📜

๖. ปาสาทิกสุตฺตวณฺณนา

นิคณฺนาฏปุตฺตกาลงฺกิริยวณฺณนา

๑๖๔. ลกฺขสฺส สรเวธํ อวิรชฺฌิตฺวาน วิชฺฌนวิธึ ชานนฺตีติ เวธฺา. เตนาห ‘‘ธนุมฺหิ กตสิกฺขา’’ติ. สิปฺปํ อุคฺคหณตฺถายาติ ธนุสิปฺปาทิสิปฺปสฺส อุคฺคหณตฺถาย. มชฺฌิเมน ปมาเณน สรปาตโยคฺยตาวเสน กตตฺตา ทีฆปาสาโท.

สมฺปติ กาลํ กโตติ อจิรกาลํ กโต. ทฺเวธิกชาตาติ ชาตทฺเวธิกา สฺชาตเภทา. ทฺเวชฺฌชาตาติ ทุวิธภาวปฺปตฺตา. ภณฺฑนฺติ ปริภาสนฺติ เอเตนาติ ภณฺฑนํ, วิรุทฺธจิตฺตํ. นฺติ ภณฺฑนํ. ‘‘อิทํ นหานาทิ น กตฺตพฺพ’’นฺติ ปฺตฺตวตฺตํ ปณฺณตฺติ. ธมฺมวินยนฺติ ปาวจนํ สิทฺธนฺตํ. วิชฺฌนฺตา มุขสตฺตีหิ. สหิตํ เมติ มยฺหํ วจนํ สหิตํ สิลิฏฺํ ปุพฺพาปรสมฺพนฺธํ อตฺถยุตฺตํ การณยุตฺตํ. เตนาห ‘‘อตฺถสํหิต’’นฺติ. อธิจิณฺณนฺติ อาจิณฺณํ. วิปราวตฺตนฺติ วิโรธทสฺสนวเสน ปราวตฺติตํ, ปราวตฺตํ ทูสิตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘จิรกาลวเสน ปคุณํ, ตํ มม วาทํ อาคมฺม นิวตฺต’’นฺติ. ปริเยสมาโน วิจร ตตฺถ คนฺตฺวา สิกฺขาติ อตฺโถ. สเจ สกฺโกสิ, อิทานิเยว มยา เวิตํ โทสํ นิพฺเพเหิ. มรณเมวาติ อฺมฺฆาตนวเสน มรณเมว. นาฏปุตฺตสฺส อิเมติ นาฏปุตฺติยา, เต ปน ตสฺส สิสฺสาติ อาห ‘‘อนฺเตวาสิเกสู’’ติ. ปุริมปฏิปตฺติโต ปฏินิวตฺตนํ ปฏิวานํ, ตํ รูปํ สภาโว เอเตสนฺติ ปฏิวานรูปา. เตนาห ‘‘นิวตฺตนสภาวา’’ติ. กถนํ อตฺถสฺส อาจิกฺขนํ. ปเวทนํ เหตุทาหรณานิ อาหริตฺวา โพธนํ. เตนาห ‘‘ทุปฺปเวทิเตติ ทุวิฺาปิเต’’ติ. น อุปสมาย สํวตฺตตีติ อนุปสมสํวตฺตนํ, ตเทว อนุปสมสํวตฺตนิกํ, ตสฺมึ. สมุสฺสิตํ หุตฺวา ปติฏฺาเหตุภาวโต ถูปํ, ปติฏฺาติ อาห ‘‘ภินฺนถูเปติ ภินฺนปติฏฺเ’’ติ, ถูโปติ วา ธมฺมสฺส นิยฺยานภาโว เวทิตพฺโพ อฺเ ธมฺเม อภิภุยฺย สมุสฺสิตฏฺเน, โส นิคณฺสฺส สมเย. เกหิจิ อภินฺนสมฺมโตปิ ภินฺโน วินฏฺโ เอว สพฺเพน สพฺพํ อภาวโตติ โส ภินฺนถูโป, โส เอว นิยฺยานภาโว วฏฺฏทุกฺขโต มุจฺจิตุกามานํ ปฏิสรณํ, ตเมตฺถ นตฺถีติ อปฺปฏิสรโณ, ตสฺมึ ภินฺนถูเป อปฺปฏิสรเณติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

อาจริยปฺปมาณนฺติ อาจริยมุฏฺิ หุตฺวา ปมาณภูตํ. นานานีหาเรนาติ นานากาเรน.

๑๖๕. ตเถว สมุทาจรึสุ ภูตปุพฺพคติยา. สามากานนฺติ สามากธฺานํ.

‘‘เยนสฺส อุปชฺฌาโย’’ติ วตฺวา ยถาสฺส อายสฺมโต จุนฺทสฺส ธมฺมภณฺฑาคาริโก อุปชฺฌาโย อโหสิ, ตํ วิตฺถาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺธกาเล กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พุทฺธกาเลติ ภูตกถนเมตํ, น วิเสสนํ. สตฺถุ ปรินิพฺพานโต ปุเรตรเมว หิ ธมฺมเสนาปติ ปรินิพฺพุโต.

ธมฺมรตนปูชาวณฺณนา

สทฺธิวิหาริกํอทาสีติ สทฺธิวิหาริกํ กตฺวา อทาสิ.

กถาย มูลนฺติ ภควโต สนฺติกา ลภิตพฺพธมฺมกถาย การณํ. สมุฏฺาเปตีติ อุฏฺาเปติ, ทาลิทฺทิยปงฺกโต อุทฺธรตีติ อธิปฺปาโย. สนฺธมนฺติ สมฺมเทว ธมนฺโต. เอเกกสฺมึ ปหาเรเยว ตโย ตโย วาเร กตฺวา ทิวา นววาเร รตฺตึ นววาเร.อุปฏฺานเมว คจฺฉติ พุทฺธุปฏฺานวเสน, ปฺหาปุจฺฉนาทิวเสน ปน อนฺตรนฺตราปิ คจฺฉเตว, คจฺฉนฺโต จ ทิวสสฺส…เป… คจฺฉติ. าตุํ อิจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส อุทฺธรณภาวโต ปฺโหว ปฺหุทฺธาโร, ตํ คเหตฺวาว คจฺฉติ อตฺตโน มหาปฺตาย, สตฺถุ จ ธมฺมเทสนายํ อกิลาสุภาวโต.

อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตธมฺมวินยวณฺณนา

๑๖๖. อาโรจิเตปิ ตสฺมึ อตฺเถ. สามิโก โหติ, ตสฺส สามิกภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘โสว ตสฺสา อาทิมชฺฌปริโยสานํ ชานาตี’’ติ อาห. เอวนฺติ วจนสมฺปฏิจฺฉนํ. จุนฺทตฺเถเรน หิ อานีตํ กถาปาภตํ ภควา สมฺปฏิจฺฉนฺโต ‘‘เอว’’นฺติ อาห. ‘‘เอว’’นฺติ ทุรกฺขาเต ธมฺมวินเย สาวกานํ ทฺเวธิกาทิภาเวน วิหรณกิริยาปรามสนฺเหตํ.

ยสฺมา…เป… ปากฏํ โหติ พฺยติเรกมุเขน จ เนยฺยสฺส อตฺถสฺส วิภูตภาวาปตฺติโต. อถ วา ยสฺมา…เป… ปากฏํ โหติ โทเสสุ อาทีนวทสฺสเนน ตปฺปฏิปกฺเขสุ คุเณสุ อานิสํสสฺส วิภูตภาวาปตฺติโต. โวกฺกมฺมาติ อปสกฺเกตฺวา. อาเมฑิตโลเปน จายํ นิทฺเทโส, โวกฺกมฺม โวกฺกมฺมาติ วุตฺตํ โหติ, เตน ตสฺส โวกฺกมนสฺส อนฺตรนฺตราติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘น นิรนฺตร’’นฺติอาทิ. ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติอาทโยติ เตน สตฺถารา วุตฺตมุตฺติธมฺมสฺส อนุธมฺมํ อปฺปฏิปชฺชนาทโย . อาทิ-สทฺเทน ปาฬิยํ อาคตา อสามีจิปฏิปทาทโย จ สงฺคยฺหนฺติ. มนุสฺสตฺตมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ‘‘วิจารณปฺาย อสมฺภโว, โทเสสุ อนภินิเวสิตา, อสนฺทิฏฺิปรามาสิตา’’ติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘ตถา เอว’’นฺติ ปเทหิ ยถากฺกมํ ปการสฺส กามํ ติโรกฺขตา, ปจฺจกฺขตา วุจฺจติ, ตถาปิ ยถา ‘‘ตถา ปฏิปชฺชตู’’ติ ปเทน ปฏิปชฺชนากาโร นิยเมตฺวา วิหิโต, ตถา ‘‘เอวํ ปฏิปชฺชตู’’ติ อิมินาปีติ อิทํ ตสฺส อตฺถทสฺสนภาเวน วุตฺตํ. สมาทปิตตฺตา มิจฺฉาปฏิปทาย อปุฺํ ปสวติ.

๑๖๗. ายติ มุตฺติธมฺโม เอเตนาติ าโย, เตน สตฺถารา วุตฺโต ธมฺมานุธมฺโม, ตํ ปฏิปนฺโนติ ายปฺปฏิปนฺโน, โส ปน ยสฺมา ตสฺส มุตฺติธมฺมสฺส อธิคเม การณสมฺมโต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘การณปฺปฏิปนฺโน’’ติ. นิปฺผาเทสฺสตีติ สาเธสฺสติ, สิทฺธึ คมิสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. ทุกฺขนิพฺพตฺตกนฺติ สมฺปติ, อายติฺจ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺตกํ. วีริยํ กโรติ มิจฺฉาปฏิปนฺนตฺตา.

สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตธมฺมวินยาทิวณฺณนา

๑๖๘. นิยฺยาตีติ วตฺตติ, สํวตฺตตีติ วา อตฺโถ.

๑๗๐. อิธ สาวกสฺส สมฺมาปฏิปตฺติยา เอกนฺติกอปสฺสยทสฺสนตฺถํ สตฺถุ สมฺมาสมฺพุทฺธตา, ธมฺมสฺส จ สฺวากฺขาตตา กิตฺติตาติ ‘‘สมฺมาปฏิปนฺนสฺส กุลปุตฺตสฺส ปสํสํ ทสฺเสตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ อิมิสฺสา เทสนาย สํกิเลสภาคิยภาเวน อุฏฺิตาย โวทานภาคิยภาเวน ยถานุสนฺธินา ปวตฺติ ทีปิตา โหติ. อโพธิตตฺถาติ อปฺปเวทิตตฺถา, ปรมตฺถํ จตุตฺถสจฺจปฏิเวธํ อปาปิตาติ อตฺโถ. ปาฬิยํ ‘‘อสฺสา’’ติ ปทํ ‘‘สาวกา สทฺธมฺเม’’ติ ทฺวีหิ ปเทหิ โยเชตพฺพํ ‘‘อสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาวกา, อสฺส สทฺธมฺเม’’ติ. สพฺพสงฺคหปเทหิ กตนฺติ สพฺพสฺส สาสนตฺถสฺส สงฺคณฺหนปเทหิ เอกชฺฌํ กตํ. เตนาห ‘‘สพฺพสงฺคาหิกํ กตํ น โหตีติ อตฺโถ’’ติ. ปุพฺเพนาปรํ สมฺพนฺธตฺถภาเวน สงฺคเหตพฺพตาย วา สงฺคหานิ ปทานิ กตานิ เอตสฺสาติ สงฺคหปทกตํ, พฺรหฺมจริยํ. ตปฺปฏิกฺเขเปน น จ สงฺคหปทกตนฺติ โยชนา. ราคาทิปฏิปกฺขหรณํ, ยถานุสิฏฺํ วา ปฏิปชฺชมานานํ วฏฺฏทุกฺขโต ปฏิหรณํ นิพฺพานปาปนํ ปฏิหาโร, โส เอว อา-การสฺส อิ-การํ กตฺวา ปฏิหิโร, ปฏิหิโร เอว ปาฏิหิโร, สห ปาฏิหิเรนาติ สปฺปาฏิหิรํ, ตถา สุปฺปเวทิตตาย สปฺปาฏิหิรํ กตนฺติ สปฺปาฏิหิรกตํ. ตาทิสํ ปน วฏฺฏโต นิยฺยาเน นิยุตฺตํ, นิยฺยานปฺปโยชนฺจ โหตีติ อาห ‘‘นิยฺยานิก’’นฺติ. เทวโลกโตติ เทวโลกโต ปฏฺาย รูปีเทวนิกายโต ปภุติ. สุปฺปกาสิตนฺติ สุฏฺุ ปกาสิตํ. ยาว เทวมนุสฺเสหีติ วา ยาว เทวมนุสฺเสหิ ยตฺตกา เทวา มนุสฺสา จ, ตาว เต สพฺเพ อภิพฺยาเปตฺวา สุปฺปกาสิตํ. อนุตาปาย โหตีติ อนุตปฺโป, โส ปน อนุตาปํ กโรนฺโต วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อนุตาปกโร โหตี’’ติ.

