📜
๓. อมฺพฏฺสุตฺตวณฺณนา
อทฺธานคมนวณฺณนา
๒๕๔. เอวํ ¶ ¶ สามฺผลสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ อมฺพฏฺสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺโณกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, สามฺผลสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส อมฺพฏฺสุตฺตภาวํ ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… โกสเลสูติ อมฺพฏฺสุตฺต’’นฺติ อาห. เอวมีทิเสสุ. อิติสทฺโท เจตฺถ อาทิอตฺโถ, ปทตฺถวิปลฺลาสโชตโก ปน อิติสทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ, อาทิสทฺทโลโป วา เอส, อุปลกฺขณนิทฺเทโส วา. อปุพฺพปทวณฺณนา นาม เหฏฺา อคฺคหิตตาย อปุพฺพสฺส ปทสฺส อตฺถวิภชนา. ‘‘หิตฺวา ปุนปฺปุนาคต-มตฺถํ อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา) หิ วุตฺตํ, ‘‘อนุปุพฺพปทวณฺณนา’’ติ กตฺถจิ ปาโ, โส อยุตฺโตว ฏีกาย อนุทฺธฏตฺตา, ตถา อสํวณฺณิตตฺตา จ.
‘‘ราชกุมารา โคตฺตวเสน โกสลา นามา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๔) อาจริเยน วุตฺตํ. อกฺขรจินฺตกา ปน วทนฺติ ‘‘โกสํ ลนฺติ คณฺหนฺติ, กุสลํ วา ปุจฺฉนฺตีติ โกสลา’’ติ. ชนปทิโนติ ชนปทวนฺโต, ชนปทสฺส วา อิสฺสรา. ‘‘โกสลา นาม ราชกุมารา’’ติ วุตฺเตเยว สิทฺเธปิ ‘‘ชนปทิโน’’ติ วจนํ สนฺเตสุปิ อฺเสุ ตํตํนามปฺาเตสุ ตตฺถ นิวสนฺเตสุ ชนปทิภาวโต เตสเมว นิวสนมุปาทาย ชนปทสฺสายํ สมฺาติ ทสฺสนตฺถํ. ‘‘เตสํ นิวาโส’’ติ อิมินา ‘‘โกสลานํ นิวาสา โกสลา’’ติ ตทฺธิตํ ทสฺเสติ. ‘‘เอโกปิ ชนปโท’’ติ อิมินา ปน สทฺทโตเยเวตํ ปุถุวจนํ, อตฺถโต ปเนส เอโก เอวาติ วิภาเวติ. อปิ-สทฺโท เจตฺถ อนุคฺคเห, เตน กามํ เอโกเยเวส ชนปโท, ตถาปิ อิมินา การเณน ปุถุวจนมุปปนฺนนฺติ อนุคฺคณฺหาติ. ยทิ เอโกว ชนปโท, กถํ ตตฺถ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘รุฬฺหิสทฺเทนา’’ติอาทิ, รุฬฺหิสทฺทตฺตา พหุวจนมุปปนฺนนฺติ วุตฺตํ โหติ. นิสฺสิเตสุ ปยุตฺตสฺส ปุถุวจนสฺส, ปุถุภาวสฺส วา นิสฺสเย อภินิโรปนา อิธ รุฬฺหิ, เตน วุตฺตํ ¶ อาจริเยน อิธ เจว อฺตฺถ จ มชฺฌิมาคมฏีกาทีสุ ‘‘อกฺขรจินฺตกา หิ อีทิเสสุ าเนสุ ยุตฺเต วิย อีทิสลิงฺควจนานิ อิจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ รุฬฺหิ ยถา ‘อฺตฺถาปิ กุรูสุ วิหรติ, องฺเคสุ วิหรตี’ติ ¶ จา’’ติ. เกจิ ปน โกสลนามาภินิโรปนมิจฺฉนฺติ, อยุตฺตเมตํ ปุถุวจนสฺส อปฺปยุชฺชิตพฺพตฺตา. นามาภินิโรปนาย หิ เอกวจนมฺปิ ภวติ ยถา ‘‘สีโห คายตี’’ติ. ตพฺพิเสสิเตปิ ชนปทสทฺเท ชาติสทฺทตฺตา เอกวจนเมว. เตนาห ‘‘ตสฺมึ โกสเลสุ ชนปเท’’ติ, โกสลนามเก ตสฺมึ ชนปเทติ อตฺโถ. อภูตโต หิ โวหารมตฺตํ รุฬฺหิ, ภูตโตเยว อตฺโถ วินิจฺฉินิตพฺโพ. ยถา หิ –
‘‘สนฺติ ปุตฺตา วิเทหานํ, ทีฆาวุ รฏฺวฑฺฒโน;
เต รชฺชํ การยิสฺสนฺติ, มิถิลายํ ปชาปตี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๗๖) อาทีสุ –
ตํปุตฺตสงฺขาตสฺส เอกตฺถสฺส รุฬฺหิวเสน ‘‘ปุตฺตา’’ติ พหุวจนปโยโค, ตถา อิธาปิ ตนฺนิวาสสงฺขาตสฺส เอกตฺถสฺส รุฬฺหิวเสน ‘‘โกสเลสู’’ติ พหุวจนปโยโค โหติ. ยถา จ ‘‘ปาณํ น หฺเ, น จ’ทินฺนมาทิเย’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๔๒, ๔๓, ๔๕) ชาติวเสน พหฺวตฺถานเมกวจนปโยโค, ตถา อิธาปิ ชาติวเสน อวยวปฺปเภเทน พหฺวตฺถสฺส ‘‘ชนปเท’’ติ เอกวจนปโยโค โหติ. วุตฺตฺจ อาจริเยน มชฺฌิมาคมฏีกายํ ‘‘ตพฺพิเสสเนปิ ชนปทสทฺเท ชาติสทฺเท เอกวจนเมว. เตนาห ‘ตสฺมึ องฺเคสุ ชนปเท’ติ’’.
เอวํ รุฬฺหิวเสน พหุมฺหิ วิย วตฺตพฺเพ พหุวจนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ พหฺวตฺถวเสน พหุมฺปิ เอว วตฺตพฺเพ พหุวจนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โปราณา ปนาหู’’ติอาทิมาห. ปน-สทฺโท เจตฺถ วิเสสตฺถโชตโน, เตน ปุถุอตฺถวิสยตาย เอเวตํ ปุถุวจนํ, น รุฬฺหิวเสนาติ วกฺขมานํ วิเสสํ โชเตติ. โส หิ ปเทโส ติโยชนสตปริมาณตาย พหุปฺปเภโทติ, อิมสฺมึ ปน นเย เตสุ โกสเลสุ ชนปเทสูติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. มหาปนาทนฺติ มหาปนาทชาตก (ชา. ๑.๓.๔๐, ๔๑, ๔๒) สุรุจิชาตเกสุ (ชา. ๑.๑๔.๑๐๒ อาทโย) อาคตํ สุรุจิโน นาม วิเทหรฺโ ปุตฺตํ มหาปนาทนามกํ ราชกุมารํ. นานานาฏกานีติ ภณฺฑุกณฺฑปณฺฑุกณฺฑปมุขานิ ฉสตสหสฺสานิ นานาวิธนาฏกานิ, กตฺถจิ ปน อาทิสทฺโทปิ ทิฏฺโ, โส ชาตกฏฺกถายํ น ทิสฺสติ, ยทิ จ ทิสฺสติ, เตน นฏลงฺฆกาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สิตมตฺตมฺปีติ มิหิตมตฺตมฺปิ. ตสฺส ¶ กิร ทิพฺพนาฏกานํ อนนฺตรภเวเยว ทิฏฺตฺตา มนุสฺสนาฏกานํ นจฺจํ อมนฺุํ อโหสิ. นงฺคลานิปิ ฉฑฺเฑตฺวาติ กสิกมฺมปฺปหานวเสน นงฺคลานิ ¶ ปหาย, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ. น หิ เกวลํ กสฺสกา เอว, อถ โข อฺเปิ อุภยรฏฺวาสิโน มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน กิจฺจํ ปหาย ตสฺมึ มงฺคลฏฺาเน สนฺนิปตึสุ. ตทา กิร มหาปนาทกุมารสฺส ปาสาทมงฺคลํ, ฉตฺตมงฺคลํ, อาวาหมงฺคลนฺติ ตีณิ มงฺคลานิ เอกโต อกํสุ, กาสิวิเทหรฏฺวาสิโนปิ ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา อติเรกสตฺตวสฺสานิ ฉณมนุภวึสูติ, อธุนา ปน ‘‘นงฺคลาทีนี’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส น โปราณปาโ ฏีกายมนุทฺธฏตฺตา.
มหาชนกาเย สนฺนิปติเตติ เกจิ ‘‘ปหํสนวิธึ ทสฺเสตฺวา ราชกุมารํ หาสาเปสฺสามา’’ติ, เกจิ ‘‘ตํ กีฬนํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ เอวํ มหาชนสมูเห สนฺนิปติเต. อตุลมฺพาภิรุหนทารุจิตกปเวสนาทิ นานากีฬาโย ทสฺเสตฺวา. สกฺกเปสิโต กิร ทิพฺพนาฏโก ราชงฺคเณ อากาเส ตฺวา อุปฑฺฒภาคํ นาม ทสฺเสติ, เอโกว หตฺโถ, เอโก ปาโท, เอกํ อกฺขิ, เอกา ทาา นจฺจติ จลติ, อุปฑฺฒํ ผนฺทติ, เสสํ นิจฺจลมโหสิ, ตํ ทิสฺวา มหาปนาโท โถกํ หสิตมกาสิ, อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘โส ทิพฺพนาฏกํ ทสฺเสตฺวา หสาเปสี’’ติ วุตฺตํ. สุหชฺชา นาม วิสฺสาสิกา ‘‘สุฏฺุ หทยเมเตส’’นฺติ กตฺวา. อาทิสทฺเทน าตกปริชนาทีนํ สงฺคโห. ตสฺมาติ ตถา วจนโต. ตํ กุสลนฺติ วจนํ อุปาทายาติ เอตฺถ ‘‘กจฺจิ กุสลํ? อาม กุสล’’นฺติ วจนปฏิวจนวเสน ปวตฺตกุสลวาทิตาย เต มนุสฺสา อาทิโต ‘‘กุสลา’’ติ สมฺํ ลภึสุ, เตสํ กุสลานํ อิสฺสราติ ราชกุมารา โกสลา นาม ชาตา, เตสํ นิวาสฏฺานตาย ปน ปเทโส โกสลาติ ปุพฺเพ วุตฺตนยเมว. เตนาห ‘‘โส ปเทโส โกสลาติ วุจฺจตี’’ติ. เอวํ มชฺฌิมาคมฏีกายํ อาจริเยเนว วุตฺตํ. ตตฺรายมธิปฺปาโย สิยา – ‘‘โส ปเทโส โกสลาติ วุจฺจตี’’ติ สฺีสฺา ยถากฺกมํ เอกวจนพหุวจนวเสน วุตฺตตฺตา ปุริมนเย วิย อิธาปิ รุฬฺหิวเสเนว พหุวจนํ โหติ. ราชกุมารานํ นามลาภเหตุมตฺตฺเหตฺถ วิเสโสติ. อิธ ปน อาจริเยน เอวํ วุตฺตํ โส ปเทโสติ ปเทสสามฺโต วุตฺตํ, วจนวิปลฺลาเสน วา, เต ปเทสาติ อตฺโถ. โกสลาติ วุจฺจติ กุสลา ¶ เอว โกสลาติ กตฺวา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๔) ตตฺรายมธิปฺปาโย สิยา – โส ปเทโสติ ชาติสทฺทวเสน, วจนวิปลฺลาเสน วา วุตฺตตฺตา ปุถุอตฺถวิสยตาย เอว พหุวจนํ โหติ. ปเทสสฺส นามลาภเหตุ เหตฺถ วิเสโสติ. ‘‘กุสล’’นฺติ หิ วจนมุปาทาย รุฬฺหินามวเสน วุตฺตนเยน โกสลา ยถา ‘‘เยวาปนกํ, นตุมฺหากวคฺโค’’ติ. อปิจ วจนปฏิวจนวเสน ‘‘กุสล’’นฺติ วทนฺติ เอตฺถาติ โกสลา. วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺตีติ. กุสลนฺติ จ อาโรคฺยํ ‘‘กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ, กจฺจิ โภโต อนามย’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๕; ชา. ๒.๒๐.๑๒๙) วิย, กจฺจิ ตุมฺหากํ อาโรคฺยํ โหตีติ อตฺโถ, เฉกํ วา ‘‘กุสลา นจฺจคีตสฺส ¶ , สิกฺขิตา จาตุริตฺถิโย’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๙๔) วิย, กจฺจิ เตสํ นาฏกานํ เฉกตา โหตีติ อตฺโถ.
จรณํ จาริกา, จรณํ วา จาโร, โส เอว จาริกา, ตยิทํ มคฺคคมนเมว อิธาธิปฺเปตํ, น จุณฺณิกคมนมตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อทฺธานคมน’’นฺติ วุตฺตํ, ภาวนปุํสกฺเจตํ, อทฺธานคมนสงฺขาตาย จาริกาย จรมาโนติ วุตฺตํ โหติ, อเภเทปิ วา เภทโวหาเรน วุตฺตํ ยถา ‘‘ทิวาวิหารํ นิสีที’’ติ, (ม. นิ. ๑.๒๕๖) อทฺธานคมนสงฺขาตํ จาริกํ จรมาโน, จรณํ กโรนฺโตติ อตฺโถ. สพฺพตฺถโก หิ กรภูธาตูนมตฺโถติ. ‘‘อทฺธานมคฺค’’นฺติปิ กตฺถจิ ปาโ, โส น สุนฺทโร. น หิ จาริกาสทฺโท มคฺควาจโกติ. อิทานิ ตํ วิภาเคน ทสฺเสตฺวา อิธาธิปฺเปตํ นิยเมนฺโต ‘‘จาริกา จ นาเมสา’’ติอาทิมาห. สาวกานมฺปิ รุฬฺหิวเสน จาริกาย สมฺภวโต ตโต วิเสเสติ ‘‘ภควโต’’ติ อิมินา. ตถา หิ มชฺฌิมาคมฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘จาริกํ จรมาโนติ เอตฺถ กิฺจาปิ อยํ จาริกา นาม มหาชนสงฺคหตฺถํ พุทฺธานํเยว ลพฺภติ, พุทฺเธ อุปาทาย ปน รุฬฺหิสทฺเทน สาวกานมฺปิ วุจฺจติ กิลฺชาทีหิ กตพีชนีปิ ตาลวณฺฏํ วิยา’’ติ. ทูเรปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน, อปิ-สทฺเทน วา นาติทูเรปีติ สมฺปิณฺฑนํ ตตฺถาปิ จาริกาสมฺภวโต. โพธเนยฺยปุคฺคลนฺติ จตุสจฺจปฏิเวธวเสน โพธนารหปุคฺคลํ. สหสา คมนนฺติ สีฆคมนํ. ‘‘มหากสฺสปสฺส ปจฺจุคฺคมนาทีสู’’ติ วุตฺตเมว สรูปโต ทสฺเสติ ‘‘ภควา หี’’ติอาทินา. ปจฺจุคฺคจฺฉนฺโตติ ปฏิมุขํ คจฺฉนฺโต, ปจฺจุฏฺหนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘ตึสโยชน’’นฺติ ปทมนุกฑฺฒติ. ปกฺกุสาติ นาม คนฺธารราชา. มหากปฺปิโน ¶ นาม กุกฺกุฏวตีราชา. ธนิโย นาม โกรณฺฑเสฏฺิปุตฺโต โคโป.
เอวํ ธมฺมครุตากิตฺตนมุเขน มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทีนิ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๑๕๔) เอกเทเสน ทสฺเสตฺวา อิทานิ วนวาสิติสฺสสามเณรสฺส วตฺถุํ วิตฺถาเรตฺวา จาริกํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกทิวส’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. โก ปเนส ติสฺสสามเณโร นาม? สาวตฺถิยํ ธมฺมเสนาปติโน อุปฏฺากกุเล ชาโต มหาปฺุโ ‘‘ปิณฺฑปาตทายกติสฺโส, กมฺพลทายกติสฺโส’’ติ จ ปุพฺเพ ลทฺธนาโม ปจฺฉา ‘‘วนวาสิติสฺโส’’ติ ปากโฏ ขีณาสวสามเณโร. วิตฺถาโร ธมฺมปเท (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๗๔ วนวาสีติสฺสสามเณรวตฺถุ). อากาสคามีหิ สทฺธึ อากาเสเนว คนฺตุกาโม ภควา ‘‘ฉฬภิฺานํ อาโรเจหี’’ติ อโวจ. ตสฺสาติ ติสฺสสามเณรสฺส. ตนฺติ ภควนฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน จีวรํ ปารุปนฺตํ. โน เถโร โน โอรมตฺตโก วตาติ สมฺพนฺโธ, คุเณน ลามกปฺปมาณิโก โน โหตีติ อตฺโถ.
อตฺตโน ¶ ปตฺตาสเนติ ภิกฺขูนํ อาสนปริยนฺเต. เตสํ คามิกานํ ทานปฏิสํยุตฺตํ มงฺคลํ วตฺวา. กสฺมา ปน สเทวกสฺส โลกสฺส มคฺคเทสโกปิ สมาโน ภควา เอวมาหาติ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘ภควา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มคฺคเทสโกติ นิพฺพานมคฺคสฺส, สุคติมคฺคสฺส วา เทสโก.
ตายาติ อรฺสฺาย. สงฺฆกมฺมวเสน สิชฺฌมานาปิ อุปสมฺปทา สตฺถุ อาณาวเสน สิชฺฌนโต ‘‘พุทฺธทายชฺชํ เต ทสฺสามี’’ติ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘อปริปุณฺณวีสติวสฺสสฺเสว ตสฺส อุปสมฺปทํ อนุชานนฺโต สตฺถา ‘พุทฺธทายชฺชํ เต ทสฺสามี’ติ อโวจา’’ติ วทนฺติ. ธมฺมเสนาปตินา อุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทตฺวา, ตโตเยเวส ธมฺมเสนาปติโน สทฺธิวิหาริโกติ อฏฺกถาสุ วุตฺโต. ธมฺมปทฏฺกถายํ ปน ธมฺมเสนาปติอาทิเถรานํ จตฺตาลีสภิกฺขุสหสฺสปริวารานํ อตฺตโน อตฺตโน ปริวาเรหิ สทฺธึ ปจฺเจกํ คมนํ, ภควโต จ เอกกสฺเสว คมนํ ขุทฺทกภาณกานํ มเตน วุตฺตํ, อิธ, ปน มชฺฌิมาคมฏฺกถายฺจ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๖๕) อฺถา คมนํ ทีฆภาณกมชฺฌิมภาณกานํ มเตนาติ ทฏฺพฺพํ. อยนฺติ มหากสฺสปาทีนมตฺถาย จาริกา. ยํ ปน อนุคฺคณฺหนฺตสฺส ภควโต คมนํ, อยํ อตุริตจาริกา นามาติ สมฺพนฺโธ.
อิมํ ¶ ปน จาริกนฺติ อตุริตจาริกํ. มหามณฺฑลนฺติ มชฺฌิมเทสปริยาปนฺเนเนว พาหิริเมน ปมาเณน ปริจฺฉินฺนตฺตา มหนฺตตรํ มณฺฑลํ. มชฺฌิมมณฺฑลนฺติ อิตเรสํ อุภินฺนํ เวมชฺเฌ ปวตฺตํ มณฺฑลํ. อนฺโตมณฺฑลนฺติ อิตเรหิ ขุทฺทกํ มณฺฑลํ, อิตเรสํ วา อนฺโตคธตฺตา อนฺติมํ มณฺฑลํ, อพฺภนฺตริมํ มณฺฑลนฺติ วุตฺตํ โหติ. กึ ปนิเมสํ ปมาณนฺติ อาห ‘‘กตฺถา’’ติอาทิ. ตตฺถ นวโยชนสติกตา มชฺฌิมเทสปริยาปนฺนวเสเนว คเหตพฺพา ตโต ปรํ อตุริตจาริกาย อคมนโต. ตทุตฺตริ หิ ตุริตจาริกาย เอว ตถาคโต คจฺฉติ, น อตุริตจาริกาย. ปวาเรตฺวาว จาริกาจรณํ พุทฺธาจิณฺณนฺติ วุตฺตํ ‘‘มหาปวารณาย ปวาเรตฺวา’’ติอาทิ. ปาฏิปททิวเสติ ปมกตฺติกปุณฺณมิยา อนนฺตเร ปาฏิปทวเส. สมนฺตาติ คตคตฏฺานสฺส จตูสุ ปสฺเสสุ สมนฺตโต. มหาชนกายสฺส สนฺนิปตนโต ปุริมํ ปุริมํ อาคตา นิมนฺเตตุํ ลภนฺติ. ตถา สนฺนิปตนเมว ทสฺเสตุํ ‘‘อิตเรสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมถวิปสฺสนา ตรุณา โหนฺตีติ เอตฺถ สมถสฺส ตรุณภาโว อุปจารสมาธิวเสน, วิปสฺสนาย ปน สงฺขารปริจฺเฉทาณํ, กงฺขาวิตรณาณํ, สมฺมสนาณํ, มคฺคามคฺคาณนฺติ จตุนฺนํ าณานํ วเสน เวทิตพฺโพ. ตรุณวิปสฺสนาติ หิ เตสํ จตุนฺนํ าณานมธิวจนํ. ปวารณาสงฺคหํ ทตฺวาติ อนุมติทานวเสน ทตฺวา. กตฺติกปุณฺณมายนฺติ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมิยํ. ‘‘มิคสิรสฺส ปมปาฏิปททิวเส’’ติ ¶ อิทํ มชฺฌิมเทสโวหารวเสน มิคสิรมาสสฺส ปมํ ปาฏิปททิวสํ สนฺธาย วุตฺตํ, เอตรหิ ปวตฺตโวหารวเสน ปน ปจฺฉิมกตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขปาฏิปททิวโส เวทิตพฺโพ.
อฺเนปิ การเณนาติ ภิกฺขูนํ สมถวิปสฺสนาตรุณภาวโต อฺเนปิ มชฺฌิมมณฺฑเล เวเนยฺยานํ าณปริปากาทิการเณน. จตุมาสนฺติ อาสฬฺหีปุณฺณมิยา ปาฏิปทโต ยาว ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมี, ตาว จตุมาสํ. ‘‘สมนฺตา โยชนสต’’นฺติอาทินา วุตฺตนเยเนว. วสนํ วสฺสํ, วสนกิริยา, วุตฺถํ วสิตํ วสฺสมสฺสาติ วุตฺถวสฺโส, ตสฺส. ตถาคเตน วิเนตพฺพตฺตา ‘‘ภควโต เวเนยฺยสตฺตา’’ติ สามินิทฺเทโส วุตฺโต, กตฺตุนิทฺเทโส วา เอส. เวเนยฺยสตฺตาติ จ จริตานุรูปํ วิเนตพฺพสตฺตา. อินฺทฺริยปริปากํ อาคมยมาโนติ สทฺธาทิอินฺทฺริยานํ วิมุตฺติปริปาจนภาเวน ปริปกฺกํ ปฏิมาเนนฺโต. ผุสฺสมาฆผคฺคุณจิตฺตมาสานํ ¶ อฺตรมาสสฺส ปมทิวเส นิกฺขมนโต มาสนิยโม เอตฺถ น กโตติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘เอกมาสํ วา ทฺวิติจตุมาสํ วา ตตฺเถว วสิตฺวา’’ติ. ตตฺเถวาติ วสฺสูปคมนฏฺาเน เอว. ‘‘สตฺตหิ วา’’ติอาทิ ‘‘เอกมาสํ วา’’ติอาทินา ยถากฺกมํ โยเชตพฺพํ – ยทิ อปรมฺปิ เอกมาสํ ตตฺเถว วสติ, สตฺตหิ มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปติ. ยทิ ทฺวิมาสํ ฉหิ, ยทิ ติมาสํ ปฺจหิ, ยทิ จตุมาสํ ตตฺเถว วสติ, จตูหิ มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปตีติ. กสฺมา ปน จาริกาคมนนฺติ อาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘อิตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อติเรกํ ชราทุพฺพโล พาฬฺหชิณฺโณ. เต กทา ปสฺสิสฺสนฺติ, น ปสฺสิสฺสนฺติ เอว. โลกานุกมฺปกายาติ โลกานุกมฺปกาย เอว. เตน วุตฺตํ ‘‘น จีวราทิเหตู’’ติ.
ชงฺฆวิหารวเสนาติ ชงฺฆาหิ วิจรณวเสน, ชงฺฆาหิ วิจริตฺวา ตตฺถ ตตฺถ กติปาหํ นิวสนวเสน วา. สพฺพิริยาปถสาธารณฺหิ วิหารวจนํ. สรีรผาสุกตฺถายาติ เอกสฺมึเยว าเน นิพทฺธวาสวเสน อุสฺสนฺนธาตุกสฺส สรีรสฺส วิจรเณน ผาสุภาวตฺถาย. อฏฺุปฺปตฺติกาลาภิกงฺขนตฺถายาติ อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺต (อ. นิ. ๗.๗๒) มฆเทวชาตกาทิ (ชา. ๑.๑.๙) เทสนานํ วิย ธมฺมเทสนาย อภิกงฺขิตพฺพอฏฺุปฺปตฺติกาลตฺถาย, อฏฺุปฺปตฺติกาลสฺส วา อภิกงฺขนตฺถาย, อฏฺุปฺปตฺติกาเล ธมฺมเทสนตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ. สิกฺขาปทปฺาปนตฺถายาติ สุราปานสิกฺขาปทาทิ (ปาจิ. ๓๒๗, ๓๒๘, ๓๒๙) ปฺาปเน วิย สิกฺขาปทานํ ปฺาปนตฺถาย. โพธนตฺถายาติ องฺคุลิมาลาทโย (ม. นิ. ๒.๓๔๗) วิย โพธเนยฺยสตฺเต จตุสจฺจโพธนตฺถาย. มหตาติ มหติยา. กฺจิ, กติปเย วา ปุคฺคเล อุทฺทิสฺส ¶ จาริกา นิพทฺธจาริกา. ตทฺา สมฺพหุเล อุทฺทิสฺส คามนิคมนครปฏิปาฏิยา จาริกา อนิพทฺธจาริกา. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. ยํ จรตีติ กิริยาปรามสนํ.
‘‘เอสา อิธ อธิปฺเปตา’’ติ วุตฺตเมว วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทสสหสฺสิโลกธาตุยาติ ชาติกฺเขตฺตภูตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬํ สนฺธาย วุตฺตํ. กสฺมาติ เจ? ตตฺเถว ภพฺพสตฺตานํ สมฺภวโต. ตตฺถ หิ สตฺเต ภพฺเพ ปริปกฺกินฺทฺริเย ปสฺสิตุํ พุทฺธาณํ อภินีหริตฺวา ิโต ภควา าณชาลํ ปตฺถรตีติ วุจฺจติ, อิทฺจ เทวพฺรหฺมานํ ¶ วเสน วุตฺตํ. มนุสฺสา ปน อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ, อิมสฺมึเยว จ สปริวาเร ชมฺพุทีเป โพธเนยฺยา โหนฺติ. โพธเนยฺยพนฺธเวติ โพธเนยฺยสตฺตสงฺขาเต ภควโต พนฺธเว. โคตฺตาทิสมฺพนฺธา วิย หิ สจฺจปฏิเวธสมฺพนฺธา เวเนยฺยา ภควโต พนฺธวา นามาติ. โคจรภาวูปคมนํ สนฺธาย ‘‘สพฺพฺุตฺาณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺโ’’ติ วุตฺตํ. ภควา กิร มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย ‘‘เย สตฺตา ภพฺพา ปริปกฺกาณา, เต มยฺหํ าณสฺส อุปฏฺหนฺตู’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺาย สมนฺนาหรติ, ตสฺส สหสมนฺนาหารา เอโก วา ทฺเว วา สมฺพหุลา วา ตทา วินยูปคา เวเนยฺยา าณสฺส อาปาถมาคจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ พุทฺธานุภาโว. เอวมาปาถคตานํ ปน เนสํ อุปนิสฺสยํ ปุพฺพจริยํ, ปุพฺพเหตุํ, สมฺปติ วตฺตมานฺจ ปฏิปตฺตึ โอโลเกติ. เวเนยฺยสตฺตปริคฺคณฺหนตฺถฺหิ สมนฺนาหาเร กเต ปมํ เนสํ เวเนยฺยภาเวน อุปฏฺานํ โหติ, อถ ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ สรณคมนาทิวเสน กฺจิ นิปฺผตฺตึ วีมํสมาโน ปุพฺพูปนิสฺสยาทีนิ โอโลเกติ. เตนาห ‘‘อถ ภควา’’ติอาทิ. โสติ อมฺพฏฺโ. วาทปฏิวาทํ กตฺวาติ ‘‘เอวํ นุ เต อมฺพฏฺา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๖๒) มยา วุตฺตวจนสฺส ‘‘เย จ โข เต โภ โคตม มุณฺฑกา สมณกา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๖๓) ปฏิวจนํ ทตฺวา, อสพฺภิวากฺยนฺติ อสปฺปุริสวาจํ, ติกฺขตฺตุํ อิพฺภวาทนิปาตนวเสน นานปฺปการํ สาธุสภาวาย วาจาย วตฺตุมยุตฺตํ วากฺยํ วกฺขตีติ วุตฺตํ โหติ. นิพฺพิเสวนนฺติ วิคตตุทนํ, มานทปฺปวเสน อปคตปรินิปฺผนฺทนนฺติ อตฺโถ.
อวสริตพฺพนฺติ อุปคนฺตพฺพํ. ตสฺส คามสฺส อิทํ นามมตฺตํ, กิเมตฺถ อตฺถปริเยสนายาติ วุตฺตํ ‘‘อิชฺฌานงฺคลนฺติปิ ปาโ’’ติ. ‘‘เยน ทิสาภาเคนา’’ติ กรณนิทฺเทสานุรูปํ กรณตฺเถ อุปโยควจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เตน อวสรี’’ติ อิมินา. ‘‘ยสฺมึ ปเทเส’’ติ ปน ภุมฺมนิทฺเทสานุรูปํ ‘‘ตํ วา อวสรี’’ติ วุตฺตํ. ตทุภยเมวตฺถํ วิวรติ ‘‘เตน ทิสาภาเคนา’’ติอาทินา. คโตติ อุปคโต, อคมาสีติ อตฺโถ. ปุน คโตติ สมฺปตฺโต, สมฺปาปุณีติ อตฺโถ. ‘‘อิจฺฉานงฺคเล’’ติ อิทํ ตทา ภควโต โคจรคามนิทสฺสนํ, สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมํ ¶ . ‘‘อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ’’ติ อิทํ ปน นิวาสฏฺานทสฺสนํ, นิปฺปริยายโต อธิกรเณ เจตํ ภุมฺมนฺติ ตทุภยมฺปิ ปทํ วิเสสตฺถทสฺสเนน วิวรนฺโต ‘‘อิจฺฉานงฺคลํ อุปนิสฺสายา’’ติอาทิมาห ¶ . ‘‘สีลขนฺธาวาร’’นฺติอาทิ วุตฺตนเยน เวเนยฺยหิตสมเปกฺขนวเสเนว ภควโต วิหารทสฺสนํ. ตตฺถ ธมฺมราชสฺส ภควโต สพฺพโส อธมฺมนิคฺคณฺหนปรา เอว ปฏิปตฺติ, สา จ สีลสมาธิปฺาวเสนาติ สีลาทิตฺตยสฺเสว คหณํ. สีลขนฺธาวารนฺติ จกฺกวตฺติรฺโ ทารุอิฏฺกาทิกตํ ขนฺธาวารสทิสํ สีลสงฺขาตํ ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา วิหรตีติ สมฺพนฺโธ. ทารุกฺขนฺธาทีหิ อาสมนฺตโต วรนฺติ ปริกฺขิปนฺติ เอตฺถาติ หิ ขนฺธาวาโร อ-การสฺส ทีฆํ กตฺวา, ราชูนํ อจิรนิวาสฏฺานํ. ตตฺถ ปน ภควโต อจิรนิวสนกิริยาสมฺพนฺธมตฺเตน ภยนิวารณฏฺเน ตํสทิสตาย สีลมฺปิ ตถา วุจฺจติ. สมาธิโกนฺตนฺติ สมฺมาสมาธิสงฺขาตํ มงฺคลสตฺตึ. สพฺพฺุตฺาณปทนฺติ สพฺพฺุตฺาณสงฺขาตํ ชยมนฺตปทํ. ปริวตฺตยมาโนติ ปริชปฺปมาโน. ‘‘สพฺพฺุตฺาณสร’’นฺติปิ ปาโ, สพฺพฺุตฺาณวชิรคฺคสรํ อปราปรํ สมฺปริวตฺตมาโนติ อตฺโถ. ยถาภิรุจิเตน วิหาเรนาติ สพฺพวิหารสาธารณทสฺสนํ, ทิพฺพวิหาราทีสุ เยน เยน อตฺตนา อภิรุจิเตน วิหาเรน วิหรตีติ อตฺโถ.
โปกฺขรสาติวตฺถุวณฺณนา
๒๕๕. มนฺเตติ อิรุเวทาทิมนฺตสตฺเถ. อิรุเวทาทโย หิ คุตฺตภาสิตพฺพฏฺเน ‘‘มนฺตา’’ติ วุจฺจนฺติ. อณ-สทฺโท สทฺเทติ อาห ‘‘สชฺฌายตี’’ติ. โลกิยา ปน วทนฺติ ‘‘พฺรหฺมุโน อปจฺจํ พฺราหฺมโณ, นาคโม, ณตฺตํ, ทีฆาที’’ติ. กสฺมา อยเมว วจนตฺโถ วุตฺโตติ อาห ‘‘อิทเมวา’’ติอาทิ. อถ เกสํ อิตโร วจนตฺโถติ โจทนมปเนติ ‘‘อริยา ปนา’’ติอาทินา. อถ วา ยํ โลกิยา วทนฺติ ‘‘พฺรหฺมุนา ชาโต พฺราหฺมโณ’’ติอาทินิรุตฺตึ, ตํ ปฏิกฺขิปิตุํ เอวํ วุตฺตํ. ‘‘อิทเมวา’’ติ หิ อวธารเณน ตํ ปฏิกฺขิปติ. ‘‘ชาติพฺราหฺมณาน’’นฺติ ปน อิมินา สทฺทนฺตเรน ทสฺสิเตสุ ชาติพฺราหฺมณวิสุทฺธิพฺราหฺมณวเสน ทุวิเธสุ พฺราหฺมเณสุ วิสุทฺธิพฺราหฺมณานํ นิรุตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อริยา ปนา’’ติอาทิมาห. พหนฺติ ปาเป พหิ กโรนฺตีติ หิ อริยา พฺราหฺมณา นิรุตฺตินเยน. ‘‘ตสฺส กิร กาโย เสตโปกฺขรสทิโส’’ติ อิทเมวสฺส นามลาภเหตุทสฺสนํ, เสสํ ปน ตปฺปสงฺเคน ยถาวิชฺชมานวิเสสทสฺสนเมว. เตนาห ‘‘อิติ นํ โปกฺขรสทิสตฺตา โปกฺขรสาตีติ สฺชานนฺตี’’ติ. โปกฺขเรน สทิโส กาโย ยสฺสาติ หิ โปกฺขรสาตี นิรุตฺตินเยน ¶ . สาตสทฺโท วา สทิสตฺโถ, โปกฺขเรน สาโต สทิโส กาโย ตถา, โส ยสฺสาติ โปกฺขรสาตี. เสตโปกฺขรสทิโสติ เสตปทุมวณฺโณ. เทวนคเรติ อาลกมนฺทาทิเทวปุเร. อุสฺสาปิตรชตโตรณนฺติ คมฺภีรเนมนิขาตํ อจฺจุคฺคตํ รชตมยํ อินฺทขีลํ ¶ . กาฬเมฆราชีติ กทาจิ ทิสฺสมานา กาฬอพฺภเลขา. รชตปนาฬิกาติ รชตมยตุมฺพํ. สุวฏฺฏิตาติ วฏฺฏภาวสฺส ยุตฺตฏฺาเน สุฏฺุ วฏฺฏุลา. กาฬวงฺคติลกาทีนมภาเวน สุปริสุทฺธา.‘‘อราชเก’’ติอาทินาปิ โสภคฺคปฺปตฺตภาวเมว นิทสฺเสติ.
อิทานิ อปรมฺปิ ตสฺส นามลาภเหตุํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จ ‘‘หิมวนฺตปเทเส มหาสเร ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺตี’’ติ อิทเมวสฺส นามลาภเหตุทสฺสนํ. เสสํ ปน ตปฺปสงฺเคน ตถาปวตฺตาการทสฺสนเมว. เตนาห ‘‘อิติ นํ โปกฺขเร สยิตตฺตา โปกฺขรสาตีติ สฺชานนฺตี’’ติ. โปกฺขเร กมเล สยตีติ หิ โปกฺขรสาตี, สาตํ วา วุจฺจติ สมสณฺานํ, โปกฺขเร ชาตํ สมสณฺานํ ตถา, ตมสฺสตฺถีติปิ โปกฺขรสาตี. ยํ ปน อาจริเยน วุตฺตํ ‘‘อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส กีทิโส ปุพฺพโยโค, เยน นํ ภควา อนุคฺคณฺหิตุํ ตํ านํ อุปคโตติ อาหา’’ติ, (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๕) ตเทตํ ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิวจนํ เอกเทสเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘โส ตโต มนุสฺสโลก’’นฺติอาทิวจนโต เทวโลเก นิพฺพตฺตีติ เอตฺถ อปราปรํ นิพฺพตฺติ เอว วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ตถารูเปน กมฺเมน นิพฺพตฺติเมว สนฺธาย ‘‘มาตุกุจฺฉิวาสํ ชิคุจฺฉิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺตี’’ติ อิมินา สํเสทโชเยว หุตฺวา นิพฺพตฺตีติ ทสฺเสติ. น ปุปฺผตีติ น วิกสติ. เตนาติ ตาปเสน. นาฬโตติ ปุปฺผทณฺฑโต. สุวณฺณจุณฺเณหิ ปิฺชรํ เหมวณฺโณ ยสฺสาติ สุวณฺณจุณฺณปิฺชโร, ตํ, สุวณฺณจุณฺเณหิ วิกิณฺณภาเวน เหมวณฺณนฺติ อตฺโถ. ปิฺชรสทฺโท หิ เหมวณฺณปริยาโยติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๒๒) วุตฺตํ. เอส นโย ปทุมเรณุปิฺชรนฺติ เอตฺถาปิ. รชตพิมฺพกนฺติ รูปิยมยรูปกํ. ปฏิชคฺคามีติ โปเสมิ. ปารนฺติ ปริโยสานํ, นิปฺผตฺติ วา วุจฺจติ นทีสมุทฺทาทีนํ ปริโยสานภูตํ ปารํ วิยาติ กตฺวา. ปฏิสนฺธิปฺาสงฺขาเตน สภาวาเณน ปณฺฑิโต. อิติ กตฺตพฺเพสุ, เวเทสุ วา วิสารทปฺาสงฺขาเตน เวยฺยตฺติเยน ¶ พฺยตฺโต. อคฺคพฺราหฺมโณติ ทิสาปาโมกฺขพฺราหฺมโณ. สิปฺปนฺติ เวทสิปฺปํ ตสฺเสว ปกรณาธิคตตฺตา. พฺรหฺมเทยฺยํ อทาสีติ วกฺขมานนเยน พฺรหฺมเทยฺยํ กตฺวา อทาสิ.
