📜

๗. มหาสมยสุตฺตวณฺณนา

นิทานวณฺณนา

๓๓๑. อุทานนฺติ รฺา โอกฺกาเกน ชาติสมฺเภทปริหารนิมิตฺตํ ปวตฺติตํ อุทานํ ปฏิจฺจ. เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหิสทฺเทน ‘‘สกฺกา’’ติ วุจฺจตีติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ มหานิทานวณฺณนายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. อโรปิเตติ เกนจิ อโรปิเต.

อาวรเณนาติ เสตุนา. พนฺธาเปตฺวาติ ปํสุปลาสปาสาณมตฺติกาขณฺฑาทีหิ อาฬึ ถิรํ การาเปตฺวา.

‘‘ชาตึ ฆฏฺเฏตฺวา กลหํ วฑฺฒยึสู’’ติ สงฺเขเปน วุตฺตมตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘โกลิยกมฺมกรา วทนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ตีณิ ชาตกานีติ ผนฺทนชาตกปถวีอุนฺทฺริยชาตกลฏุกิกชาตกานิ ทฺเว ชาตกานีติ รุกฺขธมฺม วฏฺฏกชาตกานิ.

เตนาติ ภควตา. กลหการณภาโวติ กลหการณสฺส อตฺถิภาโว.

อฏฺาเนติ อการเณ. เวรํ กตฺวาติ วิโรธํ อุปฺปาเทตฺวา. ‘‘กุาริหตฺโถ ปุริโส’’ติอาทินา ผนฺทนชาตกํ กเถสิ. ‘‘ทุทฺทุภายติ ภทฺทนฺเต’’ติอาทินา ปถวีอุนฺทฺริยชาตกํ กเถสิ. ‘‘วนฺทามิ ตํ กุฺชรา’’ติอาทินา ลฏุกิกชาตกํ กเถสิ.

‘‘สาธู สมฺพหุลา าตี; อปิ รุกฺขา อรฺชา;

วาโต วหติ เอกฏฺํ, พฺรหนฺตมฺปิ วนปฺปติ’’นฺติ. –

อาทินา รุกฺขธมฺมชาตกํ กเถสิ.

‘‘สมฺโมทมานา คจฺฉนฺติ, ชาลํ อาทาย ปกฺขิโน;

ยทา เต วิวทิสฺสนฺติ, ตทา เอหินฺติ เม วส’’นฺติ. –

อาทินา วฏฺฏกชาตกํ กเถสิ.

‘‘อตฺตทณฺฑา ภยํ ชาตํ, ชนํ ปสฺสถ เมธคํ;

สํเวคํ กิตฺตยิสฺสามิ, ยถา สํวิชิตํ มยา’’ติ. (สุ. นิ. ๑.๙๔๑);

อาทินา อตฺตทณฺฑสุตฺตํ กเถสิ.

ตํตํปโลภนกิริยา กายวาจาหิ ปรกฺกมนฺติโย ‘‘อุกฺกณฺนฺตู’’ติ สาสนํ เปเสนฺติ.

กุณาลทเหติ กุณาลทหตีเร ปติฏฺาย. ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ กเถสิ (ชา. ๒.กุณาลชาตก) ‘‘อนุกฺกเมน กุณาลสกุณราชสฺส ปุจฺฉนปฺปสงฺเคน กุณาลชาตกํ กเถสฺสามี’’ติ. อนภิรตึ วิโนเทสิ อิตฺถีนํ โทสทสฺสนมุเขน กามานํ อาทีนโวการสํกิเลสวิภาวเนน.

โกสชฺชํ วิธมิตฺวา ปุริสถามปริพฺรูหเนน ‘‘อุตฺตมปุริสสทิเสหิ โน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตา.

อวิสฺสฏฺกมฺมนฺตาติ อรติวิโนทนโต ปฏฺาย อวิสฺสฏฺสมณกมฺมนฺตา, อปริจตฺตกมฺมฏฺานาติ อตฺโถ. นิสีทิตุํ วฏฺฏตีติ ภควา จินฺเตสีติ โยชนา.

ปทุมินิยนฺติ ปทุมสฺสเร. วิกสึสุ คุณคณวิโพเธน. ‘‘อยํ อิมสฺส…เป… น กเถสี’’ติ อิมินา สพฺเพปิ เต ภิกฺขู ตาวเทว ปฏิปาฏิยา อาคตตฺตา อฺมฺสฺส ลชฺชมานา อตฺตนา ปฏิวิทฺธวิเสสํ ภควโต นาโรเจสุนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘ขีณาสวาน’’นฺติอาทินา ตตฺถ การณมาห.

โอสีทมตฺเตติ ภควโต สนฺติกํ อุปคตมตฺเต. อริยมณฺฑเลติ อริยสมูเห. ปาจีนยุคนฺธรปริกฺเขปโตติ ยุคนฺธรปพฺพตสฺส ปาจีนปริกฺเขปโต, น พาหิรเกหิ อุจฺจมานอุทยปพฺพตโต. รามเณยฺยกทสฺสนตฺถนฺติ พุทฺธุปฺปาทปฏิมณฺฑิตตฺตา วิเสสโต รมณียสฺส โลกสฺส รมณียภาวทสฺสนตฺถํ. อุลฺลงฺฆิตฺวาติ อุฏฺหิตฺวา. เอวรูเป ขเณ ลเย มุหุตฺเตติ ยถาวุตฺเต จนฺทมณฺฑลสฺส อุฏฺิตกฺขเณ อุฏฺิตเวลายํ อุฏฺิตมุหุตฺเตติ อุปรูปริ กาลสฺส วฑฺฒิตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ.

