📜
๕. กูฏทนฺตสุตฺตวณฺณนา
๓๒๓. เอวํ ¶ ¶ โสณทณฺฑสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ กูฏทนฺตสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, โสณทณฺฑ สุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส กูฏทนฺตสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… มคเธสูติ กูฏทนฺตสุตฺต’’นฺติ อาห. ‘‘มคธา นาม ชนปทิโน ราชกุมารา’’ติอาทีสุ อมฺพฏฺสุตฺเต โกสลชนปทวณฺณนายํ อมฺเหหิ วุตฺตนโย ยถารหํ เนตพฺโพ. อยํ ปเนตฺถ วิเสโส – มเคน สทฺธึ ธาวนฺตีติ มคธา, ราชกุมารา, มํเสสุ วา คิชฺฌนฺตีติ มคธา นิรุตฺตินเยน. รุฬฺหิโต, ปจฺจยโลปโต จ เตสํ นิวาสภูเตปิ ชนปเท วุทฺธิ น โหตีติ เนรุตฺติกา. ชนปทนาเมเยว พหุวจนํ, น ชนปทสทฺเท ชาติสทฺทตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘ตสฺมึ มคเธสุ ชนปเท’’ติ. อิโต ปรนฺติ ‘‘มคเธสู’’ติ ปทโต ปรํ ‘‘จาริกํ จรมาโน’’ติอาทิวจนํ. ปุริมสุตฺตทฺวเยติ อมฺพฏฺโสณทณฺฑสุตฺตทฺวเย. วุตฺตนยเมวาติ ยํ ตตฺถ อาคตสทิสํ อิธาคตํ, ตํ อตฺถวณฺณนาโต วุตฺตนยเมว, ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ตรุโณ อมฺพรุกฺโข อมฺพลฏฺิกา’’ติ พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒) วุตฺตตฺตา ‘‘อมฺพลฏฺิกา พฺรหฺมชาเล วุตฺตสทิสาวา’’ติ อาห.
ยฺาวาฏํ สมฺปาเทตฺวา มหายฺํ อุทฺทิสฺส สวิฺาณกานิ, อวิฺาณกานิ จ ยฺูปกรณานิ อุปฏฺปิตานีติ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘มหายฺโ อุปกฺขโฏ’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ, ตํ ปเนตํ อุปกรณํ เตสํ ตถา สชฺชนเมวาติ ทสฺเสติ ‘‘สชฺชิโต’’ติ อิมินา. วจฺฉตรสตานีติ ยุวภาวปฺปตฺตานิ พลววจฺฉสตานิ. วจฺฉานํ วิเสสาติ หิ วจฺฉตรา, เต ปน วจฺฉา เอว โหนฺติ, น ทมฺมา, น จ พลีพทฺทาติ อาห ‘‘วจฺฉสตานี’’ติ. อยํ อาจริยมติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๒๓). ตร-สทฺโท วา อนตฺถโกติ วุตฺตํ ‘‘วจฺฉสตานี’’ติ. เอวฺหิ สพฺโพปิ วจฺฉปฺปเภโท สงฺคหิโต โหติ. เอเตติ อุสภาทโย อุรพฺภปริโยสานา. อเนเกสนฺติ อเนกชาติกานํ. มิคปกฺขีนนฺติ มหึสรุรุปสทกุรุงฺคโคกณฺณมิคานฺเจว โมรกปิฺชรวฏฺฏกติตฺติร ¶ ลาปาทิปกฺขีนฺจ. สงฺขฺยาวเสน อเนกตํ สตฺตสตคฺคหเณน ปริจฺฉินฺทิตุํ ‘‘สตฺตสตฺตสตานี’’ติ วุตฺตํ, สตฺตสตานิ, สตฺตสตานิ ¶ จาติ อตฺโถ. ถูณนฺติ ยฺโปกรณานํ มิคปกฺขีนํ พนฺธนตฺถมฺภํ. ยูโปติปิ ตสฺส นามํ. เตนาห ‘‘ยูปสงฺขาต’’นฺติ.
๓๒๘. วิธาติ วิปฺปฏิสารวิโนทนา. โย หิ ยฺสงฺขาตสฺส ปฺุสฺส อุปกฺกิเลโส, ตสฺส วิธมนโต นิวารณโต นิโรธนโต วิธา วุจฺจนฺติ วิปฺปฏิสารวิโนทนา, ตา เอว ปฺุาภิสนฺทํ อวิจฺฉินฺทิตฺวา เปนฺตีติ ‘‘ปนา’’ติ จ วุตฺตา. อวิปฺปฏิสารโต เอว หิ อุปรูปริ ปฺุาภิสนฺทปฺปวตฺตีติ. ปนา เจตา ยฺสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานวเสน ตีสุ กาเลสุ ปวตฺติยา ติปฺปการาติ อาห ‘‘ติฏฺปน’’นฺติ. ปริกฺขารสทฺโท เจตฺถ ปริวารปริยาโย ‘‘ปริกโรนฺติ ยฺํ อภิสงฺขโรนฺตี’’ติ กตฺวา. เตนาห ‘‘โสฬสปริวาร’’นฺติ.
มหาวิชิตราชยฺกถาวณฺณนา
๓๓๖. ปุพฺเพ ภูตํ ภูตปุพฺพํ ยถา ‘‘ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ อาห ‘‘ปุพฺพจริต’’นฺติ, อตฺตโน ปุริมชาติสมฺภูตํ โพธิสมฺภารภูตํ ปฺุจริยนฺติ อตฺโถ. ตถา หิ ตสฺส อนุคามินิธิสฺส ถาวรนิธินา นิทสฺสนํ อุปปนฺนํ โหติ. สทฺทวิทู ปน วทนฺติ ‘‘ภูตปุพฺพนฺติ อิทํ กาลสตฺตมิยา เนปาติกปท’’นฺติ. อตีตกาเลติ หิ เตสํ มเตน อตฺโถ. อสฺสาติ อเนน. มหนฺตํ ปถวีมณฺฑลํ วิชิตนฺติ สมฺพนฺโธ. มหนฺตํ วา วิชิตํ ปถวีมณฺฑลมสฺส อตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘อนฺโตรฏฺเติ ยสฺส วิชิเต วิหรติ, ตสฺส รฏฺเ’’ติอาทีสุ วิย หิ วิชิตสทฺโท รชฺเช ปวตฺตติ, อิมินา ตสฺส เอกราชภาวํ ทีเปติ, น จกฺกวตฺติราชภาวํ สตฺตรตนสมฺปนฺนตาอวจนโต. ปาฬิยํ น เยน เกนจิ สนฺตกมตฺเตน อฑฺฒตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อฑฺโฒ’’ติ วตฺวา ‘‘มหทฺธโน’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘โย โกจี’’ติอาทิ. อฑฺฒตา หิ นาม วิภวสมฺปนฺนตฺตา สา จ ตํ ตทุปาทาย วุจฺจติ. ตถา มหทฺธนตาปีติ ตํ ถามปฺปตฺตํ อุกฺกํสคตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปริมาณสงฺขฺเยนา’’ติ อาห. ภฺุชิตพฺพฏฺเน วิเสสโต กามา อิธ โภคา นามาติ ทสฺเสติ. ‘‘ปฺจกามคุณวเสนา’’ติ อิมินา. ปิณฺฑปิณฺฑวเสนาติ ภาชนาลงฺการาทิวิภาคํ อหุตฺวา เกวลํ ขณฺฑขณฺฑวเสน.
รูปํ อปฺเปตฺวา, อนปฺเปตฺวา วา มาสปฺปมาเณน กโต มาสโก. อาทิสทฺเทน ถาลกาทีนิ สงฺคณฺหาติ. อเนกโกฏิสงฺขฺเยนาติ กหาปณานํ ¶ โกฏิสตาทิปฺปมาณํ สนฺธาย วุตฺตํ เหฏฺิมนฺเตน โกฏิสตปฺปมาเณเนว ขตฺติยมหาสาลภาวปฺปตฺติโต.
ตุฏฺีติ ¶ สุมนตา. อุปกรณสทฺโท เจตฺถ การณปริยาโย. กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘นานาวิธาลงฺการสุวณฺณรชตภาชนาทิเภท’’นฺติ. อาทิสทฺเทน วตฺถเสยฺยาวสถาทีนิ สงฺคยฺหนฺติ, สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาเวฬุริยวชิรปวาฬานิ สตฺต รตนานีติ วทนฺติ. ยถาหุ –
‘‘สุวณฺณํ รชตํ มุตฺตา, มณิเวฬุริยานิ จ;
วชิรฺจ ปวาฬนฺติ, สตฺตาหุ รตนานิเม’’ติ.
สาลิวีหิอาทิ สตฺตธฺํ สานุโลมํ ปุพฺพนฺนํ นาม ปุเรกฺขตํ สสฺสผลนฺติ กตฺวา. ตพฺพิปริยายโต มุคฺคมาสาทิ ตทวเสสํ อปรนฺนํ นาม. อปรนฺนโต ปุพฺเพ ปวตฺตมนฺนํ ปุพฺพนฺนํ, ตโต อปรสฺมึ ปวตฺตมนฺนํ อปรนฺนํ. นฺน-การสฺส ปน ณฺณ-กาเร กเต ปุพฺพณฺณํ, อปรณฺณฺจาติ เนรุตฺติกา. ปุพฺพาปรภาโว ปเนเตสํ อาทิกปฺเป สมฺภวาสมฺภววเสน เวทิตพฺโพ. ปุริมํ ‘‘อฑฺโฒ มหทฺธโน ปหูตชาตรูปรชโต’’ติ วจนํ เทวสิกํ ปริพฺพยทานคหณาทิวเสน, ปริวตฺตนธนธฺวเสน จ วุตฺตํ, อิทํ ปน ‘‘ปหูตธนธฺโ’’ติ วจนํ นิธานคตธนวเสน, สงฺคหิตธฺวเสน จาติ อิมํ วิเสสํ สนฺธาย อยํ นโย ทสฺสิโต. วีสกหาปณมฺพณาทิเทวสิกวฬฺชนมฺปิ หิ มหาสาลลกฺขณํ.
อิทานิ ตพฺพิปรีตวเสน วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทินา ทุติยนโย อารทฺโธ. อิมินา เอว หิ ปุริมวจนํ นิธานคตธนวเสน, สงฺคหิตธฺวเสน จ วุตฺตนฺติ อตฺถโต สิทฺธํ โหติ. ตตฺถ อิทนฺติ ‘‘ปหูตธนธฺโ’’ติ วจนํ. อสฺสาติ มหาวิชิตรฺโ. ทิวเส ทิวเส ปริภฺุชิตพฺพํ เทวสิกํ, ภาวนปุํสกเมตํ. ทาสกมฺมกรโปริสาทีนํ เวตฺตนานุปฺปทานํ ปริพฺพยทานํ. อิณโสธนาทิวเสน ธนธฺานมาทานํ คหณํ. อาทิสทฺเทน อิณทานาทีนํ สงฺคโห. ปริวตฺตนธนธฺวเสนาติ กยวิกฺกยกรเณน ปริวตฺติตพฺพานํ ธนธฺานํ วเสน. กตฺถจิ ปน สมุจฺจยวิรหิตปาโ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘ปริพฺพยทานคฺคหณาทิวเสนา’’ติ อิทํ ปริวตฺตนปเทน สมฺพนฺธํ กตฺวา ตาทิเสน วิธินา อิโต จิโต จ ปริวตฺเตตพฺพานํ ธนธฺานํ วเสนาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
โกฏฺํ ¶ วุจฺจติ ธฺฏฺปนฏฺานํ, ตเทว อคารํ ตถา. เตนาห ‘‘ธฺเน ปริปุณฺณโกฏฺาคาโร’’ติ. เอวํ สารคพฺภํ โกโส, ธฺฏฺปนฏฺานํ โกฏฺาคารนฺติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตโต อฺถาปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา อสิโน ติกฺขภาวปริหารโต ปริจฺฉโท ‘‘โกโส’’ติ วุจฺจติ, เอวํ รฺโ ติกฺขภาวปริหารกตฺตา จตุรงฺคินี ¶ เสนา ‘‘โกโส’’ติ อาห ‘‘จตุพฺพิโธ โกโส’’ติอาทิ. ‘‘ทฺวาทสปุริโส หตฺถี’’ติอาทินา (ปาจิ. ๓๑๔) วุตฺตลกฺขเณน เจตฺถ หตฺถิอาทโย คเหตพฺพา. วตฺถโกฏฺาคารคฺคหเณเนว สพฺพสฺสปิ กุปฺปภณฺฑฏฺปนฏฺานสฺส คหิตตฺตา ‘‘โกฏฺาคารํ ติวิธ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ชาตรูปรชตโต หิ อฺํ โลหอยทารุวิสาณวตฺถาทิกมสารทพฺพํ โคเปตพฺพโต ค-การสฺส ก-การํ กตฺวา กุปฺปํ วุจฺจติ. ชาตรูปรชตนิธานํ ธนโกฏฺาคารํ. ตตฺถ ตตฺถ รตนํ วิโลเกตฺวา จรณํ รตนวิโลกนจาริกา. กามํ ตมตฺถํ ราชา ชานาติ, ภณฺฑาคาริเกน ปน กถาเปตฺวา ปริสาย นิสฺสทฺทภาวาปาทนตฺถเมว เอวํ ปุจฺฉติ. ตถา กถาปเน หิ อสติ ปริสา สทฺทํ กริสฺสติ ‘‘กสฺมา ราชา ปรมฺปราคตํ กุลธนํ วินาเสตี’’ติ, ตโต จ ปกติกฺโขโภ ภวิสฺสติ, สติ ปน ตถา กถาปเน ‘‘เอตํการณา ตํ ฉฑฺเฑตี’’ติ นิสฺสทฺทภาวมาปชฺชิสฺสติ. ตโต จ ปกติกฺโขโภ น ภวิสฺสติ, ตสฺมา ตถา ปุจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ. มรณวสนฺติ มรณสฺส, มรณสงฺขาตํ วา วิสยํ.
