📜
๙. โปฏฺปาทสุตฺตวณฺณนา
โปฏฺปาทปริพฺพาชกวตฺถุวณฺณนา
๔๐๖. เอวํ ¶ ¶ มหาสีหนาทสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ โปฏฺปาทสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, มหาสีหนาทสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส โปฏฺปาทสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… สาวตฺถิยนฺติ โปฏฺปาทสุตฺต’’นฺติ อาห. ‘‘สาวตฺถิย’’นฺติ อิทํ สมีปตฺเถ ภุมฺมนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘สาวตฺถึ อุปนิสฺสายา’’ติ วุตฺตํ, จีวราทิปจฺจยปฏิพทฺธตาย อุปนิสฺสยํ กตฺวาติ อตฺโถ. เชโต นาม ราชกุมาโร, เตน โรปิตตฺตา สํวฑฺฒิตตฺตา ปริปาลิตตฺตา เชตสฺส วนํ อุปวนนฺติ อตฺถมาห ‘‘เชตสฺส กุมารสฺส วเน’’ติ. สุทตฺโต นาม คหปติ อนาถานํ ปิณฺฑสฺส ทายกตฺตา อนาถปิณฺฑิโก. เตน เชตสฺส หตฺถโต อฏฺารสหิรฺโกฏิสนฺถรเณน ตํ กิณิตฺวา อฏฺารสหิรฺโกฏีเหว เสนาสนํ การาเปตฺวา อฏฺารสหิรฺโกฏีเหว วิหารมหํ นิฏฺาเปตฺวา เอวํ จตุปฺาสหิรฺโกฏิปริจฺจาเคน โส อาราโม พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาติโต. เตนาห ‘‘อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา อาราโม การิโต’’ติ. ปุปฺผผลปลฺลวาทิคุณสมฺปตฺติยา, ปาณิโน นิวาสผาสุตาทินา วา วิเสเสน ปพฺพชิตา ตโต ตโต อาคมฺม รมนฺติ อนุกฺกณฺิตา หุตฺวา นิวสนฺติ เอตฺถาติ อาราโม. อถ วา ยถาวุตฺตคุณสมฺปตฺติยา ตตฺถ ตตฺถ คเตปิ อตฺตโน อพฺภนฺตเร อาเนตฺวา รเมตีติ อาราโม.
โผโฏ ยสฺส ปาเทสุ ชาโตติ โปฏฺปาโท. โผโฏ โปฏฺโติ หิ ปริยาโย. ปริพฺพาชโก ทุวิโธ ฉนฺนปริพฺพาชโก, อจฺฉนฺนปริพฺพาชโก จ. ตตฺถ อจฺฉนฺนปริพฺพาชโกปิ อเจลโก อาชีวโกติ ทุวิโธ. เตสุ อเจลโก สพฺเพน สพฺพํ นคฺโค, อาชีวโก ปน อุปริ เอกเมว วตฺถํ อุปกจฺฉกนฺตเร ปเวเสตฺวา ปริหรติ, เหฏฺา นคฺโค. อยํ ปน ทุวิโธเปส น โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ฉนฺนปริพฺพาชโก’’ติ, วตฺถจฺฉายาฉาทนปพฺพชฺชูปคตตฺตา ฉนฺนปริพฺพาชกสงฺขฺยํ คโตติ อตฺโถ ¶ . พฺราหฺมณมหาสาโลติ มหาวิภวตาย มหาสารตํ ปตฺโต พฺราหฺมโณ. คณาจริโยติ ¶ สาเปกฺขตาย สมาโส. สมยนฺติ สามฺนิทฺเทโส, เอกเสสนิทฺเทโส วา, ตํ ตํ สมยนฺติ อตฺโถ. ปวทนฺตีติ ปการโต วทนฺติ, อตฺตนา อตฺตนา อุคฺคหิตนิยาเมน ยถา ตถา สมยํ วทนฺตีติ อตฺโถ. ตารุกฺโขติ ตสฺส นามํ. ปภุติ สทฺเทน โตเทยฺยชาณุโสณีโสณทณฺฑกูฏทนฺตาทิเก สงฺคณฺหาติ, อาทิสทฺเทน ปน ฉนฺนปริพฺพาชกาทิเก. ตินฺทุโก นาม กาฬกฺขนฺธรุกฺโข. จีรนฺติ ปนฺติ. ตินฺทุกา จีรํ เอตฺถ สนฺตีติ ตินฺทุกจีโร. ตถา เอกา สาลา เอตฺถาติ เอกสาลโก. ภูตปุพฺพคติยา ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิมาห. อิติ กตฺวาติ อิมินา การเณน. ‘‘ตสฺมิ’’นฺติอาทินา ยถาปาํ วิภตฺยนฺตทสฺสนํ.
อเนกาการานวเสสเยฺยตฺถวิภาคโต, อปราปรุปฺปตฺติโต จ ภควโต าณํ โลเก ปตฺถฏมิว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพฺุตฺาณํ ปตฺถริตฺวา’’ติ, ยโต ตสฺส าณชาลตา วุจฺจติ. เวเนยฺยานํ ตทนฺโตคธภาโว เหฏฺา วุตฺโตว. เวเนยฺยสตฺตปริคฺคณฺหนตฺถํ สมนฺนาหาเร กเต ปมํ เนสํ เวเนยฺยภาเวเนว อุปฏฺานํ โหติ, อถ สรณคมนาทิวเสน กิจฺจนิปฺผตฺติ วีมํสียตีติ อาห ‘‘กินฺนุ โข ภวิสฺสตีติ อุปปริกฺขนฺโต’’ติ. นิโรธนฺติ สฺานิโรธํ. นิโรธา วุฏฺานนฺติ ตโต นิโรธโต วุฏฺานํ สฺุปฺปตฺตึ. สพฺพพุทฺธานํ าเณน สํสนฺทิตฺวาติ ยถา เต นิโรธํ, นิโรธโต วุฏฺานฺจ พฺยากรึสุ, พฺยากริสฺสนฺติ จ, ตถา พฺยากรณวเสน สํสนฺทิตฺวา. กติปาหจฺจเยนาติ ทฺวีหตีหจฺจเยน. ปาฬิยเมว หิ อิมมตฺถํ วกฺขติ. สรณํ คมิสฺสตีติ ‘‘สรณ’’มิติ คมิสฺสติ. ‘‘หตฺถิสาริปุตฺโตติ หตฺถิสาริโน ปุตฺโต’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๐๖) อาจริเยน วุตฺตํ. อธุนา ปน ‘‘จิตฺโต หตฺถิสาริปุตฺโต’’ ตฺเวว ปาโ ทิสฺสติ, จิตฺโต นาม หตฺถาจริยสฺส ปุตฺโตติ อตฺโถ.
สุรตฺตทุปฏฺฏนฺติ รชเนน สมฺมา รตฺตํ ทิคุณํ อนฺตรวาสกํ ปริวตฺตนวเสน นิวาเสตฺวา. ‘‘ยุคนฺธรปพฺพตํ ปริกฺขิปิตฺวา’’ติ อิทํ ปริกปฺปวจนํ ‘‘ตาทิโส อตฺถิ เจ, ตํ วิยา’’ติ. เมฆวณฺณนฺติ รตฺตเมฆวณฺณํ, สฺฌาปภานุรฺชิตเมฆสงฺกาสนฺติ อตฺโถ. ปเมน เจตฺถ สณฺานสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ, ทุติเยน วณฺณสมฺปตฺตึ. เอกํสวรคตนฺติ วามํสวรปฺปวตฺตํ. ตถา หิ สุตฺตนิปาตฏฺกถายํ วงฺคีสสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตํ ‘‘เอกํสนฺติ ¶ จ วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยโต ยถา วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตํ โหติ, ตถา จีวรํ กตฺวาติ เอวมสฺสตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ [สุ. นิ. อฏฺ. นิคฺโรธกปฺปสุตฺต (วงฺคีสสุตฺต) วณฺณนา] ตตฺถ เอตนฺติ ‘‘เอกํสํ จีวรํ กตฺวา’’ติ วจนํ. ยโตติ ยถาวุตฺตวจนสฺส ปารุปิตฺวา ิตสฺเสว อธิวจนตฺตา ¶ เอวมสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. ปจฺจคฺฆนฺติ เอกํ กตฺวา อนธิฏฺิตกาเล ปาเฏกฺกํ มหคฺฆํ, ปจฺจคฺฆํ วา อภินวํ, อพฺภุณฺเห ตงฺขเณ นิพฺพตฺตนฺติ อตฺโถ. ปุริมฺเจตฺถ อตฺถวิกปฺปํ เกจิ น อิจฺฉติ. ตถา หิ อาจริเยเนว อุทานฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘ปจฺจคฺเฆติ อภินเว, ปจฺเจกํ มหคฺฆตาย ปจฺจคฺเฆติ เกจิ, ตํ น สุนฺทรํ. น หิ พุทฺธา ภควนฺโต มหคฺฆํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, ปริภฺุชนฺติ จา’’ติ, อิธาปิ เตน ปจฺฉิโมเยว อตฺถวิกปฺโป คหิโต. อภินวตาย ‘‘ปจฺจคฺฆ’’นฺติ จ อิทํ อาทิโต ตถา ลทฺธโวหาเรน, อนฺปริโภคตาย จ วุตฺตํ, ตถา วา สตฺถุ อธิฏฺาเนน ตํ ปตฺตํ สพฺพกาลํ ‘‘ปจฺจคฺฆ’’นฺตฺเวว วุจฺจติ. เสลมยปตฺตนฺติ มุคฺควณฺณสิลามยํ จตุมหาราชทตฺติยํ ปตฺตํ. อยเมว หิ ภควตา นิจฺจปริภุตฺโต ปตฺโต สมจิตฺตสุตฺตวณฺณนาทีสุปิ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๓๗) ตถา วุตฺตตฺตา.
๔๐๗. อตฺตโน รุจิวเสน อชฺฌาสยวเสน, น ปเรหิ อุสฺสาหิโตติ อธิปฺปาโย. ‘‘อติปฺปคภาวเมว ทิสฺวา’’ติ จ อิทํ ภูตกถนํ น ตาว ภิกฺขาจรณเวลา สมฺปตฺตาติ ทสฺสนตฺถํ. ภควา หิ ตทา กาลสฺเสว วิหารโต นิกฺขนฺโต ‘‘วาสนาภาคิยาย ธมฺมเทสนาย โปฏฺปาทํ อนุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ. ปาฬิยํ อติปฺปโค โขติ เอตฺถ ‘‘ปโค’’ติ อิทํ กจฺจายนมเตน ป-อิจฺจุปสคฺคโต โอ-การค-การาคมเน สิทฺธํ. ป-สทฺโทเยว ปาโตอตฺถํ วทติ. อฺเสํ ปน สทฺทวิทูนํ มเตน ปาโตปทมิว เนปาติกํ. เตเนว ตตฺถ ตตฺถ อฏฺกถาสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑) วุตฺตํ ‘‘อติปฺปโค โขติ อติวิย ปาโต’’ติ. อปิจ ปมํ คจฺฉติ ทิวสภาเวน ปวตฺตตีติ ปโคติ นิพฺพจนํ อิมินา ทสฺสิตํ. ทุวิโธ ขลุสทฺโท วิย หิ ปโคติ สทฺโท นามนิปาโตปสคฺควเสน ติวิโธ. เอวฺหิ อิธ ‘‘อติปฺปคภาวเมว ทิสฺวา’’ติ วจนํ อุปปนฺนํ โหติ.
ยํนูนาติ ¶ เอส นิปาโต อฺตฺถ สํสยปริทีปโน, อิธ ปน สํสยปติรูปกปริทีปโนว. กสฺมา ‘‘สํสยปริทีปเน’’ติ วุตฺตํ, นนุ พุทฺธานํ สํสโย นตฺถีติ อาห ‘‘พุทฺธานฺจา’’ติอาทิ. สํสโย นาม นตฺถิ โพธิมูเล เอว ตสฺส สมุคฺฆาฏิตตฺตา. ปริวิตกฺกปุพฺพภาโคติ อธิปฺเปตกิจฺจสฺส ปุพฺพภาเค ปวตฺตปริวิตกฺโก. เอสาติ ‘‘กริสฺสาม, น กริสฺสามา’’ติอาทิโก เอส จิตฺตาจาโร สพฺพพุทฺธานํ ลพฺภติ สมฺภวติ วิจารณวเสเนว ปวตฺตนโต, น ปน สํสยวเสน. เตนาหาติ เยเนส สพฺพพุทฺธานํ ลพฺภติ, เตน ภควา เอวมาหาติ อิมเมว ปาฬึ อิมสฺส อตฺถสฺส สาธกํ กโรติ. อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – ยํนูนาติ ปริกปฺปเน นิปาโต. ‘‘อุปสงฺกเมยฺย’’นฺติ กิริยาปเทน วุจฺจมาโนเยว หิ อตฺโถ อเนน ¶ โชตียติ. ตสฺมา อหํ ยํนูน ยทิ ปน อุปสงฺกเมยฺยํ สาธุ วตาติ โยชนา. ‘‘ยทิ ปนา’’ติ อิทมฺปิ เตน สมานตฺถนฺติ วุตฺตํ ‘‘ยทิ ปนาหนฺติ อตฺโถ’’ติ.
๔๐๘. อสฺสาติ ปริพฺพาชกปริสาย. อุทฺธํคมนวเสนาติ อุนฺนตพหุลตาย อุคฺคนฺตฺวา อุคฺคนฺตฺวา ปวตฺตนวเสน. ทิสาสุ ปตฺถฏวเสนาติ วิปุลภาเวน ภูตปรมฺปราย สพฺพทิสาสุ ปตฺถรณวเสน. เอตฺถ จ ปาฬิยํ ยถา อุนฺนตปาโย สทฺโท อุนฺนาโท, เอวํ วิปุลภาเวน อุปรูปริ ปวตฺโตปิ อุนฺนาโทเยวาติ ตทุภยํ เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘อุนฺนาทินิยา’’ติ วุตฺตํ, ปุน ตทุภยเมว วิภาคํ กตฺวา ‘‘อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทายา’’ติ. อโต ปาฬินยานุรูปเมว อตฺถํ วิวรตีติ ทฏฺพฺพํ. อิทานิ ปริพฺพาชกปริสาย อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทตาการณํ, ตสฺส จ ปวตฺติอาการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตสฺหี’’ติอาทิมาห. พาลาตเปติ อภินวุคฺคตสูริยาตเป. กามสฺสาโท นาม กามคุณสฺสาโท. ภวสฺสาโท นาม กามราคาทิสหคโต ภเวสุ อสฺสาโท.
สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนมิว นิปฺปภตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ขชฺโชปนกูปมา ชาตา’’ติ. ลาภสกฺกาโรปิ โน ปริหีโนติ อตฺโถ พาเวรุชาตเกน (ชา. ๑.๔.๑๕๔) ทีเปตพฺโพ. ปริสโทโสติ ปริสาย ปวตฺตโทโส.
