นํ ภควา อาห –
‘‘นาฺตฺร โพชฺฌา ตปสา, นาฺตฺรินฺทฺริยสํวรา;
นาฺตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา, โสตฺถึ ปสฺสามิ ปาณิน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๙๘);
โส ¶ เทสนาปริโยสาเน ปฺจหิ อจฺฉราสเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ตํ สมฺปตฺตึ ¶ ถาวรํ กตฺวา เทวโลกเมว อคมาสีติ. เอวํ อยํ มคฺโค ภาวิโต สกฺกาทีนํ วิย โทมนสฺสสฺส อตฺถงฺคมาย สํวตฺตตีติ เวทิตพฺโพ.
ายสฺส อธิคมายาติ าโย วุจฺจติ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, ตสฺส อธิคมาย, ปตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ. อยฺหิ ปุพฺพภาเค โลกิโย สติปฏฺานมคฺโค ภาวิโต โลกุตฺตรมคฺคสฺส ¶ อธิคมาย สํวตฺตติ. เตนาห ‘‘ายสฺส อธิคมายา’’ติ. นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายาติ ตณฺหาวานวิรหิตตฺตา นิพฺพานนฺติ ลทฺธนามสฺส อมตสฺส สจฺฉิกิริยาย, อตฺตปจฺจกฺขตายาติ วุตฺตํ โหติ. อยฺหิ มคฺโค ภาวิโต อนุปุพฺเพน นิพฺพานสจฺฉิกิริยํ สาเธติ. เตนาห ‘‘นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ.
ตตฺถ กิฺจาปิ ‘‘สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติ วุตฺเต โสกสมติกฺกมาทีนิ อตฺถโต สิทฺธาเนว โหนฺติ, เปตฺวา ปน สาสนยุตฺติโกวิเท อฺเสํ น ปากฏานิ, น จ ภควา ปมํ สาสนยุตฺติโกวิทํ ชนํ กตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ เทเสติ. เตน เตเนว ปน สุตฺเตน ตํ ตํ อตฺถํ าเปติ. ตสฺมา อิธ ยํ ยํ อตฺถํ เอกายนมคฺโค สาเธติ, ตํ ตํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายา’’ติอาทิมาห. ยสฺมา วา ยา สตฺตานํ วิสุทฺธิ เอกายนมคฺเคน สํวตฺตติ, สา โสกปริเทวานํ สมติกฺกเมน โหติ. โสกปริเทวานํ สมติกฺกโม ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคเมน, ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคโม ายสฺสาธิคเมน, ายสฺสาธิคโม นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย. ตสฺมา อิมมฺปิ กมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติ วตฺวา ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายา’’ติอาทิมาห.
อปิจ วณฺณภณนเมตํ เอกายนมคฺคสฺส. ยเถว หิ ภควา – ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสสฺสามิ ยทิทํ ฉฉกฺกานี’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๒๐) ฉฉกฺกเทสนาย อฏฺหิ ปเทหิ วณฺณํ อภาสิ. ยถา จ อริยวํสเทสนาย ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อริยวํสา อคฺคฺา รตฺตฺา วํสฺา โปราณา อสํกิณฺณา อสํกิณฺณปุพฺพา น ¶ สงฺกียนฺติ น สงฺกียิสฺสนฺติ, อปฺปฏิกุฏฺา สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๘) นวหิ ปเทหิ วณฺณํ อภาสิ; เอวํ อิมสฺสาปิ เอกายนมคฺคสฺส สตฺตานํ วิสุทฺธิยาติอาทีหิ สตฺตหิ ปเทหิ วณฺณํ อภาสิ. กสฺมาติ เจ, เตสํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหชนนตฺถํ. วณฺณภาสนฺหิ สุตฺวา เต ภิกฺขู ‘‘อยํ กิร มคฺโค หทยสนฺตาปภูตํ โสกํ, วาจาวิปฺปลาปภูตํ ¶ ปริเทวํ, กายิกอสาตภูตํ ทุกฺขํ, เจตสิกอสาตภูตํ โทมนสฺสนฺติ ¶ จตฺตาโร อุปทฺทเว หนติ, วิสุทฺธึ ายํ นิพฺพานนฺติ ตโย วิเสเส อาวหตี’’ติ อุสฺสาหชาตา อิมํ ธมฺมเทสนํ อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพํ ธาเรตพฺพํ, วาเจตพฺพํ, อิมฺจ มคฺคํ ภาเวตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ. อิติ เตสํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหชนนตฺถํ วณฺณํ อภาสิ. กมฺพลวาณิชาทโย กมฺพลาทีนํ วณฺณํ วิย.
ยถา หิ สตสหสฺสคฺฆนิกปณฺฑุกมฺพลวาณิเชน ‘กมฺพลํ คณฺหถา’ติ อุคฺโฆสิเตปิ อสุกกมฺพโลติ น ตาว มนุสฺสา ชานนฺติ. เกสกมฺพลวาฬกมฺพลาทโยปิ หิ ทุคฺคนฺธา ขรสมฺผสฺสา กมฺพลาตฺเวว วุจฺจนฺติ. ยทา ปน เตน คนฺธารโก รตฺตกมฺพโล สุขุโม อุชฺชโล สุขสมฺผสฺโสติ อุคฺโฆสิตํ โหติ, ตทา เย ปโหนฺติ, เต คณฺหนฺติ. เย นปฺปโหนฺติ, เตปิ ทสฺสนกามา โหนฺติ; เอวเมว ‘เอกายโน, ภิกฺขเว, อยํ มคฺโค’ติ วุตฺเตปิ อสุกมคฺโคติ น ตาว ปากโฏ โหติ. นานปฺปการกา หิ อนิยฺยานิกมคฺคาปิ มคฺคาตฺเวว วุจฺจนฺติ. ‘‘สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติอาทิมฺหิ ปน วุตฺเต ‘‘อยํ กิร มคฺโค จตฺตาโร อุปทฺทเว หนติ, ตโย วิเสเส อาวหตี’’ติ อุสฺสาหชาตา อิมํ ธมฺมเทสนํ อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพํ ธาเรตพฺพํ วาเจตพฺพํ, อิมฺจ มคฺคํ ภาเวตพฺพํ มฺิสฺสนฺตีติ วณฺณํ ภาสนฺโต ‘‘สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติอาทิมาห. ยถา จ สตสหสฺสคฺฆนิกปณฺฑุกมฺพลวาณิชูปมา; เอวํ รตฺตชมฺพุนทสุวณฺณอุทกปฺปสาทกมณิรตนสุวิสุทฺธมุตฺตรตนปวาฬาทิวาณิชูปมาทโยเปตฺถ อาหริตพฺพา.
ยทิทนฺติ นิปาโต, เย อิเมติ อยมสฺส อตฺโถ. จตฺตาโรติ คณนปริจฺเฉโท. เตน น ตโต เหฏฺา, น อุทฺธนฺติ สติปฏฺานปริจฺเฉทํ ทีเปติ. สติปฏฺานาติ ตโย สติปฏฺานา สติโคจโรปิ ติธา ปฏิปนฺเนสุ สาวเกสุ สตฺถุโน ปฏิฆานุนยวีติวตฺตตาปิ, สติปิ. ‘‘จตุนฺนํ ¶ , ภิกฺขเว, สติปฏฺานานํ สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ…เป… โก จ, ภิกฺขเว, กายสฺส สมุทโย. อาหารสมุทยา กายสฺส สมุทโย’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๔๐๘) หิ ¶ สติโคจโร สติปฏฺานนฺติ วุจฺจติ. ตถา ‘‘กาโย อุปฏฺานํ โน สติ, สติ ปน อุปฏฺานฺเจว สติ จา’’ติอาทีสุปิ (ปฏิ. ม. ๓.๓๕). ตสฺสตฺโถ – ปติฏฺาติ อสฺมินฺติ ปฏฺานํ. กา ปติฏฺาติ? สติ. สติยา ปฏฺานํ สติปฏฺานํ, ปธานํ านนฺติ วา ปฏฺานํ. สติยา ปฏฺานํ สติปฏฺานํ หตฺถิฏฺานอสฺสฏฺานาทีนิ วิย.
‘‘ตโย สติปฏฺานา ยทริโย เสวติ, ยทริโย เสวมาโน สตฺถา คณมนุสาสิตุํ อรหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๑๑) เอตฺถ ติธา ปฏิปนฺเนสุ สาวเกสุ สตฺถุโน ปฏิฆานุนยวีติวตฺตตา ‘‘สติปฏฺาน’’นฺติ วุตฺตา. ตสฺสตฺโถ – ปฏฺเปตพฺพโต ปฏฺานํ, ปวตฺตยิตพฺพโตติ ¶ อตฺโถ. เกน ปฏฺเปตพฺพโตติ? สติยา. สติยา ปฏฺานํ สติปฏฺานํ. ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา ภาวิตา พหุลีกตา สตฺต สมฺโพชฺฌงฺเค ปริปูเรนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๔๗) ปน สติเยว ‘‘สติปฏฺานํ’’ติ วุจฺจติ. ตสฺสตฺโถ – ปฏฺาตีติ ปฏฺานํ, อุปฏฺาติ โอกฺกนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปตฺถริตฺวา ปวตฺตตีติ อตฺโถ. สติเยว สติปฏฺานํ. อถ วา สรณฏฺเน สติ, อุปฏฺานฏฺเน ปฏฺานํ. อิติ สติ จ สา ปฏฺานํ จาติปิ สติปฏฺานํ. อิทมิธาธิปฺเปตํ.
ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘สติปฏฺานา’’ติ พหุวจนํ? สติพหุตฺตา. อารมฺมณเภเทน หิ พหุกา เอตา สติโย. อถ มคฺโคติ กสฺมา เอกวจนํ? มคฺคฏฺเน เอกตฺตา. จตสฺโสปิ หิ เอตา สติโย มคฺคฏฺเน เอกตฺตํ คจฺฉนฺติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘มคฺโคติ เกนฏฺเน มคฺโค? นิพฺพานคมนฏฺเน. นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคนียฏฺเน จา’’ติ. จตสฺโสปิ เจตา อปรภาเค กายาทีสุ อารมฺมเณสุ กิจฺจํ สาธยมานา นิพฺพานํ คจฺฉนฺติ, อาทิโต ปฏฺาย จ นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคิยนฺติ, ตสฺมา จตสฺโสปิ เอโก มคฺโคติ วุจฺจนฺติ. เอวฺจ สติ วจนานุสนฺธินา สานุสนฺธิกาว เทสนา โหติ, ‘‘มารเสนปฺปมทฺทนํ, โว ภิกฺขเว, มคฺคํ เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ…เป… กตโม จ, ภิกฺขเว, มารเสนปฺปมทฺทโน มคฺโค? ยทิทํ สตฺต โพชฺฌงฺคา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๒๒๔) วิย. ยถา มารเสนปฺปมทฺทโนติ จ, สตฺต โพชฺฌงฺคาติ จ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนเมเวตฺถ นานํ ¶ . เอวํ ‘‘เอกายนมคฺโค’’ติ ¶ จ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ จ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนเมเวตฺถ นานํ, ตสฺมา มคฺคฏฺเน เอกตฺตา เอกวจนํ. อารมฺมณเภเทน สติพหุตฺตา พหุวจนํ เวทิตพฺพํ.
กสฺมา ปน ภควตา จตฺตาโรว สติปฏฺานา วุตฺตา อนูนา อนธิกาติ? เวเนยฺยหิตตฺตา. ตณฺหาจริตทิฏฺิจริตสมถยานิกวิปสฺสนายานิเกสุ หิ มนฺทติกฺขวเสน ทฺเวธา ทฺเวธา ปวตฺเตสุ เวเนยฺเยสุ มนฺทสฺส ตณฺหาจริตสฺส โอฬาริกํ กายานุปสฺสนาสติปฏฺานํ วิสุทฺธิมคฺโค, ติกฺขสฺส สุขุมํ เวทนานุปสฺสนาสติปฏฺานํ. ทิฏฺิจริตสฺสปิ มนฺทสฺส นาติปฺปเภทคตํ จิตฺตานุปสฺสนาสติปฏฺานํ วิสุทฺธิมคฺโค, ติกฺขสฺส อติปฺปเภทคตํ ธมฺมานุปสฺสนาสติปฏฺานํ วิสุทฺธิมคฺโค. สมถยานิกสฺส จ มนฺทสฺส อกิจฺเฉน อธิคนฺตพฺพนิมิตฺตํ ปมํ สติปฏฺานํ วิสุทฺธิมคฺโค, ติกฺขสฺส โอฬาริการมฺมเณ อสณฺหนโต ทุติยํ. วิปสฺสนายานิกสฺสปิ มนฺทสฺส นาติปฺปเภทคตารมฺมณํ ตติยํ, ติกฺขสฺส อติปฺปเภทคตารมฺมณํ จตุตฺถํ. อิติ จตฺตาโรว วุตฺตา อนูนา อนธิกาติ.
สุภสุขนิจฺจอตฺตภาววิปลฺลาสปฺปหานตฺถํ ¶ วา. กาโย หิ อสุโภ, ตตฺถ จ สุภวิปลฺลาสวิปลฺลตฺถา สตฺตา. เตสํ ตตฺถ อสุภภาวทสฺสเนน ตสฺส วิปลฺลาสสฺส ปหานตฺถํ ปมํ สติปฏฺานํ วุตฺตํ. สุขํ นิจฺจํ อตฺตาติ คหิเตสุปิ จ เวทนาทีสุ เวทนา ทุกฺขา, จิตฺตํ อนิจฺจํ, ธมฺมา อนตฺตา, เตสุ จ สุขนิจฺจอตฺตวิปลฺลาสวิปลฺลตฺถา สตฺตา. เตสํ ตตฺถ ทุกฺขาทิภาวทสฺสเนน เตสํ วิปลฺลาสานํ ปหานตฺถํ เสสานิ ตีณิ วุตฺตานีติ เอวํ สุภสุขนิจฺจอตฺตภาววิปลฺลาสปฺปหานตฺถํ วา จตฺตาโรว วุตฺตา อนูนา อนธิกาติ เวทิตพฺพา. น เกวลฺจ วิปลฺลาสปฺปหานตฺถเมว, อถ โข จตุโรฆโยคาสวคนฺถอุปาทานอคติปหานตฺถมฺปิ จตุพฺพิธาหารปริฺตฺถฺจ จตฺตาโรว วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อยํ ตาว ปกรณนโย.
อฏฺกถายํ ปน สรณวเสน เจว เอกตฺตสโมสรณวเสน จ เอกเมว สติปฏฺานํ อารมฺมณวเสน จตฺตาโรติ เอตเทว วุตฺตํ. ยถา ¶ หิ จตุทฺวาเร นคเร ปาจีนโต อาคจฺฉนฺตา ปาจีนทิสาย อุฏฺานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, ทกฺขิณโต. ปจฺฉิมโต. อุตฺตรโต อาคจฺฉนฺตา อุตฺตรทิสาย อุฏฺานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา อุตฺตรทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ; เอวํ – สมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. นครํ วิย ¶ หิ นิพฺพานมหานครํ, ทฺวารํ วิย อฏฺงฺคิโก โลกุตฺตรมคฺโค, ปาจีนทิสาทโย วิย กายาทโย.
ยถา ปาจีนโต อาคจฺฉนฺตา ปาจีนทิสาย อุฏฺานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํ กายานุปสฺสนามุเขน อาคจฺฉนฺตา จุทฺทสวิเธน กายานุปสฺสนํ ภาเวตฺวา กายานุปสฺสนาภาวนานุภาวนิพฺพตฺเตน อริยมคฺเคน เอกํ นิพฺพานเมว โอสรนฺติ. ยถา ทกฺขิณโต อาคจฺฉนฺตา ทกฺขิณาย ทิสาย อุฏฺานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ทกฺขิณทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํ เวทนานุปสฺสนามุเขน อาคจฺฉนฺตา นววิเธน เวทนานุปสฺสนํ ภาเวตฺวา เวทนานุปสฺสนาภาวนานุภาวนิพฺพตฺเตน อริยมคฺเคน เอกํ นิพฺพานเมว โอสรนฺติ. ยถา ปจฺฉิมโต อาคจฺฉนฺตา ปจฺฉิมทิสาย อุฏฺานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ปจฺฉิมทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํ จิตฺตานุปสฺสนามุเขน อาคจฺฉนฺตา โสฬสวิเธน จิตฺตานุปสฺสนํ ภาเวตฺวา จิตฺตานุปสฺสนาภาวนานุภาวนิพฺพตฺเตน อริยมคฺเคน เอกํ นิพฺพานเมว โอสรนฺติ. ยถา อุตฺตรโต อาคจฺฉนฺตา อุตฺตรทิสาย อุฏฺานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา อุตฺตรทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํ ธมฺมานุปสฺสนามุเขน อาคจฺฉนฺตา ปฺจวิเธน ธมฺมานุปสฺสนํ ภาเวตฺวา ธมฺมานุปสฺสนาภาวนานุภาวนิพฺพตฺเตน อริยมคฺเคน เอกํ นิพฺพานเมว โอสรนฺติ. เอวํ สรณวเสน เจว เอกตฺตสโมสรณวเสน จ เอกเมว สติปฏฺานํ อารมฺมณวเสน จตฺตาโรว วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.
กตเม ¶ จตฺตาโรติ กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉา. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. ภิกฺขเวติ ธมฺมปฏิคฺคาหกปุคฺคลาลปนเมตํ. ภิกฺขูติ ปฏิปตฺติสมฺปาทกปุคฺคลนิทสฺสนเมตํ. อฺเปิ จ เทวมนุสฺสา ปฏิปตฺตึ สมฺปาเทนฺติเยว, เสฏฺตฺตา ปน ปฏิปตฺติยา ภิกฺขุภาวทสฺสนโต จ ‘‘ภิกฺขู’’ติ อาห. ภควโต หิ อนุสาสนึ สมฺปฏิจฺฉนฺเตสุ ภิกฺขุ เสฏฺโ, สพฺพปฺปการาย อนุสาสนิยา ภาชนภาวโต. ตสฺมา เสฏฺตฺตา ‘‘ภิกฺขู’’ติ ¶ อาห. ตสฺมึ คหิเต ปน เสสา คหิตาว โหนฺติ, ราชคมนาทีสุ ราชคฺคหเณน เสสปริสา วิย. โย จ อิมํ ปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชติ, โส ภิกฺขุ นาม โหตีติ ปฏิปตฺติยา ภิกฺขุภาวทสฺสนโตปิ ‘‘ภิกฺขู’’ติ อาห. ปฏิปนฺนโก หิ เทโว วา โหตุ มนุสฺโส วา, ภิกฺขูติ สงฺขฺยํ คจฺฉติเยว ยถาห –
‘‘อลงฺกโต ¶ เจปิ สมํ จเรยฺย,
สนฺโต ทนฺโต นิยโต พฺรหฺมจารี;
สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ,
โส พฺราหฺมโณ โส สมโณ ส ภิกฺขู’’ติ. (ธ. ป. ๑๔๒);
กาเยติ รูปกาเย. รูปกาโย หิ อิธ องฺคปจฺจงฺคานํ เกสาทีนฺจ ธมฺมานํ สมูหฏฺเน หตฺถิกายรถกายาทโย วิย กาโยติ อธิปฺเปโต. ยถา จ สมูหฏฺเน, เอวํ กุจฺฉิตานํ อายฏฺเน. กุจฺฉิตานฺหิ ปรมเชคุจฺฉานํ โส อาโยติปิ กาโย. อาโยติ อุปฺปตฺติเทโส. ตตฺถายํ วจนตฺโถ. อายนฺติ ตโตติ อาโย. เก อายนฺติ? กุจฺฉิตา เกสาทโย. อิติ กุจฺฉิตานํ อาโยติ กาโย.
กายานุปสฺสีติ กาเย อนุปสฺสนสีโล กายํ วา อนุปสฺสมาโน. กาเยติ จ วตฺวาปิ ปุน กายานุปสฺสีติ ทุติยกายคฺคหณํ อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานฆนวินิพฺโภคาทิทสฺสนตฺถํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตน น กาเย เวทนานุปสฺสี วา, จิตฺตธมฺมานุปสฺสี วา, อถ โข กายานุปสฺสีเยวาติ กายสงฺขาเต วตฺถุสฺมึ กายานุปสฺสนาการสฺเสว ทสฺสเนน อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานํ ทสฺสิตํ โหติ. ตถา น กาเย องฺคปจฺจงฺควินิมุตฺตเอกธมฺมานุปสฺสี, นาปิ เกสโลมาทิวินิมุตฺตอิตฺถิปุริสานุปสฺสี, โยปิ เจตฺถ เกสโลมาทิโก ภูตุปาทายสมูหสงฺขาโต กาโย, ตตฺถปิ น ภูตุปาทายวินิมุตฺตเอกธมฺมานุปสฺสี, อถ โข รถสมฺภารานุปสฺสโก วิย องฺคปจฺจงฺคสมูหานุปสฺสี, นคราวยวานุปสฺสโก วิย เกสโลมาทิสมูหานุปสฺสี, กทลิกฺขนฺธปตฺตวฏฺฏิวินิพฺภุชโก วิย ริตฺตมุฏฺิวินิเวโก วิย จ ภูตุปาทายสมูหานุปสฺสีเยวาติ นานปฺปการโต สมูหวเสเนว กายสงฺขาตสฺส วตฺถุโน ทสฺสเนน ฆนวินิพฺโภโค ¶ ทสฺสิโต โหติ. น เหตฺถ ¶ ยถาวุตฺตสมูหวินิมุตฺโต กาโย วา อิตฺถี วา ปุริโส วา อฺโ วา โกจิ ธมฺโม ทิสฺสติ, ยถาวุตฺตธมฺมสมูหมตฺเตเยว ปน ตถา ตถา สตฺตา มิจฺฉาภินิเวสํ กโรนฺติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ยํ ปสฺสติ น ตํ ทิฏฺํ, ยํ ทิฏฺํ ตํ น ปสฺสติ;
อปสฺสํ พชฺฌเต มูฬฺโห, พชฺฌมาโน น มุจฺจตี’’ติ.
