📜
๒. มหานิทานสุตฺตวณฺณนา
นิทานวณฺณนา
๙๕. ชนปทิโนติ ¶ ¶ ¶ ชนปทวนฺโต, ชนปทสฺส วา อิสฺสรสามิโน ราชกุมารา โคตฺตวเสน กุรู นาม. เตสํ นิวาโส ยทิ เอโก ชนปโท, กถํ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘รุฬฺหิสทฺเทนา’’ติ. อกฺขรจินฺตกา หิ อีทิเสสุ าเนสุ ยุตฺเต วิย อีทิสลิงฺควจนานิ อิจฺฉนฺติ. อยเมตฺถ รุฬฺหิ ยถา อฺตฺถาปิ ‘‘องฺเคสุ วิหรติ, มลฺเลสุ วิหรตี’’ติ จ. ตพฺพิเสสเนปิ ชนปทสทฺเท ชาติสทฺเท เอกวจนเมว. อฏฺกถาจริยา ปนาติ ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโน, เตน ‘‘ปุถุอตฺถวิสยตาย เอเวตํ ปุถุวจน’’นฺติ ‘‘พหุเก ปนา’’ติอาทินา วกฺขมานํ วิเสสํ โชเตติ. สุตฺวาติ มนฺธาตุมหาราชสฺส อานุภาวทสฺสนานุสาเรน ปรมฺปรานุคตํ กถํ สุตฺวา. อนุสํยายนฺเตนาติ อนุวิจรนฺเตน. เอเตสํ านนฺติ จนฺทิมสูริยมุเขน จาตุมหาราชิกภวนมาห. เตนาห ‘‘ตตฺถ อคมาสี’’ติอาทิ. โสติ มนฺธาตุมหาราชา. ตนฺติ จาตุมหาราชิกรชฺชํ. คเหตฺวาติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา. ปุน ปุจฺฉิ ปริณายกรตนํ.
โทวาริกภูมิยํ ติฏฺนฺติ สุธมฺมาย เทวสภาย, เทวปุรสฺส จ จตูสุ ทฺวาเรสุ อารกฺขาย อธิคตตฺตา. ‘‘ทิพฺพรุกฺขสหสฺสปฏิมณฺฑิต’’นฺติ ¶ อิทํ ‘‘จิตฺตลตาวน’’นฺติอาทีสุปิ โยเชตพฺพํ.
ปถวิยํ ปติฏฺาสีติ ภสฺสิตฺวา ปถวิยา อาสนฺนฏฺาเน อฏฺาสิ. น หิ จกฺกรตนํ ภูมิยํ ปตติ, ตถาิตฺจ นจิรสฺเสว อนฺตรธายิ เตนตฺตภาเวน จกฺกวตฺติอิสฺสริยสฺส อภาวโต. ‘‘จิรตรํ กาลํ ตฺวา’’ติ อปเร. ราชา เอกโกว อคมาสิ อตฺตโน อานุภาเวน. มนุสฺสภาโวติ มนุสฺสคนฺธสรีรนิสฺสนฺทาทิมนุสฺสภาโว. ปาตุรโหสีติ เทวโลเก ปวตฺติวิปากทายิโน อปราปริยาย เวทนียสฺส กมฺมสฺส กโตกาสตฺตา สพฺพทา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกตา มาลามิลายนาทิ ทิพฺพภาโว ปาตุรโหสิ. ตทา มนุสฺสานํ อสงฺเขยฺยายุกตาย ¶ สกฺกรชฺชํ กาเรตฺวา. ‘‘กึ เม อิมินา อุปทฺธรชฺเชนา’’ติ อตฺริจฺฉตาย อติตฺโตว. มนุสฺสโลเก อุตุโน กกฺขฬตาย วาตาตเปน ผุฏฺคตฺโต กาลมกาสิ.
อวยเวสุ ¶ สิทฺโธ วิเสโส สมุทายสฺส วิเสสโก โหตีติ เอกมฺปิ รฏฺํ พหุวจเนน โวหริยติ.
ท-กาเรน อตฺถํ วณฺณยนฺติ นิรุตฺตินเยน. กมฺมาโสติ กมฺมาสปาโท วุจฺจติ อุตฺตรปทโลเปน ยถา ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติ. กถํ ปน โส ‘‘กมฺมาสปาโท’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิ. ทมิโตติ เอตฺถ กีทิสํ ทมนํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘โปริสาทภาวโต ปฏิเสธิโต’’ติ. ‘‘อิเม ปน เถราติ มชฺฌิมภาณกา’’ติ เกจิ. อปเร ปน ‘‘อฏฺกถาจริยา’’ติ, ‘‘ทีฆภาณกา’’ติ วทนฺติ. อุภยถาปิ จูฬกมฺมาสทมฺมํ สนฺธาย ตถา วทนฺติ. ยกฺขินิปุตฺโต หิ กมฺมาสปาโท อลีนสตฺตุกุมารกาเล (จริยา. ๒.๗๕) โพธิสตฺเตน ตตฺถ ทมิโต. สุตโสมกาเล (ชา. ๒.๒๑.๓๗๑) ปน พาราณสิราชา โปริสาทภาวปฏิเสธเนน ยตฺถ ทมิโต, ตํ มหากมฺมาสทมฺมํ นาม. ‘‘ปุตฺโต’’ติ วตฺวา ‘‘อตฺรโช’’ติ วจนํ โอรสปุตฺตภาวทสฺสนตฺถํ.
เยหิ อาวสิตปฺปเทโส ‘‘กุรุรฏฺ’’นฺติ นามํ ลภิ, เต อุตฺตรกุรุโต อาคตมนุสฺสา ตตฺถ รกฺขิตนิยาเมเนว ปฺจ สีลานิ รกฺขึสุ. เตสํ ทิฏฺานุคติยา ปจฺฉิมชนตาติ โส เทสธมฺมวเสน อวิจฺเฉทโต ปวตฺตมาโน กุรุวตฺตธมฺโมติ ¶ ปฺายิตฺถ. อยฺจ อตฺโถ กุรุธมฺมชาตเกน ทีเปตพฺโพ. โส อปรภาเค ปมํ ยตฺถ สํกิลิฏฺโ ชาโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กุรุรฏฺวาสีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยตฺถ ภควโต วสโนกาสภูโต โกจิ วิหาโร น โหติ, ตตฺถ เกวลํ โคจรคามกิตฺตนํ นิทานกถาย ปกติ ยถา ตํ สกฺเกสุ วิหรติ เทวทหํ นาม สกฺยานํ นิคโมติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อวสโนกาสโต’’ติอาทิมาห.
‘‘อายสฺมา’’ติ วา ‘‘เทวานํ ปิยา’’ติ วา ‘‘ตตฺร ภว’’นฺติ วา ปิยสมุทาหาโร เอโสติ อาห ‘‘อายสฺมาติ ปิยวจนเมต’’นฺติ. ตยิทํ ปิยวจนํ ครุคารววเสน วุจฺจตีติ อาห ‘‘คารววจนเมต’’นฺติ.
อติทูรอจฺจาสนฺนวชฺชเนน นาติทูรนาจฺจาสนฺนํ นาม คหิตํ, ตํ ปน อวกํสโต อุภินฺนํ ปสาริตหตฺถานํ ¶ สงฺฆฏฺฏเนน เวทิตพฺพํ. จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ทฏฺพฺพํ โหติ, เตนาปิ อคารวเมว กตํ โหติ. คีวํ ปริวตฺเตตฺวาติ ปริวตฺตนวเสน คีวํ ปสาเรตฺวา.
กุลสงฺคหตฺถายาติ ¶ กุลานุทฺทยตาวเสน กุลานํ อนุคฺคณฺหนตฺถาย สหสฺสภณฺฑิกํ นิกฺขิปนฺโต วิย ภิกฺขปฏิคฺคณฺหเนน เตสํ มหโต ปฺุาภิสนฺทสฺส ชนเนน. ปฏิสมฺมชฺชิตฺวาติ อนฺเตวาสิเกหิ สมฺมชฺชนฏฺานํ สกฺกจฺจการิตาย ปุน สมฺมชฺชิตฺวา. ติกฺขตฺตุนฺติ ‘‘อาทิโต ปฏฺาย อนฺต’’นฺติอาทินา วุตฺตจตุราการูปสฺหิเต ตโย วาเร, เตนสฺส ทฺวาทสกฺขตฺตุํ สมฺมสิตภาวมาห.
อมฺหากํ ภควโต คมฺภีรภาเวเนว กถิตตฺตา เสสพุทฺเธหิปิ เอวเมว กถิโตติ ธมฺมนฺวเย ตฺวา วุตฺตํ ‘‘สพฺพพุทฺเธหิ…เป… กถิโต’’ติ. สาลินฺทนฺติ สปริภณฺฑํ. ‘‘สิเนรุํ อุกฺขิปนฺโตวิยา’’ติ ¶ อิมินา ตาทิสาย เทสนาย สุทุกฺกรภาวมาห. สุตฺตเมว ‘‘สุตฺตนฺตกถ’’นฺติ อาห ธมฺมกฺขนฺธภาวโต. ยถา วินยปณฺณตฺติภูมนฺตรสมยนฺตรานํ วิชานนํ อนฺสาธารณํ สพฺพฺุตาณสฺเสว วิสโย, เอวํ อนฺตทฺวยวินิมุตฺตสฺส การกเวทกรหิตสฺส ปจฺจยาการสฺส วิภชนํ ปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺธานฺหี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ านานีติ การณานิ. คชฺชิตํ มหนฺตํ โหตีติ ตํ เทเสตพฺพสฺเสว อเนกวิธตาย, ทุวิฺเยฺยตาย จ นานานเยหิ ปวตฺตมานํ เทสนาคชฺชิตํ มหนฺตํ วิปุลํ, พหุเภทฺจ โหติ. าณํ อนุปวิสตีติ ตโต เอว เทสนาาณํ เทเสตพฺพธมฺเม วิภาคโส กุรุมานํ อนุ อนุ ปวิสติ, เตน อนุปวิสฺส ิตํ วิย โหตีติ อตฺโถ. พุทฺธาณสฺส มหนฺตภาโว ปฺายตีติ เอวํวิธสฺส นาม ธมฺมสฺส เทสกํ, ปฏิเวธกฺจาติ พุทฺธานํ เทสนาาณสฺส, ปฏิเวธาณสฺส จ อุฬารภาโว ปากโฏ โหติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ‘‘สพฺพํ วจีกมฺมํ พุทฺธสฺส ภควโต าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺต’’นฺติ (มหานิ. ๖๙, ๑๖๙; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕; เนตฺติ. ๑๔) วจนโต สพฺพาปิ ภควโต เทสนา าณรหิตา นตฺถิ, สีหสมานวุตฺติตาย สพฺพตฺถ สมานปฺปวตฺติ. เทเสตพฺพวเสน ปน เทสนา วิเสสโต าเณน อนุปวิฏฺา, คมฺภีรตรา จ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. กถํ ปน วินยปฺตฺตึ ปตฺวา เทสนา ติลกฺขณพฺภาหตา สฺุตปฏิสํยุตฺตา โหตีติ? ตตฺถาปิ สนฺนิสินฺนปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ ปวตฺตมานา เทสนา สงฺขารานํ อนิจฺจตาทิวิภาวนํ, สพฺพธมฺมานํ อตฺตตฺตนิยตาภาวปฺปกาสนฺจ โหติ. เตเนวาห ‘‘อเนกปริยาเยน ¶ ธมฺมึ กถํ กตฺวา’’ติอาทิ.
อาปชฺชาติ ¶ ปตฺวา ยถา าณโกฺจนาทํ วิสฺสชฺเชติ, เอวํ ปาปุณิตฺวา.
ปมาณาติกฺกเมติ ¶ อปริมาณตฺเถ ‘‘ยาวฺจิทํ เตน ภควตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔) วิย. อปริเมยฺยภาวโชตโน หิ อยํ ยาว-สทฺโท. เตนาห ‘‘อติคมฺภีโร อตฺโถ’’ติ. อวภาสตีติ ายติ อุปฏฺาติ. าณสฺส ตถา อุปฏฺานฺหิ สนฺธาย ‘‘ทิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. นนุ เอส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เอกนฺตคมฺภีโรว, ตตฺถ กสฺมา คมฺภีราวภาสตา โชติตาติ? สจฺจเมตํ, เอกนฺตคมฺภีรตาทสฺสนตฺถเมว ปนสฺส คมฺภีราวภาสคฺคหณํ. ตสฺมา อฺตฺถ ลพฺภมานํ จตุโกฏิกํ พฺยติเรกมุเขน นิทสฺเสตฺวา ตํ เอวสฺส เอกนฺตคมฺภีรตํ วิภาเวตุํ ‘‘เอกฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตํ นตฺถีติ อคมฺภีโร, อคมฺภีราวภาโส จาติ เอตํ ทฺวยํ นตฺถิ, เตน ยถาทสฺสิเต จตุโกฏิเก ปจฺฉิมา เอก โกฏิ ลพฺภตีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ.
เยหิ คมฺภีรภาเวหิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ‘‘คมฺภีโร’’ติ วุจฺจติ, เต จตูหิ อุปมาหิ อุลฺลิงฺเคนฺโต ‘‘ภวคฺคคฺคหณายา’’ติอาทิมาห. ยถา ภวคฺคํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา คเหตุํ น สกฺกา ทูรภาวโต, เอวํ สงฺขาราทีนํ อวิชฺชาทิปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ปากติกาเณน คเหตุํ น สกฺกา. ยถา สิเนรุํ ภินฺทิตฺวา มิฺชํ ปพฺพตรสํ ปากติกปุริเสน นีหริตุํ น สกฺกา, เอวํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทคเต ธมฺมตฺถาทิเก ปากติกาเณน ภินฺทิตฺวา วิภชฺช ปฏิวิชฺฌนวเสน ชานิตุํ น สกฺกา. ยถา มหาสมุทฺทํ ปากติกปุริสสฺส พาหุทฺวเยน ปธาริตุํ น สกฺกา, เอวํ เวปุลฺลฏฺเน มหาสมุทฺทสทิสํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปากติกาเณน เทสนาวเสน ปธาริตุํ น สกฺกา. ยถา มหาปถวึ ปริวตฺเตตฺวา ¶ ปากติกปุริสสฺส ปถโวชํ คเหตุํ น สกฺกา, เอวํ ‘‘อิตฺถํ อวิชฺชาทโย สงฺขาราทีนํ ปจฺจยา โหนฺตี’’ติ เตสํ ปจฺจยภาโว ปากติกาเณน นีหริตฺวา คเหตุํ น สกฺกาติ. เอวํ จตุพฺพิธคมฺภีรตาวเสน จตสฺโส อุปมา โยเชตพฺพา. ปากติกาณวเสน จายมตฺถโยชนา กตา ทิฏฺสจฺจานํ ตตฺถ ปฏิเวธสภาวโต, ตถาปิ ยสฺมา สาวกานํ, ปจฺเจกพุทฺธานฺจ ตตฺถ สปฺปเทสเมว าณํ, พุทฺธานํเยว นิปฺปเทสํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘พุทฺธวิสยํ ปฺห’’นฺติอาทิ.
อุสฺสาเทนฺโตติ ¶ ปฺาย อุกฺกํเสนฺโต, อุคฺคณฺหนฺโตติ อตฺโถ. อปสาเทนฺโตติ นิพฺภจฺฉนฺโต, นิคฺคณฺหนฺโตติ อตฺโถ.
อุสฺสาทนาวณฺณนา
เตนาติ มหาปฺาภาเวน. ตตฺถาติ เถรสฺส สติปิ อุตฺตานภาเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺสอฺเสํ ¶ คมฺภีรภาเว. สุโภชนรสปุฏฺสฺสาติ สุนฺทเรน โภชนรเสน โปสิตสฺส. กตโยคสฺสาติ นิพทฺธปโยเคน กตปริจยสฺส. มลฺลปาสาณนฺติ มลฺเลหิ มหพฺพเลเหว อุกฺขิปิตพฺพปาสาณํ. กุหึ อิมสฺส ภาริยฏฺานนฺติ กสฺมึ ปสฺเส อิมสฺส ปาสาณสฺส ครุตรปฺปเทโสติ ตสฺส สลฺลหุกภาวํ ทีเปนฺโต วทติ.
ติมิรปิงฺคเลเนว ทีเปนฺติ ตสฺส มหาวิปฺผารภาวโต. เตนาห ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิ. ปกฺกุถตีติ ปกฺกุถนฺตํ วิย ปริวตฺตติ ปริโต วิวตฺตติ. ลกฺขณวจนฺเหตํ. ปิฏฺิยํ สกลินปทกาปิฏฺํ. กายูปปนฺนสฺสาติ มหตา กาเยน อุเปตสฺส, มหากายสฺสาติ อตฺโถ.
ปิฺฉวฏฺฏีติ ปิฺฉกลาโป. สุปณฺณวาตนฺติ นาคคฺคหณาทีสุ ปกฺขปปฺโผฏนวเสน อุปฺปชฺชนกวาตํ.
ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติกถาวณฺณนา
‘‘ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา’’ติอาทินา อุทฺทิฏฺการณานิ วิตฺถารโต วิวริตุํ ‘‘อิโต กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิโตติ อิโต กปฺปโต ¶ . สตสหสฺสิเมติ สตสหสฺสเม. หํสาวตี นาม นครํ อโหสิ ชาตนครํ. ธุรปตฺตานีติ พาหิรปตฺตานิ, ยานิ ทีฆตมานิ.
กนิฏฺภาตาติ เวมาติกภาตา กนิฏฺโ ยถา อมฺหากํ ภควโต นนฺทตฺเถโร. พุทฺธานฺหิ สโหทรา ภาตโร นาม น โหนฺติ. กถํ เชฏฺา ตาว น อุปฺปชฺชนฺติ, กนิฏฺานํ ปน อสมฺภโว เอว. โภคนฺติ วิภวํ. อุปสนฺโตติ โจรชนิตสงฺโขภวูปสเมน อุปสนฺโต ชนปโท.
ทฺเว สาฏเก นิวาเสตฺวาติ สาฏกทฺวยเมว อตฺตโน กายปริหาริกํ กตฺวา อิตรํ สพฺพสมฺภารํ อตฺตโต โมเจตฺวา.
ปตฺตคฺคหณตฺถนฺติ อนฺโตปกฺขิตฺตอุณฺหโภชนตฺตา อปราปรํ หตฺเถ ปริวตฺเตนฺตสฺส ปตฺตคฺคหณตฺถํ. อุตฺตริสาฏกนฺติ อตฺตโน อุตฺตริสาฏกํ. เอตานิ ¶ ปากฏฏฺานานีติ เอตานิ ยถาวุตฺตานิ ภควโต เทสนาย ปากฏานิ เถรสฺส ปฺุกรณฏฺานานิ.
ปฏิสนฺธึ ¶ คเหตฺวาติ อมฺหากํ มหาโพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส เอว ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา.
ติตฺถวาสาทิวณฺณนา
อุคฺคหณํ ปาฬิยา อุคฺคณฺหนํ. สวนํ อตฺถสวนํ. ปริปุจฺฉนํ คณฺิฏฺาเนสุ อตฺถปริปุจฺฉนํ. ธารณํ ปาฬิยาปิ ปาฬิอตฺถสฺสปิ จิตฺเต ปนํ. สพฺพฺเจตํ อิธ ปฏิจฺจสมุปฺปาทวเสน เวทิตพฺพํ.
