📜
๖. มหาลิสุตฺตวณฺณนา
พฺราหฺมณทูตวตฺถุวณฺณนา
๓๕๙. เอวํ ¶ ¶ กูฏทนฺตสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ มหาลิสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, กูฏทนฺตสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส มหาลิสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… เวสาลิยนฺติ มหาลิสุตฺต’’นฺติ อาห. ปุนปฺปุนํ วิสาลภาวูปคมนโตติ เอตฺถายํ สงฺเขโป – พาราณสิรฺโ กิร อคฺคมเหสิยา มํสเปสิคพฺเภน ทฺเว ทารกา นิพฺพตฺตา ธีตา จ ปุตฺโต จ, เตสํ อฺมฺํ วิวาเหน โสฬสกฺขตฺตุํ ปุตฺตธีตุวเสน ทฺเว ทฺเว ทารกา วิชาตา. ตโต เตสํ ทารกานํ ยถากฺกมํ วฑฺเฒนฺตานํ ปจฺเจกํ สปริวารานํ อารามุยฺยานนิวาสฏฺานปริวารสมฺปตฺตึ คเหตุํ อปฺปโหนกตาย นครํ ติกฺขตฺตุํ คาวุตนฺตเรน คาวุตนฺตเรน ปริกฺขิปึสุ, เอวํ ตสฺส ปุนปฺปุนํ ติปาการปริกฺเขเปน วิสาลภาวมุปคตตฺตา ‘‘เวสาลี’’ตฺเวว นามํ ชาตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ วิสาลภาวูปคมนโต เวสาลีติ ลทฺธนามเก นคเร’’ติ. วิตฺถารกถา เจตฺถ มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนาย, (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๖) รตนสุตฺตวณฺณนาย (ขุ. ปา. อฏฺ. เวสาลิวตฺถุ; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.รตนสุตฺตวณฺณนา) จ คเหตพฺพา. พหินคเรติ นครโต พหิ, น อมฺพปาลิวนํ วิย อนฺโตนครสฺมึ. สยํชาตนฺติ สยเมว ชาตํ อโรปิมํ. มหนฺตภาเวนาติ รุกฺขคจฺฉานํ, ิโตกาสสฺส จ มหนฺตภาเวน. เตเนวาห ‘‘หิมวนฺเตน สทฺธึ เอกาพทฺธํ หุตฺวา’’ติ. ยํ ปน เวนยิกานํ มเตน วินยฏฺกถายํ วุตฺตํ –
‘‘ตตฺถ มหาวนํ นาม สยํชาตํ อโรปิมํ สปริจฺเฉทํ มหนฺตํ วนํ. กปิลวตฺถุสามนฺตา ปน มหาวนํ หิมวนฺเตน สห เอกาพทฺธํ อปริจฺเฉทํ หุตฺวา มหาสมุทฺทํ อาหจฺจ ิตํ, อิทํ ตาทิสํ น โหตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๖๒).
ตํ ¶ มชฺฌิมภาณกสํยุตฺตภาณกานมฺปิ สมานกถา. มชฺฌิมฏฺกถายฺหิ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๕๒) สํยุตฺตฏฺกถายฺจ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๓๗) ตเถว วุตฺตํ. อิธ ปน ทีฆภาณกานํ มเตน เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ จ ‘‘อหุตฺวา’’ติ กตฺถจิ ปาโ ทิสฺสติ, เอวํ สติ สพฺเพสมฺปิ ¶ สมานวาโท สิยาติ. กูฏาคารสาลาสงฺเขเปนาติ หํสมณฺฑลาการสงฺขาตหํสวฏฺฏกจฺฉนฺเนน กูฏาคารสาลานิยาเมน, ตถา กตตฺตา ปาสาโทเยว ‘‘กูฏาคารสาลา’’ติ วุตฺโต, ตพฺโพหาเรน ปน สกโลปิ สงฺฆาราโมติ วุตฺตํ โหติ. วินยฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๖๒) ตุ เอวํ วุตฺตํ –
‘‘กูฏาคารสาลา ปน มหาวนํ นิสฺสาย กเต อาราเม กูฏาคารํ อนฺโตกตฺวา หํสวฏฺฏกจฺฉทเนน กตา สพฺพาการสมฺปนฺนา พุทฺธสฺส ภควโต คนฺธกุฏิ เวทิตพฺพา’’ติ.
โกสเลสุ ชาตา, ภวา, เต วา นิวาโส เอเตสนฺติ โกสลกา. เอวํ มาคธกา. ชนปทวาจิโน หิ ปายโต ปุลฺลิงฺคปุถุวจนา. ยสฺส อกรเณ ปุคฺคโล มหาชานิโย โหติ, ตํ กรณํ อรหตีติ กรณียนฺติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘อวสฺสํ กตฺตพฺพกมฺเมนา’’ติ. อกาตุมฺปิ วฏฺฏติ อสติ สมวาเย, ตสฺมา สมวาเย สติ กตฺตพฺพโต ตํ กิจฺจนฺติ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย.
๓๖๐. ยา พุทฺธานํ อุปฺปชฺชนารหา นานตฺตสฺา, ตาสํ วเสน ‘‘นานารมฺมณจารโต’’ติ วุตฺตํ, นานารมฺมณปฺปวตฺติโตติ อตฺโถ. สมฺภวนฺตสฺเสว หิ ปฏิเสโธ, น อสมฺภวนฺตสฺส. ปฏิกฺกมฺมาติ นิวตฺเตตฺวา ตถา จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา. สลฺลีโนติ ฌานสมาปตฺติยา เอกตฺตารมฺมณํ อลฺลีโน. นิลีโนติ ตสฺเสว เววจนํ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกีภาว’’นฺติอาทิ. สปริวารตฺตา อเนโกปิ ตทา เอโก วิย ภวตีติ เอกีภาโว, ตํ เอกีภาวํ. เยนายสฺมา นาคิโต, ตํ สนฺธาย ‘‘ตสฺมา านา’’ติ วุตฺตํ.