๔๐๙. สณฺเปสีติ สฺมนวเสน สมฺมเทว เปสิ. สณฺปนฺเจตฺถ ติรจฺฉานกถาย อฺมฺสฺมึ อคารวสฺส จชาปนวเสน อาจารสิกฺขาปนํ ¶ , ยถาวุตฺตโทสสฺส นิคูหนฺจ โหตีติ อาห ‘‘สิกฺขาเปสี’’ติอาทิ. นนฺติ ปริสํ. อปฺปสทฺทนฺติ นิสฺสทฺทํ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาภาวํ. ‘‘เอโก นิสีทตี’’ติอาทิ อตฺถาปตฺติทสฺสนํ. วุทฺธินฺติ ลาภคุณวุทฺธึ. ปตฺถยมาโนติ ปตฺถยนเหตุ. มานนฺเต หิ ลกฺขเณ, เหตุมฺหิ จ อิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถาเรตุํ ‘‘ปริพฺพาชกา กิรา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อปรทฺธนฺติ อปรชฺฌิตํ. นปฺปมชฺชนฺตีติ ปมาทํ น อาปชฺชนฺติ, น อคารวํ กโรนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
๔๑๐. โน อาคเต อานนฺโทติ อมฺหากํ ภควติ อาคเต อานนฺโท ปีติ โหติ. ‘‘จิรสฺสํ โข ภนฺเต ภควา อิมํ ปริยายมกาสี’’ติ วจนํ ปุพฺเพปิ ตตฺถ อาคตปุพฺพตฺตา วุตฺตวจนมิว โหตีติ โจทนํ สมุฏฺาเปตฺวา ปริหรนฺโต ‘‘กสฺมา อาหา’’ติอาทิมาห. ปิยสมุทาจาราติ ปิยาลาปา. ตสฺมาติ ตถา ปิยสมุทาจารสฺส ปวตฺตนโต. น เกวลํ อยเมว, อถ โข อฺเปิ ปพฺพชิตา เยภุยฺเยน ภควโต อปจิตึ กโรนฺเตวาติ ตทฺเสมฺปิ พาหุลฺลกมฺเมน ตทตฺถํ สาเธตุํ ‘‘ภควนฺตฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ การณมาห ‘‘อุจฺจากุลีนตายา’’ติ ¶ , มหาสมฺมตราชโต ปฏฺาย อสมฺภินฺนขตฺติยกุลตายาติ อตฺโถ. ตถา หิ โสณทณฺเฑน วุตฺตํ ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม อุจฺจากุลา ปพฺพชิโต อสมฺภินฺนขตฺติยกุลา’’ติ, (ที. นิ. ๑.๓๐๔) เตน สาสเน อปฺปสนฺนานมฺปิ กุลคารเวน ภควติ อปจิตึ ทสฺเสติ. เอตสฺมึ อนฺตเร กา นาม กถาติ ยถาวุตฺตปริจฺเฉทพฺภนฺตเร กีทิสา นาม กถา. วิปฺปกตาติ อารทฺธา หุตฺวา อปริโยสิตา. ‘‘กา กถา วิปฺปกตา’’ติ ปน วทนฺโต อตฺถโต ตสฺสา ปริโยสาปนํ ปฏิชานาติ นาม. กา กถาติ จ อวิเสสโจทนา, ตสฺมา ยสฺสา ตสฺสา สพฺพสฺสาปิ กถาย ปริโยสาปนํ ปฏิฺาตํ โหติ, ตฺจ ปฏิชานนํ ปเทสฺุโน อวิสํยนฺติ อาห ‘‘ยาว…เป… สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสี’’ติ. เอสาติ ปริพฺพาชกปริสาย กถิตา ราชกถาทิกา. นิสฺสาราติ นิรตฺถกภาเวน สารรหิตา.
อภิสฺานิโรธกถาวณฺณนา
๔๑๑. ‘‘ติฏฺเตสา’’ติ เอตสฺส อาปนฺนมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ’’ติอาทิมาห. สุการณนฺติ สุนฺทรํ อตฺถาวหํ หิตาวหํ การณํ. ยตฺถาติ อฺตริสฺสํ ¶ สาลายํ. นานาติตฺถสงฺขาตาสุ ลทฺธีสุ นิยุตฺตาติ นานาติตฺถิยาณิยสทฺเทน. ณิกสทฺเทน วา ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา ยถา ‘‘อนฺติโย’’ติ. ‘‘อยํ กึ วทติ อยํ กึ วทตี’’ติ กุตูหลํ โกลาหลเมตฺถ อตฺถีติ โกตูหลา, สา เอว สาลา โกตูหลสาลาติ อาห ‘‘โกตูหลุปฺปตฺติฏฺานโต’’ติ. อุปสคฺคมตฺตํ ธาตฺวตฺถานุวตฺตนโต. สฺาสีเสนายํ เทสนา, ตสฺมา สฺาสหคตา สพฺเพปิ ธมฺมา คยฺหนฺติ, ตตฺถ ปน จิตฺตํ ปธานนฺติ วุตฺตํ ‘‘จิตฺตนิโรเธ’’ติ. ปหานวเสน ปน อจฺจนฺตนิโรธสฺส เตหิ อนธิปฺเปตตฺตา, อวิสยตฺตา จ ‘‘ขณิกนิโรเธ’’ติ อาห. กามํ โสปิ เตสํ อวิสโยว, อตฺถโต ปน นิโรธกถา วุจฺจมานา ตตฺเถว ติฏฺติ, ตสฺมา อตฺถาปตฺติมตฺตํ ปติ ตถา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺสาติ อภิสฺานิโรธกถาย. ‘‘กิตฺติโฆโส’’ติ ‘อโห พุทฺธานุภาโว, ภวนฺตรปฏิจฺฉนฺนมฺปิ การณํ เอวํ หตฺถามลกํ วิย ปจฺจกฺขโต ทสฺเสติ, สาวเก จ เอทิเส สํวรสมาทาเน ปติฏฺาเปตี’ติ ถุติโฆโส ยาว ภวคฺคา ปตฺถรตีติ. อาจริเยน วุตฺตํ. อิทานิ ปน ‘‘สกลชมฺพุทีเป ภควโต กถากิตฺติโฆโส ปตฺถรตี’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. ปฏิภาคกิริยนฺติ ปฬาสวเสน ปฏิภาคภูตํ ปโยคํ. ภวนฺตรสมยนฺติ ตตฺร ตตฺร วุฏฺานสมยํ อภูตปริกปฺปิตํ กิฺจิ อุสฺสาริยวตฺถุํ อตฺตโน สมยํ กตฺวา กเถนฺติ. กิฺจิเทว สิกฺขาปทนฺติ ‘‘เอกมูลเกน ภวิตพฺพํ, เอตฺตกํ เวลํ เอกสฺมึเยว าเน นิสีทิตพฺพ’’นฺติ เอวมาทิกํ ¶ กิฺจิเทว การณํ สิกฺขาโกฏฺาสํ กตฺวา ปฺเปนฺติ. นิโรธกถนฺติ นิโรธสมาปตฺติกถํ.
เตสูติ โกตูหลสาลายํ สนฺนิปติเตสุ นานาติตฺถิยสมณพฺราหฺมเณสุ. เอกจฺเจติ เอเก. ปุริโมติ ‘‘อเหตู อปฺปจฺจยา ปุริสสฺส สฺา อุปฺปชฺชนฺติปิ นิรุชฺฌนฺติปี’’ติอาทินา วุตฺตวาที. เอตฺถาติ จตูสุ วาทีสุ. ยฺวายํ อิธ อุปฺปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. สมาปตฺตินฺติ อสฺีภวาวหํ วาโยกสิณปริกมฺมํ, อากาสกสิณปริกมฺมํ วา รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสมาปตฺตึ, ปฺจมชฺฌานสมาปตฺตึ วา. นิโรเธติ เหฏฺา วุตฺตนเยน สฺานิโรเธ. เหตุํ อปสฺสนฺโตติ เยน เหตุนา อสฺีภเว สฺาย นิโรโธ สพฺพโส อนุปฺปาโท, เยน จ ตโต จุตสฺส อิธ ปฺจโวการภเว ¶ สฺาย อุปฺปาโท, ตทุภยมฺปิ เหตุํ อวิสยตาย อปสฺสนฺโต.
ทุติโยติ ‘‘สฺา หิ โภ ปุริสสฺส อตฺตา’’ติอาทินา วุตฺตวาที. นนฺติ ปมวาทึ. นิเสเธตฺวาติ ‘‘น โข ปน เมตํ โภ เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปฏิกฺขิปิตฺวา. มิคสิงฺคตาปสสฺสาติ เอวํนามกตาปสสฺส. ตสฺส กิร มตฺถเก มิคสิงฺคากาเรน ทฺเว จูฬา อุฏฺหึสุ, ‘‘อิสิสิงฺโค’’ติปิ ตสฺส นามํ. อสฺกภาวนฺติ มฺุฉาปตฺติยา กิริยามยสฺาวเสน วิคตสฺิภาวํ. วกฺขติ หิ ‘‘วิสฺี หุตฺวา’’ติ. จตฺตาลีสนิปาเต อาคตนเยน มิคสิงฺคตาปสวตฺถุํ สงฺเขปโต ทสฺเสตุํ ‘‘มิคสิงฺคตาปโส กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิกฺขมฺภนวเสน กิเลสานํ สนฺตาปนโต อตฺตนฺตโป. ทุกฺกรตปตาย โฆรตโป ติพฺพตโป. นิพฺพิเสวนภาวาปาทเนน สพฺพโส มิลาปิตจกฺขาทิติกฺขินฺทฺริยตาย ปรมธิตินฺทฺริโย.สกฺกวิมานนฺติ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ สนฺธายาห. ตฺหิ ตถารูปปจฺจยา กทาจิ อุณฺหํ, กทาจิ ถทฺธํ, กทาจิ จลิตํ โหติ. ‘‘สกฺก…เป… ปตฺเถตี’’ติ อโยนิโส จินฺเตตฺวา เปเสสิ. ภคฺโคติ ภฺชิตกุสลชฺฌาสโย, อธุนา ปน ‘‘ลคฺโค’’ติ ปาํ ลิขนฺติ. เตน ทิพฺพผสฺเสนาติ หตฺถคฺคหณมตฺตทิพฺพผสฺเสน. ตนฺติ ตถา สฺาปฏิลาภํ. เอวมาหาติ เอวํ ‘‘สฺา หิ โภ ปุริสสฺส อตฺตา’’ติอาทินา อากาเรน สฺานิโรธมาห. อิมินาว นเยน อิโต ปเรสุปิ ทฺวีสุ าเนสุ ปาฬิมาหริตฺวา โยชนา เวทิตพฺพา.
ตติโยติ ‘‘สนฺติ หิ โภ สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทินา วุตฺตวาที. อาถพฺพณปโยคนฺติ อาถพฺพณเวทวิหิตํ อาถพฺพณิกานํ วิสฺิภาวาปาทนปฺปโยคํ. อุปกฑฺฒนํ อาหรณํ. อปกฑฺฒนํ อปหรณํ ¶ . อาถพฺพณํ ปโยเชตฺวาติ อาถพฺพณเวเท อาคตํ อคฺคิชุหนปุพฺพกํ มนฺตปทํ ปโยเชตฺวา สีสจฺฉินฺนตาทิทสฺสเนน สฺานิโรธมาห. ตสฺสาติ ยสฺส สีสจฺฉินฺนตาทิ ทสฺสิตํ, ตสฺส.
จตุตฺโถติ ‘‘สนฺติ หิ โภ เทวตา มหิทฺธิกา’’ติอาทินา วุตฺตวาที. ยกฺขทาสีนนฺติ เทวทาสีนํ, ยา ‘‘โยควติโย’’ติปิ วุจฺจนฺติ, โยคินิโยติปิ ¶ ปากฏา. มทนิทฺทนฺติ สุรามทนิมิตฺตกํ สุปนํ. เทวตูปหารนฺติ นจฺจนคายนาทินา เทวตานํ ปูชํ. สุราปาตินฺติ ปาติปุณฺณํ สุรํ. ทิวาติ อติทิวา, อุสฺสูเรติ อตฺโถ. ตนฺติ ตถา สุปิตฺวา วุฏฺหนํ. สุตฺตกาเล เทวตานํ สฺาปกฑฺฒนวเสน นิโรธํ สมาปนฺนา, ปพุทฺธกาเล สฺุปกฑฺฒนวเสน นิโรธา วุฏฺิตาติ มฺมาโนติ อธิปฺปาโย.
เอฬมูคกถา วิยาติ อิเมสํ ปณฺฑิตมานีนํ กถา อนฺธพาลกถาสทิสี. จตฺตาโร นิโรเธติ อฺมฺวิธุเร จตฺตาโรปิ นิโรเธ. เอเกน ภวิตพฺพนฺติ เอกสภาเวเนว ภวิตพฺพํ. น พหุนาติ น จ อฺมฺวิรุทฺเธน พหุวิเธน นานาสภาเวน ภวิตพฺพํ. เตนาปิ เอเกนาติ เอกสภาวภูเตน เตนาปิ นิโรเธน. อฺเเนวาติ เตหิ วุตฺตาการโต อฺากาเรเนว ภวิตพฺพํ. โสติ เอกสภาวภูโต นิโรโธ. อฺตฺร สพฺพฺุนาติ สพฺพฺุพุทฺธํ เปตฺวา. อิธาติ โกตูหลสาลายํ. อยํ นิโรโธ อยํ นิโรโธติ ทฺวิกฺขตฺตุํ พฺยาปนิจฺฉาวจนํ สตฺถา อตฺตโน เทสนาวิลาเสน อเนกาการโวการํ นิโรธํ วิภาเวสฺสตีติ ทสฺสนตฺถํ กตํ. อโห นูนาติ เอตฺถ อโหติ อจฺฉริเย นิปาโต, นูนาติ อนุสฺสรเณ. ตสฺมา อโห นูน ภควาติ อนฺสาธารณเทสนตฺตา ภควา นิโรธมฺปิ อโห อจฺฉริยํ กตฺวา อาราเธยฺย มฺเติ อธิปฺปาโย. อโห นูน สุคโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อจฺฉริยวิภาวนโต เอว เจตฺถ ทฺวิกฺขตฺตุํ อาเมฑิตวจนํ. อจฺฉริยตฺโถปิ เหส อโหสทฺโท อนุสฺสรณมุเขเนว โปฏฺปาเทน คหิโต. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อนุสฺสรณตฺเถ นิปาตทฺวย’’นฺติ. เตนาติ อนุสฺสรณตฺถมุเขน ปวตฺตนโต. ‘‘อโห…เป… สุคโต’’ติ วจเนน เอตทโหสีติ โยชนา. ‘‘ยํตํสทฺทา นิจฺจสมฺพนฺธา’’ติ สาธิปฺปายํ โยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘โย เอเตส’’นฺติอาทิมาห. กาลเทสปุคฺคลาทิวิภาเคน พหุเภทตฺตา อิเมสํ นิโรธธมฺมานนฺติ พหุตฺเต สามิวจนํ, กุสลสทฺทโยเค เจตํ ภุมฺมตฺเถ ทฏฺพฺพํ. กุสโล นิปุโณ เฉโกติ ปริยายวจนเมตํ. อโห นูน กเถยฺยาติ อจฺฉริยํ กตฺวา กเถยฺย มฺเ. โส สุคโตติ สมฺพนฺโธ. จิณฺณวสิตายาติ นิโรธสมาปตฺติยํ จิณฺณวสีภาวตฺตา. สภาวํ ชานาตีติ นิโรธสภาวํ ยาถาวโต ชานาติ.
