📜

๔. โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา

๓๐๐. เอวํ อมฺพฏฺสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ โสณทณฺฑสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, อมฺพฏฺสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส โสณทณฺฑสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… องฺเคสูติ โสณทณฺฑสุตฺต’’นฺติ อาห. สุนฺทรภาเวน สาติสยานิ องฺคานิ เอเตสมตฺถีติ องฺคา. ตทฺธิตปจฺจยสฺส อติสยวิสิฏฺเ อตฺถิตาอตฺเถ ปวตฺติโต, ปธานโต ราชกุมารา, รุฬฺหิวเสน ปน ชนปโทติ วุตฺตํ ‘‘องฺคา นามา’’ติอาทิ. อิธาปิ อธิปฺเปตา, น อมฺพฏฺสุตฺเต เอว. ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิ ตสฺสา จาริกาย การณวจนํ. อาคมเน อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปนวเสน อาคนฺตุํ น ทสฺสนฺติ, นานุชานิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโย.

นีลาโสกกณิการโกวิฬารกุนฺทราชรุกฺขาทิสมฺมิสฺสตาย ตํ จมฺปกวนํ นีลาทิปฺจวณฺณกุสุมปฏิมณฺฑิตํ, น จมฺปกรุกฺขานฺเว นีลาทิปฺจวณฺณกุสุมตายาติ วทนฺติ, ตถารูปาย ปน ธาตุยา จมฺปกรุกฺขาว นีลาทิปฺจวณฺณมฺปิ กุสุมํ ปุปฺผนฺติ. อิทานิปิ หิ กตฺถจิ เทเส ทิสฺสนฺติ, เอวฺจ ยถารุตมฺปิ อฏฺกถาวจนํ อุปปนฺนํ โหติ. กุสุมคนฺธสุคนฺเธติ วุตฺตนเยน สมฺมิสฺสกานํ, สุทฺธจมฺปกานํ วา กุสุมานํ คนฺเธหิ สุคนฺเธ. เอวํ ปน วทนฺโต น มาปนกาเลเยว ตสฺมึ นคเร จมฺปกรุกฺขา อุสฺสนฺนา, อถ โข อปรภาเคปีติ ทสฺเสติ. มาปนกาเล หิ จมฺปกรุกฺขานมุสฺสนฺนตาย ตํ นครํ ‘‘จมฺปา’’ติ นามํ ลภิ. อิสฺสรตฺตาติ อธิปติภาวโต. เสนา เอตสฺส อตฺถีติ เสนิโก, สฺเวว เสนิโย. พหุภาววิสิฏฺา เจตฺถ อตฺถิตา ตทฺธิตปจฺจเยน โชติตาติ วุตฺตํ ‘‘มหติยา เสนาย สมนฺนาคตตฺตา’’ติ. สารสุวณฺณสทิสตายาติ อุตฺตมชาติสุวณฺณสทิสตาย. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตฏฺกถายํ ปน เอวํ วุตฺตํ ‘‘เสนิโย’’ติ ตสฺส นามํ, พิมฺพีติ อตฺตภาวสฺส นามํ วุจฺจติ, โส ตสฺส สารภูโต ทสฺสนีโย ปาสาทิโก อตฺตภาวสมิทฺธิยา พิมฺพิสาโรติ วุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๘๐).

๓๐๑-๒. สํหตาติ สนฺนิปตนวเสน สงฺฆฏิตา, สนฺนิปติตาติ วุตฺตํ โหติ. เอเกกิสฺสาย ทิสายาติ เอเกกาย ปเทสภูตาย ทิสาย. ปาฬิยํ พฺราหฺมณคหปติกานมธิปฺเปตตฺตา ‘‘สงฺฆิโน’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘สงฺฆี’’ติ ปุถุตฺเต เอกวจนํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เอเตส’’นฺติ อิมินา. เอวํ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๐๑, ๓๐๒) วุตฺตํ, สงฺฆีติ ปน ทีฆวเสน พหุวจนมฺปิ ทิสฺสติ. อคณาติ อสมูหภูตา อคณพนฺธา, ‘‘อคณนา’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ, สงฺขฺยาตฺถสฺส อยุตฺตตฺตา. น หิ เตสํ สงฺขฺยา อตฺถีติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปุพฺเพ อนฺโตนคเร อคณาปิ ปจฺฉา พหินคเร คณํ ภูตา ปตฺตาติ คณีภูตาติ. อภูตตพฺภาเว หิ กราสภูโยเค อ-การสฺส อี-การาเทโส, อีปจฺจโย วา. ราชราชฺาทีนํ ทณฺฑธโร ปุริโสว ตโต ตโต ขตฺติยานํ ตายนโต รกฺขณโต ขตฺตา นิรุตฺตินเยน. โส หิ ยตฺถ เตหิ เปสิโต, ตตฺถ เตสํ โทสํ ปริหรนฺโต ยุตฺตปตฺตวเสน ปุจฺฉิตมตฺถํ กเถติ. เตนาห ‘‘ปุจฺฉิตปฺเห พฺยากรณสมตฺโถ’’ติ. กุลาปเทสาทินา มหตี มตฺตา ปมาณเมตสฺสาติ มหามตฺโต.

โสณทณฺฑคุณกถาวณฺณนา

๓๐๓. เอกสฺส รฺโ อาณาปวตฺติฏฺานานิ รชฺชานิ นาม, วิสิฏฺานิ รชฺชานิ วิรชฺชานิ, ตาเนว เวรชฺชานิ, นานาวิธานิ เวรชฺชานิ ตถา, เตสุ ชาตาติอาทินา ติธา ตทฺธิตนิพฺพจนํ. วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺตีติ. ยฺานุภวนตฺถนฺติ ยสฺส กสฺสจิ ยฺสฺส อนุภวนตฺถํ. เตติ นานาเวรชฺชกา พฺราหฺมณา. ตสฺสาติ โสณทณฺฑพฺราหฺมณสฺส. อุตฺตมพฺราหฺมโณติ อภิชนสมฺปตฺติยา, วิตฺตสมฺปตฺติยา, วิชฺชาสมฺปตฺติยา จ อุคฺคตตโร, อุฬาโร วา พฺราหฺมโณ. อาวฏฺฏนีมายา วุตฺตาว. ลาภมจฺเฉเรน นิปฺปีฬิตตาย อสนฺนิปาโต ภวิสฺสติ.

องฺเคติ คเมติ อตฺตโน ผลํ าเปติ, สยํ วา องฺคียติ คมียติ ายตีติ องฺคํ, เหตุ. เตนาห ‘‘การเณนา’’ติ. โลกธมฺมตานุสฺสรเณน อปรานิปิ การณานิ อาหํสูติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอว’’นฺติอาทิมาห.

ทฺวีหิ ปกฺเขหีติ มาตุปกฺเขน, ปิตุปกฺเขน จาติ ทฺวีหิ าติปกฺเขหิ. ‘‘อุภโต สุชาโต’’ติ หิ เอตฺถเกเยว วุตฺเต เยหิ เกหิจิ ทฺวีหิ ภาเคหิ สุชาตตฺตํ วิชาเนยฺย, สุชาตสทฺโท จ ‘‘สุชาโต จารุทสฺสโน’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙) อาโรหสมฺปตฺติปริยาโยปิ โหตีติ ชาติวเสเนว สุชาตตฺตํ วิภาเวตุํ ‘‘มาติโต จ ปิติโต จา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘โภโต มาตา พฺราหฺมณี’’ติอาทิ. เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน, มาตุปกฺขโต จ ปิตุปกฺขโต จ ปจฺเจกํ ติวิเธน าติปริวฏฺเฏนาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘สํสุทฺธคหณิโก’’ติ อิมินาปิ ‘‘มาติโต จ ปิติโต จา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ สมตฺเถตีติ อาห ‘‘สํสุทฺธา เต มาตุคหณี’’ติ, สํสุทฺธาว อนฺปุริสสาธารณาติ อตฺโถ. อโนรสปุตฺตวเสนาปิ หิ โลเก มาตาปิตุสมฺา ทิสฺสติ, อิธ ปนสฺส โอรสปุตฺตวเสเนว อิจฺฉิตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สํสุทฺธคหณิโก’’ติ วุตฺตํ. คพฺภํ คณฺหาติ ธาเรตีติ คหณี, ตติยาวฏฺฏสงฺขาโต คพฺภาสยสฺิโต มาตุกุจฺฉิปเทโส สมเวปากินิยาติ สมวิปาจนิยา. เอตฺถาติ มหาสุทสฺสนสุตฺเต. ยถาภุตฺตมาหารํ วิปาจนวเสน คณฺหาติ น ฉฑฺเฑตีติ คหณี, กมฺมชเตโชธาตุ, ยา ‘‘อุทรคฺคี’’ติ โลเก ปฺายติ.

