📜
๒. สีหนาทวคฺโค
๑. จูฬสีหนาทสุตฺตํ
๑๓๙. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ จตุตฺโถ สมโณ; สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภิ ¶ อฺเหีติ [สมเณหิ อฺเติ (สี. ปี. ก.) เอตฺถ อฺเหีติ สกาย ปฏิฺาย สจฺจาภิฺเหีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ]. เอวเมตํ [เอวเมว (สฺยา. ก.)], ภิกฺขเว, สมฺมา สีหนาทํ นทถ.
๑๔๐. ‘‘านํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ ยํ อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘โก ปนายสฺมนฺตานํ อสฺสาโส, กึ พลํ, เยน ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอวํ วเทถ – อิเธว สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ จตุตฺโถ สมโณ; สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’ติ? เอวํวาทิโน, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘อตฺถิ โข โน, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร ธมฺมา อกฺขาตา เย มยํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมานา เอวํ วเทม – อิเธว สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ ¶ จตุตฺโถ สมโณ; สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหีติ. กตเม จตฺตาโร? อตฺถิ โข โน, อาวุโส, สตฺถริ ปสาโท, อตฺถิ ธมฺเม ปสาโท, อตฺถิ สีเลสุ ปริปูรการิตา; สหธมฺมิกา โข ปน ปิยา มนาปา – คหฏฺา เจว ปพฺพชิตา จ. อิเม โข โน, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร ธมฺมา อกฺขาตา เย มยํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมานา เอวํ วเทม – อิเธว สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ จตุตฺโถ สมโณ; สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’ติ.
๑๔๑. ‘‘านํ ¶ ¶ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ ยํ อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อมฺหากมฺปิ โข, อาวุโส, อตฺถิ สตฺถริ ปสาโท โย อมฺหากํ สตฺถา, อมฺหากมฺปิ อตฺถิ ธมฺเม ปสาโท โย อมฺหากํ ธมฺโม, มยมฺปิ สีเลสุ ปริปูรการิโน ยานิ อมฺหากํ สีลานิ, อมฺหากมฺปิ สหธมฺมิกา ปิยา มนาปา – คหฏฺา เจว ปพฺพชิตา จ. อิธ โน, อาวุโส, โก วิเสโส โก อธิปฺปยาโส [อธิปฺปาโย (ก. สี. สฺยา. ปี.), อธิปฺปโยโค (ก.)] กึ นานากรณํ ยทิทํ ตุมฺหากฺเจว อมฺหากฺจา’ติ?
‘‘เอวํวาทิโน, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘กึ ปนาวุโส, เอกา นิฏฺา, อุทาหุ ปุถุ นิฏฺา’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘เอกาวุโส, นิฏฺา, น ปุถุ นิฏฺา’ติ.
‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา สราคสฺส อุทาหุ วีตราคสฺสา’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ¶ เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘วีตราคสฺสาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา สราคสฺสา’ติ.
‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา สโทสสฺส อุทาหุ วีตโทสสฺสา’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘วีตโทสสฺสาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา สโทสสฺสา’ติ.
‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา สโมหสฺส อุทาหุ วีตโมหสฺสา’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘วีตโมหสฺสาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา สโมหสฺสา’ติ.
‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา สตณฺหสฺส อุทาหุ วีตตณฺหสฺสา’ติ? สมฺมา ¶ พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘วีตตณฺหสฺสาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา สตณฺหสฺสา’ติ.
‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา สอุปาทานสฺส อุทาหุ อนุปาทานสฺสา’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว ¶ , อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘อนุปาทานสฺสาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา สอุปาทานสฺสา’ติ.
‘‘‘สา ¶ ปนาวุโส, นิฏฺา วิทฺทสุโน อุทาหุ อวิทฺทสุโน’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘วิทฺทสุโน, อาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา อวิทฺทสุโน’ติ.
‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา อนุรุทฺธปฺปฏิวิรุทฺธสฺส อุทาหุ อนนุรุทฺธอปฺปฏิวิรุทฺธสฺสา’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘อนนุรุทฺธอปฺปฏิวิรุทฺธสฺสาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา อนุรุทฺธปฺปฏิวิรุทฺธสฺสา’ติ.
‘‘‘สา ¶ ปนาวุโส, นิฏฺา ปปฺจารามสฺส ปปฺจรติโน อุทาหุ นิปฺปปฺจารามสฺส นิปฺปปฺจรติโน’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘นิปฺปปฺจารามสฺสาวุโส, สา นิฏฺา นิปฺปปฺจรติโน, น สา นิฏฺา ปปฺจารามสฺส ปปฺจรติโน’ติ.
๑๔๒. ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, ทิฏฺิโย – ภวทิฏฺิ จ วิภวทิฏฺิ จ. เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภวทิฏฺึ อลฺลีนา ภวทิฏฺึ อุปคตา ภวทิฏฺึ อชฺโฌสิตา, วิภวทิฏฺิยา เต ปฏิวิรุทฺธา. เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา วิภวทิฏฺึ อลฺลีนา วิภวทิฏฺึ อุปคตา วิภวทิฏฺึ อชฺโฌสิตา, ภวทิฏฺิยา เต ปฏิวิรุทฺธา. เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อิมาสํ ทฺวินฺนํ ทิฏฺีนํ สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ นิสฺสรณฺจ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ, ‘เต สราคา เต สโทสา เต สโมหา เต สตณฺหา เต สอุปาทานา เต อวิทฺทสุโน เต อนุรุทฺธปฺปฏิวิรุทฺธา เต ปปฺจารามา ปปฺจรติโน; เต น ปริมุจฺจนฺติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ; น ปริมุจฺจนฺติ ทุกฺขสฺมา’ติ วทามิ. เย จ โข เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อิมาสํ ทฺวินฺนํ ทิฏฺีนํ สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ นิสฺสรณฺจ ยถาภูตํ ปชานนฺติ, ‘เต วีตราคา เต วีตโทสา เต วีตโมหา เต วีตตณฺหา เต ¶ อนุปาทานา เต วิทฺทสุโน เต อนนุรุทฺธอปฺปฏิวิรุทฺธา เต นิปฺปปฺจารามา นิปฺปปฺจรติโน; เต ปริมุจฺจนฺติ ชาติยา ชราย ¶ มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ; ปริมุจฺจนฺติ ทุกฺขสฺมา’ติ วทามิ.
๑๔๓. ‘‘จตฺตาริมานิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, อุปาทานานิ. กตมานิ จตฺตาริ? กามุปาทานํ, ทิฏฺุปาทานํ, สีลพฺพตุปาทานํ, อตฺตวาทุปาทานํ. สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา สพฺพุปาทานปริฺาวาทา ปฏิชานมานา. เต น สมฺมา สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปนฺติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อิมานิ หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ตีณิ านานิ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ. ตสฺมา เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สพฺพุปาทานปริฺาวาทา ปฏิชานมานา; เต น สมฺมา สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปนฺติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ.
‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา สพฺพุปาทานปริฺาวาทา ปฏิชานมานา. เต น สมฺมา สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปนฺติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น สีลพฺพตุปาทานสฺส ¶ ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อิมานิ หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทฺเว านานิ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ. ตสฺมา เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สพฺพุปาทานปริฺาวาทา ปฏิชานมานา; เต น สมฺมา [ปฏิชานมานา น สมฺมา (?)] สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปนฺติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ.
‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา สพฺพุปาทานปริฺาวาทา ปฏิชานมานา. เต น สมฺมา สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปนฺติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อิมฺหิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอกํ านํ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ. ตสฺมา เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สพฺพุปาทานปริฺาวาทา ปฏิชานมานา; เต น สมฺมา [ปฏิชานมานา น สมฺมา (?)] สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปนฺติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ¶ ปฺเปนฺติ, สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ.
‘‘เอวรูเป ¶ โข, ภิกฺขเว, ธมฺมวินเย โย สตฺถริ ปสาโท โส น สมฺมคฺคโต อกฺขายติ; โย ¶ ธมฺเม ปสาโท โส น สมฺมคฺคโต อกฺขายติ; ยา สีเลสุ ปริปูรการิตา สา น สมฺมคฺคตา อกฺขายติ; ยา สหธมฺมิเกสุ ปิยมนาปตา สา น สมฺมคฺคตา อกฺขายติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺเหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ ทุรกฺขาเต ¶ ธมฺมวินเย ทุปฺปเวทิเต อนิยฺยานิเก อนุปสมสํวตฺตนิเก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเต.
๑๔๔. ‘‘ตถาคโต จ โข, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ สพฺพุปาทานปริฺาวาโท ปฏิชานมาโน สมฺมา สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปติ, ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปติ, สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปติ, อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปติ. เอวรูเป โข, ภิกฺขเว, ธมฺมวินเย โย สตฺถริ ปสาโท โส สมฺมคฺคโต อกฺขายติ; โย ธมฺเม ปสาโท โส สมฺมคฺคโต อกฺขายติ; ยา สีเลสุ ปริปูรการิตา สา สมฺมคฺคตา อกฺขายติ; ยา สหธมฺมิเกสุ ปิยมนาปตา สา สมฺมคฺคตา อกฺขายติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺเหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย สุปฺปเวทิเต นิยฺยานิเก อุปสมสํวตฺตนิเก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเต.
๑๔๕. ‘‘อิเม จ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อุปาทานา. กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา? อิเม จตฺตาโร อุปาทานา ตณฺหานิทานา ตณฺหาสมุทยา ¶ ตณฺหาชาติกา ตณฺหาปภวา. ตณฺหา จายํ, ภิกฺขเว, กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา? ตณฺหา เวทนานิทานา เวทนาสมุทยา เวทนาชาติกา เวทนาปภวา. เวทนา จายํ, ภิกฺขเว, กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา? เวทนา ผสฺสนิทานา ผสฺสสมุทยา ผสฺสชาติกา ผสฺสปภวา. ผสฺโส จายํ, ภิกฺขเว, กึนิทาโน กึสมุทโย กึชาติโก กึปภโว? ผสฺโส สฬายตนนิทาโน สฬายตนสมุทโย สฬายตนชาติโก สฬายตนปภโว. สฬายตนฺจิทํ, ภิกฺขเว, กึนิทานํ กึสมุทยํ กึชาติกํ กึปภวํ? สฬายตนํ นามรูปนิทานํ นามรูปสมุทยํ นามรูปชาติกํ นามรูปปภวํ. นามรูปฺจิทํ, ภิกฺขเว, กึนิทานํ กึสมุทยํ กึชาติกํ กึปภวํ? นามรูปํ วิฺาณนิทานํ วิฺาณสมุทยํ วิฺาณชาติกํ วิฺาณปภวํ. วิฺาณฺจิทํ, ภิกฺขเว ¶ , กึนิทานํ กึสมุทยํ กึชาติกํ ¶ กึปภวํ? วิฺาณํ สงฺขารนิทานํ สงฺขารสมุทยํ สงฺขารชาติกํ สงฺขารปภวํ. สงฺขารา จิเม, ภิกฺขเว, กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา? สงฺขารา อวิชฺชานิทานา อวิชฺชาสมุทยา อวิชฺชาชาติกา อวิชฺชาปภวา.
‘‘ยโต จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อวิชฺชา ปหีนา โหติ วิชฺชา อุปฺปนฺนา, โส อวิชฺชาวิราคา วิชฺชุปฺปาทา เนว กามุปาทานํ อุปาทิยติ, น ทิฏฺุปาทานํ อุปาทิยติ, น สีลพฺพตุปาทานํ อุปาทิยติ, น อตฺตวาทุปาทานํ อุปาทิยติ. อนุปาทิยํ น ปริตสฺสติ, อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตฺเว ปรินิพฺพายติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ ¶ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาตี’’ติ.
อิทมโวจ ¶ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
จูฬสีหนาทสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.
๒. มหาสีหนาทสุตฺตํ
๑๔๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ พหินคเร อปรปุเร วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต อจิรปกฺกนฺโต โหติ อิมสฺมา ธมฺมวินยา. โส เวสาลิยํ ปริสติ [ปริสตึ (สี. ปี.)] เอวํ [เอตํ (ปี. ก.)] วาจํ ภาสติ – ‘‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริ [อุตฺตรึ (ปี.)] มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส. ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ. ยสฺส จ ขฺวาสฺส อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’’ติ.
อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อสฺโสสิ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต สุนกฺขตฺตสฺส ลิจฺฉวิปุตฺตสฺส เวสาลิยํ ปริสติ เอวํ วาจํ ภาสมานสฺส – ‘‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส. ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ ¶ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ. ยสฺส จ ขฺวาสฺส อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’’ติ.
อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ¶ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุนกฺขตฺโต, ภนฺเต, ลิจฺฉวิปุตฺโต อจิรปกฺกนฺโต อิมสฺมา ธมฺมวินยา. โส เวสาลิยํ ปริสติ เอวํ วาจํ ภาสติ – ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส. ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ. ยสฺส จ ขฺวาสฺส อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’’’ติ.
๑๔๗. ‘‘โกธโน เหโส, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺโต โมฆปุริโส. โกธา จ ปนสฺส เอสา วาจา ภาสิตา. ‘อวณฺณํ ภาสิสฺสามี’ติ โข, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺโต โมฆปุริโส วณฺณํเยว ตถาคตสฺส ¶ ภาสติ ¶ . วณฺโณ เหโส, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส โย เอวํ วเทยฺย – ‘ยสฺส จ ขฺวาสฺส อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติ.
‘‘อยมฺปิ หิ นาม, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺตสฺส โมฆปุริสสฺส มยิ ธมฺมนฺวโย น ภวิสฺสติ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ, สตฺถา เทวมนุสฺสานํ, พุทฺโธ ภควา’ติ.
‘‘อยมฺปิ หิ นาม, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺตสฺส โมฆปุริสสฺส มยิ ¶ ธมฺมนฺวโย น ภวิสฺสติ – ‘อิติปิ โส ภควา อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ; อาวิภาวํ, ติโรภาวํ; ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ, เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาโน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กมติ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปริมสติ ปริมชฺชติ; ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตตี’ติ.
‘‘อยมฺปิ ¶ หิ นาม, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺตสฺส โมฆปุริสสฺส มยิ ธมฺมนฺวโย น ภวิสฺสติ – ‘อิติปิ โส ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุณาติ – ทิพฺเพ จ มานุเส จ, เย ทูเร สนฺติเก จา’ติ.
‘‘อยมฺปิ หิ นาม, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺตสฺส โมฆปุริสสฺส มยิ ธมฺมนฺวโย น ภวิสฺสติ – ‘อิติปิ โส ภควา ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ – สราคํ วา จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, วีตราคํ วา จิตฺตํ วีตราคํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; สโทสํ วา จิตฺตํ สโทสํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, วีตโทสํ วา จิตฺตํ วีตโทสํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; สโมหํ วา จิตฺตํ สโมหํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ วีตโมหํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; สํขิตฺตํ วา จิตฺตํ สํขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ ¶ , วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ วิกฺขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; มหคฺคตํ วา จิตฺตํ มหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ อมหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ สอุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ อนุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; สมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาหิตํ จิตฺตนฺติ ¶ ปชานาติ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ อสมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อวิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชานาตี’ติ.
๑๔๘. ‘‘ทส โข ปนิมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลานิ เยหิ พเลหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. กตมานิ ทส?
‘‘อิธ, สาริปุตฺต, ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ¶ ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ านโส เหตุโส วิปากํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ านโส เหตุโส วิปากํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ ¶ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต สพฺพตฺถคามินึ ปฏิปทํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ ¶ , สาริปุตฺต, ตถาคโต สพฺพตฺถคามินึ ปฏิปทํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกธาตุนานาธาตุโลกํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกธาตุนานาธาตุโลกํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสํ โวทานํ วุฏฺานํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ ¶ สํกิเลสํ โวทานํ วุฏฺานํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’ติ. อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ¶ สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค ¶ สตฺเต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ¶ ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ¶ ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ. อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.
‘‘อิมานิ โข, สาริปุตฺต, ทส ตถาคตสฺส ตถาคตพลานิ เยหิ พเลหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.
๑๔๙. ‘‘โย ¶ โข มํ, สาริปุตฺต, เอวํ ชานนฺตํ เอวํ ปสฺสนฺตํ เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส; ตกฺกปริยาหตํ ¶ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภาน’นฺติ, ตํ, สาริปุตฺต, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน ทิฏฺเว ธมฺเม ¶ อฺํ อาราเธยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ. ตํ วาจํ อปฺปหาย, ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
๑๕๐. ‘‘จตฺตาริมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส เวสารชฺชานิ เยหิ เวสารชฺเชหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. กตมานิ จตฺตาริ?