อเหตุกสฺุปฺปาทนิโรธกถาวณฺณนา
๔๑๒. ฆรมชฺเฌเยว ¶ ¶ ปกฺขลิตาติ ยถา ฆรโต พหิ คนฺตุกามา ปุริสา มคฺคํ อโนตริตฺวา ฆรวิวเร สมตเล วิวฏงฺคเณ เอว ปกฺขลนํ ปตฺตา, เอวํสมฺปทมิทนฺติ อตฺโถ. อสาธารโณ เหตุ, สาธารโณ ปจฺจโยติ เอวมาทิวิภาโค อฺตฺร วุตฺโต, อิธ ปน เตน วิภาเคน ปโยชนํ นตฺถิ สฺาย อการณภาวปฏิกฺเขปปรตฺตา โจทนายาติ วุตฺตํ ‘‘การณสฺเสว นาม’’นฺติ. ยํ ปน ปาฬิยํ วุตฺตํ ‘‘สเหตู หิ โปฏฺปาท สปฺปจฺจยา ปุริสสฺส สฺา อุปฺปชฺชนฺติปิ นิรุชฺฌนฺติปี’’ติ, ตตฺถ สเหตู สปฺปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา ปน นิรุชฺฌนฺติเยว, น ติฏฺนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘นิรุชฺฌนฺติปี’’ติ วจนํ, น ตุ นิโรธสฺส สเหตุสปจฺจยตาทสฺสนตฺถํ. อุปฺปาโทเยว หิ สเหตุโก, น นิโรโธ. ยทิ หิ นิโรโธปิ สเหตุโก สิยา, ตสฺสปิ ปุน นิโรเธน ภวิตพฺพํ องฺกุราทีนํ ปุน องฺกุราทินา วิย, น จ ตสฺส ปุน นิโรโธ อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตนเยเนว ปาฬิยา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยฺจ นโย ขณนิโรธวเสน วุตฺโต. โย ปน ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสน สพฺพโส อนุปฺปาทนิโรโธ, โส ‘‘สเหตุโก’’ติ เวทิตพฺโพ ตถารูปาย ปฏิปตฺติยา วินา อภาวโต. เตนาห ภควา ‘‘สิกฺขา เอกา สฺา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สฺา นิรุชฺฌตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๑๒) ตโต เอว จ อฏฺกถายมฺปิ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๑๓) วุตฺตํ ‘‘สฺาย สเหตุกํ อุปฺปาทนิโรธํ ทีเปตุ’’นฺติ. เอตฺหิ ปาฬิวจนํ, อฏฺกถาวจนฺจ อนุปฺปาทนิโรธํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สิกฺขาติ เหตฺวตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, ย-การโลโป วา ‘‘สงฺขฺยาปิ ตมฺหา วนปตฺตา ปกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙๒) วิย. เหตุภาโว จสฺสา อุปริ อาวิ ภวิสฺสติ. เอกสทฺโท จ อฺปริยาโย, น สงฺขฺยาวาจี ‘‘อิตฺเถเก สโต สตฺตสฺสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๘๕-๙๑, ๙๔-๙๘; ม. นิ. ๓.๒๑) วิยาติ อาห ‘‘สิกฺขาย เอกจฺจา สฺา ชายนฺตี’’ติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
๔๑๓. วิตฺถาเรตุกมฺยตาติ วิตฺถาเรตุกามตาย. ปุจฺฉาวเสนาติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาวเสน, วิตฺถาเรตุกมฺยตาปุจฺฉาวเสนาติ วา สมาโส. ‘‘โปฏฺปาทสฺเสวายํ ปุจฺฉา’’ติ อาสงฺกาย ‘‘ภควา อโวจา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. สฺาย…เป… ทีเปตุํ ตา ทสฺเสนฺโตติ โยเชตพฺพํ ¶ . ตตฺถาติ ตสฺสํ อุปริ วกฺขมานาย เทสนาย. ตติยาติ อธิปฺาสิกฺขา อาคตาติ สมฺพนฺโธ. ‘‘อยํ…เป… เทสิโตติ เอตฺถ สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสงฺกปฺปวเสน อาคตา. กสฺมาติ เจ? ปริยาปนฺนตฺตา, สภาวโต, อุปการโต จ ยถารหํ ปฺากฺขนฺเธ อวโรธตฺตา สงฺคหิตตฺตาติ อธิปฺปาโย. ตถา หิ จูฬเวทลฺลสุตฺเต วุตฺตํ ‘‘ยา จาวุโส วิสาข สมฺมาทิฏฺิ, โย จ สมฺมาสงฺกปฺโป ¶ , อิเม ธมฺมา ปฺากฺขนฺเธ สงฺคหิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๒) กามฺเจตฺถ วุตฺตนเยน ติสฺโสปิ สิกฺขา อาคตา, ตถาปิ อธิจิตฺตสิกฺขาย เอว อภิสฺานิโรโธ ทสฺสิโต. อิตรา ปน ตสฺสา สมฺภารภาเวน อานีตาติ อยมตฺโถ ปาฬิวเสน เวทิตพฺโพ.
ปฺจกามคุณิกราโคติ ปฺจ กามโกฏฺาเส อารพฺภ อุปฺปชฺชนกราโค. อสมุปฺปนฺนกามจาโรติ วตฺตมานุปฺปนฺนตาวเสน นสมุปฺปนฺโน โย โกจิ กามจาโร, ยา กาจิ โลภุปฺปตฺติ. อธุนา ปน ‘‘อสมุปฺปนฺนกามราโค’’ติ ปาโ, โส อยุตฺโตว อตฺถโต วิรุทฺธตฺตา. กามราโค เจตฺถ วิสยวเสน นิยมิตตฺตา กามคุณารมฺมโณว โลโภ ทฏฺพฺโพ, กามจาโร ปน ฌานนิกนฺติภวราคาทิปฺปเภโท สพฺโพปิ โลภจาโร. กามนฏฺเน, กาเมสุ ปวตฺตนฏฺเน จ กามจาโร. สพฺเพปิ หิ เตภูมกธมฺมา กามนียฏฺเน กามา. ยสฺมา อุภเยสมฺปิ สหจรณาเยน กามสฺาภาโว โหติ, ตสฺมา ‘‘กามสฺา’’ติ ปทุทฺธารํ กตฺวา ตทุภยเมว นิทฺทิฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อสมุปฺปนฺนกามจารโต ปฺจกามคุณิกราคสฺส วิเสสทสฺสนํ, อสมุปฺปนฺนกามจารสฺเสว วา อิธาธิปฺเปตภาวทสฺสนํ. กามํ ปฺจกามคุณิกราโคปิ อสมุปฺปนฺโน เอว อนาคามิมคฺเคน สมุคฺฆาฏียติ, ตสฺมึ ปน สมุคฺฆาฏิเตปิ น สพฺโพ ราโค สมุคฺฆาฏํ คจฺฉติ ตสฺส อคฺคมคฺเคน สมุคฺฆาฏิตตฺตา. ตสฺมา ปฺจกามคุณิกราคคฺคหเณน อิตรสฺส สพฺพสฺส คหณํ น โหตีติ อุภยตฺถสาธารเณน ปริยาเยน อุภยเมว สงฺคเหตฺวา ปาฬิยํ กามสฺาคฺคหณํ กตํ, อโต ตทุภยํ สรูปโต, วิเสสโต จ ทสฺเสตฺวา สพฺพสงฺคาหิกภาวโต ‘‘อสมุปฺปนฺนกามจาโร ปน อิมสฺมึ าเน วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมาติ อสมุปฺปนฺนกามจารสฺเสว อิธ วฏฺฏนโต อยมตฺโถ เวทิตพฺโพติ ¶ โยชนา. ตสฺสาติ ปมชฺฌานสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส. สทิสตฺตาติ กามสฺาทิภาเวน สมานตฺตา, เอเตน ปาฬิยํ ‘‘ปุริมา’’ติ อิทํ สทิสกปฺปนาวเสน วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. อนาคตา หิ อิธ ‘‘นิรุชฺฌตี’’ติ วุตฺตา อนุปฺปาทสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ตสฺมา อนาคตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘อนุปฺปนฺนาว นุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ.
วิเวกชปีติสุขสงฺขาตาติ วิเวกชปีติสุเขหิ สห อกฺขาตา, น วิเวกชปีติสุขานีติ อกฺขาตา. ตํสมฺปยุตฺตา หิ สฺาเยว อิธาธิปฺเปตา, น วิเวกชปีติสุขานิ. อถ วา วิเวกชปีติสุขโกฏฺาสิกาติ อตฺโถ. สงฺขาตสทฺโท เหตฺถ โกฏฺาสตฺโถ ‘‘อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิเยยฺยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๘๙, ๙๑) วิย. กามจฺฉนฺทาทิโอฬาริกงฺคปฺปหานวเสน นานตฺถสฺาปฏิฆสฺาหิ นิปุณตาย สุขุมา. ภูตตาย สจฺจา. ตเทวตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ภูตา’’ติ อิมินา. สุขุมภาเวน, ปรมตฺถภาเวน จ อวิปรีตสภาวาติ อตฺโถ. เอวํ พฺยาสวเสน ยถาปามตฺถํ ทสฺเสตฺวา สมาสวเสนปิ ยถาปาเมว ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. สมาสพฺยาสวเสน หิ ทฺวิธา ปาโ ทิสฺสติ. ‘‘กามจฺฉนฺทาทิโอฬาริกงฺคปฺปหานวเสนา’’ติ อิมินา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ภาวนานุภาวสิทฺธา, สฺาย สณฺหสุขุมตา นีวรณวิกฺขมฺภนวเสน วิฺายตีติ ทสฺเสติ. ภูตตายาติ สุขุมภาเวน, ปรมตฺถภาเวน จ อวิปรีตตาย, วิชฺชมานตาย วา. วิเวกเชหีติ นีวรณวิเวกโต ชาเตหิ. อิทานิ ฌานสมงฺคีวเสน วุตฺตสฺส ทุติยปทสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สา อสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพตฺถาติ สพฺพวาเรสุ.
สมาปชฺชนาธิฏฺานํ วิย วุฏฺานมฺปิฌาเน ปริยาปนฺนํ โหติ ยถา ตํ ธมฺมานํ ภงฺคกฺขโณ ธมฺเมสุ, อาวชฺชนปจฺจเวกฺขณานิ ปน น ฌานปริยาปนฺนานิ, ตสฺมา ฌานปริยาปนฺนเมว วสีกรณํ คเหตฺวา ‘‘สมาปชฺชนฺโต, อธิฏฺหนฺโต, วุฏฺหนฺโต จ สิกฺขตี’’ติ วุตฺตํ. ตนฺติ ปมชฺฌานํ. เตน…เป… ฌาเนนาติ อิทมฺปิ ‘‘สิกฺขา’’ติ เอตสฺส สํวณฺณนาปทํ. เตนาติ จ เหตุมฺหิ กรณวจนํ, ปมชฺฌาเนน เหตุนาติ อตฺโถ. เหตุภาโว เจตฺถ ฌานสฺส วิเวกชปีติสุขสุขุมสจฺจสฺาย อุปฺปตฺติยา สหชาตาทิปจฺจยภาโว. กามสฺาย ปน นิโรธสฺส อุปนิสฺสยปจฺจยภาโวว. โส จ โข สุตฺตนฺตปริยาเยน. ตถา เจว เหฏฺา สํวณฺณิตํ ¶ ‘‘ตถารูปาย ปฏิปตฺติยา วินา อภาวโต’’ติ เอเตนุปาเยนาติ ยฺวายํ ปมชฺฌานตปฺปฏิปกฺขสฺาวเสน ‘‘สิกฺขา เอกา สฺา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สฺา นิรุชฺฌตี’’ติ เอตฺถ นโย วุตฺโต, เอเตน นเยน. สพฺพตฺถาติ สพฺพวาเรสุ.
๔๑๔. อิทานิ อากิฺจฺายตนปรมาย เอว สฺาย ทสฺสเน การณํ วิภาเวนฺโต ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิมาห. ยสฺมา อิทฺจ…เป… อุทฺธฏนฺติ สมฺพนฺโธ. เกสํ ปนิทํ องฺคโต สมฺมสนนฺติ วุตฺตํ ‘‘อฏฺสมาปตฺติยา’’ติอาทิ. องฺคโตติ ฌานงฺคโต. อิทฺหิ อนุปทธมฺมวิปสฺสนาย ลกฺขณวจนํ. อนุปทธมฺมวิปสฺสนฺหิ กโรนฺโต สมาปตฺตึ ปตฺวา องฺคโตว สมฺมสนํ กโรติ, น จ สฺา สมาปตฺติยา กิฺจิ องฺคํ โหติ. อถ จ ปเนตํ วุตฺตํ ‘‘อิทฺจ สฺา สฺาติ เอวํ องฺคโต สมฺมสนํ อุทฺธฏ’’นฺติ, ตสฺมา ลกฺขณวจนเมตํ. องฺคโตติ วา อวยวโตติ อตฺโถ, อนุปทธมฺมโตติ วุตฺตํ โหติ. กลาปโตติ สมูหโต. ยสฺมา ปเนตฺถ สมาปตฺติวเสน ตํตํสฺานํ อุปฺปาทนิโรเธ วุจฺจมาเน องฺควเสน โส วุตฺโต โหติ, ตสฺมา ‘‘อิทฺจา’’ติอาทินา องฺคโตว สมฺมสนํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมาติ สฺาวเสเนว องฺคโต สมฺมสนสฺส อุทฺธฏตฺตา. ตเทวาติ อากิฺจฺายตนเมว, น เนวสฺานาสฺายตนํ ตตฺถ ปฏุสฺาภาวโต.
‘‘โย’’ติ ¶ วตฺตพฺเพ ‘‘ยโต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โย นามา’’ติ ยถา ‘‘อาทิมฺหี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อาทิโต’’ติ วุจฺจติ อตฺเถ ปริคฺคยฺหมาเน ยถายุตฺตวิภตฺติยาว โต-สทฺทสฺส ลพฺภนโต. นาม-สทฺโท เจตฺถ โข-สทฺโท วิย วาจาสิลิฏฺตามตฺตํ. สสฺเสทนฺติ สกํ, อตฺตนา อธิคตฌานํ, ตสฺมึ สฺา สกสฺา, สา เอตสฺสตฺถีติ สกสฺีติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน ปมชฺฌานสฺาย สฺวา’’ติ. อีกาโร เจตฺถ อุปริ วุจฺจมานนิโรธปาทกตาย สาติสยาย ฌานสฺาย อตฺถิภาวโชตโก ทฏฺพฺโพ. เตเนวาห ‘‘อนุปุพฺเพน สฺคฺคํ ผุสตี’’ติอาทิ. ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ สกสฺิตาคฺคหเณน ตสฺมึ ตสฺมึ ฌาเน สพฺพโส สุจิณฺณวสีภาโว ทีปิโตติ เวทิตพฺพํ.
โลกิยานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ, สามิอตฺเถ เอว วา. ยทคฺเคน หิ ตํ เตสุ เสฏฺํ, ตทคฺเคน เตสมฺปิ เสฏฺนฺติ. วิภตฺตาวธิอตฺเถ วา สามิวจนํ ¶ . เอตฺถ ปน ‘‘โลกิยาน’’นฺติ วิเสสนํ โลกุตฺตรสมาปตฺตีหิ ตสฺส อเสฏฺภาวโต กตํ. เสสํ ‘‘กิจฺจการกสมาปตฺตีน’’นฺติ ปน วิเสสนํ อกิจฺจการกสมาปตฺติโต ตสฺส อเสฏฺภาวโตติ ทฏฺพฺพํ. อกิจฺจการกตา จสฺสา ‘‘ยเถว หิ ตตฺถ สฺา, เอวํ ผสฺสาทโยปี’’ติ, ‘‘ยทคฺเคน หิ ตตฺถ ธมฺมา สงฺขาราวเสสภาวปฺปตฺติยา ปกติวิปสฺสกานํ สมฺมสิตุํ อสกฺกุเณยฺยรูเปน ิตา, ตทคฺเคน เหฏฺิมสมาปตฺติธมฺมา วิย ปฏุกิจฺจกรณสมตฺถาปิ น โหนฺตี’’ติ จ อฏฺกถาสุ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๘๗) ปฏุสฺากิจฺจาภาววจนโต วิฺายติ. สฺวายมตฺโถ ปรมตฺถมฺชูสาย นาม วิสุทฺธิมคฺคฏีกาย อารุปฺปกถายํ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๒๘๖) อาจริเยน สวิเสสํ วุตฺโต, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘ยถา เหฏฺิมา เหฏฺิมา สมาปตฺติโย อุปริมานํ อุปริมานํ สมาปตฺตีนํ อธิฏฺานกิจฺจํ สาเธนฺติ, น เอวํ เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติ กสฺสจิปิ อธิฏฺานํ สาเธติ, ตสฺมา สา อกิจฺจการิกา อิตรา กิจฺจการิกา’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ ตสฺสาปิ วิปสฺสนาจิตฺตปริทมนาทีนํ อธิฏฺานกิจฺจสาธนโต, ตสฺมา ปุริโมเยว อตฺโถ ยุตฺโต. กสฺมา เจตํ เตสมคฺคนฺติ อาห ‘‘อากิฺจฺายตนสมาปตฺติย’’นฺติอาทิ. ‘‘อิตี’’ติ วตฺวา ‘‘โลกิยานํ…เป… อคฺคตฺตา’’ติ ตสฺสตฺโถ วุตฺโต, ‘‘อคฺคตฺตา’’ติ เอตฺถ วา นิทสฺสนเมตํ.
ปกปฺเปตีติ สํวิทหติ. ฌานํ สมาปชฺชนฺโต หิ ฌานสุขํ อตฺตนิ สํวิทหติ นาม. อภิสงฺขโรตีติ อายูหติ สมฺปิณฺเฑติ. สมฺปิณฺฑนตฺโถ หิ สมุทายตฺโถ. ยสฺมา ปน นิกนฺติวเสน เจตนากิจฺจสฺส มตฺถกปฺปตฺติ, ตสฺมา ผลูปจาเรน การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิกนฺตึ…เป… นามา’’ติ วุตฺตํ. อิมา อากิฺจฺายตนสฺาติ อิทานิ ลพฺภมานา อากิฺจฺายตนสฺา ¶ . ตํสมติกฺกเมเนว อุปริฌานตฺถาย เจตนาภิสงฺขรณสมฺภวโต นิรุชฺเฌยฺยุํ. อฺาติ อากิฺจฺายตนสฺาหิ อฺา. โอฬาริกาติ ตโต ถูลตรา. กา ปน ตาติ อาห ‘‘ภวงฺคสฺา’’ติ. อากิฺจฺายตนโต วุฏฺาย เอว หิ อุปริฌานตฺถาย เจตนาภิสงฺขรณานิ ภเวยฺยุํ, เอวฺจ อากิฺจฺายตนสฺา นิรุชฺเฌยฺยุํ, วุฏฺานฺจ ภวงฺควเสน โหติ, ตโต ปรมฺปิ ยาว อุปริฌานสมาปชฺชนํ, ตาว อนฺตรนฺตรา ภวงฺคสฺา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตา จ อากิฺจฺายตนสฺาหิ โอฬาริกาติ อธิปฺปาโย.