โอฏฺทฺธลิจฺฉวิวตฺถุวณฺณนา
๓๖๑. อทฺโธฏฺตายาติ อุปฑฺโฒฏฺตาย. ตสฺส กิร อุตฺตโรฏฺสฺส อปฺปกตาย ติริยํ ผาเลตฺวา อทฺธมปนีตํ วิย ขายติ จตฺตาโร ทนฺเต, ทฺเว จ ทาา น ฉาเทติ, เตน นํ ‘‘โอฏฺทฺโธ’’ติ โวหรติ. เกจิ ปน ‘‘อโธ-สทฺเทน ปาํ ปริกปฺเปตฺวา เหฏฺา โอฏฺสฺส โอลมฺพกตาย ‘‘โอฏฺาโธ’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว ตถา ปาสฺส อทิสฺสนโต, อาจริเยน ¶ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๖๑) จ อวณฺณิตตฺตา. อยํ กิร อุโปสถิโก ทายโก ทานปติ ¶ สทฺโธ ปสนฺโน พุทฺธมามโก ธมฺมสงฺฆมามโก. เตนาห ‘‘ปุเรภตฺต’’นฺติอาทิ. ขนฺธเก, (มหาว. ๒๘๙) มหาปรินิพฺพานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๑๖๑) จ อาคตนเยน ‘‘นีลปีตาทิ…เป… ตาวตึสปริสสปฺปฏิภาคายา’’ติ วุตฺตํ. อยํ ปน เวสาลี ภควโต กาเล อิทฺธา เจว เวปุลฺลปฺปตฺตา จ อโหสิ. ตตฺถ หิ ราชูนเมว สตฺต สหสฺสานิ, สตฺต สตานิ, สตฺต จ ราชาโน อเหสุํ, ตถา ยุวราชเสนาปติภณฺฑาคาริกปภุตีนมฺปิ, ปาสาทกูฏาคารอารามโปกฺขรณิอาทโยปิ ตปฺปริมาณาเยว, พหุชนา, อากิณฺณมนุสฺสา, สุภิกฺขา จ. เตน วุตฺตํ ‘‘มหติยา ลิจฺฉวิปริสายา’’ติ. ตสฺส ปน กุลสฺส อาทิภูตานํ ยถาวุตฺตานํ มํสเปสิยา นิพฺพตฺตทารกานํ ตาปเสน ปายิตํ ยํ ขีรํ อุทรํ ปวิสติ, สพฺพํ ตํ มณิภาชนคตํ วิย ทิสฺสติ, จริมกภเว โพธิสตฺเต กุจฺฉิคเต โพธิสตฺตมาตุ วิย อุทรจฺฉวิยา อติวิปฺปสนฺนตาย เต นิจฺฉวี อเหสุํ. อปเร ปนาหุ ‘‘สิพฺเพตฺวา ปิตา วิย เนสํ อฺมฺํ ลีนา ฉวิ อโหสี’’ติ. เอวํ เต นิจฺฉวิตาย วา ลีนจฺฉวิตาย วา ลิจฺฉวีติ ปฺายึสุ, นิรุตฺตินเยน เจตฺถ ปทสิทฺธิ, ตพฺพํเส อุปฺปนฺนา สพฺเพปิ ลิจฺฉวโย นาม ชาตา. เตนาห ‘‘ลิจฺฉวิปริสายา’’ติ, ลิจฺฉวิราชูนํ, ลิจฺฉวิวํสภูตาย วา ปริสายาติ อตฺโถ. มหนฺตํ ยสํ ลาติ คณฺหาตีติ มหาลิ ยถา ‘‘ภทฺทาลี’’ติ. มูลนามนฺติ มาตาปิตูหิ กตนามํ.
๓๖๒. สาสเน ยุตฺตปยุตฺโตติ ภาวนมนุยุตฺโต. สพฺพตฺถ สีหสมานวุตฺติโนปิ ภควโต ปริสาย มหตฺเต สติ ตทชฺฌาสยานุรูปํ ปวตฺติยมานาย ธมฺมเทสนาย วิเสโส โหตีติ อาห ‘‘มหนฺเตน อุสฺสาเหน ธมฺมํ เทเสสฺสตี’’ติ.
‘‘วิสฺสาสิโก’’ติ วตฺวา ตมสฺส วิสฺสาสิกภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ถูลสรีโรติ วรสรีโร. เถรสฺส ขีณาสวภาวโต ‘‘อาลสิยภาโว อปฺปหีโน’’ติ น วตฺตพฺโพ, วาสนาเลสํ ปน อุปาทาย ‘‘อีสกํ อปฺปหีโน วิย โหตี’’ติ วุตฺตํ. น หิ สาวกานํ พุทฺธานมิว สวาสนา กิเลสา ปหียนฺติ. ยถาวุตฺตํ ปาสาทเมว สนฺธาย ‘‘กูฏาคารมหาเคหา’’ติ วุตฺตํ. ปาจีนมุขาติ ปาจีนปมุขา.