๓๓๗. ปาฬิยํ ‘‘อามนฺเตตฺวา’’ติ เอตสฺส มนฺติตุกาโม หุตฺวาติ อตฺถํ วิฺาเปตุํ ‘‘เอเกน ปณฺฑิเตน สทฺธึ มนฺเตตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ธาตฺวตฺถานุวตฺตโก เหตฺถ อุปสคฺโค, ปกรณาธิคโต จ กตฺถจิ อตฺถวิเสโส ยถา ‘‘สิกฺขมาเนน ภิกฺขเว ภิกฺขุนา อฺาตพฺพํ ปริปุจฺฉิตพฺพํ ปริปฺหิตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. ๔๓๔). ตถา หิสฺส ปทภาชเน วุตฺตํ ‘‘สิกฺขมาเนนาติ สิกฺขิตุกาเมน. อฺาตพฺพนฺติ ชานิตพฺพ’’นฺติอาทิ (ปาจิ. ๔๓๖). อามนฺเตสีติ มนฺติตุกาโมสิ. ชนปทสฺส อนุปทฺทวตฺถํ, ยฺสฺส จ จิรานปฺปวตฺตนตฺถํ พฺราหฺมโณ จินฺเตสีติ อาห ‘‘อยํ ราชา’’ติอาทิ. อาหรนฺตานํ มนุสฺสานํ เคหานีติ สมฺพนฺโธ, อนาทเร วา เอตํ สามิวจนํ.
๓๓๘. สตฺตานํ ¶ หิตสุขสฺส วิทูสนโต, อหิตทุกฺขสฺส จ อาวหนโต กณฺฏกสทิสตาย โจรา เอว อิธ ‘‘กณฺฏกา’’ติ วุตฺตํ ‘‘โจรกณฺฏเกหิ สกณฺฏโก’’ติ. ยถา คามวาสีนํ ฆาตกา คามฆาตกา อเภทวเสน, อุปจาเรน จ นิสฺสยนามสฺส นิสฺสิเตปิ ปวตฺตนโต, เอวํ ปนฺถิกานํ ทุหนา พาธนา ปนฺถทุหา. ธมฺมโต อเปตสฺส อยุตฺตสฺส กรณสีโล อธมฺมการี, โย วา อตฺตโน วิชิเต ชนปทาทีนํ ตโต ตโต อนตฺถโต ตายเนน ขตฺติเยน กตฺตพฺพธมฺโม, ตสฺส อกรณสีโลติ อตฺโถ. ทสฺสูติ โจรานเมตํ อธิวจนํ. ทํเสนฺติ วิทฺธํเสนฺตีติ หิ ทสฺสโว นิคฺคหีตโลเปน, เต เอว ขีลสทิสตฺตา ขีลนฺติ ทสฺสุขีลํ. ยถา หิ เขตฺเต ขีลํ กสนาทีนํ สุขปฺปวตฺตึ, มูลสนฺตาเนน สสฺสปริพุทฺธิฺจ วิพนฺธติ, เอวํ ทสฺสโวปิ รชฺเช ราชาณาย สุขปฺปวตฺตึ, มูลวิรุฬฺหิยา ชนปทปริพุทฺธิฺจ วิพนฺธนฺตี. ปาณจาคํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘มารเณนา’’ติ วุตฺตํ, หึสนํ ทสฺเสตุํ ‘‘โกฏฺฏเนนา’’ติ. วธสทฺโท หิ หึสนตฺโถปิ โหติ ‘‘วธติ น โรทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๘๘๐) วิย, กปฺปราทีหิ โปถเนนาติ อตฺโถ. อทฺทุ นาม ทารุกฺขนฺเธน กโต พนฺธโนปกรณวิเสโส, เตน พนฺธนํ ตถา. อาทิสทฺเทน รชฺชุพนฺธนสงฺขลิกพนฺธนฆรพนฺธนาทีนิ สงฺคณฺหาติ. หา-ธาตุยา ชานิปทนิปฺผตฺตึ ทสฺเสติ ‘‘หานิยา’’ติ อิมินา, สา จ ธนหายนเมวาติ วุตฺตํ ‘‘สตํ คณฺหถา’’ติอาทิ.
ปฺจสิขมตฺตํ เปตฺวา มุณฺฑาปนํ ปฺจสิขมุณฺฑกรณํ. ตํ ‘‘กากปกฺขกรณ’’นฺติปิ โวหรนฺติ. สีเส ฉกโณทกาวเสจนํ โคมยสิฺจนํ. กุทณฺฑโก นาม จตุหตฺถโต อูโน รสฺสทณฺฑโก, โย ‘‘คทฺทุโล’’ติปิ วุจฺจติ, เตน พนฺธนํ กุทณฺฑกพนฺธนํ. อาทิสทฺเทน ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ภสฺมปุฏวธนาทีนํ สงฺคโห. สมฺมาสทฺโท ายตฺโถติ อาห ‘‘เหตุนา’’ติอาทิ, ปริยายวจนเมตํ. อูหนิสฺสามีติ อุทฺธริสฺสามิ, อปเนสฺสามีติ อตฺโถ. ปุพฺเพ ตตฺถ กตปริจยตาย อุสฺสาหํ กโรนฺติ. ‘‘อนุปฺปเทตู’’ติ เอตสฺส อนุ อนุ ปเทตูติ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘ทินฺเน อปฺปโหนฺเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. กสิอุปกรณภณฺฑํ ผาลปาชนยุคนงฺคลาทิ, อิมินา ปาฬิยํ พีชภตฺตเมว นิทสฺสนวเสน วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. สกฺขิกรณปณฺณาโรปนนิพนฺธนํ ¶ วฑฺฒิยา สห วา วินา วา ปุน คเหตุกามสฺส ทาเน โหติ, อิธ ปน ตทุภยมฺปิ นตฺถิ ปุน อคฺคเหตุกามตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘สกฺขึ อกตฺวา’’ติอาทิ. เตนาห ‘‘มูลจฺเฉชฺชวเสนา’’ติ. สกฺขินฺติ ตทา ปจฺจกฺขกชนํ. ปณฺเณ อนาโรเปตฺวาติ ตาลาทิปณฺเณ ยถาจิณฺณํ ลิขนวเสน อนาโรเปตฺวา. อฺตฺถ ปณฺณากาเรปิ ปาภตสทฺโท, อิธ ปน ภณฺฑมูเลเยวาติ อาห ‘‘ภณฺฑมูลสฺสา’’ติอาทิ. ภณฺฑมูลฺหิ ปการโต อุทยภณฺฑานิ อาภรติ สํหรติ เอเตนาติ ปาภตํ. อุทยธนโต ปเคว อาภตํ ปาภตนฺติ สทฺทวิทู, ปณฺณากาโร ปน ตํ ตทตฺถํ ปตฺเถนฺเตหิ อาภรียเตติ ปาภตํ. ปตฺถนตฺถโชตโก หิ อยํ ป-สทฺโท.
‘‘ยถาหา’’ติอาทินา ปาภตสทฺทสฺส มูลภณฺฑตฺถตํ จูฬเสฏฺิชาตกปาเน (ชา. ๑.๑.๔) สาเธติ. ตตฺรายมฏฺกถา (ชา. อฏฺ. ๑.๑.๔) ‘‘อปฺปเกนปีติ โถเกนปิ ปริตฺตเกนปิ. เมธาวีติ ปฺวา. ปาภเตนาติ ภณฺฑมูเลน. วิจกฺขโณติ โวหารกุสโล. สมุฏฺาเปติ อตฺตานนฺติ มหนฺตํ ธนฺจ ยสฺจ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ อตฺตานํ สณฺาเปติ ปติฏฺาเปติ. ยถา กึ? อณุํ อคฺคึว สนฺธมํ, ยถา ปณฺฑิตปุริโส ปริตฺตํ อคฺคึ อนุกฺกเมน โคมยจุณฺณาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา มุขวาเตน ธมนฺโต สมุฏฺาเปติ วฑฺเฒติ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ กโรติ, เอวเมว ปณฺฑิโต โถกมฺปิ ปาภตํ ลภิตฺวา นานาอุปาเยหิ ปโยเชตฺวา ธนฺจ ยสฺจ วฑฺเฒติ, วฑฺเฒตฺวา จ ¶ ปน ตตฺถ อตฺตานํ ปติฏฺาเปติ, ตาย เอว วา ปน ธนยสมหนฺตตาย อตฺตานํ สมุฏฺาเปติ, อภิฺาตํ ปากฏํ กโรตีติ อตฺโถ’’ติ.
ทิวเส ทิวเส ทาตพฺพํ เทวสิกํ. มาเส มาเส ทาตพฺพํ มาสิกํ. อาทิสทฺเทน อนุโปสถิกาทีนิ สงฺคณฺหาติ. ตสฺส ตสฺส ปุริสสฺส. กุสลานุรูเปน, กมฺมานุรูเปน สูรภาวานุรูเปนาติ ทฺวนฺทโต ปรํ สุยฺยมาโน อนุรูปสทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. เฉกภาวานุรูปตา เจตฺถ กุสลานุรูปํ. กตฺถจิ กุลสทฺโท ทิสฺสติ, โส จ ชาณุโสณิอาทิกุลานมิว กุลานุรูปมฺปิ ทาตพฺพโต ยุชฺชเตว. เสนาปจฺจาทิ านนฺตรํ, อิมินา ภตฺตเวตนํ นิทฺทิฏฺมตฺตนฺติ ทสฺเสติ. สกกมฺมปสุตตฺตา, อนุปทฺทวตฺตา จ ธนธฺานํ ราสิโก ราสิการภูโต. เขเมน ิตาติ ¶ อนุปทฺทเวน ปวตฺตา. เตนาห ‘‘อภยา’’ติ, กุโตจิปิ ภยรหิตาติ อตฺโถ. โมทา โมทมานาติ โมทาย โมทมานา, โสมนสฺเสเนว โมทมานา, น สํสนฺทนมตฺเตนาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ภควตา สทฺธึ สมฺโมที’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๘๑) หิ มุทสทฺโท สํสนฺทเนปิ ปวตฺตติ, อฺเ โมทา หุตฺวา อปเรปิ โมทมานา วิหรนฺตีติ วา อตฺโถ. เตนาห ‘‘อฺมฺํ ปมุทิตจิตฺตาติ, อสฺโเคปิ วตฺติจฺฉาเยว วุทฺธีติ ทฺวิธา ปาโ วุตฺโต. อิทฺธผีตภาวนฺติ สมิทฺธเวปุลฺลภาวํ.
จตุปริกฺขารวณฺณนา
๓๓๙. ตสฺมึ ตสฺมึ กิจฺเจ อนุยนฺติ อนุวตฺตนฺตีติ อนุยนฺตา. เตเยว อานุยนฺตา ยถา ‘‘อนุภาโว เอว อานุภาโว’’ติ, ‘‘อานุยุตฺตา’’ติปิ ปาโ, ตสฺมึ ตสฺมึ กิจฺเจ อนุยุชฺชนฺตีติ หิ อานุยุตฺตา วุตฺตนเยน. อสฺสาติ รฺโ. เตติ อานุยนฺตขตฺติยาทโย. ‘‘อมฺเห เอตฺถ พหิ กโรตี’’ติ อตฺตมนา น ภวิสฺสนฺติ. ‘‘นิพนฺธวิปุลายาคโม คาโม นิคโม. วิวฑฺฒิตมหาอาโย มหาคาโม’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๓๘) อาจริเยน วุตฺตํ. ‘‘อปาการปริกฺเขโป สาปโณ นิคโม, สปาการาปณํ นครํ, ตํ ตพฺพิปรีโต คาโม’’ติ (กงฺขาวิตรณี อภินวฏีกายํ สงฺฆาทิเสสกณฺเฑ กุลทูสกสิกฺขาปเท ปสฺสิตพฺพํ) วินยฏีกาสุ. คสนฺติ มทนฺติ เอตฺถาติ คาโม, สฺเวว ปากโฏ เจ, นิคโม นาม อติเรโก คาโมติ กตฺวา. ภุสตฺโถ เหตฺถ นี-สทฺโท, สฺาสทฺทตฺตา จ รสฺโสติ สทฺทวิทู. ชนปทตฺโถ วุตฺโตว. ‘‘สามฺยามจฺโจ สขา โกโส, ทุคฺคฺจ วิชิตํ พล’’นฺติ วุตฺตาสุ สตฺตสุ ราชปกตีสุ รฺโ ตทวเสสานํ ฉนฺนํ วเสน หิตสุขาติวุทฺธิ, ตเทกเทสา จ อานุยนฺตาทโยติ อาห ‘‘ยํ ตุมฺหาก’’นฺติอาทิ.
