📜

๒. มหานิทานสุตฺตํ

ปฏิจฺจสมุปฺปาโท

๙๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กุรูสุ วิหรติ กมฺมาสธมฺมํ นาม [กมฺมาสทมฺมํ นาม (สฺยา.)] กุรูนํ นิคโม. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาว คมฺภีโร จายํ, ภนฺเต, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีราวภาโส จ, อถ จ ปน เม อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายตี’’ติ. ‘‘มา เหวํ, อานนฺท, อวจ, มา เหวํ, อานนฺท, อวจ. คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีราวภาโส จ. เอตสฺส, อานนฺท, ธมฺมสฺส อนนุโพธา อปฺปฏิเวธา เอวมยํ ปชา ตนฺตากุลกชาตา กุลคณฺิกชาตา [คุลาคุณฺิกชาตา (สี. ปี.), คุณคณฺิกชาตา (สฺยา.)] มุฺชปพฺพชภูตา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตติ.

๙๖. ‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณ’นฺติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ. ‘กึปจฺจยา ชรามรณ’นฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’นฺติ อิจฺจสฺส วจนียํ.

‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชาตี’ติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ. ‘กึปจฺจยา ชาตี’ติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘ภวปจฺจยา ชาตี’ติ อิจฺจสฺส วจนียํ.

‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ภโว’ติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ . ‘กึปจฺจยา ภโว’ติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’ติ อิจฺจสฺส วจนียํ.

‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา อุปาทาน’นฺติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ. ‘กึปจฺจยา อุปาทาน’นฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’นฺติ อิจฺจสฺส วจนียํ.

‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ตณฺหา’ติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ. ‘กึปจฺจยา ตณฺหา’ติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’ติ อิจฺจสฺส วจนียํ.

‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา เวทนา’ติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ. ‘กึปจฺจยา เวทนา’ติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’ติ อิจฺจสฺส วจนียํ.

‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ผสฺโส’ติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ. ‘กึปจฺจยา ผสฺโส’ติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘นามรูปปจฺจยา ผสฺโส’ติ อิจฺจสฺส วจนียํ.

‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา นามรูป’นฺติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ. ‘กึปจฺจยา นามรูป’นฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘วิฺาณปจฺจยา นามรูป’นฺติ อิจฺจสฺส วจนียํ.

‘‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา วิฺาณ’นฺติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ. ‘กึปจฺจยา วิฺาณ’นฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ‘นามรูปปจฺจยา วิฺาณ’นฺติ อิจฺจสฺส วจนียํ.

๙๗. ‘‘อิติ โข, อานนฺท, นามรูปปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ , ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ.

๙๘. ‘‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ชาติปจฺจยา ชรามรณํ. ชาติ จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, เสยฺยถิทํ – เทวานํ วา เทวตฺตาย, คนฺธพฺพานํ วา คนฺธพฺพตฺตาย, ยกฺขานํ วา ยกฺขตฺตาย, ภูตานํ วา ภูตตฺตาย, มนุสฺสานํ วา มนุสฺสตฺตาย, จตุปฺปทานํ วา จตุปฺปทตฺตาย, ปกฺขีนํ วา ปกฺขิตฺตาย, สรีสปานํ วา สรีสปตฺตาย [สิรึสปานํ สิรึสปตฺตาย (สี. สฺยา.)], เตสํ เตสฺจ หิ, อานนฺท, สตฺตานํ ตทตฺตาย ชาติ นาภวิสฺส. สพฺพโส ชาติยา อสติ ชาตินิโรธา อปิ นุ โข ชรามรณํ ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ชรามรณสฺส, ยทิทํ ชาติ’’.

๙๙. ‘‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ภวปจฺจยา ชาติ. ภโว จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, เสยฺยถิทํ – กามภโว วา รูปภโว วา อรูปภโว วา, สพฺพโส ภเว อสติ ภวนิโรธา อปิ นุ โข ชาติ ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ชาติยา, ยทิทํ ภโว’’.

๑๐๐. ‘‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา อุปาทานปจฺจยา ภโว. อุปาทานฺจ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ , เสยฺยถิทํ – กามุปาทานํ วา ทิฏฺุปาทานํ วา สีลพฺพตุปาทานํ วา อตฺตวาทุปาทานํ วา, สพฺพโส อุปาทาเน อสติ อุปาทานนิโรธา อปิ นุ โข ภโว ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ภวสฺส, ยทิทํ อุปาทานํ’’.

