📜

๘. สกฺกปฺหสุตฺตวณฺณนา

นิทานวณฺณนา

๓๔๔. อมฺพสณฺฑานํ อทูรภวตฺตา เอโกปิ โส พฺราหฺมณคาโม ‘‘อมฺพสณฺฑา’’ตฺเวว พหุวจนวเสน วุจฺจติ, ยถา ‘‘วรณา นคร’’นฺติ. เวทิ เอว เวทิโก, เวทิโก เอว เวทิโย ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา, ตสฺมึ เวทิยเก. เตนาห ‘‘มณิเวทิกาสทิเสนา’’ติอาทิ, อินฺทนีลาทิมณิมยเวทิกาสทิเสนาติ อตฺโถ. ปุพฺเพปีติ เลณกรณโต ปุพฺเพ, คุหารูเปน ิตา, ทฺวาเร อินฺทสาลรุกฺขวตี จ, ตสฺมา ‘‘อินฺทสาลคุหา’’ติ วุตฺตา ปุริมโวหาเรน.

อุสฺสุกฺกํ วุจฺจติ อภิรุจิ, ตํ ปน พุทฺธทสฺสนกามตาวเสน, ตถา อุสฺสาหนวเสน จ ปวตฺติยา ‘‘ธมฺมิโก อุสฺสาโห’’ติ วุตฺตํ. สกฺเกน สทิโส…เป… นตฺถีติ. ยถาห ‘‘อปฺปมาเทน มฆวา, เทวานํ เสฏฺตํ คโต’’ติ (ธ. ป. ๓๐). ปริตฺตเกนาติ อปราปรํ พหุํ ปุฺกมฺมํ อกตฺวา อปฺปมตฺตเกเนว ปุฺกมฺเมน.

สกฺโกปิ กามํ มหาปุฺกตภีรุตฺตาโน โหติ, สาติสยาย ปน ทิพฺพสมฺปตฺติยา วิโยคเหตุเกน โสเกน ทิคุณิเตน มรณภเยน สํตชฺชิโต ชาโต. เตนาห ‘‘สกฺโก ปน มรณภยาภิภูโต อโหสี’’ติ.

ทิพฺพจกฺขุนา เทวตานํ ทสฺสนํ นาม ปฏิวิชฺฌนสทิสนฺติ อาห ‘‘ปฏิวิชฺฌี’’ติ. ปาฏิเยกฺโก โวหาโรติ อาเวณิโก ปิยสมุทาหาโร. มริสนิยสมฺปตฺติกาติ มาริสา. เตสฺหิ สมฺปตฺติโย มหานุภาวตาย สหนฺติ อุปฏฺหนฺติ, อฺเ อโยนิโสมนสิการตาย เจว อปฺปหุกาย จ น สหนฺติเยว, สา ปน เนสํ มริสนิยสมฺปตฺติกตา ทุกฺขวิรหิตายาติ วุตฺตํ ‘‘นิทฺทุกฺขาติปิ วุตฺตํ โหตี’’ติ. เอกโก วาติ เทวปริสาย วินา อาคตตฺตา วุตฺตํ, มาตลิอาทโย ปน ตาทิสา สหายา ตทาปิ อเหสุํเยว. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อปิ จายํ อายสฺมโต จกฺกเนมิสทฺเทน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺิโต’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๕๒). โอกาสํ นากาสิ สกฺกสฺส าณปริปากํ อาคเมนฺโต, อฺเสฺจ พหูนํ เทวานํ ธมฺมาภิสมยํ อุปปริกฺขมาโน. โสติ สกฺโก.

เอวนฺติ วจนสมฺปฏิจฺฉเน นิปาโตติ อาห ‘‘เอวํ โหตู’’ติอาทิ. ภทฺทํตวาติ ปน สกฺกํ อุทฺทิสฺส เนสํ อาสิ วาโท.

๓๔๕. วลฺลโภ…เป… ธมฺมํ สุณาตีติ อยมตฺโถ โควินฺทสุตฺตาทีหิ (ที. นิ. ๒.๒๙๔) ทีเปตพฺโพ. อิมินา กโตกาเสติ อิมินา ปฺจสิเขน กโตกาเส ภควติ.

อนุจริยนฺติ อนุจรณภาวํ, ตํ ปนสฺส อนุจรณํ นาม สทฺธึ คมนเมวาติ อาห ‘‘สหจรณํ เอกโต คมน’’นฺติ.

โสวณฺณมยนฺติ สุวณฺณมยํ. โปกฺขรนฺติ วีณาย โทณิมาห. ทณฺโฑติ วีณทณฺโฑ. เวกาติ ตนฺตีนํ พนฺธนาย เจว อุปฺปีฬนาย จ ธเมตพฺพา เวกา. ปตฺตกนฺติ โปกฺขรํ. สมปฺาสมุจฺฉนา มุจฺเฉตฺวาติ ยถา สมปฺาสมุจฺฉนา กมโต ตตฺถ สํมุจฺฉนํ กาตุํ สกฺกา, เอวํ ตํ สชฺเชตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘สมปฺาสมุจฺฉนา สํมุจฺเฉตฺวา’’ติ จ อิทํ เทวโลเก นิยตํ วีณาวาทนวิธึ สนฺธาย วุตฺตํ. มนุสฺสโลเก ปน เอกวีสติ มุจฺฉนา. เตเนวาห วีโณปมสุตฺตวณฺณนายํ –

‘‘สตฺต สรา ตโย คามา, มุจฺฉนา เอกวีสติ;

ตานา เจกูนปฺาส, อิจฺเจเต สรมณฺฑลา’’ติ. (อ. นิ. อฏฺ. ๓.๕๕; สารตฺถ. ฏี. ๓.๒๔๓);

ตตฺถ ฉชฺโช, อุสโภ, คนฺธาโร, มชฺฌิโม, ปฺจโม, เธวโต, นิสาโทติ เอเต สตฺต สรา. ฉชฺชคาโม, มชฺฌิมคาโม, สาธารณคาโมติ ตโย คามา, สรสมูหาติ อตฺโถ. มนุสฺสโลเก วาทนวิธินา เอเกกสฺเสว จ สรสฺส วเสน ตโย ตโย มุจฺฉนา กตฺวา เอกวีสติ มุจฺฉนา. เอเกกสฺเสว จ สรสฺส สตฺต สตฺต ตานเภทา, ยโต สรสฺส มนฺทตรววตฺถานํ โหติ, เต เอกูนปฺาส ตานวิเสสาติ, ติสฺโส ทุเว จตสฺโส, จตสฺโส ติสฺโส ทุเว จตสฺโสติ ทฺวาวีสติ สุติเภทา อิจฺฉิตา, อยํ ปน เอเกกสฺส สรสฺส วเสน สตฺต สตฺต มุจฺฉนา, อนฺตรสรสฺส จ เอกาติ สมปฺาสาย มุจฺฉนานํ โยคฺยภาเวน วีณํ วชฺเชสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สมปฺาส มุจฺฉนา สํมุจฺเฉตฺวา’’ติ. เสสเทเว ชานาเปนฺโต สกฺกสฺส คมนกาลนฺติ โยชนา.

๓๔๖. อติริวาติ ร-กาโร ปทสนฺธิกโร, อตีว อติวิยาติ วุตฺตํ โหติ. ปกติ…เป… อคมาสิ มรณภยสํตชฺชิตตฺตา ตรมานรูโป. เตเนวาห ‘‘นนุ จา’’ติอาทิ.

๓๔๗. พุทฺธา นาม มหาการุณิกา, สเทวกสฺส โลกสฺส หิตสุขตฺถาย เอว อุปฺปนฺนา, เต กถํ อตฺถิเกหิ ทุรุปสงฺกมาติ อาห ‘‘อหํ สราโค’’ติอาทิ. ตทนฺตรํ ปฏิสลฺลีนาติ เยน อนฺตเรน เยน ขเณน อุปสงฺกเมยฺย, ตทนฺตรํ ปฏิสลฺลีนา ฌานํ สมาปนฺนา. ตทนฺตร-สทฺโท วา ‘‘เอตรหี’’ติ อิมินา สมานตฺโถติ อาห ‘‘สมฺปติ ปฏิสลฺลีนา วา’’ติ.

ปฺจสิขคีตคาถาวณฺณนา

๓๔๘. สาเวสีติ ยถาธิปฺเปตมุจฺฉนํ ปฏฺเปตฺวา วีณํ วาเทนฺโต ตํตํานุปฺปตฺติยา ปากฏีภูตมนฺทตาววตฺถํ ทสฺเสนฺโต สุมธุรโกมลมธุปานมตฺตมธุการวิรุตาปหาสินิลกฺขโณ ปสนฺนภานี สมรวํ ตนฺติสฺสรํ สาเวสิ.

‘‘สกฺยปุตฺโตว ฌาเนน, เอโกทิ นิปโก สโต;

อมตํ มุนิ ชิคีสาโน….

ยถาปิ มุนิ นนฺเทยฺย, ปตฺวา สมฺโพธึ อุตฺตม’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๔๘);

จ เอวํ พุทฺธูปสฺหิตา. พุทฺธูปสฺหิตา ปน พุทฺธานํ ธมฺมสรีรํ อารพฺภ นิสฺสยํ กตฺวา ปวตฺติตาติ อาห ‘‘ธมฺโม อรหตาํ อิวา’’ติ. ธมฺมูปสฺหิตา, อรหตฺตูปสฺหิตา จ เวทิตพฺพา.

สูริยสมานสรีราติ สูริยสมานปฺปภาสรีรา. เตนาห ‘‘ตสฺสา กิรา’’ติอาทิ. ยสฺมา ติมฺพรุโน คนฺธพฺพเทวราชสฺส สูริยวจฺฉ สา องฺเก ชาตา, ตสฺมา อาห ‘‘ยํ ติมฺพรุํ เทวราชานํนิสฺสาย ตฺวํ ชาตา’’ติ. กลฺยาณงฺคตาย ‘‘กลฺยาณี’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘สพฺพงฺคโสภนา’’ติ.

ราคาเวสวเสน ปุพฺเพ วุตฺตา คาถา อิทานิปิ ตเมว อารพฺภ ปุรโต ิตํ วิย อาลปนฺโต วทติ.

ถนุทรนฺติ ปโยธรฺจ อุทรฺจ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ถนเวมชฺฌํ อุทรฺจา’’ติ.

กิฺจิ การณนฺติ กิฺจิ ปีฬํ.

ปกตึ ชหิตฺวา ิตํ อภิรตฺตภาเวน.

วามูรูติ รุจิรอูรู. เตนาห ‘‘วามากาเรนา’’ติอาทิ. วามวิกสิตรุจิรสุนฺทราภิรูปจารุสทฺทา หิ เอกตฺถา ทฏฺพฺพา. น ติขิณนฺติ น ติกฺขํ น ลูขํ น กกฺขฬํ. มนฺทนฺติ มุทุ สินิทฺธํ.

อเนกภาโวติ อเนกสภาโว, โส ปน พหุวิโธ นาม โหตีติ อาห ‘‘อเนกวิโธ ชาโต’’ติ. อเนกภาโคติ อเนกโกฏฺาโส.

ตยา สทฺธึ วิปจฺจตนฺติ ตยา สหิตํเยว เม ตํ กมฺมํ วิปจฺจตุ, ตยา สเหว ตสฺส กมฺมสฺส ผลํ อนุภเวยฺยนฺติ อธิปฺปาโย. ตยา สทฺธิเมวาติ ยถา จกฺกวตฺติสํวตฺตนิยกมฺมํ ตสฺส นิสฺสนฺทผลภูเตน อิตฺถิรตเนน สทฺธึเยว วิปากํ เทติ, เอวํ ตํ เม กมฺมํ ตยา สทฺธึเยว มยฺหํ วิปากํ เทตุ.

เอโกทีติ เอโกทิภาวํ คโต, สมาหิโตติ อตฺโถ. ชิคีสาโนติ ชิคีสมาโน โหติ. ตถาภูโตว ชิคีสติ นามาติ ตถา ปมวิกปฺโป วุตฺโต. ทุติยวิกปฺเป ปน ‘‘วิจรตี’’ติ กิริยาปทํ อาหริตฺวา อตฺโถ วุตฺโต.

นนฺเทยฺยนฺติ สมาคมํ ปตฺเถนฺโต วทติ อติสสฺสิริกรูปโสภาย.

๓๔๙. สํสนฺทตีติ สเมติ, ยาย มุจฺฉนาย, เยน จ อากาเรน ตนฺติสฺสโร ปวตฺโต, ตํ มุจฺฉนํ อนติวตฺเตนฺโต, เตเนว จ อากาเรน คีตสฺสโรปิ ปวตฺโตติ อตฺโถ. เยน อชฺฌาสเยน ภควา ปฺจสิขสฺส คนฺธพฺเพ วณฺณํ กเถสิ, ยทตฺถฺจ กเถสิ, ตํ สพฺพํ วิภาเวตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิมาห. นตฺถิ โพธิมูเล เอว สมุจฺฉินฺนตฺตา. อุเปกฺขโก ภควา อนุปลิตฺตภาวโต. สุวิมุตฺตจิตฺโต ภควา ฉนฺทราคโต, สพฺพสฺมา จ กิเลสา. ยทิ เอวํ กสฺมา ปฺจสิขสฺส คนฺธพฺเพ วณฺณํ กเถสีติ อาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ.

คนฺถิตาติ สนฺทหิตา, ตา ปน นิรนฺตรํ กถิยมานา ราสิกตา วิย โหนฺตีติ อาห ‘‘ปิณฺฑิตา’’ติ. โวหารวจนนฺติ ภควโต, ภิกฺขูนฺจ ปุรโต วตฺตพฺพํ อุปจารวจนํ.

อุปนจฺจนฺติยาติ อุปคนฺตฺวา นจฺจนฺติยา.

สกฺกูปสงฺกมนวณฺณนา

๓๕๐. ‘‘กทา สํยูฬฺหา’’ติอาทีนิ วทนฺโต ปฏิสมฺโมทติ. วิปฺปการมฺปิ ทสฺเสยฺยาติ อฑฺฒกตาภินยวเสน นจฺจมฺปิ ทสฺเสยฺย.

๓๕๑. ‘‘อภิวทิโต สกฺโก เทวานมินฺโท’’ติอาทีนํ ‘‘เตน โข ปน สมเยนา’’ติอาทีนํ (ปารา. ๑๖, ๒๔) วิย สงฺคีติการวจนภาเว สํสโย นตฺถิ, ‘‘เอวฺจ ปน ตถาคตา’’ติ อิธ ปน สิยา สํสโยติ ‘‘ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปิตวจน’’นฺติ วตฺวา อิตรสฺสาปิ ตถาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพเมต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. วุฑฺฒิวจเนน วุตฺโตติ ‘‘สุขี โหตุ ปฺจสิข สกฺโก เทวานํ อินฺโท’’ติ อาสีสวาทํ วุตฺโต. ‘‘ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติ วทนฺโต อภิวาเทติ นาม ‘‘สุขี โหตู’’ติ อาสีสวาทสฺส วทาปนโต. ตถา ปน อาสีสวาทํ วทนฺโต อภิวทติ นาม สพฺพกาลํ ตเถว ติฏฺนโต.