ปิตุปิตาติ ปิตุโน ปิตา. ปิตามโหติ อามห-ปจฺจเยน ตทฺธิตสิทฺธิ. ‘‘จตุยุค’’นฺติอาทีสุ วิย ตํ ตทตฺเถ ยุชฺชิตพฺพโต กาลวิเสโส ยุคํ นาม. เอตํ ยุคสทฺเทน อายุปฺปมาณวจนํ อภิลาปมตฺตํ โลกโวหารวจนมตฺตเมว, อธิปฺเปตตฺถโต ปน ปิตามโหเยว ปิตามหยุคสทฺเทน วุตฺโต ตสฺเสว ปธานภาเวน อธิปฺเปตตฺตาติ อธิปฺปาโย. ตโต อุทฺธนฺติ ปิตามหโต อุปริ. เตนาห ‘‘ปุพฺพปุริสา’’ติ, ตทวเสสา ปุพฺพกา ฉ ปุริสาติ อตฺโถ. ปุริสคฺคหณฺเจตฺถ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ ‘‘มาติโต’’ติ ปาฬิวจนํ สมตฺถิตํ โหติ.

ตตฺรายมฏฺกถามุตฺตกนโย – มาตา จ ปิตา จ ปิตโร, ปิตูนํ ปิตโร ปิตามหา, เตสํ ยุโค ทฺวนฺโท ปิตามหยุโค, ตสฺมา, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา ปิตามหทฺวนฺทาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ, เอวฺจ ปิตามหคฺคหเณเนว มาตามโหปิ คหิโต. ยุคสทฺโท เจตฺถ เอกเสโส ‘‘ยุโค จ ยุโค จ ยุโค’’ติ, อโต ตตฺถ ตตฺถ าติปริวฏฺเฏ ปิตามหทฺวนฺทํ คหิตํ โหตีติ.

‘‘ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา’’ติ อิทํ กากาเปกฺขนมิว อุภยตฺถ สมฺพนฺธคตนฺติ อาห ‘‘เอว’’นฺติอาทิ. ยาว สตฺตโม ปุริโส, ตาว อกฺขิตฺโต อนุปกุฏฺโ ชาติวาเทนาติ สมฺพนฺโธ. อกฺขิตฺโตติ อปฺปตฺตเขโป. อนวกฺขิตฺโตติ สทฺธถาลิปากาทีสุ น ฉฑฺฑิโต. น อุปกุฏฺโติ น อุปกฺโกสิโต. ‘‘ชาติวาเทนา’’ติ อิทํ เหตุมฺหิ กรณวจนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เกน การเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิติปีติ อิมินาปิ การเณน. เอตฺถ จ ‘‘อุภโต…เป… ยุคา’’ติ เอเตน พฺราหฺมณสฺส โยนิโทสาภาโว ทสฺสิโต สํสุทฺธคหณิกภาวกิตฺตนโต, ‘‘อกฺขิตฺโต’’ติ เอเตน กิริยาปราธาภาโว. กิริยาปราเธน หิ สตฺตา เขปํ ปาปุณนฺติ. ‘‘อนุปกุฏฺโ’’ติ เอเตน อยุตฺตสํสคฺคาภาโว. อยุตฺตสํสคฺคฺหิ ปฏิจฺจ สตฺตา อกฺโกสํ ลภนฺตีติ.

อิสฺสโรติ อาธิปเตยฺยสํวตฺตนิยกมฺมพเลน อีสนสีโล, สา ปนสฺส อิสฺสรตา วิภวสมฺปตฺติปจฺจยา ปากฏา ชาตา, ตสฺมา อฑฺฒภาวปริยาเยน ทสฺเสนฺโต ‘‘อฑฺโฒติ อิสฺสโร’’ติ อาห. มหนฺตํ ธนมสฺส ภูมิคตํ, เวหาสคตฺจาติ มหทฺธโน. ตสฺสาติ ตสฺส ตสฺส คุณสฺส, อยเมว จ ปาโ อธุนา ทิสฺสติ. อคุณํเยว ทสฺเสมาติ อนฺวยโต ตสฺส คุณํ วตฺวา พฺยติเรกโต ภควโต อนุปสงฺกมนการณํ อคุณเมว ทสฺเสม.

อธิกรูโปติ วิสิฏฺรูโป อุตฺตมสรีโร. ทสฺสนํ อรหตีติ ทสฺสนีโยติ อาห ‘‘ทสฺสนโยคฺโค’’ติ. ปสาทํ อาวหตีติ ปาสาทิโก. เตนาห ‘‘ปสาทชนนโต’’ติ. โปกฺขรสทฺโท อิธ สุนฺทรตฺเถ, สรีรตฺเถ จ นิรุฬฺโห. วณฺณสฺสาติ วณฺณธาตุยา. ปกาสนิเยน ปริสุทฺธนิมิตฺเตน วณฺณสทฺทสฺส วณฺณธาตุยํ ปวตฺตนโต ตนฺนิมิตฺตเมว วณฺณตา, สา จ วณฺณนิสฺสิตาติ อเภทวเสน วุตฺตํ ‘‘อุตฺตเมน ปริสุทฺเธน วณฺเณนา’’ติ. สรีรํ ปน สนฺนิเวสวิสิฏฺํ กรจรณคีวาสีสาทิสมุทายํ, ตฺจ อวยวภูเตน สณฺานนิมิตฺเตน คยฺหติ, ตสฺมา ตนฺนิมิตฺตเมว โปกฺขรตาติ วุตฺตํ ‘‘สรีรสณฺานสมฺปตฺติยา’’ติ, อุตฺตมาย สรีรสณฺานสมฺปตฺติยาติปิ โยเชตพฺพํ. อตฺถวสา หิ ลิงฺควิภตฺติวิปริณาโม. สพฺเพสุ วณฺเณสุ สุวณฺณวณฺโณว อุตฺตโมติ อาห ‘‘ปริสุทฺธวณฺเณสุปิ เสฏฺเน สุวณฺณวณฺเณน สมนฺนาคโต’’ติ. ตถา หิ พุทฺธา, จกฺกวตฺติโน จ สุวณฺณวณฺณาว โหนฺติ. ยสฺมา ปน วจฺฉสสทฺโท สรีราเภ ปวตฺตติ, ตสฺมา พฺรหฺมวจฺฉสีติ อุตฺตมสรีราโภ, สุวณฺณาโภ อิจฺเจว อตฺโถ. อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘มหาพฺรหฺมุโน สรีรสทิเสเนว สรีเรน สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺตํ, น พฺรหฺมุชุคตฺตตํ. โอกาโสติ สพฺพงฺคปจฺจงฺคฏฺานํ. อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา, อวยวปาริปูริยา จ ทสฺสนสฺส โอกาโส น ขุทฺทโกติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สพฺพาเนวา’’ติอาทิ.

สีลนฺติ ยมนิยมลกฺขณํ สีลํ, ตํ ปนสฺส รตฺตฺุตาย วุทฺธํ วทฺธิตนฺติ วิเสสโต ‘‘วุทฺธสีลี’’ติ วุตฺตํ. วุทฺธสีเลนาติ สพฺพทา สมฺมาโยคโต วุทฺเธน ธุวสีเลน. เอวฺจ กตฺวา ปทตฺตยมฺเปตํ อธิปฺเปตตฺถโต วิสิฏฺํ โหติ, สทฺทตฺถมตฺตํ ปน สนฺธาย ‘‘อิทํ วุทฺธสีลีปทสฺเสว เววจน’’นฺติ วุตฺตํ. ปฺจสีลโต ปรํ ตตฺถ สีลสฺส อภาวโต, เตสมชานนโต จ ‘‘ปฺจสีลมตฺตเมวา’’ติ อาห.

