📜
๕. สมฺปสาทนียสุตฺตวณฺณนา
สาริปุตฺตสีหนาทวณฺณนา
๑๔๑. ปาวาเรนฺติ ¶ ¶ ¶ สฺฉาเทนฺติ สรีรํ เอเตนาติ ปาวาโร, วตฺถํ. ปาวรณํ วา ปาวาโร, ‘‘วตฺถํ ทุสฺส’’นฺติ ปริยายสทฺทา เอเตติ ทุสฺสเมว ปาวาโร, โส เอตสฺส พหุวิโธ อเนกโกฏิปฺปเภโท ภณฺฑภูโต อตฺถีติ ทุสฺสปาวาริโก. โส กิร ปุพฺเพ ทหรกาเล ทุสฺสปาวารภณฺฑเมว พหุํ ปริคฺคเหตฺวา วาณิชฺชํ อกาสิ, เตน นํ เสฏฺิฏฺาเน ิตมฺปิ ‘‘ปาวาริโก’’ ตฺเวว สฺชานนฺติ. ภควตีติ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เตน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เถเรน วุตฺตวจนํ สพฺพํ สงฺคณฺหาติ. ‘‘กสฺมา เอวํ อโวจา’’ติ ตถาวจเน การณํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โสมนสฺสปเวทนตฺถ’’นฺติ กสฺมา ปโยชนํ วิสฺสชฺชิตํ, ตยิทํ อมฺพํ ปุฏฺสฺส ลพุชํ พฺยากรณสทิสนฺติ? นยิทเมวํ จินฺเตตพฺพํ. ยา หิสฺส เถรสฺส ตทา ภควติ โสมนสฺสุปฺปตฺติ, สา นิทฺธาริตรูปา การณภาเวน โจทิตา, ตสฺมา เอวํ อโวจาติ, สา เอว จ ยสฺมา นิทฺธาริตรูปา ปเวทนวเสน ภควโต สมฺมุขา ตถาวจนํ ปโยเชติ, ตสฺมา ‘‘อตฺตโน อุปฺปนฺนโสมนสฺสปเวทนตฺถ’’นฺติ ปโยชนภาเวน วิสฺสชฺชิตํ.
ตตฺราติ ตสฺมึ โสมนสฺสปเวทเน. วิหาเร นิวาสปริวตฺตนวเสน สุนิวตฺถนิวาสโน. อาภุชิตฺวาติ อาพนฺธิตฺวา.
สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘อโห สนฺโต วตายํ อริยวิหาโร’’ติ สมาปตฺติสุขปจฺจเวกฺขณมุเขน อตฺตโน คุเณ อนุสฺสริตุํ อารทฺโธ, อารภิตฺวา จ เนสํ ตํ ตํ สามฺวิเสสวิภาควเสน อนุสฺสริ. ตถา หิ ‘‘สมาธี’’ติ สามฺโต คหิตสฺเสว ‘‘ปมํ ฌาน’’นฺติอาทินา ¶ วิเสสวิภาโค, ‘‘ปฺา’’ติ สามฺโต จ คหิตสฺเสว ‘‘วิปสฺสนาาณ’’นฺติอาทินา วิเสสวิภาโค อุทฺธโฏ. ‘‘โลกิยาภิฺาสุ ทิพฺพจกฺขุาณสฺเสว คหณํ เถรสฺส ¶ อิตเรหิ สาติสยนฺติ ทสฺเสตุ’’นฺติ วทนฺติ, ปุพฺเพนิวาสาณมฺปิ ปน ‘‘กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺสา’’ติอาทินา กิจฺจวเสน ทสฺสิตเมว, ลกฺขณหารวเสน วา อิตเรสํ เปตฺถ คหิตตา เวทิตพฺพา.
อตฺถปฺปเภทสฺส ¶ สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ อตฺเถ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ตถา ธมฺมปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. นิรุตฺติปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺติยํ ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. ปฏิภานปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถาน กรณสมตฺถํ ปฏิภาเน ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค, (วิสุทฺธิ. ๒.๔๒๘) ตํ สํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๒.๔๒๘) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. สาวกวิสเย ปรมุกฺกํสคตํ าณํ สาวกปารมิาณํ สพฺพฺุตฺาณํ วิย สพฺพเยฺยธมฺเมสุ. ตสฺสาปิ หิ วิสุํ ปริกมฺมํ นาม นตฺถิ, สาวกปารมิยา ปน สมฺมเทว ปริปูริตตฺตา อคฺคมคฺคสมธิคเมเนวสฺส สมธิคโม โหติ. สพฺพฺุตฺาณสฺเสว สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ยาว นิสินฺนปลฺลงฺกา อนุสฺสรโตติ โยชนา.
ภควโต สีลํ นิสฺสาย คุเณ อนุสฺสริตุมารทฺโธติ โยชนา. ยสฺมา คุณานํ พหุภาวโต เนสํ เอกชฺฌํ อาปาถาคมนํ นตฺถิ, สติ จ ตสฺมึ อนิรูปิตรูเปเนว อนุสฺสรเณน ภวิตพฺพํ, ตสฺมา เถโร สวิสเย ตฺวา เต อนุปทํ สรูปโต อนุสฺสริ, อนุสฺสรนฺโต จ สพฺพปมํ สีลํ อนุสฺสริ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภควโต สีลํ นิสฺสายา’’ติ อาห, สีลํ อารพฺภาติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ยสฺมา เจตฺถ เถโร เอเกกวเสน ¶ ภควโต คุเณ อนุสฺสริตฺวา ตโต ปรํ จตุกฺกปฺจกาทิวเสน อนุสฺสริ, ตสฺมา ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาเท’’ติ วตฺวา ตโต ปรํ โพชฺฌงฺคภาวนาสามฺเน อินฺทฺริเยสุ วตฺตพฺเพสุ ตานิ อคฺคเหตฺวา ‘‘จตฺตาโร มคฺเค’’ติอาทิ วุตฺตํ. จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ มหาสีหนาทสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๑๕๒) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. จตฺตาโร อริยวํสา อริยวํสสุตฺเต (อ. นิ. ๔.๒๘) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพา.
ปธานิยงฺคาทโย สงฺคีติ (ที. นิ. ๓.๓๑๗) ทสุตฺตรสุตฺเตสุ (ที. นิ. ๓.๓๕๕) อาคมิสฺสนฺติ. ฉ สารณีย ธมฺมา ปรินิพฺพานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๑๔๑) อาคตา เอว. สุขํ สุปนาทโย (อ. นิ. ๑๑.๑๕; ปฏิ. ม. ๒.๒๒) เอกาทส เมตฺตานิสํสา ¶ . ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทินา สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑, มหาว. ๑๕, ปฏิ. ม. ๒.๓๐) จตูสุ อริยสจฺเจสุ ติปริวตฺตวเสน อาคตา ทฺวาทส ธมฺมจกฺกาการา. มคฺคผเลสุ ปวตฺตานิ ¶ อฏฺ าณานิ, ฉ อสาธารณาณานิ จาติ จุทฺทส พุทฺธาณานิ. ปฺจทส วิมุตฺติปริปาจนิยา ธมฺมา เมฆิยสุตฺตวณฺณนายํ (อุทา. อฏฺ. ๓๑) คเหตพฺพา, โสฬสวิธา อานาปานสฺสติ อานาปานสฺสติสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๑๔๘), อฏฺารส พุทฺธธมฺมา (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕; ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕) เอวํ เวทิตพฺพา –
อตีตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณํ, อนาคตํเส, ปจฺจุปฺปนฺนํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณํ. อิเมหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺติ, สพฺพํ วจีกมฺมํ, สพฺพํ มโนกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺติ. อิเมหิ ฉหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานิ, นตฺถิ ธมฺมเทสนาย หานิ, นตฺถิ วีริยสฺส หานิ, นตฺถิ สมาธิสฺส หานิ, นตฺถิ ปฺาย หานิ, นตฺถิ วิมุตฺติยา หานิ. อิเมหิ ทฺวาทสหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นตฺถิ ทวา, นตฺถิ รวา, นตฺถิ อปฺผุฏฺํ, นตฺถิ เวคายิตตฺตํ, นตฺถิ อพฺยาวฏมโน, นตฺถิ อปฺปฏิสงฺขานุเปกฺขาติ.
ตตฺถ ¶ ‘‘นตฺถิ ทวาติ ขิฑฺฑาธิปฺปาเยน กิริยา นตฺถิ. นตฺถิ รวาติ สหสา กิริยา นตฺถี’’ติ วทนฺติ. สหสา ปน กิริยา ทวา, ‘‘อฺํ กริสฺสามี’’ติ อฺสฺส กรณํ รวา. นตฺถิ อปฺผุฏนฺติ าเณน อผุสิตํ นตฺถิ. นตฺถิ เวคายิตตฺตนฺติ ตุริตกิริยา นตฺถิ. นตฺถิ อพฺยาวฏมโนติ นิรตฺถกจิตฺตสมุทาจาโร นตฺถิ. นตฺถิ อปฺปฏิสงฺขานุเปกฺขาติ อฺาณุเปกฺขา นตฺถิ. เกจิ ปน ‘‘นตฺถิ ธมฺมเทสนาย หานี’’ติ อปิตฺวา ‘‘นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานิ, นตฺถิ วีริยสฺส หานิ, นตฺถิ สติยา [สตฺติยา (วิภ. มูลฏี. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา)] หานี’’ติ ปนฺติ.
ชรามรณาทีสุ เอกาทสสุ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ ปจฺเจกํ จตุสจฺจโยชนาวเสน ปวตฺตานิ จตุจตฺตาลีส าณานิเยว (สํ. นิ. ๒.๓๓) สุขวิเสสานํ อธิฏฺานภาวโต าณวตฺถูนิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยโต ¶ โข ภิกฺขเว อริยสาวโก เอวํ ชรามรณํ ปชานาติ, เอวํ ชรามรณสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ ชรามรณนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ ชรามรณนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๓๓).
ชรามรณสมุทโยติ ¶ เจตฺถ ชาติ อธิปฺเปตา. เสสปเทสุ ภวาทโย เวทิตพฺพา.
กุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ ผสฺสาทโย ปโรปณฺณาส กุสลธมฺมา.
‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ าณํ, ‘‘อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณ’’นฺติ าณํ, อตีตมฺปิ อทฺธานํ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ าณํ, ‘‘อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณ’’นฺติ าณํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ าณํ, ‘‘อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณ’’นฺติ าณํ. ‘‘ยมฺปิ อิทํ ธมฺมฏฺิติาณํ, ตมฺปิ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺม’’นฺติ าณนฺติ เอวํ ¶ ชรามรณาทีสุ เอกาทสสุ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ ปจฺเจกํ สตฺต สตฺต กตฺวา สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนิ (สํ. นิ. ๒.๓๔) เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ ยมฺปีติ ฉพฺพิธมฺปิ ปจฺจเวกฺขณาณํ วิปสฺสนารมฺมณภาเวน เอกชฺฌํ คเหตฺวา วุตฺตํ. ธมฺมฏฺิติาณนฺติ ฉปิ าณานิ สงฺขิปิตฺวา วุตฺตํ าณํ. ‘‘ขยธมฺม’’นฺติอาทินา ปน ปกาเรน ปวตฺตาณสฺส ทสฺสนํ, วิปสฺสนาทสฺสนโต วิปสฺสนา ปฏิวิปสฺสนาทสฺสนมตฺตเมวาติ น ตํ ‘‘องฺค’’นฺติ วทนฺติ, ปาฬิยํ (สํ. นิ. ๒.๓๔) ปน สพฺพตฺถ าณวเสน องฺคานํ วุตฺตตฺตา ‘‘นิโรธธมฺมนฺติ าณ’’นฺติ อิติ-สทฺเทน ปกาเสตฺวา วุตฺตํ วิปสฺสนาาณํ สตฺตมํ าณนฺติ อยมตฺโถ ทิสฺสติ. น หิ ยมฺปิ อิทํ ธมฺมฏฺิติาณํ, ตมฺปิ าณนฺติ สมฺพนฺโธ โหติ าณคฺคหเณน เอตสฺมึ าณภาวทสฺสนสฺส อนธิปฺเปตตฺตา, ‘‘ขยธมฺมํ…เป… นิโรธธมฺม’’นฺติ เอเตสํ สมฺพนฺธภาวปฺปสงฺโค จาติ. จตุวีสติ…เป… วชิราณนฺติ เอตฺถ เกจิ ตาว อาหุ ‘‘ภควา เทวสิกํ ทฺวาทสโกฏิสตสหสฺสกฺขตฺตุํ มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, ทฺวาทสโกฏิสตสหสฺสกฺขตฺตุเมว จ อรหตฺตผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, ตาสํ ปุเรจรํ, สหวจรฺจ าณํ ปฏิปกฺเขหิ อเภชฺชตํ, มหตฺตฺจ อุปาทาย มหาวชิราณํ นาม. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘ตถาคตํ ¶ , ภิกฺขเว, อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทฺเว วิตกฺกา พหุลํ สมุทาจรนฺติ – เขโม จ วิตกฺโก, ปวิเวโก จ วิตกฺโก’ติ (อิติวุ. ๓๘).
เขมวิตกฺโก หิ ภควโต มหากรุณาสมาปตฺตึ ปูเรตฺวา ิโต, ปวิเวกวิตกฺโก อรหตฺตผลสมาปตฺตึ. พุทฺธานฺหิ ภวงฺคปริวาโส ลหุโก, มตฺถกปฺปตฺโต สมาปตฺตีสุ ¶ วสีภาโว, ตสฺมา สมาปชฺชนวุฏฺานานิ กติปยจิตฺตกฺขเณเหว อิชฺฌนฺติ. ปฺจ รูปาวจรสมาปตฺติโย จตสฺโส อรูปสมาปตฺติโย อปฺปมฺาสมาปตฺติยา สทฺธึ ทส, นิโรธสมาปตฺติ, อรหตฺตผลสมาปตฺติ ¶ จาติ ทฺวาทเสตา สมาปตฺติโย ภควา ปจฺเจกํ ทิวเส ทิวเส โกฏิสตสหสฺสกฺขตฺตุํ ปุเรภตฺตํ สมาปชฺชติ, ตถา ปจฺฉาภตฺต’’นฺติ. ‘‘เอวํ สมาปชฺชิตพฺพสมาปตฺติสฺจาริตาณํ มหาวชิราณํ นามา’’ติ เกจิ.
อปเร ปน ‘‘ยํ ตํ ภควตา อภิสมฺโพธิทิวเส ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน ปฏิโลมนเยน ชรามรณโต ปฏฺาย าณํ โอตาเรตฺวา อนุปทธมฺมวิปสฺสนํ อารภนฺเตน ยถา นาม ปุริโส สุวิทุคฺคํ มหาคหนํ มหาวนํ ฉินฺทนฺโต อนฺตรนฺตรา นิสานสิลายํ ผรสุํ สุนิสิตํ กโรติ, เอวเมว นิสานสิลาสทิสิโย สมาปตฺติโย อนฺตรนฺตรา สมาปชฺชิตฺวา าณสฺส ติกฺขวิสทสูรภาวํ สมฺปาเทตุํ อนุโลมปฏิโลมโต ปจฺเจกํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺควเสน สมฺมสนฺโต ทิวเส ทิวเส ลกฺขโกฏิลกฺขโกฏิผลสมาปตฺติโย สมาปชฺชติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘จตุวีสติ…เป… มหาวชิราณํ นิสฺสายา’ติ’’. นนุ ภควโต สมาปตฺติสมาปชฺชเน ปริกมฺเม ปโยชนํ นตฺถีติ? นยิทํ เอกนฺติกํ. ตถา หิ เวทนาปฏิปฺปณามนาทีสุ สวิเสสํ ปริกมฺมปุพฺพงฺคเมน สมาปตฺติโย สมาปชฺชิ. อปเร ปน ‘‘โลกิยสมาปตฺติสมาปชฺชเน ปริกมฺเมน ปโยชนํ นตฺถิ. โลกุตฺตรสมาปตฺติสมาปชฺชเน ตชฺชํ ปริกมฺมํ อิจฺฉิตพฺพเมวา’’ติ วทนฺติ.
