📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ทีฆนิกาเย
สีลกฺขนฺธวคฺคอภินวฏีกา
คนฺถารมฺภกถา
โย ¶ ¶ เทเสตฺวาน สทฺธมฺมํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ วรํ;
ทีฆทสฺสี จิรํ กาลํ, ปติฏฺาเปสิ สาสนํ.๑.
วิเนยฺยชฺฌาสเย เฉกํ, มหามตึ มหาทยํ;
นตฺวาน ตํ สสทฺธมฺมคณํ คารวภาชนํ.๒.
สงฺคีติตฺตยมารุฬฺหา, ทีฆาคมวรสฺส ยา;
สํวณฺณนา ยา จ ตสฺสา, วณฺณนา สาธุวณฺณิตา. ๓.
อาจริยธมฺมปาล- ¶ ตฺเถเรเนวาภิสงฺขตา;
สมฺมา นิปุณคมฺภีร-ทุทฺทสตฺถปฺปกาสนา.๔.
กามฺจ สา ตถาภูตา, ปรมฺปราภตา ปน;
ปาโต อตฺถโต จาปิ, พหุปฺปมาทเลขนา.๕.
สงฺเขปตฺตา จ โสตูหิ, สมฺมา าตุํ สุทุกฺกรา;
ตสฺมา สพฺรหฺมจารีนํ, ยาจนํ สมนุสฺสรํ.๖.
โย’เนกเสตนาคินฺโท, ราชา นานารฏฺิสฺสโร;
สาสนโสธเน ทฬฺหํ, สทา อุสฺสาหมานโส.๗.
ตํ นิสฺสาย ‘‘มเมโสปิ, สตฺถุสาสนโชตเน;
อปฺเปว นามุปตฺถมฺโภ, ภเวยฺยา’’ติ วิจินฺตยํ.๘.
วณฺณนํ ¶ อารภิสฺสามิ, สาธิปฺปายมหาปยํ;
อตฺถํ ตมุปนิสฺสาย, อฺฺจาปิ ยถารหํ.๙.
จกฺกาภิวุฑฺฒิกามานํ, ธีรานํ จิตฺตโตสนํ;
สาธุวิลาสินึ นาม, ตํ สุณาถ สมาหิตาติ. ๑๐.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
นานานยนิปุณคมฺภีรวิจิตฺรสิกฺขตฺตยสงฺคหสฺส พุทฺธานุพุทฺธสํวณฺณิตสฺส สทฺธาวหคุณสมฺปนฺนสฺส ทีฆาคมวรสฺส คมฺภีรทุรนุโพธตฺถทีปกํ สํวณฺณนมิมํ กโรนฺโต สกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหนสมตฺโถ มหาเวยฺยากรโณยมาจริโย สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปณามปโยชนาทิวิธานานิ กโรนฺโต ปมํ ตาว รตนตฺตยปณามํ กาตุํ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติอาทิมาห. เอตฺถ จ สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปณามกรณปฺปโยชนํ ตตฺถ ตตฺถ พหุธา ปปฺเจนฺติ อาจริยา. ตถา หิ วณฺณยนฺติ –
‘‘สํวณฺณนารมฺเภ ¶ สตฺถริ ปณามกรณํ ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตภาเวน สตฺถริ ปสาทชนนตฺถํ, สตฺถุ จ อวิตถเทสนภาวปฺปกาสเนน ธมฺเม ปสาทชนนตฺถํ. ตทุภยปฺปสาทา หิ มหโต อตฺถสฺส สิทฺธิ โหตี’’ติ (ธ. ส. ฏี. ๑-๑).
อถ วา ‘‘รตนตฺตยปณามวจนํ อตฺตโน รตนตฺตยปฺปสาทสฺส วิฺาปนตฺถํ, ตํ ปน วิฺูนํ จิตฺตาราธนตฺถํ, ตํ อฏฺกถาย คาหณตฺถํ, ตํ สพฺพสมฺปตฺตินิปฺผาทนตฺถ’’นฺติ. อถ วา ‘‘สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยวนฺทนา สํวณฺเณตพฺพสฺส ธมฺมสฺส ปภวนิสฺสยวิสุทฺธิปฏิเวทนตฺถํ, ตํ ปน ธมฺมสํวณฺณนาสุ วิฺูนํ พหุมานุปฺปาทนตฺถํ, ตํ สมฺมเทว เตสํ อุคฺคหณธารณาทิกฺกมลทฺธพฺพาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สพฺพหิตสุขนิปฺผาทนตฺถ’’นฺติ. อถ วา ‘‘มงฺคลภาวโต, สพฺพกิริยาสุ ปุพฺพกิจฺจภาวโต, ปณฺฑิเตหิ สมาจริตภาวโต, อายตึ ปเรสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนโต จ สํวณฺณนายํ รตนตฺตยปณามกิริยา’’ติ. อถ วา ‘‘จตุคมฺภีรภาวยุตฺตํ ธมฺมวินยํ สํวณฺเณตุกามสฺส มหาสมุทฺทํ โอคาหนฺตสฺส วิย ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคตสฺสาปิ มหนฺตํ ภยํ สมฺภวติ, ภยกฺขยาวหฺเจตํ รตนตฺตยคุณานุสฺสรณชนิตํ ¶ ปณามปูชาวิธานํ, ตโต จ สํวณฺณนายํ รตนตฺตยปณามกิริยา’’ติ. อถ วา ‘‘อสตฺถริปิ สตฺถาภินิเวสสฺส โลกสฺส ยถาภูตํ สตฺถริ เอว สมฺมาสมฺพุทฺเธ สตฺถุสมฺภาวนตฺถํ, อสตฺถริ จ สตฺถุสมฺภาวนปริจฺจชาปนตฺถํ, ‘ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อตฺตโน ทหตี’ติ (ปารา. ๑๙๕) จ วุตฺตโทสปริหรณตฺถํ สํวณฺณนายํ ปณามกิริยา’’ติ. อถ วา ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต ปณามวิธาเนน สมฺมาสมฺพุทฺธภาวาธิคมาย พุทฺธยานํ ปฏิปชฺชนฺตานํ อุสฺสาหชนนตฺถํ, สทฺธมฺมสฺส จ ปณามวิธาเนน ปจฺเจกพุทฺธภาวาธิคมาย ปจฺเจกพุทฺธยานํ ปฏิปชฺชนฺตานํ อุสฺสาหชนนตฺถํ, สงฺฆสฺส จ ปณามวิธาเนน ปรมตฺถสงฺฆภาวาธิคมาย สาวกยานํ ปฏิปชฺชนฺตานํ อุสฺสาหชนนตฺถํ สํวณฺณนายํ ปณามกิริยา’’ติ. อถ วา ‘‘มงฺคลาทิกานิ สตฺถานิ อนนฺตรายานิ, จิรฏฺิติกานิ, พหุมตานิ จ ภวนฺตีติ เอวํลทฺธิกานํ จิตฺตปริโตสนตฺถํ สํวณฺณนายํ ปณามกิริยา’’ติ. อถ วา ‘‘โสตุชนานํ ยถาวุตฺตปณาเมน อนนฺตราเยน อุคฺคหณธารณาทินิปฺผาทนตฺถํ สํวณฺณนายํ ปณามกิริยา. โสตุชนานุคฺคหเมว หิ ปธานํ กตฺวา อาจริเยหิ สํวณฺณนารมฺเภ ถุติปณามปริทีปกานิ วากฺยานิ นิกฺขิปียนฺติ, อิตรถา วินาปิ ตํ นิกฺเขปํ กายมโนปณาเมเนว ยถาธิปฺเปตปฺปโยชนสิทฺธิโต กิเมเตน คนฺถคารวกรเณนา’’ติ จ เอวมาทินา. มยํ ปน อิธาธิปฺเปตเมว ปโยชนํ ทสฺสยิสฺสาม, ตสฺมา สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปณามกรณํ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทเมว จ ปโยชนํ อาจริเยน อิธาธิปฺเปตํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อิติ เม ปสนฺนมติโน ¶ …เป… ตสฺสานุภาเวนา’’ติ. รตนตฺตยปณามกรณฺหิ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถํ รตนตฺตยปูชาย ปฺาปาฏวภาวโต, ตาย จ ปฺาปาฏวํ ราคาทิมลวิธมนโต. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยสฺมึ มหานาม สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; อ. นิ. ๑๑.๑๑).
ตสฺมา ¶ รตนตฺตยปูชาย วิกฺขาลิตมลาย ปฺาย ปาฏวสิทฺธิ. อถ วา รตนตฺตยปูชาย ปฺาปทฏฺานสมาธิเหตุตฺตา ปฺาปาฏวํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อุชุคตจิตฺโต โข ปน มหานาม อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺโมปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐; อ. นิ. ๑๑.๑๑).
สมาธิสฺส จ ปฺาย ปทฏฺานภาโว ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙; ๕.๑๐๗๑; เนตฺติ. ๔๐; เปฏโก. ๖๖; มิ. ป. ๑๔) วุตฺโตเยว. ตโต เอวํ ปฏุภูตาย ปฺาย เขทมภิภุยฺย ปฏิฺาตํ สํวณฺณนํ สมาปยิสฺสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘รตนตฺตยปณามกรณฺหิ…เป… ปฺาปาฏวภาวโต’’ติ. อถ วา รตนตฺตยปูชาย อายุวณฺณสุขพลวฑฺฒนโต อนนฺตราเยน ปริสมาปนํ เวทิตพฺพํ. รตนตฺตยปณาเมน หิ อายุวณฺณสุขพลานิ วฑฺฒนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อภิวาทนสีลิสฺส, นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน;
จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ, อายุ วณฺโณ สุขํ พล’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๐๙);
ตโต อายุวณฺณสุขพลวุทฺธิยา โหตฺเวว การิยนิฏฺานนฺติ วุตฺตํ ‘‘รตนตฺตยปูชาย อายุ…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ. อถ วา รตนตฺตยปูชาย ปฏิภานาปริหานาวหตฺตา อนนฺตราเยน ปริสมาปนํ เวทิตพฺพํ. อปริหานาวหา หิ รตนตฺตยปูชา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สตฺติเม ¶ ภิกฺขเว, อปริหานียา ธมฺมา, กตเม สตฺต? สตฺถุคารวตา, ธมฺมคารวตา, สงฺฆคารวตา, สิกฺขาคารวตา, สมาธิคารวตา, กลฺยาณมิตฺตตา, โสวจสฺสตา’’ติ (อ. นิ. ๗.๓๔) ตโต ปฏิภานาปริหาเนน โหตฺเวว ยถาปฏิฺาตปริสมาปนนฺติ วุตฺตํ ‘‘รตนตฺตย…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ. อถ วา ปสาทวตฺถูสุ ปูชาย ปฺุาติสยภาวโต อนนฺตราเยน ปริสมาปนํ เวทิตพฺพํ. ปฺุาติสยา หิ ปสาทวตฺถูสุ ปูชา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปูชารเห ¶ ปูชยโต, พุทฺเธ ยทิว สาวเก;
ปปฺจสมติกฺกนฺเต, ติณฺณโสกปริทฺทเว.
เต ตาทิเส ปูชยโต, นิพฺพุเต อกุโตภเย;
น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุํ, อิเมตฺตมปิ เกนจี’’ติ. (ขุ. ปา. ๑๙๖; อป. ๑.๑๐.๒);
ปฺุาติสโย จ ยถาธิปฺเปตปริสมาปนุปาโย. ยถาห –
‘‘เอส เทวมนุสฺสานํ, สพฺพกามทโท นิธิ;
ยํ ยเทวาภิปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ. (ขุ. ปา. ๘.๑๐);
อุปาเยสุ จ ปฏิปนฺนสฺส โหตฺเวว การิยนิฏฺานนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปสาทวตฺถูสุ…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ. เอวํ รตนตฺตยปูชา นิรติสยปฺุกฺเขตฺตสมฺพุทฺธิยา อปริเมยฺยปฺปภาโว ปฺุาติสโยติ พหุวิธนฺตราเยปิ โลกสนฺนิวาเส อนฺตรายนิพนฺธนสกลสํกิเลสวิทฺธํสนาย ปโหติ, ภยาทิอุปทฺทวฺจ นิวาเรติ. ตสฺมา สุวุตฺตํ ‘‘สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปณามกรณํ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ.
เอวํ ปน สปโยชนํ รตนตฺตยปณามํ กตฺตุกาโม พุทฺธรตนมูลกตฺตา เสสรตนานํ ปมํ ตสฺส ปณามํ กาตุมาห – ‘‘กรุณาสีตลหทยํ…เป… คติวิมุตฺต’’นฺติ. พุทฺธรตนมูลกานิ หิ ธมฺมสงฺฆรตนานิ, เตสุ จ ธมฺมรตนมูลกํ สงฺฆรตนํ, ตถาภาโว จ ‘‘ปุณฺณจนฺโท วิย ภควา, จนฺทกิรณนิกโร วิย เตน เทสิโต ธมฺโม, จนฺทกิรณสมุปฺปาทิตปีณิโต โลโก วิย สงฺโฆ’’ติ เอวมาทีหิ อฏฺกถายมาคตอุปมาหิ วิภาเวตพฺโพ. อถ วา สพฺพสตฺตานํ อคฺโคติ กตฺวา ปมํ พุทฺโธ, ตปฺปภวโต, ตทุปเทสิตโต จ ตทนนฺตรํ ธมฺโม, ตสฺส ธมฺมสฺส สาธารณโต ¶ , ตทาเสวนโต จ ตทนนฺตรํ สงฺโฆ วุตฺโต. ‘‘สพฺพสตฺตานํ วา หิเต วินิโยชโกติ กตฺวา ปมํ พุทฺโธ, สพฺพสตฺตหิตตฺตา ตทนนฺตรํ ธมฺโม, หิตาธิคมาย ปฏิปนฺโน อธิคตหิโต จาติ กตฺวา ตทนนฺตรํ สงฺโฆ วุตฺโต’’ติ อฏฺกถาคตนเยน อนุปุพฺพตา เวทิตพฺพา.
พุทฺธรตนปณามฺจ ¶ กโรนฺโต เกวลปณามโต โถมนาปุพฺพงฺคโมวสาติสโยติ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติอาทิปเทหิ โถมนาปุพฺพงฺคมตํ ทสฺเสติ. โถมนาปุพฺพงฺคเมน หิ ปณาเมน สตฺถุ คุณาติสยโยโค, ตโต จสฺส อนุตฺตรวนฺทนียภาโว, เตน จ อตฺตโน ปณามสฺส เขตฺตงฺคตภาโว, เตน จสฺส เขตฺตงฺคตสฺส ปณามสฺส ยถาธิปฺเปตนิปฺผตฺติเหตุภาโว ทสฺสิโตติ. โถมนาปุพฺพงฺคมตฺจ ทสฺเสนฺโต ยสฺสา สํวณฺณนํ กตฺตุกาโม, สา สุตฺตนฺตเทสนา กรุณาปฺาปฺปธานาเยว, น วินยเทสนา วิย กรุณาปฺปธานา, นาปิ อภิธมฺมเทสนา วิย ปฺาปฺปธานาติ ตทุภยปฺปธานเมว โถมนมารภติ. เอสา หิ อาจริยสฺส ปกติ, ยทิทํ อารมฺภานุรูปโถมนา. เตเนว จ วินยเทสนาย สํวณฺณนารมฺเภ ‘‘โย กปฺปโกฏีหิปิ…เป… มหาการุณิกสฺส ตสฺสา’’ติ (ปารา. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) กรุณาปฺปธานํ, อภิธมฺมเทสนาย สํวณฺณนารมฺเภ ‘‘กรุณา วิย…เป… ยถารุจี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑) ปฺาปฺปธานฺจ โถมนมารทฺธํ. วินยเทสนา หิ อาสยาทินิรเปกฺขเกวลกรุณาย ปากติกสตฺเตนาปิ อโสตพฺพารหํ สุณนฺโต, อปุจฺฉิตพฺพารหํ ปุจฺฉนฺโต, อวตฺตพฺพารหฺจ วทนฺโต สิกฺขาปทํ ปฺเปสีติ กรุณาปฺปธานา. ตถา หิ อุกฺกํสปริยนฺตคตหิโรตฺตปฺโปปิ ภควา โลกิยสาธุชเนหิปิ ปริหริตพฺพานิ ‘‘สิขรณี, สมฺภินฺนา’’ติอาทิวจนานิ, (ปารา. ๑๘๕) ยถาปราธฺจ ครหวจนานิ มหากรุณาสฺโจทิตมานโส มหาปริสมชฺเฌ อภาสิ, ตํตํสิกฺขาปทปฺตฺติ การณาเปกฺขาย จ เวรฺชาทีสุ สารีริกํ เขทมนุโภสิ. ตสฺมา กิฺจาปิ ภูมนฺตรปจฺจยาการสมยนฺตรกถานํ วิย วินยปฺตฺติยาปิ สมุฏฺาปิกา ปฺา อนฺสาธารณตาย อติสยกิจฺจวตี, กรุณาย กิจฺจํ ปน ตโตปิ อธิกนฺติ วินยเทสนาย กรุณาปฺปธานตา วุตฺตา. กรุณาพฺยาปาราธิกตาย หิ เทสนาย กรุณาปธานตา, อภิธมฺมเทสนา ปน เกวลปฺาปฺปธานา ปรมตฺถธมฺมานํ ยถาสภาวปฏิเวธสมตฺถาย ปฺาย ตตฺถ สาติสยปฺปวตฺติโต. สุตฺตนฺตเทสนา ปน กรุณาปฺาปฺปธานา เตสํ เตสํ สตฺตานํ อาสยานุสยาธิมุตฺติจริตาทิเภทปริจฺฉินฺทนสมตฺถาย ปฺาย สตฺเตสุ จ มหากรุณาย ตตฺถ สาติสยปฺปวตฺติโต. สุตฺตนฺตเทสนาย หิ มหากรุณาย สมาปตฺติพหุโล วิเนยฺยสนฺตาเน ตทชฺฌาสยานุโลเมน ¶ คมฺภีรมตฺถปทํ ปติฏฺเปสิ. ตสฺมา อารมฺภานุรูปํ กรุณาปฺาปฺปธานเมว โถมนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ, อยเมตฺถ สมุทายตฺโถ.
อยํ ¶ ปน อวยวตฺโถ – กิรตีติ กรุณา, ปรทุกฺขํ วิกฺขิปติ ปจฺจยเวกลฺลกรเณน อปเนตีติ อตฺโถ. ทุกฺขิเตสุ วา กิริยติ ปสาริยตีติ กรุณา. อถ วา กิณาตีติ กรุณา, ปรทุกฺเข สติ การุณิกํ หึสติ วิพาธติ, ปรทุกฺขํ วา วินาเสตีติ อตฺโถ. ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ กมฺปนํ หทยเขทํ กโรตีติ วา กรุณา. อถ วา กมิติ สุขํ, ตํ รุนฺธตีติ กรุณา. เอสา หิ ปรทุกฺขาปนยนกามตาลกฺขณา อตฺตสุขนิรเปกฺขตาย การุณิกานํ สุขํ รุนฺธติ วิพนฺธตีติ, สพฺพตฺถ สทฺทสตฺถานุสาเรน ปทนิปฺผตฺติ เวทิตพฺพา. อุณฺหาภิตตฺเตหิ เสวียตีติ สีตํ, อุณฺหาภิสมนํ. ตํ ลาติ คณฺหาตีติ สีตลํ, ‘‘จิตฺตํ วา เต ขิปิสฺสามิ, หทยํ วา เต ผาเลสฺสามี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. อาฬวกสุตฺต) เอตฺถ อุโร ‘‘หทย’’นฺติ วุตฺตํ, ‘‘วกฺกํ หทย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๑๐; ๒.๑๑๔; ๓.๑๕๔) เอตฺถ หทยวตฺถุ, ‘‘หทยา หทยํ มฺเ อฺาย ตจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๓) เอตฺถ จิตฺตํ, อิธาปิ จิตฺตเมว อพฺภนฺตรฏฺเน หทยํ. อตฺตโน สภาวํ วา หรตีติ หทยํ, ร-การสฺส ท-การํ กตฺวาติ เนรุตฺติกา. กรุณาย สีตลํ หทยมสฺสาติ กรุณาสีตลหทโย, ตํ กรุณาสีตลหทยํ.
กามฺเจตฺถ ปเรสํ หิโตปสํหารสุขาทิอปริหานิชฺฌานสภาวตาย, พฺยาปาทาทีนํ อุชุวิปจฺจนีกตาย จ สตฺตสนฺตานคตสนฺตาปวิจฺเฉทนาการปฺปวตฺติยา เมตฺตามุทิตานมฺปิ จิตฺตสีตลภาวการณตา อุปลพฺภติ, ตถาปิ ปรทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติยา ปรูปตาปาสหนรสา อวิหึสาภูตา กรุณาว วิเสเสน ภควโต จิตฺตสฺส จิตฺตปสฺสทฺธิ วิย สีติภาวนิมิตฺตนฺติ ตสฺสาเยว จิตฺตสีตลภาวการณตา วุตฺตา. กรุณามุเขน วา เมตฺตามุทิตานมฺปิ หทยสีตลภาวการณตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ สพฺพตฺถ นิรวเสสตฺโถ อุปทิสียติ, ปธานสหจรณาวินาภาวาทินเยหิปิ ยถาลพฺภมานํ คยฺหมานตฺตา. อปิเจตฺถ ตํสมฺปยุตฺตาณสฺส ฉอสาธารณาณปริยาปนฺนตาย อสาธารณาณวิเสสนิพนฺธนภูตา สาติสยํ, นิรวเสสฺจ สพฺพฺุตฺาณํ ¶ วิย สวิสยพฺยาปิตาย มหากรุณาภาวมุปคตา อนฺสาธารณสาติสยภาวปฺปตฺตา กรุณาว หทยสีตลตฺตเหตุภาเวน วุตฺตา. อถ วา สติปิ เมตฺตามุทิตานํ ปเรสํ หิโตปสํหารสุขาทิอปริหานิชฺฌานสภาวตาย สาติสเย หทยสีตลภาวนิพนฺธนตฺเต สกลพุทฺธคุณวิเสสการณตาย ตาสมฺปิ การณนฺติ กรุณาย เอว หทยสีตลภาวการณตา วุตฺตา. กรุณานิทานา หิ สพฺเพปิ พุทฺธคุณา. กรุณานุภาวนิพฺพาปิยมานสํสารทุกฺขสนฺตาปสฺส หิ ภควโต ปรทุกฺขาปนยนกามตาย อเนกานิปิ กปฺปานมสงฺขฺเยยฺยานิ อกิลนฺตรูปสฺเสว นิรวเสสพุทฺธกรธมฺมสมฺภรณนิรตสฺส สมธิคตธมฺมาธิปเตยฺยสฺส จ สนฺนิหิเตสุปิ สตฺตสงฺฆาตสมุปนีตหทยูปตาปนิมิตฺเตสุ น อีสกมฺปิ ¶ จิตฺตสีติภาวสฺส อฺถตฺตมโหสีติ. ตีสุ เจตฺถ วิกปฺเปสุ ปเม วิกปฺเป อวิเสสภูตา พุทฺธภูมิคตา, ทุติเย ตเถว มหากรุณาภาวูปคตา, ตติเย ปมาภินีหารโต ปฏฺาย ตีสุปิ อวตฺถาสุ ปวตฺตา ภควโต กรุณา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ.
ปชานาตีติ ปฺา, ยถาสภาวํ ปกาเรหิ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ. ปฺเปตีติ วา ปฺา, ตํ ตทตฺถํ ปากฏํ กโรตีติ อตฺโถ. สาเยว เยฺยาวรณปฺปหานโต ปกาเรหิ ธมฺมสภาวโชตนฏฺเน ปชฺโชโตติ ปฺาปชฺโชโต. ปฺวโต หิ เอกปลฺลงฺเกนปิ นิสินฺนสฺส ทสสหสฺสิโลกธาตุ เอกปชฺโชตา โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘จตฺตาโรเม ภิกฺขเว, ปชฺโชตา. กตเม จตฺตาโร? จนฺทปชฺโชโต, สูริยปชฺโชโต, อคฺคิปชฺโชโต, ปฺาปชฺโชโต, อิเม โข ภิกฺขเว, จตฺตาโร ปชฺโชตา. เอตทคฺคํ ภิกฺขเว, อิเมสํ จตุนฺนํ ปชฺโชตานํ ยทิทํ ปฺาปชฺโชโต’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๔๕). เตน วิหโต วิเสเสน สมุคฺฆาฏิโตติ ปฺาปชฺโชตวิหโต, วิเสสตา เจตฺถ อุปริ อาวิ ภวิสฺสติ. มุยฺหนฺติ เตน, สยํ วา มุยฺหติ, มุยฺหนมตฺตเมว วา ตนฺติ โมโห, อวิชฺชา. สฺเวว วิสยสภาวปฏิจฺฉาทนโต อนฺธการสริกฺขตาย ตโม วิยาติ โมหตโม. สติปิ ตมสทฺทสฺส สทิสกปฺปนมนฺตเรน อวิชฺชาวาจกตฺเต โมหสทฺทสนฺนิธาเนน ตพฺพิเสสกตาเวตฺถ ยุตฺตาติ สทิสกปฺปนา. ปฺาปชฺโชตวิหโต โมหตโม ¶ ยสฺสาติ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตโม, ตํ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ.
นนุ จ สพฺเพสมฺปิ ขีณาสวานํ ปฺาปชฺโชเตน อวิชฺชนฺธการหตตา สมฺภวติ, อถ กสฺมา อฺสาธารณาวิเสสคุเณน ภควโต โถมนา วุตฺตาติ? สวาสนปฺปหาเนน อนฺสาธารณวิเสสตาสมฺภวโต. สพฺเพสมฺปิ หิ ขีณาสวานํ ปฺาปชฺโชตหตาวิชฺชนฺธการตฺเตปิ สติ สทฺธาธิมุตฺเตหิ วิย ทิฏฺิปฺปตฺตานํ สาวกปจฺเจกพุทฺเธหิ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ สวาสนปฺปหาเนน กิเลสปฺปหานสฺส วิเสโส วิชฺชเตวาติ. อถ วา ปโรปเทสมนฺตเรน อตฺตโน สนฺตาเน อจฺจนฺตํ อวิชฺชนฺธการวิคมสฺส นิปฺผาทิตตฺตา (นิพฺพตฺติตตฺตา ม. นิ. ฏี. ๑.๑), ตตฺถ จ สพฺพฺุตาย พเลสุ จ วสีภาวสฺส สมธิคตตฺตา, ปรสนฺตติยฺจ ธมฺมเทสนาติสยานุภาเวน สมฺมเทว ตสฺส ปวตฺติตตฺตา, ภควาเยว วิเสสโต ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมภาเวน โถเมตพฺโพติ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป ปฺาปชฺโชตปเทน สสนฺตานคตโมหวิธมนา ปฏิเวธปฺา เจว ปรสนฺตานคตโมหวิธมนา เทสนาปฺา จ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา สงฺคหิตา. น ตุ ปุริมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป วิย ปฏิเวธปฺาเยวาติ เวทิตพฺพํ.
อปโร ¶ นโย – ภควโต าณสฺส เยฺยปริยนฺติกตฺตา สกลเยฺยธมฺมสภาวาวโพธนสมตฺเถน อนาวรณาณสงฺขาเตน ปฺาปชฺโชเตน สกลเยฺยธมฺมสภาวจฺฉาทกโมหตมสฺส วิหตตฺตา อนาวรณาณภูเตน อนฺสาธารณปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมภาเวน ภควโต โถมนา เวทิตพฺพา. อิมสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป โมหตมวิธมนนฺเต อธิคตตฺตา อนาวรณาณํ การณูปจาเรน สกสนฺตาเน โมหตมวิธมนนฺติ เวทิตพฺพํ. อภินีหารสมฺปตฺติยา สวาสนปฺปหานเมว หิ กิเลสานํ เยฺยาวรณปฺปหานนฺติ, ปรสนฺตาเน ปน โมหตมวิธมนสฺส การณภาวโต ผลูปจาเรน อนาวรณาณเมว โมหตมวิธมนนฺติ วุจฺจติ. อนาวรณาณนฺติ จ สพฺพฺุตฺาณเมว, เยน ธมฺมเทสนาปจฺจเวกฺขณานิ กโรติ. ตทิทฺหิ าณทฺวยํ อตฺถโต เอกเมว. อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมารมฺมณตาย สพฺพฺุตฺาณํ ¶ ตตฺถาวรณาภาวโต นิสฺสงฺคจารมุปาทาย อนาวรณาณนฺติ, วิสยปฺปวตฺติมุเขน ปน อฺเหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ ทฺวิธา กตฺวา ฉฬาสาธารณาณเภเท วุตฺตํ.
กึ ปเนตฺถ การณํ อวิชฺชาสมุคฺฆาโตเยเวโก ปหานสมฺปตฺติวเสน ภควโต โถมนาย คยฺหติ, น ปน สาติสยํ นิรวเสสกิเลสปฺปหานนฺติ? วุจฺจเต – ตปฺปหานวจเนเนว หิ ตเทกฏฺตาย สกลสํกิเลสสมุคฺฆาตสฺส โชติตภาวโต นิรวเสสกิเลสปฺปหานเมตฺถ คยฺหติ. น หิ โส สํกิเลโส อตฺถิ, โย นิรวเสสาวิชฺชาสมุคฺฆาตเนน น ปหียตีติ. อถ วา สกลกุสลธมฺมุปฺปตฺติยา, สํสารนิวตฺติยา จ วิชฺชา วิย นิรวเสสากุสลธมฺมุปฺปตฺติยา, สํสารปฺปวตฺติยา จ อวิชฺชาเยว ปธานการณนฺติ ตพฺพิฆาตวจเนเนว สกลสํกิเลสสมุคฺฆาตวจนสิทฺธิโต โสเยเวโก คยฺหตีติ. อถ วา สกลสํกิเลสธมฺมานํ มุทฺธภูตตฺตา อวิชฺชาย ตํ สมุคฺฆาโตเยเวโก คยฺหติ. ยถาห –
‘‘อวิชฺชา มุทฺธาติ ชานาหิ, วิชฺชา มุทฺธาธิปาตินี;
สทฺธาสติสมาธีหิ, ฉนฺทวีริเยน สํยุตา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๓๒; จูฬ. นิ. ๕๑);
สนรามรโลกครุนฺติ เอตฺถ ปน ปมปกติยา อวิภาเคน สตฺโตปิ นโรติ วุจฺจติ, อิธ ปน ทุติยปกติยา มนุชปุริโสเยว, อิตรถา โลกสทฺทสฺส อวตฺตพฺพตา สิยา. ‘‘ยถา หิ ปมปกติภูโต สตฺโต อิตราย ปกติยา เสฏฺฏฺเน ปุเร อุจฺจฏฺาเน เสติ ปวตฺตตีติ ปุริโสติ วุจฺจติ, เอวํ เชฏฺภาวํ เนตีติ นโรติ. ปุตฺตภาตุภูโตปิ หิ ปุคฺคโล มาตุเชฏฺภคินีนํ ปิตุฏฺาเน ¶ ติฏฺติ, ปเคว ภตฺตุภูโต อิตราส’’นฺติ (วิ. อฏฺ. ๔๓-๔๖) นาวาวิมานวณฺณนายํ วุตฺตํ. เอกเสสปฺปกปฺปเนน ปุถุวจนนฺตวิคฺคเหน วา นรา, มรณํ มโร, โส นตฺถิ เยสนฺติ อมรา, สห นเรหิ, อมเรหิ จาติ สนรามโร.ครติ อุคฺคจฺฉติ อุคฺคโต ปากโฏ ภวตีติ ครุ, ครสทฺโท หิ อุคฺคเม. อปิจ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ภาริยฏฺเน ‘‘ครู’’ติ วุจฺจติ.
มาตาปิตาจริเยสุ ¶ , ทุชฺชเร อลหุมฺหิ จ;
มหนฺเต จุคฺคเต เจว, นิเฉกาทิกเรสุ จ;
ตถา วณฺณวิเสเสสุ, ครุสทฺโท ปวตฺตติ.
อิธ ปน สพฺพโลกาจริเย ตถาคเต. เกจิ ปน ‘‘ครุ, คุรูติ จ ทฺวิธา คเหตฺวา ภาริยวาจกตฺเต ครุสทฺโท, อาจริยวาจกตฺเต ตุ คุรุสทฺโท’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ปาฬิวิสเย หิ สพฺเพสมฺปิ ยถาวุตฺตานมตฺถานํ วาจกตฺเต ครุสทฺโทเยวิจฺฉิตพฺโพ อการสฺส อาการภาเวน ‘‘คารว’’นฺติ ตทฺธิตนฺตปทสฺส สวุทฺธิกสฺส ทสฺสนโต. สกฺกตภาสาวิสเย ปน คุรุสทฺโทเยวิจฺฉิตพฺโพ อุการสฺส วุทฺธิภาเวน อฺถา ตทฺธิตนฺตปทสฺส ทสฺสนโตติ. สนรามโร จ โส โลโก จาติ สนรามรโลโก, ตสฺส ครูติ ตถา, ตํ สนรามรโลกครุํ.‘‘สนรมรูโลกครุ’’นฺติปิ ปนฺติ, ตทปิ อริยาคาถตฺตา วุตฺติลกฺขณโต, อตฺถโต จ ยุตฺตเมว. อตฺถโต หิ ทีฆายุกาปิ สมานา ยถาปริจฺเฉทํ มรณสภาวตฺตา มรูติ เทวา วุจฺจนฺติ. เอเตน เทวมนุสฺสานํ วิย ตทวสิฏฺสตฺตานมฺปิ ยถารหํ คุณวิเสสาวหตาย ภควโต อุปการกตํ ทสฺเสติ. นนุ เจตฺถ เทวมนุสฺสา ปธานภูตา, อถ กสฺมา เตสํ อปฺปธานตา นิทฺทิสียตีติ? อตฺถโต ปธานตาย คเหตพฺพตฺตา. อฺโ หิ สทฺทกฺกโม, อฺโ อตฺถกฺกโมติ สทฺทกฺกมานุสาเรน ปธานาปธานภาโว น โจเทตพฺโพ. เอทิเสสุ หิ สมาสปเทสุ ปธานมฺปิ อปฺปธานํ วิย นิทฺทิสียติ ยถา ตํ ‘‘สราชิกาย ปริสายา’’ติ, ตสฺมา สพฺพตฺถ อตฺถโตว อธิปฺปาโย คเวสิตพฺโพ, น พฺยฺชนมตฺเตน. ยถาหุ โปราณา –
‘‘อตฺถฺหิ นาโถ สรณํ อโวจ,
น พฺยฺชนํ โลกหิโต มเหสิ.
ตสฺมา อกตฺวา รติมกฺขเรสุ,
อตฺเถ นิเวเสยฺย มตึ มติมา’’ติ. (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกกณฺฑวณฺณนา);
กามฺเจตฺถ ¶ สตฺตสงฺขารภาชนวเสน ติวิโธ โลโก, ครุภาวสฺส ปน อธิปฺเปตตฺตา ครุกรณสมตฺถสฺเสว ยุชฺชนโต สตฺตโลกวเสน อตฺโถ คเหตพฺโพ. โส หิ โลกียนฺติ เอตฺถ ปฺุาปฺุานิ ¶ , ตพฺพิปาโก จาติ โลโก, ทสฺสนตฺเถ จ โลกสทฺทมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. อมรคฺคหเณน เจตฺถ อุปปตฺติเทวา อธิปฺเปตา. อปโร นโย – สมูหตฺโถ เอตฺถ โลกสทฺโท สมุทายวเสน โลกียติ ปฺาปียตีติ กตฺวา. สห นเรหีติ สนรา, เตเยว อมราติ สนรามรา, เตสํ โลโก ตถา, ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ. อมรสทฺเทน เจตฺถ อุปปตฺติเทวา วิย วิสุทฺธิเทวาปิ สงฺคยฺหนฺติ. เตปิ หิ ปรมตฺถโต มรณาภาวโต อมรา. อิมสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป นรามรานเมว คหณํ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๕๗, ๒๕๕). ตถา หิ สพฺพานตฺถปริหานปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา, สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตมุปการิตาย อปริมิตนิรุปมปฺปภาวคุณสมงฺคิตาย จ สพฺพสตฺตุตฺตโม ภควา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อุตฺตมมนฺสาธารณํ คารวฏฺานนฺติ. กามฺจ อิตฺถีนมฺปิ ตถาอุปการตฺตา ภควา ครุเยว, ปธานภูตํ ปน โลกํ ทสฺเสตุํ ปุริสลิงฺเคน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เนรุตฺติกา ปน อวิเสสนิจฺฉิตฏฺาเน ตถา นิทฺทิฏฺมิจฺฉนฺติ ยถา ‘‘นรา นาคา จ คนฺธพฺพา, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุ’’นฺติ (อป. ๑.๑.๔๘). ตถา จาหุ –
‘‘นปุํสเกน ลิงฺเคน, สทฺโททาหุ ปุเมน วา;
นิทฺทิสฺสตีติ าตพฺพมวิเสสวินิจฺฉิเต’’ติ.
วนฺเทติ เอตฺถ ปน –
วตฺตมานาย ปฺจมฺยํ, สตฺตมฺยฺจ วิภตฺติยํ;
เอเตสุ ตีสุ าเนสุ, วนฺเทสทฺโท ปวตฺตติ.
อิธ ปน วตฺตมานายํ อฺาสมสมฺภวโต. ตตฺถ จ อุตฺตมปุริสวเสนตฺโถ คเหตพฺโพ ‘‘อหํ วนฺทามี’’ติ. นมนถุติยตฺเถสุ จ วนฺทสทฺทมิจฺฉนฺติ อาจริยา, เตน จ สุคตปทํ, นาถปทํ วา อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. โสภนํ คตํ คมนํ เอตสฺสาติ สุคโต. คมนฺเจตฺถ กายคมนํ, าณคมนฺจ, กายคมนมฺปิ วิเนยฺยชโนปสงฺกมนํ, ปกติคมนฺจาติ ทุพฺพิธํ. ภควโต หิ วิเนยฺยชโนปสงฺกมนํ เอกนฺเตน เตสํ หิตสุขนิปฺผาทนโต ¶ โสภนํ, ตถา ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ทุตวิลมฺพิตขลิตานุกฑฺฒนนิปฺปีฬนุกฺกุฏิก-กุฏิลากุลตาทิโทสรหิต- มวหสิตราชหํส- ¶ วสภวารณมิคราชคมนํ ปกติคมนฺจ, วิมลวิปุลกรุณาสติวีริยาทิคุณวิเสสสหิตมฺปิ าณคมนํ อภินีหารโต ปฏฺาย ยาว มหาโพธิ, ตาว นิรวชฺชตาย โสภนเมวาติ. อถ วา ‘‘สยมฺภูาเณน สกลมฺปิ โลกํ ปริฺาภิสมยวเสน ปริชานนฺโต สมฺมา คโต อวคโตติ สุคโต. โย หิ คตฺยตฺโถ, โส พุทฺธยตฺโถ. โย จ พุทฺธยตฺโถ, โส คตฺยตฺโถติ. ตถา โลกสมุทยํ ปหานาภิสมยวเสน ปชหนฺโต อนุปฺปตฺติธมฺมตมาปาเทนฺโต สมฺมา คโต อตีโตติ สุคโต. โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน สมฺมา คโต อธิคโตติ สุคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ภาวนาภิสมยวเสน สมฺมา คโต ปฏิปนฺโนติ สุคโต, อยฺจตฺโถ ‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตี’ติ (มหานิ. ๓๘; จูฬนิ. ๒๗) สุคโตติอาทินา นิทฺเทสนเยน วิภาเวตพฺโพ.
อปโร นโย – สุนฺทรํ สมฺมาสมฺโพธึ, นิพฺพานเมว วา คโต อธิคโตติ สุคโต. ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ ยถารหํ กาลยุตฺตเมว วาจํ วิเนยฺยานํ สมฺมา คทตีติ วา สุคโต, ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา, ตํ สุคตํ. ปฺุาปฺุกมฺเมหิ อุปปชฺชนวเสน คนฺตพฺพาติ คติโย, อุปปตฺติภววิเสสา. ตา ปน นิรยาทิเภเทน ปฺจวิธา, สกลสฺสาปิ ภวคามิกมฺมสฺส อริยมคฺคาธิคเมน อวิปาการหภาวกรเณน นิวตฺติตตฺตา ปฺจหิปิ ตาหิ วิสํยุตฺโต หุตฺวา มุตฺโตติ คติวิมุตฺโต. อุทฺธมุทฺธภวคามิโน หิ เทวา ตํตํกมฺมวิปากทานกาลานุรูเปน ตโต ตโต ภวโต มุตฺตาปิ มุตฺตมตฺตาว, น ปน วิสฺโควเสน มุตฺตา, คติปริยาปนฺนา จ ตํตํภวคามิกมฺมสฺส อริยมคฺเคน อนิวตฺติตตฺตา, น ตถา ภควา. ภควา ปน ยถาวุตฺตปฺปกาเรน วิสํยุตฺโต หุตฺวา มุตฺโตติ. ตสฺมา อเนน ภควโต กตฺถจิปิ คติยา อปริยาปนฺนตํ ทสฺเสติ. ยโต จ ภควา ‘‘เทวาติเทโว’’ติ วุจฺจติ. เตเนวาห –
‘‘เยน ¶ เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;
ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;
เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖);
ตํตํคติสํวตฺตนกานฺหิ กมฺมกิเลสานํ มหาโพธิมูเลเยว อคฺคมคฺเคน ปหีนตฺตา นตฺถิ ภควโต ตํตํคติปริยาปนฺนตาติ อจฺจนฺตเมว ภควา สพฺพภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสสตฺตนิกาเยหิ ปริมุตฺโตติ. อถ วา กามํ สอุปาทิเสสายปิ นิพฺพานธาตุยา ตาหิ คตีหิ ¶ วิมุตฺโต, เอสา ปน ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอตฺเถวนฺโตคธาติ อิมินา ปเทน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยาว โถเมตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอตฺถ ปน อตฺตหิตสมฺปตฺติปรหิตปฏิปตฺติวเสน ทฺวีหากาเรหิ ภควโต โถมนา กตา โหติ. เตสุ อนาวรณาณาธิคโม, สห วาสนาย กิเลสานมจฺจนฺตปฺปหานํ, อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติ จ อตฺตหิตสมฺปตฺติ นาม, ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส ปน สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกธมฺมเทสนาปโยคโต เทวทตฺตาทีสุปิ วิรุทฺธสตฺเตสุ นิจฺจํ หิตชฺฌาสยตา, วินีตพฺพสตฺตานํ าณปริปากกาลาคมนฺจ อาสยโต ปรหิตปฏิปตฺติ นาม. สา ปน อาสยปโยคโต ทุวิธา, ปรหิตปฏิปตฺติ ติวิธา จ อตฺตหิตสมฺปตฺติ อิมาย คาถาย ยถารหํ ปกาสิตา โหติ. ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ หิ เอเตน อาสยโต ปรหิตปฏิปตฺติ, สมฺมา คทนตฺเถน สุคตสทฺเทน ปโยคโต ปรหิตปฏิปตฺติ. ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ คติวิมุตฺต’’นฺติ เอเตหิ, จตุสจฺจปฏิเวธตฺเถน จ สุคตสทฺเทน ติวิธาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติ, อวสิฏฺฏฺเน ปน เตน, ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติ จ เอเตน สพฺพาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติ, ปรหิตปฏิปตฺติ จ ปกาสิตา โหติ.
อถ วา เหตุผลสตฺตูปการวเสน ตีหากาเรหิ โถมนา กตา. ตตฺถ เหตุ นาม มหากรุณาสมาโยโค, โพธิสมฺภารสมฺภรณฺจ, ตทุภยมฺปิ ปมปเทน ยถารุตโต, สามตฺถิยโต จ ปกาสิตํ. ผลํ ปน าณปฺปหานอานุภาวรูปกายสมฺปทาวเสน จตุพฺพิธํ ¶ . ตตฺถ สพฺพฺุตาณปทฏฺานํ มคฺคาณํ, ตมฺมูลกานิ จ ทสพลาทิาณานิ าณสมฺปทา, สวาสนสกลสํกิเลสานมจฺจนฺตมนุปฺปาทธมฺมตาปาทนํ ปหานสมฺปทา, ยถิจฺฉิตนิปฺผาทเน อาธิปจฺจํ อานุภาวสมฺปทา, สกลโลกนยนาภิเสกภูตา ปน ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตา อตฺตภาวสมฺปตฺติ รูปกายสมฺปทา. ตาสุ าณปฺปหานสมฺปทา ทุติยปเทน, สจฺจปฏิเวธตฺเถน จ สุคตสทฺเทน ปกาสิตา, อานุภาวสมฺปทา ตติยปเทน, รูปกายสมฺปทา โสภนกายคมนตฺเถน สุคตสทฺเทน ลกฺขณานุพฺยฺชนปาริปูริยา วินา ตทภาวโต. ยถาวุตฺตา ทุวิธาปิ ปรหิตปฏิปตฺติ สตฺตูปการสมฺปทา, สา ปน สมฺมา คทนตฺเถน สุคตสทฺเทน ปกาสิตาติ เวทิตพฺพา.
อปิจ อิมาย คาถาย สมฺมาสมฺโพธิ ตมฺมูล – ตปฺปฏิปตฺติยาทโย อเนเก พุทฺธคุณา อาจริเยน ปกาสิตา โหนฺติ. เอสา หิ อาจริยานํ ปกติ, ยทิทํ เยน เกนจิ ปกาเรน อตฺถนฺตรวิฺาปนํ. กถํ? ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ หิ เอเตน สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ ทสฺเสติ ¶ . มหากรุณาสฺโจทิตมานโส หิ ภควา สํสารปงฺกโต สตฺตานํ สมุทฺธรณตฺถํ กตาภินีหาโร อนุปุพฺเพน ปารมิโย ปูเรตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธิมธิคโตติ กรุณา สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ. ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอเตน สมฺมาสมฺโพธึ ทสฺเสติ. สพฺพฺุตาณปทฏฺานฺหิ อคฺคมคฺคาณํ, อคฺคมคฺคาณปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ ‘‘สมฺมาสมฺโพธี’’ติ วุจฺจติ. สมฺมา คมนตฺเถน สุคตสทฺเทน สมฺมาสมฺโพธิยา ปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยคสสฺสตุจฺเฉทาภินิเวสาทิอนฺตทฺวยรหิตาย กรุณาปฺาปริคฺคหิตาย มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา ปกาสนโต, อิตเรหิ สมฺมาสมฺโพธิยา ปธานาปฺปธานปฺปเภทํ ปโยชนํ ทสฺเสติ. สํสารมโหฆโต สตฺตสนฺตารณฺเหตฺถ ปธานํ, ตทฺมปฺปธานํ. เตสุ จ ปธาเนน ปโยชเนน ปรหิตปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ, อิตเรน อตฺตหิตสมฺปตฺตึ, ตทุภเยน จ อตฺตหิตปฏิปนฺนาทีสุ จตูสุ ปุคฺคเลสุ ภควโต จตุตฺถปุคฺคลภาวํ ปกาเสติ. เตน จ อนุตฺตรํ ทกฺขิเณยฺยภาวํ, อุตฺตมฺจ วนฺทนียภาวํ, อตฺตโน จ วนฺทนาย เขตฺตงฺคตภาวํ วิภาเวติ.
อปิจ กรุณาคฺคหเณน โลกิเยสุ มหคฺคตภาวปฺปตฺตาสาธารณคุณทีปนโต สพฺพโลกิยคุณสมฺปตฺติ ทสฺสิตา, ปฺาคฺคหเณน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานมคฺคาณทีปนโต ¶ สพฺพโลกุตฺตรคุณสมฺปตฺติ. ตทุภยคฺคหณสิทฺโธ หิ อตฺโถ ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติอาทินา วิปฺจียตีติ. กรุณาคฺคหเณน จ นิรุปกฺกิเลสมุปคมนํ ทสฺเสติ, ปฺาคฺคหเณน อปคมนํ. ตถา กรุณาคฺคหเณน โลกสมฺานุรูปํ ภควโต ปวตฺตึ ทสฺเสติ โลกโวหารวิสยตฺตา กรุณาย, ปฺาคฺคหเณน โลกสมฺาย อนติธาวนํ. สภาวานวโพเธน หิ ธมฺมานํ สภาวํ อติธาวิตฺวา สตฺตาทิปรามสนํ โหติ. ตถา กรุณาคฺคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติวิหารํ ทสฺเสติ, ปฺาคฺคหเณน ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณํ, จตุสจฺจาณํ, จตุปฏิสมฺภิทาาณํ, จตุเวสารชฺชาณํ, กรุณาคฺคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติาณสฺส คหิตตฺตา เสสาสาธารณาณานิ, ฉ อภิฺา, อฏฺสุ ปริสาสุ อกมฺปนาณานิ, ทส พลานิ, จุทฺทส พุทฺธคุณา, โสฬส าณจริยา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, จตุจตฺตารีส าณวตฺถูนิ, สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนีติ เอวมาทีนํ อเนเกสํ ปฺาปเภทานํ วเสน าณจารํ ทสฺเสติ. ตถา กรุณาคฺคหเณน จรณสมฺปตฺตึ, ปฺาคฺคหเณน วิชฺชาสมฺปตฺตึ. กรุณาคฺคหเณน อตฺตาธิปติตา, ปฺาคฺคหเณน ธมฺมาธิปติตา. กรุณาคฺคหเณน โลกนาถภาโว, ปฺาคฺคหเณน อตฺตนาถภาโว. ตถา กรุณาคฺคหเณน ปุพฺพการีภาโว, ปฺาคฺคหเณน กตฺุตา. กรุณาคฺคหเณน อปรนฺตปตา, ปฺาคฺคหเณน อนตฺตนฺตปตา. กรุณาคฺคหเณน วา พุทฺธกรธมฺมสิทฺธิ, ปฺาคฺคหเณน พุทฺธภาวสิทฺธิ. ตถา กรุณาคฺคหเณน ปรสนฺตารณํ, ปฺาคฺคหเณน ¶ อตฺตสนฺตารณํ. ตถา กรุณาคฺคหเณน สพฺพสตฺเตสุ อนุคฺคหจิตฺตตา, ปฺาคฺคหเณน สพฺพธมฺเมสุ วิรตฺตจิตฺตตา ทสฺสิตา โหติ สพฺเพสฺจ พุทฺธคุณานํ กรุณา อาทิ ตนฺนิทานภาวโต, ปฺา ปริโยสานํ ตโต อุตฺตริ กรณียาภาวโต. อิติ อาทิปริโยสานทสฺสเนน สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ. ตถา กรุณาคฺคหเณน สีลกฺขนฺธปุพฺพงฺคโม สมาธิกฺขนฺโธ ทสฺสิโต โหติ. กรุณานิทานฺหิ สีลํ ตโต ปาณาติปาตาทิวิรติปฺปวตฺติโต, สา จ ฌานตฺตยสมฺปโยคินีติ, ปฺาวจเนน ปฺากฺขนฺโธ. สีลฺจ สพฺพพุทฺธคุณานํ อาทิ, สมาธิ มชฺเฌ, ปฺา ปริโยสานนฺติ เอวมฺปิ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณา สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ นยโต ทสฺสิตตฺตา. เอโส เอว หิ นิรวเสสโต พุทฺธคุณานํ ทสฺสนุปาโย, ยทิทํ นยคฺคาหณํ, อฺถา โก ¶ นาม สมตฺโถ ภควโต คุเณ อนุปทํ นิรวเสสโต ทสฺเสตุํ. เตเนวาห –
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน.
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,
วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ.
เตเนว จ อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรนาปิ พุทฺธคุณปริจฺเฉทนํ ปติ ภควตา อนุยุตฺเตน ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อปิ จ เม ภนฺเต ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ สมฺปสาทนียสุตฺเต วุตฺตํ.
เอวํ สงฺเขเปน สกลสพฺพฺุคุเณหิ ภควโต โถมนาปุพฺพงฺคมํ ปณามํ กตฺวา อิทานิ สทฺธมฺมสฺสาปิ โถมนาปุพฺพงฺคมํ ปณามํ กโรนฺโต ‘‘พุทฺโธปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถายํ สห ปทสมฺพนฺเธน สงฺเขปตฺโถ – ยถาวุตฺตวิวิธคุณคณสมนฺนาคโต พุทฺโธปิ ยํ อริยมคฺคสงฺขาตํ ธมฺมํ, สห ปุพฺพภาคปฏิปตฺติธมฺเมน วา อริยมคฺคภูตํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา เจว ยํ ผลนิพฺพานสงฺขาตํ ธมฺมํ, ปริยตฺติธมฺมปฏิปตฺติธมฺเมหิ วา สห ผลนิพฺพานภูตํ ธมฺมํ สจฺฉิกตฺวา จ สมฺมาสมฺโพธิสงฺขาตํ พุทฺธภาวมุปคโต, วีตมลมนุตฺตรํ ตํ ธมฺมมฺปิ วนฺเทติ.
ตตฺถ พุทฺธสทฺทสฺส ตาว ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ. โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา นิทฺเทสนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา อคฺคมคฺคาณาธิคเมน สวาสนาย สมฺโมหนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคมนโต, อปริมิตคุณคณาลงฺกตสพฺพฺุตฺาณปฺปตฺติยา วิกสิตภาวโต ¶ จ พุทฺธวาติ พุทฺโธ ชาครณวิกสนตฺถวเสน. อถ วา กสฺสจิปิ เยฺยธมฺมสฺส อนวพุทฺธสฺส อภาเวน เยฺยวิเสสสฺส กมฺมภาวาคหณโต กมฺมวจนิจฺฉายาภาเวน อวคมนตฺถวเสน กตฺตุนิทฺเทโสว ลพฺภติ, ตสฺมา พุทฺธวาติ พุทฺโธติปิ วตฺตพฺโพ. ปเทสคฺคหเณ หิ อสติ คเหตพฺพสฺส นิปฺปเทสตาว วิฺายติ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. เอวฺจ กตฺวา กมฺมวิเสสานเปกฺขา กตฺตริ เอว พุทฺธสทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา, อตฺถโต ¶ ปน ปารมิตาปริภาวิโต สยมฺภุาเณน สห วาสนาย วิหตวิทฺธสฺตนิรวเสสกิเลโสมหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริเมยฺยคุณคณาธาโร ขนฺธสนฺตาโน พุทฺโธ, ยถาห –
‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต, พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ๙๗; ปฏิ. ม. ๑๖๑).
อปิสทฺโท สมฺภาวเน, เตน เอวํ คุณวิเสสยุตฺโต โสปิ นาม ภควา อีทิสํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา, สจฺฉิกตฺวา จ พุทฺธภาวมุปคโต, กา นาม กถา อฺเสํ สาวกาทิภาวมุปคมเนติ ธมฺเม สมฺภาวนํ ทีเปติ. พุทฺธภาวนฺติ สมฺมาสมฺโพธึ. เยน หิ นิมิตฺตภูเตน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺาเนน อคฺคมคฺคาเณน, อคฺคมคฺคาณปทฏฺาเนน จ สพฺพฺุตฺาเณน ภควติ ‘‘พุทฺโธ’’ติ นามํ, ตทารมฺมณฺจ าณํ ปวตฺตติ, ตเมวิธ ‘‘ภาโว’’ติ วุจฺจติ. ภวนฺติ พุทฺธิสทฺทา เอเตนาติ หิ ภาโว. ตถา หิ วทนฺติ –
‘‘เยน เยน นิมิตฺเตน, พุทฺธิ สทฺโท จ วตฺตเต;
ตํตํนิมิตฺตกํ ภาวปจฺจเยหิ อุทีริต’’นฺติ.
ภาเวตฺวาติ อุปฺปาเทตฺวา, วฑฺเฒตฺวา วา. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา. เจว-สทฺโท จ-สทฺโท จ ตทุภยตฺถ สมุจฺจเย. เตน หิ สทฺททฺวเยน น เกวลํ ภควา ธมฺมสฺส ภาวนามตฺเตน พุทฺธภาวมุปคโต, นาปิ สจฺฉิกิริยามตฺเตน, อถ โข ตทุภเยเนวาติ สมุจฺจิโนติ. อุปคโตติ ปตฺโต, อธิคโตติ อตฺโถ. เอตสฺส ‘‘พุทฺธภาว’’นฺติ ปเทน สมฺพนฺโธ. วีตมลนฺติ เอตฺถ วิรหวเสน เอติ ปวตฺตตีติ วีโต, มลโต วีโต, วีตํ วา มลํ ยสฺสาติ วีตมโล, ตํ วีตมลํ. ‘‘คตมล’’นฺติปิ ปาโ ทิสฺสติ, เอวํ สติ สอุปสคฺโค วิย อนุปสคฺโคปิ คตสทฺโท วิรหตฺถวาจโก เวทิตพฺโพ ธาตูนมเนกตฺถตฺตา. คจฺฉติ อปคจฺฉตีติ หิ คโต, ธมฺโม ¶ . คตํ วา มลํ, ปุริมนเยน สมาโส. อนุตฺตรนฺติ อุตฺตรวิรหิตํ. ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายโต, สํสารโต จ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ ธมฺโม, นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม. ตปฺปกาสนตฺตา, สจฺฉิกิริยาสมฺมสนปริยายสฺส จ ลพฺภมานตฺตา ปริยตฺติธมฺโมปิ อิธ สงฺคหิโต ¶ . ตถา หิ ‘‘อภิธมฺมนยสมุทฺทํ อธิคจฺฉิ, ตีณิ ปิฏกานิ สมฺมสี’’ติ จ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตถา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา สจฺฉิกตฺวา’’ติ จ วุตฺตตฺตา ภาวนาสจฺฉิกิริยาโยคฺยตาย พุทฺธกรธมฺมภูตาหิ ปารมิตาหิ สห ปุพฺพภาคอธิสีลสิกฺขาทโยปิ อิธ สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพา. ตาปิ หิ วิคตปฏิปกฺขตาย วีตมลา, อนฺสาธารณตาย อนุตฺตรา จ. กถํ ปน ตา ภาเวตฺวา, สจฺฉิกตฺวา จ ภควา พุทฺธภาวมุปคโตติ? วุจฺจเต – สตฺตานฺหิ สํสารวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณาย [นิสฺสรณตฺถาย (ปณฺณาส ฏี.) นิสฺสรเณ (กตฺถจิ)] กตมหาภินีหาโร มหากรุณาธิวาสนเปสลชฺฌาสโย ปฺาวิเสสปริโยทาตนิมฺมลานํ ทานทมสฺมาทีนํ อุตฺตมธมฺมานํ กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ นิรวเสสํ ภาวนาสจฺฉิกิริยาหิ กมฺมาทีสุ อธิคตวสีภาโว อจฺฉริยาจินฺเตยฺยมหานุภาโว อธิสีลาธิจิตฺตานํ ปรมุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต ภควา ปจฺจยากาเร จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสมุเขน มหาวชิราณํ เปเสตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธิสงฺขาตํ พุทฺธภาวมุปคโตติ.
อิมาย ปน คาถาย วิชฺชาวิมุตฺติสมฺปทาทีหิ อเนเกหิ คุเณหิ ยถารหํ สทฺธมฺมํ โถเมติ. กถํ? เอตฺถ หิ ‘‘ภาเวตฺวา’’ติ เอเตน วิชฺชาสมฺปทาย โถเมติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน วิมุตฺติสมฺปทาย. ตถา ปเมน ฌานสมฺปทาย, ทุติเยน วิโมกฺขสมฺปทาย. ปเมน วา สมาธิสมฺปทาย, ทุติเยน สมาปตฺติสมฺปทาย. อถ วา ปเมน ขยาณภาเวน, ทุติเยน อนุปฺปาทาณภาเวน. ปเมน วา วิชฺชูปมตาย, ทุติเยน วชิรูปมตาย. ปเมน วา วิราคสมฺปตฺติยา, ทุติเยน นิโรธสมฺปตฺติยา. ตถา ปเมน นิยฺยานภาเวน, ทุติเยน นิสฺสรณภาเวน. ปเมน วา เหตุภาเวน, ทุติเยน อสงฺขตภาเวน. ปเมน วา ทสฺสนภาเวน, ทุติเยน วิเวกภาเวน. ปเมน วา อธิปติภาเวน, ทุติเยน อมตภาเวน ธมฺมํ โถเมติ. อถ วา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา พุทฺธภาวํ อุปคโต’’ติ เอเตน สฺวากฺขาตตาย ธมฺมํ โถเมติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน สนฺทิฏฺิกตาย. ตถา ปเมน อกาลิกตาย, ทุติเยน เอหิปสฺสิกตาย. ปเมน วา โอปเนยฺยิกตาย, ทุติเยน ปจฺจตฺตํเวทิตพฺพตาย. ปเมน วา สห ปุพฺพภาคสีลาทีหิ เสกฺเขหิ สีลสมาธิปฺากฺขนฺเธหิ ¶ , ทุติเยน สห อสงฺขตธาตุยา อเสกฺเขหิ ธมฺมํ โถเมติ.
‘‘วีตมล’’นฺติ ¶ อิมินา ปน สํกิเลสาภาวทีปเนน วิสุทฺธตาย ธมฺมํ โถเมติ, ‘‘อนุตฺตร’’นฺติ เอเตน อฺสฺส วิสิฏฺสฺส อภาวทีปเนน ปริปุณฺณตาย. ปเมน วา ปหานสมฺปทาย, ทุติเยน สภาวสมฺปทาย. ปเมน วา ภาวนาผลโยคฺยตาย. ภาวนาคุเณน หิ โส สํกิเลสมลสมุคฺฆาตโก, ตสฺมาเนน ภาวนากิริยาย ผลมาห. ทุติเยน สจฺฉิกิริยาผลโยคฺยตาย. ตทุตฺตริกรณียาภาวโต หิ อนฺสาธารณตาย อนุตฺตรภาโว สจฺฉิกิริยานิพฺพตฺติโต, ตสฺมาเนน สจฺฉิกิริยาผลมาหาติ.
