📜
๓. โอปมฺมวคฺโค
๑. กกจูปมสุตฺตํ
๒๒๒. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อติเวลํ สํสฏฺโ วิหรติ. เอวํ สํสฏฺโ อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรติ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสติ, เตนายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน กุปิโต อนตฺตมโน อธิกรณมฺปิ กโรติ. สเจ ปน โกจิ ภิกฺขุ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ สมฺมุขา อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตา ภิกฺขุนิโย กุปิตา อนตฺตมนา อธิกรณมฺปิ กโรนฺติ. เอวํ สํสฏฺโ อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรติ. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อติเวลํ สํสฏฺโ วิหรติ. เอวํ สํสฏฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรติ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสติ, เตนายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน กุปิโต อนตฺตมโน ¶ อธิกรณมฺปิ กโรติ. สเจ ปน โกจิ ภิกฺขุ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ สมฺมุขา อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตา ภิกฺขุนิโย กุปิตา อนตฺตมนา อธิกรณมฺปิ กโรนฺติ. เอวํ สํสฏฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรตี’’ติ.
๒๒๓. อถ โข ภควา อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ ¶ , ภิกฺขุ, มม วจเนน โมฬิยผคฺคุนํ ภิกฺขุํ อามนฺเตหิ – ‘สตฺถา ตํ, อาวุโส ผคฺคุน, อามนฺเตตี’’’ติ. ‘‘เอวํ ¶ , ภนฺเต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ โมฬิยผคฺคุนํ เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา ตํ, อาวุโส ผคฺคุน, อามนฺเตตี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ตสฺส ¶ ภิกฺขุโน ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ โมฬิยผคฺคุนํ ภควา เอตทโวจ –
‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ผคฺคุน, ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อติเวลํ สํสฏฺโ วิหรสิ? เอวํ สํสฏฺโ กิร ตฺวํ, ผคฺคุน, ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรสิ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ ตุยฺหํ สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตฺวํ กุปิโต อนตฺตมโน อธิกรณมฺปิ กโรสิ. สเจ ปน โกจิ ภิกฺขุ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ สมฺมุขา ตุยฺหํ อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตา ภิกฺขุนิโย กุปิตา อนตฺตมนา อธิกรณมฺปิ กโรนฺติ. เอวํ สํสฏฺโ กิร ตฺวํ, ผคฺคุน, ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรสี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘นนุ ตฺวํ, ผคฺคุน, กุลปุตฺโต สทฺธา ¶ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ.
๒๒๔. ‘‘น โข เต เอตํ, ผคฺคุน, ปติรูปํ กุลปุตฺตสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตสฺส, ยํ ตฺวํ ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อติเวลํ สํสฏฺโ วิหเรยฺยาสิ. ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาเสยฺย, ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา [เคหสฺสิตา (?)] ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิ. ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิตฺโต, น โทสนฺตโร’ติ. เอวฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, เลฑฺฑุนา ปหารํ ทเทยฺย, ทณฺเฑน ปหารํ ทเทยฺย, สตฺเถน ปหารํ ทเทยฺย. ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิ. ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิตฺโต, น โทสนฺตโร’ติ. เอวฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ สมฺมุขา อวณฺณํ ภาเสยฺย, ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน ¶ , เย เคหสิตา ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ¶ ปชเหยฺยาสิ. ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิตฺโต, น โทสนฺตโร’ติ. เอวฺหิ ¶ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, เลฑฺฑุนา ปหารํ ทเทยฺย, ทณฺเฑน ปหารํ ทเทยฺย, สตฺเถน ปหารํ ¶ ทเทยฺย, ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิ. ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิตฺโต, น โทสนฺตโร’ติ. เอวฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ.
๒๒๕. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาราธยึสุ วต เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขู เอกํ สมยํ จิตฺตํ. อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อามนฺเตสึ – อหํ โข, ภิกฺขเว, เอกาสนโภชนํ ภฺุชามิ. เอกาสนโภชนํ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภฺุชมาโน อปฺปาพาธตฺจ สฺชานามิ อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจ. เอถ ตุมฺเหปิ, ภิกฺขเว, เอกาสนโภชนํ ภฺุชถ. เอกาสนโภชนํ โข, ภิกฺขเว, ตุมฺเหปิ ภฺุชมานา อปฺปาพาธตฺจ สฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจาติ. น เม, ภิกฺขเว, เตสุ ภิกฺขูสุ อนุสาสนี กรณียา อโหสิ; สตุปฺปาทกรณียเมว เม, ภิกฺขเว, เตสุ ภิกฺขูสุ อโหสิ.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สุภูมิยํ จตุมหาปเถ อาชฺรโถ ยุตฺโต อสฺส ิโต โอธสฺตปโตโท. ตเมนํ ทกฺโข โยคฺคาจริโย อสฺสทมฺมสารถิ อภิรุหิตฺวา, วาเมน หตฺเถน รสฺมิโย คเหตฺวา, ทกฺขิเณน หตฺเถน ปโตทํ คเหตฺวา, เยนิจฺฉกํ ยทิจฺฉกํ ¶ สาเรยฺยปิ ปจฺจาสาเรยฺยปิ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, น เม เตสุ ภิกฺขูสุ อนุสาสนี กรณียา อโหสิ, สตุปฺปาทกรณียเมว เม, ภิกฺขเว, เตสุ ภิกฺขูสุ อโหสิ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ตุมฺเหปิ อกุสลํ ปชหถ, กุสเลสุ ธมฺเมสุ อาโยคํ กโรถ. เอวฺหิ ตุมฺเหปิ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสถ.
‘‘เสยฺยถาปิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร มหนฺตํ สาลวนํ. ตฺจสฺส เอฬณฺเฑหิ สฺฉนฺนํ. ตสฺส โกจิเทว ปุริโส อุปฺปชฺเชยฺย อตฺถกาโม หิตกาโม โยคกฺเขมกาโม. โส ยา ตา สาลลฏฺิโย กุฏิลา โอชาปหรณิโย [โอชหรณิโย (ก.)] ตา เฉตฺวา [ตจฺเฉตฺวา (สี. สฺยา. ปี.)] พหิทฺธา นีหเรยฺย, อนฺโตวนํ สุวิโสธิตํ วิโสเธยฺย. ยา ปน ตา สาลลฏฺิโย อุชุกา สุชาตา ตา สมฺมา ปริหเรยฺย. เอวฺเหตํ, ภิกฺขเว, สาลวนํ อปเรน สมเยน วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺเชยฺย. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตุมฺเหปิ อกุสลํ ปชหถ, กุสเลสุ ธมฺเมสุ อาโยคํ กโรถ. เอวฺหิ ¶ ตุมฺเหปิ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสถ.
๒๒๖. ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา เวเทหิกา นาม คหปตานี อโหสิ. เวเทหิกาย, ภิกฺขเว, คหปตานิยา เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘โสรตา เวเทหิกา คหปตานี, นิวาตา เวเทหิกา คหปตานี, อุปสนฺตา เวเทหิกา คหปตานี’ติ. เวเทหิกาย โข ปน, ภิกฺขเว, คหปตานิยา กาฬี นาม ทาสี อโหสิ ทกฺขา อนลสา ¶ สุสํวิหิตกมฺมนฺตา.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬิยา ทาสิยา เอตทโหสิ – ‘มยฺหํ โข อยฺยาย เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘‘โสรตา เวเทหิกา คหปตานี, นิวาตา เวเทหิกา คหปตานี, อุปสนฺตา เวเทหิกา คหปตานี’’ติ. กึ นุ โข เม อยฺยา สนฺตํเยว นุ โข อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ อุทาหุ อสนฺตํ อุทาหุ มยฺหเมเวเต [มยฺเหเวเต (สี. ปี.)] กมฺมนฺตา สุสํวิหิตา เยน เม อยฺยา สนฺตํเยว อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ? ยํนูนาหํ อยฺยํ วีมํเสยฺย’นฺติ. อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ทิวา อุฏฺาสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกา คหปตานี กาฬึ ทาสึ เอตทโวจ – ‘เห เช กาฬี’ติ. ‘กึ, อยฺเย’ติ? ‘กึ, เช, ทิวา อุฏฺาสี’ติ? ‘น ขฺวยฺเย [น โข อยฺเย (สี. ปี.)], กิฺจี’ติ. ‘โน วต เร กิฺจิ, ปาปิ ทาสิ [ปาปทาสิ (สฺยา. ก.)], ทิวา อุฏฺาสี’ติ กุปิตา อนตฺตมนา ภากุฏึ [ภูกุฏึ (สี. ปี.), ภกุฏีํ (สฺยา.)] อกาสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬิยา ทาสิยา ¶ เอตทโหสิ – ‘สนฺตํเยว โข เม อยฺยา อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ; มยฺหเมเวเต กมฺมนฺตา สุสํวิหิตา, เยน เม อยฺยา สนฺตํเยว อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ. ยํนูนาหํ ภิยฺโยโสมตฺตาย อยฺยํ วีมํเสยฺย’’’นฺติ.
‘‘อถ ¶ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ทิวาตรํเยว อุฏฺาสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกา คหปตานี กาฬึ ทาสึ เอตทโวจ – ‘เห เช, กาฬี’ติ. ‘กึ, อยฺเย’ติ? ‘กึ, เช, ทิวาตรํ อุฏฺาสี’ติ? ‘น ขฺวยฺเย, กิฺจี’ติ. ‘โน วต เร กิฺจิ, ปาปิ ทาสิ, ทิวาตรํ ¶ อุฏฺาสี’ติ กุปิตา อนตฺตมนา อนตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬิยา ทาสิยา เอตทโหสิ – ‘สนฺตํเยว โข เม อยฺยา อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ. มยฺหเมเวเต กมฺมนฺตา สุสํวิหิตา, เยน เม อยฺยา สนฺตํเยว อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ. ยํนูนาหํ ภิยฺโยโสมตฺตาย อยฺยํ วีมํเสยฺย’นฺติ.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ทิวาตรํเยว อุฏฺาสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกา คหปตานี กาฬึ ทาสึ เอตทโวจ ¶ – ‘เห เช, กาฬี’ติ. ‘กึ, อยฺเย’ติ? ‘กึ, เช, ทิวา อุฏฺาสี’ติ? ‘น ขฺวยฺเย, กิฺจี’ติ. ‘โน วต เร กิฺจิ, ปาปิ ทาสิ, ทิวา อุฏฺาสี’ติ กุปิตา อนตฺตมนา อคฺคฬสูจึ คเหตฺวา สีเส ปหารํ อทาสิ, สีสํ โวภินฺทิ [วิ + อว + ภินฺทิ = โวภินฺทิ]. อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ภินฺเนน สีเสน โลหิเตน คลนฺเตน ปฏิวิสฺสกานํ อุชฺฌาเปสิ – ‘ปสฺสถยฺเย, โสรตาย กมฺมํ; ปสฺสถยฺเย, นิวาตาย กมฺมํ, ปสฺสถยฺเย, อุปสนฺตาย กมฺมํ! กถฺหิ นาม เอกทาสิกาย ทิวา อุฏฺาสีติ กุปิตา อนตฺตมนา อคฺคฬสูจึ คเหตฺวา สีเส ปหารํ ทสฺสติ, สีสํ โวภินฺทิสฺสตี’ติ.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกาย คหปตานิยา อปเรน สมเยน เอวํ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิ – ‘จณฺฑี เวเทหิกา คหปตานี, อนิวาตา เวเทหิกา คหปตานี, อนุปสนฺตา เวเทหิกา คหปตานี’ติ.
‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ ตาวเทว โสรตโสรโต โหติ นิวาตนิวาโต ¶ โหติ อุปสนฺตูปสนฺโต โหติ ยาว น อมนาปา วจนปถา ผุสนฺติ. ยโต จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ ¶ อมนาปา วจนปถา ผุสนฺติ, อถ ภิกฺขุ ‘โสรโต’ติ เวทิตพฺโพ, ‘นิวาโต’ติ เวทิตพฺโพ, ‘อุปสนฺโต’ติ เวทิตพฺโพ. นาหํ ตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ ‘สุวโจ’ติ วทามิ โย จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ สุวโจ โหติ, โสวจสฺสตํ อาปชฺชติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ¶ อลภมาโน น สุวโจ โหติ, น โสวจสฺสตํ อาปชฺชติ. โย จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํเยว สกฺกโรนฺโต, ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต, ธมฺมํ มาเนนฺโต, ธมฺมํ ปูเชนฺโต, ธมฺมํ อปจายมาโน [ธมฺมํ เยว สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุกโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน (สี. สฺยา. ปี.)] สุวโจ โหติ, โสวจสฺสตํ อาปชฺชติ, ตมหํ ‘สุวโจ’ติ วทามิ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ‘ธมฺมํเยว สกฺกโรนฺตา, ธมฺมํ ครุํ กโรนฺตา, ธมฺมํ มาเนนฺตา, ธมฺมํ ปูเชนฺตา, ธมฺมํ อปจายมานา สุวจา ภวิสฺสาม, โสวจสฺสตํ อาปชฺชิสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.
๒๒๗. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ – กาเลน วา อกาเลน วา; ภูเตน วา อภูเตน วา; สณฺเหน วา ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา โทสนฺตรา วา. กาเลน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อกาเลน วา; ภูเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อภูเตน วา; สณฺเหน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อนตฺถสํหิเตน ¶ วา ¶ ; เมตฺตจิตฺตา วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ โทสนฺตรา วา. ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา, น โทสนฺตรา. ตฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม, ตทารมฺมณฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน จิตฺเตน วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน [อพฺยาปชฺเฌน (สี. สฺยา. ปี.), อพฺยาปชฺเชน (ก.) องฺคุตฺตรติกนิปาตฏีกา โอโลเกตพฺพา] ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.
๒๒๘. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กุทาลปิฏกํ [กุทฺทาลปิฏกํ (สี. สฺยา. ปี.)] อาทาย. โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมํ มหาปถวึ อปถวึ กริสฺสามี’ติ ¶ . โส ตตฺร ตตฺร วิขเณยฺย [ขเณยฺย (สี. สฺยา. ปี.)], ตตฺร ตตฺร วิกิเรยฺย, ตตฺร ตตฺร โอฏฺุเภยฺย, ตตฺร ตตฺร โอมุตฺเตยฺย – ‘อปถวี ภวสิ, อปถวี ภวสี’ติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อิมํ มหาปถวึ อปถวึ กเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อยฺหิ, ภนฺเต, มหาปถวี คมฺภีรา อปฺปเมยฺยา. สา น สุกรา อปถวี กาตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ – กาเลน วา อกาเลน วา; ภูเตน วา อภูเตน วา; สณฺเหน วา ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา โทสนฺตรา วา. กาเลน วา ¶ , ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อกาเลน ¶ วา; ภูเตน วา ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อภูเตน วา; สณฺเหน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ โทสนฺตรา วา. ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา น โทสนฺตรา. ตฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม, ตทารมฺมณฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ ปถวิสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.
๒๒๙. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ลาขํ วา หลิทฺทึ วา นีลํ วา มฺชิฏฺํ วา อาทาย. โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมสฺมึ อากาเส รูปํ ลิขิสฺสามิ, รูปปาตุภาวํ กริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อิมสฺมึ อากาเส รูปํ ลิเขยฺย, รูปปาตุภาวํ กเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อยฺหิ, ภนฺเต, อากาโส อรูปี อนิทสฺสโน. ตตฺถ น สุกรํ รูปํ ลิขิตุํ, รูปปาตุภาวํ กาตุํ; ยาวเทว จ ปน ¶ โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ กาเลน วา อกาเลน วา ¶ …เป… ‘น เจว… ตทารมฺมณฺจ ¶ สพฺพาวนฺตํ โลกํ อากาสสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.
๒๓๐. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อาทิตฺตํ ติณุกฺกํ อาทาย. โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมาย อาทิตฺตาย ติณุกฺกาย คงฺคํ นทึ สนฺตาเปสฺสามิ สํปริตาเปสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อาทิตฺตาย ติณุกฺกาย คงฺคํ นทึ สนฺตาเปยฺย สํปริตาเปยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘คงฺคา หิ, ภนฺเต, นที คมฺภีรา อปฺปเมยฺยา. สา น สุกรา อาทิตฺตาย ติณุกฺกาย สนฺตาเปตุํ สํปริตาเปตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ กาเลน วา อกาเลน ¶ วา…เป… ‘น เจว… ตทารมฺมณฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ คงฺคาสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.
๒๓๑. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, พิฬารภสฺตา มทฺทิตา สุมทฺทิตา สุปริมทฺทิตา, มุทุกา ตูลินี ฉินฺนสสฺสรา ฉินฺนภพฺภรา. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กฏฺํ วา กถลํ [กลํ (สี. สฺยา. ปี.)] วา อาทาย. โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมํ พิฬารภสฺตํ มทฺทิตํ สุมทฺทิตํ สุปริมทฺทิตํ, มุทุกํ ตูลินึ, ฉินฺนสสฺสรํ ฉินฺนภพฺภรํ กฏฺเน วา กถเลน วา สรสรํ กริสฺสามิ ภรภรํ กริสฺสามี’ติ ¶ . ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ พิฬารภสฺตํ มทฺทิตํ สุมทฺทิตํ สุปริมทฺทิตํ, มุทุกํ ตูลินึ, ฉินฺนสสฺสรํ ฉินฺนภพฺภรํ กฏฺเน วา กถเลน วา สรสรํ กเรยฺย, ภรภรํ กเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อมุ หิ, ภนฺเต, พิฬารภสฺตา มทฺทิตา สุมทฺทิตา สุปริมทฺทิตา, มุทุกา ตูลินี, ฉินฺนสสฺสรา ฉินฺนภพฺภรา. สา น สุกรา กฏฺเน วา กถเลน วา สรสรํ กาตุํ ภรภรํ กาตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ กาเลน วา ¶ อกาเลน วา; ภูเตน วา อภูเตน วา; สณฺเหน ¶ วา ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา โทสนฺตรา วา. กาเลน วา ภิกฺขเว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อกาเลน วา; ภูเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อภูเตน วา; สณฺเหน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ โทสนฺตรา วา. ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา น โทสนฺตรา. ตฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม, ตทารมฺมณฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ พิฬารภสฺตาสเมน เจตสา ¶ วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.
๒๓๒. ‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกนฺเตยฺยุํ, ตตฺราปิ โย มโน ปทูเสยฺย, น เม โส เตน สาสนกโร. ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว ¶ , เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา น โทสนฺตรา. ตฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม ตทารมฺมณฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.
๒๓๓. ‘‘อิมฺจ [อิมฺเจ (?)] ตุมฺเห, ภิกฺขเว, กกจูปมํ โอวาทํ อภิกฺขณํ มนสิ กเรยฺยาถ. ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ตํ วจนปถํ, อณุํ วา ถูลํ วา, ยํ ตุมฺเห นาธิวาเสยฺยาถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, อิมํ กกจูปมํ โอวาทํ อภิกฺขณํ มนสิกโรถ. ตํ โว ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
กกจูปมสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.
๒. อลคทฺทูปมสุตฺตํ
๒๓๔. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อริฏฺสฺส นาม ภิกฺขุโน คทฺธพาธิปุพฺพสฺส [คนฺธพาธิปุพฺพสฺส (ก.)] เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ. อสฺโสสุํ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู – ‘‘อริฏฺสฺส กิร นาม ภิกฺขุโน คทฺธพาธิปุพฺพสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติ. อถ โข เต ภิกฺขู เยน อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตทโวจุํ – ‘‘สจฺจํ กิร เต, อาวุโส อริฏฺ, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติ. ‘‘เอวํพฺยาโข [เอวํ โข (?) ภควโต สมฺมุขาเยวสฺส ‘‘เอวํพฺยาโข’’ติ] อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ.
อถ โข เตปิ ภิกฺขู อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตสฺมา ¶ ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจตุกามา สมนุยฺุชนฺติ สมนุคาหนฺติ [สมนุคฺคาหนฺติ (สฺยา.)] สมนุภาสนฺติ – ‘‘มา เหวํ, อาวุโส อริฏฺ, อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ; น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ [อพฺภาจิกฺขนํ (ก.)], น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย. อเนกปริยาเยนาวุโส อริฏฺ, อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตา, อลฺจ ปน เต ปฏิเสวโต อนฺตรายาย. อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา,อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา…เป… มํสเปสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… ติณุกฺกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… องฺคารกาสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… สุปินกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… ยาจิตกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… รุกฺขผลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… อสิสูนูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… สตฺติสูลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา ¶ ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’’ติ. เอวมฺปิ โข อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ ¶ เตหิ ภิกฺขูหิ สมนุยฺุชิยมาโน สมนุคาหิยมาโน [สมนุคฺคาหิยมาโน (สฺยา. วินเยปิ)] สมนุภาสิยมาโน ตเทว [ตเถว ตํ (วินเย)] ปาปกํ ทิฏฺิคตํ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘‘เอวํพฺยาโข อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ.
๒๓๕. ยโต โข เต ภิกฺขู นาสกฺขึสุ อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ ¶ ¶ เอตสฺมา ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจตุํ, อถ โข เต ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อริฏฺสฺส นาม, ภนฺเต, ภิกฺขุโน คทฺธพาธิปุพฺพสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ. อสฺสุมฺห โข มยํ, ภนฺเต – ‘อริฏฺสฺส กิร นาม ภิกฺขุโน คทฺธพาธิปุพฺพสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ. อถ โข มยํ, ภนฺเต, เยน อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตทโวจุมฺห – ‘สจฺจํ กิร เต, อาวุโส อริฏฺ, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ?
‘‘เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ อมฺเห เอตทโวจ – ‘เอวํพฺยาโข อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ. อถ โข มยํ, ภนฺเต, อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจตุกามา สมนุยฺุชิมฺห สมนุคาหิมฺห สมนุภาสิมฺห ¶ – ‘มา เหวํ, อาวุโส อริฏฺ, อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ; น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ ¶ , น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย. อเนกปริยาเยนาวุโส อริฏฺ, อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตา, อลฺจ ปน เต ปฏิเสวโต อนฺตรายาย. อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา…เป… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ. เอวมฺปิ โข, ภนฺเต, อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ อมฺเหหิ สมนุยฺุชิยมาโน สมนุคาหิยมาโน ¶ สมนุภาสิยมาโน ตเทว ปาปกํ ทิฏฺิคตํ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘เอวํพฺยาโข อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ. ยโต โข มยํ, ภนฺเต, นาสกฺขิมฺห อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจตุํ, อถ มยํ เอตมตฺถํ ภควโต อาโรเจมา’’ติ.
๒๓๖. อถ โข ภควา อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ อามนฺเตหิ – ‘สตฺถา ตํ, อาวุโส อริฏฺ, อามนฺเตตี’’’ติ. ‘‘เอวํ ¶ , ภนฺเต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา, เยน อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา ¶ ตํ, อาวุโส อริฏฺ, อามนฺเตตี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ ตสฺส ภิกฺขุโน ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร เต, อริฏฺ, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติ?
