📜
๑๐. สุภสุตฺตวณฺณนา
สุภมาณวกวตฺถุวณฺณนา
๔๔๔. เอวํ ¶ ¶ โปฏฺปาทสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ สุภสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, โปฏฺปาทสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส สุภสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… สาวตฺถิยนฺติ สุภสุตฺต’’นฺติ อาห. อนุนาสิกโลเปน ‘‘อจิร ปรินิพฺพุเต’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘อจิรํ ปรินิพฺพุเต’’ติ อิมินา ยถา โปฏฺปาทสุตฺเต ‘‘อปฺปาฏิหีรก ตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ, อจิรํ ปรินิพฺพุตสฺส อสฺสาติ วา อจิรปรินิพฺพุโต ยถา ‘‘อจิรปกฺกนฺโต, มาสชาโต’’ติ. อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตํ. อจิรปรินิพฺพุเตติ จ สตฺถุ ปรินิพฺพุตภาวสฺส จิรกาลตาปฏิกฺเขเปน อาสนฺนตามตฺตํ ทสฺสิตํ, กาลปริจฺเฉโท ปน น ทสฺสิโตติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปรินิพฺพานโต’’ติอาทิมาห. วิสาขปุณฺณมิโต อุทฺธํ ยาว เชฏฺปุณฺณมี, ตาว กาลํ สนฺธาย ‘‘มาสมตฺเต’’ติ วุตฺตํ. มตฺตสทฺเทน ปน ตสฺส กาลสฺส กิฺจิ อสมฺปุณฺณตํ โชเตติ. ตุทิสฺิโต คาโม นิวาโส เอตสฺสาติ โตเทยฺโย. ตํ ปเนส ยสฺมา โสณทณฺโฑ (ที. นิ. ๑.๓๐๐) วิย จมฺปํ, กูฏทนฺโต (ที. นิ. ๑.๓๒๓) วิย จ ขาณุมตํ อชฺฌาวสติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตสฺส อธิปติตฺตา’’ติ, อิสฺสรภาวโตติ อตฺโถ. อยมฺปิ หิ รฺโ ปเสนทิโกสลสฺส ปุโรหิตพฺราหฺมโณ. ปุตฺตมฺปิ อาหาติ สุภํ มาณวมฺปิ โอวทนฺโต อาห.
อฺชนานนฺติ อกฺขิอฺชนตฺถาย ฆํสิตอฺชนานํ. วมฺมิกานนฺติ กิมิสมาหฏวมฺมิกานํ สฺจยํ ทิสฺวาติ สมฺพนฺโธ. มธูนนฺติ มกฺขิกมธูนํ. สมาหารนฺติ มกรนฺทสนฺนิจยํ. ปณฺฑิโต ฆรมาวเสติ ยสฺมา อปฺปตรปฺปตเรปิ คยฺหมาเน โภคา ขียนฺติ, อปฺปตรปฺปตเรปิ จ สฺจิยมาเน วฑฺฒนฺติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตมุปมตฺตยํ ปฺาย ทิสฺวา วิฺุชาติโก ¶ กิฺจิปิ วยมกตฺวา อายเมว อุปฺปาเทนฺโต ฆเรวเส ฆราวาสมนุติฏฺเยฺยาติ โลภาเทสิตปฏิปตฺตึ อุปทิสติ.
