📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ทีฆนิกาเย
มหาวคฺคฏีกา
๑. มหาปทานสุตฺตวณฺณนา
ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยุตฺตกถาวณฺณนา
๑. ยถาชาตานํ ¶ ¶ ¶ กเรริรุกฺขานํ ฆนปตฺตสาขาวิฏเปหิ มณฺฑปสงฺเขเปหิ สฺฉนฺโน ปเทโส ‘‘กเรริมณฺฑโป’’ติ อธิปฺเปโต. ทฺวาเรติ ทฺวารสมีเป. ทฺวาเร ิตรุกฺขวเสน อฺตฺถาปิ สมฺา อตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กถํ ปน ภควา มหาคนฺธกุฏิยํ อวสิตฺวา ตทา กเรริกุฏิกายํ วิหาสีติ? สาปิ พุทฺธสฺส ภควโต วสนคนฺธกุฏิ เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนฺโตเชตวเน’’ติอาทิมาห. สลฬาคารนฺติ เทวทารุรุกฺเขหิ กตเคหํ. ปกติภตฺตสฺส ปจฺฉโตติ ภิกฺขูนํ ปากติกภตฺตกาลโต ปจฺฉา, ิตมชฺฌนฺหิกโต อุปรีติ อตฺโถ. ปิณฺฑปาตโต ปฏิกฺกนฺตานนฺติ ปิณฺฑปาตโภชนโต อเปตานํ. เตนาห ‘‘ภตฺตกิจฺจ’’นฺติอาทิ.
มณฺฑลสณฺานา ¶ มาฬสงฺเขเปน กตา นิสีทนสาลา ‘‘มณฺฑลมาฬ’’นฺติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘นิสีทนสาลายา’’ติ. ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยุตฺตาติ เอตฺถ ปุพฺพ-สทฺโท อตีตวิสโย, นิวาส-สทฺโท กมฺมสาธโน, ขนฺธวินิมุตฺโต จ นิวสิตธมฺโม นตฺถิ, ขนฺธา จ สนฺตานวเสเนว ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตานสงฺขาเตน ปุพฺเพนิวาเสนา’’ติ. โยเชตฺวาติ ¶ วิสยภาเวน โยเชตฺวา. ปวตฺติตาติ กถิตา. ธมฺมูปสํหิตตฺตา ธมฺมโต อนเปตาติ ธมฺมี. เตนาห ‘‘ธมฺมสํยุตฺตา’’ติ.
อุทปาทีติ ¶ ปทุทฺธาโร, ตสฺส อุปฺปนฺนา ชาตาติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ตํ ปนสฺสา อุปฺปนฺนาการํ ปาฬิยํ สงฺเขปโตว ทสฺสิตํ, วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘อโห อจฺฉริย’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ เก อนุสฺสรนฺติ, เก นานุสฺสรนฺตีติ ปททฺวเย ปมํเยว สปฺปปฺจนํ, น อิตรนฺติ ตเทว ปุคฺคลเภทโต, กาลวิภาคโต, อนุสฺสรณาการโต, โอปมฺมโต นิทฺทิสนฺเตน ‘‘ติตฺถิยา อนุสฺสรนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อคฺคปฺปตฺตกมฺมวาทิโนติ สิขาปฺปตฺตกมฺมวาทิโน ‘‘อตฺถิ กมฺมํ อตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๔) เอวํ กมฺมสฺสกตาาเณ ิตา ตาปสปริพฺพาชกา. จตฺตาลีสํเยว กปฺเป อนุสฺสรนฺตีติ พฺรหฺมชาลาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๓) ภควตา ตถา ปริจฺฉิชฺช วุตฺตตฺตา. ตโต ปรํ น อนุสฺสรนฺตีติ ตถาวจนฺจ ทิฏฺิคโตปฏฺกสฺส เตสํ าณสฺส ปริทุพฺพลภาวโต.
สาวกาติ มหาสาวกา เตสฺหิ กปฺปสตสหสฺสํ ปุพฺพาภินีหาโร. ปกติสาวกา ปน ตโต อูนกเมว อนุสฺสรนฺติ. ยสฺมา ‘‘กปฺปานํ ลกฺขาธิกํ เอกํ, ทฺเว จ อสงฺขฺเยยฺยานี’’ติ กาลวเสน เอวํ ปริมาโณ ยถากฺกมํ อคฺคสาวกปจฺเจกพุทฺธานํ ปฺุาณาภินีหาโร, สาวกโพธิปจฺเจกโพธิปารมิตาสมฺภรณฺจ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทฺเว อคฺคสาวกา…เป… กปฺปสตสหสฺสฺจา’’ติ. ยทิ โพธิสมฺภารสมฺภรณกาลปริจฺฉินฺโน เตสํ เตสํ อริยานํ อภิฺาาณวิภโว, เอวํ สนฺเต พุทฺธานมฺปิสฺส สปริจฺเฉทตา อาปนฺนาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘พุทฺธานํ ปน เอตฺตกนฺติ ปริจฺเฉโท นตฺถิ, ยาวตกํ อากงฺขนฺติ, ตาวตกํ อนุสฺสรนฺตี’’ติ ‘‘ยาวตกํ เนยฺยํ, ตาวตกํ าณ’’นฺติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓, ๕) วจนโต. สพฺพฺุตฺาณสฺส วิย หิ พุทฺธานํ อภิฺาาณานมฺปิ สวิสเย ปริจฺเฉโท นาม นตฺถิ, ตสฺมา ยํ ¶ ยํ าตุํ อิจฺฉนฺติ, เต ตํ ตํ ชานนฺติ เอว. อถ วา สติปิ กาลปริจฺเฉเท กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหาทินา สาติสยตฺตา มหาโพธิสมฺภารานํ ปฺาปารมิตาย ปวตฺติอานุภาวสฺส ปริจฺเฉโท นาม นตฺถิ, กุโต ตนฺนิมิตฺตกานํ อภิฺาาณานนฺติ วุตฺตํ ‘‘พุทฺธานํ…เป… นตฺถี’’ติ.
ขนฺธปฏิปาฏิยาติ ¶ ¶ ยถาปจฺจยํ อนุปุพฺพปวตฺตมานานํ ขนฺธานํ อนุปุพฺพิยา. ขนฺธปฺปวตฺตินฺติ เวทนาทิกฺขนฺธปฺปวตฺตึ. เตสฺหิ อนุภวนาทิอาการคฺคหณมสฺส สาติสยํ, ตํ สฺาภเว ตตฺถ ตตฺถ อนุสฺสรณวเสน คเหตฺวา คจฺฉนฺตา เอกโวการภเว อลภนฺตา ‘‘น ปสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตา, ชาเล ปติตา วิย สกุณา, มจฺฉา วิย จาติ อธิปฺปาโย. กุณฺา วิยาติ ทนฺธา วิย. ปงฺคุฬา วิยาติ ปีสปฺปิโน วิย. ทิฏฺึ คณฺหนฺตีติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกทิฏฺึ คณฺหนฺติ. ยฏฺิโกฏิเหตุกํ คมนํ ยฏฺิโกฏิคมนํ ขนฺธปฏิปาฏิยา อมฺุจนโต.
เอวํ สนฺเตปีติ กามํ พุทฺธสาวกาปิ อสฺภเว ขนฺธปฺปวตฺตึ น ปสฺสนฺติ, เอวํ สนฺเตปิ เต พุทฺธสาวกา อสฺภวํ ลงฺฆิตฺวา ปรโต อนุสฺสรนฺติ. ‘‘วฏฺเฏ’’ติอาทิ ตถา เตสํ อนุสฺสรณาการทสฺสนํ. พุทฺเธหิ ทินฺนนเย ตฺวาติ ‘‘ยตฺถ ปฺจกปฺปสตานิ รูปปฺปวตฺติเยว, น อรูปปฺปวตฺติ, โส อสฺภโว’’ติ เอวํ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ เทสิตายํ ธมฺมเนตฺติยํ ตฺวา. เอวฺหิ อนฺตรา จุติปฏิสนฺธิโย อปสฺสนฺตา ปรโต อนุสฺสรนฺติ เสยฺยถาปิ อายสฺมา โสภิโตติ (เถรคา. อฏฺ. ๑.๒.๑๖๔ โสภิตตฺเถรคาถาวณฺณนา). โส กิร ปุพฺเพนิวาเส จิณฺณวสี หุตฺวา อนุปฏิปาฏิยา อตฺตโน นิพฺพตฺตฏฺานํ ¶ อนุสฺสรนฺโต ยาว อสฺภเว อตฺตโน อจิตฺตกปฏิสนฺธิ ตาว อทฺทส, ตโต ปรํ ปฺจกปฺปสตปริมาเณ กาเล จุติปฏิสนฺธิโย อทิสฺวา อวสาเน จุตึ ทิสฺวา ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ อาวชฺชยมาโน นยวเสน ‘‘อสฺภโว ภวิสฺสตี’’ติ นิฏฺํ อคมาสิ. อถ นํ ภควา ตํ การณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. ‘‘จุติปฏิสนฺธึ โอโลเกตฺวา’’ติ อิทํ จุติปฏิสนฺธิวเสน เตสํ าณสฺส สงฺกมนทสฺสนํ, เตน สพฺพโส ภเว อนามสิตฺวา คนฺตุํ น สกฺโกนฺตีติ ทสฺเสติ.
ตํ ตเทว ปสฺสนฺตีติ ยถา นาม สรทสมเย ิตมชฺฌนฺหิกเวลาย จตุรตนิเก เคเห จกฺขุมโต ปุริสสฺส รูปคตํ สุปากฏเมว โหตีติ โลกสิทฺธเมตํ, สิยา ปน ตสฺส สุขุมตรติโรหิตาทิเภทสฺส รูปคตสฺส อโคจรตา. น ตฺเวว พุทฺธานํ าตุํ อิจฺฉิตสฺส เยฺยสฺส อโคจรตา, อถ โข ตํ าณาโลเกน โอภาสิตํ หตฺถตเล อามลกํ วิย สุปากฏํ สุวิภูตเมว โหติ ¶ ตถา เยฺยาวรณสฺส สุปฺปหีนตฺตา. เตนาห ‘‘พุทฺธา ปน อตฺตนา วา ปเรหิ วา ทิฏฺกตสุตํ, สูริยมณฺฑโลภาสสทิส’’นฺติ จ อาทิ.
ตถา สาวกา จ ปจฺเจกพุทฺธา จาติ. เอตฺถ ตถา-สทฺเทน ‘‘อตฺตนา ทิฏฺกตสุตเมว อนุสฺสรนฺตี’’ติ ¶ อิทํ อุปสํหรติ, เตน สปฺปเทสเมว เนสํ อนุสฺสรณํ, น นิปฺปเทสนฺติ นิทสฺเสติ.
ขชฺโชปนกโอภาสสทิสํ าณสฺส อติวิย อปฺปานุภาวตาย. สาวกานนฺติ เอตฺถ ปกติสาวกานํ ปากติกปทีโปภาสสทิสํ. มหาสาวกานํ (เถรคา. อฏฺ. ๒.๒๑ วงฺคีเสตฺถรคาถาวณฺณนาย วิตฺถาโร) มหาปทีโปภาสสทิสํ. เตนาห วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๒) ‘‘อุกฺกาปภาสทิส’’นฺติ. โอสธิตารโกภาสสทิสนฺติ ¶ อุสฺสนฺนา ปภา เอตาย ธียติ, โอสธีนํ วา อนุพลปฺปทายกตฺตา ‘‘โอสธี’’ติ เอวํ ลทฺธนามาย ตารกาย ปภาสทิสํ. สรทสูริยมณฺฑโลภาสสทิสํ สพฺพโส อนฺธการวิธมนโต. อปฏุภาวเหตุโก วิสยคฺคหเณ จฺจลภาโว ขลิตํ, กุณฺิภาวเหตุโก วิสยสฺส อนภิสมโย ปฏิฆาโต.อาวชฺชนปฏิพทฺธเมวาติ อาวชฺชนมตฺตาธีนํ, อาวชฺชิตมตฺเต เอว ยถิจฺฉิตสฺส ปฏิวิชฺฌนกนฺติ อตฺโถ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย.
อสงฺคอปฺปฏิหตํ ปวตฺตมานํ ภควโต าณํ ลหุตเรปิ วิสเย, ครุตเร จ เอกสทิสเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ทุพฺพลปตฺตปุเฏ’’ติอาทินา อุปมาทฺวยํ วุตฺตํ. ธมฺมกายตฺตา ภควโต คุณํ อารพฺภ ปวตฺตา ‘‘ภควนฺตํเยว อารพฺภ อุปฺปนฺนา’’ติ วุตฺตํ. ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ ยถาวุตฺตํ สพฺพมฺปิ ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยุตฺตํ กถํ. ติตฺถิยานํ, สาวกานฺจ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสรณํ ภควโต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสรณสฺส หีนุทาหรณทสฺสนวเสเนตฺถ กถิตํ. เอวฺหิ ภควโต มหนฺตภาโว วิเสสโต ปกาสิโต โหตีติ. สงฺเขปโตติ สมาสโต. ยตฺตโกปิ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส ปวตฺติเภโท อตฺตโน าณสฺส วิสยภูโต, ตํ สพฺพํ ตทา ยถากถิตํ เต ภิกฺขู สงฺขิปิตฺวา ‘‘อิติปี’’ติ อาหํสุ. ตสฺส จ อเนกาการตาย อาเมฑิตวจนํ, ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, ‘‘อิติ โข ภิกฺขเว สปฺปฏิภโย พาโล’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๔; อ. นิ. ๓.๑) วิย อาการตฺโถ อิติ-สทฺโทติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวมฺปี’’ติ ตทตฺถมาห.
๒-๓. วุตฺตเมวาติ ¶ เอตฺถ จ อิธ ปาเ ยํ วตฺตพฺพํ เตน ปาเน สาธารณํ, ตํ วุตฺตเมวาติ อธิปฺเปตํ, น อสาธารณํ อปุพฺพปทวณฺณนาย อธิกตตฺตาติ ตํ ทสฺเสนฺโต ¶ ‘‘อยเมว หิ วิเสโส’’ติอาทิมาห. ‘‘อสฺโสสี’’ติ อิทํ สวนกิจฺจนิปฺผตฺติยา วุตฺตํ สทฺทคฺคหณมุเขน ตทตฺถาวโพธสฺส สิทฺธตฺตา. ตตฺถ ปน ปาฬิยํ ‘‘อิมํ สํขิยธมฺมํ วิทิตฺวา’’ อิจฺเจว (ที. นิ. ๑.๒) วุตฺตํ. อิเม ภิกฺขู มม คุเณ โถเมนฺติ, กถํ? มม ปุพฺเพนิวาสาณํ อารพฺภาติ โยชนา. นิปฺผตฺตินฺติ กิจฺจนิปฺผตฺตึ, เตน กาตพฺพกิจฺจสิทฺธนฺติ อตฺโถ. โนติ ปุจฺฉาวาจี ¶ นุ-อิติ อิมินา สมานตฺโถ นิปาโตติ วุตฺตํ ‘‘อิจฺเฉยฺยาถ นู’’ติ. นนฺติ ภควนฺตํ. ‘‘ยํ ภควา’’ติ เอตฺถ ยํ-สทฺเทน กิริยาปรามสนภูเตน ‘‘ธมฺมึ กถํ กเถยฺยา’’ติ เอวํ วุตฺตํ. ธมฺมิกถากรณํ ปรามฏฺํ ‘‘เอตสฺสา’’ติ ปทสฺส อตฺโถติ อาห ‘‘เอตสฺส ธมฺมิกถากรณสฺสา’’ติ, อาทรวเสน ปน ตํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํ.
๔. สุณาถาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เอเตน ‘‘มนสิ กโรถา’’ติ ปทํ สงฺคณฺหาติ. โสตาวธานํ โสตสฺส โอทหนํ, สุสฺสูสาติ อตฺโถ. ฉินฺนํ อุปจฺฉินฺนํ วฏุมํ สํสารวฏฺฏํ เอเตสนฺติ ฉินฺนวฏุมกา, สมฺมาสมฺพุทฺธา, อฺเ จ ขีณาสวา, อิธ ปน สมฺมาสมฺพุทฺธา อธิปฺเปตา. เตสฺหิ สพฺพโส อนุสฺสรณํ อิตเรสํ อวิสโย. เตนาห ‘‘อฺเสํ อสาธารณ’’นฺติ. ปจฺจตฺตวจเน ทิสฺสติ ยํ-สทฺโท กมฺมตฺถทีปนโต. อุปโยควจเน ทิสฺสติ ยํ-สทฺโท ปุจฺฉนกิริยาย กมฺมตฺถทีปนโต. ตนฺติ จ อุปโยควจนเมว ปุจฺฉติ-สทฺทสฺส ทฺวิกมฺมกภาวโต. ยนฺติ เยน การเณนาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘กรณวจเน ทิสฺสตี’’ติ. ภุมฺเมติ ทฏฺพฺโพติ ยถา ยํ-สทฺโท น เกวลํ ปจฺจตฺตอุปโยเคสุ เอว, อถ โข กรเณปิ ทิสฺสติ, เอวํ อิธ ภุมฺเมติ ทฏฺพฺโพ. ทสสหสฺสิโลกธาตุนฺติ ชาติกฺเขตฺตภูตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬํ. อุนฺนาเทนฺโต อุปฺปชฺชิ ¶ อเนกจฺฉริยปาตุภาวปฏิมณฺฑิตตฺตา พุทฺธุปฺปาทสฺส.
กาลสฺส ภทฺทตา นาม ตตฺถ สตฺตานํ คุณวิภูติยา, พุทฺธุปฺปาทปรมา จ คุณวิภูตีติ ตพฺพหุลตา ยสฺส กปฺปสฺส ภทฺทตาติ อาห ‘‘ปฺจพุทฺธุปฺปาทปฏิมณฺฑิตตฺตา สุนฺทรกปฺเป’’ติ, ตถา สารภูตคุณวเสน ‘‘สารกปฺเป’’ติ ¶ . ‘‘อิมํ กปฺปํ โถเมนฺโต เอวมาหา’’ติ วตฺวา อิมสฺส กปฺปสฺส ตถา โถเมตพฺพตา อนฺสาธารณาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยโต ปฏฺายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยโต ปฏฺายาติ ยโต ปภุติ อภินีหาโร กโตติ มนุสฺสตฺตาทิอฏฺงฺคสมนฺนาคโต อภินีหาโร ปวตฺติโต. สํสารสฺส อนาทิภาวโต อิมสฺส ภควโต อภินีหารโต ปุเรตรํ อุปฺปนฺนา สมฺมาสมฺพุทฺธา อนนฺตา อปริเมยฺยาติ เตหิ อุปฺปนฺนกปฺเป นิวตฺเตนฺโต ‘‘เอตสฺมึ อนฺตเร’’ติ อาห. กามํ ทีปงฺกรพุทฺธุปฺปาเท อยํ ภควา อภินีหารมกาสิ, ตสฺส ปน ภควโต นิพฺพตฺติ อิมสฺส อภินีหารโต ปุริมตราติ วุตฺตํ ‘‘อมฺหากํ…เป… นิพฺพตฺตึสู’’ติ.
อสงฺขฺเยยฺยกปฺปปริโยสาเนติ มหากปฺปานํ อสงฺขฺเยยฺยปริโยสาเน. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. ‘‘อิโต ตึสกปฺปสหสฺสานํ อุปรี’’ติ เอเตน ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต, สุเมธสฺส จ ภควโต อนฺตเร เอกูนสตฺตติกปฺปสหสฺสานิ พุทฺธสฺุานิ อเหสุนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘อิโต อฏฺารสนฺนํ กปฺปสหสฺสานํ อุปรี’’ติ อิมินา สุชาตสฺส ภควโต, อตฺถทสฺสิสฺส จ ภควโต อนฺตเร ¶ เอเกนูนานิ ทฺวาทสกปฺปสหสฺสานิ พุทฺธสฺุานิ อเหสุนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘อิโต จตุนวุเต กปฺเป’’ติ อิมินา ธมฺมทสฺสิสฺส ภควโต, สิทฺธตฺถสฺส จ ภควโต อนฺตเร ฉาธิกนวสตุตฺตรานิ สตฺตรสกปฺปสหสฺสานิ พุทฺธสฺุานิ อเหสุนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘เอกตึเส กปฺเป’’ติ อิมินา วิปสฺสิสฺส ภควโต, สิขิสฺส จ ภควโต อนฺตเร สฏฺิ กปฺปานิ พุทฺธสฺุานิ อเหสุนฺติ ทสฺเสติ. เต สพฺเพปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต โอรํ สุเมธาทีหิ อุปฺปนฺนกปฺเปหิ สทฺธึ สโมธานิยมานา สตสหสฺสา กปฺปา โหนฺติ, ยตฺถ มหาสาวกาทโย (เถรคา. อฏฺ. ๒.๒๑ วงฺคีสตฺเถรคาถาวณฺณนา) วิวฏฺฏู ปนิสฺสยานิ ¶ กุสลานิ สมฺภรึสุ. พุทฺธสฺุเปิ โลเก ปจฺเจกพุทฺธา อุปฺปชฺชิตฺวา เตสํ ปุริสวิเสสานํ ปฺุาภิสนฺทาภิพุทฺธิยา ปจฺจยา โหนฺติ. ‘‘เอวมย’’นฺติอาทิ วุตฺตเมวตฺถํ นิคมนวเสน วทติ.
‘‘กึ ปเนต’’นฺติอาทิ ปุพฺพนิมิตฺตวิภาวนตฺถาย อารทฺธํ. ตตฺถ เอตนฺติ พุทฺธานํ อุปฺปชฺชนํ. กปฺปสณฺานกาลสฺมินฺติ วิวฏฺฏกปฺปสฺส สณฺหนกาเล. เอกมสงฺขฺเยยฺยนฺติ สํวฏฺฏฏฺายึ สนฺธายาห. เอกงฺคณํ หุตฺวา ิเตติ ปพฺพตรุกฺขคจฺฉาทีนํ, เมฆาทีนฺจ อภาเวน วิวฏํองฺคณํ หุตฺวา ิเต. โลกสนฺนิวาเสติ ¶ ภาชนโลเกน สนฺนิวิสิตพฺพฏฺาเน. วีสติ ยฏฺิโย อุสภํ. ‘‘อุสภมตฺตา, ทฺเว อุสภมตฺตา’’ติอาทินา ปจฺเจกํ มตฺตา-สทฺโท โยเชตพฺโพ. โยชนสหสฺสมตฺตา หุตฺวาติ ปตมานาว อุทกธารา โยชนสหสฺสมตฺตํ อากาสฏฺานํ ผริตฺวา ปวตฺติยา โยชนสหสฺสมตฺตา หุตฺวา. ยาว อวินฏฺพฺรหฺมโลกาติ ยาว อาภสฺสรพฺรหฺมโลกา, ยาว สุภกิณฺหพฺรหฺมโลกา, ยาว เวหปฺผลพฺรหฺมโลกาติ อตฺโถ.
วาตวเสนาติ สฏฺิสหสฺสาธิกนวโยชนสตสหสฺสุพฺเพธสฺส สนฺธารกวาตมณฺฑลสฺส วเสน. มหาโพธิปลฺลงฺโกติ มหาโพธิปลฺลงฺกปฺปเทสมาห. ตสฺส ปจฺฉา วินาโส, ปมํ สณฺหนฺจ ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺพํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปเทเส. ปุพฺพนิมิตฺตํ หุตฺวาติ พุทฺธปฺปาทสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ หุตฺวา. ปุพฺพนิมิตฺตสนฺนิสฺสโย หิ คจฺโฉ นิสฺสิตโวหาเรน ตถา วุตฺโต. เตนาห ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิ. กณฺณิกาพทฺธานิ หุตฺวาติ อาพทฺธกณฺณิกา วิย หุตฺวา. สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน อตฺตมนา…เป… คจฺฉนฺตีติ โยชนา. เวหปฺผเลปิ สุภกิณฺเห สงฺคเหตฺวา ‘‘นว พฺรหฺมโลกา’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ เต ¶ จตุตฺถึเยว วิฺาณฏฺิตึ ภชนฺติ. นิกฺขมนฺเตสูติ มหาภินิกฺขมนํ อภินิกฺขมนฺเตสุ. อภิชาติ ปเนตฺถ ชาติภาวสามฺเน คพฺโภกฺกนฺติยาว สงฺคหิตา. นิมียติ อนุมียติ ผลํ เอเตนาติ นิมิตฺตํ, การณํ. าปกมฺปิ หิ การณํ ทิสฺวา ตสฺส อพฺยภิจารีภาเวน ผลํ สิทฺธเมว กตฺวา คณฺหิ, ยถา ตํ อสิโต อิสิ อภิชาติยํ มหาปุริสสฺส ลกฺขณานิ ทิสฺวา เตสํ อพฺยภิจารีภาเวน พุทฺธคุเณ สิทฺเธ เอว กตฺวา คณฺหิ, เอวํ ¶ ปน คยฺหมานํ ตนฺนิมิตฺตกํ ผลํ ตทานุภาเวน สิทฺธํ วิย โวหรียติ ตพฺภาเว ภาวโต. เตนาห ‘‘เตสํ นิมิตฺตานํ อานุภาเวนา’’ติอาทิ. ตถา จาห ภควา ‘‘โส เตน ลกฺขเณน สมนฺนาคโต…เป… ราชา สมาโน กึ ลภติ, พุทฺโธ สมาโน กึ ลภตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๐๒, ๒๐๔) จ เอวมาทิ. อิมมตฺถนฺติ ปฺจ พุทฺธา อิมสฺมึ กปฺเป อุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ อิมมตฺถํ ยาถาวโต ชานึสุ.
ชาติปริจฺเฉทาทิวณฺณนา
๕-๗. กปฺปปริจฺเฉทวเสนาติ ¶ ‘‘อิโต โส เอกนวุเต กปฺเป’’ติอาทินา ยตฺถ ยตฺถ กปฺเป เต เต พุทฺธา อุปฺปนฺนา, ตสฺส ตสฺส กปฺปสฺส ปริจฺฉินฺทนวเสน ปริชานนวเสน. ‘‘อิทํ ต’’นฺติ หิ นิยเมตฺวา ปริจฺฉิชฺช ชานนํ ปริจฺฉินฺทนํ ปริจฺเฉโท. ปริตฺตนฺติ อิตฺตรํ. ลหุกนฺติ สลฺลหุกํ, อายุโน อธิปฺเปตตฺตา รสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘อุภยเมตํ อปฺปกสฺเสว เววจน’’นฺติ.
‘‘อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ อวิเสสโชตนํ ‘‘วีสํ วา ตึสํ วา’’ติอาทินา อนิยมิตวเสเนว ยถาลาภโต ¶ ววตฺถเปตฺวา อยฺจ นโย อปจุโรติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ ทีฆายุโก ปน อติทุลฺลโภ’’ติ อาห. อิทํ ตํ วิเสสววตฺถาปนํ ปุคฺคเลสุ ปกฺขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ วิสาขา’’ติอาทิมาห.
ยทิ เอวํ กสฺมา อมฺหากํ ภควา ตตฺตกมฺปิ กาลํ น ชีวิ, นนุ มหาโพธิสตฺตา จริมภเว อติวิยอุฬารตเมน ปฺุาภิสงฺขาเรน ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺตีติ? สจฺจเมตนฺติ. ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิปสฺสีอาทโย ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อภิชาติยา เมตฺตาานตาย อภิสงฺขารวิฺาณสฺส เมตฺตาปุพฺพภาคตา. ตทนุคุณฺหิ เตสํ วิเสสโต ปฏิสนฺธิวิฺาณํ. ตสฺส วิเสสโต พหุลํ เขมวิตกฺกูปนิสฺสยตาย โสมนสฺสสหคตตา, อนฺสาธารณปโรปเทสรหิตาณวิเสสูปนิสฺสยตาย าณสมฺปยุตฺตตา, อสงฺขาริกตา จ เวทิตพฺพา, อสงฺขฺเยยฺยํ อายุ อาธารวิเสสโต, นิสฺสยวิเสสโต, ปฏิปกฺขทูรีภาวโต, ปวตฺติอาการวิเสสโต จ อปริเมยฺยานุภาวตาย การณสฺส. ตตฺถ จิรตรํ กาลํ สนฺตานสฺส ปารมิตาปริภาวิตตา อาธารวิเสสตา. อโลภชฺฌาสยาทิอาสยสมฺปทา นิสฺสยวิเสสตา. ลาภมจฺฉริยาทิปาปธมฺมวิกฺขมฺภนํ ปฏิปกฺขทูรีภาโว. สพฺพสตฺตานํ สกลวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณตฺถาย อายูหนา ปวตฺติอาการวิเสโส เวทิตพฺโพ.
อยฺจ ¶ นโย สพฺเพสํ มหาโพธิสตฺตานํ จริมภวาภินิพฺพตฺตกกมฺมายูหเน สาธารโณติ ตสฺส ผเลนาปิ เอกสทิเสเนว ภวิตพฺพนฺติ ¶ อาห ‘‘อิติ สพฺเพ พุทฺธา อสงฺขฺเยยฺยายุกา’’ติ, อสงฺขฺเยยฺยกาลาวตฺถานายุกาติ อตฺโถ. อสงฺขฺเยยฺยายุกสํวตฺตนสมตฺถํ ปริจิตํ กมฺมํ โหติ, พุทฺธา ปน ตทา มนุสฺสานํ ¶ ปรมายุปฺปมาณานุรูปเมว กาลํ ตฺวา ปรินิพฺพายนฺติ ตโต ปรํ ตฺวา สาเธตพฺพปโยชนาภาวโต, ธมฺมตาเวสาติ วา เวทิตพฺพา. อฏฺกถายํ ปน ตโต ปรํ ปน อฏฺานสฺส ‘‘อุตุโภชนวิปตฺติยา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๕) การณํ วุตฺตํ, ‘‘ตํ โลกสาธารณํ โลเก ชาตสํวุทฺธานํ ตถาคตานํ น โหตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ. ตถา หิ เนสํ โรคกิลมถาทโย โหนฺติเยว. อุตุโภชนวเสนาติ อสมฺปนฺนสฺส, สมฺปนฺนสฺส จ อุตุโน, โภชนสฺส จ วเสน ยถากฺกมํ อายุ หายติปิ วฑฺฒติปิ. อายูติ จ ปรมายุ อธิปฺเปตํ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลาทิฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๐) วุตฺตเมว.
อิทานิ ตมตฺถํ สมุทาคมโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ยทา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ธมฺเม นิยุตฺตา ธมฺมิกา, น ธมฺมิกา อธมฺมิกา, หึสาทิอธมฺมปสุตา. อธมฺมิกเมว โหติ อิสฺสรชนานํ อนุวตฺตเนน, ปเรสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเนน จ. อุณฺหวลาหกา เทวตาติ อุณฺหอุตุโน ปจฺจยภูตเมฆมาลาสมุฏฺาปกา เทวปุตฺตา. เตสํ กิร ตถา จิตฺตุปฺปาทสมกาลเมว ยถิจฺฉิตฏฺานํ อุณฺหํ ผรมานา วลาหกมาลา นาติพหลา อิโต จิโต นภํ ฉาเทนฺตี วิตโนติ. เอส นโย สีตวลาหกวสฺสวลาหกาสุ. อพฺภวลาหกา ปน เทวตา สีตุณฺหวสฺเสหิ วินา เกวลํ อพฺภปฏลสฺเสว สมุฏฺาปกา เวทิตพฺพา. ตาสนฺติ เอตฺถ ‘‘มิตฺตา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา โยชนา. กามํ เหฏฺา วุตฺตา สตฺตวิธาปิ เทวตา จาตุมหาราชิกาว ตา ปน เตน เตน วิเสเสน วตฺวา อิทานิ ตทฺเ ปมภูมิเก กามาวจรเทเว สามฺโต คณฺหนฺโต ‘‘จาตุมหาราชิกา’’ติ อาห. ตาสํ อธมฺมิกตายาติ ราชูนํ อธมฺมิกภาวมูลเกน อุปราชาทิอธมฺมิกภาวปรมฺปราภเตน ตาสํ เทวตานํ อธมฺมิกภาเวน. วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺตีติ ¶ พหฺวาพาธตาทิ อนิฏฺผลูปนิสฺสยภูตสฺส ยถาวุตฺตอธมฺมิกตาสฺิตสฺส สาธารณสฺส ปาปกมฺมสฺส พเลน วิสมํ วายนฺเตน วายุนา ปีฬิยมานา จนฺทิมสูริยา สิเนรุํ ปริกฺขิปนฺตา วิสมํ ปริวตฺตนฺติ ยถามคฺเคน นปฺปวตฺตนฺตีติ ¶ . อสฺสิทํ ยถา จนฺทิมสูริยานํ วิสมปริวตฺตนํ วิสมวาตสงฺโขภเหตุกํ, เอวํ อุตุวสฺสาทิวิสมปฺปวตฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘วาโต ยถามคฺเคน น วายตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เทวตานนฺติ สีตวลาหกเทวตาทิเทวตานํ. เตนาห ‘‘สีตุณฺหเภโท อุตู’’ติอาทิ. ตสฺมึ อสมฺปชฺชนฺเตติ ตสฺมึ ยถาวุตฺเต วสฺสพีชภูเต อุตุมฺหิ ยถากาลํ สมฺปตฺตึ อนุปคจฺฉนฺเต.
‘‘น ¶ สมฺมา เทโว วสฺสตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘กทาจี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กทาจิ วสฺสตีติ กทาจิ อวสฺสนกาเล วสฺสติ. กทาจิ น วสฺสตีติ กทาจิ วสฺสิตพฺพกาเล น วสฺสติ. กตฺถจิ วสฺสติ, กตฺถจิ น วสฺสตีติ ปเทสมาห. ‘‘วสฺสนฺโตปี’’ติอาทิ ‘‘กทาจิ วสฺสติ, กทาจิ น วสฺสตี’’ติ ปททฺวยสฺเสว อตฺถวิวรณํ. วิคตคนฺธวณฺณรสาทีติ อาทิ-สทฺเทน นิโรชตํ สงฺคณฺหาติ. เอกสฺมึ ปเทเสติ ภตฺตปจนภาชนสฺส เอกปสฺเส. อุตฺตณฺฑุลนฺติ ปากโต อุกฺกนฺตตณฺฑุลํ. ตีหากาเรหีติ สพฺพโส อปริณตํ, เอกเทเสน ปริณตํ, ทุปริณตฺจาติ เอวํ ตีหากาเรหิ. ปจฺจติ ปกฺกาสยํ อุปคจฺฉติ. อปฺปายุกาติ เอตฺถ ‘‘ทุพฺพณฺณา จา’’ติปิ วตฺตพฺพํ. เอวํ อุตุโภชนวเสน อายุ หายติ เหตุมฺหิ อปริกฺขีเณปิ ปจฺจยสฺส ปริทุพฺพลตฺตา.
‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิ สุกฺกปกฺขสฺส อตฺโถ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺโพ.
