📜

๓. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา

อตฺตทีปสรณตาวณฺณนา

๘๐. อุตฺตานํ วุจฺจติ ปากฏํ, ตปฺปฏิกฺเขเปน อนุตฺตานํ อปากฏํ, ปฏิจฺฉนฺนํ, อปจุรํ, ทุวิฺเยฺยฺจ. อนุตฺตานานํ ปทานํ วณฺณนา อนุตฺตานปทวณฺณนา. อุตฺตานปทวณฺณนาย ปโยชนาภาวโต อนุตฺตานคฺคหณํ. ‘‘มาตุลา’’ติ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนาโม เอโก รุกฺโข, ตสฺสา อาสนฺนปฺปเทเส มาปิตตฺตา นครมฺปิ ‘‘มาตุลา’’ ตฺเวว ปฺายิตฺถ. เตน วุตฺตํ ‘‘มาตุลายนฺติ เอวํ นามเก นคเร’’ติ. อวิทูเรติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเร.

กามฺเจตฺถ สุตฺเต ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา ทฬฺหเนมิ นาม อโหสี’’ติอาทินา อตีตวํสทีปิกา กถา อาทิโต ปฏฺาย อาคตา, ‘‘อฑฺฒเตยฺยวสฺสสตายุกานํ มนุสฺสานํ วสฺสสตายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺตี’’ติอาทินา ปน สวิเสสํ อนาคตตฺถปฏิสํยุตฺตา กถา อาคตาติ วุตฺตํ ‘‘อนาคตวํสทีปิกาย สุตฺตนฺตกถายา’’ติ. อนาคตตฺถทีปนฺหิ อจฺฉริยํ, ตตฺถาปิ อนาคตสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฏิปตฺติกิตฺตนํ อจฺฉริยตมํ. สมาคเมนาติ สนฺนิปาเตน.

‘‘ภตฺตคฺคํ อมนาป’’นฺติอาทิ เกวลํ เตสํ ปริวิตกฺกมตฺตํ. อมนาปนฺติ อมนุฺํ. พุทฺเธสุ กโต อปฺปโกปิ อปราโธ อปฺปโก กาโร วิย ครุตรวิปาโกติ อาห ‘‘พุทฺเธหิ สทฺธึ…เป… สทิสํ โหตี’’ติ. ตตฺราติ ตสฺมึ มาตุลนครสฺส สมีเป, ตสฺสํ วา ปริสายํ.

อตฺตทีปาติ เอตฺถ กามํ โย ปโร น โหติ, โส อตฺตาติ สสนฺตาโน ‘‘อตฺตา’’ติ วุจฺจติ, หิตสุเขสิภาเวน ปน อตฺตนิพฺพิเสสตฺตา ธมฺโม อิธ ‘‘อตฺตา’’ติ อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘อตฺตา นาม โลกิยโลกุตฺตโร ธมฺโม’’ติ. ทฺวิธา อาโป คโต เอตฺถาติ ทีโป, โอเฆน อนชฺโฌตฺถโต ภูมิภาโค. อิธ ปน กาโมฆาทีหิ อนชฺโฌตฺถรณียตฺตา ทีโป วิยาติ ทีโป, อตฺตา ทีโป ปติฏฺา เอเตสนฺติ อตฺตทีปา. เตนาห ‘‘อตฺตานํ ทีป’’นฺติอาทิ. ทีปภาโว เจตฺถ ปฏิสรณตาติ อาห ‘‘อิทํ ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. อฺสรณปฏิกฺเขปวจนนฺติ อฺสรณภาวปฏิกฺเขปวจนํ. อิทฺหิ น อฺํ สรณํ กตฺวา วิหรณสฺเสว ปฏิกฺเขปวจนํ, อถ โข อฺสฺส สรณสภาวสฺเสว ปฏิกฺเขปวจนํ ตปฺปฏิกฺเขเป จ เตน อิตรสฺสาปิ ปฏิกฺเขปสิทฺธิโต. เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. อิทานิ ตเมวตฺถํ สุตฺตนฺตเรน สาเธตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ. ยทิ เอตฺถ ปากติโก อตฺตา อิจฺฉิโต, กถํ ตสฺส ทีปสรณภาโว, ตสฺมา อธิปฺปายิโก เอตฺถ อตฺตา ภเวยฺยาติ ปุจฺฉติ ‘‘โก ปเนตฺถ อตฺตา นามา’’ติ. อิตโร ยถาธิปฺเปตํ อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกิยโลกุตฺตโร ธมฺโม’’ติ. ทุติยวาโรปิ ปมวารสฺเสว ปริยายภาเวน เทสิโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

โคจเรติ ภิกฺขูนํ โคจรฏฺานภูเต. เตนาห ‘‘จริตุํ ยุตฺตฏฺาเน’’ติ. สเกติ กถํ ปนายํ ภิกฺขูนํ สโกติ อาห ‘‘เปตฺติเก วิสเย’’ติ. ปิติโต สมฺมาสมฺพุทฺธโต อาคตตฺตา ‘‘อยํ ตุมฺหากํ โคจโร’’ติ เตน อุทฺทิฏฺตฺตา เปตฺติเก วิสเยติ. จรนฺตนฺติ สามิอตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘อยเมวตฺโถ’’ติ, จรนฺตานนฺติ จ อตฺโถ, เตนายํ วิภตฺติวิปลฺลาเสนปิ วจนวิปลฺลาเสนปีติ ทสฺเสติ. กิเลสมารสฺส โอตาราลาเภเนว อิตรมารานมฺปิ โอตาราลาโภ เวทิตพฺโพ. อยํ ปนตฺโถติ โคจเร จรณํ สนฺธายาห, วตฺถุ ปน พฺยติเรกมุเขน อาคตํ.