ตถา เตสํ ภิกฺขูนํ ชาติอาทิวเสน ภควโต อนุรูปปริวาริตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติ อาทิมาห.

สมาปนฺนเทวตาติ อาสนฺนฏฺาเน ฌานสมาปตฺติ สมาปนฺนเทวตา. จลึสูติ อุฏฺหึสุ. โกสมตฺตํ านํ สทฺทนฺตรํ. ชมฺพุทีเป กิร อาทิโต เตสฏฺิมตฺตานิ นครสหสฺสานิ อุปฺปนฺนานิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ติกฺขตฺตุํ เตสฏฺิยา นครสหสฺเสสู’’ติ. เต ปน สมฺปิณฺเฑตฺวา สตสหสฺสโต ปรํ อสีติสหสฺสานิ, นวสหสฺสานิ จ โหนฺติ. นวนวุติยา โทณมุขสตสหสฺเสสูติ นวสตสหสฺสาธิเกสุ นวุติสตสหสฺเสสุ โทณมุเขสุ. โทณมุขนฺติ จ มหานครสฺส อายุปฺปตฺติฏฺานภูตํ ปาทนครํ วุจฺจติ. ฉนฺนวุติยา ปฏฺฏนโกฏิสตสหสฺเสสูติ ฉโกฏิอธิกนวุติโกฏิสตสหสฺสปฏฺฏเนสุ. ตมฺพปณฺณิทีปาทีสุ ฉปณฺณาสาย รตนากเรสุ. เอวํ ปน นครโทณิมุขปฏฺฏนรตนากราทิวิภาเคน กถนํ ตํตํอธิวตฺถาย วสนฺตีนํ เทวตานํ พหุภาวทสฺสนตฺถํ. ยทิ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตา สนฺนิปติตา, อถ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘ทสหิ จ โลกธาตูหี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทสสหสฺส…เป… อธิปฺเปตา’’ติ, เตน สหสฺสิโลกธาตุ อิธ ‘‘เอกา โลกธาตู’’ติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ.

โลหปาสาเทติ อาทิโต กเต โลหปาสาเท. พฺรหฺมโลเกติ เหฏฺิเม พฺรหฺมโลเก. ยทิ ตา เทวตา เอวํ นิรนฺตรา, ปจฺฉา อาคตานํ โอกาโส เอว น ภเวยฺยาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยถา โข ปนา’’ติอาทิ. สุทฺธาวาสกายํ อุปปนฺนา สุทฺธาวาสกายิกา, ตาสํ ปน ยสฺมา สุทฺธาวาสภูมิ นิวาสฏฺานํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สุทฺธาวาสวาสีน’’นฺติ. อาวาสาติ อาวาสนฏฺานภูตา , เทวตา ปน โอรมฺภาคิยานํ, อิตเรสฺจ สํโยชนานํ สมุจฺฉินฺทเนน สุทฺโธ อาวาโส เอเตสนฺติ สุทฺธาวาสา.

๓๓๒. ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ โอตริ อฺตฺถ โอกาสํ อลภมาโน. เอวํ เสสาปิ. พุทฺธานํ อภิมุขมคฺโค พุทฺธวีถิ. ยาว จกฺกวาฬา โอตฺถริตุํ โอวริตุํ น สกฺกา. ปหฏพุทฺธวีถิยาวาติ พุทฺธานํ สนฺติกํ อุปสงฺกมนฺเตหิ เตหิ เทวพฺรหฺเมหิ วฬฺชิตวีถิยาว. สมิติ สงฺคติ สนฺนิปาโต สมโย, มหนฺโต สมโย มหาสมโยติ อาห ‘‘มหาสมูโห’’ติ . ปวทฺธํ วนํ ปวนนฺติ อาห ‘‘วนสณฺโฑ’’ติ. เทวฆฏาติ เทวสมูหา.

สมาทหํสูติ สมาทหิตํ โลกุตฺตรสมาธินา สุฏฺุ อปฺปิตํ อกํสุ, ยถาสมาหิตํ ปน สมาธินา โยชิตํ นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สมาธินา โยเชสุ’’นฺติ. สพฺเพสํ โคมุตฺตวงฺกาทีนํ ทูรสมูหนิตตฺตา สพฺเพ…เป… อกรึสุ. นยติ อสฺเส เอเตหีติ เนตฺตานิ, โยตฺตานิ. อวีถิปฏิปนฺนานํ อสฺสานํ วีถิปฏิปาทนํ รสฺมิคฺคหเณน ปโหตีติ ‘‘สพฺพโยตฺตานิ คเหตฺวา อโจเทนฺโต’’ติ วตฺวา ตํ ปน อโจทนํ อวารณํ เอวาติ อาห ‘‘อโจเทนฺโต อวาเรนฺโต’’ติ.

ยถา ขีลํ ภิตฺติยํ วา ภูมิยํ วา อาโกฏิตํ ทุนฺนีหรณํ, ยถา จ ปลิฆํ นครปฺปเวสนิวารณํ, ยถา จ อินฺทขีลํ คมฺภีรเนมิ สุนิขาตํ ทุนฺนีหรณํ, เอวํ ราคาทโย สตฺตสนฺตานโต ทุนฺนีหรณา, นิพฺพานนครปฺปเวสนิวารณา จาติ เต ‘‘ขีลํ, ปลิฆํ, อินฺทขีล’’นฺติ จ วุตฺตา. ตณฺหาเอชาย อภาเวน อเนชา ปรมสนฺตุฏฺภาเวน จาตุทฺทิสตฺตา อปฺปฏิหตจาริกํ จรนฺติ.