วฑฺฒิตฺวา ¶ วฑฺฒิตฺวา ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา? น หิ เอกสฺมึ อนฺตรกปฺเป อเนเก พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, เอโก เอว ปน อุปฺปชฺชตีติ. อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. จตฺตาริ ตฺวาติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. ยํยํอายุปริมาเณสูติ ยตฺตกยตฺตกปรมายุปฺปมาเณสุ. เตสมฺปีติ พุทฺธานํ. ตํ ตเทว อายุปริมาณํ โหติ, ตตฺถ การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
ชาติปริจฺเฉทาทิวณฺณนา นิฏฺิตา
โพธิปริจฺเฉทวณฺณนา
๘. มูเลติ ¶ มูลาวยวสฺส สมีเป. ตํ ปน ตสฺสา เหฏฺาปเทโส โหตีติ อาห ‘‘ปาฏลิรุกฺขสฺส เหฏฺา’’ติ. ตํทิวสนฺติ อตฺตนา ชาตทิวเส, ตํทิวสนฺติ วา ตํ ภควโต อภิสมฺโพธิทิวเส. โส กิร โพธิรุกฺโข สาลกลฺยาณี วิย ปถวิยา อพฺภนฺตเร เอว ปุเรตรํ วฑฺเฒนฺโต อภิสมฺโพธิทิวเส ปถวึ อุพฺภิชฺชิตฺวา อุฏฺิโต รตนสตํ อุจฺโจ, ตาวเทว จ วิตฺถโต หุตฺวา นภํ ปูเรนฺโต อฏฺาสิ. อยมฺปิ กิเรตสฺส รุกฺขภาเวน วิย อฺเหิ เวมตฺตตา. ฆนสํหตนาฬวณฺฏตาย กณฺณิกพทฺเธหิ วิย ปุปฺเผหิ. เอกสฺฉนฺนาติ ปุปฺผานํ นิรนฺตรตาย ¶ เอกชฺฌํ สฺฉนฺนา, ตตฺถ ตตฺถ นิพทฺธ…เป… สมุชฺชลนฺติ ตหํ ตหํ โอลมฺพิตกุสุมทาเมหิ เจว ตหํ ตหํ ขิตฺตมาลาปิณฺฑีหิ จ อิโต จิโต วิปฺปกิณฺณวิวิธวณฺฏมุตฺตปุปฺเผหิ จ สมฺมเทว อุชฺชลํ. อฺมฺํ สิรีสมฺปตฺตานีติ อฺมฺสฺส สิริยา โสภาย สมฺปนฺนานิ. พุทฺธคุณวิภวสิรินฺติ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อภิคนฺตพฺพคุณวิภูติโสภํ. ปฏิวิชฺฌมาโนติ อธิคจฺฉนฺโต.
เสตมฺพรุกฺโขติ เสตวณฺณผโล อมฺพรุกฺโข. ตเทวาติ ¶ ปาฏลิยา วุตฺตปฺปมาณเมว. เอกโตติ เอกปสฺเส. สุรสานีติ สุมธุรรสานิ.
เอโกว ปลฺลงฺโกติ เอโกว ปลฺลงฺกปฺปเทโส. โส โส รุกฺโข ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ พุชฺฌนฺติ เอตฺถาติ กตฺวา.
สาวกยุคปริจฺเฉทวณฺณนา
๙. สาวกปริจฺเฉเทติ สาวกยุคปริจฺเฉเท. ‘‘ขณฺฑติสฺส’’นฺติ ทฺเวปิ เอกชฺฌํ คเหตฺวา เอกตฺตวเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ขณฺโฑ จ ติสฺโส จา’’ติ, พุทฺธานํ สโหทโร, เวมาติโกปิ วา เชฏฺภาตา น โหตีติ ‘‘เอกปิติโก กนิฏฺภาตา’’ติ วุตฺตํ. อวเสเสหิ ปุตฺเตหิ. ‘‘ปฺาปารมิยา มตฺถกํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา ตสฺส มตฺถกปฺปตฺตํ คุณวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘สิขินา ภควตา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อุตฺตโรติ อุตฺตโม. ปุน อุตฺตโรติ เถรํ นาเมน วทติ. ปารนฺติ ปรโกฏิมตฺถกํ. ปฺาวิสเยติ ปฺาธิกาเร. ปวตฺติฏฺานวเสน หิ ปวตฺตึ วทติ.
สาวกสนฺนิปาตปริจฺเฉทวณฺณนา
๑๐. อุโปสถนฺติ ¶ อาณาปาติโมกฺขํ. ทุติยตติเยสูติ ทุติเย, ตติเย จ สาวกสนฺนิปาเต. เอเสว นโยติ จตุรงฺคิกตํ อติทิสติ. อภินีหารโต ปฏฺาย วตฺถุํ กเถตฺวา ปพฺพชฺชา ทีเปตพฺพา, สา ปน ยสฺมา มโนรถปูรณิยํ องฺคุตฺตรฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๑๑) วิตฺถารโต อาคตา, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ.
อุปฏฺากปริจฺเฉทวณฺณนา
๑๑. นิพทฺธุปฏฺากภาวนฺติ ¶ อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว ปรินิพฺพานา นิยตอุปฏฺากภาวํ. อนิยตุอุปฏฺากา ปน ภควโต ปมโพธิยํ พหู อเหสุํ. เตนาห ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. อิทานิ อานนฺทตฺเถโร เยน การเณน สตฺถุ นิพทฺธุปฏฺากภาวํ อุปคโต, ยถา จ อุปคโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ เอกทา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อหํ อิมินา มคฺเคน คจฺฉามี’’ติ อาห อนยพฺยสนาปาทเกน กมฺมุนา โจทิยมาโน ¶ . อถ นํ ภควา ตมตฺถํ อนาโรเจตฺวาว เขมํ มคฺคํ สนฺธาย ‘‘เอหิ ภิกฺขุ อิมินา คจฺฉามา’’ติ อาห. กสฺมา ปนสฺส ภควา ตมตฺถํ นาโรเจสีติ? อาโรจิเตปิ อสทฺทหนฺโต นาทิยิสฺสติ. ตฺหิ ตสฺส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติติ. เตติ เต คมนํ, ‘‘ต’’นฺติ วา ปาโ.
อนฺวาสตฺโตติ อนุพทฺโธ, อุปทฺทุโต วา. ธมฺมคารวนิสฺสิโต สํเวโค ธมฺมสํเวโค ‘‘อมฺเหสุ นาม ติฏฺนฺเตสุ ภควโตปิ อีทิสํ ชาต’’นฺติ. ‘‘อหํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ วทนฺโต ธมฺมเสนาปติ อตฺถโต เอวํ วทนฺโต นาม โหตีติ ‘‘อหํ ภนฺเต ตุมฺเห’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสฺุาเยว เม สา ทิสาติ อสฺุาเยว มม สา ทิสา. ตตฺถ การณมาห ‘‘ตว โอวาโท พุทฺธานํ โอวาทสทิโส’’ติ.
วสิตุํ น ทสฺสตีติ เอกคนฺธกุฏิยํ วาสํ น ลภิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. ปรมฺมุขา เทสิตสฺสาปิ ธมฺมสฺสาติ สุตฺตนฺตเทสนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อภิธมฺมเทสนา ปนสฺส ปรมฺมุขาว ปวตฺตา ปเคว ยาจนาย. ตสฺสา วาจนามคฺโคปิ สาริปุตฺตตฺเถรปฺปภโว. กสฺมา? โส นิทฺเทสปฏิสมฺภิทา วิย ¶ เถรสฺส ภิกฺขุโต คหิตธมฺมกฺขนฺธปกฺขิโย. อปเร ปน ‘‘ธมฺมภณฺฑาคาริโก ปฏิปาฏิยา ติกทุเกสุ เทวสิกํ กโตกาโส ภควนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉิ, ภควาปิสฺส ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ นยทานวเสน วิสฺสชฺเชสิ. เอวํ อภิธมฺโมปิ สตฺถารา ปรมฺมุขา เทสิโตปิ เถเรน สมฺมุขา ปฏิคฺคหิโตว อโหสี’’ติ วทนฺติ. สพฺพํ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
อคฺคุปฏฺาโกติ อุปฏฺาเน สกฺกจฺจการิตาย อคฺคภูโต อุปฏฺาโก. เถโร หิ อุปฏฺากฏฺานํ ลทฺธกาลโต ปฏฺาย ภควนฺตํ ทุวิเธน อุทเกน, ติวิเธน ทนฺตกฏฺเน, ปาทปริกมฺเมน, คนฺธกุฏิปริเวณสมฺมชฺชเนนาติ เอวมาทีหิ กิจฺเจหิ อุปฏฺหนฺโต ‘‘อิมาย นาม เวลาย สตฺถุ อิทํ นาม ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อิทํ นาม กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ¶ ตํ ตํ นิปฺผาเทนฺโต มหตึ ทณฺฑทีปิกํ คเหตฺวา เอกรตฺตึ คนฺธกุฏิปริเวณํ นว วาเร อนุปริยายติ. เอวํ หิสฺส อโหสิ ¶ ‘‘สเจ เม ถินมิทฺธํ โอกฺกเมยฺย, ภควติ ปกฺโกสนฺเต ปฏิวจนํ ทาตุํ นาหํ สกฺกุเณยฺย’’นฺติ, ตสฺมา สพฺพรตฺตึ ทณฺฑทีปิกํ หตฺเถน น มฺุจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อคฺคุปฏฺาโก’’ติ.
๑๒. ปิตุมาตุชาตนครปริจฺเฉโท ปิตุมุเขน อาคตตฺตา ‘‘ปิติปริจฺเฉโท’’ติ วุตฺโต.
วิหารํ ปาวิสีติ คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. เอตฺตกํ กเถตฺวาติ กปฺปปริจฺเฉทาทินววารปฏิมณฺฑิตํ วิปสฺสีอาทีนํ สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยุตฺตํ เอตฺตาวตา เทสนํ เทเสตฺวา. กสฺมา ปเนตฺถ ภควา วิปสฺสีอาทีนํ สตฺตนฺนํเยว พุทฺธานํ ปุพฺเพนิวาสํ กเถสิ, น พุทฺธวํสเทสนายํ (พุ. วํ. ๖๔ คาถาทโย) วิย ปฺจวีสติยา พุทฺธานํ, ตโต วา ปน ภิยฺโยติ? อนธิการโต, ปโยชนาภาวโต จ. พุทฺธวํสเทสนายฺหิ (พุ. วํ. ๗๕) –
‘‘กีทิโส เต มหาวีร, อภินีหาโร นรุตฺตม;
กมฺหิ กาเล ตยา วีร, ปตฺถิตา โพธิมุตฺตมา’’ติ. อาทินา –
ปวตฺตํ ตํ ปุจฺฉํ อธิการํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาทมูเล อตฺตนา มหาภินีหาโร กโต, ตํ ทีปงฺกรํ ภควนฺตํ อาทึ กตฺวา เยสํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติกา โพธิยา ลทฺธพฺยากรโณ หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปารมิโย ปูเรสิ, เตสํ ปฏิปตฺติสงฺขาโต ปุพฺเพนิวาโส, อตฺตโน จ ปฏิปตฺติ กถิตา, อิธ ปน ตาทิโส อธิกาโร นตฺถิ ¶ , เยน ทีปงฺกรโต ปฏฺาย, ตโต วา ปน ปุรโต พุทฺเธ อารพฺภ ปุพฺเพนิวาสํ กเถยฺย. ตสฺมา น เอตฺถ พุทฺธวํสเทสนายํ วิย ปุพฺเพนิวาโส วิตฺถาริโต. ยสฺมา จ พุทฺธานํ เทสนา นาม เทสนาย ภาชนภูตานํ ปุคฺคลานํ าณพลานุรูปา, น อตฺตโน าณพลานุรูปา, ตสฺมา ตตฺถ อคฺคสาวกานํ, มหาสาวกานํ, (เถรคา. อฏฺ. ๒.๒๑ วงฺคีสตฺเถรคาถาวณฺณนา) ตาทิสานฺจ ¶ เทวพฺรหฺมานํ วเสน เทสนา วิตฺถาริตา. อิธ ปน ปกติสาวกานํ, ตาทิสานฺจ เทวตานํ วเสน ปุพฺเพนิวาสํ กเถนฺโต สตฺตนฺนเมว พุทฺธานํ ปุพฺเพนิวาสํ กเถสิ. ตถา หิ เน ภควา ปโลภนวเสน สมุตฺเตเชตุํ สปฺปปฺจตาย กถาย เทสนํ มตฺถกํ อปาเปตฺวาว คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. ตถา จ อิมิสฺสา เอว เทสนาย อนุสารโต อาฏานาฏิยปริตฺต- (ที. นิ. ๓.๒๗๕) เทสนาทโย ปวตฺตา.
อปิเจตฺถ ¶ ภควา อตฺตโน สุทฺธาวาสจาริกาวิภาวินิยา อุปริเทสนาย สงฺคหตฺถํ วิปสฺสีอาทีนํ เอว สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปุพฺเพนิวาสํ กเถสิ. เตสํเยว หิ สาวกา ตทา เจว เอตรหิ จ สุทฺธาวาสภูมิยํ ิตา, น อฺเสํ ปรินิพฺพุตตฺตา. ‘‘สิทฺธตฺถติสฺสผุสฺสานํ กิร พุทฺธานํ สาวกา สุทฺธาวาเสสุ อุปปนฺนา อุปปตฺติสมนนฺตรเมว อิมสฺมึ สาสเน อุปกาทโย วิย อรหตฺตํ อธิคนฺตฺวา นจิรสฺเสว ปรินิพฺพายึสุ, น ตตฺถ ตตฺถ ยาวตายุกํ อฏฺํสู’’ติ วทนฺติ. ตถา เยสํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปฏิเวธสาสนํ เอกํสโต นิจฺฉเย น อชฺชาปิ ธรติ, น อนฺตรหิตํ, เต เอว กิตฺเตนฺโต วิปสฺสีอาทีนํเยว ภควนฺตานํ ปุพฺเพนิวาสํ อิมสฺมึ สุตฺเต กเถสิ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน. อปุพฺพาจริมนิยโม ปน อปราปรํ สํสรณกสตฺตวาสวเสน เอกิสฺสา โลกธาตุยา อิจฺฉิโตติ น เตเนตํ วิรุชฺฌตีติ ทฏฺพฺพํ. นิรนฺตรํ มตฺถกํ ปาเปตฺวาติ อภิชาติโต ปฏฺาย ยาว ปาติโมกฺขุทฺเทโส ยาว ตา พุทฺธกิจฺจสิทฺธิ, ตาว มตฺถกํ สิขํ ปาเปตฺวา. น ตาว กถิโตติ โยชนา.
ตนฺตินฺติ ธมฺมตนฺตึ, ปริยตฺตินฺติ อตฺโถ. ปุตฺตปุตฺตมาตุยานวิหารธนวิหารทายกาทีนํ สมฺพหุลานํ อตฺถานํ วิภาวนวเสน ปวตฺตวาโร สมฺพหุลวาโร.
สมฺพหุลวารวณฺณนา
กามฺจายํ ¶ ปาฬิยํ อนาคโต, อฏฺกถาสุ อาคตตฺตา ปน อาเนตฺวา ¶ ทีเปตพฺโพติ ตํ ทีเปนฺโต ‘‘สพฺพโพธิสตฺตานฺหี’’ติอาทิมาห. กุลวํโส กุลานุกฺกโม. ปเวณีติ ปรมฺปรา. ‘‘กสฺมา’’ติ ปุตฺตุปฺปตฺติยา การณํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘สพฺพฺุโพธิสตฺตานฺหี’’ติอาทิมาห, เตน เตสํ ชาตนคราทิ ปฺายมานํ เอกํสโต มนุสฺสภาวสฺชานนตฺถํ อิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา ยถาธิปฺเปตพุทฺธกิจฺจสิทฺธิ เอว น สิยาติ ทสฺเสติ, ยโต มหาสตฺตานํ จริมภเว มนุสฺสโลเก เอว ปาตุภาโว, น อฺตฺถ.
สมฺพหุลปริจฺเฉทวณฺณนา
จนฺทาทีนํ โสภาวิเสสํ รเหติ จชาเปตีติ ราหุ, ราหุคฺคโห, อิธ ปน ราหุ วิยาติ ราหุ. พนฺธนนฺติ จ อนตฺถุปฺปตฺติฏฺานตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตถา มหาสตฺเตน วุตฺตวจนเมว คเหตฺวา กุมารสฺส ‘‘ราหุโล’’ติ นามํ อกํสุ. อถาติ นิปาตมตฺตํ. โรจินีติ โรจนสีลา, อุชฺชลรูปาติ ¶ อตฺโถ. รุจคฺคตีติ รุจํ ปภาตํ อาคติภูตา, ค-การาคมํ กตฺวา วุตฺตํ. อิตฺถิรตนภาวโต มนุสฺสโลเก สพฺพาสํ อิตฺถีนํ พิมฺพปฏิจฺฉนฺนภูตาติ พิมฺพา.
ฌานา วุฏฺายาติ ปาทกชฺฌานโต อุฏฺาย.
อฏฺงฺคุลุพฺเพธาติ อฏฺงฺคุลปฺปมาณพหลภาวา. จูฬํเสน ฉาเทตฺวาติ ติริยภาเคน ปนวเสน สพฺพํ วิหารฏฺานํ ฉาเทตฺวา. สุวณฺณยฏฺิผาเลหีติ ผาลปฺปมาณาหิ สุวณฺณยฏฺีหิ. สุวณฺณหตฺถิปาทานีติ ปกติหตฺถิปาทปริมาณานิ สุวณฺณขณฺฑานิ. วุตฺตนเยเนวาติ จูฬํเสเนว. สุวณฺณกฏฺฏีหีติ สุวณฺณขณฺเฑหิ. สลกฺขณานนฺติ ลกฺขณสมฺปนฺนานํ สหสฺสารานํ.
โพธิปลฺลงฺโกติ อภิสมฺพุชฺฌนกาเล นิสชฺชฏฺานํ. อวิชหิโตติ ¶ พุทฺธานํ ตถานิสชฺชาย อนฺตฺถภาวีภาวโต อปริจฺจตฺโต. เตนาห ‘‘เอกสฺมึเยว าเน โหตี’’ติ. ปมปทคณฺิกาติ ปจฺฉิเม โสปานผลเก ตฺวา ปิยมานสฺส ทกฺขิณปาทสฺส ปติฏฺหนฏฺานํ. ตํ ปน ยสฺมา ทฬฺหํ ถิรํ เกนจิ อเภชฺชํ โหติ, ตสฺมา ‘‘ปทคณฺี’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมึ ¶ ภูมิภาเค อิทานิ เชตวนมหาวิหาโร, ตตฺถ ยสฺมึ าเน ปุริมานํ สพฺพพุทฺธานํ มฺจา ปฺตฺตา, ตสฺมึเยว ปเทเส อมฺหากมฺปิ ภควโต มฺโจ ปฺตฺโตติ กตฺวา ‘‘จตฺตาริ มฺจปาทฏฺานานิ อวิชหิตาเนว โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ. มฺจานํ ปน มหนฺตขุทฺทกภาเวน มฺจปฺาปนปเทสสฺส มหนฺตามหนฺตตา อปฺปมาณํ, พุทฺธานุภาเวน ปน โส ปเทโส สพฺพทา เอกปฺปมาโณเยว โหตีติ ‘‘จตฺตาริ มฺจปาทฏฺานานิ อวิชหิตาเนว โหนฺตี’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิหาโรปิ น วิชหิโต เยวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปุริมํ วิหารฏฺานํ น ปริจฺจชตีติ หิ อตฺโถ.
วิสิฏฺา มตฺตา วิมตฺตา, วิมตฺตาว เวมตฺตํ, วิสทิสตาติ อตฺโถ. ปมาณํ อาโรโห. ปธานํ ทุกฺกรกิริยา. รสฺมีติ สรีรปฺปภา.
‘‘สตฺตานํ ปากติกหตฺเถน ฉหตฺโถ มชฺฌิมปุริโส, ตโต ติคุณํ ภควโต สรีรปฺปมาณนฺติ ภควา อฏฺารสหตฺโถ’’ติ วทนฺติ. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘มนุสฺสานํ ปากติกหตฺเถน จตุหตฺโถ มชฺฌิมปุริโส, ตโต ติคุณํ ภควโต สรีรปฺปมาณนฺติ ภควา ทฺวาทสหตฺโถ อุปาทินฺนกรูปธมฺมวเสน, สมนฺตโต ปน พฺยามมตฺตํ พฺยามปฺปภา ผรตีติ อุปริ ฉหตฺถํ อพฺภุคฺคโต, พหลตรปฺปภา รูเปน สทฺธึ อฏฺารสหตฺโถ โหตี’’ติ.
อทฺธนิยนฺติ ¶ ทีฆกาลํ.
อชฺฌาสยปฏิพทฺธนฺติ โพธิสมฺภารสมฺภรณกาเล ตถาปวตฺตชฺฌาสยาธีนํ, ตถาปวตฺตปตฺถนานุรูปํ วิปุลํ, วิปุลตรฺจ ¶ โหตีติ อตฺโถ. สฺวายมตฺโถ จริยาปิฏกวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ ยสฺมา สรีรปฺปมาณํ, ปธานํ, สรีรปฺปภา จ พุทฺธานํ วิสทิสาติ อิธ ปาฬิยํ อนาคตา, ตสฺมา เตหิ สทฺธึ เวมตฺตตาสามฺเน อายุกุลานิปิ อิธ อาหริตฺวา ทีปิตานิ. ปฏิวิทฺธคุเณสูติ อธิคตสพฺพฺุคุเณสุ. นนุ จ โพธิสมฺภาเรสุ, เวเนยฺยปุคฺคลปริมาเณ จ เวมตฺตํ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, ตทุภยํ ปน พุทฺธคุณคฺคหเณน คหิตเมว โหตีติ น อุทฺธฏํ. ยทคฺเคน หิ สพฺพพุทฺธานํ พุทฺธคุเณสุ เวมตฺตํ นตฺถิ, ตทคฺเคน เนสํ สมฺโพธิสมฺภาเรสุปิ เวมตฺตํ นตฺถีติ. กสฺมา? เหตุอนุรูปตาย ผลสฺส ¶ , เอกนฺเตเนว เวเนยฺยปุคฺคลปริมาเณ เวมตฺตภาโว วิภาวิโต. มหาโพธิสตฺตานฺหิ เหตุอวตฺถายํ สมฺภตูปนิสฺสยินฺทฺริยปริปากา เวเนยฺยปุคฺคลา จริมภเว อรหตฺตสมฺปตฺติยา ปริโปสิตานิ กมลวนานิ สูริยรสฺมิสมฺผสฺเสน วิย ตถาคตคุณานุภาวสมฺผสฺเสน วิโพธํ อุปคจฺฉนฺตีติ ทีเปสุํ อฏฺกถาจริยา.
นิธิกุมฺโภติ จตฺตาโร มหานิธโย สนฺธาย วทติ. ชาโต จาติ. จ-สทฺเทน กตมหาภินีหาโร จาติ อยมฺปิ อตฺโถ สงฺคหิโตติ ทฏฺพฺโพ. วุตฺตํ เหตํ พุทฺธวํเส –
‘‘ตาราคณา วิโรจนฺติ, นกฺขตฺตา คคนมณฺฑเล;
วิสาขา จนฺทิมายุตฺตา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ. (พุ. วํ. ๖๕);
‘‘เอเตเนว จ สพฺพพุทฺธานํ วิสาขานกฺขตฺเตเนว มหาภินีหาโร โหตี’’ติ จ วทนฺติ.
๑๓. อยํ ¶ คตีติ อยํ ปวตฺติ ปวตฺตนากาโร, อฺเ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตา อิมินา อากาเรน อนุสฺสรนฺตีติ อตฺโถ, ยสฺมา จุติโต ปฏฺาย ยาว ปฏิสนฺธิ, ตาว อนุสฺสรณํ อาโรหนํ อตีตอตีตตรอตีตตมาทิชาติสงฺขาเต ปุพฺเพนิวาเส าณสฺส อภิมุขภาเวน ปวตฺตีติ กตฺวา. ตสฺมา ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย ยาว จุติ, ตาว อนุสฺสรณํ โอโรหนํ ปุพฺเพนิวาเส ปฏิมุขภาเวน าณสฺส ปวตฺตีติ อาห ‘‘ปจฺฉามุขํ าณํ เปเสตฺวา’’ติ. จุติคนฺตพฺพนฺติ ยํ ปนิทํ จุติยา าณคติยา คนฺตพฺพํ, ตํ คมนํ พุชฺฌนนฺติ อตฺโถ. ครุกนฺติ ภาริยํ ทุกฺกรํ. เตนาห ‘‘อากาเส ปทํ ทสฺเสนฺโต วิยา’’ติ. อปรมฺปิ การณนฺติ ¶ ฉินฺนวฏุมานุสฺสรณํ ปจฺฉามุขํ าณํ เปสนโต อปรํ อจฺฉริยพฺภุตการณํ. ยตฺราติ ปจฺจตฺตตฺเถ, นามาติ อจฺฉริยตฺเถ นิปาโต, หิ-สทฺโท อนตฺถโก. เตนาห ‘‘โย นาม ตถาคโต’’ติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘ยตฺรา’’ติ นิปาตวเสน วิสุํ ยตฺร-สทฺทคฺคหณํ สมตฺถิตํ โหติ. ปปฺเจนฺติ สตฺตสนฺตานํ สํสาเร วิตฺถาเรนฺตีติ ปปฺจํ. กมฺมวฏฺฏํ วุจฺจตีติ กิเลสวฏฺฏสฺส ปปฺจคฺคหเณน, วิปากวฏฺฏสฺส ทุกฺขคฺคหเณน คหิตตฺตา. ปริยาทินฺนวฏฺเฏติ สพฺพโส เขปิตวฏฺเฏ. ‘‘มคฺคสีเลน ผลสีเลนา’’ติ วตฺวา ตยิทํ มคฺคผลสีลํ โลกิยสีลปุพฺพกํ, พุทฺธานฺจ ¶ โลกิยสีลมฺปิ โลกุตฺตรสีลํ วิย อนฺสาธารณํ เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘โลกิยโลกุตฺตรสีเลนา’’ติ วุตฺตํ. สมาธิปฺาสุปิ เอเสว นโย. สมาธิปกฺขาติ สมาธิ จ สมาธิปกฺขา จ สมาธิปกฺขา, เอกเทสสรูเปกเสโส ทฏฺพฺโพ. เตนาห ‘‘มคฺคสมาธินา’’ติอาทิ, ‘‘วิหาโร คหิโต วา’’ติ จ. สมาธิปกฺขา นาม วีริยสติอาทโย.
สยนฺติ อตฺตนา. นีวรณาทีหีติ นีวรเณหิ เจว ตเทกฏฺเหิ จ ปาปธมฺเมหิ, วิตกฺกวิจาราทีหิ จ. ‘‘วิมุตฺตตฺตา ¶ วิมุตฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺตี’’ติ อิมินา วิมุตฺติ-สทฺทสฺส กมฺมสาธนตํ อาห อฏฺสมาปตฺติอาทิวิสยตฺตา ตสฺส. วิมุตฺตตฺตาติ จ ‘‘วิกฺขมฺภนวเสน วิมุตฺตตฺตา’’ติอาทินา โยเชตพฺพํ. ตสฺส ตสฺสาติ อนิจฺจานุปสฺสนาทิกสฺส. ปจฺจนีกงฺควเสนาติ ปหาตพฺพปฏิปกฺของฺควเสน. ปฏิปฺปสฺสทฺธนฺเต อุปฺปนฺนตฺตาติ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนํ ปฏิปฺปสฺสทฺธํ, โส เอว อนฺโต ปริโยสานภาวโต, ตสฺมึ สาเธตพฺเพ นิพฺพตฺตตฺตา, ตํตํมคฺควชฺฌกิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน ปวตฺตตฺตาติ อตฺโถ. กิเลเสหิ นิสฺสฏตา, อปคโม จ นิพฺพานสฺส เตหิ วิวิตฺตตฺตา เอวาติ อาห ‘‘ทูเร ิตตฺตา’’ติ.
๑๖. ธมฺมธาตูติ ธมฺมานํ สภาโว, อตฺถโต จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. สุปฺปฏิวิทฺธาติ สุฏฺุ ปฏิวิทฺธา สวาสนานํ สพฺเพสํ กิเลสานํ ปชหนโต. เอวฺหิ สพฺพฺุตา, ทสพลาณาทโย จาติ สพฺเพ พุทฺธคุณา ภควตา อธิคตา อเหสุํ. อรหตฺตํ ธมฺมธาตูติ เกจิ. สพฺพฺุตาณนฺติ อปเร. ทฺวีหิ ปเทหีติ ทฺวีหิ วากฺเยหิ. อาพทฺธนฺติ ปฏิพทฺธํ ตํมูลกตฺตา อุปริเทสนาย. เทวจาริกโกลาหลนฺติ อตฺตโน เทวโลเก จาริกายํ สุทฺธาวาสเทวานํ กุตูหลปฺปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต สุตฺตนฺตปริโยสาเน (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๑) วิจาเรสฺสติ, อตฺถโต วิภาเวสฺสตีติ โยชนา. อยํ เทสนาติ ‘‘อิโต โส ภิกฺขเว’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๔) วิตฺถารโต ปวตฺติตเทสนมาห. นิทานกณฺเฑติอาทิโต เทสิตํ อุทฺเทสเทสนมาห. สา หิ อิมิสฺสา เทสนาย นิทานฏฺานิยตฺตา ตถา วุตฺตา.
โพธิสตฺตธมฺมตาวณฺณนา
๑๗. ‘‘วิปสฺสีติ ¶ ตสฺส นาม’’นฺติ วตฺวา ตสฺส อนฺวตฺถตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตฺจ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิวิเธ อตฺเถติ ติโรหิตวิทูรเทสคตาทิเก นีลาทิวเสน ¶ นานาวิเธ, ตทฺเ จ อินฺทฺริยโคจรภูเต เต จ ยถูปคเต, โวหารวินิจฺฉเย จาติ นานาวิเธ อตฺเถ. ปสฺสนกุสลตายาติ ทสฺสเน นิปุณภาเวน. ยาถาวโต ¶ เยฺยํ พุชฺฌตีติ โพธิ, โส เอว สตฺตโยคโต โพธิสตฺโตติ อาห ‘‘ปณฺฑิตสตฺโต พุชฺฌนกสตฺโต’’ติ. สุจินฺติตจินฺติตาทินา ปน ปณฺฑิตภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ยทา จ ปนาเนน มหาภินีหาโร กโต, ตโต ปฏฺาย มหาโพธิยํ เอกนฺตนินฺนตฺตา โพธิมฺหิ สตฺโต โพธิสตฺโตติ อาห ‘‘โพธิสงฺขาเตสู’’ติอาทิ. มคฺคาณปทฏฺานฺหิ สพฺพฺุตาณํ, สพฺพฺุตาณปทฏฺานฺจ มคฺคาณํ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ. ‘‘สโต สมฺปชาโน’’ติ อิมินา จตุตฺถาย คพฺภาวกฺกนฺติยา โอกฺกมีติ ทสฺเสติ. จตสฺโส หิ คพฺภาวกฺกนฺติโย อิเธกจฺโจ คพฺโภ มาตุกุจฺฉิยํ โอกฺกมเน, าเน, นิกฺขมเนติ ตีสุ าเนสุ อสมฺปชาโน โหติ, เอกจฺโจ ปเม าเน สมฺปชาโน, น อิตเรสุ, เอกจฺโจ ปเม, ทุติเย จ าเน สมฺปชาโน, น ตติเย, เอกจฺโจ ตีสุปิ าเนสุ สมฺปชาโน โหติ. ตตฺถ ปมา คพฺภาวกฺกนฺติ โลกิยมหาชนสฺส วเสน วุตฺตา, ทุติยา อสีติมหาสาวกานํ (เถรคา. อฏฺ. ๒.๒๑ วงฺคีสตฺเถรคาถาวณฺณนาย วิตฺถาโร) วเสน, ตติยา ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ, ปจฺเจกพุทฺธานฺจ วเสน. เต กิร กมฺมชวาเตหิ อุทฺธํปาทา อโธสิรา อเนกสตโปริเส ปปาเต วิย โยนิมุเข ขิตฺตา ตาฬจฺฉิคฺคเฬน หตฺถี วิย สมฺพาเธน โยนิมุเขน นิกฺขมนฺตา มหนฺตํ ทุกฺขํ ปาปุณนฺติ, เตน เนสํ ‘‘มยํ นิกฺขมามา’’ติ สมฺปชฺํ น โหติ. จตุตฺถา สพฺพฺุโพธิสตฺตานํ วเสน. เต หิ มาตุกุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺตาปิ ปชานนฺติ, ตตฺถ วสนฺตาปิ ปชานนฺติ, นิกฺขมนกาเลปิ ปชานนฺติ. น หิ เต กมฺมชวาตา อุทฺธํปาเท อโธสิเร กตฺวา ขิปิตุํ สกฺโกนฺติ, ทฺเว หตฺเถ ปสาริตฺวา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ิตกาว นิกฺขมนฺตีติ. าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ ปุพฺพภาเค ปฺจมหาวิโลกนาเณหิ เจว ‘‘อิทานิ จวามี’’ติ จุติปริจฺฉินฺทนาเณน จ อปรภาเค ‘‘อิธ มยา ปฏิสนฺธิ คหิตา’’ติ ปฏิสนฺธิปริจฺฉินฺทนาเณน จ ปริจฺฉิชฺช ชานิตฺวา.
ปฺจนฺนํ ¶ มหาปริจฺจาคานํ, าตตฺถจริยาทีนฺจ สติปิ ปารมิยา ปริยาปนฺนภาเว สมฺภารวิเสสภาวทสฺสนตฺถํ วิสุํ คหณํ. ตตฺถ องฺคปริจฺจาโค, นยนปริจฺจาโค, อตฺตปริจฺจาโค, รชฺชปริจฺจาโค, ปุตฺตทารปริจฺจาโคติ อิเม ¶ ปฺจ มหาปริจฺจาคา. ตตฺถาปิ กามํ องฺคปริจฺจาคาทโยปิ ทานปารมีเยว, ตถาปิ ปริจฺจาควิเสสภาวทสฺสนตฺถฺเจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถฺจ ¶ มหาปริจฺจาคานํ วิสุํ คหณํ. ตโต เอว จ องฺคปริจฺจาคโตปิ วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณํ, ปริจฺจาคภาวสามฺเปิ รชฺชปริจฺจาคปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณฺจ กตํ. าตีนํ อตฺถจริยา าตตฺถจริยา, สา จ โข กรุณายนวเสน. ตถา สตฺตโลกสฺส ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถานํ วเสน หิตจริยา โลกตฺถจริยา. กมฺมสฺสกตาาณวเสน, อนวชฺชกมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาานวเสน, ขนฺธายตนาทิวเสน, ลกฺขณตฺตยาทิตีรณวเสน จ อตฺตโน, ปเรสฺจ ตตฺถ สติปฏฺาเนน าณจาโร พุทฺธจริยา, สา ปนตฺถโต ปฺาปารมีเยว, าณสมฺภารวิเสสตาทสฺสนตฺถํ ปน วิสุํ คหณํ. พุทฺธจริยานนฺติ พหุวจนนิทฺเทเสน ปุพฺพโยคปุพฺพจริยาธมฺมกฺขานาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ คตปจฺจาคตวตฺตสงฺขาตาย ปุพฺพภาคปฏิปทาย สทฺธึ อภิฺาสมาปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพโยโค. ทานาทีสุเยว สาติสยปฏิปตฺติ ปุพฺพจริยา. ‘‘ยาว จริยาปิฏเก สงฺคหิตา อภินีหาโร ปุพฺพโยโค, กายาทิวิเวกวเสน เอกจริยา ปุพฺพจริยา’’ติ เกจิ. ทานาทีนฺเจว อปฺปิจฺฉตาทีนฺจ สํสารนิพฺพาเนสุ อาทีนวานิสํสานฺจ วิภาวนวเสน, สตฺตานํ โพธิตฺตเย ปติฏฺาปนปริปาจนวเสน ¶ จ ปวตฺตกถา ธมฺมกฺขานํ. โกฏึ ปตฺวาติ ปรํ ปริยนฺตํ ปรมุกฺกํสํ ปาปุณิตฺวา. สตฺตมหาทานานีติ อฏฺวสฺสิกกาเล ‘‘หทยมํสาทีนิปิ ยาจกานํ ทเทยฺย’’นฺติ อชฺฌาสยํ อุปฺปาเทตฺวา ทินฺนทานํ, มงฺคลหตฺถิทานํ, คมนกาเล ทินฺนํ สตฺตสตฺตกมหาทานํ, มคฺคํ คจฺฉนฺเตน ทินฺนํ อสฺสทานํ, รถทานํ, ปุตฺตทานํ, ภริยาทานนฺติ อิมานิ สตฺต มหาทานานิ (จริยา. ๗๙) ทตฺวา.
