📜

๔. มหายมกวคฺโค

๑. จูฬโคสิงฺคสุตฺตํ

๓๒๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา นาติเก [นาทิเก (สี. สฺยา. ปี.), าติเก (ก.)] วิหรติ คิฺชกาวสเถ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล [กิมฺพิโล (สี. ปี. ก.)] โคสิงฺคสาลวนทาเย วิหรนฺติ. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน โคสิงฺคสาลวนทาโย เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข ทายปาโล ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มา, สมณ, เอตํ ทายํ ปาวิสิ. สนฺเตตฺถ ตโย กุลปุตฺตา อตฺตกามรูปา วิหรนฺติ. มา เตสํ อผาสุมกาสี’’ติ.

อสฺโสสิ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ ทายปาลสฺส ภควตา สทฺธึ มนฺตยมานสฺส. สุตฺวาน ทายปาลํ เอตทโวจ – ‘‘มา, อาวุโส ทายปาล, ภควนฺตํ วาเรสิ. สตฺถา โน ภควา อนุปฺปตฺโต’’ติ. อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ เยนายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตฺจ นนฺทิยํ อายสฺมนฺตฺจ กิมิลํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, สตฺถา โน ภควา อนุปฺปตฺโต’’ติ. อถ โข อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล ภควนฺตํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา – เอโก ภควโต ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหสิ, เอโก อาสนํ ปฺเปสิ, เอโก ปาโททกํ อุปฏฺาเปสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. นิสชฺช โข ภควา ปาเท ปกฺขาเลสิ. เตปิ โข อายสฺมนฺโต ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ภควา เอตทโวจ –

๓๒๖. ‘‘กจฺจิ โว, อนุรุทฺธา, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ ปิณฺฑเกน น กิลมถา’’ติ ? ‘‘ขมนียํ, ภควา, ยาปนียํ, ภควา; น จ มยํ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน กิลมามา’’ติ. ‘‘กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘ตคฺฆ มยํ , ภนฺเต, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรามา’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน ตุมฺเห, อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, โยหํ เอวรูเปหิ สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ วิหรามี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อิเมสุ อายสฺมนฺเตสุ เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ; เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ; เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘ยํนูนาหํ สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺเตยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตามิ. นานา หิ โข โน, ภนฺเต, กายา เอกฺจ ปน มฺเ จิตฺต’’นฺติ.

อายสฺมาปิ โข นนฺทิโย…เป… อายสฺมาปิ โข กิมิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มยฺหมฺปิ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, โยหํ เอวรูเปหิ สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ วิหรามี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อิเมสุ อายสฺมนฺเตสุ เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ อาวิ เจว รโห จ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘ยํนูนาหํ สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺเตยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภนฺเต, สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตามิ. นานา หิ โข โน, ภนฺเต, กายา เอกฺจ ปน มฺเ จิตฺตนฺติ.

‘‘เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรามา’’ติ.

๓๒๗. ‘‘สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธา! กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘ตคฺฆ มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรามา’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน ตุมฺเห, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรถา’’ติ? ‘‘อิธ, ภนฺเต, อมฺหากํ โย ปมํ คามโต ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมติ โส อาสนานิ ปฺเปติ, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปติ, อวกฺการปาตึ อุปฏฺาเปติ. โย ปจฺฉา คามโต ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมติ, สเจ โหติ ภุตฺตาวเสโส สเจ อากงฺขติ ภุฺชติ, โน เจ อากงฺขติ อปฺปหริเต วา ฉฑฺเฑติ, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปติ. โส อาสนานิ ปฏิสาเมติ, ปานียํ ปริโภชนียํ ปฏิสาเมติ, อวกฺการปาตึ ปฏิสาเมติ, ภตฺตคฺคํ สมฺมชฺชติ. โย ปสฺสติ ปานียฆฏํ วา ปริโภชนียฆฏํ วา วจฺจฆฏํ วา ริตฺตํ ตุจฺฉํ โส อุปฏฺาเปติ. สจสฺส โหติ อวิสยฺหํ, หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามนฺเตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฏฺาเปม, น ตฺเวว มยํ, ภนฺเต, ตปฺปจฺจยา วาจํ ภินฺทาม. ปฺจาหิกํ โข ปน มยํ, ภนฺเต, สพฺพรตฺติกํ ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีทาม. เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรามา’’ติ.

๓๒๘. ‘‘สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธา! อตฺถิ ปน โว, อนุรุทฺธา, เอวํ อปฺปมตฺตานํ อาตาปีนํ ปหิตตฺตานํ วิหรนฺตานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ? ‘‘กิฺหิ โน สิยา, ภนฺเต! อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหราม. อยํ โข โน, ภนฺเต, อมฺหากํ อปฺปมตฺตานํ อาตาปีนํ ปหิตตฺตานํ วิหรนฺตานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ.

‘‘สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธา! เอตสฺส ปน โว, อนุรุทฺธา, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อตฺถฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ? ‘‘กิฺหิ โน สิยา, ภนฺเต! อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหราม. เอตสฺส, ภนฺเต, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อยมฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ.

‘‘สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธา! เอตสฺส ปน โว, อนุรุทฺธา, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อตฺถฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ? ‘‘กิฺหิ โน สิยา, ภนฺเต! อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขกา จ วิหราม, สตา จ สมฺปชานา, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทม, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหราม. เอตสฺส, ภนฺเต, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อยมฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ.

‘‘สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธา! เอตสฺส ปน โว, อนุรุทฺธา, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อตฺถฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ ? ‘‘กิฺหิ โน สิยา, ภนฺเต! อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา, อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหราม. เอตสฺส, ภนฺเต, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อยมฺโ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ.

‘‘สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธา! เอตสฺส ปน โว, อนุรุทฺธา, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อตฺถฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ? ‘‘กิฺหิ โน สิยา, ภนฺเต! อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหราม. เอตสฺส, ภนฺเต, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อยมฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ.

‘‘สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธา! เอตสฺส ปน โว, อนุรุทฺธา, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อตฺถฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ? ‘‘กิฺหิ โน สิยา, ภนฺเต! อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหราม…เป… สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหราม…เป… สพฺพโส อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหราม. เอตสฺส, ภนฺเต, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อยมฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ.

๓๒๙. ‘‘สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธา! เอตสฺส ปน โว, อนุรุทฺธา, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อตฺถฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ? ‘‘กิฺหิ โน สิยา, ภนฺเต! อิธ มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหราม, ปฺาย จ โน ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา. เอตสฺส, ภนฺเต, วิหารสฺส สมติกฺกมาย เอตสฺส วิหารสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อยมฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร. อิมมฺหา จ มยํ, ภนฺเต, ผาสุวิหารา อฺํ ผาสุวิหารํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น สมนุปสฺสามา’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธา! อิมมฺหา ผาสุวิหารา อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา ผาสุวิหาโร นตฺถี’’ติ.

๓๓๐. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตฺจ อนุรุทฺธํ อายสฺมนฺตฺจ นนฺทิยํ อายสฺมนฺตฺจ กิมิลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อถ โข อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล ภควนฺตํ อนุสํยายิตฺวา [อนุสํสาเวตฺวา (สี.), อนุสาเวตฺวา (ฏีกา)] ตโต ปฏินิวตฺติตฺวา อายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจุํ – ‘‘กึ นุ โข มยํ อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส เอวมาโรจิมฺห – ‘อิมาสฺจ อิมาสฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ มยํ ลาภิโน’ติ, ยํ โน อายสฺมา อนุรุทฺโธ ภควโต สมฺมุขา ยาว อาสวานํ ขยา ปกาเสตี’’ติ? ‘‘น โข เม อายสฺมนฺโต เอวมาโรเจสุํ – ‘อิมาสฺจ อิมาสฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ มยํ ลาภิโน’ติ, อปิ จ เม อายสฺมนฺตานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต – ‘อิมาสฺจ อิมาสฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ อิเม อายสฺมนฺโต ลาภิโน’ติ. เทวตาปิ เม เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ‘อิมาสฺจ อิมาสฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ อิเม อายสฺมนฺโต ลาภิโน’ติ. ตเมนํ ภควตา ปฺหาภิปุฏฺเน พฺยากต’’นฺติ.

๓๓๑. อถ โข ทีโฆ ปรชโน ยกฺโข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ทีโฆ ปรชโน ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ลาภา วต, ภนฺเต, วชฺชีนํ, สุลทฺธลาภา วชฺชิปชาย, ยตฺถ ตถาคโต วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อิเม จ ตโย กุลปุตฺตา – อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ, อายสฺมา จ นนฺทิโย, อายสฺมา จ กิมิโล’’ติ. ทีฆสฺส ปรชนสฺส ยกฺขสฺส สทฺทํ สุตฺวา ภุมฺมา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสุํ – ‘ลาภา วต, โภ, วชฺชีนํ, สุลทฺธลาภา วชฺชิปชาย, ยตฺถ ตถาคโต วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อิเม จ ตโย กุลปุตฺตา – อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ, อายสฺมา จ นนฺทิโย, อายสฺมา จ กิมิโล’ติ. ภุมฺมานํ เทวานํ สทฺทํ สุตฺวา จาตุมหาราชิกา เทวา…เป… ตาวตึสา เทวา…เป… ยามา เทวา…เป… ตุสิตา เทวา…เป… นิมฺมานรตี เทวา…เป… ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทวา…เป… พฺรหฺมกายิกา เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสุํ – ‘‘ลาภา วต, โภ, วชฺชีนํ, สุลทฺธลาภา วชฺชิปชาย, ยตฺถ ตถาคโต วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อิเม จ ตโย กุลปุตฺตา – อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ, อายสฺมา จ นนฺทิโย, อายสฺมา จ กิมิโล’’ติ. อิติห เต อายสฺมนฺโต เตน ขเณน (เตน ลเยน) [( ) สี. สฺยา. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ] เตน มุหุตฺเตน ยาวพฺรหฺมโลกา วิทิตา [สํวิทิตา (ก.)] อเหสุํ.

‘‘เอวเมตํ, ทีฆ, เอวเมตํ, ทีฆ! ยสฺมาปิ, ทีฆ, กุลา เอเต ตโย กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, ตฺเจปิ กุลํ เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺตํ อนุสฺสเรยฺย, ตสฺสปาสฺส กุลสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. ยสฺมาปิ, ทีฆ, กุลปริวฏฺฏา เอเต ตโย กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, โส เจปิ กุลปริวฏฺโฏ เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺโต อนุสฺสเรยฺย, ตสฺสปาสฺส กุลปริวฏฺฏสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. ยสฺมาปิ, ทีฆ, คามา เอเต ตโย กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, โส เจปิ คาโม เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺโต อนุสฺสเรยฺย, ตสฺสปาสฺส คามสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. ยสฺมาปิ, ทีฆ, นิคมา เอเต ตโย กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, โส เจปิ นิคโม เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺโต อนุสฺสเรยฺย, ตสฺสปาสฺส นิคมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. ยสฺมาปิ, ทีฆ, นครา เอเต ตโย กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, ตฺเจปิ นครํ เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺตํ อนุสฺสเรยฺย, ตสฺสปาสฺส นครสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. ยสฺมาปิ, ทีฆ, ชนปทา เอเต ตโย กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, โส เจปิ ชนปโท เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺโต อนุสฺสเรยฺย, ตสฺสปาสฺส ชนปทสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. สพฺเพ เจปิ, ทีฆ, ขตฺติยา เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺตา อนุสฺสเรยฺยุํ, สพฺเพสานํปาสฺส ขตฺติยานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. สพฺเพ เจปิ, ทีฆ, พฺราหฺมณา…เป… สพฺเพ เจปิ, ทีฆ, เวสฺสา…เป… สพฺเพ เจปิ, ทีฆ, สุทฺทา เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺตา อนุสฺสเรยฺยุํ, สพฺเพสานํปาสฺส สุทฺทานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. สเทวโก เจปิ, ทีฆ, โลโก สมารโก สพฺรหฺมโก สสฺสมณพฺราหฺมณี ปชา สเทวมนุสฺสา เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺตา อนุสฺสเรยฺย, สเทวกสฺสปาสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. ปสฺส, ทีฆ, ยาว เอเต ตโย กุลปุตฺตา พหุชนหิตาย ปฏิปนฺนา พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย, อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน ทีโฆ ปรชโน ยกฺโข ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.

จูฬโคสิงฺคสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.

๒. มหาโคสิงฺคสุตฺตํ

๓๓๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โคสิงฺคสาลวนทาเย วิหรติ สมฺพหุเลหิ อภิฺาเตหิ อภิฺาเตหิ เถเรหิ สาวเกหิ สทฺธึ – อายสฺมตา จ สาริปุตฺเตน อายสฺมตา จ มหาโมคฺคลฺลาเนน อายสฺมตา จ มหากสฺสเปน อายสฺมตา จ อนุรุทฺเธน อายสฺมตา จ เรวเตน อายสฺมตา จ อานนฺเทน, อฺเหิ จ อภิฺาเตหิ อภิฺาเตหิ เถเรหิ สาวเกหิ สทฺธึ. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยนายสฺมา มหากสฺสโป เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจ – ‘‘อายามาวุโส, กสฺสป, เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิสฺสาม ธมฺมสฺสวนายา’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมา จ มหากสฺสโป อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมึสุ ธมฺมสฺสวนาย. อทฺทสา โข อายสฺมา อานนฺโท อายสฺมนฺตฺจ มหาโมคฺคลฺลานํ อายสฺมนฺตฺจ มหากสฺสปํ อายสฺมนฺตฺจ อนุรุทฺธํ เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมนฺเต ธมฺมสฺสวนาย. ทิสฺวาน เยนายสฺมา เรวโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ เรวตํ เอตทโวจ – ‘‘อุปสงฺกมนฺตา โข อมู, อาวุโส [อายสฺมนฺตาวุโส (ก.)] เรวต, สปฺปุริสา เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตน ธมฺมสฺสวนาย. อายามาวุโส เรวต, เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิสฺสาม ธมฺมสฺสวนายา’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา เรวโต อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข อายสฺมา จ เรวโต อายสฺมา จ อานนฺโท เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมึสุ ธมฺมสฺสวนาย.

๓๓๓. อทฺทสา โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตฺจ เรวตํ อายสฺมนฺตฺจ อานนฺทํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺเต. ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘เอตุ โข อายสฺมา อานนฺโท! สฺวาคตํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ภควโต อุปฏฺากสฺส ภควโต สนฺติกาวจรสฺส! รมณียํ, อาวุโส อานนฺท, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา [สพฺพปาลิผุลฺลา (สี.)] สาลา, ทิพฺพา, มฺเ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส อานนฺท, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติ? ‘‘อิธาวุโส สาริปุตฺต , ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย. เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถา สพฺยฺชนา; เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ, ธาตา [ธตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], วจสา ปริจิตา, มนสานุเปกฺขิตา, ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา. โส จตสฺสนฺนํ ปริสานํ ธมฺมํ เทเสติ ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยฺชเนหิ อนุปฺปพนฺเธหิ [อปฺปพทฺเธหิ (สี. ปี.)] อนุสยสมุคฺฆาตาย. เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติ.

๓๓๔. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ เรวตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากตํ โข, อาวุโส เรวต, อายสฺมตา อานนฺเทน ยถาสกํ ปฏิภานํ. ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ เรวตํ ปุจฺฉาม – ‘รมณียํ, อาวุโส เรวต, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มฺเ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส เรวต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ? ‘‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ปฏิสลฺลานาราโม โหติ ปฏิสลฺลานรโต, อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน, วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต, พฺรูเหตา สุฺาคารานํ. เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติ.

๓๓๕. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากตํ โข, อาวุโส อนุรุทฺธ, อายสฺมตา เรวเตน ยถาสกํ ปฏิภานํ. ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ปุจฺฉาม – ‘รมณียํ, อาวุโส อนุรุทฺธ, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มฺเ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส อนุรุทฺธ, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ? ‘‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกานํ โวโลเกติ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส สาริปุตฺต, จกฺขุมา ปุริโส อุปริปาสาทวรคโต สหสฺสํ เนมิมณฺฑลานํ โวโลเกยฺย; เอวเมว โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกานํ โวโลเกติ. เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติ.

๓๓๖. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากตํ โข, อาวุโส กสฺสป, อายสฺมตา อนุรุทฺเธน ยถาสกํ ปฏิภานํ. ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ ปุจฺฉาม – ‘รมณียํ, อาวุโส กสฺสป, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มฺเ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส กสฺสป, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ? ‘‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ อตฺตนา จ อารฺิโก โหติ อารฺิกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปิณฺฑปาติโก โหติ ปิณฺฑปาติกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปํสุกูลิโก โหติ ปํสุกูลิกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ เตจีวริโก โหติ เตจีวริกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ โหติ อปฺปิจฺฉตาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ สนฺตุฏฺโ โหติ สนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปวิวิตฺโต โหติ ปวิเวกสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ อสํสฏฺโ โหติ อสํสคฺคสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ อารทฺธวีริโย โหติ วีริยารมฺภสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ สีลสมฺปนฺโน โหติ สีลสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ สมาธิสมฺปนฺโน โหติ สมาธิสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปฺาสมฺปนฺโน โหติ ปฺาสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ วิมุตฺติสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทาย จ วณฺณวาที. เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต , ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติ.

๓๓๗. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากตํ โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, อายสฺมตา มหากสฺสเปน ยถาสกํ ปฏิภานํ. ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ปุจฺฉาม – ‘รมณียํ, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มฺเ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ? ‘‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, ทฺเว ภิกฺขู อภิธมฺมกถํ กเถนฺติ, เต อฺมฺํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, อฺมฺสฺส ปฺหํ ปุฏฺา วิสฺสชฺเชนฺติ, โน จ สํสาเทนฺติ [สํสาเรนฺติ (ก.)], ธมฺมี จ เนสํ กถา ปวตฺตินี โหติ. เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติ.

๓๓๘. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากตํ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, อมฺเหหิ สพฺเพเหว ยถาสกํ ปฏิภานํ. ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ปุจฺฉาม – ‘รมณียํ, อาวุโส สาริปุตฺต, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มฺเ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ? ‘‘อิธาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ จิตฺตํ วสํ วตฺเตติ, โน จ ภิกฺขุ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติ. โส ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ ปุพฺพณฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา ปุพฺพณฺหสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ มชฺฌนฺหิกสมยํ [มชฺฌนฺติกสมยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี. ก.)] วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ สายนฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา สายนฺหสมยํ วิหรติ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, รฺโ วา ราชมหามตฺตสฺส วา นานารตฺตานํ ทุสฺสานํ ทุสฺสกรณฺฑโก ปูโร อสฺส. โส ยฺเทว ทุสฺสยุคํ อากงฺเขยฺย ปุพฺพณฺหสมยํ ปารุปิตุํ, ตํ ตเทว ทุสฺสยุคํ ปุพฺพณฺหสมยํ ปารุเปยฺย; ยฺเทว ทุสฺสยุคํ อากงฺเขยฺย มชฺฌนฺหิกสมยํ ปารุปิตุํ, ตํ ตเทว ทุสฺสยุคํ มชฺฌนฺหิกสมยํ ปารุเปยฺย; ยฺเทว ทุสฺสยุคํ อากงฺเขยฺย สายนฺหสมยํ ปารุปิตุํ, ตํ ตเทว ทุสฺสยุคํ สายนฺหสมยํ ปารุเปยฺย. เอวเมว โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ จิตฺตํ วสํ วตฺเตติ, โน จ ภิกฺขุ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติ. โส ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ ปุพฺพณฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา ปุพฺพณฺหสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ สายนฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา สายนฺหสมยํ วิหรติ. เอวรูเปน โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติ.

๓๓๙. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เต อายสฺมนฺเต เอตทโวจ – ‘‘พฺยากตํ โข, อาวุโส, อมฺเหหิ สพฺเพเหว ยถาสกํ ปฏิภานํ. อายามาวุโส, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสฺสาม. ยถา โน ภควา พฺยากริสฺสติ ตถา นํ ธาเรสฺสามา’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต อายสฺมนฺโต อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อถ โข เต อายสฺมนฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อทฺทสํ โข อหํ, ภนฺเต, อายสฺมนฺตฺจ เรวตํ อายสฺมนฺตฺจ อานนฺทํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺเต. ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจํ – ‘เอตุ โข อายสฺมา อานนฺโท! สฺวาคตํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ภควโต อุปฏฺากสฺส ภควโต สนฺติกาวจรสฺส! รมณียํ, อาวุโส อานนฺท, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มฺเ, คนฺธา สมฺปวนฺติ; กถํรูเปน, อาวุโส อานนฺท, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’ติ? เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท มํ เอตทโวจ – ‘อิธาวุโส, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร…เป… อนุสยสมุคฺฆาตาย. เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต! ยถา ตํ อานนฺโทว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺย. อานนฺโท หิ, สาริปุตฺต, พหุสฺสุโต สุตธโร สุตสนฺนิจโย. เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถา สพฺยฺชนา; เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ, ธาตา, วจสา ปริจิตา, มนสานุเปกฺขิตา, ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา. โส จตสฺสนฺนํ ปริสานํ ธมฺมํ เทเสติ ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยฺชเนหิ อนุปฺปพนฺเธหิ อนุสยสมุคฺฆาตายา’’ติ.

๓๔๐. ‘‘เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภนฺเต, อายสฺมนฺตํ เรวตํ เอตทโวจํ – ‘พฺยากตํ โข, อาวุโส เรวต อายสฺมตา อานนฺเทน ยถาสกํ ปฏิภานํ. ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ เรวตํ ปุจฺฉาม – รมณียํ, อาวุโส เรวต, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา มฺเ คนฺธา สมฺปวนฺติ. กถํรูเปน, อาวุโส เรวต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’ติ? เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, อายสฺมา เรวโต มํ เอตทโวจ – ‘อิธาวุโส สาริปุตฺต ภิกฺขุ ปฏิสลฺลานาราโม โหติ ปฏิสลฺลานรโต , อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต, อนิรากตชฺฌาโน, วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต, พฺรูเหตา สุฺาคารานํ. เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต! ยถา ตํ เรวโตว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺย. เรวโต หิ, สาริปุตฺต, ปฏิสลฺลานาราโม ปฏิสลฺลานรโต, อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน, วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต พฺรูเหตา สุฺาคาราน’’นฺติ.