๑๐๑. ‘‘‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ. ตณฺหา จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, เสยฺยถิทํ – รูปตณฺหา สทฺทตณฺหา คนฺธตณฺหา รสตณฺหา โผฏฺพฺพตณฺหา ธมฺมตณฺหา, สพฺพโส ตณฺหาย อสติ ตณฺหานิโรธา อปิ นุ โข อุปาทานํ ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย อุปาทานสฺส, ยทิทํ ตณฺหา’’.

๑๐๒. ‘‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา เวทนาปจฺจยา ตณฺหา. เวทนา จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, เสยฺยถิทํ – จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา โสตสมฺผสฺสชา เวทนา ฆานสมฺผสฺสชา เวทนา ชิวฺหาสมฺผสฺสชา เวทนา กายสมฺผสฺสชา เวทนา มโนสมฺผสฺสชา เวทนา, สพฺพโส เวทนาย อสติ เวทนานิโรธา อปิ นุ โข ตณฺหา ปฺาเยถา’’ติ ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ตณฺหาย, ยทิทํ เวทนา’’.

๑๐๓. ‘‘อิติ โข ปเนตํ, อานนฺท, เวทนํ ปฏิจฺจ ตณฺหา, ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฏิจฺจ ลาโภ, ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย, วินิจฺฉยํ ปฏิจฺจ ฉนฺทราโค, ฉนฺทราคํ ปฏิจฺจ อชฺโฌสานํ, อชฺโฌสานํ ปฏิจฺจ ปริคฺคโห, ปริคฺคหํ ปฏิจฺจ มจฺฉริยํ, มจฺฉริยํ ปฏิจฺจ อารกฺโข. อารกฺขาธิกรณํ ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุฺมุสาวาทา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ.

๑๐๔. ‘‘‘อารกฺขาธิกรณํ [อารกฺขํ ปฏิจฺจ อารกฺขาธิกรณํ (สฺยา.)] ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุฺมุสาวาทา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตี’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา อารกฺขาธิกรณํ ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุฺมุสาวาทา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ. อารกฺโข จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส อารกฺเข อสติ อารกฺขนิโรธา อปิ นุ โข ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุฺมุสาวาทา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภเวยฺยุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ทณฺฑาทานสตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุฺมุสาวาทานํ อเนเกสํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมฺภวาย ยทิทํ อารกฺโข.

๑๐๕. ‘‘‘มจฺฉริยํ ปฏิจฺจ อารกฺโข’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา มจฺฉริยํ ปฏิจฺจ อารกฺโข. มจฺฉริยฺจ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ , สพฺพโส มจฺฉริเย อสติ มจฺฉริยนิโรธา อปิ นุ โข อารกฺโข ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย อารกฺขสฺส, ยทิทํ มจฺฉริยํ’’.

๑๐๖. ‘‘‘ปริคฺคหํ ปฏิจฺจ มจฺฉริย’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ปริคฺคหํ ปฏิจฺจ มจฺฉริยํ. ปริคฺคโห จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส ปริคฺคเห อสติ ปริคฺคหนิโรธา อปิ นุ โข มจฺฉริยํ ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย มจฺฉริยสฺส, ยทิทํ ปริคฺคโห’’.

๑๐๗. ‘‘‘อชฺโฌสานํ ปฏิจฺจ ปริคฺคโห’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา อชฺโฌสานํ ปฏิจฺจ ปริคฺคโห. อชฺโฌสานฺจ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส อชฺโฌสาเน อสติ อชฺโฌสานนิโรธา อปิ นุ โข ปริคฺคโห ปฺาเยถา’’ติ ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ปริคฺคหสฺส – ยทิทํ อชฺโฌสานํ’’.

๑๐๘. ‘‘‘ฉนฺทราคํ ปฏิจฺจ อชฺโฌสาน’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ฉนฺทราคํ ปฏิจฺจ อชฺโฌสานํ. ฉนฺทราโค จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส ฉนฺทราเค อสติ ฉนฺทราคนิโรธา อปิ นุ โข อชฺโฌสานํ ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย อชฺโฌสานสฺส, ยทิทํ ฉนฺทราโค’’.