‘‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’ติ. ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สหธมฺเมน ¶ ปฏิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ [เอตมฺปหํ (สี. ปี.)], สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.
‘‘‘ขีณาสวสฺส เต ปฏิชานโต อิเม อาสวา อปริกฺขีณา’ติ. ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สหธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ, สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต ¶ เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.
‘‘‘เย โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ. ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สหธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ, สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.
‘‘‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต, โส น นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติ ¶ . ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สหธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสตี’ติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ, สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.
‘‘อิมานิ ¶ โข, สาริปุตฺต, จตฺตาริ ตถาคตสฺส เวสารชฺชานิ เยหิ เวสารชฺเชหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.
‘‘โย โข มํ, สาริปุตฺต, เอวํ ชานนฺตํ เอวํ ปสฺสนฺตํ เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส, ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภาน’นฺติ, ตํ, สาริปุตฺต, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน ทิฏฺเว ธมฺเม ¶ อฺํ อาราเธยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ. ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
๑๕๑. ‘‘อฏฺ โข อิมา, สาริปุตฺต, ปริสา. กตมา อฏฺ? ขตฺติยปริสา, พฺราหฺมณปริสา, คหปติปริสา, สมณปริสา, จาตุมหาราชิกปริสา [จาตุมฺมหาราชิกา (สี. สฺยา. ปี.)], ตาวตึสปริสา, มารปริสา, พฺรหฺมปริสา – อิมา โข, สาริปุตฺต, อฏฺ ปริสา. อิเมหิ โข, สาริปุตฺต, จตูหิ เวสารชฺเชหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อิมา อฏฺ ปริสา อุปสงฺกมติ อชฺโฌคาหติ. อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อเนกสตํ ขตฺติยปริสํ อุปสงฺกมิตา. ตตฺรปิ มยา สนฺนิสินฺนปุพฺพฺเจว, สลฺลปิตปุพฺพฺจ, สากจฺฉา จ สมาปชฺชิตปุพฺพา. ตตฺร วต มํ ภยํ วา สารชฺชํ วา โอกฺกมิสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ, สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.
‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อเนกสตํ พฺราหฺมณปริสํ…เป… คหปติปริสํ… สมณปริสํ… จาตุมหาราชิกปริสํ… ตาวตึสปริสํ… มารปริสํ… พฺรหฺมปริสํ อุปสงฺกมิตา. ตตฺรปิ มยา สนฺนิสินฺนปุพฺพฺเจว, สลฺลปิตปุพฺพฺจ, สากจฺฉา จ สมาปชฺชิตปุพฺพา. ตตฺร วต มํ ภยํ วา สารชฺชํ วา โอกฺกมิสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต ¶ , น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ, สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต ¶ วิหรามิ.
‘‘โย ¶ โข มํ, สาริปุตฺต, เอวํ ชานนฺตํ เอวํ ปสฺสนฺตํ เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา ¶ อลมริยาณทสฺสนวิเสโส, ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภาน’นฺติ, ตํ, สาริปุตฺต, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ. ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
๑๕๒. ‘‘จตสฺโส โข อิมา, สาริปุตฺต, โยนิโย. กตมา จตสฺโส? อณฺฑชา โยนิ, ชลาพุชา โยนิ, สํเสทชา โยนิ, โอปปาติกา โยนิ. กตมา จ, สาริปุตฺต, อณฺฑชา โยนิ? เย โข เต, สาริปุตฺต, สตฺตา อณฺฑโกสํ อภินิพฺภิชฺช ชายนฺติ – อยํ วุจฺจติ, สาริปุตฺต, อณฺฑชา โยนิ. กตมา จ, สาริปุตฺต, ชลาพุชา โยนิ? เย โข เต, สาริปุตฺต, สตฺตา วตฺถิโกสํ อภินิพฺภิชฺช ชายนฺติ – อยํ วุจฺจติ, สาริปุตฺต, ชลาพุชา โยนิ. กตมา จ, สาริปุตฺต, สํเสทชา โยนิ? เย โข เต, สาริปุตฺต, สตฺตา ปูติมจฺเฉ วา ชายนฺติ ปูติกุณเป วา ปูติกุมฺมาเส วา จนฺทนิกาเย วา โอฬิคลฺเล วา ชายนฺติ – อยํ วุจฺจติ, สาริปุตฺต, สํเสทชา โยนิ. กตมา จ, สาริปุตฺต, โอปปาติกา โยนิ? เทวา, เนรยิกา, เอกจฺเจ จ มนุสฺสา, เอกจฺเจ จ วินิปาติกา – อยํ วุจฺจติ, สาริปุตฺต, โอปปาติกา โยนิ. อิมา โข, สาริปุตฺต, จตสฺโส โยนิโย.
‘‘โย ¶ โข มํ, สาริปุตฺต, เอวํ ชานนฺตํ เอวํ ปสฺสนฺตํ เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส, ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภาน’นฺติ, ตํ, สาริปุตฺต, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย, เอวํ ¶ สมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ. ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
๑๕๓. ‘‘ปฺจ ¶ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโย. กตมา ปฺจ? นิรโย, ติรจฺฉานโยนิ, เปตฺติวิสโย, มนุสฺสา, เทวา. นิรยฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, นิรยคามิฺจ มคฺคํ, นิรยคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. ติรจฺฉานโยนิฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, ติรจฺฉานโยนิคามิฺจ มคฺคํ, ติรจฺฉานโยนิคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. เปตฺติวิสยํ จาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, เปตฺติวิสยคามิฺจ มคฺคํ, เปตฺติวิสยคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. มนุสฺเส จาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, มนุสฺสโลกคามิฺจ มคฺคํ ¶ , มนุสฺสโลกคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺเสสุ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. เทเว จาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, เทวโลกคามิฺจ มคฺคํ, เทวโลกคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. นิพฺพานฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, นิพฺพานคามิฺจ มคฺคํ, นิพฺพานคามินิฺจ ¶ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ ตฺจ ปชานามิ.
๑๕๔. ‘‘อิธาหํ, สาริปุตฺต, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนํ, เอกนฺตทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา เวทยมานํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, องฺคารกาสุ สาธิกโปริสา ปูรา องฺคารานํ วีตจฺจิกานํ วีตธูมานํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต เอกายเนน มคฺเคน ตเมว องฺคารกาสุํ ปณิธาย. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตถายํ ภวํ ปุริโส ปฏิปนฺโน ตถา จ ¶ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อิมํเยว องฺคารกาสุํ อาคมิสฺสตี’ติ ¶ . ตเมนํ ปสฺเสยฺย อปเรน สมเยน ตสฺสา องฺคารกาสุยา ¶ ปติตํ, เอกนฺตทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา เวทยมานํ. เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนํ, เอกนฺตทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา เวทยมานํ.
‘‘อิธ ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปนฺนํ, ทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา เวทยมานํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, คูถกูโป สาธิกโปริโส, ปูโร คูถสฺส. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต ¶ กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต เอกายเนน มคฺเคน ตเมว คูถกูปํ ปณิธาย. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตถายํ ภวํ ปุริโส ปฏิปนฺโน ตถา ¶ จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห ยถา อิมํเยว คูถกูปํ อาคมิสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺเสยฺย อปเรน สมเยน ตสฺมึ คูถกูเป ปติตํ, ทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา เวทยมานํ. เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปนฺนํ, ทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา เวทยมานํ.
‘‘อิธ ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ¶ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปนฺนํ, ทุกฺขพหุลา เวทนา เวทยมานํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, รุกฺโข วิสเม ภูมิภาเค ชาโต ตนุปตฺตปลาโส กพรจฺฉาโย ¶ . อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต เอกายเนน มคฺเคน ตเมว รุกฺขํ ปณิธาย. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตถายํ ภวํ ปุริโส ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อิมํเยว รุกฺขํ อาคมิสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺเสยฺย ¶ , อปเรน สมเยน ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสินฺนํ วา นิปนฺนํ วา ทุกฺขพหุลา เวทนา เวทยมานํ. เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปนฺนํ, ทุกฺขพหุลา เวทนา เวทยมานํ.
‘‘อิธ ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺเสสุ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺเสสุ อุปปนฺนํ, สุขพหุลา เวทนา เวทยมานํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, รุกฺโข สเม ภูมิภาเค ชาโต พหลปตฺตปลาโส สนฺทจฺฉาโย [สณฺฑจฺฉาโย (สฺยา.), สนฺตจฺฉาโย (ก.)]. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต เอกายเนน มคฺเคน ตเมว รุกฺขํ ปณิธาย. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตถายํ ภวํ ปุริโส ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อิมเมว รุกฺขํ อาคมิสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺเสยฺย อปเรน สมเยน ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสินฺนํ วา นิปนฺนํ วา สุขพหุลา เวทนา เวทยมานํ. เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจํ ¶ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ¶ มนุสฺเสสุ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺเสสุ อุปปนฺนํ, สุขพหุลา เวทนา เวทยมานํ.
‘‘อิธ ¶ ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา ¶ วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนํ, เอกนฺตสุขา เวทนา เวทยมานํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ปาสาโท, ตตฺราสฺส กูฏาคารํ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ นิวาตํ ผุสิตคฺคฬํ ปิหิตวาตปานํ. ตตฺราสฺส ปลฺลงฺโก โคนกตฺถโต ปฏิกตฺถโต ปฏลิกตฺถโต กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรโณ สอุตฺตรจฺฉโท อุภโตโลหิตกูปธาโน. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต เอกายเนน มคฺเคน ตเมว ปาสาทํ ปณิธาย. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตถายํ ภวํ ปุริโส ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อิมํเยว ปาสาทํ อาคมิสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺเสยฺย อปเรน สมเยน ตสฺมึ ปาสาเท ตสฺมึ กูฏาคาเร ตสฺมึ ปลฺลงฺเก นิสินฺนํ วา นิปนฺนํ วา เอกนฺตสุขา เวทนา เวทยมานํ. เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ¶ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนํ, เอกนฺตสุขา เวทนา เวทยมานํ.
‘‘อิธ ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อาสวานํ ขยา อนาสํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตํ, เอกนฺตสุขา เวทนา เวทยมานํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, โปกฺขรณี อจฺโฉทกา ¶ สาโตทกา สีโตทกา เสตกา สุปติตฺถา รมณียา. อวิทูเร จสฺสา ติพฺโพ วนสณฺโฑ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต เอกายเนน มคฺเคน ตเมว โปกฺขรณึ ปณิธาย. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตถา ภวํ ปุริโส ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อิมํเยว โปกฺขรณึ อาคมิสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺเสยฺย อปเรน สมเยน ตํ โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา นฺหายิตฺวา จ ปิวิตฺวา จ สพฺพทรถกิลมถปริฬาหํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา ¶ ปจฺจุตฺตริตฺวา ตสฺมึ วนสณฺเฑ นิสินฺนํ วา นิปนฺนํ ¶ วา, เอกนฺตสุขา เวทนา เวทยมานํ. เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ ¶ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตํ, เอกนฺตสุขา เวทนา เวทยมานํ. อิมา โข, สาริปุตฺต, ปฺจ คติโย.
‘‘โย โข มํ, สาริปุตฺต, เอวํ ชานนฺตํ เอวํ ปสฺสนฺตํ เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส; ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภาน’นฺติ ตํ, สาริปุตฺต, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ ‘ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย’.
๑๕๕. ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ ¶ จริตา [จริตฺวา (ก.)] – ตปสฺสี สุทํ โหมิ ปรมตปสฺสี, ลูโข สุทํ [ลูขสฺสุทํ (สี. ปี.)] โหมิ ปรมลูโข, เชคุจฺฉี สุทํ โหมิ ปรมเชคุจฺฉี, ปวิวิตฺโต สุทํ [ปวิวิตฺตสฺสุทํ (สี. ปี.)] โหมิ ปรมปวิวิตฺโต ¶ . ตตฺราสฺสุ เม อิทํ, สาริปุตฺต, ตปสฺสิตาย โหติ – อเจลโก โหมิ มุตฺตาจาโร หตฺถาปเลขโน [หตฺถาวเลขโน (สฺยา.)], น เอหิภทฺทนฺติโก น ติฏฺภทฺทนฺติโก; นาภิหฏํ น อุทฺทิสฺสกตํ น นิมนฺตนํ สาทิยามิ. โส น กุมฺภิมุขา ปฏิคฺคณฺหามิ, น กโฬปิมุขา ปฏิคฺคณฺหามิ, น เอฬกมนฺตรํ, น ทณฺฑมนฺตรํ, น มุสลมนฺตรํ, น ทฺวินฺนํ ภฺุชมานานํ, น คพฺภินิยา, น ปายมานาย [ปายนฺติยา (ก.)], น ปุริสนฺตรคตาย, น สงฺกิตฺตีสุ, น ยตฺถ สา อุปฏฺิโต โหติ, น ยตฺถ มกฺขิกา สณฺฑสณฺฑจารินี; น มจฺฉํ น มํสํ น สุรํ น เมรยํ น ถุโสทกํ ปิวามิ; โส เอกาคาริโก วา โหมิ เอกาโลปิโก, ทฺวาคาริโก ¶ วา โหมิ ทฺวาโลปิโก…เป… สตฺตาคาริโก วา โหมิ สตฺตาโลปิโก; เอกิสฺสาปิ ทตฺติยา ยาเปมิ, ทฺวีหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปมิ…เป… สตฺตหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปมิ; เอกาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรมิ, ทฺวีหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรมิ…เป… สตฺตาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรมิ; อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกมฺปิ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรามิ.
‘‘โส สากภกฺโข วา โหมิ, สามากภกฺโข วา โหมิ, นีวารภกฺโข วา โหมิ, ททฺทุลภกฺโข วา โหมิ, หฏภกฺโข วา โหมิ, กณภกฺโข วา ¶ โหมิ, อาจามภกฺโข วา โหมิ ¶ , ปิฺากภกฺโข วา โหมิ, ติณภกฺโข วา โหมิ, โคมยภกฺโข วา โหมิ, วนมูลผลาหาโร ยาเปมิ ปวตฺตผลโภชี.
‘‘โส สาณานิปิ ธาเรมิ, มสาณานิปิ ธาเรมิ, ฉวทุสฺสานิปิ ธาเรมิ, ปํสุกูลานิปิ ธาเรมิ, ติรีฏานิปิ ธาเรมิ, อชินมฺปิ ธาเรมิ, อชินกฺขิปมฺปิ ธาเรมิ, กุสจีรมฺปิ ธาเรมิ, วากจีรมฺปิ ธาเรมิ, ผลกจีรมฺปิ ธาเรมิ, เกสกมฺพลมฺปิ ธาเรมิ, วาฬกมฺพลมฺปิ ธาเรมิ, อุลูกปกฺขมฺปิ ธาเรมิ; เกสมสฺสุโลจโกปิ โหมิ เกสมสฺสุโลจนานุโยคมนุยุตฺโต; อุพฺภฏฺโกปิ โหมิ อาสนปฏิกฺขิตฺโต; อุกฺกุฏิโกปิ โหมิ อุกฺกุฏิกปฺปธานมนุยุตฺโต; กณฺฏกาปสฺสยิโกปิ โหมิ กณฺฏกาปสฺสเย เสยฺยํ กปฺเปมิ [อิมสฺสานนฺตเร อฺโปิ โกจิ ปาปเทโส อฺเสุ อาชีวกวตทีปกสุตฺเตสุ ทิสฺสติ]; สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรามิ – อิติ เอวรูปํ อเนกวิหิตํ กายสฺส ¶ อาตาปนปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรามิ. อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, ตปสฺสิตาย โหติ.
๑๕๖. ‘‘ตตฺราสฺสุ เม อิทํ, สาริปุตฺต, ลูขสฺมึ โหติ – เนกวสฺสคณิกํ รโชชลฺลํ กาเย สนฺนิจิตํ โหติ ปปฏิกชาตํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ตินฺทุกขาณุ เนกวสฺสคณิโก สนฺนิจิโต โหติ ปปฏิกชาโต, เอวเมวาสฺสุ เม, สาริปุตฺต, เนกวสฺสคณิกํ รโชชลฺลํ กาเย สนฺนิจิตํ โหติ ปปฏิกชาตํ. ตสฺส มยฺหํ, สาริปุตฺต, น เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ อิมํ รโชชลฺลํ ปาณินา ปริมชฺเชยฺยํ, อฺเ วา ปน เม อิมํ รโชชลฺลํ ปาณินา ปริมชฺเชยฺยุ’นฺติ. เอวมฺปิ เม, สาริปุตฺต ¶ , น โหติ. อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, ลูขสฺมึ โหติ.