เอวํ สงฺเขเปเนว สพฺพสทฺธมฺมคุเณหิ สทฺธมฺมสฺสาปิ โถมนาปุพฺพงฺคมํ ปณามํ กตฺวา อิทานิ อริยสงฺฆสฺสาปิ โถมนาปุพฺพงฺคมํ ปณามํ กโรนฺโต ‘‘สุคตสฺส โอรสาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สุคตสฺสาติ สมฺพนฺธนิทฺเทโส, ‘‘ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน สมฺพชฺฌิตพฺโพ. อุรสิ ภวา, ชาตา, สํวุทฺธา วา โอรสา, อตฺตโช เขตฺตโช อนฺเตวาสิโก ทินฺนโกติ จตุพฺพิเธสุ ปุตฺเตสุ อตฺตชา, ตํสริกฺขตาย ปน อริยปุคฺคลา ‘‘โอรสา’’ติ วุจฺจนฺติ. ยถา หิ มนุสฺสานํ โอรสปุตฺตา อตฺตชาตตาย ปิตุสนฺตกสฺส ทายชฺชสฺส วิเสสภาคิโน โหนฺติ, เอวเมเตปิ สทฺธมฺมสวนนฺเต อริยาย ชาติยา ชาตตาย ภควโต สนฺตกสฺส วิมุตฺติสุขสฺส ธมฺมรตนสฺส จ ทายชฺชสฺส วิเสสภาคิโนติ. อถ วา ภควโต ธมฺมเทสนานุภาเวน อริยภูมึ โอกฺกมมานา, โอกฺกนฺตา จ อริยสาวกา ภควโต อุเร วายามชนิตาภิชาตตาย สทิสกปฺปนมนฺตเรน นิปฺปริยาเยเนว ‘‘โอรสา’’ติ วตฺตพฺพตมรหนฺติ. ตถา หิ เต ภควตา อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิโอโลกเนน, วชฺชานุจินฺตเนน จ หทเย กตฺวา วชฺชโต นิวาเรตฺวา อนวชฺเช ปติฏฺาเปนฺเตน สีลาทิธมฺมสรีรโปสเนน สํวฑฺฒาปิตา. ยถาห ภควา อิติวุตฺตเก ‘‘อหมสฺมิ ภิกฺขเว พฺราหฺมโณ…เป… ตสฺส เม ตุมฺเห ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา’’ติอาทิ (อิติวุ. ๑๐๐). นนุ สาวกเทสิตาปิ เทสนา อริยภาวาวหาติ? สจฺจํ, สา ปน ตมฺมูลิกตฺตา, ลกฺขณาทิวิเสสาภาวโต จ ‘‘ภควโต ธมฺมเทสนา’’ ¶ อิจฺเจว สงฺขฺยํ คตา, ตสฺมา ภควโต โอรสปุตฺตภาโวเยว เตสํ วตฺตพฺโพติ, เอเตน จตุพฺพิเธสุ ปุตฺเตสุ อริยสงฺฆสฺส อตฺตชปุตฺตภาวํ ทสฺเสติ. อตฺตโน กุลํ ปุเนนฺติ โสเธนฺติ, มาตาปิตูนํ วา หทยํ ปูเรนฺตีติ ปุตฺตา, อตฺตชาทโย. อริยา ปน ธมฺมตนฺติวิโสธเนน, ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติยา จิตฺตาราธเนน จ ตปฺปฏิภาคตาย ภควโต ปุตฺตา นาม, เตสํ. ตสฺส ‘‘สมูห’’นฺติ ปเทน สมฺพนฺโธ.
สํกิเลสนิมิตฺตํ หุตฺวา คุณํ มาเรติ วิพาธตีติ มาโร, เทวปุตฺตมาโร. สินาติ ปเร พนฺธติ เอตายาติ เสนา, มารสฺส เสนา ตถา, มารฺจ มารเสนฺจ มเถนฺติ วิโลเถนฺตีติ มารเสนมถนา ¶ , เตสํ. ‘‘มารมารเสนมถนาน’’นฺติ หิ วตฺตพฺเพปิ เอกเทสสรูเปกเสสวเสน เอวํ วุตฺตํ. มารสทฺทสนฺนิธาเนน วา เสนาสทฺเทน มารเสนา คเหตพฺพา, คาถาพนฺธวเสน เจตฺถ รสฺโส. ‘‘มารเสนมทฺทนาน’’นฺติปิ กตฺถจิ ปาโ, โส อยุตฺโตว อริยาชาติกตฺตา อิมิสฺสา คาถาย. นนุ จ อริยสาวกานํ มคฺคาธิคมสมเย ภควโต วิย ตทนฺตรายกรณตฺถํ เทวปุตฺตมาโร วา มารเสนา วา น อปสาเทติ, อถ กสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ? อปสาเทตพฺพภาวการณสฺส วิมถิตตฺตา. เตสฺหิ อปสาเทตพฺพตาย การเณ สํกิเลเส วิมถิเต เตปิ วิมถิตา นาม โหนฺตีติ. อถ วา ขนฺธาภิสงฺขารมารานํ วิย เทวปุตฺตมารสฺสาปิ คุณมารเณ สหายภาวูปคมนโต กิเลสพลกาโย อิธ ‘‘มารเสนา’’ติ วุจฺจติ ยถาห ภควา –
‘‘กามา เต ปมา เสนา, ทุติยา อรติ วุจฺจติ;
ตติยา ขุปฺปิปาสา เต, จตุตฺถี ตณฺหา ปวุจฺจติ.
ปฺจมํ ถินมิทฺธํ เต, ฉฏฺา ภีรู ปวุจฺจติ;
สตฺตมี วิจิกิจฺฉา เต, มกฺโข ถมฺโภ เต อฏฺโม.
ลาโภ สิโลโก สกฺกาโร,
มิจฺฉาลทฺโธ จ โย ยโส;
โย จตฺตานํ สมุกฺกํเส,
ปเร จ อวชานติ.
เอสา ¶ นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี;
น นํ อสูโร ชินาติ, เชตฺวา จ ลภเต สุข’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๓๘; มหานิ. ๒๘; จูฬนิ. ๔๗);
สา จ เตหิ อริยสาวเกหิ ทิยฑฺฒสหสฺสเภทา, อนนฺตเภทา วา กิเลสวาหินี สติธมฺมวิจยวีริยสมถาทิคุณปหรณีหิ โอธิโส มถิตา, วิทฺธํสิตา, วิหตา จ, ตสฺมา ‘‘มารเสนมถนา’’ติ วุจฺจนฺติ. วิโลถนฺเจตฺถ วิทฺธํสนํ, วิหนนํ วา. อปิจ ขนฺธาภิสงฺขารมจฺจุเทวปุตฺตมารานํ เตสํ สหายภาวูปคมนตาย เสนาสงฺขาตสฺส กิเลสมารสฺส จ มถนโต ‘‘มารเสนมถนา’’ติปิ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เอวฺจ สติ ปฺจมารนิมฺมถนภาเวน อตฺโถ ปริปุณฺโณ โหติ. อริยสาวกาปิ หิ สมุทยปฺปหานปริฺาวเสน ขนฺธมารํ, สหายเวกลฺลกรเณน ¶ สพฺพถา, อปฺปวตฺติกรเณน จ อภิสงฺขารมารํ, พลวิธมนวิสยาติกฺกมนวเสน มจฺจุมารํ, เทวปุตฺตมารฺจ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน สพฺพโส อปฺปวตฺติกรเณน กิเลสมารํ มเถนฺตีติ, อิมินา ปน เตสํ โอรสปุตฺตภาเว การณํ, ตีสุ ปุตฺเตสุ จ อนุชาตตํ ทสฺเสติ. มารเสนมถนตาย หิ เต ภควโต โอรสปุตฺตา, อนุชาตา จาติ.
อฏฺนฺนนฺติ คณนปริจฺเฉโท, เตนสติปิ เตสํ ตํตํเภเทน อเนกสตสหสฺสสงฺขฺยาเภเท อริยภาวกรมคฺคผลธมฺมเภเทน อิมํ คณนปริจฺเฉทํ นาติวตฺตนฺติ มคฺคฏฺผลฏฺภาวานติวตฺตนโตติ ทสฺเสติ. ปิ-สทฺโท, อปิ-สทฺโท วา ปทลีฬาทินา การเณน อฏฺาเน ปยุตฺโต, โส ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ เอตฺถ โยเชตพฺโพ, เตน น เกวลํ พุทฺธธมฺเมเยว, อถ โข อริยสงฺฆมฺปีติ สมฺปิณฺเฑติ. ยทิปิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม โกจิ นตฺถิ อวยวํ อุปาทาย สมุทายสฺส วตฺตพฺพตฺตา, อวิฺายมานสมุทายํ ปน วิฺายมานสมุทาเยน วิเสสิตุมรหตีติ อาห ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ, เอเตน ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ เอตฺถ น เยน เกนจิ สณฺานาทินา, กายสามคฺคิยา วา สมุทายภาโว, อปิ ตุ มคฺคฏฺผลฏฺภาเวเนวาติ วิเสเสติ. อวยวเมว สมฺปิณฺเฑตฺวา อูหิตพฺโพ วิตกฺเกตพฺโพ, สํอูหนิตพฺโพ วา สงฺฆฏิตพฺโพติ สมูโห, โสเยว สโมโห วจนสิลิฏฺตาทินา. ทฺวิธาปิ หิ ปาโ ยุชฺชติ. อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต อริยา นิรุตฺตินเยน ¶ . อถ วา สเทวเกน โลเกน สรณนฺติ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต, อุปคตานฺจ ตทตฺถสิทฺธิโต อริยา, ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหโต, สมคฺคํ วา กมฺมํ สมุทายวเสน สมุปคโตติ สงฺโฆ, อริยานํ สงฺโฆ, อริโย จ โส สงฺโฆ จ ยถาวุตฺตนเยนาติ วา อริยสงฺโฆ, ตํ อริยสงฺฆํ. ภควโต อปรภาเค พุทฺธธมฺมรตนานมฺปิ สมธิคโม สงฺฆรตนาธีโนติ อริยสงฺฆสฺส พหูปการตํ ทสฺเสตุํ อิเธว ‘‘สิรสา วนฺเท’’ติ วุตฺตํ. อวสฺสฺจายมตฺโถ สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพ วินยฏฺกถาทีสุปิ (ปารา. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) ตถา วุตฺตตฺตา. เกจิ ปน ปุริมคาถาสุปิ ตํ ปทมาเนตฺวา โยเชนฺติ, ตทยุตฺตเมว รตนตฺตยสฺส อสาธารณคุณปฺปกาสนฏฺานตฺตา, ยถาวุตฺตการณสฺส จ สพฺเพสมฺปิ สํวณฺณนาการานมธิปฺเปตตฺตาติ.
อิมาย ปน คาถาย อริยสงฺฆสฺส ปภวสมฺปทา ปหานสมฺปทาทโย อเนเก คุณา ทสฺสิตา โหนฺติ. กถํ? ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ หิ เอเตน อริยสงฺฆสฺส ปภวสมฺปทํ ทสฺเสติ สมฺมาสมฺพุทฺธปภวตาทีปนโต. ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอเตน ปหานสมฺปทํ สกลสํกิเลสปฺปหานทีปนโต. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน าณสมฺปทํ มคฺคฏฺผลฏฺภาวทีปนโต ¶ . ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ เอเตน สภาวสมฺปทํ สพฺพสงฺฆานํ อคฺคภาวทีปนโต. อถ วา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ อริยสงฺฆสฺส วิสุทฺธนิสฺสยภาวทีปนํ. ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ สมฺมาอุชุายสามีจิปฏิปนฺนภาวทีปนํ. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ อาหุเนยฺยาทิภาวทีปนํ. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ อนุตฺตรปฺุกฺเขตฺตภาวทีปนํ. ตถา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน อริยสงฺฆสฺส โลกุตฺตรสรณคมนสพฺภาวํ ทสฺเสติ. โลกุตฺตรสรณคมเนน หิ เต ภควโต โอรสปุตฺตา ชาตา. ‘‘มารเสนมถนาน’นฺติ เอเตน อภินีหารสมฺปทาสิทฺธํ ปุพฺพภาคสมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. กตาภินีหารา หิ สมฺมาปฏิปนฺนา มารํ, มารเสนํ วา อภิวิชินนฺติ. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน วิทฺธสฺตวิปกฺเข เสกฺขาเสกฺขธมฺเม ทสฺเสติ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน มคฺคผลธมฺมานํ ทสฺสิตตฺตา. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ เอเตน อคฺคทกฺขิเณยฺยภาวํ ทสฺเสติ อนุตฺตรปฺุกฺเขตฺตภาวสฺส ทสฺสิตตฺตา. สรณคมนฺจ สาวกานํ สพฺพคุณสฺส อาทิ, สปุพฺพภาคปฏิปทา เสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย มชฺเฌ, อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย ¶ ปริโยสานนฺติอาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณา สงฺเขปโต สพฺเพปิ อริยสงฺฆคุณา ทสฺสิตา โหนฺตีติ.
เอวํ คาถาตฺตเยน สงฺเขปโต สกลคุณสํกิตฺตนมุเขน รตนตฺตยสฺส ปณามํ กตฺวา อิทานิ ตํ นิปจฺจการํ ยถาธิปฺเปตปโยชเน ปริณาเมนฺโต ‘‘อิติ เม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อิติ-สทฺโท นิทสฺสเน. เตน คาถาตฺตเยน ยถาวุตฺตนยํ นิทสฺเสติ. เมติ อตฺตานํ กรณวจเนน กตฺตุภาเวน นิทฺทิสติ. ตสฺส ‘‘ยํ ปฺุํ มยา ลทฺธ’’นฺติ ปาเสเสน สมฺพนฺโธ, สมฺปทานนิทฺเทโส วา เอโส, ‘‘อตฺถี’’ติ ปาเสโส, สามินิทฺเทโส วา ‘‘ยํ มม ปฺุํ วนฺทนามย’’นฺติ. ปสีทียเต ปสนฺนา, ตาทิสา มติ ปฺา, จิตฺตํ วา ยสฺสาติ ปสนฺนมติ, อฺปทลิงฺคปฺปธานตฺตา อิมสฺส สมาสปทสฺส ‘‘ปสนฺนมติโน’’ติ วุตฺตํ. รตึ นยติ, ชเนติ, วหตีติ วา รตนํ, สตฺตวิธํ, ทสวิธํ วา รตนํ, ตมิว อิมานีติ เนรุตฺติกา. สทิสกปฺปนมฺตฺร ปน ยถาวุตฺตวจนตฺเถเนว พุทฺธาทีนํ รตนภาโว ยุชฺชติ. เตสฺหิ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๕๗, ๒๕๕) ยถาภูตคุเณ อาวชฺชนฺตสฺส อมตาธิคมเหตุภูตํ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ. ยถาห –
‘‘ยสฺมึ มหานาม สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทส…เป… น โมห…เป… อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ ตถาคตํ อารพฺภ. อุชุคตจิตฺโต โข ปน มหานาม อริยสาวโก ¶ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑).
จิตฺตีกตาทิภาโว วา รตนฏฺโ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถาสุ –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติ. (ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; อุทาน. อฏฺ. ๔๗; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สุ. นิ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖);
จิตฺตีกตภาวาทโย จ อนฺสาธารณา สาติสยโต พุทฺธาทีสุเยว ลพฺภนฺตีติ. วิตฺถาโร รตนสุตฺตวณฺณนายํ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖) คเหตพฺโพ. อยมตฺโถ ¶ ปน นิพฺพจนตฺถวเสน น วุตฺโต, อถ เกนาติ เจ? โลเก รตนสมฺมตสฺส วตฺถุโน ครุกาตพฺพตาทิอตฺถวเสนาติ สทฺทวิทู. สาธูนฺจ รมนโต, สํสารณฺณวา จ ตรณโต, สุคตินิพฺพานฺจ นยนโต รตนํ ตุลฺยตฺถสมาสวเสน, อลมติปปฺเจน. เอกเสสปกปฺปเนน, ปุถุวจนนิพฺพจเนน วา รตนานิ. ติณฺณํ สมูโห, ตีณิ วา สมาหฏานิ, ตโย วา อวยวา อสฺสาติ ตยํ, รตนานเมว ตยํ, นาฺเสนฺติ รตนตฺตยํ. อวยววินิมุตฺตสฺส ปน สมุทายสฺส อภาวโต ตีณิ เอว รตนานิ ตถา วุจฺจนฺติ, น สมุทายมตฺตํ, สมุทายาเปกฺขาย ปน เอกวจนํ กตํ. วนฺทียเต วนฺทนา, สาว วนฺทนามยํ ยถา ‘‘ทานมยํ สีลมย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐; เนตฺติ. ๓๓). วนฺทนา เจตฺถ กายวาจาจิตฺเตหิ ติณฺณํ รตนานํ คุณนินฺนตา, โถมนา วา. อปิจ ตสฺสา เจตนาย สหชาตาโทปกาเรโก สทฺธาปฺาสติวีริยาทิสมฺปยุตฺตธมฺโม วนฺทนา, ตาย ปกตนฺติ วนฺทนามยํ ยถา ‘‘โสวณฺณมยํ รูปิยมย’’นฺติ, อตฺถโต ปน ยถาวุตฺตเจตนาว. รตนตฺตเย, รตนตฺตยสฺส วา วนฺทนามยํ รตนตฺตยวนฺทนามยํ. ปุชฺชภวผลนิพฺพตฺตนโต ปฺุํ นิรุตฺตินเยน, อตฺตโน การกํ, สนฺตานํ วา ปุนาติ วิโสเธตีติ ปฺุํ, สกมฺมกตฺตา ธาตุสฺส การิตวเสน อตฺถวิวรณํ ลพฺภติ, สทฺทนิปฺผตฺติ ปน สุทฺธวเสเนวาติ สทฺทวิทู.
ตํตํสมฺปตฺติยา วิพนฺธนวเสน สตฺตสนฺตานสฺส อนฺตเร เวมชฺเฌ เอติ อาคจฺฉตีติ อนฺตราโย, ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺโถ. ปณามปโยชเน วุตฺตวิธินา สุฏฺุ วิหโต วิทฺธสฺโต อนฺตราโย อสฺสาติ สุวิหตนฺตราโย. วิหนนฺเจตฺถ ตทุปฺปาทกเหตุปริหรณวเสน เตสํ อนฺตรายานมนุปฺปตฺติกรณนฺติ ¶ ทฏฺพฺพํ. หุตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยา, ตสฺส ‘‘อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. ตสฺสาติ ยํ-สทฺเทน อุทฺทิฏฺสฺส วนฺทนามยปฺุสฺส. อานุภาเวนาติ พเลน.
‘‘เตโช อุสฺสาหมนฺตา จ, ปภู สตฺตีติ ปฺจิเม;
‘อานุภาโว’ติ วุจฺจนฺติ, ‘ปภาโว’ติ จ เต วเท’’ติ. –
วุตฺเตสุ หิ อตฺเถสุ อิธ สตฺติยํ วตฺตติ. อนุ ปุนปฺปุนํ ตํสมงฺคึ ภาเวติ วฑฺเฒตีติ หิ อนุภาโว, โสเยว อานุภาโวติ อุทานฏฺกถายํ ¶ , อตฺถโต ปน ยถาลทฺธสมฺปตฺตินิมิตฺตกสฺส ปุริมกมฺมสฺส พลานุปฺปทานวสสงฺขาตา วนฺทนามยปฺุสฺส สตฺติเยว, สา จ สุวิหตนฺตรายตาย กรณํ, เหตุ วา สมฺภวติ.
เอตฺถ ปน ‘‘ปสนฺนมติโน’’ติ เอเตน อตฺตโน ปสาทสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. ‘‘รตนตฺตยวนฺทนามย’’นฺติ เอเตน รตนตฺตยสฺส เขตฺตภาวสมฺปตฺตึ, ตโต จ ตสฺส ปฺุสฺส อตฺตโน ปสาทสมฺปตฺติยา, รตนตฺตยสฺส จ เขตฺตภาวสมฺปตฺติยาติ ทฺวีหิ องฺเคหิ อตฺถสํวณฺณนาย อุปฆาตกอุปทฺทวานํ วิหนเน สมตฺถตํ ทีเปติ. จตุรงฺคสมฺปตฺติยา ทานเจตนา วิย หิ ทฺวยงฺคสมฺปตฺติยา ปณามเจตนาปิ อนฺตรายวิหนเนน ทิฏฺธมฺมิกาติ.
เอวํ รตนตฺตยสฺส นิปจฺจการกรเณ ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺสา ธมฺมเทสนาย อตฺถํ สํวณฺเณตุกาโม, ตทปิ สํวณฺเณตพฺพธมฺมภาเวน ทสฺเสตฺวา คุณาภิตฺถวนวิเสเสน อภิตฺถเวตุํ ‘‘ทีฆสฺสา’’ติอาทิมาห. อยฺหิ อาจริยสฺส ปกติ, ยทิทํ ตํตํสํวณฺณนาสุ อาทิโต ตสฺส ตสฺส สํวณฺเณตพฺพธมฺมสฺส วิเสสคุณกิตฺตเนน โถมนา. ตถา หิ เตสุ เตสุ ปปฺจสูทนีสารตฺถปกาสนีมโนรถปูรณีอฏฺสาลินีอาทีสุ ยถากฺกมํ ‘‘ปรวาทมถนสฺส, าณปฺปเภทชนนสฺส, ธมฺมกถิกปุงฺควานํ วิจิตฺตปฏิภานชนนสฺส,
ตสฺส คมฺภีราเณหิ, โอคาฬฺหสฺส อภิณฺหโส;
นานานยวิจิตฺตสฺส, อภิธมฺมสฺส อาทิโต’’ติ. อาทินา –
โถมนา กตา. ตตฺถ ทีฆสฺสาติ ทีฆนามกสฺส. ทีฆสุตฺตงฺกิตสฺสาติ ทีเฆหิ อภิอายตวจนปฺปพนฺธวนฺเตหิ สุตฺเตหิ ลกฺขิตสฺส, อเนน ‘‘ทีโฆ’’ติ อยํ อิมสฺส อาคมสฺส ¶ อตฺถานุคตา สมฺาติ ทสฺเสติ. นนุ จ สุตฺตานิเยว อาคโม, กถํ โส เตหิ องฺกียตีติ? สจฺจเมตํ ปรมตฺถโต, ปฺตฺติโต ปน สุตฺตานิ อุปาทาย อาคมภาวสฺส ปฺตฺตตฺตา อวยเวหิ สุตฺเตหิ อวยวีภูโต อาคโม องฺกียติ. ยเถว หิ อตฺถพฺยฺชนสมุทาเย ‘‘สุตฺต’’นฺติ โวหาโร, เอวํ สุตฺตสมุทาเย อาคมโวหาโรติ. ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทินิปุณตฺถภาวโต นิปุณสฺส. อาคจฺฉนฺติ อตฺตตฺถปรตฺถาทโย เอตฺถ, เอเตน, เอตสฺมาติ วา อาคโม, อุตฺตมฏฺเน, ปตฺถนียฏฺเน จ โส วโรติ ¶ อาคมวโร. อปิจ อาคมสมฺมเตหิ พาหิรกปเวทิเตหิ ภารตปุราณกถานรสีหปุราณกถาทีหิ วโรติปิ อาคมวโร, ตสฺส. พุทฺธานมนุพุทฺธา พุทฺธานุพุทฺธา, พุทฺธานํ สจฺจปฏิเวธํ อนุคมฺม ปฏิวิทฺธสจฺจา อคฺคสาวกาทโย อริยา, เตหิ อตฺถสํวณฺณนาวเสน, คุณสํวณฺณนาวเสน จ สํวณฺณิโตติ ตถา. อถ วา พุทฺธา จ อนุพุทฺธา จ, เตหิ สํวณฺณิโต ยถาวุตฺตนเยนาติ ตถา, ตสฺส. สมฺมาสมฺพุทฺเธเนว หิ ติณฺณมฺปิ ปิฏกานํ อตฺถสํวณฺณนากฺกโม ภาสิโต, ตโต ปรํ สงฺคายนาทิวเสน สาวเกหีติ อาจริยา วทนฺติ. วุตฺตฺจ มชฺฌิมาคมฏฺกถาย อุปาลิสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘เวยฺยากรณสฺสาติ วิตฺถาเรตฺวา อตฺถทีปกสฺส. ภควตา หิ อพฺยากตํ ตนฺติปทํ นาม นตฺถิ, สพฺเพสํเยว อตฺโถ กถิโต’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๗๖). สทฺธาวหคุณสฺสาติ พุทฺธาทีสุ ปสาทาวหคุณสฺส. นนุ จ สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ เตปิฏกํ สทฺธาวหคุณเมว, อถ กสฺมา อยมฺสาธารณคุเณน โถมิโตติ? สาติสยโต อิมสฺส ตคฺคุณสมฺปนฺนตฺตา. อยฺหิ อาคโม พฺรหฺมชาลาทีสุ สีลทิฏฺาทีนํ อนวเสสนิทฺเทสาทิวเสน, มหาปทานาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓) ปุริมพุทฺธานมฺปิ คุณนิทฺเทสาทิวเสน, ปาถิกสุตฺตาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑.๔) ติตฺถิเย มทฺทิตฺวา อปฺปฏิวตฺติยสีหนาทนทนาทิวเสน, อนุตฺตริยสุตฺตาทีสุ วิเสสโต พุทฺธคุณวิภาวเนน รตนตฺตเย สาติสยํ สทฺธํ อาวหตีติ.
เอวํ สํวณฺเณตพฺพธมฺมสฺส อภิตฺถวนมฺปิ กตฺวา อิทานิ สํวณฺณนาย สมฺปติ วกฺขมานาย อาคมนวิสุทฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถปฺปกาสนตฺถ’’นฺติอาทิมาห. อิมาย หิ คาถาย สงฺคีติตฺตยมารุฬฺหทีฆาคมฏฺกถาโตว สีหฬภาสามตฺตํ วินา อยํ วกฺขมานสํวณฺณนา อาคตา, นาฺโต, ตเทว การณํ กตฺวา วตฺตพฺพา, นาฺนฺติ อตฺตโน สํวณฺณนาย อาคมนวิสุทฺธึ ทสฺเสติ. อปโร นโย – ปรมนิปุณคมฺภีรํ พุทฺธวิสยมาคมวรํ อตฺตโน พเลเนว วณฺณยิสฺสามีติ อฺเหิ วตฺตุมฺปิ อสกฺกุเณยฺยตฺตา สํวณฺณนานิสฺสยํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อตฺถปฺปกาสนตฺถ’’นฺติอาทิ. อิมาย หิ ปุพฺพาจริยานุภาวํ นิสฺสาเยว ตสฺส อตฺถํ วณฺณยิสฺสามีติ อตฺตโน สํวณฺณนานิสฺสยํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ‘‘อตฺถปฺปกาสนตฺถ’’นฺติ ปาตฺโถ, สภาวตฺโถ, เยฺยตฺโถ, ปาานุรูปตฺโถ, ตทนุรูปตฺโถ, สาวเสสตฺโถ, นิวรเสสตฺโถ, นีตตฺโถ, เนยฺยตฺโถติอาทินา ¶ ¶ อเนกปฺปการสฺส อตฺถสฺส ปกาสนตฺถาย, ปกาสนาย วา. คาถาพนฺธสมฺปตฺติยา ทฺวิภาโว. อตฺโถ กถียติ เอตายาติ อตฺถกถา, สาเยว อฏฺกถา ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา ยถา ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๗; ๒.๘), อยฺจ สสฺโควิธิ อริยาชาติภาวโต. อกฺขรจินฺตกาปิ หิ ‘‘ตถานํฏฺ ยุค’’นฺติ ลกฺขณํ วตฺวา อิทเมวุทาหรนฺติ.
ยาย’ตฺถมภิวณฺเณนฺติ, พฺยฺชนตฺถปทานุคํ;
นิทานวตฺถุสมฺพนฺธํ, เอสา อฏฺกถา มตา.
อาทิโตติอาทิมฺหิ ปมสงฺคีติยํ. ฉฬภิฺตาย ปรเมน จิตฺตวสีภาเวน สมนฺนาคตตฺตา, ฌานาทีสุ ปฺจวสิตา สพฺภาวโต จ วสิโน, เถรา มหากสฺสปาทโย, เตสํ สเตหิ ปฺจหิ.ยา สงฺคีตาติ ยา อฏฺกถา อตฺถํ ปกาเสตุํ ยุตฺตฏฺาเน ‘‘อยเมตสฺส อตฺโถ, อยเมตสฺส อตฺโถ’’ติ สงฺคเหตฺวา วุตฺตา. อนุสงฺคีตา จ ปจฺฉาปีติ น เกวลํ ปมสงฺคีติยเมว, อถ โข ปจฺฉา ทุติยตติยสงฺคีตีสุปิ. น จ ปฺจหิ วสิสเตหิ อาทิโต สงฺคีตาเยว, อปิ ตุ ยสตฺเถราทีหิ อนุสงฺคีตา จาติ สห สมุจฺจเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สมุจฺจยทฺวยฺหิ ปจฺเจกํ กิริยากาลํ สมุจฺจิโนติ.
อถ โปราณฏฺกถาย วิชฺชมานาย กิเมตาย อธุนา ปุน กตาย สํวณฺณนายาติ ปุนรุตฺติยา, นิรตฺถกตาย จ โทสํ สมนุสฺสริตฺวา ตํ ปริหรนฺโต ‘‘สีหฬทีป’’นฺติอาทิมาห. ตํ ปริหรเณเนว หิ อิมิสฺสา สํวณฺณนาย นิมิตฺตํ ทสฺเสติ. ตตฺถ สีหํ ลาติ คณฺหาตีติ สีหโฬ ล-การสฺส ฬ-การํ กตฺวา ยถา ‘‘ครุโฬ’’ติ. ตสฺมึ วํเส อาทิปุริโส สีหกุมาโร, ตพฺพํสชาตา ปน ตมฺพปณฺณิทีเป ขตฺติยา, สพฺเพปิ จ ชนา ตทฺธิตวเสน, สทิสโวหาเรน วา สีหฬา, เตสํ นิวาสทีโปปิ ตทฺธิตวเสน, านีนาเมน วา ‘‘สีหโฬ’’ติ เวทิตพฺโพ. ชลมชฺเฌ ทิปฺปติ, ทฺวิธา วา อาโป เอตฺถ สนฺทตีติ ทิโป, โสเยว ทีโป, เภทาเปกฺขาย เตสํ ทีโปติ ตถา. ปนสทฺโท อรุจิสํสูจเน, เตน กามฺจ สา สงฺคีติตฺตยมารุฬฺหา, ตถาปิ ปุน เอวํภูตาติ อรุจิยภาวํ สํสูเจติ. ตทตฺถสมฺพนฺธตาย ปน ปุริมคาถาย ‘‘กามฺจ สงฺคีตา ¶ อนุสงฺคีตา จา’’ติ สานุคฺคหตฺถโยชนา สมฺภวติ. อฺตฺถาปิ หิ ตถา ทิสฺสตีติ. อาภตาติ ชมฺพุทีปโต อานีตา. อถาติ สงฺคีติกาลโต ปจฺฉา, เอวํ สติ อาภตปเทน สมฺพนฺโธ. อถาติ วา มหามหินฺทตฺเถเรนาภตกาลโต ปจฺฉา, เอวํ สติ ปิตปเทน สมฺพนฺโธ. สา หิ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปมํ ตีณิ ปิฏกานิ สงฺคายิตฺวา ตสฺส อตฺถสํวณฺณนานุรูเปเนว วาจนามคฺคํ ¶ อาโรปิตตฺตา ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหาเยว, ตโต ปจฺฉา จ มหามหินฺทตฺเถเรน ตมฺพปณฺณิทีปมาภตา, ปจฺฉา ปน ตมฺพปณฺณิเยหิ มหาเถเรหิ นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรปริหรณตฺถํ สีหฬภาสาย ปิตาติ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถโร ปน ปจฺฉิมสมฺพนฺธเมว ทุทฺทสตฺตา ปกาเสติ. ตถา ‘‘ทีปวาสีนมตฺถายา’’ติ อิทมฺปิ ‘‘ปิตา’’ติ จ ‘‘อปเนตฺวา อาโรเปนฺโต’’ติ จ เอเตหิ ปเทหิ สมฺพชฺฌิตพฺพํ. เอกปทมฺปิ หิ อาวุตฺติยาทินเยหิ อเนกตฺถสมฺพนฺธมุปคจฺฉติ. ปุริมสมฺพนฺเธน เจตฺถ สีหฬทีปวาสีนมตฺถาย นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรปริหรเณน สีหฬภาสาย ปิตาติ ตมฺพปณฺณิยตฺเถเรหิ ปนปโยชนํ ทสฺเสติ. ปจฺฉิมสมฺพนฺเธน ปน อิมาย สํวณฺณนาย ชมฺพุทีปวาสีนํ, อฺทีปวาสีนฺจ อตฺถาย สีหฬภาสาปนยนสฺส, ตนฺตินยานุจฺฉวิกภาสาโรปนสฺส จ ปโยชนนฺติ. มหาอิสฺสริยตฺตา มหินฺโทติ ราชกุมารกาเล นามํ, ปจฺฉา ปน คุณมหนฺตตาย มหามหินฺโทติ วุจฺจติ. สีหฬภาสา นาม อเนกกฺขเรหิ เอกตฺถสฺสาปิ โวหรณโต ปเรสํ โวหริตุํ อติทุกฺกรา กฺจุกสทิสา สีหฬานํ สมุทาจิณฺณา ภาสา.
เอวํ โหตุ โปราณฏฺกถาย, อธุนา กริยมานา ปน อฏฺกถา กถํ กรียตีติ อนุโยเค สติ อิมิสฺสา อฏฺกถาย กรณปฺปการํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อปเนตฺวานา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตโต มูลฏฺกถาโต สีหฬภาสํ อปเนตฺวา โปตฺถเก อนาโรปิตภาเวน นิรงฺกริตฺวาติ สมฺพนฺโธ, เอเตน อยํ วกฺขมานา อฏฺกถา สงฺคีติตฺตยมาโรปิตาย มูลฏฺกถาย สีหฬภาสาปนยนมตฺตมฺตฺร อตฺถโต สํสนฺทติ เจว สเมติ จ ยถา ‘‘คงฺโคทเกน ยมุโนทก’’นฺติ ทสฺเสติ. ‘‘มโนรม’’ มิจฺจาทีนิ ‘‘ภาส’’นฺติ เอตสฺส สภาวนิรุตฺติภาวทีปกานิ วิเสสนานิ. สภาวนิรุตฺติภาเวน หิ ปณฺฑิตานํ มนํ รมยตีติ มโนรมา. ตโนติ อตฺถเมตาย, ตนียติ วา อตฺถวเสน วิวรียติ, วฏฺฏโต วา สตฺเต ตาเรติ ¶ , นานาตฺถวิสยํ วา กงฺขํ ตรนฺติ เอตายาติ ตนฺติ, ปาฬิ. ตสฺสา นยสงฺขาตาย คติยา ฉวึ ฉายํ อนุคตาติ ตนฺตินยานุจฺฉวิกา. อสภาวนิรุตฺติภาสนฺตรสํกิณฺณโทสวิรหิตตาย วิคตโทสา, ตาทิสํ สภาวนิรุตฺติภูตํ –
‘‘สา มาคธี มูลภาสา, นรา ยายา’ทิกปฺปิกา;
พฺรหฺมาโน จสฺสุตาลาปา, สมฺพุทฺธา จาปิ ภาสเร’’ติ. –
วุตฺตํ ปาฬิคติภาสํ โปตฺถเก ลิขนวเสน อาโรเปนฺโตติ อตฺโถ, อิมินา สทฺทโทสาภาวมาห.
สมยํ ¶ อวิโลเมนฺโตติ สิทฺธนฺตมวิโรเธนฺโต, อิมินา ปน อตฺถโทสาภาวมาห. อวิรุทฺธตฺตา เอว หิ เต เถรวาทาปิ อิธ ปกาสยิสฺสนฺติ. เกสํ ปน สมยนฺติ อาห ‘‘เถราน’’นฺติอาทิ, เอเตน ราหุลาจริยาทีนํ เชตวนวาสีอภยคิริวาสีนิกายานํ สมยํ นิวตฺเตติ. ถิเรหิ สีลสุตฌานวิมุตฺติสงฺขาเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคตาติ เถรา. ยถาห ‘‘จตฺตาโรเม ภิกฺขเว เถรกรณา ธมฺมา. กตเม จตฺตาโร? อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ สีลวา โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๒๒). อปิจ สจฺจธมฺมาทีหิ ถิรกรเณหิ สมนฺนาคตตฺตา เถรา. ยถาห ธมฺมราชา ธมฺมปเท –
‘‘ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ, อหึสา สํยโม ทโม;
ส เว วนฺตมโล ธีโร, ‘เถโร’อิติ ปวุจฺจตี’’ติ. (ธ. ป. ๒๖๐);
เตสํ. มหากสฺสปตฺเถราทีหิ อาคตา อาจริยปรมฺปรา เถรวํโส, ตปฺปริยาปนฺนา หุตฺวา อาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา ปฺาปชฺโชเตน ตสฺส สมุชฺชลนโต ตํ ปกาเรน ทีเปนฺติ, ตสฺมึ วา ปทีปสทิสาติ เถรวํสปทิปา. วิวิเธน อากาเรน นิจฺฉียตีติ วินิจฺฉโย, คณฺิฏฺาเนสุ ขีลมทฺทนากาเรน ปวตฺตา วิมติจฺเฉทนีกถา, สุฏฺุ นิปุโณ สณฺโห วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ สุนิปุณวินิจฺฉยา. อถ วา วินิจฺฉิโนตีติ วินิจฺฉโย, ยถาวุตฺตวิสยํ าณํ, สุฏฺุ นิปุโณ เฉโก วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ สุนิปุณวินิจฺฉยา. มหาเมฆวเน ิโต วิหาโร มหาวิหาโร, โย สตฺถุ มหาโพธินา วิโรจติ, ตสฺมึ วสนสีลา มหาวิหารวาสิโน ¶ , ตาทิสานํ สมยํ อวิโลเมนฺโตติ อตฺโถ, เอเตน มหากสฺสปาทิเถรปรมฺปราคโต, ตโตเยว อวิปริโต สณฺหสุขุโม วินิจฺฉโยติ มหาวิหารวาสีนํ สมยสฺส ปมาณภูตตํ ปุคฺคลาธิฏฺานวเสน ทสฺเสติ.
หิตฺวา ปุนปฺปุนภตมตฺถนฺติ เอกตฺถ วุตมฺปิ ปุน อฺตฺถ อาภตมตฺถํ ปุนรุตฺติภาวโต, คนฺถครุกภาวโต จ จชิตฺวา ตสฺส อาคมวรสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามีติ อตฺโถ.
เอวํ กรณปฺปการมฺปิ ทสฺเสตฺวา ‘‘ทีปวาสีนมตฺถายา’’ติ วุตฺตปฺปโยชนโต อฺมฺปิ สํวณฺณนาย ปโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุชนสฺส จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สุชนสฺส จาติ จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน น เกวลํ ชมฺพุทีปวาสีนเมว อตฺถาย, อถ โข สาธุชนโตสนตฺถฺจาติ สมุจฺจิโนติ. เตเนว จ ตมฺพปณฺณิทีปวาสีนมฺปิ อตฺถายาติ อยมตฺโถ สิทฺโธ โหติ อุคฺคหณาทิสุกรตาย เตสมฺปิ พหูปการตฺตา. จิรฏฺิตตฺถฺจาติ เอตฺถาปิ จ-สทฺโท น เกวลํ ตทุภยตฺถเมว, อปิ ตุ ติวิธสฺสาปิ สาสนธมฺมสฺส, ปริยตฺติธมฺมสฺส วา ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณํ ¶ จิรกาลํ ิตตฺถฺจาติ สมุจฺจยตฺถเมว ทสฺเสติ. ปริยตฺติธมฺมสฺส หิ ิติยา ปฏิปตฺติธมฺมปฏิเวธธมฺมานมฺปิ ิติ โหติ ตสฺเสว เตสํ มูลภาวโต. ปริยตฺติธมฺโม ปน สุนิกฺขิตฺเตน ปทพฺยฺชเนน, ตทตฺเถน จ จิรํ สมฺมา ปติฏฺาติ, สํวณฺณนาย จ ปทพฺยฺชนํ อวิปรีตํ สุนิกฺขิตฺตํ, ตทตฺโถปิ อวิปรีโต สุนิกฺขิตฺโต โหติ, ตสฺมา สํวณฺณนาย อวิปรีตสฺส ปทพฺยฺชนสฺส, ตทตฺถสฺส จ สุนิกฺขิตฺตสฺส อุปายภาวมุปาทาย วุตฺตํ ‘‘จิรฏฺิตตฺถฺจ ธมฺมสฺสา’’ติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ทฺเวเม ภิกฺขเว ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ทฺเว? สุนิกฺขิตฺตฺจ ปทพฺยฺชนํ, อตฺโถ จ สุนีโต, อิเม โข…เป… สํวตฺตนฺตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๒.๒๑).
เอวํ ปโยชนมฺปิ ทสฺเสตฺวา วกฺขมานาย สํวณฺณนาย มหตฺตปริจฺจาเคน คนฺถครุกภาวํ ปริหริตุมาห ‘‘สีลกถา’’ติอาทิ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘น ตํ วิจรยิสฺสามี’’ติ. อปโร นโย – ยทฏฺกถํ กตฺตุกาโม, ตเทกเทสภาเวน วิสุทฺธิมคฺโค คเหตพฺโพติ กถิกานํ อุปเทสํ กโรนฺโต ¶ ตตฺถ วิจาริตธมฺเม อุทฺเทสวเสน ทสฺเสตุมาห ‘‘สีลกถา’’ติอาทิ. ตตฺถ สีลกถาติ จาริตฺตวาริตฺตาทิวเสน สีลวิตฺถารกถา. ธุตธมฺมาติ ปิณฺฑปาติกงฺคาทโย เตรส กิเลสธุนนกธมฺมา. กมฺมฏฺานานีติ ภาวนาสงฺขาตสฺส โยคกมฺมสฺส ปวตฺติฏฺานตฺตา กมฺมฏฺานนามานิ ธมฺมชาตานิ. ตานิ ปน ปาฬิยมาคตานิ อฏฺตึ เสว น คเหตพฺพานิ, อถ โข อฏฺกถายมาคตานิปิ ทฺเวติ าเปตุํ ‘‘สพฺพานิปี’’ติ วุตฺตํ. จริ ยาวิธานสหิโตติ ราคจริตาทีนํ สภาวาทิวิธาเนน สห ปวตฺโต, อิทํ ปน ‘‘ฌานสมาปตฺติวิตฺถาโร’’ติ อิมสฺส วิเสสนํ. เอตฺถ จ รูปาวจรชฺฌานานิ ฌานํ, อรูปาวจรชฺฌานานิ สมาปตฺติ. ตทุภยมฺปิ วา ปฏิลทฺธมตฺตํ ฌานํ, สมาปชฺชนวสีภาวปฺปตฺตํ สมาปตฺติ. อปิจ ตทปิ อุภยํ ฌานเมว, ผลสมาปตฺตินิโรธสมาปตฺติโย ปน สมาปตฺติ, ตาสํ วิตฺถาโรติ อตฺโถ.
โลกิยโลกุตฺตรเภทานํ ฉนฺนมฺปิ อภิฺานํ คหณตฺถํ ‘‘สพฺพา จ อภิฺาโย’’ติ วุตฺตํ. าณวิภงฺคาทีสุ (วิภ. ๗๕๑) อาคตนเยน เอกวิธาทินา เภเทน ปฺาย สงฺกลยิตฺวา สมฺปิณฺเฑตฺวา, คเณตฺวา วา วินิจฺฉยนํ ปฺาสงฺกลนวินิจฺฉโย. อริยานีติ พุทฺธาทีหิ อริเยหิ ปฏิวิชฺฌิตพฺพตฺตา, อริยภาวสาธกตฺตา วา อริยานิ อุตฺตรปทโลเปน. อวิตถภาเวน วา อรณียตฺตา, อวคนฺตพฺพตฺตา อริยานิ, ‘‘สจฺจานี’’ติมสฺส วิเสสนํ.
เหตาทิปจฺจยธมฺมานํ ¶ เหตุปจฺจยาทิภาเวน ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานมุปการกตา ปจฺจยากาโร, ตสฺส เทสนา ตถา, ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาติ อตฺโถ. สา ปน นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรรหิตตาย สุฏฺุ ปริสุทฺธา, ฆนวินิพฺโภคสฺส จ สุทุกฺกรตาย นิปุณา, เอกตฺตาทินยสหิตา จ ตตฺถ วิจาริตาติ อาห ‘‘สุปริสุทฺธนิปุณนยา’’ติ. ปทตฺตยมฺปิ เหตํ ปจฺจยาการเทสนาย วิเสสนํ. ปฏิสมฺภิทาทีสุ อาคตนยํ อวิสฺสชฺชิตฺวาว วิจาริตตฺตา อวิมุตฺโต ตนฺติมคฺโค ยสฺสาติ อวิมุตฺตตนฺติ มคฺคา. มคฺโคติ เจตฺถ ปาฬิสงฺขาโต อุปาโย ตํตทตฺถานํ อวโพธสฺส, สจฺจปฏิเวธสฺส วา อุปายภาวโต. ปพนฺโธ วา ทีฆภาเวน ปกติมคฺคสทิสตฺตา, อิทํ ปน ‘‘วิปสฺสนา, ภาวนา’’ติ ปททฺวยสฺส วิเสสนํ.
อิติ ¶ ปน สพฺพนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปริสมาปเน ยถาอุทฺทิฏฺอุทฺเทสสฺส ปรินิฏฺิตตฺตา, เอตฺตกํ สพฺพนฺติ อตฺโถ. ปนาติ วจนาลงฺการมตฺตํ วิสุํ อตฺถาภาวโต. ปทตฺถสํกิณฺณสฺส, วตฺตพฺพสฺส จ อวุตฺตสฺส อวเสสสฺส อภาวโต สุวิฺเยฺยภาเวน สุปริสุทฺธํ, ‘‘สพฺพ’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ, ภาวนปุํสกํ วา เอตํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ อิมินา สมฺพชฺฌนโต. ภิยฺโยติ อติเรกํ, อติวิตฺถารนฺติ อตฺโถ, เอเตน ปทตฺถมตฺตเมว วิจารยิสฺสามีติ ทสฺเสติ. เอตํ สพฺพํ อิธ อฏฺกถาย น วิจารยิสฺสามิ ปุนรุตฺติภาวโต, คนฺถครุกภาวโต จาติ อธิปฺปาโย. วิจรยิสฺสามีติ จ คาถาภาวโต น วุทฺธิภาโวติ ทฏฺพฺพํ.
เอวมฺปิ เอส วิสุทฺธิมคฺโค อาคมานมตฺถํ น ปกาเสยฺย, อถ สพฺโพเปโส อิธ วิจาริตพฺโพเยวาติ โจทนาย ตถา อวิจารณสฺส เอกนฺตการณํ นิทฺธาเรตฺวา ตํ ปริหรนฺโต ‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มชฺเฌติ ขุทฺทกโต อฺเสํ จตุนฺนมฺปิ อาคมานํ อพฺภนฺตเร. หิ-สทฺโท การเณ, เตน ยถาวุตฺตํ การณํ โชเตติ. ตตฺถาติ เตสุ จตูสุ อาคเมสุ. ยถาภาสิตนฺติ ภควตา ยํ ยํ เทสิตํ, เทสิตานุรูปํ วา. อปิ จ สํวณฺณเกหิ สํวณฺณนาวเสน ยํ ยํ ภาสิตํ, ภาสิตานุรูปนฺติปิ อตฺโถ. อิจฺเจวาติ เอตฺถ อิติ-สทฺเทน ยถาวุตฺตํ การณํ นิทสฺเสติ, อิมินาว การเณน, อิทเมว วา การณํ มนสิ สนฺนิธายาติ อตฺโถ. กโตติ เอตฺถาปิ ‘‘วิสุทฺธิมคฺโค เอสา’’ติ ปทํ กมฺมภาเวน สมฺพชฺฌติ อาวุตฺติยาทินเยนาติ ทฏฺพฺพํ. ตมฺปีติ ตํ วิสุทฺธิมคฺคมฺปิ าเณน คเหตฺวาน. เอตายาติ สุมงฺคลวิลาสินิยา นาม เอตาย อฏฺกถาย. เอตฺถ จ ‘‘มชฺเฌ ตฺวา’’ติ เอเตน มชฺฌตฺตภาวทีปเนน วิเสสโต จตุนฺนมฺปิ อาคมานํ สาธารณฏฺกถา วิสุทฺธิมคฺโค, น สุมงฺคลวิลาสินีอาทโย วิย อสาธารณฏฺกถาติ ทสฺเสติ. อวิเสสโต ปน วินยาภิธมฺมานมฺปิ ยถารหํ สาธารณฏฺกถา โหติเยว, เตหิ สมฺมิสฺสตาย จ ตทวเสสสฺส ขุทฺทกาคมสฺส ¶ วิเสสโต สาธารณา สมานาปิ ตํ เปตฺวา จตุนฺนเมว อาคมานํ สาธารณาตฺเวว วุตฺตาติ.
อิติ โสฬสคาถาวณฺณนา.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทานกถาวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ ยถาวุตฺเตน วิวิเธน นเยน ปณามาทิกํ ปกรณารมฺภวิธานํ กตฺวา อิทานิ วิภาควนฺตานํ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนวเสเนว สุวิภาวิตํ, สุวิฺาปิตฺจ โหตีติ ปมํ ตาว วคฺคสุตฺตวเสน วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ทีฆาคโม นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ‘‘ทีฆสฺส อาคมวรสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ ยทิทํ วุตฺตํ, ตสฺมึ วจเน. ‘‘ยสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ ปฏิฺาตํ, โส ทีฆาคโม นาม วคฺคสุตฺตวเสน เอวํ เวทิตพฺโพ, เอวํ วิภาโคติ วา อตฺโถ. อถ วา ตตฺถาติ ‘‘ทีฆาคมนิสฺสิต’’นฺติ ยํ วุตฺตํ, เอตสฺมึ วจเน. โย ทีฆาคโม วุตฺโต, โส ทีฆาคโม นาม วคฺคสุตฺตวเสน. เอวํ วิภชิตพฺโพ, เอทิโสติ วา อตฺโถ. ‘‘ทีฆสฺสา’’ติอาทินา หิ วุตฺตํ ทูรวจนํ ตํ-สทฺเทน ปฏินิทฺทิสติ วิย ‘‘ทีฆาคมนิสฺสิต’’นฺติ วุตฺตํ อาสนฺนวจนมฺปิ ตํ-สทฺเทน ปฏินิทฺทิสติ อตฺตโน พุทฺธิยํ ปรมฺมุขํ วิย ปริวตฺตมานํ หุตฺวา ปวตฺตนโต. เอทิเสสุ หิ าเนสุ อตฺตโน พุทฺธิยํ สมฺมุขํ วา ปรมฺมุขํ วา ปริวตฺตมานํ ยถา ตถา วา ปฏินิทฺทิสิตุํ วฏฺฏติ สทฺทมตฺตปฏินิทฺเทเสน อตฺถสฺสาวิโรธนโต. วคฺคสุตฺตาทีนํ นิพฺพจนํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. ตโย วคฺคา ยสฺสาติ ติวคฺโค. จตุตฺตึส สุตฺตานิ เอตฺถ สงฺคยฺหนฺติ, เตสํ วา สงฺคโห คณนา เอตฺถาติ จตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห.
อตฺตโน สํวณฺณนาย ปมสงฺคีติยํ นิกฺขิตฺตานุกฺกเมเนว ปวตฺตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส…เป… นิทานมาที’’ติ วุตฺตํ. อาทิภาโว เหตฺถ สงฺคีติกฺกเมเนว เวทิตพฺโพ. กสฺมา ปน จตูสุ อาคเมสุ ทีฆาคโม ปมํ สงฺคีโต, ตตฺถ จ สีลกฺขนฺธวคฺโค ปมํ นิกฺขิตฺโต, ตสฺมิฺจ พฺรหฺมชาลสุตฺตํ, ตตฺถาปิ นิทานนฺติ? นายมนุโยโค กตฺถจิปิ น ปวตฺตติ สพฺพตฺเถว วจนกฺกมมตฺตํ ปฏิจฺจ อนุยฺุชิตพฺพโต. อปิจ สทฺธาวหคุณตฺตา ทีฆาคโมว ปมํ สงฺคีโต. สทฺธา หิ กุสลธมฺมานํ พีชํ. ยถาห ‘‘สทฺธา พีชํ ตโป วุฏฺี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๙๗; สุ. นิ. ๗๗). สทฺธาวหคุณตา จสฺส เหฏฺา ทสฺสิตาเยว. กิฺจ ภิยฺโย – กติปยสุตฺตสงฺคหตาย ¶ เจว อปฺปปริมาณตาย จ อุคฺคหณธารณาทิสุขโต ปมํ สงฺคีโต. ตถา เหส จตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห, จตุสฏฺิภาณวารปริมาโณ จ. สีลกถาพาหุลฺลโต ปน สีลกฺขนฺธวคฺโค ปมํ นิกฺขิตฺโต. สีลฺหิ สาสนสฺส อาทิ สีลปติฏฺานตฺตา สพฺพคุณานํ ¶ . เตเนวาห ‘‘ตสฺมา ติห ตฺวํ ภิกฺขุ อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธ’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๔๖๙). สีลกฺขนฺธกถาพาหุลฺลโต หิ โส ‘‘สีลกฺขนฺธวคฺโค’’ติ วุตฺโต. ทิฏฺิวินิเวนกถาภาวโต ปน สุตฺตนฺตปิฏกสฺส นิรวเสสทิฏฺิวิภชนํ พฺรหฺมชาลสุตฺตํ ปมํ นิกฺขิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตปิฏเก หิ พุทฺธวจเน พฺรหฺมชาลสทิสํ ทิฏฺิคตานิ นิคฺคุมฺพํ นิชฺชฏํ กตฺวา วิภตฺตสุตฺตํ นตฺถิ. นิทานํ ปน ปมสงฺคีติยํ มหากสฺสปตฺเถเรน ปุฏฺเน อายสฺมตา อานนฺเทน เทสกาลาทินิทสฺสนตฺถํ ปมํ นิกฺขิตฺตนฺติ. เตนาห ‘‘พฺรหฺมชาลสฺสาปี’’ติอาทิ. ตตฺถ จ ‘‘อายสฺมตา’’ติอาทินา เทสกํ นิยเมติ, ปมสงฺคีติกาเลติ ปน กาลนฺติ, อยมตฺโถ อุปริ อาวิ ภวิสฺสติ.
ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา
อิทานิ ‘‘ปมมหาสงฺคีติกาเล’’ติ วจนปฺปสงฺเคน ตํ ปมมหาสงฺคีตึ ทสฺเสนฺโต, ยสฺสํ วา ปมมหาสงฺคีติยํ นิกฺขิตฺตานุกฺกเมน สํวณฺณนํ กตฺตุกามตฺตา ตํ วิภาเวนฺโต ตสฺสา ตนฺติยา อารุฬฺหายปิ อิธ วจเน การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปมมหาสงฺคีติ นาม เจสา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ หิ กิฺจาปิ…เป… มารุฬฺหาติ เอเตน นนุ สา สงฺคีติกฺขนฺธเก ตนฺติมารุฬฺหา, กสฺมา อิธ ปุน วุตฺตา, ยทิ จ วุตฺตา อสฺส นิรตฺถกตา, คนฺถครุตา จ สิยาติ โจทนาเลสํ ทสฺเสติ. ‘‘นิทาน…เป… เวทิตพฺพา’’ติ ปน เอเตน นิทานโกสลฺลตฺถภาวโต ยถาวุตฺตโทสตา น สิยาติ วิเสสการณทสฺสเนน ปริหรติ. ‘‘ปมมหาสงฺคีติ นาม เจสา’’ติ เอตฺถ จ-สทฺโท อีทิเสสุ าเนสุ วตฺตพฺพสมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน หิ ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานฺจ อาทิ, เอสา จ ปมมหาสงฺคีติ นาม เอวํ เวทิตพฺพาติ อิมมตฺถํ สมฺปิณฺเฑติ. อุปฺาสตฺโถ วา จ-สทฺโท, อุปฺาโสติ จ วากฺยารมฺโภ วุจฺจติ. เอสา หิ คนฺถการานํ ปกติ, ยทิทํ กิฺจิ วตฺวา ปุน อปรํ วตฺตุมารภนฺตานํ จ-สทฺทปโยโค. ยํ ปน วชิรพุทฺธิตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘เอตฺถ จ-สทฺโท อติเรกตฺโถ, เตน อฺาปิ อตฺถีติ ทีเปตี’’ติ (วชิร ฏี. พาหิรนิทานกถาวณฺณนา), ตทยุตฺตเมว. น เหตฺถ จ-สทฺเทน ตทตฺโถ วิฺายติ. ยทิ เจตฺถ ตทตฺถทสฺสนตฺถเมว จ-กาโร อธิปฺเปโต สิยา, เอวํ สติ โส น กตฺตพฺโพเยว ปมสทฺเทเนว อฺาสํ ทุติยาทิสงฺคีตีนมฺปิ ¶ อตฺถิภาวสฺส ทสฺสิตตฺตา. ทุติยาทิมุปาทาย หิ ปมสทฺทปโยโค ¶ ทีฆาทิมุปาทาย รสฺสาทิสทฺทปโยโค วิย. ยถาปจฺจยํ ตตฺถ ตตฺถ เทสิตตฺตา, ปฺตฺตตฺตา จ วิปฺปกิณฺณานํ ธมฺมวินยานํ สงฺคเหตฺวา คายนํ กถนํ สงฺคีติ, เอเตน ตํ ตํ สิกฺขาปทานํ, ตํตํสุตฺตานฺจ อาทิปริโยสาเนสุ, อนฺตรนฺตรา จ สมฺพนฺธวเสน ปิตํ สงฺคีติการกวจนํ สงฺคหิตํ โหติ. มหาวิสยตฺตา, ปูชิตตฺตา จ มหตี สงฺคีติ มหาสงฺคีติ, ปมา มหาสงฺคีติ ปมมหาสงฺคีติ. กิฺจาปีติ อนุคฺคหตฺโถ, เตน ปาฬิยมฺปิ สา สงฺคีติมารุฬฺหาวาติ อนุคฺคหํ กโรติ, เอวมฺปิ ตตฺถารุฬฺหมตฺเตน อิธ โสตูนํ นิทานโกสลฺลํ น โหตีติ ปน-สทฺเทน อรุจิยตฺถํ ทสฺเสติ. นิททาติ เทสนํ เทสกาลาทิวเสน อวิทิตํ วิทิตํ กตฺวา นิทสฺเสตีติ นิทานํ, ตสฺมึ โกสลฺลํ, ตทตฺถายาติ อตฺโถ.
อิทานิ ตํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมจกฺกปวตฺตนฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สตฺตานํ ทสฺสนานุตฺตริยสรณาทิปฏิลาภเหตุภูตาสุ วิชฺชมานาสุปิ อฺาสุ ภควโต กิริยาสุ ‘‘พุทฺโธ โพเธยฺย’’นฺติ (พุ. วํ. อฏฺ. อพฺภนฺตรนิทาน ๑; จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา; อุทาน อฏฺ. ๑๘) ปฏิฺาย อนุโลมนโต วิเนยฺยานํ มคฺคผลุปฺปตฺติเหตุภูตา กิริยาว นิปฺปริยาเยน พุทฺธกิจฺจํ นามาติ ตํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฺหิ…เป… วินยนา’’ติ วุตฺตํ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต ปน ปุพฺพภาเค ภควตา ภาสิตํ สุณนฺตานมฺปิ วาสนาภาคิยเมว ชาตํ, น เสกฺขภาคิยํ, น นิพฺเพธภาคิยํ ตปุสฺสภลฺลิกานํ สรณทานํ วิย. เอสา หิ ธมฺมตา, ตสฺมา ตเมว มริยาทภาเวน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สทฺธินฺทฺริยาทิ ธมฺโมเยว ปวตฺตนฏฺเน จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํ. อถ วา จกฺกนฺติ อาณา, ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมฺจ ตํ จกฺกฺจาติ ธมฺมจกฺกํ. ธมฺเมน าเยน จกฺกนฺติปิ ธมฺมจกฺกํ. วุตฺตฺหิ ปฏิสมฺภิทายํ –
‘‘ธมฺมฺจ ปวตฺเตติ จกฺกฺจาติ ธมฺมจกฺกํ. จกฺกฺจ ปวตฺเตติ ธมฺมฺจาติ ธมฺมจกฺกํ, ธมฺเมน ปวตฺเตตีติ ธมฺมจกฺกํ, ธมฺมจริยาย ปวตฺเตตีติ ธมฺมจกฺก’’นฺติอาทิ (ปฏิ. ม. ๒.๔๐, ๔๑).
ตสฺส ปวตฺตนํ ตถา. ปวตฺตนนฺติ จ ปวตฺตยมานํ, ปวตฺติตนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนาตีตวเสน ทฺวิธา อตฺโถ. ยํ สนฺธาย อฏฺกถาสุ วุตฺตํ ‘‘ธมฺมจกฺกปวตฺตนสุตฺตนฺตํ ¶ เทเสนฺโต ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ นาม, อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรสฺส มคฺคผลาธิคตโต ปฏฺาย ปวตฺติตํ นามา’’ติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๐๘๑-๑๐๘๘; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๒.๔๐). อิธ ปน ปจฺจุปฺปนฺนวเสเนว อตฺโถ ยุตฺโต. ยาวาติ ปริจฺเฉทตฺเถ นิปาโต, สุภทฺทสฺส นาม ปริพฺพาชกสฺส วินยนํ ¶ อนฺโตปริจฺเฉทํ กตฺวาติ อภิวิธิวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตฺหิ ภควา ปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโนเยว วิเนสีติ. กตํ ปรินิฏฺาปิตํ พุทฺธกิจฺจํ เยนาติ ตถา, ตสฺมึ. กตพุทฺธกิจฺเจ ภควติ โลกนาเถ ปรินิพฺพุเตติ สมฺพนฺโธ, เอเตน พุทฺธกตฺตพฺพสฺส กิจฺจสฺส กสฺสจิปิ อเสสิตภาวํ ทีเปติ. ตโตเยว หิ ภควา ปรินิพฺพุโตติ. นนุ จ สาวเกหิ วินีตาปิ วิเนยฺยา ภควตาเยว วินีตา นาม. ตถา หิ สาวกภาสิตํ สุตฺตํ ‘‘พุทฺธภาสิต’’นฺติ วุจฺจติ. สาวกวิเนยฺยา จ น ตาว วินีตา, ตสฺมา ‘‘กตพุทฺธกิจฺเจ’’ติ น วตฺตพฺพนฺติ? นายํ โทโส เตสํ วินยนุปายสฺส สาวเกสุ ปิตตฺตา. เตเนวาห –
‘‘น ตาวาหํ ปาปิม ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม ภิกฺขู น สาวกา ภวิสฺสนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา…เป… อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สห ธมฺเมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปาฏิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๑๖๘; อุทา. ๕๑).