‘‘เอวํพฺยาโข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติ. ‘‘กสฺส โข นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, มยา เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาสิ? นนุ มยา, โมฆปุริส, อเนกปริยาเยน อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา? อลฺจ ปน เต ปฏิเสวโต อนฺตรายาย. อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา มยา, พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา มยา… มํสเปสูปมา ¶ กามา วุตฺตา มยา… ติณุกฺกูปมา กามา วุตฺตา มยา… องฺคารกาสูปมา กามา วุตฺตา มยา… สุปินกูปมา กามา วุตฺตา มยา… ยาจิตกูปมา กามา วุตฺตา มยา… รุกฺขผลูปมา กามา วุตฺตา มยา… อสิสูนูปมา กามา วุตฺตา มยา… สตฺติสูลูปมา กามา วุตฺตา มยา… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา มยา, พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อถ จ ปน ตฺวํ, โมฆปุริส, อตฺตนา ทุคฺคหิเตน ¶ อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขสิ, อตฺตานฺจ ขนสิ, พหฺุจ อปฺุํ ปสวสิ. ตฺหิ เต, โมฆปุริส, ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ.
อถ ¶ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นายํ อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ อุสฺมีกโตปิ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย’’ติ? ‘‘กิฺหิ [กึติ (ก.)] สิยา, ภนฺเต; โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ. เอวํ วุตฺเต, อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิ. อถ โข ภควา อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ ตุณฺหีภูตํ มงฺกุภูตํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ อปฺปฏิภานํ วิทิตฺวา อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตทโวจ – ‘‘ปฺายิสฺสสิ โข ตฺวํ, โมฆปุริส, เอเตน สเกน ปาปเกน ทิฏฺิคเตน. อิธาหํ ภิกฺขู ปฏิปุจฺฉิสฺสามี’’ติ.
๒๓๗. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ตุมฺเหปิ เม, ภิกฺขเว ¶ , เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาถ ยถายํ อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขติ, อตฺตานฺจ ขนติ, พหฺุจ อปฺุํ ปสวตี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต. อเนกปริยาเยน หิ โน, ภนฺเต, อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตา; อลฺจ ปน เต ปฏิเสวโต อนฺตรายาย. อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา…เป… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา ¶ , อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, ภิกฺขเว, สาธุ, โข เม ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาถ. อเนกปริยาเยน หิ โข, ภิกฺขเว, อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา มยา, อลฺจ ปน เต ปฏิเสวโต อนฺตรายาย. อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา มยา ¶ , พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา มยา…เป… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา มยา, พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อถ จ ปนายํ อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขติ, อตฺตานฺจ ขนติ, พหฺุจ อปฺุํ ปสวติ. ตฺหิ ตสฺส โมฆปุริสสฺส ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย. โส วต, ภิกฺขเว, อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร กามสฺาย อฺตฺร กามวิตกฺเกหิ กาเม ปฏิเสวิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ’’.
๒๓๘. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺเจ โมฆปุริสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ. เต ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เตสํ ธมฺมานํ ปฺาย อตฺถํ น อุปปริกฺขนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ปฺาย อตฺถํ อนุปปริกฺขตํ ¶ น นิชฺฌานํ ขมนฺติ. เต อุปารมฺภานิสํสา เจว ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จ. ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ ตฺจสฺส อตฺถํ ¶ นานุโภนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก อลคทฺทคเวสี อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโน. โส ปสฺเสยฺย มหนฺตํ อลคทฺทํ. ตเมนํ โภเค วา นงฺคุฏฺเ วา คณฺเหยฺย. ตสฺส โส อลคทฺโท ปฏิปริวตฺติตฺวา [ปฏินิวตฺติตฺวา (สฺยา. ก.)] หตฺเถ วา พาหาย วา อฺตรสฺมึ วา องฺคปจฺจงฺเค ฑํเสยฺย [ฑเสยฺย (สี. ปี.)]. โส ตโตนิทานํ ¶ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, อลคทฺทสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ. เต ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เตสํ ธมฺมานํ ปฺาย อตฺถํ น อุปปริกฺขนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ปฺาย อตฺถํ อนุปปริกฺขตํ น นิชฺฌานํ ขมนฺติ. เต อุปารมฺภานิสํสา เจว ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จ. ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุโภนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา ภิกฺขเว ธมฺมานํ.
๒๓๙. ‘‘อิธ ¶ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ. เต ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เตสํ ธมฺมานํ ปฺาย อตฺถํ อุปปริกฺขนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ปฺาย อตฺถํ อุปปริกฺขตํ นิชฺฌานํ ¶ ขมนฺติ. เต น เจว อุปารมฺภานิสํสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ น อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จ [น จ อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา (?)]. ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ ตฺจสฺส อตฺถํ อนุโภนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา สุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุคฺคหิตตฺตา ภิกฺขเว ธมฺมานํ.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก อลคทฺทคเวสี อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโน. โส ปสฺเสยฺย มหนฺตํ อลคทฺทํ. ตเมนํ อชปเทน ทณฺเฑน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺเหยฺย. อชปเทน ทณฺเฑน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคหิตฺวา, คีวาย สุคฺคหิตํ คณฺเหยฺย. กิฺจาปิ โส, ภิกฺขเว ¶ , อลคทฺโท ตสฺส ปุริสสฺส หตฺถํ วา พาหํ วา อฺตรํ วา องฺคปจฺจงฺคํ โภเคหิ ปลิเวเยฺย, อถ โข โส เนว ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, อลคทฺทสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ. เต ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เตสํ ธมฺมานํ ปฺาย อตฺถํ อุปปริกฺขนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ปฺาย อตฺถํ อุปปริกฺขตํ นิชฺฌานํ ขมนฺติ. เต น เจว อุปารมฺภานิสํสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, น อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จ. ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, ตฺจสฺส อตฺถํ อนุโภนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา สุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ อตฺถาย หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ยสฺส ¶ เม ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชาเนยฺยาถ, ตถา นํ ธาเรยฺยาถ. ยสฺส จ ปน เม ภาสิตสฺส อตฺถํ น อาชาเนยฺยาถ, อหํ โว ตตฺถ ปฏิปุจฺฉิตพฺโพ, เย วา ปนาสฺสุ วิยตฺตา ภิกฺขู.
๒๔๐. ‘‘กุลฺลูปมํ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ นิตฺถรณตฺถาย, โน คหณตฺถาย. ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขเว, ปุริโส อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน. โส ปสฺเสยฺย มหนฺตํ อุทกณฺณวํ, โอริมํ ตีรํ สาสงฺกํ สปฺปฏิภยํ, ปาริมํ ตีรํ เขมํ อปฺปฏิภยํ; น จสฺส นาวา สนฺตารณี อุตฺตรเสตุ วา อปารา ปารํ คมนาย. ตสฺส เอวมสฺส ¶ – ‘อยํ โข มหาอุทกณฺณโว, โอริมํ ตีรํ สาสงฺกํ สปฺปฏิภยํ, ปาริมํ ตีรํ เขมํ อปฺปฏิภยํ; นตฺถิ จ นาวา สนฺตารณี อุตฺตรเสตุ วา อปารา ปารํ คมนาย. ยํนูนาหํ ติณกฏฺสาขาปลาสํ สํกฑฺฒิตฺวา, กุลฺลํ พนฺธิตฺวา, ตํ กุลฺลํ นิสฺสาย หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายมมาโน โสตฺถินา ปารํ อุตฺตเรยฺย’นฺติ. อถ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ติณกฏฺสาขาปลาสํ สํกฑฺฒิตฺวา, กุลฺลํ พนฺธิตฺวา ตํ กุลฺลํ นิสฺสาย หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายมมาโน โสตฺถินา ปารํ อุตฺตเรยฺย. ตสฺส ปุริสสฺส อุตฺติณฺณสฺส [ติณฺณสฺส (ปี. ก.)] ปารงฺคตสฺส เอวมสฺส – ‘พหุกาโร โข เม อยํ กุลฺโล; อิมาหํ กุลฺลํ นิสฺสาย หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายมมาโน โสตฺถินา ปารํ อุตฺติณฺโณ. ยํนูนาหํ อิมํ กุลฺลํ สีเส วา อาโรเปตฺวา ขนฺเธ ¶ วา อุจฺจาเรตฺวา [อุจฺโจเปตฺวา (ก.)] เยน กามํ ปกฺกเมยฺย’นฺติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส เอวํการี ตสฺมึ กุลฺเล กิจฺจการี อสฺสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘กถํการี จ โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ตสฺมึ กุลฺเล กิจฺจการี อสฺส? อิธ, ภิกฺขเว, ตสฺส ปุริสสฺส อุตฺติณฺณสฺส ปารงฺคตสฺส เอวมสฺส – ‘พหุกาโร โข เม อยํ กุลฺโล; อิมาหํ กุลฺลํ นิสฺสาย ¶ หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายมมาโน โสตฺถินา ปารํ อุตฺติณฺโณ. ยํนูนาหํ อิมํ กุลฺลํ ถเล วา อุสฺสาเทตฺวา [อุสฺสาเรตฺวา (ก.)] อุทเก วา โอปิลาเปตฺวา เยน กามํ ปกฺกเมยฺย’นฺติ. เอวํการี โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ตสฺมึ กุลฺเล กิจฺจการี อสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, กุลฺลูปโม มยา ธมฺโม เทสิโต นิตฺถรณตฺถาย, โน คหณตฺถาย. กุลฺลูปมํ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทสิตํ, อาชานนฺเตหิ ธมฺมาปิ โว ปหาตพฺพา ปเคว อธมฺมา.
๒๔๑. ‘‘ฉยิมานิ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิฏฺานานิ. กตมานิ ฉ? อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธมฺเม อวินีโต, สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต, รูปํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ ¶ สมนุปสฺสติ; เวทนํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; สฺํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; สงฺขาเร ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส ¶ เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; ยมฺปิ ตํ ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ, อนุวิจริตํ มนสา ตมฺปิ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺานํ – โส โลโก โส อตฺตา, โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม ¶ , สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามีติ – ตมฺปิ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธมฺเม สุวินีโต, สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธมฺเม สุวินีโต, รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; เวทนํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; สฺํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; สงฺขาเร ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; ยมฺปิ ตํ ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ, อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺปิ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺานํ – โส โลโก โส อตฺตา, โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม, สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามีติ – ตมฺปิ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. โส เอวํ สมนุปสฺสนฺโต อสติ น ปริตสฺสตี’’ติ.
๒๔๒. เอวํ วุตฺเต, อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สิยา นุ โข, ภนฺเต, พหิทฺธา อสติ ปริตสฺสนา’’ติ? ‘‘สิยา, ภิกฺขู’’ติ – ภควา ¶ อโวจ. ‘‘อิธ ภิกฺขุ เอกจฺจสฺส ¶ เอวํ โหติ – ‘อหุ วต เม, ตํ วต เม นตฺถิ; สิยา วต เม, ตํ วตาหํ น ลภามี’ติ. โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขุ, พหิทฺธา อสติ ปริตสฺสนา โหตี’’ติ.
‘‘สิยา ปน, ภนฺเต, พหิทฺธา อสติ อปริตสฺสนา’’ติ? ‘‘สิยา, ภิกฺขู’’ติ – ภควา อโวจ. ‘‘อิธ ภิกฺขุ เอกจฺจสฺส น เอวํ โหติ – ‘อหุ วต เม, ตํ วต เม นตฺถิ; สิยา วต เม, ตํ วตาหํ น ลภามี’ติ. โส น โสจติ ¶ น กิลมติ น ปริเทวติ น อุรตฺตาฬึ กนฺทติ น สมฺโมหํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขุ, พหิทฺธา อสติ อปริตสฺสนา โหตี’’ติ.
‘‘สิยา นุ โข, ภนฺเต, อชฺฌตฺตํ อสติ ปริตสฺสนา’’ติ? ‘‘สิยา, ภิกฺขู’’ติ – ภควา อโวจ. ‘‘อิธ, ภิกฺขุ, เอกจฺจสฺส เอวํ ทิฏฺิ โหติ – ‘โส โลโก โส อตฺตา, โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม, สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามี’ติ. โส สุณาติ ตถาคตสฺส วา ตถาคตสาวกสฺส วา สพฺเพสํ ทิฏฺิฏฺานาธิฏฺานปริยุฏฺานาภินิเวสานุสยานํ สมุคฺฆาตาย สพฺพสงฺขารสมถาย สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคาย ตณฺหากฺขยาย วิราคาย นิโรธาย นิพฺพานาย ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส. ตสฺส เอวํ โหติ ¶ – ‘อุจฺฉิชฺชิสฺสามิ นามสฺสุ, วินสฺสิสฺสามิ นามสฺสุ, นสฺสุ นาม ภวิสฺสามี’ติ. โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขุ, อชฺฌตฺตํ อสติ ปริตสฺสนา โหตี’’ติ.
‘‘สิยา ปน, ภนฺเต, อชฺฌตฺตํ อสติ อปริตสฺสนา’’ติ? ‘‘สิยา, ภิกฺขู’’ติ ¶ ภควา อโวจ. ‘‘อิธ, ภิกฺขุ, เอกจฺจสฺส น เอวํ ทิฏฺิ โหติ – ‘โส โลโก โส อตฺตา, โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม, สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามี’ติ. โส สุณาติ ตถาคตสฺส วา ตถาคตสาวกสฺส วา สพฺเพสํ ทิฏฺิฏฺานาธิฏฺานปริยุฏฺานาภินิเวสานุสยานํ สมุคฺฆาตาย สพฺพสงฺขารสมถาย สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคาย ตณฺหากฺขยาย วิราคาย นิโรธาย นิพฺพานาย ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘อุจฺฉิชฺชิสฺสามิ นามสฺสุ, วินสฺสิสฺสามิ นามสฺสุ, นสฺสุ นาม ภวิสฺสามี’ติ. โส น โสจติ ¶ น กิลมติ น ปริเทวติ น อุรตฺตาฬึ กนฺทติ น สมฺโมหํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขุ, อชฺฌตฺตํ อสติ อปริตสฺสนา โหติ’’.
๒๔๓. ‘‘ตํ [ตฺจ (ก.)], ภิกฺขเว, ปริคฺคหํ ปริคฺคณฺเหยฺยาถ, ยฺวาสฺส [ยฺวาสฺสุ (ก.)] ปริคฺคโห นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม, สสฺสติสมํ ตเถว ติฏฺเยฺย. ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ตํ ปริคฺคหํ ยฺวาสฺส ปริคฺคโห นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม, สสฺสติสมํ ตเถว ติฏฺเยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว. อหมฺปิ โข ตํ, ภิกฺขเว, ปริคฺคหํ น สมนุปสฺสามิ ¶ ยฺวาสฺส ปริคฺคโห นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว ติฏฺเยฺย.
‘‘ตํ, ภิกฺขเว, อตฺตวาทุปาทานํ อุปาทิเยถ, ยํส [ยสฺส (สฺยา. ก.)] อตฺตวาทุปาทานํ อุปาทิยโต น อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา. ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ตํ อตฺตวาทุปาทานํ ¶ ยํส อตฺตวาทุปาทานํ อุปาทิยโต น อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว. อหมฺปิ โข ตํ, ภิกฺขเว, อตฺตวาทุปาทานํ น สมนุปสฺสามิ ยํส อตฺตวาทุปาทานํ อุปาทิยโต น อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา.
‘‘ตํ, ภิกฺขเว, ทิฏฺินิสฺสยํ นิสฺสเยถ ยํส ทิฏฺินิสฺสยํ นิสฺสยโต น อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา. ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ตํ ทิฏฺินิสฺสยํ ยํส ทิฏฺินิสฺสยํ นิสฺสยโต น อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว. อหมฺปิ โข ตํ, ภิกฺขเว, ทิฏฺินิสฺสยํ น สมนุปสฺสามิ ยํส ทิฏฺินิสฺสยํ นิสฺสยโต ¶ น อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’.
๒๔๔. ‘‘อตฺตนิ วา, ภิกฺขเว, สติ อตฺตนิยํ เม ติ อสฺสา’’ติ?
‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.
‘‘อตฺตนิเย วา, ภิกฺขเว, สติ อตฺตา เม ติ อสฺสา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.
‘‘อตฺตนิ ¶ จ, ภิกฺขเว, อตฺตนิเย จ สจฺจโต เถตโต อนุปลพฺภมาเน, ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺานํ – ‘โส โลโก โส อตฺตา, โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม, สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามี’ติ – นนายํ [น จ โขยํ (ก.)], ภิกฺขเว, เกวโล ปริปูโร พาลธมฺโม’’’ติ?
‘‘กิฺหิ โน สิยา, ภนฺเต, เกวโล หิ, ภนฺเต, ปริปูโร [เกวโล ปริปูโร (สี. ปี.)] พาลธมฺโม’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ?
‘‘อนิจฺจํ, ภนฺเต’’ ¶ .
‘‘ยํ ปนานิจฺจํ, ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ?
‘‘ทุกฺขํ, ภนฺเต’’.
‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ?
‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, เวทนา…เป… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ?
‘‘อนิจฺจํ, ภนฺเต’’.
‘‘ยํ ปนานิจฺจํ, ทุกฺขํ ¶ วา ตํ สุขํ วา’’ติ?
‘‘ทุกฺขํ, ภนฺเต’’.
‘‘ยํ ¶ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ?
‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.
‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ, อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา ¶ , โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา, หีนํ วา ปณีตํ วา, ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพํ. ยา กาจิ เวทนา…เป… ยา กาจิ สฺา… เย เกจิ สงฺขารา… ยํ กิฺจิ วิฺาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ, อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา, โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา, หีนํ วา ปณีตํ วา, ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ วิฺาณํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพํ’’.
๒๔๕. ‘‘เอวํ ปสฺสํ, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโก รูปสฺมึ นิพฺพินฺทติ, เวทนาย นิพฺพินฺทติ, สฺาย นิพฺพินฺทติ, สงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทติ, วิฺาณสฺมึ นิพฺพินฺทติ, นิพฺพิทา วิรชฺชติ [นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ (สี. สฺยา. ปี.)], วิราคา วิมุจฺจติ ¶ , วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตปลิโฆ อิติปิ, สํกิณฺณปริกฺโข อิติปิ, อพฺพูฬฺเหสิโก อิติปิ, นิรคฺคโฬ อิติปิ, อริโย ปนฺนทฺธโช ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต อิติปิ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตปลิโฆ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อวิชฺชา ปหีนา โหติ, อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา, อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตปลิโฆ โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สํกิณฺณปริกฺโข โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โปโนพฺภวิโก ¶ ชาติสํสาโร ปหีโน โหติ, อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต, อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สํกิณฺณปริกฺโข โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อพฺพูฬฺเหสิโก โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา ปหีนา โหติ, อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา, อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อพฺพูฬฺเหสิโก โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิรคฺคโฬ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺจ โอรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปหีนานิ โหนฺติ, อุจฺฉินฺนมูลานิ ตาลาวตฺถุกตานิ อนภาวํกตานิ, อายตึ อนุปฺปาทธมฺมานิ ¶ . เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิรคฺคโฬ โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อริโย ปนฺนทฺธโช ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อสฺมิมาโน ปหีโน โหติ, อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต ¶ , อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม ¶ . เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อริโย ปนฺนทฺธโช ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต โหติ.
๒๔๖. ‘‘เอวํ วิมุตฺตจิตฺตํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ สอินฺทา เทวา สพฺรหฺมกา สปชาปติกา อนฺเวสํ นาธิคจฺฉนฺติ – ‘อิทํ นิสฺสิตํ ตถาคตสฺส วิฺาณ’นฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทิฏฺเวาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺเม ตถาคตํ อนนุวิชฺโชติ วทามิ. เอวํวาทึ โข มํ, ภิกฺขเว, เอวมกฺขายึ เอเก สมณพฺราหฺมณา อสตา ตุจฺฉา มุสา อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ – ‘เวนยิโก สมโณ โคตโม, สโต สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺาเปตี’ติ. ยถา จาหํ น, ภิกฺขเว [ภิกฺขเว น (สี. สฺยา. ปี.)], ยถา จาหํ น วทามิ, ตถา มํ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อสตา ตุจฺฉา มุสา อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ – ‘เวนยิโก สมโณ โคตโม, สโต สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺาเปตี’ติ. ปุพฺเพ จาหํ ภิกฺขเว, เอตรหิ จ ทุกฺขฺเจว ปฺาเปมิ, ทุกฺขสฺส จ นิโรธํ. ตตฺร เจ, ภิกฺขเว, ปเร ตถาคตํ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรเสนฺติ วิเหเสนฺติ, ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส น โหติ อาฆาโต น อปฺปจฺจโย น เจตโส อนภิรทฺธิ.
‘‘ตตฺร เจ, ภิกฺขเว, ปเร ตถาคตํ สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส น โหติ อานนฺโท น โสมนสฺสํ น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ. ตตฺร เจ, ภิกฺขเว ¶ , ปเร ¶ วา ตถาคตํ สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส เอวํ โหติ – ‘ยํ โข อิทํ ปุพฺเพ ปริฺาตํ ตตฺถ เม เอวรูปา การา [สกฺการา (ก.)] กรียนฺตี’ติ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ตุมฺเห เจปิ ปเร อกฺโกเสยฺยุํ ปริภาเสยฺยุํ โรเสยฺยุํ วิเหเสยฺยุํ, ตตฺร ตุมฺเห หิ น อาฆาโต น อปฺปจฺจโย น เจตโส อนภิรทฺธิ กรณียา. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ตุมฺเห เจปิ ปเร สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, ตตฺร ตุมฺเหหิ น อานนฺโท น โสมนสฺสํ น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ กรณียํ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ตุมฺเห เจปิ ปเร สกฺกเรยฺยุํ ครุํ ¶ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, ตตฺร ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘ยํ โข อิทํ ปุพฺเพ ปริฺาตํ, ตตฺถ เม [ตตฺถ โน (ก.) ตตฺถ + อิเมติ ปทจฺเฉโท] เอวรูปา การา กรียนฺตี’ติ.
๒๔๗. ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ยํ น ตุมฺหากํ ตํ ปชหถ; ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. กิฺจ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ? รูปํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ; ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. เวทนา, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ¶ ปชหถ; สา โว ปหีนา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. สฺา, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ; สา โว ปหีนา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. สงฺขารา, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, เต ปชหถ; เต โว ปหีนา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสนฺติ. วิฺาณํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ; ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ยํ ¶ อิมสฺมึ เชตวเน ติณกฏฺสาขาปลาสํ, ตํ ชโน หเรยฺย วา ทเหยฺย วา ยถาปจฺจยํ วา กเรยฺย. อปิ นุ ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อมฺเห ชโน หรติ วา ทหติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรตี’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘น หิ โน เอตํ, ภนฺเต, อตฺตา วา อตฺตนิยํ วา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ น ตุมฺหากํ ตํ ปชหถ; ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. กิฺจ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ? รูปํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ; ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. เวทนา, ภิกฺขเว…เป… สฺา, ภิกฺขเว… สงฺขารา, ภิกฺขเว…เป… วิฺาณํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ; ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ.