๓๖๓. วิเนยฺยชนานุปโรเธน ¶ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ ปฏิหาริยวิชมฺภนํ โหตีติ อาห ‘‘อถ โข’’ติอาทิ. คนฺธกุฏิโต นิกฺขมนเวลายฺหิ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย อาเวฬาเวฬา ยมลา ¶ ยมลา หุตฺวา สวิเสสํ ปภสฺสรา วินิจฺฉรึสุ. ตาหิ ‘‘ภควา นิกฺขมตี’’ติ สมาโรจิตมิว นิกฺขมนํ สฺชานึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘สํสูจิตนิกฺขมโน’’ติ.
๓๖๔. ‘‘อชฺชา’’ติ วุตฺตทิวสโต อตีตมนนฺตรํ หิยฺโยทิวสํ ปุริมํ นาม, ตถา ‘‘หิยฺโย’’ติ วุตฺตทิวสโต ปรํ ปุริมตรํ อติสเยน ปุริมตฺตา. อิติ อิเมสุ ทฺวีสุ ทิวเสสุ ววตฺถิโต ยถากฺกมํ ปุริมปุริมตรภาโว. เอวํ สนฺเตปิ ยเทตฺถ ‘‘ปุริมตร’’นฺติ วุตฺตํ, ตโต ปภุติ ยํ ยํ โอรํ, ตํ ตํ ปุริมํ. ยํ ยํ ปรํ, ตํ ตํ ปุริมตรนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตโต ปฏฺายา’’ติอาทิมาห. โอรปารภาวสฺส วิย, หิ ทิสาวิทิสาภาวสฺส วิย จ ปุริมปุริมตรภาวสฺส อเปกฺขาสิทฺธิ. มูลทิวสโตติอาทิทิวสโต. อคฺเคติ อุปโยคตฺเถ ภุมฺมวจนํ, อุปโยควจนสฺส วา เอ-การาเทโสติ ทสฺเสติ ‘‘อคฺค’’นฺติ อิมินา, ปมนฺติ อตฺโถ. ตํ ปเนตฺถ ปรา อตีตา โกฏิเยวาติ อาห ‘‘ปรโกฏึ กตฺวา’’ติ. ยํ-สทฺโท ปริจฺเฉเท นิปาโต, ตปฺปโยเคน จายํ ‘‘วิหรามี’’ติ วตฺตมานปโยโค, อตฺโถ ปน อตีตวเสน เวทิตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาว วิหาสิ’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺสาติ ทิวสสฺส. ปมวิกปฺเป ‘‘วิหรามี’’ติ อิมสฺส ‘‘ยทคฺเค’’ติ อิมินา อุชุกํ ตาว สมฺพนฺธิตฺวา ปจฺฉา ‘‘นจิรํ ตีณิ วสฺสานี’’ติ ปมาณวจนํ โยเชตพฺพํ. ทุติยวิกปฺเป ปน ‘‘นจิรํ ตีณิ วสฺสานี’’ติ อิเมหิปิ กุฏิลํ สมฺพนฺโธ กตฺตพฺโพ. นจิรนฺติ เจตํ ภาวนปุํสกํ, อจฺจนฺตสฺโคํ วา. ตฺหิ ปมาณโต วิเสเสตุํ ‘‘ตีณิ วสฺสานี’’ติ วทติ. เตนาห ‘‘นจิรํ วิหาสึ ตีณิเยว วสฺสานี’’ติ.
อยนฺติ สุนกฺขตฺโต. ปิยชาติกานีติ อิฏฺสภาวานิ. สาตชาติกานีติ มธุรสภาวานิ. มธุรสทิสตาย หิ ‘‘มธุร’’นฺติ มโนรมํ วุจฺจติ. อารมฺมณํ กโรนฺเตน กาเมน อุปสํหิตานีติ กามูปสํหิตานิ, กามนียานิ. เตนาห ‘‘กามสฺสาทยุตฺตานี’’ติ, อารมฺมณิเกน กามสงฺขาเตน อสฺสาเทน สฺุตฺตานิ, กามสงฺขาตสฺส วา อสฺสาทสฺส โยคฺยานีติ อตฺโถ. สรีรสณฺาเนติ สรีรพิมฺเพ, อาธาเร เจตํ ภุมฺมํ. ตสฺมา สทฺเทนาติ ตํ นิสฺสาย ตโต อุปฺปนฺเนน สทฺเทนาติ ¶ อตฺโถ. อปิจ วินา ปาเสสํ ภวิตพฺพปเทเนว สมฺพนฺธิตพฺพํ. มธุเรนาติ อิฏฺเน สาเตน. กณฺณสกฺขลิยนฺติ กณฺณปฏฺฏิกายํ.
เอตฺตาวตาติ ทิพฺพโสตาณปริกมฺมสฺส อกถนมตฺเตน. ‘‘อตฺตนา าตมฺปิ น กเถติ, กึ อิมสฺส สาสเน อธิฏฺาเนนา’’ติ กุชฺฌนฺโต ภควติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา, สห กุชฺฌเนเนว เจส ฌานาภิฺา ปริหายิ. จินฺเตสีติ ‘‘กสฺมา นุ โข โส มยฺหํ ตํ ปริกมฺมํ น กเถสี’’ติ ¶ ปริวิจาเรนฺโต อโยนิโส อุมฺมุชฺชนวเสน จินฺเตสิ. อนุกฺกเมนาติ ปาถิกสุตฺเต, (ที. นิ. ๓.๓ อาทโย) มหาสีหนาทสุตฺเต (ที. นิ. ๑.๓๘๑) จ อาคตนเยน ตํ ตํ อยุตฺตเมว จินฺเตนฺโต, ภาสนฺโต, กโรนฺโต จ อนุกฺกเมน ภควติ พทฺธาฆาตตาย สาสเน ปติฏฺํ อลภนฺโต คิหิภาวํ ปตฺวา ตมตฺถํ กเถติ.