‘‘อิทาเนว เม มรณํ โหตู’’ติ อธิมุจฺจิตฺวา กาลกรณํ อธิมุตฺติกาลกิริยา, ตํ โพธิสตฺตานํเยว, น อฺเสํ. โพธิสตฺตา กิร ทีฆายุกเทวโลเก ิตา ‘‘อิธ ิตสฺส เม โพธิสมฺภารสมฺภรณํ น สมฺภวตี’’ติ กตฺวา ตตฺถ วาสโต นิพฺพินฺทมานสา โหนฺติ, ตทา วิมานํ ปวิสิตฺวา อกฺขีนิ นิมีเลตฺวา ‘‘อิโต อุทฺธํ เม ชีวิตํ นปฺปวตฺตตู’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺาย นิสีทนฺติ, จิตฺตาธิฏฺานสมนนฺตรเมว มรณํ โหติ. ปารมีธมฺมานฺหิ ¶ อุกฺกํสปฺปวตฺติยา ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺตภาเว อภิฺาสมาปตฺตีหิ สนฺตานสฺส วิเสสิตตฺตา อตฺตสิเนหสฺส ตนุภาเวน, สตฺเตสุ จ มหากรุณาย อุฬารภาเวน อธิฏฺานสฺส ติกฺขวิสทภาวาปตฺติยา โพธิสตฺตานํ อธิปฺปายา สมิชฺฌนฺติ. จิตฺเต, วิย กมฺเมสุ จ เนสํ วสีภาโว, ตสฺมา ยตฺถ อุปปนฺนานํ ปารมิโย สมฺมเทว ปริพฺรูหนฺติ. วุตฺตนเยน กาลํ กตฺวา ตตฺถ อุปปชฺชนฺติ. ตถา หิ อมฺหากํ มหาสตฺโต อิมสฺมึเยว กปฺเป นานาชาตีสุ อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต, อปฺปกเมว กาลํ ตตฺถ ตฺวา ตโต จวิตฺวา มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺโต, ปารมีสมฺภรณปสุโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘โพธิสตฺตานํเยว, น ¶ อฺเส’’นฺติ. ‘‘เอเกนอตฺตภาเวน อนฺตเรน ปารมีนํ สพฺพโส ปูริตตฺตา’’ติ อิมินา ปโยชนาภาวโต ตตฺถ ตฺวา อธิมุตฺติกาลกิริยา ¶ นาม นาโหสีติ ทสฺเสติ. อปิ จ ตตฺถ ยาวตายุกฏฺานํ จริมภเว อเนกมหานิธิสมุฏฺานปุพฺพิกาย ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสาย มหาสมฺปตฺติยา นิพฺพตฺติ วิย, พุทฺธภูตสฺส อสทิสทานาทิวเสน อนฺสาธารณลาภุปฺปตฺติ วิย จ ‘‘อิโต ปรํ มหาปุริสสฺส ทิพฺพสมฺปตฺติอนุภวนํ นาม นตฺถี’’ติ อุสฺสาหชาตสฺส ปฺุสมฺภารสฺส วเสนาติ ทฏฺพฺพํ. อยฺเหตฺถ ธมฺมตา.
มนุสฺสคณนาวเสน, น เทวคณนาวเสน. ปุพฺพนิมิตฺตานีติ จุติยา ปุพฺพนิมิตฺตานิ. อมิลายิตฺวาติ เอตฺถ อมิลาตคฺคหเณเนว ตาสํ มาลานํ วณฺณสมฺปทายปิ คนฺธสมฺปทายปิ โสภาสมฺปทายปิ อวินาโส ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺพํ. พาหิรพฺภนฺตรานํ รโชชลฺลานํ เลปสฺสปิ อภาวโต เทวานํ สรีรคตานิ วตฺถานิ สพฺพกาลํ ปริสุทฺธปฺปภสฺสราเนว หุตฺวา ติฏฺนฺตีติ อาห ‘‘วตฺเถสุปิ เอเสว นโย’’ติ. เนว สีตํ น อุณฺหนฺติ ยสฺส สีตสฺส ปฏิการวเสน อธิกํ เสวิยมานํ อุณฺหํ, สยเมว วา ขรตรํ หุตฺวา อภิภวนฺตํ สรีเร เสทํ อุปฺปาเทยฺย, ตาทิสํ เนว สีตํ, น อุณฺหํ โหติ. ตสฺมึ กาเลติ ยถาวุตฺตมรณาสนฺนกาเล. พินฺทุพินฺทุวเสนาติ ฉินฺนสุตฺตาย อามุตฺตมุตฺตาวลิยา นิปตนฺตา มุตฺตคุฬิกา วิย พินฺทุ พินฺทุ หุตฺวา. เสทาติ เสทธารา มุจฺจนฺติ. ทนฺตานํ ขณฺฑิตภาโว ขณฺฑิจฺจํ. เกสานํ ปลิตภาโว ปาลิจฺจํ.อาทิ-สทฺเทน วลิตฺตจตํ สงฺคณฺหาติ. กิลนฺตรูโป อตฺตภาโว โหติ, น ปน ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทีติ ¶ อธิปฺปาโย. อุกฺกณฺิตาติ อนภิรติ. สา นตฺถิ ¶ อุปรูปริ อุฬารอุฬารานเมว โภคานํ วิเสสโต ทุวิชานนานํ อุปติฏฺหนโต. นิสฺสสนฺตีติ อุณฺหํ นิสฺสสนฺติ. วิชมฺภนฺตีติ อนภิรติวเสน วิชมฺภนํ กโรนฺติ.
ปณฺฑิตา เอวาติ พุทฺธิสมฺปนฺนา เอว เทวตา. ยถา เทวตา สมฺปติชาตา ‘‘กีทิเสน ปฺุกมฺเมน อิธ นิพฺพตฺตา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อิมินา นาม ปฺุกมฺเมน อิธ นิพฺพตฺตา’’ติ ชานนฺติ, เอวํ อตีตภเว อตฺตนา กตํ, อฺทาปิ วา เอกจฺจํ ปฺุกมฺมํ ชานนฺติเยว มหาปฺุาติ อาห ‘‘เย มหาปฺุา’’ติอาทิ.
น ปฺายนฺติ จิรตรกาลตฺตา ปรมายุโน. อนิยฺยานิกนฺติ น นิยฺยานาวหํ สตฺตานํ อภาชนภาวโต. สตฺตา น ปรมายุโน โหนฺติ นาม ปาปุสฺสนฺนตายาติ อาห ‘‘ตทา หิ สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺตี’’ติ. เอตฺถาห – กสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺธา มนุสฺสโลเก เอว อุปฺปชฺชนฺติ, น เทวพฺรหฺมโลเกสูติ? เทวโลเก ตาว นุปฺปชฺชนฺติ พฺรหฺมจริยวาสสฺส อโนกาสภาวโต, ตถา อนจฺฉริยภาวโต ¶ . อจฺฉริยธมฺมา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, เตสํ สา อจฺฉริยธมฺมตา เทวตฺตภาเว ิตานํ น ปากฏา โหติ ยถา มนุสฺสภูตานํ, เทวภูเต หิ สมฺมาสมฺพุทฺเธ ทิสฺสมานํ พุทฺธานุภาวํ เทวานุภาวโต โลโก ทหติ, น พุทฺธานุภาวโต, ตถา สติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ, อิสฺสรคุตฺตคฺคาหํ น วิสฺสชฺเชติ, เทวตฺตภาวสฺส จ จิรกาลาธิฏฺานโต เอกจฺจสสฺสตวาทโต น ปริมุจฺจติ. พฺรหฺมโลเก นุปฺปชฺชนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สตฺตานํ ตาทิสคฺคาหวินิโมจนตฺถฺหิ พุทฺธา ภควนฺโต มนุสฺสสุคติยํเยว อุปฺปชฺชนฺติ, น เทวสุคติยํ. มนุสฺสสุคติยํ อุปฺปชฺชนฺตาปิ โอปปาติกา น โหนฺติ, สติ จ โอปปาติกูปปตฺติยํ วุตฺตโทสานติวตฺตนโต, ธมฺมเวเนยฺยานํ ธมฺมตนฺติยา ปนสฺส ¶ วิย ธาตุเวเนยฺยานํ ธาตูนํ ปนสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา จ. น หิ โอปปาติกานํ ปรินิพฺพานโต อุทฺธํ สรีรธาตุโย ติฏฺนฺติ. มนุสฺสโลเก อุปฺปชฺชนฺตาปิ มหาโพธิสตฺตา จริมภเว มนุสฺสภาวสฺส ปากฏภาวกรณาย ปน ทารปริคฺคหมฺปิ กโรนฺตา ยาว ปุตฺตมุขทสฺสนา อคารมชฺเฌ ติฏฺนฺติ, ปริปากคตสีลเนกฺขมฺมปฺาทิปารมิกาปิ น อภินิกฺขมนฺตีติ. กึ วา เอตาย ¶ การณจินฺตาย ‘‘สพฺพพุทฺเธหิ อาจิณฺณสมาจิณฺณา, ยทิทํ มนุสฺสภูตานํเยว อภิสมฺพุชฺฌนา, น เทวภูตาน’’นฺติ. อยเมตฺถ ธมฺมตา. ตถา หิ ตทตฺโถ มหาภินีหาโรปิ มนุสฺสภูตานํเยว อิชฺฌติ, น เทวภูตานํ.
กสฺมา ปน สมฺมาสมฺพุทฺธา ชมฺพุทีเป เอว อุปฺปชฺชนฺติ, น เสสทีเปสุ? เกจิ ตาว อาหุ ‘‘ยสฺมา ปถวิยา นาภิภูตา, พุทฺธานุภาวสหิตา อจลฏฺานภูตา โพธิมณฺฑภูมิ ชมฺพุทีเป เอว, ตสฺมา ชมฺพุทีเป เอว อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ, ตถา ‘‘อิตเรสมฺปิ อวิชหิตฏฺานานํ ตตฺเถว ลพฺภนโต’’ติ. อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ยสฺมา ปุริมพุทฺธานํ, มหาโพธิสตฺตานํ, ปจฺเจกพุทฺธานฺจ นิพฺพตฺติยา สาวกโพธิสตฺตานํ สาวกโพธิยา อภินีหาโร, สาวกปารมิยา สมฺภรณํ, ปริปาจนฺจ พุทฺธเขตฺตภูเต อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ ชมฺพุทีเป เอว อิชฺฌติ, น อฺตฺถ. เวเนยฺยานํ วินยนตฺโถ จ พุทฺธุปฺปาโทติ อคฺคสาวกมหาสาวกาทิ เวเนยฺยวิเสสาเปกฺขาย เอตสฺมึ ชมฺพุทีเป เอว พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺติ, น เสสทีเปสุ. อยฺจ นโย สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณติ. เตสํ อุตฺตมปุริสานํ ตตฺเถว อุปฺปตฺติ สมฺปตฺติจกฺกานํ วิย อฺมฺูปนิสฺสยโต อปราปรํ ¶ วตฺตตีติ ทฏฺพฺพํ, เอเตเนว อิมํ จกฺกวาฬํ มชฺเฌ กตฺวา อิมินา สทฺธึ จกฺกวาฬานํ ทสสหสฺสสฺเสว เขตฺตภาโว ทีปิโต อิโต อฺสฺส พุทฺธานํ อุปฺปตฺติฏฺานสฺส เตปิฏเก พุทฺธวจเน อนุปลพฺภนโต. เตนาห ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตีติ ทีปํ ปสฺสี’’ติ. อิมินา นเยน เทสนิยาเมปิ การณํ นีหริตฺวา วตฺตพฺพํ.
อิทานิ ¶ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ พฺราหฺมณานมฺปิ ปูชนียภาวโต. ‘‘ราชา ปิตา ภวิสฺสตี’’ติ กุลํ ปสฺสิ ปิตุวเสน กุลสฺส นิทฺทิสิตพฺพโต.
‘‘ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานี’’ติ ปสฺสิ, เตน อตฺตโน อนฺตรายาภาวํ อฺาสิ, ตสฺสา จ ตุสิตภเว ทิพฺพสมฺปตฺติปจฺจนุภวนํ.
ตา เทวตาติ ทสสหสฺสิจกฺกวาฬเทวตา. กถํ ปน ตา เทวตา ตทา โพธิสตฺตสฺส ปูริตปารมิภาวํ, กถํ จสฺส พุทฺธภาวํ ชานนฺตีติ? มเหสกฺขานํ ¶ เทวตานํ วเสน, เยภุยฺเยน จ ตา เทวตา อภิสมยภาคิโน. ตถา หิ ภควโต ธมฺมทานสํวิภาเค อเนกวารํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาสนฺนิปาโต อโหสิ.
‘‘จวามี’’ติ ชานาติ จุติอาสนฺนชวเนหิ าณสหิเตหิ จุติยา อุปฏฺิตภาวสฺส ปฏิสํวิทิตตฺตา. จุติจิตฺตํ น ชานาติ จุติจิตฺตกฺขณสฺส อิตฺตรภาวโต. ตถา หิ ตํ จุตูปปาตาณสฺสปิ อวิสโยว. ปฏิสนฺธิจิตฺเตปิ เอเสว นโย. อาวชฺชนปริยาโยติ อาวชฺชนกฺกโม. ยสฺมา เอกวารํ อาวชฺชิตมตฺเตน อารมฺมณํ นิจฺฉินิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ตํ เอวารมฺมณํ ทุติยํ, ตติยฺจ อาวชฺชิตฺวา นิจฺฉยติ. อาวชฺชนสีเสน เจตฺถ ชวนวาโร คหิโต. เตนาห ‘‘ทุติยตติยจิตฺตวาเร เอว ชานิสฺสตี’’ติ. จุติยา ปุเรตรํ กติปยจิตฺตวารโต ปฏฺาย ‘‘มรณํ เม อาสนฺน’’นฺติ ¶ ชานนโต ‘‘จุติกฺขเณปิ จวามีติ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ. ปฏิสนฺธิยา ปน อปุพฺพภาวโต ปฏิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาติ. นิกนฺติยา อุปฺปตฺติโต ปรโต ‘‘อสุกสฺมึ เม าเน ปฏิสนฺธิ คหิตา’’ติ ชานาติ. ตสฺมึ กาเลติ ปฏิสนฺธิคฺคหณกาเล. ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปตีติ เอตฺถ กมฺปนการณํ เหฏฺา พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๔๙) วุตฺตเมว. อตฺถโต ปเนตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต มหาปรินิพฺพานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗๑) อาคมิสฺสติ. มหาการุณิกา พุทฺธา ภควนฺโต สตฺตานํ หิตสุขวิธานตปฺปรตาย พหุลํ โสมนสฺสิกาว โหนฺตีติ เตสํ ปมมหาวิปากจิตฺเตน ปฏิสนฺธิคฺคหณํ อฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗; ธ. ส. อฏฺ. ๔๙๘; ม. นิ. อฏฺ. ๔.๒๐๐) วุตฺตํ. มหาสิวตฺเถโรปน ยทิปิ มหาการุณิกา พุทฺธา ภควนฺโต สตฺตานํ หิตสุขวิธานตปฺปราว, วิเวกชฺฌาสยา ปน วิสงฺขารนินฺนา สพฺพสงฺขาเรสุ อชฺฌุเปกฺขนพหุลาติ ปฺจมมหาวิปากจิตฺเตน ปฏิสนฺธิคฺคหณมาห.
ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฏฺายาติ ปุณฺณมาย ปุเร สตฺตมทิวสโต ปฏฺาย, สุกฺกปกฺเข ¶ นวมิโต ปฏฺายาติ อตฺโถ. สตฺตเม ทิวเสติ นวมิโต สตฺตเม ทิวเส อาสฬฺหิปุณฺณมายํ. อิทํ สุปินนฺติ อิทานิ วุจฺจมานาการํ. มชฺฌิมฏฺกถายํ ปน ‘‘อโนตตฺตทหํ เนตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. อถ เนสํ เทวิโย อาคนฺตฺวา มนุสฺสมลหรณตฺถํ นฺหาเปตฺวา’’ติ ¶ (ม. นิ. อฏฺ. ๔.๒๐๐) วุตฺตํ. ตตฺถ เนสํ เทวิโยติ มหาราชูนํ เทวิโย. จริตฺวาติ โคจรํ จริตฺวา.
หริตูปลิตฺตายาติ หริเตน โคมเยน กตปริภณฺฑาย. ‘‘โส จ โข ปุริสคพฺโภ, น อิตฺถิคพฺโภ, ปุตฺโต เต ภวิสฺสตี’’ติ เอตฺตกเมว ¶ เต พฺราหฺมณา อตฺตโน สุปินสตฺถนเยน กเถสุํ. ‘‘สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสตี’’ติอาทิ ปน เทวตาวิคฺคเหน ตมตฺถํ ยาถาวโต ปเวเทสุํ.
ธมฺมตาติ เอตฺถ ธมฺม-สทฺโท ‘‘ชาติธมฺมานํ ภิกฺขเว สตฺตาน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๓๑; ๓.๓๗๓; ปฏิ. ม. ๑.๓๓) วิย ปกติปริยาโย, ธมฺโม เอว ธมฺมตา ยถา เทโว เอว เทวตาติ อาห ‘‘อยํ สภาโว’’ติ, อยํ ปกตีติ อตฺโถ. สฺวายํ สภาโว อตฺถโต ตถา นิยตภาโวติ อาห ‘‘อยํ นิยาโมติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. นิยาโม ปน พหุวิโธติ เต สพฺเพ อตฺถุทฺธารนเยน อุทฺธริตฺวา อิธาธิปฺเปตนิยามเมว ทสฺเสตุํ ‘‘นิยาโม จ นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กมฺมานํ นิยาโม กมฺมนิยาโม. เอส นโย อุตุนิยามาทีสุ ตีสุ. อิตโร ปน ธมฺโม เอว นิยาโม ธมฺมนิยาโม, ธมฺมตา.
กุสลสฺส กมฺมสฺส. นิเสนฺโต ติขิณํ กโรนฺโต.
อรูปาทิภูมิภาควิเสสวเสน อุตุวิเสสทสฺสนโต อุตุวิเสเสน สิชฺฌมานานํ รุกฺขาทีนํ ปุปฺผผลาทิคฺคหณํ ‘‘เตสุ เตสุ ชนปเทสู’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. ตสฺมึ ตสฺมึ กาเลติ ตสฺมึ ตสฺมึ วสนฺตาทิกาเล.
มธุรโต พีชโต ติตฺตโต พีชโตติ โยชนา.
๑๘. วตฺตมานสมีเป วตฺตมาเน วิย โวหริตพฺพนฺติ ‘‘โอกฺกมตี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โอกฺกนฺโต โหตีติ อยเมวตฺโถ’’ติ. เอวํ โหตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรนสฺส สมฺปชานนา โหติ. น โอกฺกมมาเน ปฏิสนฺธิกฺขณสฺส ทุวิฺเยฺยตาย. ยถา จ วุตฺตํ ‘‘ปฏิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาตี’’ติ. ทสสหสฺสจกฺกวาฬปตฺถรเณน ¶ วา อปฺปมาโณ. อติวิย สมุชฺชลนภาเวน อุฬาโร ¶ . เทวานุภาวนฺติ เทวานํ ปภานุภาวํ. เทวานฺหิ ปภํ โส โอภาโส ¶ อภิภวติ, น เตสํ อาธิปจฺจํ. เตนาห ‘‘นิวตฺถวตฺถสฺสา’’ติอาทิ.
โลกานํ โลกธาตูนํ อนฺตโร วิวโร โลกนฺตโร, โส เอว อิตฺถิลิงฺควเสน ‘‘โลกนฺตริกา’’ติ วุตฺโต. รุกฺขคจฺฉาทินา เกนจิ น หฺนฺตีติ อฆา, อสมฺพาธา. เตนาห ‘‘นิจฺจวิวฏา’’ติ. อสํวุตาติ เหฏฺา, อุปริ จ เกนจิ น ปิหิตา. เตน วุตฺตํ ‘‘เหฏฺาปิ อปฺปติฏฺา’’ติ. ตตฺถ ปิ-สทฺเทน ยถา เหฏฺา อุทกสฺส ปิธายิกา ปถวี นตฺถีติ อสํวุตา โลกนฺตริกา, เอวํ อุปริปิ จกฺกวาเฬสุ วิย เทววิมานานํ อภาวโต อสํวุตา อปฺปติฏฺาติ ทสฺเสติ. อนฺธกาโร เอตฺถ อตฺถีติ อนฺธการา. จกฺขุวิฺาณํ น ชายติ อาโลกสฺส อภาวโต, น จกฺขุโน. ตถา หิ ‘‘เตน โอภาเสน อฺมฺํ สฺชานนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ชมฺพุทีเป ิตมชฺฌนฺหิกเวลายํ ปุพฺพวิเทหวาสีนํ อตฺถงฺคมนวเสน อุปฑฺฒํ สูริยมณฺฑลํ ปฺายติ, อปรโคยานวาสีนํ อุคฺคมนวเสน, เอวํ เสสทีเปสุ ปีติ อาห ‘‘เอกปฺปหาเรเนว ตีสุ ทีเปสุ ปฺายนฺตี’’ติ. อิโต อฺถา ปน ทฺวีสุ เอว ทีเปสุ เอกปฺปหาเรน ปฺายนฺตีติ. เอเกกาย ทิสาย นว นว โยชนสตสหสฺสานิ อนฺธการวิธมนมฺปิ อิมินาว นเยน ทฏฺพฺพํ. ปภาย นปฺปโหนฺตีติ อตฺตโน ปภาย โอภาสิตุํ อนภิสมฺภุนนฺติ. ยุคนฺธรปพฺพตปฺปมาเณ อากาเส วิจรณโต ‘‘จกฺกวาฬปพฺพตสฺส เวมชฺเฌน วิจรนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
วาวฏาติ ¶ ขาทนตฺถํ คณฺหิตุํ อุปกฺกมนฺตา. วิปริวตฺติตฺวาติ วิวตฺติตฺวา. ฉิชฺชิตฺวาติ มุจฺฉาปตฺติยา ิตฏฺานโต มุจฺจิตฺวา, องฺคปจฺจงฺคเฉทเนน วา ฉิชฺชิตฺวา. อจฺจนฺตขาเรติ อาตปสนฺตาปาภาเวน อติสีตภาวเมว สนฺธาย อจฺจนฺตขารตา วุตฺตา สิยา. น หิ ตํ กปฺปสณฺหนอุทกํ สมฺปตฺติกรมหาเมฆวุฏฺํ ปถวิสนฺธารกํ กปฺปวินาสกํ อุทกํ วิย ขารํ ภวิตุํ อรหติ. ตถา หิ สติ ปถวีปิ วิลีเยยฺย, เตสํ วา ปาปกมฺมพเลน เปตานํ อุทกสฺส ปุพฺพเขฬภาวาปตฺติ วิย ตสฺส อุทกสฺส ตทา ขารภาวาปตฺติ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อจฺจนฺตขาเร อุทเก’’ติ.
เอกยาคุปานมตฺตมฺปีติ ปตฺตาทิภาชนคตํ ยาคุํ คโฬจิอาทิอุทฺธรณิยา คเหตฺวา ปิวนมตฺตมฺปิ กาลํ. สมนฺตโตติ สพฺพภาคโต ฉปฺปการมฺปิ.
๑๙. จตุนฺนํ ¶ มหาราชานํ วเสนาติ เวสฺสวณาทิจตุมหาราชภาวสามฺเน.
ยถาวิหารนฺติ ¶ ยถาสกํ วิหารํ.
๒๐. ปกติยาติ อตฺตโน ปกติยา เอว. เตนาห ‘‘สภาเวเนวา’’ติ. ปรสฺส สนฺติเก คหเณน วินา อตฺตโน สภาเวเนว สยเมว อธิฏฺหิตฺวา สีลสมฺปนฺนา. โพธิสตฺตมาตาปีติ อมฺหากํ โพธิสตฺตมาตาปิ. กาลเทวิลสฺสาติ ยถา กาลเทวิลสฺส สนฺติเก อฺทา คณฺหาติ, โพธิสตฺเต ปน…เป… สยเมว สีลํ อคฺคเหสิ, ตถา วิปสฺสีโพธิสตฺตมาตาปีติ อธิปฺปาโย.
๒๑. ‘‘มนุสฺเสสู’’ติ อิทํ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ, ‘‘มนุสฺสิตฺถิยา นาม มนุสฺสปุริเสสุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ. โพธิสตฺตสฺส มาตุยา ปน เทเวสุปิ ตาทิสํ จิตฺตํ นุปฺปชฺชเตว. ยถา โพธิสตฺตสฺส อานุภาเวน โพธิสตฺตมาตุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ นุปฺปชฺชติ, เอวํ ตสฺส อานุภาเวเนว สา เกนจิ ปุริเสน อนภิภวนียาติ อาห ‘‘ปาทา น วหนฺติ ทิพฺพสงฺขลิกา วิย พชฺฌนฺตี’’ติ.
๒๒. ปุพฺเพ ¶ ‘‘กามคุณูปสํหิตํ จิตฺตํ นุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ปุน ‘‘ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรตี’’ติ จ วุตฺตํ. กถมิทํ อฺมฺํ น วิรุชฺฌตีติ อาห ‘‘ปุพฺเพ’’ติอาทิ. วตฺถุปฏิกฺเขโปติ อพฺรหฺมจริยวตฺถุปฏิเสโธ. เตนาห ‘‘ปุริสาธิปฺปายวเสนา’’ติ. อารมฺมณปฏิลาโภติ รูปาทิปฺจกามคุณารมฺมณสฺเสว ปฏิลาโภ.
๒๓. กิลมโถติ เขโท, กายสฺส ครุภาวกถินภาวาทโยปิ ตสฺสา ตทา น โหนฺติ เอว. ‘‘ติโรกุจฺฉิคตํ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. กทา ปฏฺาย ปสฺสตีติ อาห ‘‘กลลาทิกาลํ อติกฺกมิตฺวา’’ติอาทิ. ทสฺสเน ปโยชนํ สยเมว วทติ. ตสฺส อภาวโต กลลาทิกาเล น ปสฺสติ. ปุตฺเตน ทหเรน มนฺเทน อุตฺตานเสยฺยเกน สทฺธึ. ‘‘ยํ ตํ มาตู’’ติอาทิ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ. จกฺกวตฺติคพฺภโตปิ หิ สวิเสสํ โพธิสตฺตคพฺโภ ปริหารํ ลภติ ปฺุสมฺภารสฺส สาติสยตฺตา, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตา อติวิย สปฺปายาหาราจารา จ หุตฺวา สกฺกจฺจํ ปริหรติ. สุขวาสตฺถนฺติ โพธิสตฺตสฺส สุขวาสตฺถํ. ปุรตฺถาภิมุโขติ มาตุ ¶ ปุริมภาคาภิมุโข. อิทานิ ติโรกุจฺฉิคตสฺส ทิสฺสมานตาย อพฺภนฺตรํ, พาหิรฺจ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺเพ กตกมฺม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อสฺสาติ เทวิยา. วตฺถุนฺติ กุจฺฉึ. ผลิกอพฺภปฏลาทิโน วิย โพธิสตฺตมาตุกุจฺฉิตจสฺส ปตนุภาเวน อาโลกสฺส วิพนฺธาภาวโต ยถา โพธิสตฺตมาตา กุจฺฉิคตํ โพธิสตฺตํ ปสฺสติ, กึ เอวํ โพธิสตฺโตปิ มาตรํ, อฺฺจ ปุรโต ิตํ รูปคตํ ปสฺสติ, โนติ อาห ‘‘โพธิสตฺโต ปนา’’ติอาทิ. กสฺมา ¶ ปน สติ จกฺขุมฺหิ, อาโลเก จ น ปสฺสตีติ อาห ‘‘น หิ อนฺโตกุจฺฉิยํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. อสฺสาสปสฺสาสา วิย หิ ตตฺถ จกฺขุวิฺาณมฺปิ น อุปฺปชฺชติ ตชฺชสฺส สมนฺนาหารสฺส อภาวโต.
๒๔. ยถา ¶ อฺา อิตฺถิโย วิชาตปฺปจฺจยา ตาทิเสน โรเคน อภิภูตาปิ หุตฺวา มรนฺติ, โพธิสตฺตมาตุ ปน โพธิสตฺเต กุจฺฉิคเต ตสฺส วิชายนนิมิตฺตํ, น โกจิ โรโค อุปฺปชฺชติ, เกวลํ อายุปริกฺขเยเนว กาลํ กโรติ, สฺวายมตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว. ‘‘โพธิสตฺเตน วสิตฏฺานฺหี’’ติอาทิ ตสฺส การณวจนํ. อฺเสํ อปริโภคนฺติ อฺเหิ น ปริภฺุชิตพฺพํ, น ปริโภคโยคฺยนฺติ อตฺโถ. ตถา สติ โพธิสตฺตปิตุ อฺาย อคฺคมเหสิยา ภวิตพฺพํ, ตถาปิ โพธิสตฺตมาตริ ธรนฺติยา อยุชฺชมานกนฺติ อาห ‘‘น จ สกฺกา’’ติอาทิ. อปเนตฺวาติ อคฺคมเหสิานโต นีหริตฺวา. อตฺตนิ ฉนฺทราควเสเนว พหิทฺธา อารมฺมณปริเยสนาติ วิสยินิสาราโค สตฺตานํ วิสเยสุ สาราคสฺส พลวการณนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สตฺตานํ อตฺตภาเว ฉนฺทราโค พลวา โหตี’’ติ. อนุรกฺขิตุํ น สกฺโกตีติ สมฺมา คพฺภปริหารํ นานุยฺุชติ. เตน คพฺโภ พหฺวาพาโธ โหติ. วตฺถุ วิสทํ โหตีติ คพฺภาสโย วิสุทฺโธ โหติ. มาตุ มชฺฌิมวยสฺส ตติยโกฏฺาเส โพธิสตฺตคพฺโภกฺกมนมฺปิ ตสฺสา อายุปริมาณวิโลกเนเนว สงฺคหิตํ วโยวเสน อุปฺปชฺชนกวิการสฺส ปริวชฺชนโต. อิตฺถิสภาเวน อุปฺปชฺชนกวิกาโร ปน โพธิสตฺตสฺส อานุภาเวเนว วูปสมติ.
๒๕. สตฺตมาสชาโตติ ปฏิสนฺธิคฺคหณโต สตฺตเม มาเส ชาโต. โส สีตุณฺหกฺขโม น โหติ อติวิย สุขุมาลตาย. อฏฺมาสชาโต ¶ กามํ สตฺตมาสชาตโต พุทฺธิวยวา, เอกจฺเจ ปน จมฺมปเทสา วุทฺธึ ปาปุณนฺตา ฆฏฺฏนํ น สหนฺติ, เตน โส น ชีวติ. ‘‘สตฺตมาสชาตสฺส ปน น ตาว เต ชาตา’’ติ วทนฺติ.
๒๗. เทวา ¶ ปมํ ปฏิคฺคณฺหนฺตีติ ‘‘โลกนาถํ มหาปุริสํ สยเมว ปมํ ปฏิคฺคณฺหามา’’ติ สฺชาตคารวพหุมานา อตฺตโน ปีตึ ปเวเทนฺตา ขีณาสวา สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน อาทิโต ปฏิคฺคณฺหนฺติ. สูติเวสนฺติ สูติชคฺคนธาติเวสํ. เอเกติ อภยคิริวาสิโน. มจฺฉกฺขิสทิสํ ฉวิวเสน. อฏฺาสิ น นิสีทิ, น นิปชฺชิ วา. เตน วุตฺตํ ‘‘ิตาว โพธิสตฺตํ โพธิสตฺตมาตา วิชายตี’’ติ. นิทฺทุกฺขตาย ิตา เอว หุตฺวา วิชายติ. ทุกฺขสฺส หิ พลวภาวโต ตํ ทุกฺขํ อสหมานา อฺา อิตฺถิโย นิสินฺนา วา นิปนฺนา วา วิชายนฺติ.
๒๘. อชินปฺปเวณิยาติ ¶ อชินจมฺเมหิ สิพฺพิตฺวา กตปเวณิยา. มหาเตโชติ มหานุภาโว. มหายโสติ มหาปริวาโร, วิปุลกิตฺติโฆโส จ.
๒๙. ภคฺควิภคฺคาติ สมฺพาธฏฺานโต นิกฺขมเนน วิภาวิตตฺตา ภคฺคา, วิภคฺคา วิย จ หุตฺวา, เตน เนสํ อวิสทภาวเมว ทสฺเสติ. อลคฺโค หุตฺวาติ คพฺภาสเย, โยนิปเทเส จ กตฺถจิ อลคฺโค อสตฺโต หุตฺวา, ยโต ‘‘ธมกรณโต อุทกนิกฺขมนสทิส’’นฺติ วุตฺตํ. อุทเกนาติ คพฺภาสยคเตน อุทเกน. อมกฺขิโตว นิกฺขมติ สมฺมกฺขิตสฺส ตาทิสสฺส อุทกเสมฺหาทิกสฺเสว ตตฺถ อภาวโต. โพธิสตฺตสฺส หิ ปฺุานุภาวโต ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย ตํ านํ ปุพฺเพปิ วิสุทฺธํ วิเสสโต ปรมสุคนฺธคนฺธกุฏิ วิย จนฺทนคนฺธํ วายนฺตํ ติฏฺติ.
อุทกวฏฺฏิโยติ อุทกกฺขนฺธา.
๓๑. มุหุตฺตชาโตติ มุหุตฺเตน ชาโต หุตฺวา มุหุตฺตมตฺโตว. อนุธาริยมาเนติ ¶ อนุกูลวเสน นียมาเน. อาคตาเนวาติ ตํ านํ อุปคตานิ เอว. อเนกสาขนฺติ รตนมยาเนกสตปติฏฺานหีรกํ. สหสฺสมณฺฑลนฺติ เตสํ อุปริฏฺิตํ อเนกสหสฺสมณฺฑลหีรกํ. มรูติ เทวา. น โข ปนเอวํ ทฏฺพฺพํ ปทวีติหารโต ปเคว ทิสาวิโลกนสฺส ¶ กตตฺตา. เตนาห ‘‘มหาสตฺโต หี’’ติอาทิ. เอกงฺคณานีติ วิวฏภาเวน วิหารงฺคณปริเวณงฺคณานิ วิย เอกงฺคณสทิสานิ อเหสุํ. สทิโสปิ นตฺถีติ ตุมฺหากํ อิทํ วิโลกนํ วิสิฏฺเ ปสฺสิตุํ ‘‘อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. อคฺโคติ ปธาโน, เกน ปนสฺส ปธานตาติ อาห ‘‘คุเณหี’’ติ. ปม-สทฺโท เจตฺถ ปธานปริยาโย. โพธิสตฺตสฺส ปน ปธานตา อนฺสาธารณาติ อาห ‘‘สพฺพปโม’’ติ, สพฺพปธาโนติ อตฺโถ. เอตสฺเสวาติ อคฺคสทฺทสฺเสว. เอตฺถ จ มเหสกฺขา ตาว เทวา ตถา จ วทนฺติ, อิตเร ปน กถนฺติ? มหาสตฺตสฺส อานุภาวทสฺสนาทินา. มเหสกฺขานฺหิ เทวานํ มหาสตฺตสฺส อานุภาโว วิย เตน สทิสานมฺปิ อานุภาโว ปจฺจกฺโข อโหสีติ, อิตเร ปน เตสํ วจนํ สุตฺวา สทฺทหนฺตา อนุมินนฺตา ตถา อาหํสุ. ปริปากคตปุพฺพเหตุสํสิทฺธาย ธมฺมตาย โจทิยมาโน อิมสฺมึ…เป… พฺยากาสิ.