๑๐๙. ‘‘‘วินิจฺฉยํ ปฏิจฺจ ฉนฺทราโค’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา วินิจฺฉยํ ปฏิจฺจ ฉนฺทราโค. วินิจฺฉโย จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส วินิจฺฉเย อสติ วินิจฺฉยนิโรธา อปิ นุ โข ฉนฺทราโค ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ , ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ฉนฺทราคสฺส, ยทิทํ วินิจฺฉโย’’.

๑๑๐. ‘‘‘ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย. ลาโภ จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส ลาเภ อสติ ลาภนิโรธา อปิ นุ โข วินิจฺฉโย ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย วินิจฺฉยสฺส, ยทิทํ ลาโภ’’.

๑๑๑. ‘‘‘ปริเยสนํ ปฏิจฺจ ลาโภ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ปริเยสนํ ปฏิจฺจ ลาโภ. ปริเยสนา จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, สพฺพโส ปริเยสนาย อสติ ปริเยสนานิโรธา อปิ นุ โข ลาโภ ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ลาภสฺส, ยทิทํ ปริเยสนา’’.

๑๑๒. ‘‘‘ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา. ตณฺหา จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, เสยฺยถิทํ – กามตณฺหา ภวตณฺหา วิภวตณฺหา, สพฺพโส ตณฺหาย อสติ ตณฺหานิโรธา อปิ นุ โข ปริเยสนา ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ปริเยสนาย, ยทิทํ ตณฺหา. อิติ โข, อานนฺท, อิเม ทฺเว ธมฺมา [อิเม ธมฺมา (ก.)] ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ’’.

๑๑๓. ‘‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา ‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา. ผสฺโส จ หิ, อานนฺท, นาภวิสฺส สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ กสฺสจิ กิมฺหิจิ, เสยฺยถิทํ – จกฺขุสมฺผสฺโส โสตสมฺผสฺโส ฆานสมฺผสฺโส ชิวฺหาสมฺผสฺโส กายสมฺผสฺโส มโนสมฺผสฺโส, สพฺพโส ผสฺเส อสติ ผสฺสนิโรธา อปิ นุ โข เวทนา ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท , เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย เวทนาย, ยทิทํ ผสฺโส’’.

๑๑๔. ‘‘‘นามรูปปจฺจยา ผสฺโส’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา นามรูปปจฺจยา ผสฺโส. เยหิ, อานนฺท, อากาเรหิ เยหิ ลิงฺเคหิ เยหิ นิมิตฺเตหิ เยหิ อุทฺเทเสหิ นามกายสฺส ปฺตฺติ โหติ, เตสุ อากาเรสุ เตสุ ลิงฺเคสุ เตสุ นิมิตฺเตสุ เตสุ อุทฺเทเสสุ อสติ อปิ นุ โข รูปกาเย อธิวจนสมฺผสฺโส ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘เยหิ, อานนฺท, อากาเรหิ เยหิ ลิงฺเคหิ เยหิ นิมิตฺเตหิ เยหิ อุทฺเทเสหิ รูปกายสฺส ปฺตฺติ โหติ, เตสุ อากาเรสุ…เป… เตสุ อุทฺเทเสสุ อสติ อปิ นุ โข นามกาเย ปฏิฆสมฺผสฺโส ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘เยหิ, อานนฺท, อากาเรหิ…เป… เยหิ อุทฺเทเสหิ นามกายสฺส จ รูปกายสฺส จ ปฺตฺติ โหติ , เตสุ อากาเรสุ…เป… เตสุ อุทฺเทเสสุ อสติ อปิ นุ โข อธิวจนสมฺผสฺโส วา ปฏิฆสมฺผสฺโส วา ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘เยหิ, อานนฺท, อากาเรหิ…เป… เยหิ อุทฺเทเสหิ นามรูปสฺส ปฺตฺติ โหติ, เตสุ อากาเรสุ …เป… เตสุ อุทฺเทเสสุ อสติ อปิ นุ โข ผสฺโส ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย ผสฺสสฺส, ยทิทํ นามรูปํ’’.

๑๑๕. ‘‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูป’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ. วิฺาณฺจ หิ, อานนฺท, มาตุกุจฺฉิสฺมึ น โอกฺกมิสฺสถ, อปิ นุ โข นามรูปํ มาตุกุจฺฉิสฺมึ สมุจฺจิสฺสถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘วิฺาณฺจ หิ, อานนฺท, มาตุกุจฺฉิสฺมึ โอกฺกมิตฺวา โวกฺกมิสฺสถ, อปิ นุ โข นามรูปํ อิตฺถตฺตาย อภินิพฺพตฺติสฺสถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘วิฺาณฺจ หิ, อานนฺท, ทหรสฺเสว สโต โวจฺฉิชฺชิสฺสถ กุมารกสฺส วา กุมาริกาย วา, อปิ นุ โข นามรูปํ วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย นามรูปสฺส – ยทิทํ วิฺาณํ’’.