‘‘อชฺฌาวสตี’’ติ เอตฺถ อธิ-สทฺโท, อา-สทฺโท จ อุปสคฺคมตฺตํ, ตโต ‘‘อุกฺกฏฺ’’นฺติ อิทํ อชฺฌาปุพฺพวสโยเค ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ. อธิ-สทฺโท วา อิสฺสริยตฺโถ, อา-สทฺโท มริยาทตฺโถ ตโต ‘‘อุกฺกฏฺ’’นฺติ อิทํ กมฺมปฺปวจนียโยเค ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘อุกฺกฏฺนามเก’’ติอาทินา. ตเทวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ตสฺส นครสฺส สามิโก หุตฺวา’’ติ หิ ‘‘อภิภวิตฺวา’’ติ เอตสฺสตฺถวิวรณํ, เตเนตํ ทีเปติ ‘‘สามิภาโว อภิภวน’’นฺติ. ‘‘ยาย มริยาทายา’’ติอาทิ ปน อา-สทฺทสฺสตฺถวิวรณํ, เตเนตํ ทีเปติ ‘‘อาสทฺโท ¶ มริยาทตฺโถ, มริยาทา จ นาม ยาย ตตฺถ วสิตพฺพํ, สาเยว อปราธีนตา’’ติ. ยาย มริยาทายาติ หิ ยาย อปราธีนตาสงฺขาตาย อนฺสาธารณาย อวตฺถายาติ อตฺโถ. ‘‘อุปสคฺควเสนา’’ติอาทิ ปน ‘‘อุกฺกฏฺนามเก’’ติ เอตสฺสตฺถวิวรณํ, เตเนตํ ทีเปติ ‘‘สติปิ ภุมฺมวจนปฺปสงฺเค ธาตฺวตฺถานุวตฺตกวิเสสกภูเตหิ ทุวิเธหิปิ อุปสคฺเคหิ ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนเมเวตฺถ วิหิต’’นฺติ. ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิ ปน อตฺถานุคตสมฺาปริทีปนํ. วตฺถุ นาม นครมาปนารหภูมิปฺปเทโส ‘‘อารามวตฺถุ, วิหารวตฺถู’’ติอาทีสุ วิย.
อุกฺกาติ ทณฺฑทีปิกา. อคฺคเหสุนฺติ ‘‘อชฺช มงฺคลทิวโส, ตสฺมา สุนกฺขตฺตํ, ตตฺถาปิ อยํ สุขโณ มา อติกฺกมี’’ติ รตฺติวิภายนํ อนุรกฺขนฺตา, รตฺติยํ อาโลกกรณตฺถาย อุกฺกา เปตฺวา อุกฺกาสุ ชลมานาสุ นครสฺส วตฺถุํ อคฺคเหสุํ, เตเนตํ ทีเปติ – อุกฺกาสุ ิตาติ อุกฺกฏฺา. มูลวิภุชาทิ อากติคณปกฺเขเปน, นิรุตฺตินเยน วา อุกฺกาสุ วิชฺโชตยนฺตีสุ ิตาติ อุกฺกฏฺา, ตถา อุกฺกาสุ ิตาสุ ิตา อาสีติปิ อุกฺกฏฺาติ. มชฺฌิมาคมฏฺกถายํ ปน เอวํ วุตฺตํ ‘‘ตฺจ นครํ ‘มงฺคลทิวโส สุขโณ, สุนกฺขตฺตํ มา อติกฺกมี’ติ รตฺติมฺปิ อุกฺกาสุ ิตาสุ มาปิตตฺตา อุกฺกฏฺาติปิ วุจฺจติ, ทณฺฑทีปิกาสุ ชาเลตฺวา ธาริยมานาสุ มาปิตตฺตาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ, (ม. นิ. อฏฺ. ๑.มูลปริยายสุตฺตวณฺณนา) ตทปิมินา สํสนฺทติ เจว สเมติ ¶ จ นครวตฺถุปริคฺคหสฺสปิ นครมาปนปริยาปนฺนตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘ภูมิภาคสมฺปตฺติยา, อุปกรณสมฺปตฺติยา, มนุสฺสสมฺปตฺติยา จ ตํ นครํ อุกฺกฏฺคุณโยคโต อุกฺกฏฺาติ นามํ ลภตี’’ติ. โลกิยา ปน วทนฺติ ‘‘อุกฺกา ธารียติ เอตสฺส มาปิตกาเลติ อุกฺกฏฺา, วณฺณวิกาโรย’’นฺติ, อิตฺถิลิงฺควเสน จายํ สมฺา, เตเนวิธ ปโยโค ทิสฺสติ ‘‘ยถา จ ภวํ โคตโม อุกฺกฏฺาย อฺานิ อุปาสกกุลานิ อุปสงฺกมตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๙๙) มูลปริยายสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) จ ‘‘เอกํ สมยํ ภควา อุกฺกฏฺายํ วิหรติ สุภควเน สาลราชมูเล’’ติอาทิ. เอวเมตฺถ โหตุ อุปสคฺควเสน อุปโยควจนํ, กถํ ปเนตํ เสสปเทสุ สิยาติ อนุโยเคนาห ‘‘ตสฺส อนุปโยคตฺตา เสสปเทสู’’ติ. ตตฺถ ตสฺสาติ อุปสคฺควเสน อุปโยคสฺุตฺตสฺส ‘‘อุกฺกฏฺ’’นฺติ ปทสฺส. อนุปโยคตฺตาติ วิเสสนภาเวน อนุปยุตฺตตฺตา. เสสปเทสูติ ‘‘สตฺตุสฺสท’’นฺติอาทีสุ สตฺตสุ ปเทสุ.
กึ นุ ขฺวายํ สทฺทปโยโค สทฺทลกฺขณานุคโตติ โจทนมปเนติ ‘‘ตตฺถ…เป… ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ อิมินา. ตตฺถาติ อุปสคฺควเสน, อนุปโยควเสน จ อุปโยควจนนฺติ วุตฺเต ทุพฺพิเธปิ วิธาเน. ลกฺขณนฺติ คหณูปายายภูตํ สทฺทลกฺขณํ, สุตฺตํ วา. ปริเยสิตพฺพนฺติ สทฺทสตฺเถสุ ¶ วิชฺชมานตฺตา าเณน คเวสิตพฺพํ, คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอเตน หิ สทฺทลกฺขณานุคโตวายํ สทฺทปโยโคติ ทสฺเสติ, สทฺทวิทู จ อิจฺฉนฺติ ‘‘อุปอนุอธิอาอิจฺจาทิปุพฺพวสโยเค สตฺตมิยตฺเถ อุปโยควจนํ ปาปุณาติ, วิเสสิตพฺพปเท จ ยถาวิธิมนุปโยโค วิเสสนปทานํ สมานาธิกรณภูตาน’’นฺติ. ตตฺร ยทา อธิ-สทฺโท, อา-สทฺโท จ อุปสคฺคมตฺตํ, ตทา ‘‘ตติยาสตฺตมีนฺจา’’ติ ลกฺขเณน อชฺฌาปุพฺพวสโยเค อุปโยควจนํ. ตถา หิ วทนฺติ ‘‘สตฺตมิยตฺเถ กาลทิสาสุ อุปานฺวชฺฌาวสโยเค, อธิปุพฺพสิาวสานํ ปโยเค, ตปฺปานจาเรสุ จ ทุติยา. กาเล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา, เอกํ สมยํ ภควา, กฺจิ กาลํ ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, อิมํ รตฺตึ จตฺตาโร มหาราชาโน. ทิสายํ ปุริมํ ทิสํ ธตรฏฺโ. อุปาทิปุพฺพวสโยเค คามํ อุปวสติ, คามํ อนุวสติ, คามํ อาวสติ, อคารํ อชฺฌาวสติ, อธิปุพฺพสิาวสานํ ปโยเค ¶ ปถวึ อธิเสสฺสติ, คามํ อธิติฏฺติ, คามํ อชฺฌาวสติ. ตปฺปานจาเรสุ นทึ ปิวติ, คามํ จรติ อิจฺจาทีติ.
ยทา ปน อธิ-สทฺโท อิสฺสริยตฺโถ, อา-สทฺโท จ มริยาทตฺโถ, ตทา ‘‘กมฺมปฺปวจนียยุตฺเต’’ติ ลกฺขเณน กมฺมปฺปวจนียโยเค อุปโยควจนํ. ตถา หิ วทนฺติ ‘‘อนุอาทโย อุปสคฺคา, ธีอาทโย นิปาตา จ กมฺมปฺปวจนียสฺา โหนฺติ กิริยาสงฺขาตํ กมฺมํ ปวจนียํ เยสํ เต กมฺมปฺปวจนียา’’ติ. เสสปทานํ ปน ยถาวิธิมนุปโยเค กตเรน ลกฺขเณน อุปโยควจนนฺติ? ยถาวุตฺตลกฺขเณเนว. ยชฺเชวํ เตสมฺปิ อาธารภาวโต นานาธารตา สิยาติ? น, พหูนมฺปิ ปทานํ นครวเสน เอกตฺถภาวโต. สกตฺถมตฺตฺหิ เตสํ นานากรณนฺติ. อฺเ ปน สทฺทวิทู เอวมิจฺฉนฺติ ‘‘สมานาธิกรณปทานํ ปจฺเจกํ กิริยาสมฺพนฺธเนน วิเสสิตพฺพปเทน สมานวจนตา ยถา ‘กฏํ กโรติ, วิปุลํ, ทสฺสนีย’นฺติ เอตฺถ ‘กฏํ กโรติ, วิปุลํ กโรติ, ทสฺสนียํ กโรตี’ติ ปจฺเจกํ กิริยาสมฺพนฺธเนน กมฺมตฺเถเยว ทุติยา’’ติ, ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ วิเสสนปทานํ สมานาธิกรณานํ กิริยาสมฺพชฺฌนาภาวโต. ยทา หิ กิริยาสมฺพชฺฌนํ, ตทา วิเสสนเมว น โหตีติ.
อุสฺสทตา นาเมตฺถ พหุลตาติ วุตฺตํ ‘‘พหุชน’’นฺติ. ตํ ปน พหุลตํ ทสฺเสติ ‘‘อากิณฺณมนุสฺส’’นฺติอาทินา. อรฺาทีสุ คเหตฺวา โปเสตพฺพา โปสาวนิยา, เอเตน เตสํ ธมฺมภาวํ ทสฺเสติ. อาวิชฺฌิตฺวาติ ปริกฺขิปิตฺวา. ขณิตฺวา กตา โปกฺขรณี, อาพนฺธิตฺวา กตํ ตฬากํ. อจฺฉินฺนูทกฏฺาเนเยว ชลชกุสุมานิ ชาตานีติ วุตฺตํ ‘‘อุทกสฺส นิจฺจภริตาเนวา’’ติ. อุทกสฺสาติ จ ปูรณกิริยาโยเค กรณตฺเถ สามิวจนํ ‘‘มหนฺเต มหนฺเต สาณิปสิพฺพเก การาเปตฺวา หิรฺสุวณฺณสฺส ปูราเปตฺวา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๔) วิย. สห ธฺเนาติ ¶ สธฺนฺติ นครสทฺทาเปกฺขาย นปุํสกลิงฺเคน วุตฺตํ, ยถาวากฺยํ วา อุปโยควจเนน. เอวํ สพฺพตฺถ. ปุพฺพณฺณาปรณฺณาทิเภทํ พหุธฺสนฺนิจยนฺติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ตทุภยวินิมุตฺตํ อลาพุกุมฺภณฺฑาทิสูเปยฺยํ สงฺคณฺหาติ. เตนายมตฺโถ วิฺายติ – นยิธ ธฺสทฺโท สาลิอาทิธฺวิเสสวาจโก, โปสเน สาธุตฺตมตฺเตน ปน นิรวเสสปุพฺพณฺณาปรณฺณสูเปยฺยวาจโก, วิรูเปกเสสวเสน ¶ วา ปยุตฺโตติ. เอตฺตาวตาติ ยถาวุตฺตปทตฺตเยน. ราชลีลายาติ ราชูนํ วิลาเสน. สมิทฺธิยา อุปโภคปริโภคสมฺปุณฺณภาเวน สมฺปตฺติ สมิทฺธิสมฺปตฺติ.
‘‘ราชโภคฺค’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เกน ทินฺน’’นฺติ อวสฺสํ ปุจฺฉิตพฺพโต เอวํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เกนา’’ติอาทินา. รฺา วิย ภฺุชิตพฺพนฺติ วา ราชโภคฺคนฺติ อฏฺกถาโต อปโร นโย. ยาว ปุตฺตนตฺตปนตฺตปรมฺปรา กุลสนฺตกภาเวน ราชโต ลทฺธตฺตา ‘‘รฺโ ทายภูต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม ภิกฺขเว ภวถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) วิย จ ทายสทฺโท ทายชฺชปริยาโยติ อาห ‘‘ทายชฺชนฺติ อตฺโถ’’ติ. กถํ ทินฺนตฺตา พฺรหฺมเทยฺยํ นามาติ โจทนํ ปริหรติ ‘‘ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา’’ติอาทินา. ราชนีหาเรน ปริภฺุชิตพฺพโต หิ อุทฺธํ ปริโภคลาภสฺส พฺรหฺมเทยฺยตา นาม นตฺถิ, อิทฺจ ตถา ทินฺนเมว, ตสฺมา พฺรหฺมเทยฺยํ นามาติ วุตฺตํ โหติ. เฉชฺชเภชฺชนฺติ สรีรทณฺฑธนทณฺฑาทิเภทํ ทณฺฑมาห. นทีติตฺถปพฺพตาทีสูติ นทีติตฺถปพฺพตปาทคามทฺวารอฏวิมุขาทีสุ. เสตจฺฉตฺตคฺคหเณน เสสราชกกุธภณฺฑมฺปิ คหิตํ ตปฺปมุขตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ‘‘รฺา ภฺุชิตพฺพ’’นฺตฺเวว วุตฺเต อิธาธิปฺเปตตฺโถ น ปากโฏติ หุตฺวา-สทฺทคฺคหณํ กตํ. ตฺหิ โส ราชกุลโต อสมุทาคโตปิ ราชา หุตฺวา ภฺุชิตุํ ลภตีติ อยมิธาธิปฺเปโต อตฺโถ. ทาตพฺพนฺติ ทายํ, ‘‘ราชทาย’’นฺติ อิมินาว รฺา ทินฺนภาเว สิทฺเธ ‘‘รฺา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺน’’นฺติ ปุน จ วจนํ กิมตฺถิยนฺติ อาห ‘‘ทายกราชทีปนตฺถ’’นฺติอาทิ. อสุเกน รฺา ทินฺนนฺติ ทายกราชสฺส อทีปิตตฺตา เอวํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. เอตฺถ จ ปมนเย ‘‘ราชโภคฺค’’นฺติ ปเท ปุจฺฉาสมฺภวโต อิทํ วุตฺตํ, ทุติยนเย ปน ‘‘ราชทาย’’นฺติ ปเทติ อยมฺปิ วิเสโส ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ อติพหุลตาย ปุรโต ปโนกาสาภาวโต ปสฺเสนปิ โอทนสูปพฺยฺชนาทิ ทียติ เอตสฺสาติ ปเสนทิ, อลุตฺตสมาสวเสน. โส หิ ราชา ตณฺฑุลโทณสฺส โอทนมฺปิ ตทุปิเยน สูปพฺยฺชเนน ภฺุชติ. ตถา หิ นํ ภุตฺตปาตราสกาเล สตฺถุ สนฺติกมาคนฺตฺวา อิโต จิโต จ สมฺปริวตฺตนฺตํ นิทฺทาย อภิภุยฺยมานํ อุชุกํ นิสีทิตุมสกฺโกนฺตํ ภควา –
‘‘มิทฺธี ¶ ยทา โหติ มหคฺฆโส จ,
นิทฺทายิตา สมฺปริวตฺตสายี;
มหาวราโหว ¶ นิวาปวุฏฺโ,
ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท’’ติ. (ธ. ป. ๓๒๕; เนตฺติ. ๒๖, ๙๐);
อิมาย คาถาย โอวทิ. ภาคิเนยฺยฺจ โส สุทสฺสนํ นาม มาณวํ –
‘‘มนุชสฺส สทา สตีมโต,
มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน;
ตนุกสฺส ภวนฺติ เวทนา,
สณิกํ ชีรติ อายุปาลย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๔) –
อิมํ คาถํ ภควโต สนฺติเก อุคฺคหาเปตฺวา อตฺตโน ภฺุชนฺตสฺส โอสานปิณฺฑกาเล เทวสิกํ ภณาเปติ, โส อปเรน สมเยน ตสฺสา คาถาย อตฺถํ สลฺลกฺเขตฺวา ปุนปฺปุนํ โอสานปิณฺฑปริหรเณน นาฬิโกทนมตฺตาย สณฺหิตฺวา ตนุสรีโร พลวา สุขปฺปตฺโต อโหสีติ. อุทานฏฺกถายํ (อุทา. อฏฺ. ๑๒) ปน เอวํ วุตฺตํ ‘‘ปจฺจามิตฺตํ ปรเสนํ ชินาตีติ ปเสนที’’ติ. สทฺทวิทูปิ หิ ช-การสฺส ท-กาเร อิทมุทาหรนฺติ. โส หิ อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ อชาตสตฺตุราชานํ, ปฺจโจรสตาทีนิ จ อวรุทฺธกานิ ชินาตีติ. โกสลรฏฺสฺสาธิปติภาวโต โกสโล, ตสฺมา โกสลาธิปตินา ปเสนทิ นามเกน รฺา ทินฺนนฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นิสฺสฏฺปริจฺจตฺตตาสงฺขาเตน ปุน อคฺคเหตพฺพภาเวเนว ทินฺนตฺตา อิธ พฺรหฺมเทยฺยํ นาม, น ตุ ปุริมนเย วิย ราชสงฺเขเปน ปริภฺุชิตพฺพภาเวน ทินฺนตฺตาติ อาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. นิสฺสฏฺํ หุตฺวา, นิสฺสฏฺภาเวน วา ปริจฺจตฺตํ นิสฺสฏฺปริจฺจตฺตํ, มุตฺตจาควเสน จชิตนฺติ อตฺโถ.
สวนํ อุปลพฺโภติ ทสฺเสติ ‘‘อุปลภี’’ติ อิมินา, โส จายมุปลพฺโภ สวนวเสเนว ชานนนฺติ วุตฺตํ ‘‘โสตทฺวารสมฺปตฺตวจนนิคฺโฆสานุสาเรน อฺาสี’’ติ. โสตทฺวารานุสารวิฺาณวีถิวเสน ชานนเมว หิ อิธ สวนํ เตเนว ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม’’ติอาทินา วุตฺตสฺสตฺถสฺส อธิคตตฺตา, น ปน โสตทฺวารวีถิวเสน สุตมตฺตํ ¶ เตน ตทตฺถสฺส อนธิคตตฺตา. อวธารณผลตฺตา สทฺทปโยคสฺส สพฺพมฺปิ วากฺยํ อนฺโตคธาวธารณํ. ตสฺมา ตทตฺถโชตกสทฺเทน วินาปิ อฺตฺถาโปหนวเสน อสฺโสสิ เอว, นาสฺส โกจิ สวนนฺตราโย อโหสีติ อยมตฺโถ วิฺายตีติ อาห ‘‘ปทปูรณมตฺเต นิปาโต’’ติ, อนฺโตคธาวธารเณปิ ¶ จ สพฺพสฺมึ วากฺเย นีตตฺถโต อวธารณตฺถํ โข-สทฺทคฺคหณํ ‘‘เอวา’’ติ สามตฺถิยา สาติสยํ เอตทตฺถสฺส วิฺายมานตฺตาติ ปมวิกปฺโป วุตฺโต, นีตตฺถโต อวธารเณน โก อตฺโถ เอกนฺติโก กโต, อวธาริโต จาติ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. อถ ปทปูรณมตฺเตน โข-สทฺเทน กึ ปโยชนนฺติ โจทนมปเนติ ‘‘ปทปูรเณนา’’ติอาทินา, อกฺขรสมูหปทสฺส, ปทสมูหวากฺยสฺส จ สิลิฏฺตาปโยชนมตฺตเมวาติ อตฺโถ. ‘‘อสฺโสสี’’ติ หิทํ ปทํ โข-สทฺเท คหิเต เตน ผุลฺลิตํ มณฺฑิตํ วิภูสิตํ วิย โหนฺตํ ปูริตํ นาม โหติ, เตน จ ปุริมปจฺฉิมปทานิ สุขุจฺจารณวเสน สิลิฏฺานิ โหนฺติ, น ตสฺมึ อคฺคหิเต, ตสฺมา ปทปูรณมตฺตมฺปิ ปทพฺยฺชนสิลิฏฺตาปโยชนนฺติ วุตฺตํ โหติ. มตฺตสทฺโท เจตฺถ วิเสสนิวตฺติอตฺโถ, เตนสฺส อนตฺถนฺตรทีปนตา ทสฺสิตา, เอว-สทฺเทน ปน ปทพฺยฺชนสิลิฏฺตาย เอกนฺติกตา.
‘‘สมโณ ขลู’’ติอาทิ ยถาสุตตฺถนิทสฺสนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘อิทานี’’ติอาทินา. สมิตปาปตฺตาติ เอตฺถ อจฺจนฺตํ อนวเสสโต สวาสนํ สมิตปาปตฺตาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เอวฺหิ พาหิรกวีตราคเสกฺขาเสกฺขปาปสมนโต ภควโต ปาปสมนํ ยถารหํ วิเสสิตํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ภควา จ อนุตฺตเรน อริยมคฺเคน สมิตปาโป’’ติ. ตเทวตฺถํ นิทฺเทสปาเน สาเธตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. อสฺสาติ อเนน ภิกฺขุนา, ภควตา วา. สมิตาติ สมาปิตา, สมภาวํ วา อาปาทยิตา, อสฺส วา สมฺปทานภูตสฺส สนฺตา โหนฺตีติ อตฺโถ. อตฺถานุคตา จายํ ภควติ สมฺาติ วุตฺตํ ‘‘ภควา จา’’ติอาทิ. เตนาติ ตถา สมิตปาปตฺตา. ยถาภูตํ ปวตฺโต ยถาภุจฺจํ, ตเทว คุโณ, เตน อธิคตํ ตถา. ‘‘ขลู’’ติ อิทํ เนปาติกํ ขลุปจฺฉาภตฺติกปเท (มิ. ป. ๔.๑.๘) วิย, น นามํ, อเนกตฺถตฺตา จ นิปาตานํ อนุสฺสวนตฺโถว อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต’’ติ, ปรมฺปรสวนฺเจตฺถ ¶ อนุสฺสวนํ. พฺราหฺมณชาติสมุทาคตนฺติ พฺราหฺมณชาติยา อาคตํ, ชาติสิทฺธนฺติ วุตฺตํ โหติ. อาลปนมตฺตนฺติ ปิยาลปนวจนมตฺตํ, น ตทุตฺตริ อตฺถปริทีปนํ. ปิยสมุทาหารา เหเต ‘‘โภ’’ติ วา ‘‘อาวุโส’’ติ วา ‘‘เทวานํ ปิยา’’ติ วา. ธมฺมปเท พฺราหฺมณวตฺถุปาเน, (ธ. ป. ๓๑๕ อาทโย) สุตฺตนิปาเต จ วาเสฏฺสุตฺตปเทน พฺราหฺมณชาติสมุทาคตาลปนภาวํ สมตฺเถตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาห.
ตตฺรายมตฺโถ – สเจ ราคาทิกิฺจเนหิ สกิฺจโน อสฺส, โส อามนฺตนาทีสุ ‘‘โภ โภ’’ติ วทนฺโต หุตฺวา วิจรณโต โภวาทีเยว นาม โหติ, น พฺราหฺมโณ. ‘‘อกิฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ (ธ. ป. ๓๙๖, สุ. นิ. ๖๒๕) เสสคาถาปทํ. ตตฺถ ¶ ราคาทโย สตฺเต กิฺจนฺติ มทฺทนฺติ ปลิพุทฺธนฺตีติ กิฺจนานิ. มนุสฺสา กิร โคเณหิ ขลํ มทฺทาเปนฺตา ‘‘กิฺเจหิ กปิล, กิฺเจหิ กาฬกา’’ติ วทนฺติ, ตสฺมา กิฺจนสทฺโท มทฺทนตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยถาห นิทฺเทเส ‘‘อกิฺจนนฺติ ราคกิฺจนํ, โทส, โมห, มาน, ทิฏฺิ, กิเลสกิฺจนํ, ทุจฺจริตกิฺจนํ, ยสฺเสเต กิฺจนา ปหีนา สมุจฺฉินฺนา วูปสนฺตา ปฏิปฺปสฺสทฺธา อภพฺพุปฺปตฺติกา าณคฺคินา ทฑฺฒา, โส วุจฺจติ อกิฺจโน’’ติ (จูฬนิ. ๒๘, ๓๒, ๖๐, ๖๓). โคตโมติ โคตฺตวเสน ปริกิตฺตนํ, ยํ ‘‘อาทิจฺจโคตฺต’’นฺติปิ โลเก วทนฺติ, สกฺยปุตฺโตติ ปน ชาติวเสน สากิโยติ จ ตสฺเสว เววจนํ. วุตฺตฺเหตํ ปพฺพชฺชาสุตฺเต –
‘‘อาทิจฺจา นาม โคตฺเตน, สากิยา นาม ชาติยา;
ตมฺหา กุลา ปพฺพชิโตมฺหิ, น กาเม อภิปตฺถย’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๒๕);
ตถา จาห ‘‘โคตโมติ ภควนฺตํ โคตฺตวเสน ปริกิตฺเตตี’’ติอาทิ. ตตฺถ คํ ตายตีติ โคตฺตํ, ‘‘โคตโม’’ติ ปวตฺตมานํ อภิธานํ, พุทฺธิฺจ เอกํสิกวิสยตาย รกฺขตีติ อตฺโถ. ยถา หิ พุทฺธิ อารมฺมณภูเตน อตฺเถน วินา น วตฺตติ, เอวํ อภิธานํ อภิเธยฺยภูเตน, ตสฺมา โส โคตฺตสงฺขาโต อตฺโถ ตานิ รกฺขตีติ วุจฺจติ, โค-สทฺโท เจตฺถ อภิธาเน, พุทฺธิยฺจ วตฺตติ. ตถา หิ วทนฺติ –
‘‘โค ¶ โคเณ เจนฺทฺริเย ภุมฺยํ, วจเน เจว พุทฺธิยํ;
อาทิจฺเจ รสฺมิยฺเจว, ปานีเยปิ จ วตฺตเต;
เตสุ อตฺเถสุ โคเณ ถี, ปุมา จ อิตเร ปุมา’’ติ.
ตตฺถ ‘‘โคสุ ทุยฺหมานาสุ คโต, โคปฺจโม’’ติอาทีสุ โคสทฺโท โคเณ วตฺตติ. ‘‘โคจโร’’ติอาทีสุ อินฺทฺริเย. ‘‘โครกฺข’’นฺติอาทีสุ ภูมิยํ. ตถา หิ สุตฺตนิปาตฏฺกถาย วาเสฏฺสุตฺตสํวณฺณนายํ วุตฺตํ ‘‘โครกฺขนฺติ เขตฺตรกฺขํ, กสิกมฺมนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปถวี หิ ‘โค’ติ วุจฺจติ, ตปฺปเภโท จ ‘‘เขตฺต’’นฺติ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๖๑๙-๖๒๖). ‘‘โคตฺตํ นาม ทฺเว โคตฺตานิ หีนฺจ โคตฺตํ, อุกฺกฏฺฺจ โคตฺต’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๕) วจเน, พุทฺธิยฺจ วตฺตติ. ‘‘โคโคตฺตํ โคตมํ นเม’’ติ โปราณกวิรจนาย อาทิจฺเจ, อาทิจฺจพนฺธุํ โคตมํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ นมามีติ หิ อตฺโถ, ‘‘อุณฺหคู’’ติอาทีสุ รสฺมิยํ, อุณฺหา คาโว รสฺมิโย เอตสฺสาติ หิ อุณฺหคุ, สูริโย. ‘‘โคสีตจนฺทน’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ฏี. ๑.๔๙) ปานีเย ¶ , โคสงฺขาตํ ปานียํ วิย สีตํ, ตเทว จนฺทนํ ตถา. ตสฺมิฺหิ อุทฺธนโต อุทฺธริตปกฺกุถิตเตลสฺมึ ปกฺขิตฺเต ตงฺขณฺเว ตํ เตลํ สีตลํ โหตีติ. เอเตสุ ปน อตฺเถสุ โคเณ วตฺตมาโน โค-สทฺโท ยถารหํ อิตฺถิลิงฺโค เจว ปุลฺลิงฺโค จ, เสเสสุ ปน ปุลฺลิงฺโคเยว.
กึ ปเนตํ โคตฺตํ นามาติ? อฺกุลปรมฺปราย อสาธารณํ ตสฺส กุลสฺส อาทิปุริสสมุทาคตํ ตํกุลปริยาปนฺนสาธารณํ สามฺรูปนฺติ ทฏฺพฺพํ. สาธารณเมว หิ อิทํ ตํกุลปริยาปนฺนานํ สาธารณโต จ สามฺรูปํ. ตถา หิ ตํกุเล ชาตา สุทฺโธทนมหาราชาทโยปิ ‘‘โคตโม’’ ตฺเวว วุจฺจนฺติ, เตเนว ภควา อตฺตโน ปิตรํ สุทฺโธทนมหาราชานํ ‘‘อติกฺกนฺตวรา โข โคตม ตถาคตา’’ติ (มหาว. ๑๐๕) อโวจ, เวสฺสวโณปิ มหาราชา ภควนฺตํ ‘‘วิชฺชาจรณสมฺปนฺนํ, พุทฺธํ วนฺทาม โคตม’’นฺติ, (ที. นิ. ๓.๒๘๘) อายสฺมาปิ วงฺคีโส อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ‘‘สาธุ นิพฺพาปนํ พฺรูหิ, อนุกมฺปาย โคตมา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๑๒). อิธ ปน ภควนฺตเมว. เตนาห ‘‘ภควนฺตํ โคตฺตวเสน ปริกิตฺเตตี’’ติ. ตสฺมาติ ยถาวุตฺตมตฺถตฺตยํ ปจฺจามสติ. เอตฺถ จ ‘‘สมโณ’’ติ อิมินา ¶ สริกฺขกชเนหิ ภควโต พหุมตภาโว ทสฺสิโต ตพฺพิสยสมิตปาปตาปริกิตฺตนโต, ‘‘โคตโม’’ติ อิมินา โลกิยชเนหิ ตพฺพิสยอุฬารโคตฺตสมฺภูตตาปริกิตฺตนโต.
สกฺยสฺส สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต สกฺยปุตฺโต, อิมินา ปน อุจฺจากุลปริทีปนํ อุทิโตทิตวิปุลขตฺติยกุลสมฺภูตตาปริกิตฺตนโต. สพฺพขตฺติยานฺหิ อาทิภูตมหาสมฺมตมหาราชโต ปฏฺาย อสมฺภินฺนํ อุฬารตมํ สกฺยราชกุลํ. ยถาห –
‘‘มหาสมฺมตราชสฺส, วํสโช หิ มหามุนิ;
กปฺปาทิสฺมิฺหิ ราชาสิ, มหาสมฺมตนามโก’’ติ. (มหาวํเส ทุติยปริจฺเฉเท ปมคาถา);
กถํ สทฺธาปพฺพชิตภาวปริทีปนนฺติ อาห ‘‘เกนจี’’ติอาทิ. ปริชิยนํ ปริหายนํ ปาริชฺุํ, ปริชิรตีติ วา ปริชิณฺโณ, ตสฺส ภาโว ปาริชฺุํ, เตน. าติปาริชฺุโภคปาริชฺุาทินา เกนจิ ปาริชฺุเน ปริหานิยา อนภิภูโต อนชฺโฌตฺถโฏ หุตฺวา ปพฺพชิโตติ อตฺโถ. ตเทว ปริยายนฺตเรน วิภาเวตุํ ‘‘อปริกฺขีณํเยว ตํ กุลํ ปหายา’’ติ วุตฺตํ. อปริกฺขีณนฺติ หิ าติปาริชฺุโภคปาริชฺุาทินา เกนจิ ปาริชฺุเน อปริกฺขยํ. สทฺธาย ปพฺพชิโตติ สทฺธาย เอว ปพฺพชิโต. เอวฺหิ ‘‘เกนจี’’ติอาทินา ¶ นิวตฺติตวจนํ สูปปนฺนํ โหติ. นนุ จ ‘‘สกฺยกุลา ปพฺพชิโต’’ติ อิทํ อุจฺจากุลา ปพฺพชิตภาวปริทีปนเมว สิยา ตทตฺถสฺเสว วิฺายมานตฺตา, น สทฺธาปพฺพชิตภาวปริทีปนํ ตทตฺถสฺส อวิฺายมานตฺตาติ? น โข ปเนวํ ทฏฺพฺพํ มหนฺตํ าติปริวฏฺฏํ, มหนฺตฺจ โภคกฺขนฺธํ ปหาย สทฺธาปพฺพชิตภาวสฺส อตฺถโต สิทฺธตฺตา. ตถา หิ โลกนาถสฺส อภิชาติยํ ตสฺส กุลสฺส น กิฺจิ ปาริชฺุํ, อถ โข วุฑฺฒิเยว, ตโต ตสฺส สมิทฺธตมภาโว โลเก ปากโฏ ปฺาโต โหติ, ตสฺมา ‘‘สกฺยกุลา ปพฺพชิโต’’ติ เอตฺตเกเยว วุตฺเต ตถา สมิทฺธตมํ กุลํ ปหาย สทฺธาปพฺพชิตภาโว สิทฺโธเยวาติ, อิมํ ปริหารํ ‘‘เกนจิ ปาริชฺุเนา’’ติอาทินา วิภาเวตีติ ทฏฺพฺพํ. ตโต ปรนฺติ ‘‘โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน’’ติอาทิวจนํ.
‘‘สาธุ ธมฺมรุจิ ราชา, สาธุ ปฺาณวา นโร;
สาธุ มิตฺตานมทุพฺโภ, ปาปสฺสากรณํ สุข’’นฺติ. อาทีสุ –
วิย ¶ สาธุสทฺโท อิธ สุนฺทรตฺโถติ อาห ‘‘สุนฺทรํ โข ปนา’’ติ. โขติ อวธารณตฺเถ นิปาโต, ปนาติ ปกฺขนฺตรตฺเถ. เอวํ สาตฺถกตาวิฺาปนตฺถฺหิ สํวณฺณนายเมเตสํ คหณํ. สุนฺทรนฺติ จ ภทฺทกํ, ภทฺทกตา จ ปสฺสนฺตานํ หิตสุขาวหภาเวนาติ วุตฺตํ ‘‘อตฺถาวหํ สุขาวห’’นฺติ. อตฺโถ เจตฺถ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถวเสน ติวิธํ หิตํ สุขมฺปิ ตเถว ติวิธํ สุขํ.
ตถารูปานนฺติ ตาทิสานํ, อยํ สทฺทโต อตฺโถ. อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘เอวรูปาน’’นฺติ วุตฺตํ. ยาทิเสหิ จ คุเณหิ ภควา สมนฺนาคโต จตุปฺปมาณิกสฺส โลกสฺส สพฺพกาลมฺปิ-อจฺจนฺตาย-สทฺธาย-ปสาทนีโย เตสํ ยถาภูตสภาวตฺตา, ตาทิเสหิ คุเณหิ สมนฺนาคตภาวํ สนฺธาย ‘‘ตถารูปานํ อรหต’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถารูโป’’ติอาทิมาห. ลทฺธสทฺธานนฺติ ลทฺธสทฺทหานํ, ปรชนสฺส สทฺธํ ปฏิลภนฺตานนฺติ วุตฺตํ โหติ. ลทฺธสทฺทานนฺติ วา ปฏิลทฺธกิตฺติสทฺทานํ, เอเตน ‘‘อรหต’’นฺติ ปทสฺส อรหนฺตานนฺติ อตฺโถ, อรหนฺตสมฺาย จ ปากฏภาโว ทสฺสิโต, อปิจ ‘‘ยถารูโป โส ภวํ โคตโม’’ติ อิมินา ‘‘ตถารูปาน’’นฺติ ปทสฺส อนิยมวเสน อตฺถํ ทสฺเสตฺวา สรูปนิยมวเสนปิ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาภุจฺจคุณาธิคเมน โลเก อรหนฺโตติ ลทฺธสทฺธาน’’นฺติ วุตฺตํ, อิทมฺปิ หิ ‘‘ตถารูปาน’’นฺติ ปทสฺเสว อตฺถทสฺสนํ, อยเมว จ นโย อาจริเยหิ อธิปฺเปโต อิธ ฏีกายํ, (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๕) สารตฺถทีปนิยฺจ ตเถว วุตฺตตฺตา. ‘‘ยถารูปา เต ภวนฺโต อรหนฺโต’’ติ อวตฺวา ‘‘ยถารูโป โส ภวํ โคตโม’’ติ วจนํ ภควติเยว ครุคารววเสน ‘‘ตถารูปานํ อรหต’’นฺติ ปุถุวจนนิทฺทิฏฺภาววิฺาปนตฺถํ ¶ . อตฺตนิ, ครูสุ จ หิ พหุวจนํ อิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. ‘‘ยถาภุจฺจ…เป… อรหต’’นฺติ อิมินา จ ธมฺมปฺปมาณานํ, ลูขปฺปมาณานฺจ สตฺตานํ ภควโต ปสาทาวหตํ ยถารุตโต ทสฺเสติ อรหนฺตภาวสฺส เตสฺเว ยถารหํ วิสยตฺตา, ตํทสฺสเนน ปน อิตเรสมฺปิ รูปปฺปมาณโฆสปฺปมาณานํ ปสาทาวหตา ทสฺสิตาเยว ตทวินาภาวโตติ ทฏฺพฺพํ.