อทานเมว สิกฺขาเปตฺวา สิกฺขาปนเหตุ โลภาภิภูตตาย ตสฺมึเยว ฆเร สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โลภวสิกสฺส หิ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา ¶ , ‘‘ชนวสโภ นาม ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๐) เอตฺถ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปุพฺพปริจเยน อติวิย ปิยายติ. วุตฺตฺหิ ‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสนา’’ติอาทิ (ชา. ๑.๒.๑๗๔). นิกฺขนฺเตติ เกนจิเทว กรณีเยน พหิ นิคฺคเต. สุภํ มาณวํ อนุคฺคณฺหิตุกาโม เอกโกว ภควา ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ภุกฺการนฺติ ‘‘ภุ ภู’’ติ สุนขสทฺทกรณํ. ‘‘โภ โภ’’ติ พฺราหฺมณสมุทาจาเรน ปริภวิตฺวา ปริภวนเหตุ. ‘‘โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน’’ติ (ธ. ป. ๓๙๖; สุ. นิ. ๖๒๕) หิ วุตฺตํ. นนุ จ เหฏฺา ‘‘อทานเมว สิกฺขาเปตฺวา สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ อาห, กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘ปุพฺเพปิ มํ ‘โภ โภ’ติ ปริภวิตฺวา สุนโข ชาโต’’ติ วทตีติ? ตถา นิพฺพตฺติยา ตทุภยสาธารณผลตฺตา. อานิสํสผลฺหิ สาธารณกมฺเมนปิ ชาตํ, น วิปากผลํ วิย เอกกมฺเมเนวาติ ทฏฺพฺพํ. อวีจึ คมิสฺสสิ กโตกาสสฺส กมฺมสฺส ปฏิพาหิตุมสกฺกุเณยฺยภาวโต. ‘‘ชานาติ มํ สมโณ โคตโม’’ติ วิปฺปฏิสารี หุตฺวา. อุทฺธนนฺตเรติ จุลฺลิกนฺตเร. นนฺติ สุนขํ.
ตํ ปวตฺตินฺติ ภควตา ยถาวุตฺตการณํ. พฺราหฺมณจาริตฺตสฺส อปริหาปิตตํ สนฺธาย, ตถา ปิตรํ อุกฺกํเสนฺโต ‘‘พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต’’ติ อาห. มุขารุฬฺหนฺติ สยํปฏิภานวเสน มุขมารุฬฺหํ. ตํ ปวตฺตึ ปุจฺฉีติ ‘‘สุตเมตํ โภ โคตม มยฺหํ ปิตา สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ ตุมฺเหหิ วุตฺตํ, ‘‘กิมิทํ สจฺจํ วา อสจฺจํ วา’’ติ ปุจฺฉิ. ตเถว วตฺวาติ ยถา ปุพฺเพ สุนขสฺส วุตฺตํ, ตเถว วตฺวา. อวิสํวาทนตฺถนฺติ สจฺจาปนตฺถํ, ‘‘โตเทยฺยพฺราหฺมโณ สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ วจนสฺส อวิสํวาทเนน อตฺตโน อวิสํวาทิภาวทสฺสนตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. อปฺโปทกนฺติ อปฺปเกน อุทเกน สมฺปาทิตํ. มธุปายาสนฺติ สาทุรสํ, มธุโยชิตํ วา ปายาสํ. ตถา อกาสิ, ยถา ภควตา วุตฺตํ. ‘‘สพฺพํ ทสฺเสสีติ พุทฺธานุภาเวน โส สุนโข ตํ สพฺพํ เนตฺวา ทสฺเสสิ, น ชาติสฺสรตาย. ภควนฺตํ ทิสฺวา ภุกฺกรณํ ปน ปุริมชาติสิทฺธวาสนาวเสนา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๔๔) เอวํ อาจริเยน วุตฺตํ. อุปริปณฺณาสเก ปน จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตฏฺกถายํ ‘‘สุนโข ‘าโตมฺหิ อิมินา’ติ โรทิตฺวา ‘หุํ ¶ หุ’นฺติ กโรนฺโต ธนนิธานฏฺานํ คนฺตฺวา ปาเทน ปถวึ ขณิตฺวา สฺํ อทาสี’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๒๘๙) ชาติสฺสราการมาห, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