ชาตมตฺตสฺเสว โพธิสตฺตสฺส านาทีนิ เยสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภูตานีติ เต นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปติฏฺานํ จตุริทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ อิทฺธิปาทวเสน โลกุตฺตรธมฺเมสุ สุปฺปติฏฺิตภาวสมิชฺฌนโต. อุตฺตราภิมุขภาโว ¶ โลกสฺส ¶ อุตฺตรณวเสน คมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. เตน หิ ภควา สเทวกสฺส โลกสฺส อภิภูโต, เกนจิ อนภิภูโต อโหสิ. เตนาห ‘‘มหาชนํ อชฺโฌตฺถริตฺวา อภิภวิตฺวา คมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ. ตถา สตฺตปทคมนํ สตฺตปทโพชฺฌงฺคสมฺปนฺนอริยมคฺคคมนสฺส. สุวิสุทฺธเสตจฺฉตฺตธารณํ สุวิสุทฺธวิมุตฺติฉตฺตธารณสฺส. ปฺจราชกกุธภณฺฑสมาโยโค ปฺจวิธวิมุตฺติคุณสมาโยคสฺส. อนาวฏทิสานุวิโลกนํ อนาวฏาณตาย. ‘‘อคฺโคหมสฺมี’’ติอาทินา อฉมฺภิตวาจาภาสนํ เกนจิ อวิพนฺธนียตาย อปฺปวตฺติยสฺส สทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส. ‘‘อยมนฺติมา ชาตี’’ติ อายตึ ชาติยา อภาวกิตฺตนา อนุปาทิ…เป… ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ตสฺส ตสฺส อนาคเต ลทฺธพฺพวิเสสสฺส ตํ ตํ นิมิตฺตํ อพฺยภิจารีติ กตฺวา. น อาคโตติ อิมสฺมึ สุตฺเต, อฺตฺถ จ วกฺขมานาย อนุปุพฺพิยา น อาคโต. อาหริตฺวาติ ตสฺมึ ตสฺมึ สุตฺเต, อฏฺกถาสุ จ อาคตนเยน อาหริตฺวา ทีเปตพฺโพ.
‘‘ทสสหสฺสิโลกธาตุ ¶ กมฺปี’’ติ อิทํ สติปิ อิธ ปาฬิยํ อาคตตฺเต วกฺขมานานํ อจฺฉริยานํ มูลภูตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, เอวํ อฺมฺปิ เอวรูปํ ทฏฺพฺพํ. ตนฺติพทฺธา วีณา จมฺมพทฺธา เภริโยติ ปฺจงฺคิกตูริยสฺส นิทสฺสนมตฺตํ, จ-สทฺเทน วา อิตเรสมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘อนฺทุพนฺธนาทีนิ ตงฺขเณ เอว ฉชฺชิตฺวา ปุน ปากติกาเนว โหนฺติ, ตถา ชจฺจนฺธาทีนํ จกฺขุโสตาทีนิ ตถารูปกมฺมปจฺจยา ตสฺมึเยว ขเณ อุปฺปชฺชิตฺวา ตาวเทว วิคจฺฉนฺตี’’ติ วทนฺติ. ฉิชฺชึสูติ จ ปาเทสุ พนฺธฏฺาเนสุ ฉิชฺชึสุ. วิคจฺฉึสูติ วูปสมึสุ. อากาสฏฺกรตนานิ นาม ตํตํวิมานคตมณิรตนาทีนิ. สกเตโชภาสิตานีติ ¶ อติวิย สมุชฺชลาย อตฺตโน ปภาย โอภาสิตานิ อเหสุํ. นปฺปวตฺตีติ น สนฺนิปาโต. น วายีติ ขโร วาโต น วายิ. มุทุสุโข ปน สตฺตานํ สุขาวโห วายิ. ปถวิคตา อเหสุํ อุจฺจฏฺาเน าตุํ อวิสหนฺตา. อุตุสมฺปนฺโนติ อนุณฺหาสีตตาสงฺขาเตน อุตุนา สมฺปนฺโน. อปฺโผฏนํ วุจฺจติ ภุชหตฺถสงฺฆฏฺฏนสทฺโท, อตฺถโต ปน วามหตฺถํ อุเร เปตฺวา ทกฺขิเณน ปุถุปาณินา หตฺถตาฬเนน สทฺทกรณํ. มุเขน อุสฺเสฬนํ สทฺทสฺส มฺุจนํ เสฬนํ. เอกทฺธชมาลา อโหสิ นิรนฺตรํ ธชมาลาสโมธานคตาย. น เกวลฺจ เอตานิ เอว, อถ โข อฺานิปิ ‘‘วิจิตฺตปุปฺผสุคนฺธปุปฺผวสฺสเทโวปวสฺสิ สูริเย ทิสฺสมาเน เอว ตารกา โอภาสึสุ, อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อุทกํ ปถวิโต อุพฺภิชฺชิ, พิลาสยา จ ติรจฺฉานา อาสยโต นิกฺขมึสุ, ราคโทสโมหาปิ ตนุ ภวึสุ, ปถวิยํ รโช วูปสมิ, อนิฏฺคนฺโธ วิคจฺฉิ, ทิพฺพคนฺโธ วายิ, รูปิโน เทวา สรูเปเนว มนุสฺสานํ อาปาถํ อคมํสุ, สตฺตานํ จุตูปปาตา นาเหสุ’’นฺติ เอวมาทีนิ ¶ ยานิ มหาภินีหารสมเย อุปฺปนฺนานิ ทฺวตฺตึสปุพฺพนิมิตฺตานิ, ตานิ อนวเสสโต ตทา อเหสุนฺติ.
ตตฺราปีติ เตสุปิ ปถวิกมฺปาทีสุ เอวํ ปุพฺพนิมิตฺตภาโว เวทิตพฺโพ. น เกวลํ สมฺปติชาตสฺส านาทีสุ เอวาติ อธิปฺปาโย. สพฺพฺุตฺาณปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ สพฺพสฺส เยฺยสฺส, ติตฺถกรมตสฺส จ จาลนโต. เกนจิ อนุสฺสาหิตานํเยว อิมสฺมึเยว เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปาโต เกนจิ อนุสฺสาหิตานํเยว เอกปฺปหาเรเนว ¶ สนฺนิปติตฺวา ธมฺมปฏิคฺคณฺหนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ปมํ เทวตานํ ปฏิคฺคหณํ ทิพฺพวิหารปฏิลาภสฺส, ปจฺฉา มนุสฺสานํ ปฏิคฺคหณํ ตตฺเถว านสฺส นิจฺจลสภาวโต ¶ อาเนฺชวิหารปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. วีณานํ สยํ วชฺชนํ ปรูปเทเสน วินา สยเมว อนุปุพฺพวิหารปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. เภรีนํ วชฺชนํ จกฺกวาฬปริยนฺตาย ปริสาย ปเวทนสมตฺถสฺส ธมฺมเภริยา อนุสาวนสฺส อมตทุนฺทุภิโฆสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. อนฺทุพนฺธนาทีนํ เฉโท มานวินิพนฺธเภทนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. มหาชนสฺส โรควิคโม ตสฺเสว สกลวฏฺฏทุกฺขโรควิคมภูตสฺส สจฺจปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ‘‘มหาชนสฺสา’’ติ ปทํ ‘‘มหาชนสฺส ทิพฺพจกฺขุปฏิลาภสฺส, มหาชนสฺส ทิพฺพโสตธาตุปฏิลาภสฺสา’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. อิทฺธิปาทภาวนาวเสน สาติสยาณชวสมฺปตฺติสิทฺธีติ อาห ‘‘ปีสปฺปีนํ ชวสมฺปทา จตุริทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ. สุปฏฺฏนสมฺปาปุณนํ จตุปฏิสมฺภิทาธิคมสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. อตฺถาทิอนุรูปํ อตฺถาทีสุ สมฺปฏิปตฺติภาวโต. รตนานํ สกเตโชภาสิตตฺตํ ยํ โลกสฺส ธมฺโมภาสํ ทสฺเสสฺสติ, เตน ตสฺส สกเตโชภาสิตตฺตสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ.
จตุพฺรหฺมวิหารปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ ตสฺส สพฺพโส เวรวูปสมนโต. เอกาทสอคฺคินิพฺพาปนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ ทุนฺนิพฺพาปนนิพฺพานภาวโต. าณาโลกาทสฺสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ อนาโลเก อาโลกทสฺสนภาวโต. นิพฺพานรเสนาติ กิเลสานํ นิพฺพายนรเสน. เอกรสภาวสฺสาติ สาสนสฺส สพฺพตฺถ เอกรสภาวสฺส, ตฺจ โข อมธุรสฺส ¶ โลกสฺส สพฺพโส มธุรภาวาปาทเนน. ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตภินฺทนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ สพฺพโส ทิฏฺิคตวาตาปนยนวเสน. อากาสาทิอปฺปติฏฺวิสมจฺจลฏฺานํ ปหาย สกุณานํ ปถวิคมนํ ตาทิสํ มิจฺฉาคาหํ ปหาย สตฺตานํ ปาเณหิ รตนตฺตยสรณคมนสฺส ปุพฺพนิตฺตํ. พหุชนกนฺตตายาติ จนฺทสฺส วิย พหุชนสฺส กนฺตตาย. สูริยสฺส อุณฺหสีตวิวชฺชิตอุตุสุขตา ปริฬาหวิวชฺชิตกายิกเจตสิกสุขปฺปตฺติยา ปุพฺพนิมิตฺตํ.เทวตานํ อปฺโผฏนาทีหิ กีฬนํ ปโมทุปฺปตฺติ ภวนฺตคมเนน, ธมฺมสภาวโพธเนน จ อุทานวเสน ปโมทวิภาวนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ธมฺมเวควสฺสนสฺสาติ เทสนาาณเวเคน ธมฺมามตสฺส วสฺสนสฺส ¶ ปุพฺพนิมิตฺตํ. กายคตาสติวเสน ลทฺธํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปาทิตมคฺคผลสุขานุภโว กายคตาสติอมตปฏิลาโภ, ตสฺส ปน กายสฺสาปิ อตปฺปกสุขาวหตฺตา ขุทาปิปาสาปีฬนาภาโว ปุพฺพนิมิตฺตํ วุตฺโต ¶ . อฏฺกถายํปน ขุทํ, ปิปาสฺจ ภินฺทิตฺวา วุตฺตํ. ตตฺถ ปุพฺพนิมิตฺตานํ เภโท วิเสสสามฺวิภาเคน, โคพลีพทฺทาเยน จ คเหตพฺโพ. ‘‘สยเมวา’’ติ ปทํ ‘‘อฏฺงฺคิกมคฺคทฺวารวิวรณสฺสา’’ติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ภริตภาวสฺสาติ ปริปุณฺณภาวสฺส. ‘‘อริยทฺธชมาลามาลิตายาติ กาสายทฺธชมาลาวนฺตตายา’’ติ เกจิ, สเทวกสฺส โลกสฺส ปน อริยมคฺคโพชฺฌงฺคทฺธชมาลาหิ มาลิภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ อนุทฺธฏํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอตฺถาติ ‘‘สมฺปติชาโต’’ติอาทินา อาคเต อิมสฺมึ วาเร. วิสฺสชฺชิโตว, ตสฺมา อมฺเหหิ อิธ อปุพฺพํ วตฺตพฺพํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. ตทา ¶ ปถวิยํ คจฺฉนฺโตปิ มหาสตฺโต อากาเสน คจฺฉนฺโต วิย มหาชนสฺส ตถา อุปฏฺาสีติ อยเมตฺถ นิยติ ธมฺมนิยาโม โพธิสตฺตานํ ธมฺมตา ติ อิทํ นิยติวาทวเสน กถนํ. ปุพฺเพ ปุริมชาตีสุ ตาทิสสฺส ปฺุสมฺภารกมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา มหาชนสฺส ตถา อุปฏฺาสีติ อิทํ ปุพฺเพกตกมฺมวาทวเสน กถนํ. อิเมสํ สตฺตานํ อุปริ อีสนสีลตาย ยถาสกํ กมฺมเมว อิสฺสโร นาม, ตสฺส นิมฺมานํ อตฺตโน ผลสฺส นิพฺพตฺตนํ มหาปุริโสปิ สเทวกํ โลกํ อภิภวิตุํ สมตฺเถน อุฬาเรน ปฺุกมฺเมน นิพฺพตฺติโต, เตน อิสฺสเรน นิมฺมิโต นาม, ตสฺส จายํ นิมฺมานวิเสโส, ยทิทํ มหานุภาวตา, ยาย มหาชนสฺส ตถา อุปฏฺาสีติ อิทํ อิสฺสรนิมฺมานวเสน กถนํ. เอวํ ตํ ตํ พหุลํ วตฺวา กึ อิมาย ปริยายกถายาติ อวสาเน อุชุกเมว พฺยากริ. สมฺปติชาโต ปถวิยํ กถํ ปทสา คจฺฉติ, เอวํ มหานุภาโว อากาเสน มฺเ คจฺฉตีติ ปริกปฺปนวเสน อากาเสน คจฺฉนฺโต วิย อโหสิ. สีฆตรํ ปน สตฺตปทวีติหาเรน คตตฺตา ทิสฺสมานรูโปปิ มหาชนสฺส อทิสฺสมาโน วิย อโหสิ. อเจลกภาโว, ขุทฺทกสรีรตา จ ตาทิสสฺส อิริยาปถสฺส น อนุจฺฉวิกาติ กมฺมานุภาวสฺชนิตปาฏิหาริยวเสน อลงฺกตปฏิยตฺโต วิย, โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก วิย จ มหาชนสฺส อุปฏฺาสีติ เวทิตพฺพํ. มหาสตฺตสฺส ปฺุานุภาเวน ตทา ตถา อุปฏฺานมตฺตเมเวตนฺติ. ปจฺฉา พาลทารโกว อโหสิ, น ตาทิโสติ. พุทฺธภาวานุจฺฉวิกสฺส โพธิสตฺตานุภาวสฺส ยาถาวโต ปเวทิตตฺตา ปริสา จสฺส พฺยากรเณน พุทฺเธน วิย…เป… อตฺตมนา อโหสิ.
สพฺพธมฺมตาติ ¶ ¶ สพฺพา โสฬสวิธาปิ ยถาวุตฺตา ธมฺมตา ¶ สพฺพโพธิสตฺตานํ โหนฺตีติ เวทิตพฺพา ปฺุาณสมฺภารทสฺสเนน เนสํ เอกสทิสตฺตา.
ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณวณฺณนา
๓๓. ทุกูลจุมฺพฏเกติ ทหรสฺส นิปชฺชนโยคฺยตาวเสน ปฏิสํหฏทุกูลสุขุเม. ‘‘ขตฺติโย พฺราหฺมโณ’’ติ เอวมาทิ ชาติ. ‘‘โกณฺฑฺโ โคตโม’’ติ เอวมาทิ โคตฺตํ. ‘‘โปณิกา จิกฺขลฺลิกา สากิยา โกฬิยา’’ติ เอวมาทิ กุลปเทโส. อาทิ-สทฺเทน รูปิสฺสริยปริวาราทิสพฺพสมฺปตฺติโย สงฺคณฺหาติ. มหนฺตสฺสาติ วิปุลสฺส, อุฬารสฺสาติ อตฺโถ. นิปฺผตฺติโยติ สิทฺธิโย. คนฺตพฺพคติยาติ คติ-สทฺทสฺส กมฺมสาธนตมาห. อุปปชฺชนวเสน หิ สุจริตทุจฺจริเตหิ คนฺตพฺพาติ คติโย, อุปปตฺติภววิเสโส. คจฺฉติ ยถารุจิ ปวตฺตตีติ คติ, อชฺฌาสโย. ปฏิสรเณติ ปรายเณ อวสฺสเย. สพฺพสงฺขตวิสํยุตฺตสฺส หิ อรหโต นิพฺพานเมว ตํปฏิสรณํ. ตฺยาหนฺติ เต อหํ.
ทสวิเธ กุสลธมฺเม, อครหิเต จ ราชธมฺเม (ชา. ๒ มหามํสชาตเก วิตฺถาโร) นิยุตฺโตติ ธมฺมิโก. เตน จ ธมฺเมน สกลํ โลกํ รฺเชตีติ ธมฺมราชา. ยสฺมา จกฺกวตฺตี ธมฺเมน าเยน รชฺชํ อธิคจฺฉติ, น อธมฺเมน, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ธมฺเมน ลทฺธรชฺชตฺตา ธมฺมราชา’’ติ. จตูสุ ทิสาสุ สมุทฺทปริโยสานตาย จตุรนฺตา นาม ตตฺถ ตตฺถ ทีเป มหาปถวีติ อาห ‘‘ปุรตฺถิม…เป… อิสฺสโร’’ติ. วิชิตาวีติ วิเชตพฺพสฺส วิชิตวา, กามโกธาทิกสฺส อพฺภนฺตรสฺส, ปฏิราชภูตสฺส พาหิรสฺส จ อริคณสฺส วิชยิ, วิเชตฺวา ิโตติ อตฺโถ. กามํ จกฺกวตฺติโน เกนจิ ยุทฺธํ นาม นตฺถิ, ยุทฺเธน ปน สาเธตพฺพสฺส วิชยสฺส สิทฺธิยา ‘‘วิชิตสงฺคาโม’’ติ วุตฺตํ. ชนปโทว จตุพฺพิธอจฺฉริยธมฺมาทิสมนฺนาคเต อสฺมึ ราชินิ ถาวริยํ เกนจิ อสํหาริยํ ทฬฺหํ ภตฺตภาวํ ปตฺโต, ชนปเท ¶ วา อตฺตโน ธมฺมิกาย ปฏิปตฺติยา ถาวริยํ ถิรภาวํ ปตฺโตติ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต. มนุสฺสานํ อุเร สตฺถํ เปตฺวา อิจฺฉิตธนหรณาทินา ปรสาหสการิตาย สาหสิกา.
รติชนนฏฺเนาติ อตปฺปกปีติโสมนสฺสุปฺปาทเนน. สทฺทตฺถโต ปน รเมตีติ รตนํ. ‘‘อโห มโนหร’’นฺติ จิตฺเต กตฺตพฺพตาย จิตฺตีกตํ ¶ . ‘‘สฺวายํ จิตฺตีกาโร ตสฺส ปูชนียตายา’’ติ จิตฺตีกตนฺติ ปูชนียนฺติ อตฺถํ วทนฺติ. มหนฺตํ วิปุลํ อปริมิตํ มูลํ อคฺฆตีติ มหคฺฆํ. นตฺถิ เอตสฺส ตุลา อุปมาติ อตุลํ, อสทิสํ. กทาจิ เอว อุปฺปชฺชนโต ทุกฺเขน ลทฺธพฺพตฺตา ¶ ทุลฺลภทสฺสนํ. อโนเมหิ อุฬารคุเณเหว สตฺเตหิ ปริภฺุชิตพฺพโต อโนมสตฺตปริโภคํ. อิทานิ เนสํ จิตฺตีกตาทิอตฺถานํ สวิเสสํ จกฺกรตเน ลพฺภมานตํ ทสฺเสตฺวา อิตเรสุปิ เต อติทิสิตุํ ‘‘จกฺกรตนสฺส จา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อฺํ เทวฏฺานํ นาม น โหติ รฺโ อนฺสาธารณิสฺสริยาทิสมฺปตฺติปฏิลาภเหตุโต, สตฺตานฺจ ยถิจฺฉิตตฺถปฏิลาภเหตุโต. อคฺโฆ นตฺถิ อติวิย อุฬารสมุชฺชลสตฺตรตนมยตฺตา, อจฺฉริยพฺภุตมหานุภาวตาย จ. ยทคฺเคน มหคฺฆํ, ตทคฺเคน อตุลํ. สตฺตานํ ปาปชิคุจฺฉเนน วิคตกาฬโก ปฺุปสุตตาย มณฺฑภูโต ยาทิโส กาโล พุทฺธุปฺปาทารโห, ตาทิเส เอว จกฺกวตฺตีนมฺปิ สมฺภโวติ อาห ‘‘ยสฺมา จ ปนา’’ติอาทิ. อุปมาวเสน เจตํ วุตฺตํ, อุปโมปเมยฺยานฺจ น อจฺจนฺตเมว สทิสตา. ตสฺมา ยถา พุทฺธา กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ, น ตถา จกฺกวตฺติโน, เอวํ สนฺเตปิ จกฺกวตฺติวตฺตปริปูรณสฺสาปิ ทุกฺกรภาวโตปิ ทุลฺลภุปฺปาทาเยวาติ ¶ , อิมินา ทุลฺลภุปฺปาทตาสามฺเน เตสํ ทุลฺลภทสฺสนตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. กามํ จกฺกรตนานุภาเวน สิชฺฌมาโน คุโณ จกฺกวตฺติปริวารสาธารโณ, ตถาปิ ‘‘จกฺกวตฺตี เอว นํ สามิภาเวน วิสวิตาย ปริภฺุชตี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ ตทตฺถํ อุปฺปชฺชนโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตเทต’’นฺติอาทิมาห. ยถาวุตฺตานํ ปฺจนฺนํ, ฉนฺนมฺปิ วา อตฺถานํ อิตรรตเนสุปิ ลพฺภนโต ‘‘เอวํ เสสานิปี’’ติ วุตฺตํ. หตฺถิอสฺส-ปริณายกรตเนหิ อชิตวิชยโต, จกฺกรตเนน จ ปริวารภาเวน, เสเสหิ ปริโภคูปกรณภาเวน สมนฺนาคโต. หตฺถิอสฺสมณิอิตฺถิรตเนหิ ปริโภคูปกรณภาเวน เสเสหิ ปริวารภาเวนาติ โยชนา.
จตุนฺนํ มหาทีปานํ สิริวิภวนฺติ ตตฺถ ลทฺธํ สิริสมฺปตฺติฺเจว โภคสมฺปตฺติฺจ. ตาทิสเมวาติ ‘‘ปุเรภตฺตเมวา’’ติอาทินา วุตฺตานุภาวเมว. โยชนปฺปมาณํ ปเทสํ พฺยาปเนน โยชนปฺปมาณํ อนฺธการํ. อติทีฆตาทิฉพฺพิธโทสปริวชฺชิตํ.
สูราติ สตฺติวนฺโต, นิพฺภยาติ อตฺโถติ อาห ‘‘อภีรุกา’’ติ. องฺคนฺติ การณํ. เยน การเณน ‘‘วีรา’’ติ วุจฺเจยฺยุํ, ตํ วีรงฺคํ. เตนาห ‘‘วีริยสฺเสตํ ¶ นาม’’นฺติ. ยาว จกฺกวาฬปพฺพตา จกฺกสฺส วตฺตนโต ‘‘จกฺกวาฬปพฺพตํ สีมํ กตฺวา ิตสมุทฺทปริยนฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อทณฺเฑนา’’ติ อิมินาว ธนทณฺฑสฺส, สรีรทณฺฑสฺส จ อกรณํ วุตฺตํ. ‘‘อสตฺเถนา’’ติ อิมินา ปน เสนาย ยุชฺฌนสฺสาติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย กตาปราเธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. วุตฺตปฺปการนฺติ สาครปริยนฺตํ.
‘‘รฺชนฏฺเน ราโค, ตณฺหายนฏฺเน ตณฺหา’’ติ ปวตฺติอาการเภเทน ¶ โลโภ เอว ทฺวิธา วุตฺโต ¶ . ตถา หิสฺส ทฺวิธาปิ ฉทนฏฺโ เอกนฺติโก. ยถาห ‘‘อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ ราโค สหเต นร’’นฺติ, (เนตฺติ. ๑๑, ๒๗) ‘‘ตณฺหาฉทนฉาทิตา’’ติ (อุทา. ๖๔) จ. อิมินา นเยน โทสาทีนมฺปิ ฉทนฏฺโ วตฺตพฺโพ. กิเลสคฺคหเณน วิจิกิจฺฉาทโย เสสกิเลสา วุตฺตา. ยสฺมา เต สพฺเพ ปาปธมฺมา อุปฺปชฺชมานา สตฺตสนฺตานํ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฏฺนฺติ กุสลปฺปวตฺตึ นิวาเรนฺติ, ตสฺมา เต ‘‘ฉทนา, ฉทา’’ติ จ วุตฺตา. วิวฏฺฏจฺฉทาติ จ โอ-การสฺส อา-การํ กตฺวา นิทฺเทโส.
๓๕. ตาสนฺติ ทฺวินฺนมฺปิ นิปฺผตฺตีนํ. นิมิตฺตภูตานีติ าปกการณภูตานิ. ตถา หิ ลกฺขียติ มหาปุริสภาโว เอเตหีติ ลกฺขณานิ. านคมนาทีสุ ภูมิยํ สุฏฺุ สมํ ปติฏฺิตา ปาทา เอตสฺสาติ สุปฺปติฏฺิตปาโท. ตํ ปนสฺส สุปฺปติฏฺิตปาทตํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อคฺคตลนฺติ อคฺคปาทตลํ. ปณฺหีติ ปณฺหิตลํ. ปสฺสนฺติ ปาทตลสฺส ทฺวีสุ ปสฺเสสุ เอเกกํ, อุภยเมว วา ปริยนฺตํ ปสฺสํ. ‘‘อสฺส ปนา’’ติอาทิ อนฺวยโต อตฺถวิภาวนํ. สุวณฺณปาทุกตลมิว อุชุกํ นิกฺขิปิยมานํ. เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกกฺขเณเยว. สกลํ ปาทตลํ ภูมึ ผุสติ นิกฺขิปเน. เอกปฺปหาเรเนว สกลํ ปาทตลํ ภูมิโต อุฏฺหตีติ โยชนา. ตสฺมา อยํ สุปฺปติฏฺิตปาโทติ นิคมนํ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ อนุปุพฺพนินฺนาทิอจฺฉริยพฺภุตํ ¶ นิสฺสนฺทผลํ, ตํ ปรโต ลกฺขณสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๐๑) อาวิภวิสฺสตีติ.
นาภิ ทิสฺสตีติ ลกฺขณจกฺกสฺส นาภิ ปริมณฺฑลสณฺานา สุปริพฺยตฺตา หุตฺวา ทิสฺสติ, ลพฺภตีติ อธิปฺปาโย. นาภิปริจฺฉินฺนาติ ตสฺสํ นาภิยํ ปริจฺฉินฺนา ปริจฺเฉทวเสน ิตา. นาภิมุขปริกฺเขปปฏฺโฏติ ปกติจกฺกสฺส ¶ อกฺขพฺภาหตปริหรณตฺถํ นาภิมุเข เปตพฺพํ ปริกฺเขปปฏฺโฏ, ตปฺปฏิจฺฉนฺโน อิธ อธิปฺเปโต. เนมิมณิกาติ เนมิยํ อาวลิภาเวน ิตมณิกาเลขา. สมฺพหุลวาโรติ พหุวิธเลขงฺควิภาวนวาโร. สตฺตีติ อาวุธสตฺติ. สิริวจฺโฉติ สิริองฺคา. นนฺทีติ ทกฺขิณาวตฺตํ. โสวตฺติโกติ โสวตฺติองฺโค. วฏํสโกติ อาเวฬํ. วฑฺฒมานกนฺติ ปุริมหาทีสุ ทีปงฺกํ. โมรหตฺถโกติ โมรปิฺฉกลาโป, โมรปิฺฉปฏิสิพฺพิโต วา พีชนีวิเสโส. วาฬพีชนีติ จามริวาลํ. สิทฺธตฺถาทิ ปุณฺณฆฏปุณฺณปาติโย. ‘‘จกฺกวาโฬ’’ติ วตฺวา ตสฺส ปธานาวยเว ทสฺเสตุํ ‘‘หิมวา สิเนรุ…เป… สหสฺสานี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘จกฺกวตฺติรฺโ ปริสํ อุปาทายา’’ติ อิทํ หตฺถิรตนาทีนมฺปิ ตตฺถ ลพฺภมานภาวทสฺสนํ. สพฺโพติสตฺติอาทิโก ยถาวุตฺโต องฺควิเสโส จกฺกลกฺขณสฺเสว ปริวาโรติ เวทิตพฺโพ.
‘‘อายตปณฺหี’’ติ ¶ อิทํ อฺเสํ ปณฺหิโต ทีฆตํ สนฺธาย ¶ วุตฺตํ, น ปน อติทีฆตนฺติ อาห ‘‘ปริปุณฺณปณฺหี’’ติ. ยถา ปน ปณฺหิลกฺขณํ ปริปุณฺณํ นาม โหติ, ตํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อารคฺเคนาติ มณฺฑลาย สิขาย. วฏฺเฏตฺวาติ ยถา สุวฏฺฏํ โหติ, เอวํ วฏฺเฏตฺวา. รตฺตกมฺพลเคณฺฑุกสทิสาติ รตฺตกมฺพลมยเคณฺฑุกสทิสา.
‘‘มกฺกฏสฺเสวา’’ติ ทีฆภาวํ, สมตฺจ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. นิยฺยาสเตเลนาติ ฉตฺติริตนิยฺยาสาทินิยฺยาสสมฺมิสฺเสน เตเลน, ยํ ‘‘สุรภินิยฺยาส’’นฺติปิ วทนฺติ. นิยฺยาสเตลคฺคหณฺเจตฺถ หริตาลวฏฺฏิยา ฆนสินิทฺธภาวทสฺสนตฺถํ.
ยถา สตกฺขตฺตุํ วิหตํ กปฺปาสปฏลํ สปฺปิมณฺเฑ โอสาริตํ อติวิย มุทุ โหติ, เอวํ มหาปุริสสฺส หตฺถปาทาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สปฺปิมณฺเฑ’’ติอาทิมาห. ตลุนาติ สุขุมาลา.
จมฺเมนาติ องฺคุลนฺตรเวิตจมฺเมน. ปฏิพทฺธองฺคุลนฺตโรติ เอกโต สมฺพทฺธองฺคุลนฺตโร น โหติ. เอกปฺปมาณาติ ทีฆโต สมานปฺปมาณา. ยวลกฺขณนฺติ อพฺภนฺตรโต องฺคุลิปพฺเพ ิตํ ยวลกฺขณํ. ปฏิวิชฺฌิตฺวาติ ตํตํปพฺพานํ สมานเทสตาย องฺคุลีนํ ปสาริตกาเลปิ อฺมฺํ วิชฺฌิตานิ วิย ผุสิตฺวา ติฏฺนฺติ.
สงฺขา ¶ วุจฺจนฺติ โคปฺผกา, อุทฺธํ สงฺขา เอเตสนฺติ อุสฺสงฺขา, ปาทา. ปิฏฺิปาเทติ ปิฏฺิปาทสมีเป. เตนาติ ปิฏฺิปาเท ิตโคปฺผกภาเวน พทฺธา โหนฺตีติ โยชนา. ตยิทํ ‘‘เตนา’’ติ ปทํ อุปริปททฺวเยปิ โยเชตพฺพํ ¶ ‘‘เตน พทฺธภาเวน น ยถาสุขํ ปริวฏฺฏนฺติ, เตน ยถาสุขํ นปริวฏฺฏเนน คจฺฉนฺตานํ ปาทตลานิปิ น ทิสฺสนฺตี’’ติ. อุปรีติ ปิฏฺิปาทโต ทฺวิติองฺคุลิมตฺตํ อุทฺธํ, ‘‘จตุรงฺคุลมตฺต’’นฺติ จ วทนฺติ. นิคูฬฺหานิ จ โหนฺติ, น อฺเสํ วิย ปฺายมานานิ. เตนาติ โคปฺผกานํ อุปริ ปติฏฺิตภาเวน. อสฺสาติ มหาปุริสสฺส. สติปิ เทสนฺตรปฺปวตฺติยํ นิจฺจโลติ ทสฺสนตฺถํ นาภิคฺคหณํ. ‘‘อโธกาโยว อิฺชตี’’ติ อิทํ ปุริมปทสฺส การณวจนํ. ยสฺมา อโธกาโยว อิฺชติ, ตสฺมา นาภิโต…เป… นิจฺจโล โหติ. ‘‘สุเขน ปาทา ปริวฏฺฏนฺตี’’ติ อิทํ ปน ปุริมสฺส, ปจฺฉิมสฺส จ การณวจนํ. ยสฺมา สุเขน ปาทา ปริวฏฺฏนฺติ, ตสฺมา อโธกาโยว อิฺชติ, ยสฺมา สุเขน ปาทา ปริวฏฺฏนฺติ, ตสฺมา ปุรโตปิ…เป… ปจฺฉโตเยวาติ.
ยสฺมา เอณิมิคสฺส สมนฺตโต เอกสทิสมํสา อนุกฺกเมน อุทฺธํ ถูลา ชงฺฆา โหนฺติ, ตถา ¶ มหาปุริสสฺสาปิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอณิมิคสทิสชงฺโฆ’’ติ. ปริปุณฺณชงฺโฆติ สมนฺตโต มํสูปจเยน ปริปุณฺณชงฺโฆ. เตนาห ‘‘น เอกโต’’ติอาทิ.
เอเตนาติ ‘‘อโนนมนฺโต’’ติอาทิวจเนน, ชาณุผาสุภาวทีปเนนาติ อตฺโถ. อวเสสชนาติ อิมินา ลกฺขเณน รหิตชนา. ขุชฺชา วา โหนฺติ เหฏฺิมกายโต อุปริมกายสฺส รสฺสตาย, วามนา วา อุปริมกายโต เหฏฺิมกายสฺส รสฺสตาย, เอเตน เปตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ, จกฺกวตฺตินฺจ อิตเร สตฺตา ขุชฺชปกฺขิกา, วามนปกฺขิกา จาติ ทสฺเสติ.
กามํ สพฺพาปิ ปทุมกณฺณิกา สุวณฺณวณฺณาว, กฺจนปทุมกณฺณิกา ปน ปภสฺสรภาเวน ตโต สาติสยาติ ¶ อาห ‘‘สุวณฺณปทุมกณฺณิกสทิเสหี’’ติ. โอหิตนฺติ สโมหิตํ อนฺโตคธํ. ตถาภูตํ ปน ตํ เตน ฉนฺนํ โหตีติ อาห ‘‘ปฏิจฺฉนฺน’’นฺติ.
สุวณฺณวณฺโณติ สุวณฺณวณฺณวณฺโณติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘ชาติหิงฺคุลเกนา’’ติอาทิ, สฺวายมตฺโถ อาวุตฺติาเยน จ เวทิตพฺโพ. สรีรปริยาโย อิธ วณฺณ-สทฺโทติ อธิปฺปาโย. ปมวิกปฺปํ วตฺวา ¶ ตถารูปาย ปน รุฬฺหิยา อภาวํ มนสิ กตฺวา วณฺณธาตุปริยายเมว วณฺณ-สทฺทํ คเหตฺวา ทุติยวิกปฺโป วุตฺโต. ตสฺมา ปททฺวเยนาปิ สุนิทฺธนฺตสุวณฺณสทิสฉวิวณฺโณติ วุตฺตํ โหติ.
รโชติ สุขุมรโช. ชลฺลนฺติ มลีนภาวาวโห เรณุสฺจโย. เตนาห ‘‘มลํ วา’’ติ. ยทิ วิวตฺตติ, กถํ นฺหานาทีนีติ อาห ‘‘หตฺถโธวนาทีนี’’ติอาทิ.
อาวฏฺฏปริโยสาเนติ ปทกฺขิณาวฏฺฏนวเสน ปวตฺตสฺส อาวฏฺฏสฺส อนฺเต.
พฺรหฺมุโน สรีรํ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา อโนนมิตฺวา อุชุกเมว อุคฺคตนฺติ อาห ‘‘พฺรหฺมา วิย อุชุคตฺโต’’ติ. สา ปนายํ อุชุคตฺตตา อวยเวสุ พุทฺธิปฺปตฺเตสุ ทฏฺพฺพา, น ทหรกาเลติ วุตฺตํ ‘‘อุคฺคตทีฆสรีโร ภวิสฺสตี’’ติ. อิตเรสูติ ‘‘ขนฺธชาณูสู’’ติ อิเมสุ ทฺวีสุ าเนสุ นมนฺตา ปุรโต นมนฺตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. ปสฺสวงฺกาติ ทกฺขิณปสฺเสน วา วามปสฺเสน วา วงฺกา. สูลสทิสาติ โปตฺถกรูปกรเณ ปิตสูลปาทสทิสา.