สกุเณ หนฺตีติ สกุณคฺฆิ, มหาเสนสกุโณ. อชฺฌปฺปตฺตาติ อภิภวนวเสน ปตฺตา อุปคตา. น มฺยายนฺติ เม อยํ สกุณคฺฆิ นาลํ อภวิสฺส. นงฺคลกฏฺกรณนฺติ นงฺคเลน กสิตปฺปเทโส. เลฑฺฑุฏฺานนฺติ เลฑฺฑูนํ อุฏฺปิตฏฺานํ. สเก พเลติ อตฺตโน พลเหตุ. อปตฺถทฺธาติ อวคาฬฺหตฺถมฺภา สฺชาตตฺถมฺภา. อสฺสรมานาติ อวฺหายนฺตี.

มหนฺตํ เลฑฺฑุนฺติ นงฺคเลน ภินฺนฏฺาเน สุกฺขตาย ติขิณสิงฺคอโยฆนสทิสํ มหนฺตํ เลฑฺฑุํ. อภิรุหิตฺวาติ ตสฺส อโธภาเคน อตฺตนา ปวิสิตฺวา นิลีนโยคฺคปฺปเทสํ สลฺลกฺเขตฺวา ตสฺสุปริ จงฺกมนฺโต อสฺสรมาโน อฏฺาสิ. ‘‘เอหิ โข’’ติอาทิ ตสฺส อสฺสรมานาการทสฺสนํ. สนฺนยฺหาติ วาตคฺคหณวเสน อุโภ ปกฺเข สมํ เปตฺวา. ปจฺจุปาทีติ ปาวิสิ. ตตฺเถวาติ ยตฺถ ปุพฺเพ ลาโป ิโต, ตตฺเถว เลฑฺฑุมฺหิ . อุรนฺติ อตฺตโน อุรปฺปเทสํ. ปจฺจตาเฬสีติ ปติ อตาเฬสิ สารมฺภวเสน เวเคน คนฺตฺวา ปหรณโต วิธาเรนฺตี ปตาเฬสิ. อารมฺมณนฺติ ปจฺจยํ. ‘‘อวสร’’นฺติ เกจิ.

‘‘กุสลาน’’นฺติ เอวํ ปวตฺตาย เทสนาย โก อนุสนฺธิ? ยถาอนุสนฺธิ เอว. อาทิโต หิ ‘‘อตฺตทีปา, ภิกฺขเว, วิหรถา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๘๐) เยว อตฺตธมฺมปริยาเยน โลกิยโลกุตฺตรธมฺมา คหิตา, เต เยเวตฺถ กุสลคฺคหเณน คหิตาติ. อนวชฺชลกฺขณานนฺติ อวชฺชปฏิปกฺขสภาวานํ. ‘‘อวชฺชรหิตสภาวาน’’นฺติ เกจิ. ตตฺถ ปุริเม อตฺถวิกปฺเป วิปากธมฺมธมฺมา เอว คหิตา, ทุติเย ปน วิปากธมฺมาปิ. ยทิ เอวํ, กถํ เตสํ สมาทาย วตฺตนนฺติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘วิปากธมฺมา สีลาทิ วิย สมาทาย วตฺติตพฺพา’’ติ. สมาทานนฺติ ปน อตฺตโน สนฺตาเน สมฺมา อาทานํ ปจฺจยวเสน ปวตฺติ เยวาติ ทฏฺพฺพํ. วิปากธมฺมา หิ ปจฺจยวิเสเสหิ สตฺตสนฺตาเน สมฺมเทว อาหิตา อายุอาทิสมฺปตฺติวิเสสภูตา อุปรูปริกุสลวิเสสุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสยา โหนฺตีติ วทนฺติ. ปุฺํ ปวฑฺฒตีติ เอตฺถ ปุฺนฺติ อุตฺตรปทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ปุฺผลํ วฑฺฒตี’’ติ. ปุฺผลนฺติ จ เอกเทสสรูเปกเสเสน วุตฺตํ ‘‘ปุฺฺจ ปุฺผลฺจ ปุฺผล’’นฺติ อาห ‘‘อุปรูปริ ปุฺมฺปิ ปุฺวิปาโกปิ เวทิตพฺโพ’’ติ.