ฆนวินิพฺโภคาทิทสฺสนตฺถนฺติ ¶ วุตฺตํ, อาทิสทฺเทน เจตฺถ อยมฺปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยฺหิ เอตสฺมึ กาเย กายานุปสฺสีเยว, น อฺ ธมฺมานุปสฺสีติ วุตฺตํ โหติ. ยถา อนุทกภูตายปิ มรีจิยา อุทกานุปสฺสิโน โหนฺติ, น เอวํ อนิจฺจทุกฺขานตฺตอสุภภูเตเยว อิมสฺมึ กาเย นิจฺจสุขอตฺตสุภภาวานุปสฺสี, อถ โข กายานุปสฺสี อนิจฺจทุกฺขานตฺตอสุภาการสมูหานุปสฺสีเยวาติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา ยฺวายํ ปรโต ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรฺคโต วา…เป… โส สโตว อสฺสสตี’’ติอาทินา นเยน อสฺสาสปสฺสาสาทิจุณฺณิกชาตอฏฺิกปริโยสาโน กาโย วุตฺโต, โย จ ‘‘อิเธกจฺโจ ปถวีกายํ อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, อาโปกายํ เตโชกายํ วาโยกายํ เกสกายํ โลมกายํ ฉวิกายํ จมฺมกายํ มํสกายํ รุธิรกายํ นฺหารุกายํ อฏฺิกายํ อฏฺิมิฺชกาย’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๓๕) ปฏิสมฺภิทายํ กาโย วุตฺโต, ตสฺส สพฺพสฺส อิมสฺมิฺเว กาเย อนุปสฺสนโต กาเย กายานุปสฺสีติ เอวมฺปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อถ วา กาเย อหนฺติ วา มมนฺติ วา เอวํ คเหตพฺพสฺส ยสฺส กสฺสจิ อนนุปสฺสนโต, ตสฺส ตสฺเสว ปน เกสโลมาทิกสฺส นานาธมฺมสมูหสฺส อนุปสฺสนโต กาเย เกสาทิธมฺมสมูหสงฺขาตกายานุปสฺสีติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อปิจ ‘‘อิมสฺมึ กาเย อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต’’ติอาทินา อนุกฺกเมน ปฏิสมฺภิทายํ อาคตนยสฺส สพฺพสฺเสว อนิจฺจลกฺขณาทิโน อาการสมูหสงฺขาตสฺส กายสฺส อนุปสฺสนโตปิ กาเย กายานุปสฺสีติ เอวมฺปิ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตถา ¶ หิ อยํ กาเย กายานุปสฺสนาปฏิปทํ ปฏิปนฺโน ภิกฺขุ อิมํ กายํ อนิจฺจานุปสฺสนาทีนํ สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสน อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต. ทุกฺขโต อนุปสฺสติ, โน สุขโต. อนตฺตโต อนุปสฺสติ, โน อตฺตโต. นิพฺพินฺทติ, โน นนฺทติ, วิรชฺชติ, โน รชฺชติ, นิโรเธติ. โน สมุเทติ, ปฏินิสฺสชฺชติ, โน อาทิยติ. โส ตํ อนิจฺจโต อนุปสฺสนฺโต นิจฺจสฺํ ปชหติ ¶ , ทุกฺขโต อนุปสฺสนฺโต สุขสฺํ ปชหติ, อนตฺตโต อนุปสฺสนฺโต อตฺตสฺํ ปชหติ, นิพฺพินฺทนฺโต นนฺทึ ปชหติ ¶ , วิรชฺชนฺโต ราคํ ปชหติ, นิโรเธนฺโต สมุทยํ ปชหติ, ปฏินิสฺสชฺชนฺโต อาทานํ ปชหตีติ เวทิตพฺโพ.
วิหรตีติ อิริยติ. อาตาปีติ ตีสุ ภเวสุ กิเลเส อาตาเปตีติ อาตาโป, วีริยสฺเสตํ นามํ. อาตาโป อสฺส อตฺถีติ อาตาปี. สมฺปชาโนติ สมฺปชฺสงฺขาเตน าเณน สมนฺนาคโต. สติมาติ กายปริคฺคาหิกาย สติยา สมนฺนาคโต. อยํ ปน ยสฺมา สติยา อารมฺมณํ ปริคฺคเหตฺวา ปฺาย อนุปสฺสติ, น หิ สติวิรหิตสฺส อนุปสฺสนา นาม อตฺถิ, เตเนวาห – ‘‘สติฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔). ตสฺมา เอตฺถ ‘‘กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติ เอตฺตาวตา กายานุปสฺสนาสติปฏฺานํ วุตฺตํ โหติ. อถ วา ยสฺมา อนาตาปิโน อนฺโตสงฺเขโป อนฺตรายกโร โหติ, อสมฺปชาโน อุปายปริคฺคเห อนุปายปริวชฺชเน จ สมฺมุยฺหติ, มุฏฺสฺสติ อุปายาปริจฺจาเค อนุปายาปริคฺคเห จ อสมตฺโถ โหติ, เตนสฺส ตํ กมฺมฏฺานํ น สมฺปชฺชติ. ตสฺมา เยสํ ธมฺมานํ อานุภาเวน ตํ สมฺปชฺชติ, เตสํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อาตาปี สมฺปชาโน สติมา’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิติ กายานุปสฺสนาสติปฏฺานํ สมฺปโยคงฺคฺจสฺส ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปหานงฺคํ ทสฺเสตุํ วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ วิเนยฺยาติ ตทงฺควินเยน วา วิกฺขมฺภนวินเยน วา วินยิตฺวา. โลเกติ ตสฺมิฺเว กาเย. กาโย หิ อิธ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ อธิปฺเปโต. ยสฺมา ปนสฺส น กายมตฺเตเยว อภิชฺฌาโทมนสฺสํ ปหียติ, เวทนาทีสุปิ ปหียติเยว. ตสฺมา ปฺจปิ อุปาทานกฺขนฺธา โลโกติ วิภงฺเค วุตฺตํ. โลกสงฺขาตตฺตา ¶ วา เตสํ ธมฺมานํ อตฺถุทฺธารนเยเนตํ วุตฺตํ. ยํ ปนาห – ‘‘ตตฺถ กตโม โลโก? สฺเวว กาโย โลโก’’ติ, อยเมเวตฺถ อตฺโถ. ตสฺมึ โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ วิเนยฺยาติ เอวํ สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา ปเนตฺถ อภิชฺฌาคฺคหเณน กามจฺฉนฺโท, โทมนสฺสคฺคหเณน พฺยาปาโท สงฺคหํ คจฺฉติ, ตสฺมา นีวรณปริยาปนฺนพลวธมฺมทฺวยทสฺสเนน นีวรณปฺปหานํ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
วิเสเสน ¶ เจตฺถ อภิชฺฌาวินเยน กายสมฺปตฺติมูลกสฺส อนุโรธสฺส, โทมนสฺสวินเยน กายวิปตฺติมูลกสฺส วิโรธสฺส, อภิชฺฌาวินเยน จ กาเย อภิรติยา, โทมนสฺสวินเยน กายภาวนาย อนภิรติยา, อภิชฺฌาวินเยน กาเย อภูตานํ สุภสุขภาวาทีนํ ปกฺเขปสฺส, โทมนสฺสวินเยน ¶ กาเย ภูตานํ อสุภาสุขภาวาทีนํ อปนยนสฺส จ ปหานํ วุตฺตํ. เตน โยคาวจรสฺส โยคานุภาโว โยคสมตฺถตา จ ทีปิตา โหติ. โยคานุภาโว หิ เอส, ยทิทํ อนุโรธวิโรธวิปฺปมุตฺโต อรติรติสโห อภูตปกฺเขปภูตาปนยนวิรหิโต จ โหติ. อนุโรธวิโรธวิปฺปมุตฺโต เจส อรติรติสโห อภูตํ อปกฺขิปนฺโต ภูตฺจ อนปนยนฺโต โยคสมตฺโถ โหตีติ.
อปโร นโย ‘‘กาเย กายานุปสฺสี’’ติ เอตฺถ อนุปสฺสนาย กมฺมฏฺานํ วุตฺตํ. ‘‘วิหรตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตวิหาเรน กมฺมฏฺานิกสฺส กายปริหรณํ, ‘‘อาตาปี’’ติอาทีสุ ปน อาตาเปน สมฺมปฺปธานํ, สติสมฺปชฺเน สพฺพตฺถกกมฺมฏฺานํ, กมฺมฏฺานปริหรณูปาโย วา. สติยา วา กายานุปสฺสนาวเสน ปฏิลทฺธสมโถ, สมฺปชฺเน วิปสฺสนา อภิชฺฌาโทมนสฺสวินเยน ภาวนาพลํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
วิภงฺเค ปน อนุปสฺสีติ ตตฺถ ‘‘กตมา อนุปสฺสนา? ยา ปฺา ปชานนา วิจโย ปวิจโย ธมฺมวิจโย สลฺลกฺขณา อุปลกฺขณา ปจฺจุปลกฺขณา ปณฺฑิจฺจํ โกสลฺลํ เนปฺุํ เวภพฺยา จินฺตา อุปปริกฺขา ภูรีเมธา ปริณายิกา วิปสฺสนา สมฺปชฺํ ปโตโท ปฺา ปฺินฺทฺริยํ ปฺาพลํ ปฺาสตฺถํ ปฺาปาสาโท ปฺาอาโลโก ปฺาโอภาโส ปฺาปชฺโชโต ปฺารตนํ อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฏฺิ, อยํ วุจฺจติ อนุปสฺสนา. อิมาย อนุปสฺสนาย อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปคโต สมุปคโต อุปปนฺโน สมนฺนาคโต, เตน วุจฺจติ อนุปสฺสีติ. วิหรตีติ อิริยติ ปวตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปติ จรติ วิหรติ, เตน วุจฺจติ วิหรตีติ. อาตาปีติ ตตฺถ กตมํ อาตาปํ? โย เจตสิโก วีริยารมฺโภ นิกมฺโม ปรกฺกโม อุยฺยาโม วายาโม อุสฺสาโห อุสฺโสฬฺหี ถาโม ธิติ อสิถิลปรกฺกมตา อนิกฺขิตฺตทฺทนฺทตา อนิกฺขิตฺตธุรตา ธุรสมฺปคฺคาหี วีริยํ วีริยินฺทฺริยํ วีริยพลํ สมฺมาวายาโม, อิทํ วุจฺจติ อาตาปํ. อิมินา อาตาเปน อุเปโต โหติ…เป… สมนฺนาคโต ¶ , เตน วุจฺจติ อาตาปีติ. สมฺปชาโนติ ตตฺถ กตมํ สมฺปชฺํ? ยา ปฺา ปชานนา วิจโย ปวิจโย ธมฺมวิจโย สลฺลกฺขณา อุปลกฺขณา ปจฺจุปลกฺขณา ปณฺฑิจฺจํ โกสลฺลํ เนปฺุํ เวภพฺยา จินฺตา อุปปริกฺขา ภูรีเมธา ปริณายิกา วิปสฺสนา สมฺปชฺํ ปโตโท ปฺา ปฺินฺทฺริยํ ปฺาพลํ ปฺาสตฺถํ ปฺาปาสาโท ปฺาอาโลโก ปฺาโอภาโส ปฺาปชฺโชโต ปฺารตนํ อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฏฺิ, อิทํ วุจฺจติ สมฺปชฺํ. อิมินา สมฺปชฺเน อุเปโต โหติ ¶ …เป… สมนฺนาคโต, เตน วุจฺจติ สมฺปชาโนติ. สติมาติ ตตฺถ กตมา สติ? ยา สติ อนุสฺสติ ปฏิสฺสติ สติ สรณตา ธารณตา อปิลาปนตา อสมฺมุสนตา สติ สตินฺทฺริยํ สติพลํ สมฺมาสติ ¶ , อยํ วุจฺจติ สติ. อิมาย สติยา อุเปโต โหติ…เป… สมนฺนาคโต, เตน วุจฺจติ สติมาติ.
วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ ตตฺถ กตโม โลโก? สฺเวว กาโย โลโก. ปฺจปิ อุปาทานกฺขนฺธา โลโก, อยํ วุจฺจติ โลโก. ตตฺถ กตมา อภิชฺฌา? โย ราโค สาราโค อนุนโย อนุโรโธ นนฺที นนฺทิราโค จิตฺตสฺส สาราโค, อยํ วุจฺจติ อภิชฺฌา. ตตฺถ กตมํ โทมนสฺสํ? ยํ เจตสิกํ อสาตํ เจตสิกํ ทุกฺขํ เจโตสมฺผสฺสชา อสาตา ทุกฺขา เวทนา, อิทํ วุจฺจติ โทมนสฺสํ. อิติ อยฺจ อภิชฺฌา, อิทฺจ โทมนสฺสํ อิมมฺหิ โลเก วินีตา โหนฺติ ปฏิวินีตา สนฺตา สมิตา วูปสมิตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตา, เตน วุจฺจติ วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺส’’นฺติ (วิภ. ๓๕๗-๓๖๒).
เอวเมเตสํ ปทานํ อตฺโถ วุตฺโต. เตน สห อยํ อฏฺกถานโย ยถา สํสนฺทติ, เอวํ เวทิตพฺโพ. อยํ ตาว กายานุปสฺสนาสติปฏฺานุทฺเทสสฺส อตฺถวณฺณนา.
อิทานิ เวทนาสุ. จิตฺเต. ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ…เป… วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ เอตฺถ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสีติ เอวมาทีสุ เวทนาทีนํ ปุน วจเน ปโยชนํ กายานุปสฺสนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี. จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี. ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสีติ เอตฺถ ปน เวทนาติ ติสฺโส เวทนา, ตา จ โลกิยา เอว. จิตฺตมฺปิ โลกิยํ, ตถา ธมฺมา. เตสํ วิภาโค นิทฺเทสวาเร ปากโฏ ภวิสฺสติ. เกวลํ ปนิธ ยถา เวทนา อนุปสฺสิตพฺพา, ตถา ตา อนุปสฺสนฺโต ‘‘เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี’’ติ เวทิตพฺโพ. เอส นโย จิตฺตธมฺเมสุปิ. กถฺจ เวทนา อนุปสฺสิตพฺพาติ? สุขา ตาว เวทนา ทุกฺขโต, ทุกฺขา สลฺลโต, อทุกฺขมสุขา อนิจฺจโต. ยถาห –
‘‘โย ¶ ¶ สุขํ ทุกฺขโต อทฺท, ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโต;
อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, อทฺทกฺขิ นํ อนิจฺจโต;
ส เว สมฺมทฺทโส ภิกฺขุ, อุปสนฺโต จริสฺสตี’’ติ. (สํ. นิ. ๔.๒๕๓);
สพฺพา ¶ เอว เจตา ‘‘ทุกฺขา’’ติปิ อนุปสฺสิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ยํ กิฺจิ เวทยิตํ, ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙). สุขทุกฺขโตปิ จ อนุปสฺสิตพฺพา. ยถาห ‘‘สุขา เวทนา ิติสุขา วิปริณามทุกฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. อปิจ อนิจฺจาทิสตฺตอนุปสฺสนาวเสนปิ อนุปสฺสิตพฺพา. เสสํ นิทฺเทสวาเรเยว ปากฏํ ภวิสฺสติ.
จิตฺตธมฺเมสุปิ จิตฺตํ ตาว อารมฺมณาธิปติสหชาตภูมิกมฺมวิปากกิริยาทินานตฺตเภทานํ อนิจฺจาทิอนุปสฺสนานํ นิทฺเทสวาเร อาคตสราคาทิเภทานฺจ วเสน อนุปสฺสิตพฺพํ. ธมฺมา สลกฺขณสามฺลกฺขณานํ สฺุตธมฺมสฺส อนิจฺจาทิสตฺตานุปสฺสนานํ นิทฺเทสวาเร อาคตสนฺตาทิเภทานฺจ วเสน อนุปสฺสิตพฺพา. เสสํ วุตฺตนยเมว. กามฺเจตฺถ ยสฺส กายสงฺขาเต โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ ปหีนํ, ตสฺส เวทนาทีสุปิ ตํ ปหีนเมว. นานาปุคฺคลวเสน ปน นานาจิตฺตกฺขณิกสติปฏฺานภาวนาวเสน จ สพฺพตฺถ วุตฺตํ. ยโต วา เอกตฺถ ปหีนํ เสเสสุปิ ปหีนํ โหติ, เตเนวสฺส ตตฺถ ปหานทสฺสนตฺถมฺปิ เอตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพนฺติ.
อุทฺเทสวารกถา นิฏฺิตา.
กายานุปสฺสนา อานาปานปพฺพวณฺณนา
๓๗๔. อิทานิ เสยฺยถาปิ นาม เฉโก วิลีวการโก ถูลกิลฺชสณฺหกิลฺชจงฺโกฏกเปฬาปุฏาทีนิ อุปกรณานิ กตฺตุกาโม เอกํ มหาเวณุํ ลภิตฺวา จตุธา ภินฺทิตฺวา ตโต เอเกกํ เวณุขณฺฑํ คเหตฺวา ผาเลตฺวา ตํ ตํ อุปกรณํ กเรยฺย, เอวเมว ภควา สติปฏฺานเทสนาย สตฺตานํ อเนกปฺปการํ ¶ วิเสสาธิคมํ กตฺตุกาโม เอกเมว สมฺมาสตึ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา. กตเม ¶ จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติอาทินา นเยน อารมฺมณวเสน จตุธา ภินฺทิตฺวา ตโต เอเกกํ สติปฏฺานํ คเหตฺวา กายํ วิภชนฺโต ‘‘กถฺจ ภิกฺขเว’’ติอาทินา นเยน นิทฺเทสวารํ วตฺตุมารทฺโธ.
ตตฺถ กถฺจาติอาทิ วิตฺถาเรตุกมฺยตาปุจฺฉา. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, เกน จ ¶ ปกาเรน ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรตีติ? เอส นโย สพฺพปุจฺฉาวาเรสุ. อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขูติ ภิกฺขเว อิมสฺมึ สาสเน ภิกฺขุ. อยฺเหตฺถ อิธสทฺโท สพฺพปฺปการกายานุปสฺสนานิพฺพตฺตกสฺส ปุคฺคลสฺส สนฺนิสฺสยภูตสาสนปริทีปโน อฺสาสนสฺส ตถาภาวปฏิเสธโน จ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อิเธว ภิกฺขเว, สมโณ…เป… สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙). เตน วุตฺตํ ‘‘อิมสฺมึ สาสเน ภิกฺขู’’ติ.
อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สฺุาคารคโต วาติ อิทมสฺส สติปฏฺานภาวนานุรูปเสนาสนปริคฺคหปริทีปนํ. อิมสฺส หิ ภิกฺขุโน ทีฆรตฺตํ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ อนุวิสฏํ จิตฺตํ กมฺมฏฺานวีถึ โอตริตุํ น อิจฺฉติ, กูฏโคณยุตฺตรโถ วิย อุปฺปถเมว ธาวติ. ตสฺมา เสยฺยถาปิ นาม โคโป กูฏเธนุยา สพฺพํ ขีรํ ปิวิตฺวา วฑฺฒิตํ กูฏวจฺฉํ ทเมตุกาโม เธนุโต อปเนตฺวา เอกมนฺเต มหนฺตํ ถมฺภํ นิขณิตฺวา ตตฺถ โยตฺเตน พนฺเธยฺย. อถสฺส โส วจฺโฉ อิโต จิโต จ วิปฺผนฺทิตฺวา ปลายิตุํ อสกฺโกนฺโต ตเมว ถมฺภํ อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปชฺเชยฺย วา, เอวเมว อิมินาปิ ภิกฺขุนา ทีฆรตฺตํ รูปารมฺมณาทิรสปานวฑฺฒิตํ ทุฏฺจิตฺตํ ทเมตุกาเมน รูปาทิอารมฺมณโต อปเนตฺวา อรฺํ วา รุกฺขมูลํ วา สฺุาคารํ วา ปวิสิตฺวา ตตฺถ สติปฏฺานารมฺมณตฺถมฺเภ สติโยตฺเตน ¶ พนฺธิตพฺพํ. เอวมสฺส ตํ จิตฺตํ อิโต จิโต จ วิปฺผนฺทิตฺวาปิ ปุพฺเพ อาจิณฺณารมฺมณํ อลภมานํ สติโยตฺตํ ฉินฺทิตฺวา ปลายิตุํ อสกฺโกนฺตํ ตเมวารมฺมณํ อุปจารปฺปนาวเสน อุปนิสีทติ เจว อุปนิปชฺชติ จ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ยถา ถมฺเภ นิพนฺเธยฺย, วจฺฉํ ทมํ นโร อิธ;
พนฺเธยฺเยวํ สกํ จิตฺตํ, สติยารมฺมเณ ทฬฺห’’นฺติ.
เอวมสฺเสตํ ¶ เสนาสนํ ภาวนานุรูปํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิทมสฺส สติปฏฺานภาวนานุรูปเสนาสนปริคฺคหปริทีปน’’นฺติ.