๑๗๒. ถิโรติ ิตธมฺโม เกนจิ อสํหาริโย, อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย เถรการกา ธมฺมา.

๑๗๓. โยเคหิ เขมตฺตาติ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา. สทฺธมฺมสฺสาติ อสฺส สทฺธมฺมสฺส. อสฺสาติ จ อสฺส สตฺถุโน.

๑๗๔. อุปาสกา พฺรหฺมจาริโน นาม วิเสสโต อนาคามิโน. โสตาปนฺนสกทาคามิโนปิ ตาทิสา ตถา วุจฺจนฺตีติ ‘‘พฺรหฺมจริยวาสํ วสมานา อริยสาวกา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ.

๑๗๖. สพฺพการณสมฺปนฺนนฺติ ยตฺตเกหิ การเณหิ สมฺปนฺนํ นาม โหติ, เตหิ สพฺเพหิ การเณหิ สมฺปนฺนํ สมฺปตฺตํ อุปคตํ ปริปุณฺณํ, สมนฺนาคตํ วา. อิมเมว ธมฺมนฺติ อิมเมว สาสนธมฺมํ.

อุทเกน ปเทสฺุนา อตฺตโน ปฺาเวยฺยตฺติยตํ ทสฺเสตุํ อนิยฺยานิเก อตฺเถ ปยุตฺตํ ปเหฬิกสทิสํ วจนํ, ภควตา อตฺตโน สพฺพฺุตาย นิยฺยานิเก อตฺเถ โยเชตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อุทโก สุท’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส กิรา’’ติอาทิมาห.

สงฺคายิตพฺพธมฺมาทิวณฺณนา

๑๗๗. สงฺคมฺม สมาคมฺมาติ ตสฺมึเยว าเน ลพฺภมานานํ คติวเสน สงฺคมฺม านนฺตรโต ปกฺโกสเนน สมาคตานํ วเสน สมาคมฺม. เตนาห ‘‘สงฺคนฺตฺวา สมาคนฺตฺวา’’ติ. อตฺเถน อตฺถนฺติ ปทนฺตเร อาคตอตฺเถน สห ตตฺถ ตตฺถ อาคตมตฺถํ. พฺยฺชเนน พฺยฺชนนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สมาเนนฺเตหีติ สมานํ กโรนฺเตหิ, โอปมฺมํ วา อาเนนฺเตหิ. สงฺคายิตพฺพนฺติ สมฺมเทว คายิตพฺพํ กเถตพฺพํ, ตํ ปน สงฺคายนํ วาจนามคฺโคติ อาห ‘‘วาเจตพฺพ’’นฺติ.

๑๗๘. ตสฺส วา ภาสิเตติ ตสฺส ภิกฺขุโน ภาสิเต อตฺเถ เจว พฺยฺชเน จ. อตฺถมิจฺฉาคหณโรปนานิ ยถา โหนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อารมฺมณํ ‘‘สติปฏฺาน’’นฺติ คณฺหาติ, น สติเยว ‘‘สติปฏฺาน’’นฺติ. ‘‘สติปฏฺานานี’’ติพฺยฺชนํ โรเปติ ตสฺมึ อตฺเถ, น ‘‘สติปฏฺานา’’ติ. อุปปนฺนตรานีติ ยุตฺตตรานิ. อลฺลีนตรานีติ สิลิฏฺตรานิ. ยา เจวาติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, วิภตฺติโลเปน วา. ปุน ยา เจวาติ ลิงฺควิปลฺลาเสเนว นิทฺเทโส. เนว อุสฺสาเทตพฺโพติ น อุกฺกํเสตพฺโพ วิรชฺฌิตฺวา วุตฺตตฺตา. น อปสาเทตพฺโพติ น สนฺตชฺเชตพฺโพ วิวาทปริหรณตฺถํ. ธารณตฺถนฺติ อุปธารณตฺถํ สลฺลกฺขณตฺถํ.