ตํตํกิจฺเจสุ ¶ รฺา อมา สห ภวนฺตีติ อมจฺจา. ‘‘อมาวาสี’’ติอาทีสุ วิย หิ สมกิริยาย อมาติ อพฺยยปทํ, จ-ปจฺจเยน ตทฺธิตสิทฺธีติ เนรุตฺติกา. รชฺชกิจฺจโวสาสนกาเล ปน เต รฺา ปิยา, สหปวตฺตนกา จ ภวนฺตีติ ทสฺเสติ ‘‘ปิยสหายกา’’ติ อิมินา. รฺโ ปริสติ ภวา ‘‘ปาริสชฺชา. เก ปน เตติ วุตฺตํ ‘‘เสสา อาณตฺติการกา’’ติ ¶ , ยถาวุตฺตานุยุตฺตขตฺติยาทีหิ อวเสสา รฺโ อาณากราติ อตฺโถ. สติปิ เทยฺยธมฺเม อานุภาวสมฺปตฺติยา, ปริวารสมฺปตฺติยา จ อภาเว ตาทิสํ ทาตุํ น สกฺกา. วุทฺธกาเล จ ตาทิสานมฺปิ ราชูนํ ตทุภยํ หายเตว, เทยฺยธมฺเม ปน อสติ ปเควาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เทยฺยธมฺมสฺมิฺหี’’ติอาทิมาห. เทยฺยธมฺมสฺมึ อสติ จ มหลฺลกกาเล จ ทาตุํ น สกฺกาติ โยชนา. เอเตนาติ ยถาวุตฺตการณทฺวเยน. อนุมติยาติ อนุชานเนน. ปกฺขาติ สปกฺขา ยฺสฺส องฺคภูตา. ยฺํ ปริกโรนฺตีติ ปริกฺขารา, สมฺภารา, เต จ ตสฺส ยฺสฺส องฺคภูตตฺตา ปริวารา วิย โหนฺตีติ อาห ‘‘ปริวารา ภวนฺตี’’ติ. ‘‘รโถ’’ติอาทินา อิธานธิปฺเปตมตฺถํ นิเสเธติ.
‘‘รโถ เสตปริกฺขาโร, ฌานกฺโข จกฺกวีริโย;
อุเปกฺขา ธุรสมาธิ, อนิจฺฉา ปริวารณ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๕.๔);
หิ สํยุตฺตมหาวคฺคปาฬิ. ตตฺถ รโถติ พฺรหฺมยานสฺิโต อฏฺงฺคิกมคฺครโถ. เสตปริกฺขาโรติ จตุปาริสุทฺธิสีลาลงฺกาโร. ‘‘สีลปริกฺขาโร’’ติปิ ปาโ. ฌานกฺโขติ วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตานํ ปฺจนฺนํ ฌานงฺคานํ วเสน ฌานมยอกฺโข. จกฺกวีริโยติ วีริยจกฺโก. อุเปกฺขา ธุรสมาธีติ อุเปกฺขา ทฺวินฺนํ ธุรานํ สมตา. อนิจฺฉา ปริวารณนฺติ อโลโภ สีหธมฺมาทีนิ วิย ปริวารณํ.
อฏฺปริกฺขารวณฺณนา
๓๔๐. อุภโต สุชาตาทีหิ วุจฺจมาเนหิ. ยสสาติ ปฺจวิเธน อานุภาเวน. เตนาห ‘‘อาณาปนสมตฺถตายา’’ติ. ‘‘สทฺโธ’’ติ เอตสฺส ‘‘ทาตาทานสฺส ผลํ ปจฺจนุโภติ ปตฺติยายตี’’ติ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทานสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทาเน สูโรติ ทานสูโร, เทยฺยธมฺเม อีสกมฺปิ สงฺคํ อกตฺวา มุตฺตจาโค, ตพฺภาโว ปน กมฺมสฺสกตาาณสฺส ติกฺขวิสทภาเวน เวทิตพฺโพ. ตสฺส หิ ติกฺขวิสทภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘สทฺโท’’ติ วตฺวา ‘‘ทานสูโร’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘น สทฺธามตฺตเกนา’’ติอาทิ. ยสฺส หิ กมฺมสฺสกตา ปจฺจกฺขมิว อุปฏฺาติ, โส ¶ เอวํ วุตฺโต. ยํ ทานํ เทตีติ ยํ เทยฺยธมฺมํ ปรสฺส เทติ. ตสฺส ปติ หุตฺวาติ ตพฺพิสยํ โลภํ สุฏฺุมภิภวนฺโต ตสฺส อธิปติ หุตฺวา ¶ เทติ. การโณปจารวจนฺเหตํ. ปรโตปิ เอเสว นโย. ตพฺพิสเยน โลเภน อนากฑฺฒนียตฺตา น ทาโส, น สหาโย.
ตเทวตฺถํ พฺยติเรกโต, อนฺวยโต จ วิวริตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘โย หี’’ติอาทิมาห. อิธานธิปฺเปตสฺส หิ ทาสาทิทฺวยสฺส พฺยติเรกโต ทสฺสนํ. ขาทนียโภชนียาทีสุ มธุรสฺเสว ปณีตตฺตา ‘‘มธุรํ ภฺุชตี’’ติ วุตฺตํ, นิทสฺสนมตฺตํ วา เอตํ, ปณีตํ ปริภฺุชตีติ วุตฺตํ โหติ. ทาโส หุตฺวา เทติ ตณฺหาย ทาสพฺยตํ อุปคตตฺตา. สหาโย หุตฺวา เทติ ตสฺส ปิยภาวานิสฺสชฺชนโต. สามี หุตฺวา เทติ ตตฺถ ตณฺหาทาสพฺยโต อตฺตานํ โมเจตฺวา อภิภุยฺย ปวตฺตนโต. ยํ ปเนตํ อาจริเยน วุตฺตํ ‘‘สามิปริโภคสทิสา’’ติ, (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๔๐) ตํ ตณฺหาทาสพฺยมติกฺกนฺตตาสามฺํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ ขีณาสวสฺส ปริโภโค สามิปริโภโค วิย ขีณาสวสฺเสว ทานํ ทานสามีติ อตฺโถ อุปปนฺโน โหติ, ปจฺฉา วา ปมาทลิขิตเมตํ. ตาทิโสติ ทานสามิสภาโว.
สมิตปาปสมณพาหิตปาปพฺราหฺมณา อุกฺกฏฺนิทฺเทเสเนตฺถ วุตฺตา, ปพฺพชฺชามตฺตสมณชาติมตฺตพฺราหฺมณา วา กปณาทิคฺคหเณน คหิตาติ เวทิตพฺพํ. ทุคฺคตาติ ทุกฺกรํ ชีวิกมุปคตา กสิรวุตฺติกา. เตนาห ‘‘ทลิทฺทมนุสฺสา’’ติ. ปถาวิโนติ มคฺคคามิโน. วณิพฺพกาติ ทายกานํ คุณกิตฺตนวเสน, กมฺมผลกิตฺตนมุเขน จ ยาจนกา เสยฺยถาปิ นคฺคจริยาทโยติ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย อิฏฺํ ทินฺน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตทุภเยเนว หิ ทานสฺส วณฺณโถมนา สมฺภวติ. เย วิจรนฺติ, เต วณิพฺพกา นามาติ โยเชตพฺพํ. ปสตมตฺตนฺติ วีหิตณฺฑุลาทิวเสน วุตฺตํ, สราวมตฺตนฺติ ยาคุภตฺตาทิวเสน. โอปานํ วุจฺจติ โอคาเหตฺวา ปาตพฺพโต นทีตฬากาทีนํ สพฺพสาธารณํ ติตฺถํ, โอปานมิวภูโตติ โอปานภูโต. เตนาห ‘‘อุทปานภูโต’’ติอาทิ. หุตฺวาติ ภาวโต. สุตเมว สุตชาตนฺติ ชาตสทฺทสฺส อนตฺถนฺตรวาจกตฺตมาห ยถา ‘‘โกสชาต’’นฺติ.
อตีตาทิอตฺถจินฺตนสมตฺถตา นาม ตสฺส รฺโ อนุมานวเสน, อิติกตฺตพฺพตาวเสน จ เวทิตพฺพา, น พุทฺธานํ วิย ตตฺถ ปจฺจกฺขทสฺสิตายาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อตีเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฺุาปฺุานิสํสจินฺตนฺเจตฺถ ปกรณาธิคตวเสน ¶ เวทิตพฺพํ. ปฺุสฺสาติ ยฺปฺุสฺส. ทายกจิตฺตมฺปีติ ทายกานํ, ทายกํ วา จิตฺตมฺปิ, ทาตุกมฺยตาจิตฺตมฺปีติ วุตฺตํ โหติ. อิเมสุ ปน อฏฺสุ องฺเคสุ อฑฺฒตาทโย ปฺจ ยฺสฺส ตาว ปริกฺขารา โหนฺตุ เตหิ วินา ตสฺส อสิชฺฌนโต ¶ , สุชาตตา, ปน สูรูปตา จ กถํ ยฺสฺส ปริกฺขาโร สิยา ตทุภเยน วินาปิ ตสฺส สิชฺฌนโตติ โจทนาย สพฺเพสมฺปิ อฏฺนฺนมงฺคานํ ปริกฺขารภาวํ อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอเต หิ กิรา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ เกจิ เอวํ วทนฺติ ‘‘ยถา อฑฺฒตาทโย ปฺจ ยฺสฺส เอกํสโตว องฺคานิ, น เอวํ สุชาตตา, สุรูปตา จ, ตทุภยํ ปน อเนกํสโตว องฺคนฺติ ทีเปตุํ อรุจิสูจกสฺส กิรสทฺทสฺส คหณํ กต’’นฺติ. เต หิ ‘‘อยํ ทุชฺชาโตติอาทิวจนสฺส อเนกํสิกตํ มฺมานา ตถา วทนฺติ, ตยิทํ อสารํ. สพฺพสาธารณวเสน เหตํ พฺยติเรกโต ยฺสฺส องฺคภาวทสฺสนํ ตตฺถ สิยา เกสฺจิ ตถา ปริวิตกฺโก’’ติ ตสฺสาปิ อวกาสาภาวทสฺสนตฺถเมว เอวํ วุตฺตตฺตา, ตทุภยสาธารณวเสเนว อเนกํสโต องฺคภาวสฺส อทสฺสนโต จ. กิรสทฺโท ปเนตฺถ ตทา พฺราหฺมณสฺส จินฺติตาการสูจนตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวมเนน จินฺเตตฺวา ‘‘อิมานิปิ อฏฺงฺคานิ ตสฺเสว ยฺสฺส ปริกฺขารา ภวนฺตีติ วุตฺตานี’’ติ กิรสทฺเทน ตสฺส จินฺติตากาโร สูจิโต โหติ. เอวมาทีนีติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ‘‘อยํ วิรูโป กิตฺตกํ…เป… อุปจฺฉินฺทิสฺสติ, อยํ ทลิทฺโท, อปฺเปสกฺโข, อสฺสทฺโธ, อปฺปสฺสุโต, น อตฺถฺู, น เมธาวี กิตฺตกํ…เป… อุปจฺฉินฺทิสฺสตี’’ติ เอเตสํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ.
จตุปริกฺขาราทิวณฺณนา
๓๔๑. ‘‘สุชํ ปคฺคณฺหนฺตาน’’นฺติ เอตฺถ โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๑๑-๓๑๓) วุตฺเตสุ ทฺวีสุ วิกปฺเปสุ ทุติยวิกปฺปํ นิเสเธนฺโต ‘‘มหายาค’’นฺติอาทิมาห, เตน จ ปุโรหิตสฺส สยเมว กฏจฺฉุคฺคหณโชตเนน เอวํ สหตฺถา สกฺกจฺจํ ทาเน ยุตฺตปยุตฺตตา อิจฺฉิตพฺพาติ ทสฺเสติ. เอวํ ทุชฺชาตสฺสาติ เอตฺถาปิ ‘‘สุชาตตาย อเนกํสโต องฺคภาวทสฺสนเมวิท’’นฺติ อคฺคเหตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยน สพฺพสาธารณวเสเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ. อาทิสทฺเทน หิ ‘‘เอวํ อนชฺฌายกสฺส…เป… ทุสฺสีลสฺส…เป… ทุปฺปฺสฺส ¶ สํวิธาเนน ปวตฺตทานํ กิตฺตกํ กาลํ ปวตฺติสฺสตี’’ติ เอเตสํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตสฺมาติ ตทุภยการณโต.