ปสาทโสมฺมานีติ ปสนฺนานิ, สีตลานิ จ, ปสาทวเสน วา สีตลานิ, อเนน ปสนฺนมนตํ ทสฺเสติ. ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุตฺเตปิ ตทุตฺตริ กตฺตพฺพตาสมฺภวโต ¶ อยํ สมฺภาวนตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตี’’ติ. อิตรถา หิ ‘‘ทสฺสนฺเว สาธุ, น ตทุตฺตริ กรณ’’นฺติ อนธิปฺเปตตฺโถ อาปชฺชติ, สมฺภาวนตฺโถ เจตฺถ ปิ-สทฺโท, อปิ-สทฺโท วา ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. ‘‘พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ‘‘อพฺภุคฺคโต’’ติ อิมินา สมฺพนฺธมุปคโต, ตสฺมา อยํ ‘‘สาธุ โหตี’’ติ อิธ อิติ-สทฺโท ‘‘พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาตี อมฺพฏฺํ มาณวํ อามนฺเตสี’’ติ อิมินา สมฺพชฺฌิตพฺโพ, ‘‘อชฺฌาสยํ กตฺวา’’ติ จ ปาเสโส ตทตฺถสฺส วิฺายมานตฺตา. ยสฺส หิ อตฺโถ วิฺายติ, สทฺโท น ปยุชฺชติ, โส ‘‘ปาเสโส’’ติ วุจฺจติ, อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตีติ เอวํ อชฺฌาสยํ กตฺวา’’ติ. มูลปณฺณาสเก จูฬสีหนาทสุตฺตฏฺกถาย (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๔) อาคตํ โกสิยสกุณวตฺถุ เจตฺถ กเถตพฺพํ.
อมฺพฏฺมาณวกถาวณฺณนา
๒๕๖. ‘‘อชฺฌายโก’’ติ อิทํ ปมปกติยา ครหาวจนเมว, ทุติยปกติยา ปสํสาวจนํ กตฺวา โวหรนฺติ ยถา ตํ ‘‘ปุริโส นโร’’ติ ทสฺเสตุํ อคฺคฺสุตฺตปท (ที. นิ. ๓.๑๓๒) มุทาหฏํ. ตตฺถ อิเมติ ฌายกนาเมน สมฺิตา ชนา. น ฌายนฺตีติ ปณฺณกุฏีสุ ฌานํ น อปฺเปนฺติ น นิปฺผาเทนฺติ, คามนิคมสามนฺตํ โอสริตฺวา เวทคนฺเถ กโรนฺตาว อจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ตํ ปเนเตสํ พฺราหฺมณฌายกสงฺขาตํ ปมทุติยนามํ อุปาทาย ตติยเมว ชาตนฺติ อาห ‘‘อชฺฌายกาตฺเวว ตติยํ อกฺขรํ อุปนิพฺพตฺต’’นฺติ, อกฺขรนฺติ จ นิรุตฺติ สมฺา. สา หิ ตสฺมึเยว นิรุฬฺหภาเวน อฺตฺถ อสฺจรณโต ‘‘อกฺขร’’นฺติ วุจฺจติ. มนฺเต ปริวตฺเตตีติ เวเท สชฺฌายติ, ปริยาปุณาตีติ อตฺโถ. อิธ หิ อธิอาปุพฺพอิ-สทฺทวเสน ปทสนฺธิ, อิตรตฺถ ปน เฌ-สทฺทวเสน. มนฺเต ธาเรตีติ ยถาอธีเต มนฺเต อสมฺมูฬฺเห กตฺวา หทเย เปติ.
อาถพฺพณเวโท ¶ ปรูปฆาตกรตฺตา สาธูนมปริโภโคติ กตฺวา ‘‘อิรุเวทยชุเวทสามเวทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อิจฺจนฺเต โถมียนฺเต เทวา เอตายาติ อิรุ อิจ-ธาตุวเสน จ-การสฺส ร-การํ กตฺวา, อิตฺถิลิงฺโคยํ ¶ . ยชฺชนฺเต ปุชฺชนฺเต เทวา อเนนาติ ยชุ ปุนฺนปุํสกลิงฺควเสน. โสยนฺติ อนฺตํ กโรนฺติ, สายนฺติ วา ตนุํ กโรนฺติ ปาปมเนนาติ สามํ โส-ธาตุปกฺเข โอ-การสฺส อา-การํ กตฺวา. วิทนฺติ ธมฺมํ, กมฺมํ วา เอเตหีติ เวทา, เต เอว มนฺตา ‘‘สุคติโยปิ มุนนฺติ, สุยฺยนฺติ จ เอเตหี’’ติ กตฺวา. ปหรณํ สงฺฆฏฺฏนํ ปหตํ, โอฏฺานํ ปหตํ ตถา, ตสฺส กรณวเสน, โอฏฺานิ จาเลตฺวา ปคุณภาวกรณวเสน ปารํ คโต, น อตฺถวิภาวนวเสนาติ วุตฺตํ โหติ. ปารคูติ จ นิจฺจสาเปกฺขตาย กิตนฺตสมาโส.
‘‘สห นิฆณฺฏุนา’’ติอาทินา ยถาวากฺยํ วิภตฺยนฺตวเสน นิพฺพจนทสฺสนํ. นิฆณฺฏุรุกฺขาทีนนฺติ นิฆณฺฏุ นาม รุกฺขวิเสโส, ตทาทิกานมตฺถานนฺติ อตฺโถ, เอเตน นิฆณฺฏุรุกฺขปริยายํ อาทึ กตฺวา ตปฺปมุเขน เสสปริยายานํ ตตฺถ ทสฺสิตตฺตา โส คนฺโถ นิฆณฺฏุ นาม ยถา ตํ ‘‘ปาราชิกกณฺโฑ, กุสลตฺติโก’’ติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต อิมินา ยถารุตเมว ตทตฺถสฺส อธิคตตฺตา. อาจริยา ปน เอวํ วทนฺติ ‘‘วจนียวาจกภาเวน อตฺถํ, สทฺทฺจ นิขฑติ ภินฺทติ วิภชฺช ทสฺเสตีติ นิขณฺฑุ, โส เอว ข-การสฺส ฆ-การํ กตฺวา ‘นิฆณฺฑู’ติ วุตฺโต’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๖), ตเทตํ อฏฺกถานยโต อฺนยทสฺสนนฺติ คเหตพฺพํ. อิตรถา หิ โส อฏฺกถาย วิโรโธ สิยา, วิจาเรตพฺพเมตํ. อกฺขรจินฺตกา ปน เอวมิจฺฉนฺติ ‘‘ตตฺถ ตตฺถาคตานิ นามานิ นิสฺเสสโต ฆเฏนฺติ ราสึ กโรนฺติ เอตฺถาติ นิฆณฺฏุ นิคฺคหิตาคเมนา’’ติ. เววจนปฺปกาสกนฺติ ปริยายสทฺททีปกํ, เอเกกสฺส อตฺถสฺส อเนกปริยายวจนวิภาวกนฺติ อตฺโถ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ อเนเกสมฺปิ อตฺถานํ เอกสทฺทวจนียตาวิภาวนวเสนปิ ตสฺส คนฺถสฺส ปวตฺตตฺตา. โก ปเนโสติ? เอตรหิ นามลิงฺคานุสาสนรตนมาลาภิธานปฺปทีปิกาทิ. วจีเภทาทิลกฺขณา กิริยา กปฺปียติ เอเตนาติ กิริยากปฺโป, ตเถว วิวิธํ กปฺปียติ เอเตนาติ วิกปฺโป, กิริยากปฺโป จ โส วิกปฺโป จาติ กิริยากปฺปวิกปฺโป. โส หิ วณฺณปทสมฺพนฺธปทตฺถาทิวิภาคโต พหุวิกปฺโปติ กตฺวา ‘‘กิริยากปฺปวิกปฺโป’’ติ วุจฺจติ, โส จ คนฺถวิเสโสเยวาติ วุตฺตํ ‘‘กวีนํ อุปการาวหํ สตฺถ’’นฺติ, จตุนฺนมฺปิ กวีนํ กวิภาวสมฺปทาโภคสมฺปทาทิปโยชนวเสน อุปการาวโห คนฺโถติ อตฺโถ ¶ . โก ปเนโสติ? กพฺยพนฺธนวิธิวิธายโก กพฺยาลงฺการคีตาสุโพธาลงฺการาทิ. อิทํ ปน มูลกิริยากปฺปคนฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. โส หิ มหาวิสโย สตสหสฺสคาถาปริมาโณ, ยํ ‘‘นยจริยาทิปกรณ’’นฺติปิ วทนฺติ. วจนตฺถโต ปน กิฏยติ คเมติ าเปติ กิริยาทิวิภาคนฺติ เกฏุภํ กิฏ-ธาตุโต อภปจฺจยวเสน, อ-การสฺส ¶ จ อุกาโร. อถ วา กิริยาทิวิภาคํ อนวเสสปริยาทานโต กิเฏนฺโต คมนฺโต โอเภติ ปูเรตีติ เกฏุภํ กิฏ-สทฺทูปปทอุภธาตุวเสน. อปิจ กิฏนฺติ คจฺฉนฺติ กวโย พนฺเธสุ โกสลฺลเมเตนาติ เกฏุภํ, ปุริมนเยเนเวตฺถ ปทสิทฺธิ. านกรณาทิวิภาคโต, นิพฺพจนวิภาคโต จ อกฺขรา ปเภทียนฺติ เอเตนาติ อกฺขรปฺปเภโท, ตํ ปน ฉสุ เวทงฺเคสุ ปริยาปนฺนํ ปกรณทฺวยเมวาติ วุตฺตํ ‘‘สิกฺขา จ นิรุตฺติ จา’’ติ. ตตฺถ สิกฺขนฺติ อกฺขรสมยเมตายาติ สิกฺขา, อการาทิวณฺณานํ านกรณปยตนปฏิปาทกสตฺถํ. นิจฺฉเยน, นิสฺเสสโต วา อุตฺติ นิรุตฺติ, วณฺณาคมวณฺณวิปริยายาทิลกฺขณํ. วุตฺตฺจ –
‘‘วณฺณาคโม วณฺณวิปริยาโย,
ทฺเว จาปเร วณฺณวิการนาสา;
ธาตุสฺส อตฺถาติสเยน โยโค,
ตทุจฺจเต ปฺจวิธา นิรุตฺตี’’ติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา; วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๔; มหานิ. อฏฺ. ๑.๕๐);
อิธ ปน ตพฺพเสน อเนกธา นิพฺพจนปริทีปกํ สตฺถํ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘นิรุตฺตี’’ติ อธิปฺเปตํ นิพฺพจนวิภาคโตปิ อกฺขรปเภทภาวสฺส อาจริเยหิ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๖) วุตฺตตฺตา, ตมนฺตเรน นิพฺพจนวิภาคสฺส จ พฺยากรณงฺเคน สงฺคหิตตฺตา. พฺยากรณํ, นิรุตฺติ จ หิ ปจฺเจกเมว เวทงฺคํ ยถาหุ –
‘‘กปฺโป พฺยากรณํ โชติ-สตฺถํ สิกฺขา นิรุตฺติ จ;
ฉนฺโทวิจิติ เจตานิ, เวทงฺคานิ วทนฺติ ฉา’’ติ.
ตสฺมา พฺยากรณงฺเคน อสงฺกรภูตเมว นิรุตฺตินเยน นิพฺพจนมิธาธิปฺเปตํ, น ฉสุ พฺยฺชนปเทสุ วิย ตทุภยสาธารณนิพฺพจนํ เวทงฺควิสยตฺตาติ เวทิตพฺพํ. อยํ ปเนตฺถ มหานิทฺเทสฏฺกถาย (มหานิ. อฏฺ. ๕๐) อาคตนิรุตฺตินยวินิจฺฉโย ¶ . ตตฺถ หิ ‘‘นกฺขตฺตราชาริว ตารกาน’’นฺติ (ชา. ๑.๑.๑๑, ๒๕) เอตฺถ ร-การาคโม วิย อวิชฺชมานสฺส อกฺขรสฺส อาคโม วณฺณาคโม นาม. หึสนตฺตา ‘‘หึโส’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘สีโห’’ติ ปริวตฺตนํ วิย วิชฺชมานานมกฺขรานํ เหฏฺุปริยวเสน ปริวตฺตนํ วณฺณวิปริยาโย นาม. ‘‘นวฉนฺนเกทานิ ทิยฺยตี’’ติ (ชา. ๑.๖.๘๘) เอตฺถ อ-การสฺส เอ-การาปชฺชนํ วิย อฺกฺขรสฺส อฺกฺขราปชฺชนํ วณฺณวิกาโร นาม. ‘‘ชีวนสฺส มูโต ชีวนมูโต’’ติ วตฺตพฺเพ ¶ ‘‘ชีมูโต’’ติ ว-การ น-การานํ วินาโส วิย วิชฺชมานกฺขรานํ วินาโส วณฺณวินาโส นาม. ‘‘ผรุสาหิ วาจาหิ ปกุพฺพมาโน, อาสชฺช มํ ตฺวํ วทเส กุมารา’’ติ (ชา. ๑.๑๐.๘๕) เอตฺถ ‘‘ปกุพฺพมาโน’’ติ ปทสฺส อภิภวมาโนติ อตฺถปฏิปาทนํ วิย ตตฺถ ตตฺถ ยถาโยคํ วิเสสตฺถปฏิปาทนํ ธาตูนมตฺถาติสเยน โยโค นามาติ.
ยถาวุตฺตปฺปเภทานํ ติณฺณํ เวทานํ อยํ จตุตฺโถเยว สิยา, อถ เกน สทฺธึ ปฺจโมติ อาห ‘‘อาถพฺพณเวทํ จตุตฺถํ กตฺวา’’ติ. อาถพฺพณเวโท นาม อาถพฺพณเวทิเกหิ วิหิโต ปรูปฆาตกโร มนฺโต, โส ปน อิติหาสปฺจมภาวปฺปกาสนตฺถํ คณิตตามตฺเตน คหิโต, น สรูปวเสน, เอวฺจ กตฺวา ‘‘เอเตส’’นฺติ ปทสฺส เตสํ ติณฺณํ เวทานนฺตฺเวว อตฺโถ คเหตพฺโพ. ตฺหิ ‘‘ติณฺณํ เวทาน’’นฺติ เอตสฺส วิเสสนนฺติ. อิติห อสาติ เอวํ อิธ โลเก อโหสิ ‘‘อาสา’’ติปิ กตฺถจิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. อิห าเน อิติ เอวํ, อิทํ วา กมฺมํ, วตฺถุํ วา อาส อิจฺฉาหีติปิ อตฺโถ. ตสฺส คนฺถสฺส มหาวิสยตาทีปนตฺถฺเจตฺถ วิจฺฉาวจนํ, อิมินา ‘‘อิติหาสา’’ติ วจเนน ปฏิสํยุตฺโต อิติหาโส ตทฺธิตวเสนาติ อตฺถํ ทสฺเสติ. อิติห อาส, อิติห อาสา’’ติ อีทิสวจนปฏิสํยุตฺโต อิติหาโส นิรุตฺตินเยนาติ อตฺถทสฺสนนฺติปิ วทนฺติ. อกฺขรจินฺตกา ปน เอวมิจฺฉนฺติ ‘‘อิติห-สทฺโท ปารมฺปริโยปเทเส เอโกว นิปาโต, อสติ วิชฺชตีติ อโส, อิติห อโส เอตสฺมินฺติ อิติหาโส สมาสวเสนา’’ติ, เตสํ มเต ‘‘อิติห อสา’’ติ เอตฺถ เอวํ ปารมฺปริโยปเทโส อส วิชฺชมาโน อโหสีติ อตฺโถ. ‘‘ปุราณกถาสงฺขาโต’’ติ อิมินา ตสฺส คนฺถวิเสสภาวมาห, ภารตนามกานํ ทฺเวภาติกราชูนํ ยุทฺธกถา, รามรฺโ สีตาหรณกถา, นรสีหราชุปฺปตฺติกถาติ เอวมาทิปุราณกถาสงฺขาโต ¶ ภารตปุราณรามปุราณนรสีหปุราณาทิคนฺโถ อิติหาโส นามาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เตสํ อิติหาสปฺจมานํ เวทาน’’นฺติ อิมินา ยถาวากฺยํ ‘‘ติณฺณํ เวทาน’’นฺติ เอตฺถ วิเสสนภาวํ ทสฺเสติ.
ปชฺชติ อตฺโถ เอเตนาติ ปทํ, นามาขฺยาโตปสคฺคนิปาตาทิวเสน อเนกวิภาคํ วิภตฺติยนฺตปทํ. ตทปิ พฺยากรเณ อาคตเมวาติ วุตฺตํ ‘‘ตทวเสส’’นฺติ, ปทโต อวเสสํ ปกติปจฺจยาทิสทฺทลกฺขณภูตนฺติ อตฺโถ. ตํ ตํ สทฺทํ, ตทตฺถฺจ พฺยากโรติ พฺยาจิกฺขติ เอเตนาติ พฺยากรณํ, วิเสเสน วา อากรียนฺเต ปกติปจฺจยาทโย อภินิปฺผาทียนฺเต เอตฺถ, อเนนาติ วา พฺยากรณํ, สาธุสทฺทานมนฺวาขฺยายกํ มุทฺธโพธพฺยากรณ สารสฺสตพฺยากรณ ปาณินีพฺยากรณจนฺทฺรพฺยากรณาทิ อธุนาปิ วิชฺชมานสตฺถํ. อธียตีติ อชฺฌายติ. เวเทตีติ ปเรสํ วาเจติ. จ-สทฺโท อตฺถทฺวยสมุจฺจินนตฺโถ, วิกปฺปนตฺโถ วา อตฺถนฺตรสฺส วิกปฺปิตตฺตา. วิจิตฺรา ¶ หิ ตทฺธิตวุตฺติ. ปทโกติ พฺยากรเณสุ อาคตปทโกสลฺลํ สนฺธาย วุตฺตํ, เวยฺยากรโณติ ตทวสิฏฺปกติปจฺจยาทิสทฺทวิธิโกสลฺลนฺติ อิมสฺสตฺถสฺส วิฺาปนตฺถํ ปททฺวยสฺส เอกโต อตฺถวจนํ. เอสา หิ อาจริยานํ ปกติ, ยทิทํ เยน เกนจิ ปกาเรน อตฺถนฺตรวิฺาปนํ. อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – เต เอว เวเท ปทโส กายตีติ ปทโกติ. ตตฺถ ปทโสติ คชฺชพนฺธปชฺชพนฺธปเทน. กายตีติ กเถติ ยถา ‘‘ชาตก’’นฺติ, อิมินา เวทการกสมตฺถตํ ทสฺเสติ. เอวฺหิ ‘‘อชฺฌายโก’’ติอาทีหิ อิมสฺส วิเสโส ปากโฏ โหตีติ.
อายตึ หิตํ พาลชนสงฺขาโต โลโก น ยตติ น อีหติ อเนนาติ โลกายตํ. ตฺหิ คนฺถํ นิสฺสาย สตฺตา ปฺุกิริยาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติ, โลกา วา พาลชนา อายตนฺติ อุสฺสหนฺติ วาทสฺสาเทน เอตฺถาติ โลกายตํ. อฺมฺวิรุทฺธํ, สคฺคโมกฺขวิรุทฺธํ วา ตโนนฺติ เอตฺถาติ วิตณฺโฑ ฑ-ปจฺจยวเสน, น-การสฺส จ ณ-การํ กตฺวา, วิรุทฺเธน วาททณฺเฑน ตาเฬนฺติ วาทิโน เอตฺถาติ วิตณฺโฑ ตฑิ-ธาตุวเสน, นิคฺคหีตาคมฺจ กตฺวา. อเทสมฺปิ ยํ นิสฺสาย วาทีนํ วาโท ปวตฺโต, ตํ เตสํ เทสโตปิ อุปจารวเสน วุจฺจติ ยถา ‘‘จกฺขุํ ¶ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌตี’’ติ, (ที. นิ. ๒.๔๐๑; ม. นิ. ๑.๑๓๓; วิภ. ๒๐๔) วิเสเสน วา ปณฺฑิตานํ มนํ ตเฑนฺติ จาเลนฺติ เอเตนาติ วิตณฺโฑ, ตํ วทนฺติ, โส วาโท วา เอเตสนฺติ วิตณฺฑวาทา, เตสํ สตฺถํ ตถา. ลกฺขณทีปกสตฺถํ อุตฺตรปทโลเปน, ตทฺธิตวเสน วา ลกฺขณนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ลกฺขณทีปก’’นฺติอาทินา. ลกฺขียติ พุทฺธภาวาทิ อเนนาติ ลกฺขณํ, นิคฺโรธพิมฺพตาทิ. เตนาห ‘‘เยสํ วเสนา’’ติอาทิ. ทฺวาทสสหสฺสคนฺถปมาณนฺติ เอตฺถ ภาณวารปฺปมาณาทีสุ วิย พาตฺตึสกฺขรคนฺโถว อธิปฺเปโต. วุตฺตฺหิ –
‘‘อฏฺกฺขรา เอกปทํ, เอกา คาถา จตุปฺปทํ;
คาถา เจกา มโต คนฺโถ, คนฺโถ พาตฺตึสตกฺขโร’’ติ.
ทฺวาทสหิ คุณิตสหสฺสพาตฺตึสกฺขรคนฺถปฺปมาณนฺติ อตฺโถ. ยตฺถาติ ยสฺมึ ลกฺขณสตฺเถ, อาธาเร เจตํ ภุมฺมํ ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา’’ติ. โสฬส จ สหสฺสฺจ โสฬสสหสฺสํ, โสฬสาธิกสหสฺสคาถาปริมาณาติ อตฺโถ. เอวฺหิ อาธาราเธยฺยวจนํ สูปปนฺนํ โหตีติ. ปธานวเสน พุทฺธานํ ลกฺขณทีปนโต พุทฺธมนฺตา นาม. ปจฺเจกพุทฺธาทีนมฺปิ หิ ลกฺขณํ ตตฺถ ทีปิตเมว. เตน วุตฺตํ ‘‘เยสํ วเสนา’’ติอาทิ.
‘‘อนูโน ¶ ปริปูรการี’’ติ อตฺถมตฺตทสฺสนํ, สทฺทโต ปน อธิคตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อวโย น โหตี’’ติ วุตฺตํ. โก ปเนส อวโยติ อนุโยคมปเนติ ‘‘อวโย นามา’’ติอาทินา. อยเมตฺตาธิปฺปาโย – โย ตานิ สนฺธาเรตุํ สกฺโกติ, โส ‘‘วโย’’ติ วุจฺจติ. โย ปน น สกฺโกติ, โส อวโย นาม. โย จ อวโย น โหติ, โส ‘‘ทฺเว ปฏิเสธา ปกติยตฺถคมกา’’ติ าเยน วโย เอวาติ. วยตีติ หิ วโย, อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ กตฺถจิปิ อปริกิลมนฺโต อวิตฺถายนฺโต เต คนฺเถ สนฺตาเน ปเณติ พฺยวหรตีติ อตฺโถ. อยํ ปน วินยฏฺกถานโย (ปารา. ๘๔) – อนวโยติ อนุ อวโย, สนฺธิวเสน อุ-การโลโป, อนุ อนุ อวโย อนูโน, ปริปุณฺณสิปฺโปติ อตฺโถ. วโยติ หิ หานิ ‘‘อายวโย’’ติอาทีสุ วิย, นตฺถิ เอตสฺส ยถาวุตฺตคนฺเถสุ วโย อูนตาติ อวโย, อนุ อนุ อวโย อนวโยติ.
‘‘อนฺุาโต’’ติ ¶ ปทสฺส กมฺมสาธนวเสน, ‘‘ปฏิฺาโต’’ติ ปทสฺส จ กตฺตุสาธนวเสน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาจริเยนา’’ติอาทิมาห. อสฺสาติ อมฺพฏฺสฺส. ปาฬิยํ ‘‘ยมหํ ชานามิ, ตํ ตฺวํ ชานาสี’’ติ อิทํ อนุชานนาการทสฺสนํ, ‘‘ยํ ตฺวํ ชานาสิ, ตมหํ ชานามี’’ติ อิทํ ปน ปฏิชานนาการทสฺสนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ยํ อห’’นฺติอาทินา. ‘‘อาม อาจริยา’’ติ หิ ยถาคตํ ปฏิชานนวจนเมว อตฺถวเสน วุตฺตํ. ยนฺติ เตวิชฺชกํ ปาวจนํ. ตสฺสาติ อาจริยสฺส. ปฏิวจนทานเมว ปฏิฺา ตถา, ตาย สยเมว ปฏิฺาโตติ อตฺโถ. ‘‘สเก’’ติอาทิ อนุชานนปฏิชานนาธิการทสฺสนํ. อเทสสฺสปิ เทสมิว กปฺปนามตฺเตนาติ วุตฺตํ ‘‘กตรสฺมิ’’นฺติอาทิ. สสฺส อตฺตโน สนฺตกํ สกํ. อาจริยานํ ปรมฺปรโต, ปรมฺปรภูเตหิ วา อาจริเยหิ อาคตํ อาจริยกํ. ติสฺโส วิชฺชา, ตาสํ สมูโห เตวิชฺชกํ, เวทตฺตยํ. ปธานํ วจนํ, ปกฏฺานํ วา อฏฺกาทีนํ วจนํ ปาวจนํ.
๒๕๗. อิทานิ เยนาธิปฺปาเยน พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาตี อมฺพฏฺํ มาณวํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อยํ ตาตา’’ติอาทิวจนมพฺรฺวิ, ตทธิปฺปายํ วิภาเวนฺโต ‘‘เอส กิรา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุคฺคตสฺสาติ ปุพฺเพ ปากฏสฺส กิตฺติมโต โปราณชนสฺส. พหู ชนาติ ปูรณกสฺสปาทโย สนฺธาย วุตฺตํ. เอกจฺจนฺติ ขตฺติยาทิชาติมนฺตํ, โลกสมฺมตํ วา ชนํ. ครูติ ภาริยํ, อตฺตานํ ตโต โมเจตฺวา อปคมนมตฺตมฺปิ ทุกฺกรํ โหติ, ปเคว ตทุตฺตริ กรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. อนตฺโถ นาม ตถาปคมนาทินา นินฺทาพฺยาโรสอุปารมฺภาทิ.
‘‘อพฺภุคฺคโต’’ติ เอตฺถ อภิสทฺทโยเคน อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถวเสเนว ‘‘โคตม’’นฺติ อุปโยควจนํ ¶ . ‘‘ตํ ภวนฺตํ, ตถา สนฺตํเยวา’’ติ ปเทสุปิ ตสฺส อนุปโยคตฺตา ตทตฺถวเสเนวาติ ทสฺเสติ ‘‘ตสฺส โภโต’’ติอาทินา. เตนาห ‘‘อิธาปี’’ติอาทิ. ตถา สโตเยวาติ เยนากาเรน อรหตาทินา สทฺโท อพฺภุคฺคโต, เตนากาเรน สนฺตสฺส ภูตสฺส เอว ตสฺส ภวโต โคตมสฺส สทฺโท ยทิ วา อพฺภุคฺคโตติ อตฺโถ. อปิจ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ตถา สนฺตํเยวาติ เอกสฺสปิ อตฺถสฺส ทฺวิกฺขตฺตุํ สมฺพนฺธภาเวน วจนํ สามฺวิสิฏฺตาปริกปฺปเนน อตฺถวิเสสวิฺาปนตฺถํ, ตสฺมา ‘‘ตสฺส โภโต โคตมสฺสา’’ติ สามฺสมฺพนฺธภาเวน วิจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ตถา สโตเยวา’’ติ ¶ วิเสสสมฺพนฺธภาเวน โยเชตพฺพํ. ยทิ-สทฺโท เจตฺถ สํสยตฺโถ ทฺวินฺนมฺปิ อตฺถานํ สํสยิตพฺพตฺตา. วา-สทฺโท จ วิกปฺปนตฺโถ เตสุ เอกสฺส วิกปฺเปตพฺพตฺตา. สทฺทวิทู ปน เอวํ วทนฺติ – ‘‘อิมสฺส วจนํ สจฺจํ วา ยทิ วา มุสา’’ติอาทีสุ วิย ยทิ-สทฺโท วา-สทฺโท จ อุโภปิ วิกปฺปตฺถาเยว. ยทิ-สทฺโทปิ หิ ‘‘ยํ ยเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ ยทิ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริส’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๓๔) วา-สทฺทตฺโถ ทิสฺสติ. ‘‘อปฺปํ วสฺสสตํ อายุ, อิทาเนตรหิ วิชฺชตี’’ติอาทีสุ วิย จ อิธ สมานตฺถสทฺทปโยโคติ. ปาฬิยํ ‘‘ยทิ วา โน ตถา’’ติ อิทมฺปิ ‘‘สนฺตํเยว สทฺโท อพฺภุคฺคโต’’ติ อิมินา สมฺพชฺฌิตฺวา ยถาวุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ. นนุ ‘‘โคตม’’นฺติ ปเทเยว อุปโยควจนํ สิยา, น เอตฺถาติ โจทนาย ‘‘อิธาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺส อนุปโยคตฺตา, วิจฺฉินฺทิตฺวา สมฺพนฺธวิเสสภาเวน โยเชตพฺพตฺตา วา อิธาปิ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถวเสเนว อุปโยควจนํ นามาติ วุตฺตํ โหติ. อิตฺถมฺภูตาขฺยานํ อตฺโถ ยสฺส ตถา, อภิสทฺโท, อิตฺถมฺภูตาขฺยานเมว วา อตฺโถ ตถา, โสเยวตฺโถ. ยทคฺเคน หิ สทฺทโยโค โหติ, ตทคฺเคน อตฺถโยโคปีติ.
๒๕๘. โภติ อตฺตโน อาจริยํ อาลปติ. ยถา-สทฺทํ สาตฺถกํ กตฺวา สห ปาเสเสน โยเชตุํ ‘‘ยถา สกฺกา’’ติอาทิ วุตฺตํ. โสติ ภควา. ปุริมนเย อาการตฺถโชตนยถา-สทฺทโยคฺยโต กถนฺติ ปุจฺฉามตฺตํ, อิธ ปน ตทโยคฺยโต ‘‘อาการปุจฺฉา’’ติ วุตฺตํ. พาหิรกสมเย อาจริยมฺหิ อุปชฺฌายสมุทาจาโรติ อาห ‘‘อถ นํ อุปชฺฌาโย’’ติ, อุปชฺฌายสฺิโต อาจริยพฺราหฺมโณติ อตฺโถ.
กามฺจ มนฺโต, พฺรหฺมํ, กปฺโปติ ติพฺพิโธ เวโท, ตถาปิ อฏฺกาทิ วุตฺตํ ปธานภูตํ มูลํ มนฺโต, ตทตฺถวิวรณมตฺถํ พฺรหฺมํ, ตตฺถ วุตฺตนเยน ยฺกิริยาวิธานํ กปฺโปติ มนฺตสฺเสว ปธานภาวโต, อิตเรสฺจ ตนฺนิสฺสเยเนว ชาตตฺตา มนฺตคฺคหเณน พฺรหฺมกปฺปานมฺปิ คหณํ สิทฺธเมวาติ ทสฺเสติ ‘‘ตีสุ เวเทสู’’ติ อิมินา. มนฺโตติ หิ อฏฺกาทีหิ อิสีหิ วุตฺตมูลเวทสฺเสว นามํ, เวโทติ สพฺพสฺส, ตสฺมา ‘‘เวเทสู’’ติ วุตฺเต ¶ สพฺเพสมฺปิ คหณํ สิชฺฌตีติ ¶ เวทิตพฺพํ. ลกฺขณานีติ ลกฺขณทีปกานิ มนฺตปทานิ. ปชฺชคชฺชพนฺธปเวสนวเสน ปกฺขิปิตฺวา. พฺราหฺมณเวเสเนวาติ เวทวาจกพฺราหฺมณลิงฺเคเนว. เวเทติ มหาปุริสลกฺขณมนฺเต. มเหสกฺขา สตฺตาติ มหาปฺุวนฺโต ปณฺฑิตสตฺตา. ชานิสฺสนฺติ อิติ มนสิ กตฺวา วาเจนฺตีติ สมฺพนฺโธ. เตนาติ ตถา วาจนโต. ปุพฺเพติ ‘‘ตถาคโต อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพกาลโต ปภุติ ตถาคตสฺส ธรมานกาเล. อชฺฌายิตพฺพวาเจตพฺพภาเวน อาคจฺฉนฺติ ปากฏา ภวนฺติ. เอกคาถาทฺวิคาถาทิวเสน อนุกฺกเมน อนฺตรธายนฺติ. น เกวลํ ลกฺขณมนฺตาเยว, อถ โข อฺเปิ เวทา พฺราหฺมณานํ อฺาณภาเวน อนุกฺกเมน อนฺตรธายนฺติ เอวาติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘) วุตฺตํ.
พุทฺธภาวปตฺถนา ปณิธิ, ปารมีสมฺภรณํ สมาทานํ, กมฺมสฺสกตาทิปฺา าณํ. ‘‘ปณิธิมหโต สมาทานมหโตติอาทินา ปจฺเจกํ มหนฺตสทฺโท โยเชตพฺโพ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘) อาจริเยน วุตฺตํ. เอวฺจ สติ กรุณา อาทิ เยสํ สทฺธาสีลาทีนํ เต กรุณาทโย, เต เอว คุณา กรุณาทิคุณา, ปณิธิ จ สมาทานฺจ าณฺจ กรุณาทิคุณา จ, เตหิ มหนฺโต ปณิธิสมาทานาณกรุณาทิคุณมหนฺโตติ นิพฺพจนํ กาตพฺพํ. เอวฺหิ ทฺวนฺทโตปรตฺตา มหนฺตสทฺโท ปจฺเจกํ โยชียตีติ. อปิจ ปณิธิ จ สมาทานฺจ าณฺจ กรุณา จ, ตมาทิ เยสํ เต ตถา, เตเยว คุณา, เตหิ มหนฺโตติ นิพฺพจเนนปิ อตฺโถ สูปปนฺโน โหติ, ปณิธิมหนฺตตาทิ จสฺส พุทฺธวํส (พุ. วํ. ๙ อาทโย) จริยาปิฏกาทิ (จริยา. ๑ อาทโย) วเสน เวทิตพฺโพ. มหาปทานสุตฺตฏฺกถายํ ปน ‘‘มหาปุริสสฺสาติ ชาติโคตฺตกุลปเทสาทิวเสน มหนฺตสฺส ปุริสสฺสา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓) วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ขตฺติโย, พฺราหฺมโณ’’ติ เอวมาทิ ชาติ. ‘‘โกณฺฑฺโ, โคตโม’’ติ เอวมาทิ โคตฺตํ. ‘‘โปณิกา, จิกฺขลฺลิกา, สากิยา, โกลิยา’’ติ เอวมาทิ กุลปเทโส, ตเทตํ สพฺพมฺปิ อิธ อาทิสทฺเทน สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ สติ ‘‘ทฺเวเยว คติโย ภวนฺตี’’ติ อุภินฺนํ สาธารณวจนํ สมตฺถิตํ โหตีติ.
นิฏฺาติ นิปฺผตฺติโย สิทฺธิโย. นนฺวายํ คติ-สทฺโท อเนกตฺโถ, กสฺมา นิฏฺายเมว วุตฺโตติ อาห‘‘กามฺจาย’’นฺติอาทิ. ภวเภเทติ ¶ นิรยาทิภววิเสเส. โส หิ สุจริตทุจฺจริตกมฺเมน สตฺเตหิ อุปปชฺชนวเสน คนฺตพฺพาติ คติ. คจฺฉติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ คติ, นิวาสฏฺานํ. คมติ ยถาสภาวํ ชานาตีติ คติ. ปฺา, คมนํ พฺยาปนํ คติ, วิสฺสฏภาโว, โส ปน อิโต จ เอตฺโต จ พฺยาเปตฺวา ิตตาว. คมนํ นิปฺผตฺตนํ คติ, นิฏฺา ¶ , อชฺฌาสยปฏิสรณตฺถาปิ นิทสฺสนนเยน คหิตา. ตถา เหส ‘‘อิเมสํ โข อหํ ภิกฺขูนํ สีลวนฺตานํ กลฺยาณธมฺมานํ เนว ชานามิ อาคตึ วา คตึ วา’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๐๘) เอตฺถ อชฺฌาสเย วตฺตติ, ‘‘นิพฺพานํ อรหโต คตี’’ติ (ปริ. ๓๓๙) เอตฺถ ปฏิสรเณ, ปรายเณ อปสฺสเยติ อตฺโถ. คจฺฉติ ยถารุจิ ปวตฺตตีติ คติ, อชฺฌาสโย. คจฺฉติ อวจรติ, อวจรณวเสน วา ปวตฺตติ เอตฺถาติ คติ, ปฏิสรณํ. สพฺพสงฺขตวิสฺุตฺตสฺส หิ อรหโต นิพฺพานเมว ปฏิสรณํ, อิธ ปน นิฏฺายํ วตฺตตีติ เวทิตพฺโพ ตทฺเสมวิสยตฺตา.