โสตาปนฺนานฺจ…เป... อุปฏฺาติตตฺถ สมฺโมหวิทฺธํสเนน ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๙๘; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖; จูฬนิ. ๔, ๗, ๘) อตฺตปจฺจกฺขวเสน อุปฏฺานโต. นามรูปปริจฺเฉโทติ สห ปจฺจเยน นามรูปสฺส ปริจฺฉิชฺช อวโพโธ.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทคมฺภีรตาวณฺณนา
‘‘อตฺถคมฺภีรตายา’’ติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ¶ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโติ ชาติปจฺจยโต สมฺภูตํ หุตฺวา สหิตสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส ชรามรณสฺส อุทฺธํ อุทฺธํ อาคตภาโว, อนุปวตฺตตฺโถติ อตฺโถ. อถ วา สมฺภูตฏฺโ จ สมุทาคตฏฺโ จ สมฺภูตสมุทาคตฏฺโ. ‘‘น ชาติโต ชรามรณํ น โหติ,’’ น จ ชาตึ วินา ‘‘อฺโต โหตี’’ติ หิ ชาติปจฺจยสมฺภูตฏฺโ วุตฺโต, อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ ชาติปจฺจยสมุทาคตฏฺโ, ยา ยา ชาติ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, ตทนุรูปปาตุภาโวติ อตฺโถ. โส อนุปจิตกุสลสมฺภารานํ าณสฺส ตตฺถ อปฺปติฏฺตาย อคาธฏฺเน คมฺภีโร. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโติ เยนากาเรน ยทวตฺถา อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ. เยน หิ ปวตฺติอากาเรน, ยาย จ อวตฺถาย อวตฺถิตา อวิชฺชา เตสํ เตสํ สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ, ตทุภยสฺสปิ ทุรวโพธนียโต อวิชฺชา สงฺขารานํ นวหิ อากาเรหิ ปจฺจยฏฺโ ¶ อนุปจิตกุสลสมฺภารานํ าณสฺส ตตฺถ อปฺปติฏฺตาย อคาธฏฺเน คมฺภีโร. เอส นโย เสสปเทสุปิ.
กตฺถจิ ¶ อนุโลมโต เทสียติ, กตฺถจิ ปฏิโลมโตติ อิธ ปน ปจฺจยุปฺปาทา ปจฺจยุปฺปนฺนุปฺปาทสงฺขาโต อนุโลโม, ปจฺจยนิโรธา ปจฺจยุปฺปนฺนนิโรธสงฺขาโต จ ปฏิโลโม อธิปฺเปโต. อาทิโต ปน ปฏฺาย อนฺตคมนํ อนุโลโม, อนฺตโต จ อาทิคมนํ ปฏิโลโมติ อธิปฺเปโต. อาทิโต ปฏฺาย อนุโลมเทสนาย, อนฺตโต ปฏฺาย ปฏิโลมเทสนาย จ ติสนฺธิ จตุสงฺเขโป. ‘‘อิเม ภิกฺขเว จตฺตาโร อาหารา กึ นิทานา’’ติอาทิกาย (สํ. นิ. ๒.๑๑) จ เวมชฺฌโต ปฏฺาย ปฏิโลมเทสนาย, ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติอาทิกาย (สํ. นิ. ๒.๔๓, ๔๕) อนุโลมเทสนาย จ ทฺวิสนฺธิ ติสงฺเขโป. ‘‘สํโยชนิเยสุ ¶ ภิกฺขเว ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๓, ๕๗) เอกสนฺธิ ทฺวิสงฺเขโป. เอกงฺโค หิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เทสิโต. ลพฺภเตว หิ โส ‘‘ตตฺร ภิกฺขเว สุตวา อริยสาวโก ปฏิจฺจสมุปฺปาทํเยว สาธุกํ โยนิโส มนสิ กโรติ ‘อิติ อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ…เป… นิรุชฺฌตี’ติ. สุขเวทนิยํ ภิกฺขเว ผสฺสํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขเวทนา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๒) อิมสฺส สุตฺตสฺส วเสน เวทิตพฺโพ. อิติ เตน เตน การเณน ตถา ตถา ปวตฺเตตพฺพตฺตา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เทสนาย คมฺภีโร. เตนาห ‘‘อยํ เทสนาคมฺภีรตา’’ติ. น หิ ตตฺถ สพฺพฺุตาณโต อฺํ าณํ ปติฏฺํ ลภติ.
‘‘อวิชฺชาย ปนา’’ติอาทีสุ ชานนลกฺขณสฺส าณสฺส ปฏิปกฺขภูโต อวิชฺชาย อฺาณฏฺโ. อารมฺมณสฺส ปจฺจกฺขกรเณน ทสฺสนภูตสฺส ปฏิปกฺขภูโต อทสฺสนฏฺโ. เยเนสา อตฺตโน สภาเวน ทุกฺขาทีนํ ยาถาวสรสํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น เทติ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฏฺติ, โส ตสฺสา สจฺจาสมฺปฏิเวธฏฺโ. อภิสงฺขรณํ สํวิธานํ, ปกปฺปนนฺติ อตฺโถ. อายูหนํ สมฺปิณฺฑนํ, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อตฺตโน กิจฺจานุรูปตาย ราสีกรณนฺติ อตฺโถ. อปฺุาภิสงฺขาเรกเทโส สราโค. อฺโ วิราโค. ราคสฺส วา อปฺปฏิปกฺขภาวโต ราคปฺปวฑฺฒโก, ราคุปฺปตฺติปจฺจโย ¶ จ สพฺโพปิ อปฺุาภิสงฺขาโร สราโค. อิตโร ตพฺพิทูรภาวโต วิราโค. ‘‘ทีฆรตฺตํ เหตํ ภิกฺขเว อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อชฺโฌสิตํ มมายิตํ ปรามฏฺํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ’’ (สํ. นิ. ๒.๖๑) อตฺตปรามาสสฺส ¶ วิฺาณํ วิเสสโต วตฺถุ วุตฺตนฺติ วิฺาณสฺส สฺุตฏฺโ คมฺภีโร. อตฺตา วิชานาติ สํสรตีติ สพฺยาปารตาสงฺกนฺติอภินิเวสพลวตาย อพฺยาปารอสงฺกนฺติปฏิสนฺธิปาตุภาวฏฺา จ คมฺภีรา. นามรูปสฺส ปฏิสนฺธิกฺขเณ เอกโตว อุปฺปาโท เอกุปฺปาโท, ปวตฺติยํ วิสุํ วิสุํ ยถารหํ เอกุปฺปาโท. นามสฺส รูเปน, รูปสฺส จ นาเมน อสมฺปโยคโต วินิพฺโภโค นามสฺส นาเมน ¶ , รูปสฺส จ รูเปน เอกจฺจสฺส เอกจฺเจน อวินิพฺโภโค (นามสฺส นาเมน อวินิพฺโภโค วิภ. มูลฏี. ๒๔๒) โยเชตพฺโพ. เอกุปฺปาเทกนิโรเธหิ อวินิพฺโภเค อธิปฺเปเต โส รูปสฺส จ เอกกลาปปวตฺติโน รูเปน ลพฺภตีติ. อถ วา เอกจตุโวการภเวสุ นามรูปานํ อสหวตฺตนโต อฺมฺํ วินิพฺโภโค, ปฺจโวการภเว สหวตฺตนโต อวินิพฺโภโค จ เวทิตพฺโพ.
นามสฺส อารมฺมณาภิมุขํ นมนํ นมนฏฺโ. รูปสฺส วิโรธิปจฺจยสมวาเย วิสทิสุปฺปตฺติ รุปฺปนฏฺโ. อินฺทฺริยปจฺจยภาโว อธิปติยฏฺโ. ‘‘โลโกเปโส, ทฺวาราเปสา, เขตฺตํ เปต’’นฺติ วุตฺตโลกาทิอตฺโถ จกฺขาทีสุ ปฺจสุ โยเชตพฺโพ. มนายตนสฺส ปน ลุชฺชนโต, มโนสมฺผสฺสาทีนํ ทฺวารเขตฺตภาวโต จ เอเต อตฺถา เวทิตพฺพา. อาปาถคตานํ รูปาทีนํ ปกาสนโยคฺยตาลกฺขณํ โอภาสนํ จกฺขาทีนํ วิสยิภาโว, มนายตนสฺส วิชานนํ. สงฺฆฏฺฏนฏฺโ วิเสสโต จกฺขุสมฺผสฺสาทีนํ ปฺจนฺนํ, อิตเร ฉนฺนมฺปิ โยเชตพฺพา. ผุสนฺจ ผสฺสสฺส สภาโว. สงฺฆฏฺฏนํ รโส, อิตเร อุปฏฺานาการา. อารมฺมณรสานุภวนฏฺโ รสวเสน วุตฺโต, เวทยิตฏฺโ ลกฺขณวเสน. สุขทุกฺขม อชฺฌตฺตภาโว ¶ ยถากฺกมํ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ สภาววเสน วุตฺโต. ‘‘อตฺตา เวทยตี’’ติ อภินิเวสสฺส พลวภาวโต นิชฺชีวฏฺโ เวทนาย คมฺภีโร. นิชฺชีวาย วา เวทนาย เวทยิตํ นิชฺชีวเวทยิตํ, โส เอว อตฺโถติ นิชฺชีวเวทยิตฏฺโ.
สปฺปีติกตณฺหาย ¶ อภินนฺทิตฏฺโ. พลวตรตณฺหาย คิลิตฺวา ปรินิฏฺาปนํ อชฺโฌสานฏฺโ. อิตเร ปน เชฏฺภาวโอสารณสมุทฺททุรติกฺกมอปาริปูริวเสน เวทิตพฺพา. อาทานคฺคหณาภินิเวสฏฺา จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ สมานา, ปรามาสฏฺโ ทิฏฺุปาทานาทีนเมว, ตถา ทุรติกฺกมฏฺโ. ‘‘ทิฏฺิกนฺตาโร’’ติ (ธ. ส. ๓๙๒) หิ วจนโต ทิฏฺีนํ ทุรติกฺกมตา. ทฬฺหคฺคหณตฺตา วา จตุนฺนมฺปิ ทุรติกฺกมฏฺโ โยเชตพฺโพ. โยนิคติิตินิวาเสสุขิปนนฺติ สมาเส ภุมฺมวจนสฺส อโลโป ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ เตน อายูหนาภิสงฺขรณปทานํ สมาโส โหติ. ยถา ตถา ชายนํ ชาติอตฺโถ. ตสฺสา ปน สนฺนิปาตโต ชายนํ สฺชาติอตฺโถ. มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมิตฺวา วิย ชายนํ โอกฺกนฺติอตฺโถ. โส ชาติโต นิพฺพตฺตนํ นิพฺพตฺติอตฺโถ. เกวลํ ปาตุภวนํ ปาตุภาวฏฺโ.
ชรามรณงฺคํ มรณปฺปธานนฺติ ตสฺส มรณฏฺา เอว ขยาทโย คมฺภีราติ ทสฺสิตา. อุปฺปนฺนอุปฺปนฺนานฺหิ นวนวานํ ขเยน กเมน ขณฺฑิจฺจาทิปริปกฺกปวตฺติยํ โลเก ชราโวหาโรติ ¶ . ขยฏฺโ วา ชราย วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. นวภาวาปคโม หิ ‘‘ขโย’’ติ ¶ วตฺตุํ ยุตฺโตติ วิปริณามฏฺโ ทฺวินฺนมฺปิ วเสน โยเชตพฺโพ, สนฺตติวเสน วา ชราย ขยวยภาวา, สมฺมุติขณิกวเสน มรณสฺส เภทวิปริณามฏฺา โยเชตพฺพา. อวิชฺชาทีนํ สภาโว ปฏิวิชฺฌียตีติ ปฏิเวโธ. วุตฺตฺเหตํ นิทานกถายํ ‘‘เตสํ เตสํ วา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตธมฺมานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว ปฏิเวโธ’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ปมมหาสงฺคีติกถา; อภิ. อฏฺ. นิทานกถา) โส หิ อวิชฺชาทีนํ สภาโว มคฺคาเณเนว อสมฺโมหปฏิเวธวเสน ปฏิวิชฺฌิตพฺพโต อฺาณสฺส อลพฺภเนยฺยปติฏฺตาย อคาธฏฺเน คมฺภีโร. สา สพฺพาปีติ สา ยถาวุตฺตา สงฺเขปโต จตุพฺพิธา วิตฺถารโต อเนกปฺปเภทา สพฺพาปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส คมฺภีรตา เถรสฺส อุตฺตานกา วิย อุปฏฺาสิ จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตตฺตา. อุทาหุ อฺเสมฺปีติ ‘‘มยฺหํ ตาว เอส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาติ, กึ นุ โข อฺเสมฺปิ เอวํ อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาตี’’ติ มา เอวํ อวจ มยาว ทินฺนนเย จตุสจฺจกมฺมฏฺานวิธิมฺหิ ตฺวา.
อปสาทนาวณฺณนา
โอฬาริกนฺติ ¶ วตฺถุวีติกฺกมสมตฺถตาวเสน ถูลํ. กามํ กามราคปฏิฆาเยว อตฺถโต กามราคปฏิฆสํโยชนานิ, กามราคปฏิฆานุสยา จ, ตถาปิ อฺโเยว สํโยชนฏฺโ พนฺธนภาวโต, อฺโ อนุสยนฏฺโ อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน ถามคมนนฺติ กตฺวา, อิติ กิจฺจวิเสสวิสิฏฺเภเท คเหตฺวา ‘‘จตฺตาโร กิเลเส’’ติ จ วุตฺตํ. เอเสว นโย อิตเรสุปิ. อณุสหคเตติ อณุสภาวํ อุปคเต. ตพฺภาวตฺโถ หิ อยํ สหคต-สทฺโท ‘‘นนฺทิราคสหคตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๙๑, ๑๓๓, ๔๖๐; ๓.๓๗๔; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๔; วิภ. ๒๐๓; ปฏิ. ม. ๑.๓๔; ๒.๓๐) วิย.
ยถา อุปริมคฺคาธิคมนวเสน สจฺจสมฺปฏิเวโธ ¶ ปจฺจยาการปฏิเวธวเสน, เอวํ สาวกโพธิปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธิอธิคมนวเสนปิ สจฺจสมฺปฏิเวโธ ปจฺจยาการปฏิเวธวเสเนวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพถาวาติ สพฺพปฺปกาเรเนว กิฺจิปิ ปการํ อเสเสตฺวาติ อตฺโถ. เย กตาภินีหารานํ มหาโพธิสตฺตานํ วีริยสฺส อุกฺกฏฺมชฺฌิมมุทุตาวเสน โพธิสมฺภารสมฺภรเณ กาลเภทา อิจฺฉิตา, เต ทสฺเสนฺโต ‘‘จตฺตาริ, อฏฺ, โสฬส วา อสงฺขฺเยยฺยานี’’ติ อาห, สฺวายมตฺโถ จริยาปิฏกวณฺณนาย คเหตพฺโพ. สาวโก ปเทสาเณ ¶ ิโตติ สาวโก หุตฺวา เสกฺขภาวโต ตตฺถาปิ ปเทสาเณ ิโต. พุทฺธานํ กถาย ‘‘ตํ ตถาคโต อภิสเมตี’’ติอาทิกาย ปจฺจนีกํ โหติ. อนฺสาธารณสฺส หิ วเสน พุทฺธานํ สีหนาโท, น อฺสาธารณสฺส.
‘‘วายมนฺตสฺเสวา’’ติ อิมินา วิเสสโต าณสมฺภารสมฺภรณํ ปฺาปารมิตาปูรณํ วทติ. ตสฺส จ สพฺพมฺปิ ปฺุํ อุปนิสฺสโย.
‘‘เอส เทวมนุสฺสานํ, สพฺพกามทโท นิธิ;
ยํ ยเทวาภิปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ. (ขุ. ปา. ๘.๑๐) –
หิ วุตฺตํ. ตสฺมา มหาโพธิสตฺตานํ สพฺเพสมฺปิ ปฺุสมฺภาโร ยาวเทว าณสมฺภารตฺโถ สมฺมาสมฺโพธิสมธิคมสมตฺถตฺตาติ อาห ‘‘ปจฺจยาการํ ¶ …เป… นตฺถี’’ติ. อิทานิ ปจฺจยาการปฏิเวธสฺเสว วา มหานุภาวตาทสฺสนมุเขน ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺเสว ปรมคมฺภีรตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อวิชฺชา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นวหิ อากาเรหีติ อุปฺปาทาทีหิ นวหิ อากาเรหิ. อวิชฺชา หิ สงฺขารานํ อุปฺปาโท หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, ปวตฺตํ หุตฺวา นิมิตฺตํ, อายูหนํ, สํโยโค, ปลิโพโธ, สมุทโย, เหตุ, ปจฺจโย หุตฺวา ปจฺจโย โหติ. เอวํ สงฺขาราทโย วิฺาณาทีนํ. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทามคฺเค ‘‘กถํ ¶ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณํ? อวิชฺชา สงฺขารานํ อุปฺปาทฏฺิติ จ ปวตฺตฏฺิติ จ นิมิตฺตฏฺิติ จ อายูหนฏฺิติ จ สฺโคฏฺิติ จ ปลิโพธฏฺิติ จ สมุทยฏฺิติ จ เหตุฏฺิติ จ ปจฺจยฏฺิติ จ อิเมหิ นวหากาเรหิ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา ปจฺจยสมุปฺปนฺนา’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๔๕).
ตตฺถ นวหากาเรหีติ นวหิ ปจฺจยภาวูปคมนากาเรหิ. อุปฺปชฺชติ เอตสฺมา ผลนฺติ อุปฺปาโท, ผลุปฺปตฺติยา การณภาโว. สติ จ อวิชฺชาย สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ, นาสติ, ตสฺมา อวิชฺชา สงฺขารานํ อุปฺปาโท หุตฺวา ปจฺจโย โหติ. ตถา อวิชฺชาย สติ สงฺขารา ปวตฺตนฺติ, นียนฺติ จ. ยถา จ ภวาทีสุ ขิปนฺติ, เอวํ เตสํ อวิชฺชา ปจฺจโย โหติ. ตถา อายูหนฺติ ผลุปฺปตฺติยา ฆเฏนฺติ, สํยุชฺชนฺติ อตฺตโน ผเลน. ยสฺมึ สนฺตาเน สยํ อุปฺปนฺนา, ตํ ปลิพุนฺธนฺติ. ปจฺจยนฺตรสมวาเย อุทยนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ. หิโนติ จ สงฺขารานํ การณภาวํ คจฺฉติ. ปฏิจฺจ อวิชฺชํ สงฺขารา อยนฺติ ปวตฺตนฺตีติ เอวํ อวิชฺชาย สงฺขารานํ การณภาวูปคมนวิเสสา อุปฺปาทาทโย เวทิตพฺพา. ตตฺถ ตถา สงฺขาราทีนํ วิฺาณาทีสุ อุปฺปาทฏฺิติอาทีสุปิ. ติฏฺติ เอเตนาติ ิติ, การณํ. อุปฺปาโท เอว ิติ อุปฺปาทฏฺิติ ¶ . เอเสว นโย เสเสสุปิ. ‘‘ปจฺจโย โหตี’’ติ อิทํ อิธ โลกนาเถน ตทา ปจฺจยปริคฺคหสฺส อารทฺธภาวทสฺสนํ. โส จ อารมฺโภ ายารุฬฺโห ‘‘ยถา จ ปุริเมหิ มหาโพธิสตฺเตหิ โพธิมูเล ปวตฺติโต, ตเถว จ ปวตฺติโต’’ติ. อจฺฉริยเวคาภิหตา ทสสหสฺสิโลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทิฏฺมตฺเตวา’’ติอาทิมาห.