ติสฺโสวิธาวณฺณนา
๓๔๒. ติณฺณํ านานนฺติ ทานสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานสงฺขาตานํ ติสฺสนฺนํ ภูมีนํ, อวตฺถานานนฺติ อตฺโถ. จลนฺตีติ กมฺปนฺติ ปุริมากาเรน น ติฏฺนฺติ. กรณตฺเถติ ตติยาวิภตฺติอตฺเถ. กรณียสทฺทาเปกฺขาย หิ กตฺตริ เอว เอตํ สามิวจนํ, น กรเณ. เยภุยฺเยน ¶ หิ กรณโชตกวจนสฺส อตฺถภาวโต อนุตฺตกตฺตาว กรณตฺโถติ อิธาธิปฺเปโต. ปจฺฉานุตาปสฺส อกรณูปายํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺพ…เป… ปติฏฺเปตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อจลาติ ทฬฺหา เกนจิ อสํหีรา. ปติฏฺเปตพฺพาติ สุปฺปติฏฺิตา กาตพฺพา. ตถา ปติฏฺาปนูปายมฺปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวฺหี’’ติอาทิมาห. ตถา ปติฏฺาปเนน หิ ยถา ตํ ทานํ สมฺปติ ยถาธิปฺปายํ นิปฺปชฺชติ, เอวํ อายติมฺปิ วิปุลผลตาย มหปฺผลํ โหติ วิปฺปฏิสาเรน อนุปกฺกิลิฏฺภาวโต. ทฺวีสุ าเนสูติ ยชมานยิฏฺฏฺาเนสุ. วิปฺปฏิสาโร…เป… น กตฺตพฺโพติ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘เอเสว นโย’’ติ วุตฺตํ. มฺุจเจตนาติ ปริจฺจาคเจตนา, ตสฺสา นิจฺจลภาโว นาม มุตฺตจาคตา ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน อุฬารภาโว. ปจฺฉาสมนุสฺสรณเจตนาติ ปรเจตนา, ตสฺสา ปน นิจฺจลภาโว ‘‘อโห มยา ทานํ ทินฺนํ สาธุ สุฏฺู’’ติ ทานสฺส สกฺกจฺจํ ปจฺจเวกฺขณวเสน เวทิตพฺโพ. ตทุภยเจตนานํ นิจฺจลกรณูปายํ พฺยติเรกโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา…เป… โหตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ตถา อกโรนฺตสฺสาติ มฺุจเจตนํ, ปจฺฉาสมนุสฺสรณเจตนฺจ นิจฺจลมกโรนฺตสฺส, วิปฺปฏิสารํ, อุปฺปาเทนฺตสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘นาปิ อุฬาเรสุ โภเคสุ จิตฺตํ นมตี’’ติ อิทํ ปน ปจฺฉาสมนุสฺสรณเจตนาย เอว พฺยติเรกโต นิจฺจลกรณูปายทสฺสนํ. เอวฺหิ ยถานิทฺทิฏฺนิทสฺสนํ อุปปนฺนํ โหติ. ตตฺถ อุฬาเรสุ โภเคสูติ เขตฺตวิเสเส ปริจฺจาคสฺส กตตฺตา ลทฺเธสุปิ อุฬาเรสุ โภเคสุ. นาปิ จิตฺตํ นมติ ปจฺฉา วิปฺปฏิสาเรน อุปกฺกิลิฏฺภาวโต. ยถา กถนฺติ อาห ‘‘มหาโรรุว’’นฺติอาทิ. ตสฺส หิ เสฏฺิสฺส คหปติโน วตฺถุ โกสลสํยุตฺเต, (สํ. นิ. ๑.๑๓๑) มยฺหกชาตเก (ชา. อฏฺ. ๓.๖.มยฺหกชาตกวณฺณนา) จ อาคตํ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘ภูตปุพฺพํ ¶ โส มหาราช เสฏฺิ คหปติ ตครสิขึ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิปาเทสิ, ‘เทถ สมณสฺส ปิณฺฑปาต’นฺติ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ, ทตฺวา จ ปน ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสิ ‘‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภฺุเชยฺยุ’’’นฺติอาทิ.
โส กิร อฺเสุปิ ทิวเสสุ ตํ ปจฺเจกพุทฺธํ ปสฺสติ, ทาตุํ ปนสฺส จิตฺตํ น อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึ ปน ทิวเส อยํ ปทุมวติยา เทวิยา ตติยปุตฺโต ตครสิขี ปจฺเจกพุทฺโธ คนฺธมาทนปพฺพเต ผลสมาปตฺติสุเขน วีตินาเมตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย วุฏฺาย อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา มโนสิลาตเล นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อิทฺธิยา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา นครทฺวาเร โอรุยฺห จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย นครวาสีนํ ฆรทฺวาเรสุ สหสฺสภณฺฑิกํ เปนฺโต วิย ปาสาทิเกหิ อภิกฺกมนาทีหิ ¶ อนุปุพฺเพน เสฏฺิโน ฆรทฺวารํ สมฺปตฺโต, ตํ ทิวสฺจ เสฏฺิ ปาโตว อุฏฺาย ปณีตํ โภชนํ ภฺุชิตฺวา ฆรทฺวารโกฏฺเก อาสนํ ปฺเปตฺวา ทนฺตนฺตรานิ โสเธนฺโต นิสินฺโน โหติ. โส ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ตํ ทิวสํ ปาโตว ภุตฺวา นิสินฺนตฺตา ทานจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ภริยํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อิมสฺส สมณสฺส ปิณฺฑปาตํ เทหี’’ติ วตฺวา ราชุปฏฺานตฺถํ ปกฺกามิ. เสฏฺิภริยา สมฺปชฺชาติกา จินฺเตสิ ‘‘มยา เอตฺตเกน กาเลน อิมสฺส ‘เทถา’ติ วจนํ น สุตปุพฺพํ, ทาเปนฺโตปิ จ อชฺช น ยสฺส วา ตสฺส วา ทาเปติ, วีตราคโทสโมหสฺส วนฺตกิเลสสฺส โอหิตภารสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทาเปติ, ยํ วา ตํ วา อทตฺวา ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามี’’ติ ฆรา นิกฺขมฺม ปจฺเจกพุทฺธํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ อาทาย อนฺโตนิเวสเน ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา สุปริสุทฺเธหิ สาลิตณฺฑุเลหิ ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา ตทนุรูปํ ขาทนียํ, พฺยฺชนํ, สูเปยฺยฺจ อภิสงฺขริตฺวา ปตฺตํ ปูเรตฺวา พหิ คนฺเธหิ อลงฺกริตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถสุ ปติฏฺเปตฺวา วนฺทิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘อฺเสมฺปิ ปจฺเจกพุทฺธานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ อปริภฺุชิตฺวาว อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิ. โสปิ โข เสฏฺิ ราชุปฏฺานํ กตฺวา อาคจฺฉนฺโต ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา อาห ‘‘มยํ ตุมฺหากํ ปิณฺฑปาตํ เทถา’’ติ วตฺวา ปกฺกนฺตา, อปิ โว ลทฺโธ ปิณฺฑปาโต’’ติ? อาม, เสฏฺิ ลทฺโธติ. ‘‘ปสฺสามา’’ติ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา โอโลเกสิ ¶ , อถสฺส ปิณฺฑปาตคนฺโธ อุฏฺหิตฺวา นาสปุฏํ ปหริ. โส จิตฺตํ สํยเมตุํ อสกฺโกนฺโต ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสิ, ตสฺส ปน วิปฺปฏิสารสฺส อุปฺปนฺนากาโร ‘‘วรเมต’’นฺติอาทินา ปาฬิยํ วุตฺโตเยว. ปิณฺฑปาตทาเนน ปเนส สตฺตกฺขตฺตุํ สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺโน, สตฺตกฺขตฺตุเมว จ สาวตฺถิยํ เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺโต, อยฺจสฺส สตฺตโม ภโว, ปจฺฉา วิปฺปฏิสาเรน ปน นาปิ อุฬาเรสุ โภเคสุ จิตฺตํ นมติ. วุตฺตฺเหตํ สํยุตฺตวรลฺฉเก –
‘‘ยํ โข โส มหาราช เสฏฺิ คหปติ ทตฺวา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสิ ‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภฺุเชยฺยุ’นฺติ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน นาสฺสุฬาราย ภตฺตโภคาย จิตฺตํ นมติ, นาสฺสุฬาราย วตฺถโภคาย, ยานโภคาย, นาสฺสุฬารานํ ปฺจนฺนํ กามคุณานํ โภคาย จิตฺตํ นมตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๓๑).
มยฺหกชาตเกปิ วุตฺตํ –
‘‘อิติ มหาราช อาคนฺตุกเสฏฺิ ตครสิขิปจฺเจกพุทฺธสฺส ทินฺนปจฺจเยน พหุํ ธนํ ลภิ ¶ , ทตฺวา อปรเจตนํ ปณีตํ กาตุํ อสมตฺถตาย ปณีเต โภเค ภฺุชิตุํ นาสกฺขี’’ติ (ชา. อฏฺ. ๓.๖.มยฺหกชาตกวณฺณนา).
ภาตุ ปเนส เอกํ ปุตฺตํ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๓๕๔) สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตํ โวโรเปสิ, เตน กมฺเมน พหูนิ วสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺถ, สตฺตกฺขตฺตฺุจ อปุตฺตโก ชาโต, อิทานิปิ เตเนว กมฺเมน มหาโรรุวํ อุปปนฺโน. เตน วุตฺตํ ‘‘มหาโรรุวํ อุปปนฺนสฺส เสฏฺิคหปติโน วิยา’’ติ, ปุริมปจฺฉิมเจตนาวเสน เจตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอกา หิ เจตนา ทฺเว ปฏิสนฺธิโย น เทตีติ.
ทสอาการวณฺณนา
๓๔๓. อากโรติ อตฺตโน อนุรูปตาย สมริยาทปริจฺเฉทํ ผลํ นิพฺพตฺเตตีติ อากาโร, การณนฺติ อาห ‘‘ทสหิ การเณหี’’ติ. มริยาทตฺโถ เหตฺถ อา-สทฺโท. น ทุสฺสีเลสฺเวว, อถ โข สีลวนฺเตสุปิ วิปฺปฏิสารํ อุปฺปาเทสฺสติ. ตทุภเยปิ น อุปฺปาเทตพฺโพติ หิ ทสฺเสตุํ ¶ อปิ-สทฺเทน, ปิ-สทฺเทน วา สมฺปิณฺฑนํ กโรติ. ปฏิคฺคาหกโตว อุปฺปชฺชตีติ พลวตรํ วิปฺปฏิสารํ สนฺธาย วุตฺตํ, ทุพฺพโล ปน เทยฺยธมฺมโต, ปริวารชนโตปิ อุปฺปชฺชเตว. อุปฺปชฺชิตุํ ยุตฺตนฺติ อุปฺปชฺชนารหํ. วิปฺปฏิสารมฺปิ วิโนเทสีติ สมฺพนฺโธ. เตสํเยวาติ ปาณาติปาตีนเมว. ยชนํ นาเมตฺถ ทานเมวาธิปฺเปตํ, น อคฺคิชุหนนฺติ อาห ‘‘เทตุ ภว’’นฺติ. วิสฺสชฺชตูติ มุตฺตจาควเสน จชตุ. อพฺภนฺตรนฺติ อชฺฌตฺตํ สกสนฺตาเน.
โสฬสาการวณฺณนา
๓๔๔. อนุมติปกฺขาทโย เอว เหฏฺา ยฺสฺส วตฺถุํ กตฺวา ‘‘โสฬสปริกฺขารา’’ติ วุตฺตา, อิธ ปน สนฺทสฺสนาทิวเสน อนุโมทนาย อารทฺธตฺตา วุตฺตํ ‘‘โสฬสหิ อากาเรหี’’ติ. ทสฺเสตฺวาติ อตฺตโน เทสนานุภาเวน ปจฺจกฺขมิว ผลํ ทสฺเสตฺวา, อเนกวารํ ปน ทสฺสนโต ‘‘ทสฺเสตฺวา ทสฺเสตฺวา’’ติ พฺยาปนวจนํ, ตเทว อาภุโส เมฑนฏฺเน อาเมฑิตวจนนฺติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๔๔) วุตฺตํ. ‘‘สมาทเปตฺวา สมาทเปตฺวา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ตมตฺถนฺติ ทานผลวเสน กมฺมผลสมฺพนฺธมตฺถํ. สมาทเปตฺวาติ สุตมตฺตํ อกตฺวา ยถา ราชา ตมตฺถํ สมฺมเทว อาทิยติ จิตฺเต กโรนฺโต สุคฺคหิตํ กตฺวา คณฺหาติ, ตถา สกฺกจฺจํ อาทาเปตฺวา.
‘‘วิปฺปฏิสารวิโนทเนนา’’ติ ¶ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ. โลภโทสโมหอิสฺสามจฺฉริยมานาทโยปิ หิ ทานจิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา, เตสํ วิโนทเนนปิ ตํ โวทาปิตํ สมุตฺเตชิตํ นาม โหติ ติกฺขวิสทภาวาปตฺติโต, อาสนฺนตรภาวโต ปน วิปฺปฏิสารวิโนทนเมว คหิตํ. ปวตฺติเต หิ ทาเน ตสฺส สมฺภโวติ. ยาถาวโต วิชฺชมาเนหิ คุเณหิ หฏฺปหฏฺภาวาปาทนํ สมฺปหํสนนฺติ อาห ‘‘สุนฺทร’’นฺติอาทิ. ธมฺมโตติ สจฺจโต. ตทตฺถเมว ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺเมน สเมน การเณนา’’ติ วุตฺตํ. สจฺจฺหิ ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมํ, อุปสมจริยภาวโต สมํ, ยุตฺตภาเวน การณนฺติ จ วุจฺจติ.