วาจาย ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนตา เอว สุนฺทรภาโวติ วุตฺตํ ‘‘สุนฺทรา ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา’’ติ. านกรณสมฺปตฺติยา, สิกฺขาสมฺปตฺติยา จ กสฺสจิปิ อนูนตาย ปริมณฺฑลปทานิ พฺยฺชนานิ อกฺขรานิ เอติสฺสาติ ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา. อกฺขรเมว หิ ตํตทตฺถวาจกภาเวน ปริจฺฉินฺนํ ปทํ. อถ วา ปทเมว อตฺถสฺส พฺยฺชกตฺตา พฺยฺชนํ, สิถิลธนิตาทิอกฺขรปาริปูริยา จ ปทพฺยฺชนสฺส ปริมณฺฑลตา, ปริมณฺฑลํ ปทพฺยฺชนเมติสฺสาติ ตถา. อปิจ ปชฺชติ อตฺโถ เอเตนาติ ปทํ, นามาทิ, ยถาธิปฺเปตมตฺถํ พฺยฺเชตีติ พฺยฺชนํ, วากฺยํ, เตสํ ปริปุณฺณตาย ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา. อตฺถวิฺาปเน สาธนตาย วาจาว กรณํ วากฺกรณนฺติ ตุลฺยาธิกรณตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุทาหรณโฆโส’’ติ วุตฺตํ, วจีเภทสทฺโทติ อตฺโถ. ตสฺส พฺราหฺมณสฺส, เตน วา ภาสิตพฺพสฺส อตฺถสฺส คุณปริปุณฺณภาเวน ปูเร คุเณหิ ปริปุณฺณภาเว ภวาติ โปรี. ปุน ปุเรติ ราชธานีมหานคเร. ภวตฺตาติ สํวฑฺฒตฺตา. สุขุมาลตฺตเนนาติ สุขุมาลภาเวน, อิมินา ตสฺสา วาจาย มุทุสณฺหตฺตมาห. อปลิพุทฺธายาติ ปิตฺตเสมฺหาทีหิ อปริโยนทฺธาย, เหตุคพฺภปทเมตํ. ตโต เอว หิ ยถาวุตฺตโทสาภาโวติ. ฑํเสตฺวา วิย เอกเทสกถนํ สนฺทิฏฺํ, สณิกํ จิรายิตฺวา กถนํ วิลมฺพิตํ, ‘‘สนฺนิทฺธวิลมฺพิตาที’’ติปิ ปาโ. สทฺเทน อชนกํ วจินํ, มมฺมกสงฺขาตํ วา เอกกฺขรเมว ทฺวตฺติกฺขตฺตุมุจฺจารณํ สนฺนิทฺธํ. อาทิสทฺเทน ทุกฺขลิตานุกฑฺฒิตาทีนิ สงฺคณฺหาติ. เอฬาคเฬนาติ เอฬาปคฺฆรเณน. ‘‘เอฬา คฬนฺตี’’ติ วุตฺตสฺเสว ทฺวิธา อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ลาลา วา ปคฺฆรนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ปสฺเส’ฬมูคํ อุรคํ ทุชิวฺห’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๗.๔๙) วิย หิ เอฬาสทฺโท ลาลาย, เขเฬ จ ปวตฺตติ. เขฬผุสิตานีติ เขฬพินฺทูนิ.

ตตฺรายมฏฺกถามุตฺตกนโย – เอลนฺติ โทโส วุจฺจติ ‘‘ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๘, ๑๙๔) วิย. ทุปฺปฺา จ สโทสเมว กถํ กเถนฺตา เอลํ ปคฺฆราเปนฺติ, ตสฺมา เตสํ วาจา เอลคฬา นาม โหติ, ตพฺพิปรีตายาติ อตฺโถ. ‘‘อาทิมชฺฌปริโยสานํ ปากฏํ กตฺวา’’ติ อิมินา ตสฺสา วาจาย อตฺถปาริปูรึ วทติ. วิฺาปนสทฺเทน เอตสฺส สมฺพนฺโธ.

ชราชิณฺณตาย ชิณฺโณติ ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทิภาวมาปาทิโต. วุทฺธิมริยาทปฺปตฺโตติ วุทฺธิยา ปริจฺเฉทํ ปริยนฺตํ ปตฺโต. ชาติมหลฺลกตายาติ อุปปตฺติยา มหลฺลกภาเวน. เตนาห ‘‘จิรกาลปฺปสุโต’’ติ. อทฺธสทฺโท อทฺธานปริยาโย ทีฆกาลวาจโก. กิตฺตโก ปน โสติ อาห ‘‘ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ’’ติ, ทฺวินฺนํ ติณฺณํ ราชูนํ รชฺชปสาสนปฏิปาฏิโยติ อตฺโถ. ‘‘อทฺธคโต’’ติ วตฺวาปิ กตํ วโยคหณํ โอสานวยาเปกฺขนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปจฺฉิมวยํ สมฺปตฺโต’’ติ. ปจฺฉิโม ตติยภาโคติ วสฺสสตสฺส ติธา กเตสุ ภาเคสุ ตติโย โอสานภาโค. ปจฺเจกํ เตตฺตึสวสฺสโต จ อธิกมาสปกฺขาทิปิ วิภชียติ, ตสฺมา สตฺตสฏฺิเม วสฺเส ยถารหํ ลพฺภมานมาสปกฺขทิวสโต ปฏฺาย ปจฺฉิมวโย เวทิตพฺโพ. อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรนปิ หิ อิมเมวตฺถํ สนฺธาย ‘‘สตฺตสฏฺิวสฺสโต ปฏฺาย ปจฺฉิมวโย โกฏฺาโส’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา) วุตฺตํ. อิตรถา หิ ‘‘ปจฺฉิมวโย นาม วสฺสสตสฺส ปจฺฉิโม ตติยภาโค’’ติ อฏฺกถาวจเนน วิโรโธ ภเวยฺยาติ.

เอวํ เกวลชาติวเสน ปมวิกปฺปํ วตฺวา คุณมิสฺสกวเสนปิ ทุติยวิกปฺปํ วทนฺเตน ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ นายํ ชิณฺณตา วโยมตฺเตน, อถ โข กุลปริวฏฺเฏน ปุราณตาติ อาห ‘‘ชิณฺโณติ โปราโณ’’ติอาทิ. จิรกาลปฺปวตฺตกุลนฺวโยติ จิรกาลํ ปวตฺตกุลปริวฏฺโฏ, เตนาสฺส กุลวเสน อุทิโตทิตภาวมาห. ‘‘วโยอนุปฺปตฺโต’’ติ อิมินา ชาติวุทฺธิยา วกฺขมานตฺตา, คุณวุทฺธิยา จ ตโต สาติสยตฺตา ‘‘วุทฺโธติ สีลาจาราทิคุณวุทฺธิยา ยุตฺโต’’ติ วุตฺตํ. วกฺขมานํ ปติ ปาริเสสคฺคหณฺเหตํ. ตถา ชาติมหลฺลกตายปิ เตเนว ปเทน วกฺขมานตฺตา, วิภวมหตฺตตาย จ อนวเสสิตตฺตา ‘‘มหลฺลโกติ วิภวมหนฺตตาย สมนฺนาคโต’’ติ อาห. มคฺคปฏิปนฺโนติ พฺราหฺมณานํ ยุตฺตปฏิปตฺติวีถึ อโวกฺกมฺม จรณวเสน อุปคโตติ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘พฺราหฺมณาน’’นฺติอาทินา. ชาติวุทฺธภาวมนุปฺปตฺโต, ตมฺปิ อนฺติมวยํ ปจฺฉิมวยเมว อนุปฺปตฺโตติ สาธิปฺปายโยชนา. อิมินา หิ ปจฺฉิมวยวเสน ชาติวุทฺธภาวํ ทสฺเสตีติ.

พุทฺธคุณกถาวณฺณนา

๓๐๔. ตาทิเสหิ มหานุภาเวหิ สทฺธึ ยุคคฺคาหวเสน ปนมฺปิ น มาทิสานํ ปณฺฑิตชาตีนมนุจฺฉวิกํ, กุโต ปน อุกฺกํสวเสน ปนนฺติ อิทํ พฺราหฺมณสฺส น ยุตฺตรูปนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น โข ปน เมต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เยปิ คุณา อตฺตโน คุเณหิ สทิสา, เตปิ คุเณ อุตฺตริตเรเยว มฺมาโน ปกาเสตีติ สมฺพนฺโธ. สทิสาติ จ เอกเทเสน สทิสา. น หิ พุทฺธานํ คุเณหิ สพฺพถา สทิสา เกจิปิ คุณา อฺเสุ ลพฺภนฺติ. ‘‘โก จาห’’นฺติอาทิ อุตฺตริตราการทสฺสนํ. อหฺจ กีทิโส นาม หุตฺวา สทิโส ภวิสฺสามิ, สมณสฺส…เป… คุณา จ กีทิสา นาม หุตฺวา สทิสา ภวิสฺสนฺตีติ สาธิปฺปายโยชนา. เกจิ นวํ ปาํ กโรนฺติ, อยเมว มูลปาโ ยถา ตํ อมฺพฏฺสุตฺเต ‘‘โก จาหํ โภ โคตม สาจริยโก, กา จ อนุตฺตรา วิชฺชาจรณสมฺปทา’’ติ. อิตเรติ อตฺตโน คุเณหิ อสทิเส คุเณ, ‘‘ปกาเสตี’’ติ อิมินาว สมฺพนฺโธ. เอกนฺเตเนวาติ สทิสคุณานํ วิย ปสงฺคาภาเวน.