นนุ ทฺวินฺนํ นิปฺผตฺตีนํ นิมิตฺตภูตานิ ลกฺขณานิ วิสทิสาเนว, อถ กสฺมา ‘‘เยหิ สมนฺนาคตสฺสา’’ติอาทินา เตสํ สทิสภาโว วุตฺโตติ โจทนาเลสํ ทสฺเสตฺวา โสเธนฺโต ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิมาห. สมาเนปิ นิคฺโรธพิมฺพตาทิลกฺขณภาเว อตฺเถว โกจิ เนสํ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘น เตเหว พุทฺโธ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ยถา หิ พุทฺธานํ ลกฺขณานิ สุวิสทานิ, สุปริพฺยตฺตานิ, ปริปุณฺณานิ จ โหนฺติ, น เอวํ จกฺกวตฺตีน’’นฺติ อยํ ปน วิเสโส อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘) ปกาสิโต. ชายนฺติ ภินฺเนสุปิ อตฺเถสุ อภินฺนธีสทฺทา เอตายาติ ชาติ, ลกฺขณภาวมตฺตํ. วุตฺตฺหิ –
‘‘สพลาทีสุ ภินฺเนสุ, ยาย วตฺตนฺตุภินฺนธี;
สทฺทา สา ชาติเรสา จ, มาลาสุตฺตมิวนฺวิตา’’ติ.
ตสฺมา ลกฺขณตามตฺเตน สมานภาวโต วิสทิสานิปิ ตานิเยว จกฺกวตฺตินิปฺผตฺตินิมิตฺตภูตานิ ลกฺขณานิ สทิสานิ วิย กตฺวา ตานิ พุทฺธนิปฺผตฺตินิมิตฺตภูตานิ ลกฺขณานิ นามาติ อิทํ วจนํ วุจฺจตีติ อตฺโถ. อธิอาปุพฺพวสโยเค ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘อคาเร วสตี’’ติ จตูหิ อจฺฉริยธมฺเมหีติ อภิรูปตา, ทีฆายุกตา, อปฺปาพาธตา, พฺราหฺมณคหปติกานํ ปิยมนาปตาติ อิเมหิ จตูหิ อจฺฉริยสภาวภูตาหิ อิทฺธีหิ. ยถาห –
‘‘ราชา ¶ อานนฺท, มหาสุทสฺสโน จตูหิ อิทฺธีหิ สมนฺนาคโต อโหสิ. กตมาหิ จตูหิ อิทฺธีหิ? อิธานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน อภิรูโป อโหสิ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๕๒).
เจติยชาตเก ¶ (ชา. อฏฺ. ๓.๘.๔๔) อาคตนยํ คเหตฺวาปิ เอวํ วทนฺติ ‘‘สรีรโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, อยํ เอกา อิทฺธิ. มุขโต อุปฺปลคนฺโธ วายติ, อยํ ทุติยา. จตฺตาโร เทวปุตฺตา จตูสุ ทิสาสุ สพฺพกาลํ ขคฺคหตฺถา อารกฺขํ คณฺหนฺติ, อยํ ตติยา. อากาเสน วิจรติ, อยํ จตุตฺถี’’ติ. อนาคตวํสสํวณฺณนายํ ปน ‘‘อภิรูปภาโว เอกา อิทฺธิ, สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคตภาโว ทุติยา, ยาวตายุกมฺปิ สกลโลกสฺส ทสฺสนาติตฺติกภาโว ตติยา, อากาสจาริภาโว จตุตฺถี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคตภาโวติ สมวิปาจนิยา กมฺมชเตโชธาตุยา สมฺปนฺนตา. ยสฺส หิ ภุตฺตมตฺโตว อาหาโร ชีรติ, ยสฺส วา ปน ปุฏภตฺตํ วิย ตเถว ติฏฺติ, อุโภเปเต น สมเวปากินิยา สมนฺนาคตา. ยสฺส ปน ปุน ภตฺตกาเล ภตฺตจฺฉนฺโท อุปฺปชฺชเตว, อยํ สมเวปากินิยา สมนฺนาคโต นาม, ตถารูปตาติ อตฺโถ. สงฺคหวตฺถูหีติ ทานํ, ปิยวจนํ, อตฺถจริยา, สมานตฺตตาติ อิเมหิ สงฺคโหปาเยหิ. ยถาห –
‘‘ทานฺจ เปยฺยวชฺชฺจ, อตฺถจริยา จ ยา อิธ;
สมานตฺตตา จ ธมฺเมสุ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;
เอเต โข สงฺคหา โลเก, รถสฺสาณีว ยายโต.
เอเต จ สงฺคหา นาสฺสุ, น มาตา ปุตฺตการณา;
ลเภถ มานํ ปูชํ วา, ปิตา วา ปุตฺตการณา.
ยสฺมา จ สงฺคหา เอเต, สมเปกฺขนฺติ ปณฺฑิตา;
ตสฺมา มหตฺตํ ปปฺโปนฺติ, ปาสํสา จ ภวนฺติ เต’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๗๓);
รฺชนโตติ ปีติโสมนสฺสวเสน รฺชนโต, น ราควเสน, ปีติโสมนสฺสานํ ชนนโตติ วุตฺตํ โหติ. จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ รฺชนฏฺเน ราชาติ ปน สพฺเพสํ ราชูนํ สมฺา ตถา อกโรนฺตานมฺปิ วิลีวพีชนาทีสุ ¶ ตาลวณฺฏโวหาโร วิย รุฬฺหิวเสน ปวตฺติโต, ตสฺมา ‘‘อจฺฉริยธมฺเมหี’’ติ อสาธารณนิพฺพจนํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
สทฺทสามตฺถิยโต อเนกธา จกฺกวตฺตีสทฺทสฺส วจนตฺถํ ทสฺเสนฺโต ปธานภูตํ วจนตฺถํ ปมํ ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺกรตน’’นฺติอาทิมาห. อิทเมว หิ ปธานํ จกฺกรตนสฺส ปวตฺตนมนฺตเรน จกฺกวตฺติภาวานาปตฺติโต. ตถา หิ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ ‘‘กิตฺตาวตา จกฺกวตฺตี โหตีติ? เอกงฺคุลทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ ¶ จกฺกรตเน อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปวตฺเต’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๔๓; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๒๕๖). ยสฺมา ปน ราชา จกฺกวตฺตี เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วามหตฺเถน หตฺถิโสณฺฑสทิสปนาฬึ สุวณฺณภิงฺการํ อุกฺขิปิตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน จกฺกรตนํ อุทเกน อพฺภุกฺกิริตฺวา ‘‘ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตนํ, อภิวิชินาตุ ภวํ จกฺกรตน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๔๔) วจเนน จกฺกรตนํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปวตฺเตสิ, ตสฺมา ตาทิสํ ปวตฺตาปนํ สนฺธาย ‘‘จกฺกรตนํ วตฺเตตี’’ติ วุตฺตํ. ยถาห ‘‘อถ โข อานนฺท ราชา มหาสุทสฺสโน อุฏฺายาสนา…เป… จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิริ ‘ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตน’นฺติ’’อาทิ (ที. นิ. ๒.๒๔๔). น เกวลฺจ จกฺกสทฺโท จกฺกรตเนเยว วตฺตติ อถ โข สมฺปตฺติจกฺกาทีสุปิ, ตสฺมา ตํตทตฺถวาจกสทฺทสามตฺถิยโตปิ วจนตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘สมฺปตฺติจกฺเกหี’’ติอาทินา. ตตฺถ สมฺปตฺติจกฺเกหีติ –
‘‘ปติรูเป วเส เทเส, อริยมิตฺตกโร สิยา;
สมฺมาปณิธิสมฺปนฺโน, ปุพฺเพ ปฺุกโต นโร;
ธฺํ ธนํ ยโส กิตฺติ, สุขฺเจตํธิวตฺตตี’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๑) –
วุตฺเตหิ ปติรูปเทสวาสาทิสมฺปตฺติจกฺเกหิ. วตฺตตีติ ปวตฺตติ สมฺปชฺชติ, อุปรูปริ กุสลธมฺมํ วา ปฏิปชฺชติ. เตหีติ สมฺปตฺติจกฺเกหิ. ปรนฺติ สตฺตนิกายํ, ยถา สยํสทฺโท สุทฺธกตฺตุตฺถสฺส โชตโก, ตถา ปรํสทฺโทปิ เหตุกตฺตุตฺถสฺสาติ เวทิตพฺพํ. วตฺเตตีติ ปวตฺเตติ สมฺปาเทติ, อุปรูปริ กุสลธมฺมํ วา ปฏิปชฺชาเปติ. ยถาห –
‘‘ราชา มหาสุทสฺสโน เอวมาห ‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ, อทินฺนํ น อาทาตพฺพํ, กาเมสุ มิจฺฉา น จริตพฺพา, มุสา น ภณิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ, ยถาภุตฺตฺจ ภฺุชถา’ติ. เย โข ปนานนฺท ¶ ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฏิราชาโน, เต รฺโ มหาสุทสฺสนสฺส อนุยนฺตา อเหสุ’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๔๔).
อิริยาปถจกฺกานนฺติ อิริยาปถภูตานํ จกฺกานํ. อิริยาปโถปิ หิ ‘‘จกฺก’’นฺติ วุจฺจติ ‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวาร’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๙, ๑๐๙). ยถาห –
‘‘รถงฺเค ¶ ลกฺขเณ ธมฺโม-รจกฺเกสฺวิริยาปเถ;
จกฺกํ สมฺปตฺติยํ จกฺก-รตเน มณฺฑเล พเล;
กุลาลภณฺเฑ อาณาย-มายุเธ ทานราสิสู’’ติ.
วตฺโตติ ปวตฺตนํ อุปฺปชฺชนํ, อิมินาว อิริยาปถจกฺกํ วตฺเตติ ปรหิตาย อุปฺปาเทตีติ นิพฺพจนมฺปิ ทสฺเสติ อตฺถโต สมานตฺตา. ตถา จาห –
‘‘อถ โข ตํ อานนฺท จกฺกรตนํ ปุรตฺถิมํ ทิสํ ปวตฺติ, อนฺวเทว ราชา มหาสุทสฺสโน สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย. ยสฺมึ โข ปนานนฺท, ปเทเส จกฺกรตนํ ปติฏฺาสิ, ตตฺถ ราชา มหาสุทสฺสโน วาสํ อุปคจฺฉิ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนายา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๔๔).
อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – อปฺปฏิหตํ อาณาสงฺขาตํ จกฺกํ วตฺเตตีติ จกฺกวตฺตี. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘ปฺจหิ ภิกฺขเว ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺเมเนว จกฺกํ วตฺเตติ, ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ปาณินา. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ ภิกฺขเว ราชา จกฺกวตฺตี อตฺถฺู จ โหติ, ธมฺมฺู จ มตฺตฺู, จ กาลฺู จ ปริสฺู จ. อิเมหิ โข…เป… ปาณินา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๕.๑๓๑).
ขตฺติยมณฺฑลาทิสฺิตํ จกฺกํ สมูหํ อตฺตโน วเส วตฺเตติ อนุวตฺเตตีติปิ จกฺกวตฺตี. วุตฺตฺหิ ‘‘เย โข ปนานนฺท ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฏิราชาโน, เต รฺโ มหาสุทสฺสนสฺส อนุยนฺตา อเหสุ’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๔๔). จกฺกลกฺขณํ วตฺตติ เอตสฺสาติปิ จกฺกวตฺตี. เตนาห ‘‘อิมสฺส เทว กุมารสฺส เหฏฺา ¶ ปาทตเลสุ จกฺกานิ ชาตานิ สหสฺสารานิ สเนมิกานิ สนาภิกานิ สพฺพาการปริปูรานี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๓๕). จกฺกํ มหนฺตํ กายพลํ วตฺตติ เอตสฺสาติปิ จกฺกวตฺตี. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อยฺหิ เทว กุมาโร สตฺตุสฺสโท…เป… อยฺหิ เทว กุมาโร สีหปุพฺพทฺธกาโย’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๓๕). เตน หิสฺส ลกฺขเณน มหพฺพลภาโว วิฺายติ. จกฺกํ ทสวิธํ, ทฺวาทสวิธํ วา วตฺตธมฺมํ วตฺตติ ปฏิปชฺชตีติ จกฺกวตฺตี. เตน วุตฺตํ ‘‘น หิ เต ตาต ทิพฺพํ จกฺกรตนํ เปตฺติกํ ทายชฺชํ ¶ , อิงฺฆ ตฺวํ ตาต อริเย จกฺกวตฺติวตฺเต วตฺตาหี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๘๓). จกฺกํ มหนฺตํ ทานํ วตฺเตติ ปวตฺเตตีติปิ จกฺกวตฺตี. วุตฺตฺจ –
‘‘ปฏฺเปสิ โข อานนฺท ราชา มหาสุทสฺสโน ตาสํ โปกฺขรณีนํ ตีเร เอวรูปํ ทานํ อนฺนํ อนฺนตฺถิกสฺส, ปานํ ปานตฺถิกสฺส, วตฺถํ วตฺถตฺถิกสฺส, ยานํ ยานตฺถิกสฺส, สยนํ สยนตฺถิกสฺส, อิตฺถึ อิตฺถิตฺถิกสฺส, หิรฺํ หิรฺตฺถิกสฺส, สุวณฺณํ สุวณฺณตฺถิกสฺสา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๕๔).
ราชาติ สามฺํ ตทฺสาธารณโต. จกฺกวตฺตีติ วิเสสํ อนฺสาธารณโต. ธมฺมสทฺโท าเย, สโม เอว จ าโย นามาติ อาห ‘‘าเยน สเมนา’’ติ. วตฺตติ อุปฺปชฺชติ, ปฏิปชฺชตีติ วา อตฺโถ. ‘‘อิทํ นาม จรตี’’ติ อวุตฺเตปิ สามฺโชตนาย วิเสเส อวฏฺานโต, วิเสสตฺถินา จ วิเสสสฺส ปยุชฺชิตพฺพตฺตา ‘‘สทตฺถปรตฺเถ’’ติ โยชียติ. ปเทสคฺคหเณ หิ อสติ คเหตพฺพสฺส นิปฺปเทสตา วิฺายติ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. ยสฺมา จกฺกวตฺติราชา ธมฺเมเนว รชฺชมธิคจฺฉติ, น อธมฺเมน ปรูปฆาตาทินา. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ธมฺเมน รชฺชํ ลภิตฺวา’’ติอาทิ, ธมฺเมนาติ จ าเยน, กุสลธมฺเมน วา. รฺโ ภาโว รชฺชํ, อิสฺสริยํ.
ปเรสํ หิโตปายภูตํ ธมฺมํ กโรติ, จรตีติ วา ธมฺมิโก. อตฺตโน หิโตปายภูตสฺส ธมฺมสฺส การโก, จรโก วา ราชาติ ธมฺมราชาติ อิมํ สวิเสสํ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ปรหิตธมฺมกรเณน วา’’ติอาทินา. อยํ ปน มหาปทานฏฺกถานโย – ทสวิเธ กุสลธมฺเม, อคติรหิเต วา ราชธมฺเม นิยุตฺโตติ ธมฺมิโก; เตเนว ธมฺเมน โลกํ ¶ รฺเชตีติ ธมฺมราชา. ปริยายวจนเมว หิ อิทํ ปททฺวยนฺติ. อาจริเยน ปน เอวํ วุตฺตํ ‘‘จกฺกวตฺติวตฺตสงฺขาตํ ธมฺมํ จรติ, จกฺกวตฺติวตฺตสงฺขาโต วา ธมฺโม เอตสฺส, เอตสฺมึ วา อตฺถีติ ธมฺมิโก, ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺโม จ โส รฺชนฏฺเน ราชา จาติ ธมฺมราชา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘). ‘‘ราชา โหติ จกฺกวตฺตี’’ติ วจนโต ‘‘จาตุรนฺโต’’ติ อิทํ จตุทีปิสฺสรตํ วิภาเวตีติ อาห ‘‘จาตุรนฺตายา’’ติอาทิ. จตฺตาโร สมุทฺทา อนฺตา ปริโยสานา เอติสฺสาติ จาตุรนฺตา, ปถวี. สา หิ จตูสุ ทิสาสุ ปุรตฺถิมสมุทฺทาทิจตุสมุทฺทปริโยสานตฺตา เอวํ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘จตุสมุทฺท อนฺตายา’’ติ, สา ปน อวยวภูเตหิ จตุพฺพิเธหิ ทีเปหิ วิภูสิตา เอกโลกธาตุปริยาปนฺนา ปถวีเยวาติ ทสฺเสติ ‘‘จตุพฺพิธทีปวิภูสิตาย ปถวิยา’’ติ อิมินา. ยถาห –
‘‘ยาวตา ¶ จนฺทิมสูริยา, ปริหรนฺติ ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;
สพฺเพว ทาสา มนฺธาตุ, เย จ ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ.
เอตฺถ จ ‘‘จตุทีปวิภูสิตายา’’ติ อวตฺวา จตุพฺพิธทีปวิภูสิตายาติ วิธสทฺทคฺคหณํ ปจฺเจกํ ปฺจสตปริตฺตทีปานมฺปิ มหาทีเปเยว สงฺคหณตฺถํ สทฺทาติริตฺเตน อตฺถาติริตฺตสฺส วิฺายมานตฺตา, โกฏฺาสวาจเกน วา วิธสทฺเทน สมานภาคานํ คหิตตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. โกปาทิปจฺจตฺถิเกติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน กามโมหมานมทาทิเก สงฺคณฺหาติ. วิเชตีติ ตํกาลาเปกฺขาย วตฺตมานวจนํ, วิชิตวาติ อตฺโถ. สทฺทวิทู หิ อตีเต ตาวีสทฺทมิจฺฉนฺติ. ‘‘สพฺพราชาโน วิเชตี’’ติ วทนฺโต กามํ จกฺกวตฺติโน เกนจิ ยุทฺธํ นาม นตฺถิ, ยุทฺเธน ปน สาเธตพฺพสฺส วิชยสฺส สิทฺธิยา ‘‘วิชิตสงฺคาโม’’ ตฺเวว วุตฺโตติ ทสฺเสติ.
ถาวรสฺส ธุวสฺส ภาโว ถาวริยํ, ยถา ชนปเท ถาวริยํ ปตฺโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น สกฺกา เกนจี’’ติอาทิ วุตฺตํ, อิมินา เกนจิ อกมฺปิยฏฺเน ชนปเท ถาวริยปฺปตฺโตติ ตปฺปุริสสมาสํ ทสฺเสติ, อิตเรน จ ทฬฺหภตฺติภาวโต ชนปโท ถาวริยปฺปตฺโต เอตสฺมินฺติ อฺปทตฺถสมาสํ. ตมฺหีติ อสฺมึ ราชินิ. ยถา ชนปโท ตสฺมึ ถาวริยํ ปตฺโต, ตทาวิกโรนฺโต ‘‘อนุยุตฺโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนุยุตฺโตติ นิจฺจปยุตฺโต. สกมฺมนิรโตติ จกฺกวตฺติโน รชฺชกมฺเม สทา ปวตฺโต ¶ . อจโล อสมฺปเวธีติ ปริยายวจนเมตํ, โจรานํ วา วิโลปนมตฺเตน อจโล, ทามริกตฺเตน อสมฺปเวธี. โจเรหิ วา อจโล, ปฏิราชูหิ อสมฺปเวธี. อนติมุทุภาเวน วา อจโล, อนติจณฺฑภาเวน อสมฺปเวธี. ตถา หิ อติจณฺฑสฺส รฺโ พลิขณฺฑาทีหิ โลกํ ปีฬยโต มนุสฺสา มชฺฌิมชนปทํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพตสมุทฺทตีราทีนิ นิสฺสาย ปจฺจนฺเต วาสํ กปฺเปนฺติ, อติมุทุกสฺส จ รฺโ โจรสาหสิกชนวิโลปปีฬิตา มนุสฺสา ปจฺจนฺตํ ปหาย ชนปทมชฺเฌ วาสํ กปฺเปนฺติ, อิติ เอวรูเป ราชินิ ชนปโท ถาวรภาวํ น ปาปุณาติ. เอตสฺมึ ปน ตทุภยวิรหิเต สุวณฺณตุลา วิย สมภาวปฺปตฺเต ราชินิ รชฺชํ การยมาเน ชนปโท ปาสาณปิฏฺิยํ เปตฺวา อโยปฏฺเฏน ปริกฺขิตฺโต วิย อจโล อสมฺปเวธี ถาวริยปฺปตฺโตติ.
เสยฺยถิทนฺติ เอโกว นิปาโต, ‘‘โส กตโม, ตํ กตมํ, สา กตมา’’ติอาทินา ยถารหํ ลิงฺควิภตฺติวจนวเสน ปโยชิยมาโนว โหติ, อิธ ตานิ กตมานีติ ปยุตฺโตติ อาห ‘‘ตสฺส เจตานี’’ติอาทิ. จจติ จกฺกวตฺติโน ยถารุจิ อากาสาทิคมนาย ปริพฺภมตีติ จกฺกํ. จกฺกรตนฺหิ อนฺโตสมุฏฺิตวาโยธาตุวเสน รฺโ จกฺกวตฺติสฺส วจนสมนนฺตรเมว ¶ ปวตฺตติ, น จนฺทสูริยวิมานาทิ วิย พหิสมุฏฺิตวาโยธาตุวเสนาติ วิมานฏฺกถายํ (วิ. ว. อฏฺ. ๑.ปมปีวิมานวณฺณนา) วุตฺตํ. รติชนนฏฺเนาติ ปีติโสมนสฺสุปฺปาทนฏฺเน. ตฺหิ ปสฺสนฺตสฺส, สุณนฺตสฺส จ อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ อจฺฉริยธมฺมตฺตา. วจนตฺถโต ปน รเมติ รตึ กโรตีติ รตนํ, รมนํ วา รตํ, ตํ เนตีติ รตนํ, รตํ วา ชเนตีติ รตนํ ช-การโลปวเสนาติปิ เนรุตฺติกา. สพฺพตฺถาติ หตฺถิรตนาทีสุ.
จิตฺตีกตภาวาทินาปิ จกฺกสฺส รตนฏฺโ เวทิตพฺโพ, โส ปน รติชนนฏฺเเนว เอกสงฺคหตาย วิสุํ น คหิโต. กสฺมา เอกสงฺคโหติ เจ? จิตฺตีกตาทิภาวสฺสปิ รตินิมิตฺตตฺตา. อถ วา คนฺถพฺยาสํ ปริหริตุกาเมน จิตฺตีกตาทิภาโว น คหิโตติ เวทิตพฺพํ. อฺาสุ ปน อฏฺกถาสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๒๒๓; ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓.ยานีธาติคาถาวณฺณนา; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฏฺ. ๑๕๖) เอวํ วุตฺตํ –
‘‘รติชนนฏฺเน ¶ รตนํ. อปิจ –
จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจติ.
‘‘จกฺกรตนสฺส จ นิพฺพตฺตกาลโต ปฏฺาย อฺํ เทวฏฺานํ นาม น โหติ, สพฺเพปิ คนฺธปุปฺผาทีหิ ตสฺเสว ปูชฺจ อภิวาทนาทีนิ จ กโรนฺตีติ จิตฺตีกตฏฺเน รตนํ. จกฺกรตนสฺส จ เอตฺตกํ นาม ธนํ อคฺฆตีติ อคฺโฆ นตฺถิ, อิติ มหคฺฆฏฺเนปิ รตนํ. จกฺกรตนฺจ อฺเหิ โลเก วิชฺชมานรตเนหิ อสทิสนฺติ อตุลฏฺเน รตนํ. ยสฺมา ปน ยสฺมึ กปฺเป พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมึเยว จกฺกวตฺติโน อุปฺปชฺชนฺติ, พุทฺธา จ กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา ทุลฺลภทสฺสนฏฺเนปิ รตนํ. ตเทตํ ชาติรูปกุลอิสฺสริยาทีหิ อโนมสฺส อุฬารสตฺตสฺเสว อุปฺปชฺชติ, น อฺสฺสาติ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเนปิ รตนํ. ยถา จ จกฺกรตนํ, เอวํ เสสานิปี’’ติ.
ตตฺรายํ ตฏฺฏีกาย, อฺตฺถ จ วุตฺตนเยน อตฺถวิภาวนา – อิทฺหิ ‘‘จิตฺตีกต’’นฺติอาทิวจนํ นิพฺพจนตฺถวเสน วุตฺตํ น โหติ, อถ กินฺติ เจ? โลเก ‘‘รตน’’นฺติ ¶ สมฺมตสฺส วตฺถุโน ครุกาตพฺพภาเวน วุตฺตํ. สรูปโต ปเนตํ โลกิยมหาชเนน สมฺมตํ หิรฺสุวณฺณาทิกํ, จกฺกวตฺติรฺโ อุปฺปนฺนํ จกฺกรตนาทิกํ, กตฺุกตเวทิปุคฺคลาทิกํ, สพฺพุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน พุทฺธาทิสรณตฺตยฺจ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อโห มโนหร’’นฺติ จิตฺเต กตฺตพฺพตาย จิตฺตีกตํ, สฺวายํ จิตฺตีกาโร ตสฺส ปูชนียตายาติ กตฺวา ปูชนียนฺติ อตฺถํ วทนฺติ. เกจิ ปน ‘‘วิจิตฺรกตฏฺเน จิตฺตีกต’’นฺติ ภณนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ อิธ จิตฺตสทฺทสฺส หทยวาจกตฺตา ‘‘จิตฺตีกตฺวา สุณาถ เม’’ติ (พุ. วํ. ๑.๘๐) อาหจฺจภาสิตปาฬิยํ วิย. ตถา จาหุ ‘‘ยถารหมิวณฺณาคโม ภูกเรสู’’ติ. ‘‘ปสฺส จิตฺตีกตํ รูปํ, มณินา กุณฺฑเลน จา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๐๒) ปน ปุพฺเพ อวิจิตฺรํ อิทานิ วิจิตฺรํ กตนฺติ จิตฺตีกตนฺติ อตฺโถ คเหตพฺโพ ตตฺถ จิตฺตสทฺทสฺส วิจิตฺรวาจกตฺตา. มหนฺตํ วิปุลํ อปริมิตํ อคฺฆตีติ มหคฺฆํ. นตฺถิ เอตสฺส ตุลา อุปมา, ตุลํ วา สทิสนฺติ อตุลํ. กทาจิเทว อุปฺปชฺชนโต ทุกฺเขน ¶ ลทฺธพฺพทสฺสนตฺตา ทุลฺลภทสฺสนํ. อโนเมหิ อุฬารคุเณเหว สตฺเตหิ ปริภฺุชิตพฺพโต อโนมสตฺตปริโภคํ.
อิทานิ เนสํ จิตฺตีกตาทิอตฺถานํ สวิเสสํ จกฺกรตเน ลพฺภมานตํ ทสฺเสตฺวา อิตเรสุปิ เต อติทิสิตุํ ‘‘ยถา จ จกฺกรตน’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อฺํ เทวฏฺานํ นาม น โหติ รฺโ อนฺสาธารณิสฺสริยาทิสมฺปตฺติปฏิลาภเหตุโต, อฺเสํ สตฺตานํ ยถิจฺฉิตตฺถปฏิลาภเหตุโต จ. อคฺโฆ นตฺถิ อติวิย อุฬารสมุชฺชลรตนตฺตา, อจฺฉริยพฺภุตธมฺมตาย จ. ยทคฺเคน จ มหคฺฆํ, ตทคฺเคน อตุลํ. สตฺตานํ ปาปชิคุจฺฉเนน วิคตกาฬโก ปฺุปสุตตาย มณฺฑภูโต ยาทิโส กาโล พุทฺธุปฺปาทารโห, ตาทิเส เอว จกฺกวตฺตีนมฺปิ สมฺภโวติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. กทาจิ กรหจีติ ปริยายวจนํ, ‘‘กทาจี’’ติ วา ยถาวุตฺตกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ, ‘‘กรหจี’’ติ ชมฺพุสิริทีปสงฺขาตํ เทสํ. เตนาห –
‘‘กาลํ ทีปฺจ เทสฺจ, กุลํ มาตรเมว จ;
อิเม ปฺจ วิโลเกตฺวา, อุปฺปชฺชติ มหายโส’’ติ. (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑.๑๐);
อุปมาวเสน เจตํ วุตฺตํ. อุปโมปเมยฺยานฺจ น อจฺจนฺตเมว สทิสตา, ตสฺมา ยถา พุทฺธา กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ, น ตถา จกฺกวตฺติโน, จกฺกวตฺติโน ปน อเนกทาปิ พุทฺธุปฺปาทกปฺเป อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เอวํ สนฺเตปิ จกฺกวตฺติวตฺตปูรณสฺส ทุกฺกรภาวโต ¶ ทุลฺลภุปฺปาโทเยวาติ อิมินา ทุลฺลภุปฺปาทตาสามฺเน เตสํ ทุลฺลภทสฺสนตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. กามํ จกฺกรตนานุภาเวน สมิชฺฌมาโน คุโณ จกฺกวตฺติปริวารชนสาธารโณ, ตถาปิ จกฺกวตฺตี เอว นํ สามิภาเวน วิสวิตาย ปริภฺุชตีติ วตฺตพฺพตํ อรหติ ตทตฺถเมว อุปฺปชฺชนโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตเทต’’นฺติอาทิมาห. ยถาวุตฺตานํ ปฺจนฺนํ, ฉนฺนมฺปิ วา อตฺถานํ เสสรตเนสุปิ ลพฺภนโต ‘‘เอวํ เสสานิปี’’ติ วุตฺตํ.
อิเมหิ ปน รตเนหิ ราชา จกฺกวตฺตี กิมตฺถํ ปจฺจนุโภติ, นนุ วินาปิ เตสุ เกนจิ รฺา จกฺกวตฺตินา ภวิตพฺพนฺติ โจทนาย ตสฺส เตหิ หถารหมตฺถปจฺจนุภวนทสฺสเนน เกนจิปิ อวินาภาวิตํ วิภาเวตุํ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อชิตํ ปุรตฺถิมาทิทิสาย ขตฺติยมณฺฑลํ ¶ ชินาติ มเหสกฺขตาสํวตฺตนิยกมฺมนิสฺสนฺทภาวโต. ยถาสุขํ อนุวิจรติ หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนฺจ อภิรุหิตฺวา เตสํ อานุภาเวน อนฺโตปาตราสํเยว สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวึ อนุปริยายิตฺวา ราชธานิยา เอว ปจฺจาคมนโต. ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ ตตฺถ ตตฺถ กตฺตพฺพกิจฺจสํวิทหนโต. อวเสเสหิ มณิรตนอิตฺถิรตนคหปติรตเนหิ อุปภฺุชเนน ปวตฺตํ อุปโภคสุขํ อนุภวติ ยถารหํ เตหิ ตถานุภวนสิทฺธิโต. โส หิ มณิรตเนน โยชนปฺปมาเณ ปเทเส อนฺธการํ วิธเมตฺวา อาโลกทสฺสนาทินา สุขมนุภวติ, อิตฺถิรตเนน อติกฺกนฺตมานุสกรูปทสฺสนาทิวเสน, คหปติรตเนน อิจฺฉิติจฺฉิตมณิกนกรชตาทิธนปฏิลาภวเสน สุขมนุภวติ.
อิทานิ สตฺติยา, สตฺติผเลน จ ยถาวุตฺตมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘ปเมนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ติวิธา หิ สตฺติโย ‘‘สกฺโกนฺติ สมตฺเถนฺติ ราชาโน เอตายา’’ติ กตฺวา. ยถาหุ –
‘‘ปภาวุสฺสาหมนฺตานํ, วสา ติสฺโส หิ สตฺติโย;
ปภาโว ทณฺฑโช เตโช, ปตาโป ตุ จ โกสโช.
มนฺโต จ มนฺตนํ โส ตุ, จตุกฺกณฺโณ ทฺวิโคจโร;
ติโคจโร ตุ ฉกฺกณฺโณ, รหสฺสํ คุยฺหมุจฺจเต’’ติ.
ตตฺถ วีริยพลํ อุสฺสาหสตฺติ. ปเมน จสฺส จกฺกรตเนน ตทนุโยโค ปริปุณฺโณ โหติ. กสฺมาติ เจ? เตน อุสฺสาหสตฺติยา ปวตฺเตตพฺพสฺส อปฺปฏิหตาณาจกฺกภาวสฺส สิทฺธิโต. ปฺาพลํ มนฺตสตฺติ. ปจฺฉิเมน จสฺส ปริณายกรตเนน ตทนุโยโค. กสฺมาติ เจ ¶ ? ตสฺส สพฺพราชกิจฺเจสุ กุสลภาเวน มนฺตสตฺติยา วิย อวิรชฺฌนปโยคตฺตา. ทมเนน, ธเนน จ ปภุตฺตํ ปภูสตฺติ. หตฺถิอสฺสคหปติรตเนหิ จสฺส ตทนุโยโค ปริปุณฺโณ โหติ. กสฺมาติ เจ? หตฺถิอสฺสรตนานํ มหานุภาวตาย, คหปติรตนโต ปฏิลทฺธโกสสมฺปตฺติยา จ ปภาวสตฺติยา วิย ปภาวสมิทฺธิสิทฺธิโต. อิตฺถิมณิรตเนหิ ติวิธสตฺติโยคผลํ ปริปุณฺณํ โหตีติ สมฺพนฺโธ, ยถาวุตฺตาหิ ติวิธาหิ สตฺตีหิ ปยุชฺชนโต ยํ ผลํ ลทฺธพฺพํ. ตํ สพฺพํ เตหิ ¶ ปริปุณฺณํ โหตีติ อตฺโถ. กสฺมาติ เจ? เตเหว อุปโภคสุขสฺส สิชฺฌนโต.
ทุวิธสุขวเสนปิ ยถาวุตฺตมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘โส อิตฺถิมณิรตเนหี’’ติอาทิ กถิตํ. โภคสุขนฺติ สมีเป กตฺวา ปริโภควเสน ปวตฺตสุขํ. เสเสหีติ ตทวเสเสหิ จกฺกาทิปฺจรตเนหิ. อปจฺจตฺถิกตาวเสน ปวตฺตสุขํ อิสฺสริยสุขํ. อิทานิ เตสํ สมฺปนฺนเหตุวเสนปิ เกนจิ อวินาภาวิตเมว วิภาเวตุํ ‘‘วิเสสโต’’ติอาทิมาห. อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ อโทสสงฺขาเตน กุสลมูเลน สหชาตาทิปจฺจยวเสน อุปฺปาทิตกมฺมสฺส อานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ โสมฺมตรรตนชาติกตฺตา. กมฺมผลฺหิ เยภุยฺเยน กมฺมสริกฺขกํ. มชฺฌิมานิ มณิอิตฺถิคหปติรตนานิ อโลภกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ อุฬารธนสฺส, อุฬารธนปฏิลาภการณสฺส จ ปริจฺจาคสมฺปทาเหตุกตฺตา. ปจฺฉิมํ ปริณายกรตนํ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชติ มหาปฺเเนว จกฺกวตฺติราชกิจฺจสฺส ปริเนตพฺพตฺตา, มหาปฺภาวสฺส จ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมนิสฺสนฺทภาวโต. โพชฺฌงฺคสํยุตฺเตติ มหาวคฺเค ทุติเย โพชฺฌงฺคสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๕.๒๒๓). รตนสุตฺตสฺสาติ ตตฺถ ปฺจมวคฺเค สงฺคีตสฺส ทุติยสฺส รตนสุตฺตสฺส (สํ. นิ. ๕.๒๒๓). อุปเทโส นาม สวิเสสํ สตฺตนฺนํ รตนานํ วิจารณวเสน ปวตฺโต นโย.
สรณโต ปฏิปกฺขวิธมนโต สูรา สตฺติวนฺโต, นิพฺภยาวหาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อภีรุกชาติกา’’ติ. อสุเร วิชินิตฺวา ิตตฺตา สกฺโก เทวานมินฺโท ธีโร นาม, ตสฺส เสนงฺคภาวโต เทวปุตฺโต ‘‘องฺค’’นฺติ วุจฺจติ, ธีรสฺส องฺคํ, ตสฺส รูปมิว รูปํ เยสํ เต ธีรงฺครูปา, เตน วุตฺตํ ‘‘เทวปุตฺตสทิสกายา’’ติ. เอเกติ สารสมาสนามกา อาจริยา, ตทกฺขมนฺโต อาห ‘‘อยํ ปเนตฺถา’’ติอาทิ. สภาโวติ สภาวภูโต อตฺโถ. อุตฺตมสูราติ อุตฺตมโยธา. สูรสทฺโท หิ อิธ โยธตฺโถ. เอวฺหิ ปุริมนยโต อิมสฺส วิเสสตา โหติ, ‘‘อุตฺตมตฺโถ สูรสทฺโท’’ติปิ วทนฺติ, ‘‘อุตฺตมา สูรา วุจฺจนฺตี’’ติปิ หิ ปาโ ทิสฺสติ. วีรานนฺติ วีริยวนฺตานํ. องฺคนฺติ การณํ ‘‘องฺคียติ ายติ ผลเมเตนา’’ติ กตฺวา. เยน วีริเยน ‘‘ธีรา’’ติ วุจฺจนฺติ, ตเทว ธีรงฺคํ นามาติ ¶ อาห ‘‘วีริยนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. รูปนฺติ ¶ สรีรํ. เตน วุตฺตํ ‘‘วีริยมยสรีรา วิยา’’ติ. วีริยเมว วีริยมยํ ยถา ‘‘ทานมย’’นฺติ, (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐; เนตฺติ. ๓๔) ตสฺมา วีริยสงฺขาตสรีรา วิยาติ อตฺโถ. วีริยํ ปน น เอกนฺตรูปนฺติ วิย-สทฺทคฺคหณํ กตํ. อปิจ ธีรงฺเคน นิพฺพตฺตํ ธีรงฺคนฺติ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘วีริยมยสรีรา วิยา’’ติ วุตฺตํ, เอวมฺปิ วีริยโต รูปํ น เอกนฺตํ นิพฺพตฺตนฺติ วิย-สทฺเทน ทสฺเสติ. อถ วา รูปํ สรีรภูตํ ธีรงฺคํ วีริยเมเตสนฺติ โยเชตพฺพํ, ตถาปิ วีริยํ นาม กิฺจิ สวิคฺคหํ น โหตีติ ทีเปติ ‘‘วีริยมยสรีรา วิยา’’ติ อิมินา, อิธาปิ มยสทฺโท สกตฺเถเยว ทฏฺพฺโพ, ตสฺมา สวิคฺคหวีริยสทิสาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สวิคฺคหํ เจ วีริยํ นาม สิยา, เต จสฺส ปุตฺตา ตํสทิสาเยว ภเวยฺยุนฺติ อยเมว จตฺโถ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘) อนุมโต. มหาปทานฏฺกถายํ ปน เอวํ วุตฺตํ ‘‘ธีรงฺคํ รูปเมเตสนฺติ ธีรงฺครูปา, วีริยชาติกา วีริยสภาวา วีริยมยา อกิลาสุโน อเหสุํ, ทิวสมฺปิ ยุชฺฌนฺตา น กิลมนฺตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ, (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๔) ตเทตํ รูปสทฺทสฺส สภาวตฺถตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิธ เจว อฺตฺถ กตฺถจิ ‘‘ธิตงฺครูปา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. วีริยตฺโถปิ หิ ธิติสทฺโท โหติ ‘‘สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ทิฏฺํ โส อติวตฺตตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑.๕๗) ธิติสทฺโท วิย. กตฺถจิ ปน ‘‘วีรงฺค’’นฺติ ปาโว ทิฏฺโ. ยถา รุจฺจติ, ตถา คเหตพฺพํ.