๓๔๑. ‘‘เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภนฺเต, อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจํ – ‘พฺยากตํ โข อาวุโส อนุรุทฺธ อายสฺมตา เรวเตน…เป… กถํรูเปน, อาวุโส อนุรุทฺธ, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, อายสฺมา อนุรุทฺโธ มํ เอตทโวจ – ‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกานํ โวโลเกติ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส สาริปุตฺต, จกฺขุมา ปุริโส…เป… เอวรูเปน โข อาวุโส สาริปุตฺต ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต, ยถา ตํ อนุรุทฺโธว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺย. อนุรุทฺโธ หิ, สาริปุตฺต, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกานํ โวโลเกตี’’ติ.

๓๔๒. ‘‘เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภนฺเต, อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจํ – ‘พฺยากตํ โข, อาวุโส กสฺสป อายสฺมตา อนุรุทฺเธน ยถาสกํ ปฏิภานํ. ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ ปุจฺฉาม…เป… กถํ รูเปน โข, อาวุโส กสฺสป, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’ติ? เอวํ วุตฺเต ภนฺเต, อายสฺมา มหากสฺสโป มํ เอตทโวจ – ‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ อตฺตนา จ อารฺิโก โหติ อารฺิกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปิณฺฑปาติโก โหติ…เป… อตฺตนา จ ปํสุกูลิโก โหติ…เป… อตฺตนา จ เตจีวริโก โหติ…เป… อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ โหติ…เป… อตฺตนา จ สนฺตุฏฺโ โหติ…เป… อตฺตนา จ ปวิวิตฺโต โหติ…เป… อตฺตนา จ อสํสฏฺโ โหติ…เป… อตฺตนา จ อารทฺธวีริโย โหติ…เป… อตฺตนา จ สีลสมฺปนฺโน โหติ…เป… อตฺตนา จ สมาธิสมฺปนฺโน โหติ…เป… อตฺตนา จ ปฺาสมฺปนฺโน โหติ… อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ… อตฺตนา จ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทาย จ วณฺณวาที. เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ . ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต! ยถา ตํ กสฺสโปว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺย. กสฺสโป หิ, สาริปุตฺต, อตฺตนา จ อารฺิโก อารฺิกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปิณฺฑปาติโก ปิณฺฑปาติกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปํสุกูลิโก ปํสุกูลิกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ เตจีวริโก เตจีวริกตฺตสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ อปฺปิจฺฉตาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ สนฺตุฏฺโ สนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปวิวิตฺโต ปวิเวกสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ อสํสฏฺโ อสํสคฺคสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ อารทฺธวีริโย วีริยารมฺภสฺส จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ สีลสมฺปนฺโน สีลสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ สมาธิสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ ปฺาสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปนฺโน วิมุตฺติสมฺปทาย จ วณฺณวาที, อตฺตนา จ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทาย จ วณฺณวาที’’ติ.

๓๔๓. ‘‘เอวํ วุตฺเต, อหํ ภนฺเต อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจํ – ‘พฺยากตํ โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, อายสฺมตา มหากสฺสเปน ยถาสกํ ปฏิภานํ. ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ปุจฺฉาม…เป… กถํรูเปน, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’ติ? เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน มํ เอตทโวจ – ‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, ทฺเว ภิกฺขู อภิธมฺมกถํ กเถนฺติ. เต อฺมฺํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, อฺมฺสฺส ปฺหํ ปุฏฺา วิสฺสชฺเชนฺติ, โน จ สํสาเทนฺติ, ธมฺมี จ เนสํ กถา ปวตฺตินี โหติ. เอวรูเปน โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต, ยถา ตํ โมคฺคลฺลาโนว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺย. โมคฺคลฺลาโน หิ, สาริปุตฺต, ธมฺมกถิโก’’ติ.

๓๔๔. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อถ ขฺวาหํ, ภนฺเต, อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘พฺยากตํ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, อมฺเหหิ สพฺเพเหว ยถาสกํ ปฏิภานํ. ตตฺถ ทานิ มยํ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ปุจฺฉาม – รมณียํ, อาวุโส สาริปุตฺต, โคสิงฺคสาลวนํ, โทสินา รตฺติ, สพฺพผาลิผุลฺลา สาลา, ทิพฺพา, มฺเ, คนฺธา สมฺปวนฺติ. กถํรูเปน, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’ติ? เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘อิธาวุโส, โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ จิตฺตํ วสํ วตฺเตติ โน จ ภิกฺขุ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติ. โส ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ ปุพฺพณฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา ปุพฺพณฺหสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ สายนฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา สายนฺหสมยํ วิหรติ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, รฺโ วา ราชมหามตฺตสฺส วา นานารตฺตานํ ทุสฺสานํ ทุสฺสกรณฺฑโก ปูโร อสฺส. โส ยฺเทว ทุสฺสยุคํ อากงฺเขยฺย ปุพฺพณฺหสมยํ ปารุปิตุํ , ตํ ตเทว ทุสฺสยุคํ ปุพฺพณฺหสมยํ ปารุเปยฺย; ยฺเทว ทุสฺสยุคํ อากงฺเขยฺย มชฺฌนฺหิกสมยํ ปารุปิตุํ, ตํ ตเทว ทุสฺสยุคํ มชฺฌนฺหิกสมยํ ปารุเปยฺย; ยฺเทว ทุสฺสยุคํ อากงฺเขยฺย สายนฺหสมยํ ปารุปิตุํ, ตํ ตเทว ทุสฺสยุคํ สายนฺหสมยํ ปารุเปยฺย. เอวเมว โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุ จิตฺตํ วสํ วตฺเตติ, โน จ ภิกฺขุ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติ. โส ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ ปุพฺพณฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา ปุพฺพณฺหสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ สายนฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา สายนฺหสมยํ วิหรติ. เอวรูเปน โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, โมคฺคลฺลาน! ยถา ตํ สาริปุตฺโตว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺย. สาริปุตฺโต หิ, โมคฺคลฺลาน, จิตฺตํ วสํ วตฺเตติ โน จ สาริปุตฺโต จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติ. โส ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ ปุพฺพณฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา ปุพฺพณฺหสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา มชฺฌนฺหิกสมยํ วิหรติ; ยาย วิหารสมาปตฺติยา อากงฺขติ สายนฺหสมยํ วิหริตุํ, ตาย วิหารสมาปตฺติยา สายนฺหสมยํ วิหรตี’’ติ.

๓๔๕. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กสฺส นุ โข, ภนฺเต, สุภาสิต’’นฺติ? ‘‘สพฺเพสํ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิตํ ปริยาเยน. อปิ จ มมปิ สุณาถ ยถารูเปน ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺย. อิธ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา – ‘น ตาวาหํ อิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามิ ยาว เม นานุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิสฺสตี’ติ. เอวรูเปน โข, สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยา’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต อายสฺมนฺโต [เต ภิกฺขู (ก.)] ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

มหาโคสิงฺคสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.

๓. มหาโคปาลกสุตฺตํ

๓๔๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘เอกาทสหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต โคปาลโก อภพฺโพ โคคณํ ปริหริตุํ ผาตึ กาตุํ [ผาติกตฺตุํ (สี. ปี.), ผาติกาตุํ (สฺยา. กํ.)]. กตเมหิ เอกาทสหิ? อิธ, ภิกฺขเว, โคปาลโก น รูปฺู โหติ, น ลกฺขณกุสโล โหติ, น อาสาฏิกํ หาเรตา [สาเฏตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โหติ, น วณํ ปฏิจฺฉาเทตา โหติ, น ธูมํ กตฺตา โหติ, น ติตฺถํ ชานาติ, น ปีตํ ชานาติ, น วีถึ ชานาติ, น โคจรกุสโล โหติ อนวเสสโทหี จ โหติ. เย เต อุสภา โคปิตโร โคปริณายกา เต น อติเรกปูชาย ปูเชตา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, เอกาทสหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต โคปาลโก อภพฺโพ โคคณํ ปริหริตุํ ผาตึ กาตุํ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เอกาทสหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุํ. กตเมหิ เอกาทสหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น รูปฺู โหติ, น ลกฺขณกุสโล โหติ, น อาสาฏิกํ หาเรตา โหติ, น วณํ ปฏิจฺฉาเทตา โหติ, น ธูมํ กตฺตา โหติ, น ติตฺถํ ชานาติ, น ปีตํ ชานาติ, น วีถึ ชานาติ, น โคจรกุสโล โหติ, อนวเสสโทหี จ โหติ. เย เต ภิกฺขู เถรา รตฺตฺู จิรปพฺพชิตา สงฺฆปิตโร สงฺฆปริณายกา เต น อติเรกปูชาย ปูเชตา โหติ.

๓๔๗. ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น รูปฺู โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยํ กิฺจิ รูปํ สพฺพํ รูปํ ‘จตฺตาริ มหาภูตานิ, จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น รูปฺู โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ลกฺขณกุสโล โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘กมฺมลกฺขโณ พาโล, กมฺมลกฺขโณ ปณฺฑิโต’ติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ลกฺขณกุสโล โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น อาสาฏิกํ หาเรตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ อธิวาเสติ, นปฺปชหติ น วิโนเทติ น พฺยนฺตี กโรติ น อนภาวํ คเมติ. อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ…เป… อุปฺปนฺนํ วิหึสาวิตกฺกํ…เป… อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม อธิวาเสติ, นปฺปชหติ น วิโนเทติ น พฺยนฺตี กโรติ น อนภาวํ คเมติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น อาสาฏิกํ หาเรตา โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น วณํ ปฏิจฺฉาเทตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา นิมิตฺตคฺคาหี โหติ อนุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย น ปฏิปชฺชติ, น รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย น สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย นิมิตฺตคฺคาหี โหติ อนุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย น ปฏิปชฺชติ, น รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย น สํวรํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น วณํ ปฏิจฺฉาเทตา โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ธูมํ กตฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ น วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสตา โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ธูมํ กตฺตา โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ติตฺถํ ชานาติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เย เต ภิกฺขู พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา, เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา น ปริปุจฺฉติ, น ปริปฺหติ – ‘อิทํ, ภนฺเต, กถํ? อิมสฺส โก อตฺโถ’ติ? ตสฺส เต อายสฺมนฺโต อวิวฏฺเจว น วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตฺจ น อุตฺตานี กโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาานีเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ น ปฏิวิโนเทนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ติตฺถํ ชานาติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ปีตํ ชานาติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย เทสิยมาเน น ลภติ อตฺถเวทํ, น ลภติ ธมฺมเวทํ, น ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ปีตํ ชานาติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น วีถึ ชานาติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น วีถึ ชานาติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น โคจรกุสโล โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จตฺตาโร สติปฏฺาเน ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว , ภิกฺขุ น โคจรกุสโล โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนวเสสโทหี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ สทฺธา คหปติกา อภิหฏฺุํ ปวาเรนฺติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ, ตตฺร ภิกฺขุ มตฺตํ น ชานาติ ปฏิคฺคหณาย. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนวเสสโทหี โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เย เต ภิกฺขู เถรา รตฺตฺู จิรปพฺพชิตา สงฺฆปิตโร สงฺฆปริณายกา เต น อติเรกปูชาย ปูเชตา โหติ ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เย เต ภิกฺขู เถรา รตฺตฺู จิรปพฺพชิตา สงฺฆปิตโร สงฺฆปริณายกา, เตสุ น เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺาเปติ อาวิ เจว รโห จ; น เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฏฺาเปติ อาวิ เจว รโห จ; น เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺาเปติ อาวิ เจว รโห จ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เย เต ภิกฺขู เถรา รตฺตฺู จิรปพฺพชิตา สงฺฆปิตโร สงฺฆปริณายกา เต น อติเรกปูชาย ปูเชตา โหติ.

‘‘อิเมหิ โข ภิกฺขเว เอกาทสหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุํ.

๓๔๘. ‘‘เอกาทสหิ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต โคปาลโก ภพฺโพ โคคณํ ปริหริตุํ ผาตึ กาตุํ. กตเมหิ เอกาทสหิ? อิธ, ภิกฺขเว , โคปาลโก รูปฺู โหติ, ลกฺขณกุสโล โหติ, อาสาฏิกํ หาเรตา โหติ, วณํ ปฏิจฺฉาเทตา โหติ, ธูมํ กตฺตา โหติ, ติตฺถํ ชานาติ, ปีตํ ชานาติ, วีถึ ชานาติ, โคจรกุสโล โหติ, สาวเสสโทหี จ โหติ. เย เต อุสภา โคปิตโร โคปริณายกา เต อติเรกปูชาย ปูเชตา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, เอกาทสหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต โคปาลโก ภพฺโพ โคคณํ ปริหริตุํ ผาตึ กาตุํ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เอกาทสหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุํ. กตเมหิ เอกาทสหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รูปฺู โหติ, ลกฺขณกุสโล โหติ, อาสาฏิกํ หาเรตา โหติ, วณํ ปฏิจฺฉาเทตา โหติ, ธูมํ กตฺตา โหติ, ติตฺถํ ชานาติ, ปีตํ ชานาติ, วีถึ ชานาติ, โคจรกุสโล โหติ, สาวเสสโทหี จ โหติ. เย เต ภิกฺขู เถรา รตฺตฺู จิรปพฺพชิตา สงฺฆปิตโร สงฺฆปริณายกา เต อติเรกปูชาย ปูเชตา โหติ.

๓๔๙. ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รูปฺู โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยํ กิฺจิ รูปํ สพฺพํ รูปํ ‘จตฺตาริ มหาภูตานิ , จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รูปฺู โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ลกฺขณกุสโล โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กมฺมลกฺขโณ พาโล, กมฺมลกฺขโณ ปณฺฑิโตติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ลกฺขณกุสโล โหติ.

‘‘กถฺจ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาสาฏิกํ หาเรตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตี กโรติ อนภาวํ คเมติ. อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ…เป… อุปฺปนฺนํ วิหึสาวิตกฺกํ…เป… อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม นาธิวาเสติ, ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตี กโรติ อนภาวํ คเมติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาสาฏิกํ หาเรตา โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณํ ปฏิจฺฉาเทตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณํ ปฏิจฺฉาเทตา โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธูมํ กตฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสตา โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธูมํ กตฺตา โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ติตฺถํ ชานาติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เย เต ภิกฺขู พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ, ปริปฺหติ – ‘อิทํ, ภนฺเต, กถํ? อิมสฺส โก อตฺโถ’ติ? ตสฺส เต อายสฺมนฺโต อวิวฏฺเจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตฺจ อุตฺตานี กโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาานีเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ติตฺถํ ชานาติ.

‘‘กถฺจ ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปีตํ ชานาติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย เทสิยมาเน ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปีตํ ชานาติ.

‘‘กถฺจ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วีถึ ชานาติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วีถึ ชานาติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โคจรกุสโล โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จตฺตาโร สติปฏฺาเน ยถาภูตํ ปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โคจรกุสโล โหติ.

‘‘กถฺจ ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สาวเสสโทหี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ สทฺธา คหปติกา อภิหฏฺุํ ปวาเรนฺติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ. ตตฺร ภิกฺขุ มตฺตํ ชานาติ ปฏิคฺคหณาย. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สาวเสสโทหี โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เย เต ภิกฺขู เถรา รตฺตฺู จิรปพฺพชิตา สงฺฆปิตโร สงฺฆปริณายกา, เต อติเรกปูชาย ปูเชตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เย เต ภิกฺขู เถรา รตฺตฺู จิรปพฺพชิตา สงฺฆปิตโร สงฺฆปริณายกา เตสุ เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺาเปติ อาวิ เจว รโห จ; เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฏฺาเปติ อาวิ เจว รโห จ; เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺาเปติ อาวิ เจว รโห จ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เย เต ภิกฺขู เถรา รตฺตฺู จิรปพฺพชิตา สงฺฆปิตโร สงฺฆปริณายกา เต อติเรกปูชาย ปูเชตา โหติ.

‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, เอกาทสหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุ’’นฺติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

มหาโคปาลกสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.

๔. จูฬโคปาลกสุตฺตํ

๓๕๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา วชฺชีสุ วิหรติ อุกฺกเจลายํ คงฺคาย นทิยา ตีเร. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘ภูตปุพฺพํ , ภิกฺขเว, มาคธโก โคปาลโก ทุปฺปฺชาติโก, วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย, อสมเวกฺขิตฺวา คงฺคาย นทิยา โอริมํ ตีรํ, อสมเวกฺขิตฺวา ปาริมํ ตีรํ, อติตฺเถเนว คาโว ปตาเรสิ อุตฺตรํ ตีรํ สุวิเทหานํ. อถ โข, ภิกฺขเว, คาโว มชฺเฌคงฺคาย นทิยา โสเต อามณฺฑลิยํ กริตฺวา ตตฺเถว อนยพฺยสนํ อาปชฺชึสุ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส, ภิกฺขเว, มาคธโก โคปาลโก ทุปฺปฺชาติโก, วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย, อสมเวกฺขิตฺวา คงฺคาย นทิยา โอริมํ ตีรํ, อสมเวกฺขิตฺวา ปาริมํ ตีรํ, อติตฺเถเนว คาโว ปตาเรสิ อุตฺตรํ ตีรํ สุวิเทหานํ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย หิ เกจิ [เย เกจิ (สฺยา. กํ.)] สมณา วา พฺราหฺมณา วา อกุสลา อิมสฺส โลกสฺส อกุสลา ปรสฺส โลกสฺส, อกุสลา มารเธยฺยสฺส อกุสลา อมารเธยฺยสฺส, อกุสลา มจฺจุเธยฺยสฺส อกุสลา อมจฺจุเธยฺยสฺส, เตสํ เย โสตพฺพํ สทฺทหาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, เตสํ ตํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย.

๓๕๑. ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, มาคธโก โคปาลโก สปฺปฺชาติโก, วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย, สมเวกฺขิตฺวา คงฺคาย นทิยา โอริมํ ตีรํ, สมเวกฺขิตฺวา ปาริมํ ตีรํ, ติตฺเถเนว คาโว ปตาเรสิ อุตฺตรํ ตีรํ สุวิเทหานํ. โส ปมํ ปตาเรสิ เย เต อุสภา โคปิตโร โคปริณายกา. เต ติริยํ คงฺคาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ อคมํสุ. อถาปเร ปตาเรสิ พลวคาโว ทมฺมคาโว. เตปิ ติริยํ คงฺคาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ อคมํสุ. อถาปเร ปตาเรสิ วจฺฉตเร วจฺฉตริโย. เตปิ ติริยํ คงฺคาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ อคมํสุ. อถาปเร ปตาเรสิ วจฺฉเก กิสาพลเก [กิสพลเก (สี. สฺยา. ปี.)]. เตปิ ติริยํ คงฺคาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ อคมํสุ. ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, วจฺฉโก ตรุณโก ตาวเทว ชาตโก มาตุโครวเกน วุยฺหมาโน, โสปิ ติริยํ คงฺคาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ อคมาสิ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส, ภิกฺขเว, มาคธโก โคปาลโก สปฺปฺชาติโก , วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย, สมเวกฺขิตฺวา คงฺคาย นทิยา โอริมํ ตีรํ, สมเวกฺขิตฺวา ปาริมํ ตีรํ, ติตฺเถเนว คาโว ปตาเรสิ อุตฺตรํ ตีรํ สุวิเทหานํ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กุสลา อิมสฺส โลกสฺส กุสลา ปรสฺส โลกสฺส, กุสลา มารเธยฺยสฺส กุสลา อมารเธยฺยสฺส, กุสลา มจฺจุเธยฺยสฺส กุสลา อมจฺจุเธยฺยสฺส, เตสํ เย โสตพฺพํ สทฺทหาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, เตสํ ตํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย.

๓๕๒. ‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, เย เต อุสภา โคปิตโร โคปริณายกา เต ติริยํ คงฺคาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ อคมํสุ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เต ภิกฺขู อรหนฺโต ขีณาสวา วุสิตวนฺโต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสํโยชนา สมฺมทฺา วิมุตฺตา, เต ติริยํ มารสฺส โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คตา.

‘‘เสยฺยถาปิ เต, ภิกฺขเว, พลวคาโว ทมฺมคาโว ติริยํ คงฺคาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ อคมํสุ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เต ภิกฺขู ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายิโน อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา, เตปิ ติริยํ มารสฺส โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คมิสฺสนฺติ.

‘‘เสยฺยถาปิ เต, ภิกฺขเว, วจฺฉตรา วจฺฉตริโย ติริยํ คงฺคาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ อคมํสุ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เต ภิกฺขู ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามิโน สกึเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติ, เตปิ ติริยํ มารสฺส โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คมิสฺสนฺติ.

‘‘เสยฺยถาปิ เต, ภิกฺขเว, วจฺฉกา กิสาพลกา ติริยํ คงฺคาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ อคมํสุ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เต ภิกฺขู ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายนา, เตปิ ติริยํ มารสฺส โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คมิสฺสนฺติ.

‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, วจฺฉโก ตรุณโก ตาวเทว ชาตโก มาตุโครวเกน วุยฺหมาโน ติริยํ คงฺคาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ อคมาสิ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เต ภิกฺขู ธมฺมานุสาริโน สทฺธานุสาริโน, เตปิ ติริยํ มารสฺส โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คมิสฺสนฺติ.

‘‘อหํ โข ปน, ภิกฺขเว, กุสโล อิมสฺส โลกสฺส กุสโล ปรสฺส โลกสฺส, กุสโล มารเธยฺยสฺส กุสโล อมารเธยฺยสฺส, กุสโล มจฺจุเธยฺยสฺส กุสโล อมจฺจุเธยฺยสฺส. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เย โสตพฺพํ สทฺทหาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, เตสํ ตํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อิทํ วตฺวา สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –

‘‘อยํ โลโก ปโร โลโก, ชานตา สุปฺปกาสิโต;

ยฺจ มาเรน สมฺปตฺตํ, อปฺปตฺตํ ยฺจ มจฺจุนา.

‘‘สพฺพํ โลกํ อภิฺาย, สมฺพุทฺเธน ปชานตา;

วิวฏํ อมตทฺวารํ, เขมํ นิพฺพานปตฺติยา.

‘‘ฉินฺนํ ปาปิมโต โสตํ, วิทฺธสฺตํ วินฬีกตํ;

ปาโมชฺชพหุลา โหถ, เขมํ ปตฺตตฺถ [ปตฺเถถ (สฺยา. กํ. ก. อฏฺกถายํ สํวณฺเณตพฺพปาโ)] ภิกฺขโว’’ติ.

จูฬโคปาลกสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.