เอวํ นิยาเมนฺโต โสณทณฺโฑ อิทํ อตฺถชาตํ ทีเปติ. ยถา หีติ เอตฺถ หิ-สทฺโท การเณ. เตนาห ‘‘ตสฺมา มยเมว อรหามา’’ติ. โคปทกนฺติ คาวิยา ขุรฏฺาเน ิตอุทกํ. คุเณติ สทิสคุเณปิ, ปเคว อสทิสคุเณ.

สฏฺิกุลสตสหสฺสนฺติ สฏฺิสหสฺสาธิกํ กุลสตสหสฺสํ. ธมฺมปทฏฺกถาทีสุ (ธ. ป. อฏฺ. ๑๖) ปน กตฺถจิ ภควโต อสีติกุลสหสฺสตาวจนํ เอเกกปกฺขเมว สนฺธายาติ เวทิตพฺพํ.

สุธามฏฺโปกฺขรณิโยติ สุธาย ปริกมฺมกตา โปกฺขรณิโย. สตฺตรตนานนฺติ สตฺตหิ รตเนหิ. ปูรโยเค หิ กรณตฺเถ พหุลํ ฉฏฺีวจนํ. ปาสาทนิยูหาทโยติ อุปริปาสาเท ิตตุลาสีสาทโย. ‘‘สตฺตรตนาน’’นฺติ อธิกาโร, อเภเทปิ เภทโวหาโร เอส. กุลปริยาเยนาติ สุทฺโธทนมหาราชสฺส อสมฺภินฺนขตฺติยกุลานุกฺกเมน. เตสุปีติ จตูสุ นิธีสุปิ. คหิตํ คหิตํ านํ ปูรติเยว ธเนน ปากติกเมว โหติ, น อูนํ.

ภทฺทเกนาติ สุนฺทเรน. ปจฺฉิมวเย วุตฺตนเยน ปมวโย เวทิตพฺโพ. มาตาปิตูนํ อนิจฺฉาย ปพฺพชฺชาว อนาทโร เตน ยุตฺเต อตฺเถ สามิวจนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอเตสนฺติ มาตาปิตูนํ. กนฺทิตฺวาติ ‘‘กหํ ปิยปุตฺตกา’’ติอาทินา ปริเทวิตฺวา.

อปริมาโณเยวาติ ‘‘เอตฺตโก เอโส’’ติ เกนจิ ปริจฺฉินฺทิตุมสกฺกุเณยฺยตาย อปริจฺฉินฺโนเยว. ทฺเว เวฬู อโธกฏิมตฺตกเมว โหนฺตีติ อาห ‘‘ทฺวินฺนํ เวฬูนํ อุปริ กฏิมตฺตเมวา’’ติ. ปารมิตานุภาเวน พฺราหฺมณสฺส เอว ปฺายติ, ภควา ปน ตทา ปกติปฺปมาโณวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺายมาโน’’ติ วุตฺตมิว ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘น หี’’ติอาทินา ปารมิตาพเลเนว เอวํ อปริมาณตา, น อิทฺธิพเลนาติ ทสฺเสตี’’ติ วทนฺติ. อตุโลติ อสทิโส. ‘‘ธมฺมปเท คาถมาหา’’ติ กตฺถจิ ปาโ อยุตฺโตว. น หิ ธมฺมปเท อยํ คาถา ทิสฺสติ. สุธาปิณฺฑิยตฺเถราปทานาทีสุ (อป. ๑.๑๐.สุธาปิณฺฑิยตฺเถราปทาน) ปนายํ คาถา อาคตา, สา จ โข อฺวตฺถุสฺมึ เอว, น อิมสฺมึ วตฺถุมฺหิ, ตสฺมา ปาฬิวเสน สงฺคีติมนารุฬฺหา ปกิณฺณกเทสนาเยวายํ คาถาติ ทฏฺพฺพํ.

ตตฺถ เต ตาทิเสติ ปริยายวจนเมตํ ‘‘อปฺปํ วสฺสสตํ อายุ, อิทาเนตรหิ วิชฺชตี’’ติอาทีสุ (พุ. วํ. ๒๗.๒๑) วิย, ‘‘เอตาทิเส’’ติปิ ปนฺติ, ตทสุนฺทรํ อปทานาทีสุ ตถา อทิสฺสนโต. กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุเต กุโตจิปิ อภเย เต ตาทิเส ปูชยโต เอตฺถ อิทํ ปุฺํ เกนจิ มหานุภาเวน อปิ สงฺขาตุํ น สกฺกาติ อตฺโถ.

พาหนฺตรนฺติ ทฺวินฺนํ พาหูนมนฺตรํ. ทฺวาทส โยชนสตานีติ ทฺวาทสาธิกานิ โยชนสตานิ. พหลนฺตเรนาติ สมนฺตา สรีรปริณาหปฺปมาเณน. ปุถุลโตติ วิตฺถารโต. องฺคุลิปพฺพานีติ เอเกกานิ องฺคุลิปพฺพานิ. ภมุกนฺตรนฺติ ทฺวินฺนํ ภมุกานมนฺตรํ. มุขํ วิตฺถารโต ทฺวิโยชนสตํ ปริมณฺฑลโต วิสุํ วุตฺตตฺตา. ‘‘เอทิโส ภควา’’ติ ยา ปเรหิ วุตฺตา กถา, ตสฺสา อนุรูปนฺติ ยถากถํ, อิมินา อฺเหิ วุตฺตํ ภควโต วณฺณกถํ สุตฺวา โอโลเกตุกามตาย อาคโตติ ทสฺเสติ, ยถากถนฺติ วา กีทิสํ. ‘‘ยถากถํ ปน ตุมฺเห ภิกฺขเว สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ผาสุกํ วสฺสํ วสิตฺถา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๙๔) วิย หิ ปุจฺฉายํ เอส นิปาตสมุทาโย, เอโก วา นิปาโต.

คนฺธกุฏิปริเวเณติ คนฺธกุฏิยา ปริเวเณ, คนฺธกุฏิโต พหิ ปริเวณพฺภนฺตเรติ อตฺโถ. ตตฺถาติ มฺจเก. ‘‘สีหเสยฺยํ กปฺเปสี’’ติ ยถา ราหุ อสุรินฺโท อายามโต, วิตฺถารโต, อุพฺเพธโต จ ภควโต รูปกายสฺส ปริจฺเฉทํ คเหตุํ น สกฺโกติ, ตถา รูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขโรนฺโต สีหเสยฺยํ กปฺเปสี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๐๔) เอวํ อาจริเยน วุตฺตํ, ‘‘ตเทตํ ‘น มยา อสุรินฺท อโธมุเขน ปารมิโย ปูริตา, อุทฺธคฺคเมว กตฺวา ทานํ ทินฺน’’นฺติ อฏฺกถาวจเนน อจฺจนฺตเมว วิรุทฺธํ โหติ. เอตฺหิ คนฺธกุฏิทฺวารวิวรณาทีสุ วิย ปารมิตานุภาวสิทฺธิทสฺสนํ, อฺถา ตเทว วจนํ วตฺตพฺพํ ภเวยฺยา’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. อโธมุเขนาติ โอสกฺกิตวีริยตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุทฺธคฺคเมวาติ อโนสกฺกิตวีริยตํ, อุพฺภโกฏิกํ กตฺวาติ อตฺโถ. ตทา ราหุ อุปาสกภาวํ ปฏิเวเทสีติ อาห ‘‘ตํ ทิวส’’นฺติอาทิ.

กิเลเสหิ อารกตฺตา อริยํ นิรุตฺตินเยน, อโตเยว อุตฺตมตา ปริสุทฺธตาติ วุตฺตํ ‘‘อุตฺตมํ ปริสุทฺธ’’นฺติ. อนวชฺชฏฺเน กุสลํ, น สุขวิปากฏฺเน ตสฺส อรหตมสมฺภวโต. กุสลสีเลนาติ อนวชฺเชเนว วิทฺธสฺตสวาสนกิเลเสน สีเลน. เอวฺจ กตฺวา ปทจตุกฺกมฺเปตํ อธิปฺเปตตฺถโต วิสิฏฺํ โหติ, สทฺทตฺถมตฺตํ ปน สนฺธาย ‘‘อิทมสฺส เววจน’’นฺติ วุตฺตํ.