นนุ จ รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ปฏิเสนา นาม นตฺถิ, ย’มสฺส ปุตฺตา ปมทฺเทยฺยุํ, อถ กสฺมา ‘‘ปรเสนปฺปมทฺทนา’’ติ วุตฺตนฺติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘สเจ’’ติอาทิมาห, ปรเสนา โหตุ วา, มา วา, ‘‘สเจ ปน ภเวยฺยา’’ติ ปริกปฺปนามตฺเตน เตสํ เอวมานุภาวตํ ทสฺเสตุํ ตถา วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย, ‘‘ปรเสนปฺปมทฺทนา’’ติ วุตฺเตปิ ปรเสนํ ปมทฺทิตุํ สมตฺถาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ ปกรณโตปิ อตฺถนฺตรสฺส วิฺายมานตฺตา, ยถา ‘‘สิกฺขมาเนน ภิกฺขเว ภิกฺขุนา อฺาตพฺพํ ปริปุจฺฉิตพฺพํ ปริปฺหิตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. ๔๓๔) เอตสฺส ปทภาชนีเย (ปาจิ. ๔๓๖) ‘‘สิกฺขิตุกาเมนา’’ติ อตฺถคฺคหณนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ ปริมทฺทิตุํ สมตฺถา’’ติ วุตฺตํ. น หิ เต ปรเสนํ ปมทฺทนฺตา ติฏฺนฺติ, อถ โข ปมทฺทนสมตฺถา เอว โหนฺติ ¶ . เอวมฺตฺรปิ ยถารหํ. ปรเสนํ ปมทฺทนาย สมตฺเถนฺตีติ ปรเสนปฺปมทฺทนาติ อตฺถํ ทสฺเสตีติปิ วทนฺติ.
ปุพฺเพ กตูปจิตสฺส เอตรหิ วิปจฺจมานกสฺส ปฺุธมฺมสฺส จิรตรํ วิปจฺจิตุํ ปจฺจยภูตํ จกฺกวตฺติวตฺตสมุทาคตํ ปโยคสมฺปตฺติสงฺขาตํ ธมฺมํ ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺเมนา’’ติ ปทสฺส ‘‘ปาโณ ¶ น หนฺตพฺโพติอาทินา ปฺจสีลธมฺเมนา’’ติ อตฺถมาห. อยฺหิ อตฺโถ ‘‘เย โข ปนานนฺท ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฏิราชาโน, เต ราชานํ มหาสุทสฺสนํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ ‘เอหิ โข มหาราช, สฺวาคตํ เต มหาราช, สกํ เต มหาราช, อนุสาส มหาราชา’ติ. ราชา มหาสุทสฺสโน เอวมาห ‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ, อทินฺนํ น อาทาตพฺพํ, กาเมสุ มิจฺฉา น จริตพฺพา, มุสา น ภณิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ, ยถาภุตฺตฺจ ภฺุชถา’ติ. เย โข ปนานนฺท ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฏิราชาโน, เต รฺโ มหาสุทสฺสนสฺส อนุยนฺตา อเหสุ’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๒.๒๔๔) อาคตํ รฺโ โอวาทธมฺมํ สนฺธาย วุตฺโต. เอวฺหิ ‘‘อทณฺเฑน อสตฺเถนา’’ติ อิทมฺปิ วิเสสนวจนํ สุสมตฺถิตํ โหติ. อฺาสุปิ สุตฺตนิปาตฏฺกถาทีสุ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒๒๖; ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๒๒๓) อยเมวตฺโถ วุตฺโต.
มหาปทานฏฺกถายํ ปน ‘‘อทณฺเฑนาติ เย กตาปราเธ สตฺเต สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ คณฺหนฺติ, เต ธนทณฺเฑน รชฺชํ กาเรนฺติ นาม, เย เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสนฺติ, เต สตฺถทณฺเฑน. อยํ ปน ทุวิธมฺปิ ทณฺฑํ ปหาย อทณฺเฑน อชฺฌาวสติ. อสตฺเถนาติ เย เอกโตธาราทินา สตฺเถน ปรํ วิเหสนฺติ, เต สตฺเถน รชฺชํ กาเรนฺติ นาม. อยํ ปน สตฺเถน ขุทฺทกมกฺขิกายปิ ปิวนมตฺตํ โลหิตํ กสฺสจิ อนุปฺปาเทตฺวา ธมฺเมเนว, ‘เอหิ โข มหาราชา’ติ เอวํ ปฏิราชูหิ สมฺปฏิจฺฉิตาคมโน วุตฺตปฺปการํ ปถวึ อภิวิชินิตฺวา อชฺฌาวสติ อภิภวิตฺวา สามี หุตฺวา วสตีติ อตฺโถ’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๔) วุตฺตํ, ตเทตํ ‘‘ธมฺเมนา’’ติ ปทสฺส ‘‘ปุพฺเพ กตูปจิเตน เอตรหิ วิปจฺจมานเกน เยน เกนจิ ปฺุธมฺเมนา’’ติ อตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตเนว หิ ‘‘ธมฺเมน ปฏิราชูหิ สมฺปฏิจฺฉิตาคมโน วุตฺตปฺปการํ ปถวึ ¶ อภิวิชินิตฺวา อชฺฌาวสตี’’ติ. อาจริเยนปิ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘) วุตฺตํ ธมฺเมนาติ กตูปจิเตน อตฺตโน ปฺุธมฺเมน. เตน หิ สฺโจทิตา ปถวิยํ สพฺพราชาโน ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ‘‘สฺวาคตํ เต มหาราชา’’ติอาทีนิ วตฺวา อตฺตโน รชฺชํ รฺโ จกฺกวตฺติสฺส นิยฺยาเตนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โส อิมํ ปถวึ สาครปริยนฺตํ อทณฺเฑน อสตฺเถน ธมฺเมน อภิวิชิย อชฺฌาวสตี’’ติ, เตนปิ ยถาวุตฺตเมวตฺถํ ทสฺเสติ, ตสฺมา อุภยถาปิ เอตฺถ อตฺโถ ยุตฺโต เอวาติ ทฏฺพฺพํ. จกฺกวตฺติวตฺตปูรณาทิปโยคสมฺปตฺติมนฺตเรน หิ ปุพฺเพ กตูปจิตกมฺเมเนว เอวมชฺฌาวสนํ น สมฺภวติ, ตถา ปุพฺเพ กตูปจิตกมฺมมนฺตเรน จกฺกวตฺติวตฺตปูรณาทิปโยคสมฺปตฺติยา เอวาติ.
เอวํ เอกํ นิปฺผตฺตึ กเถตฺวา ทุติยํ นิปฺผตฺตึ กเถตุํ ยเทตํ ‘‘สเจ โข ปนา’’ติอาทิวจนํ วุตฺตํ, ตตฺถ อนุตฺตานมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อรหํ…เป… วิวฏฺฏจฺฉโทติ เอตฺถา’’ติอาทิมาห ¶ . ยสฺมา ราคาทโย สตฺต ปาปธมฺมา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปชฺชมานา จ เต สตฺตสนฺตานํ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา กุสลปฺปวตฺตึ นิวาเรนฺติ, ตสฺมา เต อิธ ฉทสทฺเทน วุตฺตาติ ทสฺเสติ ‘‘ราคโทสา’’ติอาทินา. ทุจฺจริตนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิโต อฺเน มโนทุจฺจริเตน สห ตีณิ ทุจฺจริตานิ, มิจฺฉาทิฏฺิ ปน วิเสเสน สตฺตานํ ฉทนโต, ปรมสาวชฺชตฺตา จ วิสุํ คหิตา. วุตฺตฺจ ‘‘สพฺเพ เต อิเมเหว ทฺวาสฏฺิยา วตฺถูหิ อนฺโตชาลีกตา, เอตฺถ สิตาว อุมฺมุชฺชมานา อุมฺมุชฺชนฺตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๔๖). ตถา มุยฺหนฏฺเน โมโห, อวิทิตกรณฏฺเน อวิชฺชาติ ปวตฺติอาการเภเทน อฺาณเมว ทฺวิธา วุตฺตํ. ตถา หิสฺส ทฺวิธาปิ ฉทนตฺโถ กถิโต ‘‘อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ โมโห สหเต นร’’นฺติ, (มหานิ. ๕, ๑๕๖, ๑๙๕) ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก, เววิจฺฉา ปมาทา นปฺปกาสตี’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๓๙; จูฬนิ. ปารายนวคฺค.๒) จ. เอวํ ราคโทสาทีนมฺปิ ฉทนตฺโถ วตฺตพฺโพ. มหาปทานฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓) ปน ราคโทสโมหมานทิฏฺิกิเลสตณฺหาวเสน สตฺต ปาปธมฺมา คหิตา. ตตฺร รฺชนฏฺเน ราโค, ตณฺหายนฏฺเน ตณฺหาติ ปวตฺติอาการเภเทน โลโภ เอว ทฺวิธา วุตฺโต. ตถา หิสฺส ทฺวิธาปิ ฉทนตฺโถ เอกนฺติโกว. ยถาห ‘‘อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ ราโค สหเต นร’’นฺติ, ‘‘กามนฺธา ชาลสฺฉนฺนา, ตณฺหาฉทนฉาทิตา’’ติ ¶ (อุทา. ๙๔) จ, กิเลสคฺคหเณน จ วุตฺตาวสิฏฺา วิจิกิจฺฉาทโย วุตฺตา.
สตฺตหิ ปฏิจฺฉนฺเนติ เหตุคพฺภวจนํ, สตฺตหิ ปาปธมฺเมหิ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา กิเลสวเสน อนฺธกาเร โลเกติ อตฺโถ. ตํ ฉทนนฺติ สตฺตปาปธมฺมสงฺขาตํ ฉทนํ. วิวฏฺเฏตฺวาติ วิวฏฺฏํ กตฺวา วิคเมตฺวา. ตเทว ปริยายนฺตเรน วุตฺตํ ‘‘สมนฺตโต สฺชาตาโลโก หุตฺวา’’ติ. กิเลสฉทนวิคโม เอว หิ อาโลโก, เอเตน วิวฏฺฏยิตพฺโพ วิคเมตพฺโพติ วิวฏฺโฏ, ฉาเทติ ปฏิจฺฉาเทตีติ ฉโท, วิวฏฺโฏ ฉโท อเนนาติ วิวฏฺฏจฺฉทา,วิวฏฺฏจฺฉโท วาติ อตฺถํ ทสฺเสติ. อยฺหิ วิวฏฺฏจฺฉทสทฺโท ทฬฺหธมฺมปจฺจกฺขธมฺมสทฺทาทโย วิย ปุลฺลิงฺควเสน อาการนฺโต, โอการนฺโต จ โหติ. ตถา หิ มหาปทานฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘ราคโทสโมหมานทิฏฺิกิเลสตณฺหาสงฺขาตํ ฉทนํ อาวรณํ วิวฏํ วิทฺธํสิตํ วิวฏกํ เอเตนาติ วิวฏจฺฉโท, ‘วิวฏฺฏจฺฉทา’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ’’ติ, (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓) ตสฺสา ลีนตฺถปฺปกาสนิยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘วิวฏฺฏจฺฉทาติ โอการสฺส อาการํ กตฺวา นิทฺเทโส’’ติ. สทฺทวิทู ปน ‘‘อาธนฺวาทิโตติ ลกฺขเณน สมาสนฺตคเตหิ ธนุสทฺทาทีหิ กฺวจิ อาปจฺจโย’’ติ วตฺวา ‘‘กณฺฑิวธนฺวา, ปจฺจกฺขธมฺมา, วิวฏฺฏจฺฉทา’’ติ ปโยคมุทาหรนฺติ.
กสฺมา ปทตฺตยเมตํ วุตฺตนฺติ อนุโยคํ เหตาลงฺการนเยน ปริหรนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห, ตตฺถาติ จ ¶ ตีสุ ปเทสูติ อตฺโถ. ปูชาวิเสสํ ปฏิคฺคณฺหิตุํ อรหตีติ อรหนฺติ อตฺเถน ปูชารหตา วุตฺตา. ยสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา ปูชารหตาติ ตสฺสา ปูชารหตาย เหตุ วุตฺโต. สวาสนสพฺพกิเลสปฺปหานปุพฺพกตฺตา พุทฺธภาวสฺส พุทฺธตฺตเหตุภูตา วิวฏฺฏจฺฉทตา วุตฺตา. กมฺมาทิวเสน ติวิธํ วฏฺฏฺจ ราคาทิวเสน สตฺตวิโธ ฉโท จ วฏฺฏจฺฉทา, วฏฺฏจฺฉเทหิ วิคโต, วิคตา วา วฏฺฏจฺฉทา ยสฺสาติ วิวฏฺฏจฺฉโท,วิวฏฺฏจฺฉทา วา, ทฺวนฺทปุพฺพโค ปน วิ-สทฺโท อุภยตฺถ โยเชตพฺโพติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิวฏฺโฏ จ วิจฺฉโท จา’’ติ วุตฺตํ. เอวมฺปิ วทนฺติ ‘‘วิวฏฺโฏ จ โส วิจฺฉโท จาติ วิวฏฺฏจฺฉโท, อุตฺตรปเท ¶ ปุพฺพปทโลโปติ อตฺถํ ทสฺเสตี’’ติ. ‘‘อรหํ วฏฺฏาภาเวนา’’ติ อิทํ กิเลเสหิ อารกตฺตา, กิเลสารีนํ สํสารจกฺกสฺสารานฺจ หตตฺตา, ปาปกรเณ จ รหาภาวาติ อตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิทฺหิ ผเลน เหตานุมานทสฺสนํ – ยถา ตํ ธูเมน อคฺคิสฺส, อุทโกเฆน อุปริ วุฏฺิยา, เอเตน จ อตฺเถน อรหภาโว เหตุ, วฏฺฏาภาโว ผลนฺติ อยํ อาจริยมติ. ‘‘ปจฺจยาทีนํ, ปูชาวิเสสสฺส จ อรหตฺตา’’ติ ปน เหตุนา ผลานุมานทสฺสนมฺปิ สิยา ยถา ตํ อคฺคินา ธูมสฺส, อุปริ วุฏฺิยา อุทโกฆสฺส. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฉทนาภาเวนา’’ติ อิทํ ปน เหตุนา ผลานุมานทสฺสนํ สวาสนสพฺพกิเลสจฺฉทนาภาวปุพฺพกตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธภาวสฺส. อรหตฺตมคฺเคน หิ วิจฺฉทตา, สพฺพฺุตฺาเณน สมฺมาสมฺพุทฺธภาโว. ‘‘วิวฏฺโฏ จ วิจฺฉโท จา’’ติ อิทํ เหตุทฺวยํ. กามฺจ อาจริยมติยา ผเลน เหตุอนุมานทสฺสเน วิวฏฺฏตา ผลเมว โหติ, เหตุอนุมานทสฺสนสฺส, ปน ตถาาณสฺส จ เหตุภาวโต เหตุเยว นามาติ เวทิตพฺพํ.
เอวํ ปทตฺตยวจเน เหตาลงฺการนเยน ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ จตุเวสารชฺชวเสนปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทุติเยนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ทุติเยน เวสารชฺเชนาติ ‘‘จตฺตาริมานิ ภิกฺขเว ตถาคตสฺส เวสารชฺชานิ, เยหิ เวสารชฺเชหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๔.๘; ม. นิ. ๑.๑๕๐) ภควตา วุตฺตกฺกเมน ทุติยภูเตน ‘‘ขีณาสวสฺส เต ปฏิชานโต ‘อิเม อาสวา อปริกฺขีณา’ติ, ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สห ธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ ภิกฺขเว น สมนุปสฺสามิ, เอตมหํ ภิกฺขเว นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามี’’ติ ปริทีปิเตน เวสารชฺเชน. ปุริมสิทฺธีติ ปุริมสฺส ‘‘อรห’’นฺติ ปทสฺส อตฺถสิทฺธิ อรหตฺตสิทฺธิ, ทุติยเวสารชฺชสฺส ตทตฺถภาวโต เตน เวสารชฺเชน ตทตฺถสิทฺธีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ขีณาสวสฺส เต ปฏิชานโต ‘อิเม อาสวา อปริกฺขีณา’ ติ’’อาทินา วุตฺตเมว หิ ทุติยเวสารชฺชํ ‘‘กิเลเสหิ อารกตฺตา’’ติอาทินา วุตฺโต ‘‘อรห’’นฺติ ปทสฺส อตฺโถติ ¶ . ตโต จ วิฺายติ ‘‘ยถา ทุติเยน ¶ เวสารชฺเชน ปุริมสิทฺธิ, เอวํ ปุริเมนปิ อตฺเถน ทุติยเวสารชฺชสิทฺธี’’ติ. เอวฺจ กตฺวา อิมินา นเยน จตุเวสารชฺชวเสน ปทตฺตยวจเน ปโยชนทสฺสนํ อุปปนฺนํ โหติ. อิตรถา หิ กิฺจิปโยชนาภาวโต อิทํเยว วจนํ อิธ อวตฺตพฺพํ สิยาติ. เอส นโย เสเสสุปิ.
ปเมนาติ วุตฺตนเยน ปมภูเตน ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต ‘อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’ติ, ตตฺร…เป… วิหรามี’’ติ ปริทีปิเตน เวสารชฺเชน. ทุติยสิทฺธีติ ทุติยสฺส ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ ปทสฺส อตฺถสิทฺธิ พุทฺธตฺตสิทฺธิ ตสฺส ตทตฺถภาวโต. ตติยจตุตฺเถหีติ วุตฺตนเยเนว ตติยจตุตฺถภูเตหิ ‘‘เย โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายาติ, ตตฺร…เป… วิหรามี’’ติ จ ‘‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต, โส น นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายาติ, ตตฺร…เป… วิหรามี’’ติ (อ. นิ. ๔.๘; ม. นิ. ๑.๑๕๐) จ ปริทีปิเตหิ เวสารชฺเชหิ. ตติยสิทฺธีติ ตติยสฺส ‘‘วิวฏฺฏจฺฉทา’’ติ ปทสฺส อตฺถสิทฺธิ วิวฏฺฏจฺฉทตฺถสิทฺธิ เตหิ ตสฺส ปากฏภาวโตติ อตฺโถ. ‘‘ยาถาวโต อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺมาปเทเสน หิ สตฺถุ วิวฏฺฏจฺฉทภาโว โลเก ปากโฏ อโหสี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘) อาจริเยน วุตฺตํ, วิวฏฺฏจฺฉทภาเวเนว อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺมเทสนาสิทฺธิโต ‘‘ตติเยน ตติยจตุตฺถสิทฺธี’’ติปิ วตฺตุํ ยุชฺชติ.
เอวํ ปทตฺตยวจเน จตุเวสารชฺชวเสน ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ จกฺขุตฺตยวเสนปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปุริมฺจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จ-สทฺโท อุปนฺยาสตฺโถ. ปุริมํ ‘‘อรห’’นฺติ ปทํ ภควโต เหฏฺิมมคฺคผลตฺตยาณสงฺขาตํ ธมฺมจกฺขุํ สาเธติ กิเลสารีนํ, สํสารจกฺกสฺส อรานฺจ หตภาวทีปนโต. ทุติยํ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ ปทํ อาสยานุสยอินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณสงฺขาตํ พุทฺธจกฺขุํ สาเธติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺเสว ตํสมฺภวโต. ตเทตฺหิ าณทฺวยํ สาวกปจฺเจกพุทฺธานํ น สมฺภวติ. ตติยํ ‘‘วิวฏฺฏจฺฉทา’’ติ ปทํ สพฺพฺุตฺาณสงฺขาตํ สมนฺตจกฺขุํ สาเธติ สวาสนสพฺพกิเลสปฺปหานทีปนโต. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ หิ วตฺวา ‘‘วิวฏฺฏจฺฉทา’’ติ วจนํ สมฺมาสมฺพุทฺธภาวาย สวาสนสพฺพกิเลสปฺปหานํ วิภาเวตีติ. ‘‘อหํ โข ปน ตาต อมฺพฏฺ มนฺตานํ ทาตา’’ติ อิทํ อปฺปธานํ, ‘‘ตฺวํ มนฺตานํ ปฏิคฺคเหตา’’ติ อิทเมว ปธานํ สมุตฺเตชนาวจนนฺติ สนฺธาย ¶ ‘‘ตฺวํ มนฺตานํ ปฏิคฺคเหตาติ อิมินา’สฺส มนฺเตสุ สูรภาวํ ชเนตี’’ติ วุตฺตํ, ลกฺขณวิภาวเน วิสทาณตาสงฺขาตํ สูรภาวํ ชเนตีติ อตฺโถ.
๒๕๙. เอวํ ¶ โภติ เอตฺถ เอวํ-สทฺโท วจนสมฺปฏิจฺฉเน นิปาโต, วจนสมฺปฏิจฺฉนฺเจตฺถ ตถา มยํ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ เวทิสฺสาม, ตฺวํ มนฺตานํ ปฏิคฺคเหตาติ จ เอวํ ปวตฺตสฺส โปกฺขรสาติโน วจนสฺส สมฺปฏิคฺคโห. ‘‘ตสฺสตฺโถ’’ติอาทินาปิ หิ ตเทวตฺถํ ทสฺเสติ. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส ปฏิสฺสุตฺวา’’ติ, ตํ ปเนส อาจริยสฺส สมุตฺเตชนาย ลกฺขเณสุ วิคตสมฺโมหภาเวน พุทฺธมนฺเต สมฺปสฺสมานตฺตา วทตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ตายาติ ตาย ยถาวุตฺตาย สมุตฺเตชนายา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๙) อาจริเยน วุตฺตํ, อธุนา ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ตาย อาจริยกถายา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. อตฺถโต เจส อวิรุทฺโธเยว. มนฺเตสุ สติสมุปฺปาทิกา หิ กถา สมุตฺเตชนาติ.
อยานภูมินฺติ ยานสฺส อภูมึ, ยาเนน ยาตุมสกฺกุเณยฺยฏฺานภูตํ, ทฺวารโกฏฺกสมีปํ คนฺตฺวาติ อตฺโถ.
อวิเสเสน วุตฺตสฺสปิ วจนสฺส อตฺโถ อฏฺกถาปมาณโต วิเสเสน คเหตพฺโพติ อาห ‘‘ิตมชฺฌนฺหิกสมเย’’ติ. สพฺเพสมาจิณฺณวเสน ปมนยํ วตฺวา ปธานิกานเมว อาเวณิกาจิณฺณวเสน ทุติยนโย วุตฺโต. ทิวาปธานิกาติ ทิวาปธานานุยฺุชนกา, ทิวสภาเค สมณธมฺมกรณตฺถํ เต เอวํ จงฺกมนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ตาทิสานฺหี’’ติอาทิ. ‘‘ปริเวณโต ปริเวณมาคจฺฉนฺโต ปปฺโจ โหติ, ปุจฺฉิตฺวาว ปวิสิสฺสามี’’ติ อมฺพฏฺสฺส ตทุปสงฺกมนาธิปฺปายํ วิภาเวนฺโต ‘‘โส กิรา’’ติอาทิมาห.
๒๖๐. อภิฺาตกุเล ชาโต อภิฺาตโกลฺโ. กามฺจ วกฺขมานนเยน ปุพฺเพ อมฺพฏฺกุลมปฺาตํ, ตทา ปน ปฺาตนฺติ อาห ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิ. รูปชาติมนฺตกุลาปเทเสหีติ ‘‘อยมีทิโส’’ติ อปทิสนเหตุภูเตหิ จตูหิ รูปชาติมนฺตกุเลหิ. เยน เต ¶ ภิกฺขู จินฺตยึสุ, ตทธิปฺปายํ อาวิ กาตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อวิเสสโต วุตฺตมฺปิ วิเสสโต วิฺายมานตฺถํ สนฺธาย ภาสิตวจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘คนฺธกุฏึ สนฺธายา’’ติ อิมินา. เอวมีทิเสสุ.
อตุริโตติ อเวคายนฺโต, ‘‘อตุรนฺโต’’ติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. กถํ ปวิสนฺโต อตรมาโน ปวิสติ นามาติ อาห ‘‘สณิก’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ปทปฺปมาณฏฺาเนติ ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตเร มุฏฺิรตนปมาณฏฺาเน. สินฺทุวาโร นาม เอโก ปุปฺผูปครุกฺโข, ยสฺส เสตํ ปุปฺผํ โหติ, โย ¶ ‘‘นิคฺคุณฺฑี’’ ติปิ วุจฺจติ. ปมุขนฺติ คนฺธกุฏิคพฺภปมุขํ. ‘‘กฺุจิกจฺฉิทฺทสมีเป’’ติ วุตฺตวจนํ สมตฺเถตุํ ‘‘ทฺวารํ กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๒๖๑. ‘‘ทานํ ททมาเนหี’’ติ อิมินา ปารมิตานุภาเวน สยเมว ทฺวารวิวรณํ ทสฺเสติ.
ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสูติ เอตฺถ สมตฺเถน สํ-สทฺเทน วิฺายมานํ ภควโต เตหิ สทฺธึ ปมํ ปวตฺตโมทตาสงฺขาตํ เนยฺยตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา’’ติอาทิมาห. ภควาปิ หิ ‘‘กจฺจิ โภ มาณวา ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทีนิ ปุจฺฉนฺโต เตหิ มาณเวหิ สทฺธึ ปุพฺพภาสิตาย ปมฺเว ปวตฺตโมโท อโหสิ. สมปฺปวตฺตโมทาติ ภควโต ตทนุกรเณน สมํ ปวตฺตสํสนฺทนา. ตทตฺถํ สห อุปมาย ทสฺเสตุํ ‘‘สีโตทกํ วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปรมนิพฺพุตกิเลสทรถตาย ภควโต สีโตทกสทิสตา, อนิพฺพุตกิเลสทรถตาย จ มาณวานํ อุณฺโหทกสทิสตา ทฏฺพฺพา. สมฺโมทิตนฺติ สํสนฺทิตํ. มุทสทฺโท เหตฺถ สํสนฺทเนเยว, น ปาโมชฺเช, เอวฺหิ ยถาวุตฺตอุปมาวจนํ สมตฺถิตํ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เอกีภาว’’นฺติ, สมฺโมทนกิริยาย สมานตํ เอกรูปตนฺติ อตฺโถ.
ขมนียนฺติ ‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ ทุกฺขพหุลตาย สภาวโต ทุสฺสหํ กจฺจิ ขมิตุํ สกฺกุเณยฺย’’นฺติ ปุจฺฉนฺติ, ยาปนียนฺติ อาหาราทิปจฺจยปฏิพทฺธวุตฺติกํ จิรปฺปพนฺธสงฺขาตาย ยาปนาย กจฺจิ ยาเปตุํ สกฺกุเณยฺยํ, สีสโรคาทิอาพาธาภาเวน กจฺจิ อปฺปาพาธํ, ทุกฺขชีวิกาภาเวน กจฺจิ อปฺปาตงฺกํ, ตํตํกิจฺจกรเณ อุฏฺานสุขตาย กจฺจิ ลหุฏฺานํ, ตทนุรูปพลโยคโต กจฺจิ พลํ, สุขวิหารผลสพฺภาเวน กจฺจิผาสุวิหาโร อตฺถีติ สพฺพตฺถ กจฺจิ-สทฺทํ โยเชตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. พลปฺปตฺตา ¶ ปีติ ปีติเยว. ตรุณา ปีติ ปาโมชฺชํ. สมฺโมทนํ ชเนติ กโรตีติ สมฺโมทนิกํ, ตเทว สมฺโมทนิยํ ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา. สมฺโมเทตพฺพโต สมฺโมทนียนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต’’ติ อิมินา. เอวํ อาจริเยหิ วุตฺตํ. สมฺโมทิตุํ อรหตีติ สมฺโมทนิกํ, ตเทว สมฺโมทนิยํ ยถาวุตฺตนเยนาติ อิมมตฺถมฺปิ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘สาเรตุ’’นฺติ เอตสฺส ‘‘นิรนฺตรํ ปวตฺเตตุ’’นฺติ อตฺถวจนํ. สริตพฺพภาวโตติ อนุสฺสริตพฺพภาวโต. ‘‘สาเรตุํ อรหตี’’ติ อตฺเถ ยถาปทํ ทีเฆน ‘‘สารณีย’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘สริตพฺพ’’นฺติ อตฺเถ ปน ‘‘สรณีย’’นฺติ วตฺตพฺเพ ทีฆํ กตฺวา ‘‘สารณีย’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ สทฺทโต อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺถมตฺตโต ทสฺเสตุํ ‘‘สุยฺยมานสุขโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุยฺยมานสุขโตติ อาปาถมธุรตฺตมาห, อนุสฺสริยมานสุขโตติ วิมทฺทรมณียตฺตํ. พฺยฺชนปริสุทฺธตายาติ สภาวนิรุตฺติภาเวน ตสฺสา กถาย ¶ วจนจาตุริยํ, อตฺถปริสุทฺธตายาติ อตฺถสฺส นิรุปกฺกิเลสตฺตํ. อเนเกหิ ปริยาเยหีติ อเนเกหิ การเณหิ.
อปสาเทสฺสามีติ มงฺกุํ กริสฺสามิ. อุโภสุ ขนฺเธสุ สาฏกํ อาสชฺเชตฺวา กณฺเ โอลมฺพนํ สนฺธาย ‘‘กณฺเ โอลมฺพิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ทุสฺสกณฺณํ คเหตฺวาติ นิวตฺถสาฏกสฺส โกฏึ เอเกน หตฺเถน คเหตฺวา. จงฺกมิตุมารุหนํ สนฺธาย ‘‘จงฺกมํ อภิรุหิตฺวา’’ติ อาห. ธาตุสมตาติ รสาทิธาตูนํ สมาวตฺถตา, อโรคตาติ อตฺโถ. ปาสาทิกตฺถนฺติ ปสาทชนนตฺถํ ‘‘คตคตฏฺาเน’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ‘‘ปาสาทิกตฺตา’’ติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ – องฺคปจฺจงฺคานํ ปสาทาวหตฺตาติ, ‘‘อุปฺปนฺนพหุมานา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อุปฺปณฺฑนกถนฺติ อวหสิตพฺพตายุตฺตกถํ. ‘‘อนาจารภาวสารณีย’’นฺติ ตสฺส วิเสสนํ, อนาจารภาเวน สารณียํ ‘‘อนาจาโร วตาย’’นฺติ สริตพฺพกนฺติ อตฺโถ.
๒๖๒. กาตุํ ทุกฺกรมสกฺกุเณยฺยํ กิจฺจมยํ อารภีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ภวคฺคํ คเหตุกาโม วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสกฺกุเณยฺยฺเหตํ สเทวเกนปิ โลเกน, ยทิทํ ภควโต อปสาทนํ. เตนาห ‘‘อฏฺาเน วายมตี’’ติ. หนฺท เตน สทฺธึ มนฺเตมีติ เอวํ อฏฺาเน วายมนฺโตปิ อยํ พาโล ‘‘มยิ กิฺจิ อกเถนฺเต มยา สทฺธึ อุตฺตริ กเถตุมฺปิ ¶ น วิสหตี’’ติ มานเมว ปคฺคณฺหิสฺสติ, กเถนฺเต ปน กถาปสงฺเคนสฺส ชาติโคตฺเต วิภาวิเต มานนิคฺคโห ภวิสฺสติ, ‘‘หนฺท เตน สทฺธึ มนฺเตมี’’ติ ภควา อมฺพฏฺํ มาณวํ เอตทโวจาติ อตฺโถ. อาจารสมาจารสิกฺขาปเนน อาจริยา, เตสํ ปน อาจริยานํ ปกฏฺา อาจริยาติ ปาจริยา ยถา ‘‘ปปิตามโห’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อาจริเยหิ จ เตสํ อาจริเยหิ จา’’ติ วุตฺตํ.
ปมอิพฺภวาทวณฺณนา
๒๖๓. กิฺจาปิ ‘‘สยาโน วา’’ติอาทิวจนํ น วตฺตพฺพํ, มานวเสน ปน ยุคคฺคาหํ กโรนฺโต วทตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กามํ ตีสู’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตีสุ อิริยาปเถสูติ านคมนนิสชฺชาสุ. เตสฺเวว หิ อาจริเยน สทฺธึ สลฺลปิตุมรหติ, น ตุ สยเน ครุกรณียานํ สยานานมฺปิ สมฺมุขา ครุกาเรหิ สยนสฺส อกตฺตพฺพภาวโต. กถาสลฺลาปนฺติ กถาวเสน ยุคคฺคาหกรณตฺถํ สลฺลปนํ. สยาเนน หิ อาจริเยน สทฺธึ สยานสฺส กถา นาม อาจาโร น โหติ, ตถาเปตํ อิตเรหิ สทิสํ กตฺวา กถนํ อิธ กถาสลฺลาโป.
ยํ ¶ ปเนตํ ‘‘สยาโน วา หิ โภ โคตม พฺราหฺมโณ สยาเนน พฺราหฺมเณน สทฺธึ สลฺลปิตุมรหตี’’ติ วุตฺตสฺส สลฺลาปสฺส อนาจารภาววิภาวนํ สตฺถารา อมฺพฏฺเน สทฺธึ กเถนฺเตน กตํ, ตํ ปาฬิวเสน สงฺคีติมนารุฬฺหมฺปิ อครหิตาย อาจริยปรมฺปราย ยาวชฺชตนา สมาภตนฺติ ‘‘เย จ โข เต โภ โคตมา’’ติอาทิกาย อุปริปาฬิยา สมฺพนฺธภาเวน ทสฺเสนฺโต ‘‘ตโต กิรา’’ติอาทิมาห. โครูปนฺติ โค นูน รูปกวเสน วุตฺตตฺตา, รูปสทฺทสฺส จ ตพฺภาววุตฺติโต. ยทิ อหีเฬนฺโต ภเวยฺย, ‘‘มุณฺฑา สมณา’’ติ วเทยฺย, หีเฬนฺโต ปน ครหตฺเถน ก-สทฺเทน ปทํ วฑฺเฒตฺวา ‘‘มุณฺฑกา สมณกา’’ติ วทตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘มุณฺเฑ มุณฺฑา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิพฺภาติ คหปติกาติ อตฺถมตฺตวจนํ, สทฺทโต ปน อิภสฺส ปโยโค อิโภ อุตฺตรปทโลเปน, ตํ อิภํ อรหนฺตีติ อิพฺภา ทฺวิตฺตํ กตฺวา. กึ วุตฺตํ โหติ – ยถา โสภนํ คมนโต อิภสงฺขาโต หตฺถิวาหนภูโต ปรสฺส วเสน ปวตฺตติ, น อตฺตโน, เอวเมเตปิ พฺราหฺมณานํ สุสฺสูสกา สุทฺทา ปรสฺส วเสน ¶ ปวตฺตนฺติ, น อตฺตโน, ตสฺมา อิภสทิสปโยคตาย อิพฺภาติ. เต ปน กุฏุมฺพิกตาย ฆรวาสิโน ฆรสามิกา โหนฺตีติ อตฺถมตฺตํ ทสฺเสติ ‘‘คหปติกา’’ติ อิมินา.
กณฺหาติ กณฺหชาติกา. ทฺวิชา เอว หิ สุทฺธชาติกา, น อิตเรติ ตสฺสาธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘กาฬกา’’ติ. ปิตามหภาเวน าติพนฺธวตฺตา พนฺธุ. เตนาห ‘‘ปิตามโหติ โวหรนฺตี’’ติ. อปจฺจาติ ปุตฺตา. มุขโต นิกฺขนฺตาติ พฺราหฺมณานํ ปุพฺพปุริสา พฺรหฺมุโน มุขโต นิกฺขนฺตา, อยํ เตสํ ปมุปฺปตฺตีติ อธิปฺปาโย. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปเนตฺถ วิเสโส – ‘‘อิพฺภา กณฺหา’’ติ วตฺวา ‘‘พนฺธุปาทาปจฺจา’’ติ วทนฺโต กุลวเสน สมณา เวสฺสกุลปริยาปนฺนา, ปมุปฺปตฺติวเสน ปน พฺรหฺมุโน ปิฏฺิปาทโต นิกฺขนฺตา, น ปกติเวสฺสา วิย นาภิโตติ ทสฺเสตีติ, อิทํ ปนสฺส ‘‘มุขโต นิกฺขนฺตา’’ติอาทิวจนโตปิ อติวิย อสมเวกฺขิตปุพฺพวจนํ จตุวณฺณปริยาปนฺนสฺเสว สมณภาวสมฺภวโต. อนิยเมตฺวาติ อวิเสเสตฺวา, อนุทฺเทสิกภาเวนาติ อตฺโถ.
มานเมว นิสฺสาย กเถสีติ มานเมวาปสฺสยํ กตฺวา อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺโต, ปเร จ วมฺเภนฺโต ‘‘มุณฺฑกา สมณกา’’ติอาทิวจนํ กเถสิ. ชานาเปสฺสามีติ อตฺตโน โคตฺตปมาณํ ยาถาวโต วิภาวเนน วิฺาเปสฺสามิ. อตฺโถติ หิตํ, อิจฺฉิตวตฺถุ วา, ตํ ปน กตฺตพฺพกิจฺจเมวาติ วุตฺตํ ‘‘อาคนฺตฺวา กตฺตพฺพกิจฺจสงฺขาโต อตฺโถ’’ติ, โส เอตสฺส อตฺถีติ อตฺถิกํ ยถา ‘‘ทณฺฑิโก’’ติ. ทุติยสฺสปิ ปุคฺคลวาจกสฺส ตทสฺสตฺถิปจฺจยสฺส วิชฺชมานตฺตา ปเมน ¶ ตทารมฺมณิกจิตฺตเมว วิฺายตีติ อาห ‘‘ตสฺส มาณวสฺส จิตฺต’’นฺติ. อตฺถิกมสฺส อตฺถีติ อตฺถิกวา ยถา ‘‘คุณวา’’ติ.