๑๑๖. ‘‘‘นามรูปปจฺจยา วิฺาณ’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตทานนฺท, อิมินาเปตํ ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา นามรูปปจฺจยา วิฺาณํ. วิฺาณฺจ หิ, อานนฺท, นามรูเป ปติฏฺํ น ลภิสฺสถ, อปิ นุ โข อายตึ ชาติชรามรณํ ทุกฺขสมุทยสมฺภโว [ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว (สี. สฺยา. ปี.)] ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ เอตํ นิทานํ เอส สมุทโย เอส ปจฺจโย วิฺาณสฺส ยทิทํ นามรูปํ. เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, ชาเยถ วา ชีเยถ [ชิยฺเยถ (ก.)] วา มีเยถ [มิยฺเยถ (ก.)] วา จเวถ วา อุปปชฺเชถ วา. เอตฺตาวตา อธิวจนปโถ, เอตฺตาวตา นิรุตฺติปโถ, เอตฺตาวตา ปฺตฺติปโถ, เอตฺตาวตา ปฺาวจรํ, เอตฺตาวตา วฏฺฏํ วตฺตติ อิตฺถตฺตํ ปฺาปนาย ยทิทํ นามรูปํ สห วิฺาเณน อฺมฺปจฺจยตา ปวตฺตติ.

อตฺตปฺตฺติ

๑๑๗. ‘‘กิตฺตาวตา จ, อานนฺท, อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ? รูปึ วา หิ, อานนฺท, ปริตฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ – ‘‘รูปี เม ปริตฺโต อตฺตา’’ติ. รูปึ วา หิ , อานนฺท, อนนฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ – ‘รูปี เม อนนฺโต อตฺตา’ติ. อรูปึ วา หิ, อานนฺท, ปริตฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ – ‘อรูปี เม ปริตฺโต อตฺตา’ติ. อรูปึ วา หิ, อานนฺท, อนนฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ – ‘อรูปี เม อนนฺโต อตฺตา’ติ.

๑๑๘. ‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส รูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ. เอตรหิ วา โส รูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ, ตตฺถ ภาวึ วา โส รูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกปฺเปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส โหติ. เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, รูปึ [รูปี (ก.)] ปริตฺตตฺตานุทิฏฺิ อนุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนาย.

‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส รูปึ อนนฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ. เอตรหิ วา โส รูปึ อนนฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ, ตตฺถ ภาวึ วา โส รูปึ อนนฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกปฺเปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส โหติ. เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, รูปึ [รูปี (ก.)] อนนฺตตฺตานุทิฏฺิ อนุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนาย.

‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส อรูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ. เอตรหิ วา โส อรูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ, ตตฺถ ภาวึ วา โส อรูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกปฺเปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส โหติ. เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, อรูปึ [อรูปี (ก.)] ปริตฺตตฺตานุทิฏฺิ อนุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนาย.

‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส อรูปึ อนนฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ. เอตรหิ วา โส อรูปึ อนนฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ, ตตฺถ ภาวึ วา โส อรูปึ อนนฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกปฺเปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส โหติ. เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, อรูปึ [อรูปี (ก.)] อนนฺตตฺตานุทิฏฺิ อนุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนาย. เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, อตฺตานํ ปฺเปนฺโต ปฺเปติ.

นอตฺตปฺตฺติ

๑๑๙. ‘‘กิตฺตาวตา จ, อานนฺท, อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ? รูปึ วา หิ, อานนฺท, ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ – ‘รูปี เม ปริตฺโต อตฺตา’ติ. รูปึ วา หิ, อานนฺท, อนนฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ – ‘รูปี เม อนนฺโต อตฺตา’ติ. อรูปึ วา หิ, อานนฺท, ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ – ‘อรูปี เม ปริตฺโต อตฺตา’ติ. อรูปึ วา หิ, อานนฺท, อนนฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ – ‘อรูปี เม อนนฺโต อตฺตา’ติ.