เอตสฺส ธมฺมสฺสาติ เอตสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺิตสฺส ¶ ธมฺมสฺส. โส ปน ยสฺมา อตฺถโต เหตุปภวานํ เหตุ. เตนาห ‘‘เอตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺสา’’ติ, ชาติอาทีนํ ชรามรณาทิปจฺจยตายาติ อตฺโถ. นามรูปปริจฺเฉโท, ตสฺส จ ปจฺจยปริคฺคโห น ปมาภินิเวสมตฺเตน โหติ ¶ , อถ โข ตตฺถ อปราปรํ าณุปฺปตฺติสฺิเตน อนุ อนุ พุชฺฌเนน, ตทุภยาภาวํ ปน ทสฺเสนฺโต ‘‘าตปริฺาวเสน อนนุพุชฺฌนา’’ติ อาห. นิจฺจสฺาทีนํ ปชหนวเสน วตฺตมานา วิปสฺสนา ธมฺเม จ ปฏิวิชฺฌนฺตี เอว นาม โหติ ปฏิปกฺขวิกฺขมฺภเนน ติกฺขวิสทภาวาปตฺติโต, ตทธิฏฺานภูตา จ ตีรณปริฺา, อริยมคฺโค จ ปริฺาปหานาภิสมยวเสน ปวตฺติยา ตีรณปหานปริฺาสงฺคโห จาติ ตทุภยปฏิเวธาภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตีรณ…เป… อปฺปฏิวิชฺฌนา’’ติ อาห. ตนฺตํ วุจฺจติ วตฺถวีนนตฺถํ ตนฺตวาเยหิ ทณฺฑเก อาสฺชิตฺวา ปสาริตสุตฺตปฏฺฏี ตนียตีติ กตฺวา. ตํ ปน สุตฺตสนฺตานากุลตาย นิทสฺสนภาเวน อากุลเมว คหิตนฺติ อาห ‘‘ตนฺตํ วิย อากุลกชาตา’’ติ. สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมาเนตุนฺติ ปุพฺเพน ปรํ สมํ กตฺวา อาเนตุํ, อวิสมํ อุชุํ กาตุนฺติ อตฺโถ. ตนฺตเมว วา อากุลํ ตนฺตากุลํ, ตนฺตากุลํ วิย ชาตา ภูตาติ ตนฺตากุลชาตา. มชฺฌิมํ ปฏิปทํ อนุปคนฺตฺวา อนฺตทฺวยปตเนน ปจฺจยากาเร ขลิตา อากุลา พฺยากุลา โหนฺติ. เตเนว อนฺตทฺวยปตเนน ตํตํทิฏฺิคาหวเสน ปริพฺภมนฺตา อุชุกํ ธมฺมฏฺิติ กถํ ปฏิปชฺชิตุํ น ชานนฺติ. เตนาห ‘‘น สกฺโกนฺติ ตํ ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุ’’นฺติ. ทฺเว โพธิสตฺเตติ ปจฺเจกโพธิสตฺตมหาโพธิสตฺเต. อตฺตโน ธมฺมตายาติ อตฺตโน สภาเวน, ปโรปเทเสน วินาติ อตฺโถ. ตตฺถ ตตฺถ คุฬกชาตนฺติ ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ชาตคุฬกมฺปิ คณฺีติ ¶ สุตฺตคณฺิ. ตโต เอว คณฺิพทฺธํ พทฺธคณฺิกํ. ปจฺจเยสุ ปกฺขลิตฺวาติ อนิจฺจทุกฺขานตฺตาทิสภาเวสุ ปจฺจยธมฺเมสุ นิจฺจาทิคฺคาหวเสน ปกฺขลิตฺวา. ปจฺจเย อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตาติ ตสฺเสว นิจฺจาทิคฺคาหสฺส อวิสฺสชฺชนโต ปจฺจยธมฺมนิมิตฺตํ อตฺตโน ทสฺสนํ อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตา อิทํสจฺจาภินิเวสกายคนฺถวเสน คณฺิกชาตา โหนฺตีติ อาห ‘‘ทฺวาสฏฺิ…เป… คณฺิพทฺธา’’ติ. เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา สสฺสตทิฏฺิอาทิทิฏฺิโย นิสฺสิตา อลฺลีนา.
วินนโต ¶ ‘‘กุลา’’ติ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามสฺส ตนฺตวายสฺส คณฺิกํ นาม อากุลภาเวน อคฺคโต วา มูลโต วา ทุวิฺเยฺยาเยว ขลิตตนฺตสุตฺตนฺติ อาห ‘‘กุลาคณฺิกํ วุจฺจติ เปสการกฺชิยสุตฺต’’นฺติ. สกุณิกาติ กุลาวกสกุณิกา. สา หิ รุกฺขสาขาสุ โอลมฺพนกุลาวกา ¶ โหติ. ตฺหิ สา กุลาวกํ ตโต ตโต ติณหีราทิเก อาเนตฺวา ตถา วินนฺธติ, ยถา เตสํ เปสการกฺชิยสุตฺตํ วิย อคฺเคน วา อคฺคํ มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ วิเวเจตุํ วา น สกฺกา. เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. ตทุภยมฺปีติ ‘‘กุลาคณฺิก’’นฺติ วุตฺตํ กฺชิยสุตฺตํ, กุลาวกฺจ. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘เอวเมว สตฺตา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว.
กามํ มฺุชปพฺพชติณานิ ยถาชาตานิปิ ทีฆภาเวน ปติตฺวา อรฺฏฺาเน อฺมฺํ วินนฺธิตฺวา อากุลพฺยากุลานิ หุตฺวา ติฏฺนฺติ, ตานิ ปน น ตถา ¶ ทุพฺพิเวจิยานิ, ยถา รชฺชุภูตานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา ตานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เสสเมตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
อปายาติ อวฑฺฒิตา, สุเขน, สุขเหตุนา วา วิรหิตาติ อตฺโถ. ทุกฺขสฺส คติภาวโตติ อาปายิกสฺส ทุกฺขสฺส ปวตฺติฏฺานภาวโต. สุขสมุสฺสยโตติ อพฺภุทยโต. วินิปติตตฺตาติ วิรูปํ นิปติตตฺตา ยถา เตนตฺตภาเวน สุขสมุสฺสโย น โหติ, เอวํ นิปติตตฺตา. อิตโรติ สํสาโร. นนุ ‘‘อปาย’’นฺติอาทินา วุตฺโตปิ สํสาโร เอวาติ? สจฺจเมตํ, นิรยาทีนํ ปน อธิมตฺตทุกฺขภาวทสฺสนตฺถํ อปายาทิคฺคหณํ. โคพลีพทฺทาเยนายมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏีติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ เหตุผลภาเวน อปราปรํ ปวตฺติ. อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานาติ อวิจฺเฉเทน ปวตฺตมานา. ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ ‘‘อปาย’’นฺติอาทินา วุตฺตํ สพฺพํ อปายทุกฺขฺเจว วฏฺฏทุกฺขฺจ. ‘‘มหาสมุทฺเท วาตุกฺขิตฺตนาวา วิยา’’ติ อิทํ ปริพฺภมฏฺานสฺส มหนฺตทสฺสนตฺถฺเจว ปริพฺภมนสฺส อนวฏฺิตตาทสฺสนตฺถฺจ ‘‘อุปมาย. ยนฺเตสุ ยุตฺตโคโณ วิยา’’ติ อิทํ ปน อวสภาวทสฺสนตฺถฺเจว ทุปฺปโมกฺขภาวทสฺสนตฺถฺจาติ เวทิตพฺพํ.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทวณฺณนา
อิมินา ตาวาติ เอตฺถ ตาว-สทฺโท กมตฺโถ, เตน ‘‘ตนฺตากุลกชาตา’’ติ ปทสฺส อนุสนฺธิ ปรโต อาวิภวิสฺสตีติ ทีเปติ. อตฺถิ อิทปฺปจฺจยาติ เอตฺถ อยํ ปจฺจโยติ อิทปฺปจฺจโย, ตสฺมา อิทปฺปจฺจยา, อิมสฺมา ปจฺจยาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อิมสฺมา นาม ปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ¶ เอวํ วตฺตพฺโพ อตฺถิ นุ โข ชรามรณสฺส ปจฺจโยติ. เตนาห ¶ ‘‘อตฺถิ นุ โข…เป… ภเวยฺยา’’ติ. เอตฺถ หิ ‘‘กึ ปจฺจยา ชรามรณํ? ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ อุปริ ชาติสทฺทปจฺจยสทฺทสมานาธิกรเณน ¶ กึ-สทฺเทน อิทํ-สทฺทสฺส สมานาธิกรณตาทสฺสนโต กมฺมธารยสมาสตา อิทปฺปจฺจยสทฺทสฺส ยุชฺชติ. น เหตฺถ ‘‘อิมสฺส ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา’’ติ ชรามรณสฺส, อฺสฺส วา ปจฺจยโต ชรามรณสมฺภวปุจฺฉา สมฺภวติ วิฺาตภาวโต, อสมฺภวโต จ, ชรามรณสฺส ปน ปจฺจยปุจฺฉา สมฺภวติ. ปจฺจยสทฺทสมานาธิกรณตายฺจ อิทํ-สทฺทสฺส ‘‘อิมสฺมา ปจฺจยา’’ติ ปจฺจยปุจฺฉา ยุชฺชติ.
สา ปน สมานาธิกรณตา ยทิปิ อฺปทตฺถสมาเสปิ ลพฺภติ, อฺปทตฺถวจนิจฺฉาภาวโต ปเนตฺถ กมฺมธารยสมาโส เวทิตพฺโพ. สามิวจนสมาสปกฺเข ปน นตฺเถว สมานาธิกรณตาสมฺภโวติ. นนุ จ ‘‘อิทปฺปจฺจยตา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ เอตฺถ อิทปฺปจฺจย-สทฺโท สามิวจนสมาโส อิจฺฉิโตติ? สจฺจํ อิจฺฉิโต อุชุกเมว ตตฺถ ปฏิจฺจสมุปฺปาทวจนิจฺฉาติ กตฺวา, อิธ ปน เกวลํ ชรามรณสฺส ปจฺจยปริปุจฺฉา อธิปฺเปตา, ตสฺมา ยถา ตตฺถ อิทํ-สทฺทสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิเสสนตา, อิธ จ ‘‘ปุจฺฉิตพฺพปจฺจยตฺถตา สมฺภวติ, ตถา ตตฺถ, อิธ จ สมาสกปฺปนา เวทิตพฺพา. กสฺมา ปน ตตฺถ กมฺมธารยสมาโส น อิจฺฉิโตติ? เหตุปฺปภวานํ เหตุ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อิมสฺส อตฺถสฺส กมฺมธารยสมาเส อสมฺภวโตติ อิมสฺส, อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อนุรูโป ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโยติ เอตสฺส จ อตฺถสฺส อิจฺฉิตตฺตา. โย ปเนตฺถ อิทํ-สทฺเทน คหิโต อตฺโถ, โส ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ชรามรณคฺคหเณเนว คหิโตติ อิทํ-สทฺโท ปฏิจฺจสมุปฺปาทโต ปริจฺจชนโต อฺสฺส อสมฺภวโต ปจฺจเย ¶ อวติฏฺติ, เตเนตฺถ กมฺมธารยสมาโส. ตตฺถ ปน อิทํ-สทฺทสฺส ตโต ปริจฺจชนการณํ นตฺถีติ สามิวจนสมาโส เอว อิจฺฉิโต. อฏฺกถายํปน ยสฺมา ชรามรณาทีนํ ปจฺจยปุจฺฉามุเขนายํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนา อารทฺธา, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท จ นาม อตฺถโต เหตุปฺปภวานํ เหตูติ วุตฺโต วายมตฺโถ, ตสฺมา ‘‘อิมสฺส ชรามรณสฺส ปจฺจโย’’ติ เอวมตฺถวณฺณนา กตา.
ปณฺฑิเตนาติ เอกํสพฺยากรณียาทิปฺหาวิเสสชานนสมตฺถาย ปฺาย สมนฺนาคเตน. ตเมว หิสฺส ปณฺฑิจฺจํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ ¶ . ยาทิสสฺส ชีวสฺส ทิฏฺิคติโก สรีรโต อนฺตฺตํ ปุจฺฉติ ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติ, โส เอวํ ปรมตฺถโต นุปลพฺภติ, กถํ ตสฺส วฺฌาตนยสฺส วิย ทีฆรสฺสตา สรีรโต อฺตา วา อนฺตา วา พฺยากาตพฺพา สิยา, ตสฺมาสฺส ปฺหสฺส ปนียตา เวทิตพฺพา. ตุณฺหีภาโว นาเมส ปุจฺฉโต อนาทโร วิเหสา ¶ วิย โหตีติ ‘‘อพฺยากตเมต’’นฺติ ปการนฺตรมาห. เอวํ อพฺยากรณการณํ าตุกามสฺส กเถตพฺพํ โหติ, กถิเต จ ชานนฺตสฺส ปมาโทปิ เอวํ สิยา, กถนวิธิ ปน ‘‘ยาทิสสฺสา’’ติอาทินา ทสฺสิโต เอว. เอวํ อปฺปฏิปชฺชิตฺวาติ เอวํ ปนียปฺเห วิย ตุณฺหีภาวาทึ อนาปชฺชิตฺวา เอว. ‘‘อปฺปฏิปชฺชิตฺวา’’ติ วจนํ นิทสฺสนมตฺตเมตํ. ‘‘กึ สพฺพํ อนิจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กึ สงฺขตํ สนฺธาย ปุจฺฉสิ, อุทาหุ อสงฺขต’’นฺติ ปฏิปุจฺฉิตฺวา พฺยากาตพฺพํ โหติ ‘‘กึ ขนฺธปฺจกํ ปริฺเยฺย’’นฺติ ปุฏฺเ ‘‘อตฺถิ ตตฺถ ปริฺเยฺยํ, อตฺถิ น ปริฺเยฺย’’นฺติ วิภชฺช พฺยากาตพฺพํ โหติ, เอวํ อปฺปฏิปชฺชิตฺวาติ จ อยเมตฺถ อตฺโถ อิจฺฉิโตติ. ปุพฺเพ ยสฺส ปจฺจยสฺส อตฺถิตามตฺตํ ¶ โจทิตนฺติ อตฺถิตามตฺตํ วิสฺสชฺชิตํ. ปุจฺฉาสภาเคน หิ วิสฺสชฺชนนฺติ. อิทานิ ตสฺเสว สรูปปุจฺฉา กรียตีติ ‘‘ปุน กิ’’นฺติ วุตฺตํ. อิธาปิ ‘‘ยถา’’ติอาทิ สพฺพํ อาเนตฺวา วตฺตพฺพํ.
‘‘เอส นโย สพฺพปเทสู’’ติ อติเทสวเสน อุสฺสุกฺกํ กตฺวา ‘‘นามรูปปจฺจยา’’ติอาทินา ตตฺถ อปวาโท อารทฺโธ. ยสฺมา ทสฺเสตุกาโม, ตสฺมา อิทํ วุตฺตนฺติ โยชนา. ฉนฺนํ วิปากสมฺผสฺสานํเยว คหณํ โหติ วิฺาณาทิ เวทนาปริโยสานา วิปากวิธีติ กตฺวา อเนเกสุ สุตฺตปเทสุ, (ม. นิ. ๓.๑๒๖; อุทา. ๑) อภิธมฺเม (วิภ. ๒๒๕) จ เยภุยฺเยน เตสํเยว คหณสฺส นิรุฬฺหตฺตา. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต. จ-สทฺโท พฺยติเรกตฺโถ, เตเนตฺถ ‘‘คหิตมฺปี’’ติอาทินา วุจฺจมานํเยว วิเสสํ โชเตติ. ปจฺจยภาโว นาม ปจฺจยุปฺปนฺนาเปกฺโข เตน วินา ตสฺส อสมฺภวโต. ตสฺมา สฬายตนปฺปจฺจยาติ ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ อิมินา ปเทนาติ โยชนา. อวยเวน วา สมุทาโยปลกฺขณเมตํ ‘‘สฬายตนปจฺจยา’’ติ, ตสฺมา ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ อิมินา ปเทนาติ วุตฺตํ โหติ. คหิตมฺปีติ ฉพฺพิธํ วิปากผสฺสมฺปิ. อคฺคหิตมฺปีติ อวิปากผสฺสมฺปิ กุสลากุสลกิริยาผสฺสมฺปิ. ปจฺจยุปฺปนฺนวิเสสํ ทสฺเสตุกาโมติ ¶ โยชนา. น เจตฺถ ปจฺจยุปฺปนฺโนว อุปาทินฺโน อิจฺฉิโต, อถ โข ปจฺจโยปิ อุปาทินฺโน อิจฺฉิโตติ อชฺฌตฺติกายตนสฺเสว สฬายตนคฺคหเณน คหณนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สฬายตนโต…เป… ทสฺเสตุกาโม’’ติ. น หิ ผสฺสสฺส จกฺขาทิสฬายตนเมว ปจฺจโย, อถ โข ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๔, ๔๕; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) วจนโต รูปายตนาทิรูปฺจ จกฺขุวิฺาณาทินามฺจ ปจฺจโย, ตสฺมา อิมํ จกฺขาทิสฬายตนโต อติริตฺตํ ¶ อาวชฺชนาทิ วิย สาธารณํ อหุตฺวา, ตสฺส ตสฺส ผสฺสสฺส สาธารณตาย อฺํ วิเสสปจฺจยํ ปิ-สทฺเทน อวิสิฏฺํ สาธารณปจฺจยํ ปิทสฺเสตุกาโม ภควา, ‘‘นามรูปปจฺจยา ¶ ผสฺโส’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ โยชนา. อภิธมฺมภาชนีเยปิ อิมเมว ปจฺจยํ สนฺธาย ‘‘นามรูปปจฺจยา ผสฺโส’’ติ วุตฺตนฺติ ตทฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๒๔๓) ‘‘ปจฺจยวิเสสทสฺสนตฺถฺเจว มหานิทานเทสนาสงฺคหตฺถฺจา’’ติ อตฺถวณฺณนา กตา. ปจฺจยานนฺติ ชาติอาทีนํ ปจฺจยธมฺมานํ. นิทานํ กถิตนฺติ ชรามรณาทิกสฺส นิทานตฺตํ กถิตํ เอกํสิโก ปจฺจยภาโว กถิโต. ตฺหิ เตสํ ปจฺจยภาเว อพฺยภิจารีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อิติ โข ปเนต’’นฺติอาทินา อุปริ เทสนา ปวตฺตา. นิชฺชเฏติ นิชฺชาลเก. นิคฺคุมฺเพติ นิกฺเขเป. ปททฺวเยนาปิ อากุลาภาวเมว ทสฺเสติ, ตสฺมา อนากุลํ อพฺยากุลํ มหนฺตํ ปจฺจยนิทานเมตฺถ กถิตนฺติ มหานิทานํ สุตฺตํ อฺถาภาวสฺส อภาวโต.
๙๘. เตสํ เตสํ ปจฺจยานนฺติ เตสํ เตสํ ชาติอาทีนํ ปจฺจยานํ. ยสฺมา ปจฺจยภาโว นาม เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ อนูนาธิเกเหว ตสฺส ตสฺส ผลสฺส สมฺภวโต ตโถ ตจฺโฉ, ตปฺปกาโร วา สามคฺคิอุปคเตสุ ปจฺจเยสุ มุหุตฺตมฺปิ ตโถ นิพฺพตฺตนธมฺมานํ อสมฺภวาภาวโต. อวิตโถ อวิสํวาทนโก วิสํวาทนาการวิรหิโต อฺธมฺมปจฺจเยหิ อฺธมฺมานุปฺปตฺติโต. ‘‘อนฺถา’’ติ วุจฺจติ อฺถาภาวสฺส อภาวโต. ตสฺมา ‘‘ตถํ อวิตถํ อนฺถํ ปจฺจยภาวํ ทสฺเสตุ’’นฺติ วุตฺตํ. ปริยายติ ¶ อตฺตโน ผลํ ปริคฺคเหตฺวา วตฺตตีติ ปริยาโย, เหตูติ อาห ‘‘ปริยาเยนาติ การเณนา’’ติ. สพฺเพน สพฺพนฺติ เทวตฺตาทินา ¶ สพฺพภาเวน สพฺพา ชาติ. สพฺพถา สพฺพนฺติ ตตฺถาปิ จาตุมหาราชิกาทิสพฺพากาเรน สพฺพา, นิปาตทฺวยเมตํ, นิปาตฺจ อพฺยยํ, ตฺจ สพฺพลิงฺควิภตฺติวจเนสุ เอกาการเมว โหตีติ ปาฬิยํ ‘‘สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อตฺถวจเน ปน ตสฺส ตสฺส ชาติสทฺทาเปกฺขาย อิตฺถิอตฺถวุตฺติตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพากาเรน สพฺพา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมินาว นเยนาติ อิมินา ชาติวาเร วุตฺเตเนว นเยน. เทวาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน คนฺธพฺพยกฺขาทิเก ปาฬิยํ (ที. นิ. ๒.๙๘) อาคเต, ตทนฺตรเภเท จ สงฺคณฺหาติ.