๑๘๑. อตฺเถน อุเปตนฺติ อวิปรีเตน อตฺเถน อุเปตํ ตํ ‘‘อยเมตฺถ อตฺโถ’’ติ อุเปจฺจ ปฏิชานิตฺวา ิตํ. ตถารูโป จ ตสฺส พุชฺฌิตา นาม โหตีติ อาห ‘‘อตฺถสฺส วิฺาตาร’’นฺติ. เอวเมตํ ภิกฺขุํ ปสํสถาติ วุตฺตนเยน ธมฺมภาณกํ อมุํ ภิกฺขุํ ‘‘เอวํ ลาภา โน อาวุโส’’ติอาทิอากาเรน ปสํสถ. อิทานิสฺส ปสํสภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอโส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอสาติ ปริยตฺติธมฺมสฺส สตฺถุกิจฺจกรณโต, ตตฺถ จสฺส สมฺมเทว อวฏฺิตภาวโต ‘‘พุทฺโธ นาม เอสา’’ติ วุตฺโต. ‘‘ลาภา โน’’ติอาทินา จสฺส ภิกฺขูนํ ปิยครุภาวํ วิภาเวนฺโต สตฺถา ตํ อตฺตโน าเน เปสีติ วุตฺโต.

ปจฺจยานุฺาตการณาทิวณฺณนา

๑๘๒. ตโตปิ อุตฺตริตรนฺติ ยา ปุพฺเพ สมฺมาปฏิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน ปสํสนวเสน ‘‘อิธ ปน จุนฺท สตฺถา จ โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๖๗, ๑๖๙) ปวตฺติตเทสนาย อุปริ ‘‘อิธ จุนฺท สตฺถา จ โลเก อุทปาที’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๗๐, ๑๗๑) เทสนา วฑฺฒิตา. ตโตปิ อุตฺตริตรํ สวิเสสํ เทสนํ วฑฺเฒนฺโต ‘‘ปจฺจยเหตู’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปจฺจยเหตูติ ปจฺจยสํวตฺตนเหตุ. อุปฺปชฺชนกา อาสวาติ ปจฺจยานํ ปริเยสนเหตุ เจว ปริโภคเหตุ จ อุปฺปชฺชนกา กามาสวาทโย. เตสํ ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก มิจฺฉาอาชีวํ ปหาย สมฺมาอาชีเวน ชีวิตํ กปฺเปตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๘) ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) จ สมฺมาปฏิปตฺตึ อุปทิสนฺโต ภควา ปฏิฆาตาย ธมฺมํ เทเสติ นาม. ‘‘โย ตุมฺเหสุ ปาฬิยา อตฺถพฺยฺชนานิ มิจฺฉา คณฺหาติ, โส เนว อุสฺสาเทตพฺโพ, น อปสาเทตพฺโพ, สาธุกํ สฺาเปตพฺโพ ตสฺเสว อตฺถสฺส นิสนฺติยา’’ติ เอวํ ปริยตฺติธมฺเม มิจฺฉาปฏิปนฺเน สมฺมาปฏิปตฺติยํ ภิกฺขู นิโยเชนฺโต ภควา ภณฺฑนเหตุ อุปฺปชฺชนกานํ สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตาย ธมฺมํ เทเสติ นาม. ยถา เต น ปวิสนฺตีติ เต อาสวา อตฺตโน จิตฺตสนฺตานํ ยถา น โอตรนฺติ. มูลฆาเตน ปฏิหนนายาติ ยถา มูลฆาโต โหติ, เอวํ มูลฆาตวเสน ปชหนาย. นฺติ จีวรํ. ยถา จีวรํ อิทมตฺถิกตเมว อุปาทาย อนุฺาตํ, เอวํ ปิณฺฑปาตาทโยปิ.

สุขลฺลิกานุโยคาทิวณฺณนา

๑๘๓. สุขิตนฺติ สฺชาตสุขํ. ปีณิตนฺติ ธาตํ สุหิตํ. ตถาภูโต ปน ยสฺมา ถูลสรีโร โหติ, ตสฺมา ‘‘ถูลํ กโรตี’’ติ วุตฺตํ.

๑๘๖. นิตสภาวาติ อนวฏฺิตสภาวา, เอวรูปาย กถาย อนวฏฺานภาวโต สภาโวปิ เตสํ อนวฏฺิโตติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ชิวฺหา โน อตฺถี’’ติอาทิ. กามํ ‘‘ปฺจหิ จกฺขูหี’’ติ วุตฺตํ, อคฺคหิตคฺคหเณน ปน จตฺตาริ จกฺขูนิ เวทิตพฺพานิ. สพฺพฺุตฺาณฺหิ สมนฺตจกฺขูติ. ตสฺส วา เยฺยธมฺเมสุ ชานนวเสน ปวตฺตึ อุปาทาย ‘‘ชานตา’’ติ วุตฺตํ. หตฺถามลกํ วิย ปจฺจกฺขโต ทสฺสนวเสน ปวตฺตึ อุปาทาย ‘‘ปสฺสตา’’ติ วุตฺตํ. เนมํ วุจฺจติ ถมฺภาทีหิ อนุปวิฏฺภูมิปฺเปเทโสติ อาห ‘‘คมฺภีรภูมึ อนุปวิฏฺโ’’ติ. สุฏฺุ นิขาโตติ ภูมึ นิขนิตฺวา สมฺมเทว ปิโต. ตสฺมินฺติ ขีณาสเว. อนชฺฌาจาโร อจโล อสมฺปเวธี, ยสฺมา อชฺฌาจาโร เสตุฆาโต ขีณาสวานํ. โสตาปนฺนาทโยติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน คหิเตสุ อนาคามิโน ตาว นวสุปิ าเนสุ ขีณาสวา วิย อภพฺพา, โสตาปนฺนสกทาคามิโน ปน ‘‘ตติยปฺจมฏฺาเนสุ อภพฺพา’’ติ น วตฺตพฺพา, อิตเรสุ สตฺตสุ าเนสุ อภพฺพาว.