‘‘ตตฺราสฺสุ เม อิทํ, สาริปุตฺต, เชคุจฺฉิสฺมึ โหติ – โส โข อหํ, สาริปุตฺต, สโตว อภิกฺกมามิ, สโตว ปฏิกฺกมามิ, ยาว อุทกพินฺทุมฺหิปิ เม ทยา ปจฺจุปฏฺิตา โหติ – ‘มาหํ ขุทฺทเก ปาเณ วิสมคเต สงฺฆาตํ อาปาเทสิ’นฺติ. อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, เชคุจฺฉิสฺมึ โหติ.
‘‘ตตฺราสฺสุ เม อิทํ, สาริปุตฺต, ปวิวิตฺตสฺมึ โหติ – โส โข ¶ อหํ, สาริปุตฺต, อฺตรํ อรฺายตนํ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรามิ. ยทา ปสฺสามิ โคปาลกํ วา ปสุปาลกํ วา ติณหารกํ วา กฏฺหารกํ วา วนกมฺมิกํ วา, วเนน วนํ คหเนน คหนํ นินฺเนน นินฺนํ ถเลน ถลํ สํปตามิ [ปปตามิ (สี. สฺยา. ปี.)]. ตํ กิสฺส เหตุ? มา มํ เต อทฺทสํสุ อหฺจ มา เต อทฺทสนฺติ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, อารฺโก มโค มนุสฺเส ทิสฺวา วเนน วนํ คหเนน คหนํ นินฺเนน นินฺนํ ¶ ถเลน ถลํ สํปตติ, เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, ยทา ปสฺสามิ โคปาลกํ วา ปสุปาลกํ วา ติณหารกํ วา กฏฺหารกํ วา วนกมฺมิกํ วา วเนน วนํ คหเนน คหนํ นินฺเนน นินฺนํ ถเลน ถลํ สํปตามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? มา มํ เต อทฺทสํสุ อหฺจ มา เต อทฺทสนฺติ. อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, ปวิวิตฺตสฺมึ โหติ.
‘‘โส โข อหํ, สาริปุตฺต, เย เต โคฏฺา ปฏฺิตคาโว อปคตโคปาลกา, ตตฺถ จตุกฺกุณฺฑิโก อุปสงฺกมิตฺวา ยานิ ตานิ วจฺฉกานํ ¶ ตรุณกานํ เธนุปกานํ โคมยานิ ตานิ สุทํ อาหาเรมิ. ยาวกีวฺจ เม ¶ , สาริปุตฺต, สกํ มุตฺตกรีสํ อปริยาทินฺนํ โหติ, สกํเยว สุทํ มุตฺตกรีสํ อาหาเรมิ. อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, มหาวิกฏโภชนสฺมึ โหติ.
๑๕๗. ‘‘โส โข อหํ, สาริปุตฺต, อฺตรํ ภึสนกํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรามิ. ตตฺราสฺสุทํ, สาริปุตฺต, ภึสนกสฺส วนสณฺฑสฺส ภึสนกตสฺมึ โหติ – โย โกจิ อวีตราโค ตํ วนสณฺฑํ ปวิสติ, เยภุยฺเยน โลมานิ หํสนฺติ. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ยา ตา รตฺติโย สีตา เหมนฺติกา อนฺตรฏฺกา หิมปาตสมยา [อนฺตรฏฺเก หิมปาตสมเย (สี. ปี.)] ตถารูปาสุ รตฺตีสุ รตฺตึ อพฺโภกาเส วิหรามิ, ทิวา วนสณฺเฑ; คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ทิวา อพฺโภกาเส วิหรามิ, รตฺตึ วนสณฺเฑ. อปิสฺสุ มํ, สาริปุตฺต, อยํ อนจฺฉริยคาถา ปฏิภาสิ ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา –
‘‘โสตตฺโต โสสินฺโน [โสสีโน (สี. ปี. ก.), โสสิโน (สฺยา.), โสสินฺโท (สทฺทนีติ)] เจว, เอโก ภึสนเก วเน;
นคฺโค น จคฺคิมาสีโน, เอสนาปสุโต มุนี’’ติ.
‘‘โส โข อหํ, สาริปุตฺต, สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมิ ฉวฏฺิกานิ อุปธาย. อปิสฺสุ มํ, สาริปุตฺต, คามณฺฑลา [โคมณฺฑลา (พหูสุ) จริยาปิฏกอฏฺกถา โอโลเกตพฺพา] อุปสงฺกมิตฺวา โอฏฺุภนฺติปิ, โอมุตฺเตนฺติปิ, ปํสุเกนปิ โอกิรนฺติ, กณฺณโสเตสุปิ สลากํ ปเวเสนฺติ. น โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อภิชานามิ เตสุ ปาปกํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตา. อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, อุเปกฺขาวิหารสฺมึ โหติ.
๑๕๘. ‘‘สนฺติ ¶ ¶ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อาหาเรน ¶ สุทฺธี’ติ. เต เอวมาหํสุ – ‘โกเลหิ ยาเปมา’ติ. เต โกลมฺปิ ขาทนฺติ, โกลจุณฺณมฺปิ ขาทนฺติ, โกโลทกมฺปิ ปิวนฺติ – อเนกวิหิตมฺปิ โกลวิกตึ ปริภฺุชนฺติ. อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกํเยว โกลํ อาหารํ อาหาริตา. สิยา โข ปน เต, สาริปุตฺต, เอวมสฺส – ‘มหา นูน เตน สมเยน โกโล อโหสี’ติ. น โข ปเนตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ทฏฺพฺพํ. ตทาปิ เอตปรโมเยว โกโล อโหสิ เสยฺยถาปิ เอตรหิ. ตสฺส มยฺหํ, สาริปุตฺต, เอกํเยว ¶ โกลํ อาหารํ อาหารยโต อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เสยฺยถาปิ นาม อาสีติกปพฺพานิ วา กาฬปพฺพานิ วา, เอวเมวสฺสุ เม องฺคปจฺจงฺคานิ ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม โอฏฺปทํ, เอวเมวสฺสุ เม อานิสทํ โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม วฏฺฏนาวฬี, เอวเมวสฺสุ เม ปิฏฺิกณฺฏโก อุนฺนตาวนโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ชรสาลาย โคปานสิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม ผาสุฬิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม คมฺภีเร อุทปาเน อุทกตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม อกฺขิกูเปสุ อกฺขิตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ติตฺตกาลาพุอามกจฺฉินฺโน วาตาตเปน สํผุฏิโต [สมฺผุสิโต (สฺยา.), สํปุฏิโต (ปี. ก.) เอตฺถ สํผุฏิโตติ สงฺกุจิโตติ อตฺโถ] โหติ สมฺมิลาโต, เอวเมวสฺสุ ¶ เม สีสจฺฉวิ สํผุฏิตา โหติ สมฺมิลาตา ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ‘อุทรจฺฉวึ ปริมสิสฺสามี’ติ ปิฏฺิกณฺฏกํเยว ปริคฺคณฺหามิ, ‘ปิฏฺิกณฺฏกํ ปริมสิสฺสามี’ติ อุทรจฺฉวึเยว ปริคฺคณฺหามิ, ยาวสฺสุ เม, สาริปุตฺต, อุทรจฺฉวิ ปิฏฺิกณฺฏกํ อลฺลีนา โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ‘วจฺจํ วา มุตฺตํ วา กริสฺสามี’ติ ตตฺเถว อวกุชฺโช ปปตามิ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ตเมว กายํ อสฺสาเสนฺโต ปาณินา คตฺตานิ อโนมชฺชามิ. ตสฺส มยฺหํ, สาริปุตฺต, ปาณินา คตฺตานิ อโนมชฺชโต ปูติมูลานิ โลมานิ กายสฺมา ปตนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย.
๑๕๙. ‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อาหาเรน สุทฺธี’ติ. เต เอวมาหํสุ – ‘มุคฺเคหิ ยาเปม…เป… ติเลหิ ยาเปม…เป… ตณฺฑุเลหิ ยาเปมา’ติ. เต ตณฺฑุลมฺปิ ขาทนฺติ, ตณฺฑุลจุณฺณมฺปิ ขาทนฺติ, ตณฺฑุโลทกมฺปิ ¶ ปิวนฺติ – อเนกวิหิตมฺปิ ตณฺฑุลวิกตึ ปริภฺุชนฺติ. อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกํเยว ตณฺฑุลํ อาหารํ อาหาริตา. สิยา โข ปน เต, สาริปุตฺต, เอวมสฺส – ‘มหา นูน เตน สมเยน ตณฺฑุโล อโหสี’ติ. น โข ปเนตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ทฏฺพฺพํ. ตทาปิ เอตปรโมเยว ตณฺฑุโล อโหสิ ¶ , เสยฺยถาปิ ¶ เอตรหิ. ตสฺส มยฺหํ, สาริปุตฺต, เอกํเยว ตณฺฑุลํ อาหารํ อาหารยโต อธิมตฺตกสิมานํ ¶ ปตฺโต กาโย โหติ. เสยฺยถาปิ นาม อาสีติกปพฺพานิ วา กาฬปพฺพานิ วา, เอวเมวสฺสุ เม องฺคปจฺจงฺคานิ ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม โอฏฺปทํ, เอวเมวสฺสุ เม อานิสทํ โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม วฏฺฏนาวฬี, เอวเมวสฺสุ เม ปิฏฺิกณฺฏโก อุนฺนตาวนโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ชรสาลาย โคปานสิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม ผาสุฬิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม คมฺภีเร อุทปาเน อุทกตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม อกฺขิกูเปสุ อกฺขิตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ติตฺตกาลาพุ อามกจฺฉินฺโน วาตาตเปน สํผุฏิโต โหติ สมฺมิลาโต, เอวเมวสฺสุ เม สีสจฺฉวิ สํผุฏิตา โหติ สมฺมิลาตา ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ‘อุทรจฺฉวึ ปริมสิสฺสามี’ติ ปิฏฺิกณฺฏกํเยว ปริคฺคณฺหามิ, ‘ปิฏฺิกณฺฏกํ ปริมสิสฺสามี’ติ อุทรจฺฉวึเยว ปริคฺคณฺหามิ. ยาวสฺสุ เม, สาริปุตฺต, อุทรจฺฉวิ ปิฏฺิกณฺฏกํ อลฺลีนา โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ‘วจฺจํ วา มุตฺตํ วา กริสฺสามี’ติ ตตฺเถว อวกุชฺโช ปปตามิ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ตเมว กายํ อสฺสาเสนฺโต ปาณินา คตฺตานิ อโนมชฺชามิ. ตสฺส มยฺหํ, สาริปุตฺต, ปาณินา คตฺตานิ อโนมชฺชโต ปูติมูลานิ โลมานิ กายสฺมา ปตนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย.
‘‘ตายปิ โข อหํ, สาริปุตฺต, อิริยาย ตาย ปฏิปทาย ตาย ทุกฺกรการิกาย นาชฺฌคมํ อุตฺตรึ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ. ตํ กิสฺส เหตุ? อิมิสฺสาเยว อริยาย ปฺาย อนธิคมา, ยายํ อริยา ปฺา อธิคตา อริยา นิยฺยานิกา, นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย.
๑๖๐. ‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘สํสาเรน สุทฺธี’ติ. น โข ปน โส [น โข ปเนโส (สี. สฺยา.)], สาริปุตฺต, สํสาโร สุลภรูโป ¶ โย มยา อสํสริตปุพฺโพ ¶ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา, อฺตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหิ. สุทฺธาวาเส จาหํ, สาริปุตฺต, เทเว สํสเรยฺยํ, นยิมํ โลกํ ปุนราคจฺเฉยฺยํ.
‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อุปปตฺติยา ¶ สุทฺธี’ติ. น โข ปน สา, สาริปุตฺต ¶ , อุปปตฺติ สุลภรูปา ยา มยา อนุปปนฺนปุพฺพา อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา, อฺตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหิ. สุทฺธาวาเส จาหํ, สาริปุตฺต, เทเว อุปปชฺเชยฺยํ, นยิมํ โลกํ ปุนราคจฺเฉยฺยํ.
‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อาวาเสน สุทฺธี’ติ. น โข ปน โส, สาริปุตฺต, อาวาโส สุลภรูโป โย มยา อนาวุฏฺปุพฺโพ [อนาวุตฺถปุพฺโพ (สี. ปี.)] อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา, อฺตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหิ. สุทฺธาวาเส จาหํ, สาริปุตฺต, เทเว อาวเสยฺยํ, นยิมํ โลกํ ปุนราคจฺเฉยฺยํ.
‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘ยฺเน สุทฺธี’ติ. น โข ปน โส, สาริปุตฺต, ยฺโ สุลภรูโป โย มยา อยิฏฺปุพฺโพ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา, ตฺจ โข รฺา วา สตา ขตฺติเยน มุทฺธาวสิตฺเตน พฺราหฺมเณน วา มหาสาเลน.
‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อคฺคิปริจริยาย สุทฺธี’ติ. น โข ปน โส, สาริปุตฺต, อคฺคิ สุลภรูโป โย มยา อปริจิณฺณปุพฺโพ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา, ตฺจ โข รฺา วา สตา ขตฺติเยน มุทฺธาวสิตฺเตน พฺราหฺมเณน วา มหาสาเลน.
๑๖๑. ‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘ยาวเทวายํ ภวํ ปุริโส ทหโร โหติ ยุวา ¶ สุสุกาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา ตาวเทว ปรเมน ปฺาเวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต โหติ. ยโต จ โข อยํ ภวํ ปุริโส ชิณฺโณ โหติ วุทฺโธ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต, อาสีติโก วา นาวุติโก วา วสฺสสติโก วา ชาติยา, อถ ตมฺหา ปฺาเวยฺยตฺติยา, ปริหายตี’ติ. น โข ปเนตํ, สาริปุตฺต ¶ , เอวํ ทฏฺพฺพํ. อหํ โข ปน, สาริปุตฺต, เอตรหิ ชิณฺโณ วุทฺโธ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต, อาสีติโก เม วโย วตฺตติ. อิธ เม อสฺสุ, สาริปุตฺต, จตฺตาโร สาวกา วสฺสสตายุกา วสฺสสตชีวิโน, ปรมาย สติยา จ คติยา จ ธิติยา จ สมนฺนาคตา ปรเมน จ ปฺาเวยฺยตฺติเยน. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ทฬฺหธมฺมา [ทฬฺหธมฺโม (พหูสุ) ฏีกา จ โมคฺคลฺลานพฺยากรณํ จ โอโลเกตพฺพํ] ธนุคฺคโห สิกฺขิโต กตหตฺโถ กตูปาสโน ลหุเกน อสเนน อปฺปกสิเรเนว ติริยํ ตาลจฺฉายํ อติปาเตยฺย, เอวํ อธิมตฺตสติมนฺโต ¶ เอวํ อธิมตฺตคติมนฺโต เอวํ ¶ อธิมตฺตธิติมนฺโต เอวํ ปรเมน ปฺาเวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคตา. เต มํ จตุนฺนํ สติปฏฺานานํ อุปาทายุปาทาย ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยุํ, ปุฏฺโ ปุฏฺโ จาหํ เตสํ พฺยากเรยฺยํ, พฺยากตฺจ เม พฺยากตโต ธาเรยฺยุํ, น จ มํ ทุติยกํ อุตฺตริ ปฏิปุจฺเฉยฺยุํ. อฺตฺร อสิตปีตขายิตสายิตา อฺตฺร อุจฺจารปสฺสาวกมฺมา, อฺตฺร นิทฺทากิลมถปฏิวิโนทนา อปริยาทินฺนาเยวสฺส, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนา, อปริยาทินฺนํเยวสฺส ตถาคตสฺส ธมฺมปทพฺยฺชนํ, อปริยาทินฺนํเยวสฺส ตถาคตสฺส ปฺหปฏิภานํ ¶ . อถ เม เต จตฺตาโร สาวกา วสฺสสตายุกา วสฺสสตชีวิโน วสฺสสตสฺส อจฺจเยน กาลํ กเรยฺยุํ. มฺจเกน เจปิ มํ, สาริปุตฺต, ปริหริสฺสถ, เนวตฺถิ ตถาคตสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยสฺส อฺถตฺตํ. ยํ โข ตํ [ยํ โข ปเนตํ (สี.)], สาริปุตฺต, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อสมฺโมหธมฺโม สตฺโต โลเก อุปฺปนฺโน พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติ, มเมว ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย ‘อสมฺโมหธมฺโม สตฺโต โลเก อุปฺปนฺโน พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’’นฺติ.