คตาเสติ คตา เอว, น ปน คมิสฺสนฺติ ปรินิฏฺิตสรณคมนตฺตาติ . โลกุตฺตรสรณคมนํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘นิพฺเพมติกสรณคมเนน คตา’’ติ. เต หิ นิยเมน อปายภูมึ น คมิสฺสนฺติ, เทวกายฺจ ปริปูเรสฺสนฺติ. เย ปน โลกิเยน สรณคมเนน พุทฺธํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ, สติ จ ปจฺจยนฺตรสมวาเย ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.

เทวตาสนฺนิปาตวณฺณนา

๓๓๓. เอเตสนฺติ เทวตาสนฺนิปาตานํ. อิทานีติ อิมสฺมึ กาเล. พุทฺธานนฺติ อฺเสํ พุทฺธานํ อภาวา. จิตฺตกลฺลตา จิตฺตมทฺทวํ.

กึ ปน ภควตาว มหนฺเต เทวตาสมาคเม เตสํ นามโคตฺตํ กเถตุํ สกฺกาติ? อาม สกฺกาติ ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺธา นาม มหนฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทิฏฺนฺติ รูปายตนมาห, สุตนฺติ สทฺทายตนํ, มุตนฺติ สมฺปตฺตคฺคาหิอินฺทฺริยวิสยํ คนฺธรสโผฏฺพฺพายตนํ, วิฺาตนฺติ วุตฺตาวเสสํ สพฺพํ เยฺยํ, ปตฺตนฺติ ปริเยสิตฺวา, อปริเยสิตฺวา วา สมฺปตฺตํ, ปริเยสิตนฺติ ปตฺตํ, อปฺปตฺตํ วา ปริยิฏฺํ. อนุวิจริตํ มนสาติ เกวลํ มนสา อาโลจิตํ. กตฺถจิ นีลาทิวเสน วิภตฺตรูปารมฺมเณติ อภิธมฺเม (ธ. ส. ๖๑๕) ‘‘นีลํ ปีตก’’นฺติอาทินา วิภตฺเต ยตฺถ กตฺถจิ รูปารมฺมเณ กิฺจิ รูปารมฺมณํ วา น อตฺถีติ โยชนา. เภริสทฺทาทิวเสนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. นฺติ ยํ อารมฺมณํ. เอเตสนฺติ พุทฺธานํ.

อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตทา ชานนกิริยาย อปริโยสิตภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘ชานามี’’ติ วตฺวา ยสฺมา ยํ กิฺจิ เนยฺยํ นาม, สพฺพํ ตํ ภควตา อฺาตํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตมหํ อพฺภฺาสิ’’นฺติ.

น โอโลเกนฺติ ปโยชนาภาวโต. วิปรีตา ‘‘น กมฺมาวรเณน สมนฺนาคตา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตา. ‘‘ยสฺส มงฺคลา สมูหตา’’ติ (สุ. นิ. ๓๖๒) อารภิตฺวา ‘‘ราคํ วินเยถ มานุเสสุ ทิพฺเพสุ กาเมสุ จา’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๓๖๓) จ ราคนิคฺคหกถาพาหุลฺลโต สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺตํ ราคจริตานํ สปฺปายํ, ‘‘ปิยมปฺปิยภูตา กลห วิวาทา ปริเทวโสกา สหมจฺฉรา จา’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๘๖๙; มหานิ. ๙๘) กลหาทโย ยโต โทสโต สมุฏฺหนฺติ, โส จ โทโส ยโต ปิยภาวโต, โส จ ปิยภาโว ยโต ฉนฺทโต สมุฏฺหนฺติ, อิติ ผลโต, การณปรมฺปรโต จ โทเส อาทีนววิภาวนพาหุลฺลโต กลหวิวาทสุตฺตํ (สุ. นิ. ๘๖๙; มหานิ. ๙๘) โทสจริตานํ สปฺปายํ –

‘‘อปฺปฺหิ เอตํ น อลํ สมาย,

ทุเว วิวาทสฺส ผลานิ พฺรูมิ;

เอตมฺปิ ทิสฺวา น วิวาทเยถ,

เขมาภิปสฺสํ อวิวาทภูมิ’’นฺติ. (สุ. นิ. ๙๐๒; มหานิ. ๑๓๑) –

อาทินา นเยน สมฺโมหวิธมนโต, ปฺาปริพฺรูหนโต จ มหาพฺยูหสุตฺตํ โมหจริตานํ สปฺปายํ –

‘‘ปรสฺส เจ ธมฺมํ อนานุชานํ,

พาโล, มโค โหติ นิหีนปฺโ;

สพฺเพว พาลา สุนิหีนปฺา,

สพฺเพวิเม ทิฏฺิปริพฺพสานา’’ติ. (สุ. นิ. ๘๘๖; มหานิ. ๑๑๕) –

อาทินา นเยน สนฺทิฏฺิปรามาสิตาปนยนมุเขน สวิสเยสุ ทิฏฺิคฺคหเณสุ วิสฏวิตกฺกวิจฺฉินฺทนวเสน ปวตฺตตฺตา จูฬพฺยูหสุตฺตํ วิตกฺกจริตานํ สปฺปายํ –