๒๔๘. ‘‘เอวํ ¶ สฺวากฺขาโต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโก. เอวํ สฺวากฺขาเต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺเม อุตฺตาเน วิวเฏ ปกาสิเต ฉินฺนปิโลติเก เย เต ภิกฺขู อรหนฺโต ขีณาสวา วุสิตวนฺโต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสํโยชนา สมฺมทฺา วิมุตฺตา, วฏฺฏํ เตสํ นตฺถิ ปฺาปนาย. เอวํ สฺวากฺขาโต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโก. เอวํ สฺวากฺขาเต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺเม อุตฺตาเน วิวเฏ ปกาสิเต ฉินฺนปิโลติเก เยสํ ภิกฺขูนํ ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ¶ ปหีนานิ, สพฺเพ เต โอปปาติกา, ตตฺถ ¶ ปรินิพฺพายิโน, อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา. เอวํ สฺวากฺขาโต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโก. เอวํ สฺวากฺขาเต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺเม อุตฺตาเน วิวเฏ ปกาสิเต ฉินฺนปิโลติเก เยสํ ภิกฺขูนํ ตีณิ สํโยชนานิ ปหีนานิ, ราคโทสโมหา ตนุภูตา, สพฺเพ เต สกทาคามิโน, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติ. เอวํ สฺวากฺขาโต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโก. เอวํ สฺวากฺขาเต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺเม อุตฺตาเน วิวเฏ ปกาสิเต ฉินฺนปิโลติเก เยสํ ภิกฺขูนํ ตีณิ สํโยชนานิ ปหีนานิ, สพฺเพ เต โสตาปนฺนา, อวินิปาตธมฺมา ¶ , นิยตา สมฺโพธิปรายนา. เอวํ สฺวากฺขาโต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโก. เอวํ สฺวากฺขาเต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺเม อุตฺตาเน วิวเฏ ปกาสิเต ฉินฺนปิโลติเก เย เต ภิกฺขู ธมฺมานุสาริโน สทฺธานุสาริโน สพฺเพ เต สมฺโพธิปรายนา. เอวํ สฺวากฺขาโต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโก. เอวํ สฺวากฺขาเต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺเม อุตฺตาเน วิวเฏ ปกาสิเต ฉินฺนปิโลติเก เยสํ มยิ สทฺธามตฺตํ เปมมตฺตํ สพฺเพ เต สคฺคปรายนา’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
อลคทฺทูปมสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.
๓. วมฺมิกสุตฺตํ
๒๔๙. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา กุมารกสฺสโป อนฺธวเน วิหรติ. อถ โข อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ อนฺธวนํ โอภาเสตฺวา เยนายสฺมา กุมารกสฺสโป เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา อายสฺมนฺตํ กุมารกสฺสปํ เอตทโวจ –
‘‘ภิกฺขุ ¶ ภิกฺขุ, อยํ วมฺมิโก [วมฺมีโก (กตฺถจิ) สกฺกตานุรูปํ] รตฺตึ ธูมายติ, ทิวา ปชฺชลติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส ลงฺคึ ‘ลงฺคี, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป ลงฺคึ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส อุทฺธุมายิกํ. ‘อุทฺธุมายิกา, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป อุทฺธุมายิกํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส ทฺวิธาปถํ. ‘ทฺวิธาปโถ, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป ทฺวิธาปถํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส จงฺควารํ [ปงฺกวารํ (สฺยา.), จงฺกวารํ (ก.)]. ‘จงฺควาโร, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป ¶ จงฺควารํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส กุมฺมํ. ‘กุมฺโม ¶ , ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป กุมฺมํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส อสิสูนํ. ‘อสิสูนา, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป อสิสูนํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส มํสเปสึ. ‘มํสเปสิ, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป มํสเปสึ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส นาคํ. ‘นาโค, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘ติฏฺตุ นาโค, มา นาคํ ฆฏฺเฏสิ; นโม กโรหิ นาคสฺสา’’’ติ.
‘‘อิเม ¶ โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปฺเห ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺยาสิ, ยถา จ เต ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาสิ. นาหํ ตํ, ภิกฺขุ, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, โย อิเมสํ ปฺหานํ เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธยฺย อฺตฺร ตถาคเตน วา, ตถาคตสาวเกน วา, อิโต วา ปน สุตฺวา’’ติ – อิทมโวจ สา เทวตา. อิทํ วตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ.
๒๕๐. อถ โข อายสฺมา กุมารกสฺสโป ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา กุมารกสฺสโป ภควนฺตํ ¶ เอตทโวจ – ‘‘อิมํ, ภนฺเต, รตฺตึ อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ อนฺธวนํ โอภาเสตฺวา ¶ เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข, ภนฺเต, สา เทวตา มํ เอตทโวจ – ‘ภิกฺขุ ภิกฺขุ, อยํ วมฺมิโก รตฺตึ ธูมายติ, ทิวา ปชฺชลติ’. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย…เป… อิโต วา ปน สุตฺวาติ. อิทมโวจ, ภนฺเต, สา เทวตา. อิทํ วตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ. ‘โก นุ โข, ภนฺเต, วมฺมิโก, กา รตฺตึ ธูมายนา, กา ทิวา ปชฺชลนา, โก พฺราหฺมโณ, โก สุเมโธ, กึ สตฺถํ, กึ อภิกฺขณํ, กา ลงฺคี, กา อุทฺธุมายิกา, โก ทฺวิธาปโถ, กึ จงฺควารํ, โก กุมฺโม, กา อสิสูนา ¶ , กา มํสเปสิ, โก นาโค’’’ติ?
๒๕๑. ‘‘‘วมฺมิโก’ติ ¶ โข, ภิกฺขุ, อิมสฺเสตํ จาตุมหาภูติกสฺส [จาตุมฺมหาภูติกสฺส (สี. สฺยา. ปี.)] กายสฺส อธิวจนํ, มาตาเปตฺติกสมฺภวสฺส โอทนกุมฺมาสูปจยสฺส อนิจฺจุจฺฉาทน-ปริมทฺทนเภทน-วิทฺธํสน-ธมฺมสฺส.
‘‘ยํ โข, ภิกฺขุ, ทิวา กมฺมนฺเต [กมฺมนฺตํ (ก.)] อารพฺภ รตฺตึ อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ – อยํ รตฺตึ ธูมายนา. ยํ โข, ภิกฺขุ, รตฺตึ อนุวิตกฺเกตฺวา อนุวิจาเรตฺวา ทิวา กมฺมนฺเต ปโยเชติ กาเยน วาจาย ‘มนสา’ [( ) นตฺถิ (สี. สฺยา.)] – อยํ ทิวา ปชฺชลนา.
‘‘‘พฺราหฺมโณ’ติ ¶ โข, ภิกฺขุ, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ‘สุเมโธ’ติ โข ภิกฺขุ เสกฺขสฺเสตํ ภิกฺขุโน อธิวจนํ.
‘‘‘สตฺถ’นฺติ โข, ภิกฺขุ, อริยาเยตํ ปฺาย อธิวจนํ. ‘อภิกฺขณ’นฺติ โข, ภิกฺขุ, วีริยารมฺภสฺเสตํ อธิวจนํ.
‘‘‘ลงฺคี’ติ โข, ภิกฺขุ, อวิชฺชาเยตํ อธิวจนํ. อุกฺขิป ลงฺคึ, ปชห อวิชฺชํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.
‘‘‘อุทฺธุมายิกา’ติ โข, ภิกฺขุ, โกธูปายาสสฺเสตํ อธิวจนํ. อุกฺขิป อุทฺธุมายิกํ, ปชห โกธูปายาสํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.
‘‘‘ทฺวิธาปโถ’ติ ¶ โข, ภิกฺขุ, วิจิกิจฺฉาเยตํ อธิวจนํ. อุกฺขิป ทฺวิธาปถํ, ปชห วิจิกิจฺฉํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.
‘‘‘จงฺควาร’นฺติ โข, ภิกฺขุ, ปฺจนฺเนตํ นีวรณานํ อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – กามจฺฉนฺทนีวรณสฺส, พฺยาปาทนีวรณสฺส, ถีนมิทฺธนีวรณสฺส, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนีวรณสฺส, วิจิกิจฺฉานีวรณสฺส. อุกฺขิป จงฺควารํ, ปชห ปฺจ นีวรเณ ¶ ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.
‘‘‘กุมฺโม’ติ โข, ภิกฺขุ, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขนฺธสฺส, เวทนุปาทานกฺขนฺธสฺส, สฺุปาทานกฺขนฺธสฺส, สงฺขารุปาทานกฺขนฺธสฺส, วิฺาณุปาทานกฺขนฺธสฺส. อุกฺขิป กุมฺมํ, ปชห ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.
‘‘‘อสิสูนา’ติ โข, ภิกฺขุ, ปฺจนฺเนตํ กามคุณานํ อธิวจนํ – จกฺขุวิฺเยฺยานํ รูปานํ อิฏฺานํ กนฺตานํ มนาปานํ ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โสตวิฺเยฺยานํ สทฺทานํ…เป… ฆานวิฺเยฺยานํ คนฺธานํ…เป… ชิวฺหาวิฺเยฺยานํ รสานํ…เป… กายวิฺเยฺยานํ ¶ โผฏฺพฺพานํ อิฏฺานํ กนฺตานํ มนาปานํ ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ ¶ รชนียานํ. อุกฺขิป อสิสูนํ, ปชห ปฺจ กามคุเณ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.
‘‘‘มํสเปสี’ติ โข, ภิกฺขุ, นนฺทีราคสฺเสตํ อธิวจนํ. อุกฺขิป มํสเปสึ, ปชห นนฺทีราคํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.
‘‘‘นาโค’ติ โข, ภิกฺขุ, ขีณาสวสฺเสตํ ภิกฺขุโน อธิวจนํ. ติฏฺตุ นาโค, มา นาคํ ฆฏฺเฏสิ; นโม กโรหิ นาคสฺสาติ อยเมตสฺส อตฺโถ’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา กุมารกสฺสโป ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
วมฺมิกสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.
๔. รถวินีตสุตฺตํ
๒๕๒. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข สมฺพหุลา ชาติภูมกา ภิกฺขู ชาติภูมิยํ วสฺสํวุฏฺา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข เต ภิกฺขู ภควา เอตทโวจ –
‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว, ชาติภูมิยํ ชาติภูมกานํ ภิกฺขูนํ สพฺรหฺมจารีนํ เอวํ สมฺภาวิโต – ‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ อปฺปิจฺฉกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ สนฺตุฏฺโ สนฺตุฏฺิกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ ปวิวิตฺโต ปวิเวกกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ อสํสฏฺโ อสํสคฺคกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ อารทฺธวีริโย วีริยารมฺภกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ สีลสมฺปนฺโน สีลสมฺปทากถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ สมาธิสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปทากถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ ปฺาสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปทากถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปนฺโน วิมุตฺติสมฺปทากถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทากถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, โอวาทโก วิฺาปโก สนฺทสฺสโก สมาทปโก สมุตฺเตชโก ¶ สมฺปหํสโก สพฺรหฺมจารีน’’’นฺติ? ‘‘ปุณฺโณ นาม, ภนฺเต, อายสฺมา มนฺตาณิปุตฺโต ¶ ชาติภูมิยํ ชาติภูมกานํ ภิกฺขูนํ สพฺรหฺมจารีนํ เอวํ สมฺภาวิโต – ‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ อปฺปิจฺฉกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ สนฺตุฏฺโ…เป… โอวาทโก วิฺาปโก สนฺทสฺสโก สมาทปโก สมุตฺเตชโก สมฺปหํสโก สพฺรหฺมจารีน’’’นฺติ.
๒๕๓. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควโต อวิทูเร นิสินฺโน โหติ. อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ลาภา อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส, สุลทฺธลาภา อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส, ยสฺส วิฺู สพฺรหฺมจารี สตฺถุ สมฺมุขา อนุมสฺส อนุมสฺส วณฺณํ ภาสนฺติ, ตฺจ สตฺถา อพฺภนุโมทติ. อปฺเปว นาม มยมฺปิ กทาจิ ¶ กรหจิ อายสฺมตา ปุณฺเณน มนฺตาณิปุตฺเตน สทฺธึ สมาคจฺเฉยฺยาม [สมาคมํ คจฺเฉยฺย (ก.)], อปฺเปว นาม สิยา โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ.
๒๕๔. อถ ¶ โข ภควา ราชคเห ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส ¶ อาราเม. อสฺโสสิ โข อายสฺมา ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต – ‘‘ภควา กิร สาวตฺถึ อนุปฺปตฺโต; สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ.
๒๕๕. อถ โข อายสฺมา ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ เชตวนํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ. อถ โข อายสฺมา ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน อนฺธวนํ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย.
๒๕๖. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยสฺส โข ตฺวํ, อาวุโส สาริปุตฺต, ปุณฺณสฺส นาม ภิกฺขุโน มนฺตาณิปุตฺตสฺส อภิณฺหํ กิตฺตยมาโน อโหสิ, โส ภควตา ¶ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน อนฺธวนํ เตน ปกฺกนฺโต ทิวาวิหารายา’’ติ.
อถ ¶ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ตรมานรูโป นิสีทนํ อาทาย อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิ สีสานุโลกี. อถ โข อายสฺมา ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต อนฺธวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อายสฺมาปิ ¶ โข สาริปุตฺโต อนฺธวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ.
อถ ¶ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยนายสฺมา ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา ปุณฺเณน มนฺตาณิปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ เอตทโวจ –
๒๕๗. ‘‘ภควติ โน, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?
‘‘เอวมาวุโส’’ติ.
‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สีลวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?
‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘กึ ปนาวุโส, จิตฺตวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?
‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, ทิฏฺิวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?
‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘กึ ปนาวุโส, กงฺขาวิตรณวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?
‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?
‘‘โน ¶ หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘กึ ปนาวุโส, ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?
‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, าณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ ¶ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?
‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สีลวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ, อาวุโส’ติ วเทสิ. ‘กึ ปนาวุโส, จิตฺตวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ, อาวุโส’ติ วเทสิ. ‘กึ นุ โข, อาวุโส, ทิฏฺิวิสุทฺธตฺถํ…เป… กงฺขาวิตรณวิสุทฺธตฺถํ…เป… มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ…เป… ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ…เป… กึ นุ โข, อาวุโส, าณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ อาวุโส’ติ วเทสิ. กิมตฺถํ จรหาวุโส, ภควติ พฺรหฺมจริยํ ¶ วุสฺสตี’’ติ? ‘‘อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ โข, อาวุโส, ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ.
‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สีลวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?
‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘กึ ปนาวุโส, จิตฺตวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?
‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, ทิฏฺิวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?
‘‘โน ¶ หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘กึ ปนาวุโส กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ ¶ ?
‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?
‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘กึ ปนาวุโส, ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?
‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, าณทสฺสนวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?
‘‘โน หิทํ ¶ , อาวุโส’’.
‘‘กึ ปนาวุโส, อฺตฺร อิเมหิ ธมฺเมหิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?
‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.
‘‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สีลวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’นฺติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ, อาวุโส’ติ วเทสิ. ‘กึ ปนาวุโส, จิตฺตวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’นฺติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ, อาวุโส’ติ วเทสิ. ‘กึ นุ โข, อาวุโส, ทิฏฺิวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’นฺติ…เป… กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ… มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ… ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ… ‘กึ นุ โข, อาวุโส, าณทสฺสนวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’นฺติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ, อาวุโส’ติ วเทสิ. ‘กึ ปนาวุโส, อฺตฺร อิเมหิ ธมฺเมหิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’นฺติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ, อาวุโส’ติ วเทสิ. ยถากถํ ปนาวุโส, อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ?
๒๕๘. ‘‘สีลวิสุทฺธึ ¶ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย [ปฺาเปสฺส (สี. สฺยา.) เอวมฺตฺถปิ]. จิตฺตวิสุทฺธึ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย. ทิฏฺิวิสุทฺธึ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย. กงฺขาวิตรณวิสุทฺธึ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย ¶ . มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธึ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย. ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธึ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย. าณทสฺสนวิสุทฺธึ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว ¶ สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย. อฺตฺร เจ, อาวุโส, อิเมหิ ธมฺเมหิ อนุปาทาปรินิพฺพานํ อภวิสฺส, ปุถุชฺชโน ปรินิพฺพาเยยฺย. ปุถุชฺชโน หิ, อาวุโส, อฺตฺร อิเมหิ ธมฺเมหิ. เตน หาวุโส, อุปมํ เต กริสฺสามิ; อุปมายปิเธกจฺเจ วิฺู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติ.
๒๕๙. ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส สาวตฺถิยํ ปฏิวสนฺตสฺส ¶ สาเกเต กิฺจิเทว อจฺจายิกํ กรณียํ อุปฺปชฺเชยฺย. ตสฺส อนฺตรา จ สาวตฺถึ อนฺตรา จ สาเกตํ สตฺต รถวินีตานิ อุปฏฺเปยฺยุํ. อถ โข, อาวุโส, ราชา ปเสนทิ โกสโล สาวตฺถิยา นิกฺขมิตฺวา อนฺเตปุรทฺวารา ปมํ รถวินีตํ อภิรุเหยฺย, ปเมน รถวินีเตน ทุติยํ รถวินีตํ ปาปุเณยฺย, ปมํ รถวินีตํ วิสฺสชฺเชยฺย ทุติยํ รถวินีตํ อภิรุเหยฺย. ทุติเยน รถวินีเตน ตติยํ รถวินีตํ ปาปุเณยฺย, ทุติยํ รถวินีตํ วิสฺสชฺเชยฺย, ตติยํ รถวินีตํ ¶ อภิรุเหยฺย. ตติเยน รถวินีเตน จตุตฺถํ รถวินีตํ ปาปุเณยฺย, ตติยํ รถวินีตํ วิสฺสชฺเชยฺย, จตุตฺถํ รถวินีตํ อภิรุเหยฺย. จตุตฺเถน รถวินีเตน ปฺจมํ รถวินีตํ ปาปุเณยฺย, จตุตฺถํ รถวินีตํ วิสฺสชฺเชยฺย, ปฺจมํ รถวินีตํ อภิรุเหยฺย. ปฺจเมน รถวินีเตน ฉฏฺํ รถวินีตํ ปาปุเณยฺย, ปฺจมํ รถวินีตํ วิสฺสชฺเชยฺย, ฉฏฺํ รถวินีตํ อภิรุเหยฺย. ฉฏฺเน รถวินีเตน สตฺตมํ รถวินีตํ ปาปุเณยฺย, ฉฏฺํ รถวินีตํ วิสฺสชฺเชยฺย, สตฺตมํ รถวินีตํ อภิรุเหยฺย. สตฺตเมน รถวินีเตน สาเกตํ อนุปาปุเณยฺย อนฺเตปุรทฺวารํ. ตเมนํ อนฺเตปุรทฺวารคตํ สมานํ มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘อิมินา ตฺวํ, มหาราช, รถวินีเตน สาวตฺถิยา สาเกตํ อนุปฺปตฺโต อนฺเตปุรทฺวาร’นฺติ ¶ ? กถํ พฺยากรมาโน นุ โข, อาวุโส, ราชา ปเสนทิ โกสโล สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยา’’ติ?
‘‘เอวํ พฺยากรมาโน โข, อาวุโส, ราชา ปเสนทิ โกสโล สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺย – ‘อิธ เม สาวตฺถิยํ ปฏิวสนฺตสฺส สาเกเต กิฺจิเทว อจฺจายิกํ กรณียํ อุปฺปชฺชิ [อุปฺปชฺชติ (ก.)]. ตสฺส เม อนฺตรา จ สาวตฺถึ อนฺตรา จ สาเกตํ สตฺต รถวินีตานิ อุปฏฺเปสุํ. อถ ขฺวาหํ สาวตฺถิยา ¶ นิกฺขมิตฺวา อนฺเตปุรทฺวารา ปมํ รถวินีตํ อภิรุหึ. ปเมน รถวินีเตน ทุติยํ รถวินีตํ ปาปุณึ, ปมํ รถวินีตํ วิสฺสชฺชึ ทุติยํ รถวินีตํ อภิรุหึ. ทุติเยน รถวินีเตน ตติยํ รถวินีตํ ปาปุณึ, ทุติยํ รถวินีตํ วิสฺสชฺชึ, ตติยํ รถวินีตํ อภิรุหึ. ตติเยน รถวินีเตน จตุตฺถํ รถวินีตํ ปาปุณึ, ตติยํ รถวินีตํ วิสฺสชฺชึ, จตุตฺถํ รถวินีตํ อภิรุหึ. จตุตฺเถน รถวินีเตน ปฺจมํ รถวินีตํ ปาปุณึ, จตุตฺถํ รถวินีตํ วิสฺสชฺชึ, ปฺจมํ ¶ รถวินีตํ อภิรุหึ. ปฺจเมน รถวินีเตน ฉฏฺํ รถวินีตํ ปาปุณึ, ปฺจมํ รถวินีตํ วิสฺสชฺชึ, ฉฏฺํ รถวินีตํ อภิรุหึ. ฉฏฺเน รถวินีเตน สตฺตมํ รถวินีตํ ปาปุณึ, ฉฏฺํ รถวินีตํ วิสฺสชฺชึ, สตฺตมํ รถวินีตํ อภิรุหึ. สตฺตเมน รถวินีเตน สาเกตํ อนุปฺปตฺโต อนฺเตปุรทฺวาร’นฺติ. เอวํ พฺยากรมาโน โข, อาวุโส, ราชา ปเสนทิ โกสโล สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยา’’ติ.
‘‘เอวเมว โข, อาวุโส, สีลวิสุทฺธิ ยาวเทว จิตฺตวิสุทฺธตฺถา, จิตฺตวิสุทฺธิ ยาวเทว ทิฏฺิวิสุทฺธตฺถา, ทิฏฺิวิสุทฺธิ ยาวเทว กงฺขาวิตรณวิสุทฺธตฺถา, กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ ¶ ยาวเทว มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถา, มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ ยาวเทว ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถา, ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ ยาวเทว าณทสฺสนวิสุทฺธตฺถา, าณทสฺสนวิสุทฺธิ ยาวเทว อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถา. อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ โข, อาวุโส, ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ.