๑๖๒. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นาคสมาโล ภควโต ปิฏฺิโต ิโต โหติ ภควนฺตํ พีชยมาโน. อถ โข อายสฺมา นาคสมาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! อปิ หิ เม, ภนฺเต, อิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา โลมานิ หฏฺานิ. โกนาโม อยํ, ภนฺเต, ธมฺมปริยาโย’’ติ? ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, นาคสมาล, อิมํ ธมฺมปริยายํ โลมหํสนปริยาโย ตฺเวว นํ ธาเรหี’’ติ.
อิทมโวจ ¶ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา นาคสมาโล ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
มหาสีหนาทสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.
๓. มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ
๑๖๓. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ¶ สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสึสุ. อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อติปฺปโค โข ตาว สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตุํ, ยํ นูน มยํ เยน อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺยามา’’ติ. อถ โข เต ภิกฺขู เยน อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อฺติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธึ สมฺโมทึสุ; สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข เต ภิกฺขู เต อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอตทโวจุํ – ‘‘สมโณ, อาวุโส, โคตโม กามานํ ปริฺํ ปฺเปติ, มยมฺปิ กามานํ ปริฺํ ปฺเปม; สมโณ, อาวุโส, โคตโม รูปานํ ปริฺํ ปฺเปติ, มยมฺปิ รูปานํ ปริฺํ ปฺเปม; สมโณ, อาวุโส, โคตโม เวทนานํ ปริฺํ ปฺเปติ, มยมฺปิ เวทนานํ ปริฺํ ปฺเปม; อิธ โน, อาวุโส, โก วิเสโส, โก อธิปฺปยาโส, กึ นานากรณํ สมณสฺส วา โคตมสฺส อมฺหากํ วา – ยทิทํ ธมฺมเทสนาย วา ธมฺมเทสนํ, อนุสาสนิยา วา อนุสาสนิ’’นฺติ? อถ โข เต ภิกฺขู เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ภาสิตํ เนว ¶ อภินนฺทึสุ, นปฺปฏิกฺโกสึสุ; อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมึสุ – ‘‘ภควโต สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามา’’ติ.
๑๖๔. อถ โข เต ภิกฺขู สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ มยํ, ภนฺเต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ¶ ปิณฺฑาย ปาวิสิมฺห. เตสํ โน, ภนฺเต, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อติปฺปโค โข ตาว สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตุํ, ยํ นูน มยํ เยน อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺยามา’ติ. อถ โข มยํ, ภนฺเต, เยน อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อฺติตฺถิเยหิ ¶ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธึ สมฺโมทิมฺห; สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิมฺห. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข อมฺเห, ภนฺเต, เต อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอตทโวจุํ – ‘สมโณ, อาวุโส, โคตโม กามานํ ปริฺํ ปฺเปติ, มยมฺปิ กามานํ ปริฺํ ปฺเปม ¶ . สมโณ, อาวุโส, โคตโม รูปานํ ปริฺํ ปฺเปติ, มยมฺปิ รูปานํ ปริฺํ ปฺเปม. สมโณ, อาวุโส, โคตโม เวทนานํ ปริฺํ ปฺเปติ, มยมฺปิ เวทนานํ ปริฺํ ปฺเปม. อิธ โน, อาวุโส, โก วิเสโส, โก อธิปฺปยาโส, กึ นานากรณํ ¶ สมณสฺส วา โคตมสฺส อมฺหากํ วา, ยทิทํ ธมฺมเทสนาย วา ธมฺมเทสนํ อนุสาสนิยา วา อนุสาสนิ’นฺติ. อถ โข มยํ, ภนฺเต, เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ภาสิตํ เนว อภินนฺทิมฺห, นปฺปฏิกฺโกสิมฺห; อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมิมฺห – ‘ภควโต สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามา’’’ติ.
๑๖๕. ‘‘เอวํวาทิโน, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘โก ปนาวุโส, กามานํ อสฺสาโท, โก อาทีนโว, กึ นิสฺสรณํ? โก รูปานํ อสฺสาโท, โก อาทีนโว, กึ นิสฺสรณํ? โก เวทนานํ อสฺสาโท, โก อาทีนโว, กึ นิสฺสรณ’นฺติ? เอวํ ปุฏฺา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา น เจว สมฺปายิสฺสนฺติ, อุตฺตริฺจ วิฆาตํ อาปชฺชิสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ยถา ตํ, ภิกฺขเว, อวิสยสฺมึ. นาหํ ตํ, ภิกฺขเว, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย โย อิเมสํ ปฺหานํ เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธยฺย, อฺตฺร ตถาคเตน วา ตถาคตสาวเกน วา, อิโต วา ปน สุตฺวา.
๑๖๖. ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, กามานํ อสฺสาโท? ปฺจิเม, ภิกฺขเว, กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิฺเยฺยา สทฺทา…เป… ฆานวิฺเยฺยา คนฺธา ¶ … ชิวฺหาวิฺเยฺยา รสา… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ กามคุณา. ยํ โข, ภิกฺขเว, อิเม ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ – อยํ กามานํ อสฺสาโท.
๑๖๗. ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว? อิธ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺโต เยน สิปฺปฏฺาเนน ¶ ชีวิกํ กปฺเปติ – ยทิ มุทฺทาย ยทิ คณนาย ยทิ สงฺขาเนน [สงฺขาย (ก.)] ยทิ กสิยา ยทิ วณิชฺชาย ยทิ โครกฺเขน ยทิ อิสฺสตฺเถน ยทิ ราชโปริเสน ยทิ สิปฺปฺตเรน – สีตสฺส ปุรกฺขโต อุณฺหสฺส ปุรกฺขโต ฑํสมกสวาตาตปสรีํสปสมฺผสฺเสหิ ริสฺสมาโน [อีรยมาโน (ก.), สมฺผสฺสมาโน (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺต ๑๓๖)] ขุปฺปิปาสาย มียมาโน; อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ ¶ กามานเมว เหตุ.
‘‘ตสฺส เจ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตสฺส เอวํ อุฏฺหโต ฆฏโต วายมโต เต โภคา นาภินิปฺผชฺชนฺติ. โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ – ‘โมฆํ วต เม อุฏฺานํ, อผโล วต เม วายาโม’ติ. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
‘‘ตสฺส เจ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตสฺส เอวํ อุฏฺหโต ฆฏโต วายมโต เต โภคา อภินิปฺผชฺชนฺติ. โส เตสํ โภคานํ อารกฺขาธิกรณํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ – ‘กินฺติ เม โภเค เนว ราชาโน หเรยฺยุํ, น โจรา หเรยฺยุํ, น อคฺคิ ทเหยฺย, น อุทกํ วเหยฺย [วาเหยฺย (ก.)], น อปฺปิยา ทายาทา หเรยฺยุ’นฺติ. ตสฺส ¶ เอวํ อารกฺขโต โคปยโต เต โภเค ราชาโน วา หรนฺติ, โจรา วา หรนฺติ, อคฺคิ วา ทหติ, อุทกํ วา วหติ, อปฺปิยา วา ทายาทา หรนฺติ. โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ – ‘ยมฺปิ เม อโหสิ ตมฺปิ โน นตฺถี’ติ. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
๑๖๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ ราชาโนปิ ราชูหิ วิวทนฺติ, ขตฺติยาปิ ขตฺติเยหิ วิวทนฺติ ¶ , พฺราหฺมณาปิ พฺราหฺมเณหิ วิวทนฺติ, คหปตีปิ คหปตีหิ วิวทนฺติ, มาตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ มาตรา วิวทติ, ปิตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ ปิตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภาตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภคินิยา วิวทติ, ภคินีปิ ภาตรา วิวทติ, สหาโยปิ สหาเยน วิวทติ. เต ตตฺถ กลหวิคฺคหวิวาทาปนฺนา อฺมฺํ ปาณีหิปิ อุปกฺกมนฺติ, เลฑฺฑูหิปิ อุปกฺกมนฺติ, ทณฺเฑหิปิ อุปกฺกมนฺติ, สตฺเถหิปิ อุปกฺกมนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ ¶ . อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ อสิจมฺมํ คเหตฺวา, ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา, อุภโตพฺยูฬฺหํ สงฺคามํ ปกฺขนฺทนฺติ อุสูสุปิ ขิปฺปมาเนสุ ¶ , สตฺตีสุปิ ขิปฺปมานาสุ, อสีสุปิ วิชฺโชตลนฺเตสุ. เต ตตฺถ อุสูหิปิ วิชฺฌนฺติ, สตฺติยาปิ วิชฺฌนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ อสิจมฺมํ คเหตฺวา, ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา, อทฺทาวเลปนา [อฏฺฏาวเลปนา (สฺยา. ก.)] อุปการิโย ปกฺขนฺทนฺติ อุสูสุปิ ขิปฺปมาเนสุ, สตฺตีสุปิ ขิปฺปมานาสุ ¶ , อสีสุปิ วิชฺโชตลนฺเตสุ. เต ตตฺถ อุสูหิปิ วิชฺฌนฺติ, สตฺติยาปิ วิชฺฌนฺติ, ฉกณกายปิ [ปกฏฺิยาปิ (สี.)] โอสิฺจนฺติ, อภิวคฺเคนปิ โอมทฺทนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
๑๖๙. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ สนฺธิมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นิลฺโลปมฺปิ หรนฺติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรนฺติ, ปริปนฺเถปิ ติฏฺนฺติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉนฺติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺติ – กสาหิปิ ตาเฬนฺติ, เวตฺเตหิปิ ตาเฬนฺติ, อฑฺฒทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺติ; หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺติ, ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, หตฺถปาทมฺปิ ¶ ฉินฺทนฺติ, กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ; พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺติ ¶ , สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺติ, ราหุมุขมฺปิ กโรนฺติ, โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺติ, หตฺถปชฺโชติกมฺปิ กโรนฺติ, เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺติ, เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺติ, พฬิสมํสิกมฺปิ กโรนฺติ, กหาปณิกมฺปิ กโรนฺติ, ขาราปตจฺฉิกมฺปิ กโรนฺติ, ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, ปลาลปีกมฺปิ กโรนฺติ, ตตฺเตนปิ เตเลน โอสิฺจนฺติ, สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺติ, ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ ¶ . เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ. เต กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สมฺปรายิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
๑๗๐. ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, กามานํ นิสฺสรณํ? โย โข, ภิกฺขเว, กาเมสุ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ – อิทํ กามานํ นิสฺสรณํ.
‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ ¶ กามานํ อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ เต วต สามํ วา กาเม ปริชานิสฺสนฺติ, ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน กาเม ปริชานิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. เย จ โข เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา ¶ เอวํ กามานํ อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ ปชานนฺติ, เต วต สามํ วา กาเม ปริชานิสฺสนฺติ ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน กาเม ปริชานิสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ.
๑๗๑. ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, รูปานํ อสฺสาโท? เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ขตฺติยกฺา วา พฺราหฺมณกฺา วา คหปติกฺา วา ปนฺนรสวสฺสุทฺเทสิกา วา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วา, นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬี นาจฺโจทาตา ปรมา สา, ภิกฺขเว, ตสฺมึ สมเย สุภา ¶ วณฺณนิภาติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. ยํ โข, ภิกฺขเว, สุภํ วณฺณนิภํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ – อยํ รูปานํ อสฺสาโท.
‘‘โก จ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว? อิธ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปสฺเสยฺย อปเรน สมเยน อาสีติกํ วา นาวุติกํ วา วสฺสสติกํ วา ชาติยา, ชิณฺณํ โคปานสิวงฺกํ ¶ โภคฺคํ ทณฺฑปรายนํ ปเวธมานํ คจฺฉนฺตึ อาตุรํ คตโยพฺพนํ ขณฺฑทนฺตํ [ขณฺฑทนฺตึ (สี. ปี.)] ปลิตเกสํ [ปลิตเกสึ], วิลูนํ ขลิตสิรํ วลินํ ติลกาหตคตฺตํ [ติลกาหตคตฺตึ (พหูสุ) อฏฺกถา ฏีกา โอโลเกตพฺพา]. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา ¶ สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปสฺเสยฺย อาพาธิกํ ทุกฺขิตํ พาฬฺหคิลานํ, สเก มุตฺตกรีเส ปลิปนฺนํ เสมานํ [เสยฺยมานํ (ก.)], อฺเหิ วุฏฺาปิยมานํ, อฺเหิ สํเวสิยมานํ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว.
๑๗๒. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ – เอกาหมตํ วา ทฺวีหมตํ วา ตีหมตํ วา, อุทฺธุมาตกํ วินีลกํ วิปุพฺพกชาตํ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ – กาเกหิ วา ขชฺชมานํ, กุลเลหิ วา ขชฺชมานํ, คิชฺเฌหิ วา ขชฺชมานํ, กงฺเกหิ วา ขชฺชมานํ, สุนเขหิ วา ขชฺชมานํ, พฺยคฺเฆหิ วา ขชฺชมานํ, ทีปีหิ วา ขชฺชมานํ, สิงฺคาเลหิ วา ขชฺชมานํ, วิวิเธหิ วา ปาณกชาเตหิ ขชฺชมานํ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว ¶ , ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ – อฏฺิกสงฺขลิกํ สมํสโลหิตํ นฺหารุสมฺพนฺธํ, อฏฺิกสงฺขลิกํ ¶ นิมํสโลหิตมกฺขิตํ ¶ นฺหารุสมฺพนฺธํ, อฏฺิกสงฺขลิกํ อปคตมํสโลหิตํ นฺหารุสมฺพนฺธํ, อฏฺิกานิ อปคตสมฺพนฺธานิ ทิสาวิทิสาวิกฺขิตฺตานิ – อฺเน หตฺถฏฺิกํ, อฺเน ปาทฏฺิกํ, อฺเน โคปฺผกฏฺิกํ, อฺเน ชงฺฆฏฺิกํ, อฺเน อูรุฏฺิกํ, อฺเน กฏิฏฺิกํ, อฺเน ผาสุกฏฺิกํ, อฺเน ปิฏฺิฏฺิกํ, อฺเน ขนฺธฏฺิกํ, อฺเน คีวฏฺิกํ, อฺเน หนุกฏฺิกํ, อฺเน ทนฺตฏฺิกํ, อฺเน ¶ สีสกฏาหํ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ – อฏฺิกานิ เสตานิ สงฺขวณฺณปฏิภาคานิ, อฏฺิกานิ ปฺุชกิตานิ เตโรวสฺสิกานิ, อฏฺิกานิ ปูตีนิ จุณฺณกชาตานิ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, รูปานํ นิสฺสรณํ? โย, ภิกฺขเว, รูเปสุ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ – อิทํ รูปานํ นิสฺสรณํ.
‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ รูปานํ อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ เต วต สามํ วา รูเป ปริชานิสฺสนฺติ, ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน รูเป ปริชานิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. เย จ โข เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ รูปานํ อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ ปชานนฺติ เต วต สามํ วา รูเป ปริชานิสฺสนฺติ ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน รูเป ปริชานิสฺสตีติ ¶ – านเมตํ วิชฺชติ.
๑๗๓. ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, เวทนานํ อสฺสาโท? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เนว ตสฺมึ สมเย อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ ¶ เจเตติ ¶ ; อพฺยาพชฺฌํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ. อพฺยาพชฺฌปรมาหํ, ภิกฺขเว, เวทนานํ อสฺสาทํ วทามิ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ ¶ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป… ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา, อุเปกฺขโก จ วิหรติ, สโต จ สมฺปชาโน สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ ยํ ตํ อริยา ¶ อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป… ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เนว ตสฺมึ สมเย อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ; อพฺยาพชฺฌํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ. อพฺยาพชฺฌปรมาหํ, ภิกฺขเว, เวทนานํ อสฺสาทํ วทามิ.
๑๗๔. ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, เวทนานํ อาทีนโว? ยํ, ภิกฺขเว, เวทนา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา – อยํ เวทนานํ อาทีนโว.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, เวทนานํ นิสฺสรณํ? โย, ภิกฺขเว, เวทนาสุ ฉนฺทราควินโย, ฉนฺทราคปฺปหานํ – อิทํ เวทนานํ นิสฺสรณํ.
‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ เวทนานํ อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ, เต วต สามํ วา เวทนํ ปริชานิสฺสนฺติ, ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน เวทนํ ปริชานิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. เย จ โข ¶ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ เวทนานํ อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ ปชานนฺติ เต วต สามํ วา เวทนํ ปริชานิสฺสนฺติ, ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน เวทนํ ปริชานิสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชตี’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.
๔. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ
๑๗๕. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ นิคฺโรธาราเม. อถ โข มหานาโม สกฺโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข มหานาโม สกฺโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทีฆรตฺตาหํ, ภนฺเต, ภควตา เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘โลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โทโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โมโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ. เอวฺจาหํ [เอวํปาหํ (ก.)], ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘โลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โทโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โมโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ. อถ จ ปน เม เอกทา โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โทสธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โมหธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘โกสุ นาม เม ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน เยน เม เอกทา โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โทสธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โมหธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺตี’’’ติ.