เจเตนฺโตวาติ ¶ เนวสฺานาสฺายตนชฺฌานํ เอกํ ทฺเว จิตฺตวาเรปิ สมาปชฺชนวเสน ปกปฺเปนฺโต เอว. น เจเตตีติ ตถา เหฏฺิมฌาเนสุ วิย วา ปุพฺพาโภคาภาวโต น ปกปฺเปติ นาม. ปุพฺพาโภควเสน หิ ฌานํ ปกปฺเปนฺโต อิธ ‘‘เจเตตี’’ติ วุตฺโต. อภิสงฺขโรนฺโตวาติ ตตฺถ อปฺปหีนนิกนฺติกตาวเสน อายูหนฺโต เอว. นาภิสงฺขโรตีติ ตถา เหฏฺิมฌาเนสุ วิย วา ปุพฺพาโภคาภาวโต นายูหติ นาม. ‘‘อหเมตํ ฌานํ นิพฺพตฺเตมิ อุปสมฺปาเทมิ สมาปชฺชามี’’ติ หิ เอวํ อภิสงฺขรณํ ตตฺถ สาลยสฺเสว โหติ, น อนาลยสฺส, ตสฺมา เอกทฺวิจิตฺตกฺขณิกมฺปิ ฌานํ ปวตฺเตนฺโต ตตฺถ อปฺปหีนนิกนฺติกตาย ‘‘อภิสงฺขโรนฺโต เอวา’’ติ วุตฺโต. ยสฺมา ปนสฺส ตถา เหฏฺิมฌาเนสุ วิย วา ตตฺถ ปุพฺพาโภโค นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘น อภิสงฺขโรตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน’’ติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส วิวรณํ. ตตฺถ ยสฺมา อิมสฺส…เป… อตฺถิ, ตสฺมา ‘‘น เจเตติ, นาภิสงฺขโรตี’’ติ จ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. อาโภคสมนฺนาหาโรติ อาโภคสงฺขาโต, อาโภควเสน วา จิตฺตสฺส อารมฺมณาภิมุขํ, อารมฺมณสฺส วา จิตฺตาภิมุขํ อนฺวาหาโร. ‘‘สฺวายมตฺโถ’’ติอาทินา ตเทวตฺถํ อุปมาย ปฏิปาเทติ. ปุตฺตฆราจิกฺขเณนาติ ปุตฺตฆรสฺส อาโรจนนเยน.
คนฺตฺวา อาทาย อาคตนฺติ สมฺพนฺโธ. ปจฺฉาภาเคติ อาสนสาลาย ปจฺฉิมทิสายํ ิตสฺส ปิตุฆรสฺส ปจฺฉาภาเค. ตโตติ ปุตฺตฆรโต. ลทฺธฆรเมวาติ ยโตเนน ภิกฺขา ลทฺธา, ตเมว ฆรํ ปุตฺตเคหเมว. อาสนสาลา วิย อากิฺจฺายตนสมาปตฺติ ตโต ปิตุฆรปุตฺตฆรฏฺานิยานํ เนวสฺานาสฺายตนนิโรธสมาปตฺตีนํ อุปคนฺตพฺพโต. ปิตุเคหํ วิย เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติ อมนสิกาตพฺพโต, มชฺเฌ ิตตฺตา จ. ปุตฺตเคหํ วิย นิโรธสมาปตฺติ มนสิกาตพฺพโต, ปริยนฺเต ิตตฺตา จ. ปิตุฆรํ อมนสิกริตฺวาติ ปวิสิตฺวา สมติกฺกนฺตมฺปิ ปิตุฆรํ อมนสิกริตฺวา. ปุตฺตฆรสฺเสว อาจิกฺขณํ วิย เอกํ ทฺเว จิตฺตวาเร สมาปชฺชิตพฺพมฺปิ เนวสฺานาสฺายตนํ อมนสิกริตฺวา ปรโต นิโรธสมาปตฺตตฺถาย เอว มนสิกาโร ทฏฺพฺโพ. เอวํ อมนสิการสามฺเน, มนสิการสามฺเน จ อุปโมปเมยฺยตา วุตฺตา ¶ อาจิกฺขเณนปิ มนสิการสฺเสว โชตนโต. น หิ มนสิกาเรน วินา อาจิกฺขณํ สมฺภวติ.
ตา ¶ ฌานสฺาติ เอกํ ทฺเว จิตฺตวาเร ปวตฺตา เนวสฺานาสฺายตนฌานสฺา. นิโรธสมาปตฺติยฺหิ ยถารหํ จตุตฺถารุปฺปกุสลกิริยชวนํ ทฺวิกฺขตฺตุเมว ชวติ, น ตทุตฺตริ. นิรุชฺฌนฺตีติ สรสวเสเนว นิรุชฺฌนฺติ, ปุพฺพาภิสงฺขารพเลน ปน อุปริ อนุปฺปาโท. ยถา จ ฌานสฺานํ, เอวํ อิตรสฺานมฺปีติ อาห ‘‘อฺา จา’’ติอาทิ. นุปฺปชฺชนฺติ ยถาปริจฺฉินฺนกาลนฺติ อธิปฺปาโย. โส เอวํ ปฏิปนฺโน ภิกฺขูติ ยถาวุตฺเต สฺคฺเค ิตภาเวน ปฏิปนฺโน ภิกฺขุ, โส จ โข อนาคามี วา อรหา วา ทฺวีหิ ผเลหิ สมนฺนาคโม, ติณฺณํ สงฺขารานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ, โสฬสวิธา าณจริยา, นววิธา สมาธิจริยาติ อิเมสํ วเสน นิโรธปฏิปาทนปฏิปตฺตึ ปฏิปนฺโนติ อตฺโถ. อนุปุพฺพนิโรธวเสน จิตฺตเจตสิกานํ อปฺปวตฺติเยว สฺาเวทนาสีเสน ‘‘สฺาเวทยิตนิโรธ’’นฺติ วุตฺตา. ผุสตีติ เอตฺถ ผุสนํ นาม วินฺทนํ ปฏิลทฺธีติ ทสฺเสติ ‘‘วินฺทติ ปฏิลภตี’’ติ อิมินา. อตฺถโต ปน วุตฺตนเยน ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ จิตฺตเจตสิกานํ สพฺพโส อปฺปวตฺติเยว.
นิรตฺถกตาย อุปสคฺคมตฺตํ, ตสฺมา สฺา อิจฺเจว อตฺโถ. นิโรธปเทน อนนฺตริกํ กตฺวา สมาปตฺติปเท วตฺตพฺเพ เตสํ ทฺวินฺนมนฺตเร สมฺปชานปทํ ปิตนฺติ อาห ‘‘นิโรธปเทน อนฺตริกํ กตฺวา วุตฺต’’นฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนุ…เป… อตฺโถ’’ติ, เตน อยุตฺตสมาโสยํ ยถารุตปาโติ ทสฺเสติ. ตตฺราปีติ ตสฺมึ ยถาปทมนุปุพฺพิปเนปิ อยํ วิเสสตฺโถติ โยชนา. สมฺปชานนฺตสฺสาติ ตํ ตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ ตตฺถ สงฺขารานํ สมฺมสนวเสน ปชานนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส. อนฺเตติ ยถาวุตฺตาย นิโรธปฏิปาทนปฏิปตฺติยา ปริโยสาเน. ทุติยวิกปฺเป สมฺปชานนฺตสฺสาติ สมฺปชานการิโน, อิมินา นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนกสฺส ภิกฺขุโน อาทิโต ปฏฺาย สพฺพปาฏิหาริกปฺาย สทฺธึ อตฺถสาธิกา ปฺา กิจฺจโต ทสฺสิตา โหติ. เตนาห ‘‘ปณฺฑิตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. วจนเสสาเปกฺขา’ นเปกฺขตา ทฺวินฺนํ วิกปฺปานํ วิเสโส.
สํวณฺณโนกาสานุปฺปตฺติโต นิโรธสมาปตฺติกถา กเถตพฺพา. สพฺพากาเรนาติ นิโรธสมาปตฺติยา สรูปวิเสโส, สมาปชฺชนโก, สมาปชฺชนฏฺานํ, สมาปชฺชนการณํ, สมาปชฺชนากาโรติ เอวมาทินา สพฺพปฺปกาเรน ¶ . ตตฺถาติ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๗) กถิตโตวาติ ¶ กถิตฏฺานโต เอว, เตวีสติมปริจฺเฉทโตติ อตฺโถ, น อิธ ตํ วทาม ปุนรุตฺติภาวโต, คนฺถครุกภาวโต จาติ อธิปฺปาโย.
ปาฬิยํ เอวํ โข อหนฺติ เอตฺถ อาการตฺโถ เอวํ-สทฺโท อุคฺคหิตาการทสฺสนนฺติ กตฺวา. เอวํ โปฏฺปาทาติ เอตฺถ ปน สมฺปฏิจฺฉนตฺโถ ตเถว อนุชานนนฺติ กตฺวา. เตนาห ‘‘สุอุคฺคติตํ ตยา’ติ อนุชานนฺโต’’ติ.
๔๑๕. สฺา อคฺคา เอตฺถาติ สฺคฺคํ, อากิฺจฺายตนํ. อวเสสสมาปตฺตีสุปิ สฺคฺคํ อตฺถีติ เอตฺถ ปน สฺคฺคภาโว ‘‘สฺคฺค’’นฺติ วุตฺโต, สฺาเยว อคฺคนฺติ ตุลฺยาธิกรณสมาโส วา. ‘‘ปุถู’’ติ อยํ ลิงฺควิปลฺลาโส, นิการโลโป วาติ วุตฺตํ ‘‘พหูนี’’ติ. ‘‘ยถา’’ติ อิมินา กรณปฺปการสงฺขาโต ปการวิเสโส คหิโต, น ปการสามฺนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ปถวีกสิณาทีสู’’ติอาทินา. ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ ตพฺพิวรณํ. ฌานานํ ตาว ยุตฺโต กรณภาโว สฺานิโรธผุสนสฺส สาธกตมภาวโต, กสิณานํ ปน กถนฺติ? เตสมฺปิ โส ยุตฺโต เอว. ยทคฺเคน หิ ฌานานํ นิโรธผุสนสฺส สาธกตมภาโว, ตทคฺเคน กสิณานมฺปิ ตทวินาภาวโต. อเนกกรณาปิ จ กิริยา โหติเยว ยถา ‘‘อฺเน มคฺเคน ยาเนน ทีปิกาย คจฺฉตี’’ติ.
เอกวารนฺติ สกึ. ปุริมสฺานิโรธนฺติ กามสฺานิโรธํ, น ปน นิโรธสมาปตฺติสฺิตํ สฺานิโรธํ. เอกํ สฺคฺคนฺติ เอกํ สฺาภูตํ อคฺคํ, เอโก สฺคฺคภาโว วา เหฏฺิมาย สฺาย อุกฺกฏฺภาวโต. สฺา จ สา อคฺคฺจาติ หิ สฺคฺคํ, น สฺาสุ อคฺคนฺติ. ยถา ปน สฺา อคฺโค เอตฺถาติ สฺคฺคํ, อากิฺจฺายตนํ, เอวํ เสสฌานมฺปิ. เยน จ นิมิตฺเตน ฌานํ ‘‘สฺคฺค’’นฺติ วุตฺตํ, ตเทว สฺาสงฺขาตํ นิมิตฺตํ ภาวโลเปน, ภาวปฺปธาเนน วา อิธาธิปฺเปตํ. ทฺเว วาเรติ ทฺวิกฺขตฺตุํ. สตสหสฺสํ สฺคฺคานีติ มิคปทวฬฺชนนิทฺเทโส. เสสกสิเณสูติ กสิณานเมว คหณํ นิโรธกถาย อธิกตตฺตา, ตโต เอว เจตฺถ ฌานคฺคหเณนปิ กสิณชฺฌานานิ เอว คหิตานีติ เวทิตพฺพํ. ยถา ‘‘ปถวีกสิเณน กรณภูเตนา’’ติ ตทารมฺมณิกํ ฌานํ อนามสิตฺวา วุตฺตํ, เอวํ ¶ ‘‘ปมชฺฌาเนน กรณภูเตนา’’ติ ตทารมฺมณํ อนามสิตฺวา วทติ. ‘‘อิตี’’ติอาทินา ตเทวตฺถํ สงฺคเหตฺวา นิคมนํ กโรติ. สพฺพมฺปีติ เอกวารํ สมาปนฺนชฺฌานสฺมฺปิ. สงฺคเหตฺวาติ สฺชานนลกฺขเณน ตํสภาวานติวตฺตนโต สงฺคหํ กตฺวา, สมาปชฺชนวเสน, สฺชานนลกฺขเณน จ เอกตาติ วุตฺตํ โหติ. อปราปรนฺติ ปุนปฺปุนํ. พหูนิ สฺคฺคานิ โหนฺติ.
๔๑๖. ปมนเย ¶ ฌานปทฏฺานํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน สฺาาณานิ ทสฺสิตานิ. ทุติยนเย ปน ยสฺมา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺเคน ฆเฏนฺตสฺส มคฺคาณํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา วิปสฺสนามคฺควเสน สฺาาณานิ ทสฺสิตานิ. ตติยนเย จ ยสฺมา ปมนโย โอฬาริโก, ทุติยนโยปิ มิสฺสโกติ ตทุภยํ อสมฺภาเวตฺวา อจฺจนฺตสุขุมคมฺภีรํ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรเมว ทสฺเสตุํ มคฺคผลวเสน สฺาาณานิ ทสฺสิตานิ. ตโยเปเต นยา มคฺคโสธนวเสน ทสฺสิตา.
‘‘อยํ ปเนตฺถ สาโร’’ติ วิภาเวตุํ ติปิฏกมหาสิวตฺเถรวาโท อาภโต. ตถา หิ ‘‘อรหตฺตผลสฺาย อุปฺปาทา’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๑๖) เถรวาทานุกูลเมว อุปริ อตฺโถ สํวณฺณิโตติ. อิเม ภิกฺขูติ ปุริมวาทิโน ภิกฺขู. ตทา ทีฆนิกายตนฺตึ ปริวตฺตนฺเต อิมํ านํ ปตฺวา ยถาวุตฺตปฏิปาฏิยา ตโย นเย กเถนฺเต ภิกฺขู สนฺธาย เอวํ เถโร วทติ. นิโรธํ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺมึ กถิเต ตทนนฺตรํ สฺาาณุปฺปตฺตึ ปุจฺฉนฺโต อตฺถโต นิโรธา วุฏฺานํ ปุจฺฉติ นาม. นิโรธโต จ วุฏฺานํ อรหตฺตผลุปฺปตฺติยา วา สิยา, อนาคามิผลุปฺปตฺติยา วา, ตตฺถ สฺา ปธานา, ตทนนฺตรฺจ ปจฺจเวกฺขณาณนฺติ ตทุภยํ นิทฺธาเรนฺโต เถโร ‘‘โปฏฺปาโท เหฏฺา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภควาติ อาลปนวจนํ.