เอกํสภาวิตสมาธิวณฺณนา
๓๖๖-๓๗๑. เอกํสายาติ ตทตฺเถ จตุตฺถีวจนํ, เอกํสตฺถนฺติ อตฺโถ. อํสสทฺโท เจตฺถ โกฏฺาสปริยาโย, โส จ อธิการโต ทิพฺพรูปทสฺสนทิพฺพสทฺทสวนวเสน เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘เอกโกฏฺาสายา’’ติอาทิ. วา-สทฺโท เจตฺถ วิกปฺปเน เอกํสสฺเสวาธิปฺเปตตฺตา. อนุทิสายาติ ปุรตฺถิมทกฺขิณาทิเภทาย จตุพฺพิธาย อนุทิสาย. อุภยโกฏฺาสายาติ ทิพฺพรูปทสฺสนตฺถํ, ทิพฺพสทฺทสวนตฺถฺจ. ภาวิโตติ ยถา ทิพฺพจกฺขุาณํ, ทิพฺพโสตาณฺจ สมธิคตํ โหติ, เอวํ ภาวิโต. ตยิทํ วิสุํ วิสุํ ปริกมฺมกรเณน อิชฺฌนฺตีสุ วตฺตพฺพํ นตฺถิ, เอกชฺฌํ อิชฺฌนฺตีสุปิ กเมเนว กิจฺจสิทฺธิ ภวติ เอกชฺฌํ กิจฺจสิทฺธิยา อสมฺภวโต. ปาฬิยมฺปิ หิ ‘‘ทิพฺพานฺจ รูปานํ ทสฺสนาย, ทิพฺพานฺจ สทฺทานํ สวนายา’’ติ อิทํ เอกสฺส อุภยสมตฺถตาสนฺทสฺสนเมว, น เอกชฺฌํ กิจฺจสิทฺธิสมฺภวสนฺทสฺสนํ. ‘‘เอกํสภาวิโต สมาธิ เหตู’’ติ อิมินา สุนกฺขตฺโต ทิพฺพจกฺขุาณาย เอว ปริกมฺมสฺส กตตฺตา วิชฺชมานมฺปิ ทิพฺพสทฺทํ นาสฺโสสีติ ทสฺเสติ.
๓๗๒. ทิพฺพจกฺขุาณโต ทิพฺพโสตาณเมว เสฏฺนฺติ มฺมาโน มหาลิ เอตมตฺถํ ปุจฺฉตีติ อาห ‘‘อิทํ ทิพฺพโสเตน…เป… มฺเ’’ติ. อปณฺณกนฺติ อวิรชฺฌนกํ, อนวชฺชํ วา. สมาธิเยว ภาเวตพฺพฏฺเน สมาธิภาวนา ¶ . ‘‘ทิพฺพโสตาณํ เสฏฺ’’นฺติ มฺมาเนน จ เตน ทิพฺพจกฺขุาณมฺปิ ทิพฺพโสเตเนว สห คเหตฺวา ‘‘เอตาสํ นูน ภนฺเต’’ติอาทินา ปุถุวจเนน ปุจฺฉิตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุภยํสภาวิตานํ สมาธีน’’นฺติ วุตฺตํ. พาหิรา เอตา สมาธิภาวนา อนิยฺยานิกตฺตา. ตา หิ อิโต พาหิรกานมฺปิ อิชฺฌนฺติ. น อชฺฌตฺติกา ภควตา สามุกฺกํสิกภาเวน อปฺปเวทิตตฺตา. น หิ เต สจฺจานิ วิย สามุกฺกํสิกา. ยทตฺถนฺติ เยสํ อตฺถาย, อเภเทปิ เภทวจนเมตํ, ยสฺส วา วิเสสนภูตสฺส อตฺถาย. เตติ อริยผลธมฺเม. ‘‘ต’’นฺติปิ อธุนา ปาโ. เต หิ สจฺฉิกาตพฺพา, ‘‘อตฺถิ โข มหาลิ อฺเว ธมฺมา…เป… เยสํ สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตี’’ติ สจฺฉิกาตพฺพธมฺมา จ อิธ วุตฺตา.
จตุอริยผลวณฺณนา
๓๗๓. สํโยเชนฺตีติ ¶ พนฺเธนฺติ. ตสฺมาติ ยสฺมา วฏฺฏทุกฺขภเย สํโยชนโต ตตฺถ สตฺเต สํโยเชนฺติ นาม, ตสฺมา. กตฺถจิ ‘‘วฏฺฏทุกฺขมเย รเถ’’ติ ปาโ, น โปราโณ ตถา อาจริเยน อวณฺณิตตฺตา. มคฺคโสตํ อาปนฺโน, น ปสาทาทิโสตํ. ‘‘โสโตติ ภิกฺขเว อริยมคฺคสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ หิ วุตฺตํ. อาปนฺโนติ จ อาทิโต ปตฺโตติ อตฺโถ อา-อุปสคฺคสฺส อาทิกมฺมนิ ปวตฺตนโต, อิทํ ปน ผลฏฺวเสน วทติ. อตีตกาลวจนฺเหตํ, มคฺคกฺขเณ ปน มคฺคโสตํ อาปชฺชติ นาม. เตเนวาห ทกฺขิณวิภงฺเค ‘‘โสตาปนฺเน ทานํ เทติ, โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺเน ทานํ เทตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) อปตนธมฺโมติ อนุปปชฺชนสภาโว. ธมฺมนิยาเมนาติ อุปริมคฺคธมฺมนิยาเมน. เหฏฺิมนฺเตน สตฺตมภวโต อุปริ อนุปปชฺชนธมฺมตาย วา นิยโตติ อฏฺกถามุตฺตกนโย. ปรํ อยนํ ปราคติ อสฺส อตฺถีติ อตฺโถ. อเนนาติ ปุน ตติยสมาสวจนํ, วา-สทฺโท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ.