กตฺถจิ จตุราสีติปาณสหสฺสานิ, กตฺถจิ อปริมาณาปิ เทวมนุสฺสาติ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘ภควโตเอเกกาย ธมฺมเทสนายา’’ติอาทิมาห. มหาสมยสุตฺต (ที. นิ. ๒.๓๓๑ อาทโย) มงฺคลสุตฺต- (ขุ. ปา. ๕.๑ อาทโย; สุ. นิ. ๒๖๑ อาทโย) เทสนาทีสุ หิ จตุวีสติยา าเนสุ อสงฺขฺเยยฺยา อปริเมยฺยา เทวมนุสฺสา มคฺคผลามตํ ปิวึสุ. โกฏิสตสหสฺสาทิปริมาเณนปิ พหู เอว, นิทสฺสนวเสน ปเนวํ วุตฺตํ. ตสฺมา อนุตฺตรสิกฺขาปกภาเวน ภควา พหูนํ อาจริโย, เตสํ อาจริยภูตานํ สาวกานมาจริยภาเวน สาวกเวเนยฺยานํ ปาจริโย. ภควตา หิ ทินฺนนเย ตฺวา สาวกา เวเนยฺยํ วิเนนฺติ, ตสฺมา ภควาว เตสํ ปธาโน อาจริโยติ.

วทนฺตสฺสาธิปฺเปโตว อตฺโถ ปมาณํ, น ลกฺขณหาราทิวิสโยติ อาห ‘‘พฺราหฺมโณ ปนา’’ติอาทิ. ‘‘อิมสฺส วา ปูติกายสฺสา’’ติ ปาาวสาเน เปยฺยาลํ กตฺวา ‘‘เกลนา ปฏิเกลนา’’ติ วุตฺตํ. อยฺหิ ขุทฺทกวตฺถุวิภงฺคปาฬิ (วิภ. ๘๕๔) ‘‘พาหิรานํ วา ปริกฺขารานํ มณฺฑนา’’ติอาทิ เปยฺยาลวเสน คยฺหติ. ตตฺถ อิมสฺส วา ปูติกายสฺสาติ อิมสฺส วา มนุสฺสสรีรสฺส. ยถา หิ ตทหุชาโตปิ สิงฺคาโล ‘‘ชรสิงฺคาโล’’ ตฺเวว, อูรุปฺปมาณาปิ จ คโลจิลตา ‘‘ปูติลตา’’ ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ, เอวํ สุวณฺณวณฺโณปิ มนุสฺสสรีโร ‘‘ปูติกาโย’’ ตฺเวว, ตสฺส มณฺฑนาติ อตฺโถ. เกลนาติ กีฬนา. ‘‘เกลายนา’’ติปิ ปนฺติ. ปฏิเกลนาติ ปฏิกีฬนา. จปลสฺส ภาโว จาปลฺยํ, จาปลฺลํ วา, เยน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล วสฺสสติโกปิ สมาโน ตทหุชาตทารโก วิย โหติ, ตสฺเสทมธิวจนนฺติ เวทิตพฺพํ.

อปาเป ปุเร กโรติ, น วา ปาปํ ปุเร กโรตีติ อปาปปุเรกฺขาโรติ ยุตฺตายุตฺตสมาเสน ทุวิธมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปาเป นวโลกุตฺตรธมฺเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปาเปติ จ ปาปปฏิปกฺเข, ปาปวิรหิเต วา. พฺรหฺมนิ เสฏฺเ ภควติ ภวา ตสฺส ธมฺมเทสนาวเสน อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา, พฺรหฺมุโน วา ภควโต อปจฺจํ ครุกรณาทินา, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา จ, พฺรหฺมํ วา เสฏฺํ อริยมคฺคํ ชานาตีติ พฺรหฺมฺา, อริยสาวกสงฺขาตา ปชา. เตนาห ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติอาทิ. พฺราหฺมณปชายาติ พหิตปาปปชาย. ‘‘อปาปปุเรกฺขาโร’’ติ เอตฺถ ‘‘ปุเรกฺขาโร’’ติ ปทมธิกาโรติ ทสฺเสติ ‘‘เอติสฺสายจ ปชาย ปุเรกฺขาโร’’ติ อิมินา. -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ ‘‘น เกวลํ อปาปปุเรกฺขาโร เอว, อถ โข พฺรหฺมฺาย จ ปชาย สมฺพนฺธภูตาย ปุเรกฺขาโร’’ติ. ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ อธิปฺปายมตฺตทสฺสนํ. ‘‘อปาปปุเรกฺขาโร’’ติ อิทํ ‘‘พฺรหฺมฺาย ปชายา’’ติ อิมินาว สมฺพนฺธิตพฺพํ, น จ ปจฺเจกมตฺถทีปกํ, ปกติพฺราหฺมณชาติวเสนปิ เจตสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. อยุตฺตสมาโส จายํ. ปาปนฺติ ปาปกมฺมํ, อหิตํ ทุกฺขนฺติ อตฺโถ. ตสฺส สมฺพนฺธิเปกฺขตฺตา กสฺสา อปาปปุเรกฺขาโรติ ปุจฺฉาย เอวมาหาติ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อตฺตนา’’ติอาทิ ตทตฺถวิวรณํ. พฺราหฺมณปชายาติ พฺราหฺมณชาติปชาย.

รฺชนฺติ อฏฺฏํ ภชนฺติ ราชาโน เอเตนาติ รฏฺํ, เอกสฺส รฺโ รชฺชภูตกาสิโกสลาทิมหาชนปทา. ชนา ปชฺชนฺติ สุขชีวิกํ ปาปุณนฺติ เอตฺถาติ ชนปโท, เอกสฺส รฺโ รชฺเช เอเกกโกฏฺาสภูตา อุตฺตรปถทกฺขิณปถาทิขุทฺทกชนปทา. ตตฺถาติ ตถา อาคเตสุ. ปุจฺฉายาติ อตฺตนา อภิสงฺขตาย ปุจฺฉาย. วิสฺสชฺชนาสมฺปฏิจฺฉเนติ วิสฺสชฺชนาย อตฺตโน าเณน สมฺปฏิคฺคหเณ. เกสฺจิ อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ, าณปริปากํ, จิตฺตาจารฺจ ตฺวา ภควาว ปุจฺฉาย อุสฺสาหํ ชเนตฺวา วิสฺสชฺเชตีติ อธิปฺปาโย.

‘‘ตตฺถ กตมํ สาขลฺย’’นฺติอาทิ นิกฺเขปกณฺฑปาฬิ (ธ. ส. ๑๓๕๐). อทฺธานทรถนฺติ ทีฆมคฺคาคมนปริสฺสมํ. อสฺสาติ ภควโต, มุขปทุมนฺติ สมฺพนฺโธ. พาลาตปสมฺผสฺสเนเนวาติ อภินวุคฺคตสูริยรํสิสมฺผสฺสเนน อิว. ตถา หิ สูริโย ‘‘ปทฺมพนฺธู’’ติ โลเก ปากโฏ, จนฺโท ปน ‘‘กุมุทพนฺธู’’ติ. ปุณฺณจนฺทสฺส สิริยา สมานา สิรี เอตสฺสาติ ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ. กถํ นิกฺกุชฺชิตสทิสตาติ อาห ‘‘สมฺปตฺตายา’’ติอาทิ. เอตฺถ ปน ‘‘เอหิ สฺวาคตวาที’’ติ อิมินา สุขสมฺภาสปุพฺพกํ ปิยวาทิตํ ทสฺเสติ, ‘‘สขิโล’’ติ อิมินา สณฺหวาจตํ, ‘‘สมฺโมทโก’’ติ อิมินา ปฏิสนฺธารกุสลตํ, ‘‘อพฺภากุฏิโก’’ติ อิมินา สพฺพตฺเถว วิปฺปสนฺนมุขตํ, ‘‘อุตฺตานมุโข’’ติ อิมินา สุขสลฺลาปตํ, ‘‘ปุพฺพภาสี’’ติ อิมินา ธมฺมานุคฺคหสฺส โอกาสกรเณน หิตชฺฌาสยตํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ.