๒๖๐. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โกนาโม อายสฺมา, กถฺจ ปนายสฺมนฺตํ สพฺรหฺมจารี ชานนฺตี’’ติ? ‘‘ปุณฺโณติ โข เม, อาวุโส, นามํ; มนฺตาณิปุตฺโตติ จ ปน มํ สพฺรหฺมจารี ชานนฺตี’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส, อพฺภุตํ, อาวุโส! ยถา ตํ สุตวตา สาวเกน สมฺมเทว สตฺถุสาสนํ อาชานนฺเตน, เอวเมว อายสฺมตา ¶ ปุณฺเณน มนฺตาณิปุตฺเตน คมฺภีรา ¶ คมฺภีรปฺหา อนุมสฺส อนุมสฺส พฺยากตา. ลาภา สพฺรหฺมจารีนํ, สุลทฺธลาภา สพฺรหฺมจารีนํ, เย อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ ลภนฺติ ทสฺสนาย, ลภนฺติ ปยิรูปาสนาย. เจลณฺฑุเกน [เจลณฺฑเกน (ก.), เจลณฺฑุเปเกน (?)] เจปิ สพฺรหฺมจารี อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ ¶ มุทฺธนา ปริหรนฺตา ลเภยฺยุํ ทสฺสนาย, ลเภยฺยุํ ปยิรูปาสนาย, เตสมฺปิ ลาภา เตสมฺปิ สุลทฺธํ, อมฺหากมฺปิ ลาภา อมฺหากมฺปิ สุลทฺธํ, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ ลภาม ทสฺสนาย, ลภาม ปยิรูปาสนายา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นาโม อายสฺมา, กถฺจ ปนายสฺมนฺตํ สพฺรหฺมจารี ชานนฺตี’’ติ? ‘‘อุปติสฺโสติ โข เม, อาวุโส, นามํ; สาริปุตฺโตติ จ ปน มํ สพฺรหฺมจารี ชานนฺตี’’ติ. ‘‘สตฺถุกปฺเปน วต กิร, โภ [โข (ก.)], สาวเกน สทฺธึ มนฺตยมานา น ชานิมฺห – ‘อายสฺมา สาริปุตฺโต’ติ. สเจ หิ มยํ ชาเนยฺยาม ‘อายสฺมา สาริปุตฺโต’ติ, เอตฺตกมฺปิ โน นปฺปฏิภาเสยฺย [นปฺปฏิเภยฺย (?)]. อจฺฉริยํ, อาวุโส, อพฺภุตํ, อาวุโส! ยถา ตํ สุตวตา สาวเกน สมฺมเทว สตฺถุสาสนํ อาชานนฺเตน, เอวเมว อายสฺมตา สาริปุตฺเตน คมฺภีรา คมฺภีรปฺหา อนุมสฺส อนุมสฺส ปุจฺฉิตา. ลาภา สพฺรหฺมจารีนํ สุลทฺธลาภา สพฺรหฺมจารีนํ, เย อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ลภนฺติ ทสฺสนาย, ลภนฺติ ปยิรูปาสนาย. เจลณฺฑุเกน เจปิ สพฺรหฺมจารี อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ มุทฺธนา ปริหรนฺตา ¶ ลเภยฺยุํ ทสฺสนาย, ลเภยฺยุํ ปยิรูปาสนาย, เตสมฺปิ ¶ ลาภา เตสมฺปิ สุลทฺธํ, อมฺหากมฺปิ ลาภา อมฺหากมฺปิ สุลทฺธํ, เย มยํ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ลภาม ทสฺสนาย, ลภาม ปยิรูปาสนายา’’ติ.
อิติห เต อุโภปิ มหานาคา อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สมนุโมทึสูติ.
รถวินีตสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.
๕. นิวาปสุตฺตํ
๒๖๑. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘น ¶ , ภิกฺขเว, เนวาปิโก นิวาปํ นิวปติ มิคชาตานํ – ‘อิมํ เม นิวาปํ นิวุตฺตํ มิคชาตา ปริภฺุชนฺตา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต จิรํ ทีฆมทฺธานํ ยาเปนฺตู’ติ. เอวฺจ โข, ภิกฺขเว, เนวาปิโก นิวาปํ นิวปติ มิคชาตานํ – ‘อิมํ เม นิวาปํ นิวุตฺตํ มิคชาตา อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชิสฺสนฺติ, อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา มทํ อาปชฺชิสฺสนฺติ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชิสฺสนฺติ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา ภวิสฺสนฺติ อิมสฺมึ นิวาเป’ติ.
๒๖๒. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ปมา มิคชาตา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชึสุ, เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป. เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา.
๒๖๓. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ทุติยา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข ¶ เต ปมา มิคชาตา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา ¶ อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป. เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรเมยฺยาม, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามา’ติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรมึสุ, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ ¶ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรึสุ. เตสํ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส, ติโณทกสงฺขเย, อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เตสํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกายานํ พลวีริยํ ปริหายิ. พลวีริเย ปริหีเน ตเมว นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส ปจฺจาคมึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป. เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, ทุติยาปิ มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา.
๒๖๔. ‘‘ตตฺร ¶ , ภิกฺขเว, ตติยา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข เต ปมา มิคชาตา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส…เป… เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. เยปิ เต ทุติยา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ – เย โข เต ปมา มิคชาตา ¶ อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส…เป… เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรเมยฺยาม, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามาติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรมึสุ, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรึสุ. เตสํ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ติโณทกสงฺขเย อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เตสํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกายานํ พลวีริยํ ปริหายิ. พลวีริเย ปริหีเน ตเมว นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส ปจฺจาคมึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป. เอวฺหิ เต ทุติยาปิ มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อุปนิสฺสาย ¶ อาสยํ กปฺเปยฺยาม. ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชิสฺสาม, อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา น มทํ อาปชฺชิสฺสาม, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชิสฺสาม, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา ภวิสฺสาม เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป’ติ. เต อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อุปนิสฺสาย อาสยํ กปฺปยึสุ. ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนนุปขชฺช ¶ อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชึสุ, เต ตตฺถ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา น มทํ อาปชฺชึสุ, อมตฺตา สมานา ¶ น ปมาทํ อาปชฺชึสุ, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เนวาปิกสฺส จ เนวาปิกปริสาย จ เอตทโหสิ – ‘สาสฺสุนามิเม ตติยา มิคชาตา เกตพิโน, อิทฺธิมนฺตาสฺสุนามิเม ตติยา มิคชาตา ปรชนา; อิมฺจ นาม นิวาปํ นิวุตฺตํ ปริภฺุชนฺติ, น จ เนสํ ¶ ชานาม อาคตึ วา คตึ วา. ยํนูน มยํ อิมํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มหตีหิ ทณฺฑวากราหิ [ทณฺฑวาคุราหิ (สฺยา.)] สมนฺตา สปฺปเทสํ อนุปริวาเรยฺยาม – อปฺเปว นาม ตติยานํ มิคชาตานํ อาสยํ ปสฺเสยฺยาม, ยตฺถ เต คาหํ คจฺเฉยฺยุ’นฺติ. เต อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มหตีหิ ทณฺฑวากราหิ สมนฺตา สปฺปเทสํ อนุปริวาเรสุํ. อทฺทสํสุ โข, ภิกฺขเว, เนวาปิโก จ เนวาปิกปริสา จ ตติยานํ มิคชาตานํ อาสยํ, ยตฺถ เต คาหํ อคมํสุ. เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, ตติยาปิ มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา.
๒๖๕. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, จตุตฺถา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข เต ปมา มิคชาตา…เป… เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. เยปิ เต ทุติยา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ ‘เย โข เต ปมา มิคชาตา…เป… เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ ¶ สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรเมยฺยาม, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามา’ติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรมึสุ…เป… เอวฺหิ เต ทุติยาปิ มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. เยปิ เต ตติยา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ ‘เย โข เต ปมา ¶ มิคชาตา…เป… เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. เยปิ เต ทุติยา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ ‘เย โข เต ปมา มิคชาตา…เป… เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรเมยฺยาม, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามา’ติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรมึสุ…เป… เอวฺหิ เต ทุติยาปิ มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อุปนิสฺสาย อาสยํ กปฺเปยฺยาม, ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชิสฺสาม, อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา น มทํ อาปชฺชิสฺสาม, อมตฺตา ¶ สมานา น ปมาทํ อาปชฺชิสฺสาม, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา ภวิสฺสาม เนวาปิกสฺส ¶ อมุสฺมึ นิวาเป’ติ. เต อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อุปนิสฺสาย อาสยํ กปฺปยึสุ, ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชึสุ, เต ตตฺถ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา น มทํ อาปชฺชึสุ, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชึสุ, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป.
‘‘ตตฺร เนวาปิกสฺส จ เนวาปิกปริสาย จ เอตทโหสิ – ‘สาสฺสุนามิเม ตติยา มิคชาตา เกตพิโน, อิทฺธิมนฺตาสฺสุนามิเม ตติยา ¶ มิคชาตา ปรชนา, อิมฺจ นาม นิวาปํ นิวุตฺตํ ปริภฺุชนฺติ. น จ เนสํ ชานาม อาคตึ วา คตึ วา. ยํนูน มยํ อิมํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มหตีติ ¶ ทณฺฑวากราหิ สมนฺตา สปฺปเทสํ อนุปริวาเรยฺยาม, อปฺเปว นาม ตติยานํ มิคชาตานํ อาสยํ ปสฺเสยฺยาม, ยตฺถ เต คาหํ คจฺเฉยฺยุ’นฺติ. เต อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มหตีติ ทณฺฑวากราหิ สมนฺตา สปฺปเทสํ อนุปริวาเรสุํ. อทฺทสํสุ โข เนวาปิโก จ เนวาปิกปริสา จ ตติยานํ มิคชาตานํ อาสยํ, ยตฺถ เต คาหํ อคมํสุ. เอวฺหิ เต ตติยาปิ มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ ยตฺถ อคติ เนวาปิกสฺส จ เนวาปิกปริสาย จ ตตฺราสยํ กปฺเปยฺยาม, ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชิสฺสาม, อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา น มทํ อาปชฺชิสฺสาม, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชิสฺสาม, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา ¶ ภวิสฺสาม เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป’ติ. เต ยตฺถ อคติ เนวาปิกสฺส จ เนวาปิกปริสาย จ ตตฺราสยํ กปฺปยึสุ. ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชึสุ, เต ตตฺถ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา น มทํ อาปชฺชึสุ, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชึสุ, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เนวาปิกสฺส จ เนวาปิกปริสาย จ เอตทโหสิ – ‘สาสฺสุนามิเม จตุตฺถา มิคชาตา เกตพิโน, อิทฺธิมนฺตาสฺสุนามิเม จตุตฺถา มิคชาตา ปรชนา. อิมฺจ นาม นิวาปํ นิวุตฺตํ ปริภฺุชนฺติ, น จ เนสํ ชานาม อาคตึ วา คตึ วา. ยํนูน มยํ อิมํ นิวาปํ ¶ นิวุตฺตํ มหตีหิ ทณฺฑวากราหิ สมนฺตา สปฺปเทสํ อนุปริวาเรยฺยาม, อปฺเปว นาม จตุตฺถานํ มิคชาตานํ อาสยํ ปสฺเสยฺยาม ยตฺถ เต คาหํ คจฺเฉยฺยุ’นฺติ. เต ¶ อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มหตีหิ ทณฺฑวากราหิ สมนฺตา สปฺปเทสํ อนุปริวาเรสุํ. เนว โข, ภิกฺขเว, อทฺทสํสุ เนวาปิโก จ เนวาปิกปริสา จ จตุตฺถานํ มิคชาตานํ อาสยํ, ยตฺถ เต คาหํ คจฺเฉยฺยุํ. ตตฺร, ภิกฺขเว, เนวาปิกสฺส จ เนวาปิกปริสาย จ เอตทโหสิ – ‘สเจ โข มยํ จตุตฺเถ มิคชาเต ฆฏฺเฏสฺสาม, เต ฆฏฺฏิตา อฺเ ฆฏฺฏิสฺสนฺติ เต ฆฏฺฏิตา อฺเ ฆฏฺฏิสฺสนฺติ. เอวํ อิมํ นิวาปํ นิวุตฺตํ สพฺพโส มิคชาตา ปริมฺุจิสฺสนฺติ. ยํนูน มยํ จตุตฺเถ มิคชาเต อชฺฌุเปกฺเขยฺยามา’ติ. อชฺฌุเปกฺขึสุ โข, ภิกฺขเว, เนวาปิโก จ เนวาปิกปริสา จ จตุตฺเถ มิคชาเต. เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, จตุตฺถา มิคชาตา ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา.
๒๖๖. ‘‘อุปมา โข เม อยํ, ภิกฺขเว, กตา อตฺถสฺส วิฺาปนาย. อยํ เจเวตฺถ อตฺโถ – นิวาโปติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ กามคุณานํ อธิวจนํ. เนวาปิโกติ โข, ภิกฺขเว, มารสฺเสตํ ปาปิมโต อธิวจนํ. เนวาปิกปริสาติ โข, ภิกฺขเว, มารปริสาเยตํ อธิวจนํ. มิคชาตาติ โข, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณานเมตํ อธิวจนํ.
๒๖๗. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ปมา สมณพฺราหฺมณา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา ¶ โภชนานิ ภฺุชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเส ¶ . เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, ปมา สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. เสยฺยถาปิ เต, ภิกฺขเว, ปมา มิคชาตา ตถูปเม อหํ อิเม ปเม สมณพฺราหฺมเณ วทามิ.
๒๖๘. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ทุติยา สมณพฺราหฺมณา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข เต ปมา สมณพฺราหฺมณา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ ¶ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเส. เอวฺหิ เต ปมา สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ ¶ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ปฏิวิรเมยฺยาม, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามา’ติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ปฏิวิรมึสุ, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามาติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ปฏิวิรมึสุ, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรึสุ. เต ตตฺถ สากภกฺขาปิ อเหสุํ, สามากภกฺขาปิ อเหสุํ, นีวารภกฺขาปิ อเหสุํ, ททฺทุลภกฺขาปิ อเหสุํ, หฏภกฺขาปิ อเหสุํ, กณภกฺขาปิ อเหสุํ, อาจามภกฺขาปิ อเหสุํ, ปิฺากภกฺขาปิ อเหสุํ, ติณภกฺขาปิ อเหสุํ, โคมยภกฺขาปิ อเหสุํ, วนมูลผลาหารา ยาเปสุํ ปวตฺตผลโภชี.
‘‘เตสํ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส, ติโณทกสงฺขเย, อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เตสํ อธิมตฺตกสิมานํ ¶ ปตฺตกายานํ พลวีริยํ ปริหายิ. พลวีริเย ปริหีเน เจโตวิมุตฺติ ปริหายิ. เจโตวิมุตฺติยา ปริหีนาย ตเมว นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส ปจฺจาคมึสุ ตานิ จ โลกามิสานิ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเส. เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, ทุติยาปิ สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส ¶ อิทฺธานุภาวา. เสยฺยถาปิ เต, ภิกฺขเว, ทุติยา มิคชาตา ตถูปเม อหํ อิเม ทุติเย สมณพฺราหฺมเณ วทามิ.
๒๖๙. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ตติยา สมณพฺราหฺมณา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข เต ปมา สมณพฺราหฺมณา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ…เป…. เอวฺหิ เต ปมา สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. เยปิ เต ทุติยา สมณพฺราหฺมณา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข เต ปมา สมณพฺราหฺมณา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ…เป…. เอวฺหิ เต ปมา สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ปฏิวิรเมยฺยาม, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามา’ติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ¶ ปฏิวิรมึสุ. ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรึสุ. เต ตตฺถ สากภกฺขาปิ อเหสุํ…เป… ปวตฺตผลโภชี. เตสํ คิมฺหานํ ¶ ปจฺฉิเม มาเส ติโณทกสงฺขเย อธิมตฺตกสิมานํ ¶ ปตฺโต กาโย โหติ. เตสํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกายานํ พลวีริยํ ปริหายิ, พลวีริเย ปริหีเน เจโตวิมุตฺติ ปริหายิ, เจโตวิมุตฺติยา ปริหีนาย ตเมว นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส ปจฺจาคมึสุ ตานิ จ โลกามิสานิ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเส. เอวฺหิ เต ทุติยาปิ สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ อุปนิสฺสาย อาสยํ กปฺเปยฺยาม, ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชิสฺสาม, อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา น มทํ อาปชฺชิสฺสาม, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชิสฺสาม, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา ภวิสฺสาม มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเส’’ติ.
‘‘เต อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ อุปนิสฺสาย อาสยํ กปฺปยึสุ. ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชึสุ. เต ตตฺถ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา น มทํ อาปชฺชึสุ, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชึสุ, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา อเหสุํ มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเส ¶ . อปิ จ โข เอวํทิฏฺิกา อเหสุํ – สสฺสโต โลโก อิติปิ, อสสฺสโต โลโก อิติปิ; อนฺตวา โลโก อิติปิ, อนนฺตวา โลโก อิติปิ; ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ อิติปิ, อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรํ อิติปิ; โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติปิ, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติปิ, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติปิ, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติปิ ¶ . เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, ตติยาปิ สมณพฺราหฺมณา ¶ น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. เสยฺยถาปิ เต, ภิกฺขเว, ตติยา มิคชาตา ตถูปเม อหํ อิเม ตติเย สมณพฺราหฺมเณ วทามิ.
๒๗๐. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, จตุตฺถา สมณพฺราหฺมณา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข เต ปมา สมณพฺราหฺมณา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส…เป…. เอวฺหิ เต ปมา สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ ¶ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. เยปิ เต ทุติยา สมณพฺราหฺมณา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข เต ปมา สมณพฺราหฺมณา…เป…. เอวฺหิ เต ปมา สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ปฏิวิรเมยฺยาม ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามา’ติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ปฏิวิรมึสุ…เป…. เอวฺหิ เต ทุติยาปิ สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. เยปิ เต ตติยา สมณพฺราหฺมณา เอวํ สมจินฺเตสุํ เย โข เต ปมา สมณพฺราหฺมณา ¶ …เป…. เอวฺหิ เต ปมา สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. เยปิ เต ทุติยา สมณพฺราหฺมณา เอวํ สมจินฺเตสุํ เย โข เต ปมา สมณพฺราหฺมณา…เป…. เอวฺหิ เต ปมา สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ปฏิวิรเมยฺยาม, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามา’ติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ปฏิวิรมึสุ…เป…. เอวฺหิ เต ทุติยาปิ สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ อุปนิสฺสาย อาสยํ กปฺเปยฺยาม. ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชิสฺสาม, อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา น มทํ อาปชฺชิสฺสาม, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชิสฺสาม, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา ภวิสฺสาม มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเสติ.
‘‘เต อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ อุปนิสฺสาย อาสยํ กปฺปยึสุ. ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชึสุ. เต ตตฺถ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา น มทํ อาปชฺชึสุ. อมตฺตา สมานา ¶ น ปมาทํ อาปชฺชึสุ. อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา อเหสุํ มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเส. อปิ จ โข เอวํทิฏฺิกา อเหสุํ สสฺสโต โลโก อิติปิ…เป… เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติปิ. เอวฺหิ เต ตติยาปิ สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ ยตฺถ อคติ มารสฺส จ มารปริสาย จ ตตฺราสยํ กปฺเปยาม. ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ ¶ จ โลกามิสานิ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชิสฺสาม, อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา น มทํ อาปชฺชิสฺสาม, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชิสฺสาม, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา ภวิสฺสาม มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเสติ.
‘‘เต ¶ ยตฺถ อคติ มารสฺส จ มารปริสาย จ ตตฺราสยํ กปฺปยึสุ. ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ ¶ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชึสุ, เต ตตฺถ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภฺุชมานา น มทํ อาปชฺชึสุ, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชึสุ, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา อเหสุํ มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเส. เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, จตุตฺถา สมณพฺราหฺมณา ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. เสยฺยถาปิ เต, ภิกฺขเว, จตุตฺถา มิคชาตา ตถูปเม อหํ อิเม จตุตฺเถ สมณพฺราหฺมเณ วทามิ.
๒๗๑. ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, อคติ มารสฺส จ มารปริสาย จ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนฺธมกาสิ มารํ, อปทํ วธิตฺวา มารจกฺขุํ อทสฺสนํ คโต ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ ¶ ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา, อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ ¶ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา ¶ นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ¶ ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺพโส อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนฺธมกาสิ มารํ, อปทํ วธิตฺวา มารจกฺขุํ อทสฺสนํ คโต ปาปิมโต ติณฺโณ โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
นิวาปสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.
๖. ปาสราสิสุตฺตํ
๒๗๒. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจุํ – ‘‘จิรสฺสุตา โน, อาวุโส อานนฺท, ภควโต สมฺมุขา ธมฺมี กถา. สาธุ มยํ, อาวุโส อานนฺท, ลเภยฺยาม ภควโต สมฺมุขา ธมฺมึ กถํ สวนายา’’ติ. ‘‘เตน หายสฺมนฺโต เยน รมฺมกสฺส พฺราหฺมณสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมถ; อปฺเปว นาม ลเภยฺยาถ ภควโต สมฺมุขา ธมฺมึ กถํ สวนายา’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺจสฺโสสุํ.
อถ โข ภควา สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘อายามานนฺท, เยน ปุพฺพาราโม มิคารมาตุปาสาโท เตนุปสงฺกมิสฺสาม ทิวาวิหารายา’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. อถ ¶ โข ภควา อายสฺมตา อานนฺเทน สทฺธึ เยน ปุพฺพาราโม มิคารมาตุปาสาโท เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘อายามานนฺท, เยน ¶ ปุพฺพโกฏฺโก เตนุปสงฺกมิสฺสาม คตฺตานิ ปริสิฺจิตุ’’นฺติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ปจฺจสฺโสสิ.
๒๗๓. อถ โข ภควา อายสฺมตา อานนฺเทน สทฺธึ เยน ปุพฺพโกฏฺโก เตนุปสงฺกมิ คตฺตานิ ปริสิฺจิตุํ. ปุพฺพโกฏฺเก คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกจีวโร อฏฺาสิ คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโน. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, รมฺมกสฺส พฺราหฺมณสฺส อสฺสโม อวิทูเร. รมณีโย, ภนฺเต, รมฺมกสฺส พฺราหฺมณสฺส อสฺสโม; ปาสาทิโก, ภนฺเต, รมฺมกสฺส พฺราหฺมณสฺส อสฺสโม. สาธุ, ภนฺเต, ภควา เยน รมฺมกสฺส พฺราหฺมณสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน.