ตนุตฺตํ นาม ปวตฺติยา มนฺทตา, วิรฬตา จาติ วุตฺตํ ‘‘ตนุตฺตา’’ติอาทิ. กรหจีติ นิปาตมตฺตํ, ปริยายวจนํ วา. ‘‘โอเรน เจ มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ วสฺสิกสาฏิกจีวรํ ปริเยเสยฺยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๖๒๗) วิย โอร-สทฺโท น อติเรกตฺโถติ อาห ‘‘เหฏฺาภาคิยาน’’นฺติ, เหฏฺาภาคสฺส กามภวสฺส ปจฺจยภาเวน หิตานนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุทฺธาวาสภูมิย’’นฺติ ¶ เตสํ อุปปตฺติฏฺานทสฺสนํ. โอปปาติโกติ อุปปาติโก อุปปาตเน สาธุการี. เตนาห ‘‘เสสโยนิปฏิกฺเขปวจนเมต’’นฺติ ปรินิพฺพานธมฺโมติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานสภาโว. วิมุจฺจตีติ วิมุตฺติ, จิตฺตเมว วิมุตฺติ เจโตวิมุตฺตีติ วุตฺตํ ‘‘จิตฺตวิสุทฺธิ’’นฺติอาทิ. จิตฺตสีเสน เจตฺถ สมาธิ คหิโต ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวย’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒; มิ. ป. ๑.๑.๙) วิย. ปฺาวิมุตฺตินฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เตนาห ‘‘อรหตฺตผลปฺาว ปฺาวิมุตฺตี’’ติ. สามนฺติ อตฺตนาว, อปรปฺปจฺจเยนาติ อตฺโถ. ‘‘อภิชานิตฺวา’’ติ อิมินา ตฺวาทิปจฺจยการิยสฺส ย-การสฺส โลโป ทสฺสิโต. ‘‘อภิฺายา’’ติ อิมินา ปน นา-วจนการิยสฺสาติ ทฏฺพฺพํ. สจฺฉีติ ปจฺจกฺขตฺเถ เนปาติกํ. ปจฺจกฺขกรณํ นาม อนุสฺสวาการปริวิตกฺกาทิเก มฺุจิตฺวา สรูปโต อารมฺมณกรณํ.
อริยอฏฺงฺคิกมคฺควณฺณนา
๓๗๔-๕. อุปฺปติตฺวาติ ¶ อากาสมคฺเคน เฑตฺวา. ปฏิปชฺชติ อริยาสาวโก นิพฺพานํ, อริยผลฺจ เอตายาติ ปฏิปทา, สา จ ตสฺส ปุพฺพภาโค เอวาติ อริยมคฺโค ปุพฺพภาคปฏิปทานาเมน อิธ วุตฺโต. อาตตวิตตาทิวเสน ปฺจงฺคิกํ. ทิสาวิทิสานิวิฏฺปเทเสน อฏฺงฺคิโก. อฏฺงฺคโต มุตฺโต อฺโ โกจิ อฏฺงฺคิโก นาม มคฺโค นตฺถีติ อาห ‘‘อฏฺงฺคมตฺโตเยวา’’ติอาทินา. น หิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม โกจิ อตฺถีติ. ตสฺมา ‘‘อฏฺ องฺคานิ อสฺสาติ อฺปทตฺถสมาสํ อกตฺวา ‘อฏฺ องฺคานิ อฏฺงฺคานิ, ตานิ อสฺส สนฺตีติ อฏฺงฺคิโก’ติ สมาสคพฺภตทฺธิตวเสน ปทสิทฺธิ กาตพฺพา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๗๔, ๓๗๕) อาจริเยน วุตฺตํ, อธิปฺปาโย เจตฺถ จินฺเตตพฺโพ. อฺปทตฺถสมาเส หิ กเต น สกฺกา อฏฺงฺคอฏฺงฺคิกานํ เภโท อฺมฺํ วิปริยายํ กตฺวาปิ นิยเมตุํ พฺยาเส อุภยปทตฺถปรภาเวน สเหว สงฺขฺยาปริจฺเฉเทน อตฺถาปตฺติโต. สมาสคพฺเภ ปน ตทฺธิเต กเต สกฺกา เอว เตสํ เภโท อฺมฺํ วิปริยายํ กตฺวา นิยเมตุํ สมาเส อุตฺตรปทตฺถปรภาเวน วินาว สงฺขฺยาปริจฺเฉเทน อตฺถาปตฺติโต. เอกตฺถิภาวลกฺขโณ หิ สมาโสติ. ธมฺมทายาทสุตฺตนฺตฏีกายํ ปน อาจริเยเนว เอวํ วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา มคฺคงฺคสมุทาเย ¶ มคฺคโวหาโร โหติ, สมุทาโย จ สมุทายีหิ สมนฺนาคโต, ตสฺมา อตฺตโน อวยวภูตานิ อฏฺ องฺคานิ เอตสฺส สนฺตีติ อฏฺงฺคิโก’’ติ. ปมนเย เจตฺถ องฺคินา องฺคสฺส อฏฺงฺคิกภาโว วุตฺโต, ทุติยนเย ปน องฺเคน องฺคิโนติ อยเมเตสํ วิเสโส.
