📜
๑๐. สงฺคีติสุตฺตวณฺณนา
๒๙๖. ทสสหสฺสจกฺกวาเฬติ ¶ ¶ ¶ พุทฺธเขตฺตภูเต ทสสหสฺสปริมาเณ จกฺกวาเฬ. ตตฺถ หิ อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ เทวมนุสฺสาเยว กตาธิการา, อิตเรสุ เทวา วิเสสภาคิโน. เตน วุตฺตํ ‘‘ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ าณชาลํ ปตฺถริตฺวา’’ติ. าณชาลปตฺถรณนฺติ จ เตสํ เตสํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนวเสน าณสฺส ปวตฺตนเมว. เตนาห ‘‘โลกํ โวโลกยมาโน’’ติ, สตฺตโลกํ พฺยวโลกยมาโน อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติอาทิเก วิเสสโต โอคาเหตฺวา ปสฺสนฺโตติ อตฺโถ. มงฺคลํ ภณาเปสฺสนฺติ ‘‘ตํ เตสํ อายตึ วิเสสาธิคมสฺส วิชฺชาฏฺานํ หุตฺวา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสา’’ติ. ตีหิ ปิฏเกหิ สมฺมสิตฺวาติ ติปิฏกโต เอกกทุกาทินา สงฺคเหตพฺพสฺส สงฺคณฺหนวเสน สมฺมสิตฺวา วีมํสิตฺวา. าตุํ อิจฺฉิตา อตฺถา ปฺหา, เต ปน อิมสฺมึ สุตฺเต เอกกาทิวเสน อาคตา สหสฺสํ, จุทฺทส จาติ อาห ‘‘จุทฺทสปฺหาธิเกน ปฺหสหสฺเสน ปฏิมณฺเฑตฺวา’’ติ. เอวมิธ สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺสิเต ปฺเห ปรโต สุตฺตปริโยสาเน ‘‘เอกกวเสน ทฺเว ปฺหา กถิตา’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๔๙) วิภาเคน ปริคเณตฺวา สยเมว ทสฺเสสฺสติ.
อุพฺภตกนวสนฺธาคารวณฺณนา
๒๙๗. อุจฺจาธิฏฺานตาย ตํ สนฺธาคารํ ภูมิโต อุพฺภตํ วิยาติ ‘‘อุพฺภตก’’นฺติ นามํ ลภติ. เตนาห ‘‘อุจฺจตฺตา วา เอวํ วุตฺต’’นฺติ. สนฺธาคารสาลาติ เอกา มหาสาลา. อุยฺโยคกรณาทีสุ หิ ราชาโน ตตฺถ ตฺวา ‘‘เอตฺตกา ปุรโต คจฺฉนฺตุ, เอตฺตกา ปจฺฉา’’ติอาทินา ตตฺถ นิสีทิตฺวา สนฺธํ กโรนฺติ มริยาทํ ¶ พนฺธนฺติ, ตสฺมา ตํ านํ ‘‘สนฺธาคาร’’นฺติ วุจฺจติ. อุยฺโยคฏฺานโต จ อาคนฺตฺวา ยาว เคหํ โคมยปริภณฺฑาทิวเสน ปฏิชคฺคนํ กโรนฺติ, ตาว เอกํ ทฺเว ทิวเส เต ราชาโน ตตฺถ สนฺถมฺภนฺตีติปิ สนฺธาคารํ, เตสํ ราชูนํ สห อตฺถานุสาสนอคารนฺติปิ สนฺธาคารนฺติ. ยสฺมา วา เต ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิมสฺมึ ¶ กาเล กสิตุํ วฏฺฏติ, อิมสฺมึ กาเลวปิตุ’’นฺติอาทินา ฆราวาสกิจฺจํ สนฺธรนฺติ, ตสฺมา ฉิทฺทาวฉิทฺทํ ฆราวาสํ ¶ ตตฺถ สนฺธรนฺตีติปิ สนฺธาคารํ, สา เอว สาลาติ สนฺธาคารสาลา. เทวตาติ ฆรเทวตา. นิวาสวเสน อนชฺฌาวุตฺถตฺตา ‘‘เกนจิ วา มนุสฺสภูเตนา’’ติ วุตฺตํ. กมฺมกรณวเสน ปน มนุสฺสา ตตฺถ นิสชฺชาทีนิ กปฺเปสุเมว. ‘‘สยเมว ปน สตฺถุ อิธาคมนํ อมฺหากํ ปฺุวเสเนว, อโห มยํ ปฺุวนฺโต’’ติ หฏฺตุฏฺา เอวํ สมฺมา จินฺเตสุนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อมฺเหหี’’ติอาทิมาห.
๒๙๘. อฏฺฏกาติ จิตฺตกมฺมกรณตฺถํ พทฺธา มฺจกา. มุตฺตมตฺตาติ ตาวเทว สนฺธาคาเร นวกมฺมสฺส นิฏฺาปิตภาวมาห, เตน‘‘อจิรการิต’’นฺติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ. อรฺํ อาราโม อารมิตพฺพฏฺานํ เอเตสนฺติ อรฺารามา. สนฺถรณํ สนฺถริ, สพฺโพ สกโล สนฺถริ เอตฺถาติ สพฺพสนฺถริ, ภาวนปุํสกนิทฺเทโสยํ. เตนาห ‘‘ยถา สพฺพํ สนฺถตํ โหติ, เอว’’นฺติ.
๒๙๙. สมนฺตปาสาทิโกติ สมนฺตโต สพฺพภาเคน ปสาทาวโห ¶ จาตุริยโส. ‘‘อสีติหตฺถํ านํ คณฺหาตี’’ติ อิทํ พุทฺธานํ กายปฺปภาย ปกติยา อสีติหตฺเถ าเน อภิพฺยาปนโต วุตฺตํ. อิทฺธานุภาเวน ปน อนนฺตํ อปริมาณํ านํ วิชฺโชตเตว. นีลปีตโลหิโตทาตมฺชฏฺปภสฺสรวเสน ฉพฺพณฺณา. สพฺเพ ทิสาภาคาติ สรีรปฺปภาย พาหุลฺลโต วุตฺตํ.
อพฺภมหิกาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺํ สฺุํ น โสภติ, ตารกาจิตํ ปน อนฺตลิกฺขํ ตาสํ ปภาหิ สมนฺตโต วิชฺโชตมานํ วิโรจตีติ อาห ‘‘สมุคฺคตตารกํ วิย คคนตล’’นฺติ. สพฺพปาลิผุลฺโลติ มูลโต ปฏฺาย ยาว สาขคฺคา ผุลฺโล. ‘‘ปฏิปาฏิยาปิตาน’’นฺติอาทิ ปริกปฺปูปมา. ตถา หิ วิย-สทฺทคฺคหณํ กตํ. สิริยา สิรึ อภิภวมานํ วิยาติ อตฺตโน โสภาย เตสํ โสภนฺติ อตฺโถ. ‘‘ภิกฺขูปิ สพฺเพวา’’ติ อิทํ เนสํ ‘‘อปฺปิจฺฉา’’ติอาทินา วุตฺตคุเณสุ โลกิยคุณานํ วเสน โยเชตพฺพํ. น หิ เต สพฺเพว ทสกถาวตฺถุลาภิโน. เตน วุตฺตํ ‘‘สุตฺตนฺตํ อาวชฺเชตฺวา…เป… อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๙๖). ตสฺมา เย ตตฺถ อริยา, เต สพฺเพสมฺปิ ปทานํ วเสน โพธิตา โหนฺติ. เย ปน ปุถุชฺชนา, เต โลกิยคุณทีปเกหิ ปเทหีติ น ตถา เหฏฺา ¶ ‘‘อสีติมหาเถรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุพฺเพ อรหตฺตภาคิโน คหิตา.
รูปกายสฺส อสีติอนุพฺยฺชน-ปฏิมณฺฑิต-ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณกายปฺปภาพฺยามปฺปภาเกตุมาลาวิจิตฺตตาว ¶ (ที. นิ. ๒.๓๓; ๓.๒๐๐; ม. นิ. ๒.๓๘๕) พุทฺธเวโส. ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺตสฺส ภควโต กายสฺส อาโลกิตวิโลกิตาทีสุ ปรมุกฺกํสคโต พุทฺธาเวณิโก อจฺจนฺตุปสโม พุทฺธวิลาโส. อสฺสนฺติ ตสฺสํ.
สนฺธาคารานุโมทนปฏิสํยุตฺตาติ ‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนฺตี’’ติอาทินา ¶ (จูฬว. ๒๙๕, ๓๑๕) นเยน สนฺธาคารคุณูปสฺหิตา สนฺธาคารกรณปฺุานิสํสภาวินี. ปกิณฺณกกถาติ สงฺคีติอนารุฬฺหา สุณนฺตานํ อชฺฌาสยานุรูปตาย วิวิธวิปุลเหตูปมาสมาลงฺกตา นานานยวิจิตฺตา วิตฺถารกถา. เตนาห ‘‘ตทา หี’’ติอาทิ. อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย นิรุปกฺกิเลสตาย สุวิสุทฺเธน, วิปุโลทารตาย อปริเมยฺเยน จ อตฺเถน สุณนฺตานํ กายจิตฺตปริฬาหวูปสมนโต. ปถโวชํ อากฑฺฒนฺโต วิย อฺเสํ สุทุกฺกรตาย, มหาสารตาย วา อตฺถสฺส. มหาชมฺพุํ มตฺถเก คเหตฺวา จาเลนฺโต วิย จาลนปจฺจยฏฺานวเสน ปุพฺเพนาปรํ อนุสนฺธานโต. โยชนิย…เป… ปายมาโน วิย เทสนํ จตุสจฺจยนฺเต ปกฺขิปิตฺวา อตฺถเวทธมฺมเวทสฺเสว ลภาปเนน สาตมธุรธมฺมามตรสูปสํหรณโต. มธุคณฺฑนฺติ มธุปฏลํ.
๓๐๐. ‘‘ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูต’’นฺติ พฺยาปนิจฺฉายํ อิทํ อาเมฑิตวจนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ยนฺทิส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อนุวิโลเกตฺวาติ เอตฺถ อนุ-สทฺโท ‘‘ปรี’’ติ อิมินา สมานตฺโถ, วิโลกนฺเจตฺถ สตฺถุ จกฺขุทฺวเยนปิ อิจฺฉิตพฺพนฺติ ‘‘มํสจกฺขุนา…เป… ตโต ตโต วิโลเกตฺวา’’ติ สงฺเขปโต วตฺวา ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘มํสจกฺขุนา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. หตฺเถน กุจฺฉิตํ กตํ หตฺถกุกฺกุจฺจํ กุกตเมว กุกฺกุจฺจนฺติ กตฺวา. เอวํ ปาทกุกฺกุจฺจํ ทฏฺพฺพํ. นิจฺจลา นิสีทึสุ อตฺตโน สุวินีตภาเวน, พุทฺธคารเวน จ. ‘‘อาโลกํ ปน วฑฺฒยิตฺวา’’ติอาทิ กทาจิ ภควา เอวมฺปิ กโรตีติ ¶ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ. น หิ สตฺถุ สาวกานํ วิย เอวํ ปโยคสมฺปาทนียเมตํ าณํ. ติโรหิตวิทูรวตฺตนิปิ รูปคเต มํสจกฺขุโน ปวตฺติยา อิจฺฉิตตฺตา วีมํสิตพฺพํ ¶ . อรหตฺตุปคํ อรหตฺตปทฏฺานํ. จกฺขุตเลสุ นิมิตฺตํ เปตฺวาติ ภาวนานุโยคสมฺปตฺติยา สพฺเพสํ เตสํ ภิกฺขูนํ จกฺขุตเลสุ ลพฺภมานํ สนฺตินฺทฺริยวิคตถินมิทฺธตาการสงฺขาตํ นิมิตฺตํ อตฺตโน หทเย เปตฺวา สลฺลกฺเขตฺวา. กสฺมา อาคิลายติ โกฏิสตสหสฺสหตฺถินาคานํ พลํ ธาเรนฺตสฺสาติ โจทกสฺส อธิปฺปาโย. อาจริโย เอส สงฺขารานํ สภาโว, ยทิทํ อนิจฺจตา. เย ปน อนิจฺจา, เต เอกนฺเตเนว อุทยวยปฏิปีฬิตตาย ทุกฺขา เอว, ทุกฺขสภาเวสุ เตสุ สตฺถุ กาเย ทุกฺขุปฺปตฺติยา อยํ ปจฺจโยติ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปิฏฺิวาโต อุปฺปชฺชิ, โส จ โข ปุพฺเพ กตกมฺมปจฺจยา. สฺวายมตฺโถ ปรมตฺถทีปนิยํ อุทานฏฺกถายํ อาคตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
ภินฺนนิคณฺวตฺถุวณฺณนา
๓๐๑. เหฏฺา วุตฺตเมว ปาสาทิกสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๖๔).
๓๐๒. สฺวาขฺยาตํ ธมฺมํ เทเสตุกาโมติ สฺวาขฺยาตํ กตฺวา ธมฺมํ กเถตุกาโม, สตฺถารา วา สฺวาขฺยาตํ ธมฺมํ สยํ ภิกฺขูนํ กเถตุกาโม. สตฺถารา เทสิตธมฺมเมว หิ ตโต ตโต คเหตฺวา สาวกา สพฺรหฺมจารีนํ กเถนฺติ.
เอกกวณฺณนา
๓๐๓. สมคฺเคหิ ภาสิตพฺพนฺติ อฺมฺํ สมคฺเคหิ หุตฺวา ภาสิตพฺพํ, สชฺฌายิตพฺพฺเจว วณฺเณตพฺพฺจาติ อตฺโถ. ยถา ปน สมคฺเคหิ สงฺคายนํ โหติ, ตมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกวจเนหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกวจเนหีติ วิโรธาภาเวน สมานวจเนหิ. เตนาห ‘‘อวิรุทฺธวจเนหี’’ติอาทิ. สามคฺคิรสํ ทสฺเสตุกาโมติ ยสฺมึ ธมฺเม สงฺคายเน สามคฺคิรสานุภวนํ อิจฺฉิตํ เทสนากุสลตาย, ตตฺถ เอกกทุกติกาทิวเสน พหุธา สามคฺคิรสํ ทสฺเสตุกาโม. สพฺเพ สตฺตาติ อนวเสสา สตฺตา ¶ , เต ปน ภวเภทโต สงฺเขเปเนว ¶ ภินฺทิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘กามภวาทีสู’’ติอาทิมาห. พฺยธิกรณานมฺปิ พาหิรตฺถสมาโส โหติ ยถา ‘‘อุรสิโลโม’’ติ อาห ‘‘อาหารโต ิติ เอเตสนฺติ อาหารฏฺิติกา’’ติ. ติฏฺติ เอเตนาติ ิติ, อาหาโร ิติ เอเตสนฺติ อาหารฏฺิติกาติ เอวํ วา เอตฺถ สมาสวิคฺคโห ทฏฺพฺโพ. อาหารฏฺิติกาติ ปจฺจยฏฺิติกา, ปจฺจยายตฺตวุตฺติกาติ อตฺโถ. ปจฺจยตฺโถ เหตฺถ อาหาร-สทฺโท ‘‘อยํ อาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺสอุปฺปาทายา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๑๘๓, ๒๓๒) วิย. เอวฺหิ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิมินา อสฺสตฺตาปิ ปริคฺคหิตา โหนฺติ. สา ปนายํ อาหารฏฺิติกตา นิปฺปริยายโต สงฺขารธมฺโม, น สตฺตธมฺโม. เตเนวาหุ อฏฺกถาจริยา ‘‘สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกาติ อาคตฏฺาเน สงฺขารโลโก เวทิตพฺโพ’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๖; ปารา. อฏฺ. เวรฺชกณฺฑวณฺณนา; อุทา. อฏฺ. ๓๐; จูฬนิ. อฏฺ. ๖๕; อุทา. อฏฺ. ๑๘๖) ยทิ เอวํ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิทํ กถนฺติ? ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนาติ นายํ โทโส. ยถาห ภควา ‘‘เอกธมฺเม ภิกฺขเว ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน สมฺมา วิรชฺชมาโน สมฺมา ¶ วิมุจฺจมาโน สมฺมา ปริยนฺตทสฺสาวี สมฺมตฺตํ อภิสเมจฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, กตมสฺมึ เอกธมฺเม? สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗) เอโก ธมฺโมติ ‘‘สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ ยฺวายํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย สพฺเพสํ สงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย อาหารปริยาเยน สามฺโต ปจฺจยธมฺโม วุตฺโต, อยํ อาหาโร นาม เอโก ธมฺโม. ยาถาวโต ตฺวาติ ยถาสภาวโต ¶ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา. สมฺมทกฺขาโตติ เตเนว อภิสมฺพุทฺธากาเรน สมฺมเทว เทสิโต.
โจทโก วุตฺตมฺปิ อตฺถํ ยาถาวโต อปฺปฏิปชฺชมาโน เนยฺยตฺถํ สุตฺตปทํ นีตตฺถโต ทหนฺโต ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ วจนมตฺเต ตฺวา ‘‘นนุ จา’’ติอาทินา โจเทติ. อาจริโย อวิปรีตํ ตตฺถ ยถาธิปฺเปตมตฺถํ ปเวเทนฺโต ‘‘น วิรุชฺฌตี’’ติ วตฺวา ‘‘เตสฺหิ ฌานํ อาหาโร โหตี’’ติ อาห. ฌานนฺติ เอกโวการภวาวหํ สฺาย วิรชฺชนวเสน ปวตฺตํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อนาหารา’’ติ วจนํ อสฺภเว จตุนฺนํ อาหารานํ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปจฺจยาหารสฺส อภาวโต. ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติ อิทํ สาสเน เยสุ ธมฺเมสุ วิเสสโต ¶ อาหาร-สทฺโท นิรุฬฺโห, ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ เอตฺถ ยทิ เต เอว คยฺหนฺติ, อพฺยาปิตโทโส อาปนฺโน. อถ สพฺโพปิ ปจฺจยธมฺโม อาหาโรติ อธิปฺเปโต, อิมาย อาหารปาฬิยา วิโรโธ อาปนฺโนติ ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. ‘‘น วิรุชฺฌตี’’ติ เยนาธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ตํ วิวรนฺโต ‘‘เอตสฺมิฺหิ สุตฺเต’’ติอาทิมาห. กพฬีการาหาราทีนํ โอชฏฺมกรูปาหรณาทิ นิปฺปริยาเยน อาหารภาโว. ยถา หิ กพฬีการาหาโร โอชฏฺมกรูปาหรเณน รูปกายํ อุปตฺถมฺเภติ, เอวํ ผสฺสาทโย จ เวทนาทิอาหรเณน นามกายํ อุปตฺถมฺเภนฺติ, ตสฺมา สติปิ ชนกภาเว อุปตฺถมฺภกภาโว โอชาทีสุ สาติสโย ลพฺภมาโน มุขฺโย อาหารฏฺโติ เต เอว นิปฺปริยาเยน อาหารลกฺขณา ธมฺมา วุตฺตา. อิธาติ อิมสฺมึ สงฺคีติสุตฺเต. ปริยาเยน ปจฺจโย อาหาโรติ วุตฺโต สพฺโพ ปจฺจโย ธมฺโม อตฺตโน ผลํ อาหรตีติ อิมํ ปริยายํ ลภตีติ. เตนาห ‘‘สพฺพธมฺมานฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ สพฺพธมฺมานนฺติ สพฺเพสํ สงฺขตธมฺมานํ. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ¶ สุตฺเตน (อ. นิ. ๑๐.๖๑) สมตฺเถตุํ ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยนฺติ ปจฺจยาหาโร.
นิปฺปริยายาหาโรปิ คหิโตว โหติ, ยาวตา โสปิ ปจฺจยภาเวเนว ชนโก, อุปตฺถมฺภโก จ หุตฺวา ตํ ตํ ผลํ อาหรตีติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ. ตตฺถาติ ปริยายาหาโร, นิปฺปริยายาหาโรติ ทฺวีสุ อาหาเรสุ. อสฺภเว ยทิปิ นิปฺปริยายาหาโร น ลพฺภติ, ปจฺจยาหาโร ปน ลพฺภติ ปริยายาหารลกฺขโณ. อิทานิ อิมเมวตฺถํ วิตฺถาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘อนุปฺปนฺเน หิ พุทฺเธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปฺปนฺเน พุทฺเธ ติตฺถกรมตนิสฺสิตานํ ฌานภาวนาย อสิชฺฌนโต ‘‘อนุปฺปนฺเน ¶ พุทฺเธ’’ติ วุตฺตํ. สาสนิกา ตาทิสํ ฌานํ น นิพฺพตฺเตนฺตีติ ‘‘ติตฺถายตเน ปพฺพชิตา’’ติ วุตฺตํ. ติตฺถิยา หิ อุปตฺติวิเสเส วิมุตฺติสฺิโน, อฺาวิราคาวิราเคสุ อาทีนวานิสํสทสฺสิโน วา หุตฺวา อสฺสมาปตฺตึ นิพฺพตฺเตตฺวา อกฺขณภูมิยํ อุปฺปชฺชนฺติ, น สาสนิกา. วาโยกสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวาติ วาโยกสิเณ ปมาทีนิ ตีณิ ฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ตติยชฺฌาเน จิณฺณวสี หุตฺวา ตโต วุฏฺาย จตุตฺถชฺฌานาธิคมาย ปริกมฺมํ กตฺวา. เตนาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา’’ติ. กสฺมา ปเนตฺถ วาโยกสิเณเยว ปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ? ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ ¶ , ตํ พฺรหฺมชาลฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๑) วิตฺถาริตเมว. ธีติ ชิคุจฺฉนตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา ธี จิตฺตนฺติ จิตฺตํ ชิคุจฺฉามีติ อตฺโถ. ธิพฺพเตตํ จิตฺตนฺติ เอตํ มม จิตฺตํ ชิคุจฺฉิตํ วต โหตุ. วตาติ สมฺภาวเน, เตน ชิคุจฺฉํ สมฺภาเวนฺโต วทติ. นามาติ จ สมฺภาวเน เอว, เตน จิตฺตสฺส อภาวํ สมฺภาเวติ. จิตฺตสฺส ภาวาภาเวสุ อาทีนวานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘จิตฺตฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ขนฺตึ รุจึ อุปฺปาเทตฺวาติ ‘‘จิตฺตสฺส อภาโว เอว สาธุ สุฏฺู’’ติ อิมํ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺตึ, ตตฺถ จ อภิรุจึ อุปฺปาเทตฺวา.
ตถา ภาวิตสฺส ฌานสฺส ิติภาคิยภาวปฺปตฺติยา อปริหีนชฺฌานสฺส ติตฺถายตเน ปพฺพชิตสฺเสว ตถา ฌานภาวนา โหตีติ อาห ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติ. ปณิหิโต อโหสีติ มรณสฺส ¶ อาสนฺนกาเล ปิโต อโหสิ. ยทิ านาทินา อากาเรน นิพฺพตฺเตยฺย, กมฺมพเลน ยาว เภทา เตเนวากาเรน ติฏฺเยฺย วาติ อาห ‘‘โส เตน อิริยาปเถนา’’ติอาทิ.
เอว รูปานมฺปีติ เอวํ อเจตนานมฺปิ. ปิ-สทฺเทน ปเคว สเจตนานนฺติ ทสฺเสติ. กถํ ปน อเจตนานํ เนสํ ปจฺจยาหารสฺส อุปกปฺปนนฺติ โจทนํ สนฺธาย ตตฺถ นิทสฺสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา’’ติอาทิมาห.
เย อุฏฺานวีริเยเนว ทิวสํ วีตินาเมตฺวา ตสฺส นิสฺสนฺทผลมตฺตํ กิฺจิเทว ลภิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺติ, เต อุฏฺานผลูปชีวิโน. เย ปน อตฺตโน ปฺุผลเมว อุปชีเวนฺติ, เต ปฺุผลูปชีวิโน. เนรยิกานํ ปน เนว อุฏฺานวีริยวเสน ชีวิกากปฺปนํ, ปฺุผลสฺส ปน เลโสปิ นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘เย ปน เต เนรยิกา…เป… น ปฺุผลูปชีวีติ วุตฺตา’’ติ. ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อาหรเณน มโนสฺเจตนาหาโรติ วุตฺตา, น ยสฺส กสฺสจิ ผลสฺสาติ อธิปฺปาเยน ‘‘กึ ปฺจ อาหารา อตฺถี’’ติ โจเทติ. อาจริโย นิปฺปริยายาหาเร อธิปฺเปเต สิยา ตว โจทนายาวสโร, สา ปน เอตฺถ อนวสราติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจ น ปฺจาติ อิทํ น วตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปริยายาหารสฺเสว ปเนตฺถ อธิปฺเปตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นนุ ปจฺจโย อาหาโรติ ¶ วุตฺตเมต’’นฺติ อาห. ตสฺมาติ ยสฺส กสฺสจิ ปจฺจยสฺส ‘‘อาหาโร’’ติ อิจฺฉิตตฺตา. อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถนฺโต ‘‘ยํ สนฺธายา’’ติอาทิมาห.
มุขฺยาหารวเสนปิ ¶ เนรยิกานํ อาหารฏฺิติกตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กพฬีการํ อาหารํ…เป… สาเธตี’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ เนรยิกา สุขปฏิสํเวทิโนปิ โหนฺตีติ? โนติ ทสฺเสตุํ ‘‘เขโฬปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตโยติ ตโย อรูปาหารา กพฬีการาหารสฺส อภาวโต. อวเสสานนฺติ อสฺสตฺเตหิ อวเสสานํ. กามภวาทีสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ ปจฺจยาหาโร หิ สพฺเพสํ สาธารโณติ. เอตํ ปฺหนฺติ ‘‘กตโม เอโก ธมฺโม’’ติ ¶ เอวํ โจทิตเมตํ ปฺหํ. กเถตฺวาติ วิสฺสชฺเชตฺวา.
‘‘ตตฺถ ตตฺถ…เป… ทุกฺขํ โหตี’’ติ เอเตน ยถา อิธ ปมสฺส ปฺหสฺส นิยฺยาตนํ, ทุติยสฺส อุทฺธรณํ น กตํ, เอวํ อิมินา เอว อธิปฺปาเยน อิโต ปเรสุ ทุกติกาทิปฺเหสุ ตตฺถ ตตฺถ อาทิปริโยสาเนสุ เอว อุทฺธรณนิยฺยาตนานิ กตฺวา เสเสสุ น กตนฺติ ทสฺเสติ. ปฏิจฺจ เอตสฺมา ผลํ เอตีติ ปจฺจโย, การณํ, ตเทว อตฺตโน ผลํ สงฺขโรตีติ สงฺขาโรติ อาห ‘‘อิมสฺมิมฺปิ…เป… สงฺขาโรติ วุตฺโต’’ติ. อาหารปจฺจโยติ อาหรณฏฺวิสิฏฺโ ปจฺจโย. อาหรณฺเจตฺถ อุปฺปาทกตฺตปฺปธานํ, สงฺขรณํ อุปตฺถมฺภกตฺตปฺปธานนฺติ อยเมเตสํ วิเสโส. เตนาห ‘‘อยเมตฺถ เหฏฺิมโต วิเสโส’’ติ. นิปฺปริยายาหาเร คหิเต ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ วุตฺเตปิ อสฺสตฺตา น คหิตา เอว ภวิสฺสนฺตีติ ปเทสวิสโย สพฺพ-สทฺโท โหติ ยถา ‘‘สพฺเพ ตสนฺติทณฺฑสฺสา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๓๐). น เหตฺถ ขีณาสวาทีนํ คหณํ โหติ. ปากโฏ ภเวยฺย วิเสสสามฺสฺส วิสยตฺตา ปฺหานํ. โน จ คณฺหึสุ อฏฺกถาจริยา. ธมฺโม นาม นตฺถิ สงฺขโตติ อธิปฺปาโย. อิธ ทุติยปฺเห ‘‘สงฺขาโร’’ติ ปจฺจโย เอว กถิโตติ สมฺพนฺโธ.
ยทา สมฺมาสมฺโพธิสมธิคโต, ตทา เอว สพฺพเยฺยํ สจฺฉิกตํ ชาตนฺติ อาห ‘‘มหาโพธิมณฺเฑ นิสีทิตฺวา’’ติ. สยนฺติ สามํเยว. อทฺธนิยนฺติ อทฺธานกฺขมํ จิรกาลาวฏฺายิ ปารมฺปริยวเสน. เตนาห ‘‘เอเกน หี’’ติอาทิ. ปรมฺปรกถานิยเมนาติ ปรมฺปรกถากถนนิยเมน, นิยมิตตฺถพฺยฺชนานุปุพฺพิยา กถายาติ อตฺโถ. เอกกวเสนาติ เอกํ เอกํ ปริมาณํ ¶ เอตสฺสาติ เอกโก, ปฺโห. ตสฺส เอกกสฺส วเสน. เอกกํ นิฏฺิตํ วิสฺสชฺชนนฺติ อธิปฺปาโยติ.
เอกกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุกวณฺณนา
๓๐๔. จตฺตาโร ¶ ¶ ขนฺธาติ เตสํ ตาว นามนฏฺเน นามภาวํ ปมํ วตฺวา ปจฺฉา นิพฺพานสฺส วตฺตุกาโม อาห. ตสฺสาปิ หิ ตถา นามภาวํ ปรโต วกฺขติ. ‘‘นามํ กโรติ นามยตี’’ติ เอตฺถ ยํ นามกรณํ, ตํ นามนฺติ อาห ‘‘นามนฏฺเนาติ นามกรณฏฺเนา’’ติ, อตฺตโนวาติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ สาติสยมิทํ เตสํ นามกรณํ โหติ. เตนาห ‘‘อตฺตโน นามํ กโรนฺตาว อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทิ. อิทานิ ตมตฺถํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺส นามสฺส กรเณเนว เต ‘‘นาม’’นฺติ วุจฺจนฺติ, ตํ สามฺนามํ, กิตฺติมนามํ, คุณนามํ วา น โหติ, อถ โข โอปปาติกนามนฺติ ปุริมานิ ตีณิ นามานิ อุทาหรณวเสน ทสฺเสตฺวา ‘‘น เอวํ เวทนาทีน’’นฺติ เต ปฏิกฺขิปิตฺวา อิตรนามเมว นามกรณฏฺเน นามนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เวทนาทโย หี’’ติอาทิมาห. ‘‘มหาปถวิอาทโย’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ปถวิอาปาทโย อิธ นามนฺติ อนธิปฺเปตา, รูปนฺติ ปน อธิปฺเปตาติ? สจฺจเมตํ, ผสฺสเวทนาทีนํ วิย ปน ปถวิอาทีนํ โอปปาติกนามตาสามฺเน ‘‘ปถวิอาทโย วิยา’’ติ นิทสฺสนํ กตํ, น อรูปธมฺมา วิย รูปธมฺมานํ นามสภาวตฺตา. ผสฺสเวทนาทีนฺหิ อรูปธมฺมานํ สพฺพทาปิ ผสฺสาทินามกตฺตา, ปถวิอาทีนํ เกสกุมฺภาทินามนฺตราปตฺติ วิย นามนฺตรานาปชฺชนโต จ สทา อตฺตนาว กตนามตาย จตุกฺขนฺธนิพฺพานานิ นามกรณฏฺเน นามํ. อถ วา อธิวจนสมฺผสฺโส วิย อธิวจนนามมนฺตเรน เย อนุปจิตสมฺภารานํ ¶ คหณํ น คจฺฉนฺติ, เต นามายตฺตคฺคหณา นามํ. รูปํ ปน วินาปิ นามสาธนํ อตฺตโน รุปฺปนสภาเวน คหณํ อุปยาตีติ รูปํ. เตนาห ‘‘เตสุ อุปฺปนฺเนสู’’ติอาทิ. อิธาปิ ‘‘ยถาปถวิยา’’ติอาทีสุ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ นิทสฺสนวเสน อาคตตฺตา. ‘‘อตีเตปี’’ติอาทินา เวทนาทีสุ นามสฺา นิรุฬฺหา, อนาทิกาลิกา จาติ ทสฺเสติ.
อิติ อตีตาทิวิภาควนฺตานมฺปิ เวทนาทีนํ นามกรณฏฺเน นามภาโว เอกนฺติโก, ตพฺพิภาครหิเต ปน เอกสภาเว นิจฺเจ นิพฺพาเน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิพฺพานํ ปน…เป… นามนฏฺเน นาม’’นฺติ อาห. นามนฏฺเนาติ นามกรณฏฺเน. นมนฺตีติ เอกนฺตโต สารมฺมณตฺตา ตนฺนินฺนา โหนฺติ, เตหิ วินา นปฺปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. สพฺพนฺติ ขนฺธจตุกฺกํ, นิพฺพานฺจ ¶ . ยสฺมึ อารมฺมเณเยว เวทนากฺขนฺโธ ปวตฺตติ, ตํสมฺปยุตฺตตาย สฺากฺขนฺธาทโยปิ ตตฺถ ปวตฺตนฺตีติ โส เน ตตฺถ นาเมนฺโต วิย โหติ วินา อปฺปวตฺตนโต. เอส นโย สฺากฺขนฺธาทีสุปีติ วุตฺตํ ‘‘อารมฺมเณ อฺมฺํ นาเมนฺตี’’ติ. อนวชฺชธมฺเม มคฺคผลาทิเก ¶ . กามํ เกสุจิ รูปธมฺเมสุปิ อารมฺมณาธิปติภาโว ลพฺภเตว, นิพฺพาเน ปเนส สาติสโย ตสฺส อจฺจนฺตสนฺตปณีตตากปฺปภาวโตติ ตเทว อารมฺมณาธิปติปจฺจยตาย ‘‘อตฺตนิ นาเมตี’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ อริยา สกลมฺปิ ทิวสภาคํ ตํ อารพฺภ วีตินาเมนฺตาปิ ติตฺตึ น คจฺฉนฺติ.
‘‘รุปฺปนฏฺเนา’’ติ เอเตน รุปฺปตีติ รูปนฺติ ทสฺเสติ. ตตฺถ สีตาทิวิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ รุปฺปนํ. นนุ จ อรูปธมฺมานมฺปิ วิโรธิปจฺจยสมาคเม วิสทิสุปฺปตฺติ ลพฺภตีติ? สจฺจํ ลพฺภติ, น ปน วิภูตตรํ. วิภูตตรฺเหตฺถ รุปฺปนํ อธิปฺเปตํ สีตาทิคฺคหณโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘รุปฺปตีติ ¶ โข ภิกฺขเว ตสฺมา ‘รูป’นฺติ วุจฺจติ. เกน รุปฺปติ? สีเตนปิ รุปฺปติ, อุณฺเหนปิ รุปฺปตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๓.๗๙). ยทิ เอวํ กถํ พฺรหฺมโลเก รูปสมฺาติ? ตตฺถาปิ ตํสภาวานติวตฺตนโต โหติเยว รูปสมฺา. อนุคฺคาหกปจฺจยวเสน วา วิสทิสปจฺจยสนฺนิปาเตติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ‘‘โย อตฺตโน สนฺตาเน วิชฺชมานสฺสเยว วิสทิสุปฺปตฺติเหตุภาโว, ตํ รุปฺปน’’นฺติ อฺเ. อิมสฺมึ ปกฺเข รูปยติ วิการมาปาเทตีติ รูปํ. ‘‘สงฺฆฏฺฏเนน วิการาปตฺติยํ รุปฺปน-สทฺโท นิรุฬฺโห’’ติ เกจิ. เอตสฺมึ ปกฺเข อรูปธมฺเมสุ รูปสมฺาย ปสงฺโค เอว นตฺถิ สงฺฆฏฺฏนาภาวโต. ‘‘ปฏิฆโต รุปฺปน’’นฺติ อปเร. ‘‘ตสฺสาติ รูปสฺสา’’ติ วทนฺติ, นามรูปสฺสาติ ปน ยุตฺตํ. ยถา หิ รูปสฺส, เอวํ นามสฺสาปิ เวทนากฺขนฺธาทิวเสน, มทนิมฺมทนาทิวเสน จ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๕๖) วุตฺตา เอวาติ. อิติ อยํ ทุโก กุสลตฺติเกน สงฺคหิเต สภาวธมฺเม ปริคฺคเหตฺวา ปวตฺโตติ.
อวิชฺชาติ อวินฺทิยํ ‘‘อตฺตา, ชีโว, อิตฺถี, ปุริโส’’ติ เอวมาทิกํ วินฺทตีติ อวิชฺชา. วินฺทิยํ ‘‘ทุกฺขํ, สมุทโย’’ติ เอวมาทิกํ น วินฺทตีติ อวิชฺชา. สพฺพมฺปิ ธมฺมชาตํ อวิทิตกรณฏฺเน อวิชฺชา. อนฺตรหิเต สํสาเร สตฺเต ชวาเปตีติ อวิชฺชา. อตฺถโต ปน สา ทุกฺขาทีนํ จตุนฺนํ สจฺจานํ สภาวจฺฉาทโก สมฺโมโห โหตีติ อาห ‘‘ทุกฺขาทีสุ อฺาณ’’นฺติ ¶ . ภวปตฺถนา นาม กามภวาทีนํ ปตฺถนาวเสน ปวตฺตตณฺหา. เตนาห ‘‘โย ภเวสุ ภวจฺฉนฺโท’’ติอาทิ. อิติ ‘‘อยํ ทุโก วฏฺฏมูลสมุทาจารทสฺสนตฺถํ คหิโต.
ภวทิฏฺีติ ขนฺธปฺจกํ ‘‘อตฺตา จ โลโก จา’’ติ คาเหตฺวา ตํ ‘‘ภวิสฺสตี’’ติ คณฺหนวเสน นิวิฏฺา สสฺสตทิฏฺีติ ¶ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ภโว วุจฺจตี’’ติอาทิ. ภวิสฺสตีติ ภโว, ติฏฺติ สพฺพกาลํ อตฺถีติ อตฺโถ. สสฺสตนฺติ สสฺสตภาโว. วิภวทิฏฺีติ ขนฺธปฺจกเมว ¶ ‘‘อตฺตา’’ติ จ ‘‘โลโก’’ติ จ คเหตฺวา ตํ ‘‘น ภวิสฺสตี’’ติ คณฺหนวเสน นิวิฏฺา อุจฺเฉททิฏฺีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘วิภโว วุจฺจตี’’ติอาทิ. วิภวิสฺสติ วินสฺสติ อุจฺฉิชฺชตีติ วิภโว, อุจฺเฉโท.
ยํ น หิรียตีติ เยน ธมฺเมน ตํสมฺปยุตฺตธมฺมสมูโห, ปุคฺคโล วา น หิรียติ น ลชฺชติ, ลิงฺควิปลฺลาสํ วา กตฺวา โย ธมฺโมติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. หิรียิตพฺเพนาติ อุปโยคตฺเถ กรณวจนํ, หิรียิตพฺพยุตฺตกํ กายทุจฺจริตาทิธมฺมํ น ชิคุจฺฉตีติ อตฺโถ. นิลฺลชฺชตาติ ปาปสฺส อชิคุจฺฉนา. ยํ น โอตฺตปฺปตีติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โอตฺตปฺปิตพฺเพนาติ ปน เหตุอตฺเถ กรณวจนํ, โอตฺตปฺปิตพฺพยุตฺตเกน โอตฺตปฺปสฺส เหตุภูเตน กายทุจฺจริตาทินาติ อตฺโถ. หิรียิตพฺเพนาติ เอตฺถาปิ วา เอวเมว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อภายนกอากาโรติ ปาปโต อนุตฺตาสนากาโร.
‘‘ยํ หิรียตี’’ติอาทีสุ อนนฺตรทุเก วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นิยกชฺฌตฺตํ ชาติอาทิสมุฏฺานํ เอติสฺสาติ อชฺฌตฺตสมุฏฺานา. นิยกชฺฌตฺตโต พหิภาวโต พหิทฺธา ปรสนฺตาเน สมุฏฺานํ เอติสฺสาติ พหิทฺธา สมุฏฺานา. อตฺตา เอว อธิปติ อตฺตาธิปติ, อชฺฌตฺตสมุฏฺานตฺตา เอว อตฺตาธิปติโต อาคมนโต อตฺตาธิปเตยฺยา. โลกาธิปเตยฺยนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ลชฺชาสภาวสณฺิตาติ ปาปโต ชิคุจฺฉนรูเปน อวฏฺิตา. ภยสภาวสณฺิตนฺติ ตโต อุตฺตาสนรูเปน อวฏฺิตํ. อชฺฌตฺตสมุฏฺานาทิตา จ หิโรตฺตปฺปานํ ตตฺถ ตตฺถ ปากฏภาเวน วุตฺตา, น ปน เตสํ กทาจิปิ อฺมฺวิปฺปโยคโต. น หิ ลชฺชนํ นิพฺภยํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ อตฺถีติ.
ทุกฺขนฺติ ¶ กิจฺฉํ, อนิฏฺนฺติ วา อตฺโถ. วิปฺปฏิกูลคาหิมฺหีติ ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติยา วิโลมคาหเก. ตสฺสา เอว วิปจฺจนีกํ ทุปฺปฏิปตฺติ สาตํ อิฏฺํ เอตสฺสาติ ¶ วิปจฺจนีกสาโต, ตสฺมึ วิปจฺจนีกสาเต. เอวํภูโต จ โอวาทภูเต สาสนกฺกเม โอวาทเก จ อาทรภาวรหิโต โหตีติ อาห ‘‘อนาทเร’’ติ. ตสฺส กมฺมนฺติ ตสฺส ทุพฺพจสฺส ปุคฺคลสฺส อนาทริยวเสน ปวตฺตเจตนา โทวจสฺสํ. ตสฺส ภาโวติ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส โทวจสฺสสฺส อตฺถิภาโว โทวจสฺสตา, อตฺถโต โทวจสฺสเมว. เตเนวาห ‘‘สา อตฺถโต สงฺขารกฺขนฺโธ โหตี’’ติ. เจตนาปฺปธานตาย หิ สงฺขารกฺขนฺธสฺส เอวํ วุตฺตํ. เอเตนากาเรนาติ อปฺปทกฺขิณคฺคาหิตากาเรน. อสฺสทฺธิยทุสฺสีลฺยาทิปาปธมฺมโยคโต ปุคฺคลา ปาปา นาม โหนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เย เต ปุคฺคลา อสฺสทฺธา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยาย เจตนาย ปุคฺคโล ปาปสมฺปวงฺโก นาม โหติ, สา เจตนา ปาปมิตฺตตา ¶ , จตฺตาโรปิ วา อรูปิโน ขนฺธา ตทาการปฺปวตฺตา ปาปมิตฺตตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สาปิ อตฺถโต โทวจสฺสตา วิย ทฏฺพฺพา’’ติ อาห.
‘‘สุขํ วโจ เอตสฺมึ ปทกฺขิณคฺคาหิมฺหิ อนุโลมสาเต สาทเร ปุคฺคเลติ สุพฺพโจติอาทินา, ‘‘กลฺยาณา สทฺธาทโย ปุคฺคลา เอตสฺส มิตฺตาติ กลฺยาณมิตฺโต’’ติอาทินา จ อนนฺตรทุกสฺส อตฺโถ อิจฺฉิโตติ อาห โสวจสฺสตา…เป… วุตฺตปฏิปกฺขนเยน เวทิตพฺพา’’ติ. อุโภติ โสวจสฺสตา, กลฺยาณมิตฺตตา จ. เตสํ ขนฺธานํ ปวตฺติอาการวิเสสา ‘‘โสวจสฺสตา, กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ จ วุจฺจนฺติ, เต โลกิยาปิ โหนฺติ โลกุตฺตราปีติ อาห ‘‘โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตา’’ติ.
วตฺถุเภทาทินา อเนกเภทภินฺนา ตํตํชาติวเสน เอกชฺฌํ กตฺวา ราสิโต คยฺหมานา อาปตฺติโยว อาปตฺติกฺขนฺธา. ตา ปน อนฺตราปตฺตีนํ อคฺคหเณ ปฺจปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺติโย, ตาสํ ปน คหเณ สตฺตปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺติโย. ‘‘อิมา อาปตฺติโย, เอตฺตกา อาปตฺติโย, เอวฺจ เตสํ อาปชฺชนํ โหตี’’ติ ชานนปฺา อาปตฺติกุสลตาติ ¶ อาห ‘‘ยา ตาส’’นฺติอาทิ. ตาสํ อาปตฺตีนนฺติ ตาสุ อาปตฺตีสุ. ตตฺถ ยํ สมฺภินฺนวตฺถุกาสุ วิย ิตาสุ, ทุวิฺเยฺยวิภาคาสุ จ อาปตฺตีสุ อสงฺกรโต ววตฺถาน, อยํ วิเสสโต อาปตฺติกุสลตาติ ทสฺเสตุํ ทุติยํ อาปตฺติคฺคหณํ กตํ. สห ¶ กมฺมวาจายาติ กมฺมวาจาย สเหว. อาปตฺติโต วุฏฺาปนปโยคตาย กมฺมภูตา วาจา กมฺมวาจา, ตถาภูตา อนุสาวนวาจา เจว ‘‘ปสฺสิสฺสามี’’ติ เอวํ ปวตฺตวาจา จ. ตาย กมฺมวาจาย สทฺธึ สมกาลเมว ‘‘อิมาย กมฺมวาจาย อิโต อาปตฺติโต วุฏฺานํ โหติ, โหนฺตฺจ ปเม วา ตติเย วา อนุสาวเนยฺยการปฺปตฺเต, ‘สํวริสฺสามี’ติ วา ปเท ปริโยสิเต โหตี’’ติ เอวํ ตํ ตํ อาปตฺตีหิ วุฏฺานปริจฺเฉทปริชานนปฺา อาปตฺติวุฏฺานกุสลตา. วุฏฺานนฺติ จ ยถาปนฺนาย อาปตฺติยา ยถา ตถา อนนฺตรายตาปาทนํ, เอวํ วุฏฺานคฺคหเณเนว เทสนายปิ สงฺคโห สิทฺโธ โหติ.
‘‘อิโต ปุพฺเพ ปริกมฺมํ ปวตฺตํ, อิโต ปรํ ภวงฺค มชฺเฌ สมาปตฺตี’’ติ เอวํ สมาปตฺตีนํ อปฺปนาปริจฺเฉทชานนปฺา สมาปตฺติกุสลตา. วุฏฺาเน กุสลภาโว วุฏฺานกุสลตา, ปเคว วุฏฺาน ปริจฺเฉทกรํ าณํ. เตนาห ‘‘ยถาปริจฺฉินฺนสมยวเสเนวา’’ติอาทิ. วุฏฺานสมตฺถาติ วุฏฺาปเน สมตฺถา.
‘‘ธาตุกุสลตา’’ติ เอตฺถ ปถวีธาตุอาทโย, สุขธาตุอาทโย, กามธาตุอาทโย จ ธาตุโย เอตาสฺเวว ¶ อนฺโตคธาติ เอตาสุ โกสลฺเล ทสฺสิเต ตาสุปิ โกสลฺลํ ทสฺสิตเมว โหตีติ ‘‘อฏฺารส ธาตุโย จกฺขุธาตุ…เป… มโนวิฺาณธาตู’’ติ วตฺวา ‘‘อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ สภาวปริจฺเฉทกา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ สภาวปริจฺเฉทกาติ ยถาภูตสภาวาวโพธินี. ‘‘สวนปฺา ธารณปฺา’’ติอาทินา ปจฺเจกํ ปฺา-สทฺโท โยเชตพฺโพ. ธาตูนํ ¶ สวนธารณปฺา สุตมยา, อิตรา ภาวนามยา. ตตฺถาปิ สมฺมสนปฺา โลกิยา. วิปสฺสนา ปฺา หิ สา, อิตรา โลกุตฺตรา. ลกฺขณาทิวเสน, อนิจฺจาทิวเสน จ มนสิกรณํ มนสิกาโร, ตตฺถ โกสลฺลํ มนสิการกุสลตา. ตํ ปน อาทิมชฺฌปริโยสานวเสน ติธา ภินฺทิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺมสนปฏิเวธปจฺจเวกฺขณปฺา’’ติ อาห. สมฺมสนปฺา หิ ตสฺสา อาทิ, ปฏิเวธปฺา มชฺเฌ, ปจฺจเวกฺขณปฺา ปริโยสานํ.
อายตนานํ คนฺถโต จ อตฺถโต จ อุคฺคณฺหนวเสน เตสํ ธาตุลกฺขณาทิวิภาคสฺส ชานนปฺา อุคฺคหชานนปฺา. สมฺมสนปฏิเวธปจฺจเวกฺขณวิธิโน ชานนปฺา มนสิการชานนปฺา. ยสฺมา อายตนานิปิ อตฺถโต ธาตุโยว มนสิกาโร จ อุคฺคณฺหนาทิวเสน เตสเมว มนสิการวิธิ ¶ , ตสฺมา ธาตุกุสลตาทิกา ติสฺโสปิ กุสลตา เอกเทเส กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สวนํ วิย อุคฺคณฺหนปจฺจเวกฺขณานิปิ ปริตฺตาณกตฺตุกานีติ อาห ‘‘สวน อุคฺคหณปจฺจเวกฺขณา โลกิยา’’ติ. อริยมคฺคกฺขเณ สมฺมสนมนสิการานํ นิปฺผตฺติ ปรินิฏฺานนฺติ เตสํ โลกุตฺตรตาปริยาโยปิ ลพฺภตีติ วุตฺตํ ‘‘สมฺมสนมนสิการา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา’’ติ. ปจฺจยธมฺมานํ เหตุอาทีนํ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุปจฺจยาทิภาเวน ปจฺจยภาโว ปจฺจยากาโร, โส ปน อวิชฺชาทีนํ ทฺวาทสนฺนํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานํ วเสน ทฺวาทสวิโธติ อาห ‘‘ทฺวาทสนฺนํ ปจฺจยาการาน’’นฺติ. อุคฺคหาทิวเสนาติ อุคฺคหมนสิการสวนสมฺมสนปฏิเวธปจฺจเวกฺขณวเสน.
านฺเจว ติฏฺติ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ การณฺจ เหตุปจฺจยภาเวน กรณโต นิปฺผาทนโต. เตสํ โสตวิฺาณาทีนํ. เอตสฺมึ ¶ ทุเก อตฺโถ เวทิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. เย ธมฺมา ยสฺส ธมฺมสฺส การณภาวโต านํ, เตว ธมฺมา ตํวิธุรสฺส ธมฺมสฺส อการณภาวโต อฏฺานนฺติ ปมนเย ผลเภเทน ตสฺเสว ธมฺมสฺส านาฏฺานตา ทีปิตา; ทุติยนเย ปน อภินฺเนปิ ผเล ปจฺจยธมฺมเภเทน เตสํ านาฏฺานตา ทีปิตาติ อยเมเตสํ วิเสโส. น หิ กทาจิ อริยา ทิฏฺิสมฺปทา นิจฺจคฺคาหสฺส การณํ โหติ, อกิริยตา ปน สิยา ตสฺส การณนฺติ.
อุชุโน ภาโว อชฺชวํ, อชิมฺหตา อกุฏิลตา อวงฺกตาติ อตฺโถติ ตมตฺถํ อนชฺชวปฏิกฺเขปมุเขน ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘โคมุตฺตวงฺกตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สฺวายํ อนชฺชโว ภิกฺขูนํ เยภุยฺเยน อเนสนาย, อโคจรจาริตาย จ โหตีติ อาห ‘‘เอกจฺโจ หิ…เป… จรตี’’ติ. อยํ โคมุตฺตวงฺกตา นาม อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา ปฏิปตฺติยา วงฺกภาวโต. ปุริมสทิโสติ ปมํ วุตฺตภิกฺขุสทิโส. จนฺทวงฺกตา นาม ปฏิปตฺติยา มชฺฌฏฺาเน วงฺกภาวาปตฺติโต. นงฺคลโกฏิวงฺกตา นาม ปริโยสาเน วงฺกภาวาปตฺติโต. อิทํ อชฺชวํ นาม สพฺพตฺถกเมว อุชุภาวสิทฺธิโต. อชฺชวตาติ อาการนิทฺเทโส, เยนากาเรนสฺส อชฺชโว ปวตฺตติ, ตทาการนิทฺเทโสติ อตฺโถ. ลชฺชตีติ ลชฺชี, หิริมา, ตสฺส ภาโว ลชฺชวํ, หิรีติ อตฺโถ. ลชฺชา เอตสฺส ¶ อตฺถีติ ลชฺชี ยถา ‘‘มาลี, มายี’’ติ จ, ตสฺส ภาโว ลชฺชีภาโว, สา เอว ลชฺชา.