อิธ นิกฺขิตฺตอตฺถวิภชนตฺเถติ อิมสฺมึ ‘‘กสฺสจิ กิมฺหิจี’’ติ อนิยมโต อุทฺเทสวเสน วุตฺตตฺถสฺส นิทฺทิสนตฺเถ โชเตตพฺเพ นิปาโต, ตทตฺถโชตนํ นิปาตปทนฺติ อตฺโถ. ตสฺสาติ ตสฺส ปทสฺส. เตติ ธมฺมเทสนาย สมฺปทานภูตํ เถรํ วทติ. เสยฺยถิทนฺติ วา เต กตเมติ เจติ อตฺโถ. เย หิ ‘‘กสฺสจี’’ติ, ‘‘กิมฺหิจี’’ติ จ อนิยมโต วุตฺโต อตฺโถ, เต กตเมติ. กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา เหสา. เทวภาวายาติ เทวภาวตฺถํ. ขนฺธชาตีติ ขนฺธปาตุภาโว, ยถา ขนฺเธสุ อุปฺปนฺเนสุ ‘‘เทวา’’ติ สมฺา โหติ, ตถา เตสํ อุปฺปาโทติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยายา’’ติ อาห. สพฺพปเทสูติ ‘‘คนฺธพฺพานํ คนฺธพฺพตฺถายา’’ติอาทีสุ สพฺเพสุ ชาตินิทฺเทสปเทสุ ¶ , ภวาทิปเทสุ จ. เยน หิ นเยน สเจ หิ ชาตีติ อยมตฺถโยชนา กตา, ชาตินิทฺเทสปเทโสว ‘‘ภโว’’ติอาทินา ภวาทิปเทสุปิ โส กาตพฺโพติ. เทวาติ อุปปตฺติเทวา จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย ยาว ภวคฺคา ทิพฺพนฺติ กามคุณาทีหิ กีฬนฺติ ลฬนฺติ วิหรนฺติ โชตนฺตีติ กตฺวา. คนฺธํ อพฺพนฺติ ปริภฺุชนฺตีติ คนฺธพฺพา, ธตรฏฺสฺส ¶ มหาราชสฺส ปริวารภูตา. ยชนฺติ เวสฺสวณสกฺกาทิเก ปูเชนฺตีติ ยกฺขา, เตน เตน วา ปณิธิกมฺมาทินา ยชิตพฺพา ปูเชตพฺพาติ ยกฺขา, เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส ปริวารภูตา. อฏฺกถายํ ปน ‘‘อมนุสฺสา’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ. ภูตาติ กุมฺภณฺฑา, วิรูฬฺหกสฺส มหาราชสฺส ปริวารภูตา. อฏฺกถายํ ปน ‘‘เย เกจิ นิพฺพตฺตสตฺตา’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ. อฏฺิปกฺขา ภมรตุปฺปฬาทโย. จมฺมปกฺขา ชตุสิงฺคาลาทโย. โลมปกฺขา หํสโมราทโย. สรีสปา อหิวิจฺฉิกสตปทิอาทโย.
‘‘เตสํ ¶ เตส’’นฺติ อิทํ น เยวาปนกนิทฺเทโส วิย อวุตฺตสงฺคหตฺถํ วจนํ, อถ โข อเยวาปนกนิทฺเทโส วิย วุตฺตสงฺคหตฺถนฺติ. อาทิ-สทฺเทเนว จ อาเมฑิตตฺโถ สงฺคยฺหตีติ อาห ‘‘เตสํ เตสํ เทวคนฺธพฺพาทีน’’นฺติ. ตทตฺตายาติ ตํภาวาย, ยถารูเปสุ ขนฺเธสุ ปวตฺตมาเนสุ ‘‘เทวา คนฺธพฺพา’’ติ โลกสมฺา โหติ, ตถารูปตายาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เทวคนฺธพฺพาทิภาวายา’’ติ. ‘‘นิโรโธ, วิคโม’’ติ จ ปฏิลทฺธตฺตาลาภสฺส ภาโว วุจฺจติ, อิธ ปน อจฺจนฺตาภาโว อธิปฺเปโต ‘‘สพฺพโส ชาติยา อสตี’’ติ อวตฺวา ‘‘ชาตินิโรธา’’ติ วุตฺตตฺตาติ อาห ‘‘อภาวาติ อตฺโถ’’ติ.
ผลตฺถาย หิโนตีติ ยถา ผลํ ตโต นิพฺพตฺตติ, เอวํ หิโนติ ปวตฺตติ, ตสฺส เหตุภาวํ อุปคจฺฉตีติ อตฺโถ. อิทํ คณฺหถ นนฺติ ‘‘อิทํ เม ผลํ, คณฺหถ น’’นฺติ เอวํ อปฺเปติ วิย นิยฺยาเตติ วิย. ‘‘เอส นโย’’ติ อวิเสสํ อติทิสิตฺวา วิเสสมตฺตสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นนุ จายํ ชาติ ปรินิปฺผนฺนา, สงฺขตภาวา จ น โหติ วิการภาวโต, ตถา ชรามรณํ, ตสฺส กถํ สา เหตุ โหตีติ โจทนํ สนฺธายาห ¶ ‘‘ชรามรณสฺส หี’’ติอาทิ. ตพฺภาเว ภาโว, ตทภาเว จ อภาโว ชรามรณสฺส ชาติยา อุปนิสฺสยตา.
๙๙. โอกาสปริคฺคโหติ ปวตฺติฏฺานปริคฺคโห. อุปปตฺติภเว ยุชฺชติ อุปปตฺติกฺขนฺธานํ ยถาวุตฺตฏฺานโต อฺตฺถ อนุปฺปชฺชนโต. อิธ ปนาติ อิมสฺมึ สุตฺเต ‘‘กามภโว’’ติอาทินา อาคเต อิมสฺมึ าเน. กมฺมภเว ยุชฺชติ กามภวาทิโชตนา วิเสสโต ตสฺส ชาติยา ปจฺจยภาวโตติ. เตนาห ‘‘โส หิ ชาติยา อุปนิสฺสยโกฏิยาว ปจฺจโย’’ติ. นนุ จ อุปปตฺติภโวปิ ¶ ชาติยา อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจโย โหตีติ? สจฺจํ โหติ, โส ปน น ตถา ปธานภูโต, กมฺมภโว ปน ปธานภูโต ปจฺจโย ชนกภาวโตติ. ‘‘โส หิ ชาติยา’’ติอาทิ วุตฺตํ กามภวูปคํ กมฺมํ กามภโว. เอส นโย รูปารูปภเวสุปิ. โอกาสปริคฺคโหว กโต‘‘กิมฺหิจี’’ติ อิมินา สตฺตปริคฺคหสฺส กตตฺตา.
๑๐๐. ติณฺณมฺปิ กมฺมภวานนฺติ กามกมฺมภวาทีนํ ติณฺณมฺปิ กมฺมภวานํ. ติณฺณฺจ อุปปตฺติภวานนฺติ กามุปปตฺติภวาทีนํ ติณฺณฺจ อุปปตฺติภวานํ. ตถา ¶ เสสานิปีติ ทิฏฺุปาทานาทีนิ เสสุปาทานานิปิ ติณฺณมฺปิ กมฺมภวานํ, ติณฺณฺจ อุปปตฺติภวานํ ปจฺจโยติ อตฺโถ. อิตีติ เอวํ วุตฺตนเยน. ทฺวาทส กมฺมภวา ทฺวาทส อุปปตฺติภวาติ จตุวีสติภวา เวทิตพฺพา. ยสฺมา กมฺมภวสฺส ปจฺจยภาวมุเขเนว อุปาทานํ อุปปตฺติภวสฺส ปจฺจโย นาม โหติ, น อฺถา, ตสฺมา อุปาทานํ กมฺมภวสฺส อุชุกเมว ปจฺจยภาโวติ อาห ‘‘นิปฺปริยาเยเนตฺถ ทฺวาทส กมฺมภวา ลพฺภนฺตี’’ติ. เตสนฺติ กมฺมภวานํ. สหชาตโกฏิยาติ อกุสลสฺส กมฺมภวสฺส สหชาตํ อุปาทานํ สหชาตโกฏิยา, อิตรํ อนนฺตรูปนิสฺสยาทิวเสน อุปนิสฺสยโกฏิยา, กุสลสฺส กมฺมภวสฺส ปน ¶ อุปนิสฺสยโกฏิยาว ปจฺจโย. เอตฺถ จ ยถา อฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตาทิปจฺจยานํ สหชาตปจฺจเยน เอกสงฺคหตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สหชาตโกฏิยา’’ติ วุตฺตํ, เอวํ อารมฺมณูปนิสฺสยอนนฺตรูปนิสฺสยปกตูปนิสฺสยานํ เอกชฺฌํ คหณวเสน ‘‘อุปนิสฺสยโกฏิยา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๑๐๑. อุปาทานสฺสาติ เอตฺถ กามุปาทานสฺส ตณฺหา อุปนิสฺสยโกฏิยาว ปจฺจโย, เสสุปาทานานํ สหชาตโกฏิยาปิ อุปนิสฺสยโกฏิยาปิ วิฺาณาทิ จ เวทนาปริโยสานา วิปากวิธีติ กตฺวา.
๑๐๒. ยทิทํ เวทนาติ เอตฺถ วิปากเวทนาติ ตเมว ตาว อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย อิตรโกฏิยา อสมฺภวโต. อฺาติ กุสลากุสลกิริยเวทนา. อฺถาปีติ สหชาตโกฏิยาปิ.
๑๐๓. เอตฺตาวตาติ ชรามรณาทีนํ ปจฺจยปรมฺปราทสฺสนวเสน ปวตฺตาย เอตฺตกาย เทสนาย. ปุริมตณฺหนฺติ ปุริมภวสิทฺธํ ตณฺหํ. ‘‘เอส ปจฺจโย ตณฺหาย, ยทิทํ เวทนา’’ติ วตฺวา ตทนนฺตรํ ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนาติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺต’’นฺติอาทินา เวทนาย ปจฺจยภูตสฺส ผสฺสสฺส อุทฺธรณํ อฺเสุ สุตฺเตสุ อาคตนเยน ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส เทสนามคฺโค ¶ , ตํ ปน อโนตริตฺวา สมุทาจารตณฺหาทสฺสนมุเขเนว ตณฺหามูลกธมฺเม เทเสนฺโต อาจิณฺณเทสนามคฺคโต โอกฺกมนฺโต วิย, ตฺจ เทสนํ ปสฺสโต อปฺปวตฺตนฺติ ปสยฺห พลกฺกาเรน เทเสนฺโต วิย จ โหตีติ อาห ‘‘อิทานี’’ติอาทิ. ทฺเว ตณฺหาติ อิธาธิปฺเปตตณฺหา เอว ¶ ทฺวิธา ภินฺทนฺโต อาห. เอสนตณฺหาติ โภคานํ ปริเยสนวเสน ปวตฺตตณฺหา. เอสิตตณฺหาติ ปริยิฏฺเสุ โภเคสุ อุปฺปชฺชมานตณฺหา. สมุทาจารตณฺหายาติ ปริยุฏฺานวเสน ปวตฺตตณฺหาย. ทุวิธาเปสา เวทนํ ปฏิจฺจ ตณฺหา ¶ นาม เวทนาปจฺจยา จ อปฺปฏิลทฺธานํ โภคานํ ปฏิลาภาย ปริเยสนา, ลทฺเธสุ จ เตสุปาตพฺยตาปตฺติอาทิ โหตีติ.
ปริตสฺสนวเสน ปริเยสติ เอตายาติ ปริเยสนา. อาสยโต, ปโยคโต จ ปริเยสนา ตถาปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท. เตนาห ‘‘ตณฺหาย สติ โหตี’’ติ. รูปาทิอารมฺมณปฏิลาโภติ สวตฺถุกานํ รูปาทิอารมฺมณานํ คเวสนวเสน, ปวตฺติยํ ปน อปริยิฏฺํเยว ลพฺภติ, ตมฺปิ อตฺถโต ปริเยสนาย ลทฺธเมว นาม ตถารูปสฺส กมฺมสฺส ปุพฺเพกตตฺตา เอว ลพฺภนโต. เตนาห ‘‘โส หิ ปริเยสนาย สติ โหตี’’ติ. สุขวินิจฺฉยนฺติ สุขํ วิเสสโต นิจฺฉิโนตีติ สุขวินิจฺฉโย, สุขํ สภาวโต, สมุทยโต, อตฺถงฺคมนโต, นิสฺสรณโต จ ยาถาวโต ชานิตฺวา ปวตฺตาณํ, ตํ สุขวินิจฺฉยํ. ชฺาติ ชาเนยฺย. ‘‘สุภสุข’’นฺติอาทิกํ อารมฺมเณ อภูตาการํ วิวิธํ นินฺนภาเวน นิจฺฉิโนติ อาโรเปตีติ วินิจฺฉโย. อสฺสาทานุปสฺสนตณฺหาทิฏฺิยาปิ เอวเมว วินิจฺฉยภาโว เวทิตพฺโพ. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต วิตกฺโกเยว อาคโตติ โยชนา. อิมสฺมึ ปน สุตฺเตติ สกฺกปฺหสุตฺเต. (ที. นิ. ๒.๓๕๘) ตตฺถ หิ ‘‘ฉนฺโท โข, เทวานํ อินฺท, วิตกฺกนิทาโน’’ติ อาคตํ. อิธาติ อิมสฺมึ มหานิทานสุตฺเต.‘‘วิตกฺเกเนว วินิจฺฉินาตี’’ติ เอเตน ‘‘วินิจฺฉียติ เอเตนาติ วินิจฺฉโย’’ติ วินิจฺฉย-สทฺทสฺส กรณสาธนมาห. ‘‘เอตฺตก’’นฺติอาทิ วินิจฺฉยนาการทสฺสนํ.
ฉนฺทนฏฺเน ฉนฺโท, เอวํ รฺชนฏฺเน ราโค, สฺวายํ อนาเสวนตาย มนฺโท หุตฺวา ปวตฺโต อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ทุพฺพลราคสฺสาธิวจน’’นฺติ. อชฺโฌสานนฺติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน อภินิวิสนํ. ‘‘มยฺหํ ¶ อิท’’นฺติ หิ ตณฺหาคาโห เยภุยฺเยน อตฺตคฺคาหสนฺนิสฺสโยว โหติ. เตนาห ‘‘อหํ มม’’นฺติ, ‘‘พลวสนฺนิฏฺาน’’นฺติ จ เตสํ คาหานํ ถิรภาวปฺปตฺติมาห. ตณฺหาทิฏฺิวเสน ปริคฺคหกรณนฺติ ‘‘อหํ มม’’นฺติ พลวสนฺนิฏฺานวเสน อภินิวิฏฺสฺส ¶ อตฺตตฺตนิยคฺคาหวตฺถุโน อฺาสาธารณํ วิย กตฺวา ปริคฺคเหตฺวา านํ, ตถาปวตฺโต โลภสหคตจิตฺตุปฺปาโท. อตฺตนา ปริคฺคหิตสฺส วตฺถุโน ยสฺส วเสน ปเรหิ สาธารณภาวสฺส อสหมาโน ¶ โหติ ปุคฺคโล, โส ธมฺโม อสหนตา. เอวํ วจนตฺถํ วทนฺติ นิรุตฺตินเยน. สทฺทลกฺขเณ ปน ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน มจฺฉริยโยคโต ปุคฺคโล มจฺฉโร, ตสฺส ภาโว, กมฺมํ วา มจฺฉริยํ, มจฺเฉโร ธมฺโม. มจฺฉริยสฺส พลวภาวโต อาทเรน รกฺขณํ อารกฺโขติ อาห ‘‘ทฺวาร…เป… สุฏฺุ รกฺขณ’’นฺติ. อตฺตโน ผลํ กโรตีติ กรณํ, ยํ กิฺจิ การณํ, อธิกํ กรณนฺติ อธิกรณํ, วิเสสการณํ. วิเสสการณฺจ โภคานํ อารกฺขทณฺฑาทานาทิอนตฺถสมฺภวสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘อารกฺขาธิกรณ’’นฺติอาทิ. ปรนิเสธนตฺถนฺติ มารณาทินา ปเรสํ วิพาธนตฺถํ. อาทียติ เอเตนาติ อาทานํ, ทณฺฑสฺส อาทานํ ทณฺฑาทานํ, อภิภวิตฺวา ปรวิเหนจิตฺตุปฺปาโท. สตฺถาทาเนปิ เอเสว นโย. หตฺถปรามาสาทิวเสน กาเยน กาตพฺพกลโห กายกลโห. มมฺมฆฏฺฏนาทิวเสน วาจาย กาตพฺพกลโห วาจากลโห. วิรุชฺฌนวเสน วิรูปํ คณฺหาติ เอเตนาติ วิคฺคโห. วิรุทฺธํ วทติ เอเตนาติ วิวาโท. ตุวํ ตุวนฺติ อคารววจนสหจรณโต ตุวํ ตุวํ, สพฺเพเต ตถาปวตฺตา โทสสหคตจิตฺตุปฺปาทา เวทิตพฺพา. เตนาห ภควา ‘‘อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๔).
๑๑๒. เทสนํ นิวตฺเตสีติ ‘‘ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา’’ติอาทินา อนุโลมนเยน ปวตฺติตํ เทสนํ ปฏิโลมนเยน ¶ ปุน ‘‘อารกฺขาธิกรณ’’นฺติ อารภนฺโต นิวตฺเตสิ. ปฺจกามคุณิกราควเสนาติ อารมฺมณภูตา ปฺจ กามคุณา เอตสฺส อตฺถีติ ปฺจกามคุณิโก, ตตฺถ รฺชนวเสน อภิรมณวเสน ปวตฺตราโค, ตสฺส วเสน อุปฺปนฺนา รฺชนวเสน ตณฺหายนวเสน ปวตฺตา รูปาทิตณฺหาว กาเมสุ ตณฺหาติ กามตณฺหา. ภวติ อตฺถิ สพฺพกาลํ ติฏฺตีติ ปวตฺตา ภวทิฏฺิ อุตฺตรปทโลเปน ภโว, ตํสหคตา ตณฺหา ภวตณฺหา. วิภวติ วินสฺสติ อุจฺฉิชฺชตีติ ปวตฺตา วิภวทิฏฺิ วิภโว อุตฺตรปทโลเปน, ตํสหคตา ตณฺหา วิภวตณฺหาติ อาห ‘‘สสฺสตทิฏฺี’’ติอาทิ. อิเม ทฺเว ธมฺมาติ ¶ ‘‘เอส ปจฺจโย อุปาทานสฺส, ยทิทํ ตณฺหา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๑) เอวํ วุตฺตา วฏฺฏมูลตณฺหา จ ‘‘ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๓) เอวํ วุตฺตา สมุทาจารตณฺหา จาติ อิเม ทฺเว ธมฺมา. วฏฺฏมูลสมุทาจารวเสนาติ วฏฺฏมูลวเสน เจว สมุทาจารวเสน จ. ทฺวีหิ โกฏฺาเสหีติ ทฺวีหิ ภาเคหิ. ทฺวีหิ อวยเวหิ สโมสรนฺติ นิพฺพตฺตนวเสน สมํ วตฺตนฺติ อิโตติ สโมสรณํ, ปจฺจโย, เอกํ สโมสรณํ เอตาสนฺติ เอกสโมสรณา. เกน ปน เอกสโมสรณาติ อาห ‘‘เวทนายา’’ติ. ทฺเวปิ หิ ตณฺหา เวทนาปจฺจยา เอวาติ. เตนาห ‘‘เวทนาปจฺจเยน เอกปจฺจยา’’ติ. ตโต ตโต โอสริตฺวา อาคนฺตฺวา สมวสนฏฺานํ โอสรณ สโมสรณํ. เวทนาย ¶ สมํ สห เอกสฺมึ อารมฺมเณ โอสรณกปวตฺตนกา เวทนา สโมสรณาติ อาห ‘‘อิทํ สหชาตสโมสรณํ นามา’’ติ.