‘‘มูลํ ปปฺจสงฺขาย (อิติ ภควา),

มนฺตา อสฺมีติ สพฺพํ อุปรุนฺเธ;

ยา กาจิ ตณฺหา อชฺฌตฺตํ,

ตาสํ วินยา สทา สโต สิกฺเข’’ติ. (สุ. นิ. ๙๒๒; มหานิ. ๑๕๑) –

ปปฺจสงฺขาย มูลํ อวิชฺชาทิกิเลสชาตํ อสฺมีติ ปวตฺตมานฺจาติ สพฺพํ มนฺตา ปฺาย อุปรุนฺเธยฺย. ยา กาจิ อชฺฌตฺตํ รูปตณฺหาทิเภทา ตณฺหา อุปฺปชฺเชยฺย, ตาสํ วินยา วูปสมาย สทา สโต อุปฏฺิตสฺสติ หุตฺวา สิกฺเขยฺยาติ เอวมาทิ อุปเทสสฺส สทฺโธว ภาชนํ. ตสฺส หิ โส อตฺถาวโหติ ตุวฏฺฏกสุตฺตํ สทฺธาจริตานํ สปฺปายํ –

‘‘วีตตณฺโห ปุรา เภทา (อิติ ภควา),

ปุพฺพมนฺตมนิสฺสิโต;

เวมชฺเฌ นุปสงฺเขยฺโย,

ตสฺส นตฺถิ ปุรกฺขต’’นฺติ. (สุ. นิ. ๘๕๕; มหานิ. ๘๔) –

โย สรีรเภทโต ปุพฺเพว ปหีนตณฺโห, ตโต เอว อตีตทฺธสฺิตํ ปุริมโกฏฺาสํ ตณฺหานิสฺสเยน อนิสฺสิโต, เวมชฺเฌ ปจฺจุปฺปนฺเนปิ อทฺธนิ ‘‘รตฺโต’’ติอาทินา อุปสงฺขาตพฺโพ, ตสฺส อรหโต ตณฺหาทิฏฺิปุรกฺขารานํ อภาวา อนาคเต อทฺธนิ กิฺจิ ปุรกฺขตํ นตฺถีติ อาทินา เอวํ คมฺภีรกถาพาหุลฺลโต ปูราเภทสุตฺตํ (สุ. นิ. ๘๕๕; มหานิ. ๘๔) พุทฺธิจริตานํ สปฺปายนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อถ เนสํ สปฺปายํ …เป… ววตฺถเปตฺวา’’ติ. มนสากาสีติ เอวํ จริยาย วเสน มนสิ กตฺวา ปุน ตํ สทิสํ อตฺตโน เทสนานิกฺเขปโยคฺยตาวเสน มนสิ อกาสิ. อตฺตชฺฌาสเยน นุ โข ชาเนยฺยาติ ปรชฺฌาสยาทึ อนเปกฺขิตฺวา มยฺหํเยว อชฺฌาสเยน อารทฺธ เทสนํ ชาเนยฺย นุ โข. ปรชฺฌาสเยนาติ สนฺนิปติตาย ปริสาย กสฺสจิ อชฺฌาสเยน. อฏฺุปฺปตฺติเกนาติ อิธ สมุฏฺิตอฏฺุปฺปตฺติยา. ปุจฺฉาวเสนาติ กสฺสจิ ปุจฺฉนฺตสฺส ปุจฺฉาวเสน. อารทฺธเทสนํ ชาเนยฺยาติ. ‘‘สเจ ปจฺเจกพุทฺโธ ภเวยฺยา’’ติ อิทํ อิเมสํ สุตฺตานํ เทสนาย ปุจฺฉา ปจฺเจกพุทฺธานํ ภาริยา, อวิสยา จาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘โสปิ น สกฺกุเณยฺยา’’ติ.

เอตฺถ จ ยสฺมา น อนุมติปุจฺฉา, กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา วา ยุตฺตา, อถ โข ทิฏฺสํสนฺทนปุจฺฉาสทิสี วา วิมติจฺเฉทนปุจฺฉาสทิสี วา ปุจฺฉา ยุตฺตา, ตาว ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน ปวตฺติตา นาม โหนฺติ, น ยถาธมฺมวเสน, ตตฺถ ยทิ ภควา ตถา สยเมว ปุจฺฉิตฺวา สยเมว วิสฺสชฺเชยฺย, สุณนฺตีนํ เทวตานํ สมฺโมโห ภเวยฺย ‘‘กึ นาเมตํ ภควา ปมํ เอวมาห, ปุนปิ เอวมาหา’’ติ, อนฺธการํ ปวิฏฺา วิย โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอวํ เปตา เทวตา น สกฺขิสฺสนฺติ ปฏิวิชฺฌิตุ’’นฺติ. ยถาธมฺมเทสนายํ ปน กเถตุกมฺยตาวเสน ปุจฺฉเนน สมฺโมโห โหตีติ. สูริโย อุคฺคโตติ อาห เทวสงฺโฆ อาสนฺนตรภาเวน โอภาสสฺส วิปุลอุฬารภาวโต. เอกิสฺสา โลกธาตุยาติ สุตฺเต (ที. นิ. ๓.๑๖๑; ม. นิ. ๓.๑๒๙; อ. นิ. ๑.๒๗๗; วิภ. ๘๐๙; เนตฺติ. ๕๗; มิ. ป. ๕.๑.๑) อาคตนเยน สพฺพตฺเถว ปน อปุพฺพํ อจริมํ ทฺเว พุทฺธา น โหนฺเตว. เตเนวาห – ‘‘อนนฺตาสุ…เป… อทฺทสา’’ติ.