‘‘มาตาปิตูน’’นฺติอาทิ นิทสฺสนมตฺตํ, ตสฺมา อฺมฺปิ เอวรูปํ เหตูปนิสฺสยํ กุสลํ ทฏฺพฺพํ. สิเนหวเสนาติ อุปนิสฺสยภูตสฺส สิเนหสฺส วเสน, น สมฺปยุตฺตสฺส. น หิ สิเนหสมฺปยุตฺตํ นาม กุสลํ อตฺถิ. มุทุมทฺทวจิตฺตนฺติ เมตฺตาวเสน อติวิย มทฺทวนฺตํ จิตฺตํ. ยถา มตฺถกปฺปตฺตํ วฏฺฏคามิกุสลํ ทสฺเสตุํ ‘‘มาตาปิตูนํ …เป… มุทุมทฺทวจิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ มตฺถกปฺปตฺตเมว วิวฏฺฏคามิกุสลํ ทสฺเสตุํ ‘‘จตฺตาโร สติ…เป… โพธิปกฺขิยธมฺมา’’ติ วุตฺตํ. ตทฺเปิ ปน ทานสีลาทิธมฺมา วฏฺฏสฺส อุปนิสฺสยภูตา วฏฺฏคามิกุสลํ วิวฏฺฏสฺส อุปนิสฺสยภูตา วิวฏฺฏคามิกุสลนฺติ เวทิตพฺพา. ปริโยสานนฺติ ผลวิเสสาวหตาย ผลทาย โกฏิ สิขาปฺปตฺติ, เทวโลเก จ ปวตฺติสิริวิภโวติ ปริโยสานํ ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติ วิเสสิตํ, มนุสฺสโลกวเสเนว จายํ เทสนา อาคตาติ. มคฺคผลนิพฺพานสมฺปตฺติ ปริโยสานนฺติ โยชนา. วิวฏฺฏคามิกุสลสฺส วิปากํ สุตฺตปริโยสาเน ทสฺสิสฺสติ ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, สงฺโข นาม ราชา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๐๘).

ทฬฺหเนมิจกฺกวตฺติราชกถาวณฺณนา

๘๑. อิธาติ อิมสฺมึ ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๑๐) สุตฺตเทสนาย อารทฺธฏฺาเน วฏฺฏวิวฏฺฏคามิภาเวน สาธารเณ กุสลคฺคหเณ. ตตฺถ วฏฺฏคามิกุสลานุสนฺธิวเสน ‘‘ภูตปุพฺพํ ภิกฺขเว’’ติ เทสนํ อารภิ, อารภนฺโต จ เทสิยมานมตฺตํ . ธมฺมปฏิคฺคาหกานํ ภิกฺขูนํ สงฺเขปโต เอวํ ทีเปตฺวา อารภีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ภิกฺขเว’’ติอาทิ วุตฺตํ, ปมํ ตถา อทีเปนฺโตปิ ภควา อตฺถโต ทีเปติ วิยาติ อธิปฺปาโย.

๘๒. อีสกมฺปีติ อปฺปมตฺตกมฺปิ. อวสกฺกิตนฺติ โอคตภฏฺํ. เนมิอภิมุขนฺติ เนมิปฺปเทสสฺส สมฺมุขา. พนฺธึสุ จกฺกรตนสฺส โอสกฺกิตาโนสกฺกิตภาวํ ชานิตุํ. ตเทตนฺติ ยถาวุตฺตฏฺานา จวนํ. อติพลวโทเสติ รฺโ พลวติ อนตฺเถ อุปฏฺิเต สติ.

อปฺปมตฺโตติ รฺโ อาณาย ปมาทํ อกโรนฺโต.

เอกสมุทฺทปริยนฺตเมวาติ ชมฺพุทีปเมว สนฺธาย วทติ. โส อุตฺตรโต อสฺสกณฺณปพฺพเตน ปริจฺฉินฺนํ หุตฺวา อตฺตานํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตเอกสมุทฺทปริยนฺโต. ปุฺิทฺธิวเสนาติ จกฺกวตฺติภาวาวหาย ปุฺิทฺธิยา วเสน.

๘๓. เอวํ กตฺวาติ กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา. สุกตํ กมฺมนฺติ ทสกุสลกมฺมปถเมว วทติ.

‘‘ทสวิธํ, ทฺวาทสวิธ’’นฺติ จ วุตฺตวิภาโค ปรโต อาคมิสฺสติ. ปูเรนฺเตเนวาติ ปูเรตฺวา ิเตเนว. นิทฺโทเสติ จกฺกวตฺติวตฺตสฺส ปฏิปกฺขภูตานํ โทสานํ อปคมเน นิทฺโทเส. จกฺกวตฺตีนํ วตฺเตติ จกฺกวตฺติราชูหิ วตฺติตพฺพวตฺเต. ภาวินิ ภูเต วิย หิ อุปจาโร ยถา ‘‘อคมา ราชคหํ พุทฺโธ’’ติ (สุ. นิ. ๔๑๐). อธิคตจกฺกวตฺติภาวาปิ หิ เต ตตฺถ วตฺตนฺเตวาติ ตถา วุตฺตํ.