‘‘ยาเยว โข ปนตฺถายา’’ติ ลิงฺควิปลฺลาสวเสน วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เยเนว โข ปนตฺเถนา’’ติ อิมินา. เตเนวาห ‘‘ตเมว อตฺถนฺติ อิทํ ปุริสลิงฺควเสเนว วุตฺต’’นฺติ. ตตฺถ หิ สาภาวิกลิงฺคตาทสฺสเนน อิธ อสาภาวิกลิงฺคตาสิทฺธีติ. อยํ ปเนตฺถ อฏฺกถาโต อปโร นโย – ยาย อตฺถายาติ ปุลฺลิงฺควเสเนว ตทตฺเถ สมฺปทานวจนํ, ยสฺส กตฺตพฺพกิจฺจสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส อตฺถายาติ อตฺโถติ. อสฺสาติ อมฺพฏฺสฺส ¶ ทสฺเสตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อฺเสํ สนฺติกํ อาคตานนฺติ ครุฏฺานิยานํ สนฺติกมุปคตานํ สาธุรูปานํ. วตฺตนฺติ เตสํ สมาจิณฺณํ. ปกรณโตเยว ‘‘อาจริยกุเล’’ติ อตฺโถ วิฺายติ, ‘‘อวุสิตวา’’ติ จ อสิกฺขิตภาโวเยว โวหารวเสน วุตฺโต ยถา ตํ จีวรทานํ ติจีวเรน อจฺฉาเทสีติ. เตนาห ‘‘อาจริยกุเล อวุสิตวา อสิกฺขิโต’’ติ. อสิกฺขิตตฺตา เอว อปฺปสฺสุโต, ‘‘วุสิตมานี’’ติ จ ปทาเปกฺขาย อปริโยสิตวจนตฺตา สมาโนติ ปาเสโสติ ทสฺเสติ ‘‘อปฺปสฺสุโตว สมาโน’’ติ อิมินา. พาหุสจฺจฺหิ นาม ยาวเทว อุปสมตฺถํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตทภาวโต ปนายํ อมฺพฏฺโ อวุสิตวา อสิกฺขิโต อปฺปสฺสุโตติ วิฺายตีติ เอวมฺปิ อตฺถาปตฺติโต การณํ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘กิมฺตฺร อวุสิตตฺตา’’ติ. อิมมฺปิ สมฺพนฺธํ ทีเปติ ‘‘เอตสฺส หี’’ติอาทินา. ยถารุตโต ปน ผรุสวจนสมุทาจาเรน อนุปสมการณทสฺสนเมตํ. ตตฺรายํ โยชนา – ‘‘กิมฺตฺร อวุสิตตฺตา’’ติ อิทํ การณํ เอตสฺส อมฺพฏฺสฺส ผรุสวจนสมุทาจาเร การณนฺติ. ‘‘ผรุสวจนสมุทาจาเรนา’’ติปิ ปาโ, ตถา สมุทาจารวเสน วุตฺตํ การณนฺติ อตฺโถ. เอวมฺปิ โยเชนฺติ – อวุสิตตฺตา อวุสิตภาวํ อฺตฺร เปตฺวา เอตสฺส เอวํ ผรุสวจนสมุทาจาเร การณํ กิมฺํ อตฺถีติ. ปุริมโยชนาเวตฺถ ยุตฺตตรา ยถาปาํ โยเชตพฺพโต. ‘‘อฺตฺรา’’ติ นิปาตโยคโต อวุสิตตฺตาติ อุปโยคตฺเถ นิสฺสกฺกวจนํ. ตเทว การณํ สมตฺเถติ ‘‘อาจริยกุเล’’ติอาทินา.
๒๖๔. โกธสงฺขาตสฺส ปรสฺส วสานุคตจิตฺตตาย อสกมโน. มานนิมฺมทนตฺถนฺติ มานสฺส นิมฺมทนตฺถํ อภิมทฺทนตฺถํ, อมทนตฺถํ วา, มานมทวิรหตฺถนฺติ อตฺโถ. โทสํ อุคฺคิเลตฺวาติ สิเนหปาเนน กิลินฺนํ วาตปิตฺตเสมฺหโทสํ อุพฺพมนํ กตฺวา. โคตฺเตน โคตฺตนฺติ อมฺพฏฺเเนว ภควตา ปุฏฺเน วุตฺเตน สาวชฺเชน ปุราตนโคตฺเตน อธุนา อนวชฺชสฺิตํ โคตฺตํ. กุลาปเทเสน กุลาปเทสนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อุฏฺาเปตฺวาติ สาวชฺชโต อุฏฺหนํ กตฺวา, อุทฺธริตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. โคตฺตฺเจตฺถ อาทิปุริสวเสน, กุลาปเทโส ปน ตทนฺวเย อุปฺปนฺนาภิฺาตปุริสวเสน ¶ คเหตพฺโพ ยถา ‘‘อาทิจฺโจ มาฆโว’’ติ. สากิยานฺหิ อาทิจฺจโคตฺตํ อทิติยา นาม เทวธีตาย ปุตฺตภูตํ อาทิปุริสํ ¶ ปติ โหติ, ตํ ‘‘โคตมโคตฺต’’นฺติปิ วทนฺติ. ยถาห ปพฺพชฺชาสุตฺเต –
‘‘อาทิจฺจา นาม โคตฺเตน, สากิยา นาม ชาติยา;
ตมฺหา กุลา ปพฺพชิโตมฺหิ, น กาเม อภิปตฺถย’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๒๕);
มาฆวกุลํ ปน ตทนฺวเย อภิฺาตํ มจลคามิกปุริสํ ปติ โหตีติ. โคตฺตมูลสฺส คารยฺหตาย อมานวตฺถุภาวปเวทนโต ‘‘มานทฺธชํ มูเล เฉตฺวา นิปาเตสฺสามี’’ติ วุตฺตํ. ฆฏฺเฏนฺโตติ ชาติโคตฺตวเสน โอมสนฺโต. หีเฬนฺโตติ หีฬนํ ครหํ กโรนฺโต. ‘‘จณฺฑา โภ โคตม สกฺยชาตี’’ติอาทินา สากิเยสุ จณฺฑภาวาทิโทสํ ปาปิเตสุ สมโณปิ โคตโม ปาปิโต ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาโย.
ยสฺมึ มานุสฺสยโกธุสฺสยา อฺมฺูปตฺถทฺธา, โส ‘‘จณฺโฑ’’ติ วุจฺจตีติ ทสฺเสติ ‘‘มานนิสฺสิตโกธยุตฺตา’’ติ อิมินา, ปกตูปนิสฺสยารมฺมณวเสน เจตฺถ นิสฺสิตภาโว, น สหชาตาทิวเสน. ขราติ จิตฺเตน, วาจาย จ กกฺขฬา. ลหุกาติ ตรุณา อวุทฺธกมฺมา. เตนาห ‘‘อปฺปเกเนวา’’ติอาทิ. อลาพุกฏาหนฺติ ลาพุผลสฺส อเภชฺชกปาลํ. อฏฺกถามุตฺตกนยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภสฺสาติ สาหสิกาติ เกจิ วทนฺติ, สารมฺภกาติ อปเร’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๖๔) อาจริเยน วุตฺตํ. สมานาติ โหนฺตา ภวมานาติ อสสทฺทวเสนตฺโถติ อาห ‘‘สนฺตาติ ปุริมปทสฺเสว เววจน’’นฺติ. น สกฺกโรนฺตีติ สกฺการํ น กโรนฺตีติ อตฺถเมว วิฺาเปติ ‘‘น พฺราหฺมณาน’’นฺติอาทินา. อปจิติกมฺมนฺติ ปณิปาตกมฺมํ. ‘‘ยทิเม สกฺยา’’ติ ปจฺฉิมวากฺเย ย-สทฺทสฺส กิริยาปรามสนสฺส อนิยมสฺส ‘‘ตยิทํ โภ โคตมา’’ติ ปุริมวากฺเย ต-สทฺเทน นิยมนํ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ยํ อิเม สกฺยา’’ติอาทิ. นานุโลมนฺติ อตฺตโน ชาติยา น อนุจฺฉวิกํ.
ทุติยอิพฺภวาทวณฺณนา
๒๖๕. สนฺธาคารปทนิพฺพจนํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ตทา อภิสิตฺตสกฺยราชูนมฺปิ พหุตํ สนฺธายาห ‘‘อภิสิตฺตสกฺยราชาโน’’ติ. กามฺหิ สกฺยราชกุเล โย สพฺเพสํ วุทฺธตโร, สมตฺโถ จ, โส เอว อภิเสกํ ลภติ ¶ . เอกจฺโจ ปน อภิสิตฺโต สมาโน ‘‘อิทํ รชฺชํ นาม พหุกิจฺจํ ¶ พหุพฺยาปาร’’นฺติ ตโต นิพฺพิชฺช รชฺชํ วยสา อนนฺตรสฺส นิยฺยาเตติ, กทาจิ โสปิ อฺสฺสาติ เอวํ ปรมฺปรานิยฺยาตนวเสน ตทา พหู อภิสิตฺตปุพฺพา สกฺยราชาโน โหนฺตีติ อิทํ อาจริยสฺสาภิมตํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๖๕). อปิจ ยถารหํ านนฺตเรสุ อภิสิตฺตสกฺยราชูนมฺปิ พหุตํ สนฺธาย เอวมาหาติปิ ยุชฺชติ. เต หิ ‘‘ราชาโน’’ติ วุจฺจนฺติ. ยถาห –
‘‘ราชาโน นาม ปถพฺยาราชา, ปเทสราชา, มณฺฑลิกา, อนฺตรโภคิกา, อกฺขทสฺสา, มหามตฺตา, เย วา ปน เฉชฺชเภชฺชํ กโรนฺตา อนุสาสนฺติ, เอเต ราชาโน นามา’’ติ (ปารา. ๙๒).
สํหาริเมหิ วาฬรูเปหิ กโต ปลฺลงฺโก, ภทฺทปีํ เวตฺตาสนํ. มิหิตมตฺตํ หสิตมตฺตํ. อนุหสนฺตีติ มมุทฺเทสิกํ มหาหสิตํ กโรนฺติ, อิทฺหิ ‘‘อนุชคฺฆนฺตา’’ติ เอตสฺส สํวณฺณนาปทํ. ชคฺฆสทฺโท จ มหาหสเน ปวตฺตติ ‘‘น อุชฺชคฺฆิกาย อนฺตรฆเร คมิสฺสามี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๕๘๖) วิย.
กณฺหายนโต ปฏฺาย ปรมฺปราคตํ กุลวํสํ อนุสฺสววเสน ชานนฺติ. กุลาภิมานิโน หิ เยภุยฺเยน ปเรสํ อุจฺจาวจํ กุลํ ตถา ตถา อุทาหรนฺติ, อตฺตโน จ กุลวํสํ ชานนฺติ, เอวํ อมฺพฏฺโปิ, ตถา เหส ปรโต ภควตา ปุจฺฉิโต วชิรปาณิ ภเยน อตฺตโน กุลวํสํ ยาถาวโต กเถสีติ. โอลมฺเพตฺวาติ หตฺถิโสณฺฑสณฺานาทินา สาฏกํ อวลมฺเพตฺวา. ตโตติ ตถาชานนโต, คมนโต จ. มมฺเว มฺเติ มมเมว อนุชคฺฆนฺตา มฺเ.
ตติยอิพฺภวาทวณฺณนา
๒๖๖. เขตฺตเลฑฺฑูนนฺติ เขตฺเต กสนวเสน อุฏฺาปิตมตฺติกาขณฺฑานํ. เลฑฺฑุกานมนฺตเร นิวาสิตตฺตา ‘‘เลฑฺฑุกิกา’’ อิจฺเจว (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๖๖) สฺาตา ขุทฺทกสกุณิกา. มชฺฌิมปณฺณาสเก เลฑฺฑุกิโกปมสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘จาตกสกุณิกา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๕๐) วุตฺตา, นิฆณฺฏุสตฺเถสุ ปน ตํ ‘‘ลาปสกุณิกา’’ติ วทนฺติ. โกธวเสน ลคฺคิตุนฺติ อุปนยฺหิตุํ, อาฆาตํ พนฺธิตุนฺติ อตฺโถ.
‘‘อมฺเห ¶ หํสโกฺจโมรสเม กโรตี’’ติ วทนฺโต เหฏฺา คหิตํ ‘‘น ตํ โกจิ หํโส วา โกฺโจ ¶ วา โมโร วา อาคนฺตฺวา กึ ตฺวํ ลปสีติ นิเสเธตี’’ติ อิทมฺปิ วจนํ สงฺคีติมนารุฬฺหํ ตทา ภควตา วุตฺตเมวาติ ทสฺเสติ. ตทา วทนฺโตเยว หิ เอวํ กโรตีติ วตฺตุมรหติ. ‘‘เอวํ นุ เต’’ติอาทิวจนํ, ‘‘อวุสิตวาเยวา’’ติอาทิวจนฺจ มานวเสน สมเณน โคตเมน วุตฺตนฺติ อมฺพฏฺโ มฺตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘นิมฺมาโน ทานิ ชาโตติ มฺมาโน’’ติ.
ทาสิปุตฺตวาทวณฺณนา
๒๖๗. นิมฺมาเทตีติ อ-การสฺส อา-การํ กตฺวา นิทฺเทโส อุมฺมาเท มทสทฺเทน นิปฺผนฺนตฺตาติ ทสฺเสติ ‘‘นิมฺมเทตี’’ติ อิมินา. นิมฺมาเนติ วิคตมาเน. ยทิ ปนาหํ โคตฺตํ ปุจฺเฉยฺยํ สาธุ วตาติ อตฺโถ. ปากฏํ กาตุกมฺยตาย ติกฺขตฺตุํ มหาสทฺเทน อโวจ. กสฺมา อโวจาติ ปน อสุทฺธภาวํ ชานนฺตสฺสาปิ ตถาวจเน การณปุจฺฉา. โคตฺตภูตํ นามเมว อธิปฺเปตํ, น วิสุํ โคตฺตนฺติ อาห ‘‘มาตาเปตฺติกนฺติ มาตาปิตูนํ สนฺตก’’นฺติ. โคตฺตฺหิ ปิติโต ลทฺธพฺพํ เปตฺติกเมว, น มาตาเปตฺติกํ. น หิ พฺราหฺมณานํ สโคตฺตาย เอว อาวาหวิวาโห อิจฺฉิโต, โคตฺตนามํ ปน ชาติสิทฺธํ, น กิตฺติมํ, น คุณนามํ วา, ชาติ จ อุภยสมฺพนฺธินีติ มาตาเปตฺติกเมว, น เปตฺติกมตฺตํ. นามโคตฺตนฺติ โคตฺตภูตํ นามํ, น กิตฺติมํ, น คุณนามํ วา วิเสสนปรนิปาตวเสน วุตฺตตฺตา ยถา ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ. นามฺจ ตเทว ปเวณีวเสน ปวตฺตตฺตา โคตฺตฺจาติ หิ นามโคตฺตํ. ตตฺถ ยา ‘‘กณฺหายโน’’ติ นามปณฺณตฺติ นิรุฬฺหา, ตํ สนฺธายาห ‘‘ปณฺณตฺติวเสน นาม’’นฺติ. ตํ ปเนตํ นามํ กณฺหอิสิโต ปฏฺาย ตสฺมึ กุลปรมฺปราวเสน อาคตํ, น เอตสฺมึเยว นิรุฬฺหนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปเวณีวเสน โคตฺต’’นฺติ. โคตฺตปทสฺส วจนตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.
‘‘อนุสฺสรโต’’ติ เอตฺถ น เกวลํ อนุสฺสรณมตฺตํ อธิปฺเปตํ, อถ โข กุลสุทฺธิวีมํสนวเสเนวาติ อาห ‘‘กุลโกฏึ โสเธนฺตสฺสา’’ติ, กุลคฺคํ วิโสเธนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘อยฺยปุตฺตา’’ติ เอตฺถ อยฺยสทฺโท อยฺยิรเกติ วุตฺตํ ‘‘สามิโน ปุตฺตา’’ติ. จตูสุ ทาสีสุ ¶ ทิสา โอกฺกากรฺโ อนฺโตชาตทาสี. เตนาห ‘‘ฆรทาสิยา ปุตฺโต’’ติ. เอตฺถ จ ยสฺมา อมฺพฏฺโ ชาตึ นิสฺสาย มานถทฺโธ, น จ ตสฺส ยาถาวโต ชาติยา อวิภาวิตาย มานนิคฺคโห กรียติ, อกเต จ มานนิคฺคเห มานวเสน รตนตฺตยํ อปรชฺฌิสฺสติ, กเต ปน มานนิคฺคเห อปรภาเค รตนตฺตเย ปสีทิสฺสติ, น เจทิสี วาจา ผรุสวาจา นาม โหติ จิตฺตสฺส สณฺหภาวโต. มชฺฌิมปณฺณาสเก อภยสุตฺตฺจ (ม. นิ. ๒.๘๓) เอตฺถ นิทสฺสนํ ¶ . เกจิ จ ชนา กกฺขฬาย วาจาย วุตฺตา อคฺคินา วิย โลหาทโย มุทุภาวํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ภควา อมฺพฏฺํ นิพฺพิเสวนํ กตฺตุกาโม ‘‘อยฺยปุตฺตา สกฺยา ภวนฺติ, ทาสิปุตฺโต ตฺวมสิ สกฺยาน’’นฺติ อโวจ.
‘‘อิเธกจฺโจ ปาปภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อตฺตโน ทหตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๙๕) วิย ทหสทฺโท ธารณตฺโถ, ธารณฺเจตฺถ ปุพฺพปุริสวเสน สฺาปนนฺติ อาห ‘‘โอกฺกาโก โน ปุพฺพปุริโส’’ติอาทิ. ทหสทฺทฺหิ ภสฺมีกรเณ, ธารเณ จ อิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. ปภา นิจฺฉรตีติ ปภสฺสรํ หุตฺวา นิกฺขมติ ตถารูเปน ปฺุกมฺเมน ทนฺตานํ ปภสฺสรภาวโต.
เตติ เชฏฺกุมาเร. ปมกปฺปิกานนฺติ ปมกปฺปสฺส อาทิกาเล นิพฺพตฺตานํ. กิรสทฺเทน เจตฺถ อนุสฺสวตฺเถน, โย วุจฺจมานาย ราชปรมฺปราย เกสฺจิ มติเภโท, ตํ อุลฺลิงฺเคติ. อนุสฺสววจเนเนว หิ อนนุสฺสุโต อุตฺตรวิหารวาสิอาทีนํ มติเภโท นิรากรียตีติ. มหาสมฺมตสฺสาติ อคฺคฺสุตฺเต วกฺขมานนเยน ‘‘อยํ โน ราชา’’ติ มหาชเนน สมฺมนฺนิตฺวา ปิตตฺตา ‘‘มหาสมฺมโต’’ติ เอวํ สมฺมตสฺส. ยํ สนฺธาย วทนฺติ –
‘‘อาทิจฺจกุลสมฺภูโต, สุวิสุทฺธคุณากโร;
มหานุภาโว ราชาสิ, มหาสมฺมตนามโก.
โย จกฺขุภูโต โลกสฺส, คุณรํสิสมุชฺชโล;
ตโมนุโท วิโรจิตฺถ, ทุติโย วิย ภาณุมา.
ปิตา ¶ เยน มริยาทา, โลเก โลกหิเตสินา;
ววตฺถิตา สกฺกุณนฺติ, น วิลงฺฆยิตุ ชนา.
ยสสฺสินํ เตชสฺสินํ, โลกสีมานุรกฺขกํ;
อาทิภูตํ มหาวีรํ, กถยนฺติ ‘มนู’ติ ย’’นฺติ. (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๖๗);
ตสฺส จ ปุตฺตปปุตฺตปรมฺปรํ สนฺธาย เอวํ วทนฺติ –
‘‘ตสฺส ¶ ปุตฺโต มหาเตโช, โรโช นาม มหีปติ;
ตสฺส ปุตฺโต วรโรโช, ปวโร ราชมณฺฑเล.
ตสฺสาสิ กลฺยาณคุโณ, กลฺยาโณ นาม อตฺรโช;
ราชา ตสฺสาสิ ตนโย, วรกลฺยาณนามโก.
ตสฺส ปุตฺโต มหาวีโร, มนฺธาตา กามโภคินํ;
อคฺคภูโต มหินฺเทน, อฑฺฒรชฺเชน ปูชิโต.
ตสฺส สูนุ มหาเตโช, วรมนฺธาตุนามโก;
‘อุโปสโถ’ติ นาเมน, ตสฺส ปุตฺโต มหายโส.
วโร นาม มหาเตโช, ตสฺส ปุตฺโต มหาวโร;
ตสฺสาสิ อุปวโรติ, ปุตฺโต ราชา มหาพโล.
ตสฺส ปุตฺโต มฆเทโว, เทวตุลฺโย มหีปติ;
จตุราสีติ สหสฺสานิ, ตสฺส ปุตฺตปรมฺปรา.
เตสํ ปจฺฉิมโก ราชา, ‘โอกฺกาโก’อิติ วิสฺสุโต;
มหายโส มหาเตโช, อขุทฺโท ราชมณฺฑเล’’ติ. (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๖๗);
อิทํ อฏฺกถานุปโรธวจนํ. ยํ ปน ทีปวํเส วุตฺตํ –
‘‘ปมาภิสิตฺโต ราชา, ภูมิปาโล ชุตินฺธโร;
มหาสมฺมโต นาเมน, รชฺชํ กาเรสิ ขตฺติโย.
ตสฺส ปุตฺโต โรโช นาม, วรโรโช จ ขตฺติโย;
กลฺยาโณ วรกลฺยาโณ, อุโปสโถ มหิสฺสโร.
มนฺธาตา ¶ สตฺตโม เตสํ, จตุทีปมฺหิ อิสฺสโร;
วโร ¶ อุปวโร ราชา, เจติโย จ มหิสฺสโร’’ติอาทิ.
ยฺจ มหาวํสาทีสุ วุตฺตํ –
‘‘มหาสมฺมตราชสฺส, วํสโช หิ มหามุนิ;
กปฺปาทิสฺมึ ราชาสิ, มหาสมฺมตนามโก.
โรโช จ วรโรโช จ, ตถา กลฺยาณกา ทุเว;
อุโปสโถ จ มนฺธาตา, วรโก ปวรา ทุเว’’ติอาทิ.
สพฺพเมตํ เยภุยฺยโต อฏฺกถาวิโรธวจนํ. อฏฺกถายฺหิ มนฺธาตุราชา ฉฏฺโ วุตฺโต, มฆเทวราชา เอกาทสโม, ตสฺส จ ปุตฺตปรมฺปราย จตุราสีติสหสฺสราชูนํ ปจฺฉิมโก โอกฺกากราชา, เตสุ ปน มนฺธาตุราชา สตฺตโม วุตฺโต, มฆเทวราชา อเนเกสํ ราชสหสฺสานํ ปจฺฉิมโก, ตสฺส จ ปุตฺตปรมฺปราย อเนกราชสหสฺสานํ ปจฺฉิมโก โอกฺกากราชาติ เอวมาทินา อเนกธา วิโรธวจนํ อฏฺกถายํ นิรากโรติ. นนุ อโวจุมฺห ‘‘กิรสทฺเทน เจตฺถ อนุสฺสวตฺเถน, โย วุจฺจมานาย ราชปรมฺปราย เกสฺจิ มติเภโท, ตํ อุลฺลิงฺเคตี’’ติ. เตสํ ปจฺฉโตติ มฆเทวปรมฺปราภูตานํ กฬารชนกปริโยสานานํ จตุราสีติขตฺติยสหสฺสานํ อปรภาเคติ ยถานุสฺสุตํ อาจริเยน วุตฺตํ. ทีปวํสาทีสุ ปน ‘‘กฬารชนกรฺโ ปุตฺตปรมฺปราย อเนกขตฺติยสหสฺสานํ ปจฺฉิมโก ราชา สุชาโต นาม, ตสฺส ปุตฺโต โอกฺกาโก ราชา’’ติ วุตฺตํ. มฆเทวปรมฺปราย อเนกสหสฺสราชูนํ อปรภาเค ปโม โอกฺกาโก นาม ราชา อโหสิ, ตสฺส ปรมฺปราภูตานํ ปน อเนกสหสฺสราชูนํ อปรภาเค ทุติโย โอกฺกาโก นาม ราชา อโหสิ, ตสฺสปิ ปรมฺปราย อเนกสหสฺสราชูนํ อปรภาเค ตติโย โอกฺกาโก นาม ราชา อโหสิ. ตํ สนฺธายาห ‘‘ตโย โอกฺกากวํสา อเหสุ’’นฺติอาทิ.
ชาติยา ปฺจมทิวเส นามกมฺมาทิมงฺคลํ โลกาจิณฺณนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปฺจมทิวเส อลงฺกริตฺวา’’ติ. สหสา วรํ อทาสินฺติ ปุตฺตทสฺสเนน พลวโสมนสฺสปฺปตฺโต ¶ ตุริตํ อวีมํสิตฺวา ตุฏฺิทายวเสน วรํ อทาสึ ‘‘ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คณฺหาหี’’ติ. สาติ ชนฺตุกุมารมาตา. รชฺชํ ปริณาเมตุํ อิจฺฉตีติ มม วรทานํ อนฺตรํ กตฺวา อิมํ รชฺชํ ปริณาเมตุํ อิจฺฉติ.
รชฺชํ ¶ กาเรสฺสนฺตีติ ราชภาวํ มหาชเนน มหาชนํ วา การาเปสฺสนฺติ. นปฺปสเหยฺยาติ นิวาสตฺถาย ปริยตฺโต น ภเวยฺย.
กฬารวณฺณตาย กปิลพฺราหฺมโณ นาม อโหสิ. นิกฺขมฺมาติ ฆราวาสโต กาเมหิ จ นิกฺขมิตฺวา. สาโก นาม สพฺพสารมโย รุกฺขวิเสโส, เยน ปาสาทาทิ กรียเต, ตํสมุทายภูเต วนสณฺเฑติ อตฺโถ. ภูมิยา ปวตฺตํ ภุมฺมํ, ตํ คุณโทสํ ชาเลติ โชเตติ, ตํ วา ชลติ โชตติ ปากฏํ ภวติ เอตายาติ ภุมฺมชาลา. เหฏฺา จาติ เอตฺถ จ-สทฺเทน ‘‘อสีติหตฺเถ’’ติ อิทมนุกฑฺฒติ. เอตสฺมึ ปเทเสติ สากวนสณฺฑมาห. ขนฺธปนฺติวเสน ทกฺขิณาวฏฺฏา. สาขาปนฺติวเสน ปาจีนาภิมุขา. เตหีติ มิคสูกเรหิ, มณฺฑูกมูสิเกหิ จ. เตติ สีหพฺยคฺฆาทโย สปฺปพิฬารา จ.
เอตฺถาติ เอวํ มาปิยมาเน นคเร. ตุมฺหากํ ปุริเสสุ ปริยาปนฺนํ เอเกกมฺปิ ปุริสํ ปจฺจตฺถิกภูตํ อฺํ ปุริสสตมฺปิ ปุริสสหสฺสมฺปิ อภิภวิตุํ น สกฺขิสฺสตีติ โยชนา. จกฺกวตฺติพเลนาติ จกฺกวตฺติพลภาเวน. อติเสยฺโยติ อติวิย อุตฺตโม ภเวยฺย. กปิลสฺส อิสิโน วสนฏฺานตฺตา กปิลวตฺถุ.
เนสํ สนฺติเก ภเวยฺยาติ สมฺพนฺโธ. อสทิสสํโยเคติ ชาติยา อสทิสานํ ฆราวาสปโยเค เหตุภูเต. อวเสสาหิ อตฺตโน อตฺตโน กณิฏฺาหิ.
วฑฺฒมานานนฺติ อนาทเร สามิวจนํ, อนนฺตรายิกาย ปุตฺตธีตุวฑฺฒนาย วฑฺฒมาเนสุ เอว อุทปาทีติ อตฺโถ. โลหิตกตาย โกวิฬารปุปฺผสทิสานิ. กุฏฺโรโค นาม สาสมสูรีโรคา วิย เยภุยฺเยน สงฺกมนสภาโวติ วุตฺตํ ‘‘อยํ โรโค สงฺกมตี’’ติ. อุปริ ปทเรน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปํสุํ ราสิกรเณน ทตฺวา. นาฏกิตฺถิโย ¶ นาม นจฺจนฺติโย. ราชภริยาโย โอโรธา นาม. ตสฺสาติ สุสิรสฺส. มิคสกุณาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน วนจรกเปตาทิเก สงฺคณฺหาติ.
ตสฺมึ รามรฺเ นิสินฺเนติ สมฺพนฺโธ. ปทเรติ ทารุผลเก. ขตฺติยมายาโรจเนน อตฺตโน ขตฺติยภาวํ ชานาเปตฺวา.
มาติกนฺติ มาติโต อาคตํ. ปาภตนฺติ มูลภณฺฑํ, ปณฺณากาโร วา. รฺโติ รามราชสฺส เชฏฺปุตฺตภูตสฺส พาราณสิรฺโ. ตตฺถาติ พาราณสิยํ. อิเธวาติ หิมวนฺตปสฺเสเยว. นครนฺติ ราชธานีภูตํ มหานครํ. โกลรุกฺโข ¶ นาม กุฏฺเภสชฺชุปโค เอโก รุกฺขวิเสโส. พฺยคฺฆปเถติ พฺยคฺฆมคฺเค.
มาตุลาติ มาตุ ภาตโร. เกสคฺคหณนฺติ เกสเวณิพนฺธนํ. ทุสฺสคฺคหณนฺติ วตฺถสฺส นิวสนากาโร. นฺหานติตฺถนฺติ ยถาวุตฺตาย โปกฺขรณิยา อุทกนฺหานติตฺถํ. อิทานิปิ เตสํ ชาติสมฺเภทาภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ เตส’’นฺติอาทิมาห. อาวาโห ทาริกาหรณํ. วิวาโห ทาริกาทานํ. ตตฺถาติ เตสุ สกฺยโกลิเยสุ. ธาตุสทฺทานมเนกตฺถตฺตา สมุสทฺโท นิวาสตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘วสนฺตี’’ติ. อคฺเคติ อุปโยคตฺเถ ภุมฺมวจนํ, อาทฺยตฺเถ จ อคฺคสทฺโท, กิริยาวิเสโสติ จ ทสฺเสติ ‘‘ตํ อคฺค’’นฺติอาทินา. ยเทตฺถ ภควตา วุตฺตํ ‘‘อถ โข อมฺพฏฺ ราชา โอกฺกาโก อุทานํ อุทาเนสิ ‘สกฺยา วต โภ กุมารา, ปรมสกฺยา วต โภ กุมารา’ติ, ตทคฺเค โข ปน อมฺพฏฺ สกฺยา ปฺายนฺตี’’ติ, ตเทตํ สทฺทโต, อตฺถโต จ สาภาวิกนิพฺพจนนิทสฺสนํ ‘‘สกาหิ ภคินีหิปิ สทฺธึ สํวาสวเสน ชาติสมฺเภทมกตฺวา กุลวํสํ อนุรกฺขิตุํ สกฺกุณนฺติ สมตฺเถนฺตีติ สกฺยา’’ติ เตเยว สทฺทรจนาวิเสเสน สากิยา. ยํ ปเนตํ สกฺกตนิฆณฺฏุสตฺเถสุ วุตฺตํ –
‘‘สากรุกฺขปฏิจฺฉนฺนํ, วาสํ ยสฺมา ปุรากํสุ;
ตสฺมา ทิฏฺา วํสชาเต, ภุวิ ‘สกฺยา’ติ วิสฺสุตา’’ติ.
ตเทตํ สทฺทมตฺตํ ปติ อสาภาวิกนิพฺพจนนิทสฺสนํ ‘‘กปิลมุนิโน วสนฏฺาเน สากวเน วสนฺตีติ สกฺยา,สากิยา’’ติ จ.
กาฬวณฺณตาย ¶ กณฺโห นามาติ วุตฺตํ ‘‘กาฬวณฺณ’’นฺติอาทิ. หนุยํ ชาตา มสฺสู, อุตฺตโรฏฺสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ ทาากาเรน ชาตา ทาิกา. อิทฺจ อตฺถมตฺเตน วุตฺตํ, ตทฺธิตวเสน ปน ยถา เอตรหิ ยกฺเข ‘‘ปิสาโจ’’ติ สมฺา, เอวํ ตทา ‘‘กณฺโห’’ติ, ตสฺมา ชาตมตฺเตเยว สพฺยาหรเณน ปิสาจสทิสตาย กณฺโหติ. ตถาหิ วุตฺตํ ‘‘ยถา โข ปน อมฺพฏฺ เอตรหิ มนุสฺสา ปิสาเจ ทิสฺวา ‘ปิสาจา’ติ สฺชานนฺติ, เอวเมว โข อมฺพฏฺ เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ปิสาเจ ‘กณฺหา’ติ สฺชานนฺตี’’ติอาทิ. ตตฺถ ปิสาโจ ชาโตติ อิทานิ ปากฏนาเมน สุวิฺาปนตฺถํ ปุริมปทสฺเสว เววจนํ วุตฺตํ. ‘‘น สกพเฬน มุเขน พฺยาหริสฺสามี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๑๙) วิย อุปสคฺควเสน สทฺทกรณตฺโถ หรสทฺโท, ปุน ทุติโยปสคฺเคน ยุตฺโต อุจฺจาสทฺทกรเณ วตฺตตีติ วุตฺตํ ‘‘อุจฺจาสทฺทมกาสี’’ติ.
๒๖๘. อตฺตโน ¶ อุปารมฺภโมจนตฺถายาติ อาจริเยน, อมฺพฏฺเน จ อตฺตโน อตฺตโน อุปริ ปาเปตพฺโพปวาทสฺส อปนยนตฺถํ. ‘‘อตฺตโน’’ติ เหตํ วิจฺฉาโลปวจนํ. ปริภินฺทิสฺสตีติ อนตฺถกามตาปเวทเนน ปริเภทํ กริสฺสติ, เปสฺุํ อุปสํหริสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถวิฺาปเน สาธนตาย วาจา เอว กรณํ วากฺกรณํ นิรุตฺตินเยน, ตํ กลฺยาณมสฺสาติ กลฺยาณวากฺกรโณ. อสฺมึ วจเนติ เอตฺถ ตสทฺเทน กามํ ‘‘จตฺตาโรเม โภ โคตม วณฺณา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๖๖) อมฺพฏฺเน เหฏฺา วุตฺโต ชาติวาโท ปรามสิตพฺโพ โหติ, ตถาเปส ชาติวาโท เวเท วุตฺตวิธินาเยว เตน ปฏิมนฺเตตพฺโพ, ตสฺมา ปฏิมนฺตนเหตุภาเวน ปสิทฺธํ เวทตฺตยวจนเมว ปรามสิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ‘‘อตฺตนา อุคฺคหิเต เวทตฺตยวจเน’’ติ. อิทานิ ‘‘โปราณํ โข ปน เต อมฺพฏฺ มาตาเปตฺติก’’นฺติอาทินา ภควตา วุตฺตวจนสฺสปิ ปรามสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตสฺมึ วา ทาสิปุตฺตวจเน’’ติ อาห. อปิจ ปฏิมนฺเตตุนฺติ เอตฺถ ปฏิมนฺตนา นาม ปฺหาวิสฺสชฺชนา, อุตฺตริกถนา วา, ตสฺมา อตฺถทฺวยานุรูปํ ตพฺพิสยสฺส ต-สทฺเทน ปรามสนํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ.
๒๖๙. ตาวาติ มนฺตนาย ปมเมว, อกตาย เอว มนฺตนายาติ วุตฺตํ โหติ. ทุชฺชานาติ ทุพฺพิฺเยฺยา, ปมเมว สีสมุกฺขิปิตุํ อสมตฺถนโต ¶ , ชาติยา จ ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา, อฏฺฏสฺส จ ทุกฺกรณโต อมฺพฏฺโ สยเมว โมเจตูติ อธิปฺปาโย. อตฺตนาว สกฺเยสุ อิพฺภวาทนิปาตเนน อตฺตโน อุปริ ปาปุณนํ สนฺธาย ‘‘อตฺตนา พทฺธํ ปุฏก’’นฺติ วุตฺตํ, อตฺตนาว พทฺธํ ปุโฏฬินฺติ อตฺโถ.
๒๗๐. ธมฺโม นาม การณํ ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๑๘ อาทโย) วิย, ธมฺเมน สห วตฺตตีติ สหธมฺโม, โส เอว สหธมฺมิโกติ อาห ‘‘สเหตุโก’’ติอาทิ, ปริยายวจนเมตํ. ชนโก วา เหตุ, อุปตฺถมฺภโก การณํ. อฺเน อฏฺานคเตน อฺํ อฏฺานคตํ วจนํ. เตนาห ‘‘โย หี’’ติอาทิ.
ตโตติ ทฺวิกฺขตฺตุํ โจทนาโต ปรํ, ตติยโจทนาย อนาคตาย เอว ปกฺกมิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ.
๒๗๑. ปูชิตพฺพโต สกฺโก เทวราชา ยกฺโข นาม. โย อคฺคิสฺส ปกติวณฺโณ, เตน สมนฺนาคตนฺติ วุตฺตํ ‘‘อาทิตฺตนฺติ อคฺคิวณฺณ’’นฺติ. กนฺทโล นาม ปุปฺผูปครุกฺขวิเสโส, ยสฺส เสตํ ¶ ปุปฺผํ ปุปฺผติ, มกุฬมฺปิสฺส เสตวณฺณํ ทาาการํ โหติ. วิรูปรูปนฺติ วิปรีตรูปสณฺานํ.
อฏฺมสตฺตาเห อชปาลนิคฺโรธมูเล นิสินฺนสฺส สพฺพพุทฺธสฺส อาจิณฺณสมาจิณฺณํ อปฺโปสฺสุกฺกตํ สนฺธาย ‘‘อหฺเจวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อวตฺตมาเนติ อปฺปฏิปชฺชมาเน, อนนุวตฺตมาเน วา. ตสฺมาติ ตทา ตถาปฏิฺาตตฺตา. ตาเสตฺวา ปฺหํ วิสฺสชฺชาเปสฺสามีติ อาคโต ยถา ตํ มูลปณฺณาสเก อาคตสฺส สจฺจกปริพฺพาชกสฺส สมาคเม (ม. นิ. ๑.๓๕๗).