๑๒๐. ‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส รูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ. เอตรหิ วา โส รูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ, ตตฺถ ภาวึ วา โส รูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกปฺเปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส น โหติ. เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, รูปึ ปริตฺตตฺตานุทิฏฺิ นานุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนาย.

‘‘ตตฺรานนฺท , โย โส รูปึ อนนฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ. เอตรหิ วา โส รูปึ อนนฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ, ตตฺถ ภาวึ วา โส รูปึ อนนฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกปฺเปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส น โหติ. เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, รูปึ อนนฺตตฺตานุทิฏฺิ นานุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนาย.

‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส อรูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ. เอตรหิ วา โส อรูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ, ตตฺถ ภาวึ วา โส อรูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกปฺเปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส น โหติ. เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, อรูปึ ปริตฺตตฺตานุทิฏฺิ นานุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนาย.

‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส อรูปึ อนนฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ. เอตรหิ วา โส อรูปึ อนนฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ, ตตฺถ ภาวึ วา โส อรูปึ อนนฺตํ อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ, ‘อตถํ วา ปน สนฺตํ ตถตฺตาย อุปกปฺเปสฺสามี’ติ อิติ วา ปนสฺส น โหติ. เอวํ สนฺตํ โข, อานนฺท, อรูปึ อนนฺตตฺตานุทิฏฺิ นานุเสตีติ อิจฺจาลํ วจนาย. เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺเปติ.

อตฺตสมนุปสฺสนา

๑๒๑. ‘‘กิตฺตาวตา จ, อานนฺท, อตฺตานํ สมนุปสฺสมาโน สมนุปสฺสติ? เวทนํ วา หิ, อานนฺท, อตฺตานํ สมนุปสฺสมาโน สมนุปสฺสติ – ‘เวทนา เม อตฺตา’ติ. ‘น เหว โข เม เวทนา อตฺตา, อปฺปฏิสํเวทโน เม อตฺตา’ติ อิติ วา หิ, อานนฺท, อตฺตานํ สมนุปสฺสมาโน สมนุปสฺสติ. ‘น เหว โข เม เวทนา อตฺตา, โนปิ อปฺปฏิสํเวทโน เม อตฺตา, อตฺตา เม เวทิยติ, เวทนาธมฺโม หิ เม อตฺตา’ติ อิติ วา หิ, อานนฺท, อตฺตานํ สมนุปสฺสมาโน สมนุปสฺสติ.

๑๒๒. ‘‘ตตฺรานนฺท, โย โส เอวมาห – ‘เวทนา เม อตฺตา’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘ติสฺโส โข อิมา, อาวุโส, เวทนา – สุขา เวทนา ทุกฺขา เวทนา อทุกฺขมสุขา เวทนา. อิมาสํ โข ตฺวํ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ กตมํ อตฺตโต สมนุปสฺสสี’ติ? ยสฺมึ, อานนฺท, สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมึ สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, น อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ; สุขํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ. ยสฺมึ, อานนฺท, สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมึ สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, น อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ; ทุกฺขํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ. ยสฺมึ, อานนฺท, สมเย อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมึ สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, น ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ; อทุกฺขมสุขํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ.

๑๒๓. ‘‘สุขาปิ โข, อานนฺท, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา. ทุกฺขาปิ โข, อานนฺท, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา. อทุกฺขมสุขาปิ โข, อานนฺท, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา. ตสฺส สุขํ เวทนํ เวทิยมานสฺส ‘เอโส เม อตฺตา’ติ โหติ. ตสฺสาเยว สุขาย เวทนาย นิโรธา ‘พฺยคา [พฺยคฺคา (สี. ก.)] เม อตฺตา’ติ โหติ. ทุกฺขํ เวทนํ เวทิยมานสฺส ‘เอโส เม อตฺตา’ติ โหติ. ตสฺสาเยว ทุกฺขาย เวทนาย นิโรธา ‘พฺยคา เม อตฺตา’ติ โหติ. อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทิยมานสฺส ‘เอโส เม อตฺตา’ติ โหติ. ตสฺสาเยว อทุกฺขมสุขาย เวทนาย นิโรธา ‘พฺยคา เม อตฺตา’ติ โหติ. อิติ โส ทิฏฺเว ธมฺเม อนิจฺจสุขทุกฺขโวกิณฺณํ อุปฺปาทวยธมฺมํ อตฺตานํ สมนุปสฺสมาโน สมนุปสฺสติ, โย โส เอวมาห – ‘เวทนา เม อตฺตา’ติ. ตสฺมาติหานนฺท, เอเตน เปตํ นกฺขมติ – ‘เวทนา เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสิตุํ.