‘‘กุสินาราย’’นฺติอาทินา ภควโต ปรินิพฺพุตเทสกาลวิเสสวจนํ ‘‘อปรินิพฺพุโต ภควา’’ติ คาหสฺส มิจฺฉาภาวทสฺสนตฺถํ, โลเก ชาตสํวทฺธาทิภาวทสฺสนตฺถฺจ. ตถา หิ มนุสฺสภาวสฺส สุปากฏกรณตฺถํ มหาโพธิสตฺตา จริมภเว ทารปริคฺคหาทีนิปิ กโรนฺตีติ. กุสินารายนฺติ เอวํ นามเก นคเร. ตฺหิ นครํ กุสหตฺถํ ปุริสํ ทสฺสนฏฺาเน มาปิตตฺตา ‘‘กุสินาร’’นฺติ วุจฺจติ, สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมํ. อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเนติ ตสฺส นครสฺส อุปวตฺตนภูเต มลฺลราชูนํ สาลวเน. ตฺหิ สาลวนํ นครํ ปวิสิตุกามา อุยฺยานโต อุปจฺจ วตฺตนฺติ คจฺฉนฺติ เอเตนาติ อุปวตฺตนํ. ยถา หิ อนุราธปุรสฺส ทกฺขิณปจฺฉิมทิสายํ ถูปาราโม, เอวํ ตํ อุยฺยานํ กุสินาราย ทกฺขิณปจฺฉิมทิสายํ โหติ. ยถา จ ถูปารามโต ทกฺขิณทฺวาเรน นครํ ปวิสนมคฺโค ปาจีนมุโข คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตติ, เอวํ อุยฺยานโต สาลปนฺติ ปาจีนมุขา คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตา, ตสฺมา ตํ ‘‘อุปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจติ. อปเร ปน ¶ ‘‘ตํ สาลวนมุปคนฺตฺวา มิตฺตสุหชฺเช อปโลเกตฺวา นิวตฺตนโต อุปวตฺตนนฺติ ปากฏํ ชาตํ กิรา’’ติ วทนฺติ. ยมกสาลานมนฺตเรติ ยมกสาลานํ เวมชฺเฌ. ตตฺถ กิร ภควโต ปฺตฺตสฺส ปรินิพฺพานมฺจสฺส สีสภาเค เอกา สาลปนฺติ โหติ, ปาทภาเค เอกา. ตตฺราปิ เอโก ตรุณสาโล สีสภาคสฺส อาสนฺโน โหติ, เอโก ปาทภาคสฺส. ตสฺมา ‘‘ยมกสาลานมนฺตเร’’ติ วุตฺตํ. อปิจ ‘‘ยมกสาลา นาม มูลกฺขนฺธวิฏปปตฺเตหิ อฺมฺํ สํสิพฺเพตฺวา ิตสาลา’’ติปิ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. มา อิติ จนฺโท วุจฺจติ ตสฺส คติยา ทิวสสฺส ¶ มินิตพฺพโต, ตทา สพฺพกลาปาริปูริยา ปุณฺโณ เอว มาติ ปุณฺณมา. สทฺทวิทู ปน ‘‘โม สิโว จนฺทิมา เจวา’’ติ วุตฺตํ สกฺกตภาสานยํ คเหตฺวา โอการนฺตมฺปิ จนฺทิมวาจก ม-สทฺทมิจฺฉนฺติ. วิสาขาย ยุตฺโต ปุณฺณมา ยตฺถาติ วิสาขาปุณฺณโม, โสเยว ทิวโส ตถา, ตสฺมึ. ปจฺจูสติ ติมิรํ วินาเสตีติ ปจฺจูโส, ปติ-ปุพฺโพ อุส-สทฺโท รุชายนฺติ หิ เนรุตฺติกา, โสเยว สมโยติ รตฺติยา ปจฺฉิมยามปริยาปนฺโน กาลวิเสโส วุจฺจติ, ตสฺมึ. วิสาขาปุณฺณมทิวเส อีทิเส รตฺติยา ปจฺฉิมสมเยติ วุตฺตํ โหติ.
อุปาทียเต กมฺมกิเลเสหีติ อุปาทิ, วิปากกฺขนฺธา, กฏตฺตา จ รูปํ. โส ปน อุปาทิ กิเลสาภิสงฺขารมารนิมฺมถเน อโนสฺสฏฺโ, อิธ ขนฺธมจฺจุมารนิมฺมถเน โอสฺสฏฺโน เสสิโต, ตสฺมา นตฺถิ เอติสฺสา อุปาทิสงฺขาโต เสโส, อุปาทิสฺส วา เสโสติ กตฺวา ‘‘อนุปาทิเสสา’’ติ วุจฺจติ. นิพฺพานธาตูติ เจตฺถ นิพฺพุติมตฺตํ อธิปฺเปตํ, นิพฺพานฺจ ตํ สภาวธารณโต ธาตุ จาติ กตฺวา. นิพฺพุติยา หิ การณปริยาเยน อสงฺขตธาตุ ตถา วุจฺจติ. อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ จายํ กรณนิทฺเทโส. อนุปาทิเสสตาสงฺขาตํ อิมํ ปการํ ภูตสฺส ปตฺตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส ภควโต ลกฺขเณ นิพฺพานธาตุสงฺขาเต อตฺเถ ตติยาติ วุตฺตํ โหติ. นนุ จ ‘‘อนุปาทิเสสายา’’ติ นิพฺพานธาตุยาว วิเสสนํ โหติ, น ปรินิพฺพุตสฺส ภควโต, อถ กสฺมา ตํ ภควา ปตฺโตติ วุตฺโตติ? นิพฺพานธาตุยา สหจรณโต. ตํสหจรเณน หิ ภควาปิ อนุปาทิเสสภาวํ ปตฺโตติ วุจฺจติ. อถ วา อนุปาทิเสสภาวสงฺขาตํ อิมํ ปการํ ปตฺตาย นิพฺพานธาตุยา ลกฺขเณ สฺชานนกิริยาย ตติยาติปิ วตฺตุํ ยุชฺชติ. อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยาติ จ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ ¶ หุตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘อูนปฺจพนฺธเนน ปตฺเตนา’’ติ (ปารา. ๖๑๒). เอตฺถ หิ อูนปฺจพนฺธนปตฺโต หุตฺวาติ อตฺถํ วทนฺติ. อปิจ นิพฺพานธาตุยา อนุปาทิเสสาย อนุปาทิเสสา หุตฺวา ภูตายาติปิ ยุชฺชติ. วุตฺตฺหิ อุทานฏฺกถาย นนฺทสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘อุปฑฺฒุลฺลิขิเตหิ เกเสหีติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ วิปฺปกตุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ อุปลกฺขิตาติ อตฺโถ’’ติ (อุทา. อฏฺ. ๒๒) เอสนโย อีทิเสสุ. ธาตุภาชนทิวเสติ เชฏฺมาสสฺส สุกฺกปกฺขปฺจมีทิวสํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตฺจ น ‘‘สนฺนิปติตาน’’นฺติ เอตสฺส วิเสสนํ, ‘‘อุสฺสาหํ ชเนสี’’ติ เอตสฺส ปน วิเสสนํ ‘‘ธาตุภาชนทิวเส ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสี’’ติ อุสฺสาหชนนสฺส กาลวเสน ภินฺนาธิกรณวิเสสนภาวโต. ธาตุภาชนทิวสโต หิ ปุริมตรทิวเสสุปิ ภิกฺขู สนฺนิปติตาติ. อถ วา ‘‘สนฺนิปติตาน’’นฺติ อิทํ กายสามคฺคิวเสน สนฺนิปตนเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น สมาคมนมตฺเตน. ตสฺมา ‘‘ธาตุภาชนทิวเส’’ติ อิทํ ‘‘สนฺนิปติตาน’’นฺติ เอตสฺส วิเสสนํ สมฺภวติ, อิทฺจ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสีติ เอตฺถ ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ เอเตนปิ สมฺพชฺฌนียํ ¶ . สงฺฆสฺส เถโร สงฺฆตฺเถโร. โส ปน สงฺโฆ กึ ปริมาโณติ อาห ‘‘สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสาน’’นฺติ. สงฺฆสทฺเทน หิ อวิฺายมานสฺส ปริมาณสฺส วิฺาปนตฺถเมเวตํ ปุน วุตฺตํ. สทฺทวิทู ปน วทนฺติ –
‘‘สมาโส จ ตทฺธิโต จ, วากฺยตฺเถสุ วิเสสกา;
ปสิทฺธิยนฺตุ สามฺํ, เตลํ สุคตจีวรํ.
ตสฺมา นามมตฺตภูตสฺส สงฺฆตฺเถรสฺส วิเสสนตฺถเมเวตํ ปุน วุตฺตนฺติ, นิจฺจสาเปกฺขตาย จ เอทิเสสุ สมาโส ยถา ‘‘เทวทตฺตสฺส ครุกุล’’นฺติ. นิจฺจสาเปกฺขตา เจตฺถ สงฺฆสทฺทสฺส ภิกฺขุสตสหสฺสสทฺทํ สาเปกฺขตฺเตปิ อฺปทนฺตราภาเวน วากฺเย วิย อเปกฺขิตพฺพตฺถสฺส คมกตฺตา. ‘‘สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสาน’’นฺติ หิ เอตสฺส สงฺฆสทฺเท อวยวีภาเวน สมฺพนฺโธ, ตสฺสาปิ สามิภาเวน เถรสทฺเทติ. ‘‘สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสาน’’นฺติ จ คณปาโมกฺขภิกฺขูเยว สนฺธาย วุตฺตํ. ตทา หิ สนฺนิปติตา ภิกฺขู เอตฺตกาติ คณนปถมติกฺกนฺตา. ตถา หิ เวฬุวคาเม เวทนาวิกฺขมฺภนโต ปฏฺาย ‘‘นจิเรเนว ภควา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ สุตฺวา ตโต ตโต อาคเตสุ ภิกฺขูสุ เอกภิกฺขุปิ ปกฺกนฺโต นาม นตฺถิ. ยถาหุ –
‘‘สตฺตสตสหสฺสานิ ¶ , เตสุ ปาโมกฺขภิกฺขโว;
เถโร มหากสฺสโปว, สงฺฆตฺเถโร ตทา อหู’’ติ.
อายสฺมา มหากสฺสโป อนุสฺสรนฺโต มฺมาโน จินฺตยนฺโต หุตฺวา อุสฺสาหํ ชเนสิ, อนุสฺสรนฺโต มฺมาโน จินฺตยนฺโต อายสฺมา มหากสฺสโป อุสฺสาหํ ชเนสีติ วา สมฺพนฺโธ. มหนฺเตหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา มหนฺโต กสฺสโปติ มหากสฺสโป. อปิจ ‘‘มหากสฺสโป’’ติ อุรุเวลกสฺสโป นทีกสฺสโป คยากสฺสโป กุมารกสฺสโปติ อิเม ขุทฺทานุขุทฺทเก เถเร อุปาทาย วุจฺจติ. กสฺมา ปนายสฺมา มหากสฺสโป อุสฺสาหํ ชเนสีติ อนุโยเค สติ ตํ การณํ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘สตฺตาหปรินิพฺพุเต’’ติอาทิ. สตฺต อหานิ สมาหฏานิ สตฺตาหํ. สตฺตาหํ ปรินิพฺพุตสฺส อสฺสาติ ตถา ยถา ‘‘อจิรปกฺกนฺโต, มาสชาโต’’ติ, อนฺตตฺถอฺปทสมาโสยํ, ตสฺมึ. ภควโต ปรินิพฺพานทิวสโต ปฏฺาย สตฺตาเห วีติวตฺเตติ วุตฺตํ โหติ, เอตสฺส ‘‘วุตฺตวจน’’นฺติ ปเทน สมฺพนฺโธ, ตถา ‘‘สุภทฺเทน วุฑฺฒปพฺพชิเตนา’’ติ เอตสฺสปิ. ตตฺถ สุภทฺโทติ ตสฺส นามมตฺตํ, วุฑฺฒกาเล ปน ปพฺพชิตตฺตา ‘‘วุฑฺฒปพฺพชิเตนา’’ติ วุตฺตํ, เอเตน สุภทฺทปริพฺพาชกาทีหิ ตํ วิเสสํ กโรติ. ‘‘อลํ อาวุโส’’ติอาทินา ¶ เตน วุตฺตวจนํ นิทสฺเสติ. โส หิ สตฺตาหปรินิพฺพุเต ภควติ อายสฺมตา มหากสฺสปตฺเถเรน สทฺธึ ปาวาย กุสินารํ อทฺธานมคฺคปฏิปนฺเนสุ ปฺจมตฺเตสุ ภิกฺขุสเตสุ อวีตราเค ภิกฺขู อนฺตรามคฺเค ทิฏฺอาชีวกสฺส สนฺติกา ภควโต ปรินิพฺพานํ สุตฺวา ปตฺตจีวรานิ ฉฑฺเฑตฺวา พาหา ปคฺคยฺหํ นานปฺปการํ ปริเทวนฺเต ทิสฺวา เอวมาห.
กสฺมา ปน โส เอวมาหาติ? ภควติ อาฆาเตน. อยํ กิเรโส ขนฺธเก อาคเต อาตุมาวตฺถุสฺมึ (มหาว. ๓๐๓) นหาปิตปุพฺพโก วุฑฺฒปพฺพชิโต ภควติ กุสินารโต นิกฺขมิตฺวา อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ อาตุมํ คจฺฉนฺเต ‘‘ภควา อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา ‘‘อาคตกาเลยาคุทานํ กริสฺสามี’’ติ สามเณรภูมิยํ ิเต ทฺเว ปุตฺเต เอตทโวจ ‘‘ภควา กิร ตาตา อาตุมํ อาคจฺฉติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ, คจฺฉถ ตุมฺเห ตาตา, ขุรภณฺฑํ อาทาย นาฬิยา วา ปสิพฺพเกน วา อนุฆรกํ อาหิณฺฑถ, โลณมฺปิ เตลมฺปิ ตณฺฑุลมฺปิ ขาทนียมฺปิ ¶ สํหรถ, ภควโต อาคตสฺส ยาคุทานํ กริสฺสามี’’ติ. เต ตถา อกํสุ. อถ ภควติ อาตุมํ อาคนฺตฺวา ภุสาคารกํ ปวิฏฺเ สุภทฺโท สายนฺหสมยํ คามทฺวารํ คนฺตฺวา มนุสฺเส อามนฺเตตฺวา ‘‘หตฺถกมฺมมตฺตํ เม เทถา’’ติ หตฺถกมฺมํ ยาจิตฺวา ‘‘กึ ภนฺเต กโรมา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทฺจิทฺจ คณฺหถา’’ติ สพฺพูปกรณานิ คาหาเปตฺวา วิหาเร อุทฺธนานิ กาเรตฺวา เอกํ กาฬกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา ตาทิสเมว ปารุปิตฺวา ‘‘อิทํ กโรถ, อิทํ กโรถา’’ติ สพฺพรตฺตึ วิจาเรนฺโต สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา โภชฺชยาคฺุจ มธุโคฬกฺจ ปฏิยาทาเปสิ. โภชฺชยาคุ นาม ภฺุชิตฺวา ปาตพฺพยาคุ, ตตฺถ สปฺปิมธุผาณิตมจฺฉมํสปุปฺผผลรสาทิ ยํ กิฺจิ ขาทนียํ นาม อตฺถิ, ตํ สพฺพํ ปวิสติ. กีฬิตุกามานํ สีสมกฺขนโยคฺคา โหติ สุคนฺธคนฺธา.
อถ ภควา กาลสฺเสว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปิณฺฑาย จริตุํ อาตุมาภิมุโข ปายาสิ. อถ ตสฺส อาโรเจสุํ ‘‘ภควา ปิณฺฑาย คามํ ปวิสติ, ตยา กสฺส ยาคุ ปฏิยาทิตา’’ติ. โส ยถานิวตฺถปารุเตเหว เตหิ กาฬกกาสาเวหิ เอเกน หตฺเถน ทพฺพิฺจ กฏจฺฉฺุจ คเหตฺวา พฺรหฺมา วิย ทกฺขิณํ ชาณุมณฺฑลํ ภูมิยํ ปติฏฺเปตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ เม ภนฺเต ภควา ยาคุ’’นฺติ อาห. ตโต ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺตี’’ติ ขนฺธเก (มหาว. ๓๐๔) อาคตนเยน ภควา ปุจฺฉิตฺวา จ สุตฺวา จ ตํ วุฑฺฒปพฺพชิตํ วิครหิตฺวา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ อกปฺปิยสมาทานสิกฺขาปทํ, ขุรภณฺฑปริหรณสิกฺขาปทฺจาติ ทฺเว สิกฺขาปทานิ ปฺเปตฺวา ‘‘อเนกกปฺปโกฏิโย ภิกฺขเว โภชนํ ปริเยสนฺเตเหว วีตินามิตา ¶ , อิทํ ปน ตุมฺหากํ อกปฺปิยํ, อธมฺเมน อุปฺปนฺนํ โภชนํ อิมํ ปริภฺุชิตฺวา อเนกานิ อตฺตภาวสหสฺสานิ อปาเยสฺเวว นิพฺพตฺติสฺสนฺติ, อเปถ มา คณฺหถา’’ติ วตฺวา ภิกฺขาจาราภิมุโข อคมาสิ, เอกภิกฺขุนาปิ น กิฺจิ คหิตํ. สุภทฺโท อนตฺตมโน หุตฺวา ‘‘อยํ สพฺพํ ชานามี’’ติ อาหิณฺฑติ, สเจ น คเหตุกาโม เปเสตฺวา อาโรเจตพฺพํ อสฺส, ปกฺกาหาโร นาม สพฺพจิรํ ติฏฺนฺโต สตฺตาหมตฺตํ ติฏฺเยฺย, อิทฺจ มม ยาวชีวํ ปริยตฺตํ อสฺส, สพฺพํ เตน นาสิตํ, อหิตกาโม อยํ มยฺห’’นฺติ ภควติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ทสพเล ธรมาเน กิฺจิ วตฺตุํ ¶ นาสกฺขิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อยํ อุจฺจา กุลา ปพฺพชิโต มหาปุริโส, สเจ กิฺจิ ธรนฺตสฺส วกฺขามิ, มมํเยว สนฺตชฺเชสฺสตี’’ติ.
สฺวายํ อชฺช มหากสฺสปตฺเถเรน สทฺธึ คจฺฉนฺโต ‘‘ปรินิพฺพุโต ภควา’’ติ สุตฺวา ลทฺธสฺสาโส วิย หฏฺตุฏฺโ เอวมาห. เถโร ปน ตํ สุตฺวา หทเย ปหารํ วิย, มตฺถเก ปติตสุกฺขาสนึ วิย (สุกฺขาสนิ วิย ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๓๒) มฺิ, ธมฺมสํเวโค จสฺส อุปฺปชฺชิ ‘‘สตฺตาหมตฺตปรินิพฺพุโต ภควา, อชฺชาปิสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ธรติเยว, ทุกฺเขน ภควตา อาราธิตสาสเน นาม เอวํ ลหุํ มหนฺตํ ปาปํ กสฏํ กณฺฏโก อุปฺปนฺโน, อลํ โข ปเนส ปาโป วฑฺฒมาโน อฺเปิ เอวรูเป สหาเย ลภิตฺวา สาสนํ โอสกฺกาเปตุ’’นฺติ.
ตโต เถโร จินฺเตสิ ‘‘สเจ โข ปนาหํ อิมํ มหลฺลกํ อิเธว ปิโลติกํ นิวาเสตฺวา ฉาริกาย โอกิราเปตฺวา นีหราเปสฺสามิ, มนุสฺสา ‘สมณสฺส โคตมสฺส สรีเร ธรมาเนเยว สาวกา วิวทนฺตี’ติ อมฺหากํ โทสํ ทสฺเสสฺสนฺติ, อธิวาเสมิ ตาว. ภควตา หิ เทสิตธมฺโม อสงฺคหิตปุปฺผราสิสทิโส, ตตฺถ ยถา วาเตน ปหฏปุปฺผานิ ยโต วา ตโต วา คจฺฉนฺติ, เอวเมว เอวรูปานํ วเสน คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล วินเย เอกํ ทฺเว สิกฺขาปทานิ นสฺสิสฺสนฺติ, สุตฺเต เอโก ทฺเว ปฺหาวารา นสฺสิสฺสนฺติ, อภิธมฺเม เอกํ ทฺเว ภูมนฺตรานิ นสฺสิสฺสนฺติ, เอวํ อนุกฺกเมน มูเล นฏฺเ ปิสาจสทิสา ภวิสฺสาม, ตสฺมา ธมฺมวินยสงฺคหํ กริสฺสามิ, เอวํ สติ ทฬฺหสุตฺเตน สงฺคหิตปุปฺผานิ วิย อยํ ธมฺมวินโย นิจฺจโล ภวิสฺสติ. เอตทตฺถฺหิ ภควา มยฺหํ ตีณิ คาวุตานิ ปจฺจุคฺคมนํ อกาสิ, ตีหิ โอวาเทหิ (สํ. นิ. ๒.๑๔๙, ๑๕๐, ๑๕๑) อุปสมฺปทํ อกาสิ, กายโต จีวรปริวตฺตนํ อกาสิ, อากาเส ปาณึ จาเลตฺวา จนฺโทปมปฏิปทํ กเถนฺโต มฺเว สกฺขึ กตฺวา กเถสิ, ติกฺขตฺตุํ สกลสาสนรตนํ ปฏิจฺฉาเปสิ, มาทิเส ภิกฺขุมฺหิ ติฏฺมาเน อยํ ปาโป สาสเน วฑฺฒึ มา อลตฺถ, ยาว อธมฺโม น ทิปฺปติ, ธมฺโม น ปฏิพาหิยฺยติ, อวินโย น ทิปฺปติ, วินโย น ปฏิพาหิยฺยติ, อธมฺมวาทิโน น พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ¶ น ทุพฺพลา โหนฺติ, อวินยวาทิโน น พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน น ทุพฺพลา โหนฺติ, ตาว ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิสฺสามิ, ตโต ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปโหนกํ ¶ คเหตฺวา กปฺปิยากปฺปิเย กเถสฺสนฺติ, อถายํ ปาโป สยเมว นิคฺคหํ ปาปุณิสฺสติ, ปุน สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺขิสฺสติ, สาสนํ อิทฺธฺเจว ผีตฺตฺจ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา โส ‘‘เอวํ นาม มยฺหํ จิตฺตํ อุปฺปนฺน’’นฺติ กสฺสจิปิ อนาโรเจตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สมสฺสาเสตฺวา อถ ปจฺฉา ธาตุภาชนทิวเส ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อายสฺมา มหากสฺสโป สตฺตาหปรินิพฺพุเต…เป… ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสี’’ติ.
ตตฺถ อลนฺติ ปฏิกฺเขปวจนํ, น ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. อาวุโสติ ปริเทวนฺเต ภิกฺขู อาลปติ. มา โสจิตฺถาติ จิตฺเต อุปฺปนฺนพลวโสเกน มา โสกมกตฺถ. มา ปริเทวิตฺถาติ วาจาย มา วิลาปมกตฺถ. ‘‘ปริเทวนํ วิลาโป’’ติ หิ วุตฺตํ. อโสจนาทีนํ การณมาห ‘‘สุมุตฺตา’’ติอาทินา. เตน มหาสมเณนาติ นิสฺสกฺเก กรณวจนํ, สฺมาวจนสฺส วา นาพฺยปฺปเทโส. ‘‘อุปทฺทุตา’’ติ ปเท ปน กตฺตริ ตติยาวเสน สมฺพนฺโธ. อุภยาเปกฺขฺเหตํ ปทํ. อุปทฺทุตา จ โหมาติ ตํกาลาเปกฺขวตฺตมานวจนํ, ‘‘ตทา’’ติ เสโส. อตีตตฺเถ วา วตฺตมานวจนํ, อหุมฺหาติ อตฺโถ. อนุสฺสรนฺโต ธมฺมสํเวควเสเนว, น ปน โกธาทิวเสน. ธมฺมสภาวจินฺตาวเสน หิ ปวตฺตํ สโหตฺตปฺปาณํ ธมฺมสํเวโค. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สพฺพสงฺขตธมฺเมสุ, โอตฺตปฺปาการสณฺิตํ;
าณโมหิตภารานํ, ธมฺมสํเวคสฺิต’’นฺติ. (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา);
อฺํ อุสฺสาหชนนการณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อีทิสสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อีทิสสฺส จ สงฺฆสนฺนิปาตสฺสาติ สตฺตสตสหสฺสคณปาโมกฺขตฺเถรปฺปมุขคณนปถาติกฺกนฺตสงฺฆสนฺนิปาตํ สนฺธาย วทติ. ‘‘านํ โข ปเนตํ วิชฺชตี’’ติอาทินาปิ อฺํ การณํ ทสฺเสติ. ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านํ, เหตุ. โขติ อวธารเณ. ปนาติ วจนาลงฺกาเร, เอตํ านํ วิชฺชเตว, โน น วิชฺชตีติ อตฺโถ. กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘ยํ ปาปภิกฺขู’’ติอาทิ. ยนฺติ นิปาตมตฺตํ, การณนิทฺเทโส วา, เยน าเนน อนฺตรธาเปยฺยุํ, ตเทตํ านํ วิชฺชติเยวาติ. ปาเปน ลามเกน อิจฺฉาวจเรน สมนฺนาคตา ภิกฺขู ปาปภิกฺขู ¶ . อตีโต สตฺถา เอตฺถ, เอตสฺสาติ วา อตีตสตฺถุกํ ยถา ‘‘พหุกตฺตุโก’’ติ. ปธานํ วจนํ ปาวจนํ. ปา-สทฺโท ¶ เจตฺถ นิปาโต ‘‘ปา เอว วุตฺยสฺสา’’ติอาทีสุ วิย. อุปสคฺคปทํ วา เอตํ, ทีฆํ กตฺวา ปน ตถา วุตฺตํ ยถา ‘‘ปาวทตี’’ติปิ วทนฺติ. ปกฺขนฺติ อลชฺชิปกฺขํ. ‘‘ยาว จา’’ติอาทินา สงฺคีติยา สาสนจิรฏฺิติกภาเว การณํ, สาธกฺจ ทสฺเสติ. ‘‘ตสฺมา’’ติ หิ ปทมชฺฌาหริตฺวา ‘‘สงฺคาเยยฺย’’นฺติ ปเทน สมฺพนฺธนียํ.
ตตฺถ ยาว จ ธมฺมวินโย ติฏฺตีติ ยตฺตกํ กาลํ ธมฺโม จ วินโย จ ลชฺชิปุคฺคเลสุ ติฏฺติ. ปรินิพฺพานมฺจเก นิปนฺเนน ภควตา มหาปรินิพฺพานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๒๑๖) วุตฺตํ สนฺธาย ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. หิ-สทฺโท อาคมวเสน ทฬฺหิโชตโก. เทสิโต ปฺตฺโตติ ธมฺโมปิ เทสิโต เจว ปฺตฺโต จ. สุตฺตาภิธมฺมสงฺคหิตสฺส หิ ธมฺมสฺส อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนา, ตสฺเสว ปการโต าปนํ วิเนยฺยสนฺตาเน ปนํ ปฺาปนํ. วินโยปิ เทสิโต เจว ปฺตฺโต จ. วินยตนฺติสงฺคหิตสฺส หิ อตฺถสฺส อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนา, ตสฺเสว ปการโต าปนํ อสงฺกรโต ปนํ ปฺาปนํ, ตสฺมา กมฺมทฺวยมฺปิ กิริยาทฺวเยน สมฺพชฺฌนํ ยุชฺชตีติ เวทิตพฺพํ.
โสติ โส ธมฺโม จ วินโย จ. มมจฺจเยนาติ มม อจฺจยกาเล. ‘‘ภุมฺมตฺเถ กรณนิทฺเทโส’’ติ หิ อกฺขรจินฺตกา วทนฺติ. เหตฺวตฺเถ วา กรณวจนํ, มม อจฺจยเหตุ ตุมฺหากํ สตฺถา นาม ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. วุตฺตฺหิ มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๑๖). ลกฺขณวจนฺเหตฺถ เหตฺวตฺถสาธกํ ยถา ‘‘เนตฺเต อุชุํ คเต สตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๐; เนตฺติ. ๑๐.๙๐, ๙๓). อิทํ วุตฺตํ โหติ – มยา โว ิเตเนว ‘‘อิทํ ลหุกํ, อิทํ ครุกํ, อิทํ สเตกิจฺฉํ, อิทํ อเตกิจฺฉํ, อิทํ โลกวชฺชํ, อิทํ ปณฺณตฺติวชฺชํ, อยํ อาปตฺติ ปุคฺคลสฺส สนฺติเก วุฏฺาติ, อยํ คณสฺส, อยํ สงฺฆสฺส สนฺติเก วุฏฺาตี’’ติ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมนียตาวเสน โอติณฺณวตฺถุสฺมึ สขนฺธกปริวาโร อุภโตวิภงฺโค มหาวินโย นาม เทสิโต, ตํ สกลมฺปิ วินยปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ ‘‘อิทํ โว กตฺตพฺพํ, อิทํ โว น กตฺตพฺพ’’นฺติ กตฺตพฺพากตฺตพฺพสฺส วิภาเคน ¶ อนุสาสนโต. ิเตเนว จ มยา ‘‘อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ เตน เตน วิเนยฺยานํ อชฺฌาสยานุรูเปน ปกาเรน อิเม สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม วิภชิตฺวา วิภชิตฺวา สุตฺตนฺตปิฏกํ เทสิตํ, ตํ สกลมฺปิ สุตฺตนฺตปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ ตํตํจริยานุรูปํ สมฺมาปฏิปตฺติยา อนุสาสนโต, ิเตเนว จ มยา ‘‘อิเม ¶ ปฺจกฺขนฺธา (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๑๖), ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย, จตฺตาริ สจฺจานิ, พาวีสตินฺทฺริยานิ, นว เหตู, จตฺตาโร อาหารา, สตฺต ผสฺสา, สตฺต เวทนา, สตฺต สฺา, สตฺต เจตนา, สตฺต จิตฺตานิ. ตตฺราปิ เอตฺตกา ธมฺมา กามาวจรา, เอตฺตกา รูปาวจรา, เอตฺตกา อรูปาวจรา, เอตฺตกา ปริยาปนฺนา, เอตฺตกา อปริยาปนฺนา, เอตฺตกา โลกิยา, เอตฺตกา โลกุตฺตรา’’ติ อิเม ธมฺเม วิภชิตฺวา วิภชิตฺวา อภิธมฺมปิฏกํ เทสิตํ, ตํ สกลมฺปิ อภิธมฺมปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ ขนฺธาทิวิภาเคน ายมานํ จตุสจฺจสมฺโพธาวหตฺตา. อิติ สพฺพมฺเปตํ อภิสมฺโพธิโต ยาว ปรินิพฺพานา ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ ภาสิตํ ลปิตํ ‘‘ตีณิ ปิฏกานิ, ปฺจ นิกายา, นวงฺคานิ, จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ เอวํ มหปฺปเภทํ โหติ. อิมานิ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ติฏฺนฺติ, อหํ เอโกว ปรินิพฺพายิสฺสามิ, อหฺจ ปนิทานิ เอโกว โอวทามิ อนุสาสามิ, มยิ ปรินิพฺพุเต อิมานิ จตุราสีติ พุทฺธสหสฺสานิ ตุมฺเห โอวทิสฺสนฺติ อนุสาสิสฺสนฺติ โอวาทานุสาสนกิจฺจสฺส นิปฺผาทนโตติ.
สาสนนฺติ ปริยตฺติปฏิปตฺติปฏิเวธวเสน ติวิธมฺปิ สาสนํ, นิปฺปริยายโต ปน สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา. อทฺธานํ คมิตุมลนฺติ อทฺธนิยํ, อทฺธานคามิ อทฺธานกฺขมนฺติ อตฺโถ. จิรํ ิติ เอตสฺสาติ จิรฏฺิติกํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน ปกาเรน อิทํ สาสนํ อทฺธนิยํ, ตโตเยว จ จิรฏฺิติกํ ภเวยฺย, เตน ปกาเรน ธมฺมฺจ วินยฺจ ยทิ ปนาหํ สงฺคาเยยฺยํ, สาธุ วตาติ.
อิทานิ สมฺมาสมฺพุทฺเธน อตฺตโน กตํ อนุคฺคหวิเสสํ สมนุสฺสริตฺวา จินฺตนาการมฺปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยฺจาหํ ภควตา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ยฺจาห’’นฺติ เอตสฺส ‘‘อนุคฺคหิโต, ปสํสิโต’’ติ เอเตหิ สมฺพนฺโธ. ยนฺติ ¶ ยสฺมา, กิริยาปรามสนํ วา เอตํ, เตน ‘‘อนุคฺคหิโต, ปสํสิโต’’ติ เอตฺถ อนุคฺคหณํ, ปสํสนฺจ ปรามสติ. ‘‘ธาเรสฺสสี’’ติอาทิกํ ปน วจนํ ภควา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล มหากสฺสปตฺเถเรน ปฺตฺตสงฺฆาฏิยํ นิสินฺโน ตํ สงฺฆาฏึ ปทุมปุปฺผวณฺเณน ปาณินา อนฺตนฺเตน ปรามสนฺโต อาห. วุตฺตฺเหตํ กสฺสปสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) มหากสฺสปตฺเถเรเนว อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา กเถนฺเตน –
‘‘อถ โข อาวุโส ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม เยน อฺตรํ รุกฺขมูลํ เตนุปสงฺกมิ, อถ ขฺวาหํ อาวุโส ปฏปิโลติกานํ สงฺฆาฏึ จตุคฺคุณํ ปฺเปตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจํ ‘อิธ ภนฺเต ภควา นิสีทตุ, ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’ติ ¶ . นิสีทิ โข อาวุโส ภควา ปฺตฺเต อาสเน, นิสชฺช โข มํ อาวุโส ภควา เอตทโวจ ‘มุทุกา โข ตฺยายํ กสฺสป ปฏปิโลติกานํ สงฺฆาฏี’ติ. ปฏิคฺคณฺหาตุ เม ภนฺเต ภควา ปฏปิโลติกานํ สงฺฆาฏึ อนุกมฺปํ อุปาทายาติ. ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ กสฺสป สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานีติ. ธาเรสฺสามหํ ภนฺเต ภควโต สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานีติ. โส ขฺวาหํ อาวุโส ปฏปิโลติกานํ สงฺฆาฏึ ภควโต ปาทาสึ, อหํ ปน ภควโต สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานิ ปฏิปชฺชิ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔).
ตตฺถ มุทุกา โข ตฺยายนฺติ มุทุกา โข เต อยํ. กสฺมา ปน ภควา เอวมาหาติ? เถเรน สห จีวรํ ปริวตฺเตตุกามตาย. กสฺมา ปริวตฺเตตุกาโม ชาโตติ? เถรํ อตฺตโน าเน เปตุกามตาย. กึ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา นตฺถีติ? อตฺถิ, เอวํ ปนสฺส อโหสิ ‘‘อิเม น จิรํ สฺสนฺติ, ‘กสฺสโป ปน วีสวสฺสสตายุโก, โส มยิ ปรินิพฺพุเต สตฺตปณฺณิคุหายํ วสิตฺวา ธมฺมวินยสงฺคหํ กตฺวา มม สาสนํ ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณกาลํ ปวตฺตนกํ กริสฺสตี’’ติ อตฺตโน นํ าเน เปสิ, เอวํ ภิกฺขู กสฺสปสฺส สุสฺสุสิตพฺพํ มฺิสฺสนฺตี’’ติ ตสฺมา เอวมาห. เถโร ปน ยสฺมา จีวรสฺส วา ปตฺตสฺส วา วณฺเณ กถิเต ‘‘อิมํ ตุมฺเห คณฺหถา’’ติ วจนํ จาริตฺตเมว, ตสฺมา ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ เม ภนฺเต ภควา’’ติ อาห.
ธาเรสฺสสิ ¶ ปน เม ตฺวํ กสฺสปาติ กสฺสป ตฺวํ อิมานิ ปริโภคชิณฺณานิ ปํสุกูลานิ ปารุปิตุํ สกฺขิสฺสสีติ วทติ. ตฺจ โข น กายพลํ สนฺธาย, ปฏิปตฺติปูรณํ ปน สนฺธาย เอวมาห. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อหํ อิมํ จีวรํ ปุณฺณํ นาม ทาสึ ปารุปิตฺวา อามกสุสาเน ฉฑฺฑิตํ สุสานํ ปวิสิตฺวา ตุมฺพมตฺเตหิ ปาณเกหิ สมฺปริกิณฺณํ เต ปาณเก วิธุนิตฺวา มหาอริยวํเส ตฺวา อคฺคเหสึ, ตสฺส เม อิมํ จีวรํ คหิตทิวเส ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ มหาปถวี มหาวิรวํ วิรวมานา กมฺปิตฺถ, อากาสํ ตฏตฏายิ, จกฺกวาเฬ เทวตา สาธุการํ อทํสุ, อิมํ จีวรํ คณฺหนฺเตน ภิกฺขุนา ชาติปํสุกูลิเกน ชาติอารฺิเกน ชาติเอกาสนิเกน ชาติสปทานจาริเกน ภวิตุํ วฏฺฏติ, ตฺวํ อิมสฺส จีวรสฺส อนุจฺฉวิกํ กาตุํ สกฺขิสฺสสีติ. เถโรปิ อตฺตนา ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธาเรติ, โส ตํ อตกฺกยิตฺวา ‘‘อหเมตํ ปฏิปตฺตึ ปูเรสฺสามี’’ติ อุสฺสาเหน สุคตจีวรสฺส อนุจฺฉวิกํ กาตุกาโม ‘‘ธาเรสฺสามหํ ภนฺเต’’ติ อาห. ปฏิปชฺชินฺติ ปฏิปนฺโนสึ. เอวํ ปน จีวรปริวตฺตนํ ¶ กตฺวา เถเรน ปารุปิตจีวรํ ภควา ปารุปิ, สตฺถุ จีวรํ เถโร. ตสฺมึ สมเย มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อุนฺนทนฺตี กมฺปิตฺถ.
สาณานิ ปํสุกูลานีติ มตกเฬวรํ ปริเวเตฺวา ฉฑฺฑิตานิ ตุมฺพมตฺเต กิมี ปปฺโผเฏตฺวา คหิตานิ สาณวากมยานิ ปํสุกูลจีวรานิ. นิพฺพสนานีติ นิฏฺิตวสนกิจฺจานิ, ปริโภคชิณฺณานีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ เอกเมว ตํ จีวรํ, อเนกาวยวตฺตา ปน พหุวจนํ กตนฺติ มชฺฌิมคณฺิปเท วุตฺตํ. จีวเร สาธารณปริโภเคนาติ เอตฺถ อตฺตนา สาธารณปริโภเคนาติ อตฺถสฺส วิฺายมานตฺตา, วิฺายมานตฺถสฺส จ สทฺทสฺส ปโยเค กามาจารตฺตา ‘‘อตฺตนา’’ติ น วุตฺตํ. ‘‘ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ กสฺสป สาณานิ ปํสุกูลานี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) หิ วุตฺตตฺตา ‘‘อตฺตนาว สาธารณปริโภเคนา’’ติ วิฺายติ, นาฺเน. น หิ เกวลํ สทฺทโตเยว สพฺพตฺถ อตฺถนิจฺฉโย, อตฺถปกรณาทินาปิ เยภุยฺเยน อตฺถสฺส นิยมิตตฺตา. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปเนตฺถ เอวํ วุตฺตํ ‘‘จีวเร สาธารณปริโภเคนาติ เอตฺถ ‘อตฺตนา สมสมฏฺปเนนา’ติ อิธ วุตฺตํ อตฺตนา – สทฺทมาเนตฺวา ‘จีวเร อตฺตนา สาธารณปริโภเคนา’ติ โยเชตพฺพํ.
ยสฺส ¶ เยน หิ สมฺพนฺโธ, ทูรฏฺมฺปิ จ ตสฺส ตํ;
อตฺถโต หฺยสมานานํ, อาสนฺนตฺตมการณนฺติ.
อถ วา ภควตา จีวเร สาธารณปริโภเคน ภควตา อนุคฺคหิโตติ โยชนียํ. เอกสฺสาปิ หิ กรณนิทฺเทสสฺส สหาทิโยคกตฺตุตฺถโชตกตฺตสมฺภวโต’’ติ. สมานํ ธารณเมตสฺสาติ สาธารโณ, ตาทิโส ปริโภโคติ สาธารณปริโภโค, เตน. สาธารณปริโภเคน จ สมสมฏฺปเนน จ อนุคฺคหิโตติ สมฺพนฺโธ.
อิทานิ –
‘‘อหํ ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ, กสฺสโปปิ ภิกฺขเว ยาวเท อากงฺขติ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๑๕๒) –
นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาปเภเท ¶ อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺปนตฺถาย ภควตา วุตฺตํ กสฺสปสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๒.๑๕๑) อาคตํ ปาฬิมิมํ เปยฺยาลมุเขน, อาทิคฺคหเณน จ สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อหํ ภิกฺขเว’’ติอาทิ.
ตตฺถ ยาวเทติ ยาวเทว, ยตฺตกํ กาลํ อากงฺขามิ, ตตฺตกํ กาลํ วิหรามีติ อตฺโถ. ตโตเยว หิ มชฺฌิมคณฺิปเท, จูฬคณฺิปเท จ ‘‘ยาวเทติ ยาวเทวาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ ลิขิตํ. สํยุตฺตฏฺกถายมฺปิ ‘‘ยาวเท อากงฺขามีติ ยาวเทว อิจฺฉามี’’ติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๒.๑๕๒) อตฺโถ วุตฺโต. ตถา หิ ตตฺถ ลีนตฺถปกาสนิยํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ‘‘ยาวเทวาติ อิมินา สมานตฺถํ ‘ยาวเท’ติ อิทํ ปท’’นฺติ วุตฺตํ. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘ยาวเทวา’’ติ อยเมว ปาโ ทิสฺสติ. อปิ จ ยาวเทติ ยตฺตกํ สมาปตฺติวิหารํ วิหริตุํ อากงฺขามิ, ตตฺตกํ สมาปตฺติวิหารํ วิหรามีติ สมาปตฺติฏฺาเน, ยตฺตกํ อภิฺาโวหารํ โวหริตุํ ¶ อากงฺขามิ, ตตฺตกํ อภิฺาโวหารํ โวหรามีติ อภิฺาาเน จ สห ปาเสเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรนาปิ ตเทวตฺถํ ยถาลาภนเยน ทสฺเสตุํ ‘‘ยตฺตเก สมาปตฺติวิหาเร, อภิฺาโวหาเร วา อากงฺขนฺโต วิหารามิ เจว โวหรามิ จ, ตถา กสฺสโปปีติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘ยาวเทติ ‘ยํ ปมชฺฌานํ อากงฺขามิ, ตํ ปมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหารามี’ติอาทินา สมาปตฺติฏฺาเน, อิทฺธิวิธาภิฺาาเน จ อชฺฌาหริตสฺส ต-สทฺทสฺส กมฺมวเสน ‘ยํ ทิพฺพโสตํ อากงฺขามิ, เตน ทิพฺพโสเตน สทฺเท สุณามี’ติอาทินา เสสาภิฺาาเน กรณวเสน โยชนา วตฺตพฺพา’’ติ วทนฺติ. วิวิจฺเจว กาเมหีติ เอตฺถ เอว-สทฺโท นิยมตฺโถ, อุภยตฺถ โยเชตพฺโพ. ยเมตฺถ วตฺตพฺพํ, ตทุปริ อาวิ ภวิสฺสติ.
นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาปฺปเภเทติ เอตฺถ นวานุปุพฺพวิหารา นาม อนุปฏิปาฏิยา สมาปชฺชิตพฺพตฺตา เอวํสฺิตา นิโรธสมาปตฺติยา สห อฏฺ สมาปตฺติโย. ฉฬภิฺา นาม อาสวกฺขยาเณน สห ปฺจาภิฺาโย. กตฺถจิ โปตฺถเก เจตฺถ อาทิสทฺโท ทิสฺสติ. โส อนธิปฺเปโต ยถาวุตฺตาย ปาฬิยา คเหตพฺพสฺส อตฺถสฺส อนวเสสตฺตา. มนุสฺเสสุ, มนุสฺสานํ วา อุตฺตริภูตานํ, อุตฺตรีนํ วา มนุสฺสานํ ฌายีนฺเจว อริยานฺจ ธมฺโมติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม, มนุสฺสธมฺมา วา อุตฺตรีติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม. ทส กุสลกมฺมปถา เจตฺถ วินา ภาวนามนสิกาเรน ปกติยาว มนุสฺเสหิ นิพฺพตฺเตตพฺพโต, มนุสฺสตฺตภาวาวหนโต จ มนุสฺสธมฺโม นาม, ตโต อุตฺตริ ปน ฌานาทิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโมติ เวทิตพฺโพ. สมสมฏฺปเนนาติ ‘‘อหํ ยตฺตกํ กาลํ, ยตฺตเก วา สมาปตฺติวิหาเร, ยตฺตกา อภิฺาโย จ วฬฺเชมิ ¶ , ตถา กสฺสโปปี’’ติ เอวํ สมสมํ กตฺวา ปเนน. อเนกฏฺาเนสุ ปนํ, กสฺสจิปิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส อเสสภาเวน เอกนฺตสมฏฺปนํ วา สนฺธาย ‘‘สมสมฏฺปเนนา’’ติ วุตฺตํ, อิทฺจ นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาภาวสามฺเน ปสํสามตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ อายสฺมา มหากสฺสโป ภควา วิย เทวสิกํ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยา สมาปตฺติโย สมาปชฺชติ, ยมกปาฏิหาริยาทิวเสน จ อภิฺาโย วฬฺเชตีติ. เอตฺถ จ อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺปเนนา’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ –
‘‘โอวท ¶ กสฺสป ภิกฺขู, กโรหิ กสฺสป ภิกฺขูนํ ธมฺมึ กถํ, อหํ วา กสฺสป ภิกฺขู โอวเทยฺยํ, ตฺวํ วา. อหํ วา กสฺสป ภิกฺขูนํ ธมฺมึ กถํ กเรยฺยํ, ตฺวํ วา’’ติ –
เอวมฺปิ อตฺตนา สมสมฏฺปนมกาสิเยวาติ.
ตถาติ รูปูปสํหาโร ยถา อนุคฺคหิโต, ตถา ปสํสิโตติ. อากาเส ปาณึ จาเลตฺวาติ ภควตา อตฺตโนเยว ปาณึ อากาเส จาเลตฺวา กุเลสุ อลคฺคจิตฺตตาย เจว กรณภูตาย ปสํสิโตติ สมฺพนฺโธ. อลคฺคจิตฺตตายาติ วา อาธาเร ภุมฺมํ, อากาเส ปาณึ จาเลตฺวา กุลูปกสฺส ภิกฺขุโน อลคฺคจิตฺตตาย กุเลสุ อลคฺคนจิตฺเตน ภวิตุํ ยุตฺตตาย เจว มฺเว สกฺขึ กตฺวา ปสํสิโตติ อตฺโถ. ยถาห –
‘‘อถ โข ภควา อากาเส ปาณึ จาเลสิ เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว, อยํ อากาเส ปาณิ น สชฺชติ น คยฺหติ น พชฺฌติ, เอวเมว โข ภิกฺขเว ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน กุลานิ อุปสงฺกมโต กุเลสุ จิตฺตํ น สชฺชติ น คยฺหติ น พชฺฌติ ‘ลภนฺตุ ลาภกามา, ปฺุกามา กโรนฺตุ ปฺุานี’ติ. ยถา สเกน ลาเภน อตฺตมโน โหติ สุมโน, เอวํ ปเรสํ ลาเภน อตฺตมโน โหติ สุมโน. เอวรูโป โข ภิกฺขเว ภิกฺขุ อรหติ กุลานิ อุปสงฺกมิตุํ. กสฺสปสฺส ภิกฺขเว กุลานิ อุปสงฺกมโต กุเลสุ จิตฺตํ น สชฺชติ น คยฺหติ น พชฺฌติ ‘ลภนฺตุ ลาภกามา, ปฺุกามา กโรนฺตุ ปฺุานี’ติ. ยถา สเกน ลาเภน อตฺตมโน โหติ สุมโน, เอวํ ปเรสํ ลาเภน อตฺตมโน โหติ สุมโน’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๖).
ตตฺถ อากาเส ปาณึ จาเลสีติ นีเล คคนนฺตเร ยมกวิชฺชุกํ สฺจาลยมาโน วิย เหฏฺาภาเค ¶ , อุปริภาเค, อุภโต จ ปสฺเสสุ ปาณึ สฺจาเลสิ, อิทฺจ ปน เตปิฏเก พุทฺธวจเน อสมฺภินฺนปทํ นาม. อตฺตมโนติ สกมโน, น โทมนสฺเสน ปจฺฉินฺทิตฺวา คหิตมโน. สุมโนติ ตุฏฺมโน, อิทานิ โย หีนาธิมุตฺติโก มิจฺฉาปฏิปนฺโน เอวํ ¶ วเทยฺย ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ‘อลคฺคจิตฺตตาย อากาเส จาลิตปาณูปมา กุลานิ อุปสงฺกมถา’ติ วทนฺโต อฏฺาเน เปติ, อสยฺหภารํ อาโรเปติ, ยํ น สกฺกา กาตุํ, ตํ กาเรหี’’ติ, ตสฺส วาทปถํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘สกฺกา จ โข เอวํ กาตุํ, อตฺถิ เอวรูโป ภิกฺขู’’ติ อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปตฺเถรเมว สกฺขึ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘กสฺสปสฺส ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห.
อฺมฺปิ ปสํสนมาห ‘‘จนฺโทปมปฏิปทาย จา’’ติ, จนฺทปฏิภาคาย ปฏิปทาย จ กรณภูตาย ปสํสิโต, ตสฺสํ วา อาธารภูตาย มฺเว สกฺขึ กตฺวา ปสํสิโตติ อตฺโถ. ยถาห –
‘‘จนฺทูปมา ภิกฺขเว กุลานิ อุปสงฺกมถ อปกสฺเสว กายํ, อปกสฺส จิตฺตํ นิจฺจนวกา กุเลสุ อปฺปคพฺภา. เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว ปุริโส ชรุทปานํ วา โอโลเกยฺย ปพฺพตวิสมํ วา นทีวิทุคฺคํ วา อปกสฺเสว กายํ, อปกสฺส จิตฺตํ, เอวเมว โข ภิกฺขเว จนฺทูปมา กุลานิ อุปสงฺกมถ อปกสฺเสว กายํ, อปกสฺส จิตฺตํ นิจฺจนวกา กุเลสุ อปฺปคพฺภา. กสฺสโป ภิกฺขเว จนฺทูปโม กุลานิ อุปสงฺกมติ อปกสฺเสว กายํ, อปกสฺส จิตฺตํ นิจฺจนวโก กุเลสุ อปฺปคพฺโภ’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๖).
ตตฺถ จนฺทูปมาติ จนฺทสทิสา หุตฺวา. กึ ปริมณฺฑลตาย สทิสาติ? โน, อปิจ โข ยถา จนฺโท คคนตลํ ปกฺขนฺทมาโน น เกนจิ สทฺธึ สนฺถวํ วา สิเนหํ วา อาลยํ วา นิกนฺตึ วา ปตฺถนํ วา ปริยุฏฺานํ วา กโรติ, น จ น โหติ มหาชนสฺส ปิโย มนาโป, ตุมฺเหปิ เอวํ เกนจิ สทฺธึ สนฺถวาทีนํ อกรเณน พหุชนสฺส ปิยา มนาปา จนฺทูปมา หุตฺวา ขตฺติยกุลาทีนิ จตฺตาริ กุลานิ อุปสงฺกมถาติ อตฺโถ. อปิจ ยถา จนฺโท อนฺธการํ วิธมติ, อาโลกํ ผรติ, เอวํ กิเลสนฺธการวิธมเนน, าณาโลกผรเณน จ จนฺทูปมา หุตฺวาติ เอวมาทีหิปิ นเยหิ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อปกสฺเสว กายํ, อปกสฺส จิตฺตนฺติ เตเนว สนฺถวาทีนมกรเณน กายฺจ จิตฺตฺจ อปกสฺสิตฺวา, อกฑฺฒิตฺวา อปเนตฺวาติ อตฺโถ. นิจฺจนวกาติ นิจฺจํ นวิกาว, อาคนฺตุกสทิสา ¶ เอว หุตฺวาติ อตฺโถ. อาคนฺตุโก ¶ หิ ปฏิปาฏิยา สมฺปตฺตเคหํ ปวิสิตฺวา สเจ นํ ฆรสามิกา ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตภาตโรปิ วิปฺปวาสคตา เอวํ วิจรึสู’’ติ อนุกมฺปมานา นิสีทาเปตฺวา โภเชนฺติ, ภุตฺตมตฺโตเยว ‘‘ตุมฺหากํ ภาชนํ คณฺหถา’’ติ อุฏฺาย ปกฺกมติ, น เตหิ สทฺธึ สนฺถวํ วา กโรติ, กิจฺจกรณียานิ วา สํวิทหติ, เอวํ ตุมฺเหปิ ปฏิปาฏิยา สมฺปตฺตฆรํ ปวิสิตฺวา ยํ อิริยาปเถสุ ปสนฺนา มนุสฺสา เทนฺติ, ตํ คเหตฺวา ปจฺฉินฺนสนฺถวา เตสํ กิจฺจกรณีเย อพฺยาวฏา หุตฺวา นิกฺขมถาติ ทีเปติ. อปฺปคพฺภาติ น ปคพฺภา, อฏฺฏฺาเนน กายปาคพฺภิเยน, จตุฏฺาเนน วจีปาคพฺภิเยน, อเนกฏฺาเนน มโนปาคพฺภิเยน จ วิรหิตา กุลานิ อุปสงฺกมถาติ อตฺโถ.
ชรุทปานนฺติ ชิณฺณกูปํ. ปพฺพตวิสมนฺติ ปพฺพเต วิสมํ ปปาตฏฺานํ. นทีวิทุคฺคนฺติ นทิยา วิทุคฺคํ ฉินฺนตฏฏฺานํ. เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ชรุทปานาทโย วิย หิ จตฺตาริ กุลานิ, โอโลกนปุริโส วิย ภิกฺขุ, ยถา ปน อนปกฏฺกายจิตฺโต ตานิ โอโลเกนฺโต ปุริโส ตตฺถ ปตติ, เอวํ อรกฺขิเตหิ กายาทีหิ กุลานิ อุปสงฺกมนฺโต ภิกฺขุ กุเลสุ พชฺฌติ, ตโต นานปฺปการํ สีลปาทภฺชนาทิกํ อนตฺถํ ปาปุณาติ. ยถา ปน อปกฏฺกายจิตฺโต ปุริโส ตตฺถ น ปตติ, เอวํ รกฺขิเตเนว กาเยน, รกฺขิตาย วาจาย, รกฺขิเตหิ จิตฺเตหิ, สูปฏฺิตาย สติยา อปกฏฺกายจิตฺโต หุตฺวา กุลานิ อุปสงฺกมนฺโต ภิกฺขุ กุเลสุ น พชฺฌติ, อถสฺส สีลสทฺธาสมาธิปฺาสงฺขาตานิ ปาทหตฺถกุจฺฉิสีสานิ น ภฺชนฺติ, ราคกณฺฏกาทโย น วิชฺฌนฺติ, สุขิโต เยนกามํ อคตปุพฺพํ นิพฺพานทิสํ คจฺฉติ, เอวรูโป อยํ มหากสฺสโปติ หีนาธิมุตฺติกสฺส มิจฺฉาปฏิปนฺนสฺส วาทปถปจฺฉินฺทนตฺถํ มหากสฺสปตฺเถรํ เอว สกฺขึ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘กสฺสโป ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหาติ. เอวมฺเปตฺถ อตฺถมิจฺฉนฺติอลคฺคจิตฺตตาสงฺขาตาย จนฺโทปมปฏิปทาย กรณภูตาย ปสํสิโต, ตสฺสํ วา อาธารภูตาย มฺเว สกฺขึ กตฺวา ปสํสิโตติ, เอวํ สติ เจว-สทฺโท, จ-สทฺโท จ น ปยุชฺชิตพฺโพ ทฺวินฺนํ ปทานํ ตุลฺยาธิกรณตฺตา, อยเมว อตฺโถ ปาโ จ ยุตฺตตโร วิย ทิสฺสติ ปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘อากาเส ปาณึ จาเลตฺวา จนฺทูปมํ ปฏิปทํ กเถนฺโต มํ กายสกฺขึ กตฺวา กเถสี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๓๒) วุตฺตตฺตาติ.
ตสฺส ¶ กิมฺํ อาณณฺยํ ภวิสฺสติ, อฺตฺร ธมฺมวินยสงฺคายนาติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ ตสฺสาติ ยํ-สทฺทสฺส การณนิทสฺสเน ‘‘ตสฺมา’’ติ อชฺฌาหริตฺวา ตสฺส เมติ อตฺโถ, กิริยาปรามสเน ปน ตสฺส อนุคฺคหณสฺส, ปสํสนสฺส จาติ. โปตฺถเกสุปิ กตฺถจิ ‘‘ตสฺส เม’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, เอวํ สติ กิริยาปรามสเน ‘‘ตสฺสา’’ติ อปรํ ปทมชฺฌาหริตพฺพํ. นตฺถิ ¶ อิณํ ยสฺสาติ อณโณ, ตสฺส ภาโว อาณณฺยํ. ธมฺมวินยสงฺคายนํ เปตฺวา อฺํ กึ นาม ตสฺส อิณวิรหิตตฺตํ ภวิสฺสติ, น ภวิสฺสติ เอวาติ อตฺโถ. ‘‘นนุ มํ ภควา’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ อุปมาวเสน วิภาเวติ. สกกวจอิสฺสริยานุปฺปทาเนนาติ เอตฺถ กวโจ นาม อุรจฺฉโท, เยน อุโร ฉาทียเต, ตสฺส จ จีวรนิทสฺสเนน คหณํ, อิสฺสริยสฺส ปน อภิฺาสมาปตฺตินิทสฺสเนนาติ ทฏฺพฺพํ. กุลวํสปฺปติฏฺาปกนฺติ กุลวํสสฺส กุลปเวณิยา ปติฏฺาปกํ. ‘‘เม’’ติ ปทสฺส นิจฺจสาเปกฺขตฺตา สทฺธมฺมวํสปฺปติฏฺาปโกติ สมาโส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สตฺตุสงฺฆนิมฺมทฺทเนน อตฺตโน กุลวํสปฺปติฏฺาปนตฺถํ สกกวจอิสฺสริยานุปฺปทาเนน กุลวํสปฺปติฏฺาปกํ ปุตฺตํ ราชา วิย ภควาปิ มํ ทีฆทสฺสี ‘‘สทฺธมฺมวํสปฺปติฏฺาปโก เม อยํ ภวิสฺสตี’’ติ มนฺตฺวา สาสนปจฺจตฺถิกคณนิมฺมทฺทเนน สทฺธมฺมวํสปฺปติฏฺาปนตฺถํ จีวรทานสมสมฏฺปนสงฺขาเตน อิมินา อสาธารณานุคฺคเหน อนุคฺคเหสิ นนุ, อิมาย จ อุฬาราย ปสํสาย ปสํสิ นนูติ. อิติ จินฺตยนฺโตติ เอตฺถ อิติสทฺเทน ‘‘อนฺตรธาเปยฺยุํ, สงฺคาเยยฺยํ, กิมฺํ อาณณฺยํ ภวิสฺสตี’’ติ วจนปุพฺพงฺคมํ, ‘‘านํ โข ปเนตํ วิชฺชตี’’ติอาทิ วากฺยตฺตยํ นิทสฺเสติ.
อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ สงฺคีติกฺขนฺธกปาฬิยา สาเธนฺโต อาห ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยถาหาติ กึ อาห, มยา วุตฺตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ กึ อาหาติ วุตฺตํ โหติ. ยถา วา เยน ปกาเรน มยา วุตฺตํ, ตถา เตน ปกาเรน ปาฬิยมฺปิ อาหาติ อตฺโถ. ยถา วา ยํ วจนํ ปาฬิยํ อาห, ตถา เตน วจเนน มยา วุตฺตวจนํ สํสนฺทติ เจว สเมติ จ ยถา ตํ คงฺโคทเกน ยมุโนทกนฺติปิ วตฺตพฺโพ ปาฬิยา สาธนตฺถํ อุทาหริตภาวสฺส ปจฺจกฺขโต วิฺายมานตฺตา, วิฺายมานตฺถสฺส จ สทฺทสฺส ปโยเค กามาจารตฺตา. อธิปฺปายวิภาวนตฺถา หิ อตฺถโยชนา. ยถา วา เยน ปกาเรน ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ ¶ อุสฺสาหํ ชเนสิ, ตถา เตน ปกาเรน ปาฬิยมฺปิ อาหาติ อตฺโถ. เอวมีทิเสสุ.
เอกมิทาหนฺติ เอตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํ. เอกํ สมยนฺติ จ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ, เอกสฺมึ สมเยติ อตฺโถ. ปาวายาติ ปาวานครโต, ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา ‘‘กุสินารํ คมิสฺสามี’’ติ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโนติ วุตฺตํ โหติ. อทฺธานมคฺโคติ จ ทีฆมคฺโค วุจฺจติ, ทีฆปริยาโย เหตฺถ อทฺธานสทฺโท. มหตาติ คุณมหตฺเตนปิ สงฺขฺยามหตฺเตนปิ มหตา. ‘‘ปฺจมตฺเตหี’’ติอาทินา สงฺขฺยามหตฺตํ ทสฺเสติ, มตฺตสทฺโท จ ปมาณวจโน ‘‘โภชเน มตฺตฺุตา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๖) วิย. ‘‘ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ อุสฺสาหํ ชเนสี’’ติ เอตสฺสตฺถสฺส สาธนตฺถํ อาหตา ‘‘อถ โข’’ติอาทิกา ปาฬิ ยถาวุตฺตมตฺถํ น สาเธติ ¶ . น เหตฺถ อุสฺสาหชนนปฺปกาโร อาคโตติ โจทนํ ปริหริตุมาห ‘‘สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพ’’นฺติ. เอวมฺเปสา โจทนา ตทวตฺถาเยวาติ วุตฺตํ ‘‘ตโต ปรํ อาหา’’ติอาทิ. อปิจ ยถาวุตฺตตฺถสาธิกา ปาฬิ มหตราติ คนฺถครุตาปริหรณตฺถํ มชฺเฌ เปยฺยาลมุเขน อาทิอนฺตเมว ปาฬึ ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพ’’นฺติ อาห. เตน หิ ‘‘อถ ขฺวาหํ อาวุโส มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีที’’ติ (จูฬว. ๔๓๗) วุตฺตปาฬิโต ปฏฺาย ‘‘ยํ น อิจฺฉิสฺสาม, น ตํ กริสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๗) วุตฺตปาฬิปริโยสานํ สุภทฺทกณฺฑํ ทสฺเสติ.
‘‘ตโต ปร’’นฺติอาทินา ปน ตทวเสสํ ‘‘หนฺท มยํ อาวุโส’’ติอาทิกํ อุสฺสาหชนนปฺปการทสฺสนปาฬึ. ตสฺมา ตโต ปรํ อาหาติ เอตฺถ สุภทฺทกณฺฑโต ปรํ อุสฺสาหชนนปฺปการทสฺสนวจนมาหาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. มหาคณฺิปเทปิ หิ โสเยวตฺโถ วุตฺโต. อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรนาปิ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) ตเถว อธิปฺเปโต. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘ตโต ปรนฺติ ตโต ภิกฺขูนํ อุสฺสาหชนนโต ปรโต’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺตํ, ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ เหฏฺา อุสฺสาหชนนปฺปการสฺส ปาฬิยํ อวุตฺตตฺตา. อยเมว หิ อุสฺสาหชนนปฺปกาโร ยทิทํ ‘‘หนฺท มยํ อาวุโส ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม, ปุเร อธมฺโม ทิปฺปตี’’ติอาทิ. ยทิ ¶ ปน สุภทฺทกณฺฑเมว อุสฺสาหชนนเหตุภูตสฺส สุภทฺเทน วุตฺตวจนสฺส ปกาสนตฺตา อุสฺสาหชนนนฺติ วเทยฺย, นตฺเถเวตฺถ วิจาเรตพฺพตาติ. ปุเร อธมฺโม ทิปฺปตีติ เอตฺถ อธมฺโม นาม ทสกุสลกมฺมปถปฏิปกฺขภูโต อธมฺโม. ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ อุสฺสาหชนนปฺปสงฺคตฺตา วา ตทสงฺคายนเหตุโก โทสคโณปิ สมฺภวติ, ‘‘อธมฺมวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา สีลวิปตฺติอาทิเหตุโก ปาปิจฺฉตาทิโทสคโณ อธมฺโมติปิ วทนฺติ. ปุเร ทิปฺปตีติ อปิ นาม ทิปฺปติ. สํสยตฺเถ หิ ปุเร-สทฺโท. อถ วา ยาว อธมฺโม ธมฺมํ ปฏิพาหิตุํ สมตฺโถ โหติ, ตโต ปุเรตรเมวาติ อตฺโถ. อาสนฺเน หิ อนธิปฺเปเต อยํ ปุเร-สทฺโท. ทิปฺปตีติ ทิปฺปิสฺสติ, ปุเร-สทฺทโยเคน หิ อนาคตตฺเถ อยํ วตฺตมานปโยโค ยถา ‘‘ปุรา วสฺสติ เทโว’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘อนาคเต สนฺนิจฺฉเย, ตถาตีเต จิรตเน;
กาลทฺวเยปิ กวีหิ, ปุเรสทฺโท ปยุชฺชเต’’ติ. (วชิร. ฏี. พาหิรนิทานกถาวณฺณนา);
‘‘ปุเรยาวปุราโยเค ¶ , นิจฺจํ วา กรหิ กทา;
ลจฺฉายมปิ กึ วุตฺเต, วตฺตมานา ภวิสฺสตี’’ติ จ.