๑๑๓. สพฺเพติ อุปฺปตฺติทฺวารวเสน ภินฺทิตฺวา วุตฺตา สวิปากผสฺสา เอว วิฺาณาทิ เวทนาปริโยสานา วิปากวิถีติ ¶ กตฺวา. ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา นาม วฏฺฏกถาติ อาห ‘‘เปตฺวา จตฺตาโร โลกุตฺตรวิปากผสฺเส’’ติ. พหุธาติ พหุปฺปกาเรน. อยฺหิ ปฺจทฺวาเร จกฺขุปสาทาทิวตฺถุกานํ ปฺจนฺนํ เวทนานํ จกฺขุสมฺผสฺสาทิโก ผสฺโส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากอาหารสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน อฏฺธา ปจฺจโย โหติ. เสสานํ ปน เอเกกสฺมึ ทฺวาเร สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณตทารมฺมณวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรวิปากเวทนานํ จกฺขุสมฺผสฺสาทิโก ผสฺโส อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติ. มโนทฺวาเรปิ ตทารมฺมณวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรวิปากเวทนานํ สหชาตมโนสมฺผสฺโส ตเถว อฏฺธา ปจฺจโย โหติ, ตถา ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติวเสน ปวตฺตานํ เตภูมกวิปากเวทนานํ. ยา ปน ตา มโนทฺวาเร ตทารมฺมณวเสน ปวตฺตา กามาวจรเวทนา, ตาสํ มโนทฺวาราวชฺชนสมฺปยุตฺโต มโนสมฺผสฺโส อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหตีติ เอวํ ผสฺโส พหุธา เวทนาย ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํ.
๑๑๔. เวทนาทีนนฺติ เวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณานํ. อสทิสภาวาติ อนุภวนสฺชานนาภิสงฺขรณวิชานนภาวา. เต หิ อฺมฺวิธุเรน เวทยิตาทิรูเปน อากิริยนฺติ ปฺายนฺตีติ อาการาติ วุจฺจนฺติ. เตเยวาติ ¶ เวทนาทีนํ เต เอว เวทยิตาทิอาการา. สาธุกํ ทสฺสิยมานาติ สกฺกจฺจํ ปจฺจกฺขโต วิย ปกาสิยมานา. ตํ ตํ ลีนมตฺถํ คเมนฺตีติ ‘‘อรูปฏฺโ อารมฺมณาภิมุขนมนฏฺโ’’ติ เอวมาทิกํ ตํ ตํ ลีนํ อปากฏมตฺถํ คเมนฺติ าเปนฺตีติ ลิงฺคานิ. ตสฺส ตสฺส สฺชานนเหตุโตติ ตสฺส ตสฺส อรูปฏฺาทิกสฺส สลฺลกฺขณสฺส การณตฺตา. นิมียนฺติ อนุมียนฺติ เอเตหีติ นิมิตฺตานิ. ตถา ตถา อรูปภาวาทิปฺปกาเรน, เวทยิตาทิปฺปกาเรน จ อุทฺทิสิตพฺพโต กเถตพฺพโต อุทฺเทสา. ตสฺมาติ ‘‘อสทิสภาวา’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติ. ยสฺมา เวทนาทีนํ อฺมฺอสทิสภาวา ยถาวุตฺเตนตฺเถน อาการาทโย, ตสฺมา อยํ อิทานิ วุจฺจมาโน เอตฺถ ปาฬิปเท อตฺโถ.
นามสมูหสฺสาติ อารมฺมณาภิมุขํ นมนฏฺเน ‘‘นาม’’นฺติ ลทฺธสมฺสฺส ¶ เวทนาทิจตุกฺขนฺธสงฺขาตสฺส อรูปธมฺมปฺุชสฺส. ปฺตฺตีติ ‘‘นามกาโย อรูปกลาโป อรูปิโน ¶ ขนฺธา’’ติอาทิกา ปฺาปนา โหติ. เจตนาปธานตฺตา สงฺขารกฺขนฺธธมฺมานํ ‘‘สงฺขารานํ เจตนากาเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธวิภชเน ‘‘ยา เจตนา สฺเจตนา สฺเจตยิตตฺต’’นฺติ (วิภ. ๒๔๙ อภิธมฺมภาชนีเย) เจตนาว นิทฺทิฏฺา. อสตีติ อสนฺเตสุ. วจนวิปลฺลาเสน หิ เอวํ วุตฺตํ. จตฺตาโร ขนฺเธ วตฺถุํ กตฺวาติ เวทนา สฺา จิตฺตํ เจตนาทโยติ อิเม จตุกฺขนฺธสฺิเต นิสฺสยปจฺจยภูเต ธมฺเม วตฺถุํ กตฺวา. อยฺจ นโย ปฺจทฺวาเรปิ สมฺภวตีติ ‘‘มโนทฺวาเร’’ติ วิเสสิตํ. อธิวจนสมฺผสฺสเววจโนติ อธิวจนมุเขน ปฺตฺติมุเขน คเหตพฺพตฺตา ‘‘อธิวจนสมฺผสฺโส’’ติ ลทฺธนาโม. โสติ มโนสมฺผสฺโส. ปฺจโวกาเร จ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย ลพฺภนโต รูปกาเย ปฺายเตว, อยํ ปน นโย อิธ น อิจฺฉิโต เวทนาทิปฏิกฺเขปวเสน อสมฺภวปริยายสฺส โชติตตฺตาติ ‘‘ปฺจปสาเท วตฺถุํ กตฺวา อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต. น หิ เวทนาสนฺนิสฺสเยน วินา ปฺจปสาเท วตฺถุํ กตฺวา มโนสมฺผสฺสสฺส สมฺภโว อตฺถิ. อุปฺปตฺติฏฺาเน อสติ อนุปฺปตฺติฏฺานโต ผลสฺส อุปฺปตฺติ นาม กทาจิปิ นตฺถีติ อิมมตฺถํ ยถาธิคตสฺส อตฺถสฺส นิทสฺสนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘อมฺพรุกฺเข’’ติอาทิมาห ¶ . รูปกายโตติ เกวลํ รูปกายโต. ตสฺสาติ มโนสมฺผสฺสสฺส.
วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิภูตตรา วิสทิสุปฺปตฺติ, ตสฺมึ วา สติ อตฺตโน สนฺตาเน วิชฺชมานสฺเสว วิสทิสุปฺปตฺติเหตุภาโว รุปฺปนากาโร. โส เอว รุปฺปนากาโร วตฺถุสปฺปฏิฆาทิกํ ตํ ตํ ลีนมตฺถํ คเมตีติ ลิงฺคํ. ตสฺส ตสฺส สฺชานนเหตุโต นิมิตฺตํ. ตถา ตถา อุทฺทิสิตพฺพโต อุทฺเทโสติ เอวเมตฺถ อาการาทโย อตฺถโต ¶ เวทิตพฺพา. วตฺถารมฺมณานํ อฺมฺปฏิหนนํ ปฏิโฆ, ตโต ปฏิฆโต ชาโต ปฏิฆสมฺผสฺโส. เตนาห ‘‘สปฺปฏิฆ’’นฺติอาทิ. นามกายโตติ เกวลํ นามกายโต. ตสฺสาติ ปฏิฆสมฺผสฺสสฺส. เสสํ ปมปฺเห วุตฺตนยเมว.
อุภยวเสนาติ นามกาโย รูปกาโยติ อุภยสนฺนิสฺสยสฺส อธิวจนสมฺผสฺโส ปฏิฆสมฺผสฺโสติ อุภยสมฺผสฺสสฺส วเสน.
วิสุํ วิสุํ ปจฺจยํ ทสฺเสตฺวาติ พฺยติเรกมุเขน ปจฺเจกํ นามกายรูปกายสฺิตํ ปจฺจยํ ทสฺเสตฺวา. เตสนฺติ ผสฺสานํ. อวิเสสโตติ วิเสสํ อกตฺวา สามฺโต. ทสฺเสตุนฺติ พฺยติเรกมุเขเนว ทสฺเสตุํ. เอเสว เหตูติ เอส ฉสุปิ ทฺวาเรสุ ปวตฺโต นามรูปสงฺขาโต เหตุ ยถารหํ ทฺวินฺนมฺปิ ผสฺสานํ. อิทานิ ตํ ยถารหํ ปวตฺตึ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขุทฺวาราทีสุ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สมฺปยุตฺตกา ¶ ขนฺธาติ ผสฺเสน สมฺปยุตฺตา เวทนาทโย ขนฺธา. อาวชฺชนสฺสาปิ สมฺปยุตฺตกฺขนฺธคฺคหเณเนเวตฺถ คหณํ ทฏฺพฺพํ ตทวินาภาวโต. ปรโต มโนสมฺผสฺเสปิ เอเสว นโย. ปฺจวิโธปีติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิวเสน ปฺจวิโธปิ. โส ผสฺโสติ ปฏิฆสมฺผสฺโส. พหุธาติ พหุปฺปกาเรน. ตถา หิ วิปากนามํ วิปากสฺส อเนกเภทสฺส มโนสมฺผสฺสสฺส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน สตฺตธา ปจฺจโย โหติ. ยํ ปเนตฺถ อาหารกิจฺจํ, ตํ อาหารปจฺจยวเสน. ยํ อินฺทฺริยกิจฺจํ, ตํ อินฺทฺริยปจฺจยวเสน ปจฺจโย โหติ. อวิปากํ ปน นามํ อวิปากสฺส มโนสมฺผสฺสสฺส เปตฺวา วิปากปจฺจยํ อิตเรสํ วเสน ปจฺจโย โหติ. รูปํ ปน จกฺขายตนาทิเภทํ จกฺขุสมฺผสฺสาทิกสฺส ปฺจวิธสฺส ผสฺสสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ¶ ¶ ฉธา ปจฺจโย โหติ. รูปายตนาทิเภทํ ตสฺส ปฺจวิธสฺส อารมฺมณปุเรชาตอตฺถิอวิคตวเสน จตุธา ปจฺจโย โหติ. มโนสมฺผสฺสสฺส ปน ตานิ รูปายตนาทีนิ, ธมฺมารมฺมณฺจ ตถา จ อารมฺมณปจฺจยมตฺเตเนว ปจฺจโย โหติ. วตฺถุรูปํ ปน มโนสมฺผสฺสสฺส นิสฺสยปุเรชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ปฺจธา ปจฺจโย โหติ. เอวํ นามรูปํ อสฺส ผสฺสสฺส พหุธา ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํ.
๑๑๕. ปมุปฺปตฺติยํ วิฺาณํ นามรูปสฺส วิเสสปจฺจโยติ อิมมตฺถํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘มาตุกุจฺฉิมฺหิ น โอกฺกมิสฺสถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คพฺภเสยฺยกปฏิสนฺธิ หิ พาหิรโต มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนฺตสฺส วิย โหนฺตีปิ อตฺถโต ยถาปจฺจยํ ขนฺธานํ ตตฺถ ปมุปฺปตฺติเยว. เตนาห ‘‘ปวิสิตฺวา…เป… น วตฺติสฺสถา’’ติ. สุทฺธนฺติ เกวลํ วิฺาเณน อมิสฺสิตํ วิรหิตํ. ‘‘อวเสส’’นฺติ อิทํ นามาเปกฺขํ, ตสฺมา อวเสสํ นามรูปนฺติ อิมํ วิฺาณํ เปตฺวา อวเสสํ นามรูปํ วาติ อตฺโถ. ปฏิสนฺธิวเสน โอกฺกนฺตนฺติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน, มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนฺตสฺส วา ปมาวยวภาเวน โอติณฺณํ. โวกฺกมิสฺสถาติ สนฺตติวิจฺเฉทํ วินาสํ อุปคมิสฺสถ, ตํ ปน มรณํ นาม โหตีติ อาห ‘‘จุติวเสนา’’ติ. อสฺสาติ วิฺาณสฺส, ตฺจ โข วิฺาณสามฺวเสน วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ตสฺเสว จิตฺตสฺส นิโรเธนา’’ติ, ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺเสว นิโรเธนาติ อตฺโถ. ตโตติ ปฏิสนฺธิจิตฺตโต. ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส, ตโต ทุติยตติยจิตฺตานํ วา นิโรเธน จุติ น โหตีติ วุตฺตมตฺถํ ยุตฺติโต วิภาเวตุํ ‘‘ปฏิสนฺธิจิตฺเตน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตสฺมึ อนฺตเรติ เอตสฺมึ โสฬสจิตฺตกฺขเณ กาเล. อนฺตราโย นตฺถีติ เอตฺถ ทารกสฺส ตาว มรณนฺตราโย มา โหตุ ตทา จุติจิตฺตสฺส อสมฺภวโต, มาตุ ปน กถํ ตทา มรณนฺตรายาภาโวติ? ตํ ตํ กาลํ อนติกฺกมิตฺวา ¶ ตทนฺตเรเยว ¶ จวนธมฺมาย คพฺภคฺคหณสฺเสว อสมฺภวโต. เตนาห ‘‘อยฺหิ อโนกาโส นามา’’ติ, จุติยาติ อธิปฺปาโย.
ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สทฺธึ สมุฏฺิตรูปานีติ โอกฺกนฺติกฺขเณ อุปฺปนฺนกมฺมชรูปานิ วทติ. ตานิ หิ นิปฺปริยายโต ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สทฺธึ สมุฏฺิตรูปานิ นาม, น อุตุสมุฏฺานานิ ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทโต ปจฺฉา สมุฏฺิตตฺตา. จิตฺตชาหารชานํ ¶ ปน ตทา อสมฺภโว เอว. ยานิ ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สทฺธึ สมุฏฺิตรูปานิ, ตานิ ติวิธานิ ตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ สมุฏฺิตานิ, ิติกฺขเณ สมุฏฺิตานิ, ภงฺคกฺขเณ สมุฏฺิตานีติ. เตสุ อุปฺปาทกฺขเณ สมุฏฺิตานิ สตฺตรสมสฺส ภวงฺคสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิรุชฺฌนฺติ, ิติกฺขเณ สมุฏฺิตานิ ิติกฺขเณ นิรุชฺฌนฺติ, ภงฺคกฺขเณ สมุฏฺิตานิ ภงฺคกฺขเณ นิรุชฺฌนฺติ. ตตฺถ ‘‘ภฺชมาโน ธมฺโม ภฺชมานสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโย โหตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ, อุปฺปาเท, ปน ิติยฺจ น น สกฺกาติ ‘‘สตฺตรสมสฺส ภวงฺคสฺส อุปฺปาทกฺขเณ, ิติกฺขเณ จ ธรนฺตานํ วเสน ตสฺส ปจฺจยมฺปิ ทาตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ วุตฺตํ. รูปกายูปตฺถมฺภิตสฺเสว หิ นามกายสฺส ปฺจโวกาเร ปวตฺตีติ. เตหิ รูปธมฺเมหิ ตสฺส จิตฺตสฺส พลวตรํ สนฺธายาห ‘‘สตฺตรสมสฺส…เป… ปวตฺติ ปวตฺตตี’’ติ. ปเวณี ฆฏิยตีติ อฏฺจตฺตาลีสกมฺมชสฺส ¶ รูปปเวณี สมฺพนฺธา หุตฺวา ปวตฺตติ. ปมฺหิ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ, ตโต ยาว โสฬสมํ ภวงฺคจิตฺตํ, เตสุ เอเกกสฺส อุปฺปาทิติภงฺควเสน ตโย ตโย ขณา. ตตฺถ เอเกกสฺส จิตฺตสฺส ตีสุ ตีสุ ขเณสุ สมตึส สมตึส กมฺมชรูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ. อิติ โสฬสติกา อฏฺจตฺตาลีสํ โหนฺติ. เอส นโย ตโต ปเรสุปิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อฏฺจตฺตาลีสกมฺมชสฺส รูปปเวณี สมฺพนฺธา หุตฺวา ปวตฺตตี’’ติ. สเจ ปน น สกฺโกนฺตีติ ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สทฺธึ สมุฏฺิตรูปานิ สตฺตรสมสฺส ภวงฺคสฺส ปจฺจยํ ทาตุํ สเจ น สกฺโกนฺติ. ยทิ หิ ปฏิสนฺธิจิตฺตโต สตฺตรสมํ จุติจิตฺตํ สิยา, ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ิติภงฺคกฺขเณสุปิ กมฺมชรูปํ น อุปฺปชฺเชยฺย, ปเคว ภวงฺคจิตฺตกฺขเณสุ. ตถา สติ นตฺเถว ตสฺส จิตฺตสฺส ปจฺจยลาโภติ ปวตฺติ นปฺปวตฺตติ, ปเวณี น ฆฏิยเตว, อฺทตฺถุ วิจฺฉิชฺชติ. เตนาห ‘‘โวกฺกมติตินาม โหตี’’ติอาทิ.
อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถํปการตาย. ยาทิโส คพฺภเสยฺยกสฺส อตฺตภาโว, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ตสฺส จ ปฺจกฺขนฺธา อนูนา เอว โหนฺตีติ อาห ‘‘เอวํ ปริปุณฺณปฺจกฺขนฺธภาวายา’’ติ. อุปจฺฉิชฺชิสฺสถาติ สนฺตานวิจฺเฉเทน วิจฺฉินฺเทยฺย. สุทฺธํ นามรูปเมวาติ วิฺาณวิรหิตํ เกวลํ นามรูปเมว. อวยวานํ ปาริปูริ วุฑฺฒิ. ถิรภาวปฺปตฺติ วิรูฬฺหิ. มหลฺลกภาวปฺปตฺติ เวปุลฺลํ. ตานิ ¶ จ ยถากฺกมํ ปมาทิวยวเสน โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘ปมวยวเสนา’’ติอาทิ. วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน วสฺสสหสฺสทฺวยาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
วิฺาณเมวาติ ¶ นิยมวจนํ, อิโต พาหิรกปฺปิตสฺส อตฺตโน, อิสฺสราทีนฺจ ปฏิกฺเขปปทํ, น อวิชฺชาทิผสฺสาทิปฏิกฺเขปปทํ ปฏิโยคีนิวตฺตนปทตฺตา อวธารณสฺส. เตนาห ‘‘เอเสว เหตู’’ติอาทิ. อยฺจ นโย เหฏฺาปิ สพฺพปเทสุ ยถารหํ วตฺตพฺโพ. อิทานิ วิฺาณเมว นามรูปสฺส ปธานการณนฺติ อิมมตฺถํ โอปมฺมวเสน วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปจฺเจกํ วิย สมุทิตสฺสาปิ นามรูปสฺส วิฺาเณน วินา อตฺตกิจฺจาสมตฺถตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตฺวํ นามรูปํ นามา’’ติ เอกชฺฌํ คหณํ. ปุเรจาริเกติ ปุพฺพงฺคเมว. วิฺาณฺหิ ¶ สหชาตธมฺมานํ ปุพฺพงฺคมํ. เตนาห ภควา ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ. (ธ. ป. ๑; เนตฺติ. ๙๐, ๙๒; เปฏโก. ๑๓, ๘๓) พหุธาติ อเนกปฺปกาเรน ปจฺจโย โหติ.
กถํ? วิปากนามสฺส หิ ปฏิสนฺธิยํ อฺํ วา วิฺาณํ สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากอาหารอินฺทฺริยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ นวธา ปจฺจโย โหติ. วตฺถุรูปสฺส ปฏิสนฺธิยํ สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากอาหารอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ นวธา ปจฺจโย โหติ. เปตฺวา ปน วตฺถุรูปํ เสสรูปสฺส อิเมสุ นวสุ อฺมฺปจฺจยํ อปเนตฺวา เสเสหิ อฏฺหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ. อภิสงฺขารวิฺาณํ ปน อสฺสตฺตรูปสฺส, ปฺจโวกาเร วา กมฺมชสฺส สุตฺตนฺติกปริยายโต อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติ. อวเสสฺหิ ปมภวงฺคโต ปภุติ สพฺพมฺปิ วิฺาณํ ตสฺส นามรูปสฺส ยถารหํ ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน ปจฺจยนเย ทสฺสิยมาเน สพฺพาปิ มหาปกรณกถา อาเนตพฺพา โหตีติ น วิตฺถาริตา. กถํ ปเนตํ ปจฺเจตพฺพํ ‘‘ปฏิสนฺธินามรูปํ วิฺาณปจฺจยา โหตี’’ติ? สุตฺตโต, ยุตฺติโต จ. ปาฬิยฺหิ ‘‘จิตฺตานุปริวตฺติโน ธมฺมา’’ติอาทินา (ธ. ส. มาติกา ๖๒) นเยน พหุธา เวทนาทีนํ วิฺาณปจฺจยตา อาคตา. ยุตฺติโต ปน อิธ จิตฺตเชน รูเปน ทิฏฺเน อทิฏฺสฺสาปิ รูปสฺส วิฺาณํ ปจฺจโย โหตีติ วิฺายติ. จิตฺเตหิ ปสนฺเน, อปฺปสนฺเน วา ตทนุรูปานิ รูปานิ อุปฺปชฺชมานานิ ทิฏฺานิ, ทิฏฺเน จ อทิฏฺสฺส อนุมานํ โหตีติ. อิมินา อิธ ‘‘ทิฏฺเน จิตฺตชรูเปน อทิฏฺสฺสาปิ ปฏิสนฺธิรูปสฺส วิฺาณํ ปจฺจโย โหตี’’ติ ปจฺเจตพฺพเมตํ ¶ . กมฺมสมุฏฺานสฺสาปิ หิ รูปสฺส จิตฺตสมุฏฺานสฺส วิย วิฺาณปจฺจยตา ปฏฺาเน อาคตาติ.