อิทานิ อฏฺงฺคิกมคฺเค ลกฺขณโต, กิจฺจขณารมฺมณเภทกมโต จ วินิจฺฉยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. สมฺมาทสฺสนลกฺขณาติ อวิปรีตํ ยาถาวโต จตุนฺนมริยสจฺจานํ ปจฺจกฺขเมว ทสฺสนสภาวา. สมฺมา อภินิโรปนลกฺขโณติ นิพฺพานารมฺมเณ จิตฺตสฺส อวิปรีตมภินิโรปนสภาโว. สมฺมา ปริคฺคหณลกฺขณาติ จตุรงฺคสมนฺนาคตา วาจา ชเน สงฺคณฺหาตีติ ตพฺพิปกฺขโต วิรติสภาวา สมฺมาวาจา เภทกรมิจฺฉาวาจปฺปหาเนน ชเน, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ปริคฺคณฺหนกิจฺจวตี โหติ, เอวํ อวิปรีตํ ปริคฺคหณสภาวา. สมฺมา สมุฏฺาปนลกฺขโณติ ยถา จีวรกมฺมาทิโก กมฺมนฺโต เอกํ กาตพฺพํ สมุฏฺาเปติ, ตํตํกิริยานิปฺผาทโก วา เจตนาสงฺขาโต กมฺมนฺโต หตฺถปาทจลนาทิกํ กิริยํ สมุฏฺาเปติ, เอวํ สาวชฺชกตฺตพฺพกิริยาสมุฏฺาปกมิจฺฉากมฺมนฺตปฺปหาเนน สมฺมากมฺมนฺโต นิรวชฺชสมุฏฺาปนกิจฺจวา โหติ, สมฺปยุตฺเต จ สมุฏฺาเปนฺโต เอว ปวตฺตตีติ อวิปรีตํ สมุฏฺาปนสภาโว. สมฺมา โวทาปนลกฺขโณติ กายวาจานํ, ขนฺธสนฺตานสฺส จ สํกิเลสภูตมิจฺฉาชีวปฺปหาเนน อวิปรีตํ โวทาปนสภาโว. สมฺมา ปคฺคหลกฺขโณติ สสมฺปยุตฺตธมฺมสฺส จิตฺตสฺส สํกิเลสปกฺเข ปติตุมทตฺวา ¶ อวิปรีตํ ปคฺคหณสภาโว. สมฺมา อุปฏฺานลกฺขณาติ ตาทิภาวลกฺขเณน อวิปรีตํ ตตฺถ อุปฏฺานสภาโว. สมฺมา สมาธานลกฺขโณติ วิกฺเขปวิทฺธํสเนน อวิปรีตํ จิตฺตสฺส สมาทหนสภาโว.
สหเชกฏฺตาย ทิฏฺเกฏฺา อวิชฺชาทโย มิจฺฉาทิฏฺิโต อฺเ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลสา นาม. ปสฺสตีติ ปกาเสติ กิจฺจปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌติ. เตนาห ‘‘ตปฺปฏิ…เป… อสมฺโมหโต’’ติ. อิทฺหิ ตสฺสา ปสฺสนาการทสฺสนํ. เตเนว หิ สมฺมาทิฏฺิสงฺขาเตน องฺเคน ตตฺถ ปจฺจเวกฺขณา ปวตฺตติ. ปุริมานิ ทฺเว กิจฺจานิ สพฺเพสเมว สาธารณานีติ อาห ‘‘สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปี’’ติอาทิ. ‘‘ตเถวา’’ติ อิมินา ‘‘อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธิ’’นฺติ อิทมนุกฑฺฒติ.
ปุพฺพภาเคติ ¶ อุปจารกฺขเณ. อุปจารภาวนาวเสน อเนกวารํ ปวตฺตจิตฺตกฺขณิกตฺตา นานกฺขณา. อนิจฺจาทิลกฺขณวิสยตฺตา นานารมฺมณา. มคฺคสฺส เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตา เอกกฺขณา. นิพฺพานารมฺมณตฺตา เอการมฺมณา. กิจฺจโตติ ปุพฺพภาเค ทุกฺขาทิาเณหิ กตฺตพฺเพน อิธ สาติสยํ นิพฺพตฺเตน กิจฺเจน, อิมสฺเสว วา าณสฺส ทุกฺขาทิปฺปกาสนกิจฺเจน. จตฺตาริ นามานิ ลภติ จตูสุ สจฺเจสุ กาตพฺพกิจฺจ นิพฺพตฺติโต.ตีณิ นามานิ ลภติ กามสงฺกปฺปาทิปฺปหานนิพฺพตฺติโต. สิกฺขาปทวิภงฺเค ‘‘วิรติเจตนา, สพฺเพ สมฺปยุตฺตธมฺมา จ สิกฺขาปทานี’’ติ (วิภ. ๗๐๔) วุจฺจนฺติ. ตตฺถ ปน ปธานานํ วิรติเจตนานํ วเสน ‘‘วิรติโยปิ โหนฺติ เจตนาโยปี’’ติ วุตฺตํ, มุสาวาทาทีหิ วิรมณกาเล วา วิรติโย, สุภาสิตาทิวาจาภาสนาทิกาเล เจตนาโย โหนฺตีติ โยเชตพฺพา. เจตนานํ อมคฺคงฺคตฺตา ‘‘มคฺคกฺขเณ ปน วิรติโยวา’’ติ อาห. เอกสฺเสว าณสฺส ทุกฺขาทิาณตา วิย, เอกาเยว วิรติยา มุสาวาทาทิวิรติภาโว วิย จ เอกาย เอว เจตนาย สมฺมาวาจาทิกิจฺจตฺตยสาธนาสมฺภเวน สมฺมาวาจาทิภาวาสิทฺธิโต, ตํสิทฺธิยฺจ องฺคตฺตยตฺตาสิทฺธิโต จ เอวํ วุตฺตนฺติปิ ทฏฺพฺพํ. อิมินา เจตาสํ ทุวิธตํ, อเภทตฺจ ทสฺเสติ. สมฺมปฺปธานสติปฏฺานวเสนาติ จตุสมฺมปฺปธานจตุสติปฏฺานภาววเสน.