เกจิ ปเนตฺถ เอวํ วณฺณยนฺติ – ปุเรติ ปจฺฉา อนาคเต, ยถา อทฺธานํ คจฺฉนฺตสฺส คนฺตพฺพมคฺโค ‘‘ปุเร’’ติ วุจฺจติ, ตถา อิธาปิ มคฺคคมนนเยน อนาคตกาโล ‘‘ปุเร’’ติ วุจฺจตีติ. เอวํ สติ ตํกาลาเปกฺขาย เจตฺถ วตฺตมานปโยโค สมฺภวติ. ธมฺโม ปฏิพาหิยฺยตีติ เอตฺถาปิ ปุเร-สทฺเทน โยเชตฺวา วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ, ตถา ธมฺโมปิ อธมฺมวิปรีตวเสน, อิโต ปรมฺปิ เอเสว นโย. อวินโยติ ปหานวินยสํวรวินยานํ ปฏิปกฺขภูโต อวินโย. วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตีติ เอวํ อิติ-สทฺเทน ปาโ, โส ‘‘ตโต ปรํ อาหา’’ติ เอตฺถ อาห-สทฺเทน สมฺพชฺฌิตพฺโพ.
เตน หีติ อุยฺโยชนตฺเถ นิปาโต. อุจฺจินเน อุยฺโยเชนฺตา หิ มหากสฺสปตฺเถรํ เอวมาหํสุ ‘‘ภิกฺขู อุจฺจินตู’’ติ, สงฺคีติยา อนุรูเป ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา อุปธาเรตฺวา คณฺหาตูติ อตฺโถ. ‘‘สกล…เป… ปริคฺคเหสี’’ติ เอเตน สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวปริยนฺตานํ ยถาวุตฺตปุคฺคลานํ สติปิ ¶ อาคมาธิคมสมฺภเว สห ปฏิสมฺภิทาหิ ปน เตวิชฺชาทิคุณยุตฺตานํ อาคมาธิคมสมฺปตฺติยา อุกฺกํสคตตฺตา สงฺคีติยา พหูปการตํ ทสฺเสติ. สกลํ สุตฺตเคยฺยาทิกํ นวงฺคํ เอตฺถ, เอตสฺสาติ วา สกลนวงฺคํ, สตฺถุ ภควโต สาสนํ สตฺถุสาสนํ สาสียติ เอเตนาติ กตฺวา, ตเทว สตฺถุสาสนนฺติ สกลนวงฺคสตฺถุสาสนํ. นว วา สุตฺตเคยฺยาทีนิ องฺคานิ เอตฺถ, เอตสฺสาติ วา นวงฺคํ, ตเมว สตฺถุสาสนํ, ตฺจ สกลเมว, น เอกเทสนฺติ ตถา. อตฺถกาเมน ปริยาปุณิตพฺพา สิกฺขิตพฺพา, ทิฏฺธมฺมิกาทิปุริสตฺถํ วา นิปฺผาเทตุํ ปริยตฺตา สมตฺถาติ ปริยตฺติ, ตีณิ ปิฏกานิ, สกลนวงฺคสตฺถุสาสนสงฺขาตา ปริยตฺติ, ตํ ธาเรนฺตีติ ตถา, ตาทิเสติ อตฺโถ. ปุถุชฺชน…เป… สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวภิกฺขูติ เอตฺถ –
‘‘ทุเว ปุถุชฺชนา วุตฺตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;
อนฺโธ ปุถุชฺชโน เอโก, กลฺยาเณโก ปุถุชฺชโน’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๖๑; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๕๑; จูฬนิ. อฏฺ. ๘๘; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑๓๐); –
วุตฺเตสุ กลฺยาณปุถุชฺชนาว อธิปฺเปตา สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนนปิ อตฺถวิเสสสฺส วิฺาตพฺพตฺตา. สมถภาวนาสิเนหาภาเวน ¶ สุกฺขา ลูขา อสินิทฺธา วิปสฺสนา เอเตสนฺติ สุกฺขวิปสฺสกา, เตเยว ขีณาสวาติ ตถา. ‘‘ภิกฺขู’’ติ ปน สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ. วุตฺตฺหิ –
‘‘ยฺจตฺถวโต สทฺเทกเสสโต วาปิ สุยฺยเต;
ตํ สมฺพชฺฌเต ปจฺเจกํ, ยถาลาภํ กทาจิปี’’ติ.
ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธเรติ เอตฺถ ติณฺณํ ปิฏกานํ สมาหาโร ติปิฏกํ, ตํสงฺขาตํ นวงฺคาทิวเสน อเนกเภทภินฺนํ สพฺพํ ปริยตฺติปฺปเภทํ ธาเรนฺตีติ ตถา, ตาทิเส. อนุ อนุ ตํ สมงฺคินํ ภาเวติ วฑฺเฒตีติ อนุภาโว, โสเยว อานุภาโว, ปภาโว, มหนฺโต อานุภาโว เยสํ เต มหานุภาวา. ‘‘เอตทคฺคํ ภิกฺขเว’’ติ ภควตา วุตฺตวจนมุปาทาย ปวตฺตตฺตา ‘‘เอตทคฺค’’นฺติ ปทํ อนุกรณชนามํ นาม ยถา ‘‘เยวาปนก’’นฺติ, ตพฺพเสน วุตฺตฏฺานนฺตรมิธ เอตทคฺคํ, ตมาโรปิเตติ อตฺโถ. เอตทคฺคํ เอโส ภิกฺขุ อคฺโคติ วา อาโรปิเตปิ วฏฺฏติ. ตทนาโรปิตาปิ อวเสสคุณสมฺปนฺนตฺตา อุจฺจินิตา ตตฺถ สนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ วุตฺตํ. ติสฺโส วิชฺชา เตวิชฺชา, ตา ¶ อาทิ เยสํ ฉฬภิฺาทีนนฺติ เตวิชฺชาทโย, เต เภทา อเนกปฺปการา เยสนฺติ เตวิชฺชาทิเภทา. อถ วา ติสฺโส วิชฺชา อสฺส ขีณาสวสฺสาติ เตวิชฺโช, โส อาทิ เยสํ ฉฬภิฺาทีนนฺติ เตวิชฺชาทโย, เตเยว เภทา เยสนฺติ เตวิชฺชาทิเภทา. เตวิชฺชฉฬภิฺาทิวเสน อเนกเภทภินฺเน ขีณาสวภิกฺขูเยวาติ วุตฺตํ โหติ. เย สนฺธาย วุตฺตนฺติ เย ภิกฺขู สนฺธาย อิทํ ‘‘อถ โข’’ติอาทิวจนํ สงฺคีติกฺขนฺธเก วุตฺตํ. อิมินา กิฺจาปิ ปาฬิยํ อวิเสสโตว วุตฺตํ, ตถาปิ วิเสเสน ยถาวุตฺตขีณาสวภิกฺขูเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ ปาฬิยา สํสนฺทนํ กโรติ.
นนุ จ สกลนวงฺคสตฺถุสาสนปริยตฺติธรา ขีณาสวา อเนกสตา, อเนกสหสฺสา จ, กสฺมา เถโร เอเกนูนมกาสีติ โจทนํ อุทฺธริตฺวา วิเสสการณทสฺสเนน ตํ ปริหริตุํ ‘‘กิสฺส ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กิสฺสาติ กสฺมา. ปกฺขนฺตรโชตโก ปน-สทฺโท. โอกาสกรณตฺถนฺติ โอกาสกรณนิมิตฺตํ โอกาสกรณเหตุ. อตฺถ-สทฺโท หิ ‘‘ฉณตฺถฺจ นครโต นิกฺขมิตฺวา มิสฺสกปพฺพตํ อภิรุหตู’’ติอาทีสุ วิย การณวจโน, ‘‘กิสฺส เหตู’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๓๘) วิย จ เหตฺวตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ. ตถา หิ วณฺณยนฺติ ‘‘ฉณตฺถนฺติ ฉณนิมิตฺตํ ฉณเหตูติ อตฺโถ’’ติ. เอวฺจ สติ ปุจฺฉาสภาคตาวิสฺสชฺชนาย โหติ, เอส นโย อีทิเสสุ.
กสฺมา ปนสฺส โอกาสมกาสีติ อาห ‘‘เตนา’’ติอาทิ. หิ-สทฺโท การณตฺเถ. ‘‘โส หายสฺมา’’ติอาทินา ¶ ‘‘สหาปิ วินาปิ น สกฺกา’’ติ วุตฺตวจเน ปจฺเจกํ การณํ ทสฺเสติ. เกจิ ปน ‘‘ตมตฺถํ วิวรตี’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ ‘‘ตสฺมา’’ติ การณวจนทสฺสนโต. ‘‘ตสฺมา’’ติอาทินา หิ การณทสฺสนฏฺาเน การณโชตโกเยว หิ-สทฺโท. สฺาณมตฺตโชตกา สาขาภงฺโคปมา หิ นิปาตาติ, เอวมีทิเสสุ. สิกฺขตีติ เสกฺโข, สิกฺขนํ วา สิกฺขา, สาเยว ตสฺส สีลนฺติ เสกฺโข. โส หิ อปริโยสิตสิกฺขตฺตา, ตทธิมุตฺตตฺตา จ เอกนฺเตน สิกฺขนสีโล, น อเสกฺโข วิย ปรินิฏฺิตสิกฺโข ตตฺถ ปฏิปฺปสฺสทฺธุสฺสาโห, นาปิ วิสฺสฏฺสิกฺโข ปจุรชโน วิย ตตฺถ อนธิมุตฺโต, กิตวเสน วิย จ ตทฺธิตวเสนิธ ตปฺปกติยตฺโถ คยฺหติ ยถา ‘‘การุณิโก’’ติ. อถ วา อริยาย ชาติยา ตีสุปิ สิกฺขาสุ ชาโต, ตตฺถ วา ภโวติ ¶ เสกฺโข. อปิจ อิกฺขติ เอตายาติ อิกฺขา, มคฺคผลสมฺมาทิฏฺิ, สห อิกฺขายาติ เสกฺโข. อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจสฺส อปริโยสิตตฺตา สห กรณีเยนาติ สกรณีโย. อสฺสาติ อเนน, ‘‘อปฺปจฺจกฺขํ นามา’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. อสฺสาติ วา ‘‘นตฺถี’’ติ เอตฺถ กิริยาปฏิคฺคหกวจนํ. ปคุณปฺปวตฺติภาวโต อปฺปจฺจกฺขํ นาม นตฺถิ. วินยฏฺกถายํ ปน ‘‘อสมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ นาม นตฺถี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺตํ, ตํ’’ ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต’’ติ วุตฺตมฺปิ ภควโต สนฺติเก ปฏิคฺคหิตเมว นามาติ กตฺวา วุตฺตํ. ตถา หิ สาวกภาสิตมฺปิ สุตฺตํ ‘‘พุทฺธภาสิต’’นฺติ วุจฺจตีติ.
‘‘ยถาหา’’ติอาทินา อายสฺมตา อานนฺเทน วุตฺตคาถเมว สาธกภาเวน ทสฺเสติ. อยฺหิ คาถา โคปกโมคฺคลฺลาเนน นาม พฺราหฺมเณน ‘‘พุทฺธสาสเน ตฺวํ พหุสฺสุโตติ ปากโฏ, กิตฺตกา ธมฺมา เต สตฺถารา ภาสิตา, ตยา จ ธาริตา’’ติ ปุจฺฉิเตน ตสฺส ปฏิวจนํ เทนฺเตน อายสฺมตา อานนฺเทเนว โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺเต, อตฺตโน คุณทสฺสนวเสน วา เถรคาถายมฺปิ ภาสิตา. ตตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ – พุทฺธโต สตฺถุ สนฺติกา ทฺวาสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ อหํ คณฺหึ อธิคณฺหึ, ทฺเว ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ภิกฺขุโต ธมฺมเสนาปติอาทีนํ ภิกฺขูนํ สนฺติกา คณฺหึ. เย ธมฺมา เม ชิวฺหาคฺเค, หทเย วา ปวตฺติโน ปคุณา วาจุคฺคตา, เต ธมฺมา ตทุภยํ สมฺปิณฺเฑตฺวา จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานีติ. เกจิ ปน ‘‘เยเมติ เอตฺถ ‘เย อิเม’ติ ปทจฺเฉทํ กตฺวา เย อิเม ธมฺมา พุทฺธสฺส, ภิกฺขูนฺจ ปวตฺติโน ปวตฺติตา, เตสุ ธมฺเมสุ พุทฺธโต ทฺวาสีติ สหสฺสานิ อหํ คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต คณฺหึ, เอวํ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ สมฺพนฺธํ วทนฺติ, อยฺจ สมฺพนฺโธ ‘‘เอตฺตกาเยว ธมฺมกฺขนฺธา’’ติ สนฺนิฏฺานสฺส อวิฺายมานตฺตา เกจิวาโท นาม กโต.
‘‘สหาปิ ¶ น สกฺกา’’ติ วตฺตพฺพเหตุโต ‘‘วินาปิ น สกฺกา’’ติ วตฺตพฺพเหตุเยว พลวตโร สงฺคีติยา พหุการตฺตา. ตสฺมา ตตฺถ โจทนํ ทสฺเสตฺวา ปริหริตุํ ‘‘ยทิ เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยทิ เอวนฺติ เอวํ วินา ยทิ น สกฺกา, ตถา สตีติ อตฺโถ. เสกฺโขปิ สมาโนติ เสกฺขปุคฺคโล สมาโนปิ. มาน-สทฺโท เหตฺถ ลกฺขเณ. พหุการตฺตาติ พหูปการตฺตา. อุปการวจโน หิ การ-สทฺโท ‘‘อปฺปกมฺปิ ¶ กตํ การํ, ปฺุํ โหติ มหปฺผล’’นฺติอาทีสุ วิย. อสฺสาติ ภเวยฺย. อถ-สทฺโท ปุจฺฉายํ. ปฺเห ‘‘อถ ตฺวํ เกน วณฺเณนา’’ติ หิ ปโยคมุทาหรนฺติ. ‘‘เอวํ สนฺเต’’ติ ปน อตฺโถ วตฺตพฺโพ. ปรูปวาทวิวชฺชนโตติ ยถาวุตฺตการณํ อชานนฺตานํ ปเรสํ อาโรปิตอุปวาทโต วิวชฺชิตุกามตฺตา. ตํ วิวรติ ‘‘เถโร หี’’ติอาทินา. อติวิย วิสฺสตฺโถติ อติเรกํ วิสฺสาสิโก. เกน วิฺายตีติ อาห ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ. ทฬฺหีกรณํ วา เอตํ วจนํ. ‘‘วุตฺตฺหิ, ตถา หิ อิจฺเจเต ทฬฺหีกรณตฺเถ’’ติ หิ วทนฺติ สทฺทวิทู. นนฺติ อานนฺทตฺเถรํ. ‘‘โอวทตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อานนฺทตฺเถรสฺส เยภุยฺเยน นวกาย ปริสาย วิพฺภมเน มหากสฺสปตฺเถโร ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) อาห. ตถา หิ ปรินิพฺพุเต ภควติ มหากสฺสปตฺเถโร ภควโต ปรินิพฺพาเน สนฺนิปติตสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ปฺจสเต ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา ‘‘ราชคเห อาวุโส วสฺสํ วสนฺตา ธมฺมวินยํ สงฺคายิสฺสาม, ตุมฺเห ปุเร วสฺสูปนายิกาย อตฺตโน อตฺตโน ปลิโพธํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ราชคเห สนฺนิปตถา’’ติ วตฺวา อตฺตนา ราชคหํ คโต.
อานนฺทตฺเถโรปิ ภควโต ปตฺตจีวรมาทาย มหาชนํ สฺาเปนฺโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา ตโต นิกฺขมฺม ราชคหํ คจฺฉนฺโต ทกฺขิณาคิริสฺมึ จาริกํ จริ. ตสฺมึ สมเย อานนฺทตฺเถรสฺส ตึสมตฺตา สทฺธิวิหาริกา เยภุยฺเยน กุมารกา เอกวสฺสิกทุวสฺสิกภิกฺขู เจว อนุปสมฺปนฺนา จ วิพฺภมึสุ. กสฺมา ปเนเต ปพฺพชิตา, กสฺมา จ วิพฺภมึสูติ? เตสํ กิร มาตาปิตโร จินฺเตสุํ ‘‘อานนฺทตฺเถโร สตฺถุวิสฺสาสิโก อฏฺ วเร ยาจิตฺวา อุปฏฺหติ, อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ สตฺถารํ คเหตฺวา คนฺตุํ สกฺโกติ, อมฺหากํ ทารเก เอตสฺส สนฺติเก ปพฺพเชยฺยาม, เอวํ โส สตฺถารํ คเหตฺวา อาคมิสฺสติ, ตสฺมึ อาคเต มยํ มหาสกฺการํ กาตุํ ลภิสฺสามา’’ติ. อิมินา ตาว การเณน เนสํ าตกา เต ปพฺพาเชสุํ, สตฺถริ ปน ปรินิพฺพุเต เตสํ สา ปตฺถนา อุปจฺฉินฺนา, อถ เน เอกทิวเสเนว อุปฺปพฺพาเชสุํ. อถ อานนฺทตฺเถรํ ทกฺขิณาคิริสฺมึ จาริกํ จริตฺวา ราชคหมาคตํ ทิสฺวา มหากสฺสปตฺเถโร เอวมาหาติ. วุตฺตฺเหตํ กสฺสปสํยุตฺเต –
‘‘อถ ¶ กิฺจรหิ ตฺวํ อาวุโส อานนฺท อิเมหิ นเวหิ ภิกฺขูหิ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาเรหิ ¶ โภชเน อมตฺตฺูหิ ชาคริยํ อนนุยุตฺเตหิ สทฺธึ จาริกํ จรสิ, สสฺสฆาตํ มฺเ จรสิ, กุลูปฆาตํ มฺเ จรสิ, โอลุชฺชติ โข เต อาวุโส อานนฺท ปริสา, ปลุชฺชนฺติ โข เต อาวุโส นวปฺปายา, น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสีติ.
อปิ เม ภนฺเต กสฺสป สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ จ ปน มยํ อชฺชาปิ อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส กุมารกวาทา น มุจฺจามาติ. ตถา หิ ปน ตฺวํ อาวุโส อานนฺท อิเมหิ นเวหิ ภิกฺขูหิ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาเรหิ โภชเน อมตฺตฺูหิ ชาคริยํ อนนุยุตฺเตหิ สทฺธึ จาริกํ จรสิ, สสฺสฆาตํ มฺเ จรสิ, กุลูปฆาตํ มฺเ จรสิ, โอลุชฺชติ โข เต อาวุโส อานนฺท ปริสา, ปลุชฺชนฺติ โข เต อาวุโส นวปฺปายา, น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔).
ตตฺถ สสฺสฆาตํ มฺเ จรสีติ สสฺสํ ฆาเตนฺโต วิย อาหิณฺฑสิ. กุลูปฆาตํ มฺเ จรสีติ กุลานิ อุปฆาเตนฺโต วิย อาหิณฺฑสิ. โอลุชฺชตีติ ปลุชฺชติ ภิชฺชติ. ปลุชฺชนฺติ โข เต อาวุโส นวปฺปายาติ อาวุโส อานนฺท เอเต ตุยฺหํ ปาเยน เยภุยฺเยน นวกา เอกวสฺสิกทุวสฺสิกทหรา เจว สามเณรา จ ปลุชฺชนฺติ. น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสีติ อยํ กุมารโก อตฺตโน ปมาณํ น วต ชานาตีติ เถรํ ตชฺเชนฺโต อาห. กุมารกวาทา น มุจฺจามาติ กุมารกวาทโต น มุจฺจาม. ตถา หิ ปน ตฺวนฺติ อิทมสฺส เอวํ วตฺตพฺพตาย การณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ยสฺมา ตฺวํ อิเมหิ นเวหิ อินฺทฺริยสํวรวิรหิเตหิ โภชเน อมตฺตฺูหิ สทฺธึ วิจรสิ, ตสฺมา กุมารเกหิ สทฺธึ วิจรนฺโต ‘‘กุมารโก’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหสีติ.
น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสีติ เอตฺถ วา-สทฺโท ปทปูรเณ. วา-สทฺโท หิ อุปมานสมุจฺจยสํสยวิสฺสคฺควิกปฺปปทปูรณาทีสุ พหูสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๓) อุปมาเน ¶ ทิสฺสติ, สทิสภาเวติ อตฺโถ. ‘‘ตํ วาปิ ธีรา มุนิ เวทยนฺตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๒๑๓) สมุจฺจเย. ‘‘เก วา อิเม กสฺส วา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๙๖) สํสเย. ‘‘อยํ วา อิเมสํ สมณพฺราหฺมณานํ สพฺพพาโล สพฺพมูฬฺโห’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑๘๑) ววสฺสคฺเค. ‘‘เย หิ เกจิ ภิกฺขเว สมณา วา พฺราหฺมณา วา’’ติอาทีสุปิ (ม. นิ. ๑.๑๗๐; สํ. นิ. ๒.๑๓) วิกปฺเป. ‘‘น วาหํ ปณฺณํ ภฺุชามิ, น เหตํ มยฺห โภชน’’นฺติอาทีสุ ปทปูรเณ. อิธาปิ ปทปูรเณ ¶ ทฏฺพฺโพ. เตเนว จ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วา-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธารํ กโรนฺเตน วุตฺตํ ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติอาทีสุ ปทปูรเณ’’ติ. สํยุตฺตฏฺกถายมฺปิ อิทเมว วุตฺตํ ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสีติ อยํ กุมารโก อตฺตโน ปมาณํ น วต ชานาสีติ เถรํ ตชฺเชนฺโต อาหา’’ติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๑๕๔). เอตฺถาปิ ‘‘วตา’’ติ วจนสิลิฏฺตาย วุตฺตํ. ‘‘น วาย’’นฺติ เอตสฺส วา ‘‘น เว อย’’นฺติ ปทจฺเฉทํ กตฺวา เว-สทฺทสฺสตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘วตา’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ เว-สทฺทสฺส เอกํสตฺถภาเว ตเทว ปาฬึ ปโยคํ กตฺวา อุทาหรนฺติ เนรุตฺติกา. วชิรพุทฺธิตฺเถโร ปน เอวํ วทติ ‘‘น วายนฺติ เอตฺถ จ วาติ วิภาสา, อฺาสิปิ น อฺาสิปี’’ติ, (วชิร. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) ตํ ตสฺส มติมตฺตํ สํยุตฺตฏฺกถาย ตถา อวุตฺตตฺตา. อิทเมกํ ปรูปวาทสมฺภวการณํ ‘‘ตตฺถ เกจี’’ติอาทินา สมฺพชฺฌิตพฺพํ.
อฺมฺปิ การณมาห ‘‘สกฺยกุลปฺปสุโต จายสฺมา’’ติ. สากิยกุเล ชาโต, สากิยกุลภาเวน วา ปากโฏ จ อายสฺมา อานนฺโท. ตตฺถ…เป… อุปวเทยฺยุนฺติ สมฺพนฺโธ. อฺมฺปิ การณํ วทติ ‘‘ตถาคตสฺส ภาตา จูฬปิตุปุตฺโต’’ติ. ภาตาติ เจตฺถ กนิฏฺภาตา จูฬปิตุปุตฺตภาเวน, น ปน วยสา สหชาตภาวโต.
‘‘สุทฺโธทโน โธโตทโน, สกฺกสุกฺกามิโตทนา;
อมิตา ปาลิตา จาติ, อิเม ปฺจ อิมา ทุเว’’ติ.
วุตฺเตสุ หิ สพฺพกนิฏฺสฺส อมิโตทนสกฺกสฺส ปุตฺโต อายสฺมา อานนฺโท. วุตฺตฺหิ มโนรถปูรณิยํ –
‘‘กปฺปสตสหสฺสํ ¶ ปน ทานํ ททมาโน อมฺหากํ โพธิสตฺเตน สทฺธึ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต อมิโตทนสกฺกสฺส เคเห นิพฺพตฺติ, อถสฺส สพฺเพ าตเก อานนฺทิเต ปโมทิเต กโรนฺโต ชาโตติ ‘อานนฺโท’ตฺเวว นามมกํสู’’ติ.
ตถาเยว วุตฺตํ ปปฺจสูทนิยมฺปิ –
‘‘อฺเ ปน วทนฺติ – นายสฺมา อานนฺโท ภควตา สหชาโต, วยสา จ จูฬปิตุปุตฺตตาย ¶ จ ภควโต กนิฏฺภาตาเยว. ตถา หิ มโนรถปูรณิยํ เอกนิปาตวณฺณนายํ สหชาตคณเน โส น วุโต’’ติ.
ยํ วุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ วิสฺสตฺถาทิภาเว สติ. อติวิสฺสตฺถสกฺยกุลปฺปสุตตถาคตภาตุภาวโตติ วุตฺตํ โหติ. ภาเวนภาวลกฺขเณ หิ กตฺถจิ เหตฺวตฺโถ สมฺปชฺชติ. ตถา หิ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน เนตฺติฏฺกถายํ ‘‘คุนฺนฺเจ ตรมานาน’’นฺติ คาถาวณฺณนายํ วุตฺตํ –
‘‘สพฺพา ตา ชิมฺหํ คจฺฉนฺตีติ สพฺพา ตา คาวิโย กุฏิลเมว คจฺฉนฺติ, กสฺมา? เนตฺเต ชิมฺหคเต สติ เนตฺเต กุฏิลํ คเต สติ, เนตฺตสฺส กุฏิลํ คตตฺตาติ อตฺโถ’’ติ.
อุทานฏฺกถายมฺปิ ‘‘อิติ อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตี’’ติ สุตฺตปทวณฺณนายํ ‘‘เหตุอตฺถตา ภุมฺมวจนสฺส การณสฺส ภาเวน ตทวินาภาวี ผลสฺส ภาโว ลกฺขียตีติ เวทิตพฺพา’’ติ (อุทา. อฏฺ. ๑.๑). ตตฺถาติ วา นิมิตฺตภูเต วิสฺสตฺถาทิมฺหีติ อตฺโถ, ตสฺมึ อุจฺจินเนติปิ วทนฺติ. ฉนฺทาคมนํ วิยาติ เอตฺถ ฉนฺทา อาคมนํ วิยาติ ปทจฺเฉโท. ฉนฺทาติ จ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนํ, ฉนฺเทน อาคมนํ ปวตฺตนํ วิยาติ อตฺโถ, ฉนฺเทน อกตฺตพฺพกรณมิวาติ วุตฺตํ โหติ, ฉนฺทํ วา อาคจฺฉติ สมฺปโยควเสนาติ ฉนฺทาคมนํ, ตถา ปวตฺโต อปายคมนีโย อกุสลจิตฺตุปฺปาโท. อถ วา อนนุรูปํ คมนํ อคมนํ. ฉนฺเทน อคมนํ ฉนฺทาคมนํ, ฉนฺเทน สิเนเหน อนนุรูปํ คมนํ ปวตฺตนํ วิย อกตฺตพฺพกรณํ วิยาติ วุตฺตํ โหติ. อเสกฺขภูตา ปฏิสมฺภิทา, ตํปตฺตาติ ¶ ตถา, อเสกฺขา จ เต ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตา จาติ วา ตถา, ตาทิเส. เสกฺขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตนฺติ เอตฺถาปิ เอส นโย. ปริวชฺเชนฺโตติ เหตฺวตฺเถ อนฺตสทฺโท, ปริวชฺชนเหตูติ อตฺโถ. อนุมติยาติ อนฺุาย, ยาจนายาติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘กิฺจาปิ เสกฺโข’’ติ อิทํ อเสกฺขานํเยว อุจฺจินิตตฺตา วุตฺตํ, น เสกฺขานํ อคติคมนสมฺภเวน. ปมมคฺเคเนว หิ จตฺตาริ อคติคมนานิ ปหียนฺติ, ตสฺมา กิฺจาปิ เสกฺโข, ตถาปิ เถโร อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อุจฺจินตูติ สมฺพนฺโธ. น ปน กิฺจาปิ เสกฺโข, ตถาปิ อภพฺโพ อคตึ คนฺตุนฺติ. ‘‘อภพฺโพ’’ติอาทินา ปน ธมฺมสงฺคีติยา ตสฺส อรหภาวํ ทสฺเสนฺโต วิชฺชมานคุเณ กเถติ, เตน สงฺคีติยา ธมฺมวินยวินิจฺฉเย สมฺปตฺเต ฉนฺทาทิวเสน อฺถา ¶ อกเถตฺวา ยถาภูตเมว กเถสฺสตีติ ทสฺเสติ. น คนฺตพฺพา, อนนุรูปา วา คตีติ อคติ, ตํ. ปริยตฺโตติ อธิคโต อุคฺคหิโต.
‘‘เอว’’นฺติอาทินา สนฺนิฏฺานคณนํ ทสฺเสติ. อุจฺจินิเตนาติ อุจฺจินิตฺวา คหิเตน. อปิจ เอวํ…เป… อุจฺจินีติ นิคมนํ, ‘‘เตนายสฺมตา’’ติอาทิ ปน สนฺนิฏฺานคณนทสฺสนนฺติปิ วทนฺติ.
เอวํ สงฺคายกวิจินนปฺปการํ ทสฺเสตฺวา อฺมฺปิ สงฺคายนตฺถํ เทสวิจินนาทิปฺปการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ โข’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เอตทโหสีติ เอตํ ปริวิตกฺกนํ อโหสิ. นุ-สทฺเทน หิ ปริวิตกฺกนํ ทสฺเสติ. ราชคหนฺติ ‘‘ราชคหสามนฺตํ คเหตฺวา วุตฺต’’นฺติ คณฺิปเทสุ วทนฺติ. คาโว จรนฺติ เอตฺถาติ โคจโร, คุนฺนํ จรณฏฺานํ, โส วิยาติ โคจโร, ภิกฺขูนํ จรณฏฺานํ, มหนฺโต โส อสฺส, เอตฺถาติ วา มหาโคจรํ. อฏฺารสนฺนํ มหาวิหารานมฺปิ อตฺถิตาย ปหูตเสนาสนํ.
ถาวรกมฺมนฺติ จิรฏฺายิกมฺมํ. วิสภาคปุคฺคโล สุภทฺทสทิโส. อุกฺโกเฏยฺยาติ นิวาเรยฺย. อิติ-สทฺโท อิทมตฺเถ, อิมินา มนสิกาเรน เหตุภูเตน เอตทโหสีติ อตฺโถ. ครุภาวชนนตฺถํ ตฺติทุติเยน กมฺเมน สงฺฆํ สาเวสิ, น อปโลกนตฺติกมฺมมตฺเตนาติ อธิปฺปาโย.
กทา ปนายํ กตาติ อาห ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิ. เอวํ กตภาโว จ อิมาย คณนาย วิฺายตีติ ทสฺเสติ ‘‘ภควา หี’’ติอาทินา. อถาติ อนนฺตรตฺเถ นิปาโต, ปรินิพฺพานนฺตรเมวาติ อตฺโถ. สตฺตาหนฺติ ¶ หิ ปรินิพฺพานทิวสมฺปิ สงฺคณฺหิตฺวา วุตฺตํ. อสฺสาติ ภควโต, ‘‘สรีร’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ. สํเวควตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กิตฺเตตฺวา อนิจฺจตาปฏิสฺุตฺตานิ คีตานิ คายิตฺวา ปูชาวเสน กีฬนโต สุนฺทรํ กีฬนทิวสา สาธุกีฬนทิวสา นาม, สปรหิตสาธนฏฺเน วา สาธูติ วุตฺตานํ สปฺปุริสานํ สํเวควตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กิตฺเตตฺวา กีฬนทิวสาติปิ ยุชฺชติ. อิมสฺมิฺจ ปุริมสตฺตาเห เอกเทเสเนว สาธุกีฬนมกํสุ. วิเสสโต ปน ธาตุปูชาทิวเสสุเยว. ตถา หิ วุตฺตํ มหาปรินิพฺพานสุตฺตฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๓๕) –
‘‘อิโต ปุริเมสุ หิ ทฺวีสุ สตฺตาเหสุ เต ภิกฺขู สงฺฆสฺส านนิสชฺโชกาสํ กโรนฺตา ขาทนียํ โภชนียํ สํวิทหนฺตา สาธุกีฬิกาย โอกาสํ น ลภึสุ, ตโต เนสํ ¶ อโหสิ ‘อิมํ สตฺตาหํ สาธุกีฬิตํ กีฬิสฺสาม, านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ อมฺหากํ ปมตฺตภาวํ ตฺวา โกจิเทว อาคนฺตฺวา ธาตุโย คณฺเหยฺย, ตสฺมา อารกฺขํ เปตฺวา กีฬิสฺสามา’ติ, เตน เต เอวมกํสู’’ติ.
ตถาปิ เต ธาตุปูชายปิ กตตฺตา ธาตุปูชาทิวสา นาม. อิเมเยว วิเสเสน ภควติ กตฺตพฺพสฺส อฺสฺส อภาวโต เอกเทเสน กตมฺปิ สาธุกีฬนํ อุปาทาย ‘‘สาธุกีฬนทิวสา’’ติ ปากฏา ชาตาติ อาห ‘‘เอวํ สตฺตาหํ สาธุกีฬนทิวสา นาม อเหสุ’’นฺติ.
จิตกายาติ วีสสตรตนุจฺจาย จนฺทนทารุจิตกาย, ปธานกิจฺจวเสเนว จ สตฺตาหํ จิตกายํ อคฺคินา ฌายีติ วุตฺตํ. น หิ อจฺจนฺตสํโยควเสน นิรนฺตรํ สตฺตาหเมว อคฺคินา ฌายิ ตตฺถ ปจฺฉิมทิวเสเยว ฌายิตตฺตา, ตสฺมา สตฺตาหสฺมินฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปุริมปจฺฉิมานฺหิ ทฺวินฺนํ สตฺตาหานมนฺตเร สตฺตาเห ยตฺถ กตฺถจิปิ ทิวเส ฌายมาเน สติ ‘‘สตฺตาเห ฌายี’’ติ วตฺตุํ ยุชฺชติ. ยถาห –
‘‘เตน โข ปน สมเยน จตฺตาโร มลฺลปาโมกฺขา สีสํ นฺหาตา อหตานิ วตฺถานิ นิวตฺถา ‘มยํ ภควโต จิตกํ อาฬิมฺเปสฺสามา’ติ น สกฺโกนฺติ อาฬิมฺเปตุ’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๓๓).
สตฺติปฺชรํ ¶ กตฺวาติ สตฺติขคฺคาทิหตฺเถหิ ปุริเสหิ มลฺลราชูนํ ภควโต ธาตุอารกฺขกรณํ อุปลกฺขณวเสนาห. สตฺติหตฺถา ปุริสา หิ สตฺติโย ยถา ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ, ตาหิ สมนฺตโต รกฺขาปนวเสน ปฺชรปฏิภาคตฺตา สตฺติปฺชรํ. สนฺธาคารํ นาม ราชูนํ เอกา มหาสาลา. อุยฺโยคกาลาทีสุ หิ ราชาโน ตตฺถ ตฺวา ‘‘เอตฺตกา ปุรโต คจฺฉนฺตุ, เอตฺตกา ปจฺฉโต, เอตฺตกา อุโภหิ ปสฺเสหิ, เอตฺตกา หตฺถีสุ อภิรุหนฺตุ, เอตฺตกา อสฺเสสุ, เอตฺตกา รเถสู’’ติ เอวํ สนฺธึ กโรนฺติ มริยาทํ พนฺธนฺติ, ตสฺมา ตํ านํ ‘‘สนฺธาคาร’’นฺติ วุจฺจติ. อปิจ อุยฺโยคฏฺานโต อาคนฺตฺวาปิ ยาว เคเหสุ อลฺลโคมยปริภณฺฑาทีนิ กโรนฺติ, ตาว ทฺเว ตีณิ ทิวสานิ ราชาโน ตตฺถ สนฺถมฺภนฺติ วิสฺสมนฺติ ปริสฺสยํ วิโนเทนฺตีติปิ สนฺธาคารํ, ราชูนํ วา สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติปิ สนฺธาคารํ ห-การสฺส ธ-การํ, อนุสราคมฺจ กตฺวา, ยสฺมา วา ราชาโน ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิมสฺมึ กาเล กสิตุํ วฏฺฏติ, อิมสฺมึ กาเล วปิตุ’’นฺติ เอวมาทินา นเยน ฆราวาสกิจฺจานิ สมฺมนฺตยนฺติ, ตสฺมา ฉินฺนวิจฺฉินฺนํ ฆราวาสํ ตตฺถ สนฺธาเรนฺตีติปิ สนฺธาคารํ. วิสาขปุณฺณมิโต ¶ ปฏฺาย ยาว วิสาขมาสสฺส อมาวาสี, ตาว โสฬส ทิวสา สีหฬโวหารวเสน คหิตตฺตา, เชฏฺมูลมาสสฺส สุกฺกปกฺเข จ ปฺจ ทิวสาติ อาห ‘‘อิติ เอกวีสติ ทิวสา คตา’’ติ. ตตฺถ จริมทิวเสเยว ธาตุโย ภาชยึสุ, ตสฺมึเยว จ ทิวเส อยํ กมฺมวาจา กตา. เตน วุตฺตํ ‘‘เชฏฺมูลสุกฺกปกฺขปฺจมิย’’นฺติอาทิ. ตตฺถ เชฏฺนกฺขตฺตํ วา มูลนกฺขตฺตํ วา ตสฺส มาสสฺส ปุณฺณมิยํ จนฺเทน ยุตฺตํ, ตสฺมา โส มาโส ‘‘เชฏฺมูลมาโส’’ติ วุจฺจติ. อนาจารนฺติ เหฏฺา วุตฺตํ อนาจารํ.
ยทิ เอวํ กสฺมา วินยฏฺกถายํ, (ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) มงฺคลสุตฺตฏฺกถายฺจ (ขุ. ปา. อฏฺ. มงฺคลสุตฺตวณฺณนา) ‘‘สตฺตสุ สาธุกีฬนทิวเสสุ, สตฺตสุ จ ธาตุปูชาทิวเสสุ วีติวตฺเตสู’’ติ วุตฺตนฺติ? สตฺตสุ ธาตุปูชาทิวเสสุ คหิเตสุ ตทวินาภาวโต มชฺเฌ จิตกาย ฌายนสตฺตาหมฺปิ คหิตเมวาติ กตฺวา วิสุํ น วุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต, ทิยฑฺฒมาโส เสโส’’ติ จ วุตฺตนฺติ? นายํ โทโส. อปฺปกฺหิ อูนมธิกํ วา คณนูปคํ น โหติ, ตสฺมา อปฺปเกน อธิโกปิ สมุทาโย อนธิโก วิย โหตีติ กตฺวา อฑฺฒมาสโต อธิเกปิ ปฺจทิวเส ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต’’ติ วุตฺตํ ทฺวาสีติขนฺธกวตฺตานํ กตฺถจิ ‘‘อสีติ ขนฺธกวตฺตานี’’ติ วจนํ วิย, ตถา อปฺปเกน อูโนปิ สมุทาโย อนูโน วิย โหตีติ ¶ กตฺวา ทิยฑฺฒมาสโต อูเนปิ ปฺจทิวเส ‘‘ทิยฑฺฒมาโส เสโส’’ติ วุตฺตํ สติปฏฺานวิภงฺคฏฺกถายํ (วิภ. ๓๕๖) ฉมาสโต อูเนปิ อฑฺฒมาเส ‘‘ฉมาสํ สชฺฌาโย กาตพฺโพ’’ติ วจนํ วิย, อฺถา อฏฺกถานํ อฺมฺวิโรโธ สิยา. อปิจ ทีฆภาณกานํ มเตน ติณฺณํ สตฺตาหานํ วเสน ‘‘เอกวีสติ ทิวสา คตา’’ติ อิธ วุตฺตํ. วินยสุตฺตนิปาตขุทฺทกปาฏฺกถาสุ ปน ขุทฺทกภาณกานํ มเตน เอกเมว ฌายนทิวสํ กตฺวา ตทวเสสานํ ทฺวินฺนํ สตฺตาหานํ วเสน ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต, ทิยฑฺฒมาโส เสโส’’ติ จ วุตฺตํ. ปมพุทฺธวจนาทีสุ วิย ตํ ตํ ภาณกานํ มเตน อฏฺกถาสุปิ วจนเภโท โหตีติ คเหตพฺพํ. เอวมฺเปตฺถ วทนฺติ – ปรินิพฺพานทิวสโต ปฏฺาย อาทิมฺหิ จตฺตาโร สาธุกีฬนทิวสาเยว, ตโต ปรํ ตโย สาธุกีฬนทิวสา เจว จิตกฌายนทิวสา จ, ตโต ปรํ เอโก จิตกฌายนทิวโสเยว, ตโต ปรํ ตโย จิตกฌายนทิวสา เจว ธาตุปูชาทิวสา จ, ตโต ปรํ จตฺตาโร ธาตุปูชาทิวสาเยว, อิติ ตํ ตํ กิจฺจานุรูปคณนวเสน ตีณิ สตฺตาหานิ ปริปูเรนฺติ, อคหิตคฺคหเณน ปน อฑฺฒมาโสว โหติ. ‘‘เอกวีสติ ทิวสา คตา’’ติ อิธ วุตฺตวจนฺจ ตํ ตํ กิจฺจานุรูปคณเนเนว. เอวฺหิ จตูสุปิ อฏฺกถาสุ วุตฺตวจนํ สเมตีติ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. วชิรพุทฺธิตฺเถเรน ปน วุตฺตํ ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโตติ เอตฺถ เอโก ทิวโส นฏฺโ, โส ปาฏิปททิวโส, โกลาหลทิวโส ¶ นาม โส, ตสฺมา อิธ น คหิโต’’ติ, (วชิร. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) ตํ น สุนฺทรํ ปรินิพฺพานสุตฺตนฺตปาฬิยํ (ที. นิ. ๒.๒๒๗) ปาฏิปททิวสโตเยว ปฏฺาย สตฺตาหสฺส วุตฺตตฺตา, อฏฺกถายฺจ ปรินิพฺพานทิวเสน สทฺธึ ติณฺณํ สตฺตาหานํ คณิตตฺตา. ตถา หิ ปรินิพฺพานทิวเสน สทฺธึ ติณฺณํ สตฺตาหานํ คณเนเนว เชฏฺมูลสุกฺกปกฺขปฺจมี เอกวีสติโม ทิวโส โหติ.
จตฺตาลีส ทิวสาติ เชฏฺมูลสุกฺกปกฺขฉฏฺทิวสโต ยาว อาสฬฺหี ปุณฺณมี, ตาว คเณตฺวา วุตฺตํ. เอตฺถนฺตเรติ จตฺตาลีสทิวสพฺภนฺตเร. โรโค เอว โรคปลิโพโธ. อาจริยุปชฺฌาเยสุ กตฺตพฺพกิจฺจเมว อาจริยุปชฺฌายปลิโพโธ ¶ , ตถา มาตาปิตุปลิโพโธ. ยถาธิปฺเปตํ อตฺถํ, กมฺมํ วา ปริพุนฺเธติ อุปโรเธติ ปวตฺติตุํ น เทตีติ ปลิโพโธ ร-การสฺส ล-การํ กตฺวา. ตํ ปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา ตํ กรณียํ กโรตูติ สงฺคาหเกน ฉินฺทิตพฺพํ ตํ สพฺพํ ปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา ธมฺมวินยสงฺคายนสงฺขาตํ ตเทว กรณียํ กโรตุ.
อฺเปิ มหาเถราติ อนุรุทฺธตฺเถราทโย. โสกสลฺลสมปฺปิตนฺติ โสกสงฺขาเตน สลฺเลน อนุปวิฏฺํ ปฏิวิทฺธํ. อสมุจฺฉินฺนอวิชฺชาตณฺหานุสยตฺตา อวิชฺชาตณฺหาภิสงฺขาเตน กมฺมุนา ภวโยนิคติฏฺิติสตฺตาวาเสสุ ขนฺธปฺจกสงฺขาตํ อตฺตภาวํ ชเนติ อภินิพฺพตฺเตตีติ ชโน. กิเลเส ชเนติ, อชนิ, ชนิสฺสตีติ วา ชโน, มหนฺโต ชโน ตถา, ตํ. อาคตาคตนฺติ อาคตมาคตํ ยถา ‘‘เอเกโก’’ติ. เอตฺถ สิยา – ‘‘เถโร อตฺตโน ปฺจสตาย ปริสาย ปริวุตฺโต ราชคหํ คโต, อฺเปิ มหาเถรา อตฺตโน อตฺตโน ปริวาเร คเหตฺวา โสกสลฺลสมปฺปิตํ มหาชนํ อสฺสาเสตุกามา ตํ ตํ ทิสํ ปกฺกนฺตา’’ติ อิธ วุตฺตวจนํ สมนฺตปาสาทิกาย ‘‘มหากสฺสปตฺเถโร ‘ราชคหํ อาวุโส คจฺฉามา’ติ อุปฑฺฒํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา เอกํ มคฺคํ คโต, อนุรุทฺธตฺเถโรปิ อุปฑฺฒํ คเหตฺวา เอกํ มคฺคํ คโต’’ติ (ปารา. อฏฺ. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺตวจนฺจ อฺมฺํ วิรุทฺธํ โหติ. อิธ หิ มหากสฺสปตฺเถราทโย อตฺตโน อตฺตโน ปริวารภิกฺขูหิเยว สทฺธึ ตํ ตํ ทิสํ คตาติ อตฺโถ อาปชฺชติ, ตตฺถ ปน มหากสฺสปตฺเถรอนุรุทฺธตฺเถราเยว ปจฺเจกมุปฑฺฒสงฺเฆน สทฺธึ เอเกกํ มคฺคํ คตาติ? วุจฺจเต – ตทุภยมฺปิ หิ วจนํ น วิรุชฺฌติ อตฺถโต สํสนฺทนตฺตา. อิธ หิ นิรวเสเสน เถรานํ ปจฺเจกคมนวจนเมว ตตฺถ นยวเสน ทสฺเสติ, อิธ อตฺตโน อตฺตโน ปริสาย คมนวจนฺจ ตตฺถ อุปฑฺฒสงฺเฆน สทฺธึ คมนวจเนน. อุปฑฺฒสงฺโฆติ หิ สกสกปริสาภูโต ภิกฺขุคโณ คยฺหติ อุปฑฺฒสทฺทสฺส อสเมปิ ภาเค ปวตฺตตฺตา. ยทิ หิ สนฺนิปติเต สงฺเฆ อุปฑฺฒสงฺเฆน สทฺธินฺติ อตฺถํ คณฺเหยฺย, ตทา สงฺฆสฺส คณนปถมตีตตฺตา น ยุชฺชเตว ¶ , ยทิ จ สงฺคายนตฺถํ อุจฺจินิตานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ มชฺเฌ อุปฑฺฒสงฺเฆน สทฺธินฺติ อตฺถํ คณฺเหยฺย, เอวมฺปิ เตสํ คณปาโมกฺขานํเยว อุจฺจินิตตฺตา น ยุชฺชเตว. ปจฺเจกคณิโน เหเต. วุตฺตฺหิ ‘‘สตฺตสตสหสฺสานิ, เตสุ ปาโมกฺขภิกฺขโว’’ติ ¶ , อิติ อตฺถโต สํสนฺทนตฺตา ตเทตํ อุภยมฺปิ วจนํ อฺมฺํ น วิรุชฺฌตีติ. ตํตํภาณกานํ มเตเนวํ วุตฺตนฺติปิ วทนฺติ.
‘‘อปรินิพฺพุตสฺส ภควโต’’ติอาทินา โยเชตพฺพํ. ปตฺตจีวรมาทายาติ เอตฺถ จตุมหาราชทตฺติยเสลมยปตฺตํ, สุคตจีวรฺจ คณฺหิตฺวาติ อตฺโถ. โสเยว หิ ปตฺโต ภควตา สทา ปริภุตฺโต. วุตฺตฺหิ สมจิตฺตปฏิปทาสุตฺตฏฺกถายํ ‘‘วสฺสํวุตฺถานุสาเรน อติเรกวีสติวสฺสกาเลปิ ตสฺเสว ปริภุตฺตภาวํ ทีเปตุกาเมน ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา สุนิวตฺถนิวาสโน สุคตจีวรํ ปารุปิตฺวา เสลมยปตฺตมาทาย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ทกฺขิณทฺวาเรน นครํ ปวิสิตฺวา ปิณฺฑาย จรนฺโต’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗) คนฺธมาลาทโย เนสํ หตฺเถติ คนฺธมาลาทิหตฺถา.
ตตฺราติ ติสฺสํ สาวตฺถิยํ. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตายาติ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา (ธ. ป. ๒๗๗) อนิจฺจสภาวปฏิสฺุตฺตาย. ธมฺเมน ยุตฺตา, ธมฺมสฺส วา ปติรูปาติ ธมฺมี, ตาทิสาย. สฺาเปตฺวาติ สุฏฺุ ชานาเปตฺวา, สมสฺสาเสตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. วสิตคนฺธกุฏินฺติ นิจฺจสาเปกฺขตฺตา สมาโส. ปริโภคเจติยภาวโต ‘‘คนฺธกุฏึ วนฺทิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘วนฺทิตฺวา’’ติ จ ‘‘วิวริตฺวา’’ติ เอตฺถ ปุพฺพกาลกิริยา. ตถา หิ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘คนฺธกุฏิยา ทฺวารํ วิวริตฺวาติ ปริโภคเจติยภาวโต คนฺธกุฏึ วนฺทิตฺวา คนฺธกุฏิยา ทฺวารํ วิวรีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา) มิลาตา มาลา, สาเยว กจวรํ, มิลาตํ วา มาลาสงฺขาตํ กจวรํ ตถา. อติหริตฺวาติ ปมํ ปิตฏฺานมภิมุขํ หริตฺวา. ยถาาเน เปตฺวาติ ปมํ ปิตฏฺานํ อนติกฺกมิตฺวา ยถาิตฏฺาเนเยว เปตฺวา. ภควโต ิตกาเล กรณียํ วตฺตํ สพฺพมกาสีติ เสนาสเน กตฺตพฺพวตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. กุรุมาโน จาติ ตํ สพฺพํ วตฺตํ กโรนฺโต จ. ลกฺขเณ หิ อยํ มาน-สทฺโท. นฺหานโกฏฺกสฺส สมฺมชฺชนฺจ ตสฺมึ อุทกสฺส อุปฏฺาปนฺจ, ตานิ อาทีนิ เยสํ ธมฺมเทสนาโอวาทาทีนนฺติ ตถา, เตสํ กาเลสูติ อตฺโถ. สีหสฺส มิคราชสฺส เสยฺยา สีหเสยฺยา, ตทฺธิตวเสน, สทิสโวหาเรน วา ภควโต เสยฺยาปิ ‘‘สีหเสยฺยา’’ติ วุจฺจติ. เตชุสฺสทอิริยาปถตฺตา อุตฺตมเสยฺยา วา, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ ¶ กปฺเปสิ ¶ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน’’ติ, (ที. นิ. ๒.๑๙๘) ตํ. กปฺปนกาโล กรณกาโล นนูติ โยเชตพฺพํ.
‘‘ยถา ต’’นฺติอาทินา ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย อาวิ กโรติ. ตตฺถ ยถา อฺโปิ ภควโต…เป… ปติฏฺิตเปโม เจว อขีณาสโว จ อเนเกสุ…เป… อุปการสฺชนิตจิตฺตมทฺทโว จ อกาสิ, เอวํ อายสฺมาปิ อานนฺโท ภควโต คุณ…เป… มทฺทโว จ หุตฺวา อกาสีติ โยชนา. นฺติ นิปาตมตฺตํ. อปิจ เอเตน ตถากรณเหตุํ ทสฺเสติ, ยถา อฺเปิ ยถาวุตฺตสภาวา อกํสุ, ตถา อายสฺมาปิ อานนฺโท ภควโต…เป… ปติฏฺิตเปมตฺตา เจว อขีณาสวตฺตา จ อเนเกสุ…เป… อุปการสฺชนิตจิตฺตมทฺทวตฺตา จาติ เหตุอตฺถสฺส ลพฺภมานตฺตา. เหตุคพฺภานิ หิ เอตานิ ปทานิ ตทตฺถสฺเสว ตถากรณเหตุภาวโต. ธนปาลทมน (จูฬว. ๓๔๒), สุวณฺณกกฺกฏ (ชา. ๑.๕.๙๔), จูฬหํส (ชา. ๑.๑๕.๑๓๓) -มหาหํสชาตกาทีหิ (ชา. ๒.๒๑.๘๙) เจตฺถ วิภาเวตพฺโพ. คุณานํ คโณ, โสเยว อมตนิปฺผาทกรสสทิสตาย อมตรโส. ตํ ชานนปกติตายาติ ปติฏฺิตปเท เหตุ. อุปการ…เป… มทฺทโวติ อุปการปุพฺพภาเวน สมฺมาชนิตจิตฺตมุทุโก. เอวมฺปิ โส อิมินา การเณน อธิวาเสสีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตเมน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ตเมนนฺติ ตํ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ. เอต-สทฺโท หิ ปทาลงฺการมตฺตํ. อยฺหิ สทฺทปกติ, ยทิทํ ทฺวีสุ สพฺพนาเมสุ ปุพฺพปทสฺเสว อตฺถปทตา. สํเวเชสีติ ‘‘นนุ ภควตา ปฏิกจฺเจว อกฺขาตํ ‘สพฺเพเหว ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๑๘๓; สํ. นิ. ๕.๓๗๙; อ. นิ. ๑๐.๔๘) สํเวคํ ชเนสี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ, เอวํ สติ ‘‘ภนฺเต…เป… อสฺสาเสสฺสถาติ ปมํ วตฺวา’’ติ สห ปาเสเสน โยชนา อสฺส. ยถารุตโต ปน อาทฺยตฺเถน อิติ-สทฺเทน ‘‘เอวมาทินา สํเวเชสี’’ติ โยชนาปิ ยุชฺชเตว. เยน เกนจิ หิ วจเนน สํเวคํ ชเนสิ, ตํ สพฺพมฺปิ สํเวชนสฺส กรณํ สมฺภวตีติ. สนฺถมฺภิตฺวาติ ปริเทวนาทิวิรเหน อตฺตานํ ปฏิพนฺเธตฺวา ปติฏฺาเปตฺวา. อุสฺสนฺนธาตุกนฺติ อุปจิตปิตฺตเสมฺหาทิโทสํ. ปิตฺตเสมฺหวาตวเสน หิ ติสฺโส ธาตุโย อิธ เภสชฺชกรณโยคฺยตาย ¶ อธิปฺเปตา, ยา ‘‘โทสา, มลา’’ติ จ โลเก วุจฺจนฺติ, ปถวี อาโป เตโช วาโย อากาโสติ จ เภเทน ปจฺเจกํ ปฺจวิธา. วุตฺตฺหิ –
‘‘วายุปิตฺตกผา โทสา, ธาตโว จ มลา ตถา;
ตตฺถาปิ ปฺจธาขฺยาตา, ปจฺเจกํ เทหธารณา.
สรีรทูสนา ¶ โทสา, มลีนกรณา มลา;
ธารณา ธาตโว เต ตุ, อิตฺถมนฺวตฺถสฺกา’’ติ.
สมสฺสาเสตุนฺติ สนฺตปฺเปตุํ. เทวตาย สํเวชิตทิวสโต, เชตวนวิหารํ ปวิฏฺทิวสโต วา ทุติยทิวเส. วิริจฺจติ เอเตนาติ วิเรจนํ, โอสธปริภาวิตํ ขีรเมว วิเรจนํ ตถา. ยํ สนฺธายาติ ยํ เภสชฺชปานํ สนฺธาย. องฺคปจฺจงฺเคน โสภตีติ สุโภ, มนุโน อปจฺจํ มานโว, น-การสฺส ปน ณ-กาเร กเต มาณโว. มนูติ หิ ปมกปฺปิกกาเล มนุสฺสานํ มาตาปิตุฏฺาเน ิโต ปุริโส, โย สาสเน ‘‘มหาสมฺมตราชา’’ติ วุตฺโต. โส หิ สกลโลกสฺส หิตํ มนภิ ชานาตีติ มนูติ วุจฺจติ. เอวมฺเปตฺถ วทนฺติ ‘‘ทนฺตช น-การสหิโต มานวสทฺโท สพฺพสตฺตสาธารณวจโน, มุทฺธช ณ-การสหิโต ปน มาณวสทฺโท กุจฺฉิตมูฬฺหาปจฺจวจโน’’ติ. จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตฏฺกถายมฺปิ (ม. นิ. อฏฺ. ๔.๒๘๙) หิ มุทฺธช ณ-การสหิตสฺเสว มาณวสทฺทสฺส อตฺโถ วณฺณิโต. ตฏฺฏีกายมฺปิ ‘‘ยํ อปจฺจํ กุจฺฉิตํ มูฬฺหํ วา, ตตฺถ โลเก มาณวโวหาโร, เยภุยฺเยน จ สตฺตา ทหรกาเล มูฬฺหธาตุกา โหนฺตีติ ตสฺเสวตฺโถ ปกาสิโต’’ติ วทนฺติ อาจริยา. อฺตฺถ จ วีสติวสฺสพฺภนฺตโร ยุวา มาณโว, อิธ ปน ตพฺโพหาเรน มหลฺลโกปิ. วุตฺตฺหิ จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘มาณโวติ ปน ตํ ตรุณกาเล โวหรึสุ, โส มหลฺลกกาเลปิ เตเนว โวหาเรน โวหรียตี’’ติ, (ม. นิ. อฏฺ. ๔.๒๘๙) สุภนามเกน ลทฺธมาณวโวหาเรนาติ อตฺโถ. โส ปน ‘‘สตฺถา ปรินิพฺพุโต, อานนฺทตฺเถโร กิรสฺส ปตฺตจีวรมาทาย อาคโต, มหาชโน ตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมตี’’ติ สุตฺวา ‘‘วิหารํ โข ปน คนฺตฺวา มหาชนมชฺเฌ น สกฺกา สุเขน ปฏิสนฺถารํ วา กาตุํ, ธมฺมกถํ วา โสตุํ, เคหมาคตํเยว นํ ทิสฺวา สุเขน ปฏิสนฺถารํ กริสฺสามิ ¶ , เอกา จ เม กงฺขา อตฺถิ, ตมฺปิ นํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกํ มาณวกํ เปเสสิ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ปหิตํ มาณวก’’นฺติ ขุทฺทเก เจตฺถ กปจฺจโย. เอตทโวจาติ เอตํ ‘‘อกาโล’’ติอาทิกํ วจนํ อานนฺทตฺเถโร อโวจ.
อกาโลติ อชฺช คนฺตุํ อยุตฺตกาโล. กสฺมาติ เจ ‘‘อตฺถิ เม’’ติอาทิมาห. เภสชฺชมตฺตาติ อปฺปกํ เภสชฺชํ. อปฺปตฺโถ เหตฺถ มตฺตาสทฺโท ‘‘มตฺตา สุขปริจฺจาคา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๙๐) วิย. ปีตาติ ปิวิตา. สฺเวปีติ เอตฺถ ‘‘อปิ-สทฺโท อเปกฺโข มนฺตา นฺุายา’’ติ (วชิร. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วชิรพุทฺธิตฺเถเรน วุตฺตํ. อยํ ปน ตสฺสาธิปฺปาโย – ‘‘อปฺเปว นามา’’ติ สํสยมตฺเต วุตฺเต อนฺุาตภาโว น สิทฺโธ, ตสฺมา ตํ สาธนตฺถํ ¶ ‘‘อปี’’ติ วุตฺตํ, เตน อิมมตฺถํ ทีเปติ ‘‘อปฺเปว นาม สฺเว มยํ อุปสงฺกเมยฺยาม, อุปสงฺกมิตุํ ปฏิพลา สมานา อุปสงฺกมิสฺสาม จา’’ติ.
ทุติยทิวเสติ ขีรวิเรจนปีตทิวสโต ทุติยทิวเส. เจตกตฺเถเรนาติ เจติยรฏฺเ ชาตตฺตา เจตโกติ เอวํ ลทฺธนาเมน เถเรน. ปจฺฉาสมเณนาติ ปจฺฉานุคเตน สมเณน. สหตฺเถ เจตํ กรณวจนํ. สุเภน มาณเวน ปุฏฺโติ ‘‘เยสุ ธมฺเมสุ ภวํ โคตโม อิมํ โลกํ ปติฏฺเปสิ, เต ตสฺส อจฺจเยน นฏฺา นุ โข, ธรนฺติ นุ โข, สเจ ธรนฺติ, ภวํ (นตฺถิ ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๔๘) อานนฺโท ชานิสฺสติ, หนฺท นํ ปุจฺฉามี’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา ‘‘เยสํ โส ภวํ โคตโม ธมฺมานํ วณฺณวาที อโหสิ, ยตฺถ จ อิมํ ชนตํ สมาทเปสิ นิเวเสสิ ปติฏฺาเปสิ, กตเมสานํ โข โภ อานนฺท ธมฺมานํ โส ภวํ โคตโม วณฺณวาที อโหสี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๔๘) ปุฏฺโ, อถสฺส เถโร ตีณิ ปิฏกานิ สีลกฺขนฺธาทีหิ ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ติณฺณํ โข มาณว ขนฺธานํ โส ภควา วณฺณวาที’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๔๙) อิธ สีลกฺขนฺธวคฺเค ทสมํ สุตฺตมภาสิ, ตํ สนฺธายาห ‘‘อิมสฺมึ…เป… มภาสี’’ติ.
ขณฺฑนฺติ ฉินฺนํ. ผุลฺลนฺติ ภินฺนํ, เสวาลาหิฉตฺตกาทิวิกสฺสนํ วา, เตสํ ปฏิสงฺขรณํ สมฺมา ปากติกกรณํ, อภินวปฏิกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุปกฏฺายาติ อาสนฺนาย. วสฺสํ อุปเนนฺติ อุปคจฺฉนฺติ เอตฺถาติ วสฺสูปนายิกา, วสฺสูปคตกาโล, ตาย. สงฺคีติปาฬิยํ (จูฬว. ๔๔๐) สามฺเน วุตฺตมฺปิ วจนํ ¶ เอวํ คเตเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ สํสนฺเทตุํ สาเธตุํ วา อาห ‘‘เอวฺหี’’ติอาทิ.