‘‘อปรมฺปรา’’ติ ¶ ปทํ เยสํ เทสนาย อตฺถิ, เต อปรมฺปริยาว. กุสลปฺตฺติยนฺติ กุสลธมฺมานํ ปฺาปเน. อนุตฺตโรติ อุตฺตโม. อุปนิสฺสเย ตฺวาติ าณูปนิสฺสเย ตฺวา ยาทิโส ปุพฺพูปนิสฺสโย ปุพฺพโยโค, ¶ ตตฺถ ปติฏฺาย. มหนฺตโต สทฺทหติ ปฏิปกฺขวิคเมน าณสฺส วิย สทฺธายปิ ติกฺขวิสทภาวาปตฺติโต. อวเสสอรหนฺเตหีติ ปกติสาวเกหิ. อสีติ มหาเถรา ปรมตฺถทีปนิยํ เถรคาถาวณฺณนายํ นามโต อุทฺธฏา. จตฺตาโร มหาเถราติ มหากสฺสปอนุรุทฺธมหากจฺจานมหาโกฏฺิกตฺเถรา. เตสุปิ อคฺคสาวเกสุ สาริปุตฺตตฺเถโร ปฺาย วิสิฏฺภาวโต. สาริปุตฺตตฺเถรโตปิ เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ ติกฺขวิสทาโณ อภินีหารมหนฺตตาย สมฺภตาณสมฺภารตฺตา. สติปิ ปจฺเจกโพธิยา อวิเสเสสุ พหูสุ เอกชฺฌํ สนฺนิปติเตสุ ปุพฺพโยควเสน โลกิเย วิสเย สิยา กสฺสจิ าณสฺส วิสิฏฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘สพฺพฺุพุทฺโธว พุทฺธคุเณ มหนฺตโต สทฺทหตี’’ติ อิทํ เหฏฺา อาคตเทสนาโสตวเสน วุตฺตํ. พุทฺธา หิ พุทฺธคุเณ มหตฺตํ ปจฺจกฺขโตว ปสฺสนฺติ, น สทฺทหนวเสน.
อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘เสยฺยถาปิ นามา’’ติอาทิ อารทฺธํ. คมฺภีโร อุตฺตาโนติ ¶ คมฺภีโร วา อุตฺตาโน วาติ ชานนตฺถํ. ‘‘เอวเมวา’’ติอาทิ ยถาทสฺสิตาย อุปมาย อุปเมยฺเยน สํสนฺทนํ. พุทฺธคุเณสุ อปฺปมตฺตวิสยมฺปิ โลกิยมหาชนสฺส าณํ อปวตฺติตรูเปเนว ปวตฺตติ อนวตฺติตสภาวตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘เอกพฺยาม…เป… เวทิตพฺพา’’ติ. ตตฺถ ¶ าตอุทกํ วิยาติ ปมาณโต าตอุทกํ วิย. อริยานํ ปน ตตฺถ อตฺตโน วิสเย ปวตฺตนกาณํ ปวตฺติตรูเปเนว ปวตฺตติ อตฺตโน ปฏิเวธานุรูปํ, อภินีหารานุรูปฺจ อวตฺติตสภาวตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทสพฺยามโยตฺเตนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปฏิวิทฺธสจฺจานมฺปิ ปฏิปกฺขวิธมนปุพฺพโยควิเสสวเสน าณํ สาติสยํ, มหานุภาวฺจ โหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ โสตาปนฺนาณสฺส ทสพฺยามอุทกํ โอปมฺมภาเวน ทสฺเสตฺวา ตโต ปเรสํ ทสุตฺตรทิคุณทสคุณอสีติคุณวิสิฏฺํ อุทกํ โอปมฺมํ กตฺวา ทสฺสิตํ. นนุ เอวํ สนฺเต พุทฺธคุณา ปริมิตปริจฺฉินฺนา, เถเรน จ เต ปริจฺฉิชฺช าตาติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ยถา โส ปุริโส’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โส ปุริโสติ โส จตุราสีติพฺยามสหสฺสปฺปมาเณน โยตฺเตน จตุราสีติพฺยามสหสฺสฏฺาเน มหาสมุทฺเท อุทกํ มินิตฺวา ิโต ปุริโส. โส หิ เถรสฺส อุปมาภาเวน คหิโต. ธมฺมนฺวเยนาติ ¶ อนุมานาเณน. ตฺหิ สิทฺธํ ธมฺมํ อนุคนฺตฺวา ปวตฺตนโต ‘‘ธมฺมนฺวโย’’ติ วุจฺจติ, ตถา อนฺวยวเสน อตฺถสฺส พุชฺฌนโต อนฺวยพุทฺธิ, อนุเมยฺยํ อนุมิโนตีติ อนุมานํ, นิทสฺสเน ทิฏฺนเยน อนุเมยฺยํ คณฺหาตีติ ‘‘นยคฺคาโห’’ติ จ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘ธมฺมนฺวเยนา’’ติอาทิ. สฺวายํ ธมฺมนฺวโย น ยสฺส กสฺสจิ โหติ, อถ โข ตถารูปสฺส อคฺคสาวกสฺเสวาติ อาห ‘‘สาวกปารมิาเณ ตฺวา’’ติ. ยทิ เถโร พุทฺธคุเณ เอกเทสโต ปจฺจกฺเข กตฺวา ตทฺเ นยคฺคาเหน คณฺหิ, นนุ เอวํ สนฺเต พุทฺธคุณา ปริมิตปริจฺฉินฺนา อาปนฺนาติ? นยิทํ เอวนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนนฺตา อปริมาณา’’ติ.
‘‘สทฺทหตี’’ติ วตฺวา ปุน ตเมวตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘เถเรน หิ…เป… พหุตรา’’ติ อาห. กถํ ปนายมตฺโถ เอวํ ทฏฺพฺโพติ เอวํ อธิปฺปายเภทกํ อุปมาย สฺาเปตุํ ‘‘ยถา กถํ วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ ‘‘อุปมายมิเธกจฺเจ ¶ วิฺู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๗) อิโต นว อิโต นวาติ อิโต มชฺฌฏฺานโต ยาว ทกฺขิณตีรา นว อิโต มชฺฌฏฺานโต ยาว อุตฺตรตีรา นว. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ สุตฺเตน สมตฺเถตุํ ‘‘พุทฺโธปี’’ติ คาถมาห.
ยมกยุคฬมหานทีมโหโฆ วิยาติ ทฺวินฺนํ เอกโต สมาคตตฺตา ยุคฬภูตานํ มหานทีนํ มโหโฆ วิย.
อนุจฺฉวิกํ ¶ กตฺวาติ โยยํ มม ปสาโท พุทฺธคุเณ อารพฺภ โอคาฬฺโห หุตฺวา อุปฺปนฺโน, ตํ อนุจฺฉวิกํ อนุรูปํ กตฺวา. ปฏิคฺคเหตุํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ อฺโ โกจิ น สกฺขิสฺสติ ยาถาวโต อนวพุชฺฌนโต. ปฏิคฺคเหตุํ สกฺโกติ ตสฺส เหตุโต, ปจฺจยโต, สภาวโต, กิจฺจโต, ผลโต สมฺมเทว ปฏิวิชฺฌนโต. ปูรตฺตนฺติ ปุณฺณภาโว. ปคฺฆรณกาเลติ วิกิรณกาเล, ปตนกาเลติ อตฺโถ. ‘‘ปสนฺโน’’ติ อิมินา ปสาทสฺส วตฺตมานตา ทีปิตาติ ‘‘อุปฺปนฺนสทฺโธ’’ติ อิมินาปิ สทฺธาย ปจฺจุปฺปนฺนตา ปกาสิตาติ อาห ‘‘เอวํ สทฺทหามีติ อตฺโถ’’ติ. อภิฺายตีติ อภิฺโ, อธิโก อภิฺโ ภิยฺโยภิฺโ, โส เอว อติสยวจนิจฺฉาวเสน ‘‘ภิยฺโยภิฺตโร’’ติ วุตฺโตติ อาห ‘‘ภิยฺยตโร อภิฺาโต’’ติ. ทุติยวิกปฺเป ปน อภิชานาตีติ อภิฺา, อภิวิสิฏฺา ปฺา, ภิยฺโย อภิฺา ¶ เอตสฺสาติ ภิยฺโยภิฺโ, โส เอว อติสยวจนิจฺฉาวเสน ภิยฺโยภิฺตโร, สฺวายมสฺส อติสโย อภิฺาย ภิยฺโยภาวกโตติ อาห ‘‘ภิยฺยตราภิฺโ วา’’ติ. สมฺพุชฺฌติ เอตายาติ สมฺโพธิ, สพฺพฺุตฺาณํ, อคฺคมคฺคาณฺจ. สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานฺหิ อคฺคมคฺคาณํ, อคฺคมคฺคาณปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ สมฺโพธิ นาม. ตตฺถ ปธานวเสน ตทตฺถทสฺสเน ¶ ปมวิกปฺโป, ปทฏฺานวเสน ทุติยวิกปฺโป. กสฺมา ปเนตฺถ อรหตฺตมคฺคาณสฺเสว คหณํ, นนุ เหฏฺิมานิปิ ภควโต มคฺคาณานิ สวาสนเมว ยถาสกํ ปฏิปกฺขวิธมนวเสน ปวตฺตานิ. สวาสนปฺปหานฺหิ เยฺยาวรณปฺปหานนฺติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน อปริปุณฺณํ ปฏิปกฺขวิธมนสฺส วิปฺปกตภาวโตติ อาห ‘‘อรหตฺตมคฺคาเณ วา’’ติ. อคฺคมคฺควเสน เจตฺถ อริยานํ โพธิตฺตยปาริปูรีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อรหตฺตมคฺเคเนว หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิปฺปเทสาติ อนวเสสา. คหิตา โหนฺตีติ อรหตฺตมคฺเคน คหิเตน อธิคเตน คหิตา อธิคตา โหนฺติ. สพฺพนฺติ เตหิ อธิคนฺตพฺพํ. เตนาติ สมฺโพธินา สพฺพฺุตฺาณปทฏฺาเนน อรหตฺตมคฺคาเณน.
๑๔๒. ขาทนียานํ อุฬารตา สาตรสานุภาเวนาติ อาห ‘‘มธุเร อาคจฺฉตี’’ติ. ปสํสาย อุฬารตา วิสิฏฺภาเวนาติ อาห ‘‘เสฏฺเ’’ติ, โอภาสสฺส อุฬารตา มหนฺตภาเวนาติ วุตฺตํ ‘‘วิปุเล’’ติ. อุสภสฺส อยนฺติ อาสภี, อิธ ปน อาสภี วิยาติ อาสภี. เตนาห ‘‘อุสภสฺส วาจาสทิสี’’ติ. เยน ปน คุเณนสฺสา ตํสทิสตา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อจลา อสมฺปเวธี’’ติ วุตฺตํ. ยโต กุโตจิ อนุสฺสวนํ อนุสฺสโว. วิชฺชาฏฺาเนสุ กตปริจยานํ อาจริยานํ ตํ ตมตฺถํ วิฺาเปนฺตี ปเวณี อาจริยปรมฺปรา. เกวลํ อตฺตโน มติยา ‘‘อิติกิร เอวํกิรา’’ติ ปริกปฺปนา อิติกิร. ปิฏกสฺส คนฺถสฺส สมฺปทานโต สยํ สมฺปทานภาเวน คหณํ ปิฏกสมฺปทานํ. ยถาสุตานํ อตฺถานํ อาการสฺส ปริวิตกฺกนํ อาการปริวิตกฺโก. ตเถว ‘‘เอวเมต’’นฺติ ทิฏฺิยา นิชฺฌานกฺขมนํ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติ. อาคมาธิคเมหิ ¶ วินา ตกฺกมคฺคํ นิสฺสาย ตกฺกนํ ตกฺโก. อนุมานวิธึ นิสฺสาย นยคฺคาโห. ยสฺมา พุทฺธวิสเย ¶ ตฺวา ภควโต อยํ เถรสฺส โจทนา, เถรสฺส จ โส อวิสโย, ตสฺมา ‘‘ปจฺจกฺขโต าเณน ปฏิวิชฺฌิตฺวา วิยา’’ติ วุตฺตํ. สีหนาโท วิยาติ สีหนาโท, ตํสทิสตา จสฺส เสฏฺภาเวน, โส ¶ เจตฺถ เอวํ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สีหนาโท’’ติอาทิมาห. เนว ทนฺธายนฺเตนาติ น มนฺทายนฺเตน. น ภคฺครายนฺเตนาติ อปริสงฺกนฺเตน.
อนุโยคทาปนตฺถนฺติ อนุโยคํ โสธาเปตุํ. วิมทฺทกฺขมฺหิ สีหนาทํ นทนฺโต อตฺถโต ตตฺถ อนุโยคํ โสเธติ นาม. อนุยฺุชนฺโต จ นํ โสธาเปติ นาม. ทาตุนฺติ โสเธตุํ. เกจิ ‘‘ทานตฺถ’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ. น หิ โย สีหนาทํ นทติ, โส เอว ตตฺถ อนุโยคํ เทตีติ ยุชฺชติ. นิฆํสนนฺติ วิมทฺทนํ. ธมมานนฺติ ตาปยมานํ, ตาปนฺเจตฺถ คคฺคริยา ธมาปนสีเสน วทติ. สพฺเพ เตติ สพฺเพ เต อตีเต นิรุทฺเธ สมฺมาสมฺพุทฺเธ, เตเนตํ ทสฺเสติ – เย เต อเหสุํ อตีตํ อทฺธานํ ตว อภินีหารโต โอรํ สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสํ ตาว สาวกาณโคจเร ธมฺเม ปริจฺฉินฺทนฺโต มาราทโย วิย พุทฺธานํ โลกิยจิตฺตจารํ ตฺวํ ชาเนยฺยาสิ. เย ปน เต อพฺภตีตา ตโต ปรโต ฉินฺนวฏุมา ฉินฺนปปฺจา ปริยาทิณฺณวฏฺฏา สพฺพทุกฺขวีติวตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสํ สพฺเพสมฺปิ สาวกาณสฺส อวิสยภูเต ธมฺเม กถํ ชานิสฺสสีติ.
อนาคตพุทฺธานํ ปนาติ ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโน, เตน อตีเตสุ ตาว ขนฺธานํ ภูตปุพฺพตฺตา ตตฺถ สิยา าณสฺส สวิสเย คติ, อนาคเตสุ ปน สพฺพโส อสฺชาเตสุ กถนฺติ อิมมตฺถํ โชเตติ. เตนาห ‘‘อนาคตาปี’’ติอาทิ ¶ . ‘‘จิตฺเตน ปริจฺฉินฺทิตฺวา วิทิตา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อตีตานาคเต สตฺตาเห เอว ปวตฺตํ จิตฺตํ เจโตปริยาณสฺส วิสโย, น ตโต ปรนฺติ? นยิทํ เจโตปริยาณกิจฺจวเสน วุตฺตํ, อถ โข ปุพฺเพนิวาสอนาคตํสาณวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา นายํ โทโส.
วิทิตฏฺาเน น กโรติ สิกฺขาปเทเนว ตาทิสสฺส ปฏิกฺเขปสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา, เสตุฆาตโต จ. กถํ ปน เถโร ทฺวยสมฺภเว ปฏิกฺเขปเมว อกาสิ, น วิภชฺช พฺยากาสีติ อาห ‘‘เถโร กิรา’’ติอาทิ. ปารํ ปริยนฺตํ มิโนตีติ ปารมี, สา เอว าณนฺติ ปารมิาณํ, สาวกานํ ปารมิาณํ สาวกปารมิาณํ, ตสฺมึ. สาวกานํ อุกฺกํสปริยนฺตคเต ชานเน นายํ อนุโยโค, อถ โข สพฺพฺุตฺาเณ สพฺพฺุตาย ชานเน. เกจิ ปน ‘‘สาวกปารมิาเณติ สาวกปารมิาณวิสเย’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. ตถา เสสปเทสุปิ. สีล ¶ ..เป… สมตฺถนฺติ สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติสงฺขาตการณานํ ¶ ชานนสมตฺถํ. พุทฺธสีลาทโย หิ พุทฺธานํ พุทฺธกิจฺจสฺส, ปเรหิ ‘‘พุทฺธา’’ติ ชานนสฺส จ การณํ.