จกฺกวตฺติอริยวตฺตวณฺณนา

๘๔. อฺถา วตฺติตุํ อเทนฺโต โส ธมฺโม อธิฏฺานํ เอตสฺสาติ ตทธิฏฺานํ, เตน ตทธิฏฺาเนน เจตสา. สกฺกโรนฺโตติ อาทรกิริยาวเสน กโรนฺโต. เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. ครุํ กโรนฺโตติ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกรณวเสน ครุํ กโรนฺโต. เตเนวาห ‘‘ตสฺมึ คารวุปฺปตฺติยา’’ติ. มาเนนฺโตติ สมฺภาวนาวเสน มเนน ปิยายนฺโต. เตนาห ‘‘ตเมวา’’ติอาทิ. เอวํ ปูชยโต อปจายโต เอวฺจ ยถาวุตฺตสกฺการาทิสมฺภโวติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ อปทิสิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ธมฺมาธิปติภูโต อาคตภาเวนา’’ติ อิมินา ยถาวุตฺตธมฺมสฺส เชฏฺกภาเวน ปุริมปุริมตรอตฺตภาเวสุ สกฺกจฺจ สมุปจิตภาวํ ทสฺเสติ. ‘‘ธมฺมวเสเนว สพฺพกิริยานํ กรเณนา’’ติ เอเตน านนิสชฺชาทีสุ ยถาวุตฺตธมฺมนินฺนโปณปพฺภารภาวํ ทสฺเสติ. อสฺสาติ รกฺขาวรณคุตฺติยา. ปรํ รกฺขนฺโต อฺํ ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺถโต รกฺขนฺโต เตเนว ปรตฺถสาธเนน ขนฺติอาทิคุเณน อตฺตานํ ตโต เอว รกฺขติ. เมตฺตจิตฺตตาติ เมตฺตจิตฺตตาย. นิวาสนปารุปนเคหาทีนํ สีตุณฺหาทิปฏิพาหเนน อาวรณํ. อนฺโต ชนสฺมินฺติ อพฺภนฺตรภูเต ปุตฺตทาราทิชเน.

‘‘สีลสํวเร ปติฏฺาเปหี’’ติ อิมินา รกฺขํ ทสฺเสติ, ‘‘วตฺถคนฺธมาลาทีนิ เทหี’’ติ อิมินา อาวรณํ, อิตเรน คุตฺตึ. ภตฺตเวตนสมฺปทาเนนปีติ ปิ-สทฺเทน สีลสํวเร ปติฏฺาปนาทีนิ สมฺปิณฺเฑติ. เอเสว นโย อิโต ปเรสุปิ ปิ-สทฺทคฺคหเณสุ. นิคโม นิวาโส เอเตสนฺติ เนคมา, เอวํ ชานปทาติ อาห ‘‘นิคมวาสิโน’’ติอาทิ.

นววิธา มานมทาติ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๔.๑๐๘; ธ. ส. ๑๑๒๑; วิภ. ๘๖๖; มหานิ. ๒๑, ๑๗๘) นยปฺปวตฺติยา นววิธา มานสงฺขาตา มทา. มาโน เอว เหตฺถ ปมชฺชนากาเรน ปวตฺติยา มานมโท. โสภเน กายิกวาจสิกกมฺเม รโตติ สูรโต อุ-การสฺส ทีฆํ กตฺวา, ตสฺส ภาโว โสรจฺจํ, กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, สพฺพํ วา กายวจีสุจริตํ. สุฏฺุ โอรโตติ โสรโต, ตสฺส ภาโว โสรจฺจํ, ยถาวุตฺตเมว สุจริตํ. ราคาทีนนฺติ ราคโทสโมหมานาทีนํ. ทมนาทีหีติ ทมนสมนปรินิพฺพาปเนหิ. เอกมตฺตานนฺติ เอกํ จิตฺตํ, เอกจฺจํ อตฺตโน จิตฺตนฺติ อตฺโถ. ราคาทีนฺหิ ปุพฺพภาคิยํ ทมนาทิปจฺเจกํ อิจฺฉิตพฺพํ, น มคฺคกฺขเณ วิย เอกชฺฌํ ปฏิสงฺขานมุเขน ปชหนโต. เอกมตฺตานนฺติ วา วิเวกวเสน เอกํ เอกากินํ อตฺตานํ. กาเล กาเลติ เตสํ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตพฺเพ กาเล กาเล.

อิธ ตฺวาติ ‘‘อิทํ โข, ตาต, ต’’นฺติ เอวํ นิคมนวเสน วุตฺตฏฺาเน ตฺวา. วตฺตนฺติ อริยจกฺกวตฺติวตฺตํ. สมาเนตพฺพนฺติ ‘‘ทสวิธํ, ทฺวาทสวิธ’’นฺติ จ เหฏฺา วุตฺตคณนาย จ สมานํ กาตพฺพํ อนูนํ อนธิกํ กตฺวา ทสฺเสตพฺพํ. อธมฺมราคสฺสาติ อยุตฺตฏฺาเน ราคสฺส. วิสมโลภสฺสาติ ยุตฺตฏฺาเนปิ อติวิย พลวภาเวน ปวตฺตโลภสฺส.

จกฺกรตนปาตุภาววณฺณนา

๘๕. วตฺตมานสฺสาติ ปริปุณฺเณ จกฺกวตฺติวตฺเต วตฺตมานสฺส, โน อปริปุณฺเณติ อาห ‘‘ปูเรตฺวา วตฺตมานสฺสา’’ติ. กิตฺตาวตา ปนสฺส ปาริปูรี โหตีติ? ตตฺถ ‘‘กตาธิการสฺส ตาว เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ทฺวาทสหิปิ สํวจฺฉเรหิ ปูรติ, ปฺจวีสติยา, ปฺาสาย วา สํวจฺฉเรหิ. อยฺจ เภโท ธมฺมจฺฉนฺทสฺสปิ ติกฺขมชฺฌมุทุตาวเสน, อิตรสฺส ตโต ภิยฺโยปี’’ติ วทนฺติ.

ทุติยาทิจกฺกวตฺติกถาวณฺณนา

๙๐. อตฺตโน มติยาติ ปรมฺปราคตํ ปุราณํ ตนฺตึ ปเวณึ ลงฺฆิตฺวา อตฺตโน อิจฺฉิตากาเรน. เตนาห ‘‘โปราณก’’นฺติอาทิ.