๕. จูฬสจฺจกสุตฺตํ

๓๕๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. เตน โข ปน สมเยน สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต เวสาลิยํ ปฏิวสติ ภสฺสปฺปวาทโก ปณฺฑิตวาโท สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส. โส เวสาลิยํ ปริสติ เอวํ วาจํ ภาสติ – ‘‘นาหํ ตํ ปสฺสามิ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, สงฺฆึ คณึ คณาจริยํ, อปิ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปฏิชานมานํ, โย มยา วาเทน วาทํ สมารทฺโธ น สงฺกมฺเปยฺย น สมฺปกมฺเปยฺย น สมฺปเวเธยฺย, ยสฺส น กจฺเฉหิ เสทา มุจฺเจยฺยุํ. ถูณํ เจปาหํ อเจตนํ วาเทน วาทํ สมารเภยฺยํ, สาปิ มยา วาเทน วาทํ สมารทฺธา สงฺกมฺเปยฺย สมฺปกมฺเปยฺย สมฺปเวเธยฺย. โก ปน วาโท มนุสฺสภูตสฺสา’’ติ?

อถ โข อายสฺมา อสฺสชิ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อทฺทสา โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต เวสาลิยํ ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน อายสฺมนฺตํ อสฺสชึ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน เยนายสฺมา อสฺสชิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อสฺสชินา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต อายสฺมนฺตํ อสฺสชึ เอตทโวจ – ‘‘กถํ ปน, โภ อสฺสชิ, สมโณ โคตโม สาวเก วิเนติ, กถํภาคา จ ปน สมณสฺส โคตมสฺส สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตตี’’ติ? ‘‘เอวํ โข, อคฺคิเวสฺสน, ภควา สาวเก วิเนติ, เอวํภาคา จ ปน ภควโต สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตติ – ‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ, เวทนา อนิจฺจา, สฺา อนิจฺจา, สงฺขารา อนิจฺจา, วิฺาณํ อนิจฺจํ. รูปํ, ภิกฺขเว, อนตฺตา, เวทนา อนตฺตา, สฺา อนตฺตา, สงฺขารา อนตฺตา, วิฺาณํ อนตฺตา. สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’ติ. เอวํ โข, อคฺคิเวสฺสน, ภควา สาวเก วิเนติ, เอวํภาคา จ ปน ภควโต สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตตี’’ติ. ‘‘ทุสฺสุตํ วต, โภ อสฺสชิ, อสฺสุมฺห เย มยํ เอวํวาทึ สมณํ โคตมํ อสฺสุมฺห. อปฺเปว นาม มยํ กทาจิ กรหจิ เตน โภตา โคตเมน สทฺธึ สมาคจฺเฉยฺยาม , อปฺเปว นาม สิยา โกจิเทว กถาสลฺลาโป, อปฺเปว นาม ตสฺมา ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจยฺยามา’’ติ.

๓๕๔. เตน โข ปน สมเยน ปฺจมตฺตานิ ลิจฺฉวิสตานิ สนฺถาคาเร [สนฺธาคาเร (ก.)] สนฺนิปติตานิ โหนฺติ เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต เยน เต ลิจฺฉวี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ลิจฺฉวี เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกมนฺตุ โภนฺโต ลิจฺฉวี, อภิกฺกมนฺตุ โภนฺโต ลิจฺฉวี, อชฺช เม สมเณน โคตเมน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ภวิสฺสติ. สเจ เม สมโณ โคตโม ตถา ปติฏฺิสฺสติ ยถา จ เม [ยถาสฺส เม (สี. ปี.)] าตฺตเรน สาวเกน อสฺสชินา นาม ภิกฺขุนา ปติฏฺิตํ, เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส ทีฆโลมิกํ เอฬกํ โลเมสุ คเหตฺวา อากฑฺเฒยฺย ปริกฑฺเฒยฺย สมฺปริกฑฺเฒยฺย , เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ อากฑฺฒิสฺสามิ ปริกฑฺฒิสฺสามิ สมฺปริกฑฺฒิสฺสามิ. เสยฺยถาปิ นาม พลวา โสณฺฑิกากมฺมกาโร มหนฺตํ โสณฺฑิกากิฬฺชํ คมฺภีเร อุทกรหเท ปกฺขิปิตฺวา กณฺเณ คเหตฺวา อากฑฺเฒยฺย ปริกฑฺเฒยฺย สมฺปริกฑฺเฒยฺย, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ อากฑฺฒิสฺสามิ ปริกฑฺฒิสฺสามิ สมฺปริกฑฺฒิสฺสามิ. เสยฺยถาปิ นาม พลวา โสณฺฑิกาธุตฺโต วาลํ [ถาลํ (ก.)] กณฺเณ คเหตฺวา โอธุเนยฺย นิทฺธุเนยฺย นิปฺโผเฏยฺย [นิจฺฉาเทยฺย (สี. ปี. ก.), นิจฺโฉเฏยฺย (ก.), นิปฺโปเยฺย (สฺยา. กํ.)] เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ โอธุนิสฺสามิ นิทฺธุนิสฺสามิ นิปฺโผเฏสฺสามิ. เสยฺยถาปิ นาม กุฺชโร สฏฺิหายโน คมฺภีรํ โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา สาณโธวิกํ นาม กีฬิตชาตํ กีฬติ, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ สาณโธวิกํ มฺเ กีฬิตชาตํ กีฬิสฺสามิ. อภิกฺกมนฺตุ โภนฺโต ลิจฺฉวี, อภิกฺกมนฺตุ โภนฺโต ลิจฺฉวี, อชฺช เม สมเณน โคตเมน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ภวิสฺสตี’’ติ. ตตฺเรกจฺเจ ลิจฺฉวี เอวมาหํสุ – ‘‘กึ สมโณ โคตโม สจฺจกสฺส นิคณฺปุตฺตสฺส วาทํ อาโรเปสฺสติ, อถ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสตี’’ติ? เอกจฺเจ ลิจฺฉวี เอวมาหํสุ – ‘‘กึ โส ภวมาโน สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต โย ภควโต วาทํ อาโรเปสฺสติ, อถ โข ภควา สจฺจกสฺส นิคณฺปุตฺตสฺส วาทํ อาโรเปสฺสตี’’ติ? อถ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ปฺจมตฺเตหิ ลิจฺฉวิสเตหิ ปริวุโต เยน มหาวนํ กูฏาคารสาลา เตนุปสงฺกมิ.

๓๕๕. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู อพฺโภกาเส จงฺกมนฺติ. อถ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘กหํ นุ โข, โภ, เอตรหิ โส ภวํ โคตโม วิหรติ? ทสฺสนกามา หิ มยํ ตํ ภวนฺตํ โคตม’’นฺติ . ‘‘เอส, อคฺคิเวสฺสน, ภควา มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสินฺโน’’ติ. อถ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต มหติยา ลิจฺฉวิปริสาย สทฺธึ มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เตปิ โข ลิจฺฉวี อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.

๓๕๖. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปุจฺเฉยฺยาหํ ภวนฺตํ โคตมํ กิฺจิเทว เทสํ, สเจ เม ภวํ โคตโม โอกาสํ กโรติ ปฺหสฺส เวยฺยากรณายา’’ติ. ‘‘ปุจฺฉ, อคฺคิเวสฺสน , ยทากงฺขสี’’ติ . ‘‘กถํ ปน ภวํ โคตโม สาวเก วิเนติ, กถํภาคา จ ปน โภโต โคตมสฺส สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตตี’’ติ? ‘‘เอวํ โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, สาวเก วิเนมิ, เอวํภาคา จ ปน เม สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตติ – ‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ, เวทนา อนิจฺจา, สฺา อนิจฺจา, สงฺขารา อนิจฺจา, วิฺาณํ อนิจฺจํ. รูปํ, ภิกฺขเว, อนตฺตา, เวทนา อนตฺตา, สฺา อนตฺตา, สงฺขารา อนตฺตา, วิฺาณํ อนตฺตา. สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’ติ. เอวํ โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, สาวเก วิเนมิ, เอวํภาคา จ ปน เม สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตตี’’ติ.

‘‘อุปมา มํ, โภ โคตม, ปฏิภาตี’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, อคฺคิเวสฺสนา’’ติ ภควา อโวจ.

‘‘เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, เย เกจิเม พีชคามภูตคามา วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺติ, สพฺเพ เต ปถวึ นิสฺสาย ปถวิยํ ปติฏฺาย. เอวเมเต พีชคามภูตคามา วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺติ. เสยฺยถาปิ วา ปน, โภ โคตม, เย เกจิเม พลกรณียา กมฺมนฺตา กรียนฺติ, สพฺเพ เต ปถวึ นิสฺสาย ปถวิยํ ปติฏฺาย. เอวเมเต พลกรณียา กมฺมนฺตา กรียนฺติ. เอวเมว โข, โภ โคตม, รูปตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล รูเป ปติฏฺาย ปุฺํ วา อปุฺํ วา ปสวติ, เวทนตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล เวทนายํ ปติฏฺาย ปุฺํ วา อปุฺํ วา ปสวติ, สฺตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล สฺายํ ปติฏฺาย ปุฺํ วา อปุฺํ วา ปสวติ, สงฺขารตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล สงฺขาเรสุ ปติฏฺาย ปุฺํ วา อปุฺํ วา ปสวติ, วิฺาณตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล วิฺาเณ ปติฏฺาย ปุฺํ วา อปุฺํ วา ปสวตี’’ติ.

‘‘นนุ ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, เอวํ วเทสิ – ‘รูปํ เม อตฺตา, เวทนา เม อตฺตา, สฺา เม อตฺตา, สงฺขารา เม อตฺตา, วิฺาณํ เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘อหฺหิ, โภ โคตม , เอวํ วทามิ – ‘รูปํ เม อตฺตา, เวทนา เม อตฺตา, สฺา เม อตฺตา, สงฺขารา เม อตฺตา, วิฺาณํ เม อตฺตา’ติ, อยฺจ มหตี ชนตา’’ติ.

‘‘กิฺหิ เต, อคฺคิเวสฺสน, มหตี ชนตา กริสฺสติ? อิงฺฆ ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, สกฺเว วาทํ นิพฺเพเหี’’ติ. ‘‘อหฺหิ, โภ โคตม, เอวํ วทามิ – ‘รูปํ เม อตฺตา, เวทนา เม อตฺตา, สฺา เม อตฺตา, สงฺขารา เม อตฺตา, วิฺาณํ เม อตฺตา’’’ติ.

๓๕๗. ‘‘เตน หิ, อคฺคิเวสฺสน, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ, ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ [ตถา ตํ (ก.)] พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ , อคฺคิเวสฺสน, วตฺเตยฺย รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส สกสฺมึ วิชิเต วโส – ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุํ, ชาเปตายํ วา ชาเปตุํ, ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุํ, เสยฺยถาปิ รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส, เสยฺยถาปิ วา ปน รฺโ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺสา’’ติ? ‘‘วตฺเตยฺย, โภ โคตม, รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส สกสฺมึ วิชิเต วโส – ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุํ, ชาเปตายํ วา ชาเปตุํ, ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุํ, เสยฺยถาปิ รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส, เสยฺยถาปิ วา ปน รฺโ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺส. อิเมสมฺปิ หิ, โภ โคตม, สงฺฆานํ คณานํ – เสยฺยถิทํ, วชฺชีนํ มลฺลานํ – วตฺตติ สกสฺมึ วิชิเต วโส – ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุํ, ชาเปตายํ วา ชาเปตุํ, ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุํ. กึ ปน รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส, เสยฺยถาปิ รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส , เสยฺยถาปิ วา ปน รฺโ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺส? วตฺเตยฺย, โภ โคตม, วตฺติตุฺจ มรหตี’’ติ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘รูปํ เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต ตสฺมึ รูเป วโส – เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’’ติ? เอวํ วุตฺเต, สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข ภควา สจฺจกํ นิคณฺปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘รูปํ เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต ตสฺมึ รูเป วโส – เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’’ติ? ทุติยมฺปิ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ. อถ โข ภควา สจฺจกํ นิคณฺปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากโรหิ ทานิ, อคฺคิเวสฺสน, น ทานิ เต ตุณฺหีภาวสฺส กาโล. โย โกจิ, อคฺคิเวสฺสน ตถาคเตน ยาวตติยํ สหธมฺมิกํ ปฺหํ ปุฏฺโ น พฺยากโรติ, เอตฺเถวสฺส สตฺตธา มุทฺธา ผลตี’’ติ.

เตน โข ปน สมเยน วชิรปาณิ ยกฺโข อายสํ วชิรํ อาทาย อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ สจฺจกสฺส นิคณฺปุตฺตสฺส อุปริเวหาสํ ิโต โหติ – ‘สจายํ สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภควตา ยาวตติยํ สหธมฺมิกํ ปฺหํ ปุฏฺโ น พฺยากริสฺสติ เอตฺเถวสฺส สตฺตธา มุทฺธํ ผาเลสฺสามี’ติ. ตํ โข ปน วชิรปาณึ ยกฺขํ ภควา เจว ปสฺสติ สจฺจโก จ นิคณฺปุตฺโต. อถ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภีโต สํวิคฺโค โลมหฏฺชาโต ภควนฺตํเยว ตาณํ คเวสี ภควนฺตํเยว เลณํ คเวสี ภควนฺตํเยว สรณํ คเวสี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปุจฺฉตุ มํ ภวํ โคตโม, พฺยากริสฺสามี’’ติ.

๓๕๘. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘รูปํ เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต ตสฺมึ รูเป วโส – เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’.

‘‘มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิ. น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ. ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘เวทนา เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต ติสฺสํ เวทนายํ [ตายํ เวทนายํ (สี. สฺยา.)] วโส – เอวํ เม เวทนา โหตุ, เอวํ เม เวทนา มา อโหสี’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’.

‘‘มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิ. น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ. ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน , ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘สฺา เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต ติสฺสํ สฺายํ วโส – เอวํ เม สฺา โหตุ, เอวํ เม สฺา มา อโหสี’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’.

‘‘มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน ; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิ. น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ. ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘สงฺขารา เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต เตสุ สงฺขาเรสุ วโส – เอวํ เม สงฺขารา โหนฺตุ, เอวํ เม สงฺขารา มา อเหสุ’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’.

‘‘มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิ. น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ. ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘วิฺาณํ เม อตฺตา’ติ, วตฺตติ เต ตสฺมึ วิฺาเณ วโส – เอวํ เม วิฺาณํ โหตุ, เอวํ เม วิฺาณํ มา อโหสี’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’.

‘‘มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิ. น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ. ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, โภ โคตม’’. ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, โภ โคตม’’. ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา…เป… สฺา…เป… สงฺขารา…เป… ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, วิฺาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, โภ โคตม’’. ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, โภ โคตม’’. ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, โย นุ โข ทุกฺขํ อลฺลีโน ทุกฺขํ อุปคโต ทุกฺขํ อชฺโฌสิโต , ทุกฺขํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ, อปิ นุ โข โส สามํ วา ทุกฺขํ ปริชาเนยฺย, ทุกฺขํ วา ปริกฺเขเปตฺวา วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘กิฺหิ สิยา, โภ โคตม? โน หิทํ, โภ โคตมา’’ติ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, นนุ ตฺวํ เอวํ สนฺเต ทุกฺขํ อลฺลีโน ทุกฺขํ อุปคโต ทุกฺขํ อชฺโฌสิโต, ทุกฺขํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘กิฺหิ โน สิยา, โภ โคตม? เอวเมตํ โภ โคตมา’’ติ.

๓๕๙. ‘‘เสยฺยถาปิ , อคฺคิเวสฺสน, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน ติณฺหํ กุารึ [กุธารึ (สฺยา. กํ. ก.)] อาทาย วนํ ปวิเสยฺย. โส ตตฺถ ปสฺเสยฺย มหนฺตํ กทลิกฺขนฺธํ อุชุํ นวํ อกุกฺกุกชาตํ [อกุกฺกุฏชาตํ (สฺยา. กํ.)]. ตเมนํ มูเล ฉินฺเทยฺย, มูเล เฉตฺวา อคฺเค ฉินฺเทยฺย, อคฺเค เฉตฺวา ปตฺตวฏฺฏึ วินิพฺภุเชยฺย [วินิพฺภุชฺเชยฺย (ก.)]. โส ตตฺถ ปตฺตวฏฺฏึ วินิพฺภุชนฺโต เผคฺคุมฺปิ นาธิคจฺเฉยฺย, กุโต สารํ? เอวเมว โข ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, มยา สกสฺมึ วาเท สมนุยุฺชิยมาโน สมนุคาหิยมาโน สมนุภาสิยมาโน ริตฺโต ตุจฺโฉ อปรทฺโธ. ภาสิตา โข ปน เต เอสา, อคฺคิเวสฺสน, เวสาลิยํ ปริสติ วาจา – ‘นาหํ ตํ ปสฺสามิ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, สงฺฆึ คณึ คณาจริยํ, อปิ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปฏิชานมานํ, โย มยา วาเทน วาทํ สมารทฺโธ น สงฺกมฺเปยฺย น สมฺปกมฺเปยฺย น สมฺปเวเธยฺย, ยสฺส น กจฺเฉหิ เสทา มุจฺเจยฺยุํ. ถูณํ เจปาหํ อเจตนํ วาเทน วาทํ สมารเภยฺยํ สาปิ มยา วาเทน วาทํ สมารทฺธา สงฺกมฺเปยฺย สมฺปกมฺเปยฺย สมฺปเวเธยฺย. โก ปน วาโท มนุสฺสภูตสฺสา’ติ? ตุยฺหํ โข ปน, อคฺคิเวสฺสน, อปฺเปกจฺจานิ เสทผุสิตานิ นลาฏา มุตฺตานิ, อุตฺตราสงฺคํ วินิภินฺทิตฺวา ภูมิยํ ปติฏฺิตานิ. มยฺหํ โข ปน, อคฺคิเวสฺสน, นตฺถิ เอตรหิ กายสฺมึ เสโท’’ติ. อิติ ภควา ตสฺมึ [ตสฺสํ (?)] ปริสติ สุวณฺณวณฺณํ กายํ วิวริ. เอวํ วุตฺเต, สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิ.

๓๖๐. อถ โข ทุมฺมุโข ลิจฺฉวิปุตฺโต สจฺจกํ นิคณฺปุตฺตํ ตุณฺหีภูตํ มงฺกุภูตํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ อปฺปฏิภานํ วิทิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อุปมา มํ, ภควา, ปฏิภาตี’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, ทุมฺมุขา’’ติ ภควา อโวจ. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร โปกฺขรณี. ตตฺราสฺส กกฺกฏโก. อถ โข, ภนฺเต, สมฺพหุลา กุมารกา วา กุมาริกา วา ตมฺหา คามา วา นิคมา วา นิกฺขมิตฺวา เยน สา โปกฺขรณี เตนุปสงฺกเมยฺยุํ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา ตํ กกฺกฏกํ อุทกา อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฏฺาเปยฺยุํ. ยฺเทว หิ โส, ภนฺเต, กกฺกฏโก อฬํ อภินินฺนาเมยฺย ตํ ตเทว เต กุมารกา วา กุมาริกา วา กฏฺเน วา กถเลน วา สฺฉินฺเทยฺยุํ สมฺภฺเชยฺยุํ สมฺปลิภฺเชยฺยุํ. เอวฺหิ โส, ภนฺเต, กกฺกฏโก สพฺเพหิ อเฬหิ สฺฉินฺเนหิ สมฺภคฺเคหิ สมฺปลิภคฺเคหิ อภพฺโพ ตํ โปกฺขรณึ ปุน โอตริตุํ, เสยฺยถาปิ ปุพฺเพ. เอวเมว โข, ภนฺเต, ยานิ สจฺจกสฺส นิคณฺปุตฺตสฺส วิสูกายิตานิ วิเสวิตานิ วิปฺผนฺทิตานิ ตานิปิ สพฺพานิ [วิปฺผนฺทิตานิ กานิจิ กานิจิ ตานิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ภควตา สฺฉินฺนานิ สมฺภคฺคานิ สมฺปลิภคฺคานิ; อภพฺโพ จ ทานิ, ภนฺเต, สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ปุน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตุํ ยทิทํ วาทาธิปฺปาโย’’ติ. เอวํ วุตฺเต, สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ทุมฺมุขํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ, ทุมฺมุข, อาคเมหิ ตฺวํ, ทุมฺมุข ( ) [(มุขโรสิ ตฺวํ ทุมฺมุข) (สฺยา. กํ.)] น มยํ ตยา สทฺธึ มนฺเตม, อิธ มยํ โภตา โคตเมน สทฺธึ มนฺเตม.

๓๖๑. ‘‘ติฏฺเตสา, โภ โคตม, อมฺหากฺเจว อฺเสฺจ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ วาจา. วิลาปํ วิลปิตํ มฺเ. กิตฺตาวตา จ นุ โข โภโต โคตมสฺส สาวโก สาสนกโร โหติ โอวาทปติกโร ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน วิหรตี’’ติ? ‘‘อิธ, อคฺคิเวสฺสน, มม สาวโก ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ; ยา กาจิ เวทนา…เป… ยา กาจิ สฺา…เป… เย เกจิ สงฺขารา…เป… ยํ กิฺจิ วิฺาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา, ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ วิฺาณํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. เอตฺตาวตา โข, อคฺคิเวสฺสน, มม สาวโก สาสนกโร โหติ โอวาทปติกโร ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน วิหรตี’’ติ.

‘‘กิตฺตาวตา ปน, โภ โคตม, ภิกฺขุ อรหํ โหติ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต’’ติ? ‘‘อิธ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา สพฺพํ รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา อนุปาทา วิมุตฺโต โหติ; ยา กาจิ เวทนา…เป… ยา กาจิ สฺา…เป… เย เกจิ สงฺขารา…เป… ยํ กิฺจิ วิฺาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา สพฺพํ วิฺาณํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา อนุปาทา วิมุตฺโต โหติ. เอตฺตาวตา โข, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ อรหํ โหติ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต. เอวํ วิมุตฺตจิตฺโต โข, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ ตีหิ อนุตฺตริเยหิ สมนฺนาคโต โหติ – ทสฺสนานุตฺตริเยน, ปฏิปทานุตฺตริเยน, วิมุตฺตานุตฺตริเยน. เอวํ วิมุตฺตจิตฺโต โข, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ ตถาคตฺเว สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ – พุทฺโธ โส ภควา โพธาย ธมฺมํ เทเสติ, ทนฺโต โส ภควา ทมถาย ธมฺมํ เทเสติ, สนฺโต โส ภควา สมถาย ธมฺมํ เทเสติ, ติณฺโณ โส ภควา ตรณาย ธมฺมํ เทเสติ, ปรินิพฺพุโต โส ภควา ปรินิพฺพานาย ธมฺมํ เทเสตี’’ติ.