ยถา มคฺควีถิยํ มคฺคผลาเณสุ อุปฺปนฺเนสุ นิยมโต มคฺคผลปจฺจเวกฺขณาณานิ โหนฺติ, เอวํ ผลสมาปตฺติวีถิยํ ผลปจฺจเวกฺขณาณนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปจฺฉา ปจฺจเวกฺขณาณ’’นฺติ. ‘‘อิทํ อรหตฺตผล’’นฺติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนํ. อยเมว ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโย ม-การสฺส ท-การํ กตฺวา. ท-กาเรนปิ ปกติปทมิจฺฉนฺติ เกจิ สทฺทวิทู. โส ปน เถรวาเท ¶ น ผลสมาธิสฺา เอวาติ อาห ‘‘ผลสมาธิสฺาปจฺจยา’’ติ, อรหตฺตผลสมาธิสหคตสฺาปจฺจยาติ อตฺโถ. กิราติ อนุสฺสรณตฺเถ นิปาโต. ยถาธิคตธมฺมานุสฺสรณปกฺขิยา หิ ปจฺจเวกฺขณา. สมาธิสีเสน เจตฺถ สพฺพํ อรหตฺตผลํ คหิตํ สหจรณาเยน, ตสฺมึ อสติ ปจฺจเวกฺขณาย อสมฺภโวติ ปาฬิยํ ‘‘อิทปฺปจฺจยา’’ติ วุตฺตํ. เอวมิธ ทีฆภาณกานํ มเตน ผลปจฺจเวกฺขณาย เอกนฺติกตา ทสฺสิตา. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตฏฺกถายํ ปน เอวํ วุตฺตํ ‘‘สา ปน น สพฺเพสํ ปริปุณฺณา โหติ. เอโก หิ ปหีนกิเลสเมว ปจฺจเวกฺขติ, เอโก อวสิฏฺกิเลสเมว, เอโก มคฺคเมว, เอโก ผลเมว, เอโก นิพฺพานเมว. อิมาสุ ปน ปฺจสุ ปจฺจเวกฺขณาสุ เอกํ วา ทฺเว วา โน ลทฺธุํ น วฏฺฏนฺตี’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗๕), ตเทตํ มชฺฌิมภาณกานํ มเตน วุตฺตํ. อาภิธมฺมิกา ปน วทนฺติ –
‘‘มคฺคํ ¶ ผลฺจ นิพฺพานํ, ปจฺจเวกฺขติ ปณฺฑิโต;
หีเน กิเลเส เสเส จ, ปจฺจเวกฺขติ วา น วา’’ติ. (อภิธมฺมตฺถสงฺคหฏฺกถายํ กมฺมฏฺานสงฺคหวิภาเค วิสุทฺธิเภเท);
สฺาอตฺตกถาวณฺณนา
๔๑๗. ‘‘คามสูกโร’’ติ อิมินา วนสูกรมปเนติ. เอวฺหิ อุปมาวจนํ สูปปนฺนํ โหตีติ. เทสนาย สณฺหภาเวน สารมฺภมกฺขอิสฺสาทิมลวิโสธนโต สุตมยาณํ นฺหาปิตํ วิย, สุขุมภาเวน อนุวิลิตฺตํ วิย, ติลกฺขณพฺภาหตตาย กุณฺฑลาทฺยาลงฺการวิภูสิตํ วิย จ โหติ. ตทนุปวิสโต าณสฺส, ตถาภาวา ตํสมงฺคิโน จ ปุคฺคลสฺส ตถาภาวาปตฺติ, นิโรธกถาย นิเวทนฺจสฺส สิริสยเน ปเวสนสทิสนฺติ อาห ‘‘สณฺหสุขุม…เป… อาราปิโตปี’’ติ. ตตฺถาติ ติสฺสํ นิโรธกถายํ. มนฺทพุทฺธิตาย สุขํ น วินฺทนฺโต อลภนฺโต, อชานนฺโต วา. มลวิทูสิตตาย คูถฏฺานสทิสํ. อตฺตโน ลทฺธินฺติ อตฺตทิฏฺึ. อนุมตึ คเหตฺวาติ อนฺุํ คเหตฺวา ‘‘เอทิโส เม อตฺตา’’ติ อนุชานาเปตฺวา, อตฺตโน ลทฺธิยํ ปติฏฺาเปตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.
ปาฬิยํ ¶ กํ ปนาติ โอฬาริโก, มโนมโย, อรูปีติ ติณฺณํ อตฺตวาทานํ วเสน ติวิเธสุ อตฺตาเนสุ กตรํ อตฺตานํ ปจฺเจสีติ อตฺโถ. ‘‘เทสนาย สุกุสโล’’ติ อิมินา ‘‘อวสฺสํ เม ภควา ลทฺธึ วิทฺธํเสสฺสตี’’ติ ตสฺส มนสิการํ ทสฺเสติ. ปริหรนฺโตติ วิทฺธํสนโต อปเนนฺโต, อรูปี อตฺตาติ อตฺตโน ลทฺธึ นิคูหนฺโตติ อธิปฺปาโย. ปาฬิยํ ‘‘โอฬาริกํ โข’’ติอาทิมฺหิ ปริพฺพาชกวจเน อยมธิปฺปาโย – ยสฺมา จตุสนฺตติรูปปฺปพนฺธํ เอกตฺตวเสน คเหตฺวา รูปีภาวโต ‘‘โอฬาริโก อตฺตา’’ติ ปจฺเจติ อตฺตวาที, อนฺนปาโนปฏฺานตฺจสฺส ปริกปฺเปตฺวา ‘‘สสฺสโต’’ติ มฺติ, รูปีภาวโต เอว จ สฺาย อฺตฺตํ ายาคตเมว, ยํ เวทวาทิโน ‘‘อนฺนมโย, ปานมโย’’ติ จ ทฺวิธา โวหรนฺติ, ตสฺมา ปริพฺพาชโก ตํ อตฺตวาทิมตํ อตฺตานํ สนฺธาย ‘‘โอฬาริกํ โข’’ติอาทิมาหาติ.
‘‘โอฬาริโก จ หิ เต โปฏฺปาท อตฺตา อภวิสฺสา’’ติอาทิมฺหิ ภควโต วจเน จายมธิปฺปาโย – ยทิ อตฺตา รูปี ภเวยฺย, เอวํ สติ รูปํ อตฺตา สิยา, น จ สฺี สฺาย อรูปภาวโต, รูปธมฺมานฺจ อสฺชานนสภาวตฺตา. รูปี จ สมาโน ยทิ ตว มเตน นิจฺโจ, สฺา จ อปราปรํ ปวตฺตนโต ตตฺถ ตตฺถ ภิชฺชตีติ เภทสพฺภาวโต อนิจฺจา ¶ , เอวมฺปิ ‘‘อฺา สฺา, อฺโ อตฺตา’’ติ สฺาย อภาวโต อเจตโนว อตฺตา โหติ, ตสฺมา เอส อตฺตา น กมฺมสฺส การโก, น จ ผลสฺส อุปภฺุชนโกติ อาปนฺนเมวาติ อิมํ โทสํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘โอฬาริโก จา’’ติอาทิมาหาติ. ตตฺถาติ ‘‘รูปี อตฺตา’’ติ วาเท. ปจฺจาคจฺฉโตติ เสสกิริยาเปกฺขาย กมฺมตฺเถเยว อุปโยควจนํ, ปจฺจาคจฺฉโตติ จ ปจฺจาคจฺฉนฺตสฺส, ชานนฺตสฺส, ปฏิจฺจ วาเทน ปวตฺตสฺสาติ วา อตฺโถ. ‘‘อฺา จ สฺา อุปฺปชฺชติ, อฺา จ สฺา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อุปฺปาทปุพฺพโก นิโรโธ, น จ อุปฺปนฺนํ อนิรุชฺฌนกํ นาม อตฺถีติ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘จตุนฺนํ ขนฺธาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สติปิ เนสํ เอกาลมฺพณวตฺถุกภาเว อุปฺปาทนิโรธาธิการตฺตา เอกุปฺปาทนิโรธภาโวว วุตฺโต. อปราปรนฺติ โปงฺขานุโปงฺข.
๔๑๘-๔๒๐. ปาฬิยํ มโนมยนฺติ ฌานมนโส วเสน มโนมยํ. โย หิ พาหิรปจฺจยนิรเปกฺโข, โส มนสาว นิพฺพตฺโตติ มโนมโย. รูปโลเก นิพฺพตฺตสรีรํ สนฺธาย วทติ. ยํ เวทวาทิโน ‘‘อานนฺทมโย ¶ , วิฺาณมโย’’ติ จ ทฺวิธา โวหรนฺติ. ตตฺราปีติ ‘‘มโนมโย อตฺตา’’ติ วาเทปิ. โทเส ทินฺเนติ ‘‘อฺาว สฺา ภวิสฺสตี’’ติอาทินา โทเส ทินฺเน อตฺตโน ลทฺธึเยว วทนฺโต ‘‘อรูปึ โข’’ติอาทิมาหาติ สมฺพนฺโธ. อิธาปิ ปุริมวาเท วุตฺตนเยน ‘‘ยทิ อตฺตา มโนมโย สพฺพงฺคปจฺจงฺคี อหีนินฺทฺริโย ภเวยฺย, เอวํ สติ รูปํ อตฺตา สิยา, น จ สฺี สฺาย อรูปภาวโต’’ติอาทิ สพฺพํ โทสทสฺสนํ เวทิตพฺพํ. ตมตฺถฺหิ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘มโนมโย จ หิ เต โปฏฺปาทา’’ติอาทิมโวจ. กสฺมา ปนายํ ปริพฺพาชโก ปมํ โอฬาริกํ อตฺตานํ ปฏิชานิตฺวา ตํ ลทฺธึ วิสฺสชฺเชตฺวา ปุน มโนมยํ อตฺตานํ ปฏิชานาติ? ตมฺปิ วิสฺสชฺชิตฺวา ปุน อรูปึ อตฺตานํ ปฏิชานาตีติ? กามฺเจตฺถ การณํ ‘‘ตโต โส อรูปี อตฺตาติ เอวํลทฺธิโก สมาโนปิ…เป… อาทิมาหา’’ติ เหฏฺา วุตฺตเมว, ตถาปิ อิเม ติตฺถิยา นาม อนวฏฺิตจิตฺตา ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุโก วิย จฺจลาติ การณนฺตรมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สฺา นปฺปติฏฺาตีติ อารมฺมเณ สฺชานนวเสน สฺา น ปติฏฺาติ, อารมฺมเณ สฺํ น กโรตีติ วุตฺตํ โหติ. สฺาปติฏฺานกาเลติ เอตฺถาปิ อยํ นโย.
ตตฺราปีติ ‘‘อรูปี อตฺตา’’ติ วาเทปิ. สฺายาติ ปกติสฺาย, เอวํ ภทนฺตธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๑๘-๔๒๐) วุตฺตํ. อฺสฺมึ ติตฺถายตเน อุปฺปาทนิโรธนฺติ หิ สมฺพนฺโธ. เตน เวทิกานํ มเตน นานกฺขเณ อุปฺปนฺนาย นานารมฺมณาย สฺาย อุปฺปาทนิโรธมิจฺฉตีติ ทสฺเสติ. เกจิ ปน ‘‘อาจริยสฺายา’’ติ ปนฺติ, ตทยุตฺตํ ¶ อตฺถสฺส วิรุทฺธตฺตา, เถเรน จ อนุทฺธฏตฺตา. อปราปรํ ปวตฺตาย สฺาย อุปฺปาทวยทสฺสนโต อุปฺปาทนิโรธํ อิจฺฉติ. ตถาปิ ‘‘สฺา สฺา’’ติ ปวตฺตสมฺํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตสฺส อวิจฺเฉทํ ปริกปฺเปนฺโต สสฺสตํ มฺติ. เตนาห ‘‘อตฺตานํ ปน สสฺสตํ มฺตี’’ติ. ตสฺมาติ อปราปรํ ปวตฺตสฺาย นามมตฺเตน สสฺสตํ มฺนโต. สฺาย อุปฺปาทนิโรธมตฺเต อฏฺตฺวา ตทุตฺตริ สสฺสตคฺคาหสฺส คหณโต โทสํ ทสฺเสตีติ อธิปฺปาโย. ตเถวาติ ยถา ‘‘รูปี อตฺตา, มโนมโย อตฺตา’’ติ จ วาททฺวเย อตฺตโน อสฺตา, เอวฺจสฺส ‘‘อเจตนตา’’ติอาทิโทสปฺปสงฺโค ทุนฺนิวาโร ¶ , ตเถว อิมสฺมึ วาเทปีติ อตฺโถ. มิจฺฉาทสฺสเนนาติ อตฺตทิฏฺิสงฺขาเตน มิจฺฉาภินิเวเสน. อภิภูตตฺตาติ อนาทิกาลภาวิตภาเวน อชฺโฌตฺถฏตฺตา, นิวาริตาณจารตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. เยน สนฺตติฆเนน, สมูหฆเนน จ วฺจิโต พาโล ปพนฺธวเสน ปวตฺตมานํ ธมฺมสมูหํ มิจฺฉาคาหวเสน ‘‘อตฺตา’’ติ จ ‘‘นิจฺโจ’’ติ จ อภินิวิสฺส โวหรติ, ตํ เอกตฺตสฺิตํ สนฺตติฆนํ, สมูหฆนฺจ วินิภุชฺช ยาถาวโต ชานนํ ฆนวินิพฺโภโค, โส จ สพฺเพน สพฺพํ ติตฺถิยานํ นตฺถิ. ตสฺมา อยมฺปิ ปริพฺพาชโก ตาทิสสฺส าณปริปากสฺส อภาวโต วุจฺจมานมฺปิ นานตฺตํ นาฺาสีติ อาห ‘‘ตํ นานตฺตํ อชานนฺโต’’ติ. สฺา นามายํ นานารมฺมณา นานากฺขเณ อุปฺปชฺชติ, เวติ จาติ เวทิกานํ มตํ. สฺาย อุปฺปาทนิโรธํ ปสฺสนฺโตปิ สฺามยํ สฺาภูตํ อตฺตานํ ปริกปฺเปตฺวา ยถาวุตฺตฆนวินิพฺโภคาภาวโต นิจฺจเมว กตฺวา ทิฏฺิมฺนาย มฺติ. ตถาภูตสฺส จ ตสฺส สณฺหสุขุมปรมคมฺภีรธมฺมตา น ายเตวาติ อิทํ การณํ ปสฺสนฺเตน ภควตา ‘‘ทุชฺชานํ โข’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถสฺส ภควา’’ติอาทิมาห.
ทิฏฺิอาทีสุ ‘‘เอวเมต’’นฺติ ทสฺสนํ อภินิวิสนํ ทิฏฺิ. ตสฺสา เอว ปุพฺพภาคภูตํ ‘‘เอวเมต’’นฺติ นิชฺฌานวเสน ขมนํ ขนฺติ. ตถา โรจนํ รุจิ.‘‘อฺถาเยวา’’ติอาทิ เตสํ ทิฏฺิอาทีนํ วิภชฺช ทสฺสนํ. ตตฺถ อฺถาเยวาติ ยถา อริยวินเย อนฺตทฺวยํ อนุปคมฺม มชฺฌิมปฏิปทาวเสน ทสฺสนํ โหติ, ตโต อฺถาเยว. อฺเทวาติ ยํ ปรมตฺถโต วิชฺชติ ขนฺธายตนาทิ, ตสฺส จาปิ อนิจฺจตาทิ, ตโต อฺเทว ปรมตฺถโต อวิชฺชมานํ อตฺตสสฺสตาทิกํ ตยา ขมเต เจว รุจฺจเต จาติ อตฺโถ. อาภุโส ยฺุชนํ อาโยโค. เตน วุตฺตํ ‘‘ยุตฺตปยุตฺตตา’’ติ. ปฏิปตฺติยาติ ปรมตฺตจินฺตนาทิปริพฺพาชกปฏิปตฺติยา. อาจริยสฺส ภาโว อาจริยกํ, ยถา ตถา โอวาทานุสาสนํ, ตทสฺสตฺถีติ อาจริยโก ยถา ‘‘สทฺโธ’’ติ อาห ‘‘อฺตฺถา’’ติอาทิ. อฺสฺมึ ติตฺถายตเน ตว อาจริยภาโว อตฺถีติ โยชนา. ‘‘เตนา’’ติอาทิ สห โยชนาย ยถาวากฺยํ ทสฺสนํ. ‘‘อยํ ปรมตฺโถ, อยํ สมฺมุตี’’ติ อิมสฺส ¶ วิภาคสฺส ทุพฺพิภาคตฺตา ทุชฺชานํ เอตํ นานตฺตํ. ‘‘ยชฺเชตํ ทุชฺชานํ ตาว ติฏฺตุ, อฺํ ปนตฺถํ ภควนฺตํ ปุจฺฉามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตถา ปฏิปนฺนตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ ปริพฺพาชโก’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. อฺโ วา สฺาโตติ สฺาสภาวโต อฺสภาโว วา อตฺตา โหตูติ อตฺโถ. อธุนา ปน ‘‘อฺา วา สฺา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. อสฺสาติ อตฺตโน.