ปราปราธาทีนํ อธิวาสนกฺขมํ อธิวาสนขนฺติ. สุจิสีลตา โสรจฺจํ. สา หิ โสภนกมฺมรตตา, สุฏฺุ วา ปาปโต โอรตภาโว วิรตตา โสรจฺจํ. เตนาห ‘‘สุรตภาโว’’ติ.
‘‘นามฺจ รูปฺจา’’ติอาทีสุ อยํ อปโร นโย – นามกรณฏฺเนาติ อฺํ อนเปกฺขิตฺวา สยเมว อตฺตโน นามกรณสภาวโตติ อตฺโถ. ยฺหิ ปรสฺส นามํ กโรติ, ตสฺส จ ตทเปกฺขตฺตา อฺาเปกฺขํ นามกรณนฺติ นามกรณสภาวตา น โหติ, ตสฺมา มหาชนสฺส ¶ าตีนํ, คุณานฺจ สามฺนามาทิการกานํ นามภาโว นาปชฺชติ. ยสฺส จ อฺเหิ นามํ กรียติ, ตสฺส จ นามกรณสภาวตา นตฺถีติ, นตฺถิเยว นามภาโว. เวทนาทีนํ ปน สภาวสิทฺธตฺตา เวทนาทินามสฺส นามกรณสภาวโต นามตา วุตฺตา. ปถวีอาทิ นิทสฺสเนน นามสฺส สภาวสิทฺธตํเยว นิทสฺเสติ, น นามภาวสามฺํ, นิรุฬฺหตฺตา ปน นาม-สทฺโท อรูปธมฺเมสุ เอว วตฺตติ, น ปถวีอาทีสูติ น เตสํ นามภาโว. น หิ ปถวีอาทินามํ วิชหิตฺวา เกสาทินาเมหิ รูปธมฺมานํ วิย เวทนาทินามํ วิชหิตฺวา อฺเน นาเมน อรูปธมฺมานํ โวหริตพฺเพน ปิณฺฑากาเรน ปวตฺติ อตฺถีติ.
อถ วา รูปธมฺมา จกฺขาทโย รูปาทโย จ, เตสํ ปกาสกปกาสิตพฺพภาวโต วินาปิ นาเมน ปากฏา โหนฺติ, น เอวํ อรูปธมฺมาติ เต อธิวจนสมฺผสฺโส วิย นามายตฺตคฺคหณียภาเวน ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺตา. ปฏิฆสมฺผสฺโส จ น จกฺขาทีนิ วิย นาเมน วินา ปากโฏติ ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺโต, อรูปตาย วา อฺนามสภาคตฺตา สงฺคหิโตยํ, อฺผสฺสสภาคตฺตา วา. วจนตฺโถปิ หิ รูปยตีติ รูปํ, นามยตีติ นามนฺติ อิธ ปจฺฉิมปุริมานํ สมฺภวติ. รูปยตีติ วินาปิ นาเมน อตฺตานํ ปกาเสตีติ อตฺโถ. นามยตีติ ¶ นาเมน วินา อปากฏภาวโต อตฺตโน ปกาสกํ นามํ กโรตีติ อตฺโถ. อารมฺมณาธิปติปจฺจยตายาติ สติปิ รูปสฺส อารมฺมณาธิปติปจฺจยภาเว น ตํ ปรมสฺสาสภูตํ นิพฺพานํ วิย สาติสยํ นามนภาเวน ปจฺจโยติ นิพฺพานเมว ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺตํ.
‘‘อวิชฺชา ¶ จ ภวตณฺหา จา’’ติ อยํ ทุโก สตฺตานํ ¶ วฏฺฏมูลสมุทาจารทสฺสนตฺโถ. สมุทาจรตีติ หิ สมุทาจาโร, วฏฺฏมูลเมว สมุทาจาโร วฏฺฏมูลสมุทาจาโร, วฏฺฏมูลทสฺสเนน วา วฏฺฏมูลานํ ปวตฺติ ทสฺสิตา โหตีติ วฏฺฏมูลานํ สมุทาจาโร วฏฺฏมูลสมุทาจาโร, ตํทสฺสนตฺโถติ อตฺโถ.
เอเกกสฺมิฺจ ‘‘อตฺตา’’ติ จ ‘‘โลโก’’ติ จ คหณวิเสสํ อุปาทาย ‘‘อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วุตฺตํ, เอกํ วา ขนฺธํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา อฺํ อตฺตโน อุปโภคภูตํ ‘‘โลโก’’ติ คณฺหนฺตสฺส, อตฺตโน อตฺตานํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ปรสฺส อตฺตานํ ‘‘โลโก’’ติ คณฺหนฺตสฺส วา วเสน ‘‘อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วุตฺตํ.
สห สิกฺขิตพฺโพ ธมฺโม สหธมฺโม, ตตฺถ ภวํ สหธมฺมิกํ, ตสฺมึ สหธมฺมิเก. โทวจสฺส-สทฺทโต อาย-สทฺทํ อนฺตฺตํ กตฺวา ‘‘โทวจสฺสาย’’นฺติ วุตฺตํ, โทวจสฺสสฺส วา อยนํ ปวตฺติ โทวจสฺสายํ. อาเสวนฺตสฺสาปิ อนุสิกฺขนา อชฺฌาสเยน ภชนาติ อาห ‘‘เสวนา…เป… ภชนา’’ติ. สพฺพโตภาเคน ภตฺติ สมฺภตฺติ.
สห กมฺมวาจายาติ อพฺภานติณวตฺถารกกมฺมวาจาย, ‘‘อหํ ภนฺเต อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปชฺชิ’’นฺติอาทิกาย จ สเหว. สเหว หิ กมฺมวาจาย อาปตฺติวุฏฺานฺจ ปริจฺฉิชฺชติ, ‘‘ปฺตฺติลกฺขณาย อาปตฺติยา วา การณํ วีติกฺกมลกฺขณํ กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ วา, วุฏฺานสฺส การณํ กมฺมวาจา’’ติ การเณน สห ผลสฺส ชานนวเสน ‘‘สห กมฺมวาจายา’’ติ วุตฺตํ.‘‘สห กมฺมวาจายา’’ติ. อิมินา นเยน สห ปริกมฺเมนาติ เอตฺถาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ธาตุวิสยา ¶ สพฺพาปิ ปฺา ธาตุกุสลตา. ตเทกเทสา มนสิการกุสลตาติ อธิปฺปาเยน ปุริมปเทปิ สมฺมสนปฏิเวธปฺา วุตฺตา. ยสฺมา ปน นิปฺปริยายโต วิปสฺสนาทิปฺา เอว มนสิการโกสลฺลํ, ตสฺมา ‘‘ตาสํเยว ธาตูนํ สมฺมสนปฏิเวธปจฺจเวกฺขณปฺา’’ติ วุตฺตํ.
อายตนวิสยา สพฺพาปิ ปฺา อายตนกุสลตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ อุคฺคหมนสิการชานนปฺา’’ติ ¶ วตฺวา ปุน ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทฺวีสุปิ วา ปเทสุ วาจุคฺคตาย อายตนปาฬิยา, ธาตุปาฬิยา จ มนสิกรณํ มนสิกาโร. ตถา อุคฺคณฺหนฺตี, มนสิ กโรนฺตี ¶ , ตทตฺถํ สุณนฺตี, คนฺถโต จ อตฺถโต จ ธาเรนฺตี, ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม, อยํ จกฺขุธาตุ นามา’’ติอาทินา สภาวโต, คณนโต จ ปริจฺเฉทํ ชานนฺตี จ ปฺา อุคฺคหปฺาทิกา วุตฺตา. มนสิการปเท ปน จตุพฺพิธาปิ ปฺา อุคฺคโหติ ตโต ปวตฺโต อนิจฺจาทิมนสิกาโร ‘‘อุคฺคหมนสิกาโร’’ติ วุตฺโต. ตสฺส ชานนํ ปวตฺตนเมว, ‘‘ยถา ปวตฺตํ วา อุคฺคหํ, เอวเมว ปวตฺโต อุคฺคโห’’ติ ชานนํ อุคฺคหชานนํ. ‘‘มนสิกาโร เอวํ ปวตฺเตตพฺโพ, เอวฺจ ปวตฺโต’’ติ ชานนํ มนสิการชานนํ. ตทุภยมฺปิ ‘‘มนสิการโกสลฺล’’นฺติ วุตฺตํ. อุคฺคโหปิ หิ มนสิการสมฺปโยคโต มนสิการนิรุตฺตึ ลทฺธุํ อรหติ. โย จ มนสิกาตพฺโพ, โย จ มนสิกรณูปาโย, สพฺโพ โส ‘‘มนสิกาโร’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ, ตตฺถ โกสลฺลํ มนสิการกุสลตาติ. สมฺมสนํ ปฺา, สา มคฺคสมฺปยุตฺตา อนิจฺจาทิสมฺมสนกิจฺจํ สาเธติ นิจฺจสฺาทิปชหนโต. มนสิกาโร สมฺมสนสมฺปยุตฺโต, โส ตตฺเถว อนิจฺจาทิมนสิการกิจฺจํ มคฺคสมฺปยุตฺโต สาเธตีติ อาห ‘‘สมฺมสนมนสิการา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา’’ติ. ‘‘อิมินา ¶ ปจฺจเยนิทํ โหตี’’ติ เอวํ อวิชฺชาทีนํ สงฺขาราทิปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยภาวชานนํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสลตา.
อธิวาสนํ ขมนํ. ตฺหิ ปเรสํ ทุกฺกฏํ ทุรุตฺตฺจ ปฏิวิโรธากรเณน อตฺตโน อุปริ อาโรเปตฺวา วาสนํ ‘‘อธิวาสน’’นฺติ วุจฺจติ. อจณฺฑิกฺกนฺติ อกุชฺฌนํ. โทมนสฺสวเสน ปเรสํ อกฺขีสุ อสฺสูนํ อนุปฺปาทนา อนสฺสุโรโป. อตฺตมนตาติ สกมนตา. จิตฺตสฺส อพฺยาปนฺโน สโก มโนภาโว อตฺตมนตา. จิตฺตนฺติ วา จิตฺตปฺปพนฺธํ เอกตฺเตน คเหตฺวา ตสฺส อนฺตรา อุปฺปนฺเนน ปีติสหคตมเนน สกมนตา. อตฺตมโน วา ปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว อตฺตมนตา, สา น สตฺตสฺสาติ ปุคฺคลทิฏฺินิวารณตฺถํ ‘‘จิตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. อธิวาสนลกฺขณา ขนฺติ อธิวาสนขนฺติ. สุจิสีลตา โสรจฺจํ. สา หิ โสภนกมฺมรตตา. สุฏฺุ ปาปโต โอรตภาโว วิรตตา โสรจฺจํ. เตนาห ‘‘สุรตภาโว’’ติ.
สขิโล วุจฺจติ สณฺหวาโจ, ตสฺส ภาโว สาขลฺยํ, สณฺหวาจตา. ตํ ปน พฺยติเรกมุเขน วิภาเวนฺตี ยา ปาฬิ ปวตฺตา, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ กตมํ สาขลฺย’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อณฺฑกาติ สโทสวเณ รุกฺเข นิยฺยาสปิณฺฑิโย, อหิจฺฉตฺตกาทีนิ วา อุฏฺิตานิ ‘‘อณฺฑกานี’’ติ วทนฺติ ¶ . เผคฺคุรุกฺขสฺส ปน กุถิตสฺส อณฺฑานิ วิย อุฏฺิตา จุณฺณปิณฺฑิโย, คณฺิโย วา อณฺฑกา. อิธ ปน พฺยาปชฺชนกกฺกสาทิภาวโต ¶ อณฺฑกปกติภาเวน ¶ วาจา ‘‘อณฺฑกา’’ติ วุตฺตา. ปทุมนาฬํ วิย โสตํ ฆํสยมานา ปวิสนฺตี กกฺกสา ทฏฺพฺพา. โกเธน นิพฺพตฺตตฺตา ตสฺส ปริวารภูตา โกธสามนฺตา. ปุเร สํวทฺธนารี โปรี, สา วิย สุกุมารา มุทุกา วาจา โปรี วิยาติ โปรี. ตตฺถาติ ‘‘ภาสิตา โหตี’’ติ วุตฺตาย กิริยายาติปิ โยชนา สมฺภวติ, ตตฺถ วาจายาติ วา. ‘‘สณฺหวาจตา’’ติอาทินา ตํ วาจํ ปวตฺตยมานํ เจตนํ ทสฺเสติ. สมฺโมทกสฺส ปุคฺคลสฺส มุทุกภาโว มทฺทวํ สมฺโมทกมุทุกภาโว. อามิเสน อลพฺภมาเนน, ตถา ธมฺเมน จาติ ทฺวีหิ ฉิทฺโท. อามิสสฺส, ธมฺมสฺส จ อลาเภน อตฺตโน ปรสฺส จ อนฺตเร สมฺภวนฺตสฺส หิ ฉิทฺทสฺส วิวรสฺส เภทสฺส ปฏิสนฺถรณํ ปิทหนํ สงฺคณฺหนํ ปฏิสนฺถาโร. ตํ สรูปโต, ปฏิปตฺติโต จ ปาฬิทสฺสนมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘อภิธมฺเมปี’’ติอาทิมาห. อคฺคํ อคฺคเหตฺวาติ อคฺคํ อตฺตโน อคฺคเหตฺวา. อุทฺเทสทานนฺติ ปาฬิยา, อฏฺกถาย จ อุทฺทิสนํ. ปาฬิวณฺณนาติ ปาฬิยา อตฺถวณฺณนา. ธมฺมกถากถนนฺติ สรภฺสรภณนาทิวเสน ธมฺมกถนํ.
กรุณาติ กรุณาพฺรหฺมวิหารมาห. กรุณาปุพฺพภาโคติ ตสฺส ปุพฺพภาคอุปจารชฺฌานํ วทติ. ปาฬิปเท ปน ยา กาจิ กรุณา ‘‘กรุณา’’ติ วุตฺตา, กรุณาเจโตวิมุตฺตีติ ปน อปฺปนาปฺปตฺตาว. เมตฺตายปิ เอเสว นโย. สุจิ-สทฺทโต ภาเว ยฺย-การํ, อิ-การสฺส จ เอ-การาเทสํ กตฺวา อยํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘โสเจยฺยนฺติ สุจิภาโว’’ติ. โหตุ ตาว สุจิภาโว โสเจยฺยํ, ตสฺส ปน เมตฺตาปุพฺพภาคตา กถนฺติ อาห ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ.
มุฏฺา สติ เอตสฺสาติ มุฏฺสฺสติ, ตสฺส ภาโว มุฏฺสฺสจฺจํ, สติปฏิปกฺโข ธมฺโม, น สติยา อภาวมตฺตํ ¶ . ยสฺมา ปฏิปกฺเข สติ ตสฺส วเสน สติวิคตา วิปฺปวุตฺถา นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สติวิปฺปวาโส’’ติ. ‘‘อสฺสตี’’ติอาทีสุ อ-กาโร ปฏิปกฺเข ทฏฺพฺโพ, น สตฺตปฏิเสเธ. อุทเก ลาพุ วิย เยน จิตฺตํ อารมฺมเณ ปิลวนฺตา วิย ติฏฺติ, น โอคาหติ, สา ปิลาปนตา. เยน คหิตมฺปิ อารมฺมณํ สมฺมุสฺสติ น ¶ สรติ, สา สมฺมุสฺสนตา. ยถา วิชฺชาปฏิปกฺขา อวิชฺชา วิชฺชาย ปหาตพฺพโต, เอวํ สมฺปชฺปฏิปกฺขํ อสมฺปชฺํ, อวิชฺชาเยว.
อินฺทฺริยสํวรเภโทติ อินฺทฺริยสํวรวินาโส. อปฺปฏิสงฺขาติ อปจฺจเวกฺขิตฺวา อโยนิโส จ อาหารปริโภเค อาทีนวานิสํเส อวีมํสิตฺวา.
อปฺปฏิสงฺขายาติ อิติกตฺตพฺพตาสุ อปฺปจฺจเวกฺขณาย นามํ. อฺาณํ อปฺปฏิสงฺขาต นิมิตฺตํ ¶ . อกมฺปนาณนฺติ ตาย อนภิภวนียํ าณํ, ตตฺถ ตตฺถ ปจฺจเวกฺขณาาณฺเจว ปจฺจเวกฺขณาย มุทฺธภูตํ โลกุตฺตราณฺจ. นิปฺปริยายโต มคฺคภาวนา ภาวนา นาม, ยา จ ตทตฺถา, ตทุภยฺจ ภาเวนฺตสฺเสว อิจฺฉิตพฺพํ, น ภาวิตภาวนสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘ภาเวนฺตสฺส อุปฺปนฺนํ พล’’นฺติ. เตนาห ‘‘ยา กุสลานํ ธมฺมานํ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกมฺม’’นฺติ.
กามํ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาโวปิ พลฏฺโ เอว, ปฏิปกฺเขหิ ปน อกมฺปนียตา สาติสยํ พลฏฺโติ วุตฺตํ ‘‘อสฺสติยา อกมฺปนวเสนา’’ติ. ปจฺจนีกธมฺมสมนโต สมโถ สมาธิ. อนิจฺจาทินา วิวิเธนากาเรน ทสฺสนโต วิปสฺสนา ปฺา ¶ . ตํ อาการํ คเหตฺวาติ สมาธานาการํ คเหตฺวา. เยนากาเรน ปุพฺเพ อลีนํ อนุทฺธตํ มชฺฌิมํ ภาวนาวีถิปฏิปนฺนํ หุตฺวา จิตฺตํ สมาหิตํ โหติ, ตํ อาการํ คเหตฺวา สลฺลกฺเขตฺวา. นิมิตฺตวเสนาติ การณวเสน. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ปคฺคโหว ตํ อาการํ คเหตฺวา ปุน ปวตฺเตตพฺพสฺส ปคฺคาหสฺส นิมิตฺตวเสน ปคฺคาหนิมิตฺตนฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติ, ตสฺสตฺโถ สมเถ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺโพ. ปคฺคาโห วีริยํ โกสชฺชปกฺขโต จิตฺตสฺส ปติตุํ อทตฺวา ปคฺคณฺหนโต. อวิกฺเขโป เอกคฺคตา วิกฺเขปสฺส อุทฺธจฺจสฺส ปฏิปกฺขภาวโต. ปฏิสงฺขานกิจฺจนิพฺพตฺติภาวโต โลกุตฺตรธมฺมานํ ปฏิสงฺขานพลภาโว, ตถา ปุพฺเพ ปวตฺตาการสลฺลกฺขณวเสน สมถปคฺคาหานํ อุปริ ปวตฺติสพฺภาวโต สมถนิมิตฺตทุกสฺสปิ มิสฺสกตา วุตฺตา.
ยถาสมาทินฺนสฺส สีลสฺส เภทกโร วีติกฺกโม. สีลวินาสโก อสํวโร. สมฺมาทิฏฺิวินาสิกาติ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๔๑; ๒.๙๔; วิภ. ๗๙๓) นยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฏฺิยา ทูสิกา.
สีลสฺส ¶ สมฺปาทนํ นาม สพฺพภาคโต ตสฺส อนูนตาปาทนนฺติ อาห ‘‘สมฺปาทนโต ปริปูรณโต’’ติ. ปาริปูรตฺโถ หิ สมฺปทา-สทฺโทติ. มานสิกสีลํ นาม สีลวิโสธนวเสน อภิชฺฌาทิปฺปหานํ. ทิฏฺิปาริปูริภูตํ าณนฺติ อตฺถิกทิฏฺิอาทิสมฺมาทิฏฺิยา ปาริปูริภาเวน ปวตฺตํ าณํ.
วิสุทฺธึ ¶ ปาเปตุํ สมตฺถนฺติ จิตฺตวิสุทฺธิอาทิอุปริวิสุทฺธิยา ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ. สุวิสุทฺธเมว หิ สีลํ ตสฺสา ปทฏฺานํ โหตีติ. วิสุทฺธึ ปาเปตุํ สมตฺถํ ทสฺสนนฺติ าณทสฺสนวิสุทฺธึ, ปรมตฺถวิสุทฺธินิพฺพานฺจ ปาเปตุํ อุปเนตุํ สมตฺถํ กมฺมสฺสกตาาณาทิสมฺมาทสฺสนํ ¶ . เตนาห ‘‘อภิธมฺเม’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ‘‘อิทํ อกุสลํ กมฺมํ โน สกํ, อิทํ ปน กมฺมํ สก’’นฺติ เอวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ กมฺมสฺสกตาชานนาณํ กมฺมสฺสกตาาณํ. เตนาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. ‘‘ปเรน กตมฺปี’’ติ อิทํ นิทสฺสนวเสน วุตฺตํ ยถา ปเรน กตํ, เอวํ อตฺตนา กตมฺปิ สกกมฺมํ นาม น โหตีติ. อตฺตนา วา อุสฺสาหิเตน ปเรน กตํปีติ เอวํ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยฺหิ ตํ ปรสฺส อุสฺสาหนวเสน กตํ, ตมฺปิ สกกมฺมํ นาม โหตีติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย. อตฺถภฺชนโตติ ทิฏฺธมฺมิกาทิสพฺพอตฺถวินาสนโต. อตฺถชนนโตติ อิธโลกตฺถปรโลกตฺถปรมตฺถานํ อุปฺปาทนโต. อารพฺภกาเล ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ปวตฺตมฺปิ วจีสจฺจฺจ ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌนฺตํ วิปสฺสนาาณํ อนุโลเมติ ตตฺเถว ปฏิวิชฺฌนโต. ปรมตฺถสจฺจฺจ นิพฺพานํ น วิโลเมติ น วิโรเธติ เอกนฺเตเนว สมฺปาปนโต.
าณทสฺสนนฺติ าณภูตํ ทสฺสนํ, เตน มคฺคํ วทติ. ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริยนฺติ ปมมคฺคสมฺปยุตฺตํ วีริยมาห. สพฺพาปิ มคฺคปฺา ทิฏฺิวิสุทฺธิเยวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยเมว จ นโย อภิธมฺมปาฬิยา (ธ. ส. ๕๕๐) สเมตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อภิธมฺเม ปนา’’ติ อาทึ อโวจ.
ยสฺมา สํเวโค นาม สโหตฺตปฺปาณํ, ตสฺมา สํเวควตฺถุํ ภยโต ภายิตพฺพโต ทสฺสนวเสน ปวตฺตาณํ ¶ . เตนาห ‘‘ชาติภย’’นฺติอาทิ. ภายนฺติ เอตสฺมาติ ภยํ, ชาติ เอว ภยํ ชาติภยํ. สํเวชนียนฺติ สํวิชฺชิตพฺพํ ภายิตพฺพํ อุตฺตาสิตพฺพํ. านนฺติ การณํ, วตฺถูติ อตฺโถ ¶ . สํเวคชาตสฺสาติ อุปฺปนฺนสํเวคสฺส. อุปายปธานนฺติ อุปาเยน ปวตฺเตตพฺพํ วีริยํ.
กุสลานํ ธมฺมานนฺติ สีลาทีนํ อนวชฺชธมฺมานํ. ภาวนายาติ อุปฺปาทเนน วฑฺฒเนน จ. อสนฺตุฏฺสฺสาติ ‘‘อลํ เอตฺตาวตา, กถํ เอตฺตาวตา’’ติ สงฺโกจาปตฺติวเสน น สนฺตุฏฺสฺส. ภิยฺโยกมฺยตาติ ภิยฺโย ภิยฺโย อุปฺปาทนิจฺฉา. โวสานนฺติ สงฺโกจํ อสมตฺถนฺติ. ตุสฺสนํ ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ, นตฺถิ เอตสฺส สนฺตุฏฺีติ อสนฺตุฏฺิ, ตสฺส ภาโว อสนฺตุฏฺิตา. วีริยปฺปวาเห วตฺตมาเน อนฺตรา เอว ปฏิคมนํ นิวตฺตนํ ปฏิวานํ, ตํ ตสฺส อตฺถีติ ปฏิวานี, น ปฏิวานี อปฺปฏิวานี, ตสฺส ภาโว อปฺปฏิวานิตา. สกฺกจฺจกิริยตาติ กุสลานํ กรเณ สกฺกจฺจกิริยตา อาทรกิริยตา. สาตจฺจกิริยตาติ สตตเมว กรณํ. อฏฺิตกิริยตาติ อนฺตรา อฏฺเปตฺวา ขณฺฑํ อกตฺวา กรณํ. อโนลีนวุตฺติตาติ น ลีนปฺปวตฺติตา. อนิกฺขิตฺตฉนฺทตาติ กุสลจฺฉนฺทสฺส อนิกฺขิปนํ. อนิกฺขิตฺตธุรตาติ กุสลกรเณ วีริยธุรสฺส ¶ อนิกฺขิปนํ. อาเสวนาติ อาทเรน เสวนา. ภาวนาติ วฑฺฒนา พฺรูหนา. พหุลีกมฺมนฺติ ปุนปฺปุนํ กรณํ.
ติสฺโส วิชฺชาติ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ, ทิพฺพจกฺขุาณํ อาสวกฺขยาณนฺติ อิมา ติสฺโส วิชฺชา. ปฏิปกฺขวิชฺฌนฏฺเน ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธาทีนํ วิทิตกรณฏฺเน วิสิฏฺา มุตฺตีติ วิมุตฺติ. สฺวายํ วิเสโส ปฏิปกฺขวิคมเนน, ปฏิโยคิวิคมเนน จ อิจฺฉิตพฺโพติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เยน วิเสเสน สมาปตฺติโย ปจฺจนีกธมฺเมหิ ¶ สุฏฺุ มุตฺตา, ตโต นิราสงฺกตาย อารมฺมเณ จ อภิรตา, ตํ วิเสสํ อุปาทาย ตา อธิกํ มุจฺจนโต, อารมฺมเณ อธิมุจฺจนโต จ อธิมุตฺติโย นามาติ วุตฺตํ ‘‘จิตฺตสฺส จ อธิมุตฺตี’’ติ. มุตฺตตฺตาติ สพฺพสงฺขาเรหิ วิเสเสน นิสฺสฏตฺตา วิมุตฺติ.
ขเย าณนฺติ สมุจฺเฉทวเสน กิเลเส เขเปตีติ ขโย, อริยมคฺโค, ตปฺปริยาปนฺนํ าณํ ขเย าณํ.ปฏิสนฺธิวเสนาติ กิเลสานํ ตํตํมคฺควชฺฌานํ อุปฺปนฺนมคฺเค ขนฺธสนฺตาเน ปุน สนฺทหนวเสน. อนุปฺปาทภูเตติ ตํตํผเล. อนุปฺปาทปริโยสาเนติ อนุปฺปาทกโร มคฺโค อนุปฺปาโท, ตสฺส ปริโยสาเน, กิเลสานํ วา อนุปฺปชฺชนสงฺขาเต ปริโยสาเน, ภงฺเคติ อตฺโถติ.
ทุกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ติกวณฺณนา
๓๐๕. ธมฺมโต ¶ อฺโ กตฺตา นตฺถีติ ทสฺเสตุํ กตฺตุสาธนวเสน ‘‘ลุพฺภตีติ โลโภ’’ติ วุตฺตํ. ลุพฺภติ เตน, ลุพฺภนมตฺตเมตนฺติ กรณภาวสาธนวเสนปิ อตฺโถ ยุชฺชเตว. ทุสฺสติ มุยฺหตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อกุสลฺจ ตํ อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน เอกนฺตากุสลภาวโต มูลฺจ อตฺตนา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนโต, น อกุสลภาวสาธนโต. น หิ มูลกโต อกุสลานํ อกุสลภาโว, กุสลาทีนฺจ กุสลาทิภาโว. ตถา สติ โมมูหจิตฺตทฺวเย โมหสฺส อกุสลภาโว น สิยา. เตสนฺติ โลภาทีนํ. ‘‘น ลุพฺภตีติ อโลโภ’’ติอาทินา ปฏิปกฺขนเยน.
ทุฏฺุ ¶ จริตานีติ ปจฺจยโต, สมฺปยุตฺตธมฺมโต, ปวตฺติอาการโต ¶ จ น สุฏฺุ อสมฺมา ปวตฺติตานิ. วิรูปานีติ พีภจฺฉานิ สมฺปติ, อายติฺจ อนิฏฺรูปตฺตา. กาเยนาติ กายทฺวาเรน กรณภูเตน. กายโตติ กายทฺวารโต. ‘‘สุฏฺุ จริตานี’’ติอาทีสุ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยสฺส สิกฺขาปทสฺส วีติกฺกเม กายสมุฏฺานา อาปตฺติ โหติ, ตํ กายทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทํ. อวีติกฺกโม กายสุจริตนฺติ วาริตฺตสีลสฺส วเสน วทติ, จาริตฺตสีลสฺสปิ วา, ยสฺส อกรเณ อาปตฺติ โหติ. วจีทุจฺจริตสุจริตนิทฺธารณมฺปิ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. อุภยตฺถ ปฺตฺตสฺสาติ กายทฺวาเร, วจีทฺวาเร จ ปฺตฺตสฺส. สิกฺขาปทสฺส วีติกฺกโมว มโนทุจฺจริตํ มโนทฺวาเร ปฺตฺตสฺส สิกฺขาปทสฺส อภาวโต, ตยิทํ ทฺวารทฺวเย อกิริยสมุฏฺานาย อาปตฺติยา วเสน เวทิตพฺพํ. อวีติกฺกโมติ ยถาวุตฺตาย อาปตฺติยา อวีติกฺกโม มโนสุจริตํ. ‘‘สพฺพสฺสาปิ สิกฺขาปทสฺส อวีติกฺกโม มโนสุจริต’’นฺติ เกจิ. ตทุภยฺหิ จาริตฺตสีลํ อุทฺทิสฺสปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ, ตสฺส อวีติกฺกโม สิยา กายสุจริตํ, สิยา วจีสุจริตนฺติ.
ปาโณ อติปาตียติ เอตายาติ ปาณาติปาโต, ตถาปวตฺตา เจตนา, เอวํ อทินฺนาทานาทโยปีติ อาห ‘‘ปาณาติปาตาทโย ปน ติสฺโส เจตนา’’ติ. วจีทฺวาเรปิ อุปฺปนฺนา กายทุจฺจริตํ ¶ ทฺวารนฺตเร อุปฺปนฺนสฺสาปิ กมฺมสฺส สนามาปริจฺจาคโต เยภุยฺยวุตฺติยา, ตพฺพหุลวุตฺติยา จ. เตนาหุ อฏฺกถาจริยา –
‘‘ทฺวาเร จรนฺติ กมฺมานิ, น ทฺวารา ทฺวารจาริโน;
ตสฺมา ทฺวาเรหิ กมฺมานิ, อฺมฺํ ววตฺถิตา’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. กามาวจรกุสลทฺวารกถา);
วจีทุจฺจริตํ กายทฺวาเรปิ วจีทฺวาเรปิ อุปฺปนฺนาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมาติ มโนกมฺมภูตาย เจตนาย สมฺปยุตฺตธมฺมา. กายวจีกมฺมภูตาย ปน เจตนาย สมฺปยุตฺตา อภิชฺฌาทโย ตํ ตํ ปกฺขิกา วา โหนฺติ อพฺโพหาริกา วาติ. เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา มโนสุจริตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ติวิธสฺส ¶ ทุจฺจริตสฺส อกรณวเสน ปวตฺตา ติสฺโส เจตนาปิ วิรติโยปิ กายสุจริตํ กายิกสฺส วีติกฺกมสฺส อกรณวเสน ปวตฺตนโต, กาเยน ปน สิกฺขาปทานํ สมาทิยเน สีลสฺส กายสุจริตภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เอเสว นโย วจีสุจริเต.
กามปฏิสํยุตฺโตติ ¶ เอตฺถ ทฺเว กามา วตฺถุกาโม จ กิเลสกาโม จ. ตตฺถ วตฺถุกามปกฺเข อารมฺมณกรณวเสน กาเมหิ ปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก กามวิตกฺโก. กิเลสกามปกฺเข ปน สมฺปโยควเสน กาเมน ปฏิสํยุตฺโตติ โยเชตพฺพํ. ‘‘พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต’’ติอาทีสุ สมฺปโยควเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. พฺยาปาทวตฺถุปฏิสํยุตฺโตปิ พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโตติ คยฺหมาเน อุภยถาปิ โยชนา ลพฺภเตว. วิหึสาปฏิสํยุตฺโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. วิหึสนฺติ เอตาย สตฺเต, วิหึสนํ วา เอสา สตฺตานนฺติ วิหึสา, ตาย ปฏิสํยุตฺโต วิหึสาปฏิสํยุตฺโตติ เอวํ สทฺทตฺโถ เวทิตพฺโพ. อปฺปิเย อมนาเป สงฺขาเร อารพฺภ พฺยาปาทวิตกฺกปฺปวตฺติ อฏฺานาฆาตวเสน ทีเปตพฺพา. พฺยาปาทวิตกฺกสฺส อวธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาว วินาสนา’’ติ วุตฺตํ. วินาสนํ ปน ปาณาติปาโต เอวาติ. ‘‘สงฺขาโร’’ หิ ทุกฺขาเปตพฺโพ นาม นตฺถี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เย ‘‘ทุกฺขาเปตพฺพา’’ติ อิจฺฉิตา สตฺตสฺิตา, เตปิ อตฺถโต สงฺขารา เอวาติ? สจฺจเมตํ, เย ปน อินฺทฺริยพทฺธา สวิฺาณกตาย ทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺติ, ตสฺมา เต วิหึสาวิตกฺกสฺส วิสยา อิจฺฉิตา สตฺตสฺิตา. เย ปน น ทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺติ ¶ วุตฺตลกฺขณาโยคโต, เต สนฺธาย ‘‘วิหึสาวิตกฺโก สงฺขาเรสุ นุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. ยตฺถ ปน อุปฺปชฺชติ, ยถา จ อุปฺปชฺชติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเม สตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
เนกฺขมฺมํ วุจฺจติ โลภโต นิกฺขนฺตตฺตา อโลโภ, นีวรเณหิ นิกฺขนฺตตฺตาปิ ปมชฺฌานํ, สพฺพากุสเลหิ นิกฺขนฺตตฺตา สพฺโพ กุสโล ธมฺโม, สพฺพสงฺขเตหิ ปน ¶ นิกฺขนฺตตฺตา, นิพฺพานํ. อุปนิสฺสยโต, สมฺปโยคโต, อารมฺมณกรณโต จ เนกฺขมฺเมน ปฏิสํยุตฺโตติ เนกฺขมฺมปฏิสํยุตฺโต. เนกฺขมฺมวิตกฺโก สมฺมาสงฺกปฺโป. อิทานิ ตํ ภูมิวิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘โส’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสุภปุพฺพภาเคติ อสุภชฺฌานสฺส ปุพฺพภาเค. อสุภคฺคหณฺเจตฺถ กามวิตกฺกสฺส อุชุวิปจฺจนีกทสฺสนตฺถํ กตํ. กามวิตกฺกปฏิปกฺโข หิ เนกฺขมฺมวิตกฺโกติ. เอวฺจ กตฺวา อุปริวิตกฺกทฺวยสฺส ภูมึ ทสฺเสนฺเตน สปุพฺพภาคานิ เมตฺตากรุณาฌานาทีนิ อุทฺธฏานิ. อสุภชฺฌาเนติ อสุภารมฺมเณ ปมชฺฌาเน. อวยเว หิ สมุทายโวหารํ กตฺวา นิทฺทิสติ ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา’’ติ. ฌานํ ปาทกํ กตฺวาติ นิทสฺสนมตฺตํ. ตํ ฌานํ สมฺมสิตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเลปิ หิ โส โลกุตฺตโรติ. พฺยาปาทสฺส ปฏิปกฺโข, กิฺจิปิ น พฺยาปาเทติ เอเตนาติ วา อพฺยาปาโท, เมตฺตา, ตาย ปฏิสํยุตฺโต อพฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต. เมตฺตาฌาเนติ เมตฺตาภาวนาวเสน อธิคเต ปมชฺฌาเน. กรุณาฌาเนติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. วิหึสาย ปฏิปกฺโข, น วิหึสนฺติ วา เอตาย สตฺเตติ อวิหึสา, กรุณา.
นนุ ¶ จ อโลภาโทสานํ อฺมฺาวิรหโต เตสํ วเสน อุปฺปชฺชนกานํ อิเมสํ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทีนํ อฺมฺํ อสงฺกรณโต ววตฺถานํ น โหตีติ? โนติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยทา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อโลโภ สีสํ โหตีติ อโลโภ ปธาโน โหติ. นิยมิตปริณตสมุทาจาราทิวเสน ยทา อโลภปฺปธาโน เนกฺขมฺมครุโก จิตฺตุปฺปาโท โหติ, ตทา ลทฺธาวสโร เนกฺขมฺมวิตกฺโก ปติฏฺหติ. ตํสมฺปยุตฺตสฺส ปน อโทสลกฺขณสฺส อพฺยาปาทสฺส วเสน โย ตสฺเสว อพฺยาปาทวิตกฺกภาโว สมฺภเวยฺย, สติ จ อพฺยาปาทวิตกฺกภาเว กสฺสจิปิ อวิเหนชาติกตาย อวิหึสาวิตกฺกภาโว ¶ จ สมฺภเวยฺย, เต อิตเร ทฺเว. ตทนฺวยิกาติ ตสฺเสว เนกฺขมฺมวิตกฺกสฺส อนุคามิโน, สรูปโต อทิสฺสนโต ‘‘ตสฺมึ สติ โหนฺติ ¶ , อสติ น โหนฺตี’’ติ ตทนุมานเนยฺยา ภวนฺติ. เสสทฺวเยปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘กามปฏิสํยุตฺโต สงฺกปฺโป กามสงฺกปฺโป’’ติอาทินา วิตกฺกตฺติเก วุตฺตนเยเนว (ที. นิ. ๓.๒๘๘) เวทิตพฺโพ อตฺถโต อภินฺนตฺตา. ยทิ เอวํ กสฺมา ปุน เทสนา กตาติ? ตถา เทสนาย พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสยวเสน เทสนามตฺตเมเวตํ.
กามวิตกฺกาทีนํ วิย อุปฺปชฺชนากาโร เวทิตพฺโพ ‘‘ตาสุ ทฺเว สตฺเตสุปิ สงฺขาเรสุปิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทินา. ตตฺถ การณมาห ‘‘ตํสมฺปยุตฺตาเยว หิ เอตา’’ติ. ตเถวาติ ยถา เนกฺขมฺมวิตกฺกาทีนํ ‘‘อสุภปุพฺพภาเค กามาวจโร โหตี’’ติอาทินา กามาวจราทิภาโว วุตฺโต, ตเถว ตาสมฺปิ เนกฺขมฺมสฺาทีนมฺปิ กามาวจราทิภาโว เวทิตพฺโพ.
กามปฏิสํยุตฺโตติ สมฺปโยควเสน กาเมน ปฏิสํยุตฺโต. ตกฺกนวเสน ตกฺโก. วิเสสโต ตกฺกนวเสน วิตกฺโก. สงฺกปฺปนปริกปฺปนวเสน สงฺกปฺโป. อฺเสุปิ กามปฏิสํยุตฺเตสุ ธมฺเมสุ วิชฺชมาเนสุ วิตกฺเก เอว กาโมปปโท ธาตุ-สทฺโท นิรุฬฺโห เวทิตพฺโพ วิตกฺกสฺส กามสงฺกปฺปปฺปวตฺติยา สาติสยตฺตา. เอส นโย พฺยาปาทธาตุอาทีสุ. สพฺเพปิ อกุสลา ธมฺมา กามธาตู หีนชฺฌาสเยหิ กามิตพฺพธาตุภาวโต กิเลสกามสฺส อารมฺมณสภาวตฺตาติ อตฺโถ. วิเหเตีติ วิพาธติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ยถาวุตฺเต กามธาตุตฺติเก. สพฺพากุสลสงฺคาหิกาย กามธาตุยา อิตรา ทฺเว สงฺคเหตฺวา กถนํ สพฺพสงฺคาหิกา กถา. ติสฺโส ธาตุโย อฺมฺํ อสงฺกรโต กถา อสมฺภินฺนา. อิตรา ทฺเว คหิตาว โหนฺตีติ อิตรา ทฺเว ธาตุโย คหิตา เอว โหนฺติ สพฺเพปิ อกุสลา ¶ ธมฺมา กามธาตู’’ติ วุตฺตตฺตา สามฺโชตนาย สวิสยสฺส อติพฺยาปเนน. ตโตติ อิตรธาตุทฺวยสงฺคาหิกาย กามธาตุยา. นีหริตฺวาติ นิทฺธาเรตฺวา. ทสฺเสตีติ เอวํ ภควา ทสฺเสตีติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. พฺยาปาทธาตุํ…เป… กเถสิ. กสฺมา? ปเคว ¶ อปวาทา อภินิวิสนฺติ, ตโต ปรํ อุสฺสคฺโค ปวตฺตติ, เปตฺวา วา อปวาทวิสยํ ตํ ปริหรนฺโตว อุสฺสคฺโค ปวตฺตตีติ, าโย เหส โลเก นิรุฬฺโหติ.
ทฺเว ¶ กถาติ ‘‘สพฺพสงฺคาหิกา, อสมฺภินฺนา จา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕) อนนฺตรตฺติเก วุตฺตา ทฺเว กถา. ตตฺถ วุตฺตนเยน อาเนตฺวา กถนวเสน เวทิตพฺพา. ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตอตฺโถ อิธาปิ อาหริตฺวา เวทิตพฺโพ ‘‘เนกฺขมฺมธาตุยา คหิตาย อิตรา ทฺเว คหิตาว โหนฺตี’’ติอาทินา.
สฺุตฏฺเนาติ อตฺตสฺุตาย. กามภโว กาโม อุตฺตรปทโลเปน สฺุตฏฺเน ธาตุ จาติ กามธาตุ. พฺรหฺมโลกนฺติ ปมชฺฌานภูมิสฺิตํ พฺรหฺมโลกํ. ธาตุยา อาคตฏฺานมฺหีติ ‘‘กามธาตุ รูปธาตู’’ติอาทินา ธาตุคฺคหเณ กเต. ภเวน ปริจฺฉินฺทิตพฺพาติ ‘‘กามภโว รูปภโว’’ติอาทินา ภววเสน ตทตฺโถ ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ, น ยาย กายจิ ธาตุยา วเสน. ยทคฺเคน จ ธาตุยา อาคตฏฺาเน ภเวน ปริจฺเฉโท กาตพฺโพ, ตทคฺเคน ภวสฺส อาคตฏฺาเน ธาตุยา ปริจฺเฉโท กาตพฺโพ ภววเสน ธาตุยา ปริจฺฉิชฺชนโต. นิรุชฺฌติ กิเลสวฏฺฏเมตฺถาติ นิโรโธ, สา เอว สฺุตฏฺเน ธาตูติ นิโรธธาตุ, นิพฺพานํ. นิรุทฺเธ จ กิเลสวฏฺเฏ กมฺมวิปากวฏฺฏา นิรุทฺธา เอว โหนฺติ.
หีนธาตุตฺติโก อภิธมฺเม (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๔) หีนตฺติเกน ปริจฺฉินฺทิตพฺโพติ วุตฺตํ ‘‘หีนา ธาตูติ ทฺวาทส อกุสลจิตฺตุปฺปาทา’’ติ. เต หิ ลามกฏฺเน หีนธาตุ. หีนปณีตานํ มชฺเฌ ภวาติ มชฺฌิมธาตุ, อวเสสา เตภูมกธมฺมา. อุตฺตมฏฺเน อตปฺปกฏฺเน ¶ จ ปณีตธาตุ, นวโลกุตฺตรธมฺมา.
ปฺจกามคุณา วิสยภูตา เอตสฺส สนฺตีติ ปฺจกามคุณิโก, กามราโค. รูปารูปภเวสูติ รูปารูปูปปตฺติภเวสุ ยถาธิคเตสุ. อนธิคเตสุ ปน โส ปตฺถนา นาม น โหตีติ ภววเสน ปตฺถนาติ อิมินาว คหิโต. ฌานนิกนฺตีติ รูปารูปชฺฌาเนสุ นิกนฺติ. ภววเสน ปตฺถนาติ ภเวสุ ปตฺถนาติ. เอวํ จตูหิปิ ปเทหิ ยถากฺกมํ มหคฺคตูปปตฺติภววิสยา, มหคฺคตกมฺมภววิสยา, ภวทิฏฺิสหคตา, ภวปตฺถนาภูตา จ ตณฺหา ‘‘ภวตณฺหา’’ติ วุตฺตา. วิภวทิฏฺิ วิภโว อุตฺตรปทโลเปน, วิภวสหคตา ตณฺหา วิภวตณฺหา. รูปาทิปฺจวตฺถุ กามวิสยา พลวราคภูตา ตณฺหา กามตณฺหาติ ปมนโย, ‘‘สพฺเพปิ ¶ เตภูมกธมฺมา ¶ กามนียฏฺเน กามา’’ติ (มหานิ. ๑) วจนโต เต อารพฺภ ปวตฺตา ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตา สพฺพาปิ ตณฺหา กามตณฺหาติ ทุติยนโยติ อยเมเตสํ วิเสโส.
อภิธมฺเม ปนาติ ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโน, เตน ปฺจกามคุณิกราคโต อฺโปิ กามาวจรธมฺมวิสโย โลโภ อภิธมฺเม (วิภ. ๙๑๕) ‘‘กามตณฺหา’’ติ อาคโตติ อิมํ วิเสสํ โชเตติ. ติกนฺตรมฺปิ สมานํ ตณฺหํเยว นิสฺสาย ปวตฺติตเทสนานนฺตรตาย ตํ ‘‘วาโร’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ ‘‘อิมินา วาเรนา’’ติ วุตฺตํ. อิมินา วาเรนาติ อิมินา ปริยาเยนาติ อตฺโถ. รชนียฏฺเนาติ กามนียฏฺเน. ปริยาทิยิตฺวาติ ปริคฺคเหตฺวา. ตโตติ กามตณฺหาย. นีหริตฺวาติ นิทฺธาเรตฺวา. อิตรา ทฺเว ตณฺหาติ รูปตณฺหํ, อรูปตณฺหฺจ ทสฺเสติ. เอเตน ‘‘กามตณฺหา’’ติ สาธารณวจนเมตํ สพฺพสฺสปิ โลภสฺส, ตสฺส ปน ‘‘รูปตณฺหา ¶ อรูปตณฺหา’’ติ วิเสสวจนํ ยถา กามคุณิกราโค รูปราโค อรูปราโคติ ทสฺเสติ. นิโรธตณฺหาติ ภวนิโรเธ ภวสมุจฺเฉเท ตณฺหา. ยสฺมา หิ อุจฺเฉททิฏฺิ มนุสฺสตฺตภาเว, กามาวจรเทวตฺตภาเว, รูปาวจรอรูปาวจรตฺตภาเว ิตสฺส อตฺตโน สมฺมา สมุจฺเฉโท โหตีติ ภวนิโรธํ อารพฺภ ปวตฺตติ, ตสฺมา ตํสหคตาปิ ตณฺหา ตเมว อารพฺภ ปวตฺตตีติ.
วฏฺฏสฺมินฺติ ติวิเธปิ วฏฺเฏ. ยถา เต หิ นิสฺสริตุํ อปฺปทานวเสน กมฺมวิปากวฏฺเฏ ตํสมงฺคิสตฺตํ เตสํ ปราปรุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาเวน สํโยเชนฺติ, เอวํ กิเลสวฏฺเฏปีติ. สตีติ ปรมตฺถโต วิชฺชมาเน. รูปาทิเภเทติ รูปเวทนาทิวิภาเค. กาเยติ ขนฺธสมูเห. วิชฺชมานาติ สตี ปรมตฺถโต อุปลพฺภมานา. ทิฏฺิยา ปริกปฺปิโต หิ อตฺตาทิ ปรมตฺถโต นตฺถิ, ทิฏฺิ ปน อยํ อตฺเถวาติ. วิจินนฺโตติ ธมฺมสภาวํ วีมํสนฺโต. กิจฺฉตีติ กิลมติ. ปรามสตีติ ปรโต อามสติ. ‘‘สีเลน สุทฺธิ, วเตน สุทฺธี’’ติ คณฺหนฺโต หิ วิสุทฺธิมคฺคํ อติกฺกมิตฺวา ตสฺส ปรโต อามสติ นาม. วีสติวตฺถุกา ทิฏฺีติ รูปาทิ-ธมฺเม, ปจฺเจกํ เต วา นิสฺสิตํ, เตสํ วา นิสฺสยภูตํ, สามิภูตํ วา กตฺวา ปริกปฺปนวเสน ปวตฺติยา วีสติวตฺถุกา อตฺตทิฏฺิ วีสติ. วิมตีติ ธมฺเมสุ ¶ สมฺมา, มิจฺฉา วา มนนาภาวโต สํสยิตฏฺเน อมติ, อปฺปฏิปชฺชนนฺติ อตฺโถ. วิปริยาสคฺคาโหติ อสุทฺธิมคฺเค ‘‘สุทฺธิมคฺโค’’ติ วิปรีตคฺคาโห.
จิรปาริวาสิยฏฺเนาติ จิรปริวุตฺถตาย ปุราณภาเวน. อาสวนฏฺเนาติ สนฺทนฏฺเน, ปวตฺตนฏฺเนาติ อตฺโถ. สวตีติ ปวตฺตติ. อวธิอตฺโถ อา-กาโร, อวธิ ¶ จ มริยาทาภิวิธิเภทโต ทุวิโธ. ตตฺถ มริยาโท กิริยํ พหิ กตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อา ปาฏลิปุตฺตา ¶ วุฏฺโ เทโว’’ติ. อภิวิธิ กิริยํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อา ภวคฺคา ภควโต ยโส ปวตฺโต’’ติ. อภิวิธิอตฺโถ อยํ อา-กาโร เวทิตพฺโพ.
กตฺถจิ ทฺเว อาสวา อาคตาติ วินยปาฬึ (ปารา. ๓๙) สนฺธายาห. ตตฺถ หิ ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย, สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ (ปารา. ๓๙) ทฺวิธา อาสวา อาคตาติ. กตฺถจีติ ติกนิปาเต อาสวสุตฺเต, (อิติวุ. ๕๖; สํ. นิ. ๕.๑๖๓) อฺเสุ จ สฬายตนสุตฺตาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๓๒๑). สฬายตนสุตฺเตสุปิ หิ ‘‘ตโยเม อาวุโส อาสวา กามาสโว ภวาสโว อวิชฺชาสโว’’ติ ตโย เอว อาคตาติ. นิรยํ คเมนฺตีติ นิรยคามินียา. ยสฺมา อิธ สาสวํ กุสลากุสลํ กมฺมํ อาสวปริยาเยน เทสิตํ, ตสฺมา ปฺจคติสํวตฺตนียภาเวน อาสวา อาคตา. อิมสฺมึ สงฺคีติสุตฺเต ตโย อาคตาติ. เอตฺถ ยสฺมา อฺเสุ จ อา ภวคฺคํ อา โคตฺรภุํ ปวตฺตนฺเตสุ มานาทีสุ วิชฺชมาเนสุ อตฺตตฺตนิยาทิคฺคาหวเสน, อภิพฺยาปนมทกรณวเสน อาสวสทิสตา จ เอเตสํเยว, น อฺเสํ, ตสฺมา เอเตสฺเวว อาสว-สทฺโท นิรุฬฺโห ทฏฺพฺโพ. น เจตฺถ ‘‘ทิฏฺาสโว นาคโต’’ติ จินฺเตตพฺพํ ภวตณฺหาย, ภวทิฏฺิยาปิ ภวาสวคฺคหเณเนว คหิตตฺตา. กามาสโว นาม กามนฏฺเน, อาสวนฏฺเน จ. วุตฺตาเยว อตฺถโต นินฺนานากรณโต.