ราชคหํ ปริวาเรตฺวาติ พหินคเร ิตภาเวน วุตฺตํ. ฉฑฺฑิตปติตอุกฺลาปาติ ฉฑฺฑิตา จ ปติตา จ อุกฺลาปา จ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภควโต ปรินิพฺพานฏฺานํ คจฺฉนฺเตหิ ภิกฺขูหิ ฉฑฺฑิตา วิสฺสฏฺา, ตโตเยว จ อุปจิกาทีหิ ขาทิตตฺตา อิโต จิโต จ ปติตา, สมฺมชฺชนาภาเวน อากิณฺณกจวรตฺตา อุกฺลาปา จาติ. ตเทวตฺถํ ‘‘ภควโต หี’’ติอาทินา วิภาเวติ. อวกุถิ ปูติภาวมคมาสีติ อุกฺลาโป ถ-การสฺส ล-การํ กตฺวา, อุชฺฌิฏฺโ วา กลาโปสมูโหติ อุกฺลาโป, วณฺณสงฺคมนวเสเนวํ วุตฺตํ ยถา ‘‘อุปกฺเลโส, สฺเนโห’’ – อิจฺจาทิ, เตน ยุตฺตาติ ตถา. ปริจฺเฉทวเสน เวณียนฺติ ทิสฺสนฺตีติ ปริเวณา. กุรุมานาติ กตฺตุกามา. เสนาสนวตฺตานํ ปฺตฺตตฺตา, เสนาสนกฺขนฺธเก จ เสนาสนปฏิพทฺธานํ พหูนมฺปิ วจนานํ วุตฺตตฺตา เสนาสนปฏิสงฺขรณมฺปิ ตสฺส ปูชาเยว นามาติ อาห ‘‘ภควโต วจนปูชนตฺถ’’นฺติ. ปมํ มาสนฺติ ¶ วสฺสานสฺส ปมํ มาสํ. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ‘‘ติตฺถิยวาทปริโมจนตฺถฺจา’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปากฏํ กาตุํ ‘‘ติตฺถิยา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ยนฺติ กติกวตฺตกรณํ. เอทิเสสุ หิ าเนสุ ยํ-สทฺโท ตํ-สทฺทานเปกฺโข เตเนว อตฺถสฺส ปริปุณฺณตฺตา. ยํ วา กติกวตฺตํ สนฺธาย ‘‘อถ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตเทว มยาปิ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. เอส นโย อีทิเสสุ ภควตา…เป… วณฺณิตนฺติ เสนาสนวตฺตํ ปฺเปนฺเตน เสนาสนกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๐๘) จ เสนาสนปฏิพทฺธวจนํ กเถนฺเตน วณฺณิตํ. สงฺคายิสฺสามาติ เอตฺถ อิติ-สทฺทสฺส ‘‘วุตฺตํ อโหสี’’ติ จ อุภยตฺถ สมฺพนฺโธ, เอกสฺส วา อิติ-สทฺทสฺส โลโป.
ทุติยทิวเสติ เอวํ จินฺติตทิวสโต ทุติยทิวเส, โส จ โข วสฺสูปนายิกทิวสโต ทุติยทิวโสว. เถรา หิ อาสฬฺหิปุณฺณมิโต ปาฏิปททิวเสเยว สนฺนิปติตฺวา วสฺสมุปคนฺตฺวา เอวํ จินฺเตสุนฺติ. ราชทฺวาเรติ ราชเคหทฺวาเร. หตฺถกมฺมนฺติ หตฺถกิริยํ, หตฺถกมฺมสฺส กรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปฏิเวเทสุนฺติ ชานาเปสุํ. วิสฏฺาติ นิราสงฺกจิตฺตา. อาณาเยว ¶ อปฺปฏิหตวุตฺติยา ปวตฺตนฏฺเน จกฺกนฺติ อาณาจกฺกํ. ตถา ธมฺโมเยว จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํ, ตํ ปนิธ เทสนาาณปฏิเวธาณวเสน ทุวิธมฺปิ ยุชฺชติ ตทุภเยเนว สงฺคีติยา ปวตฺตนโต. ‘‘ธมฺมจกฺกนฺติ เจตํ เทสนาาณสฺสาปิ นามํ, ปฏิเวธาณสฺสาปี’’ติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๗๘) หิ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ. สนฺนิสชฺชฏฺานนฺติ สนฺนิปติตฺวา นิสีทนฏฺานํ. สตฺต ปณฺณานิ ยสฺสาติ สตฺตปณฺณี, โย ‘‘ฉตฺตปณฺโณ, วิสมจฺฉโท’’ ติปิ วุจฺจติ, ตสฺส ชาตคุหทฺวาเรติ อตฺโถ.
วิสฺสกมฺมุนาติ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส กมฺมากมฺมวิธายกํ เทวปุตฺตํ สนฺธายาห. สุวิภตฺตภิตฺติถมฺภโสปานนฺติ เอตฺถ สุวิภตฺตปทสฺส ทฺวนฺทโต ปุพฺเพ สุยฺยมานตฺตา สพฺเพหิ ทฺวนฺทปเทหิ สมฺพนฺโธ, ตถา ‘‘นานาวิธ…เป… วิจิตฺต’’นฺติอาทีสุปิ. ราชภวนวิภูตินฺติ ราชภวนสมฺปตฺตึ, ราชภวนโสภํ วา. อวหสนฺตมิวาติ อวหาสํ กุรุมานํ วิย. สิริยาติ โสภาสงฺขาตาย ลกฺขิยา. นิเกตนมิวาติ วสนฏฺานมิว, ‘‘ชลนฺตมิวา’’ติปิ ปาโ. เอกสฺมึเยว ปานียติตฺเถ นิปตนฺตา ปกฺขิโน วิย สพฺเพสมฺปิ ชนานํ จกฺขูนิ มณฺฑเปเยว นิปตนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘เอกนิปาต…เป… วิหงฺคาน’’นฺติ. นยนวิหงฺคานนฺติ นยนสงฺขาตวิหงฺคานํ. โลกรามเณยฺยกมิว สมฺปิณฺฑิตนฺติ ยทิ โลเก วิชฺชมานํ รามเณยฺยกํ สพฺพเมว อาเนตฺวา เอกตฺถ สมฺปิณฺฑิตํ สิยา, ตํ วิยาติ วุตฺตํ โหติ, ยํ ยํ วา โลเก รมิตุมรหติ, ตํ สพฺพํ สมฺปิณฺฑิตมิวาติปิ ¶ อตฺโถ. ทฏฺพฺพสารมณฺฑนฺติ เผคฺคุรหิตํ สารํ วิย, กสฏวินิมุตฺตํ ปสนฺนํ วิย จ ทฏฺุมรหรูเปสุ สารภูตํ, ปสนฺนภูตฺจ. อปิจ ทฏฺพฺโพ ทสฺสนีโย สารภูโต วิสิฏฺตโร มณฺโฑ มณฺฑนํ อลงฺกาโร เอตสฺสาติ ทฏฺพฺพสารมณฺโฑ, ตํ. มณฺฑํ สูริยรสฺมึ ปาติ นิวาเรติ, สพฺเพสํ วา ชนานํ มณฺฑํ ปสนฺนํ ปาติ รกฺขติ, มณฺฑนมลงฺการํ วา ปาติ ปิวติ อลงฺกริตุํ ยุตฺตภาเวนาติ มณฺฑโป, ตํ.
กุสุมทามานิ จ ตานิ โอลมฺพกานิ เจติ กุสุมทาโมลมฺพกานิ. วิเสสนสฺส เจตฺถ ปรนิปาโต ยถา ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ. วิวิธานิเยว กุสุมทาโมลมฺพกานิ ตถา, ตานิ วินิคฺคลนฺตํ วิเสเสน วเมนฺตํ นิกฺขาเมนฺตมิว จารุ โสภนํ วิตานํ เอตฺถาติ ตถา. กุฏฺเฏน คหิโต สมํ กโตติ กุฏฺฏิโม, โกฏฺฏิโม วา, ตาทิโสเยว มณีติ มณิโกฏฺฏิโม ¶ , นานารตเนหิ วิจิตฺโต มณิโกฏฺฏิโม, ตสฺส ตลํ ตถา. อถ วา มณิโย โกฏฺเฏตฺวา กตตลตฺตา มณิโกฏฺเฏน นิปฺผตฺตนฺติ มณิโกฏฺฏิมํ, ตเมว ตลํ, นานารตนวิจิตฺตํ มณิโกฏฺฏิมตลํ ตถา. ตมิว จ นานาปุปฺผูปหารวิจิตฺตํ สุปรินิฏฺิตภูมิกมฺมนฺติ สมฺพนฺโธ. ปุปฺผปูชา ปุปฺผูปหาโร. เอตฺถ หิ นานารตนวิจิตฺตคฺคหณํ นานาปุปฺผูปหารวิจิตฺตตายนิทสฺสนํ, มณิโกฏฺฏิมตลคฺคหณํ สุปรินิฏฺิตภูมิกมฺมตายาติ ทฏฺพฺพํ. นนฺติ มณฺฑปํ. พฺรหฺมวิมานสทิสนฺติ ภาวนปุํสกํ, ยถา พฺรหฺมวิมานํ โสภติ, ตถา อลงฺกริตฺวาติ อตฺโถ. วิเสเสน มาเนตพฺพนฺติ วิมานํ. สทฺทวิทู ปน ‘‘วิเห อากาเส มายนฺติ คจฺฉนฺติ เทวา เยนาติ วิมาน’’นฺติ วทนฺติ. วิเสเสน วา สุจริตกมฺมุนา มียติ นิมฺมียตีติ วิมานํ, วีติ วา สกุโณ วุจฺจติ, ตํ สณฺาเนน มียติ นิมฺมียตีติ วิมานนฺติอาทินาปิ วตฺตพฺโพ. วิมานฏฺกถายํ ปน ‘‘เอกโยชนทฺวิโยชนาทิภาเวน ปมาณวิเสสยุตฺตตาย, โสภาติสยโยเคน จ วิเสสโต มานนียตาย วิมาน’’นฺติ (วิ. ว. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) วุตฺตํ. นตฺถิ อคฺฆเมเตสนฺติ อนคฺฆานิ, อปริมาณคฺฆานิ อคฺฆิตุมสกฺกุเณยฺยานีติ วุตฺตํ โหติ. ปติรูปํ, ปจฺเจกํ วา อตฺถริตพฺพานีติ ปจฺจตฺถรณานิ, เตสํ สตานิ ตถา. อุตฺตราภิมุขนฺติ อุตฺตรทิสาภิมุขํ. ธมฺโมปิ สตฺถาเยว สตฺถุกิจฺจนิปฺผาทนโตติ วุตฺตํ ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต อาสนารหํ ธมฺมาสนํ ปฺเปตฺวา’’ติ. ยถาห ‘‘โย โข…เป… มมจฺจเยน สตฺถา’’ติอาทิ, (ที. นิ. ๒.๒๑๖) ตถาคตปฺปเวทิตธมฺมเทสกสฺส วา สตฺถุกิจฺจาวหตฺตา ตถารูเป อาสเน นิสีทิตุมรหตีติ ทสฺเสตุมฺปิ เอวํ วุตฺตํ. อาสนารหนฺติ นิสีทนารหํ. ธมฺมาสนนฺติ ธมฺมเทสกาสนํ, ธมฺมํ วา กเถตุํ ยุตฺตาสนํ. ทนฺตขจิตนฺติ ทนฺเตหิ ขจิตํ, หตฺถิทนฺเตหิ กตนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ทนฺโต นาม หตฺถิทนฺโต วุจฺจตี’’ติ หิ วุตฺตํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ธมฺมาสเน. มม กิจฺจนฺติ มม กมฺมํ, มยา วา กรณียํ.
อิทานิ ¶ อายสฺมโต อานนฺทสฺส อเสกฺขภูมิสมาปชฺชนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตสฺมิฺจ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺมิฺจ ปน ทิวสเอติ ตถา รฺา อาโรจาปิตทิวเส, สาวณมาสสฺส กาฬปกฺขจตุตฺถทิวเสติ วุตฺตํ โหติ. อนตฺถชนนโต วิสสงฺกาสตาย กิเลโส วิสํ, ตสฺส ขีณาสวภาวโต อฺถาภาวสงฺขาตา สตฺติ คนฺโธ. ตถา หิ โส ¶ ภควโต ปรินิพฺพานาทีสุ วิลาปาทิมกาสิ. อปิจ วิสชนนกปุปฺผาทิคนฺธปฏิภาคตาย นานาวิธทุกฺขเหตุกิริยาชนนโก กิเลโสว ‘‘วิสคนฺโธ’’ติ วุจฺจติ. ตถา หิ โส ‘‘วิสํ หรตีติ วิสตฺติกา, วิสมูลาติ วิสตฺติกา, วิสผลาติ วิสตฺติกา, วิสปริโภคาติ วิสตฺติกา’’ติอาทินา (มหานิ. ๓) วุตฺโตติ. อปิจ วิสคนฺโธนาม วิรูโป มํสาทิคนฺโธ, ตํสทิสตาย ปน กิเลโส. ‘‘วิสฺสสทฺโท หิ วิรูเป’’ติ (ธ. ส. ฏี. ๖๒๔) อภิธมฺมฏีกายํวุตฺตํ. อทฺธาติ เอกํสโต. สํเวคนฺติ ธมฺมสํเวคํ. ‘‘โอหิตภาราน’’นฺติ หิ เยภุยฺเยน, ปธาเนน จ วุตฺตํ. เอทิเสสุ ปน าเนสุ ตทฺเสมฺปิ ธมฺมสํเวโคเยว อธิปฺเปโต. ตถา หิ ‘‘สํเวโค นาม สโหตฺตปฺปํ าณํ, โส ตสฺสา ภควโต ทสฺสเน อุปฺปชฺชี’’ติ (วิ. ว. อฏฺ. ๘๓๘) รชฺชุมาลาวิมานวณฺณนายํวุตฺตํ, สา จ ตทา อวิฺาตสาสนา อนาคตผลาติ. อิตรถา หิ จิตฺตุตฺราสวเสน โทโสเยว สํเวโคติ อาปชฺชติ, เอวฺจ สติ โส ตสฺส อเสกฺขภูมิสมาปชฺชนสฺส เอกํสการณํ น สิยา. เอวมภูโต จ โส อิธ น วตฺตพฺโพเยวาติ อลมติปปฺเจน. เตนาติ ตสฺมา สฺเว สงฺฆสนฺนิปาตสฺส วตฺตมานตฺตา, เสกฺขสกรณียตฺตา วา. เต น ยุตฺตนฺติ ตว น ยุตฺตํ, ตยา วา สนฺนิปาตํ คนฺตุํ น ปติรูปํ.
เมตนฺติ มม เอตํ คมนํ. ยฺวาหนฺติ โย อหํ, ยนฺติ วา กิริยาปรามสนํ, เตน ‘‘คจฺเฉยฺย’’นฺติ เอตฺถ คมนกิริยํ ปรามสติ, กิริยาปรามสนสฺส จ ยํ ตํ-สทฺทสฺส อยํ ปกติ, ยทิทํ นปุํสกลิงฺเคน, เอกวจเนน จ โยคฺยตา ตถาเยว ตตฺถ ตตฺถ ทสฺสนโต. กิริยาย หิ สภาวโต นปุํสกตฺตเมกตฺตฺจ อิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. อาวชฺเชสีติ อุปนาเมสิ. มุตฺตาติ มุจฺจิตา. อปฺปตฺตฺจาติ อคตฺจ, พิมฺโพหเน น ตาว ปิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอตสฺมึ อนฺตเรติ เอตฺถนฺตเร, อิมินา ปททฺวเยน ทสฺสิตกาลานํ เวมชฺฌกฺขเณ, ตถาทสฺสิตกาลทฺวยสฺส วา วิวเรติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘การเณ เจว จิตฺเต จ, ขณสฺมึ วิวเรปิ จ;
เวมชฺฌาทีสุ อตฺเถสุ ‘อนฺตรา’ติ รโว คโต’’ติ.
หิ ¶ วุตฺตํ. อนุปาทายาติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน กฺจิ ธมฺมํ อคฺคเหตฺวา, เยหิ วา กิเลเสหิ มุจฺจติ, เตสํ เลสมตฺตมฺปิ อคฺคเหตฺวา. อาสเวหีติ ¶ ภวโต อา ภวคฺคํ, ธมฺมโต จ อา โคตฺรภุํ สวนโต ปวตฺตนโต อาสวสฺิเตหิ กิเลเสหิ. อุปลกฺขณวจนมตฺตฺเจตํ. ตเทกฏฺตาย หิ สพฺเพหิปิ กิเลเสหิ สพฺเพหิปิ ปาปธมฺเมหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติเยว. จิตฺตํ วิมุจฺจีติ จิตฺตํ อรหตฺตมคฺคกฺขเณ อาสเวหิ วิมุจฺจมานํ หุตฺวา อรหตฺตผลกฺขเณ วิมุจฺจิ. ตทตฺถํ วิวรติ ‘‘อยฺหี’’ติอาทินา. จงฺกเมนาติ จงฺกมนกิริยาย. วิเสสนฺติ อตฺตนา ลทฺธมคฺคผลโต วิเสสมคฺคผลํ. วิวฏฺฏูปนิสฺสยภูตํ กตํ อุปจิตํ ปฺุํ เยนาติ กตปฺุโ, อรหตฺตาธิคมาย กตาธิกาโรติ อตฺโถ. ปธานมนุยฺุชาติ วีริยมนุยฺุชาหิ, อรหตฺตสมาปตฺติยา อนุโยคํ กโรหีติ วุตฺตํ โหติ. โหหิสีติ ภวิสฺสสิ. กถาโทโสติ กถาย โทโส วิตถภาโว. อจฺจารทฺธนฺติ อติวิย อารทฺธํ. อุทฺธจฺจายาติ อุทฺธตภาวาย. หนฺทาติ โวสฺสคฺควจนํ. เตน หิ อธุนาเยว โยเชมิ, น ปนาหํ ปปฺจํ กโรมีติ โวสฺสคฺคํ กโรติ. วีริยสมตํ โยเชมีติ จงฺกมนวีริยสฺส อธิมตฺตตฺตา ตสฺส หาปนวเสน สมาธินา สมตาปาทเนน วีริยสฺส สมตํ สมภาวํ โยเชมิ, วีริเยน วา สมถสงฺขาตํ สมาธึ โยเชมีติปิ อตฺโถ. ทฺวิธาปิ หิ ปาโ ทิสฺสติ. วิสฺสมิสฺสามีติ อสฺสสิสฺสามิ. อิทานิ ตสฺส วิเสสโต ปสํสนารหภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตนาติ จตุอิริยาปถวิรหิตตาการเณน. ‘‘อนิปนฺโน’’ติอาทีนิ ปจฺจุปฺปนฺนวจนาเนว. ปรินิพฺพุโตปิ โส อากาเสเยว ปรินิพฺพายิ. ตสฺมา เถรสฺส กิเลสปรินิพฺพานํ, ขนฺธปรินิพฺพานฺจ วิเสเสน ปสํสารหํ อจฺฉริยพฺภุตเมวาติ.
ทุติยทิวเสติ เถเรน อรหตฺตปตฺตทิวสโต ทุติยทิวเส. ปฺจมิยนฺติ ติถีเปกฺขาย วุตฺตํ, ‘‘ทุติยทิวเส’’ติ อิมินา ตุลฺยาธิกรณํ. ภินฺนลิงฺคมฺปิ หิ ตุลฺยตฺถปทํ ทิสฺสติ ยถา ‘‘คุโณ ปมาณํ, วีสติ จิตฺตานิ’’ อิจฺจาทิ. กาฬปกฺขสฺสาติ สาวณมาสกาฬปกฺขสฺส. ปมฺหิ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฏิสงฺขรณมกํสุ, ปมมาสภาโว จ มชฺฌิมปฺปเทสโวหาเรน. ตตฺถ หิ ปุริมปุณฺณมิโต ยาว อปรา ปุณฺณมี, ตาว เอโก มาโสติ โวหรนฺติ. ตโต ตีณิ ทิวสานิ ราชา มณฺฑปมกาสิ, ตโต ทุติยทิวเส เถโร อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ, ตติยทิวเส ปน สนฺนิปติตฺวา เถรา สงฺคีติมกํสุ, ตสฺมา อาสฬฺหิมาสกาฬปกฺขปาฏิปทโต ยาว สาวณมาสกาฬปกฺขปฺจมี ¶ , ตาว ปฺจทิวสาธิโก เอกมาโส โหติ. สมาโนติ อุปฺปชฺชมาโน. หฏฺตุฏฺจิตฺโตติ อติวิย โสมนสฺสจิตฺโต, ปาโมชฺเชน วา หฏฺจิตฺโต ปีติยา ตุฏฺจิตฺโต. เอกํสนฺติ เอกสฺมึ อํเส, วามํเสติ อตฺโถ. ตถา หิ วงฺคีสสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตํ –
‘‘เอกํสํ ¶ จีวรนฺติ เอตฺถ ปุน สณฺาปนวเสน เอวํ วุตฺตํ, เอกํสนฺติ จ วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยโต ยถา วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตํ โหติ, ตถา จีวรํ กตฺวาติ เอวมสฺสตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๓๔๕).
พนฺธ…เป… วิยาติ วณฺฏโต ปวุตฺตสุปริปกฺกตาลผลมิว. ปณฺฑุ…เป… วิยาติ สิตปีตปภายุตฺตปณฺฑุโรมชกมฺพเล ปิโต ชาติมา มณิ วิย, ชาติวจเนน เจตฺถ กุตฺติมํ นิวตฺเตติ. สมุคฺคตปุณฺณจนฺโท วิยาติ ชุณฺหปกฺขปนฺนรสุโปสเถ สมุคฺคโต โสฬสกลาปริปุณฺโณ จนฺโท วิย. พาลา…เป… วิยาติ ตรุณสูริยปภาสมฺผสฺเสน ผุลฺลิตสุวณฺณวณฺณปราคคพฺภํ สตปตฺตปทฺธํ วิย. ‘‘ปิฺชรสทฺโท หิ เหมวณฺณปริยาโย’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๒๒) สารตฺถทีปนิยํ วุตฺโต. ปริโยทาเตนาติ ปภสฺสเรน. สปฺปเภนาติ วณฺณปฺปภาย, สีลปฺปภาย จ สมนฺนาคเตน. สสฺสิริเกนาติ สรีรโสภคฺคาทิสงฺขาตาย สิริยา อติวิย สิริมตา. มุขวเรนาติ ยถาวุตฺตโสภาสมลงฺกตตฺตา อุตฺตมมุเขน. กามํ ‘‘อหมสฺมิ อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ นาโรเจสิ, ตถารูปาย ปน อุตฺตมลีฬาย คมนโต ปสฺสนฺตา สพฺเพปิ ตมตฺถํ ชานนฺติ, ตสฺมา อาโรเจนฺโต วิย โหตีติ อาห ‘‘อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ อาโรจยมาโน วิย อคมาสี’’ติ.
กิมตฺถํ ปนายํ เอวมาโรจยมาโน วิย อคมาสีติ? วุจฺจเต – โส หิ ‘‘อตฺตุปนายิกํ อกตฺวา อฺพฺยากรณํ ภควตา สํวณฺณิต’’นฺติ มนสิ กริตฺวา ‘‘เสกฺขตาย ธมฺมวินยสงฺคีติยา คเหตุมยุตฺตมฺปิ พหุสฺสุตตฺตา คณฺหิสฺสามา’’ติ นิสินฺนานํ เถรานํ อรหตฺตปฺปตฺติวิชานเนน โสมนสฺสุปฺปาทนตฺถํ, ‘‘อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ ภควตา ทินฺนโอวาทสฺส จ สผลตาทีปนตฺถํ เอวมาโรจยมาโน วิย อคมาสีติ. อายสฺมโตมหากสฺสปสฺส ¶ เอตทโหสิ สมสมฏฺปนาทินา ยถาวุตฺตการเณน สตฺถุกปฺปตฺตา. ธเรยฺยาติ วิชฺชมาโน ภเวยฺย. ‘‘โสภติ วต เต อาวุโส อานนฺท อรหตฺตสมธิคมตา’’ติอาทินา สาธุการมทาสิ. อยมิธ ทีฆภาณกานํ วาโท. ขุทฺทกภาณเกสุ จ สุตฺตนิปาตขุทฺทกปาภาณกานํ วาโทติปิ ยุชฺชติ ตทฏฺกถาสุปิ ตถา วุตฺตตฺตา.
มชฺฌิมํ นิกายํ ภณนฺติ สีเลนาติ มชฺฌิมภาณกา, ตปฺปคุณา อาจริยา. ยถาวุฑฺฒนฺติ วุฑฺฒปฏิปาฏึ, ตทนติกฺกมิตฺวา วา. ตตฺถาติ ตสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ. อานนฺทสฺส เอตมาสนนฺติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมึ สมเยติ ตสฺมึ เอวํกถนสมเย. เถโร จินฺเตสิ ‘‘กุหึ คโต’’ติ ปุจฺฉนฺตานํ อตฺตานํ ทสฺเสนฺเต อติวิย ปากฏภาเวน ภวิสฺสมานตฺตา, อยมฺปิ มชฺฌิมภาณเกสฺเวว เอกจฺจานํ วาโท, ตสฺมา อิติปิ เอเก วทนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อากาเสน อาคนฺตฺวา อตฺตโน อาสเนเยว ¶ อตฺตานํ ทสฺเสสีติปิ เตสเมว เอกจฺเจ วทนฺติ. ปุลฺลิงฺควิสเย หิ ‘‘เอเก’’ติ วุตฺเต สพฺพตฺถ ‘‘เอกจฺเจ’’ติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตีสุปิ เจตฺถ วาเทสุ เตสํ เตสํ ภาณกานํ เตน เตนากาเรน อาคตมตฺตํ เปตฺวา วิสุํ วิสุํ วจเน อฺํ วิเสสการณํ นตฺถิ. สตฺตมาสํ กตาย หิ ธมฺมวินยสงฺคีติยา กทาจิ ปกติยาว, กทาจิ ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา, กทาจิ อากาเสน อาคตตฺตา ตํ ตทาคมนมุปาทาย ตถา ตถา วทนฺติ. อปิจ สงฺคีติยา อาทิทิวเสเยว ปมํ ปกติยา อาคนฺตฺวา ตโต ปรํ อากาสมพฺภุคฺคนฺตฺวา ปริสํ ปตฺตกาเล ตโต โอตริตฺวา ภิกฺขุปนฺตึ อปีเฬนฺโต ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อาสเน อตฺตานํ ทสฺเสสีติปิ วทนฺติ. ยถา วา ตถา วา อาคจฺฉตุ, อาคมนาการมตฺตํ น ปมาณํ, อาคนฺตฺวา คตกาเล อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส สาธุการทานเมว ปมาณํ สตฺถารา ทาตพฺพสาธุการทาเนเนว อรหตฺตปฺปตฺติยา อฺเสมฺปิ าปิตตฺตา, ภควติ ธรมาเน ปฏิคฺคเหตพฺพาย จ ปสํสาย เถรสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา. ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา วา’’ติอาทิมาห. สพฺพตฺถาปีติ สพฺเพสุปิ ตีสุ วาเทสุ.
ภิกฺขู อามนฺเตสีติ ภิกฺขู อาลปีติ อยเมตฺถ อตฺโถ, อฺตฺร ปน าปเนปิ ทิสฺสติ ยถา ‘‘อามนฺตยามิ โว ภิกฺขเว, (ที. นิ. ๒.๒๑๘) ปฏิเวทยามิ โว ภิกฺขเว’’ติ ¶ (อ. นิ. ๗.๗๒) ปกฺโกสเนปิ ทิสฺสติ ยถา ‘‘เอหิ ตฺวํ ภิกฺขุ มม วจเนน สาริปุตฺตํ อามนฺเตหี’’ติ (อ. นิ. ๙.๑๑) อาลปเนปิ ทิสฺสติ ยถา ‘‘ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘ภิกฺขโว’ติ’’ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙), อิธาปิ อาลปเนติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺตํ. อาลปนมตฺตสฺส ปน อภาวโต ‘‘กึ ปมํ สงฺคายามา’’ติอาทินา วุตฺเตน วิฺาปิยมานตฺถนฺตเรน จ สหจรณโต าปเนว วฏฺฏติ, ตสฺมา อามนฺเตสีติ ปฏิเวเทสิ วิฺาเปสีติ อตฺโถ วตฺตพฺโพ. ‘‘ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘ภิกฺขโว’ติ, ‘ภทฺทนฺเต’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙) หิ อาลปนมตฺตเมว ทิสฺสติ, น วิฺาปิยมานตฺถนฺตรํ, ตํ ปน ‘‘ภูตปุพฺพํ ภิกฺขเว’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๑.๒๔๙) ปจฺเจกเมว อารทฺธํ. ตสฺมา ตาทิเสสฺเวว อาลปเน วฏฺฏตีติ โน ตกฺโก. สทฺทวิทู ปน วทนฺติ ‘‘อามนฺตยิตฺวา เทวินฺโท, วิสฺสกมฺมํ มหิทฺธิก’นฺติอาทีสุ (จริยา. ๑๐๗) วิย มนฺตสทฺโท คุตฺตภาสเน. ตสฺมา ‘อามนฺเตสี’ติ เอตสฺส สมฺมนฺตยีติ อตฺโถ’’ติ. ‘‘อาวุโส’’ติอาทิ อามนฺตนาการทีปนํ. ธมฺมํ วา วินยํ วาติ เอตฺถ วา-สทฺโท วิกปฺปเน, เตน ‘‘กิเมกํ เตสุ ปมํ สงฺคายามา’’ติ ทสฺเสติ. กสฺมา อายูติ อาห ‘‘วินเย ิเต’’ติอาทิ. ‘‘ยสฺมา, ตสฺมา’’ติ จ อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. ตสฺมาติ ตาย อายุสริกฺขตาย ¶ . ธุรนฺติ เชฏฺกํ. โน นปฺปโหตีติ ปโหติเยว. ทฺวิปฏิเสโธ หิ สห อติสเยน ปกตฺยตฺถทีปโก.
เอตทคฺคนฺติ เอโส อคฺโค. ลิงฺควิปลฺลาเสน หิ อยํ นิทฺเทโส. ยทิทนฺติ จ โย อยํ, ยทิทํ ขนฺธปฺจกนฺติ วา โยเชตพฺพํ. เอวฺหิ สติ ‘‘เอตทคฺค’’นฺติ ยถารุตลิงฺคเมว. ‘‘ยทิท’’นฺติ ปทสฺส จ อยํ สภาโว, ยา ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส วตฺตพฺพสฺส ลิงฺคานุรูเปน ‘‘โย อย’’นฺติ วา ‘‘ยา อย’’นฺติ วา ‘‘ยํ อิท’’นฺติ วา โยเชตพฺพตา ตถาเยวสฺส ตตฺถ ตตฺถ ทสฺสิตตฺตา. ภิกฺขูนํ วินยธรานนฺติ นิทฺธารณฉฏฺีนิทฺเทโส.
อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนีติ สยเมว อตฺตานํ สมฺมตํ อกาสิ. ‘‘อตฺตนา’’ติ หิ อิทํ ตติยาวิเสสนํ ภวติ, ตฺจ ปเรหิ สมฺมนฺนนํ นิวตฺเตติ, ‘‘อตฺตนา’’ติ วา อยํ วิภตฺยนฺตปติรูปโก อพฺยยสทฺโท ¶ . เกจิ ปน ‘‘ลิงฺคตฺเถ ตติยา อภิหิตกตฺตุภาวโต’’ติ วทนฺติ. ตทยุตฺตเมว ‘‘เถโร’’ติ กตฺตุโน วิชฺชมานตฺตา. วิสฺสชฺชนตฺถาย อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนีติ โยเชตพฺพํ. ปุจฺฉธาตุสฺส ทฺวิกมฺมิกตฺตา ‘‘อุปาลึ วินย’’นฺติ กมฺมทฺวยํ วุตฺตํ.
พีชนึ คเหตฺวาติ เอตฺถ พีชนีคหณํ ธมฺมกถิกานํ ธมฺมตาติ เวทิตพฺพํ. ตาย หิ ธมฺมกถิกานํ ปริสาย หตฺถกุกฺกุจฺจมุขวิการาทิ ปฏิจฺฉาทียติ. ภควา จ ธมฺมกถิกานํ ธมฺมตาทสฺสนตฺถเมว วิจิตฺรพีชนึ คณฺหาติ. อฺถา หิ สพฺพสฺสปิ โลกสฺส อลงฺการภูตํ ปรมุกฺกํสคตสิกฺขาสํยมานํ พุทฺธานํ มุขจนฺทมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตพฺพํ น สิยา. ‘‘ปมํ อาวุโส อุปาลิ ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ตสฺส สงฺคีติยา ปุริมกาเล ปมภาโว น ยุตฺโตติ? โน น ยุตฺโต ภควตา ปฺตฺตานุกฺกเมน, ปาติโมกฺขุทฺเทสานุกฺกเมน จ ปมภาวสฺส สิทฺธตฺตา. เยภุยฺเยน หิ ตีณิ ปิฏกานิ ภควโต ธรมานกาเล ิตานุกฺกเมเนว สงฺคีตานิ, วิเสสโต วินยาภิธมฺมปิฏกานีติ ทฏฺพฺพํ. กิสฺมึ วตฺถุสฺมินฺติ, เมถุนธมฺเมติ จ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมวจนํ. ‘‘กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติอาทินา ทสฺสิเตน สห ตทวสิฏฺมฺปิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สงฺคีติการกวจนสมฺมิสฺสํ วา นุ โข, สุทฺธํ วา พุทฺธวจนนฺติ อาสงฺกาปริหรณตฺถํ, ยถาสงฺคีตสฺเสว ปมาณภาวํ ทสฺสนตฺถฺจ ปุจฺฉํ สมุทฺธริตฺวา วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘กึ ปเนตฺถา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ ปมปาราชิเกติ เอติสฺสํ ตถาสงฺคีตาย ปมปาราชิกปาฬิยํ. เตเนวาห ‘‘น หิ ตถาคตา เอกพฺยฺชนมฺปิ นิรตฺถกํ วทนฺตี’’ติ. อปเนตพฺพนฺติ อติเรกภาเวน ¶ นิรตฺถกตาย, วิตถภาเวน วา อยุตฺตตาย ฉฑฺเฑตพฺพวจนํ. ปกฺขิปิตพฺพนฺติ อสมฺปุณฺณตาย อุปเนตพฺพวจนํ. กสฺมาติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. สาวกานํ ปน เทวตานํ วา ภาสิเตติ ภควโต ปุจฺฉาโถมนาทิวเสน ภาสิตํ สนฺธายาห. สพฺพตฺถาปีติ ภควโต สาวกานํ เทวตานฺจ ภาสิเตปิ. ตํ ปน ปกฺขิปนํ สมฺพนฺธวจนมตฺตสฺเสว, น สภาวายุตฺติยา อตฺถสฺสาติ ทสฺเสติ ‘‘กึ ปน ต’’นฺติอาทินา สมฺพนฺธวจนมตฺตนฺติ ปุพฺพาปรสมฺพนฺธวจนเมว. อิทํ ปมปาราชิกนฺติ ววตฺถเปตฺวา เปสุํ อิมินาว วาจนามคฺเคน อุคฺคหณธารณาทิกิจฺจนิปฺผาทนตฺถํ, ตทตฺถเมว จ คณสชฺฌายมกํสุ ‘‘เตน…เป… วิหรตี’’ติ. สชฺฌายารมฺภกาเลเยว ปถวี อกมฺปิตฺถาติ วทนฺติ, ตทิทํ ปน ปถวีกมฺปนํ เถรานํ ธมฺมสชฺฌายานุภาเวนาติ ¶ าเปตุํ ‘‘สาธุการํ ททมานา วิยา’’ติ วุตฺตํ. อุทกปริยนฺตนฺติ ปถวีสนฺธารกอุทกปริยนฺตํ. ตสฺมิฺหิ จลิเตเยว สาปิ จลติ, เอเตน จ ปเทสปถวีกมฺปนํ นิวตฺเตติ.
กิฺจาปิ ปาฬิยํ คณนา นตฺถิ, สงฺคีติมาโรปิตานิ ปน เอตฺตกาเนวาติ ทีเปตุํ ‘‘ปฺจสตฺตติ สิกฺขาปทานี’’ติ วุตฺตํ ‘‘ปุริมนเยเนวา’’ติ เอเตน สาธุการํ ททมานา วิยาติ อตฺถมาห. น เกวลํ สิกฺขาปทกณฺฑวิภงฺคนิยเมเนว, อถ โข ปมาณนิยเมนาปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘จตุสฏฺิภาณวารา’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ภาณวาโรติ –
‘‘อฏฺกฺขรา เอกปทํ, เอกคาถา จตุปฺปทํ;
คาถา เจกา มโต คนฺโถ, คนฺโถ พาตฺตึสตกฺขโร.
พาตฺตึสกฺขรคนฺถานํ, ปฺาสทฺวิสตํ ปน;
ภาณวาโร มโต เอโก, สฺวฏฺกฺขรสหสฺสโก’’ติ.
เอวํ อฏฺกฺขรสหสฺสปริมาโณ ปาโ วุจฺจติ. ภณิตพฺโพ วาโร ยสฺสาติ หิ ภาณวาโร, เอเกน สชฺฌายนมคฺเคน กเถตพฺพวาโรติ อตฺโถ. ขนฺธกนฺติ มหาวคฺคจูฬวคฺคํ. ขนฺธานํ สมูหโต, ปกาสนโต วา ขนฺธโกติ หิ วุจฺจติ, ขนฺธาติ เจตฺถ ปพฺพชฺชูปสมฺปทาทิวินยกมฺมสงฺขาตา, จาริตฺตวาริตฺตสิกฺขาปทสงฺขาตา จ ปฺตฺติโย อธิปฺเปตา. ปพฺพชฺชาทีนิ หิ ภควตา ปฺตฺตตฺตา ปฺตฺติโยติ วุจฺจนฺติ. ปฺตฺติยฺจ ขนฺธสทฺโท ทิสฺสติ ‘‘ทารุกฺขนฺโธ, (อ. นิ. ๖.๔๑) อคฺคิกฺขนฺโธ (อ. นิ. ๗.๗๒), อุทกกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๔๕; ๖.๓๗) วิย. อปิจ ภาคราสฏฺตาปิ ¶ ยุชฺชติเยว ตาสํ ปฺตฺตีนํ ภาคโต, ราสิโต จ วิภตฺตตฺตา, ตํ ปน วินยปิฏกํ ภาณเกหิ รกฺขิตํ โคปิตํ สงฺคหารุฬฺหนเยเนว จิรกาลํ อนสฺสมานํ หุตฺวา ปติฏฺหิสฺสตีติ อายสฺมนฺตํ อุปาลิตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสุํ ‘‘อาวุโส อิมํ ตุยฺหํ นิสฺสิตเก วาเจหี’’ติ.
ธมฺมํ สงฺคายิตุกาโมติ สุตฺตนฺตาภิธมฺมสงฺคีตึ กตฺตุกาโม ‘‘ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๑๖) วิย ปาริเสสนเยน ธมฺมสทฺทสฺส สุตฺตนฺตาภิธมฺเมสฺเวว ปวตฺตนโต. อยมตฺโถ อุปริ อาวิ ภวิสฺสติ.
สงฺฆํ าเปสีติ เอตฺถ เหฏฺา วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กตรํ อาวุโส ปิฏกนฺติ วินยาวเสเสสุ ทฺวีสุ ปิฏเกสุ กตรํ ปิฏกํ. วินยาภิธมฺมานมฺปิ ¶ ขุทฺทกสงฺคีติปริยาปนฺนตฺตา ตมนฺตเรน วุตฺตํ ‘‘สุตฺตนฺตปิฏเก จตสฺโส สงฺคีติโย’’ติ. สงฺคีติโยติ จ สงฺคายนกาเล ทีฆาทิวเสน วิสุํ วิสุํ นิยเมตฺวา สงฺคยฺหมานตฺตา นิกายาว วุจฺจนฺติ. เตนาห ‘‘ทีฆสงฺคีติ’’นฺติอาทิ. สุตฺตาเนว สมฺปิณฺเฑตฺวา วคฺคกรณวเสน ตโย วคฺคา, นาฺานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘จตุตฺตึส สุตฺตานิ ตโย วคฺคา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา จตุตฺติสํ สุตฺตานิ ตโย วคฺคา โหนฺติ, สุตฺตานิ วา จตุตฺตึส, เตสํ วคฺคกรณวเสน ตโย วคฺคา, เตสุ ตีสุ วคฺเคสูติ โยเชตพฺพํ. ‘‘พฺรหฺมชาลสุตฺตํ นาม อตฺถิ, ตํ ปมํ สงฺคายามา’’ติ วุตฺเต กสฺมาติ โจทนาสมฺภวโต ‘‘ติวิธสีลาลงฺกต’’นฺติอาทิมาห. เหตุคพฺภานิ หิ เอตานิ. จูฬมชฺฌิมมหาสีลวเสน ติวิธสฺสาปิ สีลสฺส ปกาสนตฺตา เตน อลงฺกตํ วิภูสิตํ ตถา นานาวิเธ มิจฺฉาชีวภูเต กุหนลปนาทโย วิทฺธํเสตีติ นานาวิธมิจฺฉาชีวกุหนลปนาทิวิทฺธํสนํ. ตตฺถ กุหนาติ กุหายนา, ปจฺจยปฏิเสวนสามนฺตชปฺปนอิริยาปถสนฺนิสฺสิตสงฺขาเตน ติวิเธน วตฺถุนา วิมฺหาปนาติ อตฺโถ. ลปนาติ วิหารํ อาคเต มนุสฺเส ทิสฺวา ‘‘กิมตฺถาย โภนฺโต อาคตา, กึ ภิกฺขู นิมนฺเตตุํ. ยทิ เอวํ คจฺฉถ, อหํ ปจฺฉโต ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉามี’’ติ เอวมาทินา ภาสนา. อาทิสทฺเทน ปุปฺผทานาทโย, เนมิตฺติกตาทโย จ สงฺคณฺหาติ. อปิเจตฺถ มิจฺฉาชีวสทฺเทน กุหนลปนาหิ เสสํ อเนสนํ คณฺหาติ. อาทิสทฺเทน ปน ตทวเสสํ มหิจฺฉตาทิกํ ทุสฺสิลฺยนฺติ ทฏฺพฺพํ. ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย เอว ปลิเวนฏฺเน ชาลสริกฺขตาย ชาลํ, ตสฺส วินิเวนํ อปลิเวกรณํ ตถา.
อนฺตรา จ ภนฺเต ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทนฺติ เอตฺถ อนฺตราสทฺโท วิวเร ‘‘อปิจายํ ภิกฺขเว ¶ ตโปทาทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย อาคจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๓๑) วิย. ตสฺมา ราชคหสฺส จ นาฬนฺทสฺส จ วิวเรติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อนฺตราสทฺเทน ปน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กตํ. อีทิเสสุ าเนสุ อกฺขรจินฺตกา ‘‘อนฺตรา คามฺจ นทิฺจ ยาตี’’ติ เอวํ เอกเมว อนฺตราสทฺทํ ปยุชฺชนฺติ, โส ทุติยปเทนปิ โยเชตพฺโพ โหติ. อโยชิยมาเน หิ อุปโยควจนํ น ปาปุณาติ สามิวจนสฺส ปสงฺเค อนฺตราสทฺทโยเคน อุปโยควจนสฺส อิจฺฉิตตฺตา. ตตฺถ รฺโ กีฬนตฺถํ ปฏิภานจิตฺตวิจิตฺรอคารมกํสุ, ตํ ‘‘ราชาคารก’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ. อมฺพลฏฺิกาติ รฺโ ¶ อุยฺยานํ. ตสฺส กิร ทฺวารสมีเป ตรุโณ อมฺพรุกฺโข อตฺถิ, ตํ ‘‘อมฺพลฏฺิกา’’ติ วทนฺติ, ตสฺส สมีเป ปวตฺตตฺตา อุยฺยานมฺปิ ‘‘อมฺพลฏฺิกา’’ ตฺเวว สงฺขฺยํ คตํ ยถา ‘‘วรุณนคร’’นฺติ, ตสฺมา อมฺพลฏฺิกายํ นาม อุยฺยาเน ราชาคารเกติ อตฺโถ. อวิฺายมานสฺส หิ วิฺาปนตฺถํ เอตํ อาธารทฺวยํ วุตฺตํ ราชาคารเมตสฺสาติ วา ราชาคารกํ, อุยฺยานํ, ราชาคารวติ อมฺพลฏฺิกายํ นาม อุยฺยาเนติ อตฺโถ. ภินฺนลิงฺคมฺปิ หิ วิเสสนปทมตฺถี’’ติ เกจิ วทนฺติ, เอวํ สติ ราชาคารํ อาธาโร น สิยา. ‘‘ราชาคารเกติ เอวํนามเก อุยฺยาเน อภิรมนารหํ กิร ราชาคารมฺปิ. ตตฺถ, ยสฺส วเสเนตํ เอวํ นามํ ลภตี’’ติ (วชิร. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วชิรพุทฺธิตฺเถโร. เอวํ สติ ‘‘อมฺพลฏฺิกาย’’นฺติ อาสนฺนตรุณมฺพรุกฺเขน วิเสเสตฺวา ‘‘ราชาคารเก’’ติ อุยฺยานเมว นามวเสน วุตฺตนฺติ อตฺโถ อาปชฺชติ, ตถา จ วุตฺตโทโสว สิยา. สุปฺปิยฺจ ปริพฺพาชกนฺติ สุปฺปิยํ นาม สฺจยสฺส อนฺเตวาสึ ฉนฺนปริพฺพาชกฺจ. พฺรหฺมทตฺตฺจ มาณวนฺติ เอตฺถ ตรุโณ ‘‘มาณโว’’ติ วุตฺโต ‘‘อมฺพฏฺโ มาณโว, องฺคโก มาณโว’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๙, ๒๑๑) วิย, ตสฺมา พฺรหฺมทตฺตํ นาม ตรุณปุริสฺจ อารพฺภาติ อตฺโถ. วณฺณาวณฺเณติ ปสํสาย เจว ครหาย จ. อถ วา คุโณ วณฺโณ, อคุโณ อวณฺโณ, เตสํ ภาสนํ อุตฺตรปทโลเปน ตถา วุตฺตํ ยถา ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติ.
‘‘ตโต ปร’’นฺติอาทิมฺหิ อยํ วจนกฺกโม – สามฺผลํ ปนาวุโส อานนฺท กตฺถ ภาสิตนฺติ? ราชคเห ภนฺเต ชีวกมฺพวเนติ. เกน สทฺธินฺติ? อชาตสตฺตุนา เวเทหิปุตฺเตน สทฺธินฺติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สามฺผลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉีติ. เอตฺถ หิ ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ อวตฺวา ‘‘เกน สทฺธิ’’นฺติ วตฺตพฺพํ. กสฺมาติ เจ? น ภควตา เอว เอตํ สุตฺตํ ภาสิตํ, รฺาปิ ‘‘ยถา นุ โข อิมานิ ปุถุสิปฺปายตนานี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๖๓) กิฺจิ กิฺจิ วุตฺตมตฺถิ, ตสฺมา เอวเมว วตฺตพฺพนฺติ. อิมินาว นเยน สพฺพตฺถ ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ วา ‘‘เกน สทฺธิ’’นฺติ วา ยถารหํ วตฺวา สงฺคีติมกาสีติ ทฏฺพฺพํ. ตนฺตินฺติ สุตฺตวคฺคสมุทายวเสน ววตฺถิตํ ปาฬึ. เอวฺจ ¶ กตฺวา ‘‘ติวคฺคสงฺคหํ จตุตฺตึสสุตฺตปฏิมณฺฑิต’’นฺติ วจนํ อุปปนฺนํ โหติ. ปริหรถาติ อุคฺคหณวาจนาทิวเสน ธาเรถ. ตโต อนนฺตรํ สงฺคายิตฺวาติ สมฺพนฺโธ.
‘‘ธมฺมสงฺคโห ¶ จา’’ติอาทินา สมาโส. เอวํ สํวณฺณิตํ โปราณเกหีติ อตฺโถ. เอเตน ‘‘มหาธมฺมหทเยน, มหาธาตุกถาย วา สทฺธึ สตฺตปฺปกรณํ อภิธมฺมปิฏกํ นามา’’ติ วุตฺตํ วิตณฺฑวาทิมตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘กถาวตฺถุนาว สทฺธิ’’นฺติ วุตฺตํ สมานวาทิมตํ ทสฺเสติ. สณฺหาณสฺส, สณฺหาณวนฺตานํ วา วิสยภาวโต สุขุมาณโคจรํ.
จูฬนิทฺเทสมหานิทฺเทสวเสน ทุวิโธปิ นิทฺเทโส. ชาตกาทิเก ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺเน, เยภุยฺเยน จ ธมฺมนิทฺเทสภูเต ตาทิเส อภิธมฺมปิฏเกว สงฺคณฺหิตุํ ยุตฺตํ, น ปน ทีฆนิกายาทิปฺปกาเร สุตฺตนฺตปิฏเก, นาปิ ปฺตฺตินิทฺเทสภูเต วินยปิฏเกติ ทีฆภาณกา ชาตกาทีนํ อภิธมฺมปิฏเก สงฺคหํ วทนฺติ. จริยาปิฏกพุทฺธวํสานฺเจตฺถ อคฺคหณํ ชาตกคติกตฺตา, เนตฺติเปฏโกปเทสาทีนฺจ นิทฺเทสปฏิสมฺภิทามคฺคคติกตฺตา. มชฺฌิมภาณกา ปน อฏฺุปฺปตฺติวเสน เทสิตานํ ชาตกาทีนํ ยถานุโลมเทสนาภาวโต ตาทิเส สุตฺตนฺตปิฏเก สงฺคโห ยุตฺโต, น ปน สภาวธมฺมนิทฺเทสภูเต ยถาธมฺมสาสเน อภิธมฺมปิฏเก, นาปิ ปฺตฺตินิทฺเทสภูเต ยถาปราธสาสเน วินยปิฏเกติ ชาตกาทีนํ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนตํ วทนฺติ. ยุตฺตเมตฺถ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.
เอวํ นิมิตฺตปโยชนกาลเทสการกกรณปฺปกาเรหิ ปมํ สงฺคีตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ ววตฺถาปิเตสุ ธมฺมวินเยสุ นานปฺปการโกสลฺลตฺถํ เอกวิธาทิเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวเมต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘เอว’’นฺติ อิมินา เอตสทฺเทน ปรามสิตพฺพํ ยถาวุตฺตสงฺคีติปฺปการํ นิทสฺเสติ. ‘‘ยฺหี’’ติอาทิ วิตฺถาโร. อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธินฺติ อนาวรณาณปทฏฺานํ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานฺจ อนาวรณาณํ. เอตฺถนฺตเรติ อภิสมฺพุชฺฌนสฺส, ปรินิพฺพายนสฺส จ วิวเร. ตเทตํ ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานีติ กาลวเสน นิยเมติ. ปจฺจเวกฺขนฺเตน วาติ อุทานาทิวเสน ปวตฺตธมฺมํ สนฺธายาห. ยํ วจนํ วุตฺตํ, สพฺพํ ตนฺติ สมฺพนฺโธ. กึ ปเนตนฺติ อาห ‘‘วิมุตฺติรสเมวา’’ติ, น ตทฺรสนฺติ วุตฺตํ โหติ. วิมุจฺจิตฺถาติ วิมุตฺติ, รสิตพฺพํ อสฺสาเทตพฺพนฺติ รสํ, วิมุตฺติสงฺขาตํ รสเมตสฺสาติ วิมุตฺติรสํ, อรหตฺตผลสฺสาทนฺติ อตฺโถ. อยํ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถรสฺส มติ (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา). อาจริยธมฺมปาลตฺเถโร ปน ตํ เกจิวาทํ กตฺวา อิมมตฺถมาห ¶ ‘‘วิมุจฺจติ วิมุจฺจิตฺถาติ วิมุตฺติ, ยถารหํ มคฺโค ผลฺจ. รสนฺติ คุโณ, สมฺปตฺติกิจฺจํ วา ¶ , วุตฺตนเยน สมาโส. วิมุตฺตานิสํสํ, วิมุตฺติสมฺปตฺติกํ วา มคฺคผลนิปฺผาทนโต, วิมุตฺติกิจฺจํ วา กิเลสานมจฺจนฺตวิมุตฺติสมฺปาทนโตติ อตฺโถ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา). องฺคุตฺตรฏฺกถายํ ปน ‘‘อตฺถรสสฺสาทีสุ อตฺถรโส นาม จตฺตาริ สามฺผลานิ, ธมฺมรโส นาม จตฺตาโร มคฺคา, วิมุตฺติรโส นาม อมตนิพฺพาน’’นฺติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๓๓๕) วุตฺตํ.
กิฺจาปิ อวิเสเสน สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ กิเลสวินยเนน วินโย, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายปตนาทิโต ธารเณน ธมฺโม จ โหติ, ตถาปิ อิธาธิปฺเปเตเยว ธมฺมวินเย วตฺติจฺฉาวเสน สรูปโต นิทฺธาเรตุํ ‘‘ตตฺถ วินยปิฏก’’นฺติอาทิมาห. อวเสสํ พุทฺธวจนํ ธมฺโม ขนฺธาทิวเสน สภาวธมฺมเทสนาพาหุลฺลโต. อถ วา ยทิปิ วินโย จ ธมฺโมเยว ปริยตฺติยาทิภาวโต, ตถาปิ วินยสทฺทสนฺนิธาเน ภินฺนาธิกรณภาเวน ปยุตฺโต ธมฺมสทฺโท วินยตนฺติ วิปรีตํ ตนฺติเมว ทีเปติ ยถา ‘‘ปฺุาณสมฺภารา, โคพลีพทฺท’’นฺติ. ปโยควเสน ตํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เยน วินย…เป… ธมฺโม, เตเนว เตสํ ตถาภาวํ สงฺคีติกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๔๗) อาหาติ อตฺโถ.
‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ อยํ คาถา ภควตา อตฺตโน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานํ อรหตฺตปฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขนฺเตน เอกูนวีสติมสฺส ปจฺจเวกฺขณาณสฺส อนนฺตรํ ภาสิตา, ตสฺมา ‘‘ปมพุทฺธวจน’’นฺติ วุตฺตา. อิทํ กิร สพฺพพุทฺเธหิ อวิชหิตํ อุทานํ. อยมสฺส สงฺเขปตฺโถ – อหํ อิมสฺส อตฺตภาวสงฺขาตสฺส เคหสฺส การกํ ตณฺหาวฑฺฒกึ คเวสนฺโต เยน าเณน ตํ ทฏฺุํ สกฺกา, ตสฺส โพธิาณสฺสตฺถาย ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาโร เอตฺตกํ กาลํ อเนกชาติสํสารํ อเนกชาติสตสหสฺสสงฺขฺยํ สํสารวฏฺฏํ อนิพฺพิสํ อนิพฺพิสนฺโต ตํ าณํ อวินฺทนฺโต อลภนฺโตเยว สนฺธาวิสฺสํ สํสรึ. ยสฺมา ชราพฺยาธิมรณมิสฺสตาย ชาติ นาเมสา ปุนปฺปุนํ อุปคนฺตุํ ทุกฺขา, น จ สา ตสฺมึ อทิฏฺเ นิวตฺตติ, ตสฺมา ตํ คเวสนฺโต สนฺธาวิสฺสนฺติ อตฺโถ. อิทานิ โภ อตฺตภาวสงฺขาตสฺส เคหสฺส การก ตณฺหาวฑฺฒกิ ตฺวํ มยา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌนฺเตน ทิฏฺโ อสิ. ปุน อิมํ อตฺตภาวสงฺขาตํ มม เคหํ น กาหสิ น กริสฺสสิ. ตว สพฺพา อวเสสกิเลส ผาสุกา มยา ภคฺคา ภฺชิตา ¶ . อิมสฺส ตยา กตสฺส อตฺตภาวสงฺขาตสฺส เคหสฺส กูฏํ อวิชฺชาสงฺขาตํ กณฺณิกมณฺฑลํ วิสงฺขตํ วิทฺธํสิตํ. อิทานิ มม จิตฺตํ วิสงฺขารํ นิพฺพานํ อารมฺมณกรณวเสน คตํ อนุปวิฏฺํ. อหฺจ ตณฺหานํ ขย สงฺขาตํ อรหตฺตมคฺคํ, อรหตฺตผลํ วา อชฺฌคา อธิคโต ปตฺโตสฺมีติ. คณฺิปเทสุ ปน วิสงฺขารคตํ ¶ จิตฺตเมว ตณฺหานํ ขยสงฺขาตํ อรหตฺตมคฺคํ, อรหตฺตผลํ วา อชฺฌคา อธิคตนฺติ อตฺโถ วุตฺโต.
‘‘สนฺธาวิสฺส’’นฺติ เอตฺถ จ ‘‘คาถายมตีตตฺเถ อิมิสฺส’’นฺติ เนรุตฺติกา. ‘‘ตํกาลวจนิจฺฉายมตีเตปิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ เกจิ. ปุนปฺปุนนฺติ อภิณฺหตฺเถ นิปาโต. ปาตพฺพา รกฺขิตพฺพาติ ผาสุ ป-การสฺส ผ-การํ กตฺวา, ผุสิตพฺพาติ วา ผาสุ, สาเยว ผาสุกา. อชฺฌคาติ จ ‘‘อชฺชตนิยมาตฺตมึ วา อํ วา’’ติ วทนฺติ. ยทิ ปน จิตฺตเมว กตฺตา, ตทา ปโรกฺขาเยว. อนฺโตชปฺปนวเสน กิร ภควา ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ คาถาทฺวยมาห, ตสฺมา เอสา มนสา ปวตฺติตธมฺมานมาทิ. ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา’’ติ อยํ ปน วาจาย ปวตฺติตธมฺมานนฺติ วทนฺติ.
เกจีติ ขนฺธกภาณกา. ปมํ วุตฺโต ปน ธมฺมปทภาณกานํ วาโท. ยทา…เป… ธมฺมาติ เอตฺถ นิทสฺสนตฺโถ, อาทฺยตฺโถ จ อิติ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. นิทสฺสเนน หิ มริยาทวจเนน วินา ปทตฺถวิปลฺลาสการินาว อตฺโถ ปริปุณฺโณ น โหติ. ตตฺถ อาทฺยตฺถเมว อิติ-สทฺทํ คเหตฺวา อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ‘‘เตน อาตาปิโน…เป… สเหตุธมฺม’นฺติอาทิคาถาตฺตยํ สงฺคณฺหาตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน วุตฺตํ. ขนฺธเกติ มหาวคฺเค. อุทานคาถนฺติ ชาติยา เอกวจนํ, ตตฺถาปิ วา ปมคาถเมว คเหตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอตฺถ จ ขนฺธกภาณกา เอวํ วทนฺติ ‘‘ธมฺมปทภาณกานํ คาถา มนสาว เทสิตตฺตา ตทา มหโต ชนสฺส อุปการาย นาโหสิ, อมฺหากํ ปน คาถา วจีเภทํ กตฺวา เทสิตตฺตา ตทา สุณนฺตานํ เทวพฺรหฺมานํ อุปการาย อโหสิ, ตสฺมา อิทเมว ปมพุทฺธวจน’’นฺติ. ธมฺมปทภาณกา ปน ‘‘เทสนาย ชนสฺส อุปการานุปการภาโว ปมภาเว ลกฺขณํ น โหติ, ภควตา มนสา ปมํ เทสิตตฺตา อิทเมว ปมพุทฺธวจน’’นฺติ วทนฺติ ¶ . ตสฺมา อุภยมฺปิ อุภยถา ยุชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. นนุ จ ยทิ ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ คาถา มนสาว เทสิตา, อถ กสฺมา ธมฺมปทฏฺกถายํ ‘‘อเนกชาติสํสาร’นฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺโน อุทานวเสน อุทาเนตฺวา อปรภาเค อานนฺทตฺเถเรน ปุฏฺโ กเถสี’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๕๒ อุทานวตฺถุ) วุตฺตนฺติ? อตฺถวเสน ตถาเยว คเหตพฺพตฺตา. ตตฺถาปิ หิ มนสา อุทาเนตฺวาติ อตฺโถเยว คเหตพฺโพ. เทสนา วิย หิ อุทานมฺปิ มนสา อุทานํ, วจสา อุทานนฺติ ทฺวิธา วิฺายติ. ยทิ จายํ วจสา อุทานํ สิยา, อุทานปาฬิยมารุฬฺหา ภเวยฺย ¶ , ตสฺมา อุทานปาฬิยมนารุฬฺหภาโวเยว วจสา อนุทาเนตฺวา มนสา อุทานภาเว การณนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ปาฏิปททิวเส’’ติ อิทํ ‘‘สพฺพฺุภาวปฺปตฺตสฺสา’’ติ เอเตน น สมฺพชฺฌิตพฺพํ, ‘‘ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนา’’ติ เอเตน ปน สมฺพชฺฌิตพฺพํ. วิสาขปุณฺณมายเมว หิ ภควา ปจฺจูสสมเย สพฺพฺุตํ ปตฺโต. โลกิยสมเย ปน เอวมฺปิ สมฺพชฺฌนํ ภวติ, ตถาปิ เนส สาสนสมโยติ น คเหตพฺพํ. โสมนสฺสเมว โสมนสฺสมยํ ยถา ‘‘ทานมยํ, สีลมย’’นฺติ, (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐; เนตฺติ. ๓๔) ตํสมฺปยุตฺตาเณนาติ อตฺโถ. โสมนสฺเสน วา สหชาตาทิสตฺติยา ปกตํ, ตาทิเสน าเณนาติปิ วฏฺฏติ.
หนฺทาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. อิงฺฆ สมฺปาเทถาติ หิ โจเทติ. อามนฺตยามีติ ปฏิเวทยามิ, โพเธมีติ อตฺโถ. โวติ ปน ‘‘อามนฺตยามี’’ติ เอตสฺส กมฺมปทํ. ‘‘อามนฺตนตฺเถ ทุติยาเยว, น จตุตฺถี’’ติ หิ วตฺวา ตเมวุทาหรนฺติ อกฺขรจินฺตกา. วยธมฺมาติ อนิจฺจลกฺขณมุเขน สงฺขารานํ ทุกฺขานตฺตลกฺขณมฺปิ วิภาเวติ ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ. ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕, ๔๕, ๗๖, ๗๗; ๒.๓.๑, ๔; ปฏิ. ม. ๒.๑๐) วจนโต. ลกฺขณตฺตยวิภาวนนเยเนว จ ตทารมฺมณํ วิปสฺสนํ ทสฺเสนฺโต สพฺพติตฺถิยานํ อวิสยภูตํ พุทฺธาเวณิกํ จตุสจฺจกมฺมฏฺานาธิฏฺานํ อวิปรีตํ นิพฺพานคามินิปฏิปทํ ปกาเสตีติ ทฏฺพฺพํ. อิทานิ ตตฺถ สมฺมาปฏิปตฺติยํ นิโยเชติ ‘‘อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ, ตาย จตุสจฺจกมฺมฏฺานาธิฏฺานาย อวิปรีตนิพฺพานคามินิปฏิปทาย อปฺปมาเทน สมฺปาเทถาติ อตฺโถ. อปิจ ‘‘วยธมฺมา สงฺขารา’’ติ เอเตน สงฺเขเปน สํเวเชตฺวา ‘‘อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ สงฺเขเปเนว นิรวเสสํ สมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ ¶ . อปฺปมาทปทฺหิ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ เกวลปริปุณฺณํ สาสนํ ปริยาทิยิตฺวา ติฏฺติ, สิกฺขตฺตยสงฺคหิตาย เกวลปริปุณฺณาย สาสนสงฺขาตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถาติ อตฺโถ. อุภินฺนมนฺตเรติ ทฺวินฺนํ วจนานมนฺตราเฬ เวมชฺเฌ. เอตฺถ หิ กาลวตา กาโลปิ นิทสฺสิโต ตทวินาภาวิตฺตาติ เวทิตพฺโพ.