๑๔๓. อนุมานาณํ วิย สํสยปิฏฺิกํ อหุตฺวา ‘‘อิทมิท’’นฺติ ยถาสภาวโต เยฺยํ ธาเรติ นิจฺฉิโนตีติ ธมฺโม, ปจฺจกฺขาณนฺติ อาห ‘‘ธมฺมสฺส ปจฺจกฺขโต าณสฺสา’’ติ. อนุเอตีติ อนฺวโยติ อาห ‘‘อนุโยคํ อนุคนฺตฺวา’’ติ. ปจฺจกฺขสิทฺธฺหิ อตฺถํ อนุคนฺตฺวา อนุมานาณสฺส ปวตฺติ ทิฏฺเน อทิฏฺสฺส อนุมานนฺติ เวทิตพฺโพ. วิทิเต เวทกมฺปิ าณํ อตฺถโต วิทิตเมว โหตีติ ‘‘อนุมานาณํ นยคฺคาโห วิทิโต’’ติ วุตฺตํ. วิทิโตติ วิทฺโธ ปฏิลทฺโธ, อธิคโตติ อตฺโถ. อปฺปมาโณติ อปริมาโณ มหาวิสยตฺตา. เตนาห ‘‘อปริยนฺโต’’ติ. เตนาติ อปริยนฺตตฺตา, เตน วา อปริยนฺเตน าเณน, เอเตเนว เถโร ยํ ยํ อนุเมยฺยมตฺถํ าตุกาโม ¶ โหติ, ตตฺถ ตตฺถสฺส อสงฺคมปฺปฏิหฏอนุมานาณํ ปวตฺตตีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘โส อิมินา’’ติอาทิ. ตตฺถ อิมินาติ อิมินา การเณน. ปาการสฺส ถิรภาวํ อุทฺธมุทฺธํ อาเปตีติ อุทฺธาปํ, ปาการมูลํ. อาทิ-สทฺเทน ปาการทฺวารพนฺธปริขาทีนํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ปจฺจนฺเต ภวํ ปจฺจนฺติมํ. ปณฺฑิตโทวาริกฏฺานิยํ กตฺวา เถโร อตฺตานํ ทสฺเสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกทฺวารนฺติ กสฺมา อาหา’’ติ โจทนํ สมุฏฺาเปสิ. ยสฺสา ปฺาย วเสน ปุริโส ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุจฺจติ, ตํ ปณฺฑิจฺจนฺติ อาห ‘‘ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต’’ติ. ตํตํอิติกตฺตพฺพตาสุ เฉกภาโว พฺยตฺตภาโว เวยฺยตฺติยํ. เมธติ สมฺโมสํ หึสติ วิธมตีติ เมธา, สา เอตสฺส อตฺถีติ เมธาวี. าเน าเน อุปฺปตฺติ เอติสฺสา อตฺถีติ านุปฺปตฺติกา, านโส อุปฺปชฺชนกปฺา. อนุปริยายนฺติ เอเตนาติ อนุปริยาโย, โส เอว ปโถติ อนุปริยายปโถ, ปริโต ปาการสฺส อนุสํยายนมคฺโค. ปาการภาคา สนฺธาตพฺพา เอตฺถาติ ปาการสนฺธิ, ปาการสฺส ผุลฺลิตปฺปเทโส. โส ปน เหฏฺิมนฺเตน ทฺวินฺนมฺปิ อิฏฺกานํ วิคเมน เอวํ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ทฺวินฺนํ อิฏฺกานํ อปคตฏฺาน’’นฺติ. ฉินฺนฏฺานนฺติ ฉินฺนภินฺนปฺปเทโส, ฉินฺนฏฺานํ วา. ตฺหิ ‘‘วิวร’’นฺติ วุจฺจติ.
กิลิฏฺนฺติ มลีนํ. อุปตาเปนฺตีติ กิเลสปริฬาเหน สนฺตาเปนฺติ. วิพาเธนฺตีติ ปีเฬนฺติ. อุปฺปนฺนาย ปฺาย นีวรเณหิ น กิฺจิ กาตุํ สกฺกาติ อาห ‘‘อนุปฺปนฺนาย ปฺาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺตี’’ติ. ตสฺมาติ ปจฺจยูปฆาเตน ¶ อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทานโต. จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุฏฺุ ปิตจิตฺตาติ จตุพฺพิธายปิ ¶ สติปฏฺานภาวนาย สมฺมเทว ปิตจิตฺตา. ยถาสภาเวน ภาเวตฺวาติ อวิปรีตสภาเวน ยถา ปฏิปกฺขา สมุจฺฉิชฺชนฺติ, เอวํ ภาเวตฺวา.
ปุริมนเย ¶ สติปฏฺานานิ, โพชฺฌงฺคา จ มิสฺสกา อธิปฺเปตาติ ตโต อฺถา วตฺตุํ ‘‘อปิเจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มิสฺสกาติ สมถวิปสฺสนามคฺควเสน มิสฺสกา. ‘‘จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตา’’ติอาทิโต วุตฺตตฺตา สติปฏฺาเน วิปสฺสนาติ คเหตฺวา ‘‘สตฺต โพชฺฌงฺเค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา, มคฺคปริยาปนฺนานํเยว จ เนสํ นิปฺปริยายโพชฺฌงฺคภาวโต, เตสุ จ สพฺพโส อธิคเตสุ โลกนาเถน สพฺพฺุตฺาณมฺปิ อธิคตเมว โหตีติ ‘‘โพชฺฌงฺเค มคฺโค, สพฺพฺุตฺาณฺจาติ คหิเต สุนฺทโร ปฺโห ภเวยฺยา’’ติ มหาสิวตฺเถโร อาห, น ปเนวํ คหิตํ โปราเณหีติ อธิปฺปาโย. อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ. เถโรติ สาริปุตฺตตฺเถโร.
ตตฺถาติ เตสุ ปจฺจนฺตนคราทีสุ. นครํ วิย นิพฺพานํ ตทตฺถิเกหิ อุปคนฺตพฺพโต, อุปคตานฺจ ปริสฺสยรหิตสุขาธิคมนฏฺานโต. ปากาโร วิย สีลํ ตทุปคตานํ ปริโต อารกฺขภาวโต. ปริยายปโถ วิย หิรี สีลปาการสฺส อธิฏฺานภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปริยายปโถติ โข ภิกฺขุ หิริยา เอตํ อธิวจน’’นฺติ. ทฺวารํ วิย อริยมคฺโค นิพฺพานนครปฺปเวสนอฺชสภาวโต. ปณฺฑิตโทวาริโก วิย ธมฺมเสนาปติ นิพฺพานนครปวิฏฺปวิสนกานํ สตฺตานํ สลฺลกฺขณโต. ทินฺโนติ ทาปิโต, โสธิโตติ อตฺโถ.
๑๔๔. นิปฺผตฺติทสฺสนตฺถนฺติ ¶ สิทฺธิทสฺสนตฺถํ, อธิคมทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ. ‘‘ปฺจนวุติปาสณฺเฑ’’ติ อิทํ ยสฺมา เถโร ปริพฺพาชโก หุตฺวา ตโต ปุพฺเพว นิพฺพานปริเยสนํ จรมาโน เต เต ปาสณฺฑิโน อุปสงฺกมิตฺวา นิพฺพานํ ปุจฺฉิ, เต นาสฺส จิตฺตํ อาราเธสุํ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. เต ปน ปาสณฺฑา เหฏฺา วุตฺตา เอว. ตตฺเถวาติ ตสฺสเยว ภาคิเนยฺยสฺส เทสิยมานาย เทสนาย. ปรสฺส วฑฺฒิตํ ภตฺตํ ภฺุชนฺโต วิย สาวกปารมิาณํ หตฺถคตํ อกาสิ อธิคจฺฉิ. อุตฺตรุตฺตรนฺติ เหฏฺิมสฺส เหฏฺิมสฺส อุตฺตรณโต อติกฺกมนโต อุตฺตรุตฺตรํ, ตโต เอว ปธานภาวํ ปาปิตตาย ¶ ปณีตปณีตํ. อุตฺตรุตฺตรนฺติ วา อุปรูปริ. ปณีตปณีตนฺติ ปณีตตรํ, ปณีตตมฺจาติ อตฺโถ. กณฺหนฺติ กาฬกํ สํกิเลสธมฺมํ. สุกฺกนฺติ โอทาตํ โวทานธมฺมํ. สวิปกฺขํ กตฺวาติ ปหาตพฺพปหายกภาวทสฺสนวเสน ยถากฺกมํ อุภยํ สวิปกฺขํ กตฺวา. ‘‘อยํ กณฺหธมฺโม, อิมสฺส อยํ ปหายโก’’ติ เอวํ กณฺหํ ปฏิพาหิตฺวา เทสนาวเสน นีหริตฺวา สุกฺกํ, ‘‘อยํ สุกฺกธมฺโม, อิมินา อยํ ปหาตพฺโพ’’ติ เอวํ สุกฺกํ ปฏิพาหิตฺวา กณฺหํ.สอุสฺสาหนฺติ ผลุปฺปาทนสมตฺถตาวเสน สพฺยาปารํ. เตนาห ‘‘สวิปาก’’นฺติ. วิปากธมฺมนฺติ อตฺโถ.
ตสฺมึ ¶ เทสิเต ธมฺเมติ ตสฺมึ วุตฺตนเยน ภควา ตุมฺเหหิ เทสิเต ธมฺเม เอกจฺจํ ธมฺมํ นาม สาวกปารมิาณํ ชานิตฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ตํชานเน หิ วุตฺเต จตุสจฺจธมฺมชานนํ อวุตฺตสิทฺธนฺติ. ‘‘จตุสจฺจธมฺเมสู’’ติ อิทํ โปราณฏฺกถายํ วุตฺตาการทสฺสนํ. วิปกฺโข ปน ปรโต อาคมิสฺสติ. เอตฺถาติ ‘‘ธมฺเมสุ นิฏฺํ อคม’’นฺติ เอตสฺมึ ปเท. เถรสลฺลาโปติ เถรานํ สลฺลาปสทิโส วินิจฺฉยวาโท ¶ . กาฬวลฺลวาสีติ กาฬวลฺลวิหารวาสี. อิทานีติ เอตรหิ ‘‘อิทาหํ ภนฺเต’’ติอาทิวจนกาเล. อิมสฺมึ ปน าเนติ ‘‘ธมฺเมสุ นิฏฺํ อคม’’นฺติ อิมสฺมึ ปเทเส, อิมสฺมึ วา นิฏฺานการณภูเต โยนิโส ปริวิตกฺกเน. ‘‘อิมสฺมึ ปน าเน พุทฺธคุเณสุ นิฏฺงฺคโต’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ สาวกปารมิาณสมธิคตกาเล เอว เถโร พุทฺธคุเณสุ นิฏฺงฺคโตติ? สจฺจเมตํ, อิทานิ ปน ตํ ปากฏํ ชาตนฺติ เอวํ วุตฺตํ. สพฺพนฺติ ‘‘จตุสจฺจธมฺเมสู’’ติอาทิ สุมตฺเถเรน วุตฺตํ สพฺพํ. อรหตฺเต นิฏฺงฺคโตติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อนุโยคปริหารา เวทิตพฺพา. ยทิปิ ธมฺมเสนาปติ ‘‘สาวกปารมิาณํ มยา สมธิคต’’นฺติ อิโต ปุพฺเพปิ ชานาติเยว, อิทานิ ปน อสงฺขฺเยยฺยาปริเมยฺยเภเท พุทฺธคุเณ นยคฺคาหวเสน ปริคฺคเหตฺวา กิจฺจสิทฺธิยา ตสฺมึ าเณ นิฏฺงฺคโต อโหสีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มหาสิวตฺเถโร…เป… ธมฺเมสูติ สาวกปารมิาเณ นิฏฺงฺคโต’’ติ อโวจ.
พุทฺธคุณา ปน นยโต อาคตา, เต นยคฺคาหโต ยาถาวโต ชานนฺโต สาวกปารมิาเณ ตถาชานนวเสน นิฏฺงฺคตตฺตา สาวกปารมิาณเมว ตสฺส อปราปรุปฺปตฺติวเสน, เตน เตน ภาเวตพฺพกิจฺจพหุตาวเสน จ ‘‘ธมฺเมสู’’ติ ปุถุวจเนน วุตฺตํ. อนนฺตาปริเมยฺยานํ อนฺวิสยานํ ¶ พุทฺธคุณานํ นยโต ปริคฺคณฺหเนน เถรสฺส สาติสโย ภควติ ปสาโท อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘ภิยฺโยโสมตฺตายา’’ติอาทิ. ‘‘สุฏฺุ อกฺขาโต’’ติ วตฺวา ตํ เอวสฺส สุฏฺุ อกฺขาตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิยฺยานิโก มคฺโค’’ติ วุตฺตํ. สฺวากฺขาตตา หิ ธมฺมสฺส ยทตฺถํ เทสิโต, ตทตฺถสาธเนน เวทิตพฺพา. ผลตฺถาย นิยฺยาตีติ อนนฺตรวิปากตฺตา, อตฺตโน อุปฺปตฺติสมนนฺตรเมว ผลนิปฺผาทนวเสน ปวตฺตตีติ อตฺโถ. วฏฺฏจารกโต นิยฺยาตีติ วา นิยฺยานิโก, นิยฺยานสีโลติ วา. ราคโทสโมหนิมฺมทนสมตฺโถติ อิธาปิ ¶ ‘‘ปสนฺโนสฺมิ ภควตีติ ทสฺเสตี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. วงฺกาทีติ อาทิ-สทฺเทน ชิมฺหกุฏิเล, อฺเ จ ปฏิปตฺติโทเส สงฺคณฺหาติ. ภควา ตุมฺหากํ พุทฺธสุพุทฺธตา วิย ธมฺมสุธมฺมตา, สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติ จ ธมฺเมสุ นิฏฺงฺคมเนน สาวกปารมิาเณ นิฏฺงฺคตตฺตา มยฺหํ สุฏฺุ วิภูตา สุปากฏา ชาตาติ ทสฺเสนฺโต เถโร ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆติ ปสีทิ’’นฺติ อโวจ.