๑๒๔. ‘‘ตตฺรานนฺท , โย โส เอวมาห – ‘น เหว โข เม เวทนา อตฺตา, อปฺปฏิสํเวทโน เม อตฺตา’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘ยตฺถ ปนาวุโส, สพฺพโส เวทยิตํ นตฺถิ อปิ นุ โข, ตตฺถ ‘‘อยมหมสฺมี’’ติ สิยา’’’ติ ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเตน เปตํ นกฺขมติ – ‘น เหว โข เม เวทนา อตฺตา, อปฺปฏิสํเวทโน เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสิตุํ.

๑๒๕. ‘‘ตตฺรานนฺท , โย โส เอวมาห – ‘น เหว โข เม เวทนา อตฺตา, โนปิ อปฺปฏิสํเวทโน เม อตฺตา, อตฺตา เม เวทิยติ, เวทนาธมฺโม หิ เม อตฺตา’ติ. โส เอวมสฺส วจนีโย – เวทนา จ หิ, อาวุโส, สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อปริเสสา นิรุชฺเฌยฺยุํ. สพฺพโส เวทนาย อสติ เวทนานิโรธา อปิ นุ โข ตตฺถ ‘อยมหมสฺมี’ติ สิยา’’ติ? ‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเตน เปตํ นกฺขมติ – ‘‘น เหว โข เม เวทนา อตฺตา, โนปิ อปฺปฏิสํเวทโน เม อตฺตา, อตฺตา เม เวทิยติ, เวทนาธมฺโม หิ เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสิตุํ.

๑๒๖. ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ เนว เวทนํ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ, โนปิ อปฺปฏิสํเวทนํ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ, โนปิ ‘อตฺตา เม เวทิยติ, เวทนาธมฺโม หิ เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. โส เอวํ น สมนุปสฺสนฺโต น จ กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ, อนุปาทิยํ น ปริตสฺสติ, อปริตสฺสํ [อปริตสฺสนํ (ก.)] ปจฺจตฺตฺเว ปรินิพฺพายติ, ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. เอวํ วิมุตฺตจิตฺตํ โข, อานนฺท, ภิกฺขุํ โย เอวํ วเทยฺย – ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติสฺส [อิติ สา (อฏฺกถายํ ปานฺตรํ)] ทิฏฺี’ติ, ตทกลฺลํ. ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติสฺส ทิฏฺี’ติ, ตทกลฺลํ. ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติสฺส ทิฏฺี’ติ, ตทกลฺลํ. ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติสฺส ทิฏฺี’ติ, ตทกลฺลํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ยาวตา, อานนฺท, อธิวจนํ ยาวตา อธิวจนปโถ, ยาวตา นิรุตฺติ ยาวตา นิรุตฺติปโถ, ยาวตา ปฺตฺติ ยาวตา ปฺตฺติปโถ, ยาวตา ปฺา ยาวตา ปฺาวจรํ, ยาวตา วฏฺฏํ [ยาวตา วฏฺฏํ วฏฺฏติ (ก. สี.)], ยาวตา วฏฺฏติ [ยาวตา วฏฺฏํ วฏฺฏติ (ก. สี.)], ตทภิฺาวิมุตฺโต ภิกฺขุ, ตทภิฺาวิมุตฺตํ ภิกฺขุํ ‘น ชานาติ น ปสฺสติ อิติสฺส ทิฏฺี’ติ, ตทกลฺลํ.

สตฺต วิฺาณฏฺิติ

๑๒๗. ‘‘สตฺต โข, อานนฺท [สตฺต โข อิมา อานนฺท (ก. สี. สฺยา.)], วิฺาณฏฺิติโย, ทฺเว อายตนานิ. กตมา สตฺต? สนฺตานนฺท, สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา , เอกจฺเจ จ เทวา, เอกจฺเจ จ วินิปาติกา. อยํ ปมา วิฺาณฏฺิติ. สนฺตานนฺท, สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน, เสยฺยถาปิ เทวา พฺรหฺมกายิกา ปมาภินิพฺพตฺตา. อยํ ทุติยา วิฺาณฏฺิติ. สนฺตานนฺท, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสฺิโน, เสยฺยถาปิ เทวา อาภสฺสรา. อยํ ตติยา วิฺาณฏฺิติ. สนฺตานนฺท, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน, เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหา. อยํ จตุตฺถี วิฺาณฏฺิติ. สนฺตานนฺท, สตฺตา สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนูปคา. อยํ ปฺจมี วิฺาณฏฺิติ . สนฺตานนฺท, สตฺตา สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนูปคา. อยํ ฉฏฺี วิฺาณฏฺิติ. สนฺตานนฺท, สตฺตา สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนูปคา. อยํ สตฺตมี วิฺาณฏฺิติ. อสฺสตฺตายตนํ เนวสฺานาสฺายตนเมว ทุติยํ.