อถ ¶ ¶ โข ภควา เยน รมฺมกสฺส พฺราหฺมณสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู รมฺมกสฺส พฺราหฺมณสฺส อสฺสเม ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสินฺนา โหนฺติ. อถ โข ภควา พหิทฺวารโกฏฺเก อฏฺาสิ กถาปริโยสานํ อาคมยมาโน. อถ โข ภควา กถาปริโยสานํ วิทิตฺวา อุกฺกาสิตฺวา อคฺคฬํ อาโกเฏสิ. วิวรึสุ โข เต ภิกฺขู ภควโต ทฺวารํ. อถ โข ภควา รมฺมกสฺส พฺราหฺมณสฺส อสฺสมํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กายนุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา? กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ ¶ ? ‘‘ภควนฺตเมว โข โน, ภนฺเต, อารพฺภ ธมฺมี กถา วิปฺปกตา, อถ ภควา อนุปฺปตฺโต’’ติ. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! เอตํ โข, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ ปติรูปํ กุลปุตฺตานํ สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตานํ ยํ ตุมฺเห ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีเทยฺยาถ. สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ – ธมฺมี วา กถา, อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’.
๒๗๔. ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, ปริเยสนา – อริยา จ ปริเยสนา, อนริยา จ ปริเยสนา.
‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อนริยา ปริเยสนา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อตฺตนา ชาติธมฺโม สมาโน ชาติธมฺมํเยว ปริเยสติ, อตฺตนา ชราธมฺโม สมาโน ชราธมฺมํเยว ¶ ปริเยสติ, อตฺตนา พฺยาธิธมฺโม สมาโน พฺยาธิธมฺมํเยว ปริเยสติ, อตฺตนา มรณธมฺโม สมาโน มรณธมฺมํเยว ปริเยสติ, อตฺตนา โสกธมฺโม สมาโน โสกธมฺมํเยว ปริเยสติ, อตฺตนา สํกิเลสธมฺโม สมาโน สํกิเลสธมฺมํเยว ปริเยสติ.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, ชาติธมฺมํ วเทถ? ปุตฺตภริยํ, ภิกฺขเว, ชาติธมฺมํ, ทาสิทาสํ ชาติธมฺมํ, อเชฬกํ ชาติธมฺมํ, กุกฺกุฏสูกรํ ชาติธมฺมํ, หตฺถิควาสฺสวฬวํ ชาติธมฺมํ, ชาตรูปรชตํ ชาติธมฺมํ. ชาติธมฺมา เหเต, ภิกฺขเว, อุปธโย. เอตฺถายํ คถิโต [คธีโต (สฺยา. ก.)] มุจฺฉิโต อชฺฌาปนฺโน อตฺตนา ชาติธมฺโม สมาโน ชาติธมฺมํเยว ปริเยสติ.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, ชราธมฺมํ วเทถ? ปุตฺตภริยํ, ภิกฺขเว, ชราธมฺมํ, ทาสิทาสํ ชราธมฺมํ, อเชฬกํ ชราธมฺมํ, กุกฺกุฏสูกรํ ¶ ชราธมฺมํ, หตฺถิควาสฺสวฬวํ ชราธมฺมํ ¶ , ชาตรูปรชตํ ¶ ชราธมฺมํ. ชราธมฺมา เหเต, ภิกฺขเว, อุปธโย. เอตฺถายํ คถิโต มุจฺฉิโต อชฺฌาปนฺโน อตฺตนา ชราธมฺโม สมาโน ชราธมฺมํเยว ปริเยสติ.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, พฺยาธิธมฺมํ วเทถ? ปุตฺตภริยํ, ภิกฺขเว, พฺยาธิธมฺมํ, ทาสิทาสํ พฺยาธิธมฺมํ, อเชฬกํ พฺยาธิธมฺมํ, กุกฺกุฏสูกรํ พฺยาธิธมฺมํ, หตฺถิควาสฺสวฬวํ พฺยาธิธมฺมํ. พฺยาธิธมฺมา เหเต, ภิกฺขเว, อุปธโย. เอตฺถายํ คถิโต มุจฺฉิโต อชฺฌาปนฺโน อตฺตนา พฺยาธิธมฺโม สมาโน พฺยาธิธมฺมํเยว ปริเยสติ.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, มรณธมฺมํ วเทถ? ปุตฺตภริยํ, ภิกฺขเว, มรณธมฺมํ, ทาสิทาสํ มรณธมฺมํ, อเชฬกํ มรณธมฺมํ, กุกฺกุฏสูกรํ มรณธมฺมํ, หตฺถิควาสฺสวฬวํ มรณธมฺมํ. มรณธมฺมา เหเต, ภิกฺขเว, อุปธโย. เอตฺถายํ คถิโต มุจฺฉิโต อชฺฌาปนฺโน อตฺตนา มรณธมฺโม สมาโน มรณธมฺมํเยว ปริเยสติ.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, โสกธมฺมํ วเทถ? ปุตฺตภริยํ, ภิกฺขเว, โสกธมฺมํ, ทาสิทาสํ โสกธมฺมํ, อเชฬกํ โสกธมฺมํ, กุกฺกุฏสูกรํ โสกธมฺมํ, หตฺถิควาสฺสวฬวํ โสกธมฺมํ. โสกธมฺมา เหเต, ภิกฺขเว, อุปธโย. เอตฺถายํ คถิโต มุจฺฉิโต อชฺฌาปนฺโน อตฺตนา โสกธมฺโม สมาโน โสกธมฺมํเยว ปริเยสติ.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, สํกิเลสธมฺมํ วเทถ? ปุตฺตภริยํ, ภิกฺขเว, สํกิเลสธมฺมํ, ทาสิทาสํ สํกิเลสธมฺมํ, อเชฬกํ สํกิเลสธมฺมํ ¶ , กุกฺกุฏสูกรํ สํกิเลสธมฺมํ, หตฺถิควาสฺสวฬวํ สํกิเลสธมฺมํ, ชาตรูปรชตํ สํกิเลสธมฺมํ. สํกิเลสธมฺมา เหเต, ภิกฺขเว, อุปธโย. เอตฺถายํ คถิโต มุจฺฉิโต อชฺฌาปนฺโน อตฺตนา สํกิเลสธมฺโม สมาโน สํกิเลสธมฺมํเยว ปริเยสติ. อยํ, ภิกฺขเว, อนริยา ปริเยสนา.
๒๗๕. ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อริยา ปริเยสนา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อตฺตนา ชาติธมฺโม สมาโน ชาติธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา ¶ อชาตํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสติ, อตฺตนา ชราธมฺโม สมาโน ชราธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อชรํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสติ, อตฺตนา พฺยาธิธมฺโม สมาโน พฺยาธิธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อพฺยาธึ อนุตฺตรํ ¶ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสติ, อตฺตนา มรณธมฺโม สมาโน มรณธมฺเม ¶ อาทีนวํ วิทิตฺวา อมตํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสติ, อตฺตนา โสกธมฺโม สมาโน โสกธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อโสกํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสติ, อตฺตนา สํกิเลสธมฺโม สมาโน สํกิเลสธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อสํกิลิฏฺํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสติ. อยํ, ภิกฺขเว, อริยา ปริเยสนา.
๒๗๖. ‘‘อหมฺปิ สุทํ, ภิกฺขเว, ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺโธ โพธิสตฺโตว สมาโน อตฺตนา ชาติธมฺโม สมาโน ชาติธมฺมํเยว ปริเยสามิ, อตฺตนา ชราธมฺโม สมาโน ชราธมฺมํเยว ปริเยสามิ, อตฺตนา ¶ พฺยาธิธมฺโม สมาโน พฺยาธิธมฺมํเยว ปริเยสามิ, อตฺตนา มรณธมฺโม สมาโน มรณธมฺมํเยว ปริเยสามิ, อตฺตนา โสกธมฺโม สมาโน โสกธมฺมํเยว ปริเยสามิ, อตฺตนา สํกิเลสธมฺโม สมาโน สํกิเลสธมฺมํเยว ปริเยสามิ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กึ นุ โข อหํ อตฺตนา ชาติธมฺโม สมาโน ชาติธมฺมํเยว ปริเยสามิ, อตฺตนา ชราธมฺโม สมาโน…เป… พฺยาธิธมฺโม สมาโน… มรณธมฺโม สมาโน… โสกธมฺโม สมาโน… อตฺตนา สํกิเลสธมฺโม สมาโน สํกิเลสธมฺมํเยว ปริเยสามิ? ยํนูนาหํ อตฺตนา ชาติธมฺโม สมาโน ชาติธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อชาตํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยเสยฺยํ, อตฺตนา ชราธมฺโม สมาโน ชราธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อชรํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยเสยฺยํ, อตฺตนา พฺยาธิธมฺโม สมาโน พฺยาธิธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อพฺยาธึ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยเสยฺยํ, อตฺตนา มรณธมฺโม สมาโน มรณธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อมตํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยเสยฺยํ, อตฺตนา โสกธมฺโม สมาโน โสกธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อโสกํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยเสยฺยํ, อตฺตนา สํกิเลสธมฺโม สมาโน สํกิเลสธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อสํกิลิฏฺํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยเสยฺย’นฺติ.
๒๗๗. ‘‘โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อปเรน สมเยน ทหโรว สมาโน สุสุกาฬเกโส ¶ , ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา อกามกานํ มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ รุทนฺตานํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ ¶ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชึ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กึ กุสลคเวสี [กึกุสลํคเวสี (ก.)] อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ. อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส กาลาม, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย ¶ พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, อาฬาโร กาลาโม มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา; ตาทิโส อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิฺู ปุริโส ¶ นจิรสฺเสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณึ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, ตาวตเกเนว โอฏฺปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน าณวาทฺจ วทามิ เถรวาทฺจ, ‘ชานามิ ปสฺสามี’ติ จ ปฏิชานามิ อหฺเจว อฺเ จ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ; อทฺธา อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหรตี’ติ.
‘‘อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ [อุปสมฺปชฺช ปเวเทสีติ (สี. สฺยา. ปี.)]? เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, อาฬาโร กาลาโม อากิฺจฺายตนํ ¶ ปเวเทสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ วีริยํ, มยฺหํปตฺถิ วีริยํ; น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ สติ, มยฺหํปตฺถิ สติ; น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ สมาธิ, มยฺหํปตฺถิ สมาธิ; น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ ปฺา, มยฺหํปตฺถิ ปฺา. ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ อาฬาโร กาลาโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ, ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.
‘‘อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ –
‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ?
‘เอตฺตาวตา ¶ โข อหํ, อาวุโส, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมี’ติ.
‘อหมฺปิ ¶ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ.
‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจารึ ปสฺสาม. อิติ ยาหํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ. ยํ ตฺวํ ¶ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ ตมหํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา ¶ สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิ. อิติ ยาหํ ธมฺมํ ชานามิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ, ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตมหํ ธมฺมํ ชานามิ. อิติ ยาทิโส อหํ ตาทิโส ตุวํ, ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส อหํ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, อุโภว สนฺตา อิมํ คณํ ปริหรามา’ติ. อิติ โข, ภิกฺขเว, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน (อตฺตโน) [( ) นตฺถิ (สี. สฺยา. ปี.)] อนฺเตวาสึ มํ สมานํ อตฺตนา [อตฺตโน (สี. ปี.)] สมสมํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว อากิฺจฺายตนูปปตฺติยา’ติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมึ.
๒๗๘. ‘‘โส โข อหํ, ภิกฺขเว, กึ กุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อุทโก [อุทฺทโก (สี. สฺยา. ปี.)] รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส [อาวุโส ราม (สี. สฺยา. ก.) มหาสตฺโต รามปุตฺตเมว อโวจ, น รามํ, ราโม หิ ตตฺถ คณาจริโย ภเวยฺย, ตทา จ กาลงฺกโต อสนฺโต. เตเนเวตฺถ รามายตฺตานิ กฺริยปทานิ อตีตกาลวเสน อาคตานิ, อุทโก จ รามปุตฺโต มหาสตฺตสฺส สพฺรหฺมจารีตฺเวว วุตฺโต, น อาจริโยติ. ฏีกายํ จ ‘‘ปาฬิยํ รามสฺเสว สมาปตฺติลาภิตา อาคตา น อุทกสฺสา’’ติ อาทิ ปจฺฉาภาเค ปกาสิตา], อิมสฺมึ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, อุทโก รามปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา; ตาทิโส อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิฺู ปุริโส นจิรสฺเสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณึ. โส โข ¶ อหํ, ภิกฺขเว, ตาวตเกเนว โอฏฺปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน าณวาทฺจ วทามิ ¶ เถรวาทฺจ, ‘ชานามิ ปสฺสามี’ติ จ ปฏิชานามิ อหฺเจว อฺเ จ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘น โข ราโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสิ; อทฺธา ราโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหาสี’ติ.
‘‘อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ¶ วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ? เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, อุทโก รามปุตฺโต เนวสฺานาสฺายตนํ ปเวเทสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘น โข รามสฺเสว อโหสิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข รามสฺเสว อโหสิ วีริยํ ¶ , มยฺหํปตฺถิ วีริยํ; น โข รามสฺเสว อโหสิ สติ, มยฺหํปตฺถิ สติ; น โข รามสฺเสว อโหสิ สมาธิ, มยฺหํปตฺถิ สมาธิ, น โข รามสฺเสว อโหสิ ปฺา, มยฺหํปตฺถิ ปฺา. ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสิ, ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.
‘‘อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ –
‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ?
‘เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ.
‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ¶ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ.
‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจารึ ปสฺสาม. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ, ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ. ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ, ตํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม อภิฺาสิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ, ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ, ตํ ธมฺมํ ราโม อภิฺาสิ. อิติ ยาทิโส ราโม อโหสิ ตาทิโส ตุวํ, ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส ราโม อโหสิ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, ตุวํ อิมํ คณํ ปริหรา’ติ ¶ . อิติ โข, ภิกฺขเว ¶ , อุทโก รามปุตฺโต สพฺรหฺมจารี เม สมาโน อาจริยฏฺาเน มํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว เนวสฺานาสฺายตนูปปตฺติยา’ติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมึ.
๒๗๙. ‘‘โส โข อหํ, ภิกฺขเว, กึ กุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน มคเธสุ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน อุรุเวลา เสนานิคโม ตทวสรึ. ตตฺถทฺทสํ ¶ รมณียํ ภูมิภาคํ, ปาสาทิกฺจ วนสณฺฑํ, นทิฺจ สนฺทนฺตึ เสตกํ สุปติตฺถํ รมณียํ, สมนฺตา [สามนฺตา (?)] จ โคจรคามํ ¶ . ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘รมณีโย วต, โภ, ภูมิภาโค, ปาสาทิโก จ วนสณฺโฑ, นที จ สนฺทติ เสตกา สุปติตฺถา รมณียา, สมนฺตา จ โคจรคาโม. อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานายา’ติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, ตตฺเถว นิสีทึ – อลมิทํ ปธานายาติ.
๒๘๐. ‘‘โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อตฺตนา ชาติธมฺโม สมาโน ชาติธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อชาตํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสมาโน อชาตํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ อชฺฌคมํ, อตฺตนา ชราธมฺโม สมาโน ชราธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อชรํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสมาโน อชรํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ อชฺฌคมํ, อตฺตนา พฺยาธิธมฺโม สมาโน พฺยาธิธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อพฺยาธึ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสมาโน อพฺยาธึ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ อชฺฌคมํ, อตฺตนา มรณธมฺโม สมาโน มรณธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อมตํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ อชฺฌคมํ, อตฺตนา โสกธมฺโม สมาโน โสกธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อโสกํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ อชฺฌคมํ, อตฺตนา สํกิเลสธมฺโม สมาโน สํกิเลสธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อสํกิลิฏฺํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสมาโน อสํกิลิฏฺํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ อชฺฌคมํ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ – ‘อกุปฺปา เม วิมุตฺติ, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’ติ.
๒๘๑. ‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย. อาลยรามา โข ปนายํ ปชา อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตา. อาลยรามา โข ปนายํ ¶ ปชา อาลยรตาย อาลยสมฺมุทิตาย ทุทฺทสํ อิทํ านํ ยทิทํ – อิทปฺปจฺจยตา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. อิทมฺปิ โข านํ ทุทฺทสํ ยทิทํ – สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย ¶ วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ. อหฺเจว ¶ โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุํ, โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา’ติ. อปิสฺสุ มํ, ภิกฺขเว, อิมา อนจฺฉริยา คาถาโย ปฏิภํสุ ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา –
‘กิจฺเฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุํ;
ราคโทสปเรเตหิ, นายํ ธมฺโม สุสมฺพุโธ.
‘ปฏิโสตคามึ นิปุณํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;
ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ, ตโมขนฺเธน อาวุฏา’’’ติ [อาวฏาติ (สี.), อาวุตา (สฺยา.)].
๒๘๒. ‘‘อิติห เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ, โน ธมฺมเทสนาย. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺส มม เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เอตทโหสิ – ‘นสฺสติ วต โภ โลโก, วินสฺสติ วต โภ โลโก, ยตฺร หิ นาม ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ [นมิสฺสติ (?)], โน ธมฺมเทสนายา’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สหมฺปติ – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว – พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต มม ปุรโต ปาตุรโหสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สหมฺปติ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยนาหํ เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘เทเสตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ ¶ สุคโต ธมฺมํ. สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา, อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ. ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อฺาตาโร’ติ. อิทมโวจ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สหมฺปติ. อิทํ วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ –
‘ปาตุรโหสิ ¶ มคเธสุ ปุพฺเพ,
ธมฺโม อสุทฺโธ สมเลหิ จินฺติโต;
อปาปุเรตํ [อวาปุเรตํ (สี.)] อมตสฺส ทฺวารํ,
สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธํ.
‘เสเล ¶ ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต,
ยถาปิ ปสฺเส ชนตํ สมนฺตโต;
ตถูปมํ ธมฺมมยํ สุเมธ,
ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขุ;
โสกาวติณฺณํ [โสกาวกิณฺณํ (สฺยา.)] ชนตมเปตโสโก,
อเวกฺขสฺสุ ชาติชราภิภูตํ.
‘อุฏฺเหิ ¶ วีร วิชิตสงฺคาม,
สตฺถวาห อณณ วิจร โลเก;
เทสสฺสุ [เทเสตุ (สฺยา. ก.)] ภควา ธมฺมํ,
อฺาตาโร ภวิสฺสนฺตี’’’ติ.
๒๘๓. ‘‘อถ โข อหํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมุโน จ อชฺเฌสนํ วิทิตฺวา สตฺเตสุ จ การฺุตํ ปฏิจฺจ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสึ. อทฺทสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สตฺเต อปฺปรชกฺเข ¶ มหารชกฺเข, ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย, สฺวากาเร ทฺวากาเร, สุวิฺาปเย ทุวิฺาปเย, อปฺเปกจฺเจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน [ทสฺสาวิโน (สฺยา. กํ. ก.)] วิหรนฺเต, อปฺเปกจฺเจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน [ทสฺสาวิโน (สฺยา. กํ. ก.)] วิหรนฺเต. เสยฺยถาปิ นาม อุปฺปลินิยํ วา ปทุมินิยํ วา ปุณฺฑรีกินิยํ วา อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนิ, อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ สโมทกํ ิตานิ, อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกํ อจฺจุคฺคมฺม ิตานิ [ติฏฺนฺติ (สี. สฺยา. ปี.)] อนุปลิตฺตานิ อุทเกน; เอวเมว โข อหํ, ภิกฺขเว, พุทฺธจกฺขุนา ¶ โลกํ โวโลเกนฺโต อทฺทสํ สตฺเต อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข, ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย, สฺวากาเร ทฺวากาเร, สุวิฺาปเย ทุวิฺาปเย, อปฺเปกจฺเจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต, อปฺเปกจฺเจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต. อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมานํ สหมฺปตึ คาถาย ปจฺจภาสึ –
‘อปารุตา ¶ เตสํ อมตสฺส ทฺวารา,
เย โสตวนฺโต ปมฺุจนฺตุ สทฺธํ;
วิหึสสฺี ปคุณํ น ภาสึ,
ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’’’ติ.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘กตาวกาโส โขมฺหิ ภควตา ธมฺมเทสนายา’ติ มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ.
๒๘๔. ‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ; โก อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อาฬาโร กาลาโม ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ทีฆรตฺตํ อปฺปรชกฺขชาติโก. ยํนูนาหํ อาฬารสฺส กาลามสฺส ¶ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ. โส อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ. อถ โข มํ, ภิกฺขเว, เทวตา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘สตฺตาหกาลงฺกโต, ภนฺเต, อาฬาโร กาลาโม’ติ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ – ‘สตฺตาหกาลงฺกโต อาฬาโร กาลาโม’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘มหาชานิโย โข อาฬาโร กาลาโม. สเจ หิ โส อิมํ ธมฺมํ สุเณยฺย, ขิปฺปเมว อาชาเนยฺยา’ติ.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ; โก อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อุทโก รามปุตฺโต ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ทีฆรตฺตํ อปฺปรชกฺขชาติโก. ยํนูนาหํ อุทกสฺส รามปุตฺตสฺส ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ. โส อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ. อถ โข มํ, ภิกฺขเว, เทวตา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘อภิโทสกาลงฺกโต, ภนฺเต, อุทโก รามปุตฺโต’ติ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ – ‘อภิโทสกาลงฺกโต อุทโก รามปุตฺโต’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘มหาชานิโย โข อุทโก รามปุตฺโต. สเจ หิ โส อิมํ ธมฺมํ สุเณยฺย ¶ , ขิปฺปเมว อาชาเนยฺยา’ติ.
‘‘ตสฺส มยฺหํ ¶ , ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ; โก อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘พหุการา ¶ โข เม ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู, เย มํ ปธานปหิตตฺตํ อุปฏฺหึสุ. ยํนูนาหํ ปฺจวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘กหํ นุ โข เอตรหิ ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู วิหรนฺตี’ติ? อทฺทสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู พาราณสิยํ วิหรนฺเต อิสิปตเน มิคทาเย. อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, อุรุเวลายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน พาราณสี เตน จาริกํ ปกฺกมึ [ปกฺกามึ (สฺยา. ปี. ก.)].
๒๘๕. ‘‘อทฺทสา โข มํ, ภิกฺขเว, อุปโก อาชีวโก อนฺตรา [อาชีวิโก (สี. ปี. ก.)] จ คยํ อนฺตรา จ โพธึ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนํ. ทิสฺวาน มํ เอตทโวจ – ‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต! กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’ติ ¶ ? เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภิกฺขเว, อุปกํ อาชีวกํ คาถาหิ อชฺฌภาสึ –
‘สพฺพาภิภู สพฺพวิทูหมสฺมิ, สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนูปลิตฺโต;
สพฺพฺชโห ตณฺหากฺขเย วิมุตฺโต, สยํ อภิฺาย กมุทฺทิเสยฺยํ.
‘น ¶ เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ;
สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ, นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล.
‘อหฺหิ อรหา โลเก, อหํ สตฺถา อนุตฺตโร;
เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต.
‘ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตุํ, คจฺฉามิ กาสินํ ปุรํ;
อนฺธีภูตสฺมึ [อนฺธภูตสฺมึ (สี. สฺยา. ปี.)] โลกสฺมึ, อาหฺฉํ อมตทุนฺทุภิ’นฺติ.