อปิจ ยสฺมา อิทํ กายานุปสฺสนาย มุทฺธภูตํ สพฺพพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ วิเสสาธิคมทิฏฺธมฺมสุขวิหารปทฏฺานํ อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ อิตฺถิปุริสหตฺถิอสฺสาทิสทฺทสมากุลํ คามนฺตํ อปริจฺจชิตฺวา น สุกรํ สมฺปาเทตุํ, สทฺทกณฺฑกตฺตา ฌานสฺส. อคามเก ปน อรฺเ สุกรํ โยคาวจเรน อิทํ กมฺมฏฺานํ ปริคฺคเหตฺวา อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตเทว ¶ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ, ตสฺมาสฺส อนุรูปเสนาสนํ ทสฺเสนฺโต ภควา, ‘‘อรฺคโต วา’’ติอาทิมาห.
วตฺถุวิชฺชาจริโย วิย หิ ภควา. โส ยถา วตฺถุวิชฺชาจริโย นครภูมึ ปสฺสิตฺวา สุฏฺุ อุปปริกฺขิตฺวา ‘‘เอตฺถ นครํ มาเปถา’’ติ อุปทิสติ, โสตฺถินา จ นคเร นิฏฺิเต ราชกุลโต มหาสกฺการํ ลภติ, เอวเมว โยคาวจรสฺส อนุรูปเสนาสนํ อุปปริกฺขิตฺวา ‘‘เอตฺถ กมฺมฏฺานมนุยฺุชิตพฺพ’’นฺติ อุปทิสติ, ตโต ตตฺถ กมฺมฏฺานมนุยฺุชนฺเตน โยคินา อนุกฺกเมน อรหตฺเต ปตฺเต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา’’ติ มหนฺตํ สกฺการํ ลภติ.
อยํ ปน ภิกฺขุ ทีปิสทิโสติ วุจฺจติ. ยถา หิ มหาทีปิราชา อรฺเ ติณคหนํ วา วนคหนํ วา ปพฺพตคหนํ วา นิสฺสาย นิลียิตฺวา วนมหึสโคกณฺณสูกราทโย มิเค คณฺหาติ, เอวเมว อยํ อรฺาทีสุ กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชนฺโต ¶ ภิกฺขุ ยถากฺกเมน จตฺตาโร มคฺเค เจว จตฺตาริ อริยผลานิ จ คณฺหาติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ยถาปิ ทีปิโก นาม, นิลียิตฺวา คณฺหตี มิเค;
ตเถวายํ พุทฺธปุตฺโต, ยุตฺตโยโค วิปสฺสโก;
อรฺํ ปวิสิตฺวาน, คณฺหาติ ผลมุตฺตม’’นฺติ.
เตนสฺส ปรกฺกมชวโยคฺคภูมึ อรฺเสนาสนํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘อรฺคโต วา’’ติอาทิมาห. อิโต ปรํ อิมสฺมึ อานาปานปพฺเพ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตเมว. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทกฺโข ภมกาโร วาติ อิทฺหิ อุปมามตฺตเมว อิติ อชฺฌตฺตํ วา กาเยติ อิทํ อปฺปนามตฺตเมว จ ตตฺถ อนาคตํ, เสสํ อาคตเมว.
ยํ ¶ ปน อนาคตํ, ตตฺถ ทกฺโขติ เฉโก. ทีฆํ วา อฺฉนฺโตติ มหนฺตานํ เภรีโปกฺขราทีนํ ลิขนกาเล หตฺเถ จ ปาเท จ ปสาเรตฺวา ทีฆํ กฑฺฒนฺโต. รสฺสํ วา อฺฉนฺโตติ ขุทฺทกานํ ทนฺตสูจิเวธกาทีนํ ลิขนกาเล มนฺทมนฺทํ รสฺสํ กฑฺฒนฺโต. เอวเมว โขติ เอวํ อยมฺปิ ภิกฺขุ อทฺธานวเสน อิตฺตรวเสน จ ปวตฺตานํ อสฺสาสปสฺสาสานํ วเสน ทีฆํ วา อสฺสสนฺโต ทีฆํ อสฺสสามีติ ปชานาติ…เป… ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขตีติ. ตสฺเสวํ สิกฺขโต อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺเต จตฺตาริ ฌานานิ อุปฺปชฺชนฺติ, โส ฌานา วุฏฺหิตฺวา อสฺสาสปสฺสาเส วา ปริคฺคณฺหาติ ฌานงฺคานิ วา.
ตตฺถ ¶ อสฺสาสปสฺสาสกมฺมิโก ‘‘อิเม อสฺสาสปสฺสาสา กึ นิสฺสิตา? วตฺถุนิสฺสิตา. วตฺถุ นาม กรชกาโย, กรชกาโย นาม จตฺตาริ มหาภูตานิ อุปาทารูปฺเจ’’ติ เอวํ รูปํ ปริคฺคณฺหาติ. ตโต ตทารมฺมเณ ผสฺสปฺจมเก นามนฺติ. เอวํ นามรูปํ ปริคฺคเหตฺวา ตสฺส ปจฺจยํ ปริเยสนฺโต อวิชฺชาทิปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ทิสฺวา ‘‘ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมมตฺตเมเวตํ, อฺโ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา นตฺถี’’ติ ¶ วิติณฺณกงฺโข สปฺปจฺจยนามรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต อนุกฺกเมน อรหตฺตํ ปาปุณาติ. อิทํ เอกสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา นิยฺยานมุขํ.
ฌานกมฺมิโกปิ ‘‘อิมานิ ฌานงฺคานิ กึ นิสฺสิตานิ, วตฺถุนิสฺสิตานิ, วตฺถุ นาม กรชกาโย ฌานงฺคานิ นามํ, กรชกาโย รูป’’นฺติ นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา ตสฺส ปจฺจยํ ปริเยสนฺโต อวิชฺชาทิปจฺจยาการํ ทิสฺวา ‘‘ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมมตฺตเมเวตํ, อฺโ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา นตฺถี’’ติ วิติณฺณกงฺโข สปฺปจฺจยนามรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต อนุกฺกเมน อรหตฺตํ ปาปุณาติ. อิทเมกสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา นิยฺยานมุขํ.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ อตฺตโน วา อสฺสาสปสฺสาสกาเย กายานุปสฺสี วิหรติ. พหิทฺธา วาติ ปรสฺส วา อสฺสาสปสฺสาสกาเย. อชฺฌตฺตพหิทฺธา วาติ กาเลน อตฺตโน, กาเลน ปรสฺส อสฺสาสปสฺสาสกาเย. เอเตนสฺส ปคุณกมฺมฏฺานํ อฏฺเปตฺวา อปราปรํ สฺจรณกาโล กถิโต. เอกสฺมึ กาเล ปนิทํ อุภยํ น ลพฺภติ.
สมุทยธมฺมานุปสฺสี ¶ วาติ ยถา นาม กมฺมารสฺส ภสฺตฺจ คคฺครนาฬิฺจ ตชฺชฺจ วายามํ ปฏิจฺจ วาโต อปราปรํ สฺจรติ, เอวํ ภิกฺขุโน กรชกายฺจ นาสปุฏฺจ จิตฺตฺจ ปฏิจฺจ อสฺสาสปสฺสาสกาโย อปราปรํ สฺจรติ. กายาทโย ธมฺมา สมุทยธมฺมา, เต ปสฺสนฺโต ‘‘สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา กายสฺมึ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ. วยธมฺมานุปสฺสี วาติ ยถา ภสฺตาย อปนีตาย คคฺครนาฬิยา ภินฺนาย ตชฺเช จ วายาเม อสติ โส วาโต นปฺปวตฺตติ, เอวเมว กาเย ภินฺเน นาสปุเฏ วิทฺธสฺเต จิตฺเต จ นิรุทฺเธ อสฺสาสปสฺสาสกาโย นาม นปฺปวตฺตตีติ กายาทินิโรธา อสฺสาสปสฺสาสนิโรโธติ เอวํ ปสฺสนฺโต ‘‘วยธมฺมานุปสฺสี วา กายสฺมึ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ. สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วาติ กาเลน สมุทยํ กาเลน วยํ อนุปสฺสนฺโต. อตฺถิ กาโยติ วา ปนสฺสาติ กาโยว อตฺถิ, น สตฺโต, น ปุคฺคโล, น อิตฺถี, น ปุริโส, น อตฺตา, น อตฺตนิยํ, นาหํ, น มม, น โกจิ, น กสฺสจีติ เอวมสฺส สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ.
ยาวเทวาติ ¶ ¶ ปโยชนปริจฺเฉทววตฺถาปนเมตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยา สา สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ, สา น อฺทตฺถาย. อถ โข ยาวเทว าณมตฺตาย อปราปรํ อุตฺตรุตฺตริ าณปมาณตฺถาย เจว สติปมาณตฺถาย จ, สติสมฺปชฺานํ วุฑฺฒตฺถายาติ อตฺโถ. อนิสฺสิโต จ วิหรตีติ ตณฺหานิสฺสยทิฏฺินิสฺสยานํ วเสน อนิสฺสิโตว วิหรติ. น จ กิฺจิ โลเก อุปาทิยตีติ โลกสฺมึ กิฺจิ รูปํ วา…เป… วิฺาณํ วา ‘‘อยํ เม อตฺตา วา อตฺตนิยํ วา’’ติ น คณฺหาติ. เอวมฺปีติ อุปริ อตฺถํ อุปาทาย สมฺปิณฺฑนตฺโถ ปิ-กาโร. อิมินา ปน ปเทน ภควา อานาปานปพฺพเทสนํ นิยฺยาเตตฺวา ทสฺเสติ.
ตตฺถ อสฺสาสปสฺสาสปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺสา สมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหา สมุทยสจฺจํ อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, ทุกฺขปริชานโน สมุทยปชหโน นิโรธารมฺมโณ อริยมคฺโค มคฺคสจฺจํ. เอวํ จตุสจฺจวเสน อุสฺสกฺกิตฺวา นิพฺพุตึ ปาปุณาตีติ อิทเมกสฺส อสฺสาสปสฺสาสวเสน อภินิวิฏฺสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา นิยฺยานมุขนฺติ.
อานาปานปพฺพํ นิฏฺิตํ.
อิริยาปถปพฺพวณฺณนา
๓๗๕. เอวํ ¶ อสฺสาสปสฺสาสวเสน กายานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ อิริยาปถวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถ กามํ โสณสิงฺคาลาทโยปิ คจฺฉนฺตา ‘‘คจฺฉามา’’ติ ชานนฺติ, น ปเนตํ เอวรูปํ ชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวรูปฺหิ ชานนํ สตฺตูปลทฺธึ น ปชหติ, อตฺตสฺํ น อุคฺฆาเฏติ, กมฺมฏฺานํ วา สติปฏฺานภาวนา วา น โหติ. อิมสฺส ปน ภิกฺขุโน ชานนํ สตฺตูปลทฺธึ ปชหติ, อตฺตสฺํ อุคฺฆาเฏติ กมฺมฏฺานฺเจว สติปฏฺานภาวนา จ โหติ. อิทฺหิ ‘‘โก คจฺฉติ, กสฺส คมนํ, กึ การณา คจฺฉตี’’ติ เอวํ สมฺปชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ. านาทีสุปิ เอเสว นโย.
ตตฺถ โก คจฺฉตีติ? น โกจิ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา คจฺฉติ. กสฺส คมนนฺติ? น กสฺสจิ สตฺตสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา คมนํ. กึ การณา คจฺฉตีติ ¶ ? จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน คจฺฉติ. ตสฺมา เอส เอวํ ปชานาติ – ‘‘คจฺฉามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ ¶ , ตํ วายํ ชเนติ, วาโย วิฺตฺตึ ชเนติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน สกลกายสฺส ปุรโต อภินีหาโร คมนนฺติ วุจฺจติ. านาทีสุปิ เอเสว นโย.
ตตฺราปิ หิ ‘‘ติฏฺามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตํ วายํ ชเนติ, วาโย วิฺตฺตึ ชเนติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน สกลกายสฺส โกฏิโต ปฏฺาย อุสฺสิตภาโว านนฺติ วุจฺจติ. ‘‘นิสีทามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตํ วายํ ชเนติ, วาโย วิฺตฺตึ ชเนติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน เหฏฺิมกายสฺส สมิฺชนํ อุปริมกายสฺส อุสฺสิตภาโว นิสชฺชาติ วุจฺจติ. ‘‘สยามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตํ วายํ ชเนติ, วาโย วิฺตฺตึ ชเนติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน สกลสรีรสฺส ติริยโต ปสารณํ สยนนฺติ วุจฺจตีติ.
ตสฺส เอวํ ปชานโต เอวํ โหติ ‘‘สตฺโต คจฺฉติ, สตฺโต ติฏฺตี’’ติ วุจฺจติ, อตฺถโต ปน โกจิ สตฺโต คจฺฉนฺโต วา ิโต วา นตฺถิ. ยถา ปน ‘‘สกฏํ คจฺฉติ, สกฏํ ติฏฺตี’’ติ วุจฺจติ, น จ กิฺจิ สกฏํ นาม คจฺฉนฺตํ วา ิตํ วา อตฺถิ, จตฺตาโร ปน โคเณ โยเชตฺวา เฉกมฺหิ สารถิมฺหิ ปาเชนฺเต ‘‘สกฏํ คจฺฉติ, สกฏํ ติฏฺตี’’ติ โวหารมตฺตเมว ¶ โหติ, เอวเมว อชานนฏฺเน สกฏํ วิย กาโย, โคณา วิย จิตฺตชวาตา, สารถิ วิย จิตฺตํ. ‘‘คจฺฉามิ ติฏฺามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน วาโยธาตุ วิฺตฺตึ ชนยมานา อุปฺปชฺชติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน คมนาทีนิ ปวตฺตนฺติ, ตโต ‘‘สตฺโต คจฺฉติ, สตฺโต ติฏฺติ, อหํ คจฺฉามิ, อหํ ติฏฺามี’’ติ โวหารมตฺตํ โหติ. เตนาห –
‘‘นาวา มาลุตเวเคน, ชิยาเวเคน เตชนํ;
ยถา ยาติ ตถา กาโย, ยาติ วาตาหโต อยํ.
ยนฺตํ ¶ สุตฺตวเสเนว, จิตฺตสุตฺตวเสนิทํ;
ปยุตฺตํ กายยนฺตมฺปิ, ยาติ าติ นิสีทติ.
โก นาม เอตฺถ โส สตฺโต, โย วินา เหตุปจฺจเย;
อตฺตโน อานุภาเวน, ติฏฺเ วา ยทิ วา วเช’’ติ.
ตสฺมา เอวํ เหตุปจฺจยวเสเนว ปวตฺตานิ คมนาทีนิ สลฺลกฺเขนฺโต เอส ‘‘คจฺฉนฺโต วา คจฺฉามีติ ¶ ปชานาติ, ิโต วา, นิสินฺโน วา, สยาโน วา สยาโนมฺหีติ ปชานาตี’’ติ เวทิตพฺโพ.
ยถา ยถา วา ปนสฺส กาโย ปณิหิโต โหติ, ตถา ตถา นํ ปชานาตีติ สพฺพสงฺคาหิกวจนเมตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน เยน วา อากาเรนสฺส กาโย ิโต โหติ, เตน เตน นํ ปชานาติ. คมนากาเรน ิตํ คจฺฉตีติ ปชานาติ. านนิสชฺชสยนากาเรน ิตํ สยาโนติ ปชานาตีติ.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ อตฺตโน วา จตุอิริยาปถปริคฺคณฺหเนน กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ. พหิทฺธา วาติ ปรสฺส วา จตุอิริยาปถปริคฺคณฺหเนน. อชฺฌตฺตพหิทฺธา วาติ กาเลน อตฺตโน, กาเลน ปรสฺส จตุอิริยาปถปริคฺคณฺหเนน กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยธมฺมานุปสฺสี วาติอาทีสุ ปน อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโยติอาทินา นเยน ปฺจหากาเรหิ รูปกฺขนฺธสฺส สมุทโย จ วโย จ นีหริตพฺโพ. ตฺหิ สนฺธาย อิธ ‘‘สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตฺถิ กาโยติ วา ปนสฺสาติอาทิ วุตฺตสทิสเมว.
อิธาปิ ¶ จตุอิริยาปถปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺสา สมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหา สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, ทุกฺขปริชานโน สมุทยปชหโน นิโรธารมฺมโณ อริยมคฺโค มคฺคสจฺจํ. เอวํ จตุสจฺจวเสน อุสฺสกฺกิตฺวา นิพฺพุตึ ปาปุณาตีติ อิทเมกสฺส จตุอิริยาปถปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา นิยฺยานมุขนฺติ.
อิริยาปถปพฺพํ นิฏฺิตํ.
จตุสมฺปชฺปพฺพวณฺณนา
๓๗๖. เอวํ อิริยาปถวเสน กายานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ จตุสมฺปชฺวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ อภิกฺกนฺเตติอาทีนิ สามฺผเล วณฺณิตานิ. อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ จตุสมฺปชฺปริคฺคณฺหเนน อตฺตโน วา กาเย, ปรสฺส วา กาเย, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ. อิธาปิ สมุทยวยธมฺมานุปสฺสีติอาทีสุ ¶ รูปกฺขนฺธสฺเสว สมุทโย จ วโย จ นีหริตพฺโพ. เสสํ วุตฺตสทิสเมว.
อิธ จตุสมฺปชฺปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺสา สมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหา สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, วุตฺตปฺปกาโร อริยมคฺโค มคฺคสจฺจํ. เอวํ จตุสจฺจวเสน อุสฺสกฺกิตฺวา นิพฺพุตึ ปาปุณาตีติ อิทเมกสฺส จตุสมฺปชฺปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน วเสน ยาว อรหตฺตา นิยฺยานมุขนฺติ.
จตุสมฺปชฺปพฺพํ นิฏฺิตํ.
ปฏิกูลมนสิการปพฺพวณฺณนา
๓๗๗. เอวํ จตุสมฺปชฺวเสน กายานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ ปฏิกูลมนสิการวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อิมเมว กายนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ สพฺพากาเรน วิตฺถารโต วิสุทฺธิมคฺเค กายคตาสติกมฺมฏฺาเน วุตฺตํ. อุภโตมุขาติ เหฏฺา จ อุปริ จาติ ทฺวีหิ มุเขหิ ยุตฺตา. นานาวิหิตสฺสาติ นานาวิธสฺส.
อิทํ ¶ ปเนตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อุภโตมุขา ปุโตฬิ วิย หิ จาตุมหาภูติโก กาโย, ตตฺถ มิสฺเสตฺวา ปกฺขิตฺตนานาวิธธฺํ วิย เกสาทโย ทฺวตฺตึสาการา, จกฺขุมา ปุริโส วิย โยคาวจโร, ตสฺส ตํ ปุโตฬึ มฺุจิตฺวา ปจฺจเวกฺขโต นานาวิธธฺสฺส ปากฏกาโล วิย โยคิโน ทฺวตฺตึสาการสฺส วิภูตกาโล เวทิตพฺโพ. อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ เกสาทิปริคฺคณฺหเนน อตฺตโน วา กาเย, ปรสฺส วา กาเย, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว. เกวลฺหิ อิธ ทฺวตฺตึสาการปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ ¶ เอวํ โยชนํ กตฺวา นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
ปฏิกูลมนสิการปพฺพํ นิฏฺิตํ.
ธาตุมนสิการปพฺพวณฺณนา
๓๗๘. เอวํ ¶ ปฏิกูลมนสิการวเสน กายานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ ธาตุมนสิการวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถายํ โอปมฺมสํสนฺทเนน สทฺธึ อตฺถวณฺณนา – ยถา โกจิ โคฆาตโก วา ตสฺเสว วา ภตฺตเวตนภโต อนฺเตวาสิโก คาวึ วธิตฺวา วินิวิชฺฌิตฺวา จตสฺโส ทิสา คตานํ มหาปถานํ เวมชฺฌฏฺานสงฺขาเต จตุมหาปเถ โกฏฺาสํ โกฏฺาสํ กตฺวา นิสินฺโน อสฺส, เอวเมว ภิกฺขุ จตุนฺนํ อิริยาปถานํ เยน เกนจิ อากาเรน ิตตฺตา ยถาิตํ, ยถาิตตฺตา จ ยถาปณิหิตํ กายํ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย ปถวีธาตุ…เป… วาโยธาตู’’ติ เอวํ ปจฺจเวกฺขติ.
กึ วุตฺตํ โหติ – ยถา โคฆาตกสฺส คาวึ โปเสนฺตสฺสาปิ อาฆาตนํ อาหรนฺตสฺสาปิ อาหริตฺวา ตตฺถ พนฺธิตฺวา เปนฺตสฺสปิ วเธนฺตสฺสาปิ วธิตํ มตํ ปสฺสนฺตสฺสาปิ ตาวเทว คาวีติ สฺา น อนฺตรธายติ, ยาว นํ ปทาเลตฺวา พิลโส น วิภชติ. วิภชิตฺวา นิสินฺนสฺส ปนสฺส คาวีติ สฺา อนฺตรธายติ, มํสสฺา ปวตฺตติ. นาสฺส เอวํ ¶ โหติ – ‘‘อหํ คาวึ วิกฺกิณามิ, อิเม คาวึ หรนฺตี’’ติ. อถ ขฺวสฺส ‘‘อหํ มํสํ วิกฺกิณามิ, อิเม มํสํ หรนฺติ’’ จฺเจว โหติ; เอวเมว อิมสฺสาปิ ภิกฺขุโน ปุพฺเพ พาลปุถุชฺชนกาเล คิหิภูตสฺสาปิ ปพฺพชิตสฺสาปิ ตาวเทว สตฺโตติ วา ปุคฺคโลติ วา สฺา น อนฺตรธายติ, ยาว อิมเมว กายํ ยถาิตํ ยถาปณิหิตํ ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวา ธาตุโส น ปจฺจเวกฺขติ. ธาตุโส ปจฺจเวกฺขโต ปนสฺส สตฺตสฺา อนฺตรธายติ, ธาตุวเสเนว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ. เตนาห ภควา – ‘‘‘อิมเมว กายํ ยถาิตํ ยถาปณิหิตํ ธาตุโส ปจฺจเวกฺขติ ‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทกฺโข โคฆาตโก วา…เป… วาโยธาตู’’ติ. โคฆาตโก วิย หิ โยคี, คาวีติ สฺา วิย สตฺตสฺา, จตุมหาปโถ วิย จตุอิริยาปโถ, พิลโส วิภชิตฺวา ¶ นิสินฺนภาโว วิย ธาตุโส ปจฺจเวกฺขณนฺติ อยเมตฺถ ปาฬิวณฺณนา. กมฺมฏฺานกถา ปน วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตา.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ จตุธาตุปริคฺคณฺหเนน อตฺตโน วา กาเย, ปรสฺส วา กาเย, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว. เกวลฺหิ อิธ จตุธาตุปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ, เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
ธาตุมนสิการปพฺพํ นิฏฺิตํ.