กาเม เอสติ คเวสติ เอตายาติ กาเมสนา, กามานํ อภิปตฺถนาวเสน, ปริเยฏฺิวเสน, ปริภฺุชนวเสน วา ปวตฺตราโค. ภเวสนา ปน ภวปตฺถนา, ภวาภิรติภวชฺโฌสานวเสน ปวตฺตราโค ¶ . ทิฏฺิคติกสมฺมตสฺสาติ อฺติตฺถิเยหิ ปริกปฺปิตสฺส, สมฺภาวิตสฺส ¶ จ. พฺรหฺมจริยสฺสาติ ตโปปกฺกมสฺส. ตเทกฏฺนฺติ ตาหิ ราคทิฏฺีหิ สหเชกฏฺํ. กมฺมนฺติ อกุสลกมฺมํ. ตมฺปิ หิ กามาทิเก นิพฺพตฺตนาธิฏฺานาทิวเสน ปวตฺตํ ‘‘เอสตี’’ติ วุจฺจติ. อนฺตคฺคาหิกา ทิฏฺีติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ. ยา กาจิ ปน มิจฺฉาทิฏฺิ ตโปปกฺกมเหตุกา พฺรหฺมจริเยสนา เอว.
อาการสณฺานนฺติ วิสิฏฺาการาวฏฺานํ กถํวิธนฺติ หิ เกน ปกาเรน สณฺิตํ, สมวฏฺิตนฺติ อตฺโถ. สทฺทตฺถโต ปน วิทหนํ วิสิฏฺากาเรน อวฏฺานํ วิธา, วิธียติ วิสทิสากาเรน ปียตีติ วิธา, โกฏฺาโส. วิทหนโต หีนาทิวเสน วิวิเธนากาเรน ทหนโต อุปธารณโต วิธา, มาโนว. เสยฺยสทิสหีนานํ วเสนาติ เสยฺยสทิสหีนภาวานํ ยาถาวา’ ยาถาวภูตานํ วเสน. ตโย มานา วุตฺตา เสยฺยสฺเสว อุปฺปชฺชนกา. เอส นโย สทิสหีเนสุปิ. เตนาห ‘‘อยฺหิ มาโน’’ติอาทิ. อิทานิ ยถาอุทฺทิฏฺเ นววิเธปิ มาเน วตฺถุวิภาเคน ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ราชูนฺเจว ปพฺพชิตานฺจ อุปฺปชฺชติ กสฺมา? เต วิเสสโต อตฺตานํ เสยฺยโต ทหนฺตีติ. อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ราชา หี’’ติอาทิมาห. โก มยา สทิโส อตฺถีติ โก-สทฺโท ปฏิกฺเขปตฺโถ, อฺโ สทิโส นตฺถีติ อธิปฺปาโย. เอเตสํเยวาติ ราชูนํ, ปพฺพชิตานฺจ. อุปฺปชฺชติ เสฏฺวตฺถุกตฺตา ตสฺส. ‘‘หีโนหมสฺมี’’ติ มาเนปิ เอเสว นโย.
‘‘โก มยา สทิโส อฺโ ราชปุริโส อตฺถี’’ติ วา ‘‘มยฺหํ อฺเหิ สทฺธึ กึ นานากรณ’’นฺติ วา ‘‘อมจฺโจ ติ นามาเมว…เป… นามาห’’นฺติ วาติ สทิสสฺส เสยฺยมานาทีนํ ติณฺณํ ปวตฺติอาการทสฺสนํ.
ทาสาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน ภติก กมฺมกราทีนํ ปราธีนวุตฺติกานํ คหณํ ¶ . อาทิ-สทฺเทน วา คหิเต เอว ‘‘ปุกฺกุสจณฺฑาลาทโยปี’’ติ สยเมว ทสฺเสติ. นนุ จ มาโน นามายํ สํปคฺคหรโส, โส กถํ โอมาเน สมฺภวตีติ? โสปิ อวกรณมุเขน วิธานวตฺถุนา ปคฺคณฺหนวเสเนว ปวตฺตตีติ นายํ วิโรโธ. เตเนวาห ‘‘กึ ทาโส นาม อหนฺติ เอเต มาเน กโรตี’’ติ. ตถา หิสฺส ยาถาวมานตา วุตฺตา.
ยาถาวมานา ¶ ภวนิกนฺติ วิย, อตฺตทิฏฺิ วิย จ น มหาสาวชฺชา, ตสฺมา เต น อปายคมนียา. ยถาภูตวตฺถุกตาย หิ เต ยาถาวมานา. ‘‘อรหตฺตมคฺควชฺฌา’’ติ จ ตสฺส อนวเสสปฺปหายิตาย วุตฺตํ. ทุติยตติยมคฺเคหิ จ เต ยถากฺกมํ ปหียนฺติ, เย โอฬาริกตรา, โอฬาริกตมา จ. มาโน หิ ‘‘อหํ อสฺมี’’ติ ปวตฺติยา อุปริมคฺเคสุ สมฺมาทิฏฺิยา อุชุวิปจฺจนีโก หุตฺวา ปหียติ. อยาถาวมานา นาม อยถาภูตวตฺถุกตาย, เตเนว เต มหาสาวชฺชภาเวน ปมมคฺควชฺฌา วุตฺตา.
อตติ สตตํ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อทฺธา, กาโลติ อาห ‘‘ตโย อทฺธาติ ตโย กาลา’’ติ. สุตฺตนฺตปริยาเยนาติ ภทฺเทกรตฺตสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๘๓) อาคตนเยน. ตตฺถ หิ ‘‘โย จาวุโส มโน, เย จ ธมฺมา, อุภยเมตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตสฺมึ เจ ปจฺจุปฺปนฺเน ฉนฺทราคปฏิพทฺธํ โหติ วิฺาณํ, ฉนฺทราคปฏิพทฺธตฺตา วิฺาณสฺส ตทภินนฺทติ, ตทภินนฺทนฺโต ปจฺจุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ สํหีรตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๔) อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ปฏิสนฺธิโต ปุพฺเพ’’ติอาทิ. ตทนฺตรนฺติ เตสํ จุติปฏิสนฺธีนํ เวมชฺฌํ ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา, โย ปุพฺพนฺตาปรนฺตานํ เวมชฺฌตาย ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺเต กงฺขติ, (ธ. ส. ๑๑๒๓) ปุพฺพนฺตาปรนฺเต ¶ อฺาณ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๐๖๗, ๑๑๐๖, ๑๑๒๘) เอวมาทีสุ ¶ ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺโต’’ติ จ วุจฺจติ. ภงฺโค ธมฺโม อตีตํเสน สงฺคหิโตติ อาห ‘‘ภงฺคโต อุทฺธํ อตีโต อทฺธา นามา’’ติ. ตถา อนุปฺปนฺโน ธมฺโม อนาคตํเสน สงฺคหิโตติ อาห ‘‘อุปฺปาทโต ปุพฺเพ อนาคโต อทฺธา นามา’’ติ. ขณตฺตเยติ อุปฺปาโท, ิติ, ภงฺโคติ ตีสุ ขเณสุ. ยทา หิ ธมฺโม เหตุปจฺจยสฺส สมวาเย อุปฺปชฺชติ, ยทา จ เวติ, อิติ ทฺวีสุปิ ขเณสุ ิติกฺขเณ วิย ปจฺจุปฺปนฺโนติ. ธมฺมานฺหิ ปากภาวูปาธิกํ ปตฺตพฺพํ อุทโย, วิทฺธํสภาวูปาธิกํ วโย, ตทุภยเวมชฺฌํ ิติ. ยทิ เอวํ อทฺธา นามายํ ธมฺโม เอว อาปนฺโนติ? น ธมฺโม, ธมฺมสฺส ปน อวตฺถาเภโท, ตฺจ อุปาทาย โลเก กาลสมฺาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อตีตาทิเภโท จ นาม อย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. เตเนว โวหาเรนาติ ตํ ตํ อวตฺถาวิเสสํ อุปาทาย ธมฺโม ‘‘อตีโต อนาคโต ปจฺจุปฺปนฺโน’’ติ เยน โวหาเรน ¶ โวหรียติ, ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย หิ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ กาโล ตสฺเสว ธมฺมสฺส ปวตฺติอวตฺถาวิเสสํ อุปาทาย เตเนว โวหาเรน ‘‘อตีโต อทฺธา’’ติอาทินา วุตฺโต.
อนฺต-สทฺโท โลเก ปริโยสาเน, โกฏิยํ นิรุฬฺโหติ ตทตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนฺโตเยว อนฺโต’’ติ อาห, โกฏิ อนฺโตติ อตฺโถ. ปรภาโคติ ปาริมนฺโต. อมติ คจฺฉติ ภวปฺปพนฺโธ นิฏฺานํ เอตฺถาติ อนฺโต, โกฏิ. อมนํ นิฏฺานคมนนฺติ อนฺโต, โอสานํ. โส ปน ‘‘เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๙๓; สํ. นิ. ๒.๕๑) วุตฺตตฺตา ทุกฺขณฺณวสฺส ปาริมนฺโตติ อาห ‘‘ปรภาโค’’ติ. อมฺมติ ปริภุยฺยติ หีฬียตีติ อนฺโต, ลามโก. อมฺมติ ภาคโส ายตีติ อนฺโต, อํโสติ อาห ‘‘โกฏฺาโส อนฺโต’’ติ. สนฺโต ¶ ปรมตฺถโต วิชฺชมาโน กาโย ธมฺมสมูโหติ สกฺกาโย, ขนฺธา, เต ปน อริยสจฺจภูตา อิธาธิปฺเปตาติ วุตฺตํ ‘‘ปฺจุปาทานกฺขนฺธา’’ติ. ปุริมตณฺหาติ เยสํ นิพฺพตฺติกา, ตนฺนิพฺพตฺติโต ปเคว สิทฺธา ตณฺหา. อปฺปวตฺติภูตนฺติ นปฺปวตฺตติ ตทุภยํ เอตฺถาติ เตสํ อปฺปวตฺติฏฺานภูตํ. ยทิ ‘‘สกฺกาโย อนฺโต’’ติอาทินา อฺมฺํ วิภตฺติตาย ทุกฺขสจฺจาทโย คหิตา, อถ กสฺมา มคฺโค น คหิโตติ อาห ‘‘มคฺโค ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อุปายตฺตาติ อุปายภาวโต, สมฺปาปกเหตุภาวโตติ อตฺโถ.
ยทิ ปน เหตุมนฺตคฺคหเณเนว เหตุ คหิโต โหติ, นนุ เอวํ สกฺกายคฺคหเณเนว ตสฺส เหตุภูโต สกฺกายสมุทโย คหิโต โหตีติ? ตสฺส คหเณ สงฺขตทุโก วิย, สปฺปจฺจยทุโก วิย จ ทุโกวายํ อาปชฺชติ, น ติโก. ยถา ปน สกฺกายํ คเหตฺวา สกฺกายสมุทโยปิ คหิโต, เอวํ สกฺกายนิโรธํ คเหตฺวา สกฺกายนิโรธุปาโย คยฺเหยฺย, เอวํ สติ จตุกฺโก อยํ อาปชฺเชยฺย, ¶ น ติโก, ตสฺมา เหตุมนฺตคฺคหเณน เหตุคฺคหณํ น จินฺเตตพฺพํ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย ยุตฺโต สิยา – อิธ สกฺกายสกฺกายสมุทยา อนาทิกาลิกา, อสติ มคฺคภาวนายํ ปจฺจยานุปรเมน อปริยนฺตา จ, นิพฺพานํ ปน อปฺปจฺจยตฺตา อตฺตโน นิจฺจตาย เอว สพฺพทาภาวีติ อนาทิกาลิโก, อปริยนฺโต จ. อิติ อิมานิ ตีณิ สจฺจานิ มหาเถโร อิมาย สภาคตาย ‘‘ตโย อนฺตา’’ติ ติกํ กตฺวา ทสฺเสติ ¶ . อริยมคฺโค ปน กทาจิ กรหจิ ลพฺภมาโน น ตถาติ ตสฺส อติวิย ทุลฺลภปาตุภาวตํ ทีเปตุํ ติกโต พหิกโตติ อยเมตฺถ อตฺตโนมติ.
ทุกฺขตาติ ทุกฺขภาโว, ทุกฺขํเยว วา ยถา เทโว เอว เทวตา. ทุกฺข-สทฺโท จายํ อทุกฺขสภาเวสุปิ ¶ สุขุเปกฺขาสุ กฺจิ อนิฏฺตาวิเสสํ อุปาทาย ปวตฺตตีติ ตโต นิวตฺเตนฺโต สภาวทุกฺขวาจินา เอเกน ทุกฺข-สทฺเทน วิเสเสตฺวา ‘‘ทุกฺขทุกฺขตา’’ติ อาห. ภวติ หิ เอกนฺตโต ตํสภาเวปิ อตฺเถ อฺสฺส ธมฺมสฺส เยน เกนจิ สทิสตาเลเสน พฺยภิจาราสงฺกาติ วิเสสิตพฺพตา ยถา ‘‘รูปรูปํ ติลเตล’’นฺติ (วิภ. อฏฺ. ปกิณฺณกถา) จ. สงฺขารภาเวนาติ สงฺขตภาเวน. ปจฺจเยหิ สงฺขรียนฺตีติ สงฺขารา, อทุกฺขมสุขเวทนา. สงฺขริยมานตฺตา เอว หิ อสารกตาย ปริทุพฺพลภาเวน ภงฺคภงฺคาภิมุขกฺขเณสุ วิย อตฺตลาภกฺขเณปิ วิพาธปฺปตฺตา เอว หุตฺวา สงฺขารา ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘สงฺขตตฺตา อุปฺปาทชราภงฺคปีฬิตา’’ติ. ตสฺมาติ ยถาวุตฺตการณโต. อฺทุกฺขสภาววิรหโตติ ทุกฺขทุกฺขตาวิปริณามทุกฺขตาสงฺขาตสฺส อฺสฺส ทุกฺขสภาวสฺส อภาวโต. วิปริณาเมติ ปริณาเม, วิคเมติ อตฺโถ. เตนาห ปปฺจสูทนิยํ ‘‘วิปริณามทุกฺขาติ นตฺถิภาโว ทุกฺข’’นฺติ. อปริฺาตวตฺถุกานฺหิ สุขเวทนุปรโม ทุกฺขโต อุปฏฺาติ, สฺวายมตฺโถ ปิยวิปฺปโยเคน ทีเปตพฺโพ. เตนาห ‘‘สุขสฺส หี’’ติอาทิ. ปุพฺเพ วุตฺตนโย ปเทสนิสฺสิโต เวทนาวิเสสมตฺตวิสยตฺตาติ อนวเสสโต สงฺขารทุกฺขตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติ ทุติยนโย วุตฺโต. นนุ จ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๘) วจนโต สุขทุกฺขเวทนานมฺปิ สงฺขารทุกฺขตา อาปนฺนาติ ¶ ? สจฺจเมตํ, สา ปน สามฺโชตนาอปวาทภูเตน อิตรทุกฺขตาวจเนน นิวตฺตียตีติ นายํ วิโรโธ. เตเนวาห ‘‘เปตฺวา ทุกฺขเวทนํ สุขเวทนฺจา’’ติ.
มิจฺฉาสภาโวติ ‘‘หิตสุขาวโห เม ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ อาสีสิโตปิ ตถา อภาวโต, อสุภาทีสุเยว ‘‘สุภ’’นฺติอาทิวิปรีตปฺปวตฺติโต จ มิจฺฉาสภาโว, มุสาสภาโวติ อตฺโถ. มาตุฆาตกาทีสุ ปวตฺตมานาปิ หิ หิตสุขํ อิจฺฉนฺตาว ปวตฺตนฺตีติ เต ¶ ธมฺมา ‘‘หิตสุขาวหา เม ¶ ภวิสฺสนฺตี’’ติ อาสีสิตา โหนฺติ. ตถา อสุภาสุขานิจฺจานตฺเตสุ สุภาทิวิปริยาสทฬฺหตาย อานนฺตริยกมฺมนิยตมิจฺฉาทิฏฺีสุ ปวตฺติ โหตีติ เต ธมฺมา อสุภาทีสุ สุภาทิวิปรีตปฺปวตฺติกา โหนฺติ. วิปากทาเน สติ ขนฺธเภทานนฺตรเมว วิปากทานโต นิยโต, มิจฺฉตฺโต จ โส นิยโต จาติ มิจฺฉตฺตนิยโต. อเนเกสุ อานนฺตริเยสุ กเตสุ ยํ ตตฺถ พลวํ, ตํ วิปจฺจติ, น อิตรานีติ เอกนฺตวิปากชนกตาย นิยตตา น สกฺกา วตฺตุนฺติ ‘‘วิปากทาเน สตี’’ติ วุตฺตํ. ขนฺธเภทานนฺตรนฺติ จุติอนนฺตรนฺติ อตฺโถ. จุติ หิ มรณนิทฺเทเส ‘‘ขนฺธานํ เภโท’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๙๐; ม. นิ. ๑.๑๒๓; ๓.๓๗๓; วิภ. ๑๙๓) วุตฺตา, เอเตน วจเนน สติ ผลทาเน จุติอนนฺตโร เอว เอเตสํ ผลกาโล, น อฺโติ ผลกาลนิยเมน นิยตตา วุตฺตา โหติ, น ผลทานนิยเมนาติ นิยตผลกาลานํ อฺเสมฺปิ อุปปชฺชเวทนียานํ, ทิฏฺธมฺมเวทนียานมฺปิ นิยตตา อาปชฺชติ, ตสฺมา วิปากธมฺมธมฺมานํ ปจฺจยนฺตรวิกลตาทีหิ อวิปจฺจมานานมฺปิ อตฺตโน สภาเวน วิปากธมฺมตา วิย พลวตา อานนฺตริเยน วิปาเก ทินฺเน อวิปจฺจมานานมฺปิ อานนฺตริยานํ ผลทาเน นิยตสภาวา, อานนฺตริยสภาวา จ ปวตฺตีติ อตฺตโน สภาเวน ¶ ผลทานนิยเมเนว นิยตตา, อานนฺตริยตา จ เวทิตพฺพา. อวสฺสฺจ นิยตสภาวา, อานนฺตริยสภาวา จ เตสํ ปวตฺตีติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพเมตํ อฺสฺส พลวโต อานนฺตริยสฺส อภาเว จุติอนนฺตรํ เอกนฺเตน ผลทานโต.
นนุ เอวํ อฺเสมฺปิ อุปปชฺชเวทนียานํ อฺสฺมึ วิปากทายเก อสติ จุติอนนฺตรเมว เอกนฺเตน ผลทานโต อานนฺตริยสภาวา, นิยตสภาวา จ ปวตฺติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ อสมานชาติเกน เจโตปณิธิวเสน, อุปฆาตเกน จ นิวตฺเตตพฺพวิปากตฺตา อนนฺตเรกนฺตผลทายกตฺตาภาวา, น ปน อานนฺตริยานํ ปมชฺฌานาทีนํ ทุติยชฺฌานาทีนิ วิย อสมานชาติกํ ผลนิวตฺตกํ อตฺถิ สพฺพานนฺตริยานํ อวีจิผลตฺตา, น จ เหฏฺูปปตฺตึ อิจฺฉโต สีลวโต เจโตปณิธิ วิย อุปรูปปตฺติชนกกมฺมพลํ อานนฺตริยพลํ นิวตฺเตตุํ สมตฺโถ เจโตปณิธิ อตฺถิ อนิจฺฉนฺตสฺเสว อวีจิปาตนโต, น จ อานนฺตริยุปฆาตกํ กิฺจิ กมฺมํ อตฺถิ. ตสฺมา เตสํเยว อนนฺตเรกนฺตวิปากชนกสภาวา ปวตฺตีติ. อเนกานิ ¶ จ อานนฺตริยานิ กตานิ เอกนฺเต วิปาเก นิยตตฺตา อุปรตาวิปจฺจนสภาวาสงฺกตฺตา นิจฺฉิตานิ สภาวโต นิยตาเนว. จุติอนนฺตรํ ปน ผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตานิ, ตนฺนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลานิ อนนฺตรปโยชนานิ จาติ สภาวโต อานนฺตริยาเนว จ โหนฺติ. เตสุ ปน สมานสภาเวสุ เอเกน วิปาเก ทินฺเน อิตรานิ อตฺตนา กาตพฺพกิจฺจสฺส เตเนว กตตฺตา น ทุติยํ ตติยฺจ ปฏิสนฺธึ ¶ กโรนฺติ, น สมตฺถตาวิฆาตตฺตาติ นตฺถิ เตสํ นิยตานนฺตริยตานิวตฺตีติ. น หิ สมานสภาวํ สมานสภาวสฺส ¶ สมตฺถตํ วิหนตีติ. เอกสฺส ปน อฺานิปิ อุปตฺถมฺภกานิ โหนฺตีติ ทฏฺพฺพานีติ. สมฺมาสภาเวติ สจฺจสภาเว. นิยโต เอกนฺติโก อนนฺตรเมว ผลทาเนนาติ สมฺมตฺตนิยมโต.น นิยโตติ อุภยถาปิ น นิยโต. อวเสสานํ ธมฺมานนฺติ กิเลสานนฺตริยกมฺมนิยฺยานิกธมฺเมหิ อฺเสํ ธมฺมานํ.
ตมนฺธกาโรติ ตโม อนฺธกาโรติ ปทวิภาโค. อวิชฺชา ตโม นาม อารมฺมณสฺส ฉาทนฏฺเน. เตเนวาห ‘‘ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน (ม. นิ. ๑.๓๘๕; ปารา. ๑๒), ตโมกฺขนฺโธ ปทาลิโต’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๖๔) จ อาทิ. อวิชฺชาสีเสน วิจิกิจฺฉา วุตฺตา มหตา สมฺโมเหน สพฺพกาลํ อวิยุชฺชนโต. อาคมฺมาติ ปตฺวา. กงฺขตีติ ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) กงฺขํ อุปฺปาเทติ สํสยํ อาปชฺชติ. อธิมุจฺจิตุํ น สกฺโกตีติ ปสาทาธิโมกฺขวเสน อธิมุจฺจิตุํ น สกฺโกติ. เตนาห ‘‘น สมฺปสีทตี’’ติ. ยาวตฺตกฺหิ ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ วิจิกิจฺฉา น วิคจฺฉติ, ตาว ตตฺถ สทฺธาธิโมกฺโข อนวสโรว. น เกวลํ สทฺธาธิโมกฺโข, นิจฺฉยาธิโมกฺโขปิ ตตฺถ น ปติฏฺหติ เอว.
น รกฺขิตพฺพานีติ ‘‘อิมานิ มยา รกฺขิตพฺพานี’’ติ เอวํ กตฺถจิ รกฺขากิจฺจํ นตฺถิ ปรโต รกฺขิตพฺพสฺเสว อภาวโต. สติยา เอว รกฺขิตานีติ มุฏฺสฺสจฺจสฺส โพธิมูเล ¶ เอว สวาสนํ สมุจฺฉินฺนตฺตา สติยา รกฺขิตพฺพานิ นาม สพฺพทาปิ รกฺขิตานิ เอว. นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตนฺติ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตํ นาม นตฺเถว, ยโต สุปริสุทฺโธ กายสมาจาโร ภควโต. โน อปริสุทฺธา, ปริสุทฺธา เอว อปริสุทฺธิเหตูนํ กิเลสานํ ปหีนตฺตา. ตถาปิ วินเย อปกตฺุตาวเสน สิยา ¶ เตสํ อปาริสุทฺธิเลโส, น ภควโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘น ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วิหารการํ อาปตฺตินฺติ เอกวจนวเสน ‘‘อาปตฺติโย’’ติ เอตฺถ อาปตฺติ-สทฺทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. อภิเธยฺยานุรูปฺหิ ลิงฺควจนานิ โหนฺติ. เอส นโย เสเสสุปิ. ‘‘มโนทฺวาเร’’ติ อิทํ ตสฺสา อาปตฺติยา อกิริยสมุฏฺานตาย วุตฺตํ. น หิ มโนทฺวาเร ปฺตฺตา อาปตฺติ อตฺถีติ. สอุปารมฺภวเสนาติ สวตฺตพฺพตาวเสน, น ปน ทุจฺจริตลกฺขณาปตฺติวเสน, ยโต นํ ภควา ปฏิกฺขิปติ. ยถา อายสฺมโต มหากปฺปินสฺสาปิ ‘‘คจฺเฉยฺยํ วาหํ อุโปสถํ, น วา คจฺเฉยฺยํ. คจฺเฉยฺยํ วาหํ สงฺฆกมฺมํ, น วา คจฺเฉยฺย’’นฺติ (มหาว. ๑๓๗) ปริวิตกฺกิตํ. มโนทุจฺจริตนฺติ มโนทฺวาริกํ อปฺปสตฺถํ จริตํ. สตฺถารา อปฺปสตฺถตาย หิ ตํ ทุจฺจริตํ นาม ชาตํ, น สภาวโต.
ยสฺมา ¶ มหาการุณิโก ภควา สเทวกสฺส โลกสฺส หิตสุขาย เอว ปฏิปชฺชมาโน อจฺจนฺตวิเวกชฺฌาสยตาย ตพฺพิธุรํ ธมฺมเสนาปติโน จิตฺตุปฺปาทํ ปฏิกฺขิปนฺโต ¶ ‘‘น โข เต…เป… อุปฺปาเทตพฺพ’’นฺติ อโวจ, ตสฺมา โส เถรสฺส จิตฺตุปฺปาโท ภควโต น ปาสํโสติ กตฺวา มโนทุจฺจริตํ นาม ชาโต, ตสฺส จ ปฏิกฺเขโป อุปารมฺโภติ อาห ‘‘ตสฺมึ มโนทุจฺจริเต อุปารมฺภํ อาโรเปนฺโต’’ติ. ภควโต ปน เอตฺตกมฺปิ นตฺถิ, ยโต ปวารณาสุตฺเต ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว, ปวาเรมิ โว, น จ เม กิฺจิ ครหถ กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๑๕) วุตฺโต ภิกฺขุสงฺโฆ ‘‘น โข มยํ ภนฺเต ภควโต กิฺจิ ครหาม กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ สตฺถุ ปริสุทฺธกายสมาจาราทิกํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิ. อยฺหิ โลกนาถสฺส ทุจฺจริตาภาโว โพธิสตฺตภูมิยมฺปิ จริยาจิรานุคโต อโหสิ, ปเคว พุทฺธภูมิยนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนจฺฉริยฺเจต’’นฺติอาทิมาห.
พุทฺธานํเยว ธมฺมา คุณา, น อฺเสนฺติ พุทฺธธมฺมา. ตถา หิ เต พุทฺธานํ อาเวณิกธมฺมาติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ ‘‘นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริต’’นฺติอาทินา กายวจีมโนทุจฺจริตาภาววจนํ ยถาธิการํ กายกมฺมาทีนํ าณานุปริวตฺติตาย ลทฺธคุณกิตฺตนํ, น อาเวณิกธมฺมนฺตรทสฺสนํ. สพฺพสฺมิฺหิ กายกมฺมาทิเก าณานุปริวตฺตินิ กุโต กายทุจฺจริตาทีนํ สมฺภโว. ‘‘พุทฺธสฺส อปฺปฏิหตาณ’’นฺติอาทินา วุตฺตานิ สพฺพฺุตฺาณโต วิสุํเยว ¶ ตีณิ าณานิ จตุโยนิปฺจคติปริจฺเฉทกาณานิ วิยา’’ติ วทนฺติ. เอกํเยว หุตฺวา ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณํ นาม สพฺพฺุตฺาณเมว. นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานีติ สตฺเตสุ หิตฉนฺทสฺส หานิ นตฺถิ. นตฺถิ วีริยสฺส ¶ หานีติ เขมปวิเวกวิตกฺกานุคตสฺส วีริยสฺส หานิ นตฺถิ. ‘‘นตฺถิ ทวาติ ขิฑฺฑาธิปฺปาเยน กิริยา นตฺถิ. นตฺถิ รวาติ สหสา กิริยา นตฺถี’’ติ วทนฺติ, สหสา ปน กิริยา ทวา ‘‘อฺํ กริสฺสามี’’ติ อฺกรณํ รวา. ขลิตนฺติ วิรชฺฌนํ าเณน อปฺผุฏํ. สหสาติ เวคายิตตฺตํ ตุริตกิริยา. อพฺยาวโฏ มโนติ นิรตฺถโก จิตฺตสมุทาจาโร. อกุสลจิตฺตนฺติ อฺาณุเปกฺขมาห, อยฺจ ทีฆภาณกานํ ปาโ อากุโล วิย. อยํ ปน ปาโ อนากุโล –
อตีตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตาณํ, อนาคตํเส, ปจฺจุปฺปนฺนํเส. อิเมหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺติ, สพฺพํ วจีกมฺมํ, สพฺพํ มโนกมฺมํ. อิเมหิ ฉหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานิ, นตฺถิ ธมฺมเทสนาย, นตฺถิ วีริยสฺส, นตฺถิ สมาธิสฺส ¶ , นตฺถิ ปฺาย, นตฺถิ วิมุตฺติยา. อิเมหิ ทฺวาทสหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นตฺถิ ทวา, นตฺถิ รวา, นตฺถิ อปฺผุฏํ, นตฺถิ เวคายิตตฺตํ, นตฺถิ อพฺยาวฏมโน, นตฺถิ อปฺปฏิสงฺขานุเปกฺขาติ.
ตตฺถ อปฺปฏิสงฺขานุเปกฺขาติ อฺาณุเปกฺขา. เสสํ วุตฺตนยเมว. เอตฺถ จ ตถาคตสฺส อาชีวปาริสุทฺธึ กายวจีมโนสมาจารปาริสุทฺธิยาว สงฺคเหตฺวา สมาจารตฺตยวเสน มหาเถเรน ติโก เทสิโต.
กิฺจนาติ กิฺจิกฺขา. อิเม ปน ราคาทโย ปลิพุนฺธนฏฺเน กิฺจนา วิยาติ กิฺจนา. เตนาห ‘‘กิฺจนาติ ปลิโพธา’’ติ.
อนุทหนฏฺเนาติ อนุ อนุ ทหนฏฺเน. ราคาทโย อรูปธมฺมา อิตฺตรกฺขณา กถํ อนุทหนฺตีติ อาสงฺกํ นิวตฺเตตุํ ‘‘ตตฺถ วตฺถูนี’’ติ วุตฺตํ, ทฏฺพฺพานีติ วจนเสโส. ตตฺถาติ ตสฺมึ ราคาทีนํ อนุทหนฏฺเ. วตฺถูนีติ สาสเน, โลเก จ ปากฏตฺตา ปจฺจกฺขภูตานิ การณานิ. ราโค ¶ อุปฺปนฺโน ติขิณกโร หุตฺวา. ตสฺมา ¶ ตํสมุฏฺานา เตโชธาตุ อติวิย ติขิณภาเวน สทฺธึ อตฺตนา สหชาตธมฺเมหิ หทยปฺปเทสํ ฌาเปสิ ยถา ตํ พาหิรา เตโชธาตุ สนิสฺสยํ. เตน สา ภิกฺขุนี สุปโต วิย พฺยาธิ ฌายิตฺวา มตา. เตนาห ‘‘เตเนว ฌายิตฺวา กาลมกาสี’’ติ. โทสสฺส นิสฺสยานํ ทหนตา ปากฏา เอวาติ อิตรํ ทสฺเสตุํ ‘‘โมหวเสน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อติวตฺติตฺวาติ อติกฺกมิตฺวา.
กามํ อาหุเนยฺยคฺคิอาทโย ตโย อคฺคี พฺราหฺมเณหิ อิจฺฉิตา สนฺติ, เต ปน เตหิ อิจฺฉิตมตฺตา, น สตฺตานํ ตาทิสา อตฺถสาธกา. เย ปน สตฺตานํ อตฺถสาธกา, เต ทสฺเสตุํ ‘‘อาหุนํ วุจฺจตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อาทเรน หุนนํ ปูชนํ อาหุนนฺติ สกฺกาโร ‘‘อาหุน’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ อาหุนํ อรหนฺติ. เตนาห ภควา ‘‘อาหุเนยฺยาติ ภิกฺขเว มาตาปิตูนเมตํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๖). ยทคฺเคน จ เต ปุตฺตานํ พหุการตาย อาหุเนยฺยาติ เตสุ สมฺมาปฏิปตฺติ เนสํ หิตสุขาวหา, ตทคฺเคน เตสุ มิจฺฉาปฏิปตฺติ อหิตทุกฺขาวหาติ อาห ‘‘เตสุ…เป… นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ. สฺวายมตฺโถติ โย มาตาปิตูนํ อตฺตโน อุปริ วิปฺปฏิปนฺนานํ ปุตฺตานํ อนุทหนสฺส ปจฺจยภาเวน อนุทหนฏฺโ, โส อยมตฺโถ. มิตฺตวินฺทกวตฺถุนาติ มิตฺตวินฺทกสฺส นาม มาตริ วิปฺปฏิปนฺนสฺส ปุริสสฺส ตาย เอว วิปฺปฏิปตฺติยา จิรตรํ กาลํ อาปายิกทุกฺขานุภวนทีปเนน วตฺถุนา เวทิตพฺโพ.
อิทานิ ¶ ตมตฺถํ กสฺสปสฺส ภควโต กาเล ปวตฺตํ วิภาเวตุํ ‘‘มิตฺตวินฺทโก หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ธนโลเภน, น ¶ ธมฺมจฺฉนฺเทนาติ อธิปฺปาโย. อกุโตภยํ เกนจิ อนุฏฺาปนียตาย. นิวาเรสิ สมุทฺทปยาตา นาม พหฺวนฺตรายาติ อธิปฺปาเยน. อนฺตรํ กตฺวาติ อติกฺกมนวเสน ทฺวินฺนํ ปาทานํ อนฺตเร กตฺวา.
นาวา อฏฺาสิ ตสฺส ปาปกมฺมพเลน วาตสฺส อวายนโต. เอกทิวสํ รกฺขิตอุโปสถกมฺมานุภาเวน สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต. ยถา ปุริมาหิ ปรโต มา อคมาสีติ วุตฺโต, เอวํ อปราปราหิปีติ อาห ‘‘ตาหิ ‘ปรโต ปรโต มา อคมาสี’ติ วุจฺจมาโน’’ติ. ขุรจกฺกธรนฺติ ขุรธารูปมจกฺกธรํ เอกํ ปุริสํ. อุปฏฺาสิ ปาปกมฺมสฺส พเลน.
จตุพฺภีติ ¶ จตูหิ อจฺฉราสทิสีหิ วิมานเปตีหิ, สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวาติ วจนเสโส. อฏฺชฺฌคมาติ รูปาทิกามคุเณหิ ตโต วิสิฏฺตรา อฏฺ วิมานเปติโย อธิคจฺฉิ. อตฺริจฺฉนฺติ อตฺริจฺฉาสงฺขาเตน อติโลเภน สมนฺนาคตตฺตา อตฺร อตฺร กามคุเณ อิจฺฉนฺโต. จกฺกนฺติ ขุรจกฺกํ. อาสโทติ อนตฺถาวหภาเวน อาสาเทติ.
โสติ เคหสามิโก ภตฺตา. ปุริมนเยเนวาติ อนุทหนสฺส ปจฺจยตาย.
อติจารินีติ สามิกํ อติกฺกมิตฺวา จารินี มิจฺฉาจารินี. รตฺตึ ทุกฺขนฺติ อตฺตโน ปาปกมฺมานุภาวสมุปฏฺิเตน สุนเขน ขาทิตพฺพตาทุกฺขํ. วฺเจตฺวาติ ตํ อชานาเปตฺวาว การณฏฺานคมนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปฏปฏนฺตีติ ปฏปฏา กตฺวา. อนุรวทสฺสนฺเหตํ. มุฏฺิโยโค กิรายํ ตสฺส สุนขนฺตรธานสฺส, ยทิทํ เขฬปิณฺฑํ ภูมิยํ นิฏฺุภิตฺวา ปาเทน ฆํสนํ. เตน วุตฺตํ ‘‘โส ตถา อกาสิ.สุนขา อนฺตรธายึสู’’ติ.
ทกฺขิณาติ ¶ จตฺตาโร ปจฺจยา ทิยฺยมานา ทกฺขนฺติ เอเตหิ หิตสุขานีติ. ตํ ทกฺขิณํ อรหตีติ ทกฺขิเณยฺโย, ภิกฺขุสงฺโฆ. เรวตีวตฺถุ วิมานวตฺถุเปตวตฺถูสุ (วิ. ว. ๘๖๑ อาทโย) เตสํ อฏฺกถายฺจ (วิ. ว. ๙๗๗-๙๘๐; เป. ว. อฏฺ. ๗๑๔-๗๓๖) อาคตนเยน เวทิตพฺพํ.
‘‘ติวิเธน รูปสงฺคโห’’ติ เอตฺถ นนุ สงฺคโห เอกวิโธว, โส กสฺมา ‘‘จตุพฺพิโธ’’ติ วุตฺโตติ? ‘‘สงฺคโห’’ติ อตฺถํ อวตฺวา อนิทฺธาริตตฺถสฺส สทฺทสฺเสว วุตฺตตฺตา. ‘‘ติวิเธน รูปสงฺคโห’’ติอาทีสุ (ธ. ส. รูปกณฺฑ-ติเก) ปเทสุ สงฺคห-สทฺโท ตาว อตฺตโน อตฺถวเสน จตุพฺพิโธติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. อตฺโถปิ วา อนิทฺธาริตวิเสโส สามฺเน คเหตพฺพตํ ปตฺโต ‘‘ติวิเธน รูปสงฺคโห’’ติอาทีสุ ¶ (ธ. ส. รูปกณฺฑ-ติเก) ‘‘สงฺคโห’’ติ วุตฺโตติ น โกจิ โทโส. นิทฺธาริเต หิ วิเสเส ตสฺส เอกวิธตา สิยา, น ตโต ปุพฺเพติ. ‘‘ชาติสงฺคโห’’ติ วุตฺเตปิ ชาติ-สทฺทสฺส สาเปกฺขสทฺทตฺตา อตฺตโน ชาติยา สงฺคโหติ อยมตฺโถ วิฺายเตว สมฺพนฺธารหสฺส อฺสฺส อวุตฺตตฺตา ยถา ‘‘มาตาปิตุ อุปฏฺาน’’นฺติ ¶ (ขุ. ปา. ๕.๖; สุ. นิ. ๒๖๕). อฏฺกถายํ ปน ยถาธิปฺเปตมตฺถํ อปริปุณฺณํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ชาติสงฺคโห’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. สมานชาติกานํ สงฺคโห, สมานชาติยา วา สงฺคโห สชาติสงฺคโห. สฺชายติ เอตฺถาติ สฺชาติ, สฺชาติยา สงฺคโห สฺชาติสงฺคโห, สฺชาติเทเสน สงฺคโหติ อตฺโถ. กิริยาย เอวรูปาย สงฺคโห กิริยาสงฺคโห. รูปกฺขนฺธคณนนฺติ ‘‘รูปกฺขนฺโธ’’ติ คณนํ สงฺขฺยํ คจฺฉติ รุปฺปนสภาวตฺตา. ตีหิ โกฏฺาเสหิ รูปคณนาติ วกฺขมาเนหิ ตีหิ ภาเคหิ รูปสฺส สงฺคโห, คเณตพฺพตาติ อตฺโถ.
รูปายตนํ นิปสฺสติ ปจฺจกฺขโต วิชานาตีติ นิทสฺสนํ ¶ , จกฺขุวิฺาณํ, นิทสฺสตีติ วา นิทสฺสนํ, ทฏฺพฺพภาโว, จกฺขุวิฺาณสฺส โคจรภาโว, ตสฺส จ รูปายตนโต อนฺตฺเตปิ อฺเหิ ธมฺเมหิ รูปายตนํ วิเสเสตุํ อฺํ วิย กตฺวา ‘‘สห นิทสฺสเนนาติ สนิทสฺสน’’นฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ธมฺมสภาวสามฺเน หิ เอกีภูเตสุ ธมฺเมสุ โย นานตฺตกโร สภาโว, โส อฺโ วิย กตฺวา อุปจริตุํ ยุตฺโต. เอวฺหิ อตฺถวิเสสาวโพโธ โหตีติ. จกฺขุปฏิหนนสมตฺถโตติ จกฺขุโน ฆฏฺฏนสมตฺถตาย. ฆฏฺฏนํ วิย จ ฆฏฺฏนํ ทฏฺพฺพํ. ทุติเยน อตฺถวิกปฺเปน ทฏฺพฺพภาวสงฺขาตํ นาสฺส นิทสฺสนนฺติ อนิทสฺสนนฺติ โยชนา. เอตฺถ จ ทสนฺนํ อายตนานํ ยถารหํ สยํ, นิสฺสยวเสน จ สมฺปตฺตานํ, อสมฺปตฺตานฺจ ปฏิมุขภาโว อฺมฺปตนํ ปฏิหนนํ, เยน พฺยาปาราทิวิการปจฺจยนฺตรสนฺนิธาเน จกฺขาทีนํ วิสเยสุ วิการุปฺปตฺติ. ตตฺถ พฺยาปาโร จกฺขาทีนํ สวิสเยสุ อาวิจฺฉนฺนํ, รูปาทีนํ อิฏฺานิฏฺตา, ตตฺถ จ จิตฺตสฺส อาภุชนนฺติ อิเม อาทิสทฺทสงฺคหิตา. เตหิ วิการปฺปตฺติยา ปจฺจยนฺตรพฺยาปารโต อฺนฺติ กตฺวา อนุคฺคหูปฆาโต วิกาโร. อุปนิสฺสโย ปน อปฺปธานสฺส ปจฺจโย อิธ คหิโต. การณการณมฺปิ การณเมวาติ คยฺหมาเน สิยา ตสฺสาปิ สงฺคโหติ. วุตฺตปฺปการนฺติ ‘‘จกฺขุวิฺาณสงฺขาต’’นฺติ วุตฺตปฺปการํ. นาสฺส ปฏิโฆติ เอตฺถาปิ ¶ ‘‘วุตฺตปฺปการ’’นฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. อวเสสํ โสฬสวิธํ สุขุมรูปํ.
สงฺขโรนฺตีติ ¶ สมฺปิณฺเฑนฺติ. เจตนา หิ อายูหนรสตาย ยถา สมฺปยุตฺตธมฺเม ยถาสกํ กิจฺเจสุ สํวิทหนฺตี วิย อภิสนฺทหนฺตี วตฺตมานา ¶ เตเนว กิจฺจวิเสเสน เต สมฺปิณฺเฑนฺตี วิย โหติ, เอวํ อตฺตโน วิปากธมฺเมปิ ปจฺจยสมวาเย สงฺขโรนฺตี สมฺปิณฺเฑนฺตี วิย โหติ. เตนาห ‘‘สหชาต…เป… ราสี กโรนฺตี’’ติ. อภิสงฺขโรตีติ อภิวิสิฏฺํ กตฺวา สงฺขโรติ. ปฺุาภิสงฺขาโร หิ อตฺตโน ผลํ อิตรสฺส ผลโต อติวิย วิสิฏฺํ ภินฺนํ กตฺวา สงฺขโรติ ปจฺจยโต, สภาวโต, ปวตฺติอาการโต จ สยํ อิตเรหิ วิสิฏฺสภาวตฺตา. เอส นโย อิตเรหิปิ. ปุชฺชภวผลนิพฺพตฺตนโต, อตฺตโน สนฺตานสฺส ปุนนโต จ ปฺุโ.
มหาจิตฺตเจตนานนฺติ อสงฺขฺเยยฺยายุนิปฺผาทนาทิมหานุภาวตาย มหาจิตฺเตสุ ปวตฺตเจตนานํ. อฏฺเว เจตนา โหนฺติ, ยา กามาวจรา กุสลา. ‘‘เตรสปี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ‘‘นวา’’ติ วตฺตพฺพํ. น หิ ภาวนา าณรหิตา ยุตฺตาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. กสิณปริกมฺมํ กโรนฺตสฺสาติ กสิเณสุ ฌานปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส. ‘‘ปถวี ปถวี’’ติอาทิ ภาวนา หิ กสิณปริกมฺมํ. ตสฺส หิ ปริกมฺมสฺส สุปคุณภาวโต อนุยุตฺตสฺส ตตฺถ อาทรากรเณน สิยา าณรหิตจิตฺตํ. ฌานปจฺจเวกฺขณายปิ เอเสว นโย. เกจิ มณฺฑลกรณมฺปิ ภาวนํ ภชาเปนฺติ.
ทานวเสน ปวตฺตจิตฺตเจตสิกธมฺมา ทานํ, ตตฺถ พฺยาปารภูตา อายูหนเจตนา ทานํ อารพฺภ, ทานฺจ อธิกิจฺจ อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตา. เอวํ อิตเรสุปิ. อยํ สงฺเขปเทสนาติ อยํ ปฺุาภิสงฺขาเร สงฺเขปโต อตฺถเทสนา, อตฺถวณฺณนาติ อตฺโถ.
โสมนสฺสจิตฺเตนาติ ¶ อนุโมทนาปวตฺติทสฺสนมตฺตเมตํ ทฏฺพฺพํ. อุเปกฺขาสหคเตนาปิ หิ อนุสฺสรติ เอวาติ. กามํ นิจฺจสีลํ, อุโปสถสีลํ, นิยมสีลมฺปิ สีลเมว, ปริปุณฺณํ ปน สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ สีลํ ทสฺเสตุํ ‘‘สีลปูรณตฺถายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นยทสฺสนํ วา เอตํ, ตสฺมา ‘‘นิจฺจสีลํ, อุโปสถสีลํ, นิยมสีลํ สมาทิยิสฺสามี’’ติ วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส, สมาทิยิตฺวา สมาทินฺนสีเล จ ตสฺมึ, ‘‘สาธุ สุฏฺู’’ติ อาวชฺชนฺตสฺส, ตํ สีลํ โสเธนฺตสฺส จ ปวตฺตา เจตนา สีลมยาติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.
ปุพฺเพ ¶ สมถวเสน ภาวนานโย คหิโตติ อิทานิ สมฺมสนนเยน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺเตนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อนิจฺจโตติ อนิจฺจภาวโต. ทุกฺขโต, อนตฺตโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
ตตฺถ ¶ เย ปฺจุปาทานกฺขนฺธา นามรูปภาเวน ปริคฺคหิตา, เต ยสฺมา ทฺวารารมฺมเณหิ สทฺธึ ทฺวารปฺปวตฺตธมฺมวเสน วิภาคํ ลภนฺติ, ตสฺมา ทฺวารฉกฺกาทิวเสน ฉ ฉกฺกา คหิตา. ยสฺมา ปน ลกฺขเณสุ อนตฺตลกฺขณํ ทุพฺพิภาวํ, ตสฺมา ตสฺส วิภาวนาย ฉ ธาตุโย คหิตา. ตโต เยสุ กสิเณสุ อิโต พาหิรกานํ อตฺตาภินิเวโส, ตานิ อิเมสํ ฌานานํ อารมฺมณภาเวน อุปฏฺานาการมตฺตานิ, อิมานิ ปน ตานิ ฌานานีติ ทสฺสนตฺถํ ทส กสิณานิ คหิตานิ. ตโต ทุกฺขานุปสฺสนาย ปริวารภาเวน ปฏิกฺกูลาการวเสน ทฺวตฺตึส โกฏฺาสา คหิตา. ปุพฺเพ ขนฺธวเสน สงฺเขปโต อิเม ธมฺมา คหิตา, อิทานิ นาติสงฺเขปวิตฺถารนเยน จ มนสิ กาตพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย จ คหิตา. เตสุ อิเม ธมฺมา สติปิ สฺุานิรีหอพฺยาปารภาเว ธมฺมสภาวโต ¶ อาธิปจฺจภาเวน ปวตฺตนฺตีติ อนตฺตภาววิภาวนตฺถํ อินฺทฺริยานิ คหิตานิ. เอวํ อเนกเภทภินฺนาปิ อิเม ธมฺมา ภูมิตฺตยปริยาปนฺนตาย ติวิธาว โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ติสฺโส ธาตุโย คหิตา. เอตฺตาวตา นิมิตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปวตฺตํ ทสฺเสตุํ กามภวาทโย นว ภวา คหิตา. เอตฺตเก อภิฺเยฺยวิเสเส ปวตฺตมนสิการโกสลฺเลน สณฺหสุขุเมสุ นิพฺพตฺติตมหคฺคตธมฺเมสุ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพติ ทสฺสนตฺถํ ฌานอปฺปมฺารูปานิ คหิตานิ. ตตฺถ ฌานานิ นาม วุตฺตาวเสสารมฺมณานิ รูปาวจรชฺฌานานิ. ปุน ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนวิภาคโต อิเม ธมฺมา วิภชฺช มนสิกาตพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานิ คหิตานิ. ปจฺจยาการมนสิกาโร หิ สุเขน, สุฏฺุตรฺจ ลกฺขณตฺตยํ วิภาเวติ, ตสฺมา โส ปจฺฉโต คหิโต. เอวํ เอเต สมฺมสนียภาเวน คหิตา ขนฺธาทิวเสน โกฏฺาสโต ปฺจวีสติวิธา, ปเภทโต ปน อตีตาทิเภทํ อนามสิตฺวา คยฺหมานา ทฺวีหิ อูนานิ ทฺเวสตานิ โหนฺติ. อิทํ ตาเวตฺถ ปาฬิววตฺถานํ, อตฺถวิจารํ ปน อิจฺฉนฺเตหิ ปรมตฺถมฺชูสายํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
น ¶ ปฺุโติ อปฺุโ. ตสฺส ปฺุ-สทฺเท วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สนฺตานสฺส อิฺชนเหตูนํ นีวรณาทีนํ สุวิกฺขมฺภนโต รูปตณฺหาสงฺขาตสฺส อิฺชิตสฺส อภาวโต อนิฺชํ, อนิฺชเมว ‘‘อาเนฺช’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ รูปารมฺมณํ รูปนิมิตฺตารมฺมณํ สพฺพมฺปิ จตุตฺถชฺฌานํ นิปฺปริยาเยน ‘‘อาเนฺช’’นฺติ วุจฺจติ.
จตฺตาโร มคฺคฏฺา, เหฏฺิมา ตโย ผลฏฺาติ เอวํ สตฺตวิโธ. ติสฺโส สิกฺขาติ อธิสีลาทิกา ติสฺโส สิกฺขา. ตาสุ ชาโตติ วา เสกฺโข, อริยปุคฺคโล หิ อริยาย ชาติยา ชายมาโน สิกฺขาสุ ชายติ, น โยนิยํ. สิกฺขนสีโลติ ¶ วา เสกฺโข. ปุคฺคลาธิฏฺานาย วา กถาย เสกฺขสฺส อยนฺติ อฺาสาธารณมคฺคผลตฺตยธมฺมา เสกฺขปริยาเยน ¶ วุตฺตา. อเสกฺโขติ จ ยตฺถ เสกฺขภาวาสงฺกา อตฺถิ, ตตฺถายํ ปฏิเสโธติ โลกิยนิพฺพาเนสุ อเสกฺขภาวนาปตฺติ ทฏฺพฺพา. สีลสมาธิปฺาสงฺขาตา หิ สิกฺขา อตฺตโน ปฏิปกฺขกิเลเสหิวิปฺปมุตฺตา ปริสุทฺธา อุปกฺกิเลสานํ อารมฺมณภาวมฺปิ อนุปคมนโต เอตา ‘‘สิกฺขา’’ติ วตฺตุํ ยุตฺตา อฏฺสุปิ มคฺคผเลสุ วิชฺชนฺติ, ตสฺมา จตุมคฺคเหฏฺิมผลตฺตยสมงฺคิโน วิย อรหตฺตผลสมงฺคีปิ ตาสุ สิกฺขาสุ ชาโตติ จ ตํสมงฺคิโน อรหโต อิตเรสํ วิย เสกฺขตฺเต สติ เสกฺขสฺส อยนฺติ จ สิกฺขา สีลํ เอตสฺสาติ จ ‘‘เสกฺโข’’ติ วตฺตพฺโพ สิยาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ อเสกฺโขติ ยถาวุตฺตเสกฺขภาวปฏิเสโธ กโต. อรหตฺตผเล หิ ปวตฺตมานา สิกฺขา ปรินิฏฺิตสิกฺขากิจฺจตฺตา น สิกฺขากิจฺจํ กโรนฺติ, เกวลํ สิกฺขาผลภาเวเนว ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา น ตา สิกฺขาวจนํ อรหนฺติ, นาปิ ตํสมงฺคี เสกฺขวจนํ, น จ ‘‘สิกฺขนสีโล, สิกฺขาสุ ชาโต’’ติ จ วตฺตพฺพตํ อรหติ. เหฏฺิมผเลสุ ปน สิกฺขา สกทาคามิมคฺควิปสฺสนาทีนํ อุปนิสฺสยภาวโต สิกฺขากิจฺจํ กโรนฺตีติ สิกฺขาวจนํ อรหนฺติ, ตํสมงฺคิโน จ เสกฺขวจนํ, ‘‘สิกฺขนสีลา, สิกฺขาสุ ชาตา’’ติ จ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ.