๑๗๖. ‘‘โส เอว โข เต, มหานาม, ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน เยน เต เอกทา โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โทสธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โมหธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ. โส จ หิ เต, มหานาม, ธมฺโม อชฺฌตฺตํ ปหีโน อภวิสฺส, น ตฺวํ อคารํ อชฺฌาวเสยฺยาสิ, น กาเม ปริภฺุเชยฺยาสิ. ยสฺมา จ โข เต, มหานาม, โส เอว ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน ตสฺมา ตฺวํ อคารํ อชฺฌาวสสิ, กาเม ปริภฺุชสิ.
๑๗๗. ‘‘‘อปฺปสฺสาทา ¶ กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว [พหูปายาสา (สี. สฺยา. ปี.)] เอตฺถ ภิยฺโย’ติ – อิติ เจปิ, มหานาม, อริยสาวกสฺส ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺํ โหติ, โส จ [โสว (ก.)] อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ นาธิคจฺฉติ, อฺํ วา ตโต สนฺตตรํ; อถ โข โส เนว ตาว อนาวฏฺฏี กาเมสุ โหติ. ยโต จ โข, มหานาม, อริยสาวกสฺส ‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว ¶ เอตฺถ ภิยฺโย’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ¶ สุทิฏฺํ โหติ, โส จ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ อธิคจฺฉติ อฺํ วา ตโต สนฺตตรํ; อถ โข โส อนาวฏฺฏี กาเมสุ โหติ.
‘‘มยฺหมฺปิ โข, มหานาม ¶ , ปุพฺเพว สมฺโพธา, อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต, ‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺํ โหติ, โส จ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ นาชฺฌคมํ, อฺํ วา ตโต สนฺตตรํ; อถ ขฺวาหํ เนว ตาว อนาวฏฺฏี กาเมสุ ปจฺจฺาสึ. ยโต จ โข เม, มหานาม, ‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺํ อโหสิ, โส จ [โสว (ก.)] อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ อชฺฌคมํ, อฺํ วา ตโต สนฺตตรํ; อถาหํ อนาวฏฺฏี กาเมสุ ปจฺจฺาสึ.
๑๗๘. ‘‘โก จ, มหานาม, กามานํ อสฺสาโท? ปฺจิเม, มหานาม, กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา; โสตวิฺเยฺยา สทฺทา…เป… ฆานวิฺเยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิฺเยฺยา รสา… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม โข, มหานาม, ปฺจ กามคุณา. ยํ โข, มหานาม, อิเม ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ – อยํ กามานํ อสฺสาโท.
‘‘โก จ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว? อิธ, มหานาม, กุลปุตฺโต เยน สิปฺปฏฺาเนน ชีวิกํ กปฺเปติ – ยทิ มุทฺทาย ยทิ คณนาย ยทิ สงฺขาเนน ยทิ กสิยา ยทิ วณิชฺชาย ยทิ โครกฺเขน ยทิ อิสฺสตฺเถน ยทิ ราชโปริเสน ยทิ สิปฺปฺตเรน, สีตสฺส ปุรกฺขโต อุณฺหสฺส ปุรกฺขโต ฑํสมกสวาตาตปสรีํสปสมฺผสฺเสหิ ริสฺสมาโน ขุปฺปิปาสาย มียมาโน; อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ ¶ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
‘‘ตสฺส ¶ เจ มหานาม กุลปุตฺตสฺส เอวํ อุฏฺหโต ฆฏโต วายมโต เต โภคา นาภินิปฺผชฺชนฺติ, โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหํ อาปชฺชติ ‘โมฆํ ¶ วต เม อุฏฺานํ, อผโล วต เม วายาโม’ติ. อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
‘‘ตสฺส เจ, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส เอวํ อุฏฺหโต ฆฏโต วายมโต เต โภคา อภินิปฺผชฺชนฺติ. โส เตสํ โภคานํ อารกฺขาธิกรณํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ – ‘กินฺติ เม โภเค เนว ราชาโน หเรยฺยุํ, น โจรา หเรยฺยุํ, น อคฺคิ ทเหยฺย, น อุทกํ วเหยฺย, น อปฺปิยา วา ทายาทา หเรยฺยุ’นฺติ. ตสฺส เอวํ อารกฺขโต โคปยโต เต โภเค ราชาโน วา หรนฺติ, โจรา วา หรนฺติ, อคฺคิ วา ทหติ, อุทกํ วา วหติ, อปฺปิยา วา ทายาทา หรนฺติ. โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหํ อาปชฺชติ – ‘ยมฺปิ เม อโหสิ ตมฺปิ โน นตฺถี’ติ. อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ ราชาโนปิ ราชูหิ วิวทนฺติ, ขตฺติยาปิ ขตฺติเยหิ วิวทนฺติ, พฺราหฺมณาปิ พฺราหฺมเณหิ วิวทนฺติ, คหปตีปิ คหปตีหิ วิวทนฺติ, มาตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ มาตรา วิวทติ, ปิตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ ปิตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภาตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภคินิยา วิวทติ, ภคินีปิ ภาตรา วิวทติ, สหาโยปิ สหาเยน วิวทติ. เต ตตฺถ กลหวิคฺคหวิวาทาปนฺนา อฺมฺํ ปาณีหิปิ อุปกฺกมนฺติ, เลฑฺฑูหิปิ อุปกฺกมนฺติ, ทณฺเฑหิปิ อุปกฺกมนฺติ, สตฺเถหิปิ อุปกฺกมนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ ¶ . อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ อสิจมฺมํ คเหตฺวา, ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา, อุภโตพฺยูฬฺหํ สงฺคามํ ปกฺขนฺทนฺติ อุสูสุปิ ขิปฺปมาเนสุ, สตฺตีสุปิ ขิปฺปมานาสุ, อสีสุปิ วิชฺโชตลนฺเตสุ. เต ตตฺถ อุสูหิปิ วิชฺฌนฺติ, สตฺติยาปิ วิชฺฌนฺติ, อสินาปิ สีสํ ¶ ฉินฺทนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ อสิจมฺมํ ¶ คเหตฺวา, ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา, อทฺทาวเลปนา อุปการิโย ปกฺขนฺทนฺติ อุสูสุปิ ขิปฺปมาเนสุ, สตฺตีสุปิ ขิปฺปมานาสุ, อสีสุปิ วิชฺโชตลนฺเตสุ. เต ตตฺถ อุสูหิปิ วิชฺฌนฺติ, สตฺติยาปิ วิชฺฌนฺติ, ฉกณกายปิ โอสิฺจนฺติ, อภิวคฺเคนปิ โอมทฺทนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ สนฺธิมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นิลฺโลปมฺปิ หรนฺติ, เอกาคาริกมฺปิ ¶ กโรนฺติ, ปริปนฺเถปิ ติฏฺนฺติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉนฺติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺติ – กสาหิปิ ตาเฬนฺติ, เวตฺเตหิปิ ตาเฬนฺติ, อฑฺฒทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺติ; หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺติ, ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ; พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺติ, สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺติ, ราหุมุขมฺปิ กโรนฺติ, โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺติ, หตฺถปชฺโชติกมฺปิ กโรนฺติ, เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺติ, เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺติ, พฬิสมํสิกมฺปิ กโรนฺติ, กหาปณิกมฺปิ กโรนฺติ, ขาราปตจฺฉิกมฺปิ กโรนฺติ, ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, ปลาลปีกมฺปิ กโรนฺติ, ตตฺเตนปิ เตเลน โอสิฺจนฺติ, สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺติ, ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ. เต กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา, อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ. อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สมฺปรายิโก ¶ , ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.
๑๗๙. ‘‘เอกมิทาหํ, มหานาม, สมยํ ราชคเห วิหรามิ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา นิคณฺา [นิคนฺถา (สฺยา. ก.)] อิสิคิลิปสฺเส กาฬสิลายํ ¶ อุพฺภฏฺกา โหนฺติ อาสนปฏิกฺขิตฺตา, โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ. อถ ขฺวาหํ, มหานาม, สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน อิสิคิลิปสฺเส กาฬสิลา เยน เต นิคณฺา ¶ เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา เต นิคณฺเ เอตทโวจํ – ‘กินฺนุ ตุมฺเห, อาวุโส, นิคณฺา อุพฺภฏฺกา อาสนปฏิกฺขิตฺตา, โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยถา’ติ? เอวํ วุตฺเต, มหานาม, เต นิคณฺา มํ เอตทโวจุํ – ‘นิคณฺโ, อาวุโส, นาฏปุตฺโต [นาถปุตฺโต (สี. ปี.)] สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานาติ – ‘‘จรโต จ เม ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส ¶ จ สตตํ สมิตํ าณทสฺสนํ ปจฺจุปฏฺิต’’นฺติ. โส เอวมาห – ‘‘อตฺถิ โข โว [อตฺถิ โข โภ (สฺยา. ก.)], นิคณฺา, ปุพฺเพ ปาปกมฺมํ กตํ, ตํ อิมาย กฏุกาย ทุกฺกรการิกาย นิชฺชีเรถ [นิชฺชเรถ (สี. สฺยา. ปี.)]; ยํ ปเนตฺถ [มยํ ปเนตฺถ (ก.)] เอตรหิ กาเยน สํวุตา วาจาย สํวุตา มนสา สํวุตา ตํ อายตึ ปาปสฺส กมฺมสฺส อกรณํ; อิติ ปุราณานํ กมฺมานํ ตปสา พฺยนฺติภาวา, นวานํ กมฺมานํ อกรณา, อายตึ อนวสฺสโว; อายตึ อนวสฺสวา กมฺมกฺขโย, กมฺมกฺขยา ทุกฺขกฺขโย, ทุกฺขกฺขยา เวทนากฺขโย, เวทนากฺขยา สพฺพํ ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ ภวิสฺสตี’’ติ. ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺห อตฺตมนา’ติ.
๑๘๐. ‘‘เอวํ ¶ วุตฺเต, อหํ, มหานาม, เต นิคณฺเ เอตทโวจํ – ‘กึ ปน ตุมฺเห, อาวุโส นิคณฺา, ชานาถ – อหุวมฺเหว มยํ ปุพฺเพ น นาหุวมฺหา’ติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’. ‘กึ ปน ตุมฺเห, อาวุโส นิคณฺา, ชานาถ – อกรมฺเหว มยํ ปุพฺเพ ปาปกมฺมํ น นากรมฺหา’ติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’. ‘กึ ปน ตุมฺเห, อาวุโส นิคณฺา, ชานาถ – เอวรูปํ วา เอวรูปํ วา ปาปกมฺมํ อกรมฺหา’ติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’. ‘กึ ปน ตุมฺเห, อาวุโส นิคณฺา, ชานาถ – เอตฺตกํ วา ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ, เอตฺตกํ วา ทุกฺขํ นิชฺชีเรตพฺพํ ¶ , เอตฺตกมฺหิ วา ทุกฺเข นิชฺชิณฺเณ สพฺพํ ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ ภวิสฺสตี’ติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’. ‘กึ ปน ตุมฺเห, อาวุโส นิคณฺา, ชานาถ – ทิฏฺเว ธมฺเม อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปท’นฺติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’.
‘‘‘อิติ กิร ตุมฺเห, อาวุโส นิคณฺา, น ชานาถ – อหุวมฺเหว มยํ ปุพฺเพ น นาหุวมฺหาติ, น ชานาถ – อกรมฺเหว มยํ ปุพฺเพ ปาปกมฺมํ น นากรมฺหาติ, น ชานาถ – เอวรูปํ วา เอวรูปํ วา ปาปกมฺมํ อกรมฺหาติ, น ชานาถ – เอตฺตกํ วา ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ, เอตฺตกํ วา ทุกฺขํ นิชฺชีเรตพฺพํ, เอตฺตกมฺหิ วา ทุกฺเข นิชฺชิณฺเณ สพฺพํ ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ ภวิสฺสตีติ. น ชานาถ – ทิฏฺเว ธมฺเม อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทํ. เอวํ สนฺเต, อาวุโส นิคณฺา, เย โลเก ลุทฺทา โลหิตปาณิโน กุรูรกมฺมนฺตา มนุสฺเสสุ ¶ ปจฺจาชาตา เต นิคณฺเสุ ปพฺพชนฺตี’ติ? ‘น ¶ โข, อาวุโส โคตม, สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ, ทุกฺเขน โข สุขํ อธิคนฺตพฺพํ; สุเขน จาวุโส ¶ โคตม, สุขํ อธิคนฺตพฺพํ อภวิสฺส, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขํ อธิคจฺเฉยฺย, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขวิหาริตโร อายสฺมตา โคตเมนา’ติ.
‘‘‘อทฺธายสฺมนฺเตหิ นิคณฺเหิ สหสา อปฺปฏิสงฺขา วาจา ภาสิตา – น โข, อาวุโส โคตม, สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ, ทุกฺเขน โข สุขํ อธิคนฺตพฺพํ; สุเขน จาวุโส โคตม, สุขํ อธิคนฺตพฺพํ อภวิสฺส, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขํ อธิคจฺเฉยฺย, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขวิหาริตโร อายสฺมตา โคตเมนา’’ติ. อปิ จ อหเมว ตตฺถ ปฏิปุจฺฉิตพฺโพ – โก นุ โข อายสฺมนฺตานํ สุขวิหาริตโร ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร อายสฺมา วา โคตโม’ติ? อทฺธาวุโส โคตม, อมฺเหหิ สหสา อปฺปฏิสงฺขา วาจา ภาสิตา, น โข, อาวุโส โคตม, สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ, ทุกฺเขน โข สุขํ อธิคนฺตพฺพํ; สุเขน จาวุโส โคตม, สุขํ อธิคนฺตพฺพํ อภวิสฺส, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขํ อธิคจฺเฉยฺย, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขวิหาริตโร อายสฺมตา โคตเมนาติ. อปิ จ ติฏฺเตตํ, อิทานิปิ มยํ อายสฺมนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉาม – โก นุ โข อายสฺมนฺตานํ สุขวิหาริตโร ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร อายสฺมา วา โคตโม’ติ?
‘‘‘เตน ¶ หาวุโส นิคณฺา, ตุมฺเหว ตตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ, ยถา โว ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาถ. ตํ กึ มฺถาวุโส นิคณฺา, ปโหติ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร, อนิฺชมาโน ¶ กาเยน, อภาสมาโน วาจํ, สตฺต รตฺตินฺทิวานิ เอกนฺตสุขํ ปฏิสํเวที วิหริตุ’นฺติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’.
‘‘‘ตํ กึ มฺถาวุโส นิคณฺา, ปโหติ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร, อนิฺชมาโน กาเยน, อภาสมาโน วาจํ, ฉ รตฺตินฺทิวานิ…เป… ปฺจ รตฺตินฺทิวานิ… จตฺตาริ รตฺตินฺทิวานิ… ตีณิ รตฺตินฺทิวานิ… ทฺเว รตฺตินฺทิวานิ… เอกํ รตฺตินฺทิวํ เอกนฺตสุขํ ปฏิสํเวที วิหริตุ’นฺติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’.
‘‘‘อหํ ¶ โข, อาวุโส นิคณฺา, ปโหมิ อนิฺชมาโน กาเยน, อภาสมาโน วาจํ, เอกํ รตฺตินฺทิวํ เอกนฺตสุขํ ปฏิสํเวที วิหริตุํ. อหํ โข, อาวุโส นิคณฺา, ปโหมิ อนิฺชมาโน กาเยน, อภาสมาโน วาจํ, ทฺเว รตฺตินฺทิวานิ… ตีณิ รตฺตินฺทิวานิ… จตฺตาริ รตฺตินฺทิวานิ… ปฺจ รตฺตินฺทิวานิ… ฉ รตฺตินฺทิวานิ… สตฺต รตฺตินฺทิวานิ เอกนฺตสุขํ ปฏิสํเวที วิหริตุํ. ตํ กึ มฺถาวุโส นิคณฺา, เอวํ สนฺเต โก สุขวิหาริตโร ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร อหํ วา’ติ? ‘เอวํ สนฺเต อายสฺมาว โคตโม ¶ สุขวิหาริตโร รฺา มาคเธน เสนิเยน พิมฺพิสาเรนา’’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน มหานาโม สกฺโก ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.