‘ยถา โข ตฺวํ, อาวุโส, ปฏิชานาสิ, อรหสิ อนนฺตชิโน’ติ!
‘มาทิสา ¶ เว ชินา โหนฺติ, เย ปตฺตา อาสวกฺขยํ;
ชิตา เม ปาปกา ธมฺมา, ตสฺมาหมุปก ชิโน’ติ.
‘‘เอวํ ¶ วุตฺเต, ภิกฺขเว, อุปโก อาชีวโก ‘หุเปยฺยปาวุโส’ติ [หุเวยฺยปาวุโส (สี. ปี.), หุเวยฺยาวุโส (สฺยา.)] วตฺวา สีสํ โอกมฺเปตฺวา อุมฺมคฺคํ คเหตฺวา ปกฺกามิ.
๒๘๖. ‘‘อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน พาราณสี อิสิปตนํ มิคทาโย เยน ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมึ. อทฺทสํสุ โข มํ, ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ทูรโต อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน อฺมฺํ สณฺเปสุํ [อฺมฺํ กติกํ สณฺเปสุํ (วินยปิฏเก มหาวคฺเค)] – ‘อยํ โข, อาวุโส, สมโณ โคตโม อาคจฺฉติ พาหุลฺลิโก [พาหุลิโก (สี. ปี.) สารตฺถทีปนีฏีกาย สเมติ] ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลาย. โส เนว อภิวาเทตพฺโพ, น ปจฺจุฏฺาตพฺโพ; นาสฺส ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหตพฺพํ. อปิ จ โข อาสนํ เปตพฺพํ, สเจ อากงฺขิสฺสติ นิสีทิสฺสตี’ติ. ยถา ยถา โข อหํ, ภิกฺขเว, อุปสงฺกมึ ตถา ¶ ตถา ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู นาสกฺขึสุ สกาย กติกาย สณฺาตุํ. อปฺเปกจฺเจ มํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหสุํ, อปฺเปกจฺเจ อาสนํ ปฺเปสุํ, อปฺเปกจฺเจ ปาโททกํ อุปฏฺเปสุํ. อปิ จ โข มํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรนฺติ.
‘‘เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘มา, ภิกฺขเว, ตถาคตํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรถ [สมุทาจริตฺถ (สี. สฺยา. ปี.)]. อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ . โอทหถ, ภิกฺขเว, โสตํ, อมตมธิคตํ, อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ. ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปชฺชมานา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู มํ เอตทโวจุํ – ‘ตายปิ โข ตฺวํ, อาวุโส โคตม, อิริยาย ตาย ปฏิปทาย ตาย ทุกฺกรการิกาย นาชฺฌคมา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ, กึ ปน ตฺวํ เอตรหิ พาหุลฺลิโก ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลาย อธิคมิสฺสสิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสส’นฺติ? เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต พาหุลฺลิโก, น ปธานวิพฺภนฺโต, น อาวตฺโต พาหุลฺลาย ¶ ¶ . อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ. โอทหถ, ภิกฺขเว, โสตํ, อมตมธิคตํ, อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ. ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปชฺชมานา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา ¶ สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ. ทุติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู มํ เอตทโวจุํ – ‘ตายปิ โข ตฺวํ, อาวุโส โคตม, อิริยาย ตาย ปฏิปทาย ตาย ทุกฺกรการิกาย นาชฺฌคมา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ, กึ ปน ตฺวํ เอตรหิ พาหุลฺลิโก ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลาย อธิคมิสฺสสิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสส’นฺติ? ทุติยมฺปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต พาหุลฺลิโก…เป… อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ. ตติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู มํ เอตทโวจุํ – ‘ตายปิ โข ตฺวํ, อาวุโส โคตม, อิริยาย ตาย ปฏิปทาย ตาย ทุกฺกรการิกาย นาชฺฌคมา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ, กึ ปน ตฺวํ เอตรหิ พาหุลฺลิโก ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลาย อธิคมิสฺสสิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสส’นฺติ?
‘‘เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘อภิชานาถ เม โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อิโต ปุพฺเพ เอวรูปํ ปภาวิตเมต’นฺติ [ภาสิตเมตนฺติ (สี. สฺยา. วินเยปิ)]? ‘โน เหตํ, ภนฺเต’. ‘อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ. โอทหถ, ภิกฺขเว, โสตํ, อมตมธิคตํ, อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ. ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปชฺชมานา นจิรสฺเสว ¶ – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ¶ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ.
‘‘อสกฺขึ โข อหํ, ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู สฺาเปตุํ. ทฺเวปิ สุทํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู โอวทามิ, ตโย ภิกฺขู ปิณฺฑาย จรนฺติ. ยํ ตโย ภิกฺขู ปิณฺฑาย จริตฺวา อาหรนฺติ เตน ฉพฺพคฺคิยา [ฉพฺพคฺคา (สี. สฺยา.)] ยาเปม. ตโยปิ สุทํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู โอวทามิ, ทฺเว ภิกฺขู ปิณฺฑาย จรนฺติ. ยํ ทฺเว ภิกฺขู ปิณฺฑาย จริตฺวา อาหรนฺติ เตน ฉพฺพคฺคิยา ยาเปม. อถ โข, ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิยา ¶ ภิกฺขู มยา เอวํ โอวทิยมานา เอวํ อนุสาสิยมานา อตฺตนา ชาติธมฺมา สมานา ชาติธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อชาตํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสมานา อชาตํ อนุตฺตรํ ¶ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ อชฺฌคมํสุ, อตฺตนา ชราธมฺมา สมานา ชราธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อชรํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสมานา อชรํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ อชฺฌคมํสุ, อตฺตนา พฺยาธิธมฺมา สมานา…เป… อตฺตนา มรณธมฺมา สมานา… อตฺตนา โสกธมฺมา สมานา… อตฺตนา สํกิเลสธมฺมา สมานา สํกิเลสธมฺเม อาทีนวํ วิทิตฺวา อสํกิลิฏฺํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ ปริเยสมานา อสํกิลิฏฺํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ อชฺฌคมํสุ. าณฺจ ปน เนสํ ทสฺสนํ อุทปาทิ – ‘อกุปฺปา โน ¶ วิมุตฺติ [อกุปฺปา เนสํ วิมุตฺติ (ก.)], อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’ติ.
๒๘๗. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิฺเยฺยา สทฺทา…เป… ฆานวิฺเยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิฺเยฺยา รสา… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ กามคุณา. เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อิเม ปฺจ กามคุเณ คถิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌปนฺนา อนาทีนวทสฺสาวิโน อนิสฺสรณปฺา ปริภฺุชนฺติ, เต เอวมสฺสุ เวทิตพฺพา – ‘อนยมาปนฺนา พฺยสนมาปนฺนา ยถากามกรณียา ปาปิมโต’ [ปาปิมโต’’ติ (?)]. ‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อารฺโก มโค พทฺโธ ปาสราสึ อธิสเยยฺย. โส เอวมสฺส เวทิตพฺโพ – อนยมาปนฺโน พฺยสนมาปนฺโน ยถากามกรณีโย ลุทฺทสฺส. อาคจฺฉนฺเต จ ปน ลุทฺเท เยน กามํ น ปกฺกมิสฺสตี’ติ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อิเม ปฺจ กามคุเณ คถิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌปนฺนา อนาทีนวทสฺสาวิโน อนิสฺสรณปฺา ปริภฺุชนฺติ, เต เอวมสฺสุ เวทิตพฺพา – ‘อนยมาปนฺนา พฺยสนมาปนฺนา ยถากามกรณียา ปาปิมโต’. เย จ โข เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อิเม ปฺจ กามคุเณ อคถิตา อมุจฺฉิตา อนชฺโฌปนฺนา อาทีนวทสฺสาวิโน นิสฺสรณปฺา ¶ ปริภฺุชนฺติ, เต เอวมสฺสุ เวทิตพฺพา – ‘น อนยมาปนฺนา น พฺยสนมาปนฺนา น ¶ ยถากามกรณียา ปาปิมโต’.
‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขเว, อารฺโก มโค อพทฺโธ ปาสราสึ อธิสเยยฺย. โส เอวมสฺส เวทิตพฺโพ – ‘น อนยมาปนฺโน น พฺยสนมาปนฺโน น ยถากามกรณีโย ลุทฺทสฺส. อาคจฺฉนฺเต จ ปน ลุทฺเท เยน กามํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อิเม ปฺจ กามคุเณ อคถิตา อมุจฺฉิตา อนชฺโฌปนฺนา อาทีนวทสฺสาวิโน นิสฺสรณปฺา ปริภฺุชนฺติ, เต เอวมสฺสุ เวทิตพฺพา – ‘น อนยมาปนฺนา น พฺยสนมาปนฺนา น ¶ ยถากามกรณียา ปาปิมโต’.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อารฺโก มโค อรฺเ ปวเน จรมาโน วิสฺสตฺโถ คจฺฉติ, วิสฺสตฺโถ ติฏฺติ, วิสฺสตฺโถ นิสีทติ, วิสฺสตฺโถ เสยฺยํ กปฺเปติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อนาปาถคโต, ภิกฺขเว, ลุทฺทสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนฺธมกาสิ มารํ อปทํ, วธิตฺวา มารจกฺขุํ อทสฺสนํ คโต ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ, สโต จ สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา ¶ นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน ¶ ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺพโส อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺม ¶ เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว…เป… ปาปิมโต.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนฺธมกาสิ มารํ อปทํ, วธิตฺวา มารจกฺขุํ อทสฺสนํ คโต ปาปิมโต. ติณฺโณ โลเก วิสตฺติกํ วิสฺสตฺโถ คจฺฉติ, วิสฺสตฺโถ ติฏฺติ, วิสฺสตฺโถ นิสีทติ, วิสฺสตฺโถ เสยฺยํ กปฺเปติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อนาปาถคโต, ภิกฺขเว, ปาปิมโต’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
ปาสราสิสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.
๗. จูฬหตฺถิปโทปมสุตฺตํ
๒๘๘. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ สพฺพเสเตน วฬวาภิรเถน [วฬภีรเถน (สี. ปี.)] สาวตฺถิยา นิยฺยาติ ทิวาทิวสฺส. อทฺทสา โข ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ ปิโลติกํ ปริพฺพาชกํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน ปิโลติกํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ –
‘‘หนฺท, กุโต นุ ภวํ วจฺฉายโน อาคจฺฉติ ทิวาทิวสฺสา’’ติ?
‘‘อิโต หิ โข อหํ ¶ , โภ, อาคจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺติ, ภวํ วจฺฉายโน, สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ?
‘‘ปณฺฑิโต มฺเ’’ติ.
‘‘โก จาหํ, โภ, โก จ สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ชานิสฺสามิ! โสปิ นูนสฺส ตาทิโสว โย สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ชาเนยฺยา’’ติ.
‘‘อุฬาราย ขลุ ภวํ วจฺฉายโน สมณํ โคตมํ ปสํสาย ปสํสตี’’ติ.
‘‘โก จาหํ, โภ, โก จ สมณํ โคตมํ ปสํสิสฺสามิ?
‘‘ปสตฺถปสตฺโถว โส ภวํ โคตโม เสฏฺโ เทวมนุสฺสาน’’นฺติ.
‘‘กํ ปน ภวํ วจฺฉายโน อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน สมเณ โคตเม เอวํ อภิปฺปสนฺโน’’ติ [อภิปฺปสนฺโน โหตีติ (สฺยา.)]?
‘‘เสยฺยถาปิ, โภ, กุสโล นาควนิโก นาควนํ ปวิเสยฺย. โส ปสฺเสยฺย นาควเน ¶ มหนฺตํ ¶ ¶ หตฺถิปทํ, ทีฆโต จ อายตํ, ติริยฺจ วิตฺถตํ. โส นิฏฺํ คจฺเฉยฺย – ‘มหา วต, โภ, นาโค’ติ. เอวเมว โข อหํ, โภ, ยโต อทฺทสํ สมเณ โคตเม จตฺตาริ ปทานิ อถาหํ นิฏฺมคมํ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๒๘๙. ‘‘กตมานิ จตฺตาริ? อิธาหํ, โภ, ปสฺสามิ เอกจฺเจ ขตฺติยปณฺฑิเต นิปุเณ กตปรปฺปวาเท วาลเวธิรูเป, เต ภินฺทนฺตา [โวภินฺทนฺตา (สี. ปี.) วิ + อว + ภินฺทนฺตา] มฺเ จรนฺติ ปฺาคเตน ทิฏฺิคตานิ. เต สุณนฺติ – ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสริสฺสตี’ติ. เต ปฺหํ อภิสงฺขโรนฺติ – ‘อิมํ มยํ ปฺหํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสาม. เอวํ เจ โน ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสาม. เอวํ เจปิ โน ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมฺปิสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสามา’ติ. เต สุณนฺติ – ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสโฏ’ติ. เต เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกมนฺติ. เต สมโณ โคตโม ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เต สมเณน โคตเมน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา น เจว สมณํ โคตมํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, กุโตสฺส [กุตสฺส (สี. สฺยา. ปี.)] วาทํ อาโรเปสฺสนฺติ? อฺทตฺถุ ¶ สมณสฺเสว โคตมสฺส สาวกา สมฺปชฺชนฺติ. ยทาหํ, โภ, สมเณ โคตเม อิมํ ปมํ ¶ ปทํ อทฺทสํ อถาหํ นิฏฺมคมํ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
‘‘ปุน จปราหํ, โภ, ปสฺสามิ อิเธกจฺเจ พฺราหฺมณปณฺฑิเต…เป… คหปติปณฺฑิเต…เป… สมณปณฺฑิเต นิปุเณ กตปรปฺปวาเท วาลเวธิรูเป เต ภินฺทนฺตา มฺเ จรนฺติ ปฺาคเตน ทิฏฺิคตานิ. เต สุณนฺติ – ‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม อมุกํ นาม ¶ คามํ วา นิคมํ วา โอสริสฺสตี’ติ. เต ปฺหํ อภิสงฺขโรนฺติ ‘อิมํ มยํ ปฺหํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสาม. เอวํ เจ โน ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสาม. เอวํ เจปิ โน ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวํปิสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสามา’ติ. เต สุณนฺติ ‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสโฏ’ติ. เต เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกมนฺติ. เต สมโณ โคตโม ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เต สมเณน โคตเมน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา น เจว สมณํ โคตมํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, กุโตสฺส ¶ วาทํ อาโรเปสฺสนฺติ? อฺทตฺถุ สมณํเยว โคตมํ โอกาสํ ยาจนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. เต สมโณ โคตโม ปพฺพาเชติ [ปพฺพาเชติ อุปสมฺปาเทติ (สี.)]. เต ตตฺถ ปพฺพชิตา สมานา วูปกฏฺา อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรนฺตา ¶ นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ. เต เอวมาหํสุ – ‘มนํ วต, โภ, อนสฺสาม, มนํ วต, โภ, ปนสฺสาม; มยฺหิ ปุพฺเพ อสฺสมณาว สมานา สมณมฺหาติ ปฏิชานิมฺห, อพฺราหฺมณาว สมานา พฺราหฺมณมฺหาติ ปฏิชานิมฺห, อนรหนฺโตว สมานา อรหนฺตมฺหาติ ปฏิชานิมฺห. อิทานิ โขมฺห สมณา, อิทานิ โขมฺห พฺราหฺมณา, อิทานิ โขมฺห อรหนฺโต’ติ. ยทาหํ, โภ, สมเณ โคตเม อิมํ จตุตฺถํ ปทํ อทฺทสํ อถาหํ นิฏฺมคมํ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’’ติ.
‘‘ยโต ¶ โข อหํ, โภ, สมเณ โคตเม อิมานิ จตฺตาริ ปทานิ อทฺทสํ อถาหํ นิฏฺมคมํ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’’ติ.
๒๙๐. เอวํ วุตฺเต, ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ สพฺพเสตา วฬวาภิรถา โอโรหิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส; นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส; นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. อปฺเปว นาม มยมฺปิ กทาจิ กรหจิ ¶ เตน โภตา โคตเมน สทฺธึ สมาคจฺเฉยฺยาม, อปฺเปว นาม สิยา โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ! อถ โข ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ ยาวตโก อโหสิ ปิโลติเกน ปริพฺพาชเกน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิ. เอวํ วุตฺเต, ภควา ชาณุสฺโสณึ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘น โข, พฺราหฺมณ, เอตฺตาวตา หตฺถิปโทปโม วิตฺถาเรน ปริปูโร โหติ. อปิ จ, พฺราหฺมณ, ยถา หตฺถิปโทปโม วิตฺถาเรน ปริปูโร โหติ ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –
๒๙๑. ‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, นาควนิโก นาควนํ ปวิเสยฺย. โส ปสฺเสยฺย นาควเน มหนฺตํ ¶ หตฺถิปทํ, ทีฆโต จ อายตํ, ติริยฺจ วิตฺถตํ. โย โหติ กุสโล นาควนิโก เนว ตาว นิฏฺํ คจฺฉติ – ‘มหา วต, โภ, นาโค’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สนฺติ หิ, พฺราหฺมณ, นาควเน วามนิกา นาม หตฺถินิโย มหาปทา, ตาสํ เปตํ ปทํ อสฺสาติ.
‘‘โส ตมนุคจฺฉติ. ตมนุคจฺฉนฺโต ปสฺสติ นาควเน มหนฺตํ หตฺถิปทํ, ทีฆโต จ อายตํ, ติริยฺจ วิตฺถตํ, อุจฺจา จ นิเสวิตํ. โย โหติ กุสโล นาควนิโก เนว ตาว นิฏฺํ คจฺฉติ – ‘มหา วต, โภ, นาโค’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สนฺติ หิ, พฺราหฺมณ, นาควเน อุจฺจา กาฬาริกา นาม หตฺถินิโย มหาปทา, ตาสํ เปตํ ปทํ อสฺสาติ.
‘‘โส ¶ ตมนุคจฺฉติ. ตมนุคจฺฉนฺโต ปสฺสติ นาควเน ¶ มหนฺตํ หตฺถิปทํ, ทีฆโต จ อายตํ, ติริยฺจ วิตฺถตํ, อุจฺจา จ นิเสวิตํ, อุจฺจา จ ทนฺเตหิ อารฺชิตานิ. โย โหติ กุสโล นาควนิโก เนว ตาว นิฏฺํ คจฺฉติ – ‘มหา วต, โภ, นาโค’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สนฺติ หิ, พฺราหฺมณ, นาควเน อุจฺจา กเณรุกา นาม หตฺถินิโย มหาปทา, ตาสํ เปตํ ปทํ อสฺสาติ.
‘‘โส ตมนุคจฺฉติ. ตมนุคจฺฉนฺโต ปสฺสติ นาควเน มหนฺตํ หตฺถิปทํ, ทีฆโต จ อายตํ, ติริยฺจ วิตฺถตํ, อุจฺจา จ นิเสวิตํ, อุจฺจา จ ทนฺเตหิ อารฺชิตานิ, อุจฺจา จ สาขาภงฺคํ. ตฺจ นาคํ ปสฺสติ รุกฺขมูลคตํ วา อพฺโภกาสคตํ วา คจฺฉนฺตํ วา ติฏฺนฺตํ วา นิสินฺนํ วา นิปนฺนํ วา. โส นิฏฺํ คจฺฉติ – ‘อยเมว โส มหานาโค’ติ.
‘‘เอวเมว โข ¶ , พฺราหฺมณ, อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ; เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. ตํ ธมฺมํ สุณาติ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อฺตรสฺมึ วา กุเล ปจฺจาชาโต. โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภติ. โส เตน สทฺธาปฏิลาเภน สมนฺนาคโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รโชปโถ ¶ , อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. นยิทํ สุกรํ อคารํ ¶ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส อปเรน สมเยน อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อปฺปํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย มหนฺตํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ.
๒๙๒. ‘‘โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, นิหิตทณฺโฑ ¶ นิหิตสตฺโถ ลชฺชี ทยาปนฺโน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติ.
‘‘อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ ทินฺนาทายี ทินฺนปาฏิกงฺขี. อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหรติ.
‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี โหติ อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา.
‘‘มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ สจฺจวาที สจฺจสนฺโธ เถโต [เโต (สฺยา. กํ.)] ปจฺจยิโก อวิสํวาทโก โลกสฺส.
‘‘ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, อิโต สุตฺวา น อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, อมุตฺร วา สุตฺวา น อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทาย. อิติ ภินฺนานํ วา สนฺธาตา สหิตานํ วา อนุปฺปทาตา, สมคฺคาราโม สมคฺครโต สมคฺคนนฺที สมคฺคกรณึ วาจํ ภาสิตา โหติ ¶ .
‘‘ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ. ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ¶ ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติ.
‘‘สมฺผปฺปลาปํ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที, นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวตึ อตฺถสํหิตํ.
๒๙๓. ‘‘โส ¶ พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรโต โหติ, เอกภตฺติโก โหติ รตฺตูปรโต, วิรโต วิกาลโภชนา, นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต โหติ, มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ, อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฏิวิรโต โหติ, ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, อามกธฺปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, อามกมํสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, อิตฺถิกุมาริกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, ทาสิทาสปฏิคฺคหณา ¶ ปฏิวิรโต โหติ, อเชฬกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, กุกฺกุฏสูกรปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, หตฺถิควาสฺสวฬวาปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, เขตฺตวตฺถุปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคา ปฏิวิรโต โหติ, กยวิกฺกยา ปฏิวิรโต โหติ, ตุลากูฏกํสกูฏมานกูฏา ปฏิวิรโต โหติ, อุกฺโกฏนวฺจนนิกติสาจิโยคา ปฏิวิรโต โหติ, เฉทนวธพนฺธนวิปราโมสอาโลปสหสาการา [สาหสาการา (ก.)] ปฏิวิรโต โหติ [อิมสฺส อนนฺตรํ ‘‘โส อิมินา อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อนวชฺชสุขํ ปฏิสํเวเทตี’’ติ วจนํ ทีฆนิกาเย อาคตํ, ตํ อิธ สนฺโตสกถาวสาเน อาคตํ, สา จ สนฺโตสกถา ตตฺถ สติสมฺปชฺานนฺตรเมว อาคตา].
๒๙๔. ‘‘โส สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน. โส เยน เยเนว ¶ ปกฺกมติ สมาทาเยว ปกฺกมติ. เสยฺยถาปิ นาม ปกฺขี สกุโณ เยน เยเนว เฑติ สปตฺตภาโรว เฑติ, เอวเมว ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน. โส เยน เยเนว ปกฺกมติ สมาทาเยว ปกฺกมติ. โส อิมินา อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อนวชฺชสุขํ ปฏิสํเวเทติ.
๒๙๕. ‘‘โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ ¶ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โส อิมินา อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อพฺยาเสกสุขํ ปฏิสํเวเทติ.