ปฺหพฺยากรณวณฺณนา

๑๘๗. คิหิพฺยฺชเนนาติ คิหิลิงฺเคน. ขีณาสโว ปน คิหิพฺยฺชเนน อรหตฺตํ ปตฺโตปิ น ติฏฺติ วิเวกฏฺานสฺส อภาวาติ อธิปฺปาโย. ตสฺส วเสนาติ ภุมฺมเทวตฺตภาเว ตฺวา อรหตฺตปฺปตฺตสฺส วเสน. อยํ ปฺโหติ ‘‘อภพฺโพ โส นว านานิ อชฺฌาจริตุ’’นฺติ อยํ ปฺโห อาคโต อิตรสฺส ปพฺพชฺชาย, ปรินิพฺพาเนน วา อภพฺพตาย อวุตฺตสิทฺธตฺตา. ยทิ เอวํ กถํ ภิกฺขุคหณนฺติ อาห ‘‘ภินฺนโทสตฺตา’’ติอาทิ. อปริจฺเฉทนฺติ อปริยนฺตํ, ตยิทํ สุวิปุลนฺติ อาห ‘‘มหนฺต’’นฺติ. เยฺยสฺส หิ วิปุลตาย าณสฺส วิปุลตา เวทิตพฺพา, เอเตน ‘‘อปริจฺเฉท’’นฺติ วุจฺจมานมฺปิ เยฺยํ สตฺถุ าณสฺส วเสน ปริจฺเฉทเมวาติ ทสฺสิตํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘าณปริยนฺติกํ เนยฺย’’นฺติ (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) อนาคเตอปฺาปนนฺติ อนาคเต วิสเย าณสฺส อปฺาปนํ. ‘‘ปจฺจกฺขํ วิย กตฺวา’’ติ กสฺมา วิย-สทฺทคฺคหณํ กตํ, นนุ พุทฺธานํ สพฺพมฺปิ าณํ อตฺตโน วิสยํ ปจฺจกฺขเมว กตฺวา ปวตฺตติ เอกปฺปมาณภาวโตติ? สจฺจเมตํ, ‘‘อกฺข’’นฺติ ปน จกฺขาทิอินฺทฺริยํ วุจฺจติ, ตํ อกฺขํ ปติ วตฺตตีติ จกฺขาทินิสฺสิตํ วิฺาณํ, ตสฺส จ อารมฺมณํ ‘‘ปจฺจกฺข’’นฺติ โลเก นิรุฬฺหเมตนฺติ ตํ นิทสฺสนํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ปจฺจกฺขํ วิย กตฺวา’’ติ อโวจ, น ปน ภควโต าณสฺส อปฺปจฺจกฺขากาเรน ปวตฺตนโต. ตถา หิ วทนฺติ –

‘‘อาวิภูตํ ปกาสนํ, อนุปทฺทุตเจตสํ;

อตีตานาคเต าณํ, ปจฺจกฺขานํ วสิสฺสตี’’ติ.

อฺตฺถ วิหิตเกนาติ อฺสฺมึ วิสเย ปวตฺติเตน. สงฺคาเหตพฺพนฺติ สมํ กตฺวา กถยิตพฺพํ, กถนํ ปน ปฺาปนํ นาม โหตีติ ปฺาเปตพฺพนฺติ อตฺโถ วุตฺโต. ตาทิสนฺติ สตตํ สมิตํ ปวตฺตกํ. าณํ นาม นตฺถีติ อาวชฺชเนน วินา าณุปฺปตฺติยา อสมฺภวโต. เอกากาเรน จ าเณ ปวตฺตมาเน นานาการสฺส วิสยสฺส อวโพโธ น สิยา. อถาปิ สิยา, อนิรุปิตรูเปเนว อวโพโธ สิยา, เตน จ าณํ เยฺยํ อฺาตสทิสเมว สิยา. น หิ ‘‘อิทํ ต’’นฺติ วิเวเกน อนวพุทฺโธ อตฺโถ าโต นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘จรโต จ ติฏฺโต จา’’ติอาทิ พาลลาปนมตฺตํ. เตนาห ‘‘ยถริว พาลา อพฺยตฺตา, เอวํ มฺนฺตี’’ติ.

สตึ อนุสฺสรตีติ สตานุสาริ, สติยานุวตฺตนวเสน ปวตฺตาณํ. เตนาห ‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติสมฺปยุตฺตก’’นฺติ . าณํ เปเสสีติ าณํ ปวตฺเตสิ. สพฺพตฺถกเมว เยฺยาวรณสฺส สุปฺปหีนตฺตา อปฺปฏิหตํ อนิวาริตํ าณํ คจฺฉติ ปวตฺตติจฺเจว อตฺโถ. ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬนิ. ๒๑๑) วจนโต จตุมคฺคาณํ โพธิ, ตโต ตสฺส อธิคตตฺตา อุปฺปชฺชนกํ ปจฺจเวกฺขณาณํ ‘‘โพธิชํ าณํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. โพธิชํ โพธิมูเล ชาตํ จตุมคฺคาณํ, ตฺจ โข อนาคตํ อารพฺภ อุทฺทิสฺส ตสฺส อปฺปวตฺติอตฺถํ ตถาคตสฺส อุปฺปชฺชติ ตสฺส อุปฺปนฺนตฺตา อายตึ ปุนพฺภวาภาวโต. กถํ ตถาคโต อนาคตมทฺธานํ อารพฺภ อตีรกํ าณทสฺสนํ ปฺาเปตีติ? อตีตสฺส ปน อทฺธุโน มหนฺตตาย อตีรกํ าณทสฺสนํ ตตฺถ ปฺาเปตีติ โก เอตฺถ วิโรโธ. ติตฺถิยา ปน อิมมตฺถํ ยาถาวโต อชานนฺตา – ‘‘ตยิทํ กึ สุ, ตยิทํ กถํสู’’ติ อตฺตโน อฺาณเมว ปากฏํ กโรนฺติ. ตสฺมา ภควตา สสนฺตติปริยาปนฺนธมฺมปฺปวตฺตึ สนฺธาย ‘‘อฺวิหิตกํ าณทสฺสน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อิตรํ ปน สนฺธาย วุจฺจมาเน สติ ตถารูเป ปโยชเน อนาคตมฺปิ อทฺธานํ อารพฺภ อตีรกเมว าณทสฺสนํ ปฺาเปยฺย ภควาติ อนตฺถสํหิตนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘น อิธโลกตฺถํ วา ปรโลกตฺถํ วา นิสฺสิต’’นฺติ. ยํ ปน สตฺตานํ อนตฺถาวหตฺตา อนตฺถสํหิตํ, ตตฺถ เสตุฆาโต ตถาคตสฺส. ‘‘ภารตยุทฺธสีตาหรณสทิส’’นฺติ อิมินา ตสฺสา กถาย เยภุยฺเยน อภูตตฺถตํ ทีเปติ. สเหตุกนฺติ าปเกน เหตุนา สเหตุกํ. โส ปน เหตุ เยน นิทสฺสเนน สาธียติ, ตํ ตสฺส การณนฺติ เตน สการณํ กตฺวา. ยถา หิ ปฏิฺาตตฺถสาธนโต เหตุ, เอวํ สาธกํ นิทสฺสนนฺติ. ยุตฺตปตฺตกาเลเยวาติ ยุตฺตานํ ปตฺตกาเล เอว. เย หิ เวเนยฺยา ตสฺสา กถาย ยุตฺตา อนุจฺฉวิกา, เตสํเยว โยชเน สนฺธาย วา กถาย ปตฺโต อุปการาวโห กาโล, ตทา เอว กเถตีติ อตฺโถ.