๑๒๘. ‘‘ตตฺรานนฺท, ยายํ ปมา วิฺาณฏฺิติ นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา, เอกจฺเจ จ เทวา, เอกจฺเจ จ วินิปาติกา. โย นุ โข, อานนฺท, ตฺจ ปชานาติ, ตสฺสา จ สมุทยํ ปชานาติ, ตสฺสา จ อตฺถงฺคมํ ปชานาติ, ตสฺสา จ อสฺสาทํ ปชานาติ, ตสฺสา จ อาทีนวํ ปชานาติ, ตสฺสา จ นิสฺสรณํ ปชานาติ, กลฺลํ นุ เตน ตทภินนฺทิตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’…เป… ‘‘ตตฺรานนฺท, ยมิทํ อสฺสตฺตายตนํ. โย นุ โข, อานนฺท, ตฺจ ปชานาติ, ตสฺส จ สมุทยํ ปชานาติ, ตสฺส จ อตฺถงฺคมํ ปชานาติ, ตสฺส จ อสฺสาทํ ปชานาติ, ตสฺส จ อาทีนวํ ปชานาติ, ตสฺส จ นิสฺสรณํ ปชานาติ, กลฺลํ นุ เตน ตทภินนฺทิตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตตฺรานนฺท, ยมิทํ เนวสฺานาสฺายตนํ. โย นุ โข, อานนฺท, ตฺจ ปชานาติ, ตสฺส จ สมุทยํ ปชานาติ, ตสฺส จ อตฺถงฺคมํ ปชานาติ, ตสฺส จ อสฺสาทํ ปชานาติ, ตสฺส จ อาทีนวํ ปชานาติ, ตสฺส จ นิสฺสรณํ ปชานาติ, กลฺลํ นุ เตน ตทภินนฺทิตุ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิมาสฺจ สตฺตนฺนํ วิฺาณฏฺิตีนํ อิเมสฺจ ทฺวินฺนํ อายตนานํ สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ นิสฺสรณฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา อนุปาทา วิมุตฺโต โหติ, อยํ วุจฺจตานนฺท, ภิกฺขุ ปฺาวิมุตฺโต.

อฏฺ วิโมกฺขา

๑๒๙. ‘‘อฏฺ โข อิเม, อานนฺท, วิโมกฺขา. กตเม อฏฺ? รูปี รูปานิ ปสฺสติ อยํ ปโม วิโมกฺโข. อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ, อยํ ทุติโย วิโมกฺโข. สุภนฺเตว อธิมุตฺโต โหติ, อยํ ตติโย วิโมกฺโข. สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ จตุตฺโถ วิโมกฺโข. สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ปฺจโม วิโมกฺโข. สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ฉฏฺโ วิโมกฺโข. สพฺพโส อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺม ‘เนวสฺานาสฺา’ยตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ สตฺตโม วิโมกฺโข. สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ อฏฺโม วิโมกฺโข. อิเม โข, อานนฺท, อฏฺ วิโมกฺขา.

๑๓๐. ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิเม อฏฺ วิโมกฺเข อนุโลมมฺปิ สมาปชฺชติ, ปฏิโลมมฺปิ สมาปชฺชติ, อนุโลมปฏิโลมมฺปิ สมาปชฺชติ, ยตฺถิจฺฉกํ ยทิจฺฉกํ ยาวติจฺฉกํ สมาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. อาสวานฺจ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ วุจฺจตานนฺท, ภิกฺขุ อุภโตภาควิมุตฺโต. อิมาย จ อานนฺท อุภโตภาควิมุตฺติยา อฺา อุภโตภาควิมุตฺติ อุตฺตริตรา วา ปณีตตรา วา นตฺถี’’ติ. อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.

มหานิทานสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.