‘‘สิกฺขตีติ เสกฺโข’’ติ จ อปริโยสิตสิกฺโข ทสฺสิโตติ. อนนฺตรเมว ‘‘ขีณาสโว’’ติ อาทึ วตฺวา ‘‘น สิกฺขตีติ อเสกฺโข’’ติ วุตฺตตฺตา ปริโยสิตสิกฺโข ทสฺสิโต, น สิกฺขารหิโต ตสฺส ตติยปุคฺคลภาเวน คหิตตฺตา. วุทฺธิปฺปตฺตสิกฺโข วา อเสกฺโขติ เอตสฺมึ ¶ อตฺเถ เสกฺขธมฺเมสุ ¶ เอว ิตสฺส กสฺสจิ อริยสฺส อเสกฺขภาวาปตฺตีติ อรหตฺตมคฺคธมฺมา วุทฺธิปฺปตฺตา, ยถาวุตฺเตหิ จ อตฺเถหิ เสกฺโขติ กตฺวา ตํสมงฺคิโน อคฺคมคฺคฏฺสฺส อเสกฺขภาโว อาปนฺโนติ? น ตํสทิเสสุ ตพฺโพหารโต. อรหตฺตมคฺคโต หิ นินฺนานากรณํ อรหตฺตผลํ เปตฺวา ปริฺาทิกิจฺจกรณํ, วิปากภาวฺจ, ตสฺมา เต เอว เสกฺขธมฺมา ‘‘อคฺคผลธมฺมภาวํ อาปนฺนา’’ติ สกฺกา วตฺตุํ, กุสลสุขโต จ วิปากสุขํ สนฺตตรตาย ปณีตตรนฺติ, วุทฺธิปฺปตฺตา จ เต ธมฺมา โหนฺตีติ ตํสมงฺคี ‘‘อเสกฺโข’’ติ วุจฺจตีติ.
ชาติมหลฺลโกติ ชาติยา วุฑฺฒตโร อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต. โส หิ รตฺตฺุตาย เยภุยฺเยน ชาติธมฺมกุลธมฺมปเทสุ ถาวริยปฺปตฺติยา ชาติเถโร นาม. เถรกรณา ธมฺมาติ สาสเน ถิรภาวกรา คุณา ปฏิปกฺขนิมฺมทนกา. เถโรติ วกฺขมาเนสุ ธมฺเมสุ ถิรภาวปฺปตฺโต. สีลวาติ ปาสํเสน สาติสเยน สีเลน สมนฺนาคโต, สีลสมฺปนฺโนติ อตฺโถ, เอเตน ทุสฺสีลฺยสงฺขาตสฺส ¶ พาลฺยสฺส อภาวมาห. สุตฺตเคยฺยาทิ พหุ สุตํ เอเตนาติ พหุสฺสุโต, เอเตนาสฺส สุตวิรหสงฺขาตสฺส พาลฺยสฺส อภาวํ, ปฏิสงฺขานพเลน จ ปติฏฺิตภาวํ วทติ. ‘‘จตุนฺนํ ฌานานํ ลาภี’’ติ อิมินา นีวรณาทิสงฺขาตสฺส พาลฺยสฺส อภาวํ, ภาวนาพเลน จ ปติฏฺิตภาวํ กเถติ. ‘‘อาสวานํ ขยา’’ติอาทินา อวิชฺชาสงฺขาตสฺส พาลฺยสฺส สพฺพโส อภาวํ, ขีณาสวตฺเถรภาเวน ปติฏฺิตภาวฺจสฺส ทสฺเสติ. น เจตฺถ สมุทาเย วากฺยปริสมาปนํ, อถ โข ปจฺเจกํ วากฺยปริสมาปนนฺติ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ วุตฺเตสุ ธมฺเมสู’’ติอาทิมาห. เถรนามโก วา ‘‘เถโร’’ติ เอวํ นามโก วา.
อนุคฺคหวเสน, ปูชาวเสน วา อตฺตโน สนฺตกํ ปรสฺส ทียติ เอเตนาติ ทานํ, ปริจฺจาคเจตนา. ทานเมว ทานมยํ. ปทปูรณมตฺตํ มย-สทฺโท. ปฺฺุจ ตํ ยถาวุตฺเตนตฺเถน กิริยา จ กมฺมภาวโตติ ปฺุกิริยา. ปเรสํ ปิยมนาปตาเสวนียตาทีนํ อานิสํสานํ. ปุพฺเพ…เป… วเสเนวาติ สงฺขารตฺติเก (ที. นิ. ๓.๓๐๕; ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕) วุตฺตทานมยสีลมยภาวนามยเจตนาวเสเนว. อิมานิ เวทิตพฺพานีติ สมฺพนฺโธ. เอตฺถาติ เอเตสุ ปฺุกิริยวตฺถูสุ. กาเยน กโรนฺตสฺสาติ อตฺตโน กาเยน ปริจฺจาคปโยคํ ¶ ปวตฺเตนฺตสฺส. ตทตฺถนฺติ ทานตฺถํ. ‘‘อิมํ เทยฺยธมฺมํ เทหี’’ติ วาจํ นิจฺฉาเรนฺตสฺส. ทานปารมึ อาวชฺเชตฺวา วาติ ยถา เกวลํ ‘‘อนฺนทานาทีนิ เทมี’’ติ ทานกาเล ตํ ทานมยํ ปฺุกิริยวตฺถุ โหติ, เอวํ ‘‘อิมํ ทานมยํ สมฺมาสมฺโพธิยา ปจฺจโย โหตู’’ติ ทานปารมึ อาวชฺเชตฺวา ทานกาเลปิ ทานสีเสเนว ปวตฺติตตฺตา. วตฺตสีเส ตฺวาติ ‘‘เอตํ ทานํ นาม มยฺหํ กุลวํโส กุลตนฺติ กุลปเวณี กุลจาริตฺต’’นฺติ จาริตฺตสีเล ตฺวา ททโต จาริตฺตสีลมยํ. ยถา เทยฺยธมฺมปริจฺจาควเสน ปวตฺตมานาปิ ทานเจตนา วตฺตสีเส ตฺวา ททโต สีลมยํ ปฺุกิริยวตฺถุ โหติ ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส, อปรภาคเจตนาย จ ตถา ปวตฺตตฺตา, เอวํ เทยฺยธมฺเม ขยโต, วยโต สมฺมสนํ ปฏฺเปตฺวา ททโต ภาวนามยํ ปฺุกิริยวตฺถุ โหติ ปุพฺพภาคเจตนาย, เทยฺยธมฺเม อปรภาคเจตนาย จ ตถา ปวตฺตตฺตา.
อปจีติเจตนา อปจิติสหคตํ อปจียติ เอตายาติ ยถา นนฺทีราโค เอว นนฺทีราคสหคตา, ยถาวุตฺตาย วา อปจิติยา สหคตํ สหปวตฺตนฺติ อปจิติสหคตํ ¶ . อปจายนวเสน ปวตฺตํ ปฺุกิริยวตฺถุ. วยสา คุเณหิ จ วุฑฺฒตรานํ วตฺตปฏิปตฺตีสุ พฺยาวโฏ โหติ ยาย เจตนาย, สา เวยฺยาวจฺจํ, เวยฺยาวจฺจเมว เวยฺยาวจฺจสหคตํ. เวยฺยาวจฺจสงฺขาตาย วา วตฺตปฏิปตฺติยา สมุฏฺาปนวเสเนว สหคตํ ปวตฺตนฺติ เวยฺยาวจฺจสหคตํ, ตถาปวตฺตํ ปฺุกิริยวตฺถุ. อตฺตโน สนฺตาเน ปตฺตํ ปฺุํ อนุปฺปทียติ เอเตนาติ ปตฺตานุปฺปทานํ. ตถา ปเรน ¶ อนุปฺปทินฺนตาย ปตฺตํ อพฺภนุโมทติ เอเตนาติ ปตฺตพฺภนุโมทนํ. อนนุปฺปทินฺนํ ปน เกวลํ อพฺภนุโมทียติ เอเตนาติ อพฺภนุโมทนํ. ธมฺมํ เทเสติ เอตายาติ เทสนา, เทสนาว เทสนามยํ. สุณาติ เอเตนาติ สวนํ, สวนเมว สวนมยํ. ทิฏฺิยา าณสฺส อุชุคมนํ ทิฏฺิชุคตํ. สพฺพตฺถ ‘‘ปฺุกิริยวตฺถู’’ติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา นปุํสกลิงฺคตา.
ปูชาวเสน สามีจิกิริยา อปจายนํ อปจิติ. วยสา คุเณหิ จ เชฏฺานํ คิลานานฺจ ตํตํกิจฺจกรณํ เวยฺยาวจฺจํ. อยเมเตสํ วิเสโสติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. จตฺตาโร ปจฺจเย ทตฺวา สพฺพสตฺตานนฺติ จ เอกเทสโต อุกฺกฏฺนิทฺเทโส, ยํ กิฺจิ เทยฺยธมฺมํ ทตฺวา, ปฺุํ วา กตฺวา ‘‘กติปยานํ, เอกสฺเสว วา ปตฺติ โหตู’’ติ ปริณามนมฺปิ ปตฺตานุปฺปทานเมว. ตํ น มหปฺผลํ ตณฺหาย ปรามฏฺตฺตา. ปเรสํ เทเสติ ¶ หิตผรเณน มุทุจิตฺเตนาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เอวนฺติ เอวํ อิมํ ธมฺมํ สุตฺวา พหุสฺสุโต หุตฺวา ปเร ธมฺมเทสนาย อนุคฺคณฺหิสฺสามีติ หิตผรเณน มุทุจิตฺเตน ธมฺมํ สุณาติ. เอวฺหิสฺส สวนํ อตฺตโน, ปเรสฺจ สมฺมาปฏิปตฺติยา ปจฺจยภาวโต มหปฺผลํ ภวิสฺสตีติ. สพฺเพสนฺติ สพฺเพสมฺปิ ทสนฺนํ ปฺุกิริยวตฺถูนํ. นิยมลกฺขณนฺติ มหปฺผลภาวสฺส นิยามกสภาวํ ¶ . ทิฏฺิยา อุชุภาเวเนวาติ ‘‘อตฺถิ, นตฺถี’’ติ อนฺตทฺวยสฺส ทุรสมุสฺสาริตตาย ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๒.๙๔; ๓.๑๓๖; วิภ. ๗๙๓) นยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฏฺิยา อุชุกเมว ปวตฺติยา. ทานาทีสุ หิ ยํ กิฺจิ อิมาย เอว สมฺมาทิฏฺิยา ปริโสธิตํ มหาชุติกํ มหาวิปฺผารํ ภวติ.
ปุริเมเหว ตีหีติ ปาฬิยํ อาคเตเหว ตีหิ. สีลมเย ปฺุกิริยวตฺถุมฺหิ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ จาริตฺตสีลภาวโต. ทานมเย สงฺคหํ คจฺฉนฺติ ทานสภาวตฺตา, ทานวิสยตฺตา จ. กามํ เทสนา ธมฺมทานสภาวโต ทานมเย สงฺคหํ คจฺฉตีติ วตฺตุํ ยุตฺตา, กุสลธมฺมาเสวนภาวโต ปน วิมุตฺตายตนสีเส ตฺวา ปวตฺติตา วิย สวเนน สทฺธึ ภาวนามเย สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ. ‘‘ทิฏฺิชุคตํ ภาวนามเย’’ติ เกจิ. ทิฏฺิชุคเต เอว จ อตฺตนา กตสฺส ปฺุสฺส อนุสฺสรณํ, ตสฺส จ ปเรสํ อตฺถาย ปริณามนํ, คุณปสํสา, อฺเหิ กริยมานาย ปฺุกิริยาย, สมฺมาปฏิปตฺติยา จ อนุโมทนํ สรณคมนนฺติ เอวํ อาทโย ปฺุวิเสสา สงฺคหํ คจฺฉนฺติ ทิฏฺิชุกมฺมวเสเนว เตสํ อิชฺฌนโต.
ปรสฺส ปฏิปตฺติยา โสธนตฺโถ อนุโยโค โจทนา, สา ยานิ นิสฺสาย ปวตฺตติ, ตานิ โจทนาวตฺถูนิ ทิฏฺสุตปริสงฺกิตานิ. เตนาห ‘‘โจทนาการณานี’’ติ. ทิฏฺเนาติ จ เหตุมฺหิ กรณวจนํ ¶ , ทิฏฺเน เหตุนาติ อตฺโถ. กึ ปน ตํ ทิฏฺนฺติ อาห ‘‘วีติกฺกม’’นฺติ ¶ . ทิสฺวาติ จ ทสฺสนเหตูติ อยเมตฺถ อตฺโถ ยถา ‘‘ปฺาย จสฺส ทิสฺวา’’ติ. ‘‘สุเตนา’’ติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปรสฺสาติ ปรโต, ปรสฺส วา วจนํ สุตฺวา.ทิฏฺปริสงฺกิเตนาติ ทิฏฺานุคเตน ปริสงฺกิเตน, ตถา ปริสงฺกิเตน วา วีติกฺกเมน. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. โจเทติ วตฺถุสนฺทสฺสเนน วา สํวาสปฺปฏิกฺเขเปน ¶ วา สามีจิปฺปฏิกฺเขเปน วา. อิมสฺมึ ปน อตฺเถ วิตฺถาริยมาเน อติปฺปปฺโจ โหตีติ อาห ‘‘อยเมตฺถ สงฺเขโป’’ติ. วิตฺถารํ ปน อิจฺฉนฺตานํ ตสฺส อธิคมุปายํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิตฺถาโร ปน…เป… เวทิตพฺโพ’’ติ อาห.
กามูปปตฺติโยติ กาเมหิ อุปปนฺนตา, สมนฺนาคตตาติ อตฺโถ. สมนฺนาคโม จ เตสํ ปฏิเสวนํ, สมธิคโม จาติ อาห ‘‘กามูปเสวนา กามปฏิลาภา วา’’ติ. ปจฺจุปฏฺิตกามาติ ทุติยตติยราสีนํ วิย สยํ, ปเรหิ จ อนิมฺมิตา. อุฏฺานกมฺมผลูปชีวิภาวโต ปน ตทุภยวเสน ปจฺจุปฏฺิตา กามา เอเตสนฺติ ปจฺจุปฏฺิตกามา. เต ปน เตสํ เยภุยฺเยน นิพทฺธานิ โหนฺตีติ ‘‘นิพทฺธกามา’’ติ วุตฺตํ. จตุเทวโลกวาสิโนติ จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย ยาว ตุสิตา เทวา. วินิปาติกาติ อาปายิกา. ปรนิมฺมิตา กามา เอเตสนฺติ ปรนิมฺมิตกามา.
ปกติเสวนวเสนาติ อนุมานโต ชานนํ วทติ, น ปจฺจกฺขโต. วสํ วตฺเตนฺตีติ ยถารุจิ ปาตพฺยตํ อาปชฺชนฺติ. ‘‘เมถุนํ ปฏิเสวนฺตี’’ติ อิทํ ปน เกจิวาทปฏิเสธนตฺถํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘เกจิ ปนา’’ติอาทิ. เต ‘‘ยามานํ อฺมฺํ อาลิงฺคิตมตฺเตน ¶ , ตุสิตานํ หตฺถามสนมตฺเตน, นิมฺมานรตีนํ หสิตมตฺเตน, ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ โอโลกิตมตฺเตน กามกิจฺจํ อิชฺฌตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘อิตเรสํ ทฺวินฺนํ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติยา วา’’ติ วทนฺติ ตาทิสสฺส กาเมสุ วิรชฺชนสฺส เตสุ อภาวโต, กามานฺจ อุตฺตรุตฺตริ ปณีตปณีตตรปณีตตมภาวโต. เกวลํ ปน นิสฺสนฺทาภาโว เตสํ วตฺตพฺโพ. กามกิจฺจนฺติ ตงฺขณิกปริฬาหูปสมาวหํ ผสฺสสุขํ. กามาติ กามูปโภคา. ปากติกา เอวาติ เหฏฺิเมหิ เอกสทิสา เอว. เอกสงฺขาตนฺติ เอกรูปํ สมานรูปนฺติ, สมฺาตํ สมานภาวนฺติ วา อตฺโถ.
สุขปฏิลาภาติ สุขสมธิคมา. เหฏฺาติ ปมชฺฌานภูมิโต เหฏฺา มนุสฺเสสุ, เทเวสุ วา. ปมชฺฌานสุขนฺติ กุสลปมชฺฌานํ. ภูมิวเสนปิ เหฏฺุปริภาโว ลพฺภเตว พฺรหฺมกายิเกสุ, พฺรหฺมปุโรหิเตสุ วา กุสลชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมปุโรหิเตสุ, มหาพฺรหฺเมสุ วา วิปากสุขานุภวนสฺส ลพฺภนโต. เอตฺถ จ ทุติยตติยชฺฌานภูมิวเสน ทุติยตติยสุขูปปตฺตีนํ ¶ วุจฺจมานตฺตา ปมชฺฌานภูมิวเสเนว ปมชฺฌานสุขูปปตฺติ ¶ วุตฺตา. ตินฺตาติ เตมิตา, ฌานสุเขน เจว ฌานสมุฏฺานปณีตรูปผุฏฺกาเยน จ ปณีตา วิตฺตาติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘สมนฺตโต ตินฺตา’’ติอาทิ. ยสฺมา กุสลสุขโต วิปากสุขํ สนฺตตรตาย ปณีตตรํ พหุลฺจ ปวตฺตติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อิทมฺปิ วิปากชฺฌานสุขํ เอว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. เตสนฺติ อาภสฺสรานํ. สปฺปีติกสฺส สุขสฺส อติวิย อุฬารภาวโต ¶ เตน อชฺโฌตฺถตจิตฺตานํ ภวโลโภ มหา อุปฺปชฺชติ. สนฺตเมวาติ วิตกฺกวิจารสงฺโขภปีติอุพฺพิลาวิวิคเมน อติวิย อุปสนฺตํเยว. ตถา สนฺตภาเวเนว หิ ตํ อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปธานภาวํ นีตตาย ‘‘ปณีต’’นฺติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘ปณีตเมวา’’ติ. อตปฺปเกน สุขปารมิปฺปตฺเตน สุเขน สํยุตฺตาย ตุสาย ปีติยา อิตา ปวตฺตาติ ตุสิตา. ยสฺมา เต ตโต อุตฺตริ สุขสฺส อภาวโต เอว น ปตฺเถนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตโต…เป… สนฺตุฏฺา หุตฺวา’’ติ. ตติยชฺฌานสุขนฺติ ตติยชฺฌานวิปากสุขํ.
สตฺต อริยปฺาติ อฏฺมกโต ปฏฺาย สตฺตนฺนํ อริยานํ เตสํ เตสํ อาเวณิกปฺา. เปตฺวา โลกุตฺตรํ ปฺํ อวเสสา ปฺา นาม. สพฺพาปิ เตภูมิกา ปฺา ‘‘เสกฺขา’’ติปิ น วตฺตพฺพา, ‘‘อเสกฺขา’’ติปิ น วตฺตพฺพาติ เนวเสกฺขานาเสกฺขา, ปุถุชฺชนปฺา.
โยควิหิเตสูติ ปฺาวิหิเตสุ ปฺาปริณามิเตสุ อุปายปฺาย สมฺปาทิเตสุ. กมฺมายตเนสูติ เอตฺถ กมฺมเมว กมฺมายตนํ, กมฺมฺจ ตํ อายตนฺจ อาชีวาทีนนฺติ วา กมฺมายตนํ. เอส นโย สิปฺปายตเนสุปิ. ตตฺถ จ ทุวิธํ กมฺมํ หีนฺจ วฑฺฒกิกมฺมาทิ, อุกฺกฏฺฺจ กสิวาณิชฺชาทิ. สิปฺปมฺปิ ทุวิธํ หีนฺจ นฬการสิปฺปาทิ, อุกฺกฏฺฺจ มุทฺทคณนาทิ. วิชฺชาว วิชฺชาฏฺานํ, ตํ ธมฺมิกเมว นาคมณฺฑลปริตฺตผุธมนกมนฺตสทิสํ เวทิตพฺพํ. ตานิ ปเนตานิ เอกจฺเจ ปณฺฑิตา โพธิสตฺตสทิสา มนุสฺสานํ ผาสุวิหารํ อากงฺขนฺตา เนว อฺเหิ กริยมานานิ ปสฺสนฺติ, น วา กตานิ อุคฺคณฺหนฺติ. น กโรนฺตานํ สุณนฺติ, อถ โข อตฺตโน ธมฺมตาย ¶ จินฺตาย กโรนฺติ. ปฺวนฺเตหิ อตฺตโน ธมฺมตาย จินฺตาย กตานิปิ อฺเหิ อุคฺคณฺหิตฺวา กโรนฺเตหิ กตสทิสาเนว โหนฺติ. กมฺมสฺสกตนฺติ ‘‘อิทํ กมฺมํ สตฺตานํ สกํ, อิทํ โน สก’’นฺติ เอวํ ชานนาณํ. สจฺจานุโลมิกนฺติ วิปสฺสนาาณํ. ตฺหิ สจฺจปฏิเวธสฺส อนุโลมนโต ‘‘สจฺจานุโลมิก’’นฺติ วุจฺจติ. อิทานิสฺส ปวตฺตนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ อนิจฺจนฺติ วา’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. ตตฺถ วา-สทฺเทน อนิยมตฺเถน ทุกฺขานตฺตลกฺขณานิปิ คหิตาเนวาติ ทฏฺพฺพํ นานนฺตริยกภาวโต. ยฺหิ อนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ. ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตาติ [(สิชฺฌนโต) อธิกปาโ วิย ทิสฺสติ]. ยํ เอวรูปนฺติ ยํ เอวํ เหฏฺา นิทฺทิฏฺสภาวํ. ‘‘อนุโลมิกํ ขนฺติ’’นฺติอาทีนิ ปฺาเววจนานิ ¶ . สา หิ เหฏฺา วุตฺตานํ กมฺมายตนาทีนํ ปฺจนฺนํ การณานํ อปจฺจนีกทสฺสเนน อนุโลมนโต, ตถา สตฺตานํ หิตจริยาย มคฺคสจฺจสฺส, ปรมตฺถสจฺจสฺส จ นิพฺพานสฺส อวิโลมนโต อนุโลเมตีติ จ อนุโลมิกา. สพฺพานิปิ เอตานิ การณานิ ขมติ สหติ ทฏฺุํ สกฺโกตีติ ขนฺติ. ปสฺสตีติ ทิฏฺิ. โรเจตีติ รุจิ. มุนาตีติ มุติ. เปกฺขตีติ เปกฺขา. เต จ กมฺมายตนาทโย ธมฺมา นิชฺฌายมานา เอตาย นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติ. ปรโต อสุตฺวา ปฏิลภตีติ อฺสฺส อุปเทสวจนํ อสุตฺวา สยเมว จินฺเตนฺโต ปฏิลภติ. อยํ วุจฺจตีติ อยํ จินฺตามยา ปฺา นาม วุจฺจติ. สา ปเนสา อภิฺาตานํ โพธิสตฺตานเมว อุปฺปชฺชติ. ตตฺถาปิ สจฺจานุโลมิกาณํ ทฺวินฺนเมว โพธิสตฺตานํ อนฺติมภวิกานํ, เสสปฺา สพฺเพสมฺปิ ปูริตปารมีนํ มหาปฺานํ อุปฺปชฺชติ.
ปรโต สุตฺวา ปฏิลภตีติ กมฺมายตนาทีนิ ปเรน กริยมานานิ, ปเรน กตานิ วา ทิสฺวาปิ ปรสฺส กถยมานสฺส วจนํ สุตฺวาปิ อาจริยสนฺติเก อุคฺคเหตฺวาปิ ¶ ปฏิลทฺธา สพฺพา ปรโต สุตฺวา ปฏิลทฺธนามาติ เวทิตพฺพา. สมาปนฺนสฺสาติ สมาปตฺติสมงฺคิสฺส, นิทสฺสนมตฺตเมตํ. วิปสฺสนามคฺคปฺา หิ อิธ ‘‘ภาวนาปฺา’’ติ วิเสสโต อิจฺฉิตาติ.
อาวุธํ นาม ปฏิปกฺขวิมถนตฺถํ อิจฺฉิตพฺพํ, ราคาทิสทิโส จ ปฏิปกฺโข นตฺถิ, ตสฺส จ วิมถนํ พุทฺธวจนเมวาติ ‘‘สุตเมว อาวุธ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตํ อตฺถโต เตปิฏกํ พุทฺธวจน’’นฺติ อาห. อิทานิ ตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘ตํ หี’’ติ อาทึ วตฺวา ‘‘สุตาวุโธ’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๖๗) สุตฺตปเทน สมตฺเถติ. ตตฺถ อกุสลํ ปชหตีติ ตทงฺคาทิวเสน อกุสลํ ปริจฺจชติ. กุสลํ ภาเวตีติ สมถวิปสฺสนาทิกุสลํ ธมฺมํ อุปฺปาเทติ วฑฺเฒติ จ. สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรตีติ เตน อกุสลปฺปหาเนน, ตาย จ กุสลภาวนาย ราคาทิสํกิเลสโต วิสุทฺธํ อตฺตภาวํ ปวตฺเตติ.
วิเวกฏฺกายานนฺติ ¶ คณสงฺคณิกํ วชฺเชตฺวา ตโต อปกฑฺฒิตกายานํ. สฺวายํ กายวิเวโก น เกวลํ เอกากีภาโว, อถ โข ปมชฺฌานาทิ เนกฺขมฺมโยคโตติ อาห ‘‘เนกฺขมฺมาภิรตาน’’นฺติ. จิตฺตวิเวโกติ กิเลสสงฺคณิกํ ปหาย ตโต จิตฺตสฺส วิวิตฺตตา. สา ปน ฌานวิโมกฺขาทีนํ วเสน โหตีติ อาห ‘‘ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตาน’’นฺติ. อุปธิวิเวโกติ นิพฺพานํ. ตทธิคเมน หิ ปุคฺคลสฺส นิรุปธิตา. เตนาห ‘‘นิรุปธีนํ ปุคฺคลาน’’นฺติ, วิสงฺขารคตานํ อธิคตนิพฺพานานํ, ผลสมาปตฺติสมงฺคีนฺจาติ อตฺโถ. สุตมฺปิ อวสฺสยฏฺเเนว อาวุธํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อยมฺปี’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ตฺหิ นิสฺสายา’’ติ. กามฺเจตฺถ ¶ สุตปวิเวกาปิ ปฺาวเสเนว ยถาธิปฺเปตอาวุธตฺตสาธกา ¶ , ปฺา ปน สุเตน, เอกจฺจปวิเวเกน วา วินาปิ อิธาธิปฺเปตอาวุธตฺตสาธนีติ ตโต ปฺา สามตฺถิยทสฺสนตฺถํ วิสุํ อาวุธภาเวน วุตฺตา. เตนาห ‘‘ยสฺส สา อตฺถิ, โส น กุโตจี’’ติอาทิ.
นาฺาตํ อวิทิตํ ธมฺมนฺติ อนมตคฺเค สํสารวฏฺเฏ น อฺาตํ อวิทิตํ อมตธมฺมํ, จตุสจฺจธมฺมเมว วา ชานิสฺสามีติ ปฏิปนฺนสฺส อิมินา ปุพฺพาโภเคน อุปฺปนฺนํ อินฺทฺริยํ. ยํ ปาฬิยํ สงฺคหวาเร ‘‘นว อินฺทฺริยานิ โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปุพฺพาโภคสิทฺธํ ปวตฺติอาการวิเสสํ ทีเปตุํ วุตฺตํ, อตฺถโต ปน มคฺคสมฺมาทิฏฺิ เอว สาติ อาห ‘‘โสตาปตฺติมคฺคาณสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. อฺินฺทฺริยนฺติ อาชานนกอินฺทฺริยํ, ปมมคฺเคน าตมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวา เตสํเยว เตน มคฺเคน าตานํ จตุสจฺจธมฺมานํ ชานนกอินฺทฺริยนฺติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘อฺาภูตํ อาชานนภูตํ อินฺทฺริย’’นฺติ. อาชานาตีติ อฺโ, อฺสฺส ภูตํ, อาชานนวเสน วา ภูตนฺติ อฺภูตํ.อฺาตาวีสูติ ชานิตพฺพํ จตุอริยสจฺจํ อาชานิตฺวา ิเตสุ. เตนาห ‘‘ชานนกิจฺจปริโยสานปฺปตฺเตสู’’ติ, ปริฺาทิเภทสฺส ชานนกิจฺจสฺส ปรินิฏฺานปฺปตฺเตสุ.
มํสจกฺขุ จกฺขุปสาโทติ มํสจกฺขุ นาม จตสฺโส ธาตุโย, วณฺโณ, คนฺโธ, รโส, โอชา, สมฺภโว, สณฺานํ, ชีวิตํ, ภาโว, กายปฺปสาโท, จกฺขุปสาโทติ เอวํ จุทฺทสสมฺภาโร มํสปิณฺโฑ.
กสิณาโลกํ ¶ ¶ วฑฺเฒตฺวา ตตฺถ รูปทสฺสนโต ‘‘ทิพฺพจกฺขุ อาโลกนิสฺสิตํ าณ’’นฺติ วุตฺตํ. ทิพฺพจกฺขุปฺาวินิมุตฺตา เอว โลกิยปฺา ปฺาจกฺขูติ อยมตฺโถ อวุตฺตสิทฺโธ ทิพฺพจกฺขุสฺส วิสุํ คหิตตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘ปฺาจกฺขุ โลกิยโลกุตฺตรปฺา’’ติ.
อธิกํ วิสิฏฺํ สีลนฺติ อธิสีลํ. สิกฺขิตพฺพโตติ อาเสวิตพฺพโต. อธิสีลํ นาม อนวเสสกายิกวาจสิกสํวรภาวโต, มคฺคสีลสฺส ปทฏฺานภาวโต จ. อธิจิตฺตํ มคฺคสมาธิสฺส อธิฏฺานภาวโต. อธิปฺา มคฺคปฺาย อธิฏฺานภาวโต. อิทานิ เนสํ อธิสีลาทิภาวํ การเณน ปฏิปาเทตุํ ‘‘อนุปฺปนฺเนปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อนุปฺปนฺเนติ อปฺปวตฺเต. อธิสีลเมว นิพฺพานาธิคมสฺส ปจฺจยภาวโต. สมาปนฺนาติ เอตฺถ ‘‘นิพฺพานํ ปตฺถยนฺเตนา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.
‘‘กลฺยาณการี ¶ กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปกํ;
อนุโภติ ทฺวยมฺเปตุํ, อนุพนฺธฺหิ การก’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๖);
เอวํ อตีเต, อนาคเต จ วฏฺฏมูลกทุกฺขสลฺลกฺขณวเสน สํเวควตฺถุตาย วิมุตฺติอากงฺขาย ปจฺจยภูตา กมฺมสฺสกตาปฺา อธิปฺา’’ติ วทนฺติ. โลกิยสีลาทีนํ อธิสีลาทิภาโว ปริยาเยนาติ นิปฺปริยายเมว ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ปฺจทฺวาริกกาโยติ ปฺจทฺวาเรสุ กาโย ผสฺสาทิธมฺมสมูโห. กาโย จ โส ภาวิตภาเวน ภาวนา จาติ กายภาวนา นาม. ยสฺมา ขีณาสวานํ อคฺคมคฺคาธิคมเนน สพฺพสํกิเลสา ปหีนาติ ปหีนกาลโต ปฏฺาย สพฺพโส อาเสวนาภาวโต นตฺถิ ¶ เตสํ ภาวินิยาปิ จกฺขุโสตวิฺเยฺยา ธมฺมา, ปเคว กาฬกา, ตสฺมา ปฺจทฺวาริกกาโย สุภาวิโต เอว โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ขีณาสวสฺส หิ…เป… สุภาวิโต โหตี’’ติ. น อฺเสํ วิย ทุพฺพลา ทุพฺพลภาวกรานํ กิเลสานํ สพฺพโส ปหีนตฺตา.
วิปสฺสนา ทสฺสนานุตฺตริยํ อนิจฺจานุปสฺสนาทิวเสน สงฺขารานํ สมฺมเทว ทสฺสนโต. มคฺโค ปฏิปทานุตฺตริยํ ตทุตฺตริปฏิปทาย อภาวโต. ผลํ วิมุตฺตานุตฺตริยํ อกุปฺปภาวโต. ผลํ วา ทสฺสนานุตฺตริยํ ทิวสมฺปิ นิพฺพานํ ¶ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา ปวตฺตนโต. นิพฺพานํ วิมุตฺตานุตฺตริยํ สพฺพสงฺขตวินิสฺสฏตฺตา. ทสฺสน-สทฺทํ กมฺมสาธนํ คเหตฺวา นิพฺพานสฺส ทสฺสนานุตฺตริยตา วุตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตโต อุตฺตรฺหิ ทฏฺพฺพํ นาม นตฺถี’’ติ อาห. นตฺถิ อิโต อุตฺตรนฺติ อนุตฺตรํ, อนุตฺตรเมว อนุตฺตริยนฺติ อาห ‘‘อุตฺตมํ เชฏฺก’’นฺติ.
เสโสติ วุตฺตาวเสโส ปฺจกนเยน, จตุกฺกนเยน จ ติวิโธ สมาธิ, อิมินา เอว จ สมาธิตฺตยาปเทเสน สุตฺตนฺเตสุปิ ปฺจกนโย อาคโต เอวาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถมฺชูสายํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๓๘) วุตฺตเมว, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อาคจฺฉติ นามํ เอตสฺมาติ อาคมนํ, ตโต อาคมนโต.สคุณโตติ สรสโต. อารมฺมณโตติ อารมฺมณธมฺมโต. อนตฺตโต อภินิวิสิตฺวาติ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา. อนตฺตโต ทิสฺวาติ ปมํ สงฺขารานํ ‘‘อนตฺตา’’ติ อนตฺตลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา. อนตฺตโต วุฏฺาตีติ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาย อนตฺตาการโต ปวตฺตาย มคฺควุฏฺานํ ¶ ปาปุณาติ. อสฺุตตฺตการกานํ กิเลสานํ ¶ อภาวาติ อตฺตาภินิเวสปจฺจยานํ ทิฏฺเกฏฺานํ กิเลสานํ วิกฺขมฺภนโต วิปสฺสนา สฺุตา นาม อตฺตสฺุตาย ยาถาวโต คหณโต. นนุ เอวํ วิปสฺสนาย สคุณโต สฺุตา, น อาคมนโตติ นิปฺปริยายโต นตฺถีติ? สจฺจเมตํ นามลาเภ, น ปน นามทาเนติ นายํ โทโส. อถ วา สุตฺตนฺตกถา นาม ปริยายกถา, น อภิธมฺมกถา วิย นิปฺปริยายาติ ภิยฺโยปิ น โกจิ โทโส.
ยสฺมา สคุณโต, อารมฺมณโต จ นามลาเภ สงฺกโร โหติ เอกสฺเสว นามนฺตรลาภสมฺภวโต. อาคมนโต ปน นามลาเภ สงฺกโร นตฺถิ นามนฺตรลาภาภาวโต, อสมฺภวโต จ, ตสฺมา ‘‘อปโร’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิมิตฺตการกกิเลสาภาวาติ นิจฺจนิมิตฺตาทิคฺคาหกปจฺจยานํ กิเลสานํ วิกฺขมฺภนโต. กามฺจายํ วิปสฺสนา นิจฺจนิมิตฺตาทึ อุคฺฆาเฏนฺตี ปวตฺตติ, สงฺขารนิมิตฺตสฺส ปน อวิสฺสชฺชนโต น นิปฺปริยายโต อนิมิตฺตนามํ ลภตีติ. ปริยาเยน ปเนตํ วุตฺตํ. ตถา หิ นิปฺปริยายเทสนตฺตา อภิธมฺเม มคฺคสฺส อนิมิตฺตนามํ อุทฺธฏํ. สุตฺเต จ –
‘‘อนิมิตฺตฺจ ¶ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;
ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺโต จริสฺสสี’’ติ. (สุ. นิ. ๓๔๔; สํ. นิ. ๑.๒๑๒);
อนิมิตฺตปริยาโย อาคโต. ปณิธิการกกิเลสาภาวาติ สุขปณิธิอาทิปจฺจยานํ กิเลสานํ วิกฺขมฺภนโต.
ราคาทีหิ สฺุตฺตาติ สมุจฺเฉทวเสน ปชหนโต ราคาทีหิ วิวิตฺตตฺตา. ราคาทโย เอว ราคนิมิตฺตาทีนิ. ปุริมุปฺปนฺนา หิ ราคาทโย ปรโต อุปฺปชฺชนกราคาทีนํ การณํ โหติ. ราคาทโย เอว ตถา ปณิธานสฺส ปจฺจยภาวโต ราคปณิธิอาทโย. นิพฺพานํ วิสงฺขารภาเวเนว สพฺพสงฺขารวินิสฺสฏตฺตา ราคาทีหิ สฺุํ, ราคาทินิมิตฺตปณิธิวิรหิตฺจาติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ สงฺขารุเปกฺขา ¶ สานุโลมา วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา, สา สฺุโต วิปสฺสนฺตี ‘‘สฺุตา’’ติ วุจฺจติ, ทุกฺขโต ปสฺสนฺตี ตณฺหาปณิธิโสสนโต ‘‘อปฺปณิหิตา’’ติ. สา มคฺคาธิคมาย อาคมนปฏิปทาาเน ตฺวา มคฺคสฺส ‘‘สฺุตํ อนิมิตฺตํ อปฺปณิหิต’’นฺติ นามํ เทติ. อาคมนโต จ นาเม ลทฺเธ สคุณโต จ อารมฺมณโต จ นามํ สิทฺธเมว โหติ, น ปน สคุณารมฺมเณหิ นามลาเภ สพฺพตฺถ อาคมนโต นามํ สิทฺธํ โหตีติ ปริปุณฺณนามสิทฺธิเหตุตฺตา, ‘‘สคุณารมฺมเณหิ ¶ สพฺเพสมฺปิ นามตฺตยโยโค, น อาคมนโต’’ติ ววตฺถานกรตฺตา จ นิปฺปริยายโต อาคมนโตว นามลาโภ ปธานํ, น อิตเรหิ, ปริยายโต ปน ติธา นามลาโภ อิจฺฉิตพฺโพติ อฏฺกถายํ ‘‘ติวิธา กถา’’ติอาทินา อยํ วิจาโร กโตติ ทฏฺพฺพํ.
สุจิภาโวติ กิเลสาสุจิวิคเมน สุทฺธภาโว อสํกิลิฏฺภาโว. เตนาห ‘‘ติณฺณํ สุจริตานํ วเสน เวทิตพฺโพ’’ติ.
มุนิโน เอตานีติ โมเนยฺยานิ. เยหิ ธมฺเมหิ อุภยหิตมุนนโต มุนิ นาม โหติ, เต เอวํ วุตฺตาติ อาห ‘‘มุนิภาวกรา โมเนยฺยปฏิปทา ธมฺมา’’ติ. ตตฺถ ยสฺมา กาเยน อกตฺตพฺพสฺส อกรณํ, กตฺตพฺพสฺส จ กรณํ, ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ๓.๑๕๓; อ. นิ. ๖.๒๙; ๑๐.๖๐; วิภ. ๓๕๖; ขุ. ปา. ๓.๑; เนตฺติ. ๔๗) กายสงฺขาตสฺส อารมฺมณสฺส ชานนํ, กายสฺส จ สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต นิสฺสรณโต จ ยาถาวโต ปริชานนํ, ตถา ¶ ปริชานนวเสน ปวตฺโต วิปสฺสนามคฺโค, เตน จ กาเย ฉนฺทราคสฺส ปชหนํ, กายสงฺขารํ นิโรเธตฺวา ปตฺตพฺพสมาปตฺติ จาติ สพฺเพ เอเต กายมุเขน ¶ ปวตฺตา โมเนยฺยปฏิปทา ธมฺมา กายโมเนยฺยํ นาม. ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ติวิธกายทุจฺจริตสฺส ปหาน’’นฺติอาทินา ปาฬิ อาคตา. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. ตตฺถ โจปนวาจฺเจว สทฺทวาจฺจ อารพฺภ ปวตฺตา ปฺา วาจารมฺมเณ าณํ. ตสฺส วาจาย สมุทยาทิโต ปริชานนํ วาจาปริฺา. เอกาสีติวิธํ โลกิยจิตฺตํ อารพฺภ ปวตฺตาณํ มนารมฺมเณ าณํ. ตสฺส สมุทยาทิโต ปริชานนํ มโนปริฺาติ อยเมว วิเสโส.
อยนฺติ อิโต สมฺปตฺติโยติ อาโย, กุสลานํ ธมฺมานํ อภิพุทฺธีติ อาห ‘‘อาโยติ วุฑฺฒี’’ติ. อเปนฺติ สมฺปตฺติโย เอเตนาติ อปาโย, กุสลานํ ธมฺมานํ หานีติ อาห ‘‘อปาโยติ อวุฑฺฒี’’ติ. ตสฺส ตสฺสาติ อายสฺส จ อปายสฺส จ. การณํ อุปาโย อุเปติ อุปคจฺฉติ เอเตน อาโย, อปาโย จาติ. ตตฺถ ทุวิธา วุฑฺฒิ อนตฺถหานิโต, อตฺถุปฺปตฺติโต จ, ตถา อวุฑฺฒิ อตฺถหานิโต, อนตฺถุปฺปตฺติโต จ. เตสํ ปชานนาติ เตสํ อายาปายสฺิตานํ ยถาวุตฺตปฺปเภทานํ วุฑฺฒิอวุฑฺฒีนํ ยาถาวโต ปชานนา. โกสลฺลํ กุสลตา นิปุณตา. ตทุภยมฺปิ ปาฬิวเสเนว ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ อิทํ วุจฺจตีติ ยา อิเมสํ อกุสลธมฺมานํ อนุปฺปตฺตินิโรเธสุ, กุสลธมฺมานฺจ อุปฺปตฺติภิยฺโยภาเวสุ ¶ ปฺา, อิทํ อายโกสลฺลํ นาม วุจฺจติ. อิทานิ อปายโกสลฺลมฺปิ ปาฬิวเสเนว ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ กตม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิทํ วุจฺจตีติ ยา อิเมสํ กุสลธมฺมานํ อนุปฺปชฺชนนิรุชฺฌเนสุ, อกุสลธมฺมานฺจ อุปฺปตฺติภิยฺโยภาเวสุ ปฺา, อิทํ อปายโกสลฺลํ นาม วุจฺจตีติ. เอตฺถาหอายโกสลฺลํ ตาว ปฺา โหตุ, อปายโกสลฺลํ กถํ ปฺา นาม ชาตาติ เอวํ มฺติ ‘‘อปายุปฺปาทนสมตฺถตา อปายโกสลฺลํ นามา’’ติ, ตํ ปน ตสฺส มติมตฺตํ. ปฺวา เอว หิ ‘‘มยฺหํ เอวํ มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺนา ¶ กุสลา ธมฺมา นุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺติ. อนุปฺปนฺนา อกุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา วฑฺฒนฺตี’’ติ ปชานาติ, โส เอวํ ตฺวา อนุปฺปนฺเน อกุสเล ธมฺเม น อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺเน ปชหติ. อนุปฺปนฺเน กุสเล ธมฺเม อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺเน ภาวนาปาริปูรึ ปาเปติ. เอวํ อปายโกสลฺลมฺปิ ปฺา ¶ เอวาติ. สพฺพาปีติ อายโกสลฺลปกฺขิกาปิ อปายโกสลฺลปกฺขิกาปิ. ตตฺรุปายาติ ตตฺร ตตฺร กรณีเย อุปายภูตา.
ตสฺส ติกิจฺฉนตฺถนฺติ อจฺจายิกสฺส กิจฺจสฺส, ภยสฺส วา ปริหรณตฺถํ านุปฺปตฺติยการณชานนวเสเนวาติ าเน ตงฺขเณ เอว อุปฺปตฺติ เอตสฺส อตฺถีติ านุปฺปตฺติกํ, านโส อุปฺปชฺชนกการณํ, ตสฺส ชานนวเสเนว.
มชฺชนาการวเสน ปวตฺตมานาติ อตฺตโน วตฺถุโน มทนียตาย มทสฺส อาปชฺชนากาเรน ปวตฺตมานา อุณฺณติโย. นิโรโคติ อโรโค. มานกรณนฺติ มานสฺส อุปฺปาทนํ. โยพฺพเน ตฺวาติ โยพฺพเน ปติฏฺาย, โยพฺพนํ อปสฺสายาติ อตฺโถ. สพฺเพสมฺปิ ชีวิตํ นาม มรณปภงฺคุรํ ทุกฺขานุพนฺธฺจ, ตทุภยํ อโนโลเกตฺวา, ปพนฺธฏฺิติปจฺจยา สุลภตฺจ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกมโท ชีวิตมโทติ ทสฺเสตุํ ‘‘จิรํ ชีวิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
อธิปติ วุจฺจติ เชฏฺโก, อิสฺสโรติ อตฺโถ. ตโต อธิปติโต อาคตํ อาธิปเตยฺยํ. กึ ตํ? ปาปสฺส อกรณํ. เตนาห ‘‘เอตฺตโกมฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ สีลาทโย โลกิยา เอว ทฏฺพฺพา, ตสฺมา วิมุตฺติยาติ โลกิยวิมุตฺติยา. เชฏฺกนฺติ อิสฺสรํ, ครุนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ จ อตฺตานํ, ธมฺมฺจ อธิปตึ กตฺวา ปาปสฺส อกรณํ หิริยา วเสน เวทิตพฺพํ. โลกํ อธิปตึ กตฺวา อกรณํ โอตฺตปฺปสฺส วเสน.
กถาวตฺถูนีติ กถาย ปวตฺติฏฺานานิ. ยสฺมา ¶ เตหิ วินา กถา นปฺปวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘กถาการณานี’’ติ วุตฺตํ. อทฺธาน-สทฺทสฺส อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว, โส ปนตฺถโต ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตํ ¶ . ธมฺมา เจตฺถ ขนฺธา เอว, ตพฺพินิมุตฺตา จ เตสํ คติ นตฺถีติ อาห ‘‘อตีตํ ธมฺมํ, อตีตกฺขนฺเธติ อตฺโถ’’ติ. อยฺจ อทฺธา นาม ทิสาทิ วิย อตฺถโต ธมฺมปฺปวตฺตึ อุปาทาย ปฺตฺติมตฺตํ, น อุปาทา น ภูตธมฺโมติ ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
‘‘ตมวิชฺฌนฏฺเน วิทิตกรณฏฺเนา’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ปุพฺเพนิวาสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุพฺเพนิวาสนฺติ ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺเธ. ตมนฺติ โมหตมํ. วิชฺฌตีติ วิหนติ, ปชหตีติ อตฺโถ. เตเนว จ ปฏิจฺฉาทกตมวิชฺฌเนน ¶ ปุพฺเพนิวาสฺจ วิทิตํ ปากฏํ กโรตีติ วิชฺชาติ. ตนฺติ จุตูปปาตํ.
อุปปตฺติเทววิเสสภาวาวโห วิหาโรติ กตฺวา ทิพฺโพ วิหาโร. นนุ เอวํ อฺมฺานมฺปิ ทิพฺพวิหารภาโว อาปชฺชตีติ? น ตาสํ สตฺเตสุ หิตูปสํหาราทิวเสน ปวตฺติยา สวิเสสํ นิทฺโทสฏฺเน, เสฏฺฏฺเน จ พฺรหฺมวิหารสมฺาย นิรุฬฺหภาวโต. สุวิสุทฺธิโต ปฏิปกฺขสมุจฺฉินฺทนวเสน อรณียโต ปตฺตพฺพโต, อริยภาวปฺปตฺติยา วา อนนฺตรํ อริโย. อริยานํ อยนฺติ วา อริโย วิหาโร.
เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
ติกวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุกฺกวณฺณนา
๓๐๖. ปุพฺเพติ เหฏฺา มหาสติปฏฺานวณฺณนายํ.
โย ฉนฺโทติ โย ฉนฺทิยนวเสน ฉนฺโท. ฉนฺทิกตาติ ฉนฺทภาโว, ฉนฺทิกรณากาโร วา. กตฺตุกมฺยตาติ กตฺตุกามตา. กุสโลติ เฉโก โกสลฺลสมฺภูโต ¶ . ธมฺมจฺฉนฺโทติ สภาวจฺฉนฺโท. อยฺหิ ฉนฺโท นาม ตณฺหาฉนฺโท, ทิฏฺิฉนฺโท, วีริยฉนฺโท, ธมฺมจฺฉนฺโทติ พหุวิโธ. อิธ กตฺตุกมฺยตากุสลธมฺมจฺฉนฺโท อธิปฺเปโต. ฉนฺทํ ชเนตีติ ตํ ฉนฺทํ อุปฺปาเทติ. ตํ ปวตฺเตนฺโต หิ ชเนติ นาม. วายามํ กโรตีติ ปโยคํ ปรกฺกมํ กโรติ. วีริยํ อารภตีติ กายิกเจตสิกวีริยํ ¶ ปวตฺเตติ. จิตฺตํ อุปตฺถมฺเภตีติ เตเนว สหชาตวีริเยน จิตฺตํ อุกฺขิปติ. ปทหตีติ ปธานํ วีริยํ กโรติ. ปฏิปาฏิยา ปเนตานิ ปทานิ อุปฺปาทนาเสวนาภาวนาพหุลีกมฺมสาตจฺจกิริยาหิ โยเชตพฺพานิ. วิตฺถารํ ปริหรนฺโต ‘‘อยเมตฺถ สงฺเขโป’’ติอาทิมาห.
ฉนฺทํ นิสฺสายาติ ‘‘ฉนฺทวโต เจโตสมาธิ โหติ, มยฺหํ เอวํ โหตี’’ติ เอวํ ฉนฺทํ นิสฺสาย ฉนฺทํ ธุรํ เชฏฺกํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา ปวตฺโต สมาธิ ฉนฺทสมาธิ. ปธานภูตาติ ปธานชาตา, ปธานภาวํ วา ปตฺตา. สงฺขาราติ จตุกิจฺจสาธกํ สมฺมปฺปธานวีริยํ วทติ. เตหิ ธมฺเมหีติ ¶ ยถาวุตฺตสมาธิวีริเยหิ อุเปตํ สมฺปยุตฺตํ. อิทฺธิยา ปาทนฺติ นิปฺผตฺติปริยาเยน อิชฺฌนฏฺเน, อิชฺฌนฺติ เอตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิมินา วา ปริยาเยน ‘‘อิทฺธี’’ติ สงฺขฺยํ คตานํ อุปจารชฺฌานาทิกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตานํ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารานํ อธิฏฺานฏฺเน ปาทภูตํ. ยสฺมา ปุริมา อิทฺธิ ปจฺฉิมาย อิทฺธิยา ปาโท ปาทกํ ปทฏฺานํ โหติ, ตสฺมา ‘‘อิทฺธิภูตํ วา ปาท’’นฺติ จ วุตฺตํ. เสเสสุปีติ ทุติยอิทฺธิปาทาทีสุ. กามฺเจตฺถ ¶ ชนวสภสุตฺเตปิ อิทฺธิปาทวิจาโร อาคโต, โสปิ สงฺเขปโต เอวาติ อาห ‘‘วิตฺถาโร ปน…เป… ทีปิโต’’ติ.