๑๘๘. ‘‘ตถา ตเถว คทนโต’’ติ อิมินา ‘‘ตถาคโต’’ติ อาเมฑิตโลเปนายํ นิทฺเทโสติ ทสฺเสติ. ตถา ตเถวาติ จ ธมฺมอตฺถสภาวานุรูปํ, เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปฺจาติ อธิปฺปาโย. ทิฏฺนฺติ รูปายตนํ ทฏฺพฺพโต, เตน ยํ ทิฏฺํ, ยํ ทิสฺสติ, ยํ ทกฺขติ, ยํ สติ สมวาเย ปสฺเสยฺยํ, ตํ สพฺพํ ‘‘ทิฏฺํ’’ ตฺเวว คหิตํ กาลวิเสสสฺส อนามฏฺภาวโต. ‘‘สุต’’นฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. สุตนฺติ สทฺทายตนํ โสตพฺพโต. มุตนฺติ สนิสฺสเยน ฆานาทิอินฺทฺริเยน สยํ ปตฺวา ปาปุณิตฺวา คเหตพฺพํ. เตนาห ‘‘ปตฺวา คเหตพฺพโต’’ติ. วิฺาตนฺติ วิชานิตพฺพํ, ตํ ปน ทิฏฺาทิวินิมุตฺตํ วิฺเยฺยนฺติ อาห ‘‘สุขทุกฺขาทิธมฺมายตน’’นฺติ. ปตฺตนฺติ ยถา ตถา ปตฺตํ, หตฺถคตํ อธิคตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปริเยสิตฺวา วา อปริเยสิตฺวา วา’’ติ. ปริเยสิตนฺติ ปตฺติยามตฺถํ ปริยิฏฺํ, ตํ ปน ปตฺตํ วา สิยา อปฺปตฺตํ วา อุภยถาปิ ปริเยสิตเมวาติ อาห ‘‘ปตฺตํ วา อปฺปตฺตํ วา’’ติ. ปททฺวเยนาปิ ทฺวิปฺปการมฺปิ ปตฺตํ, ทฺวิปฺปการมฺปิ ปริเยสิตํ, เตน เตน ปกาเรน ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธนฺติ ทสฺเสติ. จิตฺเตน อนุสฺจริตนฺติ โจปนํ อปาเปตฺวา จิตฺเตเนว อนุสํจริตํ, ปริวิตกฺกิตนฺติ อตฺโถ. ปีตกนฺติ อาทีติ อาทิ-สทฺเทน โลหิตกโอทาตาทิ สพฺพํ รูปารมฺมณวิภาคํ สงฺคณฺหาติ. สุมโนติ ราควเสน, โลภวเสน, สทฺธาทิวเสน วา สุมโน. ทุมฺมโนติ พฺยาปาทวิตกฺกวเสน, วิหึสาวิตกฺกวเสน วา ทุมฺมโน. มชฺฌตฺโตติ อฺาณวเสน วา าณวเสน วา มชฺฌตฺโต. เอเสว นโย สพฺพตฺถ. ตตฺถ ตตฺถ อาทิ-สทฺเทน สงฺขสทฺโท ปณวสทฺโท, ปตฺตคนฺโธ ปุปฺผคนฺโธ, ปตฺตรโส ผลรโส, อุปาทินฺนํ อนุปาทินฺนํ, มชฺฌตฺตเวทนา กุสลกมฺมํ อกุสลกมฺมนฺติ เอวํ อาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.

อปฺปตฺตนฺติ าเณน อสมฺปตฺตํ, อวิทิตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘าเณน อสจฺฉิกต’’นฺติ. ตเถว คตตฺตาติ ตเถว าตตฺตา อภิสมฺพุทฺธตฺตา. คต-สทฺเทน เอกตฺถํ พุทฺธิอตฺถนฺติ อตฺโถ. ‘‘คติอตฺถา หิ ธาตโว พุทฺธิอตฺถา ภวนฺตี’’ติ อกฺขรจินฺตกา.