๓๔๕. ตสฺมึ ยฺเ รุกฺขติณจฺเฉโทปิ นาม นาโหสิ, กุโต ปาณวโธติ ปาณวธาภาวสฺเสว ทฬฺหีกรณตฺถํ, สพฺพโส วิปรีตคฺคาเหหิ อวิทูสิตตาทสฺสนตฺถฺจ ปาฬิยํ ‘‘เนว คาโว หฺึสู’’ติอาทีนิ วตฺวาปิ ¶ ‘‘น รุกฺขา ฉิชฺชึสู’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย ยูปนามเก’’ติอาทิมาห. พริหิสตฺถายาติ ปริจฺเฉทตฺถาย. วนมาลาสงฺเขเปนาติ วนปุปฺเผหิ คนฺธิตมาลานิยาเมน. เอวํ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๔๕) วุตฺตํ, วนปนฺติอากาเรนาติ อตฺโถ. ภูมิยํ วา ปตฺถรนฺตีติ เวทิภูมึ ปริกฺขิปนฺตา ตตฺถ ตตฺถ ปตฺถรนฺติ. มนฺตาทินา หิ ปริสงฺขตา ภูมิ วินฺทติ อสฺส ลาภสกฺกาเรติ กตฺวา ‘‘เวที’’ติ วุจฺจติ. เตปิ รุกฺขา เตปิ ทพฺพาติ สมฺพนฺโธ, กมฺมกตฺตา เจตํ ทฺวยํ, อภิหิตกมฺมํ วา. วตฺติจฺฉาย หิ ยถาสตฺตึ การกา ภวนฺติ. วุตฺตนเยน ปาณวธาภาวสฺส ทฬฺหีกรณตฺถํ, วิปรีตคฺคาเหน อวิทูสิตภาวทสฺสนตฺถฺเจตนฺติ ทสฺเสติ กึ ปนา’’ติอาทินา. อนฺโตเคหทาโส อนฺโตชาโต. อาทิสทฺเทน ธนกฺกีตกรมรานีตสามํทาสพฺยูปคตานํ สงฺคโห. ปุพฺพเมวาติ ภติกรณโต ปเคว. ธนํ คเหตฺวาติ ทิวเส ทิวเส ยถากมฺมํ คเหตฺวา. ภตฺตเวตนนฺติ เทวสิกํ ภตฺตฺเจว มาสิกาทิปริพฺพยฺจ. วุตฺโตวายมตฺโถ. ตชฺชิตาติ สนฺตชฺชิตา. ปริกมฺมานีติ สพฺพภาคิยานิ กมฺมานิ, อุจฺจาวจานิ กมฺมานีติ อตฺโถ. ปิยสมุทาจาเรเนวาติ อิฏฺวจเนเนว. ยถานามวเสเนวาติ ปากฏนามานุรูเปเนว. สปฺปิเตลนวนีตทธิมธุผาณิเตน เจวาติ เอตฺถ จ-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ, เตน ปณีตปณีตานํ นานปฺปการานํ ขาทนียโภชนียาทีนฺเจว วตฺถยานมาลาคนฺธวิเลปนเสยฺยาวสถาทีนฺจ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ, เตนาห ‘‘ปณีเตหิ สปฺปิเตลาทิสมฺมิสฺเสเหวา’’ติอาทิ. ตสฺส ตสฺส กาลสฺส อนุรูเปหิ ยาคุ…เป… ปานกาทีหีติ สมฺพนฺโธ. สปฺปิอาทีนนฺติ สปฺปิอาทีหิ.
๓๔๖. ปฏิสาเมตพฺพโต, อตฺตโน อตฺตโน สนฺตกภาวโต จ สํ นาม ธนํ วุจฺจติ, ตสฺส ปตีติ สปติ นิคฺคหิตโลเปน, ธนวา, ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกหิตาวหตฺตา ตสฺส หิตนฺติ สาปเตยฺยํ ¶ , ตเทว ธนํ. เตนาห ‘‘ปหูตํ ธน’’นฺติ. อกฺขยธมฺมเมวาติ อขยสภาวเมว. คามภาเคนาติ สํกิตฺตนวเสน คาเม วา คเหตพฺพภาเคน, เอวํ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๔๖) วุตฺตํ, ปจฺเจกํ สภาคคามโกฏฺาเสนาติปิ อตฺโถ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
๓๔๗. ยฺาวาโฏติ ¶ ขณิตาวาฏสฺส อสฺสเมธาทิยฺยชนฏฺานสฺเสตํ อธิวจนํ, ตพฺโพหาเรน ปน อิธ ทานสาลาย เอว, ตาย จ ปุรตฺถิมนครทฺวาเร กตาย ปุรตฺถิมภาเค เอวาติ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ปุรตฺถิมโต นครทฺวาเร’’ติอาทินา. ตํ ปน านํ รฺโ ทานสาลาย นาติทูเร เอวาติ อาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. ยโต ตตฺถ ปาตราสํ ภฺุชิตฺวา อกิลนฺตรูปาเยว สายนฺเห รฺโ ทานสาลํ สมฺปาปุณนฺติ. ‘‘ทกฺขิเณน ยฺาวาฏสฺสา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ยาคุํ ปิวิตฺวาติ หิ ยาคุสีเสน ปาตราสโภชนมาห.
๓๔๘. มธุรนฺติ สาทุรสํ. อุปริ วตฺตพฺพมตฺถนฺติ ‘‘อปิจ เม โภ เอวํ โหตี’’ติอาทินา วุจฺจมานมตฺถํ. ปริหาเรนาติ ภควนฺตํ ครุํ กตฺวา อคารวปริหาเรน, อุชุกภาวาปนยเนน วา, อุชุกวุตฺตึ ปริหริตฺวา วงฺกวุตฺติยาว ยถาจินฺติตมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต เอวมาหาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘อุชุกเมว ปุจฺฉยมาโน อคารโว วิย โหตี’’ติ.
นิจฺจทานอนุกุลยฺวณฺณนา
๓๔๙. อุฏฺายาติ ทาเน อุฏฺานวีริยมาห, สมุฏฺายาติ ตสฺส สาตจฺจกิริยํ. กสิวาณิชฺชาทิกมฺมานิ อกโรนฺโต ทลิทฺทิยาทิอนตฺถาปตฺติยา นสฺสิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. อปฺปสมฺภารตโร เจว มหปฺผลตโร จาติ สงฺเขปโต อฏฺกถายํ วุตฺโต ปาฬิยํ ปน ‘‘อปฺปตฺถตโร จ อปฺปสมารมฺภตโร จ มหปฺผลตโร จ มหานิสํสตโร จา’’ติ ปาโ. ตตฺถ อปฺปสมฺภารตโรติ อติวิย ปริตฺตสมฺภาโร, อสมารพฺภิยสมฺภาโร. อปฺปตฺถตโรติ ปน อติวิย อปฺปกิจฺโจ, อตฺโถ เจตฺถ กิจฺจํ, ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา ‘‘อปฺปฏฺตโร’’ติปิ ปาโ. สมฺมา อารภียติ ยฺโ เอเตนาติ สมารมฺโภ, สมฺภารสมฺภรณวเสน ปวตฺตสตฺตปีฬา, อปฺโป สมารมฺโภ เอตสฺสาติ ตถา, อยํ ปนาติสเยนาติ อปฺปสมารมฺภตโร. วิปากสฺิตํ มหนฺตํ สทิสํ ผลเมตสฺสาติ มหปฺผโล, อยํ ปนาติสเยนาติ มหปฺผลตโร. อุทยสฺิตํ มหนฺตํ นิสฺสนฺทาทิผลเมตสฺสาติ มหานิสํโส, อยํ ปนาติสเยนาติ มหานิสํสตโร.ธุวทานานีติ ธุวานิ ถิรานิ อวิจฺฉินฺนานิ กตฺวา ทาตพฺพทานานิ. นิจฺจภตฺตานีติ เอตฺถ ภตฺตสีเสน จตุปจฺจยคฺคหณํ. อนุกุลยฺานีติ อนุกุลํ กุลานุกฺกมํ อุปาทาย ทาตพฺพทานานิ ¶ . เตนาห ¶ ‘‘อมฺหาก’’นฺติอาทิ. ยานิ ปวตฺเตตพฺพานิ, ตานิ อนุกุลยฺานิ นามาติ โยเชตพฺพํ. นิพทฺธทานานีติ นิพนฺเธตฺวา นิยเมตฺวา ปเวณีวเสน ปวตฺติตทานานิ.
หตฺถิทนฺเตน กตา ทนฺตมยสลากา, ยตฺถ ทายกานํ นามํ องฺกนฺติ, อิมินา ตํ นิจฺจภตฺตํ สลากทานวเสนาติ ทสฺเสติ. ตํ กุลนฺติ อนาถปิณฺฑิกกุลํ. ทาลิทฺทิเยนาติ ทลิทฺทภาเวน. ‘‘เอกสลากโต อุทฺธํ ทาตุํ นาสกฺขี’’ติ อิมินา เอเกนปิ สลากทาเนน นิพทฺธทานํ อุปจฺฉินฺทิตุมทตฺวา อนุรกฺขณมาห. รฺโติ เสตวาหนรฺโ.
อาทีนิ วตฺวาติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ‘‘กสฺมา เสโน วิย มํสเปสึ ปกฺขนฺทิตฺวา คณฺหาสี’’ติ เอวมาทีนํ สมสมทาเน อุสฺสุกฺกนวจนานํ สงฺคโห. คลคฺคาหาติ คลคฺคหณา. ‘‘กมฺมจฺเฉทวเสนา’’ติ อิมินา อตฺตโน อตฺตโน กมฺโมกาสาทานมฺปิ ปีฬาเยวาติ ทสฺเสติ. สมารมฺภสทฺโท เจตฺถ ปีฬนตฺโถติ อาห ‘‘ปีฬาสงฺขาโต สมารมฺโภ’’ติ. ปุพฺพเจตนามฺุจเจตนาอปรเจตนาสมฺปตฺติยา ทายกวเสน ตีณิ องฺคานิ, วีตราคตาวีตโทสตาวีตโมหตาปฏิปตฺติยา ทกฺขิเณยฺยวเสน จ ตีณีติ เอวํ ฉฬงฺคสมนฺนาคตา โหติ ทกฺขิณา, ฉฬงฺคุตฺตเร นนฺทมาตาสุตฺตฺจ (อ. นิ. ๖.๓๗) ตสฺสตฺถสฺส สาธกํ. อปราปรํ อุปฺปชฺชนกเจตนาวเสน มหานที วิย, มโหโฆ วิย จ อิโต จิโต จ อภิสนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปวตฺติโต ปฺุเมว ปฺุาภิสนฺโท. ตถาวิธนฺติ ปมาณสฺส กาตุํ อสุกรตฺตมาห. การณมหตฺเตน ผลมหตฺตมฺปิ เวทิตพฺพํ อุปริ นชฺชา วุฏฺิยา มโหโฆ วิยาติ วุตฺตํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.
๓๕๐. นวนโวติ สพฺพทา อภินโว, ทิวเส ทิวเส ทายกสฺส พฺยาปาราปชฺชนโต กิจฺจปริโยสานํ นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘เอเกนา’’ติอาทิ. ยถารทฺธสฺส อาวาสสฺส กติปเยนาปิ กาเลน ปริสมาเปตพฺพโต กิจฺจปริโยสานํ อตฺถีติ อาห ‘‘ปณฺณสาล’’นฺติอาทิ. มหาวิหาเรปิ กิจฺจปริโยสานสฺส อตฺถิตาอุปายํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกวารํ ธนปริจฺจาคํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ. สุตฺตนฺตปริยาเยนาติ สพฺพาสวสุตฺตนฺตาทิปาฬินเยน. นวานิสํสาติ สีตปฏิฆาตาทโย ปฏิสลฺลานารามปริโยสานา ยถาปจฺจเวกฺขณํ คณิตา นว อุทยา, อปฺปมตฺตตาย เจเต วุตฺตา.
ยสฺมา ¶ ปน อาวาสํ เทนฺเตน นาม สพฺพมฺปิ ปจฺจยชาตํ ทินฺนเมว โหติ. ยถาห สํยุตฺตาคมวรลฺฉเก ‘‘โส จ สพฺพทโท โหติ โย ททาติ อุปสฺสย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๔๒), สทา ปฺุปวฑฺฒนูปายฺจ เอตํ. วุตฺตฺหิ ตตฺเถว ‘‘เย ททนฺติ อุปสฺสยํ, เตสํ ทิวา ¶ จ รตฺโต จ, สทา ปฺุํ ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๔๗) ตถา หิ ทฺเว ตโย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลทฺธา อาคตสฺสาปิ ฉายูทกสมฺปนฺนํ อารามํ ปวิสิตฺวา นหายิตฺวา ปติสฺสเย มุหุตฺตํ นิปชฺชิตฺวา อุฏฺาย นิสินฺนสฺส กาเย พลํ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตํ วิย โหติ. พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย วณฺณธาตุ วาตาตเปหิ กิลมติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย มุหุตฺตํ นิปนฺนสฺส วิสภาคสนฺตติ วูปสมฺมติ, สภาคสนฺตติ ปติฏฺาติ, วณฺณธาตุ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตา วิย โหติ. พหิ วิจรนฺตสฺส จ ปาเท กณฺฏโก วิชฺฌติ, ขาณุ ปหรติ, สรีสปาทิปริสฺสยา เจว โจรภยฺจ อุปฺปชฺชติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิปนฺนสฺส สพฺเพ เต ปริสฺสยา น โหนฺติ, สชฺฌายนฺตสฺส ธมฺมปีติสุขํ, กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺตสฺส อุปสมสุขฺจ อุปฺปชฺชติ พหิทฺธา วิกฺเขปาภาวโต. พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย เสทา มุจฺจนฺติ อกฺขีนิ ผนฺทนฺติ, เสนาสนํ ปวิสนกฺขเณ มฺจปีาทีนิ น ปฺายนฺติ, มุหุตฺตํ นิปนฺนสฺส ปน อกฺขิปสาโท อาหริตฺวา ปกฺขิตฺโต วิย โหติ, ทฺวารวาตปานมฺจปีาทีนิ ปฺายนฺติ. เอตสฺมิฺจ อาวาเส วสนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อาวาสํ เทนฺเตน…เป… โหตี’’ติ ‘‘สทา ปฺุปวฑฺฒนูปายฺจ เอต’’นฺติ จ, ตสฺมา เอเต ยถาวุตฺตา สพฺเพปิ อานิสํสา เวทิตพฺพา.