๕. อนุมานสุตฺตํ
๑๘๑. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร [สุํสุมารคิเร (สี. สฺยา. ปี.)] เภสกฬาวเน มิคทาเย. ตตฺร โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส, ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ –
‘‘ปวาเรติ ¶ เจปิ, อาวุโส, ภิกฺขุ – ‘วทนฺตุ มํ อายสฺมนฺโต, วจนีโยมฺหิ อายสฺมนฺเตหี’ติ, โส จ โหติ ทุพฺพโจ, โทวจสฺสกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, อกฺขโม อปฺปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนึ, อถ โข นํ สพฺรหฺมจารี น เจว วตฺตพฺพํ มฺนฺติ, น จ อนุสาสิตพฺพํ มฺนฺติ, น จ ตสฺมึ ปุคฺคเล วิสฺสาสํ อาปชฺชิตพฺพํ มฺนฺติ.
‘‘กตเม จาวุโส, โทวจสฺสกรณา ธมฺมา? อิธาวุโส, ภิกฺขุ ปาปิจฺโฉ โหติ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ ปาปิจฺโฉ โหติ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อตฺตุกฺกํสโก โหติ ปรวมฺภี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อตฺตุกฺกํสโก โหติ ปรวมฺภี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธาภิภูโต. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธาภิภูโต – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส ¶ , ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อุปนาหี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อุปนาหี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อภิสงฺคี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อภิสงฺคี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธสามนฺตา [โกธสามนฺตํ (สฺยา. ปี. ก.)] วาจํ นิจฺฉาเรตา. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต [จุทิโต (สี. สฺยา. ปี.)] โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรติ – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทติ – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ ¶ , อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปติ – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อฺเนฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อฺเนฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน ¶ น สมฺปายติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายติ – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สโ โหติ มายาวี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ สโ โหติ มายาวี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ถทฺโธ โหติ อติมานี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ ถทฺโธ โหติ อติมานี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สนฺทิฏฺิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ สนฺทิฏฺิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ. อิเม วุจฺจนฺตาวุโส, โทวจสฺสกรณา ธมฺมา.
๑๘๒. ‘‘โน ¶ เจปิ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปวาเรติ – ‘วทนฺตุ มํ อายสฺมนฺโต, วจนีโยมฺหิ อายสฺมนฺเตหี’ติ, โส จ โหติ สุวโจ, โสวจสฺสกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, ขโม ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนึ, อถ โข นํ สพฺรหฺมจารี วตฺตพฺพฺเจว มฺนฺติ, อนุสาสิตพฺพฺจ มฺนฺติ, ตสฺมิฺจ ปุคฺคเล วิสฺสาสํ อาปชฺชิตพฺพํ มฺนฺติ.
‘‘กตเม จาวุโส, โสวจสฺสกรณา ธมฺมา? อิธาวุโส, ภิกฺขุ น ปาปิจฺโฉ โหติ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ น ปาปิจฺโฉ โหติ น ¶ ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อนตฺตุกฺกํสโก โหติ อปรวมฺภี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อนตฺตุกฺกํสโก โหติ อปรวมฺภี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธาภิภูโต. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธาภิภูโต – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อุปนาหี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อุปนาหี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อภิสงฺคี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อภิสงฺคี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา. ยมฺปาวุโส ¶ , ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ นปฺปฏิปฺผรติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ นปฺปฏิปฺผรติ – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ ¶ .
‘‘ปุน ¶ จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ น อปสาเทติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ น อปสาเทติ – อยมฺปิ ธมฺโม ¶ โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปติ – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน น อฺเนฺํ ปฏิจรติ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน น อฺเนฺํ ปฏิจรติ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน สมฺปายติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน สมฺปายติ – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อมกฺขี โหติ อปฬาสี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อมกฺขี โหติ อปฬาสี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อนิสฺสุกี โหติ อมจฺฉรี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อนิสฺสุกี โหติ อมจฺฉรี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อสโ โหติ อมายาวี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อสโ โหติ อมายาวี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อตฺถทฺโธ โหติ อนติมานี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อตฺถทฺโธ โหติ อนติมานี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อสนฺทิฏฺิปรามาสี โหติ อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อสนฺทิฏฺิปรามาสี โหติ, อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคี ¶ – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ. อิเม วุจฺจนฺตาวุโส, โสวจสฺสกรณา ธมฺมา.
๑๘๓. ‘‘ตตฺราวุโส ¶ , ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ อนุมินิตพฺพํ [อนุมานิตพฺพํ (สี.)] – ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล ปาปิจฺโฉ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ ปาปิจฺโฉ ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น ปาปิจฺโฉ ภวิสฺสามิ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อนตฺตุกฺกํสโก ภวิสฺสามิ อปรวมฺภี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธาภิภูโต, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป. อหฺเจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธาภิภูโต, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธาภิภูโต’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธเหตุ อุปนาหี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ¶ ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว ¶ โข ปนสฺสํ โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธเหตุ อภิสงฺคี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ¶ ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผเรยฺยํ ¶ , อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน โจทกํ นปฺปฏิปฺผริสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทยฺยํ, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน โจทกํ น อปสาเทสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปยฺยํ, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ¶ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน อฺเนฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน อฺเนฺํ ปฏิจเรยฺยํ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมยฺยํ ¶ , โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกเรยฺยํ, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน น อฺเนฺํ ปฏิจริสฺสามิ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมสฺสามิ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกริสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ¶ ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปาเยยฺยํ, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน อปทาเน สมฺปายิสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล มกฺขี ปฬาสี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ มกฺขี ปฬาสี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อมกฺขี ภวิสฺสามิ อปฬาสี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล อิสฺสุกี มจฺฉรี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ ¶ อิสฺสุกี มจฺฉรี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อนิสฺสุกี ภวิสฺสามิ อมจฺฉรี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล สโ มายาวี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ สโ มายาวี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อสโ ภวิสฺสามิ อมายาวี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล ถทฺโธ อติมานี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ ถทฺโธ อติมานี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อตฺถทฺโธ ภวิสฺสามิ อนติมานี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล สนฺทิฏฺิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ สนฺทิฏฺิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อสนฺทิฏฺิปรามาสี ภวิสฺสามิ อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
๑๘๔. ‘‘ตตฺราวุโส ¶ , ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ ปาปิจฺโฉ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’ติ? สเจ, อาวุโส ¶ , ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ปาปิจฺโฉ โขมฺหิ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน ¶ เอวํ ชานาติ – ‘น โขมฺหิ ปาปิจฺโฉ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อตฺตุกฺกํสโก โขมฺหิ ปรวมฺภี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อนตฺตุกฺกํสโก ¶ โขมฺหิ อปรวมฺภี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธาภิภูโต’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โกธโน โขมฺหิ โกธาภิภูโต’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธาภิภูโต’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘โกธโน โขมฺหิ โกธเหตุ อุปนาหี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ¶ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน ¶ ¶ จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โกธโน โขมฺหิ โกธเหตุ อภิสงฺคี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โกธโน โขมฺหิ โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน โจทกํ ¶ ปฏิปฺผรามี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ นปฺปฏิปฺผรามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทมี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ อปสาเทมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ ¶ น อปสาเทมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปมี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน ¶ เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน ¶ วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน อฺเนฺํ ปฏิจรามิ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมมิ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรมี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน อฺเนฺํ ปฏิจรามิ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมมิ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน น อฺเนฺํ ปฏิจรามิ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมมิ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายามี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน อปทาเน น สมฺปายามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน อปทาเน สมฺปายามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ ¶ , อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ มกฺขี ปฬาสี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘มกฺขี โขมฺหิ ปฬาสี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อมกฺขี โขมฺหิ อปฬาสี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ อิสฺสุกี มจฺฉรี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อิสฺสุกี โขมฺหิ มจฺฉรี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อนิสฺสุกี โขมฺหิ อมจฺฉรี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ สโ มายาวี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘สโ โขมฺหิ มายาวี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อสโ โขมฺหิ อมายาวี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ ¶ – ‘กึ นุ โขมฺหิ ถทฺโธ อติมานี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ถทฺโธ โขมฺหิ อติมานี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อตฺถทฺโธ โขมฺหิ อนติมานี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ สนฺทิฏฺิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี’ติ? สเจ, อาวุโส ¶ , ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘สนฺทิฏฺิปรามาสี โขมฺหิ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา ¶ เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อสนฺทิฏฺิปรามาสี โขมฺหิ อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘สเจ ¶ , อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม ปาปเก อกุสเล ธมฺเม อปฺปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา สพฺเพสํเยว อิเมสํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ, อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อิตฺถี ¶ วา ปุริโส วา, ทหโร ยุวา มณฺฑนชาติโก, อาทาเส วา ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต, อจฺเฉ วา อุทกปตฺเต, สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน, สเจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, ตสฺเสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมติ; โน เจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, เตเนว อตฺตมโน โหติ – ‘ลาภา วต เม, ปริสุทฺธํ วต เม’ติ. เอวเมว โข, อาวุโส, สเจ ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม ปาปเก อกุสเล ธมฺเม อปฺปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา สพฺเพสํเยว อิเมสํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ, อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ.
อิทมโวจายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน. อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
อนุมานสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.
๖. เจโตขิลสุตฺตํ
๑๘๕. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺจ เจโตขิลา อปฺปหีนา, ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา [เจตโสวินิพทฺธา (สี.), เจโตวินิพทฺธา (สารตฺถทีปนีฏีกา)] อสมุจฺฉินฺนา, โส วติมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ.
‘‘กตมาสฺส ปฺจ เจโตขิลา อปฺปหีนา โหนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปโม เจโตขิโล อปฺปหีโน โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเม กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ…เป… เอวมสฺสายํ ทุติโย เจโตขิโล อปฺปหีโน โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สงฺเฆ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ…เป… เอวมสฺสายํ ตติโย เจโตขิโล อปฺปหีโน โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สิกฺขาย กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สิกฺขาย กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ ¶ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ ¶ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ จตุตฺโถ เจโตขิโล อปฺปหีโน โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขิลชาโต. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขิลชาโต, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ ¶ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปฺจโม เจโตขิโล อปฺปหีโน โหติ. อิมาสฺส ปฺจ เจโตขิลา อปฺปหีนา โหนฺติ.
๑๘๖. ‘‘กตมาสฺส ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา อสมุจฺฉินฺนา โหนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเม อวีตราโค [อวิคตราโค (กตฺถจิ)] โหติ อวิคตจฺฉนฺโท อวิคตเปโม อวิคตปิปาโส อวิคตปริฬาโห อวิคตตณฺโห. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเม อวีตราโค โหติ อวิคตจฺฉนฺโท อวิคตเปโม อวิคตปิปาโส อวิคตปริฬาโห อวิคตตณฺโห, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปโม เจตโสวินิพนฺโธ อสมุจฺฉินฺโน โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย อวีตราโค โหติ…เป… เอวมสฺสายํ ทุติโย เจตโสวินิพนฺโธ อสมุจฺฉินฺโน โหติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รูเป อวีตราโค โหติ…เป… เอวมสฺสายํ ตติโย เจตโสวินิพนฺโธ อสมุจฺฉินฺโน ¶ โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ จตุตฺโถ เจตโสวินิพนฺโธ อสมุจฺฉินฺโน โหติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย ¶ . ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปฺจโม เจตโสวินิพนฺโธ อสมุจฺฉินฺโน โหติ. อิมาสฺส ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา อสมุจฺฉินฺนา โหนฺติ.
‘‘ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อิเม ปฺจ เจโตขิลา อปฺปหีนา, อิเม ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา อสมุจฺฉินฺนา, โส วติมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ.
๑๘๗. ‘‘ยสฺส ¶ กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺจ เจโตขิลา ปหีนา, ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา สุสมุจฺฉินฺนา, โส วติมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ.
‘‘กตมาสฺส ปฺจ เจโตขิลา ปหีนา โหนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริ น กงฺขติ น วิจิกิจฺฉติ อธิมุจฺจติ สมฺปสีทติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริ น กงฺขติ น วิจิกิจฺฉติ อธิมุจฺจติ สมฺปสีทติ, ตสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปโม เจโตขิโล ปหีโน โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเม น กงฺขติ น วิจิกิจฺฉติ อธิมุจฺจติ สมฺปสีทติ…เป… เอวมสฺสายํ ทุติโย เจโตขิโล ปหีโน โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สงฺเฆ น กงฺขติ น วิจิกิจฺฉติ อธิมุจฺจติ สมฺปสีทติ…เป… เอวมสฺสายํ ตติโย เจโตขิโล ปหีโน โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สิกฺขาย น กงฺขติ น วิจิกิจฺฉติ อธิมุจฺจติ สมฺปสีทติ…เป… เอวมสฺสายํ จตุตฺโถ เจโตขิโล ปหีโน โหติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีสุ น กุปิโต โหติ น อนตฺตมโน [อตฺตมโน (สี. ปี.)] อนาหตจิตฺโต อขิลชาโต. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีสุ น กุปิโต โหติ น อนตฺตมโน อนาหตจิตฺโต อขิลชาโต, ตสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย ¶ อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ¶ ปฺจโม เจโตขิโล ปหีโน โหติ. อิมาสฺส ปฺจ เจโตขิลา ปหีนา โหนฺติ.
๑๘๘. ‘‘กตมาสฺส ¶ ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา สุสมุจฺฉินฺนา โหนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเม วีตราโค โหติ วิคตจฺฉนฺโท วิคตเปโม วิคตปิปาโส วิคตปริฬาโห วิคตตณฺโห. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเม วีตราโค โหติ วิคตจฺฉนฺโท วิคตเปโม วิคตปิปาโส วิคตปริฬาโห วิคตตณฺโห, ตสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปโม เจตโสวินิพนฺโธ สุสมุจฺฉินฺโน โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย วีตราโค โหติ…เป… รูเป วีตราโค โหติ…เป… น ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ, ตสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ จตุตฺโถ เจตโสวินิพนฺโธ สุสมุจฺฉินฺโน โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร ¶ วา’ติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ, ตสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปฺจโม เจตโสวินิพนฺโธ สุสมุจฺฉินฺโน โหติ. อิมาสฺส ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา สุสมุจฺฉินฺนา โหนฺติ.
‘‘ยสฺส ¶ กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อิเม ปฺจ เจโตขิลา ปหีนา, อิเม ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา สุสมุจฺฉินฺนา, โส วติมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ.
๑๘๙. ‘‘โส ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, วีริยสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, จิตฺตสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ ¶ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, อุสฺโสฬฺหีเยว ปฺจมี. ส โข โส, ภิกฺขเว, เอวํ อุสฺโสฬฺหีปนฺนรสงฺคสมนฺนาคโต ¶ ภิกฺขุ ภพฺโพ อภินิพฺพิทาย, ภพฺโพ สมฺโพธาย, ภพฺโพ อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมาย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กุกฺกุฏิยา อณฺฑานิ อฏฺ วา ทส วา ทฺวาทส วา. ตานสฺสุ กุกฺกุฏิยา สมฺมา อธิสยิตานิ สมฺมา ปริเสทิตานิ สมฺมา ปริภาวิตานิ. กิฺจาปิ ตสฺสา กุกฺกุฏิยา น เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วติเม กุกฺกุฏโปตกา ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ¶ ปทาเลตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิชฺเชยฺยุ’นฺติ. อถ โข ภพฺพาว เต กุกฺกุฏโปตกา ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิชฺชิตุํ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เอวํ อุสฺโสฬฺหิปนฺนรสงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ อภินิพฺพิทาย, ภพฺโพ สมฺโพธาย, ภพฺโพ อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมายา’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
เจโตขิลสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.
๗. วนปตฺถสุตฺตํ
๑๙๐. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘วนปตฺถปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
๑๙๑. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ ¶ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ ¶ – ‘อหํ โข อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ, ตสฺส เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา ¶ สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺตี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา รตฺติภาคํ วา ทิวสภาคํ วา ตมฺหา วนปตฺถา ปกฺกมิตพฺพํ, น วตฺถพฺพํ.
๑๙๒. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ. ตสฺส เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต น ปิณฺฑปาตเหตุ…เป… น เสนาสนเหตุ…เป… น คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อถ จ ปน เม อิมํ ¶ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณามี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺขาปิ ตมฺหา วนปตฺถา ปกฺกมิตพฺพํ, น วตฺถพฺพํ.
๑๙๓. ‘‘อิธ ¶ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา, เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ ¶ – ‘อหํ โข อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ. ตสฺส เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, น ปิณฺฑปาตเหตุ…เป… น เสนาสนเหตุ…เป… น คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต ¶ . อถ จ ปน เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณามี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺขาปิ ตสฺมึ วนปตฺเถ วตฺถพฺพํ, น ปกฺกมิตพฺพํ.