นวสิวถิกปพฺพวณฺณนา
๓๗๙. เอวํ ¶ ธาตุมนสิการวเสน กายานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ นวหิ สิวถิกปพฺเพหิ วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถ เสยฺยถาปิ ปสฺเสยฺยาติ ยถา ปสฺเสยฺย. สรีรนฺติ มตสรีรํ. สิวถิกาย ฉฑฺฑิตนฺติ สุสาเน อปวิทฺธํ. เอกาหํ มตสฺส อสฺสาติ เอกาหมตํ. ทฺวีหํ มตสฺส อสฺสาติ ทฺวีหมตํ. ตีหํ มตสฺส อสฺสาติ ตีหมตํ. กมฺมารภสฺตา วิย วายุนา อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา ยถานุกฺกมํ สมุคฺคเตน สูนภาเวน อุทฺธุมาตตฺตา อุทฺธุมาตํ, อุทฺธุมาตเมว อุทฺธุมาตกํ. ปฏิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ อุทฺธุมาตนฺติ อุทฺธุมาตกํ. วินีลํ วุจฺจติ ¶ วิปริภินฺนวณฺณํ, วินีลเมว วินีลกํ. ปฏิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วินีลนฺติ วินีลกํ. มํสุสฺสทฏฺาเนสุ รตฺตวณฺณสฺส ปุพฺพสนฺนิจยฏฺาเนสุ เสตวณฺณสฺส เยภุยฺเยน จ นีลวณฺณสฺส นีลฏฺาเนสุ นีลสาฏกปารุตสฺเสว ฉวสรีรสฺเสตํ อธิวจนํ. ปริภินฺนฏฺาเนหิ นวหิ วา วณมุเขหิ วิสฺสนฺทมานปุพฺพํ วิปุพฺพํ, วิปุพฺพเมว วิปุพฺพกํ. ปฏิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิปุพฺพนฺติ วิปุพฺพกํ. วิปุพฺพกํ ชาตํ ตถาภาวํ คตนฺติ วิปุพฺพกชาตํ.
โส อิมเมว กายนฺติ โส ภิกฺขุ อิมํ อตฺตโน กายํ เตน กาเยน สทฺธึ าเณน อุปสํหรติ อุปเนติ. กถํ? อยมฺปิ โข กาโย เอวํธมฺโม เอวํภาวี เอวํอนตีโตติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อายุ, อุสฺมา, วิฺาณนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ ธมฺมานํ อตฺถิตาย อยํ ¶ กาโย านคมนาทิขโม โหติ, อิเมสํ ปน วิคมา อยมฺปิ โข กาโย เอวํธมฺโม เอวํ ปูติกสภาโวเยว, เอวํภาวี เอวํ อุทฺธุมาตาทิเภโท ภวิสฺสติ, เอวํอนตีโต เอวํ อุทฺธุมาตาทิภาวํ อนติกฺกนฺโตติ. อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ อุทฺธุมาตาทิปริคฺคณฺหเนน อตฺตโน วา กาเย, ปรสฺส วา กาเย, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.
ขชฺชมานนฺติ อุทราทีสุ นิสีทิตฺวา อุทรมํสโอฏฺมํสอกฺขิกูฏาทีนิ ลฺุจิตฺวา ลฺุจิตฺวา ขาทิยมานํ. สมํสโลหิตนฺติ สาวเสสมํสโลหิตยุตฺตํ. นิมํสโลหิตมกฺขิตนฺติ มํเส ขีเณปิ โลหิตํ น สุสฺสติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นิมํสโลหิตมกฺขิต’’นฺติ. อฺเนาติ อฺเน ทิสาภาเคน. หตฺถฏฺิกนฺติ จตุสฏฺิเภทมฺปิ หตฺถฏฺิกํ ปาฏิเยกฺกํ ปาฏิเยกฺกํ วิปฺปกิณฺณํ. ปาทฏฺิกาทีสุปิ เอเสว นโย.
เตโรวสฺสิกานีติ อติกฺกนฺตสํวจฺฉรานิ. ปูตีนีติ อพฺโภกาเส ิตานิ วาตาตปวุฏฺิสมฺผสฺเสน ¶ เตโรวสฺสิกาเนว ปูตีนิ โหนฺติ, อนฺโตภูมิคตานิ ปน จิรตรํ ติฏฺนฺติ. จุณฺณกชาตานีติ จุณฺณํ จุณฺณํ หุตฺวา วิปฺปกิณฺณานิ. สพฺพตฺถ โส อิมเมวาติ วุตฺตนเยน ขชฺชมานาทีนํ วเสน โยชนา กาตพฺพา. อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ ขชฺชมานาทิปริคฺคณฺหเนน ยาว จุณฺณกภาวา อตฺตโน วา กาเย, ปรสฺส วา กาเย กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.
อิธ ¶ ปน ตฺวา นวสิวถิกา สโมธาเนตพฺพา. เอกาหมตํ วาติ หิ อาทินา นเยน วุตฺตา สพฺพาปิ เอกา, กาเกหิ วา ขชฺชมานนฺติอาทิกา เอกา, อฏฺิกสงฺขลิกํ สมํสโลหิตํ นฺหารุสมฺพนฺธนฺติ เอกา, นิมํสโลหิตมกฺขิตํ นฺหารุสมฺพนฺธนฺติ เอกา, อปคตมํสโลหิตํ นฺหารุสมฺพนฺธนฺติ เอกา, อฏฺิกานิ อปคตสมฺพนฺธานีติอาทิกา เอกา อฏฺิกานิ เสตานิ สงฺขวณฺณปฏิภาคานีติ เอกา, ปฺุชกิตานิ เตโรวสฺสิกานีติ เอกา, ปูตีนิ จุณฺณกชาตานีติ เอกาติ.
เอวํ โข, ภิกฺขเวติ อิทํ นวสิวถิกา ทสฺเสตฺวา กายานุปสฺสนํ นิฏฺเปนฺโต อาห. ตตฺถ นวสิวถิกปริคฺคาหิกา ¶ สติ ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺสา สมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหา สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, ทุกฺขปริชานโน สมุทยปชหโน นิโรธารมฺมโณ อริยมคฺโค มคฺคสจฺจํ. เอวํ จตุสจฺจวเสน อุสฺสกฺกิตฺวา นิพฺพุตึ ปาปุณาตีติ อิทํ นวสิวถิกปริคฺคาหกานํ ภิกฺขูนํ ยาว อรหตฺตา นิยฺยานมุขนฺติ.
นวสิวถิกปพฺพํ นิฏฺิตํ.
เอตฺตาวตา จ อานาปานปพฺพํ, อิริยาปถปพฺพํ, จตุสมฺปชฺปพฺพํ, ปฏิกูลมนสิการปพฺพํ, ธาตุมนสิการปพฺพํ, นวสิวถิกปพฺพานีติ จุทฺทสปพฺพา กายานุปสฺสนา นิฏฺิตา โหติ. ตตฺถ อานาปานปพฺพํ, ปฏิกูลมนสิการปพฺพนฺติ อิมาเนว ทฺเว อปฺปนากมฺมฏฺานานิ, สิวถิกานํ ปน อาทีนวานุปสฺสนาวเสน วุตฺตตฺตา เสสานิ ทฺวาทสาปิ อุปจารกมฺมฏฺานาเนวาติ.
กายานุปสฺสนา นิฏฺิตา.
เวทนานุปสฺสนาวณฺณนา
๓๘๐. เอวํ ¶ ภควา จุทฺทสวิเธน กายานุปสฺสนาสติปฏฺานํ กเถตฺวา อิทานิ นววิเธน เวทนานุปสฺสนํ กเถตุํ กถฺจ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ สุขํ เวทนนฺติ กายิกํ วา เจตสิกํ วา สุขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘‘อหํ สุขํ เวทนํ เวทยามี’’ติ ปชานาตีติ อตฺโถ. ตตฺถ ¶ กามํ อุตฺตานเสยฺยกาปิ ทารกา ถฺปิวนาทิกาเล สุขํ เวทยมานา ‘‘สุขํ เวทนํ เวทยามา’’ติ ปชานนฺติ, น ปเนตํ เอวรูปํ ชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวรูปฺหิ ชานนํ สตฺตูปลทฺธึ น ชหติ, อตฺตสฺํ น อุคฺฆาเฏติ, กมฺมฏฺานํ วา สติปฏฺานภาวนา วา น โหติ. อิมสฺส ปน ภิกฺขุโน ชานนํ สตฺตูปลทฺธึ ชหติ, อตฺตสฺํ อุคฺฆาเฏติ, กมฺมฏฺานฺเจว สติปฏฺานภาวนา จ โหติ. อิทฺหิ ‘‘โก เวทยติ, กสฺส เวทนา, กึ การณา เวทนา’’ติ เอวํ สมฺปชานเวทิยนํ สนฺธาย วุตฺตํ.
ตตฺถ โก เวทยตีติ น โกจิ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา เวทยติ. กสฺส เวทนาติ น กสฺสจิ สตฺตสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา เวทนา. กึ การณา เวทนาติ วตฺถุอารมฺมณาว ปนสฺส เวทนา, ตสฺมา เอส เอวํ ปชานาติ ‘‘ตํ ตํ สุขาทีนํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทยติ ตํ ปน เวทนาย ปวตฺตึ ¶ อุปาทาย’อหํ เวทยามี’ติ โวหารมตฺตํ โหตี’’ติ. เอวํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทยตีติ สลฺลกฺเขนฺโต เอส ‘‘สุขํ เวทนํ เวทยามีติ ปชานาตี’’ติ เวทิตพฺโพ จิตฺตลปพฺพเต อฺตรตฺเถโร วิย.
เถโร กิร อผาสุกกาเล พลวเวทนาย นิตฺถุนนฺโต อปราปรํ ปริวตฺตติ, ตเมโก ทหโร อาห – ‘‘กตรํ โว, ภนฺเต, านํ รุชฺชตี’’ติ. อาวุโส, ปาฏิเยกฺกํ รุชฺชนฏฺานํ นาม นตฺถิ, วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทยตีติ. เอวํ ชานนกาลโต ปฏฺาย อธิวาเสตุํ วฏฺฏติ โน, ภนฺเต,ติ. อธิวาเสมิ, อาวุโสติ. อธิวาสนา, ภนฺเต, เสยฺโยติ. เถโร อธิวาเสสิ. วาโต ยาว หทยา ผาเลสิ, มฺจเก อนฺตานิ ราสิกตานิ อเหสุํ. เถโร ทหรสฺส ทสฺเสสิ ‘‘วฏฺฏตาวุโส, เอตฺตกา อธิวาสนา’’ติ. ทหโร ตุณฺหี อโหสิ. เถโร วีริยสมตํ โยเชตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา สมสีสี หุตฺวา ปรินิพฺพายิ.
ยถา จ สุขํ, เอวํ ทุกฺขํ…เป… นิรามิสํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘‘นิรามิสํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยามี’’ติ ปชานาติ. อิติ ภควา รูปกมฺมฏฺานํ กเถตฺวา อรูปกมฺมฏฺานํ กเถนฺโต ยสฺมา ผสฺสวเสน จิตฺตวเสน วา กถิยมานํ ปากฏํ น โหติ ¶ , อนฺธการํ วิย ขายติ, เวทนานํ ปน อุปฺปตฺติปากฏตาย เวทนาวเสน ปากฏํ โหติ, ตสฺมา สกฺกปฺเห วิย อิธาปิ เวทนาวเสน อรูปกมฺมฏฺานํ กเถสิ. ตตฺถ ‘‘ทุวิธฺหิ ¶ กมฺมฏฺานํ รูปกมฺมฏฺานํ อรูปกมฺมฏฺานฺจา’’ติอาทิ กถามคฺโค สกฺกปฺเห วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ สุขํ เวทนนฺติอาทีสุ อยํ อปโรปิ ปชานนปริยาโย, สุขํ เวทนํ เวทยามีติ ปชานาตีติ สุขเวทนากฺขเณ ทุกฺขเวทนาย อภาวโต สุขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘‘สุขํ เวทนํเยว เวทยามี’’ติ ปชานาติ. เตน ยา ¶ ปุพฺเพ ภูตปุพฺพา ทุกฺขเวทนา, ตสฺส อิทานิ อภาวโต อิมิสฺสา จ สุขาย เวทนาย อิโต ปมํ อภาวโต เวทนา นาม อนิจฺจา อธุวา วิปริณามธมฺมา, อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –
‘‘ยสฺมึ, อคฺคิเวสฺสน, สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมึ สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, น อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ, สุขํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ. ยสฺมึ, อคฺคิเวสฺสน, สมเย ทุกฺขํ…เป… อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมึ สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, น ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, อทุกฺขมสุขํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ. สุขาปิ, โข, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา. ทุกฺขาปิ, โข…เป… อทุกฺขมสุขาปิ โข, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา อนิจฺจา…เป… นิโรธธมฺมา. เอวํ ปสฺสํ, อคฺคิเวสฺสน, สุตวา อริยสาวโก สุขายปิ เวทนาย นิพฺพินฺทติ, ทุกฺขายปิ เวทนาย นิพฺพินฺทติ, อทุกฺขมสุขายปิ เวทนาย นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ, วิราคา วิมุจฺจติ, วิมุตฺตสฺมึ ‘วิมุตฺตมี’ติ าณํ โหติ, ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๐๕).
สามิสํ วา สุขนฺติอาทีสุ สามิสา สุขา นาม ปฺจกามคุณามิสสนฺนิสฺสิตา ฉ เคหสิตโสมนสฺสเวทนา. นิรามิสา สุขา นาม ฉ เนกฺขมฺมสิตโสมนสฺสเวทนา. สามิสา ทุกฺขา นาม ฉ เคหสิตโทมนสฺสเวทนา. นิรามิสา ทุกฺขา นาม ฉ เนกฺขมฺมสิตโทมนสฺสเวทนา. สามิสา อทุกฺขมสุขา นาม ฉ เคหสิตอุเปกฺขาเวทนา. นิรามิสา อทุกฺขมสุขา ¶ นาม ฉ เนกฺขมฺมสิตอุเปกฺขาเวทนา. ตาสํ วิภาโค สกฺกปฺเห วุตฺโตเยว.
อิติ ¶ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ สุขเวทนาทิปริคฺคณฺหเนน อตฺตโน วา เวทนาสุ, ปรสฺส วา เวทนาสุ, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วาติ เอตฺถ ปน อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโยติอาทีหิ ปฺจหิ ปฺจหิ อากาเรหิ เวทนานํ สมุทยฺจ ¶ วยฺจ ปสฺสนฺโต ‘‘สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา เวทนาสุ วิหรติ, วยธมฺมานุปสฺสี วา เวทนาสุ วิหรติ, กาเลน สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา เวทนาสุ, กาเลน วยธมฺมานุปสฺสี วา เวทนาสุ วิหรตี’’ติ เวทิตพฺโพ. อิโต ปรํ กายานุปสฺสนายํ วุตฺตนยเมว. เกวลฺหิ อิธ เวทนาปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา เวทนาปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ, เสสํ ตาทิสเมวาติ.
เวทนานุปสฺสนา นิฏฺิตา.
จิตฺตานุปสฺสนาวณฺณนา
๓๘๑. เอวํ นววิเธน เวทนานุปสฺสนาสติปฏฺานํ กเถตฺวา อิทานิ โสฬสวิเธน จิตฺตานุปสฺสนํ กเถตุํ กถฺจ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ สราคนฺติ อฏฺวิธโลภสหคตํ. วีตราคนฺติ โลกิยกุสลาพฺยากตํ. อิทํ ปน ยสฺมา สมฺมสนํ น ธมฺมสโมธานํ ตสฺมา อิธ เอกปเทปิ โลกุตฺตรํ น ลพฺภติ. เสสานิ จตฺตาริ อกุสลจิตฺตานิ เนว ปุริมปทํ น ปจฺฉิมปทํ ภชนฺติ. สโทสนฺติ ทุวิธโทมนสฺสสหคตํ. วีตโทสนฺติ โลกิยกุสลาพฺยากตํ. เสสานิ ทส อกุสลจิตฺตานิ เนว ปุริมปทํ, น ปจฺฉิมปทํ ภชนฺติ. สโมหนฺติ วิจิกิจฺฉาสหคตฺเจว, อุทฺธจฺจสหคตฺจาติ ทุวิธํ. ยสฺมา ปน โมโห สพฺพากุสเลสุ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา เสสานิปิ อิธ วฏฺฏนฺติเยว. อิมสฺมิฺเว หิ ทุเก ทฺวาทสากุสลจิตฺตานิ ปริยาทินฺนานีติ. วีตโมหนฺติ โลกิยกุสลาพฺยากตํ. สงฺขิตฺตนฺติ ถินมิทฺธานุปติตํ. เอตฺหิ สงฺกุฏิตจิตฺตํ นาม. วิกฺขิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจสหคตํ, เอตฺหิ ปสฏจิตฺตํ นาม.
มหคฺคตนฺติ รูปารูปาวจรํ. อมหคฺคตนฺติ กามาวจรํ. สอุตฺตรนฺติ กามาวจรํ. อนุตฺตรนฺติ รูปาวจรํ อรูปาวจรฺจ. ตตฺราปิ สอุตฺตรํ รูปาวจรํ, อนุตฺตรํ ¶ อรูปาวจรเมว. สมาหิตนฺติ ยสฺส อปฺปนาสมาธิ อุปจารสมาธิ วา อตฺถิ. อสมาหิตนฺติ อุภยสมาธิวิรหิตํ ¶ . วิมุตฺตนฺติ ตทงฺควิกฺขมฺภนวิมุตฺตีหิ วิมุตฺตํ. อวิมุตฺตนฺติ อุภยวิมุตฺติวิรหิตํ. สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺตีนํ ปน อิธ โอกาโสว นตฺถิ.
อิติ ¶ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ สราคาทิปริคฺคณฺหเนน ยสฺมึ ยสฺมึ ขเณ ยํ ยํ จิตฺตํ ปวตฺตติ, ตํ ตํ สลฺลกฺเขนฺโต อตฺตโน วา จิตฺเต, ปรสฺส วา จิตฺเต, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยธมฺมานุปสฺสีติ เอตฺถ ปน อวิชฺชาสมุทยา วิฺาณสมุทโยติ เอวํ ปฺจหิ ปฺจหิ อากาเรหิ วิฺาณสฺส สมุทโย จ วโย จ นีหริตพฺโพ. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว. เกวลฺหิ อิธ จิตฺตปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ ปทโยชนํ กตฺวา จิตฺตปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
จิตฺตานุปสฺสนา นิฏฺิตา.
ธมฺมานุปสฺสนา นีวรณปพฺพวณฺณนา
๓๘๒. เอวํ โสฬสวิเธน จิตฺตานุปสฺสนาสติปฏฺานํ กเถตฺวา อิทานิ ปฺจวิเธน ธมฺมานุปสฺสนํ กเถตุํ กถฺจ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. อปิจ ภควตา กายานุปสฺสนาย สุทฺธรูปปริคฺคโห กถิโต, เวทนาจิตฺตานุปสฺสนาหิ สุทฺธอรูปปริคฺคโห. อิทานิ รูปารูปมิสฺสกปริคฺคหํ กเถตุํ ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. กายานุปสฺสนาย วา รูปกฺขนฺธปริคฺคโหว กถิโต, เวทนานุปสฺสนาย เวทนากฺขนฺธปริคฺคโหว, จิตฺตานุปสฺสนาย วิฺาณกฺขนฺธปริคฺคโหว อิทานิ สฺาสงฺขารกฺขนฺธปริคฺคหมฺปิ กเถตุํ ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ สนฺตนฺติ อภิณฺหสมุทาจารวเสน สํวิชฺชมานํ. อสนฺตนฺติ อสมุทาจารวเสน วา ปหีนตฺตา วา อสํวิชฺชมานํ. ยถา จาติ เยน การเณน กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหติ. ตฺจ ปชานาตีติ ตฺจ การณํ ปชานาติ. อิติ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ สุภนิมิตฺเต อโยนิโสมนสิกาเรน กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหติ. สุภนิมิตฺตํ นาม ¶ สุภมฺปิ สุภนิมิตฺตํ, สุภารมฺมณมฺปิ สุภนิมิตฺตํ. อโยนิโสมนสิกาโร ¶ นาม อนุปายมนสิกาโร อุปฺปถมนสิกาโร อนิจฺเจ นิจฺจนฺติ วา, ทุกฺเข สุขนฺติ วา, อนตฺตนิ อตฺตาติ วา, อสุเภ สุภนฺติ วา มนสิกาโร. ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต กามจฺฉนฺโท อุปฺปชฺชติ. เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สุภนิมิตฺตํ, ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ ¶ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
อสุภนิมิตฺเต ปน โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติ. อสุภนิมิตฺตํ นาม อสุภมฺปิ อสุภารมฺมณมฺปิ. โยนิโสมนสิกาโร นาม อุปายมนสิกาโร ปถมนสิกาโร อนิจฺเจ อนิจฺจนฺติ วา, ทุกฺเข ทุกฺขนฺติ วา, อนตฺตนิ อนตฺตาติ วา, อสุเภ อสุภนฺติ วา มนสิกาโร. ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต กามจฺฉนฺโท ปหียติ. เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อสุภนิมิตฺตํ, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อนุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
อปิจ ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, อสุภภาวนานุโยโค, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. ทสวิธฺหิ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ กามจฺฉนฺโท ปหียติ, ภาเวนฺตสฺสาปิ อินฺทฺริเยสุ ปิหิตทฺวารสฺสาปิ จตุนฺนํ ปฺจนฺนํ อาโลปานํ โอกาเส สติ อุทกํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลตาย โภชนมตฺตฺุโนปิ. เตเนว วุตฺตํ –
‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;
อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);
อสุภกมฺมิกติสฺสตฺเถรสทิเส อสุภภาวนารเต กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสปิ กามจฺฉนฺโท ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ทสอสุภนิสฺสิตสปฺปายกถาย ปหียติ, เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. อิเมหิ ปน ฉหิ ธมฺเมหิ ปหีนกามจฺฉนฺทสฺส อรหตฺตมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติ.