อุรุํ เวปุลฺลํ ทสฺสติ ทกฺขตีติ อุรุนฺทา วิภตฺติอโลเปน. วิวฏา องฺคณฏฺานํ. โย ปกติยา คุหายํ อนฺธกาโร, โส อนฺตรหิโตติ โย ตสฺสํ คุหายํ สตฺถุ สมนฺตโต อสีติหตฺถโต อยํ ปากติโก อนฺธกาโร, โส เทวานํ วตฺถาภรณสรีโรภาเสหิ อนฺตรหิโต, อาโลโก สมฺปชฺชิ. อสีติหตฺเถ ปน พุทฺธาโลเกเนว อนฺธกาโร อนฺตรหิโต, น จ สมตฺโถ เทวานํ โอภาโส พุทฺธานํ อภิภวิตุํ.

๓๕๒. จิรปฺปฏิกาหนฺติ จิรปฺปภุติโก อหํ. อฑฺฑกรณํ นาม นตฺถิ อวิวาทาธิกรณฏฺาเน นิพฺพตฺตตฺตา. กีฬาทีนิปีติ อาทิ-สทฺเทน ธมฺมสฺสวนาทึ สงฺคณฺหาติ.

สลฬมยคนฺธกุฏิยนฺติ สลฬรุกฺเขหิ รฺา ปเสนทินา การิตคนฺธกุฏิยํ. เตนสฺสาติ เตน ผลทฺวยาธิคเมน ปหีนโอฬาริกกามราคตาย อสฺสา ภูชติยา เทวโลเก อภิรติเยว นตฺถิ. จกฺกเนมิสทฺเทน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺิโตติ เอตฺถ อธิปฺปายํ อชานนฺตา ‘‘อารมฺมณสฺส อธิมตฺตตาย สมาปตฺติโต วุฏฺานํ ชาต’’นฺติ มฺเยฺยุนฺติ ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘สมาปนฺโน สทฺทํ สุณาตีติ โน วต เร วตฺตพฺเพ’’ติ อาห. สติ จ อารมฺมณสงฺฆฏฺฏนายํ คหเณนปิ ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘สุณาตี’’ติ วุตฺตํ, อิตโร ‘‘ปมํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส สทฺโท กณฺฏโก’’ติ วจนมตฺตํ นิสฺสาย สพฺพสฺสาปิ ฌานสฺส สทฺโท กณฺฏโกติ อธิปฺปาเยน ปฏิกฺเขปํ อสหนฺโต ‘‘นนุ ภควา…เป…ภณตี’’ติ อิมเมว สุตฺตปทํ อุทฺธริ. ตตฺถ ยถา โทสทสฺสนปฏิปกฺขภาวนาวเสน ปฏิฆสฺานํ สุปฺปหีนตฺตา มหตาปิ สทฺเทน อรูปสมาปตฺติโต น วุฏฺานํ, เอวํ ‘‘อุปฺปาโท ภยํ, อนุปฺปาโท เขม’’นฺติอาทินา สมฺมเทว โทสทสฺสนปฏิปกฺขภาวนาวเสน สพฺพาสมฺปิ โลกิยสฺานํ อคฺคมคฺเคน สมติกฺกนฺตตฺตา อารมฺมณาธิคมตาย น กทาจิ ผลสมาปตฺติโต วุฏฺานํ โหตีติ. ตถา ปน น สุปฺปหีนตฺตา ปฏิฆสฺานํ สพฺพรูปสมาปตฺติโต วุฏฺานํ โหติ, ปมชฺฌานํ ปน อปฺปกมฺปิ สทฺทํ น สหตีติ ตํสมาปนฺนสฺส ‘‘สทฺโท กณฺฏโก’’ติ วุตฺตํ. ยทิ ปน ปฏิฆสฺานํ วิกฺขมฺภิตตฺตา มหตาปิ สทฺเทน อรูปสมาปตฺติโต น วุฏฺานํ โหติ, ปเคว มคฺคผลสมาปตฺติโต. เตนาห ‘‘จกฺกเนมิสทฺเทนา’’ติอาทิ. จกฺกเนมิสทฺเทนาติ จ นยิทํ กรณวจนํ เหตุมฺหิ, กรเณ วา อถ โข สหโยเค. อิมเมว หิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

โคปกวตฺถุวณฺณนา

๓๕๓. ปริปูรการินีติ ปริปุณฺณานิ, ปริสุทฺธานิ จ กตฺวา รกฺขิตวตี. ‘‘อิตฺถิตฺต’’นฺติอาทิ ตตฺถ วิรชฺชนาการทสฺสนํ. ธิตฺถิภาวํอิตฺถิภาวสฺส ธิกฺกาโร เหตูติ อตฺโถ. อลนฺติ ปฏิกฺเขปวจนํ, ปโยชนํ นตฺถีติ อตฺโถ. วิราเชตีติ ชิคุจฺฉติ. เอตา สมฺปตฺติโยติ จกฺกวตฺติสิริอาทิกา เอตา ยถาวุตฺตสมฺปตฺติโย. ตสฺมา ปุพฺพปริจเยน อุปฏฺิตนิกนฺติวเสน. อุปฏฺานสาลนฺติ สุธมฺมเทวสภํ.

โสติ โคปกเทวปุตฺโต. วฏฺเฏตฺวา วฏฺเฏตฺวาติ โตมราทึ วตฺเตนฺเตน วิย โจทนวจนํ ปริวฏฺเฏตฺวา ปริวฏฺเฏตฺวา. คาฬฺหํ วิชฺฌิตพฺพาติ คาฬฺหตรํ ฆฏฺเฏตพฺพา.

กุโต มุขาติ กุโต ปวตฺตาณมุขา. เตนาห ‘‘อฺวิหิตกา’’ติ. กตปุฺเติ สมฺมา กตปุฺเ ธมฺเม.

ทาโยติ ลาโภ. โส หิ ทียติ เตหิ ทาตพฺพตฺตา ทาโย, เยสํ ทียติ, เตหิ ลทฺธตฺตา ลาโภติ จ วุจฺจติ. สงฺขาเร…เป… ปติฏฺหึสุ กตาธิการตฺตา. ตตฺถ ตาวตึสภวเน ิตานํเยว นิพฺพตฺโต ยถา สกฺกสฺส อินฺทสาลคุหายํ ิตสฺเสว สกฺกตฺตภาโว.

นิกนฺตึ ตสฺมึ คนฺธพฺพกาเย อาลยํ สมุจฺฉินฺทิตุํ น สกฺโกนฺโต.

๓๕๔. อตฺตนาว เวทิตพฺโพติ อตฺตนาว อธิคนฺตฺวา เวทิตพฺโพ, น ปรปฺปจฺจยิเกน. ตุมฺเหหิ วุจฺจมานานีติ เกวลํ ตุมฺเหหิ วุจฺจมานานิ.

วิยายามาติ วิสฺสฏฺํ วีริยํ สนฺตาเน ปวตฺเตม. ปกติยาติ รูปาวจรภาเวน, ‘‘อนุสฺสร’’นฺติ วา ปาโ.

กามราโค เอว ‘‘ฉนฺโท ราโค ฉนฺทราโค’’ติอาทิ ปวตฺติเภเทน สํโยชนฏฺเน ‘‘กามราคสํโยชนานี’’ติ, โยคคนฺถาทิปวตฺติอาการเภเทน ‘‘กามพนฺธนานี’’ติ จ วุตฺโต. ปาปิมโยคานีติ เอตฺถ ปน เสสโยคคนฺถานมฺปิ วเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ทุวิธานนฺติ วตฺถุกามกิเลสกามวเสน ทุวิธานํ.

‘‘เอตฺถ กึ, ตตฺถ กิ’’นฺติ จ ปททฺวเย กินฺติ นิปาตมตฺตํ. จาตุทฺทิสภาเวติ เตสํ พุทฺธาทีนํ ติณฺณํ รตนานํ จตุทฺทิสโยคฺยภาเว อปฺปฏิหฏภาเว. พุทฺธรตนฺหิ มหาการุณิกตาย, อนาวรณาณตาย, ปรมสนฺตุฏฺตาย จ จาตุทฺทิสํ, ธมฺมรตนํ สฺวากฺขาตตาย, สงฺฆรตนํ สุปฺปฏิปนฺนตาย. เตนาห ‘‘สพฺพทิสาสุ อสชฺชมาโน’’ติ.

มชฺฌิมสฺส ปมชฺฌานสฺส อธิคตตฺตา ตาวเทว กายํ พฺรหฺมปุโรหิตํ อธิคนฺตฺวา ตาวเทว ปุริมํ ฌานสตึ ปฏิลภิตฺวา ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา โอรมฺภาคิยสํโยชนสมุจฺฉินฺทเนน มคฺคผลวิเสสํ อนาคามิผลสงฺขาตํ วิเสสํ อชฺฌคํสุ อธิคจฺฉึสุ. เกจิ ปน ‘‘กามาวจรตฺตภาเวน มคฺคผลานิ อธิคจฺฉึสูติ อธิปฺปาเยน ปฺจมสฺส ฌานสฺส อนธิคตตฺตา สุทฺธาวาเสสุ น อุปฺปชฺชึสุ, ปมชฺฌานลาภิตาย ปน พฺรหฺมปุโรหิเตสุ นิพฺพตฺตึสู’’ติ วทนฺติ.

มฆมาณววตฺถุวณฺณนา

๓๕๕. วิสุทฺโธติ วิสุทฺธอชฺฌาสโย, อุปนิสฺสยสมฺปนฺโนติ อธิปฺปาโย. คามกมฺมกรณฏฺานนฺติ คามิกานํ อุปฏฺานฏฺานํ วทติ. ตาวตเกเนวาติ อตฺตนา โสธิตฏฺาเนว อฺสฺส อาคนฺตฺวา อวฏฺาเนเนว. สตึ ปฏิลภิตฺวาติ ‘‘อโห มยา กตกมฺมํ สผลํ ชาต’’นฺติ โยนิโส จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา.

ปาสาเณติ มคฺคมชฺเฌ อุจฺจตรภาเวน ิตปาสาเณ. อุจฺจาเลตฺวาติ อุทฺธริตฺวา. เอตสฺส สคฺคสฺส คมนมคฺคนฺติ เอตสฺส จนฺทาทีนํ อุปฺปตฺติฏฺานภูตสฺส สคฺคสฺส คมนมคฺคํ ปุฺกมฺมํ.

สุคติวเสน ลทฺธพฺพํ, กหาปณฺจาติ กหาปณํ, ทณฺฑวเสน ลทฺธพฺพํ พลิ ทณฺฑพลิ. คหปติกากึ กริสฺสนฺตีติ คหปติกา นาม อฏวิกา วิย วิสมนิสฺสิตา, เต น กฺจิ อนตฺถํ กริสฺสนฺติ, เอวํ ตยา ชานมาเนน กสฺมา มยฺหํ น กถิตนฺติ ยทิปิ ปุพฺเพ น กถิตํ, เอตรหิ ปน ภเยน กถิตํ, มา มยฺหํ โทสํ กเรยฺยาถ, อาโรจิตกาลโต ปฏฺาย น มยฺหํ โทโสติ วทติ.

นิพทฺธนฺติ เอกนฺติกํ.

ปิสุเณสีติ ปิสุณกมฺมมกาสิ, ตุมฺหากํ อนฺตเร มยฺหํ เปสุฺํ อุปสํหรตีติ อตฺโถ. ปุน อหรณียํ พฺรหฺมเทยฺยํ กตฺวา. มยฺหมฺปีติ มยฺหมฺปิ อตฺถาย มํ อุทฺทิสฺส ปุฺกมฺมํ กโรถ. นีลุปฺปลํ นาม วิกสมานํ อุทกโต อุคฺคนฺตฺวาว วิกสติ, เอวํ อหุตฺวา อนฺโตอุทเก ปุปฺผิตํ นีลุปฺปลํ วิย. อมฺหากํ ปนิทํ ปุฺกมฺมํ ภวนฺตรูปปตฺติยา วินา อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากํ เทตีติ โยชนา. จินฺตามตฺตกมฺปีติ โทมนสฺสวเสน จินฺตามตฺตกมฺปิ.

ปเควาติ กาลสฺเสว, อติวิย ปาโตติ อตฺโถ. กณฺณิกูปคนฺติ กณฺณิกโยคฺยํ. ตจฺเฉตฺวา มฏฺํ กตฺวา กณฺณิกาย กตฺตพฺพํ สพฺพํ นิฏฺเปตฺวา. ตถา หิ สา วตฺเถน เวเตฺวา ปิตา.

จยพนฺธนํ สาลาย อธิฏฺานสชฺชนํ. กณฺณิกมฺจพนฺธนํ กณฺณิกาโรหนกาเล อารุหิตฺวา อวฏฺานอฏฺฏกรณํ.

ยสฺส อตฺถเต ผลเก ยสฺส ผลเก อตฺถเตติ โยชนา.

อวิทูเรติ สาลาย, โกวิฬารรุกฺขสฺส จ อวิทูเร. สพฺพเชฏฺิกาติ สพฺพาสํ ตสฺส ภริยานํ เชฏฺิกา สุชาตา.

ตสฺเสวาติ สกฺกสฺเสว. สนฺติเกติ สมีเป สนฺติกาวจรา หุตฺวา นิพฺพตฺตา. ธเชน สทฺธึ สหสฺสโยชนิโก ปาสาโท.

กกฺกฏกวิชฺฌนสูลสทิสนฺติ กกฺกฏเก คณฺหิตุํ ตสฺส พิลปริยนฺตสฺส วิชฺฌนสูจิสทิสํ.

มจฺฉรูเปนาติ มตมจฺฉรูเปน. โอสรตีติ ปิลวนฺโต คจฺฉติ. ตสฺสาปิ พกสกุณิกาย ปฺจ วสฺสสตานิ อายุ อโหสิ เทวเนรยิกานํ วิย มนุสฺสเปตติรจฺฉานานํ อายุโน อปริจฺฉินฺนตฺตา.

อุกฺกุฏฺิมกาสีติ อุจฺจาสทฺทมกาสิ.