๑๙๔. ‘‘อิธ ¶ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ. ตสฺส เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺตี’ติ ¶ . เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ยาวชีวมฺปิ ตสฺมึ วนปตฺเถ วตฺถพฺพํ, น ปกฺกมิตพฺพํ.
๑๙๕. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ อุปนิสฺสาย วิหรติ ¶ …เป… อฺตรํ นิคมํ อุปนิสฺสาย วิหรติ…เป… อฺตรํ นครํ อุปนิสฺสาย วิหรติ…เป… อฺตรํ ชนปทํ อุปนิสฺสาย วิหรติ…เป… อฺตรํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ. ตสฺส เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺตี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา รตฺติภาคํ วา ทิวสภาคํ วา โส ปุคฺคโล อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพํ, นานุพนฺธิตพฺโพ.
๑๙๖. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ ¶ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา ¶ เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ ¶ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา, เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ. ตสฺส เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา ¶ – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, น ปิณฺฑปาตเหตุ…เป… น เสนาสนเหตุ…เป… น คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อถ จ ปน เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณามี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺขาปิ โส ปุคฺคโล อาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพํ, นานุพนฺธิตพฺโพ.
๑๙๗. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ ¶ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ. ตสฺส เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, น ปิณฺฑปาตเหตุ…เป… น เสนาสนเหตุ…เป… น คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ อคารสฺมา ¶ อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อถ จ ปน เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณามี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺขาปิ โส ปุคฺคโล อนุพนฺธิตพฺโพ, น ปกฺกมิตพฺพํ.
๑๙๘. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ ¶ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ ¶ , อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ ¶ . ตสฺส เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺตี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ยาวชีวมฺปิ โส ปุคฺคโล อนุพนฺธิตพฺโพ, น ปกฺกมิตพฺพํ, อปิ ปนุชฺชมาเนนปี’’ติ [อปิ ปณุชฺชมาเนนาติ (?)].
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
วนปตฺถสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.
๘. มธุปิณฺฑิกสุตฺตํ
๑๙๙. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ นิคฺโรธาราเม. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. กปิลวตฺถุสฺมึ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เพลุวลฏฺิกาย มูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. ทณฺฑปาณิปิ โข สกฺโก ชงฺฆาวิหารํ [ชงฺฆวิหารํ (ก.)] อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิ. มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เยน เพลุวลฏฺิกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ทณฺฑปาณิ สกฺโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กึวาที สมโณ กิมกฺขายี’’ติ? ‘‘ยถาวาที โข, อาวุโส, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย ¶ สเทวมนุสฺสาย น เกนจิ โลเก วิคฺคยฺห ติฏฺติ, ยถา จ ปน กาเมหิ วิสํยุตฺตํ วิหรนฺตํ ตํ พฺราหฺมณํ อกถํกถึ ฉินฺนกุกฺกุจฺจํ ภวาภเว วีตตณฺหํ สฺา นานุเสนฺติ – เอวํวาที โข อหํ, อาวุโส, เอวมกฺขายี’’ติ.
‘‘เอวํ วุตฺเต ทณฺฑปาณิ สกฺโก สีสํ โอกมฺเปตฺวา ¶ , ชิวฺหํ นิลฺลาเฬตฺวา, ติวิสาขํ นลาฏิกํ ¶ นลาเฏ วุฏฺาเปตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ ปกฺกามิ.
๒๐๐. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน นิคฺโรธาราโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสึ. กปิลวตฺถุสฺมึ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมึ ทิวาวิหาราย. มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เพลุวลฏฺิกาย มูเล ทิวาวิหารํ นิสีทึ. ทณฺฑปาณิปิ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิ. มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เยน เพลุวลฏฺิกา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มยา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ เอกมนฺตํ ¶ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข, ภิกฺขเว, ทณฺฑปาณิ สกฺโก มํ เอตทโวจ – ‘กึวาที สมโณ กิมกฺขายี’ติ?
‘‘เอวํ วุตฺเต อหํ, ภิกฺขเว, ทณฺฑปาณึ สกฺกํ เอตทโวจํ – ยถาวาที โข, อาวุโส, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย น เกนจิ โลเก วิคฺคยฺห ติฏฺติ, ยถา จ ปน กาเมหิ วิสํยุตฺตํ วิหรนฺตํ ตํ พฺราหฺมณํ อกถํกถึ ฉินฺนกุกฺกุจฺจํ ภวาภเว วีตตณฺหํ สฺา นานุเสนฺติ – เอวํวาที โข อหํ, อาวุโส, เอวมกฺขายี’’ติ. ‘‘เอวํ วุตฺเต ภิกฺขเว, ทณฺฑปาณิ สกฺโก สีสํ ¶ โอกมฺเปตฺวา, ชิวฺหํ นิลฺลาเฬตฺวา, ติวิสาขํ นลาฏิกํ นลาเฏ วุฏฺาเปตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ ปกฺกามี’’ติ.
๒๐๑. เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กึวาที ปน, ภนฺเต, ภควา สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย น เกนจิ โลเก วิคฺคยฺห ติฏฺติ? กถฺจ ปน, ภนฺเต, ภควนฺตํ กาเมหิ วิสํยุตฺตํ วิหรนฺตํ ตํ ¶ พฺราหฺมณํ อกถํกถึ ฉินฺนกุกฺกุจฺจํ ภวาภเว วีตตณฺหํ สฺา นานุเสนฺตี’’ติ? ‘‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ. เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ. เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ, เอเสวนฺโต ปฏิฆานุสยานํ, เอเสวนฺโต ทิฏฺานุสยานํ ¶ , เอเสวนฺโต วิจิกิจฺฉานุสยานํ, เอเสวนฺโต มานานุสยานํ, เอเสวนฺโต ภวราคานุสยานํ, เอเสวนฺโต อวิชฺชานุสยานํ, เอเสวนฺโต ทณฺฑาทาน-สตฺถาทาน-กลห-วิคฺคห-วิวาท-ตุวํตุวํ-เปสฺุ-มุสาวาทานํ. เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ. อิทมโวจ ภควา. อิทํ วตฺวาน สุคโต อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสิ.
๒๐๒. อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา, อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ. เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ ¶ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ. เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ…เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ ¶ . โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา’’ติ? อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิฺูนํ สพฺรหฺมจารีนํ. ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํ. ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยามา’’ติ.
อถ โข เต ภิกฺขู เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา มหากจฺจาเนน สทฺธึ สมฺโมทึสุ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิทํ โข โน, อาวุโส กจฺจาน, ภควา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ. เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ. เอเสวนฺโต ¶ ราคานุสยานํ…เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ. เตสํ โน, อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ. เอตฺถ ¶ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ. เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ…เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ. โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยาติ? เตสํ โน, อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิฺูนํ สพฺรหฺมจารีนํ, ปโหติ ¶ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน ¶ อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํ. ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยามา’ติ. วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน’’ติ.
๒๐๓. ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว มูลํ, อติกฺกมฺม ขนฺธํ, สาขาปลาเส สารํ ปริเยสิตพฺพํ มฺเยฺย; เอวํสมฺปทมิทํ อายสฺมนฺตานํ สตฺถริ สมฺมุขีภูเต, ตํ ภควนฺตํ อติสิตฺวา ¶ , อมฺเห เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺฉิตพฺพํ มฺถ. โส หาวุโส, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต าณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต, วตฺตา ปวตฺตา, อตฺถสฺส นินฺเนตา, อมตสฺส ทาตา, ธมฺมสฺสามี ตถาคโต. โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ, ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถ. ยถา โว ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยาถา’’ติ. ‘‘อทฺธาวุโส กจฺจาน, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต าณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต, วตฺตา ปวตฺตา, อตฺถสฺส นินฺเนตา, อมตสฺส ทาตา, ธมฺมสฺสามี ตถาคโต. โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ, ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาม. ยถา โน ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยาม. อปิ จายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิฺูนํ สพฺรหฺมจารีนํ, ปโหติ ¶ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํ. วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน อครุํ กตฺวา’’ติ [อครุกตฺวา (สี.), อครุกริตฺวา (สฺยา. ปี.)]. ‘‘เตน หาวุโส, สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา มหากจฺจาโน เอตทโวจ –
๒๐๔. ‘‘ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ ¶ . เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ, เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ…เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ, อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ –
‘‘จกฺขฺุจาวุโส, ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา ¶ เวทนา, ยํ เวเทติ ตํ สฺชานาติ ¶ , ยํ สฺชานาติ ตํ วิตกฺเกติ, ยํ วิตกฺเกติ ตํ ปปฺเจติ, ยํ ปปฺเจติ ตโตนิทานํ ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ จกฺขุวิฺเยฺเยสุ รูเปสุ. โสตฺจาวุโส, ปฏิจฺจ สทฺเท จ อุปฺปชฺชติ โสตวิฺาณํ…เป… ฆานฺจาวุโส, ปฏิจฺจ คนฺเธ จ อุปฺปชฺชติ ฆานวิฺาณํ…เป… ชิวฺหฺจาวุโส, ปฏิจฺจ รเส จ อุปฺปชฺชติ ชิวฺหาวิฺาณํ…เป… กายฺจาวุโส, ปฏิจฺจ โผฏฺพฺเพ จ อุปฺปชฺชติ กายวิฺาณํ…เป… มนฺจาวุโส, ปฏิจฺจ ธมฺเม จ อุปฺปชฺชติ มโนวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, ยํ เวเทติ ตํ สฺชานาติ, ยํ สฺชานาติ ตํ วิตกฺเกติ, ยํ วิตกฺเกติ ตํ ปปฺเจติ, ยํ ปปฺเจติ ตโตนิทานํ ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ มโนวิฺเยฺเยสุ ธมฺเมสุ.
‘‘โส วตาวุโส, จกฺขุสฺมึ สติ รูเป สติ จกฺขุวิฺาเณ สติ ผสฺสปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. ผสฺสปฺตฺติยา สติ เวทนาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. เวทนาปฺตฺติยา สติ สฺาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. สฺาปฺตฺติยา สติ ¶ วิตกฺกปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. วิตกฺกปฺตฺติยา สติ ปปฺจสฺาสงฺขาสมุทาจรณปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. โส วตาวุโส, โสตสฺมึ สติ สทฺเท สติ…เป… ¶ ¶ ฆานสฺมึ สติ คนฺเธ สติ…เป… ชิวฺหาย สติ รเส สติ…เป… กายสฺมึ สติ โผฏฺพฺเพ สติ…เป… มนสฺมึ สติ ธมฺเม สติ มโนวิฺาเณ สติ ผสฺสปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. ผสฺสปฺตฺติยา สติ เวทนาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. เวทนาปฺตฺติยา สติ สฺาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. สฺาปฺตฺติยา สติ วิตกฺกปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. วิตกฺกปฺตฺติยา สติ ปปฺจสฺาสงฺขาสมุทาจรณปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ.
‘‘โส วตาวุโส, จกฺขุสฺมึ อสติ รูเป อสติ จกฺขุวิฺาเณ อสติ ผสฺสปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. ผสฺสปฺตฺติยา อสติ เวทนาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. เวทนาปฺตฺติยา อสติ สฺาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. สฺาปฺตฺติยา อสติ วิตกฺกปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. วิตกฺกปฺตฺติยา อสติ ปปฺจสฺาสงฺขาสมุทาจรณปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. โส วตาวุโส, โสตสฺมึ ¶ อสติ สทฺเท อสติ…เป… ฆานสฺมึ อสติ คนฺเธ อสติ…เป… ชิวฺหาย อสติ รเส อสติ…เป… กายสฺมึ อสติ โผฏฺพฺเพ อสติ…เป… มนสฺมึ อสติ ธมฺเม อสติ มโนวิฺาเณ ¶ อสติ ผสฺสปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. ผสฺสปฺตฺติยา อสติ เวทนาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. เวทนาปฺตฺติยา อสติ สฺาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. สฺาปฺตฺติยา อสติ วิตกฺกปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. วิตกฺกปฺตฺติยา อสติ ปปฺจสฺาสงฺขาสมุทาจรณปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ.
‘‘ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิตฺเตน ¶ อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ…เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ, อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา ¶ สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ. อากงฺขมานา จ ปน ตุมฺเห อายสฺมนฺโต ภควนฺตํเยว อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถ. ยถา โน ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาถา’’ติ.
๒๐๕. อถ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ยํ โข โน, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ. เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ. เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ…เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ. เตสํ โน, ภนฺเต, อมฺหากํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ. เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ. เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ, เอเสวนฺโต ปฏิฆานุสยานํ, เอเสวนฺโต ทิฏฺานุสยานํ, เอเสวนฺโต วิจิกิจฺฉานุสยานํ, เอเสวนฺโต มานานุสยานํ, เอเสวนฺโต ภวราคานุสยานํ ¶ , เอเสวนฺโต อวิชฺชานุสยานํ, เอเสวนฺโต ทณฺฑาทาน-สตฺถาทาน-กลห-วิคฺคห-วิวาทตุวํตุวํ-เปสฺุ-มุสาวาทานํ. เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ. โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา’ติ? เตสํ โน, ภนฺเต, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิฺูนํ สพฺรหฺมจารีนํ, ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน ¶ อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํ, ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยามา’ติ. อถ โข มยํ, ภนฺเต, เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ ¶ มหากจฺจานํ ¶ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺฉิมฺห. เตสํ โน, ภนฺเต, อายสฺมตา มหากจฺจาเนน อิเมหิ อากาเรหิ อิเมหิ ปเทหิ อิเมหิ พฺยฺชเนหิ อตฺโถ วิภตฺโต’’ติ. ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโน; มหาปฺโ, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโน. มํ เจปิ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถ, อหมฺปิ ตํ เอวเมวํ พฺยากเรยฺยํ ยถา ตํ มหากจฺจาเนน พฺยากตํ. เอโส เจเวตสฺส อตฺโถ. เอวฺจ [เอเวเมว จ (ก.)] นํ ธาเรถา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ปุริโส ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโต มธุปิณฺฑิกํ อธิคจฺเฉยฺย, โส ยโต ยโต สาเยยฺย, ลเภเถว สาทุรสํ อเสจนกํ. เอวเมว โข, ภนฺเต, เจตโส ภิกฺขุ ทพฺพชาติโก, ยโต ยโต อิมสฺส ธมฺมปริยายสฺส ปฺาย อตฺถํ อุปปริกฺเขยฺย, ลเภเถว อตฺตมนตํ, ลเภเถว เจตโส ปสาทํ. โก นาโม อยํ [โก นามายํ (สฺยา.)], ภนฺเต, ธมฺมปริยาโย’’ติ? ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อานนฺท, อิมํ ธมฺมปริยายํ มธุปิณฺฑิกปริยาโย ตฺเวว นํ ธาเรหี’’ติ.
อิทมโวจ ¶ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
มธุปิณฺฑิกสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.
๙. ทฺเวธาวิตกฺกสุตฺตํ
๒๐๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ปุพฺเพว เม, ภิกฺขเว, สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ทฺวิธา กตฺวา ทฺวิธา กตฺวา วิตกฺเก วิหเรยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, โย จายํ กามวิตกฺโก โย จ พฺยาปาทวิตกฺโก โย จ วิหึสาวิตกฺโก – อิมํ เอกํ ภาคมกาสึ ¶ ; โย จายํ เนกฺขมฺมวิตกฺโก โย จ อพฺยาปาทวิตกฺโก โย จ อวิหึสาวิตกฺโก – อิมํ ทุติยํ ภาคมกาสึ.
๒๐๗. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺชติ ¶ กามวิตกฺโก. โส เอวํ ปชานามิ – ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ กามวิตกฺโก. โส จ โข อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปฺานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’ [อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’’ติ (?)]. ‘อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘ปรพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘อุภยพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ¶ ‘ปฺานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ ปชหเมว [อตีตกาลิกกิริยาปทานิเยว] วิโนทเมว [อตีตกาลิกกิริยาปทานิเยว] พฺยนฺตเมว [พฺยนฺเตว (สี. สฺยา. ปี.)] นํ อกาสึ.
๒๐๘. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺชติ พฺยาปาทวิตกฺโก…เป… อุปฺปชฺชติ วิหึสาวิตกฺโก. โส เอวํ ปชานามิ – ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ วิหึสาวิตกฺโก. โส จ โข อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ ¶ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปฺานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’. ‘อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘ปรพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘อุภยพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘ปฺานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนุปฺปนฺนํ วิหึสาวิตกฺกํ ปชหเมว วิโนทเมว พฺยนฺตเมว นํ อกาสึ.