๓๖๒. เอวํ วุตฺเต, สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มยเมว, โภ โคตม, ธํสี, มยํ ปคพฺพา, เย มยํ ภวนฺตํ โคตมํ วาเทน วาทํ อาสาเทตพฺพํ อมฺิมฺห. สิยา หิ, โภ โคตม, หตฺถึ ปภินฺนํ อาสชฺช ปุริสสฺส โสตฺถิภาโว, น ตฺเวว ภวนฺตํ โคตมํ อาสชฺช สิยา ปุริสสฺส โสตฺถิภาโว. สิยา หิ, โภ โคตม, ปชฺชลิตํ [ชลนฺตํ (สี. ปี.)] อคฺคิกฺขนฺธํ อาสชฺช ปุริสสฺส โสตฺถิภาโว , น ตฺเวว ภวนฺตํ โคตมํ อาสชฺช สิยา ปุริสสฺส โสตฺถิภาโว. สิยา หิ, โภ โคตม, อาสีวิสํ โฆรวิสํ อาสชฺช ปุริสสฺส โสตฺถิภาโว, น ตฺเวว ภวนฺตํ โคตมํ อาสชฺช สิยา ปุริสสฺส โสตฺถิภาโว. มยเมว, โภ โคตม, ธํสี, มยํ ปคพฺพา, เย มยํ ภวนฺตํ โคตมํ วาเทน วาทํ อาสาเทตพฺพํ อมฺิมฺห. อธิวาเสตุ [อธิวาเสตุ จ (ปี. ก.)] เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน.

๓๖๓. อถ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา เต ลิจฺฉวี อามนฺเตสิ – ‘‘สุณนฺตุ เม โภนฺโต ลิจฺฉวี, สมโณ เม โคตโม นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. เตน เม อภิหเรยฺยาถ ยมสฺส ปติรูปํ มฺเยฺยาถา’’ติ. อถ โข เต ลิจฺฉวี ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สจฺจกสฺส นิคณฺปุตฺตสฺส ปฺจมตฺตานิ ถาลิปากสตานิ ภตฺตาภิหารํ อภิหรึสุ. อถ โข นิคณฺปุตฺโต สเก อาราเม ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สจฺจกสฺส นิคณฺปุตฺตสฺส อาราโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. อถ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยมิทํ, โภ โคตม, ทาเน ปุฺฺจ ปุฺมหี จ ตํ ทายกานํ สุขาย โหตู’’ติ. ‘‘ยํ โข, อคฺคิเวสฺสน, ตาทิสํ ทกฺขิเณยฺยํ อาคมฺม อวีตราคํ อวีตโทสํ อวีตโมหํ, ตํ ทายกานํ ภวิสฺสติ. ยํ โข, อคฺคิเวสฺสน, มาทิสํ ทกฺขิเณยฺยํ อาคมฺม วีตราคํ วีตโทสํ วีตโมหํ, ตํ ตุยฺหํ ภวิสฺสตี’’ติ.

จูฬสจฺจกสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.

๖. มหาสจฺจกสุตฺตํ

๓๖๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. เตน โข ปน สมเยน ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ สุนิวตฺโถ โหติ ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปวิสิตุกาโม [ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย… ปวิสิตุกาโม โหติ (สี.)]. อถ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน มหาวนํ กูฏาคารสาลา เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข อายสฺมา อานนฺโท สจฺจกํ นิคณฺปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต อาคจฺฉติ ภสฺสปฺปวาทโก ปณฺฑิตวาโท สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส. เอโส โข, ภนฺเต, อวณฺณกาโม พุทฺธสฺส, อวณฺณกาโม ธมฺมสฺส, อวณฺณกาโม สงฺฆสฺส. สาธุ, ภนฺเต, ภควา มุหุตฺตํ นิสีทตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. อถ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ –

๓๖๕. ‘‘สนฺติ, โภ โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา กายภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, โน จิตฺตภาวนํ. ผุสนฺติ หิ เต, โภ โคตม, สารีริกํ ทุกฺขํ เวทนํ. ภูตปุพฺพํ, โภ โคตม, สารีริกาย ทุกฺขาย เวทนาย ผุฏฺสฺส สโต อูรุกฺขมฺโภปิ นาม ภวิสฺสติ, หทยมฺปิ นาม ผลิสฺสติ, อุณฺหมฺปิ โลหิตํ มุขโต อุคฺคมิสฺสติ, อุมฺมาทมฺปิ ปาปุณิสฺสติ [ปาปุณิสฺสนฺติ (สฺยา. กํ.)] จิตฺตกฺเขปํ. ตสฺส โข เอตํ, โภ โคตม, กายนฺวยํ จิตฺตํ โหติ, กายสฺส วเสน วตฺตติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อภาวิตตฺตา จิตฺตสฺส. สนฺติ ปน, โภ โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา จิตฺตภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, โน กายภาวนํ. ผุสนฺติ หิ เต, โภ โคตม, เจตสิกํ ทุกฺขํ เวทนํ. ภูตปุพฺพํ, โภ โคตม, เจตสิกาย ทุกฺขาย เวทนาย ผุฏฺสฺส สโต อูรุกฺขมฺโภปิ นาม ภวิสฺสติ, หทยมฺปิ นาม ผลิสฺสติ, อุณฺหมฺปิ โลหิตํ มุขโต อุคฺคมิสฺสติ, อุมฺมาทมฺปิ ปาปุณิสฺสติ จิตฺตกฺเขปํ. ตสฺส โข เอโส, โภ โคตม, จิตฺตนฺวโย กาโย โหติ, จิตฺตสฺส วเสน วตฺตติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อภาวิตตฺตา กายสฺส . ตสฺส มยฺหํ, โภ โคตม, เอวํ โหติ – ‘อทฺธา โภโต โคตมสฺส สาวกา จิตฺตภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, โน กายภาวน’’’นฺติ.

๓๖๖. ‘‘กินฺติ ปน เต, อคฺคิเวสฺสน, กายภาวนา สุตา’’ติ? ‘‘เสยฺยถิทํ – นนฺโท วจฺโฉ, กิโส สํกิจฺโจ, มกฺขลิ โคสาโล – เอเตหิ, โภ โคตม, อเจลกา มุตฺตาจารา หตฺถาปเลขนา นเอหิภทฺทนฺติกา นติฏฺภทฺทนฺติกา [นเอหิภทนฺติกา, นติฏฺภทนฺติกา (สี. สฺยา. กํ. ปี. ก.)] น อภิหฏํ น อุทฺทิสฺสกตํ น นิมนฺตนํ สาทิยนฺติ, เต น กุมฺภิมุขา ปฏิคฺคณฺหนฺติ น กโฬปิมุขา ปฏิคฺคณฺหนฺติ น เอฬกมนฺตรํ น ทณฺฑมนฺตรํ น มุสลมนฺตรํ น ทฺวินฺนํ ภุฺชมานานํ น คพฺภินิยา น ปายมานาย น ปุริสนฺตรคตาย น สงฺกิตฺตีสุ น ยตฺถ สา อุปฏฺิโต โหติ น ยตฺถ มกฺขิกา สณฺฑสณฺฑจารินี , น มจฺฉํ น มํสํ น สุรํ น เมรยํ น ถุโสทกํ ปิวนฺติ. เต เอกาคาริกา วา โหนฺติ เอกาโลปิกา, ทฺวาคาริกา วา โหนฺติ ทฺวาโลปิกา…เป… สตฺตาคาริกา วา โหนฺติ สตฺตาโลปิกา. เอกิสฺสาปิ ทตฺติยา ยาเปนฺติ, ทฺวีหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปนฺติ…เป… สตฺตหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปนฺติ. เอกาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรนฺติ, ทฺวีหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรนฺติ…เป… สตฺตาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรนฺติ. อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกมฺปิ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺตี’’ติ.

‘‘กึ ปน เต, อคฺคิเวสฺสน, ตาวตเกเนว ยาเปนฺตี’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม. อปฺเปกทา, โภ โคตม, อุฬารานิ อุฬารานิ ขาทนียานิ ขาทนฺติ, อุฬารานิ อุฬารานิ โภชนานิ ภุฺชนฺติ, อุฬารานิ อุฬารานิ สายนียานิ สายนฺติ, อุฬารานิ อุฬารานิ ปานานิ ปิวนฺติ. เต อิมํ กายํ พลํ คาเหนฺติ นาม, พฺรูเหนฺติ นาม, เมเทนฺติ นามา’’ติ.

‘‘ยํ โข เต, อคฺคิเวสฺสน, ปุริมํ ปหาย ปจฺฉา อุปจินนฺติ, เอวํ อิมสฺส กายสฺส อาจยาปจโย โหติ. กินฺติ ปน เต, อคฺคิเวสฺสน, จิตฺตภาวนา สุตา’’ติ? จิตฺตภาวนาย โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภควตา ปุฏฺโ สมาโน น สมฺปายาสิ.

๓๖๗. อถ โข ภควา สจฺจกํ นิคณฺปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยาปิ โข เต เอสา, อคฺคิเวสฺสน, ปุริมา กายภาวนา ภาสิตา สาปิ อริยสฺส วินเย โน ธมฺมิกา กายภาวนา. กายภาวนมฺปิ [กายภาวนํ หิ (สี. ปี. ก.)] โข ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, น อฺาสิ, กุโต ปน ตฺวํ จิตฺตภาวนํ ชานิสฺสสิ ? อปิ จ, อคฺคิเวสฺสน, ยถา อภาวิตกาโย จ โหติ อภาวิตจิตฺโต จ, ภาวิตกาโย จ โหติ ภาวิตจิตฺโต จ. ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –

๓๖๘. ‘‘กถฺจ , อคฺคิเวสฺสน, อภาวิตกาโย จ โหติ อภาวิตจิตฺโต จ? อิธ, อคฺคิเวสฺสน, อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อุปฺปชฺชติ สุขา เวทนา. โส สุขาย เวทนาย ผุฏฺโ สมาโน สุขสาราคี จ โหติ สุขสาราคิตฺจ อาปชฺชติ. ตสฺส สา สุขา เวทนา นิรุชฺฌติ. สุขาย เวทนาย นิโรธา อุปฺปชฺชติ ทุกฺขา เวทนา. โส ทุกฺขาย เวทนาย ผุฏฺโ สมาโน โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหํ อาปชฺชติ. ตสฺส โข เอสา, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนาปิ สุขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ อภาวิตตฺตา กายสฺส, อุปฺปนฺนาปิ ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ อภาวิตตฺตา จิตฺตสฺส. ยสฺส กสฺสจิ, อคฺคิเวสฺสน, เอวํ อุภโตปกฺขํ อุปฺปนฺนาปิ สุขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ อภาวิตตฺตา กายสฺส, อุปฺปนฺนาปิ ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ อภาวิตตฺตา จิตฺตสฺส, เอวํ โข, อคฺคิเวสฺสน, อภาวิตกาโย จ โหติ อภาวิตจิตฺโต จ.

๓๖๙. ‘‘กถฺจ, อคฺคิเวสฺสน, ภาวิตกาโย จ โหติ ภาวิตจิตฺโต จ? อิธ, อคฺคิเวสฺสน, สุตวโต อริยสาวกสฺส อุปฺปชฺชติ สุขา เวทนา. โส สุขาย เวทนาย ผุฏฺโ สมาโน น สุขสาราคี จ โหติ, น สุขสาราคิตฺจ อาปชฺชติ. ตสฺส สา สุขา เวทนา นิรุชฺฌติ. สุขาย เวทนาย นิโรธา อุปฺปชฺชติ ทุกฺขา เวทนา. โส ทุกฺขาย เวทนาย ผุฏฺโ สมาโน น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ น อุรตฺตาฬึ กนฺทติ น สมฺโมหํ อาปชฺชติ. ตสฺส โข เอสา, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนาปิ สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ ภาวิตตฺตา กายสฺส, อุปฺปนฺนาปิ ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ ภาวิตตฺตา จิตฺตสฺส. ยสฺส กสฺสจิ, อคฺคิเวสฺสน, เอวํ อุภโตปกฺขํ อุปฺปนฺนาปิ สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ ภาวิตตฺตา กายสฺส, อุปฺปนฺนาปิ ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ ภาวิตตฺตา จิตฺตสฺส. เอวํ โข, อคฺคิเวสฺสน, ภาวิตกาโย จ โหติ ภาวิตจิตฺโต จา’’ติ.

๓๗๐. ‘‘เอวํ ปสนฺโน อหํ โภโต โคตมสฺส! ภวฺหิ โคตโม ภาวิตกาโย จ โหติ ภาวิตจิตฺโต จา’’ติ . ‘‘อทฺธา โข เต อยํ, อคฺคิเวสฺสน, อาสชฺช อุปนีย วาจา ภาสิตา, อปิ จ เต อหํ พฺยากริสฺสามิ . ยโต โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, ตํ วต เม อุปฺปนฺนา วา สุขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย สฺสติ, อุปฺปนฺนา วา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย สฺสตีติ เนตํ านํ [เนตํ โขานํ (สี. ปี.)] วิชฺชตี’’ติ.

‘‘น หิ นูน [น หนูน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โภโต โคตมสฺส อุปฺปชฺชติ ตถารูปา สุขา เวทนา ยถารูปา อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺเยฺย; น หิ นูน โภโต โคตมสฺส อุปฺปชฺชติ ตถารูปา ทุกฺขา เวทนา ยถารูปา อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺเยฺยา’’ติ.

๓๗๑. ‘‘กิฺหิ โน สิยา, อคฺคิเวสฺสน? อิธ เม, อคฺคิเวสฺสน, ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต เอตทโหสิ – ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, อปเรน สมเยน ทหโรว สมาโน, สุสุกาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา, อกามกานํ มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ รุทนฺตานํ, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชึ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กึกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส กาลาม, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, อคฺคิเวสฺสน, อาฬาโร กาลาโม มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา, ตาทิโส อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิฺู ปุริโส นจิรสฺเสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณึ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตาวตเกเนว โอฏฺปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน าณวาทฺจ วทามิ เถรวาทฺจ, ‘ชานามิ ปสฺสามี’ติ จ ปฏิชานามิ, อหฺเจว อฺเ จ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ, อทฺธา อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหรตี’’’ติ.

‘‘อถ ขฺวาหํ, อคฺคิเวสฺสน, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ? เอวํ วุตฺเต, อคฺคิเวสฺสน, อาฬาโร กาลาโม อากิฺจฺายตนํ ปเวเทสิ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ วีริยํ, มยฺหํปตฺถิ วีริยํ; น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ สติ, มยฺหํปตฺถิ สติ; น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ สมาธิ, มยฺหํปตฺถิ สมาธิ; น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ ปฺา, มยฺหํปตฺถิ ปฺา; ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ อาฬาโร กาลาโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.

‘‘อถ ขฺวาหํ, อคฺคิเวสฺสน, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม , อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข อหํ, อาวุโส, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมี’ติ. ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ. ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจารึ ปสฺสาม. อิติ ยาหํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ ตมหํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิ. อิติ ยาหํ ธมฺมํ ชานามิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตมหํ ธมฺมํ ชานามิ. อิติ ยาทิโส อหํ ตาทิโส ตุวํ, ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส อหํ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, อุโภว สนฺตา อิมํ คณํ ปริหรามา’ติ. อิติ โข, อคฺคิเวสฺสน, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน (อตฺตโน) [( ) นตฺถิ (สี. ปี.)] อนฺเตวาสึ มํ สมานํ อตฺตนา สมสมํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว อากิฺจฺายตนูปปตฺติยา’ติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมึ.

๓๗๒. ‘‘โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, กึกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๗๘ ปาสราสิสุตฺเต] อิมสฺมึ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, อคฺคิเวสฺสน, อุทโก รามปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา, ตาทิโส อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิฺู ปุริโส นจิรสฺเสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณึ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตาวตเกเนว โอฏฺปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน าณวาทฺจ วทามิ เถรวาทฺจ, ‘ชานามิ ปสฺสามี’ติ จ ปฏิชานามิ, อหฺเจว อฺเ จ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘น โข ราโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสิ. อทฺธา ราโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหาสี’ติ. อถ ขฺวาหํ, อคฺคิเวสฺสน, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส ราโม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ? เอวํ วุตฺเต, อคฺคิเวสฺสน, อุทโก รามปุตฺโต เนวสฺานาสฺายตนํ ปเวเทสิ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘น โข รามสฺเสว อโหสิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข รามสฺเสว อโหสิ วีริยํ, มยฺหํปตฺถิ วีริยํ; น โข รามสฺเสว อโหสิ สติ, มยฺหํปตฺถิ สติ; น โข รามสฺเสว อโหสิ สมาธิ, มยฺหํปตฺถิ สมาธิ; น โข รามสฺเสว อโหสิ ปฺา, มยฺหํปตฺถิ ปฺา; ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสิ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.

‘‘อถ ขฺวาหํ, อคฺคิเวสฺสน, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ. ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ. ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจารึ ปสฺสาม. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ, ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ, ตํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม อภิฺาสิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตํ ธมฺมํ ราโม อภิฺาสิ. อิติ ยาทิโส ราโม อโหสิ ตาทิโส ตุวํ; ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส ราโม อโหสิ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, ตุวํ อิมํ คณํ ปริหรา’ติ. อิติ โข, อคฺคิเวสฺสน, อุทโก รามปุตฺโต สพฺรหฺมจารี เม สมาโน อาจริยฏฺาเน จ มํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว เนวสฺานาสฺายตนูปปตฺติยา’ติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมึ.

๓๗๓. ‘‘โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, กึกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน มคเธสุ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน อุรุเวลา เสนานิคโม ตทวสรึ. ตตฺถทฺทสํ รมณียํ ภูมิภาคํ, ปาสาทิกฺจ วนสณฺฑํ, นทิฺจ สนฺทนฺตึ เสตกํ สุปติตฺถํ รมณียํ, สมนฺตา จ โคจรคามํ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘รมณีโย วต, โภ, ภูมิภาโค, ปาสาทิโก จ วนสณฺโฑ, นที จ สนฺทติ เสตกา สุปติตฺถา รมณียา, สมนฺตา จ โคจรคาโม. อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานายา’ติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตตฺเถว นิสีทึ ‘อลมิทํ ปธานายา’ติ.

๓๗๔. ‘‘อปิสฺสุมํ, อคฺคิเวสฺสน, ติสฺโส อุปมา ปฏิภํสุ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อุทเก นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ, อุทเก นิกฺขิตฺตํ , อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อทุฺหิ, โภ โคตม, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ, ตฺจ ปน อุทเก นิกฺขิตฺตํ. ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ อวูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห, โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ, น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, ปมา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.

๓๗๕. ‘‘อปราปิ โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, ทุติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ, อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ, อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ, อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อทุฺหิ, โภ โคตม, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ, กิฺจาปิ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ. ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสาติ. เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ วูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ, น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, ทุติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา’’.

๓๗๖. ‘‘อปราปิ โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, ตติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ, อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, อคฺคิเวสฺสน, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ, อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ, อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อทุฺหิ, โภ โคตม, สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ, ตฺจ ปน อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺต’’นฺติ . ‘‘เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ วูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห, โส จ อชฺฌตฺตํ สุปฺปหีโน โหติ สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, ตติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. อิมา โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, ติสฺโส อุปมา ปฏิภํสุ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.’’

๓๗๗. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ทนฺเตภิ ทนฺตมาธาย [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๒๑ วิตกฺกสณฺานสุตฺเต], ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺเหยฺยํ อภินิปฺปีเฬยฺยํ อภิสนฺตาเปยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ทนฺเตภิ ทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหามิ อภินิปฺปีเฬมิ อภิสนฺตาเปมิ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, ทนฺเตภิ ทนฺตมาธาย ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ. เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, พลวา ปุริโส ทุพฺพลตรํ ปุริสํ สีเส วา คเหตฺวา ขนฺเธ วา คเหตฺวา อภินิคฺคณฺเหยฺย อภินิปฺปีเฬยฺย อภิสนฺตาเปยฺย, เอวเมว โข เม, อคฺคิเวสฺสน, ทนฺเตภิ ทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, อคฺคิเวสฺสน, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต. เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ.

๓๗๘. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ นิกฺขมนฺตานํ อธิมตฺโต สทฺโท โหติ. เสยฺยถาปิ นาม กมฺมารคคฺคริยา ธมมานาย อธิมตฺโต สทฺโท โหติ, เอวเมว โข เม, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ นิกฺขมนฺตานํ อธิมตฺโต สทฺโท โหติ. อารทฺธํ โข ปน เม, อคฺคิเวสฺสน, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา. สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต. เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ.

‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติ [อูหนฺติ (สี.), โอหนนฺติ (สฺยา. กํ.), อุหนนฺติ (ก.)]. เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, พลวา ปุริโส ติณฺเหน สิขเรน มุทฺธนิ อภิมตฺเถยฺย [มุทฺธานํ อภิมนฺเถยฺย (สี. ปี.), มุทฺธานํ อภิมตฺเถยฺย (สฺยา. กํ.)], เอวเมว โข เม, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, อคฺคิเวสฺสน, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา. สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต. เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ.

‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติ. เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, พลวา ปุริโส ทฬฺเหน วรตฺตกฺขณฺเฑน [วรตฺตกพนฺธเนน (สี.)] สีเส สีสเวํ ทเทยฺย, เอวเมว โข เม, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, อคฺคิเวสฺสน, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา. สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต. เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ.

‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา กุจฺฉึ ปริกนฺตนฺติ. เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, ทกฺโข โคฆาตโก วา โคฆาตกนฺเตวาสี วา ติณฺเหน โควิกนฺตเนน กุจฺฉึ ปริกนฺเตยฺย, เอวเมว โข เม, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา กุจฺฉึ ปริกนฺตนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, อคฺคิเวสฺสน, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา. สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต. เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ.

‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺโต กายสฺมึ ฑาโห โหติ. เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, ทฺเว พลวนฺโต ปุริสา ทุพฺพลตรํ ปุริสํ นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุยา สนฺตาเปยฺยุํ สมฺปริตาเปยฺยุํ, เอวเมว โข เม, อคฺคิเวสฺสน, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺโต กายสฺมึ ฑาโห โหติ. อารทฺธํ โข ปน เม, อคฺคิเวสฺสน, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา. สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต. เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ. อปิสฺสุ มํ, อคฺคิเวสฺสน, เทวตา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘กาลงฺกโต สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺจา เทวตา เอวมาหํสุ – ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, อปิ จ กาลงฺกโรตี’ติ. เอกจฺจา เทวตา เอวมาหํสุ – ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, นปิ กาลงฺกโรติ, อรหํ สมโณ โคตโม, วิหาโรตฺเวว โส [วิหาโรตฺเวเวโส (สี.)] อรหโต เอวรูโป โหตี’ติ [วิหาโรตฺเวเวโส อรหโต’’ติ (?)].