ปุพฺพสนฺนิวาเสนาติ ปุริมชาตีสุ จิรสนฺนิวาเสน. เอวฺหิ เอกจฺจานํ ทิฏฺมตฺเตนปิ สิเนโห อุปฺปชฺชติ. เตนาห ภควา –

‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;

เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๔);

อวเสเสสูติ อสุเร, สกฺกํ เปตฺวา ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทเวว สนฺธาย วทติ.

อตฺถนิสฺสิตนฺติ อตฺตโน, ปเรสฺจ อตฺถเมว หิตเมว นิสฺสิตํ, ตํ ปน หิตํ สุขสฺส นิทานนฺติ อาห ‘‘การณนิสฺสิต’’นฺติ.

ปฺหเวยฺยากรณวณฺณนา

๓๕๗. กึสํโยชนาติ กีทิสสํโยชนา. สตฺเต อนตฺเถ สํโยเชนฺติ พนฺธนฺตีติ สํโยชนานีติ อาห ‘‘กึพนฺธนา, เกน พนฺธเนน พทฺธา’’ติ. ปุถุกายาติ พหู สตฺตกายาติ อาห ‘‘พหู ชนา’’ติ. เวรํ วุจฺจติ โทโสติ อาห ‘‘อเวราติ อปฺปฏิฆา’’ติ. อาวุเธน สรีเร ทณฺโฑ อาวุธทณฺโฑ, ธนสฺส ทาปนตฺเถน ทณฺโฑ ธนทณฺโฑ, ตทุภยากรเณน ตโต วินิมุตฺโต อทณฺโฑ, สมฺปตฺติหรณโต, สห อนตฺถุปฺปตฺติโต จ สปตฺโต, ปฏิสตฺตูติ อาห ‘‘อสปตฺตาติ อปจฺจตฺถิกา’’ติ. พฺยาปชฺฌํ วุจฺจติ จิตฺตทุกฺขํ, ตพฺพิรหิตา อพฺยาปชฺฌาติ อาห ‘‘วิคตโทมนสฺสา’’ติ. ปุพฺเพ ‘‘อเวรา’’ติ ปเทน สมฺพทฺธาฆาตกาภาโว วุตฺโต. เตนาห ‘‘อปฺปฏิฆา’’ติ. ‘‘อเวริโน’’ติ ปน อิมินาปิ โกปมตฺตสฺสปิ อนุปฺปาทนํ. เตนาห ‘‘กตฺถจิ โกปํ น อุปฺปาเทตฺวา’’ติ. ‘‘วิหเรมู’’ติ จ ปทํ ปุริมปเทหิปิ โยเชตพฺพํ ‘‘อเวรา วิหเรมู’’ติอาทินา. อยฺจ อเวราทิภาโว สํวิภาเคน ปากโฏ โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อจฺฉรายา’’ติ อาทึ วตฺวา ‘‘อิติ เจ เนสํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. จิตฺตุปฺปตฺติ ทฬฺหตราปิ หุตฺวา ปวตฺตตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ทานํ ทตฺวา, ปูชํ กตฺวา จ ปตฺถยนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อิติ เจติ เจ-สทฺโท อนฺวยสํสคฺเคน ปริกปฺเปตีติ อาห ‘‘เอวฺจ เนส’’นฺติ.

ยาย กายจิ ปเรสํ สมฺปตฺติยา ขียนํ อุสูยนํ อสหนํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ ปรสมฺปตฺติขียนลกฺขณา, ยทคฺเคน อตฺตสมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวํ อสหนลกฺขณํ, ตทคฺเคนสฺส ‘‘นิคูหนลกฺขณ’’นฺติปิ วตฺตพฺพํ. ตถา หิสฺส โปราณา ‘‘มา อิทํ อจฺฉริยํ อฺเสํ โหตุ, มยฺหเมว โหตูติ มจฺฉริย’’นฺติ นิพฺพจนํ วทนฺติ. อภิธมฺเม ‘‘ยา ปรลาภสกฺการครุการมานนวนฺทนปูชนาสุ อิสฺสา อิสฺสายนา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๒๖) นิกฺเขปกณฺเฑ, ‘‘ยา เอเตสุ ปเรสํ ลาภาทีสุ กึ อิมินา อิเมส’’นฺติอาทินา ตํสํวณฺณนายฺจ วุตฺตาเนว, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานีติ อธิปฺปาโย.

ยสฺมา ปน อิสฺสามจฺฉริยานิ พหฺวาทีนวานิ, เตสํ วิภาวนา โลกสฺส พหุการา , ตสฺมา อภิธมฺมฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๑๒๕) วิภาวิตานมฺปิ เตสํ ทิฏฺธมฺมิเกปิ สมฺปรายิเก ปิอาทีนเว ทสฺเสนฺโต ‘‘อาวาสมจฺฉริเยน ปนา’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ เอเตสุ อิสฺสามจฺฉริเยสุ, เอเตสุ วา อาวาสมจฺฉริยาทีสุ ปฺจสุ มจฺฉริเยสุ. สงฺการํ สีเสน อุกฺขิปิตฺวาว วิจรติ ตตฺถ ลคฺคจิตฺตตาย, นิหีนชฺฌาสยตาย จ. มมาติ มยา, อยเมว วา ปาโ. โลหิตมฺปิ มุขโต อุคฺคจฺฉติ จิตฺตวิฆาเตน สํตตฺตหทยตาย. กุจฺฉิวิเรจนมฺปิ โหติ อติชลคฺคิโน. อฺโ วิภวปฏิเวธธมฺโม อริยานํเยว โหติ, เต จ ตํ น มจฺฉรายนฺติ มจฺฉริยสฺส สพฺพโส ปหีนตฺตา. ปฏิเวธธมฺเม มจฺฉริยสฺส อสมฺภโว เอวาติ อาห ‘‘ปริยตฺติธมฺมมจฺฉริเยน จา’’ติ. วณฺณมจฺฉริเยน ทุพฺพณฺโณ, ธมฺมมจฺฉริเยน เอฬมูโค ทุปฺปฺโ โหติ.

‘‘อปิจา’’ติอาทิ ปฺจนฺนํ มจฺฉริยานํ วเสน กมฺมสริกฺขกวิปากทสฺสนํ. อาวาสมจฺฉริเยน โลหเคเห ปจฺจติ ปเรสํ อาวาสปจฺจยหิตสุขนิเสธนโต. กุลมจฺฉริเยน อปฺปลาโภ โหติ ปเรหิ กุเลสุ ลทฺธพฺพลาภนิเสธนโต, อปฺปลาโภติ จ อลาโภติ อตฺโถ. ลาภมจฺฉริเยน คูถนิรเย นิพฺพตฺตติ ลาภเหตุ ปเรหิ ลทฺธพฺพสฺส อสฺสาทนิเสธนโต. สพฺพถาปิ นิรสฺสาโท หิ คูถนิรโย. วณฺโณ นาม น โหตีติ สรีรวณฺโณ, คุณวณฺโณติ ทุวิโธปิ วณฺโณ นามมตฺเตนปิ น โหติ, ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตมาโน วิรูโป เอว โหติ. สมฺปตฺตินิคูหนสภาเวน มจฺฉริเยน วิรูปิเต สนฺตาเน เยภุยฺเยน คุณา ปติฏฺเมว น ลภนฺติ, เย จ ปติฏฺเหยฺยุํ, เตสมฺปิ วเสนสฺส วณฺโณ น ภเวยฺย. เต หิ ตสฺส โลเก รตฺตึ ขิตฺตา สรา วิย น ปฺายนฺติ. ธมฺมมจฺฉริเยนกุกฺกุฬนิรเย.โสตาปตฺติมคฺเคนปหียติ อปายคมนียภาวโต. เวราทีหิ น ปริมุจฺจนฺติเยว ตปฺปริมุจฺจนาย อิจฺฉาย อปฺปตฺตพฺพตฺตา ชาติอาทิธมฺมานํ สตฺตานํ ชาติอาทีหิ วิย.

ติณฺณา เมตฺถ กงฺขาติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. เอตสฺมึ ปฺเหติ เอตสฺมึ ‘‘กึสํโยชนา นุ โข’’ติ เอวํ าตุํ อิจฺฉิเต อตฺเถ. ตุมฺหากํ วจนํ สุตฺวาติ ‘‘อิสฺสามจฺฉริยสํโยชนา’’ติ เอวํ ปวตฺตํ ตุมฺหากํ วิสฺสชฺชนวจนํ สุตฺวา. กงฺขา ติณฺณาติ ยถาปุจฺฉิเต อตฺเถ สํสโย ตริโต วิคโต เทสนานุสฺสรณมตฺเตน, น สมุจฺเฉทวเสนาติ อาห ‘‘น มคฺควเสนา’’ติอาทิ. อยมฺปิ กถํกถา วิคตาติ กงฺขาย วิคตตฺตา เอว ตสฺสา ปวตฺติอาการวิเสสภูตา ‘‘อิทํ กถ อิทํ กถ’’นฺติ อยมฺปิ กถํกถา วิคตา อปคตา.

๓๕๘. นิทานาทีนิ มหานิทานสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕) วุตฺตตฺถาเนว. ปิยานํ อตฺตโน ปริคฺคหภูตานํ สตฺตสงฺขารานํ ปเรหิ สาธารณภาวาสหนวเสน, นิคูหนวเสน จ ปวตฺตนโต ปิยสตฺตสงฺขารนิทานํ มจฺฉริยํ, อปฺปิยานํ ปริคฺคหภูตานํ สตฺตานํ, สงฺขารานฺจ อสหนวเสน ปวตฺติยา อปฺปิยสตฺตสงฺขารนิทานา อิสฺสา. ยฺหิ กิฺจิ อปฺปิยสมฺพนฺธํ ภทฺทกมฺปิ ตํ โกธนสฺส อปฺปิยเมวาติ. อุภยนฺติ มจฺฉริยํ, อิสฺสา จาติ อุภยํ. อุภยนิทานนฺติ ปิยนิทานฺเจว อปฺปิยนิทานฺจ. ปิยาติ อิฏฺา. เกฬายิตาติ ธนายิตา. มมายิตาติ มมตฺตํ กตฺวา ปริคฺคหิตา. อิสฺสํ กโรตีติ ‘‘กึ อิมสฺส อิมินา’’ติ ตสฺส ปิยสตฺตลาภาสหนวเสน อุสฺสูยติ, ตเมว ปิยสตฺตํ ยาจิโต. อโห วตสฺสาติ สาธุ วต อสฺส. ‘‘อิมสฺส ปุคฺคลสฺส เอวรูปํ ปิยวตฺถุ น ภเวยฺยา’’ติ อิสฺสํ กโรติ อุสูยํ อุปฺปาเทติ. มมายนฺตาติ เกฬายนฺตา. อปฺปิเยติ อปฺปิเย สตฺเต เตสํ สตาปโต. อสฺสาติ ปุคฺคลสฺส, เยน เต ลทฺธา. เตติ สตฺตสงฺขารา, สเจปิ อมนาปา โหนฺติ อปฺปิเยหิ สมุทาคตตฺตา. วิปรีตวุตฺติตายาติ อยาถาวคาหิตาย. โก อฺโ เอวรูปสฺส ลาภีติ เตน อตฺตานํ สมฺภาเวนฺโต อิสฺสํ วา กโรติ. อฺสฺส ตาทิสํ อุปฺปชฺชมานมฺปิ ‘‘อโห วตสฺส เอวรูปํ น ภเวยฺยา’’ติ อิสฺสํ วา กโรติ, อยฺจ นโย เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา น คหิโต.

วตฺถุกามานํ ปริเยสนวเสน ปวตฺโต ฉนฺโท ปริเยสนฉนฺโท. ปฏิลาภปจฺจโย ฉนฺโท ปฏิลาภฉนฺโท. ปริภุฺชนวเสน ปวตฺโต ฉนฺโท ปริโภคฉนฺโท. ปฏิลทฺธานํ สนฺนิธาปนวเสน, สงฺโคปนวเสน จ ปวตฺโต ฉนฺโท สนฺนิธิฉนฺโท. ทิฏฺธมฺมิกเมว ปโยชนํ จินฺเตตฺวา วิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺโต ฉนฺโท วิสฺสชฺชนฉนฺโท. เตนาห ‘‘กตโม’’ติอาทิ.

อยํ ปฺจวิโธปิ อตฺถโต ตณฺหายนเมวาติ อาห ‘‘ตณฺหามตฺตเมวา’’ติ.

เอวํ วุตฺโต ‘‘ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย’’ติ เอวํ มหานิทานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๑๐๓) วุตฺโต วินิจฺฉยวิตกฺโก วิตกฺโก นาม, น โย โกจิ วิตกฺโก. อิทานิ ยถาวุตฺตํ วินิจฺฉยวิตกฺกํ อตฺถุทฺธารนเยน นีหริตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘วินิจฺฉโย’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฏฺสตนฺติ อฏฺาธิกํ สตํ, ตฺจ โข ตณฺหาวิจริตานํ สตํ, น ยสฺส กสฺสจีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตณฺหาวิจริต’’นฺติ วุตฺตํ. ตณฺหาวินิจฺฉโย นาม ตณฺหาย วเสน วกฺขมานนเยน อารมฺมณสฺส วินิจฺฉินนโต. ทิฏฺิทสฺสนวเสน ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆํ อฺ’’นฺติ วินิจฺฉินนโต ทิฏฺิวินิจฺฉโย นาม. อิฏฺํ ปณีตํ, อนิฏฺํ อปฺปณีตํ, ปิยายิตพฺพํ ปิยํ, อปฺปิยายิตพฺพํ อปฺปิยํ, เตสํ ววตฺถานํ ตณฺหาวเสน น โหติ. ตณฺหาวเสน หิ เอกจฺโจ กิฺจิ วตฺถุํ ปณีตํ มฺติ, เอกจฺโจ หีนํ, เอกจฺโจ ปิยายติ, เอกจฺโจ นปฺปิยายติ. เตนาห ‘‘ตเทว หี’’ติอาทิ . ‘‘ทสฺสามี’’ติ อิทํ วิสฺสชฺชนฉนฺเท วุตฺตนเยน เจว วฏฺฏูปนิสฺสยทานวเสน จ เวทิตพฺพํ. ตมฺปิ หิ ตณฺหาฉนฺทเหตุกนฺติ.