คาถายํ ปุจฺฉามีติ นิมฺมิตพุทฺโธ ภควนฺตํ ปุจฺฉิตุํ โอกาสํ การาเปสิ. มุนินฺติ พุทฺธมุนึ . ปหูตปฺนฺติ มหาปฺํ. ติณฺณนฺติ จตุโรฆติณฺณํ. ปารงฺคตนฺติ นิพฺพานปฺปตฺตํ, สพฺพสฺส วา เยฺยสฺส ปารํ ปริยนฺตํ คตํ. ปรินิพฺพุตํ สอุปาทิเสสนิพฺพานวเสน. ิตตฺตนฺติ อวฏฺิตจิตฺตํ โลกธมฺเมหิ อกมฺปเนยฺยตาย. นิกฺขมฺม ฆรา ปนุชฺช กาเมติ วตฺถุกาเม ปนูทิตฺวา ฆราวาสา นิกฺขมฺม. กถํ ภิกฺขุ สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺยาติ โส ภิกฺขุ กถํ สมฺมา ปริพฺพเชยฺย คจฺเฉยฺย วิหเรยฺย, อนุปลิตฺโต หุตฺวา โลกํ อติกฺกเมยฺยาติ อตฺโถ.

๓๓๔. สิโลกํอนุกสฺสามีติ เอตฺถ สิโลโก นาม ปาทสมุทโย, อิสีหิ วุจฺจมานา คาถาติปิ วุจฺจติ. ปาโทว นิยตวณฺณานุปุพฺพิกานํ ปทานํ สมูโห, ตํ สิโลกํ อนุกสฺสามิ ปวตฺตยิสฺสามีติ อตฺโถติ อาห ‘‘อกฺขร…เป… ปวตฺตยิสฺสามี’’ติ. ยตฺถาติ อธิกรเณ ภุมฺมํ. อาเมฑิตโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘เยสุ เยสุ าเนสู’’ติ. ภุมฺมาติ ภูมิปฏิพทฺธนิวาสา. ตํ ตํ นิสฺสิตา ตํ ตํ านํ นิสฺสิตวนฺโต นิสฺสาย วสมานา, เตหิ สทฺธึ สิโลกํ อนุกสฺสามีติ อธิปฺปาโย. ‘‘เย สิตา คิริคพฺภร’’นฺติ อิมินา เตสํ วิเวกวาสํ ทสฺเสติ, ‘‘ปหิตตฺตา สมาหิตา’’ติ อิมินา ภาวนาภิโยคํ.

พหุชนา ปฺจสตสงฺขฺยตฺตา. ปฏิปกฺขาภิภวนโต, เตชุสฺสทตาย จ สีหา วิย ปวิวิตฺตตาย นิลีนา. เอกตฺตนฺติ เอกีภาวํ. โอทาตจิตฺตา หุตฺวา สุทฺธาติ อรหตฺตมคฺคาธิคเมน ปริโยทาตจิตฺตา หุตฺวา สุทฺธา, น เกวลํ สรีรสุทฺธิยาว. วิปฺปสนฺนาติ อริยมคฺคปฺปสาเทน วิเสสโต ปสนฺนา. จิตฺตสฺส อาวิลภาวกรานํ กิเลสานํ อภาเวน อนาวิลา.

ภิกฺขู ชานิตฺวาติ ภินฺนกิเลเส ภิกฺขู ‘‘อิเม ทิพฺพจกฺขุนา เอเต เทวกาเย ปสฺสนฺตีติ ชานิตฺวา. สวนนฺเต ชาตตฺตาติ ธมฺมสฺสวนปริโยสาเน อริยชาติยา ชาตตฺตา. อิทํ สพฺพนฺติ อิทํ ‘‘ภิยฺโย ปฺจสเต’’ติอาทิกํ สพฺพํ.

ตทตฺถาย วีริยํ กรึสูติ ทิพฺพจกฺขุาณาภินีหารวเสน วีริยํ อุสฺสาหํ อกํสุ. เตนาห ‘‘น ตํ เตหี’’ติอาทิ. สตฺตรินฺติ ต-การสฺส ร-การาเทสํ กตฺวา วุตฺตํ, สตฺตตินฺติ อตฺโถ. ‘‘สหสฺส’’นฺติ ปน อนุวตฺตติ, สตฺตติโยเคน พหุวจนํ. เตนาห ‘‘เอเก สหสฺสํ. เอเก สตฺตติสหสฺสานี’’ติ.

อนนฺตนฺติ อนฺตรหิตํ, ตํ ปน อติวิย มหนฺตํ นาม โหตีติ อาห ‘‘วิปุล’’นฺติ.

อเวกฺขิตฺวาติ าณจกฺขุนา วิสุํ วิสุํ อเวกฺขิตฺวา ‘‘ววตฺถิตฺวานา’’ติปิ ปนฺติ, โส เอวตฺโถ. ตํ อเวกฺขนํ นิจฺฉยกรณํ โหตีติ อาห ‘‘ววตฺถเปตฺวา’’ติ. ปุพฺเพ วุตฺตคาถาสุ ตติยคาถาย ปจฺฉิมทฺธํ, จตุตฺถคาถาย ปุริมทฺธฺจ สนฺธายาห ‘‘ปุพฺเพ วุตฺตคาถเมวา’’ติ.