‘‘ภวปฏิจฺฉนฺนํ ¶ นาม เอวรูปํ สุนขปฏิสนฺธิอนฺตรํ ปากฏํ สมณสฺส โคตมสฺส, อทฺธา เอส สพฺพฺู’’ติ ภควติ ปสนฺนจิตฺโต. องฺควิชฺชาปาโก กิเรส. เตนสฺส เอตทโหสิ ‘‘อิมํ ธมฺมปณฺณาการํ กตฺวา สมณํ โคตมํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ, ตโต โส จุทฺทส ปฺเห อภิสงฺขริตฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ ‘‘จุทฺทส ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา’’ติ. ตตฺถ จุทฺทส ปฺเหติ ‘‘ทิสฺสนฺติ หิ โภ โคตม มนุสฺสา อปฺปายุกา, ทิสฺสนฺติ ทีฆายุกา. ทิสฺสนฺติ พวฺหาพาธา, อปฺปาพาธา. ทุพฺพณฺณา, วณฺณวนฺโต. อปฺเปสกฺขา, มเหสกฺขา. อปฺปโภคา, มหาโภคา. นีจกุลีนา, อุจฺจากุลีนา. ทิสฺสนฺติ ทุปฺปฺา, ทิสฺสนฺติ ปฺวนฺโต. โก นุ โข โภ โคตม เหตุ โก ปจฺจโย, เยน มนุสฺสานํเยว สตํ มนุสฺสภูตานํ ทิสฺสนฺติ หีนปณีตตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๙) อิเม จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺเต อาคเต จุทฺทส ปฺเห. ‘‘กมฺมสฺสกา มาณว สตฺตา กมฺมทายาทา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๘๙) สงฺเขปโต, วิตฺถารโต จ วิสฺสชฺชนปริโยสาเน ภควนฺตํ สรณํ คโต. องฺคสุภตาย ‘‘สุโภ’’ ติสฺส นามํ. มาณโวติ ปน มหลฺลกกาเลปิ ตรุณโวหาเรน นํ โวหรติ. อตฺตโน โภคคามโตติ ตุทิคามโต อาคนฺตฺวา ตงฺขณิกํ วสติ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘เกนจิเทว กรณีเยนา’’ติ วุตฺตํ.
๔๔๕. ‘‘เอกา จ เม กงฺขา อตฺถี’’ติ อิมินา อุปริ ปุจฺฉิยมานสฺส ปฺหสฺส ปเคว เตน อภิสงฺขตภาวํ ทสฺเสติ. มาณวกนฺติ ขุทฺทกมาณวํ ‘‘เอกปุตฺตโก, (ม. นิ. ๒.๒๙๖, ๓๕๓; ปารา. ๒๖) ปิยปุตฺตโก’’ติอาทีสุ วิย ก-สทฺทสฺส ขุทฺทกตฺเถ ปวตฺตนโต. วิสภาคเวทนาติ ทุกฺขเวทนา. สา หิ กุสลกมฺมนิพฺพตฺเต อตฺตภาเว อุปฺปชฺชนกสุขเวทนาปฏิปกฺขภาวโต ‘‘วิสภาคเวทนา’’ติ จ กายํ คาฬฺหา หุตฺวา พาธนโต ปีฬนโต ‘‘อาพาโธ’’ติ จ วุจฺจติ. กีทิสา ปน สาติ อาห ‘‘ยา เอกเทเส’’ติอาทิ. เอกเทเส อุปฺปชฺชิตฺวาติ สรีเรกเทเส อุฏฺหิตฺวาปิ อปริวตฺติภาวกรณโต อยปฏฺเฏน อาพนฺธิตฺวา วิย คณฺหาติ, อิมินา พลวโรโค อาพาโธ นามาติ ทสฺเสติ. กิจฺฉชีวิตกโรติ อสุขชีวิตาวโห, อิมินา ทุพฺพโล อปฺปมตฺตโก โรโค อาตงฺโก นามาติ ทสฺเสติ. อุฏฺานนฺติ สยนนิสชฺชาทิโต ¶ อุฏฺหนํ, เตน ยถา ตถา อปราปรํ สรีรสฺส ปริวตฺตนํ วทติ. ครุกนฺติ ภาริยํ อกิจฺจสิทฺธิกํ. คิลานสฺเสว กาเย พลํ น โหตีติ สมฺพนฺโธ. ลหุฏฺาเนน เจตฺถ เคลฺาภาโว ปุจฺฉิโต. เหฏฺา จตูหิ ปเทหิ อผาสุวิหาราภาวํ ปุจฺฉิตฺวาปิ อิทานิ ปุน ผาสุวิหารภาวํ ปุจฺฉติ, เตน สวิเสโส เอตฺถ ผาสุวิหาโร ปุจฺฉิโตติ วิฺายติ. อสติปิ หิ อติสยตฺถโชตเน สทฺเท อตฺถาปตฺติโต อติสยตฺโถ ลพฺภเตว ยถา ‘‘อภิรูปสฺส กฺา ทาตพฺพา’’ติ. เตนาห ‘‘คมนฏฺานา’’ติอาทิ. ปุริมํ อาณาปนวจนํ, อิทํ ปน ปุจฺฉิตพฺพาการทสฺสนนฺติ อยมิเมสํ วิเสโสติ ทสฺเสติ ‘‘อถสฺสา’’ติอาทินา.