ยตฺถกิราติ เอตฺถ กิร-สทฺโท อรุจิสูจเน –

‘‘ขณวตฺถุปริตฺตตฺตา, อาปาถํ น วชนฺติ เย;

เต ธมฺมารมฺมณา นาม, เย’สํ รูปาทโย กิรา’’ติ. –

อาทีสุ (อภิธมฺมาวตาร-อฏฺกถายํ อารมฺมณวิภาเค ฉฏฺอนุจฺเฉเท – ๗๗) วิย, เตน ภควตา อธิวุตฺถปเทเส น เทวตานุภาเวน มนุสฺสานํ อนุปทฺทวตา, อถ โข พุทฺธานุภาเวนาติ ทสฺเสติ. พุทฺธานุภาเวเนว หิ ตา อารกฺขํ คณฺหนฺติ. ปํสุปิสาจกาทโยติ ปํสุนิสฺสิตปิสาจกาทโย . อาทิสทฺเทน ภูตรกฺขสาทีนํ คหณํ. อิทานิ พุทฺธานุภาวเมว ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

อนุสาสิตพฺโพ สงฺโฆ นาม สพฺโพปิ เวเนยฺยชนสมูโห. สยํ อุปฺปาทิโต สงฺโฆ นาม นิพฺพตฺติตอริยปุคฺคลสมูโห. ‘‘ตาทิโส’’ติ อิมินา ‘‘สยํ วา อุปฺปาทิโต’’ติ วุตฺตวิกปฺโป เอว ปจฺจามฏฺโ อนนฺตรสฺส วิธิ ปฏิเสโธวาติ กตฺวา, ตสฺมา ‘‘ปุริมปทสฺเสว วา’’ติ วิกปฺปนฺตรคหณนฺติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๐๔) วุตฺตํ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – กามํ ‘‘คณี’’ติ อิทํ ‘‘สงฺฆี’’ติ ปทสฺเสว เววจนํ, อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ยถาวุตฺตวิกปฺปทฺวเย ทุติยวิกปฺปเมว ปจฺจามสิตฺวา ‘‘ตาทิโสวสฺส คโณ อตฺถี’’ติ วุตฺตตฺตา อวสิฏฺสฺสปิ ปมวิกปฺปสฺส สงฺคหณตฺถํ ‘‘ปุริมปทสฺเสว วา เววจนเมต’’นฺติ วุตฺตนฺติ. เอวมฺปิ วทนฺติ – ธมฺมเสนาปติตฺเถราทีนํ ปจฺเจกคณีนํ คณํ, สุตฺตนฺติกาทิคณํ วา สนฺธาย ‘‘ตาทิโส’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ หิ สพฺโพว ภิกฺขุคโณ อนุสาสิตพฺโพ นาม, นิพฺพตฺติตอริยคโณ ปน สยํ อุปฺปาทิโต นาม, ตสฺมา ‘‘ตาทิโส’’ติ อิมินา วิกปฺปทฺวยสฺสาปิ ปจฺจามสนํ อุปปนฺนํ โหติ. เอวํ ปททฺวยสฺส วิเสสตฺถตํ ทสฺเสตฺวา สพฺพถา สมานตฺถตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุริมปทสฺเสวา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ. ปูรณมกฺขลิอาทีนํ พหูนํ ติตฺถกรานํ, นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. อเจลกาทิมตฺตเกนปิ การเณนาติ นิจฺโจฬตาทิมตฺตเกนปิ อปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺตาทิสมาโรปนลกฺขเณน การเณน.

นวกาติ อภินวา. ปาหุนกาติ ปเหณกํ ปฏิคฺคณฺหิตุมนุจฺฉวิกา, เอเตน ทุวิเธสุ อาคนฺตุเกสุ ปุเรตรมาคตวเสน อิธ อติถิโน, น โภชนเวลายมาคตวเสน อพฺภาคตาติ ทสฺเสติ. ปริยาปุณามีติ ปริจฺฉินฺทิตุํ ชานามิ, ธาตฺวตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘ชานามี’’ติ วุตฺตํ.

กปฺปมฺปีติ อายุกปฺปมฺปิ, ภเณยฺย เจติ สมฺพนฺโธ. จิรํ จิรกาเล กปฺโป ขีเยถ, ทีฆมนฺตเร ทีฆกาลนฺตเรปิ ตถาคตสฺส วณฺโณ น ขีเยถาติ โยชนา. ‘‘จิร’’นฺติ เจตฺถ วตฺตพฺเพปิ ฉนฺทหานิภยา รสฺสตฺถํ นิคฺคหิตโลโป, อติทีฆกาลํ วา สนฺธาย ‘‘จิรทีฆมนฺตเร’’ติ วุตฺตํ, อุภยตฺถ สมฺพนฺธิตพฺพเมตํ, กิริยารหาทิโยเค วิย จ อนฺตรโยเค อธิกกฺขรปาโท อนุปวชฺโช, อยฺจ คาถา อภูตปริกปฺปนาวเสน อฏฺกถาสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕; อุทา. อฏฺ. ๕๓; พุ. วํ. อฏฺ. ๔.๔; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา, ปกิณฺณกกถา; อป. อฏฺ. ๒.๗.๒๐) วุตฺตา ตถา ภาสมานสฺส อภาวโต.

๓๐๕. นฺติ อาจริยํ. อลํ-สทฺโท อิธ อรหตฺโถ ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๓๔, ๑๔๓) วิยาติ อาห ‘‘ยุตฺตเมวา’’ติ. ปุเฏน เนตฺวา อสิตพฺพโต ปริภุฺชิตพฺพโต ปุโฏสํ วุจฺจติ ปาเถยฺยํ. อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ ทสฺเสติ ‘‘ตํ คเหตฺวา’’ติ อิมินา. ปาฬิยํ ปุฏํเสนปิ กุลปุตฺเตนาติ สมฺพนฺธํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตน ปุฏํเสนา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อํเสนา’’ติอาทิ อธิปฺปายมตฺตทสฺสนํ, วหนฺเตน กุลปุตฺเตน อุปสงฺกมิตุํ อลเมวาติ อตฺโถ.

โสณทณฺฑปริวิตกฺกวณฺณนา

๓๐๖-๗. น อิธ ติโร-สทฺโท ‘‘ติโรกุฑฺเฑ วา ติโรปากาเร วา ฉฑฺเฑยฺย วา ฉฑฺฑาเปยฺย วา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๘๒๕) วิย พหิอตฺโถติ อาห ‘‘อนฺโตวนสณฺเฑ คตสฺสา’’ติ. ตตฺถ วิหาโรปิ วนสณฺฑปริยาปนฺโนติ ทสฺเสติ ‘‘วิหารพฺภนฺตรํ ปวิฏฺสฺสา’’ติ อิมินา. เอเต อฺชลึ ปณาเมตฺวา นิสินฺนา มิจฺฉาทิฏฺิวเสน อุภโตปกฺขิกา, ‘‘อิตเร ปน สมฺมาทิฏฺิวเสน เอกโตปกฺขิกา’’ติ อตฺถโต อาปนฺโน โหติ. ทลิทฺทตฺตา, าติปาริชุฺาทินา ชิณฺณตฺตา จ นามโคตฺตวเสน อปากฏา หุตฺวา ปากฏา ภวิตุกามา เอวมกํสูติ อธิปฺปาโย. เกราฏิกาติ สา. ตตฺถาติ ทฺวีสุ ชเนสุ. ตโตติ วิสฺสาสโต, ทานโต วา.

พฺราหฺมณปฺตฺติวณฺณนา

๓๐๙. อโนนตกายวเสน ถทฺธคตฺโต, น มานวเสน. เตน ปาฬิยํ วกฺขติ ‘‘อพฺภุนฺนาเมตฺวา’’ติ. เจโตวิตกฺกํ สนฺธาย จิตฺตสีเสน ‘‘จิตฺตํ อฺาสี’’ติ วุตฺตํ. วิฆาตนฺติ จิตฺตทุกฺขํ.