ยตฺถ สยํ อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ สนฺตานํ สํสาเร ปปฺเจนฺติ วิตฺถารยนฺตีติ ปปฺจา. ยสฺส จ อุปฺปนฺนา, ตํ ‘‘รตฺโต’’ติ วา ‘‘สตฺโต’’ติ วา ‘‘มิจฺฉาภินิวิฏฺโ’’ติ วา ปปฺเจนฺติ พฺยฺเชนฺตีติ ปปฺจา. ยสฺมา ตณฺหาทิฏฺิโย อธิมตฺตา หุตฺวา ปวตฺตมานา ตํสมงฺคีปุคฺคลํ ปมตฺตาการํ ปาเปนฺติ, มาโน ปน ชาติมทาทิ วเสน มตฺตาการมฺปิ, ตสฺมา ‘‘มตฺตปมตฺตาการปาปนฏฺเนา’’ติ วุตฺตํ. สงฺขา วุจฺจติ โกฏฺาโส ภาคโส สงฺขายติ อุปฏฺาตีติ. ยสฺมา ปปฺจสฺา ตํตํทฺวารวเสน, อารมฺมณวเสน จ ภาคโส วิตกฺกสฺส ปจฺจยา โหนฺติ, น เกวลา, ตสฺมา ปปฺจสฺาสงฺขานิทาโน วิตกฺโก วุตฺโต, ปปฺจสฺานํ วา อเนกเภทภินฺนตฺตา ตํสมุทาโย ‘‘ปปฺจสฺาสงฺขา’’ติ วุตฺโต. ปปฺจสฺาสงฺขาคฺคหเณน จ อนวเสโส ทุกฺขสมุทโย วุตฺโต ตํตํ นิมิตฺตตฺตา วฏฺฏทุกฺขสฺสาติ.

โย นิโรโธ วูปสโมติ นิโรธสจฺจมาห. ตสฺส สารุปฺปนฺติ ตสฺส ปปฺจสฺาสงฺขาย นิโรธสฺส วูปสมสฺส อธิคมุปายตาย สารุปฺปํ อนุจฺฉวิกํ, เอเตน วิปสฺสนํ วทติ. ตตฺถ ยถาวุตฺตนิโรเธ อารมฺมณกรณวเสน คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ตตฺถคามินี, เอเตน มคฺคํ. เตนาห ‘‘สห วิปสฺสนาย มคฺคํ ปุจฺฉตี’’ติ.

เวทนากมฺมฏฺานวณฺณนา

๓๕๙. ปุจฺฉิตเมว กถิตํ. ยสฺมา สกฺเกน เทวานํ อินฺเทน ปปฺจสฺาสงฺขานิโรธคามินิปฏิปทา ปุจฺฉิตาว, ภควา จ ตทธิคมุปายํ อรูปกมฺมฏฺานํ ตสฺส อชฺฌาสยวเสน เวทนามุเขน กเถนฺโต ติสฺโส เวทนา อารภิ, อิติ ปุจฺฉิตเมว กเถนฺเตน ปุจฺฉานุสนฺธิวเสน สานุสนฺธิเมว จ กถิตํ. น หิ พุทฺธานํ อนนุสนฺธิกา กถา นาม อตฺถิ. อิทานิสฺส เวทนามุเขน อรูปกมฺมฏฺานสฺเสว กถเน การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘เทวตานฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กรชกายสฺส สุขุมตาวจเนเนว อจฺจนฺตมุทุสุขุมาลภาวาปิ วุตฺตา เอวาติ ทฏฺพฺพํ. กมฺมชนฺติ กมฺมชเตชํ. ตสฺส พลวภาโว อุฬารปุฺกมฺมนิพฺพตฺตตฺตา, อติวิย ครุมธุรสินิทฺธสุทฺธาหารชีรณโต จ. เอกาหารมฺปีติ เอกาหารวารมฺปิ. ‘‘วิลียนฺตี’’ติ เอเตน กรชกายสฺส มนฺทตาย กมฺมชเตชสฺส พลวภาเวน อาหารเวลาติกฺกเมน เนสํ พลวตี ทุกฺขเวทนา อุปฺปชฺชมานา สุปากฏา โหตีติ ทสฺเสติ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ , สุขเวทนาปิ ปน เนสํ อุฬารปณีเตสุ อารมฺมเณสุ อุปรูปริ อนิคฺคหณวเสน ปวตฺตมานา สุปากฏา หุตฺวา อุปฏฺาติเยว. อุเปกฺขาปิ เตสํ กทาจิ อุปฺปชฺชมานา สนฺตปณีตรูปา เอว อิฏฺมชฺฌตฺเต เอว อารมฺมเณ ปวตฺตนโต. เตเนวาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.

รูปกมฺมฏฺานนฺติ รูปปริคฺคหํ, รูปมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสนฺติ อตฺโถ. อรูปกมฺมฏฺานนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตตฺถ รูปกมฺมฏฺาเนน สมถาภินิเวโสปิ สงฺคยฺหติ, วิปสฺสนาภินิเวโส ปน อิธาธิปฺเปโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘รูปปริคฺคโห อรูปปริคฺคโหติปิ เอตเทว วุจฺจตี’’ติ อาห. จตุธาตุววตฺถานนฺติ เอตฺถ เยภุยฺเยน จตุธาตุววตฺถานํ วิตฺถาเรนฺโต รูปกมฺมฏฺานํ กเถตีติ อธิปฺปาโย. รูปกมฺมฏฺานํ ทสฺเสตฺวาว กเถติ ‘‘เอวํ รูปกมฺมฏฺานํ วุจฺจมานํ สุฏฺุ วิภูตํ ปากฏํ หุตฺวา อุปฏฺาตี’’ติ. ‘‘เอเตน อิธาปิ รูปกมฺมฏฺานํ เอกเทเสน วิภาวิตเมวา’’ติ วทนฺติ.

กามฺเจตฺถ เวทนาวเสน อรูปกมฺมฏฺานํ อาคตํ, ตทฺธมฺมวเสนปิ อรูปกมฺมฏฺานํ ลพฺภตีติ ตํ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘ติวิโธ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อภินิเวโสติ อนุปฺปเวโส, อารมฺโภติ อตฺโถ. อารมฺเภ เอว หิ อยํ วิภาโค, สมฺมสนํ ปน อนวเสสโตว ธมฺเม ปริคฺคเหตฺวา ปวตฺตตีติ. ‘‘ปริคฺคหิเต รูปกมฺมฏฺาเน’’ติ อิทํ รูปมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสํ สนฺธาย วุตฺตํ, อรูปมุเขน ปน วิปสฺสนาภินิเวโส เยภุยฺเยน สมถยานิกสฺส อิจฺฉิตพฺโพ, โส จ ปมํ ฌานงฺคานิ ปริคฺคเหตฺวา ตโต ปรํ เสสธมฺเม ปริคฺคณฺหาติ. ปมาภินิปาโตติ สพฺเพ เจตสิกา จิตฺตายตฺตา จิตฺตกิริยาภาเวน วุจฺจนฺตีติ ผสฺโส จิตฺตสฺส ปมาภินิปาโต วุตฺโต. ตํ อารมฺมณนฺติ ยถาปริคฺคหิตํ รูปกมฺมฏฺานสฺิตํ อารมฺมณํ. อุปฺปนฺนผสฺโส ปุคฺคโล, จิตฺตเจตสิกราสิ วา อารมฺมเณน ผุฏฺโ ผสฺสสหชาตาย เวทนาย ตํสมกาลเมว เวเทติ, ผสฺโส ปน โอภาสสฺส วิย ปทีโป เวทนาทีนํ ปจฺจยวิเสโส โหตีติ ปุริมกาโล วิย วุจฺจติ, ยา ตสฺส อารมฺมณาภินิโรปนลกฺขณตา วุจฺจติ. ผุสนฺโตติ อารมฺมณสฺส ผุสนากาเรน. อยฺหิ อรูปธมฺมตฺตา เอกเทเสน อนลฺลียมาโนปิ รูปํ วิย จกฺขุํ, สทฺโท วิย จ โสตํ, จิตฺตํ, อารมฺมณฺจ ผุสนฺโต วิย, สงฺฆฏฺเฏนฺโต วิย จ ปวตฺตตีติ. ตถา เหส ‘‘สงฺฆฏฺฏนรโส’’ติ วุจฺจติ.

อารมฺมณํ อนุภวนฺตีติ อิสฺสรวตาย วิสวิตาย สามิภาเวน อารมฺมณรสํ สํเวเทนฺตี. ผสฺสาทีนฺหิ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อารมฺมเณ เอกเทเสเนว ปวตฺติ ผุสนาทิมตฺตภาวโต, เวทนาย ปน อิฏฺาการสมฺโภคาทิวเสน ปวตฺตนโต อารมฺมเณ นิปฺปเทสโต ปวตฺติ. ผุสนาทิภาเวน หิ อารมฺมณคฺคหณํ เอกเทสานุภวนํ, เวทยิตภาเวน คหณํ ยถากามํ สพฺพานุภวนํ, เอวํสภาวาเนว ตานิ คหณานีติ น เวทนาย วิย ผสฺสาทีนมฺปิ ยถา สกกิจฺจกรเณน สามิภาวานุภวนํ โจเทตพฺพํ. วิชานนฺตนฺติ ปริจฺฉินฺทนวเสน วิเสสโต ชานนฺตํ. วิฺาณฺหิ มินิตพฺพวตฺถุํ นาฬิยา มินนฺโต ปุริโส วิย อารมฺมณํ ปริจฺฉิชฺช วิภาเวนฺตํ ปวตฺตติ, น สฺา วิย สฺชานนมตฺตํ หุตฺวา. ตถา หิ อเนน กทาจิ ลกฺขณตฺตยวิภาวนาปิ โหติ, อิเมสํ ปน ผสฺสาทีนํ ตสฺส ตสฺส ปากฏภาโว ปจฺจยวิเสสสิทฺธสฺส ปุพฺพภาคสฺส วเสน เวทิตพฺโพ.

เอวํ ตสฺส ตสฺเสว ปากฏภาเวปิ ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อภิฺเยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๔๖; ปฏิ. ม. ๑.๓), ‘‘สพฺพฺจ โข, ภิกฺขเว, อภิชาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๗) จ เอวมาทิ วจนโต สพฺเพ สมฺมสนุปคา ธมฺมา ปริคฺคเหตพฺพาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ยสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ผสฺสปฺจมเกเยวาติ อวธารณํ ตทนฺโตคธตฺตา ตคฺคหเณเนว คหิตตฺตา จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ. ผสฺสปฺจมกคฺคหณฺหิ ตสฺส สพฺพสฺส สพฺพจิตฺตุปฺปาทสาธารณภาวโต . ตตฺถ จ ผสฺสเจตนาคฺคหเณน สพฺพสงฺขารกฺขนฺธธมฺมสงฺคโห เจตนปฺปธานตฺตา เตสํ. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธวิภงฺเค ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา (วิภ. ๒๑) เจตนาว วิภตฺตา, อิตเร ปน ขนฺธา สรูเปเนว คหิตา.

วตฺถุนิสฺสิตาติ เอตฺถ วตฺถุ-สทฺโท กรชกายวิสโย, น ฉพฺพตฺถุวิสโยติ. กถมิทํ วิฺายตีติ อาห ‘‘ยํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. กตฺถ ปน วุตฺตํ? สามฺผลสุตฺเต. โสติ กรชกาโย. ‘‘ปฺจกฺขนฺธวินิมุตฺตํ นามรูปํ นตฺถี’’ติ อิทํ อธิการวเสน วุตฺตํ. อฺถา หิ ขนฺธวินิมุตฺตมฺปิ นามํ อตฺเถวาติ. อวิชฺชาทิเหตุกาติ อวิชฺชาตณฺหุปาทานาทิเหตุกา. ‘‘วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ สมฺมสนฺโต วิจรตี’’ติ อิมินา พลววิปสฺสนํ วตฺวา ปุน ตสฺส อุสฺสุกฺกาปนํ, วิเสสาธิคมฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส’’ติอาทิมาห.

อิธาติ อิมสฺมึ สกฺกปฺหสุตฺเต. เวทนาวเสน เจตฺถ อรูปกมฺมฏฺานกถเน การณํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว . ยถาวุตฺเตสุ จ ตีสุ กมฺมฏฺานาภินิเวเสสุ เวทนาวเสน กมฺมฏฺานาภินิเวโส สุกโร เวทนานํ วิภูตภาวโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ผสฺสวเสน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘น ปากฏํ โหตี’’ติ อิทํ สกฺกปมุขานํ เตสํ เทวานํ ยถา เวทนา วิภูตา หุตฺวา อุปฏฺาติ, น เอวํ อิตรทฺวยนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. เวทนาย เอว จ เนสํ วิภูตภาโว เวทนามุเขเนเวตฺถ ภควตา เทสนาย อารทฺธตฺตา. ‘‘เวทนานํ อุปฺปตฺติยา ปากฏตายา’’ติ อิทํ สุขทุกฺขเวทนานํ วเสน วุตฺตํ. ตาสฺหิ ปวตฺติ โอฬาริกา, น อิตราย. ตทุภยคฺคหณมุเขน วา คเหตพฺพตฺตา อิตรายปิ ปวตฺติ วิฺูนํ ปากฏา เอวาติ สุขทุกฺขเวทนานฺหี’’ติ วิเสสคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ยทา สุขํ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิ สุขเวทนาย ปากฏภาววิภาวนํ, ตยิทํ อสมาหิตภูมิวเสน เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ‘‘สกลํ สรีรํ โข ภนฺเต’’นฺติอาทินา กามํ ปวตฺติโอฬาริกตาย อวูปสนฺตสภาวเมตํ สุขํ, สาตลกฺขณตาย ปน สมฺปยุตฺตธมฺเม, นิสฺสยฺจ อนุคฺคณฺหนฺตเมว ปวตฺตตีติ ทสฺเสติ. ‘‘ยทา ทุกฺขํ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทีสุ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ทุทฺทีปนาติ าเณน ทีเปตุํ อสกฺกุเณยฺยา, ทุพฺพิฺเยฺยาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อนฺธการา อภิภูตา’’ติ. อนฺธการาติ อนฺธการคตสทิสี, ชานิตุกาเม จ อนฺธการินี. ปุพฺพาปรํ สมํ สุกเร สุปลกฺขิตมคฺควเสน ปาสาณตเล มิคคตมคฺโค วิย อิฏฺานิฏฺารมฺมเณสุ สุขทุกฺขานุภวเนหิ มชฺฌตฺตารมฺมเณสุ อนุมินิตพฺพตาย วุตฺตํ ‘‘สา สุขทุกฺขานํ…เป… ปากฏา โหตี’’ติ. เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. นยโต คณฺหนฺตสฺสาติ เอตฺถายํ นโย – ยสฺมา อิฏฺานิฏฺวิสยาย อารมฺมณูปลทฺธิยา อนุภวนโต นิฏฺามชฺฌตฺตวิสยา จ อุปลทฺธิ, ตสฺมา น ตาย นิรนุภวนาย ภวิตพฺพํ, ยํ ตตฺถานุภวนํ, สา อทุกฺขมสุขา. ตถา อนุปลพฺภมานํ รูปาทิอนุภุยฺยมานํ ทิฏฺํ อุปลพฺภติ, โย ปน มชฺฌตฺตารมฺมณํ ตพฺพิสยสฺส วิฺาณปฺปวตฺติยํ, ตสฺมา อนนุภุยฺยมาเนน เตน น ภวิตพฺพํ. สกฺกา หิ วตฺตุํ อนุภวมานา มชฺฌตฺตวิสยุปลทฺธิ อุปลทฺธิภาวโต. อิฏฺานิฏฺวิสยุปลทฺธิวิสยํ ปน นิรนุภวนํ ตํ อนุปลทฺธิสภาวเมว ทิฏฺํ, ตํ ยถารูปนฺติ. นิวตฺเตตฺวาติ นีหริตฺวา, ‘‘โสมนสฺสํปาห’’นฺติอาทินา สมานชาติยมฺปิ ภินฺทนฺโต อฺเหิ อรูปธมฺเมหิ วิเวเจตฺวา อสํสฏฺํ กตฺวาติ อตฺโถ.