กุสลธมฺมเทสนาวณฺณนา
๑๔๕. อนุตฺตรภาโวติ ¶ เสฏฺภาโว. อนุตฺตโร ภควา เยน คุเณน, โส อนุตฺตรภาโว, ตํ อนุตฺตริยํ. ยสฺมา ตสฺสาปิ คุณสฺส กิฺจิ อุตฺตริตรํ นตฺถิ เอว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สา ตุมฺหากํ เทสนา อนุตฺตราติ วทตี’’ติ. กุสเลสุ ธมฺเมสูติ กุสลธมฺมนิมิตฺตํ. นิมิตฺตตฺเถ หิ เอตํ ภุมฺมํ, ตสฺมา กุสลธมฺมเทสนาเหตุปิ ภควาว อนุตฺตโรติ อตฺโถ. ภูมึ ทสฺเสนฺโตติ วิสยํ ทสฺเสนฺโต. กุสลธมฺมเทสนาย หิ กุสลา ธมฺมา วิสโย. วุตฺตปเทติ ‘‘กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ เอวํ วุตฺตวากฺเย, เอวํ วา วุตฺตธมฺมโกฏฺาเส. ‘‘ปฺจธา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เฉกฏฺเนปิ กุสลํ อิจฺฉิตพฺพํ ‘‘กุสโล ตฺวํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺคาน’’นฺติอาทีสูติ (ม. นิ. ๒.๘๗)? สจฺจเมตํ, โส ปน เฉกฏฺโ โกสลฺลสมฺภูตฏฺเเนว สงฺคหิโตติ วิสุํ น คหิโต. ‘‘กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ, กจฺจิ โภโต อนามย’’นฺติ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๖; ๒.๒๒.๒๐๐๘) ชาตเก อาคตตฺตา ‘‘ชาตกปริยายํ ปตฺวา อาโรคฺยฏฺเน กุสลํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺถ, คหปตโย, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วา สาวชฺชา วา อนวชฺชา วา’’ติอาทีสุ สุตฺตปเทเสสุ ‘‘กุสลา’’ติ วุตฺตธมฺมา เอว ‘‘อนวชฺชา’’ติ วุตฺตาติ ¶ อาห ‘‘สุตฺตนฺตปริยายํ ปตฺวา อนวชฺชฏฺเน กุสลํ วฏฺฏตี’’ติ. อภิธมฺเม ‘‘โกสลฺล’’นฺติ ปฺา อาคตาติ โยนิโสมนสิการเหตุกสฺส กุสลสฺส โกสลฺลสมฺมูตฏฺโ, ทรถาภาวทีปนโต นิทฺทรถฏฺโ, ‘‘กุสลสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา’’ติ วตฺวา อิฏฺวิปากนิทฺทิสนโต สุขวิปากฏฺโ จ อภิธมฺมนยสิทฺโธติ อาห ‘‘อภิธมฺม…เป… วิปากฏฺเนา’’ติ. พาหิติกสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๕๘) ภควโต กายสมาจาราทิเก วณฺเณนฺเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ‘‘โย โข มหาราช กายสมาจาโร อนวชฺโช’’ติ กุสโล กายสมาจาโร รฺโ ปเสนทิสฺส วุตฺโต. น หิ ภควโต สุขวิปากกมฺมํ อตฺถีติ สพฺพสาวชฺชรหิตา กายสมาจาราทโย ‘‘กุสลา’’ติ วุตฺตา, อิธ ปน ‘‘กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ โพธิปกฺขิยธมฺมา ‘‘กุสลา’’ติ วุตฺตา, เต จ สมถวิปสฺสนา มคฺคสมฺปยุตฺตา เอกนฺเตน สุขวิปากา เอวาติ อวชฺชรหิตตามตฺตํ อุปาทาย อนวชฺชตฺโถ กุสล-สทฺโทติ อาห ‘‘อิมสฺมึ ปน…เป… ทฏฺพฺพ’’นฺติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘ผลสติปฏฺานํ ปน อิธ อนธิปฺเปต’’นฺติ อิทฺจ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ สวิปากสฺเสว คหณนฺติ กตฺวา.
‘‘จุทฺทสวิเธนา’’ติอาทิ สติปฏฺาเน (ที. นิ. ๒.๓๗๖; ม. นิ. ๑.๑๐๙) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. ปคฺคหฏฺเนาติ กุสลปกฺขสฺส ปคฺคณฺหนสภาเวน. กิจฺจวเสนาติ อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทนาทิกิจฺจวเสน. ตโต เอว จสฺส จตุพฺพิธตา. อิชฺฌนฏฺเนาติ นิปฺปชฺชนสภาเวน. ¶ ฉนฺทาทโย เอว อิทฺธิปาเทสุ วิสิฏฺสภาวา, อิตเร อวิสิฏฺา, เตสมฺปิ วิเสโส ฉนฺทาทิกโตติ อาห ‘‘ฉนฺทาทิวเสน นานาสภาวา’’ติ.
อธิโมกฺขาทิสภาววเสนาติ ¶ ปสาทาธิโมกฺขาทิสลกฺขณวเสน. อุปตฺถมฺภนฏฺเนาติ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุปตฺถมฺภนกภาเวน. อกมฺปิยฏฺเนาติ ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปิยสภาเวน. สลกฺขเณนาติ อธิโมกฺขาทิสภาเวน. นิยฺยานฏฺเนาติ สํกิเลสปกฺขโต, วฏฺฏจารกโต จ นิคฺคมนฏฺเน. อุปฏฺานาทินาติ อุปฏฺานธมฺมวิจยปคฺคหสมฺปิยายนปสฺสมฺภนสมาธานอชฺฌุเปกฺขนสงฺขาเตน อตฺตโน สภาเวน. เหตุฏฺเนาติ นิพฺพานสฺส สมฺปาปกเหตุภาเวน. ทสฺสนาทินาติ ทสฺสนาภินิโรปนปริคฺคหสมุฏฺาปนโวทาปนปคฺคหุปฏฺานสมาธานสงฺขาเตน อตฺตโน สภาเวน.
สาสนสฺส ¶ ปริโยสานทสฺสนตฺถนฺติ สาสนํ นาม นิปฺปริยายโต สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา. ตตฺถ เย สมถวิปสฺสนาสหคตา, เต สาสนสฺส อาทิ, มคฺคปริยาปนฺนา มชฺเฌ, ผลภูตา ปริโยสานํ, ตํทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘สาสนสฺส หี’’ติอาทิ.
ปุน เอตทานุตฺตริยํ ภนฺเตติ ยถารทฺธาย เทสนาย นิคมนํ. วุตฺตสฺเสว อตฺถสฺส ปุน วจนฺหิ นิคมนํ วุตฺตํ. ตํ เทสนนฺติ ตํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ เทสนาปฺปการํ, เทสนาวิธึ, เทเสตพฺพฺจ, สกลํ วา สมฺปุณฺณํ อนวเสสํ อภิชานาติ อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานาติ, อเสสํ อภิชานนโต เอว อุตฺตริ อุปริ อภิฺเยฺยํ นตฺถิ. อิโตติ ภควตา อภิฺาตโต. อฺโ ปรมตฺถวเสน ธมฺโม วา ปฺตฺติวเสน ปุคฺคโล วา อยํ นาม ยํ ภควา น ชานาตีติ อิทํ นตฺถิ น อุปลพฺภติ สพฺพสฺเสว สมฺมเทว ตุมฺเหหิ อภิฺาตตฺตา. กุสเลสุ ธมฺเมสุ อภิชานเน, เทสนายฺจ ภควโต อุตฺตริตโร นตฺถิ.
อายตนปณฺณตฺติเทสนาวณฺณนา
๑๔๖. อายตนปฺาปนาสูติ จกฺขาทีนํ, รูปาทีนฺจ อายตนานํ ¶ สมฺโพธเนสุ, เตสํ อชฺฌตฺติกพาหิรวิภาคโต, สภาควิภาคโต, สมุทยโต, อตฺถงฺคมโต, อาหารโต, อาทีนวโต, นิสฺสรณโต จ เทสนายนฺติ อตฺโถ.
คพฺภาวกฺกนฺติเทสนาวณฺณนา
๑๔๗. คพฺโภกฺกมเนสูติ ¶ คพฺภภาเวน มาตุกุจฺฉิยํ อวกฺกมเนสุ อนุปฺปเวเสสุ, คพฺเภ วา มาตุกุจฺฉิสฺมึ อวกฺกมเนสุ. ปวิสตีติ ปจฺจยวเสน ตตฺถ นิพฺพตฺเตนฺโต ปวิสนฺโต วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. าตีติ สนฺตานฏฺิติยา ปวตฺตติ, ตถาภูโต จ ตตฺถ วสนฺโต วิย โหตีติ อาห ‘‘วสตี’’ติ. ปกติโลกิยมนุสฺสานํ ปมา คพฺภาวกฺกนฺตีติ ปจุรมนุสฺสานํ คพฺภาวกฺกนฺติ เทสนาวเสน อิธ ปมา. ‘‘ทุติยา คพฺภาวกฺกนฺตี’’ติอาทีสุปิ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.
อลเมวาติ ยุตฺตเมว.
ขิปิตุํ ¶ น สกฺโกนฺตีติ ตถา วาตานํ อนุปฺปชฺชนเมว วทติ. เสสนฺติ ปุน ‘‘เอตทานุตฺตริย’’ติอาทิ ปาปฺปเทสํ วทติ.
อาเทสนวิธาเทสนาวณฺณนา
๑๔๘. ปรสฺส จิตฺตํ อาทิสติ เอเตหีติ อาเทสนานิ, ยถาอุปฏฺิตนิมิตฺตาทีนิ, ตานิ เอว อฺมฺสฺส อสํกิณฺณรูเปน ิตตฺตา อาเทสนวิธา, อาเทสนาภาคา, ตาสุ อาเทสนวิธาสุ. เตนาห ‘‘อาเทสนโกฏฺาเสสู’’ติ. อาคตนิมิตฺเตนาติ ยสฺส อาทิสติ, ตสฺส, อตฺตโน จ อุปคตนิมิตฺเตน, นิมิตฺตปฺปตฺตสฺส ลาภาลาภาทิอาทิสนวิธิทสฺสนสฺส ปวตฺตตฺตา ‘‘อิทํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘เอวมฺปิ เต มโน’’ติอาทินา ปรสฺส จิตฺตาทิสนเมว อาคตํ, ตํ นิทสฺสนมตฺตํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ ‘‘อิทํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺตสฺเสว อตฺถสฺส วิภาวนวเสน วตฺถุ อาคตํ. คตนิมิตฺตํ นาม คมนนิมิตฺตํ. ิตนิมิตฺตํ ¶ นาม อตฺตโน สมีเป านนิมิตฺตํ, ปรสฺส คมนวเสน, านวเสน จ คเหตพฺพนิมิตฺตํ. มนุสฺสานํ ปรจิตฺตวิทูนํ, อิตเรสมฺปิ วา สวนวเสน ปรสฺส จิตฺตํ ตฺวา กเถนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวา. ยกฺขปิสาจาทีนนฺติ หิงฺการยกฺขานฺเจว กณฺณปิสาจาทิปิสาจานํ, กุมฺภณฺฑนาคาทีนฺจ.
วิตกฺกวิปฺผารวเสนาติ วิปฺผาริกภาเวน ปวตฺตวิตกฺกสฺส วเสน. อุปฺปนฺนนฺติ ตโต สมุฏฺิตํ. วิปฺปลปนฺตานนฺติ กสฺสจิ อตฺถสฺส อโพธนโต วิรูปํ, วิวิธํ วา ปลปนฺตานํ. สุตฺตปมตฺตาทีนนฺติ ¶ อาทิ-สทฺเทน เวทนาฏฺฏขิตฺตจิตฺตาทีนํ สงฺคโห. มหาอฏฺกถายํ ปน ‘‘อิทํ วกฺขามิ, เอวํ วกฺขามีติ วิตกฺกยโต วิตกฺกวิปฺผารสทฺโท นาม อุปฺปชฺชตี’’ติ (อภิ. อฏฺ. ๑.วจีกมฺมทฺวารกถาปิ) อาคตตฺตา ชาครนฺตานํ ปกติยํ ิตานํ อวิปฺปลปนฺตานํ วิตกฺกวิปฺผารสทฺโท กทาจิ อุปฺปชฺชตีติ วิฺายติ, โย โลเก ‘‘มนฺตชปฺโป’’ติ วุจฺจติ. ยสฺส มหาอฏฺกถายํ อโสตวิฺเยฺยตา วุตฺตา. ตาทิสฺหิ สนฺธาย วิฺตฺติสหชเมว ‘‘ชิวฺหาตาลุจลนาทิกรวิตกฺกสมุฏฺิตํ สุขุมสทฺทํ ทิพฺพโสเตน สุตฺวา อาทิสตีติ สุตฺเต วุตฺต’’นฺติ (ธ. ส. มูลฏี. วจีกมฺมทฺวารกถาวณฺณนา) อานนฺทาจริโย อโวจ. วุตฺตลกฺขโณ เอว ปน นาติสุขุโม อตฺตโน, อจฺจาสนฺนปฺปเทเส ิตสฺส จ มํสโสตสฺสาปิ อาปาถํ คจฺฉตีติ สกฺกา วิฺาตุํ. ตสฺสาติ ¶ ตสฺส ปุคฺคลสฺส. ตสฺส วเสนาติ ตสฺส วิตกฺกสฺส วเสน. เอวํ อยมฺปิ อาเทสนวิธา เจโตปริยาณวเสเนว อาคตาติ เวทิตพฺพา ¶ . เกจิ ปน ‘‘ตสฺส วเสนาติ ตสฺส สทฺทสฺส วเสนา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ อยุตฺตํ. น หิ สทฺทคฺคหเณน ตํสมุฏฺาปกจิตฺตํ คยฺหติ, สทฺทคฺคหณานุสาเรนปิ ตทตฺถสฺเสว คหณํ โหติ, น จิตฺตสฺส. เอเตเนว ยเทเก ‘‘ยํ วิตกฺกยโตติ ยมตฺถํ วิตกฺกยโต’’ติ วตฺวา ‘‘ตสฺส วเสนาติ ตสฺส อตฺถสฺส วเสนา’’ติ วณฺเณนฺติ, ตมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตํ.
มนสา สงฺขรียนฺตีติ มโนสงฺขารา, เวทนาสฺา. ปณิหิตาติ ปุริมปริพนฺธวินเยน ปธานภาเวน นิหิตา ปิตา. เตนาห ‘‘จิตฺตสงฺขารา สุฏฺปิตา’’ติ. วิตกฺกสฺส วิตกฺกนํ นาม อุปฺปาทนเมวาติ อาห ‘‘ปวตฺเตสฺสตี’’ติ. ‘‘ปชานาตี’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตปทสมฺพนฺธทสฺสนวเสน อาเนติ. อาคมเนนาติ ฌานสฺส อาคมนฏฺานวเสน. ปุพฺพภาเคนาติ มคฺคสฺส สพฺพปุพฺพภาเคน วิปสฺสนารมฺเภน. อุภยํ เปตํ โย สยํ ฌานลาภี, อธิคตมคฺโค จ อฺํ ตทตฺถาย ปฏิปชฺชนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อิมินา นีหาเรน ปฏิปชฺชนฺโต อทฺธา ฌานํ ลภิสฺสติ, มคฺคํ อธิคมิสฺสตี’’ติ อภิฺาย วินา อนุมานวเสน ชานาติ, ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อาคมเนน ชานาติ นามา’’ติอาทิ. อนนฺตราติ วุฏฺิตกาลํ สนฺธายาห. ตทา หิ ปวตฺตวิตกฺกปชานเนเนว ฌานสฺส หานภาคิยตาทิวิเสสปชานนํ.
กึ ปนิทํ เจโตปริยาณํ ปรสฺส จิตฺตํ ปริจฺฉิชฺช ชานนฺตํ อิทฺธิจิตฺตภาวโต อวิเสสโต สพฺเพสมฺปิ จิตฺตํ ชานาตีติ? โนติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. น อริยานนฺติ เยน จิตฺเตน เต อริยา นาม ชาตา, ตํ โลกุตฺตรจิตฺตํ น ชานาติ อปฺปฏิวิทฺธภาวโต ¶ . ยถา หิ ปุถุชฺชโน สพฺเพสมฺปิ อริยานํ โลกุตฺตรจิตฺตํ น ชานาติ อปฺปฏิวิทฺธตฺตา, เอวํ อริโยปิ เหฏฺิโม อุปริมสฺส โลกุตฺตรจิตฺตํ น ชานาติ อปฺปฏิวิทฺธตฺตา เอว ¶ . ยถา ปน อุปริโม เหฏฺิมํ ผลสมาปตฺตึ น สมาปชฺชติ, กึ เอวํ โส ตสฺส โลกุตฺตรจิตฺตํ น ชานาตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อุปริโม ปน เหฏฺิมสฺส ชานาตี’’ติ, ปฏิวิทฺธตฺตาติ อธิปฺปาโย. ‘‘อุปริโม เหฏฺิมํ น สมาปชฺชตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘เตสฺหี’’ติอาทิ. เตสนฺติ อริยานํ. เหฏฺิมา เหฏฺิมา สมาปตฺติ ภูมนฺตรปฺปตฺติยา ปฏิปฺปสฺสทฺธิกปฺปา. เตนาห ‘‘ตตฺรุปปตฺติเยว โหตี’’ติ, น ¶ อุปริภูมิปตฺติ. นิมิตฺตาทิวเสน าตสฺส กทาจิ พฺยภิจาโรปิ สิยา, น ปน อภิฺาาเณน าตสฺสาติ อาห ‘‘เจโต…เป… นตฺถี’’ติ. ‘‘ตํ ภควา’’ติอาทิ เสสํ นาม.