ปพฺพนฺตีติ สมิทฺธิยา น ปูเรนฺติ, ผีตา น โหนฺตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น วฑฺฒนฺตี’’ติ. ตถา จาห ‘‘กตฺถจิ สุฺา โหนฺตี’’ติ. ตตฺถ ตตฺถ ราชกิจฺเจ รฺา อมา สห วตฺตนฺตีติ อมจฺจา, เยหิ วินา ราชกิจฺจํ นปฺปวตฺตติ. ปรมฺปราคตา หุตฺวา รฺโ ปริสาย ภวาติ ปาริสชฺชา. เตนาห ‘‘ปริสาวจรา’’ติ. ตสฺมึ านนฺตเร ปิตา หุตฺวา รฺโ อายํ, วยฺจ ยาถาวโต คเณนฺตีติ คณกา. ชาติกุลสุตาจาราทิวเสน ปุถุตฺตํ คตตฺตา มหตี มตฺตา เอเตสนฺติ มหามตฺตา, เต ปน มหานุภาวา อมจฺจา เอวาติ อาห ‘‘มหาอมจฺจา’’ติ. เย รฺโ หตฺถานีกาทีสุ อวฏฺิตา, เต อนีกฏฺาติ อาห ‘‘หตฺถิอาจริยาทโย’’ติ . มนฺตํ ปฺํ อสิตา หุตฺวา ชีวนฺตีติ มนฺตสฺสาชีวิโน, มติสชีวาติ อตฺโถ, เย ตตฺถ ตตฺถ ราชกิจฺเจ อุปเทสทายิโน. เตนาห ‘‘มนฺตา วุจฺจติ ปฺา’’ติอาทิ.

อายุวณฺณาทิปริหานิกถาวณฺณนา

๙๑. พลวโลภตฺตาติ ‘‘อิมสฺมึ โลเก อิทานิ ทลิทฺทมนุสฺสา นาม พหู, เตสํ สพฺเพสํ ธเน อนุปฺปทิยมาเน มยฺหํ โกสสฺส ปริกฺขโย โหตี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺนพลวโลภตฺตา. อุปรูปริภูมีสูติ ฉกามสคฺคสงฺขาตาสุ อุปรูปริกามภูมีสุ. กมฺมสฺส ผลํ อคฺคํ นาม, ตํ ปเนตฺถ อุทฺธคามีติ อาห ‘‘อุทฺธํ อคฺคํ อสฺสา’’ติ. สคฺเค นิยุตฺตา, สคฺคปฺปโยชนาติ วา โสวคฺคิกา. ทสนฺนํ วิเสสานนฺติ ทิพฺพอายุวณฺณยสสุขอาธิปเตยฺยานฺเจว ทิพฺพรูปาทีนฺจ ผลวิเสสานํ . วณฺณคฺคหเณน เจตฺถ สโก อตฺตภาววณฺโณ คหิโต, รูปคฺคหเณน พหิทฺธา รูปารมฺมณํ.

๙๒. สุฏฺุนิสิทฺธนฺติ ยถายํ อิมินา อตฺตภาเวน อทินฺนํ อาทาตุํ น สกฺโกติ, เอวํ สมฺมเทว ตโต นิเสธิตํ กตฺวา. มูลหตนฺติ ชีวิตา โวโรปเนน มูเล เอว หตํ.

๙๖. ราควเสน จรณํ จริตฺตํ, จริตฺตเมว จาริตฺตํ, เมถุนนฺติ อธิปฺปาโย, ตํ ปน ‘‘ปเรสํ ทาเรสู’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘มิจฺฉาจาร’’นฺติ อาห.

๑๐๐. ปจฺจนีกทิฏฺีติ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกาย (ม. นิ. ๑.๔๔๑; ๒.๙๔; วิภ. ๗๙๓) สมฺมาทิฏฺิยา ปฏิปกฺขภูตา ทิฏฺิ.

๑๐๑. มาตุจฺฉาทิกา อุปริ สยเมว วกฺขติ. อติพลวโลโภติ อติวิย พลวา พหลกิเลโส, เยน อกาเล, อเทเส จ ปวตฺตติ. มิจฺฉาธมฺโมติ มิจฺฉา วิปรีโต อวิสภาควตฺถุโก โลภธมฺโม. เตนาห ‘‘ปุริสาน’’นฺติอาทิ.

ตสฺส ภาโวติ เยน เมตฺตากรุณาปุพฺพงฺคเมน จิตฺเตน ปุคฺคโล ‘‘มตฺเตยฺโย’’ติ วุจฺจติ, โส ตสฺส ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาโท, ตํสมุฏฺานา จ กิริยา มตฺเตยฺยตา. เตนาห ‘‘มาตริ สมฺมา ปฏิปตฺติยา เอตํ นาม’’นฺติ . ยา สมฺมา ปชฺชิตพฺเพ สมฺมา อปฺปฏิปตฺติ, โสปิ โทโส อคารวกิริยาทิภาวโต. วิปฺปฏิปตฺติยํ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อาห ‘‘ตสฺสา อภาโว เจว ตปฺปฏิปกฺขตา จ อมตฺเตยฺยตา’’ติ. กุเล เชฏฺานนฺติ อตฺตโน กุเล วุทฺธานํ มหาปิตุจูฬปิตุเชฏฺกภาติกาทีนํ.