ปฏิฆนิมิตฺเต ¶ อโยนิโสมนสิกาเรน ปน พฺยาปาทสฺส อุปฺปาโท โหติ. ตตฺถ ปฏิฆมฺปิ ปฏิฆนิมิตฺตํ ¶ , ปฏิฆารมฺมณมฺปิ ปฏิฆนิมิตฺตํ. อโยนิโสมนสิกาโร สพฺพตฺถ เอกลกฺขโณว. ตํ ตสฺมึ นิมิตฺเต พหุลํ ปวตฺตยโต พฺยาปาโท อุปฺปชฺชติ. เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปฏิฆนิมิตฺตํ ¶ , ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
เมตฺตาย ปน เจโตวิมุตฺติยา โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติ. ตตฺถ เมตฺตาติ วุตฺเต อปฺปนาปิ อุปจาโรปิ วฏฺฏติ. เจโตวิมุตฺตีติ อปฺปนาว. โยนิโสมนสิกาโร วุตฺตลกฺขโณว. ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต พฺยาปาโท ปหียติ. เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เมตฺตา เจโตวิมุตฺติ, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส อนุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
อปิจ ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห เมตฺตาภาวนานุโยโค กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณา ปฏิสงฺขานพหุลตา กลฺยาณมิตฺตตา สปฺปายกถาติ. โอทิสฺสกอโนทิสฺสกทิสาผรณานฺหิ อฺตรวเสน เมตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ พฺยาปาโท ปหียติ, โอธิโสอโนธิโสผรณวเสน เมตฺตํ ภาเวนฺตสฺสาปิ. ‘‘ตฺวํ เอตสฺส กุทฺโธ กึ กริสฺสสิ, กิมสฺส สีลาทีนิ วินาเสตุํ สกฺขิสฺสสิ, นนุ ตฺวํ อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กมฺเมเนว คมิสฺสสิ, ปรสฺส กุชฺฌนํ นาม วีตจฺจิตงฺคาร ตตฺตอย สลากคูถาทีนิ คเหตฺวา ปรํ ปหริตุกามตาสทิสํ โหติ. เอโสปิ ตว กุทฺโธ กึ กริสฺสติ, กึ เต สีลาทีนิ วินาเสตุํ สกฺขิสฺสติ, เอส อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กมฺเมเนว คมิสฺสติ, อปฺปฏิจฺฉิตปเหณกํ วิย ปฏิวาตํ ขิตฺตรโชมุฏฺิ วิย จ เอตสฺเสเวส โกโธ มตฺถเก ปติสฺสตี’’ติ เอวํ อตฺตโน จ ปรสฺส จ กมฺมสฺสกตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ, อุภยกมฺมสฺสกตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิสงฺขาเน ิตสฺสาปิ, อสฺสคุตฺตตฺเถรสทิเส เมตฺตาภาวนารเต กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ พฺยาปาโท ปหียติ. านนิสชฺชาทีสุ เมตฺตานิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ¶ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. อิเมหิ ปน ฉหิ ธมฺเมหิ ¶ ปหีนสฺส พฺยาปาทสฺส อนาคามิมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติ.
อรติอาทีสุ อโยนิโสมนสิกาเรน ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาโท โหติ. ตนฺที นาม กายาลสิยตา. วิชมฺภิตา นาม กายวินมนา. ภตฺตสมฺมโท นาม ภตฺตมุจฺฉา ภตฺตปริฬาโห. เจตโส ลีนตฺตํ นาม จิตฺตสฺส ลีนากาโร. อิเมสุ อรติอาทีสุ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต ¶ ถินมิทฺธํ อุปฺปชฺชติ. เตนาห – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อรติ ตนฺที วิชมฺภิตา ภตฺตสมฺมโท เจตโส ลีนตฺตํ, ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
อารมฺภธาตุอาทีสุ ปน โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติ. อารมฺภธาตุ นาม ปมารมฺภวีริยํ. นิกฺกมธาตุ นาม โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตาย ตโต พลวตรํ. ปรกฺกมธาตุ นาม ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตรํ. อิมสฺมึ ติปฺปเภเท วีริเย โยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต ถินมิทฺธํ ปหียติ. เตนาห – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อารมฺภธาตุ นิกฺกมธาตุ ปรกฺกมธาตุ, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
อปิจ ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโห, อิริยาปถสมฺปริวตฺตนตา, อาโลกสฺามนสิกาโร, อพฺโภกาสวาโส, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. อาหรหตฺถก ตตฺรวฏฺฏก อลํสาฏก กากมาสก ภุตฺตวมิตกโภชนํ ภฺุชิตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเน นิสินฺนสฺส หิ สมณธมฺมํ กโรโต ถินมิทฺธํ มหาหตฺถี วิย โอตฺถรนฺตํ อาคจฺฉติ, จตุปฺจอาโลปโอกาสํ ปน เปตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลสฺส ภิกฺขุโน ตํ น โหตีติ เอวํ อติโภชเน นิมิตฺตํ คณฺหนฺตสฺสาปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ. ยสฺมึ อิริยาปเถ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, ตโต อฺํ ปริวตฺเตนฺตสฺสาปิ, รตฺตึ จนฺทาโลกทีปาโลกอุกฺกาโลเก ¶ ทิวา สูริยาโลกํ มนสิกโรนฺตสฺสาปิ, อพฺโภกาเส ¶ วสนฺตสฺสาปิ, มหากสฺสปตฺเถรสทิเส ปหีนถินมิทฺเธ กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ. านนิสชฺชาทีสุ ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. อิเมหิ ปน ฉหิ ธมฺเมหิ ปหีนสฺส ถินมิทฺธสฺส อรหตฺตมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติ.
เจตโส อวูปสเม อโยนิโสมนสิกาเรน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาโท โหติ. อวูปสโม นาม อวูปสนฺตากาโร, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจเมเวตํ อตฺถโต. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ อุปฺปชฺชติ. เตนาห – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เจตโส อวูปสโม, ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ¶ อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ.
สมาธิสงฺขาเต ปน เจตโส วูปสเม โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติ. เตนาห – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เจตโส วูปสโม, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานายา’’ติ.
อปิจ ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ พหุสฺสุตตา ปริปุจฺฉกตา วินเย ปกตฺุตา วุทฺธเสวิตา กลฺยาณมิตฺตตา สปฺปายกถาติ. พาหุสฺสจฺเจนปิ หิ เอกํ วา ทฺเว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ปฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ. กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉาพหุลสฺสาปิ, วินยปฺตฺติยํ จิณฺณวสิภาวตาย ปกตฺุโนปิ, วุฑฺเฒ มหลฺลกตฺเถเร อุปสงฺกมนฺตสฺสาปิ, อุปาลิตฺเถรสทิเส วินยธเร กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ กปฺปิยากปฺปิยนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. อิเมหิ ปน ฉหิ ธมฺเมหิ ปหีเน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺเจ อุทฺธจฺจสฺส อรหตฺตมคฺเคน ¶ , กุกฺกุจฺจสฺส อนาคามิมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติ.
วิจิกิจฺฉาานีเยสุ ธมฺเมสุ อโยนิโสมนสิกาเรน วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาโท โหติ. วิจิกิจฺฉาานียา ธมฺมา นาม ปุนปฺปุนํ วิจิกิจฺฉาย การณตฺตา ¶ วิจิกิจฺฉาว. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ. เตนาห – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, วิจิกิจฺฉาานียา ธมฺมา, ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
กุสลาทิธมฺเมสุ โยนิโสมนสิกาเรน ปนสฺสา ปหานํ โหติ, เตนาห – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กุสลากุสลา ธมฺมา สาวชฺชานวชฺชา ธมฺมา เสวิตพฺพาเสวิตพฺพา ธมฺมา หีนปณีตา ธมฺมา กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคา ธมฺมา. ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร, อนุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย อนุปฺปาทาย; อุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย ปหานายา’’ติ.
อปิจ ¶ ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺติ พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตฺุตา, อธิโมกฺขพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. พาหุสฺสจฺเจนปิ หิ เอกํ วา…เป… ปฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ตีณิ รตนานิ อารพฺภ ปริปุจฺฉาพหุลสฺสาปิ, วินเย จิณฺณวสีภาวสฺสาปิ, ตีสุ รตเนสุ โอกปฺปนิยสทฺธาสงฺขาตอธิโมกฺขพหุลสฺสาปิ, สทฺธาธิมุตฺเต วกฺกลิตฺเถรสทิเส กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ติณฺณํ รตนานํ คุณนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. อิเมหิ ปน ฉหิ ธมฺเมหิ ปหีนาย วิจิกิจฺฉาย โสตาปตฺติมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติ.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ ปฺจนีวรณปริคฺคณฺหเนน อตฺตโน วา ธมฺเมสุ, ปรสฺส วา ธมฺเมสุ, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยา ปเนตฺถ สุภนิมิตฺตอสุภนิมิตฺตาทีสุ อโยนิโสมนสิการโยนิโสมนสิการวเสน ¶ ปฺจสุ นีวรเณสุ วุตฺตาเยว นีหริตพฺพา. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว. เกวลฺหิ อิธ นีวรณปริคฺคาหิกา ¶ สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา นีวรณปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
นีวรณปพฺพํ นิฏฺิตํ.
ขนฺธปพฺพวณฺณนา
๓๘๓. เอวํ ปฺจนีวรณวเสน ธมฺมานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ ปฺจกฺขนฺธวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสูติ อุปาทานสฺส ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา, อุปาทานสฺส ปจฺจยภูตา ธมฺมปฺุชา ธมฺมราสโยติ อตฺโถ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปน ขนฺธกถา วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตา.
อิติ รูปนฺติ อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต ปรํ รูปํ อตฺถีติ สภาวโต รูปํ ปชานาติ. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาเรน ปน รูปาทีนิ วิสุทฺธิมคฺเค ¶ ขนฺธกถายเมว วุตฺตานิ. อิติ รูปสฺส สมุทโยติ เอวํ อวิชฺชาสมุทยาทิวเสน ปฺจหากาเรหิ รูปสฺส สมุทโย. อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโมติ เอวํ อวิชฺชานิโรธาทิวเสน ปฺจหากาเรหิ รูปสฺส อตฺถงฺคโม. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค อุทยพฺพยาณกถาย วุตฺโต.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ ปฺจกฺขนฺธปริคฺคณฺหเนน อตฺตโน วา ธมฺเมสุ, ปรสฺส วา ธมฺเมสุ, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยา ปเนตฺถ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย’’ติอาทีนํ ปฺจสุ ขนฺเธสุ วุตฺตานํ ปฺาสาย ลกฺขณานํ วเสน นีหริตพฺพา. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว. เกวลฺหิ อิธ ขนฺธปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา ขนฺธปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
ขนฺธปพฺพํ นิฏฺิตํ.
อายตนปพฺพวณฺณนา
๓๘๔. เอวํ ¶ ¶ ปฺจกฺขนฺธวเสน ธมฺมานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ อายตนวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสูติ จกฺขุ โสตํ ฆานํ ชิวฺหา กาโย มโนติ อิเมสุ ฉสุ อชฺฌตฺติเกสุ, รูปํ สทฺโท คนฺโธ รโส โผฏฺพฺโพ ธมฺโมติ อิเมสุ ฉสุ พาหิเรสุ. จกฺขฺุจ ปชานาตีติ จกฺขุปสาทํ ยาถาวสรสลกฺขณวเสน ปชานาติ. รูเป จ ปชานาตีติ พหิทฺธา จตุสมุฏฺานิกรูปฺจ ยาถาวสรสลกฺขณวเสน ปชานาติ. ยฺจ ตทุภยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สํโยชนนฺติ ยฺจ ตํ จกฺขุํ เจว รูเป จาติ อุภยํ ปฏิจฺจ. กามราคสํโยชนํ ปฏิฆ, มาน, ทิฏฺิ, วิจิกิจฺฉา, สีลพฺพตปรามาส, ภวราค, อิสฺสา, มจฺฉริย, อวิชฺชาสํโยชนนฺติ ทสวิธํ สํโยชนํ อุปฺปชฺชติ, ตฺจ ยาถาวสรสลกฺขณวเสน ปชานาติ.
กถํ ปเนตํ อุปฺปชฺชตีติ? จกฺขุทฺวาเร ตาว อาปาถคตํ อิฏฺารมฺมณํ กามสฺสาทวเสน อสฺสาทยโต อภินนฺทโต กามราคสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. อนิฏฺารมฺมเณ กุชฺฌโต ปฏิฆสํโยชนํ ¶ อุปฺปชฺชติ. ‘‘เปตฺวา มํ โก อฺโ เอตํ อารมฺมณํ วิภาเวตุํ สมตฺโถ อตฺถี’’ติ มฺโต มานสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. เอตํ รูปารมฺมณํ นิจฺจํ ธุวนฺติ คณฺหโต ทิฏฺิสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. ‘‘เอตํ รูปารมฺมณํ สตฺโต นุ โข, สตฺตสฺส นุ โข’’ติ วิจิกิจฺฉโต วิจิกิจฺฉาสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. ‘‘สมฺปตฺติภเว วต โน อิทํ สุลภํ ชาต’’นฺติ ภวํ ปตฺเถนฺตสฺส ภวราคสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. ‘‘อายติมฺปิ เอวรูปํ สีลพฺพตํ สมาทิยิตฺวา สกฺกา ลทฺธุ’’นฺติ สีลพฺพตํ สมาทิยนฺตสฺส สีลพฺพตปรามาสสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. ‘‘อโห วต ตํ รูปารมฺมณํ อฺเ น ลเภยฺยุ’’นฺติ อุสูยโต อิสฺสาสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. อตฺตนา ลทฺธํ รูปารมฺมณํ อฺสฺส มจฺฉรายโต มจฺฉริยสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. สพฺเพเหว สหชาตอฺาณวเสน อวิชฺชาสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ.
ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺสาติ เยน การเณน อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนสฺส ตสฺส ทสวิธสฺสาปิ สํโยชนสฺส อุปฺปาโท โหติ, ตฺจ การณํ ปชานาติ. ยถา จ อุปฺปนฺนสฺสาติ ¶ อปฺปหีนฏฺเน ปน สมุทาจารวเสน วา อุปฺปนฺนสฺส ตสฺส ทสวิธสฺสาปิ สํโยชนสฺส เยน การเณน ปหานํ โหติ, ตฺจ การณํ ปชานาติ. ยถา จ ปหีนสฺสาติ ตทงฺควิกฺขมฺภนปฺปหานวเสน ปหีนสฺสาปิ ตสฺส ทสวิธสฺส สํโยชนสฺส ¶ เยน การเณน อายตึ อนุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ปชานาติ. เกน การเณน ปนสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ? ทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสอิสฺสามจฺฉริยเภทสฺส ตาว ปฺจวิธสฺส สํโยชนสฺส โสตาปตฺติมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท โหติ. กามราคปฏิฆสํโยชนทฺวยสฺส โอฬาริกสฺส สกทาคามิมคฺเคน, อณุสหคตสฺส อนาคามิมคฺเคน, มานภวราคาวิชฺชาสํโยชนตฺตยสฺส อรหตฺตมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท โหติ. โสตฺจ ปชานาติ สทฺเท จาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อปิเจตฺถ อายตนกถา วิตฺถารโต วิสุทฺธิมคฺเค อายตนนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ อชฺฌตฺติกายตนปริคฺคณฺหเนน อตฺตโน วา ธมฺเมสุ พาหิรายตนปริคฺคณฺหเนน ปรสฺส วา ธมฺเมสุ, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยา ปเนตฺถ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา จกฺขุสมุทโย’’ติ รูปายตนสฺส รูปกฺขนฺเธ, อรูปายตเนสุ มนายตนสฺส วิฺาณกฺขนฺเธ, ธมฺมายตนสฺส เสสกฺขนฺเธสุ วุตฺตนเยน นีหริตพฺพา. โลกุตฺตรธมฺมา น คเหตพฺพา. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว. เกวลฺหิ อิธ อายตนปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา อายตนปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
อายตนปพฺพํ นิฏฺิตํ.
โพชฺฌงฺคปพฺพวณฺณนา
๓๘๕. เอวํ ¶ ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรายตนวเสน ธมฺมานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ โพชฺฌงฺควเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถ โพชฺฌงฺเคสูติ พุชฺฌนกสตฺตสฺส องฺเคสุ. สนฺตนฺติ ปฏิลาภวเสน สํวิชฺชมานํ. สติสมฺโพชฺฌงฺคนฺติ สติสงฺขาตํ สมฺโพชฺฌงฺคํ. เอตฺถ หิ สมฺพุชฺฌติ อารทฺธวิปสฺสกโต ปฏฺาย โยคาวจโรติ สมฺโพธิ. ยาย วา โส สติอาทิกาย สตฺตธมฺมสามคฺคิยา สมฺพุชฺฌติ ¶ กิเลสนิทฺทาโต อุฏฺาติ, สจฺจานิ วา ปฏิวิชฺฌติ, สา ธมฺมสามคฺคี สมฺโพธิ. ตสฺส สมฺโพธิสฺส, ตสฺสา วา สมฺโพธิยา องฺคนฺติ สมฺโพชฺฌงฺคํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สติสงฺขาตํ สมฺโพชฺฌงฺค’’นฺติ. เสสสมฺโพชฺฌงฺเคสุปิ อิมินาว นเยน วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อสนฺตนฺติ ¶ อปฺปฏิลาภวเสน อวิชฺชมานํ. ยถา จ อนุปนฺนสฺสาติอาทีสุ ปน สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ตาว ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมา, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) เอวํ อุปฺปาโท โหติ. ตตฺถ สติเยว สติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมา. โยนิโสมนสิกาโร วุตฺตลกฺขโณเยว. ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต สติสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ.
อปิจ จตฺตาโร ธมฺมา สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ สติสมฺปชฺํ มุฏฺสฺสติปุคฺคลปริวชฺชนตา อุปฏฺิตสฺสติปุคฺคลเสวนตา ตทธิมุตฺตตาติ. อภิกฺกนฺตาทีสุ หิ สตฺตสุ าเนสุ สติสมฺปชฺเน, ภตฺตนิกฺขิตฺตกากสทิเส มุฏฺสฺสติปุคฺคเล ปริวชฺชเนน, ติสฺสทตฺตตฺเถรอภยตฺเถรสทิเส อุปฏฺิตสฺสติปุคฺคเล เสวเนน, านนิสชฺชาทีสุ สติสมุฏฺาปนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตาย จ สติสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ. เอวํ จตูหิ การเณหิ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติ.
ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปน ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กุสลากุสลา ธมฺมา…เป… กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคา ธมฺมา, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ เอวํ อุปฺปาโท โหติ.
อปิจ ¶ สตฺต ธมฺมา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ ปริปุจฺฉกตา วตฺถุวิสทกิริยา ¶ อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา ทุปฺปฺปุคฺคลปริวชฺชนา ปฺวนฺตปุคฺคลเสวนา คมฺภีราณจริยปจฺจเวกฺขณา ตทธิมุตฺตตาติ. ตตฺถ ปริปุจฺฉกตาติ ขนฺธธาตุอายตนอินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺคสมถวิปสฺสนานํ อตฺถสนฺนิสฺสิตปริปุจฺฉาพหุลตา. วตฺถุวิสทกิริยาติ อชฺฌตฺติกพาหิรานํ วตฺถูนํ วิสทภาวกรณํ. ยทา หิสฺส เกสนขโลมานิ ทีฆานิ โหนฺติ, สรีรํ วา อุสฺสนฺนโทสฺเจว เสทมลมกฺขิตฺจ, ตทา อชฺฌตฺติกํ วตฺถุ อวิสทํ โหติ อปริสุทฺธํ. ยทา ปน จีวรํ ชิณฺณํ กิลิฏฺํ ¶ ทุคฺคนฺธํ โหติ, เสนาสนํ วา อุกฺลาปํ, ตทา พาหิรวตฺถุ อวิสทํ โหติ อปริสุทฺธํ. ตสฺมา เกสาทิเฉทาปเนน อุทฺธํวิเรจนอโธวิเรจนาทีหิ สรีรสลฺลหุกภาวกรเณน อุจฺฉาทนนหาปเนน จ อชฺฌตฺติกวตฺถุ วิสทํ กาตพฺพํ. สูจิกมฺมโธวนรชนปริภณฺฑกรณาทีหิ พาหิรวตฺถุ วิสทํ กาตพฺพํ. เอตสฺมิฺหิ อชฺฌตฺติกพาหิเร วตฺถุมฺหิ อวิสเท อุปฺปนฺเนสุ จิตฺตเจตสิเกสุ าณมฺปิ อวิสทํ โหติ อปริสุทฺธํ อปริสุทฺธานิ ทีปกปลฺลวฏฺฏิเตลานิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนทีปสิขาย โอภาโส วิย. วิสเท ปน อชฺฌตฺติกพาหิเร วตฺถุมฺหิ อุปฺปนฺเนสุ จิตฺตเจตสิเกสุ าณมฺปิ วิสทํ โหติ ปริสุทฺธานิ ทีปกปลฺลวฏฺฏิเตลานิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนทีปสิขาย โอภาโส วิย. เตน วุตฺตํ ‘‘วตฺถุวิสทกิริยา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตตี’’ติ.
อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา นาม สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ สมภาวกรณํ. สเจ หิสฺส สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติ, อิตรานิ มนฺทานิ, ตโต วีริยินฺทฺริยํ ปคฺคหกิจฺจํ, สตินฺทฺริยํ อุปฏฺานกิจฺจํ, สมาธินฺทฺริยํ อวิกฺเขปกิจฺจํ, ปฺินฺทฺริยํ ทสฺสนกิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ. ตสฺมา ตํ ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน วา, ยถา วา มนสิกโรโต พลวํ ชาตํ, ตถา อมนสิกาเรน หาเปตพฺพํ. วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ เจตฺถ นิทสฺสนํ. สเจ ปน วีริยินฺทฺริยํ พลวํ โหติ, อถ สทฺธินฺทฺริยํ อธิโมกฺขกิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ, น อิตรานิ อิตรกิจฺจเภทํ. ตสฺมา ตํ ¶ ปสฺสทฺธาทิภาวนาย หาเปตพฺพํ. ตตฺราปิ โสณตฺเถรสฺส วตฺถุ ทสฺเสตพฺพํ. เอวํ เสเสสุปิ เอกสฺส พลวภาเว สติ อิตเรสํ อตฺตโน กิจฺเจสุ อสมตฺถตา เวทิตพฺพา.
วิเสสโต ปเนตฺถ สทฺธาปฺานํ สมาธิวีริยานฺจ สมตํ ปสํสนฺติ. พลวสทฺโธ หิ มนฺทปฺโ มุธปฺปสนฺโน โหติ, อวตฺถุสฺมึ ปสีทติ. พลวปฺโ มนฺทสทฺโธ เกราฏิกปกฺขํ ภชติ, เภสชฺชสมุฏฺิโต วิย โรโค อเตกิจฺโฉ โหติ. จิตฺตุปฺปาทมตฺเตเนว กุสลํ โหตีติ อติธาวิตฺวา ทานาทีนิ อกโรนฺโต นิรเย อุปฺปชฺชติ. อุภินฺนํ สมตาย วตฺถุสฺมึเยว ปสีทติ. พลวสมาธึ ปน มนฺทวีริยํ สมาธิสฺส โกสชฺชปกฺขตฺตา โกสชฺชํ อภิภวติ. พลววีริยํ ¶ มนฺทสมาธึ วีริยสฺส อุทฺธจฺจปกฺขตฺตา อุทฺธจฺจํ อภิภวติ. สมาธิ ปน วีริเยน สํโยชิโต โกสชฺเช ปติตุํ น ลภติ, วีริยํ สมาธินา สํโยชิตํ อุทฺธจฺเจ ปติตุํ ¶ น ลภติ. ตสฺมา ตทุภยํ สมํ กาตพฺพํ. อุภยสมตาย หิ อปฺปนา โหติ.
อปิจ สมาธิกมฺมิกสฺส พลวตีปิ สทฺธา วฏฺฏติ. เอวํ สทฺทหนฺโต โอกปฺเปนฺโต อปฺปนํ ปาปุณิสฺสติ. สมาธิปฺาสุ ปน สมาธิกมฺมิกสฺส เอกคฺคตา พลวตี วฏฺฏติ. เอวฺหิ โส อปฺปนํ ปาปุณาติ. วิปสฺสนากมฺมิกสฺส ปฺา พลวตี วฏฺฏติ. เอวฺหิ โส ลกฺขณปฏิเวธํ ปาปุณาติ. อุภินฺนํ ปน สมตายปิ อปฺปนา โหติเยว. สติ ปน สพฺพตฺถ พลวตี วฏฺฏติ. สติ หิ จิตฺตํ อุทฺธจฺจปกฺขิกานํ สทฺธาวีริยปฺานํ วเสน อุทฺธจฺจปาตโต, โกสชฺชปกฺขิเกน จ สมาธินา โกสชฺชปาตโต รกฺขติ. ตสฺมา สา โลณธูปนํ วิย สพฺพพฺยฺชเนสุ, สพฺพกมฺมิกอมจฺโจ วิย จ, สพฺพราชกิจฺเจสุ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพา. เตนาห – ‘‘สติ จ ปน สพฺพตฺถิกา วุตฺตา ภควตา, กึ การณา? จิตฺตฺหิ สติปฏิสรณํ, อารกฺขปจฺจุปฏฺานา จ สติ, น วินา สติยา จิตฺตสฺส ปคฺคหนิคฺคโห โหตี’’ ติ. ทุปฺปฺปุคฺคลปริวชฺชนา นาม ขนฺธาทิเภเท อโนคาฬฺหปฺานํ ทุมฺเมธปุคฺคลานํ อารกา ปริวชฺชนํ. ปฺวนฺตปุคฺคลเสวนา นาม สมปฺาสลกฺขณปริคฺคาหิกาย ¶ อุทยพฺพยปฺาย สมนฺนาคตปุคฺคลเสวนา. คมฺภีราณจริยปจฺจเวกฺขณา นาม คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย คมฺภีรปฺาย ปเภทปจฺจเวกฺขณา. ตทธิมุตฺตตา นาม านนิสชฺชาทีสุ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสมุฏฺาปนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตา. เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนฺนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติ.
วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อารมฺภธาตุ นิกฺกมธาตุ ปรกฺกมธาตุ, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ เอวํ อุปฺปาโท โหติ.
อปิจ เอกาทส ธมฺมา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ อปายภยปจฺจเวกฺขณตา อานิสํสทสฺสาวิตา คมนวีถิปจฺจเวกฺขณตา ปิณฺฑปาตาปจายนตา ทายชฺชมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา สตฺถุมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา สพฺรหฺมจาริมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนตา อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนตา ตทธิมุตฺตตาติ.
ตตฺถ ¶ ¶ นิรเยสุ ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณโต ปฏฺาย มหาทุกฺขานุภวนกาเลปิ, ติรจฺฉานโยนิยํ ชาลขิปนกุมีนาทีหิ คหิตกาเลปิ, ปาชนกณฺฏกาทิปฺปหารตุนฺนสฺส สกฏวหนาทิกาเลปิ, เปตฺติวิสเย อเนกานิปิ วสฺสสหสฺสานิ เอกํ พุทฺธนฺตรมฺปิ ขุปฺปิปาสาหิ อาตุรีภูตกาเลปิ, กาลกฺจิกอสุเรสุ สฏฺิหตฺถอสีติหตฺถปฺปมาเณน อฏฺิจมฺมมตฺเตเนว อตฺตภาเวน วาตาตปาทิทุกฺขานุภวนกาเลปิ น สกฺกา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ อุปฺปาเทตุํ, อยเมว เต ภิกฺขุ กาโล วีริยกรณายาติ เอวํ อปายภยํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ.
น สกฺกา กุสีเตน นวโลกุตฺตรธมฺมํ ลทฺธุํ, อารทฺธวีริเยเนว สกฺกา อยมานิสํโส วีริยสฺสาติ ¶ เอวํ อานิสํสทสฺสาวิโนปิ อุปฺปชฺชติ. สพฺพพุทฺธปจฺเจกพุทฺธมหาสาวเกหิ เต คตมคฺโค คนฺตพฺโพ, โส จ น สกฺกา กุสีเตน คนฺตุนฺติ เอวํ คมนวีถึ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ. เย ตํ ปิณฺฑปาตาทีหิ อุปฏฺหนฺติ, อิเม เต มนุสฺสา เนว าตกา, น ทาสกมฺมกรา, นาปิ ตํ นิสฺสาย ชีวิสฺสามาติ เต ปณีตานิ จีวราทีนิ เทนฺติ. อถ โข อตฺตโน การานํ มหปฺผลตํ ปจฺจาสีสมานา เทนฺติ. สตฺถาราปิ ‘‘อยํ อิเม ปจฺจเย ปริภฺุชิตฺวา กายทฬฺหีพหุโล สุขํ วิหริสฺสตี’’ติ น เอวํ สมฺปสฺสตา ตุยฺหํ ปจฺจยา อนฺุาตา. อถ โข ‘‘อยํ อิเม ปริภฺุชมาโน สมณธมฺมํ กตฺวา วฏฺฏทุกฺขโต มุจฺจิสฺสตี’’ติ เต ปจฺจยา อนฺุาตา, โส ทานิ ตฺวํ กุสีโต วิหรนฺโต น ตํ ปิณฺฑํ อปจายิสฺสติ. อารทฺธวีริยสฺเสว หิ ปิณฺฑปาตาปจายนํ นาม โหตีติ เอวํ ปิณฺฑปาตาปจายนํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ อยฺยมิตฺตตฺเถรสฺส วิย.
เถโร กิร กสฺสกเลเณ นาม ปฏิวสติ. ตสฺส จ โคจรคาเม เอกา มหาอุปาสิกา เถรํ ปุตฺตํ กตฺวา ปฏิชคฺคติ. สา เอกทิวสํ อรฺํ คจฺฉนฺตี ธีตรํ อาห – ‘‘อมฺม, อสุกสฺมึ าเน ปุราณตณฺฑุลา, อสุกสฺมึ สปฺปิ, อสุกสฺมึ ขีรํ, อสุกสฺมึ ผาณิตํ, ตว ภาติกสฺส อยฺยมิตฺตสฺส อาคตกาเล ภตฺตํ ปจิตฺวา ขีรสปฺปิผาณิเตหิ สทฺธึ เทหิ, ตฺวฺจ ภฺุเชยฺยาสิ. อหํ ปน หิยฺโย ปกฺกปาริวาสิกภตฺตํ กฺชิเยน ภุตฺตามฺหี’’ติ. ทิวา กึ ภฺุชิสฺสสิ อมฺมา,ติ? สากปณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา กณตณฺฑุเลหิ อมฺพิลยาคุํ ปจิตฺวา เปหิ อมฺมา,ติ.
เถโร ¶ จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ นีหรนฺโตว ตํ สทฺทํ สุตฺวา อตฺตานํ โอวทิ ‘‘มหาอุปาสิกา กิร กฺชิเยน ปาริวาสิกภตฺตํ ภฺุชิ, ทิวาปิ กณปณฺณมฺพิลยาคุํ ภฺุชิสฺสติ ¶ , ตุยฺหํ อตฺถาย ปน ปุราณตณฺฑุลาทีนิ อาจิกฺขติ, ตํ นิสฺสาย โข ปเนสา เนว เขตฺตํ น วตฺถุํ น ภตฺตํ น วตฺถํ ปจฺจาสีสติ, ติสฺโส ปน สมฺปตฺติโย ปตฺถยมานา เทติ, ตฺวํ เอติสฺสา ตา สมฺปตฺติโย ทาตุํ สกฺขิสฺสสิ, น สกฺขิสฺสสีติ, อยํ โข ปน ปิณฺฑปาโต ตยา สราเคน สโทเสน ¶ สโมเหน น สกฺกา คณฺหิตุ’’นฺติ ปตฺตํ ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา คณฺิกํ มฺุจิตฺวา นิวตฺติตฺวา กสฺสกเลณเมว คนฺตฺวา ปตฺตํ เหฏฺามฺเจ จีวรํ จีวรวํเส เปตฺวา ‘‘อรหตฺตํ อปาปุณิตฺวา น นิกฺขมิสฺสามี’’ติ วีริยํ อธิฏฺหิตฺวา นิสีทิ. ทีฆรตฺตํ อปฺปมตฺโต หุตฺวา นิวุตฺถภิกฺขุ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ปุเรภตฺตเมว อรหตฺตํ ปตฺวา วิกสมานมิว ปทุมํ มหาขีณาสโว สิตํ กโรนฺโตว นิสีทิ. เลณทฺวาเร รุกฺขมฺหิ อธิวตฺถา เทวตา –
‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
ยสฺส เต อาสวา ขีณา, ทกฺขิเณยฺโยสิ มาริสา’’ติ. –
อุทานํ อุทาเนตฺวา ‘‘ภนฺเต, ปิณฺฑาย ปวิฏฺานํ ตุมฺหาทิสานํ อรหนฺตานํ ภิกฺขํ ทตฺวา มหลฺลกิตฺถิโย ทุกฺขา มุจฺจิสฺสนฺตี’’ติ อาห. เถโร อุฏฺหิตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา กาลํ โอโลเกนฺโต ‘‘ปาโตเยวา’’ติ ตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คามํ ปาวิสิ.
ทาริกาปิ ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา ‘‘อิทานิ เม ภาตา อาคมิสฺสติ, อิทานิ อาคมิสฺสตี’’ติ ทฺวารํ โอโลกยมานา นิสีทิ. สา เถเร ฆรทฺวารํ สมฺปตฺเต ปตฺตํ คเหตฺวา สปฺปิผาณิตโยชิตสฺส ขีรปิณฺฑปาตสฺส ปูเรตฺวา หตฺเถ เปสิ. เถโร ‘‘สุขํ โหตู’’ติ อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. สาปิ ตํ โอโลกยมานา อฏฺาสิ. เถรสฺส หิ ตทา อติวิย ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ อโหสิ, วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ, มุขํ พนฺธนา ปวุตฺตตาลปกฺกํ วิย อติวิย วิโรจิตฺถ.
มหาอุปาสิกา อรฺา อาคนฺตฺวา ‘‘กึ, อมฺม, ภาติโก เต อาคโต’’ติ ปุจฺฉิ. สา สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อุปาสิกา ‘‘อชฺช ¶ มม ปุตฺตสฺส ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ ตฺวา ‘‘อภิรมติ เต, อมฺม, ภาตา พุทฺธสาสเน, น อุกฺกณฺตี’’ติ อาห.
มหนฺตํ โข ปเนตํ สตฺถุทายชฺชํ ยทิทํ สตฺต อริยธนานิ นาม, ตํ น สกฺกา กุสีเตน คเหตุํ. ยถา หิ วิปฺปฏิปนฺนํ ปุตฺตํ มาตาปิตโร ‘‘อยํ อมฺหากํ อปุตฺโต’’ติ ¶ ปริพาหิรํ ¶ กโรนฺติ, โส เตสํ อจฺจเยน ทายชฺชํ น ลภติ, เอวํ กุสีโตปิ อิทํ อริยธนทายชฺชํ น ลภติ, อารทฺธวีริโยว ลภตีติ ทายชฺชมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติ.
มหา โข ปน เต สตฺถา, สตฺถุโน หิ เต มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธิคณฺหนกาเลปิ อภินิกฺขมเนปิ อภิสมฺโพธิยมฺปิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนยมกปาฏิหาริยเทโวโรหนอายุสงฺขารโวสฺสชฺชเนสุปิ ปรินิพฺพานกาเลปิ ทสสหสฺสิโลกธาตุ อกมฺปิตฺถ, ยุตฺตํ นุ เต เอวรูปสฺส สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิตฺวา กุสีเตน ภวิตุนฺติ เอวํ สตฺถุมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติ.
ชาติยาปิ ตฺวํ อิทานิ น ลามกชาติโก, อสมฺภินฺนาย มหาสมฺมตปเวณิยา อาคตอุกฺกากราชวํเส ชาโตสิ, สุทฺโธทนมหาราชสฺส จ มหามายาเทวิยา จ นตฺตา, ราหุลภทฺทสฺส กนิฏฺโ, ตยา นาม เอวรูเปน ชินปุตฺเตน หุตฺวา น ยุตฺตํ กุสีเตน วิหริตุนฺติ เอวํ ชาติมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติ.
สาริปุตฺตมหาโมคฺคลฺลานา เจว อสีติ จ มหาสาวกา วีริเยเนว โลกุตฺตรธมฺมํ ปฏิวิชฺฌึสุ, ตฺวํ เอเตสํ สพฺรหฺมจารีนํ มคฺคํ ปฏิปชฺชสิ, น ปฏิปชฺชสีติ เอวํ สพฺรหฺมจาริมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติ.
กุจฺฉึ ปูเรตฺวา ิตอชครสทิเส วิสฺสฏฺกายิกเจตสิกวีริเย กุสีตปุคฺคเล ปริวชฺชนฺตสฺสาปิ อารทฺธวีริเย ปหิตตฺเต ปุคฺคเล เสวนฺตสฺสาปิ านนิสชฺชาทีสุ วีริยุปฺปาทนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ. เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติ.
ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปีติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมา, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ เอวํ อุปฺปาโท โหติ ¶ . ตตฺถ ปีติเยว ปีติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมา นาม. ตสฺสา อุปฺปาทกมนสิกาโร โยนิโสมนสิกาโร นาม.
อปิจ เอกาทส ธมฺมา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ พุทฺธานุสฺสติ, ธมฺม, สงฺฆ ¶ , สีล, จาค, เทวตานุสฺสติ ¶ อุปสมานุสฺสติ ลูขปุคฺคลปริวชฺชนตา สินิทฺธปุคฺคลเสวนตา ปสาทนียสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณตา ตทธิมุตฺตตาติ. พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ หิ ยาว อุปจารา สกลสรีรํ ผรมาโน ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ, ธมฺมสงฺฆคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ, ทีฆรตฺตํ อขณฺฑํ กตฺวา รกฺขิตํ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, คิหิโนปิ ทสสีลํ ปฺจสีลํ ปฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, ทุพฺภิกฺขภยาทีสุ ปณีตโภชนํ สพฺรหฺมจารีนํ ทตฺวา ‘‘เอวํ นาม อทมฺหา’’ติ จาคํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, คิหิโนปิ เอวรูเป กาเล สีลวนฺตานํ ทินฺนทานํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, เยหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา เทวตา เทวตฺตํ ปตฺตา, ตถารูปานํ คุณานํ อตฺตนิ อตฺถิตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภิตา กิเลสา สฏฺิปิ สตฺตติปิ วสฺสานิ น สมุทาจรนฺตีติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, เจติยทสฺสนโพธิทสฺสนเถรทสฺสเนสุ อสกฺกจฺจกิริยาย สํสูจิตลูขภาเว พุทฺธาทีสุ ปสาทสิเนหาภาเวน คทฺรภปิฏฺเ รชสทิเส ลูขปุคฺคเล ปริวชฺชนฺตสฺสาปิ, พุทฺธาทีสุ ปสาทพหุเล มุทุจิตฺเต สินิทฺธปุคฺคเล เสวนฺตสฺสาปิ, รตนตฺตยคุณปริทีปเก ปสาทนียสุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, านนิสชฺชาทีสุ ปีติอุปฺปาทนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ. เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติ.
ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กายปสฺสทฺธิ จิตฺตปสฺสทฺธิ, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ เอวํ อุปฺปาโท โหติ.
อปิจ สตฺต ธมฺมา ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ ปณีตโภชนเสวนตา อุตุสุขเสวนตา อิริยาปถสุขเสวนตา มชฺฌตฺตปโยคตา สารทฺธกายปุคฺคลปริวชฺชนตา ปสฺสทฺธกายปุคฺคลเสวนตา ตทธิมุตฺตตาติ. ปณีตฺหิ สินิทฺธํ สปฺปายโภชนํ ภฺุชนฺตสฺสาปิ, สีตุณฺเหสุ ¶ จ อุตูสุ านาทีสุ จ อิริยาปเถสุ สปฺปายอุตฺุจ อิริยาปถฺจ เสวนฺตสฺสาปิ ¶ ปสฺสทฺธิ อุปฺปชฺชติ. โย ปน มหาปุริสชาติโก สพฺพอุตุอิริยาปถกฺขโม โหติ, น ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ยสฺส สภาควิสภาคตา อตฺถิ, ตสฺเสว วิสภาเค อุตุอิริยาปเถ วชฺเชตฺวา สภาเค เสวนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ. มชฺฌตฺตปโยโค วุจฺจติ อตฺตโน จ ปรสฺส จ กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณา. อิมินา มชฺฌตฺตปโยเคน อุปฺปชฺชติ. โย เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปรํ วิเหยมาโน วิจรติ, เอวรูปํ สารทฺธกายํ ปุคฺคลํ ปริวชฺชนฺตสฺสาปิ, สํยตปาทปาณึ ปสฺสทฺธกายํ ปุคฺคลํ เสวนฺตสฺสาปิ, านนิสชฺชาทีสุ ปสฺสทฺธิอุปฺปาทนตฺถาย นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ ¶ อุปฺปชฺชติ. เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติ.
สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สมถนิมิตฺตํ อพฺยคฺคนิมิตฺตํ, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร, อนุปฺปนฺนสฺส วา สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ เอวํ อุปฺปาโท โหติ. ตตฺถ สมโถว สมถนิมิตฺตํ อวิกฺเขปฏฺเน จ อพฺยคฺคนิมิตฺตนฺติ.