วิชานนมฺปิ ทสฺสนํ เอวาติ อาห ‘‘ปสฺสถ โอโลเกถา’’ติ. วาจายตปวตฺติตภาวโต ‘‘อนุปฏิปาฏิยาว กิตฺตยิสฺสามี’’ติ วทติ.

๓๓๕. สตฺต สหสฺสานิ สงฺขายาติ สตฺต สหสฺสา. ยกฺขาเยวาติ ยกฺขชาติกา เอว. อานุภาวสมฺปนฺนาติ มเหสกฺขา. อิทฺธิมนฺโตติ วา มหานุภาวา. ชุติมนฺโตติ มหปฺปภา. วณฺณวนฺโตติ อติกฺกนฺตวณฺณา. ยสสฺสิโนติ มหาปริวารา เจว ปตฺถฏกิตฺติสทฺทา จ. สมิติ-สทฺโท สมีปตฺโถติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ภิกฺขูนํ สนฺติก’’นฺติ.

เหมวตปพฺพเตติ หิมวโต สมีเป ิตปพฺพเต.

เอเต สพฺเพปีติ เอเต สตฺตสหสฺสา กาปิลวตฺถวา, ฉสหสฺสา เหมวตา, ติสหสฺสา สาตาคิราติ ยถาวุตฺตา สพฺเพปิ โสฬสสหสฺสา.

ราชคหนคเรติ ราชคหนครสฺส สมีเป. นฺติ กุมฺภีรํ.

๓๓๖. กามํ ปาจีนทิสํ ปสาสติ, ตถาปิ จตูสุปิ ทิสาสุ สปริวารทีเปสุ จตูสุปิ มหาทีเปสุ คนฺธพฺพานํ เชฏฺโก, กถํ? สพฺเพ เต ตสฺส วเส วตฺตนฺติ.กุมฺภณฺฑานํ อธิปตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย.

ตสฺสาปิ วิรุฬฺหสฺส. ตาทิสาเยวาติ ธตรฏฺสฺส ปุตฺตสทิสา เอว ปุถุตฺถโต, นามโต, พลโต, อิทฺธิอาทิวิเสสโต จ.

สพฺพสงฺคาหิกวเสนาติ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา ปจฺเจกํ จตฺตาโร จตฺตาโร มหาราชาโนติ เตสํ สพฺเพสํ สงฺคณฺหนวเสน. เตนาห ‘‘อยฺเจตฺถา’’ติอาทิ.

จตุโร ทิสาติ จตูสุ ทิสาสุ. จตุโร ทิสา ชลมานา สมุชฺชลนฺตา โอภาเสนฺตา. ยทิ เอวํ มหติยา ปริสาย อาคตานํ กถํ กาปิลวตฺถเว วเน ิตาติ อาห ‘‘เต ปนา’’ติอาทิ.

๓๓๗. เตสํ มหาราชานํ ทาสาติ โยชนา. มายาย ยุตฺตา, ตสฺมา มายาวิโน. วฺจนํ เอเตสุ อตฺถิ, วฺจเน วา นิยุตฺตาติ วฺจนิกา. เกราฏิยสาเยฺเยนาติ นิหีนสเน กมฺเมน. มายา เอเตสํ อตฺถีติ มายา, เต จ ปเรสํ วฺจนตฺถํ เยน มายากรเณน ‘‘มายา’’ติ วุตฺตา, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มายาการกา’’ติ อาห.

เอตฺตกา ทาสาติ เอตฺตกา กุเฏณฺฑุอาทิกา นิฆณฺฑุปริโยสานา อฏฺมหาราชานํ ทาสา.

เทวราชาโนติ เทวา หุตฺวา ตํตํเทวกายสฺส ราชาโน. จิตฺโต จ เสโน จ จิตฺตเสโน จาติ ตโย เอเต เทวปุตฺตา ปาฬิยํ เอกเสสนเยน วุตฺตาติ อาห ‘‘จิตฺโต จา’’ติอาทิ.

ภิกฺขุสงฺโฆ สมิโต สนฺนิปติโต เอตฺถาติ ภิกฺขุสงฺฆสมิติ, อิมํ วนํ.

๓๓๘. นาคสทหวาสิกาติ นาคสทหนิวาสิโน. ตตฺเถโก กิร นาคราชา, จิรกาลํ วสโต ตสฺส ปริสา มหตี ปรมฺปราคตา อตฺถิ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ตจฺฉกนาคปริสายา’’ติ.

ยมุนวาสิโนติ ยมุนายํ วสนกนาคา. นาคโวหาเรนาติ หตฺถินาคโวหาเรน.

วุตฺตปฺปกาเรติ กมฺพลสฺสตเร เปตฺวา อิตเร วุตฺตปฺปการนาคา. โลภาภิภูตาติ อาหารโลเภน อภิภูตา. ทิพฺพานุภาวตาติ ทิพฺพานุภาวโต, ทิพฺพานุภาวเหตุ วา ทิพฺพา. ‘‘จิตฺรสุปณฺณา’’ติ นามํ วิจิตฺรสุนฺทรปตฺตวนฺตตาย.

อุปวฺหยนฺตาติ อุเปจฺจ กเถนฺตา. กาโกลูกอหินกุลาทโย วิย อฺมฺํ ชาติสมุทาคตเวราปิ สมานา มิตฺตา วิย…เป… หฏฺตุฏฺจิตฺตา อฺมฺสฺมินฺติ อธิปฺปาโย. พุทฺธํเยว เต สรณํ คตา ‘‘พุทฺธานุภาเวเนว มยํ อฺมฺสฺมึ เมตฺตึ ปฏิลภิมฺหา’’ติ.