๔๔๗. กาโล ¶ นาม อุปสงฺกมนสฺส ยุตฺตปตฺตกาโล, สมโย นาม ตสฺเสว ปจฺจยสามคฺคี, อตฺถโต ปเนส ตชฺชํ สรีรพลฺเจว ตปฺปจฺจยปริสฺสยาภาโว จ. อุปาทานํ นาม าเณน เตสํ คหณํ สลฺลกฺขณนฺติ อาห ‘‘ปฺายา’’ติอาทิ. ‘‘สฺเว คมนกาโล ภวิสฺสตี’’ติ อิมินา กาลํ, ‘‘กาเย’’ติอาทินา สมยฺจ สรูปโต ทสฺเสติ. ผริสฺสตีติ ผรณวเสน สฺสติ.
๔๔๘. เจติยรฏฺเติ เจติรฏฺเ. ย-กาเรน หิ ปทํ วฑฺเฒตฺวา เอวํ วุตฺตํ. ‘‘เจติรฏฺโต อฺํ วิสุํเยเวกํ รฏฺ’’นฺติปิ วทนฺติ. ‘‘ยสฺมา มรณํ นาม ตาทิสานํ ทสพลานํ โรควเสเนว โหติ, ตสฺมา เยน โรเคน ตํ ชาตํ, ตสฺส สรูปปุจฺฉา, การณปุจฺฉา, มรณเหตุกจิตฺตสนฺตาปปุจฺฉา, ตสฺส จ สนฺตาปสฺส สพฺพโลกสาธารณตา, ตถา มรณสฺส จ อปฺปฏิกรณตา’’ติ เอวมาทินา มรณปฏิสฺุตฺตํ สมฺโมทนียํ กถํ กเถสีติ ทสฺเสตุํ ‘‘โภ อานนฺทา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘โก นามา’’ติอาทินา หิ โรคํ ปุจฺฉติ, ‘‘กึ ภควา ปริภฺุชี’’ติ อิมินา การณํ, ‘‘อปิจา’’ติอาทินา จิตฺตสนฺตาปํ, ‘‘สตฺถา นามา’’ติอาทินา ตสฺส สพฺพโลกสาธารณตํ, ‘‘เอกา ทานี’’ติอาทินา มรณสฺส อปฺปฏิกรณตํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. มหาชานีติ มหาหานิ. ยตฺราติ เยน การเณน ปรินิพฺพุโต, เตน โก ทานิ อฺโ มรณา มุจฺจิสฺสตีติอาทินา โยเชตพฺพํ. อิทานีติ จ อตฺตโน มนสิการํ ปติ โวหารมตฺเตน วุตฺตํ. ลชฺชิสฺสตีติ ลชฺชา วิย ภวิสฺสติ, วิชฺชิสฺสตีติ อตฺโถ ¶ . ปีตเภสชฺชานุรูปํ อาหารโภชนํ โปราณาจิณฺณนฺติ อาห ‘‘ปีต…เป… ทตฺวา’’ติ.