๑๑๖. อิธ ¶ ¶ สมุทย-สทฺโท สมุทาย-สทฺโท วิย สมูหปริยาโยติ อาห ‘‘ทุกฺขราสิสมฺภโว’’ติ. เอกโกติ อสหาโย ราชปริสารหิโต. ปสฺเสยฺยาม เต ราชภาวํ อมฺเหหิ วินาติ อธิปฺปาโย. ยถารหํ ปริสํ รฺเชตีติ หิ ราชา. อตฺถโตติ อตฺถสิทฺธิโต อวทนฺตมฺปิ วทติ วิย. ‘‘หทยวตฺถุ’’นฺติ อิมินาว ตนฺนิสฺสโยปิ คหิโต วาติ ทฏฺพฺพํ. อานนฺตริยภาวโต นิสฺสยนิสฺสโยปิ ‘‘นิสฺสโย’’ ตฺเวว วุจฺจตีติ. ปฏิสนฺธิวิฺาณํ นาม ภเวยฺยาสิ, เนตํ านํ วิชฺชตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปสฺเสยฺยามา’’ติอาทิ. พหุธาติ อเนกธา ปจฺจโย โหติ. กถํ? นามํ ตาว ปฏิสนฺธิยํ สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ สตฺตธา วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ. กิฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน, กิฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ เอวํ อฺถาปิ ปจฺจโย โหติ. อวิปากํ ปน นามํ ยถาวุตฺเตสุ ปจฺจเยสุ เปตฺวา วิปากปจฺจยํ อิตเรหิ ฉหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ. กิฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน, กิฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ อฺถาปิ ปจฺจโย โหติ, ตฺจ โข ปวตฺติยํเยว, น ปฏิสนฺธิยํ. รูปโต ปน หทยวตฺถุ ปฏิสนฺธิยํ วิฺาณสฺส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปฺปยุตฺตอตฺถิ อวิคตปจฺจเยหิ ฉธาว ปจฺจโย โหติ. ปวตฺติยํ ปน สหชาตอฺมฺปจฺจยวชฺชิเตหิ ปฺจหิ ปุเรชาตปจฺจเยน สห เตเหว ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ. จกฺขายตนาทิเภทํ ปน ปฺจวิธมฺปิ รูปํ ยถากฺกมํ จกฺขุวิฺาณาทิเภทสฺส วิฺาณสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหตีติ เอวํ นามรูปํ วิฺาณสฺส พหุธา ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํ.
ยฺวายมนุกฺกเมน วิฺาณสฺส นามรูปํ, ปฏิสนฺธินามรูปสฺส ¶ , จ วิฺาณํ ปติ ปจฺจยภาโว, โส กทาจิ วิฺาณสฺส สาติสโย, กทาจิ นามรูปสฺส, กทาจิ อุภินฺนํ สทิโสติ ติวิโธปิ โส ‘‘เอตฺตาวตา’’ติ ปเทน เอกชฺฌํ คหิโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิฺาเณ…เป… ปวตฺเตสู’’ติ วตฺวา ปุน ยมิทมฺปิ วิฺาณํ นามรูปสฺิตานํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อฺมฺนิสฺสเยน ปวตฺตานํ เอตฺตเกน สพฺพา สํสารวฏฺฏปฺปวตฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺตเกน…เป… ปฏิสนฺธิโย’’ติ อาห. ตตฺถ เอตฺตเกนาติ เอตฺตเกเนว, น อิโต อฺเน เกนจิ การกเวทกสภาเวน อตฺตนา, อิสฺสราทินา วาติ อตฺโถ. อนฺโตคธาวธารณฺเหตํ ปทํ.
วจนมตฺตเมว ¶ อธิกิจฺจาติ ทาสาทีสุ สิริวฑฺฒกาทิ-สทฺทา วิย อตถตฺตา วจนมตฺตเมว อธิการํ กตฺวา ปวตฺตสฺส. เตนาห ‘‘อตฺถํ อทิสฺวา’’ติ. โวหารสฺสาติ โวหรณมตฺตสฺส. ปโถติ ปวตฺติมคฺโค ปวตฺติยา วิสโย. ยสฺมา สรณกิริยาวเสน ปุคฺคโล ‘‘สโต’’ติ วุจฺจติ, สมฺปชานนกิริยาวเสน ‘‘สมฺปชาโน’’ติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘การณาปเทสวเสนา’’ติ. การณํ ¶ นิทฺธาเรตฺวา อุตฺติ นิรุตฺตีติ. เอกเมว อตฺถํ ‘‘ปณฺฑิโต’’ติอาทินา ปการโต าปนโต ‘‘ปฺตฺตี’’ติ วทนฺติ. โส เอว หิ ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ จ ‘‘พฺยตฺโต’’ติ จ ‘‘เมธาวี’’ติ จ ปฺาปียตีติ. ปณฺฑิจฺจปฺปการโต ปน ปณฺฑิโต, เวยฺยตฺติยปฺปการโต พฺยตฺโตติ ปฺาปียตีติ เอวํ ปการโต ปฺาปนโต ปฺตฺติ. ยสฺมา อิธ อธิวจนนิรุตฺติปฺตฺติปทานิ สมานตฺถานิ. สพฺพฺจ วจนํ อธิวจนาทิภาวํ ภชติ, ตสฺมา เกสุจิ วจนวิเสเสสุ วิเสเสน ปวตฺเตหิ อธิวจนาทิสทฺเทหิ สพฺพานิ วจนานิ ปฺตฺติอตฺถปฺปกาสนสามฺเน วุตฺตานีติ อิมินา อธิปฺปาเยน อยมตฺถโยชนา กตาติ เวทิตพฺพา.
อถ วา อธิ-สทฺโท อุปริภาเว, อุปริ วจนํ อธิวจนํ. กสฺส อุปริ? ปกาเสตพฺพสฺส อตฺถสฺสาติ ปากโฏ ยมตฺโถ. อธีนํ วา วจนํ อธิวจนํ. เกน อธีนํ? อตฺเถน. ตถา ตํตํอตฺถปฺปกาเสน ¶ นิจฺฉิตํ, นิยตํ วา วจนํ นิรุตฺติ. ปถวีธาตุปุริสาทิตํตํปกาเรน าปนโต ปฺตฺตีติ เอวํ อธิวจนาทิปทานํ สพฺพวจเนสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา, อฺถา สิริวฑฺฒกธนวฑฺฒกปฺปการานเมว นิรุตฺติตา, ‘‘ปณฺฑิโต วิยตฺโต’’ติ เอวํ ปการานเมว เอกเมว อตฺถํ เตน เตน ปกาเรน าเปนฺตานํ ปฺตฺติตา จ อาปชฺเชยฺยาติ. เอวํ ตีหิปิ นาเมหิ วุตฺตสฺส โวหารสฺส ปวตฺติมคฺโคปิ สห วิฺาเณน นามรูปนฺติ เอตฺตาวตาว อิจฺฉิตพฺโพ. เตนาห ‘‘อิตี’’ติอาทิ. ปฺาย อวจริตพฺพนฺติ ปฺาย ปวตฺติตพฺพํ, เยฺยนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ชานิตพฺพ’’นฺติ. วฏฺฏนฺติ กิเลสวฏฺฏํ, กมฺมวฏฺฏํ, วิปากวฏฺฏนฺติ ติวิธมฺปิ วฏฺฏํ. วตฺตตีติ ปวตฺตติ. ตยิทํ ‘‘ชาเยถา’’ติอาทินา ปฺจหิ ปเทหิ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส นิคมนวเสน วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน อิตฺถีติปุริสาติอาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. นามปฺตฺตตฺถายาติ ขนฺธาทิผสฺสาทิสตฺตาทิอิตฺถาทินามสฺส ปฺาปนตฺถาย. วตฺถุปิ เอตฺตาวตาว. เตนาห ‘‘ขนฺธปฺจกมฺปิ เอตฺตาวตาว ปฺายตี’’ติ. เอตฺตาวตา เอตฺตเกน, สห วิฺาเณน นามรูปปฺปวตฺติยาติ อตฺโถ.
อตฺตปฺตฺติวณฺณนา
๑๑๗. อนุสนฺธิยติ ¶ เอเตนาติ อนุสนฺธิ, เหฏฺา อาคตเทสนาย อนุสนฺธานวเสน ปวตฺตา อุปริเทสนา, สา ปมปทสฺส ทสฺสิตา, อิทานิ ทุติยปทสฺส ทสฺเสตพฺพาติ ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติ ภควา’’ติอาทิมาห. รูปินฺติ รูปวนฺตํ. ปริตฺตนฺติ น วิปุลํ, อปฺปกนฺติ อตฺโถ. ยสฺมา อตฺตา นาม โกจิ ปรมตฺถโต นตฺถิ. เกวลํ ปน ทิฏฺิคติกานํ ปริกปฺปิตมตฺตํ ¶ , ตสฺมา ยตฺถ เนสํ อตฺตสฺา, ยถา จสฺส รูปิภาวาทิปริกปฺปนา โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย’’ติอาทิมาห. รูปึ ปริตฺตนฺติ อตฺตโน อุปฏฺิตกสิณรูปวเสน รูปึ, ตสฺส อวฑฺฒิตภาเวน ปริตฺตํ. ปฺเปติ นีลกสิณาทิวเสน นานากสิณลาภี. ตนฺติ อตฺตานํ ¶ . อนนฺตนฺติ กสิณนิมิตฺตสฺส อปฺปมาณตาย ปริจฺเฉทสฺส อนุปฏฺานโต อนฺตรหิตํ. อุคฺฆาเฏตฺวาติ ภาวนาย อปเนตฺวา. นิมิตฺตผุฏฺโกาสนฺติ เตน กสิณนิมิตฺเตน ผุฏฺปฺปเทสํ. เตสูติ จตูสุ อรูปกฺขนฺเธสุ. วิฺาณมตฺตเมวาติ ‘‘วิฺาณมโย อตฺตา’’ติ เอวํวาที.
๑๑๘. ‘‘เอตรหี’’ติ สาวธารณมิทํ ปทนฺติ ตทตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทาเนวา’’ติ วตฺวา อวธารเณน นิวตฺติตมตฺถํ อาห ‘‘น อิโต ปร’’นฺติ. ตตฺถ ตตฺเถว สตฺตา อุจฺฉิชฺชนฺตีติ อุจฺเฉทวาที, เตนาห ‘‘อุจฺเฉทวเสเนตํ วุตฺต’’นฺติ. ภาวินฺติ สพฺพํ สทา ภาวึ อวินสฺสนกํ. เตนาห ‘‘สสฺสตวเสเนตํ วุตฺต’’นฺติ. อตถาสภาวนฺติ ยถา ปรวาที วทนฺติ, น ตถา สภาวํ. ตถภาวายาติ อุจฺเฉทภาวาย วา สสฺสตภาวาย วา. อนิยมวจนฺเหตํ วุตฺตํ สามฺโชตนาวเสน. สมฺปาเทสฺสามีติ ตถภาวํ อสฺส สมฺปนฺนํ กตฺวา ทสฺสยิสฺสามิ, ปติฏฺาเปสฺสามีติ อตฺโถ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สสฺสตวาทฺจ ชานาเปตฺวา’’ติอาทิ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๑๘) อิมินาติ ‘‘อตถํ วา ปนา’’ติอาทิ วจเนน, อนุจฺเฉทสภาวมฺปิ สมานํ สสฺสตวาทิโน มติวเสนาติ อธิปฺปาโย. อุปกปฺเปสฺสามีติ อุเปจฺจ สมตฺถยิสฺสามิ.
เอวํ สมานนฺติ เอวํ ภูตํ สมานํ. รูปกสิณชฺฌานํ รูปํ อุตฺตรปทโลเปน, อธิคมนวเสน ตํ เอตสฺส อตฺถีติ รูปีติ อาห ‘‘รูปินฺติ รูปกสิณลาภิ’’นฺติ. ปริตฺตตฺตานุทิฏฺีติ เอตฺถ รูปี-สทฺโทปิอาวุตฺติอาทินเยน อาเนตฺวา วตฺตพฺโพ, รูปีภาวมฺปิ หิ โส ทิฏฺิคติโก ปริตฺตภาวํ วิย ¶ อตฺตโน อภินิวิสฺส ิโตติ. อรูปินฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘ปตฺตปลาสพหุลคจฺฉสงฺเขเปน ฆนคหนชฏาวิตานา ¶ นาติทีฆสนฺตานา วลฺลิ, ตพฺพิปรีตา ลตา’’ติ วทนฺติ. อปฺปหีนฏฺเนาติ มคฺเคน อสมุจฺฉินฺนภาเวน. การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนารหตา อนุสยนฏฺโ.
อรูปกสิณํ นาม กสิณุคฺฆาฏึ อากาสํ, น ปริจฺฉินฺนากาสกสิณํ. ‘‘อุภยมฺปิ อรูปกสิณเมวา’’ติ เกจิ. อรูปกฺขนฺธโคจรํ วาติ เวทนาทโย อรูปกฺขนฺธา ‘‘อตฺตา’’ติ อภินิเวสสฺส โคจโร เอตสฺสาติ อรูปกฺขนฺธโคจโร, ทิฏฺิคติโก, ตํ อรูปกฺขนฺธโคจรํ. วา-สทฺโท วุตฺตวิกปฺปตฺโถ. สทฺทโยชนา ปน อรูปํ อรูปกฺขนฺธา โคจรภูตา เอตสฺส อตฺถีติ อรูปี, ตํ อรูปึ. ลาภิโน จตฺตาโรติ รูปกสิณาทิลาภวเสน ตํ ตํ ทิฏฺิวาทํ สยเมว ปริกปฺเปตฺวา ¶ ตํ อาทาย ปคฺคยฺห ปฺาปนกา จตฺตาโร ทิฏฺิคติกา. เตสํ อนฺเตวาสิกาติ เตสํ ลาภีนํ วาทํ ปจฺจกฺขโต, ปรมฺปราย จ อุคฺคเหตฺวา ตเถว นํ ขมิตฺวา โรเจตฺวา ปฺาปนกา จตฺตาโร. ตกฺกิกา จตฺตาโรติ กสิณชฺฌานสฺส อลาภิโน เกวลํ ตกฺกนวเสเนว ยถาวุตฺเต จตฺตาโร ทิฏฺิวาเท สยเมว อภินิวิสฺส ปคฺคยฺห ิตา จตฺตาโร. เตสํ อนฺเตวาสิกา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา.
นอตฺตปฺตฺติวณฺณนา
๑๑๙. อารทฺธวิปสฺสโกปีติ สมฺปรายิกวิปสฺสโกปิ, เตน พลววิปสฺสนาย ิตํ ปุคฺคลํ ทสฺเสติ. น ปฺเปติ เอว อพหุสฺสุโต ปีติ อธิปฺปาโย. ตาทิโส หิ วิปสฺสนาย อานุภาโว. สาสนิโกปิ ฌานาภิฺาลาภี ‘‘น ปฺเปตี’’ติ น วตฺตพฺโพติ โส อิธ น อุทฺธโฏ. อิทานิ เนสํ อปฺาปเน การณํ ทสฺเสติ ‘‘เอเตสฺหี’’ติอาทินา. อิจฺเจว าณํ โหติ, น วิปรีตคฺคาโห ตสฺส การณสฺส ทูรสมุสฺสาริตตฺตา. อรูปกฺขนฺธา อิจฺเจว าณํ โหตีติ โยชนา.
อตฺตสมนุปสฺสนาวณฺณนา
๑๒๑. ทิฏฺิวเสน สมนุปสฺสิตฺวา, น าณวเสน. สา จ สมนุปสฺสนา อตฺถโต ทิฏฺิทสฺสนวเสน.
‘‘เวทนํ ¶ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ เอวํ ¶ อาคตา เวทนากฺขนฺธวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ. อิฏฺาทิเภทํ อารมฺมณํ น ปฏิสํเวเทตีติ อปฺปฏิสํเวทโนติ เวทกภาวปฏิกฺเขปมุเขน สฺชานนาทิภาโวปิ ปฏิกฺขิตฺโต โหติ ตทวินาภาวโตติ อาห ‘‘อิมินา รูปกฺขนฺธวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ กถิตา’’ติ. ‘‘อตฺตา เม เวทิยตี’’ติ อิมินา อปฺปฏิสํเวทนตฺตํ ปฏิกฺขิปติ. เตนาห ‘‘โนปิ อปฺปฏิสํเวทโน’’ติ. ‘‘เวทนาธมฺโม’’ติ ปน อิมินา ‘‘เวทนา เม อตฺตา’’ติ อิมํ วาทํ ปฏิกฺขิปติ. เวทนาสงฺขาโต ธมฺโม เอตสฺส อตฺถีติ หิ เวทนาธมฺโมติ เวทนาย สมนฺนาคตภาวํ ตสฺส ปฏิชานาติ. เตนาห ‘‘เอตสฺส จ เวทนาธมฺโม อวิปฺปยุตฺตสภาโว’’ติ. สฺาสงฺขารวิฺาณกฺขนฺธวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ กถิตาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. ‘‘เวทนาสมฺปยุตฺตตฺตา เวทิยตี’’ติ ตํสมฺปโยคโต ตํกิจฺจกตมาห ยถา เจตนาโยคโต เจตโน ปุริโสติ. สพฺเพสมฺปิ ตํ สารมฺมณธมฺมานํ อารมฺมณานุภวนํ ลพฺภเตว, ตฺจ โข เอกเทสโต ผุฏฺตามตฺตโต ¶ , เวทนาย ปน วิสฺสวิตาย สามิภาเวน อารมฺมณรสานุภวนนฺติ. ตสฺสา วเสน สฺาทโยปิ ตํสมฺปยุตฺตตฺตา ‘‘เวทิยตี’’ติ วุจฺจนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺสาลินิยํ ‘‘อารมฺมณรสานุภวนฏฺานํ ปตฺวา เสสสมฺปยุตฺตธมฺมา เอกเทสมตฺตกเมว อนุภวนฺตี’’ติ, (ธ. ส. อฏฺ. ๑ ธมฺมุทฺเทสกถา) ราชสูทนิทสฺสเนน วายมตฺโถ ตตฺถ วิภาวิโต เอว. เอตสฺสาติ สฺาทิกฺขนฺธตฺตยสฺส. ‘‘อวิปฺปยุตฺตสภาโว’’ติ อิมินา อวิสํโยคชนิตํ กฺจิ วิเสสํ านํ ทีเปติ.
๑๒๒. ตตฺถาติ เตสุ วาเรสุ. ตีสุ ทิฏฺิคติเกสูติ ‘‘เวทนา เม อตฺตา’’ติ, ‘‘อปฺปฏิสํเวทโน เม อตฺตา’’ติ, ‘‘เวทนาธมฺโม เม อตฺตา’’ติ จ เอวํวาเทสุ ¶ ตีสุ ทิฏฺิคติเกสุ. ติสฺสนฺนํ เวทนานํ ภินฺนสภาวตฺตา สุขํ เวทนํ ‘‘อตฺตา’’ติ สมนุปสฺสโต ทุกฺขํ, อทุกฺขมสุขํ วา เวทนํ ‘‘อตฺตา’’ติ สมนุปสฺสนา น ยุตฺตา. เอวํ เสสทฺวเย ปีติ อาห ‘‘โย โย ยํ ยํ เวทนํ อตฺตาติ สมนุปสฺสตี’’ติ.