อยฺจ รูปกมฺมฏฺานํ กเถตฺวา อรูปกมฺมฏฺานํ เวทนาวเสน นิวตฺเตตฺวา เทสนา ตถาวิเนตพฺพปุคฺคลาเปกฺขาย สุตฺตนฺตเรสุปิ (ที. นิ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. ๑.๑๐๖, ๓๙๐, ๔๑๓, ๔๕๐, ๔๖๕, ๔๖๗; ม. นิ. ๒.๓๐๖, ๒๐๙; ๓.๖๗, ๓๔๒; สํ. นิ. ๔.๒๔๘) อาคตา เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ มหาสติปฏฺาเน (ที. นิ. ๒.๒๗๓) ตถา เทสนาย อาคตภาโว อนนฺตรเมว อาวิ ภวิสฺสติ, มชฺฌิมนิกาเย สติปฏฺานเทสนาปิ (ม. นิ. ๑.๑๐๖) ตาทิสี เอว. จูฬตณฺหาสงฺขเย ‘‘เอวํ เจตํ, เทวานํ อินฺท, ภิกฺขุโน สุตํ โหติ ‘สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ, โส สพฺพํ ธมฺมํ อภิชานาติ , สพฺพํ ธมฺมํ อภิฺาย สพฺพํ ธมฺมํ ปริชานาติ, สพฺพํ ธมฺมํ ปริฺาย ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรติ, วิราคานุปสฺสี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๙๐) อาคตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อรูปกมฺมฏฺานํ เวทนาวเสน นิวตฺเตตฺวา ทสฺเสสี’’ติ. มหาตณฺหาสงฺขเย ปน ‘‘โส เอวํ อนุโรธวิโรธวิปฺปหีโน ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตํ เวทนํ นาภินนฺทติ นาภิวทติ นาชฺโฌสาย ติฏฺติ. ตสฺส ตํ เวทนํ อนภินนฺทโต อนภิวทโต อนชฺโฌสาย ติฏฺโต ยา เวทนาสุ นนฺที สา นิรุชฺฌตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๑๔) อาคตํ. จูฬเวทลฺเล ‘‘กติ ปนายฺเยเวทนา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๖๕) อาคตํ. มหาเวทลฺเล ‘‘เวทนาติ, อาวุโส, วุจฺจติ, กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, ‘เวทนา’ติ วุจฺจตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๕๐) อาคตํ. เอวํ รฏฺปาลสุตฺตาทีสุปิ (ม. นิ. ๒.๓๐๕) เวทนากมฺมฏฺานสฺส อาคตฏฺานํ อุทฺธริตฺวา วตฺตพฺพํ.

‘‘ปมํ รูปกมฺมฏฺานํ กเถตฺวา’’ติ วุตฺตํ, กถํ ตเมตฺถ กถิตนฺติ อาห ‘‘รูปกมฺมฏฺาน’’นฺติอาทิ. สงฺขิตฺตํ, กถํ สงฺขิตฺตํ? เวทนาย อารมฺมณมตฺตกํเยว, เยภุยฺเยน เวทนา รูปธมฺมารมฺมณา ปฺจทฺวารวเสน ปวตฺตนโต. เตน จสฺสา ปุริมสิทฺธา เอว อารมฺมณนฺติ เวทนํ วทนฺเตน ตสฺสารมฺมณธมฺมา อตฺถโต ปมตรํ คหิตา เอว นาม โหนฺตีติ อิมาย อตฺถาปตฺติยา รูปกมฺมฏฺานสฺเสเวตฺถ ปมํ คหิตตา โชติตา, น สรูเปเนว คหิตตฺตา. เตนาห ‘‘ตสฺมา ปาฬิยํ นารุฬฺหํ ภวิสฺสตี’’ติ.

๓๖๐. ทฺวีหิ โกฏฺาเสหีติ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพภาเคหิ. เอวรูปนฺติ ยํ อกุสลานํ อภิพุทฺธิยา, กุสลานฺจ ปริหานาย สํวตฺตติ, เอวรูปํ, ตํ ปน กามูปสฺหิตตาย ‘‘เคหนิสฺสิต’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘เคหสิตโสมนสฺส’’นฺติ. อิฏฺานนฺติ ปิยานํ. กนฺตานนฺติ กมนียานํ. มนาปานนฺติ มนวฑฺฒนกานํ. ตโต เอว มโน รเมนฺตีติ มโนรมานํ. โลกามิสปฏิสํยุตฺตานนฺติ ตณฺหาสนฺนิสฺสิตานํ กามูปสฺหิตานํ. ปฏิลาภโต สมนุปสฺสโตติ ‘‘อโห มยา อิมานิ ลทฺธานี’’ติ ยถาลทฺธานิ รูปารมฺมณาทีนิ อสฺสาทยโต. อตีตนฺติ อติกฺกนฺตํ. นิรุทฺธนฺติ นิโรธปฺปตฺตํ. วิปริณตนฺติ สภาววิคเมน วิคตํ. สมนุสฺสรโตติ อสฺสาทนวเสน อนุจินฺตยโต. เคหสิตนฺติ กามคุณนิสฺสิตํ. กามคุณา หิ กามราคสฺส เคหสทิสตฺตา อิธ ‘‘เคห’’นฺติ อธิปฺเปตา.

เอวรูปนฺติ ยํ อกุสลานํ ปริหานาย, กุสลานฺจ อภิพุทฺธิยา สํวตฺตติ, เอวรูปํ, ตํ ปน ปพฺพชฺชาทิวเสน ปวตฺติยา เนกฺขมฺมูปสฺหิตนฺติ อาห ‘‘เนกฺขมฺมสิตํ โสมนสฺส’’นฺติ. อิทานิ ตํ ปาฬิวเสเนว ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ กตมานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วิปสฺสนาลกฺขเณ เนกฺขมฺเม ทสฺสิเต อิตรานิ ตสฺส การณโต, ผลโต, อตฺถโต จ ทสฺสิตาเนว โหนฺตีติ วิปสฺสนาลกฺขณเมว ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘รูปานนฺตฺเววา’’ติอาทิมาห. วิปริณามวิราคนิโรธนฺติ ชราย วิปริณาเมตพฺพตฺเจว ชรามรเณหิ ปลุชฺชนํ นิรุชฺฌนฺจ วิทิตฺวาติ โยชนา. อุปฺปชฺชติ โสมนสฺสนฺติ วิปสฺสนาย วีถิปฏิปตฺติยา กเมน อุปฺปนฺนานํ ปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธีนํ อุปริ อนปฺปกํ โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘สุฺาคารํ ปวิฏฺสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;

อมานุสี รติ โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต.

ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔) จ –

เนกฺขมฺมวเสนาติ ปพฺพชฺชาทิวเสน. ‘‘วฏฺฏทุกฺขโต นิตฺถริสฺสามี’’ติ ปพฺพชิตุํ ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คจฺฉนฺตสฺส, ปพฺพชนฺตสฺส, จตุปาริสุทฺธิสีลํ อนุติฏฺนฺตสฺส, ตํ โสเธนฺตสฺส, ธุตคุเณ สมาทาย วตฺตนฺตสฺส, กสิณปริกมฺมาทีนิ กโรนฺตสฺส จ ยา ปฏิปตฺติ, สพฺพา สา อิธ ‘‘เนกฺขมฺม’’นฺติ อธิปฺเปตา. เยภุยฺเยน อนุสฺสติยา อุปจารชฺฌานํ นิฏฺาตีติ กตฺวา ‘‘อนุสฺสติวเสนา’’ติ วตฺวา ‘‘ปมชฺฌานาทิวเสนา’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ยถา ปพฺพชฺชา ฆรพนฺธนโต นิกฺขมนฏฺเน เนกฺขมฺมํ, เอวํ วิปสฺสนาทโยปิ ตํปฏิปกฺขโต. เตนาห –

‘‘ปพฺพชฺชา ปมํ ฌานํ, นิพฺพานฺจ วิปสฺสนา;

สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา, เนกฺขมฺมนฺติ ปวุจฺจเร’’ติ. (อิติวุ. อฏฺ. ๑๐๙);

ยํ เจติ เอตฺถ เจติ นิปาตมตฺตํ โสมนสฺสสฺส อธิปฺเปตตฺตา. จตุกฺกนยวเสเนว จ สุตฺตนฺเตสุ ฌานกถาติ วุตฺตํ ‘‘ทุติยตติยชฺฌานวเสนา’’ติ. ทฺวีสูติ ‘‘สวิตกฺกํ สวิจารํ อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ วุตฺเตสุ ทฺวีสุ โสมนสฺเสสุ.

สวิตกฺกสวิจาเร โสมนสฺเสติ ปริตฺตภูมิเก, ปมชฺฌาเน วา โสมนสฺเส. อภินิวิฏฺโสมนสฺเสสูติ วิปสฺสนํ ปฏฺปิตโสมนสฺเสสุ. ปิ-สทฺเทน สมฺมฏฺโสมนสฺเสสุ ปีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. โสมนสฺสวิปสฺสนาโตปีติ สวิตกฺกสวิจารโสมนสฺสปวตฺติวิปสฺสนาโตปิ. อวิตกฺกอวิจาร วิปสฺสนา ปณีตตรา สมฺมสิตธมฺมวเสนปิ วิปสฺสนาย วิเสสสิทฺธิโต, ยโต มคฺเคปิ ตถารูปา วิเสสา อิชฺฌนฺติ. อยํ ปนตฺโถ ‘‘อริยมคฺค โพชฺฌงฺคาทิวิเสสํ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺตี’’ติ เอวํ ปวตฺเตน โมรวาปีวาสิมหาทตฺตตฺเถรวาเทน ทีเปตพฺโพ.

๓๖๑. เคหสิตโทมนสฺสํ นาม กามคุณานํ อปฺปฏิลาภนิมิตฺตํ, วิคตนิมิตฺตฺจ อุปฺปชฺชนกโทมนสฺสํ. อปฺปฏิลาภโต สมนุปสฺสโตติ อปฺปฏิลาเภน ‘‘อหเมว น ลภามี’’ติ ปริตสฺสนโต. สมนุสฺสรโตติ ‘‘อหุ วต เม ตํ วต นตฺถี’’ติอาทินา อนุสฺสรณวเสน จินฺตยโต. เตนาห ‘‘เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสู’’ติอาทิ.

อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสูติ สุฺตผลาทิอริยผลวิโมกฺเขสุ. ปิหนฺติ อเปกฺขํ, อาสนฺติ อตฺโถ. กถํ ปน โลกุตฺตรธมฺเม อารพฺภ อาสา อุปฺปชฺชตีติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘ยํ อารมฺมณกรณวเสน ตตฺถ ปิหา ปวตฺตตี’’ติ อวิสยตฺตา, ปุคฺคลสฺส จ อนธิคตภาวโต. อนุสฺสวูปลทฺเธ ปน อนุตฺตรวิโมกฺเข อุทฺทิสฺส ปิหํ อุปฏฺเปนฺโต ‘‘ตตฺถ ปิหํ อุปฏฺเปตี’’ติ วุตฺโต. เตนาห ‘‘กุทาสฺสุ นามาห’’นฺติอาทิ. ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวาติ โยชนา. ‘‘อิฏฺารมฺมเณ’’ติ จ อิมินา นยิทํ โทมนสฺสํ สภาวโต อนิฏฺธมฺเมเยว อารพฺภ อุปฺปชฺชนกํ, อถ โข อิจฺฉิตาลาภเหตุกํ อิจฺฉาภิฆาตวเสน ยตฺถ กตฺถจิ อารมฺมเณ อุปฺปชฺชนกนฺติ ทสฺเสติ. เอวํ ‘‘กุทาสฺสุ นามาห’’นฺติ วุตฺตากาเรน ปิหํ อุปฏฺเปตฺวา เอวํ อิมมฺปิ ปกฺขํ…เป… นาสกฺขินฺติ อนุโสจโตติ โยชนา. ‘‘อิมสฺมึ ปกฺเข, อิมสฺมึ มาเส, อิมสฺมึ สํวจฺฉเร ปพฺพชิตุํ นาลทฺธํ, กสิณปริกมฺมํ กาตุํ นาลทฺธ’’นฺติอาทิวเสน ปวตฺตึ สนฺธาย ‘‘เนกฺขมฺมวเสนา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘วิปสฺสนาวเสนา’’ติอาทีสุปิ อิมินา นเยน โยชนา เวทิตพฺพา.

ยโต เอว-กาโร, ตโต อฺตฺถ นิยโมติ กตฺวา ‘‘ตสฺมิมฺปิ…เป… เคหสิตโทมนสฺสเมวา’’ติ วุตฺตํ. น เหตฺถ เคหสิตโทมนสฺสตา สวิตกฺกสวิจาเร นิยตา, อถ โข เคหสิตโทมนสฺเส สวิตกฺกสวิจารตา นิยตา ปฏิโยคินิวตฺตนตฺถตฺตา เอว-การสฺส. ‘‘เคหสิตโทมนสฺสํ สวิตกฺกสวิจารเมว, น อวิตกฺกอวิจาร’’นฺติ. เนกฺขมฺมสิตโทมนสฺสํ ปน สิยา สวิตกฺกสวิจารํ, สิยา อวิตกฺกอวิจารํ. สวิตกฺกสวิจารสฺเสว การณภูตํ โทมนสฺสํ สวิตกฺกสวิจารโทมนสฺสํ. กึ ตํ? เคหสิตโทมนสฺสํ , ยํ ปน เนกฺขมฺมาทิวเสน อุปฺปนฺนํ, ตํ อวิตกฺกอวิจารสฺส การณภูตํ อวิตกฺกอวิจารโทมนสฺสนฺติ. อยฺจ นโย ปริยายวเสน วุตฺโตติ อาห ‘‘นิปฺปริยาเยน ปนา’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘ยํ เจ อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอตสฺส ปนา’’ติอาทิ. มฺนวเสนาติ ปริกปฺปนวเสน. วุตฺตํ ปาฬิยํ.