หุตฺวาติ ปาเสโส สนฺติกาวจรภาวสฺส วิเสสนโต. มาโร ปาปิมา วิย น รนฺธคเวสี, อุตฺตรมาณโว วิย จ น วีมํสนาธิปฺปาโย, อปิ ตุ ขลุ อุปฏฺาโก หุตฺวา สนฺติกาวจโรติ หิ วิเสเสติ. น รนฺธคเวสีติ น ฉิทฺทคเวสี. เยสุ ธมฺเมสูติ วิโมกฺขุปาเยสุ นิยฺยานิกธมฺเมสุ. ธรนฺตีติ อธุนา ติฏฺนฺติ, ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ.
๔๔๙. อตฺถโต ปยุตฺตตาย สทฺทปโยคสฺส สทฺทปพนฺธลกฺขณานิ ตีณิ ปิฏกานิ ตทตฺถภูเตหิ สีลาทีหิ ตีหิ ธมฺมกฺขนฺเธหิ สงฺคยฺหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘ตีณิ ปิฏกานิ ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคเหตฺวา’’ติ. สงฺขิตฺเตน กถิตนฺติ ‘‘ติณฺณํ โข มาณว ขนฺธาน’’นฺติ เอวํ คณนโต, สามฺโต จ สงฺเขเปเนว กถิตํ. ‘‘กตเมสํ ติณฺณ’’นฺติ อยํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉาเยว, น กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. มาณวสฺเสว หิ อยํ ปุจฺฉา, น เถรสฺสาติ อาห ‘‘มาณโว’’ติอาทิ. อฺตฺถ ปน อีทิเสสุ าเนสุ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาเยว ทิสฺสติ, น อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา. อิธ ปน ¶ อฏฺกถายํ เอวํ วุตฺตํ, ตเทตํ อฏฺกถาปมาณโต ปจฺเจตพฺพํ. ตทา ปวตฺตมานฺหิ ปจฺจกฺขํ กตฺวา อฏฺกถมฺปิ สงฺคหมาโรปึสุ. กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาภาเว ปนสฺส เถรสฺเสว วจนตา สิยา.
สีลกฺขนฺธวณฺณนา
๔๕๐-๔๕๓. สีลกฺขนฺธสฺสาติ เอตฺถ ปทตฺถวิปลฺลาสการี อิติสทฺโท ลุตฺโต, อตฺถนิทฺเทโส วิย สทฺทนิทฺเทโส วา, ยถารุโต จ อิติสทฺโท อาทฺยตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เตน ‘‘อริยสฺส สมาธิกฺขนฺธสฺส…เป… ปติฏฺเปสี’’ติ อยํ ปาโ คหิโตติ ทฏฺพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘เตสุ ทสฺสิเตสู’’ติ, เตสุ ตีสุ ขนฺเธสุ อุทฺเทสวเสน ทสฺสิเตสูติ อตฺโถ. ภควตา วุตฺตนเยเนวาติ สามฺผลาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๙๔) เทสิตนเยเนว, เตน อิมสฺส สุตฺตสฺส พุทฺธภาสิตภาวํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ. สาสเน น สีลเมว สาโรติ อริยมคฺคสาเร ภควโต สาสเน ยถาทสฺสิตํ สีลํ สาโร เอว น โหติ สารวโต มหโต รุกฺขสฺส ปปฏิกฏฺานิกตฺตา ¶ . อฏฺานปยุตฺโต หิ เอวสทฺโท ยถาาเน น โยเชตพฺโพ. ยชฺเชวํ กสฺมา ตมิธ คหิตนฺติ อาห ‘‘เกวล’’นฺติอาทิ. ฌานาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อธิคนฺตุกามสฺส อธิฏฺานมตฺตํ ตตฺถ อปฺปติฏฺิตสฺส เตสมสมฺภวโต. วุตฺตฺหิ ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒) อถ วา สาสเน น สีลเมว สาโรติ กามฺเจตฺถ สาสเน มคฺคผลสีลสงฺขาตํ โลกุตฺตรสีลมฺปิ สารเมว, ตถาปิ น สีลกฺขนฺโธ เอว สาโร โหติ, อถ โข สมาธิกฺขนฺโธปิ ปฺากฺขนฺโธปิ สาโร เอวาติ เอวมฺเปตฺถ ยถาปยุตฺเตน เอวสทฺเทน อตฺโถ เวทิตพฺโพ, ปุริโมเยว ปนตฺโถ ยุตฺตตโร. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อิโต อุตฺตรี’’ติอาทิ. อฺมฺปิ กตฺตพฺพนฺติ เสสขนฺธทฺวยํ.