๓๐๗. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต อตฺตภาโวติ อาห ‘‘อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว’’ติ. สุขวิหารตฺถายาติ นิกฺกิเลสตาย นิรามิเสน สุเขน วิหรณตฺถาย. ผลสมาปตฺติฌานานีติ จตฺตาริปิ ผลสมาปตฺติฌานานิ. อปรภาเคติ อาสวกฺขยาธิคมโต อปรภาเค. นิพฺพตฺติตชฺฌานานีติ อธิคตรูปารูปชฺฌานานิ.
สูริยจนฺทปชฺโชตมณิอาทีนนฺติ ปชฺโชตคฺคหเณน ปทีปํ วทติ. อาทิ-สทฺเทน อุกฺกาวิชฺชุลตาทีนํ สงฺคโห. อาโลโกติ มนสิ กโรตีติ สูริยจนฺทาโลกาทึ ทิวา, รตฺติฺจ อุปลทฺธํ ยถาลทฺธวเสเนว มนสิ กโรติ จิตฺเต เปติ. ตถาว นํ มนสิ กโรติ, ยถาสฺส สุภาวิตาโลกกสิณสฺส วิย กสิณาโลโก ยทิจฺฉกํ ยาวทิจฺฉกํ. โส อาโลโก รตฺติยํ อุปติฏฺติ, เยน ตตฺถ ทิวาสฺํ เปติ ทิวา วิย วิคตถินมิทฺโธ โหติ. เตนาห ‘‘ยถา ทิวา ตถา รตฺติ’’นฺติ. ยถา รตฺตึ อาโลโก ทิฏฺโติ ยถา รตฺติยา จนฺทาโลกาทิอาโลโก ทิฏฺโ อุปลทฺโธ. เอวเมว ทิวา มนสิ กโรตีติ รตฺตึ ทิฏฺากาเรเนว ทิวา ตํ อาโลกํ มนสิ กโรติ จิตฺเต เปติ. อปิหิเตนาติ ถินมิทฺธปิธาเนน น ปิหิเตน. อนทฺเธนาติ อสฺฉาทิเตน. สโอภาสนฺติ สาโณภาสํ. ถินมิทฺธวิโนทนอาโลโกปิ ¶ วา โหตุ กสิณาโลโกปิ วา ปริกมฺมาโลโกปิ วา, อุปกฺกิเลสาโลโก วิย สพฺพายํ อาโลโก าณสมุฏฺาโน วาติ. าณทสฺสนปฏิลาภตฺถายาติ ทิพฺพจกฺขุาณปฏิลาภตฺถาย. ทิพฺพจกฺขุาณฺหิ รูปคตสฺส ทิพฺพสฺส, อิตรสฺส จ ทสฺสนฏฺเน อิธ ‘‘าณทสฺสน’’นฺติ ¶ อธิปฺเปตํ. ‘‘อาโลกสฺํ มนสิ กโรตี’’ติ ¶ เอตฺถ วุตฺตอาโลโก ถินมิทฺธวิโนทนอาโลโก. ปริกมฺมอาโลโกติ ทิพฺพจกฺขุาณาย ปริกมฺมกรณวเสน ปวตฺติตอาโลโก. ตตฺถ ปุริมสฺส วเสน ‘‘ขีณาสวสฺสา’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. ตสฺส หิ ถินมิทฺธํ สุปฺปหีนํ โหติ, น อฺเสํ. ทุติยสฺส วเสน ‘‘ตสฺมึ วา อาคเตปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตสฺมินฺติ ทิพฺพจกฺขุาเณ. อาคเตปีติ ปฏิลทฺเธปิ. อนาคเตปีติ อปฺปฏิลทฺเธปิ. ยสฺมา ตถารูปสฺส ปาทกชฺฌานสฺเสว วเสน ปริกมฺมอาโลกสฺส สมฺภโว, ยโต ตํ ปริสุทฺธปริโยทาตตาทิคุณวิเสสุปสํหิตํ, ตสฺมา อาห ‘‘ปาทก…เป… ภาเวตีติ วุตฺต’’นฺติ.
สตฺตฏฺานิกสฺสาติ ‘‘อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๑๔; ๒.๖๙; ม. นิ. ๑.๑๐๒) วุตฺตสฺส สตฺตฏฺานิกสฺส. สติปิ เสกฺขานํ ปริฺาตภาเว เอกนฺตโต ปริฺาตวตฺถุกา นาม อรหนฺโต เอวาติ วุตฺตํ ‘‘ขีณาสวสฺส วตฺถุ วิทิตํ โหตี’’ติอาทิ. วตฺถารมฺมณวิทิตตายาติ วตฺถุโน, อารมฺมณสฺส จ ยาถาวโต วิทิตภาเวน. ยถา หิ สปฺปปริเยสนํ จรนฺเตน ตสฺส อาสเย วิทิเต โสปิ วิทิโต เอว จ โหติ มนฺตาคทพเลน ตสฺส คหณสฺส สุกรตฺตา, เอวํ เวทนาย อาสยภูเต วตฺถุมฺหิ, อารมฺมเณ จ วิทิเต อาทิกมฺมิกสฺสปิ เวทนา วิทิตา เอว โหติ สลกฺขณโต, สามฺลกฺขณโต จ ตสฺสา คหณสฺส สุกรตฺตา, ปเคว ปริฺาตวตฺถุกสฺส ขีณาสวสฺส. ตสฺส หิ อุปฺปาทกฺขเณปิ ิติกฺขเณปิ ภงฺคกฺขเณปิ เวทนา วิทิตา ปากฏา โหนฺติ. เตนาห ‘‘เอวํ เวทนา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทิ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ, ยทิทํ ปาฬิยํ เวทนาสฺาวิตกฺกคฺคหณนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิมาห ¶ , เตน อวเสสโต สพฺพธมฺมานมฺปิ อุปฺปาทาทิโต วิทิตภาวํ ทสฺเสติ.
อิทานิ น เกวลํ ขณโต เอว, อถ โข ปจฺจยโตปิ อนิจฺจาทิโตปิ น เกวลํ ขีณาสวานํเยว วเสน, อถ โข เอกจฺจานํ เสกฺขานมฺปิ วเสน เวทนาทีนํ วิทิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อวิชฺชาสมุทยาติ อวิชฺชาย อุปฺปาทา, อตฺถิภาวาติ อตฺโถ. นิโรธวิโรธี หิ อุปฺปาโท อตฺถิภาววาจโกปิ โหตีติ ตสฺมา ปุริมภวสิทฺธาย อวิชฺชาย สติ อิมสฺมึ ภเว เวทนาย ¶ อุปฺปาโท โหตีติ อตฺโถ. อวิชฺชาทีหิ อตีตกาลิกาทีหิ ¶ เตสํ สหการณภูตานิ อุปฺปาทาทีนิปิ คหิตาเนวาติ เวทิตพฺพํ. เวทนาย ปวตฺติปจฺจเยสุ ผสฺสสฺส พลวภาวโต โส เอว คหิโต ‘‘ผสฺสสมุทยา’’ติ. ตสฺมึ ปน คหิเต ปวตฺติปจฺจยตาสามฺเน วตฺถารมฺมณาทีนิปิ คหิตาเนว โหนฺตีติ สพฺพสฺสาปิ เวทนาย อนวเสสโต ปจฺจยโต อุทยทสฺสนํ วิภาวิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘นิพฺพตฺติลกฺขณ’’นฺติอาทินา ขณวเสน อุทยทสฺสนมาห. อุปฺปชฺชติ เอตสฺมาติ อุปฺปาโท, อุปฺปชฺชนํ อุปฺปาโทติ ปจฺจยลกฺขณํ, ขณลกฺขณฺจ อุภยํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา อาห ‘‘เอวํ เวทนาย อุปฺปาโท วิทิโต โหตี’’ติ.
อนิจฺจโต มนสิ กโรโตติ เวทนา นามายํ อนจฺจนฺติกตาย อาทิอนฺตวตี อุทยพฺพยปริจฺฉินฺนา ขณภงฺคุรา ตาวกาลิกา, ตสฺมา ‘‘อนิจฺจา’’ติ อนิจฺจโต มนสิ กโรโต. ตสฺสา ขยโต, วยโต จ อุปฏฺานํ วิทิตํ ปากฏํ โหติ. ทุกฺขโต มนสิ กโรโตติ อนิจฺจตฺตา เอว เวทนา อุทยพฺพยปฏิปีฬิตตาย, ทุกฺขมตาย, ทุกฺขวตฺถุตาย จ ‘‘ทุกฺขา’’ติ มนสิ กโรโต ภยโต ภายิตพฺพโต ตสฺสา อุปฏฺานํ วิทิตํ ปากฏํ โหตีติ. ตถา อนิจฺจตฺตา, ทุกฺขตฺตา เอว จ ¶ เวทนา อตฺตรหิตา อสารา นิสฺสารา อวสวตฺตินี ตุจฺฉาติ เวทนํ อนตฺตโต มนสิ กโรโต สฺุโต ริตฺตโต อสามิกโต อุปฏฺานํ วิทิตํ ปากฏํ โหติ. ‘‘ขยโต’’ติอาทิ วุตฺตสฺเสว อตฺถสฺส นิคมนํ. ตสฺมา เวทนํ ขยโต ภยโต สฺุโต ชานาตีติ อตฺถวเสน วิภตฺติปริณาโม เวทิตพฺโพ. อวิชฺชานิโรธา เวทนานิโรโธติ อคฺคมคฺเคน อวิชฺชาย อนุปฺปาทนิโรธโต เวทนาย อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ ปจฺจยาภาเว อภาวโต. เสสํ สมุทยวาเร วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. อิธ สมาธิภาวนาติ สิขาปฺปตฺตา อริยานํ วิปสฺสนาสมาธิภาวนา. ตสฺสา ปาทกภูตา ฌานสมาปตฺติ เวทิตพฺพา.
วุตฺตนยเมว มหาปทาเน (ที. นิ. ๒.๖๒).
๓๐๘. ปมาณํ อคฺคเหตฺวาติ อสุภภาวนา วิย ปเทสํ อคฺคเหตฺวา. เอกสฺมิมฺปิ สตฺเต ปมาณาคฺคหเณน อนวเสสผรเณน. นตฺถิ เอตาสํ ¶ คเหตพฺพํ ปมาณนฺติ หิ อปฺปมาณา, อปฺปมาณา เอว อปฺปมฺา.
อปสฺสยิตพฺพฏฺเน อปสฺเสนานิ, อิธ ภิกฺขุ ยานิ อปสฺสาย ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขิตุํ สมตฺโถ โหติ, เตสเมว อธิวจนํ. ตานิ ปเนตานิ ปจฺจยานํ สงฺขาย เสวิตา อธิวาสนกฺขนฺติ, วชฺชนียวชฺชนํ, วิโนเทตพฺพวิโนทนฺจ. เตนาห ‘‘สงฺขาเยกํ อธิวาเสตี’’ติอาทิ ¶ . ตตฺถ สมฺมเทว ขายติ อุปฏฺาติ ปฏิภาตีติ สงฺขา, าณนฺติ อาห ‘‘สงฺขายาติ าเณนา’’ติ. สงฺขาย เสวิตา นาม ยํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, ตสฺส เสวนาติ อาห ‘‘เสวิตพฺพยุตฺตกเมว เสวตี’’ติ. อธิวาสนาทีสุปิ เอเสว นโย. อนฺโต ปวิสิตุนฺติ ¶ อพฺภนฺตเร อตฺตโน จิตฺเต ปวตฺติตุํ น เทติ.
อริยวํสจตุกฺกวณฺณนา
๓๐๙. วํส-สทฺโท ‘‘ปิฏฺิวํสํ อติกฺกมิตฺวา นิสีทตี’’ติอาทีสุ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ โคปานสีนํ สนฺธานฏฺาเน เปตพฺพทณฺฑเก อาคโต.
‘‘วํโส วิสาโลว ยถา วิสตฺโต,
ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา;
วํเส กฬีโรว อสชฺชมาโน,
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติอาทีสุ. (อป. ๑.๑.๙๔);
อกณฺฑเก. ‘‘เภริสทฺโท มุทิงฺคสทฺโท วํสสทฺโท กํสตาฬสทฺโท’’ติอาทีสุ ตูริยวิเสเส, โย ‘‘เวณู’’ ติปิ วุจฺจติ. ‘‘อภินฺเนน ปิฏฺิวํเสน มโต หตฺถี’’ติอาทีสุ หตฺถิอาทีนํ ปิฏฺิเวมชฺเฌ ปเทเส. ‘‘กุลวํสํ เปสฺสามี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๒๖๗) กุลวํเส. ‘‘วํสานุรกฺขโก ปเวณีปาลโก’’ติอาทีสุ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๒) คุณานุปุพฺพิยํ คุณานํ ปพนฺธปฺปวตฺติยํ. อิธ ปน จตุปจฺจยสนฺโตสภาวนารามตาสงฺขาตคุณานํ ปพนฺเธ ทฏฺพฺโพ. ตสฺส ปน วํสสฺส กุลนฺวยํ, คุณนฺวยฺจ นิทสฺสนวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ขตฺติยวํโสติ ขตฺติยกุลนฺวโย ¶ . เอเสว นโย เสสปเทสุปิ. สมณวํโส ปน สมณตนฺติ สมณปเวณี. มูลคนฺธาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน ยถา สารคนฺธาทีนํ สงฺคโห, เอวเมตฺถ โครสาทีนมฺปิ สงฺคโห ¶ ทฏฺพฺโพ. ทุติเยน ปน อาทิ-สทฺเทน กาสิกวตฺถสปฺปิมณฺฑาทีนํ. อริย-สทฺโท อมิลกฺขูสุปิ มนุสฺเสสุ วตฺตติ, เยสํ ปน นิวาสนฏฺานํ ‘‘อริยํ อายตน’’นฺติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘ยาวตา, อานนฺท, อริยํ อายตน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๑๕๒; อุทา. ๗๖) โลกิยสาธุชเนสุปิ ‘‘เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา…เป… เตสํ อหํ อฺตโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๕). อิธ ปน เย ‘‘อารกา กิเลเสหี’’ติอาทินา ลทฺธนิพฺพจนา ¶ ปฏิวิทฺธอริยสจฺจา, เต เอว อธิปฺเปตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เก ปน เต อริยา’’ติ ปุจฺฉํ กตฺวา ‘‘อริยา วุจฺจนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ เย มหาปณิธานกปฺปโต ปฏฺาย ยาวายํ กปฺโป, เอตฺถนฺตเร อุปฺปนฺนา สมฺมาสมฺพุทฺธา, เต ตาว สรูปโต ทสฺเสตฺวา ตทฺเปิ สมฺมาสมฺพุทฺเธ, ปจฺเจกพุทฺเธ, พุทฺธสาวเก จ สงฺคเหตฺวา อนวเสสโต อริเย ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยาว สาสนํ น อนฺตรธายติ, ตาว สตฺถา ธรติ เอว นามาติ อิมเมว ภควนฺตํ, เย เจตรหิ พุทฺธสาวกา, เต จ สนฺธาย ปจฺจุปฺปนฺนคฺคหณํ. ตสฺมึ ตสฺมึ วา กาเล เต เต ปจฺจุปฺปนฺนาติ เจ, อตีตานาคตคฺคหณํ น กตฺตพฺพํ สิยา. อิทานิ ยถา ภควา ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสสฺสามิ, ยทิทํ ฉฉกฺกานี’’ติ ฉกฺกเทสนาย ¶ (ม. นิ. ๓.๔๒๐) อฏฺหิ ปเทหิ วณฺณํ อภาสิ, เอวํ มหาอริยวํสเทสนาย อริยานํ วํสานํ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อริยวํสา อคฺคฺา รตฺตฺา วํสฺา โปราณา อสํกิณฺณา อสํกิณฺณปุพฺพา น สงฺกียนฺติ น สงฺกียิสฺสนฺติ อปฺปฏิกุฏฺา สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๘) เยหิ นวหิ ปเทหิ วณฺณํ อภาสิ, ตานิ ตาว อาเนตฺวา โถมนาวเสเนว วณฺเณนฺโต ‘‘เต โข ปเนเต’’ติอาทิมาห. อคฺคาติ ชานิตพฺพา สพฺพวํเสหิ เสฏฺภาวโต, เสฏฺภาวสาธนโต จ. ทีฆรตฺตํ ปวตฺตาติ ชานิตพฺพา รตฺตฺูหิ, พุทฺธาทีหิ เตหิ จ ตถา อนุฏฺิตตฺตา. วํสาติ ชานิตพฺพา พุทฺธาทีนํ อริยานํ วํสาติ ชานิตพฺพา. โปราณาติ ปุราตนา. น อธุนุปฺปตฺติกาติ น อธุนาตนา. อสํกิณฺณาติ น ขิตฺตา น ฉฑฺฑิตา. เตนาห ‘‘อนปนีตา’’ติ. น อปนีตปุพฺพาติ น ¶ ฉฑฺฑิตปุพฺพา ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ ปริปูรณูปายภาวโต น ปริจตฺตปุพฺพา. ตโต เอว อิทานิปิ น อปนียนฺติ, อนาคเตปิ น อปนียิสฺสนฺติ. เย ธมฺมสภาวสฺส วิชานเนว วิฺู สมิตปาปสมณา เจว พาหิตปาปพฺราหฺมณา จ, เตหิ อปฺปฏิกุฏฺา อปฺปฏิกฺขิตฺตา. เย หิ น ปฏิกฺโกสิตพฺพา, เต อนินฺทิตพฺพา อครหิตพฺพา. อปริจฺจชิตพฺพตาย อปฺปฏิกฺขิปิตพฺพา โหนฺตีติ.
สนฺตุฏฺโติ เอตฺถ ยถาธิปฺเปตสนฺโตสเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘ปจฺจยสนฺโตสวเสน สนฺตุฏฺโ’’ติ วุตฺตํ. ฌานวิปสฺสนาทิวเสนปิ อิธ ภิกฺขุโน สนฺตุฏฺตา โหตีติ. อิตรีตเรนาติ อิตเรน อิตเรน. อิตร-สทฺโทยํ อนิยมวจโน, ทฺวิกฺขตฺตุํ วุจฺจมาโน ยํกิฺจิ-สทฺเทหิ สมานตฺโถ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘เยน เกนจี’’ติ. สฺวายํ อนิยมวาจิตาย ¶ เอว ยถา ถูลาทีนํ อฺตรวจโน, เอวํ ยถาลทฺธาทีนมฺปิ อฺตรวจโนติ ตตฺถ ทุติยปกฺขสฺเสว อิธ อิจฺฉิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ โข’’ติอาทิมาห ¶ . นนุ จ ยถาลทฺธาทโยปิ ถูลาทโย เอว? สจฺจเมตํ, ตถาปิ อตฺถิ วิเสโส. โย หิ ยถาลทฺเธสุ ถูลาทีสุ สนฺโตโส, โส ยถาลาภสนฺโตโส เอว, น อิตโร. น หิ โส ปจฺจยมตฺตสนฺนิสฺสโย อิจฺฉิโต, อถ โข อตฺตโน กายพลสารุปฺปภาวสนฺนิสฺสโยปิ. ถูลทุกาทโย จ ตโยปิ จีวเร ลพฺภนฺติ. มชฺฌิโม จตุปจฺจยสาธารโณ, ปจฺฉิโม ปน จีวเร, เสนาสเน จ ลพฺภตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อิเม ตโย สนฺโตเส’’ติ อิทํ สพฺพสงฺคาหิกวเสน วุตฺตํ. เย หิ ปรโต คิลานปจฺจยํ ปิณฺฑปาเต เอว ปกฺขิปิตฺวา จีวเร วีสติ, ปิณฺฑปาเต ปนฺนรส, เสนาสเน ปนฺนรสาติ สมปณฺณาสสนฺโตสา วุจฺจนฺติ, เต สพฺเพปิ ยถารหํ อิเมสุ เอว ตีสุ สนฺโตเสสุ สงฺคหํ สโมสรณํ คจฺฉนฺตีติ.
จีวรํ ชานิตพฺพนฺติ ‘‘อิทํ นาม จีวรํ กปฺปิย’’นฺติ ชาติโต จีวรํ ชานิตพฺพํ. จีวรกฺเขตฺตนฺติ จีวรสฺส อุปฺปตฺติกฺเขตฺตํ. ปํสุกูลนฺติ ปํสุกูลจีวรํ, ปํสุกูลลกฺขณปฺปตฺตํ จีวรํ ชานิตพฺพนฺติ อตฺโถ. จีวรสนฺโตโสติ จีวเร ลพฺภมาโน สพฺโพ สนฺโตโส ชานิตพฺโพ.จีวรปฏิสํยุตฺตานิ ธุตงฺคานิ ชานิตพฺพานิ, ยานิ โตสนฺโต จีวรสนฺโตเสน สมฺมเทว สนฺตุฏฺโ โหตีติ. โขมกปฺปาสิกโกเสยฺยกมฺพลสาณภงฺคานิ โขมาทีนิ. ตตฺถ โขมํ นาม โขมสุตฺเตหิ วายิตํ โขมปฏจีวรํ, ตถา ¶ เสสานิปิ. สาณนฺติ สาณวากสุตฺเตหิ กตจีวรํ. ภงฺคนฺติ ปน โขมสุตฺตาทีนิ สพฺพานิ เอกจฺจานิ โวมิสฺเสตฺวา กตจีวรํ. ‘‘ภงฺคมฺปิ วากมยเมวา’’ติ เกจิ. ฉาติ คณนปริจฺเฉโท. ยทิ เอวํ อิโต อฺา วตฺถชาติ นตฺถีติ? โน นตฺถิ, สา ปน เอเตสํ อนุโลมาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ทุกูลาทีนี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน ปฏฺฏุณฺณํ, โสมารปฏฺฏํ, จีนปฏฺฏํ ¶ , อิทฺธิชํ, เทวทินฺนนฺติ เอเตสํ สงฺคโห. ตตฺถ ทุกูลํ สาณสฺส อนุโลมํ วากมยตฺตา. ปฏฺฏุณฺณเทเส สฺชาตวตฺถํ ปฏฺฏุณฺณํ. ‘‘ปฏฺฏุณฺณํ โกเสยฺยวิเสโส’’ติ หิ อมรโกเส วุตฺตํ. โสมารเทเส, จีนเทเส จ ชาตวตฺถานิ โสมารจีนปฏฺฏานิ. ปฏฺฏุณฺณาทีนิ ตีณิ โกเสยฺยสฺส อนุโลมานิ ปาณเกหิ กตสุตฺตมยตฺตา. อิทฺธิชํ เอหิภิกฺขูนํ ปฺุิทฺธิยา นิพฺพตฺตํ จีวรํ, ตํ โขมาทีนํ อฺตรํ โหตีติ เตสเมว อนุโลมฺจ. เทวตาหิ ทินฺนํ จีวรํ เทวทินฺนํ, ตํ กปฺปรุกฺเข นิพฺพตฺตํ ชาลินิยา เทวกฺาย อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ทินฺนวตฺถสทิสํ, ตมฺปิ โขมาทีนํเยว อนุโลมํ โหติ เตสุ อฺตรภาวโต. อิมานีติ อนฺโตคธาวธารณวจนํ, อิมานิ เอวาติ อตฺโถ. พุทฺธาทีนํ ปริโภคโยคฺยตาย กปฺปิยจีวรานิ.
อิทานิ อวธารเณน นิวตฺติตานิ เอกเทเสน ทสฺเสตุํ ‘‘กุสจีร’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กุสติเณหิ, อฺเหิ วา ตาทิเสหิ ติเณหิ กตจีวรํ กุสจีรํ. โปตกีวากาทีหิ วาเกหิ กตจีวรํ วากจีรํ. จตุกฺโกเณหิ, ติโกเณหิ วา ผลเกหิ กตจีวรํ ผลกจีรํ. มนุสฺสานํ ¶ เกเสหิ กตกมฺพลํ เกสกมฺพลํ. จามรีวาลอสฺสวาลาทีหิ กตํ วาลกมฺพลํ. มกจิตนฺตูหิ วายิโต โปตฺถโก. จมฺมนฺติ มิคจมฺมาทิ ยํ กิฺจิ จมฺมํ. อุลูกปกฺเขหิ คนฺเถตฺวา กตจีวรํ อุลูกปกฺขํ. ภุชตจาทิมยํ รุกฺขทุสฺสํ, ติรีฏกนฺติ อตฺโถ. สุขุมตราหิ ลตาวาเกหิ ¶ วายิตํ ลตาทุสฺสํ. เอรกวาเกหิ กตํ เอรกทุสฺสํ. ตถา กทลิทุสฺสํ. สุขุเมหิ เวฬุวิลีเวหิ กตํ เวฬุทุสฺสํ. อาทิ-สทฺเทน วกฺกลาทีนํ สงฺคโห. อกปฺปิยจีวรานิ ติตฺถิยทฺธชภาวโต.
อฏฺนฺนฺจ มาติกานํ วเสนาติ ‘‘สีมาย เทติ, กติกาย เทตี’’ติอาทินา (มหาว. ๓๗๙) อาคตานํ อฏฺนฺนํ จีวรุปฺปตฺติมาติกานํ วเสน. จีวรานํ ปฏิลาภกฺเขตฺตทสฺสนตฺถฺหิ ¶ ภควตา ‘‘อฏฺิมา, ภิกฺขเว, มาติกา’’ติอาทินา มาติกา ปิตา. มาติกาติ หิ มาตโร จีวรุปฺปตฺติชนิกาติ. โสสานิกนฺติ สุสาเน ปติตกํ. ปาปณิกนฺติ อาปณทฺวาเร ปติตกํ. รถิยนฺติ ปฺุตฺถิเกหิ วาตปานนฺตเรน รถิกาย ฉฑฺฑิตโจฬกํ. สงฺการกูฏกนฺติ สงฺการฏฺาเน ฉฑฺฑิตโจฬกํ. สินานนฺติ นฺหานโจฬํ, ยํ ภูตเวชฺเชหิ สีสํ นฺหาเปตฺวา ‘‘กาฬกณฺณีโจฬก’’นฺติ ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ. ติตฺถนฺติ ติตฺถโจฬกํ สินานติตฺเถ ฉฑฺฑิตปิโลติกา. อคฺคิทฑฺฒนฺติ อคฺคินา ทฑฺฒปฺปเทสํ. ตฺหิ มนุสฺสา ฉฑฺเฑนฺติ. โคขายิตกาทีนิ ปากฏาเนว. ตานิปิ หิ มนุสฺสา ฉฑฺเฑนฺติ.
ธชํ อุสฺสาเปตฺวาติ นาวํ อาโรหนฺเตหิ วา ยุทฺธํ ปวิสนฺเตหิ วา ธชยฏฺึ อุสฺสาเปตฺวา ตตฺถ พทฺธํ ปารุตจีวรํ, เตหิ ฉฑฺฑิตนฺติ อธิปฺปาโย.
สาทกภิกฺขุนาติ คหปติจีวรสฺส สาทิยนภิกฺขุนา. เอกมาสมตฺตนฺติ จีวรมาสสฺิตํ เอกมาสมตฺตํ. วิตกฺเกตุํ วฏฺฏติ, น ตโต ปรนฺติ อธิปฺปาโย. สพฺพสฺสาปิ หิ ตณฺหานิคฺคหตฺถาย สาสเน ปฏิปตฺตีติ. ปํสุกูลิโก อทฺธมาเสเนว กโรตีติ อปรปฏิพทฺธตฺตา ¶ ปฏิลาภสฺส. อิตรสฺส ปน ปรปฏิพทฺธตฺตา มาสมตฺตํ อนฺุาตํ. อิติ มาสทฺธ…เป… วิตกฺกสนฺโตโส วิตกฺกนสฺส ปริมิตกาลิกตฺตา.
มหาเถรํ ตตฺถ อตฺตโน สหายํ อิจฺฉนฺโตปิ ครุคารเวน คามทฺวารํ ‘‘ภนฺเต คมิสฺสามิ’’ อิจฺเจวมาห. มหาเถโรปิสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา ‘‘อหํ ปาวุโส คมิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน วิตกฺกสฺส อวสโร มา โหตู’’ติ ปฺหํ ปุจฺฉมาโน คามํ ปาวิสิ. อุจฺจารปลิพุทฺโธติ อุจฺจาเรน ปีฬิโต. ตทา ภควโต ทุกฺกรกิริยานุสฺสรณมุเขน ตถาคเต อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺสเวคสฺส ¶ พลวภาเวน กิเลสานํ วิกฺขมฺภิตตฺตา ตสฺมึเยว…เป… ตีณิ ผลานิ ปตฺโต.
‘‘กตฺถ ลภิสฺสามี’’ติ จินฺตนาปิ ลาภาสาปุพฺพิกาติ ตถา ‘‘อจินฺเตตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘สุนฺทรํ ลภิสฺสามิ, มนาปํ ลภิสฺสามี’’ติ เอวมาทิจินฺตนาย กา นาม กถา. กถํ ปน วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘กมฺมฏฺานสีเสเนว คมน’’นฺติ, เตน จีวรํ ปฏิจฺจ กิฺจิปิ น จินฺเตตพฺพํ เอวาติ ทสฺเสติ.
อเปสโล ¶ อปฺปติรูปายปิ ปริเยสนาย ปจฺจโย ภเวยฺยาติ ‘‘เปสลํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา’’ติ วุตฺตํ.
อาหริยมานนฺติ สุสานาทีสุ ปติตกํ วตฺถํ ‘‘อิเม ภิกฺขู ปํสุกูลปริเยสนํ จรนฺตี’’ติ ตฺวา เกนจิ ปุริเสน ตโต อานียมานํ.
เอวํ ลทฺธํ คณฺหนฺตสฺสาปีติ เอวํ ปฏิลาภสนฺโตสํ อโกเปตฺวาว ลทฺธํ คณฺหนฺตสฺสาปิ. อตฺตโน ปโหนกมตฺเตเนวาติ ยถาลทฺธานํ ปํสุกูลวตฺถานํ เอกปฏฺฏทุปฏฺฏานํ อตฺถาย อตฺตโน ปโหนกปมาเณเนว, อวธารเณน อุปริปจฺจาสํ นิวตฺเตติ.
คาเม ภิกฺขาย อาหิณฺฑนฺเตน สปทานจารินา วิย ทฺวารปฏิปาฏิยา จรณํ โลลุปฺปวิวชฺชนํ นาม จีวรโลลุปฺปสฺส ทูรสมุสฺสาริตตฺตา.
ยาเปตุนฺติ อตฺตภาวํ ปวตฺเตตุํ.
โธวนุปเคนาติ โธวนโยคฺเคน.
ปณฺณานีติ อมฺพชมฺพาทิปณฺณานิ.
อโกเปตฺวาติ สนฺโตสํ อโกเปตฺวา ¶ . ปโหนกนีหาเรเนวาติ อนฺตรวาสกาทีสุ ยํ กาตุกาโม, ตสฺส ปโหนกนิยาเมเนว ยถาลทฺธํ ถูลสุขุมาทึ คเหตฺวา กรณํ.
ติมณฺฑลปฏิจฺฉาทนมตฺตสฺเสวาติ ¶ ‘‘นิวาสนํ เจ นาภิมณฺฑลํ; ชาณุมณฺฑลํ, อิตรํ เจ คลวาฏมณฺฑลํ, ชาณุมณฺฑล’’นฺติ เอวํ ติมณฺฑลปฏิจฺฉาทนมตฺตสฺเสว กรณํ; ตํ ปน อตฺถโต ติณฺณํ จีวรานํ เหฏฺิมนฺเตน วุตฺตปริมาณเมว โหติ.
อวิจาเรตฺวาติ น วิจาเรตฺวา.
กุสิพนฺธนกาเลติ มณฺฑลานิ โยเชตฺวา สิพฺพนกาเล. สตฺตวาเรติ สตฺตสิพฺพนวาเร.
กปฺปพินฺทุอปเทเสน กสฺสจิ วิการสฺส อกรณํ กปฺปสนฺโตโส.
สีตปฏิฆาตาทิ อตฺถาปตฺติโต สิชฺฌตีติ มุขฺยเมว จีวรปริโภเค ปโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนมตฺตวเสนา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ภควา ‘‘ยาวเทว หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนตฺถ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๖๘; มหานิ. ๑๖๒).
วฏฺฏติ ¶ , น ตาวตา สนฺโตโส กุปฺปติ สมฺภารานํ, ทกฺขิเณยฺยานฺจ อลาภโต.
สารณียธมฺเม ตฺวาติ สีลวนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สาธารณโต ปริโภเค ตฺวา.
‘‘อิตี’’ติอาทินา ปมสฺส อริยวํสสฺส ปํสุกูลิกงฺคเตจีวริกงฺคานํ, เตสฺจ ตสฺส ปจฺจยตํ ทสฺเสนฺโต อิติ อิเม ธมฺมา อฺมฺสฺส สมุฏฺาปกา, อุปตฺถมฺภกา จาติ ทีเปติ. เอส นโย อิโต ปรโตปิ.
‘‘สนฺตุฏฺโ โหติ วณฺณวาที’’ติ เอตฺถ จตุกฺโกฏิกํ สมฺภวติ, ตตฺถ จตุตฺโถเยว ปกฺโข สตฺถารา วณฺณิโต โถมิโตติ มหาเถเรน ตถา เทสนา กตา. เอโก สนฺตุฏฺโ โหติ, สนฺโตสสฺส วณฺณํ น กเถติ เสยฺยถาปิ เถโร นาลโก (สุตฺตนิปาเต นาลกสุตฺเต วิตฺถาโร) เอโก น สนฺตุฏฺโ โหติ, สนฺโตสสฺส วณฺณวาที เสยฺยถาปิ อุปนนฺโท สกฺยปุตฺโต (ปารา. ๕๑๕, ๕๒๗, ๕๓๒, ๕๓๗ วากฺยขนฺเธสุ วิตฺถาโร). เอโก เนว สนฺตุฏฺโ โหติ, น สนฺโตสสฺส วณฺณํ กเถติ. เสยฺยถาปิ เถโร ¶ ลาฬุทายี (เถรคา. อฏฺ. ๒.อุทายิตฺเถรคาถาวณฺณนา) เอโก สนฺตุฏฺโ เจว โหติ, สนฺโตสสฺส จ วณฺณวาที เสยฺยถาปิ เถโร มหากสฺสโป.
อเนสนนฺติ ¶ อยุตฺตํ เอสนํ. เตนาห ‘‘อปฺปติรูป’’นฺติ, สาสเน ิตานํ น ปติรูปํ อสารุปฺปํ อโยคฺยํ. โกหฺํ กโรนฺโตติ จีวรุปฺปาทนิมิตฺตํ ปเรสํ กุหนํ วิมฺหาปนํ กโรนฺโต. อุตฺตสตีติ ตณฺหาสนฺตาเสน อุปรูปริ ตสติ. ปริตสตีติ ปริโต ตสติ. ยถา สพฺเพ กายวจีปโยคา ตทตฺถา เอว ชายนฺติ, เอวํ สพฺพภาเคหิ ตสติ. คธิตํ วุจฺจติ คทฺโธ, โส เจตฺถ อภิชฺฌาลกฺขโณ อธิปฺเปโต. คธิตํ เอตสฺส นตฺถีติ อคธิโตติ อาห ‘‘อคธิโต…เป… โลภคิทฺโธ’’ติ. มุจฺฉนฺติ ตณฺหาวเสน มุยฺหนํ, ตสฺส วา สมุสฺสยํ อธิคตํ. อนาปนฺโน อนุปคโต. อโนตฺถโตติ อนชฺโฌตฺถโต. อปริโยนทฺโธติ ตณฺหาฉทเนน อจฺฉาทิโต. อาทีนวํ ปสฺสมาโนติ ทิฏฺธมฺมิกํ, สมฺปรายิกฺจ โทสํ ปสฺสนฺโต. คธิตปริโภคโต นิสฺสรติ เอเตนาติ นิสฺสรณํ, อิทมตฺถิกตา, ตํ ปชานาตีติ นิสฺสรณปฺโ. เตนาห ‘‘ยาวเทว…เป… ปชานนฺโต’’ติ.
เนวตฺตานุกฺกํเสตีติ ¶ อตฺตานํ เนว อุกฺกํเสติ น อุกฺขิปติ น อุกฺกฏฺโต ทหติ. ‘‘อห’’นฺติอาทิ อุกฺกํสนาการทสฺสนํ. น วมฺเภตีติ น หีฬยติ นิหีนโต น ทหติ. ตสฺมึ จีวรสนฺโตเสติ ตสฺมึ ยถาวุตฺเต วีสติวิเธ จีวรสนฺโตเส ¶ . กามฺเจตฺถ วุตฺตปฺปการสนฺโตสคฺคหเณน จีวรเหตุ อเนสนาปชฺชนาทิปิ คหิตเมว ตสฺมึ สติ ตสฺส ภาวโต, อสติ จ อภาวโต, วณฺณวาทิตานตฺตุกฺกํสนา ปรวมฺภนานิ ปน คหิตานิ น โหนฺตีติ ‘‘วณฺณวาทิตาทีสุ วา’’ติ วิกปฺโป วุตฺโต. เอตฺถ จ ‘‘ทกฺโข’’ติอาทิ เยสํ ธมฺมานํ วเสนสฺส ยถาวุตฺตสนฺโตสาทิ อิชฺฌติ, ตํ ทสฺสนํ. ตตฺถ ‘‘ทกฺโข’’ติ อิมินา เตสํ สมุฏฺาปนปฺํ ทสฺเสติ, ‘‘อนลโส’’ติ อิมินา ปคฺคณฺหนวีริยํ, ‘‘สมฺปชาโน’’ติ อิมินา ปาฏิหาริยปฺํ ‘‘ปฏิสฺสโต’’ติ อิมินา ตตฺถ อสมฺโมสวุตฺตึ ทสฺเสติ.
ปิณฺฑปาโต ชานิตพฺโพติ ปเภทโต ปิณฺฑปาโต ชานิตพฺโพ. ปิณฺฑปาตกฺเขตฺตนฺติ ปิณฺฑปาตสฺส อุปฺปตฺติฏฺานํ. ปิณฺฑปาตสนฺโตโส ชานิตพฺโพติ ปิณฺฑปาเต สนฺโตโส ปเภทโต ชานิตพฺโพ. อิธ เภสชฺชมฺปิ ปิณฺฑปาตคติกเมว. อาหริตพฺพโต หิ สปฺปิอาทีนมฺปิ คหณํ กตํ.
ปิณฺฑปาตกฺเขตฺตํ ปิณฺฑปาตสฺส อุปฺปตฺติฏฺานํ. เขตฺตํ วิย เขตฺตํ. อุปฺปชฺชติ เอตฺถ, เอเตนาติ จ อุปฺปตฺติฏฺานํ. สงฺฆโต วา หิ ภิกฺขุโน ปิณฺฑปาโต อุปฺปชฺชติ อุทฺเทสาทิวเสน วา. ตตฺถ สกลสฺส สงฺฆสฺส ทาตพฺพํ ภตฺตํ สงฺฆภตฺตํ. กติปเย ภิกฺขู อุทฺทิสิตฺวา อุทฺเทเสน ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุทฺเทสภตฺตํ. นิมนฺเตตฺวา ทาตพฺพํ ภตฺตํ นิมนฺตนํ. สลากทานวเสน ทาตพฺพํ ภตฺตํ สลากภตฺตํ ¶ . เอกสฺมึ ปกฺเข เอกทิวสํ ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปกฺขิกํ. อุโปสเถ ทาตพฺพํ ภตฺตํ อุโปสถิกํ. ปาฏิปททิวเส ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปาฏิปทิกํ. อาคนฺตุกานํ ทาตพฺพํ ภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺตํ. ธุรเคเห เอว เปตฺวา ทาตพฺพํ ภตฺตํ ธุรภตฺตํ. กุฏึ อุทฺทิสฺส ทาตพฺพํ ภตฺตํ กุฏิภตฺตํ. คามวาสีอาทีหิ วาเรน ทาตพฺพํ ภตฺตํ วารภตฺตํ. วิหารํ อุทฺทิสฺส ทาตพฺพํ ภตฺตํ วิหารภตฺตํ. เสสานิ ปากฏาเนว.
วิตกฺเกติ ‘‘กตฺถ นุ โข อหํ อชฺช ปิณฺฑาย จริสฺสามี’’ติ. ‘‘กตฺถ ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ เถเรน วุตฺเต ‘‘อสุกคาเม ¶ ภนฺเต’’ติ กามเมตํ ปฏิวจนทานํ ¶ , เยน ปน จิตฺเตน ‘‘จินฺเตตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺตกํ จินฺเตตฺวา’’ติ. ตโต ปฏฺายาติ วิตกฺกมาฬเก ตฺวา วิตกฺกิตกาลโต ปฏฺาย. ‘‘ตโต ปรํ วิตกฺเกนฺโต อริยวํสา จุโต โหตี’’ติ อิทํ ติณฺณมฺปิ อริยวํสิกานํ วเสน คเหตพฺพํ, น เอกจาริกสฺเสว. สพฺโพปิ หิ อริยวํสิโก เอกวารเมว วิตกฺเกตุํ ลภติ, น ตโต ปรํ. ปริพาหิโรติ อริยวํสิกภาวโต พหิภูโต. สฺวายํ วิตกฺกสนฺโตโส กมฺมฏฺานมนสิกาเรน น กุปฺปติ, วิสุชฺฌติ จ. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. เตเนวาห ‘‘กมฺมฏฺานสีเสน คนฺตพฺพ’’นฺติ.
คเหตพฺพเมวาติ อฏฺานปฺปยุตฺโต เอว-สทฺโท. ยาปนมตฺตเมว คเหตพฺพนฺติ โยเชตพฺพํ.
เอตฺถาติ เอตสฺมึ ปิณฺฑปาตปฏิคฺคหเณ. อปฺปนฺติ อตฺตโน ยาปนปมาณโตปิ อปฺปํ. คเหตพฺพํ ทายกสฺส จิตฺตาราธนตฺถํ. ปมาเณเนวาติ อตฺตโน ยาปนปฺปมาเณเนว อปฺปํ คเหตพฺพํ. ‘‘ปมาเณน คเหตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฏิคฺคหณสฺมิฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. มกฺเขตีติ วิทฺธํเสติ อปเนติ. วินิปาเตตีติ วินาเสติ อฏฺานวินิโยเคน. สาสนนฺติ สตฺถุ สาสนํ อนุสิฏฺึ. น กโรติ นปฺปฏิปชฺชติ.
สปทานจาริโน วิย ทฺวารปฏิปาฏิยา จรณํ โลลุปฺปวิวชฺชนสนฺโตโสติ อาห ‘‘ทฺวารปฏิปาฏิยา คนฺตพฺพ’’นฺติ.
หราเปตฺวาติ อธิกํ อปเนตฺวา.
อาหารเคธโต นิสฺสรติ เอเตนาติ นิสฺสรณํ. ชิฆจฺฉาย ปฏิวิโนทนตฺถํ กถา, กายสฺสิติอาทิปโยชนํ ¶ ปน อตฺถาปตฺติโต อาคตํ เอวาติ อาห ‘‘ชิฆจฺฉาย…เป… สนฺโตโส นามา’’ติ.
นิทหิตฺวา น ปริภฺุชิตพฺพํ ตทหุปีติ อธิปฺปาโย. อิตรตฺถา ปน สิกฺขาปเทเนว วาริตํ. สารณียธมฺเม ิเตนาติ สีลวนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สาธารณโภคิภาเว ิเตน.
เสนาสเนนาติ สยเนน, อาสเนน จ. ยตฺถ ยตฺถ ¶ หิ มฺจาทิเก, วิหาราทิเก จ เสติ, ตํ เสนํ. ยตฺถ ยตฺถ ปีาทิเก อาสติ, ตํ อาสนํ. ตทุภยํ เอกโต กตฺวา ‘‘เสนาสน’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘มฺโจ’’ติอาทิ. ตตฺถ มฺโจ มสารกาทิ, ตถา ปีํ. มฺจภิสิ, ปีภิสีติ ¶ ทุวิธา ภิสิ. วิหาโร ปาการปริจฺฉินฺโน สกโล อาวาโส. ‘‘ทีฆมุขปาสาโท’’ติ เกจิ. อฑฺฒโยโคติ ทีฆปาสาโท. ‘‘เอกปสฺสจฺฉทนกเสนาสน’’นฺติ เกจิ. ปาสาโทติ จตุรสฺสปาสาโท. ‘‘อายตจตุรสฺสปาสาโท’’ติ เกจิ. หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโท. คุหาติ เกวลา ปพฺพตคุหา. เลณํ ทฺวารพนฺธํ. อฏฺโฏ พหลภิตฺติกํ เคหํ, ยสฺส โคปานสิโย อคฺคเหตฺวา อิฏฺกาหิ เอว ฉทนํ โหติ. ‘‘อฏฺฏาลกากาเรน กริยตี’’ติปิ วทนฺติ. มาโฬ เอกกูฏสงฺคหิโต อเนกโกโณ ปติสฺสยวิเสโส ‘‘วฏฺฏากาเรน กตเสนาสน’’นฺติ เกจิ.
ปิณฺฑปาเต วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘สาทโก ภิกฺขุ ‘อชฺช กตฺถ วสิสฺสามี’ติ วิตกฺเกตี’’ติอาทินา ยถารหํ ปิณฺฑปาเต วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา, ‘‘ตโต ปรํ วิตกฺเกนฺโต อริยวํสา จุโต โหติ ปริพาหิโร’’ติ, ‘‘เสนาสนํ คเวสนฺเตนาปิ’กุหึ ลภิสฺสามี’ติ อจินฺเตตฺวา กมฺมฏฺานสีเสเนว คนฺตพฺพ’’นฺติ จ เอวมาทิ สพฺพํ ปุริมนเยเนว.
กสฺมา ปเนตฺถ ปจฺจยสนฺโตสํ ทสฺเสนฺเตน มหาเถเรน คิลานปจฺจยสนฺโตโส น คหิโตติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘คิลานปจฺจโย ปน ปิณฺฑปาเต เอว ปวิฏฺโ’’ติ อาห, อาหริตพฺพตาสามฺเนาติ อธิปฺปาโย. ยทิ เอวํ ตตฺถ ปิณฺฑปาเต วิย วิตกฺกสนฺโตสาทโยปิ ปนฺนรส สนฺโตสา อิจฺฉิตพฺพาติ? โนติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. นนุ เจตฺถ ทฺวาทเสว ธุตงฺคานิ วินิโยคํ คตานิ, เอกํ ปน เนสชฺชิกงฺคํ น กตฺถจิ วินิยุตฺตนฺติ อาห ‘‘เนสชฺชิกงฺคํ ภาวนารามอริยวํสํ ภชตี’’ติ. อยฺจ อตฺโถ อฏฺกถารุฬฺโห เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาห.
‘‘ปถวึ ¶ ปตฺถรมาโน วิยา’’ติอาทิ อริยวํสเทสนาย สุทุกฺกรภาวทสฺสนํ ¶ มหาวิสยตาย ตสฺสา เทสนาย. ยสฺมา นยสหสฺสปฏิมณฺฑิตา โหติ อริยมคฺคาธิคมาย วิตฺถารโต ปวตฺติยมานา เทสนา ยถา ตํ จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ, อยฺจ ภาวนารามอริยวํสกถา อริยมคฺคาธิคมาย วิตฺถารโต ปวตฺติยมานา เอวํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สหสฺสนยปฺปฏิมณฺฑิตํ…เป… เทสนํ อารภี’’ติ. ปฏิปกฺขวิธมนโต อภิมุขภาเวน ¶ รมณํ อารมณํ อาราโมติ อาห ‘‘อภิรตีติ อตฺโถ’’ติ. พฺยธิกรณานมฺปิ ปทานํ วเสน ภวติ พาหิรตฺถสมาโส ยถา ‘‘อุรสิโลโม, กณฺเกาโฬติ อาห ‘‘ปหาเน อาราโม อสฺสาติ ปหานาราโม’’ติ. อารมิตพฺพฏฺเน วา อาราโม, ปหานํ อาราโม อสฺสาติ ปหานาราโมติ เอวเมตฺถ สมาสโยชนา เวทิตพฺพา. ‘‘ปชหนฺโต รมตี’’ติ เอเตน ปหานารามสทฺทานํ กตฺตุสาธนตํ, กมฺมธารยสมาสฺจ ทสฺเสติ. ‘‘ภาเวนฺโต รมตี’’ติ วุตฺตตฺตา ภาวนาราโมติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
กามํ ‘‘เนสชฺชิกงฺคํ ภาวนารามอริยวํสํ ภชตี’’ติ วุตฺตํ ภาวนานุโยคสฺส อนุจฺฉวิกตฺตา, เนสชฺชิกงฺควเสน ปน เนสชฺชิกสฺส ภิกฺขุโน เอกจฺจาหิ อาปตฺตีหิ อนาปตฺติภาโวติ ตมฺปิ สงฺคณฺหนฺโต ‘‘เตรสนฺนํ ธุตงฺคาน’’นฺติ วตฺวา ‘‘วินยํ ปตฺวา ครุเก าตพฺพ’’นฺติ อิจฺฉิตตฺตา สลฺเลขสฺส อปริจฺจชนวเสน ปฏิปตฺติ นาม วินเย ิตสฺเสวาติ อาห ‘‘เตรสนฺนํ…เป… กถิตํ โหตี’’ติ. กามํ สุตฺตาภิธมฺมปิฏเกสุปิ (ที. นิ. ๑.๗.๑๙๔; วิภ. ๕๐๘) ตตฺถ ตตฺถ สีลกถา อาคตา เอว, เยหิ ปน คุเณหิ สีลสฺส โวทานํ โหติ, เตสุ กถิเตสุ ยถา สีลกถาพาหุลฺลํ วินยปิฏกํ กถิตํ โหติ, เอวํ ภาวนากถาพาหุลฺลํ สุตฺตนฺตปิฏกํ, อภิธมฺมปิฏกฺจ จตุตฺเถน อริยวํเสน กถิตเมว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ภาวนาราเมน อวเสสํ ปิฏกทฺวยํ กถิตํ โหตี’’ติ. ‘‘โส เนกฺขมฺมํ ภาเวนฺโต รมตี’’ติ เนกฺขมฺมปทํ อาทึ กตฺวา ตตฺถ เทสนาย ปวตฺตตฺตา, สพฺเพสมฺปิ วา สมถวิปสฺสนามคฺคธมฺมานํ ยถาสกํปฏิปกฺขโต นิกฺขมเนน เนกฺขมฺมสฺิตานํ ¶ ตตฺถ อาคตตฺตา โส ปาโ ‘‘เนกฺขมฺมปาฬี’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘เนกฺขมฺมปาฬิยา กเถตพฺโพ’’ติ. เตนาห อฏฺกถายํ ‘‘สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา เนกฺขมฺมนฺติ ปวุจฺจเร’’ติ (อิติวุ. อฏฺ. ๑๐๙). ทสุตฺตรสุตฺตนฺต ปริยาเยนาติ ทสุตฺตรสุตฺตนฺตธมฺเมน, ทสุตฺตรสุตฺตนฺเต (ที. นิ. ๓.๓๕๐) อาคตนเยนาติ วา อตฺโถ. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย.
โสติ ชาคริยํ อนุยุตฺโต ภิกฺขุ. เนกฺขมฺมนฺติ กาเมหิ นิกฺขนฺตภาวโต เนกฺขมฺมสฺิตํ ปมชฺฌานูปจารํ. ‘‘โส อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๐๘, ๕๓๘) อาคตา ¶ ปมชฺฌานสฺส ปุพฺพภาคภาวนาติ อิธาธิปฺเปตา ¶ , ตสฺมา ‘‘อพฺยาปาท’’นฺติอาทีสุปิ เอวเมว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลฏีกายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. สอุปายาสานฺหิ อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ, อฏฺารสนฺนํ มหาวิปสฺสนานํ, จตุนฺนํ อริยมคฺคานฺจ วเสเนตฺถ เทสนา ปวตฺตาติ.