๑๒๓. ‘‘หุตฺวา อภาวโต’’ติ อิมินา อุทยพฺพยวนฺตตาย อนิจฺจาติ ทสฺเสติ, ‘‘เตหิ เตหี’’ติอาทินา อเนกการณสงฺขตตฺตา สงฺขตาติ. ตํ ตํ ปจฺจยนฺติ ‘‘อินฺทฺริยํ, อารมฺมณํ, วิฺาณํ, สุข, เวทนีโย ผสฺโส’’ติ ¶ เอวํ อาทิกํ ตํ ตํ อตฺตโน การณํ ปฏิจฺจ นิสฺสาย สมฺมา สสฺสตาทิภาวสฺส, อุจฺเฉทาทิภาวสฺส จ อภาเวน าเยน สมการเณน สทิสการเณน อนุรูปการเณน อุปฺปนฺนา. ขยสภาวาติ ขยธมฺมา, วยสภาวาติ วยธมฺมา วิรชฺชนสภาวาติ วิราคธมฺมา, นิรุชฺฌนสภาวาติ นิโรธธมฺมา, จตูหิปิ ปเทหิ เวทนาย ภงฺคภาวเมว ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ขโยติ…เป… ขยธมฺมาติอาทิ วุตฺต’’นฺติ.
วิคโตติ สภาววิคเมน วิคโต. เอกสฺเสวาติ เอกสฺเสว ทิฏฺิคติกสฺส. ตีสุปิ กาเลสูติ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ ปวตฺติกาเลสุ. เอโส เม อตฺตาติ ‘‘เอโส สุขเวทนาสภาโว, ทุกฺขอทุกฺขมสุขเวทนาสภาโว เม อตฺตา’’ติ กึ ปน โหตี, เอกสฺเสว ภินฺนสภาวตํ อนุมฺมตฺตโก กถํ ปจฺเจตีติ อธิปฺปาเยน ปุจฺฉติ. อิตโร เอวมฺปิ ตสฺส น โหติ เยวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กึ ปน น ภวิสฺสตี’’ติอาทิมาห. วิเสเสนาติ สุขาทิวิภาเคน. สุขฺจ ทุกฺขฺจาติ เอตฺถ จ-สทฺเทน อทุกฺขมสุขํ สงฺคณฺหาติ, สุขสงฺคหเมว วา เตน กตํ สนฺตสุขุมภาวโต. อวิเสเสนาติ อวิภาเคน เวทนาสามฺเน. โวกิณฺณนฺติ สุขาทิเภเทน โวมิสฺสกํ. ตํ ติวิธมฺปิ เวทนํ เอส ¶ ทิฏฺิคติโก เอกชฺฌํ คเหตฺวา อตฺตาติ สมนุปสฺสติ. เอกกฺขเณ จ พหูนํ เวทนานํ อุปฺปาโท อาปชฺชติ อวิเสเสน เวทนาสภาวตฺตา. อตฺตโน หิ ตสฺมึ ¶ สติ สทา สพฺพเวทนาปวตฺติปฺปสงฺคโต ทิฏฺิคติโก อคติยา เอกกฺขเณปิ พหูนมฺปิ เวทนานํ อุปฺปตฺตึ ปฏิชาเนยฺยาติ ตสฺส อวสรํ อเทนฺโต ‘‘น เอกกฺขเณ พหูนํ เวทนานํ อุปฺปตฺติ อตฺถี’’ติ อาห, ปจฺจกฺขวิรุทฺธเมตนฺติ อธิปฺปาโย. เอเตน เปตํ นกฺขมตีติ เอเตน วิรุทฺธตฺตสาธเนนปิ สพฺเพน สพฺพํ อตฺตโน อภาเวนปิ ปณฺฑิตานํ น รุจฺจติ, เอตํ ทสฺสนํ ธีรา นกฺขมนฺตีติ อตฺโถ.
๑๒๔. อินฺทฺริยพทฺเธปิ รูปปฺปพนฺเธ วาโยธาตุวิปฺผารวเสน กาจิ กิริยา นาม ลพฺภตีติ สุทฺธรูปกฺขนฺเธปิ ยตฺถ กทาจิ วาโยธาตุวิปฺผาโร ลพฺภติ, ตเมว นิทสฺสนภาเวน คณฺหนฺโต ‘‘ตาลวณฺเฏ วา วาตปาเน วา’’ติ อาห. เวทนาธมฺเมสูติ เวทนาธมฺมวนฺเตสุ. ‘‘อหมสฺมี’’ติ อิมินา ตโยปิ ขนฺเธ เอกชฺฌํ คเหตฺวา อหํการสฺส อุปฺปชฺชนากาโร วุตฺโตติ. ‘‘อยมหมสฺมี’’ติ ปน อิมินา ตตฺถ เอกํ เอกํ คเหตฺวา อหํการสฺส อุปฺปชฺชนากาโร วุตฺโต. เตนาห ‘‘เอกธมฺโมปี’’ติอาทิ ¶ . ตนฺติ ‘‘อหมสฺมี’’ติ อหํการุปฺปตฺตึ. สา หิ จตุกฺขนฺธนิโรเธน อนุปลพฺภมานสนฺนิสฺสยา สสวิสาณติขิณตา วิย น ภเวยฺยาวาติ.
เอตฺตาวตาติ ‘‘กิตฺตาวตา จ อานนฺทา’’ติอาทินา ‘‘ตนฺตากุลกชาตา’’ติ ปทสฺส อนุสนฺธิทสฺสนวเสน ปวตฺเตน เอตฺตเกน เทสนาธมฺเมน. กามํ เหฏฺาปิ วฏฺฏกถาว กถิตา, อิธ ปน ทิฏฺิคติกสฺส วฏฺฏโต สีสุกฺขิปนาสมตฺถตาวิภาวนวเสน มิจฺฉาทิฏฺิยา มหาสาวชฺชภาวทีปนิยกถา ปกาสิตาติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วฏฺฏกถา กถิตา’’ติ อาห. นนุ วฏฺฏมูลํ อวิชฺชา ตณฺหา, ตา อนามสิตฺวา ตโต อฺถา กสฺมา อิธ วฏฺฏกถา กถิตาติ อาห ‘‘ภควา ¶ หี’’ติอาทิ. อวิชฺชาสีเสนาติ อวิชฺชํ อุตฺตมงฺคํ กตฺวา, อวิชฺชามุเขนาติ อตฺโถ. โกฏิ น ปฺายตีติ ‘‘อสุกสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, จกฺกวตฺติโน วา กาเล อวิชฺชา อุปฺปนฺนา, น ตโต ปุพฺเพ อตฺถี’’ติ อวิชฺชาย อาทิ มริยาทา อปฺปฏิหตสฺส มม สพฺพฺุตฺาณสฺสาปิ น ปฺายติ อวิชฺชมานตฺตา เอวาติ อตฺโถ. อยํ ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโย, ตสฺมา อิทปฺปจฺจยา, อิมสฺมา อาสวาทิการณาติ อตฺโถ. ภวตณฺหายาติ ภวสํโยชนภูตาย ตณฺหาย. ภวทิฏฺิยาติ สสฺสตทิฏฺิยา. ‘‘ตตฺถ ตตฺถ อุปปชฺชนฺโต’’ติ อิมินา ‘‘อิโต เอตฺถ เอตฺโต อิธา’’ติ เอวํ อปริยนฺตํ อปราปรุปฺปตฺตึ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘มหาสมุทฺเท’’ติอาทิ.
๑๒๖. ปจฺจยาการมูฬฺหสฺสาติ ภูตกถนเมตํ, น วิเสสนํ. สพฺโพปิ หิ ทิฏฺิคติโก ปจฺจยาการมูฬฺโห เอวาติ. วิวฏฺฏํ กเถนฺโตติ วฏฺฏโต วินิมุตฺตตฺตา วิวฏฺฏํ, วิโมกฺโข, ตํ กเถนฺโต ¶ . การกสฺสาติ สตฺถุโอวาทการกสฺส, สมฺมาปฏิปชฺชนฺตสฺสาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สติปฏฺานวิหาริโน’’ติ. โส หิ เวทนานุปสฺสนาย, ธมฺมานุปสฺสนาย จ สมฺมาปฏิปตฺติยา ‘‘เนว เวทนํ อตฺตานํ สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพตํ อรหติ. เตนาห ‘‘เอวรูโป หี’’ติอาทิ. สพฺพธมฺเมสูติ สพฺเพสุ เตภูมกธมฺเมสุ. เต หิ สมฺมสนียา. น อฺนฺติ เวทนาย อฺํ สฺาทิธมฺมํ อตฺตานํ น สมนุปสฺสตีติ. ‘‘ขนฺธโลกาทโย’’ติ รูปาทิธมฺมา เอว วุจฺจนฺติ, เตสํ สมูโหติ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปาทีสุ ธมฺเมสู’’ติ วุตฺตํ. น อุปาทิยติ ทิฏฺิตณฺหาคาหวเสน. ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๑๐๘; มหานิ. ๒๑, ๑๗๘; ธ. ส. ๑๑๒๑; วิภ. ๘๓๒, ๘๖๖) ปวตฺตมานมฺนาปิ ¶ ตณฺหาทิฏฺิมฺนา วิย ปริตสฺสนรูปา เอวาติ อาห ‘‘ตณฺหาทิฏฺิมานปริตสฺสนายปี’’ติ.
สา เอวํ ทิฏฺีติ สา อรหโต เอวํปการา ทิฏฺีติ โย วเทยฺย ¶ , ตทกลฺลํ, ตํ น ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. เอวมสฺส ทิฏฺีติ เอตฺถาปิ เอวํปการา อสฺส อรหโต ทิฏฺีติอาทินา โยเชตพฺพํ. เอวฺหิ สตีติ โย วเทยฺย ‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติสฺส ทิฏฺี’’ติ, ตสฺส เจ วจนํ ตเถวาติ อตฺโถ. ‘‘อรหา น กิฺจิ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ ภเวยฺย ชานโต ตถา ทิฏฺิยา อภาวโต. เตเนวาติ ตถา วตฺตุมยุตฺตตฺตา เอว. จตุนฺนมฺปิ นยานนฺติ ‘‘โหติ ตถาคโต’’ติอาทินา อาคตานํ จตุนฺนํ วารานํ. อาทิโต ตีสุ วาเรสุ สงฺขิปิตฺวา ปริโยสานวาเร วิตฺถาริตตฺตา ‘‘อวสาเน ‘ตํ กิสฺส เหตู’ติอาทิมาหา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อาทิโต ตีสุ วาเรสุ ตเถว เทสนา ปวตฺตา, ยถา ปริโยสานวาเร, ปาฬิ ปน สงฺขิตฺตา’’ติ เกจิ.
โวหาโรติ ‘‘สตฺโต อิตฺถี ปุริโส’’ติอาทินา, ‘‘ขนฺธาอายตนานี’’ติอาทินา, ‘‘ผสฺโส เวทนา’’ติอาทินา จ โวหาริตพฺพโวหาโร. ตสฺส ปน โวหารสฺส ปวตฺติฏฺานํ นาม สงฺเขปโต อิเม เอวาติ อาห ‘‘ขนฺธา อายตนานิ ธาตุโย’’ติ. ยสฺมา นิพฺพานํ ปุพฺพภาเค สงฺขารานํ นิโรธภาเวเนว ปฺาปิยติ จ, ตสฺมา ตสฺสาปิ ขนฺธมุเขน อวจริตพฺพตา ลพฺภตีติ ‘‘ปฺาย อวจริตพฺพํ ขนฺธปฺจก’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ภควา ‘‘อิมสฺมึเยว พฺยามมตฺเต กเฬวเร สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ ปฺเปมิ โลกสมุทยฺจ โลกนิโรธฺจ โลกนิโรธคามินิฺจ ปฏิปท’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๕) ปฺาวจรนฺติ วา เตภูมกธมฺมานเมตํ คหณนฺติ ‘‘ขนฺธปฺจก’’นฺตฺเวว วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ยาวตา ปฺา’’ติ เอตฺถาปิ โลกิยปฺาย เอว คหณํ ทฏฺพฺพํ. วฏฺฏกถา เหสาติ. ตถา หิ ‘‘ยาวตา วฏฺฏํ วฏฺฏติ’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ตนฺตากุลกปทสฺเสว อนุสนฺธิ ทสฺสิโต’’ติ. ยสฺมา ภควา ทิฏฺิสีเสเนตฺถ วฏฺฏกถํ กเถตฺวา ยถานุสนฺธินาปิ วฏฺฏกถํ กเถสิ, ตสฺมา ‘‘ตนฺตากุลกปทสฺเสว ¶ ¶ อนุสนฺธิ ทสฺสิโต’’ติ สาวธารณํ กตฺวา วุตฺตํ. ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา ปเนตฺถ ยาวเทว ตสฺส คมฺภีรภาววิภาวนตฺถาย วิตฺถาริตา, วิวฏฺฏกถาปิ สมานา อิธ ปจฺจามฏฺาติ ทฏฺพฺพํ.
สตฺตวิฺาณฏฺิติวณฺณนา
๑๒๗. คจฺฉนฺโต ¶ คจฺฉนฺโตติ สมถปฏิปตฺติยํ สุปฺปติฏฺิโต หุตฺวา วิปสฺสนาคมเนน, มคฺคคมเนน จ คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต. อุโภหิ ภาเคหิ มุจฺจนโต อุภโตภาควิมุตฺโต นาม โหติ. โส ‘‘เอวํ อสมนุปสฺสนฺโต’’ติ วุตฺโต วิปสฺสนายานิโกติ กตฺวา ‘‘โย จ น สมนุปสฺสตีติ วุตฺโต โส ยสฺมา คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต ปฺาวิมุตฺโต นาม โหตี’’ติ วุตฺตํ. เหฏฺา วุตฺตานนฺติ ‘‘กิตฺตาวตา จ, อานนฺท, อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺาเปตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๑๑๙), ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ เนว เวทนํ อตฺตานํ สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๑๒๕ อาทโย) จ เหฏฺา ปาฬิยํ อาคตานํ ทฺวินฺนํ ปุถุชฺชนภิกฺขูนํ. นิคมนนฺติ นิสฺสรณํ. นามนฺติ ปฺาวิมุตฺตาทินามํ.
ปฏิสนฺธิวเสน วุตฺตาติ นานตฺตกายนานตฺตสฺิตาวิเสสวิสิฏฺปฏิสนฺธิวเสน วุตฺตา สตฺต วิฺาณฏฺิติโย. ตํตํสตฺตนิกายํ ปติ นิสฺสยโต หิ นานตฺตกายาทิตา ตํปริยาปนฺนปฏิสนฺธิสมุทาคตาติ ทฏฺพฺพา ตทภินิพฺพตฺตกกมฺมภวสฺส ตถา อายูหิตตฺตา. จตสฺโส อาคมิสฺสนฺตีติ รูปเวทนาสฺาสงฺขารกฺขนฺธวเสน จตสฺโส วิฺาณฏฺิติโย อาคมิสฺสนฺติ ‘‘รูปุปายํ วา อาวุโส วิฺาณํ ติฏฺมานํ ติฏฺตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๑๑). วิฺาณปติฏฺานสฺสาติ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส เอตรหิ ¶ ปติฏฺานการณสฺส. อตฺถโต วุตฺตวิเสสวิสิฏฺา ปฺจโวกาเร รูปเวทนาสฺาสงฺขารกฺขนฺธา, จตุโวกาเร เวทนาทโย ตโย ขนฺธา เวทิตพฺพา. สตฺตาวาสภาวํ อุปาทาย ‘‘ทฺเว จ อายตนานีติ ทฺเว นิวาสฏฺานานี’’ติ วุตฺตํ. นิวาสฏฺานปริยาโยปิ อายตนสทฺโท โหติ ยถา ‘‘เทวายตนทฺวย’’นฺติ. สพฺพนฺติ วิฺาณฏฺิติ อายตนทฺวยนฺติ สกลํ. ตสฺมา คหิตํ ตตฺถ เอกเมว อคฺคเหตฺวาติ อธิปฺปาโย. ปริยาทานํ อนวเสสคฺคหณํ น คจฺฉติ วฏฺฏํ วิฺาณฏฺิติอายตนทฺวยานํ อฺมฺอนฺโตคธตฺตา.
นิทสฺสนตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา เสยฺยถาปิ มนุสฺสาติ ยถา มนุสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. วิเสโส โหติเยว สติปิ พาหิรสฺส การกสฺส อเภเท อชฺฌตฺติกสฺส ภินฺนตฺตา. นานตฺตํ กาเย เอเตสํ, นานตฺโต ¶ วา กาโย เอเตสนฺติ นานตฺตกายา, อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ ¶ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เนสนฺติ มนุสฺสานํ. นานตฺตา สฺา เอเตสํ อตฺถีติ นานตฺตสฺิโน. สุขสมุสฺสยโต วินิปาโต เอเตสํ อตฺถีติ วินิปาติกา สติปิ เทวภาเว ทิพฺพสมฺปตฺติยา อภาวโต, อปาเยสุ วา คโต นตฺถิ นิปาโต เอเตสนฺติ วินิปาติกา. เตนาห ‘‘จตุอปายวินิมุตฺตา’’ติ. ธมฺมปทนฺติ สติปฏฺานาทิธมฺมโกฏฺาสํ. วิชานิยาติ สุตมเยน ตาว าเณน วิชานิตฺวา. ตทนุสาเรน โยนิโสมนสิการํ ปริพฺรูหนฺโต สีลวิสุทฺธิอาทิกํ สมฺมาปฏิปตฺตึ อปิ ปฏิปชฺเชม. สา จ ปฏิปตฺติ หิตาย ทิฏฺธมฺมิกาทิสกลหิตาย อมฺหากํ สิยา. อิทานิ ตตฺถ สีลปฏิปตฺตึ ตาว วิภาเคน ทสฺเสนฺโต ‘‘ปาเณสุ จา’’ติ คาถมาห.
พฺรหฺมกาเย ปมชฺฌานนิพฺพตฺเต พฺรหฺมสมูเห, พฺรหฺมนิกาเย วา ภวาติ พฺรหฺมกายิกา. มหาพฺรหฺมุโน ปริสาย ภวาติ พฺรหฺมปาริสชฺชา ตสฺส ปริจารกฏฺาเน ิตตฺตา. มหาพฺรหฺมุโน ปุโรหิตฏฺาเน ิตาติ พฺรหฺมปุโรหิตา ¶ . อายุวณฺณาทีหิ มหนฺโต พฺรหฺมาโนติ มหาพฺรหฺมุโน. สติปิ เตสํ ติวิธานมฺปิ ปเมน ฌาเนน อภินิพฺพตฺตภาเว ฌานสฺส ปน ปวตฺติเภเทน อยํ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘พฺรหฺมปาริสชฺชา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริตฺเตนาติ หีเนน, สา จสฺส หีนตา ฉนฺทาทีนํ หีนตาย เวทิตพฺพา, ปฏิลทฺธมตฺตํ วา หีนํ. กปฺปสฺสาติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปสฺส. หีนปณีตานํ มชฺเฌ ภวตฺตา มชฺฌิเมน, สา จสฺส มชฺฌิมตา ฉนฺทาทีนํ มชฺฌิมตาย เวทิตพฺพา, ปฏิลภิตฺวา นาติสุภาวิตํ วา มชฺฌิมํ. อุปฑฺฒกปฺโปติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปสฺส อุปฑฺฒกปฺโป. วิปฺผาริกตโรติ พฺรหฺมปาริสชฺเชหิ ปมาณโต วิปุลตโร, สภาวโต อุฬารตโร จ โหติ. สภาเวนปิ หิ อุฬารตโรว, ตํ ปเนตฺถ อปฺปมาณํ. ตถา หิ ปริตฺตาภาทีนํ, ปริตฺตสุภาทีนฺจ กาเย สติปิ สภาวเวมตฺเต เอกตฺตวเสเนว ววตฺถาปียตีติ ‘‘เอกตฺตกายา’’ ตฺเวว วุจฺจนฺติ. ปณีเตนาติ อุกฺกฏฺเน, สา จสฺส อุกฺกฏฺตา ฉนฺทาทีนํ อุกฺกฏฺตาย เวทิตพฺพา, สุภาวิตํ วา สมฺมเทว วสิภาวํ ปาปิตํ ปณีตํ ปธานภาวํ นีตนฺติ กตฺวา, อิธาปิ กปฺโป อสงฺขฺเยยฺยกปฺปวเสเนว เวทิตพฺโพ ปริปุณฺณสฺส มหากปฺปสฺส อสมฺภวโต. อิตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน. เตติ ‘‘พฺรหฺมกายิกา’’ติ วุตฺตา ติวิธาปิ พฺรหฺมาโน. สฺาย เอกตฺตาติ ติเหตุกภาเวน สฺาย เอกตฺตสภาวตฺตา ¶ . น หิ ตสฺสา สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน อฺโปิ โกจิ เภโท อตฺถิ.