๓๑๑. สกสมเยติ พฺราหฺมณลทฺธิยํ. มียมาโนติ มริยมาโน. ทิฏฺิสฺชานเนเนวาติ อตฺตโน ลทฺธิสฺชานเนเนว. สุชนฺติ โหมทพฺพึ, นิพฺพจนํ วุตฺตเมว. คณฺหนฺเตสูติ ชุหนตฺถํ คณฺหนเกสุ, อิรุวิชฺเชสูติ อตฺโถ. อิรุเวทวเสน โหมกรณโต หิ ยฺยชกา ‘‘อิรุวิชฺชา’’ติ วุจฺจนฺติ. ปโม วาติ ตตฺถ สนฺนิปติเตสุ สุชากิริยายํ สพฺพปธาโน วา. ทุติโยวาติ ตทนนฺตริโก วา. ‘‘สุช’’นฺติ อิทํ กรณตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘สุชายา’’ติ. อคฺคิหุตฺตมุขตาย ยฺสฺส ยฺเ ทิยฺยมานํ สุชามุเขน ทิยฺยติ. วุตฺตฺจ ‘‘อคฺคิหุตฺตมุขา ยฺา, สาวิตฺตี ฉนฺทโส มุข’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๔๐๐). ตสฺมา ‘‘ทิยฺยมาน’’นฺติ อยํ ปาเสโส วิฺายตีติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๑๑) วุตฺตํ. อปิจ สุชาย ทิยฺยมานํ สุชนฺติ ตทฺธิตวเสน อตฺถํ ทสฺเสตุํ เอวมาห. โปราณาติ อฏฺกถาจริยา. ปุริมวาเท เจตฺถ ทานวเสน ปโม วา ทุติโย วา, ปจฺฉิมวาเท อาทานวเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส. วิเสสโตติ วิชฺชาจรณวิเสสโต, น พฺราหฺมเณหิ อิจฺฉิตวิชฺชาจรณมตฺตโต. อุตฺตมพฺราหฺมณสฺสาติ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยตาย อุกฺกฏฺพฺราหฺมณสฺส. ยถาธิปฺเปตสฺส หิ วิชฺชาจรณวิเสสทีปกสฺส ‘‘กตมํ ปน ตํ พฺราหฺมณสีลํ, กตมา สา ปฺา’’ติอาทิวจนสฺส โอกาสกรณตฺถเมว ‘‘อิเมสํ ปน พฺราหฺมณ ปฺจนฺนํ องฺคาน’’นฺติอาทิวจนํ ภควา อโวจ, ตสฺมา ปธานวจนานุรูปมนุสนฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๓๑๓. อปวทตีติ วณฺณาทีนิ อปเนตฺวา วทติ, อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘ปฏิกฺขิปตี’’ติ วุตฺตํ. อิทนฺติ ‘‘มา ภวํ โสณทณฺโฑ เอวํ อวจา’’ติอาทิวจนํ. พฺราหฺมณสมยนฺติ พฺราหฺมณสิทฺธนฺตํ. มา ภินฺทีติ มา วินาเสสิ.

๓๑๖. สโมเยว หุตฺวา สโมติ สมสโม, สพฺพถา สโมติ อตฺโถ. ปริยายทฺวยฺหิ อติสยตฺถทีปกํ ยถา ‘‘ทุกฺขทุกฺขํ, รูปรูป’’นฺติ. เอกเทสมตฺตโต ปน องฺคเกน มาณเวน เตสํ สมภาวโต ตํ นิวตฺเตนฺโต ‘‘เปตฺวา เอกเทสมตฺต’’นฺติอาทิมาห. กุลโกฏิปริทีปนนฺติ กุลสฺส อาทิปริทีปนํ. ยสฺมา อตฺตโน ภคินิยา…เป… น ชานิสฺสติ, ตสฺมา น ตสฺส มาตาปิตุมตฺตํ สนฺธาย วทติ, กุลโกฏิปริทีปนํ ปน สนฺธาย วทตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘อตฺถภฺชนก’’นฺติ อิมินา กมฺมปถปตฺตํ วทติ. คุเณติ ยถาวุตฺเต ปฺจสีเล. อถาปิ สิยาติ ยทิปิ ตุมฺหากํ เอวํ ปริวิตกฺโก สิยา, ภินฺนสีลสฺสาปิ ปุน ปกติสีเล ิตสฺส พฺราหฺมณภาวํ วณฺณาทโย สาเธนฺตีติ เอวํ สิยาติ อตฺโถ. ‘‘สาเธตี’’ติ ปาเ ‘‘วณฺโณ’’ติ กตฺตา อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๑๖) อชฺฌาหโฏ, นิทสฺสนฺเจตํ. มนฺตชาตีสุปิ หิ เอเสว นโย. สีลเมวาติ ปุน ปกติภูตํ สีลเมว พฺราหฺมณภาวํ สาเธสฺสติ, กสฺมาติ เจ ‘‘ตสฺมึ หิ…เป… วณฺณาทโย’’ติ. ตตฺถ สมฺโมหมตฺตํ วณฺณาทโยติ วณฺณมนฺตชาติโย พฺราหฺมณภาวสฺส องฺคนฺติ สมฺโมหมตฺตเมตํ, อสมเวกฺขิตฺวา กถิตมิทํ.

สีลปฺากถาวณฺณนา

๓๑๗. กถิโตพฺราหฺมเณน ปฺโหติ ‘‘สีลวา จ โหตี’’ติอาทินา ทฺวินฺนเมว องฺคานํ วเสน ยถาปุจฺฉิโต ปฺโห ยาถาวโต วิสฺสชฺชิโต. เอตฺถาติ ยถาวิสฺสชฺชิเต อตฺเถ, องฺคทฺวเย วา. ตสฺสาติ โสณทณฺฑสฺส. ยทิ เอกมงฺคํ เปยฺย, อถ ปติฏฺาตุํ น สกฺกุเณยฺย. ยทิ ปน น เปยฺย, อถ สกฺกุเณยฺย, กึ ปเนส ตถา สกฺขิสฺสติ นุ โข, โนติ วีมํสนตฺถเมว เอวมาห, น ตุ เอกสฺส องฺคสฺส ปนียตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. ตถา จาห ‘‘เอวเมตํ พฺราหฺมณา’’ติอาทิ. โธวิตตฺตาว ปริสุชฺฌนนฺติ อาห ‘‘สีลปริสุทฺธา’’ติ, สีลสมฺปตฺติยา สพฺพโส สุทฺธา อนุปกฺกิลิฏฺาติ อตฺโถ. กุโต ทุสฺสีเล ปฺา อสมาหิตตฺตา ตสฺส. กุโต วา ปฺารหิเต ชเฬ เอฬมูเค สีลํ สีลวิภาคสฺส, สีลปริโสธนูปายสฺส จ อชานนโต. เอฬา มุเข คฬติ ยสฺสาติ เอฬมูโค ข-การสฺส ค-การํ กตฺวา, เอลมุโข, เอลมูโก วา. อิติ พหุธา ปาโติ ภยเภรวสุตฺตฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๘) วุตฺโต. ปกฏฺํ อุกฺกฏฺํ าณํ ปฺาณนฺติ กตฺวา ปากติกํ าณํ นิวตฺเตตุํ ‘‘ปฺาณ’’นฺติ วุตฺตํ. วิปสฺสนาทิาณฺหิ อิธาธิปฺเปตํ, ตเทตํ ปกาเรหิ ชานนโต ปฺาวาติ อาห ‘‘ปฺาเยวา’’ติ.

จตุปาริสุทฺธิสีเลนโธตาติ สมาธิปทฏฺาเนน จตุปาริสุทฺธิสีเลน สกลสํกิเลสมลวิสุทฺธิยา โธวิตา วิสุทฺธา. เตนาห ‘‘กถํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ โธวตีติ สุชฺฌติ. สฏฺิอสีติวสฺสานีติ สฏฺิวสฺสานิ วา อสีติวสฺสานิ วา. มรณกาเลปิ, ปเคว อฺสฺมึ กาเล. มหาสฏฺิวสฺสตฺเถโร วิยาติ สฏฺิวสฺสมหาเถโร วิย. เวทนาปริคฺคหมตฺตมฺปีติ เอตฺถ เวทนาปริคฺคโห นาม ยถาอุปฺปนฺนํ เวทนํ สภาวสรสโต อุปธาเรตฺวา ปุน ปทฏฺานโต ‘‘อยํ เวทนา ผสฺสํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ, โส จ ผสฺโส อนิจฺโจ ทุกฺโข วิปริณามธมฺโม’’ติ ลกฺขณตฺตยํ อาโรเปตฺวา ปวตฺติตวิปสฺสนา. เอวํ ปสฺสนฺเตน หิ สุเขน สกฺกา สา เวทนา อธิวาเสตุํ ‘‘เวทนา เอว เวทยตี’’ติ. เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวาติ ยถาอุปฺปนฺนํ ทุกฺขเวทนํ อนุวตฺติตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา วีถิปฏิปนฺนาย วิปสฺสนาย ตํ วิโนเทตฺวา. สํสุมารปติเตนาติ กุมฺภีเลน วิย ภูมิยํ อุเรน นิปชฺชมาเนน. ‘‘นาห’’นฺติอาทึ ตถา สีลรกฺขณเมว ทุกฺกรนฺติ กตฺวา วทติ. สีเล ปติฏฺิตสฺส หิ อรหตฺตํ หตฺถคตํเยว. ยถาห ‘‘สีเล ปติฏฺาย…เป… วิชฏเย ชฏ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒; มิ. ป. ๒.๙) จตูสุ ปุคฺคเลสุ อุคฺฆาฏิตฺุโน เอวายํ วิสโยติ อาห ‘‘อุคฺฆาฏิตฺุตายา’’ติ. ปฺาย สีลํ โธวิตฺวาติ สีลํ อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ อขณฺฑาทิภาวาปาทเนน ปฺาย สุวิโสธิตํ กตฺวา. สนฺตติมหามตฺตวตฺถุ ธมฺมปเท (ธ. ป. อฏฺ. ๒.สนฺติมหามตฺตวตฺถุ).