ตตฺราติ ตสฺมึ มฺเน. อยํ อิทานิ วุจฺจมาโน นโย. โทมนสฺสปจฺจยภูเตติ โทมนสฺสสฺส ปจฺจยภูเต. อุปจารชฺฌานฺหิ ปมชฺฌานาทีนิ วา ปาทกานิ กตฺวา มคฺคผลานิ นิพฺพตฺเตตุกามสฺส เตสํ อลาเภ โทมนสฺสสฺส อุปฺปชฺชเน ตานิ ตสฺส ปจฺจยา นาม โหนฺติ อิติ เต ธมฺมา ผลูปจาเรน ‘‘โทมนสฺส’’นฺติ วุตฺตา. โย ปน ตถา อุปฺปนฺนโทมนสฺโส ธุรนิกฺเขปํ อกตฺวา อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคผลธมฺเม นิพฺพตฺเตติ, เต การณูปจาเรน ‘‘โทมนสฺส’’นฺติ วุตฺตาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิธ ภิกฺขู’’ติอาทิมาห. นนุ เอตสฺส ตทา โทมนสฺสเมว อุปฺปนฺนํ, น โทมนสฺสเหตุกา วิปสฺสนามคฺคผลธมฺมา อุปฺปนฺนา, ตตฺถ กถํ โทมนสฺสสมฺํ อาโรเปตฺวา โวหรตีติ อาห ‘‘อฺเสํ ปฏิปตฺติทสฺสนวเสน โทมนสฺสนฺติ คเหตฺวา’’ติอาทิ. สวิตกฺกสวิจารโทมนสฺเสติ สวิตกฺกสวิจารนิมิตฺเต โทมนสฺเส. ตีหิ มาเสหิ นิพฺพตฺเตตพฺพา เตมาสิกา, ตํ เตมาสิกํ. อิมา จ เตมาสิกาทโย ปฏิปทา ตถาปวตฺตอุกฺกฏฺมชฺฌิมมุทินฺทฺริยวเสน เวทิตพฺพา, อธิกมชฺฌิมมุทุสฺสาหวเสน วา. ชคฺคตีติ ชาคริกํ อนุยุฺชติ.

มหาสิวตฺเถรวตฺถุวณฺณนา

สหสฺสทฺวิสหสฺสสงฺขฺยตฺตา มหาคเณ.

อฏฺกถาเถราติ อฏฺกถาย อตฺถปฏิปุจฺฉนกเถรา. อนฺตรามคฺเคติ ภิกฺขํ คเหตฺวา คามโต วิหารํ ปฏิคมนมคฺเค . ตโย…เป… คาหาเปตฺวาติ ตีณิ จตฺตาริ อุณฺหาปนานิ.

เกนจิปปฺเจนาติ เกนจิ สรีรกิจฺจภูเตน ปปฺเจน. สฺํ อกาสิ รตฺติยํ ปจฺฉโต คจฺฉนฺตํ อสลฺลกฺเขนฺโต.

กสฺมา ปน เถโร อนฺเตวาสิกานํ อนาโรเจตฺวาว คโตติ อาห ‘‘เถโร กิรา’’ติอาทิ. อรหตฺตํ นาม กินฺติ ตทธิคมสฺส อทุกฺกรภาวํ สนฺธาย วทติ. จตูหิ อิริยาปเถหีติ จตูหิปิ อิริยาปเถหิ ปวตฺตมานสฺส, ตสฺมา ยาว อรหตฺตาธิคมา สยนํ ปฏิกฺขิปามีติ อธิปฺปาโย.

‘‘อนุจฺฉวิกํ นุ โข เต เอต’’นฺติ สํเวคชาโต วีริยํ สมุตฺเตเชนฺโต อรหตฺตํ อคฺคเหสิ เอตฺตกํ กาลํ วิปสฺสนาย สุจิณฺณภาวโต าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา.

ปริมชฺชีติ ปริมสิ. เกจิ ปน ‘‘ปริมชฺชีติ ปริวตฺเตตฺวา เถเรน โธวิยมานํ ปริคฺคเหตฺวา โธวี’’ติ อตฺถํ วทนฺติ.

วิปสฺสนาย อารมฺมณํ นาม อุปจารชฺฌานปมชฺฌานาทิ.

‘‘สวิตกฺกสวิจารโทมนสฺเส’’ติอาทีสุ วตฺตพฺพํ โสมนสฺเสสุ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.

๓๖๒. เอวรูปาติ ยา อกุสลานํ อภิพุทฺธิยา, กุสลานํ ปริหานาย จ สํวตฺตติ, เอวรูปา, สา ปน กามูปสฺหิตตาย ‘‘เคหสิตา’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘เคหสิตอุเปกฺขา’’ติ. ‘‘พาลสฺสา’’ติอาทีสุ พาลกรธมฺมโยคโต พาลสฺส อตฺตหิตปรหิตพฺยามูฬฺหตาย มูฬฺหสฺส ปุถูนํ กิเลสาทีนํ ชนนาทีหิ การเณหิ ปุถุชฺชนสฺส กิเลโสธีนํ มคฺโคธีหิ อชิตตฺตา อโนธิชินสฺส, โอธิชิโน วายเปกฺขา, โอธิโส จ กิเลสานํ ชิตตฺตา, เตนสฺส เสกฺขภาวํ ปฏิกฺขิปติ. สตฺตมภวาทิโต อุทฺธํ ปวตฺตนวิปากสฺส อชิตตฺตา อวิปากชินสฺส, วิปากชินา วา อรหนฺโต อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา, เตนสฺส อเสกฺขตฺตํ ปฏิกฺขิปติ. อเนกาทีนเว สพฺเพสมฺปิ ปาปธมฺมานํ มูลภูเต สมฺโมเห อาทีนวานํ อทสฺสนสีลตาย อนาทีนวทสฺสาวิโน. อาคมาธิคมาภาวา อสฺสุตวโต. เอทิโส เอกํเสน อนฺธปุถุชฺชโน นาม โหตีติ ตสฺส อนฺธปุถุชฺชนภาวํ ทสฺเสตุํ ปุนปิ ‘‘ปุถุชฺชนสฺสา’’ติ วุตฺตํ. เอวรูปาติ วุตฺตปฺปการา สมฺโมหปุพฺพิกา. รูปํ สา นาติวตฺตตีติ รูปานํ สมติกฺกมนาย การณํ น โหติ, รูปารมฺมเณ กิเลเส นาติกฺกมตีติ อธิปฺปาโย. อฺาณาวิภูตตาย อารมฺมเณ อชฺฌุเปกฺขนวเสน ปวตฺตมานา โลภสมฺปยุตฺตอุเปกฺขา อิธาธิปฺเปตาติ ตสฺส โลภสฺส อนุจฺฉวิกเมว อารมฺมณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิฏฺารมฺมเณ’’ติ อาห. อนติวตฺตมานา อนาทีนวทสฺสิตาย. ตโต เอว อสฺสาทานุปสฺสนโต ตตฺเถว ลคฺคา. อภิสงฺคสฺส โลภสฺส วเสน, ทุมฺโมจนียตาย จ เตน ลคฺคิตา วิย หุตฺวา อุปฺปนฺนา.

เอวรูปาติ ยา อกุสลานํ ปหานาย, กุสลานฺจ อภิพุทฺธิยา สํวตฺตติ, เอวรูปา, สา ปน ปพฺพชฺชาทิวเสน ปวตฺติยา เนกฺขมฺมูปสฺหิตาติ อาห ‘‘เนกฺขมฺมสิตา’’ติ. อิทานิ ตํ ปาฬิวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ กตมา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺโพ. รูปํ สา อติวตฺตตีติ รูปสฺมึ สมฺมเทว อาทีนวทสฺสนโต. รูปนิยาตาติ กิเลเสหิ อนภิภวนียโต. อิฏฺเติ สภาวโต, สงฺกปฺปโต จ อิฏฺเ อารมฺมเณ. อรชฺชนฺตสฺสาติ น รชฺชนฺตสฺส ราคํ อนุปฺปาเทนฺตสฺส. อนิฏฺเ อทุสฺสนฺตสฺสาติ เอตฺถ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สมํ สมฺมา โยนิโส น เปกฺขนํ อสมเปกฺขนํ, ตํ ปน อิฏฺานิฏฺมชฺฌตฺเต วิย อิฏฺานิฏฺเสุปิ พาลสฺส โหตีติ ‘‘อิฏฺานิฏฺมชฺฌตฺเต’’ติ อวตฺวา ‘‘อสมเปกฺขเนน อสมฺมุยฺหนฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ติวิเธปิ อารมฺมเณ อสมเปกฺขนวเสน มุยฺหนฺตสฺสาติ อตฺโถ. วิปสฺสนาาณสมฺปยุตฺตา อุเปกฺขา. เนกฺขมฺมสิตา อุเปกฺขา เวทนาสภาคาติ อุทาสินากาเรน ปวตฺติยา, อุเปกฺขา เวทนาย จ สภาคา. เอตฺถ อุเปกฺขา วาติ เอตฺถ เอตสฺมึ อุเปกฺขานิทฺเทเส ‘‘อุเปกฺขา’’ติ คหิตา เอว. ตสฺมาติ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขายปิ อิธ อุเปกฺขาคฺคหเณน คหิตตฺตา. ตฺหิ สนฺธาย ‘‘ปมทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานวเสน อุปฺปชฺชนกอุเปกฺขา’’ติ วุตฺตํ.

ตายปิ เนกฺขมฺมสิตอุเปกฺขายาติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ. ‘‘ยํ เนกฺขมฺมวเสนา’’ติอาทิ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตา นตฺถเมว.

๓๖๓. ยทิ สกฺกสฺส ตทา โสตาปตฺติผลปตฺติยาว อุปนิสฺสโย, อถ กสฺมา ภควา ยาว อรหตฺตํ เทสนํ วฑฺเฒสีติ อาห ‘‘พุทฺธานฺหี’’ติอาทิ. ตรุณสกฺโกติ อภินโว อธุนา ปาตุภูโต สกฺโก. สมฺปติ ปาตุภาวฺหิ สนฺธาย ‘‘ตรุณสกฺโก’’ติ วุตฺตํ, น ตสฺส กุมารตา, วุทฺธตา วา อตฺถิ. คตาคตฏฺานนฺติ คมนาคมนการณํ. น ปฺายติ น อุปลพฺภติ. คพฺภเสยฺยกานฺหิ จวนฺตานํ กมฺมชรูปํ วิคจฺฉติ อนุเทว จิตฺตชํ, อาหารชฺจ ปจฺจยาภาวโต, อุตุชํ ปน สุจิรมฺปิ กาลํ ปเวณึ ฆฏฺเฏนฺตํ ภสฺสนฺตํ วา โสสนฺตํ วา กิเลสนฺตํ วา วิฏฺตํ วา โหติ, น เอวํ เทวานํ. เตสฺหิ โอปปาติกตฺตา กมฺมชรูเป อนฺตรธายนฺเต เสสติสนฺตติรูปมฺปิ เตน สทฺธึ อนฺตรธายติ. เตนาห ‘‘ทีปสิขาคมนํ วิย โหตี’’ติ. เสสเทวตา น ชานึสุ ปุนปิ สกฺกตฺตภาเวน ตสฺมึเยว าเน นิพฺพตฺตตฺตา. ตีสุ าเนสูติ โสมนสฺสโทมนสฺสอุเปกฺขาวิสฺสชฺชนาวสานฏฺาเนสุ. นิพฺพตฺติตผลเมวาติ สปฺปิมฺหา สปฺปิมณฺโฑ วิย อาคมนียปฏิปทาย นิพฺพตฺติตผลภูตํ โลกุตฺตรมคฺคผลเมว กถิตํ. สกุณิกาย วิย กิฺจิ คยฺหูปคํ อุปฺปติตฺวา อุฑฺเฑตฺวา อุลฺลงฺฆิตฺวา. อสฺสาติ มคฺคผลสฺิตสฺส อริยสฺส ธมฺมสฺส.

ปาติโมกฺขสํวรวณฺณนา

๓๖๔. ปาติโมกฺขสํวรายาติ ปาติโมกฺขภูตสีลสํวรายาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘อุตฺตมเชฏฺกสีลสํวรายา’’ติ. ‘‘ปาติโมกฺขสีลฺหิ สพฺพสีลโต เชฏฺกสีล’’นฺติ ทีฆวาปีวิหารวาสิ สุมตฺเถโร วทติ, อนฺเตวาสิโก ปนสฺส เตปิฏกจูฬนาคตฺเถโร ‘‘ปาติโมกฺขสํวโร เอว สีลํ, อิตรานิ ปน ‘สีลนฺติ วุตฺตฏฺานํ นาม อตฺถี’ติ อนนุชานนฺโต อินฺทฺริยสํวโร นาม ฉทฺวารรกฺขามตฺตกํ, อาชีวปาริสุทฺธิ ธมฺเมน สเมน ปจฺจยุปฺปาทนมตฺตกํ, ปจฺจยสนฺนิสฺสิตํ ปฏิลทฺธปจฺจเย ‘อิท มตฺถ’นฺติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชนมตฺตกํ, นิปฺปริยาเยน ปาติโมกฺขสํวโรว สีลํ. ตถา หิ ยสฺส โส ภินฺโน, โส อิตรานิ รกฺขิตุํ อภพฺพตฺตา อสีโล โหติ. ยสฺส ปน สพฺพโส อโรโค เสสานํ รกฺขิตุํ ภพฺพตฺตา สมฺปนฺนสีโล’’ติ วทติ, ตสฺมา อิตเรสํ ตสฺส ปริวารภาวโต, สพฺพโส เอกเทเสน จ ตทนฺโตคธภาวโต ตเทว ปธานสีลํ นามาติ อาห ‘‘อุตฺตมเชฏฺกสีลสํวรายา’’ติ. ตตฺถ ยถา เหฏฺา ปปฺจสฺาสงฺขานิโรธสารุปฺปคามินึ ปฏิปทํ ปุจฺฉิเตน ภควตา ปปฺจสฺานํ, ปฏิปทาย จ มูลภูตํ เวทนํ วิภชิตฺวา ปฏิปทา เทสิตา สกฺกสฺส อชฺฌาสยวเสน สํกิเลสธมฺมปฺปหานมุเขน โวทานธมฺมปาริปูรีติ, เอวํ ตสฺสา เอว ปฏิปทาย มูลภูตมฺปิ สีลสํวรํ ปุจฺฉิเตน ภควตา ยโต โส วิสุชฺฌติ, ยถา จ วิสุชฺฌติ, ตทุภยํ สกฺกสฺส อชฺฌาสยวเสน วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กายสมาจารมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ สํกิเลสธมฺมปฺปหานมุเขน โวทานธมฺมปาริปูรีติ กตฺวา. สีลกถายํ อเสวิตพฺพกายสมาจาราทิกถเน การณํ วุตฺตเมว, ตสฺมา กมฺมปถวเสนาติ กุสลากุสลกมฺมปถวเสน.