‘‘โส อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหติ, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี โหติ ¶ , สมิฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี โหติ, สํฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ¶ ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี โหติ, อุจฺจารปสฺสาวกมฺเม สมฺปชานการี โหติ, คเต ิเต นิสินฺเน สุตฺเต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว ¶ สมฺปชานการี โหติ.
๒๙๖. ‘‘โส อิมินา จ อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต, (อิมาย จ อริยาย สนฺตุฏฺิยา สมนฺนาคโต) [( ) เอตฺถนฺตเร ปาโ อิธ นทิสฺสติ, จตุกฺกงฺคุตฺตเร ปน อิมสฺมึ าเน ทิสฺสติ, อฏฺกถาฏีกาสุ จ ตทตฺโถ ปกาสิโต. ตสฺมา โส เอตฺถ ปฏีปูริโต] อิมินา จ อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต, อิมินา จ อริเยน สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปฺุชํ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา, อุชุํ กายํ ปณิธาย, ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ. พฺยาปาทปฺปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต วิหรติ, สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี พฺยาปาทปฺปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ. ถินมิทฺธํ ปหาย วิคตถินมิทฺโธ วิหรติ อาโลกสฺี สโต สมฺปชาโน, ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ. อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ, อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ. วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติ.
๒๙๗. ‘‘โส อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ, วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทมฺปิ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ตถาคตปทํ อิติปิ, ตถาคตนิเสวิตํ อิติปิ, ตถาคตารฺชิตํ อิติปิ. น ตฺเวว ตาว อริยสาวโก นิฏฺํ คจฺฉติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทมฺปิ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ…เป… ¶ สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ¶ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทมฺปิ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ…เป… สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา, อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทมฺปิ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ตถาคตปทํ อิติปิ, ตถาคตนิเสวิตํ อิติปิ, ตถาคตารฺชิตํ อิติปิ. น ตฺเวว ตาว อริยสาวโก นิฏฺํ คจฺฉติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๒๙๘. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ, ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. อิทมฺปิ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ตถาคตปทํ อิติปิ, ตถาคตนิเสวิตํ อิติปิ, ตถาคตารฺชิตํ อิติปิ. น ตฺเวว ตาว อริยสาวโก นิฏฺํ คจฺฉติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
‘‘โส ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา ¶ วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ. อิทมฺปิ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ตถาคตปทํ อิติปิ, ตถาคตนิเสวิตํ อิติปิ, ตถาคตารฺชิตํ อิติปิ. น ตฺเวว ตาว อริยสาวโก นิฏฺํ คจฺฉติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๒๙๙. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย ¶ จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อิเม อาสวา’ติ ¶ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทมฺปิ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ตถาคตปทํ อิติปิ, ตถาคตนิเสวิตํ อิติปิ, ตถาคตารฺชิตํ อิติปิ. น ตฺเวว ตาว อริยสาวโก นิฏฺํ คโต โหติ, อปิ จ โข นิฏฺํ คจฺฉติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
‘‘ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ ¶ , ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ¶ ปชานาติ. อิทมฺปิ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ตถาคตปทํ อิติปิ, ตถาคตนิเสวิตํ อิติปิ, ตถาคตารฺชิตํ อิติปิ. เอตฺตาวตา โข, พฺราหฺมณ, อริยสาวโก นิฏฺํ คโต โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ. เอตฺตาวตา โข, พฺราหฺมณ, หตฺถิปโทปโม วิตฺถาเรน ปริปูโร โหตี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมฺจ, ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
จูฬหตฺถิปโทปมสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.
๘. มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตํ
๓๐๐. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ยานิ กานิจิ ชงฺคลานํ ปาณานํ ปทชาตานิ สพฺพานิ ตานิ หตฺถิปเท สโมธานํ คจฺฉนฺติ, หตฺถิปทํ เตสํ อคฺคมกฺขายติ ยทิทํ มหนฺตตฺเตน; เอวเมว โข, อาวุโส, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา สพฺเพเต จตูสุ อริยสจฺเจสุ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. กตเมสุ จตูสุ? ทุกฺเข อริยสจฺเจ ¶ , ทุกฺขสมุทเย อริยสจฺเจ, ทุกฺขนิโรเธ อริยสจฺเจ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย อริยสจฺเจ’’.
๓๐๑. ‘‘กตมฺจาวุโส, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ? ชาติปิ ทุกฺขา, ชราปิ ทุกฺขา, มรณมฺปิ ทุกฺขํ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาปิ ทุกฺขา, ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ; สํขิตฺเตน, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา. กตเม จาวุโส, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา? เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขนฺโธ, เวทนุปาทานกฺขนฺโธ, สฺุปาทานกฺขนฺโธ, สงฺขารุปาทานกฺขนฺโธ, วิฺาณุปาทานกฺขนฺโธ.
‘‘กตโม จาวุโส, รูปุปาทานกฺขนฺโธ? จตฺตาริ จ มหาภูตานิ, จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทาย รูปํ.
‘‘กตมา จาวุโส, จตฺตาโร มหาภูตา? ปถวีธาตุ, อาโปธาตุ ¶ , เตโชธาตุ, วาโยธาตุ.
๓๐๒. ‘‘กตมา จาวุโส, ปถวีธาตุ? ปถวีธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา. กตมา จาวุโส, อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ กกฺขฬํ ขริคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ – เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ มํสํ นฺหารุ อฏฺิ อฏฺิมิฺชํ วกฺกํ หทยํ ยกนํ กิโลมกํ ปิหกํ ปปฺผาสํ อนฺตํ อนฺตคุณํ อุทริยํ กรีสํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ อชฺฌตฺตํ ¶ ปจฺจตฺตํ กกฺขฬํ ขริคตํ อุปาทินฺนํ. อยํ วุจฺจตาวุโส, อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ, ยา จ พาหิรา ปถวีธาตุ, ปถวีธาตุเรเวสา. ‘ตํ เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพํ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา ปถวีธาตุยา นิพฺพินฺทติ, ปถวีธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ.
‘‘โหติ ¶ โข โส, อาวุโส, สมโย ยํ พาหิรา อาโปธาตุ ปกุปฺปติ [ปถวีธาตุ ปกุปฺปติ (ก.)]. อนฺตรหิตา ตสฺมึ สมเย พาหิรา ปถวีธาตุ โหติ. ตสฺสา หิ นาม, อาวุโส, พาหิราย ปถวีธาตุยา ตาว มหลฺลิกาย อนิจฺจตา ปฺายิสฺสติ, ขยธมฺมตา ปฺายิสฺสติ, วยธมฺมตา ปฺายิสฺสติ, วิปริณามธมฺมตา ปฺายิสฺสติ. กึ ปนิมสฺส มตฺตฏฺกสฺส กายสฺส ตณฺหุปาทินฺนสฺส ‘อหนฺติ วา มมนฺติ วา อสฺมี’ติ วา? อถ ขฺวาสฺส โนเตเวตฺถ โหติ.
‘‘ตฺเจ, อาวุโส, ภิกฺขุํ ปเร อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรเสนฺติ วิเหเสนฺติ, โส เอวํ ปชานาติ – ‘อุปฺปนฺนา โข เม อยํ โสตสมฺผสฺสชา ทุกฺขเวทนา ¶ . สา จ โข ปฏิจฺจ, โน อปฏิจฺจ. กึ ปฏิจฺจ? ผสฺสํ ¶ ปฏิจฺจ’. โส [โสปิโข (สฺยา.), โสปิ (ก.)] ผสฺโส อนิจฺโจติ ปสฺสติ, เวทนา อนิจฺจาติ ปสฺสติ, สฺา อนิจฺจาติ ปสฺสติ, สงฺขารา อนิจฺจาติ ปสฺสติ, วิฺาณํ อนิจฺจนฺติ ปสฺสติ. ตสฺส ธาตารมฺมณเมว จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ อธิมุจฺจติ.
‘‘ตฺเจ, อาวุโส, ภิกฺขุํ ปเร อนิฏฺเหิ อกนฺเตหิ อมนาเปหิ สมุทาจรนฺติ – ปาณิสมฺผสฺเสนปิ เลฑฺฑุสมฺผสฺเสนปิ ทณฺฑสมฺผสฺเสนปิ สตฺถสมฺผสฺเสนปิ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘ตถาภูโต โข อยํ กาโย ยถาภูตสฺมึ กาเย ปาณิสมฺผสฺสาปิ กมนฺติ, เลฑฺฑุสมฺผสฺสาปิ กมนฺติ, ทณฺฑสมฺผสฺสาปิ กมนฺติ, สตฺถสมฺผสฺสาปิ กมนฺติ. วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตา กกจูปโมวาเท – ‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกนฺเตยฺยุํ, ตตฺราปิ โย มโน ปทูเสยฺย น เม โส เตน สาสนกโร’’ติ. อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ ภวิสฺสติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคํ. กามํ ทานิ อิมสฺมึ กาเย ปาณิสมฺผสฺสาปิ กมนฺตุ, เลฑฺฑุสมฺผสฺสาปิ กมนฺตุ, ทณฺฑสมฺผสฺสาปิ กมนฺตุ, สตฺถสมฺผสฺสาปิ กมนฺตุ, กรียติ หิทํ พุทฺธานํ สาสน’นฺติ.
‘‘ตสฺส เจ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เอวํ พุทฺธํ อนุสฺสรโต เอวํ ธมฺมํ อนุสฺสรโต เอวํ สงฺฆํ ¶ อนุสฺสรโต อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา น สณฺาติ. โส เตน ¶ สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ – ‘อลาภา วต เม, น วต ¶ เม ลาภา, ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ, ยสฺส เม เอวํ พุทฺธํ อนุสฺสรโต, เอวํ ธมฺมํ อนุสฺสรโต, เอวํ สงฺฆํ อนุสฺสรโต, อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา น สณฺาตี’ติ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, สุณิสา สสุรํ ทิสฺวา สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ; เอวเมว โข, อาวุโส, ตสฺส เจ ภิกฺขุโน เอวํ พุทฺธํ อนุสฺสรโต, เอวํ ธมฺมํ อนุสฺสรโต, เอวํ สงฺฆํ อนุสฺสรโต, อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา น สณฺาติ, โส เตน สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ – ‘อลาภา วต เม น วต เม ลาภา, ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ, ยสฺส เม เอวํ พุทฺธํ อนุสฺสรโต เอวํ ธมฺมํ อนุสฺสรโต, เอวํ สงฺฆํ อนุสฺสรโต, อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา น สณฺาตี’ติ. ตสฺส เจ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เอวํ พุทฺธํ อนุสฺสรโต, เอวํ ธมฺมํ อนุสฺสรโต, เอวํ สงฺฆํ อนุสฺสรโต อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา สณฺาติ, โส เตน อตฺตมโน ¶ โหติ. เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน พหุกตํ โหติ.
๓๐๓. ‘‘กตมา จาวุโส, อาโปธาตุ? อาโปธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา. กตมา จาวุโส อชฺฌตฺติกา อาโปธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อาโป อาโปคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ – ปิตฺตํ เสมฺหํ ปุพฺโพ โลหิตํ เสโท เมโท อสฺสุ วสา เขโฬ สิงฺฆาณิกา ลสิกา มุตฺตํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อาโป อาโปคตํ อุปาทินฺนํ – อยํ วุจฺจตาวุโส, อชฺฌตฺติกา อาโปธาตุ. ยา ¶ เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา อาโปธาตุ ยา จ พาหิรา อาโปธาตุ, อาโปธาตุเรเวสา. ‘ตํ เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพํ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา อาโปธาตุยา นิพฺพินฺทติ, อาโปธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ.
‘‘โหติ โข โส, อาวุโส, สมโย ยํ พาหิรา อาโปธาตุ ปกุปฺปติ. สา คามมฺปิ วหติ, นิคมมฺปิ วหติ, นครมฺปิ วหติ, ชนปทมฺปิ วหติ, ชนปทปเทสมฺปิ วหติ. โหติ โข โส, อาวุโส, สมโย ยํ มหาสมุทฺเท โยชนสติกานิปิ อุทกานิ โอคจฺฉนฺติ, ทฺวิโยชนสติกานิปิ อุทกานิ โอคจฺฉนฺติ, ติโยชนสติกานิปิ อุทกานิ โอคจฺฉนฺติ, จตุโยชนสติกานิปิ อุทกานิ โอคจฺฉนฺติ, ปฺจโยชนสติกานิปิ อุทกานิ โอคจฺฉนฺติ, ฉโยชนสติกานิปิ อุทกานิ โอคจฺฉนฺติ, สตฺตโยชนสติกานิปิ อุทกานิ โอคจฺฉนฺติ. โหติ โข โส, อาวุโส, สมโย ยํ มหาสมุทฺเท ¶ สตฺตตาลมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, ฉตฺตาลมฺปิ อุทกํ ¶ สณฺาติ, ปฺจตาลมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, จตุตฺตาลมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, ติตาลมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, ทฺวิตาลมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, ตาลมตฺตมฺปิ [ตาลํปิ (สี.)] อุทกํ สณฺาติ. โหติ โข โส, อาวุโส, สมโย ยํ มหาสมุทฺเท สตฺตโปริสมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, ฉปฺโปริสมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, ปฺจโปริสมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, จตุปฺโปริสมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, ติโปริสมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, ทฺวิโปริสมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, โปริสมตฺตมฺปิ [โปริสํปิ (สี.)] อุทกํ สณฺาติ. โหติ โข โส, อาวุโส, สมโย ยํ มหาสมุทฺเท ¶ อฑฺฒโปริสมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, กฏิมตฺตมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, ชาณุกมตฺตมฺปิ อุทกํ สณฺาติ, โคปฺผกมตฺตมฺปิ อุทกํ สณฺาติ. โหติ โข โส, อาวุโส, สมโย, ยํ มหาสมุทฺเท องฺคุลิปพฺพเตมนมตฺตมฺปิ อุทกํ น โหติ. ตสฺสา หิ นาม, อาวุโส, พาหิราย อาโปธาตุยา ตาว มหลฺลิกาย อนิจฺจตา ¶ ปฺายิสฺสติ, ขยธมฺมตา ปฺายิสฺสติ, วยธมฺมตา ปฺายิสฺสติ, วิปริณามธมฺมตา ปฺายิสฺสติ. กึ ปนิมสฺส มตฺตฏฺกสฺส กายสฺส ตณฺหุปาทินฺนสฺส ‘อหนฺติ วา มมนฺติ วา อสฺมีติ’ วา? อถ ขฺวาสฺส โนเตเวตฺถ โหติ…เป… ตสฺส เจ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เอวํ พุทฺธํ อนุสฺสรโต, เอวํ ธมฺมํ อนุสฺสรโต, เอวํ สงฺฆํ อนุสฺสรโต อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา สณฺาติ. โส เตน อตฺตมโน โหติ. เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน พหุกตํ โหติ.
๓๐๔. ‘‘กตมา จาวุโส, เตโชธาตุ? เตโชธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา. กตมา จาวุโส, อชฺฌตฺติกา เตโชธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ เตโช เตโชคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ – เยน จ สนฺตปฺปติ, เยน จ ชีรียติ, เยน จ ปริฑยฺหติ, เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉติ, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ เตโช เตโชคตํ อุปาทินฺนํ – อยํ วุจฺจตาวุโส, อชฺฌตฺติกา เตโชธาตุ. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา เตโชธาตุ ยา จ พาหิรา เตโชธาตุ, เตโชธาตุเรเวสา. ‘ตํ เนตํ มม ¶ , เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพํ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา เตโชธาตุยา นิพฺพินฺทติ, เตโชธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ.
‘‘โหติ ¶ โข โส, อาวุโส, สมโย ยํ พาหิรา เตโชธาตุ ปกุปฺปติ. สา คามมฺปิ ทหติ, นิคมมฺปิ ทหติ, นครมฺปิ ทหติ, ชนปทมฺปิ ทหติ, ชนปทปเทสมฺปิ ทหติ. สา หริตนฺตํ วา ปนฺถนฺตํ วา เสลนฺตํ วา อุทกนฺตํ วา รมณียํ วา ภูมิภาคํ อาคมฺม อนาหารา นิพฺพายติ. โหติ โข โส, อาวุโส, สมโย ยํ กุกฺกุฏปตฺเตนปิ นฺหารุททฺทุเลนปิ อคฺคึ คเวสนฺติ ¶ . ตสฺสา หิ นาม, อาวุโส, พาหิราย เตโชธาตุยา ตาว มหลฺลิกาย อนิจฺจตา ปฺายิสฺสติ, ขยธมฺมตา ปฺายิสฺสติ, วยธมฺมตา ปฺายิสฺสติ, วิปริณามธมฺมตา ปฺายิสฺสติ. กึ ปนิมสฺส มตฺตฏฺกสฺส กายสฺส ตณฺหุปาทินฺนสฺส ‘อหนฺติ วา มมนฺติ วา อสฺมี’ติ วา? อถ ขฺวาสฺส โนเตเวตฺถ โหติ…เป… ตสฺส เจ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เอวํ พุทฺธํ อนุสฺสรโต เอวํ ธมฺมํ อนุสฺสรโต เอวํ สงฺฆํ อนุสฺสรโต อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา สณฺาติ, โส เตน อตฺตมโน โหติ. เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน พหุกตํ โหติ.
๓๐๕. ‘‘กตมา จาวุโส, วาโยธาตุ? วาโยธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา. กตมา จาวุโส, อชฺฌตฺติกา วาโยธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ วาโย วาโยคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ – อุทฺธงฺคมา วาตา, อโธคมา วาตา, กุจฺฉิสยา วาตา, โกฏฺาสยา [โกฏฺสยา (สี. ปี.)] วาตา, องฺคมงฺคานุสาริโน ¶ วาตา, อสฺสาโส ปสฺสาโส อิติ, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ วาโย วาโยคตํ อุปาทินฺนํ – อยํ วุจฺจตาวุโส, อชฺฌตฺติกา วาโยธาตุ. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา วาโยธาตุ, ยา จ พาหิรา วาโยธาตุ, วาโยธาตุเรเวสา. ‘ตํ เนตํ มม เนโสหมสฺมิ น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพํ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา วาโยธาตุยา นิพฺพินฺทติ วาโยธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ.
‘‘โหติ ¶ โข โส, อาวุโส, สมโย ยํ พาหิรา วาโยธาตุ ปกุปฺปติ. สา คามมฺปิ วหติ, นิคมมฺปิ วหติ, นครมฺปิ วหติ, ชนปทมฺปิ วหติ, ชนปทปเทสมฺปิ วหติ. โหติ โข โส, อาวุโส, สมโย ยํ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ตาลวณฺเฏนปิ วิธูปเนนปิ วาตํ ปริเยสนฺติ, โอสฺสวเนปิ ¶ ติณานิ น อิจฺฉนฺติ. ตสฺสา หิ นาม, อาวุโส, พาหิราย วาโยธาตุยา ตาว มหลฺลิกาย อนิจฺจตา ปฺายิสฺสติ, ขยธมฺมตา ปฺายิสฺสติ, วยธมฺมตา ปฺายิสฺสติ, วิปริณามธมฺมตา ปฺายิสฺสติ. กึ ปนิมสฺส มตฺตฏฺกสฺส กายสฺส ตณฺหุปาทินฺนสฺส ‘อหนฺติ วา มมนฺติ วา อสฺมี’ติ วา? อถ ขฺวาสฺส โนเตเวตฺถ โหติ.
‘‘ตฺเจ, อาวุโส, ภิกฺขุํ ปเร อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรเสนฺติ วิเหเสนฺติ. โส เอวํ ปชานาติ, อุปฺปนฺนา โข เม อยํ โสตสมฺผสฺสชา ทุกฺขา เวทนา. สา จ โข ปฏิจฺจ, โน อปฏิจฺจ. กึ ปฏิจฺจ? ผสฺสํ ปฏิจฺจ. โสปิ ผสฺโส อนิจฺโจติ ปสฺสติ, เวทนา อนิจฺจาติ ¶ ปสฺสติ ¶ , สฺา อนิจฺจาติ ปสฺสติ, สงฺขารา อนิจฺจาติ ปสฺสติ, วิฺาณํ อนิจฺจนฺติ ปสฺสติ. ตสฺส ธาตารมฺมณเมว จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ อธิมุจฺจติ.
‘‘ตฺเจ, อาวุโส, ภิกฺขุํ ปเร อนิฏฺเหิ อกนฺเตหิ อมนาเปหิ สมุทาจรนฺติ, ปาณิสมฺผสฺเสนปิ เลฑฺฑุสมฺผสฺเสนปิ ทณฺฑสมฺผสฺเสนปิ สตฺถสมฺผสฺเสนปิ. โส เอวํ ปชานาติ ‘ตถาภูโต โข อยํ กาโย ยถาภูตสฺมึ กาเย ปาณิสมฺผสฺสาปิ กมนฺติ, เลฑฺฑุสมฺผสฺสาปิ กมนฺติ, ทณฺฑสมฺผสฺสาปิ กมนฺติ, สตฺถสมฺผสฺสาปิ กมนฺติ. วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตา กกจูปโมวาเท ‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกนฺเตยฺยุํ. ตตฺราปิ โย มโน ปทูเสยฺย, น เม โส เตน สาสนกโร’’ติ. อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ ภวิสฺสติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคํ. กามํ ทานิ อิมสฺมึ กาเย ปาณิสมฺผสฺสาปิ กมนฺตุ, เลฑฺฑุสมฺผสฺสาปิ กมนฺตุ, ทณฺฑสมฺผสฺสาปิ กมนฺตุ, สตฺถสมฺผสฺสาปิ กมนฺตุ. กรียติ หิทํ พุทฺธานํ สาสน’นฺติ.
‘‘ตสฺส เจ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เอวํ พุทฺธํ อนุสฺสรโต, เอวํ ธมฺมํ อนุสฺสรโต, เอวํ สงฺฆํ อนุสฺสรโต อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา น สณฺาติ. โส เตน สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ – ‘อลาภา วต เม, น วต เม ลาภา, ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ. ยสฺส เม เอวํ พุทฺธํ ¶ อนุสฺสรโต, เอวํ ธมฺมํ อนุสฺสรโต, เอวํ สงฺฆํ อนุสฺสรโต อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา ¶ น สณฺาตี’ติ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, สุณิสา สสุรํ ทิสฺวา สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ; เอวเมว โข, อาวุโส, ตสฺส เจ ¶ ภิกฺขุโน เอวํ พุทฺธํ อนุสฺสรโต, เอวํ ธมฺมํ อนุสฺสรโต, เอวํ สงฺฆํ อนุสฺสรโต, อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา น สณฺาติ. โส เตน สํวิชฺชติ สํเวคํ อาปชฺชติ – ‘อลาภา วต เม, น วต เม ลาภา, ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ. ยสฺส เม เอวํ พุทฺธํ อนุสฺสรโต, เอวํ ธมฺมํ อนุสฺสรโต, เอวํ สงฺฆํ อนุสฺสรโต, อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา น สณฺาตี’ติ. ตสฺส เจ, อาวุโส, ภิกฺขุโน เอวํ พุทฺธํ อนุสฺสรโต, เอวํ ธมฺมํ อนุสฺสรโต, เอวํ สงฺฆํ อนุสฺสรโต, อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา สณฺาติ, โส เตน อตฺตมโน โหติ. เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน พหุกตํ โหติ.