หตฺถปิฏฺิอาทิวเสน สตฺต สรีราวยวา อุสฺสทา อุปจิตมํสา เอตสฺสาติ สตฺตุสฺสโท. อฏฺิโกฏิโย ¶ ปฺายนฺตีติ โยชนา. นิคูฬฺหสิราชาเลหีติ ลกฺขณวจนเมตนฺติ เตน นิคูฬฺหอฏฺิโกฏีหีติปิ วุตฺตเมว โหตีติ. หตฺถปิฏฺาทีหีติ ¶ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อํสกูฏขนฺธกูฏานํ สงฺคเห สิทฺเธ ตํ เอกเทเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘วฏฺเฏตฺวา…เป… ขนฺเธนา’’ติ อาห. ‘‘สิลารูปกํ วิยา’’ติอาทินา วา นิคูฬฺหอํสกูฏตาปิ วิภาวิตา เยวาติ ทฏฺพฺพํ.
สีหสฺส ปุพฺพทฺธํ สีหปุพฺพทฺธํ, ปริปุณฺณาวยวตาย สีหปุพฺพทฺธํ วิย สกโล กาโย อสฺสาติ สีหปุพฺพทฺธกาโย. เตนาห ‘‘สีหสฺส ปุพฺพทฺธกาโย วิย สพฺโพ กาโย ปริปุณฺโณ’’ติ. สีหสฺเสวาติ สีหสฺส วิย. ทุสฺสณฺิตวิสณฺิโต น โหตีติ ทุฏฺุ สณฺิโต, วิรูปสณฺิโต จ น โหติ, เตสํ เตสํ อวยวานํ อยุตฺตภาเวน, วิรูปภาเวน จ สณฺิติ อุปคโต น โหตีติ อตฺโถ. สณฺนฺตีติ สณฺหนฺติ. ทีเฆหีติ องฺคุลินาสาทีหิ. รสฺเสหีติ คีวาทีหิ. ถูเลหีติ อูรุพาหุอาทีหิ ¶ . กิเสหีติ เกสโลมมชฺฌาทีหิ. ปุถุเลหีติ อกฺขิหตฺถตลาทีหิ. วฏฺเฏหีติ ชงฺฆหตฺถาทีหิ.
สตปฺุลกฺขณตาย นานาจิตฺเตน ปฺุจิตฺเตน จิตฺติโต สฺชาตจิตฺตภาโว ‘‘อีทิโส เอว พุทฺธานํ ธมฺมกายสฺส อธิฏฺานํ ภวิตุํ ยุตฺโต’’ติ ทสปารมีหิ สชฺชิโต อภิสงฺขโต, ‘‘ทานจิตฺเตน ปฺุจิตฺเตนา’’ติ วา ปาโ, ทานวเสน, สีลาทิวเสน จ ปวตฺตปฺุจิตฺเตนาติ อตฺโถ.
ทฺวินฺนํ โกฏฺฏานํ อนฺตรนฺติ ทฺวินฺนํ ปิฏฺิพาหานํ เวมชฺฌํ ปิฏฺิมชฺฌสฺส อุปริภาโค. จิตํ ปริปุณฺณนฺติ อนินฺนภาเวน จิตํ, ทฺวีหิ โกฏฺเฏหิ สมตลตาย ปริปุณฺณํ. อุคฺคมฺมาติ อุคฺคนฺตฺวา, อนินฺนํ สมตลํ หุตฺวาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘สุวณฺณผลกํ วิยา’’ติ.
นิคฺโรโธ วิย ปริมณฺฑโลติ ปริมณฺฑลนิคฺโรโธ วิย ¶ ปริมณฺฑโล, ‘‘นิคฺโรธปริมณฺฑลปริมณฺฑโล’’ติ วตฺตพฺเพ เอกสฺส ปริมณฺฑล-สทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘นิคฺโรธปริมณฺฑโล’’ติ วุตฺโต. เตนาห ‘‘สมกฺขนฺธสาโข นิคฺโรโธ’’ติอาทิ. น หิ สพฺโพ นิคฺโรโธ ปริมณฺฑโลติ, ปริมณฺฑลสทฺทสนฺนิธาเนน วา ปริมณฺฑโลว นิคฺโรโธ คยฺหตีติ เอกสฺส ปริมณฺฑลสทฺทสฺส โลเปน วินาปิ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘นิคฺโรโธ วิย ปริมณฺฑโล’’ติ. ยาวตโก อสฺสาติ ยาวตกฺวสฺส โอ-การสฺส ว-การาเทสํ กตฺวา.
สมวฏฺฏิตกฺขนฺโธติ สมํ สุวฏฺฏิตกฺขนฺโธ. โกฺจา วิย ทีฆคลา, พกา วิย วงฺกคลา ¶ , วราหา วิย ปุถุลคลาติ โยชนา. สุวณฺณาฬิงฺคสทิโสติ สุวณฺณมยขุทฺทกมุทิงฺคสทิโส.
รสคฺคสคฺคีติ มธุราทิเภทํ รสํ คสนฺติ อนฺโต ปเวสนฺตีติ รสคฺคสา รสคฺคสานํ อคฺคา รสคฺคสคฺคา, ตา เอตสฺส สนฺตีติ รสคฺคสคฺคี. เตนาติ โอชาย อผรเณน หีนธาตุกตฺตา เต พหฺวาพาธา โหนฺติ.
หนูติ สนฺนิสฺสยทนฺตาธารสฺส สมฺา, ตํ ภควโต สีหสฺส หนุ วิย, ตสฺมา ภควา สีหหนุ. ตตฺถ ยสฺมา พุทฺธานํ รูปกายสฺส, ธมฺมกายสฺส จ อุปมา นาม หีนูปมาว, นตฺถิ สมานูปมา, กุโต อธิกูปมา, ตสฺมา อยมฺปิ หีนูปมาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมา มหาปุริสสฺส เหฏฺิมานุรูปวเสเนว อุปริมมฺปิ สณฺิตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ¶ ‘‘ทฺเวปิ ปริปุณฺณานี’’ติ, ตฺจ โข น สพฺพโส ปริมณฺฑลตาย, อถ โข ติภาคาวเสสมณฺฑลตายาติ อาห ‘‘ทฺวาทสิยา ปกฺขสฺส จนฺทสทิสานี’’ติ. สลฺลกฺเขตฺวาติ อตฺตโน ลกฺขณสตฺถานุสาเรน ¶ อุปธาเรตฺวา. ทนฺตานํ อุจฺจนีจตา อพฺภนฺตรพาหิรปสฺสวเสนปิ เวทิตพฺพา, น อคฺควเสเนว. เตนาห ‘‘อยปฏฺฏเกน ฉินฺนสงฺขปฏลํ วิยา’’ติ. อยปฏฺฏกนฺติ กกจํ อธิปฺเปตํ. สมา ภวิสฺสนฺติ, น วิสมา, สมสณฺานาติ อตฺโถ.
สาติสยํ มุทุทีฆปุถุลตาทิปฺปการคุณา หุตฺวา ภูตา ชาตาติ ปภูตา, ภ-การสฺส ห-การํ กตฺวา ปหูตา ชิวฺหา เอตสฺสาติ ปหูตชิวฺโห.
วิจฺฉินฺทิตฺวา วิจฺฉินฺทิตฺวา ปวตฺตสรตาย ฉินฺนสฺสราปิ. อเนกาการตาย ภินฺนสฺสราปิ. กากสฺส วิย อมนฺุสรตาย กากสฺสราปิ. อปลิพุทฺธตฺตาติ อนุปทฺทุตวตฺถุกตฺตา, วตฺถูติ จ อกฺขรุปฺปตฺติฏฺานํ เวทิตพฺพํ. อฏฺงฺคสมนฺนาคโตติ เอตฺถ องฺคานิ ปรโต อาคมิสฺสนฺติ. มฺชุโฆโสติ มธุรสฺสโร.
อภินีลเนตฺโตติ อธิกนีลเนตฺโต, อธิกตา จ สาติสยํ นีลภาเวน เวทิตพฺพา, น เนตฺตนีลภาวสฺเสว อธิกภาวโตติ อาห ‘‘น สกลนีลเนตฺโต’’ติอาทิ. ปีตโลหิตวณฺณา เสตมณฺฑลคตราชิวเสน. นีลเสตกาฬวณฺณา ปน ตํตํมณฺฑลวเสเนว เวทิตพฺพา.
‘‘จกฺขุภณฺฑนฺติ อกฺขิทล’’นฺติ เกจิ. ‘‘อกฺขิทลวฏุม’’นฺติ อฺเ. อกฺขิทเลหิ ปน ¶ สทฺธึ อกฺขิพิมฺพนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวฺหิ วินิคฺคตคมฺภีรโชตนาปิ ยุตฺตา โหติ. ‘‘อธิปฺเปต’’นฺติ อิมินา อยเมตฺถ อธิปฺปาโย เอกเทเสน สมุทายุปลกฺขณาเยนาติ ทสฺเสติ. ยสฺมา ปขุม-สทฺโท โลเก อกฺขิทลโลเมสุ นิรุฬฺโห, เตเนวาห ‘‘มุทุสินิทฺธนีลสุขุมปขุมาจิตานิ อกฺขีนี’’ติ.
กิฺจาปิ อุณฺณา-สทฺโท โลเก อวิเสสโต โลมปริยาโย, อิธ ปน โลมวิเสสวาจโกติ อาห ‘‘อุณฺณา โลม’’นฺติ. นลาฏเวมชฺเฌ ¶ ชาตาติ นลาฏมชฺฌคตา ชาตา. โอทาตตาย อุปมา, น มุทุตาย ¶ . อุณฺณา หิ ตโตปิ สาติสยํ มุทุตรา. เตนาห‘‘สปฺปิ มณฺเฑ’’ติอาทิ. รชตปุพฺพุฬกนฺติ รชตมยตารกมาห.
ทฺเว อตฺถวเส ปฏิจฺจ วุตฺตนฺติ ยสฺมา พุทฺธา, จกฺกวตฺติโน จ ปริปุณฺณนลาฏตาย, ปริปุณฺณสีสพิมฺพตาย จ ‘‘อุณฺหีสสีสา’’ติ วุจฺจนฺติ, ตสฺมา เต ทฺเว อตฺถวเส ปฏิจฺจ ‘‘อุณฺหีสสีโส’’ติ อิทํ วุตฺตํ. อิทานิ ตํ อตฺถทฺวยํ มหาปุริเส สุปฺปติฏฺิตนฺติ ‘‘มหาปุริสสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สณฺหตมตาย, สุวณฺณวณฺณตาย, ปภสฺสรตาย, ปริปุณฺณตาย จ รฺโ พนฺธอุณฺหีสปฏฺโฏ วิย วิโรจติ. กปิสีสาติ ทฺวิธาภูตสีสา. ผลสีสาติ ผลิตสีสา. อฏฺิสีสาติ มํสสฺส อภาวโต อติวิย อฏฺิตาย, ปตนุภาวโต วา ตโจนทฺธอฏฺิมตฺตสีสา. ตุมฺพสีสาติ ลาพุสทิสสีสา. ปพฺภารสีสาติ ปิฏฺิภาเคน โอลมฺพมานสีสา. ปุริมนเยนาติ ปริปุณฺณนลาฏตาปกฺเขน. อุณฺหีสเวิตสีโส วิยาติ อุณฺหีสปฏฺเฏน เวิตสีสปเทโส วิย. อุณฺหีสํ วิยาติ เฉเกน สิปฺปินา วิรจิตอุณฺหีสมณฺฑลํ วิย.
วิปสฺสีสมฺาวณฺณนา
๓๗. ตสฺส วิตฺถาโรติ ตสฺส ลกฺขณปริคฺคณฺหเน เนมิตฺตกานํ สนฺตปฺปนสฺส วิตฺถาโร วิตฺถารกถา. คพฺโภกฺกนฺติยํ นิมิตฺตภูต สุปินปฏิคฺคาหกสนฺตปฺปเน วุตฺโตเยว. นิทฺโทเสนาติ ขาริกโลณิกาทิโทสรหิเตน. ธาติโยติ ถฺปายิกา ธาติโย. ตา หิ ธาเปนฺติ ถฺํ ปาเยนฺตีติ ธาติโย.‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘สฏฺิ’’นฺติ ปทํ อุปสํหรติ ¶ , เสสาปีติ นฺหาปิกา, ธาริกา, ปริหาริกาติ อิมา ติวิธา. ตาปิ ทหนฺติ วิทหนฺติ นฺหานํ ทหนฺติ ธาเรนฺตีติ ‘‘ธาติโย’’ ตฺเวว วุจฺจนฺติ. ตตฺถ ธารณํ อุรสา, อูรุนา, หตฺเถหิ วา สุจิรํ เวลํ สนฺธารณํ. ปริหรณํ ¶ อฺสฺส องฺกโต อตฺตโน องฺกํ, อฺสฺส พาหุโต อตฺตโน พาหุํ อุปสํหรนฺเตหิ หรณํ สมฺปาปนํ.
๓๘. มฺชุสฺสโรติ สณฺหสฺสโร. โย หิ สณฺโห, โส ขโร น โหตีติ อาห ‘‘อขรสฺสโร’’ติ. วคฺคุสฺสโรติ มโนรมฺมสฺสโร, มโนรมฺมตา จสฺส จาตุริยเน ปฺุโยคโตติ อาห ‘‘เฉกนิปุณสฺสโร’’ติ. มธุรสฺสโรติ โสตสุขสฺสโร, โสตสุขตา จสฺส อติวิย อิฏฺภาเวนาติ อาห ‘‘สาตสฺสโร’’ติ. เปมนียสฺสโรติ ¶ ปิยายิตพฺพสฺสโร, ปิยายิตพฺพตา จสฺส สุณนฺตานํ อตฺตนิ ภตฺติสมุปฺปาทเนนาติ อาห ‘‘เปมชนกสฺสโร’’ติ. กรวีกสฺสโรติ. กรวีกสทฺโท เยสํ สตฺตานํ โสตปถํ อุปคจฺฉติ, เต อตฺตโน สรสมฺปตฺติยา ปกตึ ชหาเปตฺวา อวเส กโรนฺโต อตฺตโน วเส วตฺเตติ, เอวํ มธุโรติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺริท’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘กรวีกสกุเณ’’ติอาทิ ตสฺส สภาวกถนํ. ลฬิตนฺติ ปีติเวคสมุฏฺิตํ ลีฬํ. ฉฑฺเฑตฺวาติ ‘‘สงฺขรณมฺปิ มธุรสทฺทสวนนฺตรายกร’’นฺติ ติณานิ อปเนตฺวา. อนิกฺขิปิตฺวาติ ภูมิยํ อนิกฺขิปิตฺวา อากาสคตเมว กตฺวา. อนุพทฺธมิคา วาฬมิเคหิ. ตโต มรณภยํ หิตฺวา. ปกฺเข ปสาเรตฺวาติ ปกฺเข ยถาปสาริเต กตฺวา อปตนฺตา ติฏฺนฺติ.
สุวณฺณปฺชรํ วิสฺสชฺเชสิ โยชนปฺปมาเณ อากาเส อตฺตโน อาณาย ปวตฺตนโต. เตนาห ‘‘โส ราชาณายา’’ติอาทิ. ลฬึสูติ ลฬิตํ กาตุํ อารภึสุ. ตํ ปีตินฺติ ¶ ตํ พุทฺธคุณารมฺมณํ ปีตึ เตเนว นีหาเรน ปุนปฺปุนํ ปวตฺตํ ปีตึ อวิชหิตฺวา วิกฺขมฺภิตกิเลสา เถรานํ สนฺติเก ลทฺธธมฺมสฺสวนสปฺปายา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ปริปกฺกาณตาย สตฺตหิ…เป… ปติฏฺาสิ. สตฺตสตมตฺเตน โอโรธชเนน สทฺธึ ปทสาว เถรานํ สนฺติกํ อุปคตตฺตา ‘‘สตฺตหิ ชงฺฆสเตหิ สทฺธิ’’นฺติ วุตฺตํ. ตโตติ กรวีกสทฺทโต. สตภาเคน…เป… เวทิตพฺโพ อเนกกปฺปโกฏิสตสมฺภูตปฺุสมฺภารสมุทาคตวตฺถุสมฺปตฺติภาวโต.
๓๙. กมฺมวิปากชนฺติ สาติสยสุจริตกมฺมนิพฺพตฺตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธํ ทูเรปิ อารมฺมณํ สมฺปฏิจฺฉนสมตฺถํ กมฺมวิปาเกน สหชาตํ, กมฺมสฺส วา วิปากภาเวน ชาตํ ปสาทจกฺขุ. ทุวิธฺหิ ทิพฺพจกฺขุํ กมฺมมยํ, ภาวนามยนฺติ. ตตฺริทํ กมฺมมยนฺติ อาห ‘‘น ภาวนามย’’นฺติ. ภาวนามยํ ปน โพธิมูเล อุปฺปชฺชิสฺสติ. อยํ ‘‘โส’’ติ สลฺลกฺขณํ กามํ มโนวิฺาเณน โหติ, จกฺขุวิฺาเณน ปน ตสฺส ตถา วิภาวิตตฺตา มโนวิฺาณสฺส ตตฺถ ตถาปวตฺตีติ อาห ‘‘เยน นิมิตฺตํ…เป… สกฺโกตี’’ติ.
๔๐. วจนตฺโถติ ¶ ¶ สทฺทตฺโถ. นิมีลนนฺติ นิมีลนทสฺสนํ นวิสุทฺธํ, ตถา จ อกฺขีนิ อวิวฏานิ นิมีลทสฺสนสฺส น วิสุทฺธิภาวโต. ตพฺพิปริยายโต ปน ทสฺสนํ วิสุทฺธํ, วิวฏฺจาติ อาห ‘‘อนฺตรนฺตรา’’ติอาทิ.
๔๑. นี-อิติ – ชานนตฺถํ ธาตุํ คเหตฺวา อาห ‘‘ปนยติ ชานาตี’’ติ. ยโต วุตฺตํ ‘‘อนิมิตฺตา น นายเร’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๗๔; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐), ‘‘วิทูภิ ¶ เนยฺยํ นรวรสฺสา’’ติ (เนตฺติ. สงฺคหวาร) จ. นี-อิติ ปน ปวตฺตนตฺถํ ธาตุํ คเหตฺวา ‘‘นยติ ปวตฺเตตี’’ติ. อปฺปมตฺโต อโหสิ เตสุ เตสุ กิจฺจกรณีเยสุ.
๔๒. วสฺสาวาโส วสฺสํ อุตฺตรปทโลเปน, ตสฺมา วสฺสํ, วสฺเส วา, สนฺนิวาสผาสุตาย อรหตีติ วสฺสิโก, ปาสาโท. มาสา ปน วสฺเส อุตุมฺหิ ภวาติ วสฺสิกา. อิตเรสูติ เหมนฺติกํ คิมฺหิกนฺติ อิเมสุ. เอเสว นโยติ อุตฺตรปทโลเปน นิทฺเทสํ อติทิสติ.
นาติอุจฺโจ โหติ นาตินีโจติ คิมฺหิโก วิย อุจฺโจ, เหมนฺติโก วิย นีโจ น โหติ, อถ โข ตทุภยเวมชฺฌลกฺขณตาย นาติอุจฺโจ โหติ, นาตินีโจ. อสฺสาติ ปาสาทสฺส. นาติพหูนีติ คิมฺหิกสฺส วิย น อติพหูนิ. นาติตนูนีติ เหมนฺติกสฺส วิย น ขุทฺทกานิ, ตนุตรชาลานิ จ. มิสฺสกาเนวาติ เหมนฺติเก วิย น อุณฺหนิยาเนว, คิมฺหิเก วิย จ น สีตนิยาเนว, อถ โข อุภยมิสฺสกาเนว. ตนุกานีติ น ปุถุลานิ. อุณฺหปฺปเวสนตฺถายาติ สูริยสนฺตาปานุปฺปเวสาย. ภิตฺตินิยูหานีติ ทกฺขิณปสฺเส ภิตฺตีสุ นิยูหานิ. สินิทฺธนฺติ สิเนหวนฺตํ, สินิทฺธคฺคหเณเนว จสฺส ครุกตาปิ วุตฺตา เอว. กฏุกสนฺนิสฺสิตนฺติ ติกฏุกาทิกฏุกทฺรพฺพูปสฺหิตํ. อุทกยนฺตานีติ อุทกธาราวิสฺสนฺทยนฺตานิ. ยถา ชลยนฺตานิ, เอวํ หิมยนฺตานิปิ ตตฺถ กโรนฺติ เอว. ตสฺมา เหมนฺเต วิย หิมานิ ปตนฺตานิเยว โหนฺตีติ จ เวทิตพฺพํ.
สพฺพฏฺานานิปีติ ¶ สพฺพานิ ปฏิกิริยานฺหานโภชนกีฬาสฺจรณาทิฏฺานานิปิ, น นิวาสฏฺานานิเยว. เตนาห ‘‘โทวาริกาปี’’ติอาทิ. ตตฺถ การณมาห ‘‘ราชา กิรา’’ติอาทิ.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ชิณฺณปุริสวณฺณนา
๔๔. โคปานสิวงฺกนฺติ ¶ ¶ วงฺกโคปานสี วิย. วงฺกานฺหิ วงฺกภาวสฺส นิทสฺสนตฺถํ อวงฺกโคปานสีปิ คยฺหติ. อาโภคฺควงฺกนฺติ อาทิโต ปฏฺาย อพฺภุคฺคตาย กุฏิลสรีรตาย วงฺกํ. เตนาห ‘‘ขนฺเธ’’ติอาทิ. ทณฺฑปรํ ทณฺฑคฺคหณปรํ อยนํ คมนํ เอตสฺสาติ ทณฺฑปรายนํ, ทณฺโฑ วา ปรํ อายนํ คมนการณํ เอตสฺสาติ ทณฺฑปรายนํ. านาทีสุ ทณฺโฑ คติ อวสฺสโย เอตสฺส เตน วินา อปฺปวตฺตนโตติ ทณฺฑคติกํ, คจฺฉติ เอเตนาติ วา คติ, ทณฺโฑ คติ คมนการณํ เอตสฺสาติ ทณฺฑคติกํ. ทณฺฑปฏิสรณนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ชราตุรนฺติ ชราย กิลนฺตํ อสฺสวสํ. ยทา รโถ ปุรโต โหตีติ ทฺเวธาปเถ สมฺปตฺเต ปุรโต คจฺฉนฺเต พลกาเย ตตฺถ เอกํ สณฺานํ อารุฬฺโห มชฺเฌ คจฺฉนฺโต โพธิสตฺเตน อารุฬฺโห รโถ อิตรํ สณฺานํ คจฺฉนฺโต ยทา ปุรโต โหติ. ปจฺฉา พลกาโยติ ตทา ปจฺฉา โหติ สพฺโพ พลกาโย. ตาทิเส โอกาเสติ ตาทิเส วุตฺตปฺปกาเร มคฺคปฺปเทเส. ตํ ปุริสนฺติ ตํ ชิณฺณปุริสํ. สุทฺธาวาสาติ สิทฺธตฺถาทีนํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ สาสเน พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา สุทฺธาวาสภูมิยํ นิพฺพตฺตพฺรหฺมาโน. เต หิ ตทา ตตฺถ ติฏฺนฺติ. ‘‘กึ ¶ ปเนโส ชิณฺโณ นามา’’ติ เอโส ตยา วุจฺจมาโน กึ อตฺถโต, ตํ เม นิทฺธาเรตฺวา กเถหีติ ทสฺเสติ. อนิทฺธาริตสรูปตฺตา หิ ตสฺส อตฺตโน โพธิสตฺโต ลิงฺคสพฺพนาเมน ตํ วทนฺโต ‘‘กิ’’นฺติ อาห. ‘‘ยถา กึ เต ชาต’’นฺติ ทฺวยเมว หิ โลเก เยภุยฺยโต ชายติ อิตฺถี วา ปุริโส วา, ตถาปิ ตํ ลิงฺคสพฺพนาเมน วุจฺจติ, เอวํ สมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. ‘‘กึ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ ตสฺส อนิทฺธาริตสรูปตํเยว วิภาเวติ.
‘‘เตน หี’’ติอาทิ ‘‘อยฺจ ชิณฺณภาโว สพฺพสาธารณตฺตา มยฺหมฺปิ อุปริ อาปตฺติโต เอวา’’ติ มหาสตฺตสฺส สํวิชฺชนาการวิภาวนํ. รถํ สาเรตีติ สารถิ. กีฬาวิหารตฺถํ อุยฺยุตฺตา ยนฺติ อุปคจฺฉนฺติ เอตนฺติ อุยฺยานํ. อลนฺติ ปฏิกฺเขปวจนํ. นามาติ ครหเณ นิปาโต ‘‘กถฺหินามา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๙, ๔๒, ๘๗, ๘๘, ๙๐, ๑๖๖, ๑๗๐; ปาจิ. ๑, ๑๓, ๓๖) วิย. ชาติยา อาทีนวทสฺสนตฺถํ ตํมูลสฺส อุมฺมูลนํ วิย โหตีติ, ตสฺส จ อวสฺสิตภาวโต ‘‘ชาติยา มูลํ ¶ ขณนฺโต นิสีที’’ติ อาห. สิทฺเธ หิ การเณ ผลํ สิทฺธเมว โหตีติ. ปีฬํ ชเนตฺวา อนฺโตตุทนวเสน สพฺพปมํ หทยํ อนุปวิสฺส ิตตฺตา ปเมน สลฺเลน หทเยวิทฺโธ วิย นิสีทีติ โยชนา.
พฺยาธิปุริสวณฺณนา
๔๗. ปุพฺเพ ¶ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘สุทฺธาวาสา กิรา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺเตเนว นเยน. อาพาธิกนฺติ อาพาธวนฺตํ. ทุกฺขิตนฺติ สฺชาตทุกฺขํ. อชาตนฺติ อชาตภาโว, นิพฺพานํ วา.
กาลกตปุริสวณฺณนา
๕๐. ภนฺตเนตฺตกุปฺปลาทิ วิวิธํ กตฺวา ลาตพฺพโต วิลาโต, วยฺหํ, สิวิกา จาติ อาห ‘‘วิลาตนฺติ สิวิก’’นฺติ. สิวิกาย ทิฏฺปุพฺพตฺตา มหาสตฺโต จิตกปฺชรํ ‘‘สิวิก’’นฺติ อาห. อิโต ปฏิคตนฺติ อิโต ภวโต อปคตํ ¶ . กตกาลนฺติ ปริโยสาปิตชีวนกาลํ. เตนาห ‘‘ยตฺตก’’นฺติอาทิ.
ปพฺพชิตวณฺณนา
๕๓. ธมฺมํ จรตีติ ธมฺมจรโณ, ตสฺส ภาโว ธมฺมจรณภาโวติ ธมฺมจริยเมว วทติ. เอวํ เอเกกสฺส ปทสฺสาติ ยถา ‘‘สาธุธมฺมจริยาติ ปพฺพชิโต’’ติ โยชนา, เอวํ ‘‘สาธุสมจริยาติ ปพฺพชิโต’’ติอาทินา เอเกกสฺส ปทสฺส โยชนา เวทิตพฺพา. สพฺพานีติ ‘‘สาธุธมฺมจริยา’’ติอาทีสุ อาคตานิ สพฺพานิ ธมฺมสมกุสลปฺุปทานิ. ทสกุสลกมฺมปถเววจนานีติ ทานาทีนิ ทสกุสลธมฺมปริยายปทานิ.
โพธิสตฺตปพฺพชฺชาวณฺณนา
๕๔. ปพฺพชิตสฺส ธมฺมึ กถํ สุตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อฺฺจ สงฺคีติอนารุฬฺหํ เตน ตทา วุตฺตํ ธมฺมึ กถนฺติ โยชนา. ‘‘วํโสวา’’ติ ปทตฺตเยน ธมฺมตา เอสาติ ทสฺเสติ. จิรสฺสํ จิรสฺสํ ปสฺสนฺติ ทีฆายุกภาวโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘พหูนํ วสฺสานํ…เป… อจฺจเยนา’’ติ. เตเนวาติ น จิรสฺสํ ทิฏฺภาเวเนว. อจิรกาลนฺตริกเมว ปุพฺพกาลกิริยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ชิณฺณฺจ ทิสฺวา…เป… ปพฺพชิตฺจ ทิสฺวา, ตสฺมา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราชา’’ติ อาห ¶ ยถา ‘‘นฺหตฺวา วตฺถํ ปริทหิตฺวา คนฺธํ วิลิมฺปิตฺวา มาลํ ปิฬนฺธิตฺวา ภุตฺโต’’ติ.
มหาชนกายอนุปพฺพชฺชาวณฺณนา
๕๕. ‘‘กสฺมา ¶ ปเนตฺถา’’ติอาทินา เตสํ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ มหาสตฺเต สํภตฺตตํ, สํเวคพหุลตฺจ ทสฺเสติ, ยโต สุตฏฺาเนเยว ตฺวา าติมิตฺตาทีสุ กิฺจิ อนามนฺเตตฺวา มตฺตวรวารโณ วิย อโยมยพนฺธนํ ฆนพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ อุปคจฺฉึสุ.
จตฺตาโร มาเส จาริกํ จริ น ตาว าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา.
ยทา ปน าณํ ปริปากํ คตํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาห. สพฺเพว อิเม ปพฺพชิตา มม คมนํ ¶ ชานิสฺสนฺติ, ชานนฺตา จ มํ อนุพนฺธิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโย. สนฺนิสีเวสูติ สนฺนิสินฺเนสุ. สณเตวาติ สณติ วิย สทฺทํ กโรติ วิย.
อวิเวการามานนฺติ อนภิรติวิเวกานํ. อยํ กาโลติ อยํ เตสํ ปพฺพชิตานํ มม คมนสฺส อชานนกาโล. นิกฺขมิตฺวาติ ปณฺณสาลาย นิคฺคนฺตฺวา, มหาภินิกฺขมนํ ปน ปเคว นิกฺขนฺโต. ปารมิตานุภาเวน อุฏฺิตํ อุปริ เทวตาหิ ทิพฺพปจฺจตฺถรเณหิ สุปฺตฺตมฺปิ มหาสตฺตสฺส ปฺุานุภาเวน สิทฺธตฺตา เตน ปฺตฺตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปลฺลงฺกํ ปฺเปตฺวา’’ติ. ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตู’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๒.๒๒, ๒๓๗; อ. นิ. ๒.๕; ๘.๑๓; มหานิ. ๑๗, ๑๙๖) นยปฺปวตฺตํ จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺหิตฺวา. วูปกาสนฺติ วิเวกวาสํ.
อฺเเนวาติ ยตฺถ มหาปุริโส ตทา วิหรติ, ตโต อฺเเนว ทิสาภาเคน. กามํ โพธิมณฺโฑ ชมฺพุทีปสฺส มชฺเฌ นาภิฏฺานิโย, ตทา ปน พฺรหารฺเ วิวิตฺเต โยคีนํ ปฏิสลฺลานสารุปฺโป หุตฺวา ติฏฺติ, ตทฺโ ปน ชมฺพุทีปปฺปเทโส เยภุยฺเยน พหุชโน อากิณฺณมนุสฺโส อิทฺโธ ผีโต อโหสิ. เตน เต ตํ ตํ ชนปทเทสํ อุทฺทิสฺส คตา ‘‘อนฺโต ชมฺพุทีปาภิมุขา จาริกํ ปกฺกนฺตา’’ติ วุตฺตา อนฺโต ชมฺพุทีปาภิมุขา, น หิมวนฺตาทิปพฺพตาภิมุขาติ อตฺโถ.
โพธิสตฺตอภินิเวสวณฺณนา
๕๗. กามํ ¶ ภควา พุทฺโธ หุตฺวา สตฺตสตฺตาหานิ ตตฺเถว วสิ, สพฺพปมํ ปน วิสาขปุณฺณมํ ¶ สนฺธาย ‘‘เอกรตฺติวาสํ อุปคตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. รโหคตสฺสาติ รโห ชนวิวิตฺตํ านํ อุปคตสฺส, เตน คณสงฺคณิกาภาเวน มหาสตฺตสฺส กายวิเวกมาห. ปฏิสลฺลีนสฺสาติ ¶ นานารมฺมณจารโต จิตฺตสฺส นิวตฺติยา ปติ สมฺมเทว นิลีนสฺส ตตฺถ อวิสฏจิตฺตสฺส, เตน จิตฺตสงฺคณิกาภาเวนสฺส ปุพฺพภาคิยํ จิตฺตวิเวกมาห. ทุกฺขนฺติ ชาติอาทิมูลกํ ทุกฺขํ. กามํ จุตูปปาตาปิ ชาติมรณานิ เอว, มรณชาติโยว ‘‘ชายติ มียตี’’ติ ปน วตฺวา ‘‘จวติ อุปปชฺชตี’’ติ วจนํ น เอกภวปริยาปนฺนานํ เนสํ คหณํ, อถ โข นานาภวปริยาปนฺนานํ เอกชฺฌํ คหณนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิทํ ทฺวยํ…เป… วุตฺต’’นฺติ. กสฺมา ปน โลกสฺส กิจฺฉาปตฺติปริวิตกฺกเน ‘‘ชรามรณสฺสา’’ติ ชรามรณวเสน นิยมนํ กตนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. ชรามรณเมว อุปฏฺาติ อาทิโตติ อธิปฺปาโย. อภินิวิฏฺสฺสาติ อารทฺธสฺส. ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน วิปสฺสนารมฺเภ ตสฺส ชรามรณโต ปฏฺาย อภินิเวโส อคฺคโต ยาว มูลํ โอตรณํ วิยาติ อาห ‘‘ภวคฺคโต โอตรนฺตสฺส วิยา’’ติ.
อุปายมนสิการาติ อุปาเยน มนสิกรณโต มนสิการสฺส ปวตฺตนโต. อิทานิ ตํ อุปายมนสิการปริยายํ โยนิโสมนสิการํ สรูปโต, ปวตฺติอาการโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘อนิจฺจาทีนิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. โยนิโสมนสิกาโร นาม โหตีติ ยาถาวโต มนสิการภาวโต. อนิจฺจาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน ทุกฺขานตฺตอสุภาทีนํ คหณํ. อยนฺติ ‘‘เอตทโหสี’’ติ เอวํ วุตฺโต ‘‘กิมฺหิ นุ โข สตี’’ติอาทินยปฺปวตฺโต มนสิกาโร. เตสํ อฺตโรติ เตสุ อนิจฺจาทิมนสิกาเรสุ อฺตโร เอโก. โก ปน โสติ? อนิจฺจมนสิกาโรว, ตตฺถ การณมาห ‘‘อุทยพฺพยานุปสฺสนาวเสน ปวตฺตตฺตา’’ติ. ยฺหิ อุปฺปชฺชติ เจว จวติ จ, ตํ อนิจฺจํ อุทยวยปริจฺฉินฺนตฺตา อทฺธุวนฺติ กตฺวา. ตสฺส ปน ตพฺภาวทสฺสนํ ยาถาวมนสิการตาย โยนิโสมนสิกาโร ¶ . อิโต โยนิโสมนสิการาติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนนฺติ ตสฺส อิมินา ‘‘อุปายมนสิกาเรนา’’ติ เหตุมฺหิ กรณวจเนน อตฺถมาห. สมาคโม อโหสีติ ¶ ยาถาวโต ปฏิวิชฺฌนวเสน สงฺคโม อโหสิ. กึ ปน ตนฺติ กึ ปน ตํ ชรามรณการณนฺติ อาห ‘‘ชาตี’’ติ. ‘‘ชาติยา โข’’ติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – กิมฺหิ นุ โข สติ ชรามรณํ โหติ, กึ ปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ชรามรณการณํ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส ‘‘ยสฺมึ สติ ยํ โหติ, อสติ จ น โหติ, ตํ ตสฺส การณ’’นฺติ เอวํ อพฺยภิจาริการณปริคฺคณฺหเน ‘‘ชาติยา โข สติ ชรามรณํ โหติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ยา ชรามรณสฺส การณปริคฺคาหิกา ปฺา อุปฺปชฺชติ, ตาย อุปฺปชฺชนฺติยา สมาคโม อโหสีติ. สพฺพปทานีติ ‘‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชาติ โหตี’’ติอาทินา อาคตานิ ชาติอาทีนิ วิฺาณปริโยสานานิ นว ปทานิ.