เอวนฺติ อิมินา นานตฺตกายเอกตฺตสฺิโนติ ทสฺเสติ.
ทณฺฑอุกฺกายาติ ทณฺฑทีปิกาย. สรตีติ ธาวติ วิย. วิสฺสรตีติ วิปฺปกิณฺณา วิย ธาวติ ¶ . ทฺเว กปฺปาติ ทฺเว มหากปฺปา. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต. อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน อาภสฺสรคฺคหเณเนว สพฺเพปิ เต ปริตฺตาภา, อปฺปมาณาภาปิ คหิตา.
โสภนา ปภา สุภา, สุภาย กิณฺณา สุภากิณฺณาติ วตฺตพฺเพ อา-การสฺส รสฺสตฺตํ, อนฺติม-ณ-การสฺส ห-การฺจ กตฺวา ‘‘สุภกิณฺหา’’ติ วุตฺตา, อฏฺกถายํปน นิจฺจลาย เอกคฺฆนาย ปภาย สุโภติ ปริยายวจนนฺติ ¶ ‘‘สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต, เอตฺถาปิ อนฺติม-ณ-การสฺส ห-การกรณํ อิจฺฉิตพฺพเมว. น ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปภา คจฺฉติ เอกคฺฆนตฺตา. จตุตฺถวิฺาณฏฺิติเมว ภชนฺติ กายสฺส, สฺาย จ เอกรูปตฺตา. วิปุลสนฺตสุขายุวณฺณาทิผลตฺตา เวหปฺผลา. เอตฺถาติ วิฺาณฏฺิติยํ.
วิวฏฺฏปกฺเข ิตา นปุนราวตฺตนโต. ‘‘น สพฺพกาลิกา’’ติ วตฺวา ตเมว อสพฺพกาลิกตฺตํ วิภาเวตุํ ‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. โสฬสกปฺปสหสฺสจฺจเยน อุปฺปนฺนานํ สุทฺธาวาสพฺรหฺมานํ ปรินิพฺพายนโต, อฺเสฺจ ตตฺถ อนุปฺปชฺชนโต พุทฺธสฺุเโลเก สฺุํ ตํ านํ โหติ, ตสฺมา สุทฺธาวาสา น สพฺพกาลิกา, ขนฺธาวารฏฺานสทิสา โหนฺติ สุทฺธาวาสภูมิโย. อิมินา สุตฺเตน สุทฺธาวาสานํ สตฺตาวาสภาวทีปเนเนว วิฺาณฏฺิติภาโว ทีปิโต, ตสฺมา สุทฺธาวาสาปิ สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ จตุตฺถวิฺาณฏฺิตึ นวสุ สตฺตาวาเสสุ จตุตฺถสตฺตาวาสํเยว ภชนฺติ.
สุขุมตฺตาติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺตตฺตา. ปริพฺยตฺตวิฺาณกิจฺจาภาวโต เนว วิฺาณํ, สพฺพโส อวิฺาณํ น โหตีติ นาวิฺาณํ, ตสฺมา ปริปฺผุฏวิฺาณกิจฺจวนฺตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ อวตฺวา.
๑๒๘. ตฺจ วิฺาณฏฺิตินฺติ ปมํ วิฺาณฏฺิตึ. เหฏฺา วุตฺตนเยน สรูปโต, มนุสฺสาทิวิภาคโต, สงฺเขปโต, ‘‘นามฺจ รูปฺจา’’ติ เภทโต ¶ จ ปชานาติ. ตสฺสา สมุทยฺจาติ ตสฺสา ปมาย วิฺาณฏฺิติยา ปฺจวีสติวิธํ สมุทยฺจ ปชานาติ. อตฺถงฺคเมปิ เอเสว นโย. อสฺสาเทตพฺพโต, อสฺสาทโต จ อสฺสาทํ. อยํ อนิจฺจาทิภาโว อาทีนโว. ฉนฺทราโค วินียติ เอเตน, เอตฺถ วาติ ฉนฺทราควินโย, สห มคฺเคน นิพฺพานํ. ฉนฺทราคปฺปหานนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. มานทิฏฺีนํ วเสนาหนฺติ วา, ตณฺหาวเสน มมนฺติ วา อภินนฺทนาปิ มานสฺส ปริตสฺสนา วิย ทฏฺพฺพา. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ เสเสสุ อฏฺสุปิ วาเรสุ ¶ . ตตฺถาติ อุปริ ตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ ทุติยายตเนสุ. ตตฺถ หิ รูปํ นตฺถิ. ปุน ตตฺถาติ ปมายตเน. ตตฺถ หิ เอโก รูปกฺขนฺโธว. เอตฺถาติ ¶ จ ตเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ หิ รูปสฺส กมฺมสมุฏฺานตฺตา อาหารวเสน โยชนา น สมฺภวติ.
ยโต โขติ เอตฺถ โต-สทฺโท ทา-สทฺโท วิย กาลวจโน ‘‘ยโต โข, สาริปุตฺต, ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๑) วิยาติ วุตฺตํ ‘‘ยทา โข’’ติ. อคฺคเหตฺวาติ กฺจิปิ สงฺขารํ ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา อคฺคเหตฺวา. ปฺาวิมุตฺโตติ อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ อนธิคตตฺตา สาติสยสฺส สมาธิพลสฺส อภาวโต ปฺาพเลเนว วิมุตฺโต. เตนาห ‘‘อฏฺ วิโมกฺเข อสจฺฉิกตฺวา ปฺาพเลเนวา’’ติอาทิ. อปฺปวตฺตินฺติ อายตึ อปฺปวตฺตึ กตฺวา. ปชานนฺโต วิมุตฺโตติ วา ปฺาวิมุตฺโต, ปมชฺฌานผสฺเสน วินา ปริชานนาทิปฺปกาเรหิ จตฺตาริ สจฺจานิ ชานนฺโต ปฏิวิชฺฌนฺโต เตสํ กิจฺจานํ มตฺถกปฺปตฺติยา นิฏฺิตกิจฺจตาย วิเสเสน มุตฺโตติ วิมุตฺโต. โส ปฺาวิมุตฺโต. สุกฺขวิปสฺสโกติ สมถภาวนาสิเนหาภาเวน สุกฺขา ลูขา, อสินิทฺธา วา วิปสฺสนา เอตสฺสาติ สุกฺขวิปสฺสโก. ตฺวาติ ปาทกกรณวเสน ตฺวา. อฺตรสฺมินฺติ จ อฺตรอฺตรสฺมึ, เอเกกสฺมินฺติ อตฺโถ. เอวฺหิสฺส ปฺจวิธตา สิยา. ‘‘น เหว โข อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรตี’’ติ อิมินา สาติสยสฺส สมาธิพลสฺส อภาโว ทีปิโต. ‘‘ปฺาย จสฺส ทิสฺวา’’ติอาทินา สาติสยสฺส ปฺาพลสฺส ภาโว. ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ น อาสวา ปฺาย ปสฺสนฺติ, ทสฺสนการณา ปน ปริกฺขีณา ‘‘ทิสฺวา ปริกฺขีณา’’ติ วุตฺตา. ทสฺสนายตฺตปริกฺขยตฺตา เอว หิ ทสฺสนํ อาสวานํ ขยสฺส ปุริมกิริยา โหติ.
อฏฺวิโมกฺขวณฺณนา
๑๒๙. เอกสฺส ¶ ภิกฺขุโนติ สตฺตสุ อริยปุคฺคเลสุ เอกสฺส ภิกฺขุโน. วิฺาณฏฺิติอาทินา ปริชานนาทิวสปฺป วตฺตนิคฺคมนฺจ ¶ ปฺาวิมุตฺตนามฺจ. อิตรสฺสาติ อุภโตภาควิมุตฺตสฺส. อิเม สนฺธาย หิ ปุพฺเพ ‘‘ทฺวินฺนํ ภิกฺขูน’’นฺติ วุตฺตํ. เกนฏฺเนาติ เกน สภาเวน. สภาโว หิ าเณน ยาถาวโต อรณียโต าตพฺพโต ‘‘อตฺโถ’’ติ วุจฺจติ, โส เอว ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา ‘‘อฏฺโ’’ติ วุตฺโต. อธิมุจฺจนฏฺเนาติ อธิกํ สวิเสสํ มุจฺจนฏฺเน, เอเตน สติปิ สพฺพสฺสาปิ รูปาวจรชฺฌานสฺส วิกฺขมฺภนวเสน ปฏิปกฺขโต วิมุตฺตภาเว เยน ภาวนาวิเสเสน ตํ ฌานํ สาติสยํ ปฏิปกฺขโต วิมุจฺจิตฺวา ปวตฺตติ, โส ภาวนาวิเสโส ทีปิโต. ภวติ หิ สมานชาติยุตฺโตปิ ภาวนาวิเสเสน ปวตฺติอาการวิเสโส, ยถา ตํ สทฺธาวิมุตฺตตา ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส. ตถา ปจฺจนีกธมฺเมหิ สุฏฺุ วิมุตฺตตาย ¶ , เอวํ อนิคฺคหิตภาเวน นิราสงฺกตาย อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุจฺจนฏฺเนปิ วิโมกฺโข. เตนาห ‘‘อารมฺมเณ จา’’ติอาทิ. อยํ ปนตฺโถติ อยํ อธิมุจฺจนฏฺโ ปจฺฉิเม วิโมกฺเข นิโรเธ นตฺถิ, เกวโล วิมุตฺตฏฺโ เอว ตตฺถ ลพฺภติ, ตํ สยเมว ปรโต วกฺขติ.
รูปีติ เยนายํ สสนฺตติปริยาปนฺเนน รูเปน สมนฺนาคโต, ตํ ยสฺส ฌานสฺส เหตุภาเวน วิสิฏฺํ รูปํ โหติ, เยน วิสิฏฺเน รูเปน ‘‘รูปี’’ติ วุจฺเจยฺย รูปี-สทฺทสฺส อติสยตฺถทีปนโต, ตเทว สสนฺตติปริยาปนฺนรูปวเสน ปฏิลทฺธํ ฌานํ อิธ ปรมตฺถโต รูปีภาวสาธกนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิ. รูปชฺฌานํ รูปํ อุตฺตรปทโลเปน. รูปานีติ ปเนตฺถ ปุริมปทโลโป ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘นีลกสิณาทิรูปานี’’ติ. รูเป กสิณรูเป สฺา รูปสฺา, สา เอตสฺส อตฺถีติ รูปสฺี, สฺาสีเสน ฌานํ วทติ. ตปฺปฏิกฺเขเปน ¶ อรูปสฺี. เตนาห ‘‘อชฺฌตฺตํ น รูปสฺี’’ติอาทิ.
‘‘อนฺโต อปฺปนายํ สุภนฺติ อาโภโค นตฺถี’’ติ อิมินา ปุพฺพาโภควเสน ตถา อธิมุตฺติ สิยาติ ทสฺเสติ. เอวฺเหตฺถ ตถาวตฺตพฺพตาปตฺติโจทนา สมตฺถิตา โหติ. ยสฺมา สุวิสุทฺเธสุ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ตตฺถ กตาธิการานํ อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุจฺจนฏฺโ สมฺภวติ ¶ , ตสฺมา อฏฺกถายํ ตถา ตติโย วิโมกฺโข สํวณฺณิโต, ยสฺมา ปน เมตฺตาวเสน ปวตฺตมานา ภาวนา สตฺเต อปฺปฏิกูลโต ทหนฺติ เตสุ ตโต อธิมุจฺจิตฺวาว ปวตฺตติ, ตสฺมา ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๒๑๒) ‘‘พฺรหฺมวิหารภาวนา สุภวิโมกฺโข’’ติ วุตฺตา, ตยิทํ อุภยมฺปิ เตน เตน ปริยาเยน วุตฺตตฺตา น วิรุชฺฌตีติ ทฏฺพฺพํ.
สพฺพโสติ อนวเสสโต. น หิ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ เอกเทโสปิ ตตฺถ อวสฺสิสฺสติ. วิสุทฺธตฺตาติ ยถาปริจฺฉินฺนกาเล นิโรธิตตฺตา. อุตฺตโม วิโมกฺโข นาม อริเยเหว สมาปชฺชิตพฺพโต, อริยผลปริโยสานตฺตา ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานปฺปตฺติภาวโต จ.
๑๓๐. อาทิโต ปฏฺายาติ ปมสมาปตฺติโต ปฏฺาย. ยาว ปริโยสานา สมาปตฺติ, ตาว. อฏฺตฺวาติ กตฺถจิ สมาปตฺติยํ อฏฺิโต เอว, นิรนฺตรเมว ปฏิปาฏิยา, อุปฺปฏิปาฏิยา จ สมาปชฺชเตวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อิโต จิโต จ สฺจรณวเสน วุตฺต’’นฺติ. อิจฺฉติ สมาปชฺชิตุํ. ตตฺถ ‘‘สมาปชฺชติ ปวิสตี’’ติ สมาปตฺติสมงฺคีปุคฺคโล ตํ ตํ ปวิฏฺโ วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ.
ทฺวีหิ ¶ ภาเคหิ วิมุตฺโตติ อรูปชฺฌาเนน วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน, มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขนาติ ทฺวีหิ วิมุจฺจนภาเคหิ, อรูปสมาปตฺติยา รูปกายโต, มคฺเคน นามกายโตติ ทฺวีหิ วิมุจฺจิตพฺพภาเคหิ จ วิมุตฺโต. เตนาห ‘‘อรูปสมาปตฺติยา’’ติอาทิ ¶ . วิมุตฺโตติ หิ กิเลเสหิ วิมุตฺโต, วิมุจฺจนฺโต จ กิเลสานํ วิกฺขมฺภนสมุจฺฉินฺทเนหิ กายทฺวยโต วิมุตฺโตติ อยเมตฺถ อตฺโถ. คาถาย จ อากิฺจฺายตนลาภิโน อุปสิวพฺราหฺมณสฺส ภควตา ‘‘นามกายา วิมุตฺโต’’ติ อุภโตภาควิมุตฺโต มุนิ อกฺขาโต. ตตฺถ อตฺถํ ปเลตีติ อตฺถํ คจฺฉติ. น อุเปติ สงฺขนฺติ ‘‘อสุกํ นาม ทิสํ คโต’’ติ โวหารํ น คจฺฉติ. เอวํ มุนิ นามกายา วิมุตฺโตติ เอวํ อรูปํ อุปปนฺโน เสกฺขมุนิ ปกติยา ปุพฺเพว รูปกายา วิมุตฺโต, ตตฺถ จ จตุตฺถมคฺคํ นิพฺพตฺเตตฺวา นามกายสฺส ปริฺาตตฺตา ปุน นามกายาปิ วิมุตฺโต. อุภโตภาควิมุตฺโต ขีณาสโว หุตฺวา อนุปาทาย ปรินิพฺพานสงฺขาตํ ¶ อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺขํ, ‘‘ขตฺติโย พฺราหฺมโณ’’ติ เอวํ อาทิกํ สมฺํ น คจฺฉตีติ อตฺโถ.
‘‘อฺตรโต วุฏฺายา’’ติ อิทํ กึ อากาสานฺจายตนาทีสุ อฺตรลาภีวเสน วุตฺตํ, อุทาหุ สพฺพารุปฺปลาภีวเสนาติ ยถิจฺฉสิ, ตถา โหตุ, ยทิ สพฺพารุปฺปลาภีวเสน วุตฺตํ, น โกจิ วิโรโธ. อถ ตตฺถ อฺตรลาภีวเสน วุตฺตํ, ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิเม อฏฺ วิโมกฺเข อนุโลมมฺปิ สมาปชฺชตี’’ติอาทิวจเนน วิรุชฺเฌยฺยาติ? ยสฺมา อรูปาวจรชฺฌาเนสุ เอกสฺสาปิ ลาภี ‘‘อฏฺวิโมกฺขลาภี’’ ตฺเวว วุจฺจติ อฏฺวิโมกฺเข เอกเทสสฺสาปิ ตํนามทานสมตฺถตาสมฺภวโต. อยฺหิ อฏฺวิโมกฺขสมฺา สมุทาเย วิย ตเทกเทเสปิ นิรุฬฺหาปตฺติสมฺา วิยาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อากาสานฺจายตนาทีสุ อฺตรโต วุฏฺายา’’ติ. ‘‘ปฺจวิโธ โหตี’’ติ วตฺวา ฉพฺพิธตํปิสฺส เกจิ ปริกปฺเปนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, นิจฺฉิโตวายํ ปฺโห ปุพฺพาจริเยหีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เกจิ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เกจีติ อุตฺตรวิหารวาสิโน, สารสมาสาจริยา จ. เต หิ ‘‘อุภโตภาควิมุตฺโตติ ¶ อุภยภาควิมุตฺโต สมาธิวิปสฺสนาโต’’ติ วตฺวา รูปาวจรสมาธินาปิ สมาธิปริปนฺถโต วิมุตฺตึ มฺนฺติ. เอวํ รูปชฺฌานภาเคน, อรูปชฺฌานภาเคน จ อุภโต วิมุตฺโตติ ปายสมาโน. ‘‘ตาทิสเมวา’’ติ อิมินา ยาทิสํ อรูปาวจรชฺฌานํ กิเลสวิกฺขมฺภเน, ตาทิสํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ ปีติ อิมมตฺถํ อุลฺลงฺเคติ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.
อุภโตภาควิมุตฺตปฺโหติ อุภโตภาควิมุตฺตสฺส ฉพฺพิธตํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนปฺโห. วณฺณนํ นิสฺสายาติ ตสฺส ปทสฺส อตฺถวจนํ นิสฺสาย. จิเรนาติ เถรสฺส อปรภาเค จิเรน กาเลน. วินิจฺฉยนฺติ ¶ สํสยเฉทกํ สนฺนิฏฺานํ ปตฺโต.ตํ ปฺหนฺติ ตมตฺถํ. าตุํ อิจฺฉิโต หิ อตฺโถ ปฺโห. น เกนจิ สุตปุพฺพนฺติ เกนจิ กิฺจิ น สุตปุพฺพํ, อิทํ อตฺถชาตนฺติ อธิปฺปาโย. กิฺจาปิ อุเปกฺขาสหคตํ, กิฺจาปิ กิเลเส วิกฺขมฺเภตีติ ปจฺเจกํ กิฺจาปิ-สทฺโท โยเชตพฺโพ. สมุทาจรตีติ ปวตฺตติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘อิเม หี’’ติอาทินา, เตน รูปาวจรภาวนโต อารุปฺปภาวนา สวิเสสํ กิเลเส วิกฺขมฺเภติ รูปวิราคภาวนาภาวโต ¶ , อุปริภาวนาภาวโต จาติ ทสฺเสตีติ. เอวฺจ กตฺวา อฏฺกถายํ อารุปฺปภาวนานิทฺเทเส ยํ วุตฺตํ ‘‘ตสฺเสวํ ตสฺมึ นิมิตฺเต ปุนปฺปุนํ จิตฺตํ จาเรนฺตสฺส นีวรณานิ วิกฺขมฺภนฺติ สติ สนฺติฏฺตี’’ติอาทิ, (วิสุทฺธิ. ๑.๒๘๑) ตํ สมตฺถตํ โหตีติ. อิทํ สุตฺตนฺติ ปุคฺคลปฺตฺติปามาห (ปุ. ป. นิทฺเทส ๒๗). สพฺพฺหิ พุทฺธวจนํ อตฺถสูจนาทิอตฺเถน สุตฺตนฺติ วุตฺโต วายมตฺโถ. ยํ ปน ตตฺถ ¶ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ อนุโลมาทิโต สมาปชฺชเนน สาติสยํ สนฺตานสฺส อภิสงฺขตตฺตา, อฏฺมฺจ อุตฺตมํ วิโมกฺขํ ปทฏฺานํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อคฺคมคฺคาธิคเมน อุภโตภาควิมุจฺจนโต จ อิมาย อุภโตภาควิมุตฺติยา สพฺพเสฏฺตา เวทิตาติ ทฏฺพฺพา.
มหานิทานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.