อพฺยากตฏฺานาทิวณฺณนา

๑๘๙. ‘‘อสมตํ กเถตฺวา’’ติ วตฺวา สโมปิ นาม โกจิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโรติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนุตฺตรต’’นฺติ วุตฺตํ. สา ปนายํ อสมตา, อนุตฺตรตา จ สพฺพฺุตํ ปูเรตฺวา ิตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพฺุต’’นฺติ วุตฺตํ. สา สพฺพฺุตา สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติภาเวน โลเก ปากฏา ชาตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมราชภาวํ กเถตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ตถา สพฺพฺุภาเวน จ สตฺถา อิเมสุ ทิฏฺิคตวิปลฺลาเสสุ เอวํ ปฏิปชฺชตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทานี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สีหนาทนฺติ อภีตนาทํ เสฏฺนาทํ. เสฏฺนาโท เหส, ยทิทํ ปนียสฺส ปฺหสฺส ปนียภาวทสฺสนํ. ปนียตา จสฺส ปาฬิอารุฬฺหา เอว ‘‘น เหต’’นฺติอาทินา. ยถา อุปจิตกมฺมกิเลเสน อิตฺถตฺตํ อาคนฺตพฺพํ, ตถา นํ อาคโตติ ตถาคโต, สตฺโต. ตถา หิ โส รูปาทีสุ สตฺโต วิสตฺโตติ กตฺวา ‘‘สตฺโต’’ติ จ วุจฺจติ. อิตฺถตฺตนฺติ จ ปฏิลทฺธตฺตา ตถา ปจฺจกฺขภูโต อตฺตภาโวติ เวทิตพฺโพ.

‘‘อตฺถสํหิตํ น โหตี’’ติ อิมินา อุภยตฺถ วิธุรตาทสฺสเนน นิรตฺถกวิปฺปลาปตํ ตสฺส วาทสฺส วิภาเวติ, อุภยโลกตฺถวิธุรมฺปิ สมานํ ‘‘กึ นุ โข วิวฏฺฏนิสฺสิต’’นฺติ โกจิ อาสงฺเกยฺยาติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘น จ ธมฺมสํหิต’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘นวโลกุตฺตรธมฺมนิสฺสิตํ น โหตี’’ติ. ยทิปิ ตํ น วิวฏฺโฏคตํ โหติ, วิวฏฺฏสฺส ปน อธิฏฺานภูตํ นุ โขติ โกจิ อาสงฺเกยฺยาติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘น อาทิพฺรหฺมจริยก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

๑๙๐. กามํ ตณฺหาปิ ทุกฺขสภาวตฺตา ‘‘ทุกฺข’’นฺติ พฺยากาตพฺพา, ปภวภาเวน ปน สา ตโต วิสุํ กาตพฺพาติ ‘‘ตณฺหํ เปตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ตสฺเสว ทุกฺขสฺส ปภาวิกา’’ติอาทิ. นนุ จ อวิชฺชาทโยปิ ทุกฺขสฺส สมุทโยติ? สจฺจํ สมุทโย, ตสฺสา ปน กมฺมสฺส วิจิตฺตภาวเหตุโต, ทุกฺขุปฺปาทเน วิเสสปจฺจยภาวโต จ สาติสโย สมุทยฏฺโติ สา เอว สุตฺเตสุ ตถา วุตฺตา. เตนาห ‘‘ตณฺหา ทุกฺขสมุทโยติพฺยากต’’นฺติ. อุภินฺนํ อปฺปวตฺตีติ ทุกฺขสมุทยานํ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ. ‘‘ทุกฺขปริชานโน’’ติอาทิ มคฺคกิจฺจทสฺสนํ, เตน มคฺคสฺส ภาวนตฺโถปิ อตฺถโต ทสฺสิโตวาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ภาวนาภิสมเยน วินา ปริฺาภิสมยาทโย สมฺภวนฺตีติ. สจฺจววตฺถาปนํ อปฺปมาทปฏิปตฺติภาวโต อสมฺโมหกลฺยาณกิตฺติสทฺทาทินิมิตฺตตาย ยถา สาติสยํ อิธโลกตฺถาวหํ, เอวํ ยาว าณสฺส ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺติยา อภาเวน นวโลกุตฺตรธมฺมสมฺปาปกํ น โหติ, ตาว ตตฺถ ตตฺถ สมฺปตฺติภเว อพฺภุทยสมฺปตฺติ อนุคตเมว สิยาติ วุตฺตํ ‘‘เอตํ อิธโลกปรโลกตฺถนิสฺสิต’’นฺติ. นวโลกุตฺตรธมฺมนิสฺสิตนฺติ นววิธมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ นิสฺสาย ปวตฺตํ ตทธิคมูปายภาวโต. ยสฺมา สจฺจสมฺโพธํ อุทฺทิสฺส สาสนพฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ, น อฺทตฺถํ, ตสฺมา เอตํ สจฺจววตฺถาปนํ ‘‘อาทิปธาน’’นฺติ วุตฺตํ ปมตรํ จิตฺเต อาทาตพฺพโต.

ปุพฺพนฺตสหคตทิฏฺินิสฺสยวณฺณนา

๑๙๑. ตํ มยา พฺยากตเมวาติ ตํ มยา ตถา พฺยากตเมว, พฺยากาตพฺพํ นาม มยา อพฺยากตํ นตฺถีติ พฺยากรณาเวกลฺเลน อตฺตโน ธมฺมสุธมฺมตาย พุทฺธสุพุทฺธตํ วิภาเวติ. เตนาห ‘‘สีหนาทํ นทนฺโต’’ติ. ปุริมุปฺปนฺนา ทิฏฺิโย อปราปรุปฺปนฺนานํ ทิฏฺีนํ อวสฺสยา โหนฺตีติ ‘‘ทิฏฺิโยว ทิฏฺินิสฺสยา’’ติ วุตฺตํ. ทิฏฺิคติกาติ ทิฏฺิคติโย, ทิฏฺิปฺปวตฺติโยติ อตฺโถ. อิทเมว ทสฺสนํ สจฺจนฺติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ อิทเมว ทสฺสนํ สจฺจํ อโมฆํ อวิปรีตํ. อฺเสํ วจนํ โมฆนฺติ ‘‘อสสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ เอวมาทิกํ อฺเสํ สมณพฺราหฺมณานํ วจนํ โมฆํ ตุจฺฉํ, มิจฺฉาติ อตฺโถ. น สยํ กาตพฺโพติ อสยํกาโรติ อาห ‘‘อสยํกโต’’ติ, ยาทิจฺฉิกตฺตาติ อธิปฺปาโย.