‘‘เอกํ ธมฺมํ ภาเวนฺโต รมติ, เอกํ ธมฺมํ ปชหนฺโต รมตี’’ติ จ น อิทํ ทสุตฺตรสุตฺเต อาคตนิยาเมน วุตฺตํ, ตตฺถ ปน ‘‘เอโก ธมฺโม ภาเวตพฺโพ, เอโก ธมฺโม ปหาตพฺโพ’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๑) จ เทสนา อาคตา. เอวํ สนฺเตปิ ยสฺมา อตฺถโต เภโท นตฺถิ, ตสฺมา ปฏิสมฺภิทามคฺเค เนกฺขมฺมปาฬิยํ (ปฏิ. ม. ๑.๒๔, ๓.๔๑) อาคตนีหาเรเนว ‘‘เอกํ ธมฺมํ ภาเวนฺโต รมติ, เอกํ ธมฺมํ ปชหนฺโต รมตี’’ติ วุตฺตํ. เอส นโย เสสวาเรสุปิ. ยสฺมา จายํ อริยวํสเทสนา นาม สตฺถุ ปฺตฺตาว สตฺถารา หิ เทสิตํ เทสนํ อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตตฺเถโร สงฺคายนวเสน อิธาเนสิ ¶ , ตสฺมา มหาอริยวํสสุตฺเต สตฺถุเทสนานีหาเรน นิคมนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภาวนาราโม โหตี’’ติ อาห. เอเสว นโย อิโต ปเรสุ สติปฏฺานปริยายอภิธมฺมนิทฺเทสปริยาเยสุปิ. กามฺเจตฺถ กายานุปสฺสนาวเสเนว สงฺขิปิตฺวา โยชนา กตา, เอกวีสติยา ปน านานํ วเสน วิตฺถารโต โยชนา เวทิตพฺพา. ‘‘อนิจฺจโต’’ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๒.๖๙๘) ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาสุ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
๓๑๐. สํวราทีนํ สาธนวเสน ปทหติ เอตฺถ, เอเตหีติ จ ปธานานิ. อุตฺตมวีริยานีติ เสฏฺวีริยานิ วิสิฏฺสฺส อตฺถสฺส สาธนโต. สํวรนฺตสฺส อุปฺปนฺนวีริยนฺติ ยถา อภิชฺฌาทโย น อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ สติยา อุปฏฺาปเน จกฺขาทีนํ ปิทหเน อนลสสฺส อุปฺปนฺนวีริยํ. ปชหนฺตสฺสาติ วิโนเทนฺตสฺส. อุปฺปนฺนวีริยนฺติ ตสฺเสว ปชหนสฺส สาธนวเสน ปวตฺตวีริยํ. ภาเวนฺตสฺส อุปฺปนฺนวีริยนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สมาธินิมิตฺตนฺติ สมาธิ เอว. ปุริมุปฺปนฺนสมาธิ หิ ปรโต อุปฺปชฺชนกสมาธิปวิเวกสฺส การณํ โหตีติ ‘‘สมาธินิมิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
อุปธิวิเวกตฺตาติ ขนฺธูปธิอาทิอุปธีหิ วิวิตฺตตฺตา วินิสฺสฏตฺตา. ตํ อาคมฺมาติ ตํ นิพฺพานํ มคฺเคน อธิคมเหตุ. ราคาทโย วิรชฺชนฺติ เอตฺถ, เอเตนาติ ¶ วา วิราโค. เอวํ นิโรโธปิ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา อิธ โพชฺฌงฺคา มิสฺสกวเสน อิจฺฉิตา, ตสฺมา ‘‘อารมฺมณวเสน อธิคนฺตพฺพวเสน วา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อธิคนฺตพฺพวเสนาติ ตํนินฺนตาวเสน. โวสฺสคฺคปริณามินฺติ โวสฺสชฺชนวเสน ¶ ปริณามิตํ ปริจฺจชนวเสน เจว ปกฺขนฺทนวเสน จ ปริณมนสีลํ. เตนาห ‘‘ทฺเว โวสฺสคฺคา’’ติอาทิ. ขนฺธานํ ปริจฺจชนํ นาม ตปฺปฏิพทฺธกิเลสปฺปหานวเสนาติ เยนากาเรน วิปสฺสนา กิเลเส ปชหติ, เตเนวากาเรน ตํนิมิตฺตเก, ขนฺเธ จ ‘‘ปชหตี’’ติ วตฺตพฺพตํ ¶ อรหตีติ อาห ‘‘วิปสฺสนา…เป… ปริจฺจชตี’’ติ. ยสฺมา วิปสฺสนา วุฏฺานคามินิภาวํ ปาปุณนฺตี นินฺนโปณปพฺภารภาเวน เอกํสโต นิพฺพานํ ‘‘ปกฺขนฺทตี’’ติ วตฺตพฺพตํ ลภติ, มคฺโค จ สมุจฺเฉทวเสน กิเลเส, ขนฺเธ จ ปริจฺจชติ, ตสฺมา ยถากฺกมํ วิปสฺสนามคฺคานํ วเสน ปกฺขนฺทนปริจฺจาคโวสฺสคฺคาปิ เวทิตพฺพา. โวสฺสคฺคตฺถายาติ ปริจฺจาคโวสฺสคฺคตฺถาย เจว ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคตฺถาย จ. ปริณมตีติ ปริปจฺจติ. ตํ ปริณมนํ วุฏฺานคามินิภาวปฺปตฺติยา เจว อริยมคฺคภาวปฺปตฺติยา จ อิจฺฉิตนฺติ อาห ‘‘วิปสฺสนาภาวฺเจว มคฺคภาวฺจ ปาปุณาตี’’ติ. เสสปเทสูติ ‘‘ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวตี’’ติอาทีสุ เสสสมฺโพชฺฌงฺคโกฏฺาเสสุ.
ภทฺทกนฺติ อภทฺทกานํ นีวรณาทิปาปธมฺมานํ วิกฺขมฺภเนน ราควิธมเนน เอกนฺตหิตตฺตา, ทุลฺลภตฺตา จ ภทฺทกํ สุนฺทรํ. น หิ อฺํ สมาธินิมิตฺตํ เอวํทุลฺลภํ, ราคสฺส จ อุชุวิปจฺจนีกภูตํ อตฺถิ. อนุรกฺขตีติ เอตฺถ อนุรกฺขนา นาม อธิคตสมาธิโต ยถา น ปริหานิ โหติ, เอวํ ปฏิปตฺติ, สา ปน ตปฺปฏิปกฺขวิธมเนนาติ อาห ‘‘สมาธี’’ติอาทิ. อฏฺิกสฺาทิกาติ อฏฺิกชฺฌานาทิกา. สฺาสีเสน หิ ฌานํ วทติ.
เอกปฏิเวธวเสน จตุสจฺจธมฺเม าณนฺติ จตูสุ อริยสจฺเจสุ เอกาภิสมยวเสน ปวตฺตาณํ, มคฺคาณนฺติ อตฺโถ. จตุสจฺจนฺโตคธตฺตา จตุสจฺจพฺภนฺตเร นิโรธธมฺเม นิพฺพาเน าณํ, เตน ผลาณํ วทติ. ยสฺมา มคฺคานนฺตรสฺส ผลสฺส มคฺคานุคุณา ปวตฺติ, ยโต ตํสมุทยปกฺขิเยสุ ธมฺเมสุ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานวเสน ปวตฺตติ, ตสฺมา นิโรธสจฺเจปิ โย มคฺคสฺส สจฺฉิกิริยาภิสมโย, ตทนุคุณา ปวตฺตีติ ¶ ผลาณสฺเสว ธมฺเม าณตา วุตฺตา, น ยสฺส กสฺสจิ นิพฺพานารมฺมณสฺส าณสฺส ¶ . เตน วุตฺตํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ. เอตฺถ จ มคฺคปฺา ตาว จตุสจฺจธมฺมสฺส ปฏิวิชฺฌนโต ธมฺเมาณํ นาม โหตุ, ผลปฺา ปน กถนฺติ โจทนา โสธิตา โหติ นิโรธธมฺมํ อารพฺภ ปวตฺตนโต. ทุวิธาปิ หิ ปฺา อปรปฺปจฺจยตาย อตฺตปจฺจกฺขโต อริยสจฺจธมฺเม กิจฺจโต จ อารมฺมณโต จ ปวตฺตตฺตา ‘‘ธมฺเมาณ’’นฺติ เวทิตพฺพา. อริยสจฺเจสุ หิ อยํ ธมฺม-สทฺโท เตสํ อวิปรีตสภาวตฺตา, สงฺขตปฺปวโร วา อริยมคฺโค, ตสฺส จ ผลธมฺโม. ตตฺถ ปฺา ตํสหคตา ธมฺเมาณํ.
อนฺวเยาณนฺติ ¶ อนุคมนาณํ. ปจฺจกฺขโต ทิสฺวาติ จตฺตาริ สจฺจานิ มคฺคาเณน ปจฺจกฺขโต ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ยถา อิทานีติ ยถา เอตรหิ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจํ, เอวํ อตีเตปิ อนาคเตปิ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจเมวาติ จ สริกฺขฏฺเน วุตฺตํ. เอส นโย สมุทยสจฺเจ, มคฺคสจฺเจ จ. อยเมวาติ อวธารเณ. นิโรธสจฺเจ ปน สริกฺขฏฺโ นตฺถิ ตสฺส นิจฺจตฺตา, เอกสภาวตฺตา จ. เอวํ ตสฺส าณสฺส อนุคติยํ าณนฺติ ตสฺส ธมฺเมาณสฺส ‘‘เอวํ อตีเตปี’’ติอาทินา อนุคติยํ อนุคมเน อนฺวเย าณํ. อิทํ อนฺวเย าณนฺติ โยชนา. ‘‘เตนาหา’’ติอาทินา ยถาวุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา วิภาเวติ. โสติ ธมฺมาณํ ปตฺวา ิโต ภิกฺขุ. อิมินา ธมฺเมนาติ ธมฺมโคจรตฺตา โคจรโวหาเรน ‘‘ธมฺโม’’ติ วุตฺเตนมคฺคาเณน, อุปโยคตฺเถ วา กรณวจนํ, อิมินา ธมฺเมน าเตนาติ อิมํ จตุสจฺจธมฺมํ าเณน ชานิตฺวา ิเตน มคฺคาเณนาติ อตฺโถ. ทิฏฺเนาติ ทสฺสเนน สจฺจธมฺมํ ปสฺสิตฺวา ิเตน. ปตฺเตนาติ ¶ สจฺจานํ ปตฺวา ิเตน. วิทิเตนาติ สจฺจานิ วิทิตฺวา ิเตน. ปริโยคาฬฺเหนาติ จตุสจฺจธมฺมํ ปริโยคาเหตฺวา ิเตนาติ เอวํ ตาเวตฺถ อภิธมฺมฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๗๙๖) อตฺโถ วุตฺโต. ทุวิธมฺปิ ปน มคฺคผลาณํ ธมฺเมาณํ. ปจฺจเวกฺขณาย จ มูลํ, การณฺจ นยนยนสฺสาติ ทุวิเธนาปิ เตน ธมฺเมนาติ น น ยุชฺชติ. ตถา จตุสจฺจธมฺมสฺส าตตฺตา, มคฺคผลสงฺขาตสฺส วา ธมฺมสฺส สจฺจปฏิเวธสมฺปโยคํ คตตฺตา นยนยนํ โหตีติ เตน อิมินา ธมฺเมน าณวิสยภาเวน, าณสมฺปโยเคน วา าเตนาติ จ อตฺโถ น น ยุชฺชตีติ. อตีตานาคเต นยํ เนตีติ อตีเต, อนาคเต จ นยํ เนติ หรติ ¶ เปเสติ. อิทํ ปน น มคฺคาณสฺส กิจฺจํ, ปจฺจเวกฺขณาณกิจฺจํ, สตฺถารา ปน มคฺคาณํ อตีตานาคเต นยนยนสทิสํ กตํ มคฺคมูลกตฺตา. ภาวิตมคฺคสฺส หิ ปจฺจเวกฺขณา นาม โหติ. นยิทํ อฺํ าณุปฺปาทนํ นยนยนํ, าณสฺเสว ปน ปวตฺติวิเสโสติ.
ปเรสํ เจตโส ปริโต อยนํ ปริจฺฉินฺทนํ ปริโย, ตสฺมึ ปริเย. เตนาห ‘‘ปเรสํ จิตฺตปริจฺเฉเท’’ติ. อวเสสํ สมฺมุติมฺหิาณํ นาม ‘‘าณ’’นฺติ สมฺมตตฺตา. วจนตฺถโต ปน สมฺมุติมฺหิ าณนฺติ สมฺมุติมฺหิาณํ. ธมฺเมาณาทีนํ วิย หิ สาติสยสฺส ปฏิเวธกิจฺจสฺส อภาวา วิสโยภาสนสงฺขาตชานนสามฺเน ‘‘าณ’’นฺติ สมฺมเตสุ อนฺโตคธนฺติ อตฺโถ. สมฺมุติวเสน วา ปวตฺตํ สมฺมุติมฺหิาณํ สมฺมุติทฺวาเรน อตฺถสฺส คหณโต. อวเสสํ วา อิตราณตฺตยวิสภาคํ าณํ ¶ ตพฺพิสภาคสามฺเน สมฺมุติมฺหิาณมฺหิ ปวิฏฺตฺตา สมฺมุติมฺหิาณํ นาม โหตีติ.
กามํ โสตาปตฺติมคฺคาณาทีนิ ทุกฺขาณาทีนิเยว, อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ปเนวมาห ‘‘อรหตฺตํ ¶ ปาเปตฺวา’’ติ. วฏฺฏโต นิคฺคจฺฉติ เอเตนาติ นิคฺคมนํ, จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ. ปุริมานิ ทฺเว สจฺจานิ วฏฺฏํ ปวตฺติปวตฺติเหตุภาวโต. อิตรานิ ปน ทฺเว วิวฏฺฏํ นิวตฺตินิวตฺติเหตุภาวโต. อภินิเวโสติ วิปสฺสนาภินิเวโส โหติ โลกิยสฺส าณสฺส วิสภาคูปคมนโต. โน วิวฏฺเฏติ วิวฏฺเฏ อภินิเวโส โน โหติ อวิสยภาวโต. ปริยตฺตีติ กมฺมฏฺานตนฺติ. อุคฺคเหตฺวาติ วาจุคฺคตํ กตฺวา. อุคฺคเหตฺวาติ วา ปาฬิโต, อตฺถโต จ ยถารหํ สวนธารณปริปุจฺฉนมนสานุเปกฺขนาทิวเสน จิตฺเตน อุทฺธํ อุทฺธํ คณฺหิตฺวา. กมฺมํ กโรตีติ นามรูปปริคฺคหาทิกฺกเมน โยคกมฺมํ กโรติ.
ยทิ ปุริเมสุ ทฺวีสุ เอว วิปสฺสนาภินิเวโส, เตสุ เอว อุคฺคหาทิ, กถมิทํ จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ชาตนฺติ อาห ‘‘ทฺวีสู’’ติอาทิ. กามํ ปจฺฉิมานิปิ ทฺเว สจฺจานิ อภิฺเยฺยานิ, ปริฺเยฺยตา ปน ตตฺถ นตฺถีติ น วิปสฺสนาพฺยาปาโร. เกวลํ ปน อนุสฺสวมตฺเต ตฺวา อจฺจนฺตปณีตภาวโต อิฏฺํ, อาตปฺปกนิรามิสปีติสฺชนนโต กนฺตํ, อุปรูปริ อภิรุจิชนเนน มนสฺส วฑฺฒนโต มนาปนฺติ มนสิการํ ปวตฺเตติ. เตนาห ‘‘นิโรธสจฺจํ นามา’’ติอาทิ. ทฺวีสุ สจฺเจสูติ ทฺวีสุ สจฺเจสุ วิสยภูเตสุ ¶ , ตานิ จ อุทฺทิสฺส อสมฺโมหปฏิเวธวเสน ปวตฺตมาโน หิ มคฺโค เต อุทฺทิสฺส ปวตฺโต นาม โหตีติ. ตีณิ ทุกฺขสมุทยมคฺคสจฺจานิ. กิจฺจวเสนาติ อสมฺมุยฺหนวเสน. เอกนฺติ นิโรธสจฺจํ. อารมฺมณวเสนาติ อารมฺมณกรณวเสนปิ อสมฺมุยฺหนกิจฺจวเสนปิ ตตฺถ ปฏิเวโธ ลพฺภเตว. ทฺเว สจฺจานีติ ทุกฺขสมุทยสจฺจานิ. ทุทฺทสตฺตาติ ทฏฺุํ ¶ อสกฺกุเณยฺยตฺตา. โอฬาริกา หิ ทุกฺขสมุทยา, ติรจฺฉานคตานมฺปิ ทุกฺขํ, อาหาราทีสุ จ อภิลาโส ปากโฏ. ปีฬนาทิอายูหนาทิวเสนปิ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, อิทํ อสฺส การณ’’นฺติ ยาถาวโต าเณน โอคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ตานิ คมฺภีรานิ. ทฺเวติ นิโรธมคฺคสจฺจานิ. ตานิ สณฺหสุขุมภาวโต สภาเวเนว คมฺภีรตาย ยาถาวโต าเณน ทุโรคาหตฺตา ‘‘ทุทฺทสานี’’ติ.
โสตาปตฺติยงฺคาทิจตุกฺกวณฺณนา
๓๑๑. โสโต นาม อริยโสโต ปุริมปทโลเปน, ตสฺส อาทิโต สพฺพปมํ ปชฺชนํ โสตาปตฺติ, ปมมคฺคปฏิลาโภ. ตสฺส องฺคานิ อธิคมูปายภูตานิ การณานิ โสตาปตฺติยงฺคานิ. เตนาห ‘‘โสตา…เป… อตฺโถ’’ติ. สนฺตกายกมฺมาทิตาย สนฺตธมฺมสมนฺนาคมโต, สนฺตธมฺมปเวทนโต จ สนฺโต ปุริสาติ สปฺปุริสา. ตตฺถ เยสํ วเสน จตุสจฺจสมฺปฏิเวธาวหํ สทฺธมฺมสฺสวนํ ลพฺภติ, เต เอว ทสฺเสนฺโต ‘‘พุทฺธาทีนํ สปฺปุริสาน’’นฺติ อาห ¶ . สนฺโต สตํ วา ธมฺโมติ สทฺธมฺโม. โส หิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายทุกฺเข, สํสารทุกฺเข จ อปตนฺเต ธาเรตีติ เอวมาทิ คุณาติสยโยควเสน สนฺโต สํวิชฺชมาโน, ปสตฺโถ, สุนฺทโร วา ธมฺโม, สตํ วา อริยานํ ธมฺโม, เตสํ วา ตพฺภาวสาธโก ธมฺโมติ สทฺธมฺโม, ‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๕.๗๓) วุตฺตา ปริยตฺติ. สา ปน มหาวิสยตาย น สพฺพา สพฺพสฺส วิเสสาวหาติ ตสฺส ตสฺส อนุจฺฉวิกเมว ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สปฺปายสฺส เตปิฏกธมฺมสฺส สวน’’นฺติ. โยนิโสมนสิกาโร เหฏฺา วุตฺโต เอว. ปุพฺพภาคปฏิปตฺติยาติ วิปสฺสนานุโยคสฺส.
อเวจฺจปฺปสาเทนาติ ¶ สจฺจสมฺปฏิเวธวเสน พุทฺธาทีนํ คุเณ ตฺวา อุปฺปนฺนปฺปสาเทน, โส ปน ปสาโท เทวาทีสุ เกนจิปิ อกมฺปิยตาย นิจฺจโลติ ¶ อาห ‘‘อจลปฺปสาเทนา’’ติ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ จตุกฺกตฺตเย อาหารจตุกฺเก. ลูขปณีตวตฺถุวเสนาติ โอทนกุมฺมาสาทิกสฺส ลูขสฺส เจว ปณีตสฺส จ วตฺถุโน วเสน. สา ปนายํ อาหารสฺส โอฬาริกสุขุมตา ‘‘กุมฺภิลานํ อาหารํ อุปาทาย โมรานํ อาหาโร สุขุโม’’ติอาทินา (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑๑) อฏฺกถายํ วิตฺถารโต อาคตา เอว.
อารมฺมณฏฺิติวเสนาติ อารมฺมณสงฺขาตสฺส ปวตฺติปจฺจยฏฺานสฺส วเสน. ติฏฺติ เอตฺถาติ ิติ, อารมฺมณเมว ิติ อารมฺมณฏฺิติ. เตเนวาห ‘‘รูปารมฺมณ’’นฺติอาทิ. อารมฺมณตฺโถ เจตฺถ อุปตฺถมฺภนตฺโถ เวทิตพฺโพ, น วิสยลกฺขโณว. อุปตฺถมฺภนภูตํ รูปํ อุเปตีติ รูปูปายํ. เตนาห ‘‘รูปํ อุปคตํ หุตฺวา’’ติอาทิ. รูปกฺขนฺธํ นิสฺสาย ติฏฺติ เตน วินา อปฺปวตฺตนโต. ตนฺติ รูปกฺขนฺธํ นิสฺสาย านปฺปวตฺตนํ. เอตนฺติ ‘‘รูปูปาย’’นฺติ เอตํ วจนํ. รูปกฺขนฺโธ โคจโร ปวตฺติฏฺานํ ปจฺจโย เอตสฺสาติ รูปกฺขนฺธโคจรํ รูปํ สหการีการณภาเวน ปติฏฺา เอตสฺสาติ รูปปฺปติฏฺํ. อิติ ตีหิ ปเทหิ อภิสงฺขารวิฺาณํ ปติ รูปกฺขนฺธสฺส สหการีการณภาโวเยเวตฺถ วุตฺโต. อุปสิตฺตํ วิย อุปสิตฺตํ, ยถา พฺยฺชเนหิ อุปสิตฺตํ สิเนหิตํ โอทนํ รุจิตํ, ปริณามโยคฺยฺจ, เอวํ ¶ นนฺทิยา อุปสิตฺตํ สิเนหิตํ กมฺมวิฺาณํ อภิรุจิตํ หุตฺวา วิปากโยคฺยํ โหตีติ. อิตรนฺติ โทสสหคตาทิอกุสลํ, กุสลฺจ อุปนิสฺสยโกฏิยา อุปสิตฺตํ หุตฺวาติ โยชนา. เอวํ ปวตฺตมานนฺติ เอวํ รูปูปายนฺติ เทสนาภาเวน ปวตฺตมานํ. วิปากธมฺมตาย วุทฺธึ…เป… อาปชฺชติ. ตตฺถาปิ นิปฺปริยายผลนิพฺพตฺตนวเสน วุทฺธึ, ปริยายผลนิพฺพตฺตนวเสน วิรุฬฺหึ, นิสฺสนฺทผลนิพฺพตฺตนวเสน เวปุลฺลํ. ทิฏฺธมฺมเวทนียผลนิพฺพตฺตเนน วา วุทฺธึ, อุปปชฺชเวทนียผลนิพฺพตฺตนวเสน วิรุฬฺหึ, อปราปริยายผลนิพฺพตฺตนวเสน เวปุลฺลํ อาปชฺชตีติ ¶ โยชนา. เอกนฺตโต เวทนุปายาทิวเสน ปตฺติ นาม อรูปภเว เยวาติ อาห ‘‘อิเมหิ ปนา’’ติอาทิ. เอวฺจ กตฺวา ปาฬิยํ กตํ วา-สทฺทคฺคหณฺจ สมตฺถิตํ โหติ. ‘‘รูปูปาย’’นฺติอาทินา ยถา อภิสงฺขารวิฺาณสฺส อุปนิสฺสยภูตา รูปาทโย คยฺหนฺติ, เอวํ เตน นิพฺพตฺเตตพฺพาปิ เต คยฺหนฺตีติ อธิปฺปาเยน ‘‘จตุกฺกวเสน…เป… น วุตฺต’’นฺติ อาห. วิปาโกปิ หิ ธมฺโม ¶ วิปากธมฺมวิฺาณํ อุปคตํ นาม โหติ ตถา นนฺทิยา อุปสิตฺตตฺตา. เตนาห ‘‘นนฺทูปเสจน’’นฺติ. วิตฺถาริตาเนว สิงฺคาลสุตฺเต.
ภวติ เอเตน อาโรคฺยนฺติ ภโว, คิลานปจฺจโย. ปริวุทฺโธ ภโว อภโว. วุทฺธิอตฺโถ หิ อยํ อกาโร ยถา ‘‘สํวราสํวโร, (ปารา. ปมมหาสงฺคีติกถา; ที. นิ. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) ผลาผลํ’’ติ จ ¶ . เตลมธุผาณิตาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน สปฺปินวนีตานํ คหณํ, เตลาทีนํ คหณฺเจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ. สพฺพสฺสาปิ คิลานปจฺจยสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อถ วา ภวาภโวติ ขุทฺทโก เจว มหนฺโต จ อุปปตฺติภโว เวทิตพฺโพ. เอวฺจ สติ ‘‘อิเมสํ ปนา’’ติอาทิวจนํ สมตฺถิตํ โหติ. ภวูปปตฺติปหานตฺโถ หิ วิเสสโต จตุตฺถอริยวํโส. ตณฺหุปฺปาทานนฺติ ตณฺหุปฺปตฺตีนํ, จีวราทิเหตุ อุปฺปชฺชนกตณฺหานนฺติ อตฺโถ. ปธานกรณกาเลติ ภาวนานุโยคกฺขเณ. สีตาทีนิ น ขมตีติ ภาวนาย ปุพฺพภาคกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ. ขมตีติ สหติ อภิภวติ. วิตกฺกสมนนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ. สพฺเพสมฺปิ กิเลสานํ สมนวเสน ปวตฺตา ปฏิปทา.
สมาธิฌานาทิเภโท ธมฺโม ปชฺชติ ปฏิปชฺชียติ เอเตนาติ ธมฺมปทํ. อนภิชฺฌาว ธมฺมปทํ อนภิชฺฌาธมฺมปทํ. อยํ ตาว อโลภปกฺเข นโย, อิตรปกฺเข ปน อนภิชฺฌาปธาโน ธมฺมโกฏฺาโส อนภิชฺฌาธมฺมปทํ. อโกโปติ อโทโส, เมตฺตาติ อตฺโถ. สุปฺปฏฺิตสตีติ กายาทีสุ สมฺมเทว อุปฏฺิตา สติ. สติสีเสนาติ สติปธานมุเขน. สมาธิปธานตฺตา ฌานานํ ‘‘สมาปตฺติ วา’’ติ วุตฺตํ. กามํ สวิฺาณกอสุเภปิ ฌานภาวนา อโลภปฺปธานา โหติ กายสฺส ชิคุจฺฉเนน, ปฏิกฺกูลาการคฺคหณวเสน จ ปวตฺตนโต, สตฺตวิธอุคฺคหโกสลฺลาทิวเสน ปนสฺสา ปวตฺติ สติปธานาติ ตติยธมฺมปเทเนว นํ สงฺคณฺหิตุกาโม ‘‘ทส อสุภวเสน วา’’ติ อาห. หิตูปสํหาราทิวเสน ปวตฺตนโต พฺรหฺมวิหารภาวนา พฺยาปาทวิโรธินี อพฺยาปาทปฺปธานาติ อาห ‘‘จตุพฺรหฺม…เป… ธมฺมปท’’นฺติ. ตตฺถ อธิคตานิ ฌานาทีนีติ โยชนา. คมนาทิโต อาหารสฺส ปฏิกฺกูลภาวสลฺลกฺขณํ ¶ สฺาย ถิรภาเวเนว โหติ ตสฺสา ถิรสฺาปทฏฺานตฺตาติ อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺาปิ ¶ ¶ ตติยธมฺมปเท เอว สงฺคหํ คตา. อารุปฺปสมาธิอภิฺานํ อธิฏฺานภาวโต กสิณภาวนา, สตฺตวิธโพชฺฌงฺควิชฺชาวิมุตฺติปาริปูริเหตุโต อานาปาเนสุ ปมอานาปานภาวนา วิเสสโต สมาธิปธานาติ สา จตุตฺถธมฺมปเทน สงฺคหิตา. จตุธาตุววตฺถานวเสน อธิคตานิปิ เอตฺเถว สงฺคเหตพฺพานิ สิยุํ, ปฺาปธานตาย ปน น สงฺคหิตานิ.
ธมฺมสมาทาเนสุ ปมํ อเจลกปฏิปทา เอตรหิ จ ทุกฺขภาวโต, อนาคเตปิ อปายทุกฺขวฏฺฏทุกฺขาวหโต. อเจลกปฏิปทาติ จ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ ฉนฺนปริพฺพาชกานมฺปิ อุภยทุกฺขาวหปฏิปตฺติทสฺสนโต. ทุติยํ…เป… พฺรหฺมจริยจรณํ เอตรหิ สติปิ ทุกฺเข อายตึ สุขาวหตฺตา. กาเมสุ ปาตพฺยตา ยถากามํ กามปริโภโค. อลภมานสฺสาปีติ ปิ-สทฺเทน โก ปน วาโท ลภมานสฺสาติ ทสฺเสติ.
ทุสฺสีลฺยาทิปาปธมฺมานํ ขมฺภนํ ปฏิพนฺธนํ ขนฺธฏฺโ, โส ปน สีลาทิ เอวาติ อาห ‘‘คุณฏฺโ ขนฺธฏฺโ’’ติ. คุณวิสยตาย ขนฺธ-สทฺทสฺส คุณตฺถตา เวทิตพฺพา. วิมุตฺติกฺขนฺโธติ ปฏิปกฺขโต สุฏฺุ วิมุตฺตา คุณธมฺมา อธิปฺเปตา, น อวิมุตฺตา, นาปิ วิมุจฺจมานาติ เตหิ สห เทสนํ อารุฬฺหา สีลกฺขนฺธาทโยปิ ตโยติ อาห ‘‘ผลสีลํ อธิปฺเปตํ, จตูสุปิ าเนสุ ผลเมว วุตฺต’’นฺติ จ. เอเตเนว เจตฺถ วิมุตฺติกฺขนฺโธติ ผลปริยาปนฺนา สมฺมาสงฺกปฺปวายามสติโย อธิปฺเปตาติ เวทิตพฺพํ.
อุปตฺถมฺภนฏฺเน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ตตฺถ ถิรภาเวน ปวตฺตนโต, เอเตเนว อหิริกอโนตฺตปฺปานมฺปิ สวิสเย พลฏฺโ สิทฺโธ เวทิตพฺโพ. น หิ เตสํ ¶ ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปิยฏฺโ เอกนฺติโก. หิโรตฺตปฺปานฺหิ อกมฺปิยฏฺโ สาติสโย กุสลธมฺมานํ มหาพลภาวโต, อกุสลานฺจ ทุพฺพลภาวโต. เตนาห ภควา ‘‘อพลา นํ พลียนฺติ, มทฺทนฺเต นํ ปริสฺสยา’’ติ (สุ. นิ. ๗๗๖; มหานิ. ๕; เนตฺติ. ปฏินิทฺเทสวาเร ๕) โพธิปกฺขิยธมฺมวเสนายํ เทสนาติ ‘‘สมถวิปสฺสนามคฺควเสนา’’ติ วุตฺตํ.
อธีติ อุปสคฺคมตฺตํ, น ‘‘อธิจิตฺต’’นฺติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๕) วิย อธิการาทิอตฺถํ. กรณาธิกรณภาวสาธนวเสน อธิฏฺาน-สทฺทสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตน ¶ วา’’ติอาทิมาห. เตน อธิฏฺาเนน ติฏฺนฺติ อตฺตโน สมฺมาปฏิปตฺติยํ คุณาธิกา ปุริสา, เต เอว ตตฺถ อธิฏฺาเน ติฏฺนฺติ สมฺมาปตฺติยา, านเมว อธิฏฺานเมว สมฺมาปฏิปตฺติยนฺติ โยชนา. ปเมน อธิฏฺาเนน. อคฺคผลปฺาติ อุกฺกฏฺนิทฺเทโสยํ. กิเลสูปสโมติ กิเลสานํ อจฺจนฺตวูปสโม ¶ . ปเมน นเยน อธิฏฺานานิ เอกเทสโตว คหิตานิ, น นิปฺปเทสโตติ นิปฺปเทสโตว ตานิ ทสฺเสตุํ ‘‘ปเมน จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อาทึ กตฺวา’’ติ เอเตน ฌานาภิฺาปฺฺเจว มคฺคปฺฺจ สงฺคณฺหาติ. วจีสจฺจํ อาทึ กตฺวาติ อาทิ-สทฺเทน วิรติสจฺจํ สงฺคณฺหาติ. ตติเยน อาทิ-สทฺเทน กิเลสานํ วีติกฺกมปริจฺจาคํ, ปริยุฏฺานปริจฺจาคํ, เหฏฺิมมคฺเคหิ อนุสยปริจฺจาคฺจ สงฺคณฺหาติ. ‘‘วิกฺขมฺภิเต กิเลเส’’ติ เอเตน สมาปตฺตีหิ กิเลสานํ วิกฺขมฺภนวเสน วูปสมํ วตฺวา อาทิ-สทฺเทน เหฏฺิมมคฺเคหิ กาตพฺพํ เตสํ สมุจฺเฉทวเสน วูปสมํ สงฺคณฺหาติ. อรหตฺตผลปฺา กถิตา อุกฺกฏฺนิทฺเทสโตว, อฺถา ¶ วจีสจฺจาทีนมฺปิ คหณํ สิยา. นิพฺพานฺจ อสมฺโมสธมฺมตาย อุตฺตมฏฺเน สจฺจํ, สพฺพสํกิเลสปริจฺจาคนิมิตฺตตาย จาโค, สพฺพสงฺขารูปสมภาวโต อุปสโมติ จ วิเสสโต วตฺตพฺพตํ อรหตีติ เถรสฺส อธิปฺปาโย. ปกฏฺชานนผลตาย ปฺา, อนวเสสโต กิเลสานฺจชนฺเต จ วูปสนฺเต จ อุปฺปนฺนตฺตา จาโค, อุปสโมติ จ วิเสสโต อคฺคผลาณํ วุจฺจตีติ เถโร อาห ‘‘เสเสหิ อรหตฺตผลปฺา กถิตา’’ติ.
ปฺหพฺยากรณาทิจตุกฺกวณฺณนา
๓๑๒. กาฬกนฺติ มลีนํ, จิตฺตสฺส อปภสฺสรภาวกรณนฺติ อตฺโถ. ตํ ปเนตฺถ กมฺมปถปฺปตฺตเมว อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ทสอกุสลกมฺมปถกมฺม’’นฺติ. กณฺหาภิชาติเหตุโต วา กณฺหํ. เตนาห ‘‘กณฺหวิปาก’’นฺติ. อปายูปตฺติ, มนุสฺเสสุ จ โทภคฺคิยํ กณฺหวิปาโก. อยํ ตสฺส ตมภาโว วุตฺโต. นิพฺพตฺตนโตติ นิพฺพตฺตาปนโต. ปณฺฑรนฺติ โอทาตํ, จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรณนฺติ อตฺโถ. สุกฺกาภิชาติเหตุโต วา สุกฺกํ. เตนาห ‘‘สุกฺกวิปาก’’นฺติ. สคฺคูปปตฺติ, มนุสฺเสสุ โสภคฺคิยฺจ สุกฺกวิปาโก. อยํ ตสฺส โชติภาโว วุตฺโต. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ปน ‘‘สคฺเค นิพฺพตฺตนโต’’ติ วุตฺตํ, นิพฺพตฺตาปนโตติ อตฺโถ. มิสฺสกกมฺมนฺติ กาเลน กณฺหํ, กาเลน สุกฺกนฺติ เอวํ มิสฺสกวเสน ¶ กตกมฺมํ. ‘‘สุขทุกฺขวิปาก’’นฺติ วตฺวา ตตฺถ สุขทุกฺขานํ ปวตฺติอาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘มิสฺสกกมฺมฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กมฺมสฺส กณฺหสุกฺกสมฺา กณฺหสุกฺกาภิชาติเหตุตายาติ อปจยคามิตาย ตทุภยวิทฺธํสกสฺส กมฺมกฺขยกรกมฺมสฺส อิธ สุกฺกปริยาโยปิ น อิจฺฉิโตติ อาห ‘‘อุภย…เป… อยเมตฺถ อตฺโถ’’ติ. ตตฺถ อุภยวิปากสฺสาติ ยถาธิคตสฺส อุภยวิปากสฺส. สมฺปตฺติภวปริยาปนฺโน ¶ หิ วิปาโก อิธ ‘‘สุกฺกวิปาโก’’ติ อธิปฺเปโต, น อจฺจนฺตปริสุทฺโธ อริยผลวิปาโก.
ปุพฺเพนิวาโส สตฺตานํ จุตูปปาโต จ ปจฺจกฺขกรเณน สจฺฉิกาตพฺพา; อิตเร ปฏิลาเภน อสมฺโมหปฏิเวธวเสน ¶ ปจฺจกฺขกรเณน จ สจฺฉิกาตพฺพา. นนุ จ ปจฺจเวกฺขณาเปตฺถ ปจฺจกฺขโต ปวตฺตตีติ? สจฺจํ ปจฺจกฺขโต ปวตฺตติ สรูปทสฺสนโต, น ปน ปจฺจกฺขกรณวเสน ปวตฺตติ ปจฺจกฺขการีนํ ปิฏฺิวตฺตนโต. เตนาห ‘‘กาเยนา’’ติอาทิ.
โอหนนฺตีติ เหฏฺา กตฺวา หนนฺติ คเมนฺติ. ตถาภูตา จ อโธ สีเทนฺติ นามาติ อาห ‘‘โอสีทาเปนฺตี’’ติ. กามนฏฺเน กาโม จ โส ยถาวุตฺเตนตฺเถน โอโฆ จาติ, กาเมสุ โอโฆติ วา กาโมโฆ. ภโวโฆ นาม ภวราโคติ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปารูปภเวสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปโม อุปปตฺติภเวสุ ราโค, ทุติโย กมฺมภเวสุ, ตติโย ภวทิฏฺิสหคโต. ยถา รฺชนฏฺเน ราโค, เอวํ โอหนฏฺเน ‘‘โอโฆ’’ติ วุตฺโต.
โยเชนฺตีติ กมฺมํ วิปาเกน, ภวาทึ ภวนฺตราทีหิ ทุกฺเข สตฺเต โยเชนฺติ ฆฏฺเฏนฺตีติ โยคา. โอฆา วิย เวทิตพฺพา อตฺถโต กามโยคาทิภาวโต.
วิสํโยเชนฺตีติ ปฏิปนฺนํ ปุคฺคลํ กามโยคาทิโต วิโยเชนฺติ. สํกิเลสกรณํ โยชนํ โยโค, คนฺถิกรณํ (คนฺถกรณํ ธ. ส. มูลฏี. ๒๐-๒๕), สงฺขลิกจกฺกลิกานํ วิย ปฏิพทฺธตากรณํ วา คนฺถนํ คนฺโถ, อยํ เอเตสํ วิเสโส. ปลิพุนฺธตีติ นิสฺสริตุํ อปฺปทานวเสน น มฺุเจติ วิพนฺธติ. อิทเมวาติ อตฺตโน ยถาอุปฏฺิตํ สสฺสตวาทาทิกํ วทติ. สจฺจนฺติ ภูตํ.
ภุสํ ¶ ¶ , ทฬฺหฺจ อารมฺมณํ อาทียติ เอเตหีติ อุปาทานานิ. ยํ ปน เตสํ ตถาคหณํ, ตมฺปิ อตฺถโต อาทานเมวาติ อาห ‘‘อุปาทานานีติ อาทานคฺคหณานี’’ติ. คหณฏฺเนาติ กามนวเสน ทฬฺหํ คหณฏฺเน. ปุน คหณฏฺเนาติ มิจฺฉาภินิวิสนวเสน ทฬฺหํ คหณฏฺเน. อิมินาติ อิมินา สีลวตาทินา. สุทฺธีติ สํสารสุทฺธิ. เอเตนาติ เอเตน ทิฏฺิคาเหน. ‘‘อตฺตา’’ติ ปฺาเปนฺโต วทติ เจว อภินิเวสนวเสน อุปาทิยติ จ.
ยวนฺติ ตาหิ สตฺตา อมิสฺสิตาปิ สมานชาติตาย มิสฺสิตา วิย โหนฺตีติ โยนิโย, ตา ปน อตฺถโต อณฺฑาทิอุปฺปตฺติฏฺานวิสิฏฺา ขนฺธานํ ภาคโส ปวตฺติวิเสสาติ อาห ‘‘โยนิโยติ โกฏฺาสา’’ติ. สยนสฺมินฺติ ปุปฺผสนฺถราทิสยนสฺมึ. ตตฺถ วา เต สยิตา ชายนฺตีติ สยนคฺคหณํ. ตยิทํ มนุสฺสานํ, ภุมฺมเทวานฺจ วเสน คเหตพฺพํ. ปูติมจฺฉาทีสุ กิมโย นิพฺพตฺตนฺติ. อุปปติตา วิยาติ อุปปชฺชวเสน ปติตา วิย. พาหิรปจฺจยนิรเปกฺขตาย ¶ วา อุปปตเน สาธุการิโน โอปปาติโน, เต เอว อิธ ‘‘โอปปาติกา’’ติ วุตฺตา. เทวมนุสฺเสสูติ เอตฺถ เย เทเว สนฺธาย เทวคฺคหณํ, เต ทสฺเสนฺโต ‘‘ภุมฺมเทเวสู’’ติ อาห.
อตฺตโน สติสมฺโมเสน อาหารปฺปโยเคน มรณโต ‘‘ปโม ขิฑฺฑาปโทสิกวเสนา’’ติ วุตฺตํ. อตฺตโน ปรสฺส จ มโนปโทสวเสน มรณโต ‘‘ตติโย มโนปโทสิกวเสนา’’ติ วุตฺตํ. เนว อตฺตสฺเจตนาย มรนฺติ, น ปรสฺเจตนาย เกวลํ ปฺุกฺขเยเนว มรณโต, ตสฺมา จตุตฺโถ…เป… เวทิตพฺโพ.
ทกฺขิณาวิสุทฺธาทิจตุกฺกวณฺณนา
๓๑๓. ทานสงฺขาตา ทกฺขิณา, น เทยฺยธมฺมสงฺขาตา. วิสุชฺฌนา ¶ มหาชุติกตา, สา ปน มหาผลตาย เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘มหปฺผลา โหนฺตี’’ติ.
อนริยานนฺติ อสาธูนํ. เต ปน นิหีนาจารา โหนฺตีติ อาห ‘‘ลามกาน’’นฺติ. โวหาราติ สพฺโพหารา อภิลาปา วา, อตฺถโต ตถาปวตฺตา เจตนา. เตนาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ.
อตฺตนฺตปาทิจตุกฺกวณฺณนา
๓๑๔. เตสุ ¶ อเจลโกติ นิทสฺสนมตฺตํ ฉนฺนปริพฺพาชกานมฺปิ อตฺตกิลมถํ อนุยุตฺตานํ ลพฺภนโต.
น สีลาทิสมฺปนฺโนติ สีลาทีหิ คุเณหิ อปริปุณฺโณ.
ตโมติ อปฺปกาสภาเวน ตโมภูโต. เตนาห ‘‘อนฺธการภูโต’’ติ, อนฺธการํ วิย ภูโต ชาโต อปฺปกาสภาเวน, อนฺธการตฺตํ วา ปตฺโตติ อตฺโถ. ตมเมวาติ วุตฺตลกฺขณํ ตมเมว. ปรํ ปรโต อยนํ คติ นิฏฺาติ อตฺโถ. ‘‘นีเจ…เป… นิพฺพตฺติตฺวา’’ติ เอเตน ตสฺส ตมภาวํ ทสฺเสติ, ‘‘ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปริปูเรตี’’ติ เอเตน ตมปรายนภาวํ อปฺปกาสภาวาปตฺติโต. ตถาวิโธ หุตฺวาติ นีเจ…เป… นิพฺพตฺเตตฺวา. ‘‘ตีณิ สุจริตานิ ปริปูเรตี’’ติ ¶ เอเตน ตสฺส โชติปรายนภาวํ ทสฺเสติ ปกาสภาวาปตฺติโต. อิตรทฺวเย วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ม-กาโร ปทสนฺธิมตฺตํ ‘‘อฺมฺ’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๖๐๕) วิย. จตูหิ วาเตหีติ จตูหิ ทิสาหิ อุฏฺิตวาเตหิ. ปรปฺปวาเทหีติ ปเรสํ ทิฏฺิคติกานํ วาเทหิ. ‘‘อกมฺปิโย’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘อจลสทฺธายา’’ติ, มคฺเคนาคตสทฺธาย. ปตนุภูตตฺตาติ เอตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ ปตนุภาโว เวทิตพฺโพ อธิจฺจุปฺปตฺติยา, ปริยุฏฺานมนฺทตาย จ. สกทาคามิสฺส หิ วฏฺฏานุสาริมหาชนสฺส วิย กิเลสา อภิณฺหํ น อุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ. อุปฺปชฺชมานา จ วฏฺฏานุสาริมหาชนสฺส วิย มทฺทนฺตา อภิภวนฺตา น อุปฺปชฺชนฺติ, ทฺวีหิ ปน มคฺเคหิ ปหีนตฺตา มนฺทา มนฺทา ตนุกาการา อุปฺปชฺชนฺติ. อิติ กิเลสานํ ปตนุภาเวน คุณโสภาย คุณโสรจฺเจน สกทาคามี สมณปทุโม นาม. ราคโทสานํ อภาวาติ คุณวิกาสวิพนฺธานํ ¶ สพฺพโส ราคโทสานํ อภาเวน. ขิปฺปเมว ปุปฺผิสฺสตีติ อคฺคมคฺควิกสเนน นจิรสฺเสว อนวเสสคุณโสภาปาริปูริยา ปุปฺผิสฺสติ. ตสฺมา อนาคามี สมณปุณฺฑรีโก นาม. ‘‘ปุณฺฑรีก’’นฺติ หิ รตฺตกมลํ วุจฺจติ. ตํ กิร ลหุํ ปุปฺผิสฺสติ. ‘ปทุม’นฺติ เสตกมลํ, ตํ จิเรน ปุปฺผิสฺสตี’’ติ วทนฺติ. คนฺถการกิเลสานนฺติ จิตฺตสฺส พทฺธภาวกรานํ อุทฺธมฺภาคิยกิเลสานํ สพฺพโส อภาวา สมณสุขุมาโล ¶ นาม สมณภาเวน ปรมสุขุมาลภาวปฺปตฺติโต.
จตุกฺกวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ ปมภาณวารวณฺณนา.
ปฺจกวณฺณนา
๓๑๕. สจฺเจสุ วิย อริยสจฺจานิ ขนฺเธสุ อุปาทานกฺขนฺธา อนฺโตคธาติ ขนฺเธสุ โลกิยโลกุตฺตรวเสน วิภาคํ ทสฺเสตฺวา อิตเรสุ ตทภาวโต ‘‘อุปาทานกฺขนฺธา โลกิยา วา’’ติ อาห.
คนฺตพฺพาติ ¶ อุปปชฺชิตพฺพา. ยถา หิ กมฺมภโว ปรมตฺถโต อสติปิ การเก ปจฺจยสามคฺคิยา สิทฺโธ ‘‘ตํสมงฺคินา สนฺตานลกฺขเณน สตฺเตน กโต’’ติ โวหรียติ, เอวํ อุปปตฺติภวลกฺขณา คติโย ปรมตฺถโต อสติปิ คมเก ตํตํกมฺมวเสน เยหิ ตานิ กมฺมานิ ‘‘กตานี’’ติ วุจฺจนฺติ, เตหิ ‘‘คนฺตพฺพา’’ติ โวหรียนฺติ. ยสฺส อุปฺปชฺชติ, ตํ พฺรูหนฺโต เอว อุปฺปชฺชตีติ อโย, สุขํ. นตฺถิ เอตฺถ อโยติ นิรโย. ตโต เอว อสฺสาเทตพฺพเมตฺถ นตฺถีติ ‘‘นิรสฺสาโท’’ติ อาห. อวีจิอาทิโอกาเสปิ นิรยสทฺโท นิรุฬฺโหติ อาห ‘‘สโหกาเสน ขนฺธา กถิตา’’ติ. สูริยวิมานาทิ โอกาสวิเสเสปิ โลเก เทว-สทฺโท นิรุฬฺโหติ อาห ‘‘จตุตฺเถ โอกาโสปี’’ติ.
อาวาเสติ วิสเย ภุมฺมํ. เปโต วา อชคโร วา หุตฺวา นิพฺพตฺตติ ลคฺคจิตฺตตาย, หีนชฺฌาสยตาย จ. เตหิ เตหิ ¶ การเณหิ อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ยถา อฺเ น ลภนฺติ, เอวํ กโรติ อตฺตโน วิสมนิสฺสิตตาย, พลวนิสฺสิตตาย จ. วณฺณมจฺฉริเยน อตฺตโน เอว วณฺณํ วณฺเณติ, ปเรสํ วณฺโณ ‘‘กึ วณฺโณ เอโส’’ติ ตํ ตํ โทสํ วทติ. ปฏิเวธธมฺโม อริยานํเยว โหติ, เต จ ตํ น มจฺฉรายนฺติ มจฺฉริยสฺส สพฺพโส ปหีนตฺตาติ ตสฺส อสมฺภโว เอวาติ อาห ‘‘ปริยตฺติธมฺเม’’ติอาทิ. ‘‘อยํ อิมํ ธมฺมํ อุคฺคเหตฺวา อฺถา อตฺถํ วิปริวตฺเตตฺวา นสฺเสสฺสตี’’ติ ธมฺมานุคฺคเหน น เทติ. ‘‘อยํ อิมํ ธมฺมํ อุคฺคเหตฺวา อุทฺธโต ¶ อุนฺนโฬ อวูปสนฺตจิตฺโต อปฺุํ ปสวิสฺสตี’’ติ ปุคฺคลานุคฺคเหน น เทติ. น ตํ อทานํ มจฺฉริยํ มจฺฉริยลกฺขณสฺเสว อภาวโต.
จิตฺตํ นิวาเรนฺตีติ ฌานาทิวเสน อุปฺปชฺชนกํ กุสลจิตฺตํ นิเสเธนฺติ ตถาสฺส อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺติ. นีวรณปฺปตฺโตติ นีวรณาวตฺโถ. ‘‘อรหตฺตมคฺควชฺโฌ’’ติ เอเตน ภวราคานุสยสฺสปิ นีวรณภาวํ อนุชานาติ, ตํ วิจาเรตพฺพํ. กิเมตฺถ วิจาเรตพฺพํ? ‘‘อารุปฺเป กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฏิจฺจ ถินมิทฺธนีวรณ’’นฺติ (ปฏฺา. ๓.นีวรณโคจฺฉเก ๘) อาทิวจนโต น ยิทํ ‘‘ปริยาเยน วุตฺต’’นฺติ สกฺกา วตฺตุํ, สพฺเพสมฺปิ เตภูมกธมฺมานํ กามนียฏฺเน กามภาวโต ภวราคสฺสปิ กามจฺฉนฺทภาวสฺส อิจฺฉิตตฺตา. ตสฺมา ‘‘กามจฺฉนฺโท นีวรณปฺปตฺโต’’ติ ภวราคานุสยมาห. โส หิ อรหตฺตมคฺควชฺโฌ. ‘‘ยา ตสฺมึ สมเย จิตฺตสฺส อกลฺยตา’’ติ (ธ. ส. ๑๑๖๒) อาทิวจนโต ถินํ จิตฺตเคลฺํ. ตถา ‘‘ยา ตสฺมึ สมเย เวทนากฺขนฺธสฺสา’’ติ (ธ. ส. ๔๔) อาทิวจนโต มิทฺธํ ขนฺธตฺตยเคลฺํ. เอตฺถ จ ¶ จิตฺตเคลฺเน จิตฺตสฺเสว อกลฺยตา, ขนฺธตฺตยเคลฺเน ปน รูปกายสฺสปิ ถินมิทฺธสฺส นิทฺทาเหตุตฺตา. ตถา อุทฺธจฺจนฺติ อุทฺธจฺจสฺส อรหตฺตมคฺควชฺฌตํ อุปสํหรติ ตถา-สทฺเทน ¶ , น อุภยตํ. น หิ ตสฺส ตาทิสี อุภยตา อตฺถิ. ยํ ปน เกจิ วทนฺติ ‘‘ปุถุชฺชนสนฺตานวุตฺติ เสกฺขสนฺตานวุตฺตี’’ติ, ตํ อิธ อนุปโยคิ เสกฺขสนฺตานวุตฺติโน เอว เจตฺถ อธิปฺเปตตฺตา.