ทสวสฺสายุกสมยวณฺณนา

๑๐๓. ‘‘ย’’นฺติ อิมินา สมโย อามฏฺโ, ภุมฺมตฺเถ เจตํ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติ. อลํ ปติโนติ อลํปเตยฺยา. ตสฺสา ปริยตฺตตา ภริยาภาเวนาติ อาห ‘‘ทาตุํ ยุตฺตา’’ติ. อคฺครสานีติ มธุรภาเวน, เภสชฺชภาเวน จ อคฺคภูตรสานิ.

ทิปฺปิสฺสนฺตีติ ปฏิปกฺขภาเวน สมุชฺชลิสฺสนฺติ. เตนาห ‘‘กุสลนฺติปิ น ภวิสฺสตี’’ติ . อโห ปุริโสติ มาตาทีสุปิ อีทิโส, อฺเสํ เกสํ กึ วิสฺสชฺเชสฺสติ, อโห เตชวปุริโสติ.

เคเห มาตุคามํ วิยาติ อตฺตโน เคเห ทาสิภริยาภูตมาตุคามํ วิย. มิสฺสีภาวนฺติ มาตาทีสุ ภริยาย วิย จาริตฺตสงฺกรํ.

พลวโกโปติ หนฺตุกามตาวเสน อุปฺปตฺติยา พลวโกโป. อาฆาเตตีติ อาหนติ, อตฺตโน กกฺขฬผรุสภาเวน จิตฺตํ วิพาธตีติ อตฺโถ. นิสฺสยทหนรโส หิ โทโส. พฺยาปาเทตีติ วินาเสติ, มโนปทูสนโต มนสฺส ปโกปนโต. ติพฺพนฺติ ติกฺขํ, สา ปนสฺส ติกฺขตา สรีเร อวหนฺเตปิ สิเนหวตฺถุํ ลงฺฆิตฺวาปิ ปวตฺติยา เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘ปิยมานสฺสปี’’ติอาทิ.

๑๐๔. กปฺปวินาโส กปฺโป อุตฺตรปทโลเปน, อนฺตราว กปฺโป อนฺตรกปฺโป. ตณฺหาทิเภโท กปฺโป เอตสฺส อตฺถีติ กปฺโป, สตฺตโลโกติ อาห ‘‘อนฺตราว โลกวินาโส’’ติ. สฺวายํ อนฺตรกปฺโป กติวิโธ, กถฺจสฺส สมฺภโว, กึ คติโกติ อนฺโตคธํ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อนฺตรกปฺโป จ นามา’’ติอาทิ. โลภุสฺสทายาติ โลภาธิกาย ปชาย วตฺตมานาย.

เอวํ จินฺตยึสูติ ปุพฺเพ ยถานุสฺสวานุสฺสรเณน, อตฺตโน จ อายุวิเสสสฺส ลภนโต. คุมฺพลตาทีหิ คหนํ านนฺติ คุมฺพลตาทีหิ สฺฉนฺนตาย คหนภูตํ านํ. รุกฺเขหิคหนนฺติ รุกฺเขหิ นิรนฺตรนิจิเตหิ คหนภูตํ . นทีวิทุคฺคนฺติ ฉินฺนตฏาหิ นทีหิ โอรโต, ปารโต จ วิทุคฺคํ. เตนาห ‘‘นทีน’’นฺติอาทิ. ปพฺพเตหิ วิสมํ ปพฺพตนฺตรํ. ปพฺพเตสุ วา ฉินฺนตเฏสุ ทุราโรหํ วิสมฏฺานํ. สภาเคติ ชีวนวเสน สมานภาเค สทิเส กริสฺสนฺติ.

อายุวณฺณาทิวฑฺฒนกถาวณฺณนา

๑๐๕. อายตนฺติ วา ทีฆํ จิรกาลิกํ. มรณวเสน หิ าติกฺขโย อายโต อปุนราวตฺตนโต, น ราชภยาทินา อุกฺกมนวเสน ปุนราวตฺติยาปิ ตสฺส ลพฺภนโต. โอสกฺเกยฺยามาติ โอรเมยฺยาม. วิรมณมฺปิ อตฺถโต ปชหนเมว ปริจฺจชนภาวโตติ อาห ‘‘ปชเหยฺยามาติ อตฺโถ’’ติ. สีลคพฺเภ วฑฺฒิตตฺตาติ มาตุ, ปิตุ จ สีลวนฺตตาย ตทวยวภูเต คพฺเภ วฑฺฒิ ‘‘สีลคพฺเภ วฑฺฒิตา’’ติ วุตฺตา, เอเตน อุตุอาหารสฺส วิย ตทฺสฺสาปิ พาหิรสฺส ปจฺจยสฺส วเสน สตฺตสนฺตานสฺส วิเสสาธานํ โหตีติ ทสฺเสติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๗) วุตฺตเมว. เขตฺตวิสุทฺธิยาติ อธิฏฺานภูตวตฺถุวิสุทฺธิยา. นนุ จ ตํ วิเสสาธานํ ชายมานํ รูปสนฺตติยา เอว ภเวยฺยาติ? สจฺจเมตํ, รูปสนฺตติยา ปน ตถา อาหิตวิเสสาย อรูปสนฺตติปิ ลทฺธูปการา เอว โหติ ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติภาวโต. ยถา กพฬีการาหาเรน อุปตฺถมฺภิเต รูปกาเย สพฺโพปิ อตฺตภาโว อนุคฺคหิโต เอว นาม โหติ, ยถา ปน รฺโ จกฺกวตฺติโน ปุฺวิเสสํ อุปนิสฺสาย ตสฺส อิตฺถิรตนาทีนํ อนฺสาธารณา เต เต วิเสสา สมฺภวนฺติ ตพฺภาเว ภาวโต, ตทภาเว จ อภาวโต, เอวเมว ตสฺมึ กาเล มาตาปิตูนํ ยถาวุตฺตปุฺวิเสสํ อุปนิสฺสาย เตสํ ปุตฺตานํ ชายมานานํ ทีฆายุกตา เขตฺตวิสุทฺธิยาว โหตีติ เวทิตพฺพา สํเวคธมฺมฉนฺทาทิสมุปพฺรูหิตาย ตทา เตสํ กุสลเจตนาย ตถา อุฬารภาเวน สมุปฺปชฺชนโต. เอตฺถาติ อิมสฺมึ มนุสฺสโลเก, ตตฺถาติ ยถาวุตฺตํ กุสลธมฺมํ สมาทาย วตฺตมาเน สตฺตนิกาเย. ตตฺเถวาติ ตสฺมึเยว สตฺตนิกาเย. ‘‘อตฺตโนว สีลสมฺปตฺติยา’’ติ วุตฺตํ สสนฺตติปริยาปนฺนสฺส ธมฺมสฺส ตตฺถ วิเสสปฺปจฺจยภาวโต. เขตฺตวิสุทฺธิปิ ปน อิธาปิ ปฏิกฺขิปิตุํ น สกฺกา.