๑๙๒. อตฺถิโขติ เอตฺถ โข-สทฺโท ปุจฺฉายํ, อตฺถิ นูติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘อตฺถิโข อิทํ อาวุโส วุจฺจตี’’ติอาทิ. อาวุโส ยํ ตุมฺเหหิ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วุจฺจติ, อิทมตฺถิ โข อิทํ วาจามตฺตํ, โน นตฺถิ, ตสฺมา วาจาวตฺถุมตฺตโต ตสฺส ยํ โข เต เอวมาหํสุ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆํ อฺ’’นฺติ, ตํ เตสํ นานุชานามีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ จ โยชนา จ เวทิตพฺพา. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๐) วุตฺตเมว. ทิฏฺิปฺตฺติยาติ ทิฏฺิยา ปฺาปเน ‘‘เอวํ เอสา ทิฏฺิ อุปฺปนฺนา’’ติ ตสฺสา ทิฏฺิยา สมุทยโต, อตฺถงฺคมโต, อสฺสาทโต, อาทีนวโต, นิสฺสรณโต จ ยาถาวโต ปฺาปเน. อวิปรีตวุตฺติยา สเมน าเณน สมํ กฺจิ เนว สมนุปสฺสามิ. อธิปฺตฺตีติ อภิฺเยฺยธมฺมปฺาปนา. ยํ อชานนฺตา พาหิรกา ทิฏฺิปฺตฺติเยว อลฺลีนาติ ตฺจ ปฺตฺติโต อชานนฺตา ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรนฺติ. เอตฺถ จ ยายํ ‘‘ทิฏฺิปฺตฺติ นามา’’ติ วุตฺตา ทิฏฺิยา ทิฏฺิคติเกหิ เอวํ คหิตตาย วิภาวนา, ตตฺถ จ ภควโต อุตฺตริตโร นาม โกจิ นตฺถิ, สฺวายมตฺโถ พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐) วิภาวิโต เอว. ‘‘อธิปฺตฺตี’’ติ วุตฺตา ปน วิภาวิยมานา โลกสฺส นิพฺพิทาเหตุภาเวน พหุลีการาติ ตสฺสา วเสน ภควา อนุตฺตรภาวํ ปเวเทนฺโต ‘เนว อตฺตนา สมสมํ สมนุปสฺสามี’ติ สีหนาทํ นที’’ติ เกจิ. อฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๙๒) ปน ‘‘ยฺจ วุตฺตํ ‘ปฺตฺติยา’ติ ยฺจ ‘อธิปฺตฺตี’ติ , อุภยเมตํ อตฺถโต เอก’’นฺติ ‘‘อิธ ปน ปฺตฺติยาติ เอตฺถาปิ ปฺตฺติ เจว อธิปฺตฺติ จ อธิปฺเปตา, อธิปฺตฺตีติ เอตฺถาปี’’ติ จ วุตฺตา, อุภยสฺสปิ วเสเนตฺถ ภควา สีหนาทํ นทีติ วิฺายติ. อุภยํ เปตํ อตฺถโต เอกนฺติ จ ปฺตฺติภาวสามฺํ สนฺธาย วุตฺตํ, น เภทาภาวโต. เตนาห ‘‘เภทโต หี’’ติอาทิ. ขนฺธปฺตฺตีติ ขนฺธานํ ‘‘ขนฺธา’’ติ ปฺาปนา ทสฺสนา ปกาสนา ปนา นิกฺขิปนา. ‘‘อาจิกฺขติ ทสฺเสติ ปฺาเปติ ปฏฺเปตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐, ๙๗) อาคตฏฺาเน หิ ปฺาปนา ทสฺสนา ปกาสนา ปฺตฺติ นาม, ‘‘สุปฺตฺตํ มฺจปี’’นฺติ (ปารา. ๒๖๙) อาคตฏฺาเน ปนา นิกฺขิปนา ปฺตฺติ นาม, อิธ อุภยมฺปิ ยุชฺชติ.

ทิฏฺินิสฺสยปฺปหานวณฺณนา

๑๙๖. ปชหนตฺถนฺติ อจฺจนฺตาย ปฏินิสฺสชฺชนตฺถํ. ยสฺมา เตน ปชหเนน สพฺเพ ทิฏฺินิสฺสยา สมฺมเทว อติกฺกนฺตา โหนฺติ วีติกฺกนฺตา, ตสฺมา ‘‘สมติกฺกมายาติ ตสฺเสว เววจน’’นฺติ อโวจ. น เกวลํ สติปฏฺานา กถิตมตฺตา, อถ โข เวเนยฺยสนฺตาเน ปติฏฺาปิตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เทสิตา’’ติ วตฺวา ‘‘ปฺตฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เทสิตาติ กถิตา. ปฺตฺตาติ ปิตา’’ติ. อิทานิ สติปฏฺานเทสนาย ทิฏฺินิสฺสยานํ เอกนฺติกํ ปหานาวหภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สติปฏฺานภาวนาย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สติปฏฺานภาวนายาติ อิมินา เตสํ ภาวนาย เอว เนสํ ปหานํ, เทสนา ปน ตทุปนิสฺสยภาวโต ตถา วุตฺตาติ ทสฺเสติ. เสสํ สพฺพํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.

ปาสาทิกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.