อปิจ เอกาทส ธมฺมา สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ วตฺถุวิสทกิริยตา อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนตา นิมิตฺตกุสลตา สมเย จิตฺตสฺส ปคฺคณฺหนตา สมเย จิตฺตสฺส นิคฺคณฺหนตา สมเย สมฺปหํสนตา สมเย อชฺฌุเปกฺขนตา อสมาหิตปุคฺคลปริวชฺชนตา สมาหิตปุคฺคลเสวนตา ฌานวิโมกฺขปจฺจเวกฺขณตา ตทธิมุตฺตตาติ. ตตฺถ วตฺถุวิสทกิริยตา จ อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนตา จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
นิมิตฺตกุสลตา นาม กสิณนิมิตฺตสฺส อุคฺคหณกุสลตา. สมเย จิตฺตสฺส ปคฺคณฺหนตาติ ยสฺมึ สมเย อติสิถิลวีริยตาทีหิ ลีนํ จิตฺตํ โหติ, ตสฺมึ สมเย ธมฺมวิจยวีริยปีติสมฺโพชฺฌงฺคสมุฏฺาปเนน ตสฺส ปคฺคณฺหนํ. สมเย จิตฺตสฺส ปคฺคณฺหนตาติ ยสฺมึ สมเย อารทฺธวีริยตาทีหิ อุทฺธตํ ¶ จิตฺตํ โหติ, ตสฺมึ สมเย ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสมุฏฺาปเนน ตสฺส นิคฺคณฺหนํ. สมเย สมฺปหํสนตาติ ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ ปฺาปโยคมนฺทตาย วา อุปสมสุขานธิคเมน วา นิรสฺสาทํ โหติ, ตสฺมึ สมเย อฏฺสํเวควตฺถุปจฺจเวกฺขเณน สํเวเชติ ¶ . อฏฺ สํเวควตฺถูนิ นาม ชาติ ชรา พฺยาธิ มรณานิ จตฺตาริ, อปายทุกฺขํ ปฺจมํ, อตีเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, อนาคเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, ปจฺจุปฺปนฺเน อาหารปริเยฏฺิมูลกํ ทุกฺขนฺติ. รตนตฺตยคุณานุสฺสรเณน จ ปสาทํ ชเนติ, อยํ วุจฺจติ ‘‘สมเย สมฺปหํสนตา’’ติ.
สมเย อชฺฌุเปกฺขนตา นาม ยสฺมึ สมเย สมฺมาปฏิปตฺตึ อาคมฺม อลีนํ อนุทฺธตํ อนิรสฺสาทํ อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ สมถวีถิปฏิปนฺนํ จิตฺตํ โหติ, ตทาสฺส ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ น พฺยาปารํ อาปชฺชติ, สารถิ วิย สมปฺปวตฺเตสุ อสฺเสสุ. อยํ วุจฺจติ – ‘‘สมเย อชฺฌุเปกฺขนตา’’ติ. อสมาหิตปุคฺคลปริวชฺชนตา นาม อุปจารํ วา อปฺปนํ ¶ วา อปฺปตฺตานํ วิกฺขิตฺตจิตฺตานํ ปุคฺคลานํ อารกา ปริวชฺชนํ. สมาหิตปุคฺคลเสวนา นาม อุปจาเรน วา อปฺปนาย วา สมาหิตจิตฺตานํ เสวนา ภชนา ปยิรุปาสนา. ตทธิมุตฺตตา นาม านนิสชฺชาทีสุ สมาธิอุปฺปาทนตฺถํเยว นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตา. เอวฺหิ ปฏิปชฺชโต เอส อุปฺปชฺชติ. เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติ.
อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมา, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ เอวํ อุปฺปาโท โหติ. ตตฺถ อุเปกฺขาว อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมา นาม.
อปิจ ปฺจ ธมฺมา อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ สตฺตมชฺฌตฺตตา สงฺขารมชฺฌตฺตตา สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนตา ¶ สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺตปุคฺคลเสวนตา ตทธิมุตฺตตาติ. ตตฺถ ทฺวีหากาเรหิ สตฺตมชฺฌตฺตตํ สมุฏฺาเปติ ‘‘ตฺวํ อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโนว กมฺเมน คมิสฺสสิ, เอโสปิ อตฺตโนว กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโนว กมฺเมน คมิสฺสติ, ตฺวํ กํ เกลายสี’’ติ เอวํ กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขเณน, ‘‘ปรมตฺถโต สตฺโตเยว นตฺถิ, โส ตฺวํ กํ เกลายสี’’ติ เอวํ นิสฺสตฺตปจฺจเวกฺขเณน จาติ. ทฺวีเหวากาเรหิ สงฺขารมชฺฌตฺตตํ สมุฏฺาเปติ – ‘‘อิทํ จีวรํ อนุปุพฺเพน วณฺณวิการตฺเจว ชิณฺณภาวฺจ อุปคนฺตฺวา ปาทปฺุฉนโจฬกํ หุตฺวา ยฏฺิโกฏิยา ฉฑฺฑนียํ ภวิสฺสติ, สเจ ปนสฺส สามิโก ¶ ภเวยฺย, นาสฺส เอวํ วินสฺสิตุํ ทเทยฺยา’’ติ เอวํ อสฺสามิกภาวปจฺจเวกฺขเณน จ, ‘‘อนทฺธนิยํ อิทํ ตาวกาลิก’’นฺติ เอวํ ตาวกาลิกภาวปจฺจเวกฺขเณน จาติ. ยถา จ จีวเร, เอวํ ปตฺตาทีสุปิ โยชนา กาตพฺพา.
สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนตาติ เอตฺถ โย ปุคฺคโล คิหิ วา อตฺตโน ปุตฺตธีตาทิเก, ปพฺพชิโต วา อตฺตโน อนฺเตวาสิกสมานุปชฺฌายกาทิเก มมายติ, สหตฺเถเนว เนสํ เกสจฺเฉทนสูจิกมฺมจีวรโธวนรชนปตฺตปจนาทีนิ กโรติ, มุหุตฺตมฺปิ อปสฺสนฺโต ‘‘อสุโก สามเณโร กุหึ อสุโก ทหโร กุหิ’’นฺติ ภนฺตมิโค วิย อิโต จิโต จ โอโลเกติ, อฺเน เกสจฺเฉทนาทีนํ อตฺถาย ‘‘มุหุตฺตํ อสุกํ เปเสถา’’ติ ยาจิยมาโนปิ ‘‘อมฺเหปิ ตํ อตฺตโน กมฺมํ น กาเรม, ตุมฺเห นํ คเหตฺวา กิลเมสฺสถา’’ติ น เทติ, อยํ สตฺตเกลายโน นาม.
โย ¶ ปน จีวรปตฺตถาลกกตฺตรยฏฺิอาทีนิ มมายติ, อฺสฺส หตฺเถน ปรามสิตุมฺปิ น เทติ, ตาวกาลิกํ ยาจิโต ‘‘มยมฺปิ อิทํ มมายนฺตา น ปริภฺุชาม, ตุมฺหากํ กึ ทสฺสามา’’ติ วทติ, อยํ สงฺขารเกลายโน นาม. โย ปน เตสุ ทฺวีสุปิ วตฺถูสุ มชฺฌตฺโต อุทาสิโน, อยํ สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺโต นาม. อิติ อยํ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค เอวรูปํ สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลํ อารกา ปริวชฺชนฺตสฺสาปิ, สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺตปุคฺคลํ เสวนฺตสฺสาปิ, านนิสชฺชาทีสุ ตทุปฺปาทนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ ¶ อุปฺปชฺชติ. เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูริ โหตีติ ปชานาติ.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ อตฺตโน วา สตฺต สมฺโพชฺฌงฺเค ปริคฺคณฺหิตฺวา, ปรสฺส วา, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส สมฺโพชฺฌงฺเค ปริคฺคณฺหิตฺวา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยา ปเนตฺถ สมฺโพชฺฌงฺคานํ นิพฺพตฺตินิโรธวเสน เวทิตพฺพา. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว. เกวลฺหิ อิธ โพชฺฌงฺคปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา โพชฺฌงฺคปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
โพชฺฌงฺคปพฺพํ นิฏฺิตํ.
จตุสจฺจปพฺพวณฺณนา
๓๘๖. เอวํ ¶ สตฺตโพชฺฌงฺควเสน ธมฺมานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ จตุสจฺจวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ ปชานาตีติ เปตฺวา ตณฺหํ เตภูมกธมฺเม ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ยถาสภาวโต ปชานาติ, ตสฺเสว โข ปน ทุกฺขสฺส ชนิกํ สมุฏฺาปิกํ ปุริมตณฺหํ ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ, อุภินฺนํ อปฺปวตฺตินิพฺพานํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ, ทุกฺขปริชานนํ สมุทยปชหนํ นิโรธสจฺฉิกรณํ อริยมคฺคํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทา’’ติ ยถาสภาวโต ปชานาตีติ อตฺโถ. อวเสสา อริยสจฺจกถา เปตฺวา ชาติอาทีนํ ปทภาชนกถํ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตาเยว.
ทุกฺขสจฺจนิทฺเทสวณฺณนา
๓๘๘. ปทภาชเน ¶ ปน กตมา จ, ภิกฺขเว, ชาตีติ ภิกฺขเว, ยา ชาติปิ ทุกฺขาติ เอวํ วุตฺตา ชาติ, สา กตมาติ เอวํ สพฺพปุจฺฉาสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยา เตสํ เตสํ สตฺตานนฺติ อิทํ ‘‘อิเมสํ นามา’’ติ นิยมาภาวโต สพฺพสตฺตานํ ปริยาทานวจนํ. ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเยติ อิทมฺปิ สพฺพสตฺตนิกายปริยาทานวจนํ ชนนํ ชาติ สวิการานํ ปมาภินิพฺพตฺตกฺขนฺธานเมตํ อธิวจนํ. สฺชาตีติ อิทํ ตสฺสา เอว อุปสคฺคมณฺฑิตเววจนํ. สา เอว อนุปวิฏฺากาเรน โอกฺกมนฏฺเน โอกฺกนฺติ. นิพฺพตฺติสงฺขาเตน อภินิพฺพตฺตนฏฺเน อภินิพฺพตฺติ. อิติ อยํ จตุพฺพิธาปิ สมฺมุติกถา นาม ¶ . ขนฺธานํ ปาตุภาโวติ อยํ ปน ปรมตฺถกถา. เอกโวการภวาทีสุ เอกจตุปฺจเภทานํ ขนฺธานํเยว ปาตุภาโว, น ปุคฺคลสฺส, ตสฺมึ ปน สติ ปุคฺคโล ปาตุภูโตติ โวหารมตฺตํ โหติ. อายตนานํ ปฏิลาโภติ อายตนานิ ปาตุภวนฺตาเนว ปฏิลทฺธานิ นาม โหนฺติ, โส เตสํ ปาตุภาวสงฺขาโต ปฏิลาโภติ อตฺโถ.
๓๘๙. ชราติ สภาวนิทฺเทโส. ชีรณตาติ อาการภาวนิทฺเทโส. ขณฺฑิจฺจนฺติอาทิ วิการนิทฺเทโส. ทหรกาลสฺมิฺหิ ทนฺตา สมเสตา โหนฺติ. เตเยว ปริปจฺจนฺเต อนุกฺกเมน วณฺณวิการํ อาปชฺชิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปตฺตนฺติ. อถ ปติตฺจ ิตฺจ อุปาทาย ขณฺฑิตทนฺตา ขณฺฑิตา ¶ นาม. ขณฺฑิตานํ ภาโว ขณฺฑิจฺจนฺติ วุจฺจติ. อนุกฺกเมน ปณฺฑรภูตานิ เกสโลมานิ ปลิตานิ นาม. ปลิตานิ สฺชาตานิ อสฺสาติ ปลิโต, ปลิตสฺส ภาโว ปาลิจฺจํ. ชราวาตปฺปหาเรน โสสิตมํสโลหิตตาย วลิโย ตจสฺมึ อสฺสาติ วลิตฺตโจ, ตสฺส ภาโว วลิตฺตจตา. เอตฺตาวตา ทนฺตเกสโลมตเจสุ วิการทสฺสนวเสน ปากฏีภูตา ปากฏชรา ทสฺสิตา.
ยเถว หิ อุทกสฺส วา วาตสฺส วา อคฺคิโน วา ติณรุกฺขาทีนํ สํภคฺคปลิภคฺคตาย วา ฌามตาย วา คตมคฺโค ปากโฏ โหติ, น จ โส คตมคฺโค ตาเนว อุทกาทีนิ, เอวเมว ชราย ทนฺตาทีนํ ขณฺฑิจฺจาทิวเสน คตมคฺโค ปากโฏ, จกฺขุํ อุมฺมิเลตฺวาปิ คยฺหติ, น จ ขณฺฑิจฺจาทีเนว ชรา. น หิ ชรา จกฺขุวิฺเยฺยา โหติ. ยสฺมา ปน ชรํ ปตฺตสฺส อายุ หายติ, ตสฺมา ชรา ‘‘อายุโน สํหานี’’ติ ผลูปจาเรน วุตฺตา. ยสฺมา ทหรกาเล สุปฺปสนฺนานิ สุขุมมฺปิ อตฺตโน วิสยํ สุเขเนว จ คณฺหนสมตฺถานิ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ ชรํ ปตฺตสฺส ปริปกฺกานิ อาลุลิตานิ อวิสทานิ โอฬาริกมฺปิ อตฺตโน วิสยํ คเหตุํ อสมตฺถานิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อินฺทฺริยานํ ปริปาโก’’ติปิ ผลูปจาเรเนว วุตฺตา.
๓๙๐. มรณนิทฺเทเส ¶ ยนฺติ มรณํ สนฺธาย นปุํสกนิทฺเทโส, ยํ มรณํ จุตีติ วุจฺจติ, จวนตาติ วุจฺจตีติ อยเมตฺถ โยชนา. ตตฺถ จุตีติ สภาวนิทฺเทโส. จวนตาติ อาการภาวนิทฺเทโส. มรณํ ปตฺตสฺส ขนฺธา ภิชฺชนฺติ เจว อนฺตรธายนฺติ จ อทสฺสนํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตํ เภโท อนฺตรธานนฺติ วุจฺจติ. มจฺจุมรณนฺติ มจฺจุมรณํ, น ขณิกมรณํ. กาลกิริยาติ มรณกาลกิริยา. อยํ สพฺพาปิ สมฺมุติกถาว. ขนฺธานํ เภโทติ อยํ ปน ปรมตฺถกถา. เอกโวการภวาทีสุ เอกจตุปฺจเภทานํ ขนฺธานํเยว เภโท, น ¶ ปุคฺคลสฺส, ตสฺมึ ปน สติ ปุคฺคโล มโตติ โวหารมตฺตํ โหติ.
กเฬวรสฺส นิกฺเขโปติ อตฺตภาวสฺส นิกฺเขโป. มรณํ ปตฺตสฺส หิ นิรตฺถํว กลิงฺครํ อตฺตภาโว ปตติ, ตสฺมา ตํ กเฬวรสฺส นิกฺเขโปติ วุตฺตํ. ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉโท ปน สพฺพาการโต ปรมตฺถโต มรณํ. เอตเทว ¶ สมฺมุติมรณนฺติ ปิ วุจฺจติ. ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทเมว หิ คเหตฺวา โลกิยา ‘‘ติสฺโส มโต, ผุสฺโส มโต’’ติ วทนฺติ.
๓๙๑. พฺยสเนนาติ าติพฺยสนาทีสุ เยน เกนจิ พฺยสเนน. ทุกฺขธมฺเมนาติ วธพนฺธาทินา ทุกฺขการเณน. ผุฏฺสฺสาติ อชฺโฌตฺถฏสฺส อภิภูตสฺส. โสโกติ โย าติพฺยสนาทีสุ วา วธพนฺธนาทีสุ วา อฺตรสฺมึ สติ เตน อภิภูตสฺส อุปฺปชฺชติ โสจนลกฺขโณ โสโก. โสจิตตฺตนฺติ โสจิตภาโว. ยสฺมา ปเนส อพฺภนฺตเร โสเสนฺโต ปริโสเสนฺโต อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อนฺโตโสโก อนฺโตปริโสโกติ วุจฺจติ.
๓๙๒. ‘‘มยฺหํ ธีตา, มยฺหํ ปุตฺโต’’ติ เอวํ อาทิสฺส อาทิสฺส เทวนฺติ ปริเทวนฺติ เอเตนาติ อาเทโว. ตํ ตํ วณฺณํ ปริกิตฺเตตฺวา เทวนฺติ เอเตนาติ ปริเทโว. ตโต ปรา ทฺเว ตสฺเสว ภาวนิทฺเทสา.
๓๙๓. กายิกนฺติ กายปสาทวตฺถุกํ. ทุกฺขมนฏฺเน ทุกฺขํ. อสาตนฺติ อมธุรํ. กายสมฺผสฺสชํ ทุกฺขนฺติ กายสมฺผสฺสโต ชาตํ ทุกฺขํ. อสาตํ เวทยิตนฺติ อมธุรํ เวทยิตํ.
๓๙๔. เจตสิกนฺติ จิตฺตสมฺปยุตฺตํ. เสสํ ทุกฺเข วุตฺตนยเมว.
๓๙๕. อายาโสติ สํสีทนวิสีทนาการปฺปตฺโต จิตฺตกิลมโถ. พลวตรํ อายาโส อุปายาโส. ตโต ปรา ทฺเว อตฺตตฺตนิยาภาวทีปกา ภาวนิทฺเทสา.
๓๙๘. ชาติธมฺมานนฺติ ¶ ชาติสภาวานํ. อิจฺฉา อุปฺปชฺชตีติ ตณฺหา อุปฺปชฺชติ. อโห วตาติ ปตฺถนา. น โข ปเนตํ อิจฺฉายาติ เอวํ ชาติยา อนาคมนํ วินา มคฺคภาวนํ น อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํ. อิทมฺปีติ เอตมฺปิ อุปริ เสสานิ อุปาทาย ปิกาโร. ยมฺปิจฺฉนฺติ เยนปิ ธมฺเมน อลพฺภเนยฺยวตฺถุํ อิจฺฉนฺโต น ลภติ, ตํ อลพฺภเนยฺย วตฺถุมฺหิ อิจฺฉนํ ทุกฺขํ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
๓๙๙. ขนฺธนิทฺเทเส ¶ รูปฺจ ตํ อุปาทานกฺขนฺโธ จาติ รูปุปาทานกฺขนฺโธ เอวํ สพฺพตฺถ.
สมุทยสจฺจนิทฺเทสวณฺณนา
๔๐๐. ยายํ ตณฺหาติ ยา อยํ ตณฺหา. โปโนพฺภวิกาติ ปุนพฺภวกรณํ ปุโนพฺภโว, ปุโนพฺภโว สีลํ อสฺสาติ โปโนพฺภวิกา. นนฺทีราเคน สห คตาติ นนฺทีราคสหคตา. นนฺทีราเคน สทฺธึ อตฺถโต เอกตฺตเมว คตาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺรตตฺราภินนฺทินีติ ¶ ยตฺร ยตฺร อตฺตภาโว, ตตฺร ตตฺร อภินนฺทินี. รูปาทีสุ วา อารมฺมเณสุ ตตฺร ตตฺร อภินนฺทินี, รูปาภินนฺทินี สทฺท, คนฺธ, รส, โผฏฺพฺพ, ธมฺมาภินนฺทินีติ อตฺโถ. เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต. ตสฺส สา กตมา เจติ อตฺโถ. กาเม ตณฺหา กามตณฺหา, ปฺจกามคุณิกราคสฺเสตํ นามํ. ภเว ตณฺหา ภวตณฺหา, ภวปตฺถนาวเสน อุปฺปนฺนสฺส สสฺสตทิฏฺิสหคตสฺส รูปารูปภวราคสฺส จ ฌานนิกนฺติยา เจตํ อธิวจนํ. วิภเว ตณฺหา วิภวตณฺหา, อุจฺเฉททิฏฺิสหคตราคสฺเสตํ อธิวจนํ.