เตหีติ สํโยชเนหิ. ‘‘โอรมฺภาคิยานิ อุทฺธมฺภาคิยานี’’ติ วิเสสํ อนามสิตฺวา ‘‘สํโยชนานี’’ติ สาธารณโต ปทุทฺธาโร อิทานิ วุจฺจมานจตุกฺกานุจฺฉวิกตาวเสน, กสฺสจิปิ กิเลสสฺส อวิกฺขมฺภิตตฺตา กถฺจิปิ อวินิปาเตยฺยตามุตฺโต กามภโว อชฺฌตฺตคฺคหณสฺส วิเสสปจฺจยตฺตา อิเมสํ สตฺตานํ อพฺภนฺตรฏฺเน อนฺโต นาม. รูปารูปภโว ตพฺพิปริยายโต พหิ นาม. ตถา หิ ยสฺส โอรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ อปฺปหีนานิ, โส อชฺฌตฺตสํโยชโน วุตฺโต, ยสฺส ตานิ ปหีนานิ, โส พหิทฺธาสํโยชโน, ตสฺมา อนฺโต อสมุจฺฉินฺนพนฺธนตาย, พหิ จ ปวตฺตมานภวงฺคสนฺตานตาย อนฺโตพทฺธา พหิสยิตา นาม. นิรนฺตรปฺปวตฺตภวงฺคสนฺตานวเสน หิ สยิตโวหาโร. กามํ เนสํ พหิพนฺธนมฺปิ อสมุจฺฉินฺนํ, อนฺโตพนฺธนสฺส ปน ถูลตาย เอวํ วุตฺตํ ¶ . เตนาห ‘‘เตสฺหิ กามภเว พนฺธน’’นฺติ. อิมินา นเยน เสสทฺวเยปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อสมุจฺฉินฺเนสุ จ โอรมฺภาคิยสํโยชนิเยสุ ลทฺธปฺปจฺจเยสุ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ อคณนูปคานิ โหนฺตีติ. อริยานํเยว วเสเนตฺถ จตุกฺกสฺส อุทฺธฏตฺตา ลพฺภมานาปิ ปุถุชฺชนา น อุทฺธฏา.
สิกฺขาโกฏฺาโสติ สิกฺขิตพฺพภาโค. ปชฺชติ สิกฺขา เอเตนาติ สิกฺขาปทํ, สิกฺขาย อธิคมุปาโยติ. อาคตาเยว, ตสฺมา ตตฺถ อาคตนเยเนว เวทิตพฺพาติ อธิปฺปาโย.
อภพฺพฏฺานาทิปฺจกวณฺณนา
๓๑๖. เทสนาสีสเมวาติ ¶ เทสนาปเทโส เอว, ตสฺมา โสตาปนฺนาทโยปิ อภพฺพา. ยทิ เอวํ กสฺมา ตถา เทสนาติ อาห ‘‘ปุถุชฺชนขีณาสวาน’’นฺติอาทิ.
าติพฺยสเน เยสํ าตีนํ วินาโส, เตสํ หิตสุขํ วิทฺธํเสติ, ตสฺมา พฺยสตีติ พฺยสนํ. โภคพฺยสเนปิ เอเสว นโย. โรคพฺยสนาทีสุ ปน ‘‘ยสฺส โรโค’’ติอาทินา โยเชตพฺพํ. เนว อกุสลานิ อสํกิลิฏฺสภาวตฺตา. น ติลกฺขณาหตานิ อภาวธมฺมตฺตา. อิตรํ ปน วุตฺตวิปริยายโต อกุสลํ, ติลกฺขณาหตฺจ.
คุเณหิ ¶ สมิทฺธภาวา สมฺปทา.
วตฺถุสนฺทสฺสนาติ ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ ตสฺส อาปตฺติ, ตสฺส สรูปโต ทสฺสนา. อาปตฺติสนฺทสฺสนาติ ยํ อาปตฺตึ โส อาปนฺโน, ตสฺสา ทสฺสนา. สํวาสปฏิกฺเขโปติ อุโปสถปวารณาทิสํวาสสฺส ปฏิกฺขิปนํ อกรณํ. สามีจิปฏิกฺเขโป อภิวาทนาทิสามีจิกิริยาย อกรณํ. โจทยมาเนนาติ โจเทนฺเตน. จุทิตกสฺส กาโลติ จุทิตกสฺส ปุคฺคลสฺส โจเทตพฺพกาโล. ปุคฺคลนฺติ โจเทตพฺพํ ปุคฺคลํ. อุปปริกฺขิตฺวาติ ‘‘อยํ จุทิตกลกฺขเณ ติฏฺติ, น ติฏฺตี’’ติ วีมํสิตฺวา. อยสํ อาโรเปติ ‘‘อิเม มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺตา อนยพฺยสนํ อาปาเทนฺตี’’ติ ภิกฺขูนํ อยสํ อุปฺปาเทติ.
ปธานิยงฺคปฺจกวณฺณนา
๓๑๗. ปทหตีติ ¶ ปทหโน; ภาวนํ อนุยุตฺโต โยคี, ตสฺส ภาโว ภาวนานุโยโค ปทหนภาโว. ปธานํ อสฺส อตฺถีติ ปธานิโก, ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา ‘‘ปธานิโย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อภินีหารโต ปฏฺาย อาคตตฺตา’’ติ วุตฺตตฺตา ปจฺเจกโพธิสตฺตสาวกโพธิสตฺตานมฺปิ ปณิธานโต ปภุติ อาคตา สทฺธา อาคมนสทฺธา เอว, อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ปน ‘‘สพฺพฺุโพธิสตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ. อธิคมโต ¶ สมุทาคตตฺตา อคฺคมคฺคผลสมฺปยุตฺตาปิ อธิคมนสทฺธา นาม, ยา โสตาปนฺนสฺส องฺคภาเวน วุตฺตา. อจลภาเวนาติ ปฏิปกฺเขน อนภิภวนียตฺตา นิจฺจลภาเวน. โอกปฺปนนฺติ โอกฺกนฺติตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา อธิมุจฺจนํ. ปสาทุปฺปตฺติ ปสาทนีเย วตฺถุสฺมึ ปสีทนเมว. สุปฺปฏิวิทฺธนฺติ สุฏฺุ ปฏิวิทฺธํ, ยถา เตน ปฏิเวเธน สพฺพฺุตฺาณํ หตฺถคตํ อโหสิ, ตถา ปฏิวิทฺธํ. ยสฺส พุทฺธสุพุทฺธตาย สทฺธา อจลา อสมฺปเวธี, ตสฺส ธมฺมสุธมฺมตาย, สงฺฆสุปฺปฏิปนฺนตาย จ สทฺธา น ตถาติ อฏฺานเมตํ อนวกาโส. เตนาห ภควา ‘‘โย, ภิกฺขเว, พุทฺเธ ปสนฺโน, ธมฺเม โส ปสนฺโน, สงฺเฆ โส ปสนฺโน’’ติอาทิ. ปธานวีริยํ อิชฺฌติ ‘‘อทฺธา อิมาย ปฏิปทาย ชรามรณโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ สกฺกจฺจํ ปทหนโต.
อปฺป-สทฺโท อภาวตฺโถ ‘‘อปฺป-สทฺทสฺส…เป… โข ปนา’’ติอาทีสุ วิยาติ อาห ‘‘อโรโค’’ติ. สมเวปากินิยาติ ยถาภุตฺตํ อาหารํ สมากาเรเนว ปจฺจนสีลาย. ทฬฺหํ กตฺวา ปจฺจนฺตี หิ คหณี โฆรภาเวน ปิตฺตวิการาทิวเสน โรคํ ชเนติ, สิถิลํ กตฺวา ปจฺจนฺตี มนฺทภาเวน วาตวิการาทิวเสน. เตนาห ‘‘นาติสีตาย นาจฺจุณฺหายา’’ติ. คหณีเตชสฺส มนฺทติกฺขตาวเสน ¶ สตฺตานํ ยถากฺกมํ สีตุณฺหสหคตาติ อาห ‘‘อติสีตคหณิโก’’ติอาทิ. ยาถาวโต อจฺจยเทสนา อตฺตโน อาวิกรณํ นามาติ อาห ‘‘ยถาภูตํ อตฺตโน อคุณํ ปกาเสตา’’ติ. อุทยตฺถคามินิยาติ ¶ สงฺขารานํ อุทยํ, วยฺจ ปฏิวิชฺฌนฺติยาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘อุทยฺจา’’ติอาทิ. ปริสุทฺธายาติ นิรุปกฺกิเลสาย. นิพฺพิชฺฌิตุํ สมตฺถายาติ ตทงฺควเสน อวเสสํ ปชหิตุํ สมตฺถาย. ตสฺส ตสฺส ทุกฺขสฺส ขยคามินิยาติ ยํ ทุกฺขํ อิมสฺมึ าเณ อนธิคเต ปวตฺตารหํ, อธิคเต น ปวตฺตติ, ตํ สนฺธาย วทติ. ตถา เหส โยคาวจโร ‘‘จูฬโสตาปนฺโน’’ติ วุจฺจติ.
สุทฺธาวาสาทิปฺจกวณฺณนา
๓๑๘. ‘‘สุทฺธา ¶ อาวสึสู’’ติอาทินา อทฺธตฺตเยปิ เตสํ สุทฺธาวาสปริยาโย อพฺยภิจารีติ ทสฺเสติ. กิเลสมลรหิตาติ นามกายปริสุทฺธึ วทนฺโต เอว รูปกายปริสุทฺธิมฺปิ อตฺถโต ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อนาคามิขีณาสวา’’ติ.
อายุโน มชฺฌนฺติ อวิหาทีสุ ยตฺถ ยตฺถ อุปฺปนฺโน, ตตฺถ ตตฺถ อายุโน มชฺฌํ อนติกฺกมิตฺวา. อนฺตรา วาติ ตสฺส อนฺตราว โอรเมว. มชฺฌํ อุปหจฺจาติ อายุโน มชฺฌํ อติจฺจ. เตนาห ‘‘อติกฺกมิตฺวา’’ติ. อปฺปโยเคนาติ อนุสฺสหเนน. อกิลมนฺโตติ อกิลนฺโต. สุเขนาติ อกิจฺเฉน. อุทฺธํ วาหิภาเวน อุทฺธํ อสฺส ตณฺหาโสตํ, วฏฺฏโสตฺจาติ อุทฺธํโสโต; อุทฺธํ วา คนฺตฺวา ปฏิลภิตพฺพโต อุทฺธํ อสฺส มคฺคโสตนฺติ อุทฺธํโสโต. อกนิฏฺํ คจฺฉตีติ อกนิฏฺคามี. โสเธตฺวาติ ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปชฺชนฺโต เต เต เทวโลเก โสเธนฺโต วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร เทวโลเก โสเธตฺวา’’ติ. ตตฺถ ตตฺถ วา อุปฺปชฺชิตฺวา ปุน อนุปฺปชฺชนารหภาเวเนว ตโตปิ คจฺฉนฺโต เทวูปปตฺติภวสฺิเต อตฺตโน ขนฺธโลเก ภวราคมลํ วิโสเธตฺวา วิกฺขมฺเภตฺวา. อยฺหิ อวิเหสุ กปฺปสหสฺสํ วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา อตปฺปํ คจฺฉติ, ตตฺถาปิ ทฺเว กปฺปสหสฺสานิ ¶ วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา สุทสฺสํ คจฺฉติ, ตตฺถาปิ จตฺตาริกปฺปสหสฺสานิ วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา สุทสฺสึ คจฺฉติ, ตตฺถาปิ อฏฺกปฺปสหสฺสานิ วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา อกนิฏฺํ คจฺฉติ, ตตฺถ วสนฺโต อคฺคมคฺคํ อธิคจฺฉติ.
เจโตขิลปฺจกวณฺณนา
๓๑๙. เจโตขิลา ¶ นาม อตฺถโต วิจิกิจฺฉา โกโธ จ, เต ปน ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺส ขรภาโว กกฺขฬภาโว หุตฺวา อุปติฏฺนฺติ, ปเคว อตฺตนา สมฺปยุตฺตจิตฺตสฺสาติ อาห ‘‘จิตฺตสฺส ถทฺธภาโว’’ติ. ยถา ลกฺขณปาริปูริยา คหิตาย สพฺพา สตฺถุรูปกายสิรี คหิตาว นาม โหติ, เอวํ สพฺพฺุตาย สพฺพา ธมฺมกายสิรี’’ คหิตา เอว นาม โหตีติ ตทุภยวตฺถุกเมว กงฺขํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สรีเร กงฺขมาโน’’ติอาทิมาห. อาตปติ กิเลเสติ อาตปฺปํ ¶ , สมฺมาวายาโมติ อาห ‘‘อาตปฺปายาติ วีริยกรณตฺถายา’’ติ. ปุนปฺปุนํ โยคายาติ ภาวนํ ปุนปฺปุนํ ยฺุชนาย. สตตกิริยายาติ ภาวนาย นิรนฺตรปฺปโยคาย. ‘‘ปฏิเวธธมฺเม กงฺขมาโน’’ติ เอตฺถ กถํ โลกุตฺตรธมฺเม กงฺขา ปวตฺตตีติ? น อารมฺมณกรณวเสน, อนุสฺสวาการปริวิตกฺกลทฺเธ ปริกปฺปิตรูเป กงฺขา ปวตฺตตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วิปสฺสนา…เป… วทนฺติ, ตํ อตฺถิ นุ โข นตฺถีติ กงฺขตี’’ติ. สิกฺขาติ เจตฺถ ปุพฺพภาคสิกฺขา เวทิตพฺพา. ‘‘กามฺเจตฺถ วิเสสุปฺปตฺติยา มหาสาวชฺชตาย เจว สํวาสนิมิตฺตฆฏฺฏนาเหตุ อภิณฺหุปฺปตฺติกตาย จ ‘สพฺรหฺมจารีสู’ติ โกปสฺส วิสโย วิเสเสตฺวา วุตฺโต, ตโต อฺตฺถาปิ ปน โกโป ‘น เจโตขิโล’ติ น สกฺกา วิฺาตุ’’นฺติ เกจิ. ยทิ เอวํ วิจิกิจฺฉายปิ อยํ นโย อาปชฺชติ, ตสฺมา ยถารุตวเสเนว คเหตพฺพํ.
เจตโสวินิพนฺธาทิปฺจกวณฺณนา
๓๒๐. ปวตฺติตุํ อปฺปทานวเสน กุสลจิตฺตํ วินิพนฺธนฺตีติ เจตโสวินิพนฺธา. ตํ ปน วินิพนฺธนฺตา มุฏฺิคาหํ ¶ คณฺหนฺตี วิย โหนฺตีติ อาห ‘‘จิตฺตํ พนฺธิตฺวา’’ติอาทิ. กามคิทฺโธ ปุคฺคโล วตฺถุกาเม วิย กิเลสกาเมปิ อสฺสาเทติ อภินนฺทตีติ วุตฺตํ ‘‘วตฺถุกาเมปิ กิเลสกาเมปี’’ติ. อตฺตโน กาเยติ อตฺตโน กรชกาเย, อตฺตภาเว วา. พหิทฺธารูเปติ ปเรสํ กาเย, อนินฺทฺริยพทฺธรูเป จ. อุทรํ อวทิหติ อุปจิโนติ ปริปูเรตีติ อุทราวเทหกํ. เสยฺยสุขนฺติ เสยฺยาย สยนวเสน อุปฺปชฺชนกสุขํ. สํปริวตฺตกนฺติ สํปริวตฺเตตฺวา. ปณิธายาติ ตณฺหาวเสน ปณิทหิตฺวา. อิติ ปฺจวิโธปิ โลภวิเสโส เอว เจโตวินิพนฺโธ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
โลกิยาเนว กถิตานิ รูปินฺทฺริยานํเยว กถิตตฺตา. ปมทุติยจตุตฺถานิ โลกิยานิ ปริตฺตภูมกตฺตา. ตติยปฺจมานิ กามรูปคฺคภูมิกตฺตา, กามรูปารูปคฺคภูมิกตฺตา จ. โลกิยโลกุตฺตรานิ ¶ กถิตานีติ อาเนตฺวา โยชนา. ‘‘สมถวิปสฺสนามคฺคผลวเสนา’’ติ วตฺตพฺพํ. ‘‘สมถวิปสฺสนามคฺควเสนา’’ติ วุตฺตํ.
นิสฺสรณิยปฺจกวณฺณนา
๓๒๑. นิสฺสรนฺตีติ ¶ นิสฺสรณียาติ วตฺตพฺเพ รสฺสํ กตฺวา นิทฺเทโส. กตฺตริ เหส อนีย-สทฺโท ยถา ‘‘นิยฺยานิกา’’ติ. เตนาห ‘‘นิสฺสฏา’’ติ. กุโต ปน นิสฺสฏาติ? ยถาสกํ ปฏิปกฺขโต. นิชฺชีวฏฺเน ธาตุโยติ อาห ‘‘อตฺตสฺุสภาวา’’ติ. อตฺถโต ปน ธมฺมธาตุมโนวิฺาณธาตุวิเสสา. ตาทิสสฺส ภิกฺขุโน กิเลสวเสน กาเมสุ มนสิกาโร นาม นตฺถีติ อาห ‘‘วีมํสนตฺถ’’นฺติ. ‘‘เนกฺขมฺมนิสฺสิตํ อิทานิ เม จิตฺตํ, กึ นุ โข กามวิตกฺโกปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ วีมํสนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ปกฺขนฺทนํ นาม อนุปฺปเวโส, โส ปน ตตฺถ นตฺถีติ อาห ‘‘น ปวิสตี’’ติ. ปสาทํ นาม อภิรุจิสนฺติฏฺานํ ¶ , วิมุจฺจนํ อธิมุจฺจนนฺติ ตํ สพฺพํ ปกฺขิปนฺโต วทติ ‘‘ปสาทํ นาปชฺชตี’’ติอาทิ. เอวํภูตํ ปนสฺส จิตฺตํ ตตฺถ กถํ ติฏฺตีติ อาห ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ. ตนฺติ ปมชฺฌานํ. อสฺสาติ ภิกฺขุโน. จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ ปริกมฺมจิตฺเตน สทฺธึ ฌานจิตฺตํ เอกฏฺวเสน เอกชฺฌํ คเหตฺวา วทติ. โคจเร คตตฺตาติ อตฺตโน อารมฺมเณ เอว ปวตฺตตฺตา. อหานภาคิยตฺตาติ ิติภาคิยตฺตา, วิเสสภาคิยตฺตา วา. สุฏฺุ วิมุตฺตนฺติ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา สมฺมเทว วิมุตฺตํ. จิตฺตสฺส กายสฺส จ หนนโต วิฆาโต, ทุกฺขํ. ปริทหนโต ปริฬาโห, กามทรโถ. น เวทยติ อนุปฺปชฺชนโต. นิสฺสรนฺติ ตโตติ นิสฺสรณํ. เก นิสฺสรนฺติ? กามา. เอวฺจ กตฺวา กามานนฺติ กตฺตริ สามิวจนํ สุฏฺุ ยุชฺชติ. ยทคฺเคน กามา ตโต ‘‘นิสฺสฏา’’ติ วุจฺจนฺติ, ตทคฺเคน ฌานมฺปิ กามโต ‘‘นิสฺสฏ’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ วุตฺตํ ‘‘กาเมหิ นิสฺสฏตฺตา’’ติ. เอวํ วิกฺขมฺภนวเสน กามนิสฺสรณํ วตฺวา อิทานิ สมุจฺเฉทวเสน อจฺจนฺตโตว นิสฺสรณํ ทสฺเสตุํ ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
เสสปเทสูติ เสสโกฏฺาเสสุ. อยํ ปน วิเสโสติ วิเสสํ วทนฺเตน ‘‘ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา’’ติอาทิโก อวิเสโสติ วตฺวา ทุติยตติยวาเรสุ สพฺพโส อนามฏฺโ, จตุตฺถวาเร ปน อยมฺปิ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘อจฺจนฺตนิสฺสรเณ เจตฺถ อรหตฺตผลํ โยเชตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
ยสฺมา อรูปชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา อคฺคมคฺคํ อธิคนฺตฺวา อรหตฺเต ิตสฺส จิตฺตํ สพฺพโส รูเปหิ นิสฺสฏํ นาม โหติ. ตสฺส หิ ผลสมาปตฺติโต วุฏฺาย ¶ วีมํสนตฺถํ รูปาภิมุขํ ¶ จิตฺตํ เปเสนฺตสฺส อิทมกฺขาตนฺติ สมถยานิกานํ วเสน เหฏฺา จตฺตาโร วารา กถิตา, อิทํ ปน สุกฺขวิปสฺสกสฺส วเสนาติ อาห ‘‘สุทฺธสงฺขาเร’’ติอาทิ. ปุน สกฺกาโย นตฺถีติ อุปฺปนฺนนฺติ ¶ อิทานิ เม สกฺกายปฺปพนฺโธ นตฺถีติ วีมํสนฺตสฺส อุปฺปนฺนํ.
วิมุตฺตายตนปฺจกวณฺณนา
๓๒๒. วิมุตฺติยา วฏฺฏทุกฺขโต วิมุจฺจนสฺส อายตนานิ การณานิ วิมุตฺตายตนานีติ อาห ‘‘วิมุจฺจนการณานี’’ติ. ปาฬิอตฺถํ ชานนฺตสฺสาติ ‘‘อิธ สีลํ อาคตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา’’ติอาทินา ตํ ตํ ปาฬิอตฺถํ ยาถาวโต ชานนฺตสฺส. ปาฬึ ชานนฺตสฺสาติ ตทตฺถโชตนํ ปาฬึ ยาถาวโต อุปธาเรนฺตสฺส. ตรุณปีตีติ สฺชาตมตฺตา มุทุกา ปีติ ชายติ. กถํ ชายติ? ยถาเทสิตธมฺมํ อุปธาเรนฺตสฺส ตทนุจฺฉวิกเมว อตฺตโน กายวจีมโนสมาจารํ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส โสมนสฺสปฺปตฺตสฺส ปโมทลกฺขณํ ปาโมชฺชํ ชายติ. ตุฏฺาการภูตา พลวปีตีติ ปุริมุปฺปนฺนาย ปีติยา วเสน ลทฺธาเสวนตฺตา อติวิย ตุฏฺาการภูตา กายจิตฺตทรถปสฺสมฺภนสมตฺถาย ปสฺสทฺธิยา ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถา พลปฺปตฺตา ปีติ ชายติ. ยสฺมา นามกาเย ปสฺสทฺเธ รูปกาโยปิ ปสฺสทฺโธ เอว โหติ, ตสฺมา ‘‘นามกาโย ปฏิปสฺสมฺภติ’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. สุขํ ปฏิลภตีติ วกฺขมานสฺส จิตฺตสมาธานสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ เจตสิกํ นิรามิสํ สุขํ ปฏิลภติ วินฺทติ. ‘‘สมาธิยตี’’ติ เอตฺถ น โย โกจิ สมาธิ อธิปฺเปโต, อถ โข อนุตฺตรสมาธีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อรหตฺต ผลสมาธินา สมาธิยตี’’ติ อาห. ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ ตสฺสา เทสนาย ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส ยถาวุตฺตสมาธิปฏิลาภสฺส การณภาววิภาวนํ. ตสฺส วิมุตฺตายตนภาโว. โอสกฺกิตุนฺติ นยิตุํ. สมาธิเยว สมาธินิมิตฺตนฺติ กมฺมฏฺานปาฬิอารุฬฺโห สมาธิเยว ปรโต อุปฺปชฺชนกภาวนาสมาธิสฺส การณภาวโต สมาธินิมิตฺตํ. เตนาห ‘‘อาจริยสนฺติเก’’ติอาทิ.
วิมุตฺติ ¶ วุจฺจติ อรหตฺตํ สพฺพโส กิเลเสหิ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺตีติ กตฺวา. ปริปาเจนฺตีติ สาเธนฺติ นิปฺผาเทนฺติ. อนิจฺจานุปสฺสนาาเณ นิสฺสยปจฺจยภูเต อุปฺปนฺนสฺา, เตน าเณน สหคตาติ อตฺโถ. เสเสสุปิ ¶ เอเสว นโย. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๓๗, ๓๐๖) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
ปฺจกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉกฺกวณฺณนา
๓๒๓. อตฺตานํ ¶ อธิ อชฺฌตฺตา,อธิ-สทฺโท สมาสวิสเย อธิการตฺถํ, ปวตฺติอตฺถฺจ คเหตฺวา ปวตฺตตีติ อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตา อชฺฌตฺตา; อชฺฌตฺเตสุ ภวานิ อชฺฌตฺติกานีติ นิยกชฺฌตฺเตสุปิ อพฺภนฺตรานิ จกฺขาทีนิ วุจฺจนฺติ, ตานิ ปน เยน อชฺฌตฺตภาเวน ‘‘อชฺฌตฺติกานี’’ติ วุจฺจนฺติ, ตมตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อชฺฌตฺติกานี’’ติ อาห. สทฺทตฺถโต ปน อชฺฌตฺตชฺฌตฺตานิเยว อชฺฌตฺตชฺฌตฺติกานิ ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๖; อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘) ทฏฺพฺพํ. ตโต อชฺฌตฺตโตติ ตโต อชฺฌตฺตชฺฌตฺตโต, ยานิ อชฺฌตฺติกานิ วุตฺตานิ. อชฺฌตฺติกานฺหิ ปฏิโยคีนิ พาหิรานิ อชฺฌตฺตธมฺมานํ วิย พหิทฺธาธมฺมา. ‘‘อชฺฌตฺติกานี’’ติ หิ สปรสนฺตานิกานิ จกฺขาทีนิ วุจฺจนฺติ, ตถา รูปาทีนิ ‘‘พาหิรานี’’ติ. อชฺฌตฺตานิ ปน สสนฺตานิกา เอว จกฺขุรูปาทโย, ตโต อฺเว พหิทฺธาติ. ‘‘วิฺาณสมูหา’’ติ เอตฺถ ยทิปิ เตสํ วิฺาณานํ สโมธานํ นตฺถิ ภินฺนกาลิกตฺตา, จิตฺเตน ปน เอกชฺฌํ อภิสํยูหนวเสน สมูหตา วุตฺตา ยถา ‘‘เวทนากฺขนฺโธ’’ติ. จกฺขุปสาทนิสฺสิตนฺติ จกฺขุปสาทํ นิสฺสาย ปจฺจยํ ลภิตฺวา อุปฺปนฺนํ กุสลากุสลวิปากวิฺาณํ จกฺขุวิฺาณตาสามฺเน เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺตํ. จกฺขุสนฺนิสฺสิโต สมฺผสฺโส, น จกฺขุทฺวาริโก. อิเม ¶ ทส สมฺผสฺเสติ อิเม ปสาทวตฺถุเก ทส วิปากสมฺผสฺเส เปตฺวา. เอเตเนว นเยนาติ เอเตน ผสฺเส วุตฺเตเนว นเยน. ตณฺหาฉกฺเก ตณฺหํ อารพฺภ ปวตฺตาปิ ตณฺหา ธมฺมตณฺหาติ เวทิตพฺพา.
อปฺปฏิสฺสโยติ อปฺปฏิสฺสโว, ว-การสฺส ย-การํ กตฺวา นิทฺเทโส. ครุนา กิสฺมิฺจิ วุตฺเต คารววเสน ปฏิสฺสวนํ ปฏิสฺสโว, ปฏิสฺสวภูตํ, ตํสภาคฺจ ยํ กิฺจิ คารวํ, นตฺถิ เอตสฺมึ ปฏิสฺสโวติ อปฺปฏิสฺสโว, คารวรหิโต. เตนาห ‘‘อนีจวุตฺตี’’ติ. ยถา เจติยํ อุทฺทิสฺส กตํ สตฺถุ ¶ กตสทิสํ, เอวํ เจติยสฺส ปุรโต กตํ สตฺถุ ปุรโต กตสทิสํ เอวาติ อาห ‘‘ปรินิพฺพุเต ปนา’’ติอาทิ. สกฺกจฺจํ น คจฺฉตีติ อาทรํ คารวํ อุปฺปาเทตฺวา น อุปสงฺกมติ. ยถา สิกฺขาย เอกเทเส โกปิเต, อคารเว จ กเต สพฺพา สิกฺขา กุปฺปติ, สพฺพตฺถ จ อคารวํ กตํ นาม โหติ สมุทายโต สํวรสมาทานํ อวยวโต เภโทติ. เอวํ เอกภิกฺขุสฺมึปิ…เป… อคารโว กโตว โหติ. อนาทริยมตฺเตนปิ สิกฺขาย อปริปูริเยวาติ อาห ‘‘อปูรยมาโนว สิกฺขาย อคารโว นามา’’ติ. อปฺปมาทลกฺขณํ สมฺมาปฏิปตฺติ. ทุวิธนฺติ ธมฺมามิสวเสน ทุวิธํ.
โสมนสฺสูปวิจาราติ ¶ โสมนสฺสสหคตา วิจารา อธิปฺเปตา, อุปสทฺโท จ นิปาตมตฺตนฺติ อาห ‘‘โสมนสฺสสมฺปยุตฺตา วิจารา’’ติ. ตถา หิสฺส อภิธมฺเม (ธ. ส. ๘) ‘‘จาโร วิจาโร…เป… อุปวิจาโร’’ติ นิทฺเทโส ปวตฺโต. โสมนสฺสการณภูตนฺติ สภาวโต, สงฺกปฺปโตปิ โสมนสฺสสฺส อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภูตํ. กามํ ปริตฺตภูมกา วิตกฺกวิจารา อฺมฺมวิโยคิโน ¶ , กิริยาเภทโต ปน ปมาภินิปาตตาย วิตกฺกสฺส พฺยาปาโร สาติสโย. ตโต ปรํ วิจารสฺสาติ ตํ สนฺธาย ‘‘วิตกฺเกตฺวา’’ติ ปุพฺพกาลกิริยาวเสน วตฺวา ‘‘วิจาเรน ปริจฺฉินฺทตี’’ติ วุตฺตํ. ลทฺธปุพฺพาเสวนสฺส วิจารสฺส พฺยาปาโร ปฺา วิย โหติ. ตถา หิ ‘‘วิจาโร วิจิกิจฺฉาย ปฏิปกฺโข’’ติ เปฏเก วุตฺตํ. ‘‘ทิฏฺิสามฺคโต’’ติ เอตฺถ ยาย ทิฏฺิยา ปุคฺคโล ทิฏฺิสามฺํ คโต วุตฺโต, สา ปมมคฺคสมฺมาทิฏฺิ โกสมฺพกสุตฺเต อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘โกสมฺพกสุตฺเต ปมมคฺโค กถิโต’’ติ. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต. จตูสุปิ มคฺเคสุ สมฺมาทิฏฺิ ทิฏฺิคฺคหเณน คหิตาติ อาห ‘‘จตฺตาโรปิ มคฺคา กถิตา’’ติ.
วิวาทมูลฉกฺกวณฺณนา
๓๒๕. โกธโนติ กุชฺฌนสีโล. ยสฺมา โส อปฺปหีนโกธตาย วิคตโกธโน นาม น โหติ, ตสฺมา ‘‘โกเธน สมนฺนาคโต’’ติ อาห. อุปนาโห เอตสฺส อตฺถิ, อุปนยฺหนสีโลติ วา อุปนาหี. วิวาโท นาม อุปฺปชฺชมาโน เยภุยฺเยน ปมํ ทฺวินฺนํ วเสน อุปฺปชฺชตีติ ¶ วุตฺตํ ‘‘ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ วิวาโท’’ติ. โส ปน ยถา พหูนํ อนตฺถาวโห โหติ, ตํ นิทสฺสนมุเขน ทสฺเสนฺโต ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห. อพฺภนฺตรปริสายาติ ปริสพฺภนฺตเร.
ปรคุณมกฺขนาย ปวตฺโตปิ อตฺตโน การกํ คูเถน ปหรนฺตํ คูโถ วิย ปมตรํ มกฺเขตีติ มกฺโข, โส เอตสฺส อตฺถีติ มกฺขี. ปลาสตีติ ปลาโส, ปรสฺส คุเณ ฑํสิตฺวา วิย อปเนตีติ อตฺโถ, โส เอตสฺส อตฺถีติ ปลาสี. ปลาสี ปุคฺคโล หิ ทุติยสฺส ธุรํ น เทติ, สมํ ปสาเรตฺวา ติฏฺติ. เตนาห ‘‘ยุคคฺคาหลกฺขเณน ปลาเสน สมนฺนาคโต’’ติ. ‘‘อิสฺสุกี’’ติอาทีนํ ปทานมตฺโถ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺโยว. กมฺมปถปฺปตฺตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา วเสเนตฺถ มิจฺฉาทิฏฺิ ¶ เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘นตฺถิกวาที อเหตุกวาที อกิริยวาที’’ติ.
นิสฺสรณิยฉกฺกวณฺณนา
๓๒๖. หาเปตฺวาติ ¶ กุสลจิตฺตํ ปริหาเปตฺวา ปวตฺติตุเมว อปฺปทานวเสน. อภูตํ พฺยากรณํ พฺยากโรติ ‘‘เมตฺตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๖.๑๓) อตฺตนิ อวิชฺชมานํ คุณพฺยาหารํ พฺยาหรติ. เจโตวิมุตฺติ-สทฺทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘นิสฺสฏา’’ติ วุตฺตํ. ปุน พฺยาปาโท นตฺถีติ อิทานิ มม พฺยาปาโท นาม นตฺถิ สพฺพโส นตฺถีติ ตฺวา.
‘‘อนิมิตฺตา’’ติ วตฺวา เยสํ นิมิตฺตานํ อภาเวน อรหตฺตผลสมาปตฺติยา อนิมิตฺตตา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ราคสฺส นิมิตฺตํ, ราโค เอว วา นิมิตฺตนฺติ ราคนิมิตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน โทสนิมิตฺตาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. รูปเวทนาทิสงฺขารนิมิตฺตํ รูปนิมิตฺตาทิ. เตสฺเว นิจฺจาทิวเสน อุปฏฺานํ นิจฺจนิมิตฺตาทิ. ตยิทํ นิมิตฺตํ ยสฺมา สพฺเพน สพฺพํ อรหตฺตผเล นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สา หิ…เป… อนิมิตฺตาติ วุตฺตา’’ติ. นิมิตฺตํ อนุสรตีติ ตํ นิมิตฺตํ อนุคจฺฉติ อารพฺภ ปวตฺตติ.
อสฺมิมาโนติ ‘‘อสฺมี’’ติ ปวตฺโต อตฺตวิสโย มาโน. อยํ นาม อหํ อสฺมีติ รูปลกฺขโณ, เวทนาทีสุ วา อฺตรลกฺขโณ อยํ นาม อตฺตา ¶ อหํ อสฺมิ. ‘‘อสฺมี’’ติ มาโน สมุคฺฆาฏียติ เอเตนาติ อสฺมิมานสมุคฺฆาโต, อรหตฺตมคฺโค. ปุน อสฺมิมาโน นตฺถีติ ตสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนํ กิตฺเตนฺโต สมุคฺฆาตตฺตเมว วิภาเวติ.
อนุตฺตริยาทิฉกฺกวณฺณนา
๓๒๗. นตฺถิ เอเตสํ อุตฺตรานิ วิสิฏฺานีติ อนุตฺตรานิ, อนุตฺตรานิ เอว อนุตฺตริยานิ ยถา อนนฺตเมว อานนฺตริยนฺติ อาห ‘‘อนุตฺตริยานีติ อนุตฺตรานี’’ติ. ทสฺสนานุตฺตริยํ นาม อนุตฺตรผลวิเสสาวหตฺตา. เอส นโย เสเสสุปิ. สตฺตวิธอริยธนลาโภติ สตฺตวิธสทฺธาทิโลกุตฺตรธนลาโภ. สิกฺขตฺตยปูรณนฺติ ¶ อธิสีลสิกฺขาทีนํ ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ ปริปูรณํ. ตตฺถ ปริปูรณํ นิปฺปริยายโต อเสกฺขานํ วเสน เวทิตพฺพํ. กลฺยาณปุถุชฺชนโต ปฏฺาย หิ สตฺต เสกฺขา ติสฺโส สิกฺขา ปูเรนฺติ นาม, อรหา ปน ปริปุณฺณสิกฺโขติ. อิติ อิมานิ อนุตฺตริยานิ โลกิยโลกุตฺตรานิ กถิตานิ.
อนุสฺสติโย ¶ เอว ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกาทิหิตสุขานํ การณภาวโต านานีติ อนุสฺสติฏฺานานิ. เอวํ อนุสฺสรโตติ ยถา พุทฺธานุสฺสติ วิเสสาธิคมสฺส านํ โหติ, เอวํ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๕๗, ๒๕๕) พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺส. อุปจารกมฺมฏฺานนฺติ ปจฺจกฺขโต อุปจารชฺฌานาวหํ กมฺมฏฺานํ, ปรมฺปราย ปน ยาว อรหตฺตา โลกิยโลกุตฺตรวิเสสาวหํ.
สตตวิหารฉกฺกวณฺณนา
๓๒๘. นิจฺจวิหาราติ สพฺพทา ปวตฺตนกวิหารา. เปตฺวา หิ สมาปตฺติเวลํ, ภวงฺคเวลฺจ ขีณาสวา อิมินาว ฉฬงฺคุเปกฺขาวิหาเรน สพฺพกาลํ วิหรนฺติ. จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ นิสฺสยโวหาเรน วุตฺตํ. สสมฺภารกถา เหสา ยถา ‘‘ธนุนา วิชฺฌตี’’ติ. ตสฺมา นิสฺสยสีเสน นิสฺสิตสฺส คหณํ ทฏฺพฺพนฺติ อาห ‘‘จกฺขุวิฺาเณน ทิสฺวา’’ติ. อิฏฺเ อรชฺชนฺโตติ อิฏฺเ อารมฺมเณ ราคํ อนุปฺปาเทนฺโต มคฺเคน สมุจฺฉินฺนตฺตา. เนว สุมโน โหติ เคหสิตเปมวเสนปิ. น ทุมฺมโน ปสาทฺถตฺตวเสนปิ. อสมเปกฺขเนติ อิฏฺเปิ อนิฏฺเปิ มชฺฌตฺเตปิ อารมฺมเณ น สมํ ¶ น สมฺมา อโยนิโส คหเณ. โย อขีณาสวานํ โมโห อุปฺปชฺชติ, ตํ อนุปฺปาเทนฺโต มคฺเคเนว ตสฺส สมุคฺฆาฏิตตฺตา. าณุเปกฺขาวเสเนว อุเปกฺขโก วิหรติ มชฺฌตฺโต. อยฺจสฺส ปฏิปตฺติเวปุลฺลปฺปตฺติยา ¶ , ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา วาติ อาห ‘‘สติยา’’ติอาทิ. ฉฬงฺคุเปกฺขาติ ฉสุ ทฺวาเรสุ ปวตฺตา สติสมฺปชฺสฺส วเสน ฉาวยวา อุเปกฺขา. าณสมฺปยุตฺตจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ เตหิ วินา สมฺปชานตาย อสมฺภวโต. มหาจิตฺตานีติ อฏฺปิ มหากิริยจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ. สตตวิหาราติ าณุปฺปตฺติปจฺจยรหิตกาเลปิ ปวตฺติเภทนโต. ทส จิตฺตานีติ อฏฺ มหากิริยจิตฺตานิ หสิตุปฺปาทโวฏฺพฺพนจิตฺเตหิ สทฺธึ ทส จิตฺตานิ ลพฺภนฺติ. อรชฺชนาทุสฺสนวเสน ปวตฺติ เตสมฺปิ สาธารณาติ.‘‘อุเปกฺขโก วิหรตี’’ติ วจนโต ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน อาคตานํ อิเมสํ สตตวิหารานํ ‘‘โสมนสฺสํ กถํ ลพฺภตี’’ติ โจเทตฺวา ‘‘อาเสวนโต ลพฺภตี’’ติ สยเมว ปริหรตีติ. กิฺจาปิ ขีณาสโว อิฏฺานิฏฺเปิ อารมฺมเณ มชฺฌตฺเต วิย พหุลํ อุเปกฺขโก วิหรติ อตฺตโน ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนโต, กทาจิ ปน ตถา เจโตภิสงฺขาราภาเว ยํ ตํ สภาวโต อิฏฺํ อารมฺมณํ, ตตฺถ ยาถาวสภาวคฺคหณวเสนปิ อรหโต จิตฺตํ โสมนสฺสสหคตํ หุตฺวา ปวตฺตเตว, ตฺจ โข ปุพฺพาเสวนวเสน. เตนาห ‘‘อาเสวนโต ลพฺภตี’’ติ.
อภิชาติฉกฺกวณฺณนา
๓๒๙. ‘‘อภิชาติโย’’ติ ¶ เอตฺถ อภิ-สทฺโท อุปสคฺคมตฺตํ, น อตฺถวิเสสโชตโกติ อาห ‘‘ชาติโย’’ติ. อภิชายตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ชายตีติ จ อนฺโตคธเหตุอตฺถปทํ, อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. ชาติยา, ตํนิพฺพตฺตกกมฺมานฺจ กณฺหสุกฺกปริยายตาย ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน กิเลสานํ นิพฺพาปนโต นิพฺพานํ สเจ กณฺหํ ภเวยฺย ยถา ตํ ทสวิธํ ทุสฺสีลฺยกมฺมํ. สเจ สุกฺกํ ภเวยฺย ยถา ตํ ทานสีลาทิกุสลกมฺมํ. ทฺวินฺนมฺปิ กณฺหสุกฺกวิปากานํ. อรหตฺตํ อธิปฺเปตํ ‘‘อภิชายตี’’ติ วจนโต. ตํ กิเลสนิพฺพานนฺเต ชาตตฺตา นิพฺพานํ ยถา ราคาทีนํ ¶ ขยนฺเต ชาตตฺตา ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ.
นิพฺเพธภาคิยฉกฺกวณฺณนา
นิพฺเพโธ ¶ วุจฺจติ นิพฺพานํ มคฺคาเณน นิพฺพิชฺฌิตพฺพฏฺเน, ปฏิวิชฺฌิตพฺพฏฺเนาติ อตฺโถ. นิโรธานุปสฺสนาาเณติ นิโรธานุปสฺสนาาเณ นิสฺสยปจฺจยภูเต อุปฺปนฺนา สฺา, เตน สหคตาติ อตฺโถ.
ฉกฺกวณฺณนา นิฏฺิตา.
สตฺตกวณฺณนา
๓๓๐. สมฺปตฺติปฏิลาภฏฺเนาติ สีลสมฺปตฺติอาทีนํ สมฺมาสมฺโพธิปริโยสานานํ สมฺปตฺตีนํ ปฏิลาภาปนฏฺเน, สมฺปตฺตีนํ วา ปฏิลาโภ สมฺปตฺติปฏิลาโภ, ตสฺส การณํ สมฺปตฺติปฏิลาภฏฺโ, เตน สมฺปตฺติปฏิลาภฏฺเน. เตเนวาห ‘‘สมฺปตฺตีนํ ปฏิลาภการณโต’’ติ. สทฺธาว อุภยหิตตฺถิเกหิ ธนายิตพฺพฏฺเน ธนํ สทฺธาธนํ. เอตฺถาติ เอเตสุ ธเนสุ. สพฺพเสฏฺํ สพฺเพสํ ปฏิลาภการณภาวโต, เตสฺจ สํกิเลสวิโสธเนน มหาชุติกมหาวิปฺผารภาวาปาทนโต. เตนาห ‘‘ปฺาย หี’’ติอาทิ. ตตฺถ ปฺาย ตฺวาติ กมฺมสฺสกตาปฺาย ปติฏฺาย สุจริตาทีนิ ¶ ปูเรตฺวา สคฺคูปคา โหนฺติ. ตตฺถ เจว ปารมิตา ปฺาย จ ตฺวา สาวกปารมิาณาทีนิ ปฏิวิชฺฌนฺติ.
สมาธึ ปริกฺขโรนฺติ อภิสงฺขโรนฺตีติ สมาธิปริกฺขารา, สมาธิสฺส สมฺภารภูตา สมฺมาทิฏฺิอาทโย. อิธ ปน สหการีการณภูตา อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘สมาธิปริวารา’’ติ.
อสตํ อสาธูนํ ธมฺมา เตสํ อสาธุภาวสาธนโต. อสนฺตาติ อสุนฺทรา คารยฺหา. เตนาห ‘‘ลามกา’’ติ. ‘‘วิปสฺสกสฺเสว กถิตา’’ติ วตฺวา ตสฺส วิปสฺสนานิพฺพตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘เตสุปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. จตุนฺนมฺปิ หิ สจฺจานํ วิเสเสน ทสฺสนโต มคฺคปฺา สาติสยํ ‘‘วิปสฺสนา’’ติ วตฺตพฺพา, ตํสมงฺคี จ อริโย วิปสฺสนโกติ.
สปฺปุริสานํ ธมฺมาติ สปฺปุริสานํเยว ธมฺมา, น อสปฺปุริสานํ. ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติยา เอว หิ ธมฺมฺุอาทิภาโว ¶ , น ปาฬิธมฺมปนาทิมตฺเตน. ภาสิตสฺสาติ สุตฺตเคยฺยาทิภาสิตสฺส เจว ตทฺสฺส จ อตฺตตฺถปรตฺถโพธกสฺส ปทสฺส. อตฺถกุสลตาวเสน อตฺถํ ชานาตีติ อตฺถฺู ¶ . อตฺตานํ ชานาตีติ ยาถาวโต อตฺตโน ปมาณชานนวเสน อตฺตานํ ชานาติ. ปฏิคฺคหณปริโภคมตฺตฺุตาหิ เอว ปริเยสนวิสฺสชฺชนมตฺตฺุตาปิ โพธิตา โหนฺตีติ ‘‘ปฏิคฺคหณปริโภเคสุ’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. เอวฺหิ ตา อนวชฺชา โหนฺตีติ. โยคสฺส อธิคมายาติ ภาวนาย อนุยฺุชนสฺส. อติสมฺพาธนฺติ อติขุทฺทกํ อติกฺขปฺสฺส ตาวตา กาเลน ตีเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา. อฏฺวิธํ ปริสนฺติ ขตฺติยปริสาทิกํ อฏฺวิธํ ปริสํ. ภิกฺขุปริสาทิกํ จตุพฺพิธํ ขตฺติยปริสาทิกํ มนุสฺสปริสํเยว ปุน จตุพฺพิธํ คเหตฺวา อฏฺวิธํ วทนฺติ อปเร. ‘‘อิมํ เม เสวนฺตสฺส อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, ตสฺมา เสวิตพฺโพ, วิปริยายโต ตทฺโ อเสวิตพฺโพ’’ติ เอวํ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพํ ปุคฺคลํ ชานาตีติ ปุคฺคลฺู. เอวํ เตสํ ปุคฺคลานมฺปิ โพธนํ อุกฺกฏฺํ, นิหีนํ วา ชานาติ นาม.
๓๓๑. ‘‘นิทฺทสวตฺถูนี’’ติ. ‘‘อาทิ-สทฺทโลเปนายํ นิทฺเทโส’’ติ อาห ‘‘นิทฺทสาทิวตฺถูนี’’ติ. นตฺถิ ทานิ อิมสฺส ทสาติ นิทฺทโส. ปฺโหติ าตุํ อิจฺฉิโต อตฺโถ. ปุน ทสวสฺโส น โหตีติ เตสํ มติมตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘โส กิรา’’ติ กิรสทฺทคฺคหณํ. ‘‘นิทฺทโส’’ติ เจตํ เทสนามตฺตํ, ตสฺส นิพฺพีสาทิภาวสฺส วิย นินฺนวาทิภาวสฺส จ อิจฺฉิตตฺตาติ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘น เกวลฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คาเม วิจรนฺโตติ คาเม ปิณฺฑาย วิจรนฺโต.
น อิทํ ติตฺถิยานํ อธิวจนํ เตสุ ตนฺนิมิตฺตสฺส อภาวา. สาสเนปิ เสกฺขสฺสาปิ น อิทํ อธิวจนํ, กิมงฺคํ ปน ปุถุชฺชนสฺส. ยสฺส ปเนตํ อธิวจนํ, เยน จ การเณน, ตํ ทสฺเสตุํ ¶ ‘‘ขีณาสวสฺเสต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อปฺปฏิสนฺธิกภาโว หิสฺส ปจฺจกฺขโต การณํ. ปรมฺปราย อิตรานิ, ยานิ ปาฬิยํ อาคตานิ.
สิกฺขาย สมฺมเทว อาทานํ สิกฺขาสมาทานํ, ตํ ปนสฺสา ปาริปูริยา เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สิกฺขตฺตยปูรเณ’’ติ. สิกฺขาย วา สมฺมเทว อาทิโต ปฏฺาย รกฺขณํ สิกฺขาสมาทานํ, ตฺจ อตฺถโต ปูรเณ ปริจฺฉินฺนํ อรกฺขเณ สพฺเพน สพฺพํ อภาวโต, รกฺขเณ จ ปริปูรณโต. พหลจฺฉนฺโทติ ทฬฺหจฺฉนฺโท. อายตินฺติ อนนฺตรานาคตทิวสาทิกาโล อธิปฺเปโต ¶ , น อนาคตภโวติ อาห ‘‘อนาคเต ปุนทิวสาทีสุปี’’ติ. สิกฺขํ ปริปูเรนฺตสฺส ตตฺถ นิวิฏฺอตฺถิตา อวิคตเปมตา, เตภูมกธมฺมานํ อนิจฺจาทิวเสน สมฺมเทว นิชฺฌานํ ธมฺมนิสามนาติ อาห ‘‘วิปสฺสนาเยตํ อธิวจน’’นฺติ. ตณฺหาวินยเนติ วิราคานุปสฺสนาทิวิปสฺสนาาณานุภาวสิทฺเธ ตณฺหาวิกฺขมฺภเน. เอกีภาเวติ คณสงฺคณิกากิเลสสงฺคณิกาวิคมสิทฺเธ วิเวกภาเว. วีริยารมฺเภติ สมฺมปฺปธานวีริยสฺส ปคฺคณฺหเน, ตํ ปน สพฺพโส วีริยสฺส ปริพฺรูหนํ โหตีติ อาห ‘‘กายิกเจตสิกสฺส วีริยสฺส ปูรเณ’’ติ. สติยฺเจว เนปกฺกภาเว จาติ สโตการิตาย เจว สมฺปชานการิตาย จ. สติสมฺปชฺพเลเนว วีริยารมฺโภ อิชฺฌติ. ทิฏฺิปฏิเวเธติ สมฺมาทิฏฺิยา ปฏิวิชฺฌเน. เตนาห ‘‘มคฺคทสฺสเน’’ติ. สจฺจสมฺปฏิเวเธ หิ อิชฺฌมาเน มคฺคสมฺมาทิฏฺิ สิทฺธา เอว โหติ.
อสุภานุปสฺสนาาเณติ ทสวิธสฺส, เอกาทสวิธสฺสาปิ วา อสุภสฺส อนุปสฺสนาวเสน ปวตฺตาเณ. อิทฺหิ ทุกฺขานุปสฺสนาย ¶ ปริจยาณํ. อาทีนวานุปสฺสนาาเณติ สงฺขารานํ อนิจฺจทุกฺขวิปริณามตาสํสูจิตสฺส อาทีนวสฺส อนุปสฺสนาวเสน ปวตฺตาเณ. อปฺปหีนฏฺเนาติ มคฺเคน อสมุจฺฉินฺนภาเวน. อนุเสนฺตีติ สนฺตาเน อนุ อนุ สยนฺติ. การณลาเภ หิ สติ อุปฺปนฺนารหา กิเลสา สนฺตาเน อนุ อนุ สยิตา วิย โหนฺติ, ตสฺมา เต ตทวตฺถา ‘‘อนุสยา’’ติ วุจฺจนฺติ. ถามคโตติ ถามปฺปตฺโต. ถามคมนฺจ อฺเหิ อสาธารโณ กามราคาทีนเมว อาเวณิโก สภาโว ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ อภิธมฺเม ‘‘ถามคตานุสยํ ปชหตี’’ติ. กามราโค เอว อนุสโย กามราคานุสโย. เย ปน ‘‘กามราคสฺส ¶ อนุสโย กามราคานุสโย’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. น หิ กามราควินิมุตฺโต กามราคานุสโย นาม โกจิ อตฺถิ. ยทิ ‘‘ตสฺส พีช’’นฺติ วเทยฺยุํ, ตมฺปิ ตพฺพินิมุตฺตํ ปรมตฺถโต น อุปลพฺภเตวาติ. เอเสว นโย เสเสสุปิ.