๓๗๙. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺเชยฺย’นฺติ. อถ โข มํ, อคฺคิเวสฺสน, เทวตา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘มา โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิ. สเจ โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิสฺสสิ, ตสฺส เต มยํ ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อชฺโฌหาเรสฺสาม [อชฺโฌหริสฺสาม (สฺยา. กํ. ปี. ก.)], ตาย ตฺวํ ยาเปสฺสสี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘อหฺเจว โข ปน สพฺพโส อชชฺชิตํ [อชทฺธุกํ (สี. ปี.), ชทฺธุกํ (สฺยา. กํ.)] ปฏิชาเนยฺยํ, อิมา จ เม เทวตา ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อชฺโฌหาเรยฺยุํ [อชฺโฌหเรยฺยุํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)], ตาย จาหํ ยาเปยฺยํ, ตํ มมสฺส มุสา’ติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตา เทวตา ปจฺจาจิกฺขามิ, ‘หล’นฺติ วทามิ.

๓๘๐. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ, ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ, ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูส’นฺติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรสึ, ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ, ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูสํ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, โถกํ โถกํ อาหารํ อาหารยโต, ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ, ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูสํ, อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เสยฺยถาปิ นาม อาสีติกปพฺพานิ วา กาฬปพฺพานิ วา, เอวเมวสฺสุ เม องฺคปจฺจงฺคานิ ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม โอฏฺปทํ, เอวเมวสฺสุ เม อานิสทํ โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม วฏฺฏนาวฬี, เอวเมวสฺสุ เม ปิฏฺิกณฺฏโก อุณฺณตาวนโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ชรสาลาย โคปาณสิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม ผาสุฬิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม คมฺภีเร อุทปาเน อุทกตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม อกฺขิกูเปสุ อกฺขิตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ติตฺตกาลาพุ อามกจฺฉินฺโน วาตาตเปน สํผุฏิโต โหติ สมฺมิลาโต, เอวเมวสฺสุ เม สีสจฺฉวิ สํผุฏิตา โหติ สมฺมิลาตา ตาเยวปฺปาหารตาย.

‘‘โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, อุทรจฺฉวึ ปริมสิสฺสามีติ ปิฏฺิกณฺฏกํเยว ปริคฺคณฺหามิ, ปิฏฺิกณฺฏกํ ปริมสิสฺสามีติ อุทรจฺฉวึเยว ปริคฺคณฺหามิ, ยาวสฺสุ เม, อคฺคิเวสฺสน, อุทรจฺฉวิ ปิฏฺิกณฺฏกํ อลฺลีนา โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, วจฺจํ วา มุตฺตํ วา กริสฺสามีติ ตตฺเถว อวกุชฺโช ปปตามิ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, อิมเมว กายํ อสฺสาเสนฺโต ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชามิ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชโต ปูติมูลานิ โลมานิ กายสฺมา ปปตนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. อปิสฺสุ มํ, อคฺคิเวสฺสน, มนุสฺสา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘กาโฬ สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺเจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม, สาโม สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺเจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม , นปิ สาโม, มงฺคุรจฺฉวิ สมโณ โคตโม’ติ. ยาวสฺสุ เม, อคฺคิเวสฺสน, ตาว ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต อุปหโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย.

๓๘๑. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ อตีตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยึสุ, เอตาวปรมํ, นยิโต ภิยฺโย. เยปิ หิ เกจิ อนาคตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยิสฺสนฺติ, เอตาวปรมํ, นยิโต ภิยฺโย. เยปิ หิ เกจิ เอตรหิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, เอตาวปรมํ, นยิโต ภิยฺโย. น โข ปนาหํ อิมาย กฏุกาย ทุกฺกรการิกาย อธิคจฺฉามิ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ. สิยา นุ โข อฺโ มคฺโค โพธายา’ติ? ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘อภิชานามิ โข ปนาหํ ปิตุ สกฺกสฺส กมฺมนฺเต สีตาย ชมฺพุจฺฉายาย นิสินฺโน วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตา. สิยา นุ โข เอโส มคฺโค โพธายา’ติ? ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, สตานุสาริ วิฺาณํ อโหสิ – ‘เอเสว มคฺโค โพธายา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘กึ นุ โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ, ยํ ตํ สุขํ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘น โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ, ยํ ตํ สุขํ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ.

๓๘๒. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, อคฺคิเวสฺสน, เอตทโหสิ – ‘น โข ตํ สุกรํ สุขํ อธิคนฺตุํ เอวํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกาเยน, ยํนูนาหํ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ โอทนกุมฺมาส’นฺติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสึ โอทนกุมฺมาสํ. เตน โข ปน มํ, อคฺคิเวสฺสน, สมเยน ปฺจ [ปฺจวคฺคิยา (อฺสุตฺเตสุ)] ภิกฺขู ปจฺจุปฏฺิตา โหนฺติ – ‘ยํ โข สมโณ โคตโม ธมฺมํ อธิคมิสฺสติ, ตํ โน อาโรเจสฺสตี’ติ. ยโต โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสึ โอทนกุมฺมาสํ, อถ เม เต ปฺจ ภิกฺขู นิพฺพิชฺช ปกฺกมึสุ – ‘พาหุลฺลิโก [พาหุลิโก (สี. ปี.) สํฆเภทสิกฺขาปทฏีกาย สเมติ] สมโณ โคตโม, ปธานวิพฺภนฺโต, อาวตฺโต พาหุลฺลายา’ติ.

๓๘๓. ‘‘โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรตฺวา, พลํ คเหตฺวา, วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ. ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหาสึ, สโต จ สมฺปชาโน. สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทสึ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ. สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา, อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ.

๓๘๔. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ , เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. อยํ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, รตฺติยา ปเม ยาเม ปมา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต. เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ.

๓๘๕. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ…เป… อยํ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม ทุติยา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต . เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน , อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ.

๓๘๖. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ. ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ อโหสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสึ. อยํ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตติยา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต. เอวรูปาปิ โข เม, อคฺคิเวสฺสน, อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ.

๓๘๗. ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, อคฺคิเวสฺสน, อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสตา. อปิสฺสุ มํ เอกเมโก เอวํ มฺติ – ‘มเมวารพฺภ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสตี’ติ. ‘น โข ปเนตํ, อคฺคิเวสฺสน, เอวํ ทฏฺพฺพํ; ยาวเทว วิฺาปนตฺถาย ตถาคโต ปเรสํ ธมฺมํ เทเสติ. โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตสฺสาเยว กถาย ปริโยสาเน, ตสฺมึเยว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ สนฺนิสาเทมิ เอโกทึ กโรมิ สมาทหามิ, เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’’ติ.

‘‘โอกปฺปนิยเมตํ โภโต โคตมสฺส ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. อภิชานาติ โข ปน ภวํ โคตโม ทิวา สุปิตา’’ติ? ‘‘อภิชานามหํ, อคฺคิเวสฺสน, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน นิทฺทํ โอกฺกมิตา’’ติ. ‘‘เอตํ โข, โภ โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา สมฺโมหวิหารสฺมึ วทนฺตี’’ติ ? ‘‘น โข, อคฺคิเวสฺสน, เอตฺตาวตา สมฺมูฬฺโห วา โหติ อสมฺมูฬฺโห วา. อปิ จ, อคฺคิเวสฺสน, ยถา สมฺมูฬฺโห จ โหติ อสมฺมูฬฺโห จ, ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –

๓๘๘. ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อคฺคิเวสฺสน, เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา อปฺปหีนา, ตมหํ ‘สมฺมูฬฺโห’ติ วทามิ. อาสวานฺหิ, อคฺคิเวสฺสน, อปฺปหานา สมฺมูฬฺโห โหติ. ยสฺส กสฺสจิ, อคฺคิเวสฺสน, เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา ปหีนา, ตมหํ ‘อสมฺมูฬฺโห’ติ วทามิ. อาสวานฺหิ, อคฺคิเวสฺสน, ปหานา อสมฺมูฬฺโห โหติ.

‘‘ตถาคตสฺส โข, อคฺคิเวสฺสน, เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา . เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, ตาโล มตฺถกจฺฉินฺโน อภพฺโพ ปุน วิรูฬฺหิยา, เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, ตถาคตสฺส เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา’’ติ.

๓๘๙. เอวํ วุตฺเต, สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! ยาวฺจิทํ โภโต โคตมสฺส เอวํ อาสชฺช อาสชฺช วุจฺจมานสฺส, อุปนีเตหิ วจนปฺปเถหิ สมุทาจริยมานสฺส, ฉวิวณฺโณ เจว ปริโยทายติ, มุขวณฺโณ จ วิปฺปสีทติ, ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. อภิชานามหํ, โภ โคตม, ปูรณํ กสฺสปํ วาเทน วาทํ สมารภิตา. โสปิ มยา วาเทน วาทํ สมารทฺโธ อฺเนฺํ ปฏิจริ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมสิ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตฺวากาสิ. โภโต ปน [โภโต โข ปน (สี.)] โคตมสฺส เอวํ อาสชฺช อาสชฺช วุจฺจมานสฺส, อุปนีเตหิ วจนปฺปเถหิ สมุทาจริยมานสฺส, ฉวิวณฺโณ เจว ปริโยทายติ, มุขวณฺโณ จ วิปฺปสีทติ, ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. อภิชานามหํ, โภ โคตม, มกฺขลึ โคสาลํ…เป… อชิตํ เกสกมฺพลํ… ปกุธํ กจฺจายนํ… สฺชยํ เพลฏฺปุตฺตํ… นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ วาเทน วาทํ สมารภิตา . โสปิ มยา วาเทน วาทํ สมารทฺโธ อฺเนฺํ ปฏิจริ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมสิ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตฺวากาสิ. โภโต ปน โคตมสฺส เอวํ อาสชฺช อาสชฺช วุจฺจมานสฺส, อุปนีเตหิ วจนปฺปเถหิ สมุทาจริยมานสฺส, ฉวิวณฺโณ เจว ปริโยทายติ, มุขวณฺโณ จ วิปฺปสีทติ, ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. หนฺท จ ทานิ มยํ, โภ โคตม, คจฺฉาม. พหุกิจฺจา มยํ, พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, กาลํ มฺสี’’ติ.

อถ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามีติ.

มหาสจฺจกสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.

๗. จูฬตณฺหาสงฺขยสุตฺตํ

๓๙๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท. อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข สกฺโก เทวานมินฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุ สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺโต โหติ อจฺจนฺตนิฏฺโ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสาน’’นฺติ?

‘‘อิธ, เทวานมินฺท, ภิกฺขุโน สุตํ โหติ – ‘สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ. เอวฺเจตํ, เทวานมินฺท, ภิกฺขุโน สุตํ โหติ – ‘สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ. โส สพฺพํ ธมฺมํ อภิชานาติ; สพฺพํ ธมฺมํ อภิฺาย สพฺพํ ธมฺมํ ปริชานาติ; สพฺพํ ธมฺมํ ปริฺาย ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ – สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรติ, วิราคานุปสฺสี วิหรติ, นิโรธานุปสฺสี วิหรติ, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี วิหรติ. โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรนฺโต, วิราคานุปสฺสี วิหรนฺโต, นิโรธานุปสฺสี วิหรนฺโต, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี วิหรนฺโต น กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ. อนุปาทิยํ น ปริตสฺสติ, อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตฺเว ปรินิพฺพายติ – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. เอตฺตาวตา โข, เทวานมินฺท, ภิกฺขุ สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺโต โหติ อจฺจนฺตนิฏฺโ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสาน’’นฺติ.

อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ.

๓๙๑. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต อวิทูเร นิสินฺโน โหติ. อถ โข อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กึ นุ โข โส ยกฺโข ภควโต ภาสิตํ อภิสเมจฺจ อนุโมทิ อุทาหุ โน; ยํนูนาหํ ตํ ยกฺขํ ชาเนยฺยํ – ยทิ วา โส ยกฺโข ภควโต ภาสิตํ อภิสเมจฺจ อนุโมทิ ยทิ วา โน’’ติ? อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว – ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท อนฺตรหิโต เทเวสุ ตาวตึเสสุ ปาตุรโหสิ. เตน โข ปน สมเยน สกฺโก เทวานมินฺโท เอกปุณฺฑรีเก อุยฺยาเน ทิพฺเพหิ ปฺจหิ ตูริยสเตหิ [ตุริยสเตหิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติ. อทฺทสา โข สกฺโก เทวานมินฺโท อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน ตานิ ทิพฺพานิ ปฺจ ตูริยสตานิ ปฏิปฺปณาเมตฺวา เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ – ‘‘เอหิ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, สฺวาคตํ, มาริส โมคฺคลฺลาน! จิรสฺสํ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, อิมํ ปริยายํ อกาสิ ยทิทํ อิธาคมนาย. นิสีท, มาริส โมคฺคลฺลาน, อิทมาสนํ ปฺตฺต’’นฺติ. นิสีทิ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปฺตฺเต อาสเน. สกฺโกปิ โข เทวานมินฺโท อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข สกฺกํ เทวานมินฺทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ – ‘‘ยถา กถํ ปน โข, โกสิย, ภควา สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตึ อภาสิ? สาธุ มยมฺปิ เอติสฺสา กถาย ภาคิโน อสฺสาม สวนายา’’ติ.

๓๙๒. ‘‘มยํ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, พหุกิจฺจา พหุกรณียา – อปฺเปว สเกน กรณีเยน, อปิ จ เทวานํเยว ตาวตึสานํ กรณีเยน. อปิ จ, มาริส โมคฺคลฺลาน, สุสฺสุตํเยว โหติ สุคฺคหิตํ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ, ยํ โน ขิปฺปเมว อนฺตรธายติ. ภูตปุพฺพํ, มาริส โมคฺคลฺลาน, เทวาสุรสงฺคาโม สมุปพฺยูฬฺโห [สมูปพฺยุฬฺโห (สฺยา. กํ.), สมูปพฺพูฬฺโห (สี.)] อโหสิ. ตสฺมึ โข ปน, มาริส โมคฺคลฺลาน, สงฺคาเม เทวา ชินึสุ, อสุรา ปราชินึสุ. โส โข อหํ, มาริส โมคฺคลฺลาน, ตํ สงฺคามํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตสงฺคาโม ตโต ปฏินิวตฺติตฺวา เวชยนฺตํ นาม ปาสาทํ มาเปสึ. เวชยนฺตสฺส โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, ปาสาทสฺส เอกสตํ นิยฺยูหํ. เอเกกสฺมึ นิยฺยูเห สตฺต สตฺต กูฏาคารสตานิ. เอกเมกสฺมึ กูฏาคาเร สตฺต สตฺต อจฺฉราโย . เอกเมกิสฺสา อจฺฉราย สตฺต สตฺต ปริจาริกาโย. อิจฺเฉยฺยาสิ โน ตฺวํ , มาริส โมคฺคลฺลาน, เวชยนฺตสฺส ปาสาทสฺส รามเณยฺยกํ ทฏฺุ’’นฺติ? อธิวาเสสิ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตุณฺหีภาเวน.

๓๙๓. อถ โข สกฺโก จ เทวานมินฺโท เวสฺสวโณ จ มหาราชา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ปุรกฺขตฺวา เยน เวชยนฺโต ปาสาโท เตนุปสงฺกมึสุ. อทฺทสํสุ โข สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปริจาริกาโย อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ; ทิสฺวา โอตฺตปฺปมานา หิรียมานา สกํ สกํ โอวรกํ ปวิสึสุ. เสยฺยถาปิ นาม สุณิสา สสุรํ ทิสฺวา โอตฺตปฺปติ หิรียติ, เอวเมว สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปริจาริกาโย อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ทิสฺวา โอตฺตปฺปมานา หิรียมานา สกํ สกํ โอวรกํ ปวิสึสุ. อถ โข สกฺโก จ เทวานมินฺโท เวสฺสวโณ จ มหาราชา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เวชยนฺเต ปาสาเท อนุจงฺกมาเปนฺติ อนุวิจราเปนฺติ – ‘‘อิทมฺปิ, มาริส โมคฺคลฺลาน, ปสฺส เวชยนฺตสฺส ปาสาทสฺส รามเณยฺยกํ; อิทมฺปิ, มาริส โมคฺคลฺลาน, ปสฺส เวชยนฺตสฺส ปาสาทสฺส รามเณยฺยก’’นฺติ. ‘‘โสภติ อิทํ อายสฺมโต โกสิยสฺส, ยถา ตํ ปุพฺเพ กตปุฺสฺส. มนุสฺสาปิ กิฺจิเทว รามเณยฺยกํ ทิสฺวา [ทิฏฺา (สี. ปี. ก.)] เอวมาหํสุ – ‘โสภติ วต โภ ยถา เทวานํ ตาวตึสาน’นฺติ. ตยิทํ อายสฺมโต โกสิยสฺส โสภติ, ยถา ตํ ปุพฺเพ กตปุฺสฺสา’’ติ. อถ โข อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อติพาฬฺหํ โข อยํ ยกฺโข ปมตฺโต วิหรติ. ยํนูนาหํ อิมํ ยกฺขํ สํเวเชยฺย’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ [อภิสงฺขาเรสิ (ก.), อภิสงฺขาเรติ (สฺยา. กํ.)] ยถา เวชยนฺตํ ปาสาทํ ปาทงฺคุฏฺเกน สงฺกมฺเปสิ สมฺปกมฺเปสิ สมฺปเวเธสิ . อถ โข สกฺโก จ เทวานมินฺโท, เวสฺสวโณ จ มหาราชา, เทวา จ ตาวตึสา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา อเหสุํ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ, สมณสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตา, ยตฺร หิ นาม ทิพฺพภวนํ ปาทงฺคุฏฺเกน สงฺกมฺเปสฺสติ สมฺปกมฺเปสฺสติ สมฺปเวเธสฺสตี’’ติ! อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน สกฺกํ เทวานมินฺทํ สํวิคฺคํ โลมหฏฺชาตํ วิทิตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ – ‘‘ยถา กถํ ปน โข, โกสิย, ภควา สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตึ อภาสิ? สาธุ มยมฺปิ เอติสฺสา กถาย ภาคิโน อสฺสาม สวนายา’’ติ.

๓๙๔. ‘‘อิธาหํ , มาริส โมคฺคลฺลาน, เยน ภควา เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสึ. เอกมนฺตํ ิโต โข อหํ, มาริส โมคฺคลฺลาน, ภควนฺตํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุ สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺโต โหติ อจฺจนฺตนิฏฺโ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสาน’’’นฺติ?

‘‘เอวํ วุตฺเต, มาริส โมคฺคลฺลาน, ภควา มํ เอตทโวจ – ‘อิธ, เทวานมินฺท, ภิกฺขุโน สุตํ โหติ – สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ. เอวํ เจตํ เทวานมินฺท ภิกฺขุโน สุตํ โหติ ‘สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ. โส สพฺพํ ธมฺมํ อภิชานาติ, สพฺพํ ธมฺมํ อภิฺาย สพฺพํ ธมฺมํ ปริชานาติ, สพฺพํ ธมฺมํ ปริฺาย ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา. โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรติ, วิราคานุปสฺสี วิหรติ, นิโรธานุปสฺสี วิหรติ, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี วิหรติ. โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรนฺโต, วิราคานุปสฺสี วิหรนฺโต, นิโรธานุปสฺสี วิหรนฺโต, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี วิหรนฺโต น กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ, อนุปาทิยํ น ปริตสฺสติ, อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตฺเว ปรินิพฺพายติ – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. เอตฺตาวตา โข, เทวานมินฺท, ภิกฺขุ สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺโต โหติ อจฺจนฺตนิฏฺโ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสานนฺติ. เอวํ โข เม, มาริส โมคฺคลฺลาน, ภควา สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตึ อภาสี’’ติ.

อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – เทเวสุ ตาวตึเสสุ อนฺตรหิโต ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท ปาตุรโหสิ. อถ โข สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปริจาริกาโย อจิรปกฺกนฺเต อายสฺมนฺเต มหาโมคฺคลฺลาเน สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจุํ – ‘‘เอโส นุ เต, มาริส, โส ภควา สตฺถา’’ติ? ‘‘น โข เม, มาริส, โส ภควา สตฺถา. สพฺรหฺมจารี เม เอโส อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ. ‘‘ลาภา เต, มาริส, (สุลทฺธํ เต, มาริส) [( ) นตฺถิ (สี. ปี.)] ยสฺส เต สพฺรหฺมจารี เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว! อโห นูน เต โส ภควา สตฺถา’’ติ.

๓๙๕. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิชานาติ โน, ภนฺเต, ภควา อหุ [อหุนฺเว (สี. สฺยา. กํ.)] าตฺตรสฺส มเหสกฺขสฺส ยกฺขสฺส สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตึ ภาสิตา’’ติ [อภาสิตฺถาติ (ก.)]? ‘‘อภิชานามหํ, โมคฺคลฺลาน, อิธ สกฺโก เทวานมินฺโท เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข, โมคฺคลฺลาน, สกฺโก เทวานมินฺโท มํ เอตทโวจ – ‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต , ภิกฺขุ สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺโต โหติ อจฺจนฺตนิฏฺโ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสาน’’นฺติ.

เอวํ วุตฺเต อหํ, โมคฺคลฺลาน, สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจํ ‘‘อิธ เทวานมินฺท ภิกฺขุโน สุตํ โหติ ‘สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ. เอวํ เจตํ เทวานมินฺท ภิกฺขุโน สุตํ โหติ ‘สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ. โส สพฺพํ ธมฺมํ อภิชานาติ, สพฺพํ ธมฺมํ อภิฺาย สพฺพํ ธมฺมํ ปริชานาติ , สพฺพํ ธมฺมํ ปริฺาย ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา. โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรติ, วิราคานุปสฺสี วิหรติ, นิโรธานุปสฺสี วิหรติ, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี วิหรติ. โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรนฺโต, วิราคานุปสฺสี วิหรนฺโต, นิโรธานุปสฺสี วิหรนฺโต, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี วิหรนฺโต น กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ, อนุปาทิยํ น ปริตสฺสติ, อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตฺเว ปรินิพฺพายติ – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ , กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. เอตฺตาวตา โข, เทวานมินฺท, ภิกฺขุ สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺโต โหติ อจฺจนฺตนิฏฺโ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสานนฺติ. เอวํ โข อหํ, โมคฺคลฺลาน, อภิชานามิ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตึ ภาสิตา’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.

จูฬตณฺหาสงฺขยสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.