๓๐๖. ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, กฏฺฺจ ปฏิจฺจ วลฺลิฺจ ปฏิจฺจ ติณฺจ ปฏิจฺจ มตฺติกฺจ ปฏิจฺจ อากาโส ปริวาริโต อคารํ ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ; เอวเมว โข, อาวุโส, อฏฺิฺจ ¶ ปฏิจฺจ นฺหารฺุจ ปฏิจฺจ มํสฺจ ปฏิจฺจ จมฺมฺจ ปฏิจฺจ อากาโส ปริวาริโต รูปํ ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. อชฺฌตฺติกฺเจว, อาวุโส, จกฺขุํ อปริภินฺนํ โหติ, พาหิรา จ รูปา น อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, โน จ ตชฺโช สมนฺนาหาโร โหติ, เนว ตาว ตชฺชสฺส วิฺาณภาคสฺส ปาตุภาโว โหติ. อชฺฌตฺติกฺเจว [อชฺฌตฺติกฺเจ (สี. สฺยา. ปี.), อชฺฌตฺติกฺเจปิ (?)], อาวุโส, จกฺขุํ อปริภินฺนํ โหติ พาหิรา จ รูปา อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, โน จ ตชฺโช สมนฺนาหาโร โหติ, เนว ¶ ตาว ตชฺชสฺส วิฺาณภาคสฺส ปาตุภาโว โหติ. ยโต จ โข, อาวุโส, อชฺฌตฺติกฺเจว จกฺขุํ อปริภินฺนํ โหติ, พาหิรา จ รูปา อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, ตชฺโช จ สมนฺนาหาโร โหติ. เอวํ ตชฺชสฺส วิฺาณภาคสฺส ปาตุภาโว โหติ. ยํ ตถาภูตสฺส รูปํ ตํ รูปุปาทานกฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉติ, ยา ตถาภูตสฺส เวทนา สา เวทนุปาทานกฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉติ, ยา ตถาภูตสฺส สฺา สา สฺุปาทานกฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉติ, เย ตถาภูตสฺส สงฺขารา เต สงฺขารุปาทานกฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, ยํ ตถาภูตสฺส วิฺาณํ ตํ วิฺาณุปาทานกฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉติ.
‘‘โส เอวํ ปชานาติ – ‘เอวฺหิ กิร อิเมสํ ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ สงฺคโห สนฺนิปาโต สมวาโย โหติ. วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตา – ‘โย ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปสฺสติ ¶ โส ธมฺมํ ปสฺสติ; โย ธมฺมํ ปสฺสติ โส ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปสฺสตีติ. ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา โข ปนิเม ยทิทํ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. โย อิเมสุ ปฺจสุ ¶ อุปาทานกฺขนฺเธสุ ฉนฺโท อาลโย อนุนโย อชฺโฌสานํ โส ทุกฺขสมุทโย. โย อิเมสุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ, โส ทุกฺขนิโรโธ’ติ. เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน พหุกตํ โหติ.
‘‘อชฺฌตฺติกฺเจว, อาวุโส, โสตํ อปริภินฺนํ โหติ…เป… ฆานํ อปริภินฺนํ โหติ… ชิวฺหา อปริภินฺนา โหติ… กาโย อปริภินฺโน โหติ… มโน อปริภินฺโน โหติ, พาหิรา จ ธมฺมา น อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ ¶ โน จ ตชฺโช สมนฺนาหาโร โหติ, เนว ตาว ตชฺชสฺส วิฺาณภาคสฺส ปาตุภาโว โหติ. อชฺฌตฺติโก เจว, อาวุโส, มโน อปริภินฺโน โหติ, พาหิรา จ ธมฺมา อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, โน จ ตชฺโช สมนฺนาหาโร โหติ, เนว ตาว ตชฺชสฺส วิฺาณภาคสฺส ปาตุภาโว โหติ. ยโต จ โข, อาวุโส, อชฺฌตฺติโก เจว มโน อปริภินฺโน โหติ, พาหิรา จ ธมฺมา อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, ตชฺโช จ สมนฺนาหาโร โหติ, เอวํ ตชฺชสฺส วิฺาณภาคสฺส ปาตุภาโว โหติ. ยํ ตถาภูตสฺส รูปํ ตํ รูปุปาทานกฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉติ, ยา ตถาภูตสฺส เวทนา สา เวทนุปาทานกฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉติ, ยา ตถาภูตสฺส สฺา ¶ สา สฺุปาทานกฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉติ, เย ตถาภูตสฺส สงฺขารา เต สงฺขารุปาทานกฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, ยํ ตถาภูตสฺส วิฺาณํ ตํ วิฺาณุปาทานกฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉติ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘เอวฺหิ กิร อิเมสํ ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ สงฺคโห สนฺนิปาโต สมวาโย โหติ. วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตา – ‘‘โย ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปสฺสติ โส ธมฺมํ ปสฺสติ; โย ธมฺมํ ปสฺสติ โส ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปสฺสตี’’ติ. ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา โข ปนิเม ยทิทํ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. โย อิเมสุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ ฉนฺโท อาลโย อนุนโย อชฺโฌสานํ โส ทุกฺขสมุทโย. โย อิเมสุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ โส ทุกฺขนิโรโธ’ติ. เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, ภิกฺขุโน พหุกตํ โหตี’’ติ.
อิทมโวจ ¶ อายสฺมา สาริปุตฺโต. อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.
๙. มหาสาโรปมสุตฺตํ
๓๐๗. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต อจิรปกฺกนฺเต เทวทตฺเต. ตตฺร โข ภควา เทวทตฺตํ อารพฺภ ภิกฺขู อามนฺเตสิ –
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตานุกฺกํเสติ ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ ลาภสกฺการสิโลกวา [ลาภี สิโลกวา (สี. ปี.), ลาภี สกฺการ สิโลกวา (สฺยา.)], อิเม ปนฺเ ภิกฺขู อปฺปฺาตา อปฺเปสกฺขา’ติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ อติกฺกมฺม ปปฏิกํ, สาขาปลาสํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘น วตายํ ภวํ ปุริโส อฺาสิ ¶ สารํ, น อฺาสิ เผคฺคุํ, น อฺาสิ ตจํ, น อฺาสิ ปปฏิกํ, น อฺาสิ สาขาปลาสํ. ตถา หยํ [ตถาปายํ (ก.)] ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ อติกฺกมฺม ปปฏิกํ, สาขาปลาสํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสตี’ติ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต ¶ , อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต ¶ สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ ¶ ‘อหมสฺมิ ลาภสกฺการสิโลกวา, อิเม ปนฺเ ภิกฺขู อปฺปฺาตา อปฺเปสกฺขา’ติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สาขาปลาสํ อคฺคเหสิ พฺรหฺมจริยสฺส; เตน จ โวสานํ อาปาทิ.
๓๐๘. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ¶ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ. อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ สีลวา กลฺยาณธมฺโม, อิเม ปนฺเ ภิกฺขู ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา’ติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ, ปปฏิกํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘น วตายํ ภวํ ปุริโส อฺาสิ สารํ, น อฺาสิ เผคฺคุํ, น อฺาสิ ตจํ, น อฺาสิ ปปฏิกํ, น อฺาสิ สาขาปลาสํ. ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ ¶ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ¶ ตจํ, ปปฏิกํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มฺมาโน; ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสตี’ติ.
‘‘เอวเมว ¶ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ. อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ สีลวา กลฺยาณธมฺโม, อิเม ปนฺเ ภิกฺขู ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา’ติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติ. อยํ ¶ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปปฏิกํ อคฺคเหสิ พฺรหฺมจริยสฺส; เตน จ โวสานํ อาปาทิ.
๓๐๙. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ¶ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ. อปฺปมตฺโต สมาโน สมาธิสมฺปทํ อาราเธติ ¶ . โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต, อิเม ปนฺเ ภิกฺขู อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา’ติ. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติ.
‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขเว, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ ตจํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย ‘น วตายํ ภวํ ปุริโส อฺาสิ สารํ ¶ , น อฺาสิ เผคฺคุํ, น อฺาสิ ตจํ, น อฺาสิ ปปฏิกํ, น อฺาสิ สาขาปลาสํ. ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ ตจํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสตี’ติ.
‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สมาธิสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ ¶ สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต, อิเม ปนฺเ ภิกฺขู อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา’ติ. โส ตาย ¶ สมาธิสมฺปทาย มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติ. อยํ วุจฺจติ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตจํ อคฺคเหสิ พฺรหฺมจริยสฺส; เตน จ โวสานํ อาปาทิ.
๓๑๐. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส ¶ อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ. อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สมาธิสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ ¶ น ปมาทํ อาปชฺชติ อปฺปมตฺโต สมาโน าณทสฺสนํ อาราเธติ. โส เตน าณทสฺสเนน อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน าณทสฺสเนน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ ชานํ ปสฺสํ วิหรามิ. อิเม ปนฺเ ภิกฺขู อชานํ อปสฺสํ วิหรนฺตี’ติ. โส เตน าณทสฺสเนน มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ เผคฺคุํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘น วตายํ ภวํ ปุริโส อฺาสิ สารํ น อฺาสิ เผคฺคุํ น อฺาสิ ตจํ น อฺาสิ ปปฏิกํ น อฺาสิ สาขาปลาสํ. ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ¶ ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ เผคฺคุํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสตี’ติ. เอวเมว ¶ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน ¶ น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส ¶ เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สมาธิสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน าณทสฺสนํ อาราเธติ. โส เตน าณทสฺสเนน อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน าณทสฺสเนน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ ชานํ ปสฺสํ วิหรามิ, อิเม ปนฺเ ภิกฺขู อชานํ อปสฺสํ วิหรนฺตี’ติ. โส เตน าณทสฺสเนน มชฺชติ ปมชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติ, ปมตฺโต สมาโน ทุกฺขํ วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เผคฺคุํ อคฺคเหสิ พฺรหฺมจริยสฺส; เตน จ โวสานํ อาปาทิ.
๓๑๑. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ¶ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ ¶ , น ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สมาธิสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน าณทสฺสนํ อาราเธติ. โส เตน าณทสฺสเนน อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน าณทสฺสเนน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส เตน าณทสฺสเนน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน อสมยวิโมกฺขํ ¶ อาราเธติ. อฏฺานเมตํ [อฏฺานํ โข ปเนตํ (ก.)], ภิกฺขเว, อนวกาโส ยํ โส ภิกฺขุ ตาย อสมยวิมุตฺติยา ปริหาเยถ.
‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขเว, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต สารฺเว เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ ชานมาโน. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘อฺาสิ วตายํ ภวํ ปุริโส สารํ, อฺาสิ เผคฺคุํ, อฺาสิ ตจํ, อฺาสิ ปปฏิกํ, อฺาสิ สาขาปลาสํ. ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต ¶ รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต สารฺเว เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ ชานมาโน. ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ อนุภวิสฺสตี’ติ.
‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส ¶ เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ, น ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สีลสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ ¶ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน สมาธิสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน าณทสฺสนํ อาราเธติ. โส เตน าณทสฺสเนน อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน าณทสฺสเนน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. โส เตน าณทสฺสเนน น มชฺชติ นปฺปมชฺชติ น ปมาทํ อาปชฺชติ, อปฺปมตฺโต สมาโน อสมยวิโมกฺขํ ¶ อาราเธติ. อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส ยํ โส ภิกฺขุ ตาย อสมยวิมุตฺติยา ปริหาเยถ.
‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, นยิทํ พฺรหฺมจริยํ ลาภสกฺการสิโลกานิสํสํ, น สีลสมฺปทานิสํสํ, น สมาธิสมฺปทานิสํสํ, น าณทสฺสนานิสํสํ. ยา จ โข อยํ, ภิกฺขเว, อกุปฺปา เจโตวิมุตฺติ – เอตทตฺถมิทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ, เอตํ สารํ เอตํ ปริโยสาน’’นฺติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
มหาสาโรปมสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ.
๑๐. จูฬสาโรปมสุตฺตํ
๓๑๒. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข ปิงฺคลโกจฺโฉ พฺราหฺมโณ เยน ¶ ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปิงฺคลโกจฺโฉ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เยเม, โภ โคตม, สมณพฺราหฺมณา สงฺฆิโน คณิโน คณาจริยา าตา ยสสฺสิโน ติตฺถกรา สาธุสมฺมตา, พหุชนสฺส, เสยฺยถิทํ – ปูรโณ กสฺสโป, มกฺขลิ โคสาโล, อชิโต เกสกมฺพโล, ปกุโธ กจฺจายโน, สฺจโย [สฺชโย (สี. สฺยา. ปี. ก.)] เพลฏฺปุตฺโต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต, สพฺเพเต สกาย ปฏิฺาย อพฺภฺํสุ สพฺเพว นาพฺภฺํสุ, อุทาหุ เอกจฺเจ อพฺภฺํสุ เอกจฺเจ นาพฺภฺํสู’’ติ? ‘‘อลํ, พฺราหฺมณ, ติฏฺเตตํ – สพฺเพเต สกาย ปฏิฺาย อพฺภฺํสุ สพฺเพว นาพฺภฺํสุ, อุทาหุ เอกจฺเจ อพฺภฺํสุ เอกจฺเจ นาพฺภฺํสูติ. ธมฺมํ เต, พฺราหฺมณ, เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข ปิงฺคลโกจฺโฉ พฺราหฺมโณ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –
๓๑๓. ‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ ¶ อติกฺกมฺม ปปฏิกํ, สาขาปลาสํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘น วตายํ ภวํ ปุริโส อฺาสิ สารํ, น อฺาสิ เผคฺคุํ, น อฺาสิ ตจํ, น อฺาสิ ปปฏิกํ, น อฺาสิ สาขาปลาสํ. ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ อติกฺกมฺม ปปฏิกํ, สาขาปลาสํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสตี’ติ.
๓๑๔. ‘‘เสยฺยถาปิ วา ปน, พฺราหฺมณ, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน ¶ มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ ¶ , ปปฏิกํ เฉตฺวา อาทาย ¶ ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘น วตายํ ภวํ ปุริโส อฺาสิ สารํ, น อฺาสิ เผคฺคุํ, น อฺาสิ ตจํ, น อฺาสิ ปปฏิกํ, น อฺาสิ สาขาปลาสํ. ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ ปปฏิกํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสตี’ติ.
๓๑๕. ‘‘เสยฺยถาปิ วา ปน, พฺราหฺมณ, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต ¶ สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ, ตจํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘น วตายํ ภวํ ปุริโส อฺาสิ สารํ, น อฺาสิ เผคฺคุํ, น อฺาสิ ตจํ, น อฺาสิ ปปฏิกํ, น อฺาสิ สาขาปลาสํ. ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ, ตจํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสตี’ติ.
๓๑๖. ‘‘เสยฺยถาปิ วา ปน, พฺราหฺมณ, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ, เผคฺคุํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘น วตายํ ภวํ ปุริโส อฺาสิ สารํ, น อฺาสิ เผคฺคุํ, น อฺาสิ ตจํ, น อฺาสิ ปปฏิกํ, น อฺาสิ สาขาปลาสํ. ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ, เผคฺคุํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสตี’ติ.
๓๑๗. ‘‘เสยฺยถาปิ วา ปน, พฺราหฺมณ, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน ¶ มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต สารฺเว ¶ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย ‘สาร’นฺติ ชานมาโน. ตเมนํ จกฺขุมา ¶ ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘อฺาสิ วตายํ ภวํ ปุริโส สารํ, อฺาสิ เผคฺคุํ, อฺาสิ ตจํ, อฺาสิ ปปฏิกํ, อฺาสิ สาขาปลาสํ. ตถา หยํ ภวํ ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต สารฺเว เฉตฺวา อาทาย ¶ ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ ชานมาโน. ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ อนุภวิสฺสตี’ติ.
๓๑๘. ‘‘เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ ลาภสกฺการสิโลกวา, อิเม ปนฺเ ภิกฺขู อปฺปฺาตา อปฺเปสกฺขา’ติ. ลาภสกฺการสิโลเกน จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย น ฉนฺทํ ชเนติ, น วายมติ, โอลีนวุตฺติโก จ โหติ สาถลิโก. เสยฺยถาปิ โส, พฺราหฺมณ, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ อติกฺกมฺม ปปฏิกํ, สาขาปลาสํ เฉตฺวา ¶ อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสติ. ตถูปมาหํ, พฺราหฺมณ, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ.
๓๑๙. ‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น ¶ อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. ลาภสกฺการสิโลเกน จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ ¶ , อโนลีนวุตฺติโก จ โหติ อสาถลิโก. โส สีลสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ สีลวา กลฺยาณธมฺโม, อิเม ปนฺเ ภิกฺขู ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา’ติ. สีลสมฺปทาย จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เตสํ ธมฺมานํ ¶ สจฺฉิกิริยาย น ฉนฺทํ ชเนติ, น วายมติ, โอลีนวุตฺติโก จ โหติ สาถลิโก. เสยฺยถาปิ โส, พฺราหฺมณ, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี ¶ สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ อติกฺกมฺม ตจํ, ปปฏิกํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ, ตฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสติ. ตถูปมาหํ, พฺราหฺมณ, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ.
๓๒๐. ‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต, อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ, น ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. ลาภสกฺการสิโลเกน จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, อโนลีนวุตฺติโก จ โหติ อสาถลิโก. โส สีลสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. สีลสมฺปทาย จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, อโนลีนวุตฺติโก จ โหติ อสาถลิโก ¶ . โส สมาธิสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต, อิเม ปนฺเ ภิกฺขู ¶ อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา’ติ. สมาธิสมฺปทาย จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ, เตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย น ฉนฺทํ ชเนติ, น วายมติ, โอลีนวุตฺติโก จ โหติ สาถลิโก. เสยฺยถาปิ โส, พฺราหฺมณ, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ อติกฺกมฺม เผคฺคุํ, ตจํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ยฺจสฺส ¶ สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสติ. ตถูปมาหํ, พฺราหฺมณ, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ.
๓๒๑. ‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน…เป… ¶ อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. ลาภสกฺการสิโลเกน จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, อโนลีนวุตฺติโก จ โหติ อสาถลิโก. โส สีลสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. สีลสมฺปทาย จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, อโนลีนวุตฺติโก จ โหติ อสาถลิโก. โส สมาธิสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. สมาธิสมฺปทาย จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เตสํ ธมฺมานํ ¶ สจฺฉิกิริยาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, อโนลีนวุตฺติโก จ โหติ อสาถลิโก. โส าณทสฺสนํ อาราเธติ. โส เตน าณทสฺสเนน อตฺตมโน โหติ, ปริปุณฺณสงฺกปฺโป ¶ . โส เตน าณทสฺสเนน อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ – ‘อหมสฺมิ ชานํ ปสฺสํ วิหรามิ, อิเม ปนฺเ ภิกฺขู อชานํ อปสฺสํ วิหรนฺตี’ติ. าณทสฺสเนน จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย น ฉนฺทํ ชเนติ, น วายมติ, โอลีนวุตฺติโก จ โหติ สาถลิโก. เสยฺยถาปิ โส, พฺราหฺมณ, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว สารํ, เผคฺคุํ เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ มฺมาโน. ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุภวิสฺสติ. ตถูปมาหํ, พฺราหฺมณ, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ.
๓๒๒. ‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ ¶ , ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต ¶ , อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ¶ ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพตฺเตติ. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ, น ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. ลาภสกฺการสิโลเกน จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, อโนลีนวุตฺติโก จ โหติ อสาถลิโก. โส สีลสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สีลสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สีลสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. สีลสมฺปทาย จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, อโนลีนวุตฺติโก จ โหติ อสาถลิโก. โส สมาธิสมฺปทํ อาราเธติ. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส ตาย สมาธิสมฺปทาย น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. สมาธิสมฺปทาย จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, อโนลีนวุตฺติโก จ โหติ อสาถลิโก. โส าณทสฺสนํ อาราเธติ. โส เตน าณทสฺสเนน อตฺตมโน โหติ, โน จ โข ปริปุณฺณสงฺกปฺโป. โส เตน าณทสฺสเนน น อตฺตานุกฺกํเสติ, น ¶ ปรํ วมฺเภติ. าณทสฺสเนน จ เย อฺเ ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา ¶ จ เตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, อโนลีนวุตฺติโก จ โหติ อสาถลิโก.
๓๒๓. ‘‘กตเม จ, พฺราหฺมณ, ธมฺมา าณทสฺสเนน อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ? อิธ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, ธมฺโม าณทสฺสเนน อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, ธมฺโม าณทสฺสเนน อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ, สโต จ สมฺปชาโน ¶ สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข ¶ , พฺราหฺมณ, ธมฺโม าณทสฺสเนน อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, ธมฺโม าณทสฺสเนน อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, ธมฺโม าณทสฺสเนน อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, ธมฺโม าณทสฺสเนน อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, ธมฺโม าณทสฺสเนน อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ สพฺพโส อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, ธมฺโม าณทสฺสเนน อุตฺตริตโร จ ¶ ปณีตตโร จ.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, ธมฺโม าณทสฺสเนน อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ. อิเม โข, พฺราหฺมณ, ธมฺมา าณทสฺสเนน อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ.
๓๒๔. ‘‘เสยฺยถาปิ ¶ โส, พฺราหฺมณ, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต สารํเยว เฉตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ‘สาร’นฺติ ชานมาโน. ยฺจสฺส สาเรน สารกรณียํ ตฺจสฺส อตฺถํ อนุภวิสฺสติ. ตถูปมาหํ, พฺราหฺมณ, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ.
‘‘อิติ โข, พฺราหฺมณ, นยิทํ พฺรหฺมจริยํ ลาภสกฺการสิโลกานิสํสํ, น สีลสมฺปทานิสํสํ, น สมาธิสมฺปทานิสํสํ, น าณทสฺสนานิสํสํ. ยา จ โข อยํ ¶ , พฺราหฺมณ, อกุปฺปา เจโตวิมุตฺติ – เอตทตฺถมิทํ, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมจริยํ, เอตํ สารํ เอตํ ปริโยสาน’’นฺติ.
เอวํ วุตฺเต, ปิงฺคลโกจฺโฉ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
จูฬสาโรปมสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.
โอปมฺมวคฺโค นิฏฺิโต ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
โมฬิยผคฺคุนริฏฺฺจ ¶ นาโม, อนฺธวเน กถิปุณฺณํ นิวาโป;
ราสิกเณรุมหาคชนาโม, สารูปโม [สารวโร (สฺยา.), สารวโน (ก.)] ปุน ปิงฺคลโกจฺโฉ.