ทฺวาทสปทิเก ¶ ปฏิจฺจสมุปฺปาเท อิธ ยานิ ทฺเว ปทานิ อคฺคหิตานิ, เตสํ อคฺคหเณ การณํ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺเชตุกาโม เตสํ คเหตพฺพาการํ ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺถ ปนา’’ติอาทิมาห. ปจฺจกฺขภูตํ ปจฺจุปฺปนฺนภวํ ปมํ คเหตฺวา ตทนนฺตรํ อนาคตํ ‘‘ทุติย’’นฺติ คหเณ อตีโต ตติโย โหตีติ อาห ‘‘อวิชฺชา สงฺขารา หิ อตีโต ภโว’’ติ. นนุ เจตฺถ อนาคตสฺสาปิ ภวสฺส คหณํ น สมฺภวติ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน อภินิเวสสฺส โชติตตฺตาติ? สจฺจเมตํ, การเณ ปน คหิเต ผลํ คหิตเมว โหตีติ ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อปิ เจตฺถ อนาคโตปิ อทฺธา อตฺถโต สงฺคหิโต เอว, ยโต ปรโต ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติอาทินา อนาคตทฺธสงฺคหิกา เทสนา ปวตฺตา. เตหีติ อวิชฺชาสงฺขาเรหิ อารมฺมณภูเตหิ. น ฆฏิยติ น สมฺพชฺฌติ. มหาปุริโส หิ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน อภินิวิฏฺโติ อฆฏเน การณมาห. อทิฏฺเหีติ อนวพุทฺเธหิ, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํ. สติ อนุโพเธ ปฏิเวเธน ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘น ¶ สกฺกา พุทฺเธน ภวิตุ’’นฺติ. อิมินาติ มหาสตฺเตน. เตติ อวิชฺชาสงฺขารา. ภวอุปาทานตณฺหาวเสเนวาติ ภวอุปาทานตณฺหาทสฺสนวเสเนว. ทิฏฺา ตํสภาวตํสหคเตหิ เตหิ สมานโยคกฺขมตฺตา. วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๗๐) กถิตาว, ตสฺมา น อิธ กเถตพฺพาติ อธิปฺปาโย.
๕๘. ปจฺจยโตติ เหตุโต, สงฺขารโตติ อตฺโถ. ‘‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชรามรณํ โหตี’’ติอาทินา หิ เหตุปรมฺปราวเสน ผลปรมฺปราย วุจฺจมานาย ¶ ‘‘กิมฺหิ นุ โข สติ วิฺาณํ โหตี’’ติ วิจารณาย ‘‘สงฺขาเร โข สติ วิฺาณํ โหตี’’ติ วิฺาณสฺส วิเสสการณภูเต สงฺขาเร อคฺคหิเต ตโต วิฺาณํ ปฏินิวตฺตติ นาม, น สพฺพปจฺจยโต. เตเนวาห ‘‘นามรูเป โข สติ วิฺาณํ โหตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๕๘), นามมฺปิ เจตฺถ สหชาตาทิวเสเนว ปจฺจยภูตํ อธิปฺเปตํ, น กมฺมูปนิสฺสยวเสน ปจฺจุปฺปนฺนวเสน อภินิวิสสฺส โชติตตฺตา. อารมฺมณโตติ อวิชฺชาสงฺขารสงฺขาตอารมฺมณโต, อตีตภวสงฺขาตอารมฺมณโต วา. อตีตทฺธปริยาปนฺนา หิ อวิชฺชาสงฺขารา. ยโต ปฏินิวตฺตมานํ วิฺาณํ อตีตภวโตปิ ปฏินิวตฺตติ นาม. อุภยมฺปีติ ปฏิสนฺธิวิฺาณมฺปิ วิปสฺสนาวิฺาณมฺปิ. นามรูปํ นาติกฺกมตีติ ปจฺจยภูตํ, อารมฺมณภูตฺจ นามรูปํ นาติกฺกมติ เตน วินา อวตฺตนโต. เตนาห ‘‘นามรูปโต ปรํ น คจฺฉตี’’ติ.
วิฺาเณ นามรูปสฺส ปจฺจเย โหนฺเตติ วิฺาเณ นามสฺส, รูปสฺส, นามรูปสฺส จ ปจฺจเย โหนฺเต. นามรูเป จ วิฺาณสฺส ปจฺจเย โหนฺเตติ ตถา นาเม, รูเป, นามรูเป จ วิฺาณสฺส ¶ ปจฺจเย โหนฺเตติ จตุโวการเอกโวการปฺจโวการภววเสน ยถารหํ โยชนา เวทิตพฺพา, ทฺวีสุปิ อฺมฺปจฺจเยสุ โหนฺเตสูติ ปน ปฺจโวการภววเสเนว. เอตฺตเกนาติ เอวํ วิฺาณ นามรูปานํ ¶ อฺมฺํ อุปตฺถมฺภนวเสน ปวตฺติยา. ชาเยถ วา…เป… อุปปชฺเชถ วาติ ‘‘สตฺโต ชายติ…เป… อุปปชฺชติ วา’’ติ สมฺา โหติ วิฺาณนามรูปวินิมุตฺตสฺส สตฺตปฺตฺติยา อุปาทานภูตสฺส ธมฺมสฺส อภาวโต. เตนาห ‘‘อิโต หี’’ติอาทิ. เอตเทวาติ วิฺาณํ, นามรูปนฺติ เอตํ ทฺวยเมว.
ปฺจ ปทานีติ ‘‘ชาเยถ วา’’ติอาทีนิ ปฺจ ปทานิ. นนุ ตตฺถ ปมตติเยหิ จตุตฺถปฺจมานิ อตฺถโต อภินฺนานีติ อาห ‘‘สทฺธึ อปราปรํ จุติปฏิสนฺธีหี’’ติ. ปุน ตํ เอตฺตาวตาติ วุตฺตมตฺถนฺติ โย ‘‘เอตฺตาวตา’’ติ ปเทน ปุพฺเพ วุตฺโต, ตเมว ยถาวุตฺตมตฺถํ ‘‘ยทิท’’นฺติอาทินา นิยฺยาเตนฺโต นิทสฺเสนฺโต ปุน วตฺวา. อนุโลมปจฺจยาการวเสนาติ ปจฺจยธมฺมทสฺสนปุพฺพกํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมทสฺสนวเสน. ปจฺจยธมฺมานฺหิ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ¶ ปจฺจยภาโว อิทปฺปจฺจยตา ปจฺจยากาโร, โส จ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา วุตฺโต. สํสารปฺปวตฺติยา อนุโลมนโต อนุโลมปจฺจยากาโร. ชาติอาทิกํ สพฺพํ วฏฺฏทุกฺขํ จิตฺเตน สมิหิเตน กตํ สมูหวเสน คเหตฺวา ปาฬิยํ ‘‘ทุกฺขกฺขนฺธสฺสา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ชาติ…เป… ทุกฺขราสิสฺสา’’ติ.
๕๙. ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อเนกวารํ สมุทยทสฺสนวเสน วิฺาณสฺส ปวตฺตตฺตา ‘‘สมุทโย สมุทโย’’ติ อาเมฑิตวจนํ อโวจ. อถ วา ‘‘เอวํ สมุทโย โหตี’’ติ อิทํ น เกวลํ นิพฺพตฺตินิทสฺสนปทํ, อถ โข ปฏิจฺจสมุปฺปาท-สทฺโท วิย สมุปฺปาทมุเขน อิธ สมุทย-สทฺโท นิพฺพตฺติมุเขน ปจฺจยตฺตํ วทติ. วิฺาณาทโย ภวนฺตา อิธ ปจฺจยธมฺมา นิทฺทิฏฺา, เต สามฺรูเปน พฺยาปนิจฺฉาวเสน คณฺหนฺโต ‘‘สมุทโย สมุทโย’’ติ อาห, เอวฺจ กตฺวา ยํ วกฺขติ ‘‘อิมสฺมึ สติ ¶ อิทํ โหตีติ ปจฺจยสฺชานนมตฺตํ กถิต’’นฺติ, (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๕๙) ตํ สมตฺถิตํ โหติ. ยทิ เอวํ ‘‘อุทยทสฺสนปฺา เวสา’’ติ อิทํ กถนฺติ? นายํ โทโส ปจฺจยโต อุทยทสฺสนมุเขน นิพฺพตฺติลกฺขณทสฺสนสฺส สมฺภวโต. ทสฺสนฏฺเน จกฺขูติ สมุทยสฺส ปจฺจกฺขโต ทสฺสนภาเวน จกฺขุ วิยาติ จกฺขุ. าตกรณฏฺเนาติ ยถา สมุทโย สมฺมเทว าโต โหติ อวพุทฺโธ, เอวํ กรณฏฺเน. ปชานนฏฺเนาติ ‘‘วิฺาณาทิตํตํปจฺจยุปฺปตฺติยา เอตสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ ปการโต ชานนฏฺเน. นิพฺพิชฺฌิตฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา อุปฺปนฺนฏฺเนาติ อนิพฺพิชฺฌิตฺวา ปุพฺเพ อุทยทสฺสนปฺาย ปฏิปกฺขธมฺเม นิพฺพิชฺฌิตฺวา ‘‘อยํ สมุทโย’’ติ ปจฺจยโต, ขณโต จ, สรูปโต ปฏิวิชฺฌิตฺวา ¶ อุปฺปนฺนภาเวน, นิพฺพิชฺฌนฏฺเน ปฏิวิชฺฌนฏฺเน วิชฺชาติ วุตฺตํ โหติ. โอภาสฏฺเนาติ สมุทยสภาวปฏิจฺฉาทนกสฺส โมหนฺธการสฺส จ กิเลสนฺธการสฺส จ วิธมนวเสน อวภาสกภาเวน.
อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปฏิปาฏิยา วิภาเวตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จกฺขุํ อุทปาทีติ ปาฬิยํ ปทุทฺธาโร. กถํ อุทปาทีติ เจติ อาห ‘‘ทสฺสนฏฺเนา’’ติ. ‘‘สมุทยสฺส ปจฺจกฺขโต ทสฺสนภาเวนาติ วุตฺโต วายมตฺโถ. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. จกฺขุธมฺโมติ จกฺขูติ ปาฬิธมฺโม. ทสฺสนฏฺโ อตฺโถติ ทสฺสนสภาโว เตน ¶ ปกาเสตพฺโพ อตฺโถ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. เอตฺตเกหิ ปเทหีติ อิเมหิ ปฺจหิ ปเทหิ. ‘‘กึ กถิต’’นฺติ ปิณฺฑตฺถํ ปุจฺฉติ. ปจฺจยสฺชานนมตฺตนฺติ วิฺาณาทีนํ ปจฺจยธมฺมานํ นามรูปาทิปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยสภาวสฺชานนมตฺตํ กถิตํ อวิเสสโต ปจฺจยสภาวสลฺลกฺขณสฺส โชติตตฺตา. สงฺขารานํ สมฺมเทว ¶ อุทยทสฺสนสฺส โชติตตฺตา ‘‘วีถิปฏิปนฺนา ตรุณวิปสฺสนา กถิตา’’ติ จ วุตฺตํ.
๖๑. อตฺตนา อธิคตตฺตา อาสนฺนปจฺจกฺขตาย ‘‘อย’’นฺติ วุตฺตํ, อริยมคฺคาทีนํ มคฺคนฏฺเน มคฺโคติ. ปุพฺพภาควิปสฺสนา เหสา. เตนาห ‘‘โพธายา’’ติ. โพธปทสฺส ภาวสาธนตํ สนฺธายาห ‘‘จตุสจฺจพุชฺฌนตฺถายา’’ติ. ปริฺาปหานภาวนาภิสมยา ยาวเทว สจฺฉิกิริยาภิสมยตฺถา นิพฺพานาธิคมตฺถตฺตา พฺรหฺมจริยวาสสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘นิพฺพานพุชฺฌนตฺถาย เอว วา’’ติ. ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๑๕, ๒๑๗; ธ. ป. ๒๐๔) หิ วุตฺตํ. พุชฺฌตีติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ เอกปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌติ, เตน โพธ-สทฺทสฺส กตฺตุสาธนตฺตมาห. ปจฺจตฺตปเทหีติ ปมาวิภตฺติทีปเกหิ ปเทหิ. นิพฺพานเมว กถิตํ วิฺาณาทิ นิรุชฺฌติ เอตฺถาติ กตฺวา. อนิพฺพตฺตินิโรธนฺติ สพฺพโส ปจฺจยนิโรเธน อนุปฺปาทนิโรธํ อจฺจนฺตนิโรธํ.
๖๒. สพฺเพเหว เอเตหิ ปเทหีติ ‘‘จกฺขู’’ติอาทีหิ ปฺจหิ ปเทหิ. นิโรธสฺชานนมตฺตเมวาติ ‘‘นิโรโธ นิโรโธติ โข’’ติอาทินา นิโรธสฺส สฺชานนมตฺตเมว กถิตํ ปุพฺพารมฺภภาวโต, น ตสฺส ปฏิวิชฺฌนวเสน ปจฺจกฺขโต ทสฺสนํ อริยมคฺคสฺส อนธิคตตฺตา. สงฺขารานํ สมฺมเทว นิโรธทสฺสนํ นาม สิขาปฺปตฺตาย วิปสฺสนาย วเสน อิจฺฉิตพฺพนฺติ ‘‘วุฏฺานคามินี พลววิปสฺสนา กถิตา’’ติ จ วุตฺตํ.
๖๓. วิทิตฺวาติ ¶ ปุพฺพภาคิเยน าเณน ชานิตฺวา. ตโต อปรภาเคติ วุตฺตนเยน ปจฺจยนิโรธชานนโต ปจฺฉาภาเค. อุปาทานสฺส ปจฺจยภูเตสูติ จตุพฺพิธสฺสปิ อุปาทานสฺส อารมฺมณปจฺจยาทินา ปจฺจยภูเตสุ, อุปาทานิเยสูติ อตฺโถ ¶ . วหนฺโตติ ปวตฺเตนฺโต. อิทนฺติ ‘‘อปเรน สมเยนา’’ติอาทิ วจนํ. กสฺมา วุตฺตนฺติ ‘‘ยาย ปฏิปตฺติยา สพฺเพปิ มหาโพธิสตฺตา จริมภเว โพธาย ปฏิปชฺชนฺติ, วิปสฺสนาย มหาโพธิสตฺเตน ตเถว ปฏิปนฺน’’นฺติ กเถตุกมฺยตาวเสน ปุจฺฉาวจนํ. เตนาห ¶ ‘‘สพฺเพเยว หี’’ติอาทิ. ตตฺถ ปุตฺตสฺส ชาตทิวเส มหาภินิกฺขมนํ, ปธานานุโยโค จ ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺโพ, อิตรํ อิติกตฺตพฺพตาวเสน. ตตฺถาปิ จิรกาลปริภาวนาย ลทฺธาเสวนาย มหากรุณาย สฺโจทิตมานสตฺตา ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔, ๑๐) สํสารทุกฺขโต โมเจตุํ อิจฺฉิตสฺส สตฺตโลกสฺส กิจฺฉาปตฺติทสฺสนมุเขน ชรามรณโต ปฏฺาย ปจฺจยาการสมฺมสนมฺปิ ธมฺมตาว. ตถา อตฺตาธีนตาย, เกนจิ อนุปขตตฺตา, อเสจนกสุขวิหารตาย, จตุตฺถชฺฌานิกตาย จ อานาปานกมฺมฏฺานานุโยโค. ปฺจสุ ขนฺเธสุ อภินิวิสิตฺวาติ วิฺาณนามรูปาทิปริยาเยน คหิเตสุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ วิปสฺสนาภินิเวสวเสน อภินิวิสิตฺวา ปฏิปตฺตึ อารภิตฺวา. อนุกฺกมนฺติ อนุ อนุ คามิตพฺพโต ปฏิปชฺชิตพฺพโต ‘‘อนุกฺกม’’นฺติ ลทฺธนามํ อนุปุพฺพปฏิปตฺตึ. กตฺวาติ ปฏิปชฺชิตฺวา.
อิติ รูปนฺติ เอตฺถ ทุติโย อิติ-สทฺโท นิทสฺสนตฺโถ, เตน ปโม อิติ-สทฺโท สรูปสฺส, ปริมาณสฺส จ โพธโก อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ,อาวุตฺติอาทิวเสน วายมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อนฺโตคธาวธารณฺจ วากฺยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูปํ, อิโต อุทฺธํ รูปํ นตฺถี’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ ‘‘รุปฺปนสภาว’’นฺติ อิมินา สามฺโต รูปสฺส สภาโว ทสฺสิโต, ‘‘ภูตุปาทายเภท’’นฺติอาทินา วิเสสโต, ตทุภเยนปิ ‘‘อิทํ รูป’’นฺติ ปทสฺส อตฺโถ นิทฺทิฏฺโ. ตตฺถ ลกฺขณํ นาม ตสฺส ตสฺส รูปวิเสสสฺส อนฺสาธารโณ สภาโว. รโส ตสฺเสว อตฺตโน ผลํ ปติ ปจฺจยภาโว. ปจฺจุปฏฺานํ ตสฺส ปรมตฺถโต วิชฺชมานตฺตา ยาถาวโต าณสฺส โคจรภาโว. ปทฏฺานํ อาสนฺนการณํ, เตนสฺส ปจฺจยายตฺตวุตฺติตา ทสฺสิตา. ‘‘อนวเสสรูปปริคฺคโห’’ติ อิมินา ปน ‘‘เอตฺตกํ รูปํ, อิโต อุทฺธํ’’ รูปํ นตฺถีติ ปททฺวยสฺสาปิ อตฺโถ นิทฺทิฏฺโ รูปสฺส สพฺพโส ปริยาทานวเสน นิยามนโต. ‘‘อิติ รูปสฺส สมุทโย’’ติ เอตฺถ ปน อิติ-สทฺโท ‘‘อิติ โข ภิกฺขเว สปฺปฏิภโย พาโล’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๔; อ. นิ. ๓.๑) วิย ปการตฺโถติ อาห ‘‘อิตีติ เอว’’นฺติ.
อวิชฺชาสมุทยาติ ¶ อวิชฺชาย อุปฺปาทา, อตฺถิภาวาติ อตฺโถ. นิโรธนิโรธี หิ อุปฺปาโท อตฺถิภาววาจโกปิ โหติ, ตสฺมา ปุริมภวสิทฺธาย ¶ อวิชฺชาย สติ อิมสฺมึ ภเว รูปสมุทโย, รูปสฺส อุปฺปาโท โหตีติ อตฺโถ. ‘‘ตณฺหาสมุทยา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อาหารสมุทยาติ เอตฺถ ปน ปวตฺติปจฺจเยสุ กพฬีการาหารสฺส พลวตาย โส เอว คหิโต. ตสฺมึ ปน คหิเต ปวตฺติปจฺจยตาสามฺเน อุตุจิตฺตานิ คหิตาเนว โหนฺตีติ จตุสมุฏฺานิกรูปสฺส ปจฺจยโต อุทยทสฺสนํ วิภาวิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘นิพฺพตฺติลกฺขณ’’นฺติอาทินา กาลวเสน อุทยทสฺสนมาห. ตตฺถ นิพฺพตฺติลกฺขณนฺติ รูปสฺส อุปฺปาทสงฺขาตํ สงฺขตลกฺขณํ. ปสฺสนฺโตปีติ น เกวลํ ปจฺจยสมุทยเมว, อถ โข ขณโต อุทยํ ปสฺสนฺโตปิ. อทฺธาวเสน หิ ปมํ อุทยํ ปสฺสิตฺวา ิโต ปุน สนฺตติวเสน ทิสฺวา อนุกฺกเมน ขณวเสน ปสฺสติ. อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธติ อคฺคมคฺเคน ¶ อวิชฺชาย อนุปฺปาทนิโรธโต อนาคตสฺส รูปสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ ปจฺจยาภาเว อภาวโต. ตณฺหานิโรธา กมฺมนิโรโธติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อาหารนิโรธาติ ปวตฺติปจฺจยสฺส กพฬีการาหารสฺส อภาเวน. รูปนิโรโธติ ตํสมุฏฺานรูปสฺส อภาโว โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. ‘‘วิปริณามลกฺขณ’’นฺติ ภงฺคกาลวเสน เหตํ วยทสฺสนํ, ตสฺมา ตํ อทฺธาวเสน ปมํ ปสฺสิตฺวา ปุน สนฺตติวเสน ทิสฺวา อนุกฺกเมน ขณวเสน ปสฺสติ. อยฺจ นโย ปากติกวิปสฺสกวเสน วุตฺโต, โพธิสตฺตานํ ปเนตํ นตฺถิ. เอส นโย อุทยทสฺสเนปิ.
‘‘อิติ เวทนา’’ติอาทีสุปิ เหฏฺา รูเป วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘อยํ เวทนา, เอตฺตกา เวทนา’’ติอาทิ. ตตฺถ เวทยิต…เป… สภาวนฺติ เอตฺถ ‘‘เวทยิตสภาวํ…เป… วิชานนสภาว’’นฺติ ปจฺเจกํ สภาว- สทฺโท โยเชตพฺโพ. เวทยิตสภาวนฺติ อนุภวนสภาวํ. สฺชานนสภาวนฺติ ‘‘นีลํ ปีต’’นฺติอาทินา อารมฺมณสฺส สลฺลกฺขณสภาวํ. อภิสงฺขรณสภาวนฺติ อายูหนสภาวํ. วิชานนสภาวนฺติ อารมฺมณสฺส อุปลทฺธิสภาวํ. สุขาทีติ อาทิ-สทฺเทน ทุกฺขโสมนสฺสโทมนสฺสุเปกฺขาเวทนานํ สงฺคโห รูปสฺาทีติ อาทิ-สทฺเทน สทฺทสฺาทีนํ, ผสฺสาทีติ อาทิ-สทฺเทน เจตนา วิตกฺกาทีนํ จกฺขุวิฺาณาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สพฺเพสํ โลกิยวิฺาณานํ สงฺคโห. ยถา จ วิฺาเณ, เอส นโย เวทนาทีสุปิ. เตสนฺติ ¶ ‘‘สมุทโย’’ติ วุตฺตธมฺมานํ. ตีสุ ขนฺเธสูติ เวทนาสฺาสงฺขารกฺขนฺเธสุ. ‘‘ผุฏฺโ เวเทติ, ผุฏฺโ สฺชานาติ, ผุฏฺโ เจเตตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๙๓) วจนโต ¶ ‘‘ผสฺสสมุทยา’’ติ วตฺตพฺพํ. ‘‘นามรูปปจฺจยาปิ วิฺาณ’’นฺติ (วิภ. ๒๔๖; ที. นิ. ๒.๙๗) วจนโต วิฺาณกฺขนฺเธ ‘‘นามรูปสมุทยา’’ติ วตฺตพฺพํ. เตสํ เยวาติ ¶ ตีสุ ขนฺเธสุ ‘‘ผสฺสสฺส วิฺาณกฺขนฺเธ นามรูปสฺสา’’ติ ผสฺสนามรูปานํเยว วเสน อตฺถงฺคมปทมฺปิ โยเชตพฺพํ, อวิชฺชาทโย ปน รูเป วุตฺตสทิสา เอวาติ อธิปฺปาโย.
สมปฺาสลกฺขณวเสนาติ ปจฺจยโต วีสติ ขณโต ปฺจาติ ปฺจวีสติยา อุทยลกฺขณานํ, ปจฺจยโต วีสติ ขณโต ปฺจาติ ปฺจวีสติยา เอว วยลกฺขณานํ จาติ สมปฺาสาย อุทยวยลกฺขณานํ วเสน. ตตฺถ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทโย ลกฺขียติ เอเตหีติ ลกฺขณานีติ วุจฺจนฺติ อวิชฺชาทิสมุทโยติ, ตถา เตสํ อนุปฺปาทนิโรโธ ลกฺขียติ เอเตหีติ ลกฺขณานีติ วุจฺจนฺติ อวิชฺชาทีนํ อจฺจนฺตนิโรโธ. นิพฺพตฺติวิปริณามลกฺขณานิ ปน สงฺขตลกฺขณเมวาติ. เอวํ เอตานิ สมปฺาสลกฺขณานิ สรูปโต เวทิตพฺพานิ. ยถานุกฺกเมน วฑฺฒิเตติ ยถาวุตฺตอุทยพฺพยาเณ ติกฺเข สูเร ปสนฺเน หุตฺวา วหนฺเต ตโต ปรํ วตฺตพฺพานํ ภงฺคาณาทีนํ อุปฺปตฺติปฏิปาฏิยา พุทฺธิปฺปตฺเต ปรมุกฺกํสคเต วิปสฺสนาาเณ. ปเคว หิ ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน ปวตฺเตน สพฺพฺุตฺาณานุจฺฉวิเกน มหาวชิราณสงฺขาเตน สมฺมสนาเณน สมฺภตานุภาวํ คพฺภํ คณฺหนฺตํ ปริปากํ คจฺฉนฺตํ ปฏิปทาวิสุทฺธิาณํ อปริมิตกาเล สมฺภตาย ปฺาปารมิยา อานุภาเวน อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตํ อนุกฺกเมน วุฏฺานคามินิภาวํ อุปคนฺตฺวา ยทา อริยมคฺเคน ฆเฏติ, ตทา อริยมคฺคจิตฺตํ สพฺพกิเลเสหิ มคฺคปฏิปาฏิยา วิมุจฺจติ ¶ , วิมุจฺจนฺตฺจ ตถา วิมุจฺจติ, ยถา สพฺพเยฺยาวรณปฺปหานํ โหติ. ยํ กิเลสานํ ‘‘สวาสนปฺปหาน’’นฺติ วุจฺจติ, ตยิทํ ปหานํ อตฺถโต อนุปฺปตฺตินิโรโธติ อาห ‘‘อนุปฺปาทนิโรเธนา’’ติ. อาสวสงฺขาเตหิ กิเลเสหีติ ภวโต อาภวคฺคํ, ธมฺมโต อาโคตฺรภุํ สวนโต ปวตฺตนโต อาสวสฺิเตหิ ราโค, ทิฏฺิ, โมโหติ อิเมหิ กิเลเสหิ. ลกฺขณวจนฺเจตํ, ปาฬิยํ ยทิทํ ‘‘อาสเวหี’’ติ, ตเทกฏฺตาย ปน สพฺเพหิปิ ¶ กิเลเสหิ สพฺเพหิปิ ปาปธมฺเมหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. อคฺคเหตฺวาติ เตสํ กิเลสานํ เลสมตฺตมฺปิ อคฺคเหตฺวา.
มคฺคกฺขเณ วิมุจฺจติ นาม ตํตํมคฺควชฺฌกิเลเสหิ ผลกฺขเณ วิมุตฺตํ นาม. มคฺคกฺขเณ วา วิมุตฺตฺเจววิมุจฺจติ จาติ อุปริมคฺคกฺขเณ เหฏฺิมมคฺควชฺเฌหิ วิมุตฺตฺเจว ยถาสกํ ปหาตพฺเพหิ วิมุจฺจติ จ. ผลกฺขเณ วิมุตฺตเมวาติ สพฺพสฺมิมฺปิ ผลกฺขเณ วิมุตฺตเมว, น วิมุจฺจติ นาม.
สพฺพพนฺธนาติ โอรมฺภาคิยุทฺธมฺภาคิยสงฺคหิตา สพฺพสฺมาปิ ภวสฺโชนา, วิปฺปมุตฺโต วิเสสโต ปกาเรหิ มุตฺโต. สุวิกสิตจิตฺตสนฺตาโนติ สาติสยํ าณรสฺมิสมฺผสฺเสน สุฏฺุ สมฺมเทว ¶ สมฺผุลฺลจิตฺตสนฺตาโน. ‘‘จตฺตาริ มคฺคาณานี’’ติอาทิ เยหิ าเณหิ สุวิกสิตจิตฺตสนฺตาโน, เตสํ เอกเทเสน ทสฺสนํ. นิปฺปเทสโต ทสฺสนํ ปน ปรโต อาคมิสฺสติ, ตสฺมา ตตฺเถว ตานิ วิภชิสฺสาม. สกเล จ พุทฺธคุเณติ อตีตํเส อปฺปฏิหตาณาทิเก สพฺเพปิ พุทฺธคุเณ. ยทา หิ โลกนาโถ อคฺคมคฺคํ อธิคจฺฉติ, ตทา สพฺเพ คุเณ หตฺถคเต กโรติ นาม. ตโต ปรํ ‘‘หตฺถคเต กตฺวา ิโต’’ติ วุจฺจติ.
‘‘ปริปุณฺณสงฺกปฺโป’’ติ วตฺวา ปริปุณฺณสงฺกปฺปตาปริทีปนํ อุทานํ ทสฺเสตุํ ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อาทิโต ทฺวินฺนํ คาถานมตฺโถ เหฏฺา พฺรหฺมชาลนิทานวณฺณนายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺโต เอว. ปรโต ¶ ปน อโยฆนหตสฺสาติ อโย หฺติ เอเตนาติ อโยฆนํ, กมฺมารานํ อโยกูฏํ, อโยมุฏฺิ จ, เตน อโยฆเนน หตสฺส ปหตสฺส. เอว-สทฺโท เจตฺถ นิปาตมตฺตํ. ชลโต ชาตเวทโสติ ชลยมานสฺส อคฺคิสฺส, อนาทเร วา เอตํ สามิวจนํ. อนุปุพฺพูปสนฺตสฺสาติ อนุกฺกเมน อุปสนฺตสฺส วิกฺขมฺภนฺตสฺส นิรุทฺธสฺส. ยถา น ายเต คตีติ ยถา ตสฺส คติ น ายติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อโยมุฏฺิกูฏาทินา ปหตตฺตา อโยฆเนน หตสฺส ปหตสฺส อโยคตสฺส, กํสภาชนาทิคตสฺส วา ชลมานสฺส อคฺคิสฺส อนุกฺกเมน อุปสนฺตสฺส ทสสุ ทิสาสุ น กตฺถจิ คติ ปฺายติ ปจฺจยนิโรเธน อปฺปฏิสนฺธิกนิรุทฺธตฺตาติ. เอวํ สมฺมาวิมุตฺตานนฺติ สมฺมา เหตุนา าเยน ตทงฺควิกฺขมฺภนวิมุตฺติปุพฺพงฺคมาย ¶ สมุจฺเฉทวิมุตฺติยา อริยมคฺเคน จตูหิปิ อุปาทาเนหิ, อาสเวหิ จ มุตฺตตฺตา สมฺมา วิมุตฺตานํ, ตโต เอว กามพนฺธนสงฺขาตํ กาโมฆภโวฆาทิเภทํ อวสิฏฺโอฆฺจ ตริตฺวา ิตตฺตา กามพนฺโธฆตารีนํ สุฏฺุ ปฏิปสฺสมฺภิตสพฺพกิเลสวิปฺผนฺทิตตฺตา กิเลสาภิสงฺขารวาเตหิ อกมฺปนียตาย อจลํ นิพฺพานสงฺขาตํ สงฺขารูปสมํ สุขํ ปตฺตานํ อธิคตานํ ขีณาสวานํ คติ เทวมนุสฺสาทิเภทาสุ คตีสุ ‘‘อยํ นามา’’ติ ปฺาเปตพฺพตาย อภาวโต ปฺาเปตุํ นตฺถิ น อุปลพฺภติ, ยถาวุตฺตชาตเวโท วิย อปฺตฺติกภาวเมว เต คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. เอวํ มนสิ กโรนฺโตติ ‘‘เอวํ อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๑๕๓) อตฺตโน กตกิจฺจตฺตํ มนสิ กโรนฺโต โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺโนว วิโรจิตฺถาติ โยชนา.
ทุติยภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา
๖๔. ยนฺนูนาติ ¶ ¶ ปริวิตกฺกนตฺเถ นิปาโต, อหนฺติ ภควา อตฺตานํ นิทฺทิสตีติ อาห ‘‘ยทิ ปนาห’’นฺติ. ‘‘อฏฺเม สตฺตาเห’’ติอาทิ ยถา อมฺหากํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทนาทิวเสน สตฺตสุ สตฺตาเหสุ ปฏิปชฺชิ, ตโต ปรฺจ ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขณาทิวเสน, เอวเมว สพฺเพปิ สมฺมาสมฺพุทฺธา อภิสมฺพุทฺธกาเล ปฏิปชฺชึสุ, เต จ สตฺตาหาทโย ตเถว ววตฺถปียนฺตีติ อยํ สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ ธมฺมตา. ตสฺมา วิปสฺสี ภควา อภิสมฺพุทฺธกาเล ตถา ปฏิปชฺชีติ ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. ตตฺถ ‘‘อฏฺเม สตฺตาเห’’ติ อิทํ สตฺตมสตฺตาหโต ปรํ, สตฺตาหโต โอริเม จ ปวตฺตาย ปฏิปตฺติยา วเสน วุตฺตํ, น ปลฺลงฺกสตฺตาหสฺส วิย อฏฺมสฺส นาม สตฺตาหสฺส ววตฺถิตสฺส ลพฺภมานตฺตา. อนนฺตโรติ ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม’’ติอาทิโก วิตกฺโก (ที. นิ. ๒.๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗, ๘).
ปฏิวิทฺโธติ สยมฺภุาเณน ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ปฏิมุขํ ปฏิวิชฺฌนวเสน ปวตฺโต, ยถาภูตํ อวพุทฺโธติ อตฺโถ. ธมฺโมติ จตุสจฺจธมฺโม ตพฺพินิมุตฺตสฺส ¶ ปฏิวิชฺฌิตพฺพธมฺมสฺส อภาวโต. คมฺภีโรติ มหาสมุทฺโท วิย มกสตุณฺฑสูจิยา อฺตฺร สมุปจิตปริปกฺกาณสมฺภาเรหิ อฺเสํ าเณน อลพฺภเนยฺยปฺปติฏฺโ. เตนาห ‘‘อุตฺตานภาวปฏิกฺเขปวจนเมต’’นฺติ. อลพฺภเนยฺยปฺปติฏฺโ โอคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย สรูปโต วิเสสโต จ ปสฺสิตุํ น สกฺกาติ อาห ‘‘คมฺภีรตฺตาว ทุทฺทโส’’ติ. ทุกฺเขน ทฏฺพฺโพติ กิจฺเฉน เกนจิ กทาจิเทว ทฏฺพฺโพ. ยํ ปน ทฏฺุเมว น สกฺกา, ตสฺส โอคาเหตฺวา อนุ อนุ พุชฺฌเน กถา เอว นตฺถีติ อาห ‘‘ทุทฺทสตฺตาว ทุรนุโพโธ’’ติ. ทุกฺเขน อวพุชฺฌิตพฺโพ อวโพธสฺส ทุกฺกรภาวโต. อิมสฺมึ าเน ‘‘ตํ กึ มฺถ ภิกฺขเว ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕) สุตฺตปทํ ¶ วตฺตพฺพํ. สนฺตารมฺมณตาย วา สนฺโต. นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตาย นิพฺพุโต. ปธานภาวํ นีโตติ วา ปณีโต. อติตฺติกรฏฺเน อตปฺปโก สาทุรสโภชนํ วิย. เอตฺถ จ นิโรธสจฺจํ สนฺตํ อารมฺมณนฺติ สนฺตารมฺมณํ, มคฺคสจฺจํ สนฺตํ, สนฺตารมฺมณฺจาติ สนฺตารมฺมณํ อนุปสนฺตสภาวานํ กิเลสานํ, สงฺขารานฺจ อภาวโต สนฺโต นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตฺตา นิพฺพุโต, สนฺตปณีตภาเวเนว ตทตฺถาย อเสจนกตาย อตปฺปกตา ทฏฺพฺพา. เตนาห ‘‘อิทํ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. อุตฺตมาณสฺส วิสยตฺตา น ตกฺเกน อวจริตพฺโพ, ตโต เอว นิปุณาณโคจรตาย, สณฺหสุขุมสภาวตฺตา จ นิปุโณ. พาลานํ อวิสยตฺตา ปณฺฑิเตหิ เอว เวทิตพฺโพติ ปณฺฑิตเวทนีโย. อาลียนฺติ อภิรมิตพฺพฏฺเน ¶ เสวียนฺตีติ อาลยา, ปฺจ กามคุณา. อาลยนฺติ อภิรมณวเสน เสวนฺตีติ อาลยา, ตณฺหาวิจริตานิ. อาลยรตาติ อาลยนิรตา. สุฏฺุ มุทิตา อติวิย มุทิตา อนุกฺกณฺนโต. รมตีติ รตึ วินฺทติ กีฬติ ลฬติ. อิเม สตฺตา ยถา กามคุเณ, เอวํ ราคมฺปิ อสฺสาเทนฺติ อภินนฺทนฺติ เยวาติ วุตฺตํ ‘‘ทุวิธมฺปี’’ติอาทิ.