โกฏฺาสาติ จตฺตารีสวสฺสายุกาติอาทโย อสีติวสฺสสหสฺสายุกปริโยสานา เอกาทส โกฏฺาสา. อทินฺนาทานาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน กุเล เชฏฺาปจายิกาปริโยสานานํ ทสนฺนํ ปาปโกฏฺาสานํ คหณํ.

สงฺขราชอุปฺปตฺติวณฺณนา

๑๐๖. เอวํ อุปฺปชฺชนกตณฺหาติ เอวํ วจีเภทํ ปาปนวเสน ปวตฺตา ภุฺชิตุกามตา. อนสนนฺติ กายิกกิริยาอสมตฺถตาเหตุภูโต สรีรสงฺโกโจ. เตนาห ‘‘อวิปฺผาริกภาโว’’ติอาทิ. ฆนนิวาสตนฺติ คามนิคมราชธานีนํ ฆนนิวิฏฺตํ อฺมฺสฺส นาติทูรวตฺติตํ. นิรนฺตรปูริโตติ นิรนฺตรํ วิย ปุณฺโณ ตตฺรุปคานํ สตฺตานํ พหุภาวโต.

เมตฺเตยฺยพุทฺธุปฺปาทวณฺณนา

๑๐๗. กิฺจาปิ ปุพฺเพ วฑฺฒมานกวเสน เทสนา อาคตํ, อิทํ ปน น วฑฺฒมานกวเสน วุตฺตํ. กสฺมาติ เจ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. สตฺตานํ วฑฺฒมานายุกกาเล พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ สํสาเร สํเวคสฺส ทุพฺพิภาวนียตฺตา . ตโต วสฺสสตสหสฺสโต โอรเมว พุทฺธุปฺปาทกาโล.

๑๐๘. สมุสฺสิตฏฺเน ยูโป วิยาติ ยูโป, ยูปนฺติ เอตฺถ สตฺตา อเนกภูมิกูฏาคาโรวรกาทิวนฺตตายาติ ยูโป, ปาสาโท. รฺโ เหตุภูเตนาติ เหตุอตฺเถ กรณวจนนฺติทสฺเสติอุสฺสาหสมฺปตฺติอาทินา. มหตา ราชานุภาเวน, มหตา จ กิตฺติสทฺเทน สมนฺนาคตตฺตา จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ มหาชนสฺส รฺชนโต มหาปนาโท นาม ราชา ชาโต. ชาตเกติ มหาปนาทชาตเก (ชา. ๑.๓.๔๐ มหาปนาทชาตเก).

ปนาโท นาม โส ราชาติ ‘‘อตีเต ปนาโท นาม โส ราชา อสฺโสสี’’ติ อตฺตภาวนฺตรตาย อตฺตานํ ปรํ วิย นิทฺทิสติ. อายสฺมา หิ ภทฺทชิตฺเถโร อตฺตนา อชฺฌาวุตฺถปุพฺพํ สุวณฺณปาสาทํ ทสฺเสตฺวา เอวมาห. ยสฺส ยูโป สุวณฺณโยติ ยสฺส รฺโ อยํ ยูโป ปาสาโท สุวณฺณโย สุวณฺณมโย. ติริยํ โสฬสุพฺเพโธติ วิตฺถารโต โสฬสสรปาตปฺปมาโณ, โส ปน อฑฺฒโยชนปฺปมาโณ โหติ. อุพฺภมาหุสหสฺสธาติ อุพฺภํ อุจฺจภาวํ อสฺส ปาสาทสฺส สหสฺสธา สหสฺสกณฺฑปฺปมาณํ อาหุ, โส ปน โยชนโต ปฺจวีสติโยชนปฺปมาโณ โหติ. เกจิ ปเนตฺถ คาถาสุขตฺถํ ‘‘อาหู’’ติ ทีฆํ กตํ, อหุ อโหสีติ อตฺถํ วทนฺติ.