‘‘ภควา เจว ปสฺสติ อมฺพฏฺโ จา’’ติ เอตฺถ อิตเรสมทสฺสเน ทุวิธมฺปิ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยทิ หี’’ติอาทิมาห. หิ-สทฺโท การณตฺเถ นิปาโต. ยสฺมา อครุ, ยสฺมา จ วเทยฺยุํ, ตสฺมาติ สมฺพนฺโธ. อฺเสมฺปิ สาธารณโต อครุ อภาริยํ. อาวาเหตฺวาติ มนฺตพเลน อวฺหานํ กตฺวา. ตสฺสาติ อมฺพฏฺสฺส. อนฺโตกุจฺฉิ อนฺตอนฺตคุณาทิโก. วาทสงฺฆฏฺเฏติ วาจาสงฺฆฏฺฏเน. มฺมาโนติ มฺนโต. สมฺพนฺธทสฺสนฺเหตํ.
๒๗๒. ตาณํ คเวสมาโนติ ‘‘อยเมว สมโณ โคตโม อิโต ภยโต มม ตายโก’’ติ ภควนฺตํเยว ‘‘ตาณ’’นฺติ ปริเยสนฺโต ¶ , อุปคจฺฉนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ตายตีติ ยถูปฏฺิตภยโต ปาเลติ. เตนาห ‘‘รกฺขตี’’ติ, กตฺตุสาธนเมตํ. นิลียตีติ ยถูปฏฺิเตเนว ภเยน อุปทฺทุโต นิลีโน โหติ, อธิกรณสาธนเมตํ. สรสทฺโท หึสเน, ตฺจ วิทฺธํสนเมว อธิปฺเปตนฺติ วุตฺตํ ‘‘ภยํ หึสติ วิทฺธํเสตี’’ติ, กตฺตุสาธนเมตํ.
อมฺพฏฺวํสกถาวณฺณนา
๒๗๔. คงฺคาย ทกฺขิณโตติ คงฺคาย นาม นทิยา ทกฺขิณทิสาภาเค. พฺราหฺมณตาปสาติ พฺรหฺมกุลิโน ตาปสา. สรํ วา สตฺติอาทโย วา ปรสฺส อุปริ ขิปิตุกามสฺส มนฺตานุภาเวน หตฺถํ น ปริวตฺตติ, หตฺเถ ปน อปริวตฺตนฺเต กุโต อาวุธํ ปริวตฺติสฺสตีติ ตถา อปริวตฺตนํ สนฺธาย ‘‘อาวุธํ น ปริวตฺตตี’’ติ วุตฺตํ. ภทฺรํ โภติ สมฺปฏิจฺฉนํ, สาธูติ อตฺโถ. ธนุนา ขิตฺตสเรน อคมนียํ สสมฺภารกถานเยน ‘‘ธนุ อคมนีย’’นฺติ วุตฺตํ ยถา ‘‘ธนุนา วิชฺฌติ, จกฺขุนา ปสฺสตี’’ติ. อมฺพฏฺํ นาม วิชฺชนฺติ สตฺตานํ สรีเร อพฺภงฺคํ เปตีติ อมฺพฏฺา นิรุตฺตินเยน, เอวํลทฺธนามํ มนฺตวิชฺชนฺติ อตฺโถ. ยโต อมฺพฏฺา วิชฺชา เอตสฺมึ อตฺถีติ กตฺวา ¶ กณฺโห อิสิ ‘‘อมฺพฏฺโ’’ติ ปฺายิตฺถ, ตพฺพํสชาตตาย ปนายํ มาณโว ‘‘อมฺพฏฺโ’’ติ โวหรียติ. โส กิร ‘‘กถํ นามาหํ ทิสาย ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต’’ติ ตํ หีนํ ชาตึ ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘หนฺทาหํ ยถา ตถา อิมํ ชาตึ โสเธสฺสามี’’ติ นิคฺคโต. เตน วุตฺตํ ‘‘อิทานิ เม มโนรถํ ปูเรสฺสามี’’ติ. อยฺหิสฺส มโนรโถ – วิชฺชาพเลน ราชานํ ตาเสตฺวา ตสฺส ธีตรํ ลทฺธกาลโต ปฏฺาย มฺยายํ ทาสชาติ โสธิตา ภวิสฺสตีติ.
เสฏฺมนฺเตติ เสฏฺภูเต เวทมนฺเต. โก นุ กึ การณา ทาสิปุตฺโต สมาโน มทฺทรูปึ ธีตรํ ยาจตีติ อตฺโถ. ขุรติ ฉินฺทติ, ขุรํ วา ปาติ ปิวตีติ ขุรปฺโป, ขุรมสฺส อคฺเค อปฺปียติ ปียตีติ วา ขุรปฺโป, สโร. มนฺตานุภาเวน รฺโ พาหุกฺขมฺภมตฺตํ ชาตํ, เตน ปน พาหุกฺขมฺเภน ‘‘โก ชานาติ, กึ ภวิสฺสตี’’ติ ราชา ภีโต อุสฺสงฺกี อุตฺรสฺโต อโหสิ. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘ภเยน เวธมาโน อฏฺาสี’’ติ.
สรภงฺคชาตเก ¶ (ชา. ๒.๑๗.๕๒) อาคตานํ ทณฺฑกีราชาทีนํ ปจฺฉา โอกฺกากราชา อโหสิ, เตสํ ปวตฺติ จ สพฺพตฺถ จิรกาลํ ปากฏาติ อาห ‘‘ทณฺฑกีรฺโ’’ติอาทิ. อปรทฺธสฺส ทณฺฑกีรฺโ, อปรทฺโธ นาฬิเกโร, อชฺชุโน จาติ สมฺพนฺโธ. สติปิ วาลุกาทิวสฺเส อาวุธวสฺเสเนว วินาโสติ วุตฺตํ ‘‘อาวุธวุฏฺิยา’’ติ. ‘‘อยมฺปิ อีทิโส มหานุภาโว’’ติ มฺมานา เอวํ จินฺตยนฺตา ภเยน อโวจุนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อุนฺทฺริยิสฺสตีติ ภินฺทิยิสฺสติ. กมฺมรูปฺเหตํ ‘‘ปถวี’’ติ กมฺมกตฺตุวเสน วุตฺตตฺตา ยถา ‘‘กุสุโล ภิชฺชตี’’ติ. เตนาห ‘‘ภิชฺชิสฺสตี’’ติ. ถุสมุฏฺีติ ปลาสมุฏฺิ, ภุสมุฏฺิ วา. กสฺมาติ อาห ‘‘สรสนฺถมฺภนมตฺเต’’ติอาทิ.
ภีตตสิตา ภยวเสน ฉมฺภิตสรีรา อุทฺธคฺคโลมา โหนฺติ หฏฺโลมา, อภีตตสิตา ปน ภยุปทฺทวาภาวโต อจฺฉมฺภิตสรีรา ปติตโลมา โหนฺติ อหฏฺโลมา, เขเมน โสตฺถินา ติฏฺนฺติ, ตาย ปน ปติตโลมตาย ตสฺส โสตฺถิภาโว ปากโฏ โหตีติ ผเลน การณํ วิภาเวตุํ ปาฬิยํ ‘‘ปลฺโลโม’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ปนฺนโลโม’’ติอาทินา. นิรุตฺตินเยน ปทสิทฺธิ ยถา ตํ ภยเภรวสุตฺเต ‘‘ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหารายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๖ อาทโย). อิทนฺติ โอสานวจนํ. ‘‘สเจ เม ราชา ตํ ทาริกํ ทสฺเสติ, กุมาโร โสตฺถิ ปลฺโลโม ภวิสฺสตี’’ติ ปฏิฺากรณํ ปกรณโตเยว ปากฏํ. เตนาติ กณฺเหน. มนฺเตติ พาหุกฺขมฺภกมนฺตสฺส ปฏิปฺปสฺสมฺภกวิชฺชาสงฺขาเต มนฺเต. เอวรูปานฺหิ ภยุปทฺทวกรานํ มนฺตานํ เอกํเสเนว ¶ ปฏิปฺปสฺสมฺภกมนฺตาโหนฺติ ยถา ตํ กุสุมารกวิชฺชาทีนํ. ปริวตฺติเตติ ปชปฺปิเต. อตฺตโน ธีตุยา อปวาทโมจนตฺถํ ตํ อทาสํ ภุชิสฺสํ กโรติ. ตสฺสา อนุรูเป อิสฺสริเย ปนตฺถํ อุฬาเร จ นํ าเน เปสิ. เอเกน ปกฺเขนาติ มาตุปกฺเขน. กรุณายนฺโต สมสฺสาสนตฺถํ อาห, น ปน อุจฺจากุลีนภาวทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิ.
ขตฺติยเสฏฺภาววณฺณนา
๒๗๕. พฺราหฺมเณสูติ โวหารมตฺตํ, พฺราหฺมณานํ สมีเป พฺราหฺมเณหิ ลทฺธพฺพานิ อาสนาทีนิ ลเภถาติ วุตฺตํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘พฺราหฺมณานํ ¶ อนฺตเร’’ติ. เกวลํ เวทสตฺถานุรูปํ ปรโลกคเต สทฺธาย เอว กาตพฺพํ, น ตทฺํ กิฺจิ อภิปตฺเถนฺเตนาติ สทฺธนฺติ นิพฺพจนํ ทสฺเสตุํ ‘‘มตเก อุทฺทิสฺส กตภตฺเต’’ติ วุตฺตํ. มงฺคลาทิภตฺเตติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน อุสฺสวเทวตาราธนาทิภตฺเต สงฺคณฺหาติ. ยฺภตฺเตติ ปาปสฺมาทิวเสน กตภตฺเต. ‘‘ปาปสฺมาทิภตฺโต ภวิสฺสตี’’ติอาทินา หิ อคฺคิโหโม อิธ ยฺํ. ปาหุนกานนฺติ อติถีนํ. อนาคนฺตุกานมฺปิ ปาเหณกภตฺตํ ‘‘ปาหุน’’นฺตฺเวว วุจฺจตีติ อาห ‘‘ปณฺณาการภตฺเต วา’’ติ. อาวฏํ นิวารณํ. อนาวฏํ อนิวารณํ. ขตฺติยภาวํ อปฺปตฺโต อุภโตสุชาตาภาวโต. เตนาห ‘‘อปริสุทฺโธ’’ติ.
๒๗๖. อิตฺถิยา วา อิตฺถึ กริตฺวาติ เอตฺถ กรณํ นาม กิริยาสามฺวิสยํ กรภูธาตูนํ อตฺถวเสน สพฺพธาตฺวนฺโตคธตฺตาติ อาห ‘‘ปริเยสิตฺวา’’ติ. ขตฺติยกุมารสฺส ภริยาภูตํ พฺราหฺมณกฺํ อิตฺถึ ปริเยสิตฺวา คเหตฺวา พฺราหฺมณานํ อิตฺถิยา วา ขตฺติยาว เสฏฺา, ‘‘หีนา พฺราหฺมณา’’ติ ปาฬิมุทาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. ‘‘ปุริเสน วา ปุริสํ กริตฺวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๗๖) อาจริเยน วุตฺตํ. ตตฺถาปิ หิ ขตฺติยกฺาย ปติภูตํ พฺราหฺมณกุมารํ ปุริสํ ปริเยสิตฺวา คเหตฺวา พฺราหฺมณานํ ปุริเสน วา ขตฺติยาว เสฏฺา, หีนา พฺราหฺมณาติ โยชนา. กิสฺมิฺจิเทว ปกรเณติ เอตฺถ ปกรณํ นาม การณํ ‘‘เอตสฺมึ นิทาเน เอตสฺมึ ปกรเณ’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๔๒, ๙๐) วิย, ตสฺมา ราคาทิวเสน ปกฺขลิเต าเน เหตุภูเตติ อตฺโถ, ตํ ปน อตฺถโต อปราโธว, โส จ อกตฺตพฺพกรณนฺติ อาห ‘‘กิสฺมิฺจิเทว โทเส’’ติอาทิ. ภสฺสสทฺโท ภสฺมปริยาโย. ภสียติ นิรตฺถกภาเวน ขิปียตีติ หิ ภสฺสํ, ฉาริกา. ‘‘วธิตฺวา’’ติ เอตสฺส อตฺถวจนํ ‘‘โอกิริตฺวา’’ติ.
๒๗๗. กมฺมกิเลเสหิ ชเนตพฺโพ, เตหิ วา ชายตีติ ชนิโต, สฺเวว ชเนโต, มนุสฺโสว ¶ . ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เย โคตฺตปฏิสาริโน’’ติ. ตเทตํ ปชาวจนํ วิย ชาติสทฺทวเสน พหุมฺหิ เอกวจนนฺติ อาห ‘‘ปชายาติ อตฺโถ’’ติ. เอตสฺมึ ชเนติปิ ยุชฺชติ. ปฏิสรนฺตีติ โคตฺตํ ปฏิจฺจ ‘‘อหํ โคตโม, อหํ กสฺสโป’’ติอาทินา สรณํ กโรนฺติ วิจินนฺติ.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
วิชฺชาจรณกถาวณฺณนา
๒๗๘. อิมสฺมึ ¶ ปน สิโลเก อาหริยมาเน พฺรหฺมครุกา สทฺเธยฺยตํ อาปชฺชิสฺสนฺติ, อมฺพฏฺโ จ ‘‘วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน’’ติ ปทํ สุตฺวา วิชฺชาจรณํ ปุจฺฉิสฺสติ, เอวมยํ วิชฺชาจรณปริทีปนี เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ภวิสฺสตีติ ปสฺสิตฺวา โลกนาโถ อิมํ สิโลกํ สนงฺกุมารภาสิตํ อาหรีติ อิมมตฺถมฺปิ วิภาเวนฺโต ‘‘อิมาย ปน คาถายา’’ติอาทิมาห. อิตรถา หิ ภควาปิ อสพฺพฺู ปราวสฺสโย ภเวยฺย, น จ ยุชฺชติ ภควโต ปราวสฺสยตา สมฺมาสมฺพุทฺธภาวโต. เตนาห ‘‘อหมฺปิ หิ, อมฺพฏฺ, เอวํ วทามี’’ติอาทิ. พฺราหฺมณสมเย สิทฺธนฺติ พฺราหฺมณลทฺธิยา ปากฏํ. วกฺขมานนเยน ชาติวาทาทิปฏิสํยุตฺตํ.‘‘สํสนฺทิตฺวาติ ฆเฏตฺวา, อวิรุทฺธํ กตฺวาติ อตฺโถ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๗๗) อาจริเยนวุตฺตํ. อิทานิ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ปฏิกฺขิปิตฺวา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส อยุตฺโตว. กสฺมาติ เจ? น หิ ปาฬิยํ พฺราหฺมณสมยสิทฺธํ วิชฺชาจรณํ ปฏิกฺขิปติ, ตเทว อมฺพฏฺเน จินฺติตํ วิชฺชาจรณํ ฆเฏตฺวา อวิรุทฺธํ กตฺวา อนุตฺตรํ วิชฺชาจรณํ เทเสตีติ.
วาโทติ ลทฺธิ, วจีเภโท วา. เตนาห ‘‘พฺราหฺมณ…เป…อาทิวจน’’นฺติ. ลทฺธิปิ หิ วตฺตพฺพตฺตา วจนเมว. อิทนฺติ อชฺเฌนชฺฌาปนยชนยาชนาทิกมฺมํ, น เวสฺสสฺส, น ขตฺติยสฺส, น ตทฺเสนฺติ อตฺถํ อาทิสทฺเทน สงฺคณฺหาติ. สพฺพตฺถาติ โคตฺตวาทมานวาเทสุ. ตตฺถาปิ หิ โคตฺตวาโทติ โคตฺตํ อารพฺภ วาโท, กสฺสปสฺเสวิทํ วฏฺฏติ, น โกสิยสฺสาติอาทิวจนนฺติ อตฺโถ. มานวาโทติ มานํ อารพฺภ อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนวเสน วาโท, พฺราหฺมณสฺเสวิทํ วฏฺฏติ, น สุทฺทสฺสาติอาทิวจนนฺติ อตฺโถ. ชาติวาเท วินิพทฺธาติ ชาติสนฺนิสฺสิตวาเท ปฏิพทฺธา. สพฺพตฺถาติ ¶ โคตฺตวาทวินิพทฺธาทีสุ. โคตฺตวาทวินิพทฺธาติ หิ โคตฺตวาเท วินิพทฺธา. มานวาทวินิพทฺธาติ มานวาเท วินิพทฺธา, เย หิ พฺราหฺมณสฺเสว อชฺเฌนชฺฌาปนยชนยาชนาทโยติ เอวํ อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนวเสน ปวตฺตา, เต มานวาทวินิพทฺธา จ โหนฺติ. อาวาหวิวาหวินิพทฺธาติ อาวาหวิวาเหสุ วินิพทฺธา. เย หิ วินิพทฺธตฺตยวเสน ‘‘อรหสิ วา มํ ตฺวํ, น วา มํ ตฺวํ อรหสี’’ติ เอวํ ปวตฺตนกา, เต อาวาหวิวาหวินิพทฺธา จ โหนฺตีติ อิมมตฺถเสสํ สนฺธาย ‘‘เอส นโย’’ติ ¶ วุตฺตํ. อาวาหวิวาหวินิพทฺธภาววิภาวนตฺถฺหิ ‘‘อรหสิ วา มํ ตฺวํ, น วา มํ ตฺวํ อรหสี’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ, ตเทตํ ชาติวาทาทีหิ ตีหิ ปเทหิ โยเชตพฺพํ. อาวุตฺติอาทินเยน หิ ชาติวาทาทโย ทฺวิกฺขตฺตุมตฺถทีปกา. ตถา หิ อาจริเยน วุตฺตํ ‘‘เย ปน อาวาหวิวาหวินิพทฺธา, เต เอว สมฺพนฺธตฺตยวเสน ‘อรหสิ วา มํ ตฺวํ, น วา มํ ตฺวํ อรหสี’ติ เอวํ ปวตฺตนกา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๗๘).
นนุ ปุพฺเพ วิชฺชาจรณํ ปุฏฺํ, กสฺมา ตํ ปุน ปุจฺฉตีติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘ตโต อมฺพฏฺโ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยตฺถาติ ยสฺสํ วิชฺชาจรณสมฺปตฺติยํ. พฺราหฺมณสมยสิทฺธํ สนฺธาย วุตฺตํ. ลคฺคิสฺสามาติ โอลคฺคา อนฺโตคธา ภวิสฺสาม. ตโตติ ตาย วิชฺชาจรณสมฺปทาย. อวกฺขิปีติ อวจาสิ. ปรมตฺถโต อวิชฺชาจรณานิเยว ‘‘วิชฺชาจรณานี’’ติ คเหตฺวา ิโต หิ ปรมตฺถโต วิชฺชาจรเณสุ วิภชิยมาเนสุ โส ตโต ทูรโต อปนีโต นาม โหติ. ยตฺถาติ ยสฺสํ ปน วิชฺชาจรณสมฺปตฺติยํ. อนุตฺตรวิชฺชาจรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ชานนกิริยาโยเค กมฺมมฺปิ ยุชฺชนกิริยาโยเค กตฺตาเยว อุปปนฺโน. ปธานกิริยาเปกฺขา หิ การกาติ วุตฺตํ ‘‘อยํ โน วิชฺชาจรณสมฺปทา าตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เอวมีทิเสสุ. สมุทาคมโตติ อาทิสมุฏฺานโต.
๒๗๙. กามํ จรณปริยาปนฺนตฺตา จรณวเสน นิยฺยาเตตุํ วฏฺฏติ, อมฺพฏฺสฺส ปน อสมปถคมนํ นิวาเรนฺโต สีลวเสเนว นิยฺยาเตตีติ อิมมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘จรณปริยาปนฺนมฺปี’’ติ วุตฺตํ. พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๗, ๑๑, ๒๑) วุตฺตนเยน ขุทฺทกาทิเภทํ ติวิธํ สีลํ. สีลวเสเนวาติ สีลปริยายวเสเนว. กิฺจิ กิฺจิ สีลนฺติ พฺราหฺมณานํ ชาติสิทฺธํ อหึสนาทิยมนิยมลกฺขณํ อปฺปมตฺตกํ สีลํ. ตสฺมาติ ตถา วิชฺชมานตฺตา, อตฺตนิ วิชฺชมานํ สีลมตฺตมฺปิ นิสฺสาย ลคฺเคยฺยาติ อธิปฺปาโย. ‘‘ตตฺถ ตตฺเถว ลคฺเคยฺยาติ ตสฺมึ ตสฺมึเยว พฺราหฺมณสมยสิทฺเธ สีลมตฺเต ‘จรณ’นฺติ ลคฺเคยฺยา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๗๙) อาจริเยน วุตฺตํ, ตเทตํ อฏฺกถายเมว สาการวจนสฺส วุตฺตตฺตา วิจาเรตพฺพํ, อธิปฺปายมตฺตทสฺสนํ วา เอตํ. อยํ ปเนตฺถ ¶ อตฺโถ – ตตฺถ ตตฺเถว ลคฺเคยฺยาติ ตสฺมึ ตสฺมึเยว อตฺตนิ วิชฺชมานสีลมตฺตปฏิสํยุตฺตฏฺาเน ‘‘มยมฺปิ จรณสมฺปนฺนา’’ติ ลคฺเคยฺย, ตสฺมา สีลวเสเนว นิยฺยาเตตีติ สมฺพนฺโธ. ตถาปสงฺคาภาวโต ปน อุปริ จรณวเสเนว นิยฺยาเตตีติ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิมาห. รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานนิทฺเทเสเนว อรูปาวจรชฺฌานานมฺปิ นิทฺทิฏฺภาวาปตฺติโต ‘‘อฏฺปิ สมาปตฺติโย ‘จรณ’นฺติ นิยฺยาติตา’’ติ วุตฺตํ. ตานิปิ หิ องฺคสมตาย จตุตฺถชฺฌานาเนวาติ. นิยฺยาติตาติ จ อเสสโต นีหริตฺวา คหิตา, นิทสฺสิตาติ อตฺโถ. วิปสฺสนาาณโต ปนาติ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนีเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมตี’’ติอาทินา นเยน วิปสฺสนาาณโต ปฏฺาย.
จตุอปายมุขกถาวณฺณนา
๒๘๐. อสมฺปาปุณนฺโตติ อารภิตฺวาปิ สมฺปชฺชิตุมสกฺโกนฺโต. อวิสหมาโนติ อารภิตุเมว อสกฺโกนฺโต. ‘‘ขารี’’ติ ตาปสปริกฺขารสฺเสตํ อธิวจนํ, โส จ อเนกเภโทติ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อรณี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อรณีติ เหฏฺิมุปริมวเสน อคฺคิธมนกํ อรณีทฺวยํ. กมณฺฑลูติ กุณฺฑิกา. สุชาติ โหมทพฺพิ. สุชาสทฺโท หิ โหมกมฺมนิ หพฺยนฺนาทีนมุทฺธรณตฺถํ กตทพฺพิยํ วตฺตติ ยถา ตํ กูฏทนฺตสุตฺเต ‘‘ปโม วา ทุติโย วา สุชํ ปคฺคณฺหนฺตาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๓๔๑). ตถา หิ อิมสฺมึเยว าเน อาจริเยน วุตฺตํ ‘‘สุชาติ ทพฺพี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๐). หพฺยนฺนาทีนํ สุขคฺคหณตฺถํ ชายตีติ หิ สุชา. เกจิ ปน อิมมตฺถมวิจาเรตฺวา ตุนฺนตฺถเมว คเหตฺวา ‘‘สูจี’’ติ ปนฺติ, ตทยุตฺตเมว อาจริเยน ตถา อวณฺณิตตฺตา. จมติ อทตีติ จมโร, มิควิเสโส, ตสฺส วาเลน กตา พีชนี จามรา. อาทิสทฺเทน ติทณฺฑติฆฏิกาทีนิ สงฺคณฺหาติ. กุจฺฉิเตน วงฺกากาเรน ชายตีติ กาโช ยถา ‘‘กาลวณ’’นฺติ; กจติ ภารํ พนฺธติ เอตฺถาติ วา กาโจ. ทุวิธมฺปิ หิ ปทมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. ขาริภริตนฺติ ขารีหิ ปริปุณฺณํ. เอเกน วิ-กาเรน ปทํ วฑฺเฒตฺวา ‘‘ขาริวิวิธ’’นฺติ ปนฺตานํ วาเท สมุจฺจยสมาเสน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย ปนา’’ติอาทิมาห.
นนุ อุปสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขุโน สาสนิโกปิ โย โกจิ อนุปสมฺปนฺโน อตฺถโต ปริจารโกว โหติ อปิ ขีณาสวสามเณโร, กิมงฺคํ ปน พาหิรกปพฺพชิเตติ อนุโยคํ ปติ ตตฺถ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘กามฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘กปฺปิย…เป… วตฺตกรณวเสนา’’ติ ¶ ¶ เอวํ วุตฺตนเยน. อเนกสตสหสฺสสํวรวินยสมาทานวเสน อุปสมฺปนฺนภาวสฺส วิสิฏฺภาวโต ขีณาสวสามเณโรปิ ปุถุชฺชนภิกฺขุโน ปริจารโกติ วุตฺโต.
‘‘นวโกฏิสหสฺสานิ, อสีติสตโกฏิโย;
ปฺาสสตสหสฺสานิ, ฉตฺตึส จ ปุนาปเร;
เอเต สํวรวินยา, สมฺพุทฺเธน ปกาสิตา;
เปยฺยาลมุเขน นิทฺทิฏฺา, สิกฺขา วินยสํวเร’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐; อป. อฏฺ. ๒.๕๕; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๒.๓๗);
เอวํ วุตฺตปฺปเภทานํ อเนกสตสหสฺสานํ สํวรวินยานํ สมาทาย สิกฺขเนน อุปริภูตา อคฺคภูตา สมฺปทาติ หิ อุปสมฺปทา, ตาย เจส อุปสมฺปทาย ปุถุชฺชนภิกฺขุ อุปสมฺปนฺโนติ.
อยํ ปนาติ ยถาวุตฺตลกฺขโณ ตาปโส. ตาปสา หิ กมฺมวาทิกิริยวาทิโน, น สาสนสฺส ปฏาณีภูตา, ยโต เนสํ ปพฺพชิตุมาคตานํ วินาว ติตฺถิยปริวาเสน ขนฺธเก ปพฺพชฺชา อนฺุาตา. ตโป เอเตสมตฺถีติ ตาปสา ต-การสฺส ทีฆํ กตฺวา. ‘‘โลมสา’’ติอาทีสุ วิย หิ ส-ปจฺจยมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กามํ ขีณาสโวปิ สามเณโร ปุถุชฺชนสฺส ภิกฺขุโน อตฺถโต ปริจารโกว โหติ, โส ปน วตฺตกรณมตฺเตเนว ปริจารโก, น ลามกภาเวน. ตาปโส ตุ คุณวเสน เจว เวยฺยาวจฺจกรณวเสน จ ลามกภาเวเนว ปริจารโก, น วตฺตกรณมตฺเตน, เอวมิเมสํ นานากรณํ สนฺธาย ตาปสสฺเสว ปริจารกตา วุตฺตาติ.
‘‘กสฺมา’’ติอาทินา โจทโก การณํ โจเทติ. ‘‘ยสฺมา’’ติอาทินา อาจริโย การณํ ทสฺเสตฺวา ปริหรติ. เอวํ สงฺเขปโต ปริหริตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อิมสฺมิฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสกฺโกนฺตนฺติ อสมตฺถเนน วิปฺปฏิปชฺชนฺตํ อลชฺชึ. ขุรธารูปมนฺติ ขุรธารานํ มตฺถเกเนว อกฺกมิตฺวา คมนูปมํ. พหุชนสมฺมตาติ มหาชเนน เสฏฺสมฺมตา. อฺเติ อปเร ภิกฺขู. อิธาติ ตาปสปพฺพชฺชาย. ฉนฺเทน สห จรนฺตีติ สฉนฺทจาริโน, ยถากามํ ปฏิปนฺนกาติ วุตฺตํ โหติ. อนุสิกฺขนฺโตติ ทิฏฺานุคติยา สิกฺขนฺโต. ตาปสาว พหุกา โหนฺติ, น ภิกฺขู.
กุทาลปิฏกานํ ¶ นิพฺพจนํ เหฏฺา วุตฺตเมว. พหุชนกุหาปนตฺถนฺติ พหุโน ชนสฺส วิมฺหาปนตฺถํ ¶ . อคฺคิสาลนฺติ อคฺคิหุตฺตสาลํ. นานาทารูหีติ ปลาสรุกฺขทณฺฑาทีหิ นานาวิธสมิธาทารูหิ. โหมกรณวเสนาติ ยฺกรณวเสน.
อุทกวเสเนตฺถ ปานาคารํ. เตนาห ‘‘ปานียํ อุปฏฺเปตฺวา’’ติอาทิ. ยํ ภตฺตปุฏํ วา ยานิ ตณฺฑุลาทีนิ วาติ สมฺพนฺโธ. อมฺพิลยาคุ นาม ตกฺกาทิอมฺพิลสํยุตฺตา ยาคุ. ตณฺหาทีหิ อามสิตพฺพโต จีวราทิ อามิสํ นาม. วฑฺฒิยาติ ทิคุณติคุณาทิวฑฺฒิยา. กุฏุมฺพํ สณฺเปตีติ ธนํ ปติฏฺาเปติ. ยถาวุตฺตมตฺถํ ปาฬิยํ นิทสฺสนมตฺเตน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อิทํ ปนสฺส ปฏิปตฺติมุข’’นฺติ, อิทํ ปน ปาฬิวจนํ อสฺส จตุตฺถสฺส ปุคฺคลสฺส โกหฺปฏิปตฺติยา มุขมตฺตนฺติ อตฺโถ. กสฺมาติ เจ? โส หิ นานาวิเธน โกหฺเน โลกํ วิมฺหาปยนฺโต ตตฺถ อจฺฉติ. เตนาห ‘‘อิมินา หี’’ติอาทิ. เอวนฺติ ‘‘ตตฺถ ปานียํ อุปฏฺเปตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตนเยน.
‘‘สพฺพาปิ ตาปสปพฺพชฺชา นิทฺทิฏฺา’’ติ ธมฺมาธิฏฺานนเยน ทสฺสิตเมว ปุคฺคลาธิฏฺานนเยน วิวริตุํ ‘‘อฏฺวิธา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ขลาทีสุ มนุสฺสานํ สนฺติเก อุปติฏฺิตฺวา วีหิมุคฺคมาสติลาทีนิ ภิกฺขาจริยนิยาเมน สงฺกฑฺฒิตฺวา อฺุฉนํ อฺุฉา, สา เอว จริยา วุตฺติ เอเตสนฺติ อฺุฉาจริยา. อคฺคิปกฺกิกาย ภตฺตภิกฺขาย ชีวนฺตีติ อคฺคิปกฺกิกา, น อคฺคิปกฺกิกา อนคฺคิปกฺกิกา, ตณฺฑุลภิกฺขาย เอว ชีวิกาติ วุตฺตํ โหติ. อฺุฉาจริยา หิ ขลาทีนิ คนฺตฺวา อุปติฏฺิตฺวา มนุสฺเสหิ ทิยฺยมานํ ขลคฺคํ นาม ธฺํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, อนคฺคิปกฺกิกา ปน ตาทิสมปฏิคฺคณฺหิตฺวา ตณฺฑุลเมว ปฏิคฺคณฺหนฺตีติ อยเมเตสํ วิเสโส. น สยํ ปจนฺตีติ อสามปากา, ปกฺกภิกฺขาย เอว ชีวิกา. อโย วิย กฏฺิโน มุฏฺิปฺปมาโณ ปาสาโณ อยมุฏฺิ นาม, เตน วตฺตนฺตีติ อยมุฏฺิกา. ทนฺเตน อุปฺปาฏิตํ วกฺกลํ รุกฺขตฺตโจ ทนฺตวกฺกลํ, เตน วตฺตนฺตีติ ทนฺตวกฺกลิกา. ปวตฺตํ รุกฺขาทิโต ปาตาปิตํ ผลํ ภฺุชนฺติ สีเลนาติ ปวตฺตผลโภชิโน. ปณฺฑุปลาสสทฺทสฺส เอกเสสนเยน ทฺวิธา อตฺโถ, ชิณฺณตาย ปณฺฑุภูตํ ปลาสฺเจว ชิณฺณปกฺกภาเวน ตํสทิสํ ปุปฺผผลาทิ ¶ จาติ. เตน วกฺขติ ‘‘สยํ ปติตาเนว ปุปฺผผลปณฺฑุปลาสาทีนิ ขาทนฺตา ยาเปนฺตี’’ติ, (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๐) เตน วตฺตนฺตีติ ปณฺฑุปลาสิกา, สยํปติตปณฺณปุปฺผผลโภชิโน. อิทานิ เต อฏฺวิเธปิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เกณิยชฏิลวตฺถุ ขนฺธกวณฺณนาย (มหาว. อฏฺ. ๓๐๐) คเหตพฺพํ.
สงฺกฑฺฒิตฺวาติ ภิกฺขาจริยาวเสน เอกชฺฌํ กตฺวา.
ตณฺฑุลภิกฺขนฺติ ¶ ตณฺฑุลเมว ภิกฺขํ. ภิกฺขิตพฺพา ยาจิตพฺพา, ภิกฺขูนํ อยนฺติ วา ภิกฺขาติ หิ ภิกฺขาสทฺโท ตณฺฑุลาทีสุปิ นิรุฬฺโห. เตน วุตฺตํ ‘‘ปจิตฺวา ปริภฺุชนฺตี’’ติ.
ภิกฺขาปริเยฏฺิ นาม ทุกฺขาติ ปเรสํ เคหโต เคหํ คนฺตฺวา ภิกฺขาย ปริเยสนา นาม ทีนวุตฺติภาเวน ทุกฺขา.
เย ปน ‘‘ปาสาณสฺส ปริคฺคโห นาม ทุกฺโข ปพฺพชิตสฺสา’’ติ ทนฺเตเหว อุปฺปาเฏตฺวา ขาทนฺติ, เต ทนฺตวกฺกลิกา นามาติ อยํ อฏฺกถามุตฺตกนโย.
ปณฺฑุปลาสสทฺโท ปุปฺผผลวิสโยปิ สทิสตากปฺปเนนาติ ทสฺเสติ ‘‘ปุปฺผผลปณฺฑุปลาสาทีนี’’ติ อิมินา.
เตติ ปณฺฑุปลาสิกา. นิทสฺสนมตฺตเมตํ อฺเสมฺปิ ตถา เภทสมฺภวโต. ปาปุณนฏฺาเนติ คเหตุํ สมฺปาปุณนฏฺาเน. เอกรุกฺขโตติ ปมํ อุปคตรุกฺขโต.
กถเมตฺตาวตา สพฺพาปิ ตาปสปพฺพชฺชา นิทฺทิฏฺาติ โจทนา น ตาว วิโสธิตาติ อาห ‘‘อิมา ปนา’’ติอาทิ. จตูหิเยวาติ ‘‘ขาริวิธมาทายา’’ติอาทินา วุตฺตาหิ ปวตฺตผลโภชนิกา, กนฺทมูลผลโภชนิกา, อคฺยาคาริกา, อาคาริกา เจติ จตูหิ เอว ตาปสปพฺพชฺชาหิ. อคารํ ภชนฺตีติ อคารํ นิวาสภาเวน อุปคจฺฉนฺติ. อิมินา หิ ‘‘จตุทฺวารํ อคารํ กริตฺวา อจฺฉตี’’ติอาทินา อิธ วุตฺตาย จตุตฺถาย ตาปสปพฺพชฺชาย เตสมวโรธตํ ทสฺเสติ. เอวมิตเรสุปิ ปฏิโลมโต โยชนา เวทิตพฺพา. อคฺคิปริจรณวเสน อคฺยาคารํ ภชนฺติ ¶ . เอวํ ปน เตสมวโรธตํ วทนฺโต ตทนุรูปํ อิเมสมฺปิ ปจฺเจกํ ทุวิธตํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ.
๒๘๑. อาจริเยน โปกฺขรสาตินา สห ปวตฺตตีติ สาจริยโก, ตสฺส. อปายมุขมฺปีติ วินาสการณมฺปิ. ปเคว วิชฺชาจรณสมฺปทาย สนฺทิสฺสเนติ ปิ-สทฺโท ครหายํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อปิ นุ ตฺวํ อิมาย อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย สนฺทิสฺสสิ สาจริยโก’’ติอาทิ. ตตฺรายมฏฺกถามุตฺตกนโย – ‘‘โน หิทํ โภ โคตมา’’ติ สนฺทิสฺสนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อสนฺทิสฺสนาการเมว วิภาเวตุํ ‘‘โก จาห’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สาจริยโก อหํ โก จ กีทิโส หุตฺวา อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย สนฺทิสฺสามิ, อนุตฺตรา วิชฺชาจรณสมฺปทา ¶ กา จ กีทิสา หุตฺวา สาจริยเก มยิ สนฺทิสฺสติ, อารกา อหํ…เป… สาจริยโกติ สห ปาเสเสน โยชนา.
๒๘๒. อปาเย วินาสนุปาเย นิยุตฺโต อาปายิโก. ตพฺภาวํ น ปริปูเรติ ปริปูเรตุํ น สกฺโกตีติ อปริปูรมาโน, ตพฺภาเวน อปริปุณฺโณติ อตฺโถ. อตฺตนา อาปายิเกน โหนฺเตนาปิ ตพฺภาวํ อปริปูรมาเนน โปกฺขรสาตินา เอสา วาจา ภาสิตาติ อตฺถโต สมฺพนฺธตฺตา กตฺวตฺเถ เจตํ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘อาปายิเกนาปิ อปริปูรมาเนนา’’ติ. อปิจ อตฺตนา อปริปูรมาเนน อาปายิเกนาปิ สยํ อปริปูรมานาปายิเกน หุตฺวาปิ โปกฺขรสาตินา เอสา วาจา ภาสิตาติ อตฺถยุตฺติโต อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ ปจฺจตฺตวจนนฺติปิ เอวํ วุตฺตํ. อฺโ หิ สทฺทกฺกโม, อฺโ อตฺถกฺกโมติ. เกจิ ปน ‘‘กรณตฺถเมว ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว ปททฺวยสฺส กตฺตุปเทน สมานตฺถตฺตา, สมานตฺถานฺจ ปทานํ อฺมฺํ กรณภาวานุปปตฺติโต, อลมติปปฺเจน.