ทสฺสนสมาปตฺติเทสนาวณฺณนา
๑๔๙. พฺรหฺมชาเลติ พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนายํ. อุตฺตรปทโลเปน เหส นิทฺเทโส. อาตปฺปนฺติ วีริยํ อาตปฺปติ โกสชฺชํ สพฺพมฺปิ สํกิเลสปกฺขนฺติ. กุสลวีริยสฺเสว เหตฺถ คหณํ อปฺปมาทาทิปทนฺตรสนฺนิธานโต. ปทหิตพฺพโตติ ปทหนโต, ภาวนํ อุทฺทิสฺส วายมนโตติ อตฺโถ. อนุยฺุชิตพฺพโตติ อนุยฺุชนโต. อีทิสานํ ปทานํ พหุลํกตฺตุวิสยตาย อิจฺฉิตพฺพตฺตา อาตปฺปปทสฺส วิย อิตเรสมฺปิ กตฺตุสาธนตา ทฏฺพฺพา. ปฏิปตฺติยํ นปฺปมชฺชติ เอเตนาติ อปฺปมาโท, สติอวิปฺปวาโส. สมฺมา มนสิ กโรติ เอเตนาติ สมฺมามนสิกาโร, ตถาปวตฺโต กุสลจิตฺตุปฺปาโท. ภาวนานุโยคเมว ตถา วทติ. เทสนากฺกเมน ปมา, ทสฺสนสมาปตฺติ นาม กรชกาเย ปฏิกฺกูลาการสฺส สมฺมเทว ทสฺสนวเสน ปวตฺตสมาปตฺติภาวโต. นิปฺปริยาเยเนวาติ วุตฺตลกฺขณทสฺสนสมาปตฺติสนฺนิสฺสยตฺตา, ทสฺสนมคฺคผลภาวโต ¶ จ ปมสามฺผลํ ปริยาเยน วินา ทสฺสนสมาปตฺติ.
อติกฺกมฺม ฉวิมํสโลหิตํ อฏฺึ ปจฺจเวกฺขตีติ ตานิ อปจฺจเวกฺขิตฺวา อฏฺิเมว ปจฺจเวกฺขติ. อฏฺิอารมฺมณา ทิพฺพจกฺขุปาทกชฺฌานสมาปตฺตีติ วุตฺตนเยน อฏฺิอารมฺมณา ทิพฺพจกฺขุอธิฏฺานา ปมชฺฌานสมาปตฺติ. โย หิ ภิกฺขุ อาโลกกสิเณ จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคตทิพฺพจกฺขุาโณ หุตฺวา สวิฺาณเก กาเย อฏฺึ ปริคฺคเหตฺวา ตตฺถ ปฏิกฺกูลมนสิการวเสน ปมํ ฌานํ นิพฺพตฺเตติ, ตสฺสายํ ปมชฺฌานสมาปตฺติ ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อฏฺิ อฏฺี’’ติอาทิ. โย ปเนตฺถ ปาฬิยํ ทฺวตฺตึสาการมนสิกาโร วุตฺโต, โส มคฺคโสธนวเสน วุตฺโต. ตตฺถ วา กตปริจยสฺส สุเขเนว วุตฺตนยา อฏฺิปจฺจเวกฺขณา สมิชฺฌตีติ. เตเนเวตฺถ ‘‘อิมํ เจวา’’ติ ‘‘อติกฺกมฺม จา’’ติ จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ วุตฺโต. ตํ ฌานนฺติ ยถาวุตฺตํ ¶ ปมชฺฌานํ. อยนฺติ อยํ สกทาคามิผลสมาปตฺติ ¶ . สาติสยํ จตุสจฺจทสฺสนาคมนโต ปริยาเยน วินา มุขฺยา ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติ. ยาว ตติยมคฺคา วตฺตตีติ อาห ‘‘ขีณาสวสฺส วเสน จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺติ กถิตา’’ติ.
ปาฬิยํ ปุริสสฺส จาติ จ-สทฺโท พฺยติเรเก, เตน ยถาวุตฺตสมาปตฺติทฺวยโต วุจฺจมานํเยว อิมสฺส วิเสสํ โชเตติ. อวิจฺเฉเทน ปวตฺติยา โสตสทิสตาย วิฺาณเมว วิฺาณโสตํ, ตเทตํ วิฺาณํ ปุริมโต อนนฺตรปจฺจยํ ลภิตฺวา ปจฺฉิมสฺส อนนฺตรปจฺจโย หุตฺวา ปวตฺตตีติ อยํ อสฺส โสตาคตตาย โสตสทิสตา, ตสฺมา ปชานิตพฺพภาเวน วุตฺตํ เอกเมว เจตฺถ วิฺาณํ ¶ , ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘วิฺาณโสตนฺติ วิฺาณเมวา’’ติ วุตฺตํ. ทฺวีหิปิ ภาเคหีติ โอรภาคปรภาเคหิ. อิธโลโก หิสฺส โอรภาโค, ปรโลโก ปรภาโค ทฺวินฺนมฺปิ วเสเนตํ สมฺพนฺธนฺติ. เตนาห ‘‘อิธโลเก ปติฏฺิต’’นฺติอาทิ. วิฺาณสฺส ขเณ ขเณ ภิชฺชนฺตสฺส กามํ นตฺถิ กสฺสจิ ปติฏฺิตตา, ตณฺหาวเสน ปน ตํ ‘‘ปติฏฺิต’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ฉนฺทราควเสนา’’ติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กพฬีกาเร เจ ภิกฺขเว อาหาเร อตฺถิ ราโค, อตฺถิ นนฺที, อตฺถิ ตณฺหา, ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรุฬฺหํ. ยตฺถ ปติฏฺิตํ วิฺาณํ วิรุฬฺหํ…เป… อตฺถิ ตตฺถ อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๔; กถา. ๒๙๖; มหานิ. ๗).
กมฺมนฺติ กุสลากุสลกมฺมํ, อุปโยควจนเมตํ. กมฺมโต อุปคจฺฉนฺตนฺติ กมฺมภาเวน อุปคจฺฉนฺตํ, วิฺาณนฺติ อธิปฺปาโย. อภิสงฺขารวิฺาณฺหิ เยน กมฺมุนา สหคตํ, อฺทตฺถุ ตพฺภาวเมว อุปคตํ หุตฺวา ปวตฺตติ. อิธโลเก ปติฏฺิตํ นาม อิธ กตูปจิตกมฺมภาวูปคมนโต. กมฺมภวํ อากฑฺฒนฺตนฺติ กมฺมวิฺาณํ อตฺตนา สมฺปยุตฺตกมฺมํ ชวาเปตฺวา ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตเนน ตทภิมุขํ อากฑฺฒนฺตํ. เตเนว ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตนสามตฺถิเยน ปรโลเก ปติฏฺิตํ นาม อตฺตโน ผลสฺส ตตฺถ ปติฏฺาปเนน. เกจิ ปน ‘‘อภิสงฺขารวิฺาณํ ปรโต วิปากํ ทาตุํ อสมตฺถํ อิธโลเก ปติฏฺิตํ นาม, ทาตุํ สมตฺถํ ปน ปรโลเก ปติฏฺิตํ ¶ นามา’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ‘‘อุภยโต อพฺโพจฺฉินฺน’’นฺติ วุตฺตตฺตา. ยฺจ เตหิ ‘‘ปรโลเก ปติฏฺิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อิธโลเกปิ ปติฏฺิตเมว. น หิ ตสฺส อิธโลเก ปติฏฺิตภาเวน วินา ปรโลเก ปติฏฺิตภาโว สมฺภวติ. เสกฺขปุถุชฺชนานํ ¶ เจโตปริยาณนฺติ เสกฺขานํ ¶ , ปุถุชฺชนานฺจ เจตโส ปริจฺฉินฺทนกาณํ. กถิตํ ปริจฺฉินฺทิตพฺพสฺส เจตโส ฉนฺทราควเสน ปติฏฺิตภาวโชตนโต.
จตุตฺถาย ทสฺสนสมาปตฺติยา ตติยทสฺสนสมาปตฺติยํ วุตฺตปฺปฏิกฺเขเปน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ปุริมานํ ทฺวินฺนํ สมาปตฺตีนํ ปุพฺเพ สมถวเสน อตฺถสฺส วุตฺตตฺตา อิทานิ วิปสฺสนาวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิจฺจลเมว ปุพฺเพ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส อปเนตพฺพโต. อตฺถนฺตรตฺถตาย ทสฺสิยมานาย ปทํ จลิตํ นาม โหติ. อปโร นโยติ เอตฺถ ปมชฺฌานสฺส ปมทสฺสนสมาปตฺติภาเว อปุพฺพํ นตฺถิ. ทุติยชฺฌานํ ทุติยาติ เอตฺถ ปน ‘‘อฏฺิกวณฺณกสิณวเสน ปฏิลทฺธทุติยชฺฌานํ ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺตี’’ติ วทนฺติ, ตติยชฺฌานมฺปิ ตเถว ปฏิลทฺธํ. ทสฺสนสมาปตฺติภาโว ปน โย ภิกฺขุ อาโลกกสิเณ จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคตทิพฺพจกฺขุโก หุตฺวา สวิฺาณเก อฏฺึ ปริคฺคเหตฺวา ตตฺถ วณฺณกสิณวเสน เหฏฺิมานิ ตีณิ ฌานานิ นิพฺพตฺเตติ, ตสฺส. ตติยชฺฌานํ ตติยา ทสฺสนสมาปตฺติ อธิฏฺานภูตสฺส ทิพฺพจกฺขุาณสฺส วเสน. จตุตฺถชฺฌานํ จตุตฺถาติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคตทิพฺพจกฺขุาณสฺส ตํ จตุตฺถชฺฌานํ จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺติ. อิธาปิ เสกฺขปุถุชฺชนานํ เจตโส ปริจฺฉินฺทเนน ตติยา ทสฺสนสมาปตฺติ, อรหโต จิตฺตสฺส ปริจฺฉินฺทเนน จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺติ เวทิตพฺพา. เอวฺเหสา อตฺถวณฺณนา ปาฬิยา สํสนฺเทยฺย. ‘‘ปมมคฺโค’’ติอาทีสุ อฏฺิอารมฺมณปมชฺฌานปาทโก ปมมคฺโค ปมา ทสฺสนสมาปตฺติ. อฏฺิอารมฺมณทุติยชฺฌานปาทโก ทุติยมคฺโค ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติ. ปรจิตฺตาณสหคตา จตุตฺถชฺฌานปาทกา ตติยจตุตฺถมคฺคา ตติยจตุตฺถทสฺสนสมาปตฺติโยติ ¶ . ปุริสสฺส วิฺาณปชานนํ ปเนตฺถ อสมฺโมหวเสน ทฏฺพฺพํ.
ปุคฺคลปณฺณตฺติเทสนาวณฺณนา
๑๕๐. ปุคฺคลปณฺณตฺตีสูติ ¶ ปุคฺคลานํ ปฺาปเนสุ. คุณวิเสสวเสน อฺมฺํ อสงฺกรโต ปเนสุ. โลกโวหารวเสนาติ โลกสมฺมุติวเสน. โลกโวหาโร เหส, ยทิทํ ‘‘สตฺโต ปุคฺคโล’’ติอาทิ. รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย สตฺโต. ตสฺส ตสฺส สตฺตนิกายสฺส ปูรณโต คลนโต, มรณวเสน ปตนโต จ ปุคฺคโล. สนฺตติยา นยนโต นโร. อตฺตภาวสฺส โปสนโต โปโส. เอวํ ปฺาเปตพฺพาสุ โวหริตพฺพาสุ. ‘‘สพฺพเมตํ ปุคฺคโล’’ติ อิมิสฺสา สาธารณปฺตฺติยา ¶ วิภาวนวเสน วุตฺตํ, น อิธาธิปฺเปตอสาธารณปฺตฺติยา, ตสฺมา โลกปฺตฺตีสูติ สตฺตโลกคตปฺตฺตีสุ. อนุตฺตโร โหติ อนฺสาธารณตฺตา ตสฺส ปฺาปนสฺส.
ทฺวีหิ ภาเคหีติ การเณ, นิสฺสกฺเก เจตํ ปุถุวจนํ, อาวุตฺติอาทิวเสน จายมตฺโถ เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘อรูปสมาปตฺติยา’’ติอาทิ, เอเตน ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน, มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขน วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ เอวํ ปวตฺโต ติปิฏกจูฬนาคตฺเถรวาโท, ‘‘นามกายโต, รูปกายโต จ วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ เอวํ ปวตฺโต ติปิฏกมหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรวาโท, ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน เอกวารํ วิมุตฺโตว มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขน เอกวารํ วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ เอวํ ปวตฺโต ติปิฏกจูฬาภยตฺเถรวาโท จาติ อิเมสํ ติณฺณมฺปิ เถรวาทานํ เอกชฺฌํ สงฺคโห กโตติ ทฏฺพฺพํ. วิมุตฺโตติ กิเลเสหิ วิมุตฺโต, กิเลสวิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทเนหิ ¶ วา กายทฺวยโต วิมุตฺโตติ อตฺโถ. อรูปสมาปตฺตีนนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. อรหตฺตปฺปตฺตอนาคามิโนติ ภูตปุพฺพคติยา วุตฺตํ. น หิ อรหตฺตปฺปตฺโต อนาคามี นาม โหติ. ปาฬีติ ปุคฺคลปฺตฺติปาฬิ. อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวาติ อฏฺ สมาปตฺติโย สหชาตนามกาเยน ปฏิลภิตฺวา. ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ วิปสฺสนาปฺาย สงฺขารคตํ, มคฺคปฺาย จตฺตาริ สจฺจานิ ปสฺสิตฺวา จตฺตาโรปิ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. ทิสฺวาติ ทสฺสนเหตุ. น หิ อาสเว ปฺาย ปสฺสนฺติ, ทสฺสนการณา ปน ¶ ปริกฺขีณา ‘‘ทิสฺวา ปริกฺขีณา’’ติ วุตฺตา ทสฺสนายตฺตปริกฺขีณตฺตา. เอวฺหิ ทสฺสนํ อาสวานํ ขยสฺส ปุริมกิริยาภาเวน วุตฺตํ.
ปฺาย วิเสสโต มุตฺโตติ ปฺาวิมุตฺโต อนวเสสโต อาสวานํ ปริกฺขีณตฺตา. อฏฺวิโมกฺขปฏิกฺเขปวเสเนว, น ตเทกเทสภูตรูปชฺฌานปฏิกฺเขปวเสน. เอวฺหิ อรูปชฺฌาเนกเทสาภาเวปิ อฏฺวิโมกฺขปฏิกฺเขโป น โหตีติ สิทฺธํ โหติ. อรูปาวจรชฺฌาเนสุ หิ เอกสฺมิมฺปิ สติ อุภโตภาควิมุตฺโตเยว นาม โหติ, น ปฺาวิมุตฺโตติ.
ผุฏฺนฺตํ สจฺฉิกโรตีติ ผุฏฺานํ อนฺโต ผุฏฺนฺโต, ผุฏฺานํ อรูปชฺฌานานํ อนนฺตโร กาโลติ อธิปฺปาโย, อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ, ผุฏฺานนฺตรกาลเมว สจฺฉิกาตพฺพํ, สจฺฉิกโต สจฺฉิกรณูปาเยนาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘โส ฌานผสฺส’’นฺติอาทิ. เอกจฺเจ อาสวาติ เหฏฺิมมคฺคตฺตยวชฺฌา อาสวา. โย หิ อรูปชฺฌาเนน รูปกายโต, นามกาเยกเทสโต ¶ จ วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน วิมุตฺโต, เตน นิโรธสงฺขาโต วิโมกฺโข อาโลจิโต ปกาสิโต ¶ วิย โหติ, น ปน กาเยน สจฺฉิกโต. นิโรธํ ปน อารมฺมณํ กตฺวา เอกจฺเจสุ อาสเวสุ เขปิเตสุ เตน สจฺฉิกโต โหติ, ตสฺมา โส สจฺฉิกาตพฺพํ นิโรธํ ยถาโลจิตํ นามกาเยน สจฺฉิกโรตีติ กายสกฺขีติ วุจฺจติ, น ตุ วิมุตฺโตติ เอกจฺจานํ อาสวานํ อปริกฺขีณตฺตา.