๓๑๘. ‘‘กสฺมา อาหา’’ติ อุปริเทสนาย การณํ ปุจฺฉติ. ลชฺชา นาม ‘‘สีลสฺส จ ชาติยา จ คุณโทสปฺปกาสเนน สมเณน โคตเมน ปุจฺฉิตปฺหํ วิสฺสชฺเชสี’’ติ ปริสาย ปฺาตตา, สา ตถา วิสฺสชฺชิตุมสมตฺถตาย ภิชฺชิสฺสตีติ อตฺโถ, ปมํ อลชฺชมาโนปิ อิทานิ ลชฺชิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ. ปรมนฺติ ปมาณํ. ‘‘เอตฺตกปรมา มย’’นฺติ ปทานํ ตุลฺยาธิกรณตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เต มย’’นฺติ วุตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สีลปฺาณ’’นฺติ วจนเมว อมฺหากํ ปรมํ, ตทตฺถภูตานิ ปฺจสีลานิ, เวทตฺตยวิภาวนํ ปฺฺจ ลกฺขณาทิโต นิทฺธาเรตฺวา ชานนํ นตฺถิ, เกวลํ ตตฺถ วจีปรมาว มยนฺติ. อยํ ปเนตฺถ อฏฺกถามุตฺตกนโย – เอตฺตกปรมาติ เอตฺตกอุกฺกํสโกฏิกา, ปมํ ปฺหาวิสฺสชฺชนาว อมฺหากํ อุกฺกํสโกฏีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘มยา สกสมยวเสน ปฺโห วิสฺสชฺชิโต’’ติ. ปรนฺติ อติเรกํ. ภาสิตสฺสาติ วจนสฺส สทฺทสฺส.

อยํ ปน วิเสโสติ สีลนิทฺเทเส นิยฺยาตนมตฺตํ อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สีลมิจฺเจว นิยฺยาติต’’นฺติ. สามฺผลสุตฺเต (ที. นิ. ๑.๑๕๐) หิ สีลํ นิยฺยาเตตฺวาปิ ปุน สามฺผลมิจฺเจว นิยฺยาติตํ. สพฺเพสมฺปิ มหคฺคตจิตฺตานํ าณสมฺปยุตฺตตฺตา, ฌานานฺจ ตํ สมฺปโยคโต ‘‘อตฺถโต ปฺาสมฺปทา’’ติ วุตฺตํ. ปฺานิทฺเทเส หิ ฌานปฺํ อธิฏฺานํ กตฺวา ปมํ วิปสฺสนาปฺา นิยฺยาติตา. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาปฺายา’’ติอาทิ.

โสณทณฺฑอุปาสกตฺตปฏิเวทนากถาวณฺณนา

๓๒๑. ทหโร ยุวาติ เอตฺถ ทหรวจเนน ปมโยพฺพนภาวํ ทสฺเสติ. ปมโยพฺพนกาลคโต หิ ‘‘ทหโร’’ติ วุจฺจติ. ปุตฺตสฺส ปุตฺโต นตฺตา นาม. นปฺปโหตีติ น สมฺปชฺชติ, ปุตฺตนตฺตปฺปมาโณปิ น โหตีติ อตฺโถ. ‘‘อาสนา เม ตํ วุฏฺาน’’นฺติ เอตสฺส อตฺถาปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘มม อคารเวนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตนฺติ อฺชลิปคฺคหณํ. อยฺหิ ยถา ตถา อตฺตโน มหาชนสฺส สมฺภาวนํ อุปฺปาเทตฺวา โกหฺเน ปเร วิมฺหาเปตฺวา ลาภุปฺปาทนํ นิชิคีสนฺโต วิจรติ, ตสฺมาสฺส อติวิย กุหกภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา กิรา’’ติอาทึ วทติ . อคารวํ นาม นตฺถีติ อคารววจนํ นาม นตฺถิ, นายํ ภควติ อคารเวน ‘‘อหฺเจว โข ปนา’’ติอาทิมาห, อถ โข อตฺตโน ลาภปริหานิภเยเนวาติ วุตฺตํ โหติ.

๓๒๒. ตงฺขณานุรูปายาติ ยาทิสี ตทา ตสฺส อชฺฌาสยปฺปวตฺติ, ตทนุรูปายาติ มชฺเฌปทโลเปน อตฺโถ. ตทา ตสฺส วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิตสฺส ตาทิสสฺส าณปริปากสฺส อภาวโต เกวลํ อพฺภุทยสนฺนิสฺสิโต เอว อตฺโถ ทสฺสิโตติ อาห ‘‘ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ สนฺทสฺเสตฺวา’’ติ, ปจฺจกฺขโต วิภาเวตฺวาติ อตฺโถ. กุสเล ธมฺเมติ เตภูมเก กุสลธมฺเม, อยเมตฺถ นิปฺปริยายโต อตฺโถ. ปริยายโต ปน ‘‘จตุภูมเก’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ โลกุตฺตรกุสลสฺสปิ อายตึ ลพฺภมานตฺตา. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อายตึ นิพฺพานตฺถาย, วาสนาภาคิยาย วา’’ติ. ตตฺถาติ กุสเล ธมฺเม ยถาสมาทปิเต. นฺติ โสณทณฺฑพฺราหฺมณํ. สมุตฺเตเชตฺวาติ สมฺมเทว อุปรูปริ นิสาเนตฺวา ปุฺกิริยาย ติกฺขวิสทภาวมาปาเทตฺวา. ตํ ปน อตฺถโต ตตฺถ อุสฺสาหชนนเมว โหตีติ อาห ‘‘สอุสฺสาหํ กตฺวา’’ติ. ตาย จ สอุสฺสาหตายาติ เอวํ ปุฺกิริยาย สอุสฺสาหตา นิยมโต ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถสมฺปาทนีติ ยถาวุตฺตาย สอุสฺสาหตาย จ สมฺปหํเสตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อฺเหิ จ วิชฺชมานคุเณหีติ เอวรูปา เต คุณสมงฺคิตา จ เอกนฺเตน ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถนิปฺผาทนีติ ตสฺมึ วิชฺชมาเนหิ, อฺเหิ จ คุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา สมฺมเทว หฏฺตุฏฺภาวมาปาเทตฺวาติ อตฺโถ.

ยทิ ภควา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสิ, อถ กสฺมา โส วิเสสํ นาธิคจฺฉีติ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘พฺราหฺมโณ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กุหกตายาติ วุตฺตนเยน โกหฺกตฺตา, อิมินา ปโยคสมฺปตฺติอภาวํ ทสฺเสติ. ยชฺเชวํ กสฺมา ภควา ตสฺส ตถา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสีติ ปฏิโจทนมฺปิ โสเธนฺโต ‘‘เกวลมสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เกวลนฺติ นิพฺเพธาเสกฺขภาคิเยน อสมฺมิสฺสํ. นิพฺพานตฺถายาติ นิพฺพานาธิคมตฺถาย, ปรินิพฺพานตฺถาย วา. อายตึ วิเสสาธิคมนูปายภูตา ปุฺกิริยาสุ ปริจยสงฺขาตา วาสนา เอว ภาโค, ตสฺมึ อุปายภาเวน ปวตฺตาติ วาสนาภาคิยา. น หิ ภควโต นิรตฺถกา จตุปฺปทิกคาถามตฺตาปิ ธมฺมเทสนา อตฺถิ. เตนาห ‘‘สพฺพา ปุริมปจฺฉิมกถา’’ติ. อาทิโต เจตฺถ ปภุติ ยาว พฺราหฺมณสฺส วิสฺสชฺชนาปริโยสานํ, ตาว ปุริมกถา, ภควโต ปน สีลปฺาวิสฺสชฺชนา ปจฺฉิมกถา. พฺราหฺมเณน วุตฺตาปิ หิ พุทฺธคุณาทิปฏิสฺุตฺตา กถา อายตึ นิพฺพานตฺถาย วาสนาภาคิยา เอวาติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.

โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.