ยทิปิ สมาธิอุปการกานํ อภินิโรปนา นุมชฺชนสมฺปิยายนุ ปพฺรูหนสนฺตานํ วิตกฺกวิจารปีติสุโขเปกฺขานํ วเสน จตูหิ ฌาเนหิ สมฺมาสมาธิ วิภตฺโต, ตถาปิ วายาโม วิย อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทนาทิจตุวายามกิจฺจํ, สติ วิย จ อสุภาสุขานิจฺจานตฺตภูเตสุ กายาทีสุ ¶ สุภาทิสฺาปหานจตุสติกิจฺจํ เอโกว สมาธิ จตุกฺกชฺฌานสมาธิกิจฺจํ น สาเธติ. ตสฺมา ปุพฺพภาเคปิ ปมชฺฌานสมาธิ ปมชฺฌานสมาธิ เอว. ตถา มคฺคกฺขเณปิ ปุพฺพภาเคปิ ทุติยชฺฌานสมาธิ ทุติยชฺฌานสมาธิ เอว. ตถา มคฺคกฺขเณปิ ปุพฺพภาเคปิ ตติยชฺฌานสมาธิ ตติยชฺฌานสมาธิ เอว. ตถา มคฺคกฺขเณปิ ปุพฺพภาเคปิ จตุตฺถชฺฌานสมาธิ จตุตฺถชฺฌานสมาธิ เอว. ตถา มคฺคกฺขเณปีติ อาห ‘‘ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ สมฺมาสมาธิเยวา’’ติ.
ตสฺมาติ ปฺาปชฺโชตตฺตา อวิชฺชานฺธการํ วิธมิตฺวา ปฺาสตฺถตฺตา กิเลสโจเร ฆาเตนฺโตติ ยถารหํ โยเชตพฺพํ. ยสฺมา ปน อนาทิมติ สํสาเร อิมินา โยคินา กทาจิปิ อสมุคฺฆาฏิตปุพฺโพ กิเลสคโณ ¶ , ตสฺส สมุคฺฆาฏโก จ อริยมคฺโค. อยฺเจตฺถ สมฺมาทิฏฺิ ปริฺาภิสมยาทิวเสน ปวตฺติยา ปุพฺพงฺคมา โหติ พหูปการา, ตสฺมา. ตเทว พหูปการตํ การณภาเวน ทสฺเสตุํ ‘‘โยคิโน พหูปการตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
ตสฺสาติ สมฺมาทิฏฺิยา. ‘‘พหูปกาโร’’ติ วตฺวา ตํ พหูปการตํ อุปมาย วิภาเวนฺโต ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาห. อยํ ตมฺพกํสาทิมยตฺตา กูโฏ. ตํปริหรณโต มหาสารตาย เฉโก. เอวนฺติ ยถา เหรฺิกสฺส จกฺขุนา ทิสฺวา กหาปณวิภาคชานเน กิริยาสาธกตมภาเวน กรณนฺตรํ พหุการํ ยทิทํ หตฺโถ, เอวํ โยคิโน ปฺาย โอโลเกตฺวา ธมฺมวิภาคชานเน ปุพฺพจารีภาเวน ธมฺมนฺตรํ พหุการํ ยทิทํ วิตกฺโก วิตกฺเกตฺวาว ปฺาย ตทวโพธโต. ตสฺมา สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาทิฏฺิยา พหุกาโรติ อธิปฺปาโย. ทุติยอุปมายํ เอวนฺติ ยถา ตจฺฉโก ปเรน ปริวตฺเตตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ทินฺนํ ทพฺพสมฺภารํ วาสิยา ตจฺเฉตฺวา เคหาทิกรณกมฺเม อุปเนติ, เอวํ โยคี วิตกฺเกน ลกฺขณาทิโต วิตกฺเกตฺวา ทินฺนธมฺเม ยาถาวโต ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริฺาภิสมยาทิกมฺเม อุปเนตีติ โยชนา. วจีเภทสฺส อุปการโก วิตกฺโก สาวชฺชานวชฺชวจีเภเท นิวตฺตนปวตฺตนกราย สมฺมาวาจายปิ อุปการโกวาติ อาห ‘‘สฺวาย’’นฺติอาทิ. ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา ธมฺมทินฺนาย ภิกฺขุนิยา วิสาขสฺส นาม คหปติโน วุตฺตํ จูฬเวทลฺลสุตฺตปทํ (ม. นิ. ๑.๔๖๔) สาธกภาเวน ทสฺเสติ. ภินฺทตีติ นิจฺฉาเรติ.