๓๓๙. ภาตโรติ เมถุนภาตโร. เตนาห ‘‘สุชาย อสุรกฺาย การณา’’ติ.

เตสูติ อสุเรสุ. กาลกฺจาติ เอวํ นามา. มหาภิสฺมาติ ภึสนกมหาสรีรา. อภพฺพาติ สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมิตุํ น ภพฺพา อจฺฉนฺทิกตฺตา ตาทิสสฺส ฉนฺทสฺเสว อภาวโต.

พลิโน มหาอสุรสฺส อพฺภตีตตฺตา ตสฺส ปุตฺเต เอว กิตฺเตนฺโต ภควา ‘‘สตฺจ พลิปุตฺตาน’’นฺติ อาทิมาห. โส กิร สุขุมํ อตฺตภาวํ มาเปตฺวา อุปคจฺฉิ.

๓๔๐. กมฺมํ กตฺวาติ ปริกมฺมํ กตฺวา. นิพฺพตฺตาติ อุปจารชฺฌาเนน นิพฺพตฺตา. อปฺปนาฌาเนน ปน นิพฺพตฺตา พฺรหฺมาโน โหนฺติ, เต ปรโต วกฺขติ ‘‘สุพฺรหฺมา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๔๑), อยฺจ กามาวจรเทวตา วุจฺจติ. เตเนวาห – ‘‘เมตฺตากรุณากายิกาติ เมตฺตาฌาเน จ กรุณาฌาเน จ ปริกมฺมํ กตฺวา นิพฺพตฺตเทวา’’ติ. เมตฺตาฌาเน กรุณาฌาเนติ เมตฺตาฌานนิมิตฺตํ กรุณาฌานนิมิตฺตํ, ตทตฺถนฺติ อตฺโถ.

เต อาโปเทวาทโย ยถาสกํ วคฺควเสน ิตตฺตา ทสธา ิตา. ยาว กรุณากายิกา ทส เทวกายา.นานตฺตวณฺณาติ นานาสภาววณฺณวนฺโต.

เวณฺฑุเทวตาติ เวณฺฑุ นาม เทวตา, เอวํ สหลิ เทวตา. อสมเทวตา, ยมกเทวตาติ ‘‘ทฺเว อยนิโย’’ติ วทนฺติ, ตปฺปมุขา ทฺเว เทวนิกายาติ. จนฺทสฺสูปนิสา เทวา จนฺทสฺส อุปนิสฺสยโต วตฺตมานา ตสฺส ปุรโต จ ปจฺฉโต จ ปสฺสโต จ ธาวนกเทวา. เตนาห ‘‘จนฺทนิสฺสิตกา เทวา’’ติ. สูริยสฺสูปนิสา, นกฺขตฺตนิสฺสิตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เกวลํ วาตวายนเหตโว เทวตา วาตวลาหกา. ตถา เกวลํ อพฺภปฏลสฺจรณเหตโว อพฺภวลาหกา. อุณฺหปฺปวตฺติเหตโว อุณฺหวลาหกา. วสฺสวลาหกา ปน ปชฺชุนฺนสทิสาติ. เต อิธ น วุตฺตา. วสุเทวตา นาม เอโก เทวนิกาโย, เตสํ ปุพฺพงฺคมตฺตา วาสโว, สกฺโก.

ทเสเตติ เอเต เวณฺฑุเทวตาทโย วาสวปริโยสานา ทส เทวกายา.

อิมานีติ ‘‘ชลมคฺคี’’ติ จ ‘‘สิขาริวา’’ติ จ อิมานิ เตสํ นามานิ. เกจิ ปน ม-กาโร ปทสนฺธิกโร ‘‘ชลา’’ติ จ ‘‘อคฺคี’’ติ จ ‘‘สิขาริวา’’ติ จ อิมานิ เตสํ นามานีติ วทนฺติ. เอเตติ เตสุ เอว ‘‘อริฏฺกา, โรชา’’ติ จ วุตฺตเทเวสุ เอกจฺเจ,อุมาปุปฺผนิภาสิโน วณฺณโต อุมาปุปฺผสทิสาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ, อฺถา เอกาทส เทวกายา สิยุํ.

ทเสเตติ เอเต ทส สหภูเทวาทโย วาสวเนสิปริโยสานา ทส เทวกายา. เตเนว นิกายเภทวเสน ทสธาว อาคตา.

‘‘สมานา’’ติอาทิ เตสํ เทวานํ นิกายสมุทายคตํ นามํ. เอวํ เสสานมฺปิ.

ทเสเตติ เอเต สมานาทิกา มหาปารคปริโยสานา ทส เทวกายา. เตเนว นิกายเภเทน ทสธา อาคตา.

สุกฺกาทโย ตโย เทวกายา. ปาโมกฺขเทวาติ ปมุขา ปธานภูตา เทวา.

ทิสาติ ทิสาสุ. เทโวติ เมโฆ. ทเสเตติ เอเต สุกฺกาทโย ปชฺชุนฺนปริโยสานา ทส เทวกายา, เต เทวนิกายเภเทน ทสธา อาคตา.