านํ สนฺธายาติ าน-สทฺทํ สนฺธาย. อตฺถโต ปน ‘‘าน’’นฺติ จ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เอว อธิปฺเปโต. ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านํ, สงฺขาราทีนํ ปจฺจยภูตา อวิชฺชาทโย. อิเมสํ สงฺขาราทีนํ ปจฺจยาติ อิทปฺปจฺจยา, อวิชฺชาทโยว. อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา ยถา เทโว เอว เทวตา ¶ , อิทปฺปจฺจยานํ วา อวิชฺชาทีนํ อตฺตโน ผลํ ปฏิจฺจ ปจฺจยภาโว ¶ อุปฺปาทนสมตฺถตา อิทปฺปจฺจยตา, เตน ปรมตฺถปจฺจยลกฺขโณ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต โหติ. ปฏิจฺจ สมุปฺปชฺชติ ผลํ เอตสฺมาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ปททฺวเยนาปิ ธมฺมานํ ปจฺจยฏฺโ เอว วิภาวิโต. เตนาห ‘‘สงฺขาราทิปจฺจยานํ อวิชฺชาทีนเมตํ อธิวจน’’นฺติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๗๐) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.
สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพนฺติ สพฺพสงฺขารสมถาทิปทาภิเธยฺยํ สพฺพํ, อตฺถโต นิพฺพานเมว. อิทานิ ตสฺส นิพฺพานภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตนฺติ นิพฺพานํ. อาคมฺมาติ ปฏิจฺจ อริยมคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยเหตุ. สมฺมนฺตีติ อปฺปฏิสนฺธิกูปสมวเสน สมฺมนฺติ. ตถา สนฺตา จ สวิเสสํ อุปสนฺตา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘วูปสมฺมนฺตี’’ติ, เอเตน สพฺเพ สงฺขารา สมฺมนฺติ เอตฺถาติ สพฺพสงฺขารสมโถ, นิพฺพานนฺติ ทสฺเสติ. สพฺพสงฺขารวิสํยุตฺเต หิ นิพฺพาเน สพฺพสงฺขารวูปสมปริยาโย ายาคโต เยวาติ. เสเสปเทสุปิ เอเสว นโย. อุปธียติ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ อุปธิ, ขนฺธาทโย. ปฏินิสฺสฏฺาติ สมุจฺเฉทวเสน ปริจฺจตฺตา โหนฺติ. สพฺพา ตณฺหาติ อฏฺสตปฺปเภทา สพฺพาปิ ตณฺหา. สพฺเพ กิเลสราคาติ กามราครูปราคาทิเภทา สพฺเพปิ กิเลสภูตา ราคา, สพฺเพปิ วา กิเลสา อิธ กิเลสราคาติ เวทิตพฺพา, น โลภวิเสสา เอว จิตฺตสฺส วิปรีตภาวาปาทนโต. ยถาห ‘‘รตฺตมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํ, ทุฏฺมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํ, มูฬฺหมฺปิ จิตฺตํ วิปริณต’’นฺติ (ปารา. ๒๗๑) วิรชฺชนฺตีติ ¶ อตฺตโน สภาวํ วิชหนฺติ. สพฺพํ ทุกฺขนฺติ ชรามรณาทิเภทํ สพฺพํ วฏฺฏทุกฺขํ. ภเวน ภวนฺติ เตน เตน ภเวน ภวนฺตรํ. ภวนิกนฺติภาเวน สํสิพฺพติ, ผเลน วา สทฺธึ กมฺมํ สตณฺหสฺเสว อายตึ ปุนพฺภวภาวโต. ตโต วานโต นิกฺขนฺตํ ตตฺถ ตสฺส สพฺพโส อภาวโต. จิรนิสชฺชาจิรภาสเนหิ ปิฏฺิอาคิลายนตาลุคลโสสาทิวเสน กายกิลมโถ เจว กายวิเหสา ¶ จ เวทิตพฺพา. สา จ โข เทสนาย อตฺถํ อชานนฺตานํ, อปฺปฏิปชฺชนฺตานฺจ วเสน, ชานนฺตานํ, ปน ปฏิปชฺชนฺตานฺจ เทสนาย กายปริสฺสโมปิ สตฺถุ อปริสฺสโมว. เตนาห ภควา ‘‘น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสสี’’ติ (อุทา. ๑๐). ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ยา อชานนฺตานํ เทสนา นาม, โส มม กิลมโถ อสฺสา’’ติ. อุภยนฺติ จิตฺตกิลมโถ, จิตฺตวิเหสา ¶ จาติ อุภยํ เปตํ พุทฺธานํ นตฺถิ, โพธิมูเลเยว สมุจฺฉินฺนตฺตา.
๖๕. อนุพฺรูหนํ สมฺปิณฺฑนํ. โสติ ‘‘อปิสฺสู’’ติ นิปาโต. วิปสฺสินฺติ ปฏิ-สทฺทโยเคน สามิอตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘วิปสฺสิสฺสา’’ติ. วุทฺธิปฺปตฺตา อจฺฉริยา วา อนจฺฉริยา. วุทฺธิอตฺโถปิ หิ อกาโร โหติ ยถา‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกาย ๑๑). กปฺปานํ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สตสหสฺสฺจ สเทวกสฺส โลกสฺส ธมฺมสํวิภาคกรณตฺถเมว ปารมิโย ¶ ปูเรตฺวา อิทานิ สมธิคตธมฺมราชสฺส ตตฺถ อปฺโปสฺสุกฺกตาปตฺติทีปนตา, คาถาตฺถสฺส อจฺฉริยตา, ตสฺส วุทฺธิปฺปตฺติ จาติ เวทิตพฺพา. อตฺถทฺวาเรน หิ คาถานํ อนจฺฉริยตา. โคจรา อเหสุนฺติ อุปฏฺหึสุ. อุปฏฺานฺจ วิตกฺเกตพฺพตาวาติ อาห ‘‘ปริวิตกฺกยิตพฺพตํ ปาปุณึสู’’ติ.
ยทิ สุขาปฏิปทาว กถํ กิจฺฉตาติ อาห ‘‘ปารมีปูรณกาเล’’ติอาทิ. เอวมาทีนิ ทุปฺปริจฺจชานิ เทนฺตสฺส. ห-อิติ วา พฺยตฺตนฺติ เอตสฺมึ อตฺเถ นิปาโต, ‘‘เอกํสตฺเถ’’ติ เกจิ. ห พฺยตฺตํ, เอกํเสน วา อลํ นิปฺปโยชนํ เอวํ กิจฺเฉน อธิคตสฺส ธมฺมสฺส เทเสตุนฺติ โยชนา. หลนฺติ ‘‘อล’’นฺติ อิมินา สมานตฺถํ ปทํ ‘‘หลนฺติ วทามี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑๗๒) วิย. ราคโทสผุฏฺเหีติ ผุฏฺวิเสน วิย สปฺเปน ราเคน, โทเสน จ สมฺผุฏฺเหิ อภิภูเตหิ. ราคโทสานุคเตหีติ ราคโทเสหิ อนุพนฺเธหิ.
นิจฺจาทีนนฺติ นิจฺจคฺคาหาทีนํ. เอวํ คตนฺติ เอวํ ปวตฺตํ อนิจฺจาทิอากาเรน ปวตฺตํ. ‘‘จตุสจฺจธมฺม’’นฺติ อิทํ อนิจฺจาทีสุ, สจฺเจสุ จ ยถาลาภวเสน คเหตพฺพํ. เอวํ คตนฺติ วา เอวํ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา อภินิวิสิตฺวา มยา, อฺเหิ จ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ คตํ, าตํ ปฏิวิทฺธนฺติ อตฺโถ. กามราเคน, ภวราเคน จ รตฺตา นีวรเณหิ นิวุตจิตฺตตาย, ทิฏฺิราเคน รตฺตา วิปรีตาภินิเวเสน น ทกฺขนฺติ ยาถาวโต อิมํ ธมฺมํ นปฺปฏิวิชฺฌิสฺสนฺติ. เอวํ คาหาเปตุนฺติ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา สภาเวน ยาถาวโต ธมฺเม ¶ ชานาเปตุํ. ราคโทสปเรตตาปิ เนสํ สมฺมูฬฺหภาเวเนวาติ อาห ‘‘ตโมขนฺเธน อาวุฏา’’ติ.
ธมฺมเทสนาย ¶ อปฺโปสฺสุกฺกตาปตฺติยา การณํ วิภาเวตุํ ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทินา สยเมว โจทนํ สมุฏฺาเปติ. ตตฺถ ยถายํ อิทานิ ธมฺมเทสนาย ¶ อปฺโปสฺสุกฺกตาปตฺติ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณธมฺมตาวเสน, สพฺพโพธิสตฺตานํ อาทิโต ‘‘กึ เม อฺาตเวเสนา’’ติอาทินา (พุ. วํ. ๒.๙๙) มหาภินีหาเร อตฺตโน จิตฺตสฺส สมุสฺสาหนํ อาจิณฺณสมาจิณฺณธมฺมตา วาติ อาห ‘‘กึ เม’’ติอาทิ. ตตฺถ อฺาตเวเสนาติ สเทวกํ โลกํ อุนฺนาเทนฺโต พุทฺโธ อหุตฺวา เกวลํ พุทฺธานํ สาวกภาวูปคมนวเสน อฺาตรูเปน. ติวิธํ การณํ อปฺโปสฺสุกฺกตาปตฺติยา ปฏิปกฺขสฺส พลวภาโว, ธมฺมสฺส ปรมคมฺภีรตา, ตตฺถ จ ภควโต สาติสยํ คารวนฺติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ปฏิปกฺขา นาม ราคาทโย กิเลสา สมฺมาปฏิปตฺติยา อนฺตรายกรตฺตา. เตสํ พลวภาวโต จิรปริภาวนาย สตฺตสนฺตานโต ทุพฺพิโสธิยตาย เต สตฺเต มตฺตหตฺถิโน วิย ทุพฺพลํ ปุริสํ อชฺโฌตฺถริตฺวา อนยพฺยสนํ อาปาเทนฺตา อเนกสตโยชนายามวิตฺถารํ สุนิจิตํ ฆนสนฺนิเวสํ กณฺฏกทุคฺคมฺปิ อธิเสนฺติ. ทูรปฺปเภท ทุจฺเฉชฺชตาหิ ทุพฺพิโสธิยตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จ อนฺโต อามฏฺตาย กฺชิกปุณฺณลาพุ จิรปริวาสิกตาย ตกฺกภริตจาฏิ สฺเนหตินฺตทุพฺพลภาเวน วสาเตลปีตปิโลติกา; เตลมิสฺสิตตาย อฺชนมกฺขิตหตฺถา ทุพฺพิโสธนียา วุตฺตา. หีนูปมา ¶ เจตา รูปปฺปพนฺธภาวโต, อจิรกาลิกตฺตา จ มลีนตาย, กิเลสสํกิเลโส เอว ปน ทุพฺพิโสธนียตโร อนาทิกาลิกตฺตา, อนุสยิตตฺตา จ. เตนาห ‘‘อติสํกิลิฏฺา’’ติ. ยถา จ ทุพฺพิโสธนียตาย เอวํ คมฺภีรทุทฺทสทุรนุโพธานมฺปิ วุตฺตอุปมา หีนูปมาว.
คมฺภีโรปิ ธมฺโม ปฏิปกฺขวิธมเนน สุปากโฏ ภเวยฺย, ปฏิปกฺขวิธมนํ ปน สมฺมาปฏิปตฺติปฏิพทฺธํ, สา สทฺธมฺมสวนาธีนา, ตํ สตฺถริ, ธมฺเม จ ปสาทายตฺตํ. โส วิเสสโต โลเก สมฺภาวนียสฺส ครุกาตพฺพสฺส อภิปตฺถนาเหตุโกติ ปนาฬิกาย สตฺตานํ ธมฺมสมฺปฏิปตฺติยา พฺรหฺมยาจนาทินิมิตฺตนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห.
๖๖. ‘‘อฺตโร’’ติ อปฺปฺาโต วิย กิฺจาปิ วุตฺตํ, อถ โข ปากโฏ ปฺาโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ เชฏฺกมหาพฺรหฺมา’’ติ วุตฺตํ. มหาพฺรหฺมภวเน เชฏฺกมหาพฺรหฺมา. โส หิ สกฺโก วิย ¶ กามเทวโลเก, พฺรหฺมโลเก จ ปากโฏ ปฺาโต. อุปกฺกิเลสภูตํ อปฺปํ ราคาทิรชํ เอตสฺสาติ อปฺปรชํ, อปฺปรชํ อกฺขิ ปฺาจกฺขุ เยสํ เต ตํสภาวาติ กตฺวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺามเย’’ติอาทิมาห. อปฺปํ ราคาทิรชํ เยสํ เต ตํสภาวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อสฺสวนตาติ ‘‘สยํ ¶ อภิฺา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘, ๔๐๕; ม. นิ. ๑.๑๕๔, ๔๔๔) วิย กรเณ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘อสฺสวนตายา’’ติ. ทสปฺุกิริยวตฺถุวเสนาติ ทานาทิทสวิธวิมุตฺติปริปาจนียปฺุกิริยวตฺถูนํ วเสน. เตนาห ‘‘กตาธิการา’’ติอาทิ. ปปฺจสูทนิยํ ปน ‘‘ทฺวาทสปฺุกิริยวเสนา’’ติ ¶ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๘๒) วุตฺตํ, ตํ ทานาทีสุ สรณคมนปรหิตปริณามนทฺวย ปกฺขิปนวเสน วุตฺตํ.
๖๙. ครุฏฺานิเยสุ คารววเสน ครุกรปตฺถนา อชฺเฌสนา, สาปิ อตฺถโต ปตฺถนา เอวาติ วุตฺตํ ‘‘ยาจน’’นฺติ. ปเทสวิสยาณทสฺสนํ หุตฺวา พุทฺธานํเยว อาเวณิกภาวโต อิทํ าณทฺวยํ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘อิเมสฺหิ ทฺวินฺนํ าณานํ พุทฺธจกฺขูติ นาม’’นฺติ. ติณฺณํ มคฺคาณานนฺติ เหฏฺิมานํ ติณฺณํ มคฺคาณานํ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติ นามํ, จตุสจฺจธมฺมทสฺสนนฺติ กตฺวา ทสฺสนมตฺตภาวโต. ยโต ตานิ าณานิ วิชฺชูปมาภาเวน วุตฺตานิ, อคฺคมคฺคาณํ ปน าณกิจฺจสฺส สิขาปฺปตฺติยา ทสฺสนมตฺตํ น โหตีติ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติ น วุจฺจตีติ. ยโต ตํ วชิรูปมาภาเวน วุตฺตํ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘อปฺปรชกฺขชาติกา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว. ยสฺมา มนฺทกิเลสา ‘‘อปฺปรชกฺขา’’ติ วุตฺตา, ตสฺมา พหลกิเลสา ‘‘มหารชกฺขา’’ติ เวทิตพฺพา. ปฏิปกฺขวิธมนสมตฺถตาย ติกฺขานิ สูรานิ วิสทานิ, วุตฺตวิปริยาเยน มุทูนิ. สทฺธาทโย อาการาติ สทฺทหนาทิปฺปกาเร วทติ. สุนฺทราติ กลฺยาณา. สมฺโมหวิโนทนิยํ ปน ‘‘เยสํ อาสยาทโย โกฏฺาสา สุนฺทรา, เต สฺวาการา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๘๑๔) วุตฺตํ, ตํ อิมาย อตฺถวณฺณนาย อฺทตฺถุ สํสนฺทติ ¶ สเมตีติ ทฏฺพฺพํ. ยโต สทฺธาสมฺปทาทิวเสน อชฺฌาสยสฺส สุนฺทรตาติ, ตพฺพิปริยายโต อสุนฺทรตาติ. การณํ นาม ปจฺจยากาโร, สจฺจานิ วา. ปรโลกนฺติ สมฺปรายํ. ตํ ทุกฺขาวหํ วชฺชํ วิย ภยโต ปสฺสิตพฺพนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปรโลกฺเจว วชฺชฺจ ภยโต ปสฺสนฺตี’’ติ. สมฺปตฺติภวโต วา อฺตฺตา วิปตฺติภโว ‘‘ปรโลโก’’ติ วุตฺตํ ‘‘ปร…เป… ปสฺสนฺตี’’ติ.
อยํ ¶ ปเนตฺถ ปาฬีติ เอตฺถ ‘‘อปฺปรชกฺขา’’ทิปทานํ อตฺถวิภาวเน อยํ ตสฺส ตถาภาวสาธกปาฬิ. สทฺธาทีนฺหิ วิมุตฺติปริปาจกธมฺมานํ พลวภาโว ตปฺปฏิปกฺขานํ ปาปธมฺมานํ ทุพฺพลภาเวเนว โหติ, เตสฺจ พลวภาโว สทฺธาทีนํ ทุพฺพลภาเวนาติ วิมุตฺติปริปาจกธมฺมานํ สวิเสสํ อตฺถิตานตฺถิตาวเสน ‘‘อปฺปรชกฺขา มหารชกฺขา’’ติ อาทโย ปาฬิยํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๑) วิภชิตฺวา ทสฺสิตา. อิติ สทฺธาทีนํ วเสน ปฺจ อปฺปรชกฺขา, อสทฺธิยาทีนํ วเสน ปฺจ มหารชกฺขา. เอวํ ติกฺขินฺทฺริยมุทินฺทฺริยาทโยติ วิภาวิตา ปฺาส ปุคฺคลา. สทฺธาทีนํ ปน อนฺตรเภเทน อเนกเภทา เวทิตพฺพา. ขนฺธาทโย เอว ¶ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก, สมฺปตฺติภวภูโต โลโก สมฺปตฺติภวโลโก, สุคติสงฺขาโต อุปปตฺติภโว, สมฺปตฺติ สมฺภวติ เอเตนาติ สมฺปตฺติสมฺภวโลโก สุคติสํวตฺตนิโย กมฺมภโว. ทุคฺคติสงฺขาตอุปปตฺติภวทุคฺคติสํวตฺตนิยกมฺมภวา วิปตฺติภวโลกวิปตฺติสมฺภวโลกา.
ปุน เอกกทุกาทิวเสน โลกํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เอโก โลโก’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาหาราทโย หิ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ. ตตฺถ ‘‘เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๓; อ. นิ. ๑๐.๒๗, ๒๘; ปฏิ. ม. ๑.๒, ๑๑๒, ๒๐๘) ยายํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย สพฺพสงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตา วุตฺตา, ตาย สพฺโพ สงฺขารโลโก เอโก เอกวิโธ ปการนฺตรสฺสาภาวโต. ‘‘ทฺเว โลกา’’ติอาทีสุปิ อิมินา ¶ นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นามคฺคหเณน เจตฺถ นิพฺพานสฺส อคฺคหณํ ตสฺส อโลกสภาวตฺตา. นนุ จ ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ เอตฺถ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย มคฺคผลานมฺปิ โลกตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ ปริฺเยฺยานํ ทุกฺขสจฺจธมฺมานํ ‘‘อิธ โลโก’’ติ อธิปฺเปตตฺตา. อถ วา น ลุชฺชติ น ปลุชฺชตีติ โย คหิโต, ตถา น โหติ, โส โลโกติ ตํคหณรหิตานํ โลกุตฺตรานํ นตฺถิ โลกตา. อุปาทานานํ อารมฺมณภูตา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา. อนุโรธาทิวตฺถุภูตา ลาภาทโย อฏฺ โลกธมฺมา. ทสายตนานีติ ทส รูปายตนานิ วิวฏฺฏชฺฌาสยสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ตสฺส จ สพฺพํ เตภูมกกมฺมํ ครหิตพฺพํ, วชฺชิตพฺพฺจ หุตฺวา อุปฏฺาตีติ วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ อภิสงฺขารา วชฺชํ, สพฺเพ ภวคามิกมฺมา วชฺช’’นฺติ. เยสํ ¶ ปุคฺคลานํ สทฺธาทโย มนฺทา, เต อิธ ‘‘อสฺสทฺธา’’ติอาทินา วุตฺตา. น ปน สพฺเพน สพฺพํ สทฺธาทีนํ อภาวโตติ อปฺปรชกฺขทุกาทีสุ ปฺจสุ ทุเกสุ เอเกกสฺมึ ทส ทส กตฺวา ‘‘ปฺาสาย อากาเรหิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ. อถ วา อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ปโรปริยตฺตํ ชานาตีติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ. เอตฺถ จ อปฺปรชกฺขาทิวเสน อาวชฺชนฺตสฺส ภควโต เต สตฺตา ปฺุชปฺุชาว หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, น เอเกกา.
อุปฺปลานิ เอตฺถ สนฺตีติ อุปฺปลินี, คจฺโฉปิ ชลาสโยปิ, อิธ ปน ชลาสโย อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อุปฺปลวเน’’ติ. ยานิ อุทกสฺส อนฺโต นิมุคฺคาเนว หุตฺวา ปุสนฺติ วฑฺฒนฺติ, ตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนี.ทีปิตานีติ อฏฺกถายํ ปกาสิตานิ, อิเธว วา ‘‘อฺานิปี’’ติอาทินา ทีปิตานิ. อุคฺฆฏิตฺูติ อุคฺฆฏนํ นาม าณุคฺฆฏนํ, าเณ อุคฺฆฏิตมตฺเต เอว ชานาตีติ อตฺโถ. วิปฺจิตํ ¶ วิตฺถารเมวมตฺถํ ชานาตีติ วิปฺจิตฺู. อุทฺเทสาทีหิ เนตพฺโพติ เนยฺโย. สห อุทาหฏเวลายาติ อุทาหาเร ธมฺมสฺส อุทฺเทเส อุทาหฏมตฺเต เอว. ธมฺมาภิสมโยติ จตุสจฺจธมฺมสฺส าเณน สทฺธึ อภิสมโย. อยํ วุจฺจตีติ อยํ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา ¶ นเยน สงฺขิตฺเตน มาติกาย ทีปิยมานาย เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิตุํ สมตฺโถ ‘‘ปุคฺคโล อุคฺฆฏิตฺู’’ติ วุจฺจติ. อยํ วุจฺจตีติ อยํ สงฺขิตฺเตน มาติกํ เปตฺวา วิตฺถาเรน อตฺเถ วิภชิยมาเน อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ ‘‘ปุคฺคโล วิปฺจิตฺู’’ติ วุจฺจติ. อุทฺเทสโตติ อุทฺเทสเหตุ, อุทฺทิสนฺตสฺส, อุทฺทิสาเปนฺตสฺส วาติ อตฺโถ. ปริปุจฺฉโตติ อตฺถํ ปริปุจฺฉนฺตสฺส. อนุปุพฺเพนธมฺมาภิสมโย โหตีติ อนุกฺกเมน อรหตฺตปฺปตฺโต โหติ. น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหตีติ เตน อตฺตภาเวน มคฺคํ วา ผลํ วา อนฺตมโส ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกติ. อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโมติ อยํ ปุคฺคโล พฺยฺชนปทเมว ปรมํ อสฺสาติ ‘‘ปทปรโม’’ติ วุจฺจติ.
เยติ เย ทุวิเธ ปุคฺคเล สนฺธาย วุตฺตํ วิภงฺเค กมฺมาวรเณนาติ ปฺจวิเธน อานนฺตริยกมฺเมน. วิปากาวรเณนาติ อเหตุกปฏิสนฺธิยา. ยสฺมา ทุเหตุกานมฺปิ อริยมคฺคปฏิเวโธ นตฺถิ, ตสฺมา ทุเหตุกปฏิสนฺธิปิ ¶ ‘‘วิปากาวรณเมวา’’ติ เวทิตพฺพา. กิเลสาวรเณนาติ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิยา. อสฺสทฺธาติ พุทฺธาทีสุ สทฺธา รหิตา. อจฺฉนฺทิกาติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทรหิตา, อุตฺตรกุรุกา มนุสฺสา อจฺฉนฺทิกฏฺานํ ปวิฏฺา. ทุปฺปฺาติ ภวงฺคปฺาย ปริหีนา, ภวงฺคปฺาย ปน ปริปุณฺณายปิ ยสฺส ภวงฺคํ โลกุตฺตรสฺส ปจฺจโย น โหติ, โสปิ ทุปฺปฺโ เอว นาม. อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุสมฺมตฺตนฺติ ¶ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตนิยามสงฺขาตํ อริยมคฺคํ โอกฺกมิตุํ อธิคนฺตุํ อภพฺพา. ‘‘น กมฺมาวรเณนา’’ติอาทีนิ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพานิ.
‘‘ราคจริตา’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถทีปนิยํ [ปรมตฺถมฺชูสายํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายนฺติ ภวิตพฺพํ –
‘‘สา เอสา ปรมตฺถานํ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;
นิธานโต ปรมตฺถ-มฺชูสา นาม นามโต’’ติ. (วิสุทฺธิมคฺคมหาฏีกาย นิคมเน สยเมว วุตฺตตฺตา)] วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ;
๗๐. อารพฺภาติ อตฺตโน อธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส ภควโต ชานาปนํ อุทฺทิสฺสาติ อตฺโถ. เสโล ปพฺพโต อุจฺโจ โหติ ถิโร จ, น ปํสุปพฺพโต, มิสฺสกปพฺพโต วาติ อาห ‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนี’’ติ. ธมฺมมยํ ปาสาทนฺติ โลกุตฺตรธมฺมมาห. โส หิ ปพฺพตสทิโส จ โหติ สพฺพธมฺเม อติกฺกมฺม อพฺภุคฺคตฏฺเน ปาสาทสทิโส จ, ปฺาปริยาโย วา อิธ ธมฺม-สทฺโท ¶ . สา หิ อพฺภุคฺคตฏฺเน ปาสาโทติ อภิธมฺเม (ธ. ส. อฏฺ. ๑๖) นิทฺทิฏฺา. ตถา จาห –
‘‘ปฺาปาสาทมารุยฺห, อโสโก โสกินึ ปชํ;
ปพฺพตฏฺโว ภูมฏฺเ, ธีโร พาเล อเวกฺขตี’’ติ. (ธ. ป. ๒๘);
‘‘ยถา หี’’ติอาทีสุ ยถา ปพฺพเต ตฺวา รตฺตนฺธกาเร เหฏฺา โอโลเกนฺตสฺส ปุริสสฺส เขตฺเต เกทารปาฬิกุฏิโย, ตตฺถ สยิตมนุสฺสา จ น ปฺายนฺติ อนุชฺชลภาวโต. กุฏิกาสุ ปน อคฺคิชาลา ปฺายติ อุชฺชลภาวโต เอวํ ธมฺมปาสาทมารุยฺห สตฺตโลกํ โอโลกยโต ภควโต าณสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ อกตกลฺยาณา สตฺตา าณคฺคินา อนุชฺชลภาวโต, อนุฬารภาวโต จ รตฺตึ ขิตฺตา สรา ¶ วิย โหนฺติ. กตกลฺยาณา ปน ภพฺพปุคฺคลา ทูเร ิตาปิ ภควโต าณสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ ปริปกฺกาณคฺคิตาย ¶ สมุชฺชลภาวโต, อุฬารสนฺตานตาย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จาติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.
อุฏฺเหีติ ตฺวํ ธมฺมเทสนาย อปฺโปสฺสุกฺกตาสงฺขาตสงฺโกจาปตฺติโต กิลาสุภาวโต อุฏฺห. วีริยวนฺตตายาติ สาติสย จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยวนฺตตาย. วีรสฺส หิ ภาโว, กมฺมํ วา วีริยํ. กิเลสมารสฺส วิย มจฺจุมารสฺสปิ อายตึ อสมฺภวโต ‘‘มจฺจุกิเลสมาราน’’นฺติ วุตฺตํ. อภิสงฺขารมารวิชยสฺส อคฺคหณํ กิเลสมารวิชเยเนว ตพฺพิชยสฺส โชติตภาวโต. วาหนสมตฺถตายาติ สํสารมหากนฺตารโต นิพฺพานสงฺขาตํ เขมปฺปเทสํ สมฺปาปนสมตฺถตาย.
๗๑. ‘‘อปารุตํ เตสํ อมตสฺส ทฺวาร’’นฺติ เกจิ ปนฺติ. นิพฺพานสฺส ทฺวารํ ปวิสนมคฺโค วิวริตฺวา ปิโต มหากรุณูปนิสฺสเยน สยมฺภุาเณน อธิคตตฺตา. สทฺธํ ปมฺุจนฺตูติ สทฺธํ ปเวเทนฺตุ, อตฺตโน สทฺทหนาการํ อุปฏฺาเปนฺตูติ อตฺโถ. สุเขน อกิจฺเฉน ปวตฺตนียตาย สุปฺปวตฺติตํ. น ภาสึ น ภาสิสฺสามีติ จินฺเตสิ.
อคฺคสาวกยุควณฺณนา
๗๓. สลฺลปิตฺวาติ ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต อาวุโส อินฺทฺริยานี’’ติอาทินา (มหาว. ๖๐) อาลาปสลฺลาปํ กตฺวา. ตฺหิสฺส อปรภาเค สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมนสฺส ปจฺจโย อโหสิ.
๗๕-๖. อนุปุพฺพึ ¶ กถนฺติ อนุปุพฺพิยา อนุปุพฺพํ กเถตพฺพํ กถํ. กา ปน สาติ? ทานาทิกถา. ตตฺถ ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุ ปวตฺติยา สพฺพสาธารณตฺตา, สุกรตฺตา, สีเล ปติฏฺานสฺส อุปายภาวโต จ อาทิโต กถิตา. ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ ¶ นิสฺสงฺคภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฏฺิโต โหติ. สีเลน ทายกปฏิคฺคาหกวิสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต, กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต, โภคสมฺปตฺติเหตุํ ¶ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กถิตา, ตฺเจ ทานสีลํ วฏฺฏนิสฺสิตํ, อยํ ภวสมฺปตฺติ ตสฺส ผลนฺติ ทสฺสนตฺถํ, อิเมหิ จ ทานสีลมเยหิ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺเนหิ ปฺุกิริยวตฺถูหิ เอตา จาตุมหาราชิกาทีสุ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺนา อปริเมยฺยา ทิพฺพโภคภวสมฺปตฺติโย โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สคฺคกถํ. วตฺวา อยํ สคฺโค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺโ, สพฺพทา อนุปกฺกิลิฏฺโ อริยมคฺโคติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคานนฺตรํ มคฺคกถา กเถตพฺพา. มคฺคฺจ กเถนฺเตน ตทธิคมุปายทสฺสนตฺถํ สคฺคปริยาปนฺนาปิ, ปเคว อิตเร สพฺเพปิ กามา นาม พหฺวาทีนวา, อนิจฺจา อธุวา, วิปริณามธมฺมาติ กามานํ อาทีนโว, หีนา, คมฺมา, โปถุชฺชนิกา, อนริยา, อนตฺถสฺหิตาติ เตสํ โอกาโร ลามกภาโว, สพฺเพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ ตตฺถ สํกิเลโส, สพฺพโส กิเลสวิปฺปมุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขมฺเม อานิสํโส จ กเถตพฺโพติ อยมตฺโถ มคฺคนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺเทน อาทิอตฺถโชตเกน โพธิโตติ เวทิตพฺพํ.
สุขานํ นิทานนฺติ ทิฏฺธมฺมิกานํ, สมฺปรายิกานํ, นิพฺพานปฏิสํยุตฺตานฺจาติ สพฺเพสมฺปิ สุขานํ การณํ. ยฺหิ กิฺจิ โลเก โภคสุขํ นาม, ตํ สพฺพํ ทานนิทานนฺติ ปากโฏ ยมตฺโถ. ยํ ปน ตํ ¶ ฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานปฏิสํยุตฺตํ สุขํ, ตสฺสาปิ ทานํ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติเยว. สมฺปตฺตีนํ มูลนฺติ ยา อิมา โลเก ปเทสรชฺชํ สิริสฺสริยํ สตฺตรตนสมุชฺชลจกฺกวตฺติสมฺปทาติ เอวํปเภทา มานุสิกา สมฺปตฺติโย, ยา จ จาตุมหาราชิกจาตุมหาราชาทิเภทา ทิพฺพสมฺปตฺติโย, ยา วา ปนฺาปิ สมฺปตฺติโย, ตาสํ สพฺพาสํ อิทํ ทานํ นาม มูลํ การณํ. โภคานนฺติ ภฺุชิตพฺพฏฺเน ‘‘โภโค’’ติ ลทฺธนามานํ มนาปิยรูปาทีนํ, ตนฺนิสฺสยานฺจ อุปโภคสุขานํ. อวสฺสยฏฺเน ปติฏฺา. วิสมคตสฺสาติ พฺยสนปฺปตฺตสฺส. ตาณนฺติ รกฺขา ตโต ปริปาลนโต. เลณนฺติ พฺยสเนหิ ปริปาจิยมานสฺส โอลียนปเทโส. คตีติ คนฺตพฺพฏฺานํ. ปรายณนฺติ ปฏิสรณํ. อวสฺสโยติ วินิปติตุํ อเทนฺโต นิสฺสโย. อารมฺมณนฺติ โอลุพฺภารมฺมณํ.
รตนมยสีหาสนสทิสนฺติ สพฺพรตนมยสตฺตงฺคมหาสีหาสนสทิสํ มหคฺฆํ หุตฺวา สพฺพโส วินิปติตุํ ¶ อปฺปทานโต. มหาปถวิสทิสํ คตคตฏฺาเน ¶ ปติฏฺาย ลภาปนโต. อาลมฺพนรชฺชุสทิสนฺติ ยถา ทุพฺพลสฺส ปุริสสฺส อาลมฺพนรชฺชุ อุตฺติฏฺโต, ติฏฺโต จ อุปตฺถมฺโภ, เอวํ ทานํ สตฺตานํ สมฺปตฺติภเว อุปฺปตฺติยา, ิติยา จ ปจฺจยภาวโต. ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเนาติ ทุคฺคติทุกฺขนิตฺถรณฏฺเน. สมสฺสาสนฏฺเนาติ ¶ โลภมจฺฉริยาทิปฏิสตฺตุปทฺทวโต สมฺมเทว อสฺสาสนฏฺเน. ภยปริตฺตาณฏฺเนาติ ทาลิทฺทิยภยโต ปริปาลนฏฺเน. มจฺเฉรมลาทีหีติ มจฺเฉรโลภโทสอิสฺสาวิจิกิจฺฉาทิฏฺิ อาทิจิตฺตมเลหิ. อนุปลิตฺตฏฺเนาติ อนุปกฺกิลิฏฺตาย. เตสนฺติ มจฺเฉรมลาทิกจวรานํ. เอเตหิ เอว ทุราสทฏฺเน. อสนฺตาสนฏฺเนาติ อนภิภวนียตาย สนฺตาสาภาเวน. โย หิ ทายโก ทานปติ, โส สมฺปติปิ กุโตจิ น ภายติ, ปเคว อายตึ. ธมฺมสีเสน ปุคฺคโล วุตฺโต. พลวนฺตฏฺเนาติ มหาพลวตาย. ทายโก หิ ทานปติ สมฺปติ ปกฺขพเลน พลวา โหติ, อายตึ ปน กายพลาทีหิปิ. อภิมงฺคลสมฺมตฏฺเนาติ ‘‘วฑฺฒิการณ’’นฺติ อภิสมฺมตภาเวน. วิปตฺติภวโต สมฺปตฺติภวูปนยนํ เขมนฺตภูมิสมฺปาปนํ, ภวสงฺคามโต โยคกฺเขมสมฺปาปนฺจ เขมนฺตภูมิสมฺปาปนฏฺโ.