ขนฺธกปริยาเยนาติ เสนาสนกฺขนฺธเก (จูฬว. ๒๙๔) อาคตวินยปาฬินเยน. ตตฺถ หิ อาคตา –
‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;
สรีสเป จ มกเส, สิสิเร จาปิ วุฏฺิโย.
ตโต วาตาตโป โฆโร, สฺชาโต ปฏิหฺติ;
เลณตฺถฺจ สุขตฺถฺจ, ฌายิตฺุจ วิปสฺสิตุํ.
วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตํ;
ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน.
วิหาเร ¶ การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;
เตสํ อนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ.
ทเทยฺย ¶ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขปนูทนํ;
ยํ โส ธมฺมํ อิธฺาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติ. –
ราชคหเสฏฺาทีนํ วิหารทาเนน อนุโมทนาคาถาโย เปยฺยาลวเสน ทสฺสิตา. ตตฺถ สีตํ อุณฺหนฺติ อุตุวิสภาควเสน วุตฺตํ. สิสิเร จาปิ วุฏฺิโยติ เอตฺถ สิสิโรติ สมฺผุสิตกวาโต วุจฺจติ. วุฏฺิโยติ อุชุกเมฆวุฏฺิโย เอว. เอตานิ สพฺพานิ ‘‘ปฏิหนฺตี’’ติ อิมินาว ปเทน โยเชตพฺพานิ.
ปฏิหฺตีติ วิหาเรน ปฏิหฺติ. เลณตฺถนฺติ นิลียนตฺถํ. สุขตฺถนฺติ สีตาทิปริสฺสยาภาเวน สุขวิหารตฺถํ. ‘‘ฌายิตฺุจ วิปสฺสิตุ’’นฺติ อิทมฺปิ ปททฺวยํ ‘‘สุขตฺถฺจา’’ติ อิมินาว ปเทน โยเชตพฺพํ. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ – สุขตฺถฺจ วิหารทานํ, กตมสุขตฺถํ? ฌายิตุํ, วิปสฺสิตฺุจ ยํ สุขํ ตทตฺถํ. อถ วา ปรปเทนปิ โยเชตพฺพํ – ฌายิตฺุจ วิปสฺสิตฺุจ วิหารทานํ, ‘‘อิธ ฌายิสฺสติ วิปสฺสิสฺสตี’’ติ ททโต วิหารทานํ สงฺฆสฺส อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘โส จ สพฺพทโท โหติ, โย ททาติ อุปสฺสย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๔๒).
ยสฺมา จ อคฺคํ วณฺณิตํ, ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโสติ คาถา. วาสเยตฺถ พหุสฺสุเตติ เอตฺถ วิหาเร ปริยตฺติพหุสฺสุเต จ ปฏิเวธพหุสฺสุเต จ วาเสยฺย. เตสํ อนฺนฺจาติ ยํ เตสํ อนุจฺฉวิกํ อนฺนฺจ ปานฺจ วตฺถานิ จ มฺจปีาทิเสนาสนานิ จ, ตํ สพฺพํ เตสุ อุชุภูเตสุ อกุฏิลจิตฺเตสุ. ทเทยฺยาติ นิทเหยฺย. ตฺจ โข วิปฺปสนฺเนน เจตสา, น จิตฺตปฺปสาทํ วิราเธตฺวา. เอวํ วิปฺปสนฺนจิตฺตสฺส หิ เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ…เป… ปรินิพฺพาติ อนาสโวติ อยเมตฺถ อฏฺกถานโย.
อยํ ปน อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๕๐) เจว อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน (สารตฺถ. ฏี. ๓.๒๙๕) จ สํวณฺณิโต ฏีกานโย – สีตนฺติ อชฺฌตฺตํ ธาตุกฺโขภวเสน วา พหิทฺธา ¶ อุตุวิปริณามวเสน วา อุปฺปชฺชนกสีตํ. อุณฺหนฺติ อคฺคิสนฺตาปํ, ตสฺส วนฑาหาทีสุ สมฺภโว ทฏฺพฺโพ. ปฏิหนฺตีติ ปฏิพาธติ ยถา ตทุภยวเสน กายจิตฺตานํ พาธนํ น โหติ, เอวํ กโรติ. สีตุณฺหพฺภาหเต หิ สรีเร วิกฺขิตฺตจิตฺโต ภิกฺขุ โยนิโส ปทหิตุํ น สกฺโกติ, วาฬมิคานีติ สีหพฺยคฺฆาทิจณฺฑมิเค ¶ . คุตฺตเสนาสนฺหิ อารฺกมฺปิ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิสินฺนสฺส เต ปริสฺสยา น โหนฺติ. สรีสเปติ เย เกจิ สรนฺเต คจฺฉนฺเต ทีฆชาติเก สปฺปาทิเก. มกเสติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, ฏํสาทีนมฺปิ เอเตเนว สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สิสิเรติ สิสิรกาลวเสน, สตฺตาหวทฺทลิกาทิวเสน จ อุปฺปนฺเน สิสิรสมฺผสฺเส. วุฏฺิโยติ ยทา ตทา อุปฺปนฺนา วสฺสวุฏฺิโย ปฏิหนฺตีติ โยชนา.
วาตาตโป โฆโรติ รุกฺขคจฺฉาทีนํ อุมฺมูลภฺชนาทิวเสน ปวตฺติยา โฆโร สรชอรชาทิเภโท วาโต เจว คิมฺหปริฬาหสมเยสุ อุปฺปตฺติยา โฆโร สูริยาตโป จ ปฏิหฺติ ปฏิพาหียติ. เลณตฺถนฺติ นานารมฺมณโต จิตฺตํ นิวตฺเตตฺวา ปฏิสลฺลานารามตฺถํ. สุขตฺถนฺติ วุตฺตปริสฺสยาภาเวน ผาสุวิหารตฺถํ. ฌายิตุนฺติ อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตํ อุปนิพนฺธิตฺวา อุปนิชฺฌายิตุํ. วิปสฺสิตุนฺติ อนิจฺจาทิโต สงฺขาเร สมฺมสิตุํ.
วิหาเรติ ปติสฺสเย. การเยติ การาเปยฺย. รมฺเมติ มโนรเม นิวาสสุเข. วาสเยตฺถ พหุสฺสุเตติ กาเรตฺวา ปน เอตฺถ วิหาเร พหุสฺสุเต สีลวนฺเต กลฺยาณธมฺเม นิวาเสยฺย, เต นิวาเสนฺโต ปน เตสํ พหุสฺสุตานํ ยถา ปจฺจเยหิ กิลมโถ น โหติ, เอวํ อนฺนฺจ ปานฺจ วตฺถเสนาสนานิ จ ทเทยฺย อุชุภูเตสุ อชฺฌาสยสมฺปนฺเนสุ กมฺมกมฺมผลานํ, รตนตฺตยคุณานฺจ สทฺทหเนน วิปฺปสนฺเนน เจตสา.
อิทานิ คหฏฺปพฺพชิตานํ อฺมฺูปการิตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เต ตสฺสา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ เตติ พหุสฺสุตา. ตสฺสาติ อุปาสกสฺส. ธมฺมํ เทเสนฺตีติ สกลวฏฺฏทุกฺขปนูทนํ สทฺธมฺมํ เทเสนฺติ. ยํ โส ธมฺมํ อิธฺายาติ โส อุปาสโก ยํ สทฺธมฺมํ อิมสฺมึ สาสเน สมฺมาปฏิปชฺชเนน ชานิตฺวา อคฺคมคฺคาธิคมเนน อนาสโว หุตฺวา ปรินิพฺพาติ เอกาทสคฺคิวูปสเมน สีติ ภวตีติ.
สีตปฏิฆาตาทิกา ¶ วิปสฺสนาวสานา เตรส, อนฺนาทิลาโภ, ธมฺมสฺสวนํ, ธมฺมาวโพโธ, ปรินิพฺพานนฺติ เอวเมตฺถ สตฺตรส อานิสํสา วุตฺตา.
ปฏิคฺคหณกานํ วิหารวเสน อุปฺปนฺนผลานุรูปมฺปิ ทายกานํ วิหารทานผลํ เวทิตพฺพํ. เยภุยฺเยน หิ กมฺมสริกฺขกผลํ ลภนฺตีติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ‘‘สงฺฆสฺส ปน ปริจฺจตฺตตฺตา’’ติ อิมินา สงฺฆิกวิหารเมว ปธานวเสน วทติ, สงฺฆิกวิหาโร นาเมส จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ ¶ อุทฺทิสฺส กตวิหาโร, ยํ สนฺธาย ปทภาชนิยํ วุตฺตํ ‘‘สงฺฆิโก นาม วิหาโร สงฺฆสฺส ทินฺโน โหติ ปริจฺจตฺโต’’ติ. ยตฺถ หิ เจติยํ ปติฏฺิตํ โหติ, ธมฺมสฺสวนํ กรียติ, จตูหิ ทิสาหิ ภิกฺขู อาคนฺตฺวา อปฺปฏิปุจฺฉิตฺวาเยว ปาเท โธวิตฺวา กฺุจิกาย ทฺวารํ วิวริตฺวา เสนาสนํ ปฏิชคฺคิตฺวา ยถาผาสุกํ คจฺฉนฺติ, โส อนฺตมโส จตุรตนิกาปิ ปณฺณสาลา โหตุ, จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กตวิหาโรตฺเวว วุจฺจติ.
๓๕๑. โลภํ นิคฺคณฺหิตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ทุปฺปริจฺจชา. ‘‘เอกภิกฺขุสฺส วา’ติอาทิ อุปาสกานํ ตถา สมาทาเน อาจิณฺณํ, ทฬฺหตรํ สมาทานฺจ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, สรณํ ปน เตสํ สามํ สมาทินฺนมฺปิ สมาทินฺนเมว โหตี’’ติ วทนฺติ. สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา สนฺติเกติ โยชนา. ตตฺถาติ ยถาคหิเต สรเณ, ‘‘ตสฺสา’’ติปิ ปาโ, ยถาคหิตสรณสฺสาติ อตฺโถ. นตฺถิ ปุนปฺปุนํ กตฺตพฺพตาติ วิฺูชาติเก สนฺธาย วุตฺตํ. วิฺูชาติกานเมว หิ สรณาทิอตฺถโกสลฺลานํ สุวณฺณฆเฏ สีหวสา วิย อกุปฺปํ สรณคมนํ ติฏฺติ. ‘‘ชีวิตปริจฺจาคมยํ ปฺุ’’นฺติ จ อิทํ ‘‘สเจ ตฺวํ ยถาคหิตํ สรณํ น ภินฺทิสฺสติ, เอวาหํ ตํ มาเรมี’’ติ กามํ โกจิ ติณฺเหน สตฺเถน ชีวิตา โวโรเปยฺย, ตถาปิ ‘‘เนวาหํ พุทฺธํ ‘น พุทฺโธ’ติ, ธมฺมํ ‘น ธมฺโม’ติ, สงฺฆํ ‘น สงฺโฆ’ติ วทามี’’ติ ทฬฺหตรํ กตฺวา คหิตสรณสฺส วเสน วุตฺตํ. ‘‘สคฺคสมฺปตฺตึ เทตี’’ติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ. ผลานิสํสานิ ปนสฺส สรณคมนวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๕๐ สรณคมนกถา) วุตฺตาเนว.
๓๕๒. วกฺขมานนเยน เวรเหตุตาย เวรํ วุจฺจติ ปาณาติปาตาทิปาปธมฺโม, ตํ มณติ ‘‘มยิ อิธ ิตาย กถมาคจฺฉสี’’ติ ตชฺเชนฺตี วิย นิวาเรตีติ ¶ เวรมณี, ตโต วา ปาปธมฺมโต วิรมติ เอตายาติ ‘‘วิรมณี’’ติ วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน อิ-การสฺส เอ-การํ กตฺวา ‘‘เวรมณี’’ติ วุตฺตํ. ขุทฺทกปาฏฺกถายํ ปนาห ‘‘เวรมณิสิกฺขาปทํ, วิรมณิสิกฺขาปทนฺติ ทฺวิธาสชฺฌายํ กโรนฺตี’’ติ (ขุ. ปา. อฏฺ. สาธารณวิภาวนา) กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตาเวตฺถ วิรติ อธิปฺเปตา, น ผลสมฺปยุตฺตา ยฺาธิกรณโต. อสมาทินฺนสีลสฺส สมฺปตฺตโต ยถูปฏฺิตวีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโต วิรติ สมฺปตฺตวิรติ. สมาทานวเสน อุปฺปนฺนา วิรติ สมาทานวิรติ. เสตุ วุจฺจติ อริยมคฺโค, ตปฺปริยาปนฺนา หุตฺวา ปาปธมฺมานํ สมุจฺเฉทวเสน ฆาตนปฺปวตฺตา วิรติ เสตุฆาตวิรติ. อฺตฺร ‘‘สมุจฺเฉทวิรตี’’ติปิ วุตฺตา. อิทานิ ตา สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ชาติ…เป… ทีนีติ อปทิสิตพฺพชาติโคตฺตกุลาทีนิ. อาทิสทฺเทน วยพาหุสจฺจาทีนํ สงฺคโห ¶ . ปริหรตีติ อวีติกฺกมวเสน ปริวชฺเชติ, สีหฬทีเป จกฺกนอุปาสกสฺส วิย สมฺปตฺตวิรติ เวทิตพฺพา.