โลกียติ ทิสฺสติ, ปติฏฺหติ วา เอตฺถ ปฺุปาปํ, ตพฺพิปาโก จาติ โลโก, อตฺตา. โส หิสฺส การโก, เวทโก จาติ อิจฺฉิโต. ทิฏฺิคตนฺติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๓๑; อุทา. ๕๕) นยปวตฺตํ ทิฏฺิคตํ. น เหส ทิฏฺาภินิเวโส ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถนิสฺสิโต ตทสํวตฺตนโต. โย หิ ตํ สํวตฺตนโก, โส ‘‘ตํ นิสฺสิโต’’ติ วตฺตพฺพตํ ลเภยฺย ยถา ตํ ปฺุาณสมฺภาโร. เอเตเนว นเยน น ธมฺมนิสฺสิตตาปิ สํวณฺเณตพฺพา. พฺรหฺมจริยสฺส อาทิ อาทิพฺรหฺมจริยํ, ตเทว อาทิพฺรหฺมจริยกํ ยถา ‘‘วินโย เอว เวนยิโก’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๘). เตนาห ‘‘สิกฺขตฺตยสงฺขาตสฺสา’’ติอาทิ. สพฺพมฺปิ วากฺยํ อนฺโตคธาวธารณํ ตสฺส อวธารณผลตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘อาทิมตฺต’’นฺติ. ตทิธ อธิสีลสิกฺขาว. สา หิ สิกฺขตฺตยสงฺคหิเต สาสนพฺรหฺมจริเย อาทิภูตา, น อฺตฺถ วิย อาชีวฏฺมกาทิ อาทิพฺรหฺมจริยกนฺติ ทสฺเสติ ‘‘อธิสีลสิกฺขามตฺต’’นฺติ อิมินา. นิพฺพินฺทนตฺถายาติ อุกฺกณฺิตภาวาย. ‘‘อภิชานนายาติ าตปริฺาวเสน อภิชานนตฺถาย. สมฺพุชฺฌนตฺถายาติ ตีรณปหานปริฺาวเสน สมฺโพธนตฺถายา’’ติ วทนฺติ. อปิจ อภิชานนายาติ อภิฺาปฺาวเสน ชานนาย. ตํ ปน วฏฺฏสฺส ปจฺจกฺขกรณเมว โหตีติ อาห ‘‘ปจฺจกฺขกิริยายา’’ติ. สมฺพุชฺฌนตฺถายาติ ปริฺาภิสมยวเสน ปฏิเวธตฺถาย. ทิฏฺาภินิเวสสฺส สํสารวฏฺเฏ นิพฺพิทาวิราคนิโรธุปสมาสํวตฺตนํ วฏฺฏนฺโตคธตฺตา, ตสฺส วฏฺฏสมฺพนฺธนโต จ. ตถา อภิฺาสมฺโพธนิพฺพานาสํวตฺตนฺจ ทฏฺพฺพํ.
กามํ ตณฺหาปิ ทุกฺขสภาวา เอว, ตสฺสา ปน สมุทยภาเวน วิสุํ คหิตตฺตา ‘‘ตณฺหํ เปตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ปภาวนโตติ อุปฺปาทนโต. ทุกฺขํ ปภาเวนฺตีปิ ตณฺหา อวิชฺชาทิปจฺจยนฺตรสหิตา เอว ปภาเวติ, น เกวลาติ อาห ‘‘สปฺปจฺจยา’’ติ. อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ. น ปวตฺตนฺติ เอตฺถ ทุกฺขสมุทยา, เอตสฺมึ วา อธิคเตติ หิ อปฺปวตฺติ. ทุกฺขนิโรธํ นิพฺพานํ คจฺฉติ, ตทตฺถฺจ สา ปฏิปชฺชิตพฺพาติ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทา. มคฺคปาตุภาโวติ ¶ มคฺคสมุปฺปาโท. ผลสจฺฉิกิริยาติ ผลสฺสาธิคมวเสน ปจฺจกฺขกรณํ. ตํ อาการนฺติ ตํ ตุณฺหีภาวสงฺขาตํ คมนลิงฺค อาโรเจนฺโต วิย, น ปน อภิมุขํ อาโรเจติ.
๔๒๑. สมนฺตโต ¶ นิคฺคณฺหนวเสน โตทนํ วิชฺฌนํ สนฺนิโตทกํ. มโนคณาทีนํ วิเสสนสฺส นปุํสกลิงฺเคน นิทฺทิฏฺตฺตา ‘‘วาจาย สนฺนิโตทเกนา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘วจนปโตทเกนา’’ติ. อถ วา ‘‘วาจายา’’ติ อิทํ ‘‘สนฺนิโตทเกนา’’ติ เอตฺถ กรณวจนํ ทฏฺพฺพํ. ‘‘วจนปโตทเกนา’’ติ หิ วจเนน ปโตทเกนาติ อตฺโถ, ‘‘วาจายา’’ติ วา สมฺพนฺเธ สามิวจนํ. วาจาย สนฺนิโตทนกิริยาย สชฺฌพฺภริตมกํสูติ โยเชตพฺพํ. ‘‘สชฺฌพฺภริต’’นฺติ เอตสฺส ‘‘สํ อธิ อภิ อริภ’’นฺติ ปทจฺเฉโท, สมนฺตโต ภุสํ อริตนฺติ อตฺโถ, สตมตฺเตหิ ตุตฺตเกหิ วิย วิวิเธหิ ปริพฺพาชกวาจาโตทเนหิ ตุทึ สูติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อุปริ วิชฺฌึสู’’ติ. สภาวโต วิชฺชมานนฺติ ปรมตฺถสภาวโต อุปลพฺภมานํ, น ปกติอาทิ วิย อนุปลพฺภมานํ. ตจฺฉนฺติ สจฺจํ. ตถนฺติ อวิปรีตํ. อตฺถโต เววจนเมว ตํ ปทตฺตยํ. นวโลกุตฺตรธมฺเมสูติ วิสเย ภุมฺมํ, เต ธมฺเม วิสยํ กตฺวา. ิตสภาวนฺติ อวฏฺิตสภาวํ, ตทุปฺปาทกนฺติ อตฺโถ. โลกุตฺตรธมฺมนิยามนิยตนฺติ โลกุตฺตรธมฺมสมฺปาปนนิยาเมน นิยตํ. อิทานิ ปน ‘‘โลกุตฺตรธมฺมนิยามต’’นฺติ ปาโ, โส น โปราโณ อาจริเยน อนุทฺธฏตฺตา. กสฺมา ปเนสา ปฏิปทา ธมฺมฏฺิตตา ธมฺมนิยามตาติ อาห ‘‘พุทฺธานฺหี’’ติอาทิ. สาติ ปฏิปทา. เอทิสาติ ‘‘ธมฺมฏฺิตต’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปการา.
จิตฺตหตฺถิสาริปุตฺตโปฏฺปาทวตฺถุวณฺณนา
๔๒๒. หตฺถึ สาเรติ ทเมตีติ หตฺถิสารี, หตฺถาจริโย. สุขุเมสุ อตฺถนฺตเรสูติ ขนฺธายตนาทีสุ สุขุมาณโคจเรสุ ธมฺเมสุ. อภิธมฺมิโก กิเรส. กุสโลติ ปุพฺเพปิ พุทฺธสาสเน กตปริจยตาย เฉโก. ตาทิเส จิตฺเตติ คิหิภาวจิตฺเต. อิตโร ปน ตํ สุตฺวาว น วิพฺภมิ, ปพฺพชฺชายเมว อภิรมีติ อธิปฺปาโย. คิหิภาเว อานิสํสกถาย กถิตตฺตาติ เอตฺถ สีลวนฺตสฺส ภิกฺขุโน ตถา กถเนน วิพฺภมเน นิโยชิตตฺตา อิทานิ สยมฺปิ สีลวา เอว หุตฺวา ฉ วาเร ¶ วิพฺภมีติ อธิปฺปาโย คเหตพฺโพ. กมฺมสริกฺขเกน หิ กมฺมผเลน ภวิตพฺพํ. กเถนฺตานนฺติ อนาทเร สามิวจนํ. มหาสาวกสฺส กถิเตติ มหาสาวกภูเตน มหาโกฏฺิกตฺเถเรน อปสาทนวเสน กถิเต, กถนนิมิตฺตํ ปติฏฺํ ลทฺธุํ อสกฺโกนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘วิพฺภมิตฺวา คิหี ชาโต’’ติ อิทํ สตฺตมวารมิว วุตฺตํ. ธมฺมปทฏฺกถายํ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๓ จิตฺตหตฺถตฺเถรวตฺถุ) ปน กุทาลปณฺฑิตชาตเก (ชา. อฏฺ. ๑.๑.๗ กุทฺทาลชาตกวณฺณนา) จ ฉกฺขตฺตุเมว วิพฺภมนวาโร วุตฺโต. คิหิสหายโกติ คิหิกาเล สหายโก. อปสกฺกนฺโตปิ นามาติ อปิ นาม อปสกฺกนฺโต, คารยฺหวจนเมตํ. ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตีติ ปพฺพชฺชา วฏฺฏติ.
๔๒๓. ปฺาจกฺขุโน ¶ นตฺถิตายาติ สุวุตฺตทุรุตฺตสมวิสมทสฺสนสมตฺถสฺส ปฺาจกฺขุโน อภาเวน. ยาทิเสน จกฺขุนา โส ‘‘จกฺขุมา’’ติ วุตฺโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุภาสิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – เอกํสิกาติ เอกนฺติกา, นิพฺพานวหภาเวน นิจฺฉิตาติ วุตฺตํ โหติ. ปฺตฺตาติ ววตฺถปิตา. น เอกํสิกาติ น เอกนฺติกา นิพฺพานาวหภาเวน นิจฺฉิตา วฏฺฏนฺโตคธภาวโตติ อธิปฺปาโย. อยมตฺโถ หิ ‘‘กสฺมา เจเต โปฏฺปาท มยา เอกํสิกา ธมฺมา เทสิตา ปฺตฺตา, เอเต โปฏฺปาท อตฺถสํหิตา…เป… นิพฺพานาย สํวตฺตนฺตี’’ติอาทิสุตฺตปเทหิ สํสนฺทติ สเมตีติ.
เอกํสิกธมฺมวณฺณนา
๔๒๕. ‘‘กสฺมา อารภี’’ติ การณํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อนิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถ’’นฺติ ปโยชนํ วิสฺสชฺชิตํ. ผเล หิ สิทฺเธ เหตุปิ สิทฺโธ โหตีติ, อยํ อาจริยมติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๒๕) อปเร ปน ‘‘เอทิเสสุ อตฺถสทฺโท การเณ วตฺตติ, เหตฺวตฺเถ จ ปจฺจตฺตวจนํ, ตสฺมา อนิยฺยานิกภาวทสฺสนนฺติ เอตฺถ อนิยฺยานิกภาวทสฺสนการณา’’ติ อตฺถมิจฺฉนฺติ. ปฺาปิตนิฏฺายาติ ปเวทิตวิมุตฺติมคฺคสฺส. วฏฺฏทุกฺขปริโยสานํ คจฺฉติ เอตายาติ นิฏฺาติ หิ วิมุตฺติ วุตฺตา ‘‘โคฏฺา ปฏฺิตคาโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๖) มหาสีหนาทสุตฺตปเท วิย า-สทฺทสฺส คติอตฺเถ ปวตฺตนโต. นิฏฺามคฺโค จ อิธ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘นิฏฺา’’ติ อธิปฺเปโต. ตสฺเสว หิ นิยฺยานิกตา, อนิยฺยานิกตา ¶ จ วุจฺจติ, น นิฏฺาย. นิยฺยาตีติ นิยฺยานิกา ย-การสฺส ก-การํ กตฺวา. อนียสทฺโท หิ พหุลํ กตฺตุตฺถาภิธายโก, น นิยฺยานิกา อนิยฺยานิกา, ตสฺสา ภาโว ตถา. นิยฺยานํ วา นิคฺคมนํ นิสฺสรณํ, วฏฺฏทุกฺขสฺส วูปสโมติ อตฺโถ, นิยฺยานเมว นิยฺยานิกํ, น นิยฺยานิกํ อนิยฺยานิกํ, โส เอว ภาโว สภาโว อนิยฺยานิกภาโว, ตสฺส ทสฺสนตฺถนฺติ โยเชตพฺพํ.
‘‘สพฺเพ หี’’ติอาทิ ตทตฺถวิวรณํ. อมตํ นิพฺพานํ นิฏฺมิติ ปฺเปติ ยถาติ สมฺพนฺโธ. โลกถูปิกาทิวเสน นิฏฺํ ปฺเปนฺตีติ ‘‘นิพฺพานํ นิพฺพาน’’นฺติ วจนสามฺมตฺตํ คเหตฺวา ตถา ปฺเปนฺติ. โลกถูปิกา นาม พฺรหฺมภูมิ วุจฺจติ โลกสฺส ถูปิกสทิสตาปริกปฺปเนน. เกจิ ปน ‘‘เนวสฺานาสฺายตนภูมึ โลกถูปิกา’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ อฏฺกถาสุ ตถา อวจนโต. อาทิสทฺเทน เจตฺถ ‘‘อฺโ ปุริโส, อฺา ปกตี’’ติ ปกติปุริสนฺตราวโพโธ โมกฺโข, พุทฺธิอาทิคุณวินิมุตฺตสฺส อตฺตโน อสกตฺตนิ อวฏฺานํ โมกฺโข, กายวิปตฺติกติ ชาติพนฺธานํ อปวชฺชนวเสน อปฺปวตฺโต โมกฺโข, ปเรน ปุริเสน ¶ ปโลกตา โมกฺโข, ตํสมีปตา โมกฺโข, ตํสมาโยโค โมกฺโขติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตสฺมึ ตสฺมิฺหิ สมเย นิฏฺํ อปฺเปนฺโต นาม นตฺถิ. พฺราหฺมณานํ ปมชฺฌานพฺรหฺมโลโก นิฏฺา. ตตฺถ หิ เนสํ นิจฺจาภินิเวโส ยถา ตํ พกสฺส พฺรหฺมุโน, (ม. นิ. ๑.๕๐๑) เวขนสาทิตาปสานํ อาภสฺสรา, สฺจยาทิปริพฺพาชกานํ สุภกิณฺหา, อาชีวกานํ ‘‘อนนฺตมานโส’’ติ ปริกปฺปิโต อสฺีภโว. อิมสฺมึ ปน สาสเน อรหตฺตํ นิฏฺา, สพฺเพปิ เจเต ทิฏฺิวเสน พฺรหฺมโลกาทีนิ อรหตฺตมฺนาย ‘‘นิพฺพานํ นิพฺพาน’’นฺติ วจนสามฺมตฺตํ คเหตฺวา ตถา ปฺเปนฺติ, น ปน ปรมตฺถโต เนสํสมเย นิพฺพานปฺาปนสฺส ลพฺภนโตติ อาห ‘‘สา จ น นิยฺยานิกา’’ติอาทิ. ยถาปฺตฺตาติ เยน เยน ปกาเรน ปฺตฺตา, ปฺตฺตปฺปการา หุตฺวาติ อตฺโถ. น นิยฺยาตีติ ‘‘เยนากาเรน นิฏฺา ปาปุณียตี’’ติ เตหิ ปเวทิตา, เตนากาเรน ตสฺสา อปตฺตพฺพตาย น นิยฺยาติ. ปณฺฑิเตหิ ปฏิกฺขิตฺตาติ ‘‘นายํ นิฏฺา ปฏิปทา วฏฺฏสฺส อนติกฺกมนโต’’ติ พุทฺธาทีหิ ปณฺฑิเตหิ ปฏิกฺขิตฺตา. นิวตฺตตีติ ปฏิกฺเขปการณวจนํ, ยสฺมา เตหิ ปฺตฺตา นิฏฺา ปฏิปทา ¶ น นิยฺยาติ น คจฺฉติ, อฺทตฺถุ ตํสมงฺคินํ ปุคฺคลํ สํสาเร เอว ปริพฺภมาเปนฺตี นิวตฺตติ, ตสฺมา ปณฺฑิเตหิ ปฏิกฺขิตฺตาติ อตฺโถ. ตนฺติ อนิยฺยานิกภาวํ.