อธิกรณสมถสตฺตกวณฺณนา
อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณานิ. เก อธิกรียนฺติ? สมถา. กถํ อธิกรียนฺตีติ? สมนวเสน, ตสฺมา เต เตสํ สมนวเสน ปวตฺตนฺตีติ อาห ¶ ‘‘อธิกรณานิ สเมนฺตี’’ติอาทิ. อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนฺนานนฺติ อุฏฺิตานํ อุฏฺิตานํ. สมถตฺถนฺติ สมนตฺถํ.
‘‘อฏฺารสหิ วตฺถูหี’’ติ ลกฺขณวจนเมตํ ยถา ‘‘ยทิ เม พฺยาธี ทาเหยฺยุํ ทาตพฺพมิทโมสธ’’นฺติ, ตสฺมา เตสุ อฺตรฺตเรน วิวทนฺตา ‘‘อฏฺารสหิ วตฺถูหิ วิวทนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ. อุปวทนาติ อกฺโกโส. โจทนาติ อนุโยโค.
อธิกรณสฺส สมฺมุขาว วินยนโต สมฺมุขาวินโย ¶ . สนฺนิปติตปริสาย ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตาย เยภุยฺยสิกกมฺมสฺส กรณํ เยภุยฺยสิกา. อยนฺติ อยํ ยถาวุตฺตา จตุพฺพิธา สมฺมุขตา สมฺมุขาวินโย นาม.
สงฺฆสามคฺคิวเสน สมฺมุขีภาโว, น ยถา ตถา การกปุคฺคลานํ สมฺมุขาตา. ภูตตาติ ตจฺฉตา. สจฺจปริยาโย หิ อิธ ธมฺม-สทฺโท ‘‘ธมฺมวาที’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๙, ๑๙๔) วิย. วิเนติ เอเตนาติ วินโย, ตสฺส ตสฺส อธิกรณสฺส วูปสมนาย ภควตา วุตฺตวิธิ, ตสฺส วินยสฺส สมฺมุขตา วินยสมฺมุขตา. เตนาห ‘‘ยถา ตํ…เป… สมฺมุขตา’’ติ. เยนาติ เยน ปุคฺคเลน. วิวาทวตฺถุสงฺขาเต อตฺเถ ปจฺจตฺถิกา อตฺถปจฺจตฺถิกา. สงฺฆสมฺมุขตา ปริหายติ สมฺมตปุคฺคเลเหว วูปสมนโต.
นนฺติ วิวาทาธิกรณํ. ‘‘น ฉนฺทาคตึ คจฺฉตี’’ติอาทินา วุตฺตํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ. คุฬฺหกาทีสุ อลชฺชุสฺสนฺนาย ปริสาย คุฬฺหโก สลากคฺคาโห กาตพฺโพ ลชฺชุสฺสนฺนาย วิวฏโก, พาลุสฺสนฺนาย สกณฺณชปฺปโก. ยสฺสา กิริยาย ธมฺมวาทิโน พหุตรา, สา เยภุยฺยสิกาติ อาห ‘‘ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตายา’’ติอาทิ.
‘‘จตูหิ ¶ สมเถหิ สมฺมตี’’ติ อิทํ สพฺพสงฺคาหิกวเสน วุตฺตํ. ตตฺถ ปน ทฺวีหิ ทฺวีหิ เอว วูปสมนํ ทฏฺพฺพํ. เอวํ วินิจฺฉิตนฺติ สเจ อาปตฺติ นตฺถิ, อุโภ ขมาเปตฺวา, อถ อตฺถิ, อาปตฺตึ ทสฺเสตฺวา โรปนวเสน วินิจฺฉิตํ. ปฏิกมฺมํ ปน อาปตฺตาธิกรณสมเถ ปรโต อาคมิสฺสติ.
น สมณสารุปฺปํ อสฺสามณกํ, สมเณหิ อกตฺตพฺพํ, ตสฺมึ. อชฺฌาจาเร วีติกฺกเม สติ.
ปฏิจรโตติ ¶ ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส. ปาปุสฺสนฺนตาย ปาปิโย, ปุคฺคโล, ตสฺส กตฺตพฺพกมฺมํ ตสฺส ปาปิยสิกํ. สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม นตฺถิ ปฏิฺาย ตถารูปาย, ขนฺติยา วา วินา อวูปสมนโต.
เอตฺถาติ ¶ อาปตฺติเทสนาย. ปฏิฺาเต อาปนฺนภาวาทิเก กรณํ กิริยา ‘‘อายตึ สํวเรยฺยาสี’’ติ, ปริวาสทานาทิวเสน จ ปวตฺตํ วจีกมฺมํ ปฏิฺาตกรณํ.
ยถานุรูปนฺติ ‘‘ทฺวีหิ สมเถหิ จตูหิ ตีหิ เอเกนา’’ติ เอวํ วุตฺตนเยน ยถานุรูปํ. เอตฺถาติ อิมสฺมึ สุตฺเต, อิมสฺมึ วา สมถวิจาเร. วินิจฺฉยนโยติ วินิจฺฉเย นยมตฺตํ. เตนาห ‘‘วิตฺถาโร ปนา’’ติอาทิ. สมนฺตปาสาทิกายํ วินยฏฺกถาย (จูฬว. อฏฺ. ๑๘๔-๑๘๗) วุตฺโต, ตสฺมา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ อธิปฺปาโย.
สตฺตกวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ ทุติยภาณวารวณฺณนา.
อฏฺกวณฺณนา
๓๓๓. อยาถาวาติ น ยาถาวา. อนิยฺยานิกตาย มิจฺฉาสภาวา. วิปรีตวุตฺติกตาย ยาถาวา. นิยฺยานิกตาย สมฺมาสภาวา อวิปรีตวุตฺติกา.
๓๓๔. กุจฺฉิตํ ¶ สีทตีติ กุสีโต ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน ปุคฺคโล ‘‘กุสีโต’’ติ วุจฺจติ, โส กุสีตภาโว อิธ กุสีต-สทฺเทน วุตฺโต. วินาปิ หิ ภาวโชตนํ สทฺทํ ภาวตฺโถ วิฺายติ ยถา ‘‘ปฏสฺส สุกฺก’’นฺติ, ตสฺมา กุสีตภาววตฺถูนีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘โกสชฺชการณานีติ อตฺโถ’’ติ. กมฺมํ นาม สมณสารุปฺปํ อีทิสนฺติ อาห ‘‘จีวรวิจารณาที’’ติ. วีริยนฺติ ปธานวีริยํ, ตํ ปน จงฺกมนวเสน กรเณ ‘‘กายิก’’นฺติปิ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ อาห ‘‘ทุวิธมฺปี’’ติ. ปตฺติยาติ ปาปุณนตฺถํ. โอสีทนนฺติ ภาวนานุโยเค สงฺโกโจ. มาเสหิ อาจิตํ นิจิตํ วิยาติ มาสาจิตํ, ตํ มฺเ. ยสฺมา ¶ มาสา ตินฺตาวิเสเสน ครุกา โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘ยถา ตินฺตมาโส’’ติอาทิ วุตฺตํ. วุฏฺิโต โหติ คิลานภาวาติ อธิปฺปาโย.
๓๓๕. เตสนฺติ ¶ อารมฺภวตฺถูนํ. อิมินาว นเยนาติ อิมินา กุสีตวตฺถูสุ วุตฺเตเนว นเยน. ‘‘ทุวิธมฺปิ วีริยํ อารภตี’’ติอาทินา, ‘‘อิทํ ปมนฺติ อิทํ หนฺทาหํ วีริยํ อารภามีติ เอวํ ภาวนาย อพฺภุสฺสหนํ ปมํ อารมฺภวตฺถู’’ติอาทินา จ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยถา ตถา ปมํ ปวตฺตํ อพฺภุสฺสหนฺหิ อุปริ วีริยารมฺภสฺส การณํ โหติ. อนุรูปปจฺจเวกฺขณาสหิตานิ หิ อพฺภุสฺสหนานิ, ตมฺมูลกานิ วา ปจฺจเวกฺขณานิ อฏฺ อารมฺภวตฺถูนิ เวทิตพฺพานิ.
๓๓๖. อาสชฺชาติ ยสฺส เทติ, ตสฺส อาโมทนเหตุ เตน สมาคมนิมิตฺตํ. เตนาห ‘‘เอตฺถ อาสาทนํ ทานการณํ นามา’’ติ. ภยาติ ภยเหตุ. นนุ ภยํ นาม ลทฺธุกามตา ราคาทโย วิย เจตนาย อวิสุทฺธิกรํ, ตํ กสฺมา อิธ คหิตนฺติ? น อิทํ ตาทิสํ โจรภยาทึ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อทาสิ เมติ ยํ ปุพฺเพ กตํ อุปการํ จินฺเตตฺวา ทียติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทสฺสติ เมติ ปจฺจุปการาสีสาย ยํ ทียติ, ตํ สนฺธาย วทติ. สาหุ ทานนฺติ ‘‘ทานํ นาเมตํ ปณฺฑิตปฺตฺต’’นฺติ สาธุสมาจาเร ตฺวา เทติ. อลงฺการตฺถนฺติ อุปโสภนตฺถํ. ปริวารตฺถนฺติ ปริกฺขารตฺถํ. ทานฺหิ ทตฺวา ตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปาโมชฺชปีติโสมนสฺสาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, โลภโทสอิสฺสามจฺเฉราทโย วิทูรี ภวนฺติ. อิทานิ ทานํ อนุกูลธมฺมปริพฺรูหเนน, ปจฺจนีกธมฺมวิทูรีภาวกรเณน จ ภาวนาจิตฺตสฺส อุปโสภนาย จ ปริกฺขาราย จ โหตีติ ‘‘อลงฺการตฺถํ, ปริวารตฺถฺจ เทตี’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ทานฺหิ จิตฺตํ มุทุกํ กโรตี’’ติอาทิ. มุทุจิตฺโต โหติ ลทฺธา ทายเก ‘‘อิมินา มยฺหํ สงฺคโห กโต’’ติ, ทาตาปิ ลทฺธริ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุภินฺนมฺปิ จิตฺตํ มุทุกํ กโรตี’’ติ.
อทนฺตทมนนฺติ ¶ ¶ อทนฺตา อนสฺสวาปิสฺส ทาเนน ทนฺตา อสฺสวา โหนฺติ วเส วตฺตนฺติ. อทานํ ทนฺตทูสกนฺติ อทานํ ปน ปุพฺเพ ทนฺตานํ อสฺสวานมฺปิ วิฆาตุปฺปาทเนน จิตฺตํ ทูเสติ. อุนฺนมนฺติ ทายกา, ปิยํวทา จ ปเรสํ ครุจิตฺตีการฏฺานตาย ¶ . นมนฺติ ปฏิคฺคาหกา ทาเนน, ปิยวาจาย ลทฺธสงฺคหา สงฺคาหกานํ.
จิตฺตาลงฺการทานเมว อุตฺตมํ อนุปกฺกิลิฏฺตาย, สุปริสุทฺธตาย, คุณวิเสสปจฺจยตาย จ.
๓๓๗. ทานปจฺจยาติ ทานการณา, ทานมยปฺุสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตาติ อตฺโถ. อุปปตฺติโยติ มนุสฺเสสุ, เทเวสุ จ นิพฺพตฺติโย. เปตีติ เอกวารเมว อนุปฺปชฺชิตฺวา ยถา อุปรูปริ เตเนวากาเรน ปวตฺตติ, เอวํ เปติ. ตเทว จส อธิฏฺานนฺติ อาห ‘‘ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. วฑฺเฒตีติ พฺรูเหติ, น หาเปติ. วิมุตฺตนฺติ อธิมุตฺตํ, นินฺนํ โปณํ ปพฺภารนฺติ อตฺโถ. วิมุตฺตนฺติ วา วิสิฏฺํ. นิปฺปริยายโต อุตฺตริ นาม ปณีตํ มชฺเฌปิ หีนมชฺฌิมวิภาคสฺส ลพฺภนโตติ วุตฺตํ ‘‘อุตฺตริ อภาวิตนฺติ ตโต อุปริ มคฺคผลตฺถาย อภาวิต’’นฺติ. สํวตฺตติ ตถา ปณิหิตํ ทานมยจิตฺตํ. ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘ตฺจ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ ตตฺรูปปตฺติยา วิพนฺธการทุสฺสีลฺยาภาวทสฺสนปรํ ทฏฺพฺพํ, น ทานมยสฺส ปฺุสฺส เกวลสฺส ตํสํวตฺตนตาทสฺสนปรนฺติ ทฏฺพฺพํ.
สมุจฺฉินฺนราคสฺสาติ สมุจฺฉินฺนกามราคสฺส. ตสฺส หิ สิยา พฺรหฺมโลเก อุปปตฺติ, น สมุจฺฉินฺนภวราคสฺส. วีตราคคฺคหเณน เจตฺถ กาเมสุ วีตราคตา อธิปฺเปตา, ยาย พฺรหฺมโลกูปปตฺติ สิยา. เตนาห ‘‘ทานมตฺเตเนวา’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ ทานํ ตตฺถ กึ อตฺถิยนฺติ อาห ¶ ‘‘ทานํ ปนา’’ติอาทิ. ทาเนน มุทุจิตฺโตติ พทฺธาฆาเต เวรีปุคฺคเลปิ อตฺตโน ทานสมฺปฏิจฺฉเนน มุทุภูตจิตฺโต.
ปริสีทติ ปริโต อิโต จิโต จ สมาคจฺฉตีติ ปริสา, สมูโห.
โลกสฺส ธมฺมาติ สตฺตโลกสฺส อวสฺสมฺภาวี ธมฺมา. เตนาห ‘‘เอเตหิ มุตฺโต นาม นตฺถี’’ติอาทิ. ยสฺมา เต โลกธมฺมา อปราปรํ กทาจิ โลกํ อนุปตนฺติ, กทาจิ เต โลโก, ตสฺมา ตฺเจตฺถ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อฏฺิเม’’ติ สุตฺตปทํ (อ. นิ. ๘.๖) อาหริ. ฆาสจฺฉาทนาทีนํ ลทฺธิ ลาโภ, ตานิ เอว วา ลทฺธพฺพโต ลาโภ. ตทภาโว อลาโภ. ลาภคฺคหเณน ¶ ¶ เจตฺถ ตพฺพิสโย อนุโรโธ คหิโต, อลาภคฺคหเณน วิโรโธ. ยสฺมา โลหิเต สติ ตทุปฆาตวเสน ปุพฺโพ วิย อนุโรเธ สติ วิโรโธ ลทฺธาวสโร เอว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ลาเภ อาคเต อลาโภ อาคโต เอวา’’ติ. เอส นโย ยสาทีสุปิ.
อฏฺกวณฺณนา นิฏฺิตา.
นวกวณฺณนา
๓๔๐. วสติ ตตฺถ ผลํ ตนฺนิมิตฺตกตาย ปวตฺตตีติ วตฺถุ, การณนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เตนาห ‘‘อาฆาตวตฺถูนีติ อาฆาตการณานี’’ติ. โกโป นามายํ ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ อุปฺปชฺชติ, น ตตฺถ เอกวารเมว อุปฺปชฺชติ, อถ โข ปุนปิ อุปฺปชฺชเตวาติ วุตฺตํ ‘‘พนฺธตี’’ติ. อถ วา โย ปจฺจยวิเสเสน อุปฺปชฺชมาโน อาฆาโต สวิสเย พทฺโธ วิย น วิคจฺฉติ, ปุนปิ อุปฺปชฺเชยฺเยว, ตํ สนฺธายาห ‘‘อาฆาตํ พนฺธตี’’ติ. ตํ ปนสฺส ปจฺจยวเสน นิพฺพตฺตนํ อุปฺปาทนเมวาติ วุตฺตํ ‘‘กโรติ อุปฺปาเทตี’’ติ.
ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ เอตฺถ ตนฺติ กิริยาปรามสนํ, ปทชฺฌาหาเรน จ อตฺโถ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตํ อนตฺถจรณํ มา อโหสี’’ติอาทิมาห. เกน การเณน ลทฺธพฺพํ นิรตฺถกภาวโต. กมฺมสฺสกา หิ สตฺตา, เต กสฺส รุจิยา ทุกฺขิตา, สุขิตา วา ภวนฺติ, ตสฺมา เกวลํ ตสฺมึ ¶ มยฺหํ กุชฺฌนมตฺตํ เอวาติ อธิปฺปาโย. อถ วา ตํ โกปกรณเมตฺถ ปุคฺคเล กุโต ลพฺภา ปรมตฺถโต กุชฺฌิตพฺพสฺส, กุชฺฌนกสฺส จ อภาวโต. สงฺขารมตฺตฺเหตํ, ยทิทํ ขนฺธปฺจกํ. ยํ ‘‘สตฺโต’’ติ วุจฺจติ, เต สงฺขารา อิตฺตรกาลา ขณิกา, กสฺส โก กุชฺฌตีติ อตฺโถ. ลาภา นาม เก สิยุํ อฺตฺร อนุปฺปตฺติโต.
๓๔๑. สตฺตา อาวสนฺติ เอเตสูติ สตฺตาวาสา. นานตฺตกายา นานตฺตสฺี อาทิเภทา สตฺตนิกายา. ยสฺมา เต เต สตฺตนิกายา ตปฺปริยาปนฺนานํ สตฺตานํ ตาย เอว ตปฺปริยาปนฺนตาย อาธาโร วิย วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ สมุทายาธารตาย อวยวสฺส ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา’’ติ ¶ , ตสฺมา ‘‘สตฺตานํ อาวาสา, วสนฏฺานานีติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. สุทฺธาวาสาปิ สตฺตาวาโสว ‘‘น โส, ภิกฺขเว, สตฺตาวาโส สุลภรูโป, โย มยา อนาวุตฺถปุพฺโพ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา อฺตฺร ¶ สุทฺธาวาเสหิ เทเวหี’’ติ วจนโต. ยทิ เอวํ กสฺมา อิธ น คหิตาติ ตตฺถ การณมาห ‘‘อสพฺพกาลิกตฺตา’’ติอาทิ. เวหปฺผโล ปน จตุตฺถํเยว สตฺตาวาสํ ภชตีติ ทฏฺพฺพํ.
๓๔๒. โอปสมิโกติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อุปสมาวโห, ตํ ปน วฏฺฏทุกฺขํ กิเลเสสุ อุปสนฺเตสุ อุปสมติ, น อฺถา, ตสฺมา ‘‘กิเลสูปสมกโร’’ติ วุตฺตํ. ตกฺกรํ สมฺโพธํ คเมตีติ สมฺโพธคามี.
ยสฺมึ เทวนิกาเย ธมฺมเทสนา น วิยุชฺชติ สวนสฺเสว อภาวโต, โส ปาฬิยํ ‘‘ทีฆายุโก เทวนิกาโย’’ติ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อสฺภวํ วา อรูปภวํ วา’’ติ.
๓๔๓. อนุปุพฺพโต วิหริตพฺพาติ อนุปุพฺพวิหารา. อนุปฏิปาฏิยาติ อนุกฺกเมน. สมาปชฺชิตพฺพวิหาราติ สมาปชฺชิตฺวา สมงฺคิโน หุตฺวา วิหริตพฺพวิหารา.
๓๔๔. อนุปุพฺพนิโรธาติ อนุปุพฺเพน อนุกฺกเมน ปวตฺเตตพฺพนิโรธา. เตนาห ‘‘อนุปฏิปาฏิยา นิโรธา’’ติ.
นวกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทสกวณฺณนา
๓๔๕. เยหิ ¶ สีลาทีหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ธมฺมสรณตาย ธมฺเมเนว นาถติ อีสติ อภิภวตีติ นาโถติ วุจฺจติ, เต ตสฺส นาถภาวกรา ธมฺมา ‘‘นาถกรณา’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘สนาถา…เป… ปติฏฺากรา ธมฺมา’’ติ. ตตฺถ อตฺตโน ปติฏฺากราติ ยสฺส นาถภาวกรา, ตสฺส อตฺตโน ปติฏฺาวิธายิโน. อปฺปติฏฺโ อนาโถ, สปฺปติฏฺโ สนาโถติ ปติฏฺตฺโถ นาถตฺโถ.
กลฺยาณคุณโยคโต ¶ กลฺยาณาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สีลาทิคุณสมฺปนฺนา’’ติ อาห. มิชฺชนลกฺขณา ¶ มิตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ มิตฺโต, โส วุตฺตนเยน กลฺยาโณ อสฺส อตฺถีติ ตสฺส อตฺถิตามตฺตํ กลฺยาณมิตฺตปเทน วุตฺตํ. อสฺส เตน สพฺพกาลํ อวิชหิตวาโสติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กลฺยาณสหาโย’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เตวสฺสา’’ติอาทิ. เตวสฺสาติ เต เอว กลฺยาณมิตฺตา อสฺส ภิกฺขุโน. สห อยนโตติ สห วตฺตนโต. อสโมธาเน จิตฺเตน, สโมธาเน ปน จิตฺเตน เจว กาเยน จ สมฺปวงฺโก.
สุขํ วโจ เอตสฺมึ อนุกูลคาหิมฺหิ อาทรคารววติ ปุคฺคเลติ สุวโจ. เตนาห ‘‘สุเขน วตฺตพฺโพ’’ติอาทิ. ขโมติ ขนฺตา, ตเมวสฺส ขมภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘คาฬฺเหนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วามโตติ มิจฺฉา, อโยนิโส วา คณฺหาติ. ปฏิปฺผรตีติ ปฏาณิกภาเวน ติฏฺติ. ปทกฺขิณํ คณฺหาตีติ สมฺมา โยนิโส วา คณฺหาติ.
อุจฺจาวจานีติ วิปุลขุทฺทกานิ. ตตฺรุปคมนียาติ ตตฺร ตตฺร มหนฺเต, ขุทฺทเก จ กมฺเม สาธนวเสน อุปาเยน อุปคจฺฉนฺติยา, ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส นิปฺผาทเนน สมตฺถายาติ อตฺโถ. ตตฺรุปายายาติ วา ตตฺร ตตฺร กมฺเม สาเธตพฺเพ อุปายภูตาย.
ธมฺเม อสฺส กาโมติ ธมฺมกาโมติ พฺยธิกรณานํปิ พาหิรตฺโถ สมาโส โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. กาเมตพฺพโต วา ปิยายิตพฺพโต กาโม, ธมฺโม; ธมฺโม กาโม ¶ อสฺสาติ ธมฺมกาโม. ธมฺโมติ ปริยตฺติธมฺโม อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ ปิยายตีติ อตฺโถ’’ติ. สมุทาหรณํ กถนํ สมุทาหาโร, ปิโย สมุทาหาโร เอตสฺสาติ ปิยสมุทาหาโร. สยฺจาติ เอตฺถ จ-สทฺเทน ‘‘สกฺกจฺจ’’นฺติ ปทํ อนุกฑฺฒติ, เตน สยฺจ สกฺกจฺจํ เทเสตุกาโม โหตีติ โยชนา. อภิธมฺโม สตฺตปฺปกรณานิ อธิโก อภิวิสิฏฺโ จ ปริยตฺติธมฺโมติ กตฺวา. วินโย อุภโตวิภงฺคา วินยนโต กายวาจานํ. อภิวินโย ขนฺธกปริวารา วิเสสโต อาภิสมาจาริกธมฺมกิตฺตนโต. อาภิสมาจาริกธมฺมปาริปูริวเสเนว หิ อาทิพฺรหฺมจริยกธมฺมปาริปูรี. ธมฺโม เอว ปิฏกทฺวยสฺสาปิ ปริยตฺติธมฺมภาวโต. มคฺคผลานิ อภิธมฺโม นิพฺพานธมฺมสฺส อภิมุโขติ กตฺวา. กิเลสวูปสมการณํ ปุพฺพภาคิยา ติสฺโส สิกฺขา สงฺเขปโต วิวฏฺฏนิสฺสิโต ¶ สมโถ วิปสฺสนา จ. พหุลปาโมชฺโชติ พลวปาโมชฺโช.
การณตฺเถติ นิมิตฺตตฺเถ. กุสลธมฺมนิมิตฺตํ หิสฺส วีริยารมฺโภ. เตนาห ‘‘เตสํ อธิคมตฺถายา’’ติ. กุสเลสุ ธมฺเมสูติ วา นิปฺผาเทตพฺเพ ภุมฺมํ ยถา ‘‘เจตโส อวูปสเม อโยนิโสมนสิการปทฏฺาน’’นฺติ.
๓๔๖. สกลฏฺเนาติ ¶ นิสฺเสสฏฺเน, อนวเสสผรณวเสน เจตฺถ สกลฏฺโ เวทิตพฺโพ, อสุภนิมิตฺตาทีสุ วิย เอกเทเส อฏฺตฺวา อนวเสสโต คเหตพฺพฏฺเนาติ อตฺโถ. ตทารมฺมณานํ ธมฺมานนฺติ ตํ กสิณํ อารพฺภ ปวตฺตนกธมฺมานํ. เขตฺตฏฺเนาติ อุปฺปตฺติฏฺานฏฺเน. อธิฏฺานฏฺเนาติ ปวตฺติฏฺานภาเวน. ยถา เขตฺตํ สสฺสานํ อุปฺปตฺติฏฺานํ วฑฺฒิฏฺานฺจ ¶ , เอวเมตํ ฌานํ ตํสมฺปยุตฺตานํ ธมฺมานนฺติ, โยคิโน วา สุขวิเสสานํ การณภาเวน. ‘‘ปริจฺฉินฺทิตฺวา’’ ติ อิทํ อุทฺธํ อโธติ เอตฺถาปิ โยเชตพฺพํ. ปริจฺฉินฺทิตฺวา เอว หิ สพฺพตฺถ กสิณํ วฑฺเฒตพฺพํ. เตน เตน วา การเณนาติ เตน เตน อุปริอาทีสุ กสิณวฑฺฒนการเณน. ยถา กินฺติ อาห ‘‘อาโลกมิว รูปทสฺสนกาโม’’ติ. ยถา ทิพฺพจกฺขุนา อุทฺธํ เจ รูปํ ทฏฺุกาโม, อุทฺธํ อาโลกํ ปสาเรติ, อโธ เจ อโธ, สมนฺตโต เจ รูปํ ทฏฺุกาโม สมนฺตโต อาโลกํ ปสาเรติ; เอวมยํ กสิณนฺติ อตฺโถ.
เอกสฺสาติ ปถวีกสิณาทีสุ เอเกกสฺส. อฺภาวานุปคมนตฺถนฺติ อฺกสิณภาวานุปคมนทีปนตฺถํ, อฺสฺส วา กสิณภาวานุปคมนทีปนตฺถํ, น หิ อฺเน ปสาริตกสิณํ ตโต อฺเน ปสาริตกสิณภาวํ อุปคจฺฉติ, เอวมฺปิ เนสํ อฺกสิณสมฺเภทาภาโว เวทิตพฺโพ. น อฺํ ปถวีอาทิ. น หิ อุทเก ิตฏฺาเน สสมฺภารปถวี อตฺถิ. อฺโ กสิณสมฺเภโทติ อาโปกสิณาทินา สงฺกโร. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ เสสกสิเณสุ. เอกเทเส อฏฺตฺวา อนวเสสผรณํ ปมาณสฺส อคฺคหณโต อปฺปมาณํ. เตเนว หิ เนสํ กสิณสมฺา. ตถา จาห ‘‘ตฺหี’’ติอาทิ. เจตสา ผรนฺโตติ ภาวนาจิตฺเตน อารมฺมณํ กโรนฺโต. ภาวนาจิตฺตฺหิ กสิณํ ปริตฺตํ วา วิปุลํ วา สกลเมว มนสิ กโรติ, น เอกเทสํ.
กสิณุคฺฆาฏิมากาเส ¶ ปวตฺตวิฺาณํ ผรณอปฺปมาณวเสน ‘‘วิฺาณกสิณ’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ ตํ ‘‘วิฺาณฺจ’’นฺติ วุจฺจติ. กสิณวเสนาติ ยถาอุคฺฆาฏิตกสิณวเสน. กสิณุคฺฆาฏิมากาเส อุทฺธํอโธติริยตา เวทิตพฺพา. ยตฺตกฺหิ านํ กสิณํ ปสาริตํ, ตตฺตกํ อากาสภาวนาวเสน อากาโส โหตีติ; เอวํ ยตฺตกํ านํ อากาสํ หุตฺวา อุปฏฺิตํ, ตตฺตกํ สกลเมว ผริตฺวา วิฺาณสฺส ปวตฺตนโต อาคมนวเสน ¶ วิฺาณกสิเณปิ อุทฺธํอโธติริยตา วุตฺตาติ อาห ‘‘กสิณุคฺฆาฏึ อากาสวเสน ตตฺถ ปวตฺตวิฺาเณ อุทฺธํอโธติริยตา เวทิตพฺพา’’ติ.
อกุสลกมฺมปถทสกวณฺณนา
๓๔๗. ปถภูตตฺตาติ ¶ เตสํ ปวตฺตนุปายตฺตา มคฺคภูตตฺตา. เมถุนสมาจาเรสูติ สทารสนฺโตสปรทารคมนวเสน ทุวิเธสุ เมถุนสมาจาเรสุ. เตปิ หิ กาเมตพฺพโต กามา นาม. เมถุนวตฺถูสูติ เมถุนสฺส วตฺถูสุ เตสุ สตฺเตสุ. มิจฺฉาจาโรติ คารยฺหาจาโร. คารยฺหตา จสฺส เอกนฺตนิหีนตาย เอวาติ อาห ‘‘เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโร’’ติ. อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยนาติ อสทฺธมฺมเสวนาธิปฺปาเยน.
สโคตฺเตหิ รกฺขิตา โคตฺตรกฺขิตา. สหธมฺมิเกหิ รกฺขิตา ธมฺมรกฺขิตา. สสฺสามิกา สารกฺขา. ยสฺสา คมเน รฺา ทณฺโฑ ปิโต, สา สปริทณฺฑา. ภริยาภาวตฺถํ ธเนน กีตา ธนกฺกีตา. ฉนฺเทน วสนฺตี ฉนฺทวาสินี. โภคตฺถํ วสนฺตี โภควาสินี. ปฏตฺถํ วสนฺตี ปฏวาสินี. อุทกปตฺตํ อามสิตฺวา คหิตา โอทปตฺตกินี. จุมฺพฏํ อปเนตฺวา คหิตา โอภตจุมฺพฏา. กรมรานีตา ธชาหฏา. ตงฺขณิกา มุหุตฺติกา. อภิภวิตฺวา วีติกฺกเม มิจฺฉาจาโร มหาสาวชฺโช, น ตถา ทฺวินฺนํ สมานจฺฉนฺทตาย. ‘‘อภิภวิตฺวา วีติกฺกมเน สติปิ มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติอธิวาสเน ปุริมุปฺปนฺนเสวนาภิสนฺธิปโยคาภาวโต มิจฺฉาจาโร น โหติ อภิภุยฺยมานสฺสา’’ติ วทนฺติ. เสวนจิตฺเต สติ ปโยคาภาโว อปฺปมาณํ เยภุยฺเยน อิตฺถิยา เสวนปโยคสฺส อภาวโต. ตสฺมึ อสติ ปุเรตรํ เสวนจิตฺตสฺส อุปฏฺาปเนปิ ตสฺสา มิจฺฉาจาโร น สิยา, ตถา ปุริสสฺสปิ เสวนปโยคาภาเวติ. ตสฺมา อตฺตโน รุจิยา ปวตฺติตสฺส ¶ วเสน ตโย พลกฺกาเรน ปวตฺติตสฺส วเสน ตโยติ สพฺเพปิ อคฺคหิตคฺคหเณน ‘‘จตฺตาโร สมฺภารา’’ติ วุตฺตํ.
อุปสคฺควเสน อตฺถวิเสสวาจิโน ธาตุสทฺทาติ ‘‘อภิชฺฌายตี’’ติ ¶ ปทสฺส ‘‘ปรภณฺฑาภิมุขี’’ติอาทินา อตฺโถ วุตฺโต. ตตฺถ ตนฺนินฺนตายาติ ตสฺมึ ปรภณฺเฑ ลุพฺภนวเสน นินฺนตายาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อภิปุพฺโพ วา ฌา-สทฺโท ลุพฺภเน นิรุฬฺโห ทฏฺพฺโพ. อุปสคฺควเสน อตฺถวิเสสวาจิโน เอว ธาตุสทฺทา. อทินฺนาทานสฺส อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. จูฬสีลวณฺณนา) วุตฺตาติ อาห ‘‘อทินฺนาทานํ วิย อปฺปสาวชฺชา, มหาสาวชฺชา จา’’ติ. ตสฺมา ‘‘ยสฺส ภณฺฑํ อภิชฺฌายติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชตา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชตา’’ติอาทินา อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชวิภาโค เวทิตพฺโพ. อตฺตโน ปริณามนํ จิตฺเตเนวาติ เวทิตพฺพํ.
หิตสุขํ ¶ พฺยาปาทยตีติ โย นํ อุปฺปาเทติ, ตสฺส ยํ ปติ จิตฺตํ อุปฺปาเทติ, ตสฺส ตสฺส สติ สมวาเย หิตสุขํ วินาเสติ. ผรุสวาจาย อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ วิภาวิตาติ อาห ‘‘ผรุสวาจา วิยา’’ติอาทิ. ตสฺมา ‘‘ยํ ปติ จิตฺตํ พฺยาปาเทติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺโช, มหาคุณตาย มหาสาวชฺโช’’ติอาทินา ตทุภยวิภาโค เวทิตพฺโพ. ‘‘อโห วตา’’ติ อิมินา ปรสฺส อจฺจนฺตาย วินาสจินฺตนํ ทีเปติ. เอวฺหิ สฺส ทารุณปฺปวตฺติยา กมฺมปถปฺปวตฺติ.
ยถาภุจฺจคหณาภาเวนาติ ยาถาวคหณสฺส อภาเวน อนิจฺจาทิสภาวสฺส นิจฺจาทิโต คหเณน. มิจฺฉา ปสฺสตีติ วิตถํ ปสฺสติ. ‘‘สมฺผปฺปลาโป วิยา’’ติ อิมินา อาเสวนสฺส มนฺทตาย อปฺปสาวชฺชตํ, มหนฺตตาย มหาสาวชฺชตํ ทสฺเสติ. คหิตาการวิปรีตตาติ มิจฺฉาทิฏฺิยา คหิตาการวิปรีตภาโว. วตฺถุโนติ ตสฺส อยถาภูตสภาวมาห. ตถาภาเวนาติ คหิตากาเรเนว วิปรีตากาเรเนว. ตสฺส ทิฏฺิคติกสฺส, ตสฺส วา วตฺถุโน อุปฏฺานํ, ‘‘เอวเมตํ น อิโต อฺถา’’ติ.
ธมฺมโตติ ¶ สภาวโต. โกฏฺาสโตติ ผสฺสปฺจมกาทีสุ จิตฺตงฺคโกฏฺาเสสุ เย โกฏฺาสา โหนฺติ, ตโตติ อตฺโถ.
เจตนาธมฺมาติ เจตนาสภาวา.
‘‘ปฏิปาฏิยา สตฺตา’’ติ เอตฺถ นนุ เจตนา อภิธมฺเม กมฺมปเถสุ ¶ น วุตฺตาติ ปฏิปาฏิยา สตฺตนฺนํ กมฺมปถภาโว น ยุตฺโตติ? น, อวจนสฺส อฺเหตุกตฺตา. น หิ ตตฺถ เจตนาย อกมฺมปถปฺปตฺตตฺตา (ธ. ส. มูลฏี. อกุสลกมฺมปถกถาวณฺณนา) กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ, กทาจิ ปน กมฺมปโถ โหติ, น สพฺพทาติ กมฺมปถภาวสฺส อนิยตตฺตา อวจนํ. ยทา ปน กมฺมปโถ โหติ, ตทา กมฺมปถราสิสงฺคโห น นิวาริโต.
เอตฺถาห – ยทิ เจตนาย สพฺพทา กมฺมปถภาวาภาวโต อนิยโต กมฺมปถภาโวติ กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ, นนุ อภิชฺฌาทีนมฺปิ กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตานํ อตฺถิตาย อนิยโต กมฺมปถภาโวติ เตสมฺปิ กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ กมฺมปถตาตํสภาคตา หิ เตสํ ตตฺถ วุตฺตตฺตา. ยทิ เอวํ เจตนาปิ ตตฺถ วตฺตพฺพา สิยาติ? สจฺจเมตํ, สา ปน ปาณาติปาตาทิกาวาติ ปากโฏ ตสฺสา กมฺมปถภาโวติ น วุตฺตํ สิยา. เจตนาย ¶ หิ ‘‘เจตนาหํ, ภิกฺขเว, กมฺมํ วทามิ (อ. นิ. ๖.๖๓; กถา. ๕๓๙), ติวิธา, ภิกฺขเว, กายสฺเจตนา อกุสลํ กายกมฺม’’นฺติ (กถา. ๕๓๙) วจนโต กมฺมภาโว ปากโฏ; กมฺมํเยว จ สุคติทุคฺคตีนํ, ตทุปฺปชฺชนสุขทุกฺขานฺจ ปถภาเวน ปวตฺตํ ‘‘กมฺมปโถ’’ติ วุจฺจตีติ ปากโฏ ตสฺสา กมฺมปถภาโว. อภิชฺฌาทีนํ ปน เจตนาสมีหนภาเวน สุจริตทุจฺจริตภาโว, เจตนาชนิตภาเวน [เจตนาชนิตตํพนฺธติภาเวน (ธ. ส. อนุฏี. อกุสลกมฺมปถาวณฺณนา)] สุคติทุคฺคติตทุปฺปชฺชนสุขทุกฺขานํ ปถภาโว จาติ น ตถา ปากโฏ กมฺมปถภาโวติ เต เอว เตน สภาเวน ทสฺเสตุํ อภิธมฺเม เจตนา กมฺมปถภาเว น วุตฺตา, อตถาชาติยตฺตา วา เจตนา เตหิ สทฺธึ น วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. มูลํ ปตฺวาติ มูลเทสนํ ปตฺวา, มูลสภาเวสุ ธมฺเมสุ ¶ เทสิยมาเนสูติ อตฺโถ.
‘‘อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณ’’นฺติ อิทํ ‘‘ปฺจสิกฺขาปทา ปริตฺตารมฺมณา เอวา’’ติ อิมาย ปฺหปุจฺฉกปาฬิยา (วิภ. ๗๑๕) วิรุชฺฌติ. ยฺหิ ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยสฺส อารมฺมณํ ¶ , ตเทว ตํเวรมณิยา อารมฺมณํ. วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโต เอว หิ วิรตีติ. สตฺตารมฺมณนฺติ วา สตฺตสงฺขาตสงฺขารารมฺมณํ, ตเมว อุปาทาย วุตฺตนฺติ น โกจิ วิโรโธ. ตถา หิ วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนิยํ ‘‘ยานิ สิกฺขาปทานิ เอตฺถ ‘สตฺตารมฺมณานี’ติ วุตฺตานิ, ตานิ ยสฺมา สตฺโตติ สงฺขํ คเต สงฺขาเรเยว อารมฺมณํ กโรนฺตี’’ติ. (วิภ. อฏฺ. ๗๑๔) เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. วิสภาควตฺถุโน ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติ คเหตพฺพโต ‘‘สตฺตารมฺมโณ’’ติ เอเก. ‘‘เอโก ทิฏฺโ, ทฺเว สุตา’’ติอาทินา สมฺผปฺปลาเปน ทิฏฺสุตมุตวิฺาตวเสน. ตถา อภิชฺฌาติ เอตฺถ ตถา-สทฺโท ‘‘ทิฏฺสุตมุตวิฺาตวเสนา’’ ติทมฺปิ อุปสํหรติ, น สตฺตสงฺขารารมฺมณตเมว ทสฺสนาทิวเสน อภิชฺฌายนโต. ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๗๑) ปวตฺตมานาปิ มิจฺฉาทิฏฺิ เตภูมกธมฺมวิสยา เอวาติ อธิปฺปาเยนสฺสา สงฺขารารมฺมณตา วุตฺตา. กถํ ปน มิจฺฉาทิฏฺิยา สพฺเพ เตภูมกธมฺมา อารมฺมณํ โหตีติ? สาธารณโต. ‘‘นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๗๑; ม. นิ. ๒.๙๔) ปวตฺตมานาย อตฺถโต รูปารูปาวจรธมฺมาปิ คหิตา เอว โหนฺตีติ.
สุขพหุลตาย ราชาโน หสมานาปิ ‘‘ฆาเตถา’’ติ วทนฺติ ¶ , หาโส ปน เนสํ อตฺตวูปสมาทิอฺวิสโยติ อาห ‘‘สนฺนิฏฺาปก…เป… โหตี’’ติ. มชฺฌตฺตเวทโน น โหติ, สุขเวทโนว เอตฺถ สมฺภวตีติ. มุสาวาโท โลภสมุฏฺาโน สุขเวทโน วา สิยา มชฺฌตฺตเวทโน วา, โทสสมุฏฺาโน ทุกฺขเวทโน วาติ มุสาวาโท ติเวทโน. อิมินา นเยน เสเสสุปิ ยถารหํ เวทนาเภโท เวทิตพฺโพ.
โทสโมหวเสน ¶ ทฺวิมูลโกติ สมฺปยุตฺตมูลเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ตสฺส หิ มูลฏฺเน อุปการกภาโว. นิทานมูเล ปน คยฺหมาเน ‘‘โลภโมหวเสนปี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. อามิสกิฺชกฺขเหตุปิ ปาณํ หนนฺติ. เตเนวาห – ‘‘โลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๓.๓๔). เสเสสุปิ เอเสว นโย.
กุสลกมฺมปถทสกวณฺณนา
ปาณาติปาตา ¶ …เป… เวทิตพฺพานิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกวเสเนตฺถ กุสลกมฺมปถานํ เทสิตตฺตา. เวรเหตุตาย เวรสฺิตํ ปาณาติปาตาทิปาปธมฺมํ มณติ ‘‘มยิ อิธ ิตาย กถํ อาคจฺฉสี’’ติ ตชฺชนฺตี วิย นีหรตีติ เวรมณี, วิรมติ เอตายาติ วา ‘‘วิรมณี’’ติ วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน ‘‘เวรมณี’’ติ วุตฺตํ. สมาทานวเสน อุปฺปนฺนา วิรติ สมาทานวิรติ. อสมาทินฺนสีลสฺส สมฺปตฺตโต ยถาอุปฏฺิตวีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโต วิรติ สมฺปตฺตวิรติ. กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทนวเสน ปวตฺตา มคฺคสมฺปยุตฺตา วิรติ สมุจฺเฉทวิรติ. กามฺเจตฺถ ปาฬิยํ วิรติเยว อาคตา, สิกฺขาปทวิภงฺเค (วิภ. ๗๐๓) ปน เจตนาปิ อาหริตฺวา ทสฺสิตาติ ตทุภยมฺปิ คณฺหนฺโต ‘‘เจตนาปิ วตฺตนฺติ วิรติโยปี’’ติ อาห. อนภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวาติ กมฺมปถโกฏฺาเส ‘‘อนภิชฺฌา’’ติ วุตฺตธมฺโม มูลโต อโลโภ กุสลมูลํ โหตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย.
ทุสฺสีลฺยารมฺมณา ตทารมฺมณชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณา ¶ กถํ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺตีติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปชหนฺตีติ เวทิตพฺพา ปาณาติปาตาทีหิ วิรมณวเสเนว ปวตฺตนโต. อถ ตทารมฺมณภาเว, น โส ตานิ ปชหติ. น หิ ตเทว อารพฺภ ตํ ปชหิตุํ สกฺกา ตโต อวินิสฺสฏภาวโต.
อนภิชฺฌา…เป… วิรมนฺตสฺสาติ อภิชฺฌํ ปชหนฺตสฺสาติ อตฺโถ. น หิ มโนทุจฺจริตโต วิรติ อตฺถิ อนภิชฺฌาทีเหว ตปฺปหานสิทฺธิโต.
อริยวาสทสกวณฺณนา
๓๔๘. อริยานเมว วาสาติ อริยวาสา อนริยานํ ตาทิสานํ อสมฺภวโต. อริยาติ เจตฺถ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ขีณาสวา คหิตา, เต จ ยสฺมา เตหิ สพฺพกาลํ อวิรหิตวาสา ¶ เอว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อริยา เอว วสึสุ วสนฺติ วสิสฺสนฺตี’’ติ. ตตฺถ วสึสูติ นิสฺสาย วสึสุ. ปฺจงฺควิปฺปหีนตฺตาทโย หิ อริยานํ อปสฺสยา. เตสุ ปฺจงฺควิปฺปหานปจฺเจกสจฺจปโนทนเอสนาสมวยวิสฺสชฺชนานิ ¶ ‘‘สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, อธิวาเสติ, ปริวชฺเชติ, วิโนเทตี’’ติ วุตฺเตสุ อปสฺเสเนสุ วิโนทนฺจ มคฺคกิจฺจาเนว, อิตเร มคฺเคเนว สมิชฺฌนฺติ.
าณาทโยติ าณฺเจว ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา จ. เตนาห ‘‘าณนฺติ วุตฺเต’’ติอาทิ. ตตฺถ วตฺตพฺพํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
อารกฺขกิจฺจํ สาเธติ สติเวปุลฺลปฺปตฺตตฺตา. ‘‘จรโต’’ติอาทินา นิจฺจสมาทานํ ทสฺเสติ, ตํ วิกฺเขปาภาเวน ทฏฺพฺพํ.
ปพฺพชฺชุปคตาติ ยํ กิฺจิ ปพฺพชฺชํ อุปคตา, น สมิตปาปา. โภวาทิโนติ ชาติมตฺตพฺราหฺมเณ วทติ. ปาเฏกฺกสจฺจานีติ เตหิ เตหิ ทิฏฺิคติเกหิ ปาฏิเยกฺกํ คหิตานิ ‘‘อิทเมว ¶ สจฺจ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๓, ๔๒๗; ๓.๒๗; อุทา. ๕๕; เนตฺติ. ๕๙) อภินิวิฏฺานิ ทิฏฺิสจฺจาทีนิ. ทิฏฺิคตานิปิ หิ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๒, ๔๒๗; ๓.๒๗, ๒๙; เนตฺติ. ๕๙) คหณํ อุปาทาย ‘‘สจฺจานี’’ติ โวหรียนฺติ. เตนาห ‘‘อิทเมวา’’ติอาทิ. นีหฏานีติ อตฺตโน สนฺตานโต นีหริตานิ อปนีตานิ. คหิตคฺคหณสฺสาติ อริยมคฺคาธิคมโต ปุพฺเพ คหิตสฺส ทิฏฺิคาหสฺส. วิสฺสฏฺภาวเววจนานีติ อริยมคฺเคน สพฺพโส ปริจฺจาคภาวสฺส อธิวจนานิ.
นตฺถิ เอตาสํ วโย เวกลฺยนฺติ อวยาติ อาห ‘‘อนูนา’’ติ, อนวเสสาติ อตฺโถ. เอสนาติ เหฏฺา วุตฺตกาเมสนาทโย.
มคฺคสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ กถิตา ราคาทีนํ ปหีนภาวทีปนโต.
ปจฺจเวกฺขณาย ผลํ กถิตนฺติ ปจฺจเวกฺขณมุเขน อริยผลํ กถิตํ. อธิคเต หิ อคฺคผเล สพฺพโส ราคาทีนํ อนุปฺปาทธมฺมตํ ปชานาติ, ตฺจ ปชานนํ ปจฺจเวกฺขณาณนฺติ.
อเสกฺขธมฺมทสกวณฺณนา
ผลฺจ ¶ เต สมฺปยุตฺตธมฺมา จาติ ผลสมฺปยุตฺตธมฺมา, อริยผลสภาวา สมฺปยุตฺตา ธมฺมาติ อตฺโถ. ผลสมฺปยุตฺตธมฺมาติ ผลธมฺมา เจว ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา จาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ทฺวีสุปิ าเนสุ ปฺาว กถิตา สมฺมา ทสฺสนฏฺเน สมฺมาทิฏฺิ, สมฺมา ชานนฏฺเน สมฺมาาณนฺติ จ. อตฺถิ หิ ทสฺสนชานนานํ สวิสเย ปวตฺติอาการวิเสโส, สฺวายํ ¶ เหฏฺา ทสฺสิโต เอว. ผลสมาปตฺติธมฺมาติ ผลสมาปตฺติยํ ธมฺมา, ผลสมาปตฺติสหคตธมฺมาติ อตฺโถ. อริยผลสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ หิ สพฺพโส ปฏิปกฺขโต วิมุตฺตตํ อุปาทาย ‘‘วิมุตฺตี’’ติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺติ. เกนจิ ปน ยถา อเสกฺขา ผลปฺา ทสฺสนกิจฺจํ อุปาทาย ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ ¶ วุตฺตา, ชานนกิจฺจํ อุปาทาย ‘‘สมฺมาาณ’’นฺติปิ วุตฺตา เอว; เอวํ อริยผลสมาธิ สมาทานฏฺํ อุปาทาย ‘‘สมฺมาสมาธี’’ติ วุตฺโต, วิมุจฺจนฏฺํ อุปาทาย ‘‘สมฺมาวิมุตฺตี’’ ติปิ วุตฺโต. เอวฺจ กตฺวา ‘‘อนาสวํ เจโตวิมุตฺติ’’นฺติ ทุติยวิมุตฺติคฺคหณฺจ สมตฺถิตํ โหตีติ.
ทสกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺหสโมธานวณฺณนา
สโมธาเนตพฺพาติ สมาหริตพฺพา.
๓๔๙. โอกปฺปนาติ พลวสทฺธา. อายตึ ภิกฺขูนํ อวิวาทเหตุภูตํ ตตฺถ ตตฺถ ภควตา เทสิตานํ อตฺถานํ สงฺคายนํ สงฺคีติ, ตสฺส จ การณํ อยํ สุตฺตเทสนา ตถา ปวตฺตตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘สงฺคีติปริยายนฺติ สามคฺคิยา การณ’’นฺติ. สมนฺุโ สตฺถา อโหสิ ‘‘ปฏิภาตุ ต,ํ สาริปุตฺต, ภิกฺขูนํ ธมฺมึ กถา’’ติ อุสฺสาเหตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา สุณนฺโต, สา ปเนตฺถ ภควโต สมนฺุตา ‘‘สาธุ, ¶ สาธู’’ติ อนุโมทเนน ปากฏา ชาตาติ วุตฺตํ ‘‘อนุโมทเนน สมนฺุโ อโหสี’’ติ. ชินภาสิโต นาม ชาโต, น สาวกภาสิโต. ยถา หิ ราชยุตฺเตหิ ลิขิตปณฺณํ ยาว ราชมุทฺทิกาย น ลฺชิตํ โหติ, น ตาว ‘‘ราชปณฺณ’’นฺติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ, ลฺชิตมตฺตํ ปน ราชปณฺณํ นาม โหติ. เอวเมว ‘‘สาธุ, สาธุ สาริปุตฺตา’’ติอาทิ อนุโมทนวจนสํสูจิตาย สมนฺุาสงฺขาตาย ชินวจนมุทฺทาย ลฺชิตตฺตา อยํ สุตฺตนฺโต ชินภาสิโต นาม ชาโต อาหจฺจวจโน. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
สงฺคีติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.