ปุพฺพกอิสิภาวานุโยควณฺณนา
๒๘๓. ทียเตติ ทตฺติ, สา เอว ทตฺติกนฺติ อาห ‘‘ทินฺนก’’นฺติ. อทาตุกามมฺปิ ทาตุกามํ กตฺวา สมฺมุขา ปรมาวฏฺเฏติ สมฺมูฬฺหํ กโรติ เอตายาติ สมฺมุขาวฏฺฏนี. เตนาห ‘‘น เทมีติ วตฺตุํ น สกฺโกตี’’ติ. ปุน ตสฺสาติ พฺราหฺมณสฺส. การณานุรูปํ ราชูนํ ปุณฺณปตฺตนฺติ อาห ‘‘กสฺมา เม ¶ ทินฺโน’’ติ. สงฺขปลิตกุฏฺนฺติ โธตสงฺขมิว เสตกุฏฺํ. เสตโปกฺขรรชตโต คุณสมานกายตฺตา เอวมาห. อนุคจฺฉตีติ ปรมนุพนฺธติ.
ยทิ ทุวิเธนปิ การเณน ราชา พฺราหฺมณสฺส สมฺมุขาภาวํ น เทติ, อถ กสฺมา ตทุปสงฺกมนํ น ปฏิกฺขิตฺตนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. ‘‘เขตฺตวิชฺชายาติ นีติสตฺเถ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๓) อาจริเยน วุตฺตํ. เหฏฺาปิ พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ เอวํ วุตฺตํ ‘‘เขตฺตวิชฺชาติ อพฺเภยฺยมาสุรกฺขราชสตฺถาทินีติสตฺถ’’นฺติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑) ทุสฺสเมตฺถ ติโรกรณิยํ. เตนาห ‘‘สาณิปาการสฺส อนฺโต ตฺวา’’ติ. อนฺตสทฺเทน ปน ตพฺภาเวน ปเท วฑฺฒิยมาเน ทุสฺสนฺตํ ยถา ‘‘วนนฺโต’’ติ. ‘‘ปยาตนฺติ สทฺธํ, สสฺสติกํ วา. เตนาห อภิหริตฺวา ทินฺน’’นฺติ อาจริเยน วุตฺตํ, ตสฺมา มตกภตฺตสงฺเขเปน วา นิจฺจภตฺตสงฺเขเปน วา อภิหริตฺวา ทินฺนํ ภิกฺขนฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิ อตฺถาปตฺติวจนํ. นิฏฺนฺติ นิจฺฉยํ. กสฺมา ปน ภควา พฺราหฺมณสฺส เอวรูปํ อมนาปํ มมฺมวจนํ อโวจาติ โจทนํ ¶ การณํ ทสฺเสตฺวา โสเธตุํ ‘‘อิทํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. รหสฺสมฺปิ ปฏิจฺฉนฺนมฺปิ มมฺมวจนํ ปกาเสสีติ สมฺพนฺโธ.
๒๘๔. ราชาสนํ นาม หตฺถิกฺขนฺธปเทสํ สนฺธาย ‘‘หตฺถิคีวาย วา นิสินฺโน’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. รถูปตฺถเรติ รถสฺส อุปริ อตฺถริตปเทเส. เตนาห ‘‘รถมฺหี’’ติอาทิ. อุคฺคตุคฺคเตหีติ อุคฺคตานมติสเยน อุคฺคเตหิ. น หิ วิจฺฉาสมาโส โลกิเกหิ อภิมโตติ. รฺโ อปจฺจํ ราชฺโ, พหุกตฺตํ ปติ, เอกเสสนเยน วา ‘‘ราชฺเหี’’ติ วุตฺตํ. ปากฏมนฺตนนฺติ ปกาสภูตํ มนฺตนํ. ตเทวิธาธิปฺเปตํ, น รหสฺสมนฺตนํ สุทฺทาทีหิปิ สุยฺยมานสฺส อิจฺฉิตตฺตา. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ อาคจฺเฉยฺย สุทฺโท วา สุทฺททาโส วา’’ติอาทิ. ตาทิเสหิเยวาติ รฺโ อาการสทิเสเหว. ตสฺสตฺถสฺส สาธนสมตฺถํ วจนํ รฺา ภณิตํ ยถา, ตถา โสปิ ตสฺสตฺถสฺส สาธนสมตฺถเมว ภณิตํ วจนํ อปินุ ภณตีติ โยเชตพฺพํ.
๒๘๕. ‘‘ปวตฺตาโร’’ติ เอตสฺส ปาวจนภาเวน วตฺตาโรติ สทฺทโต อตฺโถ. ยสฺมา ปน เต ตถาภูตา มนฺตานํ ปวตฺตกา นาม, ตสฺมา ¶ อธิปฺปายโต อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปวตฺตยิตาโร’’ติ วุตฺตํ. วทสทฺเทน, หิ ตุปจฺจเยน จ ‘‘วตฺตาโร’’ติ ปทสิทฺธิ, ตถา วตุสทฺเทน ‘‘ปวตฺตยิตาโร’’ติ. อิทํ อาจริยสฺส (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๕) จ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถรสฺส จ มตํ. วตุสทฺเทเนว ‘‘ปวตฺตาโร’’ติ ปทสิทฺธึ ทสฺเสตีติปิ เกจิ วทนฺติ. ปททฺวยสฺส ตุลฺยาธิกรณตฺตา ‘‘มนฺตเมวา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สุทฺเท พหิ กตฺวา รโห ภาสิตพฺพฏฺเน มนฺตา เอว ตํ ตํ อตฺถปฏิปตฺติเหตุตาย ปท’’นฺติ หิ ตุลฺยาธิกรณํ โหติ, อนุปนีตาสาธารณตาย รหสฺสภาเวน วตฺตพฺพาย มนฺตนกิริยาย ปทมธิคมุปายนฺติปิ มนฺตปทนฺติ อฏฺกถามุตฺตโก นโย. คีตนฺติ คายนวเสน สชฺฌายิตํ, คายนมฺปิธ อุทตฺตานุทตฺตาทิสรสมฺปาทนวเสเนว อธิปฺเปตนฺติ วุตฺตํ ‘‘สรสมฺปตฺติวเสนา’’ติ. ปาวจนภาเวน อฺเสํ วุตฺตํ. ตมฺเสํ วาทาปนวเสน วาจิตํ. สงฺคเหตฺวา อุปรูปริ สฺูฬฺหาวเสน สมุปพฺยูฬฺหํ. อิรุเวทยชุเวทสามเวทาทิวเสน, ตตฺถาปิ ปจฺเจกํ มนฺตพฺรหฺมาทิวเสน, อชฺฌายานุวากาทิวเสน จ ราสิกตํ. ยถาวุตฺตนเยเนว ปิณฺฑํ กตฺวา ปิตํ. อฺเสํ วาจิตํ อนุวาเจนฺตีติ อฺเสํ กมฺมภูตานํ เตหิ วาจาปิตํ มนฺตปทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา อฺเสํ อนุวาจาเปนฺติ.
เตสนฺติ มนฺตกตฺตูนํ. ทิพฺพจกฺขุปริภณฺฑํ ยถากมฺมูปคาณํ, ปจฺจกฺขโต ทสฺสนฏฺเน ทิพฺพจกฺขุสทิสฺจ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ สนฺธาย ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา’’ติ วุตฺตํ. อโต ทิพฺพจกฺขุปริภณฺเฑน ¶ ยถากมฺมูปคาเณน สตฺตานํ กมฺมสฺสกตาทีนิ เจว ทิพฺพจกฺขุสทิเสน ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน อตีตกปฺเป พฺราหฺมณานํ มนฺตชฺเฌนวิธิฺจ โอโลเกตฺวาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. รูปเมว หิ ปจฺจุปฺปนฺนํ ทิพฺพจกฺขุสฺส อารมฺมณนฺติ ตมิธ อฏฺานคตํ โหติ. ปาวจเนน สห สํสนฺทิตฺวาติ ยํ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺเธน วุตฺตํ วฏฺฏสนฺนิสฺสิตํ วจนํ, เตน สห สํสนฺทิตฺวา อวิรุทฺธํ กตฺวา. น หิ เตสํ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิโต อตฺโถ ปจฺจกฺขโต โหติ. คนฺถึสูติ ปชฺชคชฺชพนฺธวเสน สกฺกตภาสาย พนฺธึสุ. อปรา ปเรติ อฏฺกาทีหิ อปรา อฺเปิ ปเร ปจฺฉิมา โอกฺกากราชกาลาทีสุ อุปฺปนฺนา. ปาณาติปาตาทีนิ ปกฺขิปิตฺวาติ อฏฺกาทีหิ คนฺถิตมนฺตปเทสฺเวว ปาณาติปาตาทิกิเลสสนฺนิสฺสิตปทานํ ตตฺถ ตตฺถ ปกฺขิปนํ กตฺวา. วิรุทฺเธ อกํสูติ สุตฺตนิปาเต พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตาทีสุ (สุ. นิ. พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺต) อาคตนเยน สํกิเลสิกตฺถทีปนโต ¶ ปจฺจนีกภูเต อกํสุ. อิสีติ นิทสฺสนมตฺตํ. ‘‘อิสิ วา อิสิตฺถาย ปฏิปนฺโน วา’’ติ หิ วตฺตพฺพํ. กสฺมา ปเนตฺถ ปฏิฺาคหณวเสน เทสนาโสตปติตํ น กโรตีติ อาห ‘‘อิธ ภควา’’ติอาทิ. อิธาติ ‘‘ตฺยาหํ มนฺเต อธียามิ, ‘สาจริยโก’ติ ตฺวํ มฺสี’’ติ วุตฺตฏฺาเน. ปฏิฺํ อคฺคเหตฺวาติ ยถา เหฏฺา ปฏิฺา คหิตา, ตถา ‘‘ตํ กึ มฺสิ อมฺพฏฺ, ตาวตา ตฺวํ ภวิสฺสสิ อิสิ วา อิสิตฺถาย วา ปฏิปนฺโน สาจริยโกติ, โน หิทํ โภ โคตมา’’ติ เอวํ อิธ ปฏิฺํ อคฺคเหตฺวา.
๒๘๖. นิรามคนฺธาติ กิเลสาสุจิวเสน วิสฺสคนฺธรหิตา. อนิตฺถิคนฺธาติ อิตฺถีนํ คนฺธมตฺตสฺสปิ อวิสหเนน อิตฺถิคนฺธรหิตา. รโชชลฺลธราติ ปกติรชเสทาทิชลฺลธรา. ปาการปุริสคุตฺตีติ ปาการาวรณํ, ปุริสาวรณฺจ. เอตฺถ ปน ‘‘นิรามคนฺธา’’ติ เอเตน เตสํ ทสนฺนํ พฺราหฺมณานํ วิกฺขมฺภิตกิเลสตํ ทสฺเสติ, ‘‘อนิตฺถิคนฺธา, พฺรหฺมจาริโน’’ติ จ เอเตน เอกวิหาริตํ, ‘‘รโชชลฺลธรา’’ติ เอเตน มณฺฑนวิภูสนาภาวํ, ‘‘อรฺายตเน ปพฺพตปาเทสุ วสึสู’’ติ เอเตน มนุสฺสูปจารํ ปหาย วิวิตฺตวาสํ, ‘‘วนมูลผลาหารา วสึสู’’ติ เอเตน สาลิมํโสทนาทิปณีตาหาร ปฏิกฺเขปํ, ‘‘ยทา’’ติอาทินา ยานวาหนปฏิกฺเขปํ, ‘‘สพฺพทิสาสู’’ติอาทินา รกฺขาวรณปฏิกฺเขปํ. เอวฺจ ทสฺเสนฺโต มิจฺฉาปฏิปทาปกฺขิกํ สาจริยกสฺส อมฺพฏฺสฺส วุตฺตึ อุปาทาย สมฺมาปฏิปทาปกฺขิกาปิ เตสํ พฺราหฺมณานํ วุตฺติ อริยวินเย สมฺมาปฏิปตฺตึ อุปาทาย มิจฺฉาปฏิปทาเยว. กถฺหิ นาม เต ภวิสฺสติ สลฺเลขปฏิปตฺติยุตฺตตาติ. ‘‘เอวํ สุ เต’’ติอาทินา ภควา อมฺพฏฺํ สนฺตชฺเชนฺโต นิคฺคณฺหาตีติปิ วิภาเวติ. อิทฺหิ วกฺขมานาย ปาฬิยา ปิณฺฑตฺถทสฺสนนฺติ.
ทุสฺสปฏฺฏิกา ทุสฺสปฏฺฏํ. ทุสฺสกลาโป ทุสฺสเวณี. เวเกหีติ เวกปฏฺฏเกหิ, ทุสฺเสหิ สํเวเตฺวา ¶ กตนมิตผาสุกาหีติ วุตฺตํ โหติ. กปฺเปตุนฺติ กตฺตริกาย ฉินฺทิตุํ. กปฺปิตวาเลหีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘น ภิกฺขเว มสฺสุ กปฺปาเปตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๒๗๕) วิย หิ กปุสทฺโท เฉทเน วตฺตติ. ยุตฺตฏฺาเนสูติ คีวาสีสวาลธีสุ. วาลาติ เตสุ าเนสุ ชายมานา โลมา. สหจรณวเสน, านีนาเมน วา ‘‘กุตฺตวาลา’’ติ ¶ วุตฺตา. เกจิ ปน ‘‘วาฬยุตฺตตฺตา’’ติ ปาํ กปฺเปตฺวา วาฬรูปยุตฺตตฺตาติ อตฺถํ วทนฺติ, ปาฬิยานเปกฺขนเมว เตสํ โทโส. ‘‘กุตฺตวาเลหิ วฬวารเถหี’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. สมนฺตานครนฺติ นครสฺส สมนฺตโต. ปาการสฺส อโธภาเค กตสุธากมฺมํ านํ นครสฺส สมีเป กตฺตพฺพโต, อุปการกรณโต จ ‘‘อุปการิกา’’ติ วุจฺจติ. นครสฺส อุปการิกา เอตาสนฺติ นครูปการิกาโย, ราชธานีอเปกฺขาย อิตฺถิลิงฺคนิทฺเทโส. เตนาห ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิ. มตีติ วิจิกิจฺฉาวเสน อเนกํสิกชานนา. อุปริ เทสนาย อวฑฺฒการณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ ภควา’’ติอาทิมาห. ปาฬิยํ โส มํ ปฺเหนาติ โส ชโน มํ ปุจฺฉาวเสน โสเธยฺย. อหํ เวยฺยากรเณน โสเธสฺสามีติ อหมฺปิมํ วิสฺสชฺชนาวเสน โสเธสฺสามีติ ยถารหมธิการวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ทฺเวลกฺขณทสฺสนวณฺณนา
๒๘๗. ‘‘นิสินฺนาน’’นฺติอาทิ อนาทเร สามิวจนํ, วิเสสนํ วา. สงฺกุจิเต อิริยาปเถ อนวเสสโต ลกฺขณานํ ทุพฺพิภาวนโต ‘‘น สกฺโกตี’’ติ วุตฺตํ, ตถา สุวิภาวนโต ปน ‘‘สกฺโกตี’’ติ. ปริเยสนสุขตฺถเมว ตทาจิณฺณตา ทฏฺพฺพา. เตนาติ ทุวิเธนปิ การเณน.
คเวสีติ าเณน ปริเยสนมกาสิ. คณยนฺโตติ าเณเนว สงฺกลยนฺโต. สมานยีติ สมฺมา อานยิ สมาหริ. ‘‘กงฺขตี’’ติ ปทสฺส อากงฺขตีติ อตฺโถติ อาห ‘‘อโห วตา’’ติอาทิ. อนุปสคฺคมฺปิ หิ ปทํ กตฺถจิ สอุปสคฺคมิว อตฺถวิเสสวาจกํ ยถา ‘‘โคตฺรภู’’ติ. ตโต ตโต สรีรปฺปเทสโต. กิจฺฉตีติ กิลมติ. เตนาห ‘‘น สกฺโกติ ทฏฺุ’’นฺติ. ตายาติ ‘‘วิจินนฺโต กิจฺฉตี’’ติ วุตฺตาย วิจิกิจฺฉาย. ตโตติ สนฺนิฏฺานํ อคมนโต. เอวํ ‘‘กงฺขตี’’ติ ปทสฺส อาสิสนตฺถตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สํสยตฺถตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กงฺขาย วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กงฺขายาติ ‘‘กงฺขตี’’ติ ปเทน วุตฺตาย กงฺขาย. อสตฺวปธานฺหิ อาขฺยาติกํ. เอส นโย เสเสสุปิ. อวตฺถาปเภทคตา วิมติ เอว ‘‘ตีหิ ธมฺเมหี’’ติ วุตฺตา, ติปฺปกาเรหิ สํสยธมฺเมหีติ อตฺโถ. กาลุสิยภาโวติ อปฺปสนฺนตาย เหตุภูโต อาวิลภาโว.
วตฺถิโกเสนาติ ¶ ¶ นาภิยา อโธภาคสงฺขาเต วตฺถิมฺหิ ชาเตน ลิงฺคปสิพฺพเกน. ‘‘อณฺฑโกโส’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๒, ๑๘๙; ๒.๒๗; อ. นิ. ๗.๗๑; ปารา. ๑๑) วิย หิ โกสสทฺโท ปริเวกปสิพฺพเก วตฺตติ. วตฺเถน คุหิตพฺพตฺตา วตฺถคุยฺหํ. ยสฺมา ภควโต โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ สพฺพพุทฺธาเวณิกํ อฺเหิ อสาธารณํ สุวิสุทฺธกฺจนมณฺฑลสนฺนิภํ, อตฺตโน สณฺานสนฺนิเวสสุนฺทรตาย อาชาเนยฺยคนฺธหตฺถิโน วรงฺคปรมจารุภาวํ, วิกสมานตปนิยารวินฺทสมุชฺชลเกสราวตฺตวิลาสํ, สฺฌาปภานุรฺชิตชลวนนฺตราภิลกฺขิตสมฺปุณฺณจนฺทมณฺฑลโสภฺจ อตฺตโน สิริยา อภิภุยฺย วิราชติ, ยํ พาหิรพฺภนฺตรมเลหิ อนุปกฺกิลิฏฺตาย, จิรกาลปริจิตพฺรหฺมจริยาธิการตาย, สณฺิตสณฺานสมฺปตฺติยา จ โกปีนมฺปิ สมานํ อโกปีนเมว ชาตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. วรวารณสฺเสวาติ วรคนฺธหตฺถิโน อิว. ปหูตภาวนฺติ ปุถุลภาวํ. เอตฺเถว หิ ตสฺส สํสโย. ตนุมุทุสุกุมาราทีสุ ปนสฺส คุเณสุ วิจารณา เอว นาโหสิ.
๒๘๘. ‘‘ตถารูป’’นฺติ อิทํ สมาสปทนฺติ อาห ‘‘ตํรูป’’นฺติ. เอตฺถาติ ยถา อมฺพฏฺโ โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหมทฺทสฺส, ตถา อิทฺธาภิสงฺขารมภิสงฺขรเณ. อิมินา หิ ‘‘ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขรี’’ติอาทิปาฬิปรามสนํ, อโต เจตฺถ สห อิทฺธาภิสงฺขารนเยน วตฺถคุยฺหทสฺสนการณํ มิลินฺทปฺหาปาเน (มิ. ป. ๓.๓) วิภาวิตํ โหติ. เกจิ ปน ‘‘วตฺถคุยฺหทสฺสเน’’ติ ปรามสนฺติ, ตทยุตฺตเมว. น หิ ตํ ปาฬิยํ, อฏฺกถายฺจ อตฺถิ, ยํ เอวํ ปรามสิตพฺพํ สิยา, อิทฺธาภิสงฺขารนโย จ อวิภาวิโต โหติ. กิเมตฺถ อฺเน วตฺตพฺพํ จตุปฏิสมฺภิทาปตฺเตน ฉฬภิฺเน วาทีวเรน ภทนฺตนาคเสนตฺเถเรน วุตฺตนเยเนว สมฺปฏิจฺฉิตพฺพตฺตา. หิรี กรียเต เอตฺถาติ หิริกรณํ, ตเทว โอกาโส ตถา, หิริยิตพฺพฏฺานํ. อุตฺตรสฺสาติ สุตฺตนิปาเต อาคตสฺส อุตฺตรมาณวสฺส (ม. นิ. ๒.๓๘๔). สพฺเพสมฺปิ เจเตสํ วตฺถุ สุตฺตนิปาตโต คเหตพฺพํ.
ฉายนฺติ ปฏิพิมฺพํ. กถํ ทสฺเสสิ, กีทิสํ วาติ อาห ‘‘อิทฺธิยา’’ติอาทิ. ฉายารูปกมตฺตนฺติ ภควโต ปฏิพิมฺพรูปกเมว, น ปกติวตฺถคุยฺหํ, ตฺจ พุทฺธสนฺตานโต วินิมุตฺตตฺตา รูปกมตฺตํ ภควตา สทิสวณฺณสณฺานาวยวํ อิทฺธิมยํ พิมฺพกเมว โหติ, เอวฺจ กตฺวา อปฺปกตฺเถน ก-กาเรน วิเสสิตวจนํ อุปปนฺนํ โหติ. ฉายารูปกมตฺตํ อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา ทสฺเสสีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ตํ ปน ทสฺเสนฺโต ภควา ยถา อตฺตโน พุทฺธรูปํ น ¶ ทิสฺสติ, ตถา กตฺวา ทสฺเสตี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๘) อาจริยา วทนฺติ. ตเทตํ ภทนฺตนาคเสนตฺเถเรน วุตฺเตน อิทฺธาภิสงฺขตฉายารูปกมตฺตทสฺสนวจเนน สํสนฺทติ เจว สเมติ จ ยถา ¶ ตํ ‘‘ขีเรน ขีรํ, คงฺโคทเกน ยมุโนทก’’นฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถาวจเนเนว หิ เสสพุทฺธรูปสฺส ตงฺขเณ อทสฺสิตภาโว อตฺถโต อาปนฺโน โหติ. นิวาสนนิวตฺถตาทิวจเนน ปเนตฺถ พุทฺธสนฺตานโต วินิมุตฺตสฺสปิ ฉายารูปกสฺส นิวาสนาทิอพหิคตภาโว ทสฺสิโต, น จ โจเทตพฺพํ ‘‘กถํ นิวาสนาทิอนฺตรคตํ ฉายารูปกํ ภควา ทสฺเสติ, กถฺจ อมฺพฏฺโ ปสฺสตี’’ติ. อจินฺเตยฺโย หิ อิทฺธิวิสโยติ. ฉายํ ทิฏฺเติ ฉายาย ทิฏฺาย. เอตนฺติ ฉายารูปกํ. พุชฺฌนเก สติ ชีวิตนิมิตฺตมฺปิ หทยมํสํ ทสฺเสยฺยาติ อธิปฺปาโย. นินฺเนตฺวาติ นีหริตฺวา. อยเมว วา ปาโ. กลฺโลสีติ วิสฺสชฺชเน ตฺวํ กุสโล เฉโก อสิ, ยถาวุตฺโต วา วิสฺสชฺชนามคฺโค อุปปนฺโน ยุตฺโต อสีติ อตฺโถ. ‘‘กุสโล’’ติ เกจิ ปนฺติ, อยุตฺตเมตํ. มิลินฺทปฺเห หิ สพฺพตฺถ วิสฺสชฺชนาวสาเน ‘‘กลฺโล’’ อิจฺเจว ทิฏฺโติ.
นินฺนาเมตฺวาติ มุขโต นีหรณวเสน กณฺณโสตาทิอภิมุขํ ปณาเมตฺวา, อธิปฺปายเมว ทสฺเสตุํ ‘‘นีหริตฺวา’’ติ วุตฺตํ. กถินสูจึ วิยาติ ฆนสุขุมภาวาปาทเนน กกฺขฬสูจิมิว กตฺวา. ตถากรเณนาติ กถินสูจึ วิย กรเณน. เอตฺถาติ ปหูตชิวฺหาย. มุทุภาโว, ทีฆภาโว, ตนุภาโว จ ทสฺสิโต อมุทุโน ฆนสุขุมภาวาปาทนตฺถมสกฺกุเณยฺยตฺตาติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๘) วุตฺตํ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – ยสฺมา มุทุเมว ฆนสุขุมภาวาปาทนตฺถํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตถากรเณน มุทุภาโว ทสฺสิโต อคฺคิ วิย ธูเมน. ยสฺมา จ มุทุเยว ฆนสุขุมภาวาปชฺชเนน ทีฆคามิ, ตสฺมา กณฺณโสตานุมสเนน ทีฆภาโว ทสฺสิโต. ยสฺมา ปน มุทุ เอว ฆนสุขุมภาวาปชฺชเนน ตนุ โหติ, ตสฺมา นาสิกาโสตานุมสเนน ตนุภาโว ทสฺสิโตติ. อปุถุลสฺส ตถาปฏิจฺฉาทนตฺถมสกฺกุเณยฺยตฺตา นลาฏจฺฉาทเนน ปุถุลภาโว ทสฺสิโต.
๒๘๙. ปตฺเถนฺโต หุตฺวา อุทิกฺขนฺโตติ โยเชตพฺพํ.
๒๙๐. มูลวจนํ ¶ กถา. ปฏิวจนํ สลฺลาโป.
๒๙๑. ‘‘อุทฺธุมาตก’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๒๔๒; วิสุทฺธิ. ๑.๑๐๒) วิย ก-สทฺโท ชิคุจฺฉนตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘ตเมว ชิคุจฺฉนฺโต’’ติ. ตเมวาติ ปณฺฑิตภาวเมว, อมฺพฏฺเมวาติปิ อตฺโถ. อมฺพฏฺฺหิ สนฺธาย เอวมาห. ตถา หิ ปาฬิยํ วุตฺตํ ‘‘เอวํ…เป… อมฺพฏฺํ มาณวํ เอตทโวจา’’ติ. กามฺจ อมฺพฏฺํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ, นามโคตฺตวเสน ปน อนิยมํ กตฺวา ครหนฺโต ปุถุวจเนน วทตีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ยเทว โข ตฺว’’นฺติ เอตสฺส อนิยมวจนสฺส ‘‘เอวรูเปนา’’ติ อิทํ นิยมวจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ยาทิโส’’ติอาทินา. ภาเวนภาวลกฺขเณ ¶ ภุมฺมวจนตฺเถ กรณวจนนฺติ วุตฺตํ ‘‘เอทิเส อตฺถจรเก’’ติ. น อฺตฺราติ น อฺตฺถ สุคติยํ. เอตฺถ ปน ‘‘อตฺถจรเกนา’’ติ อิมินา พฺยติเรกมุเขน อนตฺถจรกตํเยว วิภาเวตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อุปเนยฺย อุปเนยฺยา’’ติ อิทํ ตฺวาทฺยนฺตํ วิจฺฉาวจนนฺติ อาห ‘‘พฺราหฺมโณ โข ปนา’’ติอาทิ. เอวํ อุปเนตฺวา อุปเนตฺวาติ ตํ ตํ โทสํ อุปนีย อุปนีย. เตนาห ‘‘สุฏฺุ ทาสาทิภาวํ อาโรเปตฺวา’’ติ. ปาเตสีติ ปวฏฺฏนวเสน ปาเตสิ. ยฺจ อคมาสิ, ตมฺปิ อสฺส ตถาคมนสงฺขาตํ านํ อจฺฉินฺทิตฺวาติ โยชนา.
โปกฺขรสาติพุทฺธูปสงฺกมนวณฺณนา
๒๙๒-๓-๖. กิตฺตโก ปน โสติ วุตฺตํ ‘‘สมฺโมทนียกถายปิ กาโล นตฺถี’’ติ. อาคมา นูติ อาคโต นุ. โขติ นิปาตมตฺตํ. อิธาติ เอตฺถ, ตุมฺหากํ สนฺติกนฺติ อตฺโถ. อธิวาเสตูติ สาทิยตุ, ตํ ปน สาทิยนํ อิธ มนสาว สมฺปฏิคฺคโห, น กายวาจาหีติ อาห ‘‘สมฺปฏิจฺฉตู’’ติ. อชฺช ปวตฺตมานํ อชฺชตนํ, ปฺุํ, ปีติปาโมชฺชฺจ, อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ เม’’ติอาทิ วุตฺตํ. การนฺติ อุปการํ, สกฺการํ วา. อโจเปตฺวาติ อจาเลตฺวา.
๒๙๗. ‘‘สหตฺถา’’ติ อิทํ กรณตฺเถ นิสฺสกฺกวจนํ. เตนาห ‘‘สหตฺเถนา’’ติ. สุหิตนฺติ ธาตํ, ชิฆจฺฉาทุกฺขาภาเวน วา สุขิตํ. ยาวทตฺถนฺติ ยาว อตฺโถ, ตาว โภชเนน ตทา กตํ. ปฏิกฺเขปปวารณาเวตฺถ อธิปฺเปตา, น นิมนฺตนปวารณาติ อาห ‘‘อล’’นฺติอาทิ. ‘‘หตฺถสฺายา’’ติ นิทสฺสนมตฺตํ อฺตฺถ มุขวิกาเรน, วจีเภเทน จ ปฏิกฺเขปสฺส วุตฺตตฺตา ¶ , เอกกฺขเณปิ จ ตถาปฏิกฺเขปสฺส ลพฺภนโต. โอนีตา ปตฺตโต ปาณิ เอตสฺสาติ โอนีตปตฺตปาณีติ ภินฺนาธิกรณวิสโย ติปโท พาหิรตฺถสมาโส. มุทฺธชณ-กาเรน, ปน สฺโคต-กาเรน จ โอณิตฺตสทฺโท วินาภูเตติ ทสฺเสติ ‘‘โอณิตฺตปตฺตปาณินฺติปิ ปาโ’’ติอาทินา. สุจิกรณตฺเถ วา โอณิตฺตสทฺโท. โอณิตฺตํ อามิสาปนยเนน สุจิกตํ ปตฺตํ ปาณิ จ อสฺสาติ หิ โอณิตฺตปตฺตปาณิ. เตนาห ‘‘หตฺเถ จ ปตฺตฺจ โธวิตฺวา’’ติ. ‘‘โอณิตฺตํ นานาภูตํ วินาภูตํ, อามิสาปนยเนน วา สุจิกตํ ปตฺตํ ปาณิโต อสฺสาติ โอณิตฺตปตฺตปาณี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๒๓) สารตฺถทีปนิยํ วุตฺตํ. ตตฺถ ปจฺฉิมวจนํ ‘‘หตฺเถ จ ปตฺตฺจ โธวิตฺวา’’ติ อิมินา อสํสนฺทนโต วิจาเรตพฺพํ. เอวํภูตนฺติ ‘‘ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณิ’’นฺติ วุตฺตปฺปกาเรน ภูตํ.
๒๙๘. อนุปุพฺพึ กถนฺติ อนุปุพฺพํ กเถตพฺพํ กถํ. เตนาห ‘‘อนุปฏิปาฏิกถ’’นฺติ. กา ¶ ปน สาติ อาห ‘‘ทานานนฺตรํ สีล’’นฺติอาทิ, เตนายมตฺโถ โพธิโต โหติ – ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสาธารณตฺตา, สุกรตฺตา, สีเล ปติฏฺานสฺส อุปายภาวโต จ อาทิโต กเถตพฺพา. ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ วินิสฺสฏภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฏฺิโต โหติ, สีเลน ทายกปฏิคฺคาหกสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต, กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต, โภคสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กเถตพฺพา. ตฺเจ ทานสีลํ วฏฺฏนิสฺสิตํ, อยํ ภวสมฺปตฺติ ตสฺส ผลนฺติ ทสฺสนตฺถํ สีลกถานนฺตรํ สคฺคกถา. ตาย หิ เอวํ ทสฺสิตํ โหติ ‘‘อิเมหิ ทานสีลมเยหิ, ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺเนหิ จ ปฺุกิริยวตฺถูหิ เอตา จาตุมหาราชิกาทีสุ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺนา อปริเมยฺยา ทิพฺพสมฺปตฺติโย ลทฺธพฺพา’’ติ. สฺวายํ สคฺโค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺโ, สพฺพถา ปน เตหิ อนุปกฺกิลิฏฺโ อริยมคฺโคติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคกถานนฺตรํ มคฺคกถา. มคฺคฺจ กเถนฺเตน ตทธิคมุปายทสฺสนตฺถํ กามานํ อาทีนโว, โอกาโร, สํกิเลโส, เนกฺขมฺเม อานิสํโส จ กเถตพฺโพ. สคฺคปริยาปนฺนาปิ หิ สพฺเพ กามา นาม พหฺวาทีนวา อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมา, ปเคว อิตเรติ ¶ อาทีนโว, สพฺเพปิ กามา หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสํหิตาติ ลามกภาโว โอกาโร, สพฺเพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ สํกิเลโส, สพฺพสํกิเลสวิปฺปยุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขมฺเม อานิสํโส จ กเถตพฺโพติ. อยมฺปิ อตฺโถ โพธิโตติ เวทิตพฺโพ. มคฺโคติ หิ เอตฺถ อิติ-สทฺเทน อาทฺยตฺเถน กามาทีนวาทีนมฺปิ สงฺคโหติ อยมตฺถวณฺณนา กตา. เตนาห ‘‘เสยฺยถิทํ – ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสตี’’ติ. วิตฺถาโร สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๓.๒๖) คเหตพฺโพ.
กสิ-สทฺโท าเณน คหเณติ อาห ‘‘คหิตา’’ติอาทิ. สามํสทฺเทน นิวตฺเตตพฺพมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘อสาธารณา อฺเส’’นฺติ อิมินา, โลกุตฺตรธมฺมาธิคเม ปรูปเทสวิคตตฺตา, เอเกเนว โลเก ปมํ อนุตฺตราย สมฺมาสมฺโพธิยา อภิสมฺพุทฺธตฺตา จ อฺเสมสาธารณาติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมจกฺขุนฺติ เอตฺถ โสตาปตฺติมคฺโคว อธิปฺเปโต, น พฺรหฺมายุสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๘๓ อาทโย) วิย เหฏฺิมา ตโย มคฺคา, น จ จูฬราหุโลวาทสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๔๑๖) วิย อาสวกฺขโย. ‘‘ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถ’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ มคฺคาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณเมว, น สงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘ตฺหี’’ติอาทิมาห. กิจฺจวเสนาติ อสมฺโมหปฏิเวธกิจฺจวเสน.
โปกฺขรสาติอุปาสกตฺตปฏิเวทนากถาวณฺณนา
๒๙๙. ปาฬิยํ ¶ ‘‘ทิฏฺธมฺโม’’ติอาทีสุ ทสฺสนํ นาม าณโต อฺมฺปิ จกฺขาทิทสฺสนํ อตฺถีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. ปตฺติ จ าณปตฺติโต อฺาปิ กายคมนาทิปตฺติ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. สา ปเนสา วิทิตธมฺมตา เอกเทสโตปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตธมฺมตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ วุตฺตํ, เตนสฺส สจฺจาภิสมฺโพธเมว ทีเปติ. มคฺคาณฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริฺาทิจตุกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสน จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาฬฺหํ นาม โหติ. เตนาห ‘‘ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม’’ติ. ‘‘กถํ ปน เอกเมว าณํ เอกสฺมึ ขเณ จตฺตาริ กิจฺจานิ สาเธนฺตํ ปวตฺตติ. น หิ ตาทิสํ โลเก ทิฏฺํ, น อาคโม วา ตาทิโส อตฺถี’’ติ ¶ น วตฺตพฺพํ. ยถา หิ ปทีโป เอกสฺมึเยว ขเณ วฏฺฏึ ทหติ, สฺเนหํ ปริยาทิยติ, อนฺธการํ วิธมติ, อาโลกฺจาปิ ทสฺเสติ, เอวเมตํ าณนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘มคฺคสมงฺคิสฺส าณํ ทุกฺเขเปตํ าณํ, ทุกฺขสมุทเยเปตํ าณํ, ทุกฺขนิโรเธเปตํ าณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทายเปตํ าณ’’นฺติ (วิภ. ๗๙๔) สุตฺตปทมฺเปตฺถ อุทาหริตพฺพนฺติ.
ติณฺณา วิจิกิจฺฉาติ สปฺปฏิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา, อฏฺวตฺถุกา จ วิจิกิจฺฉา อเนน วิติณฺณา. วิคตา กถํกถาติ ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺติกา กถํกถา อสฺส วิคตา สมุจฺฉินฺนา. วิสารทภาวํ ปตฺโตติ สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา, ตปฺปฏิปกฺเขสุ จ สีลาทิคุเณสุ สุปฺปติฏฺิตตฺตา วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปตฺโต อธิคโต. สายํ เวสารชฺชปฺปตฺติ สุปฺปติฏฺิตตา กตฺถาติ โจทนาย ‘‘สตฺถุสาสเน’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กตฺถ? สตฺถุสาสเน’’ติ อาห. อตฺตนาว ปจฺจกฺขโต ทิฏฺตฺตา, อธิคตตฺตา จ น อสฺส ปจฺจโย ปจฺเจตพฺโพ ปโร อตฺถีติ อตฺโถ. ตตฺถาธิปฺปายมาห ‘‘น ปรสฺสา’’ติอาทินา. น วตฺตตีติ น ปวตฺตติ, น ปฏิปชฺชติ วา, น ปรํ ปจฺเจติ ปตฺติยายตีติ อปรปฺปจฺจโยติปิ ยุชฺชติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพมฺปิ อวุตฺตํ, ตเทตํ ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา, ปรโต วุจฺจมานตฺตา จ อวุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย อชฺชวมทฺทวโสรจฺจสทฺธาสติธิติพุทฺธิขนฺติวีริยาทิธมฺมสมงฺคินา สาฏฺกเถ ปิฏกตฺตเย อสงฺคาสํหีรวิสารทาณจารินา อเนกปฺปเภทสกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหินา ¶ มหาคณินา มหาเวยฺยากรเณน าณาภิวํสธมฺมเสนาปตินามตฺเถเรน มหาธมฺมราชาธิราชครุนา กตาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา อมฺพฏฺสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
อมฺพฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.