‘‘ปาณํ น หนามี’’ติอาทีสุ อาทยตฺเถน อิติ-สทฺเทน, วิกปฺปตฺเถน วา-สทฺเทน วา ‘‘อทินฺนํ นาทิยามิ, อทินฺนาทานา วิรมามิ, เวรมณึ สมาทิยามี’’ติ เอวมาทีนํ ปจฺเจกมตฺถานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สิกฺขาปท’’ มิจฺเจว อวตฺวา ‘‘สิกฺขาปทานี’’ติ วุตฺตํ. ปาณาติปาตา เวรมณินฺติ สมฺพนฺโธ. สมาทิยามีติ สมฺมา อาทิยามิ, อวีติกฺกมาธิปฺปาเยน, อขณฺฑา’ ฉิทฺทา’ กมฺมาสา’ สพลการิตาย จ คณฺหามีติ วุตฺตํ โหติ. อุตฺตรวฑฺฒมานปพฺพตวาสิอุปาสกสฺส (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๘๙ กุสลกมฺมปถวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑๐๙-๑๑๑; ธ. ส. อฏฺ. กุสลกมฺมปถวณฺณนา) วิย สมาทานวิรติ เวทิตพฺพา.
มคฺคสมฺปยุตฺตาติ สมฺมาทิฏฺิยาทิมคฺคสมฺปยุตฺตา. อิทานิ ตตฺถา ตตฺถาคเตสุ ธมฺมโต, โกฏฺาสโต, อารมฺมณโต, เวทนาโต, มูลโต, อาทานโต, เภทโตติอาทินา อเนกธา วินิจฺฉเยสุ สงฺเขเปเนว อารมฺมณโต วินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุริมา ทฺเวติ สมฺปตฺตสมาทานวิรติโย. ‘‘ชีวิตินฺทฺริยาทิวตฺถู’’ติ ปรมตฺถโต ปาโณ วุตฺโต, ปฺตฺติโต ปน ‘‘สตฺตาทิวตฺถู’’ติ วตฺตพฺพํ, เอวฺหิ ‘‘สตฺเตเยว อารภิตฺวา ปาณาติปาตา, อพฺรหฺมจริยา จ วิรมตี’’ติ (ขุ. ปา. อฏฺ. เอกตานานตาทิวินิจฺฉย) ขุทฺทกาคมฏฺกถาวจเนน สํสนฺทติ สเมตีติ. อาทิสทฺเทน เจตฺถ สตฺตสงฺขารวเสน ¶ อทินฺนวตฺถุ, ตถา โผฏฺพฺพวตฺถุ, วิตถวตฺถุ, สงฺขารวเสเนว สุราเมรยวตฺถูติ เอเตสํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตนฺตีติ ยถาวุตฺตํ วีติกฺกมวตฺถุํ อาลมฺพิตฺวา วีติกฺกมนเจตนาสงฺขาตวิรมิตพฺพวตฺถุโต วิรมณวเสน ปวตฺตนฺติ. ปจฺฉิมาติ เสตุฆาตวิรติ. นิพฺพานารมฺมณาว ตถาปิ กิจฺจสาธนโต. อิมินา ปน ตตฺเถว อาคเตสุ ตีสุ อาจริยวาเทสุ ทฺเว ปฏิพาหิตฺวา เอกสฺเสวานุชานนํ เวทิตพฺพํ.
‘‘สมฺปตฺตวิรติ, หิ สมาทานวิรติ จ ยเทว ปชหติ, ตํ อตฺตโน ปาณาติปาตาทิอกุสลเมวารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตตี’’ติ เกจิ วทนฺติ. ‘‘สมาทานวิรติ ยโต วิรมติ, ตํ อตฺตโน วา ปเรสํ วา ปาณาติปาตาทิอกุสลเมวาลมฺพณํ กตฺวา ปวตฺตติ. สมฺปตฺตวิรติ ปน ยโต วิรมติ, เตสํ ปาณาติปาตาทีนํ อาลมฺพณาเนว อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตตี’’ติ อปเร. ‘‘ทฺวยมฺปิ เจตํ ยโต ปาณาติปาตาทิอกุสลโต วิรมติ, เตสมารมฺมณภูตํ วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุเมวาลมฺพณํ กตฺวา ปวตฺตติ. ปุริมปุริมปทตฺถฺหิ วีติกฺกมวตฺถุมาลมฺพณํ ¶ กตฺวา ปจฺฉิมปจฺฉิมปทตฺถโต วิรมิตพฺพวตฺถุโต วิรมตี’’ติ อฺเ. ปมวาโท เจตฺถ อยุตฺโตเยว. กสฺมา? ตสฺส อตฺตโน ปาณาติปาตาทิอกุสลสฺส ปจฺจุปฺปนฺนาภาวโต, อพหิทฺธาภาวโต จ. สิกฺขาปทวิภงฺเค หิ ปฺจนฺนํ สิกฺขาปทานํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตา, พหิทฺธารมฺมณตา จ วุตฺตา. ตถา ทุติยวาโทปิ อยุตฺโตเยว. กสฺมา? ปุริมวาเทน สมฺมิสฺสตฺตา, ปเรสํ ปาณาติปาตาทิอกุสลารมฺมณภาเว จ อเนกนฺติ กตฺตา, ทฺวินฺนํ อาลมฺพณปฺปเภทวจนโต จ. ตติยวาโท ปน ยุตฺโต สพฺพภาณกานมภิมโต, ตสฺมา ตเทว อนุชานาตีติ ทฏฺพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตีสุ อาจริยวาเทสุ ทฺเว ปฏิพาหิตฺวา เอกสฺเสวานุชานนํ เวทิตพฺพ’’นฺติ.
เอตฺถาห – ยชฺเชตํ วิรติทฺวยํ ชีวิตินฺทฺริยาทิวีติกฺกมิตพฺพวตฺถุเมวาลมฺพณํ กตฺวา ปวตฺเตยฺย, เอวํ สติ อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ กเรยฺย, ยฺจ ปชหติ, ตํ น ชาเนยฺยาติ อย’มนธิปฺเปโต อตฺโถ อาปชฺชตีติ? วุจฺจเต – น หิ กิจฺจสาธนวเสน ปวตฺเตนฺโต ‘‘อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ กโรตี’’ติ วา ‘‘ยฺจ ปชหติ, ตํ น ชานาตี’’ติ วา วุจฺจติ. ยถา ปน อริยมคฺโค นิพฺพานารมฺมโณว กิเลเส ปชหติ, เอวํ ชีวิตินฺทฺริยาทิวตฺถารมฺมณมฺเปตํ วิรติทฺวยํ ปาณาติปาตาทีนิ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘อารภิตฺวาน ¶ อมตํ, ชหนฺโต สพฺพปาปเก;
นิทสฺสนฺเจตฺถ ภเว, มคฺคฏฺโริยปุคฺคโล’’ติ. (ขุ. ปา. อฏฺ. เอกตานานตาวินิจฺฉย);
อิทานิ สงฺเขเปเนว อาทานโต, เภทโต วา วินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ สีลํ สมาทิยามี’’ติอาทินา เอกโต เอกชฺฌํ คณฺหาติ. เอวมฺปิ หิ กิจฺจวเสน เอตาสํ ปฺจวิธตา วิฺายติ. สพฺพานิปิ ภินฺนานิ โหนฺติ เอกชฺฌํ สมาทินฺนตฺตา. น หิ ตทา ปฺจงฺคิกตฺตํ สีลสฺส สมฺปชฺชติ. ยํ ตุ วีติกฺกนฺตํ, เตเนว กมฺมพทฺโธ. ‘‘ปาณาติปาตา เวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามี’’ติอาทินา เอเกกํ วิสุํ วิสุํ คณฺหาติ. ‘‘เวรมณิสิกฺขาปท’’นฺติ จ อิทํ สมาสภาเวน ขุทฺทกปาฏฺกถายํ (ขุ. ปา. อฏฺ. สาธารณวิภาวนา) วุตฺตํ, ปาฬิโปตฺถเกสุ ปน ‘‘เวรมณิ’’นฺติ นิคฺคหิตนฺตเมว พฺยาสภาเวน ทิสฺสติ. คหฏฺวเสน เจตํ วุตฺตํ. สามเณรานํ ปน ยถา ตถา วา สมาทาเน เอกสฺมึ ภินฺเน สพฺพานิปิ ภินฺนานิ โหนฺติ ปาราชิกาปตฺติโต. อิติ เอกชฺฌํ, ปจฺเจกฺจ สมาทาเน วิเสโส อิธ วุตฺโต, ขุทฺทกาคมฏฺกถายํ ปน ‘‘เอกชฺฌํ สมาทิยโต เอกาเยว วิรติ เอกาว ¶ เจตนา โหติ, กิจฺจวเสน ปเนตาสํ ปฺจวิธตฺตํ วิฺายติ. ปจฺเจกํ สมาทิยโต ปน ปฺเจว วิรติโย, ปฺจ จ เจตนา โหนฺตี’’ติ (ขุ. ปา. อฏฺ. เอกตานานตาทิวินิจฺฉย) อยํ วิเสโส วุตฺโต. เภเทปิ ‘‘ยถา ตถา วา สมาทิยนฺตุ, สามเณรานํ เอกสฺมึ ภินฺเน สพฺพานิปิ ภินฺนานิ โหนฺติ. ปาราชิกฏฺานิยานิ หิ ตานิ เตสํ. ยํ ตุ วีติกฺกนฺตํ โหติ, เตเนว กมฺมพทฺโธ. คหฏฺานํ ปน เอกสฺมึ ภินฺเน เอกเมว ภินฺนํ โหติ, ยโต เตสํ ตํสมาทาเนเนว ปุน ปฺจงฺคิกตฺตํ สีลสฺส สมฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. ยถาวุตฺโตปิ ทีฆภาณกานํ วาโท อปเรวาโท นาม ตตฺถ กโต.
เสตุฆาตวิรติยา ปน เภโท นาม นตฺถิ ปฏิปกฺขสมุจฺฉินฺทเนน อกุปฺปสภาวตฺตา. ตเทวตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘ภวนฺตเรปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ภวนฺตเรปี’’ติ อิมินา อตฺตโน อริยภาวํ อชานนฺโตปีติ อตฺถํ วิฺาเปติ. ชีวิตเหตุปิ, ปเคว อฺเหตุ. ‘‘เนว ปาณํ หนติ, น สุรํ ปิวตี’’ติ อิทํ มชฺเฌเปยฺยาลนิทฺทิฏฺํ, มิคปทวฬฺชนนเยน วา วุตฺตํ ¶ . สุรนฺติ จ นิทสฺสนมตฺตํ. สพฺพมฺปิ หิ สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานานุโยคํ น กโรติ. ‘‘มชฺชนฺติ ตเทว อุภยํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ สุราสววินิมุตฺตํ มทนีย’’นฺติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๑๓๔) สํยุตฺตมหาวคฺคฏฺกถายํ วุตฺตํ. ขุทฺทกปาฏฺกถายฺจ ‘‘ตทุภยเมว มทนียฏฺเน มชฺชํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ อตฺถิ มทนียํ, เยน ปีเตน มตฺโต โหติ ปมตฺโต, อิทํ วุจฺจติ มชฺช’’นฺติ (ขุ. ปา. อฏฺ. ปุริมปฺจสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘สเจ ปิสฺสา’’ติอาทินา ตตฺเถว วิเสสทสฺสนํ, อชานนฺตสฺสปิ ขีรเมว มุขํ ปวิสติ,น สุรา, ปเคว ชานนฺตสฺส. โกฺจสกุณานนฺติ กุนฺตสกุณานํ. สเจปิ มุเข ขีรมิสฺสเก อุทเก ปกฺขิปนฺตีติ โยเชตพฺพํ. ‘‘น เจตฺถ อุปโมปเมยฺยานํ สมฺพทฺธตา สิยา โกฺจสกุณานํ โยนิสิทฺธตฺตา’’ติ โกจิ วเทยฺยาติ อาห ‘‘อิท’’นฺติอาทิ. โยนิสิทฺธนฺติ มนุสฺสติรจฺฉานานํ อุทฺธํ ติริยเมว ทีฆตา วิย, พกานํ เมฆสทฺเทน, กุกฺกุฏีนํ วาเตน คพฺภคฺคหณํ วิย จ ชาติสิทฺธํ, อิติ โกจิ วเทยฺย เจติ อตฺโถ. ‘‘เจวา’’ติปิ ปาํ วตฺวา สมุจฺจยตฺถมิจฺฉนฺติ เกจิ. ธมฺมตาสิทฺธนฺติ โพธิสตฺเต กุจฺฉิคเต โพธิสตฺตมาตุ สีลํ วิย, วิชาเต ตสฺสา ทิวงฺคมนํ วิย จ สภาเวน สิทฺธํ, มคฺคธมฺมตาย วา อริยมคฺคานุภาเวน สิทฺธนฺติ เวทิตพฺพนฺติ วิสฺสชฺเชยฺยาติ อตฺโถ.