วจีเภทนิยามิกา วาจา กายิกกิริยานิยามกสฺส กมฺมนฺตสฺส อุปการิกาติ ตทตฺถํ โลกโต ปากฏํ กาตุํ ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุภยํ สุจริตนฺติ กายสุจริตํ, วจีสุจริตฺจ. อาชีวฏฺมกสีลํ นาม จตุพฺพิธวจีสุจริตติวิธกายสุจริเตหิ สทฺธึ สมฺมาอาชีวํ ¶ อฏฺมํ กตฺวา วุตฺตํ อาทิพฺรหฺมจริยกสีลํ. ยฺหิ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปุพฺเพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุทฺโธ โหตี’’ติ. ตทุภยานนฺตรนฺติ ทุจฺจริตทฺวยปฺปหายกสฺส สุจริตทฺวยปาริปูริเหตุภูตสฺส สมฺมาวาจาสมฺมากมฺมนฺตทฺวยสฺส อนนฺตรํ. สุตฺตปมตฺเตนาติ อปฺโปสฺสุกฺกํ สุตฺเตน, ปมตฺเตน จ. อิทํ วีริยนฺติ จตุพฺพิธํ สมฺมปฺปธานวีริยํ. กายาทีสูติ กายเวทนาจิตฺตธมฺเมสุ. อินฺทฺริยสมตาทโย สมาธิสฺส อุปการกา. ตพฺพิธุรา ¶ ธมฺมา อนุปการกา. คติโยติ นิปฺผตฺติโย, กิจฺจาทิสภาเว วา. สมนฺเวสิตฺวาติ อุปธาเรตฺวา, เหตุมฺหิ จายํ ตฺวาปจฺจโย.
ทฺเวปพฺพชิตวตฺถุวณฺณนา
๓๗๖-๗. กสฺมา อารทฺธนฺติ อนุสนฺธิการณํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘อยํ กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ เตน อชฺฌาสยานุสนฺธิวเสนายํ อุปริ เทสนา ปวตฺตาติ ทสฺเสติ. เตนาติ ตถาลทฺธิกตฺตา. อสฺสาติ ลิจฺฉวิรฺโ. เทสนายนฺติ สณฺหสุขุมาย สฺุตปฏิสฺุตฺตาย ยถาเทสิตเทสนาย. นาธิมุจฺจตีติ น สทฺทหติ น ปสีทติ. ตนฺติธมฺมํ นาม กเถนฺโตติ เยสํ อตฺถาย ธมฺโม กถียติ, ตตฺถ เตสํ อสติปิ มคฺคปฏิเวเธ เกวลํ สาสเน ปเวณีภูตํ, ปริยตฺติภูตํ วา ตนฺติธมฺมํ กตฺวา กเถนฺโต, เตน ตทา เตสํ มคฺคปฏิเวธาภาวํ ทสฺเสติ. เอวรูปสฺสาติ สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา อวิปรีตเทสนตาย เอวํปากฏธมฺมกายสฺส สตฺถุโน. อสฺสาติ ปมชฺฌานาทิสมธิคเมน สมาหิตจิตฺตสฺส กุลปุตฺตสฺส เอตํ ‘‘ตํ ชีว’’นฺติอาทินา อุจฺเฉทาทิคหณํ อปิ นุ ยุตฺตนฺติ ปุจฺฉติ, ลทฺธิยา ปน ฌานาธิคมมตฺเตน น ตาว วิเวจิตตฺตา ‘‘ยุตฺตมสฺเสต’’นฺติ เตหิ วุตฺเต ฌานลาภิโนเปตํ คหณํ อยุตฺตเมวาติ ตํ อุจฺเฉทวาทํ, สสฺสตวาทํ วา ‘‘อหํ โข…เป… น วทามี’’ติอาทินา ปฏิกฺขิปิตฺวาติ สาธิปฺปายตฺโถ. เอตนฺติ ปมชฺฌานาทิกํ. เอวนฺติ ยถาวุตฺตนเยน. อถ จ ปนาติ เอวํ ชานนโต, ปสฺสนโต จ. กามํ วิปสฺสกาทิทสฺสนมฺปิ ปาฬิยํ กตํ, อรหตฺตกูเฏน ปน เทสนา นิฏฺาปิตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุตฺตริ ขีณาสวํ ทสฺเสตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เต หิ ทฺเว ปพฺพชิตา วิปสฺสกโต ปฏฺาย ‘‘น กลฺลํ ตสฺเสตํ วจนายา’’ติ อโวจุํ. อิมสฺสาติ ขีณาสวสฺส. กิฺจาปิ ‘‘อตฺตมนา อเหสุ’’นฺติ ปาฬิยํ น วุตฺตํ, ‘‘น กลฺล’’นฺติอาทินา ปน วิสฺสชฺชนาวจเนเนว เตสํ อตฺตมนตา เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘เต มมา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยสฺมา ขีณาสโว วิคตสมฺโมโห ติณฺณวิจิกิจฺโฉ, ตสฺมา ตสฺส ตถา วตฺตุมยุตฺตนฺติ อุปฺปนฺนนิจฺฉยตาย ตํ มม วจนํ สุตฺวา อตฺตมนา อเหสุนฺติ ¶ อตฺโถ. โสปิ โข ลิจฺฉวิ ราชา ¶ เต วิย ตถาสฺชาตนิจฺฉยตฺตา อตฺตมโน อโหสิ. เตนาห ‘‘เอวํ วุตฺเต โสปิ อตฺตมโน อโหสี’’ติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา มหาลิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
มหาลิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.