ทิฏฺนฺตํ ปตฺโตติ ทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคาณสฺส อนนฺตรํ ปตฺโตติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺตฺตา ปตฺโต’’ติปิ ปาโ, เตน จตุสจฺจทสฺสนสงฺขาตาย ทิฏฺิยา นิโรธสฺส ปตฺตตํ ทีเปติ. เตนาห ‘‘ทุกฺขา สงฺขารา’’ติอาทิ. ปมผลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคมคฺคา ทิฏฺิปฺปตฺโตติ อาห ‘‘เอโสปิ กายสกฺขี วิย ฉพฺพิโธ โหตี’’ติ. อิทํ ทุกฺขนฺติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต อุทฺธํ ทุกฺข’’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยสฺมา อิทํ ยาถาวสรสโต ปชานาติ, ปชานนฺโต จ เปตฺวา ตณฺหํ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ‘‘ทุกฺขสจฺจ’’นฺติ ปชานาติ. ตณฺหํ ปน อิทํ ทุกฺขํ อิโต สมุเทติ, ตสฺมา ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยสฺมา อิทํ ทุกฺขฺจ สมุทโย จ นิพฺพานํ ปตฺวา นิรุชฺฌนฺติ วูปสมนฺติ อปฺปวตฺตึ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อริโย ปน อฏฺงฺคิโก มคฺโค ¶ ตํ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉติ, เตน ตํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอตฺตาวตา นานกฺขเณ สจฺจววตฺถานํ ทสฺสิตํ. อิทานิ ตํ เอกกฺขเณ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถาคตปฺปเวทิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตถาคตปฺปเวทิตาติ ตถาคเตน โพธิมณฺเฑ ปฏิวิทฺธา วิทิตา ปากฏา กตา. ธมฺมาติ จตุสจฺจธมฺมา. โวทิฏฺา โหนฺตีติ สุทิฏฺา โหนฺติ. โวจริตาติ สุจริตา, เตสุ เตน ปฺา สุฏฺุ จราปิตาติ อตฺโถ. อยนฺติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ‘‘ทิฏฺิปฺปตฺโต’’ติ วุจฺจติ.
สทฺธาย ¶ วิมุตฺโตติ สทฺทหนวเสน วิมุตฺโต, เอเตน สพฺพถา อวิมุตฺตสฺสปิ สทฺธามตฺเตน วิมุตฺตภาวํ ทสฺเสติ. สทฺธาวิมุตฺโตติ วา สทฺธาย อธิมุตฺโตติ อตฺโถ. วุตฺตนเยเนวาติ กายสกฺขิมฺหิ วุตฺตนเยเนว. โน จ โข ยถา ทิฏฺิปฺปตฺตสฺสาติ ยถา ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส อาสวา ปริกฺขีณา, น เอวํ สทฺธาย วิมุตฺตสฺสาติ อตฺโถ. กึ ปน เนสํ กิเลสปฺปหาเน นานตฺตํ อตฺถีติ? นตฺถิ. อถ กสฺมา สทฺธาวิมุตฺโต ทิฏฺิปฺปตฺตํ น ปาปุณาตีติ? อาคมนียนานตฺเตน. ทิฏฺิปฺปตฺโต หิ อาคมนมฺหิ กิเลเส วิกฺขมฺเภนฺโต อปฺปทุกฺเขน, อกิลมนฺโต จ สกฺโกติ วิกฺขมฺเภตุํ, สทฺธาวิมุตฺโต ทุกฺเขน กิลมนฺโต วิกฺขมฺเภติ, ตสฺมา ทิฏฺิปฺปตฺตํ น ปาปุณาติ. เตนาห ‘‘เอเตสุ หี’’ติอาทิ.
อารมฺมณํ ¶ ยาถาวโต ธาเรติ อวธาเรตีติ ธมฺโม, ปฺา. ปฺาปุพฺพงฺคมนฺติ ปฺาปธานํ. ปฺํ วาเหตีติ ปฺาวาหี, ปฺํ สาติสยํ ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. ปฺา วา อิมํ ปุคฺคลํ วาเหติ, นิพฺพานาภิมุขํ คเมตีติ อตฺโถ. สทฺธานุสารินิทฺเทเสปิ เอเสว นโย.
ตสฺมาติ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๗๗๐, ๗๗๖) วุตฺตตฺตา, ตโต เอว วิสุทฺธิมคฺเค, ตํ สํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๒.๗๗๖) วุตฺตนเยเนตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ปธานเทสนาวณฺณนา
๑๕๑. ปทหนวเสนาติ ภาวนานุโยควเสน. สตฺต โพชฺฌงฺคา ปธานาติ วุตฺตา วิเวกนิสฺสิตาทิภาเวน ปทหิตพฺพโต ภาเวตพฺพโต.
ปฏิปทาเทสนาวณฺณนา
๑๕๒. ทุกฺเขน ¶ กสิเรน สมาธึ อุปฺปาเทนฺตสฺสาติ ปุพฺพภาเค อาคมนกาเล กิจฺเฉน ทุกฺเขน สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิลมนฺตสฺส กิเลเส วิกฺขมฺเภตฺวา โลกุตฺตรสมาธึ อุปฺปาเทนฺตสฺส. ทนฺธํ ตํ านํ อภิชานนฺตสฺสาติ วิกฺขมฺภิเตสุ กิเลเสสุ วิปสฺสนาปริวาเส จิรํ ¶ วสิตฺวา ตํ โลกุตฺตรสมาธิสงฺขาตํ านํ ทนฺธํ สณิกํ อภิชานนฺตสฺส ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส, สจฺฉิกโรนฺตสฺส ปาปุณนฺตสฺสาติ อตฺโถ. อยํ วุจฺจตีติ ยา เอสา เอวํ อุปฺปชฺชติ, อยํ กิเลสวิกฺขมฺภนปฏิปทาย ทุกฺขตฺตา, วิปสฺสนาปริวาสปฺาย จ ทนฺธตฺตา มคฺคกาเล เอกจิตฺตกฺขเณ อุปฺปนฺนาปิ ปฺา อาคมนวเสน ‘‘ทุกฺขปฏิปทา ทนฺธาภิฺา นามา’’ติ วุจฺจติ. อุปริ ตีสุ ปเทสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ภสฺสสมาจาราทิเทสนาวณฺณนา
๑๕๓. ภสฺสสมาจาเรติ วจีสมาจาเร. ิโตติ ยถารทฺธํ ตํ อวิจฺเฉทวเสน กเถนฺโต. เตนาห ‘‘กถามคฺคํ อนุปจฺฉินฺทิตฺวา กเถนฺโต’’ติ. มุสาวาทูปสฺหิตนฺติ อนฺตรนฺตรา ปวตฺเตน มุสาวาเทน อุปสํหิตํ. วิภูติ วุจฺจติ วิสุํภาโว, ตตฺถ นิยุตฺตนฺติ เวภูติกํ, ตเทว เวภูติยํ, เปสฺุํ. เตนาห ‘‘เภทกรวาจ’’นฺติ. กรณุตฺตริยลกฺขณโต สารมฺภโต ชาตาติ สารมฺภชา. ตสฺสา ปวตฺติอาการทสฺสนตฺถํ ‘‘ตฺวํ ทุสฺสีโล’’ติอาทิ วุตฺตํ. พหิทฺธากถา อมนาปา, ¶ มนาปาปิ ปรสฺส จิตฺตวิฆาตาวหตฺตา กรณุตฺตริยปกฺขิยเมวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตุยฺห’’นฺติอาทิมาห. วิกฺเขปกถาปวตฺตนฺติ วิกฺเขปกถาวเสน ปวตฺตํ. ชยปุเรกฺขาโร หุตฺวาติ อตฺตโน ชยํ ปุรกฺขตฺวา. ยํ กิฺจิ น ภาสตีติ โยชนา. ‘‘มนฺตา’’ติ วุจฺจติ ปฺา, มนฺตนํ ชานนนฺติ กตฺวา. ‘‘มนฺตา’’ติ อิทํ ‘‘มนฺเตตฺวา’’ติ อิมินา สมานตฺถํ นิปาตปทนฺติ อาห ‘‘อุปปริกฺขิตฺวา’’ติ. ยุตฺตกถเมวาติ อตฺตโน, สุณนฺตสฺส จ ยุตฺตรูปเมว กถํ. หทเย นิทหิตพฺพยุตฺตนฺติ อตฺถสมฺปตฺติยา, พฺยฺชนสมฺปตฺติยา ¶ อตฺถเวทาทิปฏิลาภนิมิตฺตตฺตา จิตฺเต เปตพฺพํ, วิมุตฺตายตนภาเวน มนสิ กาตพฺพนฺติ อตฺโถ. สพฺพงฺคสมฺปนฺนาปิ วาจา อกาเล ภาสิตา อภาชเน ภาสิตา วิย น อตฺถาวหาติ อาห ‘‘ยุตฺตปตฺตกาเลนา’’ติ. อยฺจ จตุรงฺคสมนฺนาคตา สุภาสิตวาจา ¶ สจฺจสมฺโพธาวหาทิตาย สตฺตานํ มหิทฺธิกา มหานิสํสาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ ภาสิตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สีลาจาเรติ สีเล จ อาจาเร จ ปริสุทฺธสีเล เจว ปริสุทฺธมโนสมาจาเร จ. ิโตติ ปติฏฺหนฺโต. สจฺจํ เอตสฺส อตฺถีติ สจฺโจติ อาห ‘‘สจฺจกโถ’’ติ. เอส นโย สทฺโธติ เอตฺถาปิ. เตนาห ‘‘สทฺธาสมฺปนฺโน’’ติ. ‘‘นนุ จ เหฏฺา สจฺจํ กถิตเมวา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ? เหฏฺา หิ วจีสมาจารํ กเถนฺเตน สจฺจํ กถิตํ, ปฏิปกฺขปฏิกฺเขปวเสน อิธ สีลํ กเถนฺเตน ตํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ทสฺเสตุํ สจฺจํ สรูเปเนว กถิตํ. ‘‘ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย อารพฺภนฺตรฺเจตํ, ตถาปิ สจฺจํ วตฺวา อนนฺตรเมว สจฺจสฺส กถนํ ปุนรุตฺตํ โหตีติ ปรสฺส โจทนาวสโร มา โหตู’’ติ ตตฺถ ปริหารํ ทาตุกาโม ‘‘อิธ กสฺมา ปุน วุตฺต’’นฺติ อาห. เหฏฺา วาจาสจฺจํ กถิตํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ สุภาสิตวาจํ ทสฺเสนฺเตน. อนฺตมโส…เป… ทสฺเสตุํ อิธ วุตฺตํ ‘‘เอวํ สีลํ สุปริสุทฺธํ โหตี’’ติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ ‘‘เอวํ ปริตฺตกํ โข, ราหุล, เตสํ สามฺํ, เยสํ นตฺถิ สมฺปชานมุสาวาเท ลชฺชา’’ติอาทิ นยปฺปวตฺตํ ราหุโลวาทสุตฺตํ ทสฺเสตพฺพํ.
คุตฺตา สติกวาเฏน ปิทหิตา ทฺวารา เอเตนาติ คุตฺตทฺวาโรติ อาห ‘‘ฉสุ อินฺทฺริเยสู’’ติอาทิ ¶ . ปริเยสนปฏิคฺคณฺหนปริโภควิสฺสชฺชนวเสน โภชเน มตฺตํ ชานาตีติ โภชเน มตฺตฺู. สมนฺติ อวิสมํ. สมจาริตา หิ กายวิสมาทีนิ ปหาย กายสมาทิปูรณํ. นิสชฺชายาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เตน ‘‘อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ. ภาวนาย จิตฺตปริโสธนฺหิ ชาคริยานุโยโค, น นิทฺทาวิโนทนมตฺตํ. นิตฺตนฺทีติ วิคตถินมิทฺโธ. สา ปน นิตฺตนฺทิตา กายาลสิยวิคมเน ปากฏา โหตีติ วุตฺตํ ‘‘กายาลสิยวิรหิโต’’ติ. ‘‘อารทฺธวีริโย’’ติ อิมินา ทุวิโธปิ วีริยารมฺโภ คหิโตติ ตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กายิกวีริเยนาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สงฺคมฺม คณวิหาโร ¶ สหวาโส สงฺคณิกา, สา ปน กิเลเสหิปิ เอวํ โหตีติ ตโต วิเสเสตุํ ‘‘คณสงฺคณิก’’นฺติ วุตฺตํ. คเณน สงฺคณิกํ คณสงฺคณิกนฺติ. อารมฺภวตฺถุวเสนาติ อนธิคตวิเสสาธิคมการณวเสน เอกวิหารี, น เกวลํ เอกีภาววเสน. กิเลสสงฺคณิกนฺติ ¶ กิเลสสหิตจิตฺตตํ. ยถา ตถาติ วิปสฺสนาวเสน, ปฏิสงฺขานวเสน วา. สมถวเสน อารมฺมณูปนิชฺฌานํ. วิปสฺสนาวเสน ลกฺขณูปนิชฺฌานํ.
กลฺยาณปฏิภาโนติ สุนฺทรปฏิภาโน, สา ปนสฺส ปฏิภานสมฺปทา วจนจาตุริยสหิตาว อิจฺฉิตาติ อาห ‘‘วากฺกรณ…เป… สมฺปนฺโน จา’’ติ. ‘‘ปฏิภาน’’นฺติ หิ าณมฺปิ วุจฺจติ าณสฺส อุปฏฺิตวจนมฺปิ. ตตฺถ อตฺถยุตฺตํ การณยุตฺตํ ปฏิภานมสฺสาติ ยุตฺตปฏิภาโน. ปุจฺฉิตานนฺตรเมว สีฆํ พฺยากาตุํ อสมตฺถตาย โน มุตฺตปฏิภานํ อสฺสาติ โน มุตฺตปฏิภาโน. อิธ ปน วิกิณฺณวาโจ มุตฺตปฏิภาโน อธิปฺเปโตติ อธิปฺปาเยน ‘‘สีลสมาจารสฺมิฺหิ ิตภิกฺขุ มุตฺตปฏิภาโน น โหตี’’ติ วุตฺตํ. คมนสมตฺถายาติ ¶ อสฺสุตํ ธมฺมํ คเมตุํ สมตฺถาย. ธารณสมตฺถายาติ สาติสยํ สติวีริยสหิตตาย ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ ธาเรตุํ สมตฺถาย. มุนนโต อนุมินนโต มุตีติ อนุมาน ปฺาย นามํ. ตีหิ ปเทหีติ ‘‘คติมา ธิติมา มุติมา’’ติ ตีหิ ปเทหิ. เหฏฺาติ เหฏฺา ‘‘อารทฺธวีริโย’’ติ วุตฺตฏฺาเน. อิธาติ ‘‘ธิติมา’’ติ วุตฺตฏฺาเน. วีริยมฺปิ เหฏฺา คุณภูตํ คหิตนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เหฏฺาติ ‘‘ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต, ฌายี’’ติ เอตฺถ วิปสฺสนาปฺา กถิตา. อิธาติ ‘‘ธิติมา มุติมา’’ติ เอตฺถ พุทฺธวจนคณฺหนปฺา กถิตา กรณปุพฺพาปรโกสลฺลปฺาทีปนโต. กิเลสกาโมปิ วตฺถุกาโม วิย ยถาปวตฺโต อสฺสาทียตีติ วุตฺตํ ‘‘วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ อคิทฺโธ’’ติ.