สุตฺตนฺตปิฏกนฺติ เอตฺถ สุตฺตเมว สุตฺตนฺตํ ยถา ‘‘กมฺมนฺตํ, วนนฺต’’นฺติ. สงฺคีตฺจ อสงฺคีตฺจาติ สพฺพสรูปมาห. ‘‘อสงฺคีตนฺติ จ สงฺคีติกฺขนฺธกกถาวตฺถุปฺปกรณาทิ. เกจิ ปน ‘สุภสุตฺตํ (ที. นิ. ๑.๔๔๔) ปมสงฺคีติยมสงฺคีต’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ. ปมสงฺคีติโต ปุเรตรเมว หิ อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน เชตวเน วิหรนฺเตน สุภสฺส มาณวสฺส ภาสิต’’นฺติ (ที. นิ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ. สุภสุตฺตํ ปน ‘‘เอวํ เม สุตฺตํ เอกํ สมยํ อายสฺมา อานนฺโท สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส ¶ อาราเม อจิรปรินิพฺพุเต ภควตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๔๔) อาคตํ. ตตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิวจนํ ปมสงฺคีติยํ อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรเนว วตฺตุํ ยุตฺตรูปํ น โหติ. น หิ อานนฺทตฺเถโร สยเมว สุภสุตฺตํ เทเสตฺวา ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทีนิ วทติ. เอวํ ปน วตฺตพฺพํ สิยา ‘‘เอกมิทาหํ ภนฺเต สมยํ สาวตฺถิยํ วิหรามิ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติอาทิ. ตสฺมา ทุติยตติยสงฺคีติการเกหิ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทินา สุภสุตฺตํ สงฺคีติมาโรปิตํ วิย ทิสฺสติ. อถาจริยธมฺมปาลตฺเถรสฺส เอวมธิปฺปาโย สิยา ‘‘อานนฺทตฺเถเรเนว วุตฺตมฺปิ สุภสุตฺตํ ปมสงฺคีติมาโรเปตฺวา ตนฺตึ เปตุกาเมหิ มหากสฺสปตฺเถราทีหิ อฺเสุ สุตฺเตสุ อาคตนเยเนว ‘เอวํ เม สุต’นฺติอาทินา ตนฺติ ปิตา’’ติ. เอวํ สติ ยุชฺเชยฺย. อถ วา อายสฺมา อานนฺโท สุภสุตฺตํ สยํ เทเสนฺโตปิ สามฺผลาทีสุ ภควตา เทสิตนเยเนว เทเสสีติ ภควโต สมฺมุขา ลทฺธนเย ตฺวา เทสิตตฺตา ภควตา เทสิตํ ธมฺมํ อตฺตนิ อทหนฺโต ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิมาหาติ เอวมธิปฺปาเยปิ สติ ยุชฺชเตว. ‘‘อนุสงฺคีตฺจา’’ติปิ ปาโ. ทุติยตติยสงฺคีตีสุ ปุน สงฺคีตฺจาติ อตฺถวเสน นินฺนานากรณเมว. สโมธาเนตฺวา วินยปิฏกํ นาม เวทิตพฺพํ, สุตฺต…เป… อภิธมฺมปิฏกํ นาม เวทิตพฺพนฺติ โยชนา.
ภิกฺขุภิกฺขุนีปาติโมกฺขวเสน ¶ อุภยานิ ปาติโมกฺขานิ. ภิกฺขุภิกฺขุนีวิภงฺควเสน ทฺเว วิภงฺคา. มหาวคฺคจูฬวคฺเคสุ อาคตา ทฺวาวีสติ ขนฺธกา. ปจฺเจกํ โสฬสหิ วาเรหิ อุปลกฺขิตตฺตา โสฬส ปริวาราติ วุตฺตํ. ปริวารปาฬิยฺหิ มหาวิภงฺเค โสฬส วารา, ภิกฺขุนีวิภงฺเค โสฬส วารา จาติ พาตฺตึส วารา อาคตา. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘ปริวารา’’ติ เอตฺตกเมว ทิสฺสติ, พหูสุ ปน โปตฺถเกสุ วินยฏฺกถายํ, อภิธมฺมฏฺกถายฺจ ‘‘โสฬส ปริวารา’’ติ เอวเมว ทิสฺสมานตฺตา อยมฺปิ ปาโ น สกฺกา ปฏิพาหิตุนฺติ ตสฺเสวตฺโถ วุตฺโต. ‘‘อิตี’’ติ ยถาวุตฺตํ พุทฺธวจนํ นิทสฺเสตฺวา ‘‘อิท’’นฺติ ตํ ปรามสติ. อิติ-สทฺโท วา อิทมตฺเถ, อิทนฺติ วจนสิลิฏฺตามตฺตํ, อิติ อิทนฺติ วา ปริยายทฺวยํ อิทมตฺเถเยว วตฺตติ ‘‘อิทาเนตรหิ วิชฺชตี’’ติอาทีสุ วิย. เอส นโย อีทิเสสุ. พฺรหฺมชาลาทีนิ จตุตฺตึส สุตฺตานิ สงฺคยฺหนฺติ เอตฺถ, เอเตน วา, เตสํ วา สงฺคโห คณนา เอตสฺสาติ พฺรหฺมชาลาทิจตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห. เอวมิตเรสุปิ. เหฏฺา วุตฺเตสุ ทีฆภาณกมชฺฌิมภาณกานํ วาเทสุ มชฺฌิมภาณกานฺเว วาทสฺส ยุตฺตตรตฺตา ขุทฺทกปาาทโยปิ สุตฺตนฺตปิฏเกเยว สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ขุทฺทก…เป… สุตฺตนฺตปิฏกํ นามา’’ติ อาห. ตตฺถ ‘‘สุณาถ ภาวิตตฺตานํ, คาถา อตฺถูปนายิกาติ (เถรคา. นิทานคาถา) วุตฺตตฺตา ‘‘เถรคาถา เถรีคาถา’’ติ จ ปาโ ยุตฺโต.
เอวํ ¶ สรูปโต ปิฏกตฺตยํ นิยเมตฺวา อิทานิ นิพฺพจนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาติ เตสุ ติพฺพิเธสุ ปิฏเกสุ. วิวิธวิเสสนยตฺตาติ วิวิธนยตฺตา, วิเสสนยตฺตา จ. วินยนโตติ วินยนภาวโต, ภาวปฺปธานนิทฺเทโสยํ, ภาวโลโป วา, อิตรถา ทพฺพเมว ปธานํ สิยา, ตถา จ สติ วินยนตาคุณสมงฺคินา วินยทพฺเพเนว เหตุภูเตน วินโยติ อกฺขาโต, น ปน วินยนตาคุเณนาติ อนธิปฺเปตตฺถปฺปสงฺโค ภเวยฺย. อยํ นโย เอทิเสสุ. วินียเต วา วินยนํ, ตโตติ อตฺโถ. อยํ วินโยติ อตฺถปฺตฺติภูโต สฺีสงฺขาโต อยํ ตนฺติ วินโย. วินโยติ อกฺขาโตติ สทฺทปฺตฺติภูโต สฺาสงฺขาโต วินโย นามาติ กถิโต. อตฺถปฺตฺติยา หิ นามปฺตฺติวิภาวนํ นิพฺพจนนฺติ.
อิทานิ ¶ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถํ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘วิวิธา หี’’ติอาทิ. ‘‘วิวิธา เอตฺถ นยา, ตสฺมา วิวิธนยตฺตา วินโยติ อกฺขาโต’’ติอาทินา โยเชตพฺพํ. วิวิธตฺตํ สรูปโต ทสฺเสติ ‘‘ปฺจวิธา’’ติอาทินา, ตถา วิเสสตฺตมฺปิ ‘‘ทฬฺหีกมฺมา’’ติอาทินา. โลกวชฺเชสุ สิกฺขาปเทสุ ทฬฺหีกมฺมปโยชนา, ปณฺณตฺติวชฺเชสุ สิถิลกรณปโยชนา. สฺมเวลํ อภิภวิตฺวา ปวตฺโต อาจาโร อชฺฌาจาโร, วีติกฺกโม, กาเย, วาจาย จ ปวตฺโต โส, ตสฺส นิเสธนํ ตถา, เตน ตถานิเสธนเมว ปริยาเยน กายวาจาวินยนํ นามาติ ทสฺเสติ. ‘‘ตสฺมา’’ติ วตฺวา ตสฺสาเนกธา ปรามสนมาห ‘‘วิวิธนยตฺตา’’ติอาทิ. ยถาวุตฺตา จ คาถา อีทิสสฺส นิพฺพจนสฺส ปกาสนตฺถํ วุตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เตนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตนาติ วิวิธนยตฺตาทิเหตุนา กรณภูเตนาติ วทนฺติ. อปิจ ‘‘วิวิธา หี’’ติอาทิวากฺยสฺส ยถาวุตฺตสฺส คุณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตนา’’ติอาทิมาหาติปิ สมฺพนฺธํ วทนฺติ. เอวํ สติ เตนาติ วิวิธนยตฺตาทินา เหตุภูเตนาติ อตฺโถ. อถ วา ยถาวุตฺตวจนเมว สนฺธาย โปราเณหิ อยํ คาถา วุตฺตาติ สํสนฺเทตุํ ‘‘เตนา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติปิ วทนฺติ, ทุติยนเย วิย ‘‘เตนา’’ติ ปทสฺส อตฺโถ. เอตนฺติ คาถาวจนํ. เอตสฺสาติ วินยสทฺทสฺส, ‘‘วจนตฺถา’’ติ ปเทน สมฺพนฺโธ. ‘‘วจนสฺส อตฺโถ’’ติ หิ สมฺพนฺเธ วุตฺเตปิ ตสฺส วจนสามฺโต วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตสฺสา’’ติ ปุน วุตฺตํ. เนรุตฺติกา ปน สมาสตทฺธิเตสุ สิทฺเธสุ สามฺตฺตา, นามสทฺทตฺตา จ เอทิเสสุ สทฺทนฺตเรน วิเสสิตภาวํ อิจฺฉนฺติ.
‘‘อตฺถาน’’นฺติ ปทํ ‘‘สูจนโต…เป… สุตฺตาณา’’ติ ปเทหิ ยถารหํ กมฺมสมฺพนฺธวเสน โยเชตพฺพํ. ตมตฺถํ วิวรติ ‘‘ตฺหี’’ติอาทินา. อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภเท อตฺเถติ โย ตํ สุตฺตํ สชฺฌายติ, สุณาติ, วาเจติ, จินฺเตติ, เทเสติ จ, สุตฺเตน สงฺคหิโต สีลาทิอตฺโถ ตสฺสปิ โหติ, เตน ปรสฺส สาเธตพฺพโต ปรสฺสปีติ ตทุภยํ ตํ สุตฺตํ สูเจติ ทีเปติ, ตถา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺเถ ¶ โลกิยโลกุตฺตรตฺเถ จาติ เอวมาทิเภเท อตฺเถ อาทิ-สทฺเทน สงฺคณฺหาติ. อตฺถสทฺโท จายํ หิตปริยาโย, น ภาสิตตฺถวจโน. ยทิ สิยา, สุตฺตํ อตฺตโนปิ ภาสิตตฺถํ สูเจติ, ปรสฺสปีติ อยมนธิปฺเปตตฺโถ วุตฺโต สิยา. สุตฺเตน หิ โย อตฺโถ ปกาสิโต, โส ตสฺเสว ปกาสกสฺส ¶ สุตฺตสฺส โหติ, ตสฺมา น เตน ปรตฺโถ สูจิโต, เตน สูเจตพฺพสฺส ปรตฺถสฺส นิวตฺเตตพฺพสฺส อภาวา อตฺตตฺถคฺคหณฺจ น กตฺตพฺพํ. อตฺตตฺถปรตฺถวินิมุตฺตสฺส ภาสิตตฺถสฺส อภาวา อาทิคฺคหณฺจ น กตฺตพฺพํ, ตสฺมา ยถาวุตฺตสฺส หิตปริยายสฺส อตฺถสฺส สุตฺเต อสมฺภวโต สุตฺตาธารสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน อตฺตตฺถปรตฺถา วุตฺตา.
อถ วา สุตฺตํ อนเปกฺขิตฺวา เย อตฺตตฺถาทโย อตฺถปฺปเภทา ‘‘น ห’ฺทตฺถ’ตฺถิ ปสํสลาภา’’ติ เอตสฺส ปทสฺส นิทฺเทเส (มหานิ. ๖๓) วุตฺตา ‘‘อตฺตตฺโถ, ปรตฺโถ, อุภยตฺโถ, ทิฏฺธมฺมิโก อตฺโถ, สมฺปรายิโก อตฺโถ, อุตฺตาโน อตฺโถ, คมฺภีโร อตฺโถ, คูฬฺโห อตฺโถ, ปฏิจฺฉนฺโน อตฺโถ, เนยฺโย อตฺโถ, นีโต อตฺโถ, อนวชฺโช อตฺโถ, นิกฺกิเลโส อตฺโถ, โวทาโน อตฺโถ, ปรมตฺโถ’’ติ, (มหานิ. ๖๓) เต อตฺถปฺปเภเท สูเจตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. กิฺจาปิ หิ สุตฺตนิรเปกฺขํ อตฺตตฺถาทโย วุตฺตา สุตฺตตฺถภาเวน อนิทฺทิฏฺตฺตา, เตสุ ปน เอโกปิ อตฺถปฺปเภโท สุตฺเตน ทีเปตพฺพตํ นาติวตฺตตีติ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป อตฺถสทฺโท ภาสิตตฺถปริยาโยปิ โหติ. เอตฺถ หิ ปุริมกา ปฺจ อตฺถปฺปเภทา หิตปริยายา, ตโต ปเร ฉ ภาสิตตฺถปฺปเภทา, ปจฺฉิมกา จตฺตาโร อุภยสภาวา. ตตฺถ สุวิฺเยฺยตาย วิภาเวน อนคาธภาโว อุตฺตาโน. ทุรธิคมตาย วิภาเวน อคาธภาโว คมฺภีโร. อวิวโฏ คูฬฺโห. มูลุทกาทโย วิย ปํสุนา อกฺขรสนฺนิเวสาทินา ติโรหิโต ปฏิจฺฉนฺโน. นิทฺธาเรตฺวา าเปตพฺโพ เนยฺโย. ยถารุตวเสน เวทิตพฺโพ นีโต. อนวชฺชนิกฺกิเลสโวทานา ปริยายวเสน วุตฺตา, กุสลวิปากกิริยาธมฺมวเสน วา ยถากฺกมํ โยเชตพฺพา. ปรมตฺโถ นิพฺพานํ, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาโว เอว วา.
อถ วา ‘‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ โหตี’’ติ อตฺตตฺถํ, ‘‘อปฺปิจฺฉกถฺจ ปเรสํ กตฺตา โหตี’’ติ ปรตฺถํ สูเจติ. เอวํ ‘‘อตฺตนา จ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, ปรฺจ ปาณาติปาตา เวรมณิยา สมาทเปตี’’ติอาทิสุตฺตานิ (อ. นิ. ๔.๙๙, ๒๖๕) โยเชตพฺพานิ. อปเร ปน ‘‘ยถาสภาวํ ภาสิตํ อตฺตตฺถํ, ปูรณกสฺสปาทีนมฺติตฺถิยานํ สมยภูตํ ปรตฺถํ สูเจติ, สุตฺเตน วา สงฺคหิตํ อตฺตตฺถํ, สุตฺตานุโลมภูตํ ปรตฺถํ, สุตฺตนฺตนยภูตํ วา อตฺตตฺถํ, วินยาภิธมฺมนยภูตํ ปรตฺถํ ¶ สูเจตี’’ติปิ วทนฺติ. วินยาภิธมฺเมหิ จ วิเสเสตฺวา สุตฺตสทฺทสฺส อตฺโถ วตฺตพฺโพ, ตสฺมา เวเนยฺยชฺฌาสยวสปฺปวตฺตาย เทสนาย สาติสยํ อตฺตหิตปรหิตาทีนิ ¶ ปกาสิตานิ โหนฺติ ตปฺปธานภาวโต, น ปน อาณาธมฺมสภาว-วสปฺปวตฺตายาติ อิทเมว ‘‘อตฺถานํ สูจนโต สุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. สูจ-สทฺทสฺส เจตฺถ รสฺโส. ‘‘เอวฺจ กตฺวา ‘เอตฺตกํ ตสฺส ภควโต สุตฺตาคตํ สุตฺตปริยาปนฺน’นฺติ (ปาจิ. ๖๕๕, ๑๒๔๒) จ สกวาเท ปฺจ สุตฺตสตานี’ติ (อฏฺสา. นิทานกถา, กถา. อฏฺ. นิทานกถา) จ เอวมาทีสุ สุตฺตสทฺโท อุปจริโตติ คเหตพฺโพ’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน วุตฺตํ. อฺเ ปน ยถาวุตฺตสทิเสเนว นิพฺพจเนน สุตฺตสทฺทสฺส วินยาภิธมฺมานมฺปิ วาจกตฺตํ วทนฺติ.
สุตฺเต จ อาณาธมฺมสภาโว เวเนยฺยชฺฌาสยมนุวตฺตติ, น วินยาภิธมฺเมสุ วิย เวเนยฺยชฺฌาสโย อาณาธมฺมสภาเว, ตสฺมา เวเนยฺยานํ เอกนฺตหิตปฏิลาภสํวตฺตนิกา สุตฺตนฺตเทสนาติ อาห ‘‘สุวุตฺตา เจตฺถ อตฺถา’’ติอาทิ. ‘‘เอกนฺตหิตปฏิลาภสํวตฺตนิกา สุตฺตนฺตเทสนา’’ติ อิทมฺปิ เวเนยฺยานํ หิตสมฺปาทเน สุตฺตนฺตเทสนาย ตปฺปรภาวเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ตปฺปรภาโว จ เวเนยฺยชฺฌาสยานุโลมโต ทฏฺพฺโพ. เตเนวาห ‘‘เวเนยฺยชฺฌาสยานุโลเมน วุตฺตตฺตา’’ติ. เอเตน จ เหตุนา นนุ วินยาภิธมฺมาปิ สุวุตฺตา, อถ กสฺมา อิทเมว เอวํ วุตฺตนฺติ อนุโยคํ ปริหรติ.
อนุปุพฺพสิกฺขาทิวเสน กาลนฺตเรน อตฺถาภินิปฺผตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘สสฺสมิว ผล’’นฺติ วุตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา สสฺสํ นาม วปนโรปนาทิกฺขเณเยว ผลํ น ปสวติ, อนุปุพฺพชคฺคนาทิวเสน กาลนฺตเรเนว ปสวติ, ตถา อิทมฺปิ สวนธารณาทิกฺขเณเยว อตฺเถ น ปสวติ, อนุปุพฺพสิกฺขาทิวเสน กาลนฺตเรเนว ปสวตีติ. ปสวตีติ จ ผลติ, อภินิปฺผาเทตีติ อตฺโถ. อภินิปฺผาทนเมว หิ ผลนํ. อุปายสมงฺคีนฺเว อตฺถาภินิปฺผตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘เธนุ วิย ขีร’’นฺติ อาห. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา เธนุ นาม กาเล ชาตวจฺฉา ถนํ คเหตฺวา ทุหตํ อุปายวนฺตานเมว ขีรํ ปคฺฆราเปติ, น อกาเล อชาตวจฺฉา. กาเลปิ วา วิสาณาทิกํ คเหตฺวา ทุหตํ อนุปายวนฺตานํ, ตถา อิทมฺปิ นิสฺสรณาทินา สวนธารณาทีนิ กุรุตํ อุปายวนฺตานเมว ¶ สีลาทิอตฺเถ ปคฺฆราเปติ, น อลคทฺทูปมาย สวนธารณาทีนิ กุรุตํ อนุปายวนฺตานนฺติ. ยทิปิ ‘‘สูทตี’’ติ เอตสฺส ฆรติ สิฺจตีติ อตฺโถ, ตถาปิ สกมฺมิกธาตุตฺตา ปคฺฆราเปตีติ การิตวเสน อตฺโถ วุตฺโต ยถา ‘‘ตรตี’’ติ เอตสฺส นิปาเตตีติ อตฺโถ’’ติ. ‘‘สุตฺตาณา’’ติ เอตสฺส อตฺถมาห ‘‘สุฏฺุ จ เน ตายตี’’ติ. เนติ อตฺเถ.
สุตฺตสภาคนฺติ ¶ สุตฺตสทิสํ. ตพฺภาวํ ทสฺเสติ ‘‘ยถา หี’’ติอาทินา. ตจฺฉกานํ สุตฺตนฺติ วฑฺฒกีนํ กาฬสุตฺตํ. ปมาณํ โหติ ตทนุสาเรน ตจฺฉนโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา กาฬสุตฺตํ ปสาเรตฺวา สฺาเณ กเต คเหตพฺพํ, วิสฺสชฺเชตพฺพฺจ ปฺายติ, ตสฺมา ตํ ตจฺฉกานํ ปมาณํ โหติ, เอวํ วิวาเทสุ อุปฺปนฺเนสุ สุตฺเต อานีตมตฺเต ‘‘อิทํ คเหตพฺพํ, อิทํ วิสฺสชฺเชตพฺพ’’นฺติ ปากฏตฺตา วิวาโท วูปสมฺมติ, ตสฺมา เอตํ วิฺูนํ ปมาณนฺติ. อิทานิ อฺถาปิ สุตฺตสภาคตํ วิภาเวนฺโต ‘‘ยถา จา’’ติอาทิมาห. สุตฺเตนาติ ปุปฺผาวุเตน เยน เกนจิ ถิรสุตฺเตน. สงฺคหิตานีติ สุฏฺุ, สมํ วา คหิตานิ, อาวุตานีติ อตฺโถ. น วิกิริยนฺตีติ อิโต จิโต จ วิปฺปกิณฺณาภาวมาห, น วิทฺธํสียนฺตีติ เฉชฺชเภชฺชาภาวํ. อยเมตฺถาธิปฺปาโย – ยถา ถิรสุตฺเตน สงฺคหิตานิ ปุปฺผานิ วาเตน น วิกิริยนฺติ น วิทฺธํสียนฺติ, เอวํ สุตฺเตน สงฺคหิตา อตฺถา มิจฺฉาวาเทน น วิกิริยนฺติ น วิทฺธํสียนฺตีติ. เวเนยฺยชฺฌาสยวสปฺปวตฺตาย จ เทสนาย อตฺตตฺถปรตฺถาทีนํ สาติสยปฺปกาสนโต อาณาธมฺมสภาเวหิ วินยาภิธมฺเมหิ วิเสเสตฺวา อิมสฺเสว สุตฺตสภาคตา วุตฺตา. ‘‘เตนา’’ติอาทีสุ วุตฺตนยานุสาเรน สมฺพนฺโธ เจว อตฺโถ จ ยถารหํ วตฺตพฺโพ. เอตฺถ จ ‘‘สุตฺตนฺตปิฏก’’นฺติ เหฏฺา วุตฺเตปิ อนฺตสทฺทสฺส อวจนํ ตสฺส วิสุํ อตฺถาภาวทสฺสนตฺถํ ตพฺภาววุตฺติโต. สหโยคสฺส หิ สทฺทสฺส อวจเนน เสสตา ตสฺส ตุลฺยาธิกรณตํ, อนตฺถกตํ วา าเปติ.
ยนฺติ เอส นิปาโต การเณ, เยนาติ อตฺโถ. เอตฺถ อภิธมฺเม วุฑฺฒิมนฺโต ธมฺมา เยน วุตฺตา, เตน อภิธมฺโม นาม อกฺขาโตติ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ. อภิ-สทฺทสฺส อตฺถวเสนายํ ปเภโทติ ตสฺส ตทตฺถปฺปวตฺตตาทสฺสเนน ตมตฺถํ สาเธนฺโต ‘‘อยฺหี’’ติอาทิมาห. อภิ-สทฺโท ¶ กมนกิริยาย วุฑฺฒิภาวสงฺขาตมติเรกตฺถํ ทีเปตีติ วุตฺตํ ‘‘อภิกฺกมนฺตีติอาทีสุ วุฑฺฒิยํ อาคโต’’ติ. อภิฺาตาติ อฑฺฒจนฺทาทินา เกนจิ สฺาเณน าตา, ปฺาตา ปากฏาติ วุตฺตํ โหติ. อฑฺฒจนฺทาทิภาโว หิ รตฺติยา อุปลกฺขณวเสน ปฺาณํ โหติ ‘‘ยสฺมา อฑฺโฒ, ตสฺมา อฏฺมี. ยสฺมา อูโน, ตสฺมา จาตุทฺทสี. ยสฺมา ปุณฺโณ, ตสฺมา ปนฺนรสี’’ติ. อภิลกฺขิตาติ เอตฺถาปิ อยเมวตฺโถ เวทิตพฺโพ, อิทํ ปน มูลปณฺณาสเก ภยเภรวสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๓๔) อภิลกฺขิตสทฺทปริยาโย อภิฺาตสทฺโทติ อาห ‘‘อภิฺาตา อภิลกฺขิตาติอาทีสุ ลกฺขเณ’’ติ. ยชฺเชวํ ลกฺขิตสทฺทสฺเสว ลกฺขณตฺถทีปนโต อภิ-สทฺโท อนตฺถโกว สิยาติ? เนวํ ทฏฺพฺพํ ตสฺสาปิ ตทตฺถโชตนโต. วาจกสทฺทสนฺนิธาเน หิ อุปสคฺคนิปาตา ตทตฺถโชตกมตฺตาติ ลกฺขิตสทฺเทน วาจกภาเวน ปกาสิตสฺส ลกฺขณตฺถสฺเสว โชตกภาเวน ปกาสนโต อภิ-สทฺโทปิ ลกฺขเณ ปวตฺตตีติ วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. ราชาภิราชาติ ปเรหิ ¶ ราชูหิ ปูชิตุมรโห ราชา. ปูชิเตติ ปูชารเห. อิทํ ปน สุตฺตนิปาเต เสลสุตฺเต (สุ. นิ. ๕๕๓ อาทโย).
อภิธมฺเมติ ‘‘สุปินนฺเตน สุกฺกวิสฏฺิยา อนาปตฺติภาเวปิ อกุสลเจตนา อุปลพฺภตี’’ติอาทินา (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วินยปฺตฺติยา สงฺกรวิรหิเต ธมฺเม. ปุพฺพาปรวิโรธาภาเวน ยถาวุตฺตธมฺมานเมว อฺมฺสงฺกรวิรหโต อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเมติปิ วทนฺติ. ‘‘ปาณาติปาโต อกุสล’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๙๒) เอวมาทีสุ วา มรณาธิปฺปายสฺส ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา อกุสโล, น ปาณสงฺขาตชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทสงฺขาโต อติปาโต. ตถา ‘‘อทินฺนสฺส ปรสนฺตกสฺส อาทานสงฺขาตา วิฺตฺติ อพฺยากโต ธมฺโม, ตํวิฺตฺติสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อกุสโล ธมฺโม’’ติ เอวมาทินาปิ อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเมติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อภิวินเยติ เอตฺถ ปน ‘‘ชาตรูปรชตํ น ปฏิคฺคเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺโต วินเย วิเนติ นาม. เอตฺถ จ ‘‘เอวํ ปฏิคฺคณฺหโต ปาจิตฺติยํ, เอวํ ปน ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺโต อภิวินเย วิเนติ นามาติ วทนฺติ. ตสฺมา ชาตรูปรชตํ ปรสนฺตกํ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหนฺตสฺส ยถาวตฺถุํ ¶ ปาราชิกถุลฺลจฺจยทุกฺกเฏสุ อฺตรํ, ภณฺฑาคาริกสีเสน คณฺหนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, อตฺตโน อตฺถาย คณฺหนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, เกวลํ โลลตาย คณฺหนฺตสฺส อนามาสทุกฺกฏํ, รูปิยฉฑฺฑกสมฺมตสฺส อนาปตฺตีติ เอวํ อฺมฺสงฺกรวิรหิเต วินเยปิ ปฏิพโล วิเนตุนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวํ ปน ปริจฺฉินฺนตํ สรูปโต สงฺเขเปเนว ทสฺเสนฺโต ‘‘อฺมฺ…เป… โหตี’’ติ อาห.
อภิกฺกนฺเตนาติ เอตฺถ กนฺติยา อธิกตฺตํ อภิ-สทฺโท ทีเปตีติ วุตฺตํ ‘‘อธิเก’’ติ. นนุ จ ‘‘อภิกฺกมนฺตี’’ติ เอตฺถ อภิ-สทฺโท กมนกิริยาย วุฑฺฒิภาวํ อติเรกตฺตํ ทีเปติ, ‘‘อภิฺาตา อภิลกฺขิตา’’ติ เอตฺถ าณลกฺขณกิริยานํ สุปากฏตํ วิเสสํ, ‘‘อภิกฺกนฺเตนา’’ติ เอตฺถ กนฺติยา อธิกตฺตํ วิสิฏฺภาวํ ทีเปตีติ อิทํ ตาว ยุตฺตํ กิริยาวิเสสกตฺตา อุปสคฺคสฺส. ‘‘ปาทโย กิริยาโยเค อุปสคฺคา’’ติ หิ สทฺทสตฺเถ วุตฺตํ. ‘‘อภิราชา, อภิวินเย’’ติ ปน ปูชิตปริจฺฉินฺเนสุ ราชวินเยสุ อภิ-สทฺโท วตฺตตีติ กถเมตํ ยุชฺเชยฺย. น หิ อสตฺววาจี สทฺโท สตฺววาจโก สมฺภวตีติ? นตฺถิ อตฺร โทโส ปูชนปริจฺเฉทนกิริยานมฺปิ ทีปนโต, ตาหิ จ กิริยาหิ ยุตฺเตสุ ราชวินเยสุปิ ปวตฺตตฺตา. อภิปูชิโต ราชาติ หิ อตฺเถน กิริยาการกสมฺพนฺธํ นิมิตฺตํ กตฺวา กมฺมสาธนภูตํ ราชทพฺพํ อภิ-สทฺโท ปธานโต วทติ, ปูชนกิริยํ ปน อปฺปธานโต. ตถา อภิปริจฺฉินฺโน วินโยติ ¶ อตฺเถน กิริยาการกสมฺพนฺธํ นิมิตฺตํ กตฺวา กมฺมสาธนภูตํ วินยทพฺพํ อภิ-สทฺโท ปธานโต วทติ, ปริจฺฉินฺทนกิริยํ ปน อปฺปธานโต. ตสฺมา อติมาลาทีสุ อติ-สทฺโท วิย อภิ-สทฺโท เอตฺถ สห สาธเนน กิริยํ วทตีติ อภิราชอภิวินยสทฺทา โสปสคฺคาว สิทฺธา. เอวํ อภิธมฺมสทฺเทปิ อภิสทฺโท สห สาธเนน วุฑฺฒิยาทิกิริยํ วทตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.
โหตุ อภิ-สทฺโท ยถาวุตฺเตสุ อตฺเถสุ, ตปฺปโยเคน ปน ธมฺมสทฺเทน ทีปิตา วุฑฺฒิมนฺตาทโย ธมฺมา เอตฺถ วุตฺตา น ภเวยฺยุํ, กถํ อยมตฺโถ ยุชฺเชยฺยาติ อนุโยเค สติ ตํ ปริหรนฺโต ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เอตฺถาติ เอตสฺมึ อภิธมฺเม. อุปนฺยาเส จ-สทฺโท. ภาเวตีติ จิตฺตสฺส วฑฺฒนํ วุตฺตํ, ผริตฺวาติ อารมฺมณสฺส วฑฺฒนํ, ตสฺมา ตาหิ ภาวนาผรณวุฑฺฒีหิ วุฑฺฒิมนฺโตปิ ธมฺมา วุตฺตาติ อตฺโถ ¶ . อารมฺมณาทีหีติ อารมฺมณสมฺปยุตฺตกมฺมทฺวารปฏิปทาทีหิ. เอกนฺตโต โลกุตฺตรธมฺมานฺเว ปูชารหตฺตา ‘‘เสกฺขา ธมฺมา’’ติอาทินา เตเยว ปูชิตาติ ทสฺสิตา. ‘‘ปูชารหา’’ติ เอเตน กตฺตาทิสาธนํ, อตีตาทิกาลํ, สกฺกุเณยฺยตฺถํ วา นิวตฺเตติ. ปูชิตพฺพาเยว หิ ธมฺมา กาลวิเสสนิยมรหิตา ปูชารหา เอตฺถ วุตฺตาติ อธิปฺปาโย ทสฺสิโต. สภาวปริจฺฉินฺนตฺตาติ ผุสนาทิสภาเวน ปริจฺฉินฺนตฺตา. กามาวจเรหิ มหนฺตภาวโต มหคฺคตา ธมฺมา อธิกา, ตโตปิ อุตฺตรวิรหโต อนุตฺตรา ธมฺมาติ ทสฺเสติ ‘‘มหคฺคตา’’ติอาทินา. เตนาติ ‘‘วุฑฺฒิมนฺโต’’ติอาทินา วจเนน กรณภูเตน, เหตุภูเตน วา.
ยํ ปเนตฺถาติ เอเตสุ วินยาทีสุ ตีสุ อฺมฺวิสิฏฺเสุ ยํ อวิสิฏฺํ สมานํ, ตํ ปิฏกนฺติ อตฺโถ. วินยาทโย หิ ตโย สทฺทา อฺมฺาสาธารณตฺตา วิสิฏฺา นาม, ปิฏกสทฺโท ปน เตหิ ตีหิปิ สาธารณตฺตา ‘‘อวิสิฏฺโ’’ติ วุจฺจติ. ปริยตฺติพฺภาชนตฺถโตติ ปริยาปุณิตพฺพตฺถปติฏฺานตฺเถหิ กรณภูเตหิ, วิเสสนภูเตหิ วา. อปิจ ปริยตฺติพฺภาชนตฺถโต ปริยตฺติภาชนตฺถนฺติ อาหูติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปจฺจตฺตตฺเถ หิ โต-สทฺโท อิติ-สทฺเทน นิทฺทิสิตพฺพตฺตา. อิตินา นิทฺทิสิตพฺเพหิโต – สทฺทมิจฺฉนฺติ เนรุตฺติกา ยถา ‘‘อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๖, ๔๐๘, ๔๑๑) เอเตน ปริยาปุณิตพฺพโต, ตํตทตฺถานํ ภาชนโต จ ปิฏกํ นามาติ ทสฺเสติ. อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกปทฺเหตํ. สทฺทวิทู ปน ‘‘ปิฏ สทฺทสงฺฆาเฏสู’’ติ วตฺวา อิธ วุตฺตเมว ปโยคมุทาหรนฺติ, ตสฺมา เตสํ มเตน ปิฏียติ สทฺทียติ ปริยาปุณียตีติ ปิฏกํ, ปิฏียติ วา สงฺฆาฏียติ ตํตทตฺโถ เอตฺถาติ ปิฏกนฺติ นิพฺพจนํ กาตพฺพํ. ‘‘เตนา’’ติอาทินา สมาสํ ทสฺเสติ.
มา ¶ ปิฏกสมฺปทาเนนาติ กาลามสุตฺเต, (อ. นิ. ๓.๖๖) สาฬฺหสุตฺเต (อ. นิ. ๓.๖๗) จ อาคตํ ปาฬิมาห. ตทฏฺกถายฺจ ‘‘อมฺหากํ ปิฏกตนฺติยา สทฺธึ สเมตีติ มา คณฺหิตฺถา’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๖๖) อตฺโถ วุตฺโต. อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน ปน ‘‘ปาฬิสมฺปทานวเสน มา คณฺหถา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺตํ. กุทาลปิฏกมาทายาติ กุทาลฺจ ¶ ปิฏกฺจ อาทาย. กุ วุจฺจติ ปถวี, ตสฺสา ทาลนโต วิทาลนโต อโยมยอุปกรณวิเสโส กุทาลํ นาม. เตสํ เตสํ วตฺถูนํ ภาชนภาวโต ตาลปณฺณเวตฺตลตาทีหิ กโต ภาชนวิเสโส ปิฏกํ นาม. อิทํ ปน มูลปณฺณาสเก กกจูปมสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๒๒๗).
‘‘เตน…เป… เยฺยา’’ติ คาถาปทํ อุลฺลิงฺเคตฺวา ‘‘เตนา’’ติอาทินา วิวรติ. สพฺพาทีหิ สพฺพนาเมหิ วุตฺตสฺส วา ลิงฺคมาทิยเต, วุจฺจมานสฺส วา, อิธ ปน วตฺติจฺฉาย วุตฺตสฺเสวาติ กตฺวา ‘‘วินโย จ โส ปิฏกฺจา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ยถาวุตฺเตเนว นเยนา’’ติ อิมินา ‘‘เอวํ ทุวิธตฺเถน…เป… กตฺวา’’ติ จ ‘‘ปริยตฺติภาวโต, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส ภาชนโต จา’’ติ จ วุตฺตํ สพฺพมติทิสติ. ตโยปีติ เอตฺถ อปิสทฺโท, ปิ-สทฺโท วา อวยวสมฺปิณฺฑนตฺโถ. ‘‘อปี’’ติ อวตฺวา ‘‘ปี’’ติ วทนฺโต หิ อปิ-สทฺโท วิย ปิ-สทฺโทปิ วิสุํ นิปาโต อตฺถีติ ทสฺเสติ.
กเถตพฺพานํ อตฺถานํ เทสกายตฺเตน อาณาทิวิธินา อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนา. สาสิตพฺพปุคฺคลคเตน ยถาปราธาทิสาสิตพฺพภาเวน อนุสาสนํ วินยนํ สาสนํ. กเถตพฺพสฺส สํวราสํวราทิโน อตฺถสฺส กถนํ วจนปฏิพทฺธตากรณํ กถา, อิทํ วุตฺตํ โหติ – เทสิตารํ ภควนฺตมเปกฺขิตฺวา เทสนา, สาสิตพฺพปุคฺคลวเสน สาสนํ, กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺส วเสน กถาติ เอวมิเมสํ นานากรณํ เวทิตพฺพนฺติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ เทสนาทโย เทเสตพฺพาทินิรเปกฺขา น โหนฺติ, อาณาทโย ปน วิเสสโต เทสกาทิอธีนาติ ตํ ตํ วิเสสโยควเสน เทสนาทีนํ เภโท วุตฺโต. ยถา หิ อาณาวิธานํ วิเสสโต อาณารหาธีนํ ตตฺถ โกสลฺลโยคโต, เอวํ โวหารปรมตฺถวิธานานิ จ วิธายกาธีนานีติ อาณาทิวิธิโน เทสกายตฺตตา วุตฺตา. อปราธชฺฌาสยานุรูปํ วิย จ ธมฺมานุรูปมฺปิ สาสนํ วิเสสโต, ตถา วิเนตพฺพปุคฺคลาเปกฺขนฺติ สาสิตพฺพปุคฺคลวเสน สาสนํ วุตฺตํ. สํวราสํวรนามรูปานํ วิย จ วินิพฺเพเตพฺพาย ทิฏฺิยา กถนํ สติ วาจาวตฺถุสฺมึ, นาสตีติ วิเสสโต ตทธีนํ, ตสฺมา กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺส วเสน กถา วุตฺตา. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘เทสกสฺส ¶ ¶ วเสเนตฺถ, เทสนา ปิฏกตฺตยํ;
สาสิตพฺพวเสเนตํ, สาสนนฺติ ปวุจฺจติ.
กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺส, วเสนาปิ กถาติ จ;
เทสนาสาสนกถา-เภทมฺเปวํ ปกาสเย’’ติ.
ปทตฺตยมฺเปตํ สโมธาเนตฺวา ตาสํ เภโทติ กตฺวา เภทสทฺโท วิสุํ วิสุํ โยเชตพฺโพ ทฺวนฺทปทโต ปรํ สุยฺยมานตฺตา ‘‘เทสนาเภทํ, สาสนเภทํ, กถาเภทฺจ ยถารหํ ปริทีปเย’’ติ. เภทนฺติ จ นานตฺตํ, วิเสสํ วา. เตสุ ปิฏเกสุ. สิกฺขา จ ปหานฺจ คมฺภีรภาโว จ, ตฺจ ยถารหํ ปริทีปเย.
ทุติยคาถาย ปริยตฺติเภทํ ปริยาปุณนสฺส ปการํ, วิเสสฺจ วิภาวเย. ยหึ วินยาทิเก ปิฏเก. ยํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺติฺจ ยถา ภิกฺขุ ปาปุณาติ, ตถา ตมฺปิ สพฺพํ ตหึ วิภาวเยติ สมฺพนฺโธ. อถ วา ยํ ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺติฺจ ยหึ ยถา ภิกฺขุ ปาปุณาติ, ตถา ตมฺปิ สพฺพํ ตหึ วิภาวเยติ โยเชตพฺพํ. ยถาติ จ เยหิ อุปารมฺภาทิเหตุปริยาปุณนาทิปฺปกาเรหิ, อุปารมฺภนิสฺสรณธมฺมโกสรกฺขณเหตุปริยาปุณนํ สุปฺปฏิปตฺติทุปฺปฏิปตฺตีติ เอเตหิ ปกาเรหีติ วุตฺตํ โหติ. สนฺเตสุปิ จ อฺเสุ ตถา ปาปุณนฺเตสุ เชฏฺเสฏฺาสนฺนสทาสนฺนิหิตภาวโต, ยถานุสิฏฺํ สมฺมาปฏิปชฺชเนน ธมฺมาธิฏฺานภาวโต จ ภิกฺขูติ วุตฺตํ.
ตตฺราติ ตาสุ คาถาสุ. อยนฺติ อธุนา วกฺขมานา กถา. ปริทีปนาติ สมนฺตโต ปกาสนา, กิฺจิมตฺตมฺปิ อเสเสตฺวา วิภชนาติ วุตฺตํ โหติ. วิภาวนาติ เอวํ ปริทีปนายปิ สติ คูฬฺหํ ปฏิจฺฉนฺนมกตฺวา โสตูนํ สุวิฺเยฺยภาเวน อาวิภาวนา. สงฺเขเปน ปริทีปนา, วิตฺถาเรน วิภาวนาติปิ วทนฺติ. อปิจ เอตํ ปททฺวยํ เหฏฺา วุตฺตานุรูปโต กถิตํ, อตฺถโต ปน เอกเมว. ตสฺมา ปริทีปนา ปมคาถาย, วิภาวนา ทุติยคาถายาติ โยเชตพฺพํ. จ-สทฺเทน อุภยตฺถํ อฺมฺํ สมุจฺเจติ. กสฺมา, วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘เอตฺถ หี’’ติอาทิ. หีติ การเณ นิปาโต ‘‘อกฺขรวิปตฺติยํ หี’’ติอาทีสุ วิย. ยสฺมา, กสฺมาติ วา อตฺโถ. อาณํ ปเณตุํ [เปตุํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา)] อรหตีติ อาณารโห, สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา, มหาการุณิกตาย ¶ จ อวิปรีตหิโตปเทสกภาเวน ปมาณวจนตฺตา อาณารเหน ภควตาติ อตฺโถ. โวหารปรมตฺถธมฺมานมฺปิ ตตฺถ สพฺภาวโต ‘‘อาณาพาหุลฺลโต’’ติ ¶ วุตฺตํ, เตน เยภุยฺยนยํ ทสฺเสติ. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. วิเสเสน สตฺตานํ มนํ อวหรตีติ โวหาโร, ปฺตฺติ, ตสฺมึ กุสโล, เตน.
ปจุโร พหุโล อปราโธ โทโส วีติกฺกโม เยสํ เต ปจุราปราธา, เสยฺยสกตฺเถราทโย. ยถาปราธนฺติ โทสานุรูปํ. ‘‘อเนกชฺฌาสยา’’ติอาทีสุ อาสโยว อชฺฌาสโย, โส อตฺถโต ทิฏฺิ, าณฺจ, ปเภทโต ปน จตุพฺพิโธ โหติ. วุตฺตฺจ –
‘‘สสฺสตุจฺเฉททิฏฺี จ, ขนฺติ เจวานุโลมิกา;
ยถาภูตฺจ ยํ าณํ, เอตํ อาสยสทฺทิต’’นฺติ.
ตตฺถ สพฺพทิฏฺีนํ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺีหิ สงฺคหิตตฺตา สพฺเพปิ ทิฏฺิคติกา สตฺตา อิมา เอว ทฺเว ทิฏฺิโย สนฺนิสฺสิตา. ยถาห ‘‘ทฺวยนิสฺสิโต โข ปนายํ กจฺจาน โลโก เยภุยฺเยน อตฺถิตฺจ นตฺถิตฺจา’’ติ, (สํ. นิ. ๒.๑๕) อตฺถิตาติ หิ สสฺสตคฺคาโห อธิปฺเปโต, นตฺถิตาติ อุจฺเฉทคฺคาโห. อยํ ตาว วฏฺฏนิสฺสิตานํ ปุถุชฺชนานํ อาสโย. วิวฏฺฏนิสฺสิตานํ ปน สุทฺธสตฺตานํ อนุโลมิกา ขนฺติ, ยถาภูตาณนฺติ ทุวิโธ อาสโย. ตตฺถ จ อนุโลมิกา ขนฺติ วิปสฺสนาาณํ. ยถาภูตาณํ ปน กมฺมสกตาาณํ. จตุพฺพิโธ เปโส อาสยนฺติ สตฺตา เอตฺถ นิวสนฺติ, จิตฺตํ วา อาคมฺม เสติ เอตฺถาติ อาสโย มิคาสโย วิย. ยถา มิโค โคจราย คนฺตฺวาปิ ปจฺจาคนฺตฺวา ตตฺเถว วนคหเน สยตีติ ตํ ตสฺส ‘‘อาสโย’’ติ วุจฺจติ, ตถา จิตฺตํ อฺถาปิ ปวตฺติตฺวา ยตฺถ ปจฺจาคมฺม เสติ, ตสฺส โส ‘‘อาสโย’’ติ. กามราคาทโย สตฺต อนุสยา. มูสิกวิสํ วิย การณลาเภ อุปฺปชฺชมานารหา อนาคตา, อตีตา, ปจฺจุปฺปนฺนา จ ตํสภาวตฺตา ตถา วุจฺจนฺติ. น หิ ธมฺมานํ กาลเภเทน สภาวเภโทติ. จริยาติ ราคจริยาทิกา ฉ มูลจริยา, อนฺตรเภเทน อเนกวิธา, สํสคฺควเสน ปน เตสฏฺิ โหนฺติ. อถ วา จริยาติ สุจริตทุจฺจริตวเสน ทุวิธํ จริตํ. ตฺหิ วิภงฺเค จริตนิทฺเทเส นิทฺทิฏฺํ.
‘‘อธิมุตฺติ ¶ นาม ‘อชฺเชว ปพฺพชิสฺสามิ, อชฺเชว อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามี’ติอาทินา ตนฺนินฺนภาเวน ปวตฺตมานํ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘อธิมุตฺติ นาม สตฺตานํ ปุพฺพจริยวเสน อภิรุจิ, สา ทุวิธา หีนปณีตเภเทนา’ติ (ที. นิ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺตํ. ตถา หิ ยาย หีนาธิมุตฺติกา สตฺตา หีนาธิมุตฺติเกเยว สตฺเต เสวนฺติ, ปณีตาธิมุตฺติกา ปณีตาธิมุตฺติเกเยว ¶ . สเจ หิ อาจริยุปชฺฌายา สีลวนฺโต น โหนฺติ, สทฺธิวิหาริกา สีลวนฺโต, เต อตฺตโน อาจริยุปชฺฌาเยปิ น อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตนา สทิเส สารุปฺปภิกฺขูเยว อุปสงฺกมนฺติ. สเจ อาจริยุปชฺฌายา สารุปฺปภิกฺขู, อิตเร อสารุปฺปา, เตปิ น อาจริยุปชฺฌาเย อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตนา สทิเส อสารุปฺปภิกฺขูเยว อุปสงฺกมนฺติ. ธาตุสํยุตฺตวเสน (สํ. นิ. ๒.๘๕ อาทโย) เจส อตฺโถ ทีเปตพฺโพ. เอวมยํ หีนาธิมุตฺติกาทีนํ อฺมฺโ ปเสวนาทินิยมิตา อภิรุจิ อชฺฌาสยธาตุ ‘‘อธิมุตฺตี’’ติ เวทิตพฺพา. อเนกา อชฺฌาสยาทโย เต เยสํ อตฺถิ, อเนกา วา อชฺฌาสยาทโย เยสนฺติ ตถา ยถา ‘‘พหุกตฺตุโก, พหุนทิโก’’ติ. ยถานุโลมนฺติ อชฺฌาสยาทีนํ อนุโลมํ อนติกฺกมฺม, เย เย วา อชฺฌาสยาทโย อนุโลมา, เตหิ เตหีติ อตฺโถ. อาสยาทีนํ อนุโลมสฺส วา อนุรูปนฺติปิ วทนฺติ. ฆนวินิพฺโภคาภาวโต ทิฏฺิมานตณฺหาวเสน ‘‘อหํ มม สนฺตก’’นฺติ เอวํ ปวตฺตสฺิโน. ยถาธมฺมนฺติ ‘‘นตฺเถตฺถ อตฺตา, อตฺตนิยํ วา, เกวลํ ธมฺมมตฺตเมเวต’’นฺติ เอวมาทินา ธมฺมสภาวานุรูปนฺติ อตฺโถ.
สํวรณํ สํวโร, กายวาจาหิ อวีติกฺกโม. มหนฺโต สํวโร อสํวโร. วุฑฺฒิอตฺโถ หิ อยํ อ-กาโร ยถา ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๒๑) ตํโยคตาย จ ขุทฺทโก สํวโร ปาริเสสาทินเยน สํวโร, ตสฺมา ขุทฺทโก, มหนฺโต จ สํวโรติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สํวรา สํวโร’’ติอาทิ. ทิฏฺิวินิเวนาติ ทิฏฺิยา วิโมจนํ, อตฺถโต ปน ตสฺส อุชุวิปจฺจนิกา สมฺมาทิฏฺิอาทโย ธมฺมา. ตถา จาห ‘‘ทฺวาสฏฺิทิฏฺิปฏิปกฺขภูตา’’ติ. นามสฺส, รูปสฺส, นามรูปสฺส จ ปริจฺฉินฺทนํ นามรูปปริจฺเฉโท, โส ปน ‘‘ราคาทิปฏิปกฺขภูโต’’ติ วจนโต ตถาปวตฺตเมว าณํ.
‘‘ตีสุปี’’ติอาทินา ¶ อปรฑฺฒํ วิวรติ. ตีสุปิ ตาสํ วจนสมฺภวโต ‘‘วิเสเสนา’’ติ วุตฺตํ. ตเทตํ สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ. ตตฺร ‘‘ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ วจนโต อาห ‘‘วินยปิฏเก อธิสีลสิกฺขา’’ติ. สุตฺตนฺตปาฬิยํ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๑.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) สมาธิเทสนาพาหุลฺลโต ‘‘สุตฺตนฺต ปิฏเก อธิจิตฺตสิกฺขา’’ติ วุตฺตํ. นามรูปปริจฺเฉทสฺส อธิปฺาปทฏฺานโต, อธิปฺาย จ อตฺถาย ตทวเสสนามรูปธมฺมกถนโต อาห ‘‘อภิธมฺมปิฏเก อธิปฺาสิกฺขา’’ติ.
กิเลสานนฺติ สํกฺเลสธมฺมานํ, กมฺมกิเลสานํ วา, อุภยาเปกฺขฺเจตํ ‘‘โย กายวจีทฺวาเรหิ ¶ กิเลสานํ วีติกฺกโม, ตสฺส ปหานํ, ตสฺส ปฏิปกฺขตฺตา’’ติ จ. ‘‘วีติกฺกโม’’ติ อยํ ‘‘ปฏิปกฺข’’นฺติ ภาวโยเค สมฺพนฺโธ, ‘‘สีลสฺสา’’ติ ปน ภาวปจฺจเย. เอวํ สพฺพตฺถ. อนุสยวเสน สนฺตาเน อนุวตฺตนฺตา กิเลสา การณลาเภ ปริยุฏฺิตาปิ สีลเภทภยวเสน วีติกฺกมิตุํ น ลภนฺตีติ อาห ‘‘วีติกฺกมปฏิปกฺขตฺตา สีลสฺสา’’ติ. โอกาสาทานวเสน กิเลสานํ จิตฺเต กุสลปฺปวตฺตึ ปริยาทิยิตฺวา อุฏฺานํ ปริยุฏฺานํ, ตสฺส ปหานํ, จิตฺตสนฺตาเน อุปฺปตฺติวเสน กิเลสานํ ปริยุฏฺานสฺส ปหานนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘กิเลสาน’’นฺติ หิ อธิกาโร, ตํ ปน ปริยุฏฺานปฺปหานํ จิตฺตสมาทหนวเสน ภวตีติ อาห ‘‘ปริยุฏฺานปฏิปกฺขตฺตา สมาธิสฺสา’’ติ. อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน อนุ อนุ สยนกา อนุรูปการณลาเภ อุปฺปชฺชนารหา ถามคตา กามราคาทโย สตฺต กิเลสา อนุสยา, เตสํ ปหานํ, เต ปน สพฺพโส อริยมคฺคปฺาย ปหียนฺตีติ อาห ‘‘อนุสยปฏิปกฺขตฺตา ปฺายา’’ติ.
ทีปาโลเกน วิย ตมสฺส ทานาทิปฺุกิริยวตฺถุคเตน เตน เตน กุสลงฺเคน ตสฺส ตสฺส อกุสลสฺส ปหานํ ตทงฺคปฺปหานํ. อิธ ปน อธิสีลสิกฺขาย วุตฺตฏฺานตฺตา เตน เตน สุสีลฺยงฺเคน ตสฺส ตสฺส ทุสฺสีลฺยงฺคสฺส ปหานํ ‘‘ตทงฺคปฺปหาน’’นฺติ คเหตพฺพํ. อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา ปวตฺตินิวารเณน ฆฏปฺปหาเรน วิย ชลตเล เสวาลสฺส เตสํ เตสํ นีวรณาทิธมฺมานํ วิกฺขมฺภนวเสน ปหานํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ. จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํ ตํ มคฺควโต สนฺตาเน สมุทยปกฺขิกสฺส ¶ กิเลสคณสฺส อจฺจนฺตมปฺปวตฺติสงฺขาต สมุจฺฉินฺทนวเสน ปหานํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ. ทุฏฺุ จริตํ, สํกิเลเสหิ วา ทูสิตํ จริตํ ทุจฺจริตํ. ตเทว ยตฺถ อุปฺปนฺนํ, ตํ สนฺตานํ สมฺมา กิลิสติ วิพาธติ, อุปตาเปติ จาติ สํกิเลโส, ตสฺส ปหานํ. กายวจีทุจฺจริตวเสน ปวตฺตสํกิเลสสฺส ตทงฺควเสน ปหานํ วุตฺตํ สีลสฺส ทุจฺจริตปฏิปกฺขตฺตา. สิกฺขตฺตยานุสาเรน หิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตสตีติ ตณฺหา, สาว วุตฺตนเยน สํกิเลโส, ตสฺส วิกฺขมฺภนวเสน ปหานํ วุตฺตํ สมาธิสฺส กามจฺฉนฺทปฏิปกฺขตฺตา. ทิฏฺิเยว ยถาวุตฺตนเยน สํกิเลโส, ตสฺส สมุจฺเฉทวเสน ปหานํ วุตฺตํ ปฺาย อตฺตาทิวินิมุตฺตสภาว ธมฺมปฺปกาสนโต.
เอกเมกสฺมิฺเจตฺถาติ เอเตสุ ตีสุ ปิฏเกสุ เอกเมกสฺมึ ปิฏเก, จ-สทฺโท วากฺยารมฺเภ, ปกฺขนฺตเร วา. ปิ-สทฺโท, อปิ-สทฺโท วา อวยวสมฺปิณฺฑเน, เตน น เกวลํ จตุพฺพิธสฺเสว คมฺภีรภาโว, อถ โข ปจฺเจกํ ตทวยวานมฺปีติ สมฺปิณฺฑนํ กโรติ. เอส นโย อีทิเสสุ. อิทานิ เต สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตนฺตีติ ปาฬิ. สา หิ อุกฺกฏฺานํ สีลาทิอตฺถานํ ¶ โพธนโต, สภาวนิรุตฺติภาวโต, พุทฺธาทีหิ ภาสิตตฺตา จ ปกฏฺานํ วจนานํ อาฬิ ปนฺตีติ ‘‘ปาฬี’’ติ วุจฺจติ.
อิธ ปน วินยคณฺิปทการาทีนํ สทฺทวาทีนํ มเตน ปุพฺเพ ววตฺถาปิตา ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺธภูตา ตนฺติ ธมฺโม นาม. อิติ-สทฺโท หิ นามตฺเถ, ‘‘ธมฺโม’’ติ วา วุจฺจติ. ตสฺสาเยวาติ ตสฺสา ยถาวุตฺตาย เอว ตนฺติยา อตฺโถ. มนสา ววตฺถาปิตายาติ อุคฺคหณ-ธารณาทิวสปฺปวตฺเตน มนสา ปุพฺเพ ววตฺถาปิตาย ยถาวุตฺตาย ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺธภูตาย ตสฺสา ตนฺติยา. เทสนาติ ปจฺฉา ปเรสมวโพธนตฺถํ เทสนาสงฺขาตา ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺธภูตา ตนฺติเยว. อปิจ ยถาวุตฺตตนฺติ สงฺขาตสทฺทสมุฏฺาปโก จิตฺตุปฺปาโท เทสนา. ตนฺติยา, ตนฺติอตฺถสฺส จาติ ยถาวุตฺตาย ทุวิธายปิ ตนฺติยา, ตทตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เต หิ ภควตา วุจฺจมานสฺส อตฺถสฺส, โวหารสฺส จ ทีปโก สทฺโทเยว ตนฺติ นามาติ วทนฺติ. เตสํ ปน วาเท ธมฺมสฺสาปิ สทฺทสภาวตฺตา ธมฺมเทสนานํ โก วิเสโสติ เจ? เตสํ เตสํ อตฺถานํ โพธกภาเวน าโต, อุคฺคหณาทิวเสน ¶ จ ปุพฺเพ ววตฺถาปิโต ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺโธ ธมฺโม, ปจฺฉา ปเรสํ อวโพธนตฺถํ ปวตฺติโต ตํ ตทตฺถปฺปกาสโก สทฺโท เทสนาติ อยมิเมสํ วิเสโสติ. อถ วา ยถาวุตฺตสทฺทสมุฏฺาปโก จิตฺตุปฺปาโท เทสนา เทสียติ สมุฏฺาปียติ สทฺโท เอเตนาติ กตฺวา มุสาวาทาทโย วิย ตตฺถาปิ หิ มุสาวาทาทิสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาทาทิสทฺเทหิ โวหรียตีติ. กิฺจาปิ อกฺขราวลิภูโต ปฺตฺติสทฺโทเยว อตฺถสฺส าปโก, ตถาปิ มูลการณภาวโต ‘‘อกฺขรสฺาโต’’ติอาทีสุ วิย ตสฺสาเยว อตฺโถติ ปรมตฺถสทฺโทเยว อตฺถสฺส าปกภาเวน วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ตสฺสา ตนฺติยา เทสนา’’ติ จ สทิสโวหาเรน วุตฺตํ ยถา ‘‘อุปฺปนฺนา จ กุสลาธมฺมา ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.
อภิธมฺมคณฺิปทการาทีนํ ปน ปณฺณตฺติวาทีนํ มเตน สมฺมุติปรมตฺถเภทสฺส อตฺถสฺส อนุรูปวาจกภาเวน ปรมตฺถสทฺเทสุ เอกนฺเตน ภควตา มนสา ววตฺถาปิตา นามปฺตฺติปพนฺธภูตา ตนฺติ ธมฺโม นาม, ‘‘ธมฺโม’’ติ วา วุจฺจติ. ตสฺสาเยวาติ ตสฺสา นามปฺตฺติภูตาย ตนฺติยา เอว อตฺโถ. มนสา ววตฺถาปิตายาติ สมฺมุติปรมตฺถเภทสฺส อตฺถสฺสานุรูปวาจกภาเวน ปรมตฺถสทฺเทสุ ภควตา มนสา ววตฺถาปิตาย นามปณฺณตฺติปพนฺธภูตาย ตสฺสา ตนฺติยา. เทสนาติ ปเรสํ ปโพธเนน อติสชฺชนา วาจาย ปกาสนา วจีเภทภูตา ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺธสงฺขาตา ตนฺติ. ตนฺติยา, ตนฺติอตฺถสฺส จาติ ยถาวุตฺตาย ทุพฺพิธายปิ ตนฺติยา, ตทตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธติ อตฺโถ. เต หิ เอวํ วทนฺติ – สภาวตฺถสฺส, สภาวโวหารสฺส จ อนุรูปวเสเนว ภควตา มนสา ววตฺถาปิตา ปณฺณตฺติ ¶ อิธ ‘‘ตนฺตี’’ติ วุจฺจติ. ยทิ จ สทฺทวาทีนํ มเตน สทฺโทเยว อิธ ตนฺติ นาม สิยา. ตนฺติยา, เทสนาย จ นานตฺเตน ภวิตพฺพํ, มนสา ววตฺถาปิตาย จ ตนฺติยา วจีเภทกรณมตฺตํ เปตฺวา เทสนาย นานตฺตํ นตฺถิ. ตถา หิ เทสนํ ทสฺเสนฺเตน มนสา ววตฺถาปิตาย ตนฺติยา เทสนาติ วจีเภทกรณมตฺตํ วินา ตนฺติยา สห เทสนาย อนฺตา วุตฺตา. ตถา จ อุปริ ‘‘เทสนาติ ปฺตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา เทสนาย อนฺภาเวน ตนฺติยาปิ ปณฺณตฺติภาโว กถิโต โหติ.