อิทานิ ตสฺสา ตณฺหาย วตฺถุํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ สา โข ปเนสาติอาทิมาห. ตตฺถ อุปฺปชฺชตีติ ชายติ. นิวิสตีติ ปุนปฺปุนํ ปวตฺติวเสน ปติฏฺหติ. ยํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปนฺติ ยํ โลกสฺมึ ปิยสภาวฺเจว มธุรสภาวฺจ. จกฺขุ โลเกติอาทีสุ โลกสฺมิฺหิ จกฺขาทีสุ มมตฺเตน อภินิวิฏฺา สตฺตา สมฺปตฺติยํ ปติฏฺิตา อตฺตโน จกฺขุํ อาทาสตลาทีสุ นิมิตฺตคฺคหณานุสาเรน วิปฺปสนฺนํ ปฺจปสาทํ สุวณฺณวิมาเน อุคฺฆาฏิตมณิสีหปฺชรํ วิย มฺนฺติ, โสตํ รชตปนาฬิกํ วิย, ปามงฺคสุตฺตํ วิย จ มฺนฺติ, ‘‘ตุงฺคนาสา’’ติ ลทฺธโวหารํ ฆานํ วฏฺฏิตฺวา ปิตหริตาลวฏฺฏํ วิย มฺนฺติ, ชิวฺหํ รตฺตกมฺพลปฏลํ วิย มุทุสินิทฺธมธุรสทํ มฺนฺติ, กายํ สาลลฏฺึ วิย, สุวณฺณโตรณํ วิย จ มฺนฺติ, มนํ อฺเสํ มเนน อสทิสํ อุฬารํ มฺนฺติ. รูปํ สุวณฺณกณิการปุปฺผาทิวณฺณํ วิย, สทฺทํ มตฺตกรวีก โกกิลมนฺทธมิตมณิวํสนิคฺโฆสํ วิย, อตฺตนา ปฏิลทฺธานิ จตุสมุฏฺานิกคนฺธารมฺมณาทีนิ ¶ ‘‘กสฺสฺสฺส เอวรูปานิ อตฺถี’’ติ มฺนฺติ. เตสํ เอวํ มฺมานานํ ตานิ จกฺขาทีนิ ปิยรูปานิ เจว สาตรูปานิ จ โหนฺติ. อถ เนสํ ตตฺถ อนุปฺปนฺนา เจว ตณฺหา อุปฺปชฺชติ ¶ , อุปฺปนฺนา จ ตณฺหา ปุนปฺปุนํ ปวตฺติวเสน นิวิสติ. ตสฺมา ภควา ‘‘จกฺขุ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุปฺปชฺชมานาติ ยทา อุปฺปชฺชมานา โหติ, ตทา เอตฺถ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
นิโรธสจฺจนิทฺเทสวณฺณนา
๔๐๑. อเสสวิราคนิโรโธติอาทีนิ สพฺพานิ นิพฺพานเววจนาเนว. นิพฺพานฺหิ อาคมฺม ตณฺหา อเสสา วิรชฺชติ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ ‘‘ตสฺสาเยว ตณฺหาย อเสสวิราคนิโรโธ’’ติ วุจฺจติ. นิพฺพานฺจ อาคมฺม ตณฺหา จชิยติ ปฏินิสฺสชฺชิยติ วิมุจฺจติ น ¶ อลฺลียติ, ตสฺมา นิพฺพานํ ‘‘จาโค ปฏินิสฺสคฺโค มุตฺติ อนาลโย’’ติ วุจฺจติ. เอกเมว หิ นิพฺพานํ, นามานิ ปนสฺส สพฺพสงฺขตานํ นามปฏิปกฺขวเสน อเนกานิ โหนฺติ. เสยฺยถิทํ, อเสสวิราโค อเสสนิโรโธ จาโค ปฏินิสฺสคฺโค มุตฺติ อนาลโย ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย ตณฺหกฺขโย อนุปฺปาโท อปฺปวตฺตํ อนิมิตฺตํ อปฺปณิหิตํ อนายูหนํ อปฺปฏิสนฺธิ อนุปปตฺติ อคติ อชาตํ อชรํ อพฺยาธิ อมตํ อโสกํ อปริเทวํ อนุปายาสํ อสํกิลิฏฺนฺติ.
อิทานิ มคฺเคน ฉินฺนาย นิพฺพานํ อาคมฺม อปฺปวตฺติปตฺตายปิ จ ตณฺหาย เยสุ วตฺถูสุ ตสฺสา อุปฺปตฺติ ทสฺสิตา, ตตฺเถว อภาวํ ทสฺเสตุํ สา โข ปเนสาติอาทิมาห. ตตฺถ ยถา ปุริโส เขตฺเต ชาตํ ติตฺตอลาพุวลฺลึ ทิสฺวา อคฺคโต ปฏฺาย มูลํ ปริเยสิตฺวา ฉินฺเทยฺย, สา อนุปุพฺเพน มิลายิตฺวา อปฺตฺตึ คจฺเฉยฺย. ตโต ตสฺมึ เขตฺเต ติตฺตอลาพุ นิรุทฺธา ปหีนาติ วุจฺเจยฺย, เอวเมว เขตฺเต ติตฺตอลาพุ วิย จกฺขาทีสุ ตณฺหา. สา อริยมคฺเคน มูลจฺฉินฺนา นิพฺพานํ อาคมฺม อปฺปวตฺตึ คจฺฉติ. เอวํ คตา ปน เตสุ วตฺถูสุ เขตฺเต ติตฺตอลาพุ วิย น ปฺายติ.
ยถา จ อฏวิโต โจเร อาเนตฺวา นครสฺส ทกฺขิณทฺวาเร ฆาเตยฺยุํ, ตโต อฏวิยํ โจรา มตาติ วา มาริตาติ วา วุจฺเจยฺยุํ, เอวํ อฏวิยํ โจรา วิย จกฺขาทีสุ ตณฺหา. สา ทกฺขิณทฺวาเร โจรา วิย นิพฺพานํ อาคมฺม นิรุทฺธตฺตา นิพฺพาเน นิรุทฺธา. เอวํ นิรุทฺธา ปเนเตสุ ¶ วตฺถูสุ อฏวิยํ โจรา วิย น ปฺายติ, เตนสฺสา ตตฺเถว นิโรธํ ทสฺเสนฺโต ¶ ‘‘จกฺขุ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌตี’’ติอาทิมาห.
มคฺคสจฺจนิทฺเทสวณฺณนา
๔๐๒. อยเมวาติ อฺมคฺคปฏิกฺเขปนตฺถํ นิยมนํ. อริโยติ ตํ ตํ มคฺควชฺเฌหิ กิเลเสหิ อารกตฺตา อริยภาวกรตฺตา จ อริโย. ทุกฺเข าณนฺติอาทินา จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ทสฺสิตํ. ตตฺถ ปุริมานิ ทฺเว สจฺจานิ วฏฺฏํ, ปจฺฉิมานิ วิวฏฺฏํ. เตสุ ภิกฺขุโน วฏฺเฏ กมฺมฏฺานาภินิเวโส โหติ, วิวฏฺเฏ นตฺถิ อภินิเวโส. ปุริมานิ หิ ทฺเว สจฺจานิ ‘‘ปฺจกฺขนฺธา ทุกฺขํ, ตณฺหา สมุทโย’’ติ เอวํ สงฺเขเปน จ ‘‘กตเม ปฺจกฺขนฺธา, รูปกฺขนฺโธ’’ติอาทินา นเยน วิตฺถาเรน จ อาจริยสฺส สนฺติเก อุคฺคณฺหิตฺวา วาจาย ปุนปฺปุนํ ปริวตฺเตนฺโต โยคาวจโร กมฺมํ กโรติ. อิตเรสุ ปน ทฺวีสุ สจฺเจสุ นิโรธสจฺจํ อิฏฺํ กนฺตํ มนาปํ, มคฺคสจฺจํ อิฏฺํ กนฺตํ มนาปนฺติ เอวํ สวเนน กมฺมํ ¶ กโรติ. โส เอวํ กโรนฺโต จตฺตาริ สจฺจานิ เอกปฏิเวเธเนว ปฏิวิชฺฌติ เอกาภิสมเยน อภิสเมติ. ทุกฺขํ ปริฺาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌติ, สมุทยํ ปหานปฏิเวเธน, นิโรธํ สจฺฉิกิริยาปฏิเวเธน, มคฺคํ ภาวนาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌติ. ทุกฺขํ ปริฺาภิสมเยน…เป… มคฺคํ ภาวนาภิสมเยน อภิสเมติ. เอวมสฺส ปุพฺพภาเค ทฺวีสุ สจฺเจสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาสวนธารณสมฺมสนปฏิเวโธ โหติ, ทฺวีสุ ปน สวนปฏิเวโธเยว. อปรภาเค ตีสุ กิจฺจโต ปฏิเวโธ โหติ, นิโรเธ อารมฺมณปฏิเวโธ. ปจฺจเวกฺขณา ปน ปตฺตสจฺจสฺส โหติ. อยฺจ อาทิกมฺมิโก, ตสฺมา สา อิธ น วุตฺตา.
อิมสฺส จ ภิกฺขุโน ปุพฺเพ ปริคฺคหโต ‘‘ทุกฺขํ ปริชานามิ, สมุทยํ ปชหามิ, นิโรธํ สจฺฉิกโรมิ, มคฺคํ ภาเวมี’’ติ อาโภคสมนฺนาหารมนสิการปจฺจเวกฺขณา นตฺถิ, ปริคฺคหโต ปฏฺาย โหติ. อปรภาเค ปน ทุกฺขํ ปริฺาตเมว…เป… มคฺโค ภาวิโตว โหติ. ตตฺถ ทฺเว สจฺจานิ ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรานิ, ทฺเว คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสานิ. ทุกฺขสจฺจฺหิ อุปฺปตฺติโต ปากฏํ, ขาณุกณฺฏกปหาราทีสุ ‘‘อโห ทุกฺข’’นฺติ วตฺตพฺพตมฺปิ อาปชฺชติ. สมุทยมฺปิ ขาทิตุกามตาภฺุชิตุกามตาทิวเสน อุปฺปตฺติโต ปากฏํ. ลกฺขณปฏิเวธโต ปน อุภยมฺปิ คมฺภีรํ. อิติ ตานิ ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรานิ. อิตเรสํ ปน ทฺวินฺนํ ทสฺสนตฺถาย ปโยโค ภวคฺคคหณตฺถํ หตฺถปฺปสารณํ ¶ วิย อวีจิผุสนตฺถํ ปาทปฺปสารณํ วิย สตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฏิยา ¶ โกฏิปาทนํ วิย จ โหติ. อิติ ตานิ คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสานิ. เอวํ ทุทฺทสตฺตา คมฺภีเรสุ คมฺภีรตฺตา จ ทุทฺทเสสุ จตูสุ สจฺเจสุ อุคฺคหาทิวเสน ปุพฺพภาคาณุปฺปตฺตึ สนฺธาย อิทํ ทุกฺเข าณนฺติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิเวธกฺขเณ ปน เอกเมว ตํ าณํ โหติ.
เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทโย กามพฺยาปาทวิหึสาวิรมณสฺานํ นานตฺตา ปุพฺพภาเค นานา, มคฺคกฺขเณ ปน อิเมสุ ตีสุ าเนสุ อุปฺปนฺนสฺส อกุสลสงฺกปฺปสฺส ปทปจฺเฉทโต อนุปฺปตฺติสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมาโน เอโกว กุสลสงฺกปฺโป อุปฺปชฺชติ. อยํ สมฺมาสงฺกปฺโป นาม.
มุสาวาทาเวรมณิอาทโยปิ มุสาวาทาทีหิ วิรมณสฺานํ นานตฺตา ปุพฺพภาเค นานา, มคฺคกฺขเณ ปน อิเมสุ จตูสุ าเนสุ อุปฺปนฺนาย อกุสลทุสฺสีลฺยเจตนาย ปทปจฺเฉทโต อนุปฺปตฺติสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกาว กุสลเวรมณี อุปฺปชฺชติ. อยํ สมฺมาวาจา นาม ¶ .
ปาณาติปาตาเวรมณิอาทโยปิ ปาณาติปาตาทีหิ วิรมณสฺานํ นานตฺตา ปุพฺพภาเค นานา, มคฺคกฺขเณ ปน อิเมสุ ตีสุ าเนสุ อุปฺปนฺนาย อกุสลทุสฺสีลฺยเจตนาย อกิริยโต ปทปจฺเฉทโต อนุปฺปตฺติสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกาว กุสลเวรมณี อุปฺปชฺชติ, อยํ สมฺมากมฺมนฺโต นาม.
มิจฺฉาอาชีวนฺติ ขาทนียโภชนียาทีนํ อตฺถาย ปวตฺติตํ กายวจีทุจฺจริตํ. ปหายาติ วชฺเชตฺวา. สมฺมาอาชีเวนาติ พุทฺธปสตฺเถน อาชีเวน. ชีวิตํ กปฺเปตีติ ชีวิตปฺปวตฺตึ ปวตฺเตติ. สมฺมาอาชีโวปิ กุหนาทีหิ วิรมณสฺานํ นานตฺตา ปุพฺพภาเค นานา, มคฺคกฺขเณ ปน อิเมสุเยว สตฺตสุ าเนสุ อุปฺปนฺนาย มิจฺฉาชีวทุสฺสีลฺยเจตนาย ปทปจฺเฉทโต อนุปฺปตฺติสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกาว กุสลเวรมณี อุปฺปชฺชติ, อยํ สมฺมาอาชีโว นาม.
อนุปฺปนฺนานนฺติ เอกสฺมึ วา ภเว ตถารูเป วา อารมฺมเณ อตฺตโน น อุปฺปนฺนานํ. ปรสฺส ปน อุปฺปชฺชมาเน ทิสฺวา ‘‘อโห วต เม เอวรูปา ปาปกา อกุสลธมฺมา น อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ เอวํ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ¶ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย. ฉนฺทํ ชเนตีติ เตสํ อนุปฺปาทกปฏิปตฺติสาธกํ วีริยฉนฺทํ ชเนติ. วายมตีติ วายามํ กโรติ. วีริยํ อารภตีติ ¶ วีริยํ ปวตฺเตติ. จิตฺตํ ปคฺคณฺหาตีติ วีริเยน จิตฺตํ ปคฺคหิตํ กโรติ. ปทหตีติ กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ อฏฺิ จ อวสิสฺสตูติ ปทหนํ ปวตฺเตติ.
อุปฺปนฺนานนฺติ สมุทาจารวเสน อตฺตโน อุปฺปนฺนปุพฺพานํ. อิทานิ ตาทิเส น อุปฺปาเทสฺสามีติ เตสํ ปหานาย ฉนฺทํ ชเนติ. อนุปฺปนฺนานํ กุสลานนฺติ อปฺปฏิลทฺธานํ ปมชฺฌานาทีนํ. อุปฺปนฺนานนฺติ เตสํเยว ปฏิลทฺธานํ. ิติยาติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติปพนฺธวเสน ิตตฺถํ. อสมฺโมสายาติ อวินาสนตฺถํ. ภิยฺโยภาวายาติ อุปริภาวาย. เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวาย. ภาวนาย ปาริปูริยาติ ภาวนาย ปริปูรณตฺถํ. อยมฺปิ สมฺมาวายาโม อนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อนุปฺปาทนาทิจิตฺตานํ นานตฺตา ปุพฺพภาเค นานา, มคฺคกฺขเณ ปน อิเมสุเยว จตูสุ าเนสุ กิจฺจสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมานํ เอกเมว กุสลวีริยํ อุปฺปชฺชติ. อยํ สมฺมาวายาโม นาม.
สมฺมาสติปิ กายาทิปริคฺคาหกจิตฺตานํ นานตฺตา ปุพฺพภาเค นานา, มคฺคกฺขเณ ปน จตูสุ าเนสุ กิจฺจสาธนวเสน มคฺคงฺคํ ปูรยมานา เอกาว สติ อุปฺปชฺชติ. อยํ สมฺมาสติ นาม.
ฌานานิ ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ ¶ นานา, ปุพฺพภาเค สมาปตฺติวเสน นานา, มคฺคกฺขเณ นานามคฺควเสน. เอกสฺส หิ ปมมคฺโค ปมชฺฌานิโก โหติ, ทุติยมคฺคาทโยปิ ปมชฺฌานิกา วา ทุติยชฺฌานาทีสุ อฺตรฌานิกา วา. เอกสฺสปิ ปมมคฺโค ทุติยาทีนํ อฺตรฌานิโก โหติ, ทุติยาทโยปิ ทุติยาทีนํ อฺตรชฺฌานิกา วา ปมชฺฌานิกา วา. เอวํ จตฺตาโรปิ มคฺคา ฌานวเสน สทิสา วา อสทิสา วา เอกจฺจสทิสา วา โหนฺติ. อยํ ปนสฺส วิเสโส ปาทกชฺฌานนิยเมน โหติ.
ปาทกชฺฌานนิยเมน ตาว ปมชฺฌานลาภิโน ปมชฺฌานา วุฏฺาย วิปสฺสนฺตสฺส อุปฺปนฺโน มคฺโค ปมชฺฌานิโก โหติ. มคฺคงฺคโพชฺฌงฺคานิ ปเนตฺถ ปริปุณฺณาเนว โหนฺติ. ทุติยชฺฌานโต วุฏฺาย วิปสฺสนฺตสฺส อุปฺปนฺโน ทุติยชฺฌานิโก โหติ. มคฺคงฺคานิ ปเนตฺถ สตฺต โหนฺติ. ตติยชฺฌานโต วุฏฺาย วิปสฺสนฺตสฺส อุปฺปนฺโน ตติยชฺฌานิโก. มคฺคงฺคานิ ปเนตฺถ สตฺต ¶ , โพชฺฌงฺคานิ ฉ โหนฺติ. เอส นโย จตุตฺถชฺฌานโต วุฏฺาย ยาว เนวสฺานาสฺายตนํ.
อารุปฺเป ¶ จตุกฺกปฺจกชฺฌานํ อุปฺปชฺชติ, ตฺจ โลกุตฺตรํ, โน โลกิยนฺติ วุตฺตํ, เอตฺถ กถนฺติ? เอตฺถาปิ ปมชฺฌานาทีสุ ยโต วุฏฺาย โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิลภิตฺวา อรูปสมาปตฺตึ ภาเวตฺวา โส อารุปฺเป อุปฺปนฺโน, ตํ ฌานิกาวสฺส ตตฺถ ตโย มคฺคา อุปฺปชฺชนฺติ. เอวํ ปาทกชฺฌานเมว นิยเมติ.
เกจิ ปน เถรา ‘‘วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺตี’’ติ วทนฺติ. เกจิ ‘‘ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมตี’’ติ วทนฺติ. เกจิ ‘‘วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา นิยเมตี’’ติ วทนฺติ. เตสํ วาทวินิจฺฉโย วิสุทฺธิมคฺเค วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาธิกาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺมาสมาธีติ อยํ ปุพฺพภาเค โลกิโย อปรภาเค โลกุตฺตโร สมฺมาสมาธีติ วุจฺจติ.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ อตฺตโน วา จตฺตาริ สจฺจานิ ปริคฺคณฺหิตฺวา, ปรสฺส วา, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส จตฺตาริ สจฺจานิ ปริคฺคณฺหิตฺวา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยา ปเนตฺถ จตุนฺนํ สจฺจานํ ยถาสมฺภาวโต อุปฺปตฺตินิวตฺติวเสน เวทิตพฺพา. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว. เกวลฺหิ อิธ จตุสจฺจปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ ¶ โยชนํ กตฺวา สจฺจปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ, เสสํ ตาทิสเมวาติ.
จตุสจฺจปพฺพํ นิฏฺิตํ.
๔๐๔. เอตฺตาวตา อานาปานปพฺพํ จตุอิริยาปถปพฺพํ จตุสมฺปชฺปพฺพํ ทฺวตฺตึสาการํ จตุธาตุววตฺถานํ นวสิวถิกา เวทนานุปสฺสนา จิตฺตานุปสฺสนา นีวรณปริคฺคโห ขนฺธปริคฺคโห อายตนปริคฺคโห โพชฺฌงฺคปริคฺคโห สจฺจปริคฺคโหติ เอกวีสติ กมฺมฏฺานานิ. เตสุ อานาปานํ ทฺวตฺตึสาการํ นวสิวถิกาติ เอกาทส อปฺปนากมฺมฏฺานานิ โหนฺติ. ทีฆภาณกมหาสีวตฺเถโร ปน ‘‘นวสิวถิกา อาทีนวานุปสฺสนาวเสน วุตฺตา’’ติ อาห. ตสฺมา ตสฺส มเตน ทฺเวเยว อปฺปนากมฺมฏฺานานิ, เสสานิ อุปจารกมฺมฏฺานานิ. กึ ปเนเตสุ สพฺเพสุ อภินิเวโส ¶ ชายตีติ? น ชายติ. อิริยาปถสมฺปชฺนีวรณโพชฺฌงฺเคสุ หิ อภินิเวโส น ชายติ, เสเสสุ ชายตีติ. มหาสีวตฺเถโร ปนาห ‘‘เอเตสุปิ อภินิเวโส ชายติ. อยฺหิ ‘อตฺถิ นุ โข เม จตฺตาโร อิริยาปถา อุทาหุ นตฺถิ, อตฺถิ นุ โข เม จตุสมฺปชฺํ อุทาหุ ¶ นตฺถิ, อตฺถิ นุ โข เม ปฺจนีวรณา อุทาหุ นตฺถิ, อตฺถิ นุ โข เม สตฺตโพชฺฌงฺคา อุทาหุ นตฺถี’ติ เอวํ ปริคฺคณฺหาติ. ตสฺมา สพฺพตฺถ อภินิเวโส ชายตี’’ติ.
โย หิ โกจิ, ภิกฺขเวติ โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา. เอวํ ภาเวยฺยาติอาทิโต ปฏฺาย วุตฺเตน ภาวนานุกฺกเมน ภาเวยฺย. ปาฏิกงฺขนฺติ ปฏิกงฺขิตพฺพํ อิจฺฉิตพฺพํ อวสฺสํภาวีติ อตฺโถ. อฺาติ อรหตฺตํ. สติ วา อุปาทิเสเสติ อุปาทานเสเส วา สติ อปริกฺขีเณ. อนาคามิตาติ อนาคามิภาโว.
เอวํ สตฺตนฺนํ วสฺสานํ วเสน สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ ทสฺเสตฺวา ปุน ตโต อปฺปตเรปิ กาเล ทสฺเสนฺโต ติฏฺนฺตุ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. สพฺพมฺปิ เจตํ มชฺฌิมสฺส เวเนยฺยปุคฺคลสฺส วเสน วุตฺตํ, ติกฺขปฺํ ปน สนฺธาย ‘‘ปาโตว อนุสิฏฺโ สายํ วิเสสํ อธิคมิสฺสติ, สายํ ¶ อนุสิฏฺโ ปาโต วิเสสํ อธิคมิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. อิติ ภควา ‘‘เอวํ นิยฺยานิกํ, ภิกฺขเว, มม สาสน’’นฺติ ทสฺเสตฺวา เอกวีสติยาปิ าเนสุ อรหตฺตนิกูเฏน เทสิตํ เทสนํ นิยฺยาเตนฺโต ‘‘เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค…เป… อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ อาห. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ. เทสนาปริโยสาเน ปน ตึส ภิกฺขุสหสฺสานิ อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
มหาสติปฏฺานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.