‘‘ยฺเทว, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ, ตถา ตถา นติ โหติ เจตโส. กามวิตกฺกํ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตกฺเกติ ¶ อนุวิจาเรติ, ปหาสิ เนกฺขมฺมวิตกฺกํ, กามวิตกฺกํ พหุลมกาสิ, ตสฺส ตํ ¶ กามวิตกฺกาย จิตฺตํ นมติ. พฺยาปาทวิตกฺกํ เจ, ภิกฺขเว…เป… วิหึสาวิตกฺกํ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ, ปหาสิ อวิหึสาวิตกฺกํ, วิหึสาวิตกฺกํ พหุลมกาสิ, ตสฺส ตํ วิหึสาวิตกฺกาย จิตฺตํ นมติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย กิฏฺสมฺพาเธ โคปาลโก คาโว รกฺเขยฺย. โส ตา คาโว ตโต ตโต ทณฺเฑน อาโกเฏยฺย ปฏิโกเฏยฺย สนฺนิรุนฺเธยฺย สนฺนิวาเรยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? ปสฺสติ หิ โส, ภิกฺขเว, โคปาลโก ตโตนิทานํ วธํ วา พนฺธนํ วา ชานึ วา ครหํ วา. เอวเมว โข อหํ, ภิกฺขเว, อทฺทสํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ โวทานปกฺขํ.
๒๐๙. ‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺชติ เนกฺขมฺมวิตกฺโก. โส เอวํ ปชานามิ – ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ เนกฺขมฺมวิตกฺโก. โส จ โข เนวตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, ปฺาวุทฺธิโก อวิฆาตปกฺขิโก นิพฺพานสํวตฺตนิโก’. รตฺตึ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตกฺเกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิ. ทิวสํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตกฺเกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิ. รตฺตินฺทิวํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตกฺเกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิ. อปิ จ โข เม อติจิรํ อนุวิตกฺกยโต อนุวิจารยโต กาโย กิลเมยฺย ¶ . กาเย กิลนฺเต [กิลมนฺเต (ก.)] จิตฺตํ ¶ อูหฺเยฺย. อูหเต จิตฺเต อารา จิตฺตํ สมาธิมฺหาติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ สนฺนิสาเทมิ เอโกทึ กโรมิ [เอโกทิ กโรมิ (ปี.)] สมาทหามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘มา เม จิตฺตํ อูหฺี’ติ [อุคฺฆาฏีติ (สฺยา. ก.), อูหนีติ (ปี.)].
๒๑๐. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺชติ อพฺยาปาทวิตกฺโก…เป… อุปฺปชฺชติ อวิหึสาวิตกฺโก. โส เอวํ ปชานามิ – ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ อวิหึสาวิตกฺโก. โส จ โข เนวตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธาย ¶ สํวตฺตติ, ปฺาวุทฺธิโก อวิฆาตปกฺขิโก นิพฺพานสํวตฺตนิโก’. รตฺตึ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตกฺเกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิ. ทิวสํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตกฺเกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิ. รตฺตินฺทิวํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตกฺเกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิ. อปิ จ โข เม อติจิรํ อนุวิตกฺกยโต อนุวิจารยโต กาโย กิลเมยฺย. กาเย กิลนฺเต จิตฺตํ อูหฺเยฺย. อูหเต จิตฺเต อารา จิตฺตํ สมาธิมฺหาติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ, สนฺนิสาเทมิ, เอโกทึ กโรมิ สมาทหามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘มา เม จิตฺตํ อูหฺี’ติ.
‘‘ยฺเทว, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ, ตถา ตถา นติ โหติ เจตโส. เนกฺขมฺมวิตกฺกฺเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ, ปหาสิ ¶ กามวิตกฺกํ, เนกฺขมฺมวิตกฺกํ พหุลมกาสิ, ตสฺสํ ตํ เนกฺขมฺมวิตกฺกาย จิตฺตํ นมติ. อพฺยาปาทวิตกฺกฺเจ, ภิกฺขเว…เป… อวิหึสาวิตกฺกฺเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ, ปหาสิ วิหึสาวิตกฺกํ, อวิหึสาวิตกฺกํ พหุลมกาสิ, ตสฺส ตํ อวิหึสาวิตกฺกาย จิตฺตํ นมติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส สพฺพสสฺเสสุ คามนฺตสมฺภเตสุ โคปาลโก คาโว รกฺเขยฺย ¶ , ตสฺส รุกฺขมูลคตสฺส วา อพฺโภกาสคตสฺส วา สติกรณียเมว โหติ – ‘เอตา [เอเต (ก.)] คาโว’ติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, สติกรณียเมว อโหสิ – ‘เอเต ธมฺมา’ติ.
๒๑๑. ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม, ภิกฺขเว, วีริยํ อโหสิ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา ¶ , ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคํ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหาสึ สโต จ สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทสึ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ ‘อุเปกฺขโก สติมา ¶ สุขวิหารี’ติ, ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.
๒๑๒. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. เสยฺยถิทํ, เอกมฺปิ ชาตึ…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. อยํ โข ¶ เม, ภิกฺขเว, รตฺติยา ปเม ยาเม ปมา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
๒๑๓. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน…เป… อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา…เป… อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ. อยํ โข เม, ภิกฺขเว, รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม ทุติยา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
๒๑๔. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ ¶ . ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ¶ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ¶ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ อโหสิ – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสึ. อยํ โข เม, ภิกฺขเว, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตติยา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
๒๑๕. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อรฺเ ปวเน มหนฺตํ นินฺนํ ปลฺลลํ. ตเมนํ มหามิคสงฺโฆ อุปนิสฺสาย วิหเรยฺย. ตสฺส โกจิเทว ปุริโส อุปฺปชฺเชยฺย อนตฺถกาโม อหิตกาโม อโยคกฺเขมกาโม. โส ยฺวาสฺส มคฺโค เขโม โสวตฺถิโก ปีติคมนีโย ตํ มคฺคํ ปิทเหยฺย, วิวเรยฺย กุมฺมคฺคํ, โอทเหยฺย โอกจรํ, เปยฺย โอกจาริกํ. เอวฺหิ โส, ภิกฺขเว, มหามิคสงฺโฆ อปเรน สมเยน ¶ อนยพฺยสนํ [อนยพฺยสนํ ตนุตฺตํ (สี. สฺยา. ปี.)] อาปชฺเชยฺย. ตสฺเสว โข ปน, ภิกฺขเว, มหโต มิคสงฺฆสฺส โกจิเทว ปุริโส อุปฺปชฺเชยฺย อตฺถกาโม หิตกาโม โยคกฺเขมกาโม. โส ยฺวาสฺส มคฺโค เขโม โสวตฺถิโก ปีติคมนีโย ตํ มคฺคํ วิวเรยฺย, ปิทเหยฺย กุมฺมคฺคํ, อูหเนยฺย โอกจรํ, นาเสยฺย โอกจาริกํ. เอวฺหิ โส, ภิกฺขเว, มหามิคสงฺโฆ อปเรน สมเยน วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺเชยฺย.
‘‘อุปมา โข เม อยํ, ภิกฺขเว, กตา อตฺถสฺส วิฺาปนาย ¶ . อยํ เจเวตฺถ อตฺโถ – มหนฺตํ นินฺนํ ปลฺลลนฺติ โข, ภิกฺขเว, กามานเมตํ อธิวจนํ. มหามิคสงฺโฆติ โข, ภิกฺขเว, สตฺตานเมตํ อธิวจนํ. ปุริโส อนตฺถกาโม อหิตกาโม อโยคกฺเขมกาโมติ โข, ภิกฺขเว, มารสฺเสตํ ปาปิมโต อธิวจนํ. กุมฺมคฺโคติ โข, ภิกฺขเว, อฏฺงฺคิกสฺเสตํ มิจฺฉามคฺคสฺส อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – มิจฺฉาทิฏฺิยา มิจฺฉาสงฺกปฺปสฺส มิจฺฉาวาจาย มิจฺฉากมฺมนฺตสฺส มิจฺฉาอาชีวสฺส มิจฺฉาวายามสฺส มิจฺฉาสติยา มิจฺฉาสมาธิสฺส. โอกจโรติ โข, ภิกฺขเว, นนฺทีราคสฺเสตํ อธิวจนํ. โอกจาริกาติ ¶ โข, ภิกฺขเว, อวิชฺชาเยตํ อธิวจนํ. ปุริโส อตฺถกาโม หิตกาโม โยคกฺเขมกาโมติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. เขโม มคฺโค โสวตฺถิโก ปีติคมนีโยติ โข ¶ , ภิกฺขเว, อริยสฺเสตํ อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺส อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิยา สมฺมาสงฺกปฺปสฺส สมฺมาวาจาย สมฺมากมฺมนฺตสฺส สมฺมาอาชีวสฺส สมฺมาวายามสฺส สมฺมาสติยา สมฺมาสมาธิสฺส.
‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, วิวโฏ มยา เขโม มคฺโค โสวตฺถิโก ปีติคมนีโย, ปิหิโต กุมฺมคฺโค, อูหโต โอกจโร, นาสิตา โอกจาริกา. ยํ, ภิกฺขเว, สตฺถารา กรณียํ สาวกานํ หิเตสินา อนุกมฺปเกน อนุกมฺปํ อุปาทาย, กตํ โว ตํ มยา. เอตานิ, ภิกฺขเว ¶ , รุกฺขมูลานิ, เอตานิ สฺุาคารานิ; ฌายถ, ภิกฺขเว, มา ปมาทตฺถ; มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถ. อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
ทฺเวธาวิตกฺกสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ.
๑๐. วิตกฺกสณฺานสุตฺตํ
๒๑๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ ¶ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ปฺจ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิ กาตพฺพานิ. กตมานิ ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ยํ นิมิตฺตํ อาคมฺม ยํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต อุปฺปชฺชนฺติ ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ตมฺหา นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ กุสลูปสํหิตํ. ตสฺส ตมฺหา นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต กุสลูปสํหิตํ เย ปาปกา อกุสลา ¶ วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ [เอโกทิโภติ (สฺยา. ก.)] สมาธิยติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทกฺโข ปลคณฺโฑ วา ปลคณฺฑนฺเตวาสี วา สุขุมาย อาณิยา โอฬาริกํ อาณึ อภินิหเนยฺย อภินีหเรยฺย อภินิวตฺเตยฺย [อภินิวชฺเชยฺย (สี. ปี.)]; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ยํ นิมิตฺตํ อาคมฺม ยํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต อุปฺปชฺชนฺติ ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ ¶ โมหูปสํหิตาปิ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ตมฺหา นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ กุสลูปสํหิตํ. ตสฺส ตมฺหา นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต กุสลูปสํหิตํ เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ.
๒๑๗. ‘‘ตสฺส เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตมฺหา นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต กุสลูปสํหิตํ อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํ วิตกฺกานํ อาทีนโว อุปปริกฺขิตพฺโพ – ‘อิติปิเม วิตกฺกา อกุสลา, อิติปิเม วิตกฺกา สาวชฺชา, อิติปิเม วิตกฺกา ¶ ทุกฺขวิปากา’ติ. ตสฺส เตสํ วิตกฺกานํ อาทีนวํ อุปปริกฺขโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก อหิกุณเปน วา กุกฺกุรกุณเปน วา มนุสฺสกุณเปน ¶ วา กณฺเ อาสตฺเตน อฏฺฏิเยยฺย หราเยยฺย ชิคุจฺเฉยฺย; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตสฺส เจ ภิกฺขุโน ตมฺหาปิ นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ ¶ มนสิกโรโต กุสลูปสํหิตํ อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํ วิตกฺกานํ อาทีนโว อุปปริกฺขิตพฺโพ – ‘อิติปิเม วิตกฺกา อกุสลา, อิติปิเม ¶ วิตกฺกา สาวชฺชา, อิติปิเม วิตกฺกา ทุกฺขวิปากา’ติ. ตสฺส เตสํ วิตกฺกานํ อาทีนวํ อุปปริกฺขโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ.
๒๑๘. ‘‘ตสฺส เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เตสมฺปิ วิตกฺกานํ อาทีนวํ อุปปริกฺขโต อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํ วิตกฺกานํ อสติอมนสิกาโร อาปชฺชิตพฺโพ. ตสฺส เตสํ วิตกฺกานํ อสติอมนสิการํ อาปชฺชโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, จกฺขุมา ปุริโส อาปาถคตานํ รูปานํ อทสฺสนกาโม อสฺส; โส นิมีเลยฺย วา อฺเน วา อปโลเกยฺย. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตสฺส เจ ภิกฺขุโน เตสมฺปิ วิตกฺกานํ อาทีนวํ อุปปริกฺขโต อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ.
๒๑๙. ‘‘ตสฺส ¶ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เตสมฺปิ วิตกฺกานํ อสติอมนสิการํ อาปชฺชโต ¶ อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํ วิตกฺกานํ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ มนสิกาตพฺพํ. ตสฺส เตสํ วิตกฺกานํ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ มนสิกโรโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส สีฆํ คจฺเฉยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘กึ นุ โข อหํ สีฆํ คจฺฉามิ? ยํนูนาหํ สณิกํ คจฺเฉยฺย’นฺติ. โส สณิกํ คจฺเฉยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘กึ นุ โข อหํ สณิกํ คจฺฉามิ? ยํนูนาหํ ติฏฺเยฺย’นฺติ. โส ติฏฺเยฺย ¶ . ตสฺส เอวมสฺส – ‘กึ นุ โข อหํ ิโต? ยํนูนาหํ นิสีเทยฺย’นฺติ. โส นิสีเทยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘กึ นุ โข อหํ นิสินฺโน? ยํนูนาหํ นิปชฺเชยฺย’นฺติ. โส นิปชฺเชยฺย. เอวฺหิ โส, ภิกฺขเว, ปุริโส โอฬาริกํ โอฬาริกํ อิริยาปถํ อภินิวชฺเชตฺวา [อภินิสฺสชฺเชตฺวา (สฺยา.)] สุขุมํ สุขุมํ อิริยาปถํ กปฺเปยฺย. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตสฺส เจ ภิกฺขุโน เตสมฺปิ วิตกฺกานํ อสติอมนสิการํ อาปชฺชโต อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ.
๒๒๐. ‘‘ตสฺส ¶ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เตสมฺปิ วิตกฺกานํ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ มนสิกโรโต อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ทนฺเตภิทนฺตมาธาย [ทนฺเต + อภิทนฺตํ + อาธายาติ ฏีกายํ ปทจฺเฉโท, ทนฺเตภีติ ปเนตฺถ กรณตฺโถ ยุตฺโต วิย ทิสฺสติ] ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหิตพฺพํ อภินิปฺปีเฬตพฺพํ อภิสนฺตาเปตพฺพํ ¶ . ตสฺส ทนฺเตภิทนฺตมาธาย ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, พลวา ปุริโส ทุพฺพลตรํ ปุริสํ สีเส วา คเล วา ขนฺเธ วา คเหตฺวา อภินิคฺคณฺเหยฺย อภินิปฺปีเฬยฺย อภิสนฺตาเปยฺย; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตสฺส เจ ภิกฺขุโน เตสมฺปิ วิตกฺกานํ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ มนสิกโรโต อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ทนฺเตภิทนฺตมาธาย ¶ ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหิตพฺพํ อภินิปฺปีเฬตพฺพํ อภิสนฺตาเปตพฺพํ. ตสฺส ทนฺเตภิทนฺตมาธาย ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ ¶ โมหูปสํหิตาปิ ¶ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ.
๒๒๑. ‘‘ยโต โข [ยโต จ โข (สฺยา. ก.)], ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ยํ นิมิตฺตํ อาคมฺม ยํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต อุปฺปชฺชนฺติ ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, ตสฺส ตมฺหา นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต กุสลูปสํหิตํ เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เตสมฺปิ วิตกฺกานํ อาทีนวํ อุปปริกฺขโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เตสมฺปิ วิตกฺกานํ อสติอมนสิการํ อาปชฺชโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เตสมฺปิ วิตกฺกานํ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ มนสิกโรโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ ¶ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. ทนฺเตภิทนฺตมาธาย ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ ¶ สมาธิยติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วสี วิตกฺกปริยายปเถสุ. ยํ วิตกฺกํ อากงฺขิสฺสติ ตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสติ, ยํ วิตกฺกํ นากงฺขิสฺสติ น ตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสติ. อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหํ, วิวตฺตยิ [วาวตฺตยิ (สี. ปี.)] สํโยชนํ, สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติ.
อิทมโวจ ¶ ¶ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
วิตกฺกสณฺานสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.
สีหนาทวคฺโค นิฏฺิโต ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
จูฬสีหนาทโลมหํสวโร, มหาจูฬทุกฺขกฺขนฺธอนุมานิกสุตฺตํ;
ขิลปตฺถมธุปิณฺฑิกทฺวิธาวิตกฺก, ปฺจนิมิตฺตกถา ปุน วคฺโค.