สมาธิกฺขนฺธวณฺณนา
๔๕๔. กสฺมา ปเนตฺถ เถโร สมาธิกฺขนฺธํ ปุฏฺโปิ อินฺทฺริยสํวราทิเก วิสฺสชฺเชสิ, นนุ เอวํ สนฺเต อฺํ ปุฏฺโ อฺํ พฺยากโรนฺโต อมฺพํ ปุฏฺโ ลพุชํ พฺยากโรนฺโต วิย โหตีติ อีทิสี โจทนา อิธ อโนกาสาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กถฺจ…เป… อารภี’’ติ อาห, เตเนตฺถ อินฺทฺริยสํวราทโยปิ สมาธิอุปการกตํ อุปาทาย สมาธิกฺขนฺธปกฺขิกภาเวน อุทฺทิฏฺาติ ทสฺเสติ. เย เต อินฺทฺริยสํวราทโยติ สมฺพนฺโธ. รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานเทสนานนฺตรํ อภิฺาเทสนาย อวสโรติ กตฺวา รูปชฺฌานาเนว อาคตานิ,น อรูปชฺฌานานิ. รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานปาทิกา หิ สปริภณฺฑา ฉปิ อภิฺาโย. ยสฺมา ปน โลกิยาภิฺาโย ¶ อิชฺฌมานา อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ จุทฺทสวิเธน จิตฺตปริทมเนน วินา น อิชฺฌนฺติ, ตสฺมา อภิฺาสุ เทสิยมานาสุ อรูปชฺฌานานิปิ เทสิตาเนว โหนฺติ นานนฺตริกภาวโต. เตนาห ‘‘อาเนตฺวา ปน ทีเปตพฺพานี’’ติ, วุตฺตนเยน เทสิตาเนว กตฺวา สํวณฺณเกหิ ปกาเสตพฺพานีติ อตฺโถ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ อิมินาว อรูปชฺฌานมฺปิ สงฺคหิตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘จตุตฺถชฺฌาเนน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. จตุตฺถชฺฌานเมว หิ รูปวิราคภาวนาวเสน ปวตฺตํ ‘‘อรูปชฺฌาน’’นฺติ วุจฺจติ.
๔๗๑-๔๘๐. น จิตฺเตกคฺคตามตฺตเกเนวาติ เอตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน านาานปยุตฺตสฺส เอวสทฺทสฺสานุรูปมตฺโถ เวทิตพฺโพ. โลกิยสมาธิกฺขนฺธสฺส ¶ ปน อธิปฺเปตตฺตา ‘‘น จิตฺเตกคฺคตา…เป… อตฺถี’’ติ วุตฺตํ. อริโย สมาธิกฺขนฺโธติ เอตฺถ หิ อริยสทฺโท สุทฺธมตฺตปริยาโยว, น โลกุตฺตรปริยาโย. ยถา เจตฺถ, ตถา อริโย สีลกฺขนฺโธติ เอตฺถาปิ. อิโตติ ปฺากฺขนฺธโต, โส จ อุกฺกฏฺโต อรหตฺตผลปริยาปนฺโน เอวาติ อาห ‘‘อรหตฺตปริโยสาน’’นฺติอาทิ. โลกิยาภิฺาปฏิสมฺภิทาหิ วินาปิ หิ อรหตฺเต อธิคเต ‘‘นตฺเถว อุตฺตริกรณีย’’นฺติ สกฺกา วตฺตุํ ยทตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ, ตสฺส สิทฺธตฺตา. อิธ ปน โลกิยาภิฺาโยปิ อาคตาเยว. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยํ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา สุภสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
สุภสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.