ชานํ, ปสฺสนฺติ จ ปุถุวจนวิปริยาโยติ อาห ‘‘ชานนฺตา ปสฺสนฺตา’’ติ. คจฺฉนฺตาทิสทฺทานฺหิ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี ชานํ สภิกฺขุกํ อารามํ อนาปุจฺฉา ปวิเสยฺยา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๐๒๔) ลิงฺควเสน วิปริยาโย, ชานนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘ยาจํ อททมปฺปิโย’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๔๖; ชา. ๑.๗.๕๕) วิภตฺติวเสน, ยาจนฺตสฺสาติ อตฺโถ. อิธ ปน ปุถุวจนวเสนาติ เวทิตพฺพํ. ปธานํ ชานนํ นาม ปจฺจกฺขโต ชานนํ ตสฺส เชฏฺภาวโต, ทสฺสนมปฺปธานํ ตสฺส สํสยานุพนฺธตฺตาติ อยํ กโม วุตฺโต ‘‘ชานํ ปสฺส’’นฺติ. เตเนตฺถ ชานเนน ทสฺสนํ วิเสเสติ. เอวฺหิ ทิฏฺปุพฺพานิ โข ตสฺมึ โลเก มนุสฺสานํ สรีรสณฺานาทีนีติ เอกโต อธิปฺปายทสฺสนํ สูปปนฺนํ โหติ. อยฺเหตฺถาธิปฺปาโย ‘‘กึ ตุมฺหากํ เอกนฺตสุเข โลเก ปจฺจกฺขโต าณทสฺสนํ อตฺถี’’ติ. ชานนฺติ วา ตสฺส โลกสฺส อนุมานวิสยตํ วุจฺจติ, ปสฺสนฺติ ปจฺจกฺขโต วิสยตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘อปิ ตุมฺหากํ โลโก ปจฺจกฺขโต าโต, อุทาหุ อนุมานโต’’ติ.
ยสฺมา ปน โลเก ปจฺจกฺขภูโต อตฺโถ อินฺทฺริยโคจรภาเวน ปากโฏ, ตสฺมา ปากเฏน อตฺเถน อธิปฺปายํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทิฏฺปุพฺพานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทิฏฺปเทน วา ทสฺสนํ, ตทนุคตฺจ ชานนํ คเหตฺวา ตทุภเยเนว อตฺเถน อธิปฺปายํ วิภาเวตุํ เอวํ วุตฺตนฺติปิ ทฏฺพฺพํ. ทิฏฺปุพฺพานีติ หิ ¶ ทสฺสเนน, ตทนุคเตน จ าเณน คหิตปุพฺพานีติ อตฺโถ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สรีรสณฺานาทีนี’’ติ สมริยาทวจนํ สมตฺถิตํ โหติ. ‘‘อปฺปาฏิหีรกต’’นฺติ อยํ อนุนาสิกโลปนิทฺเทโสติ อาห ‘‘อปฺปาฏิหีรกํ ต’’นฺติ. ตํ วจนํ อปฺปาฏิหีรกํ สมฺปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. อปฺปาฏิหีรปเท อนุนาสิกโลโป, ‘‘กต’’นฺติ จ เอกํ ปทนฺติ เกจิ, ตทยุตฺตํ สมาสสมฺภวโต, อนุนาสิกโลปสฺส จ อวตฺตพฺพตฺตา. เอวเมตฺถ วณฺณยนฺติ – ปฏิปกฺขหรณโต ปฏิหาริยํ, ตเทว ปาฏิหาริยํ. อตฺตนา อุตฺตรวิรหิตวจนํ. ปาฏิหาริยเมเวตฺถ ‘‘ปาฏิหีรก’’นฺติ วุตฺตํ ปเรหิ วุจฺจมานอุตฺตเรหิ สอุตฺตรตฺตา, น ปาฏิหีรกนฺติ อปฺปาฏิหีรกํ. วิรหตฺโถ ¶ เจตฺถ อ-สทฺโท. เตนาห ‘‘ปฏิหรณวิรหิต’’นฺติ. สอุตฺตรฺหิ วจนํ เตน อุตฺตรวจเนน ปฏิหรียติ วิปริวตฺตียติ, ตสฺมา อุตฺตรวจนํ ปฏิหรณํ นาม, ตโต วิรหิตนฺติ อตฺโถ. ตสฺมา เอว นิยฺยานสฺส ปฏิหรณมคฺคสฺส อภาวโต ‘‘อนิยฺยานิก’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนิยฺยานิก’’นฺติ.
๔๒๖. วิลาโส อิตฺถิลีฬา, โย ‘‘สิงฺคารภาวชา กิริยา’’ติปิ วุจฺจติ. อากปฺโป เกสพนฺธวตฺถคฺคหณาทิอาการวิเสโส, เวสสํวิธานํ วา. อาทิสทฺเทน หาวาทีนํ สงฺคโห. หาวาติ หิ จาตุริยํ วุจฺจติ.
ตโยอตฺตปฏิลาภวณฺณนา
๔๒๘. อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโวติ อาห ‘‘อตฺตภาวปฏิลาโภ’’ติ. กถํ ทสฺเสตีติ วุตฺตํ ‘‘โอฬาริกตฺตภาวปฏิลาเภนา’’ติอาทิ. กามภวํ ทสฺเสติ อิตรภวทฺวยตฺตภาวโต โอฬาริกตฺตา. รูปภวํ ทสฺเสติ ฌานมเนน นิพฺพตฺตํ หุตฺวา รูปีภาเวน อุปลพฺภนโต. อรูปภวํ ทสฺเสติ อรูปีภาเวน อุปลพฺภนโต. สํกิเลสิกา ธมฺมา นาม ทฺวาทส อกุสลจิตฺตุปฺปาทา ตทภาเว กสฺสจิ สํกิเลสสฺส อสมฺภวโต. โวทานิยา ธมฺมา นาม สมถวิปสฺสนา ตาสํ วเสน สพฺพโส จิตฺตโวทานสฺส สิชฺฌนโต.
๔๒๙. ปฏิปกฺขธมฺมานํ อสมุจฺเฉเท สติ น กทาจิปิ อนวชฺชธมฺมานํ วา ปาริปูรี, เวปุลฺลํ วา สมฺภวติ, สมุจฺเฉเท ปน สติ สมฺภวตีติ มคฺคผลปฺานเมว คหณํ ทฏฺพฺพํ, ตา หิ สกึ ปริปุณฺณาปิ อปริหีนธมฺมตฺตา ปริปุณฺณา เอว ภวนฺติ. ตรุณปีตีติ อุปฺปนฺนมตฺตา อลทฺธาเสวนา ทุพฺพลปีติ. พลวตุฏฺีติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติยา ลทฺธาเสวนา อุปริวิเสสาธิคมสฺส ปจฺจยภูตา ถิรตรา ปีติ. อิทานิ สงฺเขปโต ปิณฺฑตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กึ วุตฺต’’นฺติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ ยํ วิหารํ สยํ…เป… วิหริสฺสตีติ อโวจุมฺหาติ สมฺพนฺโธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ วิหารํ ‘‘สํกิเลสิกโวทานิยธมฺมานํ ปหานาภิวุทฺธินิฏฺํ ปฺาย ปาริปูริเวปุลฺลภูตํ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อปรปฺปจฺจเยน าเณน ปจฺจกฺขโต สมฺปาเทตฺวา ¶ วิหริสฺสตี’’ติ กถยิมฺหาติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ วิหาเร. ตสฺสาติ โอวาทกรสฺส ภิกฺขุโน. เอวํ วิหรโตติ วุตฺตปฺปกาเรน วิหรณเหตุ, วิหรนฺตสฺส วา. ตนฺนิมิตฺตํ ปาโมชฺชํ, ปโมทปฺปภวา ปีติ, ตปฺปจฺจยภูตํ ปสฺสทฺธิทฺวยํ, ตถา สูปฏฺิตา สติ, อุกฺกํสคตตาย อุตฺตมาณํ. สุโข จ วิหาโร ภวิสฺสตีติ โยชนา. กายจิตฺตปสฺสทฺธี หิ ‘‘ปสฺสทฺธี’’ติ วุตฺตา, อยเมว วา ปาโ. ‘‘นามกายปสฺสทฺธี’’ติปิ ปนฺติ, ตทยุตฺตเมว ปสฺสทฺธิทฺวยสฺส อวินาภาวโต. กสฺมา ปเนส สุโข วิหาโรติ อาห ‘‘สพฺพวิหาเรสู’’ติอาทิ, สพฺเพสุปิ อิริยาปถวิหาราทีสุ สนฺตปณีตตาย อิมสฺเสว สุขตฺตา ‘‘สุโข วิหาโร’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ วุตฺตํ โหติ. กถํ สุโขติ วุตฺตํ ‘‘อุปสนฺโต ปรมมธุโร’’ติ.
ปมชฺฌาเน ปฏิลทฺธมตฺเต หีนภาวโต ปีติ ทุพฺพลา ปาโมชฺชปกฺขิกา, สุภาวิเต ปน ตสฺมึ ปคุเณ สา ปณีตา พลวภาวโต ปริปุณฺณกิจฺจา ปีตีติ วุตฺตํ ‘‘ปมชฺฌาเน ปาโมชฺชาทโย ฉปิ ธมฺมา ลพฺภนฺตี’’ติ. ปาโมชฺชํ นิวตฺตตีติ ทุพฺพลปีติสงฺขาตํ ปาโมชฺชํ ฉสุ ธมฺเมสุ นิวตฺตติ หายติ. วิตกฺกวิจารกฺโขภวิรหิเตน หิ จตุกฺกนยวิภตฺเต ทุติยชฺฌาเน สพฺพทา ปีติ พลวตี เอว โหติ, น ปมชฺฌาเน วิย กทาจิ ทุพฺพลาติ เอวํ วุตฺตํ. ปีติ นิวตฺตติ ตปฺปหาเนเนว ตติยชฺฌานสฺส ลพฺภนโต. ‘‘สุโข วิหาโร’’ติ อิมินา สมาธิ คหิโตติ อาห ‘‘ตถา จตุตฺเถ’’ติ. เย ปน ‘‘สุโข วิหาโร’ติ เอเตน สุขํ คหิต’’นฺติ วทนฺติ, เตสํ มเตน สนฺตวุตฺติตาย อุเปกฺขาปิ จตุตฺถชฺฌาเน ‘‘สุข’’มิจฺเจว ภาสิตาติ (วิภ. อฏฺ. ๒๓๒; วิสุทฺธิ. ๒.๖๔๔; มหานิ. อฏฺ. ๒๗; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑๐๕) กตฺวา ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิมสฺมึเยว ทีฆนิกาเย (ที. นิ. ๑.๔๓๒; ๓.๑๖๖, ๓๕๘) อาคตํ อเนกธา เทสนานยมุทฺธริตฺวา อิธ เทสิตนยํ นิยเมตุํ ‘‘อิเมสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. สุทฺธ…เป… กถิตนฺติ อุปริมคฺคํ อกเถตฺวา เกวลํ วิปสฺสนาปาทกเมว ฌานํ กถิตํ. จตูหิ…เป… กถิตาติ วิปสฺสนาปาทกภาเวน ฌานานิ กเถตฺวา ตโต ปรํ วิปสฺสนาปุพฺพกา จตฺตาโรปิ มคฺคา กถิตา. จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติ กถิตาติ ปมชฺฌานิกาทิกา ผลสมาปตฺติโย อกเถตฺวา จตุตฺถชฺฌานิกา เอว ผลสมาปตฺติ กถิตา. ปีติเววจนเมว กตฺวาติ ทฺวินฺนํ ปีตีนํ ¶ เอกสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท อนุปฺปชฺชนโต ปาโมชฺชํ ปีติเววจนเมว กตฺวา, ตทุภยํ อเภทโต กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปีติสุขานํ อปริจฺจตฺตตฺตา, ‘‘สุโข วิหาโร’’ติ จ สาติสยสฺส สุขวิหารสฺส คหิตตฺตา ‘‘ทุติยชฺฌานิกผลสมาปตฺติ นาม ¶ กถิตา’’ติ วุตฺตํ. กามํ ปมชฺฌาเนปิ ปีติสุขานิ ลพฺภนฺติ, ตานิ ปน วิตกฺกวิจารปริกฺโขเภน น ตตฺถ สนฺตปณีตานิ, อิธ จ สนฺตปณีตาเนว อธิปฺเปตานิ, ตสฺมา ทุติยชฺฌานิกา เอว ผลสมาปตฺติ คหิตา, น ปมชฺฌานิกาติ ทฏฺพฺพํ.
๔๓๒-๔๓๗. วิภาวนตฺโถติ ปกาสนตฺโถ สรูปโต นิรูปนตฺโถ ‘‘น สมโณ โคตโม พฺราหฺมเณ ชิณฺเณ …เป… อภิวาเทติ วา ปจฺจุฏฺเติ วา อาสเนน วา นิมนฺเตตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๒) วิย. เตนาห ‘‘อยํ โส’’ติอาทิ. ‘‘อยํ อตฺตปฏิลาโภ โส เอวา’’ติ เอวํ สรูปโต วิภาเวตฺวา ปกาเสตฺวา. อยนฺติ หิ ภควตา ปุพฺเพ วุตฺตํ อตฺตปฏิลาภํ อาสนฺนปจฺจกฺขภาเวน ปจฺจามสติ, โสติ ปน ปเรหิ ปุจฺฉิยมานํ ปรมฺมุขภาเวน. น นํ เอวํ วทามาติ เอตฺถ นนฺติ โอฬาริกมตฺตปฏิลาภํ. สปฺปาฏิหีรกตนฺติ เอตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปเรหิ โจทิตวจนปฏิหารกํ สอุตฺตรวจนํ สปฺปาฏิหีรกนฺติ หิ อยเมว วิเสโส. ตุจฺโฉติ มุสา อภูโต. โสติ มโนมโย, อรูโป วา อตฺตปฏิลาโภ. สฺเววาติ โส เอว โอฬาริโก อตฺตปฏิลาโภ. ตสฺมึ สมเย สจฺโจ โหตีติ ตสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺนสมเย วิชฺชมาโน โหติ. อตฺตปฏิลาโภตฺเวว นิยฺยาเตสีติ อตฺตปฏิลาภสทฺเทน ตถา เอว ปริโยสาเปสิ, น ปน นํ ‘‘อตฺตปฏิลาโภ’’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉตีติ ปฺตฺตึ สรูปโต นีหริตฺวา ทสฺเสสีติ อธิปฺปาโย. รูปาทโย เจตฺถ ธมฺมาติ รูปเวทนาทโย เอว เอตฺถ โลเก สภาวธมฺมา. นามมตฺตเมตนฺติ รูปาทิเก ปฺจกฺขนฺเธ อุปาทาย นามปฺตฺติมตฺตเมตํ ‘‘อตฺตปฏิลาโภ’’ติ. เอวรูปา โวหาราติ ‘‘โอฬาริโก อตฺตปฏิลาโภ’’ติอาทิโวหารา. นามปฺตฺติวเสนาติ นามภูตปฺตฺติมตฺตวเสน. ‘‘อตฺตปฏิลาโภ’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ นิยฺยาตนตฺถํ.
๔๓๘. เอวฺจ ปน วตฺวาติ รูปาทิเก อุปาทาย ปฺตฺติมตฺตเมตํ อตฺตปฏิลาโภติ อิมมตฺถํ ‘‘ยสฺมึ จิตฺต สมเย’’ติอาทินา วตฺวา. ปฏิปุจฺฉิตฺวาติ ¶ ยถา ปเร ปุจฺเฉยฺยุํ, ตถา กาลวิภาคโต ปฏิปทานิ ปุจฺฉิตฺวา. วินยนตฺถนฺติ ยถาปุจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส าปนวเสน วินยนตฺถาย. เย เต อตีตา ธมฺมาติ อตีตสมเย อตีตตฺตปฏิลาภสฺส อุปาทานภูตา รูปาทโย ธมฺมา. เต เอตรหิ นตฺถิ นิรุทฺธตฺตา. ตโต เอว ‘‘อเหสุ’’นฺติ สงฺขฺยํ คตา. ตสฺมาติ อุปาทานสฺส อตีตสฺมึเยว สมเย ลพฺภนโต. โสปีติ ตทุปาทาโน เม อตฺตปฏิลาโภปิ. ตสฺมึเยว สมเยติ อตีเต เอว สมเย. สจฺโจ อโหสีติ ภูโต วิชฺชมาโน วิย อโหสิ. อนาคตปจฺจุปฺปนฺนานนฺติ อนาคตานฺเจวปจฺจุปฺปนฺนานฺจ รูปาทิธมฺมานํ อุปาทานภูตานํ. ตทา อภาวาติ ตสฺมึ อตีตสมเย อภาวา อวิชฺชมานตฺตา. ตทุปาทานภูโต ¶ อนาคโต, ปจฺจุปฺปนฺโน จ อตฺตปฏิลาโภ ตสฺมึ อตีต สมเย โมโฆ ตุจฺโฉ มุสา นตฺถีติ อตฺโถ. อตฺถโตติ ปฺตฺติอตฺถโต. นามมตฺตเมวาติ สมฺามตฺตเมว. ปรมตฺถโต อนุปลพฺภมานตฺตา อตฺตปฏิลาภํ ปฏิชานาติ.
‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา เย เต อนาคตา ธมฺมา, เต เอตรหิ นตฺถิ, ‘‘ภวิสฺสนฺตี’’ติ ปน สงฺขฺยํ คตา, ตสฺมา โสปิ เม อตฺตปฏิลาโภ ตสฺมึเยว สมเย สจฺโจ ภวิสฺสติ. อตีตปจฺจุปฺปนฺนานํ ปน ธมฺมานํ ตทา อภาวา ตสฺมึ สมเย ‘‘โมโฆ อตีโต, โมโฆ ปจฺจุปฺปนฺโน’’ติ เอวํ อตฺถโต นามมตฺตเมว อตฺตปฏิลาภํ ปฏิชานาติ. เย อิเม ปจฺจุปฺปนฺนา ธมฺมา, เต เอตรหิ ‘‘อตฺถี’’ติ สงฺขฺยํ คตา, ตสฺมา ยฺวายํ เม อตฺตปฏิลาโภ, โส อิทานิ สจฺโจ โหติ. อตีตานาคตานํ ปน ธมฺมานํ อธุนา อภาวา เอตรหิ ‘‘โมโฆ อตีโต, โมโฆ อนาคโต’’ติ เอวํ อตฺถโต นามมตฺตเมว อตฺตปฏิลาภํ ปฏิชานาตีติ อิมมตฺถํ อติทิสติ.
๔๓๙-๔๔๓. สํสนฺทิตุนฺติ สมาเนตุํ. ควาติ คาวิโต. ตตฺถาติ ขีราทีสุ ปฺจโครเสสุ. ยสฺมึ สมเย ขีรํ โหตีติ ยสฺมึ กาเล ภูตุปาทายสฺิตํ อุปาทานวิเสสํ อุปาทาย ขีรปฺตฺติ โหติ. น ตสฺมึ…เป… คจฺฉติ ขีรปฺตฺติอุปาทานสฺส ภูตุปาทายรูปสฺส ทธิอาทิปฺตฺติยา อนุปาทานโต. ปฏินิยตวตฺถุกา หิ เอตา โลกสมฺา. เตนาห ‘‘เย ธมฺเม อุปาทายา’’ติอาทิ. สงฺขายติ กถียติ เอตายาติ สงฺขา. อตฺตํ นีหริตฺวา อุจฺจนฺติ วทนฺติ เอตายาติ นิรุตฺติ. ตํ ตทตฺถํ นมนฺติ สตฺตา เอเตนาติ นามํ, ตถา โวหรนฺติ เอเตนาติ ¶ โวหาโร, ปฺตฺติเยว. ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติอาทินา ขีเร วุตฺตนยํ ทธิอาทีสุปิ ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ อติทิสติ.
สมนุชานนมตฺตกานีติ ‘‘อิทํ ขีรํ, อิทํ ทธี’’ติอาทินา ตาทิเสสุ ภูตุปาทายรูปวิเสเสสุ โลเก ปรมฺปราคตํ ปฺตฺตึ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา สมนุชานนํ วิย ปจฺจยวิเสสวิสิฏฺํ รูปาทิขนฺธสมูหํ อุปาทาย ‘‘โอฬาริโก อตฺตปฏิลาโภ’’ติ จ ‘‘มโนมโย อตฺตปฏิลาโภ’’ติ จ ‘‘อรูโป อตฺตปฏิลาโภ’’ติ จ ตถา ตถา สมนุชานนมตฺตกานิ, น จ ตพฺพินิมุตฺโต อุปาทานโต อฺโ โกจิ ปรมตฺถโต อตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. นิรุตฺติมตฺตกานีติ สทฺทนิรุตฺติยา คหณูปายมตฺตกานิ. ‘‘สตฺโต ผสฺโส’’ติอาทินา หิ สทฺทคฺคหณุตฺตรกาลํ ตทนุวิทฺธปณฺณตฺติคฺคหณมุเขเนว ตทตฺถาวโพโธ. ตถา จาหุ –
‘‘ปมํ ¶ สทฺทํ โสเตน, ตีตํ ทุติยเจตสา;
นามํ ตติยจิตฺเตน, อตฺถํ จตุตฺถเจตสา’’ติ. (มณิสารมฺชุสาฏีกายํ ปจฺจยสงฺคหวิภาเคปิ);
วจนปถมตฺตกานีติ ตสฺเสว เววจนํ. นิรุตฺติเยว หิ อฺเสมฺปิ ทิฏฺานุคติมาปชฺชนฺตานํ การณฏฺเน วจนปโถ. โวหารมตฺตกานีติ ตถา ตถา โวหารมตฺตกานิ. นามปณฺณตฺติมตฺตกานีติ ตสฺเสว ปริยาโย, ตํตํนามปฺาปนมตฺตกานีติ อตฺโถ. สพฺพเมตนฺติ ‘‘อตฺตปฏิลาโภ’’ติ วา ‘‘สตฺโต’’ติ วา ‘‘โปโส’’ติ วา สพฺพเมตํ โวหารมตฺตกํ. กสฺมาติ เจ, ปรมตฺถโต อนุปลพฺภนโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สฺุโติ ปรมตฺถโต วิวิตฺโต.
ยชฺเชวํ กสฺมา เจสา พุทฺเธหิปิ วุจฺจตีติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘พุทฺธานํ ปนา’’ติอาทิมาห. สมฺมุติยา โวหารสฺส กถนํ สมฺมุติกถา. ปรมตฺถสฺส สภาวธมฺมสฺส กถนํ ปรมตฺถกถา. ปรมตฺถสนฺนิสฺสิตกถาภาวโต อนิจฺจาทิกถาปิ ‘‘ปรมตฺถกถา’’ติ วุตฺตา. ปรมตฺถธมฺโมเยว หิ ‘‘อนิจฺโจ, ทุกฺโข’’ติ จ วุจฺจติ, น สมฺมุติธมฺโม.
‘‘อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา, ทุกฺขานตฺตา จ สงฺขตา;
นิพฺพานฺเจว ปฺตฺติ, อนตฺตา อิติ นิจฺฉยา’’ ติ. (ปริ. ๒๕๗) –
วจนโต ปเนส ‘‘อนตฺตา’’ติ วุจฺจติ, ขนฺธาทิปฺตฺติ ปน ตชฺชาปฺตฺติ วิย ปรมตฺถสนฺนิสฺสยา, อาสนฺนตรา จ, ปุคฺคลปฺตฺติอาทโย วิย น ทูเร ¶ , ตสฺมา ขนฺธาทิกถาปิ ‘‘ปรมตฺถกถา’’ติ วุตฺตา, ขนฺธาทิสีเสน วา ตทุปาทานสภาวธมฺมา เอว คหิตาติ ทฏฺพฺพํ. นนุ จ สภาวธมฺมาปิ สมฺมุติมุเขเนว เทสนมาโรหนฺติ, น ปรมตฺถมุเขน, ตสฺมา สพฺพาปิ เทสนา สมฺมุติกถาว สิยาติ? นยิทเมวํ กเถตพฺพธมฺมวิภาเคน กถาวิภาคสฺส อธิปฺเปตตฺตา, น จ สทฺโท เกนจิ ปวตฺตินิมิตฺเตน วินา อตฺถํ ปกาเสตีติ.
กสฺมา เจวํ ทุพฺพิธา พุทฺธานํ กถา ปวตฺตตีติ อนุโยคํ การณวิภาวเนน ปริหริตุํ ‘‘ตตฺถ โย’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตฺถํ วิชานิตุํ จตุสจฺจํ ปฏิวิชฺฌิตุํ วฏฺฏโต นิยฺยาตุํ อรหตฺตสงฺขาตํ ชยคฺคาหํ คเหตุํ สกฺโกติ. ยสฺมา ปรมตฺถกถาย เอว สจฺจสมฺปฏิเวโธ, อริยสจฺจกถา จ สิขาปฺปตฺตา เทสนา, ตสฺมา วิเนยฺยปุคฺคลวเสน อาทิโต สมฺมุติกถํ กเถนฺโตปิ ¶ ภควา ปรโต ปรมตฺถกถํเยว กเถตีติ อาห ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิ. ‘‘อาทิโตว สมฺมุติกถํ กเถตี’’ติ หิ วทนฺโต ปรโต ปรมตฺถกถมฺปิ กเถตีติ ทีเปติ, อิตรตฺถ ปน ‘‘อาทิโตว กเถตี’’ติ อวทนฺโต สพฺพตฺถปีติ. ‘‘ตถา’’ติอาทินา กถาทฺวยกถเน ปริยายนฺตรํ วิภาเวติ. โพเธตฺวาติ เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ตถา ตถา เทเสตพฺพมตฺถํ ชานาเปตฺวา, อิมินา ปน อิมมตฺถํ ทสฺเสติ – กตฺถจิ สมฺมุติกถาปุพฺพิกา ปรมตฺถกถา โหติ ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน, กตฺถจิ ปรมตฺถกถาปุพฺพิกา สมฺมุติกถา, อิติ วิเนยฺยทมฺมกุสลสฺส สตฺถุ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน ตถา ตถา เทสนา ปวตฺตตีติ. สพฺพตฺถ ปน ภควา ธมฺมตํ อวิชหนฺโต เอว สมฺมุติมนุวตฺตติ, สมฺมุตึ อปริจฺจชนฺโตเยว ธมฺมตํ วิภาเวติ, นํ ตตฺถ อภินิเวสาติธาวนานิ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘ชนปทนิรุตฺตึ นาภินิวิเสยฺย, สมฺํ นาติธาเวยฺยา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๓๙-๔๔๓).
ปมํ สมฺมุติกถากถนํ ปน เวเนยฺยวเสน เยภุยฺเยน พุทฺธานมาจิณฺณนฺติ ตํ การเณน สทฺธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปกติยา ปนา’’ติอาทิมาห. ลูขาการาติ เวเนยฺยานมนภิสมฺพุชฺฌนวเสน ลูขสทิสา. นนุ จ สมฺมุติ นาม ปรมตฺถโต อวิชฺชมานตฺตา อภูตา, ตํ กถํ พุทฺธา กเถนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘สมฺมุติกถํ กเถนฺตาปี’’ติอาทิ. สจฺจเมวาติ ตถเมว ¶ . สภาวเมวาติ สมฺมุติภาเวน ตํสภาวเมว. เตนาห ‘‘อมุสาวา’’ติ. ปรมตฺถสฺส ปน สจฺจาทิภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
โก ปนิเมสํ สมฺมุติปรมตฺถธมฺมานํ วิเสโสติ? ยสฺมึ ภินฺเน, พุทฺธิยา วา อวยววินิพฺโภเค กเต น ตํสฺา, โส ฆฏปฏาทิปฺปเภโท สมฺมุติ, ตพฺพิปริยายโต ปรมตฺโถ. น หิ กกฺขฬผุสนาทิสภาเว อยํ นโย ลพฺภติ. เอวํ สนฺเตปิ วุตฺตนเยน สมฺมุติ จ สจฺจสภาวา เอวาติ อาห ‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสี’’ติอาทิ. ตตฺถ ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสีติ นานาเทสภาสากุสโล ติณฺณํ เวทานมตฺถสํวณฺณนโก อาจริโย วิย นานาวิธสมฺมุติปรมตฺถกุสโล ภควา เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ทุเวเยว สจฺจานิ อกฺขาสีติ อตฺโถ. ตํ สรูปโต, ปริมาณโต จ ทสฺเสติ ‘‘สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นูปลพฺภตี’’ติ อิมินา. วทตํ วโรติ สพฺเพสํ วทนฺตานํ วโร. โลกสงฺเกตมตฺตสิทฺธา สมฺมุติ. ปรโม อุตฺตโม อวิปรีโต ยถาภูตสภาโว ปรมตฺโถ.
อิทานิ เนสํ สจฺจสภาวํ สห การเณน ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺเกตวจน’’นฺติ คาถา วุตฺตา. ยสฺมา โลกสมฺมุติการณํ, ตสฺมา สงฺเกตวจนํ สจฺจํ, ยสฺมา จ ธมฺมานํ ภูตลกฺขณํ, ตสฺมา ปรมตฺถวจนํ ¶ สจฺจนฺติ โยชนา. โลกสมฺมุติการณนฺติ หิ สงฺเกตวจนสฺส สจฺจภาเว การณทสฺสนํ, โลกสิทฺธา สมฺมุติ สงฺเกตวจนสฺส อวิสํวาทนตาย การณนฺติ อตฺโถ, วิสํวาทนาภาวโต สงฺเกตวจนํ สจฺจนฺติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมานํ ภูตลกฺขณนฺติ จ ปรมตฺถวจนสฺส สจฺจภาเว การณทสฺสนํ. สภาวธมฺมานํ โย ภูโต อวิปรีโต สภาโว, ตสฺส ลกฺขณํ องฺคนํ าปนนฺติ อตฺโถ, ยาถาวโต อวิสํวาทนวเสน ปวตฺตนโต ปรมตฺถวจนํ สจฺจนฺติ อธิปฺปาโย. อนงฺคณสุตฺตฏีกายํ ปน อาจริเยเนว นิสฺสกฺกวจเนน ปทมุลฺลิงฺเคตฺวา ‘‘โลกสมฺมุติการณาติ โลกสมฺํ นิสฺสาย ปวตฺตนโต. ธมฺมานนฺติ สภาวธมฺมานํ. ภูตการณาติ ยถาภูตสภาวํ นิสฺสาย ปวตฺตนโต’’ติ วุตฺตํ.
อฺตฺถ ปน –
‘‘ตสฺมา โวหรกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;
สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๗; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗๐; อิติวุ. อฏฺ. ๒๔) –
อยมฺปิ ¶ คุณปริทีปนี คาถา ทิสฺสติ. ตตฺถ ตสฺมาติ สจฺจสฺส ทุวิธตฺตา, สงฺเกตวจนสฺส วา สจฺจภาวโต. สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺสาติ ‘‘ปุคฺคโล สตฺโต’’ติอาทินา โลกสมฺํ กเถนฺตสฺส มุสาวาโท นาม น ชายตีติ อตฺโถ. อปิจ ‘‘อฏฺหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคล กถํ กเถติ หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ, กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ, ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ, อานนฺตริยทีปนตฺถํ, พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ, ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ, ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ, โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถฺจา’’ติอาทินา (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๗; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗๐; อิติวุ. อฏฺ. ๒๔; กถา. อนุฏี. ๑) ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตการณมฺปิ อาหริตฺวา อิธ วตฺตพฺพํ.
ยทิ ตถาคโต ปรมตฺถสจฺจํ สมฺมเทว อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ิโตปิ โลกสมฺาภูตํ สมฺมุติสจฺจํ คเหตฺวาว วทติ, เอวฺเจตฺถ โก โลกิยมหาชเนหิ วิเสโสติ วุตฺตํ ‘‘ยาหี’’ติอาทิ, อยํ ปาฬิยํ สมฺพนฺโธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โลกิยมหาชโน อปฺปหีนปรามาสตฺตา ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ปรามสนฺโต โวหรติ. ตถาคโต ปน สพฺพโส ปหีนปรามาสตฺตา อปรามสนฺโตว ยสฺมา โลกสมฺาหิ วินา โลกิโย อตฺโถ โลเกน ทุพฺพิฺเยฺโย, ตสฺมา ตาหิ ตํ โวหรติ. ตถา โวหรนฺโต จ อตฺตโน เทสนาวิลาเสน เวเนยฺยสตฺเต ¶ ปรมตฺถสจฺเจ ปติฏฺาเปตีติ. เทสนํ วินิวฏฺเฏตฺวาติ เหฏฺา วุตฺตาย ทิฏฺาภินิเวสปฏิสฺุตฺตาย วฏฺฏกถาย วินิวตฺเตตฺวา วิเวเจตฺวา. อรหตฺตนิกูเฏน นิฏฺาเปสีติ ‘‘อปรามส’’นฺติ อิมินา ปเทน ตณฺหามานปรามาสปฺปหานกิตฺตเนน ตปฺปหายกอรหตฺตสงฺขาตนิกูเฏน เทสนํ ปริโยสาเปสิ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา โปฏฺปาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
โปฏฺปาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.