๘. มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตํ

๓๙๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน สาติสฺส นาม ภิกฺขุโน เกวฏฺฏปุตฺตสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ อนฺ’’นฺติ. อสฺโสสุํ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู – ‘‘สาติสฺส กิร นาม ภิกฺขุโน เกวฏฺฏปุตฺตสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ, อนฺ’’’นฺติ. อถ โข เต ภิกฺขู เยน สาติ ภิกฺขุ เกวฏฺฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา สาตึ ภิกฺขุํ เกวฏฺฏปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘สจฺจํ กิร เต, อาวุโส สาติ, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ, อนฺ’’’นฺติ? ‘‘เอวํ พฺยา โข อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ, อนฺ’’นฺติ. อถ โข เต ภิกฺขู สาตึ ภิกฺขุํ เกวฏฺฏปุตฺตํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจตุกามา สมนุยุฺชนฺติ สมนุคาหนฺติ สมนุภาสนฺติ – ‘‘มา เอวํ, อาวุโส สาติ, อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย. อเนกปริยาเยนาวุโส สาติ, ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ วิฺาณํ วุตฺตํ ภควตา, อฺตฺร ปจฺจยา นตฺถิ วิฺาณสฺส สมฺภโว’’ติ. เอวมฺปิ โข สาติ ภิกฺขุ เกวฏฺฏปุตฺโต เตหิ ภิกฺขูหิ สมนุยุฺชิยมาโน สมนุคาหิยมาโน สมนุภาสิยมาโน ตเทว ปาปกํ ทิฏฺิคตํ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘‘เอวํ พฺยา โข อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ อนฺ’’นฺติ.

๓๙๗. ยโต โข เต ภิกฺขู นาสกฺขึสุ สาตึ ภิกฺขุํ เกวฏฺฏปุตฺตํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจตุํ, อถ โข เต ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘สาติสฺส นาม, ภนฺเต, ภิกฺขุโน เกวฏฺฏปุตฺตสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ, อนฺ’นฺติ. อสฺสุมฺห โข มยํ, ภนฺเต, สาติสฺส กิร นาม ภิกฺขุโน เกวฏฺฏปุตฺตสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ, อนฺ’นฺติ. อถ โข มยํ, ภนฺเต, เยน สาติ ภิกฺขุ เกวฏฺฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา สาตึ ภิกฺขุํ เกวฏฺฏปุตฺตํ เอตทโวจุมฺห – ‘สจฺจํ กิร เต, อาวุโส สาติ, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ, อนฺ’’นฺติ? เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, สาติ ภิกฺขุ เกวฏฺฏปุตฺโต อมฺเห เอตทโวจ – ‘เอวํ พฺยา โข อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ, อนฺ’นฺติ. อถ โข มยํ, ภนฺเต, สาตึ ภิกฺขุํ เกวฏฺฏปุตฺตํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจตุกามา สมนุยุฺชิมฺห สมนุคาหิมฺห สมนุภาสิมฺห – ‘มา เอวํ, อาวุโส สาติ, อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย. อเนกปริยาเยนาวุโส สาติ, ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ วิฺาณํ วุตฺตํ ภควตา, อฺตฺร ปจฺจยา นตฺถิ วิฺาณสฺส สมฺภโว’ติ. เอวมฺปิ โข, ภนฺเต, สาติ ภิกฺขุ เกวฏฺฏปุตฺโต อมฺเหหิ สมนุยุฺชิยมาโน สมนุคาหิยมาโน สมนุภาสิยมาโน ตเทว ปาปกํ ทิฏฺิคตํ ถามสา ปรามสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘เอวํ พฺยา โข อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ, อนฺ’นฺติ. ยโต โข มยํ, ภนฺเต, นาสกฺขิมฺห สาตึ ภิกฺขุํ เกวฏฺฏปุตฺตํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจตุํ, อถ มยํ เอตมตฺถํ ภควโต อาโรเจมา’’ติ.

๓๙๘. อถ โข ภควา อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ ภิกฺขุ, มม วจเนน สาตึ ภิกฺขุํ เกวฏฺฏปุตฺตํ อามนฺเตหิ – ‘สตฺถา ตํ, อาวุโส สาติ, อามนฺเตตี’’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยน สาติ ภิกฺขุ เกวฏฺฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สาตึ ภิกฺขุํ เกวฏฺฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา ตํ, อาวุโส สาติ, อามนฺเตตี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข สาติ ภิกฺขุ เกวฏฺฏปุตฺโต ตสฺส ภิกฺขุโน ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข สาตึ ภิกฺขุํ เกวฏฺฏปุตฺตํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร, เต, สาติ, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ, อนฺ’’’นฺติ? ‘‘เอวํ พฺยา โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ, อนฺ’’นฺติ. ‘‘กตมํ ตํ, สาติ, วิฺาณ’’นฺติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, วโท เวเทยฺโย ตตฺร ตตฺร กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ ปฏิสํเวเทตี’’ติ. ‘‘กสฺส นุ โข นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, มยา เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาสิ? นนุ มยา, โมฆปุริส, อเนกปริยาเยน ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ วิฺาณํ วุตฺตํ, อฺตฺร ปจฺจยา นตฺถิ วิฺาณสฺส สมฺภโวติ? อถ จ ปน ตฺวํ, โมฆปุริส, อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขสิ, อตฺตานฺจ ขณสิ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวสิ. ตฺหิ เต, โมฆปุริส, ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ.

๓๙๙. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นายํ สาติ ภิกฺขุ เกวฏฺฏปุตฺโต อุสฺมีกโตปิ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย’’ติ? ‘‘กิฺหิ สิยา ภนฺเต? โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ. เอวํ วุตฺเต, สาติ ภิกฺขุ เกวฏฺฏปุตฺโต ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิ. อถ โข ภควา สาตึ ภิกฺขุํ เกวฏฺฏปุตฺตํ ตุณฺหีภูตํ มงฺกุภูตํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ อปฺปฏิภานํ วิทิตฺวา สาตึ ภิกฺขุํ เกวฏฺฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฺายิสฺสสิ โข ตฺวํ, โมฆปุริส, เอเตน สเกน ปาปเกน ทิฏฺิคเตน. อิธาหํ ภิกฺขู ปฏิปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ตุมฺเหปิ เม, ภิกฺขเว, เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาถ ยถายํ สาติ ภิกฺขุ เกวฏฺฏปุตฺโต อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขติ, อตฺตานฺจ ขณติ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวตี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต! อเนกปริยาเยน หิ โน, ภนฺเต, ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ วิฺาณํ วุตฺตํ ภควตา, อฺตฺร ปจฺจยา นตฺถิ วิฺาณสฺส สมฺภโว’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, ภิกฺขเว! สาธุ โข เม ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาถ. อเนกปริยาเยน หิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ วิฺาณํ วุตฺตํ มยา, อฺตฺร ปจฺจยา นตฺถิ วิฺาณสฺส สมฺภโวติ. อถ จ ปนายํ สาติ ภิกฺขุ เกวฏฺฏปุตฺโต อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขติ, อตฺตานฺจ ขณติ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวติ ปสวติ. ตฺหิ ตสฺส โมฆปุริสสฺส ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย.

๔๐๐. ‘‘ยํ ยเทว, ภิกฺขเว, ปจฺจยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ, เตน เตเนว วิฺาณํตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ [สงฺขํ คจฺฉติ (สี. ปี.)]. จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ, จกฺขุวิฺาณํตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; โสตฺจ ปฏิจฺจ สทฺเท จ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ, โสตวิฺาณํตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; ฆานฺจ ปฏิจฺจ คนฺเธ จ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ, ฆานวิฺาณํตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; ชิวฺหฺจ ปฏิจฺจ รเส จ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ, ชิวฺหาวิฺาณํตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; กายฺจ ปฏิจฺจ โผฏฺพฺเพ จ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ, กายวิฺาณํตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; มนฺจ ปฏิจฺจ ธมฺเม จ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ, มโนวิฺาณํตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยํ ยเทว ปจฺจยํ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ เตน เตเนว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. กฏฺฺจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ, กฏฺคฺคิตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; สกลิกฺจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ, สกลิกคฺคิตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; ติณฺจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ, ติณคฺคิตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; โคมยฺจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ, โคมยคฺคิตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; ถุสฺจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ, ถุสคฺคิตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; สงฺการฺจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ, สงฺการคฺคิตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ ยเทว ปจฺจยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ, เตน เตเนว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ, จกฺขุวิฺาณํตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; โสตฺจ ปฏิจฺจ สทฺเท จ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ, โสตวิฺาณํตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ, ฆานฺจ ปฏิจฺจ คนฺเธ จ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ , ฆาณวิฺาณํตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ, ชิวฺหฺจ ปฏิจฺจ รเส จ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ, ชิวฺหาวิฺาณํตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. กายฺจ ปฏิจฺจ โผฏฺพฺเพ จ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ, กายวิฺาณํตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. มนฺจ ปฏิจฺจ ธมฺเม จ อุปฺปชฺชติ วิฺาณํ, มโนวิฺาณํตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ.

๔๐๑. ‘‘ภูตมิทนฺติ , ภิกฺขเว, ปสฺสถา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตทาหารสมฺภวนฺติ, ภิกฺขเว, ปสฺสถา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตทาหารนิโรธา ยํ ภูตํ, ตํ นิโรธธมฺมนฺติ, ภิกฺขเว, ปสฺสถา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ภูตมิทํ โนสฺสูติ, ภิกฺขเว, กงฺขโต อุปฺปชฺชติ วิจิกิจฺฉา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตทาหารสมฺภวํ โนสฺสูติ, ภิกฺขเว , กงฺขโต อุปฺปชฺชติ วิจิกิจฺฉา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตทาหารนิโรธา ยํ ภูตํ, ตํ นิโรธธมฺมํ โนสฺสูติ, ภิกฺขเว, กงฺขโต อุปฺปชฺชติ วิจิกิจฺฉา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว, ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโต ยา วิจิกิจฺฉา สา ปหียตี’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตทาหารสมฺภวนฺติ, ภิกฺขเว, ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโต ยา วิจิกิจฺฉา สา ปหียตี’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตทาหารนิโรธา ยํ ภูตํ, ตํ นิโรธธมฺมนฺติ, ภิกฺขเว, ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโต ยา วิจิกิจฺฉา สา ปหียตี’’ติ?

‘‘เอวํ , ภนฺเต’’.

‘‘ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว, อิติปิ โว เอตฺถ นิพฺพิจิกิจฺฉา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตทาหารสมฺภวนฺติ, ภิกฺขเว, อิติปิ โว เอตฺถ นิพฺพิจิกิจฺฉา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตทาหารนิโรธา ยํ ภูตํ ตํ นิโรธธมฺมนฺติ, ภิกฺขเว, อิติปิ โว เอตฺถ นิพฺพิจิกิจฺฉา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว, ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺ’’นฺติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตทาหารสมฺภวนฺติ, ภิกฺขเว, ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺ’’นฺติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตทาหารนิโรธา ยํ ภูตํ ตํ นิโรธธมฺมนฺติ, ภิกฺขเว, ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺ’’นฺติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘อิมํ เจ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ทิฏฺึ เอวํ ปริสุทฺธํ เอวํ ปริโยทาตํ อลฺลีเยถ เกลาเยถ ธนาเยถ มมาเยถ, อปิ นุ เม ตุมฺเห, ภิกฺขเว, กุลฺลูปมํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชาเนยฺยาถ นิตฺถรณตฺถาย โน คหณตฺถายา’’ติ?

‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘อิมํ เจ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ทิฏฺึ เอวํ ปริสุทฺธํ เอวํ ปริโยทาตํ น อลฺลีเยถ น เกลาเยถ น ธนาเยถ น มมาเยถ, อปิ นุ เม ตุมฺเห, ภิกฺขเว, กุลฺลูปมํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชาเนยฺยาถ นิตฺถรณตฺถาย โน คหณตฺถายา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

๔๐๒. ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อาหารา ภูตานํ วา สตฺตานํ ิติยา, สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหาย. กตเม จตฺตาโร? กพฬีกาโร อาหาโร โอฬาริโก วา สุขุโม วา, ผสฺโส ทุติโย, มโนสฺเจตนา ตติยา, วิฺาณํ จตุตฺถํ.

‘‘อิเม จ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อาหารา กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา?

‘‘อิเม จตฺตาโร อาหารา ตณฺหานิทานา ตณฺหาสมุทยา ตณฺหาชาติกา ตณฺหาปภวา.

‘‘ตณฺหา จายํ, ภิกฺขเว, กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา?

‘‘ตณฺหา เวทนานิทานา เวทนาสมุทยา เวทนาชาติกา เวทนาปภวา.

‘‘เวทนา จายํ, ภิกฺขเว, กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา?

‘‘เวทนา ผสฺสนิทานา ผสฺสสมุทยา ผสฺสชาติกา ผสฺสปภวา .

‘‘ผสฺโส จายํ, ภิกฺขเว, กึนิทาโน กึสมุทโย กึชาติโก กึปภโว?

‘‘ผสฺโส สฬายตนนิทาโน สฬายตนสมุทโย สฬายตนชาติโก สฬายตนปภโว.

‘‘สฬายตนํ จิทํ, ภิกฺขเว, กึนิทานํ กึสมุทยํ กึชาติกํ กึปภวํ?

‘‘สฬายตนํ นามรูปนิทานํ นามรูปสมุทยํ นามรูปชาติกํ นามรูปปภวํ.

‘‘นามรูปํ จิทํ, ภิกฺขเว, กึนิทานํ กึสมุทยํ กึชาติกํ กึปภวํ?

‘‘นามรูปํ วิฺาณนิทานํ วิฺาณสมุทยํ วิฺาณชาติกํ วิฺาณปภวํ.

‘‘วิฺาณํ จิทํ, ภิกฺขเว, กึนิทานํ กึสมุทยํ กึชาติกํ กึปภวํ?

‘‘วิฺาณํ สงฺขารนิทานํ สงฺขารสมุทยํ สงฺขารชาติกํ สงฺขารปภวํ.

‘‘สงฺขารา จิเม, ภิกฺขเว, กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา?

‘‘สงฺขารา อวิชฺชานิทานา อวิชฺชาสมุทยา อวิชฺชาชาติกา อวิชฺชาปภวา.

‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ.’’’

๔๐๓. ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; ชาติปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, ชรามรณํ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ [กถํ วา โว เอตฺถ (?)] โหตี’’ติ? ‘‘ชาติปจฺจยา, ภนฺเต, ชรามรณํ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ [เอวํ โน เอตฺถ โหตีติ (ก.)] – ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ. ‘‘ภวปจฺจยา ชาตีติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; ภวปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, ชาติ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘ภวปจฺจยา, ภนฺเต , ชาติ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ . ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโวติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; อุปาทานปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, ภโว, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อุปาทานปจฺจยา, ภนฺเต, ภโว; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ. ‘‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานนฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ตณฺหาปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, อุปาทานํ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘ตณฺหาปจฺจยา, ภนฺเต, อุปาทานํ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติ. ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหาติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; เวทนาปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, ตณฺหา, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘เวทนาปจฺจยา, ภนฺเต, ตณฺหา; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ. ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนาติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; ผสฺสปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, เวทนา, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘ผสฺสปจฺจยา, ภนฺเต, เวทนา; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ. ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโสติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; สฬายตนปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, ผสฺโส, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘สฬายตนปจฺจยา, ภนฺเต, ผสฺโส; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ. ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตนนฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; นามรูปปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, สฬายตนํ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘นามรูปปจฺจยา, ภนฺเต, สฬายตนํ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ. ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; วิฺาณปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, นามรูปํ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘วิฺาณปจฺจยา, ภนฺเต, นามรูปํ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ. ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณนฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; สงฺขารปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, วิฺาณํ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘สงฺขารปจฺจยา, ภนฺเต, วิฺาณํ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ. ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; อวิชฺชาปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, สงฺขารา, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา, ภนฺเต, สงฺขารา; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ.

๔๐๔. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว. อิติ โข, ภิกฺขเว, ตุมฺเหปิ เอวํ วเทถ, อหมฺปิ เอวํ วทามิ – อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ, ยทิทํ – อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ.

‘‘อวิชฺชายตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ, วิฺาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ, นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ , สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ, เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ, ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ.

๔๐๕. ‘‘ชาตินิโรธา ชรามรณนิโรโธติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; ชาตินิโรธา นุ โข, ภิกฺขเว, ชรามรณนิโรโธ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘ชาตินิโรธา, ภนฺเต, ชรามรณนิโรโธ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – ชาตินิโรธา ชรามรณนิโรโธ’’ติ. ‘‘ภวนิโรธา ชาตินิโรโธติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; ภวนิโรธา นุ โข, ภิกฺขเว, ชาตินิโรโธ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘ภวนิโรธา, ภนฺเต, ชาตินิโรโธ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ’’ติ. ‘‘อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; อุปาทานนิโรธา นุ โข, ภิกฺขเว, ภวนิโรโธ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อุปาทานนิโรธา, ภนฺเต, ภวนิโรโธ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ’’ติ. ‘‘ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; ตณฺหานิโรธา นุ โข, ภิกฺขเว, อุปาทานนิโรโธ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘ตณฺหานิโรธา, ภนฺเต, อุปาทานนิโรโธ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ’’ติ. ‘‘เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; เวทนานิโรธา นุ โข, ภิกฺขเว, ตณฺหานิโรโธ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘เวทนานิโรธา, ภนฺเต, ตณฺหานิโรโธ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ’’ติ. ‘‘ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; ผสฺสนิโรธา นุ โข, ภิกฺขเว, เวทนานิโรโธ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘ผสฺสนิโรธา, ภนฺเต, เวทนานิโรโธ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ’’ติ. ‘‘สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; สฬายตนนิโรธา นุ โข, ภิกฺขเว, ผสฺสนิโรโธ, โน วา , กถํ วา เอตฺถ โหตีติ? สฬายตนนิโรธา, ภนฺเต, ผสฺสนิโรโธ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ’’ติ. ‘‘นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; นามรูปนิโรธา นุ โข, ภิกฺขเว, สฬายตนนิโรโธ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘นามรูปนิโรธา, ภนฺเต, สฬายตนนิโรโธ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ’’ติ. ‘‘วิฺาณนิโรธา นามรูปนิโรโธติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; วิฺาณนิโรธา นุ โข, ภิกฺขเว, นามรูปนิโรโธ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘วิฺาณนิโรธา, ภนฺเต, นามรูปนิโรโธ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – วิฺาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ’’ติ. ‘‘สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; สงฺขารนิโรธา นุ โข, ภิกฺขเว, วิฺาณนิโรโธ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘สงฺขารนิโรธา, ภนฺเต , วิฺาณนิโรโธ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ’’ติ. ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; อวิชฺชานิโรธา นุ โข, ภิกฺขเว, สงฺขารนิโรโธ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อวิชฺชานิโรธา, ภนฺเต, สงฺขารนิโรโธ; เอวํ โน เอตฺถ โหติ – อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติ.

๔๐๖. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว. อิติ โข, ภิกฺขเว, ตุมฺเหปิ เอวํ วเทถ, อหมฺปิ เอวํ วทามิ – อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌติ, ยทิทํ – อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ, วิฺาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ, นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ, สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ, เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ, ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ.

๔๐๗. ‘‘อปิ นุ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ชานนฺตา เอวํ ปสฺสนฺตา ปุพฺพนฺตํ วา ปฏิธาเวยฺยาถ – ‘อเหสุมฺห นุ โข มยํ อตีตมทฺธานํ, นนุ โข อเหสุมฺห อตีตมทฺธานํ, กึ นุ โข อเหสุมฺห อตีตมทฺธานํ, กถํ นุ โข อเหสุมฺห อตีตมทฺธานํ, กึ หุตฺวา กึ อเหสุมฺห นุ โข มยํ อตีตมทฺธาน’’’นฺติ?

‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘อปิ นุ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ชานนฺตา เอวํ ปสฺสนฺตา อปรนฺตํ วา ปฏิธาเวยฺยาถ – ภวิสฺสาม นุ โข มยํ อนาคตมทฺธานํ, นนุ โข ภวิสฺสาม อนาคตมทฺธานํ, กึ นุ โข ภวิสฺสาม อนาคตมทฺธานํ, กถํ นุ โข ภวิสฺสาม อนาคตมทฺธานํ, กึ หุตฺวา กึ ภวิสฺสาม นุ โข มยํ อนาคตมทฺธาน’’นฺติ?

‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘อปิ นุ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ชานนฺตา เอวํ ปสฺสนฺตา เอตรหิ วา ปจฺจุปฺปนฺนมทฺธานํ อชฺฌตฺตํ กถํกถี อสฺสถ – อหํ นุ โขสฺมิ, โน นุ โขสฺมิ, กึ นุ โขสฺมิ, กถํ นุ โขสฺมิ, อยํ นุ โข สตฺโต กุโต อาคโต, โส กุหึคามี ภวิสฺสตี’’ติ?

‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘อปิ นุ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ชานนฺตา เอวํ ปสฺสนฺตา เอวํ วเทยฺยาถ – สตฺถา โน ครุ, สตฺถุคารเวน จ มยํ เอวํ วเทมา’’ติ?

‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘อปิ นุ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ชานนฺตา เอวํ ปสฺสนฺตา เอวํ วเทยฺยาถ – สมโณ เอวมาห, สมณา จ นาม มยํ เอวํ วเทมา’’ติ?

‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘อปิ นุ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ชานนฺตา เอวํ ปสฺสนฺตา อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ?

‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘อปิ นุ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ชานนฺตา เอวํ ปสฺสนฺตา ยานิ ตานิ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ วต โกตูหลมงฺคลานิ ตานิ สารโต ปจฺจาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ?

‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘นนุ, ภิกฺขเว, ยเทว ตุมฺหากํ สามํ าตํ สามํ ทิฏฺํ สามํ วิทิตํ, ตเทว ตุมฺเห วเทถา’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘สาธุ, ภิกฺขเว, อุปนีตา โข เม ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อิมินา สนฺทิฏฺิเกน ธมฺเมน อกาลิเกน เอหิปสฺสิเกน โอปเนยฺยิเกน ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺเพน วิฺูหิ. สนฺทิฏฺิโก อยํ, ภิกฺขเว, ธมฺโม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหิ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ.