อปิจ ¶ ยทิ ตนฺติยา อฺาเยว เทสนา สิยา, ‘‘ตนฺติยา จ ตนฺติอตฺถสฺส จ เทสนาย จ ยถาภูตาวโพโธ’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. เอวํ ปน อวตฺวา ‘‘ตนฺติยา จ ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ’’ติ วุตฺตตฺตา ตนฺติยา, เทสนาย จ อนฺภาโว ทสฺสิโต โหติ. เอวฺจ กตฺวา อุปริ ‘‘เทสนา นาม ปฺตฺตี’’ติ ทสฺเสนฺเตน เทสนาย อนฺภาวโต ตนฺติยา ปณฺณตฺติภาโว กถิโต โหตีติ. ตทุภยมฺปิ ปน ปรมตฺถโต สทฺโทเยว ปรมตฺถวินิมุตฺตาย สมฺมุติยา อภาวา, อิมเมว จ นยํ คเหตฺวา เกจิ อาจริยา ‘‘ธมฺโม จ เทสนา จ ปรมตฺถโต สทฺโท เอวา’’ติ โวหรนฺติ, เตปิ อนุปวชฺชาเยว. ยถา กามาวจรปฏิสนฺธิวิปากา ‘‘ปริตฺตารมฺมณา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ สมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. น หิ กามาวจรปฏิสนฺธิวิปากา ‘‘นิพฺพตฺติตปรมตฺถวิสยาเยวา’’ติ สกฺกา วตฺตุํ อิตฺถิปุริสาทิอาการปริวิตกฺกปุพฺพกานํ ราคาทิอกุสลานํ, เมตฺตาทิกุสลานฺจ อารมฺมณํ คเหตฺวาปิ สมุปฺปชฺชนโต. ปรมตฺถธมฺมมูลกตฺตา ปนสฺส ปริกปฺปสฺส ปรมตฺถวิสยตา สกฺกา ปฺเปตุํ, เอวมิธาปิ ทฏฺพฺพนฺติ จ. เอวมฺปิ ปณฺณตฺติวาทีนํ มตํ โหตุ, สทฺทวาทีนํ มเตปิ ธมฺมเทสนานํ นานตฺตํ วุตฺตนเยเนว อาจริยธมฺมปาลตฺเถรา ทีหิ ปกาสิตนฺติ. โหติ เจตฺถ –
‘‘สทฺโท ธมฺโม เทสนา จ, อิจฺจาหุ อปเร ครู;
ธมฺโม ปณฺณตฺติ สทฺโท ตุ, เทสนา วาติ จาปเร’’ติ.
ตีสุปิ เจเตสุ เอเต ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธาติ เอตฺถ ตนฺติอตฺโถ, ตนฺติเทสนา, ตนฺติอตฺถปฏิเวโธ จาติ อิเม ตโย ตนฺติวิสยา โหนฺตีติ วินยปิฏกาทีนํ อตฺถเทสนาปฏิเวธาธารภาโว ยุตฺโต, ปิฏกานิ ปน ตนฺติเยวาติ เตสํ ธมฺมาธารภาโว กถํ ยุชฺเชยฺยาติ? ตนฺติสมุทายสฺส อวยวตนฺติยา อาธารภาวโต. สมุทาโย หิ อวยวสฺส ปริกปฺปนามตฺตสิทฺเธน อาธารภาเวน วุจฺจติ ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา’’ติ. เอตฺถ จ ธมฺมาทีนํ ทุกฺโขคาหภาวโต เตหิ ธมฺมาทีหิ วินยาทโย คมฺภีราติ วินยาทีนมฺปิ จตุพฺพิโธ คมฺภีรภาโว ¶ วุตฺโตเยว, ตสฺมา ธมฺมาทโย เอว ทุกฺโขคาหตฺตา คมฺภีรา, น วินยาทโยติ น โจเทตพฺพเมตํ สมุเขน, วิสยวิสยีมุเขน จ วินยาทีนฺเว คมฺภีรภาวสฺส วุตฺตตฺตา. ธมฺโม หิ วินยาทโย เอว อภินฺนตฺตา. เตสํ วิสโย อตฺโถ วาจกภูตานํ เตสเมว วาจฺจภาวโต, วิสยิโน เทสนาปฏิเวธา ¶ ธมฺมตฺถวิสยภาวโตติ. ตตฺถ ปฏิเวธสฺส ทุกฺกรภาวโต ธมฺมตฺถานํ, เทสนาาณสฺส ทุกฺกรภาวโต เทสนาย จ ทุกฺโขคาหภาโว เวทิตพฺโพ, ปฏิเวธสฺส ปน อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, ตพฺพิสยาณุปฺปตฺติยา จ ทุกฺกรภาวโต ทุกฺโขคาหตา เวทิตพฺพา. ธมฺมตฺถเทสนานํ คมฺภีรภาวโต ตพฺพิสโย ปฏิเวโธปิ คมฺภีโร ยถา ตํ คมฺภีรสฺส อุทกสฺส ปมาณคฺคหเณ ทีเฆน ปมาเณน ภวิตพฺพํ, เอวํสมฺปทมิทนฺติ (วชิร. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วชิรพุทฺธิตฺเถโร. ปิฏกาวยวานํ ธมฺมาทีนํ วุจฺจมาโน คมฺภีรภาโว ตํสมุทายสฺส ปิฏกสฺสาปิ วุตฺโตเยว, ตสฺมา ตถา น โจเทตพฺพนฺติปิ วทนฺติ, วิจาเรตพฺพเมตํ สพฺเพสมฺปิ เตสํ ปิฏกาวยวาสมฺภวโต. มหาสมุทฺโท ทุกฺโขคาโห, อลพฺภเนยฺยปติฏฺโ วิย จาติ สมฺพนฺโธ. อตฺถวสา หิ วิภตฺติวจนลิงฺคปริณาโมติ. ทุกฺเขน โอคยฺหนฺติ, ทุกฺโข วา โอคาโห อนฺโต ปวิสนเมเตสูติ ทุกฺโขคาหา. น ลภิตพฺโพติ อลพฺภนีโย, โสเยว อลพฺภเนยฺโย, ลภียเต วา ลพฺภนํ, ตํ นารหตีติ อลพฺภเนยฺโย. ปติฏฺหนฺติ เอตฺถ โอกาเสติ ปติฏฺโ, ปติฏฺหนํ วา ปติฏฺโ, อลพฺภเนยฺโย โส เยสุ เต อลพฺภเนยฺยปติฏฺา. เอกเทเสน โอคาหนฺเตหิปิ มนฺทพุทฺธีหิ ปติฏฺา ลทฺธุํ น สกฺกาเยวาติ ทสฺเสตุํ เอตํ ปุน วุตฺตํ. ‘‘เอว’’นฺติอาทิ นิคมนํ.
อิทานิ เหตุเหตุผลาทีนมฺปิ วเสน คมฺภีรภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปโร นโย’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เหตูติ ปจฺจโย. โส จ อตฺตโน ผลํ ทหติ วิทหตีติ ธมฺโม ท-การสฺส ธ-การํ กตฺวา. ธมฺมสทฺทสฺส เจตฺถ เหตุปริยายตา กถํ วิฺายตีติ อาห ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ. วุตฺตํ ปฏิสมฺภิทาวิภงฺเค (วิภ. ๗๑๘). นนุ จ ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ เอเตน วจเนน ธมฺมสฺส เหตุภาโว กถํ วิฺายตีติ? ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตสฺส สมาสปทสฺส อวยวปทตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตุมฺหิ าณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา. ‘‘ธมฺเม ปฏิสมฺภิทา ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตฺถ หิ ‘‘ธมฺเม’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตุมฺหี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘าณ’’นฺติ. ตสฺมา เหตุธมฺมสทฺทา เอกตฺถา, าณปฏิสมฺภิทา สทฺทา จาติ อิมมตฺถํ วทนฺเตน สาธิโต ธมฺมสฺส เหตุภาโวติ. ตถา ‘‘เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ เอเตน วจเนน สาธิโต อตฺถสฺส เหตุผลภาโวติ ¶ ทฏฺพฺโพ. เหตุโน ผลํ เหตุผลํ, ตฺจ เหตุอนุสาเรน อรียติ อธิคมียตีติ อตฺโถติ วุจฺจติ.
เทสนาติ ¶ ปฺตฺตีติ เอตฺถ สทฺทวาทีนํ วาเท อตฺถพฺยฺชนกา อวิปรีตาภิลาปธมฺมนิรุตฺติภูตา ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺธสงฺขาตา ตนฺติ ‘‘เทสนา’’ติ วุจฺจติ, เทสนา นามาติ วา อตฺโถ. เทสียติ อตฺโถ เอตายาติ หิ เทสนา. ปกาเรน าปียติ อตฺโถ เอตาย, ปการโต วา าเปตีติ ปฺตฺติ. ตเมว สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาธมฺมํ ธมฺมาภิลาโปติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. ยถาธมฺมนฺติ เอตฺถ ปน ธมฺมสทฺโท เหตุํ, เหตุผลฺจ สพฺพํ สงฺคณฺหาติ. สภาววาจโก เหส ธมฺมสทฺโท, น ปริยตฺติเหตุอาทิวาจโก, ตสฺมา โย โย อวิชฺชาสงฺขาราทิธมฺโม, ตสฺมึ ตสฺมินฺติ อตฺโถ. เตสํ เตสํ อวิชฺชาสงฺขาราทิธมฺมานํ อนุรูปํ วา ยถาธมฺมํ. เทสนาปิ หิ ปฏิเวโธ วิย อวิปรีตสวิสยวิภาวนโต ธมฺมานุรูปํ ปวตฺตติ, ตโตเยว จ อวิปรีตาภิลาโปติ วุจฺจติ. ธมฺมาภิลาโปติ หิ อตฺถพฺยฺชนโก อวิปรีตาภิลาโป ธมฺมนิรุตฺติภูโต ตนฺติสงฺขาโต ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺโธ. โส หิ อภิลปฺปติ อุจฺจารียตีติ อภิลาโป, ธมฺโม อวิปรีโต สภาวภูโต อภิลาโป ธมฺมาภิลาโปติ วุจฺจติ, เอเตน ‘‘ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘) เอตฺถ วุตฺตํ ธมฺมนิรุตฺตึ ทสฺเสติ สทฺทสภาวตฺตา เทสนาย. ตถา หิ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาย ปริตฺตารมฺมณาทิภาโว ปฏิสมฺภิทาวิภงฺคปาฬิยํ (วิภ. ๗๑๘) วุตฺโต. ตทฏฺกถาย จ ‘‘ตํ สภาวนิรุตฺตึ สทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา’’ติอาทินา (วิภ. อฏฺ. ๗๑๘) ตสฺสา สทฺทารมฺมณตา ทสฺสิตา. ‘‘อิมสฺส อตฺถสฺส อยํ สทฺโท วาจโก’’ติ หิ วจนวจนตฺเถ ววตฺถเปตฺวา ตํ ตํ วจนตฺถวิภาวนวเสน ปวตฺติโต สทฺโท ‘‘เทสนา’’ติ วุจฺจติ. ‘‘อธิปฺปาโย’’ติ เอเตน ‘‘เทสนาติ ปฺตฺตี’’ติ เอตํ วจนํ ธมฺมนิรุตฺตาภิลาปํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ตโต วินิมุตฺตํ ปฺตฺตึ สนฺธายาติ ทสฺเสติ อเนกธา อตฺถสมฺภเว อตฺตนา อธิปฺเปตตฺถสฺเสว วุตฺตตฺตาติ อยํ สทฺทวาทีนํ วาทโต วินิจฺฉโย.
ปฺตฺติวาทีนํ วาเท ปน สมฺมุติปรมตฺถเภทสฺส อตฺถสฺสานุรูปวาจกภาเวน ปรมตฺถสทฺเทสุ ภควตา มนสา ววตฺถาปิตา ตนฺติสงฺขาตา นามปฺตฺติ เทสนา นาม, ‘‘เทสนา’’ติ วา วุจฺจตีติ อตฺโถ. ตเทว มูลการณภูตสฺส ¶ สทฺทสฺส ทสฺสนวเสน การณูปจาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาธมฺมํ ธมฺมาภิลาโปติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ หิ ‘‘ธมฺมาภิลาโป’’ติ เอตฺถ อภิลปฺปติ อุจฺจารียตีติ อภิลาโปติ สทฺโท วุจฺจติ, น ปณฺณตฺติ, ตถาปิ สทฺเท วุจฺจมาเน ตทนุรูปํ โวหารํ คเหตฺวา เตน โวหาเรน ทีปิตสฺส อตฺถสฺส ชานนโต สทฺเท กถิเต ตทนุรูปา ปณฺณตฺติปิ การณูปจาเรน กถิตาเยว โหติ. อปิจ ‘‘ธมฺมาภิลาโปติ อตฺโถ’’ติ อวตฺวา ‘‘ธมฺมาภิลาโปติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตตฺตา เทสนา นาม สทฺโท น โหตีติ ทีปิตเมว. เตน หิ อธิปฺปายมตฺตเมว มูลการณสทฺทวเสน กถิตํ, น อิธ คเหตพฺโพ ‘‘เทสนา’’ติ เอตสฺส อตฺโถติ ¶ อยํ ปฺตฺติวาทีนํ วาทโต วินิจฺฉโย. อตฺถนฺตรมาห ‘‘อนุโลม…เป… กถน’’นฺติ, เอเตน เหฏฺา วุตฺตํ เทสนาสมุฏฺาปกํ จิตฺตุปฺปาทํ ทสฺเสติ. กถียติ อตฺโถ เอเตนาติ หิ กถนํ. อาทิสทฺเทน นีตเนยฺยาทิกา ปาฬิคติโย, เอกตฺตาทินนฺทิยาวตฺตาทิกา ปาฬินิสฺสิตา จ นยา สงฺคหิตา.
สยเมว ปฏิวิชฺฌติ, เอเตน วา ปฏิวิชฺฌนฺตีติ ปฏิเวโธ, าณํ. ตเทว อภิสเมติ, เอเตน วา อภิสเมนฺตีติ อภิสมโยติปิ วุจฺจติ. อิทานิ ตํ ปฏิเวธํ อภิสมยปฺปเภทโต, อภิสมยาการโต, อารมฺมณโต, สภาวโต จ ปากฏํ กาตุํ ‘‘โส จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ หิ โลกิยโลกุตฺตโรติ ปเภทโต, วิสยโต, อสมฺโมหโตติ อาการโต, ธมฺเมสุ, อตฺเถสุ, ปฺตฺตีสูติ อารมฺมณโต, อตฺถานุรูปํ, ธมฺมานุรูปํ, ปฺตฺติปถานุรูปนฺติ สภาวโต จ ปากฏํ กโรติ. ตตฺถ วิสยโต อตฺถาทิอนุรูปํ ธมฺมาทีสุ อวโพโธ นาม อวิชฺชาทิธมฺมารมฺมโณ, สงฺขาราทิอตฺถารมฺมโณ, ตทุภยปฺาปนารมฺมโณ จ โลกิโย อภิสมโย. อสมฺโมหโต อตฺถาทิอนุรูปํ ธมฺมาทีสุ อวโพโธ นาม นิพฺพานารมฺมโณ มคฺคสมฺปยุตฺโต ยถาวุตฺตธมฺมตฺถปฺตฺตีสุ สมฺโมหวิทฺธํสโน โลกุตฺตโร อภิสมโย. ตถา หิ ‘‘อยํ เหตุ, อิทมสฺส ผลํ, อยํ ตทุภยานุรูโป โวหาโร’’ติ เอวํ อารมฺมณกรณวเสน โลกิยาณํ วิสยโต ปฏิวิชฺฌติ, โลกุตฺตราณํ ปน เตสุ เหตุเหตุผลาทีสุ สมฺโมหสฺสาเณน สมุจฺฉินฺนตฺตา อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌติ. โลกุตฺตโร ปน ปฏิเวโธ ¶ วิสยโต นิพฺพานสฺส, อสมฺโมหโต จ อิตรสฺสาติปิ วทนฺติ เอเก.
อตฺถานุรูปํ ธมฺเมสูติ ‘‘อวิชฺชา เหตุ, สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนา, สงฺขาเร อุปฺปาเทติ อวิชฺชา’’ติ เอวํ การิยานุรูปํ การเณสูติ อตฺโถ. อถ วา ‘‘ปฺุาภิสงฺขารอปฺุาภิสงฺขารอาเนฺชาภิสงฺขาเรสุ ตีสุ อปฺุาภิสงฺขารสฺส อวิชฺชา สมฺปยุตฺตปจฺจโย, อิตเรสํ ยถานุรูป’’นฺติอาทินา การิยานุรูปํ การเณสุ ปฏิเวโธติปิ อตฺโถ. ธมฺมานุรูปํ อตฺเถสูติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑; วิภ. ๒๒๕) การณานุรูปํ การิเยสุ. ฉพฺพิธาย ปฺตฺติยา ปโถ ปฺตฺติปโถ, ตสฺส อนุรูปํ ตถา, ปฺตฺติยา วุจฺจมานธมฺมานุรูปํ ปฺตฺตีสุ อวโพโธติ อตฺโถ. อภิสมยโต อฺมฺปิ ปฏิเวธตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตส’’นฺติอาทิมาห. ปฏิวิชฺฌียตีติ ปฏิเวโธติ หิ ตํตํรูปาทิธมฺมานํ อวิปรีตสภาโว วุจฺจติ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ ปิฏเก, ปาฬิปเทเส วา. สลกฺขณสงฺขาโตติ รุปฺปนนมนผุสนาทิสกสกลกฺขณสงฺขาโต.
ยถาวุตฺเตหิ ¶ ธมฺมาทีหิ ปิฏกานํ คมฺภีรภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานี’’ติอาทิมาห. ธมฺมชาตนฺติ การณปฺปเภโท, การณเมว วา. อตฺถชาตนฺติ การิยปฺปเภโท, การิยเมว วา. ยา จายํ เทสนาติ สมฺพนฺโธ. ตทตฺถวิชานนวเสน อภิมุโข โหติ. โย เจตฺถาติ โย เอตาสุ ตํ ตํ ปิฏกาคตาสุ ธมฺมตฺถเทสนาสุ ปฏิเวโธ, โย จ เอเตสุ ปิฏเกสุ เตสํ เตสํ ธมฺมานํ อวิปรีตสภาโวติ อตฺโถ. สมฺภริตพฺพโต กุสลเมว สมฺภาโร, โส สมฺมา อนุปจิโต เยหิ เต อนุปจิตกุสลสมฺภารา, ตโตว ทุปฺปฺเหิ, นิปฺปฺเหีติ อตฺโถ. น หิ ปฺวโต, ปฺาย วา ทุฏฺุภาโว ทูสิตภาโว จ สมฺภวตีติ นิปฺปฺตฺตาเยว ทุปฺปฺา ยถา ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๑๓; ๑๐.๗๕; ปารา. ๒๙๕; ธ. ป. ๓๐๘). เอตฺถ จ อวิชฺชาสงฺขาราทีนํ ธมฺมตฺถานํ ทุปฺปฏิวิชฺฌตาย ทุกฺโขคาหตา, เตสํ ปฺาปนสฺส ทุกฺกรภาวโต ตํเทสนาย, อภิสมยสงฺขาตสฺส ปฏิเวธสฺส อุปฺปาทนวิสยีกรณานํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, อวิปรีตสภาวสงฺขาตสฺส ปฏิเวธสฺส ทุพฺพิฺเยฺยตาย ทุกฺโขคาหตา เวทิตพฺพา. เอวมฺปีติ ปิ-สทฺโท ปุพฺเพ ¶ วุตฺตํ ปการนฺตรํ สมฺปิณฺเฑติ. เอวํ ปมคาถาย อนูนํ ปริปุณฺณํ ปริทีปิตตฺถภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทิมาห. ‘‘สิทฺเธ หิ สตฺยารมฺโภ อตฺถนฺตรวิฺาปนาย วา โหติ, นิยมาย วา’’ติ อิมินา ปุนารมฺภวจเนน อนูนํ ปริปุณฺณํ ปริทีปิตตฺถภาวํ ทสฺเสติ. เอตฺตาวตาติ ปริจฺเฉทตฺเถ นิปาโต, เอตฺตเกน วจนกฺกเมนาติ อตฺโถ. เอตํ วา ปริมาณํ ยสฺสาติ เอตฺตาวํ, เตน, เอตปริมาณวตา สทฺทตฺถกฺกเมนาติ อตฺโถ. ‘‘สทฺเท หิ วุตฺเต ตทตฺโถปิ วุตฺโตเยว นามา’’ติ วทนฺติ. วุตฺโต สํวณฺณิโต อตฺโถ ยสฺสาติ วุตฺตตฺถา.
เอตฺถาติ เอติสฺสา คาถาย. เอวํ อตฺโถ, วินิจฺฉโยติ วา เสโส. ตีสุ ปิฏเกสูติ เอตฺถ ‘‘เอเกกสฺมิ’’นฺติ อธิการโต, ปกรณโต วา เวทิตพฺพํ. ‘‘เอกเมกสฺมิฺเจตฺถา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา) หิ เหฏฺา วุตฺตํ. อถ วา วตฺติจฺฉานุปุพฺพิกตฺตา สทฺทปฏิปตฺติยา นิทฺธารณมิธ อวตฺตุกาเมน อาธาโรเยว วุตฺโต. น เจตฺถ โจเทตพฺพํ ‘‘ตีสุเยว ปิฏเกสุ ติวิโธ ปริยตฺติเภโท ทฏฺพฺโพ สิยา’’ติ สมุทายวเสน วุตฺตสฺสาปิ วากฺยสฺส อวยวาธิปฺปายสมฺภวโต. ทิสฺสติ หิ อวยววากฺยนิปฺผตฺติ ‘‘พฺราหฺมณาทโย ภฺุชนฺตู’’ติอาทีสุ, ตสฺมา อลมติปปฺเจน. ยถา อตฺโถ น วิรุชฺฌติ, ตถาเยว คเหตพฺโพติ. เอวํ สพฺพตฺถ. ปริยตฺติเภโทติ ปริยาปุณนํ ปริยตฺติ. ปริยาปุณนวาจโก เหตฺถ ปริยตฺติสทฺโท, น ปน ปาฬิปริยาโย, ตสฺมา ปริยาปุณนปฺปกาโรติ อตฺโถ. อถ วา ตีหิ ปกาเรหิ ปริยาปุณิตพฺพา ปาฬิโย เอว ‘‘ปริยตฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ. ตถา เจว อภิธมฺมฏฺกถาย สีหฬคณฺิปเท วุตฺตนฺติ วทนฺติ. เอวมฺปิ หิ อลคทฺทูปมาปริยาปุณนโยคโต ‘‘อลคทฺทูปมา ปริยตฺตี’’ติ ปาฬิปิ สกฺกา วตฺตุํ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘ทุคฺคหิตา อุปารมฺภาทิเหตุ ¶ ปริยาปุฏา อลคทฺทูปมา’’ติ ปรโต นิทฺเทสวจนมฺปิ อุปปนฺนํ โหติ. ตตฺถ หิ ปาฬิเยว ‘‘ทุคฺคหิตา, ปริยาปุฏา’’ติ จ วตฺตุํ ยุตฺตา.
อลคทฺโท อลคทฺทคฺคหณํ อุปมา เอติสฺสาติ อลคทฺทูปมา. อลคทฺทสฺส คหณฺเหตฺถ อลคทฺทสทฺเทน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อาปูปิโกติ เอตฺถ อาปูป-สทฺเทน อาปูปขาทนํ วิย, เวณิโกติ เอตฺถ วีณาสทฺเทน วีณาวาทนคฺคหณํ วิย จ. อลคทฺทคฺคหเณน หิ ปริยตฺติ อุปมียติ ¶ , น อลคทฺเทน. ‘‘อลคทฺทคฺคหณูปมา’’ติ วา วตฺตพฺเพ มชฺเฌปทโลปํ กตฺวา ‘‘อลคทฺทูปมา’’ติ วุตฺตํ ‘‘โอฏฺมุโข’’ติอาทีสุ วิย. อลคทฺโทติ จ อาสีวิโส วุจฺจติ. คโทติ หิ วิสสฺส นามํ, ตฺจ ตสฺส อลํ ปริปุณฺณํ อตฺถิ, ตสฺมา อลํ ปริยตฺโต ปริปุณฺโณ คโท อสฺสาติ อลคทฺโท อนุนาสิกโลปํ, ท-การาคมฺจ กตฺวา, อลํ วา ชีวิตหรเณ สมตฺโถ คโท ยสฺสาติ อลคทฺโท วุตฺตนเยน. วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรณํ อตฺโถ ปโยชนเมติสฺสาติ นิสฺสรณตฺถา. ภณฺฑาคาเร นิยุตฺโต ภณฺฑาคาริโก, ราชรตนานุปาลโก, โส วิยาติ ตถา, ธมฺมรตนานุปาลโก ขีณาสโว. อฺมตฺถมนเปกฺขิตฺวา ภณฺฑาคาริกสฺเสว สโต ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ.
ทุคฺคหิตาติ ทุฏฺุ คหิตา. ตเทว สรูปโต นิยเมตุํ ‘‘อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฏา’’ติ อาห, อุปารมฺภอิติวาทปฺปโมกฺขาทิเหตุ อุคฺคหิตาติ อตฺโถ. ลาภสกฺการาทิเหตุ ปริยาปุณนมฺปิ เอตฺเถว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ อลคทฺทสุตฺตฏฺกถายํ –
‘‘โย พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา ‘เอวํ จีวราทีนิ วา ลภิสฺสามิ, จตุปริสมชฺเฌ วา มํ ชานิสฺสนฺตี’ติ ลาภสกฺการเหตุ ปริยาปุณาติ, ตสฺส สา ปริยตฺติ อลคทฺทปริยตฺติ นาม. เอวํ ปริยาปุณนโต หิ พุทฺธวจนํ อปริยาปุณิตฺวา นิทฺโทกฺกมนํ วรตร’’นฺติ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๓๙).
นนุ จ อลคทฺทคฺคหณูปมา ปริยตฺติ ‘‘อลคทฺทูปมา’’ติ วุจฺจติ, เอวฺจ สติ สุคฺคหิตาปิ ปริยตฺติ ‘‘อลคทฺทูปมา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ ตตฺถาปิ อลคทฺทคฺคหณสฺส อุปมาภาเวน ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก อลคทฺทคเวสี อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโน, โส ปสฺเสยฺย มหนฺตํ อลคทฺทํ, ตเมนํ อชปเทน ทณฺเฑน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺเหยฺย ¶ , อชปเทน ทณฺเฑน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคหิตฺวา คีวาย สุคฺคหิตํ คณฺเหยฺย. กิฺจาปิ โส ภิกฺขเว, อลคทฺโท ตสฺส ปุริสสฺส หตฺถํ วา พาหํ วา อฺตรํ วา องฺคปจฺจงฺคํ โภเคหิ ปลิเวเยฺย ¶ . อถ โข โส เนว ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. ตํ กิสฺส เหตุ, สุคฺคหิตตฺตา ภิกฺขเว, อลคทฺทสฺส. เอวเมว โข ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ เคยฺย’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๓๙).
ตสฺมา อิธ ทุคฺคหิตา เอว ปริยตฺติ อลคทฺทูปมาติ อยํ วิเสโส กุโต วิฺายติ, เยน ทุคฺคหิตา อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฏา ‘‘อลคทฺทูปมา’’ติ วุจฺจตีติ? สจฺจเมตํ, อิทํ ปน ปาริเสสาเยน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ นิสฺสรณตฺถภณฺฑาคาริกปริยตฺตีนํ วิสุํ คหิตตฺตา ปาริเสสโต อลคทฺทสฺส ทุคฺคหณูปมาเยว ปริยตฺติ ‘‘อลคทฺทูปมา’’ติ วิฺายติ. อลคทฺทสฺส สุคฺคหณูปมา หิ ปริยตฺติ นิสฺสรณตฺถา วา โหติ, ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ วา. ตสฺมา สุวุตฺตเมตํ ‘‘ทุคฺคหิตา…เป… ปริยตฺตี’’ติ. อิทานิ ตมตฺถํ ปาฬิยา สาเธนฺโต ‘‘ยํ สนฺธายา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยนฺติ ยํ ปริยตฺติทุคฺคหณํ. มชฺฌิมนิกาเย มูลปณฺณาสเก อลคทฺทสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๒๓๙) ภควตา วุตฺตํ.
อลคทฺทตฺถิโกติ อาสีวิเสน, อาสีวิสํ วา อตฺถิโก, อลคทฺทํ คเวสติ ปริเยสติ สีเลนาติ อลคทฺทคเวสี. อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโนติ อาสีวิสปริเยสนตฺถํ จรมาโน. ตทตฺเถ เหตํ ปจฺจตฺตวจนํ, อุปโยควจนํ วา, อลคทฺทปริเยสนฏฺานํ วา จรมาโน. อลคทฺทํ ปริเยสนฺติ เอตฺถาติ หิ อลคทฺทปริเยสนํ. ตเมนนฺติ ตํ อลคทฺทํ. โภเคติ สรีเร. ‘‘โภโค ตุ ผณิโน ตนู’’ติ หิ วุตฺตํ. ภุชียติ กุฏิลํ กรียตีติ โภโค. ตสฺสาติ ปุริสสฺส. หตฺเถ วา พาหาย วาติ สมฺพนฺโธ. มณิพนฺธโต ปฏฺาย ยาว อคฺคนขา หตฺโถ. สทฺธึ อคฺคพาหาย อวเสสา พาหา, กตฺถจิ ปน กปฺปรโต ปฏฺาย ยาว อคฺคนขา ‘‘หตฺโถ’’ติ วุตฺตํ พาหาย วิสุํ อนาคตตฺตา. วุตฺตลกฺขณํ หตฺถฺจ พาหฺจ เปตฺวา อวเสสํ สรีรํ องฺคปจฺจงฺคํ. ตโตนิทานนฺติ ตนฺนิทานํ, ตํการณาติ อตฺโถ. ตํ หตฺถาทีสุ ฑํสนํ นิทานํ การณํ เอตสฺสาติ ‘‘ตนฺนิทาน’’นฺติ หิ วตฺตพฺเพ ‘‘ตโตนิทาน’’นฺติ ปุริมปเท ปจฺจตฺตตฺเถ นิสฺสกฺกวจนํ กตฺวา, ตสฺส จ โลปมกตฺวา นิทฺเทโส, เหตฺวตฺเถ จ ปจฺจตฺตวจนํ. การณตฺเถ นิปาตปทเมตนฺติปิ วทนฺติ. อปิจ ‘‘ตโตนิทาน’’นฺติ เอตํ ‘‘มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตนเยน วิเสสนํ. ตํ ¶ กิสฺส เหตูติ ยํ วุตฺตํ หตฺถาทีสุ ฑํสนํ, ตนฺนิทานฺจ มรณาทิอุปคมนํ ¶ , ตํ กิสฺส เหตุ เกน การเณนาติ เจ? ตสฺส ปุริสสฺส อลคทฺทสฺส ทุคฺคหิตตฺตา.
อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. โมฆปุริสาติ คุณสารรหิตตาย ตุจฺฉปุริสา. ธมฺมนฺติ ปาฬิธมฺมํ. ปริยาปุณนฺตีติ อุคฺคณฺหนฺติ, สชฺฌายนฺติ เจว วาจุคฺคตํ กโรนฺตา ธาเรนฺติ จาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ธมฺม’’นฺติ สามฺโต วุตฺตเมว สรูเปน ทสฺเสติ ‘‘สุตฺต’’นฺติอาทินา. น หิ สุตฺตาทินวงฺคโต อฺโ ธมฺโม นาม อตฺถิ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เตสํ ธมฺมาน’’นฺติ. อตฺถนฺติ เจตฺถ สมฺพนฺธีนิทฺเทโส เอโส, อตฺถนฺติ จ ยถาภูตํ ภาสิตตฺถํ, ปโยชนตฺถฺจ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา วุตฺตํ. ยฺหิ ปทํ สุติสามฺเน อเนกธา อตฺถํ ทีเปติ, ตํ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วาติ สพฺพตฺถ เวทิตพฺพํ. น อุปปริกฺขนฺตีติ น ปริคฺคณฺหนฺติ น วิจาเรนฺติ. อิกฺขสทฺทสฺส หิ ทสฺสนงฺเกสุ อิธ ทสฺสนเมว อตฺโถ, ตสฺส จ ปริคฺคณฺหนจกฺขุโลจเนสุ ปริคฺคณฺหนเมว, ตฺจ วิจารณา ปริยาทานวเสน ทุพฺพิเธสุ วิจารณาเยว, สา จ วีมํสาเยว, น วิจาโร, วีมํสา จ นาเมสา ภาสิตตฺถวีมํสา, ปโยชนตฺถวีมํสา จาติ อิธ ทุพฺพิธาว อธิปฺเปตา, ตาสุ ‘‘อิมสฺมึ าเน สีลํ กถิตํ, อิมสฺมึ สมาธิ, อิมสฺมึ ปฺา, มยฺจ ตํ ปูเรสฺสามา’’ติ เอวํ ภาสิตตฺถวีมํสฺเจว ‘‘สีลํ สมาธิสฺส การณํ, สมาธิ วิปสฺสนายา’’ติอาทินา ปโยชนตฺถวีมํสฺจ น กโรนฺตีติ อตฺโถ. อนุปปริกฺขตนฺติ อนุปปริกฺขนฺตานํ เตสํ โมฆปุริสานํ. น นิชฺฌานกฺขมนฺตีติ นิชฺฌานํ นิสฺเสเสน เปกฺขนํ ปฺํ น ขมนฺติ. เฌ-สทฺโท หิ อิธ เปกฺขเนเยว, น จินฺตนฌาปเนสุ, ตฺจ าณเปกฺขนเมว, น จกฺขุเปกฺขนํ, อารมฺมณูปนิชฺฌานเมว วา, น ลกฺขณูปนิชฺฌานํ, ตสฺมา ปฺาย ทิสฺวา โรเจตฺวา คเหตพฺพา น โหนฺตีติ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. นิสฺเสเสน ฌายเต เปกฺขเตติ หิ นิชฺฌานํ. สนฺธิวเสน อนุสฺวารโลโป นิชฺฌานกฺขมนฺตีติ, ‘‘นิชฺฌานํ ขมนฺตี’’ติปิ ปาโ, เตน อิมมตฺถํ ทีเปติ ‘‘เตสํ ปฺาย อตฺถสฺส อนุปปริกฺขนโต เต ธมฺมา น อุปฏฺหนฺติ, อิมสฺมึ าเน สีลํ, สมาธิ, วิปสฺสนา, มคฺโค, วฏฺฏํ, วิวฏฺํ กถิตนฺติ เอวํ ชานิตุํ น สกฺกา โหนฺตี’’ติ.
อุปารมฺภานิสํสา เจวาติ ปเรสํ วาเท โทสาโรปนานิสํสา จ หุตฺวา. ภุโส อารมฺภนฺหิ ปเรสํ วาเท โทสาโรปนํ อุปารมฺโภ, ปริยตฺตึ ¶ นิสฺสาย ปรวมฺภนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตถา เหส ‘‘ปรวชฺชานุปนยนลกฺขโณ’’ติ วุตฺโต. อิติ วาทปฺปโมกฺขานิสํสา จาติ อิติ เอวํ เอตาย ปริยตฺติยา วาทปฺปโมกฺขานิสํสา อตฺตโน อุปริ ปเรหิ อาโรปิตสฺส วาทสฺส นิคฺคหสฺส อตฺตโต, สกวาทโต วา ปโมกฺขปโยชนา จ หุตฺวา. อิติ สทฺโท อิทมตฺเถ, เตน ‘‘ปริยาปุณนฺตี’’ติ ¶ เอตฺถ ปริยาปุณนํ ปรามสติ. วทนฺติ นิคฺคณฺหนฺติ เอเตนาติ วาโท, โทโส, ปมุจฺจนํ, ปมุจฺจาปนํ วา ปโมกฺโข, อตฺตโน อุปริ อาโรปิตสฺส ปโมกฺโข อานิสํโส เยสํ ตถา. อาโรปิตวาโท หิ ‘‘วาโท’’ติ วุตฺโต ยถา ‘‘เทเวน ทตฺโต ทตฺโต’’ติ. วาโทติ วา อุปวาโทนินฺทา ยถาวุตฺตนเยเนว สมาโส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปเรหิ สกวาเท โทเส อาโรปิเต, นินฺทาย วา อาโรปิตาย ตํ โทสํ, นินฺทํ วา เอวฺจ เอวฺจ โมเจสฺสามาติ อิมินา จ การเณน ปริยาปุณนฺตีติ. อถ วา โส โส วาโท อิติ วาโท อิติ-สทฺทสฺส สห วิจฺฉาย ต-สทฺทตฺเถ ปวตฺตตฺตา. อิติวาทส ปโมกฺโข ยถาวุตฺตนเยน, โส อานิสํโส เยสํ ตถา, ตํ ตํ วาทปโมจนานิสํสา หุตฺวาติ อตฺโถ. ยสฺส จตฺถายาติ ยสฺส จ สีลาทิปูรณสฺส, มคฺคผลนิพฺพานภูตสฺส วา อนุปาทาวิโมกฺขสฺส อตฺถาย. อเภเทปิ เภทโวหาโร เอโส ยถา ‘‘ปฏิมาย สรีร’’นฺติ, เภทฺยเภทกํ วา เอตํ ยถา ‘‘กถินสฺสตฺถาย อาภตํ ทุสฺส’’นฺติ. ‘‘ตฺจสฺส อตฺถ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. จ-สทฺโท อวธารเณ, เตน ตทตฺถาย เอว ปริยาปุณนํ สมฺภวติ, นาฺตฺถายาติ วินิจฺฉิโนติ. ธมฺมํ ปริยาปุณนฺตีติ หิ ชาติอาจารวเสน ทุวิธาปิ กุลปุตฺตา าเยน ธมฺมํ ปริยาปุณนฺตีติ อตฺโถ. ตฺจสฺส อตฺถํ นานุโภนฺตีติ อสฺส ธมฺมสฺส สีลาทิปูรณสงฺขาตํ, มคฺคผลนิพฺพานภูตํ วา อนุปาทาวิโมกฺขสงฺขาตํ อตฺถํ เอเต ทุคฺคหิตคาหิโน นานุโภนฺติ น วินฺทนฺติเยว.
อปโร นโย – ยสฺส อุปารมฺภสฺส, อิติวาทปฺปโมกฺขสฺส วา อตฺถาย เย โมฆปุริสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, เต ปเรหิ ‘‘อยมตฺโถ น โหตี’’ติ วุตฺเต ทุคฺคหิตตฺตาเยว ‘‘ตทตฺโถว โหตี’’ติ ปฏิปาทนกฺขมา น โหนฺติ, ตสฺมา ปรสฺส วาเท อุปารมฺภํ อาโรเปตุํ อตฺตโน วาทํ ปโมเจตฺุจ อสกฺโกนฺตาปิ ตํ อตฺถํ นานุโภนฺติ จ น วินฺทนฺติเยวาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิธาปิ หิ จ-สทฺโท อวธารณตฺโถว. ‘‘เตส’’นฺติอาทีสุ ¶ เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตตฺตา อุปารมฺภมานทพฺพมกฺขปลาสาทิเหตุภาเวน ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. ทุคฺคหิตาติ หิ เหตุคพฺภวจนํ. เตนาห ‘‘ทุคฺคหิตตฺตา ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๘). เอตฺถ จ การเณ ผลโวหารวเสน ‘‘เต ธมฺมา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตี’ติ วุตฺตํ ยถา ‘‘ฆตมายุ, ทธิ พล’’นฺติ. ตถา หิ กิฺจาปิ น เต ธมฺมา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, ตถาปิ วุตฺตนเยน ปริยาปุณนฺตานํ สชฺฌายนกาเล, วิวาทกาเล จ ตมฺมูลกานํ อุปารมฺภาทีนํ อเนเกสํ อกุสลานํ อุปฺปตฺติสมฺภวโต ‘‘เต…เป… สํวตฺตนฺตี’’ติ วุจฺจติ. ตํ กิสฺส เหตูติ เอตฺถ นฺติ ยถาวุตฺตสฺสตฺถสฺส อนนุภวนํ, เตสฺจ ธมฺมานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนํ ปรามสติ. กิสฺสาติ สามิวจนํ เหตฺวตฺเถ, ตถา เหตูติ ปจฺจตฺตวจนฺจ.
ยา ¶ ปนาติ เอตฺถ กิริยา ปาฬิวเสน วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ กิริยาปกฺเข ยา สุคฺคหิตาติ อเภเทปิ เภทโวหาโร ‘‘จาริกํ ปกฺกมติ, จาริกํ จรมาโน’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๔, ๓๐๐) วิย. ตเทวตฺถํ วิวรติ ‘‘สีลกฺขนฺธาที’’ติอาทินา, อาทิสทฺเทน เจตฺถ สมาธิวิปสฺสนาทีนํ สงฺคโห. โย หิ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา สีลสฺส อาคตฏฺาเน สีลํ ปูเรตฺวา, สมาธิโน อาคตฏฺาเน สมาธึ คพฺภํ คณฺหาเปตฺวา, วิปสฺสนาย อาคตฏฺาเน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา, มคฺคผลานํ อาคตฏฺาเน ‘‘มคฺคํ ภาเวสฺสามิ, ผลํ สจฺฉิกริสฺสามี’’ติ อุคฺคณฺหาติ, ตสฺเสว สา ปริยตฺติ นิสฺสรณตฺถา นาม โหติ. ยนฺติ ยํ ปริยตฺติสุคฺคหณํ. วุตฺตํ อลคทฺทสุตฺเต. ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตีติ สีลาทีนํ อาคตฏฺาเน สีลาทีนิ ปูเรนฺตานมฺปิ อรหตฺตํ ปตฺวา ปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสตฺวา ธมฺมเทสนาย ปสนฺเนหิ อุปนีเต จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตานมฺปิ ปเรสํ วาเท สหธมฺเมน อุปารมฺภํ อาโรเปนฺตานมฺปิ สกวาทโต ปเรหิ อาโรปิตโทสํ ปริหรนฺตานมฺปิ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. ตถา หิ น เกวลํ สุคฺคหิตปริยตฺตึ นิสฺสาย มคฺคภาวนาผลสจฺฉิกิริยาทีนิเยว, อปิ ตุ ปรวาทนิคฺคหสกวาทปติฏฺาปนานิปิ อิชฺฌนฺติ. ตถา จ วุตฺตํ ปรินิพฺพานสุตฺตา ทีสุ ‘‘อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธมฺเมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฏิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๖๘).
ยํ ¶ ปนาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยน ทุวิเธน อตฺโถ. ทุกฺขปริชาเนน ปริฺาตกฺขนฺโธ. สมุทยปฺปหาเนน ปหีนกิเลโส. ปฏิวิทฺธารหตฺตผลตาย ปฏิวิทฺธากุปฺโป.อกุปฺปนฺติ จ อรหตฺตผลสฺเสตํ นาม. สติปิ หิ จตฺตุนฺนํ มคฺคานํ, จตุนฺนฺจ ผลานํ อวินสฺสนภาเว สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ สกสกนามปริจฺจาเคน อุปรูปริ นามนฺตรปฺปตฺติโต เตสํ มคฺคผลาติ ‘‘อกุปฺปามิ’’ติ น วุจฺจนฺติ. อรหา ปน สพฺพทาปิ อรหาเยว นามาติ ตสฺเสว ผลํ ปุคฺคลนามวเสน ‘‘อกุปฺป’’นฺติ วุตฺตํ, อิมินา จ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ขีณาสวสฺเสว ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ นามา’’ติ. ตสฺส หิ อปริฺาตํ, อปฺปหีนํ อภาวิตํ, อสจฺฉิกตํ วา นตฺถิ, ตสฺมา โส พุทฺธวจนํ ปริยาปุณนฺโตปิ ตนฺติธารโก ปเวณีปาลโก วํสานุรกฺขโกว หุตฺวา ปริยาปุณาติ, เตเนวาห ‘‘ปเวณีปาลนตฺถายา’’ติอาทิ. ปเวณี เจตฺถ ธมฺมสนฺตติ ธมฺมสฺส อวิจฺเฉเทน ปวตฺติ. พุทฺธสฺส ภควโต วํโสติ จ ยถาวุตฺตปเวณีเยว.
นนุ จ ยทิ ปเวณีปาลนตฺถาย พุทฺธวจนสฺส ปริยาปุณนํ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ, อถ กสฺมา ‘‘ขีณาสโว’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. เอกจฺจสฺส หิ ปุถุชฺชนสฺสาปิ อยํ นโย ลพฺภติ. ตถา หิ เอกจฺโจ ปุถุชฺชโน ภิกฺขุ ฉาตกภยาทินา คนฺถธุเรสุ เอกสฺมึ าเน วสิตุมสกฺโกนฺเตสุ ¶ สยํ ภิกฺขาจาเรน อติกิลมมาโน ‘‘อติมธุรํ พุทฺธวจนํ มา นสฺสตุ, ตนฺตึ ธาเรสฺสามิ, วํสํ เปสฺสามิ, ปเวณึ ปาเลสฺสามี’’ติ ปริยาปุณาติ. ตสฺมา ตสฺสาปิ ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ นาม กสฺมา น โหตีติ? วุจฺจเต – เอวํ สนฺเตปิ หิ ปุถุชฺชนสฺส ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ นาม น โหติ. กิฺจาปิ หิ ปุถุชฺชโน ‘‘ปเวณึ ปาเลสฺสามี’’ติ อชฺฌาสเยน ปริยาปุณาติ, อตฺตโน ปน ภวกนฺตารโต อวิติณฺณตฺตา ตสฺส สา ปริยตฺติ นิสฺสรณตฺถาเยว นาม โหติ, ตสฺมา ปุถุชฺชนสฺส ปริยตฺติ อลคทฺทุปมา วา โหติ, นิสฺสรณตฺถา วา. สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ นิสฺสรณตฺถาว. ขีณาสวานํ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติเยวาติ เวทิตพฺพํ. ขีณาสโว หิ ภณฺฑาคาริก สทิสตฺตา ‘‘ภณฺฑาคาริโก’’ติ วุจฺจติ. ยถา หิ ภณฺฑาคาริโก อลงฺการภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา ปสาธนกาเล ตทุปิยํ อลงฺการภณฺฑํ รฺโ อุปนาเมตฺวา ตํ อลงฺกโรติ, เอวํ ขีณาสโวปิ ธมฺมรตนภณฺฑํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา โมกฺขาธิคมาย ¶ ภพฺพรูเป สเหตุเก สตฺเต ปสฺสิตฺวา ตทนุรูปํ ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคงฺคโพชฺฌงฺคาทิสงฺขาเตน โลกุตฺตเรน อลงฺกาเรน อลงฺกโรตีติ.
เอวํ ติสฺโส ปริยตฺติโย วิภชิตฺวา อิทานิ ตีสุปิ ปิฏเกสุ ยถารหํ สมฺปตฺติวิปตฺติโย นิทฺธาเรตฺวา วิภชนฺโต ‘‘วินเย ปนา’’ติอาทิมาห. ‘‘สีลสมฺปทํ นิสฺสาย ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณาตี’’ติอาทีสุ ยสฺมา สีลํ วิสุชฺฌมานํ สติสมฺปชฺพเลน, กมฺมสฺสกตาาณพเลน จ สํกิเลสมลโต วิสุชฺฌติ, ปาริปูริฺจ คจฺฉติ, ตสฺมา สีลสมฺปทา สิชฺฌมานา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติภาเวน สติพลํ, าณพลฺจ ปจฺจุปฏฺเปตีติ ตสฺสา วิชฺชตฺตยูปนิสฺสยตา เวทิตพฺพา สภาคเหตุสมฺปาทนโต. สติพเลน หิ ปุพฺเพนิวาสวิชฺชาสิทฺธิ. สมฺปชฺพเลน สพฺพกิจฺเจสุ สุทิฏฺการิตาปริจเยน จุตูปปาตาณานุพทฺธาย ทุติยวิชฺชาย สิทฺธิ. วีติกฺกมาภาเวน สํกิเลสปฺปหานสพฺภาวโต วิวฏฺฏูปนิสฺสยตาวเสน อชฺฌาสยสุทฺธิยา ตติยวิชฺชาสิทฺธิ. ปุเรตรสิทฺธานํ สมาธิปฺานํ ปาริปูรึ วินา สีลสฺส อาสวกฺขยาณูปนิสฺสยตา สุกฺขวิปสฺสกขีณาสเวหิ ทีเปตพฺพา. ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๕.๑๐๗๑; เนตฺติ. ๔๐; มิ. ป. ๑๔) วจนโต สมาธิสมฺปทา ฉฬภิฺตาย อุปนิสฺสโย. ‘‘โยคา เว ชายเต ภูรี’’ติ (ธ. ป. ๒๘๒) วจนโต ปุพฺพโยเคน ครุวาสเทสภาสาโกสลฺลอุคฺคหณปริปุจฺฉาทีหิ จ ปริภาวิตา ปฺาสมฺปทา ปฏิสมฺภิทาปฺปเภทสฺส อุปนิสฺสโย. เอตฺถ จ ‘‘สีลสมฺปทํ นิสฺสายา’’ติ วุตฺตตฺตา ยสฺส สมาธิวิชมฺภนภูตา อนวเสสา ฉ อภิฺา น อิชฺฌนฺติ, ตสฺส อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน น สมาธิสมฺปทา อตฺถีติ สติปิ วิชฺชานํ อภิฺเกเทสภาเว สีลสมฺปทาสมุทาคตา เอว ติสฺโส วิชฺชา คหิตา, ยถา จ ปฺาสมฺปทาสมุทาคตา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส ¶ มคฺเคเนว อิชฺฌนฺติ มคฺคกฺขเณเยว ตาสํ ปฏิลทฺธตฺตา. เอวํ สีลสมฺปทาสมุทาคตา ติสฺโส วิชฺชา, สมาธิสมฺปทาสมุทาคตา จ ฉ อภิฺา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส มคฺเคเนว อิชฺฌนฺตีติ มคฺคาธิคเมเนว ตาสํ อธิคโม เวทิตพฺโพ. ปจฺเจกพุทฺธานํ, สมฺมาสมฺพุทฺธานฺจ ปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธิสมธิคมสทิสา หิ อิเมสํ อริยานํ อิเม วิเสสาธิคมาติ.
ตาสํเยว ¶ จ ตตฺถ ปเภทวจนโตติ เอตฺถ ‘‘ตาสํเยวา’’ติ อวธารณํ ปาปุณิตพฺพานํ ฉฬภิฺาจตุปฏิสมฺภิทานํ วินเย ปเภทวจนาภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. เวรฺชกณฺเฑ (ปารา. ๑๒) หิ ติสฺโส วิชฺชาว วิภตฺตาติ. จสทฺเทน สมุจฺจินนฺจ ตาสํ เอตฺถ เอกเทสวจนํ สนฺธาย วุตฺตํ อภิฺาปฏิสมฺภิทานมฺปิ เอกเทสานํ ตตฺถ วุตฺตตฺตา. ทุติเย ‘‘ตาสํเยวา’’ติ อวธารณํ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา อเปกฺขิตฺวา กตํ, น ติสฺโส วิชฺชา. ตา หิ ฉสุ อภิฺาสุ อนฺโตคธตฺตา สุตฺเต วิภตฺตาเยวาติ. จ-สทฺเทน จ ปฏิสมฺภิทานเมกเทสวจนํ สมุจฺจิโนติ. ตติเย ‘‘ตาสฺจา’’ติ จ-สทฺเทน เสสานมฺปิ ตตฺถ อตฺถิภาวํ ทีเปติ. อภิธมฺเม หิ ติสฺโส วิชฺชา, ฉ อภิฺา, จตสฺโส จ ปฏิสมฺภิทา วุตฺตาเยว. ปฏิสมฺภิทานํ ปน อฺตฺถ ปเภทวจนาภาวํ, ตตฺเถว จ สมฺมา วิภตฺตภาวํ ทีเปตุกาโม เหฏฺา วุตฺตนเยน อวธารณมกตฺวา ‘‘ตตฺเถวา’’ติ ปริวตฺเตตฺวา อวธารณํ เปติ. ‘‘อภิธมฺเม ปน ติสฺโส วิชฺชา, ฉ อภิฺา, จตสฺโส จ ปฏิสมฺภิทา อฺเ จ สมฺมปฺปธานาทโย คุณวิเสสา วิภตฺตา. กิฺจาปิ วิภตฺตา, วิเสสโต ปน ปฺาชาติกตฺตา จตสฺโสว ปฏิสมฺภิทา ปาปุณาตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘ตาสฺจ ตตฺเถวา’ติ อวธารณวิปลฺลาโส กโต’’ติ วชิรพุทฺธิตฺเถโร. ‘‘เอว’’นฺติอาทิ นิคมนํ.
สุโข สมฺผสฺโส เอเตสนฺติ สุขสมฺผสฺสานิ, อนฺุาตานิเยว ตาทิสานิ อตฺถรณปาวุรณาทีนิ, เตสํ ผสฺสสามฺโต สุโข วา สมฺผสฺโส ตถา, อนฺุาโต โส เยสนฺติ อนฺุาตสุขสมฺผสฺสานิ, ตาทิสานิ อตฺถรณปาวุรณาทีนิ เตสํ ผสฺเสน สมานตาย. อุปาทินฺนกผสฺโส อิตฺถิผสฺโส, เมถุนธมฺโมเยว. วุตฺตํ อริฏฺเน นาม คทฺธพาธิปุพฺเพน ภิกฺขุนา (ม. นิ. ๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗). โส หิ พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก กมฺมกิเลสวิปากอุปวาทอาณาวีติกฺกมวเสน ปฺจวิเธสุ อนฺตรายิเกสุ อาณาวีติกฺกมนฺตรายิกํ น ชานาติ, เสสนฺตรายิเกเยว ชานาติ, ตสฺมา โส รโหคโต เอวํ จินฺเตสิ ‘‘อิเม อคาริกา ปฺจ กามคุเณ ปริภฺุชนฺตา โสตาปนฺนาปิ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ โหนฺติ, ภิกฺขูปิ มนาปิกานิ จกฺขุวิฺเยฺยานิ รูปานิ ปสฺสนฺติ ¶ …เป… กายวิฺเยฺเย ¶ โผฏฺพฺเพ ผุสนฺติ, มุทุกานิ อตฺถรณปาวุรณานิ ปริภฺุชนฺติ, เอตํ สพฺพมฺปิ วฏฺฏติ, กสฺมา อิตฺถีนํเยว รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพา น วฏฺฏนฺติ, เอเตปิ วฏฺฏนฺติเยวา’’ติ อนวชฺเชน ปจฺจยปริโภครเสน สาวชฺชํ กามคุณปริโภครสํ สํสนฺทิตฺวา สฉนฺทราคปริโภคฺจ นิจฺฉนฺทราคปริโภคฺจ เอกํ กตฺวา ถุลฺลวาเกหิ สทฺธึ อติสุขุมสุตฺตํ ฆเฏนฺโต วิย, สาสเปน สทฺธึ สิเนรุโน สทิสตํ อุปสํหรนฺโต วิย จ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘กึ ภควตา มหาสมุทฺทํ พนฺธนฺเตน วิย มหตา อุสฺสาเหน ปมปาราชิกํ ปฺตฺตํ, นตฺถิ เอตฺถ โทโส’’ติ สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌนฺโต เวสารชฺชาณํ ปฏิพาหนฺโต อริยมคฺเค ขาณุกณฺฏกาทีนิ ปกฺขิปนฺโต ‘‘เมถุนธมฺเม โทโส นตฺถี’’ติ ชินจกฺเก ปหารมทาสิ, เตนาห ‘‘ตถาห’’นฺติอาทิ.
อนติกฺกมนตฺเถน อนฺตราเย นิยุตฺตา, อนฺตรายํ วา ผลํ อรหนฺติ, อนฺตรายสฺส วา กรณสีลาติ อนฺตรายิกา, สคฺคโมกฺขานํ อนฺตรายกราติ วุตฺตํ โหติ. เต จ กมฺมกิเลสวิปากอุปวาทอาณาวีติกฺกมวเสน ปฺจวิธา. วิตฺถาโร อริฏฺสิกฺขาปทวณฺณนาทีสุ (ปาจิ. อฏฺ. ๔๑๗) คเหตพฺโพ. อยํ ปเนตฺถ ปทตฺถสมฺพนฺโธ – เย อิเม ธมฺมา อนฺตรายิกา อิติ ภควตา วุตฺตา เทสิตา เจว ปฺตฺตา จ, เต ธมฺเม ปฏิเสวโต ปฏิเสวนฺตสฺส ยถา เยน ปกาเรน เต ธมฺมา อนฺตรายาย สคฺคโมกฺขานํ อนฺตรายกรณตฺถํ นาลํ สมตฺถา น โหนฺติ, ตถา เตน ปกาเรน อหํ ภควตา เทสิตํ ธมฺมํ อาชานามีติ. ตโต ทุสฺสีลภาวํ ปาปุณาตีติ ตโต อนวชฺชสฺิภาวเหตุโต วีติกฺกมิตฺวา ทุสฺสีลภาวํ ปาปุณาติ.
จตฺตาโร…เป…อาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน –
‘‘จตฺตาโรเม ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน โน ปรหิตาย, ปรหิตาย ปฏิปนฺโน โน อตฺตหิตาย, เนวตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน โน ปรหิตาย, อตฺตหิตาย เจว ปฏิปนฺโน ปรหิตาย จ…เป… อิเม โข ภิกฺขเว…เป… โลกสฺมิ’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๙๖) –
เอวมาทินา ¶ ปุคฺคลเทสนาปฏิสฺุตฺตสุตฺตนฺตปาฬึ นิทสฺเสติ. อธิปฺปายนฺติ ‘‘อยํ ปุคฺคลเทสนาโวหารวเสน, น ปรมตฺถโต’’ติ เอวํ ภควโต อธิปฺปายํ. วุตฺตฺหิ –
‘‘ทุเว ¶ สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุทฺโธ วทตํ วโร;
สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นูปลพฺภติ.
สงฺเกตวจนํ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณา;
ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตการณา.
ตสฺมา โวหารกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;
สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๗; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐; อิติวุ. อฏฺ. ๒๔);
น หิ โลกสมฺมุตึ พุทฺธา ภควนฺโต วิชหนฺติ, โลกสมฺาย โลกนิรุตฺติยา โลกาภิลาเป ิตาเยว ธมฺมํ เทเสนฺติ. อปิจ ‘‘หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ, กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถ’’นฺติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๗; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐๒; อิติวุ. อฏฺ. ๒๔; กถา. อนุฏี. ๑) เอวมาทีหิปิ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคลกถํ กเถตี’’ติ เอวํ อธิปฺปายมชานนฺโต. อยมตฺโถ อุปริ อาวิ ภวิสฺสติ. ทุคฺคหิตํ คณฺหาตีติ ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ อนฺ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๔๔) ทุคฺคหิตํ กตฺวา คณฺหาติ, วิปรีตํ คณฺหาตีติ วุตฺตํ โหติ. ทุคฺคหิตนฺติ หิ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส กิริยายวิเสสนภาเวน นปุํสกลิงฺเคน นิทฺทิสิตพฺพตฺตา. อยฺหิ ภาวนปุํสกปทสฺส ปกติ, ยทิทํ นปุํสกลิงฺเคน นิทฺทิสิตพฺพตฺตา, ภาวปฺปฏฺานตา, สกมฺมากมฺมกิริยานุโยคํ ปจฺจตฺโตปโยควจนตา จ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทุคฺคหิตํ กตฺวา’’ติ. ยนฺติ ทุคฺคหิตคาหํ. มชฺฌิมนิกาเย มูลปณฺณาสเก มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๑๔๔) ตถาวาทีนํ สาธินามกํ เกวฏฺฏปุตฺตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ ภควตา วุตฺตํ. อตฺตนา ทุคฺคหิเตน ธมฺเมนาติ ปาเสโส, มิจฺฉาสภาเวนาติ อตฺโถ. อถ วา ทุคฺคหณํ ทุคฺคหิตํ, อตฺตนาติ จ สามิอตฺเถ กรณวจนํ, วิภตฺติยนฺตปติรูปกํ วา อพฺยยปทํ, ตสฺมา อตฺตโน ทุคฺคหเณน วิปรีตคาเหนาติ อตฺโถ. อพฺภาจิกฺขตีติ อพฺภกฺขานํ กโรติ. อตฺตโน กุสลมูลานิ ขนนฺโต อตฺตานํ ขนติ นาม. ตโตติ ทุคฺคหิตภาวเหตุโต.
ธมฺมจินฺตนฺติ ¶ ธมฺมสภาววิจารํ. อติธาวนฺโตติ าตพฺพมริยาทายํ อฏฺตฺวา ‘‘จิตฺตุปฺปาทมตฺเตนปิ ทานํ โหติ, สยเมว จิตฺตํ อตฺตโน อารมฺมณํ โหติ, สพฺพมฺปิ จิตฺตํ สภาวธมฺมารมฺมณเมว โหตี’’ติ จ เอวมาทินา อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตยมาโน. จินฺเตตุมสกฺกุเณยฺยานิ ¶ , อนรหรูปานิ วา อจินฺเตยฺยานิ นาม, ตานิ ทสฺเสนฺโต ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อจินฺเตยฺยานีติ เตสํ สภาวทสฺสนํ. นจินฺเตตพฺพานีติ ตตฺถ กตฺตพฺพกิจฺจทสฺสนํ. ‘‘ยานี’’ติอาทิ ตสฺส เหตุทสฺสนํ. ยานิ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส จิตฺตกฺเขปสฺส, วิฆาตสฺส วิเหสสฺส จ ภาคี อสฺส, อจินฺเตยฺยานิ อิมานิ จตฺตาริ น จินฺเตตพฺพานิ, อิมานิ วา จตฺตาริ อจินฺเตยฺยานิ นาม น จินฺเตตพฺพานิ, ยานิ วา…เป… อสฺส, ตสฺมา น จินฺเตตพฺพานิ อจินฺเตตพฺพภูตานิ อิมานิ จตฺตาริ อจินฺเตยฺยานิ นามาติ โยชนา. อิติ-สทฺเทน ปน –
‘‘กตมานิ จตฺตาริ? พุทฺธานํ ภิกฺขเว พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ, ยํ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺส. ฌายิสฺส ภิกฺขเว ฌานวิสโย อจินฺเตยฺโย…เป… กมฺมวิปาโก ภิกฺขเว อจินฺเตยฺโย…เป… โลกจินฺตา ภิกฺขเว อจินฺเตยฺยา…เป… อิมานิ…เป… อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗) –
จตุรงฺคุตฺตเร วุตฺตํ อจินฺเตยฺยสุตฺตํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ อจินฺเตยฺยภาวทีปกํ ปาฬึ สงฺคณฺหาติ. กามํ อจินฺเตยฺยานิ ฉ อสาธารณาณาทีนิ, ตานิ ปน อนุสฺสรนฺตสฺส กุสลุปฺปตฺติเหตุภาวโต จินฺเตตพฺพานิ, อิมานิ ปน เอวํ น โหนฺติ อผลภาวโต, ตสฺมา น จินฺเตตพฺพานิ. ‘‘ทุสฺสีลฺย…เป… ปเภท’’นฺติ อิมินา วิปตฺตึ สรูปโต ทสฺเสติ. ‘‘กถํ? ปิฏกวเสนา’’ติอาทิวจนสมฺพชฺฌเนน ปุพฺพาปรสมฺพนฺธํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ นานปฺปการโต’’ติอาทิมาห. ปุพฺพาปรสมฺพนฺธวิรหิตฺหิ วจนํ พฺยากุลํ. โสตูนฺจ อตฺถวิฺาปกํ น โหติ, ปุพฺพาปรฺูนเมว จ ตถาวิจาริตวจนํ วิสโย. ยถาห –
‘‘ปุพฺพาปรฺู อตฺถฺู, นิรุตฺติปทโกวิโท;
สุคฺคหีตฺจ คณฺหาติ, อตฺถฺโจ’ ปปริกฺขตี’’ติ. (เถรคา. ๑๐๓๑);
เตสนฺติ ปิฏกานํ. เอตนฺติ พุทฺธวจนํ.