กมฺมปถวเสนาติ จ กมฺมปถวิจารวเสน . กมฺมปถภาวํ อปตฺตานมฺปิ หิ กายทุจฺจริตาทีนํ อเสวิตพฺพกาทีนํ อเสวิตพฺพกายสมาจาราทิภาโว อิธ วุจฺจตีติ. ปณฺณตฺติวเสนาติ สิกฺขาปทปณฺณตฺติวเสน. ยโต ยโต หิ ยา ยา เวรมณี, ตทุภเยปิ วิภาเวนฺโต ปณฺณตฺติวเสน กเถติ นาม. เตนาห ‘‘กายทฺวาเร’’ติอาทิ. สิกฺขาปทํ วีติกฺกมติ เอเตนาติ สิกฺขาปทวีติกฺกโม, สิกฺขาปทสฺส วีติกฺกมนากาเรน ปวตฺโต อกุสลธมฺโม ยํ, ตสฺส อเสวิตพฺพกายสมาจาราทิตา. วีติกฺกมปฏิปกฺโข อวีติกฺกโม, น วีติกฺกมติ เอเตนาติ อวีติกฺกโม, สีลํ.

มิจฺฉา สมฺมา จ ปริเยสติ เอตายาติ ปริเยสนา, อาชีโว, อตฺถโต ปจฺจยคเวสนพฺยาปาโร กายวจีทฺวาริโก. ยทิ เอวํ กสฺมา วิสุํ คหณนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ . อริยา นิทฺโทสา ปริเยสนา คเวสนาติ อริยปริเยสนา, อริเยหิ สาธูหิ ปริเยสิตพฺพาติปิ อริยปริเยสนาติ. วุตฺตวิปริยายโต อนริยปริเยสนา เวทิตพฺพา.

ชาติธมฺโมติ ชายนสภาโว ชายนปกติโก. ชราธมฺโมติ ชีรณสภาโว. พฺยาธิธมฺโมติ พฺยาธิสภาโว. มรณธมฺโมติ มียนสภาโว. โสกธมฺโมติ โสจนกสภาโว. สํกิเลสธมฺโมติ สํกิลิสฺสนสภาโว.

ปุตฺตภริยนฺติ ปุตฺตา จ ภริยา จ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ทฺวนฺเทกตฺตวเสน เตสํ นิทฺเทโส. ชาตรูปรชตนฺติ เอตฺถ ปน ยโต วิการํ อนาปชฺชิตฺวา สพฺพํ ชาตรูปเมว โหตีติ ชาตรูปํ นาม สุวณฺณํ. ธวลสภาวตาย รชตีติ รชตํ, รูปิยํ. อิธ ปน สุวณฺณํ เปตฺวา ยํ กิฺจิ อุปโภคปริโภคารหํ ‘‘รชต’’นฺตฺเวว คหิตํ โวหารูปคมาสกาทิ. ชาติธมฺมา เหเต, ภิกฺขเว, อุปธโยติ เอเต กามคุณูปธโย นาม โหนฺติ, เต สพฺเพปิ ชาติธมฺมาติ ทสฺเสติ.

พฺยาธิธมฺมวาราทีสุ ชาตรูปรชตํ น คหิตํ. น เหตสฺส สีสโรคาทโย พฺยาธโย นาม สนฺติ, น สตฺตานํ วิย จุติสงฺขาตํ มรณํ, น โสเก อุปฺปชฺชติ, จุติสงฺขาตํ มรณนฺติ จ เอกภวปริยาปนฺนขนฺธนิโรโธ, โส ตสฺส นตฺถิ, ขณิกนิโรโธ ปน ขเณ ขเณ ลพฺภเตว. ราคาทีหิ ปน สํกิเลเสหิ สํกิลิสฺสตีติ สํกิเลสธมฺมวาเร คหิตํ ชาตรูปํ, ตถา อุตุสมุฏฺานตฺตา ชาติธมฺมวาเร, มลํ คเหตฺวา ชีรณโต ชราธมฺมวาเร จ. อริเยหิ น อรณียา, ปริเยสนาติปิ อนริยปริเยสนา.

อิทานิ อเนสนาวเสนาปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมินา นเยน สุกฺกปกฺเขปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

สมฺภารปริเยสนํ ปหรณวิสาทิคเวสนํ, ปโยควเสน ปโยคกรณํ ตชฺชาวายามชนนํ ตาทิสํ อุปกฺกมนิพฺพตฺตนํ, ปาณาติปาตาทิอตฺถํ คมนํ, ปจฺเจกํ กาล-สทฺโท โยเชตพฺโพ ‘‘สมฺภารปริเยสนกาลโต ปฏฺาย, ปโยคกรณกาลโต ปฏฺาย, คมนกาลโต ปฏฺายา’’ติ. อิตโรติ ‘‘เสวิตพฺโพ’’ติ วุตฺตกายสมาจาราทิโก. จิตฺตมฺปิ อุปฺปาเทตพฺพํ. ตถา อุปฺปาทิตจิตฺโต หิ สติ ปจฺจยสมวาเย ตาทิสํ ปโยคํ ปรกฺกมํ กโรนฺโต ปฏิปตฺติยา มตฺถกํ คณฺหาติ. เตนาห ‘‘จิตฺตุปฺปาทมฺปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, กุสเลสุ ธมฺเมสุ พหุปการํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๘๔).

อิทานิ ตํ มตฺถกปฺปตฺตํ อเสวิตพฺพํ, เสวิตพฺพฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สงฺฆเภทาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน โลหิตุปฺปาทนาทึ สงฺคณฺหาติ. พุทฺธรตนสงฺฆรตนุปฏฺาเนเหว ธมฺมรตนุปฏฺานสิทฺธีติ อาห ‘‘ทิวสสฺส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ ติณฺณํ รตนานํ อุปฏฺานคมนาทิวเสนา’’ติ . ธนุคฺคหเปสนํ ธนุคฺคหปุริสานํ อุยฺโยชนํ. อาทิ-สทฺเทน ปฺจวรยาจนาทึ สงฺคณฺหาติ. ‘‘อชาตสตฺตุํ ปสาเทตฺวา ลาภุปฺปาทวเสน ปริหีนลาภสกฺการสฺส กุเลสุ วิฺาปน’’นฺติ เอวมาทึ อนริยปริเยสนํ ปริเยสนฺตานํ.

ปาริปูริยาติ ปาริปูริอตฺถํ. อคฺคมคฺคผลวเสเนว หิ เสวิตพฺพานํ ปาริปูรีติ ตทตฺถํ สพฺพา ปุพฺพภาคปฏิปทา, ปาติโมกฺขสํวโรปิ อคฺคมคฺเคเนว ปริปุณฺโณ โหตีติ ตทตฺถํ ปุพฺพภาคปฏิปทํ วตฺวา นิคเมนฺโต ‘‘ปาติโมกฺโข…เป… โหตี’’ติ อาห.

อินฺทฺริยสํวรวณฺณนา

๓๖๕. อินฺทฺริยานํ ปิธานายาติ อินฺทฺริยานํ ปิทหนตฺถาย. อินฺทฺริยานิ จ จกฺขาทีนิ ทฺวารานิ, เตสํ ปิธานํ สํวรณํ อกุสลุปฺปตฺติโต โคปนาติ อาห ‘‘คุตฺตทฺวารตายา’’ติ. อเสวิตพฺพรูปาทิวเสน อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตา อสํวโร, สํกิเลสธมฺมวิปฺปหานวเสน โวทานธมฺมปาริสุทฺธีติ. กามํ ปาฬิยํ อเสวิตพฺพมฺปิ รูปาทิ ทสฺสิตํ, สกฺเกน ปน อินฺทฺริยสํวราย ปฏิปตฺติ ปุจฺฉิตาติ ตเมว นิวตฺเตตฺวา ทสฺเสตุํ อฏฺกถายํวุตฺตํ ‘‘จกฺขุวิฺเยฺยํ รูปมฺปีติอาทิ เสวิตพฺพรูปาทิวเสน อินฺทฺริยสํวรทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ. ‘‘ตุณฺหี อโหสี’’ติ วตฺวา ตุณฺหีภาวสฺส การณํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘กเถตุกาโมปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยนฺติ สกฺโก เทวานํ อินฺโท.

รูปนฺติ รูปายตนํ, ตสฺส อเสวนํ นาม อทสฺสนํ เอวาติ อาห ‘‘น เสวิตพฺพํ น ทฏฺพฺพ’’นฺติ. ยํ ปน สตฺตสนฺตานคตํ รูปํ ปสฺสโต ปฏิกูลมนสิการวเสน, อสุภสฺา วา สณฺาติ ทสฺสนานุตฺตริยวเสน. อถ วา กมฺมผลสทฺทหนวเสน ปสาโท วา อุปฺปชฺชติ. หุตฺวา อภาวาการสลฺลกฺขเณน อนิจฺจสฺาปฏิลาโภ วา โหติ.

ปริยายกฺขรณโต อกฺขรํ, วณฺโณ, โส เอว นิรนฺตรุปฺปตฺติยา สมุทฺทิโต ปทวากฺยสฺิโต, อธิปฺเปตมตฺถํ พฺยฺเชตีติ พฺยฺชนํ, ตยิทํ กาพฺยนาฏกาทิคตเววจนวเสน, อุจฺจารณวเสน จ วิจิตฺตสนฺนิเวสตาย ตถาปวตฺตวิกปฺปนวเสน จิตฺตวิจิตฺตภาเวน อุปติฏฺนกํ สนฺธายาห ‘‘ยํ จิตฺตกฺขรํ จิตฺตพฺยฺชนมฺปิ สทฺทํ สุณโต ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ. อตฺถนิสฺสิตนฺติ สมฺปรายิกตฺถนิสฺสิตํ. ธมฺมนิสฺสิตนฺติ วิวฏฺฏธมฺมนิสฺสิตํ, โลกุตฺตรรตนตฺตยธมฺมนิสฺสิตํ วา. ปสาโทติ รตนตฺตยสทฺธา, กมฺมผลสทฺธาปิ. นิพฺพิทา วาติ อนิจฺจสฺาทิวเสน วฏฺฏโต อุกฺกณฺา วา.

คนฺธรสาวิปโรธาทิวเสน เสวิยมานํ อโยนิโส ปฏิปนฺนตฺตา อเสวิตพฺพํ นาม. โยนิโส ปจฺจเวกฺขิตฺวา เสวิยมานํ สมฺปชฺวเสน คหณโต เสวิตพฺพํ นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ คนฺธํ ฆายโต’’ติอาทิ.

ยํปน ผุสโตติ ยํ ปน เสวิตพฺพํ โผฏฺพฺพํ อนิปฺผนฺนสฺเสว ผุสโต. อาสวกฺขโย เจว โหติ ชาคริยานุโยคสฺส มตฺถกปฺปตฺติโต. วีริยฺจ สุปคฺคหิตํ โหติ จตุตฺถสฺส อริยวํสสฺส อุกฺกํสนโต. ปจฺฉิมา จ…เป… อนุคฺคหิตา โหติ สมฺมาปฏิปตฺติยํ นิโยชนโต.

เย มโนวิฺเยฺเย ธมฺเม อิฏฺาทิเภเท สมนฺนาหรนฺตสฺส อาวชฺชนฺตสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ. ‘‘มโนวิฺเยฺยา ธมฺมา’’ติ วิภตฺติ วิปริณาเมตพฺพา, เมตฺตาทิวเสน สมนฺนาหรนฺตสฺส เย มโนวิฺเยฺยา ธมฺมา อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, เอวรูปา เสวิตพฺพาติ โยชนา. อาทิ-สทฺเทน กรุณาทีนฺเจว อนิจฺจาทีนฺจ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ติณฺณํ เถรานํ ธมฺมาติ อิทานิ วุจฺจมานปฏิปตฺตีนํ ติณฺณํ เถรานํ มโนวิฺเยฺยา ธมฺมา. พหิ ธาวิตุํ น อทาสินฺติ อนฺโตปริเวณํ อาคตเมว รูปาทึ อารพฺภ อิมสฺมึ เตมาเส กมฺมฏฺานวินิมุตฺตํ จิตฺตํ กทาจิ อุปฺปนฺนปุพฺพํ, อนฺโตปริเวเณ จ วิสภาครูปาทีนํ อสมฺภโว เอว, ตสฺมา วิสฏวิตกฺกวเสน จิตฺตํ พหิ ธาวิตุํ น อทาสินฺติ ทสฺเสติ. นิวาสเคหโต นิวาสนคพฺภโต. นิยกชฺฌตฺตขนฺธปฺจกโต วิปสฺสนาโคจรโต. เถโร กิร สพฺพมฺปิ อตฺตนา กาตพฺพกิริยํ กมฺมฏฺานสีเสเนว ปฏิปชฺชติ.

๓๖๖. อสมฺโมหสมฺปชฺวเสน อทฺเวชฺฌาภาวโต เอโก อนฺโต เอตสฺสาติ เอกนฺโต, เอกนฺโต วาโท เอเตสนฺติ เอกนฺตวาทา. เตนาห ‘‘เอกํเยว วทนฺตี’’ติ, อภินฺนวาทาติ อตฺโถ. เอกาจาราติ สมานาจารา. เอกลทฺธิกาติ สมานลทฺธิกา. เอกปริโยสานาติ สมานนิฏฺานา.

อิติ สกฺโก ปุพฺเพ อตฺตนา สุตํ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ นานาวาทา จารลทฺธินิฏฺานํ อิทานิ สจฺจปฏิเวเธน อสารโต ตฺวา ิโต, ตสฺส การณํ าตุกาโม ตเมว ตาว พฺยติเรกมุเขน ปุจฺฉติ ‘‘สพฺเพว ธมฺมา นุ โข’’ติอาทินา.