ทิฏฺิชุกรณํ นาม ภาริยํ ทุกฺกรํ, ตสฺมา สรณคมนํ สิกฺขาปทสมาทานโต มหฏฺตรเมว, น อปฺปฏฺตรนฺติ อธิปฺปาโย. เอตนฺติ สิกฺขาปทํ. ยถา วา ตถา วา คณฺหนฺตสฺสาปีติ อาทรํ คารวมกตฺวา สมาทิยนฺตสฺสาปิ. สาธุกํ คณฺหนฺตสฺสาปีติ สกฺกจฺจํ สีลานิ ¶ สมาทิยนฺตสฺสาปิ อปฺปฏฺตรเมว, อปฺปสมารมฺภตรฺจ, น ทิคุณํ อุสฺสาโห กรณีโยติ วุตฺตํ โหติ. สีลํ อิธ อภยทานตาย ทานํ, อนวเสสํ วา สตฺตนิกายํ ทยติ รกฺขตีติ ทานํ. อยเมตฺถ อฏฺกถามุตฺตกนโย – สรณํ อุปคเตน กายวาจาจิตฺเตหิ สกฺกจฺจํ วตฺถุตฺตยปูชา กาตพฺพา, ตตฺถ จ สํกิเลโส สาธุกํ ปริหริตพฺโพ, สิกฺขาปทานิ ปน สมาทานมตฺตํ, สมฺปตฺตวตฺถุโต วิรมณมตฺตฺจาติ สรณคมนโต สีลสฺส อปฺปฏฺตรตา, อปฺปสมารมฺภตรตา จ เวทิตพฺพา. สพฺเพสํ สตฺตานํ ชีวิตทานาทินา ทณฺฑนิธานโต, สกลโลกิยโลกุตฺตร คุณาธิฏฺานโต จสฺส มหปฺผลตรตา, มหานิสํสตรตา จ ทฏฺพฺพาติ.
ตมตฺถํ ¶ ปาฬิยา สาเธนฺโต ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘อคฺคานี’’ติ าตตฺตา อคฺคฺานิ. จิรรตฺตตาย าตตฺตา รตฺตฺานิ. ‘‘อริยานํ สาธูนํ วํสานี’’ติ าตตฺตา วํสฺานิ. ปุริมกานํ อาทิปุริสานํ เอตานีติ โปราณานิ. สพฺพโส เกนจิปิ ปกาเรน สาธูหิ น กิณฺณานิ น ฉฑฺฑิตานีติ อสํกิณฺณานิ. อยฺจ นโย เนสํ ยถา อตีเต, เอวํ เอตรหิ, อนาคเต จาติ อาห ‘‘อสํกิณฺณปุพฺพานี’’ติอาทิ. อตีเต หิ กาเล อสํกิณฺณภาวสฺส ‘‘อสํกิณฺณปุพฺพานี’’ติ นิทสฺสนํ, ปจฺจุปฺปนฺเน ‘‘น สงฺกิยนฺตี’’ติ, อนาคเต ‘‘น สงฺกิยิสฺสนฺตี’’ติ. อโตเยว อปฺปฏิกุฏฺานิ น ปฏิกฺขิตฺตานิ. น หิ กทาจิปิ วิฺู สมณพฺราหฺมณา หึสาทิปาปธมฺมํ อนุชานนฺติ. อปริมาณานํ สตฺตานํ อภยํ เทตีติ สพฺเพสุ ภูเตสุ นิหิตทณฺฑตฺตา สกลสฺสปิ สตฺตนิกายสฺส ภยาภาวํ เทติ. น หิ อริยสาวกโต กสฺสจิ ภยํ โหติ. อเวรนฺติ เวราภาวํ. อพฺยาปชฺฌนฺติ นิทฺทุกฺขตํ. ‘‘อปริมาณานํ สตฺตานํ อภยํ ทตฺวา’’ติอาทิ อานิสํสทสฺสนํ, เหตุมฺปิ เจตฺถ ตฺวา-สทฺโท ยถา ‘‘มาตรํ สริตฺวา โรทตี’’ติ.
ยํ กิฺจิ จชนลกฺขณํ, สพฺพํ ตํ ยฺโติ อาห ‘‘อิทฺจ ปนา’’ติอาทิ. น นุ จ ปฺจสีลํ สพฺพกาลิกํ. อพุทฺธุปฺปาทกาเลปิ หิ วิฺู ตํ สมาทิยนฺติ, น จ เอกนฺตโต วิมุตฺตายตนํ พาหิรกานมฺปิ สมาทินฺนตฺตา. สรณคมนํ ปน พุทฺธุปฺปาทเหตุกํ, เอกนฺตโต จ วิมุตฺตายตนํ, กถํ ตตฺถ สรณคมนโต ปฺจสีลสฺส มหปฺผลตาติ อาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. เชฏฺกนฺติ มหปฺผลภาเวน อุตฺตมํ. ‘‘สรณคมเนเยว ปติฏฺายา’’ติ อิมินา ตสฺส สีลสฺส สรณคมเนน อภิสงฺขตตฺตา ตโต มหปฺผลตํ, ตถา อนภิสงฺขตสฺส จ สีลสฺส อปฺปผลตํ ทสฺเสติ.
๓๕๓. อีทิสเมวาติ เอวํ สํกิเลสปฏิปกฺขเมว หุตฺวา. นนุ จ ปมชฺฌานาทิยฺาเยว ¶ เทเสตพฺพา, กสฺมา พุทฺธุปฺปาทโต ปฏฺาย เทสนมารภตีติ อนุโยคํ ปริหริตุํ ‘‘ติวิธ…เป… ทสฺเสตุกาโม’’ติ วุตฺตํ. ติวิธสีลปาริปูริยํ ิตสฺส หิ เนสํ ยฺานํ อปฺปฏฺตรตา, มหปฺผลตรตา จ โหติ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตุกามตฺตา พุทฺธุปฺปาทโต ปฏฺาย เทสนํ อารภตีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. เหฏฺา ¶ วุตฺเตหิ คุเณหีติ เอตฺถ ‘‘โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๙๑) เหฏฺา วุตฺตา สรณคมนํ, สีลสมฺปทา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตาติ เอวมาทโย คุณา เวทิตพฺพา. ปมํ ฌานํ นิพฺพตฺเตนฺโต น กิลมตีติ โยชนา. ตานีติ ปมชฺฌานาทีนิ. ‘‘ปมํ ฌาน’’นฺติอาทินา ปาฬิยํ ปณีตานเมว ฌานานํ อุกฺกฏฺนิทฺเทโส กโตติ มนฺตวา ‘‘เอกํ กปฺปํ, อฏฺ กปฺเป’’ติอาทิ วุตฺตํ, มหากปฺปวเสน เจตฺถ อตฺโถ. หีนํ ปน ปมํ ฌานํ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปสฺส ตติยภาคํ อายุํ เทติ. มชฺฌิมํ อุปฑฺฒกปฺปํ. หีนํ ทุติยํ ฌานํ ทฺเว กปฺปานิ, มชฺฌิมํ จตฺตารีติอาทินา อตฺโถ เนตพฺโพ. อปิจ ยสฺมา ปณีตานิเยเวตฺถ ฌานานิ อธิปฺเปตานิ มหปฺผลตรภาวทสฺสนปรตฺตา เทสนาย, ตสฺมา ‘‘ปมํ ฌานํ เอกํ กปฺป’’นฺติอาทินา ปณีตาเนว ฌานานิ นิทฺทิฏฺานีติ ทฏฺพฺพํ.
ตเทวาติ จตุตฺถชฺฌานเมว. จตุกฺกนเยน หิ เทสนา อาคตา. ยทิ เอวํ กถํ อารุปฺปตาติ อาห ‘‘อากาสานฺจายตนาทิสมาปตฺติวเสน ภาวิต’’นฺติ, ตถา ภาวิตตฺตา จตุตฺถชฺฌานเมว อารุปฺปํ หุตฺวา วีสติกปฺปสหสฺสาทีนิ อายุํ เทตีติ อธิปฺปาโย. อยํ อาจริยสฺส มติ. อถ วา ตเทวาติ อารุปฺปสงฺขาตํ จตุตฺถชฺฌานเมว, ตํ ปน กสฺมา วีสติกปฺปสหสฺสาทีนิ อายุํ เทตีติ วุตฺตํ ‘‘อากาสานฺจายตนาทิสมาปตฺติวเสน ภาวิต’’นฺติ, ตถา ภาวิตตฺตา เอวํ เทตีติ อธิปฺปาโย. อปโร นโย ‘‘ตเทวา’’ติ วุตฺเต รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานเมวาติ อตฺโถ อาปชฺเชยฺยาติ ตํ นิวตฺเตตุํ ‘‘อากาสานฺจายตนาทิสมาปตฺติวเสน ภาวิต’’นฺติ อาห, ตถา ภาวิตํ องฺคสมตาย จตุตฺถชฺฌานสงฺขาตํ อารุปฺปชฺฌานเมวาธิปฺเปตนฺติ วุตฺตํ โหติ.
สมฺมเทว นิจฺจสฺาทิปฏิปกฺขวิธมนวเสน ปวตฺตมานา ปุพฺพภาคิเย เอว โพธิปกฺขิยธมฺเม สมาเนนฺตี วิปสฺสนา วิปสฺสกปุคฺคลสฺส อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ สมาวหตีติ วุตฺตํ ‘‘วิปสฺสนาสุขสทิสสฺส ปน สุขสฺส อภาวา มหปฺผล’’นฺติ. ยถาห ธมฺมราชา ธมฺมปเท –
‘‘ยโต ¶ ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔);
ยสฺมา ¶ ปนายํ เทสนา อิมินา อนุกฺกเมน อิมานิ าณานิ นิพฺพตฺเตนฺตสฺส วเสน ปวตฺติตา, ตสฺมา ‘‘วิปสฺสนาาเณ ปติฏฺายา’’ติอาทินา เหฏฺิมํ เหฏฺิมํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส ปติฏฺาภูตํ กตฺวา วุตฺตํ. สมานรูปนิมฺมานํ นาม มโนมยิทฺธิยา อฺเหิ อสาธารณกิจฺจนฺติ อาห ‘‘อตฺตโน…เป… มหปฺผลา’’ติ. หตฺถิอสฺสาทิวิวิธรูปกรณํ วิกุพฺพนํ, ตสฺส ทสฺสนสมตฺถตาย. อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ นาม ปุริมชาตีสุ อิจฺฉิติจฺฉิโต ขนฺธปเทโส. อรหตฺตมคฺเคเนว มคฺคสุขํ นิฏฺิตนฺติ วุตฺตํ ‘‘อติ…เป… มหปฺผล’’นฺติ. สมาเปนฺโตติ ปริโยสาเปนฺโต.
กูฏทนฺตอุปาสกตฺตปฏิเวทนาทิกถาวณฺณนา
๓๕๔-๘. ‘‘อภิกฺกนฺตํ โภ โคตมา’’ติอาทิ เทสนาย ปสาทวจนํ, ‘‘เอสาหํ ภวนฺต’’นฺติอาทิ ปน สรณคมนวจนนฺติ ตทุภยสมฺพนฺธํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เทสนายา’’ติอาทิมาห. ตนูติ มนฺโท กายิกเจตสิกสุขสมุปพฺยูหโต. สพฺเพ เต ปาณโยติ ‘‘สตฺต จ อุสภสตานี’’ติอาทินา วุตฺเต สพฺเพ เต ปาณิโน. ตํ ปวตฺตินฺติ เตสํ ปาณีนํ โมจนาการํ. อากุลภาโวติ ภควโต สนฺติเก ธมฺมสฺส สุตตฺตา ปาณีสุ อนุทฺทยํ อุปฏฺเปตฺวา ิตสฺส ‘‘กถฺหิ นาม มยา ตาว พหู ปาณิโน มารณตฺถาย พนฺธาปิตา’’ติ จิตฺเต ปริพฺยากุลภาโว, ยสฺมา อตฺถิ, ตสฺมา น เทเสตีติ โยชนา, ‘‘อุทปาที’’ติปิ ปาโ. สุตฺวาติ ‘‘มุตฺตา โภ เต ปาณโย’’ติ อาโรจิตวจนํ สุตฺวา. จิตฺตจาโรติ จิตฺตปฺปวตฺติ. ‘‘กลฺลจิตฺตํ มุทุจิตฺตํ วินีวรณจิตฺตํ อุทคฺคจิตฺตํ ปสนฺนจิตฺต’’นฺติ อิทํ ปทปฺจกํ สนฺธาย‘‘กลฺลจิตฺตนฺติอาที’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ทานกถํ สีลกถ’’นฺติอาทินา วุตฺตาย อนุปุพฺพิกถาย อานุภาเวน. กามจฺฉนฺทวิคเมน กลฺลจิตฺตตา อโรคจิตฺตตา, พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน มุทุจิตฺตตา อกถินจิตฺตตา, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน วิกฺเขปาภาวโต วินีวรณจิตฺตตา เตหิ อมลีนจิตฺตตา, ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหณวเสน อุทคฺคจิตฺตตา อมลีนจิตฺตตา, วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฏิปตฺติยา อวิมุตฺตตาย ปสนฺนจิตฺตตา อนาวิลจิตฺตตา จ โหตีติ อาห ‘‘อนุปุพฺพิกถานุภาเวน วิกฺขมฺภิตนีวรณตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิติ ¶ ¶ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา กูฏทนฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
กูฏทนฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.