ทเสเตติ เอเต เขมิยาทโย ปรนิมฺมิตปริโยสานา ทส เทวกายา, เต เทวนิกายเภเทน ทสธาว อาคตา. ตตฺถ ‘‘เขมิยา, กฏฺกาทโย จ ปฺจาปิ สเทวกายา ตาวตึสกายิกา’’ติ วทนฺติ. นามนฺวเยนาติ นามานุคเมน ‘‘อาโปเทวตา’’ติอาทินามสภาเคน. เตเนวาห ‘‘นามภาเคน นามโกฏฺาเสนา’’ติ. สพฺพา เทวตาติ ทสสหสฺสิโลกธาตูสุ สพฺพาปิ เทวตา. นิทฺทิสติ ตํตํนามสภาเคน เอกชฺฌํ กตฺวา.

ปวุตฺถาติ ปวาสํ คตา วิย อเปตาติ อาห ‘‘วิคตา’’ติ. ปวุตฺถา วา ปการโต วุตฺถา วุสิตา, เตน ชาติ วุสิตพฺพา อสฺสาติ ปวุฏฺชาติ. กาฬกภาวา สํกิเลสธมฺมา, สพฺพโส ตทภาวโต กาฬกภาวาตีตํ ทสพลํ. ลฺจนาภาเวน วา อสิตาติโค กาฬกภาวาตีตาย สิริยา จนฺโท, ตาทิสํ จนฺทํ วิย สิริยา วิโรจมานํ.

๓๔๑. เอโก พฺรหฺมาติ สคาถกวคฺเค (สํ. นิ. ๑.๙๘) อาคโต สุพฺรหฺมเทวปุตฺโต. พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เหฏฺิเมสุ ปติฏฺิตา อริยพฺรหฺมาโน, สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน. ติสฺสมหาพฺรหฺมา ปุถุชฺชโน, โย อปรภาเค มนุสฺเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร ชาโต.

สหสฺสํพฺรหฺมโลกานนฺติ พฺรหฺมโลโก เอเตสนฺติ พฺรหฺมโลกา, พฺรหฺมาโน, เตสํ พฺรหฺมโลกานํ สหสฺสํ สตฺตโลกปริยาโย จายํ โลกสทฺโทติ อาห ‘‘มหาพฺรหฺมานํ สหสฺสํ อาคต’’นฺติ. อนนฺตรคาถายํ ‘‘อาคตา’’ติ วุตฺตปทเมว อตฺถวเสน วทติ. ยตฺถาติ ยสฺมึ พฺรหฺมสหสฺเส. อฺเ พฺรหฺเมติ ตทฺเ พฺรหฺมาโน. อภิภวิตฺวา ติฏฺติ วณฺเณน, ยสสา อายุนา จ.

อิสฺสราติ เตเนว วสปวตฺตเนน เสสพฺรหฺมานํ อธิปติโน.

๓๔๒. กาฬกธมฺมสมนฺนาคโต กาฬกสฺส ปาปิมสฺส มารสฺส พาลภาวํ ปสฺสถ, โย อตฺตโน อวิสเย นิรตฺถกํ ปรกฺกมิตุํ วายมติ.

วีตราคภาวาวหสฺส ธมฺมสฺสวนสฺส อนฺตรายกรเณน อวีตราคา ราเคน พทฺธา เอว นาม โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘ราเคน พทฺธํ โหตู’’ติ.

ภยานกํ สรฺจ กตฺวาติ เภรวํ มหนฺตํ สทฺทํ สมุฏฺเปตฺวา.

อิทานิ ตํ สทฺทํ อุปมาย ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา’’ติ อาทิมาห. กฺจีติ ตสฺมึ สมาคเม กฺจิ เทวตํ, มานุสกํ วา อตฺตโน วเส วตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต อสยํวเส สยฺจ น อตฺตโน วเส ิโต. เตนาห ‘‘อสยํวสี’’ติอาทิ.

๓๔๓. ‘‘วีตราเคหี’’ติ เทสนาสีสเมตํ. สพฺพายปิ หิ ตตฺถ สมาคตปริสาย มารเสนา อปกฺกนฺตาว. เนสํ โลมมฺปิ อิฺชยุํ เตสํ โลมมตฺตมฺปิ น จาเลสุํ, กุโต อนฺตรายกรณํ. อิติ ยตฺตกา ตตฺถ วิเสสํ อธิคจฺฉึสุ, เตสํ สพฺเพสมฺปิ อนฺตรายากรณวเสน อตฺโถ วิภาเวตพฺโพ, วีตราคคฺคหเณน วา สราควีตราควิภาวิโน จ ตตฺถ สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพํ. มาโร อิมํ คาถํ อภาสิ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต. กถฺหิ นาม ตาว โฆรตรํ มหตึ วิภึสกํ มยิ กโรนฺเตปิ สพฺเพ ปิเม นิพฺพิการา สมาหิตา เอว. กสฺมา? วิชิตาวิโน อิเม อุตฺตมปุริสาติ. เตนาห ‘‘สพฺเพ’’ติอาทิ. ยาทิโส อริยานํ ธมฺมนิสฺสิโต ปโมโท, น กทาจิ ตาทิโส อนริยานํ โหตีติ ‘‘สาสเน ภูเตหิ อริเยหิ’’ อิจฺเจตํ วุตฺตํ. วิ-สทฺเทน วินา เกวโลปิ สุต-สทฺโท วิขฺยาตตฺถวจโน โหติ ‘‘สุตธมฺมสฺสา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๕; อุทา. ๑๑) วิยาติ อาห ‘‘ชเน วิสฺสุตา’’ติ.

ทูเรติ ทูเร ปเทเส. ทหรสฺส อนฺตรายํ ปริหรนฺตี ‘‘น สกฺกา ภนฺเต สกลํ กายํ ทสฺเสตุ’’นฺติ อโวจาติ.

มหาสมยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.