อนุสาสนวิธาเทสนาทิวณฺณนา
๑๕๔. อตฺตโน อุปายมนสิกาเรนาติ อตฺตนิ สมฺภูเตน ปถมนสิกาเรน ภาวนามนสิกาเรน. ปฏิปชฺชมาโนติ วิสุทฺธึ ปฏิปชฺชมาโน.
๑๕๕. กิเลสวิมุตฺติาเณติ กิเลสปฺปหานชานเน.
๑๕๖. ปริยาทิยมาโนติ ปริจฺฉิชฺช คณฺหนฺโตติ อตฺโถ. สุทฺธกฺขนฺเธเยว อนุสฺสรติ นามโคตฺตํ ปริยาทิยิตุํ อสกฺโกนฺโต. วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เอโก หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สกฺโกติ ¶ ปริยาทิยิตุํ. อสกฺโกนฺตสฺส ¶ วเสน คหิตํ, ‘‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. อสกฺโกนฺตสฺสาติ จ อาโรหเน อสกฺโกนฺตสฺส, โอโรหเน ปน าณสฺส ถิรภูตตฺตา. เตนาห ‘‘สุทฺธกฺขนฺเธเยว อนุสฺสรนฺโต’’ติอาทิ. เอตนฺติ ปุพฺพาปรวิโรธํ. น สลฺลกฺเขสิ ทิฏฺาภินิเวเสน ¶ กุณฺาณตฺตา. เตนาห ‘‘ทิฏฺิคติกตฺตา’’ติ. านนฺติ เอกสฺมึ ปกฺเข อวฏฺานํ. นิยโมติ วาทนิยโม ปฏินิยตวาทตา. เตนาห ‘‘อิมํ คเหตฺวา’’ติอาทิ.
๑๕๗. ปิณฺฑคณนายาติ ‘‘เอกํ ทฺเว’’ติอาทินา อคเณตฺวา สงฺกลนปทุปฺปาทนาทินา ปิณฺฑนวเสน คณนาย. อจฺฉิทฺทกวเสนาติ อวิจฺฉินฺทกคณนาวเสน คณนา กมคณนํ มฺุจิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ รุกฺเข เอตฺตกานิ ปณฺณานี’’ติ วา ‘‘อิมสฺมึ ชลาสเย เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกานี’’ติ วา เอวํ คเณตพฺพสฺส เอกชฺฌมฺปิ ปิณฺเฑตฺวา คณนา. กมคณนา หิ อนฺตรนฺตรา วิจฺฉิชฺช ปวตฺติยา ปจฺฉินฺทิกา. สา ปเนสา คณนา สวนนฺตรํ อนเปกฺขิตฺวา มนสาว คเณตพฺพโต ‘‘มโนคณนา’’ติปิ วุจฺจตีติ อาห ‘‘มโนคณนายา’’ติ. ปิณฺฑคณนเมว ทสฺเสติ, น วิภาคคณนํ. สงฺขาตุํ น สกฺกา อฺเหิ อสงฺขฺเยยฺยาภาวโต. ปฺาปารมิยา ปูริตภาวํ ทสฺเสนฺโต อิตราสํ ปูรเณน วินา ตสฺสา ปูรณํ นตฺถีติ ‘‘ทสนฺนํ ปารมีนํ ปูริตตฺตา’’ติ อาห. เตนาห ‘‘สพฺพฺุตฺาณสฺส สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา’’ติ. เอตฺตกนฺติ ทสฺเสถาติ ทีเปติ เถโร. ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘สาการํ สอุทฺเทสํ อนุสฺสรตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ตสฺส อนุสฺสรณมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อายุโน วสฺสาทิคณนาย ปริจฺฉินฺทนํ ตสฺส อวิสยภาวโต.
๑๕๘. ตุมฺหากํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ เยว อนุตฺตรา อนฺสาธารณตฺตา. อิทานิ ตสฺสา เทสนาย มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณสฺส วิย วิภาคาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตีตพุทฺธาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมินาปิ การเณนาติ อนุตฺตรภาเวน, อฺเหิ พุทฺเธหิ เอกสทิสภาเวน จ.
๑๕๙. อาสวานํ อารมฺมณภาวูปคมเนน สาสวา. อุเปจฺจ ¶ อาธียนฺตีติ อุปาธี, โทสาโรปนานิ, สห อุปาธีหีติ สอุปาธิกา. อนริยิทฺธิยฺหิ อตฺตโน จิตฺตโทเสน เอกจฺเจ อุปารมฺภํ ททนฺติ, สฺวายมตฺโถ เกวฏฺฏสุตฺเตน ทีเปตพฺโพ. โน ‘‘อริยา’’ติ วุจฺจติ สาสวภาวโต. นิทฺโทเสหิ ¶ ขีณาสเวหิ ปวตฺเตตพฺพโต นิทฺโทสา โทเสหิ สห อปฺปวตฺตนโต. ตโต เอว อนุปารมฺภา. อริยานํ อิทฺธีติ อริยิทฺธีติ วุจฺจติ.
อปฺปฏิกฺกูลสฺีติ อิฏฺสฺี อิฏฺากาเรน ปวตฺตจิตฺโต. ปฏิกฺกูเลติ อมนฺุเ อนิฏฺเ ¶ . ธาตุสฺนฺติ ‘‘ธาตุโย’’ติ สฺํ. อุปสํหรตีติ อุปเนติ ปวตฺเตติ. อนิฏฺสฺมึ วตฺถุสฺมินฺติ อนิฏฺเ สตฺตสฺิเต อารมฺมเณ. เมตฺตาย วา ผรตีติ เมตฺตํ หิเตสิตํ อุปสํหรนฺโต สพฺพตฺถกเมว ตํ ตตฺถ ผรติ. ธาตุโต วา อุปสํหรตีติ ธมฺมสภาวจินฺตเนน ธาตุโส, ปจฺจเวกฺขณาย ธาตุมนสิการํ วา ตตฺถ ปวตฺเตติ. อปฺปฏิกฺกูเล สตฺเต าติมิตฺตาทิเก ยาถาวโต ธมฺมสภาวจินฺตเนน อนิจฺจสฺาย วิสภาคภูเต ‘‘เกสาทิ อสุจิโกฏฺาสเมวา’’ติ อสุภสฺํ ผรติ อสุภมนสิการํ ปวตฺเตติ. ฉฬงฺคุเปกฺขายาติ อิฏฺานิฏฺฉฬารมฺมณาปาเถ ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนลกฺขณาย ฉสุ ทฺวาเรสุ ปวตฺตนโต ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขายา’’ติ ลทฺธนามาย ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย.
ตํ เทสนนฺติ ตํ ทฺวีสุ อิทฺธิวิธาสุ เทสนปฺปการํ เทสนาวิธึ. อเสสํ สกลนฺติ อเสสํ นิรวเสสํ สมฺปุณฺณํ อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานาติ. อเสสํ อภิชานโต ตโต อุตฺตริ อภิฺเยฺยํ ¶ นตฺถิ. อิโตติ ภควโต อภิฺาตโต. อฺโ ปรมตฺถวเสน ธมฺโม วา ปฺตฺติวเสน ปุคฺคโล วา อยํ นาม ยํ ภควา น ชานาตีติ อิทํ นตฺถิ น อุปลพฺภติ สพฺพสฺเสว สมฺมเทว ตุมฺเหหิ อภิฺาตตฺตา. ทฺวีสุ อิทฺธิวิธาสุ อภิชานเน, เทสนายฺจ ภควโต อุตฺตริตโร นตฺถิ. อิมินาปีติ ปิ-สทฺโท น เกวลํ วุตฺตตฺถสมุจฺจยตฺโถ, อถ โข อวุตฺตตฺถสมุจฺจยตฺโถปิ ทฏฺพฺโพ. ยํ ตํ ภนฺเตติอาทินาปิ หิ ภควโต คุณทสฺสนํ ตสฺเสว ปสาทสฺส การณวิภาวนํ.
อฺถาสตฺถุคุณทสฺสนาทิวณฺณนา
๑๖๐. ปุพฺเพ ‘‘เอตทานุตฺตริยํ ภนฺเต’’ติอาทินา ยถาวุตฺตพุทฺธคุณา ทสฺสิตา, ตโต อฺโ เอวายํ ปกาโร ‘‘ยํ ตํ ภนฺเต’’ติอาทินา อารทฺโธติ อาห ‘‘อปเรนาปิ อากาเรนา’’ติ. พุทฺธานํ สมฺมาสมฺโพธิยา สทฺทหนโต วิเสสโต สทฺธา กุลปุตฺตา นาม โพธิสตฺตา, มหาโพธิสตฺตาติ อธิปฺปาโย. เต หิ มหาภินีหารโต ปฏฺาย ¶ มหาโพธิยํ สตฺตา อาสตฺตา ลคฺคา นิยตภาวูปคมเนน เกนจิ อสํหาริยภาวโต. ยโต เนสํ น กถฺจิ ตตฺถ สทฺธาย อฺถตฺตํ โหติ, เอเตเนว เตสํ กมฺมผลํ สทฺธายปิ อฺถตฺตาภาโว ทีปิโต ทฏฺพฺโพ. ตสฺมาติ ยสฺมา อติสยวจนิจฺฉาวเสน, ‘‘อนุปฺปตฺตํ ตํ ภควตา’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน จ วิสิฏฺวิสยํ ‘‘สทฺเธน กุลปุตฺเตนา’’ติ อิทํ ปทํ, ตสฺมา. โลกุตฺตรธมฺมสมธิคมมูลกตฺตา สพฺพพุทฺธคุณสมธิคมสฺส ‘‘นว โลกุตฺตรธมฺมา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อารทฺธวีริเยนา’’ติอาทีสุ สมาสปเทสุ ‘‘วีริยํ ถาโม’’ติอาทีนิ อวยวปทานิ. อาทิ-สทฺเทน ปรกฺกมปทํ สงฺคณฺหาติ, น ¶ โธรยฺหปทํ. น หิ ตํ วีริยเววจนํ, อถ โข วีริยวนฺตวาจกํ. ธุราย นิยุตฺโตติ หิ โธรยฺโห. เตนาห ¶ ‘‘ตํ ธุรํ วหนสมตฺเถน มหาปุริเสนา’’ติ. ปคฺคหิตวีริเยนาติ อสิถิลวีริเยน. ถิรวีริเยนาติ อุสฺโสฬฺหีภาวูปคมเนน ถิรภาวปฺปตฺตวีริเยน. อสมธุเรหีติ อนฺสาธารณธุเรหิ. ปเรสํ อสยฺหสหนา หิ โลกนาถา. ตํ สพฺพํ อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยเภทํ พุทฺธานํ คุณชาตํ. ปารมิตา, พุทฺธคุณา, เวเนยฺยสตฺตาติ ยสฺมา อิทํ ตยํ สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ สมานเมว, ตสฺมา อาห ‘‘อตีตานาคต…เป… อูโน นตฺถี’’ติ.
กามสุขลฺลิกานุโยคนฺติ กามสุเข อลฺลีนา หุตฺวา อนุยฺุชนํ. โก ชานาติ ปรโลกํ ‘‘อตฺถี’’ติ, เอตฺถ ‘‘โก เอกวิสโยยํ อินฺทฺริยโคจโร’’ติ เอวํทิฏฺิ หุตฺวาติ อธิปฺปาโย. สุโขติ อิฏฺโ สุขาวโห. ปริพฺพาชิกายาติ ตาปสปริพฺพาชิกาย ตรุณิยา. มุทุกายาติ สุขุมาลาย. โลมสายาติ ตรุณมุทุโลมวติยา. โมฬิพนฺธาหีติ โมฬึ กตฺวา พนฺธเกสาหิ. ปริจาเรนฺตีติ อตฺตโน ปาริจาริกํ กโรนฺติ, อินฺทฺริยานิ วา ตตฺถ ปริโต จาเรนฺติ. ลามกนฺติ ปฏิกิลิฏฺํ. คามวาสีนํ พาลานํ ธมฺมํ. ปุถุชฺชนานมิทนฺติ โปถุชฺชนิกํ. ยถา ปน ตํ ‘‘ปุถุชฺชนานมิท’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุถุชฺชเนหิ เสวิตพฺพ’’นฺติ อาห. อนริเยหิ เสวิตพฺพนฺติ วา อนริยํ. ยสฺมา ปน นิทฺโทสตฺโถ อริยตฺโถ, ตสฺมา ‘‘อนริยนฺติ น นิทฺโทส’’นฺติ วุตฺตํ. อนตฺถสํยุตฺตนฺติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกาทิวิวิธวิปุลานตฺถสฺหิตํ. อตฺตกิลมถานุโยคนฺติ อตฺตโน กิลมถสฺส เขทนสฺส อนุยฺุชนํ. ทุกฺขํ ¶ เอตสฺส อตฺถีติ ทุกฺขํ. ทุกฺขมนํ เอตสฺสาติ ทุกฺขมํ.
อาภิเจตสิกานนฺติ ¶ อภิเจโต วุจฺจติ อภิกฺกนฺตํ วิสุทฺธํ จิตฺตํ, อธิจิตฺตํ วา, ตสฺมึ อภิเจตสิ ชาตานีติ อาภิเจตสิกานิ, อภิเจโตสนฺนิสฺสิตานิ วา. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานนฺติ ทิฏฺธมฺเม สุขวิหารานํ, ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว, ตตฺถ สุขวิหารภูตานนฺติ อตฺโถ, รูปาวจรฌานานเมตํ อธิวจนํ. ตานิ หิ อปฺเปตฺวา นิสินฺนา ฌายิโน อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อสํกิลิฏฺํ เนกฺขมฺมสุขํ วินฺทนฺติ, ตสฺมา ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานี’’ติ วุจฺจนฺตีติ. กถิตา ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร’’ติ สปฺปีติกตฺตา, โลกุตฺตรวิปากสุขุมสฺหิตตฺตา จ. สห มคฺเคน วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ กถิตํ ‘‘จตฺตาโรเม จุนฺท สุขลฺลิกานุโยคา เอกนฺตนิพฺพิทายา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๘๔) จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺตีติ จตุตฺถชฺฌานิกา ผลสมาปตฺติ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารภาเวน กถิตา. จตฺตาริ รูปาวจรานิ ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารชฺฌานานี’’ติ กถิตานีติ อตฺโถ. นิกามลาภีติ นิกาเมน ลาภี อตฺตโน อิจฺฉาวเสน ลาภี. อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํ สมตฺโถติ อตฺโถ ¶ . เตนาห ‘‘ยถากามลาภี’’ติ. อทุกฺขลาภีติ สุเขเนว ปจฺจนีกธมฺมานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา สมาปชฺชิตุํ สมตฺโถ. อกสิรลาภีติ อกสิรานํ วิปุลานํ ลาภี, ยถาปริจฺเฉเทเนว วุฏฺาตุํ สมตฺโถ. เอกจฺโจ หิ ลาภีเยว โหติ, น ปน สกฺโกติ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํ. เอกจฺโจ ตถา สมาปชฺชิตุํ สกฺโกติ, ปาริพนฺธเก ปน กิจฺเฉน วิกฺขมฺเภติ. เอกจฺโจ ตถา จ สมาปชฺชติ, ปาริพนฺธเก จ อกิจฺเฉเนว วิกฺขมฺเภติ ¶ , น สกฺโกติ นาฬิกยนฺตํ วิย ยถาปริจฺเฉเท วุฏฺาตุํ. ภควา ปน สพฺพโส สมุจฺฉินฺนปาริพนฺธกตฺตา วสิภาวสฺส สมฺมเทว สมธิคตตฺตา สพฺพเมตํ สมฺมเทว สกฺโกติ.