๔๐๘. ‘‘ติณฺณํ โข ปน, ภิกฺขเว, สนฺนิปาตา คพฺภสฺสาวกฺกนฺติ โหติ. อิธ มาตาปิตโร จ สนฺนิปติตา โหนฺติ, มาตา จ น อุตุนี โหติ, คนฺธพฺโพ จ น ปจฺจุปฏฺิโต โหติ, เนว ตาว คพฺภสฺสาวกฺกนฺติ โหติ. อิธ มาตาปิตโร จ สนฺนิปติตา โหนฺติ, มาตา จ อุตุนี โหติ, คนฺธพฺโพ จ น ปจฺจุปฏฺิโต โหติ, เนว ตาว คพฺภสฺสาวกฺกนฺติ โหติ. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, มาตาปิตโร จ สนฺนิปติตา โหนฺติ, มาตา จ อุตุนี โหติ, คนฺธพฺโพ จ ปจฺจุปฏฺิโต โหติ – เอวํ ติณฺณํ สนฺนิปาตา คพฺภสฺสาวกฺกนฺติ โหติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, มาตา นว วา ทส วา มาเส คพฺภํ กุจฺฉินา ปริหรติ มหตา สํสเยน ครุภารํ [ครุมฺภารํ (สี. ปี.)]. ตเมนํ, ภิกฺขเว, มาตา นวนฺนํ วา ทสนฺนํ วา มาสานํ อจฺจเยน วิชายติ มหตา สํสเยน ครุภารํ. ตเมนํ ชาตํ สมานํ สเกน โลหิเตน โปเสติ. โลหิตฺเหตํ, ภิกฺขเว, อริยสฺส วินเย ยทิทํ มาตุถฺํ. ส โข โส, ภิกฺขเว, กุมาโร วุทฺธิมนฺวาย อินฺทฺริยานํ ปริปากมนฺวาย ยานิ ตานิ กุมารกานํ กีฬาปนกานิ เตหิ กีฬติ, เสยฺยถิทํ – วงฺกกํ ฆฏิกํ โมกฺขจิกํ จิงฺคุลกํ ปตฺตาฬฺหกํ รถกํ ธนุกํ. ส โข โส, ภิกฺขเว, กุมาโร วุทฺธิมนฺวาย อินฺทฺริยานํ ปริปากมนฺวาย ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติ – จกฺขุวิฺเยฺเยหิ รูเปหิ อิฏฺเหิ กนฺเตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ, โสตวิฺเยฺเยหิ สทฺเทหิ… ฆานวิฺเยฺเยหิ คนฺเธหิ… ชิวฺหาวิฺเยฺเยหิ รเสหิ… กายวิฺเยฺเยหิ โผฏฺพฺเพหิ อิฏฺเหิ กนฺเตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ.

๔๐๙. ‘‘โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา ปิยรูเป รูเป สารชฺชติ, อปฺปิยรูเป รูเป พฺยาปชฺชติ, อนุปฏฺิตกายสติ จ วิหรติ ปริตฺตเจตโส. ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ – ยตฺถสฺส เต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ. โส เอวํ อนุโรธวิโรธํ สมาปนฺโน ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตํ เวทนํ อภินนฺทติ อภิวทติ อชฺโฌสาย ติฏฺติ. ตสฺส ตํ เวทนํ อภินนฺทโต อภิวทโต อชฺโฌสาย ติฏฺโต อุปฺปชฺชติ นนฺที . ยา เวทนาสุ นนฺที ตทุปาทานํ, ตสฺสุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย ปิยรูเป ธมฺเม สารชฺชติ, อปฺปิยรูเป ธมฺเม พฺยาปชฺชติ, อนุปฏฺิตกายสติ จ วิหรติ ปริตฺตเจตโส. ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ – ยตฺถสฺส เต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ. โส เอวํ อนุโรธวิโรธํ สมาปนฺโน ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตํ เวทนํ อภินนฺทติ อภิวทติ อชฺโฌสาย ติฏฺติ. ตสฺส ตํ เวทนํ อภินนฺทโต อภิวทโต อชฺโฌสาย ติฏฺโต อุปฺปชฺชติ นนฺที. ยา เวทนาสุ นนฺที ตทุปาทานํ, ตสฺสุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ.

๔๑๐. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ; เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. ตํ ธมฺมํ สุณาติ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อฺตรสฺมึ วา กุเล ปจฺจาชาโต. โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภติ. โส เตน สทฺธาปฏิลาเภน สมนฺนาคโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา, กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’’’นฺติ. โส อปเรน สมเยน อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย, มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย, อปฺปํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย, มหนฺตํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา, กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ.

๔๑๑. ‘‘โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถ ลชฺชี ทยาปนฺโน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติ.

‘‘อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, ทินฺนาทายี ทินฺนปาฏิกงฺขี อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหรติ.

‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี โหติ, อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา.

‘‘มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, สจฺจวาที สจฺจสนฺโธ เถโต ปจฺจยิโก อวิสํวาทโก โลกสฺส.

‘‘ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ – อิโต สุตฺวา น อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, อมุตฺร วา สุตฺวา น อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทาย. อิติ ภินฺนานํ วา สนฺธาตา, สหิตานํ วา อนุปฺปทาตา สมคฺคาราโม สมคฺครโต สมคฺคนนฺที, สมคฺคกรณึ วาจํ ภาสิตา โหติ.

‘‘ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ – ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติ.

‘‘สมฺผปฺปลาปํ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ, กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที, นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา กาเลน, สาปเทสํ ปริยนฺตวตึ อตฺถสํหิตํ.

‘‘โส พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรโต โหติ, เอกภตฺติโก โหติ รตฺตูปรโต, วิรโต วิกาลโภชนา. นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต โหติ, มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ, อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฏิวิรโต โหติ, ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, อามกธฺปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, อามกมํสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, อิตฺถิกุมาริกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, ทาสิทาสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, อเชฬกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, กุกฺกุฏสูกรปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, หตฺถิควาสฺสวฬวปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, เขตฺตวตฺถุปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ, ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคา ปฏิวิรโต โหติ, กยวิกฺกยา ปฏิวิรโต โหติ, ตุลากูฏกํสกูฏมานกูฏา ปฏิวิรโต โหติ, อุกฺโกฏนวฺจน-นิกติ-สาจิโยคา ปฏิวิรโต โหติ, เฉทน-วธพนฺธนวิปราโมส-อาโลป-สหสาการา ปฏิวิรโต โหติ [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๙๓ จูฬหตฺถิปโทปเม].

‘‘โส สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน. โส เยน เยเนว ปกฺกมติ สมาทาเยว ปกฺกมติ . เสยฺยถาปิ นาม ปกฺขี สกุโณ เยน เยเนว เฑติ สปตฺตภาโรว เฑติ, เอวเมว ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน, กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน. โส เยน เยเนว ปกฺกมติ สมาทาเยว ปกฺกมติ. โส อิมินา อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อนวชฺชสุขํ ปฏิสํเวเทติ.

‘‘โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ มนินฺทฺริยํ มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โส อิมินา อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อพฺยาเสกสุขํ ปฏิสํเวเทติ.

‘‘โส อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหติ, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี โหติ , สมิฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี โหติ, สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี โหติ, อุจฺจารปสฺสาวกมฺเม สมฺปชานการี โหติ, คเต ิเต นิสินฺเน สุตฺเต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี โหติ.

๔๑๒. ‘‘โส อิมินา จ อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต, (อิมาย จ อริยาย สนฺตุฏฺิยา สมนฺนาคโต) [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๙๖ จูฬหตฺถิปโทปเม], อิมินา จ อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต, อิมินา จ อริเยน สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต, วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ – อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปุฺชํ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา, อุชุํ กายํ ปณิธาย, ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ; พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต วิหรติ, สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี, พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ; ถีนมิทฺธํ ปหาย วิคตถีนมิทฺโธ วิหรติ อาโลกสฺี, สโต สมฺปชาโน, ถีนมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ; อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ; วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติ.

๔๑๓. ‘‘โส อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ, วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ…เป… ตติยํ ฌานํ…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.

๔๑๔. ‘‘โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา ปิยรูเป รูเป น สารชฺชติ, อปฺปิยรูเป รูเป น พฺยาปชฺชติ, อุปฏฺิตกายสติ จ วิหรติ อปฺปมาณเจตโส. ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ ปชานาติ – ยตฺถสฺส เต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ. โส เอวํ อนุโรธวิโรธวิปฺปหีโน ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ, สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตํ เวทนํ นาภินนฺทติ นาภิวทติ นาชฺโฌสาย ติฏฺติ. ตสฺส ตํ เวทนํ อนภินนฺทโต อนภิวทโต อนชฺโฌสาย ติฏฺโต ยา เวทนาสุ นนฺที สา นิรุชฺฌติ. ตสฺส นนฺทีนิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย ปิยรูเป ธมฺเม น สารชฺชติ, อปฺปิยรูเป ธมฺเม น พฺยาปชฺชติ, อุปฏฺิตกายสติ จ วิหรติ อปฺปมาณเจตโส, ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ ปชานาติ – ยตฺถสฺส เต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ. โส เอวํ อนุโรธวิโรธวิปฺปหีโน ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ, สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตํ เวทนํ นาภินนฺทติ นาภิวทติ นาชฺโฌสาย ติฏฺติ. ตสฺส ตํ เวทนํ อนภินนฺทโต อนภิวทโต อนชฺโฌสาย ติฏฺโต ยา เวทนาสุ นนฺที สา นิรุชฺฌติ. ตสฺส นนฺทีนิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ. อิมํ โข เม ตุมฺเห, ภิกฺขเว, สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตึ ธาเรถ, สาตึ ปน ภิกฺขุํ เกวฏฺฏปุตฺตํ มหาตณฺหาชาลตณฺหาสงฺฆาฏปฺปฏิมุกฺก’’นฺติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.

๙. มหาอสฺสปุรสุตฺตํ

๔๑๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา องฺเคสุ วิหรติ อสฺสปุรํ นาม องฺคานํ นิคโม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘สมณา สมณาติ โว, ภิกฺขเว, ชโน สฺชานาติ. ตุมฺเห จ ปน ‘เก ตุมฺเห’ติ ปุฏฺา สมานา ‘สมณามฺหา’ติ ปฏิชานาถ; เตสํ โว, ภิกฺขเว, เอวํสมฺานํ สตํ เอวํปฏิฺานํ สตํ ‘เย ธมฺมา สมณกรณา จ พฺราหฺมณกรณา จ เต ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสาม, เอวํ โน อยํ อมฺหากํ สมฺา จ สจฺจา ภวิสฺสติ ปฏิฺา จ ภูตา. เยสฺจ มยํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริภุฺชาม, เตสํ เต การา อมฺเหสุ มหปฺผลา ภวิสฺสนฺติ มหานิสํสา, อมฺหากฺเจวายํ ปพฺพชฺชา อวฺฌา ภวิสฺสติ สผลา สอุทฺรยา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.

๔๑๖. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา สมณกรณา จ พฺราหฺมณกรณา จ? ‘หิโรตฺตปฺเปน สมนฺนาคตา ภวิสฺสามา’ติ เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ. สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘หิโรตฺตปฺเปนมฺห สมนฺนาคตา , อลเมตฺตาวตา กตเมตฺตาวตา, อนุปฺปตฺโต โน สามฺตฺโถ, นตฺถิ โน กิฺจิ อุตฺตรึ กรณีย’นฺติ ตาวตเกเนว ตุฏฺึ อาปชฺเชยฺยาถ. อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว , ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว – ‘มา โว สามฺตฺถิกานํ สตํ สามฺตฺโถ ปริหายิ, สติ อุตฺตรึ กรณีเย’.

๔๑๗. ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อุตฺตรึ กรณียํ? ‘ปริสุทฺโธ โน กายสมาจาโร ภวิสฺสติ อุตฺตาโน วิวโฏ น จ ฉิทฺทวา สํวุโต จ. ตาย จ ปน ปริสุทฺธกายสมาจารตาย เนวตฺตานุกฺกํเสสฺสาม น ปรํ วมฺเภสฺสามา’ติ [เนวตฺตานุกฺกํสิสฺสาม น ปรํ วมฺภิสฺสามาติ (สพฺพตฺถ)] เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ. สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘หิโรตฺตปฺเปนมฺห สมนฺนาคตา, ปริสุทฺโธ โน กายสมาจาโร; อลเมตฺตาวตา กตเมตฺตาวตา, อนุปฺปตฺโต โน สามฺตฺโถ, นตฺถิ โน กิฺจิ อุตฺตรึ กรณีย’นฺติ ตาวตเกเนว ตุฏฺึ อาปชฺเชยฺยาถ. อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว – ‘มา โว สามฺตฺถิกานํ สตํ สามฺตฺโถ ปริหายิ, สติ อุตฺตรึ กรณีเย’.

๔๑๘. ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อุตฺตรึ กรณียํ? ‘ปริสุทฺโธ โน วจีสมาจาโร ภวิสฺสติ อุตฺตาโน วิวโฏ น จ ฉิทฺทวา สํวุโต จ. ตาย จ ปน ปริสุทฺธวจีสมาจารตาย เนวตฺตานุกฺกํเสสฺสาม น ปรํ วมฺเภสฺสามา’ติ เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ. สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘หิโรตฺตปฺเปนมฺห สมนฺนาคตา, ปริสุทฺโธ โน กายสมาจาโร, ปริสุทฺโธ วจีสมาจาโร; อลเมตฺตาวตา กตเมตฺตาวตา, อนุปฺปตฺโต โน สามฺตฺโถ, นตฺถิ โน กิฺจิ อุตฺตรึ กรณีย’นฺติ ตาวตเกเนว ตุฏฺึ อาปชฺเชยฺยาถ. อาโรจยามิ โว , ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว – ‘มา โว สามฺตฺถิกานํ สตํ สามฺตฺโถ ปริหายิ, สติ อุตฺตรึ กรณีเย’.

๔๑๙. ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อุตฺตรึ กรณียํ? ‘ปริสุทฺโธ โน มโนสมาจาโร ภวิสฺสติ อุตฺตาโน วิวโฏ น จ ฉิทฺทวา สํวุโต จ. ตาย จ ปน ปริสุทฺธมโนสมาจารตาย เนวตฺตานุกฺกํเสสฺสาม น ปรํ วมฺเภสฺสามา’ติ เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ. สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘หิโรตฺตปฺเปนมฺห สมนฺนาคตา, ปริสุทฺโธ โน กายสมาจาโร, ปริสุทฺโธ วจีสมาจาโร, ปริสุทฺโธ มโนสมาจาโร; อลเมตฺตาวตา กตเมตฺตาวตา, อนุปฺปตฺโต โน สามฺตฺโถ, นตฺถิ โน กิฺจิ อุตฺตรึ กรณีย’นฺติ ตาวตเกเนว ตุฏฺึ อาปชฺเชยฺยาถ. อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว – ‘มา โว สามฺตฺถิกานํ สตํ สามฺตฺโถ ปริหายิ, สติ อุตฺตรึ กรณีเย’.

๔๒๐. ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อุตฺตรึ กรณียํ? ‘ปริสุทฺโธ โน อาชีโว ภวิสฺสติ อุตฺตาโน วิวโฏ น จ ฉิทฺทวา สํวุโต จ. ตาย จ ปน ปริสุทฺธาชีวตาย เนวตฺตานุกฺกํเสสฺสาม น ปรํ วมฺเภสฺสามา’ติ เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ. สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘หิโรตฺตปฺเปนมฺห สมนฺนาคตา, ปริสุทฺโธ โน กายสมาจาโร, ปริสุทฺโธ วจีสมาจาโร, ปริสุทฺโธ มโนสมาจาโร, ปริสุทฺโธ อาชีโว; อลเมตฺตาวตา กตเมตฺตาวตา, อนุปฺปตฺโต โน สามฺตฺโถ , นตฺถิ โน กิฺจิ อุตฺตรึ กรณีย’นฺติ ตาวตเกเนว ตุฏฺึ อาปชฺเชยฺยาถ. อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว – ‘มา โว สามฺตฺถิกานํ สตํ สามฺตฺโถ ปริหายิ, สติ อุตฺตรึ กรณีเย’.

๔๒๑. ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อุตฺตรึ กรณียํ? ‘อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา ภวิสฺสาม; จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชิสฺสาม, รกฺขิสฺสาม จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชิสฺสาม. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชิสฺสาม, รกฺขิสฺสาม มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชิสฺสามา’ติ เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ. สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘หิโรตฺตปฺเปนมฺห สมนฺนาคตา, ปริสุทฺโธ โน กายสมาจาโร, ปริสุทฺโธ วจีสมาจาโร, ปริสุทฺโธ มโนสมาจาโร, ปริสุทฺโธ อาชีโว, อินฺทฺริเยสุมฺห คุตฺตทฺวารา; อลเมตฺตาวตา กตเมตฺตาวตา, อนุปฺปตฺโต โน สามฺตฺโถ, นตฺถิ โน กิฺจิ อุตฺตรึ กรณีย’นฺติ ตาวตเกเนว ตุฏฺึ อาปชฺเชยฺยาถ. อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว – ‘มา โว สามฺตฺถิกานํ สตํ สามฺตฺโถ ปริหายิ, สติ อุตฺตรึ กรณีเย’.

๔๒๒. ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อุตฺตรึ กรณียํ? ‘โภชเน มตฺตฺุโน ภวิสฺสาม, ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหริสฺสาม, เนว ทวาย น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนาย, วิหึสูปรติยา, พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย, อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขาม นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสาม, ยาตฺรา จ โน ภวิสฺสติ, อนวชฺชตา จ, ผาสุ วิหาโร จา’ติ เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ. สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘หิโรตฺตปฺเปนมฺห สมนฺนาคตา, ปริสุทฺโธ โน กายสมาจาโร, ปริสุทฺโธ วจีสมาจาโร, ปริสุทฺโธ มโนสมาจาโร, ปริสุทฺโธ อาชีโว, อินฺทฺริเยสุมฺห คุตฺตทฺวารา, โภชเน มตฺตฺุโน; อลเมตฺตาวตา กตเมตฺตาวตา, อนุปฺปตฺโต โน สามฺตฺโถ, นตฺถิ โน กิฺจิ อุตฺตรึ กรณีย’นฺติ ตาวตเกเนว ตุฏฺึ อาปชฺเชยฺยาถ. อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว – ‘มา โว, สามฺตฺถิกานํ สตํ สามฺตฺโถ ปริหายิ สติ อุตฺตรึ กรณีเย’.

๔๒๓. ‘‘กิฺจ , ภิกฺขเว, อุตฺตรึ กรณียํ? ‘ชาคริยํ อนุยุตฺตา ภวิสฺสาม, ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธสฺสาม. รตฺติยา ปมํ ยามํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธสฺสาม. รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปสฺสาม ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย, สโต สมฺปชาโน อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา. รตฺติยา ปจฺฉิมํ ยามํ ปจฺจุฏฺาย จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธสฺสามา’ติ, เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ. สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘หิโรตฺตปฺเปนมฺห สมนฺนาคตา, ปริสุทฺโธ โน กายสมาจาโร, ปริสุทฺโธ วจีสมาจาโร, ปริสุทฺโธ มโนสมาจาโร, ปริสุทฺโธ อาชีโว, อินฺทฺริเยสุมฺห คุตฺตทฺวารา, โภชเน มตฺตฺุโน, ชาคริยํ อนุยุตฺตา; อลเมตฺตาวตา กตเมตฺตาวตา, อนุปฺปตฺโต โน สามฺตฺโถ, นตฺถิ โน กิฺจิ อุตฺตรึ กรณีย’นฺติ, ตาวตเกเนว ตุฏฺึ อาปชฺเชยฺยาถ. อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว – ‘มา โว, สามฺตฺถิกานํ สตํ สามฺตฺโถ ปริหายิ สติ อุตฺตรึ กรณีเย’.

๔๒๔. ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อุตฺตรึ กรณียํ? ‘สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคตา ภวิสฺสาม, อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี, สมิฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี, สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี, อุจฺจารปสฺสาวกมฺเม สมฺปชานการี, คเต ิเต นิสินฺเน สุตฺเต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี’ติ, เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ. สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘หิโรตฺตปฺเปนมฺห สมนฺนาคตา, ปริสุทฺโธ โน กายสมาจาโร, ปริสุทฺโธ วจีสมาจาโร, ปริสุทฺโธ มโนสมาจาโร, ปริสุทฺโธ อาชีโว, อินฺทฺริเยสุมฺห คุตฺตทฺวารา, โภชเน มตฺตฺุโน, ชาคริยํ อนุยุตฺตา, สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคตา; อลเมตฺตาวตา กตเมตฺตาวตา, อนุปฺปตฺโต โน สามฺตฺโถ, นตฺถิ โน กิฺจิ อุตฺตรึ กรณีย’นฺติ ตาวตเกเนว ตุฏฺึ อาปชฺเชยฺยาถ. อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว – ‘มา โว, สามฺตฺถิกานํ สตํ สามฺตฺโถ ปริหายิ สติ อุตฺตรึ กรณีเย’.

๔๒๕. ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อุตฺตรึ กรณียํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ – อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปฺปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปุฺชํ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา, อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ; พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต วิหรติ, สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี , พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ; ถีนมิทฺธํ ปหาย วิคตถีนมิทฺโธ วิหรติ, อาโลกสฺี สโต สมฺปชาโน, ถีนมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ; อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ , อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ; วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิหรติ, อกถํกถี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติ.

๔๒๖. ‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, ปุริโส อิณํ อาทาย กมฺมนฺเต ปโยเชยฺย. ตสฺส เต กมฺมนฺตา สมิชฺเฌยฺยุํ [สมฺปชฺเชยฺยุํ (สฺยา. กํ. ก.)]. โส ยานิ จ โปราณานิ อิณมูลานิ ตานิ จ พฺยนฺตี [พฺยนฺตึ (ก.), พฺยนฺติ (ปี.)] กเรยฺย, สิยา จสฺส อุตฺตรึ อวสิฏฺํ ทารภรณาย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ โข ปุพฺเพ อิณํ อาทาย กมฺมนฺเต ปโยเชสึ, ตสฺส เม เต กมฺมนฺตา สมิชฺฌึสุ. โสหํ ยานิ จ โปราณานิ อิณมูลานิ ตานิ จ พฺยนฺตี อกาสึ, อตฺถิ จ เม อุตฺตรึ อวสิฏฺํ ทารภรณายา’ติ. โส ตโตนิทานํ ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺสํ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อาพาธิโก อสฺส ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน, ภตฺตฺจสฺส นจฺฉาเทยฺย, น จสฺส กาเย พลมตฺตา. โส อปเรน สมเยน ตมฺหา อาพาธา มุจฺเจยฺย, ภตฺตฺจสฺส ฉาเทยฺย, สิยา จสฺส กาเย พลมตฺตา. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ โข ปุพฺเพ อาพาธิโก อโหสึ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน, ภตฺตฺจ เม นจฺฉาเทสิ, น จ เม อาสิ กาเย พลมตฺตา, โสมฺหิ เอตรหิ ตมฺหา อาพาธา มุตฺโต, ภตฺตฺจ เม ฉาเทติ, อตฺถิ จ เม กาเย พลมตฺตา’ติ. โส ตโตนิทานํ ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺสํ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส พนฺธนาคาเร พทฺโธ อสฺส. โส อปเรน สมเยน ตมฺหา พนฺธนา มุจฺเจยฺย โสตฺถินา อพฺภเยน [อพฺยเยน (สี. ปี.)], น จสฺส กิฺจิ โภคานํ วโย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ โข ปุพฺเพ พนฺธนาคาเร พทฺโธ อโหสึ, โสมฺหิ เอตรหิ ตมฺหา พนฺธนา มุตฺโต, โสตฺถินา อพฺภเยน, นตฺถิ จ เม กิฺจิ โภคานํ วโย’ติ. โส ตโตนิทานํ ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺสํ.

‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, ปุริโส ทาโส อสฺส อนตฺตาธีโน ปราธีโน น เยนกามํคโม. โส อปเรน สมเยน ตมฺหา ทาสพฺยา มุจฺเจยฺย อตฺตาธีโน อปราธีโน ภุชิสฺโส เยนกามํคโม. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ โข ปุพฺเพ ทาโส อโหสึ อนตฺตาธีโน ปราธีโน น เยนกามํคโม, โสมฺหิ เอตรหิ ตมฺหา ทาสพฺยา มุตฺโต อตฺตาธีโน อปราธีโน ภุชิสฺโส เยนกามํคโม’ติ. โส ตโตนิทานํ ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺสํ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส สธโน สโภโค กนฺตารทฺธานมคฺคํ ปฏิปชฺเชยฺย [สีลกฺขนฺธวคฺคปาฬิยา กิฺจิ วิสทิสํ]. โส อปเรน สมเยน ตมฺหา กนฺตารา นิตฺถเรยฺย โสตฺถินา อพฺภเยน, น จสฺส กิฺจิ โภคานํ วโย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ โข ปุพฺเพ สธโน สโภโค กนฺตารทฺธานมคฺคํ ปฏิปชฺชึ. โสมฺหิ เอตรหิ ตมฺหา กนฺตารา นิตฺถิณฺโณ โสตฺถินา อพฺภเยน, นตฺถิ จ เม กิฺจิ โภคานํ วโย’ติ. โส ตโตนิทานํ ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺสํ.

‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยถา อิณํ ยถา โรคํ ยถา พนฺธนาคารํ ยถา ทาสพฺยํ ยถา กนฺตารทฺธานมคฺคํ, อิเม ปฺจ นีวรเณ อปฺปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อาณณฺยํ ยถา อาโรคฺยํ ยถา พนฺธนาโมกฺขํ ยถา ภุชิสฺสํ ยถา เขมนฺตภูมึ; เอวเมว ภิกฺขุ อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ.

๔๒๗. ‘‘โส อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ, วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ, สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ วิเวกเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส วิเวกเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทกฺโข นฺหาปโก [นหาปโก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา นฺหาปกนฺเตวาสี วา กํสถาเล นฺหานียจุณฺณานิ [นหานียจุณฺณานิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสกํ สนฺเนยฺย. สายํ นฺหานียปิณฺฑิ สฺเนหานุคตา สฺเนหปเรตา สนฺตรพาหิรา, ผุฏา สฺเนเหน น จ ปคฺฆริณี. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ วิเวกเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส วิเวกเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ.

๔๒๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ สมาธิเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส สมาธิเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุทกรหโท อุพฺภิโททโก [อุพฺภิโตทโก (ก.)]. ตสฺส เนวสฺส ปุรตฺถิมาย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ, น ปจฺฉิมาย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ, น อุตฺตราย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ, น ทกฺขิณาย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ, เทโว จ น กาเลน กาลํ สมฺมาธารํ อนุปฺปเวจฺเฉยฺย. อถ โข ตมฺหาว อุทกรหทา สีตา วาริธารา อุพฺภิชฺชิตฺวา ตเมว อุทกรหทํ สีเตน วารินา อภิสนฺเทยฺย ปริสนฺเทยฺย ปริปูเรยฺย ปริปฺผเรยฺย, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต อุทกรหทสฺส สีเตน วารินา อปฺผุฏํ อสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ สมาธิเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส สมาธิเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ.

๔๒๙. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ, สโต จ สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ นิปฺปีติเกน สุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส นิปฺปีติเกน สุเขน อปฺผุฏํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุปฺปลินิยํ วา ปทุมินิยํ วา ปุณฺฑรีกินิยํ วา อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนิ, ตานิ ยาว จคฺคา ยาว จ มูลา สีเตน วารินา อภิสนฺนานิ ปริสนฺนานิ ปริปูรานิ ปริปฺผุฏานิ, นาสฺส [น เนสํ (สี.)] กิฺจิ สพฺพาวตํ อุปฺปลานํ วา ปทุมานํ วา ปุณฺฑรีกานํ วา สีเตน วารินา อปฺผุฏํ อสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ นิปฺปีติเกน สุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส นิปฺปีติเกน สุเขน อปฺผุฏํ โหติ.

๔๓๐. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา, อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน ผริตฺวา นิสินฺโน โหติ , นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน อปฺผุฏํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส โอทาเตน วตฺเถน สสีสํ ปารุเปตฺวา นิสินฺโน อสฺส, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส โอทาเตน วตฺเถน อปฺผุฏํ อสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน ผริตฺวา นิสินฺโน โหติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน อปฺผุฏํ โหติ.

๔๓๑. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ, ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส สกมฺหา คามา อฺํ คามํ คจฺเฉยฺย, ตมฺหาปิ คามา อฺํ คามํ คจฺเฉยฺย, โส ตมฺหา คามา สกํเยว คามํ ปจฺจาคจฺเฉยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ โข สกมฺหา คามา อมุํ คามํ อคจฺฉึ [อคจฺฉึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], ตตฺรปิ เอวํ อฏฺาสึ เอวํ นิสีทึ เอวํ อภาสึ เอวํ ตุณฺหี อโหสึ; ตมฺหาปิ คามา อมุํ คามํ อคจฺฉึ, ตตฺรปิ เอวํ อฏฺาสึ เอวํ นิสีทึ เอวํ อภาสึ เอวํ ตุณฺหี อโหสึ; โสมฺหิ ตมฺหา คามา สกํเยว คามํ ปจฺจาคโต’ติ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ.

๔๓๒. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ…เป… เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทฺเว อคารา สทฺวารา [สนฺนทฺวารา (ก.)]. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส มชฺเฌ ิโต ปสฺเสยฺย มนุสฺเส เคหํ ปวิสนฺเตปิ นิกฺขมนฺเตปิ, อนุจงฺกมนฺเตปิ อนุวิจรนฺเตปิ . เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ…เป….

๔๓๓. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปพฺพตสงฺเขเป อุทกรหโท อจฺโฉ วิปฺปสนฺโน อนาวิโล. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส ตีเร ิโต ปสฺเสยฺย สิปฺปิสมฺพุกมฺปิ [สิปฺปิกสมฺพุกมฺปิ (สฺยา. กํ. ก.)] สกฺขรกถลมฺปิ มจฺฉคุมฺพมฺปิ, จรนฺตมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปิ. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ โข อุทกรหโท อจฺโฉ วิปฺปสนฺโน อนาวิโล. ตตฺริเม สิปฺปิสมฺพุกาปิ สกฺขรกถลาปิ มจฺฉคุมฺพาปิ จรนฺติปิ ติฏฺนฺติปีติ . เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ.

๔๓๔. ‘‘อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘สมโณ’ อิติปิ ‘พฺราหฺมโณ’อิติปิ ‘นฺหาตโก’อิติปิ ‘เวทคู’อิติปิ ‘โสตฺติโย’อิติปิ ‘อริโย’อิติปิ ‘อรหํ’อิติปิ. กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมโณ โหติ? สมิตาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา, สํกิเลสิกา, โปโนพฺภวิกา, สทรา, ทุกฺขวิปากา , อายตึ, ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมโณ โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พฺราหฺมโณ โหติ? พาหิตาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา , สํกิเลสิกา, โปโนพฺภวิกา, สทรา, ทุกฺขวิปากา, อายตึ, ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พฺราหฺมโณ โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นฺหาตโก [นหาตโก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โหติ? นฺหาตาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา, สํกิเลสิกา, โปโนพฺภวิกา, สทรา, ทุกฺขวิปากา, อายตึ, ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นฺหาตโก โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เวทคู โหติ? วิทิตาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา, สํกิเลสิกา, โปโนพฺภวิกา, สทรา, ทุกฺขวิปากา, อายตึ, ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เวทคู โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตฺติโย โหติ? นิสฺสุตาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา, สํกิเลสิกา, โปโนพฺภวิกา, สทรา, ทุกฺขวิปากา, อายตึ, ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตฺติโย โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อริโย โหติ ? อารกาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา, สํกิเลสิกา, โปโนพฺภวิกา, สทรา, ทุกฺขวิปากา, อายตึ, ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อริโย โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหติ? อารกาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา, สํกิเลสิกา, โปโนพฺภวิกา, สทรา, ทุกฺขวิปากา, อายตึ, ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหตี’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

มหาอสฺสปุรสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ.

๑๐. จูฬอสฺสปุรสุตฺตํ

๔๓๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา องฺเคสุ วิหรติ อสฺสปุรํ นาม องฺคานํ นิคโม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘สมณา สมณาติ โว, ภิกฺขเว, ชโน สฺชานาติ. ตุมฺเห จ ปน ‘เก ตุมฺเห’ติ ปุฏฺา สมานา ‘สมณามฺหา’ติ ปฏิชานาถ. เตสํ โว, ภิกฺขเว, เอวํสมฺานํ สตํ เอวํปฏิฺานํ สตํ – ‘ยา สมณสามีจิปฺปฏิปทา ตํ ปฏิปชฺชิสฺสาม; เอวํ โน อยํ อมฺหากํ สมฺา จ สจฺจา ภวิสฺสติ ปฏิฺา จ ภูตา; เยสฺจ มยํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริภุฺชาม, เตสํ เต การา อมฺเหสุ มหปฺผลา ภวิสฺสนฺติ มหานิสํสา, อมฺหากฺเจวายํ ปพฺพชฺชา อวฺฌา ภวิสฺสติ สผลา สอุทฺรยา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.

๔๓๖. ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น สมณสามีจิปฺปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหติ? ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อภิชฺฌาลุสฺส อภิชฺฌา อปฺปหีนา โหติ, พฺยาปนฺนจิตฺตสฺส พฺยาปาโท อปฺปหีโน โหติ, โกธนสฺส โกโธ อปฺปหีโน โหติ, อุปนาหิสฺส อุปนาโห อปฺปหีโน โหติ, มกฺขิสฺส มกฺโข อปฺปหีโน โหติ, ปฬาสิสฺส ปฬาโส อปฺปหีโน โหติ, อิสฺสุกิสฺส อิสฺสา อปฺปหีนา โหติ, มจฺฉริสฺส มจฺฉริยํ อปฺปหีนํ โหติ , สสฺส สาเยฺยํ อปฺปหีนํ โหติ, มายาวิสฺส มายา อปฺปหีนา โหติ, ปาปิจฺฉสฺส ปาปิกา อิจฺฉา อปฺปหีนา โหติ, มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส มิจฺฉาทิฏฺิ อปฺปหีนา โหติ – อิเมสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, สมณมลานํ สมณโทสานํ สมณกสฏานํ อาปายิกานํ านานํ ทุคฺคติเวทนิยานํ อปฺปหานา ‘น สมณสามีจิปฺปฏิปทํ ปฏิปนฺโน’ติ วทามิ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มตชํ นาม อาวุธชาตํ อุภโตธารํ ปีตนิสิตํ. ตทสฺส สงฺฆาฏิยา สมฺปารุตํ สมฺปลิเวิตํ. ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมสฺส ภิกฺขุโน ปพฺพชฺชํ วทามิ.

๔๓๗. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, สงฺฆาฏิกสฺส สงฺฆาฏิธารณมตฺเตน สามฺํ วทามิ. นาหํ, ภิกฺขเว, อเจลกสฺส อเจลกมตฺเตน สามฺํ วทามิ. นาหํ, ภิกฺขเว, รโชชลฺลิกสฺส รโชชลฺลิกมตฺเตน สามฺํ วทามิ. นาหํ, ภิกฺขเว , อุทโกโรหกสฺส อุทโกโรหณมตฺเตน [อุทโกโรหกมตฺเตน (สี. ปี.)] สามฺํ วทามิ. นาหํ, ภิกฺขเว, รุกฺขมูลิกสฺส รุกฺขมูลิกมตฺเตน สามฺํ วทามิ. นาหํ, ภิกฺขเว, อพฺโภกาสิกสฺส อพฺโภกาสิกมตฺเตน สามฺํ วทามิ. นาหํ, ภิกฺขเว, อุพฺภฏฺกสฺส อุพฺภฏฺกมตฺเตน สามฺํ วทามิ. นาหํ, ภิกฺขเว, ปริยายภตฺติกสฺส ปริยายภตฺติกมตฺเตน สามฺํ วทามิ. นาหํ, ภิกฺขเว, มนฺตชฺฌายกสฺส มนฺตชฺฌายกมตฺเตน สามฺํ วทามิ. นาหํ, ภิกฺขเว, ชฏิลกสฺส ชฏาธารณมตฺเตน สามฺํ วทามิ.

‘‘สงฺฆาฏิกสฺส เจ, ภิกฺขเว, สงฺฆาฏิธารณมตฺเตน อภิชฺฌาลุสฺส อภิชฺฌา ปหีเยถ, พฺยาปนฺนจิตฺตสฺส พฺยาปาโท ปหีเยถ, โกธนสฺส โกโธ ปหีเยถ, อุปนาหิสฺส อุปนาโห ปหีเยถ, มกฺขิสฺส มกฺโข ปหีเยถ, ปฬาสิสฺส ปฬาโส ปหีเยถ, อิสฺสุกิสฺส อิสฺสา ปหีเยถ, มจฺฉริสฺส มจฺฉริยํ ปหีเยถ, สสฺส สาเยฺยํ ปหีเยถ, มายาวิสฺส มายา ปหีเยถ, ปาปิจฺฉสฺส ปาปิกา อิจฺฉา ปหีเยถ, มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส มิจฺฉาทิฏฺิ ปหีเยถ, ตเมนํ มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา ชาตเมว นํ สงฺฆาฏิกํ กเรยฺยุํ, สงฺฆาฏิกตฺตเมว [สํฆาฏีกตฺเต เจว (ก.)] สมาทเปยฺยุํ – ‘เอหิ ตฺวํ, ภทฺรมุข, สงฺฆาฏิโก โหหิ, สงฺฆาฏิกสฺส เต สโต สงฺฆาฏิธารณมตฺเตน อภิชฺฌาลุสฺส อภิชฺฌา ปหียิสฺสติ, พฺยาปนฺนจิตฺตสฺส พฺยาปาโท ปหียิสฺสติ, โกธนสฺส โกโธ ปหียิสฺสติ, อุปนาหิสฺส อุปนาโห ปหียิสฺสติ, มกฺขิสฺส มกฺโข ปหียิสฺสติ, ปฬาสิสฺส ปฬาโส ปหียิสฺสติ, อิสฺสุกิสฺส อิสฺสา ปหียิสฺสติ, มจฺฉริสฺส มจฺฉริยํ ปหียิสฺสติ, สสฺส สาเยฺยํ ปหียิสฺสติ, มายาวิสฺส มายา ปหียิสฺสติ, ปาปิจฺฉสฺส ปาปิกา อิจฺฉา ปหียิสฺสติ, มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส มิจฺฉาทิฏฺิ ปหียิสฺสตี’ติ. ยสฺมา จ โข อหํ, ภิกฺขเว, สงฺฆาฏิกมฺปิ อิเธกจฺจํ ปสฺสามิ อภิชฺฌาลุํ พฺยาปนฺนจิตฺตํ โกธนํ อุปนาหึ มกฺขึ ปฬาสึ อิสฺสุกึ มจฺฉรึ สํ มายาวึ ปาปิจฺฉํ มิจฺฉาทิฏฺิกํ, ตสฺมา น สงฺฆาฏิกสฺส สงฺฆาฏิธารณมตฺเตน สามฺํ วทามิ.

‘‘อเจลกสฺส เจ, ภิกฺขเว…เป… รโชชลฺลิกสฺส เจ, ภิกฺขเว…เป… อุทโกโรหกสฺส เจ, ภิกฺขเว…เป… รุกฺขมูลิกสฺส เจ, ภิกฺขเว…เป… อพฺโภกาสิกสฺส เจ, ภิกฺขเว…เป… อุพฺภฏฺกสฺส เจ, ภิกฺขเว…เป… ปริยายภตฺติกสฺส เจ, ภิกฺขเว…เป… มนฺตชฺฌายกสฺส เจ, ภิกฺขเว…เป… ชฏิลกสฺส เจ, ภิกฺขเว, ชฏาธารณมตฺเตน อภิชฺฌาลุสฺส อภิชฺฌา ปหีเยถ, พฺยาปนฺนจิตฺตสฺส พฺยาปาโท ปหีเยถ , โกธนสฺส โกโธ ปหีเยถ, อุปนาหิสฺส อุปนาโห ปหีเยถ, มกฺขิสฺส มกฺโข ปหีเยถ, ปฬาสิสฺส ปฬาโส ปหีเยถ, อิสฺสุกิสฺส อิสฺสา ปหีเยถ, มจฺฉริสฺส มจฺฉริยํ ปหีเยถ, สสฺส สาเยฺยํ ปหีเยถ, มายาวิสฺส มายา ปหีเยถ, ปาปิจฺฉสฺส ปาปิกา อิจฺฉา ปหีเยถ, มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส มิจฺฉาทิฏฺิ ปหีเยถ, ตเมนํ มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา ชาตเมว นํ ชฏิลกํ กเรยฺยุํ, ชฏิลกตฺตเมว [ชฏิลกตฺเต เจว (ก.)] สมาทเปยฺยุํ – ‘เอหิ ตฺวํ, ภทฺรมุข, ชฏิลโก โหหิ, ชฏิลกสฺส เต สโต ชฏาธารณมตฺเตน อภิชฺฌาลุสฺส อภิชฺฌา ปหียิสฺสติ พฺยาปนฺนจิตฺตสฺส พฺยาปาโท ปหียิสฺสติ, โกธนสฺส โกโธ ปหียิสฺสติ…เป… ปาปิจฺฉสฺส ปาปิกา อิจฺฉา ปหียิสฺสติ มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส มิจฺฉาทิฏฺิ ปหียิสฺสตี’ติ. ยสฺมา จ โข อหํ, ภิกฺขเว, ชฏิลกมฺปิ อิเธกจฺจํ ปสฺสามิ อภิชฺฌาลุํ พฺยาปนฺนจิตฺตํ โกธนํ อุปนาหึ มกฺขึ ปลาสึ อิสฺสุกึ มจฺฉรึ สํ มายาวึ ปาปิจฺฉํ มิจฺฉาทิฏฺึ, ตสฺมา น ชฏิลกสฺส ชฏาธารณมตฺเตน สามฺํ วทามิ.

๔๓๘. ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมณสามีจิปฺปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหติ? ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อภิชฺฌาลุสฺส อภิชฺฌา ปหีนา โหติ, พฺยาปนฺนจิตฺตสฺส พฺยาปาโท ปหีโน โหติ, โกธนสฺส โกโธ ปหีโน โหติ, อุปนาหิสฺส อุปนาโห ปหีโน โหติ, มกฺขิสฺส มกฺโข ปหีโน โหติ, ปฬาสิสฺส ปฬาโส ปหีโน โหติ, อิสฺสุกิสฺส อิสฺสา ปหีนา โหติ, มจฺฉริสฺส มจฺฉริยํ ปหีนํ โหติ, สสฺส สาเยฺยํ ปหีนํ โหติ, มายาวิสฺส มายา ปหีนา โหติ, ปาปิจฺฉสฺส ปาปิกา อิจฺฉา ปหีนา โหติ, มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส มิจฺฉาทิฏฺิ ปหีนา โหติ – อิเมสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, สมณมลานํ สมณโทสานํ สมณกสฏานํ อาปายิกานํ านานํ ทุคฺคติเวทนิยานํ ปหานา ‘สมณสามีจิปฺปฏิปทํ ปฏิปนฺโน’ติ วทามิ. โส สพฺเพหิ อิเมหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ วิสุทฺธมตฺตานํ สมนุปสฺสติ ( ) [(วิมุตฺตมตฺตานํ สมนุปสฺสติ) (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. ตสฺส สพฺเพหิ อิเมหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ วิสุทฺธมตฺตานํ สมนุปสฺสโต ( ) [(วิมุตฺตมตฺตานํ สมนุปสฺสโต) (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ.

‘‘โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. กรุณาสหคเตน เจตสา…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, โปกฺขรณี อจฺโฉทกา สาโตทกา สีโตทกา เสตกา สุปติตฺถา รมณียา. ปุรตฺถิมาย เจปิ ทิสาย ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต. โส ตํ โปกฺขรณึ อาคมฺม วิเนยฺย อุทกปิปาสํ วิเนยฺย ฆมฺมปริฬาหํ…เป… ปจฺฉิมาย เจปิ ทิสาย ปุริโส อาคจฺเฉยฺย…เป… อุตฺตราย เจปิ ทิสาย ปุริโส อาคจฺเฉยฺย…เป… ทกฺขิณาย เจปิ ทิสาย ปุริโส อาคจฺเฉยฺย. ยโต กุโต เจปิ นํ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต, กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต. โส ตํ โปกฺขรณึ อาคมฺม วิเนยฺย อุทกปิปาสํ, วิเนยฺย ฆมฺมปริฬาหํ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ขตฺติยกุลา เจปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม, เอวํ เมตฺตํ กรุณํ มุทิตํ อุเปกฺขํ ภาเวตฺวา ลภติ อชฺฌตฺตํ [ตมหํ (ก.)] วูปสมํ [ตมหํ (ก.)]. อชฺฌตฺตํ วูปสมา ‘สมณสามีจิปฺปฏิปทํ ปฏิปนฺโน’ติ วทามิ. พฺราหฺมณกุลา เจปิ…เป… เวสฺสกุลา เจปิ…เป… สุทฺทกุลา เจปิ…เป… ยสฺมา กสฺมา เจปิ กุลา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ , โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม, เอวํ เมตฺตํ กรุณํ มุทิตํ อุเปกฺขํ ภาเวตฺวา ลภติ อชฺฌตฺตํ วูปสมํ. อชฺฌตฺตํ วูปสมา ‘สมณสามีจิปฺปฏิปทํ ปฏิปนฺโน’ติ วทามิ.

‘‘ขตฺติยกุลา เจปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ. โส จ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อาสวานํ ขยา สมโณ โหติ. พฺราหฺมณกุลา เจปิ…เป… เวสฺสกุลา เจปิ… สุทฺทกุลา เจปิ… ยสฺมา กสฺมา เจปิ กุลา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

จูฬอสฺสปุรสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.

มหายมกวคฺโค นิฏฺิโต จตุตฺโถ.

ตสฺสุทฺทานํ –

คิฺชกสาลวนํ ปริหริตุํ, ปฺวโต ปุน สจฺจกนิเสโธ;

มุขวณฺณปสีทนตาปินฺโท, เกวฏฺฏอสฺสปุรชฏิเลน.