อิทานิ ทานํ วฏฺฏคตา อุกฺกํสปฺปตฺตา สมฺปตฺติโย วิย วิวฏฺฏคตาปิ ตา สมฺปาเทตีติ โพธิจริยภาเวนปิ ทานคุเณ ทสฺเสตุํ ‘‘ทานฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สกฺกมารพฺรหฺมสมฺปตฺติโย อตฺตหิตาย เอว, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติ ปน อตฺตหิตาย, ปรหิตาย จาติ ทสฺเสตุํ สา ตาสํ ปรโต วุตฺตา, เอตา โลกิยา, อิมา ปน โลกุตฺตราติ ทสฺเสตุํ ตโต ปรํ ‘‘สาวกปารมีาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ อุกฺกฏฺุกฺกฏฺตรุกฺกฏฺตมาติ ทสฺเสตุํ กเมน าณตฺตยํ วุตฺตํ. เตสํ ปน ทานสฺส ปจฺจยภาโว เหฏฺา วุตฺโต เอว. เอเตเนวสฺส พฺรหฺมสมฺปตฺติยาปิ ปจฺจยภาโว ทีปิโตติ เวทิตพฺโพ.
ทานฺจ นาม ทกฺขิเณยฺเยสุ หิตชฺฌาสเยน วา ปูชนชฺฌาสเยน วา อตฺตโน สนฺตกสฺส ปเรสํ ปริจฺจชนํ, ตสฺมา ทายโก สตฺเตสุ เอกนฺตหิตชฺฌาสโย ปุริสปุคฺคโล, โส ‘‘ปเรสํ หึสติ, ปเรสํ วา สนฺตกํ หรตี’’ติ อฏฺานเมตนฺติ อาห ‘‘ทานํ ททนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกตี’’ติ. สีลสทิโส อลงฺกาโร นตฺถีติ อกิตฺติมํ หุตฺวา สพฺพกาลํ โสภาวิเสสาวหตฺตา. สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถีติ เอตฺถาปิ ¶ เอเสว นโย. สีลคนฺธสทิโส คนฺโธ นตฺถีติ เอตฺถ ‘‘จนฺทนํ ¶ ตครํ วาปี’’ติอาทิกา (ธ. ป. ๕๕) คาถา, ‘‘คนฺโธ อิสีนํ จิรทิกฺขิตานํ, กายา จุโต คจฺฉติ มาลุเตนา’’ติอาทิกา (ชา. ๒.๑๗.๕๕) จ วตฺตพฺพา ¶ . สีลฺหิ สตฺตานํ อาภรณฺเจว อลงฺกาโร จ คนฺธวิเลปนฺจ ปรสฺส ทสฺสนียภาวาวหฺจ. เตนาห ‘‘สีลาลงฺกาเรน หี’’ติอาทิ.
‘‘อยํ สคฺโค ลพฺภตี’’ติ อิทํ มชฺฌิเมหิ ฉนฺทาทีหิ อารทฺธํ สีลํ สนฺธายาห. เตนาห สกฺโก เทวราชา –
‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๒๙);
อิฏฺโติ สุโข, กนฺโตติ กมนีโย, มนาโปติ มนวฑฺฒนโก, ตํ ปนสฺส อิฏฺาทิภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิจฺจเมตฺถ กีฬา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิจฺจนฺติ สพฺพกาลํ กีฬาติ กามูปสํหิตา สุขวิหารา. สมฺปตฺติโยติ โภคสมฺปตฺติโย. ทิพฺพนฺติ ทิพฺพภวํ เทวโลกปริยาปนฺนํ. สุขนฺติ กายิกํ, เจตสิกฺจ สุขํ. ทิพฺพสมฺปตฺตินฺติ ทิพฺพภวํ อายุสมฺปตฺตึ, วณฺณยสอิสฺสริยสมฺปตฺตึ, รูปาทิสมฺปตฺติฺจ. เอวมาทีติ อาทิ-สทฺเทน ยามาทีหิ อนุภวิตพฺพํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ วทติ.
อปฺปสฺสาทาติ นิรสฺสาทา ปณฺฑิเตหิ ยถาภูตํ ปสฺสนฺเตหิ ตตฺถ อสฺสาเทตพฺพตาภาวโต. พหุทุกฺขาติ มหาทุกฺขา สมฺปติ, อายติฺจ วิปุลทุกฺขานุพนฺธตฺตา. พหุปายาสาติ อเนกวิธปริสฺสยา. เอตฺถาติ กาเมสุ. ภิยฺโยติ พหุํ. โทโสติ อนิจฺจตาทินา, อปฺปสฺสาทตาทินา จ ทูสิตภาโว, ยโต เต วิฺูนํ จิตฺตํ นาราเธนฺติ. อถ วา อาทีนํ วาติ ปวตฺตตีติ อาทีนโว, ปรมกปณตา, ตถา ¶ จ กามา ยถาภูตํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ ปจฺจุปติฏฺนฺติ. ลามกภาโวติ นิหีนภาโว อเสฏฺเหิ เสวิตพฺพตฺตา, เสฏฺเหิ น เสวิตพฺพตฺตา จ. สํกิลิสฺสนนฺติ วิพาเธตพฺพตา อุปตาเปตพฺพตา. เนกฺขมฺเม อานิสํสนฺติ เอตฺถ ยตฺตกา กาเมสุ อาทีนวา, ตปฺปฏิปกฺขโต ตตฺตกา เนกฺขมฺเม อานิสํสา. อปิ จ ‘‘เนกฺขมฺมํ นาเมตํ อสมฺพาธํ อสํกิลิฏฺํ, นิกฺขนฺตํ กาเมหิ, นิกฺขนฺตํ กามสฺาย, นิกฺขนฺตํ กามวิตกฺเกหิ, นิกฺขนฺตํ กามปริฬาเหหิ, นิกฺขนฺตํ พฺยาปาทโต’’ติอาทินา ¶ (สารตฺถ. ฏี. ๓.๒๖ มหาวคฺเค) นเยน เนกฺขมฺเม อานิสํเส ปกาเสสิ, ปพฺพชฺชาย, ฌานาทีสุ จ คุเณ วิภาเวสิ วณฺเณสิ.
วุตฺตนยนฺติ เอตฺถ ยํ อวุตฺตนยํ ‘‘กลฺลจิตฺเต’’ติอาทิ, ตตฺถ กลฺลจิตฺเตติ กมฺมนิยจิตฺเต, เหฏฺา ¶ ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมกฺขมจิตฺเตติ อตฺโถ. อสฺสทฺธิยาทโย หิ ยสฺมา จิตฺตสฺส โรคภูตา ตทา เต วิคตา, ตสฺมา อโรคจิตฺเตติ อตฺโถ. ทิฏฺิมานาทิกิเลสวิคมเนน มุทุจิตฺเต. กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺเต. สมฺมาปฏิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺเต. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺเต. ยทา จ ภควา อฺาสีติ สมฺพนฺโธ. อถ วา กลฺลจิตฺเตติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺเต. มุทุจิตฺเตติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกถินจิตฺเต. วินีวรณจิตฺเตติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน วิกฺเขปสฺส วิคตตฺตา เตน อปิหิตจิตฺเต. อุทคฺคจิตฺเตติ ถินมิทฺธวิคเมน ¶ สมฺปคฺคหิตวเสน อลีนจิตฺเต. ปสนฺนจิตฺเตติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฏิปตฺติยํ อธิมุตฺตจิตฺเต, เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทินา อุปมาวเสน เนสํ สํกิเลสปฺปหานํ, อริยมคฺคุปฺปาทฺจ ทสฺเสติ. อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํ. สมฺมเทวาติ สุฏฺุ เอว. รชนนฺติ นีลปีตาทิรงฺคชาตํ. ปฏิคฺคณฺเหยฺยาติ คณฺเหยฺย ปภสฺสรํ ภเวยฺย. ตสฺมึเยว อาสเนติ ติสฺสเมว นิสชฺชายํ, เอเตน เนสํ ลหุวิปสฺสกตา, ติกฺขปฺตา, สุขปฏิปทาขิปฺปาภิฺตา จ ทสฺสิตา โหติ. วิรชนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ วิคเมน วิรชํ. อนวเสสทิฏฺิวิจิกิจฺฉามลาปคมเนน วีตมลํ. ปมมคฺควชฺฌกิเลสรชาภาเวน วา วิรชํ. ปฺจวิธทุสฺสีลฺยมลาปคมเนน วีตมลํ. ธมฺมจกฺขุนฺติ พฺรหฺมายุสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๘๓) เหฏฺิมา ตโย มคฺคา วุตฺตา, จูฬราหุโลวาเท (ม. นิ. ๓.๔๑๖) อาสวกฺขโย, อิธ ปน โสตาปตฺติมคฺโค อธิปฺเปโต. ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนนฺติ. นนุ จ มคฺคาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณํ, น สงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ? สจฺจเมตํ. ยสฺมา ตํ นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจวเสน สพฺพสงฺขตํ ปฏิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตถา วุตฺตํ.
‘‘สุทฺธํ วตฺถ’’นฺติ นิทสฺสิตอุปมายํ อิทํ อุปมาสํสนฺทนํ วตฺถํ วิย จิตฺตํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฏฺภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฏฺภาโว ¶ , โธวนสิลา วิย อนุปุพฺพิกถา, อุทกํ วิย สทฺธา, อุทเก เตเมตฺวา อูสโคมยฉาริกาภเรหิ กาฬกปเทเส สมุจฺฉินฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปโยโค ¶ วิย สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา เตเมตฺวา สติสมาธิปฺาหิ โทเส สิถิลี กตฺวา สุตาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารมฺโภ, เตน ปโยเคน วตฺเถ นานากาฬกาปคโม วิย วีริยารมฺเภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ วิย อริยมคฺโค, เตน สุทฺธสฺส วตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มคฺเคน ปริโยทปนนฺติ. ‘‘ทิฏฺธมฺมา’’ติ ¶ วตฺวา ทสฺสนํ นาม าณทสฺสนโต อฺมฺปิ อตฺถีติ ตํ นิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺมา’’ติ วุตฺตํ. ปตฺติ จ าณสมฺปตฺติโต อฺมฺปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺมา’’ติ วุตฺตํ. สา ปน วิทิตธมฺมตา ธมฺเมสุ เอกเทเสนาปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺมา’’ติ วุตฺตํ, เตน เนสํ สจฺจาภิสมฺโพธึเยว วิภาเวติ. มคฺคาณฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริฺาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทสโตว จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาหนฺตํ ปฏิวิชฺฌตีติ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
๗๗. จีวรทานาทีนีติ จีวราทิปริกฺขารทานํ สนฺธายาห. โย หิ จีวราทิเก อฏฺ ปริกฺขาเร, ปตฺตจีวรเมว วา โสตาปนฺนาทิอริยสฺส, ปุถุชฺชนสฺเสว วา สีลสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา ‘‘อิทํ ปริกฺขารทานํ อนาคเต เอหิภิกฺขุภาวาย ปจฺจโย โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ, ตสฺส จ สติ อธิการสมฺปตฺติยํ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว อิทฺธิมยปริกฺขารลาภาย สํวตฺตตีติ เวทิตพฺพํ. วสฺสสติกตฺเถรา วิย อากปฺปสมฺปนฺนาติ อธิปฺปาโย.
สนฺทสฺเสสีติ สุฏฺุ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ทสฺเสสิ. อิธโลกตฺถนฺติ อิธโลกภูตํ ขนฺธปฺจกสงฺขาตมตฺถํ. ปรโลกตฺถนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ทสฺเสสีติ สามฺลกฺขณโต, สลกฺขณโต จ ทสฺเสสิ. เตนาห ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทิ. ตตฺถ หุตฺวา อภาวโต อนิจฺจนฺติ ทสฺเสสิ. อุทยพฺพยปฏิปีฬนโต ทุกฺขนฺติ ทสฺเสสิ. อวสวตฺตนโต อนตฺตาติ ทสฺเสสิ. อิเม รุปฺปนาทิลกฺขณา ปฺจกฺขนฺธาติ ราสฏฺเน ขนฺเธ ทสฺเสสิ. อิเม จกฺขาทิสภาวา ¶ นิสฺสตฺตนิชฺชีวฏฺเน อฏฺารส ธาตุโยติ ทสฺเสสิ. อิมานิ จกฺขาทิสภาวาเนว ทฺวารารมฺมณภูตานิ ทฺวาทส อายตนานีติ ทสฺเสสิ. อิเม ¶ อวิชฺชาทโย ชรามรณปริโยสานา ทฺวาทส ปจฺจยธมฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ ทสฺเสสิ. รูปกฺขนฺธสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยน ปจฺจยโต จตฺตาริ, ขณโต เอกนฺติ อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ทสฺเสสิ. ตถาติ อิมินา ‘‘ปฺจ ลกฺขณานี’’ติ ปทํ อากฑฺฒติ. ทสฺเสนฺโตติ อิติ-สทฺโท นิทสฺสนตฺโถ, เอวนฺติ อตฺโถ. นิรยนฺติ อฏฺมหานิรยโสฬสอุสฺสทนิรยปฺปเภทํ สพฺพโส นิรยํ ทสฺเสสิ. ติรจฺฉานโยนินฺติ อปททฺวิปทจตุปฺปทพหุปฺปทาทิเภทํ มิคปสุปกฺขิสรีสปาทิวิภาคํ นานาวิธํ ติรจฺฉานโลกํ. เปตฺติวิสยนฺติ ขุปฺปิปาสิกวนฺตาสิกปรทตฺตูปชีวินิชฺฌามตณฺหิกาทิเภทภินฺนํ นานาวิธํ เปตสตฺตโลกํ. อสุรกายนฺติ กาลกฺจิกาสุรนิกายํ. เอวํ ตาว ทุคฺคติภูตํ ปรโลกตฺถํ วตฺวา อิทานิ สุคติภูตํ วตฺตุํ ‘‘ติณฺณํ กุสลานํ วิปาก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เวหปฺผเล สุภกิณฺเณเยว สงฺคเหตฺวา อสฺีสุ, อรูปีสุ จ สมฺปตฺติยา ทสฺเสตพฺพาย อภาวโต ทุวิฺเยฺยตาย ‘‘นวนฺนํ พฺรหฺมโลกาน’’นฺตฺเวว วุตฺตํ.
คณฺหาเปสีติ ¶ เต ธมฺเม สมาทินฺเน การาเปสิ.
สมุตฺเตชนํ นาม สมาทินฺนธมฺมานํ ยถา อนุปการกา ธมฺมา ปริหายนฺติ, ปหียนฺติ จ, อุปการกา ธมฺมา ปริวฑฺฒนฺติ, วิสุชฺฌนฺติ จ, ตถา เนสํ อุสฺสาหุปฺปาทนนฺติ อาห ‘‘อพฺภุสฺสาเหสี’’ติ. ยถา ปน ตํ อุสฺสาหุปฺปาทนํ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิธโลกตฺถฺเจวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตาเสตฺวา ตาเสตฺวาติ ปริพฺยตฺตภาวาปาทเนน เตเชตฺวา เตเชตฺวา. อธิคตํ วิย กตฺวาติ เยสํ กเถติ, เตหิ ตมตฺถํ ปจฺจกฺขโต อนุภุยฺยมานํ วิย กตฺวา. เวเนยฺยานฺหิ พุทฺเธหิ ปกาสิยมาโน ¶ อตฺโถ ปจฺจกฺขโตปิ ปากฏตโร หุตฺวา อุปฏฺาติ. ตถา หิ ภควา เอวํ โถมียติ –
‘‘อาทิตฺโตปิ อยํ โลโก, เอกาทสหิ อคฺคิภิ;
น ตถา ยาติ สํเวคํ, สมฺโมหปลิคุณฺิโต.
สุตฺวาทีนวสฺุตฺตํ, ยถา วาจํ มเหสิโน;
ปจฺจกฺขโตปิ พุทฺธานํ, วจนํ สุฏฺุ ปากฏ’’นฺติ.
เตนาห ‘‘ทฺวตฺตึสกมฺมการณปฺจวีสติมหาภยปฺปเภทฺหี’’ติอาทิ. ทฺวตฺตึสกมฺมการณานิ ‘‘หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๗๘) ทุกฺขกฺขนฺธสุตฺเต อาคตนเยน ¶ เวทิตพฺพานิ. ปฺจวีสติมหาภยานิ ‘‘ชาติภยํ ชราภยํ พฺยาธิภยํ มรณภย’’นฺติอาทินา (จูฬนิ. ๑๒๓) ตตฺถ ตตฺถ สุตฺเต อาคตนเยน เวทิตพฺพานิ. อาฆาตนภณฺฑิกา อธิกุฏฺฏนกฬิงฺครํ, ยํ ‘‘อจฺจาธาน’’นฺติปิ วุจฺจติ.
ปฏิลทฺธคุเณน โจเทสีติ ‘‘ตํตํคุณาธิคเมน อยมฺปิ ตุมฺเหหิ ปฏิลทฺโธ, อานิสํโส อยมฺปี’’ติ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต ‘‘กึ อิโต ปุพฺเพ เอวรูปํ อตฺถี’’ติ โจเทนฺโต วิย อโหสิ. เตนาห ‘‘มหานิสํสํ กตฺวา กเถสี’’ติ.
ตปฺปจฺจยฺจ กิลมถนฺติ สงฺขารปวตฺติเหตุกํ ตสฺมึ ตสฺมึ สตฺตสนฺตาเน อุปฺปชฺชนกปริสฺสมํ สํวิฆาตํ วิเหสํ. อิธาติ เหฏฺา ปมมคฺคาธิคมตฺถาย กถาย. สพฺพสงฺขารูปสมภาวโต สนฺตํ. อติตฺติกรปรมสุขตาย ปณีตํ. สกลสํสารพฺยสนโต ตายนตฺเถน ¶ ตาณํ. ตโต นิพฺพินฺทหทยานํ นิลียนฏฺานตาย เลณํ. อาทิ-สทฺเทน คติปฏิสรณํ ปรมสฺสาโสติ เอวมาทีนํ สงฺคโห.
มหาชนกายปพฺพชฺชาวณฺณนา
๘๐. สงฺฆปฺปโหนกานํ ภิกฺขูนํ อภาวา ‘‘สงฺฆสฺส อปริปุณฺณตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ทฺเว อคฺคสาวกา เอว หิ ตทา อเหสุํ.
จาริกาอนุชานนวณฺณนา
๘๖. ‘‘กทา ¶ อุทปาที’’ติ ปุจฺฉํ ‘‘สมฺโพธิโต’’ติอาทินา สงฺเขปโต วิสฺสชฺเชตฺวา ปุน ตํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ภควา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปิตุ สงฺคหํ กโรนฺโต วิหาสิ สมฺโพธิโต ‘‘สตฺต สํวจฺฉรานิ สตฺต มาเส สตฺต ทิวเส’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ, ตฺจ โข เวเนยฺยานํ ตทา อภาวโต. กิลฺเชหิ พหิ ฉาทาเปตฺวา, วตฺเถหิ อนฺโต ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา, อุปริ จ วตฺเถหิ ฉาทาเปตฺวา, ตสฺส เหฏฺา สุวณฺณ…เป… วิตานํ การาเปตฺวา. มาลาวจฺฉเกติ ปุปฺผมาลาหิ วจฺฉากาเรน เวิเต. คนฺธนฺตเรติ จาฏิภริตคนฺธสฺส อนฺตเร. ปุปฺผานีติ จาฏิอาทิภริตานิ ชลชปุปฺผานิ เจว จงฺโกตกาทิภริตานิ ถลชปุปฺผานิ จ.
กามฺจายํ ¶ ราชา พุทฺธปิตา, ตถาปิ พุทฺธา นาม โลกครุโน, น เต เกนจิ วเส วตฺเตตพฺพา, อถ โข เต เอว ปเร อตฺตโน วเส วตฺเตนฺติ, ตสฺมา ราชา ‘‘นาหํ ภิกฺขุสงฺฆํ เทมี’’ติ อาห.
ทานมุขนฺติ ทานกรณูปายํ, ทานวตฺตนฺติ อตฺโถ. น ทานิ เม อนฺุาตาติ อิทานิ เม ทานํ น อนฺุาตา, โน น อนุชานนฺตีติ อตฺโถ.
ปริตสฺสนชีวิตนฺติ ทุกฺขชีวิกา ทาลิทฺทิยนฺติ อตฺโถ.
สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ ปโหสีติ ภควโต อฏฺสฏฺิ จ ภิกฺขุสตสหสฺสานํ ภาคโต ทาตุํ ปโหสิ, น สพฺเพสํ ปริยตฺตภาเวน. เตนาห ‘‘เสนาปติปิ อตฺตโน เทยฺยธมฺมํ อทาสี’’ติ. เชฏฺิกฏฺาเนติ เชฏฺิกเทวิฏฺาเน.
ตเถว ¶ กตฺวาติ จรปุริเส เปตฺวา. สุจินฺติ สุทฺธํ. ปณีตนฺติ อุฬารํ, ภาวนปุํสกฺเจตํ ‘‘เอกมนฺต’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๒) วิย. ภฺชิตฺวาติ มทฺทิตฺวา, ปีเฬตฺวาติ ¶ อตฺโถ. ชาติสปฺปิขีราทีหิเยวาติ อนฺโตชาตสปฺปิขีราทีหิเยว, อมฺหากเมว คาวิอาทิโต คหิตสปฺปิอาทีหิเยวาติ อตฺโถ.
๙๐. ปราปวาทํ, ปราปการํ, สีตุณฺหาทิเภทฺจ คุณาปราธํ ขมติ สหติ อธิวาเสตีติ ขนฺติ. สา ปน ยสฺมา สีลาทีนํ ปฏิปกฺขธมฺเม สวิเสสํ ตปติ สนฺตปติ วิธมตีติ ปรมํ อุตฺตมํ ตโป. เตนาห ‘‘อธิวาสนขนฺติ นาม ปรมํ ตโป’’ติ. ‘‘อธิวาสนขนฺตี’’ติ อิมินา ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติโต วิเสเสติ. ติติกฺขนํ ขมนํ ติติกฺขา.อกฺขรจินฺตกา หิ ขมายํ ติติกฺขา-สทฺทํ วณฺเณนฺติ. เตเนวาห ‘‘ขนฺติยา เอว เววจน’’นฺติอาทิ. สพฺพากาเรนาติ สนฺตปณีตนิปุณสิวเขมาทินา สพฺพปฺปกาเรน. โส ปพฺพชิโต นาม น โหติ ปพฺพาชิตพฺพธมฺมสฺส อปพฺพาชนโต. ตสฺเสว ตติยปทสฺส เววจนํ อนตฺถนฺตรตฺตา.
‘‘น หี’’ติอาทินา ตํ เอวตฺถํ วิวรติ. อุตฺตมตฺเถน ปรมนฺติ วุจฺจติ ปร-สทฺทสฺส เสฏฺวาจกตฺตา, ‘‘ปุคฺคลปโรปรฺู’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๗.๖๘; เนตฺติ. ๑๑๘) วิย. ปรนฺติ อฺํ. อิทานิ ปร-สทฺทํ อฺปริยายเมว คเหตฺวา อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มลสฺสาติ ปาปมลสฺส. อปพฺพาชิตตฺตาติ อนีหฏตฺตา อนิรากตตฺตา ¶ . สมิตตฺตาติ นิโรธิตตฺตา เตสํ ปาปธมฺมานํ. ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ สมโณติ ปวุจฺจตี’’ติ หิ วุตฺตํ.
อปิจ ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺโต ปาติโมกฺขกถาย จ สีลปธานตฺตา สีลสฺส จ วิเสสโต โทโส ปฏิปกฺโขติ ¶ ตสฺส นิคฺคณฺหนวิธึ ทสฺเสตุํ อาทิโต ‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป’’ติ อาห, เตน อนิฏฺสฺส ปฏิหนนูปาโย วุตฺโต, ติติกฺขาคหเณน ปน อิฏฺสฺส, ตทุภเยนปิ อุปฺปนฺนํ รตึ อภิภุยฺย วิหรตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ. ตณฺหาวานสฺส วูปสมนโต นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา. ตตฺถ ขนฺติคฺคหเณน ปโยควิปตฺติยา อภาโว ทสฺสิโต, ติติกฺขาคหเณน อาสยวิปตฺติยา อภาโว. ตถา ขนฺติคฺคหเณน ปราปราธสหตา, ติติกฺขาคหเณน ปเรสุ อนปรชฺฌนา ทสฺสิตา. เอวํ การณมุเขน อนฺวยโต ปาติโมกฺขํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ พฺยติเรกโต ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํ, เตน ยถา สตฺตานํ ชีวิตา โวโรปนํ, ปาณิเลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ วิพาธนฺจ ‘‘ปรูปฆาโต, ปรวิเหน’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ เตสํ มูลสาปเตยฺยาวหรณํ, ทารปรามสนํ, วิสํวาทนํ, อฺมฺเภทนํ, ผรุสวจเนน มมฺมฆฏฺฏนํ, นิรตฺถกวิปฺปลาโป ¶ , ปรสนฺตกคิชฺฌนํ, อุจฺเฉทวินฺทนํ, มิจฺฉาภินิเวสนฺจอุปฆาโต, วิเหนฺจ โหตีติ ยสฺส กสฺสจิ อกุสลสฺส กมฺมปถสฺส, กมฺมสฺส จ กรเณน ปพฺพชิโต, สมโณ จ น โหตีติ ทสฺเสติ.
สพฺพากุสลสฺสาติ สพฺพสฺสาปิ ทฺวาทสากุสลจิตฺตุปฺปาทสงฺคหิตสฺส สาวชฺชธมฺมสฺส. กรณํ นาม ตสฺส อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนนฺติ ตปฺปฏิกฺเขปโต อกรณํ ‘‘อนุปฺปาทน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘กุสลสฺสา’’ติ อิทํ ‘‘เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ วกฺขมานตฺตา อริยมคฺคธมฺเม, เตสฺจ สมฺภารภูเต เตภูมกกุสลธมฺเม สมฺโพเธตีติ อาห ‘‘จตุภูมกกุสลสฺสา’’ติ. อุปสมฺปทาติ อุปสมฺปาทนํ, ตํ ปน ตสฺส สมธิคโมติ อาห ‘‘ปฏิลาโภ’’ติ. จิตฺตโชตนนฺติ จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรณํ สพฺพโส ปริโสธนํ. ยสฺมา ¶ อคฺคมคฺคสมงฺคิโน จิตฺตํ สพฺพโส ปริโยทปียติ นาม, อคฺคผลกฺขเณ ปน ปริโยทปิตํ โหติ ปุน ปริโยทเปตพฺพตาย อภาวโต, อิติ ปรินิฏฺิตปริโยทปนตํ สนฺธายาห ‘‘ตํ ปน อรหตฺเตน โหตี’’ติ. สพฺพปาปํ ปหาย ตทงฺคาทิวเสเนวาติ อธิปฺปาโย. ‘‘สีลสํวเรนา’’ติ หิ อิมินา เตภูมกสฺสาปิ สงฺคเห อิตรปฺปหานานมฺปิ สงฺคโห โหตีติ, เอวฺจ กตฺวา สพฺพคฺคหณํ สมตฺถิตํ โหติ ¶ . สมถวิปสฺสนาหีติ โลกิยโลกุตฺตราหิ สมถวิปสฺสนาหิ. สมฺปาเทตฺวาติ นิปฺผาเทตฺวา. สมฺปาทนฺเจตฺถ เหตุภูตาหิ ผลภูตสฺส สหชาตาหิปิ, ปเคว ปุริมสิทฺธาหีติ ทฏฺพฺพํ.
กสฺสจีติ หีนาทีสุ กสฺสจิ สตฺตสฺส กสฺสจิ อุปวาทสฺส, เตน ทวกมฺยตายปิ อุปวทนํ ปฏิกฺขิปติ. อุปฆาตสฺส อกรณนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘กสฺสจี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. กาเยนาติ จ นิทสฺสนมตฺตเมตํ มนสาปิ ปเรสํ อนตฺถจินฺตนาทิวเสน อุปฆาตกรณสฺส วชฺเชตพฺพตฺตา. กาเยนาติ วา เอตฺถ อรูปกายสฺสาปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ, น โจปนกายกรชกายานเมว. ป อติโมกฺขนฺติ ปการโต อติวิย สีเลสุ มุขฺยภูตํ. ‘‘อติปโมกฺข’’นฺติ ตเมว ปทํ อุปสคฺคพฺยตฺตเยน วทติ. เอวํ เภทโต ปทวณฺณนํ กตฺวา ตตฺวโต วทติ ‘‘อุตฺตมสีล’’นฺติ. ‘‘ปาติ วา’’ติอาทินา ปาลนโต รกฺขณโต อติวิย โมกฺขนโต อติวิย โมจนโต ปาติโมกฺขนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘ปาปา อติ โมกฺเขตีติ อติโมกฺโข’’ติ นิมิตฺตสฺส กตฺตุภาเวน อุปจริตพฺพโต. โย วา นนฺติ โย วา ปุคฺคโล นํ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ปาติ ¶ สมาทิยิตฺวา อวิโกเปนฺโต รกฺขติ, ตํ ‘‘ปาตี’’ติ ลทฺธนามํ ปาติโมกฺขสํวรสีเล ิตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขนฺติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน ปาติโมกฺขปทสฺส อตฺโถ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๔) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.
มตฺตฺุตาติ ¶ โภชเน มตฺตฺุตา, สา ปน วิเสสโต ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลวเสน คเหตพฺพาติ อาห ‘‘ปฏิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณฺุตา’’ติ. อาชีวปาริสุทฺธิสีลวเสนาปิ คยฺหมาเน ‘‘ปริเยสนวิสฺสชฺชนวเสนา’’ติปิ วตฺตพฺพํ. สงฺฆฏฺฏนวิรหิตนฺติ ชนสงฺฆฏฺฏนวิรหิตํ, นิรชนสมฺพาธํ วิวิตฺตนฺติ อตฺโถ. จตุปจฺจยสนฺโตโส ทีปิโต ปจฺจยสนฺโตสตาสามฺเน อิตรทฺวยสฺสาปิ ลกฺขณหารนเยน โชติตภาวโต. ‘‘อฏฺสมาปตฺติวสิภาวายา’’ติ อิมินา ปโยชนทสฺสนวเสน ยทตฺถํ วิวิตฺตเสนาสนเสวนํ อิจฺฉิตํ, โส อธิจิตฺตานุโยโค วุตฺโต. อฏฺ สมาปตฺติโย เจตฺถ วิปสฺสนาย ปาทกภูตา อธิปฺเปตา, น ยา กาจีติ สกลสฺสาปิ อธิจิตฺตานุโยคสฺส โชติตภาโว เวทิตพฺโพ.
เทวตาโรจนวณฺณนา
๙๑. เอตฺตาวตาติ ¶ เอตฺตเกน สุตฺตปเทเสน. ตตฺถาปิ จ อิมินา…เป… กถเนน สุปฺปฏิวิทฺธภาวํ ปกาเสตฺวาติ โยชนา. จ-สทฺโท พฺยติเรกตฺโถ, เตน อิทานิ วุจฺจมานตฺถํ อุลฺลงฺเคติ. เอกมิทาหนฺติ เอกํ อหํ. อิทํ-สทฺโท นิปาตมตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘ภิกฺขเว สมย’’นฺติ เอวมาทิ ปาโ สงฺคหิโต. อหํ ภิกฺขเว เอกํ สมยนฺติ เอวํ เปตฺถ ปทโยชนา.
สุภควเนติ สุภคตฺตา สุภคํ, สุนฺทรสิริกตฺตา ¶ , สุนฺทรกามตฺตา วาติ อตฺโถ. สุภคฺหิ ตํ สิริสมฺปตฺติยา, สุนฺทเร เจตฺถ กาเม มนุสฺสา ปตฺเถนฺติ. พหุชนกนฺตตายปิ ตํ สุภคํ. วนยตีติ วนํ, อตฺตสมฺปตฺติยา อตฺตนิ สิเนหํ อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. วนุเต อิติ วา วนํ, อตฺตสมฺปตฺติยา เอว ‘‘มํ ปริภฺุชถา’’ติ สตฺเต ยาจติ วิยาติ อตฺโถ. สุภคฺจ ตํ วนฺจาติ สุภควนํ, ตสฺมึ สุภควเน.อฏฺกถายํปน กึ อิมินา ปปฺเจนาติ ‘‘เอวํ นามเก วเน’’ติ วุตฺตํ. กามํ สาลรุกฺโขปิ ‘‘สาโล’’ติ วุจฺจติ, โย โกจิ รุกฺโขปิ วนปฺปติ เชฏฺกรุกฺโขปิ. อิธ ปน ปจฺฉิโม เอว อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘วนปฺปติเชฏฺกสฺส มูเล’’ติ. มูลสมุคฺฆาตวเสนาติ อนุสยสมุจฺฉินฺทนวเสน.
น วิหายนฺตีติ อกุปฺปธมฺมตาย น วิชหนฺติ. ‘‘น กฺจิ สตฺตํ ตปนฺตีติ อตปฺปา’’ติ อิทํ เตสุ ตสฺสา สมฺาย นิรุฬฺหตาย วุตฺตํ, อฺถา สพฺเพปิ สุทฺธาวาสา น กฺจิ สตฺตํ ตปนฺตีติ อตปฺปา นาม สิยุํ. ‘‘น วิหายนฺตี’’ติอาทินิพฺพจเนสุปิ เอเสว นโย. สุนฺทรทสฺสนาติ ทสฺสนียาติ อยมตฺโถติ อาห ‘‘อภิรูปา’’ติอาทิ. สุนฺทรเมเตสํ ทสฺสนนฺติ ¶ โสภนเมเตสํ จกฺขุนา ทสฺสนํ, วิฺาเณน ทสฺสนํ ปีติ อตฺโถ. สพฺเพ เหว…เป… เชฏฺา ปฺจโวการภเว ตโต วิสิฏฺานํ อภาวโต.
สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ วเสนาติ สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อปทานวเสน. อวิเหหิ อชฺฌิฏฺเน เอเกน อวิหาพฺรหฺมุนา กถิตา เตหิ สพฺเพหิ กถิตา นาม โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘ตถา อวิเหหี’’ติ. เอเสว นโย เสเสสุปิ. เตนาห ภควา ‘‘เทวตา มํ เอตทโวจุ’’นฺติ. ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘อเนกานิ เทวตาสตานี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สพฺพํ ¶ ปจฺฉา อตฺตโน สาสเน ¶ วิเสสํ อธิคนฺตฺวา ตตฺถ อุปฺปนฺนานํ วเสน วุตฺตํ. อนุสนฺธิทฺวยมฺปีติ ธมฺมธาตุปทานุสนฺธิ, เทวตาโรจนปทานุสนฺธีติ ทุวิธํ อนุสนฺธึ. นิยฺยาเตนฺโตติ นิคเมนฺโต. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
มหาปทานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.