อนุโยคทานปฺปการวณฺณนา
๑๖๑. ทสสหสฺสิโลกธาตุยาติ อิมาย โลกธาตุยา สทฺธึ อิมํ โลกธาตุํ ปริวาเรตฺวา ิตาย ทสสหสฺสิโลกธาตุยา. ชาติเขตฺตภาเวน หิ ตํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติ วุตฺตํ, ตตฺตกาย เอว ชาติเขตฺตภาโว ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺโพ. ‘‘ปริคฺคหวเสนา’’ติ เกจิ. สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ ตตฺตกํ เอว ¶ ชาติเขตฺตํ. ‘‘ตนฺนิวาสีนํเยว จ เทวานํ ธมฺมาภิสมโย’’ติ วทนฺติ. ปกมฺปนเทวตูปสงฺกมนาทินา ชาตจกฺกวาเฬน สมานโยคกฺขมฏฺานํ ชาติเขตฺตํ. สรเสเนว อาณาปวตฺตนฏฺานํ อาณาเขตฺตํ. พุทฺธาณสฺส วิสยภูตํ านํ วิสยเขตฺตํ. โอกฺกมนาทีนํ ฉนฺนเมว คหณํ นิทสฺสนมตฺตํ มหาภินีหาราทิกาเลปิ ตสฺส ปกมฺปนลพฺภนโต. อาณาเขตฺตํ นาม, ยํ เอกจฺจํ สํวฏฺฏติ, วิวฏฺฏติ จ. อาณา วตฺตติ ตนฺนิวาสิเทวตานํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉเนน, ตฺจ โข เกวลํ พุทฺธานํ อานุภาเวเนว, น อธิปฺปายวเสน. ‘‘ยาวตา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) วจนโต ตโต ปรมฺปิ อาณา ปวตฺเตยฺเยว.
นุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อตฺถีติ ‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕) อิมิสฺสา ¶ โลกธาตุยา ตฺวา วทนฺเตน ภควตา, อิมสฺมึเยว สุตฺเต ‘‘กึ ปนาวุโส, สาริปุตฺต, อตฺเถตรหิ อฺโ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา สมสโม สมฺโพธิย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑) เอวํ ปุฏฺโ ‘‘อหํ ภนฺเต โนติ วเทยฺย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑) วตฺวา ตสฺส การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา ทฺเว อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑; ม. นิ. ๓.๑๒๙; อ. นิ. ๑.๒๗๗; เนตฺติ. ๕๗; มิ. ป. ๕.๑.๑) อิมํ สุตฺตํ ทสฺเสนฺเตน ¶ ธมฺมเสนาปตินา จ พุทฺธเขตฺตภูตํ อิมํ โลกธาตุํ เปตฺวา อฺตฺถ อนุปฺปตฺติ วุตฺตา โหตีติ อธิปฺปาโย.
เอกโตติ สห, เอกสฺมึ กาเลติ อตฺโถ. โส ปน กาโล กถํ ปริจฺฉินฺโนติ? จริมภเว ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย ยาว ธาตุปรินิพฺพานนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ โพธิปลฺลงฺเก’’ติอาทิมาห. นิสินฺนกาลโต ปฏฺายาติ ปฏิโลมกฺกเมน วทติ. เขตฺตปริคฺคโห กโตว โหติ ‘‘อิทํ พุทฺธานํ ชาติเขตฺต’’นฺติ. เกน ปน ปริคฺคโห กโต? อุปฺปชฺชมาเนน โพธิสตฺเตน. ปรินิพฺพานโต ปฏฺายาติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานโต ปฏฺาย. เอตฺถนฺตเรติ จริมภเว โพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณํ, ธาตุปรินิพฺพานนฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ ปริจฺฉินฺเน เอตสฺมึ อนฺตเร.
ติปิฏกอนฺตรธานกถาวณฺณนา
‘‘น ¶ นิวาริตา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตีณิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิปตฺติอนฺตรธาเนน สาสนสฺส โอสกฺกิตตฺตา อปรสฺส อุปฺปตฺติ ลทฺธาวสรา โหติ. ปฏิปทาติ ปฏิเวธาวหา ปุพฺพภาคปฏิปทา.
‘‘ปริยตฺติ ปมาณ’’นฺติ วตฺวา ตมตฺถํ โพธิสตฺตํ นิทสฺสนํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตยิทํ หีนํ นิทสฺสนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นิยฺยานิกธมฺมสฺส หิ ิตึ ทสฺเสนฺโต อนิยฺยานิกธมฺมํ นิทสฺเสติ.
มาติกาย อนฺตรหิตายาติ ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติอาทิ (ปารา. ๓๙, ๔๔; ปาจิ. ๔๕) นยปฺปวตฺตาย ¶ สิกฺขาปทปาฬิมาติกาย อนฺตรหิตาย. นิทานุทฺเทสสงฺขาเต ปาติโมกฺเข, ปพฺพชฺชาอุปสมฺปทากมฺเมสุ จ สาสนํ ติฏฺติ. ยถา วา ปาติโมกฺเข ธรนฺเต เอว ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา จ, เอวํ สติ เอว ตทุภเย ปาติโมกฺขํ ตทุภยาภาเว ปาติโมกฺขาภาวโต. ตสฺมา ตยิทํ ตยํ สาสนสฺส ิติเหตูติ อาห ‘‘ปาติโมกฺขปพฺพชฺชาอุปสมฺปทาสุ ิตาสุ สาสนํ ติฏฺตี’’ติ. ยสฺมา วา อุปสมฺปทาธีนํ ปาติโมกฺขํ อนุปสมฺปนฺนสฺส อนิจฺฉิตตฺตา, อุปสมฺปทา จ ปพฺพชฺชาธีนา, ตสฺมา ปาติโมกฺเข, ตํ สิทฺธิยา สิทฺธาสุ ปพฺพชฺชุปสมฺปทาสุ จ สาสนํ ติฏฺติ. โอสกฺกิตํ นามาติ ปจฺฉิมกปฏิเวธสีลเภททฺวยํ เอกโต กตฺวา ตโต ปรํ ¶ วินฏฺํ นาม โหติ, ปจฺฉิมกปฏิเวธโต ปรํ ปฏิเวธสาสนํ, ปจฺฉิมกสีลเภทโต ปรํ ปฏิปตฺติสาสนํ วินฏฺํ นาม โหตีติ อตฺโถ.
สาสนอนฺตรหิตวณฺณนา
เอเตน กามํ ‘‘สาสนฏฺิติยา ปริยตฺติ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ, ปริยตฺติ ปน ปฏิปตฺติเหตุกาติ ปฏิปตฺติยา อสติ สา อปฺปติฏฺา โหติ ปฏิเวโธ วิย, ตสฺมา ปฏิปตฺติอนฺตรธานํ สาสโนสกฺกนสฺส วิเสสการณนฺติ ทสฺเสตฺวา ตยิทํ สาสโนสกฺกนํ ธาตุปรินิพฺพาโนสานนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตีณิ ปรินิพฺพานานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ธาตูนํ สนฺนิปาตนาทิ พุทฺธานํ อธิฏฺาเนเนวาติ เวทิตพฺพํ.
ตาติ ¶ รสฺมิโย. การฺุนฺติ ปริเทวนการฺุํ. ชมฺพุทีเป, ทีปนฺตเรสุ, เทวนาคพฺรหฺมโลเกสุ จ วิปฺปกิริตฺวา ิตานํ ธาตูนํ มหาโพธิปลฺลงฺกฏฺาเน เอกชฺฌํ สนฺนิปาตนํ, รสฺมิวิสฺสชฺชนํ, ตตฺถ เตโชธาตุยา อุฏฺานํ, เอกชาลิภาโว จาติ สพฺพเมตํ สตฺถุ อธิฏฺานวเสเนวาติ เวทิตพฺพํ.
อนจฺฉริยตฺตาติ ทฺวีสุปิ อุปฺปชฺชมาเนสุ อจฺฉริยตฺตาภาวโทสโตติ ¶ อตฺโถ. พุทฺธา นาม มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย เอกสทิสาติ เตสํ เทสนาปิ เอกรสา เอวาติ อาห ‘‘เทสนาย จ วิเสสาภาวโต’’ติ, เอเตน จ อนจฺฉริยตฺตเมว สาเธติ. ‘‘วิวาทภาวโต’’ติ เอเตน วิวาทาภาวตฺถํ ทฺเว เอกโต น อุปฺปชฺชนฺตีติ ทสฺเสติ.
ตตฺถาติ มิลินฺทปฺเห (มิ. ป. ๕.๑.๑). เอกุทฺเทโสติ เอโก เอกวิโธ อภินฺโน อุทฺเทโส. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
เอกํ เอว พุทฺธํ ธาเรตีติ เอกพุทฺธธารณี, เอเตน เอวํสภาวา เอเต พุทฺธคุณา, เยน ทุติยํ พุทฺธคุณํ ธาเรตุํ อสมตฺถา อยํ โลกธาตูติ ทสฺเสติ. ปจฺจยวิเสสนิปฺผนฺนานฺหิ ธมฺมานํ สภาววิเสโส น สกฺกา นิวาเรตุนฺติ. ‘‘น ธาเรยฺยา’’ติ วตฺวา ตเมว อธารณํ ปริยาเยหิ ปกาเสนฺโต ‘‘จเลยฺยา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จเลยฺยาติ ปริปฺผนฺเทยฺย. กมฺเปยฺยาติ ปเวเธยฺย. นเมยฺยาติ เอกปสฺเสน นตา ภเวยฺย. โอณเมยฺยาติ โอสีเทยฺย. วินเมยฺยาติ วิวิธา อิโต จิโต จ นเมยฺย. วิกิเรยฺยาติ วาเตน ภุสมุฏฺิ วิย วิปฺปกิเรยฺย. วิธเมยฺยาติ ¶ วินสฺเสยฺย. วิทฺธํเสยฺยาติ สพฺพโส วิทฺธสฺตา ภเวยฺย. ตถาภูตา จ น กตฺถจิ ติฏฺเยฺยาติ อาห ‘‘น านํ อุปคจฺเฉยฺยา’’ติ.
อิทานิ ตตฺถ นิทสฺสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา มหาราชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมุปาทิกาติ สมํ อุทฺธํ ปชฺชติ ปวตฺตตีติ สมุปาทิกา, อุทกสฺส อุปริ สมํคามินีติ อตฺโถ. วณฺเณนาติ สณฺาเนน. ปมาเณนาติ อาโรเหน. กิสถูเลนาติ กิสถูลภาเวน, ปริณาเหนาติ อตฺโถ. ทฺวินฺนมฺปีติ ทฺเวปิ, ทฺวินฺนมฺปิ วา สรีรภารํ.
ฉาเทนฺตนฺติ โรเจนฺตํ รุจึ อุปฺปาเทนฺตํ. ตนฺทีกโตติ เตน โภชเนน ตนฺทีภูโต. อโนณมิตทณฺฑชาโตติ ยาวทตฺถโภชเนน โอณมิตุํ อสมตฺถตาย ¶ อโนณมิตทณฺโฑ วิย ชาโต. สกึ ¶ ภุตฺโตวาติ เอกํ วฑฺฒิตกํ ภุตฺตมตฺโตว มเรยฺยาติ. อติธมฺมภาเรนาติ ธมฺเมน นาม ปถวี ติฏฺเยฺย, สกึ เตเนว จลติ วินสฺสตีติ อธิปฺปาเยน ปุจฺฉติ. ปุน เถโร รตนํ นาม โลเก กุฏุมฺพํ สนฺธาเรนฺตํ, อภิมตฺจ โลเกน; ตํ อตฺตโน ครุสภาวตาย สกฏภงฺคสฺส การณํ อติภารภูตํ ทิฏฺเมวํ ธมฺโม จ หิตสุขวิเสเสหิ ตํสมงฺคินํ ธาเรนฺโต, อภิมโต จ วิฺูนํ คมฺภีรปฺปเมยฺยภาเวน ครุสภาวตฺตา อติภารภูโต ปถวิจลนสฺส การณํ โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิธ มหาราช ทฺเว สกฏา’’ติอาทิมาห, เอเตเนว ตถาคตสฺส มาตุกุจฺฉิโอกฺกมนาทิกาเล ปถวิกมฺปนการณํ สํวณฺณิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอกสฺสาติ เอกสฺมา, เอกสฺส วา สกฏสฺส รตนํ ตสฺมา สกฏโต คเหตฺวาติ อตฺโถ.
โอสาริตนฺติ อุจฺจาริตํ, กถิตนฺติ อตฺโถ.
อคฺโคติ สพฺพสตฺเตหิ อคฺโค.
สภาวปกติกาติ สภาวภูตา อกิตฺติมา ปกติกา. การณมหนฺตตฺตาติ การณานํ มหนฺตตาย, มหนฺเตหิ พุทฺธกรธมฺเมหิ ปารมิสงฺขาเตหิ การเณหิ พุทฺธคุณานํ นิพฺพตฺติโตติ วุตฺตํ โหติ. ปถวิอาทีนิ มหนฺตานิ วตฺถูนิ, มหนฺตา จ สกฺกภาวาทโย อตฺตโน อตฺตโน วิสเย เอเกกาว, เอวํ สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ มหนฺโต อตฺตโน วิสเย เอโก เอว. โก จ ตสฺส วิสโย? พุทฺธภูมิ, ยาวตกํ วา เยฺยเมวํ ‘‘อากาโส วิย อนนฺตวิสโย ภควา เอโก เอว โหตี’’ติ วทนฺโต ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติ วุตฺตโลกธาตุโต อฺเสุปิ จกฺกวาเฬสุ อปรสฺส พุทฺธสฺส อภาวํ ทสฺเสติ.
‘‘สมฺมุขา ¶ เมต’’นฺติอาทินา ปวตฺติตํ อตฺตโน พฺยากรณํ อวิปรีตตฺถตาย สตฺถริ ปสาทุปฺปาทเนน สมฺมาปฏิปชฺชมานสฺส อนุกฺกเมน โลกุตฺตรธมฺมาวหมฺปิ ¶ โหตีติ อาห ‘‘ธมฺมสฺส…เป… ปฏิปท’’นฺติ. วาทสฺส อนุปตนํ อนุปฺปวตฺติ วาทานุปาโตติ อาห ‘‘วาโทเยวา’’ติ.
อจฺฉริยอพฺภุตวณฺณนา
๑๖๒. อุทายีติ ¶ นามํ, มหาสรีรตาย ปน เถโร มหาอุทายีติ ปฺายิตฺถ, ยสฺส วเสน วินเย นิสีทนสฺส ทสา อนฺุาตา. ปฺจวณฺณาติ ขุทฺทิกาทิเภทโต ปฺจปฺปการา. ปีติสมุฏฺาเนหิ ปณีตรูเปหิ อติพฺยาปิตเทโห ‘‘นิรนฺตรํ ปีติยา ผุฏสรีโร’’ติ วุตฺโต, ตโต เอวสฺสา ปริยายโต ผรณลกฺขณมฺปิ วุตฺตํ. อปฺป-สทฺโท ‘‘อปฺปกสิเรเนวา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๐๑; ๕.๑๕๘; อ. นิ. ๗.๗๑) วิย อิธ อภาวตฺโถติ อาห ‘‘อปฺปิจฺฉตาติ นิตฺตณฺหตา’’ติ. ตีหากาเรหีติ ยถาลาภยถาพลยถาสารุปฺปปฺปกาเรหิ.
น น กเถติ กเถติเยว. จีวราทิเหตุนฺติ จีวรุปฺปาทาทิเหตุภูตํ ปยุตฺตกถํ น กเถติ. เวเนยฺยวเสนาติ วิเนตพฺพปุคฺคลวเสน. กเถติ ‘‘เอวมยํ วินยํ อุปคจฺฉตี’’ติ. ‘‘สพฺพาภิภู สพฺพวิทูหมสฺมี’’ติอาทิกา (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; ธ. ป. ๓๕๓) คาถาปิ ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต’’ติอาทิกา (สํ. นิ. ๒.๒๑, ๒๒) สุตฺตนฺตาปิ.
๑๖๓. อภิกฺขณนฺติ อภิณฺหํ. นิคฺคาถกตฺตา, ปุจฺฉนวิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺติตตฺตา จ ‘‘เวยฺยากรณ’’นฺติ วุตฺตํ. เสสํ สพฺพํ สุวิฺเยฺยํ เอวาติ.
สมฺปสาทนียสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.