สหสฺสกณฺโฑติ สหสฺสภูมิโก, ‘‘สหสฺสขณฺโฑ’’ ติปิ ปาโ, โส เอว อตฺโถ. สตเคณฺฑูติ อเนกสตนิยูหโก. ธชาลูติ ตตฺถ ตตฺถ นิยูหสิขราทีสุ ปติฏฺปิเตหิ สตฺติธชวีรงฺคธชาทีหิ ธเชหิ สมฺปนฺโน. หริตามโยติ จามีกรสุวณฺณมโย. เกจิ ปน หริตามโยติ ‘‘หริตมณิปริกฺขโฏ’’ติ วทนฺติ. คนฺธพฺพาติ นฏา. ฉสหสฺสานิ สตฺตธาติ ฉมตฺตานิ คนฺธพฺพสหสฺสานิ สตฺตธา ตสฺส ปาสาทสฺส สตฺตสุ าเนสุ รฺโ อภิรมาปนตฺถํ นจฺจึสูติ อตฺโถ. เต เอวํ นจฺจนฺตาปิ กิร ราชานํ หาเสตุํ นาสกฺขึสุ. อถ สกฺโก เทวราชา เทวนฏํ เปเสตฺวา สมชฺชํ กาเรสิ, ตทา ราชา หสีติ.

โกฏิคาโม นาม มาปิโต. วตฺถูติ ภทฺทชิตฺเถรสฺส วตฺถุ. ตํ เถรคาถาวณฺณนายํ (เถรคา. อฏฺ. ภทฺทชิตฺเถรคาถาวณฺณนาย) วิตฺถารโต อาคตเมว. อิตรสฺสาติ นฬการเทวปุตฺตสฺส. อานุภาวาติ ปุฺานุภาวนิมิตฺตํ.

ทานวเสน ทตฺวาติ ตํ ปาสาทํ อตฺตโน ปริคฺคหภาววิโยชเนน ทานมุเข นิโยเชตฺวา. วิสฺสชฺเชตฺวาติ จิตฺเตเนว ปริจฺจชนวเสน ทตฺวา ปุน ทกฺขิเณยฺยานํ สนฺตกภาวกรเณน นิรเปกฺขปริจฺจาควเสน วิสฺสชฺเชตฺวา. เอตฺตเกนาติ ‘‘ภูตปุพฺพํ ภิกฺขเว’’ติ อาทึ กตฺวา ยาว ‘‘ปพฺพชิสฺสตี’’ติ ปทํ เอตฺตเกน เทสนามคฺเคน.

ภิกฺขุโน อายุวณฺณาทิวฑฺฒนกถาวณฺณนา

๑๑๐. อิทํภิกฺขุโน อายุสฺมินฺติ อายุสฺมึ สาเธตพฺเพ อิทํ ภิกฺขุโน อิจฺฉิตพฺพํ จิรชีวิตาย เหตุภาวโตติ. เตนาห ‘‘อิทํ อายุการณ’’นฺติ.

สมฺปนฺนสีลสฺส อวิปฺปฏิสารปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธิสุขสมาธิยถาภูตาณาทิสมฺภวโต ตํสมุฏฺานปณีตรูเปหิ กายสฺส ผุฏตฺตา สรีเร วณฺณธาตุ วิปฺปสนฺนา โหติ, กลฺยาโณ จ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตีติ อาห ‘‘สีลวโต หี’’ติอาทิ.

วิเวกชํ ปีติสุขาทีติ อาทิ-สทฺเทน สมาธิชํ ปีติสุขํ, อปีติชํ กายสุขํ, สติปาริสุทฺธิชํ อุเปกฺขาสุขฺจ สงฺคณฺหาติ.

อปฺปฏิกฺกูลตาวโหติ อปฺปมาณานํ สตฺตานํ, อตฺตโน จ เตสุ อปฺปฏิกฺกูลภาวโต. หิตูปสํหาราทิวเสน ปวตฺติยา สพฺพทิสาสุ ผรณอปฺปมาณวเสน สพฺพทิสาสุ วิปฺผาริกตา.

‘‘อรหตฺตผลสงฺขาตํ พล’’นฺติ วุตฺตํ ตสฺส อกุปฺปธมฺมตาย เกนจิ อนภิภวนียภาวโต.

‘‘โลเก’’ติ อิทํ ยถา ‘‘เอกพลมฺปี’’ติ อิมินา สมฺพนฺธียติ, เอวํ ‘‘ทุปฺปสหํ ทุรภิสมฺภว’’นฺติ อิเมหิปิ สมฺพนฺธิตพฺพํ. โลกปริยาปนฺเนเหว หิ ธมฺเมหิ เตสํ พลสฺส ทุปฺปสหตา, ทุรภิสมฺภวตา, น โลกุตฺตเรหีติ. เอตฺเถวาติ เอตสฺมึ อรหตฺตผเล เอว, ตทตฺถนฺติ อตฺโถ.

โลกุตฺตรปุฺมฺปีติ โลกุตฺตรปุฺมฺปิ ปุฺผลมฺปิ. ยาว อาสวกฺขยา ปวฑฺฒติ วิวฏฺฏคามิกุสลธมฺมานํ สมาทานเหตูติ โยชนา. อมตปานํ ปิวึสุ เหฏฺิมมคฺคผลสมธิคมวเสนาติ อธิปฺปาโย.

จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.