สีลกฺขนฺธวคฺคมหาวคฺคปาถิกวคฺคสงฺขาเตหิ ¶ ตีหิ วคฺเคหิ สงฺคโห เอเตสนฺติ ติวคฺคสงฺคหานิ. คาถาย ปน ยสฺส นิกายสฺส สุตฺตคณนโต จตุตฺตึเสว สุตฺตนฺตา. วคฺคสงฺคหวเสน ตโย วคฺคา อสฺส สงฺคหสฺสาติ ติวคฺโค สงฺคโห. ปโม เอส นิกาโย ทีฆนิกาโยติ ¶ อนุโลมิโก อปจฺจนีโก, อตฺถานุโลมนโต อตฺถานุโลมนามิโก วา, อนฺวตฺถนาโมติ อตฺโถ. ตตฺถ ‘‘ติวคฺโค สงฺคโห’’ติ เอตํ ‘‘ยสฺสา’’ติ อนฺตริเกปิ สมาโสเยว โหติ, น วากฺยนฺติ ทฏฺพฺพํ ‘‘นวํ ปน ภิกฺขุนา จีวรลาเภนา’’ติ (ปาจิ. ๓๖๘) เอตฺถ ‘‘นวํจีวรลาเภนา’’ติ ปทํ วิย. ตถา หิ อฏฺกถาจริยา วณฺณยนฺติ ‘‘อลพฺภีติ ลโภ, ลโภ เอว ลาโภ. กึ อลพฺภิ? จีวรํ. กีทิสํ? นวํ, อิติ ‘นวจีวรลาเภนา’ติ วตฺตพฺเพ อนุนาสิกโลปํ อกตฺวา ‘นวํจีวรลาเภนา’ติ วุตฺตํ, ปฏิลทฺธนวจีวเรนาติ อตฺโถ. มชฺเฌ ิตปททฺวเย ปนาติ นิปาโต. ภิกฺขุนาติ เยน ลทฺธํ, ตสฺส นิทสฺสน’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๓๖๘). อิธาปิ สทฺทโต, อตฺถโต จ วากฺเย ยุตฺติยาอภาวโต สมาโสเยว สมฺภวติ. ‘‘ติวคฺโค’’ติ ปทฺหิ ‘‘สงฺคโห’’ติ เอตฺถ ยทิ กรณํ, เอวํ สติ กรณวจนนฺตเมว สิยา. ยทิ จ ปททฺวยเมตํ ตุลฺยาธิกรณํ, ตถา จ สติ นปุํสกลิงฺคเมว สิยา ‘‘ติโลก’’นฺติอาทิปทํ วิย. ตถา ‘‘ติวคฺโค’’ติ เอตสฺส ‘‘สงฺคโห’’ติ ปทมนฺตเรน อฺตฺถาสมฺพนฺโธ น สมฺภวติ, ตตฺถ จ ตาทิเสน วากฺเยน สมฺพชฺฌนํ น ยุตฺตํ, ตสฺมา สมาเนปิ ปทนฺตรนฺตริเก สทฺทตฺถาวิโรธภาโวเยว สมาสตาการณนฺติ สมาโส เอว ยุตฺโต. ตโย วคฺคา อสฺส สงฺคหสฺสาติ หิ ติวคฺโคสงฺคโห อการสฺส โอการาเทสํ, โอการาคมํ วา กตฺวา ยถา ‘‘สตฺตาหปรินิพฺพุโต, อจิรปกฺกนฺโต, มาสชาโต’’ติอาทิ, อสฺส สงฺคหสฺสาติ จ สงฺคหิตสฺส อสฺส นิกายสฺสาติ อตฺโถ. อปเร ปน ‘‘ตโย วคฺคา ยสฺสาติ กตฺวา ‘สงฺคโห’ติ ปเทน ตุลฺยาธิกรณเมว สมฺภวติ, สงฺคโหติ จ คณนา. ฏีกาจริเยหิ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) ปน ‘ตโย วคฺคา อสฺส สงฺคหสฺสา’ติ ปททฺวยสฺส ตุลฺยาธิกรณตาเยว ทสฺสิตา’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว สงฺขฺยาสงฺขฺเยยฺยานํ มิสฺสกตฺตา, อปากฏตฺตา จ.
อตฺถานุโลมิกตฺตํ วิภาเวตุมาห ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ. คุโณปจาเรน, ตทฺธิตวเสน วา ทีฆ-สทฺเทน ทีฆปฺปมาณานิ สุตฺตานิเยว คหิตานิ ¶ , นิกายสทฺโท จ รุฬฺหิวเสน สมูหนิวาสตฺเถสุ วตฺตตีติ ทสฺเสติ ‘‘ทีฆปฺปมาณาน’’นฺติอาทินา. สงฺเกตสิทฺธตฺตา วจนียวาจกานํ ปโยคโต ตทตฺเถสุ ตสฺส สงฺเกตสิทฺธตํ าเปนฺโต ‘‘นาห’’นฺติอาทิมาห. เอกนิกายมฺปีติ เอกสมูหมฺปิ. เอวํ จิตฺตนฺติ เอวํ วิจิตฺตํ. ยถยิทนฺติ ยถา อิเม ติรจฺฉานคตา ปาณา. โปณิกา, จิกฺขลฺลิกา จ ขตฺติยา, เตสํ นิวาโส ‘‘โปณิกนิกาโย จิกฺขลฺลิกนิกาโย’’ติ วุจฺจติ. เอตฺถาติ นิกายสทฺทสฺส สมูหนิวาสานํ วาจกภาเว. สาธกานีติ อธิปฺเปตสฺสตฺถสฺส สาธนโต อุทาหรณานิ วุจฺจนฺติ. ‘‘สมานีตานี’’ติ ปาเสเสน เจตสฺส สมฺพนฺโธ, สกฺขีนิ วา ยถาวุตฺตนเยน สาธกานิ. ยฺหิ นิทฺธาเรตฺวา อธิปฺเปตตฺถํ สาเธนฺติ ¶ , ตํ ‘‘สกฺขี’’ติ วทนฺติ. ตถา หิ มโนรถปูรณิยํ วุตฺตํ ‘‘ปฺจครุชาตกํ (ชา. ๑.๑.๑๓๒) ปน สกฺขิภาวตฺถาย อาหริตฺวา กเถตพฺพ’’นฺติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๕) สาสนโตติ สาสนปโยคโต, สาสเน วา. โลกโตติ โลกิยปโยคโต, โลเก วา. อิทํ ปน ปิฏกตฺตเย น วิชฺชติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. เอตฺถ จ ปมมุทาหรณํ สาสนโต สาธกวจนํ, ทุติยํ โลกโตติ ทฏฺพฺพํ.
มูลปริยาย วคฺคาทิวเสน ปฺจทสวคฺคสงฺคหานิ. อฑฺเฒน ทุติยํ ทิยฑฺฒํ, ตเทว สตํ, เอกสตํ, ปฺาส จ สุตฺตานีติ วุตฺตํ โหติ. ยตฺถาติ ยสฺมึ นิกาเย. ปฺจทสวคฺคปริคฺคโหติ ปฺจทสหิ วคฺเคหิ ปริคฺคหิโต สงฺคหิโต.
สํยุชฺชนฺติ เอตฺถาติ สํยุตฺตํ, เกสํ สํยุตฺตํ? สุตฺตวคฺคานํ. ยถา หิ พฺยฺชนสมุทาเย ปทํ, ปทสมุทาเย จ วากฺยํ, วากฺยสมุทาเย สุตฺตํ, สุตฺตสมุทาเย วคฺโคติ สมฺา, เอวํ วคฺคสมุทาเย สํยุตฺตสมฺา. เทวตาย ปุจฺฉิเตน กถิตสุตฺตวคฺคาทีนํ สํยุตฺตตฺตา เทวตาสํยุตฺตาทิภาโว (สํ. นิ. ๑.๑), เตนาห ‘‘เทวตาสํยุตฺตาทิวเสนา’’ติอาทิ. ‘‘สุตฺตนฺตานํ สหสฺสานิ สตฺต สุตฺตสตานิ จา’’ติ ปาเ สุตฺตนฺตานํ สตฺต สหสฺสานิ, สตฺต สุตฺตสตานิ จาติ โยเชตพฺพํ. ‘‘สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ, สตฺต สุตฺตสตานิ จา’’ติปิ ปาโ. สํยุตฺตสงฺคโหติ สํยุตฺตนิกายสฺส สงฺคโห คณนา.
เอเกเกหิ ¶ องฺเคหิ อุปรูปริ อุตฺตโร อธิโก เอตฺถาติ องฺคุตฺตโรติ อาห ‘‘เอเกกองฺคาติเรกวเสนา’’ติอาทิ. ตตฺถ หิ เอเกกโต ปฏฺาย ยาว เอกาทส องฺคานิ กถิตานิ. องฺคนฺติ จ ธมฺมโกฏฺาโส.
ปุพฺเพติ สุตฺตนฺตปิฏกนิทฺเทเส. วุตฺตเมว ปการนฺตเรน สงฺขิปิตฺวา อวิเสเสตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เปตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘สกลํ วินยปิฏก’’นฺติอาทินา วุตฺตเมว หิ อิมินา ปการนฺตเรน สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสติ. อปิจ ยถาวุตฺตโต อวสิฏฺํ ยํ กิฺจิ ภควตา ทินฺนนเย ตฺวา เทสิตํ, ภควตา จ อนุโมทิตํ เนตฺติเปฏโกปเทสาทิกํ, ตํ สพฺพมฺปิ เอตฺเถว ปริยาปนฺนนฺติ อนวเสสปริยาทานวเสน ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตนฺติปิ ทฏฺพฺพํ. สิทฺเธปิ หิ สติ อารมฺโภ อตฺถนฺตรวิฺาปนาย วา โหติ, นิยมาย วาติ. เอตฺถ จ ยถา ‘‘ทีฆปฺปมาณาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘ขุทฺทกปฺปมาณาน’’นฺติอาทิมวตฺวา สรูปสฺเสว กถนํ วินยาภิธมฺมาทีนํ ทีฆปฺปมาณานมฺปิ ตทนฺโตคธตายาติ ทฏฺพฺพํ, เตน จ วิฺายติ ‘‘น สพฺพตฺถ ขุทฺทกปริยาปนฺเนสุ ¶ ตสฺส อนฺวตฺถสมฺตา, ทีฆนิกายาทิสภาววิปรีตภาวสามฺเน ปน กตฺถจิ ตพฺโพหารตา’’ติ. ตทฺนฺติ เตหิ จตูหิ นิกาเยหิ อฺํ, อวเสสนฺติ อตฺโถ.
นวปฺปเภทนฺติ เอตฺถ กถํ ปเนตํ นวปฺปเภทํ โหติ. ตถา หิ นวหิ องฺเคหิ ววตฺถิเตหิ อฺมฺสงฺกรรหิเตหิ ภวิตพฺพํ, ตถา จ สติ อสุตฺตสภาวาเนว เคยฺยงฺคาทีนิ สิยุํ, อถ สุตฺตสภาวาเนว เคยฺยงฺคาทีนิ, เอวํ สติ สุตฺตนฺติ วิสุํ สุตฺตงฺคเมว น สิยา, เอวํ สนฺเต อฏฺงฺคํ สาสนนฺติ อาปชฺชติ. อปิจ ‘‘สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ เวยฺยากรณ’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ., ปารา. อฏฺ. ปมมหาสงฺคีติกถา) อฏฺกถายํ วุตฺตํ. สุตฺตฺจ นาม สคาถกํ วา สิยา, นิคฺคาถกํ วา, ตสฺมา องฺคทฺวเยเนว ตทุภยํ สงฺคหิตนฺติ ตทุภยวินิมุตฺตํ สุตฺตํ อุทานาทิวิเสสสฺารหิตํ นตฺถิ, ยํ สุตฺตงฺคํ สิยา, อถาปิ กถฺจิ วิสุํ สุตฺตงฺคํ สิยา, มงฺคลสุตฺตาทีนํ (ขุ. ปา. ๑; สุ. นิ. ๒๖๑) สุตฺตงฺคสงฺคโห น สิยา คาถาภาวโต ธมฺมปทาทีนํ วิย. เคยฺยงฺคสงฺคโห วา สิยา สคาถกตฺตา สคาถาวคฺคสฺส วิย. ตถา อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปฺปเทสานนฺติ? วุจฺจเต –
สุตฺตนฺติ ¶ สามฺวิธิ, วิเสสวิธโย ปเร;
สนิมิตฺตา นิรุฬฺหตฺตา, สหตาฺเน นาฺโต. (ที. นิ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา);
ยถาวุตฺตสฺส โทสสฺส, นตฺถิ เอตฺถาวคาหณํ;
ตสฺมา อสงฺกรํเยว, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ. (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา);
สพฺพสฺสาปิ หิ พุทฺธวจนสฺส สุตฺตนฺติ อยํ สามฺวิธิ. ตถา หิ ‘‘เอตฺตกํ ตสฺส ภควโต สุตฺตาคตํ สุตฺตปริยาปนฺนํ, (ปาจิ. อฏฺ. ๖๕๕, ๑๒๔๒) สาวตฺถิยา สุตฺตวิภงฺเค, (จูฬว. ๔๕๖) สกวาเท ปฺจ สุตฺตสตานี’’ติอาทิ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) วจนโต วินยาภิธมฺมปริยตฺติ วิเสเสสุปิ สุตฺตโวหาโร ทิสฺสติ. เตเนว จ อายสฺมา มหากจฺจายโน เนตฺติยํ อาห ‘‘นววิธสุตฺตนฺตปริเยฏฺี’’ติ (เนตฺติ. สงฺคหวารวณฺณนา) ตตฺถ หิ สุตฺตาทิวเสน นวงฺคสฺส สาสนสฺส ปริเยฏฺิ ปริเยสนา อตฺถวิจารณา ‘‘นววิธ สุตฺตนฺตปริเยฏฺี’’ติ วุตฺตา. ตเทกเทเสสุ ปน ปเร เคยฺยาทโย สนิมิตฺตา วิเสสวิธโย เตน เตน นิมิตฺเตน ปติฏฺิตา. ตถา หิ เคยฺยสฺส สคาถกตฺตํ ตพฺภาวนิมิตฺตํ. โลเกปิ หิ สสิโลกํ สคาถกํ จุณฺณิยคนฺถํ ‘‘เคยฺย’’นฺติ ¶ วทนฺติ, คาถาวิรเห ปน สติ ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺชนภาโว เวยฺยากรณสฺส ตพฺภาวนิมิตฺตํ. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนฺหิ ‘‘พฺยากรณ’’นฺติ วุจฺจติ, พฺยากรณเมว เวยฺยากรณํ. เอวํ สนฺเต สคาถกาทีนมฺปิ ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตานํ เวยฺยากรณภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ เคยฺยาทิสฺานํ อโนกาสภาวโต. สโอกาสวิธิโต หิ อโนกาสวิธิ พลวา. อปิจ ‘‘คาถาวิรเห สตี’’ติ วิเสสิตตฺตา. ยถาธิปฺเปตสฺส หิ อตฺถสฺส อนธิปฺเปตโต พฺยวจฺเฉทกํ วิเสสนํ. ตถา หิ ธมฺมปทาทีสุ เกวลคาถาพนฺเธสุ, สคาถกตฺเตปิ โสมนสฺสาณมยิกคาถาปฏิสฺุตฺเตสุ, ‘‘วุตฺตํ เหต’’นฺติอาทิวจน สมฺพนฺเธสุ, อพฺภุตธมฺมปฏิสํยุตฺเตสุ จ สุตฺตวิเสเสสุ ยถากฺกมํ คาถาอุทานอิติวุตฺตก อพฺภุตธมฺมสฺา ปติฏฺิตา. เอตฺถ หิ สติปิ สฺานฺตรนิมิตฺตโยเค อโนกาสสฺานํ พลวภาเวเนว คาถาทิสฺา ปติฏฺิตา, ตถา สติปิ คาถาพนฺธภาเว ภควโต อตีตาสุ ชาตีสุ จริยานุภาวปฺปกาสเกสุ ชาตกสฺา ปติฏฺิตา, สติปิ ปฺหาวิสฺสชฺชนภาเว ¶ , สคาถกตฺเต จ เกสุจิ สุตฺตนฺเตสุ เวทสฺส ลภาปนโต เวทลฺลสฺา ปติฏฺิตา, เอวํ เตน เตน สคาถกตฺตาทินา นิมิตฺเตน เตสุ เตสุ สุตฺตวิเสเสสุ เคยฺยาทิสฺา ปติฏฺิตาติ วิเสสวิธโย สุตฺตงฺคโต ปเร เคยฺยาทโย, ยํ ปเนตฺถ เคยฺยงฺคาทินิมิตฺตรหิตํ, ตํ สุตฺตงฺคเมว วิเสสสฺาปริหาเรน สามฺสฺาย ปวตฺตนโต. นนุ จ เอวํ สนฺเตปิ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ เวยฺยากรณนฺติ ตทุภยวินิมุตฺตสฺส สุตฺตสฺส อภาวโต วิสุํ สุตฺตงฺคเมว น สิยาติ โจทนา ตทวตฺถา เอวาติ? น ตทวตฺถา โสธิตตฺตา. โสธิตฺหิ ปุพฺเพ คาถาวิรเห สติ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนภาโว เวยฺยากรณสฺส ตพฺภาวนิมิตฺตนฺติ.
ยฺจ วุตฺตํ ‘‘คาถาภาวโต มงฺคลสุตฺตาทีนํ (ขุ. ปา. ๑; สุ. นิ. ๒๖๑) สุตฺตงฺคสงฺคโห น สิยา’’ติ, ตมฺปิ น, นิรุฬฺหตฺตา. นิรุฬฺโห หิ มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตภาโว. น หิ ตานิ ธมฺมปทพุทฺธวํสาทโย วิย คาถาภาเวน สฺิตานิ, อถ โข สุตฺตภาเวเนว. เตเนว หิ อกถายํ ‘‘สุตฺตนามก’’นฺติ นามคฺคหณํ กตํ. ยฺจ ปน วุตฺตํ ‘‘สคาถกตฺตา เคยฺยงฺคสงฺคโห วา สิยา’’ติ, ตมฺปิ นตฺถิ. กสฺมาติ เจ? ยสฺมา สหตาฺเน, ตสฺมา. สหภาโว หิ นาม อตฺตโต อฺเน โหติ. สห คาถาหีติ จ สคาถกํ, น จ มงฺคลสุตฺตาทีสุ คาถาวินิมุตฺโต โกจิ สุตฺตปเทโส อตฺถิ, โย ‘‘สห คาถาหี’’ติ วุจฺเจยฺย, นนุ จ คาถาสมุทาโย ตเทกเทสาหิ คาถาหิ อฺโ โหติ, ยสฺส วเสน ‘‘สห คาถาหี’’ติ สกฺกา วตฺตุนฺติ? ตํ น. น หิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม โกจิ อตฺถิ, โย ตเทกเทเสหิ สห ภเวยฺย. กตฺถจิ ปน ‘‘ทีฆสุตฺตงฺกิตสฺสา’’ติอาทีสุ สมุทาเยกเทสานํ วิภาควจนํ โวหารมตฺตํ ปติ ปริยายวจนเมว, อยฺจ นิปฺปริยาเยน ปเภทวิภาคทสฺสนกถาติ ¶ . ยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปฺปเทสานํ เคยฺยงฺคสงฺคโห สิยา’’ติ, ตมฺปิ น, อฺโต. อฺาเยว หิ ตา คาถา ชาตกาทิปริยาปนฺนตฺตา. ตาทิสาเยว หิ การณานุรูเปน ตตฺถ เทสิตา, อโต น ตาหิ อุภโตวิภงฺคาทีนํ เคยฺยงฺคภาโวติ. เอวํ สุตฺตาทินวงฺคานํ อฺมฺสงฺกราภาโว เวทิตพฺโพติ.
อิทานิ ¶ เอตานิ นวงฺคานิ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. นิทฺเทโส นาม สุตฺตนิปาเต –
‘‘กามํ กามยมานสฺส, ตสฺส เจ ตํ สมิชฺฌติ;
อทฺธา ปีติมโน โหติ, ลทฺธา มจฺโจ ยทิจฺฉตี’’ติอาทินา. (สุ. นิ. ๗๗๒); –
อาคตสฺส อฏฺกวคฺคสฺส;
‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก, (อิจฺจายสฺมา อชิโต);
เกนสฺสุ น ปกาสติ;
กิสฺสาภิเลปนํ พฺรูสิ,
กึสุ ตสฺส มหพฺภย’’นฺติอาทินา. (สุ. นิ. ๑๐๓๘); –
อาคตสฺส ปารายนวคฺคสฺส;
‘‘สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ,
อวิเหยํ อฺตรมฺปิ เตสํ;
น ปุตฺตมิจฺเฉยฺย กุโต สหายํ,
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติอาทินา. (สุ. นิ. ๓๕); –
อาคตสฺส ขคฺควิสาณสุตฺตสฺส จ อตฺถวิภาควเสน สตฺถุกปฺเปน อายสฺมตา ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถเรน กโต นิทฺเทโส, โย ‘‘มหานิทฺเทโส, จูฬนิทฺเทโส’’ติ วุจฺจติ. เอวมิธ นิทฺเทสสฺส สุตฺตงฺคสงฺคโห ภทนฺตพุทฺธโธสาจริเยน ทสฺสิโต, ตถา อฺตฺถาปิ วินยฏฺกถาทีสุ ¶ , อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรนาปิ เนตฺติปฺปกรณฏฺกถายํ. อปเร ปน นิทฺเทสสฺส คาถาเวยฺยากรณงฺเคสุ ทฺวีสุ สงฺคหํ วทนฺติ. วุตฺตฺเหตํ นิทฺเทสฏฺกถายํ อุปเสนตฺเถเรน –
‘‘โส ปเนส วินยปิฏกํ…เป… อภิธมฺมปิฏกนฺติ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺโน, ทีฆนิกาโย…เป… ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกมหานิกายปริยาปนฺโน, สุตฺตํ…เป… เวทลฺลนฺติ นวสุ สตฺถุสาสนงฺเคสุ ยถาสมฺภวํ คาถงฺคเวยฺยากรณงฺคทฺวยสงฺคหิโต’’ติ (มหานิ. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา).
เอตฺถ ¶ ตาว กตฺถจิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนสพฺภาวโต นิทฺเทเสกเทสสฺส เวยฺยากรณงฺคสงฺคโห ยุชฺชตุ, อคาถาภาวโต คาถงฺคสงฺคโห กถํ ยุชฺเชยฺยาติ วีมํสิตพฺพเมตํ. ธมฺมาปทาทีนํ วิย หิ เกวลํ คาถาพนฺธภาโว คาถงฺคสฺส ตพฺภาวนิมิตฺตํ. ธมฺมปทาทีสุ หิ เกวลํ คาถาพนฺเธสุ คาถาสมฺา ปติฏฺิตา, นิทฺเทเส จ น โกจิ เกวโล คาถาพนฺทปฺปเทโส อุปลพฺภติ. สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภาสิตานํเยว หิ อฏฺกวคฺคาทิสงฺคหิตานํ คาถานํ นิทฺเทสมตฺตํ ธมฺมเสนาปตินา กตํ. อตฺถวิภชนตฺถํ อานีตาปิ หิ ตา อฏฺกวคฺคาทิสงฺคหิตา นิทฺทิสิตพฺพา มูลคาถาโย สุตฺตนิปาตปริยาปนฺนตฺตา อฺาเยวาติ น นิทฺเทสสงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ อุภโตวิภงฺคาทีสุ อาคตาปิ ตํ โวหารมลภมานา ชาตกาทิปริยาปนฺนา คาถาโย วิย, ตสฺมา การณนฺตรเมตฺถ คเวสิตพฺพํ, ยุตฺตตรํ วา คเหตพฺพํ.
นาลกสุตฺตํ นาม ธมฺมจกฺกปฺปวตฺติต ทิวสโต สตฺตเม ทิวเส นาลกตฺเถรสฺส ‘‘โมเนยฺยํ เต อุปฺิสฺส’’นฺติอาทินา (สุ. นิ. ๗๐๖) ภควตา ภาสิตํ โมเนยฺย ปฏิปทาปริทีปกํ สุตฺตํ. ตุวฏฺฏกสุตฺตํ นาม มหาสมยสุตฺตนฺตเทสนาย สนฺนิปติเตสุ เทเวสุ ‘‘กา นุ โข อรหตฺตปฺปตฺติยา ปฏิปตฺตี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เอกจฺจานํ เทวตานํ ตมตฺถํ ปกาเสตุํ นิมฺมิตพุทฺเธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา ‘‘มูลํ ปปฺจสงฺขายา’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๙๒๒) ภควตา ภาสิตํ สุตฺตํ. เอวมิธ สุตฺตนิปาเต อาคตานํ มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตงฺคสงฺคโห ทสฺสิโต, ตตฺเถว อาคตานํ อสุตฺตนามิกานํ สุทฺธิกคาถานํ คาถงฺคสงฺคหฺจ ทสฺสยิสฺสติ, เอวํ สติ สุตฺตนิปาตฏฺกถารมฺเภ –
‘‘คาถาสตสมากิณฺโณ, เคยฺยพฺยากรณงฺกิโต;
กสฺมา สุตฺตนิปาโตติ, สงฺขเมส คโตติ เจ’’ติ. (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา); –
สกลสฺสาปิ ¶ สุตฺตนิปาตสฺส เคยฺยเวยฺยากรณงฺคสงฺคโห กสฺมา โจทิโตติ? นายํ วิโรโธ. เกวลฺหิ ตตฺถ โจทเกน สคาถกตฺตํ, กตฺถจิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนตฺตฺจ คเหตฺวา โจทนามตฺตํ กตํ, อฺถา สุตฺตนิปาเต นิคฺคาถกสฺส สุตฺตสฺเสว อภาวโต เวยฺยากรณงฺคสงฺคโห น โจเทตพฺโพ สิยา, ตสฺมา โจทกสฺส วจนเมตํ อปฺปมาณนฺติ อิธ, อฺาสุ จ วินยฏฺกถาทีสุ วุตฺตนเยเนว ตสฺส ¶ สุตฺตงฺคคาถงฺคสงฺคโห ทสฺสิโตติ. สุตฺตนฺติ จุณฺณิยสุตฺตํ. วิเสเสนาติ ราสิภาเวน ิตํ สนฺธายาห. สคาถาวคฺโค เคยฺยนฺติ สมฺพนฺโธ.
‘‘อฏฺหิ องฺเคหิ อสงฺคหิตํ นาม ปฏิสมฺภิทาที’’ติ ตีสุปิ กิร คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อปเร ปน ปฏิสมฺภิทามคฺคสฺส เคยฺยเวยฺยากรณงฺคทฺวยสงฺคหํ วทนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ตทฏฺกถายํ ‘‘นวสุ สตฺถุสาสนงฺเคสุ ยถาสมฺภวํ เคยฺยเวยฺยากรณงฺคทฺวยสงฺคหิต’’นฺติ (ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา), เอตฺถาปิ เคยฺยงฺคสงฺคหิตภาโว วุตฺตนเยน วีมํสิตพฺโพ. โน สุตฺตนามิกาติ อสุตฺตนามิกา สงฺคีติกาเล สุตฺตสมฺาย อปฺาตา. ‘‘สุทฺธิกคาถา นาม วตฺถุคาถา’’ติ ตีสุปิ กิร คณฺิปเทสุ วุตฺตํ, วตฺถุคาถาติ จ ปารายนวคฺคสฺส นิทานมาโรเปนฺเตน อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน สงฺคีติกาเล วุตฺตา ฉปฺปฺาส คาถาโย, นาลกสุตฺตสฺส นิทานมาโรเปนฺเตน เตเนว ตทา วุตฺตา วีสติมตฺตา คาถาโย จ วุจฺจนฺติ. สุตฺตนิปาตฏฺกถายํ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๖๘๕) ปน ‘‘ปรินิพฺพุเต ภควติ สงฺคีตึ กโรนฺเตนายสฺมตา มหากสฺสเปน ตเมว โมเนยฺยปฏิปทํ ปุฏฺโ อายสฺมา อานนฺโท เยน, ยทา จ สมาทปิโต นาลกตฺเถโร ภควนฺตํ ปุจฺฉิ, ตํ สพฺพํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุกาโม ‘อานนฺทชาเต’ติอาทิกา (สุ. นิ. ๖๘๔) วีสติ วตฺถุคาถาโย วตฺวา วิสฺสชฺเชสิ, ตํ สพฺพมฺปิ ‘นาลกสุตฺต’’นฺติ วุจฺจตี’’ติ อาคตตฺตา นาลกสุตฺตสฺส วตฺถุคาถาโย นาลกสุตฺตคฺคหเณเนว คหิตาติ ปารายนวคฺคสฺส วตฺถุคาถาโย อิธ สุทฺธิกคาถาติ คเหตพฺพํ. ตตฺเถว จ ปารายนวคฺเค อชิตมาณวกาทีนํ โสฬสนฺนํ พฺราหฺมณานํ ปุจฺฉาคาถา, ภควโต วิสฺสชฺชนคาถา จ ปาฬิยํ สุตฺตนาเมน อวตฺวา ‘อชิตมาณวกปุจฺฉา, ติสฺสเมตฺเตยฺยมาณวกปุจฺฉา’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๑๐๓๘) อาคตตฺตา, จุณฺณิยคนฺเถ หิ อสมฺมิสฺสตฺตา จ ‘‘โน สุตฺตนามิกา สุทฺธิกคาถา นามา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
‘‘โสมนสฺสาณมยิกคาถาปฏิสํยุตฺตา’’ติ เอเตน อุทานฏฺเน อุทานนฺติ อนฺวตฺถสฺตํ ทสฺเสติ (อุทา. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) กิมิทํ อุทานํ นาม? ปีติเวคสมุฏฺาปิโต อุทาหาโร. ยถา หิ ยํ เตลาทิ มินิตพฺพวตฺถุ มานํ คเหตุํ น สกฺโกติ, วิสฺสนฺทิตฺวา คจฺฉติ, ตํ ‘‘อวเสสโก’’ติ วุจฺจติ. ยฺจ ¶ ชลํ ตฬากํ คเหตุํ น สกฺโกติ, อชฺโฌตฺถริตฺวา คจฺฉติ, ตํ ‘‘มโหโฆ’ติ วุจฺจติ, เอวเมว ยํ ปีติเวคสมุฏฺาปิตํ วิตกฺกวิปฺผารํ อนฺโตหทยํ สนฺธาเรตุํ ¶ น สกฺโกติ, โส อธิโก หุตฺวา อนฺโต อสณฺหิตฺวา พหิ วจีทฺวาเรน นิกฺขนฺโต ปฏิคฺคาหกนิรเปกฺโข อุทาหารวิเสโส ‘‘อุทาน’’นฺติ วุจฺจติ (อุทา. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) ‘‘อุท โมเท กีฬายฺจา’’ติ หิ อกฺขรจินฺตกา วทนฺติ, อิทฺจ เยภุยฺเยน วุตฺตํ ธมฺมสํเวควเสน อุทิตสฺสาปิ ‘‘สเจ ภายถ ทุกฺขสฺสา’’ติอาทิอุทานสฺส (อุทา. ๔๔) อุทานปาฬิยํ อาคตตฺตา, ตถา‘‘คาถาปฏิสํยุตฺตา’’ติ อิทมฺปิ เยภุยฺเยเนว ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี, น อาโป’’ติอาทิกสฺส (อุทา. ๗๑) จุณฺณิยวากฺยวเสน อุทิตสฺสาปิ ตตฺถ อาคตตฺตา. นนุ จ อุทานํ นาม ปีติโสมนสฺสสมุฏฺฏาปิโต, ธมฺมสํเวคสมุฏฺาปิโต วา ธมฺมปฏิคฺคาหกนิรเปกฺโข คาถาพนฺธวเสน, จุณฺณิยวากฺยวเสน จ ปวตฺโต อุทาหาโร, ตถา เจว สพฺพตฺถ อาคตํ, อิธ กสฺมา ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อามนฺตนํ วุตฺตนฺติ? เตสํ ภิกฺขูนํ สฺาปนตฺถํ เอว, น ปฏิคฺคาหกกรณตฺถํ. นิพฺพานปฏิสํยุตฺตฺหิ ภควา ธมฺมํ เทเสตฺวา นิพฺพานคุณานุสฺสรเณน อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺเสน อุทานํ อุทาเนนฺโต ‘‘อยํ นิพฺพานธมฺโม กถมปจฺจโย อุปลพฺภตี’’ติ เตสํ ภิกฺขูนํ เจโตปริวิตกฺกมฺาย เตสํ ตมตฺถํ าเปตุกาเมน ‘‘ตทายตน’’นฺติ วุตฺตํ, น ปน เอกนฺตโต เต ปฏิคฺคาหเก กตฺวาติ เวทิตพฺพนฺติ.
ตยิทํ สพฺพฺุพุทฺธภาสิตํ ปจฺเจกพุทฺธภาสิตํ สาวกภาสิตนฺติ ติพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺธภาสิตํ –
‘‘สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ,
อวิเหยํ อฺตรมฺปิ เตส’’นฺติ. อาทินา (สุ. นิ. ๓๕) –
ขคฺควิสาณสุตฺเต อาคตํ. สาวกภาสิตมฺปิ –
‘‘สพฺโพ ¶ ราโค ปหีโน เม,
สพฺโพ โทโส สมูหโต;
สพฺโพ เม วิหโต โมโห,
สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต’’ติ. อาทินา (เถรคา. ๗๙) –
เถรคาถาสุ ¶ ,
‘‘กาเยน สํวุตา อาสึ, วาจาย อุท เจตสา;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, สีติภูตามฺหิ นิพฺพุตา’’ติ. (เถรีคา. ๑๕); –
เถรีคาถาสุ จ อาคตํ. อฺานิปิ สกฺกาทีหิ เทเวหิ ภาสิตานิ ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ, กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’นฺติอาทีนิ (อุทา. ๒๗). โสณทณฺฑพฺราหฺมณาทีหิ มนุสฺเสหิ จ ภาสิตานิ ‘‘นโม ตสฺส ภควโต’’ติอาทีนิ (ที. นิ. ๒.๓๗๑; ม. นิ. ๑.๒๙๐; ๒.๒๙๐, ๓๕๗; สํ. นิ. ๑๑๘๗; ๒.๓๘; อ. นิ. ๕.๑๙๔) ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหานิ อุทานานิ สนฺติ เอว, ตานิ สพฺพานิปิ อิธ น อธิปฺเปตานิ. ยํ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธน สามํ อาหจฺจภาสิตํ ชินวจนภูตํ, ตเทว ธมฺมสงฺคาหเกหิ ‘‘อุทาน’’นฺติ สงฺคีตํ, ตเทว จ สนฺธาย ภควตา ปริยตฺติธมฺมํ นวธา วิภชิตฺวา อุทฺทิสนฺเตน ‘‘อุทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ยา ปน ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทิกา (ธ. ป. ๑๕๓) คาถา ภควตา โพธิมูเล อุทานวเสน ปวตฺติตา, อเนกสตสหสฺสานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อุทานภูตา จ, ตา อปรภาเค ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส ภควตา เทสิตตฺตา ธมฺมสงฺคาหเกหิ อุทานปาฬิยํ สงฺคหํ อนาโรเปตฺวา ธมฺมปเท สงฺคหิตา, ยฺจ ‘‘อฺาสิ วต โภ โกณฺฑฺโ อฺาสิ วต โภ โกณฺฑฺโ’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๗; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) อุทานวจนํ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา เทวมนุสฺสานํ ปเวทนสมตฺถนิคฺโฆสวิปฺผารํ ภควตา ภาสิตํ, ตทปิ ปมโพธิยํ สพฺเพสํ เอว ภิกฺขูนํ สมฺมาปฏิปตฺติปจฺจเวกฺขณเหตุกํ ‘‘อาราธยึสุ วต มํ ภิกฺขู เอกํ สมย’’นฺติอาทิวจนํ (ม. นิ. ๑.๒๒๕) วิย ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตเทสนาปริโยสาเน อตฺตนาปิ อธิคตธมฺเมกเทสสฺส ยถาเทสิตสฺส อริยมคฺคสฺส สพฺพปมํ สาวเกสุ เถเรน อธิคตตฺตา อตฺตโน ปริสฺสมสฺส สผลภาวปจฺจเวกฺขณเหตุตํ ปีติโสมนสฺสชนิตํ ¶ อุทาหารมตฺตํ, น ปน ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา’’ติอาทิวจนํ วิย (มหาว. ๑; อุทา. ๑) ปวตฺติยา, นิวตฺติยา วา ปกาสนนฺติ ธมฺมสงฺคาหเกหิ อุทานปาฬิยํ น สงฺคีตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อุทานปาฬิยํ ปน อฏฺสุ วคฺเคสุ ทส ทส กตฺวา อสีติเยว สุตฺตนฺตา สงฺคีตา. ตถา หิ ตทฏฺกถายํ วุตฺตํ –
‘‘อสีติเยว สุตฺตนฺตา, วคฺคา อฏฺ สมาสโต’’ติ. (อุทา. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา).
อิธ ¶ ปน ‘‘ทฺเวอสีติ สุตฺตนฺตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อุทานปาฬิยา น สเมติ, ตสฺมา ‘‘อสีติ สุตฺตนฺตา’’ติ ปาเน ภวิตพฺพํ. อปิจ น เกวลํ อิเธว, อถ โข อฺาสุปิ (วิ. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา) วินยาภิธมฺมฏฺกถาสุ (ธ. สํ. นิทานกถา) ตถาเยว วุตฺตตฺตา ‘‘อปฺปกํ ปน อูนมธิกํ วา คณนูปคํ น โหตี’’ติ ปริยาเยน อเนกํเสน วุตฺตํ สิยา. ยถา วา ตถา วา อนุมาเนน คณนเมว หิ ตตฺถ ตตฺถ อูนาธิกสงฺขฺยา, อิตรถา ตาเยว น สิยุนฺติปิ วทนฺติ, ปจฺฉา ปมาทเลขวจนํ วา เอตํ.
วุตฺตฺเหตํ ภควตาติอาทินยปฺปวตฺตาติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา, วุตฺตมรหตาติ เม สุตํ. เอกธมฺมํ ภิกฺขเว, ปชหถ, อหํ โว ปาฏิโภโค อนาคามิตาย. กตมํ เอกธมฺมํ? โลภํ ภิกฺขเว, เอกธมฺมํ ปชหถ, อหํ โว ปาฏิโภโค อนาคามิตายา’’ติ (อิติวุ. ๑) เอวมาทินา เอกทุกติกจตุกฺกนิปาตวเสน วุตฺตํ ทฺวาทสุตฺตรสตสุตฺตสมูหํ สงฺคณฺหาติ. ตถา หิ อิติวุตฺตกปาฬิยเมว อุทานคาถาหิ ทฺวาทสุตฺตรสตสุตฺตานิ คเณตฺวา สงฺคีตานิ, ตทฏฺกถายมฺปิ (อิติวุ. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ตถาเยว วุตฺตํ. ตสฺมา ‘‘ทฺวาทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา’’ อิจฺเจว ปาเน ภวิตพฺพํ, ยถาวุตฺตนเยน วา อเนกํสโต วุตฺตนฺติปิ วตฺตุํ สกฺกา, ตถาปิ อีทิเส าเน ปมาณํ ทสฺเสนฺเตน ยาถาวโตว นิยเมตฺวา ทสฺเสตพฺพนฺติ ‘‘ทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา’’ติ อิทํ ปจฺฉา ปมาทเลขเมวาติ คเหตพฺพนฺติ วทนฺติ. อิติ เอวํ ภควตา วุตฺตํ อิติวุตฺตํ. อิติวุตฺตนฺติ สงฺคีตํ อิติวุตฺตกํ. รุฬฺหินามํ วา เอตํ ยถา ‘‘เยวาปนกํ, นตุมฺหากวคฺโค’’ติ, วุตฺตฺเหตํ ภควตา, วุตฺตมรหตาติ เม สุตนฺติ นิทานวจเนน สงฺคีตํ ยถาวุตฺตสุตฺตสมูหํ.
ชาตํ ¶ ภูตํ ปุราวุตฺถํ ภควโต ปุพฺพจริตํ กายติ กเถติ ปกาเสติ เอเตนาติ ชาตกํ, ตํ ปน อิมานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปณฺณกชาตกาทีนี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ปฺาสาธิกานิ ปฺจชาตกสตานี’’ติ อิทํ อปฺปกํ ปน อูนมธิกํ วา คณนูปคํ น โหตีติ กตฺวา อเนกํเสน, โวหารสุขตามตฺเตน จ วุตฺตํ. เอกํสโต หิ สตฺตจตฺตาลีสาธิกานิเยว ยถาวุตฺตคณนโต ตีหิ อูนตฺตา. ตถา หิ เอกนิปาเต ปฺาสสตํ, ทุกนิปาเต สตํ, ติกนิปาเต ปฺาส, ตถา จตุกฺกนิปาเต, ปฺจกนิปาเต ปฺจวีส, ฉกฺกนิปาเต วีส, สตฺตนิปาเต เอกวีส, อฏฺนิปาเต ทส, นวนิปาเต ทฺวาทส, ทสนิปาเต โสฬส, เอกาทสนิปาเต นว, ทฺวาทสนิปาเต ทส, ตถา เตรสนิปาเต, ปกิณฺณกนิปาเต เตรส, วีสตินิปาเต จุทฺทส, ตึสนิปาเต ทส, จตฺตาลีสนิปาเต ปฺจ, ปณฺณาสนิปาเต ตีณิ, สฏฺินิปาเต ¶ ทฺเว, ตถา สตฺตตินิปาเต, อสีตินิปาเต ปฺจ, มหานิปาเต ทสาติ สตฺตจตฺตาลีสาธิกาเนว ปฺจ ชาตกสตานิ สงฺคีตานีติ.
อพฺภุโต ธมฺโม สภาโว วุตฺโต ยตฺถาติ อพฺภุตธมฺมํ, ตํ ปนิทนฺติ อาห ‘‘จตฺตาโรเม’’ติอาทิ. อาทิสทฺเทน เจตฺถ –
‘‘จตฺตาโรเม ภิกฺขเว, อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานนฺเท. กตเม จตฺตาโร? สเจ ภิกฺขเว, ภิกฺขุปริสา อานนฺทํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, ทสฺสเนนปิ สา อตฺตมนา โหติ. ตตฺร เจ อานนฺโท, ธมฺมํ ภาสติ, ภาสิเตนปิ สา อตฺตมนา โหติ, อติตฺตาว ภิกฺขเว ภิกฺขุปริสา โหติ, อถ อานนฺโท ตุณฺหี ภวติ. สเจ ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีปริสา…เป… อุปาสกปริสา…เป… อุปาสิกา – ปริสา…เป… ตุณฺหี ภวติ. อิเม โข ภิกฺขเว…เป… อานนฺเท’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๒๙) –
เอวมาทินยปฺปวตฺตํ ตตฺถ ตตฺถ ภาสิตํ สพฺพมฺปิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺมปฏิสํยุตฺตํ สุตฺตนฺตํ สงฺคณฺหาติ.
จูฬเวทลฺลาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๖๐) วิสาเขน นาม อุปาสเกน ปุฏฺาย ธมฺมทินฺนาย นาม ภิกฺขุนิยา ภาสิตํ สุตฺตํ จูฬเวทลฺลํ นาม. มหาโกฏฺิกตฺเถเรน ปุจฺฉิเตน อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรน ภาสิตํ มหาเวทลฺลํ (ม. นิ. ๑.๔๔๙) นาม. สมฺมาทิฏฺิสุตฺตมฺปิ ¶ (ม. นิ. ๑.๘๙) ภิกฺขูหิ ปุฏฺเน เตเนว ภาสิตํ, เอตานิ มชฺฌิมนิกายปริยาปนฺนานิ. สกฺกปฺหํ (ที. นิ. ๒.๓๔๔) ปน สกฺเกน ปุฏฺโ ภควา อภาสิ, ตํ ทีฆนิกายปริยาปนฺนํ. มหาปุณฺณมสุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๘๕) ปน ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส ปุณฺณมาย รตฺติยา อฺตเรน ภิกฺขุนา ปุฏฺเน ภควตา ภาสิตํ, ตํ มชฺฌิมนิกายปริยาปนฺนํ. เอวมาทโย สพฺเพปิ ตตฺถ ตตฺถาคตา เวทฺจ ตุฏฺิฺจ ลทฺธา ลทฺธา ปุจฺฉิตสุตฺตนฺตา ‘‘เวทลฺล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.เวทนฺติ าณํ. ตุฏฺินฺติ ยถาภาสิตธมฺมเทสนํ วิทิตฺวา ‘‘สาธุ อยฺเย สาธาวุโส’’ติอาทินา อพฺภนุโมทนวสปฺปวตฺตํ ปีติโสมนสฺสํ. ลทฺธา ลทฺธาติ ลภิตฺวา ลภิตฺวา, ปุนปฺปุนํ ลภิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ, เอเตน เวทสทฺโท าเณ, โสมนสฺเส จ เอกเสสนเยน, สามฺนิทฺเทเสน วา ปวตฺตติ, เวทมฺหิ นิสฺสิตํ ตสฺส ลภาปนวเสนาติ เวทลฺลนฺติ จ ทสฺเสติ.
เอวํ ¶ องฺควเสน สกลมฺปิ พุทฺธวจนํ วิภชิตฺวา อิทานิ ธมฺมกฺขนฺธวเสน วิภชิตุกาโม ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ธมฺมกฺขนฺธวเสนาติ ธมฺมราสิวเสน. ‘‘ทฺวาสีตี’’ติ อยํ คาถา วุตฺตตฺถาว. เอวํ ปริทีปิตธมฺมกฺขนฺธวเสนาติ โคปกโมคฺคลฺลาเนน นาม พฺราหฺมเณน ปุฏฺเน โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๗๙) อตฺตโน คุณปฺปกาสนตฺถํ วา เถรคาถายํ (เถรคา. ๑๐๑๗ อาทโย) อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน สมนฺตโต ทีปิตธมฺมกฺขนฺธวเสน อิมินา เอวํ เตน อปริทีปิตาปิ ธมฺมกฺขนฺธา สนฺตีติ ปกาเสติ, ตสฺมา กถาวตฺถุปฺปกรณ มาธุริยสุตฺตาทีนํ (ม. นิ. ๒.๓๑๗) วิมานวตฺถาทีสุ เกสฺจิ คาถานฺจ วเสน จตุราสีติสหสฺสโตปิ ธมฺมกฺขนฺธานํ อธิกตา เวทิตพฺพา.
เอตฺถ จ สุภสุตฺตํ (ที. นิ. ๑.๔๔๔), โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺตฺจ ปรินิพฺพุเต ภควติ อานนฺทตฺเถเรน ภาสิตตฺตา จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ อนฺโตคธํ โหติ, น โหตีติ? ปฏิสมฺภิทาคณฺิปเท ตาว อิทํ วุตฺตํ ‘‘สยํ วุตฺตธมฺมกฺขนฺธานมฺปิ ภิกฺขุโต คหิเตเยว สงฺคเหตฺวา เอวมาหาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ, ภควตา ปน ทินฺนนเย ตฺวา ภาสิตตฺตา ‘‘สยํ วุตฺตมฺปิ เจตํ สุตฺตทฺวยํ ภควโต คหิเตเยว สงฺคเหตฺวา วุตฺต’’นฺติ เอวมฺปิ วตฺตุํ ยุตฺตตรํ วิย ทิสฺสติ. ภควตา หิ ทินฺนนเย ตฺวา สาวกา ธมฺมํ เทเสนฺติ, เตเนว สาวกภาสิตมฺปิ กถาวตฺถาทิกํ พุทฺธภาสิตํ นาม ชาตํ ¶ , ตโตเยว จ อตฺตนา ภาสิตมฺปิ สุภสุตฺตาทิกํ สงฺคีติมาโรเปนฺเตน อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ วุตฺตํ.
เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ สติปฏฺานาทิ. สติปฏฺานสุตฺตฺหิ ‘‘เอกายโน อยํ ภิกฺขเว, มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. ๑.๑๐๖; สํ. นิ. ๓.๓๖๗-๓๘๔) จตฺตาโร สติปฏฺาเน อารภิตฺวา เตสํเยว วิภาคทสฺสนวเสน ปวตฺตตฺตา ‘‘เอกานุสนฺธิก’’นฺติ วุจฺจติ. อเนกานุสนฺธิกํ ปรินิพฺพานสุตฺตาทิ (ที. นิ. ๒.๑๓๑ อาทโย) ปรินิพฺพานสุตฺตฺหิ นานาาเนสุ นานาธมฺมเทสนานํ วเสน ปวตฺตตฺตา ‘‘อเนกานุสนฺธิก’’นฺติ วุจฺจติ.
‘‘กติ ฉินฺเท กติ ชเห, กติ จุตฺตริ ภาวเย;
กติ สงฺคาติโค ภิกฺขุ, ‘โอฆติณฺโณ’ติ วุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๕); –
เอวมาทินา ปฺหาปุจฺฉนํ คาถาพนฺเธสุ เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ.
‘‘ปฺจ ¶ ฉินฺเท ปฺจ ชเห, ปฺจ จุตฺตริ ภาวเย;
ปฺจ สงฺคาติโค ภิกฺขุ, ‘โอฆติณฺโณ’ติ วุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๕); –
เอวมาทินา จ วิสฺสชฺชนํ เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ.
ติกทุกภาชนํ ธมฺมสงฺคณิยํ นิกฺเขปกณฺฑอฏฺกถากณฺฑวเสน คเหตพฺพํ. ตสฺมา ยํ กุสลตฺติกมาติกาปทสฺส (ธ. ส. ๑) วิภชนวเสน นิกฺเขปกณฺเฑ วุตฺตํ –
‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ตีณิ กุสลมูลานิ…เป… อิเม ธมฺมา กุสลา. กตเม ธมฺมา อกุสลา? ตีณิ อกุสลมูลานิ…เป… อิเม ธมฺมา อกุสลา. กตเม ธมฺมา อพฺยากตา’’? กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ วิปากา…เป… อิเม ธมฺมา อพฺยากตา’’ติ (ธ. ส. ๑๘๗),
อยเมโก ธมฺมกฺขนฺโธ. เอส นโย เสสตฺติกทุกปทวิภชเนสุปิ. ยทปิ อฏฺกถากณฺเฑ วุตฺตํ –
‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? จตูสุ ภูมีสุ กุสลํ. อิเม ธมฺมา กุสลา. กตเม ธมฺมา อกุสลา? ทฺวาทส อกุสลจิตฺตุปฺปาทา. อิเม ธมฺมา อกุสลา. กตเม ธมฺมา อพฺยากตา? จตูสุ ¶ ภูมีสุ วิปาโก ตีสุ ภูมีสุ กิริยาพฺยากตํ รูปฺจ นิพฺพานฺจ. อิเม ธมฺมา อพฺยากตา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๘๖),
อยํ กุสลตฺติกมาติกาปทสฺส วิภชนวเสน ปวตฺโต เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ. เอส นโย เสเสสุปิ. จิตฺตวารภาชนํ ปน จิตฺตุปฺปาทกณฺฑ วเสน (ธ. ส. ๑) คเหตพฺพํ. ยฺหิ ตตฺถ วุตฺตํ กุสลจิตฺตวิภชนตฺถํ –
‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ รูปารมฺมณํ วา…เป… ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหตี’’ติ (ธ. ส. ๑),
อยเมโก ¶ ธมฺมกฺขนฺโธ. เอวํ เสสจิตฺตวารวิภชเนสุ. เอโก ธมฺมกฺขนฺโธติ (เอกเมโก ธมฺมกฺขนฺโธ ฉฬ อฏฺ.) จ เอเกโก ธมฺมกฺขนฺโธติ อตฺโถ. ‘‘เอกเมกํ ติกทุกภาชนํ, เอกเมกํ จิตฺตวารภาชน’’นฺติ จ วจนโต หิ ‘‘เอเกโก’’ติ อวุตฺเตปิ อยมตฺโถ สามตฺถิยโต วิฺายมาโนว โหติ.
วตฺถุ นาม สุทินฺนกณฺฑาทิ. มาติกา นาม ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติอาทินา (ปารา. ๔๔) ตสฺมึ ตสฺมึ อชฺฌาจาเร ปฺตฺตํ อุทฺเทส สิกฺขาปทํ. ปทภาชนิยนฺติ ตสฺส ตสฺส สิกฺขาปทสฺส ‘‘โย ปนาติ โย ยาทิโส’’ติอาทิ (ปารา. ๔๕) นยปฺปวตฺตํ ปทวิภชนํ. อนฺตราปตฺตีติ ‘‘ปฏิลาตํ อุกฺขิปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๓๕๕) เอวมาทินา สิกฺขาปทนฺตเรสุ ปฺตฺตา อาปตฺติ. อาปตฺตีติ ตํตํสิกฺขาปทานุรูปํ วุตฺโต ติกจฺเฉทมุตฺโต อาปตฺติวาโร. อนาปตฺตีติ ‘‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺส อสาทิยนฺตสฺส ขิตฺตจิตฺตสฺส เวทนาฏฺฏสฺส อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติอาทิ (ปารา. ๖๖) นยปฺปวตฺโต อนาปตฺติวาโร. ติกจฺเฉโทติ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺเต อติกฺกนฺตสฺี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, ทสาหาติกฺกนฺเต เวมติโก…เป… ทสาหาติกฺกนฺเต อนติกฺกนฺตสฺี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปารา. ๔๖๘) เอวมาทินยปฺปวตฺโต ติกปาจิตฺติย-ติก-ทุกฺกฏาทิเภโท ติกปริจฺเฉโท. ตตฺถาติ เตสุ วตฺถุมาติกาทีสุ.
เอวํ ¶ อเนกนยสมลงฺกตํ สงฺคีติปฺปการํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย…เป… อิมานิ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ พุทฺธวจนํ ธมฺมวินยาทิเภเทน ววตฺถเปตฺวา สงฺคายนฺเตน มหากสฺสปปฺปมุเขน วสีคเณน อเนกจฺฉริยปาตุภาวปฏิมณฺฑิตาย สงฺคีติยา อิมสฺส ทีฆาคมสฺส ธมฺมภาโว, มชฺฌิมพุทฺธวจนาทิภาโว จ ววตฺถาปิโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวเมต’’นฺติอาทิมาห. สาธารณวจเนน ทสฺสิเตปิ หิ ‘‘ยทตฺถํ สํวณฺเณตุํ อิทมารภติ, โสเยว ปธานวเสน ทสฺสิโต’’ติ อาจริเยหิ อยํ สมฺพนฺโธ วุตฺโต. อปโร นโย – เหฏฺา วุตฺเตสุ เอกวิธาทิเภทภินฺเนสุ ปกาเรสุ ธมฺมวินยาทิภาโว สงฺคีติการเก เหว สงฺคีติกาเล ววตฺถาปิโต, น ปจฺฉา กปฺปนมตฺตสิทฺโธติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวเมต’’นฺติอาทิมาหาติปิ วตฺตพฺโพ. น เกวลํ ยถาวุตฺตปฺปการเมว ววตฺถาเปตฺวา สงฺคีตํ, อถ โข อฺมฺปีติ ทสฺเสติ ‘‘น เกวลฺจา’’ติอาทินา. อุทานสงฺคโห นาม ปมปาราชิกาทีสุ อาคตานํ วินีตวตฺถุอาทีนํ สงฺเขปโต สงฺคหทสฺสนวเสน ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปิตา –
‘‘มกฺกฏี ¶ วชฺชิปุตฺตา จ, คิหี นคฺโค จ ติตฺถิยา;
ทาริกุปฺปลวณฺณา จ, พฺยฺชเนหิ ปเร ทุเว’’ติ. อาทิกา (ปารา. ๖๖); –
คาถาโย. วุจฺจมานสฺส หิ วุตฺตสฺส วา อตฺถสฺส วิปฺปกิณฺณภาเวน ปวตฺติตุํ อทตฺวา อุทฺธํ ทานํ รกฺขณํ อุทานํ, สงฺคหวจนนฺติ อตฺโถ. สีลกฺขนฺธวคฺคมูลปริยายวคฺคาทิวเสน วคฺคสงฺคโห. วคฺโคติ หิ ธมฺมสงฺคาหเกเหว กตา สุตฺตสมุทายสฺส สมฺา. อุตฺตริมนุสฺสเปยฺยาลนีลเปยฺยาลาทิวเสน เปยฺยาลสงฺคโห. ปาตุํ รกฺขิตุํ, วิตฺถาริตุํ วา อลนฺติ หิ เปยฺยาลํ, สงฺขิปิตฺวา ทสฺสนวจนํ. องฺคุตฺตรนิกายาทีสุ นิปาตสงฺคโห, คาถงฺคาทิวเสน นิปาตนํ. สมุทายกรณฺหิ นิปาโต. เทวตาสํยุตฺตาทิวเสน (สํ. นิ. ๑.๑) สํยุตฺตสงฺคโห. วคฺคสมุทาเย เอว ธมฺมสงฺคาหเกหิ กตา สํยุตฺตสมฺา. มูลปณฺณาสกาทิวเสน ปณฺณาสสงฺคโห, ปฺาส ปฺาส สุตฺตานิ คเณตฺวา สงฺคโหติ วุตฺตํ โหติ. อาทิสทฺเทน ตสฺสํ ตสฺสํ ปาฬิยํ ทิสฺสมานํ สงฺคีติการกวจนํ สงฺคณฺหาติ. อุทานสงฺคห…เป… ปณฺณาสสงฺคหาทีหิ อเนกวิธํ ตถา. สตฺตหิ มาเสหีติ กิริยาปวคฺเค ตติยา ‘‘เอกาเหเนว ¶ พาราณสึ ปายาสิ. นวหิ มาเสหิ วิหารํ นิฏฺาเปสี’’ติอาทีสุ วิย. กิริยาย อาสุํ ปรินิฏฺาปนฺหิ กิริยาปวคฺโค.
ตทา อเนกจฺฉริยปาตุภาวทสฺสเนน สาธูนํ ปสาทชนนตฺถมาห ‘‘สงฺคีติปริโยสาเน จสฺสา’’ติอาทิ. อสฺส พุทฺธวจนสฺส สงฺคีติปริโยสาเน สฺชาตปฺปโมทา วิย, สาธุการํ ททมานา วิย จ สงฺกมฺปิ…เป… ปาตุรเหสุนฺติ สมฺพนฺโธ. วิยาติ หิ อุภยตฺถ โยเชตพฺพํ. ปวตฺตเน, ปวตฺตนาย วา สมตฺถํ ปวตฺตนสมตฺถํ. อุทกปริยนฺตนฺติ ปถวีสนฺธารกอุทกปริโยสานํ กตฺวา, สห เตน อุทเกน, ตํ วา อุทกํ อาหจฺจาติ วุตฺตํ โหติ, เตน เอกเทสกมฺปนํ นิวาเรติ. สงฺกมฺปีติ อุทฺธํ อุทฺธํ คจฺฉนฺตี สุฏฺุ กมฺปิ. สมฺปกมฺปีติ อุทฺธมโธ จ คจฺฉนฺตี สมฺมา ปกาเรน กมฺปิ. สมฺปเวธีติ จตูสุ ทิสาสุ คจฺฉนฺตี สุฏฺุ ภิยฺโย ปเวธิ. เอวํ เอเตน ปทตฺตเยน ฉปฺปการํ ปถวีจลนํ ทสฺเสติ. อถ วา ปุรตฺถิมโต, ปจฺฉิมโต จ อุนฺนมนโอนมนวเสน สงฺกมฺปิ. อุตฺตรโต, ทกฺขิณโต จ อุนฺนมนโอนมนวเสน สมฺปกมฺปิ. มชฺฌิมโต, ปริยนฺตโต จ อุนฺนมนโอนมนวเสน สมฺปเวธิ. เอวมฺปิ ฉปฺปการํ ปถวีจลนํ ทสฺเสติ, ยํ สนฺธาย อฏฺกถาสุ วุตฺตํ –-
‘‘ปุรตฺถิมโต อุนฺนมติ ปจฺฉิมโต โอนมติ, ปจฺฉิมโต อุนฺนมติ ปุรตฺถิมโต โอนมติ, อุตฺตรโต อุนฺนมติ ทกฺขิณโต โอนมติ, ทกฺขิณโต อุนฺนมติ อุตฺตรโต โอนมติ ¶ , มชฺฌิมโต อุนฺนมติ ปริยนฺตโต โอนมติ, ปริยนฺตโต อุนฺนมติ มชฺฌิมโต โอนมตีติ เอวํ ฉปฺปการํ…เป… อกมฺปิตฺถา’’ติ (พุ. วํ. อฏฺ. ๗๑).
อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตานิ อจฺฉริยานิ, ปุปฺผวสฺสเจลุกฺเขปาทีนิ อฺายปิ สา สมฺาย ปากฏาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยา โลเก’’ติอาทิ. ยา ปมมหาสงฺคีติ ธมฺมสงฺคาหเกหิ มหากสฺสปาทีหิ ปฺจหิ สเตหิ เยน กตา สงฺคีตา, เตน ปฺจ สตานิ เอติสฺสาติ ‘‘ปฺจสตา’’ติ จ เถเรเหว กตตฺตา เถรา มหากสฺสปาทโย เอติสฺสา, เถเรหิ วา กตาติ ‘‘เถริกา’’ติ จ โลเก ปวุจฺจติ, อยํ ปมมหาสงฺคีติ นามาติ สมฺพนฺโธ.
เอวํ ¶ ปมมหาสงฺคีติ ทสฺเสตฺวา ยทตฺถํ สา อิธ ทสฺสิตา, อิทานิ ตํ นิทานํ นิคมนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมิสฺสา’’ติอาทิมาห. อาทินิกายสฺสาติ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺเนสุ ปฺจสุ นิกาเยสุ อาทิภูตสฺส ทีฆนิกายสฺส. ขุทฺทกปริยาปนฺโน หิ วินโย ปมํ สงฺคีโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สุตฺตนฺต ปิฏเก’’ติ. เตนาติ ตถาวุตฺตตฺตา, อิมินา ยถาวุตฺตปมมหาสงฺคีติยํ ตถาวจนเมว สนฺธาย มยา เหฏฺา เอวํ วุตฺตนฺติ ปุพฺพาปรสมฺพนฺธํ, ยถาวุตฺตวิตฺถารวจนสฺส วา คุณํ ทสฺเสตีติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย อชฺชวมทฺทวโสรจฺจสทฺธาสติธิติพุทฺธิขนฺติ วีริยาทิธมฺมสมงฺคินา สาฏฺกเถ ปิฏกตฺตเย อสงฺคาสํหีรวิสารทาณจารินา อเนกปฺปเภทสกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหินา มหาคณินา มหาเวยฺยากรเณน าณาภิวํสธมฺมเสนาปตินามเถเรน มหาธมฺมราชาธิราชครุนา กตาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา พาหิรนิทานวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
นิทานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.