ธาตูติ อชฺฌาสยธาตุ อุตฺตรปทโลเปน วุตฺตา, อชฺฌาสยธาตูติ จ อตฺถโต อชฺฌาสโย เอวาติ อาห ‘‘อเนกชฺฌาสโย นานชฺฌาสโย’’ติ. ‘‘เอกสฺมึ คนฺตุกาเม เอโก าตุกาโม โหตี’’ติ อิทํ นิทสฺสนวเสน วุตฺตํ อิริยาปเถปิ นาม สตฺตา เอกชฺฌาสยา ทุลฺลภา, ปเคว ลทฺธีสูติ ทสฺสนตฺถํ. ยํ ยเทว อชฺฌาสยนฺติ ยํ ยเมว สสฺสตาทิอชฺฌาสยํ. อภินิวิสนฺตีติ ตํ ตํ ลทฺธึ ทิฏฺาภินิเวสวเสน อภิมุขา หุตฺวา ทุปฺปฏินิสฺสคฺคิภาเวน นิวิสนฺติ, อาทานคฺคาหํ คณฺหนฺติ. ถาเมน จ ปรามาเสน จาติ ทิฏฺิถาเมน จ ทิฏฺิปรามาเสน จ. สุฏฺุ คณฺหิตฺวาติ อติวิย ทฬฺหคฺคาหํ คณฺหิตฺวา. โวหรนฺตีติ ยถาภินิวิฏฺํ ทิฏฺิวาทํ ปฺาเปนฺติ ปเร หิ คาเหนฺติ ปติฏฺเปนฺติ. เตนาห ‘‘กเถนฺติ ทีเปนฺติ กิตฺเตนฺตี’’ติ, อุคฺโฆเสนฺตีติ อตฺโถ.

อนฺตํ อตีตา อจฺจนฺตา, อจฺจนฺตา นิฏฺา เอเตสนฺติ อจฺจนฺตนิฏฺา. สพฺเพสนฺติ สพฺเพสํ สมณพฺราหฺมณานํ. โยคกฺเขโมติปิ นิพฺพานํ จตูหิปิ โยเคหิ อนุปฺปทุฏฺตฺตา. ‘‘อจฺจนฺตโยคกฺเขมา’’ติ วตฺตพฺเพ อิ-กาเรน นิทฺเทเสน ‘‘อจฺจนฺตโยคกฺเขมี’’ติ วุตฺตํ, อจฺจนฺตโยคกฺเขโม วา เอเตสํ อตฺถีติ อจฺจนฺตโยคกฺเขมีติ. จรนฺติ อุปคจฺฉนฺติ, อธิคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ปริยสฺสติ ปริกฺขิสฺสติ วฏฺฏทุกฺขนฺตํ อาคมฺมาติ ปริโยสานนฺติปิ นิพฺพานสฺส นามํ.

สงฺขิณาตีติ สมุจฺฉินฺทเนน เขเปติ. วินาเสตีติ ตโต เอว สพฺพโส อทสฺสนํ ปาเปติ. วิมุตฺตาติ วฏฺฏทุกฺขโต อจฺจนฺตนิคฺคเมน วิเสเสน มุตฺตา.

‘‘อิสฺสามจฺฉริยํ เอโก ปฺโห’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อิสฺสามจฺฉริยํ วิสฺสชฺชนนฺติ? สจฺจเมตํ, โย ปน าตุํ อิจฺฉิโต อตฺโถ, โส ปฺโห. โส เอว จ วิสฺสชฺชียตีติ นายํ โทโส, อฺถา อมฺพํ ปุฏฺสฺส ลพุชํ พฺยากรณํ วิย สิยา, เอวํ ปฺหสีเสน ปฺหพฺยากรณํ วทติ. ตถา หิ ‘‘ปิยาปฺปิย’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺชนปทาเนว คหิตานิ, ‘‘ปิยาปฺปิยํ เอโก’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ปปฺจสฺาติ สฺาสีเสน ปปฺจา เอว วุตฺตาติ อาห ‘‘ปปฺโจ เอโก’’ติ. เอตฺถ จ ยถา ปาติโมกฺขสํวรปุจฺฉา กายสมาจาราทิวิภาเคน วิสฺสชฺชิตตฺตา ตโย ปฺหา ชาตา, เอวํ อินฺทฺริยสํวรปุจฺฉา รูปาทิวิภาเคน วิสฺสชฺชิตตฺตา ฉ ปฺหา สิยุํ. ตถา สติ เอกูนวีสติ ปุจฺฉา สิยุํ, อถ อินฺทฺริยสํวรตาสามฺเน เอโกว ปฺโห กโต, เอวํ สติ ปาติโมกฺขสํวรปุจฺฉาภาวสามฺเน เตปิ ตโย เอโกว ปฺโหติ สพฺเพว ทฺวาทเสว ปฺหา ภเวยฺยุนฺติ? นยิทเมวํ. ยสฺมา กายสมาจาราทีสุ วิภชฺช วุจฺจมาเนสุ มหาวิสยตาย อปริมาโณ วิภาโค สมฺภวติ วิสฺสชฺเชตุํ. สกลมฺปิ วินยปิฏกํ ตสฺส นิทฺเทโส. รูปาทีสุ ปน วิภชฺช วุจฺจมาเนสุ อปฺปวิสยตาย น ตาทิโส วิภาโค สมฺภวติ วิสฺสชฺเชตุํ. อิติ มหาวิสยตาย ปาติโมกฺขสํวรปุจฺฉา ตโย ปฺหา กตา, อินฺทฺริยสํวรปุจฺฉา ปน อปฺปวิสยตาย เอโกว ปฺโห กโต. เตน วุตฺตํ ‘‘จุทฺทส มหาปฺหา’’ติ.

๓๖๗. จลนฏฺเนาติ กมฺปนฏฺเน. ตณฺหา หิ กามราครูปราคอรูปราคาทิวเสน ปวตฺติยา อนวฏฺิตตาย สยมฺปิ จลติ, ยตฺถ อุปฺปนฺนา, ตมฺปิ สนฺตานํ ภวาทีสุ ปริกฑฺฒเนน จาเลติ, ตสฺมา จลนฏฺเน ตณฺหา เอชา นาม. ปีฬนฏฺเนาติ วิพาธนฏฺเน ตสฺส ตสฺส ทุกฺขสฺส เหตุภาเวน. ปทุสฺสนฏฺเนาติ อธมฺมราคาทิภาเวน, สมฺมุขปรํมุเขน, กิเลสาสุจิปคฺฆรเณน จ ปการโต ทุสฺสนฏฺเน คณฺโฑ. อนุปฺปวิฏฺฏฺเนาติ อาสยสฺส ทุนฺนีหรณียภาเวน อนุปฺปวิสนฏฺเน. กฑฺฒติ อตฺตโน จ รุจิยา อุปเนติ. อุจฺจาวจนฺติ ปณีตภาวํ, นิหีนภาวฺจ. เยสุ สมณพฺราหฺมเณสุ. ‘‘เยสาห’’นฺติปิ ปาฬิ, ตสฺสา เกจิ ‘‘เยสํ อห’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติ. เอวนฺติ สุตานุรูปํ, อุคฺคหานุรูปฺจ. ‘‘อหํ โข ปน ภนฺเต อฺเสํ สมณพฺราหฺมณานํ ธมฺมาจริโย โหนฺโตปิ ภควโต สาวโก…เป… สมฺโพธิปรายโณ’’ติ เอวํ อตฺตโน โสตาปนฺนภาวํ ชานาเปติ.

โสมนสฺสปฏิลาภกถาวณฺณนา

๓๖๘. สมาปนฺโนติ สโมคาฬฺโห ปวตฺตสมฺปหาโร วิยาติพฺยูฬฺโห. ชินึสูติ ยถา อสุรา ปุน สีสํ อุกฺขิปิตุํ นาสกฺขึสุ, เอวํ เทวา วิชินึสุเยวาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เทวา ปุน อปจฺจาคมนาย อสุเร ชินึสู’’ติ. ตาทิโส หิสฺส ชโย สาติสยํ เวทปฏิลาภาย อโหสิ. ทุวิธมฺปิโอชนฺติ ทิพฺพํ, อสุรํ จาติ ทฺวิปฺปการมฺปิ โอชํ. เทวาเยว ปริภุฺชิสฺสนฺติ อสุรานํ ปเวสาภาวโต. ทณฺฑสฺส อวจรณํ อาวรณํ ทณฺฑาวจโร, สห ทณฺฑาวจเรนาติ สทณฺฑาวจโร, ทณฺเฑน ปหริตฺวา วา อาวริตฺวา วา สาเธตพฺพนฺติ อตฺโถ.

๓๖๙. อิมสฺมึเยวโอกาเสติ อิมิสฺสเมว อินฺทสาลคุหายํ. เทวภูตสฺส เมติ ปุพฺเพปิ เทวภูตสฺส สกฺกสฺเสว เม ภูตสฺส. สโตติ อิทานิปิ สกฺกสฺเสว สโต ปุนรายุ จ เม ลทฺโธ.

ทิวิยา กายาติ ทิพฺพา, ขนฺธปฺจกสงฺขาตา กายาติ อาห ‘‘ทิพฺพา อตฺตภาวา’’ติ. ‘‘อมูฬฺโห คพฺภํ เอสฺสามี’’ติ อิมินา อริยสาวกานํ อนฺธปุถุชฺชนานํ วิย สมฺโมหมรณํ, อสมฺปชานคพฺโภกฺกมนฺจ นตฺถิ, อถ โข อสมฺโมหมรณฺเจว สมฺปชานคพฺโภกฺกมนฺจ โหตีติ ทสฺเสติ. อริยสาวกา นิยตคติกตฺตา สุคตีสุ เอว อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถาปิ มนุสฺเสสุ อุปฺปชฺชนฺตา อุฬาเรสุ เอว กุเลสุ ปฏิสนฺธึ คณฺหิสฺสนฺติ, สกฺกสฺสาปิ ตาทิโส อชฺฌาสโย. เตน วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘ยตฺถ เม รมตี มโน’’ติ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ยตฺถ เม’’ติอาทิ. สกฺโก ปน อตฺตโน ทิพฺพานุภาเวนาปิ ตาทิสํ ชานิตุํ สกฺโกติเยว.

การเณนาติ ยุตฺเตน อริยสาวกภาวสฺส อนุจฺฉวิเกน. เตนาห ‘‘สเมนา’’ติ.

สกทาคามิมคฺคํ สนฺธาย วทติ ฉฏฺเ อตฺถวเส อนาคามิมคฺคสฺส วกฺขมานตฺตา. อาชานิตุกาโมติ อปฺปตฺตํ วิเสสํ ปฏิวิชฺฌิตุกาโม. มนุสฺสโลเก อนฺโต ภวิสฺสติ ปุน มานุสฺสูปปตฺติยา อภาวโต.

ปุนเทวาติ มนุสฺเสสุ อุปฺปนฺโน ตโต จวิตฺวา ปุนเทว . อิมสฺมึ ตาวตึสเทวโลกสฺมึ. อุตฺตโม, กีทิโสติ อาห ‘‘สกฺโก’’ติอาทิ.

อนฺติเม ภเวติ มม สพฺพภเวสุ อนฺติเม สพฺพปริโยสาเน ภเว. ‘‘อายุนา’’ติ อิมินา จ ตํสหภาวิโน สพฺเพปิ วณฺณาทิเก สงฺคณฺหาติ. ‘‘ปฺายา’’ติ จ อิมินา สพฺเพปิ สทฺธาสติวีริยาทิเก. ตสฺมึ อตฺตภาเวติ ตสฺมึ สพฺพนฺติเม สกฺกตฺตภาเว. อกนิฏฺคามี หุตฺวาติ อนฺตรายปรินิพฺพายิอาทิภาวํ อนุปคนฺตฺวา เอกํสโต อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี เอว หุตฺวา. ตโต เอว อนุกฺกเมน อวิหาทีสุ นิพฺพตฺตนฺโต. เอวมาหาติ ‘‘โส นิวาโส ภวิสฺสตี’’ติ เอวมาห. ‘‘อวิหาทีสุ…เป… นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เอส กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยฺจ นโย น เกวลํ สกฺกสฺเสว, อถ โข มหาเสฏฺิมหาอุปาสิกานมฺปิ โหติเยวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สกฺโก เทวราชา’’ติอาทิมาห.

๓๗๐. ภวสมฺปตฺตินิพฺพานสมฺปตฺตีนํ วเสน อปริปุณฺณชฺฌาสยตาย อนิฏฺิตมโนรโถ ตํ ตํ ปตฺตุกาโมเยว หุตฺวา ิโต. เย จ สมเณติ เย จ ปพฺพชิเต. ปวิวิตฺตวิหาริโนติ ‘‘อเนกวิเวกตฺตยํ ปริพฺรูเหตฺวา วิหรนฺตี’’ติ มฺามิ.

สมฺปาทนาติ มคฺคสฺส อุปสมฺปาทนํ ตสฺส สมฺปาปนํ สมฺมเทว ปาปนํ. วิราธนาติ อนาราธนา อนุปายปฏิปตฺติ. น สมฺโภนฺตีติ อนภิสมฺภุณนฺติ. ยถาปุจฺฉิเต อตฺเถ อนภิสมฺภุณนํ นาม สมฺมา กเถตุํ อสมตฺถตา เอวาติ อาห ‘‘สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ.

ตสฺมาติ ยสฺมา อาทิจฺเจน สมานโคตฺตตาย. เตเนวาห ‘‘อาทิจฺจ นาม โคตฺเตนา’’ติ, ตสฺมา . อาทิจฺโจ พนฺธุ เอตสฺสาติ อาทิจฺจพนฺธุ, อถ วา อาทิจฺจสฺส พนฺธูติ อาทิจฺจพนฺธุ, ภควา, ตํ อาทิจฺจพนฺธุนํ. อาทิจฺโจ หิ โสตาปนฺนตาย ภควโต โอรสปุตฺโต. เตเนวาห –

‘‘โย อนฺธกาเร ตมสิ ปภงฺกโร,

เวโรจโน มณฺฑลี อุคฺคเตโช;

มา ราหุ คิลี จรํ อนฺตลิกฺเข,

ปชํ มมํ ราหุ ปมุฺจ สูริย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๙๑);

สามนฺติ สามํปโยคํ, สตฺถุ ปน สาวกสฺส สามํปโยโค นาม สนิปาโต เอวาติ อาห ‘‘นมกฺการํ กโรมา’’ติ.

๓๗๑. ปรามสิตฺวาติ ‘‘อิมาย นาม ปถวิยํ นิสินฺเนน มยา อยํ อจฺฉริยธมฺโม อธิคโต’’ติ โสมนสฺสชาโต, ‘‘อิมาย นาม ปถวิยํ เอวํ อจฺฉริยพฺภุตํ พุทฺธรตนํ อุปฺปนฺน’’นฺติ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต จ ปถวึ ปรามสิตฺวา. ปตฺถิตปฺหาติ ทีฆรตฺตานุสยิตสํสยสมุคฺฆาตตฺถํ ‘‘กทา นุ โข ภควนฺตํ ปุจฺฉิตุํ ลภามี’’ติ เอวํ อภิปตฺถิตปฺหา. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.

สกฺกปฺหสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.